ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 163673 ครั้ง)

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 56


          คำตอบทำเอาสำลัก แต่ที่ทำเอาผงะกว่าคือการที่เจ้าตัวตอบออกมาง่ายๆด้วยท่าทีนิ่งๆนี่น่ะสิ

          “เดี๋ยว...ไอ้คู่บ้านั่นน่ะนะ...” ฉัตรยังถาม ยังคงไม่เชื่อหูเท่าไหร่นัก

          “อืม” คนตอบนิ่งเสียจนคนเป็นพี่ชายรู้สึกเหมือนตัวเองบ้าอยู่คนเดียว “ก็ไม่แน่ใจนักหรอก...แต่ไม่รู้สิ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ บอกแล้วว่าแค่เดา”

          ฉัตรนั่งคิด อันที่จริงมันก็ดูจะเป็นไปได้อยู่ เสียแต่ว่าคาดไม่ฝันเลยว่าเจ้าเด็กที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกจะคิดเกินเลยกับวัฒน์จนถึงขั้นนี้

          และบอกตรงๆ ถ้าถามเขา เจ้าสองคนนั่นดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าตั้งเยอะ แต่ของแบบนี้มันใช่สิ่งที่เขาสมควรตัดสินเสียเมื่อไหร่ ถึงจะหมั่นไส้อย่างไร แต่ก็อยากให้วัฒน์เลือกเอาอย่างยุติธรรมที่สุด...และก็อยากให้เจ้าน้องชายจอมคิดมากเลิกปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที

          “แล้วมีแค่นั้นหรือ...” ฉัตรกระเซ้าถามต่อ ลุ้นระทึกเป็นที่สุดว่าชื่อของไอ้เด็กหน้าหวานนั่นจะออกมาจากปากของวัฒน์

          “นายรู้อยู่แล้วใช่ไหม”

          เจอคำถามและสายตาประดุจเข็มแทงของน้องชาย จากที่กำลังสนุกๆถึงกับหน้าถอดสี

          “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” และวัฒน์ก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเอ่ยปฏิเสธ “บอก”

          “อะ...เอ่อ...คือ...” ฉัตรเริ่มลนลานอาการเหมือนกำลังจะโดนฆ่า ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งจ้องหน้าเฉยๆ “ก็...เริ่มเอะใจตั้งแต่เมื่อตอนที่ขอให้มันมาช่วยงานฉันน่ะ”

          “เพราะอะไร” วัฒน์เอ่ยคาดคั้น รู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก มือทั้งสองก็ประสานแน่นด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้เต็มแก่ แต่แน่นอนว่าคู่สนทนาไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเลยสักกระผีกเดียว

          “ก็มันพูดแปลกๆเหมือนเข้าใจว่าฉันกับแกมีซัมติงติ่งติ๊งกันนี่หว่า”

          “หา” ไม่อุทานอย่างเดียว แต่แสดงอาการรังเกียจเดียดฉันท์แบบไม่มีปกปิด “คิดได้ไงวะ”

          “ฉันไม่ได้คิดสักหน่อย มันต่างหาก...เพราะงั้นมันถึงทำท่าจะกัดฉันตลอดไง พอมันรู้ว่าฉันเป็นพี่แกเท่านั้นล่ะ แหม หน้าบานเป็นจานเชิงเลยนะเว้ย แล้วจะให้ไม่คิดได้ยังไง ถ้าแค่เห็นเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพจริงๆ ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอกน่า” พอคิดได้ว่านี่ก็ออกจะเป็นโอกาสดีงาม เลยพูดไปเสียเต็มที่ “แถมยังหลุดปากบอกว่าคบกับแก นอนเตียงเดียวกับแกอีกนะ...”

          ฉัตรค้างนิ่งเมื่อเห็นแววตาเหมือนจะฆ่าคนของอีกฝ่าย แต่เพียงไม่นานใบหน้าก็แดงก่ำจนเหมือนคนเป็นไข้

          “พูดบ้าอะไรของมันวะเนี่ย” วัฒน์หงุดหงิดออกนอกหน้า แต่ก็ยังหน้าแดงไม่เลิก “บ้าเอ๊ย...”

          “เอ้อ ลืมไปเลย” เมื่อได้โอกาส หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ตบมือผางก่อนจะลุกขึ้นยืน เล่นเอาคนที่นั่งเขินอยู่บนโซฟาใกล้ถึงกับสะดุ้ง “เรื่องสำคัญที่สุดเลยนะเนี่ย”

          วัฒน์เพียงแต่นิ่วหน้ามองฉัตรที่เดินออกไปคุ้ยเอกสารบนชั้นหนังสือที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หยิบซองสีน้ำตาลขนาดเอสี่มาวางตรงหน้าเขา

          “เชิญทัศนาด้วยตาด้วยเองเลยครับ”

          เห็นท่าทางร่าเริงเกินเหตุของพี่ชายแล้ว วัฒน์ก็อดผวาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา มันคือกระดาษรายงานพร้อมรูปภาพประกอบจำนวนสี่ห้าแผ่น และเมื่อได้อ่านเนื้อความ วัฒน์ถึงกับเบิกตาโต

          “สรุปแล้วก็คือ ไอ้เนมันไม่ได้เป็นสายให้กับไอ้เดชแต่อย่างใดนะจ๊ะ”

          ฉัตรก็กะว่าอีกฝ่ายจะร้องโหวกเหวก หรือออกอาการตะลึงพรึงเพริดกับความจริงที่เข้าใจผิดมาเสียนาน หรือไม่เช่นนั้นก็เขินจนอยากมุดดินหนีเหมือนเมื่อครู่ แต่เจ้าน้องชายกลับไม่แสดงอาการอะไรเลย ดูๆไปเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดด้วยซ้ำ

          แต่แน่นอนว่าภายในใจนั้นตรงข้ามโดยสิ้นเชิง ถ้าวิ่งไปโขกกำแพงตายเสียเดี๋ยวนี้ได้ก็คงทำไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องผิดพลาดที่โคตรไม่สมควรให้อภัยได้ ขนาดนี้

          เดี๋ยวสิ...สรุปแล้ว...ตั้งแต่ต้น...เราเข้าใจผิดมาตลอดงั้นหรือ...

          ทั้งที่หมอนั่นไม่ได้ผิดอะไร...แต่เรากลับ...

          เห็นอีกฝ่ายสลดแทนที่จะดีใจ ยิ่งทำเอาฉัตรชักหวั่นแทน

          แน่ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะการคิดไปเองของตน เรื่องมันจะถลำลึกไปถึงไหนต่อไหนกับอีกฝ่ายหรือ

          “เอ่อ...ไม่เป็นอะไรนะ...”

          “ฉันอยากตาย”

          “เฮ้ย เดี๋ยวสิ” ฉัตรห้ามลนลาน กลัวไอ้น้องบ้านี่มันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ “แกก็แค่เข้าใจผิดเฉยๆนี่นา ไม่ได้ร้ายแรงอะไรสักหน่อย”

          วัฒน์เพียงแต่ก้มหน้า...ใช่ ถ้าแค่เข้าใจผิดและระแวงเฉยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากตายหรอก

          แต่ดูสิ ไปแกล้งจนมันหน้ามืดมาปล้ำตัวเอง แล้วดันไปติดใจมิติใหม่แห่งการมีเซ็กซ์กับไอ้เด็กคราวลูกนั่นอีก ทำตัวเองล้วนๆ!

          แล้วทั้งที่เราแกล้งมันไปขนาดนั้น...มันยังไม่เกลียดเรา...แถมยังนับถือเราอีก...

          “ฉันอยากตาย”

          ดวงตาเหมือนคนเมาเริ่มสอดส่ายไปทั่วห้องอย่างหวาดระแวง

          “...ฉันก็แค่บ่น” เห็นอีกฝ่ายวิ่งไปเก็บของมีคมและดูจะอันตรายขึ้นไปไว้บนชั้นหนังสือ วัฒน์ก็พูดห้ามอย่างรำคาญ “บ้าเอ๊ย”

          ฉัตรเลิกคิ้วมองอาการที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของน้องชาย ก็อดสงสัยไม่ได้

          “แกไปแกล้งอะไรมันหรือไง”

          เห็นวัฒน์สะดุ้งทีไร ฉัตรู้สึกเหมือนอายุตัวเองสั้นลงทุกที

          “ประมาณนั้น...” บอกเพียงแค่นั้นแล้วก็เงียบไปพักใหญ่ “ให้ตายสิ...แล้วทำไมตอนนั้น...ที่นายบอกว่ามันไม่พอใจที่แผนไอ้เดชพัง ทำไมมันต้องขอโทษฉันด้วย”

          “อ๋อ” ฉัตรรีบนึกหาคำแก้ตัวอย่างรวดเร็ว “สงสัย เป็นเรื่องรูปแน่เลย...คือว่า...วันก่อนหน้าที่ฉันขอให้มันไปช่วยงาน แล้วที่มันอยู่บ้านฉันจนดึกดื่นน่ะ ฉันให้มันเอาอัลบั้มรูปนายไปดูเพลินๆ แล้วมันดันมาขโมยรูปนายออกไปน่ะ มันอาจจะเข้าใจว่าฉันบอกนายเรื่องนั้นมั้ง”

          “หา”

          “จริงนา” เห็นทำท่าไม่เชื่อเสียเต็มประดา ฉัตรเลยย้ำอีก “ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันเอาไปทำอะไร ลองไปถามมันดูสิ...แต่เชื่อเหอะ ถ้าแค่เคารพเฉยๆคงไม่เอาไปร้อก”

          วัฒน์เพียงแต่กะพริบตาปริบๆ ท่าทางเหมือนยังรับกับความจริง(ที่ควรจะรู้มานานแล้ว)ไม่ได้ และเพียงไม่นาน ใบหน้าก็แดงจัดขึ้นมา ซึ่งเขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะเขาอายกับการเข้าใจผิดมหันต์จนอยากตาย หรือเพราะนึกถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มกระทำ

          แสดงว่าที่ผ่านมา...ที่นายทำแบบนั้น...พูดแบบนั้น...มันไม่ได้มีอะไรแอบแฝง...แต่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นน่ะสิ

          ที่บอกว่าอยากให้เลิกเกลียด…นั่นก็เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ…

          ทั้งที่อีกฝ่ายก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับตนแท้ๆ แต่กลับห้ามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจไม่ได้เลย

          บ้าเอ๊ย!

          “...ฉันขอกลับก่อน”

          ว่าแล้วก็ลุกขึ้นออกจากห้องไปเฉยๆ ไม่รอให้ฉัตรได้อ้าปากพูดด้วยซ้ำ แต่หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ไม่ได้ถืออะไรนัก ซ้ำยังจะดีใจเสียกว่า

          สนุกล่ะงานนี้

 

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อพบว่าตอนนี้ตนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของตัวเองแล้ว หนุ่มใหญ่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะในหัวดันคิดถึงแต่เพื่อนร่วมงานวัยหลานไม่หยุด

          เอาไงดีวะ

          สิ่งแรกที่เขาควรจะทำอย่างที่สุดคือขอโทษ แต่พอมาคิดๆดูแล้ว อีกฝ่ายก็เอาคืนเขาเสียเจ็บแสบจนหักลบกลบหนี้แล้วก็น่าจะเจ๊ากันไปได้ด้วยซ้ำ แถมเด็กหนุ่มเองก็ดูจะไม่ถือสาหาความเรื่องที่ตนกลั่นแกล้งอะไรไปด้วย ที่สำคัญคือ อีกฝ่ายก็คงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวหรอกว่าที่เขาแกล้งกัดประชดกดดันไปเพราะอะไร บอกไปตรงๆก็มีแต่ต้องมานั่งสาธยายเรื่องน่าอายยาวยืดไปเสียเปล่าๆ และนั่นอาจจะทำให้เขารู้สึกอยากตายจริงๆขึ้นมาก็เป็นได้

          แต่ก่อนหน้านั้นมันก็ยังขอโทษที่ปล้ำเราเลยนี่นา...ก็แค่ขอโทษนี่หว่า ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน ก็แค่ขอโทษเรื่องที่กดดันมันไง้ แค่นั้นเอ๊ง!!

          คิดได้ดังนั้นก็กลั้นใจเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ลอบถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ เมื่อพบว่าเนหลับไปเสียแล้ว

          หนุ่มใหญ่ยืนมองคนหลับอยู่ข้างเตียง ความรู้สึกผิดก็เข้าประดังประเดเหมือนคลื่นซัด วัฒน์พยายามสะบัดความรู้สึกหมองหม่นพวกนั้นออก ในตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น นอกจากกลับมาสมานฉันท์กับอีกฝ่าย แล้วก็ไปจัดการมารร้ายให้ถูกตัวเสียที

          ว่าแต่ มันเอารูปเราไปทำอะไรหว่า

          ความอยากรู้ทำเอาขาที่พยายามจะก้าวเข้าห้องน้ำชะงัก เขาหันไปมองเน ดวงตาเรียวเริ่มสอดส่ายสืบเสาะทั้งที่รู้ว่าไม่ควร นึกถึงเรื่องที่ฉัตรพูดก่อนหน้าก็ทำเอาความอยากรู้พุ่งสูงจนหยุดไม่ได้

          มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน...ก็หมอนั่นบอกเราเองว่าไม่ได้คิดอะไร...

          แต่...นั่นมันรูปเรานี่หว่า ก็แค่อยากรู้ว่าจะเอาไปทำอะไรเฉยๆ...แค่นั้นโว้ย!

          เห็นกระเป๋าเงินของเด็กหนุ่มที่วางอยู่ใต้โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง วัฒน์ก็ทำเป็นมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู และก็ได้เจอสิ่งที่ต้องการซึ่งอยู่ตรงช่องใส่รูปเลย

          “อึก...”

          ไอ้รูปที่มันขโมยมาก็ทำให้เขาเขินจะแย่อยู่แล้ว เพราะมันเป็นรูปตอนเขายังละอ่อนแล้วยิ้มเหมือนคนบ้าให้กับกล้องเพราะตอนนั้น คนที่ถ่ายรูปนี้คือปิ่น

          แต่ที่ทำเอาร้อนวูบไปทั้งตัวก็ตรงที่มันดันเอารูปนี้ไปเคลือบเสียอย่างดีนี่ล่ะ

          นี่แกเก็บไว้ซะดิบดีทำอะไรกันแน่วะเนี่ย!! นี่แกทำแบบนี้กับคนที่แกเห็นว่าเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่ทุกคนหรือวะ...แล้วทำไมในกระเป๋าของแกถึงมีแค่รูปฉันละโว้ย โอ๊ย!!

          “คุณวัฒน์...”

          เจ้าของชื่อสะดุ้ง ทีแรกนึกว่าทำเสียงดังจนอีกฝ่ายตื่น แต่เนแค่ละเมอเท่านั้น...

          แต่ทั้งอย่างนั้นหัวใจเจ้ากรรมมันก็รัวเสียจนจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้

          วัฒน์รีบเก็บทุกอย่างเข้าที่ พยายามสะกดจิตตัวเองว่าที่อีกฝ่ายทำไปก็แค่นับถือเขา เห็นเขาเป็นพ่อเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น...ไอ้อาการบ้าบอที่ฉัตรว่ามา มันก็อาจจะเป็นการคิดไปเองของฉัตรก็เป็นได้...ลองว่าถ้าไม่ได้ออกจากปากเจ้าตัว เขาก็ไม่อยากจะเชื่อไปเองอีกแล้ว

          จะหน้าแหกก็ให้มันรู้จักเข็ดบ้างเถอะ คราวนี้จะไม่ใช่แหกธรรมดา แต่จะแหลกแบบเก็บเศษมาปะคืนไม่ได้แน่

          ที่ผมซื้อให้น่ะ ผมก็แค่เห็นว่ามันเหมาะกับคุณเท่านั้นนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝงนะครับ

          พอตั้งสติกลับมาได้ ก็นึกถึงเรื่องที่จะทำให้เสียสติขึ้นมาต่อ และคราวนี้ไม่ใช่แค่เสียสติธรรมดา แต่เล่นเอาคุ้มคลั่งเสียจนระงับอาการไม่อยู่

          เขายอมรับว่าทีแรกไม่อยากจะรู้เลยว่าสิ่งปริศนาที่อยู่ในของขวัญคืออะไร แต่พอโดนรบเร้าและพูดถึงจนกระตุ้นต่อมอยากรู้มากเข้า มันก็อดอยากเปิดไม่ได้จริงๆ

          ก็แค่ของขวัญ!

          วัฒน์พยายามทำใจให้สงบก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาอย่างเบามือ และทั้งที่คิดว่ามันก็แค่ของธรรมดา แต่กลับไม่อยากจะให้คนที่นอนอยู่รู้ว่าตนกำลังจะเปิดกล่องพวกนั้นเหลือเกิน ครั้นจะแบกออกไปเปิดข้างนอกก็กระไรอยู่ เลยพยายามแกะกล่องเงียบๆแทน

          กล่องแรกทำเอาวัฒน์เหมือนพ้นทุกข์ ในนั้นเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีฟ้าอมเทาเพียงตัวเดียวเท่านั้น นั่นทำเอาหนุ่มใหญ่ใจชื้นขึ้นมา และเปิดกล่องที่สองต่อทันที และก็ทำให้วัฒน์รู้สึกเหมือนตัวเองกลุ้มเสียเปล่าชอบกล เพราะมันคือที่เขี่ยบุหรี่แก้วทรงสี่เหลี่ยมที่สลักอย่างดี

          บ้าจริง

          ด่าตัวเองเสร็จ ก็เปิดกล่องต่อไปทันที เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แน่ แต่คราวนี้พอเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ใบหน้าโล่งของของหนุ่มใหญ่ก็เหือดหายไปทันที

          มันคือแหวน

          ถึงจะบอกว่ารูปแบบมันดูเรียบๆที่เป็นเพียงแหวนเงินธรรมดา แต่ผู้ชายคราวหลานที่ไหนเขาจะซื้อของพรรค์นี้ให้ผู้ชายด้วยกันที่แก่กว่าบ้างล่ะ

          ไม่ๆ มันก็แค่แหวนเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ได้หมายความว่าซื้อมาให้ใส่นิ้วนางนี่หว่า ฮะๆ

          คิดแบบนั้นแต่พอลองใส่ที่นิ้วนางข้างขวากลับพอดีเป๊ะอย่างกับวัดรอบนิ้วตนมาแล้วก็มิปาน

          หนุ่มใหญ่รีบเอาแหวนออกแต่มันก็ช่างพอดีเสียจนแกะไม่ออก ยิ่งรีบร้อนลนลานมันก็ติดแน่นเสียจนแทบไม่ขยับ ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่รังแต่จะทำให้เจ็บนิ้วเสียเปล่าๆ

          “บ้าเอ๊ย” เสียงทุ้มสบถออกมา ถึงจะคนละมือ แต่กลับรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก

          แล้วใครซื้อให้

          ตัวเลือกแรกที่แว่บเข้ามาคือเน เพราะอีกฝ่ายเองก็พูดดักคอไว้ก่อนแล้วด้วย เลยอดคิดไม่ได้

          ไม่สิมันอาจจะหมายถึงที่เขี่ยบุหรี่ก็ได้นี่หว่า ก็แบบ...มันอาจจะบอกว่า มันไม่ได้เห็นเราสูบบุหรี่จัดอะไรงี้ก็ได้

          พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว อารมณ์ว้าวุ่นก็กลับมาตีหัวเข้าอย่างจัง เพราะถ้าไม่ใช่เน ก็อาจจะเป็นโค้กหรือศาสตร์น่ะสิ

          วัฒน์ปิดปากตัวเองเหมือนกลัวเสียงภายในจะเล็ดลอดออกมา ใบหน้านั้นร้อนผ่าวเสียจนเหมือนเป็นไข้

          นี่คงไม่ใช่เพราะเธอใช่ไหมปิ่น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆใช่ไหม...

          นึกถึงเมียเก่าแล้วอดเหนื่อยใจไม่ได้ ก็อยู่มานานจนไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาในชีวิต แล้วพอคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ไม่ทันไร ก็มีตัวเลือกมาให้เสนอกันล้นหลามแบบนี้ ใครมันจะตั้งตัวทันกัน

          วัฒน์มองกล่องของขวัญเจ้าปัญหากล่องสุดท้าย แม้ใจจริงอยากจะเข้าห้องน้ำไปเอาสบู่ถูแหวนให้ออกก่อน แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็เปิดๆไปเสีย จะได้จบๆไปสักที

          เขาถึงกับหน้าเบี้ยว เพราะในกล่องนั้นมีกล่องแหวนขนาดเล็กอยู่ด้านใน ซึ่งรูปแบบไม่ต่างจากอันก่อนหน้า ผิดกันแค่อย่างเดียว คือด้านในแหวนนั้นสลักคำว่า ‘รัก’ ตัวโตเท่าที่เนื้อที่แหวนจะอำนวย

          อันก่อนอาจจะคิดไปทางอื่นได้ แต่อันนี้เล่นหมัดตรงจนคนได้รับไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี

          ยิ่งนึกถึงคำถามของเน ทั้งยังท่าทีที่ดูแปลกๆของโค้กกับศาสตร์ ความรู้สึกบ้าบอก็พุ่งเสียจนหยุดไม่อยู่

          แต่สี่กล่อง มีแหวนสองวง...ปาล์มน่ะยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ...แล้วแหวนสองวงนี่เป็นของใครกัน

          หนุ่มใหญ่รู้สึกเหมือนลุกไม่ขึ้นชอบกล ใบหน้าก็ร้อนผ่าวเหมือนคนเป็นไข้ ในหัวก็สับสนวุ่นวายจนคิดอะไรแทบไม่ออก

          และที่น่าไม่ให้อภัยตัวเองที่สุดก็ตรงคนที่ปรารถนาจะให้เป็นหนึ่งในสอง คือไอ้บ้าที่นอนละเมอเพ้อเรียกชื่อตนนี่แหละ

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ความรู้สึกที่คอยห้ามเอาไว้เริ่มละทะลักออกมาเหมือนทนเก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

          แต่...หมอนั่นไม่ได้รักเราสักหน่อย...

          ทั้งที่บอกกับตัวเองเช่นนั้น แต่กลับไม่อาจห้ามตัวเองเอาไว้ได้ แม้จะรู้ว่าทางที่กำลังจะก้าวเดินไป อาจจะทำให้ตัวเองเจ็บกว่าที่ผ่านมาก็ตาม

          มือที่กำลังจะเอื้อมไปหาเด็กหนุ่มหยุดชะงักลงตรงใบหน้าเรียวนั้นพอดี หนุ่มใหญ่รีบชักมือกลับ หากช้าไปกว่านี้ ทุกอย่างอาจจะเตลิดไปจนหยุดไม่ได้เป็นแน่

          อย่าลืมสิว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆคืออะไร ไม่ใช่ความสุขชั่วครู่สักหน่อย

          ไอ้รู้สึกผิดนั่นก็เรื่องนึง แต่นี่มันก็อีกเรื่องนึง...แถมยังไม่มีอะไรรับประกันว่าเจ้านี่จะเป็นหนึ่งในนั้น...เราเองก็ไม่ควรจะไปหวังกับมันเลยนี่...มันก็บอกเองว่าไม่ได้คิด อะไรกับเราอย่างนั้นสักหน่อย

          ถึงจะหลวมตัวไปแล้ว ก็ต้องตัดใจให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากขนาดไหนก็ตาม

          แต่ปัญหาคือ ต้องอยู่ด้วยกัน เป็นคู่นอนกับมันแบบนี้ แล้วจะห้ามไปตลอดรอดฝั่งได้หรือเปล่านี่สิ

          ทีแรกกะจะหนีไปนอนบนโซฟาแล้ว แต่พอนึกได้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น แล้วถ้าเนรู้ขึ้นมายังไงก็ต้องถามหาเหตุผลแน่

          แค่รักก็ว่าแย่แล้ว เจอเรื่องที่เข้าใจผิดจนเตลิดมาถึงตรงนี้ ต่อให้โดนปืนมาจ่อปากก็ไม่พูดหรอก เรื่องน่าอายบัดซบพรรค์นี้

          ทั้งที่อุตส่าห์ดีดตัวหนีออกมาพ้นแล้ว ก็ต้องกลับไปหาคนบนเตียงอีก วัฒน์ยืนทำใจให้สงบอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นเตียงไป

          “บ้าเอ๊ย” หนุ่มใหญ่สบถที่เด็กหนุ่มนอนกินที่มาเสียเกือบกลางเตียง ไม่ว่าจะไปแทรกฝั่งไหน ยังไงก็ต้องโดนตัวอีกฝ่ายอยู่ดี และนั่นจะทำเอาเขานอนไม่หลับเพราะหัวใจที่สั่นระรัวจนแทบจะหายใจไม่ทันนี่น่ะสิ

          ไม่สิ…

          วัฒน์นิ่วหน้ามองอีกฝ่าย เขารู้ว่าตนไม่ควรจะเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนักเพราะกลัวจะรั้งใจที่อยากจะพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ได้ แต่กลับกัน นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการแก้ความรู้สึกวุ่นวายในใจนี้

          บางทีหนามยอกเอาหนามบ่งไปมันอาจจะได้ผลกว่าก็ได้…

          คิดแล้วก็ค่อยๆคืบคลานเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ หัวใจนั้นเต้นแรงเมื่อเข้าไปใกล้ พอรู้สึกเหมือนจะหน้ามืดเพราะเลือดสูบฉีดมากเกินไปก็หยุดนิ่งเสีย รอให้ใจเย็นแล้วค่อยเดินทัพต่อ...

          เอาล่ะ...

____________________________________

ส่วนเรื่องของขวัญก็รู้กันไปแล้ว...แต่อันไหนของใครนี่ คัมมิ่งซูนนะฮับ  XD

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้ม
อาวัฒน์รู้ความจริงแล้วว 5555
เปิดของขวัญมาทีนี่เงิบเลย
มีแหวนตั้งสองวงแน่ะ
เดานะ ของเนคืออันที่วัฒน์ใส่อยู่แล้วถอดไม่ออก
รอตอนต่อไปจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2015 10:24:27 โดย boboman »

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แหวน 2 วงนี่ น่าจะเป็นของเนย์กับของศาสตร์ใช่ไหม
เสื้อน่าจะเป็นของโค๊ก แล้วที่เขี่ยบุหรี่ของปล์าม ถูกหรือเปล่าเนี้ยะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เอาละอัลไลลลล มาต่อน่า

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อาวัฒน์รู้ความจริงแล้วก็ช่วยหายซึน รุกๆ เนมันกลับไปบ้างนะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เอาไงต่อล่ะทีนี้

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดันนนน

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 57


          หลังจากเอาแหวนเจ้ากรรมออกจากนิ้ว บวกกับอาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพเพื่อกะตั้งใจเตรียมนอนหลังจากปฏิบัติการแก้โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หนุ่มใหญ่ที่ทำใจอยู่นานสองนานก็เดินเข้าไปที่เตียงด้วยใจระทึก นึกหงุดหงิดที่หัวใจเจ้ากรรมที่เอาแต่เต้นผิดจังหวะไปเรื่อย และยิ่งรุนแรงทุกทีเมื่อเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม

          วัฒน์ค่อยๆนั่งลงข้างเตียง สายตาก็จ้องมองคนที่นอนหงายอ้าปากค้าง ชวนขำพิลึก แต่หัวเราะเงียบๆได้ไม่นาน ก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะกระทำต่อไปนี้

          จะกลัวอะไรกันล่ะ เราไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายมันสักหน่อย...ก็แค่พยายามทำใจให้นิ่ง จะได้ทำตัวเป็นปกติตอนอยู่หน้ามัน

          วัฒน์ไม่แน่ใจว่าที่ตนเหมือนคนบ้าแบบนี้เพราะรู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ทำลงไป หรือเพราะดันไปเดินติดหล่มที่ไม่น่าหล่นกัน แม้ในใจจะพยายามบอกว่าสาเหตุมันเป็นเพราะอย่างแรกก็ตาม

          มันไม่ได้คิดอะไรกับเรา…มันไม่ได้คิดอะไรกับเรา…

          อย่างน้อยความคิดนี้ก็ช่วยให้ทุเลาลงได้มาก หนุ่มใหญ่มองหน้าเนก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือหนาค่อยๆเอื้อมเข้าหาคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่อง ปลายนิ้วบรรจงจรดลงบนไหล่ที่ดูเล็ก หากแต่กลับแข็งแน่น แม้จะดูไม่มีกล้ามเนื้อ แต่ทุกสัมผัสที่ได้รับบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดูนุ่มนิ่มอย่างที่เห็นเลยแม้แต่น้อย

          อึก…

          วัฒน์ฉุดมือของตนออกราวกับโดนไฟลวก ใบหน้าแดงก่ำ

          ปกติสิเฮ้ย ปกติๆ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะชินฟะ!

          พอทำใจได้ก็ดำเนินการลูบคลำต่ออีกครั้ง วัฒน์พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ซึ่งก็พอจะช่วยได้บ้าง อย่างน้อยก็ช่วยระบายความร้อนที่สุมอยู่ในกายนี้ นึกแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย ทั้งที่มีอะไรกันมาตั้งหลายครั้ง แต่แค่สัมผัสตัวเฉยๆ เขาก็แทบบ้าแล้ว

          ดวงตาเรียวจ้องมองเด็กหนุ่ม แม้ว่าจะโดนเขากวน แต่ดูเหมือนเนจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะเจ้าเด็กบ้านี่มันนอนขี้เซามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

          วัฒน์ค่อยๆเลื่อนมือเล่นไปเรื่อยจนพอเริ่มไปถึงลำคอของอีกฝ่าย ไฟที่สู้ทุเลาลงแล้วกลับโดนลมตัณหาโหมกระหน่ำจนแทบไหม้ตัว หนุ่มใหญ่รีบลุกหนีออกไปจากเตียงอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

          ทั้งที่คิดไว้ว่าถ้าแตะตัวอีกฝ่ายจนพอใจอาจจะทำให้ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงและพร้อมจะระเบิดออกมาจากอกลดลงไปได้บ้าง แต่ยิ่งทำ กลับยิ่งทำให้ความอยากภายในพยายามแหวกอกตนออกมาเสียเปล่าๆ

          ปุบปับจะหายกันได้ที่ไหนล่ะ มันต้องหลายๆครั้ง หลายๆทีสิ

          ในเมื่อค่อยๆเอาตัวลงน้ำเย็นมันไม่ได้ผล วัฒน์เลยตัดสินใจกระโดดลงน้ำเย็นแทน

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นคนหลับขยับตัวอันเนื่องมาจากตนทิ้งตัวลงเตียงเต็มแรง แต่เนก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด นอกจากหันไปอีกทาง นั่นช่วยให้คนที่กำลังจะตายเพราะความอายใจเย็นลงได้ชะงัก

          วัฒน์มองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ไม่ได้กว้างไปกว่าของตน หรืออาจจะเล็กกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็ทำให้เขาไม่แปลกใจสักนิด หากมองแค่ข้างหลังบางทียังคิดว่าเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ

          พอคิดถึงตอนที่เนแต่งหญิงก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ นึกถึงใบหน้าแดงเรื่อด้วยความอาย และท่าทีที่ขอร้องอย่างจำยอมนั่น ชวนให้รู้สึกเอ็นดูอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ตอนนั้นยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นศัตรูกันอยู่แท้ๆ…

          วัฒน์สะดุ้งก่อนจะถอยออกมาอย่างรวดเร็ว แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอไปซุกหลังเนตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าพลันขึ้นสีทันทีที่หวนนึกถึงการกระทำของตน ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

          อย่าสิเฮ้ย ถึงเราจะชอบเซ็กซ์ของมัน แต่ถ้าต้องเจ็บปวดเพราะความรักไม่สมหวังอีกก็ไม่เอาด้วยหรอก

          พอคิดถึงตรงนี้ใจที่เต้นระรัวก็สั่นกลัวขึ้นมาอย่ามิอาจห้ามได้ แม้จะรู้ตัวและพยายามห้ามใจ แต่เข้าใกล้ทีไรกลับเผลอหลวมตัวทุกที

          คิดได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อคนที่หลังหันให้พลิกกลับมาหา แถมยังยื่นมือเท้าเข้ามาก่ายกอดตนเสียแน่น

          วัฒน์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยจะออก ส่วนหนึ่งเพราะโดนกอดรัดเสียแน่น อีกส่วนก็เพราะความอายที่แทบจะระเบิดออกมานี่ล่ะ หนุ่มใหญ่อ้าปากหมายจะร้องปลุก แต่เสียงกลับไม่ออกมาเสียอย่างนั้น

          หรือจริงๆเขาไม่อยากจะออกเสียงกันแน่ก็ไม่รู้

          โชคดีที่ทีแรกนอนลงมาต่ำ พอโดนเนกอดวัฒน์เลยซุกเข้ากับอกของเด็กหนุ่มแทน หากนอนสูงกว่านี้มีหวังได้โดนจูบเข้าเต็มหน้าแน่ แต่นอนแนบอกแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ชวนระทึกสักหน่อย

          แม้จะพยายามขืนตัวหนี แต่ผลลัพธ์ก็ได้อย่างที่มักเป็นทุกที เว้นเสียแต่ว่าในครานี้ไม่มีความรู้สึกนึกรังเกียจ มีแต่ความอายปนดีใจแทนเสียอย่างนั้น

          บ้าจริง...แค่นี้เราก็ดีใจแทบบ้า
         
          วัฒน์พยายามเลื่อนสายตาขึ้นมองคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เสียงลมหายใจดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูอ่อนเพลีย แต่ก็มีความสุขกับการนอนดี...

          คราวนี้หนุ่มใหญ่สะดุ้งหนัก เพราะสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างที่แสนคุ้นเคยตรงท้องน้อยของตน

          ทำไมมันตั้งไวจังฟะ ยังไม่ทันหัวรุ่งเลย!

          และไม่รู้ว่าเพราะโดนดาบแทงท้องอย่างไม่ทันตั้งตัวหรือเปล่า ดาบของตัวเองมันเลยตั้งยอดเหมือนแข่งกับอีกฝ่ายด้วยเสียอย่างนั้น ทำเอาจากที่ตื่นเต้นเป็นทุนเดิม ยิ่งออกอาการกระสับกระส่ายจะเป็นจะตายหนักจนแทบบ้า แต่แม้จะพยายามหนีให้เงียบๆสักเท่าไหร่ ก็ไร้ผล

          “คุณวัฒน์...”

          ในขณะที่ตั้งท่าจะอ้าปากตะโกนเรียก พอได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อตนด้วยน้ำเสียงละห้อย ทำเอาเสียงที่พร้อมระเบิดระเหิดหายไปในทันที

          “คุณวัฒน์...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้งก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าแนบชิดกว่าเมื่อครู่ “คุณวัฒน์...”

          ทั้งที่แค่ละเมอแต่กลับทำเอาคนโดนกอดถึงกับเพ้อตามอย่างที่ไม่ควร นึกหวังอยากให้สิ่งที่เนเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับตนเป็นเรื่องโกหกเสียเหลือเกิน

          เรานี่มันบ้าจริงๆ…

 

          ครั้งแรกกับครั้งที่สองก็ยังทำให้แปลกใจได้อยู่ แต่พอเป็นครั้งที่สาม รุตชักเริ่มชินเสียแล้ว แต่ถ้าจะไม่ชินสักทีก็คงเป็นท่าทีของวัฒน์นั่นล่ะ

          “เป็นอะไรวะ” เมื่อทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยปากถามอย่างรำคาญใจ “จะกลุ้มหรืออะไรฉันก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่นายทำฉันกินข้าวไม่ลง”

          คนที่นั่งหน้าเคร่งด้วยขอบตาเหมือนหมีแพนด้าบนโต๊ะอาหารหันมองคนที่นั่งลงจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับและถอนหายใจออกมา

          แน่ล่ะ ไอ้แผนหนามยอกเอาหนามบ่งเมื่อคืนมันไม่ได้ผลเลยสักนิดนี่น่ะสิ แถมไปๆมาๆเหมือนกับตัวเองไปลักหลับอีกฝ่ายนี่แหละ รู้สึกเหมือนหาเรื่องทรมานหัวใจตัวเองยังไงยังงั้น ไหนจะเพราะรู้สึกแย่ที่เข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายของเดชอยู่ตั้งนานสองนานด้วย

          ที่จริงเขาจะทำเบลอช่างหัวมันไปก็ได้ แต่พอมาคิดว่าอีกฝ่ายเองยังยอมขอโทษตนเมื่อทำผิด แล้วเขาจะไม่ทำอะไรเลยมันก็ดูใช่ที แต่จะให้ไปขอโทษเรื่องที่เข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายของเดช มันก็น่าอายเกินไปเสียด้วย

          ก็ทำเหมือนที่ผ่านๆมา ทำเสียว่าไม่เกิดอะไรขึ้น แค่เลิกตั้งแง่กับมันก็พอ ส่วนเรื่องที่ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหม ก็เลิกคิดถึงมันซะ คิดไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองกระวนกระวายเอาเปล่าๆ

          ตอนนี้เราต้องคิดถึงคุณสิทธิ์ก่อนสิ…

          รุตเหล่มองเจ้าคนนั่งข้าง ตอนแรกก็นั่งตีหน้าเครียด พอมาตอนนี้กลับส่งเสียงหัวเราะแปลกๆออกมาในลำคอ ทำเอาสยองขึ้นมาและเริ่มกินข้าวไม่ลง

          “สวัสดีครับ”

          “อ้าว หวัดดีๆ ตื่นเช้ากันจังนะ...” รุตทักเนที่เดินเข้ามา ก่อนจะมองวัฒน์ ที่ดูๆแล้วเหมือนยังไม่ได้นอนมากกว่าตื่นเช้า

          “ฮะๆ สงสัยติดจากคุณวัฒน์มั้งครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะหันไปหาเพื่อนร่วมงาน “สวัสดีครับคุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อเพียงแค่พยักหน้าให้ก่อนจะนั่งนิ่งเหมือนเดิม

          ทำตัวปกติสิฟะ!

          “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง เนก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          วัฒน์เงยหน้ามองคนถามที่ดูปกติเสียจนทำเอาสมเพชตัวเอง

          มีแต่เราที่บ้าไปคนเดียว

          “แค่กำลังคิดๆเรื่องที่คุยกับฉัตรเมื่อคืน...เรื่องเดชน่ะ”

          คนร่วมโต๊ะพากันตีหน้าเครียดทันที

          “เดช...คนที่คิดไม่ดีกับคุณสิทธิ์ใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามหน้าเบี้ยว “หมอนั่นทำอะไรหรือครับ”

          “ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องดีกับคุณสิทธิ์อยู่แล้ว” รุตว่าก่อนจะกระแทกช้อนลงจาน “ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงมัน เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเคยคิดแบบนี้”

          “เรื่องเมื่อก่อนน่ะช่างมันเถอะ ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไร มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น” หลังจากบรรลุกับอะไรบางอย่างได้แล้ว วัฒน์ก็กลับมาสงบอีกครั้ง ทั้งยังดูน่าสะพรึงด้วย “ช่วงนี้อาจจะต้องระวังตัวกันหน่อย หมอนั่นไม่เคยเลือกวิธีการและไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน...บางทีอาจจะต้องหาใครมาคุ้มกันคุณสิทธิ์เพิ่ม”

          “ไอ้สองบ้านั่นล่ะ...” รุตเสนออย่างเคยตัวเพราะโค้กกับศาสตร์ฝีมือดีที่สุด และไม่ได้งานยุ่งมากเหมือนคนอื่นๆ แต่พอเห็นวัฒน์กระตุกเลยเงียบค้างไป เพราะไม่เข้าใจว่าตนพูดอะไรผิดหูไป

          “ผมก็เห็นด้วยนะครับ”

          นั่นยิ่งทำให้วัฒน์แปลกใจกว่า เพราะเนมักจะทำหน้าเบี้ยวหน้าบูดคล้ายไม่ชอบใจโค้กกับศาสตร์ทุกที ขนาดในตอนนี้เองสีหน้าก็ไม่ได้ดูชอบอะไรนักด้วย

          “มันก็จริง...” ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจจะตอบรับอย่างไม่ลังเลแล้วก็เป็นได้ แต่ในเวลานี้ วัฒน์ยอมรับว่าไม่กล้ามองหน้าสองคนนั้นตรงๆเท่าไหร่นัก ยิ่งคิดถึงแหวนที่ได้รับมาแล้ว ยิ่งทำเอาร้อนไปหมด “นั่นสินะ...ฉันจะลองติดต่อเผื่อดู”

          แม้จะไม่เข้าใจท่าทีแปลกๆของอีกฝ่ายนัก แต่รุตก็ไม่อยากจะสนใจให้เสียเวลา จัดการยัดข้าวลงท้องและขอตัวออกไปทำงานทันที

          “วันนี้ต้องทำอะไรหรือเปล่าครับ”

          คำถามนั้นทำเอาคนที่นั่งครุ่นคิดสะดุ้งเล็กน้อย ท่าทีของเนดูจะเป็นห่วงเขาทีเดียว เล่นเอารู้สึกจุกอกไปหมด

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงได้แต่สงสัยกับพฤติกรรมนั่นว่ามีสิ่งใดแอบแฝงมาหรือไม่ แต่พอได้รู้ความจริง หนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ด่าตัวเองที่มองอีกฝ่ายในแง่ร้ายทั้งที่ไม่ได้เป็นความ จริงเลยสักนิด

          เรามันแย่ที่สุด

          “ไม่ ไม่มี ไม่ต้องไปบริษัทด้วย อยู่ที่บ้านนี่ล่ะ…” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงเรียบ “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

          เนเบิกตากว้างก่อนจะกะพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งเจอเรื่องมหัศจรรย์ก็มิปาน แน่ล่ะ ตามปกติ เวลาเขาถามไถ่อาการอีกฝ่ายทีไร ถ้าไม่โดนตอบส่งๆ ก็มักจะโดนว่าเสียทุกทีนี่ แต่รอบนี้ทั้งท่าทีและน้ำเสียงที่ตอบกลับมากลับมีแต่ความเสียใจและไม่เหลือเค้าความโกรธหรือเป็นศัตรูกับตนเลยแม้แต่นิดเดียว

          เนบังคับมุมปากที่หาเรื่องยกยิ้ม ใบหน้าก็ตึงๆเหมือนโดนใครตี

          “ไม่หรอกครับ ผมแค่เห็นคุณชอบเครียดอยู่คนเดียว...เลยอดเป็นห่วงไม่ได้...” เนตอบอึกอัก รู้สึกตาลายคล้ายจะเป็นลม “คุณเองก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ อย่าหักโหมนักสิครับ ผมกับคุณสิทธิ์เป็นห่วงนะครับ”

          “นั่นสินะ ถ้างั้นหลังจากนี้ไปงานนายอาจจะหนักขึ้นนะ ทำไหวหรือเปล่าล่ะ”

          คราวนี้ไม่ใช่แค่เหมือนใครตีหน้า แต่เหมือนโดนเอาที่ช็อตยุงมาตบหน้ากันจังๆเลยทีเดียว

          เขายิ้มให้เรา...

          “ไหวสิครับ ผมเพิ่งจะยี่สิบสองเองนะ” เนตอบเสียงตื่น พยายามระงับอาการดีใจกับเรื่องที่สุดแสนจะเล็กน้อยนั่น “เพราะงั้นถ้ามีอะไรก็ให้ผมทำทั้งหมดนั่นล่ะ”

          “ขืนให้นายทำคนเดียวฉันก็เป็นง่อยพอดีสิ”

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำพูดเหล่านั้นมักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและประชดใส่แน่ๆ แต่แม้จะเป็นคำพูดทำนองเดียวกัน เนกลับไม่รู้สึกถึงการเหน็บแนมหรือไม่พอใจเลยสักนิด แถมยังยิ้มให้ในตอนพูดด้วยกัน ทั้งที่เมื่อก่อน แค่มองหน้า วัฒน์ก็ทำท่าเหมือนจะกัดตนอยู่แล้ว

          นั่นหมายความว่าคุณยอมรับผมแล้วใช่ไหม...

          แม้จะอยากถาม แต่อาการที่ผิดไปจากทุกทีชนิดหลังเท้าเป็นหน้ามือแบบนี้มันก็เป็นหลักฐานที่ทิ่มหน้าอยู่แล้ว

          “ไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ” เนตอบก่อนจะเดินไปตักข้าวแก้เขิน “แต่ผมว่าคุณน่าจะไปพักนะ ขอบตาดำเชียว”

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งก่อนจะจับที่ใต้ตาตัวเองคล้ายกับไม่รู้ตัว ลืมไปเลยว่าตนอดนอนไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

          “ถ้างั้นช่วยงานฉันหน่อยได้ไหม”

          เนถึงกับหันขวับไปหาทันที ทำเอาวัฒน์สะดุ้ง

          “คุณ...จะให้ผมช่วยงานหรือ”

          “ก็ไหนบอกว่าจะทำให้ไง หรือเปลี่ยนใจเสียล่ะ”

          “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” เนรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ผม...แค่แปลกใจ...ก็คุณไม่เคยขอร้องให้ผมทำงานให้คุณเลย”

          ฟังแล้ววัฒน์ก็ออกอาการห่อเหี่ยวขึ้นทันที และชัดเสียจนเนสัมผัสได้

          “ผม...พูดอะไรผิดหรือ...”

          “...ไม่หรอก นายพูดถูกแล้วล่ะ...” ก็เห็นเป็นศัตรูมาตลอด ถึงได้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายช่วยงานเลยนี่นะ “...ฉันชอบทำอะไรเกินตัวทุกที ท่าทางคงต้องให้นายมาช่วยแย่งงานบ่อยๆแล้วล่ะ ฉันยิ่งชอบลืมตัวอยู่”

          ทั้งที่จะต้องเหนื่อยมากขึ้นแท้ๆ แต่น่าแปลกที่เนกลับรู้สึกดีใจเสียมากกว่า
         
          “พูดแบบนี้แล้วห้ามมาบ่นใส่ผมทีหลังนะครับ” เนกำชับเสียงเขียว “คุณชอบโมโหใส่ผมตลอด ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันหรอกนะ”

          “ขอโทษที ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”

          ครั้งเดียวยังพอว่า เจอสองครั้งติดในชั่วโมงเดียว ต่อให้ดีใจแค่ไหนก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี

          “คุณดูแปลกๆไปนะครับ” และความสงสัยก็ทำเอาพลั้งปากจนได้

          วัฒน์เผลอบึ้งหน้าใส่ และนั่นยิ่งทำให้คนมองแปลกใจกว่าเดิม เพราะหากเป็นเมื่อก่อน เขาก็อาจจะเผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายโกรธที่ถาม แต่ในตอนนี้ ดูๆแล้วเหมือนวัฒน์ตกใจกับคำถามของตนเสียมากกว่า

          “ตรงไหน”

          ทุกอย่าง...บอกงี้แล้วคุณจะด่าผมกลับไหม...แต่คุณบอกแล้วนี่นะว่าจะไม่ยัวะใส่ผมแล้ว

          “ก็...คุณขอโทษผม” เนเริ่มด้วยสิ่งที่แปลกที่สุดก่อน “แถมยังขอให้ผมช่วยงาน...คือผมไม่ได้ไม่อยากช่วยนะครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คุณขอ ไม่ได้สั่งผม...”

          ที่จริงอยากจะพูดเรื่องที่อีกฝ่ายยิ้มให้กับเรื่องที่วัฒน์ดูเลิกตั้งแง่กับตน แต่คิดไปคิดมา มันกระดากปากและน่าอายชอบกล เลยตัดทิ้งเสียดีกว่า

          “อ้อ...” วัฒน์เอ่ยแล้วค้างไป จะให้บอกหรือว่าที่ทำตัวเป็นมิตรขึ้นเพราะเหตุใด “ฉันก็แค่เห็นความตั้งใจจริงของนาย...เลยยอมรับแล้วน่ะ...”

          จริงๆนะเฮ้ย ถึงจะเหลือเชื่อยังไงก็ช่วยแกล้งทำว่าเชื่อหน่อยเหอะ

          “มันปุปปับไปหน่อยน่ะครับ...” เนว่า ท่าทางยังไม่เชื่อจริงๆ

          “จริงๆ ฉันก็เห็นว่านายทำตัวดีขึ้นจริงๆนะ แต่แค่ยังไม่แน่ใจ เลยต้องทำเข้มงวดกับนายเอาไว้ก่อน...” วัฒน์บอกอ้อมแอ้ม พลางลูบคอแล้วหันไปทางอื่น “ขอโทษทีละกัน...นี่ฉันพูดจริงๆนะ”

          เนสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อได้ยินประโยคช่วงท้ายเพราะอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ทั้งที่กำลังทำหน้าขอร้องนี่ล่ะ

          “ครับ...” แม้จะยังสงสัย แต่เพราะเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำตัวห่างเหินหรือมึนตึงใส่ เลยไม่อยากจะใส่ใจให้มากนัก เดี๋ยวจะกลับไปเย็นชาแบบเดิมเสียเปล่าๆ “เอ่อ...แล้วเรื่องไอ้เดชล่ะ”

          วัฒน์กระตุกนิดหน่อยตอนได้ยินน้ำเสียงดุดันที่เรียกชื่อศัตรูของเด็กหนุ่ม และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกสมเพชตัวเองกว่าเดิม ที่เผลอไปคิดเสียตั้งนานว่าอีกฝ่ายเป็นลูกน้องของเดช

          “ช่วงนี้ก็คงต้องระวังตัวให้มากหน่อย...ก็คงต้องขอให้โค้กกับศาสตร์มาช่วยจริงๆนั่นล่ะ”

          “ถ้างั้นผมโทรให้ไหม”

          หนุ่มใหญ่กะพริบตาปริบๆ ที่จริงอีกฝ่ายก็มักจะของานตนอยู่เป็นนิจ แต่ครั้งนี้ ดูกระสันอยากทำกว่าปกติชอบกล

          พอพยักหน้าให้ เนก็ผลุนผลันออกไปจากห้องครัวทันทีโดยที่ยังกินข้าวไม่หมดด้วยซ้ำ ทำเอาวัฒน์อดแปลกใจไม่ได้ ถึงมันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ก็ไม่ได้ด่วนถึงขนาดที่ว่าต้องทำเดี๋ยวนี้ ทันทีเสียหน่อย

          ดวงตาเรียวเหม่อมองไปยังหน้าประตูห้องก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า และเหนื่อยใจกับตัวเอง

          สุดท้ายก็ไปหัวหมุนกับเรื่องไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่มันคิดอะไรกับเรา หรือของขวัญที่มันให้จะเป็นอะไร แต่อยู่ที่เราตัดสินใจจะทำยังไงต่างหาก

          หนุ่มใหญ่ยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงอาการแปลกใจเต็มทนของอีกฝ่ายต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของตน

          ทั้งที่เคยทำไม่ดีขนาดนั้น ยังมาเป็นห่วงเราอีกนะ...



_______________________________

หลังจากลุงเปลี่ยนไป ความซึนของเนนั้นแลดูจะไม่เปลี่ยน (อ้าว) ลุงเลยตัดสินใจเองเลย XD....แต่ลุงจะตัดสินใจว่ายังไงนั้น....ก็อยู่ที่เน...อยู่ที่เนจริงๆนะ!! ไม่ได้อยู่ที่คนเขียน! =3=

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้ม
ไอ้พวกซึนนนนนน!
อะไรของพวกแกกก
แต่พวกนี้เหมือนกันอยู่อย่างคือชอบลวนลามอีกฝ่ายตอนหลับตลอด 5555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2015 16:23:21 โดย boboman »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตบหน้าผากตัวเอง  :z3:

ไอ้เอ๋อเอ้ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอจ้าาาาา

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 58


          พอวัฒน์จะลุกขึ้นไปตักข้าว เสียงมือถือของตนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเป็นฉัตร ซึ่งมักจะหลับในเวลานี้ เขาก็รับขึ้นทันที

          “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

          “...ก็ไม่เชิง” คนในสายตอบเสียงอ้อมแอ้ม “เรื่องไอ้เดชน่ะ ฉันคิดๆดูแล้ว แกน่าจะอยากได้คนคุ้มกันเพิ่ม เลยส่งคนไปที่บ้านคุณสิทธิ์ให้แล้วน่ะ”

          วัฒน์เลิกคิ้วกับความพร้อมของอีกฝ่าย ที่ปกติจะไม่พร้อมขนาดนี้

          “ใคร” ที่ถามเพราะเขาเองก็ดันไปขอให้เนช่วยโทรไปตามโค้กกับศาสตร์แล้วต่างหาก ถ้าไปขอคนอื่นเพิ่มอีกก็กลัวจะเยอะเกิน แต่คงเพราะเสียงมันห้วนไปนิด ฉัตรเลยหวั่นเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้สึกแผนลึกลับบางอย่างของตน

          “ก็...เขาไปถึงเดี๋ยวนายก็รู้เองแหละน่า ฉันบอกให้มันออกไปสักพักแล้ว ก็คงอีกไม่นานหรอก” ฉัตรขึ้นเสียงกลบเกลื่อนความกลัว จนวัฒน์ได้แต่งง “เอ้อ แล้วไอ้หนูเนมันอยู่หรือเปล่า”

          “ทำไม”

          “ก็แค่มีเรื่องอยากจะถามอะไรมันนิดหน่อย...กลัวฉันจะบอกเรื่องที่แกเข้าใจมันผิดไปหรือไงจ๊ะ”

          “ถ้าอยากพูดฉันก็ห้ามแกไม่ได้...และแกก็ห้ามฉันไม่ได้เหมือนกัน”

          วัฒน์ก็แค่อยากจะบอกว่าถ้าอีกฝ่ายปากโป้งเขาก็จะโกรธมากๆก็เท่านั้น และก็เพราะโกรธตัวเองที่ดันทำพลาดโง่ๆจนคนที่ไม่ค่อยอยากจะให้รู้ที่สุด รู้เสียหมดเปลือก เสียงเลยออกอารมณ์มากกว่าปกติ

          แต่ฉัตรดันนึกเลยไปถึงอะไรบางอย่างที่เป็นทรงกระบอกและมีตะกั่วเป็นของเสริม

          “เอ่อ...ฉันไม่พูดหรอก สาบานเลย” ฉัตรว่าเสียงสั่น “ที่เรียกเพราะฉันแค่อยากจะถามเรื่องส่วนตัวมันนิดหน่อย...แกก็รู้จักสันดาน ไอ้เดชดีใช่ไหมล่ะ ถามเผื่อเรื่องทางบ้านมันไว้ เผื่อจะได้ช่วยป้องกันอะไรได้ไง”

          วัฒน์ฟังแล้วถึงบางอ้อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของเนเลย รู้แค่เพียงว่าเนหนีออกจากบ้านมาทำงานกับสิทธิ์ และเป็นรุ่นน้องสมัยมัธยมของสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งนั่นพอจะทำให้หนุ่มใหญ่เดาได้ว่าฐานะทางบ้านของเนจะต้องดีพอสมควร เพราะดูจากเกรด เนคงไม่ใช่นักเรียนทุนในโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแสนแพงแน่นอน

          “ถ้าแค่นั้นฉันถามให้ก็ได้” เพราะเรื่องมันเล็กเสียเหลือเกิน วัฒน์จึงเอ่ยอาสาแทน

          “ก็ไม่ได้ถามแค่นั้นนี่หว่า พอดีวันก่อนไอ้ปาล์มมันลืมของไว้ที่บ้าน เลยอยากให้มันช่วยเอามาให้หน่อย แป๊บเดียวเองน่า ยังไงคุณสิทธิ์ก็ยังอยู่ที่บ้านใช่ไหมล่ะ ไอ้เนหายไปสักคน ไอ้เดชมันก็ไม่ได้กล้าจะไปหาเรื่องถึงบ้านดื้อๆหรอก”

          “แต่วันนี้วันหยุดมันนะ”

          “อะไร หายเข้าใจผิดทีนี่หวงกันเลยเหรอ” แซวจบ วัฒน์ก็เงียบใส่เสียนานจนฉัตรรู้สึกเสียใจกับความปากพล่อยของตน “น่านะ แล้วฉันจะแถมค่าเหนื่อยให้มันด้วยเลย ฉันโทรบอกแมวไว้แล้ว...นะ”

          แม้จะแปลกใจและสงสัยว่าทำไมเจาะจงเนให้เอาของไปให้เสียเหลือเกิน แต่ในเมื่อวันนี้เนก็ว่าง ทั้งยังเต็มใจช่วยอยู่แล้ว จึงตอบรับไปและเลิกคาดคั้นต่อ

          แน่นอนว่าวัฒน์ไม่จำเป็นต้องไปตามหลานสาวถึงเรือนพักด้านนอก เพราะนี่เองก็ใกล้เวลาที่แมวกับเอมจะเข้ามาในครัวแล้ว

          “อ๊ะ อาวัฒน์” น้ำเสียงใสฟังดูแปร่งจนหนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว ทั้งยังสีหน้าเหมือนเห็นผีของแมวอีก “สวัสดีค่ะ พี่เนละคะ”

          ถามหาปุ๊บ รู้สึกขุ่นใจทันทีและก็ยิ่งโกรธตัวเองที่ดันนึกหงุดหงิดหลานของตนทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์อะไร และที่แมวถามถึงอาจจะเพราะเรื่องที่ฉัตรฝากมาแท้ๆ

          “เราคบกับเนอยู่หรือเปล่า”

          แทนที่จะหน้าแดง เด็กสาวกลับหน้าซีดแทน

          “เปล่านะคะ” แมวร้องเสียงหลง และไม่ยอมมองหน้าอา เธอมองซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวังก่อนจะตอบเสียงค่อย “หนูคบกับพี่ต่ออยู่ต่างหากละคะ แต่อย่าไปบอกแม่นะ”

          วัฒน์เลิกคิ้วอีกครั้งกับเรื่องที่เพิ่งรู้ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขานอะไรหลานสาวนัก เพราะถ้าถามเขา ยังไงคนที่ดูล่องลอยแต่ไม่มีประวัติเป็นเสือผู้หญิงหรือบ้าเซ็กซ์ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว...แน่นอนว่าไม่ได้ดีใจที่เนยังว่างแต่อย่างใด...จริงๆนะ!!

          “ที่หนูถามถึงเพราะพ่อโทรมาบอกให้เอาของให้พี่เนต่างหากค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนจนวัฒน์เริ่มข้องใจมากขึ้นทุกที ปกติอีกฝ่ายอาจจะมีเกรงเขาบ้าง แต่ไม่ใช่หวาดกลัวจนหน้าซีดไม่กล้ามองหน้ากันขนาดนี้ “ว่าแต่...อาวัฒน์ถามเรื่องพี่เนกับหนูทำไมหรือคะ”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วให้ ก่อนจะถอนหายใจ

          “อาก็แค่เป็นห่วงเรา” คนบอกเองกลับดูไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นัก “แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันก็ดีแล้ว”

          แมวนิ่วหน้ามองอีกฝ่าย ท่าทางเหมือนคันปากอยากจะพูดเหลือเกิน จนวัฒน์หันกลับไปมองอีกครั้ง

          “...ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะคะ...แต่อาวัฒน์คิดยังไงกับพี่เนหรือคะ”

          ถามเสร็จก็ต้องผงะเมื่อวัฒน์ออกอาการโศกสลด แม้แต่เอมที่นั่งกินข้าวด้วยยังเผลอถอยห่างจากวัฒน์อย่างลืมตัวด้วยความผวาต่อท่าทีของคนสูงวัย

          “หมอนั่นก็ทำงานดี...ถ้าไม่นับเรื่องที่นอนกับผู้หญิงไปทั่วน่ะนะ” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงต่ำ ฟังดูเหมือนหงุดหงิดเสียมากกว่า “ก็เป็นคนดีกว่าที่คิดอยู่”

          “งั้นหรือคะ” แมวเอ่ยพลางลอบถอนหายใจ “เห็นอาเคยว่าเขาซะเยอะ หนูก็นึกว่าอาจะไม่ชอบเขาเสียอีก”

          วัฒน์นิ่วหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ใช่อยู่หรอก

          “ก็แค่ทดสอบหมอนั่นดูเฉยๆ” หนุ่มใหญ่แถ “ก็ทำได้ดีขนาดนั้น จะไปเกลียดลงได้ไงล่ะ”

          “แหม ดีเลยค่ะ ถ้างั้นอาก็สบายขึ้นเยอะเลยสิคะ” เด็กสาวเอ่ยลิงโลด “เอ้อ แล้วพี่เนละคะ”

          “อ้อ อยู่บนห้องน่ะ ถ้าเขายอมทำงานให้ก็บอกได้เลยว่าอาอนุญาต”

          บอกเสร็จสาวเจ้าก็เผ่นหายทันที จนวัฒน์อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าของที่ปาล์มลืมไว้เป็นอะไรกันแน่ ถึงได้รีบนัก แต่เขาก็ขี้เกียจจะสงสัยเจ้าพี่บ้านั่น เพราะลองว่าไม่ได้มาเอาเอง ก็คงไม่ได้สำคัญจริงๆเท่าไหร่นักหรอก

 

          เนนั่งนิ่งจ้องมองจอมือถือของตนมาร่วมห้านาทีแล้ว ทั้งที่แค่กดโทรไปแจ้งงานมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรเลย เพียงแค่ไม่ได้อยากจะคุยด้วยเท่าไหร่นัก

          กับคนที่เกลียดขี้หน้าก็ยังไม่เห็นจะรู้สึกอึดอัดแบบนี้เลย แล้วทำไมกับอีกฝ่ายที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันสักนิด ถึงได้ขยับปากยากนักนะ

          “โอ้ ว่างาย”

          เนเผลอนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงของโค้ก “…พอ ดีคุณวัฒน์เขากำลังหาคนมาช่วยคุ้มกันคุณสิทธิ์อยู่น่ะครับ เขาเลยให้ผมโทรหาคุณ...แล้วก็คุณศาสตร์...”

          “เอ๋ จริงหรือเปล่า” ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ โค้กก็ร้องถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนดีใจ “เอ แบบนี้ก็ได้โอกาสฉันเลยสิ ใช่ไหม”

          เนเม้มปากแน่น เพราะไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็เหมือนกับอีกฝ่ายกำลังทวงสัญญาจากตนชัดๆ

          “ก็คงงั้นมั้งครับ” และเพราะคิดว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆมันเป็นแค่เพราะอีกฝ่ายจะมาแย่งผู้ใหญ่ที่เคารพออกไปเฉยๆ เด็กหนุ่มจึงตอบออกไป “ผมลองถามเขาอ้อมๆดู เขาเอง...ก็ดูจะไม่ได้รังเกียจคุณเท่าไหร่ด้วย...”

          “เอ๋ จริงหรือเปล่า” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงที่ดีใจจนออกนอกหน้า เนก็เผลอขบกรามแน่น “ถ้าอย่างนั้น นายไม่ต้องโทรบอกไอ้ศาสตร์มันนะ เดี๋ยวฉันโทรเอง ขอบใจมากไอ้น้อง”

          ว่าจบก็วางสายไปทันที ซึ่งเนก็ไม่ได้นึกหงุดหงิดอะไรนัก เพราะเดิมทีก็มีเรื่องที่น่าหงุดหงิดกว่ามากวนใจอยู่แล้ว

          “ฮึ่ย อะไรนักหนาวะ!”

          “ว้าย”

          แค่ตะโกนออกมาเพราะหงุดหงิดไม่เข้าใจตัวเอง แต่แมวดันเข้ามาพอดี จากที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงกับยิ้มเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

          “พี่เนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ...” เด็กสาวถามด้วยใบหน้าหวาดหวั่น ยังคงยืนหลบอยู่หลังบานประตูห้องนอน

          “อ๋อ พอดีพี่หาของอยู่แล้วไม่เจอสักที พี่เลยหงุดหงิดน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เนยิ้มเจื่อน “แล้วน้องแมวมีอะไรกับพี่หรือเปล่า”

          “อ้อ...” พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาทีท่าทีปกติ แมวก็กลับมายิ้มแบบมีเลศนัย ทำเอาเนรู้สึกแปลกๆ “พอดีพ่อขอให้พี่ช่วยเอาของที่ปาล์มลืมไว้ไปให้พ่อหน่อยน่ะค่ะ หนูไปขออาวัฒน์ให้แล้ว อาว่าแล้วแต่พี่เนเลยค่ะ...เรื่องรถ ก็เอารถส่วนกลางของบ้านไปก็ได้นะคะ นี่กุญแจ”

          เด็กหนุ่มรับกล่องกระดาษสีน้ำตาลที่ค่อนข้างหนักมากมาจากแมว ก่อนจะยิ้มให้กับเด็กสาวที่โบกมือออกไปจากห้อง แล้วกลับมาหน้ามึนตึงอีกครั้ง

          เราก็แค่ไม่ชอบใจที่โดนแย่งเท่านั้น...ไม่ได้รักเขาสักหน่อย

 

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่นเพราะโดนเสียงกริ่งปลุก พอจะลุกขึ้นไปดูเขาก็ชะงักเพราะเห็นเนเดินลงมาจากชั้นสอง และแมวเองก็วิ่งฉิวไปทำงานของตนแล้ว

          “คุณไม่ไปพักบนห้องหรือครับ” เด็กหนุ่มเสนอด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูอิดโรยของอีกฝ่าย

          “ไม่เป็นไร พอดีฉันรอคนอยู่ ขอบใจนะ...” พูดแล้วก็ได้แต่กัดลิ้นตัวเองเพราะดันพูดผิดวิสัยออกไป เนถึงได้ทำหน้าเหวอใส่ “ถ้าไม่ชอบ จะให้ฉันพูดเหมือนเมื่อก่อนไหม”

          เนบึ้งหน้านิดหน่อย “ก็มันไม่ชินนี่ครับ”

          “ก็รีบๆชินได้แล้ว” วัฒน์ ดุกลบเกลื่อน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายออกอาการแปลกใจเสียเหลือเกิน ก็ยิ่งนึกถึงเรื่องสุดแสนจะน่าอายที่ตัวเองได้ไปกระทำต่ออีกฝ่ายจนต้องบ่ายหน้าหนี

          และเนก็ต้องแปลกใจอีกหน แน่ล่ะ ปกติถ้าทำเสียงดุแล้วหันหน้าไปทางอื่น เนจะรู้สึกเหมือนวัฒน์รังเกียจและโกรธจนไม่อยากมองหน้า แต่ครั้งนี้กลับดูไม่ใช่เลย ครั้งก่อนเองก็ด้วย ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร...ที่รู้อย่างเดียวคือ มันทำให้เขาอดดีใจไม่ได้

          นั่นเพราะคุณยอมรับผมแล้วจริงๆสินะ...

          “ครับ ผมจะรีบชินให้เร็วที่สุดเลยครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงใส “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปส่งของให้คุณฉัตรก่อนนะครับ”

          วัฒน์ไม่พูดอะไรนอกจากโบกมือให้

          เด็กหนุ่มเดินไปยังรถส่วนกลางที่จอดอยู่ในโรงรถไม่ห่างจากตัวบ้านใหญ่เท่าไหร่นัก และพอขับออกมายังไม่ทันจะพ้นโรงรถ เขาก็เหยียบเบรคแทบไม่ทัน เมื่อเห็นร่างของแขกผู้มาเยือนที่เดินตามแมวเข้าบ้านติดๆ

          หัวใจภายในเริ่มบีบตัวจนรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง มุมปากบึ้งลงพร้อมกับบีบพวงมาลัยแน่น ความขุ่นเคืองตีฟุ้งขึ้นมาเต็มอก และที่น่าหงุดหงิดกว่าคือตัวเองที่ต้องมารู้สึกแบบนั้น

          เนหลับตาข่มใจให้สงบก่อนจะออกรถอีกครั้ง พยายามเมินศาสตร์ที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านเสียสิ้น

เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

 

          “อุตะ”

          แมวอุทานออกมาเมื่อเห็นวัฒน์นั่งหลับอยู่บนโซฟา ที่ทำเอาเธอเผลอร้องออกมาไม่ใช่เพราะคุณอาหน้านิ่งแกมาเผลอหลับในที่แบบนี้ แต่เพราะท่านอนที่ดูแล้วเหมือนกำลังนั่งเครียดมากกว่ากำลังงีบหลับจนเธอเผลอสับสนไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

          “อาวัฒน์นี่ ขนาดหลับยังชวนเข้าใจผิดไม่เปลี่ยน” เด็กสาวพึมพำกับแขกด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปหมายจะปลุก แต่โดนศาสตร์ห้ามเอาไว้เสียก่อน

          “ไม่เป็นไรหรอก ให้พี่รอให้อาเขาตื่นก็ได้”

          แมวเลิกคิ้วมอง ก่อนจะฉีกยิ้มชั่วร้ายออกมา ทำเอาชายหนุ่มนิ่วหน้า

          “ค่า งั้นก็ตามสบายนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร พวกหนูอยู่กันหลังบ้านไม่ก็ในครัวนะค้า รับรองไม่มีมากวนพี่ศาสตร์กับอาวัฒน์แน่นอนค่ะ”

          ศาสตร์เพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อย แม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามแต่อย่างใด เพราะสำหรับเขา เด็กสาวจะรู้ได้อย่างไรหรือจากไหน มันก็ไม่สำคัญนัก

          หลังจากเด็กสาวออกจากห้องรับแขกไป ชายหนุ่มก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะกำลังคิดหนักว่าควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะตั้งใจว่าจะรอจนกว่าวัฒน์จะตื่นขึ้นมาเอง แต่ครั้นจะออกไปจากห้องนี้เพราะไม่อยากรบกวนก็แอบเสียดายเวลาที่จะได้อยู่ กับอีกฝ่ายเหลือเกิน

          ศาสตร์ลงไปนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวใกล้ๆ ดวงตาเรียวมองคนตรงหน้าที่ขนาดงีบยังนั่งกอดอกและนิ่วหน้าเหมือนกับคนกำลังคิดเรื่องเครียดเสียมากกว่า ถ้าไม่ส่งเสียงกรนเบาๆออกมา ก็คงไม่รู้นักหรอกว่ากำลังหลับอยู่

          ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา ใช่ว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายแบบนี้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่ และถึงใครต่อใครอาจจะมองว่ามันไม่ได้ชวนมองเลยสักนิด แต่สำหรับเขา ให้มองทั้งวันเลยก็ยังได้

          ศาสตร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเลื่อนตัวเหมือนจะล้มลงนอน ชายหนุ่มรีบลุกไปช่วยประคอง แต่พอได้แตะตัวแล้วมันก็ทำเอาตื่นเต้นไปหมด จนพลาดไปจากที่คิดเอาไว้ไกลมาก

          ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งมองคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนตักของตน ใบหน้าขึ้นสีจนร้อนไปหมด และทั้งที่เขินจนอยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ขามันก็ดันไม่ยอมคำตามคำสั่งเสียนี่ มือหนาปิดปากตัวเอง รู้สึกเหมือนอยากจะตะโกนเอาความรู้สึกที่ทะลักอยู่ในอกออกไปเสียเหลือเกิน

 

          “...”

          จากที่กำลังสะลึมสะลืมและคิดจะนอนต่ออีกหน่อยก็ต้องเบิกตากว้างเพราะแทนที่ตนจะนั่งหลับอย่างที่เข้าใจ แต่กลายเป็นว่ามานอนหนุนตักศาสตร์เสียนี่ แถมเจ้าคนมาเป็นหมอนให้เองก็นอนหงายพิงโซฟาหลับไปด้วยอีกต่างหาก

          “...อาวัฒน์ตื่นแล้วหรือครับ” พอหนุ่มใหญ่ดีดตัวขึ้นมา ศาสตร์ก็สะดุ้งพร้อมกับเอ่ยทักทั้งที่ยังงัวเงีย แต่เพียงไม่นานใบหน้านิ่งนั้นก็แดงเรื่อ “...คือผมเห็นอาหลับอยู่ ท่าทางเหนื่อยๆผมเลยไม่อยากปลุก...”

          วัฒน์เองก็ชักเริ่มร้อนที่หน้า ใจจริงก็อยากจะถามต่อเหมือนกันว่า แล้วทำอีท่าไหน ตนถึงได้มานอนหนุนตักศาสตร์เสียได้ แต่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ถามจะดีกว่า และมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญกับสิ่งที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ด้วย

          “อืม...” วัฒน์เอ่ยเสียงเบา “มานานแล้วหรือยัง”

          “ก็สักพักแล้วล่ะครับ ลุงฉัตรบอกให้ผมมาช่วยน่ะครับ...” ชายหนุ่มตอบด้วยระดับเสียงที่เบาไม่ต่างจากอีกฝ่าย ดวงตาเรียวที่เหลือบมองมาทำเอาคู่สนทนารู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา “อาเปิดของขวัญแล้วใช่ไหมครับ”

          วัฒน์ผงะเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้เตรียมใจกับคำถามนั้น เขานั่งกระอักกระอ่วนอยู่พักใหญ่ และยังไม่ทันจะได้ตอบ อีกฝ่ายก็รู้ได้ด้วยท่าทีที่แสดงออกมาแล้ว

          “ผมเป็นคนให้แหวนอาเองละครับ”

          จากที่กำลังสับสนถึงกับหน้าแดงเถือก แม้จะพอรู้เลาๆมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสารภาพตรงๆกันแบบนี้

          แต่ความสับสนที่ยังคงไม่จางหาย ก็เป็นเพราะมันไม่ได้มีแค่วงเดียว

          “ผมขอคำตอบเลยได้ไหมครับ”

          วัฒน์เพียงแต่มองหน้าอีกฝ่าย ยังติดคอมโบจากเมื่อครู่ไม่หาย ยิ่งเห็นสีหน้าและท่าทางที่จริงจังและกำลังรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อแล้ว ทำเอาหนุ่มใหญ่รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายไม่ใช่ศาสตร์ที่เขาเคยรู้จักมาก่อน

          “กะทันหันแบบนี้ฉันคงตอบให้ไม่ได้...” อันที่จริงมันก็ไม่ได้เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ แต่เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ถึงไม่ได้เตรียมใจและคำตอบเอาไว้ให้เลย “คิดแบบนั้นกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

          ได้ยินคำถามแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มก็ออกสีไม่ต่างจากคู่สนทนานัก ทำเอาวัฒน์ที่กำลังสับสนปนเขินยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องซาวน่า

          “ถ้าบอกว่าตั้งแต่ที่เจออา...จะเชื่อผมไหม”

          นี่ไม่ใช่อยู่ในห้องซาวน่าแล้ว ยืนหน้าปล่องภูเขาไฟที่ใกล้ปะทุชัดๆ!

          “ฉันไม่รู้เลย...ทั้งที่อยู่กันมาตั้งนานแล้ว...” วัฒน์ยังคงไม่อยากจะเชื่อนัก “ฉันนี่มันแย่จริงๆ...”

          “มะ...มันไม่ใช่ความผิดของอานะครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงตื่น “ผมต่างหากที่ขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าให้อารู้...”

          พูดแล้วก็เขินกันเองอยู่พักใหญ่ กว่าที่วัฒน์จะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

          “ถามได้ไหมว่าทำไมถึงมาชอบตาลุงเมียทิ้งนิสัยเสียอย่างฉัน”

          ศาสตร์นั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ ท่าทางเหมือนมีอยากจะพูด แต่ท่าทางความเขินติดอยู่ที่คอ ถึงทำให้คำตอบไม่ออกมาเสียที

          “...ถึงคนอื่นจะบอกว่าอาน่ากลัว เข้าถึงยาก โหดเหี้ยมขนาดฆ่าคนด้วยสายตายังไง...แต่ผมก็รู้ว่าอาไม่ได้เป็นแบบนั้น...และที่สำคัญ...”

          ชายหนุ่มเว้นช่วงแล้วช้อนมองคู่สนทนา ทำเอาคนมองรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

          “เพราะอาเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักอา”

          วัฒน์มองอีกฝ่ายที่พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกดีใจ เพราะใช่ว่าจะโดนชมเรื่องนี้กันบ่อยๆ และถ้าไม่มองว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายคราวหลาน เขาก็ไม่เคยโดนบอกรักสักเท่าไหร่นัก เพียงแต่นั่นอาจจะเป็นเพราะในใจตอนนี้มันมีคนมากวนมากกว่าหนึ่งก็เป็นได้

          ยิ่งคิดถึงคำพูดของคนที่ไม่อยากจะคิดถึงเป็นที่สุด ก็ยิ่งทำให้ภายในใจรู้สึกสับสนและหงุดหงิดขึ้นมา

          “คิดดีแน่แล้วหรือ”

          ศาสตร์เงยหน้ามองหนุ่มใหญ่ ในตอนนี้วัฒน์ดูคล้ายกำลังหวังบางสิ่งบางอย่าง ในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนไม่อยากจะรับฟังเท่าใดนัก

          “ถ้าอาไม่ได้คิดแบบนั้น...อาจะปฏิเสธผมตรงๆก็ได้นะครับ...”

          “ไม่ใช่!...” วัฒน์โพล่งเสียงตื่น ก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเอง “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันก็แค่...บางทีเราอาจจะเข้าใจว่ามันคือความรักแบบคู่รัก ทั้งที่มันอาจจะเป็นแค่ความรักแบบอาหลาน หรืออย่างอื่นก็ได้”

          “อาจะบอกว่าสิบหกปีที่ผมรักอา มันเป็นความสับสนหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่นิ่งเงียบ ใช่ว่าข้อนี้เขาจะไม่คิด แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือตัวเองที่เอาแต่คิดหาทางปฏิเสธอีกฝ่ายเสียให้ได้ ทั้งยังเอาศาสตร์ไปเปรียบกับใครบางคนอีก

          ทั้งที่ถ้าเลือกทางตรงหน้ามันย่อมดีกว่าแท้ๆ…แล้วทำไมถึงได้เอาแต่มองอีกทางที่รู้ทั้งรู้ว่าหากเดินไปแล้วจะต้องเจ็บตัวแน่ๆกัน

          “...ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหม” หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดวัฒน์ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบนิ่ง “ฉันอยากจะให้แน่ใจอะไรบางอย่าง”

          สีหน้าของศาสตร์นั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจนัก

          “หมายถึงเด็กที่ชื่อเนใช่ไหมครับ”

          หนุ่มใหญ่สะดุ้ง “ทำไมถึงพูดชื่อเด็กนั่นขึ้นมา”

          “เพราะอาทำตัวแปลกทุกทีเวลาอยู่กับเด็กคนนั้น” ชายหนุ่มเอ่ย ดูไม่ชอบใจที่ต้องพูดสักเท่าไหร่ “อาอาจจะไม่รู้ตัว แต่บางครั้งตอนที่อาคุยกับหมอนั่น มันเหมือนกับตอนที่อาอยู่กับพี่ปิ่น”

          คนฟังเบิกตาโพลงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว จริงอยู่ว่าไอ้เรื่องที่เคยเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายเลยทำตัวไม่ดีใส่นั่นก็เรื่องนึง แต่พอโดนทัก เขาถึงนึกได้ ปกติเขาไม่เคยแกล้งคนที่เห็นเป็นศัตรูหรอก ยิ่งถ้าไปเทียบกับคนที่เกลียดจริงๆอย่างเดช เขาไม่มีทางเหน็บกัด หรือแกล้งหรอก แค่อยู่ด้วยกันเพียงนาทีก็อึดอัดจะแย่

          ยิ่งไอ้เรื่องเห็นใจทั้งที่สงสัยว่าเป็นศัตรูเนี่ย ลืมไปได้เลย

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังทำหน้าเหมือนหมาหวงก้าง จากที่กำลังเครียดๆก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

          “ขอโทษนะ ถ้าฉันรู้ตัวเร็วกว่านี้ บางทีอาจจะตอบรับความรู้สึกของเราไปแล้ว” ว่าแล้วก็ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู “...เพราะแบบนี้พอโตมาถึงเว้นระยะกับฉันทั้งที่ยังเข้ามาคุยเหมือนเดิมหรือ”

          ศาสตร์พยักหน้าที่แดงทันทีที่โดนวัฒน์จับ

          “ผมกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่แล้วหน้ามืดไปทำอะไรอาขึ้นมานะครับ”

          ชายหนุ่มพูดจบปุ๊บ วัฒน์ก็ชักมือกลับออกอย่างรวดเร็ว พร้อมเลื่อนสายตาลงต่ำอัตโนมัติ

          “ย...อย่าจ้องสิครับ” ชายหนุ่มโพล่งเสียงตื่นพร้อมกับรีบปิดเป้ากางเกงเหมือนกลัวเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ทั้งที่เอาเข้าจริงๆ เนื้อผ้าของกางเกงมันก็หนาจนดูไม่ออกนักหรอก “อาไม่เกลียดผมนะ...”

          ถ้าบอกว่าอิจฉาแทนจะได้ไหม…ถึงตอนนี้ของเรามันจะผงาดขึ้นบ้างแล้วก็เถอะ…แต่ขึ้นแล้วไม่ได้ใช้ ดีใจไปก็เท่านั้น

          “จะเกลียดทำไม ก็มันเรื่องปกติของผู้ชาย ฉันก็เป็น อย่าคิดมากสิ” แต่แค่ล่มปากอ่าวทุกที “ถ้ามันไม่มีอาการเลยสิ น่าแปลก”

          “ครับ” ชายหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม ยังเขินไม่เลิก “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอนะครับ”

          วัฒน์จ้องมองคนตรงหน้า ที่ดูๆแล้วเหมือนจะไม่อยากรออย่างที่ปากว่าเท่าใดนัก ก่อนจะยิ้มบาง

          “อืม ช่วยรอหน่อยนะ ไม่นานหรอก”




______________________________________

ลุงเขาบอกงี้แล้ว...เพราะฉะนั้น...อีกไม่นานนะทุกคน เดี๋ยวลุงจะโยนมาลัยให้คู่แน่นอน XP(รจนาเรอะ)

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ
เลือกดีๆ นะลุง -_-+
5555555
ถ้าไม่เอาศาสตร์ งั้นขอได้มะ นางน่ารักอ่ะ 555
สรุปศาสตร์ให้แหวน แต่วงไหนกันล่ะนี่?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2015 10:16:46 โดย boboman »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โธ่ ลุง ไม่ได้ดั่งใจเล้ย  :z3: 

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
 :z3: มาต่อเร็วๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ดันๆ มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ระวังเนหึงโหดนะอา หึๆๆ เดี๋ยวจะลุกไม่ขึ้น  :jul3:

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ศาสตร์น่าสงสารจัง แอบรักมาตั้งสิบหกปี
โดนคนอื่นมาคว้าไปซะงั้น เฮ้อ
จะมีใครมาช่วยดามใจไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 59


          เนนิ่วหน้ามองฉัตรที่มายืนรอต้อนรับตนอยู่ตรงหน้าประตู เห็นอีกฝ่ายกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องใส่แล้ว เด็กหนุ่มชักไม่อยากจะเดินเข้าไปหาตงิดๆ

          “งายไอ้หนู มาเร็วนะ” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เอ่ยทักทาย “มาเหนื่อยๆ เข้ามาพักก่อนสิ”

          “...ไม่ดีกว่าครับ ผมรีบ” ด้วยความระแวงกลัวโดนแกล้งอีก เลยตัดบทเอากล่องวางที่พื้นหมายจะรีบกลับ

          “อะไรก๊าน จะรีบไปไหน ได้ข่าวว่าวันนี้ว่างไม่ใช่หรือไง” ฉัตรว่าก่อนจะคว้าคอเสื้ออีกฝ่าย เล่นเอาเนเกือบหงายหลัง “ฉันมีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ”

          เรื่องของลุงมันไม่ใช่เรื่องน่าฟังเลยนะเฟ้ย

          “เฮ้ย ฉันไม่แกล้งหรอกน่า รอบนี้จริงจังนา” หนุ่มใหญ่บอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตีหน้าแหยงใส่ “เรื่องไอ้เดชน่ะ”

          จากที่กำลังขัดขืนหนีเอาเป็นเอาตายถึงกับหยุดกึกแล้วหันไปมองทันที รอบนี้ฉัตรเองก็ไม่ได้เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เหมือนทุกที ทำเอาคนมองรู้สึกเครียดไปด้วย และยอมตามอีกฝ่ายเข้าบ้านแต่โดยดี

          “เคยเจอมันหรือเปล่า” หลังจากเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ฉัตรก็เอ่ยถามขึ้น ก่อนจะเดินลงไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

          “ไม่เชิงครับ...เคยครั้งเดียวแค่ตอนที่ไปประชุมในบาร์ของคุณ” เด็กหนุ่มเอ่ย ยังคงยืนเว้นระยะ เหมือนไม่กล้าเข้าไปนั่งใกล้ๆเท่าใดนัก “...แต่ผมเคยได้ยินหมอนั่นพูดเรื่องคิดไม่ดีกับคุณสิทธิ์ด้วย...”

          พูดแล้วก็อดกระอักไม่ได้ เพราะความผิดในใจผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุ ถ้าไม่ใช่เพราะเดช มีหรือที่เขาจะเผลอไปหน้ามืดปล้ำวัฒน์ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดแบบนี้

          ฉัตรเลิกคิ้ว ก่อนจะยกยิ้มด้วยความดีใจ “แล้วจำได้ไหมว่ามันพูดอะไรบ้าง แล้วพูดกับใคร”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างโศกสลด “ผมไม่แน่ใจว่าหมอนั่นคุยกับใคร เพราะได้ยินแต่เสียง...หมอนั่นพูดว่าขอแค่กำจัดคุณสิทธิ์ไปได้ ก็จะไม่มีตัวปัญหาใดๆอีก จะทำยังไงก็ได้ ไม่ต้องเลือกวิธีการ แต่อย่าให้มันกระโตกกระตากนัก แล้วก็ระวังหมอนั่นไว้...ประมาณนั้นละครับ”

          ฉัตรนิ่วหน้า ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ได้ยิน แต่เป็นท่าทีของคู่สนทนาต่างหาก นี่ถ้าไม่มีหลักฐานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเดชกับเน ฉัตรก็คงแอบเชื่อเหมือนกับวัฒน์ไปแล้วว่าเจ้าเด็กนี้อาจจะเป็นสายให้อีกฝ่ายจริงๆ ก็เล่นเล่าไปเศร้าไปอย่างกับเขากำลังบังคับให้พูดยังไงยังงั้นเลยนี่

          “เหรอ...” หนุ่มใหญ่ว่า ยังคงสังเกตพฤติกรรมคนตรงหน้าไม่วางตา “ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่เลยแฮะ”

          “นั่นสิครับ” ยิ่งพูดยิ่งออกอาการโศกาอาดูร จนฉัตรชักคันปากอยากถามขึ้นทุกที “...แล้วคุณมีแผนอะไรจะชิงจัดการหมอนั่นก่อนหรือเปล่าครับ”

          หลังจากเศร้าเสร็จก็กลับมาถามด้วยน้ำเสียงคั่งแค้นเสียเต็มประดา ประดุจว่ามีความแค้นกันมาก่อน ทำเอาคนที่กำลังสงสัยเริ่มคันปากหนักข้อ

          “ตอนนี้ยัง ก็คงได้แต่รับมือไปก่อน...” ฉัตรมองคนที่ดูจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำสีหน้าอะไรออกมา “แต่ลงว่ามันพูดเองขนาดนี้ นายเองก็ต้องระวังตัวด้วยนา เผลอๆมันจะเล่นงานไปถึงครอบครัวนายด้วยเลยล่ะ”

          เนเลิกคิ้วก่อนจะแค่นยิ้มออกมา

          “ก็ทำไปสิครับ ผมไม่เห็นจะแคร์พ่อแม่งี่เง่าพรรค์นั้น”

          ฉัตรเลิกคิ้ว เขาพอจะรู้มาบ้างว่าไอ้เด็กตรงหน้ามันหนีออกจากบ้านมาทำงานกับสิทธิ์ นั่นก็หมายความว่า ถ้าไม่เกลียด ก็คงมีเรื่องบาดหมางรุนแรงจนต้องหนีออกมา และดูจากท่าทีไม่สนใจว่าครอบครัวจะเดือดร้อนของเน ทำให้เขาเดาได้ว่าคงเป็นอย่างแรก

          ที่จริง เขาก็แอบสงสัยตั้งแต่ตอนที่วัฒน์บอกว่าเนเห็นวัฒน์เป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เคารพแล้ว ไหนจะปาล์มที่เล่าเรื่องที่เนชอบคนอายุมากกว่าแต่ดึงดันไม่ยอมมองเป็นเรื่องรักใคร่อย่างเอาเป็นเอาตายเสียเหลือเกิน ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่ แต่พอมาฟังเจ้าเด็กนี่พูดถึงครอบครัว เขาก็เริ่มเอะใจขึ้น

          “ถ้าไม่สนใจก็โอเค จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ฉัตรเริ่มยกยิ้มที่มุมปาก นั่นเป็นสัญญาณให้เนรับรู้ว่า อะไรบางอย่างที่อันตรายกำลังมาเยือน “เออ ฉันได้ยินว่าแกเองก็คบกับผู้หญิงเยอะใช่เล่นเลยนี่หว่า แน่เหมือนกันนี่”

          เนนิ่วหน้า ใช่ว่าจะไม่ภูมิใจ แค่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆอีกฝ่ายถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

          “ก็งั้นๆละครับ...” พูดก็พูด ช่วงนี้นี่ไม่ได้นอนกับสาวๆเลย จึงทำให้คนพูดตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “ถามทำไมหรือครับ”

          “พอดีมีคนมาปรึกษาฉันว่ากำลังมีปัญหากับแฟน แล้วโดนบอกเลิก แต่เขาไม่อยากจะเลิก เลยไม่รู้จะทำยังไงดีน่ะ” ฉัตรบอกแล้วถอนหายใจ “ไอ้ฉันก็ทำเป็นแต่ลูกตื๊อ ไอ้ปาล์มมันก็ไม่เคยโดนแฟนบอกเลิก เลยมาถามนายดูว่ามีความคิดดีๆอะไรบ้างไหม”

          “ไม่รู้ครับ ผมไม่เคยรั้งใครไว้ อยากเลิกก็เลิก ปกติผมเป็นคนบอกเลิกก่อนด้วยซ้ำ”

          ฉัตรเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรสักนิด กลับกันด้วยซ้ำ

          “ไม่มีเลยหรือ จริงอะ” เนได้แต่นิ่วหน้ากับอาการเสแสร้งของอีกฝ่าย “ไม่เคยมีใครที่แบบว่า ถ้าไม่อยู่ด้วยแล้วนายจะรู้สึกกระวนกระวาย ขาดไม่ได้เลยหรือ”

          “ก็ไม่นี่ครับ” แม้จะระแวง แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมตอบออกไป “ผมว่ามันเสียเวลาจะตาย ไปรั้งคนที่ไม่อยากจะอยู่กับเราแล้วน่ะ”

          “งั้นหรือ” ฉัตรทำเสียงและสีหน้าเหมือนเสียดายเต็มทน แต่คนมองเห็นแล้วเริ่มคันเท้าขึ้นมา “ถ้างั้นไอ้วัฒน์มันก็บ้าน่าดูเลยสิที่ไปตามตื๊อเมียเก่าได้เป็นเดือน…”

          “ไม่ได้บ้านะครับ!”

          ฉัตรถึงกับตกใจขึ้นมาอย่างจริงจัง เพราะไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่มันจะตะคอกใส่

          “เอ้า ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ แล้วไอ้วัฒน์เองมันก็เคยทำแบบนั้น จะไม่เรียกว่าบ้า แล้วจะให้พูดว่ายังไงล่ะ”

          หนุ่มใหญ่สังเกตท่าทีของเด็กหนุ่ม จริงอยู่ว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่สิ่งหนึ่งที่เคยคาใจเขาก่อนหน้าคือท่าทีของเนที่มีกับวัฒน์ เพราะเขาได้ยินมาจากวัฒน์ว่าเนออกจะตั้งแง่และกวนวัฒน์ตลอดเวลา แต่มาดูตอนนี้สิ ปกป้องออกนอกหน้าเสียเหลือเกิน

          ซึ่งจากที่ได้ยินมาอีกนั่นล่ะว่าเพิ่งจะมากลับลำเอากลางคัน แถมยังมีขอโทษขอโพยวัฒน์เสียบ่อย ก็หมายความว่าต้องทำอะไรผิดชนิดเลวร้ายมาก ท่าทีถึงได้เปลี่ยนไป ทั้งที่วัฒน์ยังคงเข้าใจเนผิดเรื่องเดชอยู่

          “เขาไม่ได้บ้านะครับ” เด็กหนุ่มยังคงยืนกรานเช่นเดิม พยายามหาเหตุผลจะมาค้านกับคำพูดของตัวเองก่อนหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายจนฉัตรชักอยากจะขำออกมาสักที “ยังไง…เขาก็ไม่ได้บ้าสักหน่อยนะครับ เขาก็แค่รักเมียเก่าเขามากๆก็เท่านั้น”

          “อ้าว พูดแบบนี้ก็แสดงว่าตัวนายไม่เคยรักใครถึงขั้นนั้นเลยล่ะสิ”

          จากที่กำลังจะตั้งท่าสวน ถึงกับอึ้งรับประทานเลยทีเดียว

          “เอาเถอะ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะเนอะ” อยู่ๆตาลุงถึกก็ตัดบทเสียดื้อๆ เล่นเอาคนที่กำลังมึนเพราะโดนตอกหน้าถึงกับตั้งตัวไม่ทัน “ฉันนึกอะไรบางอย่างได้เกี่ยวกับไอ้เดช…”

          ใบหน้ากลับมาขึ้งเครียดคั่งแค้นทันที ทำเอาฉัตรต้องกลั้นขำสุดชีวิต

          “อย่าไปหาเรื่องมันตรงๆ เพราะมันเก่งพอๆกับฉัน และก็เป็นจอมวางแผนที่เก่งขนาดพวกฉันทำอะไรมันไม่ได้เป็นสิบปี เพราะงั้นอย่าริไปตายเปล่าเด็ดขาด” ลูกแมวที่กำลังตั้งท่าขู่กับถึงหางฟูทันทีที่ได้ยิน “…เออ จะว่าไปเสียงไอ้เดชนี่มันคล้ายกับไอ้วัฒน์อยู่นะ ตอนที่นายได้ยินมันพูด ไม่ตกใจบ้างเลยหรือ…”

          เขาก็แค่พูดขึ้นเพราะนึกขึ้นได้เฉยๆจริงๆ แต่เห็นใบหน้าแดงเถือกที่ตกใจสุดขีดของเนแล้ว ฉัตรถึงกับเบิกตาจนแทบถลน ยิ่งพอเอามารวมกับข้อสงสัยทั้งหมด นั่นคือสิ่งแรกที่เขานึกออก…

          “มะ…มันไม่ใช่ความผิดของผมนะ! ก็ตอนได้ยิน ผมไม่เห็นว่าใครพูดนี่หว่า รู้แค่ว่าเป็นคนสนิทมากๆของคุณสิทธิ์ก็เท่านั้น!”

          แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะจริง เพราะเนไม่ได้บอกว่าตอนฟังเดชพูดนั้น ได้เห็นตัวเดชหรือได้ยินแค่เสียงลอยมาตามลมเฉยๆ แต่ลองเจ้าตัวสารภาพเองแบบนี้ ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยให้นานแล้ว

          แม่เจ้า พวกเอ็งมันกิ่งทองใบหยกชัดๆ!

          เนถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อฉัตรหัวเราะลั่นใส่แบบไม่เกรงใจหรือไว้หน้ากันเลย ทำเอาความเขินบวกความโกรธภายในตีกันวุ่นไปหมด นี่ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องที่ว่าเขาเข้าใจผิดจนเผลอไปปล้ำวัฒน์ คงได้ระเบิดตัวตายเพราะความอับอายเป็นแน่

          “ฉันจะไม่บอกใครแน่นอน สาบานเลย” แต่ก่อนที่เนได้คิดหาคำขู่ดีๆออก ฉัตรกลับเป็นคนเสนอตัวออกมาเสียอย่างนั้น “ทำใจให้สบายได้เลยไอ้หนู”

          เพราะถึงอยากจะป่าวประกาศมากแค่ไหน ลองว่าถ้าเรื่องที่วัฒน์เองก็เข้าใจผิดเช่นนั้นหลุดแถมไปด้วย มีหวังเขาได้เปิดพินัยกรรมในเร็ววันนี้เป็นแน่

          “คุณ…ต้องการอะไร” เพราะโดนแกล้งแล้วแกล้งอีก เลยไม่ไว้ใจขึ้นมาจริงๆจังๆ

          “เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่เห็นใจแกก็เท่านั้น หัดเชื่อใจพี่สามีหน่อยสิจ๊ะ”

          “บ้าเรอะ พี่สามีบ้าอะไร!” เด็กหนุ่มแหววเสียงหลง “คุณวัฒน์เขาไม่ใช่สามีผมสักหน่อย”

          “อาร้าย ไม่ใช่สามี แต่เป็นภรรยาหรือไงจ๊ะ”

          และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาแค่แซวเล่นๆ แต่ดันได้รู้อะไรดีๆกลับมาเสียอย่างนั้น

          “มะ…ไม่ใช่ทั้งนั้นละครับ” หลังจากอึ้งไปพักใหญ่ เนก็ปฏิเสธตะกุกตะกัก แต่เล่นเอาฉัตรขำไม่ออก “หมดธุระแล้ว ผมขอตัวกลับนะ”

          ว่าจบก็ผลุนผลันออกจากบ้านไป ปล่อยให้หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ได้แต่ยืนอึ้งกับความจริงที่เพิ่งรับรู้

          “เอาจริงดิ…”


___________________________________________


และแล้วลุงฉัตรก็ได้รับรู้ความจริงอันหน้าสะพรึง (ฮา)

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
555 ลุงฉัตรขร้แกล้ง อึ้งแดกไปเลย

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ได้น้องเขยต่างหาก 555555555

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฉัตรชอบแกล้งงงง  :hao7:
อยากรู้อ่าว่าแหวนอีกวงของใคร

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นไงบ้างละฉัตร พลิกข้างจากพี่สามีมาเป็นพี่ภรรยาเลย  :laugh:

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สุดยอด ฮ่ะๆๆๆ ได้น้องเขแล้วอึ้งเลยหรอลุงฉัตร 

ฮาดีตอนนี้

 ขอบคุณจ้าาาา

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ฮาอ่ะตอนนี้ 5555
ฉัตรขี้แกล้ง แต่ก็ทำให้รู้อะไรดีๆ เพียบอ่ะ 5555

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เนนี่มันลูกไล่ของฉัตรแท้ๆ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วลุงฉัตรจะทำอะไรต่อไป

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 60


          ตลอดทางที่กลับมายังที่บ้านของสิทธิ์ เด็กหนุ่มได้แต่นึกบ่นก่นด่าตัวเอง ทั้งที่เตือนตัวเองตั้งไม่รู้กี่รอบว่าต้องระวังเวลาคุยกับฉัตรเข้าไว้ แต่สุดท้ายก็หลุดปากประจำ แถมยังเป็นเรื่องที่น่าอายบัดซบเป็นที่สุดอีกต่างหาก

          ถึงอีกฝ่ายจะยืนยันว่าจะไม่บอกใครก็เถอะ แต่จากประวัติที่ผ่านมามันน่าเชื่อไหมล่ะนั่น

          ยิ่งมาคิดว่า ถ้าเรื่องไปรู้ถึงคู่กรณี เขาแทบไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าวัฒน์จะรู้สึกอย่างไร ถึงการแสดงออกล่าสุดของวัฒน์จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นก็เถอะ แต่เขาก็อดหวั่นไม่ได้ว่าจะโดนแจกลูกอมรสตะกั่วเสียจริง ยิ่งคิดถึงตอนที่วัฒน์โกรธจะเป็นจะตายในวันที่ไปเล่นฟุตบอลกัน ความกลัวมันก็เพิ่มพูนทวีคูณจนทำเอาสั่นไปทั่งตัว

          กลัวที่โดนโกรธก็จริง...แต่ถ้าต้องโดนเกลียดละก็...

          เด็กหนุ่มสะบัดหัว ยังไงเสีย ต่อให้ฉัตรปากโป้งจนวัฒน์รู้แล้ว แต่ในเมื่อไม่ได้มีหลักฐานตำตาสักหน่อย ยังไงเขาก็หาทางแถไปได้อยู่แล้ว

          ทีแรกเนนึกว่าอาจจะต้องเจอหน้าศาสตร์เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว แต่พอรู้จากแมวว่าศาสตร์คุยงานเสร็จก็กลับไปตั้งนานแล้ว เขาก็นึกเสียดายเวลาที่ทำใจอยู่หน้าประตูบ้านเสียนานแสนนาน

          เด็กหนุ่มเดินขึ้นห้องนอนไปหลังจากเดินหาวัฒน์เสียทั่วบ้าน และก็พบหนุ่มใหญ่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้านใน

          “ทำงานอยู่หรือครับ” และไม่รู้ว่าเพราะเมื่อเช้าอีกฝ่ายเป็นคนออกปากว่าถ้ามีงานจะให้ตนช่วย เลยเผลอหลุดน้ำเสียงตัดพ้อออกมา

          “เปล่า ฉันแค่ดูว่าจะให้โค้กกับศาสตร์มาวันไหนเวลาไหนบ้างน่ะ คิดว่าคงไม่ได้ให้มาทุกวันหรอก คงแค่เอาที่จำเป็นๆเท่านั้น”

          นั่นไม่ใช่งานหรือไงล่ะครับ...โอ๊ย แต่อันนี้ตูก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า บ้าจริง!

          “...ครับ...” เด็ก หนุ่มตอบเสียงเบาหวิว สายตาก็ยังคงจับจ้องคนที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับการเขียนตารางคร่าวๆ คำล้อของฉัตรที่ลอยขึ้นหัวทำเอาเนรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา

          ‘ไม่ใช่สามี แล้วเป็นภรรยาเหรอจ๊ะ’

          ไม่ใช่สักหน่อย! ก็แค่เซ็กซ์!

          “คุณวัฒน์”

          คนที่กำลังนั่งจัดตารางเงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย เนยืนอึกอักอยู่พักใหญ่ กว่าจะเอ่ยปาก

          “เสร็จจากงานนี้แล้วคุณว่างหรือเปล่าครับ”

          หนุ่มใหญ่ละจากเอกสารตรงหน้า ทีแรกก็ว่าจะตอบไปตามตรง แต่เห็นใบหน้าแดงเรื่อแล้ว จากที่รู้สึกเฉยๆ ก็เริ่มใจสั่นขึ้นมา

          ก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ใช่หรือ ทำไมถึงหน้าแดงละ

          “ก็ว่างอยู่นะ” วัฒน์ตอบตามตรง ยังคงตื่นเต้นไม่เลิก “มีอะไรหรือเปล่า”

          ซึ่งต่อให้ไม่ตอบ แต่ดูจากใบหน้าแดงเถือก และยืนอ้ำอึ้งอยู่เสียนาน เขาก็เริ่มเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

          “วันนี้ทำได้ไหมครับ”

          ถี่ไปแล้วนะเฟ้ย!!

          จะพูดไปก็กระไรอยู่ เพราะเอาเข้าจริงๆ เจ้าเด็กบ้านี่ก็ไม่ได้ปลดปล่อยออกมาเสียที แถมเมื่อวานเองวัฒน์ก็ดันไปลูบๆคลำๆคลอเคลียอีกฝ่ายเพื่อหวังดับอารมณ์ที่แล่นพล่านของตน แต่กลับได้ผลตรงข้ามแทนอีก พอได้ยินคำขอจากเน ไอ้เจ้าเบื้องล่างแสนดีก็ดี๊ด๊าขึ้นมาทันที

          “ตอนนี้เลยหรือ”

          “หลังคุณจัดตารางงานเสร็จก็ได้ครับ”

          วัฒน์ถึงกับคิดหนัก เพราะก่อนที่จะละมาคุยกับเน เขาก็ทำเสร็จแล้วนี่น่ะสิ

          เขาก็ไม่ได้อยากจะปฏิเสธหรอก เพราะถึงอย่างไรก็สัญญากับเนเอาไว้แล้ว แต่พอคิดถึงศาสตร์ที่เพิ่งมาสารภาพรักกับตนเมื่อกลางวัน เขาเองก็ชักไม่แน่ใจว่า ควรจะรักษาสัญญานี้ต่อไปหรือเปล่า แม้ความจริงในใจจะไม่อยากเอ่ยยกเลิกสัญญานี้เลยก็ตาม

          แต่ในเมื่อมีสิ่งที่เขาอยากจะแน่ใจ อารมณ์ก็มา และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ตกลงคบกับศาสตร์ เพราะงั้นทำไปก็ไม่ผิดหรอก

          “นาย...เอ่อ...ต้องเตรียมตัวก่อนหรือเปล่า”

          คนขอถึงกับเบิกตาโพลง เขายอมรับว่าที่โพล่งขอมีอะไรด้วยขึ้นมาเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์มัน กระตุ้มต่อมอยากเข้า อีกทั้งอยากจะพิสูจน์คำพูดบ้าบอว่าฉัตรว่าตนไม่ได้คิดอะไรกับวัฒน์นอกจาก เรื่องอย่างว่าเท่านั้น แต่พอเห็นอีกฝ่ายดูอ่อนโอนลงและไม่เหลือท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ก็ทำเอาอารมณ์ที่วิ่งวุ่นอยู่ภายในมันแทบจะแหกโค้งออกมา...อารมณ์ที่ทำให้ เขาได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านและอยากจะกำจัดมันออกไปให้พ้นสักที

          วัฒน์สะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายจับไหล่ทั้งสองของตนแน่น แต่เนก็ไม่ได้รุกเข้าหาไปมากกว่านี้นอกจากจ้องเขา แต่นั่นก็มากเกินพอที่จะทำให้หนุ่มใหญ่ร้อนจนเหมือนเป็นไข้

          “ปะ...เป็นอะไร...”

          เนเพียงแต่อ้าปากค้างไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้

          เขาเกือบจะเข้าไปฟัดแล้ว แต่ยังดีที่ใบหน้าตื่นตระหนกของวัฒน์รั้งสติของตนเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงปล้ำกันบนโต๊ะทำงานแล้ว

          “คือ...ท่าทางผมคงทนไม่ไหวแล้ว” เนตอบตามความเข้าใจ เพราะในทางกายภาพ เขาก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ทำเลยละกันนะครับ”

          วัฒน์รีบพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าเพราะรอมานานเหมือนกัน หรือเพราะกลัวท่าทางของอีกฝ่ายกันแน่

          “ถ...ถ้า งั้น...กะ...ก็ไปที่เตียงกันเถอะครับ...” เนว่าตะกุกตะกัก และเกิดนึกอายขึ้นมาที่ดันเอ่ยเชิญอีกฝ่ายเสียดิบดี แถมยังมีผายมือให้อีกต่างหาก

          “อ...อืม ...” แน่นอนว่าคนฟังก็เขินพอกัน เพราะทำตัวไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวสุภาพแล้วพูดดีด้วย ยิ่งทำเอาหัวหมุนตัวเกร็งไปหมด

          วัฒน์เดินเก้ๆกังๆไปนั่งลงตรงข้างเตียง ใบหน้าขึ้นสีเสียจนเนเองก็เห็น และนั่นทำเอาคนขอชักหัวหมุนจนอยากจะเป็นลมตาม

          ทำไมนะ ถึงกับผู้ชายจะแค่คุณคนเดียว แต่กับผู้หญิงเราก็ทำมาตั้งเยอะ ไม่เห็นจะรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้เลย

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย ก่อนจะเดินตามเข้าไป พยายามนึกถึงวัฒน์ในวันวาน หวังจะช่วยดับอาการตื่นเต้นนี่ลง

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยตอนที่โดนผลักให้นอนกับเตียง แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือต่อว่าอะไร...ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดด้วย เลยคิดว่านิดๆหน่อยๆก็หยวนๆกันไป ยังไงก็วินๆอยู่แล้ว

          “...อย่าดูดที่คอนะ ขอร้องเลย”

          เนชะงักก่อนจะนึกถึงคดีเก่า

          “ถ้าตรงนี้ละครับ”

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อโดนลิ้นอุ่นลากไปมาตรงแถวกระดูกไหปลาร้าและแถวโคนคอ ทำเอาเผลอหอบเสียงแรง

          “...ดะ...ได้มั้ง...ก็อย่าให้มันเห็นง่ายๆก็พอ...”

          สิ้นคำ หนุ่มใหญ่ก็ต้องสะดุ้งหนักกว่าเดิมเพราะโดดจูบดูดดุนเสียเต็มแรง เสียงลมหายใจถี่รัวดังหวังระบายอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นภายในไม่ให้ระเบิดออกมาในทีเดียว อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาไม่ต้องร้องครางด้วยเสียงน่าอายๆออกมาได้

          วัฒน์ตั้งท่าจะเอ่ยร้องห้ามเพราะกลัวอีกฝ่ายจะลืมสัญญาเมื่อครู่จนขึ้นมาถึงจุดที่ไม่ควรมา แต่ความรู้สึกวาบหวานที่แล่นพล่านทำเอานึกเสียดายหากจะต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้

          และก็โชคดีที่เนไม่ได้ล่วงล้ำไปยังอาณาเขตต้องห้ามตามที่วัฒน์สั่งแต่อย่างใด แม้เจ้าเด็กบ้านั่นจะทำเอาเขาหายใจไม่ทันก็ตาม

          “เดี๋ยว”

          พอเด็กหนุ่มผละออกมาปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง วัฒน์ก็เอ่ยรั้งขึ้น ทำเอาเนเผลอนิ่วหน้าออกมา

          “วันนี้...นายจะทำด้วยใช่ไหม”

          คำถามนั้นทำเอาคนฟังทำหน้าไม่ถูก

          “กะ...ก็ทำสิครับ ถามอะไรแบบนั้นล่ะ”

          “ก็ครั้งก่อนนายยังไม่ยอมทำเลยนี่หว่า แถมตั้งสองครั้งด้วย ฉันก็ต้องกลัวว่านายจะไม่ทำอีกสิ...ก็เราทำสัญญากันเพื่อนายใช่ไหมละ มาทำให้แต่ฉันคนเดียวแล้วมะ...มันไม่สบายใจน่ะ”

          ไม่สบายใจจริงๆนะเฟ้ย ไม่ได้ท้วงเพราะอยากให้แกมาทำฉันหรอกนะ...เออ ก็อยาก แต่ไม่ใช่หัวข้อหลักไง

          เนอ้าปากค้าง ก่อนจะหน้าขึ้นสีหนัก

          “คราวนี้ทำแน่ๆครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงค่อย แล้วก้มลงมองกระดุมเสื้อของวัฒน์ด้วยความอาย

          “ฉันไม่เชื่อ”

          คำตอบทำเอาคนฟังถึงกับเงยหน้ามองอย่างลืมตัว

          “ละ...แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”

          “ก็ทำเลยไง”

          จากที่กำลังงงๆ ถึงกับเบิกตามองจนแทบถลน

          “กะ...ก็คราวก่อนนายก็พูดงี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ...แถมตั้งสองครั้งแล้ว จะให้ฉันเชื่อคำพูดลอยๆของนายได้ไง” วัฒน์ตอบเสียงสั่น ใบหน้าแดงไม่แพ้กับคนฟัง “เพราะงั้นก็ทำซะเลยสิ ไม่ต้องมาเสียเวลาโน่นนี่แล้ว”

          “แต่ว่าคุณ...”

          “ยังไงนายก็ไม่ได้กะจะหยุดแค่รอบเดียวอยู่แล้วนี่ ฉันจะกลัวนายปล่อยให้อารมณ์ค้างทำไม”

          แม้น้ำเสียงจะคล้ายเหมือนกำลังดูแคลน น่าแปลกที่ทำให้เนรู้สึกดีใจมากกว่า เพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายโอเคถ้าเขาจะทำมากกว่าหนึ่งน่ะสิ

          “กะ...ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะรีบเตรียมการทันที “เอ่อ...ขออนุญาตถอดนะครับ”

          โอ๊ย จะถามทำไมวะเนี่ย!! ทีเมื่อก่อนล่ะถอดเอาๆไม่เคยถามความสมัครใจกันซักคำ แถมพอแย้งมันยังจะเอาเข็มขัดมัดตูอีก อย่ามาอยู่ๆมีมารยาทกับตูเอาตอนนี้จะได้ไหมเนี่ย แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดกับแกจะแย่อยู่แล้วนะโว้ย!!

          “กะ...ก็ถอดซะสิ” หนุ่มใหญ่ละล่ำละลักบอก คนยิ่งอายๆ เจอแบบนี้ยิ่งอายหนักกว่าเดิม

          เนพยักหน้าก่อนจะรีบทำตามอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เร็วผิดกับท่าทีลุกลี้ลุกลนเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ยังไม่ทันได้หายใจเข้าสุดปอด ป้อมปราการก็โดนปลดจนหมดสิ้นแล้ว

          “มองอะไร” วัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองส่วนล่างของตนไม่วางตา “มีอะไรผิดปกติหรือไง...ก็นายปะ...ปลุกอารมณ์ฉัน มันก็ต้องตั้งขึ้นสิวะ”

          “กะ...ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่ครับ” เนตอบกลับตะกุกตะกักไม่แพ้กัน “งะ...งั้นขอใส่เลยละกันนะครับ”

          ฉันจะเริ่มไม่อยากทำเพราะแกเอาแต่ขออนุญาตนี่แหละ ไอ้เด็กบ้านี่ ถ้าแกอายแกจะมาถามให้อายเองทำไมวะ ฉันเองก็อายเหมือนกันนะโว้ย

          “ทำเหมือนที่เคยๆทำเถอะ ไม่ต้องถามโน่นนี่หรอก” แต่เพราะไม่อยากจะขึ้นเสียงให้เสียอารมณ์กัน เลยได้แต่บอกอ้อมๆไปแทน และดูท่าทางคนฟังเองก็จะรู้ตัวเช่นกัน

          “อ๊ะ...” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อโดนนิ้วเรียวที่ชุ่มด้วยสารหล่อลื่นไหลเข้ามาภายใน ซึ่งแลดูอีกฝ่ายจะรีบอย่างที่ตนว่า ถึงได้เข้ามาเสียเร็วจนไม่ปล่อยให้เขาได้ทำใจ แถมยังควานไปควานมาจนเขาเตลิดไปหมด “อึก...อื๊อ”

          เนอ้าปากหมายจะถาม แต่ก็หยุดปากไว้เพราะกลัวจะโดนค้อนมองเหมือนเมื่อครู่อีก ในเมื่ออีกฝ่ายบอกให้ทำเหมือนที่เคยทำ เขาเลยจัดการต่อโดยไม่สนเสียงร้องครวญครางและท่าทีคล้ายจะเป็นจะตายของอีกฝ่าย เพราะคิดว่าถ้าวัฒน์ไม่ยอมจริงๆ เดี๋ยวก็เอ่ยห้ามเขาเอง

          พอทุกอย่างพร้อม เด็กหนุ่มก็จัดการทำตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที!

          “เป็นอะไร...”

          วัฒน์มองเจ้าเด็กที่รุกเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะเข้ามาถึงกลางลำก็ดันถอยกลับแล้วหนีไปนั่งหันหลังให้อยู่ที่ปลายเตียงด้วยความเร็วสูง

          “...อ๋อ พอดีถุงยางมันขาดน่ะครับ”

          วัฒน์ถึงกับนิ่วหน้า ก็ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงได้ขาดเสียล่ะ

          แต่ถึงจะสงสัยก็ไม่ได้ถามอะไรนอกจากพยักหน้าให้แล้วรออีกฝ่ายเงียบๆแทน...ซึ่งนั่นทำให้เนรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด

          ก็จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่ายังไม่ทันได้เข้าสุดลำก็เสร็จไปซะแล้วเนี่ย!

          เนก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะนี่ก็นานมากแล้วที่ตนไม่ได้ปลดปล่อย แถมเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์ก็ทำเอาเขาตื่นเต้นเสียจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อะไรๆถึงเลยเถิดไปเสียจนห้ามไม่อยู่แบบนี้

          เด็กหนุ่มพยายามปลุกปล้ำตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเสียเวลา และไม่อยากจะให้วัฒน์รู้ว่าตนเองเสร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้

          “เอ่อ ขอโทษนะครับ...” เสียเวลาไปร่วมห้านาทีกว่าจะกลับมาเดินเครื่องต่อได้

          แม้จะสงสัยว่ากับไอ้แค่ใส่ถุงยางใหม่ทำไมถึงได้ใช้เวลานานนัก แต่เห็นเจ้าเด็กบ้านั่นหันมาหาด้วยใบหน้าเอียงอายนั่นแล้ว ก็ได้แต่กลืนคำถามลงคอแล้วพยักหน้าให้แทน

          “อึก...” เสียงทุ้มต่ำครางออกมาเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาด้านในจนสุดตัวทันที และเริ่มขยับเข้าออกแบบไม่ถามไถ่อะไรอีก “อื๊อ”

          แม้ความเสียวซ่านที่แล่นปลาบจะทำเอาแทบคลั่ง แต่หนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ร้องห้ามหรือประท้วงใส่อีกฝ่ายแต่อย่างใด เขาเพียงแค่กำผ้าปูเตียงเพื่อระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในกายแทน

          “อ๊ะ”

          เพียงไม่นาน อารมณ์ที่สุมอยู่ในกายก็ทะลักออกมา เสียงครางต่ำดังลอดออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว ร่างกายกระถดหนีและดันร่างของอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ แต่โดนเด็กหนุ่มขืนบังคับจับตัวเอาไว้ และยังคงขยับตัวไม่หยุด

          “ฮะ...ฮื้อ...อึก” เสียงครางสลับกับเสียงหอบกระเส่าดังเร่าๆ มือทั้งสองที่พยายามดันเนออกเริ่มกำขยำเนื้อและจิกลงบนแขนขาวของเด็กหนุ่มจนเป็นรอยแดง

          เนกระตุก เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด เขามองคนที่นอนอยู่ด้านล่างที่ทำท่าจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายกลับไม่เอ่ยห้ามปรามหรือร้องโวยวายสักแอะ ทำเอาอดแปลกใจไม่ได้

          ทั้งยังมองกลับมาด้วยสายตาดูเว้าวอนออดอ้อนเสียจนเด็กหนุ่มถึงกับร้อนไปหมด

          “อ๊ะ”

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มโน้มหน้าเข้าลงพรมจูบเข้าที่ซอกคอ และยังคงรักษาสัญญาก่อนหน้าเสียเป็นอย่างดี...

          “อ๊ะ...อื๊อ!!”

          แต่ความรุนแรงนี่แทบจะฉีกเข้าเป็นชิ้นๆเลยทีเดียว

          “อ๊า...อึก...” แม้อยากจะร้องห้ามแทบขาดใจ แต่ท้ายที่สุดกลับทำแค่ครางกระเส่าดิ้นเร่าๆอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ปล่อยให้อารมณ์เปิดเปิงเสียจนคุมไม่อยู่แทน เพราะถึงจะแข็งขืนไป อีกฝ่ายก็สามารถควบคุมตนเอาไว้ได้อยู่แล้ว

          “...คุณวัฒน์…”

          เสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่ออยู่ข้างหู ก่อนจะกัดเข้าที่ไหล่ของหนุ่มใหญ่เสียเต็มแรง ในที่สุดทำนบแห่งอารมณ์ก็พังลงอีกหน หลังจากทำให้อีกฝ่ายเสร็จไปก่อนเสียสามรอบ

          “ยังไหวไหมครับ”

          จากที่กำลังหอบเอาแรง วัฒน์ถึงกับถลึงตาใส่อย่างลืมตัว...โอเค เขาอาจจะเสร็จนำไปหลายที แต่เจ้าเด็กบ้านี่มันก็เพิ่งครั้งเดียว(ซึ่งจริงๆก็คือสองครั้ง) จะขอต่อก็ไม่แปลก ซึ่งที่จริงเขาก็ยังพอจะต่อไหวอยู่

          แต่ถ้าตอบรับง่ายๆเขาก็ไม่ได้พิสูจน์ในสิ่งที่อยากรู้น่ะสิ

          “เอ่อ...ไม่ไหวแล้ว...” หนุ่มใหญ่ตอบลองเชิงไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

          “งั้นหรือครับ...ถ้าอย่างนั้นไว้วันอื่นก็ได้”

          วัฒน์ถึงกับเลิกคิ้วมอง

          “แล้วนายทนได้หรือ”

          คราวนี้คนที่คิ้วผูกเป็นโบว์กลายเป็นเด็กหนุ่มแทน

          “กะ...ก็ปล่อยออกไปแล้วนี่ครับ ทำไมจะทนไม่ได้” เขาเกือบจะหลุดปากเรื่องจำนวนครั้งที่มากกว่าหนึ่งไปแล้ว “คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะลักหลับคุณเพราะทนไม่ได้อะไรแบบนี้หรอก ผมปลดปล่อยแล้ว ไม่ทำแน่”
         
          “งั้นหรือ...” ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้วชักเริ่มกลัวขึ้นมาตงิดๆ “...ถ้างั้นก็...พอแค่นี้นะ...”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าให้แทน

          “เอ่อ...” ก่อนที่เนจะลุกไปยังห้องน้ำ วัฒน์ก็เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงลนปนตื่นๆ “ฉัน...ถามอะไรหน่อยได้ไหม...”

          “ครับ?”

          “คือ...สัญญานี่เราทำเพราะนายจะได้ไม่หน้ามืดไปปล้ำใครใช่ไหม”

          เนพยักหน้าที่เริ่มแดงเรื่อให้

          “....ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่เห็นจะต้องคิดถึงเรื่องที่ว่าฉันจะเสร็จหรือไม่เสร็จเลยนี่...ใช่ไหม”

          เด็กหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องที่เขาไม่ทันคิดถึงเลยสักนิด

          นั่นสิ ถ้าแค่เพราะตัวเอง เราจะทำให้เขาไปทำไม...แถมไม่ใช่แค่ทำให้...แต่ยังอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เหมือนกับตัวเองอีก...ทั้งที่มันก็ไม่ได้จำเป็นแท้ๆ

          ไม่สิ...

          “ผมว่ามันคงน่าเกลียดมาก ถ้าผมจะเสร็จอยู่คนเดียวทั้งที่คุณต้องมาเสียเวลาให้ผม” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อะ...อีกอย่าง เห็นแบบนี้แต่ผมทำให้คู่นอนมีความสุขทุกคนนะครับ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ไม่มีปล่อยให้อารมณ์ค้างแน่นอน!!”

          ประโยคหลังพูดเสียเร็วและดังจนเกือบตะเบ็ง ทำเอาคนฟังได้แต่เลิกคิ้วมองกับพฤติกรรมประหลาดนั่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้คำตอบที่ชัดเจนพอแล้ว

          นายนอนกับฉันแค่เพราะเซ็กซ์เท่านั้นจริงๆสินะ


______________________________________
ช่วงเข้าสู่โหมดดราม่าเบาๆ (?) เมื่อเนเรายังซึนไม่เลิก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด