- รักพัดหวน -
ลมพัดครั้งที่ 12
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เขาถาม...แต่ใครเล่าจะเป็นคนตอบ?
ภาพที่แม็กกี้ยกแขนขึ้นคล้องคอสีหราชพลางแนบริมฝีปากลงบนแก้มกร้านนั้นยังคงติดอยู่ในใจไม่อาจสลัดหลุด เขาก้าวถอยหลังออกจากตรอกนั้นโดยไม่ปล่อยให้ใครรั้ง หรืออันที่จริงอาจจะไม่มีใครร้องเรียกเพื่อรั้งเขาก็ได้...
ร่างโปร่งยกเข่าขึ้นชัน ซบหน้าลงเพื่อซ่อนหยาดน้ำอุ่นที่จวนเจียนจะหยด ทั้งความตกใจ ความไม่เข้าใจ ทั้งความสับสนตีกับวุ่นเสียจนเขาเรียบเรียงไม่ถูก
“เพลง นิ่งเสีย” คีตกาลบอกตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกยกหลังมือปาดน้ำตาซึ่งหยดลงมาพอดีคิ้วเรียวขมวดแน่น ฟังจากบทสนทนาของคนทั้งคู่เขาคิดว่า... ทั้งแม็กกี้และสีหราชอาจจะมีข้อตกลงกัน แล้วตกลงอะไรกันล่ะ? เกี่ยวกับเขาหรือเปล่า?
‘ถ้ายังรักอยู่ นายก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เขาคืนมา’ คำพูดของแม็กกี้ผุดขึ้นมาในหัว เพื่อนสาวบอกเขาก่อนขึ้นเครื่องมาที่นี่
ใช่! เขาจะต้องทำทุกวิถีทาง!
แม้จะต้องผิดใจกับเพื่อนก็เถอะ!
...ก็...เขารักของเขามาตั้งนานนี่นา...
แต่จะทำยังไงกันล่ะ?
ร่างโปร่งเดินวนไป-วนมาในห้องของโรงแรมซึ่งตัดสินใจพักกะทันหันหลังวิ่งออกมาจากตรอกนั้น
‘ปล้ำเลย! ทำให้เขาเป็นของนาย!’ คีตกาลแสยะยิ้ม คำแนะนำและแผนการของแม็กกี้ค่อยๆผุดขึ้นมา ใช่! เขาจะใช้แผนของแม็กกี้นั่นแหละจัดการสีหราช! ดูซิ ถ้าสีหราชตกเป็นของเขาเพื่อนตัวแสบนั่นจะทำหน้ายังไง!
แต่...
มันน่าอายนี่นา! …ถ้าเมาก็ไม่อาย?
งั้น...มอมเหล้าสีหราชดีไหม? หรือจะมอมเหล้าตัวเองดี?
ปัญหาที่หนึ่งคิดได้ ปัญหาต่อไปก็มาเยือน คีตกาลขบเล็บอย่างครุ่นคิด เขาเหลือบมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงคืนแล้วอยากจะร้องไห้ เอาวะ!
สุดท้ายเขาเลยสั่งทั้งไวน์ทั้งเบียร์มาดื่มย้อมใจ อันที่จริงเพื่อเพิ่มความด้าน... ความกล้าให้ตัวเอง ไวน์1ขวดหมดไปท่ามกลางความเสียดาย คีตกาลมองแก้วเปล่าแล้วส่ายหน้า คิดผิดจริงๆที่จะดื่มไวน์ให้เมา ก็เลยต้องคว้าเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆชนิดเร่งปฏิกิริยาความเมาชนิดเฉียบพลัน และก็ดูเหมือนจะได้ผลดี....
“หึหึหึ~” ร่างโปร่งยืนโงนเงนหัวเราะลงคอ ความรู้สึกฮึกเหิมแล่นพล่านหลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตอนดื่มยังนึกหวั่นๆอยู่บ้าง หากพอนึกถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำเขาก็กระดกเอาๆแบบลืมตายจนได้ผลอย่างที่เห็น
คีตกาลเดินกลับไปยังโรงแรมที่พักกับสีหราช มือขาวควานหากุญแจห้องชูขึ้นดู รอยยิ้มหมายมาดวาดประดับมุมปาก ก่อนๆค่อยก้าวเข้าไปในลิฟต์
ชั้น1…
ชั้น2....
ชั้น3…..
ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างโปร่งเดินเชื่องช้าก่อนหยุดยืนหน้าห้อง เขาเพ่งมองหมายเลขหน้าห้องท่ามกลางความมึนเมา เมื่อมั่นใจว่าถูกต้องก็ค่อยๆไขกุญแจแผ่วเบา
ในห้องมืดสนิท คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้งในใจพลันตระหนก หรือสีหราชจะไม่อยู่? คีตกาลตรงไปยังส่วนห้องนอน เพ่งมองเงาร่างบนเตียงนิ่งนาน... จนแน่ใจว่าบนนั้นมีเงาร่างเดียวถึงผ่อนลมหายใจโล่งอก มือขาวยกขึ้นตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจอีกครั้ง แล้วค่อยย่องไปหาร่างบนเตียงอย่างเงียบๆ ร่างโปร่งคืบคลานช้าๆจนคร่อมทับร่างนั้น ใบหน้าขาวเอียงมอง ซ้าย...แล้วก็ขวา...
จะเริ่มจากตรงไหนดี?
“!”
พลันคนที่หลับอยู่ก็สะดุ้งเฮือกเพราะรู้สึกถูกคุกคาม ร่างหนายันกายส่วนบนขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เงาร่างหนึ่งคร่อมทับเขาอยู่ ซ้ำยังจ้องเขาราวกับจะกลืนกิน!
กลิ่นแอลกอฮอลทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉับ ก่อนสงบสติอารมณ์แล้วจ้องมองเงามืดตรงหน้า แสงจากหลอดไฟข้างถนนสาดส่องเข้ามาผ่านชายผ้าม่านทำให้เขาเห็นเค้าหน้าของเงานั้น ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงถอนหายใจโล่งอก
“คีตกาล นายไปไหนมาน่ะฮึ? แล้วกลับมาป่านนี้แถมยังเมาด้วย”
“....” ใบหน้าขาวเอียงมองเขาหากไม่ตอบคำ
“เมาอยู่ใช่ไหมเนี่ย?” ริมฝีปากหยักขยับจะบ่นต่อหากต้องชะงักเมื่อคนด้านบนฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว “!”
ริมฝีปากอิ่มบดเบียด คลึงเคล้าย้ำแรง สีหราชเบิกตากว้าง กลิ่นแอลกอฮอลจากริมฝีปากที่บดเบียดลงมาขมปร่าเล็กน้อย ชายหนุ่มปล่อยให้อีกฝ่ายและเล็มริมฝีปากของเขาอยู่ครู่หนึ่ง นอกจากจะไม่ผละออกซ้ำยังละเลื่อยลงข้างแก้มและซอกคอ...
“ฮื่อ! เพลง! จะทำอะไร?”
“ปล้ำ!”
“ห้ะ?”
“ปล้ำ!” ร่างโปร่งเยหน้าขึ้นตอบเสียงดังย้ำคำเดิมแม้จะฟังไม่ชัดเพราะลิ้นคับปากจากความเมาก็ตาม สีหราชนิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะขึ้นจมูกจนอกแกร่งกระเพื่อมทำเอาคีตกาลที่นอนอยู่บนร่างหนากระเพื่อมตามแรงขำนั้น คิ้วเรียวขมวดฉับอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากบางยู่ลง
“คิดยังไงจะมาปล้ำกันแบบนี้?”
“......นายเป็นของฉัน!”
“?”
“ฉันไม่ยกนายให้ใครหรอก!” คำประกาศกร้าวพร้อมดวงตาคู่สวยจ้องท่ามกลางความมืดสลัว
คีตกาลจะรู้ไหม คำขู่นี้ไม่น่ากลัวเลยสักนิด ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาพองโตคับอกและเต้นรัวแรงอย่างเหลือเกิน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคีตกาลกำลังเมาเต็มที่ ถึงขนาดกลับมาปล้ำเขาหลังจากตระหนกกับเรื่องเมื่อค่ำแบบนี้...
“งั้น...นายจะทำยังไงล่ะ?”
“ฉันก็จะจูบนาย!”
“แล้วทำอะไรอีก?”
“อืม...กอดนาย”
“ต่อไปล่ะ?”
“ครอบครองนาย! ทำให้นายเป็นของฉัน!”
“......”
“ฉันจะกดนาย!”
“อ้อ~”
“ปล้ำได้ไหม?” เจ้าของใบหน้าใสเอียงคอถาม ดวงตาหวานฉ่ำหรี่ปรือ แก้มขาวแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล
“เชิญปล้ำได้เลยครับ” สีหราชยกยิ้มก่อนจะทิ้งกายลงนอนพลางอ้าแขนกว้างแล้วยกยิ้มมุมปาก หากคีตกาลกลับยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“นายคิดว่าฉันไม่กล้ารึไง!”
“ครับ กล้าครับ หึหึ~”
“ฮึ่ย!” มือขาวกระชากเสื้อนอนคนด้านล่างจนกระดุมหลุดกระเด็น
“เอาน่า ใจเย็น~ คราวนี้ฉันจะไม่หนีนายเหมือนตอนนั้นหรอก”
“.......” ดวงตาวาวฉ่ำเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา สายตาวาววับของสีหราชจ้องกลับ คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มยั่วเย้า หากมีแต่เพียงความอ่อนโยนที่ส่งมอบให้ คีตกาลละมือจากปกเสื้อเลื่อนขึ้นแตะแก้มกร้านแผ่วเบา
แตะริมฝีปากแผ่ว ผละห่างเพื่อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีสนิมคู่นั้น ไม่มีคำพูด...มีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดแก้มซึ่งกันและกัน คีตกาลก้มลงจูบ ขบเม้มริมฝีปากล่างของคนข้างใต้ สีหราชเผยอยิ้มแล้วยินยอมให้เรียวลิ้นซุกซนล่วงล้ำ ร่างโปร่งเกาะกระหวัดเกี่ยวพันคล้ายกลัวๆกล้าๆ กดย้ำกวาดลิ้มด้านนอก สีหราชยยกมือขึ้นกดท้ายทอยได้รูปให้ขยับลงแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกเสียเอง ใบหน้าเข้มคร้ามขยับเปลี่ยนมุมแล้วกวาดต้อน ดูดดึงเหนี่ยวรั้งเกาะพันไม่ยอมให้ร่างโปร่งผละหนี มือแกร่งอีกข้างรั้งจับต้นแขนเรียวเอาไว้แน่น
“อืม~” คนด้านบนส่งเสียงประท้วงยามเมื่อลมหายใจเริ่มติดขัด กระนั้นคนที่บอกว่าจะยอมโดนปล้ำกลับไม่ปล่อยโดยง่าย คีตกาลอยากดึงใบหน้าออกห่าง หากสีหราชยิ่งกดให้โน้มลง บดเบียดคลึงเคล้ากวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก รสชาติขมปร่าของเบียร์และไวน์ที่คีตกาลดื่มเข้าไปถูกไล้ชิมแปรเปลี่ยนเป็นหวานล้ำ... สีหราชยินยอมผละให้คนด้านบนได้สูดลมหายใจเข้าปอดและรั้งให้จูบเขาอีกครั้ง ฟันคมขบลงบนริมฝีปากล่างของคีตกาลให้ส่งเสียงอุทานแล้วจึงล่วงล้ำกวาดชิมความหวาน
บางคราวแกล้งรุกล้ำ บางคราวแกล้งหนีถอย คนด้านบนไม่แพ้เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นจูบตอบ มือแกร่งเลื่อนกุมมือขาวแล้วรั้งให้วางบนอกตัวเอง เขาแกล้งผละริมฝีปากออกให้ร่างโปร่งตามมากดจูบอย่างไม่ยอมให้หนี สีหราชหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วยื่นหน้ากระซิบริมหู เสียงทุ้มแหบพร่า...
“ปล้ำซิ~” เสียงทุ้มแหบพร่ายั่วเย้าเชิญชวน คีตกาลที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเมาเบียร์ เมาไวน์หรือว่าเมาจูบของสีหราชกันนแน่ก้มลงครอบครองริมฝีปากหยักนั้นอีกครั้ง มือขาวเลื่อนลูบไล้อกแกร่ง หน้าท้องแข็งเกร็งเพื่อเล้าโลม ผละจูบแล้วแนบริมฝีปากลงบนซอกคอ สร้างเม้มรอยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แลบลิ้นไล้เลียตรงเส้นบ่ากว้าง เลื่อนแตะจูบปลายคางสากได้รูป ยิ่งเจ้าของร่างหนาส่งเสียงครางเครือเขายิ่งกระสันอยากทำให้คนตรงหน้าเป็นของเขาเร็วๆ
“สิงห์ เป็นของเพลงนะครับ?”
“ครับ สิงห์เป็นของเพลง ดังนั้น...รับผิดชอบให้ถึงที่สุดนะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ท่ามกลางแสงสลัว หากคนที่กำลังเมามีหรือจะทันเห็น คีตกาลก้มลงบดเบียดจูบอีกครั้ง คนข้างใต้ช่างพูดจาได้น่ารักเหลือเกิน!
ยามเมื่อมัวเมากับจูบเร่าร้อนพลันร่างโปร่งกลับสะดุ้งโหยง ฝ่ามือหยาบกร้านล้วงผ่านชายเสื้อเข้าแตะไล้เอวผอม ความร้อนจากปลายนิ้วลากผ่านให้รู้สึกสะท้านสั่น มือนั้นลากเลื่อนขึ้นแตะอกขาว กดปลายนิ้วลงบนจุดสีแดงแข็งข้างหนึ่ง
“อื้อ!” ราวกับรู้ว่าคนด้านบนจะผละห่างด้วยความตกใจ มือใหญ่อีกข้างกดท้ายทอยร่างโปร่งเอาไว้ไม่ให้ผละจูบ เรียวลิ้นรุกล้ำดูดดึงร้อนแรงกวดเกี่ยวไปทั่วโพรงปาก คีตกาลยันแขนข้างหนึ่งดันกายไม่ให้ทรุดลงบนร่างหนา อีกข้างยกขึ้นพยายามดึงมือสากนั้นให้พ้นจากอกของตัวเอง หากเจ้าของมือกลับยิ่งลงแรงบนปลายนิ้วบดขยี้ลงบนยอดอกให้ร่างโปร่งสั่นสะท้านจนแทบสิ้นแรง คีตกาลไม่อาจต้านทานเมื่อฝ่ามือข้างนั้นเลื่อนแตะไล่ลงไปยังหน้าท้องเนียน นิ้วแข็งแกร่งปลดปราการแล้วสอดไล้แตะต้องกอบกุมความร้อนผ่าวให้คนด้านบนผวาแอ่นกาย
“อื้อ!”
“ไหนว่าจะปล้ำฉันไง?” สีหราชยินยอมให้ริมฝีปากบางเป็นอิสระ หากยังตามแตะแต้มคลอเคลียไม่ห่าง สะโพกเพรียวพยายามขยับหนีฝ่ามือร้อนข้างนั้น หากกลับกลายเป็นยิ่งเบียดกายเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว
“ปล้ำ?”
“ใช่ เพลงจะปล้ำสิงห์ไงครับ” กระซิบเอ่ยหลอกล่อ
“อื้อ~”
“มาซิ~” คีตกาลจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นคล้ายตกอยู่ในภวังค์ ร่างโปร่งก้มลงจูบ บดเบียดคลึงเคล้าสะโพกลงบนฝ่ามือนั้นด้วยตัวเอง สีหราชยกยิ้ม ขาแกร่งอ้ากว้างแล้วเกี่ยวกระหวัดร่างโปร่งเอาไว้ไม่ให้ถอยหนีได้อีก
ยิ่งเร่งเร้า ยิ่งร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย บดเบียดแนบร่างเข้าหาความอุ่นร้อน จนเมื่อทนไม่ไหวร่างแกร่งจึงพลิกกายเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแทน ฝ่ามือใหญ่เร่งขยับให้เจ้าของริมฝีปากบางส่งเสียงแว่วเครือด้วยความเสียวซ่าน เสียงหวานแว่วเครือเจือสะอื้นยามเมื่อห้วงอารมณ์โหมกระหน่ำถึงที่สุด สีหราชกลายเป็นฝ่ายบดเบียดจูบเสียเอง...ขยับข้อมือเร็วเร่ง อีกข้างกดปลุกเร้าจุดแดงบนอกขาว ส่งให้คนใต้ร่างถึงฝั่งฝัน
“อื้อ! สิงห์!”
ลมหายใจหอบกระชั้นแม้ไม่ได้ปลดปล่อย ความปวดหนึบด้านล่างทำให้คนด้านบนขบกรามแน่น สีหราชยันกายขึ้นจ้องมองร่างโปร่งซึ่งแน่นิ่งไปหลังทะยานเข้าสู่ความสุขสม คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้หลับตาพริ้ม หายใจหอบน้อยๆจากริมฝีปากบวมช้ำคู่นั้นทำให้ร่างสูงอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
ไหนว่าจะปล้ำเขาอย่างไรเล่า? พอปลดปล่อยก็หลับทิ้งกันไปเสียแล้ว...
สีหราชยอมให้ร่างโปร่งซึ่งสิ้นเรี่ยวแรงเป็นอิสระ หากไม่วายขอจูบซับความหวานฉ่ำจากริมฝีปากบวมช้ำตรงหน้า และเล็มไล้เลียเคล้าคลึงด้วยอดใจไม่ไหว แต้มจมูกลงข้างแก้มเนียนและขมับชื้นเหงื่อ สุดท้ายที่หน้าผากเนียน...
เขาจัดท่านอนให้คนตรงหน้า ขยับชายเสื้อให้เข้าที่เข้าทางหากครู่หนึ่งจึงหยุดชะงัก มือแกร่งค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคีตกาลทีละเม็ด เข็มขัดและกางเกงถูกโยนไว้ปลายเตียง... เสื้อนอนของเขาที่ถูกกระชากจนกระดุมขาดเขาสวมไว้อย่างนั้นไม่เปลี่ยน ก่อนจะลุกไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง หยิบบางสิ่งออกมาแล้วกลับขึ้นเตียงอีกครั้ง คราวนี้จัดท่าให้ร่างโปร่งซึ่งเปลือยเปล่าล่อนจ้อนกลายเป็นฝ่ายนอนอยู่บนตัวเขาท่ามกลางความยุ่งเหยิงเละเทะบนเตียง
ท่ามกลางความมืด สีหราชก้มลงมองเสี้ยวหน้าขาวพลางยกยิ้ม แขนแกร่งกอดกระชับเอวผอมเอาไว้แน่น กดจูบหน้าผากเนียนอีกครั้งแล้วเข้าสู่นิทราด้วยความสุขใจ
พรุ่งนี้ตื่นมาก็รับผิดชอบกันอย่างที่ลั่นปากเอาไว้ล่ะ คีตกาล...
**********
“.......” เปลือกตาบางขยับไหว แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจ้าบาดตาจนต้องหลับลงอีกครั้งแล้วค่อยหยีลืมขึ้นใหม่ เขานอนนิ่งพลางนึกทบทวนว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน อากาศเย็นกระทบแผ่นหลังให้ต้องขดกายเข้าหาความอบอุ่นในอ้อมแขนหากแล้วกลับต้องชะงักนิ่งเมื่อก้อนความอบอุ่นนั้นคล้ายมีรูปร่าง คีตกาลก้มหน้าลงมอง ‘ก้อนความอบอุ่น’ นั้นแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“เฮ้ย!”
“อือ~” ก้อนความอบอุ่นนั้นถูกเสียงของเขาปลุกให้ตื่นจากนิทรา ร่างใหญ่สีแทนขยับแขนบิดกายไล่ความเมื่อยขบ ก่อนจะชะงักตามเมื่อเห็นเขา
“สิงห์?” คีตกาลผุดลุกขึ้นนั่งแล้วความหนาวเย็นจึงจู่โจมไปทั่วกาย เขายกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วจึงค่อยพบ...ว่าตัวเองเปลือยเปล่า
“.....” สีหราชลุกขึ้นนั่ง แผ่นอกกำยำมีร่องรอยสีแดงจ้ำประปราย ซอกคอแกร่งยังมีรอบจ้ำสีแดงม่วงอีกสอง-สามรอย ร่างโปร่งสำรวจอีกฝ่ายตาโต ก้มลงสำรวจตัวเองแล้วเผ่นแผล็วลงไปยืนข้างเตียงทั้งที่ยังโป๊เปลือย สีหราชมองท่าทางนั้นแล้วลุกขึ้นยืนให้หลังให้คีตกาล แผ่นหลังกว้างอวดกล้ามเนื้อสวยได้รูป ผิวเนียนสีน้ำผึ้งไหม้เรียบไร้ริ้วรอย เอวสอบสวยไร้ไขมัน กล้ามเนื้อแต่พองามสวยขยับไหวตามการบิดกายของสีหราช คีตกาลจ้องมองภาพนั้นแล้วให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แก้มร้อนผ่าวหากก็ยังไม่ละสายตาจากแผ่นหลังเปล่าเปลือยนั้น
สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบิดกายแล้วอุทานแผ่วพลางยกมือขึ้นแตะสะโพกสอบของตัวเอง ครู่เดียวแล้วเดินเข้าห้องน้ำราวกับไม่สนใจอาการเจ็บของตัวเอง
“สิงห์!” คีตกาลเบิกตากว้างนิ่งค้างกับอาการของคนตัวโต ค่อยๆลำดับเหตุการณ์ในหัว...ตั้งแต่ตอนดื่มเบียร์ ตอนเมาและตอนที่คร่อมทับร่างสีหราช....ร่างโปร่งผวาตามไปเคาะประตูห้องน้ำอย่างร้อนรน ความเหนียวเหนอะหนะตรงหว่างขาแม้จะถูกเช็ดซับไปแล้วก็ยังคงรู้สึกและท่าทางเจ็บสะโพกของสีหราชทำให้เขาตระหนก
นี่เขาปล้ำอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆหรือ!
ร่างโปร่งทุบประตูห้องน้ำ ยิ่งลงแรงเมื่อด้านในมีแต่ความเงียบตอบกลับมา หรือสีหราชจะเจ็บจนเป็นลมไปแล้ว! โธ่! นี่เขาหักหาญน้ำใจปลุกปล้ำสีหราชเพราะความเมาแท้ๆ! ความรู้สึกผิดแล่นกอบกุมหัวใจจนต้องทรุดกายลงนั่งหน้าห้องน้ำ ก่อนที่แสงแวววับบางอย่างจะสะท้อนเข้าสายตา
มือขาวยกสร้อยที่ห้อยบนคอตัวเองขึ้นดู ตัวสร้อยมีแหวนทองคำขาววงหนึ่งคล้องอยู่ รูปแบบราบเรียบไม่สะดุดตาแล้วถ้อยคำกระซิบวอนขอของใครบางคนก็จึงกลับเข้ามาในความทรงจำ
‘สิงห์เป็นของเพลง ดังนั้น...รับผิดชอบให้ถึงที่สุดนะ’
ประโยคเรียกร้อง...ครั้งที่สองที่เอ่ยจากริมฝีปากหยักคู่นั้น
เขาเคยปัดความรับผิดชอบไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้สีหราชหลุดมือไปอีกแล้ว! ร่างโปร่งตั้งมั่นถึงขนาดกำหมัดชูขึ้นฟ้าเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่
“.........”
“เอ่อ....” ร่างโปร่งเก็บมือตัวเองไม่ทัน เขายิ้มแหยให้ร่างสูงที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วมองเขาด้วยสายตาเหมือนมองคนเพี้ยน
“จะยืนเป็นชีเปลือยอีกนานไหม?”
“!” ไหล่บางสะดุ้งไหวแล้วผลุบเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
พอพ้นร่างของคีตกาลร่างสูงจึงเดินมาสวมเสื้อผ้า สีหราชจ้องมองเงาของตัวเองที่สะท้อนบนกระจกแล้วค่อยๆยกยิ้ม...
เอาสิ อยากจะปล้ำเขาเขาก็ยอมให้ปล้ำแล้ว หลังจากนี้จะทำอะไรต่อ?
.
.
.
“เอ่อ นี่ยังเจ็บอยู่ไหม?” สีหราชส่ายหน้า “งั้นจะนอนพักอีกหน่อยหรือเปล่า?” ใบหน้าหล่อเหลาส่ายอีกครั้งแล้วก้มหน้าก้มตาตักอาหารในจานไม่ยอมเงยขึ้นมองคนถามสักครั้งจนคีตกาลใจแป้ว พอร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนเขาก็ยืนตาม “จะไปไหน?”
“วันนี้ต้องไปเอาเอกสารเกี่ยวกับม้า พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน”
“เดี๋ยวฉันไปเอาให้”
“ไม่ต้อง”
“งั้น งั้นฉันไปด้วยนะ” ร่างโปร่งคว้าโน่นหยิบนี่ส่งให้สีหราช พอร่างสูงขยับจะทำอะไรเขาก็พุ่งถลามาคอยหยิบส่งหรือทำแทนไปเสียทุกอย่าง
“?” สีหราชขมวดคิ้วกับท่าทางนั้น เขาหรี่ตามองอีกฝ่ายคล้ายไม่พอใจ
“ก็ ฉันเห็นนายไม่ค่อยสบายเมื่อเช้าอ่ะ”
“ไม่ค่อยสบาย?”
“ก็ ก็ที่เจ็บ...สะโพก”
“หืม?”
“ขอโทษนะ เมื่อคืนฉันคงทำนายแรงไปใช่ไหม?” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองสีหราชหวาดๆ
“อ้อ.....”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลนายเอง”
“.....” สีหราชเพียงพยักหน้ารับ
หลังจัดการเรื่องเอกสารเสร็จ ด้วยไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออีกฝ่ายจงใจ พวกเขาพบแม็กกี้ระหว่างทางกลับโรงแรม หญิงสาวชวนทั้งสองไปทานอาหารกลางวัน ทั้งๆที่เขาจ้องเพื่อนสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายนั้นก็เพียงแค่ยักไหล่แล้วหัวเราะเสียงดัง
คีตกาลตักนู่นนี่ใส่จานสีหราชจนแทบพูน บางครั้งก็แกล้งเกี่ยวปลายผมอีกฝ่ายยามเมื่อลมพัดอ่อน แกล้งแตะปลายนิ้วลงบนแก้มกร้านให้แม็กกี้เห็นโดยที่สีหราชไม่รู้ตัว
“เอ่อ...ยูสองคน...” คิ้วเรียวของแม็กกี้ขมวดมุ่น ใบหน้าสวยคล้ายจะยิ้มไม่ยิ้มคล้ายจะหัวเราะก็ไม่เชิง
“หืม?” สีหราชเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ เหลียวมองร่างโปร่งข้างตัวที่เก็บแขนลงไปอย่างรวดเร็ว
“แม็กกี้เขาจะถามน่ะว่าเราจะกลับเมื่อไหร่”
“ก็พรุ่งนี้ไง?” สีหราชตวัดสายตามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“เอ่อ ไอลืมน่ะว่ายูบอกแล้ว” แม็กกี้หัวเราะ แกล้งมองไม่เห็นว่าคีตกาลถลึงตาใส่ จนเมื่อมื้ออาหารนั้นสิ้นสุดลงหญิงสาวจึงลุกขึ้นเพื่อบอกลา คราวนี้เธอบอกว่าจะกลับไปบ้านตัวเองจริงๆเสียที แม็กกี้ยืนยิ้มจ้องมองหน้าคีตกาลนิ่งนาน จนร่างโปร่งต้องถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเธอ
“คราวนี้เขาเป็นของยูจริงๆแล้วใช่ไหม?”
“...ใช่ และเธอก็จะแย่งเขาไปไม่ได้!” ท้ายประโยคเขาขู่ลอดไรฟัน หญิงสาวหัวเราะไม่มีทีท่าจะโกรธเคือง
“ก็ดีแล้ว”
“?”
“คราวนี้ก็รักษาเอาไว้ให้มั่นล่ะ เกิดอะไรขึ้นก็อย่าปล่อยมือเชียว”
“....แล้วเธอ?”
“...ถ้าเขาไม่ใช่ของยูไอจะแย่งมาจริงๆนะ แต่....” หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงที่ยืนรอห่างออกไปแล้วถอนหายใจ
“?”
“เผอิญว่าเขาไม่เล่นด้วย” คีตกาลเลิกคิ้วแล้วยิ้มเยาะโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ทำเอาแม็กกี้หมั่นไส้ขึ้นมาติดหมัด “...ไม่อยากจะเชื่อว่ายูจะจับเขากดได้จริงๆ” คีตกาลกอดอกฉับอย่างโอ้อวดเมื่อได้ฟัง แม็กกี้เพียงพยักหน้ากับท่าทางนั้นแล้วกอดเพื่อนแน่นก่อนโบกมือลา
ถึงแม้ว่าคีตกาลจะพยายามทำตัวเป็นสามีผู้ดูแลภรรยาท้องอ่อนมากแค่ไหน หากสีหราชก็ปัดการดูแลนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าบางทีสีหราชอาจจะเขิน... แหม่
ทั้งสองขึ้นเครื่องกลับในรุ่งเช้าต่อมา คีตกาลลากสีหราชไปพักที่บ้านจนได้เนื่องจากว่าม้าต้องถูกตรวจสอบโดยกรมปศุสัตว์ที่กรุงเทพอีกครั้งก่อนนำกลับฟาร์ม
“เรานี่มันน่าตีจริงๆเชียว!” ก่อนหน้าคุณยุวดีตกใจเพราะไม่รู้ว่าคีตกาลไปตามสีหราชถึงออสเตรีย มารู้ก็ตอนทั้งสองมายืนกดออดอยู่หน้าบ้านแล้ว
“คิดถึงแม่มากๆเลยครับ” คีตกาลถลาเข้ากอดเอวมารดาก่อนที่คนสูงวัยจะทันยกแขนขึ้นตี คุณยุวดีส่งค้อนให้บุตรชายเสียวงหนึ่งแล้วลากทั้งสองคนเข้าบ้าน
“เดี๋ยวแม่ให้คนเตรียมห้องให้นะ” คุณยุวดียิ้มต้อนรับ ร้องเรียกให้สาวใช้มาช่วยกันขนของ
“ไม่ต้องหรอกครับ ให้สิงห์พักกับเพลงก็ได้”
“หืม?” คุณยุวดีเงยหน้าขึ้นมองสีหราชเมื่อได้ฟังคำของบุตรชาย
“แยกห้องเถอะครับ” สีหราชยิ้มพลางเอ่ยขอ
“ไม่ต้องหรอก สิงห์พักกับเพลงนะ!” ร่างโปร่งหันมาค้าน
“แยกห้อง”
“แต่....”
“ไม่งั้นจะออกไปนอนโรงแรม”
“ก็ได้ๆ!”
“......” คุณยุวดีมองท่าทีของคนทั้งสองตรงหน้าแล้วได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ คิดว่าอย่างไรคืนนี้เธอจะต้องลากคอบุตรชายมาถามความจริงดู
“ตาเถร!” คุณยุวดีอยากจะเป็นลมในขณะที่คุณพีรพลหัวเราะงอหงายหลังจากได้ฟังบุตรหัวแก้วหัวแหวนพูดจบ หลังอาหารค่ำคุณยุวดีก็ลากคีตกาลเข้าห้องทำงานของสามีทันที สอบถามถึงท่าทางแปลกประหลาดเมื่อตอนเย็นและเหตุผลที่คีตกาลไปตามง้องอนสีหราชถึงเมืองนอกเมืองนามาเสียหลายวัน
“ให้มันได้ยังงี้ซี่~” คุณพีรพลตบเข่าฉาดยังหัวเราะไม่หยุด
“นี่คุณ! ลูกชายเราไปปล้ำเขาคุณยังจะหัวเราะชอบใจได้อีก!” คุณยุวดีแหวใส่สามี
“น่าๆคุณ ก็ดีกว่าลูกชายเราโดนปล้ำน่า”
“แต่.....”
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อ?” ผู้เป็นพ่อเช็ดน้ำตาจากการหัวเราะแล้วหันมาถามบุตรที่ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ
“ก็คงต้องง้อจนกว่าจะยอมดีด้วยแหละครับ”
“หืม?”
“แล้วก็...สิงห์เป็นเมียเพลงแล้วด้วย”
“ให้พ่อยกขันหมากไปขอไหม?”
“ก็ดีนะครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” คุณพีรพลหัวเราะลั่นอีกครั้ง คุณยุวดีมองหน้าบุตรชายแล้วยิ้มแหย แม้สิ่งที่คีตกาลดูจะเป็นไปไม่ค่อยได้แต่...ท่าทางมีความสุขของบุตรชายที่ไม่ได้เห็นมานานก็ทำให้คุณยุวดีพูดไม่ออก
คีตกาลเมาแล้วปล้ำสีหราชเธอเชื่อ แต่สีหราชที่ยอมเป็นเมียคีตกาลเนี่ย....
ปล่อยให้ฝันไปอีกหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?