-รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14  (อ่าน 170261 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #120 เมื่อ01-08-2015 08:44:10 »

คุณศักดิ์ กับ คุณชาญ น่ารักพอๆ กันเลยค่ะ เพราะคนหนึ่งก็น่าทะนุถนอม อ่อนไหวง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งก็ช่างดื้อดึง แถมยังพยศเล็กๆ แล้วแบบนี้จะเลือกใครดีล่ะคะเนี่ย :-[ อิ่มเอมนะอิ่มเอม~ เป็นแค่ยักษ์ปากเสียแท้ๆ ทำไมถึงได้เสน่ห์แรงแบบนี้ล่ะคะเนี่ย :laugh:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #121 เมื่อ01-08-2015 09:43:42 »

เราก็สงสัยแล้วนะว่าเรื่องงี่เง่าที่ทำให้เลิกกันมันเรื่องอะไร

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #122 เมื่อ01-08-2015 12:47:28 »

อยากให้กลับมาคบกันไวๆ ตอนนี้อยากรู้มากว่าเรื่องที่ทำให้เลิกกันคือเรื่องอะไร ส่วนเอมนี่จะลงเอยที่ใครน้าาาาา ขอบคุณนะค่ะ

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #123 เมื่อ01-08-2015 13:01:42 »

รีเทิร์นเถอะ เชียร์จ้ะ

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #124 เมื่อ05-08-2015 19:01:48 »

อ๊ากกกกกกก มาเม้นตอนที่แล้วไม่ทันค่า เม้นรวบยอดสองตอนเลยละกัน
อยากบอกว่ารักเรื่องนี้มากกก FCเลยคะ   มาต่อบ่อยๆนะติดตามเกือบทุกวันเลยคะ
ตอนพิเศษนี้ เพลงหนูน่ารัก เดียงสามากกกก แบบนี้สิงห์เลยอดใจไม่อยู่ใช่มั้ยคะ.   เป็นโมเม้นต์ ที่น่ารักมาก. แต่สิงห์เหมือนเคยเจอมาก่อนอีกเหรอ  อยากรู้แล้ว ชอบมากกก
ตอนที่7 อ๊ายยยย. ตอนนี้ฟินจิกหมอคะ เพลงกะสิงห์ น่ารัก หนูเพลง งอแงตลอดเจ็บนานๆเลยนะ สิงห์จะได้ดูแล
แต่เรื่องงี่เง่าอะไรเนี่ย สิงห์ก้อรู้ด้วยแต่ทำไมถึงปล่อยอ่า แล้วต่อไปทั้งคู่จะทำไงต่อเมื่อไรจะกลับมารักกันสักที รออยู่นะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #125 เมื่อ05-08-2015 22:04:47 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ feoh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #126 เมื่อ05-08-2015 23:55:31 »

 :laugh:นึกภาพสิงห์กะอิ่มเอมจูบกัน 555 

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #127 เมื่อ07-08-2015 00:31:57 »

สนุกมากค่ะ มีความสุขจังที่ได้อ่านเรื่องนี้  o13
สิงห์รักเพลงมากเลยเนอะ อิจฉาเพลงที่ได้รับความรักมากมายขนาดนี้ :impress2:
ขอบคุณนะคะ งานเขียนของคุณทำให้เรามีความสุขมากค่ะ :heaven

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #128 เมื่อ11-08-2015 22:16:59 »

-แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก-

รักพัดหวน
ตอนที่ 8










“Lion~ Lion~”  คนที่ตู่ตัวเองเป็นเจ้าของส่งเสียงเรียกหาเจ้าตัวเล็กลั่นบ้าน  สงสัยว่ามันคงรู้ตัวว่าวันนี้ต้องมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นจึงหนีไปแอบอยู่ที่ไหนสักที่

“อยู่นี่ไง”  เสียงทุ้ม  เจ้าของร่างสูงหิ้วหลังคอเจ้าก้อนกลมๆขึ้นชูให้คนตามหา

“Lion!”   คีตกาลวิ่งเข้าไปคว้ามากอดพลางมองคนหิ้วคอเจ้าตัวเล็กอย่างเคืองๆ

“วันนี้ต้องอาบน้ำใช่ไหม?”

“อืม”

“งั้นให้สายใจอาบให้ไป”

“จะอาบเอง”  เจ้าของหมาซึ่งไม่ค่อยเจียมสังขารอยากจะอาบน้ำเจ้าลูกหมาด้วยตนเอง เพราะทุกทีมีแต่สายใจเป็นคนอาบให้  วันนี้เขานึกอยากจะลองดูบ้าง  หากคำตอบที่ได้รับทำเอาสีหราชปรายตามองต้นแขนของอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วถาม

“แขนอย่างนี้น่ะหรือ?”

“ก็...อย่างนี้แหละ”   ว่าแล้วก็พาเจ้า Lion ลงเรือนไป  กะละมังน้ำอุ่น   แชมพูกำจัดเห็บหมัดและผ้าแห้งถูกเตรียมเอาไว้พร้อมตั้งแต่เช้าอย่างรู้หน้าที่ด้วยฝีมือของสายใจ   วันนี้แดดดีเขาเลยอยากลงมือเอง  ตอนแรกนึกจะชวนชายชาญมาด้วยหากนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะถูกกับหมาสักเท่าไหร่

คีตกาลเอาเจ้า Lion วางลงในกะละมังเปล่าใบที่ไม่มีน้ำ   หันไปหยิบแชมพูเจ้าตัวดีก็กระโดดหนี  เขาวิ่งตามจับกลับมา  คราวนี้มือหนึ่งจับหมาอีกมือคว้าขันตักน้ำ  เจ้าหมาน้อยที่เห็นว่าปราการไม่แข็งแรงก็สะบัดหลุดอีกครั้ง  คีตกาลอ้าปากหวอก่อนจะวิ่งตามอีกครั้ง

“ไอ้ดื้อ  หยุดนะ!”  จนคนที่กอดอกยืนดูถึงกับทนไม่ไหว   ร่างสูงก้าวเข้ามาดักหน้าเจ้าขนสีน้ำตาล  มันชะงักกึกราวกับรู้ว่าในบ้านหลังนี้มันควรจะกลัวใครมากที่สุด!

สีหราชหิ้วหลังคอเจ้าดื้อไปหาคีตกาล  ก่อนจะนั่งลงโดยจับเจ้าตัวเล็กเอาไว้สองมือ  คนที่บอกว่าจะอาบน้ำให้ลูกหมามองคนตัวสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักกับท่าทางนั้น


“ตักน้ำมาซิ”  ร่างโปร่งที่ยืนงง  พอรู้ว่าสีหราชจะช่วยอาบน้ำเจ้า Lion ถึงกับยิ้มแป้น  ก้มตัวลงตักน้ำอุ่นขึ้นค่อยๆราดเจ้าตัวเล็กทันที   มือใหญ่ป้องหน้ามันเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าปากเข้าจมูกของมัน  เจ้า Lion ที่อยากจะดิ้นหนีก็ไม่กล้า  ได้แต่ยืนตัวสั่นสะท้านในมือใหญ่อยู่อย่างนั้น   พอชุ่มได้ที่คีตกาลจึงบีบแชมพูลงบนฝ่ามือใหญ่ซึ่งรอรับอยู่   สีหราชฟอกขนพลางเกาให้อย่างรวดเร็วอย่างทั่วถึง  ไม่ว่าจะซอกคอ ซอกขาจนฟองฟูฟ่องเต็มไปหมด   คีตกาลหัวเราะกับภาพตรงหน้า   เจ้า Lion ที่ขนฟูบัดนี้เหลือตัวอยู่นิดเดียว  ดูน่าเกลียดน่าชังมาก  หน้าตาก็ตลกเหลือแสน

ร่างสูงเหลือบสายตาขึ้นแอบมองคนหัวเราะแล้วก็ต้องพยายามกดมุมปากตัวเองไม่ให้ยกขยับยิ้มตามไปด้วย  หากกระนั้นสายตาของเขาก็ยังวิบวับจนต้องแสร้งหรุบตาลงมองเจ้าลูกหมาตัวน้อยเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเขาเห็น  ...สายตาพราวระยับ
...กลัวว่าอีกฝ่ายจะเขินจนทิ้งเขาให้อาบน้ำเจ้า Lion คนเดียว...
...แบบนั้นคงไม่สนุกนัก...

คีตกาลตักน้ำล้างแชมพูจนหมด  หยิบผ้าแห้งขึ้นห่อตัวเจ้าดื้อที่ตัวสั่นเพราะความหนาว  พลางทำท่าจะอุ้มหาก
สีหราชเอ่ยดุเสียก่อน

“เดี๋ยวอุ้มให้เอง  ไป ขึ้นไปเอาไดร์มาเป่าขนมันดีกว่า  เป็นหวัดแล้วจะแย่เอา”  ร่างสูงเอ่ยพลางเดินนำขึ้นบ้านไปก่อน  คีตกาลที่ยังยิ้มไม่หยุดวิ่งตามขึ้นไปหยิบไดร์เป่าผมในห้องออกมา

“ว่าไง  เจ้า lion เด็กดื้อ!”

“.....”  สีหราชชะงักมือที่กำลังเช็ดขนขึ้นมอง  คีตกาลยิ้มแล้วมองหน้าชายหนุ่มไม่หลบสายตา

“มองอะไร?”  เขาเอ่ยถามคนหน้าดุ  กระนั้นรอยยิ้มก็ยังไม่จางหายไปจากใบหน้าใส  สีหราชถามคนที่มองหน้าเขาแล้วดึงไดร์เป่าผมที่คีตกาลเสียบปลั๊กไว้แล้วมาเป่าลมใส่เจ้าหมาน้อยบนตัก  “ถามก็ไม่ตอบนะเจ้า lion เด็กดื้อ~”

“คีย์!”  คนตัวโตเอ่ยเสียงเข้ม

“....”   รอยยิ้มเมื่อครู่หายวับไปจากใบหน้าทันที  สีหราชถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง

“....เพลง”

“ว่าไง?”  แล้วรอยยิ้มก็กลับมาอีกครั้ง  ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหน้าเชิงว่าไม่มีอะไร  ก่อนจะปล่อยเจ้า Lionที่ขนแห้งแล้วลงพื้น  คีตกาลคว้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดมาหอมทันที

“เจ้า Lion ตัวหอมแล้วนะ”

“.......”  ไม่รู้ทำไมสีหราชจึงรู้สึกว่าแก้มตัวเองมันร้อนขึ้นมา  ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นไม่ได้กอดได้หอมเขาเสียหน่อย  คีตกาลกอดหอมเจ้า Lion ต่างหาก! 

“คิก”  ยิ่งเจ้าหมาน้อยแลบลิ้นเลียริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นเขาก็ยิ่งใจเต้น  โธ่เอ๊ย! “Lion~”  คนตัวโตกระแอมไอเพราะกลัวหัวใจเจ้ากรรมจะกระดอนออกมานอกอก  สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหาทางหลีกหนีภาพตรงหน้า  หากอีกใจหนึ่งก็อยากจะมองนานๆ

“Lion  มันจั๊กจี้น้า~~”  เจ้าขนปุยซุกหน้าลงกับซอกคอขาว  ทำเอาคนยืนมองถึงกับนิ่งขึ้ง  สีหราชมองภาพตรงหน้าพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนน่ากลัว  ไอ้ลูกหมาบ้า!    ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน   เสียงใสหัวเราะคิกคักน่าฟัง  ร่างสูงสะดุ้งกายเมื่อคีตกาลเหลือบสายตาขึ้นมอง

“เอ่อ”

“?”

“วันนี้ฉันจะเข้าเมือง  นายจะเอาอะไรไหม?”

“ที่จริงอยากไปหาคุณพ่อ  แต่...”  ว่าแล้วก็ก้มลงมองแขนตนเอง

“อืม  ถ้าจะเอาอะไรก็โทรศัพท์ไปบอกแล้วกัน”  คีตกาลพยักหน้ารับ

“เอ่อ”

“หืม?”

“ขับรถระวังนะ!”  แล้วก็อุ้มเจ้า Lion วิ่งหายเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

“......”  ทิ้งให้สีหราชยืนนิ่งจับใจความประโยคเมื่อครู่  ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะยกยิ้มกว้าง  ร่างสูงหันไปมองบานประตูที่ปิดสนิทนั้นแล้วเอ่ย  “  อืม  แล้วจะรีบกลับนะครับ”  เขากระซิบแผ่วเบา....


**********


“.......”

“...นายมาทำไรอะไรที่นี่?”  คีตกาลเหลียวมองรอบตัวก่อนจะเอ่ยถามคนตัวโต   ฝ่ายนั้นยักไหล่  ขยับหมวกคาวบอยบนศีรษะแล้วโพสท่าเหมือนนายแบบ

“มาทำงาน”  อิ่มเอมตอบ  แขนยาวเท้าลงบนต้นไม้ใหญ่  ใบหน้าเข้มเชิดขึ้น

“งาน?  งานนายอยู่ที่ฟาร์มโน้นมากกว่านะ”  ชายชาญที่อาสาขับรถให้เพื่อนเอ่ยท้วง

“แต่วันนี้งานฉันอยู่ที่นี่”

“?”  คีตกาลยังไม่ทันเอ่ยถาม พลันรถโฟล์วิลสีน้ำเงินของเกียรติศักดิ์ก็แล่นเข้ามาเสียก่อน  ร่างสูงโปร่งกระโดดลงจากรถ  ชายหนุ่มเหลือบมองอิ่มเอมเพียงชั่วครู่โดยไม่ทันมีใครสังเกต  เกียรติศักดิ์ยิ้มกว้างให้กับคีตกาลและชายชาญ

“คราวนี้มีต้นไม้ที่คุณคีย์ต้องการเกือบทั้งหมดเลยครับ  คาดว่าคราวหน้าคงครบพอดี”

“ขอบคุณครับ”

“แล้ว...แผลเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ยังระบมอยู่นิดหน่อยแต่ดีขึ้นเยอะแล้ว  คุณศักดิ์ทานข้าวเที่ยงมาหรือยังครับ?”

“ก็ทานขนมกับกาแฟมานิดหน่อยบนรถเมื่อครู่ครับ”  คีตกาลเหลือบมองใบหน้าอิดโรยของคนตรงหน้าแล้วให้เห็นใจ  แม้ว่าเกียรติศักดิ์จะอยู่ในเมืองถึงอย่างนั้นการขับรถระยะไกลๆเข้ามาที่รีสอร์ทนี้ก็คงเหนื่อยมาก  เทียบกับเขาเมื่อก่อนนั่นไง  อีกอย่าง  ตั้งแต่เกิดเรื่องเกียรติศักดิ์ซึ่งรู้สึกผิดก็ขยันมาเยี่ยมเยียนเขาบ่อยเหลือเกิน  นี่กำลังคิดว่า  เขาจะขออนุญาตสีหราชให้เกียรติศักดิ์มาพักที่นี่ด้วยจนกว่างานจะเสร็จดีไหม  คราวที่เขาเหนื่อยจนขับรถลงข้างทางนั่นทำเอาผวาไปหลายวันเลยทีเดียว   คีตกาลไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

“งั้นทานนี่ซิ”  คีตกาลหลุดจากภวังค์เมื่อชายชาญเปิดฝากล่องพัพเปอร์แวที่ใส่แซนวิชยื่นให้เกียรติศักดิ์  ก่อนมาทำงานสายใจเตรียมแซนวิชกับน้ำผลไม้มาให้พวกเขาด้วย

“ขอบคุณครับ  คุณชาญ”

“อื้ม!”  คนตัวเลกกว่ายิ้มตาหยีก่อนจะเอื้อมหยิบขวดน้ำส่งให้  เกียรติศักดิ์อุทานในใจ  ทำไมคนที่ฟาร์มนี้ถึงได้น่ารักกันทุกคนเลย!

“อะแฮ่ม!”  อิ่มเอมกระแอมไอเมื่อเห็นสายตาวิบวับของเกียรติศักดิ์และแก้มแดงๆของหมากระเป๋า  ทำเอาทุกคนเงยหน้าขึ้งมองคนตัวโตอย่างพร้อมเพรียง  “เอ่อ  กินมั่งดิ๊!”  มือใหญ่ยื่นคว้าแซนวิชในมือเกียรติศักดิ์ขึ้นมากัดคำโต  กลิ่นหอมของโคโลญจ์ที่ลอยแตะจมูกทำเอาเกียรติศักดิ์กัดริมฝีปากแน่น  เหลือบมองคนตัวโตที่เมื่อครู่เบียดกายเข้าใกล้เขาแล้วก็แอบกลืนน้ำลาย
นี่เขากำลังเป็นอะไร  ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้เนี่ย!  กับคุณคีย์ที่เขาชอบยังไม่เป็นขนาดนี้เลยแท้ๆ!

“ไอ้ยักษ์  แย่งคุณศักดิ์ทำไม  เมื่อเช้านายก็กินข้าวตั้งเยอะแยะ!”  ชายชาญโวยวาย

“หมากระเป๋า  นายหวงของเหรอ?”  อิ่มเอมยื่นหน้าเข้าใกล้  ชายชาญใช้มือเล็กผลักหน้าอีกฝ่ายออกก่อนจะวิ่งไปหลบหลังเกียรติศักดิ์แล้วยื่นหน้ามาแลบลิ้นใส่คนตัวโต

“แบร่!”

“หมากระเป๋า  ออกมานี่เลย!”  อิ่มเอมยื่นมือคว้าหากมีหรือที่คนอย่างชายชาญจะยอม  คนตัวเล็กเอาเกียรติศักดิ์เป็นโล่  ทำเอาคนกลางถึงหัวหมุนเพราะอิ่มเอมเอื้อมซ้าย  ชายชาญก็เบี่ยงขวาโดยที่มือไม่ปล่อยจากไหล่เขา

“เอ่อ  คือ...”  คีตกาลมองภาพตรงหน้า  ก่อนจะส่ายหัว  เขาถอนหายใจแล้วเดินเลี่ยงออกไปคุมคนงานต่อ  ปล่อยเด็กๆเล่นกันต่อไป

เกียรติศักดิ์คนกลางยกมือขึ้นกันคนตัวโต   จังหวะเดียวกับที่อิ่มเอมคว้าจับตัวชายชาญไว้ได้ทั้งสองมือ  ท่าทางของพวกเขาทำเอาทุกคนหยุดชะงักหันมามองรวมทั้งตัวพวกเขาเองด้วย
ร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมแนบชิดกับเกียรติศักดิ์  ปลายจมูกโด่งเฉียดขมับร่างโปร่งไปนิดเดียว  มือใหญ่คว้าเอวเล็กและบ่าแคบของชายชาญเอาไว้แน่น  เลยกลายเป็นว่าตอนนี้อิ่มเอมกอดทั้งสองคนเอาไว้โดยมีเกียรติศักดิ์อยู่ตรงกลาง!

“.........”  ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ   ทั้งสามคนผละออกจากกันราวกับแตะโดนถ่านไฟแดงร้อน  หัวใจเต้นแรงแข่งกันเสียงดังเสียจนหูอื้ออึง  เกียรติศักดิ์ได้สติก่อน   เขากระแอมไอแล้วหันหลังกลับเตรียมเดินออกไป  หากแต่เขาคงลืมว่าด้านหลังคือชายชาญที่ยืนไม่ห่างมากนัก  ดังนั้นพอเขาหันกลับไปจึงชนเข้ากับชายชาญเต็มรัก   เกียรติศักดิ์คว้าตัวของชายชาญที่เซล้มเอาไว้อย่างรวดเร็ว    แม้ชายชาญจะตัวเล็กแต่ยังไงก็ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน้ำหนักไม่น้อยนัก   ซึ่งทำเอาคนที่ยื่นมือคว้าถึงกับเข่าทรุดลง  หากเกียรติศักดิ์ก็ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายล้ม

“........”  เกิดสภาวะเงียบงันรอบที่สอง   คีตกาลหันมามองตาโต...ครึ่งนาทีแล้วหันกลับไปทำงานต่อ...

“อะแฮ่ม!”  อิ่มเอมคิดว่าบางทีเขาควรไปหายามแก้เจ็บคอพกติดกระเป๋าเอาไว้  เพราะช่วงนี้กระแอมไอบ่อยเหลือเกิน!   อิ่มเอมเข้าไปฉุดทั้งสองคนให้ขึ้นจากพื้น   ชายหนุ่มเหลือบมองแก้มแดงๆของทั้งสองคนแล้วให้นึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมา

อยากฟัดเป็นบ้า!


/
/
/


คีตกาลที่เลิกสนใจคนที่เล่นไล่จับกันสามคนนั้นหันไปมองผู้มาใหม่  จนเมื่อฝ่ายนั้นลงรถมาเขาจึงยิ้ม  เอ่ยทักทายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“สวัสดีครับ  คุณอดิศร”

“สวัสดีครับ  คุณคีย์”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  ใบหน้าสะอาดสะอ้านดูน่ามอง ช่วงก่อนเขาได้ยินว่าแถวนี้เกิดเรื่องแต่ไม่ได้สนใจจนเมื่อรู้ว่าเป็นคนของฟาร์มวิรุณรักษ์นั่นแหละเขาจึงติดตามข่าว  วันนี้เขาหยุดงานเลยมาหาใครบางคน  แม้จะไม่มีข้ออ้างเรื่องงานมาบังหน้าแต่เขาก็อยากจะมาอยู่ดี

“คุณศรมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“โธ่  ถ้าไม่มีก็มาเที่ยวหาคุณคีย์ไม่ได้หรือครับ?”  ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน  คีตกาลยิ้มแหย

“ก็...นึกว่าคุณศรมีงานแถวนี้”

“วันนี้ผมว่างเลยว่าจะมาชวนคุณคีย์ไปทานข้าวในเมือง”  เมื่ออดิศรกวาดสายตาดู  เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอะไรจึงเอ่ยปาก  เขาได้ยินว่ามีคนบาดเจ็บแต่ไม่รู้ว่าใคร

“คือ...ช่วงนี้ผมคงไม่สะดวกออกไปข้างนอก”

“แย่จัง  มาทีไรคุณคีย์ไม่ว่างสักที”  อดิศรหน้าเศร้าทำเอาคีตกาลรู้สึกผิดเพราะปฏิเสธอีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น...เย็นนี้ทานอาหารที่นี่ไหมครับ?”

“ได้หรือครับ?”  คนโดนชวนยิ้มเต็มหน้าอย่างดีใจ  ทำเอาสามคนข้างหลังคีตกาลมองหน้ากันไปมา   อิ่มเอมก้มลงถามเกียรติศักดิ์ทันที

“ใครวะ?”

“คุณอดิศร  เป็นป่าไม้ที่นี่ครับ”  ชายชาญที่เขย่งปลายเท้ายืดกายสุมหัวพยักหน้าหงึกหงัก

“เขามาจีบเพลงหรือ?”  คนตัวเล็กสุดเอ่ยถาม

“คงจะอย่างนั้นครับ  นี่ขนาดรู้ว่าคุณคีย์เป็นแฟนอยู่กับคุณสิงห์ยังไม่ยอมถอยเลยครับ!”  เกียรติศักดิ์หน้าบึ้งมองอดิศรอย่างไม่พอใจ

“หื้อ?”   คนตัวโตกับคนตัวเล็กส่งเสียงพร้อมกันพลางมองหน้าเกียรติศักดิ์ที่พูดประโยคนั้นออกมา  ไอ้ที่อิ่มเอมกับชายชาญร้อง หื้อ  น่ะ  เพราะเขาสองคนไม่คิดว่าเกียรติศักดิ์จะปักใจเชื่ออย่างแน่วแน่ขนาดนี้ว่า  สีหราชกับคีตกาลยังคงเป็นคนรักกันอยู่
...แม้ว่าบางทีการแสดงของทั้งสองคนจะสื่ออย่างนั้นก็เถอะ...  ยังไงตอนนี้มันก็ไม่ใช่นะ...

“จีบแฟนชาวบ้านอย่างนี้นิสัยไม่ดีเลย  ผมนะ  พอรู้ว่าคุณคีย์เป็นแฟนกับคุณสิงห์ยังยอมถอยเลย  อะไรกัน หมอนี่หน้าด้านสุดๆ!”

“..........”  อิ่มเอมและชายชาญได้แต่มองหน้ากัน

“รู้แล้ว!”  อิ่มเอมตบมือฉาด  ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ติดต่อกับใครบางคนทันที  “ฮัลโหล  ไอ้สิงห์กลับบ้านด่วน!  แมวขโมย  ไม่ใช่ซิ หมาขโมยบุกบ้านโว้ย!  ห๊า  ว่าไงนะ?  หมาขโมยจากป่าไม้ไงมึง!”   แล้วอิ่มเอมก็กดวางพร้อมรอยยิ้มทะเล้น

“.........”  คราวนี้ฝ่ายที่มองหน้ากันจึงเป็นเกียรติศักดิ์กับชายชาญแทน
เย็นนั้นเตาปิ้งบาร์บีคิวและอาหารถูกจัดวางตรงกลางลานหน้าเรือนโดยฝีมือของป้าแช่มและสายใจหลังคีตกาลให้นายเขียวมาแจ้งตั้งแต่บ่าย  ไต้หลายอันถูกจุดเพื่อสร้างบรรยากาศ  มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลนิดหน่อย  เป็นส่วนที่อิ่มเอมเตรียมมาหลังจากเข้าเมืองครั้งที่แล้ว   วงอาหารเล็กๆดูไม่ค่อยครื้นเครงนักเมื่อเกียรติศักดิ์หน้าบึ้งตลอด  ฝ่ายที่หัวเราะเสียงดังมีแค่อิ่มเอมและอดิศรที่ยิ้มกว้างไม่หุบตั้งแต่บ่าย
เกียรติศักดิ์ผุดลุกผุดนั่ง  ชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่คุณเจ้าของบ้านจะกลับมาเสียที   ตาก็เหลือบมองแขกที่นั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกกับคีตกาลอย่างหมั่นไส้   ชายชาญทำหน้าที่ย่างบาร์บีคิวกับสายใจเหลือบมองไปทางอดิศรด้วยสายตาครุ่นคิด  บางคราวก็มากระซิบให้อิ่มเอมดูด้วย  คนตัวโตที่สุดแสยะยิ้มแล้วกระดกเบียร์ในมือ





ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
«ตอบ #129 เมื่อ11-08-2015 22:17:43 »





“เอาน่า   ใจเย็นๆ”  อิ่มเอมคว้าไหล่เกียรติศักดิ์และชายชาญเข้ามากอดก่อนจะถูกสะบัดออกจากทั้งสองคนทันที



แสงไฟสาดเข้ามาก่อนจะดับลง  ร่างสูงของสีหราชก้าวลงจากรถ  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง   ชายหนุ่มไม่หยุดมองรถแปลกตาที่จอดหน้าบ้าน  เขาก้าวฉับตรงไปยังลานหน้าบ้านทันที

“อ่ะ  เอามาฝาก”   ชายหนุ่มยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้คนตรงหน้าโดยไม่สนใจแขกที่นั่งอยู่ข้างๆสักนิด  ทำราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน   ส่วนคีตกาลพอเห็นว่าร่างสูงยื่นอะไรมาให้ก็เบิกตาโต

“เอาไปห่างๆเลยนะ!”  พูดปุ๊บกลิ่นออกปั๊บ!  มือขาวยกมือขึ้นบีบจมูกตัวเองแล้วถลึงตามองร่างสูง  ที่ยังคงเท้าเอวยื่นทุเรียนมาให้เขา    สีหราชที่หน้าบอกบุญไม่รับยังคงไม่ลดแขนลง

“อุตส่าห์เอามาฝากเลยนะ  กินหน่อยไหม?”

“ไม่เอา!”

“มันอร่อยมากเลยนะ”  สีหราชยังยียวนไม่เลิก  คีตกาลผลักมือใหญ่ให้พ้นหน้า

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทุเรียน!”

“แต่ฉันชอบ”

“นายชอบก็เอาไปกินไกลๆซิ!”

“แต่ลูกนี้ฉันซื้อมาฝากนาย”

“ฉัน-ไม่-เอา!”

“อุตส่าห์ยกของโปรดฉันให้เลยนะ”

“ขอบใจที่อุตส่าห์ยกให้!”

“งั้นมากินกัน”

“นายแกล้งฉัน!”  คีตกาลโวยวายไม่เลิก  อดิศรที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นยืนห้ามศึก

“ใจเย็นๆนะครับคุณคีย์   คุณสิงห์ก็เอาไปห่างๆเถอะครับ  ผมว่ามันเหม็นออก”

“เสือก!”  สีหราชตะคอกเสียงแข็ง  ใบหน้าเข้มคร้ามบึ้งตึงเย็นชา  ดวงตาแข็งกร้าวมองอดิศรอย่างไม่พอใจ   คนโดนตะคอกหน้าตึงกับคำนั้นของเจ้าของบ้าน  หากอดิศรได้แต่กำหมัดแน่นไม่ตอบโต้

“นี่  เขาเป็นแขกของฉันนะ”  คีตกาลเองก็ตกใจ  เขาไม่เคยเห็นสีหราชเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“แต่นี่บ้านฉัน!”

“........”  คีตกาลเม้มริมฝีปากแน่น  มองใบหน้าเย็นชานั้นอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

“เอาแล้วโว้ยๆ  คนขี้หึงมันเริ่มบ้าแล้ว”   อิ่มเอมแกล้งกระซิบหากดังพอให้ทุกคนในนี้ได้ยินโดยทั่วกัน   ก่อนจะหัวเราะลงคออย่างชอบใจ   คีตกาลขมวดคิ้วหันไปมองอิ่มเอมอย่างไม่เข้าใจ  หากพอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฝ่ายนั้นเขาจึงเบิกตากว้างหันกลับไปมองสีหราชอีกครั้ง  พลันบางอย่างในอกก็เต้นแรง...

“ถ้าอย่างนั้น   ผมกลับก่อนดีกว่า”  อดิศรเอ่ยอย่างอึดอัด

“เอ๊ะ?”

“เดี๋ยวผมติดต่อมาใหม่...”

“แต่นี่มันดึกแล้ว  อีกอย่างทางลงเขามันอันตราย”  คีตกาลเอ่ยท้วง  ดึกขนาดนี้ไม่มีรถคันอื่นขับสวนทางแน่ๆ  ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นกลางทางจะทำอย่างไร

“ทีฉันยังขับกลับขึ้นมาได้เลย!”  สีหราชเอ่ยเสียงเย็น

“แต่....”

“ไม่เป็นไรครับคุณคีย์  ผมจะระวังๆ”

“......สิงห์”...”

“เอาแล่วๆ”  อิ่มเอมกระซิบกระซาบพร้อมหัวเราะเสียงเบาเมื่อเห็นว่าคีตกาลเดินเข้าไปใกล้สีหราช

“........”

“สิงห์?”   คีตกาลขยับเท้าเข้าใกล้ร่างสูงก่อนจะช้อนตามอง

“..........”  สีหราชขบกรามแน่นอย่างพยายามข่มใจ  ทั้งๆที่ในใจเดือดดาลเขาก็ยังคงยืนนิ่ง    เห็นบ้านเขาเป็นโรงแรมหรืออย่างไร!

“ทีคุณแป้งยังพักได้เลย”  เมื่อเห็นว่าร่างสูงคงไม่ยอมง่ายๆเขาจึงรื้อฟื้นอ้างอิงถึงใครคนอื่น  และนั่นทำเอาสีหราชหันมามองร่างโปร่งด้วยดวงตาวาวโรจน์

“ก็ได้!”   สีหราชพูดลอดไรฟัน  “ให้นอนห้องที่คุณแป้งเคยพัก!”  เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินชนไหล่คนขอขึ้นบ้านไป   ทิ้งให้ทุกคนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความหวาดผวา  มีเพียงอิ่มเอมเท่านั้นที่ยังคงหัวเราะชอบใจไม่หยุด

สรุปคืนนั้นอิ่มเอมต้องเป็นคนจัดการเลือกห้องนอนให้ทุกคน แน่นอนว่าถ้าอดิศรค้างคืนที่นี่เกียรติศักดิ์ก็ไม่ได้กลับ   ตอนแรกอิ่มเอมจะให้ชายชาญนอนกับคีตกาลตามเดิม  ให้เกียรติศักดิ์ไปนอนกับสีหราช  ส่วนเขาจะไปนอนกับอดิศรที่ห้องนอนแขก  แต่เกียรติศักดิ์ที่ไม่ชินกับอารมณ์พายุของสีหราชเอ่ยปฏิเสธและขอไปนอนกับอดิศรแทน  อิ่มเอมได้ยินอย่างนั้นถึงกับค้านหัวชนฝา  ...ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาค้านไปทำไมแต่เขาไม่ชอบใจและไม่ยอมแน่ๆ!   สุดท้ายอิ่มเอมเลยให้คีตกาลรับเกียรติศักดิ์ไปนอนด้วยอีกคน  ส่วนอิ่มเอมกลับไปนอนกับสีหราชตามเดิม
....อิ่มเอมไม่มีทางรู้หรอกว่าเกียรติศักดิ์ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ   ที่ได้ร่วมเตียงกับคุณคีย์คนน่ารัก!
/
/




เจ้าของบ้านถอนหายใจ   คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ใคร่พอใจนัก  เหตุเพราะบ้านของเขากลายเป็นโรงแรมขนาดย่อมไปเสียแล้ว!  เรือนรับรองที่สั่งให้คนปลูกสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จดีไม่อย่างนั้นเขาจะไล่ลงเรือนไปเสียให้หมดทุกคน!

ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  คิดถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายแล้วให้ยิ้มเครียดในความมืด   ตอนเข้าไปทำธุระในเมืองคุณยุวดีโทรศัพท์หาเขา  บอกให้เข้าไปหาที่บ้านเขาอึกอักหากประโยคต่อมาทำให้ปฏิเสธไม่ได้    ‘มาเจอคุณพีหน่อยนะสิงห์  เขาอยากคุยกับเธอ’   หลังทำธุระเสร็จเขาจึงตรงไปยังบ้าน “พฤกษ์นารายณ์” ทันที

คุณยุวดีสั่งให้เด็กรับใช้ยกกาแฟยกขนมออกมาต้อนรับ   แม้เขาจะไม่ได้มาที่นี่นานหากทุกคนก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเหมือนที่ผ่านมา  ให้ความรักและความเอ็นดูไม่ต่างจากเดิม

“คุณสิงห์ขา  พี่จิตชงกาแฟมาให้ค่ะ  ไม่รู้ว่าจะถูกปากเหมือนเดิมหรือเปล่า?”   สมจิตวางแก้วกาแฟลงแล้วยืนยิ้มรอคำตอบ  ชายหนุ่มจึงยกแก้มกาแฟขึ้นจิบ   คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อลิ้นแตะสัมผัสรสชาติ

“อืม...”

“ไม่อร่อยเหมือนเดิมหรือคะ?”

“....อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ”  สีหราชยิ้มกว้างเมื่อแกล้งอีกฝ่ายได้

“โถ  พี่จิตนึกว่าคุณสิงห์จะเปลี่ยนรสกาแฟเสียแล้ว  ดีจริงที่เหมือนเดิม”  สมจิตเอ่ยก่อนจะถอยออกไป   คุณยุวดียิ้มกับภาพตรงหน้า...กับสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“ทานข้าวมาหรือยังล่ะ?”  เสียงทุ้มสูงวัยเอ่ยทักมาจากทางบันได  คุณพีรพลเพิ่งละมือจากงานที่แล้วเสร็จลงมา   ส่วนใหญ่คุณพีรพลจะทำงานอยู่บ้านแล้วให้เลขาคนสนิทมารับงานตอนเย็นหรือตอนเช้าก่อนเวลางานเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพเลยไปทำงานอย่างเมื่อก่อนไม่ไหว

“ทานแล้วครับ”  สีหราชตอบหลังยกมือไหว้ผู้อาวุโส  คุณพีรพลทิ้งตัวลงนั่งข้างภรรยาแล้วชวนคุยต่อ

“ไม่ได้มาบ้านนี้นานแล้วซินะ”

“..ครับ”

“เป็นอย่างไรบ้าง  สบายดีไหม?”

“ก็เรื่อยๆครับ”

“แล้วงานล่ะ?”

“...ก็มีเหนื่อยใจบ้างนิดหน่อยครับ”  ชายหนุ่มระบายยิ้มเมื่อนึกถึงใครบางคนซึ่งเป็นต้นเหตุ

“ตาเพลงล่ะซิ”  คุณพีรพลยิ้มยามเอ่ยถึงบุตรชาย

“ก็..ครับ”  คุณพีรพลหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟัง

“ดื้อขึ้นใช่ไหมล่ะ?”

“มากๆเลยครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะ

“.......กลับไปเหมือนเดิมหรือยัง?”  คุณพีรพลเอ่ยถาม   เพราะครั้งหนึ่งพวกเขาเคยคุยกันแล้วและรับรู้ถึงสาเหตุการเลิกกันของทั้งสองคน   ....คิดว่ารู้และน่าจะใช่.....

“ยังครับ”

“งั้นหรือ?”  คนสูงวัยขมวดคิ้ว

“แล้วคุณน้าเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ”  สีหราชเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่มีอะไรหรอก  แค่คิดถึงวันเก่าๆน่ะ   อีกอย่างแค่อยากถาม...”

“ครับ?”

“ตาเพลงไม่ได้ร้องไห้เหมือนอย่างวันนั้นใช่ไหม?”  เหมือนในวันนั้น...เมื่อ4ปีที่แล้ว

“ไม่ครับ”

“ก็ดีแล้ว...”   คุณพีรพลถอนหายใจ  เขานึกถึงวันนั้น  วันที่คีตกาลเลิกกับสีหราช  เขาดีใจนักหนา...โดยไม่รู้เลยว่าลูกตัวเองกำลังร้องไห้  ถ้าชายชาญไม่โทรศัพท์มาบอกเขาคงไม่มีวันรู้และคงไม่มีวันเชื่อถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง

“แล้วสุขภาพของคุณน้าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“โอ๊ย  ตอนนี้สบายแล้ว”

“เก่งแต่ปากนะคะคุณ”  คุณยุวดีเอ่ยขัดสามีที่คุยโวอย่างอดไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ”  สีหราชยิ้ม

“ตาสิงห์?”

“ครับ?”

“อาทิตย์หน้าฉันจะไปเยี่ยมที่ฟาร์มนะ”   ประโยคบอกเล่านั้นทำให้สีหราชและคุณยุวดีมองหน้ากัน  สาเหตุหนึ่งเพราะคุณพีรพลไม่รู้เรื่องที่คีตกาลบาดเจ็บ  สีหราชก็ได้แต่หวังว่าเวลานั้นแผลของคีตกาลคงจะดีขึ้นมากแล้ว

“ครับ”   ชายหนุ่มรับคำก่อนจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่อิ่มเอมติดต่อไป  ประโยคบอกเล่าแบบกวนๆสไตล์อิ่มเอมทำเอาเขาถึงกับต้องรีบขอตัวกลับแล้วขับรถชนิดเหยียบจนเกือบลืมเบรกเลยทีเดียว



สีหราชถอนหายใจอีกครั้ง  เมื่อนึกถึงว่าอาทิตย์หน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป  ขณะที่อิ่มเอมพลิกตัวมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างรำคาญ

“จะหลับได้หรือยัง  ถอนหายใจอยู่นั่น   ลมหมดปอดไปแล้วมั้ง?”

“โทษทีๆ”  เขาเอ่ยขอโทษเพื่อนก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่

จะต้องสร้างเรือนรับรองสัก4-5หลัง!

*********



   เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับ  เจ้าของบ้านวันนี้จึงตื่นสายที่สุดหากก็ยังทันมื้อเช้าอยู่ดี   สีหราชชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้าห้องอาหาร   สายตาดุกวาดมองรอบโต๊ะแล้วขมวดคิ้วกับตำแหน่งการนั่ง

   โต๊ะทานข้าวที่นี่ก็เหมือนทั่วๆไปหากไม่มีตำแหน่งหัวโต๊ะหรือตำแหน่งประธานเพราะสีหราชไม่ชอบ  ตำแหน่งการนั่งของทุกคนต้องเท่าเทียมกันไม่มีตำแหน่งพิเศษ   ตำแหน่งการนั่งตอนนี้จึงเป็น  ชายชาญ  อิ่มเอม  เกียรติศักดิ์  และอีกฝั่งเป็นคีตกาลและอดิศร  สีหราชหน้าตึงทันที  ยิ่งเมื่อแขกของคีตกาลหันมากล่าวอรุณสวัสดิ์พร้อมรอยิ้ม   ชายหนุ่มไม่ยิ้มตอบก่อนจะกระชากเก้าอี้ข้างๆอดิศรมายังหัวโต๊ะ   สายใจกับป้าแช่มมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะย้ายจานข้าวมาวางตรงหน้า
สีหราชแล้วเริ่มตักข้าว

   อิ่มเอมกลั้นหัวเราะ  ขณะที่ชายชาญ เกียรติศักดิ์มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก  ส่วนคีตกาลน่ะหรือ?  เขาเหลือบมองเจ้าของบ้านที่ย้ายตำแหน่งเก้าอี้แล้วเม้มปากแน่น

“คุณคีย์ เอาต้มจืดไหมครับ  เดี๋ยวผมตักให้”  อดิศรเสนอตัวแม้ว่าถ้วยต้มจืดจะตั้งอยู่หน้าคีตกาลก็ตาม

“โอ๊ะ  ท่าทางน่าอร่อย  นายเอาไหมเอม?”   สีหราชกระชากถ้วยต้มจืดหนีช้อนของอดิศรมาไว้หน้าตัวเองก่อนเลิกคิ้วถามเพื่อนตัวโตที่รับมุกทันที

“อื้ม  อร่อยจริงๆ!”  อิ่มเอมตักเข้าปากตัวเองแล้วหันไปตักใส่จานข้าวของชายชาญและเกียรติศักดิ์

“งั้น  คุณคีย์ทานผัดผักก็แล้วกัน...”  อดิศรเอ่ยไม่จบประโยคจานผัดผักก็ย้ายตำแหน่งไปอยู่หน้าสีหราชอีกครั้ง  คีตกาลเข้มนตามองอย่างไม่พอใจ  ยิ่งอิ่มเอมรับมุกกับสีหราชทุกจานเขายิ่งหงุดหงิด

“เอ่อ  งั้น...”  อดิศรหันหากับข้าวถ้วยถัดไปซึ่งเหลือเพียงหลนเต้าเจี้ยวถ้วยเดียว...แน่นอนว่าสีหราชก็ยังคงฉุดเอาไป....คีตกาลลุกพรวดอย่างไม่พอใจ  ร่างโปร่งยกแขนขึ้นชี้หน้าคนหัวโต๊ะ

“นี่นายแกล้งฉันใช่ไหม!”   สีหราชยังคงตีสีหน้านิ่ง

“ไอ้สิงห์ไม่ได้แกล้งมึงนะโว้ย”  อิ่มเอมเข้าข้างเพื่อนทันทีหลังจากตักหลนเต้าเจี้ยวใส่จานชายชาญ

“นายกินอิ่มก็พูดได้ซิ  ฉันยังไม่ได้ตักเข้าปากสักคำเลยนะ!”  คีตกาลโวยวาย

“เอ่อ  คือ...”  ชายชาญที่เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างกำลังจะเอ่ยทานเพื่อน  หากสีหราชก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“สายใจ  ไปเตรียมกับข้าวเพิ่มให้คุณคีย์ไป”

“ไม่กงไม่กินมันแล้วโว้ย!”

อารมณ์เสีย!



ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ  ตั้งแต่เอาทุเรียนมาแกล้งเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ชอบ    เช้านี้ก็ยังแกล้งไม่ให้เขาได้กินข้าวอีก!  คนอารมณ์เสียโดดขึ้นรถก่อนจะบึ่งไปทางคอกม้า  ร่างโปร่งปลดเชือกเจ้า Music แล้วขึ้นควบ  บังคับให้มันห้อทะยานวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  เขาพามันวิ่ง  วิ่งไปจนถึงเนินสูง...เนินสูงที่สีหราชเคยพาเขามา

คีตกาลมองภาพเบื้องหน้า   อารมณ์คุกรุ่นค่อยผ่อนคลายลงยามเมื่อเห็นทุ่งปอเทืองออกดอกเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง   สีหราชให้คนงานมาปลูกเอาไว้เพื่อปรับสภาพหน้าดินก่อนจะลงดอกไม้ตามฤดูกาลในคราวต่อไปหากเปิดรีสอร์ท   ขอบเนินทุ่งและริมถนนลูกรังปลูกต้นกันเกราเป็นทิวแถว  บางส่วนปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์เอาไว้เต็มสองข้างทางที่หากถึงคราวออกดอกเมื่อไหร่ก็จะงดงามจับตา

คีตกาลลูบแผงคอเจ้า Music แล้วกอดมันไว้อย่างรักใคร่  นึกถึงตอนคุยกันกับบิดาครั้งเมื่อกลับมาจากบ้านครั้งที่แล้ว

‘พ่อว่าพ่อพอจะรู้สาเหตุที่ลูกกับตาสิงห์เลิกกัน’

‘……..’

‘ถ้าหากพ่อเป็นสาเหตุให้ลูกไม่มีความสุข พ่อก็ขอโทษ’

‘ไม่ใช่เพราะพ่อนะ’

‘จริงหรือ?’

‘ครับ’

‘เอาเถอะ  จะเพราะใครก็ช่างแต่พ่ออยากให้เพลงปล่อยวาง’

‘พ่อ?’

‘ไขว่คว้าความสุขให้ตัวเองเถอะนะ  เพลง’

‘...แต่...’

‘ความสุขของลูกก็คือความสุขของคนเป็นพ่อแม่’

‘……..’

‘ลูกเข้าใจใช่ไหม?’

‘ครับ!’

วันนั้นเขากลับมาที่ฟาร์มด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านในใจ  ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่เคยทับอยู่กลางใจมันสลายหายไป   แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดสักเท่าไหร่นักเพราะช่องว่างของเวลา 4 ปีมันไม่น้อยเลย    และคนที่เริ่มเรื่องก็คือเขา   ...จะเริ่มใหม่ก็กลัว..กลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปและไม่เหมือนเดิม    หนำซ้ำยังมีตัวป่วนมาเพิ่มอีก!
เฮ่อ~  เขาต้องยอมเสียฟอร์มใช่ไหม?
ยอมเสียฟอร์มก็ดีกว่าต้องเสียใจทีหลังละนะ!






















พิเศษท้ายช่วง




   ถามจริง  คุณเกียรติศักดิ์เป็นเกย์เหรอ?  แล้วชอบใครกันแน่  เดี๋ยวก็ใจเต้นกับคนโน้น  แก้มแดงกับคนนี้

   -ไม่นะ  ผมไม่ใช่เกย์เสียหน่อย!  ผมแค่ใจเต้นกับคุณคีย์เท่านั้นแหละ  คนเดียว...อืม..แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องใจเต้นกับคุณอิ่มเอมแล้วก็หน้าแดงเวลาอยู่กับคุณชายชาญ  แย่แล้ว!  หรือผมจะเป็นเกย์จริงๆ?  ไม่นะ!  ทำยังไงดี  อ้อ  มีแฟน!  ผมจะต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง!   ต้องรีบไปหาแฟนสาวซะแล้ว!!!



   ถามคุณชายชาญ  ชอบคุณอิ่มเอมหรือชอบคุณเกียรติศักดิ์อ่ะ?
   -ชอบเชิบอะไรกั๊น!  นายยักษ์อิ่มเอมน่ะก็แค่คู่กัดกันเฉยๆหรอก  ห้ะ  อะไรนะ?  ที่ยอมให้นอนกอดน่ะเหรอ?  ก็....ก็แค่ดิ้นไม่หลุดเท่านั้นแหละ!  แล้วกับคุณศักดิ์น่ะเหรอ  เขาน่ารักจะตาย  ยิ่งตอนใส่แว่นแล้วหน้าเอ๋อๆน่ะ  น่าแกล้งชะมัด!


อิ่มเอม  คุณกะฟาดสองเลยเหรอ?
-ฟาดอะไร พูดจาหยาบคายนะเราน่ะ  ก็เพื่อนๆกันทั้งนั้นแหละ  อะไร๊~  บอกว่าเพื่อนก็เพื่อนจริงๆเซ่!  แม้ว่าจะน่าฟัดทั้งสองคนเลยก็เถอะ  แค่กๆๆ  อะไรนะ?  เปล่าๆ   เมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นแหละ!  (ก่อนจะวิ่งตามหลังชายชาญและเกียรติศักดิ์ที่เดินหัวเราะคู่กันไปอย่างรวดเร็ว!)









โปรดติดตามตอนต่อไป...


ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ  กอดดดดดด

ขอโทษที่มาช้านะคะ   





ปล.มีคนอ่านบางคนหายหน้าไป...คือเราไม่ว่ากันเนอะถ้าเกิดนิยายเราไม่ถูกจริตกันแล้ว  แต่คือเรารู้สึกเป็นห่วงน่ะค่ะ  คือจู่ๆก็หายไปจากเล้าเลย....ขออย่าให้เป็นอะไรไปเลยนะคะ  เป็นห่วงมากๆ

ปลล.อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ  เป็นห่วงจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2015 22:30:15 โดย sine »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
« ตอบ #129 เมื่อ: 11-08-2015 22:17:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #130 เมื่อ11-08-2015 22:55:47 »

อิ่มเอม ทำเป็นเล่นไป ไม่ใช่จะควบ 2 เลยเหรอเนี่ยะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #131 เมื่อ11-08-2015 23:00:32 »

มาเเล้วววว เย้

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #132 เมื่อ11-08-2015 23:34:03 »

ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง แต่ก็น่าจะมีคุณพ่อเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อยสินะคะ ไหนๆ ตอนนี้คุณพ่อก็ปล่อยวางได้แล้วก็เหลือแค่ว่าทั้งสองคนจะเดินหน้าเข้าหากันอย่างไรเท่านั้นล่ะเน้ออ..^^ แต่สิงห์นี่หึงโหดสุดๆ ไปเลยค่ะ ว่าอดิศรเสียจนหน้าชาไปตั้งหลายหนแน่ะ :laugh:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #133 เมื่อ11-08-2015 23:58:54 »

อิ่มเอม นายมันตลกกลบเกลื่อน กะรวบยอด2เพื่อนแน่ๆ555555
สิงห์กะหนูเพลงนี่คุยกันดีๆได้ถึงห้านาทีมั้ยยย

ปล.เอ็นดูคุณเกียรติศักดิ์ม๊ากกก คนอะไรน่าร็อค

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #134 เมื่อ12-08-2015 00:52:48 »

พี่สิงห์ยังรักยังหวงขนาดนั้น เดินหน้าต่อเลยเพลง

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #135 เมื่อ12-08-2015 01:00:51 »

มาแล้วย้าวยาว นายอิ่มกะควบสองสินะ

ออฟไลน์ หนูน้อยหมวกแดง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #136 เมื่อ12-08-2015 08:50:00 »

ชอบนิยายเรื่องนี้จัง ดูอบอุ่นๆ มาต่อบ่อยๆนะคะ  :hao7: :katai5:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #137 เมื่อ12-08-2015 09:47:42 »

โอ้ววววว ศึกชงนายยยย ดุเดือดมากกกกกก

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #138 เมื่อ12-08-2015 11:49:05 »

อยากกินทุเรียน คีย์ไม่กินส่งมานี่  :m18:

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #139 เมื่อ20-08-2015 18:21:25 »

อ๊ายยย. ว่าแต่ใครจะง้อ ใครก่อนเนี่ย น่ารักมาก
แต่ ดูอิ่มนางดูจะชอบ แซนวิช ยุนะเนี่ย ดูท่าทั้งสามคนจะแอบมีใจให้กันยุนะเนี่ย
ชอบสิงห์กับเพลง สิงห์หึงออกหน้าออกตาขนาดนั่น ลุยเลยหนูเพลง
มารอนะคะ เป็นกำใจให้เสมอแอบมาดูเกือบทุกวัน.
รักเรื่องนี้คะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
« ตอบ #139 เมื่อ: 20-08-2015 18:21:25 »





ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #140 เมื่อ24-08-2015 20:35:54 »

~ แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก~

- รักพัดหวน-
 
...เมื่อสายลมแผ่วพัดมา...














เขาฝัน...

ในความฝัน...วันนั้นเขาร้องไห้   ร้องอย่างหนักหน่วงเท่าที่เด็กอายุ 8 ขวบคนหนึ่งจะร้องได้หลังการรับรู้ถึงการสูญเสีย  การพรากจาก...  วันนั้นเขากลับจากเล่นฟุตบอลกับเด็กในหมู่บ้าน  เขากลับเข้ามาเกือบหกโมงเย็น  เขาสงสัยว่าเขากลับบ้านเย็นขนาดนี้ทำไมจึงไม่มีใครไปตามเขากลับบ้านอย่างเช่นทุกที

“คุณหนู!”  ป้าสมร  ที่ตอนนี้เขาแทบจะหน้าไม่ได้แล้ว  วิ่งเข้ามากอดเขาแน่นแล้วร้องไห้   เขาถามกลับว่าป้าหมอนร้องไห้ทำไม  หากคำตอบคือเสียงร้องไห้ของคนทั้งบ้านตามมา  บางคนตาแดง  บางคนคร่ำครวญ
อายุ 8 ขวบ  เขาเข้าใจถึงการสูญเสียตลอดกาล  เข้าใจคำว่า..ตาย  เขาเข้าใจและรับรู้  พ่อกับแม่ของเขาทั้งสองคนประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้านและเสียชีวิตทันที   เขาร้องไห้  ร้อง...จนคิดว่าน้ำตาในตัวคงเหือดแห้งไปหมดแล้ว  เขาหวาดกลัว... โลกที่ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว...จะเป็นอย่างไร   
หากไม่กี่ชั่วโมงต่อมาคุณลุงและคุณป้าก็เข้ามากอดเขาไว้  กอดพลางปลอบประโลม  ‘ไม่เป็นไรนะสิงห์  หนูไปอยู่กับลุงและป้านะลูก’ น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยนั้นอ่อนโยนเหลือแสน   เขาพยักหน้ารับ  ถึงแม้พ่อกับแม่ไม่อยู่เขาก็ยังมีลุงและป้าที่รักเขาเหมือนลูก   เขาไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้   เขาไม่ได้ถูกทิ้งเอาไว้ลำพัง

เขาย้ายมาอยู่กับลุงและป้าหลังจากนั้นผ่านไปหลายเดือน   ช่วงแรกๆป้าจะพาเขาไปทำบุญให้พ่อกับแม่แทบทุกอาทิตย์  ด้านหลังวัดมีสถูปของพ่อกับแม่  เขายิ้มให้ท่านทั้งสองบอกว่าตอนนี้เขาไม่เหงา  เขาได้รับการดูแลอย่างดีแม้บางครั้งเขาจะต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ตาม  หากนานวันลุงกับป้าก็บ่นว่างานยุ่ง  พวกเขาไม่มีเวลาพาเด็กน้อยอย่างเขาไปทำบุญได้ทุกอาทิตย์อีกแล้ว   เริ่มห่างออกไป   จากอาทิตย์ละครั้ง เป็นเดือนละครั้งและเขาก็ไม่เคยได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่อีกเลย   ลุงกับป้างานยุ่ง  เขาบอกตัวเองอย่างนั้น…


วันเด็กของปีถัดมา  ลุงกับป้าบอกว่าจะพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์  เขาดีใจมากเพราะพ่อกับแม่พาเขาไปเที่ยวไม่บ่อยนักเพราะต้องทำงานหนัก  เขาเดินดูเจ้าสิงโตตัวใหญ่  เจ้าม้าลายสีสวย...จนบ่ายคล้อยเขาขยับหมวกเมื่อเหงื่อเริ่มซึมไหลผ่าน  เขาจับมือกับป้าแน่นเพราะกลัวหลง..  ท้องเขาร้องเสียงดังจนคุณลุงได้ยิน  เขาบอกว่าจะไปหาซื้ออะไรมาให้กินให้รออยู่กับป้าหน้ากรงเจ้าอุรังอุตัง  แต่สิงห์อยากบอกลุงว่าไปร้านอาหารได้ไหม  เขาปวดขาและอยากนั่งพัก...แต่ลุงก็รีบผละไปเสียก่อน  คงกลัวว่าเขาจะหิว...
ผ่านไปครู่ใหญ่ป้าของเขาก็เริ่มบ่นและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  เขาจับมือป้าไม่ยอมปล่อย  ในใจมันรู้สึกแปลกๆขึ้นมา  แต่สุดท้ายป้าก็แกะมือเขาออก  กำชับว่าให้ยืนรอลุงอยู่ที่เดิมอย่าไปไหน  เดี๋ยวลุงกลับมาแล้วจะไม่เจอ...

เขายืนรอ...
รออยู่นานแต่ทั้งลุงและป้าก็ไม่มาเสียที  เขาอยากจะเดินตามหาแต่ก็กลัวว่าถ้าทั้งสองคนกลับมาแล้วจะไม่เจอเขา  เขาหิว  ท้องแสบร้อนไปหมด...เขารอ...รอเท่าไหร่ลุงและป้าก็ไม่มา...


“แย่จริง  เด็กถูกทิ้งงั้นหรือ?”  เจ้าหน้าที่สวนสัตว์พาเขาไปยังส่วนประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศหาญาติหลังเห็นเขายืนอยู่ที่เดิมแม้ใกล้เวลาปิดประตูแล้วก็ตาม  เขาได้ยินเสียงประกาศก็ได้แต่รอ  หาก  ‘ผู้ปกครองของเด็กชายสีหราช  วิรุณรักษ์’ ก็ไม่มาปรากฏตัว    เขากลัว...เขาไม่คุ้นเคยกับใครเลย  ‘คุณลุงกับคุณป้าไปไหน?’  เขาถามเจ้าหน้าที่คนนั้น  เขาอยากร้องไห้แต่ลุงกับป้าไม่ชอบ     พวกเขาไม่ชอบให้สีหราชร้องไห้เขาจึงไม่ร้อง...  คืนนั้นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์โทรศัพท์ไปที่ไหนสักที่แล้วพาเขาไปสถานีตำรวจ   ครู่ใหญ่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพาตัวเขาไป...  เขาไม่อยากไปเขาอยากกลับบ้าน  ผู้หญิงที่พาดขากลับมาด้วยบอกว่าต้องรอให้เช้าก่อนจึงจะช่วยได้  คืนนี้เขาต้องไปนอนบ้านเธอ  ที่นั่นมีข้าวมีขนมให้กินอิ่มท้อง  แต่...ก็ไม่ใช่บ้านของเขา

คืนนั้นเขานอนร้องไห้...สะอื้นเบาๆเพราะกลัวผู้หญิงคนนั้นได้ยิน



ตอนเช้าหลังจากทานอาหารเสร็จผู้หญิงคนนั้นก็พาเขาไปที่ไหนสักที่  เธอบอกว่าเป็นมูลนิธิอะไรสักอย่างที่จะช่วยตามหาบ้านให้เขา  ผู้หญิงคนนั้นให้เรียกเธอว่า ‘ครูอ้อย’  เธอถามชื่อและนามสกุลของเขา และ ถ่ายรูป  หลังจากนั้นจึงเข้าไปคุยกับใครอีกหลายคน  จนผ่านไปครึ่งวันเธอกลับออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

“ทุกอย่างถูกขายไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนก่อน”

“....”  เขาไม่ได้ตอบครูอ้อยเพราะไม่เข้าใจที่เธอพูด

“ ‘บ้านวิรุณรักษ์’ ของเธอถูกขายไปแล้ว  เธอรู้ไหม?” เขาส่ายหน้า  เพราะตั้งแต่คุณพ่อและคุณแม่เสียเขาก็ไปอยู่กับลุงและป้า  ส่วนบ้านใหญ่เขาไม่รู้ว่าถูกจัดการอ่างไร   มีครั้งหนึ่งเขาเคยร้องขอให้ลุงกับป้าพาป้าสมรมาอยู่ด้วยแต่ก็โดนปฏิเสธ  เขาคิดถึงทุกคนที่บ้านใหญ่แต่ลุงกับป้าไม่เคยพาเขากลับไปเลย

“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี่?”

“ลุงกับป้าล่ะ?”  เป็นประโยคที่สองที่เขาเอ่ยนอกจากชื่อและนามสกุล

“เราตามหาตัวพวกเขาไม่เจอ  บ้านหลังนั้นก็ถูกขายไปแล้วเหมือนกัน”

“.......”  ถูกขาย?  ถูกขายได้อย่างไรในเมื่อเขายังอยู่จนถึงเมื่อวาน?   เขายืนนิ่ง  แล้วลุงกับป้าไปไหน?  ถ้าขายบ้านแล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?

“ไปอยู่กับครูก่อนนะ”

จากนั้นไม่นานเขาจึงเข้าใจ...เขาถูกทิ้ง
อีกครั้ง...
ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้




*********


“สิงห์  ขอบใจนะจ๊ะ”  ครูอ้อยลูบผมเขา  เด็กชายยิ้มก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง   เขาไม่ใช่เด็กที่อายุน้อยที่สุดในบ้านหลังนี้แต่ก็ไม่ใช่เด็กโตที่สุด   บ่อยครั้งที่ถูกกลั่นแกล้งจากพวกที่อิจฉาเวลาเขาได้รับคำชม  เขาไม่ตอบโต้เพราะพ่อกับแม่เคยบอกว่า  พวกที่อิจฉาเวลาเราทำความดีเราไม่ควรลดตัวลงไปตอบโต้ด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นเหมือนอย่างพวกเขา

เขามาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งปีแล้ว  และเขาไม่ได้รอให้ลุงกับป้ามารับอีก  หลังเข้าใจว่าการ  ‘ถูกทิ้ง’  คืออะไร   ถึงไม่มีบ้านให้กลับแต่อย่างน้อยก็มีที่ให้อยู่ให้นอน  มีข้าวกิน  และได้เรียนหนังสือ   บางวันจะมีผู้ใหญ่ใจดีเป็นกลุ่มๆเอาขนมมาให้  เอาของเล่นมาแจก  อย่างวันนี้ก็เช่นกัน   ครูอ้อยบอกว่าจะมีแขกเอาอาหารอร่อยๆกับของเล่นมาให้   เขาพยักหน้ารับแต่เด็กคนอื่นๆกระโดดดีใจกันยกใหญ่   ครูอ้อยลูบผมเขาแล้วย่อตัวลง

“ยิ้มหน่อยซิจ๊ะ  คนหล่อ”

“....”  เขาพยายามยกมุมปากขึ้นให้เป็นรอยยิ้มเหมือนที่เคยยิ้ม  แต่เขาลืม...ลืมว่ายิ้มต้องทำยังไงและเขานึกไม่ออกว่าเขาหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่  เขาจำไม่ได้...

“เอาเถอะๆ  หน้าบึ้งอย่างนี้ก็หล่อดี”  ครูอ้อยยีหัวเขาแรงๆทีหนึ่งแล้วกลับเข้าไปจัดการเด็กๆที่เริ่มวิ่งซน   เขารู้ว่าส่วนหนึ่งที่มักจะโดนเด็กโตกว่าแกล้งเพราะเขาไม่ยิ้มและไม่พูดคุยกับใครเลย



/
/


น่าแปลกที่การมาคราวนี้ของแขกผู้ใจดีมีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขามาด้วย  ปกติจะมีแต่พวกนักศึกษากับพวกผู้ใหญ่รวยๆเท่านั้น  ไม่มีใครอยากพาลูกหลานมาที่นี่หรอก   ที่ที่เรียกว่า ‘บ้านเด็กกำพร้า’

คราวนี้นอกจากอาหารดีๆ  ขนมแล้วยังมีของเล่นมากมายหลายอย่าง   เขาทำหน้าที่ช่วยครูแจกขนมและของเล่นให้เด็กที่อายุน้อยกว่า  และชิ้นสุดท้ายเขาให้คนอื่นไปจนไม่เหลือในมือ   เขาไม่รับของเล่นพวกนี้  เพราะสุดท้ายมันก็จะโดนเด็กโตกว่าแย่งไป  เด็กเล็กๆเองก็โดนแย่งเหมือนกัน  ทุกครั้งที่เขาเห็นเขาไม่เข้าไปห้าม  หากพอตกกลางคืนเขาจะไปแอบเอามันมาคืนให้เด็กที่ถูกแย่ง  กำชับว่าซ่อนให้ดีอย่าให้โดนแย่งไปอีก  ตกรุ่งเช้าเขาจะโดนเด็กตัวโตคนนั้นหาเรื่อง  บ่อยครั้งชกต่อยกัน  ครูอ้อยจะทำโทษทั้งสองฝ่ายพร้อมสอนว่า  ควรรักกันเหมือนพี่น้อง  แต่ครูอ้อยไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่สู้เขาก็จะถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ และเขาไม่สามารถรักใครอย่างพี่น้องได้อีกแล้ว

“นี่  นายไม่ได้ของเล่นเหรอ?” น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วเอ่ยทักเขา  เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  ส่วนสูงไม่ต่างจากเขามากนัก

“เราไม่อยากได้”   เขาตอบ  เพราะถ้าไม่ตอบเด็กคนนี้คงจะยืนที่เดิมไม่จากไป

“ทำไมล่ะ?”

“เอาไปเดี๋ยวก็โดนแย่งอยู่ดี”  น่าแปลก  ทั้งๆที่เขาแทบไม่พูดคุยกับใครในนี้เลย  ทำไมเขาจึงตอบโต้กับเด็กที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วย?

“นายก็เก็บซ่อนเอาไว้ซิ”

“.....”

“ของเล่นตรงโน้นหมดแล้ว  นายเอาของเราไปก็ได้”  มือขาวนุ่มนิ่มยื่นหุ่นยนต์ที่กอดเอาไว้มาให้เขา  ดูก็รู้ว่าราคาแพงมากเพราะก่อนหน้านี่เขาก็เคยมีอยู่หลายตัว   เขาเลื่อนสายตาไปจ้องหน้าคนให้อย่างไม่เข้าใจ  ดวงตากลมโตใสแจ๋ว  ปากเล็กๆสีชมพูและไฝเม็ดเล็กที่ข้างแก้มซ้าย...

“ของนาย  เราไม่เอาหรอก”

“แต่เราอยากให้”

“ไม่เอา! เราไม่ใช่เด็กกำพร้าเหมือนเด็กที่นี่!”  เขาโกรธ

“เด็กกำพร้า?  เด็กกำพร้าคืออะไร?”  เจ้าตัวเอียงคอถาม

“ก็เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ไง”

“ไม่มีพ่อแม่?  ถ้านายไม่มีพ่อแม่นายจะเกิดมาได้ยังไง?”   เด็กหน้าขาวขมวดคิ้วสงสัย  “เราทุกคนมีพ่อแม่ทั้งนั้นแหละ”

“....?”

“แม่เราบอกว่า  ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่กับกับพ่อแม่แล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหายไปไหน”

“....”

“พ่อแม่ของนายต้องมีแน่ๆ!”  เด็กน้อยยิ้มกว้าง

“ไม่มีหรอก  พ่อแม่เราตายแล้ว”

“...งั้นแสดงว่าพวกเขาอยู่บนสวรรค์ใช่ไหม?”

“ไม่รู้ซิ”

“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่นายไม่ได้หายไปไหน  พวกเขาอยู่บนนั้น  บนสวรรค์แล้วก็คอยมองลงมา  คอยดูแลนายจากข้างบนนั้น”

“นายรู้ได้ยังไง?”  เขาถามแต่ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“แม่เราบอกมา  แม่บอกว่าวันหนึ่งแม่ก็จะไปอยู่บนนั้นแต่เราไม่ต้องเสียใจ  เพราะแม่จะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ”

“....”

“เราให้หุ่นยนต์ตัวนี้กับนายนะ   นายจะได้มีเพื่อนไง  แล้วนายก็จะไม่เหงา!”

“ขอบใจ”

“อื้ม! นายชื่ออะไร?”

“สีหราช”

“คิก  คิก  ชื่อยังกับพระเอกลิเกแน่ะ”

“นายเคยดูลิเกหรือไง?”  เขาขมวดคิ้วฉับเมื่อฝ่ายนั้นหัวเราะชื่อเขา

“พี่จิตดูทุกวันเลย  สนุกดี  เราชอบ”  เด็กหน้าขาวหัวเราะไม่หยุด  “แล้วชื่อเล่นล่ะ?”

“สิงห์”

“เราชื่อคีตกาล  ชื่อเล่นชื่อเพลง”  แนะนำตัวไปพลางหัวเราะไปพลาง  สีหราชมองภาพตรงหน้าแล้วหงุดหงิดนิดหน่อย  ทำไมถึงหัวเราะได้แบบนี้กันนะ?  เขาไม่เคยหัวเราะได้แบบนี้เลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่...  แต่รอยยิ้มนี้...ทำให้เขานึกถึงดวงตะวัน...

....สวยเหมือนดวงตะวัน....

หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่นหุ่นยนต์ด้วยกันพักใหญ่กว่าเด็กคนนั้นจะกลับ   เพลงบอกว่าจะมีที่นี่อีกแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่  เขายิ้มตอบ  ไม่ได้คาดหวังนักเพราะน้อยครั้งที่ใครคนเดิมจะกลับมาที่นี่อีก   แต่ก่อนอื่นเขาต้องเอาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปซ่อน  เผื่อว่าเด็กคนนั้นกลับมาอีกครั้งจริงๆ   เขาไม่อยากให้หุ่นยนต์ตัวนี้โดนแย่ง  ไม่ใช่เพราะว่ามันแพงแต่เป็นเพราะว่า  ...เพลง  เพื่อนคนแรกให้เขามา...   ....เพลง  คนที่บอกว่าเขาไม่ใช่เด็กกำพร้า... คนที่บอกว่าพ่อกับแม่ของเขายังอยู่ข้างกาย...

...เพลง   คีตกาล...



สามเดือนถัดมาเขาได้พบกับเพลงอีกครั้ง  เขายิ้มเมื่อฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะชวนกันไปเล่นที่ด้านหลังหลังจากทานข้าวเสร็จ   เขาไม่อยากให้พวกเด็กโตเห็นเพลง   กลัวเพลงโดนพวกนั้นแกล้ง   เพลงแก้มขาวแถมยังนุ่มนิ่มน่าหยิก  เขาไม่อยากให้แก้มเล็กๆนั่นโดนคนอื่นจับ  แค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว...

“สิงห์”

“หืม?”

“ถ้าโตแล้วเรามาเป็นเพื่อนกันอีกนะ”

“อื้ม!”

1 เดือนจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเพลงอีก

6 เดือนผ่านไปเขาก็ยังเฝ้ารอ

1 ปี เขาก็ยังคงทนุถนอมหุ่นยนต์ตัวนั้นเอาไว้อย่างดี




**********


“สิงห์  ครูมีข่าวดีจะบอก”  ครูอ้อยที่ตื่นเต้นกว่าทุกวันเดินเข้ามาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม  เด็กชายละมือจากการบ้านขึ้นมอง

“ครับ?”

“มีคนอยากอุปการะเธอ”

“...”

“ทำไม  ไม่ดีใจหรือ?”

“ก็..”

“ถ้าเธอไปอยู่กับเขา  เธอก็จะได้เรียนสูงๆไง”  ใช่  ถ้าเขาได้รับการอุปการะเขาก็จะได้เรียนสูงๆ  ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  หากยังอยู่ที่นี่ต่อ  เขาสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 18 ปี สามารถเรียนต่อได้ถึงชั้นอุดมศึกษาแม้ไม่มีใครมาอุปการะ  แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดสินใจได้โดยไร้ซึ่งความเห็นใจสถานสงเคราะห์แห่งนี้  ที่นี่มีเด็กถึง35 คน  มีคนที่กำลังเรียนปริญญาตรีสองคนและไม่ได้ย้ายออก  ที่สำคัญที่นี่ไม่ได้มีเงินทองมากมายนัก

“....ผมจะไปครับ”  ครูอ้อยดีใจมาก  เธอดีใจที่มีคนอยากดูแลเขา ดีใจที่เขาจะมีครอบครัวอีกครั้ง

“เขาขอเวลาจัดการเรื่องเอกสารให้ครบก่อน  แล้วจะติดต่อมาอีกที”

สองเดือนที่ผู้ต้องการอุปการะเขาเงียบหายไป...จนวันหนึ่งครูอ้อยมาบอกกับเขา  ....ฝ่ายนั้นมีลูกแล้ว  กำลังท้องได้ 1เดือน จึงไม่ต้องการอุปการะเขาอีก...เธอร้องไห้แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น...  เขากอดตอบทำได้แต่เพียงยิ้มขื่น

เขาไม่เป็นที่ต้องการแล้ว...

...ถูกทิ้งอีกครั้ง...

.
.
.
.









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 02:26:21 โดย sine »

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
«ตอบ #141 เมื่อ24-08-2015 20:36:36 »

“!”  เขาสะดุ้งตื่นก่อนจะล้วงมือไปใต้หมอนเพื่อกดปิดนาฬิกาปลุก  พลางเหลือบมองเพื่อนร่วมห้องเห็นฝ่ายนั้นขยับเปลี่ยนท่าแล้วหลับต่อก็ถอนหายใจก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว   สีหราชเอานาฬิกาปลุกไว้ใต้หมอนเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมห้องเนื่องจากพวกเขาเรียนอยู่กันคนละคณะฯ ตารางเรียนจึงไม่ตรงกัน

หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาเอาโจ๊กที่เหลือครึ่งซองมาเทใส่ถ้วยแล้วออกไปกดน้ำร้อนของหอพัก  แม้จะเป็นหอในแต่เรื่องความสะดวกสบายนั้นสีหราชค่อนข้างพอใจมากทีเดียว  ที่นี่มีห้องรีดผ้า  ห้องทีวี  ห้องคอมพิวเตอร์ไว้ให้ใช้ตามช่วงเวลา  เขาต้องการเท่านี้จึงไม่รู้สึกว่าขาดอะไร  เขาจัดการโจ๊กครึ่งถ้วยเสร็จจึงเตรียมตัวไปเรียน    อีกไม่กี่อาทิตย์จะมีการประกวดดาว-เดือนมหาวิทยาลัยแล้ว   แล้วทุกวันนายอิ่มเอมก็จะมาบ่นกับเขาว่า รู้สึกคิดผิดเหลือเกินที่ยอมไปประกวดแทนเขา
 สีหราชก็ได้แต่ฟังเท่านั้น

“วันนี้มึงไปส่งเสบียงกูเลย”  นายอิ่มเอมตบบ่าเขาเต็มแรงหลังจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ

“พี่เขาไม่ไปส่งให้หรือ?”

“ก็ส่ง  แต่กูอยากสร้างกระแสว่ะ”

“สร้างกระแส?”

“เรียกเรตติ้ง”

“เรตติ้งอะไร?”

“แบบเอามึงไปเรียกคะแนน”

“ยังไง?”

“เขาจะได้คิดว่าคณะฯเรามีแต่คนหล่อๆไง”

“......”  สีหราชถอนหายใจ  พลางนึกในใจว่ารีบไปส่งแล้วรีบไปทำงานพิเศษก็แล้วกัน  ที่ยอมทำตามเพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์ยอมลำบากแทนเขานี่นะ




“สิงห์!”  เจ้าของรอยยิ้มกว้างวิ่งเข้ามาหาคนแรก   เขาชะงักเท้าก่อนจะพยายามทำให้สิ่งที่เต้นเร่าอยู่ในอกข้างซ้ายสงบลง

“หวัดดี”

“หวัดดี  สิงห์มาทำอะไรอ่ะ?”

“เอาเสบียงมาส่งอิ่มเอม”

“เหรอ?”

“....”

“แล้วของฉันล่ะ?”

“...เอ่อ”   แล้วทำไทต้องทำหน้าหงอยด้วยเล่า?  “มีเผื่อนายด้วยนะ”

“จริงเหรอ?  ขอบใจนะ!”  พลันรอยยิ้มสวยก็กลับมาอีกครั้ง  สีหราชยกมือขึ้นตบอกข้างซ้ายตัวเองเบาๆทำเอา
คีตกาลมองท่าทางนั้นอย่างไม่เข้าใจ   แค่นี้อีกฝ่ายก็พอใจแล้วหรือ?

สีหราชยิ้มตอบโดยไม่รู้ตัว...

เขาไม่ได้ยินว่าคนรอบข้างอุทานว่าอย่างไร   เช่น คนคนนั้นยิ้มสวยเป็นบ้า  หรือ  ทำไมคนนั้นถึงไม่ประกวดเดือนมหาวิทยาลัยนะ? มีแต่อิ่มเอมที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเพราะสร้างกระแสได้

“วันนี้ไปทำงานที่ร้านเมารักเหรอ?”

“เปล่า  วันนี้ไปร้านหมูกระทะ”

“ร้านหมูกระทะ?  ทำที่ใหม่อีกแล้วเหรอวะ?”  อิ่มเอมเดินเข้ามาคว้าถุงขนมไปเปิดดูแล้วเอ่ยถาม

“อืม”

“งั้นคืนนี้เราซ้อมเสร็จแล้วไปกินหมูกระทะกันนะ?”  คีตกาลหันมาเขย่าแขนคนตัวโต

“เฮ้ย  คืนนี้ไม่ว่างแล้ว”

“อ้าว”

“ชวนเพื่อนคนอื่นมึงไปดิ”  อิ่มเอมแนะนำ คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วปากยู่ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อตกลงใจได้แล้วว่าจะชวนใครไปดี   ...นายชายชาญไง!
.
.
.


“เป็นไงบ้างวะ?”  สีหราชตบบ่าเพื่อนซึ่งกำลังยืนกระสับกระส่ายไปมาอย่างให้กำลังใจ   อิ่มเอมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพรูออกสองสามทีก่อนจะหันมาตอบ

“ตื่นเต้นชิบห_ย!”   วันนี้เป็นวันประกวดดาว-เดือนมหาวิทยาลัยแล้ว  สีหราชขอหยุดงานพิเศษทุกที่เพื่อมาให้กำลังใจเพื่อนโดยเฉพาะ  อันที่จริงแล้ว...ก็ไม่เพียงเฉพาะอิ่มเอมหรอก  คนต่างคณะฯอย่างคีตกาลเขาเองก็เอาใจช่วยเช่นกัน   การแสดงของอิ่มเอมเขาก็มีส่วนช่วยเพื่อนซ้อมบ้างสองสามครั้งเวลาที่ว่างจากกิจกรรมหลังเลิกเรียน 

“เอาน่า  เดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อดอกกุกลาบมาให้”

“เออ!  เอามาให้เยอะๆเลยนะมึง”  อิ่มเอมว่า  ก่อนจะชกไหล่สีหราชเบาๆแล้วเตรียมตัวขึ้นแสดง     สีหราชออกมาจากหลังเวที  พยายามเบียดเสียดกลุ่มคนเพื่อออกไปซื้อกุหลาบมาให้เพื่อน  เพราะคะแนนส่วนหนึ่งจะนับจากดอกกุหลาบที่ได้ด้วย  ดังนั้นสีหราชจึงเจียดเงินเก็บจากงานพิเศษมาซื้อ  เขาเหลือบมองดอกไม้ 10ดอก ในมือแล้วถอนหายใจ  หันหลังกลับออกมาแล้วยืนนิ่งก่อนจะเดินกลับไปอีกครั้ง...

การแสดงของอิ่มเอมเป็นนาฏลีลาผสมมวยไทย  หรืออะไรสักอย่างที่สีหราชเรียกไม่ถูก  ทั้งสองคนกับพิม  ดาวคณะฯต่างก็แสดงได้ดีมากทั้งสวยงามและดูแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน   สีหราชวิ่งเอาดอกกุหลาบช่อโตไปให้ทั้งสองคน 
อิ่มเอมเบิกตากว้างเมื่อเห็น  เขารู้ว่าสถานะการเงินของสีหราชนั้นเป็นอย่างไรจึงค่อนข้างตกใจมากพอดูกับดอกไม้ช่อนี้ 

สีหราชยืนรอการแสดงของคณะฯต่อไป  เขาไม่ได้เข้าไปหาอิ่มเอมและดาวคณะฯหลังการแสดงจบ  เขารอ...เพื่อจะดูใครอีกคน   สีหราชไม่รู้ว่าคีตกาลจะแสดงอะไรเพราะแทบไม่เคยได้ยินคีตกาลพูดถึง  หรือแม้แต่อิ่มเอมก็ด้วย   จนเมื่อการแสดงของคณะฯอื่นๆผ่านไปประมาณสอง-สามคณะฯจึงเป็นคิวของคีตกาล   สีหราชค่อนข้างตื่นเต้น   เขากำช่อดอกไม้ในมือแน่นจนชื้นเหงื่อ

คีตกาลออกมาพร้อมกับดาวคณะฯของตัวเอง   ทั้งคู่อยู่ในชุดไทยดูแปลกตา  การแสดงเป็นรำไทยสวยงามก่อนไฟจะดับลงแล้วสว่างขึ้นใหม่พร้อมกับการแต่งกายของทั้งคู่ที่เปลี่ยนไป   ร่างโปร่งอยู่ในชุดกางกางยีนส์ขาดๆเผยให้เห็นต้นขาขาวเป็นริ้วๆ    ฝ่ายหญิงก็อยู่ในชุดเซ็กซี่พอกัน  แล้วจังหวะเพลงก็เปลี่ยนเป็นเพลงสากล

Just shoot for the stars
If it feels right
And aim for my heart
If you feel like
Can take me away and make it OK
I swear I'll behave
You wanted control
So we waited
I put on a show
Now I make it
You say I'm a kid
My ego is big
I don't give a s**t
And it goes like this
Take me by the tongue
And I'll know you
Kiss me 'til you're drunk
And I'll show you

All the moves like Jagger
I've got the moves like Jagger
I've got the moves like jagger
I don't need to try to control you
Look into my eyes and I'll own you
.
..


เพลงของวง Maroon 5 ที่ทำเอาทั่วทั้งฮอลกระโดดเต้นไปพร้อมคนบนเวที  และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเมื่อร่างโปร่งถอดเสื้อเชิ๊ตออกเผยให้เห็นรอย Tattoo บนแขนและไหล่ทั้งสองข้าง   แผ่นอกราบเรียบและหน้าท้องแบนราบ  ผิวขาวเนียนสะท้อนแสงไฟ  ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างร้องเรียกชื่อของคีตกาลเป็นเสียงเดียว  ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม  ดวงตาคู่สวยขยิบมอบส่งให้ทุกคนทั่วบริเวณ  คนบนเวทีมีเสน่ห์ชวนหลงใหล  สีหราชมองภาพนั้นแล้วยืนนิ่ง  ก่อนนี้เขาตื่นเต้น  ยามเมื่อเห็นอีกฝ่ายบนเวทีหัวใจเขาเต้นแรง...หากพอผ่านไป...เขากลับค่อยๆหยุดหัวใจตัวเองเอาไว้...ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกและรอยยิ้มนั่น...สีหราชค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาก่อนจะชนเข้ากับใครบางคน

“เฮ้ย  มึงจะไปไหนวะ?”  อิ่มเอมรั้งแขนเพื่อน  เห็นใบหน้าซีดขาวนั้นแล้วขมวดคิ้ว  ไม่เข้าใจว่าเพื่อนเป็นอะไร

“จะกลับแล้ว”

“อ้าว  ไอ้เพลงแสดงใกล้จะเสร็จแล้วนะ”

“อืม  ฝากให้เขาด้วย”  สีหราชยัดช่อดอกกุหลาบใส่มืออิ่มเอม

“เฮ้ย!  เดี๋ยวซิวะ!”  อิ่มเอมพยายามรั้งเพื่อน  หากสีหราชก็เบียดกายหนีหายไปอย่างรวดเร็ว  คนตัวโตเกาหัวแกรกก่อนจะเดินไปหน้าเวทีอย่างยากลำบากเพื่อเอาดอกกุหลาบให้คนบนเวทีที่เพิ่งแสดงจบ

“ขอบใจนะ”  คีตกาลเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นอิ่มเอม

“ของไอ้สิงห์มัน”

“แล้ว?”

“มันเป็นอะไรไม่รู้  เดินหน้าซีดออกไปแล้ว”

“?”   คีตกาลเงยหน้าขึ้น  กวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาหากไม่เห็น  แต่ตอนนี้วุ่นวายไปหมด  เขาต้องจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จแล้วค่อยตามหาแล้วกัน


 ดอกไม้หนึ่งดอกถือว่าแพงมากสำหรับเด็กที่ต้องทำงานส่งเสียตัวเองเรียน หากแต่สีหราชก็ยังเอาเงินส่วนนั้นมาซื้อดอกไม้ให้เขา  คีตกาลนอนมองช่อดอกกุหลาบสีแดงแล้วถอนหายใจ  สุดท้ายแม้งานจบเขาก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของสีหราช    เขาได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่มากกว่าอิ่มเอมเพียงคะแนนเดียว
.
.
.

สองวันก็แล้ว!

สามวันก็แล้ว!

นี่สีหราชคิดจะหลบเขาหรือเปล่า?  คีตกาลสงสัยหนัก  ตั้งแต่วันที่จบการประกวดเขาก็ไปหาอีกฝ่ายที่คณะฯ  หากแต่เหมือนโดนเลี่ยงเพราะไม่เคยได้เจอนอกจากอิ่มเอม  ไปหาที่ร้านหมูกระทะก็เห็นว่าลา  ไปร้านเมารักก็เห็นว่าเปลี่ยนกะกับเพื่อนร่วมงาน  คีตกาลนั่งร้านเมารักมาสองคืนติดโดยมีชายชาญมาเป็นเพื่อน  วันก่อนเขาเมาหนักจนชายชาญทนไม่ไหวเนื่องจากไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน  เช้ามาเลยไปโวยใส่อิ่มเอมถึงคณะฯเพราะหาสีหราชไม่เจอ   หากวันนี้อีกฝ่ายติดธุระมาด้วยไม่ได้  ชายชาญออกปากห้ามเขาไม่ให้มาคนเดียวแต่เขาก็ดื้อด้านมาจนได้    คืนนี้ดูซิว่าจะเจอไหม! 
คีตกาลนั่งเฝ้าร้านเมารักตั้งแต่หัวค่ำ  เขาเห็นว่าสีหราชไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นๆแต่ไม่ยอมมาโต๊ะเขา  เขาเอ่ยขอให้
สีหราชมาเสิร์ฟก็โดนปฏิเสธ   คีตกาลโมโหหนักสั่งเครื่องดื่มอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้  รู้แต่ว่าเขายกดื่มๆไม่ยั้ง  พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นเงาลางๆของคนที่อยากพูดคุยด้วยมายืนอยู่ตรงหน้า

“พอได้แล้ว”

“พอ  พออาราย?”  เสียงใสอ้อแอ้  ดวงตาคู่สวยปรือปรอย  นิ้วเรียวยกชี้หน้าคนตัวโตอย่างไม่พอใจ “นายจงใจหลบหน้าฉัน!”

“นายเมาแล้ว  กลับบ้านไปเถอะ”

“ใคร๊?  ใครเมา  ไม่มี~สักกะ-น่อย  เอิ้ก!”  เขามีสตินะแต่เขาแค่ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง!

“เลิกดื่มได้แล้ว  แล้วกลับบ้านไปซะ  อย่ามาที่ร้านนี้อีก!”    สีหราชดึงแก้วออกจากมืออีกฝ่าย   มือคีตกาลจะยื้อไว้แต่เขาใช้แรงแค่นิดเดียวก็แย่งได้  สีหราชคิดเงินทั้งหมดโดยควักเงินของตัวเองจ่ายไปโดยที่คนเมาไม่รู้เรื่อง

“ทำไม?”  คนเมายังไม่ยอมลุก  มือขาวเกาะเก้าอี้แน่น  หากสีหราชก็ดึงอีกฝ่ายออกมาสำเร็จ  และแน่นอนว่าเขาก็ต้องลากคนเมากลับหอพักตัวเองไปด้วย  จะปล่อยให้ขับรถแบบเมาๆอย่างนี้คงได้ไปตามเก็บซากอยู่ข้างทาง  โชคดีว่าวันศุกร์และเสาร์เพื่อนร่วมห้องของเขาจะกลับบ้านทุกอาทิตย์

“มันไม่ดี  นี่ไม่ใช่ร้านที่นายควรมา”  เขาห้ามเพราะสองสามคืนมานี้คีตกาลดื่มค่อนข้างเยอะ  แม้ไม่เมามายแต่ก็ถือว่าหนักสำหรับคนไม่เคยดื่ม   จนมีเสียงนินทาเข้าหูเขาหลายรอบ  เดือนมหาวิทยาลัยฉลองตำแหน่งใหม่สองคืนติดไม่เลิกรา  มีผู้หญิงหลายคนเข้าหาคีตกาลอย่างเปิดเผยหากมีชายชาญคอยกันเอาไว้  แต่คืนนี้อีกฝ่ายมาคนเดียวและเมามากกว่าคืนไหนๆ  มีผู้ชายบางคนเตรียมเข้ามาแล้วหากแต่สีหราชเห็นเสียก่อน  เขาขอหยุดงานกลางคันแล้วเดินเข้ามา  คีตกาลไม่รู้หรอก  ว่าตั้งแต่คืนประกวดคืนนั้น...ตัวเองตกเป็นเป้าหมายของใครไปทั่ว  หน้าตาหล่อเหลาหมดจด  รอยยิ้มสวยและดวงตาชวนมอง...ยิ่งอวดเรือนร่างแบบนั้นยิ่งล่อฝูงจระเข้มากหน้าหลายตา

“ทีนายยังมาได้เลย”

“ฉันมาทำงาน”

“ฉันก็มาดื่มไง!”

“ที่นี่ไม่เหมาะกับนาย” 

“.....ถ้านายเลิกทำงานร้านนี้ฉันก็จะไม่มา”

“....”  สีหราชขบกรามแน่น  ทำไมถึงดื้อนักนะ!  อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาห้าม   สีหราชห้ามตั้งแต่แรกด้วยซ้ำแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ!  ร้านหมูกระทะก็เหมือนกัน  ไปทุกวันที่เขาทำงานเลย    เดี๋ยวได้อ้วนตาย!

“นายทำงานร้านไหนฉันก็ไปร้านนั้นแหละ”

“ทำอย่างนี้ทำไม?”  ในที่สุดเขาก็ถาม  จะทำตัวเป็นเงาตามเขาไปทุกที่เพื่ออะไร!

“ก็อยากเป็นเพื่อน”

“เคยบอกแล้วไงว่าฉันกับนายต่างกันเกินไป”

“ต่างกันตรงไหน”

“...ต่างก็คือต่าง”

“เราเป็นคนเหมือนกัน  นายกับฉันไม่เหมือนกันที่ตรงไหน  ห๊า!”

“....”

“ฉันมีจู๋นายมีจิ๋มเรอะ!”

“คีตกาล!”   สีหราชพยายามระงับความโกรธที่พุ่งขึ้นมา  นายน่ะซิมีจิ๋ม!

“ทำไมห้ะนายสีหราช!”  คีตกาลเท้าเอวตะโกนเสียงดัง  แม้จะโงนเงนไปมาก็ยังจะทำท่าขึงขังใส่คนตัวโตกว่า 
สีหราชอยากจะโกรธก็โกรธได้ไม่สุดเพราะท่าทางนั้น

“อย่าเสียงดังได้ไหม!” 

“ทำไม!  ก็นายตั้งใจหลบหน้าฉัน!”  ยิ่งห้ามคนเมาก็ยิ่งตะโกน  สีหราชตะปบปิดปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“นายโทรศัพท์ให้คนที่บ้านมารับเลยไป”

“ไม่เอา!”  คีตกาลอู้อี้ตอบโต้เพราะสีหราชยังคงปิดปากเอาไว้

“กลับบ้านไปซะ  แล้วอย่าทำอย่างนี้อีก”

“ทำไมล่ะ?  สัญญากันไว้แล้วนี่”  ในที่สุดคีตกาลก็แกะมือหนาออกจากปากตัวเองสำเร็จ  เขาถามอย่างไม่เข้าใจ

“สัญญาอะไร?”

“ก็ที่เราสัญญากันไง  ว่าถ้าโตมาแล้วเราจะเป็นเพื่อนกัน”

“!”   สีหราชเบิกตากว้าง   เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง   คีตกาลจำได้อย่างนั้นหรือ?



สัญญาที่ให้กับเด็กกำพร้าคนหนึ่ง....


สัญญาที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะจำไม่ได้...






โปรดติดตามตอนต่อไป..







-

























แถมของตอนที่ 8 อีกนิด

“คุณคีย์   ทานข้าวเถอะค่ะ”  สายใจวิ่งปรี่เข้ามาคว้าแขนคีตกาลเมื่อเขาโผล่ขึ้นเรือนในเวลาเที่ยงวัน  ที่เด็กสาวคะยั้นคะยอลากเขามากินข้าวเพราะเมื่อเช้าคนเป็นนายของเธอแกล้งคีตกาลจนไม่ได้กินข้าวเช้านั่นแหละ

“น้ำพริกอะไรนี่  น่ากินเชียว”  คีตกาลนั่งลงบนเก้าอี้ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มดับความกระหาย  เมื่อเช้าหลังจากโมโหเขาก็ควบเจ้า Music ไปทำงานทั้งอย่างนั้น  ข้าวซักเม็ดจึงไม่ตกถึงท้อง  ยิ่งมาเห็นอาหารตรงหน้าเขาถึงกับน้ำลายสอขึ้นมาทันที

“น้ำพริกมันปูค่ะ  เครื่องเคียงเป็นผักสด  ไข่เจียวหอมๆและข้าวสวยร้อนๆ”  สายใจเอ่ยพลางตักข้าวใส่จาน  ร่างโปร่งคว้าช้อนตักข้าวด้วยความหิว  หากเขากลับชะงักก่อนจะเหลียวมองไปรอบบ้านเมื่อเห็นว่ามันเงียบผิดปกติ

“คนอื่นล่ะ?”

“คนอื่นๆทานหมดแล้วค่ะ  แต่อันนี้พิเศษสำหรับคุณคีย์คนเดียว”  ชายหนุ่มยิ้มเมื่อได้ฟังก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  เพียงไม่นานจานทุกใบก็เกลี้ยงเกลา  ไม่เว้นแม้ผักสดชิ้นสุดท้าย  คีตกาลก็หยิบมาปาดน้ำพริกจนเกลี้ยง

“อร่อยมาก!”  คีตกาลชมเปราะ  เมื่อท้องอิ่มอารมณ์จึงดีขึ้น ยิ่งอาหารอร่อยแบบนี้ยิ่งรู้สึกดี

“ใช่ไหมคะ ขนาดสายใจยังชอบเลย”  เด็กสาวตบมือฉาดแล้วยิ้มกว้าง

“ป้าแช่มทำหรือ?  ฉันนึกว่าสายใจทำเสียอีก”  ชายหนุ่มว่าพลางเอามือลูบพุงป่องๆของตัวเองแล้วหัวเราะ

“อ้อ  ไม่ใช่หรอกค่ะ”

“?”

“เนี่ย  ฝีมือคุณสิงห์”

“!”  คีตกาลเบิกตาโพลง  เขาเหลือบมองถ้วยเปล่าตรงหน้าแล้วเหลียวมองรอบห้องอีกครั้ง  กลัวว่าคนทำจะอยู่แถวนี้  เกิดเห็นท่าทางของเขาเมื่อครู่แล้วแอบหัวเราะละแย่แน่

“แม่บอกว่าน้ำพริกมันปูเนี่ยเอาไว้ใช้ตอนผัวเมียทะเลาะกัน”

“อะไรนะ?”  คีตกาลหันขวับเมื่อได้ฟัง

“สูตรชาววังเชียวนะคะเนี่ย  แม่บอกว่าถ้าบ้านไหนผัว-เมียทะเลาะกัน  เจอน้ำพริกมันปูอร่อยๆเข้าไปละคืนดีกันทันทีเพราะความอร่อยของมัน”  สายใจยิ้มกว้างเอ่ยต่อ  รู้สึกราวกับตัวเองเป็นผู้รอบรู้ทั้งๆที่ฟังมาจากมารดาอีกทีทั้งนั้น

“......”  ส่วนคนฟังอย่างคีตกาลถึงกับหน้าร้อนผ่าว  พอรู้ว่าใครทำก็ใจเต้นแรงพอแล้ว  ยิ่งมารู้เรื่องเล่ายิ่งทำเอาเขาหน้าร้อนผ่าวๆเลยทีเดียว

“คุณสิงห์หัดทำตั้งนานนะคะกว่าจะอร่อยแบบนี้  แต่หนูกินฝีมือแม่นะ  ฝีมือคุณสิงห์น่ะนอกจากแม่หนูแล้วก็เห็นมีแค่คุณคีย์นี่แหละค่ะที่ได้กิน”

“โอ๊ย!  สายใจจะฆ่าฉันหรือไง!”  คีตกาลซบหน้าลงโต๊ะกินข้าว  โผล่ให้เห็นแต่หูแดงๆ

“คะ?”

“แต่ละประโยคจะทำฉันตายอยู่แล้ว!”

“?”  เด็กสาวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ!   สายใจละงง  คุณคีย์ทานน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อย  พอรู้ว่าใครทำก็เขินจนหน้าจนหูแดงไปหมด  พิลึกคน!  .....หรือว่า?

คุณคีย์เขินเพราะคุณสิงห์ทำให้ทาน?

ทีคุณอิ่มเอมไม่เห็นเขินเลยตอนบังคับคุณสิงห์ทำอาหารให้ทาน      ....หรือคุณสิงห์กับคุณคีย์เป็นมากกว่าเพื่อน?

ถ้อยคำของอิ่มเอมแล่นเข้ามาในหัว  “เพื่อนคนพิเศษ”  ที่ว่านั่น....ตายแล้ว!  สายใจใจเต้นแรงมาก   แล้วนี่เธอจะไปเม้าท์กับใครดีละ  อ้อ  คุณอิ่มเอมไง!

.
.



คีตกาลเงยหน้าจากแขนตัวเอง  เห็นสายใจวิ่งออกจากห้องจึงเหลือบมองถ้วยน้ำพริกอีกครั้ง  แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว...   เอาเถอะ  เพราะน้ำพริกอร่อยหรอกนะ  ไอ้ที่แกล้งเขาเมื่อคืนกับเมื่อเช้าน่ะ  จะยกโทษให้ก็ได้...
.
.
.
.
.









สวัสดีค่ะ
  อืม...อันที่จริงแล้วตอนแทรกๆเข้ามานี่เป็นตอนที่ 2 แล้ว  มันก็ไม่ใช่ตอนพิเศษอ่ะนะ  มันเป็นพาร์ทของอดีต  จะเรียกตอนหลักก็ได้มั้ง?  เหมือนเล่าเรื่องสลับไปมากับพาร์ทปัจจุบัน  ค่อยๆให้ทุกคนได้รู้เรื่องราวของทั้งสองคนว่าเจอกันได้ยังไงและรักกันได้ยังไง  แต่ทีนี้เราเลยไม่รู้ว่าจะใส่หมายเลขตอนยังไง  คือจะเป็นตอนที่9  รึจะให้เป็นตอนเสริมอะไรยังงี้  เพราะที่จริงแล้วมัน..ก็ต่อกันอ่ะนะ  สลับไทม์ไลน์ไปมา     หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ^^

ปล. ติดตามทวงถามกันได้ที่ทวีต  Novel By Sine @sine501 ค่ะ^^
ปลล.  เพลงที่น้องเพลงเต้นตอนประกวดเป็นของ Maroon5ค่ะ  บอกแล้วว่าเธอเป็นติ่งวงนี้ 5555

https://youtu.be/iEPTlhBmwRg เพลงที่น้องเต้นค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 02:37:54 โดย sine »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
55555 โอ้ยขำกับน้ำพริกมันปู 5555

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ชีวิตสิงห์น่าสงสารจัง น้องเพลงก็น่าร้ากกกกกก จิตใจดีงาม ^^

ออฟไลน์ pemiko2012

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ยังรออยู่น้าาาา
คิดถึงเพลง  :hao3: :heaven

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คิดถึงสายใจ เอ๊ะ! มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สิงห์เข้มแข็งมากเลยนะ
ไหนจะความสีมพันธ์ที่ยาวนาน
ของสิงห์กับเพลงอีกล่ะ นานมากเลย

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คิดไปเองอยู่ได้ตั้งนานเลยนะคะสิงห์ ^^ เพราะความจริงแล้วเพลงเองยังจำได้ว่าตัวเองเคยสัญญาอะไรเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มาตามทวงกันขนาดนี้หรอกเน้อ~~ :m3:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
รอ.. ร๊อ.. รอ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
อ่านตอนนี้เล่นเอาหิวข้าวกลางดึกเลย


 :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด