~แมกไม้ ไอดิน กลิ่นหมอก~
- รักพัดหวน -
ตอนพิเศษ ต้นลมที่เราพบกัน
“นี่นาย” เขากำลังเหลียวซ้ายมองขวามองหาเป้าหมายก็พอดีที่ใครบางคนเอ่ยร้องทักเขาออกมา ฝ่ายนั้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วใช้มือดึงสาบเสื้อเพื่อขยับให้เกิดลมไล่ความร้อน เพราะท่าคงวิ่งมาจากที่ไหนสักที่
“ครับ?”
“นายรู้ไหมว่ากองกิจการนิสิตอยู่ตรงไหน?” มองเครื่องแต่งกายให้ละเอียดจึงรู้ว่าคนตรงหน้านั้นอยู่ปีหนึ่งเช่นเดียวกันกับเขา ร่างสูงก้มหน้าลงอ่านกระดาษในมือก่อนจะตอบ
“น่าจะทางนั้นนะ”
“โอ๊ะ งั้นเหรอ” ร่างสูงโปร่งของอีกฝ่ายทำท่าจะผละออกไป หากเขารั้งเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ ...ฉันก็กำลังจะไปทางนั้นพอดี”
“ดีจัง ถ้าไปหลงคนเดียวคงน่าอายแย่” คนตรงหน้ายิ้มสดใสส่งมาให้ รอยยิ้มที่ทำให้เขานึกถึง....ดวงตะวันกลางฤดูร้อน...
...และใครบางคนในห้วงคำนึงที่แสนลางเลือน....
สีหราชไม่ค่อยเข้าใจนักถึงการเป็นตัวแทนคณะฯมาประกวดดาวเดือนอะไรนี่ ดาวอะไร ดาวซินโดรมรึ? แล้วเดือนล่ะ เดือนดับ? จนเมื่อเจ้าของรอยยิ้มเมื่อเช้ามาอธิบายให้ฟังนั่นแหละเขาถึงเข้าใจความสำคัญของการประกวดครั้งนี้
“นายชื่ออะไร?”
“สีหราช เรียกว่าสิงห์ก็ได้”
“คิก ชื่อนายเหมือนพระเอกนิยายเลย”
“เหรอ? แล้วนายหัวเราะทำไม?”
“หืม?”
“นายบอกว่าชื่อฉันเหมือนพระเอกนิยาย ก็ต้องแปลว่าดีน่ะซิ ใช่ไหม แล้วนายหัวเราะทำไม?” สีหราชไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหัวเราะชื่อเขาทำไม การมีชื่อให้เรียกย่อมดีกว่าการเป็นคนไร้ชื่อไม่ใช่หรือ?
“เฮ้ย ฉันไม่ได้หัวเราะในทางที่ไม่ดีนะ นายอย่าคิดมาก ที่ฉันหัวเราะน่ะเพราะมันค่อนข้างแปลก ชื่อยาวๆเหมือนพระเอกนิยายน่ะ เดี๋ยวนี้เขาไม่ตั้งกันแล้ว พ่อแม่สมัยใหม่น่ะชอบตั้งชื่อลูกยากๆกันทั้งนั้น ฉันชอบชื่อนายนะ” ฝ่ายนั้นอธิบายเสียยืดยาว คงเพราะกลัวเขาโกรธกระมัง
“งั้นหรือ? ฉันก็ชอบชื่อตัวเองเหมือนกัน” สีหราชพยักหน้าแล้วตอบกลับไปคราวนี้คนตรงหน้าไม่ได้หัวเราะแล้ว หากเปลี่ยนเป็นยิ้ม ยิ้มที่อบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า...
“ส่วนฉันชื่อคีตกาลนะ เรียกว่าเพลงก็ได้”
“อืม เพลง...” สีหราชทวนชื่อนั้น ก่อนจะเหลือบตามองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้ง
..ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆตรงข้างแก้มซ้ายนั่น...
เขาจะเป็นคนคนเดียวกันหรือเปล่านะ?
ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มสะดุดลงเมื่อรุ่นพี่เดินออกมาด้านหน้าแล้วอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำ กิจกรรมมากมายหลังจากนี้ที่พวกเขาและพวกเธอทั้งหลายซึ่งเป็นตัวแทนคณะจะต้องทำ
“หลังเลิกเรียนทุกวัน?”
“ใช่ ทำไม?” คีตกาลเอ่ยถามคนข้างตัวที่ทำสีหน้ายุ่งเหยิง
“ฉันไม่สะดวก”
“แต่เราก็ต้องทำนะ” คีตกาลยังไม่เข้าใจ คนข้างตัวเขาไม่สะดวกอะไรอย่างนั้นหรือ?
“นี่ ถ้าฉันขอตัวออกไปตอนนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่า?” สีหราชหันมาถาม แล้วเงยหน้ามองหาพี่คณะของตัวเองไปพลาง
“หมายถึง ขอตัวไปทำธุระตอนนี้?” สีหราชพยักหน้ารับเมื่อเด็กหนุ่มหน้าใสของตัวถามอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?” ว่าเสร็จร่างสูงของสีหราชก็วิ่งตรงเข้าไปยังพี่คณะของตัวเองทันที ฝ่ายนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คีตกาลเห็นพี่คณะคนนั้นเบิกตากว้างแล้วทึ้งหัวเองเป็นการใหญ่ ทำท่าเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย แล้วนายสีหราชก็ยกมือไหว้รุ่นพี่อยู่อย่างนั้น ใบหน้าหล่อเข้มมีแววสำนึกผิดหากไม่ยอมเอามือลง รุ่นพี่คณะถอนหายใจก่อนจะเดินไปยังกลุ่มเพื่อนเดือนดาวคณะแล้วอธิบายอะไรยกใหญ่ คีตกาลไม่ได้เดินเข้าไปหาเพื่อนใหม่เพราะถูก ยี่หวา ตัวแทนดาวคณะของเขาเรียกตัวไว้ พอหันไปอีกทีเขาก็ไม่พบทั้งสีหราชและรุ่นพี่คนนั้นแล้ว
วันต่อมาคีตกาลก็เลิกคิ้วแปลกใจเมื่อไม่เห็นสีหราชมาเข้าทำกิจกรรม หากมีใครบางคนมาแทน
“เอ่อ หวัดดี” ร่างโปร่งเอ่ยทักคนตัวโต ฝ่ายนั้นหันมามองแล้วยิ้มให้
“ดี”
“นายเป็นตัวแทนเดือนคณะนิติเหรอ?”
“ใช่”
“อ้าว?”
“แปลกใจล่ะซิที่ไม่ใช่ไอ้สิงห์”
“ใช่ เมื่อวานเขายังมาเลยนี่ เกิดอะไรขึ้น”
“เฮ่อ~” คนตัวสูงถอนหายใจ “มันมีเหตุนิดหน่อยว่ะ สุดท้ายกูก็เลยโดนยัดเยียดมานี่ไง” คีตกาลเหลือบมองคนที่แทนตัวได้อย่างหยาบคายก็ยิ้มแหย
“ยังไง?”
“เออน่า มึงอย่าเสือก”
“อ้าว?”
“เออ กูชื่อเอมนะ ชื่อจริงอิ่มเอม มึงล่ะชื่ออะไร”
“คีตกาล เรียกเพลงก็ได้” ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากแน่นพลางนึกถึงสีหราช เมื่อตอนเจ้าตัวถามเขาว่าต้องทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนทุกวันใช่ไหม ฝ่ายนั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียด แล้ววันนี้ก็หายตัวไปพร้อมกับเดือนคณะคนใหม่มาแทนที่
มีปัญหาอะไรหรือเปล่านะ?
*********
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วกับกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่ทำเอาคีตกาลถึงกับหมดแรงจนไม่สามารถไปเที่ยวไหนต่อได้เลย นี่ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์เขาคิดว่าคงโดนตามตัวไปซ้อมนู่นนี่อีกตามเคย ร่างโปร่งเหลือบมองประตูทางเข้าหอในหอพักของนิสิตตรงหน้าแล้วยกนาฬิกาขึ้นดู อิ่มเอมบอกให้เขามาหาที่นี่หลังจากถูกเขารบเร้าถามว่าสีหราชหายไปไหนติดๆกันเกือบทุกวัน
“มึงติดใจอะไรมันนักหนาวะ?” อิ่มเอมเอ่ยถามเมื่อเขาถามประโยคประจำตัวจบ ว่า ทำไมสีหราชถึงออกจากการเป็นเดือนคณะ
“ก็...มันน่าแปลกนี่”
“แปลกยังไง?”
“เขาหน้าตาหล่อนะ ทำไมถึงไม่อยากเป็นเดือนล่ะ?”
“เอ้า พูดงี้หมายความว่ากูไม่หล่อ?”
“นายก็หล่อนะ เข้มด้วย”
“แล้วถามหามันจั๊ง ชอบมันเหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เอ่อ ใช่ เอ้ย ไม่ใช่ความหมายนั้น”
“อะไรของมึงเนี่ย งง”
“ก็...ฉันยังไม่ได้ขอบใจเขาเลยนี่นาที่พาฉันมาวันนั้นน่ะ”
“...งั้นเอางี้ ถ้ามึงอยากเจอมันนะ พรุ่งนี้ตอนค่ำๆมาหากูที่หอ3”
นั่นแหละจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ทั้งๆที่เป็นค่ำวันเสาร์ คีตกาลรออยู่ครู่ใหญ่ร่างสูงของอิ่มเอมจึงลงมาจากหอพัก เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดถนัดตา
“ทำไมแต่งตัวเสียหล่อเชียว?”
“กูหล่ออยู่แล้วต่างหาก” คีตกาลส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ อิ่มเอมบอกว่าวันนี้เขาว่าจะหาสาวสักคนมาช่วยให้ความอบอุ่น และอาจไม่กลับเข้าหอ จนเมื่อคีตกาลท้วงนั่นแหละว่าอิ่มเอมรับปากไว้ว่าจะพาเขาไปเจอสีหราช ไม่ใช่ไปม่อสาวฝ่ายนั้นจึงเลิกจ้อพลางบ่นว่าเขาช่างไม่เข้าใจหัวอกของหนุ่มหล่อโสดเอาเสียเลย
ป้ายร้าน “เมารัก” ตรงหน้าทำเอาคีตกาลชะงักเท้าแล้วดึงชายเสื้อของอิ่มเอมเอาไว้
“นี่”
“อะไรของมึง เดินมาซิ”
“มันเป็นร้านเหล้า”
“เออ มึงเห็นเป็นร้านนมปั่นหรือไง?” อิ่มเอมจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ เขาเขม่นคีตกาลไว้ในใจแล้วว่า หมอนี่โคตรของโคตรคุณหนูมากๆ แค่ร้านเหล้าก็ทำท่าทางไม่ชอบใจออกมาแล้ว
“ฉันไม่เข้าร้านเหล้านะ”
“โหย ไอ้คุณหนู ไอ้คุณชาย หม่อมแม่มึงห้ามมารึไง?”
“ใช่”
“....” เสือกจริงซะงั้น กูแค่ประชดนะเนี่ย!
“แม่บอกว่าเหล้าเป็นสิ่งไม่ดี...มัน”
“หุบปากเลยไอ้คุณหนู ถ้ามึงอยากเจอไอ้สิงห์มึงต้องเข้ามาในร้านนี้ เข้าใจ๊?”
ร้าน “เมารัก” ตกแต่งเหมือนร้านเหล้าทั่วๆไป เป็นร้านแบบเปิด มีโต๊ะทั้งในพื้นที่ส่วนนอกและในตัวร้าน จัดมุมไม่ชิดกันจนเกินไปนักทำให้บรรยากาศดูน่านั่งกว่าร้านอื่นเพราะลูกค้าไม่เบียดกัน แสงไฟสีส้มและเสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆสร้างความโรแมนติกเล็กๆได้พอสมควร อิ่มเอมพาคีตกาลมานั่งตรงจุดใกล้ร่มไม้ที่มีน้ำพุเล็กๆ คาดว่าเป็นมุมที่ดีที่สุดของร้านและอิ่มเอมน่าจะจองไว้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นคงได้เข้าไปนั่งมุมอับใดมุมหนึ่งในร้านแน่ๆ
“มึงเอาไร?” อิ่มเอมเปิดเมนูพลางเอ่ยถามคนตรงหน้า
“ไม่รู้ซิ ฉันดื่มไม่เป็น”
“งั้นเอาเบาๆไปละกัน” อิ่มเอมสั่งเครื่องดื่มที่เบาที่สุดให้คนตรงหน้า ส่วนตัวเองเลือกที่มีดีกรีแรงขึ้นมาอีกนิด คีตกาลเหลือบมองไปรอบร้านอย่างสนอกสนใจจึงไม่ทันเห็นอิ่มเอมว่าจดอะไรยุกยิกหลังจากสั่งเครื่องดื่ม ครู่หนึ่งจึงมาเสิร์ฟคีตกาลจึงละสายตาหันมามอง
“สีหราช?”
“เพลง?”
“เป็นไง หล่อไหม ไอ้สิงห์ในมาดเด็กเสิร์ฟ” อิ่มเอมหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของเพื่อนทั้งสองคน สีหราชนั้นร่างกายสูงใหญ่ ยิ่งมาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงสแลคคาดทับด้วยผ้ากั้นเปื้อนผืนยาวที่คาดจากเอวสอบลงมาจนถึงเกือบครึ่งน่องยิ่งทำให้รูปร่างสมส่วนนั้นเด่นชัดขึ้น ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาคมดุและเรียวคิ้วพาดเฉียงกับมาดนิ่งๆเรียกสายตาของลูกค้าทั่วร้านให้มารวมที่เขาได้เกือบทั้งหมด
“หล่อมาก” คีตกาลยิ้มกว้างพลางยกนิ้วโป้งประกอบคำพูดทำเอาอิ่มเอมหัวเราะเสียงดัง ส่วน
สีหราชน่ะหรือ เขากระแอมไอแก้อาการร้อนใบผิวแก้มแล้วถามอีกฝ่ายอย่างแปลกใจที่เห็นคีตกาลที่นี่
“ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“ก็ฉันอยากเจอนาย” คีตกาลยิ้มกว้าง เขารับแก้วเครื่องดื่มมาจากร่างสูงแล้วจิบ
“เจอฉัน?”
“อืม”
“รบเร้าจนน่ารำคาญมาก ขอบอก” อิ่มเอมเอ่ยแทรกขยายความให้เพื่อนฟัง
“ทำไมล่ะ?”
“ก็วันนั้นฉันยังไม่ได้ขอบใจนายเลยนี่นา”
“ขอบใจเรื่องอะไร?”
“ก็ที่พาฉันไปกองกิจการนิสิตไง”
“...มันเป็นทางที่ฉันต้องไปพอดีต่างหาก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”
“เอาไว้คุยทีหลังนะ ฉันต้องทำงาน” สีหราชตัดบทเมื่อเหลือบเห็นเจ้าของร้านมองมาทางนี้
/
/
/
“ทำไมถึงยังไม่กลับอีก?” คีตกาลเงยหน้าจากแก้วเครื่องดื่มขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทัก สีหราชถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเนื่องจากหมดเวลางาน
ดวงตาเรียวปรือฉ่ำเนื่องจากสิ่งที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่หัวค่ำ ด้วยเพราะไม่ดื่มของมึนเมา แม้จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอลน้อยแค่ไหนก็เล่นเอามึนได้พอสมควรทีเดียว
“รอ”
“แล้วนี่ไอ้เอมไปไหน?”
“ม่อสาว”
“....แล้วทำไมนายถึงยังไม่กลับ”
“รอสิงห์”
“รอฉัน? รอทำไม?”
“ก็นายบอกว่าค่อยคุยทีหลัง ฉันก็เลยรอนายทำงานเสร็จ” สีหราชยกมือขึ้นกุมขมับ
“ฉันหมายถึงวันหลัง ไม่ใช่วันนี้” น้ำเสียงห้วนขึ้นเมื่อเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“เอ้า! แล้วก็ไม่บอก” สีหราชคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดวกไปวนมา สงสัยจะเมาเสียแล้วกระมัง
“แล้วนี่จะกลับยังไง?”
“เอารถมา”
“...แล้วขับกลับไหวไหม?”
“...ไหว” คีตกาลยิ้มแป้นแล้วลุกขึ้น เพียงเท่านั้นก็เซเอียงให้สีหราชผวารับไว้แทบไม่ทัน
“เมาพั้นซ์เนี่ยนะ?” ร่างสูงเหลือบมองแก้วเครื่องดื่มแล้วมองคนเมาในอ้อมแขนอย่างคาดไม่ถึง
“แต่....ไม่เอาๆ ยังไม่กลับ”
“เฮ้ย เมาแล้วป่ะเนี่ย?”
“ไม่เมาๆ” คีตกาลโบกมือไหว ปัดไปปัดมาเอาคนที่ประคองอยู่เอียงหลบเป็นพัลวัน
“จะตบหน้ากันอยู่แล้วนะ... กลับบ้านไปได้แล้วไป”
“ยังไม่กลับ คุยกันก่อน”
“คุยอะไร?”
“วันนั้นขอบใจนะที่พาฉันไปกองกิจการนิสิต”
“นายพูดแล้ว”
“อืม~~ แล้วฉันก็มีเรื่องอยากจะถามด้วย”
“อะไรล่ะ?” สีหราชประคองคนที่ปฏิเสธว่าเมาออกมานอกร้าน พลางกวาดสายตามองหาอิ่มเอมไปด้วย ฝ่ายนั้นพาคีตกาลมาก็น่าจะพากลับซิ ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ได้ยังไงกัน?
“ทำไมนายถึงออกจากการเป็นเดือนคณะล่ะ?”
“...มันยุ่งยาก”
“ยุ่งยากอะไร?” อันที่จริงคีตกาลมีสตินะ แต่เขาควบคุมร่างกายไม่ได้เท่านั้นเอง เขายืนตรงได้นะแต่ผิดที่พื้นโลกมันเอียงไง แล้ว ไอ้ที่บอกว่าไม่เมาน่ะเขาพูดจริงนะเขาแค่มึนเฉยๆต่างหาก
“ก็หลายอย่าง”
“น่าเสียดายออก”
“เสียดายอะไร?”
“นายหล่อ”
“ห้ะ?”
“น่าจะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยไม่ยาก”
“ไม่ได้อยากเป็น”
“ทำไมล่ะ?”
“นายเป็นเจ้าหนูจำไมหรือไง ถามแต่คำว่าทำไมๆอยู่นั่น”
“เอ้า ก็อยากรู้”
“อยากรู้ไปทำไม?”
“ก็เสียดายไง”
“เสียดายอะไร?” สีหราชรู้สึกว่าเขาจะถามคำนี้รอบที่สองแล้วนะ
“นายหล่อ” ....โอเค ตอนนี้สีหราชชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาหรืออีกฝ่ายกันแน่ที่เมา...
“...รถนายคันไหน?”
“คันโน้น” โน้นที่ว่าน่ะ สีหราชมองไปก็เห็นรถที่เหมือนๆกันหมด
“คันไหนล่ะ?”
“อืม....คันหลัง”
“ห้ะ?”
“คันหลัง” ร่างโปร่งเริ่มขยับแขนไปเกาหลังตัวเอง สีหราชอยากจะตบหน้าผากตัวเองเหลือเกิน แต่ก่อนอื่น ขอตบหน้าผากหมอนี่ก่อนได้ไหม?
เผี๊ยะ!
“โอ๊ะ!” สีหราชอุทานตกใจ มือไวเท่าความคิดเมื่อเขาตบแปะลงไปบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายตามความคิดในหัวอย่างลืมตัว
“อื้อ!” ดวงตาฉ่ำปรือจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่มือขาวจะ... เผี๊ยะ!
“.....” สีหราชนิ่งอึ้งในขณะที่เจ้าของฝ่ามือหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่ตีหน้าผากเขาคืนได้แม้จะต้องเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยก็ตาม
“หายกัน” อีกฝ่ายว่าอย่างนั้นสีหราชก็จนใจจะเถียง ชายหนุ่มถอนหายใจ มองคนที่เขาประคองเอาไว้แล้วพาเดินออกจากร้าน
“รถล่ะ?”
“จอดไว้นั่นแหละ”
“นายก็ขับมาให้ฉันซี่~” มือขาวความหากุญแจรถยื่นให้อีกฝ่าย
“ฉันขับรถไม่เป็น”
“จริงดิ? ฮ่าๆๆนายขับรถไม่เป็นเหรอ?” ตอนนี้สีหราชแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่าคีตกาลเมาอย่างแน่นอน
“แล้วนี่ นายจะไว้ใจคนอื่นไปทั่วแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ไหน ไหนคนอื่นอ่ะ?” ถามแล้วก็เหลียวมองไปด้วย
“ฉันที่ไง”
“นายเป็นเพื่อนนี่”
“....”
“นายเป็นเพื่อนฉัน อิ่มเอมก็ด้วย”
“...เราเพิ่งเจอกันสองครั้ง”
“เจอครั้งเดียวก็เป็นเป็นเพื่อนกันได้”
“ถ้าฉันเป็นคนเลวกว่านี้นะ นายแย่แน่ๆ”
“แย่ยังไงอ่ะ?” สีหราชพยุงคนเมาเดินขึ้นบันได แม้จะไม่ทุลักทุเลมากนักหากก็ทำเอาเขาเหนื่อยได้เหมือนกัน
“นายจะโดนขโมยรถ”
“อืม แล้วไงอีก”
“โดนปล้น”
“หืม?”
“โดนข่มขืน”
“ฮื่อ เป็นผู้ชายจะโดนข่มขืนได้ยังไง?” ข้อหลังคีตกาลแย้ง
“ทำไมจะไม่ได้ นายไม่รู้หรือไงว่าโลกเราทุกวันนี้น่ากลัวมากแค่ไหน?” สีหราชควานหากุญแจเปิดห้อง ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงสำเร็จ ก่อนจะวางร่างคนเมาลงบนเตียงอย่างไม่ออมแรง คีตกาลเบ้หน้ากับความแข็งของฟูกนอน หากกระนั้นเขาก็ยอมนอนลงไปเพราะหัวมันหมุนไปหมด
“อืม...”
“นี่”
“....” สีหราชเหลือบมองคนที่นอนนิ่งบนเตียงตัวเองแล้วถอนหายใจ คืนนี้โชคดีที่รูมเมทของเขากลับบ้าน ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพาคนเมาไปนอนพักที่ไหน เพราะอิ่มเอมก็หายหัวไปเลย สีหราชไม่มีมือถือไว้ติดต่อเพื่อน เขาคิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นซ้ำยังเป็นภาระในเรื่องของค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก เขาไม่มีเงินพอจะมาเสียกับเรื่องพวกนี้เสียด้วย
ร่างสูงขยับเท้าเข้าใกล้ก่อนจะนั่งยองๆข้างเตียง เฝ้ามองใบหน้าขาวใสของคนที่หลับตาพริ้มแล้วหยุดนิ่งตรงขี้แมลงวันเม็ดเล็กตรงข้ามแก้ม ชื่อเพลงเหมือนกัน มีตำหนิที่แก้มข้างเดียวกัน...นายเป็นเด็กคนนั้นจริงๆใช่ไหม?
สีหราชอยากเอ่ยถาม หากเขาก็หยุดตัวเองไว้ ด้วยคำถามที่ว่า หากเขาได้คำตอบแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือ? ได้เป็นเพื่อนกัน? ได้พูดคุย? หรือหวังว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้?
ไม่ว่าจะถามหรือไม่ถาม...จะจำได้หรือจำไม่ได้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
**********
“อืม” เปลือกตาขยับไหวเมื่อแสงของวันใหม่ไล่สาดกระทบ คนบนเตียงบิดกายไล่ความเมื่อยขบทั้งๆที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น ฝ้าเพดานสีขาวหม่นไม่คุ้นตา สภาพห้องแคบๆไม่คุ้นเคยทำเอาเขากระเด้งกายลุกขึ้นนั่งแล้วเหลียวมองรอบตัว ก่อนจะสะดุดกับร่างหนาใหญ่ที่ขดอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม ใบหน้าเข้มคร้ามนั้นคุ้นตาเพราะเขาเอาแต่ถามหาอยู่สองสัปดาห์กับอิ่มเอม
ใบหน้าหล่อเหลายามหลับไม่ดุเหมือนตอนเจ้าตัวตื่นเลยสักนิด ริมฝีปากหยักเผยอผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ จมูกโด่งเป็นสัน เครื่องหน้าสมชายชาตรีเข้ากับชื่อของเจ้าตัวนัก คีตกาลยกยิ้มก่อนจะสำรวจรอบห้องอีกครั้ง
ที่นี่น่าจะเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย ข้าวของเครื่องใช้มีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงกับตู้เสื้อผ้าของทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ นอกนั้นมีเพียงกองหนังสือนั่นกระมังที่เป็นสมบัติจริงๆของคนที่นอนอยู่
สีหราช วิรุณรักษ์ ปลายนิ้วเรียวไล่ตามตัวอักษรชื่อนั้น แล้วก็...ไม่มีอะไรให้สำรวจอีก เพราะไม่มีอะไรเลย...
“อรุณสวัสดิ์” คีตกาลเอ่ยทักเจ้าของห้องที่กระพริบตาปริบแล้วมองมาทางเขา สีหราชลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง นิ่งเสียจนคีตกาลต้องกรอกตา กลั้นหายใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะต่อว่า เพราะเมื่อคืนเขาพล่ามพูดมากอะไรไปบ้างเขาจำได้หมดแหละ
“คีตกาล?”
“อ่าฮะ นายตื่นหรือยัง?” คีตกาลกลั้นยิ้ม ท่าทางจ้องเขาเขม็งเมื่อครู่คงเพราะสีหราชยังตื่นไม่เต็มตาแน่ๆ
“อืม อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์” ผู้เป็นแขกยิ้มกว้าง ส่งผลให้เจ้าของห้องต้องหยีตาเพราะมโนเห็นแสงระยิบระยับจากรอยยิ้มนั่น “ห้องน้ำไปทางไหน?” วูบ! แสงสว่างหายวับไปกับตา สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กกับแปรงสีฟันที่เพิ่งซื้อมายื่นให้ ก่อนจะหยิบของตัวเองแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องน้ำรวมของหอพัก
“วันนี้นายมีธุระที่ไหนหรือเปล่า?” คีตกาลถาม มองร่างสูงของอีกฝ่ายผ่านกระจกอ่างล้างหน้า
“อืม ทำงานพิเศษ”
“ทำงานอีกแล้วหรือ?”
“ใช่”
“อย่าบอกนะว่านายทำกลางวันทั้งเสาร์อาทิตย์แล้วก็ตอนกลางคืนด้วย?”
“ใช่”
“....แล้ววันนี้ไปทำที่ไหน?”
“ตอนกลางวันที่เซเว่น ตอนเย็นถึงเที่ยงคืนก็ร้านเมารัก”
“ไม่เหนื่อยแย่หรือ?”
“...เหนื่อย”
“แล้ว...”
“แปรงฟันเสร็จแล้วเดี๋ยวจะพาไปเอารถ จอดทิ้งไว้ที่ร้านหวังว่ามันจะยังอยู่นะ” คนถูกถามเสเปลี่ยนเรื่อง
“นี่...”
“คีตกาล ฟังนะ”
“?”
“เราไม่ใช่เพื่อนกันหรอก เจอกันครั้งนี้แค่ครั้งที่สองเอง นายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเพื่อนคนอย่างฉันก็ได้”
“ทำไมล่ะ?”
“...ก็ ..เราคงต่างกันเกินไปมั้ง”
“ยังไง?”
“...เอาเถอะ อย่ามายุ่งกับคนอย่างฉันเลย กลับบ้านไปซะ”
“....” เขาครุ่นคิด สีหราชที่เจอครั้งเหมือนคนอัธยาศัยดีทั่วไป ถึงแม้จะไม่ยิ้มหากก็ใจดีกับคนอื่นๆ เห็นได้จากเขาและเพื่อนหลายๆคนในวันแรกที่รวมตัวกันของตัวแทนคณะนั่น ไม่ใช่ว่าคีตกาลไม่มีเพื่อน เขามีเพื่อนร่วมคณะมากมายทั้งที่สนิทและไม่สนิท เพื่อนต่างคณะก็มากเพราะทำกิจกรรมร่วมกัน แต่กับ
สีหราช...เขาอยากเป็นเพื่อนด้วยเพราะ....ฝ่ายนั้นมักจะทำท่าเหงาอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่มีคนมากมายรายล้อมอยู่
เขาไม่ได้สงสาร เขาก็แค่อยากเป็นเพื่อน
เท่านั้นเอง...
โปรดติดตามตอนต่อไป
แจ้งข่าว -
สวัสดีค่ะ หายไปหลายวันเลยเนอะ ก่อนอื่นขอแจ้งนิดนึงนะคะ ช่วงนี้อาจจะมาต่อช้าหน่อยนะคะ เนื่องจาก
1. เรากำลังเร่งแต่งตอนพิเศษของ อสงไขย เพื่อรวมเล่มอยู่ค่ะ อาจต้องทุ่มเวลาให้ทางนั้นนิดนึง (ใครสนใจแนวพีเรียด ดราม่า เชิญได้เลยค่ะ คุณพระนายกับแก้วตารออยู่ ^^)
2.หลังจากนี้ออกต่างจังหวัดหลายวันค่ะ ...สต๊อกที่แต่งไว้ หมดแล้วค่ะ...
ปล. เพิ่งเห็นว่ามีคน
#รักพัดหวน ให้ด้วย เขินจังเลยยยยยย
ขอบคุณนะคะ เขินจริงๆนะเนี่ย ดีใจด้วย ฮา มาจูบทีหนึ่งซิ
ปลล. เข้าไปคุยกันได้นะคะ จิกกัด ตามทวง กันได้ที่ Novel By Sine @sine501 ค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กันเสมอนะคะ กอดแน่นๆ^^