พิมพ์หน้านี้ - -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sine ที่ 28-04-2015 04:40:48

หัวข้อ: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 28-04-2015 04:40:48
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

























 

********************************************************




สารบัญลิ้งค์ค่ะ   ขอบคุณคุณ basanti ด้วยค่ะ^^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.270#lastPost







~  แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นฝน  ~

รักพัดหวน

บทนำ


ภาพของบุตรชายในวัยสดใสที่กำลังเดินเคียงคู่มากับเพื่อนร่างสูงหน้าตาคมคายทำให้ยุวดีอมยิ้ม คีตกาลบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอใกล้จะจบปีสี่แล้ว  อีกไม่กี่เดือนก็จะคว้าปริญญามาให้เธอได้ชื่นใจ  ยุวดีกำลังจะเอ่ยเรียกให้คีตกาลและเพื่อนเข้ามานั่งในบ้านหากท่าทางของทั้งคู่จู่ๆก็เปลี่ยนไป  ท่าทางกลัดกลุ้มหม่นหมอง  บุตรของเธอกุมมือเพื่อนไว้คล้ายเว้าวอน   ยุวดีขมวดคิ้วกับท่าทางนั้น  ในใจเกิดความรู้สึกแปลกๆกับภาพตรงหน้า  ยังไม่ทันให้เธอได้คิดต่อสามีที่นานๆทีจะอยู่บ้านก็ลงมากจากชั้นบน  เห็นสีหน้าของเธอแล้วก็ถามว่ามีเรื่องอะไร  ยุวดีชี้ไปยังร่างของบุตรชายเพียงคนเดียวกับเพื่อนร่างสูง  ซึ่งทั้งคู่กำลังตรงมาหาเธอและสามี

“พ่อครับ  แม่ครับ”  คีตกาลจับจูงมือบิดามารดาเข้ามานั่งโดยมีอีกคนตามมาใกล้ๆ

“เพลง...”  ยุวดีเอ่ยได้เพียงเท่านั้นพลันน้ำตาก็ร่วงหล่น  เธอเห็นคีตกาลกับสีหราชมานาน  มีบางครั้งที่เห็นท่าทีแปลกๆระหว่างบุตรชายกับเพื่อนหากเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย  เพียงคิดว่ายุคนี้เดี๋ยวนี้การสัมผัสผิวกายระหว่างคนเป็นเพื่อนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความสนิทสนม  แม้มีบางครั้งที่อาจรู้สึกตะขิดตะขวงใจเธอก็ปัดทิ้งเสีย  แต่วันนี้ท่าทางเว้าวอน  เหนี่ยวรั้งของคีตกาลที่มีให้สีหราชและสายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ทำเอาเธอใจหาย

“พ่อครับ  แม่ครับ  เพลงขอโทษ”  บุตรชายก้มลงกราบแทบเท้าผู้ให้กำเนิด  พีรพลมองท่าทางบุตรชายแล้วเอ่ยถาม

“อะไรกันตาเพลง?”

“ผม...”  คีตกาลหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งเยื้องไปด้านหลัง  ฝ่ายนั้นก็คลานเข่าเข้ามากราบแทบเท้ายุวดีและพีรพลเช่นเดียวกับที่คีตกาลทำ  “ผมขอโทษครับ...ผมกับสิงห์รักกัน...เลยอยากให้พ่อกับแม่...”

“อะไรนะ! แกจะบอกว่าแกเป็นเกย์อย่างนั้นรึ?”  พรีพลลุกพรวดจ้องมองบุตรชายเพียงคนเดียวอย่างไม่เชื่อหู  ก่อนจะกวาดสายตามองหน้าเพื่อนของบุตรชายแล้วก็ให้เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบความโกรธแล่นริ้ว   ยุวดีถึงกับร้องไห้โฮเมื่อได้ฟังและก่อนที่เธอจะได้สะอื้นพีรพลก็ปราดเข้าตบหน้าบุตรชายฉาดใหญ่   ผู้เป็นแม่ร้องลั่นด้วยไม่เคยเห็นสามีตบตีลูกหนักถึงเพียงนี้มาก่อน  เธอผวาเข้าจะรั้งร่างสามีหากสีหราชก็เข้ามาขวางฝ่ามือของพีรพลเมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นตบหน้าคีตกาลอีกครั้ง   ใบหน้าคมสันขึ้นรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือตามแรงที่โถมใส่  พีรพลตัวสั่น  เขาโกรธนัก!

“ผมกับเพลงขอโทษครับ”  สีหราชก้มลงกราบเท้าพีรพลอีกครั้ง   คราวนี้ฝ่ายนั้นยกเท้าหนีก่อนจะเหวี่ยงเท้าเตะคีตกาลผวากอดบังร่างของสีหราชเอาไว้พลางหลับตาพร้อมรับความเจ็บปวด

“คุณคะ  อย่า!”   ยุวดีกอดรั้งร่างสามีไว้แน่น ทั้งเสียใจทั้งตกใจ

“แก! แก...”  พีรพลถึงกับกุมหน้าอกแล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง “ฉันเลี้ยงแกผิดตรงไหน  บอกฉันซิ?”  พีรพลเสียงเครือ  มองหน้าบุตรชายที่น้ำตานองหน้าแล้วให้เจ็บในอก

“พ่อครับ  พ่อกับแม่ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย  แต่ผม...ผม...”

“แล้วมันผิดที่ตรงไหน!”  ผู้เป็นบิดาตะคอก  มองคนทั้งสองตรงหน้าแล้วน้ำตาแทบไหล

“ไม่...พ่อกับแม่ไม่ผิด  แต่ความรักของผมกับสิงห์ก็ไม่ผิดเช่นกัน”

“แก!”

“พ่อครับ   แม่ครับ  ทั้งสองคนเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตผมถึงได้บอกเรื่องนี้....ต่อให้ใครไม่ยอมรับผมขอแค่พ่อกับแม่ได้ไหม?”  คีตกาลกอดขาบิดาแล้วร้องไห้   พีรพลนิ่งอึ้งกับคำขอนั้น  เขาก้มลงมองหน้าบุตรกับสีหราชสลับกันแล้วถอนหายใจ

“แกกลับไปก่อนไป ตาสิงห์”  พีรพลเอ่ยไล่เพื่อนบุตรชาย  หรือต่อไปนี้อาจจะต้องเรียกว่า  คนรักของบุตรชาย

“แต่...” สีหราชลังเล  เขามองหน้าคีตกาลแล้วให้สงสารนัก  ไม่อยากทิ้งให้ต้องเผชิญหน้ากับความเกรี้ยวโกรธของบิดามารดาเพียงลำพัง

“ฉันไม่ต้มยำทำแกงลูกตัวเองหรอก  แกกลับไปก่อน!”  พีรพลตะคอกไล่อีกครั้ง   ยุวดีพยักหน้าให้สีหราชเมื่อฝ่ายนั้นหันมาขอความเห็นของเธอ  ถ้าสีหราชยังดื้อดึงอยู่ต่อมีหวังสามีของเธอคงได้ ต้มยำทำแกงทั้งบุตรชายทั้งสีหราชจริงๆแน่
ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพีรพลเรียกบุตรชายไปคุยอะไรแต่เมื่อกลับออกมายุวดีมองใบหน้าที่ผ่อนคลายลงของบุตรชายแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าสามีของเธอคงยอมรับความสัมพันธ์ของคีตกาลและสีหราชแล้ว

สีหราชกลับเข้ามากราบขอโทษเธอและสามีอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น  หลังจากวันนั้นมาทั้งสองคนก็คบกันอย่างเปิดเผยและอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอดเวลาตามคำขอของเธอ  หากแต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งสีหราชก็ไม่มาที่บ้าน  คีตกาลเองก็หงุดหงิดไม่พูดจา  พอถามถึงสีหราชบุตรชายเธอก็แค่นเสียงขึ้นจมูก  จนถึงวันรับปริญญาเธอจึงได้รู้...ว่าทั้งสองเลิกกันแล้ว...
ยุวดีไม่ทราบสาเหตุที่ทั้งสองเลิกรา  แต่ในวันนั้นเธอเห็นบุตรชายของตัวเองร้องไห้...อีกครั้ง  สีหราชเข้ามาไหว้เธอกับสามีแต่ไม่ยอมมองหน้าและพูดคุยกับคีตกาลสักคำ  แต่เธอเห็นสีหราชขบกรามแน่นคล้ายพยายามอย่างหนัก  ในดวงตาสั่นระริกไหวก่อนจะหันหลังกลับออกไป   

ให้หลังเพียงหนึ่งเดือนคีตกาลก็ไปเรียนต่อเมืองนอกทันที   เธอปรึกษาถึงการเลิกรากันของทั้งสองคนกับสามี  ฝ่ายนั้นเพียงหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า  นี่อาจเป็นโอกาสที่จะทำให้คีตกาลกลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาอีกครั้ง  เธอก็หวังเช่นนั้นจนกระทั่ง...








โปรดติดตามตอนต่อไป...
















เช่นเคย   ขอให้สนุกนะคะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-04-2015 07:34:34
ทำไมรุ่นบุกเบิกจะต้องจบกันด้วยนะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-04-2015 07:37:32
ทำไมถึงเลิกกันซะล่ะ ดูเหมือนยังรักกันอยู่นี่นา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.มีอยู่บรรทัดหนึ่งเขียนว่า "ลูกชายของสิงหราช" (ประมาณนี้มั้ง ตอนที่พ่อกับแม่รู้ว่ารักกันอ่ะ) จริงๆต้องเป็น "กับ" หรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: yjm ที่ 28-04-2015 08:28:03
น่าติดตามนะ จะรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: Mintny14891 ที่ 28-04-2015 14:04:12
เรื่องนี้น่าจะได้กินมาม่าหลายลังนะเนี่ย :ling1: :hao3:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 28-04-2015 18:05:28
โอ้ยยยยยยยยยย
แค่บทนำนะ ข้องใจ ตะมายต้องเลิกกัน

รอตอนต่อไปนะคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 29-04-2015 05:20:45
~  แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นฝน  ~

รักพัดหวน

ตอนที่1





ตอนที่1


“กรี๊ด!”   คุณยุวดีสะดุ้งสุดตัวหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงแหลมปรี้ดของหญิงสาวสะท้อนก้อง

“อย่าโวยวายร้องเป็นชะนีได้ไหมเนี่ย!”  อีกเสียงหนึ่งเหยียดเอ่ยโต้กลับ   คุณยุวดีเดินออกไปห้ามทัพทันทีเมื่อเห็นว่าฝ่ายหญิงกำลังจะลงไม้ลงมือ  ถึงอย่างไรเสียหล่อนก็คงสู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอก  แม้นว่าผู้ชายคนนั้นจะมีใจเป็นหญิงก็ตามที

“อะไรกัน?”  เสียงทุ้มนุ่มของตัวต้นเหตุดังขึ้นก่อนที่คุณยุวดีจะออกมาถึงตัวทั้งสองคน  เธอมองหน้าบุตรชายแล้วถอนหายใจ   กลับมาจากเมืองนอกเมืองนาได้แค่อาทิตย์เดียวก็ก่อเรื่องเสียแล้ว

“คีย์!”  ทั้งสองร้องเรียกชื่อออกมาพร้อมกับพร้อมทั้งยื้อแย่งเกาะแขนกันคนละข้าง

“บอกแม่ซิ  นี่มันเรื่องอะไรกัน?”   คุณยุวดีถามบุตรชาย

“อ้อ  กิ๊กผมน่ะ”

“กื๊ก?”  เจ้าของเสียงทั้งสองผละออกจากร่างสูงโปร่งแล้วจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

“คุณสองคนนี่แปลกจริง  ครั้นจะหูไม่ดีก็ไม่ดีขึ้นพร้อมกัน  นี่แสดงว่าคุณสองคนอาจจะเป็นเนื้อคู่กันนะเนี่ย”

“มันไม่ตลกนะคีย์  บอกมานะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”  ฝ่ายชายกอดอกจ้องมองคีตกาลอย่างเอาเรื่อง

“กิ๊ก”  คีตกาลตอบพลางยิ้ม

“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร?”  คราวนี้ฝ่ายหญิงถามบ้าง

“กิ๊ก”  คุณยุวดีกุมหน้าผากกับคำตอบนั้น

เพี๊ยะ!!    คุณยุวดีหลับตาปี๋  ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอยฝ่ามือบนแก้มทั้งสองข้างของบุตรชาย   เธอไม่อยากเอ่ยสมน้ำหน้าหรอกนะ  แต่คีตกาลก็ทำตัวเองทั้งนั้น  เฮ่อ...สมน้ำหน้า
คุณยุวดีเมินหลบสายตาราวกับลูกแมวน้อยของบุตรชายแล้วเดินหนีเข้าบ้าน
ไหนสามีเธอบอกว่าคีตกาลจะกลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาหลังเลิกกับสีหราชอย่างไรเล่า  ทำไมถึงกลายเป็นเพลย์บอยคบทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่เลือกไปทั่วเมืองแบบนี้กัน!

“ลูกเคยสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหล”  คุณยุวดีทิ้งตัวลงนั่งพลางถอนหายใจเอ่ยถามในวันหนึ่งหลังจากที่บุตรชายตัวดียอมอยู่บ้านไม่ออกไปไหนให้เธอปวดหัว

“ครับ”  คีตกาลรับคำก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ อุแหม  พี่จิตยังชงกาแฟได้อร่อยเหมือนเดิมเลยนะครับ”  ชายหนุ่มหันไปชมสาวใช้แล้วยิ้มหวานให้

“แหม  คุณเพลงล่ะก็...”

“ตาเพลง”  ยังไม่ทันที่สาวจิตจะทำท่าเอียงอายคุณยุวดีก็ปรามบุตรชายเสีย  เมื่อก่อนไม่เห็นทำตัวแบบนี้  ไม่รู้ไปเอานิสัยเจ้าชู้ไก่แจ้มาจากไหนกัน

“ครับ”  ชายหนุ่มหันมายิ้มให้มารดา

“แม่ว่าจะทำรีสอร์ทที่เมืองกาญจ์”

“ก็ดีนะครับ”

“ลูกจะไปดูงานกับแม่ใช่ไหม?” 

“ผมยังพักไม่พอ...”

“ตั้งแต่กลับมาลูกก็เอาแต่ควงทั้งผู้หญิงผู้ชาย  เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน  แม่ปวดทั้งหัวปวดทั้งใจที่ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้  การงานแม่จะเริ่มใหม่อยากให้ลูกมาช่วยลูกก็อ้างนู่นอ้างนี่  บางวันแม่รอให้ลูกกลับมาบ้านมาทานข้าวด้วยกันลูกก็เอาแต่เที่ยว  คุณพ่อยังแทบไม่ได้เจอหน้า  นี่คงไม่คิดถึงพ่อกับแม่เลยใช่ไหม  ลูกใจร้ายจริงๆทั้งๆที่พ่อกับรักลูกขนาดนี้ลูกก็ยัง...”

“คุณแม่ครับ  ผมจะไปกาญจ์กับแม่  โอเคนะครับ”  คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อได้ฟังซ้ำยังขำกับสีหน้าของบุตรชายที่ทำราวกับเธอบังคับให้กลืนยาขม

“ตาเพลง  เด็กดีของแม่”  คุณยุวดียิ้มกว้างลุกขึ้นจูบหน้าผากบุตรชายแล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี   คีตกาลเลิกคิ้วกับท่าทางนั้นแล้วหัวเราะ  เมื่อครู่ยังตัดพ้อต่อว่าว่าเขาใจร้ายอยู่เลย





**********



ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองทิวทัศน์รอบกายก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ  เขาไม่คิดว่ามารดาจะเลือกสถานที่ค่อนข้างไกลขนาดนี้เป็นรีสอร์ท  ถึงจะห่างจากตัวเมืองไม่มากแต่เมื่อเทียบเวลาก็ขับรถเกือบชั่วโมงอยู่ดีกว่าจะถึง

“แม่ครับ  สวยจัง”  แม้ในใจจะบ่นว่าไกล  หากพอได้เห็นสถานที่จริงๆคีตกาลถึงกับอ้าปากค้าง ที่ดินผืนนี้ติดทั้งภูเขาและแม่น้ำแคว  เรียกว่าทำเลทองเลยก็ว่าได้ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นแผ่กิ่งก้านสาขาถูกใช้เป็นที่พักจอดรถ  ถัดออกไปพอมองเห็นคือเรือนไทยประยุกต์หลังโต

“ใช่ไหมล่ะ  แม่ถึงอยากทำรีสอร์ทที่นี่ไง”

“กี่ไรครับเนี่ย”

“ก็ราวๆ150ไร่น่ะ”คุณยุวดีตอบพลางลากแขนลูกชายให้เดินมายืนใต้ร่มไม้

“กว้างมากเลยนะฮะ”

“ใช่จ้ะ แม่อยากให้เพลงเข้ามาดูที่  สภาพแวดล้อมก่อนจะวางแผนน่ะว่าเราจะทำรีสอร์ทแบบไหน  แต่ที่แม่คิดคร่าวๆเอาไว้คืออยากให้เป็นธรรมชาติหน่อย  ต้นไม้พวกนี้ถ้าไม่จำเป็นแม่ก็ไม่อยากให้ตัด  อีกอย่างแม่ลองคุยกับหุ้นส่วนแม่แล้วเขาก็เห็นด้วย  เพราะทางฝากนู้นมีฟาร์มม้าอยู่  ถ้าจะให้เป็นแบบครบครันทันสมัยก็จะเป็นทางฝั่งนั้น”

“ฟาร์มม้า!”  คีตกาลอุทานตาโต  “แม่มีหุ้นส่วนทำฟาร์มม้าด้วยหรือครับ?”

“ใช่   อยู่ฝากนู้นแน่ะ”  คุณยุวดีชี้ไปยังเรือนไม้หลังใหญ่ที่เห็นอยู่ลิบๆ

“บ้านนั้น?”

“ติดกับเรือนหลังนั้นเลยไปทางฝากโน้นน่ะ”

“โห  ไกลอยู่นะครับนั่น  แล้วยังงี้เวลาลูกค้าจะไปขี้ม้าไม่หมดแรงเสียก่อนหรือ?”  คีตกาลว่า  คุณยุวดียิ้มกับท่าทางนั้น

“แม่ถึงให้ลูกมาไงล่ะ  เราจะได้วางแผนกับทางนั้นด้วย”  คุณยุวดีกล่าวพลางพาบุตรชายไปชมทัศนียภาพโดยรอบก่อนจะมาจอดที่เรือนไม้หลังใหญ่ที่เห็นจากที่ไกลๆเมื่อครู่




“หุ้นส่วนแม่นี่ผมรู้จักหรือเปล่าครับ?”  คีตกาลถามพลางเงยหน้ามองตัวเรือน  เรือนไทยประยุกต์หลังนี้ถือว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว  สงสัยคงจะเป็นชายสูงอายุมีหนวดแล้วก็ดุมากๆเสียด้วย  สังเกตจากการตกแต่งแบบเรียบๆเน้นธรรมชาติและไม้โบราณมากมายรอบตัวเรือน

“แม่ว่าลูกรู้จักและคุ้นเคยกับเขาดีเลยล่ะ  ไปเอาผลไม้ท้ายรถด้วยนะ”  ท้ายประโยคคุณยุวดีหันไปบอกสาวใช้ที่เดินเข้ามา  ท่าทางคุ้นเคยกันดีเพราะไม่ได้เอ่ยแนะนำชื่อ  หนำซ้ำยังพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วย

“ท่าทางแม่จะคุ้นเคยกับที่นี่นะครับ”  คีตกาลเลิกคิ้วเป็นรอบที่สิบของครึ่งเช้านี้  ด้วยมารดามีอะไรให้เขาแปลกใจเสมอ

“แม่มาที่นี่บ่อยน่ะ  ไอ้ความคิดทำรีสอร์ทนี่ก็ได้เขาแนะนำมาเหมือนกัน”  ชายหนุ่มมองท่าทางปลื้มอกปลื้มใจของมารดาแล้วให้หมั่นไส้

“ผมจะฟ้องพ่อว่าแม่แอบปลื้มชายอื่น”  คุณยุวดีหัวเราะหันมาตีแขนบุตรชายไม่แรงมากนัก

“เซี้ยวนักนะเรา”  คุณยุวดีก้าวเข้าไปนั่งในห้องรับแขก พอดีที่สาวใช้คนเดิมยกน้ำมาต้อนรับ  คีตกาลขมวดคิ้วเมื่อยกแก้วน้ำขึ้น เขากระสากลิ่นดอกไม้จากน้ำจึงผละออกไม่ยกดื่ม

“น้ำนี่มีกลิ่น?”

“กลิ่นดอกมะลิน่ะ”

“ดอกมะลิ?”

“ใช่  น้ำเย็นลอยดอกมะลิ  ดื่มแล้วชื่นใจดีนะ”  คุณยุวดียกยิ้มอารมณ์ดีก่อนจะดื่มน้ำในแก้วให้ดู   ชายหนุ่มมองก่อนจะตามแล้วให้ให้ยกยิ้ม   เย็นชื่นใจซ้ำยังหอมเสียด้วย

“เป็นน้ำเปล่าที่ดื่มแล้วอร่อยชื่นใจมากเลยนะครับ” คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อได้ฟังราวกับเป็นเตรียมน้ำดื่มนี้ด้วยตัวเอง “ท่าทางหุ้นส่วนแม่คนนี้จะเป็นคุณลุงใจดีแน่ๆ”

“ก็ยังไม่แก่ถึงขนาดเป็นลุงได้หรอกนะ”   คีตกาลสะดุ้งเมื่อคนตอบกลับเป็นเจ้าของเสียงทุ้ม  เขาหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่าย

“นาย!

“สวัสดีครับคุณน้า”  ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ต  ยกมือขึ้นไหว้ผู้อาวุโสในห้องก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ 

“ยกอาหารได้เลย”

“สวัสดีจ้ะตาสิงห์” 






**************



“สวัสดีจ้ะตาสิงห์”  คุณยุวดียิ้มกว้าง  เหลือบสายตามองบุตรชายที่นั่งนิ่งตาค้างอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกแล้วให้ขำในใจ

“วันนี้อาหารเย็นมีแกงส้มดอกแคที่คุณน้าชอบด้วยนะครับ  สายใจเขาเตรียมไว้ให้คุณนายยุของเขา”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  ยกน้ำลอยดอกมะลิขึ้นดื่มโดยไม่สนใจใครอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้อง

“ตายจริง  สายใจช่างรู้ใจน้าจริงๆเลย  แล้วนี่ตาสิงห์เพิ่งออกมาจากฟาร์มหรือ?”

“ครับ  พอดีพรุ่งนี้เขาจะมาดูพันธุ์ลูกม้าน่ะครับ  เลยต้องคัดตัวที่แข็งแรงไว้หน่อย”

“แดดแบบนี้ร้อนแย่”  คุณยุวดีว่า

“ชินแล้วครับ”  สีหราชตอบพลางพับแขนเสื้อขึ้น  “ไปห้องอาหารกันดีกว่าครับ  เดี๋ยวผมขอไปล้างมือหน่อย”

“ไป  ตาเพลง”  คุณยุวดีลุกขึ้นเอ่ยชวนบุตรชาย   คีตกาลทำได้เพียงแต่เดินตามทั้งๆหัวสมองยังประมวลภาพตรงหน้าไม่หยุด  นี่มันเรื่องอะไรกัน

“แม่ครับ  คือ?”

“นอกจากแกงส้มดอกแคแล้วยังมีหลนเต้าเจี้ยวของโปรดเราด้วยนะตาเพลง”  คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อมองอาหารตรงหน้า  สายใจตักข้าวใส่จานแล้วออกไปยืนด้านข้าง   สีหราชที่ล้างมือเสร็จแล้วนั่งลงตรงหัวโต๊ะ  ทั้งๆอย่างนั้นสายตาของเขาก็ยังไม่ได้เหลือบมามองทางชายหนุ่มอีกคนเลยสักนิด  คุณยุวดีมองท่าทางนั้นแล้วถอนหายใจเบาๆ

“คุณน้าทานเยอะๆนะครับ”

“จ้ะ  จริงสิตาสิงห์  น้าว่าโครงการรีสอร์ทน่ะน้าจะให้ตาเพลงมาช่วยคุมนะ”

“....ครับ”  ชายหนุ่มเงียบครู่ใหญ่กว่าจะตอบรับ    คีตกาลมองมารดาและใครอีกคนที่ไม่คาดว่าจะได้พบอย่างงงๆ

“ถ้ายังไงช่วงนี้คงต้องไปๆมาๆก่อน  หรือตาสิงห์ว่ายังไง?”

“....”

“แม่ครับ  ถามผมก่อนไหม?”  คีตกาลโพล่งขึ้นกลางปล้องเนื่องจากสองคนนั้นคุยข้ามหัวเขาไปมา    ช่วยอย่าทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุได้ไหม

“โอ๊ะ!  แม่ลืมไปว่าลูกนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย   เห็นเงียบๆนึกว่าหลับไปแล้ว”

“แล้วมีช่องให้ผมได้พูดหรือไงเล่า!”  คีตกาลโวยวาย  “แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน  ทำไมแม่ถึงมาทำโครงการนี้กับหมอนี่ได้ล่ะ”  คีตกาลยกมือชี้คนทางหัวโต๊ะอย่างไร้มารยาท  คุณยุวดีถึงกับตีแขนบุตรเสียงดัง

“มารยาททรามจริงเด็กคนนี้  ไปชี้หน้าเจ้าของบ้านเขาแบบนี้ได้ยังไง”   คีตกาลหันไปจ้อง เจ้าของบ้าน อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  เขายังไม่เข้าใจกับเรื่องตรงหน้านี่เลยสักนิด  “กินข้าวก่อนแม่จะเล่าให้ฟัง”  คีตกาลกอดอกเพื่อบอกว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าวจนกว่ามารดาจะเล่าให้ฟัง

“เด็กไม่รู้จักโต”   เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา   กระนั้นก็ยังดังให้คนร่วมโต๊ะถึงกับดีดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความไม่พอใจ

“นายว่าอะไรนะ?”

“หูตึงอีกต่างหาก”

“นาย!”

“ตาเพลง   นั่งลงกินข้าวก่อน”  คุณยุวดีห้ามทัพ  เพราะถ้าบุตรชายของเธอยังไม่จับช้อนก็เห็นทีว่าทุกคนในนี้คงไม่มีใครได้กินข้าวเพราะเจ้าของบ้านยังคงนั่งนิ่งตามแขก  คีตกาลได้แต่ฮึดฮัดพับแขนเสื้อขึ้นให้คนหัวโต๊ะเหลือบมองเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง  หากสายตาของเจ้าของบ้านไม่ได้มองใบหน้าของแขกผู้ดื้อรั้นกลับเป็นริ้วรอยสีเข้มเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มบางเบาโดยไม่มีใครเห็น


“เอาล่ะ  ทีนี้บอกกมาว่านายหลอกล่อแม่ฉันด้วยวิธีไหน?”  คีตกาลโพล่งคำถามทันทีที่วางแก้วน้ำลงเมื่อเด็กสายใจเก็บโต๊ะอาหารเสร็จ

“ตาเพลง”  คุณยุวดีส่งเสียงปรามบุตรชายที่กล่าวหาอีกฝ่ายเสียงขุ่น

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า”  สีหราชหันไปยิ้มกับผู้อาวุโส  “ฉันกับคุณน้าได้เจอกันเมื่อปีกลายตอนฉันลงกรุงเทพไปส่งลูกม้าเลยได้คุยกันนิดหน่อย  อีกอย่างฉันเพิ่งรู้ว่าที่ดินติดกันเป็นของคุณน้าเลยแนะนำเรื่องทำรีสอร์ท”  สีหราชอธิบาย  ตลอดประโยคบอกเล่านั้นเขาไม่ได้มองหน้าคีตกาลแม้เพียงนิด  ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นท่าทางโมโหของอีกคน   อันที่จริงถึงไม่หันไปมองเขาก็พอเดาออกว่าคีตกาลจะมีท่าทีอย่างไร    หัวฟัดหัวเหวี่ยง

“ตาเขรึไง?”

“?”  สีหราชเหลือบสายตามองพลางเลิกคิ้วกับคำนั้นของคีตกาล

“ฉันนั่งอยู่นี่นายดันไปพูดให้เก้าอี้ฟัง  ตาเขหรือไง?”  คุณยุวดีถึงกับหลุดขำเสียงดัง เธอนั่งฟังบุตรชายกับอดีตคนรักของบุตรชายเถียงกันแล้วก็ได้นั่งกลั้นขำ 

“....”  สีหราชถึงกับพูดต่อไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายย้อนคืนแบบนี้เขาจึงได้แต่นั่งเงียบ

“แค่นี้เหรอ?”

“อะไรแค่นี้?”  ในที่สุดสีหราชก็ต้องหันมามองหน้าอีกฝ่ายจนได้  คีตกาลมีสีหน้าพอใจเล็กน้อยที่ทำให้อีกคนเลิกทำเหมือนเป็นอากาศได้แล้ว

“ที่แม่ฉันมาทำรีสอร์ทที่นี่ไง  แค่นายไปคุยกับแม่แค่นี้แม่ก็ยอมมาทำแล้วเรอะ?”  ท้ายประโยคเขาหันไปถามมารดา

“ก็ตาสิงห์เป็นคนที่นี่คงไม่หลอกแม่หรอก  อีกอย่างเขาก็เป็นแฟนลูก….”

“ไม่ใช่!”  ไม่รอให้คุณยุวดีเอ่ยจบประโยคคีตกาลก็เสียงดงขัดขึ้นมาเสียก่อน   สีหราชมองท่าทางไม่พอใจนั้นแล้วเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ

“จ้าๆ   จริงซิ  ตาเพลง  แม่ลืมมือถือไว้ในรถเดี๋ยวแม่มานะ”

“ผมไปเอาให้ก็ได้”  ชายหนุ่มอาสาหากมารดายกมือห้ามแล้วว่าให้เขานั่งพักใจเย็นๆก่อน   สุดท้ายเขาก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่กับเจ้าของบ้านที่นั่งทำหน้านิ่ง   จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคีตกาลถึงเพิ่งรู้สึกว่ามารดาจะลงไปเอามือถือนานเกินจึงลุกขึ้นลงไปดู  อันที่จริงเพราะเขามัวแต่นั่งจมอยู่ในความคิดนั่นแหละถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ามารดาเงียบหายไปนานจนผิดสังเกต   พอลงมาถึงหน้าบ้านจึงเพิ่งรู้ว่ารถที่ขับมาหายไปแล้ว   คีตกาลร้อนใจควานหามือถือก็พบว่าตัวเองช่างโง่นักที่ปล่อยให้โทรศัพท์แบตหมดเพราะความสะเพร่าคิดว่ามาดูงานไม่นานก็กลับตอนนี้เลยลำบากอยู่นี่

“ครับ?”  สีหราชรับโทรศัพท์  ครั้นรู้ว่าเป็นใครโทรมาก็ส่ายหัวกับการกระทำของอีกฝ่าย “คุณน้าโทร.มา”  ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้อีกคนที่ทำหน้ากังวล

“แม่ครับ  แม่อยู่ไหนเนี่ย?”  สรุปว่าคุณยุวดีต้องรีบกลับไปก่อนเพราะมีธุระด่วน  ด้วยความเร่งรีบจึง ลืม บุตรชายเอาไว้   นั่นคือเหตุผลที่เธอบอกบุตรชาย  ทำเอาคีตกาลถึงกับอึ้งกิมกี่ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยความโมโห

‘ลูกพักที่นั่นไปก่อนนะ  พรุ่งนี้แม่จะให้คนไปรับ’  ก่อนวางสายยังไม่วายกำชับบุตรชายเอาไว้  หากคีตกาลหูไม่เพี้ยนเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาก่อนสายจะตัดไป

“สายใจ  ไปจัดห้องพักแขกให้คุณคีย์”  สีหราชหันไปบอกสาวใช้  เพราะถึงไม่ได้ฟังบทสนทนาก็พอจะเดาได้ว่าคุณยุวดีพูดอะไรบ้าง

“ฉันจะกลับ!”  คีตกาลหันมาตะคอกเสียงขุ่น  เด็กสายใจถึงกับยืนนิ่งไม่กล้าขยับ

“ค่ำแล้ว  ไม่มีรถ...”

“รถนายไง”  คีตกาลโวยวาย  ยังไงเขาก็ไม่อยู่ที่นี่แน่ๆ

“รถฉัน  นายจะขับได้ยังไง?”

“ทำไมจะไม่ได้  ยังไงก็จะกลับ”  คีตกาลฮึดฮัดเมื่อโดนขัดใจ   เขาเดินไปยังที่คาดว่าเป็นโรงรถของอีกฝ่าย “รถจิ๊ป?”

“ใช่”  สีหราชกอดอกตอบ  “และฉันต้องใช้รถตอนเช้ามืด”  สรุปก็คือไม่ให้ยืมไปนั่นเอง

“งั้นฉันจะเดินไป”

“แน่ใจ?”  เสียงเยาะเย้ยเอ่ยถามให้คนฟังนึกฉุน

“ฉันไม่อยู่ที่นี่แน่!”

“กว่าจะถึงถนนใหญ่ก็หลายสิบกิโล  แถมยังไม่มีไฟฟ้า  ป่าสองข้างทางแล้วก็....”

“พอๆ  นายจะขู่ฉันทำไมเนี่ย”

“มันมืดแล้ว  พักที่นี่ซะ  ยังไงตอนเช้าคุณน้าก็จะส่งคนมารับไม่ใช่หรือไง?”

“ไม่!”

“....กลัวเหรอ?”  ชายหนุ่มยืดกายเต็มความสูงก่อนสาวเท้าเข้าหาให้คีตกาลที่กอดออกถึงกับคลายแขนแล้วถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว 
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกกดดันขึ้นมา

“ใคร๊  ใครกลัว  กลัวอะไร  ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวสักหน่อย”   เขายักไหล่พลางเชิดคางขึ้น

“นั่นซิ  ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวสักหน่อย   สายใจไปเตรียมห้องให้คุณคีย์   เอาห้องที่ติดกับฉัน”

“ค่ะคุณสิงห์”    คีตกาลถึงกับเงยหน้าขึ้นจ้องเจ้าของบ้านเมื่อได้ฟัง

“ไอ้คนความจำสั้น”  คีตกาลกระซิบลอดไรฟันก่อนจะชนไหล่อีกฝ่ายเดินกลับขึ้นเรือน    ทิ้งให้อีกคนถอนหายใจแผ่วเบา   ต่อให้คีตกาลพูดเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน...   แล้วจะให้ทำอย่างไร...จะให้เขาจำอะไร?





“คุณสิงห์ให้เอาชุดนอนมาให้ค่ะ”  สายใจเอาชุดนอนวางลงบนเตียงพลางยกยิ้ม  ถึงคุณคีย์จะหน้าตาบึ้งตึงอย่างไรก็ยังดูหล่อเหลามากมาย  สายใจชอบมอง  ดูแล้วเพลินตาอย่าบอกใคร

“ชุดใคร  ของหมอนั่นเหรอ?  ไม่เอานะ  เป็นกลากเกลื้อนหรือเปล่าก็ไม่รู้  ไม่ใส่หรอก” 

“โธ่  คุณคีย์  ชุดนี้สะอาดค่ะ  สายใจซักเองใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยนะคะ  อีกอย่างคุณสิงห์ใส่แค่ไม่กี่ครั้งเองค่ะ”

“ห้ะ?”

“เนี่ย  คุณสิงห์หยิบมาให้  บอกว่ามีแต่ชุดนี้ที่ใหม่สุดไม่ค่อยได้ใส่คุณคีย์น่าจะใส่ได้”

“แต่....”

“คุณสิงห์บอกว่า  ถ้าคุณคีย์ไม่ยอมใส่จะนอนแก้ผ้าก็ได้ไม่ว่ากัน   คิกคิก”  ท้ายประโยคเด็กสายใจส่งเสียงเขินอาย  หนำซ้ำยังทำแก้มแดงอีกต่างหาก  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้ว  คีตกาลเลยได้แต่พยักหน้าแล้วหยิบชุดนอนข้าห้องน้ำไป
หลังอาบน้ำเสร็จชายหนุ่มจึงออกมาที่โถงใหญ่กลางเรือน  เมื่อเย็นมัวแต่คิดอะไรวุ่นวายในหัวเลยไม่ได้สังเกตรอบเรือนสักเท่าไหร่  คีตกาลหยุดยืนตรงกรอบรูปที่แขวนผนัง  เป็นภาพตอนปีหนึ่งของสีหราชกับเพื่อนๆในคณะ  จากนั้นก็เป็นภาพสีหราชกับลูกม้าสองตัวและใครอีกคนที่คีตกาลไม่รู้จัก  มีแค่นั้น...

“เห็นว่าแบตมือถือหมดเลยเอาสายชาร์จมาให้”

“!”  ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆเสียงทุ้มของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น  คีตกาลส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ “ตกใจหมด!”  ถึงอย่างนั้นเขาก็ยื่นมือไปรับสิ่งที่ร่างสูงยื่นให้       สีหราชเหลือบมองริ้วรอยสีเข้มบนท่อนแขนทั้งสองข้างที่โผล่พ้นแขนเสื้ออกมาอีกครั้ง

“ภาพสวยดีนี่”

“ขอบใจ”  คีตกาลไม่ได้อธิบายต่อว่าภาพเป็นอะไรก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง   เขาไม่ได้หันกลับไปมองว่าเจ้าของบ้านจะยังยืนอยู่ที่เดิมหรือกลับเข้าห้องตัวเองหากทว่าคืนนั้น...เขานอนไม่หลับเอาเสียเลย...


กว่าจะหลับก็เกือบค่อนแจ้งแล้ว  ดังนั้นกว่าจะตื่นตะวันก็สาดแสงแยงตาเสียแล้วคีตกาลจึงลุกออกจากห้อง  กลิ่นกาแฟเตะจมูกให้เขาเดินตาม   สายใจหัวเราะกับท่าทางของชายหนุ่มที่ตายังไม่ลืมแต่มือคว้าแก้วกาแฟขึ้นจิบ

“กาแฟสอง  น้ำตาลหนึ่งและขนมปังปิ้งทาเนยค่ะ”  สายใจวางจานขนมปังปิ้งลงตรงหน้า

“สายใจรู้ได้ยังไงน่ะว่าผมดื่มกาแฟรสนี้”

“คุณสิงห์บอกค่ะ”   แค่กๆๆ  คีตกาลแทบสำลักกาแฟ   เขาวางแก้วลงทำเอาสายใจหน้าเสีย  “หนูชงไม่อร่อยหรือคะ?”

“เปล่าๆ  คือ  ผมเลิกดื่มรสนี้แล้วน่ะ”

“เอ  แต่เมื่อกี้คุณคีย์ยังทำท่ามีความสุข...”

“ชงแก้วใหม่ให้ผมทีนะครับ  กาแฟหนึ่งครีมหนึ่งน้ำตาลหนึ่ง” ชายหนุ่มขัดขึ้น  เขาเหลือบมองแก้วกาแฟที่เพิ่งดื่มไปเมื่อครู่ก่อนจะผลักเลื่อนแก้วออกไปให้พ้นสายตา


ก็แค่เรื่องที่....บังเอิญยังไม่ได้เปลี่ยนเท่านั้น...









“คุณคีย์ไม่เห็นชอบกาแฟที่หนูชงให้เลยค่ะคุณสิงห์”

“หืม?”  เด็กสายใจฟ้องเมื่อเขากลับเข้ามาตอนสาย  พอดีที่สวนกับคีตกาลซึ่งคุณยุวดีส่งรถมารับ  เขาเหลือบมองคนที่นั่งหน้านิ่งไม่แม้แต่จะอยู่ขอบคุณเขาสักคำ  ฝ่ายนั้นนึกอยากจะไปก็ไปและนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว  ยิ่งเมื่อเด็กสายใจวิ่งโร่เข้ามาฟ้องว่าคุณคีย์ของเธอไม่ชอบใจกาแฟที่เขาสั่งให้ชงยิ่งทำให้สีหราชถึงกับหงุดหงิดหนักกว่าเดิม

“คุณคีย์บอกว่าเลิกดื่มกาแฟรสนี้นานแล้ว”

“เปลี่ยนใจง่ายจริงๆ”  ชายหนุ่มสบถลอดไรฟัน  หากเด็กสายใจไม่รู้ยังคงบ่นต่อ

“ใช่ค่ะ  ตอนแรกยังทำท่ามีความสุขอยู่แท้ๆพอบอกว่าคุณสิงห์ให้ชงให้ก็ขอเปลี่ยนแก้วทันที...”  ปัง!

“ไปบอกลุงผันว่าฉันจะไม่เข้าฟาร์มแล้ว  แล้วจะไปทำอะไรก็ไป”  สายใจพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  เมื่อเช้ายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆไหงพอกลับมาถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนี้   คุณสิงห์น่ากลัว!






*********



หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - บทนำ 28เม.ย.58
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 29-04-2015 05:21:15



“แม่  วันนี้ผมไม่ไปได้ไหม?”

“ไม่ได้นะตาเพลง  วันนั้นเราไปกันจนบ่ายคล้อยสุดท้ายเลยไมได้คุยงานกันกับทางนั้น  ครั้งนี้จะได้คุยเสียทีไง”  คุณยุวดียกยิ้ม
ให้กับบุตรชายที่ทำหน้ามุ่ย

“แต่ว่า...”

“ทำไม  ลูกไม่อยากเจอหน้าตาสิงห์รึ?”

“แม่ก็รู้”  คีตกาลถอนหายใจ

“เพลง  ลูกไม่เคยบอกว่าทำไมลูกสองคนถึงเลิกกัน”

“....”

“และแม่ก็เคยถามแล้วว่าลูกสองคนเกลียดกันหรือเปล่า  ลูกบอกว่าไม่ได้เกลียดและตาสิงห์เองก็ตอบว่าไม่”

“.....”

“ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้แม่ต้องเกลียดตาสิงห์แล้วเลิกติดต่อ  อีกอย่างแม่ก็บังเอิญเจอเขาจริงๆอย่างที่บอก  พอได้คุยกันถึงรู้ว่าเขาเขาทำฟาร์มม้าที่นั่นและแม่ก็สนใจเรื่องทำรีสอร์ทเขาเลยแนะนำมา”

“ผม...”

“เลิกกันแล้วจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เชียวหรือ?”

“คนเลิกกันจะเป็นเพื่อนได้ยังไง”   

“ทำไมจะไม่ได้  เว้นเสียแต่ว่าลูกเกลียดกัน  หรือไม่ก็ยังรักกันอยู่”

“......”  คีตกาลไม่มีคำตอบให้มารดา 

สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง  แต่เด็กสายใจบอกว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ออกไปดูม้าตกลูกที่ฟาร์ม  เห็นว่าค่อนข้างยุ่งเพราะแม่ม้ามีอาการแทรกซ้อนร้อนให้ต้องตามสัตวแพทย์กันยกใหญ่   คุณยุวดีตกลงใจว่าจะนั่งรอหากแต่คนเป็นลูกอย่างคีตกาลพอได้ยินคำว่าม้าตกลูกถึงกับตาโต

“แม่  ไปดูได้ไหมครับ  ผมอยากเห็น”

“ฮื่อ  จะไปกวนเขาเปล่าๆนะตาเพลง  เห็นว่ายุ่งๆไม่ใช่หรือ?”

“แค่ไปดูเอง  นะครับแม่”   สุดท้ายคุณยุวดีจึงต้องให้สายใจตามคนมาพาไปฟาร์มม้าอย่างที่บุตรชายรบเร้าเพราะอยากจะเอาใจให้คีตกาลยอมทำงานรีสอร์ทอย่างที่เธอต้องการ

เสียงคุยกระซิบเบาๆจากเจ้าของฟาร์มกับสัตวแพทย์ดูเคร่งเครียด  ดูเหมือนจะต้องย้ายแม่ม้าเขาไปรักษาในเมืองก่อนจะแยกจากกันสีหราชตบบ่าอีกฝ่ายอย่างฝากฝังก่อนจะหันมาไหว้คุณยุวดี

“คุณน้าเข้ามาถึงในฟาร์มเชียว  แดดแรงนะครับเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“พ่อคนโน้นต่างหากที่อยากมาน่ะ  พอได้ยินว่ามีม้าตกลูกเท่านั้นล่ะตาโตเป็นไข่ห่านเชียว” 
สีหราชยกยิ้มหันไปมองคนที่เดินไปตามคอกม้าอย่างตื่นเต้นแล้วให้เผลอหลุดยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาเมื่อฝ่ายนั้นหยุดยืนมองม้าสองตัวที่แยกออกไปเป็นสัดส่วนพิเศษกว่าตัวอื่น

“ทำไมสองตัวนี้ถึงแยกคอกออกมาล่ะ?”  คีตกาลหันมาถามเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  สีหราชจ้องมองม้าสีขาวปรอดกับสำดำมะเมื่อมขึ้นเงาแล้วยกยิ้ม  พลางยื่นมือไปแตะจมูกเจ้าตัวสีดำที่ยื่นจมูกเข้ามาหา

“มีคนฝากไว้น่ะ”

“ไม่ใช่ม้าของที่ฟาร์มหรือ?”

“ไม่ใช่หรอก  เจ้าของเก่าเขาขายที่นี่แต่ไม่ได้สะดวกจะเอาสองตัวนี้ไปด้วยเลยฝากไว้ก่อน”  คีตกาลพยักหน้าเข้าใจ

“จับได้ไหม?”   คีตกาลอยากลองจับดูบ้างเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังไม่ละมือจากเจ้าสีดำ

“ได้  แต่ต้องค่อยๆช้าๆ   แบบนี้”  สีหราชทำให้ดูเป็นตัวอย่างแต่พอมือขาวกำลังจะแตะโดนเจ้าดำก็เงยหน้าขึ้นคล้ายไม่ยอมให้จับ  คีตกาลหน้าเสีย  อยากจับก็อยากจับแต่อีกใจก็กลัวว่ามันจะกัด  สุดท้ายเขาก็ไม่ได้จับเจ้าดำอย่างที่ต้องการ

“วันหลังจะเข้ามาในไร่บอกให้สายใจหาหมวกให้สวมด้วย”  สีหราชว่าเมื่อเห็นแก้มของอีกฝ่ายแดงเพราะแดดร้อน

“....”  คนโดนบอกทำหน้านิ่งไม่รับคำให้สีหราชส่ายหน้า

“ถ้าเกิดคุณน้าเป็นลมไปจะว่ายังไง  คราวหน้าหาหมวกมาใส่ก่อนเข้าใจไหม?”

“....”  เงียบ  ยังคงเงียบให้สีหราชถอนหายใจ

“คุณคีย์”

“เข้าใจแล้ว  แต่คงไม่มีคราวหน้าเพราะจะไม่มาแล้ว”

“อ้อ”   สีหราชตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินห่างออกไป  ทิ้งให้คีตกาลเหลือบมองแผ่นหลังกว้างพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่   ถ้าตอบรับก็กลัวน่ะซิ   ชิ  มาทำเป็นดุเรา  โธ่เอ้ย!







“ใช้รถกอล์ฟก็ได้ครับ  จากทางฝั่งนั้นมาฟาร์มไม่ถือว่าไกลมาก  จัดไว้เป็นจุดบริการก็น่าจะดีครับ”

“เพลง...”

“ครับๆ  จดอยู่ครับ”  คีตกาลชูปากกาในมือแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี  ....ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง   คุณยุวดีส่งค้อนให้บุตรชาย  ส่วนอีกคนตั้งแต่กลับมาที่เรือนก็ทำเหมือนคีตกาลเป็นอากาศ  ไม่มองไม่พูดคุย  ซ้ำยังทำทางมองข้ามศีรษะให้คนตัวเตี้ยกว่าโมโหเล่น  อันที่จริงถึงจะบอกว่าเตี้ยแต่คีตกาลก็สูงเกือบ180เซนติเมตรเชียว  อีกฝ่ายต่างหากที่ตัวโตเกินไป ไม่รู้ว่าไปแอบตั้งโรงงานผลิตนมด้วยรึเปล่าตัวถึงได้อย่างกับยักษ์ปักหลั่น!

“ถ้าคุณน้าจะสร้างเรือนไม้ทางนี้มีช่างฝีมือดีอยู่  ส่วนเรื่องพวกเครื่องเล่นทางน้ำให้เขามาดูพื้นที่ก่อนก็ดีนะครับ  อีกอย่างต้องแจ้งทางกรมป่าไม้ด้วย”

“เอ  เอายังไงดี  อาทิตย์หน้าน้าต้องไปสิงคโปร์เสียด้วย”   คุณยุวดีถอนหายใจแกล้งทำหน้าเศร้า

“ถ้าคุณน้าไม่มีใครให้พึ่งพาแบบนี้รอก่อนก็ได้ครับ”  สีหราชยิ้มอ่อนอย่างเห็นใจ ทำเอาคีตกาลถึงกับควันออกหูแล้วกระแอมไอ

“แม่จะให้ผมดูแลไม่ใช่หรือครับ?  แม่ไปสิงคโปร์แบบไม่ต้องห่วงเลยครับ  สบายมาก” 

“จะไหวรึ?”  ต่อให้แกล้งทำเสียงเบาแค่ไหนคีตกาลก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจงใจให้เขาได้ยิน  พอโดนดูถูกแบบนั้นเขาถึงกับตบโต๊ะดังปัง  เท้าแขนแล้วจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่อย่างเอาเรื่อง

“ไหวไม่ไหวก็ลองดู!”   สีหราชเงยหน้ามองคนที่เท้าแขนจ้องหน้าเขาแล้วยกยิ้มมุมปาก

“ก็ให้แน่อย่างปากว่าแล้วกัน”




แคร้ง!  ระฆังลั่น 
   










โปรดติดตามตอนต่อไป






คำถามท้ายช่วง..


สายใจ - คุณคีย์สักเต็มแขนทั้งสองข้าง  มันเป็นรูปอะไรหรือ? แล้วตอนสักเจ็บมากไหม

คีตกาล – รูปอะไรน่ะเหรอ  ก็จำไม่ได้อ่ะนะเห็นสวยดีเลยชี้ๆให้ช่างเขาเอารูปนี้  แล้วเจ็บไหมอย่างนั้นเหรอ? ไม่เจ็บเลยสักนิ้ดดดด  ก็แบบว่าคนแมนๆอ่ะนะ สักได้จะกลัวเจ็บทำไมกัน?  สวยใช่ไหม?  นี่สาวๆเห็นนะยังชมกันตั้งหลายคน  มีแค่ใครบางคนเท่านั้นแหละที่ทำท่าไม่ชอบใจ  เชอะ!





สวัสดีค่ะ^^ วันนี้มาเร็วหน่อยค่ะ ยิ้มกว้าง
เช่นเคย   อ่านให้สนุกนะคะ
มีอะไรติ-ชมกันได้ค่ะ   







หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-04-2015 10:17:40
เป็นเพื่อนกันไม่ได้ เพราะยังรักกันซินะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 29-04-2015 13:10:49
ติดตามจ้า แหม ยังรักกันอยู่แท้ ๆ แล้วทำไมถึงเลิกกันนะ แถมยังทิฐิสูงทั้งคู่ซะด้วยสิ
สิงห์ไม่เท่าไหร่ แต่เพลงนี่สิ ทำไมถึงเหมือนโกรธสิงห์มากมายก็ไม่รู้นะ
แต่สองคนนี้เถียงกันน่ารักดี เหมือนแฟนกันเวลาทะเลาะกันมากกว่า
ไม่เหมือนเลิกกันไปแล้วเลย ว่าแต่ คุณแม่ตั้งใจเป็นแม่สื่อใช่ไหมคะ
ท่าจะปลื้มว่าที่ลูกเขยคนนี้มาก ๆ รอติดตาม ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาคืนดีกันน้า
ด้านเพลง มีกิ๊กเยอะแยะ แต่ไม่มีแฟนใหม่เป็นตัวเป็นตน แล้วด้านสิงห์ล่ะ
หวังว่าสิงห์เอง ก็จะยังไม่ได้คบใครใหม่หรอกนะ ไม่งั้นต้องมีคนเจ็บแน่ ๆ
อ้อ ชอบบรรยากาศบ้านไร่ต่างจังหวัดอย่างนี้มาก ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 29-04-2015 19:47:12
ขุ่นแม่คะ ออกนอกหน้ามากเลยค่ะ เปิดช่องให้สุดๆเลยนะคะ  :mew1:
เพลงคะขี้วีนไปไหนคะ นี่ที่วีนๆไม่ได้เกลียดสิงห์สินะ ยังรักเขาอยู่อ่ะดิ  :กอด1:
จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็ทะเลาะกันเป็นเด็กๆอ่ะ  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปนะเคอะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-04-2015 23:09:50
ต่อมเผือกทำงาน... เพราะอะไรกันแน่ถึงเลิกกันอ่ะ อยากรู้ๆๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 29-04-2015 23:22:20
ติดตามจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 14-05-2015 22:59:25
รอตอนต่อไปอยู่น้าาาา
 :katai4:

แอบเข้ามาทวง+เข้ามาดัน  :mew3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 16-05-2015 20:15:32
~  แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก  ~

รักพัดหวน

ตอนที่ 2


**********




เจ้าของใบหน้าขาวยกมือขึ้นป้องก่อนเงยหน้าขึ้นมองแดดยามสายของวัน  คิ้วได้รูปขมวดมุ่นกับอากาศร้อนทั้งๆที่เขายืนอยู่ใต้ร่มเงาไม้แล้วแท้ๆยังไม่วายที่เหงื่อจะผุดพราย

กริ๊ง กริ๊ง    คีตกาลหันไปทางต้นเสียงก่อนจะเห็นเด็กสายใจที่ยิ้มแฉ่งแข่งกับแสงแดดมาแต่ไกล  ฝ่ายนั้นปั่นจักรยานโดยมีกระติกน้ำแข็งสีสดขนาดเล็กอยู่ในตะกร้าหน้ารถพร้อมปิ่นโตเถาใหญ่

“คุณคีย์ขา”  เท้ายังไม่ทันแตะพื้นเจ้าหล่อนก็ร้องเรียกเขาเสียงหวาน  คีตกาลหัวเราะอย่างไม่ถือสา

“ว่ายังไง?”

“หนูเอาโอเลี้ยงกับขนมแล้วก็ข้าวกลางวันมาส่งค่ะ”

“หืม?”

“คุ...หนูเห็นคุณคีย์มาตั้งแต่เช้าเลยคิดว่าน่าจะมาส่งน้ำส่งข้าวเสียหน่อย  แถวนี้ไม่มีร้านค้าร้านอาหารเลยเดี๋ยวคุณคีย์จะหิวแย่”

“ขอบใจนะ  สายใจนี่น่ารักจริงๆ”  ชายหนุ่มยิ้มหวานเอาใจให้สายใจบิดม้วน

“อันที่จริงคุณคีย์น่าจะแวะไปพักที่เรือนใหญ่นะคะ  มีทั้งร่มทั้งลม ห้องน้ำห้องท่าด้วย”  สายใจเอ่ยหลังจากเขินเสร็จ  เจ้าหล่อนเจื้อยแจ้วพลางส่งกระติกน้ำแข็งให้ร่างสูง  คีตกาลรับมาเปิดดูก่อนจะยกยิ้มแล้วดูดทีเดียวครึ่งกระติก   “ชื่นใจไหมคะ?”

“มากๆ”  เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มสวยแล้วขยิบตาให้สายใจเขินอีกรอบ

“คุณคีย์ล่ะก็...จะทำให้หนูเขินตายเลยหรือไง!”  สายใจโวยวายคีตกาลหัวเราะกับท่าทางนั้น   เขาเอ่ยปฏิเสธเมื่อสายใจบอกให้เขาอยู่ทานอาหารเย็นที่เรือนใหญ่   






“น่าจับมาตีก้นจริงๆ”

“ใช่ค่ะ  คุณคีย์นะคะ ดื๊อดื้อค่ะ  หนูนะอุตส่าห์เอาจักรยานไปรับมาทานข้าวก็ไม่ยอมมา  ขับรถไปกลับไปกลับมาหลายวันแล้ว  ข้าวปลาก็กินไม่ตรงเวลา  น่ากลัวว่าอีกหน่อยจะแย่”  สายใจบ่นนู่นนี่พลางตักข้าวใส่จาน   สีหราชวางช้อนแล้วก็หยิบขึ้นมา  แล้วก็วางลงใหม่

“แล้วนี่ไปส่งข้าวคุณคีย์หรือยัง?”

“เดี๋ยวรอคุณสิงห์ทานเสร็จแล้วจะไปค่ะ” 

“ไปเอาปิ่นโตมา”

“หือ?”

“ฉันบอกว่าไปเอาปิ่นโตมา”  ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มให้สายใจวิ่งเข้าไปหยิบตะกร้าข้าว  พร้อมทั้งขนมทั้งนมที่เตรียมไว้แต่เช้ามายื่นให้



คีตกาลเหลือบมองรถจิ๊ปที่เคลื่อนเข้ามาใกล้แล้วขยับเท้าออกไปนอกร่มไม้  พลางตะโกนถามคนงานที่กำลังช่วยกันยกรากไม้ขนาดใหญ่

“ถ้าคิดว่าไม่ต้องกินข้าวก็อยู่ได้  ก็เชิญไปยืนตากแดดเปรี้ยงๆนั่นทั้งวันก็แล้วกัน”  เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยขณะลงจากรถ  เขาเห็นแล้วว่าคีตกาลเดินเลี่ยงออกไปตั้งแต่เขายังไม่จอดรถ  ไอ้ที่หงุดหงิดอยู่ก่อนหน้าจึงหนักขึ้นกว่าเดิม

“ยุ่ง!”  หันมาตวาดแล้วก็ต้องเบ้หน้าเมื่อท้องมันร้องจนแสบไปหมด  เขารึอุตส่าห์รอเด็กสายใจมาส่งข้าว  ที่ไหนได้คนส่งข้าวกลับเป็นคนที่เขาไม่อยากเห็นหน้าที่สุดเสียได้

“กลับเข้ามาในร่ม”   คนตัวโตกว่ากอดอกออกคำสั่ง   คนไม่ชอบฟังคำสั่งใครทำหูทวนลมทั้งๆที่ในใจไล่อีกฝ่ายให้กลับไปเร็วๆเพราะเขาจะได้เข้าร่มเสียที   สีหราชส่ายหัวก่อนจะสาวเท้าเข้าหาคนที่หันหลังให้เขาแล้วคว้าหมับเข้าต้นแขนขาวแล้วลาก

“เฮ้ย!”

“บอกว่าให้เข้ามาในร่ม  หูตึงรึไง”   คีตกาลถลึงตามองคนปากเสียหากไม่ตอบโต้  “แล้วหมวกไปไหน?”  สีหราชถอนหายใจก่อนจะเอาตะกร้าข้าววางลงบนกระโปรงรถของอีกฝ่ายแล้วเดินกลับไปยังรถของตัวเอง

“......”  คีตกาลไม่ได้มองว่าฝ่ายนั้นทำอะไร  ขณะที่โล่งใจว่าฝ่ายนั้นจะไปแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีสิ่งหนึ่งตกลงบนศีรษะเบาๆ  เขาหันกลับไปก็เห็นเพียงคางสากได้รูปของอีกคนชิดอยู่ปลายจมูก  ทำเอาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

“ใส่ซะ  เกิดไม่สบายขึ้นมาคุณน้าจะเป็นห่วง”
สีหราชไปแล้วแต่เขายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น  มือขาวยกขึ้นหยิบหมวกซึ่งฝ่ายนั้นสวมลงมาให้พลางขมวดคิ้ว  เอาหมวกของตัวเองมาให้เขาแล้วฝ่ายนั้นจะเอาที่ไหนมาใช้

“......”   บ้าจริง!  คีตกาลเอาหมวกตีหัวตัวเองพลางบ่นขรม  แล้วเขาจะไปห่วงทำไมกันเล่า!




***************




“ครับคุณน้า?”  สีหราชรับโทรศัพท์เมื่อคุณยุวดีต่อสายตรงมาหา  ถามว่าคีตกาลออกจากรีสอร์ทกี่โมง  เพราะดึกจนป่านนี้ฝ่ายนั้นยังไม่ถึงบ้าน  ชายหนุ่มใจเต้นแรงเมื่อได้ฟังก่อนจะบอกให้คุณยุวดีใจเย็นๆทั้งๆที่ตัวเองก็รู้สึกกังวลไม่ต่างกัน   เขารีบวางสายแล้วเรียกให้คนสนิทสองสามคนขึ้นรถขับออกไป

“ปลอดภัยแล้วครับ”  สีหราชโทรกลับไปแจ้งให้คุณยุวดีทราบหลังจากพบคีตกาลและให้การพยาบาลเบื้องต้นเสร็จแล้ว    ตอนเขาไปพบรถอีกฝ่ายเอียงกะเท่เร่อยู่ข้างทางหัวใจเขาแทบหยุดเต้น   เขาถลาลงไปเคาะกระจกรถ  ร้องเรียกคนที่ฟุบหน้าอยู่กับพวงมาลัยด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น  ยิ่งฝ่ายนั้นนิ่งไม่ขยับยิ่งทำให้เขาร้อนรน
ลูกน้องของสีหราชใช้แม่แรงงัดประตูรถทันที  ชายหนุ่มยื่นมือไปแตะลำตัวเพื่อสำรวจบาดแผล  พบว่ามีแค่หางคิ้วซ้ายแตกเล็กน้อยก็ถอนหายใจโล่งอกก่อนจะแบกคนหมดสติขึ้นหลังแล้วนำส่งโรงพยาบาลในตัวเมือง

อ่อนเพลียและพักผ่อนไม่เพียงพอ

สีราชนวดขมับอย่างเหนื่อยใจก่อนจะจัดการพาคนหลับอุตุกลับไปที่ฟาร์ม    พอหลังแตะพื้นที่นอนฝ่ายนั้นก็ครางอืออาในคอแล้วตะแคงกอดหมอนข้างอย่างสบายใจให้เจ้าของบ้านอยากจะจับตัวมาเขย่าๆเสียให้หัวหลุดจากบ่าโทษฐานทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงไปทั้งบ้านทั้งเมือง!




“อือ~”   ทั้งเสียงนกร้องทั้งเสียงไก่ขันอันไม่คุ้นหูปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากนิทรา  เขาขยี้ตาพลางมองไปรอบๆแล้วนิ่งไปพักใหญ่

“คุณคีย์  ตื่นแล้วหรือคะ?  หนูกำลังจะเข้ามาปลุกเชียวค่ะ  คุณยุรออยู่ข้างนอกรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ”  สายใจเลิกผ้าม่านให้แสงสาดเข้ามาจนต้องยกแขนขึ้นบัง

“สายใจ?  แม่?”

“ค่ะ”

“ที่นี่ที่ไหน?”

“คิก  คุณคีย์ยังมึนอยู่หรือคะ  นั่นซิหัวกระแทกนี่นะ”  สายใจหัวเราะคิกกับท่าทางของคนบนเตียงก่อนจะอธิบายเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่เลิกทำหน้างง  “เมื่อคืนรถคุณคีย์เกิดอุบัติเหตุค่ะ ดีว่าคุณสิงห์ไปเจอเร็วไม่งั้นนะ...” เด็กสายใจทำท่าโอเวอร์คีตกาลขมวดคิ้วก่อนจะค่อยนึกออกว่าเมื่อคืนขณะขับรถกลับบ้าน  เขารู้สึกง่วงมากเนื่องจากต้องขับรถไป-กลับหลายสิบกิโลติดต่อกันมาหลายวัน  ซ้ำอากาศร้อนที่เจอมาทั้งวันยิ่งทำให้เพลีย  ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับในไปตอนไหน  ยังดีที่ว่าเขาไม่ใช่คนขับรถเร็ว  ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มานั่งมึนอยู่อย่างนี้

“ตาเพลง!”  คุณยุวดีถลาเข้ามาลูบคลำตามเนื้อตัวบุตรชายทันทีเมื่อเห็นหน้า  สุดท้ายจึงแตะที่หางคิ้วซึ่งมีพลาสเตอร์ยาติดอยู่แล้วถอนหายใจโล่งอกก่อนจะกดปลายนิ้วลงบนแผลนั้นแรงๆ

“โอ๊ย  แม่!”   คีตกาลสะดุ้ง  ถอยห่างจากมารดาทันทีเขาเจ็บจนน้ำตาซึม  ก่อนจะตวัดสายตาตัดพ้อไปให้

“บอกแล้วใช่ไหมว่ามันอันตราย  ถึงบอกไงว่าให้มาพักที่นี่เสียตั้งแต่แรก”

“ไม่เอาอ่ะ”  ชายหนุ่มโอดครวญ  อันที่จริงคุณยุวดีบอกให้เขามาพักบ้านนี้ตั้งแต่มาทำงานวันแรก  แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมทำตามคำสั่งมารดาเล่า  เรื่องอะไรจะมาพักที่บ้านนี้ในเมื่อเขามีแรงขับรถไปกลับอยู่แล้ว

“คุณน้าครับ  ผมให้เด็กจัดการขนของเข้าไปไว้ในห้องแล้วนะครับ”

“ขอบใจจ้ะตาสิงห์”  คุณยุวดียิ้มกว้างอย่างชอบใจ  คีตกาลมองหน้ามารดาแล้วรู้สึกสังหรณ์แปลกๆจนต้องเอ่ยถาม

“ของอะไรอ่ะแม่?”

“ก็ข้าวของของเราไง  แม่ให้เอามาไว้ในห้องเรียบร้อยแล้ว  ต่อไปนี้ลูกก็พักที่เรือนนี้ไม่ต้องเดินทางไป-กลับให้เหนื่อยอีก”

“อะไรนะ!”  คีตกาลเสียงดังก่อนจะหันไปมองเจ้าของบ้านเพื่อขอคำอธิบาย  ฝ่ายนั้นเพียงแค่มองกลับมานิ่งๆแล้วก็เดินจากไป...
.
.





สีหราชกลับเข้ามาอีกครั้งตอนบ่ายแก่ๆ  เขาขมวดคิ้วเมื่อเสียงตึงตังบนเรือนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

“ไม่เอา  ไม่อยู่!”  เจ้าของร่างโปร่งโวยวายพยายามจะลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากห้อง  แต่ติดว่าสายใจดึงอีกด้านเอาไว้

“ไม่เอา  หนูไม่ปล่อย!”  คนนี้ก็ไม่ยอมแพ้  สีหราชส่ายหัวก่อนจะยืนพิงขอบประตูมองการยื้อยุดฉุดกระชากตรงหน้าขำๆ

“อยากมีงานศพเป็นของตัวเองเร็วๆก็ไม่บอก”

“นาย!”   คีตกาลหันขวับมามองเจ้าของเสียง   ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์  เขาโมโหจนเผลอปล่อยมือจากกระเป๋าเสื้อผ้าทำเอาสายใจที่ออกแรงดึงอยู่อีกฝั่งถึงกับหงายหลังล้มเสียงดังโครม

“อ้าว  ไม่ใช่เหรอ?  ก็เห็นอยากขับรถไป-กลับเองนึกว่าอยากมีงานศพของตัวเองเร็วๆซะอีก”  สีหราชยกยิ้ม

“ไอ้คนปากเสีย!” คีตกาลเท้าเอวเงยหน้าจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

“งั้นนายก็เป็นไอ้เด็กนิสัยเสีย”

“ไอ้!”

“แผลที่คิ้วนี่มันน้อยไปใช่ไหม?  แค่คุณน้าขวัญเสียเมื่อวานยังไม่พอเหรอ?”  คราวนี้ร่างโปร่งกับยืนนิ่งเมื่อได้ฟัง  อันที่จริงทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามารดาเป็นห่วงเขามากแค่ไหน  ไอ้การขับรถไป-กลับกับระยะทางร้อยกว่ากิโลนั่นไม่เท่าไหร่หรอกแต่การขับรถไป-กลับทุกวันนั้นก็ลำบากไม่ใช่เล่น  แต่ทิฐิที่ค้ำคออยู่เขาเลยไม่อยากยอมทำตามคำแนะนำนั้น  ซึ่งมันมาจากคนตรงหน้าเขานั่นแหละ

“....” 

“โทร.กลับไปบอกคุณน้าด้วยแล้วก็ขอโทษสายใจซะที่ทำให้ล้มเมื่อกี้  แต่ถ้ายังยืนยันว่าอยากมีงานศพของตัวเองในเร็ววันนี้ก็บอก  จะได้ไม่ห้าม!”   คีตกาลได้แต่มองแผ่นหลังอีกฝ่ายตาปริบๆก่อนจะเดินคอตกไปดึงเด็กสายใจให้ลุกขึ้นพลางเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย  ถึงสายใจจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย  ก็เสียงล้มเมื่อกี้มันดังใช่น้อยเสียเมื่อไหร่กัน

.
.





“ท่าทางอารมณ์ดีเชียวนะ  คุณคีย์ของสายใจทำอะไรให้ล่ะ?”   สีหราชเอ่ยถามขณะตรวจบัญชี  เด็กสายใจวางแก้วกาแฟแล้วยิ้ม
น้อยยิ้มใหญ่จนต้องเอ่ยปากถาม

“คุณคีย์นี่หล้อหล่อนะคะ”

“หืม?”

“ก็ตอนที่หนูล้มคุณคีย์มาขอโทษหนูด้วยค่ะ  จับมือแล้วก็ลูบหัวหนูด้วย”  ว่าแล้วก็ทำท่าเขินอาย  “ได้เห็นหน้าใกล้ๆใจหนูงี้แทบละลาย”  สีหราชหัวเราะขำ  มันก็จริงอย่างเด็กสายใจว่านั่นแหละ  คีตกาลนั้นหล่อเหลา  เป็นสุภาพบุรุษมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ผิวขาว สูงโปร่ง หน้าตาหล่อ  ฐานะดี ร้องเพลงเพราะ เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้  แถมดีกรีเป็นถึงเดือนมหา’ลัยเล่นเอาสาวๆครึ่งค่อนหมายตาแย่งชิงกันไปทั่ว  แต่สุดท้ายก็มาคบกับเขา....
รอยยิ้มชะงักค้าง  มือที่กำลังเขียนตัวเลขหยุดนิ่ง  สีหราชถอนหายใจก่อนจะพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง  ชายหนุ่มหลับตาก่อนจะกดปลายนิ้วลงบนหัวคิ้วแล้วคลึงเบาๆ   

ใช่...แล้วเขากับคีตกาลก็เลิกกัน....


“สายใจ”

“ขา  คุณสิงห์มีอะไรหรือเปล่าคะ?”  เห็นท่าทางหม่นของคนเป็นนายเด็กสายก็ขานรับอย่างเอาใจ 

“อุ่นนมไปให้คุณคีย์ด้วยไป”

“ได้ค่ะ”

“แล้วก็...”  เด็กสายใจทำมือทำท่าโอเคแล้วจุ๊ปากให้คนเป็นนาย

ถึงคุณสิงห์จะปากร้ายยังไงก็ใจดีกับคุณคีย์วันยันค่ำอยู่ดี  คุณยุบอกว่าคุณสิงห์กับคุณคีย์เคยเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน  ถึงตอนนี้จะทำท่าไม่ถูกกันแต่ต้องเคยสนิทกันมากๆแน่   สายใจคิดพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี  มีคนหล่อในบ้านให้ดูตั้งสองคน  แม่กลับมาคราวนี้คงชอบใจแน่ๆ  ทั้งคุณสิงห์ทั้งคุณคีย์หล่อแข่งกันขนาดนี้...





*********


หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่1 [29เม.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 16-05-2015 20:22:39
สีหราชเหลือบมองคนที่ถือหมวกแล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีออกไปโดยไม่แตะข้าวเช้าแล้วก็ให้คิ้วกระตุก   สายใจผู้รู้หน้าที่ถึงกับวิ่งตาตั้งไปฉุดแขนคีตกาลเอาไว้

“มีอะไรหรือสายใจ?”

“ทานข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยไปค่ะคุณคีย์”

“ฮื่อ  ไม่เอาล่ะ”

“แต่คุณสิงห์รออยู่นะคะ”

“ช่างซิ  ใครใช้ให้รอล่ะ”

“คุณคีย์ผู้แสนหล่อเหลาของสายใจขา  ทานข้าวก่อนเถอะนะคะ  สายใจอุตส่าห์ทำแต่ของโปรดของคุณคีย์ทั้งนั้นเลยนะคะ”  สายใจพยายามโน้มน้าว   ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะยอมเดินตามแรงลากของสายใจไปนั่งแหมะฝั่งตรงข้ามกับอีกคน

“หืม?”   คีตกาลเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อสายใจวางแก้วกาแฟลง

“คราวที่แล้วคุณคีย์โกหกสายใจใช่ไหมคะ  บอกให้สายใจชงกาแฟใส่ครีมแต่สุดท้ายคุณคีย์ก็ดื่มไม่หมด”   คีตกาลเหลือบมองคนที่นั่งจิบกาแฟเมื่อฝ่ายนั้นไม่มีท่าว่าจะสนใจเขาชายหนุ่มจึงยิ้มอ่อนให้สายใจก่อนจะขอโทษเสียงเบาแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วยิ้มกว้างพลางยกนิ้วโป้งให้สายใจ  เจ้าหล่อนหัวเราะคิกก่อนจะเริ่มเสิร์ฟอาหารเช้า


“ตอนเย็นอย่ากลับค่ำนักล่ะ”  สีหราชกล่าวขณะที่คนร่วมโต๊ะลุกออกไป

“......”

“ไม่มีปากเหรอถึงไม่ตอบ”

“อ้าว ไม่ได้เอ่ยชื่อนี่  นึกว่าพูดกับลม”   ร่างโปร่งกรอกตายียวน

“....จะสอนขี่ม้า”

“อะไรนะ?”  คีตกาลตาโตเมื่อได้ฟังหากแต่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินจึงถามซ้ำ

“สงสารคุณน้าที่ต้องค่าน้ำมันรถให้ลูกชาย  เช้าขับเย็นขับทั้งๆที่ระยะทางจากเรือนใหญ่ไปรีสอร์ทก็ไม่ได้ไกลมาก  อีกอย่างโลกร้อนขึ้นเพราะมีแต่คนขี้เกียจเดินก็เลยว่าจะช่วยโลก...”

“ถ้าลำบากมากก็ไม่ต้องเสนอตัวกับคุณแม่หรอกนะ!” 

“.......”

คีตกาลหน้างอปึงปังกระแทกเท้าเดินลงเรือนไป  ทิ้งให้สายใจส่ายหน้าบ่นคนเป็นนายว่าปากร้ายเสียจริง  ทั้งๆที่จะบอกเหตุผลดีๆไปเสียแต่แรกก็สิ้นเรื่อง  สีหราชจึงได้แต่นิ่งเงียบก่อนจะหยิบหมวกเพื่อเตรียมตัวไปทำงานบ้าง   หากเพียงยังไม่ทันขึ้นรถก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารถของคีตกาลยังจอดอยู่ที่เดิม   เขาเพียงส่ายหัวคิดในใจว่าฝ่ายนั้นคงโมโหเขาแล้วไปตีต้นไม้ชกลมอยู่แถวไหนสักที่จึงไม่ได้สนใจมากนักจนบ่ายคล้อยเด็กสายใจที่ปั่นจักรยานหน้าตั้งวิ่งเข้ามาบอกว่าคีตกาลเป็นลมหมดสติขณะ เดิน กลับเรือนทำเอาสีหราชโกรธจนควันออกหู

“ทำไมถึงได้ทำตัวให้มีปัญหานัก ฮึ!”  มือใหญ่คว้าต้นแขนคนที่นั่งใต้ต้นไม้ไม่ออมแรง  ใบหน้าขาวยังคงแดงเรื่อเพราะแดดเผา  ท่าทางระโหยดีขึ้นเมื่อได้ดื่มน้ำหวานเย็นที่สายใจยกมาให้  คนโดนต่อว่าลุกพรวดก่อนผลักอกคนที่ยังคงกำต้นแขนเขาเอาไว้แน่นให้เซถอยหลัง

“คนที่มีปัญหาน่ะมันนายไม่ใช่ฉันโว้ย!  ฉันขับรถไปทำงานของฉันอยู่ดีๆนายก็มาอ้างโลกร้อนห่าเหวอะไรนั่นอยู่ได้  แล้วไง  ฉันเดินไปทำงานจะเป็นลมจะเหนื่อยตายจะเป็นปัญหามันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย!”  คีตกาลตะโกนกลับ  หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงมากขึ้นเพราะโมโห

   “เก่งให้ตลอดแล้วกัน!”

   “โอ๊ย!”  คีตกาลเบ้หน้าเมื่อร่างสูงออกแรงบีบต้นแขนเขาแรงขึ้นก่อนจะสะบัดออกแล้วขับรถออกไป

   “คุณคีย์นะคุณคีย์  บ้าบิ่นเดินตากแดดไปทำงานทำไมก็ไม่รู้  เลยเป็นลมเลยเห็นไหมคะ”  สายใจบ่นขณะดึงร่างโปร่งให้นั่งลงแล้วพัดวีให้อย่างเอาใจ

   “ก็นายของสายใจนั่นแหละ!”   คีตกาลหน้างออย่างไม่สบอารมณ์




   วันที่สองก็แล้ววันที่สามก็แล้วคีตกาลก็ยังคงดื้อดึง เดิน ไปทำงานท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ  สายใจถึงกับกุมขมับ  มองหน้าคุณสิงห์ที่นิ่งเป็นหินแล้วแทบไม่กล้าเอ่ยปากเพราะดูแล้วคงอารมณ์เสียสุดๆ  ส่วนคุณคีย์ของเธอก็ดื้อดึงไม่แพ้กัน  ไม่ทานข้าวเช้า  ไม่กลับมาทานข้าวเย็นอย่างเคยก็เล่นทำเอาสายใจใจตุ่มๆต่อมๆไม่รู้ว่าคุณสิงห์จะระเบิดออกตอนไหน
   
“คุณคีย์ขา   วันนี้กลับมาเร็วหน่อยนะคะ  กลับมาทานข้าวเย็นบ้างเถอะ”

   “ฉันไม่อยากร่วมโต๊ะกับเจ้านายของสายใจ  เพราะงั้นแอบเก็บข้าวไว้ให้ฉันอย่างเคยก็พอ”

   “จะดื้อก็ให้มีขอบเขตหน่อย”  ทั้งคีตกาลทั้งสายใจสะดุ้งเฮือกพร้อมกัน  ไม่รู้ว่าสีหราชแอบมายืนฟังตั้งแต่เมื่อไหร่

   “เรื่องของฉัน!”  ร่างโปร่งคอตั้งนึกอยากจะตะบันหน้านิ่งๆนั่นสักทีแต่ก็ต้องตัดใจหันหลังเตรียมไปทำงาน  ติดเสียว่าต้นแขนถูกอีกฝ่ายกำไว้แน่นแล้วดึงให้เซถอย  “เฮ้ย!”

   “วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน”

   “อะไรวะ  ปล่อยนะโว้ย!”  คีตกาลโวยวายพยายามดึงแขนให้หลุด  แต่ยิ่งเขาดิ้นมากเท่าไหร่สีหราชก็ยิ่งบีบแรงขึ้นเท่านั้น  เล่นเอาต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บจี้ดลามไปทั้งแขน

   “ไม่ปล่อย”  ไม่ว่าเปล่าชายหนุ่มลากให้คีตกาลเดินตาม  เมื่อเห็นว่าดิ้นไปก็ไม่ได้ผลคีตกาลเลยก้มหน้าลงอ้าปากกว้างเตรียมฝังคมเขี้ยวให้สุดแรง  หากยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิดสีหราชก็หันมาชี้หน้า  “ถ้ากัดจะตบให้ฟันร่วง”

   “........”    สุดท้ายคีตกาลก็โดนจับยัดขึ้นรถไปยังฟาร์มม้า 

“อย่าดื้อจนคุณสิงห์จับหักแขนหักขาไปเสียก่อนนะคะคุณคีย์”  สายใจได้แต่โบกมือให้กำลังใจคีตกาลพลางตะโกนสำทับ

“สายใจบ้า!”   คีตกาลหันมาโวยเด็กสายใจที่อวยพรเขาได้น่ากลัวนัก!





***************
   



   “ลงมา”

   “ไม่!”  จะดื้อก็ดื้อให้มันถึงที่สุดเลยแล้วกัน  ขืนยอมทำตามที่หมอนี่พูดเขาก็แพ้น่ะซิ!

   “นับหนึ่งถึงสามถ้าไม่ยอมลงมาจะกระชากให้หัวทิ่ม”  สีหราชขู่ลอดไรฟัน “หนึ่ง!”

   “.....”  คีตกาลยังคงลอยหน้าลอยตากอดอกนั่งนิ่ง

   “สอง”  มือใหญ่เลื่อนมาจับข้อเท้าคนบนรถแน่น  คีตกาลถึงกับตาเหลือก “สา....”

   “ลงแล้วๆ”  มือขาวผลักไหล่กว้างให้พ้นทางก่อนจะกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว

   “ก็แค่นั้น”   ร่างโปร่งได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้คนที่ยิ้มเยาะ  หากสุดท้ายก็ต้องเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในฟาร์ม
   

   “เจ้านี่ชื่อmusic”

   “ห้ะ?”  คีตกาลขมวดคิ้ว  มองเจ้าม้าสีดำสวยตรงหน้าสลับกับเจ้าของม้า

   “music”  สีหราชย้ำช้าๆชัดถ้อยชัดคำพลางจ้องหน้าคนถาม

   “นายล้อเล่นใช่ไหม?”  คีตกาลถามย้ำ

   “เปล่า”

   “งั้นฉันคงหูฝาด”

   “เจ้านี่ชื่อ music นายไม่ได้หูฝาดและฉันไม่ได้ล้อเล่น  ”

   “.......”  คีตกาลหน้าแดง  มันร้อนจนเห่อไปทั้งหน้า  เขาอยากต่อยไอ้หมอนี่เป็นบ้า!  และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเรียกชื่อ
ไอ้เจ้าม้านี่เด็ดขาด!
   
   






   “ไม่ๆ เจ้าม้า หยุด! เจ้าม้า!”  คีตกาลร้องโวย  ตอนที่สีหราชขึ้นม้าเป็นตัวอย่างให้ดูเมื่อครู่มันก็ดูไม่ยากเท่าไหร่แต่พอเขาขึ้นมานั่งบนหลังเจ้าม้านี่เท่านั้นแหละ  มันส่ายหัวไม่ยอมให้เขาได้นั่งดีๆเลย!    สีหราชจับเชือกไว้แต่ไม่ยอมปรามม้าตัวเองสักนิด!

   “โอ้ย  ก็ได้ๆ”  คีตกาลพยายามทรงตัวไว้อย่างสุดความสามารถก่อนจะเอ่ยปากยอมแพ้ในที่สุด “music จ๋า musicเด็กดี~ อยู่นิ่งๆนะ”  เท่านั้นแหละเจ้าม้าแก่แดดถึงตัวยืนนิ่งให้คีตกาลอ้าปากค้าง  หนอย~ ไอ้ม้าบ้า!

   “อุ๊บ ฮ่ะๆๆๆ”

   “หัวเราะบ้าอะไร  ห้ะ!”  คนบนหลังม้าตวาดแหว

   “เก่งนี่  คุยกับม้ารู้เรื่อง”

   “ไอ้!”  อ้าปากได้เท่านั้นสีหราชก็ปล่อยมือจากเชือกทันที  คีตกาลถึงกับร้องเสียงหลงเพราะกลัวเจ้า music จะเตลิดวิ่งให้เขาต้องตกมาแข้งขาหัก   กว่าจะได้หยุดพักก็เลยเวลาอาหารกลางวันมาเล็กน้อยเพราะสีหราชให้เขาค่อยๆขี่เจ้า music กลับมากินข้าวที่เรือนใหญ่โดยที่ฝ่ายนั้นไม่รู้ว่าไปเอาม้าอีกตัวมาตอนไหนมาขี่ข้างๆกัน

   “ปวดเอวเป็นบ้า”  คีตกาลโอดให้ร่างสูงได้ยิน  หากก็เท่านั้นเพราะหลังทานข้าวเสร็จสีหราชก็เข้าห้องทำงานเงียบไปจนถึงเย็น  ปล่อยให้คีตกาลไปนั่งคุยกับเจ้า music เพื่อสร้างความคุ้นเคยคนเดียวก่อนจะไปพบสถาปนิกที่จ้างมาออกแบบรีสอร์ทก็เกือบค่ำ
   


เช้าวันต่อมาคีตกาลแทบลุกจากเตียงไม่ขึ้นเพราะปวดเมื่อยไปทั้งตัว  กระนั้นก็ดูเหมือนความโหดร้ายของสีหราชจะไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิดเพราะยังบังคับให้ร่างโปร่งแหกขี้ตาตื่นไปฝึกขี่ม้าจนสำเร็จ  หนำซ้ำยังผิดนัดกับคนที่เขาจ้างมาออกแบบรีสอร์ทสองวันติดแล้ว

   “ทำไมไม่เอาเสื้อแขนยาวมา?”  ชายหนุ่มเอ่ยดุเมื่อคีตกาลขึ้นนั่งบนหลังม้า  ท่อนแขนขาวที่มีรอยสีเข้มสลักจนถึงข้อศอกทำ
เอาเขาขมวดคิ้วมุ่น

   “จะทันได้หยิบไหมล่ะ  เล่นลากมาจากเตียงซะเช้าขนาดนั้น”

   “นี่ถ้าลูกค้าทัวร์มาเห็นแขนนี่คงหมดความน่าเชื่อถือ”  จู่ๆร่างสูงก็เปลี่ยนเรื่อง  คีตกาลเหลือบมองแขนตัวเองแล้วว่า

   “ยุ่ง!”

   “ผิวเกลี้ยงๆก็ดูดีอยู่แล้วไม่รู้จะหาภาพมาแปะไว้ทำไม”  คล้ายจะบ่นกับตัวเองหากคนบนหลังม้าก็ยังได้ยิน

   “เขาเรียกว่า Tattoo  ไม่ใช่ภาพอะไรก็ไม่รู้”  คีตกาลแก้ให้  พลางยกแขนตัวเองขึ้นชื่นชมแล้วเหลือบมองร่างสูงที่ยืนหน้านิ่งทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนจะเบ้ปากใส่

   “เท่ได้ก็ตอนที่ผิวยังเต่งตึงเท่านั้นแหละ”

   “โว้ย ที่พูดเนี่ยอิจฉาเหรอ?  แล้วจะสอนไหมขี่ม้าเนี่ย!”

   “สอน   แล้วก็ใส่ซะ”  ร่างสูงถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองโยนให้คนบนหลังม้า

   “ไม่เอาอ่ะ  เหม็นเหงื่อ”  คีตกาลใช้สองนิ้วคีบเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยท่าทางรังเกียจ  ไอ้ที่ว่าเหม็นเหงื่อแน่นอนอยู่แล้วว่าโกหก  ก็พวกเขาเพิ่งจะโดนแดดเหงื่อที่ไหนจะทันออก แต่เรื่องอะไรจะต้องให้ฝ่ายนั้นมาดูแลเขาเหมือนดูแลผู้หญิงด้วยเล่า

   “งั้นก็เอาคืนมา”  สีหราชกระชากเสื้อคืนแล้วใส่กลับตามเดิม  คีตกาลเบิกตากว้างกับท่าทางนั้นแล้วเบ้หน้า

   “เฮ้ย! เดี๋ยวๆ  นายจะทำอะไร?” คีตกาลร้องเสียงหลงเมื่อสีหราชโหนตัวขึ้นมาบนหลังม้าตัวเดียวกัน

   “สอนขี่ม้า”  ชายหนุ่มยังคงตอบเสียงนิ่ง  คนด้านหน้าเกร็งตัวแข็ง

   “สอนแบบเมื่อวานซิ  นายจะขึ้นมาทำไม?”  ยิ่งเขาพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นก็ยิ่งพบว่ามันยากเย็นเสียเหลือเกิน  ไม่ใช่อะไรนะ  เขากลัวเจ้า music จะรับน้ำหนักไม่ไหวต่างหากล่ะ!

   “สอนแบบนี้จะเป็นเร็วกว่า”

   “ฉันไม่รีบ!  สอนแบบเดิมอ่ะดีแล้ว”

   “แต่ฉันรีบ”

   “โอ๊ะ!”   คีตกาลอุทานเมื่อคนด้านหลังกระตุกเชือกให้เจ้า music เดิน  ก่อนจะกระตุกอีกครั้ง  คราวนี้เจ้าม้าตัวเก่งเพิ่มความเร็วจากย่ำเท้าช้าๆเปลี่ยนไปวิ่งเสียแล้ว!   เขาหลับตาแน่นอย่างตกใจ

   “จับสายบังเหียน  อย่าเกร็งตัว!”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  กระนั้นคีตกาลก็ยังคงไม่ยอมลืมตา  “ลืมตาซิ”

   “ไม่เอา”

   “คีตกาล  ลืมตาซิ”  เสียงทุ้มกระซิบอีกครั้ง  ไม่ได้กระโชกโฮกฮากอย่างทุกที   ร่างโปร่งค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

   “นี่นายแกล้งฉันใช่ไหม?”  เสียงใสเอ่ยต่อว่าคนด้านหลัง  ฝายนั้นหัวเราะในคอก่อนจะตอบ

   “เปล่า”  ท่าทางอารมณ์ดีเสียจนน่าหมั่นไส้  ถ้าไม่ติดว่าคนข้างหลังช่วยบังคับม้าอยู่ล่ะก็เขาจะถองเสียให้ร่วง!

   “นายต้องวางแผนแกล้งฉันอยู่แน่ๆ!”  ถึงปากจะตะโกนแบบนั้นแต่คีตกาลก็ผ่อนคลายลง  เสียงหัวเราะทุ้มแนบชิดข้างศีรษะ  ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้เขาแทบจะจมเข้าในอกของคนด้านหลัง  ยิ่งสีหราชบังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่แขนแกร่งทั้งสองก็โอบเข้ามามากเท่านั้น

   นอกจากสายลมที่ปะทะหน้า  และแสงแดดอ่อนคีตกาลยังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่โอบล้อมประคอง  โดยไม่รู้ตัว...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่รอยยิ้มวาดขึ้นบนใบหน้ากระจ่างใส 


สีหราชก้มลงมองคนในอ้อมแขน  จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากสีสดที่ยิ้มกว้าง  พอรู้สึกตัวสีหราชก็พบว่าตัวเองฝังจมูกลงกลุ่มผมนุ่มของคีตกาลไปเสียแล้ว    ชายหนุ่มรู้สึกปวดแก้มทั้งสองข้างขึ้นมา....เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่เขายิ้มกว้างขนาดนี้...





**********






โปรดติดตามตอนต่อไป




คำถามท้ายช่วง

สายใจ : คุณคีย์ขา!  คุณคีย์ เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับคุณสิงห์  เคยเห็นคุณสิงห์มีแฟนบ้างไหมคะ ?ตั้งแต่หนูมาทำงานกับคุณสิงห์  นอกจากเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยคนอื่นหนูไม่เคยเห็นคุณสิงห์พาผู้หญิงเข้าบ้านเลย

คีตกาล : (กระแอมไอ  พยายามไม่ยิ้ม) เคยเห็นอยู่คนเดียวนะ  แต่แค่สองเดือนก็ไม่รู้ว่าหายหน้าไปไหน สงสัยจะเลิกกัน   ว่าแต่....เจ้านายของสายใจไม่เคยพาผู้หญิงเข้าบ้านจริงอ่ะ? น่าสงสัยมากๆ!
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 18-05-2015 13:22:28
คีย์ ดื้อ ๆๆๆ แหม่ แต่อย่างนี้ก็ดี สิงห์จะได้คอยเป็นห่วงตลอด ๆ อิอิ  :o8:
พ่อแง่แม่งอนกันน่ารักจริงเลย แต่สิงห์เนี่ย ออกอาการเยอะเชียวน้า
สายใจนี่น่ารักจัง อีกหนึ่งในผู้ช่วยสานสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยนะเนี่ย
แล้วที่ลืมไม่ได้ น้องหนู music จะฉลาดเกินม้าไปแล้วนะ 555
แค่สิงห์ตั้งชื่อม้า เหมือนชื่อตัว ก็เขินแล้วนะน้องเพลง รายนี้ก็ออกอาการไม่แพ้กันเลย
แล้วตกลงอะไรทำให้ทั้งคู่ถึงได้เลิกกันน้า ยังออกจะรักกันอยู่ขนาดนี้  :m1:
รอติดตามจ้า ชอบมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-05-2015 20:47:40
อยากรู้มากๆ...ว่าทำไมเลิกกัน แล้วก็ดูเหมือนจะงอนๆกันอยู่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-05-2015 21:44:44
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 19-05-2015 20:57:38
สนุกดี ชอบค่ะชอบ
สิงห์ เท่ห์จังเลยอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-05-2015 23:30:44
ทำไมคุณคีย์ของสายใจดื้อจังเลย 555

คำถามท้ายเรื่อง คีย์แอบดีใจล่ะซิ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 25-05-2015 08:52:16
เหยยยย มันน่ารักมาเลยยย ติดตามเลยยยย
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-05-2015 21:32:31
สนุกค่ะ ชอบ​เลย
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: qhanb ที่ 25-05-2015 21:42:30
ชอบบบพี่สิงห์มากกก รู้ใจกันอ่ะ มีลูกเล่นลูกรับ พี่สิงห์รู้ว่าต้องปราบคีย์ยังไง คีย์ก็รู้วิธียั่วโมโหพี่สิงห์
งืออ โซคิวท์
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 26-05-2015 22:36:26
มารอพี่สิงห์น้องเพลง จ้าาาา  :mew3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 26-05-2015 22:53:52
เกร้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กำลังอ่านเพลินๆ จบตอนซะได้
สนุกกกกกกกก อยากอ่านต่อเรื่อยๆ อยากรูเลิกกันทำไม
ดูก็รู้ว่ายังมีใจให้กันอยู่อ่ะ

รออ่านตอนที่สามนะ  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 27-05-2015 02:58:10
เดาว่าเลิกกันด้วยเรื่องไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่แน่เลย แบบงอนๆตีๆเลยเลิกกันไปรึเปล่า
เพราะดูก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรกันมากนะ แถมท่าทียังไม่เหมือนมีฝ่ายไหนเป็นฝ่ายผิดด้วยสิ
จะรออ่านต่อค่า ชอบตอนสอนขี่ม้ามากกกก มุ้งมิ้งที่สุดอ่ะ ; ////////// ;

แต่ว่า.. สอนแบบนี้ไม่ได้เป็นเร็วกว่านะพ่อคุณ! โมเมจริง 5555555
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 27-05-2015 11:39:26
รอต่อจ้าา
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-05-2015 22:51:52
กะลังสนุกเลยเชียว พ่อแง่แม่งอน
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 29-05-2015 11:03:33
มาลงชื่อติดตาม ชอบตัวละครมาก อยากให้ดื้อเยอะๆ ลุ้นดี พ่อแง่แม่งอน หาอ่านมานานแล้ว แบบที่เคยคบ แล้วมาสปาร์คกันอีก รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 29-05-2015 17:26:35
~ แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก ~

รักพัดหวน

ตอนที่3






“อูย~”  ร่างโปร่งเดินกระหย่องกระแหย่งไม่เต็มเท้าค่อยๆคืบคลานไปยังโต๊ะทานข้าว  สายใจเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางนั้น  พออีกฝ่ายมาหยุดยืนแต่ไม่ยอมนั่งเสียทีสายใจเลยเอ่ยปากถาม

“คุณคีย์เป็นอะไรคะ?  เจ็บขา?  ทำไมไม่นั่งล่ะคะ”

“เอ่อ”  คีตกาลลังเล

“นั่งซิคะ  จะได้ทานข้าวกัน”  สายใจจับต้นแขนร่างโปร่งเอาไว้แล้วดันให้นั่งลงบนเก้าอี้  เพียงแค่ก้นแตะพื้นเท่านั้นคีตกาลถึงกับเด้งกายพรวดขึ้นยืนตรงตามเดิม

“?”  คนหัวโต๊ะเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมอง  คีตกาลจึงทำเพียงเงยหน้าเชิดไปทางอื่น

“คุณคีย์นั่งซิคะ”  สายใจคั้นคะยอ

“นั่งซิ  จะได้ทานข้าว”  สีหราชเอ่ยสำทับเมื่อร่างโปร่งยังคงไม่ยอมนั่ง  หากมีอาการกระสับกระส่ายเริ่มแสดงออก

“ฉันไม่หิว  เดี๋ยวไปทำงานเลยแล้วกัน”  คีตกาลทำท่าจะเดินออกไป  หากสายใจที่เห็นคิ้วคนเป็นนายเริ่มกระตุกก็คว้าหมับเข้าต้นแขนของคีตกาลอีกครั้ง

“.....  อ้อ  รู้แล้ว?”

“รู้อะไรคะคุณสิงห์?”  สายใจหันมาถามเพราะสีหราชหัวเราะก่อนจะมองหน้าคีตกาลด้วยสายตาขบขัน

“หัวเราะอะไร?”  คีตกาลแหวเสียงดัง  แก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อเพราะรู้แล้วว่าสีหราชหัวเราะเขา

“คุณคีย์ของสายใจเขาเจ็บก้นน่ะ”

“ไอ้!”  คีตกาลที่หน้าแดงอยู่เดิมยิ่งแดงหนักจนลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง  หันมาถลึงตามองคนหัวเราะแล้วอยากจะคว้าแก้วกาแฟมาเขวี้ยงใส่หน้าเสียเหลือเกิน

“หืม  ทำไมคุณคีย์ถึงเจ็บก้นล่ะคะ?”

“เพราะเมื่อวานฉันสอนอะไรบางอย่างไปคุณคีย์ของสายใจก็เลยมีอาการแบบนี้”  เท่านั้นแหละเด็กสายใจถึงกับหน้าแดงด้วยจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน   เพราะคุณสิงห์เล่นทำสีหน้าเจ้าชู้สายตากรุ้มกริ่ม  อีกทั้งยิ้มแย้มอย่างที่สายใจไม่เคยเห็นมาก่อน  คุณคีย์ของเธอเดินไม่เต็มเท้า  เจ็บก้น  ไม่มองหน้าคุณสิงห์  แก้มแดง  แถมคุณสิงห์ยังอารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกวัน  อีแบบนี้...ว้าย!  สายใจไม่อยากจะคิดเลย!

“ไอ้บ้า  แกพูดอะไรน่ะห้ะ!  สายใจคิดไปถึงไหนเนี่ย!”   ท้ายประโยคหันมาดุสาวใช้ที่ยกมือปิดหน้าบิดตัวเขินไปมา

“สายใจไปเอาเบาะรองนั่งนุ่มๆมาให้คุณคีย์ไป”  สีหราชหันไปสั่งสายใจทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะ

“หยุดหัวเราะได้แล้ว!”

“วันนี้ไม่ต้องไปฝึกขี่ม้าแล้วกัน”  สีหราชว่าหลังทานอาหารอาหารเช้าเรียบร้อย  ชายหนุ่มลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปทำงาน

“แหงอยู่แล้ว  เจ็บก้นขนาดนี้ใครจะไปขี่ม้าไหว!”  ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำ

“แต่พรุ่งนี้ต้องฝึกต่อนะ”  สีหราชยิ้มกว้างกับท่าทางนั้น  คีตกาลกอดอกมองคนออกคำสั่งแล้วอุทธรณ์

“แต่...ก้นฉัน...”

“เดี๋ยวให้สายใจเตรียมของไว้ให้  จะได้ไม่เจ็บก้นตอนขี่”

“เตรียมอะไร?”  คีตกาลมองรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจของคนตรงหน้าแล้วถาม

“โกเต๊ก”

“ห้ะ?”  คีตกาลคิดว่าตัวเองหูเพี้ยน  จนเมื่อสีหราชเรียกสายใจเข้ามาสั่งอีกรอบนั่นแหละ

“สายใจ  พรุ่งนี้เตรียมหาโกเต๊กไว้ให้คุณคีย์ด้วยนะ”

“หือ  คุณคีย์ใส่โกเต็กหรือคะ?”  สายใจยังไม่เลิกหน้าแดง  พอได้ยินคนเป็นนายสั่งให้หาอะไรมาเท่านั้นแหละ  เจ้าหล่อนบอกตาโตคิดไปไกลรอบสอง

“เฮ้ย!”  คีตกาลได้แต่เบิกตากว้าง

“ไม่งั้นเดี๋ยวคุณคีย์ของสายใจต้องเลือดออกแน่ๆ”

“ไอ้!”  สีหราชหัวเราะชอบใจ  ยิ่งร่างโปร่งกำหมัดแน่นแล้วถลาเข้ามาราวกับจะต่อยหน้าเขาสีหราชยิ่งมีความสุขที่ได้แกล้ง “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแล้วก็ไม่ได้มีประจำเดือนด้วย!”  คีตกาลกระชากคือเสื้ออีกคนขึ้นอย่างโมโห    นี่แกล้งเขาอยู่ใช่ไหม!

“ฉันก็เห็นนายเป็นผู้ชายเหมือนฉันนะ  ไม่ได้บอกว่านายขี้โมโหเป็นผู้หญิงมีประจำเดือนเสียหน่อย”

“ไอ้!”  เขาเงื้อหมัดเตรียมต่อย  หากคนสูงกว่าพลิกกายหนีกลับเป็นว่าคีตกาลเสียหลักให้สีหราช
คว้าเอวสอบเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียหลักล้มหน้าคะมำ

“อุ๊ย!”  เสียงหวานอุทานแผ่วอย่างตกใจให้คนหนุ่มทั้งสองหันไปทางต้นเสียง  คีตกาลเบิกตากว้างพยายามดันกายออกจากอ้อมแขนอีกคน  หากเหมือนโดนแกล้งเมื่อสีหราชยังคงกระตุกแขนไม่ให้เขาหลุดพ้นออกมาง่ายๆ ก่อนจะหันไปทางผู้อาวุโสที่เพิ่งเข้ามา

“คุณน้า?”

“น้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?”

“แม่!  ปล่อยนะ!”  คีตกาลร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำมารดา  ก่อนจะดุคนตัวโตกว่าพลางดิ้นอีกครั้ง

“เปล่าครับ  พอดีคีย์เขาเจ็บก้นนิดหน่อยเลยเดินไม่ถนัด”

“เฮ้ย! แกพูดอะไร!  แม่อย่าไปฟังนะ!”  คีตกาลโวยวาย  ยิ่งดิ้นเหมือนแขนแกร่งจะยิ่งรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม

“แม่พลาดอะไรไปหรือเปล่า?”  คุณยุวดีเลิกคิ้วมองท่าทางของทั้งสองคนแล้วทำสีหน้ากระอักกระอวล

“แม่ไม่ได้พลาดอะไรเลย!”  คีตกาลตอบ  ก่อนจะยกมือฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาเสียงดัง 

เพี๊ยะ!  ใบหน้าคร้ามขึ้นรอยนิ้ว    คนลงแรงตบเองก็ตะลึงเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะใส่แรงไปขนาดนั้น  เขาแค่อยากจะหลุดจากแขนแกร่งนั่น  ไม่อยากให้มารดาเข้าใจผิดก็เท่านั้น

“เจ็บนะ”  เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาราวกับต้องการให้ได้ยินกันแค่สองคน  ดวงตาคมจ้องมองเจ้าของฝ่ามือนิ่งให้รู้สึกผิด  กระนั้นริมฝีปากสีสดก็ยังคงเม้มแน่นไม่ยอมเอ่ยขอโทษ

“สมน้ำหน้า  ปล่อย!”   คีตกาลเป็นอิสระเมื่อสีหราชยอมปล่อยแต่โดยดี  มือแกร่งยกขึ้นแตะแก้มตัวเองแล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม  ก่อนจะจ้องหน้าคนตบอย่างเอาเรื่อง

“พอดีผมหนักมือกับเขาไปหน่อย  ยังไงฝากคุณน้าดูแลต่อด้วยนะครับ  ช่วงนี้คงเดินไม่ถนัดแล้วก็อาจจะมีเลือดออกได้  ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”  สีหราชหย่อนระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ก่อนจะยกมือไหว้ลาคุณยุวดีที่อ้าปากเหวอ

“นี่ลูกกับตาสิงห์....”

“หยู๊ดดดดด  แม่หยุดคิดอะไรบ้าๆเดี๋ยวนี้เลยนะ!”  ร่างโปร่งโวยวาย  ยิ่งเห็นมารดาสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ายิ่งรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว

“สายใจ  ระหว่างที่ฉันไม่ได้มาที่นี่เกิดอะไรขึ้น”   คุณยุวดีไม่รอให้ลูกชายอธิบายอะไร  เธอหันมาถามสาวใช้ที่กำลังยืนบิดไปบิดมาแก้มแดงอยู่นั่น

“หนูก็ไม่รู้ค่ะ  เห็นคุณคีย์เดินกะเผลกๆออกจากห้อง  คุณสิงห์ก็ให้หาเบาะรองนั่งมาให้บอกว่าคุณคีย์เจ็บก้น  ให้หาโกเต๊กมาให้คุณคีย์บอกกว่าคุณคีย์ต้องใช้  กลัวเลือดออก.....”

“เฮ้ย  เข้าใจอะไรไปถึงไหนกันเนี่ย?   มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะ!”   คีตกาลร้องเสียงหลง

“แล้วเพลงรู้เหรอว่าแม่คิดอะไร?”  คุณยุวดีตีหน้านิ่งเอ่ยถาม

“แม่คิดว่าเพลงกับไอ้บ้านั่นมีอะไรกันใช่ไหม?”  ร่างโปร่งกำหมัดแน่น  ทั้งท่าทางของเขาเองทั้งคำพูดของหมอนั่นทำเอาคนอื่นๆเข้าใจผิดกันไปหมด

“แม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”  คุณยุวดีหรี่ตาจับผิดแล้วสาวเท้าเข้าใกล้บุตรชาย

“แม่!”

กว่าคีตกาลจะอธิบายว่าทำไมเขาถึงมีอาการเจ็บก้นให้มารดาเข้าใจได้เล่นเอาหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว  หนำซ้ำยังมีสายใจคอยป่วนเข้าข้างมารดาเขาอีก   อยากจะบ้า!

“แม่เอาเอกสารมาให้  พรุ่งนี้ลูกต้องเข้าไปอำเภอต้องแจ้งทางจังหวัดว่าเราจะทำรีสอร์ท”

“แล้วต้องแจ้งยังไงบ้างครับ  แม่ไม่อยู่กับผมเหรอ?”

“พรุ่งนี้แม่จะไปรับคุณพ่อจ้ะ”

“ผมไปด้วย!”  คีตกาลยิ้มเผล่เมื่อได้ฟัง

“ลูกอยู่จัดการทางนี้เถอะ  เดี๋ยวจะยิ่งช้าเข้าไปใหญ่  อ้อ  แม่โทร.นัดคุณศักดิ์เขาเรียบร้อยแล้วนะว่าพรุ่งนี้ให้เข้าไปอำเภอกับลูกด้วย”  ศักดิ์  หรือเกียรติศักดิ์  สถาปนิกที่มารดาเขาจ้างมาออกแบบรีสอร์ท  คนที่เขาผิดนัดมาสองวันเต็มนั่นแหละ   วันก่อนแค่เจอหน้าเขาแปบเดียวก็โดนเจ้าของบ้านลากไปขี่ม้าเสียก่อน

“คืนนี้แม่พักที่นี่ไหม  เพลงคิดถึงอ่ะ  อยากนอนกอดแม่”  ร่างโปร่งย้ายก้นมานั่งข้างมารดาแล้วกอดเอวอวบอย่างออดอ้อน

“เป็นอะไร  หืม  ดูอ้อนเข้าซิ”

“ก็...เพลงคิดถึงเฉยๆ”

“...โดนตาสิงห์แกล้งอะไรมาล่ะซิ”

“โหย~~~~ หมอนั่นนะ  มันชอบแกล้งเพลง  ลากเพลงไปขี่ม้าตั้งหลายวันแล้ว  เจ็บก้นด้วย!”   เด็กขี้ฟ้องหน้างอ

“แต่เพลงเองก็อยากขี่ม้าเป็นนี่  ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”  คุณยุวดียิ้ม  ยิ่งเมื่อใบหน้าหล่อเหลายู่ลงอย่างขัดใจเธอยิ่งหัวเราะเสียงดัง

“แต่หมอนั่น   มันตั้งชื่อม้าว่าอะไรแม่รู้ไหม  มันต้องชื่อว่า music!”  คราวนี้คุณยุวดีหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมอย่างชอบอกชอบใจให้บุตรชายถึงกับงอนมารดาด้วยอีกคน

“เอ  อีแบบนี้สงสัยจะตั้งเพราะใครบางคนละมั้ง?”

“แม่!”

“หรือจะตั้งตามชื่อลูกชายแม่”  คราวนี้คุณยุวดีไม่หัวเราะ  เธอเพียงแค่ยิ้มแล้วมองใบหน้าบุตรชายอย่างอ่อนโยน

“ไม่ใช่หรอกครับ  หมอนั่นแค่อยากแกล้งผมเฉยๆ”

“....เอาเถอะๆ  คืนนี้แม่ไม่ได้เตรียมอะไรมา  แล้วก็อย่างที่บอกว่าตอนเช้าแม่ต้องไปรับคุณพ่อเราอีก  อีกเดี๋ยวแม่คงกลับเลย”

“งั้นถึงแล้วโทร.มานะครับ  พรุ่งนี้เช้าผมจะโทร.หา  จะคุยกับคุณพ่อด้วย”

“จ้า”

**********

ร่างโปร่งพับแขนเสื้อพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะปิดประตูห้อง  ก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อหันมาเห็นใครบางคนนั่งจิบกาแฟพร้อมเจ้าของบ้าน

“อ้าว  คุณศักดิ์  ทำไม?”

“สวัสดีครับคุณคีย์  พอดีคุณสิงห์ส่งคนไปรับจากฝั่งโน้นครับ  บอกว่าวันนี้จะเข้าไปที่อำเภอพร้อมกันเลยชวนมาดื่มกาแฟก่อน”

“เข้าอำเภอ?   ใครจะไปกับเรานะครับ?”  คีตกาลถาม  เขายังไม่ยอมนั่งบนเก้าอี้แข็งๆเพราะยังเจ็บก้นไม่หาย  เมื่อสายใจเห็นดังนั้นก็วิ่งไปหยิบเบาะรองนั่งมาให้  เกียรติศักดิ์มองคนที่หย่อนก้นลงบนเบาะนั่งแล้วก็ให้แปลกใจ

“ก็มีคุณคีย์  ผมแล้วก็คุณสิงห์ไงครับ”

“นายจะไปทำไมไม่ทราบ!”  คราวนี้น้ำเสียงตวัดห้วนแตกต่างกันลิบลับทำเอาเจ้าของบ้านถึงกับหน้าตึง

“เผอิญเป็นหุ้นส่วน”      โว้ย!  เขาลืมไปได้ไงว่ารีสอร์ทนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว  แต่เดี๋ยวนะ....

“อ้อ  หุ้นส่วน...แต่ไหงมีแต่ฉันที่ไปดูงานอยู่คนเดียวมาสองอาทิตย์แล้วน่ะ  ห้ะ!”  หนอย  ให้เขาตากแดดตากลมจนไม่สบายไปแล้วหลายรอบ  ตัวเองไปอยู่ฟาร์มบ้าง  อยู่บ้านบ้าง  นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ!

“อ้าว  แล้วก็ไม่บอกว่าให้ไปด้วย  อยากตัวติดกันก็ไม่บอกแต่แรก   งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เริ่มเลยละกัน”

“ไม่ได้หมายความแบบนั้นโว้ย!”

“ไม่เอาน่า  ไม่ต้องเขินหรอก”  เสียงทุ้มเอ่ยหยอกเย้า

“ไม่ได้เขินแล้วก็ไม่ได้อยากตัวติดกับนายด้วย!  ที่พูดเนี่ยเพราะฉันกำลังโดนเอาเปรียบอยู่ต่างหาก!”

“ฮื่อ  ฉันเอา....เปรียบนายตอนไหน”  สีหราชจงใจทิ้งช่วงคำให้ห่างจนคนฟังถึงกับลุกพรวดอย่างโมโห  จะพูดสองแง่สามง่ามให้คนอื่นเข้าใจผิดอะไรนักหนานะ!

“ไอ้!  พูดจาให้มันดีหน่อยได้ไหม?”   คีตกาลหน้าแดง  เกียรติศักดิ์ที่มองคนโน้นทีคนนี้ทีถึงกับยิ้มแหยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คีตกาลเกือบชกปากเมื่อจบประโยค

“คุณคีย์กับคุณสิงห์คบกันอยู่เหรอครับ?”

“ไม่ใช่!”

“ไม่รู้ซิ”     สีหราชยกยิ้มมุมปาก  ซึ่ง....คีตกาลดูยังไงมันก็ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน!

ดีว่าคนที่อาสาขับรถเป็นสีหราช  เขาจึงไม่ว่างมาทะเลาะกับคีตกาลต่อบนรถ  ไม่อย่างนั้นคงไปไม่ถึงไหนหรืออาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระเด็นตกรถไปเสียก่อน

“พรุ่งนี้ยังต้องเข้าไปที่ตัวจังหวัดอีกเหรอเนี่ย?”  คีตกาลโอดเสียงอ่อย  การจัดการทางส่วนราชการเล่นเอาชายหนุ่มหงุดหงิดหนัก  ไหนจะต้องรอไหนจะเอกสาร  นี่ขนาดว่ามารดาเขาเตรียมมาให้แล้วยังขาดไปอีกอย่างสองอย่างให้ต้องกลับมากันอีกรอบ

“แล้ววันมะรืนก็ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ด้วย”  สีหราชเปรยขณะเลี้ยวรถไปจอดยังร้านอาหารในตัวเมือง   ไม่รอถามความคิดเห็นของใครเขาก็เอ่ยว่ากินข้าวร้านนี้แล้วเดินดุ่มนำเข้าร้านไปเลย   คีตกาลไม่ทันตอบโต้   ร่างโปร่งเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปแล้วเลื่อนเก้าอี้

“คุณคีย์นั่งฝั่งนั้นเถอะครับ”  เกียรติศักดิ์คว้าเก้าอี้ที่คีตกาลจับเอาไว้

“ฮื่อ!”

“ผมถนัดซ้าย  ตัวโตอีกต่างหาก  นั่งฝั่งเดียวกับคุณสิงห์ประเดี๋ยวแขนจะชนกันเสียให้กินข้าวลำบากเปล่าๆ”   สุดท้ายคีตกาลเลยต้องนั่งข้างสีหราชอย่างช่วยไม่ได้

“ต้องติดต่อกรมป่าไม้ด้วยหรือ?”  ร่างโปร่งหันถามคนข้างตัว  หยิบเมนูอาหารขึ้นมองพลางรอฟังคำตอบ

“ใช่  เขาต้องเข้ามาดูว่าเราจะทำรีสอร์ทแบบไหน  รุกรานเข้าเขตป่าสงวนหรือเปล่า  ถ้ามีเครื่องเล่นแล้วเรามีมาตรฐานการป้องกันอะไรยังไงด้วย”  สีหราชชี้เมนูอาหารให้พนักงานที่รอจดรายการไปสองสามอย่าง

“ยุ่งยากจัง”  เสียงใสบ่นเบาๆกระนั้นคนนั่งข้างก็ยังได้ยิน

“เป็นธรรมดานั่นแหละ  ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกนะ  ยิ่งงานใหญ่แบบนี้ยิ่งเรื่องเยอะหน่อย”

“รู้หรอกน่า!”

“เหรอ~~  เห็นบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่นี่”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นแยกเขี้ยวใส่คนตัวโตกว่าอย่างหงุดหงิด  ขณะที่สีหราชเอาแต่ยิ้มกว้างอย่างเดียว  หนำซ้ำยังเถียงโต้กลับไปทุกครั้งที่คีตกาลเอ่ยประโยค  ไม่ว่าจะร้านแคบไปหน่อย  โต๊ะเล็กไปนิด  หรือพัดลมไม่เย็น  สีหราชก็สรรหาคำมาโต้กลับได้ทุกคำบ่นที่คีตกาลสรรหามาเช่นกัน  เกียรติศักดิ์มองสองหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วถอนหายใจ  ตอนแรกกะว่าจะจีบคุณคีย์เสียหน่อย  แต่แห้วมาตั้งแต่คุณยุวดีโทร.มาเมื่อวานแล้ว
‘คุณศักดิ์อย่าเอ็ดไปนะคะ  สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันค่ะ  แม่ปวดหัวเวลาสองคนนี้งอนกันจริงๆ  ยังไงฝากคุณศักดิ์ดูๆให้หน่อยนะคะ  ตาคีย์อารมณ์ร้อน  ประเดี๋ยวตาสิงห์จะเอาไม่อยู่’   เมื่อเช้าเขาอยากมั่นใจว่าอกหักทั้งที่ยังไม่เริ่มจริงๆหรือเปล่า  เลยลองเอ่ยปากถามไปว่าสองคนนั้นคบกันอยู่หรือเปล่า   เฮ่อ~~
แล้วนี่คุณสิงห์เอาคุณคีย์ไม่อยู่ตรงไหน   ตั้งแต่เช้ามาเขาเห็นคุณคีย์เถียงคุณสิงห์ไม่ชนะสักที   จนกระทั่งอาหารมาวางตรงหน้า  ร่างโปร่งยังขมวดคิ้วใส่เลย

“ทอดมันปลา   หลนเต้าเจี้ยว  ใครสั่งอ่ะ?”  คีตกาลถาม  เขาเงยหน้ามองเกียรติศักดิ์นึกว่าเขาสั่ง  นี่มันของชอบเขาทั้งนั้น!

“กินๆไปเถอะ  หิวจะแย่แล้ว”  สีหราชว่า  ทั้งๆอย่างนั้นกลับตักอาหารใส่จานของคนข้างตัวไม่ใช่จานของตัวเอง

“หิวก็กินไปซิ  แล้วมาตักใส่จานฉันทำไมเนี่ย?”  เกียรติศักดิ์ยกมือขึ้นนวดขมับ  นี่แค่ครึ่งวันนะ  ทำไมเขาถึงรู้สึกปวดหัวแบบนี้ล่ะ?   จู่ๆเขาก็นึกถึงคำคุณยุวดีขึ้นมา ใช่เลยครับ  ผมเองก็ปวดหัวเหมือนกัน!

***********
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่2 [16 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 29-05-2015 17:28:34

“คุณคีย์  คุณคีย์เล่นกีต้าร์เป็นไหมคะ?”  จู่ๆเด็กสายใจก็เข้ามานั่งแอบข้างเก้าอี้แล้วกระซิบถามขณะที่คีตกาลกำลังนั่งจดรายกายสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้และกำหนดอัตราพนักงาน  ตำแหน่งงานต่างๆที่ต้องจัดจ้างหลังทำรีสอร์ทเสร็จ   เขาเลิกคิ้วมองเด็กสาวที่หันซ้ายหันขวาราวกับหลบใครมาก็ให้นึกขำ

“ทำไมหรือ?”

“คุณคีย์เล่นเป็นหรือเปล่า?”  สายใจถามย้ำ

“เป็น  แล้วยังไง  เราอยากฟังหรือไง  แต่ฉันไม่มีกีต้าร์หรอกนะ”  คีตกาลหัวเราะขันกับท่าทางตาโตเป็นประกายของเด็กสาว

“แต่หนูมี”  แล้วสายใจก็วิ่งปรู๊ดเข้าไปในบ้านไม่รอให้เขาทักท้วงสักนิด  ก่อนจะออกมาพร้อมกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่ง

“สายใจไปเอาของใครเขามาน่ะ?”  ชายหนุ่มรับเอากีต้าร์ที่เด็กสาวส่งให้มาสำรวจ  กีต้าร์ตัวนี้กลางเก่ากลางใหม่หากสายยังคงตึงดีอยู่  เขาค่อยหมุนปรับสายบางสายแล้วลองดีดเบาๆ

“ของคุณสิงห์ค่ะ”

“?”  นิ้วเรียวชะงักนิ่ง  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้ววางกีต้าร์ในมือลง  “ไปเอาของเขามาได้ยังไง  สายใจนี่ชักจะเหลวไหลใหญ่แล้วนะ!”  คีตกาลเอ็ดเด็กสาวเสียงขุ่น  หากเจ้าหล่อนกลับยิ้มกว้าง

“โธ่  คุณคีย์ขา  กีต้าร์ตัวนี้คุณสิงห์ไม่ได้แตะมาเป็นปีแล้วค่ะ  อีกอย่างถ้ามันไม่ได้ใช้เลยจะน่าสงสารเอานะคะ”

“มันก็ไม่ควร  มันมีเจ้าของจะหยิบมาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”   ชายหนุ่มยังดุไม่เลิก  แต่สายใจคว้ากีต้าร์ขึ้นมาส่งให้ร่างโปร่งอีกครั้ง

“คุณสิงห์ไม่ว่าหรอกค่ะหนูขออนุญาตแล้ว”

“......”

“นะคะคุณคีย์  เล่นให้หนูฟังหน่อย  คุณสิงห์น่ะไม่เคยเล่นให้ได้ยินสักที”  สายใจทำหน้ามุ่ยพลางเขย่าขาคีตกาลอย่างออดอ้อน

“...แค่เพลงเดียวนะ”   สายใจพยักหน้า   คีตกาลขยับปลายนิ้วทดสอบและตั้งสายสายอยู่สามสี่ครั้ง  ก่อนจะเริ่มดีด...

Please don’t see just a boy caught up in dreams and fantasies
Please see me reaching out for someone I can’t see
.
.
.
I thought I saw you out there crying
I thought I heard  you call my name
I thought I heard  you out there crying
Just the same
.
.
เสียงทุ้มนุ่มคลอเคล้าเสียงหวานเศร้าจากกีต้าร์โปร่งแผ่วเบา  เจ้าของแขนขาวกอดกีต้าร์สีน้ำตาลไว้  รอยสักบนแขนขยับไหวตามการเคลื่อนไปของท่วงทำนอง   สายใจนั่งฟังด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน  เจ้าหล่อนไม่เข้าใจความหมายเพลงที่คีตกาลร้อง  หากสีหน้าละมุน  ริมฝีปากสีสด  เปลือกตาที่พริ้มรวมทั้งเสียงนุ่มไพเราะที่เปล่งออกมาก็ทำเอาเธอแทบลอยไม่ติดพื้น  จนเมื่อจบเพลงเจ้าหล่อนก็ยังเคลิ้มไม่หยุด

“คุณคีย์ร้องเพลงเพ้าะเพราะค่ะ   ถึงหนูจะฟังไม่รู้เรื่องก็เถอะ”

“เอ้า  ซะงั้น”  คีตกาลหัวเราะ

“เพลงของใครหรือคะ?”

“บอกไปเราจะรู้จักหรือ?”

“ฮื่อ!”

“Maroon5”

“มะรุมไฝว้?”

“วุ้ย  บอกไปก็ไม่รู้จักหรอก”  คีตกาลหัวเราะ  ดูเอาเถอะสายใจมาเปลี่ยนชื่อนักร้องในดวงใจเขาเฉยเลย

“หนูรู้จักแต่ Bodyslam อ่ะ  แหะ แหะ”   คีตกาลส่ายหัวเมื่อได้ฟัง     “แล้วเพลงไทยคุณคีย์ร้องได้ไหมคะ?”

“ไหนว่าเพลงเดียว”

“อีกเพลงเถอะนะคะ   นะคะคุณคีย์  คุณคีย์ร้องเพลงเพราะขนาดนี้จะให้ร้องเพลงเดียวได้ยังไงกัน?”  สายใจยิ้มกว้างอย่างเอาใจ  เยินยอเสียจนชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจโดยไม่เห็นว่าสายใจแอบขยิบตาให้ใครอีกคนที่มายืนแอบฟังตั้งแต่แรก  เจ้าของร่างสูงกออกมองนักร้องจำเป็นแล้วยกยิ้ม  นึกถึงเมื่อคราวตอนเจ้าตัวร้องเพลงของวงโปรดแล้วไปถอดเสื้อเต้นท่าทางเซ็กซี่ครั้งเมื่อประกวดดาว- เดือนมหา’ลัย  เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากทั้งสาวๆหนุ่มๆไปทั่ว

“อีกเพลงเดียวแล้วไปนอนนะพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำธุระที่ตัวจังหวัดตั้งแต่เช้า” สายใจพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังจนคีตกาลหัวเราะขำอีกรอบ


   ใบไม้มันยังผลัดใบ     เปลี่ยนผันตามฤดูกาล
แต่ชีวิตยังไม่เปลี่ยนไป    ยังเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น
เข็มของนาฬิกาไม่เคยบอกเวลา
นานแค่ไหนก็เหมือนเดิมเสมอ
ตั้งแต่เราจากกัน  จนในวันนี้ก็มีเพียงเธอ
   
   ยังเก็บรักนั้น อยู่ในหัวใจ     เธอจะรู้ไหม ฉันยังคงพร่ำเพ้อ
หลับตาทุกครั้ง  ก็ยังเห็นเพียงแต่เธอ
ฉันยังคิดถึงเธอเสมอ  ไม่เคยลบเลือน
   
   อยากรู้เธอเป็นอย่างไร   จากครั้งที่เราแยกทาง
อธิฐานไปอย่างเลื่อนลอย  ก็อยากพบเธออีกครั้ง
.
.

“......”   เขาไล่ให้สายใจไปนอน  บอกว่าเขาจะเอากีต้าร์ไปเก็บเองแล้วก็ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น  กีต้าร์ตัวนี้เขาจำได้  ดังนั้นเมื่อครู่ตอนที่รับมันมาจากมือของสายใจเขาจึงรู้สึกแปลกแปร่ง  กีต้าร์ตัวนี้เคยเป็นของเขามาก่อน.... ไม่มีใครรู้เว้นเสียแต่คนที่ครอบครองปัจจุบัน
   
“ลืมถามเลยแฮะว่าเอาเก็บไว้ที่ไหน”  ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบิดเอวไล่ความเมื่อยขบ  พลางถอนหายใจขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวให้หมดไป  สุดท้ายเพราะไม่รู้ว่าตำแหน่งเดิมของกีต้าร์ตัวนี้อยู่ที่ไหนคีตกาลเลยเอาเข้าไปเก็บไว้ในห้องตัวเอง
   
ท่ามกลางความมืด  เขานอนมองกีต้าร์ตัวนั้นแล้วนึกถึงคำพูดของสายใจขึ้นมา   สายใจไม่เคยได้ยินเจ้าของปัจจุบันเล่นกีต้าร์ตัวนี้อย่างนั้นหรือ?
   สี่ปี?
อาจจะลืมไปแล้วละมั้งว่ามีกีต้าร์ตัวนี้อยู่ในบ้าน...


**********

“เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูที่อาทิตย์หน้านะครับ”   ร่างโปร่งพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบ  สุดท้ายเรื่องเอกสารก็ไม่เสร็จภายในอาทิตย์นี้อย่างที่ตั้งใจ   ตลอดวันคีตกาลพูดกับคนข้างๆแทบนับคำได้  ไม่ใช่ว่าเกิดทะเลาะกันหรืออะไร  หากเพียงแต่ตะกอนขุ่นมันถูกกวนตั้งแต่เมื่อคืนจนทำเอานอนไม่หลับและเช้านี้เขาไม่รู้สึกสดชื่นอย่างที่ควรจะเป็น

“หายเจ็บก้นหรือยัง?”  จู่ๆคนตัวสูงกว่าก็เอ่ยถามขณะก้าวลงจากรถ

“ก็ดีขึ้นแล้ว  ทำไม?”

“พร้อมจะฝึกขี้ม้าต่อไหม?”   คีตกาลพยักหน้ารับ  พลางนึกสงสัย   หรือที่สองสามวันนี้มานี้เขาไม่ถูกบังคับให้ขี่ม้าต่อเพราะฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาเจ็บก้นก็เลยพัก...โดยการให้จัดการเรื่องเอกสาร?    เขาสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเดินเข้าไปหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมพร้อมหมวกคาวบอยที่เพิ่งซื้อจากในตัวเมืองเมื่อวานก่อน

“เดี๋ยว   อย่าเพิ่งไป”  มือใหญ่คว้าต้นแขนเขาไว้แล้วร้องเรียกหาสายใจ

“?”

“ซื้อโกเต๊กให้คุณคีย์หรือยัง?”

“เฮ้ย! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง  แล้วไอ้โกเต๊กเนี่ย....”   ใบหน้าใสแดงเรื่อทั้งโมโหทั้งอาย  ยิ่งคนหน้าเข้มมาตีคิ้วขมวดใส่ยิ่งทำให้เขาอยากต่อยนัก

“อยากก้นแตกอีกหรือไง?”

“?”

“ที่ให้เอาโกเต๊กมาใส่เนี่ยเพราะก้นจะได้ไม่แตก”

“หมายถึง...ใส่โกเต็กตอนขี่ม้าเพื่อป้องกันก้นแตก?”   สีหราชพยักหน้ารับ   “แล้ว....นายใส่ไหมตอนฝึก?”

“...อะแฮ่ม”  ร่างสูงพยักหน้าอีกรอบ  หากคราวนี้ไม่สบตาคนถาม   คนจ้องอยู่ถึงกับยิ้มกว้างอย่างชอบใจ

“งั้นเหรอๆ  นายเองก็เคยใส่ซินะ?”  คีตกาลพยักหน้าหงึกหงักแล้วหัวเราะแผ่ว

“ไปใส่ได้แล้ว   ให้สายใจสอน!”  สีหราชกระแอมไอเสียงเข้มแล้วรุนหลังให้ร่างโปร่งเดินตามสายใจเข้าห้อง  “อ้อ  ใส่ไว้นอกกางเกงในล่ะ  เพราะนายไม่ใช่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเหมือนขนาดนั้น”

“ไอ้บ้าเอ้ย!”  คีตกาลยกแขนขึ้นสูงเตรียมจะขว้างโกเต๊กใส่คนปากเสีย  ติดเสียว่าสายใจรั้งแขนเขาเข้าห้องไปเสียก่อน




“....ให้ฉันขี่เองคนเดียวได้แล้วมั้ง?”

“ไม่”

“นายกวนตีนฉันอยู่เหรอ?”  คนด้านหน้าเอ่ยถาม  เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนด้านหลังกระชับแขนรั้งสายบังเหียนบังคับให้เจ้า Music เริ่มเดิน  แล้วกระตุกอีกครั้งเบาๆให้มันวิ่งเหยาะๆ

“กวนที่ไหน  กำลังสอนขี่ม้าอยู่นี่”

“.....”  อยากจะด่าแต่ก็กลัวคนด้านหลังจะแกล้งเอาคืน  สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลยให้คนอยากสอนแบบไหนก็ทำไปอย่างที่ตั้งใจแล้วกัน



ในที่สุด!  ในที่สุดเขาก็ขี่ม้าเองได้เสียทีถึงแม้จะยังไม่สามารถควบวิ่งห้อตะบึงได้เต็มที่   เพียงแค่วิ่งเหยาะๆก็พอแล้ว! จะได้ไม่ต้องโดนซ้อนหลังมาสอนให้หวาดเสียวเล่นอีก   คีตกาลดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกสายใจว่าเขาต้องไปรีสอร์ทเพราะนัดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไว้ถ้าหากสีหราชกลับจากฟาร์มเมื่อไหร่ให้ตามไปทันที

“สวัสดีครับ  คุณคีตกาลหรือเปล่า?”   ร่างโปร่งหันไปมองผู้มาเยือนก่อนจะยกยิ้ม

“สวัสดีครับ  ผมคีตกาล”

“ผมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่แจ้งไว้ว่าจะเข้ามาครับ   ชื่ออดิศร”   คีตกาลมองคนตรงหน้า  ฝ่ายนั้นคงจะสูงเท่ากันกับเขา  หากผิวเข้มอย่างคนทำงานกลางแดด  ใบหน้าจัดว่าดูดีมากทีเดียว   “จากเอกสารที่แจ้งไว้  ขอบเขตพื้นที่.....”

คีตกาลเดินนำอีกฝ่ายสำรวจพร้อมอธิบายว่าตรงไหนทำอะไรบ้าง  มีการตัดโค่นต้นไม้ตรงไหนและมีแนวโน้มจะตัดเพิ่มมากแค่ไหน  อดิศรพยักหน้ารับแล้วจดลองสมุดบันทึก  จนบ่ายคล้อยก็ยังไม่เห็นทีท่าสีหราชจะตามมาคีตกาลก็ยิ่งขมวดคิ้วเพราะยังมีบางจุดที่จะต้องปรึกษาฝ่ายนั้นว่าจะมีทำอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่

“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ  พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาใหม่ก็แล้วกัน”

“เกรงใจจังครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมเต็มใจ อ้อ ผมขอเบอร์ติดต่อคุณคีย์เอาไว้ได้ไหมครับ  เพราะพรุ่งนี้ผมอาจเข้ามาไม่ตรงเวลามากนักยังไงจะได้โทร.มาบอกคุณคีย์ก่อน”

อดิศรกลับไปแล้วคีตกาลจึงตรงดิ่งกลับเรือนด้วยความโมโห  เพราะสีหราชไม่ยอมโผล่หน้าไปช่วยเขาอย่างที่รับปากเอาไว้  พอเห็นว่าร่างสูงลงมาจากรถเขาก็ปรี่เข้าไปกระชากไหล่หนาให้หันมา

“นี่! วันนี้นัดเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาทำไมนายไม่ไป...  ไปโดนอะไรมา?”  ถ้อยคำต่อว่าชะงักค้างไม่จบประโยคเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ  คิ้วเข้มด้านขวามีเลือดซึมเป็นทาง   เมื่อกวาดสายตามองจึงเห็นว่าร่างสูงอยู่ในสภาพมอมแมม  ทั้งฝุ่นทั้งหญ้าเต็มหัวเต็มตัวไปหมด

“ม้าพยศน่ะ”  ชายหนุ่มตอบแล้วยกมือขึ้นจะเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกมา

“อย่า!  มือนายสกปรกเดี๋ยวจะติดเชื้อ  ขึ้นบ้านก่อนไป”

“....”  สีหราชมองหน้าซีดขาวของคนสั่งแล้วยกยิ้มก่อนจะเดินขึ้นเรือนตามคำสั่งแต่โดยดี

“สายใจ!สายใจ! เอากล่องยามาที!”   เด็กสายใจวิ่งเข้ามา  เมื่อเห็นว่าคนเป็นนายเจ็บตัวได้แผลมาก็รีบวิ่งไปเอากล่องยามาทันที  พร้อมทั้งกะละมังน้ำพร้อมผ้าให้สีหราชเช็ดหน้าเช็ดตา

“......คุณคีย์ไม่ทำแผลให้คุณสิงห์เหรอคะ?”  เด็กสายใจเงยหน้าถามเมื่อเห็นคนสั่งให้เอากล่องยามาเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับสีหราช

“เจ้านายสายใจสายใจก็ทำซิ”   คีตกาลเลิกคิ้วแล้วสังเกตสีหน้าเด็กสาว

“คุณคีย์ขา   สายใจกลัวเลือด  ไม่เอาอ่ะ  หนูทำไม่ได้หรอก”  ยิ่งเมื่อหันไปเห็นว่าเลือดที่ถูกเช็ดไปก่อนหน้าเริ่มไหลซึมมาอีกครั้ง  เด็กสาวก็ส่ายหน้าหวือทำหน้าซีดจะเป็นลม

“แต่...”

“เอาล่ะ  ไม่ต้องเถียงกันเดี๋ยวฉันทำเอง”  สีหราชถอนหายใจ  ชายหนุ่มวางผ้าแล้วเลื่อนกะละมังออกไปก่อนจะหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ขึ้นแตะหางคิ้วตัวเอง  ด้วยเพราะมองไม่เห็นสำลีจึงถูกแปะตรงตำแหน่งที่ไม่ใช่แผล  ร้อนให้คนฝั่งตรงข้ามถอนหายใจแล้วขยับกายมานั่งแหย่งไม้สักตัวเดียวกัน

“เอามานี่  เดี๋ยวสำลีแปะเข้าตาหรอก”  คีตกาลแย่งสำลีออกมาจากมือใหญ่ก่อนจะค่อยๆเช็ดให้อย่างเบามือ

“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกน่า  แผลนิดเดียวเอง”  กลายเป็นคนเจ็บต้องมาปลอบเมื่อคีตกาลยังคงคิ้วขมวดพลางขบริมฝีปากแน่น

“ทำหน้ายังไงไม่ทราบ?”  ร่างโปร่งจ้องคนเจ็บตาขวาง

“ก็ทำหน้าแบบว่าเป็นห่วง  โอ๊ย!”

“ไม่ได้เป็นห่วง แค่สมเพช!”  มือขาวกดสำลีเช็ดแผลแรงๆทำเอาสีหราชสะดุ้งโหยงเผลอร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ

“เหรอ?”

“เออ!  แล้วไปทำโง่อีท่าไหนให้ม้ามันดีดมาล่ะ?”

“ท่านอนมั้ง”  ป้าบ !

“โอ๊ย!”  มือขาวตบป้าบเข้ากลางแผลแบบไม่ออมแรงเล่นเอาสีหราชเกือบหน้าหงายเลยทีเดียว

“กวนตีน”  ถึงจะโดนด่าโดนตบกระนั้นสีหราชก็ยังคงหัวเราะแผ่วจนเมื่อร่างโปร่งตวัดสายตาแข็งๆมาให้นั่นแหละเขาจึงกระแอมไอสงบปากสงบคำ  รอให้สายใจเอากล่องยาไปเก็บจึงมองหน้าคนที่ลุกหนีไปยืนกอดอกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

“...พอดีได้ม้ามาใหม่น่ะ  ตอนเอาลงจากรถกระดานที่ใช้รองให้มันเดินเกิดหล่น   มันตกใจก็เลย...”  สีหราชยักไหล่สองข้าง

“แล้วไม่มีคนอื่นเข้าช่วยเลยหรือไง?”

“ก็ช่วยกันหลายคนอยู่  แต่ฉันต้องเป็นคนรับผิดชอบก่อนคนแรก   เป็นเจ้านายเป็นหัวหน้าเขาถ้าไม่ทำเป็นตัวอย่างลูกน้องจะเชื่อฟังได้ยังไงล่ะ  จริงไหม?”

“......”

“เดี๋ยวขอไปอาบน้ำก่อนนะ   นายไปกินข้าวเถอะไป เสร็จก็นอนเลยนะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่”  คีตกาลไม่ได้หันไปมองคนพูด  จนเมื่อมีสัมผัสบางอย่างบนศีรษะนั่นแหละ

“......”   สีหราชเข้าห้องไปแล้วหากร่างโปร่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ  มือขาวยกขึ้นจับศีรษะตัวเอง     เมื่อครู่สีหราชยีหัวเขาอย่างนั้นหรือ?   ทำไม?
   
“คุณคีย์ขา  คุณคีย์”

   “หืม  ว่ายังไง?”
   
“คุณคีย์เอายาไปทาให้คุณสิงห์หน่อยได้ไหมคะ?  โดนม้าฟัดมาขนาดนั้นคงช้ำทั้งตัว”
   
“เฮ้ย!ไม่เอา”
   
“แต่ว่า...”
   
“สายใจก็ไปทำเองซิ  เจ้านายสายใจนะ  มาใช้ฉันทำไม  อีกอย่างไม่มีเลือดแล้วสายใจคงไม่เป็นลมหรอก”
   
“แต่หนูเป็นผู้หญิงนะ  เป็นสาวด้วย”
   
“.....”
   
“สวยด้วย....”
   
“ไอ้ประโยคท้ายนี่มันอะไรกัน”   คีตกาลหลุดขำเมื่อเด็กสาวม้วนผมตัวเองพลางทำท่าเขินอาย
   
“คุณคีย์จะบอกว่าหนูไม่สวยเหรอคะ?”
   
“เปล่าๆ  สวยจ้า  สายใจสวยอยู่แล้ว”  คีตกาลยกยิ้มแกล้งทำตาเจ้าชู้ใส่
   
“คุณคีย์ล่ะก็...  ถ้าอย่างนั้นคุณคีย์เข้าไปทายาให้คุณสิงห์นะคะ”
   
“ไหงวกกลับเข้ามาเรื่องนี้ล่ะเนี่ย   แล้วทุกทีใครทำให้อ่ะเวลาเกิดอะไรแบบนี้”  คิ้วเรียวขมวดกันอย่างนึกสงสัย
   
“แม่ค่ะ  แม่ของสายใจแต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่เพราะไปเยี่ยมน้าที่ใต้โน่น”
   
“แต่...”
   
“นะ นะ นะคุณคีย์  ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้คุณสิงห์ลุกไม่ไหวแน่ๆค่ะ”   สุดท้ายนอกจากยานวดยังมียากินคลายกล้ามเนื้อยัดใส่มือมาด้วย


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก
   
“เข้ามา”   คนเอ่ยปากอนุญาตสวมกางเกงนอนเพียงตัวเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จซ้ำยังไม่หันมามองอีกว่าใครเดินเข้ามา
   
“นี่ถ้าสายใจเดินเข้ามาเห็นคงกรี๊ดลั่นบ้าน”
   
“คีตกาล!”
   

“คนอื่นมั้ง  จะตกใจอะไรนักหนา?”


   “ก็....”

   “มานั่งนี่”  ร่างโปร่งชี้ไปยังเตียงนอน  เจ้าของห้องเลิกคิ้วสงสัยไม่ยอมทำตาม  “ฉันไม่ปล้ำนายหรอกน่า!”   คีตกาลแยกเขี้ยวใส่เมื่อร่างสูงทำท่าทางกลัวเขาเสียเหลือเกินจนน่าหมั่นไส้

   “อ้าว เหรอ?  น่าเสียดายจัง”  สีหราชยกยิ้มกว้างก่อนจะเดินมานั่งปลายเตียงหันหลังให้ตามคำสั่ง

   “......ทำไมไม่พูดคำนี้ตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ?”  ถามพลางบีบยาลงบนฝ่ามือแล้วนวดลาดไหล่แกร่ง

   “......”

   “ทำตอนนี้ซะเลยดีไหม?  ประสบการณ์ฉันก็เยอะพอใช้ได้อยู่นะ”

   “พูดจริงเหรอ?”

   “!”  คีตกาลชะงักเมื่อมือแกร่งแตะทาบทับลงบนมือขาวที่กำลังนวดไหล่อยู่

   “พูดจริงหรือเปล่า?”

   “อะไร?”   คีตกาลพยายามดึงมือกลับหากอีกฝ่ายก็จับไว้แน่น   บีบกระชับจนเจ็บ  หัวใจเต้นแรงเสียจนได้ยินเสียง

   “เรื่องมีประสบการณ์เยอะ”

   “...ฮึ ใช่”  คีตกาลพ่นลมหายใจ  ไม่รู้ว่าความรู้สึกเมื่อครู่คืออะไรไอ้ที่ใจเต้นแรงเมื่อครู่พลันเจ็บแปลบขึ้นมา

   “.......”   มือแกร่งปล่อยให้คนด้านหลังเป็นอิสระก่อนจะนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

   “กินยานี่ด้วยแล้วกัน  สายใจบอกว่าเป็นยาคลายกล้ามเนื้อ”  ร่างโปร่งโยนซองยาใส่ตักอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   “........”
   










โปรดติดตามตอนต่อไป

เช่นเคย  อ่านให้สนุกนะคะ  ติ-ชมกันได้ค่ะ






คำถามท้ายช่วง
สายใจ - คุณสิงห์  คุณสิงห์เคยใส่โกเต๊กจริงเหรอคะ?
สีหราช – (คิ้วเข้มกระตุก  พลางกอดอกตีสีหน้านิ่ง) เคยที่ไหน
สายใจ – อ้าว  ก็ที่บอกคุณคีย์...
สีหราช – ฉันโกหกไปอย่างนั้นแหละ  ขืนถ้าคุณคีย์ของสายใจรู้ว่าตัวเองใส่อยู่คนเดียวก็จะไม่ยอมใส่น่ะซิ  ต้องมีคนเคยหน้าม้านอับอายมาก่อนอย่างเท่าเทียมกันเท่านั้นแหละถึงจะยอมทำ  (ว่าแล้วก็ถอนหายใจกับนิสัยของอีกคน)














เผื่อใครอยากฟังน้องเพลงร้อง lost star นะคะ ^^

https://youtu.be/cL4uhaQ58Rk


หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-05-2015 17:59:03
กำลังจะถามพอดีว่าเมืองไทยเรียนขี่ม้าต้องใส่ผ้าอนามัยด้วยหรือ?  ไม่เห็นลูกเราตอนไปเรียนต้องใส่เลย

ท่าทางสิงห์ยังไม่ได้แอ้มเพลงสินะ  พอมาได้ยินว่าอีกฝ่ายเชี่ยวถึงได้เงียบไป
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 29-05-2015 18:07:41
เพลงตั๊ลล๊าคคคคคคคคคคคค ถึงเพลงจะง้องแง้งใส่สิงห์แต่เพลงก็น่ารักอ่ะ สิงห์นี่ก็ทันเพลงไปซะทุกเรื่องเลยนะ ไงๆเพลงก็เถียงไม่ชนะอ่ะ
ก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดีว่าเลิกกันเพราะไร แต่ดูแล้วทั้งสองคนมีเยื่อใยเส้นโตๆต่อกันแน่นอน อะไรที่ไม่พูดแต่ตอนนั้นน้าอยากรู้ชิงๆ

สนุกๆๆๆๆ มาต่ออีกเร็วๆน้าาาาาา :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 29-05-2015 18:09:56
น่ารักอ่ะะะะะะะะะ   พ่อแง่แม่งอนดีจุง
อยากรู้เรื่องราวในอดีต ทำไมเพลงถึงเลิกกะสิง
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-05-2015 19:06:37
อานม้าแข็งอ่ะดิ เลยก้นแตก
ส่วนมากถลอกที่ขาหนีบอีกอย่าง

แต่ขี่ม้านี่ดีนะ เอวพริ้ว เอวคอด มาพร้อมกล้ามท้องด้วย อิอิ


เรื่องนี้สนุกมากเลยค่า อ่านรวดเดียว 3 ตอนเลย
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 29-05-2015 19:11:53
รอต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 30-05-2015 00:05:40
รออ่านต่อ ฟินนนน เพลงน่ารัก
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 31-05-2015 02:06:32
เรื่องนี้สนุกกก รอต่อนะ
อยากรู้มากเลยว่าทำไมถึงเลิกกัน
เพราะทั้งคู่ยังรักกันอยู่แน่นอน
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 31-05-2015 15:53:55
สายใจ กับคุณแม่ จิ้นไปถึงไหนต่อไหนจ้ะ จิ้นเก่งกันอย่างนี้ มาเข้าสมาคมสาววายเร็ว ๆ เข้า 555
ยิ่งคุณแม่เนี่ย โหย ถูกใจมากเลยค่ะ  o13 พูดกันท่าคุณศักดิ์ไว้ให้เรียบร้อยเชียว
ดีใจกับสิงห์จริง ๆ ที่ได้เป็น(ว่าที่)ลูกเขยคนโปรดของคุณแม่ ถ้าเพลงรู้ จะเป็นยังไงเนี่ย ฮาาาา
เพลงก็ยังคงดื้อแสนดื้อเหมือนเดิม แต่ก็ทำพี่สิงห์อารมณ์ดี๊ดีอ่ะนะ เอาเพลงซะอยู่หมัดจริง ๆ
แต่ตอนสุดท้าย ก็เข้าสู่อารมณ์หม่นอีกจนได้อ่ะนะ เหมือนต่างฝ่ายต่างน้อยใจในคำพูดอีกฝ่าย
แล้วก็แยกกันไป ไม่ยอมพูดกันให้เข้าใจ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ครั้งนั้นต้องเลิกกันก็ได้
แต่ยังไง ก็ยังรักกันอยู่แล้ว ยังต้องใช้เวลาจูนกันต่อไปอ่ะนะ ทิฐิแรงทั้งคู่ซะขนาดนี้
ตัวละครใหม่ที่น่าสนใจตอนนี้คือ คุณอดิศร มีแววว่าจะมาตกหลุ่มเสน่ห์น้องเพลงหรือเปล่าน้า
แหม่ แต่ถ้ามาปิ๊งพี่สิงห์คงจะดี อยากรู้ว่าเพลง จะอาการออกขนาดไหนน้อ

ชอบเด็กสายใจจริง ๆ หนึ่งในตัวละครสำคัญของเรื่องเลยนะเนี่ย น่ารักมาก
ชอบคำถามท้ายเรื่องของสายใจ ทั้งฮาทั้งน่ารัก เคลียร์คำตอบให้คนอ่านด้วย ดีจัง
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ จ้า ขอบคุณคนเขียนนะจ้ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-06-2015 11:31:02
ชอบสายใจ น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 02-06-2015 13:55:35
รออ่านต่อ เพลงเหมือนผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนมาก 55555 สงสัยขาดแคลเซี่ยม
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 03-06-2015 15:06:30
น่าจะ มีใครบังคับให้สิงห์เลิกกับเพลง แล้วสิงห์ก็ไม่บอกเหตุผลกับเพลง แน่ๆ (มโนไปงั้น)
อยากให้สิงห์เห็นตอนที เพลงทำตัวเพลย์บอย ท่าทางจะหึงโหด แต่อ๊ะๆ เลิกกันไปแล้ว หึงไม่ได้นะ พี่แกคงอกแตกตาย
เรื่องหลอกให้ใส่โกเต๊กฝึกขี่ม้า สิงห์เล่นแรง หยามกันไปหน่อยนะคะ แม้จะกวนประสาทก็เหอะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 03-06-2015 20:17:49
สายใจน่ารักอะ 5555
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 03-06-2015 21:23:17
คีย์เหมือนแมวชอบขู่ฟ่อๆเลย น่ารักที่ซู๊ดดดด   :m3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 03-06-2015 22:02:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-06-2015 08:24:35
อีกคนก็ขี้โวยวายแต่ก็น่ารัก
อีกคนก็ช่างแกล้งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 04-06-2015 17:07:50
สนุกๆๆๆๆๆรอจร้าาาาา
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-06-2015 06:47:59
สนุกค่า รอๆ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 05-06-2015 07:55:26
สนุกมากๆ รอติดตามตอนต่อไปอยู่น้า :katai4:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-06-2015 08:55:24
สายใจน่าร๊ากกกก~ :m3: สนุกมากๆ เลยจ้า ^^ อยากรู้แล้วสิคะเนี่ยว่าเพลงกับสิงห์เลิกกันเพราะอะไร แต่หวังว่าคงไม่ใช่ฝีมือของคุณพ่อหรอกน้าา~
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mek_it ที่ 05-06-2015 14:23:12
สนุกดี ลุ้นๆ / ตามอ่านจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-06-2015 15:20:10
โอ่วภาษายอดเยี่ยม พล็อตลื่นไหลน่าติดตาม
อยากอ่านจะแย่แว้ว
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 08-06-2015 00:23:28
รีบมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 11-06-2015 12:20:29
มารอจ้าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่3 หน้า2 [29 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 11-06-2015 20:49:26
~ แมกไม้  ไอดิน กลิ่นหมอก ~

รักพัดหวน

ตอนที่4










“ตื่นแล้วหรือคะ?”
   
“อื้อ”

   “คุณสิงห์คะ  เดี๋ยวเย็นนี้หนูไม่อยู่นะคะจะไปรับแม่ที่กรุงเทพฯ”   สีหราชพยักหน้ารับรู้พลางกวาดสายตามองไปรอบเรือน

   “สายใจ  คุณคีย์ล่ะ?”

   “ออกไปที่รีสอร์ทแล้วค่ะ”   สายใจหันมาตอบคนเป็นนายพลางยกชามข้าวต้มมาวางไว้ให้

   “แล้วทานข้าวเช้าหรือเปล่า?”

   “เรียบร้อยค่ะ  สายใจจัดให้ตามคำสั่งคุณสิงห์เลยค่ะ”  สีหราชพยักหน้ารับ

   “คุณคีย์บอกว่าวันนี้คุณสิงห์ไม่ต้องตามไปที่รีสอร์ทก็ได้  เดี๋ยวจะคุยกับทางเจ้าหน้าที่เอง  ให้คุณสิงห์พักผ่อนอยู่บ้านค่ะ”   สายใจรายงานเพิ่มเติม   ร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง

   “แล้วนี่ไปยังไง?”

   “ขี่เจ้า music ไปค่ะ”

   “?”  สุดท้ายสีหราชก็ต้องตามไปอยู่ดี  เขาให้เหตุผลว่าบางทีคีตกาลอาจจะคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องซึ่งเขาไม่ได้เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น








   “แล้วคุณคีย์จะจัดการถางที่ไปถึงขอบเขตไหนครับ?”คีตกาลอธิบายพลางบอกถึงเรื่องเครื่องเล่นทางน้ำที่จะสร้างแล้วถามว่าต้องแจ้งหรือใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติมอีกไหม  อดิศรให้คำปรึกษาเพิ่มแล้วจดบันทึกลงในสมุดของตนเอง

   “พักหน่อยไหมครับ  เหงื่อคุณศรออกเต็มเลย”   คีตกาลชวนอีกฝ่ายเข้าร่มก่อนจะหยิบขวดน้ำส่งให้

   “ขอบคุณครับ”  อดิศรยิ้มกว้าง รับขวดน้ำจากมือขาวแล้วตัดสินใจเอ่ยถาม “เย็นนี้คุณคีย์ว่างไหมครับ?”

   “เอ  ยังไม่แน่ใจเลยครับ  คุณศรมีอะไรหรือเปล่า?”

   “คือผม...”  คีตกาลเลิกคิ้วรอฟัง  หากเมื่อแว่วได้ยินเสียงรถเขาจึงหันไปมองผู้มาใหม่   ร่างโปร่งเบ้หน้าก่อนจะหมุนตัวออกไป   จังหวะที่หมุนตัว  อาจเป็นเพราะดินที่เพิ่งปรับใหม่  หินก้อนเล็กก้อนใหญ่รวมทั้งหลุมๆเล็กก็ทำให้คีตกาลเซหงายหลังทันที  “คุณคีย์!”  อดิศรผวาคว้าแขนขาวไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างตวัดรั้งเอวสอบของคีตกาลอย่างรวดเร็ว

   “....ขอบคุณครับ”  ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าซีดขาว  เมื่อครู่คิดว่าจะล้มหงายหลังหัวฟาดพื้นเสียแล้ว  ตกใจหมดเลย...

   “สวัสดีครับ”  สีหราชก้าวฉับมายังคนทั้งคู่ก่อนเอ่ยแทรกให้อดิศรหันมามองอย่างงงๆว่าผู้มาใหม่เป็นใคร

   “สวัสดีครับ” 

   “ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?”  แม้ใบหน้าเข้มคร้ามจะยกยิ้มหากแววตากลับดุดัน  ซ้ำน้ำเสียงยังแข้งกระด้างจนคนฟังรู้สึก  อดิศรที่เพิ่งรู้ตัวว่าโอบเอวคีตกาลเอาไว้ถึงกลับปล่อยมือแทบไม่ทัน  ถึงแม้ในใจลึกๆจะแอบเสียดายอยู่มากก็ตามที

   “เอ่อ  คุณศร  นี่คุณสีหราชหุ้นส่วนรีสอร์ท”  ทั้งคู่ทำความรู้จักกัน  ท่ามกลางอากาศร้อนคีตกาลรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆ  อดิศรแจ้งถึงขอบเขตการจัดการรอบๆรีสอร์ท   สิ่งที่ต้องทำและแจ้งทางการเพิ่มเติมให้รับทราบ  สีหราชเพียงพยักหน้ารับ

   “คุณสิงห์! คุณสิงห์!”  เสียงร้องเรียกตะโกนอย่างเร่งรีบทั้งๆที่รถมอเตอร์ไซค์เก่าๆยังจอดไม่สนิทดี  ร่างแกร็นๆของชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาหาสีหราชด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

   “มีอะไรลุงปั่น?”

   “ไอ้พวงครับ  ไอ้พวงมันตกรถไถ!”  ร่างสูงผละออกไปยังรถทันที  คีตกาลเมื่อได้ยินก็วิ่งตามมา

   “ฉันไปด้วย!”  ถ้าจำไม่ผิดทั้งลุงปั่นทั้งนายพวงคือคนที่ไปช่วยเขาวันที่รถลงข้างทางนั่น  พอได้ยินว่ามีใครบาดเจ็บเขาจึงรู้สึกตกใจ   ทั้งๆที่บอกแบบนั้นแต่ร่างโปร่งก็ลังเลหันซ้ายหันขวาเพราะเขาขี่เจ้า music มา

   “ถ้าจะไปก็ขึ้นรถ  เดี๋ยวให้ลุงผันมาเอาเจ้า music กลับ”  สีหราชเอ่ยเร่ง  ร่างโปร่งหันไปยังแขกของตนพลางเอ่ยขอตัวแล้วกระโดดขึ้นรถไปกับสีหราช  อดิศรเกาหัวแกรก  ไอ้ที่จะชวนคีตกาลไปทานข้าวในเมืองเห็นทีต้องเลื่อนไปคราวหน้าเสียแล้ว


   “ไปทำอีท่าไหนถึงตกรถลงมา?”  สีหราชถาม  คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นนายพวงซึ่งตอนนี้มีแผลแตกที่ศีรษะเลือดอาบ  อีกทั้งดูเหมือนแขนข้างหนึ่งจะบิดผิดรูปด้วย  “พาไปขึ้นรถ”  เสียงเข้มสั่งให้คนงานคนอื่นๆหิ้วปีกคนเจ็บขึ้นรถ

“มันเห็นนายไม่เข้ามาดูงานวันนี้เลยแอบกินเหล้าครับนาย  พอดีว่าใต้ดินที่รถมันไถนั่นมีไม้ใหญ่ผุอยู่ข้างใต้  ดินมันเลยทรุด”   สีหราชพยักหน้ารับก่อนจะบ่นขรมถึงความสะเพร่าและนิสัยเสียของคนในปกครอง   พร้อมคาดโทษไว้ว่าจะกลับมาจัดการหลังพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลแล้ว   คีตกาลวิ่งตามเข้ามาดู  พอเห็นเลือดเท่านั้นจากหน้าซีดอยู่แต่เดิมก็แทบเป็นลมร้อนให้สีหราชที่หันมาดูรีบคว้าแขนเอาไว้ทันทีเพราะกลัวฝ่ายนั้นจะล้มลงไป

“เลือดออกเยอะจัง”

“รู้ว่าตัวเองแพ้เลือดยังจะวิ่งมาดูอีก”   ร่างสูงเอ่ยดุให้เจ้าของใบหน้าซีดเผือดเงยขึ้นถลึงตามองอย่างไม่เจียมสังขาร

“ก็อยากมาช่วย”

“อยากมาช่วยหรืออยากมาเสือกกันแน่?”

“ไอ้!”   ปากหมา!   อยากจะด่าอยู่หรอกแต่ไม่มีแรง

“ไปนั่งข้างหน้าไป  เดี๋ยวให้คนอื่นช่วยดูนายพวงเอง”  สีหราชรั้งแขนขาวให้เดินไปที่รถก่อนจะจัดแจงให้ร่างโปร่งนั่งข้างคนขับแล้วขับออกไป

แผลแตกที่ศีรษะเย็บไปแปดเข็มกับต้องเข้าเฝือกเพราะแขนหัก  คีตกาลถอนหายใจโล่งอกที่นายพวงไม่ได้เป็นอะไรหนักมากอย่างที่นึกกลัว  แต่คนเป็นเจ้านายชี้หน้าคาดโทษเนื่องจากคราวนี้เจ็บเพราะนายพวงทำตัวเอง  ดังนั้นจึงถูกตัดเงินเดือนไปโดยปริยาย
สีหราชไปส่งนายพวงถึงบ้านพักพร้อมกำชับให้กินยาตามหมอสั่ง  คีตกาลเหลือบมองคนหน้าดุซึ่งเอ่ยด่าคนในปกครองกลบเกลื่อนความเป็นห่วงก็ให้ยกยิ้ม
ฟ้าแล่บแปลบปลาบให้ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองขณะเดินขึ้นเรือน   ช่วงนี้ร้อนจัดสงสัยพายุโซนร้อนจะเข้ากระมัง   เขาแทบไม่ได้ตามข่าวเลยเพราะมัวแต่ยุ่งทุกวัน

“ท่าทางจะมีพายุ  เข้าห้องแล้วปิดหน้าต่างดีๆล่ะ”   สีหราชกำชับ  พลางยกมือขึ้นนวดไหล่ตัวเอง  บิดเอวซ้ายทีขวาที  ถ้าหูไม่ฝาดคีตกาลเหมือนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบด้วย

“เดี๋ยว!”   เขาร้องเรียกเจ้าของบ้านที่กำลังเข้าห้องเอาไว้ก่อนจะเดินไปยังตู้ยาสามัญที่สายใจแบกกล่องยามาเมื่อวานแล้วหยิบซองยามาดูๆ  พยักหน้ากับตัวเองสองสามทีแล้วเดินกลับมาหาร่างสูงซึ่งยืนรอตามคำรั้ง

“?”

“ยาคลายกล้ามเนื้อ  สายใจบอกว่าให้กินอีกวัน”  คีตกาลเหลือบมองหางคิ้วอีกฝ่ายที่ติดพลาสเตอร์เอาไว้ “แล้วยังปวดแผลอยู่ไหม?”

“.......”   สีหราชส่ายหน้า   มองยาในมือขาวแล้วยืนนิ่ง
   
“เอาไปซิ”

   “ยังไม่ได้กินข้าว   เดี๋ยวยากัดกระเพาะ”

   “......”  ยืนนิ่งคว้างกลางอากาศกันทั้งคู่   คีตกาลกระแอมไอพลางร้องเรียกหาสายใจก่อนสาวเท้าเข้าไปห้องอาหารเลยไปทางห้องครัวเมื่อไม่เห็นสำรับข้าววางอยู่บนโต๊ะเช่นทุกที

   “สายใจไม่อยู่   ไปรับป้าแช่มที่กรุงเทพฯ”

   “ป้าแช่ม?”

   “แม่ของสายใจน่ะ”   คีตกาลพยักหน้ารับรู้แล้วยืนนิ่ง   ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเบียดอีกคนเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นก้มเงยๆคว้านู่นหยิบนี่ออกมาวางบนเค้าท์เตอร์   “หุงข้าวเป็นไหม?”   สีหราชหันมาถามคนที่ยืนเอ๋อ

   “เป็น”

   “งั้นนายจัดการหุงข้าวไป”    คีตกาลพยักหน้ารับงงๆ   กว่าจะรู้ว่าคนที่ทำอาหารเย็นวันนี้คือเจ้าของบ้านร่างสูงใหญ่ก็ตอนที่ได้กลิ่นไข่เจียวโชยมาแตะจมูกนั่นแหละ

   จ๊อกกกกกกก

   สีหราชหันขวับมาทางต้นเสียงพลางเลิกคิ้วมองคนที่เอามือกุมท้องแล้วยกยิ้มมุมปาก    คีตกาลได้แต่ถลึงตามองคนยกยิ้มเพราะท้องเจ้ากรรมดันส่งเสียงน่าอายขายหน้าเจ้าของ
   กระเพราหมูสับ  ไข่เจียว  อาหารสิ้นคิดและจานด่วนที่อร่อยที่สุดสำหรับคนหิวสองคนพร้อมข้าวหนึ่งหม้อที่พอสีหราชเปิดฝาหม้อข้าวถึงกับแสร้งเบิกตาโตเอ่ยปากชมคนหุงข้าวว่าเก่งมากที่สามารถหุงได้ไม่แฉะไม่ดิบ  และสามารถกินได้   จนคีตกาลแทบอยากจะเอาช้อนขว้างอยู่รอมร่อถ้าไม่ติดว่าตอนนี้หิวจนท้องเขาแสบไปหมดแล้ว
   น่าแปลกใจที่อาหารง่ายๆแค่ไม่กี่อย่างกลับอร่อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ   คีตกาลให้เหตุผลกับตัวเองว่านั่นเป็นเพราะว่าเขาหิวมาก  อะไรเข้าปากก็เลยอร่อยไปเสียทุกอย่าง   ต่างกับอีกคนที่ค่อยๆละเลียดกินราวกับกลัวว่าข้าวในจานจะหมด

   “ราตรีสวัสดิ์  แล้วก็อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ”   วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะเล่นแง่   คีตกาลจึงเอ่ยปากราตรีสวัสดิ์ให้เจ้าของบ้านแปลกใจเล่น  เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ร่างโปร่งไม่เคยพูดคำนี้กับเขาสักที

   “ราตรีสวัสดิ์   แล้วก็....”

   “?”

“ห่มผ้าหนาๆนะ  คืนนี้ฝนคงตก”    ร่างสูงเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าห้องไปก่อน    ทิ้งให้คีตกาลประมวลผลกับคำพูดนั้น 

...ฝนตกอากาศเย็น  แล้วเขาก็ขี้หนาว....ผ้าห่มหนาๆ....
   
แปลก....  ทั้งๆที่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ยิ้ม  แต่ไม่รู้ทำไมถึงปวดแก้มขึ้นมาก็ไม่รู้



**********




หยดน้ำบนยอดหญ้ากระเซ็นเปียกเมื่อเท้าของใครบางคนเหยียบลงย่ำ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนกระชับเสื้อแขนยาวของตัวเองพลางยู่หน้าอย่างไม่ชอบใจ   พื้นดินเฉอะแฉะเป็นสิ่งที่คีตกาลไม่ใคร่ชอบใจนักเพราะดินเปียกชื้นมักจะติดรองเท้าทำให้เดินลำบาก    กระนั้นเขาก็ยังต้องไปรีสอร์ทเพราะนัดกับอดิศรเอาไว้   และเช้านี้สายใจไม่อยู่เขาจึงคิดว่าไปทำงานเลยคงดีกว่า    หากเสียงทุ้มจากบนเรือนเอ่ยรั้งไว้ก่อน

   “ขึ้นมากินอาหารเช้าก่อน”

   “?”   ถึงจะแน่ใจว่าเจ้าของบ้านทำอาหารเป็นแต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตื่นเช้าขึ้นมาทำอาหารเลยนะนี่

   “ให้คุณอดิศรมาคุยงานที่นี่เสีย   ฝนตกเมื่อคืนที่รีสอร์ทคงเละน่าดู  มาคุยกันที่นี่แหละสะดวกดี”   คีตกาลพยักหน้ารับก่อนจะตักเนยถั่วมาทาขนมปังปิ้ง    ไอ้อาหารเช้าที่ร่างสูงว่าก็คือ ไข่ดาว   ขนมปังปิ้งและไส้กรอกทอดเท่านั้น   และเมื่ออีกฝ่ายลงมือทำอาหารให้หน้าที่ชงกาแฟจึงตกเป็นของคีตกาลโดยปริยาย   
   
   “จะเข้าฟาร์ม   จะไปด้วยไหม?”   จู่ๆสีหราชที่นั่งเฝ้าก็โพล่งขึ้นมาให้คีตกาลเลิกคิ้วมอง   ย้ำว่านั่งเฝ้าจริงๆ  เพราะมีแค่เขาที่คุยธุระอยู่คนเดียว  ชายหนุ่มหันไปยิ้มแหยกับอดิศรก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเอ่ยขอตัวกับอีกฝ่าย  อันที่จริงเขานึกขอบคุณสีหราชด้วยซ้ำ  เพราะตั้งแต่เช้าที่เขาโทรศัพท์บอกให้อดิศรมาคุยงานที่เรือนนี้   จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้วฝ่ายนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปสักนิดทั้งๆที่คุยจนไม่มีอะไรจะคุยแล้วแท้ๆ

หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11 มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 11-06-2015 21:00:26

สีหราชจูงเจ้า Music  ออกมาให้คีตกาลกับอีกตัวที่เขารู้ชื่อทีหลังว่าชื่อเจ้าสายฟ้า    ทั้งคู่ค่อยขี่ม้าลัดเลาะไปทางพื้นที่ที่กำลังไถกลบเมื่อวานที่นายพวงตกรถไถนั่นเอง

   “ไหนว่าไปฟาร์ม?”   

   “เปลี่ยนใจแล้ว”

   “กวนตีน”   คีตกาลเบ้หน้าใส่แผ่นหลังกว้างของคนข้างหน้า  ฝ่ายนั้นหันมาหัวเราะใส่  ทำเอาเขาปรับสีหน้าแทบไม่ทัน

   “....กลับเถอะ  ฝนทำท่าจะตก”

   “ห้ะ?”  อะไรของมันวะ!  คีตกาลอยากกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายมาเขย่าๆถาม   นี่คุณมึงกวนตีนตูอยู่ใช่ม้ายยยยยยย!

   “ฝนพายุลมมักจะแรง...ลุงปั่น!  บอกคนงานให้หยุดได้แล้ว  แล้วบอกไอ้เขียวตามผมไปที่ฟาร์มด้วย!”   ท้ายประโยคสีหราชตะโกนสั่งคนงานเสียงดัง  เสร็จแล้วจึงค่อยหันมาหาคีตกาลอีกครั้ง  “กลับบ้านไปไป๊!”

   “อ้าว?”  ร่างโปร่งเลิกคิ้วรอบที่ร้อย   วันนี้กะว่าจะไม่รวนอีกฝ่ายแล้วนะ  ไหงกลายเป็นว่าเขาต้องโดนโจมตีอยู่เรื่อย!

   “ฝนจะตกแล้ว  ลมแรงเนี่ยเห็นไหม?”  สีราชเอ่ยเสียงดุ

   “เห็น  ไม่ได้ตาบอดนี่”

   “....ไม่ได้ตาบอดแต่หูตึงซินะ  บอกให้กลับบ้าน!”

   “ไม่กลับ!”   ไอ้ฝนไอ้พายุเนี่ยเขาเห็นนะ  อยากกลับบ้านด้วยแต่โมโหคนออกคำสั่งไง  เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!

   “......”   สีหราชชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ   ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มากเพราะฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล   ชายหนุ่มบังคับเจ้าสายฟ้าให้ออกวิ่งไปทางฟาร์ม  พร้อมกับลุงปั่นที่ควบม้ามาทางคีตกาลพอดี

   “คุณคีย์  ทำไมไม่กลับบ้านไปครับ  พายุเข้าแบบนี้พวกม้าจะตกใจง่ายนะ”

   “แล้วยังไง?”  เขาไม่เข้าใจ  ลุงปั่นบอกว่าพายุเข้าแบบนี้มักจะมีฟ้าร้องฟ้าผ่า  พวกสัตว์จะตื่นตกใจง่ายไม่ควรขี่มันออกมาข้างนอก ทางที่ดีชายหนุ่มควรจะพาเจ้า Music กลับบ้านไปเสีย   หากแต่ตอนนี้ฝนเริ่มโปรยลงมาแล้ว  เจ้า Music ยังคงอยู่ในโอวาทดี  เขาเหลียวหน้าเหลียวหลังจนลุงปั่นชวนเขาไปที่ฟาร์มเพราะระยะทางใกล้กว่า   

   “ไปที่ฟาร์มเถอะครับ  กว่าจะถึงบ้านพอดีฝนคงลงหนัก”  ลุงปั่นบอก   คีตกาลค่อยควบม้าตามอีกฝ่ายไป  โชคดีมาถึงฟาร์มช่วงที่ฟ้ากระหน่ำร้องเปรี้ยงปร้างพอดี   บรรดาม้าทั้งหลายต่างตื่นตกใจ  คีตกาลเห็นสีหราชวิ่งเข้าจับเชือกลูกม้าตัวเขื่องพยายามเอาเจ้าตัวเล็กเข้าคอกไปอยู่กับแม่  พลางร้องสั่งให้คนงานลั่นกลอนคอกม้าให้แน่นหนาเสียงเอ็ดตะโรแข่งกับเสียงฝนให้วุ่น  ส่วนเจ้า Music ของเขาลุงปั่นพาเข้าคอกไปแล้ว

   สายฝนกระหน่ำสาดซัดพร้อมทั้งลมกรรโชกแรงเล่นเอาคนที่เสื้อชื้นอยู่ก่อนหน้าถึงกับหนาวสั่น   คีตกาลยกแขนขึ้นกอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง  ใบหน้าใสเบ้แล้วขยับก้มจนคางชิดอกเมื่อแสงสีเงินสว่างวาบจนต้องหลับตาหนีก่อนเสียงสะเทือนลั่นจะตามมา

   หงิง~   เสียงร้องครวญครางของสัตว์บางชนิดทำเอาคนกลัวฟ้ากลัวฝนเงยหน้าขึ้นทันที    คีตกาลเหลียวมองรอบกายหากไม่เห็นที่มาของเสียงร้องครางเมื่อครู่    หรือเขาจะหูฝาด?

   หงิง~  คราวนี้แน่ชัดแล้วว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง  ร่างโปร่งจึงออกเดินก้มๆเงยๆหาต้นเสียง   พลันสายตาจึงเห็นก้อนกลมสีน้ำตาลก้อนหนึ่งสั่นระริกอยู่ตรงมุมด้านในสุด   คีตกาลเลิกคิ้ว  เหลียวหาว่าเจ้าก้อนกลมๆตัวเล็กๆนี่เข้ามาจากทางไหน

   “เจ้าหมาน้อย   ทำไมมาอยู่ที่นี่ตัวเดียวล่ะ  แม่แกไปไหน?”  เขาถามราวกับมันจะตอบรู้เรื่อง  เจ้าก้อนกลมๆสีน้ำตาลเงยหน้าที่ซุกซบหลบเสียงฟ้าร้องขึ้นมองผู้มาเยือนแล้วเบียดตัวเข้ามามุมกำแพง  ตัวสั่นมากขึ้นกว่าเดิม

   “มาทำอะไรตรงนี้?”   เสียงทุ้มเอ่ยถาม  หลังเอาม้าเข้าคอกหมดแล้วเขาจึงเดินตามร่างโปร่งของคีตกาลมาเมื่อลุงปั่นบอกว่าคุณคีย์อยู่ที่ฟาร์มด้วย     ชายหนุ่มส่ายหัวให้กับความดื้อของอีกคนก่อนจะเห็นหลังไวๆของฝ่ายนั้นเดินไปอีกทาง

   “ลูกหมา”

   “หืม  มาจากไหนกัน?”  ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ  “ไอ้พวกนี้นี่ต้องตัดเงินเดือนกันเสียให้หมด  ปล่อยให้แม่หมามาคลอดลูกอยู่ในฟาร์มได้ยังไง”  ร่างสูงเท้าเอวมองก้อนสีน้ำตาลนั่นก่อนสาวเท้าเข้าไปหิ้วหลังคอเจ้าตัวนั้นยกขึ้นสูง 

   “เฮ้ย!  นายจะทำอะไรน่ะ!”  คีตกาลร้องโวยเมื่อร่างสูงทำท่าจะหิ้วลูกหมาออกไป  มันร้องเสียงหลงอย่างตกใจกลัว

   “เอาไปปล่อย”   

   “ปล่อยที่ไหน?” 

   “ข้างนอก”

   “ตอนนี้?  กลางฝนเนี่ยนะ?”   สีหราชไม่ตอบหากทำท่าจะเดินออกไป    คีตกาลผวาเข้ากางแขนกั้นแล้วชิงเจ้าก้อนสีน้ำตาลนั้นไปจากมือร่างสูงอย่างรวดเร็ว

   “ตอนนี้มันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ”

   “แต่มันก็ไปอยู่กลางฝนกลางพายุไม่ได้เหมือนกัน  ไอ้คนใจร้ายเอ้ย!”  คีตกาลสบถด่าอย่างโมโห   มีที่ไหนจะเอาลูกหมาตาดำๆออกไปโยนทิ้งกลางฝนแบบนี้  ใจดำอำมหิตเกินไปแล้ว!

   คีตกาลกอดเจ้าก้อนสีน้ำตาลนั้นแน่น  ไม่สนว่ามันจะดิ้นจะข่วนเขาจนได้แผลมากน้อยแค่ไหน  ขอแค่มันไม่ถูกจับโยนทิ้งก็พอ   สีหราชมองท่าทางนั้นแล้วถอนหายใจ  อธิบายอะไรไปตอนนี้คนตรงหน้าคงไม่ฟังแน่ๆ    สุดท้ายเขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลเอาไว้ไม่ปล่อย    คีตกาลถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองมาห่อมันไว้  ไม่ใส่ใจว่าเสื้อผ้าราคาแพงของตัวเองจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนหรือไม่

   “รออยู่ที่นี่”  สีหราชชี้หน้าคนดื้อแล้วออกจากฟาร์มไป  ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมเชื่อฟังเขาแค่ไหน

   คีตกาลไม่ได้ตามออกไป   เขารออยู่ที่ฟาร์มตามคำสั่งของฝ่ายนั้น  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะหนาวและอยากกลับไปอาบน้ำซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นหนามากสักแค่ไหนก็ตาม   เขากอดเจ้าลูกหมาตัวน้อยเอาไว้เพื่อความอบอุ่นให้ทั้งมันและตัวเองจนกระทั่งเห็นรถจี้ปคุ้นตาเข้ามาจอด  ร่างสูงของสีหราชกระโดดลงมาแล้วตรงมาทางคีตกาลทันที  ชายหนุ่มเปียกโชกไปทั้งตัวเพราะฝ่าฝนไปกับเจ้าเขียวเพื่อเอารถจี้ปกลับมาที่ฟาร์ม

   “ขึ้นรถไป  ท่าทางฝนจะยังไม่หยุดง่ายๆแน่”   

   “แล้วเจ้าตัวนี้ล่ะ?”

   “ก็เอามันไปด้วยซิ”

   “?”   คีตกาลเอียงคอมองคนที่เอ่ยปากอนุญาตแล้วให้ยืนนิ่ง  ก่อนจะยกยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้ววิ่งขึ้นรถ
ดวงตาเรียวเหลือบมองคนขับที่ตีหน้าดุแล้วก้มลงมองตัวเอง  เขาน่ะชื้นไปทั้งตัวเพราะละอองฝนแต่อีกฝ่ายน่ะเปียกตั้งแต่หัวยันกางเกงในเชียวนะนั่น   อันที่จริงรอให้ฝนหยุดแล้วปล่อยให้เขาขี่เจ้า Music กลับเองก็สิ้นเรื่องแล้วแท้ๆ...

   เสียงวิ่งตึงตังลั่นเรือนเพราะใครบางคนหาผ้ามาให้เจ้าลูกหมาซึ่งยืนตัวสั่นอยู่ตรงระเบียง   คีตกาลเกาหัวแกรกพลางขมวดคิ้วเนื่องจากไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนเก่าพอจะเสียสละเป็นที่นอนให้เจ้าหมาน้อยได้เลย

   “เอาผ้านี่ไปซิ”   ร่างสูงยื่นผ้าขนหนูสีตุ่นมาให้ก่อนจะเดินห่างออกไปอีกทาง  ทิ้งให้คีตกาลมองแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างนึกขอบคุณ

   “เจ้าหมาน้อย  ฉันมีผ้าให้แกนอนแล้วนะ”   เขาเช็ดตัวให้มันก่อนจะห่อมันไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น  ผ่านไปครู่ใหญ่สีหราชกลับมาหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า   ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองคนที่ยังอยู่ในชุดเดิมแล้วขมวดคิ้วรอบที่พันของวันอย่างไม่ชอบใจ

   “ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอีก?”

   “เช็ดตัวให้เจ้าหมาก่อน”

   “......ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

   “....”  คีตกาลไม่ตอบรับ  หากฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเช็ดตัวให้ลูกหมาไปด้วย

   “นับหนึ่งถึงสาม  ถ้าไม่ลุกขึ้นมาฉันจะจับเจ้าหมานี่โยนออกนอกบ้าน  หนึ่ง!”

   “เฮ้ย  อะไรวะ?  ทำแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย”  ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นเต็มความสูงทันที

   “สอง!”

   “ไอ้คนโหดเหี้ยม   ไอ้อำมหิต  มันอย่างเด็กอยู่เลยนะนายจะทำกับมันแบบนี้ไม่ได้!”

   “สาม!”  มือใหญ่คว้าเจ้าขนปุยสีน้ำตาลเตรียมจะโยนลงระเบียงอย่างปากว่า  คีตกาลผวายึดแขนแกร่งเอาไว้แน่นทั้งสองมือ

   “สิงห์!  อย่านะ!”

   “..........ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเสีย  เปียกไปหมดทั้งตัวแบบนี้มันไม่ดี  เสร็จแล้วค่อยออกมาดูมันต่อก็ได้”

   “นายจะไม่จับมันโยนทิ้งใช่ไหม?”

   “ไม่หรอก         ....ถ้านายไม่ดื้อ”

   “OK.  ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”    ร่างโปร่งวิ่งปรู๊ดกลับห้องไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจจับเจ้าหมาโยนทิ้งนอกบ้านจริงๆ  โดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มอ่อนแต้มลงบนริมฝีปากหยักของคนขู่
เพียงแค่สิบนาทีคีตกาลก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แห้งสนิท  หากเส้นผมยังคงเปียกชื้นเพราะไม่ยอมเช็ดให้แห้ง  ร่างโปร่งวิ่งออกมาเพราะเป็นห่วงว่าคนใจร้ายจะทำอะไรไม่ดีกับลูกหมา    หากสิ่งที่เห็นคือร่างสูงใหญ่กำลังปูผ้าขนหนูลงในกล่องใบเขื่องที่ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นไปหามาจากไหน  ก่อนจะอุ้มเจ้าขนปุยสีน้ำตาลวางลงไปในกล่องอย่างเบาเมือ   ใบหน้าเข้มคร้ามแต้มรอยยิ้มกว้างให้คนมองชะงักนิ่ง   ...รอยยิ้มที่ทำให้ใบหน้าดุแลดูอ่อนโยนขึ้น    หากเจ้าตัวยิ้มบ่อยๆก็คงดี...

“อยู่ในนี้นะเจ้าหมาเด็ก”   เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบแผ่วเบา

“ฮัดชิ้ว!”  สีหราชหุบยิ้มหันไปมองต้นเสียง   ร่างโปร่งที่อยู่ในชุดลำลองขาสั้นหากหัวยังเปียกมีน้ำหยดติ๋งๆเดินเข้ามาหา   ร่างสูงคว้าหมับเจ้าขนปุยมาอุ้มแล้วเขม้นมองอีกคน

“ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้ง?”

“เดี๋ยวมันก็แห้งน่า”

“ไปเช็ดผม”  คนหน้าดุเอ่ยเสียงเข้ม   คีตกาลจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจและไม่ยอมทำตามคำสั่ง

“ขอเล่นกับเจ้าลูกหมาก่อน  เฮ้ย!”  คีตกาลร้องเสียงหลงเมื่อสีหราชยื่นแขนที่อุ้มลูกหมายื่นไปตรงระเบียง

“คราวนี้จะไม่นับหรอกนะ”

“รู้แล้วๆ!  ขู่ได้ขู่ดีนะแก!”   คีตกาลวิ่งกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว  มือขาวคว้าขนหนูติดมือมาแล้วเช็ดลวกๆก่อนคลุมผมเอาไว้ทั้งอย่างนั้นแล้วกลับออกมาใหม่เพราะไม่ไว้ใจให้เจ้าของบ้านอยู่กับลูกหมาตามลำพัง

สีหราชส่ายหัวอย่างระอากับคนที่ดื้อเหมือนเด็ก   ร่างสูงเดินเข้าไปในครัวแล้วกลับออกมาพร้อมนมหนึ่งกล่องและถ้วยพลาสติกใบเล็ก   ชายหนุ่มทรุดนั่งเบียดกับอีกคนก่อนวางถ้วยพลาสติกลงพลางเทนมใส่    คีตกาลตอนแรกที่ไม่พอใจเพราะโดนเบียดจนเกือบล้มเลิกคิ้วมองแล้วขยับตัวออกเล็กน้อย

“ฉันให้เองๆ”  มือขาวคว้ากล่องนมมาเทแล้วอุ้มลูกหมาออกมาจากกล่อง

หงิง~  เจ้าหมาน้อยสีน้ำตาลขนฟูครางหงิง  เดินเตาะแตะมาดมถ้วยนม   จมูกสีน้ำตาลดมกลิ่นก่อนจะแลบลิ้นเลียอย่างกลัวๆกล้าๆ  พอได้ลองลิ้มรสแล้วจึงค่อยเลียกินอย่างรวดเร็วด้วยความหิว

“ฮัดชิ้ว!”  คีตกาลจามออกมาอีกครั้ง  คราวนี้มีเสียงสูดน้ำมูกตามมา  สีหราชมองคนข้างตัวแล้วดึงต้นแขนให้อีกฝ่ายลุกขึ้น

“ฮื่อ!  ทำอะไรเนี่ย?”  เสียงใสอู้อี้ขึ้นจมูกถามกลับ

“เช็ดหัวให้แห้ง”

“....”

“เดี๋ยวนี้!”

“..............”

“ถ้าหัวไม่แห้งก็ไม่ต้องไปเล่นลูกหมา!”   สุดท้ายคีตกาลก็ต้องมานั่งเช็ดผมตัวเองให้แห้งตามคำสั่งแต่โดยดี


ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนานแค่ไหน  หากท้องฟ้าด้านนอกนั่นมืดสนิทไปแล้ว  ฝนยังตกไม่หยุดตั้งแต่บ่าย  อากาศเย็นชื้นทำให้เขาต้องห่อตัวแล้วตวัดผ้าห่มขึ้นคลุม

“หืม?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองผ้าห่มที่คลุมกายก่อนจะลุกขึ้นนั่ง    อาการปวดตุบตรงขมับลามไปถึงกระบอกตาทั้งสองข้าง  ในคอก็ระคายเคืองเหมือนกลืนทราย

“ตื่นแล้วก็ลุกมากินข้าว”  เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง  เขาเหลือบมองร่างสูงที่กำลังจัดโต๊ะกินข้าว

“สายใจ...แค่กๆ ล่ะ?”   เอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็ไอออกมาอีกชุดใหญ่  สีหราชขมวดคิ้วแล้วเดินเข้ามาหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ  มือใหญ่ยกแตะหน้าผากเนียน  เท่านั้นแหละใบหน้าที่ดุอยู่แต่เดิมยิ่งดุหนักขึ้นไปอีก

“เห็นไหม  ไม่สบายจนได้!”

“ฮื่อ! ไม่เป็น  แค่ก  อะไร แค่ก  สักหน่อย”  คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าป่วยเถียงกลับกระท่อนกระแท่น

“เพราะดื้อน่ะซิถึงได้เป็นแบบนี้!”  ไม่วายสีหราชจะเอ่ยดุอีกรอบ   ชายหนุ่มหันมามองอาหารบนโต๊ะก่อนจะลุกมาจัดการเอาข้าวสวยเทใส่หม้อแล้วเติมน้ำตั้งเตาใหม่อีกครั้ง

ข้าวต้มกุ๊ยพร้อมไข่เค็มหนึ่งลูกถูกยกมาตรงหน้า  คีตกาลเลิกคิ้วมอง  อาการปวดหัวเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นซ้ำยังเวียนหัวด้วย  ร้อนออกกระบอกตาและลำคอจนรู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังมีไข้

“กินข้าวซะจะได้กินยา”

“สายใจล่ะ?”

“คงมาถึงพรุ่งนี้เช้า”   สีหราชบังคับให้อีกฝ่ายกินข้าวต้มจนเกือบหมดถ้วยแล้วตามด้วยยาลดไข้กับยาลดน้ำมูก  คีตกาลไม่ใช่พวกกินยายาก  เวลาป่วยจึงไม่ค่อยเรื่องมากนักหากต้องกินยา   เหตุเพราะเขาไม่ชอบไปโรงพยาบาล  ดังนั้นถ้ากินยาแล้วอาการทุเลาหรือหายป่วยเขาเลือกกินยาดีกว่าไปหาหมอ

“นี่”

“?”  สีหราชเงยหน้าขึ้นมอง

“ทำไมนายไม่ยอมให้เจ้าลูกหมามันอยู่ที่ฟาร์มล่ะ?  แค่ก”

“ให้มันอยู่ที่ฟาร์มมันจะได้โดนม้าดีดตายเอาน่ะซิ  ตัวเล็กเท่านั้น”   คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้ฟัง “แล้วฉันก็บอกว่าตอนนี้อยู่ไม่ได้  นั่นหมายความว่าถ้ามันตัวโตก็นี้มันก็เข้าไปที่ฟาร์มได้ต่างหาก”

“แต่....นายจะโยนมันทิ้ง”  ตาคนถามเริ่มปรือปรอยเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์

“ก็เพราะมีคนดื้อน่ะซิถึงต้องขู่แบบนั้น”

“.....”

“คีตกาล?”

“.....”  ไม่มีเสียงตอบรับเนื่องจากคนที่ถามจ้อยๆเมื่อครู่นั่งคอพับหลับไปเป็นที่เรียบร้อย

“คีตกาล  ลุกไปนอนในห้อง”

“อือ~”  ตอบรับในลำคอเมื่อแขนขาวโดนสะกิด

“ลุกก่อนเร็ว   นอนตรงนี้ไม่ได้นะ”

“อืม~”  เปลือกตาบางพยายามขยับลืมหากมันก็หนักอึ้งเกินกว่าจะทำได้   สีหราชถอนหายใจ

“คีตกาล?”

“....”

“.....เพลง?”    คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนรับรู้  กระนั้นก็ยังไม่ลืมตา  ลมหายใจร้อนผ่าวทำเอาร่างสูงกระสับกระส่ายแล้วค่อยเลื่อนกายมาคว้าแขนขาวขึ้นคล้องไหล่  “นี่  เดินไหวไหม?”

กว่าจะหอบเอาคนป่วยเข้าห้องได้ก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ  ถึงคีตกาลจะตัวเล็กกว่าเขาหากก็ไม่ได้มากมายนัก  ด้วยส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบของอีกฝ่ายกับเขาที่เกือบร้อยเก้าสิบก็ไม่สามารถแบกอีกฝ่ายได้ง่ายดายเท่าไหร่    สีหราชหาผ้าผืนเล็กชุบน้ำวางบนหน้าผากเนียนและซอกคอร้อนผ่าวของคนบนเตียงหลังพบว่าไข้ขึ้นเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์

“ดื้อจนได้เรื่อง”  ถึงปากจะบ่นหากร่างสูงกลับทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง  ดวงตาคมทอดมองคนที่หลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจ

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี  ใบหน้านี้ก็ยังคงเหมือนเดิม  อาจจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามวัยหากตรงกันข้ามกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง  อันที่จริงแล้ว...นิสัยแบบนี้...ดูเหมือนจะดื้อขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเสียด้วยซ้ำ
ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างนึกเอ็นดู  ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คีตกาลจะไม่มีวันเห็นแน่นอนหากตื่นอยู่  มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากออกแผ่วเบา  ปลายนิ้วละเลื่อยสัมผัสสันจมูกโด่งก่อนหยุดลงไม่กล้าแตะแต้มริมฝีปากสีสดนั่น...ริมฝีปากที่เอ่ยเรียกชื่อของเขาเมื่อบ่าย...
ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกยามได้ยินชื่อของตัวเองเหมือนครั้งนี้
ชื่อของเขาจากริมฝีปากของคีตกาล...
อยากให้เรียกชื่อเขาอีกครั้ง...

“เพลง”

เขาเอ่ยเรียก  เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ยินเขาจึงเอื้อนเอ่ย  แม้เพียงเบาดังสายลมเขาก็อยากจะเรียก 

“เพลง...”

เบาดุจสายลมกระซิบ
.
.
.

สุดท้ายสีหราชก็แบกผ้าห่มมาเฝ้าคนป่วยที่ห้อง    ซ้ำยังจัดแจงให้นอนคนละฝั่งกับอีกฝ่ายเพราะเขาไม่มีทางนอนบนพื้นแน่นอน   ท่ามกลางความมืดเขาลืมตามองอีกคนอยู่อย่างนั้น

“Lion”

“หืม?”  สีหราชขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆคนน่าจะหลับไปแล้วกลับเอ่ยประโยคขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“รู้แล้วว่าจะให้เจ้าหมาน้อยชื่อว่าอะไร”  สีหราชหัวเราะขำเพราะคนป่วยพูดทั้งๆที่ยังหลับตา  นั่นหมายความอีกฝ่ายกำลังละเมอ  เพราะถ้าตื่นอยู่คงไม่มีทางมานอนคุยกับเขาบนเตียงอย่างนี้แน่

“จะให้ชื่อว่าอะไร?”  เขาถาม  มีคนบอกว่าอยากรู้ความลับอะไรให้ถามตอนละเมอ

“Lion   ให้เจ้าหมาน้อยชื่อ Lion”

สีหราชเบิกตาโพลง   เขาอยากจะจับคนป่วยขึ้นมาเขย่าๆเหลือเกิน!




โปรดติดตามตอนต่อไป




ตอบคำถาม
คุณ Freja  และคุณ kdds




-เรื่องใส่โกเต๊กหรือผ้าอนามัยตอนฝึกขี่ม้า...ในตอนนี้ไม่มีเห็นแล้วนะคะสำหรับกรณีใส่ผ้าอนามัยในการฝึกขี่ม้าเพื่อป้องกันก้นแตก  หากยังมีใช้อยู่ค่ะ  เป็นการประยุกต์ใช้หรือเพียงแค่บางคนบางกลุ่มเท่านั้นที่นำมาใช้ค่ะ และได้ผลดีเสียด้วย   ในกรณีที่สิงห์ให้เพลงใส่นั้นไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่อย่างใดนะคะ  ไม่ใช่การหยามศักดิ์ศรีหรืออะไรเลยค่ะ   เหตุผลข้อเดียวที่สิงห์ให้เพลงใส่เพราะ...แค่ห่วงเพลงเท่านั้นค่ะ  ไม่อยากให้เพลงเจ็บ...แม้เพียงปลายก้อยด้วยซ้ำถ้า...เพลงไม่ทำตัวเองน่ะนะ...
สรุป...สิงห์มันก็แค่เป็นห่วงแล้วไม่รู้จะแสดงออกยังไงเท่านั้นเอ๊ง...





ขอบคุณทุกท่านสำหรับกำลังที่แสนงดงามนี้นะคะ
อ่านเม้นท์ไปบางเม้นท์ก็ก่อเกิดแรงบันดาลใจให้คิดพล๊อตตอนต่อไปได้...
ขอบคุณค่ะ^^
กอดแรงๆสามที!
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-06-2015 21:28:33
เพลงตั้งชื่อเจ้าตัวน้อยได้น่ารักมากๆ เลยค่าา ^^ ที่สิงห์โวยวายนี่เพราะความสง่างามของทั้งสองตัวต่างกันใช่ไหมล่ะค้าา~ :laugh: และถึงแม้ว่าเจ้าตัวน้อย(Lion)จะสง่าได้ไม่เท่ากับเจ้าตัวใหญ่(music) แต่ตาแป๋วๆ เวลาจ้องกลับมาทีนี่พลังทำลายล้างสูงนะคะสิงห์บอกเลย แถม 'Lion' ยังมีอิทธิพลจนถึงขนาดที่ว่า สามารถทำให้เด็กดื้ออย่างเพลงยอมทำตามคำสั่งของสิงห์ได้เลยเชียวน้าา~ :mew3:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 11-06-2015 22:03:15
ละเมอหรือหลอกด่าคะ
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 11-06-2015 23:47:14
สิงห์เป็นคน หวง ห่วง หึงแรง
และที่สำคัญ ยังรักเพลง
ติดตามเงื่อนงำต่อไป ว่าเลิกกันทำไม
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-06-2015 00:10:54
ไลออนกับมิวสิค55555
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-06-2015 13:08:20
555แก้แค้นหรือยังคิดถึงกันแน่
ถึงตั้งชื่อว่า lion เหมือนๆ music เลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-06-2015 13:25:56
ชอบเรื่องนี้จัง เป็นกำลังใจให้นะเจ้าคะ กอดดดดดด
Lion กับ Music เหอะๆ นิเสียเซลฟ์เลยนะคุณสิงห์ กลายเป็นหมาน้อยไปซะได้
ทั้งที่เพลงก็เป็นม้าตัวใหญ่โต สวย สง่า
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 12-06-2015 21:42:29
น่ารักจัง ครอบครัวสุขสันต์นะเนี่ย
พ่อสิงห์ แม่เพลง พี่มิวสิค กับน้องเล็กไลออน  :-[
ปรกติเรื่องนี้ก็น่ารักอยู่แล้ว ยิ่งมีสมาชิกใหม่เป็นหนูไลออน
ยิ่งถูกใจคนรักมะหมาอย่างเรามาก ๆ เลย ชอบ ๆ
สิงห์ ต้องดีใจนะถึงจะถูก คนที่เรารัก ตั้งชื่อสิ่งที่ตัวเองชอบ
เหมือนกับชื่อของเราเนี่ย แสดงว่าเรามีความสำคัญกับเขามากเลยนะ
ก็เหมือนกับที่สิงห์ ตั้งชื่อให้มิวสิคนั่นแหละ จริงไหมล่ะ

สิงห์กับเพลงเนี่ย ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ ๆ เลยเนอะ
มาตกหลุมรักกันใหม่อีกรอบ ก็น่ารักไปอีกแบบนะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 13-06-2015 00:35:10
น่าร้ากกกกก มุ้งมิ้งจังหนุ่มชาวไร่
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 16-06-2015 02:08:37
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 16-06-2015 06:18:44
รอต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 18-06-2015 21:54:34
~ แมกไม้  ไอดิน กลิ่นหมอก ~

รักพัดหวน

ตอนที่5








แสงสีทองสาดเข้ามาในห้องให้คนบนเตียงหยีตาหนี  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ

“คุณคีย์  เป็นยังไงบ้างคะ?  ปวดหัวอยู่ไหม?”

“สายใจ?”   คนบนเตียงยันกายลุกขึ้นนั่ง   เขาไอโขลกจนสายใจต้องวิ่งเข้ามายื่นแก้วน้ำอุ่นให้

“ยังปวดหัวอยู่ไหมคะ?”  คีตกาลส่ายหัว  ก่อนยันกายลุกลงเตียง  ร่างโปร่งเซเล็กน้อยจนสายใจต้องเข้ามาประคอง  “อย่าเพิ่งอาบน้ำเลยนะคะ  ทานข้าวทานยาแล้วค่อยกลับมานอน  เดี๋ยวให้แม่มาเช็ดตัวให้คุณคีย์นะคะ”

“แม่?”

“ค่ะ  แม่ของสายใจเอง  นี่ทำข้าวต้มรอคุณคีย์อยู่ค่ะ”

คีตกาลยกมือไหว้คนสูงวัยอย่างนอบน้อม   ฝ่ายนั้นตกใจพลางบอกว่าไม่ต้องไหว้เธออย่างนั้นก่อนจะยกชามข้าวต้มทรงเครื่องมาวางตรงหน้า   สีหราชที่วันนี้เข้ามาในห้องอาหารช้ากว่าเขาตีหน้านิ่งเหมือนโกรธใครมาสิบชาติทำเอาในห้องเงียบกริบ   

“อยากกินส้ม”

“ส้ม?”  สายใจถามย้ำเมื่อจู่ๆคนป่วยก็นั่งหน้าง้ำหลังทานข้าวเสร็จ

“อยากกินส้ม”  คราวนี้เด็กสายใจหันไปมองหน้าคนเป็นนายแล้วยิ้มแหย

“หน้านี้ไม่มีส้มหรอกค่ะคุณคีย์”

“อยากกินส้ม”  คนป่วยเริ่มงอแงพูดอยู่ประโยคเดียวทำเอาสายใจไม่รู้จะบอกอย่างไร  ฤดูกาลนี้ไม่มีส้มออกมาขายหรอกนะคะคุณคีย์สุดหล่อ!

“ไม่มีส้ม  แต่มีน้ำมะพร้าว  กินไหม?”  ในที่สุดวีรบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วยสายใจก็คือสีหราช   ชายหนุ่มวางหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วเอ่ยพลางจ้องหน้าคนฝั่งตรงข้าม

“กิน”   ในที่สุดเด็กดื้อก็ยอมสงบเสียที   สายใจยกยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัว  มะพร้าวน้ำหอมลูกโตถูกเฉาะเปิดด้านบนมีหลอดเสียบไว้เรียบร้อย   คีตกาลอ้าปากดูดน้ำมะพร้าวไปอึกใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้วเงยหน้ามองสายใจ

“ไม่เย็น”

“เอ่อ....”  สายใจอึกอัก  ทำไมคุณคีย์เวลาป่วยถึงงอแงราวกับเด็กน้อยอย่างนี้หนอ

“เป็นหวัดอยู่จะดื่มน้ำเย็นได้ยังไง?”

“แต่....”

“ถ้างอแง   จะเอาน้ำมะพร้าวไปต้มให้ดื่มแบบอุ่นๆ!”   สีหราชชี้หน้าขู่คนป่วยทำเอาคีตกาลเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ   กระนั้นก็ไม่งอแงจะดื่มน้ำมะพร้าวเย็นๆอย่างเมื่อครู่นี้อีก

“จริงซิคะ  เมื่อเช้าหนูเห็นหมาน้อยบนบ้านด้วย  หมาใครหรือคะ?”  สายใจถามขณะยื่นยาแก้ไอและยาลดไข้ให้ร่างโปร่ง  เมื่อเช้าก่อนเข้ามาสีหราชโทรศัพท์ไปสั่งให้เด็กสาวซื้อยาแก้ไอกับยาลดไข้จากในเมืองมาด้วย  ตอนแรกก็สงสัยว่าใครเป็นอะไร พอรู้ว่าคุณคีย์ของเธอป่วยสายใจเลยวิ่งไปร้านขายยาคว้ายาแก้แพ้กับยาแก้อักเสบมาเพิ่ม   ซ้ำพอมาถึงก็เห็นคุณสิงห์แบกมะพร้าวน้ำหอมมาทั้งทลาย  ไม่รู้ว่าใครจะกินมากมายขนาดนั้น  เพิ่งรู้ว่าว่าคนป่วยจอมงอแงมักจะเรียกร้องหาส้มหามะพร้าวเวลาไม่สบาย

“หมาฉันเอง  น่ารักไหม?”  คีตกาลที่สดชื่นขึ้นยิ้มแฉ่ง  โมเมว่าเจ้าลูกหมาขนปุยสีน้ำตาลเป็นหมาของตัวเองทันที

“น่ารักค่ะ  แล้วมันชื่ออะไรหรือคะ?”

“อืม  ยังไม่มีชื่ออ่ะ”  สีหราชที่แอบเงี่ยหูฟังผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

“งั้นชื่อเจ้าน้ำตาลดีไหมคะ?”  สายใจเสนออย่างนึกสนุก

“เอ.....”  คีตกาลกอดอกทำท่านึก   สายตาพลันเหลือบมองไปยังคงฝั่งตรงข้ามแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์  “รู้แล้วว่าจะให้ชื่ออะไร!”   สีหราชเหลือบสายตาขึ้นมองแล้วใจกระตุกเมื่อเห็นสายตานั้น

“ชื่ออะไรคะ?”

“Lion!”

“นี่!”   สีหราชลุกพรวด   ชายหนุ่มจ้องหน้าคนตั้งชื่อหมาอย่างไม่ชอบใจ

“ทำไม?”  คีตกาลเลิกคิ้วยียวน  พอไม่มีไข้เขาก็มีแรงกวนโมโหเจ้าของบ้านต่ออย่างสนุกสนาน

“เปลี่ยนชื่อซะ!”

“ไม่!”  ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนประจันหน้าอย่างไม่ยอมแพ้

“ฉันบอกว่าให้เปลี่ยน”   เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟันอย่างคนที่พยายามสะกดกั้นอารมณ์เพื่อไม่ให้เข้าไปบีบคอขาวๆของอีกฝ่าย

“ก็บอกว่าไม่เปลี่ยน!”

ปัง! มือใหญ่ตบโต๊ะเสียงดัง  ทำเอาสายใจที่ยืนดูอยู่ถึงกับสะดุ้งมองหน้าคนสองคนสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

ปัง!  เสียงตบโต๊ะครั้งที่สองจากคีตกาลดังขึ้นทำเอาเด็กสาวสะดุ้งอีกรอบ  คราวนี้แม่แช่มโผล่หน้าออกจากในครัวมาดูด้วยความตกใจอีกคน

สีหราชกับคีตกาลจ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมแพ้  จนในที่สุดริมฝีปากก็เอ่ยออกมาก่อน

“ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนฉันจะเอามันไปปล่อย”

“....ไอ้คนใจแคบ  ไอ้คนอำมหิต  ไอ้คนใจร้าย...”   คีตกาลกำหมัดแน่น   รู้ว่าเขาไม่ชอบอะไรยังจะมาขู่เขาอยู่นั้นแหละ!  “....ถ้างั้นนายต้องเปลี่ยนชื่อม้าก่อน”

“?”

“เปลี่ยนชื่อเจ้า Music ซะซิ”

“ไม่!”

“งั้นฉันก็จะให้เจ้าหมาน้อยชื่อLion”

“คีตกาล!”  เขาแค่ตั้งชื่อม้าเองนะ  นี่ฝ่ายนั้นเล่นตั้งชื่อหมาเลยงั้นรึ!

“โหย  ฉันจำชื่อตัวเองได้น่า  ไม่ต้องเรียกซะเต็มยศซะขนาดนี้ก็ได้”  เพิ่มความกวนโมโหด้วยการแคะหูเพิ่มอีกหน่อย

“ฮึ่ย!  คอยดูไว้ดีๆล่ะกัน  ไม่งั้นฉันจะเผลอเตะมันตายสักวัน!”

“หูย   ใจร้ายมาก  กล้าเตะหมาที่ชื่อเหมือนตัวเองตายเลยเหรอ?”   หางเสียงแกล้งลากยาวอ่อนอ่อยให้น่าสงสาร    สีหราชโกรธควันออกหู  มือใหญ่ยกขึ้นคล้ายเตรียมพุ่งเข้ามาบีบคอคนที่ยืนลอยหน้าลอยตา  คีตกาลเห็นท่าทางนั้นก็วิ่งเข้าไปหลบหลังป้าแช่มแล้วโผล่หน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่   สีหราชสบถก่อนจะเดินออกไปอย่างโมโห    ร่างโปร่งหัวเราะเสียงดังกับท่าทางนั้น

“คุณคีย์ขา  แล้วชื่อเจ้า Lion มันแปลว่าอะไรอ่ะคะ?”

“Lion ก็แปลว่าสิงโตไง  ฮ่าๆๆ”    คีตกาลหัวเราะอย่างสะใจ  ไม่เห็นว่าสายใจกับป้าแช่มหันไปมองหน้ากันอย่าตกใจ

ยกนี้เขาชนะแล้ว!

วะฮ่าฮ่าฮ่า !

.
.



เจ้าหมาน้อย Lion จอมซน  ซนและดื้อเหมือนคนที่เก็บมันมาเลี้ยงไม่มีผิด!   สีหราชถอนหายใจเมื่อเจ้าตัวดีอึเรี่ยราดข้างกล่องนอนของตัวเอง 
เมื่อเช้าเขาเห็นถ้วยนมของมันว่างเปล่าและเจ้าขนปุยทำท่าทางน่าสงสาร   ชายหนุ่มเลยเดินเข้าครัวเพื่อหานมมาให้มันกิน  ออกมาอีกทีก็พบเข้ากับวัตถุระเบิดขนาดย่อมซึ่งเขาเกือบจะเหยียบเข้าเสียด้วย   สีหราชโมโหจนขมับเต้นตุบเลยทีเดียว

“พ่อแกไปไหนฮึ?  ทำไมไม่หานมให้แกกินแล้วก็พาไปอึ”  ร่างสูงทรุดกายลงนั่งก่อนจะเทนมให้เจ้าขนปุย  มันส่ายหางสั้นๆอย่างดีอกดีใจวิ่งดุ๊กๆไปที่ชามของตัวเอง  พอกินหมดก็เงยหน้าเอาดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วคู่นั้นจ้องคนถือกล่องนม

‘ขออีก ขออีก’  เหมือนสีหราชจะได้ยินเสียงของมันร้องว่าอย่างนั้น   ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเทนมลงไปเพิ่ม

“ตะกละจริงเชียว  ท้องจะแตกแล้วนั่น”   มือใหญ่ยื่นแตะท้องเป่งใสของเจ้าตัวน้อยก็ให้เผลอยิ้มออกมา

‘ขออีก’

“พอแล้ว  ถ้าเกิดพ่อแกมาเห็นจะหาว่าฉันวางแผนฆาตกรรมแกโดยให้ท้องแตกตายนะ”  สีหราชหัวเราะ   เจ้าขนปุยวิ่งถลาเข้ามาหา   ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วใช้สองขาหน้าเกาะขากางเกงเขา

‘อุ้มหน่อย  อุ้มหน่อย’

“เอ้า”  มือใหญ่คว้าเจ้าขนปุยขึ้นอุ้ม  ท่าทางเขาจะประสาทเสียแล้ว  ดูซิ  แค่มันแสดงท่าทีเขาก็นึกว่าตัวเองได้ยินมันพูดอย่างนั้นอย่างนี้ไปยกใหญ่   เจ้าขนปุยมีกลิ่นหอมของนมติดตัวมาด้วย   สีหราชยีหัวเจ้าตัวเล็กก่อนจะเอามันวางลงในกล่องตามเดิมเมื่อเหลือบเห็นใครอีกคน

“Lion~  เจ้าหมาน้อยของพ่อ~”   คีตกาลซึ่งวันนี้ตื่นสายพาหน้าตาที่ยังไม่ได้ล้างออกมาจากห้องแล้วตรงดิ่งมาหาเจ้าขนปุยทันที   มือขาวคว้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดมาหอมแล้วหัวเราะเสียงใส  “มีกลิ่นนมด้วย?”

“วันนี้นายตื่นสาย”

“หูย   มันก็ต้องมีบ้างแหละน่า  ใครมันจะตื่นก่อนไก่เหมือนนายทุกวัน”    สีหราชขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง  เขานึกอยากจะเขกกะโหลกคนตรงหน้าสักทีสองทีค่าที่ยอกย้อนเขาเสียทุกคำ

“...เออ  นายมายืนตรงนี้ซิ”  คีตกาลเหลือบมองร่างสูงอย่างไม่ไว้ใจเมื่อฝ่ายนั้นชีนิ้วลงไปข้างกล่องนอนเจ้า Lion

“ไม่อ่ะ  นายต้องหาเรื่องแกล้งฉันแน่ๆ”   แหม่   รู้ทันอีก!

“...ฉันจะให้นายดูไงว่ากล่องนี่มันดีพอหรือยัง  ลูกชายนายมันจะอยู่ได้ไหม?”

“ดูตรงนี้ก็ได้นี่  กล่องนี้มันก็ใหญ่พอแล้วนะ”

“....งั้น”  สีหราชจู่ๆก็ยื่นมือมาแย่งเจ้าขนปุยออกจากอกของคีตกาลมากอดไว้เอง

“เฮ้ย!  นายจะโยนมันทิ้งเรอะ!”

“จะบ้ารึไง! ถ้าฉันคิดจะโยนมันทิ้งฉันไม่เอานมมาให้มันกินหรอกนะ”  คีตกาลก้มลงมองชามนมของเจ้าตัวเล็กเมื่อได้ฟัง  ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังพุงกลมๆใสๆของหมาน้อย  “ตะกละจนท้องจะแตกด้วย”  สีหราชจิ้มนิ้วลงบนพุงป่องตึงนั้นเบาๆ

“นายจะแกล้งมันน่ะซิ”

“ให้มันน้อยๆหน่อยพ่อคุณ  ฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย”

“เหรอ?  น่าเชื่อมาก”  คีตกาลเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้   เมื่อวันก่อนโน้นใครกันที่ทำท่าจะโยนมันลงระเบียงน่ะ ห้ะ!

“โธ่~  ลูกพี่สิงห์ใจดีจริงๆนะ  ลูกพี่เอานมมาให้ป๋มกินทุกวันเลย”  สีหราชจับเท้าเล็กๆของเจ้าหมาน้อยขึ้นขยับ  พร้อมบีบเสียงให้เล็กคล้ายเด็กน้อย   แสร้งว่าเสียงพูดเมื่อครู่นี้เป็นของเจ้าขนปุยสีน้ำตาลนี่   คีตกาลกอดอกหรี่ตามองเม้มริมฝีปากแน่น  ผู้ชายตัวโตอย่างกับยักษ์บีบเสียงจนฟังดูตลก 

“ลูกพี่สิงห์?”

“อ่าฮะ”

“เอา Lion มานี่”  ร่างโปร่งขยับเท้าหมายจะแย่งเจ้าตัวเล็กมาจากอีกคน  สีหราชหัวเราะพลางขยับเท้าหนีให้คีตกาลขยับตาม

“พ่อคีย์ตื่นสาย  ป๋มหิวนะ”  สีหราชยังคงบีบเสียงเล็กเสียงน้อยต่อไป  จับขาหน้าเจ้าขนปุยขยับไปมา

“พรืด!  หยุดเลย”  ในที่สุดคีตกาลก็หลุดขำออกมาจนได้  ใบหน้าใสแต้มรอยยิ้มกว้าง

“แน่จริงก็จับป๋มให้ได้ซิ”  สีหราชขยับเท้าก้าวถอยหลัง  คีตกาลเท้าเอวอย่างนึกหมั่นไส้ก่อนจะขยับทีเดียวไปหยุดตรงหน้าร่างสูง  มือขาวแย่งเจ้าหมาน้อยมากอดได้สำเร็จ   อันที่จริงสีหราชยอมปล่อยให้อีกคนคว้าไปต่างหาก

“จับได้แล้ว~”

“.....”   สีหราชทำท่าจะมาแย่งคืน   คีตกาลเมื่อเห็นดังนั้นจึงขยับเท้าหนี  พอร่างสูงเบี่ยงซ้ายเขาก็ขยับขวา  พอฝ่ายนั้นขยับขวาคีตกาลก็ขยับซ้าย

“โอ๊ะ!”  เผละ!   ร่างโปร่งชะงักเท้าไม่ขยับเมื่อรู้สึกเหมือนเหยียบโดนอะไรเละๆบางอย่าง

“หึ  หึๆๆๆๆๆ”  สีหราชที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะลงคออย่างชอบใจ   คิ้วเรียวของคีตกาลขมวดมุ่นเมื่อเห็นฝ่ายนั้นหัวเราะก่อนจะก้มลงมองเท้าของตัวเอง   เขาค่อยๆยกเท้าขึ้นดูว่าตัวเองเหยียบอะไร

“....อี๋!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”  คราวนี้ร่างสูงหัวเราะสะใจเสียงดังให้คีตกาลเงยหน้าขึ้นขวับอย่างไม่ชอบใจ

“นายแกล้งฉัน!”

“ฉันแกล้งนายตรงไหน?”

“นายแกล้งให้ฉันเดินมาเหยียบขี้หมา!”

“ขี้หมา?”

“นี่ไง!  โธ่โว้ย!”  อยากจะสะบัดเท้าก็กลัวว่ามันจะกระเด็นไปที่อื่นๆ

“อ๋อ~~  ขี้เจ้า Lion นี่เอง”

“ไอ้!”

“ถ้าอย่างนั้นนายก็เก็บขี้เจ้า Lion มันด้วยนะ  เป็นพ่อมันนี่”   ว่าแล้วร่างสูงก็เดินจากไป  ทิ้งให้
คีตกาลเก็บขี้หมาคนเดียว

จากนั้นคีตกาลก็เรียนรู้แล้วว่า  ตื่นเช้ามาเขาต้องพาเจ้า Lion ไปปลดทุกข์ก่อนเป็นอันดับแรก  อย่าให้มันได้อึได้ฉี่เรี่ยราดบนบ้านเชียว  เพราะเขาจะต้องตามมาเก็บเองคนเดียว!


หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่4 หน้า2 [11มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 18-06-2015 21:59:08
.
.
.
“คุณคีย์ขา  สายใจขอโทษนะคะ”  เด็กสาวหน้าซีดนั่งลงข้างเตียงคนป่วย  ในมือยังคงมีผ้าเช็ดตัวเปียกชื้นถือไว้

“ขอโทษเรื่องอะไรน่ะเรา”

“ก็...หนู...หนูทำรอยสักคุณคีย์หายไปนี่คะ!”

“............”

“ฮือ”  พอเห็นคนบนเตียงไม่ตอบรับเด็กสาวก็ยิ่งใจเสีย

“ไม่เอาน่า  อย่าร้องไห้ซิ”

“แต่..”

“มันหายก็ช่างมันซิ”

“?”  สายใจเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกสงสัย  เธอทำรอยสักคุณคีย์หาย   คุณคีย์ไม่โกรธหรือ?

“นี่มันTattoo  ไม่ใช่รอยสักถาวรมันจะหายก็ไม่แปลกหรอก”

“หา?”

“ฮ่าๆ  ไม่ต้องตกใจหรอก  ถึงเวลามันก็หลุดลอกเองแหละ  ไม่เป็นเป็นไรเดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”  ชายหนุ่มก้มลงมองริ้วรอยขาดๆหายๆบนท่อนแขนตัวเองแล้วส่ายหัว  พอแหว่งแล้วดูน่าเกลียดชะมัด!

ดวงตาคมดุเหลือบขึ้นมองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วก็ให้เลิกคิ้วแปลกใจกับสิ่งที่เห็น   ริมฝีปากยกยิ้มอย่างชอบใจเพียงครู่ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วไม่ให้ใครสังเกต


ท่อนแขนเรียวขาวไร้ซึ่งริ้วรอยใดๆนั้นน่ามองเสียยิ่งกว่าการที่มีรอยสักหรือTattooบ้าๆบอๆนั่นเสียอีก!



**********


“วันนี้ฉันจะเข้ากรุงเทพนะ  นายจะฝากซื้ออะไรไหม?”  คีตกาลเอ่ยถามเพื่อนร่วมโต๊ะ  ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมอง  ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปฏิเสธว่าไม่ต้องการอะไร
รถคันงามเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาว  บรรดาสาวใช้ต่างก็วิ่งเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“คุณเพลง  คิดถึงจังเลยค่ะ”

“ผมก็คิดถึงพี่จิตเหมือนกันครับ”   ชายหนุ่มกอดสาวใช้สูงอายุร่างท้วมอย่างออดอ้อน “คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนครับ”

“ห้องหนังสือค่ะ”  ชายหนุ่มผละขึ้นชั้นบน
.
.

“คุณพ่อ  คิดถึงจังฮะ”    ร่างโปร่งทรุดลงคุกเข่ากอดเอวบิดาที่นั่งอยู่เก้าอี้โยกในห้องหนังสือ

“พ่อก็คิดถึงเรา”  คุณพีรพลกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มของบุตรชายแล้วผละออกมองใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้ดูเข้มคร้ามขึ้นจากการออกทำงานกลางแดด

“แล้วเป็นไงฮะ  เดินทางเหนื่อยไหม?  งานทางฝั่งนู้นเรียบร้อยหรือเปล่า?”  บุตรชายยิงคำถาม  ทำเอาคนสูงวัยหัวเราะอย่างชอบใจ

“เอาคำถามไหนก่อนดี  หืม  เจ้าตัวแสบ”

“คำถามไหนก่อนก็ได้ฮะ”  คีตกาลยกยิ้ม  มือยังไม่ละออกจากเอวบิดา

“ฮ่ะๆ เดินทางไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก  แล้วก็งานทางฝั่งโน้นเรียบร้อยดี”  คุณพีรพลลูบหัวบุตรชายอย่างรักใคร่  คุณยุวดีเองก็มองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มกว้าง  “ลูกล่ะ  ที่รีสอร์ทเป็นยังไง?”

“....”  คีตกาลเหลือบมองหน้ามารดาก่อนจะยิ้มแผ่วตอบบิดา  “ก็ดีฮะ”  ชายหนุ่มหรุบตาก่อนจะเอ่ยขอตัวกับบุพการีทั้งสองเพื่อไปอาบน้ำโดยไม่ทันเห็นแววตาเศร้าหมองของบิดาที่มองตามหลังมา

“ผม.....ตัดสินใจแล้วนะคุณ”   คุณยุวดีจับมือสามีบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตานิ่ง  บิดาของเขาคงไม่รู้ว่าหุ้นส่วนรีสอร์ทเป็นใครไม่อย่างนั้นคงไม่ใจดียอมให้เขาไปทำงานที่นั่นหรอก   เอาเถอะ  ยังไงสักวันก็ต้องรู้แหละนะ   อย่าเพิ่งเครียดไปเลย..



**********


ร่างโปร่งถอดหมวกบนศีรษะตัวเองมาพัดเนื่องจากวันนี้แดดแรง ซ้ำยังอบอ้าวเสียเหลือเกิน   เขาอยากจะถามว่าพระอาทิตย์ว่าเคยนึกอยากจะพักงานบ้างหรือเปล่า?  แวะกินน้ำแข็งไสไหม  เดี๋ยวเลี้ยงเอง   

โอ๊ย  ร้อนอย่างกับโดนเผา!

คนงานไถเกลี่ยพื้นดินบริเวณที่จะสร้างบ้านพักและส่วนรับรอง   อาทิตย์หน้าคงเริ่มลงมือสร้าง   เกียรติศักดิ์เองก็มาช่วยดูทุกวันพลางตะโกนสั่งลูกน้องว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง

“ผมว่าเริ่มลงต้นไม้ไว้ก็ดีนะครับพอเสร็จต้นไม้ก็รากแข็งแรงพอดี”

“เอ  พวกต้นไม้กับไม้ดอกโบราณคุณศักดิ์พอจะแนะนำได้บ้างไหมครับ?”

“อืม  ถ้าต้นโตเลยคงไม่กี่ชนิดครับ   คุณคีย์อยากได้ต้นอะไรบ้าง?”

“คุณแม่ท่านชอบพวกดอกลำดวนดอกจำปีอะไรพวกนี้น่ะครับ  พวกไม้หอมประมาณนั้น”

“อย่างนั้นสัปดาห์หน้าผมจะลองเข้าไปดูให้นะครับ”

“เออ  คุณศักดิ์ครับ  ผมอยากได้ต้นกันเกราด้วยคุณศักดิ์พอจะ…”

“อ้อ  มีครับ  พอดีคนรู้จักผมเขาปลูกขายอยู่   ต้นโตแล้วครับ  ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะให้เขาเอามาส่งแล้วกันนะครับ”  คีตกาลพยักหน้ายกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง   อันที่จริงเขาเองนั่นแหละที่ชอบไม้หอม   เอาคุณแม่มาอ้างเพราะกลัวจะโดนเกียรติศักดิ์มองแปลกๆ   สมัยนี้ไม้โบราณหาค่อนข้างยากและเด็กสมัยใหม่ก็แทบไม่รู้จักด้วยซ้ำ  ส่วนหนึ่งเพราะโรงเรียนไม่สอนและเด็กสมัยใหม่ไม่สนใจต้นไม้ใบหญ้าแบบนี้นัก

คีตกาลหันไปมองเมื่อรถจี้ปเคลื่อนเข้ามาใกล้    เมื่อเช้าสีหราชบอกว่าจะเข้าฟาร์มไปดูม้า   ช่วงสายๆไปดูส่วนที่สั่งไถเกลี่ยดินอีกฟาก   เห็นบอกว่าจะทำอะไรสักอย่างเขาก็ไม่ได้ใส่ใจถาม    ร่างสูงกระโดดลงมาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างคีตกาล
   
“เดี๋ยวให้นายพวงมาช่วยทางนี้อีกคัน”  ชายหนุ่มหมายถึงให้นายพวงเอารถมาช่วยทางฝั่งนี้เมื่อเขาเห็นพื้นที่ไถไปได้หนึ่งในสามส่วน

   “แล้วนายพวงทำฝั่งนู้นเสร็จแล้วหรือ?”

   “เสร็จแล้ว”

   “แล้วนายเกลี่ยพื้นที่ฝั่งโน้นทำอะไรอ่ะ?”

   “ทุ่งดอกไม้”

   “ห้ะ?”

   “ทุ่งดอกไม้”  คีตกาลเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา

   “ทุ่งดอกไม้?  เอาจริงดิ?  ทำไมทำทุ่งดอกไม้?”

“เอาไว้สำหรับให้ลูกค้าขี่ม้าไง”   ร่างโปร่งหัวเราะเมื่อได้ฟัง

“ฮ่าๆๆ  ใครคิดให้เนี่ย?”

“ฉันคิดเอง  ถ้ามีม้าแต่ไม่มีที่ให้ขี่ก็ไม่มีความหมายใช่ไหมล่ะ?”  คีตกาลพยักหน้ารับเมื่อคิดตามอีกฝ่าย  ทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตาคงทำให้สาวๆชอบกันมากพอดู

“เจ๋งดีนี่”  ริมฝีปากหยักยกยิ้ม  ในอกพองฟูคล้ายมีบางอย่างบินวนอยู่ในนั้น  ยิ่งคนตรงหน้ายิ้มกว้างพร้อมดวงตาหยียิ่งทำให้สีหราชใจเต้น   ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับไปพลางเล่าว่าทุ่งดอกไม้นั้นเขาจะปลูกอะไรบ้าง  ทำอะไรบ้าง  คนฟังก็ทำหน้าที่ได้ดี   คีตกาลเสนอความคิดสอดแทรกบ้างเป็นระยะอย่างเผลอตัว

“จริงซิ  ตอนเย็นเราจะมีแขกนะ”

“แขก?”

“ไปเถอะ  บ่ายมากแล้ว  ทางนี้ให้คุณศักดิ์เขาดูไป”

“เฮ้ย  ไหนว่าแขกจะมาตอนเย็นไง?  จะรีบกลับไปไหน?”

“จะพาไปขี่ม้าเล่น”  เท่านั้นแหละ  ไม่ต้องรอให้ร่างสูงบอกซ้ำคีตกาลก็วิ่งขึ้นรถทันที

บนยอดเนินสูงและแรงลมทำเอาคีตกาลต้องพยายามพยุงตัวเองไม่ให้ปลิวไปเสียก่อน   ตอนนี้เขาอยู่บนหลังเจ้า Music ส่วนสีหาชอยู่บนหลังเจ้าสายฟ้าตัวเดิม     ทั้งสองคนเอาม้าผูกไม้กับต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง   คีตกาลยิ้มกว้างเมื่อมายืนตรงจุดซึ่งคาดว่าน่าจะสูงที่สุดของเนินนี้  เบื้องล่างที่มองเห็นคือฟาร์มม้าของสีหราชและพื้นที่ว่างเปล่าที่ฝ่ายนั้นบอกว่าจะทำเป็นทุ่งดอกไม้  นี่ถ้าลงมือปลูกเมื่อไหร่คงสวยมากแน่ๆ

“วิวสวยมาก”  คีตกาลเอ่ยปากชม

“ยิ่งถ้าปลูกดอกไม้เมื่อไหร่...”

“ก็จะยิ่งสวยมากกว่านี้”   ร่างโปร่งเอ่ยต่อประโยคของสีหราช  “พื้นที่ส่วนตรงนี้เป็นของนายด้วยหรือเปล่า?”  สีหราชพยักหน้ารับก่อนจะชี้นิ้วไปรอบๆบริเวณ

“จากตรงนั้นถึงตรงนั้น...”

“...กว้างพอดูเลยนะนี่”

“อืม”

“....นายถูกรางวัลที่หนึ่งมาหรือไง?”  คีตกาลเอ่ยถามกลั้วหัวเราะเย้าแหย่  เขาสงสัยตั้งแต่คราวรู้ว่าอีกฝ่ายมีฟาร์มม้าแล้ว  เพราะก่อนหน้านี้สี่ปีคนตรงหน้าเขายังมีแค่ตัวเปล่าอยู่เลย

“เปล่า  ค้ายา”  เสียงทุ้มเอ่ยนิ่งๆ สีหน้าไม่บ่งบอกว่าล้อเล่นสักนิด

“นายโกหกใช่ไหม?”  คีตกาลมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อ  คิ้วเรียวขมวดฉับเมื่อร่างสูงเอ่ยจบประโยค

“ก็โกหกน่ะซิ”

“....ไอ้!”   คีตกาลอยากเตะให้อีกคนตกเนินตกเขาเสียเหลือเกิน  ทำให้เขาตกใจทำไมกัน!

“ถูกรางวัลที่หนึ่งอย่างนายว่านั่นแหละ”

“......”  คราวนี้คีตกาลขมวดคิ้วมองเหมือนไม่เชื่ออีก

“จริงๆ”

“......โกหกป่ะเนี่ย?”

“52ล้านอ่ะ”

“เฮ้ย!”  สีหราชเท้าเอวยักคิ้วมองคนที่ตกใจจนเซถอยก็ให้นึกขำ

“โกหกดันเชื่อ  พอพูดความจริงแล้วไม่เชื่อ   คนอะไร”  ร่างสูงส่ายหัวอย่างขำๆ

“....อะแฮ่ม   แล้วที่ตรงนี้จะทำเป็นจุดชมวิวไหม?”   คีตกาลเสเปลี่ยนเรื่อง   สีหราชยืนนิ่ง  ใบหน้าเข้มคร้ามเรียบเฉยมองลงไปด้านล่างคล้ายคิดบางอย่างอยู่ในใจ   ครู่ใหญ่กว่าจะตอบคำถามของอีกคน

“ไม่”

“ทำไมล่ะ?  ถ้าทำเป็นจุดชมวิวล่ะก็ลูกค้าต้องชอบมากแน่ๆ” 

“เพราะฉันไม่ต้องการให้ลูกค้าหรือใครๆมาชอบ”  ดวงตาเข้มดุหันมองคนถาม   มองนิ่งเข้าไปในดวงตาเรียวสีดำขลับคู่นั้นของคีตกาล      นิ่งเนิ่นนาน...

สถานที่ตรงนี้...เขาไม่ได้อยากสร้างมันให้ลูกค้าหรือใครคนไหนมาชื่นชอบ   แค่อยากเก็บเอาไว้...เพื่อ....

“ก็ตามใจละกัน”   ร่างโปร่งเสหลบตาก่อนจะเดินไปปลดเชือกเจ้า Music แล้วขึ้นควบออกไป

“.....แค่...คนเดียว”   เสียงทุ้มพึมพำแผ่วกับตัวเอง  ชายหนุ่มยืนมองแผ่นหลังของคีตกาลค่อยๆห่างออกไปแล้วถอนหายใจ










   



โปรดติดตามตอนต่อไป




แถมท้ายช่วง


“คุณคีย์นี่เวลาไม่สบายงอแงมากๆเลย  ยังกะคนแพ้ท้อง”

“พรวด!  แค่กๆๆๆ”  คนโดนนินทาสำลักน้ำมะพร้าวที่ดูดเข้าไปอย่างกระหาย  ไอเสียจนหน้าดำหน้าแดง  ร้อนให้เด็กสายใจต้องวิ่งมาลูบหน้าลูบหลัง

“อะไรของเราน่ะ?”  สีหราชขมวดคิ้วฉับ  มองเด็กสาวอย่างไม่ใคร่ชอบใจเพราะประโยคนั้นนัก  หากเจ้าหล่อนก็ยังไม่รู้ตัวเอ่ยเจื้อยแจ้วต่อ

“เอ้า  ก็คุณคีย์ร้องจะกินส้มเอย  น้ำมะพร้าวเอย  นี่ถ้าคุณคีย์เป็นผู้หญิงนะ  หนูนึกว่าแพ้ท้องชัวร์” 

“เด็กบ้า!”  คีตกาลตวาดเสียงขุ่นพลางไอไม่หยุด

“จริงนะคะ  แล้วคุณสิงห์ก็เป็นคุณพ่อมือใหม่  วิ่งไปแบกมะพร้าวมาทั้งทลายให้เมียกิน  คริๆๆๆ”

“สายใจ!”  คราวนี้คนดุเป็นสีหราชเสียเอง   สายใจถึงกับหน้าซีดเอ่ยปากขอโทษคีตกาลที่ลามปามเล่นเลยเถิดมากเกินไป


หากไม่มีใครเห็น....ใบหน้าเข้มคร้ามของสีหราชขึ้นสีแดงเรื่อ...กับประโยคเหล่านั้นของสายใจ




.
.
.



สวัสดีค่ะ  วันนี้มาสั้นๆเนอะ 
ฝากดูคำผิดด้วยนะคะ  มึนๆ ฮา..
มีอะไรติ-ชมกันได้นะคะ ไม่ว่ากันเนอะ  จะได้พัฒนาปรับปรุงกันไปค่ะ


ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ  แม้จำนวนไม่มากแต่ทุกกำลังใจที่ให้กันมานั้นยิ่งใหญ่และมีค่าเสมอ..
เป็นทั้งแรงกระตุ้น  แรงบันดาลใจให้นิยายเรื่องนี้นั้นดำเนินต่อและลื่นไหล...
อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับไป..
จะพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิมนะคะ^^

กอดสามที  + หอมแก้มซ้ายขวา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 18-06-2015 22:59:14
หลบตาไปก่อนทำไม ไม่อยากรู้หรือไม่กล้ารับรู้



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 18-06-2015 23:51:59
รอต่อคับบ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-06-2015 00:50:00
ยังรักเค้าอยู่ก็เดินหน้าลุยต่อไปค่ะคุณสิงห์
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-06-2015 01:03:24
น่ารักอะ

ละเเทตทูละเป็นไง
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 19-06-2015 01:24:29
น่ารักอ่ะ ต่างคนต่างยังมีเยื่อใย แต่แล้วทำไมเป็นแบบนี้น้า
รอตอนต่อนะคะ สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 19-06-2015 02:38:48
ชอบมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: s.mosis ที่ 19-06-2015 02:52:14
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-06-2015 05:49:26
เวลาเราป่วยเราก็อยากกินแบบคีย์นะ แต่หากินเองค่ะไม่มีคนหาให้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-06-2015 06:27:51
คุณพ่อต้องมีส่วนรู้เห็นในการเลิกกันของสิงห์กับเพลงแน่เลยนะคะ ถึงได้พูดประโยคน่าสงสัยออกมาแบบนั้นน่ะค่ะ ^^ ..

ส่วนเจ้า Lion ช่วยเป็นตัวเชื่อมสายสัมพันธ์ให้สิงห์กับเพลงได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นแบบนี้ดีจังเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมันมาด้วยการที่เพลงได้สัมผัสกับความหยุ่น(?)...ของ Lion ก็เถอะนะค้าา :laugh:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: feoh ที่ 19-06-2015 09:58:10
น่ารักมากเลยค่ะ ขอฉากสิงห์หึงเพลงเยอะๆ นะคะ ชอบ^^ :z1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-06-2015 10:23:55
ถูกหวย 52 ล้านจริงดิ ... เลขไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 19-06-2015 10:36:25
น่ารักกกกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1:
เวลาเพลงอยู่กับสิงห์แล้วดูเด็กน้อยอ่ะ
น่าแกล้ง 5555555
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-06-2015 19:46:15
มีมองตา หลบตากันด้วย

พ่อเพลงเศร้าอะไร ตัดสินใจอะไร

แล้วใครจะมาเป็นแขกที่ฟาร์มของสีหราช
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 20-06-2015 09:38:49
ชอบบบเราชอบเรื่องที่แบบเคยเป็นแฟนกันและเลิกไป เหมือนยังมีความรักอยู่และมาเจอกันงี้
น่ารักมากกกกกค่ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 20-06-2015 22:14:42
น่ารักมากกกกกเลยค่ะ กดติดตามเลยย 5555
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-06-2015 23:39:35
 :z1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 03-07-2015 21:23:29
~  แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก ~

รักพัดหวน

ตอนที่ 6



เสียงรถเคลื่อนมาจอดทำให้คีตกาลละมือจากกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนเหลียวไปมอง





“ไอ้สิงห์โว้ย ไอ้สิงห์!”   เสียงตะโกนร้องเรียกหาเจ้าของบ้านทำเอาคีตกาลขมวดคิ้ว   เรียกหากันแบบนี้คงเป็นเพื่อนมากกว่าแขกทางธุรกิจกระมัง?   

“เฮ้ย  ขึ้นมาบนนี้เลย”  สีหราชที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จเท้าแขนกับระเบียงบ้านขานรับคนเรียก   เสียงย่ำบันไดดังเอี๊ยดเนื่องจากผู้มาเยือนนั่นร่างสูงใหญ่ระรัวเท้าวิ่งขึ้นมา

“ไง  ไม่เจอกันนาน  กูโคตรคิดถึงมึงเลยว่ะ”  ผู้มาใหม่ถลาเข้ากอดเจ้าของบ้านเต็มแขนบ่งบอกว่าคิดถึงมากอย่างปากว่าจริงๆ

“มึงก็เว่อร์ไปไอ้เอม  เดือนก่อนเพิ่งไปกินเหล้าด้วยกันมาเอง”  สีหราชยิ้มกว้างพลางตบหลังเพื่อนเสียงดังป้าบ  คนบ่นว่าคิดถึงหัวเราะเสียงดังแล้วผละอ้อมกอดออก

“เอ้า  ก็กูคิดถึงมึงจริงๆนี่หว่า”

“ไปๆ  กินข้าวมาหรือยัง  นี่ป้าแช่มเตรียมของโปรดไว้รอมึงเลยนะ”  เจ้าของบ้านถามหากไม่รอคำตอบเพราะบังคับไปแล้วว่า  ถึงอีกฝ่ายจะกินข้าวมาแล้วก็ต้องกินอีกเพราะป้าแช่มเตรียมอาหารไว้แล้ว

“แหม่  เล่นพูดแบบนี้ใครจะกล้าบอกว่ากินมาแล้ว”  เอมหัวเราะพลางเดินไปทางห้องทานอาหาร  หากต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นใครบางคนนอกเหนือเจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงแหย่งไม้สักตัวเขื่องในห้องรับแขก

“หวัดดี”  คีตกาลเอ่ยทักก่อนเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย  อิ่มเอม  เพื่อนของสีหราช   อิ่มเอม  ชื่อที่ดูละมุนหากตรงข้ามกับรูปลักษณ์ยิ่งนัก  เพราะอิ่มเอมเป็นชายร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเซน  หน้าคมคิ้วเข้มเพราะมีเชื้อแขก

“หวะ  หวัดดี”  อิ่มเอมยิ้มแหยก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของบ้าน  “เฮ้ย  นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?  ทำไมเขามาอยู่ที่นี่?”  สีหน้าซีดเผือดของเพื่อนสนิททำเอาสีหราชขมวดคิ้ว  หากไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอิ่มเอมนั้นเป็นเพื่อนสนิทและรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับคีตกาลช่วงก่อนที่จะเลิกกันว่าเป็นอย่างไร  แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เขามาเจอกับคีตกาลอีกครั้งเขาก็ไม่ได้บอกอิ่มเอมนี่นะ  เอาเถอะ   เพราะมัวแต่ยุ่งๆน่ะ
แหละเลยไม่ได้บอก

“ก็...มันมีอะไรหลายอย่างน่ะ”  สีหราชตอบไม่เต็มเสียง  เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเพื่อนว่าคีตกาลอยู่ที่นี่  อิ่มเอมเป็นเพื่อนในไม่กี่คนที่อยู่ปลอบใจเขาตอนเลิกกันกับคีตกาล  เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด

“อย่าบอกนะว่ากลับมาคบกันอีก?”

“.......”

“ไอ้สิงห์!

“เอาน่ากินข้าวกันก่อนเถอะ  ป้าแช่มเตรียมไว้แล้ว  ประเดี๋ยวอาหารจะชืดไปเสียก่อน”  สีหราชเดินนำอีกฝ่ายไป   อิ่มเอมขมวดคิ้วถอนหายใจ

“.....”   คีตกาลวางกีต้าร์ในมือลงแล้วตามทั้งสองคนเข้าไปยังโต๊ะทานข้าว   กีต้าร์ตัวนี้เขาไม่ได้คืนให้สีหราช  อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ทวงคืน
สงสัยจะโดนทิ้งเสียแล้วกระมัง?



“เออ  จริงซิ  มึงจำแป้งได้ไหม?”

“แป้ง?”

“ใช่  คนที่นั่งข้างกูตอนเรียนวิชา....ตลอดอ่ะ”

“หมวยๆ?”

“ใช่  วันก่อนกูเจอเขาที่สนามบิน  ถามถึงมึงด้วยนะ”

“ถามหากูทำไมวะ?”   สีหราชนึกถึงเด็กสาวที่มักจะนั่งข้างอิ่มเอมตลอดทุกวิชาหนึ่ง   เธอยิ้มเก่งคุยเก่งจนเขาพลอยรู้จักสนิทสนมกับเธอไปโดยปริยาย

“อย่ามาๆ  เขาถามถึงมึงจะแปลกอะไร  ก็เขาชอบมึงนี่”

“.......”  มือขาวที่กำลังเขี่ยข้าวในจานชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะขยับต่อราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาของสองเพื่อนซี้

“มึงก็พูดไปไอ้เอม”  สีหราชปรามเพื่อนเสียงนิ่ง  หากสายตากลับเหลือบมองคีตกาลไม่วาง   และนั่นทำเอาอิ่มเอมถึงกับหงุดหงิด

“มึงก็รู้ไอ้สิงห์ว่าเขาชอบมึง  ไอ้ที่หาเรื่องมานั่งข้างกูตลอดเพราะกะจะให้กูช่วยจีบมึงไง”  อิ่มเอมผละจากจานข้าวกอดอกมองเพื่อนที่เอาแต่จ้องหน้าคีตกาลนิ่ง

“พอเหอะน่ามึง”

“นี่กูชวนเขามาเที่ยวที่ฟาร์มมึงด้วยนะ”

“ไอ้เอม!”  คราวนี้สีหราชละสายตาจากคนที่ก้มหน้านิ่งได้เสียที  ชายหนุ่มถลึงตามองเพื่อนสนิทอย่างไม่ชอบใจ

“อ้าว  ทำไมล่ะ?  ตอนนี้มึงก็ไม่ได้คบใครนี่”

“....ขอตัวก่อนนะ”  คีตกาลรวบช้อนพลางเอ่ยขอตัวลุกออกไปโดยไม่มองหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะสักคน   ร่างโปร่งจึงไม่เห็นว่าอิ่มเอมทำท่าไม่สบอารมณ์ยามเมื่อเขาเดินผ่าน

“ไอ้เอม!”

“ทำไม?  มึงตะคอกกูทำไมห้ะไอ้สิงห์?  โกรธกูเหรอ?”

“......”  สีหราชกำมือแน่น  เขาโกรธเพื่อนแต่ก็ไม่อยากจะโกรธ  เขารู้ว่าเพื่อนทำไปทำไม

“มึงโกรธกูเรื่องอะไร?”  อิ่มเอมกอดอกจ้องหน้าไม่ยอมแพ้

“ไอ้เอม  กูขอ  อย่าพูดถึงแป้งอีกได้ไหม?”

“ทำไม?”

“.....”

“เพราะไอ้เพลงเหรอ?”

“เอม....กู...”

“มึงนั่นแหละที่ต้องหยุดพูดไอ้สิงห์”

“......”

“อย่ามาพูดเรื่องไอ้เพลงกับกู”   สีหราชมองหน้าเพื่อนที่กำลังจ้องตอบกลับมา  อิ่มเอมโกรธคีตกาลมากเขารู้

“....มันคงยาก”

“หมายความว่ายังไง?  แล้วนี่มึงอธิบายเรื่องที่เขามาอยู่ที่นี่ด้วยเลยนะ”   อิ่มเอมคาดคั้น

“เพลงเขาอยู่ที่นี่”

“พวกมึงกลับมาคบกัน?”

“เปล่า”

“แล้ว?”

“กูกับแม่เขาเป็นหุ้นส่วนกัน   รีสอร์ทที่กูขอให้มึงมาช่วยไง”

“มึงไม่เห็นบอกกูว่านั่นเป็นแม่ไอ้เพลง!”

“ก็นี่ไง  พอบอกมึงก็จะโกรธแบบนี้”   สีหราชถอนหายใจ

“ก็มันสมควรให้กูโกรธไหม?  มันทิ้งมึงไปนะ!”

“เพลงเขามีเหตุผลของเขานะไอ้เอม”  สีหราชปรามเพื่อนที่เริ่มเสียงดังขึ้น   ดวงตาคมดุจ้องหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง

“แต่....”

“ไอ้เอม!”  สีหราชเอ่ยเสียงเข้ม  เขารู้ว่าเพื่อนสนิทโกรธคีตกาล  เขายอมให้โกรธแต่จะไม่ยอมให้ใครว่าพูดเรื่องนี้อีก
   .
   .

ร่างโปร่งเดินวนไปวนมาพลางกัดเล็บไปพลาง   ประเดี๋ยวนั่งประเดี๋ยวลุก  เรื่องในหัวตีกันจนวุ่นไปหมด   นายอิ่มเอมนั่นทำอย่างกับเขาไม่มีตัวตนทั้งๆที่ฝ่ายนั้นก็เคยสนิทสนมด้วยกันกับเขามาก่อนแท้ๆ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงหมาหอนดังระงมขึ้น    สายใจบอกว่าพรุ่งนี้วันพระคืนนี้อย่าลืมสวดมนต์ก่อนนอน   เขาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนแล้วถลาไปปิดหน้าต่าง    สายลมเย็นเอื่อยพร้อมกลิ่นดอกราตรีทำเอาเขาขมวดคิ้วคำรบสอง   คีตกาลยังนึกแคลงใจว่าทำไมสายใจต้องบอกให้เขาสวดมนต์ก่อนนอน  หรือว่า....   ร่างโปร่งเหลียวมองรอบห้องก่อนจะคว้าหมอนแล้ววิ่งออกไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

มือขาวระรัวเคาะประตูห้องคนติดกันพลางเหลียวมองรอบเรือน  บ้านนี้นอนกันตั้งแต่หัวค่ำดังนั้นตอนนี้ทั่วทั้งบ้านจึงมืดสนิทชนิดที่แทบมองไม่เห็นนิ้วตัวเอง   ยิ่งเมื่อเจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูคีตกาลยิ่งระรัวเคาะราวกับจะให้มันพัง

“มีอะไร?”   ร่างสูงใหญ่ของสีหราชปรากฎขึ้นตรงหน้าพร้อมไฟฉายในมือ   ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองคีตกาลที่กอดหมอนอยู่หน้าห้องอย่างสงสัย

“นอนด้วยคน”

“ห้ะ?”  ไม่รอให้เจ้าของตอบรับร่างโปร่งของคีตกาลก็พุ่งขึ้นไปบนเตียงแล้วเรียบร้อย

“เฮ้ย  อะไรวะ?”  อิ่มเอมสะดุ้งกายลุกขึ้นนั่งร้องโวยวาย

“คีตกาล!”  สีหราชกวาดไฟฉายใส่ผู้มาเยือน

“นอนด้วย”

“เห้ย  ไอ้เพลง  มึงไปนอนห้องโน้นซิวะ”  อิ่มเอมโวยวาย

“ไม่ไป”   

“ไอ้เพลง!

“มีอะไรหรือเปล่า?”  สีหราชเป็นฝ่ายถาม

“กลัวผี”

“ห้ะ?/ห้ะ?”   พอได้คำตอบสีหราชจึงได้ยินเสียงหมาหอนที่ขานรับกันเป็นทอดๆแล้วยกยิ้ม

“หมามันติดสัดหรอกมึง  มึงกลับไปนอนห้องโน้นเลยนะ”  คนอีกฝั่งดันไหล่คีตกาลให้ลงไปจากเตียง

“หมาบ้านมึงติดสัดฤดูนี้หรือไง?”  มึงมาก็กูไป   เรื่องอะไรต้องมาสุภาพใส่

“แต่เตียงมันแคบ!”

“งั้นมึงลงไปนอนบนพื้น”

“ไอ้เพลง!”

“พอๆ  ทั้งสองคนนั่นแหละ   สรุปพวกนายนอนที่นี่กันสองคนฉันจะไปนอนอีกห้องเอง”

“กูไม่นอนกับไอ้เพลงสองคนหรอกนะ”  อิ่มเอมโวยวายอีกคำรบทำเอาเจ้าของห้องถึงกับกุมขมับ

“กูก็ไม่นอนกับมึงสองคนเหมือนกัน”  นี่ก็ไม่ยอมแพ้

“โอเคๆ  นอนด้วยกันที่นี่ทั้งหมดนี่แหละ”  สีหราชถอนหายใจ  ไม่รู้ว่าคีตกาลเกิดนึกกลัวผีอะไรขึ้นมาตอนนี้  นอนบ้านนี้มาเป็นเดือนแล้วแท้ๆ

“ฉันนอนตรงกลาง”  คีตกาลวางหมอนแล้วล้มตัวลงนอนยึดพื้นที่ทันที   ปล่อยให้คนตัวโตขนาบข้างซึ่งไม่รู้ว่านอนๆไปจะเผลอตกเตียงไปตอนไหน
ท่ามกลางความมืด    แม้จะอึดอัดไปบ้างเพราะผู้ชายตัวโตๆสามคนนอนเบียดกันจนแทบขยับตัวไม่ได้หากคีตกาลก็ยังคงยกยิ้มมุมปาก   ไอ้เรื่องกลัวผีน่ะเหรอ   โกหกทั้งเพ! เขาก็แค่อยากแกล้งนายอิ่มเอมเท่านั้น   โถ   คิดจะทำเหมือนคีตกาลคนนี้ไม่มีตัวตนอย่างนั้นหรือ?   ฝันไปเถอะ!
.
.



อิ่มเอมบิดกายไล่ความเมื่อยขบก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงกระดูกตัวเองลั่นกร๊อบ   ชายหนุ่มเหลือบไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟสบายอารมณ์แล้วให้นึกหมั่นไส้

“หมั่นไส้จริงโว้ย  ทำตัวยังกับเจ้าของบ้าน”

“สายใจ  วันนี้กาแฟของสายใจอร๊อยอร่อย”  คีตกาลทำหูทวนลมแล้วพูดกับเด็กสาวข้างตัวที่ยิ้มแก้มแตก

“คุณคีย์ขา  รับขนมปังเพิ่มไหมคะ?” เด็กสาวเอาใจก่อนจะเอ่ยถามอิ่มเอมที่จ้องมองมาอย่างไม่ชอบใจ  “คุณเอมรับกาแฟด้วยไหมคะ?”

“ไปดูแลคุณคีย์ขาของสายใจเถอะ!”

สีหราชขมวดคิ้วมองคนหนึ่งที่นั่งจิบกาแฟ  อีกคนที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งก็ส่ายหัวแล้วเรียกเพื่อนสนิทให้มานั่ง  นั่นแหละอิ่มเอมชายตัวโตแต่ขี้ใจน้อยจึงยอมเดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน

“วันนี้กูเข้าฟาร์มด้วยนะ”

“อืม  งั้นเดี๋ยวเอารถไปละกัน”

“แต่กูอยากขี่ม้า”

“วันนี้นายเขียวไม่ได้เอาสายฟ้ามาให้”

“ก็เจ้าตัวที่อยู่ตรงต้นจำปีนั่นล่ะ?”

“....นั่นเจ้า Music ของคีตกาล”

“มึงว่าอะไรนะ?”  อิ่มเอมมองหน้าเพื่อนก่อนจะหันไปจ้องอีกคนอย่างไม่ชอบใจ

“เจ้า Music เป็นม้าของคีตกาล”

“Music?”    อิ่มเอมถามเพื่อนอย่างไม่เชื่อหู  “นี่มึง....”

“เอาล่ะไอ้เอม   ถ้ามึงจะไปฟาร์มกับกูกับรีบกินซะ”  สีหราชตัดบท   อิ่มเอมฮึดฮัดอย่างขัดใจหากไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก  คีตกาลที่ดื่มกาแฟหมดแก้วแล้วหันไปทางสายใจ

“สายใจ  เจ้า Lion กินข้าวหรือยัง”  อิ่มเอมที่พยายามสงบจิตสงบใจถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง  อะไรวะ?  มีทั้งMusicทั้งLionเลยเหรอวะ?

“ยังค่ะ  ประเดี๋ยวสายใจจะเอานมไปให้ค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้เอง”  ว่าแล้วร่างโปร่งก็ลุกออกไปทันที   อิ่มเอมหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างขอคำตอบ  หากสีหราชกลับทำเพียงยิ้มมุมปากไม่ตอบอะไร

“Lion~”   อิ่มเอมขมวดคิ้วเมื่อเห็นคีตกาลนั่งยองๆตรงหน้ากล่องสีน้ำตาลบังเจ้า Lionเสียมิด   ไหนดูซิว่าเจ้าLionนี่มันตัวอะไร
ลูกหมาขนปุยสีน้ำตาลกระดิกหางดีใจ  หลังกินนมหมดก็ตะกายขาคนให้อาหารทันทีอย่างออดอ้อน  คีตกาลหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนจะยีหัวเจ้าตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว  เจ้าขนปุยเหลือบมาเห็นผู้มาใหม่ก็กระดิกหางผละออกจากคีตกาลแล้ววิ่งไปยังคนคนนั้นทันที   อิ่มเอมเบิกตากว้าง  มองเจ้าขนปุยตัวเล็กสลับกับร่างโปร่งของคีตกาล

“Lion?”  อิ่มเอมชี้เจ้าตัวเล็กที่ตะกายขาเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย 

“นี่แหละLion  หมาฉันเอง”  คีตกาลยิ้มตาหยีโอ้อวด

“ไอ้เพลง!”  อิ่มเอมตะโกนลั่นบ้าน   นิ้วเรียวยาวชี้หน้าคีตกาลสั่นระริก  ขายาวยกขึ้นสูง  เป้าหมายคือเจ้าLionสีน้ำตาลตรงหน้า    กูจะเหยียบให้ตาย!

“ไอ้เอม! มึงไปกับกู”  สีหราชคว้าคอเสื้อเพื่อนสนิทแล้วลากลงบันไดไป

“ไอ้สิงห์  แม่งมันตั้งชื่อหมาให้เหมือนมึงนะ!”

“เออน่า  มึงค่อยเหยียบมันวันหลัง!”   สีหราชลากคอเพื่อนขึ้นรถ  ขืนให้อยู่ต่อมีหวังมันกระทืบคีตกาลไปพร้อมเจ้าLionแหงๆ
คีตกาลมองคนร่างสูงใหญ่ของสองเพื่อนซี้ไปจบลับตาก่อนจะหัวเราะเสียงดัง    เล่นกับใครไม่เล่น  เล่นกับไอ้เพลงเหรออิ่มเอม~


**********


คีตกาลเงยหน้าจากเจ้า  Lion ขึ้นมองรถไม่คุ้นตาที่เข้ามาจอดใต้ร่มต้นจำปี   วันนี้เลิกงานเร็วเพราะเกียรติศักดิ์เอาต้นไม้มาให้  เห็นว่าอีกสองสามวันจะหาลูกน้องมาลงต้นให้อีกทีเขาเลยกลับมาเล่นกับลูกหมา  ส่วนเจ้าของบ้านพาเพื่อนสนิทไปขี่ม้าถึงไหนเขาเองก็คร้านจะสนใจ   ร่างเพรียวสะโอดสะองในชุดเข้ารูปสีอ่อนก้าวลงมาจากรถคันหรู   คีตกาลเลิกคิ้วเมื่อรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่าย

“สวัสดีค่ะ  ฉันมาหาคุณสิงห์กับคุณเอม”   หญิงสาวแย้มยิ้มน่ามองเอ่ยบอกเขาที่ยังคงอุ้มลูกหมาเอาไว้บนตัก

“ไม่อยู่”

“แต่คุณเอมบอกว่า....”

“ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่  จะรอไหม?”   เจ้าหล่อนพยักหน้ารับ  คีตกาลกัดริมฝีปากนึกอยากทึ้งหัวตัวเองนัก  ทำไมเขาทำตัวได้น่าเกลียดแบบนี้นะ  ปรกติแล้วเขาจะเป็นสุภาพบุรุษกับเพศหญิงแทบทุกคน   บางครั้งยังลามไปถึงหนุ่มน้อยน่ารักอีกด้วย   เพียงแค่นายอิ่มเอมบอกว่า....อ้อ  จำได้แล้ว  ผู้หญิงตรงหน้าเขาชื่อแป้งซินะ  บอกว่าคุณแป้งจะมาเขาก็ทำตัวแย่ใส่อีกฝ่ายตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกเลย

“เอ่อ   คุณ?”

“เพลง”  ไม่รู้ทำไม   เขาถึงบอกชื่อนี้ออกไป  ตลอดสี่ปีมานี้ไม่ว่าใครถามเขาว่าชื่ออะไร  เขาจะบอกว่าชื่อ คีย์ตลอดแท้ๆ

“เพลง?”  หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง  ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดมุ่น   ใบหน้าสวยเริ่มซีดเผือด   

“คุณไม่สบายหรือเปล่า?”   คีตกาลวางเจ้า Lion ลงก่อนจะเช็ดมือแล้วเข้าไปแตะแขนขาวของหญิงสาวแผ่วเบาเพื่อให้เธอนั่งพัก

“ฉัน....”

“สายใจ   ขอน้ำเย็นให้แขกหน่อย”  สายใจที่เยี่ยมหน้ามามองตั้งแต่ได้ยินเสียงรถพยักหน้ารับก่อนจะออกมาพร้อมน้ำเย็นลอยดอกมะลิกับผ้าเย็น

“เอ่อ  ฉันขอแก้วใหม่ได้ไหมจ๊ะ   มันมีกลิ่นมะลิฉันไม่ชอบน่ะ”  สายใจกลับเข้าไปเอาน้ำแก้วใหม่มาอีกครั้งก็พอดีที่สีหราชและอิ่มเอมกลับมาถึงพอดี   แป้งลุกขึ้นยืนก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งสองคน

“แป้ง  มาถึงนานหรือยัง?”  อิ่มเอมเอ่ยทักก่อนคนแรก  ส่วนสีหราชพอเห็นว่าใครมาเยือนก็ชะงักเท้า   เพียงครู่จึงเดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน

“สักครู่นี้เองจ้ะ  สิงห์  สวัสดีค่ะ”  เธอยิ้มสวยให้เจ้าของบ้าน   ชายหนุ่มเอ่ยสวัสดีแล้วแยกตัวออกมาหาคนที่ยืนนิ่งอยู่กับเจ้า Lion

“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ?”

“คุณศักดิ์เอาต้นไม้มาส่งแล้วกลับไปหาลูกน้องที่จะมาลงต้นไม้น่ะ”

“อืม”

“.....”  คีตกาลเหลือบมองใบหน้าเข้มคร้ามที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วก็ให้เสหลบตา  ก่อนจะเดินขึ้นเรือนพร้อมลูกหมาตัวน้อย

“ไอ้สิงห์  ใจคอมึงจะทิ้งแขกไว้ให้กูคุยคนเดียวหรือไง?”

“เอ้า  ก็แขกมึง”  สีหราชตอบกลับ  ทำเอาหญิงสาวหน้าซีดคำรบสอง   เธอมาที่นี่ตามคำชวนของอิ่มเอม    เจ้าของบ้านเขาไม่ได้ชวนเลยสักนิด

“เอ่อ  เดี๋ยวแป้งกลับดีกว่า”

“เฮ้ย  จะกลับยังไง  นี่ก็เย็นมากแล้วนะ  อีกอย่างขับรถไปมืดกลางทางละอันตรายแย่  เป็นผู้หญิงคนเดียวอีกต่างหาก   หรือมึงว่าไงสิงห์”  ท้ายประโยคอิ่มเอมมัดมือชกให้สีหราชต้องพยักหน้ารับ

“แป้งพักที่นี่ก่อนสักคืนก็ได้นะ”

“แต่แป้งเกรงใจ”   หญิงสาวยิ้มแหย   สีหราชถอนหายใจก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร  แล้วบอกให้สายใจเตรียมอาหารเย็นเพิ่ม


“จะให้คุณแป้งเธอพักห้องไหนคะคุณสิงห์ ?”

“....ไปตามไอ้เขียวมาเก็บของออกจากห้องนั้นไป”   สีหราชหมายถึงห้องนอนแขกอีกห้องที่เขาดันใช่เก็บของเพราะไม่คิดว่าจะมีแขกเกินสองคนมาพัก   ปรกติอิ่มเอมจะพักห้องที่คีตกาลพัก  แต่ตอนนี้กลับต้องการห้องเพิ่มเสียแล้ว

“แป้งหางานใหม่ได้หรือยัง   เห็นว่าลาออกจากงานเก่าหรือ  ทำไมล่ะ?”  ส่วนใหญ่อิ่มเอมจะเป็นคนครองบทสนทนาแทบทั้งหมด  เพราะสีหราชเอาแต่เงียบ  คีตกาลก็นั่งเล่นแต่กับหมา

“ยังเลย  เอมมีงานแนะนำแป้งไหมล่ะ?”   อิ่มเอมเหลือบมองหน้านิ่งเรียบของเพื่อนแล้วยกยิ้ม

“ไอ้สิงห์  มึงว่าตำแหน่งผู้จัดการนี่แป้งจะทำได้ไหมวะ?”

“ก็คงได้มั้ง”  สีหราชละสายตาจากแก้วน้ำขึ้นมองเพื่อนแล้วยิ้มอ่อนส่งให้หญิงสาว

“ถ้างั้น....ก็ให้แป้งมาเป็นผู้จัดการที่ฟาร์มมึงเลยซิ”

“ไอ้เอม”   สีหราชเอ่ยปรามเพื่อนเสียงเข้ม

“ทำไมคะ  สิงห์คิดว่าแป้งทำไม่ได้เหรอ?”  หญิงสาวยิ้มกว้างถาม

“คือ....”

“แป้งชอบม้านะ  ชอบบรรยากาศที่นี่ด้วย  เคยฝันอยากทำงานแบบนี้มาตลอดเลย  ถ้ายังไงสิงห์จะรับแป้งไว้พิจารณาหน่อยได้ไหมคะ  เดี๋ยวแป้งเขียนใบสมัครทิ้งไว้”   หญิงสาวเอ่ยยืดยาว   เมื่อตอนหัวค่ำอิ่มเอมเข้ามากระซิบกับหล่อนว่าอย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้  ที่เห็นคีตกาลอยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าสีหราชและคีตกาลเป็นคนรักกันอย่างในอดีต  เธอยังมีหวัง   และยิ่งเพื่อนสนิทอย่างอิ่มเอมเข้าข้างและเชียร์เธอแบบนี้เธอเลยเดินหน้าเต็มที่

“ผมไม่อยากรับผู้หญิงเข้าทำงาน”

“แต่...”

“ที่นี่เป็นฟาร์มม้า  ด้านหลังและรอบด้านเป็นไร่สวน  คนงานส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น  มันอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างแป้งนะ”  สีหราชพยายามอธิบายเหตุผล

“เฮ้ย  มีมึงอยู่ทั้งคนใครจะกล้าทำอะไรแป้งวะ?”  อิ่มเอมเองก็ไม่ยอมแพ้   ตลอดเวลาที่นั่งคุยกันเขาแอบสังเกตคีตกาลอยู่ตลอด  ฝ่ายนั้นเหลือบมองมาทางพวกเขาเป็นบางครั้ง  หากส่วนมากก็เอาแต่เล่นกับหมาแต่เชื่อเถอะว่าทุกประโยคคงเข้าหูแน่นอน   อิ่มเอมกระหยิ่มอยู่ในใจ

“เอาอย่างนี้แล้วกัน  รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”  สีหราชไม่อยากหักหน้าเพื่อนแต่ก็ไม่อยากยอมรับเลยเอ่ยยุติเรื่องนี้เสีย

อิ่มเอมเห็นมือของคีตกาลกระตุกเมื่อสีหราชเอ่ยประโยคนั้น  เขาขมวดคิ้วแล้วเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่พยายามจ้องแต่แก้วไวน์ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย  น้อยครั้งที่จะเงยขึ้นมามองหน้าสาวแป้ง  อิ่มเอมถอนหายใจ
เอาไงดีวะ?

**********
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่5 หน้า3 [18มิ.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 03-07-2015 21:26:00

คีตกาลชะงักมือที่กำลังเทนมให้เจ้า Lion ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

“ถามจริง  คิดว่าไอ้สิงห์มันจะกลับไปคบกับมึงอีกป่ะ?”

“.....”   ลมหายใจสะดุดชั่วครู่  แม้จะเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร  หากพอได้ยินจริงๆกลับไม่ง่ายนักที่จะทำใจให้นิ่งเหมือนไม่รู้สึก

“กูว่านะ...”  อิ่มเอมทรุดตัวลงนั่งข้างกัน  ก่อนมือใหญ่จะแย่งถ้วยนมของเจ้าหมาน้อยออกห่าง  เจ้าขนปุยสีน้ำตาลครางหงิงเมื่อโดนแย่งอาหาร  มันขยับกายวิ่งไปเกาะขาคนแกล้งเพื่อขอนมคืน  “มึงถอยออกไปเหอะ”

“ถอยอะไร?”

“...ไม่เอาน่าไอ้เพลง  มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงอะไร?”

“กูไม่รู้”

“....เรื่องแป้ง”  น้ำเสียงขี้เล่นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง   อิ่มเอมจ้องใบหน้าด้านข้างของคีตกาลอย่างไม่สบอารมณ์ “กับไอ้สิงห์”

“แล้วไง?”

“ถ้ามึงยังอยู่ใกล้ไอ้สิงห์แบบนี้มันจะมีตาไปมองคนอื่นได้ยังไง”  อิ่มเอมเอ่ยเสียงห้วน   มือใหญ่วางถ้วยนมคืนให้เจ้าLion แล้วยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้คีตกาลลุกตามแล้วจ้องหน้าอิ่มเอมกลับ

“กูก็ไม่ได้ปิดตาเขานี่  เขาจะมองใครหรืออะไรยังไงก็ได้ตามใจเขา”

“มึงไม่ได้ปิดตาแต่มึงปิดใจมัน!”

“....”

“มึงทิ้งมัน  แล้วมึงกลับมาทำไมไอ้เพลง!”

“....กูแค่มาทำงาน”   คีตกาลตอบเสียงแผ่วไม่กล้าสบตาอิ่มเอมอย่างเมื่อครู่

“กูไม่เชื่อ”

“....”

“ถ้ามึงจะกลับมาทำให้มันเจ็บอีกก็อย่ากลับมาเลย  ให้มันได้มีสิ่งดีๆวิ่งเข้ามาในชีวิตมันบ้าง  มันโดนทิ้งมาทั้งชีวิตแล้วนะ...” 

“...กู”

“มึงมันเห็นแก่ตัว!”  อิ่มเอมสบถด่า ก่อนจะเดินชนไหล่ให้อีกคนเซถอยแล้วกลับเข้าห้องไป   ทิ้งให้คีตกาลยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น...



เขาไม่ได้อยากเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ทิ้งอีกฝ่ายไปเสียหน่อย...
ถ้าย้อนกลับไปได้เขาก็อยากจะ....
อยากจะ...อะไร?
เขาจะเลือกยืนอยู่ข้างอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ?

ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าลึก  โพรงจมูกแสบร้อน...ปลายนิ้วเรียวกดคลึงหัวตา...พยายามให้น้ำอุ่นร้อนที่เตรียมจะรินหยดให้ไหลกลับคืนไป...กลับคืนลงไปในหัวใจของเขา
อย่าร้องไห้เด็ดขาด....
.
.


“แป้งว่าสิงห์น่าจะปลูกทุ่งทิวลิปนะคะ  สาวๆคงจะชอบมากแน่ๆถ้าได้ขี่ม้าในทุ่งทิวลิป”

“เหมือนเจ้าหญิงเลยซินะครับ”

“ใช่ค่ะ”

คีตกาลถอยหายใจ  ดวงตาเรียวเหลือบมองร่างสูงของอีกคนที่ยิ้มแย้มอย่างชอบใจแล้วให้เบ้หน้า  โถ  พ่อสื่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว  สาวแป้งอยู่โยงที่ฟาร์มมาหลายวันแล้ว  ปาเข้าไปวันที่ห้า สาวเจ้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านกลับช่องแต่อย่างใด  เจ้าของไร่ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะเพื่อนสนิทเอามือปิดปากเขาไว้  แล้วผู้ที่เปรียบเสมือนแขกอีกคนอย่างเขาหรือจะกล้าเอ่ยปากอะไรได้  มีแต่นั่งเงียบๆมองหญิงสาวหน้าแฉล้มเอาอกเอาใจเจ้าของอยู่ทุกวี่วัน

“วันนี้คุณศักดิ์จะเอาต้นไม้มาลง  ยังไงฉันคงกลับค่ำ  บอกสายใจว่าให้เอาข้าวไปส่งที่โน่นที  ฉันคงไม่กลับมาทานข้าวที่นี่”  คีตกาลเอ่ยลอยๆหวังว่าเจ้าของบ้านจะตอบกลับ  ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองแล้วทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสนใจหญิงสาวที่นั่งข้างๆอีกครั้ง

สีหารถอนหายใจเมื่อร่างโปร่งของคีตกาลพ้นสายตา   ชายหนุ่มผละกายออกห่างสาวแป้งแล้วยืดกายบิดไล่ความเมื่อยขบให้หญิงสาวที่เมื่อครู่ได้รับความสนใจจากร่างสูงถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป

“กูจะเข้าฟาร์ม”

“แป้งไปด้วยได้ไหมคะ?”  หญิงสาวเอ่ยถามเมื่ออิ่มเอมพยักหน้าให้

“คุณแป้งไม่ต้องไปหรอก  วันนี้มีม้ามาลง  อีกส่วนก็ต้องเอาม้าจัดขึ้นรถ  วุ่นวายมาก”

“แต่...”

“คุณจะรำคาญเสียเปล่าๆ”  อันที่จริงสีหราชเกือบหลุดปากว่า คุณน่ะน่ารำคาญ  หากเพราะบางอย่างทำให้เขาเปลี่ยนคำพูด

“มึงไปเหอะ  เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนแป้งเอง”  อิ่มเอมบอกเพื่อน  เขาเห็นสีหน้าของสีหราชแล้วถอนหายใจก่อนจะเอ่ยตัดปัญหา


สีหราชควบเจ้าสายฟ้าวิ่งตัดผ่านเนินทุ่งว่างเปล่าที่เพิ่งไถแล้วเสร็จตรงไปยังเนินสูงอีกฝากอย่างรวดเร็ว   ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อถึงจุดหมาย   ชายหนุ่มทอดสายตาไปยังฝั่งของรีสอร์ทที่เห็นลิบๆอยู่อีกฝาก     คำพูดของอิ่มเอมเมื่อหลายวันก่อนยังคงก้องอยู่ในหัว

‘มึงยังรักเพลงมันอยู่ใช่ไหม?’

‘ไม่มีวันไหนที่กูจะเลิก...รักเขา’

‘………….แล้วเขายังรักมึงอยู่ไหม?’

‘...กูไม่รู้’

‘กูมีวิธีที่จะทำให้มึงรู้นะ’  อิ่มเอมยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

‘วิธีอะไร?’  ถึงแม้ท่าทางของเพื่อนจะดูไม่น่าไว้ใจแต่เพราะบางสิ่งมันเรียกร้องเลยทำให้สีหราชพยักหน้ารับ  เมื่อเพื่อนตัวดีเสนออะไรบางอย่างออกมาก  เขาไม่อยากทำ..แต่...เขาก็อยากรู้

อยากรู้ว่าใจจริงของคีตกาลจะยังมีเขาอยู่เหมือนที่เขาไม่เคยลบอีกฝ่ายออกไปจากใจเหมือนกันหรือเปล่า

.
.


คีตกาลยืนเหม่อจนเกียรติศักดิ์ถอนหายใจเมื่อเขาต้องสะกิดเรียกอีกฝ่ายเป็นรอบที่สิบ

“คุณคีย์ไม่สบายหรือเปล่า?  จะไปพักก่อนไหม?”

“ไม่  ผมไม่เป็นไร”   ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วยกยิ้มให้  พลางแสร้งเดินเข้าไปดูคนงานยกต้นไม้ลงจากกระบะรถ   เกียรติศักดิ์ขนต้นไม้มาให้พร้อมรถอีกคัน  นับรวมได้เกือบสิบต้นเลยทีเดียว

“แปลกจังที่วันนี้คุณศักดิ์ใส่แว่น”  คีตกาลเอ่ยเย้ากับความแปลกตาของอีกฝ่าย  เพราะทุกทีเกียรติศักดิ์จะมาด้วยมาดชายหนุ่มใบหน้าหมดจด กับเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคแลดูภูมิฐาน   ผิดกับคราวนี้ที่อีกฝ่ายใส่แว่น  หัวยุ่ง สวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืด

“พอดีผมรีบไปหน่อยน่ะครับ แฮะๆ”

“ลุคแบบนี้ก็ดูเข้ากับคุณศักดิ์ดีนะครับ  ดูเด็กไปเยอะเลย”

“ไม่เด็กหรอกครับ  ปีนี้ผม31แล้วนะ”  คีตกาลตาโตเมื่อได้ฟัง

“เห  หน้าตาเด็กเกินอายุนะครับเนี่ย”  เกียรติศักดิ์ยิ้มเขินเมื่อร่างโปร่งเอ่ยชม  โธ่  คุณคีย์นะคุณคีย์  อย่ามาทำให้ผมใจเต้นซิ  อุตส่าห์ตัดใจจะไม่จีบคุณแล้วนะ!

“อะแฮ่ม   วันนี้ผมว่าจะลงให้หมดทีเดียวเลย  นี่ก็เพิ่งรับคนงานเข้ามาใหม่พอดี”

“ครับ”  คีตกาลยิ้มให้ก่อนจะเข้าไปชี้ว่าเขาอยากลงต้นอะไรตรงบริเวณใดบ้าง

“...เอ   เหมือนจะไม่มีต้นกันเกราแฮะ?”  เกียรติศักดิ์ยกมือชี้ๆไปยังต้นไม้ที่เริ่มลงดินก่อนเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นว่าต้นกันเกราที่คีตกาลอยากได้นั้นไม่อยู่ในนี้

“มีอะไรหรือคุณศักดิ์?”

“ต้นกันเกราครับ  ดูเหมือนผมจะลืมขนมาให้คุณคีย์เสียแล้ว”

“...ไม่เป็นไรครับ  วันหลังก็ได้”  คีตกาลยิ้มกว้างอย่างไม่ถือสา   ก่อนจะเห็นเด็กสายใจปั่นจักรยานเข้ามาพร้อมปิ่นโตเถาใหญ่   ด้านหลังเป็นอิ่มเอมที่ควบม้าตามมาและมีใครบางคนที่ซ้อนหลังมาด้วย

“คุณเพลง  แป้งกับเอมมาทานข้าวด้วยนะคะ”  หญิงสาวที่ลงจากหลังม้าโดยมีอิ่มเอมคอยจับเอวรับอยู่ด้านล่าง

“เพลง?”  เกียรติศักดิ์ที่ได้ยินหญิงสาวเรียกขานคีตกาลด้วยอีกชื่อหนึ่งเลิกคิ้วแปลกใจ

“ชื่อเก่าผมน่ะ”  ร่างโปร่งเอ่ยบอก  ก่อนจะหันมายกยิ้มให้สาวแป้ง  “ทำไมไม่อยู่ทานที่บ้านล่ะครับ?”

“เจ้าของบ้านเขาแวะเข้าฟาร์มค่ะ  เราเลยมาเที่ยวหาคุณเพลง”   เราที่สาวแป้งว่ารวมถึงนายอิ่มเอมด้วย  คีตกาลเหลือบมองฝ่ายนั้นอย่างไม่เข้าใจ  ในเมื่อเกลียดเขาแล้วจะมาทานข้าวด้วยกันทำไมถึงนี่       สายใจปูเสื่อแล้วจัดสำรับให้ทั้งสี่คนอย่างคล่องแคล่ว  พลางรินกาแฟดำให้คีตกาลอย่างรู้ใจ 

“จริงซิ   คุณเพลงคะ  ช่วยพูดกับสิงห์ให้แป้งหน่อยซิคะ”  จู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยออกมาหลังทานอาหารเสร็จ

“ครับ?”

“บอกให้สิงห์รับแป้งเข้าทำงานที่นี่ด้วยนะคะ”

“แต่ว่า...”

“แป้งน่ะ  อยากอยู่ใกล้ๆสิงห์ค่ะ”

“....”

“แป้งชอบเขามานานนะคะ  ตั้งแต่ตอนเรียนปีหนึ่งแล้ว...ทั้งๆที่รู้ว่าเขาอาจจะมีใครอยู่ในใจก็ตาม”

“ผม...”

“ตอนนี้สิงห์มันโสดครับ  ผมรับรอง”  อิ่มเอมเอ่ยแทรกขึ้น  คีตกาลมองหน้าฝ่ายนั้น

“หืม?  แต่คุณสิงห์กับคุณคีย์เป็นแฟนกันนี่ครับ?”  เกียรติศักดิ์ผู้ร่วมวงทานข้าวเอ่ยพลางชี้ไปยังคีตกาลเมื่อได้ยินคำพูดของอิ่มเอม

“ใครบอกคุณ!”  อิ่มเอมหันขวับมามองคนที่พูดแทรกอย่างไม่ชอบใจ  ดวงตาคมดุจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง  แต่มีหรือที่คนอย่างเกียรติศักดิ์จะกลัว 

“คุณยุวดี  คุณแม่ของคุณคีย์บอกครับ”  นี่ก็ตอบหน้าซื่อ

“?”  อิ่มเอมขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง  เขาเหลือบมองใบหน้าซีดขาวของแป้งอย่างนึกสงสาร

“สายใจ  เก็บสำรับเถอะ  ฉันจะไปทำงานต่อแล้ว”  คีตกาลลุกขึ้นโดยไม่รอให้เพื่อนร่วมเสื่อทักท้วง  เขาหยิบหมวกขึ้นสวมแล้วเดินห่างออกไป   ทิ้งให้อิ่มเอมขู่ฟ่อใส่เกียรติศักดิ์

“คุณอย่ามามั่ว  ไอ้สิงห์มันไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้เพลงแล้ว”

“คุณนั่นแหละอย่ามามั่ว  ผมเห็นมากับตาว่าคุณสิงห์กับคุณเพลงน่ะเขารักกันดี  อย่ามายุแยงให้คนรักเขาแตกกันซิ  มันบาปนะ”  เกียรติศักดิ์เอ่ยสอนยืดยาว  เขาน่ะเป็นพวกไม่ชอบให้มีเรื่องผิดทำนองคลองธรรมในครัวเรือนนะจะบอกให้   ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมตัดใจจากคุณคีย์ง่ายๆหรอกถ้าไม่เห็นมากับตา!

“หุบปากไปเลยไอ้แว่น!”  อิ่มเอมชี้หน้า  วันนี้เกียรติศักดิ์กลายเป็นไอ้แว่นเพราะรีบขนต้นไม้มาให้คีตกาลแต่เช้าตรู่เลยลืมใส่คอนแทคเลนส์เช่นทุกที

“นายนั่นแหละหุบปากไปซะ   เจ้ายักษ์!”

“ไอ้!”

“เอม...พาแป้งกลับเถอะ”  หญิงสาวเอ่ยรั้งให้ร่างสูงหยุดชะงัก  อิ่มเอมมองใบหน้าสวยแล้วถอนหายใจ

“เดี๋ยวผมมา  แป้งรออยู่นี่แป๊บนะ    ส่วนนายอยู่เป็นเพื่อนเธอ!”   อิ่มเอมชี้หน้าเกียรติศักดิ์ที่ทำท่าจะเดินตามเขามา

.
.


“กูจะถามอีกรอบ  มึงกลับมาคบกับไอ้สิงห์งั้นเหรอ?”

“...........”  เขารู้ว่าอิ่มเอมจะตามมา  ตามมาคาดคั้นหรือเอาเรื่องล่ะ?  คีตกาลถอนหายใจหากไม่ตอบอีกง่าย

“เฮ้ย  ตอบมา!”  อิ่มเอมกระชากไหล่ให้ร่างโปร่งหันกลับมาเผชิญหน้า

“เปล่า”

“แล้วที่ไอ้แว่นมันพูดน่ะหมายความว่าไง?”

“.....”

“ถ้าไม่ได้กลับมาคบกันก็หลีกทางให้แป้งซะ  แป้งเขาชอบไอ้สิงห์มาก่อนมึงอีก!”

“.....”

“หลีกทางไปซะ  ถ้าไม่อยากจะทำให้ไอ้สิงห์มันเสียใจอีกครั้ง”
.
.




“......”

อิ่มเอมกลับไปนานแล้ว...
หากเขาที่โดนคำพูดของอีกฝ่ายตีกลางแสกหน้านั้นไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด   จะให้เขาหลีกทาง?

หลีกทางเพื่อให้แป้ง    ให้ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตของสีหราชอย่างนั้นหรือ?
เขาจะทำได้หรือ?
ในเมื่อ....








.
.






“คุณสิงห์!  คุณสิงห์!”  เสียงร้องเรียกทำให้ร่างสูงผละออกจากแม่ม้าหันไปมองมาผู้มาใหม่  เกียรติศักดิ์กระโจนลงจากรถทันทีที่จอดสนิท  ร่างสูงโปร่งของฝ่ายนั้นวิ่งถลาเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“คุณศักดิ์  มีอะไรหรือเปล่า?”

“เห็นคุณคีย์ไหม?”

“เขาอยู่กับคุณไม่ใช่หรือ?”

“เมื่อบ่ายๆเขาขอตัวกลับไปที่เรือนบอกว่าตอนเย็นๆจะกลับไปหาผมที่รีสอร์ท  แต่ผมรอเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมาเลยตามที่ไปเรือนเห็นรถยังจอดอยู่แต่ไม่เจอคุณคีย์เลย”

“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่นะครับ”

“แล้วอีกอย่าง...”

“อีกอย่างอะไร?”

“รถกระบะของผมหายไป  พร้อมกับคนงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงาน”

“คุณหมายความว่ายังไง?”

“ผมกลัวคุณคีย์จะไปกับคนงานคนนั้น”สีหราชสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อได้ฟัง

“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องไปตามหาแล้วมั้ง  หมอนั่นอาจจะอยากกลับบ้านก็ได้”   อิ่มเอมที่ตามเกียรติศักดิ์มาจากเรือนใหญ่เดินเข้ามาสมทบอย่างใจเย็นพร้อมเอ่ยแทรก

“......หมายความว่ายังไง?”  สีหราชกำมือแน่น  สบตาเพื่อนอย่างค้นหา   

“กูก็ขอแค่ให้มันหลีกทาง”

“...เอม..”

“หลีกทางให้แป้งถ้ามันไม่ได้รักมึงแล้ว”

“....”

“ทีนี้มึงรู้คำตอบที่อยากจะรู้แล้วใช่ไหม?”

“..................”

“แต่คุณคีย์จะไปยังไง  รถก็ยังอยู่ที่นี่”  เกียรติศักดิ์ค้าน

“นายไม่ได้เข้าไปดูล่ะซิ  น้ำมันรถหมอนั่นแห้งจนติดก้นถังคงขับกลับไปถึงบ้านหรอก”

“แต่....”

“ถ้าเขาอยากกลับก็ปล่อยเขาไปเถอะ”  สีหราชเอ่ยเสียงเบาพลางหันหลังให้คนทั้งคู่

“แต่ผมกลัวคุณคีย์เป็นอันตราย”

“เป็นอันตรายอะไร๊  หมอนั่นเป็นผู้ชายนะ”  อิ่มเอมหัวเราะลงคอกับความวิตกของเกียรติศักดิ์หากอีกฝ่ายเพียงปรายตามองอย่างดูแคลนแล้วหันไปทางสีหราชอีกครั้งด้วยสีหน้ากังวล

“คนงานนั่นผมเพิ่งรับเข้ามาใหม่  เป็นชาวพม่า...”

“....”

“และผมว่า...รถของผมโดนขโมยนะครับ!”

“บ้าจริง!”  สีหราชสบถก่อนพุ่งออกไปตะโกนร้องเรียกคนงานให้วุ่น  มีนายเขียว  นายพวงวิ่งขึ้นหลังรถตามเจ้านายทันทีเมื่อสีหราชกระโจนขึ้นรถ   อิ่มเอมเห็นดังนั้นก็วิ่งตาม

“มึงจะไปไหน?”

“ตามเพลง!”

“แต่เขาอาจจะกลับบ้าน”

“เพลงจะได้กลับบ้านเก่าแน่ถ้ากูไม่รีบตามเขาไปตอนนี้!”   สีหราชตะโกนใส่หน้าเพื่อนสนิทอย่างโมโห  ก่อนจะบึ่งรถกลับบ้านเพื่อไปเอาปืน    เกียรติศักดิ์เองก็ขับตามสีหราชมาพร้อมทั้งอิ่มเอม   


ท้องฟ้าเริ่มดำมืดพร้อมดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว...พร้อมกับความร้อนใจของคนทั้งหมด





**********



คำถามท้ายช่วง


ถูกหวย52ล้านจริงเหรอ?  ทำไงถึงถูก 
สีหราช =  ถูกจริงซิ  52ล้านนั่นแหละ  เยอะใช่ไหม  ตอนที่ถูกก็ตกใจเหมือนกันนะ  เกือบหัวใจวายแน่ะ โชคยังดีที่หัวใจฉันแข้งแรงพอเลยยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้   ส่วนไอ้เรื่อง...ไปถูกยังไงน่ะ  ก็พอดี...วันนั้น...วันที่อกหักครบรอบหนึ่งเดือน  เงินที่ทำงานพิเศษที่เคยเก็บไว้ใกล้หมดเพราะก่อนหน้านั้นเอาไปซื้อเหล้ากินทุกวัน  เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่  ชั่งใจอยู่นานเลยนะระหว่างเหล้ากับล๊อตตารี่น่ะ
สุดท้ายก็เลือกล๊อตตารี่?
สีหราช = แหงซิ  อันที่จริงเพราะสงสารยายหรอก  เหลือชุดสุดท้ายกับอีกไม่กี่ใบเลยเหมามาหมดประชดชีวิตน่ะ
แล้วเอาเงินไปทำอะไรมั่งอ่ะ?
สีหราช = ก่อนอื่นก็เอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าที่ตัวเองโตมาไง  หลายล้านอยู่นะ  แล้วตอนกลับไปเจอครูครูบอกว่าไหนๆมีเงินแล้วก็สร้างอาชีพที่เป็นนายตัวเองไปเลย  ชอบอะไรก็ให้ทำอันนั้น
ชอบม้า?
สีหราช = ..........เพราะใครบางคนชอบต่างหาก
ใครล่ะ?
สีหราช = อย่าถามมากน่า!  น่ารำคาญเป็นบ้า!





โปรดติดตามตอนต่อไป







ปล.เช่นเคย  อ่านให้สนุกนะคะ  ติ-ชมกันได้เสมอเพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น  หากมีข้อผิดพลาดอะไรก็ขอโทษไว้ด้วยนะคะ  แนะนำกันได้ตลอดค่ะ ^^

ปลล. ฝากเรื่อง อสงไขย ไว้ด้วยนะคะ  เป็นแนวพีเรียด  หากใครชอบก็ฝากติดตามด้วยค่ะ^^   จบแล้วด้วย^^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34231.0



กอดแน่นๆด้วยความรู้สึกขอบคุณ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 03-07-2015 22:07:46
สนุกมากครับมาต่อไวๆนะครับ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-07-2015 22:16:38
ไม่ชอบอิ่มเอมเลยค่ะ จุ้นจ้านเหลือเกิน ให้มาเป็นเพื่อนนะคะไม่ใช่ให้มาเป็นพ่อ รู้สึกว่าจะบงการชีวิตของสิงห์เขาอยู่นั่นล่ะ น่ารำคาญที่สุดเลย รู้ตัวหรือยังคะเนี่ยว่าตัวเองน่ะน่ารำคาญมากกกกกกกกก

เป็นเพื่อนแต่ก้าวก่ายชีวิตกันขนาดนี้นี่ก็ไม่ไหวนะคะเนี่ย เชื่อสิงห์เขาเลย ทนได้ยังไงก็ไม่รู้!!! :serius2: เวลาที่ปรามเพื่อนก็ช่วยหนักแน่นหน่อยค่ะสิงห์ เหยาะแหยะเสียขนาดนี้อิ่มเอมถึงได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ไงคะ

ยัยแป้งนั่นก็อีกคนค่ะ ถ้าตัวดีจริงๆ จะต้องมาแพล่มกับเพลงทำไมว่าให้หลีกทางให้กับตัว? อยากได้สิงห์นักก็หาทางเอาเองสิ เคารพกติกาของความรักหน่อยนะคะ เพราะของแบบนี้มันต้องใช้ความพยายามของตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่ใช้วิธีสกปรกโดยการกดดันคนอื่นให้พ้นทาง

o12 ..

ปล. ตอนนี้เป็นห่วงเพลงจังเลยค่าา ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรมั่งน้าา :hao5:

รอตอนต่อไปนะค้าา..^^
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 03-07-2015 22:37:45
หึ อย่กถีบเอม เป็นเพื่อนนะไม่ใช่พ่อ เรื่องความรักให้เขาตัดสินใจไหม ยุ่งมากๆๆมันไม่ใช่ เข้าว่าห่วงเพื่อนกลัวเพื่อนเจ็บ แล้วถามสิงห์กับเพลงหรือยังว่าเหตุผลอะไรทำให้เลิกกัน เพราะทั้งสองคนยังคาใจอยู่ แล้วอีกอย่าง สิงห์บอกแล้วว่า "ไม่มีวันไหนที่เลิกรักเพลง" มันยังชัดไม่พอเหรอ ถ้าเพลงเป็นอะไรนะเราจะเกลียดเอม
 
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-07-2015 22:48:22
เรารอเธอมาหลายวัน มาอัพบ่อยๆนะ เราชอบบบ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 03-07-2015 22:55:56
เกลียดเอม เป็นพ่อเค้าเหรอจ๊ะ หืมๆๆๆๆๆๆ เพลงจะเป็นยังไงบ้างแล้ว ชะนีแป้งนี่ก็นอแทงเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 พ.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 04-07-2015 00:57:21
เจ้ายักษ์กับเจ้าแว่นสินะ
เพลงแอบไปหลับที่ไหนหรือเปล่า . . .
ลุ้นค่ะลุ้น รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 04-07-2015 10:43:22
อิ่มเอมทำตัวเป็นสาวน้อยน่ารำคาญมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 04-07-2015 11:15:30
อิ่มเอม จุ้นจ้านเกินเพื่อนนะนิสัยอย่างกับผู้หญิง เข้าใจว่าสิงห์ก็เกรงๆเพื่อนเพราะเลิกราคราวก่อนก็รบกวนเพื่อนไว้เยอะ แต่ถ้าจะเดินหน้าต่อ น่าจะบอกเอมไปตรงๆ

อยากรู้ว่า ทำไมเขาเลิกกัน
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 04-07-2015 12:37:11
เราไม่ชอบอิ่มเอม ถึงจะหวังดี แต่ มันใช่เรื่องไหม เราเชื่อว่า เพลงต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง ถึงได้เลิกกัน
แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่บอก เพราะต่างคนยังไม่ยอมรับฟังกัน อิ่มเอม อย่างยุ่งเรื่องของสองคนนี้เถอะ
เป็นเพื่อนรักกันก็จริง แต่ทำไมถึงไม่เข้าใจเพื่อนละ ว่าต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-07-2015 16:14:29
ทำให้เขาเลิกรักกันกับยัดผู้หญิงให้เพื่อนมันคนล่ะเรื่องนะคะ ทำแบบนี้สุดท้ายใครมีความสุขกันแน่นอกจากเอมเอง
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-07-2015 17:55:22
อย่ามามากนะอิ่มเอม
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 04-07-2015 21:23:19
ตอนนี้ตัวน่ารำคาญเยอะมาก มีทั้งหนอนยักษ์และเพลี้ยแป้ง //ฉีดยาฆ่าแมลงรัวๆๆๆๆๆๆ

 :m31:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 04-07-2015 22:55:13
ขอให้เพลงปลอดภัยนะ ตอนนี้เริ่มหมั่นไส้อิ่มเอมแระ กลับบ้านไปเลยไป พาแป้งกลับไปด้วยยย
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 05-07-2015 00:11:32
คีย์อย่าเป็นอะไรนะ.>< ฮืออ
อยากรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมคีย์ถึงเลิกกับสีหราช
เพราะตอนนั้นสีหราชจน หรอ ? หรือเหตุผลอื่น บางทีเราก็รู้สึกว่าสีหราชนางน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 05-07-2015 10:16:57
โอ้ววววววว จอให้ปรับความเข้าใจ กันได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-07-2015 15:20:45
อิ่มเอม นายก็รู้ว่าสิงยังรักเพลงอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 17-07-2015 13:53:40
ยังรอย้ำนะคะเข้ามาดูทุกวันเลย

ขอสมัครเป็นแฟนคลับเรื่องนี้

ชอบมากกกทุกอย่าง

ดำเนินเรื่องดี ทุกอย่างสมเหตุสมผล.


ยังไง  จะเป็นกำลังใจให้คนเขียน.เสมอ

ชอบและรักเรื่องนี้มาก.  อยากบอกว่ารอยุนะ รีบมาไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 17-07-2015 22:24:19
รอครับ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนที่6 หน้า3 [3 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 21-07-2015 01:16:52
~แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก~
  - รักพัดหวน -

ตอนพิเศษ   ต้นลมที่เราพบกัน





“นี่นาย”  เขากำลังเหลียวซ้ายมองขวามองหาเป้าหมายก็พอดีที่ใครบางคนเอ่ยร้องทักเขาออกมา  ฝ่ายนั้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วใช้มือดึงสาบเสื้อเพื่อขยับให้เกิดลมไล่ความร้อน  เพราะท่าคงวิ่งมาจากที่ไหนสักที่

“ครับ?”

“นายรู้ไหมว่ากองกิจการนิสิตอยู่ตรงไหน?”  มองเครื่องแต่งกายให้ละเอียดจึงรู้ว่าคนตรงหน้านั้นอยู่ปีหนึ่งเช่นเดียวกันกับเขา   ร่างสูงก้มหน้าลงอ่านกระดาษในมือก่อนจะตอบ

“น่าจะทางนั้นนะ”

“โอ๊ะ งั้นเหรอ”  ร่างสูงโปร่งของอีกฝ่ายทำท่าจะผละออกไป  หากเขารั้งเอาไว้เสียก่อน

“เอ่อ  ...ฉันก็กำลังจะไปทางนั้นพอดี”

“ดีจัง   ถ้าไปหลงคนเดียวคงน่าอายแย่”  คนตรงหน้ายิ้มสดใสส่งมาให้   รอยยิ้มที่ทำให้เขานึกถึง....ดวงตะวันกลางฤดูร้อน...
...และใครบางคนในห้วงคำนึงที่แสนลางเลือน....



สีหราชไม่ค่อยเข้าใจนักถึงการเป็นตัวแทนคณะฯมาประกวดดาวเดือนอะไรนี่   ดาวอะไร  ดาวซินโดรมรึ? แล้วเดือนล่ะ  เดือนดับ?   จนเมื่อเจ้าของรอยยิ้มเมื่อเช้ามาอธิบายให้ฟังนั่นแหละเขาถึงเข้าใจความสำคัญของการประกวดครั้งนี้

“นายชื่ออะไร?”

“สีหราช  เรียกว่าสิงห์ก็ได้”

“คิก  ชื่อนายเหมือนพระเอกนิยายเลย”

“เหรอ?  แล้วนายหัวเราะทำไม?”

“หืม?”

“นายบอกว่าชื่อฉันเหมือนพระเอกนิยาย  ก็ต้องแปลว่าดีน่ะซิ  ใช่ไหม  แล้วนายหัวเราะทำไม?”  สีหราชไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหัวเราะชื่อเขาทำไม  การมีชื่อให้เรียกย่อมดีกว่าการเป็นคนไร้ชื่อไม่ใช่หรือ?

“เฮ้ย  ฉันไม่ได้หัวเราะในทางที่ไม่ดีนะ  นายอย่าคิดมาก  ที่ฉันหัวเราะน่ะเพราะมันค่อนข้างแปลก  ชื่อยาวๆเหมือนพระเอกนิยายน่ะ  เดี๋ยวนี้เขาไม่ตั้งกันแล้ว   พ่อแม่สมัยใหม่น่ะชอบตั้งชื่อลูกยากๆกันทั้งนั้น   ฉันชอบชื่อนายนะ”  ฝ่ายนั้นอธิบายเสียยืดยาว  คงเพราะกลัวเขาโกรธกระมัง

“งั้นหรือ?   ฉันก็ชอบชื่อตัวเองเหมือนกัน”  สีหราชพยักหน้าแล้วตอบกลับไปคราวนี้คนตรงหน้าไม่ได้หัวเราะแล้ว  หากเปลี่ยนเป็นยิ้ม  ยิ้มที่อบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า...

“ส่วนฉันชื่อคีตกาลนะ  เรียกว่าเพลงก็ได้”

“อืม  เพลง...”   สีหราชทวนชื่อนั้น  ก่อนจะเหลือบตามองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้ง

..ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆตรงข้างแก้มซ้ายนั่น...

เขาจะเป็นคนคนเดียวกันหรือเปล่านะ?


ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มสะดุดลงเมื่อรุ่นพี่เดินออกมาด้านหน้าแล้วอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำ  กิจกรรมมากมายหลังจากนี้ที่พวกเขาและพวกเธอทั้งหลายซึ่งเป็นตัวแทนคณะจะต้องทำ

“หลังเลิกเรียนทุกวัน?”

“ใช่  ทำไม?”  คีตกาลเอ่ยถามคนข้างตัวที่ทำสีหน้ายุ่งเหยิง

“ฉันไม่สะดวก”

“แต่เราก็ต้องทำนะ”  คีตกาลยังไม่เข้าใจ  คนข้างตัวเขาไม่สะดวกอะไรอย่างนั้นหรือ?

“นี่  ถ้าฉันขอตัวออกไปตอนนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่า?”  สีหราชหันมาถาม  แล้วเงยหน้ามองหาพี่คณะของตัวเองไปพลาง
“หมายถึง   ขอตัวไปทำธุระตอนนี้?”  สีหราชพยักหน้ารับเมื่อเด็กหนุ่มหน้าใสของตัวถามอีกครั้ง  “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?”  ว่าเสร็จร่างสูงของสีหราชก็วิ่งตรงเข้าไปยังพี่คณะของตัวเองทันที  ฝ่ายนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด   คีตกาลเห็นพี่คณะคนนั้นเบิกตากว้างแล้วทึ้งหัวเองเป็นการใหญ่  ทำท่าเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย  แล้วนายสีหราชก็ยกมือไหว้รุ่นพี่อยู่อย่างนั้น  ใบหน้าหล่อเข้มมีแววสำนึกผิดหากไม่ยอมเอามือลง  รุ่นพี่คณะถอนหายใจก่อนจะเดินไปยังกลุ่มเพื่อนเดือนดาวคณะแล้วอธิบายอะไรยกใหญ่     คีตกาลไม่ได้เดินเข้าไปหาเพื่อนใหม่เพราะถูก  ยี่หวา  ตัวแทนดาวคณะของเขาเรียกตัวไว้  พอหันไปอีกทีเขาก็ไม่พบทั้งสีหราชและรุ่นพี่คนนั้นแล้ว

วันต่อมาคีตกาลก็เลิกคิ้วแปลกใจเมื่อไม่เห็นสีหราชมาเข้าทำกิจกรรม   หากมีใครบางคนมาแทน

“เอ่อ  หวัดดี”  ร่างโปร่งเอ่ยทักคนตัวโต   ฝ่ายนั้นหันมามองแล้วยิ้มให้

“ดี”

“นายเป็นตัวแทนเดือนคณะนิติเหรอ?”

“ใช่”

“อ้าว?”

“แปลกใจล่ะซิที่ไม่ใช่ไอ้สิงห์”

“ใช่  เมื่อวานเขายังมาเลยนี่   เกิดอะไรขึ้น”

“เฮ่อ~”  คนตัวสูงถอนหายใจ “มันมีเหตุนิดหน่อยว่ะ  สุดท้ายกูก็เลยโดนยัดเยียดมานี่ไง”  คีตกาลเหลือบมองคนที่แทนตัวได้อย่างหยาบคายก็ยิ้มแหย

“ยังไง?”

“เออน่า  มึงอย่าเสือก”

“อ้าว?”

“เออ  กูชื่อเอมนะ  ชื่อจริงอิ่มเอม  มึงล่ะชื่ออะไร”

“คีตกาล  เรียกเพลงก็ได้”  ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากแน่นพลางนึกถึงสีหราช  เมื่อตอนเจ้าตัวถามเขาว่าต้องทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนทุกวันใช่ไหม  ฝ่ายนั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียด  แล้ววันนี้ก็หายตัวไปพร้อมกับเดือนคณะคนใหม่มาแทนที่
มีปัญหาอะไรหรือเปล่านะ?



*********


ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วกับกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่ทำเอาคีตกาลถึงกับหมดแรงจนไม่สามารถไปเที่ยวไหนต่อได้เลย  นี่ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์เขาคิดว่าคงโดนตามตัวไปซ้อมนู่นนี่อีกตามเคย    ร่างโปร่งเหลือบมองประตูทางเข้าหอในหอพักของนิสิตตรงหน้าแล้วยกนาฬิกาขึ้นดู   อิ่มเอมบอกให้เขามาหาที่นี่หลังจากถูกเขารบเร้าถามว่าสีหราชหายไปไหนติดๆกันเกือบทุกวัน

“มึงติดใจอะไรมันนักหนาวะ?”  อิ่มเอมเอ่ยถามเมื่อเขาถามประโยคประจำตัวจบ  ว่า  ทำไมสีหราชถึงออกจากการเป็นเดือนคณะ

“ก็...มันน่าแปลกนี่”

“แปลกยังไง?”

“เขาหน้าตาหล่อนะ  ทำไมถึงไม่อยากเป็นเดือนล่ะ?”

“เอ้า  พูดงี้หมายความว่ากูไม่หล่อ?”

“นายก็หล่อนะ  เข้มด้วย”

“แล้วถามหามันจั๊ง  ชอบมันเหรอ?”

“เปล่า  ไม่ใช่อย่างนั้น  เอ่อ  ใช่  เอ้ย  ไม่ใช่ความหมายนั้น”

“อะไรของมึงเนี่ย  งง”

“ก็...ฉันยังไม่ได้ขอบใจเขาเลยนี่นาที่พาฉันมาวันนั้นน่ะ”

“...งั้นเอางี้ ถ้ามึงอยากเจอมันนะ  พรุ่งนี้ตอนค่ำๆมาหากูที่หอ3”

นั่นแหละจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ทั้งๆที่เป็นค่ำวันเสาร์  คีตกาลรออยู่ครู่ใหญ่ร่างสูงของอิ่มเอมจึงลงมาจากหอพัก   เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดถนัดตา

“ทำไมแต่งตัวเสียหล่อเชียว?”

“กูหล่ออยู่แล้วต่างหาก”  คีตกาลส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ  อิ่มเอมบอกว่าวันนี้เขาว่าจะหาสาวสักคนมาช่วยให้ความอบอุ่น  และอาจไม่กลับเข้าหอ  จนเมื่อคีตกาลท้วงนั่นแหละว่าอิ่มเอมรับปากไว้ว่าจะพาเขาไปเจอสีหราช  ไม่ใช่ไปม่อสาวฝ่ายนั้นจึงเลิกจ้อพลางบ่นว่าเขาช่างไม่เข้าใจหัวอกของหนุ่มหล่อโสดเอาเสียเลย



ป้ายร้าน “เมารัก”  ตรงหน้าทำเอาคีตกาลชะงักเท้าแล้วดึงชายเสื้อของอิ่มเอมเอาไว้

“นี่”

“อะไรของมึง  เดินมาซิ”

“มันเป็นร้านเหล้า”

“เออ  มึงเห็นเป็นร้านนมปั่นหรือไง?”  อิ่มเอมจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ  เขาเขม่นคีตกาลไว้ในใจแล้วว่า  หมอนี่โคตรของโคตรคุณหนูมากๆ  แค่ร้านเหล้าก็ทำท่าทางไม่ชอบใจออกมาแล้ว

“ฉันไม่เข้าร้านเหล้านะ”

“โหย  ไอ้คุณหนู  ไอ้คุณชาย  หม่อมแม่มึงห้ามมารึไง?”

“ใช่”

“....”  เสือกจริงซะงั้น  กูแค่ประชดนะเนี่ย!

“แม่บอกว่าเหล้าเป็นสิ่งไม่ดี...มัน”

“หุบปากเลยไอ้คุณหนู  ถ้ามึงอยากเจอไอ้สิงห์มึงต้องเข้ามาในร้านนี้  เข้าใจ๊?”

ร้าน “เมารัก”  ตกแต่งเหมือนร้านเหล้าทั่วๆไป  เป็นร้านแบบเปิด  มีโต๊ะทั้งในพื้นที่ส่วนนอกและในตัวร้าน  จัดมุมไม่ชิดกันจนเกินไปนักทำให้บรรยากาศดูน่านั่งกว่าร้านอื่นเพราะลูกค้าไม่เบียดกัน  แสงไฟสีส้มและเสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆสร้างความโรแมนติกเล็กๆได้พอสมควร  อิ่มเอมพาคีตกาลมานั่งตรงจุดใกล้ร่มไม้ที่มีน้ำพุเล็กๆ คาดว่าเป็นมุมที่ดีที่สุดของร้านและอิ่มเอมน่าจะจองไว้ล่วงหน้า  ไม่อย่างนั้นคงได้เข้าไปนั่งมุมอับใดมุมหนึ่งในร้านแน่ๆ

“มึงเอาไร?”  อิ่มเอมเปิดเมนูพลางเอ่ยถามคนตรงหน้า

“ไม่รู้ซิ  ฉันดื่มไม่เป็น”

“งั้นเอาเบาๆไปละกัน”  อิ่มเอมสั่งเครื่องดื่มที่เบาที่สุดให้คนตรงหน้า  ส่วนตัวเองเลือกที่มีดีกรีแรงขึ้นมาอีกนิด   คีตกาลเหลือบมองไปรอบร้านอย่างสนอกสนใจจึงไม่ทันเห็นอิ่มเอมว่าจดอะไรยุกยิกหลังจากสั่งเครื่องดื่ม  ครู่หนึ่งจึงมาเสิร์ฟคีตกาลจึงละสายตาหันมามอง

“สีหราช?”

“เพลง?”

“เป็นไง  หล่อไหม  ไอ้สิงห์ในมาดเด็กเสิร์ฟ”  อิ่มเอมหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของเพื่อนทั้งสองคน  สีหราชนั้นร่างกายสูงใหญ่  ยิ่งมาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงสแลคคาดทับด้วยผ้ากั้นเปื้อนผืนยาวที่คาดจากเอวสอบลงมาจนถึงเกือบครึ่งน่องยิ่งทำให้รูปร่างสมส่วนนั้นเด่นชัดขึ้น  ผิวสีน้ำผึ้ง  ดวงตาคมดุและเรียวคิ้วพาดเฉียงกับมาดนิ่งๆเรียกสายตาของลูกค้าทั่วร้านให้มารวมที่เขาได้เกือบทั้งหมด

“หล่อมาก”  คีตกาลยิ้มกว้างพลางยกนิ้วโป้งประกอบคำพูดทำเอาอิ่มเอมหัวเราะเสียงดัง  ส่วน
สีหราชน่ะหรือ  เขากระแอมไอแก้อาการร้อนใบผิวแก้มแล้วถามอีกฝ่ายอย่างแปลกใจที่เห็นคีตกาลที่นี่

“ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”

“ก็ฉันอยากเจอนาย”  คีตกาลยิ้มกว้าง  เขารับแก้วเครื่องดื่มมาจากร่างสูงแล้วจิบ

“เจอฉัน?”

“อืม”

“รบเร้าจนน่ารำคาญมาก  ขอบอก”  อิ่มเอมเอ่ยแทรกขยายความให้เพื่อนฟัง

“ทำไมล่ะ?”

“ก็วันนั้นฉันยังไม่ได้ขอบใจนายเลยนี่นา”

“ขอบใจเรื่องอะไร?”

“ก็ที่พาฉันไปกองกิจการนิสิตไง”

“...มันเป็นทางที่ฉันต้องไปพอดีต่างหาก” 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”

“เอาไว้คุยทีหลังนะ  ฉันต้องทำงาน”   สีหราชตัดบทเมื่อเหลือบเห็นเจ้าของร้านมองมาทางนี้

/
/
/


“ทำไมถึงยังไม่กลับอีก?”  คีตกาลเงยหน้าจากแก้วเครื่องดื่มขึ้นมอง  ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทัก สีหราชถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเนื่องจากหมดเวลางาน   

ดวงตาเรียวปรือฉ่ำเนื่องจากสิ่งที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่หัวค่ำ  ด้วยเพราะไม่ดื่มของมึนเมา   แม้จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอลน้อยแค่ไหนก็เล่นเอามึนได้พอสมควรทีเดียว

“รอ”

“แล้วนี่ไอ้เอมไปไหน?”

“ม่อสาว”

“....แล้วทำไมนายถึงยังไม่กลับ”

“รอสิงห์”

“รอฉัน?  รอทำไม?”

“ก็นายบอกว่าค่อยคุยทีหลัง  ฉันก็เลยรอนายทำงานเสร็จ”  สีหราชยกมือขึ้นกุมขมับ

“ฉันหมายถึงวันหลัง  ไม่ใช่วันนี้”  น้ำเสียงห้วนขึ้นเมื่อเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

“เอ้า!  แล้วก็ไม่บอก”   สีหราชคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดวกไปวนมา  สงสัยจะเมาเสียแล้วกระมัง

“แล้วนี่จะกลับยังไง?”

“เอารถมา”

“...แล้วขับกลับไหวไหม?”

“...ไหว”  คีตกาลยิ้มแป้นแล้วลุกขึ้น  เพียงเท่านั้นก็เซเอียงให้สีหราชผวารับไว้แทบไม่ทัน

“เมาพั้นซ์เนี่ยนะ?”  ร่างสูงเหลือบมองแก้วเครื่องดื่มแล้วมองคนเมาในอ้อมแขนอย่างคาดไม่ถึง

“แต่....ไม่เอาๆ  ยังไม่กลับ”

“เฮ้ย  เมาแล้วป่ะเนี่ย?”

“ไม่เมาๆ”  คีตกาลโบกมือไหว ปัดไปปัดมาเอาคนที่ประคองอยู่เอียงหลบเป็นพัลวัน

“จะตบหน้ากันอยู่แล้วนะ...  กลับบ้านไปได้แล้วไป”

“ยังไม่กลับ  คุยกันก่อน”

“คุยอะไร?”

“วันนั้นขอบใจนะที่พาฉันไปกองกิจการนิสิต”

“นายพูดแล้ว”

“อืม~~ แล้วฉันก็มีเรื่องอยากจะถามด้วย”

“อะไรล่ะ?”  สีหราชประคองคนที่ปฏิเสธว่าเมาออกมานอกร้าน  พลางกวาดสายตามองหาอิ่มเอมไปด้วย  ฝ่ายนั้นพาคีตกาลมาก็น่าจะพากลับซิ  ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ได้ยังไงกัน?

“ทำไมนายถึงออกจากการเป็นเดือนคณะล่ะ?”

“...มันยุ่งยาก”

“ยุ่งยากอะไร?”  อันที่จริงคีตกาลมีสตินะ  แต่เขาควบคุมร่างกายไม่ได้เท่านั้นเอง   เขายืนตรงได้นะแต่ผิดที่พื้นโลกมันเอียงไง แล้ว ไอ้ที่บอกว่าไม่เมาน่ะเขาพูดจริงนะเขาแค่มึนเฉยๆต่างหาก 

“ก็หลายอย่าง”

“น่าเสียดายออก”

“เสียดายอะไร?”

“นายหล่อ”

“ห้ะ?”

“น่าจะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยไม่ยาก”

“ไม่ได้อยากเป็น”

“ทำไมล่ะ?”

“นายเป็นเจ้าหนูจำไมหรือไง  ถามแต่คำว่าทำไมๆอยู่นั่น”

“เอ้า  ก็อยากรู้”

“อยากรู้ไปทำไม?”

“ก็เสียดายไง”

“เสียดายอะไร?”   สีหราชรู้สึกว่าเขาจะถามคำนี้รอบที่สองแล้วนะ   

“นายหล่อ”  ....โอเค  ตอนนี้สีหราชชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาหรืออีกฝ่ายกันแน่ที่เมา...

“...รถนายคันไหน?”

“คันโน้น”  โน้นที่ว่าน่ะ  สีหราชมองไปก็เห็นรถที่เหมือนๆกันหมด

“คันไหนล่ะ?”

“อืม....คันหลัง”

“ห้ะ?”

“คันหลัง”  ร่างโปร่งเริ่มขยับแขนไปเกาหลังตัวเอง  สีหราชอยากจะตบหน้าผากตัวเองเหลือเกิน  แต่ก่อนอื่น  ขอตบหน้าผากหมอนี่ก่อนได้ไหม?

เผี๊ยะ!

“โอ๊ะ!”  สีหราชอุทานตกใจ  มือไวเท่าความคิดเมื่อเขาตบแปะลงไปบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายตามความคิดในหัวอย่างลืมตัว

“อื้อ!”  ดวงตาฉ่ำปรือจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง  ก่อนที่มือขาวจะ...  เผี๊ยะ!

“.....”  สีหราชนิ่งอึ้งในขณะที่เจ้าของฝ่ามือหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่ตีหน้าผากเขาคืนได้แม้จะต้องเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยก็ตาม

“หายกัน” อีกฝ่ายว่าอย่างนั้นสีหราชก็จนใจจะเถียง  ชายหนุ่มถอนหายใจ  มองคนที่เขาประคองเอาไว้แล้วพาเดินออกจากร้าน

“รถล่ะ?”

“จอดไว้นั่นแหละ”

“นายก็ขับมาให้ฉันซี่~”  มือขาวความหากุญแจรถยื่นให้อีกฝ่าย

“ฉันขับรถไม่เป็น”

“จริงดิ?  ฮ่าๆๆนายขับรถไม่เป็นเหรอ?”  ตอนนี้สีหราชแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่าคีตกาลเมาอย่างแน่นอน

“แล้วนี่  นายจะไว้ใจคนอื่นไปทั่วแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ไหน   ไหนคนอื่นอ่ะ?”  ถามแล้วก็เหลียวมองไปด้วย

“ฉันที่ไง”

“นายเป็นเพื่อนนี่”

“....”

“นายเป็นเพื่อนฉัน  อิ่มเอมก็ด้วย”

“...เราเพิ่งเจอกันสองครั้ง”

“เจอครั้งเดียวก็เป็นเป็นเพื่อนกันได้”

“ถ้าฉันเป็นคนเลวกว่านี้นะ  นายแย่แน่ๆ”

“แย่ยังไงอ่ะ?”  สีหราชพยุงคนเมาเดินขึ้นบันได  แม้จะไม่ทุลักทุเลมากนักหากก็ทำเอาเขาเหนื่อยได้เหมือนกัน

“นายจะโดนขโมยรถ”

“อืม  แล้วไงอีก”

“โดนปล้น”

“หืม?”

“โดนข่มขืน”

“ฮื่อ  เป็นผู้ชายจะโดนข่มขืนได้ยังไง?”   ข้อหลังคีตกาลแย้ง

“ทำไมจะไม่ได้  นายไม่รู้หรือไงว่าโลกเราทุกวันนี้น่ากลัวมากแค่ไหน?”  สีหราชควานหากุญแจเปิดห้อง  ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงสำเร็จ  ก่อนจะวางร่างคนเมาลงบนเตียงอย่างไม่ออมแรง  คีตกาลเบ้หน้ากับความแข็งของฟูกนอน  หากกระนั้นเขาก็ยอมนอนลงไปเพราะหัวมันหมุนไปหมด

“อืม...”

“นี่”

“....”   สีหราชเหลือบมองคนที่นอนนิ่งบนเตียงตัวเองแล้วถอนหายใจ  คืนนี้โชคดีที่รูมเมทของเขากลับบ้าน  ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพาคนเมาไปนอนพักที่ไหน  เพราะอิ่มเอมก็หายหัวไปเลย สีหราชไม่มีมือถือไว้ติดต่อเพื่อน  เขาคิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นซ้ำยังเป็นภาระในเรื่องของค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก  เขาไม่มีเงินพอจะมาเสียกับเรื่องพวกนี้เสียด้วย

ร่างสูงขยับเท้าเข้าใกล้ก่อนจะนั่งยองๆข้างเตียง  เฝ้ามองใบหน้าขาวใสของคนที่หลับตาพริ้มแล้วหยุดนิ่งตรงขี้แมลงวันเม็ดเล็กตรงข้ามแก้ม  ชื่อเพลงเหมือนกัน  มีตำหนิที่แก้มข้างเดียวกัน...นายเป็นเด็กคนนั้นจริงๆใช่ไหม?

สีหราชอยากเอ่ยถาม  หากเขาก็หยุดตัวเองไว้  ด้วยคำถามที่ว่า  หากเขาได้คำตอบแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือ?   ได้เป็นเพื่อนกัน?  ได้พูดคุย?  หรือหวังว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้?

ไม่ว่าจะถามหรือไม่ถาม...จะจำได้หรือจำไม่ได้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...



**********


“อืม”  เปลือกตาขยับไหวเมื่อแสงของวันใหม่ไล่สาดกระทบ  คนบนเตียงบิดกายไล่ความเมื่อยขบทั้งๆที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น  ฝ้าเพดานสีขาวหม่นไม่คุ้นตา  สภาพห้องแคบๆไม่คุ้นเคยทำเอาเขากระเด้งกายลุกขึ้นนั่งแล้วเหลียวมองรอบตัว  ก่อนจะสะดุดกับร่างหนาใหญ่ที่ขดอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม  ใบหน้าเข้มคร้ามนั้นคุ้นตาเพราะเขาเอาแต่ถามหาอยู่สองสัปดาห์กับอิ่มเอม

ใบหน้าหล่อเหลายามหลับไม่ดุเหมือนตอนเจ้าตัวตื่นเลยสักนิด  ริมฝีปากหยักเผยอผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ  จมูกโด่งเป็นสัน  เครื่องหน้าสมชายชาตรีเข้ากับชื่อของเจ้าตัวนัก    คีตกาลยกยิ้มก่อนจะสำรวจรอบห้องอีกครั้ง

ที่นี่น่าจะเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย   ข้าวของเครื่องใช้มีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือ  เตียงกับตู้เสื้อผ้าของทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้  นอกนั้นมีเพียงกองหนังสือนั่นกระมังที่เป็นสมบัติจริงๆของคนที่นอนอยู่

สีหราช  วิรุณรักษ์     ปลายนิ้วเรียวไล่ตามตัวอักษรชื่อนั้น  แล้วก็...ไม่มีอะไรให้สำรวจอีก   เพราะไม่มีอะไรเลย...

“อรุณสวัสดิ์”  คีตกาลเอ่ยทักเจ้าของห้องที่กระพริบตาปริบแล้วมองมาทางเขา   สีหราชลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง  นิ่งเสียจนคีตกาลต้องกรอกตา  กลั้นหายใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะต่อว่า   เพราะเมื่อคืนเขาพล่ามพูดมากอะไรไปบ้างเขาจำได้หมดแหละ

“คีตกาล?”

“อ่าฮะ  นายตื่นหรือยัง?”  คีตกาลกลั้นยิ้ม  ท่าทางจ้องเขาเขม็งเมื่อครู่คงเพราะสีหราชยังตื่นไม่เต็มตาแน่ๆ

“อืม  อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์”  ผู้เป็นแขกยิ้มกว้าง  ส่งผลให้เจ้าของห้องต้องหยีตาเพราะมโนเห็นแสงระยิบระยับจากรอยยิ้มนั่น  “ห้องน้ำไปทางไหน?”  วูบ!  แสงสว่างหายวับไปกับตา   สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กกับแปรงสีฟันที่เพิ่งซื้อมายื่นให้  ก่อนจะหยิบของตัวเองแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องน้ำรวมของหอพัก

“วันนี้นายมีธุระที่ไหนหรือเปล่า?”  คีตกาลถาม  มองร่างสูงของอีกฝ่ายผ่านกระจกอ่างล้างหน้า

“อืม  ทำงานพิเศษ”

“ทำงานอีกแล้วหรือ?”

“ใช่”

“อย่าบอกนะว่านายทำกลางวันทั้งเสาร์อาทิตย์แล้วก็ตอนกลางคืนด้วย?”

“ใช่”

“....แล้ววันนี้ไปทำที่ไหน?” 

“ตอนกลางวันที่เซเว่น  ตอนเย็นถึงเที่ยงคืนก็ร้านเมารัก”

“ไม่เหนื่อยแย่หรือ?”

“...เหนื่อย”

“แล้ว...”

“แปรงฟันเสร็จแล้วเดี๋ยวจะพาไปเอารถ  จอดทิ้งไว้ที่ร้านหวังว่ามันจะยังอยู่นะ”  คนถูกถามเสเปลี่ยนเรื่อง

“นี่...”

“คีตกาล  ฟังนะ”

“?”

“เราไม่ใช่เพื่อนกันหรอก  เจอกันครั้งนี้แค่ครั้งที่สองเอง  นายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเพื่อนคนอย่างฉันก็ได้”

“ทำไมล่ะ?”

“...ก็   ..เราคงต่างกันเกินไปมั้ง”

“ยังไง?”

“...เอาเถอะ  อย่ามายุ่งกับคนอย่างฉันเลย  กลับบ้านไปซะ”

“....”  เขาครุ่นคิด  สีหราชที่เจอครั้งเหมือนคนอัธยาศัยดีทั่วไป  ถึงแม้จะไม่ยิ้มหากก็ใจดีกับคนอื่นๆ  เห็นได้จากเขาและเพื่อนหลายๆคนในวันแรกที่รวมตัวกันของตัวแทนคณะนั่น   ไม่ใช่ว่าคีตกาลไม่มีเพื่อน  เขามีเพื่อนร่วมคณะมากมายทั้งที่สนิทและไม่สนิท  เพื่อนต่างคณะก็มากเพราะทำกิจกรรมร่วมกัน  แต่กับ
สีหราช...เขาอยากเป็นเพื่อนด้วยเพราะ....ฝ่ายนั้นมักจะทำท่าเหงาอยู่ตลอดเวลา  ทั้งๆที่มีคนมากมายรายล้อมอยู่

เขาไม่ได้สงสาร  เขาก็แค่อยากเป็นเพื่อน

เท่านั้นเอง...








โปรดติดตามตอนต่อไป





แจ้งข่าว -

สวัสดีค่ะ หายไปหลายวันเลยเนอะ   ก่อนอื่นขอแจ้งนิดนึงนะคะ  ช่วงนี้อาจจะมาต่อช้าหน่อยนะคะ  เนื่องจาก
1.  เรากำลังเร่งแต่งตอนพิเศษของ  อสงไขย  เพื่อรวมเล่มอยู่ค่ะ  อาจต้องทุ่มเวลาให้ทางนั้นนิดนึง (ใครสนใจแนวพีเรียด  ดราม่า  เชิญได้เลยค่ะ  คุณพระนายกับแก้วตารออยู่ ^^)
2.หลังจากนี้ออกต่างจังหวัดหลายวันค่ะ  ...สต๊อกที่แต่งไว้  หมดแล้วค่ะ...



ปล.  เพิ่งเห็นว่ามีคน #รักพัดหวน ให้ด้วย  เขินจังเลยยยยยย :-[
ขอบคุณนะคะ  เขินจริงๆนะเนี่ย   ดีใจด้วย  ฮา  มาจูบทีหนึ่งซิ :mew1: 

ปลล. เข้าไปคุยกันได้นะคะ  จิกกัด  ตามทวง กันได้ที่ Novel By Sine @sine501 ค่ะ



ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กันเสมอนะคะ   กอดแน่นๆ^^
 :กอด1:







หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 21-07-2015 07:31:51
ทั้งสองคนเคยพบกันมาก่อนสินะคะ ^^ เพียงแต่ว่าเพลงจำไม่ได้.. แต่สมัยที่ยังเป็นเด็กเพลงน่ารักมากเลยนะคะ ดูว่าง่ายกว่าตอนนี้เยอะเลย :laugh: สงสัยว่าที่สิงห์ยอมใจอ่อนคบเพลงเป็นเพื่อน เพราะว่าแพ้ลูกตื๊อ รวมไปถึงรอยยิ้มที่กระจ่างตาด้วยสิน้าา >< แอร๊ย แบบว่าถูกดาเมจทำลายล้างงงง~

รอตอนต่อไปนะค้าา.. :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 21-07-2015 07:49:04
ถูกบังคับให้เลิก เพราะฐานะต่างกันมากอะไรอย่างนั้นหรือเปล่า ...มโนกันไป
ความหลังสมัยยังใสๆละอ่อน คีย์พัฒนาเลเวลความดื้อมาเยอะนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 22-07-2015 11:08:18
แปะไว้ก่อนน้า เคลียร์ชีวิตลงตัวละจะเข้ามาอ่านอย่าด่วนเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: feoh ที่ 22-07-2015 13:10:44
อิ่มเอมวุ่นวายไปหน่อย แต่ก็ดูห้าวๆดี ขอให้มีคู่อิ่มเอมด้วยนะคะ :mew4:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 22-07-2015 15:46:08
ชอบเรื่องนี้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-07-2015 13:09:10
ความสัมพันธ์ในอดีตตอนกลางเป็นอย่างนี้นี่เอง
ชักอยากรู้อดีตตอนต้นกับตอนปลายแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 24-07-2015 21:59:26
น้องเพลงช่างใสซื่อนักกก  เพิ่งรู้ว่าพี่สิงห์มีอดีตกับน้องเพลงงงง

ขอบคุณนะค่ะ รออ่านตอนต่อไปคร้าาาา
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 30-07-2015 21:27:52
เพิ่งเข้ามาเจอค่ะ สนุกมากกกก
แต่คาใจสุดๆ ว่าทำไมเพลงถึงสลัดรักพี่สิงห์สุดหล่อ ทั้งๆที่คบกันพ่อแม่เพลงก็รับทราบ ทางฝั่งพี่สิงห์ตั้งแต่อ่านมาก็ไม่พอตอนใดที่เอ่ยถึงครอบครัวพี่สิงห์เลย ทำไมถึงเลิกอ่ะ คาใจๆๆ อ่านไปสงสัยไป แต่สนุก ชอบค่ะ และกำลังจะไปอ่านอสงขัยเพราะอ่านเรื่องนี้แล้วชอบลักษณการแต่งของคุณมาก อีกเรื่องก็น่าจะสนุกไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 01-08-2015 00:18:40
~ แมกไม้ ไอดิน  กลิ่นหมอก ~


-รักพัดหวน -

ตอนที่7








คีตกาลจ้องมองโทรศัพท์ในมือพลางเขี่ยไป-มาอย่างไร้เป้าหมาย  เขาจะติดต่อใครดี?  มารดา?   ถ้ามารดาเขารู้เดี๋ยวก็ถามอีกว่าทะเลาะอะไรกัน  เขาตอบไม่ได้เพราะไม่ได้ทะเลาะน่ะซิ!   นิ้วเรียวเปิดไล่จนถึงรายชื่อหนึ่งคีตกาลก็ยกยิ้ม  เขาห่างหายจากเหล่าเพื่อนๆไปนานมาก  เพราะปกติแล้วเขาไม่ติดโซเชียลเลย  ไอ้เรื่องจะมานั่งคุยไลน์หรือเล่นเฟซบุ้คน่ะอย่าหวัง     จังหวะที่ปลายนิ้วกำลังกดแตะรายชื่อเพื่อโทร.ออก  พลันรถที่นั่งอยู่ก็พุ่งเข้าข้างทาง  คีตกาลเบิกตาแหกปากร้องลั่นอย่างตกใจ

“เฮ้ย!”   กำลังจะหันไปถามคนขับว่ารถเป็นอะไร  ปลายมีดแหลมก็เสือกเข้ามาทันที  ชายหนุ่มเอียงตัวหลบวูบรวดเร็ว

“ส่งของมา!”  สำเนียงต่างชาติไม่ชัดเจนขู่กรรโชก

“ของอะไร?”  คนขู่กระชากโทรศัพท์ยี่ห้อหรูออกจากมือก่อนจะยกอีกข้างที่มีอาวุธเงื้อขึ้นสูง   
คีตกาลเห็นท่าไม่ดีคว้าประตูเปิดแล้วออกวิ่ง  หากอีกฝ่ายก็ไวพอกัน    มันออกวิ่งตามมาแล้วเตะขัดขาให้คีตกาลถลาล้มหน้าคะมำ  ...เขารู้  หากอยู่นิ่งคงไม่รอด   ชายหนุ่มพยายามพลิกตัวศอกกลับ    มันเสียจังหวะ  ปลายมีดที่จะจ้วงแทงเลยเฉือนต้นแขนคีตกาลเลือดอาบ  กลิ่นคาวคละคลุ้งพาลให้หน้ามืด  แขนแกร่งของมันคว้าเข้าล็อกลำคอของคีตกาลให้เงยหน้าขึ้น  อีกข้างผลิกด้านคมของมีดจ่อคอ...

ทั้งๆที่เจ็บหากคีตกาลก็พยายามใช้มือทั้งสองข้างดันแขนมันออก ...จะโดนฆ่าปาดคอตายอยู่ข้างทางอย่างนี้หรือ?   จังหวะที่แขนกำลังจะหมดแรงแสงไฟสว่างวาบก็สาดเข้ามา  เสียงปืนดังเฉียดข้างหูจนอื้ออึง  พลันแรงรัดจากด้านหลังก็หายไป  คีตกาลสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองด้านหลัง  แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ล้มทั้งยืน...  ใบหน้าของมันอาบเลือดแดงฉาน  ดวงตาเบิกโพลง  ตรงกลางหน้าผากมีรูซึ่งเกิดจากกระสุนของใครสักคนในกลุ่มที่เพิ่งมาถึง

“เพลง!”  เสียงคุ้นหูของใครบางคนตะโกนก้อง  แล้วภาพทุกอย่างตรงหน้าก็พลันดับวูบลงพร้อมความรู้สึกอุ่นซ่านที่โอบรัดประคอง


   ********
   


สิ่งแรกที่รับรู้คือกลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อ  แสงสว่างและเสียงฝีเท้าขวักไขว่  อาการเจ็บตึงตรงต้นแขนทำเอานิ่วหน้า  เขาเหลียวมองรอบตัวจึงรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลและเขานอนอยู่บนเตียงสังเกตอาการมุมหนึ่งในห้องฉุกเฉินมีม่านบังอยู่  ไม่ใช่ห้องผู้ป่วย...   คีตกาลลุกขึ้นนั่งก่อนจะค่อยสำรวจร่างกายตัวเอง  เสื้อตัวนอกของเขาถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อกล้าม  ต้นแขนขวามีผ้าพันแผลพันรอบ  มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย  เอี้ยวคอแล้วมีอาการเคล็ดขัดยอกและแสบ  พอยกมือขึ้นแตะจึงรู้ว่ามีจุดหนึ่งที่โดนปิดอยู่   ...คงโดนคมมีดซินะ

“น้าว่ารอถามตาเพลงตอนตื่นไม่ดีกว่าหรือ?”   คีตกาลเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงมารดา

“ผมว่าพาเขากลับไปเลยน่าจะดีที่สุด”  อีกเสียงคือคนที่เขาจำได้ก่อนหมดสติ ....สีหราช

“แต่...”

“เจ็บตัวถึงขนาดนี้แล้ว  ผมไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่อีก”  เขานิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน  สีหราชจะไล่เขากลับบ้านอย่างนั้นหรือ?  หมายถึงไม่ต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกแล้ว?   พลันหัวตาก็รู้สึกร้อนผ่าว  โพรงจมูกก็แสบไปหมด

“เดี๋ยวคุยกันก็แล้วกัน   เดี๋ยวน้าไปจ่ายค่ายาก่อน”   

“คุณน้ารับโทรศัพท์เถอะครับ  เดี๋ยวผมไปจัดการเอง”   

“ฝากด้วยแล้วกัน”  เสียงมารดาของเขาตัดบทก่อนจะได้ยินเสียงเดินออกไป

คีตกาลค่อยๆแหวกม่านออกแล้วสอดส่ายสายตาว่ายังมีใครอยู่บริเวณรอบๆนี้หรือไม่  เมื่อเห็นว่ามีแค่เหล่าพยาบาลที่เดินทำงานกันให้วุ่นเขาก็เผ่นแผลวออกไปทันที

“เอาไงดี”  เขาพึมพำกับตัวเอง

“เฮ้ย!”  คีตกาลสะดุ้งโหยง  แรงปะทะกลางหลังทำเอาเกือบเซเพราะความมือหนักของอีกฝ่าย “ไงมึง?”

“ไม่ไง”  คีตกาลกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย  ก่อนจะสะดุดกับรอยช้ำตรงมุมปากของอิ่มเอม  ฝ่ายนั้นก็คงรู้ตัวถึงเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเองแล้วยักไหล่

“ไอ้สิงห์หมัดหนักโคตร!”  อิ่มเอมบ่น   คีตกาลขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง   สีหราชน่ะนะชกนายอิ่มเอม?  ชกทำไม?  “แล้วนี้นึกยังไงหนีมา   ปกติไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้นี่”

“ใครหนี?”

“มึงไง  กูแค่พูดให้มึงหลีกทางมึงก็หงอเก็บผ้าหนีกลับบ้านแล้วเหรอ?”

“ไม่ได้หนี”

“อ้าว?”  อิ่มเอมเลิกคิ้วมอง  คีตกาลกอดอกฉับแล้วก็ต้องเบ้หน้าเนื่องจากเจ็บแผล

“แค่จะกลับบ้าน  ไปทบทวนอะไรสักหน่อย”

“ทบทวนอะไร?  ทบทวนว่ายังรักไอ้สิงห์อยู่ไหมน่ะเหรอ?”

“......”

“ถามจริง  พวกมึงเลิกกันด้วยเรื่องอะไรเนี่ย  ถามไอ้สิงห์แม่งก็ไม่ยอมบอก”  อิ่มเอมขยี้หัว  จิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจก็ให้ต้องร้องซี้ดเพราะเจ็บปาก

“....แค่เรื่องงี่เง่า”  คีตกาลเอ่ยเสียงเบา

“เรื่องงี่เง่า?  พวกมึงเลิกกันด้วยเรื่องงี่เง่า?  ไอ้สิงห์จะเป็นจะตายเพราะเรื่องงี่เง่า?”  อิ่มเอมไม่เข้าใจ!   “อะไรคือเรื่องงี่เง่าของพวกมึ้ง!”  อิ่มเอมอยากจะทึ้งหัวคนข้างๆแต่เห็นอีกฝ่ายเจ็บอยู่เลยทึ้งหัวตัวเองแทน

“เออน่า  เรื่องงี่เง่าก็คือเรื่องงี่เง่าไง”  คีตกาลตัดบทอย่างรำคาญ

“แล้วนี่มึงจะไปไหน?”  อิ่มเอมเอ่ยท้วงคนเจ็บที่ทำท่าเดินหนี

“ไปทำงาน”

“ห้ะ?”  อิ่มเอมกำลังจะเอ่ยท้วงก็มีเสียงใครบางคนเอ่ยเรียกไว้ก่อน  คีตกาลจำได้ว่าเป็นเสียงของคุณศักดิ์  ฉะนั้นเขาขอเผ่นก่อนแล้วกัน  แต่ก่อนอื่นต้องติดต่อเพื่อนให้มาช่วยเหลือเสียก่อน
.
.


“บ้าจริง  พวกคุณทำงานกันประสาอะไรปล่อยให้คนไข้หนีไปได้!”  เสียงทุ้มโวยวายลั่นทำเอาเหล่าพยาบาลตัวลีบไปตามๆกัน  คุณยุวดีเข้ามาจับแขนชายหนุ่มเพื่อห้ามปราม  หากกระนั้นสีหราชก็โมโหเกินกว่าจะเอ่ยขอโทษพวกเธอ  ความเป็นห่วงระคนกราดเกรี้ยวตีกันยุ่งไปหมด  ดึกดื่นป่านนี้แล้วอีกฝ่ายจะไปที่ไหนกัน!   ห่วงว่าคนเจ็บหนีไปไหน  เจ็บขนาดนั้นอีกเดี๋ยวคงไข้ขึ้นแน่  โมโห  โมโหที่คนเจ็บทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบบ้า!

“สิงห์ใจเย็น  เดี๋ยวน้าจะลองติดต่อไปที่บ้านดูก่อน  บางทีตาเพลงตื่นขึ้นมาไม่เจอใครคงตกใจน่ะ”  คุณยุวดีถึงแม้จะไม่พอใจก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ดี   ครู่ใหญ่กว่าคุณยุวดีจะวางโทรศัพท์  สีหน้าวิตกกังวลของผู้สูงวัยทำให้สีหราชรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับไปที่บ้านแน่ๆ  จังหวะเดียวกับที่เกียรติศักดิ์ลากอิ่มเอมเข้ามา  คนตัวโตเลิกคิ้วมองทุกคนในห้อง

“เป็นอะไรกัน?”

“เพลงหายไป”  สีหราชนวดหัวคิ้วอย่างเคร่งเครียด  เพราะโทรศัพท์ของคีตกาลพังไปแล้วตอนชุลมุนสู้กับคนร้ายตอนนี้เลยไม่รู้จะตามตัวได้อย่างไร  เขาไปจ่ายค่ายาและให้ปากคำตำรวจอยู่นาน  พอกลับมาอีกทีก็ไม่เจอคนเจ็บเสียแล้ว

“หายไป?  ก็เมื่อกี้เพิ่งคุยกับกู...”

“อะไรนะ?”  สีหราชถลาเข้ากระชากคอเสื้อเพื่อน  อิ่มเอมร้องเฮ้ยก่อนจะแกะมือสีหราชออก

“กูบอกว่าเพิ่งยืนคุยกับเพลงมันเมื่อกี้”

“แล้วตอนนี้เพลงอยู่ไหน?”

“มันบอกว่าจะกลับไปทำงาน”

“ทำงาน?”   สีหราชขมวดคิ้วคำรบสอง  ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะ   “ว่าไงสายใจ?  หืม  อยู่บ้าน?  ได้  ฉันจะรีบไป”  สีหราชหันไปทางคุณยุวดี  คิ้วที่ขมวดเมื่อครู่คลายลง  “เพลงอยู่ที่ฟาร์มครับคุณน้า”

“เฮ่อ  เด็กคนนี้นี่  ทำเอาวุ่นกันไปหมด”

“ถ้ายังไงคุณน้าจะไปพร้อมกันเลยไหมครับ?”

“น้าขอไปดูแลคุณพลก่อนแล้วกันจ้ะ  รู้ว่าอยู่ที่ฟาร์มของสิงห์น้าก็เบาใจ  น้าจะเข้าไปแต่เช้านะ” 
สีหราชยกมือไหว้ผู้สูงวัย   คุณยุวดีเพิ่งกลับมาจากดูงานที่สิงคโปร์  มาถึงก็เจอข่าวว่าลูกชายโดนจี้หนำซ้ำยังบาดเจ็บอีกคงจะทั้งเหนื่อยและเพลียมาก  สีหราชจึงไม่เอ่ยรั้งอีก  ย้ำให้คนขับรถขับกลับบ้านดีๆเมื่อคุณยุวดีถึงบ้านแล้วให้โทรศัพท์มาแจ้งเขาอีกครั้ง
.
.
.


สีหราชถอดเสื้อคลุมให้สายใจเพราะกลิ่นเขม่าดินปืนยังติดตัว  เขาเหลือบมองไปยังประตูห้องที่ปิดเงียบแล้วถอนหายใจ  เมื่อครู่แป้งที่นั่งรอข่าวและใครอีกคนที่เขาจำได้เลือนรางเข้ามาถามเรื่องราวกับเขา  หากแต่สีหราชเป็นห่วงใครคนเจ็บมากเกินกว่าจะตอบ  เขาทิ้งให้อิ่มเอมและเกียรติศักดิ์เป็นคนตอบคำถามแทน

“เพิ่งทานยาแก้ปวดแล้วก็หลับไปเมื่อครู่นี้เองค่ะ”  ป้าแช่มรายงานเขาพยักหน้ารับก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้อง

คนบนเตียงทอดลมหายใจสม่ำเสมอหากคิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่น  บ่งบอกว่าแม้จะหลับก็ยังไม่สุขสบายผ่อนคลายลงเพราะความเจ็บปวด  ร่างสงทรุดตัวลงนั่งขอบเตียง  เขาจ้องมองใบหน้าเนียนใสนั้นแล้วให้เจ็บแปลบในใจ

หากเขาไปช้ากว่านั้นอีกนิด....

สีหราชไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเขาตามไปช้าอีกเพียงแค่วินาทีเดียว  เขาจะได้กลับมานั่งมองอีกฝ่ายหลับอย่างนี้อยู่ไหม?  จะยังได้สัมผัสความอบอุ่นของแก้มเนียนนี้อยู่หรือเปล่า? 
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงเชื่องช้า  ปลายจมูกโด่งแตะลงบนแก้มขาวแผ่วเบา  ก่อนจะผละออกห่างเพียงนิดแล้วแนบริมฝีปากหยักลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของคนหลับ

“เพลง”   เอ่ยร้องเรียกแค่เพียงกระซิบ  อยากปลอบประโลมแต่ก็ไม่อยากรบกวน  “ขอโทษนะครับ”  สีหราชกระซิบแผ่ว  ใบหน้าเคลื่อนลงต่ำไปยังต้นแขนที่พันผ้าเอาไว้  กดจูบลงบนแผลนั้นเบาๆ

“เอ่อ?”  สีหราชเหลือบมองเด็กสายใจเมื่อฝ่ายนั้นชะงักค้างนิ่งอยู่หน้าประตู  “หนูเคาะแล้วนะคะ  แต่คุณสิงห์ไม่ตอบ...”

“มีอะไร?”  เสียงทุ้มตวัดห้วนไม่ดังมากนักเพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตื่น

“คือจะให้คุณศักดิ์กับคุณชาญนอนห้องไหนคะ?”  ชาญ?  อ้อ  หมอนั่นชื่อชายชาญ  เป็นเพื่อนสนิทของคีตกาลสมัยเรียน  นี่คงจะเป็นคนมาส่งคีตกาลที่ฟาร์มล่ะซินะ

“ให้นอนกับนายเอมนั่นแหละ  เอาฟูกนอนไปเสริมก็แล้วกัน”

“แล้วคุณสิงห์ล่ะคะ?”  สายใจยังถามไม่จบประโยคก็ต้องยิ้มแหยแล้วถอยหลังกลับออกไปเมื่อโดนสายตานิ่งตวัดมอง




“อืม  เจ็บ”  เสียงร้องครางทำให้สีหราชยันตัวขึ้นมอง  มือใหญ่แตะลงบนหน้าผากเนียนก็ให้ขมวดคิ้ว  ร่างสูงลุกจากเตียงฉีกยาแก้ปวดแล้วเทน้ำใส่แก้ว  สีหราชพยุงคนที่ยังหลับตาให้พิงอกตัวเองก่อนจะป้อนยาป้อมน้ำแล้วจัดท่าทางให้นอนสบายก่อนจะซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  รอจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายคลายเจ็บและหลับสนิทเขาจึงหลับตา...   
.
.





“สายใจ  ตักข้าวต้มให้คุณคีย์  ปอกผลไม้ไว้ด้วย  อ้อ  แขนข้างนั้นคุณคีย์ไม่ถนัด  เอาวางไว้ให้หยิบใกล้ๆ”

“.....”  แขกบนโต๊ะมองหน้ากันไป-มา  มีเพียงคุณยุวดีกับเกียรติศักดิ์เท่านั้นที่ยกแก้วกาแฟดื่ม  ตักอาหารเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ  คนเจ็บที่ยังมึนๆเบลอๆยกแขนเก้กังแล้วก็ถอนหายใจ

“เป็นอะไรตาเพลง?”  คุณยุวดีถามบุตรชายที่ยังคงยุกยิกไม่เลิก

“ไม่ถนัดเลย  ผมยกแขนไม่ถนัดอ่ะแม่”  ได้ทีคีตกาลก็เอ่ยอ้อนมารดา  คุณยุวดีค้อนใส่บุตรชาย

“ข้าวต้มใช้ช้อนตักแค่นี้คงไม่เป็นอะไรหรอก  ผลไม้นั่นสายใจก็ปลอกไว้ให้เรียบร้อย  ใช้ส้อมจิ้มๆเอาซิ”

“แม่อ่ะ!”  คนเจ็บงอแงไม่เลิกก่อนที่ชามข้าวต้มจะถูกนำมาวางตรงหน้า  สีหราชคว้ามาไว้หน้าตัวเองแล้วคนให้หายร้อน  คีตกาลเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายแล้วประท้วง  “ไหนบอกว่าข้าวต้มฉันไง?”

“ก็เห็นงอแงตักไม่ถนัด”

“?”  คีตกาลเอียงคอมองอย่างไม่เขาใจ  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามจึงยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยประโยคที่ทำเอาทั้งโต๊ะเงียบกริบ

“เลยว่าจะป้อนให้”  ไม่ว่าเปล่าสีหราชตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าแล้วจ่อริมฝีปากบาง

“จะกินเอง!”  คีตกาลคว้าหมับเข้าที่มือแกร่งของสีหราชที่ยังคงพยายามจะป้อนให้ได้

“แขนเจ็บอยู่ไง”  ชายหนุ่มยกยิ้ม 

“ยุ่ง!”   สุดท้ายสีหราชก็ปล่อยให้คีตกาลแย่งช้อนไปจนได้  หากไม่วายคอยแกล้งอยู่บ่อยๆ     อิ่มเอมที่มองอยู่กระแอมไอขัดเพราะเหลือบไปเห็บใบหน้าซีดเผือดของแป้งเข้า  หญิงสาวยิ้มแหยก่อนจะขอตัวออกไป  อิ่มเอมเห็นดังนั้นจึงลุกตาม


“เราขอโทษนะแป้ง”

“เราเองก็ผิดแหละ”

“แต่....”

“อันที่จริงแล้วเราก็พอรู้ตั้งแต่แรก  เห็นชัดก็เมื่อวานนั่นแหละ”

“.....”

“หน้าสิงห์ตอนนั้นน่ะ  ทั้งร้อนใจ  ทั้งกังวล  เป็นห่วงแล้วก็....เหมือนจะร้องไห้ตอนที่เพลงหายไป”

“.....ขอโทษที่พาแป้งเข้ามา”

“เราขอร้องเอมเอง  เอมไม่ผิดหรอก”

“แล้วแป้งจะเอาไงต่อ?”

“กลับไปทำงาน”  หญิงสาวหัวเราะ  ยิ้มกว้างให้เพื่อนตัวโตซึ่งเธอขอร้องแกมบังคับให้ช่วยเหลือเธอเข้าหาสีหราช

“แป้งไม่เป็นไรนะ?”

“เราโอเค”  หญิงสาวยิ้มอีกครั้ง  ก่อนที่สายวันนั้นเธอจะเก็บกระเป๋ากลับไปทำงาน   เหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันสวยงามไว้ในใจของตัวเอง   ว่าครั้งหนึ่ง...เธอได้ลองพยายามในรักจนถึงที่สุดแล้ว  หากไม่ได้กลับมาเธอก็ไม่เสียใจ

“อ้อ  ตัวการสำคัญอยู่นี่เอง”  อิ่มเอมคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินเสียง   ผ่านมาหลายปีน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ยังยียวนไม่เลิกซิน่า!

“ไง  หมากระเป๋า”

“ไอ้ยักษ์!”  ชายชาญหรือหมากระเป๋าที่อิ่มเอมเรียกสูงแค่ไหล่ของคนตัวโตเท่านั้น

“ไม่เจอกันนาน  ตัวยังเตี้ยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”  อิ่มเอมยกยิ้มยียวน

“นายมันก็ขี้ติดตูดเพื่อนไม่เปลี่ยน”

“ปากดี!” คนตัวโตโมโหคว้าอีกฝ่ายเข้ามารัดให้ใบหน้าซุกเข้ารักแร้ของตัวเอง   ล็อกคอเอาไว้ให้ดิ้นหลุด

“เหม็นโว้ย!  ปล่อยนะไอ้ยักษ์!”

“อ่ะฮ่า  น้ำยังไม่ได้อาบกลิ่นกำลังดีเลย”  อิ่มเอมหัวเราะชอบใจเสียงดังแล้วก็เบ้หน้า  แผลแตกที่ปากยังไม่หายดีเลย!

“คุณเอม  คุณสิงห์ให้มาตาม”  น้ำเสียงเรียบนิ่งของเกียรติศักดิ์เหมือนระฆังช่วยชีวิต   ชายชาญที่หลุดจากกรงรักแร้ของอิ่มเอมโกยอากาศเข้าปอดทันทีแล้วหันมายิ้มขอบอกขอบใจเกียรติศักดิ์ยกใหญ่



“มึงเอาแฟ้มงานนี้ไปอ่านนะ  เรื่องสัญญากับหุ้นส่วนอื่นๆฝากมึงดูให้อีกทีละกัน”

“.....”

“มีอะไร?”

“มึงเรียกมาคุยเรื่องงาน?”

“ก็ใช่  แล้วมึงคิดว่ากูเรียกมาทำไม?”

“ก็เรื่องเพลง...”

“แค่นั้นก็จบแล้ว”  สีหราชชี้ยังไปยังมุมปากเพื่อนที่ยังช้ำไม่หาย

“อ่อ...”

“แต่อย่าให้มีอีกแล้วกัน”

“หูย~  หวงมาก  แม่งพวกมึงไม่กลับมาคบกันเลยล่ะวะ?”

“..........”

“เออ  ไอ้เพลงบอกพวกมึงเลิกกันด้วยเรื่องงี่เง่า”

“....”

“เรื่องงี่เง่าอะไรวะ?”

“มันก็ไม่ใช่ว่างี่เง่าเสียทีเดียวหรอก  มันมีเหตุผลอื่นที่เขาไม่ได้บอก”

“มันไม่บอกแล้วมึงรู้?”

“ก็..พอจะรู้”

“อ้อ  มีกูโง่อยู่คนเดียว  หลงเป็นห่วงเพื่อนจะเป็นจะตาย  สุดท้ายแม่งก็หมา”

“เอม...”

“กูอารมณ์เสีย  แม่ง!”  เออแน่ะ  งอนก็มีการบอกกล่าวให้รู้เสียด้วย  สีหราชส่ายหัว  อิ่มเอมพอเห็นว่าเพื่อนไม่ง้อก็หน้างอเดินสะบัดบ๊อบออกจากห้องไปทันที

คนตัวโตชะงักเท้าเมื่อเจ้าขนสีน้ำตาลตัวเขื่องที่เริ่มขยายใหญ่กว่าอาทิตย์ก่อนวิ่งมาเกาะแข้งเกาะขา  อิ่มเอมสะบัดมันกระเด็นไปไม่ห่างมากนัก  พอลุกขึ้นได้มันก็วิ่งกลับเข้ามากระดิกหางใส่ใหม่

“ไอ้ Lionไปไกลๆเลย!”

“ห้ามเหยียบมันนะ  ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์เดี๋ยวมันก็ตายพอดีหรอก!” เกียรติศักดิ์ที่ไม่รู้ว่าเห็นตั้งแต่ตอนไหนวิ่งเข้ามาคว้าเจ้าขนปุยไปกอดแน่นเมื่อเห็นว่าคนตัวโตยกเท้าจะเหยียบเจ้าตัวเล็ก

“ไม่ได้จะเหยียบสักหน่อย”  อิ่มเอมยักไหล่แถไปข้างๆคูๆ

“ก็เห็นอยู่!”

“มีอะไรหรือคุณศักดิ์?”  คีตกาลเดินถือกล่องนมพร้อมอาหารเม็ดเข้ามามีชายชาญตามมาห่างๆ  ทั้งคู่มองคนตัวโตกับคนตัวเกือบโตอย่างขอคำตอบ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”  เกียรติศักดิ์ยื่นลูกหมาให้ชายชาญที่ทำอยากอุ้ม “คุณคีย์  คือ...”

“ครับ?”  ใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอมองทำเอาเกียรติศักดิ์ใจเต้น   คุณคีย์น่ารักแข่งกับเจ้า Lion ทำไม!

“คือ  ผมอยากขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้น”  ใบหน้าของเกียรติศักดิ์ซีดเผือดเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน  เขาเหลือบมองต้นแขนของคีตกาลที่มีผ้าพันแผลพันไว้ก็ให้ขอบตาแดงเรื่อ

“คุณศักดิ์ไม่ผิดเสียหน่อย”

“แต่ถ้าผมเลือกคนที่ดีกว่านี้มาทำงาน  หากผมดูให้ดีกว่านี้....”

“อ้อ  ไอ้โจรนั่นนายพามาเองเหรอ?”  ชายชาญถามเสียงสูงคล้ายไม่พอใจ  เกียรติศักดิ์พยักหน้ารับอย่างสำนึกผิดพลางก้มหน้านิ่ง

“เฮ้ย  คนซวยมันไอ้เพลงเองป่าว  หมอนี่ไม่ได้ตั้งจะพาโจรมาสักหน่อย  ใครจะไปรู้วะว่าหน้าตาอย่างนั้นจะเป็นคนไม่ดี”  อิ่มเอมที่ฟังมานานขัดขึ้นเพราะชายชาญทำท่าจะโทษเกียรติศักดิ์เต็มๆ

“อ้าว  นี่มึง?”  คนตัวเตี้ยชี้หน้าอิ่มเอมอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงปกป้องคนอื่น

“คือ  อันที่จริงคนผิดคนแรกน่าจะเป็นกูไง”

“?”

“ก็กูพูดซะไอ้เพลงร้องไห้หนีกลับบ้าน...”

“ใครร้องไห้!  แล้วก็ไม่ได้หนีกลับบ้านโว้ย!”  คีตกาลที่โดนกล่าวหาว่าร้องไห้ขี้มูกโป่งหนีกลับบ้านถึงกับเต้นผาง

“อ๋อออออออ  ความผิดร่วมกันนี่เองเลยเข้าข้างกัน”  ชายชาญชี้หน้าทั้งสองคนอย่างคาดโทษ

“เฮ้ย  ชาญพอแล้ว  คุณศักดิ์จะร้องไห้แล้วเนี่ย  อีกอย่างเราก็ไม่เป็นอะไรแล้วด้วย”  อิ่มเอมที่ได้ยินว่าใครบางคนจะร้องไหถึงกับค้อมตัวลงมามองว่าจริงอย่างที่คีตกาลพูดหรือเปล่า  พอเห็นขอบตาแดงๆของอีกฝ่ายเท่านั้นแหละอิ่มเอมถึงกับกระแอมไอ

“เอาล่ะๆ  เรื่องแล้วให้แล้วไปเถอะ”

“เฮ้ย  คนพูดประโยคนี้ต้องเป็นเพลงป่ะ?”

“กูพูดแทนไง”  อิ่มเอมหน้าด้านตอบก่อนจะคว้าแขนเกียรติศักดิ์ให้เดินออกมา  ชายชาญมองทั้งสองคนแล้วจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ
.
.
.



หัวข้อ: Re: ...- รักพัดหวน - ...ตอนพิเศษ (ระหว่างรอ) หน้า4 [21 ก.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 01-08-2015 00:20:31





“แล้วจะร้องไห้ทำไม?”

“ไม่ได้ร้อง!”  เออ  วันนี้มีแต่คนเถียงกันไปมา  อิ่มเอมละปวดหัว

“ตาแดงซะขนาดนี้”   คนตัวโตยื่นปากบิดปากเบี้ยวอย่างไม่เชื่อกับคำปฏิเสธนั้น  “แล้วนี้จะกลับบ้านเลยหรือ?”

“อืม”  เกียรติศักดิ์พยักก่อนไขกุญแจรถแล้วเข้านั่งประจำที่

“เออ นี่”

“?”

“เรื่องเมื่อคืนอย่าคิดมากล่ะ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

“....”

“เพราะฉะนั้นมันไม่มีคนผิด  เข้าใจ๊?”  คนตัวโตเท้าแขนกับขอบประตูรถ  ให้คนที่นั่งหลังเบาะเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหน้ารับ  ไม่รู้ทำไมพอมองจากตรงนี้เกียรติศักดิ์ถึงมองเห็นยักษ์ตัวโตดูเท่ขึ้นมา

“ขอบคุณ”  เกียรติศักดิ์เอ่ยขอบคุณแผ่วเบา  เขาคิดไปเองหรือเปล่านะว่าแก้มตัวเองมันร้อนๆชอบกล?

“อย่าขับรถเร็ว  อย่าจอดรับคนแปลกหน้า  กลับถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกด้วย”

“หืม?”

“เข้าใจไหม?”  อิ่มเอมกำชับให้อีกคนพยักหน้ารัว  คงเพราะเมื่อวานเกิดเรื่องกับคีตกาลไปแล้วคนหนึ่งเขาเลยรู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้าขึ้นมา  ไม่อยากให้มีเรื่องแบบนั้นอีก

“แต่ผมไม่มีเบอร์...”

“เอามือถือมาดิ๊”  อิ่มเอมแบมือยื่นขอ  อีกข้างเท้าเอวเร่ง  เกียรติศักดิ์ที่ยังงงไม่หายยื่นโทรศัพท์ให้คนตัวโตไปแบบมึนๆ  “เอ้า นี่เบอร์ฉัน  ถึงแล้วโทร.มาด้วย”

“...ครับ”  เกียรติศักดิ์คิดว่าตัวเองส่งเสียงตอบออกไปอย่างหนักแน่นเป็นปรกติ  แต่ความจริงแล้วมันช่างเบาหวิว...

เขาไม่เข้าใจการกระทำของยักษ์ตัวโตอย่างนายอิ่มเอมนี่เลยสักนิด  นิสัยห่าม  เถื่อนเหมือนพวกนักเลงร้ายๆ  แต่เอาเข้าจริงก็เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ปากร้ายใจดี   ....ใจอ่อน  ใจดีและช่างเป็นห่วงคนอื่น...






********


“ชาญคืนนี้นอนด้วยกันอีกคืนนะ  อย่าเพิ่งรีบกลับ”  ร่างโปร่งเอ่ยรั้งเพื่อนเพราะเมื่อครู่มารดาเพิ่งจะกลับเข้ากรุงเทพฯ เพราะมีงานด่วนเข้ามา

“ได้ซิ  ว่าแต่นายนอนคนเดียวใช้ผ้าห่มสองผืนเลยหรือ?  หรือว่าเมื่อคืนไข้ขึ้น?”  ชายชาญเอ่ยเย้าเพื่อนเมื่อเห็นบนเตียงมีผ้าห่มพับเรียบร้อยวางไว้สองผืน  คีตกาลขมวดคิ้วมุ่น

“อ้าว  ก็ผ้าห่มชา...เมื่อคืนนายนอนไหนอ่ะ?”  คีตกาลเปลี่ยนคำถามทันที

“ห้องโน้น...”

“กับใคร?”  คีตกาลเหมือนจะเห็นแก้มเพื่อนขึ้นสีเรื่อ  หากฝ่ายนั้นก็เสเดินไปเท้าแขนกับหน้าต่างเพื่อชมวิวเสียก่อน

“ก็มีนายเอม  แล้วก็คุณศักดิ์”

“อ้าว  แล้วเจ้าของห้อง?”  ชายชาญเลิกคิ้วหันกลับมามองก่อนจะเหลือบสายตาไปยังกองผ้าห่มน่าสงสัยนั้นแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“ก็คงนอนแถวนี้ๆละมั้ง”

“แถวไหน?  กับเจ้า Lion เหรอ?”  คีตกาลรู้แล้วว่าผ้าห่มอีกผืนเป็นของใครก็พลันใจเต้นแรง  แก้มร้อนผ่าวเสียจนน่ากลัวว่าจะไหม้

“เฉไฉไปเถอะ!”  ชายชาญว่าก่อนจะหัวเราะเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไป


ถ้าอย่างนั้นไอ้กอดอุ่นๆนั่นไม่ใช่ของเพื่อนตัวเล็กหรอกหรือ?

คีตกาลอยากจะทึ้งหัวตัวเองนัก!  เพราะเมื่อคืนเขาจำได้เลือนรางน่ะซิว่าเผลอเบียดตัวซุกหาไออุ่นนั้นทั้งคืน ตอนที่ปวดแผลแล้วก็ร้องหาแม่  กอดอ้อนนั่นอีก  ให้ตายเถอะ  อย่าบอกนะว่าเขาอ้อนสีหราชน่ะ!

“คุณคีย์ขา”

“!”  คนที่กำลังทึ้งผมตัวเองแล้วเอาหน้าซุกหมอนสะดุ้งเฮือกเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวอย่างตกใจ “มีอะไรหรือสายใจ?”

“ได้เวลาทำแผลแล้วค่ะ”

“อ้อ  มาซิ”

“ไม่ใช่หนูค่ะ”  สายใจยิ้มเผล่เดินเอาถาดที่ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อกับสำลีและผ้าพันแผลเข้ามาวางบนโต๊ะหัวเตียง

“ป้าแช่มหรือ?”  สายใจยิ้มหากไม่ตอบ  เจ้าหล่อนเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมร่างสูงของสีหราช

“คุณคีย์ทานยาแก้ปวดก่อนนะคะ”  เขารับยามากินแล้วก็มองคนที่กอดอกยืนนิ่งตรงหน้าประตูอย่างไม่เข้าใจว่ามายืนทำไมตรงนี้  คีตกาลกำลังจะอ้าปากถามร่างสูงก็เดินเข้ามาหยิบถาดผ้าพันแผลมาวางลงบนเตียง 

สีหราชทรุดนั่งลงข้างอีกคนให้ฝ่ายนั้นขยับตัวถอยห่างอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น  มือแกร่งคว้าหมับเข้ามือขาวไม่พูดไม่จา  คีตกาลเลิกคิ้วแล้วขืนเอาไว้  แม้จะเจ็บแผลเพราะคนตัวโตรั้งข้างที่เจ็บเอาไว้ก็ตาม

“จะทำแผลให้”

“อ้าว  ไม่ใช่ป้าแช่ม?”

“หน้าฉันเหมือนป้าแช่มไหมล่ะ?”  สีหราชถอนหายใจ  กระนั้นก็ยังไม่ปล่อยมือจากแขนอีกคน  เขารั้งให้คีตกาลต้องขยับเปลี่ยนท่าหันข้างที่เจ็บมาทางเขา

“หูย  อย่าไปเทียบกับป้าเลย”

“ทำไม?”

“ป้าน่าสงสารออก  โอ้ย! ไอ้บ้า  แกล้งกันเหรอ!”  คีตกาลโวยวายเมื่อมือแกร่งลงแรงหนักมือ

“...แผลเริ่มบวมแล้ว”  สีหราชพลิกแขนขาวที่บัดนี้ไร้ริ้วรอย Tattoo ที่เจ้าตัวชอบนักหนาขึ้นดู  ก่อนจะใช้สำลีแอกอฮอล์สำเร็จรูปเช็ด

“ซี้ด~” 

“เจ็บหรือ?”

“แสบอ่ะ”  คีตกาลเบ้หน้า  เขาไม่เจ็บหรอกเพราะสีหราชมือเบามาก  ค่อยๆแตะราวกับกลัวแขนเขาจะหักเสียอย่างนั้น  แต่แอกอฮอล์เช็ดแผลน่ะซิทำพิษให้เขาสะดุ้งโหยงอยู่นี่ หยาดน้ำคลอหน่วยตา เขามองแผลตัวเองแล้วอยากจะหันหน้าหนี หากยังไม่ทันเบือนหน้าไป หางตาพลันเห็นปลายจมูกโด่งของใครบางคนเคลื่อนใกล้เข้ามา

“หายเจ็บหรือยัง?”  สีหราชก้มลงเป่าแผลให้อยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นถาม  คีตกาลนิ่งขึ้งเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้  แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง “เพลง?”

“อะ  อื้อ!”  ใบหน้าขาวพยักรับรัวเร็วก่อนจะสะดุ้งอีกรอบเมื่อสีหราชแตะสำลีลงอีกครั้ง  เขากัดฟันทนไม่ร้องออกมา  ไม่อย่างนั้นสีหราชจะก้มหน้าลงมาเป่าแผลให้เขาอีก ...แล้วหน้าก็ห่างกันแค่คืบ... ถ้าทำแบบนั้นอีก...ประเดี๋ยวหัวใจเขาก็วายตายน่ะซิ!

ทำแผลแค่ไม่กี่นาทีทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันนานเหลือเกินนะ  คีตกาลเหลือบมองแพขนตาหนาที่หรุบลงของคนตรงหน้า  ปลายจมูกโด่งได้รูปสวย  ริมฝีปากหยักสีเข้ม  โครงหน้าบึกบึน...

“เสร็จแล้ว”  คีตกาลละสายตาเหลียวมองทางอื่นก่อนจะแกล้งหันมาเหมือนว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้มองอีกฝ่าย

“ขอบใจ”

“แล้วก็อีกสี่ชั่วโมงกินยาแก้ปวดใหม่  เพราะวันนี้คงระบมหนักแน่”

“อืม”

“.....ขอโทษนะ”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“ที่นายเจ็บตัวแบบนี้”

“.....ฉันทำตัวเองเอง  ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น”  คีตกาลเม้มปากแน่น  คิดถึงเหตุผลที่เขาก้าวขาออกจากที่นี่เมื่อวานแล้วก็ให้รู้สึกขัดเคืองขึ้นมา  “แล้วนี่คุณแป้งล่ะ?”

“...กลับไปแล้ว”

“เอ๊ะ?”

“อยากให้เขาอยู่หรือไง?”

“....ถามตัวเองเถอะว่าอยากให้เขาอยู่หรือเปล่า”

“ไม่อยากให้อยู่”  คีตกาลหันกลับมามองใบหน้าเข้มคร้ามนั้นเมื่ออีกฝ่ายตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด

“....ก็เรื่องของนาย”

“...เอาเถอะ...”  ร่างสูงลุกขึ้นยืนคว้าถาดยาแล้วเดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้คีตกาลที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดไม่ดีใส่อีกฝ่ายตบปากตัวเองเบาๆอยู่บนเตียงคนเดียว

“โอ๊ย  ทำไงดีอ่ะ~”

“เออนี่”

“!”  คีตกาลเด้งตัวออกจากหมอนรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายเห็นท่าทางแปลกประหลาดของเขา

“.........”  สีหราชยืนนิ่งค้าง  ริมฝีปากหยักขยับนิดๆหากไม่ได้วาดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“มีอะไร”  เสียงใสสะบัดห้วนเมื่อเห็นอย่างนั้น

“เดี๋ยวป้าแช่มจะมาเช็ดตัวให้”

“ฉันอยากอาบน้ำ”

“........”  ร่างสูงเอียงคอหรี่ตามองคนบนเตียงด้วยสายตานิ่ง

“เอ่อ  เช็ดตัวก็ได้...”  คีตกาลยิ้มแหยให้คนหน้าดุ  ขืนงอแงต่อรองอีกสงสัยจะได้อาบแห้งตัวเหม็นแน่
.
.


“ชาญ  ขอน้ำหน่อย”  คนที่โดนพิษไข้รุมจากบาดแผลหลับตาสั่งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง  เมื่อค่ำชายชาญเข้ามาอาบน้ำแล้วบอกว่าออกไปเดินเล่น  หายไปตั้งนานกว่าจะกลับคีตกาลรอไม่ไหวเลยปิดไฟนอน   

แก้วน้ำถูกเสียบหลอดยื่นให้คนที่พยายามดันตัวขึ้นลุกนั่งท่ามกลางความมืด  ผิวร้อนผ่าวถูกมือเย็นแตะประคองให้คนร้องหาน้ำลืมตาขึ้นมอง

“กินยาลดไข้อีกเม็ด”

“นาย!”  คีตกาลตกใจไม่น้อย  ไม่คิดว่าดึกขนาดนี้สีหราชจะมาอยู่ที่นี่  แล้วชายชาญเล่าไปไหน?  “ชาญล่ะ?”

“โดนอิ่มเอมลากไปนอนระลึกความหลังอยู่ห้องโน้น”  สีหราชเอ่ย  ยื่นเม็ดยาให้  คีตกาลรับมาส่งเข้าปากแล้วขยับตัวลงนอน  เขาคิดว่าหากเขาตัดบทด้วยการหลับตาลงอีกคนคงจะออกจากห้องไป   กระนั้นสีหราชก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“นายไม่ไปนอนเหรอ?”

“นอนซิ”  ร่างสูงตอบก่อนจะเดินมายังอีกฝั่งของเตียง  ตลบคลี่ผ้าห่มแล้วนั่งลง

“เฮ้ย!”  คีตกาลเด้งกายรอบที่สามของวัน  ทำเอามีเสียงวิ้งลั่นในหูกันเลยทีเดียว   เขาหลับตาข่มอาการหน้ามืดและความเจ็บอยู่ครู่หนึ่งแล้วอ้าปากมองหน้าคนที่ทำท่าจะนอนอีกฝั่งของเตียง

“เป็นอะไร  เจ็บแผลอีกหรือ?”

“ไม่  คือ  เจ็บ  แต่..ไม่ใช่เรื่องแผลฉัน!”

“...แล้ว?”

“นายจะนอนนี่?”

“ใช่”

“นายก็ไปนอนห้องนายซิ!”

“อิ่มเอมลากนายชาญไปกกเต็มเตียงแล้ว”  คีตกาลเบิกตาอ้าปากกว้าง  หมายความว่ายังที่นายเอมเอาเพื่อนเขาไปกก!  แต่...เดี๋ยวนะ!

“แต่..”

“นอนได้แล้ว  ฉันง่วง”  สีหราชตัดบท  เขาคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมแล้วนอนหันหลังให้  คีตกาลอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกจ้องมองแผ่นหลังกว้างของเจ้าบ้านก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ




.
.
.


“อ้าว  ทำไมยังไม่ไปนอนอีก?”  คนตัวโตที่กำลังจะเดินกลับห้องเอ่ยถามคนที่นั่งเท้าคางมองดาวบนฟ้าอยู่ตรงระเบียง

“เดี๋ยวไป”  ชายชาญตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากท้องฟ้าค่ำคืน  อิ่มเอมเหลือบมองไปทางประตูห้องของคีตกาลเห็นหลังของสีหราชผลุบหายเข้าไปก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ยังติดดูดาวอยู่อีกหรือไง?”

“ก็แค่คิดถึง”

“หืม?”

“อยู่ในเมืองมองไม่เห็นดาว”  ชายชาญว่า  อิ่มเอมยกยิ้มเมื่อได้ยิน  จำได้ตอนสมัยเรียนว่าอีกคนจะนอนได้ก็ต้องดูดาวให้เลยเที่ยงคืนเสียก่อนถึงจะยอมให้หัวแตะหมอน

“เลยเที่ยงคืนแล้ว”  อิ่มเอมเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง

“งั้น...ฉันไปนอนแล้ว”  ชายชาญลุกขึ้นยืนบิดกายไล่ความเมื่อยขบ  หันไปบอกราตรีสวัสดิ์คนตัวโตกว่าแล้วทำท่าเดินออกไปก่อนจะอุทานร้องเสียงดัง “เฮ้ย!”

“ไปนอนด้วยกันดีกว่า”  อิ่มเอมคว้าแขนคนตัวเล็กแล้วลากอีกฝ่ายไปอีกห้องโดยไม่ถามความสมัครใจ

“ไม่เอา  ปล่อย!”

“เฮ้ย  นานๆจะได้เจอกันที  เรามานอนคุยกันให้หายคิดถึงเถอะ”

“ไม่เอา  ฉันไม่คิดถึงนาย  แล้วก็ไม่อยากคุยด้วย”

“โหย  พูดแบบนี้น้อยใจแย่  ฉันอุตส่าห์คิดถึงนาย”  อิ่มเอมเอ่ยกลั้วหัวเราะ  ในที่สุดเขาก็ลากหมากระเป๋าของเขาเข้ามาในห้องจนได้

“มึง!”  สรรพนามแปรเปลี่ยนพร้อมแก้มขาวๆแดงเรื่อ  คนตัวเล็กถลึงตามองคนตัวโตกว่าอย่างไม่พอใจ

“ปะ  นอนกันๆ”  ไมพูดเปล่า  อิ่มเอมยื่นมือกดปิดสวิตไฟแล้วจับชายชาญโยนขึ้นเตียง   ต้องเรียกว่าโยนจริงๆเพราะชายชาญถึงกับร้องแอ้กเลยทีเดียว

“ไอ้ยักษ์!”

“ชู่  อย่าเสียงดังซิ  เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมดหรอก”  อิ่มเอมหัวเราะ  มองคนที่ทำท่าจะลุกแล้วก็กระโดดโถมตัวเข้าทับ

“ไอ้!”  ชายชาญขู่ตะคอกลอดไรฟัน  กลัวว่าเสียงดังแล้วจะปลุกคนทั้งเรือนขึ้นมาจริงๆ  ทั้งแขนทั้งขาของเขาดิ้นตะกายไปมาเพื่อให้หลุดจากร่างหนาหนักของอิ่มเอม

คนตัวโตหัวเราะลงคออย่างชอบใจ  ก่อนมือใหญ่จะคว้าผ้าห่มขึ้นมาห่อตัวคนใต้ร่างเอาไว้  แม้จะทุลักทะเลเพราะหมากระเป๋าดิ้นไม่หยุดแต่สุดท้ายก็พันธนาการอีกฝ่ายสำเร็จ  อิ่มเอมจับก้อนผ้าห่มที่มีสิ่งมีชีวิตที่ชื่อชายชาญอยู่ด้านในมาวางตรงกลางเตียง

“นอนได้แล้ว”

“ปล่อยนะ!”

“ไม่อ่ะ”  อิ่มเอมหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเอาแขนเอาขาก่ายก้อนผ้านั้น

“....”

“ราตรีสวัสดิ์”

“....”  ชายชาญได้แต่ถอนหายใจท่ามกลางความมืด  โดนผ้าห่มม้วนและยังแขนขาปลาหมึกนี่อีก  แล้วเขาจะหลุดไปยังไงเนี่ย!

โอ๊ย  อึดอัดชะมัด!


















แถมท้ายช่วง
“อะแฮ่ม  คุณเอมขา”  สายใจย่องเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจิบกาแฟอย่างอิ่มเอมด้วยท่าทางน่าสงสัย

“มีอะไรหรือสายใจ?”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว   มองท่าทางเหลียวซ้ายแลขวาของเด็กสาวแล้วให้นึกขัน  เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลกันเหนื่อยๆทุกคนต่างแยกย้ายมามุมพักผ่อนกันคนละมุม  พอสายใจเห็นว่าคนอื่นๆอยู่ห่างออกไปก็เอ่ยต่อ

“คือ  หนูมีเรื่องสงสัย”

“เรื่องอะไรล่ะ?”  อิ่มเอมยกยิ้ม  สายใจชะโงกหน้าไปมองทางห้องของคีตกาลแล้วกระเถิบตัวเข้ามาเบียดกับเขา  ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเหลียวไปมองทางห้องนั้นตาม

“คือคนเป็นเพื่อนกันเนี่ย  เขาจูบกันไหมคะ?”

“พรูด!” อิ่มเอมถึงกับสำลักกาแฟไอค่อกแค่กเสียงดัง  สายใจยืดตัวคว้ากล่องทิชชู่ส่งให้อย่างรู้หน้าที่  เกียรติศักดิ์กับชายชาญหันมามองคนตัวโตแล้วเบ้หน้ากับความซกมกนั้นแล้วหันกลับทางเดิมอย่างไม่ใส่ใจ

“สายใจว่าอะไรนะ?”  เขากระซิบถามเสียงเข้ม  แม้จะตกใจแต่ก็พอจะเข้าใจอะไรลางๆจึงกดเสียงต่ำเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน

“ก็หนูเห็น”

“เห็นอะไร?”

“คุณสิงห์กับคุณคีย์”  สายใจเหลียวมองรอบกายอีกครั้งแล้วกระซิบต่อ  “เมื่อกี้หนูเข้าไปเรียกคุณสิงห์  หนูเห็นคุณสิงห์จูบคุณคีย์”

“.....”

“จูบตรงเนี้ย”  สายใจชี้ต้นแขนของตัวเองให้อิ่มเอมดู

“แผล?”  สายใจพยักหน้ารับ  อิ่มเอมเม้มปากแน่น  เหลือบมองประตูห้องของคนเจ็บที่มีเพื่อนของเขาอยู่ด้านในก่อนจะถอนหายใจ  “สายใจอย่าบอกใครนะรู้ไหม?”

“ค่ะ  แล้ว...คนเป็นเพื่อนทำกันแบบนี้ไหม?”  เด็กสาวยังไม่ได้รับการไขข้อข้องใจถามต่อ

“ก็....คงทำมั้ง?”

“ถ้าคุณเอมเจ็บแบบคุณคีย์  คุณสิงห์จะจูบแผลให้คุณเอมไหม?”

“อี๋~”  อิ่มเอมทำท่าจะอ้วก  มองหน้าสายใจเหมือนถามอะไรที่เขารับไม่ได้สุดๆออกมา “ไม่ทำหรอก!”

“อ้าว  ก็เพื่อนกันนี่”

“เพื่อนน่ะ  มันก็มีหลายรูปแบบนะ  แต่แบบฉันกับไอ้สิงห์น่ะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ”

“แล้วต้องเป็นแบบไหน?”  สายใจไม่เข้าใจ  คุณสิงห์ คุณคีย์  คุณเอมแล้วก็คุณชาญเป็นเพื่อนกันทุกคน  แต่ก็เป็นเพื่อนไม่เหมือนกัน  สายใจงงหนักมาก!

“ก็...คงเป็นเพื่อนพิเศษที่สุดละมั้ง”






โปรดติดตามตอนต่อไป






สวัสดีค่ะ  มาเร็วไหม?  กลัวรอกันนาน ฮ่าๆๆ
แต่งเสร็จแล้วเอามาลงเลย  หากมีจุดผิดพลาดหรือควรแก้ไขตรงไหนบอกกันได้นะคะ  จะแก้ไขปรับปรุง  เม้นท์บอกกันได้ไม่งั้นก็ไม่รู้อ่ะว่าที่เราแต่งมาดีพอหรือยัง?  ควรทำให้ดีขึ้นไหม?  หรือดีแล้ว?
อ่านให้สนุกระคะ^^


เข้าไปคุย  จิกกัด  ตามทวง กันได้ที่ Novel By Sine @sine501 ค่ะ

ปล.ฝากเรื่องอสงไขยด้วยนะคะ  คาดว่าจะได้ทำเป็นหนังสือเร็วนี้
อ่านได้ที่   http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34231.0
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-08-2015 01:02:33
อยากรู้เรื่องงี่เง่าที่ว่าจัง ขอตัวช่วยสอดหน่อยคะ 555
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-08-2015 02:17:47
เพลงไม่เป็นอะไรมากมาย
แล้วดูท่าว่าเพลงกับสีหราชจะงุ้งงิ้งกันด้วย
รู้สึกอยากเป็นสายใจในฉากห้องนอนซะแล้วซิ

แล้วๆๆๆๆๆๆ ชาญ - เอม - คุณศักดิ์ มีอะไรแฝงมั้ย
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 01-08-2015 02:35:55
เพื่อนคนพิเศษ :-[
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 01-08-2015 08:06:46
ทำไมเหมือนนายอิ่มเอมคนเสือก เอ๊ย ถูกแล้วววว จะได้ควบ2
ความรู้สึกนี้มันอะไร 555555555555555

หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-08-2015 08:44:10
คุณศักดิ์ กับ คุณชาญ น่ารักพอๆ กันเลยค่ะ เพราะคนหนึ่งก็น่าทะนุถนอม อ่อนไหวง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งก็ช่างดื้อดึง แถมยังพยศเล็กๆ แล้วแบบนี้จะเลือกใครดีล่ะคะเนี่ย :-[ อิ่มเอมนะอิ่มเอม~ เป็นแค่ยักษ์ปากเสียแท้ๆ ทำไมถึงได้เสน่ห์แรงแบบนี้ล่ะคะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-08-2015 09:43:42
เราก็สงสัยแล้วนะว่าเรื่องงี่เง่าที่ทำให้เลิกกันมันเรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 01-08-2015 12:47:28
อยากให้กลับมาคบกันไวๆ ตอนนี้อยากรู้มากว่าเรื่องที่ทำให้เลิกกันคือเรื่องอะไร ส่วนเอมนี่จะลงเอยที่ใครน้าาาาา ขอบคุณนะค่ะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 01-08-2015 13:01:42
รีเทิร์นเถอะ เชียร์จ้ะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 05-08-2015 19:01:48
อ๊ากกกกกกก มาเม้นตอนที่แล้วไม่ทันค่า เม้นรวบยอดสองตอนเลยละกัน
อยากบอกว่ารักเรื่องนี้มากกก FCเลยคะ   มาต่อบ่อยๆนะติดตามเกือบทุกวันเลยคะ
ตอนพิเศษนี้ เพลงหนูน่ารัก เดียงสามากกกก แบบนี้สิงห์เลยอดใจไม่อยู่ใช่มั้ยคะ.   เป็นโมเม้นต์ ที่น่ารักมาก. แต่สิงห์เหมือนเคยเจอมาก่อนอีกเหรอ  อยากรู้แล้ว ชอบมากกก
ตอนที่7 อ๊ายยยย. ตอนนี้ฟินจิกหมอคะ เพลงกะสิงห์ น่ารัก หนูเพลง งอแงตลอดเจ็บนานๆเลยนะ สิงห์จะได้ดูแล
แต่เรื่องงี่เง่าอะไรเนี่ย สิงห์ก้อรู้ด้วยแต่ทำไมถึงปล่อยอ่า แล้วต่อไปทั้งคู่จะทำไงต่อเมื่อไรจะกลับมารักกันสักที รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-08-2015 22:04:47
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: feoh ที่ 05-08-2015 23:55:31
 :laugh:นึกภาพสิงห์กะอิ่มเอมจูบกัน 555 
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 07-08-2015 00:31:57
สนุกมากค่ะ มีความสุขจังที่ได้อ่านเรื่องนี้  o13
สิงห์รักเพลงมากเลยเนอะ อิจฉาเพลงที่ได้รับความรักมากมายขนาดนี้ :impress2:
ขอบคุณนะคะ งานเขียนของคุณทำให้เรามีความสุขมากค่ะ :heaven
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 11-08-2015 22:16:59
-แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก-

รักพัดหวน
ตอนที่ 8










“Lion~ Lion~”  คนที่ตู่ตัวเองเป็นเจ้าของส่งเสียงเรียกหาเจ้าตัวเล็กลั่นบ้าน  สงสัยว่ามันคงรู้ตัวว่าวันนี้ต้องมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นจึงหนีไปแอบอยู่ที่ไหนสักที่

“อยู่นี่ไง”  เสียงทุ้ม  เจ้าของร่างสูงหิ้วหลังคอเจ้าก้อนกลมๆขึ้นชูให้คนตามหา

“Lion!”   คีตกาลวิ่งเข้าไปคว้ามากอดพลางมองคนหิ้วคอเจ้าตัวเล็กอย่างเคืองๆ

“วันนี้ต้องอาบน้ำใช่ไหม?”

“อืม”

“งั้นให้สายใจอาบให้ไป”

“จะอาบเอง”  เจ้าของหมาซึ่งไม่ค่อยเจียมสังขารอยากจะอาบน้ำเจ้าลูกหมาด้วยตนเอง เพราะทุกทีมีแต่สายใจเป็นคนอาบให้  วันนี้เขานึกอยากจะลองดูบ้าง  หากคำตอบที่ได้รับทำเอาสีหราชปรายตามองต้นแขนของอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วถาม

“แขนอย่างนี้น่ะหรือ?”

“ก็...อย่างนี้แหละ”   ว่าแล้วก็พาเจ้า Lion ลงเรือนไป  กะละมังน้ำอุ่น   แชมพูกำจัดเห็บหมัดและผ้าแห้งถูกเตรียมเอาไว้พร้อมตั้งแต่เช้าอย่างรู้หน้าที่ด้วยฝีมือของสายใจ   วันนี้แดดดีเขาเลยอยากลงมือเอง  ตอนแรกนึกจะชวนชายชาญมาด้วยหากนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะถูกกับหมาสักเท่าไหร่

คีตกาลเอาเจ้า Lion วางลงในกะละมังเปล่าใบที่ไม่มีน้ำ   หันไปหยิบแชมพูเจ้าตัวดีก็กระโดดหนี  เขาวิ่งตามจับกลับมา  คราวนี้มือหนึ่งจับหมาอีกมือคว้าขันตักน้ำ  เจ้าหมาน้อยที่เห็นว่าปราการไม่แข็งแรงก็สะบัดหลุดอีกครั้ง  คีตกาลอ้าปากหวอก่อนจะวิ่งตามอีกครั้ง

“ไอ้ดื้อ  หยุดนะ!”  จนคนที่กอดอกยืนดูถึงกับทนไม่ไหว   ร่างสูงก้าวเข้ามาดักหน้าเจ้าขนสีน้ำตาล  มันชะงักกึกราวกับรู้ว่าในบ้านหลังนี้มันควรจะกลัวใครมากที่สุด!

สีหราชหิ้วหลังคอเจ้าดื้อไปหาคีตกาล  ก่อนจะนั่งลงโดยจับเจ้าตัวเล็กเอาไว้สองมือ  คนที่บอกว่าจะอาบน้ำให้ลูกหมามองคนตัวสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักกับท่าทางนั้น


“ตักน้ำมาซิ”  ร่างโปร่งที่ยืนงง  พอรู้ว่าสีหราชจะช่วยอาบน้ำเจ้า Lion ถึงกับยิ้มแป้น  ก้มตัวลงตักน้ำอุ่นขึ้นค่อยๆราดเจ้าตัวเล็กทันที   มือใหญ่ป้องหน้ามันเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าปากเข้าจมูกของมัน  เจ้า Lion ที่อยากจะดิ้นหนีก็ไม่กล้า  ได้แต่ยืนตัวสั่นสะท้านในมือใหญ่อยู่อย่างนั้น   พอชุ่มได้ที่คีตกาลจึงบีบแชมพูลงบนฝ่ามือใหญ่ซึ่งรอรับอยู่   สีหราชฟอกขนพลางเกาให้อย่างรวดเร็วอย่างทั่วถึง  ไม่ว่าจะซอกคอ ซอกขาจนฟองฟูฟ่องเต็มไปหมด   คีตกาลหัวเราะกับภาพตรงหน้า   เจ้า Lion ที่ขนฟูบัดนี้เหลือตัวอยู่นิดเดียว  ดูน่าเกลียดน่าชังมาก  หน้าตาก็ตลกเหลือแสน

ร่างสูงเหลือบสายตาขึ้นแอบมองคนหัวเราะแล้วก็ต้องพยายามกดมุมปากตัวเองไม่ให้ยกขยับยิ้มตามไปด้วย  หากกระนั้นสายตาของเขาก็ยังวิบวับจนต้องแสร้งหรุบตาลงมองเจ้าลูกหมาตัวน้อยเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเขาเห็น  ...สายตาพราวระยับ
...กลัวว่าอีกฝ่ายจะเขินจนทิ้งเขาให้อาบน้ำเจ้า Lion คนเดียว...
...แบบนั้นคงไม่สนุกนัก...

คีตกาลตักน้ำล้างแชมพูจนหมด  หยิบผ้าแห้งขึ้นห่อตัวเจ้าดื้อที่ตัวสั่นเพราะความหนาว  พลางทำท่าจะอุ้มหาก
สีหราชเอ่ยดุเสียก่อน

“เดี๋ยวอุ้มให้เอง  ไป ขึ้นไปเอาไดร์มาเป่าขนมันดีกว่า  เป็นหวัดแล้วจะแย่เอา”  ร่างสูงเอ่ยพลางเดินนำขึ้นบ้านไปก่อน  คีตกาลที่ยังยิ้มไม่หยุดวิ่งตามขึ้นไปหยิบไดร์เป่าผมในห้องออกมา

“ว่าไง  เจ้า lion เด็กดื้อ!”

“.....”  สีหราชชะงักมือที่กำลังเช็ดขนขึ้นมอง  คีตกาลยิ้มแล้วมองหน้าชายหนุ่มไม่หลบสายตา

“มองอะไร?”  เขาเอ่ยถามคนหน้าดุ  กระนั้นรอยยิ้มก็ยังไม่จางหายไปจากใบหน้าใส  สีหราชถามคนที่มองหน้าเขาแล้วดึงไดร์เป่าผมที่คีตกาลเสียบปลั๊กไว้แล้วมาเป่าลมใส่เจ้าหมาน้อยบนตัก  “ถามก็ไม่ตอบนะเจ้า lion เด็กดื้อ~”

“คีย์!”  คนตัวโตเอ่ยเสียงเข้ม

“....”   รอยยิ้มเมื่อครู่หายวับไปจากใบหน้าทันที  สีหราชถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง

“....เพลง”

“ว่าไง?”  แล้วรอยยิ้มก็กลับมาอีกครั้ง  ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหน้าเชิงว่าไม่มีอะไร  ก่อนจะปล่อยเจ้า Lionที่ขนแห้งแล้วลงพื้น  คีตกาลคว้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดมาหอมทันที

“เจ้า Lion ตัวหอมแล้วนะ”

“.......”  ไม่รู้ทำไมสีหราชจึงรู้สึกว่าแก้มตัวเองมันร้อนขึ้นมา  ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นไม่ได้กอดได้หอมเขาเสียหน่อย  คีตกาลกอดหอมเจ้า Lion ต่างหาก! 

“คิก”  ยิ่งเจ้าหมาน้อยแลบลิ้นเลียริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นเขาก็ยิ่งใจเต้น  โธ่เอ๊ย! “Lion~”  คนตัวโตกระแอมไอเพราะกลัวหัวใจเจ้ากรรมจะกระดอนออกมานอกอก  สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหาทางหลีกหนีภาพตรงหน้า  หากอีกใจหนึ่งก็อยากจะมองนานๆ

“Lion  มันจั๊กจี้น้า~~”  เจ้าขนปุยซุกหน้าลงกับซอกคอขาว  ทำเอาคนยืนมองถึงกับนิ่งขึ้ง  สีหราชมองภาพตรงหน้าพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนน่ากลัว  ไอ้ลูกหมาบ้า!    ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน   เสียงใสหัวเราะคิกคักน่าฟัง  ร่างสูงสะดุ้งกายเมื่อคีตกาลเหลือบสายตาขึ้นมอง

“เอ่อ”

“?”

“วันนี้ฉันจะเข้าเมือง  นายจะเอาอะไรไหม?”

“ที่จริงอยากไปหาคุณพ่อ  แต่...”  ว่าแล้วก็ก้มลงมองแขนตนเอง

“อืม  ถ้าจะเอาอะไรก็โทรศัพท์ไปบอกแล้วกัน”  คีตกาลพยักหน้ารับ

“เอ่อ”

“หืม?”

“ขับรถระวังนะ!”  แล้วก็อุ้มเจ้า Lion วิ่งหายเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

“......”  ทิ้งให้สีหราชยืนนิ่งจับใจความประโยคเมื่อครู่  ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะยกยิ้มกว้าง  ร่างสูงหันไปมองบานประตูที่ปิดสนิทนั้นแล้วเอ่ย  “  อืม  แล้วจะรีบกลับนะครับ”  เขากระซิบแผ่วเบา....


**********


“.......”

“...นายมาทำไรอะไรที่นี่?”  คีตกาลเหลียวมองรอบตัวก่อนจะเอ่ยถามคนตัวโต   ฝ่ายนั้นยักไหล่  ขยับหมวกคาวบอยบนศีรษะแล้วโพสท่าเหมือนนายแบบ

“มาทำงาน”  อิ่มเอมตอบ  แขนยาวเท้าลงบนต้นไม้ใหญ่  ใบหน้าเข้มเชิดขึ้น

“งาน?  งานนายอยู่ที่ฟาร์มโน้นมากกว่านะ”  ชายชาญที่อาสาขับรถให้เพื่อนเอ่ยท้วง

“แต่วันนี้งานฉันอยู่ที่นี่”

“?”  คีตกาลยังไม่ทันเอ่ยถาม พลันรถโฟล์วิลสีน้ำเงินของเกียรติศักดิ์ก็แล่นเข้ามาเสียก่อน  ร่างสูงโปร่งกระโดดลงจากรถ  ชายหนุ่มเหลือบมองอิ่มเอมเพียงชั่วครู่โดยไม่ทันมีใครสังเกต  เกียรติศักดิ์ยิ้มกว้างให้กับคีตกาลและชายชาญ

“คราวนี้มีต้นไม้ที่คุณคีย์ต้องการเกือบทั้งหมดเลยครับ  คาดว่าคราวหน้าคงครบพอดี”

“ขอบคุณครับ”

“แล้ว...แผลเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ยังระบมอยู่นิดหน่อยแต่ดีขึ้นเยอะแล้ว  คุณศักดิ์ทานข้าวเที่ยงมาหรือยังครับ?”

“ก็ทานขนมกับกาแฟมานิดหน่อยบนรถเมื่อครู่ครับ”  คีตกาลเหลือบมองใบหน้าอิดโรยของคนตรงหน้าแล้วให้เห็นใจ  แม้ว่าเกียรติศักดิ์จะอยู่ในเมืองถึงอย่างนั้นการขับรถระยะไกลๆเข้ามาที่รีสอร์ทนี้ก็คงเหนื่อยมาก  เทียบกับเขาเมื่อก่อนนั่นไง  อีกอย่าง  ตั้งแต่เกิดเรื่องเกียรติศักดิ์ซึ่งรู้สึกผิดก็ขยันมาเยี่ยมเยียนเขาบ่อยเหลือเกิน  นี่กำลังคิดว่า  เขาจะขออนุญาตสีหราชให้เกียรติศักดิ์มาพักที่นี่ด้วยจนกว่างานจะเสร็จดีไหม  คราวที่เขาเหนื่อยจนขับรถลงข้างทางนั่นทำเอาผวาไปหลายวันเลยทีเดียว   คีตกาลไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

“งั้นทานนี่ซิ”  คีตกาลหลุดจากภวังค์เมื่อชายชาญเปิดฝากล่องพัพเปอร์แวที่ใส่แซนวิชยื่นให้เกียรติศักดิ์  ก่อนมาทำงานสายใจเตรียมแซนวิชกับน้ำผลไม้มาให้พวกเขาด้วย

“ขอบคุณครับ  คุณชาญ”

“อื้ม!”  คนตัวเลกกว่ายิ้มตาหยีก่อนจะเอื้อมหยิบขวดน้ำส่งให้  เกียรติศักดิ์อุทานในใจ  ทำไมคนที่ฟาร์มนี้ถึงได้น่ารักกันทุกคนเลย!

“อะแฮ่ม!”  อิ่มเอมกระแอมไอเมื่อเห็นสายตาวิบวับของเกียรติศักดิ์และแก้มแดงๆของหมากระเป๋า  ทำเอาทุกคนเงยหน้าขึ้งมองคนตัวโตอย่างพร้อมเพรียง  “เอ่อ  กินมั่งดิ๊!”  มือใหญ่ยื่นคว้าแซนวิชในมือเกียรติศักดิ์ขึ้นมากัดคำโต  กลิ่นหอมของโคโลญจ์ที่ลอยแตะจมูกทำเอาเกียรติศักดิ์กัดริมฝีปากแน่น  เหลือบมองคนตัวโตที่เมื่อครู่เบียดกายเข้าใกล้เขาแล้วก็แอบกลืนน้ำลาย
นี่เขากำลังเป็นอะไร  ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้เนี่ย!  กับคุณคีย์ที่เขาชอบยังไม่เป็นขนาดนี้เลยแท้ๆ!

“ไอ้ยักษ์  แย่งคุณศักดิ์ทำไม  เมื่อเช้านายก็กินข้าวตั้งเยอะแยะ!”  ชายชาญโวยวาย

“หมากระเป๋า  นายหวงของเหรอ?”  อิ่มเอมยื่นหน้าเข้าใกล้  ชายชาญใช้มือเล็กผลักหน้าอีกฝ่ายออกก่อนจะวิ่งไปหลบหลังเกียรติศักดิ์แล้วยื่นหน้ามาแลบลิ้นใส่คนตัวโต

“แบร่!”

“หมากระเป๋า  ออกมานี่เลย!”  อิ่มเอมยื่นมือคว้าหากมีหรือที่คนอย่างชายชาญจะยอม  คนตัวเล็กเอาเกียรติศักดิ์เป็นโล่  ทำเอาคนกลางถึงหัวหมุนเพราะอิ่มเอมเอื้อมซ้าย  ชายชาญก็เบี่ยงขวาโดยที่มือไม่ปล่อยจากไหล่เขา

“เอ่อ  คือ...”  คีตกาลมองภาพตรงหน้า  ก่อนจะส่ายหัว  เขาถอนหายใจแล้วเดินเลี่ยงออกไปคุมคนงานต่อ  ปล่อยเด็กๆเล่นกันต่อไป

เกียรติศักดิ์คนกลางยกมือขึ้นกันคนตัวโต   จังหวะเดียวกับที่อิ่มเอมคว้าจับตัวชายชาญไว้ได้ทั้งสองมือ  ท่าทางของพวกเขาทำเอาทุกคนหยุดชะงักหันมามองรวมทั้งตัวพวกเขาเองด้วย
ร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมแนบชิดกับเกียรติศักดิ์  ปลายจมูกโด่งเฉียดขมับร่างโปร่งไปนิดเดียว  มือใหญ่คว้าเอวเล็กและบ่าแคบของชายชาญเอาไว้แน่น  เลยกลายเป็นว่าตอนนี้อิ่มเอมกอดทั้งสองคนเอาไว้โดยมีเกียรติศักดิ์อยู่ตรงกลาง!

“.........”  ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ   ทั้งสามคนผละออกจากกันราวกับแตะโดนถ่านไฟแดงร้อน  หัวใจเต้นแรงแข่งกันเสียงดังเสียจนหูอื้ออึง  เกียรติศักดิ์ได้สติก่อน   เขากระแอมไอแล้วหันหลังกลับเตรียมเดินออกไป  หากแต่เขาคงลืมว่าด้านหลังคือชายชาญที่ยืนไม่ห่างมากนัก  ดังนั้นพอเขาหันกลับไปจึงชนเข้ากับชายชาญเต็มรัก   เกียรติศักดิ์คว้าตัวของชายชาญที่เซล้มเอาไว้อย่างรวดเร็ว    แม้ชายชาญจะตัวเล็กแต่ยังไงก็ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน้ำหนักไม่น้อยนัก   ซึ่งทำเอาคนที่ยื่นมือคว้าถึงกับเข่าทรุดลง  หากเกียรติศักดิ์ก็ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายล้ม

“........”  เกิดสภาวะเงียบงันรอบที่สอง   คีตกาลหันมามองตาโต...ครึ่งนาทีแล้วหันกลับไปทำงานต่อ...

“อะแฮ่ม!”  อิ่มเอมคิดว่าบางทีเขาควรไปหายามแก้เจ็บคอพกติดกระเป๋าเอาไว้  เพราะช่วงนี้กระแอมไอบ่อยเหลือเกิน!   อิ่มเอมเข้าไปฉุดทั้งสองคนให้ขึ้นจากพื้น   ชายหนุ่มเหลือบมองแก้มแดงๆของทั้งสองคนแล้วให้นึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมา

อยากฟัดเป็นบ้า!


/
/
/


คีตกาลที่เลิกสนใจคนที่เล่นไล่จับกันสามคนนั้นหันไปมองผู้มาใหม่  จนเมื่อฝ่ายนั้นลงรถมาเขาจึงยิ้ม  เอ่ยทักทายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“สวัสดีครับ  คุณอดิศร”

“สวัสดีครับ  คุณคีย์”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  ใบหน้าสะอาดสะอ้านดูน่ามอง ช่วงก่อนเขาได้ยินว่าแถวนี้เกิดเรื่องแต่ไม่ได้สนใจจนเมื่อรู้ว่าเป็นคนของฟาร์มวิรุณรักษ์นั่นแหละเขาจึงติดตามข่าว  วันนี้เขาหยุดงานเลยมาหาใครบางคน  แม้จะไม่มีข้ออ้างเรื่องงานมาบังหน้าแต่เขาก็อยากจะมาอยู่ดี

“คุณศรมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“โธ่  ถ้าไม่มีก็มาเที่ยวหาคุณคีย์ไม่ได้หรือครับ?”  ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน  คีตกาลยิ้มแหย

“ก็...นึกว่าคุณศรมีงานแถวนี้”

“วันนี้ผมว่างเลยว่าจะมาชวนคุณคีย์ไปทานข้าวในเมือง”  เมื่ออดิศรกวาดสายตาดู  เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอะไรจึงเอ่ยปาก  เขาได้ยินว่ามีคนบาดเจ็บแต่ไม่รู้ว่าใคร

“คือ...ช่วงนี้ผมคงไม่สะดวกออกไปข้างนอก”

“แย่จัง  มาทีไรคุณคีย์ไม่ว่างสักที”  อดิศรหน้าเศร้าทำเอาคีตกาลรู้สึกผิดเพราะปฏิเสธอีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น...เย็นนี้ทานอาหารที่นี่ไหมครับ?”

“ได้หรือครับ?”  คนโดนชวนยิ้มเต็มหน้าอย่างดีใจ  ทำเอาสามคนข้างหลังคีตกาลมองหน้ากันไปมา   อิ่มเอมก้มลงถามเกียรติศักดิ์ทันที

“ใครวะ?”

“คุณอดิศร  เป็นป่าไม้ที่นี่ครับ”  ชายชาญที่เขย่งปลายเท้ายืดกายสุมหัวพยักหน้าหงึกหงัก

“เขามาจีบเพลงหรือ?”  คนตัวเล็กสุดเอ่ยถาม

“คงจะอย่างนั้นครับ  นี่ขนาดรู้ว่าคุณคีย์เป็นแฟนอยู่กับคุณสิงห์ยังไม่ยอมถอยเลยครับ!”  เกียรติศักดิ์หน้าบึ้งมองอดิศรอย่างไม่พอใจ

“หื้อ?”   คนตัวโตกับคนตัวเล็กส่งเสียงพร้อมกันพลางมองหน้าเกียรติศักดิ์ที่พูดประโยคนั้นออกมา  ไอ้ที่อิ่มเอมกับชายชาญร้อง หื้อ  น่ะ  เพราะเขาสองคนไม่คิดว่าเกียรติศักดิ์จะปักใจเชื่ออย่างแน่วแน่ขนาดนี้ว่า  สีหราชกับคีตกาลยังคงเป็นคนรักกันอยู่
...แม้ว่าบางทีการแสดงของทั้งสองคนจะสื่ออย่างนั้นก็เถอะ...  ยังไงตอนนี้มันก็ไม่ใช่นะ...

“จีบแฟนชาวบ้านอย่างนี้นิสัยไม่ดีเลย  ผมนะ  พอรู้ว่าคุณคีย์เป็นแฟนกับคุณสิงห์ยังยอมถอยเลย  อะไรกัน หมอนี่หน้าด้านสุดๆ!”

“..........”  อิ่มเอมและชายชาญได้แต่มองหน้ากัน

“รู้แล้ว!”  อิ่มเอมตบมือฉาด  ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ติดต่อกับใครบางคนทันที  “ฮัลโหล  ไอ้สิงห์กลับบ้านด่วน!  แมวขโมย  ไม่ใช่ซิ หมาขโมยบุกบ้านโว้ย!  ห๊า  ว่าไงนะ?  หมาขโมยจากป่าไม้ไงมึง!”   แล้วอิ่มเอมก็กดวางพร้อมรอยยิ้มทะเล้น

“.........”  คราวนี้ฝ่ายที่มองหน้ากันจึงเป็นเกียรติศักดิ์กับชายชาญแทน
เย็นนั้นเตาปิ้งบาร์บีคิวและอาหารถูกจัดวางตรงกลางลานหน้าเรือนโดยฝีมือของป้าแช่มและสายใจหลังคีตกาลให้นายเขียวมาแจ้งตั้งแต่บ่าย  ไต้หลายอันถูกจุดเพื่อสร้างบรรยากาศ  มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลนิดหน่อย  เป็นส่วนที่อิ่มเอมเตรียมมาหลังจากเข้าเมืองครั้งที่แล้ว   วงอาหารเล็กๆดูไม่ค่อยครื้นเครงนักเมื่อเกียรติศักดิ์หน้าบึ้งตลอด  ฝ่ายที่หัวเราะเสียงดังมีแค่อิ่มเอมและอดิศรที่ยิ้มกว้างไม่หุบตั้งแต่บ่าย
เกียรติศักดิ์ผุดลุกผุดนั่ง  ชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่คุณเจ้าของบ้านจะกลับมาเสียที   ตาก็เหลือบมองแขกที่นั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกกับคีตกาลอย่างหมั่นไส้   ชายชาญทำหน้าที่ย่างบาร์บีคิวกับสายใจเหลือบมองไปทางอดิศรด้วยสายตาครุ่นคิด  บางคราวก็มากระซิบให้อิ่มเอมดูด้วย  คนตัวโตที่สุดแสยะยิ้มแล้วกระดกเบียร์ในมือ




หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่7 หน้า4 [1 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 11-08-2015 22:17:43




“เอาน่า   ใจเย็นๆ”  อิ่มเอมคว้าไหล่เกียรติศักดิ์และชายชาญเข้ามากอดก่อนจะถูกสะบัดออกจากทั้งสองคนทันที



แสงไฟสาดเข้ามาก่อนจะดับลง  ร่างสูงของสีหราชก้าวลงจากรถ  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง   ชายหนุ่มไม่หยุดมองรถแปลกตาที่จอดหน้าบ้าน  เขาก้าวฉับตรงไปยังลานหน้าบ้านทันที

“อ่ะ  เอามาฝาก”   ชายหนุ่มยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้คนตรงหน้าโดยไม่สนใจแขกที่นั่งอยู่ข้างๆสักนิด  ทำราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน   ส่วนคีตกาลพอเห็นว่าร่างสูงยื่นอะไรมาให้ก็เบิกตาโต

“เอาไปห่างๆเลยนะ!”  พูดปุ๊บกลิ่นออกปั๊บ!  มือขาวยกมือขึ้นบีบจมูกตัวเองแล้วถลึงตามองร่างสูง  ที่ยังคงเท้าเอวยื่นทุเรียนมาให้เขา    สีหราชที่หน้าบอกบุญไม่รับยังคงไม่ลดแขนลง

“อุตส่าห์เอามาฝากเลยนะ  กินหน่อยไหม?”

“ไม่เอา!”

“มันอร่อยมากเลยนะ”  สีหราชยังยียวนไม่เลิก  คีตกาลผลักมือใหญ่ให้พ้นหน้า

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทุเรียน!”

“แต่ฉันชอบ”

“นายชอบก็เอาไปกินไกลๆซิ!”

“แต่ลูกนี้ฉันซื้อมาฝากนาย”

“ฉัน-ไม่-เอา!”

“อุตส่าห์ยกของโปรดฉันให้เลยนะ”

“ขอบใจที่อุตส่าห์ยกให้!”

“งั้นมากินกัน”

“นายแกล้งฉัน!”  คีตกาลโวยวายไม่เลิก  อดิศรที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นยืนห้ามศึก

“ใจเย็นๆนะครับคุณคีย์   คุณสิงห์ก็เอาไปห่างๆเถอะครับ  ผมว่ามันเหม็นออก”

“เสือก!”  สีหราชตะคอกเสียงแข็ง  ใบหน้าเข้มคร้ามบึ้งตึงเย็นชา  ดวงตาแข็งกร้าวมองอดิศรอย่างไม่พอใจ   คนโดนตะคอกหน้าตึงกับคำนั้นของเจ้าของบ้าน  หากอดิศรได้แต่กำหมัดแน่นไม่ตอบโต้

“นี่  เขาเป็นแขกของฉันนะ”  คีตกาลเองก็ตกใจ  เขาไม่เคยเห็นสีหราชเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“แต่นี่บ้านฉัน!”

“........”  คีตกาลเม้มริมฝีปากแน่น  มองใบหน้าเย็นชานั้นอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

“เอาแล้วโว้ยๆ  คนขี้หึงมันเริ่มบ้าแล้ว”   อิ่มเอมแกล้งกระซิบหากดังพอให้ทุกคนในนี้ได้ยินโดยทั่วกัน   ก่อนจะหัวเราะลงคออย่างชอบใจ   คีตกาลขมวดคิ้วหันไปมองอิ่มเอมอย่างไม่เข้าใจ  หากพอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฝ่ายนั้นเขาจึงเบิกตากว้างหันกลับไปมองสีหราชอีกครั้ง  พลันบางอย่างในอกก็เต้นแรง...

“ถ้าอย่างนั้น   ผมกลับก่อนดีกว่า”  อดิศรเอ่ยอย่างอึดอัด

“เอ๊ะ?”

“เดี๋ยวผมติดต่อมาใหม่...”

“แต่นี่มันดึกแล้ว  อีกอย่างทางลงเขามันอันตราย”  คีตกาลเอ่ยท้วง  ดึกขนาดนี้ไม่มีรถคันอื่นขับสวนทางแน่ๆ  ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นกลางทางจะทำอย่างไร

“ทีฉันยังขับกลับขึ้นมาได้เลย!”  สีหราชเอ่ยเสียงเย็น

“แต่....”

“ไม่เป็นไรครับคุณคีย์  ผมจะระวังๆ”

“......สิงห์”...”

“เอาแล่วๆ”  อิ่มเอมกระซิบกระซาบพร้อมหัวเราะเสียงเบาเมื่อเห็นว่าคีตกาลเดินเข้าไปใกล้สีหราช

“........”

“สิงห์?”   คีตกาลขยับเท้าเข้าใกล้ร่างสูงก่อนจะช้อนตามอง

“..........”  สีหราชขบกรามแน่นอย่างพยายามข่มใจ  ทั้งๆที่ในใจเดือดดาลเขาก็ยังคงยืนนิ่ง    เห็นบ้านเขาเป็นโรงแรมหรืออย่างไร!

“ทีคุณแป้งยังพักได้เลย”  เมื่อเห็นว่าร่างสูงคงไม่ยอมง่ายๆเขาจึงรื้อฟื้นอ้างอิงถึงใครคนอื่น  และนั่นทำเอาสีหราชหันมามองร่างโปร่งด้วยดวงตาวาวโรจน์

“ก็ได้!”   สีหราชพูดลอดไรฟัน  “ให้นอนห้องที่คุณแป้งเคยพัก!”  เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินชนไหล่คนขอขึ้นบ้านไป   ทิ้งให้ทุกคนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความหวาดผวา  มีเพียงอิ่มเอมเท่านั้นที่ยังคงหัวเราะชอบใจไม่หยุด

สรุปคืนนั้นอิ่มเอมต้องเป็นคนจัดการเลือกห้องนอนให้ทุกคน แน่นอนว่าถ้าอดิศรค้างคืนที่นี่เกียรติศักดิ์ก็ไม่ได้กลับ   ตอนแรกอิ่มเอมจะให้ชายชาญนอนกับคีตกาลตามเดิม  ให้เกียรติศักดิ์ไปนอนกับสีหราช  ส่วนเขาจะไปนอนกับอดิศรที่ห้องนอนแขก  แต่เกียรติศักดิ์ที่ไม่ชินกับอารมณ์พายุของสีหราชเอ่ยปฏิเสธและขอไปนอนกับอดิศรแทน  อิ่มเอมได้ยินอย่างนั้นถึงกับค้านหัวชนฝา  ...ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาค้านไปทำไมแต่เขาไม่ชอบใจและไม่ยอมแน่ๆ!   สุดท้ายอิ่มเอมเลยให้คีตกาลรับเกียรติศักดิ์ไปนอนด้วยอีกคน  ส่วนอิ่มเอมกลับไปนอนกับสีหราชตามเดิม
....อิ่มเอมไม่มีทางรู้หรอกว่าเกียรติศักดิ์ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ   ที่ได้ร่วมเตียงกับคุณคีย์คนน่ารัก!
/
/




เจ้าของบ้านถอนหายใจ   คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ใคร่พอใจนัก  เหตุเพราะบ้านของเขากลายเป็นโรงแรมขนาดย่อมไปเสียแล้ว!  เรือนรับรองที่สั่งให้คนปลูกสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จดีไม่อย่างนั้นเขาจะไล่ลงเรือนไปเสียให้หมดทุกคน!

ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  คิดถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายแล้วให้ยิ้มเครียดในความมืด   ตอนเข้าไปทำธุระในเมืองคุณยุวดีโทรศัพท์หาเขา  บอกให้เข้าไปหาที่บ้านเขาอึกอักหากประโยคต่อมาทำให้ปฏิเสธไม่ได้    ‘มาเจอคุณพีหน่อยนะสิงห์  เขาอยากคุยกับเธอ’   หลังทำธุระเสร็จเขาจึงตรงไปยังบ้าน “พฤกษ์นารายณ์” ทันที

คุณยุวดีสั่งให้เด็กรับใช้ยกกาแฟยกขนมออกมาต้อนรับ   แม้เขาจะไม่ได้มาที่นี่นานหากทุกคนก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเหมือนที่ผ่านมา  ให้ความรักและความเอ็นดูไม่ต่างจากเดิม

“คุณสิงห์ขา  พี่จิตชงกาแฟมาให้ค่ะ  ไม่รู้ว่าจะถูกปากเหมือนเดิมหรือเปล่า?”   สมจิตวางแก้วกาแฟลงแล้วยืนยิ้มรอคำตอบ  ชายหนุ่มจึงยกแก้มกาแฟขึ้นจิบ   คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อลิ้นแตะสัมผัสรสชาติ

“อืม...”

“ไม่อร่อยเหมือนเดิมหรือคะ?”

“....อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ”  สีหราชยิ้มกว้างเมื่อแกล้งอีกฝ่ายได้

“โถ  พี่จิตนึกว่าคุณสิงห์จะเปลี่ยนรสกาแฟเสียแล้ว  ดีจริงที่เหมือนเดิม”  สมจิตเอ่ยก่อนจะถอยออกไป   คุณยุวดียิ้มกับภาพตรงหน้า...กับสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“ทานข้าวมาหรือยังล่ะ?”  เสียงทุ้มสูงวัยเอ่ยทักมาจากทางบันได  คุณพีรพลเพิ่งละมือจากงานที่แล้วเสร็จลงมา   ส่วนใหญ่คุณพีรพลจะทำงานอยู่บ้านแล้วให้เลขาคนสนิทมารับงานตอนเย็นหรือตอนเช้าก่อนเวลางานเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพเลยไปทำงานอย่างเมื่อก่อนไม่ไหว

“ทานแล้วครับ”  สีหราชตอบหลังยกมือไหว้ผู้อาวุโส  คุณพีรพลทิ้งตัวลงนั่งข้างภรรยาแล้วชวนคุยต่อ

“ไม่ได้มาบ้านนี้นานแล้วซินะ”

“..ครับ”

“เป็นอย่างไรบ้าง  สบายดีไหม?”

“ก็เรื่อยๆครับ”

“แล้วงานล่ะ?”

“...ก็มีเหนื่อยใจบ้างนิดหน่อยครับ”  ชายหนุ่มระบายยิ้มเมื่อนึกถึงใครบางคนซึ่งเป็นต้นเหตุ

“ตาเพลงล่ะซิ”  คุณพีรพลยิ้มยามเอ่ยถึงบุตรชาย

“ก็..ครับ”  คุณพีรพลหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟัง

“ดื้อขึ้นใช่ไหมล่ะ?”

“มากๆเลยครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะ

“.......กลับไปเหมือนเดิมหรือยัง?”  คุณพีรพลเอ่ยถาม   เพราะครั้งหนึ่งพวกเขาเคยคุยกันแล้วและรับรู้ถึงสาเหตุการเลิกกันของทั้งสองคน   ....คิดว่ารู้และน่าจะใช่.....

“ยังครับ”

“งั้นหรือ?”  คนสูงวัยขมวดคิ้ว

“แล้วคุณน้าเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ”  สีหราชเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่มีอะไรหรอก  แค่คิดถึงวันเก่าๆน่ะ   อีกอย่างแค่อยากถาม...”

“ครับ?”

“ตาเพลงไม่ได้ร้องไห้เหมือนอย่างวันนั้นใช่ไหม?”  เหมือนในวันนั้น...เมื่อ4ปีที่แล้ว

“ไม่ครับ”

“ก็ดีแล้ว...”   คุณพีรพลถอนหายใจ  เขานึกถึงวันนั้น  วันที่คีตกาลเลิกกับสีหราช  เขาดีใจนักหนา...โดยไม่รู้เลยว่าลูกตัวเองกำลังร้องไห้  ถ้าชายชาญไม่โทรศัพท์มาบอกเขาคงไม่มีวันรู้และคงไม่มีวันเชื่อถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง

“แล้วสุขภาพของคุณน้าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“โอ๊ย  ตอนนี้สบายแล้ว”

“เก่งแต่ปากนะคะคุณ”  คุณยุวดีเอ่ยขัดสามีที่คุยโวอย่างอดไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ”  สีหราชยิ้ม

“ตาสิงห์?”

“ครับ?”

“อาทิตย์หน้าฉันจะไปเยี่ยมที่ฟาร์มนะ”   ประโยคบอกเล่านั้นทำให้สีหราชและคุณยุวดีมองหน้ากัน  สาเหตุหนึ่งเพราะคุณพีรพลไม่รู้เรื่องที่คีตกาลบาดเจ็บ  สีหราชก็ได้แต่หวังว่าเวลานั้นแผลของคีตกาลคงจะดีขึ้นมากแล้ว

“ครับ”   ชายหนุ่มรับคำก่อนจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่อิ่มเอมติดต่อไป  ประโยคบอกเล่าแบบกวนๆสไตล์อิ่มเอมทำเอาเขาถึงกับต้องรีบขอตัวกลับแล้วขับรถชนิดเหยียบจนเกือบลืมเบรกเลยทีเดียว



สีหราชถอนหายใจอีกครั้ง  เมื่อนึกถึงว่าอาทิตย์หน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป  ขณะที่อิ่มเอมพลิกตัวมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างรำคาญ

“จะหลับได้หรือยัง  ถอนหายใจอยู่นั่น   ลมหมดปอดไปแล้วมั้ง?”

“โทษทีๆ”  เขาเอ่ยขอโทษเพื่อนก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่

จะต้องสร้างเรือนรับรองสัก4-5หลัง!

*********



   เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับ  เจ้าของบ้านวันนี้จึงตื่นสายที่สุดหากก็ยังทันมื้อเช้าอยู่ดี   สีหราชชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้าห้องอาหาร   สายตาดุกวาดมองรอบโต๊ะแล้วขมวดคิ้วกับตำแหน่งการนั่ง

   โต๊ะทานข้าวที่นี่ก็เหมือนทั่วๆไปหากไม่มีตำแหน่งหัวโต๊ะหรือตำแหน่งประธานเพราะสีหราชไม่ชอบ  ตำแหน่งการนั่งของทุกคนต้องเท่าเทียมกันไม่มีตำแหน่งพิเศษ   ตำแหน่งการนั่งตอนนี้จึงเป็น  ชายชาญ  อิ่มเอม  เกียรติศักดิ์  และอีกฝั่งเป็นคีตกาลและอดิศร  สีหราชหน้าตึงทันที  ยิ่งเมื่อแขกของคีตกาลหันมากล่าวอรุณสวัสดิ์พร้อมรอยิ้ม   ชายหนุ่มไม่ยิ้มตอบก่อนจะกระชากเก้าอี้ข้างๆอดิศรมายังหัวโต๊ะ   สายใจกับป้าแช่มมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะย้ายจานข้าวมาวางตรงหน้า
สีหราชแล้วเริ่มตักข้าว

   อิ่มเอมกลั้นหัวเราะ  ขณะที่ชายชาญ เกียรติศักดิ์มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก  ส่วนคีตกาลน่ะหรือ?  เขาเหลือบมองเจ้าของบ้านที่ย้ายตำแหน่งเก้าอี้แล้วเม้มปากแน่น

“คุณคีย์ เอาต้มจืดไหมครับ  เดี๋ยวผมตักให้”  อดิศรเสนอตัวแม้ว่าถ้วยต้มจืดจะตั้งอยู่หน้าคีตกาลก็ตาม

“โอ๊ะ  ท่าทางน่าอร่อย  นายเอาไหมเอม?”   สีหราชกระชากถ้วยต้มจืดหนีช้อนของอดิศรมาไว้หน้าตัวเองก่อนเลิกคิ้วถามเพื่อนตัวโตที่รับมุกทันที

“อื้ม  อร่อยจริงๆ!”  อิ่มเอมตักเข้าปากตัวเองแล้วหันไปตักใส่จานข้าวของชายชาญและเกียรติศักดิ์

“งั้น  คุณคีย์ทานผัดผักก็แล้วกัน...”  อดิศรเอ่ยไม่จบประโยคจานผัดผักก็ย้ายตำแหน่งไปอยู่หน้าสีหราชอีกครั้ง  คีตกาลเข้มนตามองอย่างไม่พอใจ  ยิ่งอิ่มเอมรับมุกกับสีหราชทุกจานเขายิ่งหงุดหงิด

“เอ่อ  งั้น...”  อดิศรหันหากับข้าวถ้วยถัดไปซึ่งเหลือเพียงหลนเต้าเจี้ยวถ้วยเดียว...แน่นอนว่าสีหราชก็ยังคงฉุดเอาไป....คีตกาลลุกพรวดอย่างไม่พอใจ  ร่างโปร่งยกแขนขึ้นชี้หน้าคนหัวโต๊ะ

“นี่นายแกล้งฉันใช่ไหม!”   สีหราชยังคงตีสีหน้านิ่ง

“ไอ้สิงห์ไม่ได้แกล้งมึงนะโว้ย”  อิ่มเอมเข้าข้างเพื่อนทันทีหลังจากตักหลนเต้าเจี้ยวใส่จานชายชาญ

“นายกินอิ่มก็พูดได้ซิ  ฉันยังไม่ได้ตักเข้าปากสักคำเลยนะ!”  คีตกาลโวยวาย

“เอ่อ  คือ...”  ชายชาญที่เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างกำลังจะเอ่ยทานเพื่อน  หากสีหราชก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“สายใจ  ไปเตรียมกับข้าวเพิ่มให้คุณคีย์ไป”

“ไม่กงไม่กินมันแล้วโว้ย!”

อารมณ์เสีย!



ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ  ตั้งแต่เอาทุเรียนมาแกล้งเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ชอบ    เช้านี้ก็ยังแกล้งไม่ให้เขาได้กินข้าวอีก!  คนอารมณ์เสียโดดขึ้นรถก่อนจะบึ่งไปทางคอกม้า  ร่างโปร่งปลดเชือกเจ้า Music แล้วขึ้นควบ  บังคับให้มันห้อทะยานวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  เขาพามันวิ่ง  วิ่งไปจนถึงเนินสูง...เนินสูงที่สีหราชเคยพาเขามา

คีตกาลมองภาพเบื้องหน้า   อารมณ์คุกรุ่นค่อยผ่อนคลายลงยามเมื่อเห็นทุ่งปอเทืองออกดอกเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง   สีหราชให้คนงานมาปลูกเอาไว้เพื่อปรับสภาพหน้าดินก่อนจะลงดอกไม้ตามฤดูกาลในคราวต่อไปหากเปิดรีสอร์ท   ขอบเนินทุ่งและริมถนนลูกรังปลูกต้นกันเกราเป็นทิวแถว  บางส่วนปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์เอาไว้เต็มสองข้างทางที่หากถึงคราวออกดอกเมื่อไหร่ก็จะงดงามจับตา

คีตกาลลูบแผงคอเจ้า Music แล้วกอดมันไว้อย่างรักใคร่  นึกถึงตอนคุยกันกับบิดาครั้งเมื่อกลับมาจากบ้านครั้งที่แล้ว

‘พ่อว่าพ่อพอจะรู้สาเหตุที่ลูกกับตาสิงห์เลิกกัน’

‘……..’

‘ถ้าหากพ่อเป็นสาเหตุให้ลูกไม่มีความสุข พ่อก็ขอโทษ’

‘ไม่ใช่เพราะพ่อนะ’

‘จริงหรือ?’

‘ครับ’

‘เอาเถอะ  จะเพราะใครก็ช่างแต่พ่ออยากให้เพลงปล่อยวาง’

‘พ่อ?’

‘ไขว่คว้าความสุขให้ตัวเองเถอะนะ  เพลง’

‘...แต่...’

‘ความสุขของลูกก็คือความสุขของคนเป็นพ่อแม่’

‘……..’

‘ลูกเข้าใจใช่ไหม?’

‘ครับ!’

วันนั้นเขากลับมาที่ฟาร์มด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านในใจ  ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่เคยทับอยู่กลางใจมันสลายหายไป   แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดสักเท่าไหร่นักเพราะช่องว่างของเวลา 4 ปีมันไม่น้อยเลย    และคนที่เริ่มเรื่องก็คือเขา   ...จะเริ่มใหม่ก็กลัว..กลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปและไม่เหมือนเดิม    หนำซ้ำยังมีตัวป่วนมาเพิ่มอีก!
เฮ่อ~  เขาต้องยอมเสียฟอร์มใช่ไหม?
ยอมเสียฟอร์มก็ดีกว่าต้องเสียใจทีหลังละนะ!






















พิเศษท้ายช่วง




   ถามจริง  คุณเกียรติศักดิ์เป็นเกย์เหรอ?  แล้วชอบใครกันแน่  เดี๋ยวก็ใจเต้นกับคนโน้น  แก้มแดงกับคนนี้

   -ไม่นะ  ผมไม่ใช่เกย์เสียหน่อย!  ผมแค่ใจเต้นกับคุณคีย์เท่านั้นแหละ  คนเดียว...อืม..แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องใจเต้นกับคุณอิ่มเอมแล้วก็หน้าแดงเวลาอยู่กับคุณชายชาญ  แย่แล้ว!  หรือผมจะเป็นเกย์จริงๆ?  ไม่นะ!  ทำยังไงดี  อ้อ  มีแฟน!  ผมจะต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง!   ต้องรีบไปหาแฟนสาวซะแล้ว!!!



   ถามคุณชายชาญ  ชอบคุณอิ่มเอมหรือชอบคุณเกียรติศักดิ์อ่ะ?
   -ชอบเชิบอะไรกั๊น!  นายยักษ์อิ่มเอมน่ะก็แค่คู่กัดกันเฉยๆหรอก  ห้ะ  อะไรนะ?  ที่ยอมให้นอนกอดน่ะเหรอ?  ก็....ก็แค่ดิ้นไม่หลุดเท่านั้นแหละ!  แล้วกับคุณศักดิ์น่ะเหรอ  เขาน่ารักจะตาย  ยิ่งตอนใส่แว่นแล้วหน้าเอ๋อๆน่ะ  น่าแกล้งชะมัด!


อิ่มเอม  คุณกะฟาดสองเลยเหรอ?
-ฟาดอะไร พูดจาหยาบคายนะเราน่ะ  ก็เพื่อนๆกันทั้งนั้นแหละ  อะไร๊~  บอกว่าเพื่อนก็เพื่อนจริงๆเซ่!  แม้ว่าจะน่าฟัดทั้งสองคนเลยก็เถอะ  แค่กๆๆ  อะไรนะ?  เปล่าๆ   เมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นแหละ!  (ก่อนจะวิ่งตามหลังชายชาญและเกียรติศักดิ์ที่เดินหัวเราะคู่กันไปอย่างรวดเร็ว!)









โปรดติดตามตอนต่อไป...


ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ  กอดดดดดด

ขอโทษที่มาช้านะคะ   





ปล.มีคนอ่านบางคนหายหน้าไป...คือเราไม่ว่ากันเนอะถ้าเกิดนิยายเราไม่ถูกจริตกันแล้ว  แต่คือเรารู้สึกเป็นห่วงน่ะค่ะ  คือจู่ๆก็หายไปจากเล้าเลย....ขออย่าให้เป็นอะไรไปเลยนะคะ  เป็นห่วงมากๆ

ปลล.อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ  เป็นห่วงจริงๆ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-08-2015 22:55:47
อิ่มเอม ทำเป็นเล่นไป ไม่ใช่จะควบ 2 เลยเหรอเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-08-2015 23:00:32
มาเเล้วววว เย้
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-08-2015 23:34:03
ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง แต่ก็น่าจะมีคุณพ่อเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อยสินะคะ ไหนๆ ตอนนี้คุณพ่อก็ปล่อยวางได้แล้วก็เหลือแค่ว่าทั้งสองคนจะเดินหน้าเข้าหากันอย่างไรเท่านั้นล่ะเน้ออ..^^ แต่สิงห์นี่หึงโหดสุดๆ ไปเลยค่ะ ว่าอดิศรเสียจนหน้าชาไปตั้งหลายหนแน่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 11-08-2015 23:58:54
อิ่มเอม นายมันตลกกลบเกลื่อน กะรวบยอด2เพื่อนแน่ๆ555555
สิงห์กะหนูเพลงนี่คุยกันดีๆได้ถึงห้านาทีมั้ยยย

ปล.เอ็นดูคุณเกียรติศักดิ์ม๊ากกก คนอะไรน่าร็อค
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 12-08-2015 00:52:48
พี่สิงห์ยังรักยังหวงขนาดนั้น เดินหน้าต่อเลยเพลง
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 12-08-2015 01:00:51
มาแล้วย้าวยาว นายอิ่มกะควบสองสินะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูน้อยหมวกแดง ที่ 12-08-2015 08:50:00
ชอบนิยายเรื่องนี้จัง ดูอบอุ่นๆ มาต่อบ่อยๆนะคะ  :hao7: :katai5:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 12-08-2015 09:47:42
โอ้ววววว ศึกชงนายยยย ดุเดือดมากกกกกก
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-08-2015 11:49:05
อยากกินทุเรียน คีย์ไม่กินส่งมานี่  :m18:
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 20-08-2015 18:21:25
อ๊ายยย. ว่าแต่ใครจะง้อ ใครก่อนเนี่ย น่ารักมาก
แต่ ดูอิ่มนางดูจะชอบ แซนวิช ยุนะเนี่ย ดูท่าทั้งสามคนจะแอบมีใจให้กันยุนะเนี่ย
ชอบสิงห์กับเพลง สิงห์หึงออกหน้าออกตาขนาดนั่น ลุยเลยหนูเพลง
มารอนะคะ เป็นกำใจให้เสมอแอบมาดูเกือบทุกวัน.
รักเรื่องนี้คะ
หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 24-08-2015 20:35:54
~ แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นหมอก~

- รักพัดหวน-
 
...เมื่อสายลมแผ่วพัดมา...














เขาฝัน...

ในความฝัน...วันนั้นเขาร้องไห้   ร้องอย่างหนักหน่วงเท่าที่เด็กอายุ 8 ขวบคนหนึ่งจะร้องได้หลังการรับรู้ถึงการสูญเสีย  การพรากจาก...  วันนั้นเขากลับจากเล่นฟุตบอลกับเด็กในหมู่บ้าน  เขากลับเข้ามาเกือบหกโมงเย็น  เขาสงสัยว่าเขากลับบ้านเย็นขนาดนี้ทำไมจึงไม่มีใครไปตามเขากลับบ้านอย่างเช่นทุกที

“คุณหนู!”  ป้าสมร  ที่ตอนนี้เขาแทบจะหน้าไม่ได้แล้ว  วิ่งเข้ามากอดเขาแน่นแล้วร้องไห้   เขาถามกลับว่าป้าหมอนร้องไห้ทำไม  หากคำตอบคือเสียงร้องไห้ของคนทั้งบ้านตามมา  บางคนตาแดง  บางคนคร่ำครวญ
อายุ 8 ขวบ  เขาเข้าใจถึงการสูญเสียตลอดกาล  เข้าใจคำว่า..ตาย  เขาเข้าใจและรับรู้  พ่อกับแม่ของเขาทั้งสองคนประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้านและเสียชีวิตทันที   เขาร้องไห้  ร้อง...จนคิดว่าน้ำตาในตัวคงเหือดแห้งไปหมดแล้ว  เขาหวาดกลัว... โลกที่ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว...จะเป็นอย่างไร   
หากไม่กี่ชั่วโมงต่อมาคุณลุงและคุณป้าก็เข้ามากอดเขาไว้  กอดพลางปลอบประโลม  ‘ไม่เป็นไรนะสิงห์  หนูไปอยู่กับลุงและป้านะลูก’ น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยนั้นอ่อนโยนเหลือแสน   เขาพยักหน้ารับ  ถึงแม้พ่อกับแม่ไม่อยู่เขาก็ยังมีลุงและป้าที่รักเขาเหมือนลูก   เขาไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้   เขาไม่ได้ถูกทิ้งเอาไว้ลำพัง

เขาย้ายมาอยู่กับลุงและป้าหลังจากนั้นผ่านไปหลายเดือน   ช่วงแรกๆป้าจะพาเขาไปทำบุญให้พ่อกับแม่แทบทุกอาทิตย์  ด้านหลังวัดมีสถูปของพ่อกับแม่  เขายิ้มให้ท่านทั้งสองบอกว่าตอนนี้เขาไม่เหงา  เขาได้รับการดูแลอย่างดีแม้บางครั้งเขาจะต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ตาม  หากนานวันลุงกับป้าก็บ่นว่างานยุ่ง  พวกเขาไม่มีเวลาพาเด็กน้อยอย่างเขาไปทำบุญได้ทุกอาทิตย์อีกแล้ว   เริ่มห่างออกไป   จากอาทิตย์ละครั้ง เป็นเดือนละครั้งและเขาก็ไม่เคยได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่อีกเลย   ลุงกับป้างานยุ่ง  เขาบอกตัวเองอย่างนั้น…


วันเด็กของปีถัดมา  ลุงกับป้าบอกว่าจะพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์  เขาดีใจมากเพราะพ่อกับแม่พาเขาไปเที่ยวไม่บ่อยนักเพราะต้องทำงานหนัก  เขาเดินดูเจ้าสิงโตตัวใหญ่  เจ้าม้าลายสีสวย...จนบ่ายคล้อยเขาขยับหมวกเมื่อเหงื่อเริ่มซึมไหลผ่าน  เขาจับมือกับป้าแน่นเพราะกลัวหลง..  ท้องเขาร้องเสียงดังจนคุณลุงได้ยิน  เขาบอกว่าจะไปหาซื้ออะไรมาให้กินให้รออยู่กับป้าหน้ากรงเจ้าอุรังอุตัง  แต่สิงห์อยากบอกลุงว่าไปร้านอาหารได้ไหม  เขาปวดขาและอยากนั่งพัก...แต่ลุงก็รีบผละไปเสียก่อน  คงกลัวว่าเขาจะหิว...
ผ่านไปครู่ใหญ่ป้าของเขาก็เริ่มบ่นและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  เขาจับมือป้าไม่ยอมปล่อย  ในใจมันรู้สึกแปลกๆขึ้นมา  แต่สุดท้ายป้าก็แกะมือเขาออก  กำชับว่าให้ยืนรอลุงอยู่ที่เดิมอย่าไปไหน  เดี๋ยวลุงกลับมาแล้วจะไม่เจอ...

เขายืนรอ...
รออยู่นานแต่ทั้งลุงและป้าก็ไม่มาเสียที  เขาอยากจะเดินตามหาแต่ก็กลัวว่าถ้าทั้งสองคนกลับมาแล้วจะไม่เจอเขา  เขาหิว  ท้องแสบร้อนไปหมด...เขารอ...รอเท่าไหร่ลุงและป้าก็ไม่มา...


“แย่จริง  เด็กถูกทิ้งงั้นหรือ?”  เจ้าหน้าที่สวนสัตว์พาเขาไปยังส่วนประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศหาญาติหลังเห็นเขายืนอยู่ที่เดิมแม้ใกล้เวลาปิดประตูแล้วก็ตาม  เขาได้ยินเสียงประกาศก็ได้แต่รอ  หาก  ‘ผู้ปกครองของเด็กชายสีหราช  วิรุณรักษ์’ ก็ไม่มาปรากฏตัว    เขากลัว...เขาไม่คุ้นเคยกับใครเลย  ‘คุณลุงกับคุณป้าไปไหน?’  เขาถามเจ้าหน้าที่คนนั้น  เขาอยากร้องไห้แต่ลุงกับป้าไม่ชอบ     พวกเขาไม่ชอบให้สีหราชร้องไห้เขาจึงไม่ร้อง...  คืนนั้นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์โทรศัพท์ไปที่ไหนสักที่แล้วพาเขาไปสถานีตำรวจ   ครู่ใหญ่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพาตัวเขาไป...  เขาไม่อยากไปเขาอยากกลับบ้าน  ผู้หญิงที่พาดขากลับมาด้วยบอกว่าต้องรอให้เช้าก่อนจึงจะช่วยได้  คืนนี้เขาต้องไปนอนบ้านเธอ  ที่นั่นมีข้าวมีขนมให้กินอิ่มท้อง  แต่...ก็ไม่ใช่บ้านของเขา

คืนนั้นเขานอนร้องไห้...สะอื้นเบาๆเพราะกลัวผู้หญิงคนนั้นได้ยิน



ตอนเช้าหลังจากทานอาหารเสร็จผู้หญิงคนนั้นก็พาเขาไปที่ไหนสักที่  เธอบอกว่าเป็นมูลนิธิอะไรสักอย่างที่จะช่วยตามหาบ้านให้เขา  ผู้หญิงคนนั้นให้เรียกเธอว่า ‘ครูอ้อย’  เธอถามชื่อและนามสกุลของเขา และ ถ่ายรูป  หลังจากนั้นจึงเข้าไปคุยกับใครอีกหลายคน  จนผ่านไปครึ่งวันเธอกลับออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

“ทุกอย่างถูกขายไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนก่อน”

“....”  เขาไม่ได้ตอบครูอ้อยเพราะไม่เข้าใจที่เธอพูด

“ ‘บ้านวิรุณรักษ์’ ของเธอถูกขายไปแล้ว  เธอรู้ไหม?” เขาส่ายหน้า  เพราะตั้งแต่คุณพ่อและคุณแม่เสียเขาก็ไปอยู่กับลุงและป้า  ส่วนบ้านใหญ่เขาไม่รู้ว่าถูกจัดการอ่างไร   มีครั้งหนึ่งเขาเคยร้องขอให้ลุงกับป้าพาป้าสมรมาอยู่ด้วยแต่ก็โดนปฏิเสธ  เขาคิดถึงทุกคนที่บ้านใหญ่แต่ลุงกับป้าไม่เคยพาเขากลับไปเลย

“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี่?”

“ลุงกับป้าล่ะ?”  เป็นประโยคที่สองที่เขาเอ่ยนอกจากชื่อและนามสกุล

“เราตามหาตัวพวกเขาไม่เจอ  บ้านหลังนั้นก็ถูกขายไปแล้วเหมือนกัน”

“.......”  ถูกขาย?  ถูกขายได้อย่างไรในเมื่อเขายังอยู่จนถึงเมื่อวาน?   เขายืนนิ่ง  แล้วลุงกับป้าไปไหน?  ถ้าขายบ้านแล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?

“ไปอยู่กับครูก่อนนะ”

จากนั้นไม่นานเขาจึงเข้าใจ...เขาถูกทิ้ง
อีกครั้ง...
ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้




*********


“สิงห์  ขอบใจนะจ๊ะ”  ครูอ้อยลูบผมเขา  เด็กชายยิ้มก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง   เขาไม่ใช่เด็กที่อายุน้อยที่สุดในบ้านหลังนี้แต่ก็ไม่ใช่เด็กโตที่สุด   บ่อยครั้งที่ถูกกลั่นแกล้งจากพวกที่อิจฉาเวลาเขาได้รับคำชม  เขาไม่ตอบโต้เพราะพ่อกับแม่เคยบอกว่า  พวกที่อิจฉาเวลาเราทำความดีเราไม่ควรลดตัวลงไปตอบโต้ด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นเหมือนอย่างพวกเขา

เขามาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งปีแล้ว  และเขาไม่ได้รอให้ลุงกับป้ามารับอีก  หลังเข้าใจว่าการ  ‘ถูกทิ้ง’  คืออะไร   ถึงไม่มีบ้านให้กลับแต่อย่างน้อยก็มีที่ให้อยู่ให้นอน  มีข้าวกิน  และได้เรียนหนังสือ   บางวันจะมีผู้ใหญ่ใจดีเป็นกลุ่มๆเอาขนมมาให้  เอาของเล่นมาแจก  อย่างวันนี้ก็เช่นกัน   ครูอ้อยบอกว่าจะมีแขกเอาอาหารอร่อยๆกับของเล่นมาให้   เขาพยักหน้ารับแต่เด็กคนอื่นๆกระโดดดีใจกันยกใหญ่   ครูอ้อยลูบผมเขาแล้วย่อตัวลง

“ยิ้มหน่อยซิจ๊ะ  คนหล่อ”

“....”  เขาพยายามยกมุมปากขึ้นให้เป็นรอยยิ้มเหมือนที่เคยยิ้ม  แต่เขาลืม...ลืมว่ายิ้มต้องทำยังไงและเขานึกไม่ออกว่าเขาหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่  เขาจำไม่ได้...

“เอาเถอะๆ  หน้าบึ้งอย่างนี้ก็หล่อดี”  ครูอ้อยยีหัวเขาแรงๆทีหนึ่งแล้วกลับเข้าไปจัดการเด็กๆที่เริ่มวิ่งซน   เขารู้ว่าส่วนหนึ่งที่มักจะโดนเด็กโตกว่าแกล้งเพราะเขาไม่ยิ้มและไม่พูดคุยกับใครเลย



/
/


น่าแปลกที่การมาคราวนี้ของแขกผู้ใจดีมีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขามาด้วย  ปกติจะมีแต่พวกนักศึกษากับพวกผู้ใหญ่รวยๆเท่านั้น  ไม่มีใครอยากพาลูกหลานมาที่นี่หรอก   ที่ที่เรียกว่า ‘บ้านเด็กกำพร้า’

คราวนี้นอกจากอาหารดีๆ  ขนมแล้วยังมีของเล่นมากมายหลายอย่าง   เขาทำหน้าที่ช่วยครูแจกขนมและของเล่นให้เด็กที่อายุน้อยกว่า  และชิ้นสุดท้ายเขาให้คนอื่นไปจนไม่เหลือในมือ   เขาไม่รับของเล่นพวกนี้  เพราะสุดท้ายมันก็จะโดนเด็กโตกว่าแย่งไป  เด็กเล็กๆเองก็โดนแย่งเหมือนกัน  ทุกครั้งที่เขาเห็นเขาไม่เข้าไปห้าม  หากพอตกกลางคืนเขาจะไปแอบเอามันมาคืนให้เด็กที่ถูกแย่ง  กำชับว่าซ่อนให้ดีอย่าให้โดนแย่งไปอีก  ตกรุ่งเช้าเขาจะโดนเด็กตัวโตคนนั้นหาเรื่อง  บ่อยครั้งชกต่อยกัน  ครูอ้อยจะทำโทษทั้งสองฝ่ายพร้อมสอนว่า  ควรรักกันเหมือนพี่น้อง  แต่ครูอ้อยไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่สู้เขาก็จะถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ และเขาไม่สามารถรักใครอย่างพี่น้องได้อีกแล้ว

“นี่  นายไม่ได้ของเล่นเหรอ?” น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วเอ่ยทักเขา  เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  ส่วนสูงไม่ต่างจากเขามากนัก

“เราไม่อยากได้”   เขาตอบ  เพราะถ้าไม่ตอบเด็กคนนี้คงจะยืนที่เดิมไม่จากไป

“ทำไมล่ะ?”

“เอาไปเดี๋ยวก็โดนแย่งอยู่ดี”  น่าแปลก  ทั้งๆที่เขาแทบไม่พูดคุยกับใครในนี้เลย  ทำไมเขาจึงตอบโต้กับเด็กที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วย?

“นายก็เก็บซ่อนเอาไว้ซิ”

“.....”

“ของเล่นตรงโน้นหมดแล้ว  นายเอาของเราไปก็ได้”  มือขาวนุ่มนิ่มยื่นหุ่นยนต์ที่กอดเอาไว้มาให้เขา  ดูก็รู้ว่าราคาแพงมากเพราะก่อนหน้านี่เขาก็เคยมีอยู่หลายตัว   เขาเลื่อนสายตาไปจ้องหน้าคนให้อย่างไม่เข้าใจ  ดวงตากลมโตใสแจ๋ว  ปากเล็กๆสีชมพูและไฝเม็ดเล็กที่ข้างแก้มซ้าย...

“ของนาย  เราไม่เอาหรอก”

“แต่เราอยากให้”

“ไม่เอา! เราไม่ใช่เด็กกำพร้าเหมือนเด็กที่นี่!”  เขาโกรธ

“เด็กกำพร้า?  เด็กกำพร้าคืออะไร?”  เจ้าตัวเอียงคอถาม

“ก็เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ไง”

“ไม่มีพ่อแม่?  ถ้านายไม่มีพ่อแม่นายจะเกิดมาได้ยังไง?”   เด็กหน้าขาวขมวดคิ้วสงสัย  “เราทุกคนมีพ่อแม่ทั้งนั้นแหละ”

“....?”

“แม่เราบอกว่า  ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่กับกับพ่อแม่แล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหายไปไหน”

“....”

“พ่อแม่ของนายต้องมีแน่ๆ!”  เด็กน้อยยิ้มกว้าง

“ไม่มีหรอก  พ่อแม่เราตายแล้ว”

“...งั้นแสดงว่าพวกเขาอยู่บนสวรรค์ใช่ไหม?”

“ไม่รู้ซิ”

“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่นายไม่ได้หายไปไหน  พวกเขาอยู่บนนั้น  บนสวรรค์แล้วก็คอยมองลงมา  คอยดูแลนายจากข้างบนนั้น”

“นายรู้ได้ยังไง?”  เขาถามแต่ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“แม่เราบอกมา  แม่บอกว่าวันหนึ่งแม่ก็จะไปอยู่บนนั้นแต่เราไม่ต้องเสียใจ  เพราะแม่จะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ”

“....”

“เราให้หุ่นยนต์ตัวนี้กับนายนะ   นายจะได้มีเพื่อนไง  แล้วนายก็จะไม่เหงา!”

“ขอบใจ”

“อื้ม! นายชื่ออะไร?”

“สีหราช”

“คิก  คิก  ชื่อยังกับพระเอกลิเกแน่ะ”

“นายเคยดูลิเกหรือไง?”  เขาขมวดคิ้วฉับเมื่อฝ่ายนั้นหัวเราะชื่อเขา

“พี่จิตดูทุกวันเลย  สนุกดี  เราชอบ”  เด็กหน้าขาวหัวเราะไม่หยุด  “แล้วชื่อเล่นล่ะ?”

“สิงห์”

“เราชื่อคีตกาล  ชื่อเล่นชื่อเพลง”  แนะนำตัวไปพลางหัวเราะไปพลาง  สีหราชมองภาพตรงหน้าแล้วหงุดหงิดนิดหน่อย  ทำไมถึงหัวเราะได้แบบนี้กันนะ?  เขาไม่เคยหัวเราะได้แบบนี้เลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่...  แต่รอยยิ้มนี้...ทำให้เขานึกถึงดวงตะวัน...

....สวยเหมือนดวงตะวัน....

หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่นหุ่นยนต์ด้วยกันพักใหญ่กว่าเด็กคนนั้นจะกลับ   เพลงบอกว่าจะมีที่นี่อีกแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่  เขายิ้มตอบ  ไม่ได้คาดหวังนักเพราะน้อยครั้งที่ใครคนเดิมจะกลับมาที่นี่อีก   แต่ก่อนอื่นเขาต้องเอาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปซ่อน  เผื่อว่าเด็กคนนั้นกลับมาอีกครั้งจริงๆ   เขาไม่อยากให้หุ่นยนต์ตัวนี้โดนแย่ง  ไม่ใช่เพราะว่ามันแพงแต่เป็นเพราะว่า  ...เพลง  เพื่อนคนแรกให้เขามา...   ....เพลง  คนที่บอกว่าเขาไม่ใช่เด็กกำพร้า... คนที่บอกว่าพ่อกับแม่ของเขายังอยู่ข้างกาย...

...เพลง   คีตกาล...



สามเดือนถัดมาเขาได้พบกับเพลงอีกครั้ง  เขายิ้มเมื่อฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะชวนกันไปเล่นที่ด้านหลังหลังจากทานข้าวเสร็จ   เขาไม่อยากให้พวกเด็กโตเห็นเพลง   กลัวเพลงโดนพวกนั้นแกล้ง   เพลงแก้มขาวแถมยังนุ่มนิ่มน่าหยิก  เขาไม่อยากให้แก้มเล็กๆนั่นโดนคนอื่นจับ  แค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว...

“สิงห์”

“หืม?”

“ถ้าโตแล้วเรามาเป็นเพื่อนกันอีกนะ”

“อื้ม!”

1 เดือนจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเพลงอีก

6 เดือนผ่านไปเขาก็ยังเฝ้ารอ

1 ปี เขาก็ยังคงทนุถนอมหุ่นยนต์ตัวนั้นเอาไว้อย่างดี




**********


“สิงห์  ครูมีข่าวดีจะบอก”  ครูอ้อยที่ตื่นเต้นกว่าทุกวันเดินเข้ามาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม  เด็กชายละมือจากการบ้านขึ้นมอง

“ครับ?”

“มีคนอยากอุปการะเธอ”

“...”

“ทำไม  ไม่ดีใจหรือ?”

“ก็..”

“ถ้าเธอไปอยู่กับเขา  เธอก็จะได้เรียนสูงๆไง”  ใช่  ถ้าเขาได้รับการอุปการะเขาก็จะได้เรียนสูงๆ  ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  หากยังอยู่ที่นี่ต่อ  เขาสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 18 ปี สามารถเรียนต่อได้ถึงชั้นอุดมศึกษาแม้ไม่มีใครมาอุปการะ  แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดสินใจได้โดยไร้ซึ่งความเห็นใจสถานสงเคราะห์แห่งนี้  ที่นี่มีเด็กถึง35 คน  มีคนที่กำลังเรียนปริญญาตรีสองคนและไม่ได้ย้ายออก  ที่สำคัญที่นี่ไม่ได้มีเงินทองมากมายนัก

“....ผมจะไปครับ”  ครูอ้อยดีใจมาก  เธอดีใจที่มีคนอยากดูแลเขา ดีใจที่เขาจะมีครอบครัวอีกครั้ง

“เขาขอเวลาจัดการเรื่องเอกสารให้ครบก่อน  แล้วจะติดต่อมาอีกที”

สองเดือนที่ผู้ต้องการอุปการะเขาเงียบหายไป...จนวันหนึ่งครูอ้อยมาบอกกับเขา  ....ฝ่ายนั้นมีลูกแล้ว  กำลังท้องได้ 1เดือน จึงไม่ต้องการอุปการะเขาอีก...เธอร้องไห้แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น...  เขากอดตอบทำได้แต่เพียงยิ้มขื่น

เขาไม่เป็นที่ต้องการแล้ว...

...ถูกทิ้งอีกครั้ง...

.
.
.
.









หัวข้อ: Re: - รักพัดหวน - ตอนที่8 หน้า5 [11 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 24-08-2015 20:36:36
“!”  เขาสะดุ้งตื่นก่อนจะล้วงมือไปใต้หมอนเพื่อกดปิดนาฬิกาปลุก  พลางเหลือบมองเพื่อนร่วมห้องเห็นฝ่ายนั้นขยับเปลี่ยนท่าแล้วหลับต่อก็ถอนหายใจก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว   สีหราชเอานาฬิกาปลุกไว้ใต้หมอนเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมห้องเนื่องจากพวกเขาเรียนอยู่กันคนละคณะฯ ตารางเรียนจึงไม่ตรงกัน

หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาเอาโจ๊กที่เหลือครึ่งซองมาเทใส่ถ้วยแล้วออกไปกดน้ำร้อนของหอพัก  แม้จะเป็นหอในแต่เรื่องความสะดวกสบายนั้นสีหราชค่อนข้างพอใจมากทีเดียว  ที่นี่มีห้องรีดผ้า  ห้องทีวี  ห้องคอมพิวเตอร์ไว้ให้ใช้ตามช่วงเวลา  เขาต้องการเท่านี้จึงไม่รู้สึกว่าขาดอะไร  เขาจัดการโจ๊กครึ่งถ้วยเสร็จจึงเตรียมตัวไปเรียน    อีกไม่กี่อาทิตย์จะมีการประกวดดาว-เดือนมหาวิทยาลัยแล้ว   แล้วทุกวันนายอิ่มเอมก็จะมาบ่นกับเขาว่า รู้สึกคิดผิดเหลือเกินที่ยอมไปประกวดแทนเขา
 สีหราชก็ได้แต่ฟังเท่านั้น

“วันนี้มึงไปส่งเสบียงกูเลย”  นายอิ่มเอมตบบ่าเขาเต็มแรงหลังจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ

“พี่เขาไม่ไปส่งให้หรือ?”

“ก็ส่ง  แต่กูอยากสร้างกระแสว่ะ”

“สร้างกระแส?”

“เรียกเรตติ้ง”

“เรตติ้งอะไร?”

“แบบเอามึงไปเรียกคะแนน”

“ยังไง?”

“เขาจะได้คิดว่าคณะฯเรามีแต่คนหล่อๆไง”

“......”  สีหราชถอนหายใจ  พลางนึกในใจว่ารีบไปส่งแล้วรีบไปทำงานพิเศษก็แล้วกัน  ที่ยอมทำตามเพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์ยอมลำบากแทนเขานี่นะ




“สิงห์!”  เจ้าของรอยยิ้มกว้างวิ่งเข้ามาหาคนแรก   เขาชะงักเท้าก่อนจะพยายามทำให้สิ่งที่เต้นเร่าอยู่ในอกข้างซ้ายสงบลง

“หวัดดี”

“หวัดดี  สิงห์มาทำอะไรอ่ะ?”

“เอาเสบียงมาส่งอิ่มเอม”

“เหรอ?”

“....”

“แล้วของฉันล่ะ?”

“...เอ่อ”   แล้วทำไทต้องทำหน้าหงอยด้วยเล่า?  “มีเผื่อนายด้วยนะ”

“จริงเหรอ?  ขอบใจนะ!”  พลันรอยยิ้มสวยก็กลับมาอีกครั้ง  สีหราชยกมือขึ้นตบอกข้างซ้ายตัวเองเบาๆทำเอา
คีตกาลมองท่าทางนั้นอย่างไม่เข้าใจ   แค่นี้อีกฝ่ายก็พอใจแล้วหรือ?

สีหราชยิ้มตอบโดยไม่รู้ตัว...

เขาไม่ได้ยินว่าคนรอบข้างอุทานว่าอย่างไร   เช่น คนคนนั้นยิ้มสวยเป็นบ้า  หรือ  ทำไมคนนั้นถึงไม่ประกวดเดือนมหาวิทยาลัยนะ? มีแต่อิ่มเอมที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเพราะสร้างกระแสได้

“วันนี้ไปทำงานที่ร้านเมารักเหรอ?”

“เปล่า  วันนี้ไปร้านหมูกระทะ”

“ร้านหมูกระทะ?  ทำที่ใหม่อีกแล้วเหรอวะ?”  อิ่มเอมเดินเข้ามาคว้าถุงขนมไปเปิดดูแล้วเอ่ยถาม

“อืม”

“งั้นคืนนี้เราซ้อมเสร็จแล้วไปกินหมูกระทะกันนะ?”  คีตกาลหันมาเขย่าแขนคนตัวโต

“เฮ้ย  คืนนี้ไม่ว่างแล้ว”

“อ้าว”

“ชวนเพื่อนคนอื่นมึงไปดิ”  อิ่มเอมแนะนำ คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วปากยู่ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อตกลงใจได้แล้วว่าจะชวนใครไปดี   ...นายชายชาญไง!
.
.
.


“เป็นไงบ้างวะ?”  สีหราชตบบ่าเพื่อนซึ่งกำลังยืนกระสับกระส่ายไปมาอย่างให้กำลังใจ   อิ่มเอมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพรูออกสองสามทีก่อนจะหันมาตอบ

“ตื่นเต้นชิบห_ย!”   วันนี้เป็นวันประกวดดาว-เดือนมหาวิทยาลัยแล้ว  สีหราชขอหยุดงานพิเศษทุกที่เพื่อมาให้กำลังใจเพื่อนโดยเฉพาะ  อันที่จริงแล้ว...ก็ไม่เพียงเฉพาะอิ่มเอมหรอก  คนต่างคณะฯอย่างคีตกาลเขาเองก็เอาใจช่วยเช่นกัน   การแสดงของอิ่มเอมเขาก็มีส่วนช่วยเพื่อนซ้อมบ้างสองสามครั้งเวลาที่ว่างจากกิจกรรมหลังเลิกเรียน 

“เอาน่า  เดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อดอกกุกลาบมาให้”

“เออ!  เอามาให้เยอะๆเลยนะมึง”  อิ่มเอมว่า  ก่อนจะชกไหล่สีหราชเบาๆแล้วเตรียมตัวขึ้นแสดง     สีหราชออกมาจากหลังเวที  พยายามเบียดเสียดกลุ่มคนเพื่อออกไปซื้อกุหลาบมาให้เพื่อน  เพราะคะแนนส่วนหนึ่งจะนับจากดอกกุหลาบที่ได้ด้วย  ดังนั้นสีหราชจึงเจียดเงินเก็บจากงานพิเศษมาซื้อ  เขาเหลือบมองดอกไม้ 10ดอก ในมือแล้วถอนหายใจ  หันหลังกลับออกมาแล้วยืนนิ่งก่อนจะเดินกลับไปอีกครั้ง...

การแสดงของอิ่มเอมเป็นนาฏลีลาผสมมวยไทย  หรืออะไรสักอย่างที่สีหราชเรียกไม่ถูก  ทั้งสองคนกับพิม  ดาวคณะฯต่างก็แสดงได้ดีมากทั้งสวยงามและดูแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน   สีหราชวิ่งเอาดอกกุหลาบช่อโตไปให้ทั้งสองคน 
อิ่มเอมเบิกตากว้างเมื่อเห็น  เขารู้ว่าสถานะการเงินของสีหราชนั้นเป็นอย่างไรจึงค่อนข้างตกใจมากพอดูกับดอกไม้ช่อนี้ 

สีหราชยืนรอการแสดงของคณะฯต่อไป  เขาไม่ได้เข้าไปหาอิ่มเอมและดาวคณะฯหลังการแสดงจบ  เขารอ...เพื่อจะดูใครอีกคน   สีหราชไม่รู้ว่าคีตกาลจะแสดงอะไรเพราะแทบไม่เคยได้ยินคีตกาลพูดถึง  หรือแม้แต่อิ่มเอมก็ด้วย   จนเมื่อการแสดงของคณะฯอื่นๆผ่านไปประมาณสอง-สามคณะฯจึงเป็นคิวของคีตกาล   สีหราชค่อนข้างตื่นเต้น   เขากำช่อดอกไม้ในมือแน่นจนชื้นเหงื่อ

คีตกาลออกมาพร้อมกับดาวคณะฯของตัวเอง   ทั้งคู่อยู่ในชุดไทยดูแปลกตา  การแสดงเป็นรำไทยสวยงามก่อนไฟจะดับลงแล้วสว่างขึ้นใหม่พร้อมกับการแต่งกายของทั้งคู่ที่เปลี่ยนไป   ร่างโปร่งอยู่ในชุดกางกางยีนส์ขาดๆเผยให้เห็นต้นขาขาวเป็นริ้วๆ    ฝ่ายหญิงก็อยู่ในชุดเซ็กซี่พอกัน  แล้วจังหวะเพลงก็เปลี่ยนเป็นเพลงสากล

Just shoot for the stars
If it feels right
And aim for my heart
If you feel like
Can take me away and make it OK
I swear I'll behave
You wanted control
So we waited
I put on a show
Now I make it
You say I'm a kid
My ego is big
I don't give a s**t
And it goes like this
Take me by the tongue
And I'll know you
Kiss me 'til you're drunk
And I'll show you

All the moves like Jagger
I've got the moves like Jagger
I've got the moves like jagger
I don't need to try to control you
Look into my eyes and I'll own you
.
..


เพลงของวง Maroon 5 ที่ทำเอาทั่วทั้งฮอลกระโดดเต้นไปพร้อมคนบนเวที  และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเมื่อร่างโปร่งถอดเสื้อเชิ๊ตออกเผยให้เห็นรอย Tattoo บนแขนและไหล่ทั้งสองข้าง   แผ่นอกราบเรียบและหน้าท้องแบนราบ  ผิวขาวเนียนสะท้อนแสงไฟ  ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างร้องเรียกชื่อของคีตกาลเป็นเสียงเดียว  ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม  ดวงตาคู่สวยขยิบมอบส่งให้ทุกคนทั่วบริเวณ  คนบนเวทีมีเสน่ห์ชวนหลงใหล  สีหราชมองภาพนั้นแล้วยืนนิ่ง  ก่อนนี้เขาตื่นเต้น  ยามเมื่อเห็นอีกฝ่ายบนเวทีหัวใจเขาเต้นแรง...หากพอผ่านไป...เขากลับค่อยๆหยุดหัวใจตัวเองเอาไว้...ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกและรอยยิ้มนั่น...สีหราชค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาก่อนจะชนเข้ากับใครบางคน

“เฮ้ย  มึงจะไปไหนวะ?”  อิ่มเอมรั้งแขนเพื่อน  เห็นใบหน้าซีดขาวนั้นแล้วขมวดคิ้ว  ไม่เข้าใจว่าเพื่อนเป็นอะไร

“จะกลับแล้ว”

“อ้าว  ไอ้เพลงแสดงใกล้จะเสร็จแล้วนะ”

“อืม  ฝากให้เขาด้วย”  สีหราชยัดช่อดอกกุหลาบใส่มืออิ่มเอม

“เฮ้ย!  เดี๋ยวซิวะ!”  อิ่มเอมพยายามรั้งเพื่อน  หากสีหราชก็เบียดกายหนีหายไปอย่างรวดเร็ว  คนตัวโตเกาหัวแกรกก่อนจะเดินไปหน้าเวทีอย่างยากลำบากเพื่อเอาดอกกุหลาบให้คนบนเวทีที่เพิ่งแสดงจบ

“ขอบใจนะ”  คีตกาลเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นอิ่มเอม

“ของไอ้สิงห์มัน”

“แล้ว?”

“มันเป็นอะไรไม่รู้  เดินหน้าซีดออกไปแล้ว”

“?”   คีตกาลเงยหน้าขึ้น  กวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาหากไม่เห็น  แต่ตอนนี้วุ่นวายไปหมด  เขาต้องจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จแล้วค่อยตามหาแล้วกัน


 ดอกไม้หนึ่งดอกถือว่าแพงมากสำหรับเด็กที่ต้องทำงานส่งเสียตัวเองเรียน หากแต่สีหราชก็ยังเอาเงินส่วนนั้นมาซื้อดอกไม้ให้เขา  คีตกาลนอนมองช่อดอกกุหลาบสีแดงแล้วถอนหายใจ  สุดท้ายแม้งานจบเขาก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของสีหราช    เขาได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่มากกว่าอิ่มเอมเพียงคะแนนเดียว
.
.
.

สองวันก็แล้ว!

สามวันก็แล้ว!

นี่สีหราชคิดจะหลบเขาหรือเปล่า?  คีตกาลสงสัยหนัก  ตั้งแต่วันที่จบการประกวดเขาก็ไปหาอีกฝ่ายที่คณะฯ  หากแต่เหมือนโดนเลี่ยงเพราะไม่เคยได้เจอนอกจากอิ่มเอม  ไปหาที่ร้านหมูกระทะก็เห็นว่าลา  ไปร้านเมารักก็เห็นว่าเปลี่ยนกะกับเพื่อนร่วมงาน  คีตกาลนั่งร้านเมารักมาสองคืนติดโดยมีชายชาญมาเป็นเพื่อน  วันก่อนเขาเมาหนักจนชายชาญทนไม่ไหวเนื่องจากไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน  เช้ามาเลยไปโวยใส่อิ่มเอมถึงคณะฯเพราะหาสีหราชไม่เจอ   หากวันนี้อีกฝ่ายติดธุระมาด้วยไม่ได้  ชายชาญออกปากห้ามเขาไม่ให้มาคนเดียวแต่เขาก็ดื้อด้านมาจนได้    คืนนี้ดูซิว่าจะเจอไหม! 
คีตกาลนั่งเฝ้าร้านเมารักตั้งแต่หัวค่ำ  เขาเห็นว่าสีหราชไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นๆแต่ไม่ยอมมาโต๊ะเขา  เขาเอ่ยขอให้
สีหราชมาเสิร์ฟก็โดนปฏิเสธ   คีตกาลโมโหหนักสั่งเครื่องดื่มอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้  รู้แต่ว่าเขายกดื่มๆไม่ยั้ง  พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นเงาลางๆของคนที่อยากพูดคุยด้วยมายืนอยู่ตรงหน้า

“พอได้แล้ว”

“พอ  พออาราย?”  เสียงใสอ้อแอ้  ดวงตาคู่สวยปรือปรอย  นิ้วเรียวยกชี้หน้าคนตัวโตอย่างไม่พอใจ “นายจงใจหลบหน้าฉัน!”

“นายเมาแล้ว  กลับบ้านไปเถอะ”

“ใคร๊?  ใครเมา  ไม่มี~สักกะ-น่อย  เอิ้ก!”  เขามีสตินะแต่เขาแค่ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง!

“เลิกดื่มได้แล้ว  แล้วกลับบ้านไปซะ  อย่ามาที่ร้านนี้อีก!”    สีหราชดึงแก้วออกจากมืออีกฝ่าย   มือคีตกาลจะยื้อไว้แต่เขาใช้แรงแค่นิดเดียวก็แย่งได้  สีหราชคิดเงินทั้งหมดโดยควักเงินของตัวเองจ่ายไปโดยที่คนเมาไม่รู้เรื่อง

“ทำไม?”  คนเมายังไม่ยอมลุก  มือขาวเกาะเก้าอี้แน่น  หากสีหราชก็ดึงอีกฝ่ายออกมาสำเร็จ  และแน่นอนว่าเขาก็ต้องลากคนเมากลับหอพักตัวเองไปด้วย  จะปล่อยให้ขับรถแบบเมาๆอย่างนี้คงได้ไปตามเก็บซากอยู่ข้างทาง  โชคดีว่าวันศุกร์และเสาร์เพื่อนร่วมห้องของเขาจะกลับบ้านทุกอาทิตย์

“มันไม่ดี  นี่ไม่ใช่ร้านที่นายควรมา”  เขาห้ามเพราะสองสามคืนมานี้คีตกาลดื่มค่อนข้างเยอะ  แม้ไม่เมามายแต่ก็ถือว่าหนักสำหรับคนไม่เคยดื่ม   จนมีเสียงนินทาเข้าหูเขาหลายรอบ  เดือนมหาวิทยาลัยฉลองตำแหน่งใหม่สองคืนติดไม่เลิกรา  มีผู้หญิงหลายคนเข้าหาคีตกาลอย่างเปิดเผยหากมีชายชาญคอยกันเอาไว้  แต่คืนนี้อีกฝ่ายมาคนเดียวและเมามากกว่าคืนไหนๆ  มีผู้ชายบางคนเตรียมเข้ามาแล้วหากแต่สีหราชเห็นเสียก่อน  เขาขอหยุดงานกลางคันแล้วเดินเข้ามา  คีตกาลไม่รู้หรอก  ว่าตั้งแต่คืนประกวดคืนนั้น...ตัวเองตกเป็นเป้าหมายของใครไปทั่ว  หน้าตาหล่อเหลาหมดจด  รอยยิ้มสวยและดวงตาชวนมอง...ยิ่งอวดเรือนร่างแบบนั้นยิ่งล่อฝูงจระเข้มากหน้าหลายตา

“ทีนายยังมาได้เลย”

“ฉันมาทำงาน”

“ฉันก็มาดื่มไง!”

“ที่นี่ไม่เหมาะกับนาย” 

“.....ถ้านายเลิกทำงานร้านนี้ฉันก็จะไม่มา”

“....”  สีหราชขบกรามแน่น  ทำไมถึงดื้อนักนะ!  อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาห้าม   สีหราชห้ามตั้งแต่แรกด้วยซ้ำแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ!  ร้านหมูกระทะก็เหมือนกัน  ไปทุกวันที่เขาทำงานเลย    เดี๋ยวได้อ้วนตาย!

“นายทำงานร้านไหนฉันก็ไปร้านนั้นแหละ”

“ทำอย่างนี้ทำไม?”  ในที่สุดเขาก็ถาม  จะทำตัวเป็นเงาตามเขาไปทุกที่เพื่ออะไร!

“ก็อยากเป็นเพื่อน”

“เคยบอกแล้วไงว่าฉันกับนายต่างกันเกินไป”

“ต่างกันตรงไหน”

“...ต่างก็คือต่าง”

“เราเป็นคนเหมือนกัน  นายกับฉันไม่เหมือนกันที่ตรงไหน  ห๊า!”

“....”

“ฉันมีจู๋นายมีจิ๋มเรอะ!”

“คีตกาล!”   สีหราชพยายามระงับความโกรธที่พุ่งขึ้นมา  นายน่ะซิมีจิ๋ม!

“ทำไมห้ะนายสีหราช!”  คีตกาลเท้าเอวตะโกนเสียงดัง  แม้จะโงนเงนไปมาก็ยังจะทำท่าขึงขังใส่คนตัวโตกว่า 
สีหราชอยากจะโกรธก็โกรธได้ไม่สุดเพราะท่าทางนั้น

“อย่าเสียงดังได้ไหม!” 

“ทำไม!  ก็นายตั้งใจหลบหน้าฉัน!”  ยิ่งห้ามคนเมาก็ยิ่งตะโกน  สีหราชตะปบปิดปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“นายโทรศัพท์ให้คนที่บ้านมารับเลยไป”

“ไม่เอา!”  คีตกาลอู้อี้ตอบโต้เพราะสีหราชยังคงปิดปากเอาไว้

“กลับบ้านไปซะ  แล้วอย่าทำอย่างนี้อีก”

“ทำไมล่ะ?  สัญญากันไว้แล้วนี่”  ในที่สุดคีตกาลก็แกะมือหนาออกจากปากตัวเองสำเร็จ  เขาถามอย่างไม่เข้าใจ

“สัญญาอะไร?”

“ก็ที่เราสัญญากันไง  ว่าถ้าโตมาแล้วเราจะเป็นเพื่อนกัน”

“!”   สีหราชเบิกตากว้าง   เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง   คีตกาลจำได้อย่างนั้นหรือ?



สัญญาที่ให้กับเด็กกำพร้าคนหนึ่ง....


สัญญาที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะจำไม่ได้...






โปรดติดตามตอนต่อไป..







-

























แถมของตอนที่ 8 อีกนิด

“คุณคีย์   ทานข้าวเถอะค่ะ”  สายใจวิ่งปรี่เข้ามาคว้าแขนคีตกาลเมื่อเขาโผล่ขึ้นเรือนในเวลาเที่ยงวัน  ที่เด็กสาวคะยั้นคะยอลากเขามากินข้าวเพราะเมื่อเช้าคนเป็นนายของเธอแกล้งคีตกาลจนไม่ได้กินข้าวเช้านั่นแหละ

“น้ำพริกอะไรนี่  น่ากินเชียว”  คีตกาลนั่งลงบนเก้าอี้ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มดับความกระหาย  เมื่อเช้าหลังจากโมโหเขาก็ควบเจ้า Music ไปทำงานทั้งอย่างนั้น  ข้าวซักเม็ดจึงไม่ตกถึงท้อง  ยิ่งมาเห็นอาหารตรงหน้าเขาถึงกับน้ำลายสอขึ้นมาทันที

“น้ำพริกมันปูค่ะ  เครื่องเคียงเป็นผักสด  ไข่เจียวหอมๆและข้าวสวยร้อนๆ”  สายใจเอ่ยพลางตักข้าวใส่จาน  ร่างโปร่งคว้าช้อนตักข้าวด้วยความหิว  หากเขากลับชะงักก่อนจะเหลียวมองไปรอบบ้านเมื่อเห็นว่ามันเงียบผิดปกติ

“คนอื่นล่ะ?”

“คนอื่นๆทานหมดแล้วค่ะ  แต่อันนี้พิเศษสำหรับคุณคีย์คนเดียว”  ชายหนุ่มยิ้มเมื่อได้ฟังก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  เพียงไม่นานจานทุกใบก็เกลี้ยงเกลา  ไม่เว้นแม้ผักสดชิ้นสุดท้าย  คีตกาลก็หยิบมาปาดน้ำพริกจนเกลี้ยง

“อร่อยมาก!”  คีตกาลชมเปราะ  เมื่อท้องอิ่มอารมณ์จึงดีขึ้น ยิ่งอาหารอร่อยแบบนี้ยิ่งรู้สึกดี

“ใช่ไหมคะ ขนาดสายใจยังชอบเลย”  เด็กสาวตบมือฉาดแล้วยิ้มกว้าง

“ป้าแช่มทำหรือ?  ฉันนึกว่าสายใจทำเสียอีก”  ชายหนุ่มว่าพลางเอามือลูบพุงป่องๆของตัวเองแล้วหัวเราะ

“อ้อ  ไม่ใช่หรอกค่ะ”

“?”

“เนี่ย  ฝีมือคุณสิงห์”

“!”  คีตกาลเบิกตาโพลง  เขาเหลือบมองถ้วยเปล่าตรงหน้าแล้วเหลียวมองรอบห้องอีกครั้ง  กลัวว่าคนทำจะอยู่แถวนี้  เกิดเห็นท่าทางของเขาเมื่อครู่แล้วแอบหัวเราะละแย่แน่

“แม่บอกว่าน้ำพริกมันปูเนี่ยเอาไว้ใช้ตอนผัวเมียทะเลาะกัน”

“อะไรนะ?”  คีตกาลหันขวับเมื่อได้ฟัง

“สูตรชาววังเชียวนะคะเนี่ย  แม่บอกว่าถ้าบ้านไหนผัว-เมียทะเลาะกัน  เจอน้ำพริกมันปูอร่อยๆเข้าไปละคืนดีกันทันทีเพราะความอร่อยของมัน”  สายใจยิ้มกว้างเอ่ยต่อ  รู้สึกราวกับตัวเองเป็นผู้รอบรู้ทั้งๆที่ฟังมาจากมารดาอีกทีทั้งนั้น

“......”  ส่วนคนฟังอย่างคีตกาลถึงกับหน้าร้อนผ่าว  พอรู้ว่าใครทำก็ใจเต้นแรงพอแล้ว  ยิ่งมารู้เรื่องเล่ายิ่งทำเอาเขาหน้าร้อนผ่าวๆเลยทีเดียว

“คุณสิงห์หัดทำตั้งนานนะคะกว่าจะอร่อยแบบนี้  แต่หนูกินฝีมือแม่นะ  ฝีมือคุณสิงห์น่ะนอกจากแม่หนูแล้วก็เห็นมีแค่คุณคีย์นี่แหละค่ะที่ได้กิน”

“โอ๊ย!  สายใจจะฆ่าฉันหรือไง!”  คีตกาลซบหน้าลงโต๊ะกินข้าว  โผล่ให้เห็นแต่หูแดงๆ

“คะ?”

“แต่ละประโยคจะทำฉันตายอยู่แล้ว!”

“?”  เด็กสาวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ!   สายใจละงง  คุณคีย์ทานน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อย  พอรู้ว่าใครทำก็เขินจนหน้าจนหูแดงไปหมด  พิลึกคน!  .....หรือว่า?

คุณคีย์เขินเพราะคุณสิงห์ทำให้ทาน?

ทีคุณอิ่มเอมไม่เห็นเขินเลยตอนบังคับคุณสิงห์ทำอาหารให้ทาน      ....หรือคุณสิงห์กับคุณคีย์เป็นมากกว่าเพื่อน?

ถ้อยคำของอิ่มเอมแล่นเข้ามาในหัว  “เพื่อนคนพิเศษ”  ที่ว่านั่น....ตายแล้ว!  สายใจใจเต้นแรงมาก   แล้วนี่เธอจะไปเม้าท์กับใครดีละ  อ้อ  คุณอิ่มเอมไง!

.
.



คีตกาลเงยหน้าจากแขนตัวเอง  เห็นสายใจวิ่งออกจากห้องจึงเหลือบมองถ้วยน้ำพริกอีกครั้ง  แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว...   เอาเถอะ  เพราะน้ำพริกอร่อยหรอกนะ  ไอ้ที่แกล้งเขาเมื่อคืนกับเมื่อเช้าน่ะ  จะยกโทษให้ก็ได้...
.
.
.
.
.









สวัสดีค่ะ
  อืม...อันที่จริงแล้วตอนแทรกๆเข้ามานี่เป็นตอนที่ 2 แล้ว  มันก็ไม่ใช่ตอนพิเศษอ่ะนะ  มันเป็นพาร์ทของอดีต  จะเรียกตอนหลักก็ได้มั้ง?  เหมือนเล่าเรื่องสลับไปมากับพาร์ทปัจจุบัน  ค่อยๆให้ทุกคนได้รู้เรื่องราวของทั้งสองคนว่าเจอกันได้ยังไงและรักกันได้ยังไง  แต่ทีนี้เราเลยไม่รู้ว่าจะใส่หมายเลขตอนยังไง  คือจะเป็นตอนที่9  รึจะให้เป็นตอนเสริมอะไรยังงี้  เพราะที่จริงแล้วมัน..ก็ต่อกันอ่ะนะ  สลับไทม์ไลน์ไปมา     หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ^^

ปล. ติดตามทวงถามกันได้ที่ทวีต  Novel By Sine @sine501 ค่ะ^^
ปลล.  เพลงที่น้องเพลงเต้นตอนประกวดเป็นของ Maroon5ค่ะ  บอกแล้วว่าเธอเป็นติ่งวงนี้ 5555

https://youtu.be/iEPTlhBmwRg เพลงที่น้องเต้นค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-08-2015 20:59:19
55555 โอ้ยขำกับน้ำพริกมันปู 5555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 24-08-2015 22:06:39
ชีวิตสิงห์น่าสงสารจัง น้องเพลงก็น่าร้ากกกกกก จิตใจดีงาม ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 03-09-2015 00:48:51
ยังรออยู่น้าาาา
คิดถึงเพลง  :hao3: :heaven
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 03-09-2015 09:41:06
คิดถึงสายใจ เอ๊ะ! มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-09-2015 16:04:40
สิงห์เข้มแข็งมากเลยนะ
ไหนจะความสีมพันธ์ที่ยาวนาน
ของสิงห์กับเพลงอีกล่ะ นานมากเลย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-09-2015 21:03:46
คิดไปเองอยู่ได้ตั้งนานเลยนะคะสิงห์ ^^ เพราะความจริงแล้วเพลงเองยังจำได้ว่าตัวเองเคยสัญญาอะไรเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มาตามทวงกันขนาดนี้หรอกเน้อ~~ :m3:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 22-09-2015 16:09:35
รอ.. ร๊อ.. รอ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 22-09-2015 23:46:06
อ่านตอนนี้เล่นเอาหิวข้าวกลางดึกเลย


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 23-09-2015 06:46:42
เขียนได้ดี
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 27-09-2015 16:20:10
 :pig4: เข้ามายกมือบอกว่าอยู่ทีมสิงห์  :3123:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 27-09-2015 23:24:39
~ แมกไม้  ไอดิน   กลิ่นหมอก ~



- รักพัดหวน -


ลมพัดครั้งที่  9










“เอ๊ะ?”  คีตกาลอุทานเมื่อเห็นรถคุ้นตาเข้ามาจอด  ชายหนุ่มละงานตรงหน้าเดินเข้าไปหาหลังเห็นบิดาก้าวลงมาจากรถพร้อมมารดาที่ส่งยิ้มกว้างมาให้

“ว่าไง  คิดถึงพ่อไหม?”  คุณพีรพลเย้าบุตรชาย

“มากๆเลยครับ”   ร่างโปร่งเข้าสวมกอด  “แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะครับ  โทรศัพท์มาบอกให้เพลงกลับบ้านก็ได้”

“ก็คิดถึงน่ะซิ  ขยันไม่กลับบ้านกลับช่องแบบนี้พ่อนึกว่าไปติดลูกสาวบ้านไหนเข้าเสียแล้ว”

“ไม่มีสาวทีไหนหรอกครับ  มีแต่งานนี่แหละ”

“ให้มันจริงเถอะ!”   คุณพีรพลหัวเราะตบแขนบุตรชายเบาๆอย่างหยอกล้อ

“โอ๊ะ!”  คีตกาลสะดุ้งเพราะบิดาตบลงบนแผลพอดี  อันที่จริงผลแห้งแล้วแต่ยังระบมอยู่เพราะเพิ่งไปไหมมาเมื่อวาน

“เป็นอะไร?”

“เปล่าครับ  แค่แกล้งพ่อเล่นเฉยๆ”

“.....ทำเอาพ่อเขาตกใจนะเรา”  คุณยุวดียิ้มแหยแล้วชวนคุยเรื่องอื่น

ครู่ใหญ่สีหราชก็ควบเจ้าสายฟ้าเข้ามา  ชายหนุ่มยกมือไหว้ทั้งสองคนแล้วชวนไปหลบร้อนที่บ้านใหญ่หลังคุณพีรพลเดินดูรอบรีสอร์ทหนึ่งรอบ   งานส่วนใหญ่แล้วเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วเหลือเพียงส่วนของพนักงานที่กำลังกำหนดอัตราต่างๆ  คีตกาลยิ้มกว้างเมื่อบิดาเอ่ยชม  ใกล้เที่ยงทั้งหมดจึงไปถึงเรือนใหญ่   ป้าแช่มและสายใจเตรียมสำรับไว้พร้อม  อิ่มเอมละงานเอกสารในมือขึ้นต้อนรับ ส่วยชายชาญเพิ่งกลับไปเมื่อเช้า   เห็นว่าก่อนกลับจะแวะพักทำธุระในเมืองด้วยแม้คีตกาลรั้งให้อยู่อีกวันก็ไม่ยอม  และด้วยตุผลที่ว่าคีตกาลอยากให้เพื่อนย้ายมาทำงานที่รีสอร์ทด้วยกันชายชาญจึงขอเวลาไปคิดทบทวนก่อน
ช่วงบ่ายสีหราชพาชมฟาร์มม้า  คุณพีรพลยกยิ้มชอบใจ  ฟาร์มนี้ค่อนข้างใหญ่โตมากทีเดียว  จากเด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยกลับสร้างทุกอย่างได้ขนาดนี้นับว่าไม่เลวเลย  และคุณพีรพลก็ชื่นชอบคนเก่งมากเสียด้วย   บรรดาคนงานกำลังควบม้าเพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกายวิ่งไปรอบๆพื้นที่แล้วกลับมายืนให้หมอตรวจต่อ หนึ่งในนั้นมีเจ้าสีนิลกับสีหมอกรวมอยู่ด้วย

“พรุ่งนี้เจ้าของมันจะมารับเลยต้องตรวจสุขภาพก่อนไป”  สีหราชเอ่ยบอกเมื่อคีตกาลเดินเข้าไปลูบขนมันอย่างเอ็นดู

“เจ้าของจะมารับแล้วหรือ?”   ร่างโปร่งหันมาถาม  ทำท่าทางเสียดายจนคนมองต้องเอ่ยปากถาม

“ทำไม?”

“...เปล่า”

“...อยากลองขี่ดูไหม?”

“ได้เหรอ?”  ใบหน้าหงอยเหงาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันทีที่เขาเอ่ยจบ  สีหราชกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้า   ทั้งเจ้าสีนิลและสีหมอกนั้นเป็นม้าพันธุ์ดีเลยทีเดียว  รูปร่างสวยสง่า  ดวงตาเรียวยาว  ขนแข็งแรงและหางเป็นพวงสวยงาม... จะบอกว่าเป็นม้าที่สวยที่สุดในฟาร์มนี้เลยก็ว่าได้

“ได้ซิ  แค่อย่าบอกเจ้าของมันเท่านั้นแหละ”  สีหราชยิ้มเจ้าเล่ห์  ทำเอาคีตกาลหัวเราะชอบใจ  ชายหนุ่มปลดล็อกคอกเจ้าสีนิลเพื่อพามันออกมา 

“หืม?”  ร่างโปร่งที่เตรียมขึ้นม้าชะงักเมื่อมือแกร่งแตะแขนเขาเอาไว้ไม่ให้ขึ้นหลังม้า

“เจ้าสีนิลไม่ยอมให้นายขึ้นหลังมันแน่ๆถ้าไม่มีฉัน”

“?”  คีตกาลเงยหน้ามองเจ้าสีนิลที่กำลังสะบัดหน้าไปมาไม่ยอมให้เขาจับบังเหียน  แต่มันหยุดนิ่งเมื่อสีหราชแตะลงตรงข้างจมูกมัน  “แล้วมันยอมให้นายขี่?”

“แหงซิ  ฉันเลี้ยงมันมานะ ถึงแม้จะไม่กี่ปีก็เถอะ”  สีหราชหัวเราะ

“.....”

“จะขี่ไหม?”

“ขี่!”  แม้จะลังเลถ้าต้องมีสีหราชนั่งไปด้วยกันก็เถอะ  ความสง่างามของเจ้าสีนิลมันชวนให้อยากขี่เสียเหลือเกิน!    คุณพีรพลเลิกคิ้วมองบุตรชายที่โหนตัวขึ้นหลังม้าโดยมีสีหราชตามขึ้นไป   เขาหันมามองหน้าภรรยาแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม  คุณยุวดีหัวเราะแล้วยักไหล่เหมือนที่วัยรุ่นชอบทำหากไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา


“จับดีๆ”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพาให้หัวใจเต้นสั่นไหว  คีตกาลสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเผลอกายบังเหียนแน่น  คนด้านหลังขมวดคิ้ว  มือใหญ่แตะลงบนหลังมือขาวแล้วดุเสียงเบา  “อย่ากำอย่างนั้น”   เจ้าสีนิลฮึดฮัดสะบัดหัวแรงๆคล้ายไม่ชอบใจ  สีหราชดึงสายบังเหียนออกจากมือคนด้านหน้ามากำไว้เอง   “สีนิล!  ใจเย็นๆ  นั่นแหละ  เด็กดี”   เจ้าม้าตัวสวยจึงค่อยสงบลง

“เอ่อ  แล้วปกติทุกวันใครพามันมาวิ่งล่ะ?”  ถ้าเจ้าสีนิลกับสีหมอกพยศขนาดนี้ใครจะปราบมันไหว

“บางวันก็ปล่อยให้วิ่งเอง  บางวันฉันก็ต้องพาออกมาวิ่ง”

“แล้ว...เจ้าของมันจะปราบอยู่ไหม?”

“พี่ครามน่ะเหรอ?  นั่นน่ะเขาทำคลอดมันมาด้วยซ้ำ”  สีหราชยกยิ้ม

“เป็นหมอม้า?”

“เปล่าหรอก  พี่ครามเลี้ยงแม่ของพวกมันมาพอคลอดเขาก็อยู่ช่วย  เจ้าสองตัวนี้เลยรักเขามาก”

“เป็นพ่อม้านี่เอง”  คนด้านหลังหัวเราะ   “แล้วทำไมเขาถึงเอามาฝากนายล่ะ?”

“ก็...มีปัญหาอะไรหลายอย่างน่ะ”

“ปัญหาอะไร?”

“เขาไม่บอกฉันก็ไม่ถามหรอกนะ”  สีหราชว่า  พลางบังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้นเล่นเอาคีตกาลที่ไม่ทันตั้งตัวร้องอุทานอย่างตกใจ  ขณะที่คนแกล้งหัวเราะเสียงดัง

....เสียงทุ้มสะท้อนข้างหู... สัมผัสอุ่นทางด้านหลัง....ทำให้กาลเผลอผ่อนอาการเกร็งลงแล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนนั้น  ปล่อยให้สายลมพัดผ่านรอบกายไป...


*********
อาหารคาวหวานถูกจัดใส่จาน  พร้อมทั้งเครื่องสังฆทานและของใช้สำหรับสงฆ์ถูกประคองโดยคนทั้ง5 ขึ้นประเคนถวายพระแล้วรับศีลรับพร    คุณยุวดีอาสาพาสามีเดินเที่ยวชมรอบวัดและไปหยุดถูกใจกับน้ำตาลสดซึ่งหาดื่มได้ยากในเมืองกรุง  ปล่อยให้หนุ่มๆทั้งสามอย่าง สีหราช  คีตกาลและอิ่มเอมไปอีกทาง

“มึงว่ากูซื้ออันนี้ให้หมากระเป๋าดีไหมวะ?”   อิ่มเอมหยุดอยู่หน้าร้านขายเครื่องรางของขลังแล้วหยิบบางอย่างขึ้นชูให้เพื่อนดู

“....เอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน”  สีหราชแค่นยิ้มแล้วส่ายหัวเดินหนี

“เพลง  มึงว่าไง?”  หันมาถามคนที่เหลือ

“....ก็ดีนะ”  คีตกาลทำหน้าตายิ้มไม่ออก  “ชาญมันคงเอาปาหัวนายอ่ะ  ถ้าจะให้ดีเอาอันใหญ่กว่านั้นก็ได้นะเวลาปาหัวนายจะได้แตกทีเดียวเลย”   ตอบแล้วก็ส่ายหน้าจากไปอีกคน   อิ่มเอมมองของในมือแล้วตัดพ้อเพื่อนทั้งสองคน   ถ้าให้เอาอันใหญ่กว่านี้เอาของเขาไปให้เลยไม่ดีกว่าหรือ    มหึมาสุดๆเลยล่ะ!   อิ่มเอมหัวเราะลงคออย่างชอบใจกับความคิดอกุศลของตัวเองก่อนจะจ่ายเงินแล้วเก็บ  ‘ปลัดขิก’  ลงกระเป๋าเสื้อ

“อ้าว  คุณคีย์?”

“?”  คีตกาลซึ่งกำลังจุดธูปเพื่อไหว้พระประธานเงยหน้าขึ้นมองคนทัก  ครั้นว่าเห็นเป็นใครจึงส่งยิ้มให้ “คุณศร  บังเอิญจังเลยนะครับ”

“ครับ  ดีจัง  ได้ไหว้พระกับคุณคิ๊!...”  อดิศรยิ้มกว้าง  เขาเหลือบมองแก้มใสของคนด้านข้างแล้วใจเต้น หากยังเอ่ยไม่จบประโยคเขาก็โดนเบียดจนเซล้มไปด้านข้าง

“...’โทษที”  สีหราชที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเบียดกายแทรกกลางระหว่างสองคน  ชายหนุ่มหยิบธูปขึ้นมาจุดโดยไม่สนใจสายตามีคำถามของคีตกาลหรือสายตาโกรธเคืองของอดิศรสักนิด

“คุณคีย์  ไปให้อาหารปลากันนะครับ”  อดิศรพยายามชะโงกหน้าให้ลำตัวหนาๆของสีหราชมาถามคีตกาลซึ่งอยู่อีกฝาก

“งั้นไปกัน”  สีหราชคว้าต้นแขนคีตกาลลุกขึ้นยืนแล้วออกเดิน

“ฮื่อ  ไปไหน?”

“ก็นายจะไปให้อาหารปลาไม่ใช่หรือไง?”   ร่างสูงเลิกคิ้วเมื่อคีตกาลขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตามแรงดึง

“ผมเป็นคนชวนคุณคีย์นะครับ”  อดิศรที่เริ่มหมดความอดทนเอ่ยแทรก  สีหราชมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะเลื่อนมือจากต้นแขนไปยังข้อมือขาวของคีตกาลแล้วรั้งให้ร่างโปร่งเดินตาม   ทิ้งให้อดิศรหัวเสียอยู่ที่เดิม

คีตกาลที่ใจเต้นแรงก้มลงมองข้อมือตัวเอง  เขาปล่อยให้ตัวเองเดินตามแรงรั้งของคนตัวโตโดยไม่รู้ตัว  จนเมื่อยืนอยู่ริมสระความร้อนนั้นก็ยังคงอยู่...  สีหราชไม่ยอมปล่อยเลย  ไม่ว่าจะเดินไปซื้อขนมปังปลาหรือแม้แต่ตอนนี้     ทุกสายตาหันมามองยามเมื่อพวกเขาเดินผ่าน  กระนั้นสีหราชก็ยังคงจับเอาไว้

“ปล่อยได้แล้ว”

“?”

“ถ้านายไม่ปล่อยแล้วฉันจะให้อาหารปลาได้ยังไง”

“ได้ซิ”

“...ได้ยังไง?”  คีตกาลเลิกคิ้วถามคนยียวน

“แบบนี้”  ร่างสูงยื่นห่อขนมปังมาตรงหน้าคีตกาล

“?”

“แกะห่อขนมปังซิ”  คีตกาลถอนหายใจ  ยกข้อมือตัวเองที่ยังคงถูกกุมเอาไว้ให้อีกฝ่ายดูแล้วแค่นยิ้มส่งสายตาเพื่อบอกว่า  ให้ปล่อยมือเขาได้แล้ว!

“วันนี้อุตส่าห์ได้มาทำบุญแล้วนะ  นายจะเลิกแกล้งฉันสักวันได้ไหม?”

“ไม่ได้แกล้งเสียหน่อย”

“แล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่คืออะไร?”  คีตกาลเริ่มโมโห  เขาสะบัดข้อมือแรงขึ้นแต่สีหราชก็กำแน่นขึ้นเช่นกัน

“มืออีกข้างนายว่างก็แกะซิ”

“..........”

“ฉันถือนายแกะ  แบบนี้ไง”  คีตกาลอยากจะด่าเหลือเกิน  จะทำให้มันยุ่งยากไปทำไมเนี่ย!

“คุณสิงห์?”  เสียงหวานเอ่ยทักจากทางด้านหลัง  ชายหนุ่มหันไปมองก่อนจะปล่อยมือจากคีตกาลอย่างรวดเร็ว

“คุณแพรว?”  สีหราชส่งยิ้มให้หญิงสาวขณะเดินไปหา   คีตกาลมองผู้มาใหม่สลับกับอีกคน   ...คนที่จับข้อมือเขาไม่ยอมปล่อยจนถึงเมื่อครู่...คนเมื่อผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา...

ตรงข้อมือที่เคยร้อนผ่าวพลันเย็นเยือกขึ้นฉับพลัน   ในอกซ้ายที่เคยเต้นแรงจนถึงเมื่อครู่ก็เงียบสงบลง    เขามองรอยยิ้มกว้างของใครบางคนที่เมื่อครู่ยังยั่วเย้าส่งมาให้เขา  หากตอนนี้มันกลับถูกมอบไปให้ใครอีกคน  คีตกาลมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ   ขนมปังที่ถูกแกะออกจากถุงบี้แบนอยู่ในมือก่อนมันจะถูกขว้างด้วยความแรงและเร็วตามแรงมือของคนถือ

“เฮ้ย!”  สีหราชสะดุ้งตกใจเมื่อก้อนขนมปังกระทบศีรษะด้านหลังอย่างจัง

“ไอ้บ้าเอ้ย!”   ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำอย่างโมโห คีตกาลที่ขยำก้อนขนมปังขว้างใส่คนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกไหล่สีหราช    ....แล้วตัวเองก็เซถอยหลังเพราะอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือน...  เขาฮึดฮัดแล้วกระแทกเท้าเดินจากไป





“อ้าว  ตาเพลงมาพอดี”   คุณพีรพลคว้าไหล่ลูกชายมากอดก่อนจะแนะนำคนตรงหน้า  “นี่คุณภัทรเพื่อนพ่อ  จำได้ไหมลูก?”  คีตกาลยกมือไหว้  “คุณภัทรเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี่  ไม่รู้ว่าคราวเดินเรื่องเรื่อง
รีสอร์ทลูกได้เจอไหม”

“เจอครับแต่ไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนคุณพ่อ”

“ลุงก็ว่านามสกุลคุ้นๆแต่ไม่ได้ถาม”   คุณภัทรยกยิ้มเอ็นดู

“พอดีเลย  คืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวคุณภัทร  เพลงไปด้วยกันนะ”  คุณพีรพลเอ่ยชวน

“นั่นไง  ลูกสาวลุงมาพอดี”  คุณภัทรหันไปกวักมือเรียกหญิงสาวที่คีตกาลเพิ่งเจอเมื่อครู่ให้เดินเข้ามาใกล้     เธอคล้องแขนมากับสีหราช    คุณพีรพลหรี่ตามองชายหนุ่มแล้วเหลือบมองใบหน้าลูกชายตัวเอง   สีหราชเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าโดนมองเขาจึงพยายามแกะมือของ แพรวพรรณออกช้าๆ

“จริงซิ ตาเพลง  แม็กกี้เพื่อนลูกบอกว่าโทรศัพท์ติดต่อลูกไม่ได้เลย”  คุณยุวดีเอ่ยแทรกบรรยากาศราวกับเพิ่งนึกออก

“อ้อ  พอดีมือถือผมพังน่ะครับ  ยังซ่อมไม่เสร็จเลย”  ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าเมื่อได้ฟัง

“ถ้าอย่างนั้นลูกคงไม่รู้ว่าแม็กกี้จะมาหา”

“เอ๊ะ?”

“คีย์!”  ปรงปะทะจากด้านหลังโถมใส่ชนิดทำเอาคีตกาลเซถลา

“แม็กกี้?”

“ไอคิดถึงยูมากเลยนะ!  ติดต่อไม่ได้แบบนี้ไอเป็นห่วงเลยมาหาน่ะ”  หญิงสาวผมทองแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดกอดคอชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย  หน้าอกหน้าใจบดเบียดแผ่นหลังคีตกาลจนคนที่ยืนมองอยู่ถึงกับเผลอกำมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ  แม็กกี้เบาหน่อย”

“เบาอะไร ก็ไอคิดถึงยูมากนี่!”  อิ่มเอมเกาแก้ม  มองคนหนึ่งกำลังข่มพายุในอก  กับอีกคนหนึ่งที่กำลังพยายามแกะปลาหมึกออกจากตัวแล้วก็ให้...แอบยิ้ม   

“เอ่อ   แฟนคุณคีย์เหรอคะ?”  แพรวพรรณส่งยิ้มพร้อมคำถาม

“ไม่ใช่หรอกครับ  เพื่อนน่ะ   เพื่อน”  คีตกาลระล่ำระลักตอบ  แต่จะตอบใครนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

“คึ!”  อิ่มเอมหันหน้านี้แล้วกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น  คนหนึ่งจ้องจะกิน  อีกคนกำลังสนุก.... แต่คนที่สนุกสุดเห็นจะไม่พ้นคุณพีรพลเสียแล้วกระมัง

สุดท้ายเมื่อไหว้พระเสร็จก็ต้องยกโขยงกลับฟาร์มกันทันทีเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำวันนี้   ส่วนของขวัญวันเกิดของแพรวพรรณ สีหราชโทรศัพท์ไปสั่งเพื่อนที่อยู่ในตัวเมืองให้จัดการให้
.
.
.




หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 27-09-2015 23:26:01
.







“นี่  คนนี้เหรอที่ยูเคยละเมอให้ไอได้ยินชื่อ?”  แม็กกี้กระทุ้งศอกใส่เพื่อนขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกร  หากสายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงของสีหราชกับแพรวพรรณ

“เคยละเมออะไร?”  คีตกาลขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง  เขากระดกเครื่องดื่มในมือรวดเดียวหมดแก้ว

“ไม่ใช่คนนี้เหรอที่ชื่อ  สิ่ง  Lion น่ะ”

“สิงห์  ไม่ใช่ สิ่ง”  คีตกาลแก้ให้ถูกต้อง

“เรียก Lionละกัน  ออกเสียงยากชะมัด”  หญิงสาวตัดสินใจเองเสร็จสรรพ   “...ตกลงเขาไม่ใช่คนที่ยูเคยละเมอหาใช่ไหม?”

“....ไมใช่”

“OK. งั้นไอขอนะ”

“ขออะไร?”  คิ้วเข้มขมวดฉับ   คีตกาลหันมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ

“Lionไง  สูง  หล่อ เท่ห์ขนาดนี้ สเป็กไอมากๆ  ต้องเป็น Lion เจ้าป่าที่ดุดันแน่ๆ” แม็กกี้เลียริมฝีปากตัวเองแล้วคว้าแก้วเครื่องดื่มเดินตรงไปหาร่างสูงทันที  คีตกาลบีบแก้วเปล่าในมือแน่นเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนข้างกายสีหราช

“โอ้โห  ขนาบข้างซ้าย-ขวาเลยแฮะ”   อิ่มเอมหัวเราะชอบใจเมื่อมองภาพตรงหน้า  ร่างสูงเดินเข้ามาหาคีตกาลเพราะไม่มีเพื่อนคุย  ก็หญิงแพรวพรรณเล่นครองเพื่อนเขาเอาไว้ตลอดเลยนี่นะ

“อิจฉาหรือไง”  เสียงใสตวัดถาม  คีตกาลวางแก้วเปล่าแล้วหยิบแก้วใหม่ขึ้นมา

“กูว่าคนที่อิจฉาน่ะมึงมากกว่ามั้งเพลง”

“อิจฉาอะไร?  พูดให้มันดีๆนะ!”   คนถูกกล่าวหาว่าอิจฉาจ้องเขม็งใส่อิ่มเอมอย่างไม่พอใจ

“...นี่เพลง  มึงรู้ตัวป่ะว่าท่าทางของมึงเนี่ยโคตรจะเหมือนเลยว่ะ”

“เหมือนอะไร?”  คีตกาลชักเริ่มโมโหหนัก  เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถูกกรอกลงปากจนอิ่มเอมต้องคว้าเอาไว้ไม่ให้หยิบเพิ่ม

“...เหมือนมึงหึง”

“!”

“มึงหึงเพื่อนตัวเองกับแพรวพรรณที่เข้าใกล้ไอ้สิงห์”

“กูเปล่า!”

“มึงหึง”  อิ่มเอมยืนยัน พลางกดยิ้มมุมปาก  เขาเหลือบมองคนทั้งสามแล้วกระซิบกับคีตกาลเสียงเบา  “มึงหึง”

“กูไม่ได้หึง!”

“โกหกมากๆอ่ะ  ไม่เนียนว่ะมึง”

“ไอ้เอม!”

“โหย  โมโหๆ กูพูดแทงใจล่ะซิ?”

“ไอ้!”   เพราะไม่รู้จะเถียงอย่างไร สุดท้ายเลยได้แต่ผลักอกอิ่มเอมแล้วเดินหนีออกมา

“ยูหึง”

“......”

“ถ้ายูยังยืนอยู่แต่ตรงนี้ผู้หญิงคนนั้นเอาเขาไปแน่ๆ”

“แล้วเธอล่ะ  ไหนบอกว่าสเป๊กไง”

“ไอล้อยูเล่นเฉยๆหรอก”

“....”

“ยูไม่คิดจะเอาเขาคืนมาเหรอ?”

“...เขาอาจไม่เหมือนเดิมก็ได้”  คีตกาลถอนหายใจ   บางครั้งก็เหมือนเขาจะกล้าขึ้นมา  แต่พอจะลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าเขากลับกลัวขึ้นมาเฉยๆ

“ยูมันขี้ขลาด”

“แม็กกี้”

“ยูลองพยายามหรือยัง?”

“แม็กกี้พูดถูก”

“?”  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนที่แทรกประโยคแล้วขมวดคิ้วเป็นคำถามใส่คีตกาลว่า    หมอนี่เป็นใคร?

“นี่อิ่มเอม   เพื่อนของเขา”

“ถ้ามึงรักมันอยู่มึงจะปล่อยมันไปอย่างนี้น่ะเหรอ?”

“....เดี๋ยวนะ  ไหนนายกีดกันฉันกับเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ?”  คีตกาลงงกับประโยคของอิ่มเอมเอามากๆ  เขาเมาหรือไอ้หมอนี่มันเมา?

“กูเปล่ากีดกัน  กูแค่ทดสอบ”

“ไอ้เอม!”  คีตกาลถึงกับโมโหอีกรอบเมื่อได้ฟัง  ทอสอบบ้าทอสอบบอน่ะซิ!

“เอาน่า  ถ้ากูไม่มั่นใจอะไรก็ไม่พูดไม่ทำหรอก”  อิ่มเอมก้าวถอยหลังเมื่อเห็นท่าทางของคีตกาล

“ไอว่ายูต้องรุกแล้วล่ะ   จับกดไปเลย!”

“จับกด?”   อิ่มเอมขมวดคิ้ว  หันไปมองเพื่อนตัวเองทีมองคีตกาลที

“ใช่”  แม็กกี้กำหมัดแน่น

“ให้ไอ้เพลงโดนกดยังง่ายกว่ามั้ง?”

“ใครคือเพลง?  อ้อ  หมายถึงคีย์ซินะ?”  แม็กกี้มักจะลืมว่าคีตกาลมีชื่อเรียกสองอย่าง  “ใช่  ให้คีย์กด Lion”

“....แม็กกี้....”  คีตกาลหน้าแดงกับคำแนะนำนั้น

“จับกด  ปล้ำ  ทำให้เขาเป็นของนาย!”   คนโดนยุได้แต่ครางในคอกับความมุ่งมั่นของเพื่อน

“แล้วปกติใครกดใคร?”  อิ่มเอมซักเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของคีตกาล

“ก็....ไม่มีใครกดใคร”

“เดี๋ยวนะ”   เหมือนมีแสงสว่างวาบเข้ามาในหัวอิ่มเอม  คนตัวโตเบิกตากว้างจ้องมองหน้าคีตกาลอย่างไม่เชื่อสายตา

“.....”

“อย่าบอกนะว่า  ไอ้ที่เลิกกันเพราะระหว่างมึงกับไอ้สิงห์ไม่มีใครยอมโดนกด?”

“........”  นานกว่าคีตกาลจะพยักหน้ารับ

“พวกมึงโคตรงี่เง่า!” อิ่มเอมตะโกนลั่น  เขามองหน้าคีตกาลอย่างตาดไม่ถึงแล้วทึ้งหัวตัวเองเป็นการใหญ่

“ก็บอกแล้ว...ว่าเหตุผลมันงี่เง่า”  คีตกาลเอ่ยเสียงอ่อย

“งี่เง่า! งี่เง่า! งี่เง่า!  พวกแม่ง! งี่เง่าสิ้นดี!”

“เฮ้  เรื่องsex มันเรื่องใหญ่นะ”  แม็กกี้ยักไหล่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของอิ่มเอม  ก่อนจะจับบ่าคีตกาลให้หันมาแล้วเริ่มสะกดจิตเพื่อน  “นายต้องกด Lion!  จำไว้นะ!”

“กูว่าแม่งยอมให้ไอ้สิงห์กดง่ายกว่าอีก”

“ไอ้เอม!”   สุดท้ายกลายเป็นว่าคีตกาลไล่เตะอิ่มเอมไปทั่วงาน
.
.
.

“ตาเพลง”

“ครับพ่อ?”   

“พ่อต้องกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้”

“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”

“ลูกจำพี่อุ่นได้ไหม?”   คุณพีรพลเอ่ยถึงใครบางคน  คีตกาลพยักหน้ารับเพราะค่อนข้างสนิทกับอีกฝ่ายเนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นเพื่อนกันสมัยเรียน

“ครับ”

“...อุ่นหายตัวไป”

“อะไรนะครับ?”

“ตาวิทย์เพิ่งโทรศัพท์มาบอกเมื่อครู่ว่าติดต่อตาอุ่นไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน  ทั้งๆที่อาทิตย์หน้าจะแต่งานแล้วแท้ๆ”  คุณพีรพลมีสีหน้าเคร่งเครียดจนคีตกาลต้องบอกให้ให้ใจเย็นๆเพราะกลัวกระทบกับสุขภาพของบิดา  “พ่อจะกลับไปช่วยทางโน้น  เพลงเองก็รออยู่ฟังข่าวจากทางนี้แล้วกันนะ”

“ครับ”  คืนนั้นคุณพีรพลและคุณยุวดีกลับกรุงเทพฯทันทีหลังบอกข่าวกับบุตรชาย

“ใครวะ?”

“ลูกชายเพื่อนพ่อกับแม่  เจ้าสัวอุ่นน่ะ  รู้จักไหม?”

“อ้อ  ไม่ใช่ว่าโดนอุ้มเหรอวะ?”

“เขาเป็นเด็กเหรอ  ทำไมต้องโดนอุ้ม?”  แม็กกี้ยื่นหน้าเขามาแทรกเอ่ยถามกลางบทสนทนา

“......”


**********



“สวัสดีค่ะคุณคีย์”

“!” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง  เท้าที่กำลังก้าวออกจากห้องเกือบจะถอยหลังกลับเพราะตกใจ  ด้วยไม่คิดว่าจะมีเสียงใครคนอื่นมาทักตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้  “คุณแพรว?”

“ค่ะ   แพรวเอง  คุณคีย์ตื่นเช้านะคะเนี่ย?”

“....คงไม่เช้าเท่าคุณแพรวหรอกครับ”  คีตกาลเดินไปหลังเค้าท์เตอร์บาร์เพื่อชงกาแฟ

“พอดีแพรวมาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะเลยแวะมา”  หญิงสาวยิ้มสวย

“......”  คงเป็นธุระที่สำคัญมากซินะ  ตื่นพร้อมไก่เลยละมั้งเนี่ย  “รับกาแฟไหมครับ?”

“ก็ดีค่ะ”

“เฮ้ย!”  เสียงอุทานตกใจเสียงที่สองของเช้านี้เป็นของอิ่มเอม  เมื่อออกจากห้องมาเจอหญิงสาวหน้าแฉล้มนั่งอยู่กลางห้องรับแขก  เมื่อวานอิ่มเอมเพิ่งย้ายของออกจากห้องของสีหราชไปอยู่ห้องรับรองแขกห้องที่สาม  วันนี้เจ้าตัวจึงตื่นเร็วเพราะไม่ชินเตียง    คีตกาลหัวเราะกับท่าทางของอิ่มเอม   ...ช่างเหมือนเขาเมื่อครู่นี้มาก!

“ไอ้สิงห์ล่ะ?”   คนตัวโตถามพลางหาวปากกว้างไม่เกรงใจแขก  มือหนึ่งรับแก้วกาแฟที่คีตกาลส่งให้  อกมือล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อ....เกาก้น..

“คุณสิงห์ออกไปที่คอกม้าค่ะ  เห็นว่าเจ้าของจะมารับวันนี้หรืออะไรนี่แหละค่ะ”   เพราะเมื่อวาน
สีหราชต้องคอยต้อนรับพ่อแม่เขาจึงเลื่อนนัดกับเจ้าของของสีนิลและสีหมอกให้มาวันนี้แทน

“งั้นฉันไปดูสีนิลกับสีหมอกหน่อยนะ  นายดูแลคุณแพรวไปละกัน”  ว่าแล้วคีตกาลก็ลุกพรวดแล้ววิ่งลงเรือนไปทันที

“.......”  อิ่มเอมจิบกาแฟด้วยสภาพสติสตังค์ที่ยังไม่เข้าร่าง  หันมาอีกทีก็เหลือเพียงหญิงสาวหน้าสวยนั่งอยู่คนเดียว

“เดี๋ยวคุณคีย์!”

“.....”  อิ่มเอมหรี่ตามองแพรวพรรณที่มีสีหน้าเศร้าหลังพ้นร่างของคีตกาล  เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มอยู่แท้ๆ

หรือว่า......   อิ่มเอมหัวเราะขบขันอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆ







“เจ้าของมาแล้วหรือ?”  คีตกาลถามหลังกระโดดลงจากหลังเจ้า Music

“อืม  นั่นไง  พูดถึงก็มาพอดีเลย”  สีหราชยืดตัวขึ้นมองก่อนจะก้าวไปสวมกอดผู้มาใหม่

เจ้าของของสีนิลและสีหมอกเป็นชายร่างสูงใหญ่  น่าจะสูงกว่าสีหราชด้วยซ้ำ  ผิวเข้มออกน้ำตาลไหม้อย่างคนที่ทำงานกลางแดด  ใบหน้าหล่อเหลาหากเครื่องหน้าดุดันเสียจนกลบความน่ามองนั้นไปมากโข  ดูน่าเกรงขามเสียจนคีตกาลนึกหวาด  ยิ่งรอยแผลไฟไหม้ตรงแขนข้างซ้ายยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว   คีตกาลเผลอก้าวถอยหลังเมื่อฝ่ายนั้นเดินเฉียดเข้ามาใกล้เพื่อไปหาเจ้าสีนิล

“?”   ใบหน้าดุดันก้มลงมองก่อนจะยิ้มมุมปากให้เมื่อเห็นเขา

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี”  เสียงทุ้มห้าว  หากฟังแล้วเสนาะแปลกหู

“เอ่อ...สีนิลคงดีใจที่ได้กลับบ้าน”

“....ไม่ใช่บ้านหรอก”

“?”

“แค่กลับไปอยู่กับเจ้าของน่ะ”  ชายหนุ่มหน้าดุยิ้มให้คีตกาลอีกครั้ง

“ครับ”

“พี่คราม  นี่คีตกาล เจ้าของรีสอร์ทฝั่งโน้นที่ผมไปขอเป็นหุ้นส่วนด้วยน่ะครับ”

“อ้อ...ฝากเจ้าสิงห์มันด้วยนะ”  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเจือแววอ่อนโยนขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเอ่ยถึง
สีหราช

“ครับ”

“อะแฮ่ม!”  คนโดนฝากกระแอมไอแก้เขิน  “แล้วจะบอกว่าเมื่อวานผมพาสีนิลไปวิ่งมานะครับ  ดูเหมือนขาขวาจะมีปัญหานิดหน่อย  แปลกมากเพราะผมแน่ใจว่ามันไม่ได้ไปโดนอะไรมาแน่ๆ”

“?”  คิ้วเข้มขมวดฉับหันไปมองม้าสีดำในคอก

“หมอดูให้แล้ว  อีกสองเดือนให้พี่พามันไปตรวจอีกทีนะครับ”  ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ  ก่อนจะเปิดคอกแล้วเข้าไปลูบสันจมูกเจ้าสีนิล  มันดุนมือนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอียงหัวเข้าหา   ร่างสูงกอดสีนิลครู่ใหญ่แล้วจึงย้ายไปทำแบบเดียวกันกับสีหมอก

“ขอบใจมากนะสิงห์ที่ช่วยดูแล”  สีหราชยื่นเอกสารให้  เป็นเอกสารเกี่ยวกับเจ้าสีนิลและสีหมอกที่ต้องมี

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ว่าแต่...พี่สบายดีใช่ไหม?”

“....อืม  พี่สบายดี”  รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นมาก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์แล้วสงบนิ่ง  ราวกับที่สีหราชเห็นครู่นั้นตนตาฝาดไปเอง  “ไปก่อนนะแล้วจะติดต่อมาใหม่”    สีหราชและคีตกาลยืนมองจนรถคันใหญ่เคลื่อนห่างออกไป

“เขาดูน่ากลัวจัง”

“พี่ครามไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหอก”

“ว่าแต่....ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนนะ?””  คีตกาลครุ่นคิด  ตอนแรกได้ยินชื่อยังไม่เท่าไหร่  พอเห็นดวงตาคู่นั้นเขากลับรู้สึกเหมือนเคยเจออีกฝ่ายมาก่อน

“คงเคยเดินสวนกันละมั้ง”

“แล้วแผลที่แขนนั่น...”

“แผลไฟไหม้น่ะ  เป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไป  เหลือเพียงเจ้าสีนิลกับสีหมอกสองตัวนี่แหละ”

“ไฟไหม้?”

“เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ  ว่าแต่...นายปล่อยให้คุณแพรวไว้ที่บ้านเหรอ?”

“!”



.
.
.

“คุณทำงานที่นี่หรือคะ?”  แพรวพรรณเอ่ยถามเพื่อขจัดความอึดอัด เมื่อคนตรงหน้าจ้องหล่อนตาไม่กระพริบ

“ครับ  พอดีว่างอยู่ไอ้สิงห์เลยชวนมาทำงานแก้เหงาน่ะครับ”

“....อ้อ  ค่ะ”

“คุณจะจีบเพื่อนผมเหรอ?”  จู่ๆอิ่มเอมก็ถามขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เพื่อนคุณคนไหนล่ะคะ?”

“ก็....”

“อ้าว  คุณคีย์ไม่อยู่หรือ?”  เสียงชายผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาหยุดชะงัก  เกียรติศักดิ์เลิกคิ้วมองพอเห็นหญิงสาวไม่คุ้นหน้าคิ้วเรียวก็ขมวดฉับอย่างไม่พอใจ  สายตาจ้องไปยังอิ่มเอมเขม็ง

“เดี๋ยวก็มา  ว่าแต่นาย....” อิ่มเอมลุกขึ้นแล้วกอดไหล่เกียรติศักดิ์ลากลงเรือนไป   หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ลำพังกระพริบตาปริบแล้วถอนหายใจ

พรุ่งนี้เอาใหม่ละกัน....



**********
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนเสริม หน้า5 [24 ส.ค.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 27-09-2015 23:31:29

.
.
.




“.....นายขอเลิกงานเร็วเพื่อมางานเลี้ยงเนี่ยนะ?”

“ใช่ครับ”  เกียรติศักดิ์ตอบโดยไม่มองหน้า  เขากำลังใช้สายตาจับจ้องหญิงสาวร่างระหงที่มองกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

“นายชอบผู้หญิงนั่น?”   อิ่มเอมวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงแล้วเดินเข้ามายืนเคียงจนสัมผัสต้นแขนใต้เสื้อเชิ้ตของคนสวมแว่น

“ตอนนี้ยังไม่ชอบ  แต่อีกสักครึ่งชั่วโมงผมอาจจะชอบเธอครับ”

“?”

“ก็...ผมว่าจะจีบเธอ”  ไม่รู้ทำไมเกียรติศักดิ์ต้องมาอธิบายให้คนตัวโตรับรู้ด้วย  เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย

“ฉันไม่ให้นายจีบ!”  อิ่มเอมแก้มเครื่องดื่มในมือของคนข้างกายออกวาง

“เอ๊ะ?”

“ฉันไม่ให้นายจีบเธอ  แล้วก็ไม่ให้เธอจีบนายด้วย”

“แต่ผมจะจีบ”

“ฉันไม่ให้จีบ  หมากระเป๋าเองก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”

“เกี่ยวอะไรกับคุณชาญ?”

“เพราะหมากระเป๋ากับฉันหวง”

“หวง?”

“หวงนาย”

“!”  เกียรติศักดิ์เบิกตากว้าง   เขากลืนน้ำลายลงคอย่างยากลำบาก  มือขาวยกขึ้นดันแว่นตาที่เลื่อนลงมาอย่างประหม่า

“วันนี้นายไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์มา”   อิ่มเอมเอ่ยขณะจ้องริมฝีปากสีซีดของคนตรงหน้า

“ผมแค่รีบ”

“...ถ้านายอยากให้ผู้หญิงที่นายคิดจะจีบประทับใจนายคงไม่ลืมหรอก    นายจะต้องทำตัวเองให้ดูดีที่สุดในสายตาเธอ”

“......”  เกียรติศักดิ์เม้มปากแน่น  เขาก้าวถอยหลังเมื่อคนตัวโตขยับเท้าเข้าใกล้

“นายอยากจีบผู้หญิงคนนั้นจริงๆหรือ?”

“.....”

“ไม่หรอก  นายไม่ได้อยากจีบเธอ...”

“ผม....”

“นายก็แค่อยากพิสูจน์ตัวเอง”

“?”

“พิสูจน์ตัวเองว่าจะสามารถชอบเธอได้ไหม”

“ผม...”

“กลับบ้าน”

“แต่....”

“ศักดิ์  กลับบ้านนายกันเถอะ  ตอนนี้เลย....”  เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่าชิดริมหู

“.......”

เกียรติศักดิ์ไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกจากงานได้อย่างไร   เขากลับมาถึงบ้านที่ปิดเงียบของตัวเองอย่างมึนงง  อิ่มเอมเป็นคนขับรถ  ส่วนเขาบอกทาง....เกียรติศักดิ์ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำตามที่อิ่มเอมต้องการ   
เขาอยากไปงานเลี้ยง  ที่นั่นมีบรรดาลูกสาวของลูกค้าที่ทำเขาเคยทำงานให้  บางคนเคยจีบเขา  บางคนเขาเคยจีบ   เขาอยากไปงานนี้เพื่อหาใครสักคนมาเป็นแฟน  หญิงสาวน่ารักๆสักคน  อาจไม่เพียบพร้อมแต่เป็นคนดี...
หน้าประตูรั้วสีขาว  มีรถคันหนึ่งจอดอยู่   ร่างเล็กคุ้นตาของใครบางคนยืนอยู่ข้างๆ  เกียรติศักดิ์กลืนน้ำลายลงคอ  มองรอยยิ้มของชายชาญที่ส่งมาแล้วใจเต้นแรง....  เขาเปิดประตูรถลงมายืนหากไม่กล้าขยับไปไหนจนร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมเข้ามาแนบทางด้านหลัง  เสียงทุ้มกระซิบสั่ง...

“เปิดประตูบ้านซิศักดิ์  ให้ฉันและชายชาญเข้าไป”

“.....”  มือของเขาสั่น   ขณะไขกุญแจ....สายตาววาววับของชายชาญจับจ้องการกระทำของเขาไม่วาง

























กลางห้องโถงที่มืดสนิท   เจ้าของบ้านถูกขนาบหน้า-หลังโดยคนสองคน  กลิ่นน้ำหอมอ่อนสองกลิ่นกำลังล้อมรอบกายเขาจนมึนเมา  เกียรติศักดิ์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกหากนั่นกลับยิ่งทำให้เขาสั่นสะท้าน   ชายชาญขยับเข้าแนบชิด  ร่างนั้นเตี้ยกว่าเกียติศักดิ์เล็กน้อยหากแววตาราวกับจ้องจะตะครุบเหยื่อของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้  ดวงตาคู่สวยของชายชาญสะกดให้เขาจ้องมองตอบ  มือเล็กนั่นแตะหลังมือของเขาแผ่วเบาแล้วไล้ขึ้นไปตามลำแขน

“อิ่มเอมบอกว่านายไปจีบหญิง?”  เสียงใสกระซิบถาม  ผิวแก้มใสเคลื่อนเข้าใกล้แนบลงกับแก้มเขา

“....”

“ทำไม?”   ชายชาญถามย้ำ  ขณะที่คนตัวโตด้านหลังขยับมือกดลงบั้นเอวของเกียรติศักดิ์  เขาสะดุ้งกาย  ลมหายใจติดขัด    ...ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษอย่างไรอย่างนั้น

“เพราะ....พวกคุณ”

“พวกฉันทำไม?”    เสียงทุ้มด้านหลังเอ่ยถาม  ริมฝีปากร้อนขบเม้มติ่งหูให้เกียรติศักดิ์อุทานร้องเสียงหลงย่นคอหนี  หากชายชาญกลับประคองใบหน้าเขาเอาไว้ไม่ให้หันหนี

“พวกคุณทำให้ผมสับสน!”

“สับสนเรื่องอะไร?”  ชายชาญเขย่งปลายเท้าแตะริมฝีปากคนตกประหม่าอย่างกลั่นแกล้ง

“อื้อ!”

“ตอบซิ  นายสับสนเรื่องอะไร?”  ริมฝีปากร้อนแตะลงหลังคอ เลื่อนขยับรุกลามไปติ่งหู  ร่างโปร่งครางฮือมือไม้อ่อนแรง

“สับสนว่า...  อื้อ! ผมกำลังชอบ...อย่า!”  เกียรติศักดิ์ร้องปรามเมื่อมือใหญ่ล้วงแนบฝ่ามือลงบนหน้าท้องแบนราบของเขา

“ชอบอะไร?”  ชายชาญแตะจูบบนสันกราม  แลบเลียริมฝีปากสีซีดก่อนจะขยับแว่นตาของเกียรติศักดิ์ให้เข้าที่เมื่อมันเลื่อนหลุด  ดวงตาหวานปรือปรอยหลังเลนส์แว่นฉ่ำหยาดน้ำดูน่ารังแกพาให้หัวใจของชายชาญเต้นแรง  มือเล็กเลื่อนลงถอดเข็มขัดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วแล้วสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า

“อื้อ~ ชอบ  ฮ่า..ชอบคุณสองคน”  อิ่มเอมยกยิ้มเมื่อได้ฟัง  เขาสบตากับชายชาญในความมืดที่ยิ้มตอบกลับมา....










เสียงครางผะแผ่วแว่วหวานในความมืด










Fin.


โปรดติดตามตอนต่อไป










สวัสดีค่ะ  คลานเข่าเข้ามากันเลยทีเดียว
หายหัวไปนานเพราะงานสุมหัวค่ะ ฮือออออออ
แต่งเสร็จก็เอามาลงเลย ฝากดูด้วยนะคะ  อาจมีข้อผิดพลาดได้  บอกกันได้เช่นเคยนะคะทุกคน
กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความคิดถึง... :กอด1:

ติดตาม  ทวง  พูดคุยได้ที่ทวีตนะคะ  @ sine501 ค่ะ
#รักพัดหวน  ก็ได้ค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ยังคงมีให้กันเสมอมานะคะ^^


ปล.เรื่องนี้อาจไม่หวือหวา เดาทางง่าย  แม้ชื่อเรื่องจะหม่นแต่อยากให้อ่านสบายๆกันเนอะ  แม้ฝีมือไม่ถึงก็จะพยายามให้ดีที่สุดนะคะ   ฝากให้รักเรื่องนี้ด้วยนะคะ   ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 28-09-2015 00:40:43
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ช่วงสุดท้ายมีงานสมัคคีชุมนุม
อ่านแล้วรู้สึกหวาบหวิวแทนคุณศักดิ์มากคร๊ะ 5555 :hao7:
เอ๊ะ เหมือนเราลืมโฟกัสจุดสำคัญไป ที่เขาเลิกกันด้วยเหตุผลที่ง่ายเกินคาดแฮะ นึกว่าจะดราม่า
ปล. สู้ๆนะคะ รอติดตามเรื่องนี้เสมอ ><
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-09-2015 01:13:56
เหวยยยยย เกียรติศักดิ์ แย่แล้วววว
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-09-2015 18:57:58
กรี๊ดกร๊าดดด 5555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-09-2015 19:36:00
สิงห์สะกดจิตตัวเองเอาไว้นะคะ ว่าต่อให้เพลงเข้ามาออดอ้อนสิงห์สักแค่ไหน สิงห์ก็จะไม่ยอมตกเป็นฝ่ายที่ถูกกดเด็ดขาด :laugh:

พ้นจากคืนนี้ไปแล้ว คุณศักดิ์จะไม่มีอีกแล้วนะคะกับอาการสับสนที่เคยเป็นมา~~ :hao7: ถนอมๆ คุณศักดิ์เขาหน่อยนะคะทั้งสองคน >\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-09-2015 19:55:09
เหตุผล งี่เง่าจริงๆด้วย =_="
คีย์ นิสัยมุ้งมิ้งสาวน้อยอย่างงี้ กดใครไม่ได้หรอกนะ ทำใจซะเถอะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 28-09-2015 20:44:30
นุ้งเกียรติศักดิ์ โดนรุมมมมมมมมมมมมมม ไม่น้าาาาาาาาาา แต่อะไรก้อไม่เท่ากับเหตุผลที่นุ้ง Music กับพี่ Lion เลิกกันเลยยยยยยยยยยยยยย อึ้งมากกกกกกก 55555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 29-09-2015 02:44:21
อุ๊ป!!! คุณศักดิ์ ยังไงก็ถนอมๆหน่อยนะคะคุณหมากระเป๋าเอ้ยชาญกับอิ่ม
ส่วนเพลงคืนดีกับสิงแล้วยอมๆเขาเถอะ 5555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-10-2015 01:01:18
สรุปแพรวจะมาจีบใคร.   แล้วนั่น!!!!   3p  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 22-10-2015 15:52:33
~ แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นฝน ~
 
- รักพัดหวน -
ลมพัดครั้งที่10










“สวัสดีค่ะคุณคีย์”

“!”  คีตกาลสะดุ้งโหยง   ชายหนุ่มกรอกตาพลางคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงขยันทำให้เขาตกใจนักนะ  “สวัสดีครับคุณแพรว  คุณแพรวมาทำธุระแถวนี้อีกแล้วหรือครับ?”

“เปล่าค่ะ  วันนี้คุณสิงห์ชวนมา”

“?”
“คุณแพรวมาแล้วหรือครับ?”  สีหราชถือหมวกสองใบออกมาจากห้อง  ร่างสูงยิ้มกว้างให้แขกผู้มาเยือนก่อนจะยื่นหมวกใบหนึ่งให้หญิงสาว  คีตกาลขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยแทรกบทสนทนา

“คุณแพรวทานข้าวมาหรือยังครับ?  ถ้ายังไงจะได้ให้สายใจจัดสำรับเพิ่ม”

“ยังค่ะ  แพรวว่าจะมาชวนคุณค..”

“คุณแพรวครับ”   สีหราชเอ่ยขัดประโยคของแพรวพรรณ  “คุณแพรวจะลงไปดูม้าก่อนไหมครับ  ตอนนี้ป้าแช่มกับสายใจคงยังทำกับข้าวไม่เสร็จ”

“เอ่อ...”  หญิงสาวลังเล  เธอเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่กำลังมองมา

“ไปเลือกม้าไว้ก่อน  แล้วผมจะให้คุณแพรวลองขี่กลับมาทานข้าวเช้าที่เรือน”

“ก็ได้ค่ะ”   แพรวพรรณตามร่างสูงลงเรือน   คีตกาลก้าวตาม

“คุณแพรวจะฝึกขี่ม้าหรือครับ?”

“ใช่ค่ะ”  หญิงสาวหันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง

“แล้วจะให้สีหราชสอน?”

“ค่ะ”

“ผมว่า...คุณแพรวน่าจะไปหาคนเก่งๆมาสอนไม่ดีกว่าหรือครับ?”  คีตกาลเหลือบมองร่างสูงที่กดยิ้มมุมปากแล้วให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมา

“แต่แพรวว่า  คุณสิงห์ก็เก่งนะคะ”

“ใช่  เก่งไม่เก่งก็สอนเด็กโข่งให้ขี่ม้าเป็นมาแล้ว”

“นายว่าใครเป็นเด็กโข่ง!”

“เด็กโข่งจอมโวยวายแถวนี้แหละ”

“นาย!”

“ถ้านายอยากยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กโข่งคนนั้นก็ตามใจนะ”  ร่างสูงค้อมตัวลงจ้องหน้าคีตกาลพร้อมรอยยิ้ม   ยิ้มที่ทำให้คีตกาลอยากจะชกเบ้าตาอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน   “ไปเถอะครับคุณแพรว”  สีหราชรั้งศอกให้หญิงสาวเดินตาม

“ไอ้!ไอ้...”  คีตกาลได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นเพราะนึกคำโต้เถียงไม่ออก  ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลับมาเจอสีหราชอีกครั้งเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนหยาบคายมากขึ้น  หากแต่ก็ด่าไม่เป็นอยู่นั่นเอง

หลังจากนั้นไม่นานแพรวพรรณก็กลับมาพร้อมม้าตัวสวยและสีหราชบนหลังเจ้าสายฟ้า  คีตกาลนั่งหน้าง้ำก่อนจะบอกให้สายใจตักข้าวใส่จาน

“นึกว่าจะพากัน ขี่ เพลินจนลืมกินข้าวกินปลาเสียอีก!”

“อันที่จริงก็อยากให้คุณแพรว ขี่ นานกว่านี้อยู่หรอกแต่กลัวคุณแพรวจะหมดแรงเสียก่อน”  สีหราชตอบกลับขณะที่รอยยิ้มยังระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา

“โธ่  สองหนุ่ม  พูดจาอะไรกันทะลึ่งจังค่ะ!”  หญิงสาวหน้าแดง   เธอตีแขนของสีหราชเบาๆอย่างเขินอาย   คีตกาลตวัดสายตามองท่าทางนั้นแล้วให้หงุดหงิดจนนึกไม่อยากทานข้าว  ทั้งๆที่อุตส่าห์ทนนั่งรอสองคนมาร่วมชั่วโมง  ร่างโปร่งลุกพรวดขณะที่สีหราชและแพรวพรรณทรุดตัวลงนั่งพอดี

“จะไปไหน?”   ใบหน้าเข้มคร้ามที่ประดับรอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดุดันทันที

“ไปทำงาน!”

“นั่งลง  ทานข้าวก่อนแล้วค่อยไป”

“ไม่หิว!”  จ๊อก~~ โธ่  อย่าขายหน้าเจ้าของได้ไหม!  คีตกาลตะปบท้องตัวเองแน่น

“......ไม่หิว?  แต่ท้องเสียงดังอย่างกับเครื่องโม่”

“ท้องนายน่ะซิเครื่องโม่!”  คีตกาลถลึงตามองอย่างไม่ชอบใจ

“นั่งลง  แล้วทานข้าว”

“....”  คีตกาลกอดอกแน่น  ยังคงยืนอยู่ท่าเดิมไม่ขยับไม่ยอมทำตามคำสั่งอีกฝ่าย

“สายใจตักข้าว!”   สีหราชละความสนใจจากคนดื้อมายังแขกสาวสวย  “คุณแพรวทานแค่พออิ่มนะครับ  ไม่อย่างนั้นตอนไปขี่ม้าจะจุกท้องเอาได้”

“ค่ะ”

“รออาหารย่อยแล้วเราไปขี่ม้ากันต่อนะครับ”   เสียงทุ้มฟังดูอ่อนโยน  คนที่ยืนนิ่งได้ยินกลับรู้สึกไม่ชอบใจ

“เอ่อ  คุณคีย์  ทานข้าวเถอะค่ะ  แล้วเดี๋ยวเราไปขี่ม้ากันนะคะ”

“.......”  คีตกาลกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ  พลันโทรศัพท์ก็มีข้อความเข้ามาเสียก่อน  เขากดเปิดอ่านแล้วให้รู้สึกประหม่าขึ้นมา  ข้อความจากแม็กกี้..      ‘วันนี้ไอจะเข้าไปหานะ   ปล.อย่าลืมรุก Lionตามที่สั่ง!’

“คุณคีย์?”

“ครับ  เดี๋ยวทานข้าวแล้วผมไปขี่ม้ากับคุณแพรวด้วยดีกว่า”  แพรวพรรณยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง  ส่วนอีกคนกลับตีหน้ายุ่ง และคีตกาลไม่สนใจสีหน้านั้น  เขาทั้งยิ้มและพูดคุยกับหญิงสาวหนึ่งเดียวอย่างออกรส

“แล้วไม่ไปทำงานหรือไง?”

“วันนี้หยุด”   สั้นๆคำตอบเดียวทำให้สีหราชคิ้วกระตุก

อันที่จริงเขาไม่ได้วางแผนหยุดงานไว้  แต่เมื่อคืนจู่ๆอิ่มเอมโทรศัพท์มาบอกว่า  เกียรติศักดิ์ขอหยุดงานสักสอง-สามวัน พอเขาถามว่าทำไมอิ่มเอมถึงใช้โทศัพท์มือของเกียรติศักดิ์โทรมา  แล้วเจ้าของไปไหนหมอนั่นก็เอาแต่หัวเราะแปลกๆใส่แล้วไม่ยอมตอบคำถาม  พอเขาโทรศัพท์กลับไปก็ปิดเครื่อง  ดังนั้นเช้านี้เขาจึงตั้งใจว่าจะตื่นสายเสียหน่อยหากแค่แสงแดดส่องก็มีสายเข้าจากชายชาญ  บอกว่าตัดสินใจจะมาทำงานกับเขา  ตามที่เขาต้องการ  คีตกาลประหลาดมากทั้งๆที่ก่อนหน้ายังปฏิเสธอยู่แท้ๆ  ไม่พ้นอาทิตย์เปลี่ยนใจเสียแล้ว  พออ้าปากจะถามอีกฝ่ายกลับวางสายไปแล้ว  เขาก้มลงอ่านรายชื่อคนโทร.เข้าแล้วให้ขมวดคิ้ว ‘เกียรติศักดิ์’  ทำไมทั้งอิ่มเอมและชายชาญถึงใช้โทรศัพท์ของเกียรติศักดิ์โทร.มาล่ะ?

“ว่างงานว่างั้น?”  คีตกาลหลุดจากภวังค์  ดวงตาคู่สวยตวัดมองคนตัวโต

“ใช่  ว่างพอที่จะไป ขี่ ม้ากับคุณแพรวได้ทั้งวัน!” ร่างโปร่งกดยิ้ม

“....”  สีหราชหุบยิ้ม  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงทันที

หลังอาหารมื้อเช้าย่อยดีแล้วทั้งหมดจึงควบม้าของตัวเองกลับไปที่ฟาร์ม  แพรวพรรณยังคงได้แค่การควบม้าวิ่งเหยาะเท่านั้น หากหล่อนก็ดูสนุกสนานดี  สีหราชเย้าแหย่และคอยดูแลอยู่ข้างๆตลอด  คีตกาลเบ้ปากใส่ภาพตรงหน้าก่อนจะควบเจ้า Music วิ่งผ่านทั้งสองคนไป

“แย่จริง  แพรวลืมเสื้อแขนยาวไว้ที่รถ”  หญิงสาวขยับหมวกแล้วยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองซึ่งตอนนี้อุ่นร้อนเพราะแดดยามสาย  แพรวพรรณเพิ่งรู้ตัวเพราะแสบผิว  คีตกาลที่ควบเจ้า Music วิ่งวนครบรอบได้ยินบทสนทนานั้นพอดี

“ถ้าคุณแพรวไม่รังเกียจเอาเสื้อผมไปใส่ก่อนก็ได้นะครับ”  คีตกาลเตรียมถอดเสือแขนยาวของตัวเองให้

“คุณแพรวเขาคงรังเกียจอยู่แล้วล่ะ  เสื้อมีแต่เหงื่อ”

“นาย!”

“โธ่  อย่าทะเลาะกันซิคะทั้งสองคน”  แพรวพรรณห้ามทัพพลางหัวเราะคิกคัก

“เสื้อของคีตกาลชุ่มเหงื่อไปหมดคุณแพรวคงไม่อยากใส่หรอก  ใช่ไหมครับ?”   สีหราชหรี่ตามอง

“แพรวไม่รังเกียจหรอกค่ะ”

“!”  คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อได้ฟัง  ใบหน้าหล่อเหลาหันมาจ้องคนที่กำลังถอดเสื้อแขนยาวเขม็ง   แพรวพรรณยิ้มขอบคุณแล้วรับเสื้อไปสวมทันที

“เห็นไหม  คนสวยจิตใจดีเขาไม่รังเกียจเรื่องแค่นี้หรอก”  คีตกาลยักคิ้วให้คนหน้าบึ้ง  ขยับหมวกให้เข้าที่แล้วควบเจ้า Music ห่างออกไป

เที่ยงวันแดดยิ่งแรง  สีหราชพาแพรวพรรณไปหยุดพักใต้ร่มไม้แล้วยื่นกระบอกน้ำให้  เขาเหลือบมองอีกคนที่ถอดหมวกมากระพือลมเข้าใส่ตัวเอง แขนขาวเริ่มแดงเพราะแดดเผา  สีหราชเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ  ร่างสูงถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองแล้วเดินเข้าไปคลุมหัวคีตกาล

“เฮ้ย!”  ร่างโปร่งอุทานตกใจ  เขาดึงเสื้อออกจากหัวตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตอย่างไม่พอใจ

“ใส่ซะ”

“ไม่เอา  เหม็นเหงื่อ!”  คีตกาลทำท่าจะขยำเสื้อคืน

“คนหน้าตาดีเขาไม่รังเกียจเรื่องแค่นี้หรอก”

“....”  คนหน้าตาดีได้แต่เม้มปากแน่น   ก็นั่นมันคำพูดเขานี่นา!

สุดท้ายคีตกาลก็เลยต้องใส่เสื้อของสีหราชทั้งวัน...
.
.
.



แม็กกี้แวะเข้ามาหาพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ  เจ้าหล่อนบอกว่าบรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การย่างบาร์บีคิวและของมึนเมามาก  คีตกาลยกของให้สายใจและป้าแช่มจัดการ

“นี่  ผู้หญิงคนนั้นแปลกๆนะ”  แม็กกี้พยักเพยิดหน้าไปทางแพรวพรรณที่เมียงมองมาทางพวกเขาตลอดเวลา

“แปลกยังไง  ก็เขามาจีบนายสิงห์”  คีตกาลเอ่ยขณะพลิกบาร์บีคิวบนเตา

“แล้วยูไม่หึงหรือไง?”

“.......”  ถ้าไม่หึงเขาจะทำพฤติกรรมแปลกๆตอนกลางวันทำไม

“ไอว่าหล่อนแปลกตรงที่คุยอยู่กับ Lionแต่มองยูตลอดเวลา”  คีตกาลแกล้งเหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวก็เห็นว่าฝ่ายนั้นมองมาทางเขาเลยยกยิ้มไปให้

“ไม่หรอกมั้ง?”

“เออ  ช่างเถอะ  แล้วนี่ยูรุกหรือยัง?”  คนชอบยุติดตามผล

“ก็...นี่ไง”  แก้มใสขึ้นสีเรื่อ

“นี่อะไร?”  แม็กกี้ฉงนกับคำตอบ  “ย่างบาร์บีคิวนี่มันรุกยังไง?”

“บ้า  ฉันหมายถึงว่าวันนี้ทั้งวันฉันไปเป็นก้างระเขากับคุณแพรวไง”

“......ก้าวหน้ามาก”  แม็กกี้กรอกตาขึ้นฟ้าพลางลากเสียงประชดประชัน

“โธ่  แล้วจะให้ทำยังไงเล่า?” คนโดนประชดตีหน้ายุ่ง

“นี่”  แม็กกี้ยื่นกระป๋องเบียร์ไปตรงหน้า  “ฮี่ๆๆๆ”

“หัวเราะได้น่าเกลียดชะมัด!”  ร่างโปร่งหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน

“ยูกระดกๆเข้าไป เมาแล้วจะได้กล้าๆไง”

“ฮื่อ!”  คีตกาลส่งเสียงไม่เห็นด้วย  อันที่จริงเขาค่อนข้างคออ่อนแม้จะหัดดื่มมาหลายปีแล้วก็ตาม

“ถ้ายูไม่เมาก็ไม่กล้ากดLionน่ะซิ”  ชายหนุ่มยิ้มแหย  พูดถึง Lion เขาก็นึกถึงเจ้าหมาน้อยขึ้นมา  พอแม็กกี้พูดว่าให้เขากดLion ทำให้คีตกาลนึกว่าตัวเองต้องไปปล้ำหมาอยู่เรื่อย

“เรียกเขาว่าสิงห์เถอะ  ขอร้อง”  ร่างโปร่งโอดครวญน้ำตาตกใน

“?”



กระป๋องเบีนร์เปล่าใบที่สี่ถูกเก็บซ่อนโดยฝีมือแม็กกี้  หล่อนเลียริมฝีปากอย่างลุ้นระทึกเมื่อเห็นร่างโปร่งของคีตกาลเริ่มโงนเงน  อะไรจะคออ่อนขนาดนี้เนี่ย! ประเดี๋ยวแผนได้ล่มกันพอดี!

“นี่!”  ไม่รู้ว่าสีหราชแอบสังเกตอยู่นานแค่ไหน พอคีตกาลทำท่าเซเล็กน้อยร่างสูงก็พรวดเข้ามาคว้าต้นแขนแน่น “นายเมา?”  ดวงตาคมดุตวัดมองแม็กกี้อย่างไม่ชอบใจ  เห็นทีที่คนตรงเมาไม่พ้นฝีมือเพื่อนสาวจอมเซี้ยวคนนี้แน่

“ไม่  ไม่เมาสักหน่อย  แค่มึนนิดๆ”

“ไป  ไปล้างหน้าล้างตาซะ”  คนตัวโตเอ่ยดุไม่จริงจัง  มองแก้มขาวๆที่แดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลก็ให้นึกหมั่นไส้ครามครัน  แม็กกี้ยิ้มแหย ถอยไปนั่งแทะบาร์บีคิวอยู่อีกมุม

คีตกาลวักน้ำล้างหน้า  เขาจ้องมองเงาตัวเองในกระจกแล้วยิ้มหวาน  “หล่อจริงๆนะเนี่ยเรา...คิก...”  เขาไม่ได้เสียหน่อย  แค่มึนเฉยๆหรอก!  ว่าแต่...ทำไมเขาต้องทำตามที่สีหราชสั่งง่ายๆด้วยล่ะเนี่ย?  ร่างโปร่งสั่นหัวไล่อาการมึน  หยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วกลับลงไปข้างล่างอีกครั้ง  เขาเหลียวมองหาเพื่อนซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้ไปนั่งอยู่มุมไหนของสวนเล็กๆนี่  เขาเดินหาไม่พบเพื่อนพลันสายตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างของสีหราชตรงมุมหนึ่งห่างออกไปจากจุดนั่งทานอาหารกันเมื่อครู่  ตรงมุมนี้ค่อนข้างสลัวเพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่บังแสงไว้  ร่างสูงใหญ่นั้นทำท่าแปลกพิกล  แขนแกร่งสองข้างประคองบางอย่างเอาไว้  และใบหน้าเข้มคร้ามโน้มลง...

“!”  คีตกาลเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีร่างของใครอีกคนที่สีหราชบังอยู่  ร่างโปร่งสาวเท้าเข้าไปหาคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว  ก่อนจะ...พลั่ก!

“เฮ้ย! / ว้าย!”  คีตกาลถีบเข้าที่ก้นร่างสูงเต็มแรง  ส่งผลให้ร่างนั้นเซถลาไปข้างหน้าพร้อมกับอีกคนล้มลงไปด้วยกัน

“ไอ้บ้าเอ๊ย!”  เขาตะโกนใส่คนบนพื้นก่อนจะวิ่งมาปลดเชือกเจ้า Music แล้วควบออกไป

“เพลง!”  สีหราชยันกายลุกขึ้น  ครั้นจะวิ่งตามไปก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวอีกคนล้มลงไปพร้อมเขา  ร่างสูงช่วยประคองให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน  หล่อนยังคงมีสีหน้าตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่  เจ้าของใบหน้าสวยกระพริบตาที่แสบเคืองแล้วเงยหน้าขึ้นถาม

“เมื่อกี้ใครน่ะคะ?  เสียงเหมือนคุณคีย์เลย” 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ  คุณแพรวโทร.ให้คนที่บ้านมารับนะครับ”

“ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านดีๆนะครับ”  สีหราชพูดรัวเร็วแล้วก็วิ่งหายไปอีกทาง   แพรวพรรณขมวดคิ้ว  เมื่อครู่เธอได้ยินเสียงเหมือนคีตกาล  หากแต่เพราะแสบเคืองตาจนลืมไม่ขึ้นจึงไม่สามารถมองเห็นเจ้าของเสียงได้  หญิงสาวนึกขัดเคือง  ยกมือขึ้นแตะเปลือกตาแล้วถอนหายใจ  เบื่อแมลงพวกนี้จริงๆ  ทำไมถึงชอบบินเข้าตาคนจังเลย!  ...ว่าแต่  มืดขนาดนี้...คนที่บ้านจะมารับเธอได้ไหมนะ?
.
.
.



“ไอ้บ้า!ไอ้บ้า!”  ร่างโปร่งดึงต้นหญ้าใกล้มือพลางด่าทอเสียงดัง  อารมณ์กรุ่นโกรธมีมากเกินจนสนใจว่าเสียงของเขาอาจสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณเนื่องจากความเงียบของยามค่ำคืน    เขาควบเจ้า Music ขึ้นเนินสูง...เนินที่สีหราชเคยพาเขามา...

คีตกาลทรุดตัวลงนั่งโคนต้นไม้ใหญ่พลางสูดจมูกเสียงดัง  อาการร้อนหัวตาทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อให้บางอย่างไหลย้อนกลับลงไป  ท้องฟ้าปรอดโปร่งดวงดาวส่องแสงสว่างไสว  พระจันทร์ครึ่งดวงกลบแสงดาวใกล้ตัว  กระนั้นก็ยังมีดวงดาวมากมายให้เขาได้มองและยกนิ้วไล่ชี้หาชื่อดวงดาว   ปลายนิ้วเรียวยกวาดตามตำแหน่งดาวให้เป็นตัวอักษรต่างๆ

“พ่อ  ..อันนี้แม่  นี่เพลง....”  นิ้วเรียวหยุดชะงักเพียงครู่แล้วขยับวาดต่อ  “ส่วนนี่...สิงห์”     

เพราะอยู่บนที่สูง  ยามลมพัดโชยจึงหนาวเหน็บมากขึ้นในเวลากลางดึกอย่างนี้  แขนขาวขยับจับชายเสื้อให้แน่นเข้าเพื่อกันลม  กลิ่นหอมอ่อนเจือกลิ่นเหงื่อจางๆแตะจมูกให้คนสวมนิ่งงัน   ...เสื้อของสีหราช...

ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้เขาลืมถอดคืนเจ้าของ   คีตกาลยกแขนขึ้นกอดตัวเองเพื่อความอบอุ่น  หากสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาอุ่นซ่านมากขึ้น...นั่นเป็นเพราะเจ้าของเสื้อตัวนี้ที่เขานึกถึง...  กลิ่นหอมอ่อนโอบล้อมรอบกาย

“สิงห์”  เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นอีกครั้ง  ขอบตาร้อนผ่าว...  “ไอ้บ้า!  กล้าดียังไงมาจูบผู้หญิงต่อหน้าฉันวะ!”  ฤทธิ์แอลกอฮอลยังคงเข้มข้นอยู่ในร่าง  เลยกลายเป็นชกลมชกฟ้าด่าทออยู่อย่างนั้นพักใหญ่   ก็ไม่รู้ว่าคนที่ทำให้ใจเขาเจ็บจะได้ยินมันไหม

“คอยดูนะ  จะจับปล้ำ!”

แกร๊ก!  เสียงย่ำเท้าของกีบม้าเคลื่อนเข้ามาใกล้  ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนจะลุกวิ่งเข้าไปแอบตรงมุมต้นไม้อีกฝากหนึ่ง   ท่ามกลางความมืดร่างสูงบนหลังเจ้าสายฟ้าของสีหราชเด่นชัดจากแสงพระจันทร์    เขาตรงมายังเจ้า Music ที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่เดียวดาย

“เจ้านายแกไปไหนแล้ว  หืม?”  ม้าแสนรู้เพียงส่งเสียงครืดคราดในคอ  มันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงแล้วหันไปเล็มหญ้าต่ออย่างไม่สนใจ   สีหราชถอนหายใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอบๆซึ่งว่างเปล่าไร้เงาของคนที่เขาตามหา   “คีตกาล!”

“....”  ร่างโปร่งทรุดกายลงนั่งไม่ขยับ  ไม่ขานรับ

“คีตกาล!  กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ  มืดค่ำแบบนี้มันอันตราย!”

“.....”

“ดื้อชะมัด!”

“!”  คนแอบอยู่แทบจะพุ่งออกไปบีบคออีกฝ่าย  ฤทธิ์แอลกอฮอลทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านเหลือเกิน

“.....อย่าทำให้เป็นห่วงได้ไหม?”

“.....”  ความโกรธพลันชะงักนิ่ง

“เฮ่อ~  ร่างสูงทรุดกายลงนั่งโคนต้นไม้ที่คีตกาลนั่งเมื่อครู่แล้วหลับตาผ่อนลมหายใจ

“....”

แม้จะคันเพราะยุงกัดเขาก็ไม่กล้าขยับจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วคนแอบซ่อนจึงโผล่ตัวออกมาจากเงามืด   คีตกาลนั่งลงข้างคนตัวโตที่หลับไปแล้ว  เขาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่นาน...แล้วหลับตาเพราะความง่วงงุน




“ชู่!” ร่างสูงยกนิ้วแตะริมฝีปากบอกให้เจ้า Music เงียบเสียงเมื่อมันเงยหน้ามาเห็นร่างสูงขยับกาย    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม  แสงจันทร์นวลอ่อนส่องสว่างให้เห็บในหน้าใสซึ่งหลับตาพริ้ม   ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทรา  เขาจ้องมองใบหน้ายามหลับของคีตกาลนิ่งก่อนจะยกมือแตะแก้มเนียนเย็นชื้นเพราะอากาศหนาว  ดวงตาคมดุหรุบมองเสื้อแขนยาวที่อีกฝ่ายยังสวมใส่  แขนเรียวยกกอดตัวเองแล้วให้ใจเต้น  มือแกร่งรั้งประคองร่างนั้นแล้วเอนพิงต้นไม้อีกครั้ง  กอดรัดคีตกาลเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแทน

ปลายจมูกโด่งแตะลงขมับเนียนแผ่วเบาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นรู้ตัว  กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อป้องกันลมหนาวที่พัดผ่าน  สีหราชชันเข่ารั้งร่างโปร่งให้นอนได้สบายที่สุดบนอกกว้าง   เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองท้องฟ้าแล้วยิ้มกว้างให้ดวงดาวที่ส่องสว่างในความมืดมิดนั้น...


“อืม~”   เขาขยับกายเพราะความเมื่อยขบ  อากาศเย็นแทรกผ่านหากกระนั้นก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรัดรอบกาย   คีตกาลลืมตาตื่น  ลมหนาวทำให้เขาต้องซุกตัวเข้าหาไออุ่นนั้น  ....ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจ

คีตกาลยันกายผละออกห่างจากความอบอุ่นนั่น  หากขยับไม่ได้มากเพราะแขนแกร่งรั้งร่างเขาเอาไว้   ใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงแค่คืบ   ปลายจมูกโด่งจ่อชิดให้ใจเต้นระส่ำ  ริมฝีปากหยักตรงหน้ายิ่งทำให้ใจเต้นแรงยิ่งกว่า

“......”  คีตกาลนิ่งค้าง  นานกว่าจะกล้าส่งเสียง    “ไอ้บ้าเอ้ย!”  ไม่รู้ว่าความโกรธเมื่อตอนหัวค่ำโดนลมหนาวพัดหายไปในอากาศเสียตอนไหน  น้ำเสียงต่อว่าของเขาจึงแผ่วเบาราวกระซิบแบบนี้  เขาจ้องมองโครงหน้าได้รูปนั้นก่อนจะค่อยๆยกมือแตะปลายคางสากเพราะไรเครา  ระเรื่อยขึ้นบนปลายจมูกโด่งอย่างนิ่มนวล  คนโดนก่อกวนขยับใบหน้าหนีให้คนแกล้งส่งเสียงหัวเราะแผ่ว

“นี่  ถ้านายยังหลับอยู่แบบนี้ฉันจะปล้ำนายนะ”

“....”  ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ  คีตกาลปล่อยให้ตัวเองจมลงในอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง

“นายน่ะชอบคุณแพรวเหรอ?”  ถ้าอีกฝ่ายตื่นอยู่เขาคงไม่กล้าถามออกไปแน่นอน  “อันที่จริงนายรู้ไหมว่าฉันไม่กล้ากลับมา     ฉันที่ทิ้งนายไปแบบนั้น   ฉันไม่กล้ากลับมาหานายอีก”

“.....”

“ยิ่งตอนนี้มีคุณแพรวเข้ามาฉันก็ยิ่งกลัว  เมื่อหัวค่ำตอนเห็นนายจูบกับคุณแพรว  ใจฉันเจ็บไปหมดเลย....”

“.....”

“ฉันก็เลยคิดว่า  คราวนี้ฉันคงยอมเสียนายไปไม่ได้อีกแล้ว”

“.........”

“เพราะงั้นฉันจะปล้ำนาย!  ให้นายเป็นของฉันซะนายจะได้ไม่ไปเป็นของคนอื่น!   .....คิก... ฉันเนี่ยน้า  พูดอะไรก็ไม่รู้”  ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่ง  เปลือกตาไม่ขยับไหวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายหลับสนิทและไม่ได้ยินที่เขาพูด  คีตกาลขยับใบหน้าเข้าใกล้...

แตะจูบลงบนริมฝีปากหยักของสีหราชแผ่วเบา...

ร่างหนาขยับกายเปลี่ยนท่าทางทำเอาคีตกาลเกร็งตัวไม่กล้าขยับเพราะกลัวอีกฝ่ายตื่น  หากสีหราชก็ไม่ได้ลืมตา....ร่างโปร่งจึงถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนอุ่นนั้นอีกครั้ง

เหมือนจังหวะหัวใจจะเต้นเร็วกว่าเมื่อนิดหน่อยใช่ไหม?

หรือว่าเขาคิดมากไป  แท้ที่จริงคือเสียงหัวใจของเขาเอง....




หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 22-10-2015 15:57:10
.
.

นาน...จนคนในอ้อมแขนถอนหายใจสม่ำเสมอกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเขาจึงกล้าลืมตาตื่น    หัวใจที่พยายามสะกดไม่ให้เต้นระรัวพลันเต้นแรงอีกครั้ง  ปลายนิ้วหยาบกร้านยกแตะริมฝีปากตัวเองราวกับไม่เชื่อในสัมผัสก่อนหน้านี้

ราวกับฝัน...

คีตกาลจูบเขา?

สีหราชยิ้มกว้างให้กับพระจันทร์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า   ชายหนุ่มหรุบสายตามองคนหลับในอ้อมแขนแล้วก้มลงแตะปลายจมูกลงบนไฝเม็ดเล็กข้างแก้มใส  จูบแผ่วเบาบนปลายจมูกมนน่ารัก

“นี่แค่ดอกเบี้ยหรอกนะ!”  แล้วรอยยิ้มสวยเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเจ้าเล่ห์ขึ้นฉับพลัน! 
/
/

“!”  เพราะคิดว่าเป็นความฝัน  เมื่อลืมตามาเห็นคนตรงหน้าเขาจึงตกใจ  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆกันตรงโคนต้นไม้   เพราะเมาเลยฝันแบบนั้นซินะ?  คีตกาลสะบัดศีรษะไล่อาการมึนงง   ไอ้ที่จะไปจูบสีหราชน่ะเขาก็แค่คิด  คงไม่ได้ทำไปจริงๆหรอกใช่ไหม?  คิ้วเข้มของสีหราชขยับคีตกาลจึงรีบลุกขึ้นก่อนจะขึ้นควบเจ้า Music ออกไปอย่างรวดเร็ว

“?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่ารถของแพรวพรรณยังคงจอดอยู่เดิม  “สายใจ  คุณแพรวไม่ได้กลับบ้านหรือ?”

“อ้าว คุณคีย์?  ใช่ค่ะ  เมื่อคืนคุณแพรวนอนที่นี่กับคุณแม็กกี้  ดึกขนาดนั้นไม่มีใครกล้าขับรถหรอกค่ะ  เส้นทางมันอันตราย”  เด็กสายใจอธิบายขณะช่วยป้าแช่มจัดอาหารบนโต๊ะ   “แล้วนี่คุณคีย์ไปนอนที่ไหนมาคะ?  หนูเข้าไปปลุกไม่เห็นนอนในห้อง”

“ห๊า! เอ่อ....”

“หรือว่าเมาเบียร์แล้วหลับอยู่แถวนี้?”  สายใจยกมือขึ้นเท้าเอว  จ้องมองรอยยุงกัดบนผิวขาวๆเขม็ง

“ก็  เอ่อ... ทำนองนั้น”

“คุณคีย์!”  ทำตัวเป็นขี้เมาแบบนี้ได้ยังไงคะ  รู้ไหมคุณสิงห์ไม่ชอบให้กินเหล้ากินเบียร์แถวนี้    อีกอย่างดูซิ  ยุงกัดเต็มไปหมดเลย  ถ้าเกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียหรือไข้เลือดออกล่ะแย่แน่ๆ!”  สายใจบ่นยืดยาว  คีตกาลที่อ้าปากจะอธิบายพูดไม่ทันเด็กสาวเสียที   หนำซ้ำสายใจยังมาเปิดเสื้อเลิกผ้าเขาเพื่อดูรอยยุงกัดอีก

“สายใจจะแก้แพ้ฉันเรอะ!”

“หนูเปล่านะ  เอ๊ะ  นี่มันเสื้อคุณสิงห์นี่คะ”

“ห๊ะ?”

“ทำไมคุณคีย์ถึงใส่เสื้อคุณสิงห์ล่ะคะ?”

“เอ่อ  พอดีเมื่อวานฉันเอาเสื้อให้คุณแพรวยืมตอนขี่ม้า”

“แล้วคุณคีย์ยืมเสื้อคุณสิงห์  หรือคุณสิงห์เสื้อมาให้ใส่คะ?”  แม้จะพอรู้คำตอบหากสายใจก็ยังถามเพื่อเย้าแหย่อีกฝ่าย  ตั้งแต่แรกสายใจก็เห็นคุณสิงห์ห่วงคุณคีย์สารพัด

“ใครยื้ม!”  เสียงสูงเสียจนสายใจส่งค้อนให้  “หมอนั่นยัดเยียดมาให้ฉันเองต่างหาก  ไม่ได้อยากใส่เสียหน่อยเหม็นเหงื่อจะตาย”

“ค่า  เหม็นเหงื่อแต่ก็ใส่จนข้ามวันเนอะคนเรา”

“ไม่เอาแล้ว  ไม่คุยกับสายใจแล้ว  ไปอาบน้ำดีกว่า!”




**********

“ยูทำอะไรน่ะ?”

“เย้ย!”  คนที่กำลังนั่งตะคุ่มๆอยู่ตรงรถชาวบ้านสะดุ้งโหยงสุดตัว  ชายหนุ่มยกมือลูบอกมองค้อนเพื่อนที่ทำให้เขาตกใจ   คีตกาลละมือจากล้อรถแล้วยืนขึ้นเท้าเอวพลางยกยิ้มอย่างผู้ชนะ  “ก็แกล้งใครบางคนนิดๆหน่อยๆ”   อันที่จริงเขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้นะ  แต่...เพื่อให้ได้บางสิ่งกลับคืนมาเขาเลยต้องฝืนใจทำ

“ปล่อยลมล้อรถคุณแพรวเนี่ยนะ?”

“คึๆๆ”  คีตกาลปิดปากหัวเราะชอบใจ

“ยูโคตรจ้าดง่าว!”  แม็กกี้เพื่อนตัวสูงอย่างดูแคลน

“อะไรคือจ้าดง่าว?”

“โง่ไง ภาษาบ้านยูนั่นแหละ   ยูน่ะโง่หรือเปล่า?  มาปล่อยลมรถเขาแบบนี้เขาก็กลับไม่ได้น่ะซิ”

“?”

“ทีนี้คุณแพรวก็ได้อยู่ Lion ทั้งวันจนกว่ารถจะได้เติมลม!”

“.......”   ร่างโปร่งนิ่งงันเมื่อได้ฟัง   ก่อนจะทิ้งผมตัวเองแล้วสบถในใจ  แม็กกี้มองภาพนั้นอย่างสมเพช  คีตกาลโคตรงี่เง่ามาก  แทนที่จะแกล้งเขาดันมากลายเป็นส่งเสริมศัตรูหัวใจเสียอย่างนั้น...  แม็กกี้ได้แต่ส่ายหัว

“เอาน่า  เดี๋ยวไอช่วยเอง”  หญิงสาวตบบ่าเพื่อนปลอบใจ

“...ว่าแต่เธอไปเรียนภาษาเหนือนี่มาจากไหน?”

“ได้ยินเด็กๆพูดกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่คราวที่แล้ว”

“.....”

.
.

“Lion!”  แม็กกี้โบกมือทักทายร่างสูงที่เพิ่งลงจากหลังเจ้าสายฟ้า   หญิงสาวยิ้มกว้างพลางส่งเสียงเรียกอีกครั้งแล้วเจ้าขนปุยสีน้ำตาลไม่รู้ว่าวิ่งมาจากทางไหนกระโดดเข้ามาหาอย่างดีใจ  คีตกาลก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอด “คีย์  Dog ตัวนี้น่ารักจัง  มันชื่ออะไรเหรอ?”

“เอ่อ...”   คีตกาลอึกอัก  เขาเหลือบมองร่างสูงของสีหราชที่เดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคน

“นี่ Lion   เจ้าหมาตัวนี้ชื่ออะไรเหรอ?”  แม็กกี้ซึ่งอยากสร้างสัมพันธภาพกับชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม

“....Lion”

“หืม?”  แม็กกี้ไม่เข้าใจว่าสีหราชพูดชื่อตัวเองทำไมเลยหันมาหาเพื่อนที่ตอนนี้ยกมือปิดหน้าตัวเองไปแล้ว

“คีตกาลตั้งชื่อหมาว่า lion”  สีหราชเอ่ยเสียงเย็น  ช้าๆชัดๆด้วยสีหน้าถมึงทึง  ดวงตาคมดุวาววับจับจ้องอีกคนอย่างไม่พอใจ  ทั้งๆที่เมื่อครู่เขายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ พอเพื่อนของคีตกาลเอ่ยชื่อเรียกเขาทำเอาคิ้วกระตุก

“......”   แม็กกี้อ้าปากค้างกับคำตอบนั้นก่อนจะหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนตัวเอง  ว่าทำไมไม่บอกเธอว่า Lion  ชื่อที่เธอใช้เรียกสีหราชนั้นเป็นชื่อซ้ำกับลูกหมา!      เจ้าของบ้านปรายตามองคนปิดหน้าตัวเองแล้วกระแทกเท้าขึ้นเรือนไป  ทิ้งให้แม็กกี้หน้าเสียอยู่อย่างนั้น  “แบบนี้จะต้องเกลียดนายแน่ๆเลย”

“อะไรนะ!”  คีตกาลเงยหน้าจากฝ่ามืออย่างตกใจ

“ยูเอาชื่อเขาไปตั้งให้หมา”

“ทีหมอนั่นยังเอาชื่อฉันไปตั้งให้ม้าได้เลย”  คีตกาลโวยวาย

“นั่นม้า  นี่....หมา”

“.........” ก็ได้!  เขาผิดก็ได้!  โธ่  คีตกาลอยากจะร้องไห้  เขาตั้งชื่อเจ้าลูกหมาว่า Lionเพราะนึกอยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น  และเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาอุตริเรียกสีหราชว่า Lion ที่นี่น่ะซิ!

สีหราชหรือ Lion ตัวจริงน่ะหรือ  ตอนนี้กำลังถอดเสื้อ  ขยำมันเป็นก้อนแล้วปาลงไปอย่างแรงพลางยิ้มเหี้ยม   ...  กำลังคิดว่าเขาจะเอาคืนคนตั้งชื่อหมายังไงดี   ตั้งชื่อหมาว่า Lion เขาก็โกรธอยู่หรอกหากก็ยอมให้เพราะอีกฝ่ายคือคีตกาล  แต่ที่โกรธมากกว่าคือการที่คนนอกมาเรียกเขาด้วยชื่อเดียวกับเจ้าลูกหมานั่น!







“เมื่อคืนคุณแพรวพักที่นี่กับคุณแม็กกี้นะคะ  ที่บ้านเธอว่าดึกแล้วไม่มีคนขับรถมารับเธอได้”  สีหราชพยักหน้ารับรู้เมื่อสายใจเข้ามารายงาน 

“คุณแพรว  ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยู่ทานข้าวด้วยกันอีกสักมื้อนะครับ”  สีหราชเอ่ยชวน  หลังจากอาบน้ำเสร็จลงมาเขาก็พบว่ารถของแพรวพรรณยางแบนเลยกลับบ้านไม่ได้ 

“ยินดีค่ะคุณสิงห์  ว่าแต่...นี่แพรวมีศัตรูอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะเนี่ย?”  หญิงสาวยิ้มแหย  หลังจากตรวจสอบแล้วว่ารถโดนปล่อยลมยางจนแบน  ส่วนคนแกล้งน่ะกำลังยกหลังมือปาดเหงื่อให้ร่างสูงที่เหลือบสายตาแอบมองอยู่ถึงกับยกยิ้ม

“คงไม่หรอกครับ   รถคุณแพรวยางแบนแบบนี้ก็ดีนะครับ  คุณแพรวจะได้อยู่กับผมอีกวัน”  สีหราชเย้า

“ไม่ต้องยางแบนแพรวก็อยู่กับคุณสิงห์ได้ทั้งวันแหละค่ะถ้าคุณสิงห์ชวน”  ชายหนุ่มหัวเราะ

“งั้นวันนี้ซ้อมขี่ม้าอีกนะครับ  เดี๋ยวจะทำให้คุณแพรวควบวิ่งได้เลย”

“ขอบคุณค่ะ!”

“แต่ต้องใช้ม้าตัวเดียวกับผมนะครับ”

“เอ๊ะ?”

“ถ้าคุณแพรวกับผมขี่ม้าคนละตัวผมจะสอนคุณแพรวให้วิ่งควบได้ยังไงล่ะครับ”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่พอใจ  เขาเม้มปากแน่นขึ้นเมื่อเห็นแก้มขาวของหญิงสาวแดงเรื่อขึ้นกับคำนั้น

“ตลกน่า lion เอ่อ  สิ่ง..ยูไม่จำเป็นต้องขี่ม้าตัวเดียวกับคุณแพรวก็สอนให้ควบวิ่งได้”  แม็กกี้เอ่ยค้านหน้านิ่ง  แพรวพรรณหัวเราะคิกเมื่อรู้ว่าสีหราชกำลังหยอกอำเธอเล่น

“โธ่ คุณสิงห์นี่ล่ะก็  มาอำให้แพรวเขินเสียได้”   คีตกาลถอนหายใจโล่งอก  ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
สีหราชตาโตหลังคิดตามคำพูดของแม็กกี้  ...งั้นไอ้ที่สีหราชสอนตอนนั้นก็ไม่จำเป็นน่ะซิ?
สีหราชเบือนหน้าหนี  ชายหนุ่มพยายามผ่อนลมหายใจขณะกลั้นยิ้มกับสีหน้าของคีตกาล  หลังจากรู้ว่าโดนเขาหลอกสอนตอบขี่เจ้า Music
.
.
.


“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”  แม็กกี้เอ่ยถามขณะทั้งหมดเลือกม้าที่ฟาร์มเพื่อใช้วิ่ง  สีหราชกับคีตกาลนั้นมีม้าเป็นของตัวเองแล้ว  ดังนั้นสองสาวจึงต้องเป็นคนเลือก  และแม็กกี้ใช้เพื่อนเลือกให้ขณะที่สีหราชช่วยแพรวพรรณอยู่อีกทาง

“เอ๊ะ?”

“ยูไม่ได้กลับขึ้นบ้าน  Lionเองก็เหมือนกัน”  คีตกาลหน้าแดงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน  อุตส่าห์แกล้งทำเป็นลืมแล้วนะ

“ก็...เมาหลับอยู่แถวนี้แหละ” 

“โกหก  ไอเดินหน้ายูทั่วสนามก็ไม่เจอ  อยู่กับ Lionทั้งคืนใช่ไหม?”

“เปล๊า!”

“นั่น  เสียงสูงเชียว”

“โอ๊ย  ไม่คุยด้วยแล้ว  ฉันกลับไปทำงานดีกว่า”

“ไม่ได้!  ถ้ายูไม่ไปด้วย เกิดสองคนนั้นจู๋จี๋กันล่ะ?”

“.......”

“ไหนว่าจะสู้เพื่อเอาเขาคืนมาไง”

“ก็....”

“เร็วๆ!”  แม็กกี้กระทุ้งศอกใส่เอวเพื่อน  คีตกาลเลือกมาตัวหนึ่งให้หญิงสาวแล้วกลับมารวมกับอีกสองคนด้านหลัง


คีตกาลถอนหายใจ  มองรอยยิ้มกว้างของแพรวพรรณและอีกคนที่ยิ้มตอบแล้วใจแป้ว  แม็กกี้ตบบ่าให้กำลังใจ  ร่างโปร่งเลยโหนตัวขึ้นหลังเจ้า Music แล้วควบไปแทรกระหว่างทั้งสองคน

“คุณแพรว  สนใจไปชมทางรีสอร์ทฝั่งนู้นไหมครับ?”  คีตกาลเอ่ยชวน

“ได้หรือคะ?”  คนชวนพยักหน้า  แล้วทั้งหมดจึงควบม้าเดินเหยาะไปทางฝั่งรีสอร์ท  แพรวพรรณมีท่าทางตื่นเต้นเมื่อมาถึงริมน้ำ  พวกเขาลงจากหลังม้ามาหยุดยืนบนแพริมน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จ   เพราะวันนี้เกียรติศักดิ์ลาหยุดเขาจึงให้คนงานอื่นๆหยุดพักผ่อนไปด้วย  มีเพียงไม่กี่คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่คอยตรวจตราความปลอดภัยเรียบร้อย

“ตรงนี้จะเป็นสวนน้ำหรือคะ?”

“ครับ  เป็นแพเปียกแล้วก็บ้านพักแบบแพริมน้ำ”  คีตกาลยิ้มอธิบาย

“ดีจังเลยค่ะ  ถ้าเสร็จแล้วแพรวขอมาพักและเล่นเครื่องเล่นคนแรกเลยได้ไหมคะ?”  หญิงสาวยิ้มเอียงอาย  แก้วขาวแดงเรื่อเมื่อร่างโปร่งส่งยิ้มสวยให้เธอ  คีตกาลจับมือของแพรวพรรณขึ้นกุมแล้วตบลงบนหลังมือขาวนั้นเบาๆ

“ให้สิทธิพิเศษคุณแพรวคนแรกเลยครับ”

“อะแฮ่ม!” แม็กกี้และสีหราชกระแอมไอพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ   คีตกาลยิ้มแหยเพราะแม็กกี้ถลึงตามอง ส่วนอีกคนก็ตีหน้ายักษ์ใส่  “คุณแพรวระวังจะตกน้ำนะครับ”  เขาแสร้งไม่สนใจ  ยิ่งได้เห็นสายตาดุมองมายิ่งนึกอยากแกล้ง  เขารั้งมือแพรวพรรณให้ขยับเข้ามาด้านในอีกนิดอย่างระมัดระวัง

“ตายจริง  ขอโทษค่ะ”

“ตอนนี้ไม่มีเสื้อชูชีพ ถ้าตกลงไปละแย่แน่”

“นั่นซีคะ แพรวยิ่งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ด้วย”

“อ้าว  คุณแพรวว่ายน้ำไม่เป็นหรือครับ  เหมือนผมเลย”  สีหราชได้โอกาส  เขาเบียดร่างแทรกกลางระหว่างแพรวพรรณกับคีตกาล  ร่างโปร่งเซถอยหลัง

“นี่ยูแข่งกันจีบผู้หญิงคนนี้หรือไง!”  แม็กกี้กระซิบถามเสียงขุ่น

“เปล่านะ!  ก็แค่คิดว่าถ้าทำให้คุณแพรวมาสนใจฉันเธอจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาไง”

“แต่มาสนใจนายแทน?  มันก็ได้ยุ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ!”

“....”  คีตกาลกะพริบตาปริบๆ

“ผมว่าเราขึ้นบนฝั่งดีกว่าครับ  ลมเริ่มแรงผิวน้ำมีคลื่นแล้วแพยังไม่แข็งแรงแบบนี้  ประเดี๋ยวแพล่มจะไม่ดี”   คีตกาลเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้  ร่างสูงรั้งมือแพรวพรรณเพื่อช่วยให้หญิงสาวเดินสะดวก   จากความหมั่นไส้เมื่อครู่คีตกาลรู้สึกกรุ่นๆ   จังหวะอีกฝ่ายหมุนตัวเขาจึงแอบยื่นเท้าไปขัดขาฝ่ายนั้นทันที

“ว้าย!  คุณสิงห์!”   ร่างสูงสะดุดเสียหลักหงายท้องตกลงไปในน้ำเสียงดังตูมใหญ่  คนแกล้งยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ  หากแล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะนึกขึ้นได้ว่า  เมื่อครู่นี้สีหราชบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น!

ภาพที่ร่างสูงตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำทำให้หัวใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม  ไม่ต้องรอให้ใครบอกคีตกาลกระโจนลงน้ำทันที         แต่เพราะสีหราชร่างกายสูงใหญ่ หนำซ้ำกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด  กว่าคีตกาลจะเข้าถึงตัวได้อีกฝ่ายก็เริ่มหมดแรง   เขาสอดแขนเข้าใต้รักแร้พยายามรั้งร่างคนตัวโตไปยังแพริมน้ำ  เมื่อห่างเพียงช่วงแขนเขาจึงคว้าขอบแพ  มีแพรวพรรณกับแม็กกี้ช่วงดึงสีหราชขึ้นฝั่ง

“....ฉัน”  คีตกาลหอบหายใจ   เขารีบโหนตัวขึ้นบนแพมาหยุดอยู่ด้านหลังสีหราชที่กำลังสำลักไอหน้าดำหน้าแดง  มือขาวยื่นแตะบ่ากว้าง  “...ฉันขอโทษ”

เพี๊ยะ!  สีหราชปัดมือนั้นออก  ร่างสูงหันกลับมา  ดวงตาดุดันจับจ้องจนคีตกาลรู้สึกหวาดหวั่น

“ถ้าเกลียดจนคิดอยากจะฆ่ากันก็อย่าเข้ามาใกล้!”   สีหราชยันกายลุกขึ้น  ก่อนจะควบเจ้าสายฟ้าจากไป  ทิ้งไว้เพียงเจ้าของใบหน้าซีดขาวที่กำลังยกหลังมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา....








**********










รอลมพัดครั้งต่อไป...
























พิเศษแถมท้าย





“...........”  เขาลืมตานิ่งค้าง  จ้องมองเพดานห้องคุ้นตาอยู่ชั่วครู่จึงค่อยจำได้ว่านี่คือห้องนอนของเขาเอง   เขายกยิ้มแล้วถอนหายใจโล่งอก “ เฮ่อ   ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง    ....เรานี่น้า  ฝันอะไรลามกชะมัด!”  เกียรติศักดิ์ยกมือปิดหน้าตัวเอง  แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวพิกลๆอยู่

“นี่  หมาปั๊ก  หมอนี่คิดว่าฝันไปล่ะ”  เสียงทุ้มเจือแววขบขันทำให้เกียรติศักดิ์ละมือจากใบหน้าหันกลับไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ

“คุณเอม!  คุณชาญ!”  เกียรติศักดิ์รีบคว้าแว่นมาสวมก่อนเหลือบตามองคนตัวโตที่พันผ้าขนหนูรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่อวดไรขนแล้วให้หน้าแดง   

“ไหน ไหน  ทำกันตั้งขนาดนั้นยังคิดว่าฝันไปอีกหรือนี่?”  เจ้าของเสียงใสที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตคลุมสะโพกจากอีกฝั่งเตียงโถมกายเข้าหา    มือเล็กดึงรั้งผ้าห่มออกจากตัวเกียรติศักดิ์อย่างรวดเร็ว

“อย่า  โอ๊ย!”  เพราะพรวดพลาดลุกนั่ง  ร่างกายที่รับศึกหนักมาเมื่อคืนจึงประท้วงอย่างรุนแรง  เกียรติศักดิ์เบ้หน้าน้ำตาซึม ความเจ็บร้าวแล่นจากเบื้องล่างลามไปทั่วสะโพก    นี่ไม่ได้ฝันไปงั้นเหรอ?   

“อย่ารีบลุกแบบนั้นซิ  สะโพกนายเพิ่งรับศึกหนักจากฉันกับนายยักษ์มาเมื่อคืนนะ”  ชายชาญเอ่ยอย่างเป็นห่วง    มือเล็กประคองแก้มของเกียรติศักดิ์แล้วเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำที่หางตา

“พะ  พวกคุณทำอะไรผม?”  ทั้งๆที่รู้คำตอบก็ยังจะถามออกไป  นั่นเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อน่ะซิ!  ไอ้อาการเจ็บสะโพกนี่เขาอาจจะล้มกันจ้ำเบ้าเลยเจ็บก็ได้!

“เมื่อคืนนี้....”  อิ่มเอมดึงม่านหน้าต่างลงปิดแล้วเดินเข้ามาหา  เกียรติศักดิ์อยากขยับตัวหนีหากติดชายชาญที่นั่งทับขาเขาเอาไว้   ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งอีกฝั่งเตียง  ขนาบข้างเกียรติศักดิ์ไว้ตรงกลาง  “เมื่อคืนนายถูกฉันและชายชาญกอด”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  มือแกร่งแตะหลังเอว  กดน้ำหนักลงปลายนิ้วตรงร่องสะโพกให้เจ้าของสั่นสะท้าน  ใบหน้าใสแดงกล่ำ   ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมา

“ใช่  กอดแล้วก็..จูบ”  คนตัวเล็กกว่าและมือลงบนหน้าท้องของเขา  เกียรติศักดิ์ตะปบมือของชายชาญเอาไว้  อีกข้างก็พยายามผลักมืออิ่มเอมให้ออกห่าง   คนตัวเล็กหัวเราะคิกกับท่าทางนั้น  ดวงตาเรียวสวยพราวระยับ   เกียรติศักดิ์มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา   ที่ผ่านมาเขาคิดว่าชายชาญที่ตัวเล็กน่ารักนั้นเหมือนแมวน้อย  ที่ไหนได้ นี่มันหมาป่าชัดๆ!

“ใช่แล้ว   เราสองคนกอดนาย”  อิ่มเอมแตะจูบลงบนใบหูนิ่ม  ส่วนคนตัวเล็กยกแขนขึ้นคล้องคอเขาแล้วโน้มริมฝีปากแตะจูบลงบนริมฝีปากบวมช้ำของเกียรติศักดิ์แผ่วเบาคล้ายยั่วหยอก  ความรู้สึกร้อนแล่นผ่านทำให้เขาหมดแรง  ชายชาญกดบาให้เจ้าของห้องเอนลงบนที่นอนอีกครั้ง

“คุณชาญ  อย่า...”  เกียรติศักดิ์ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อเจ้าของริมฝีปากแตะจูบไล่ข้างข้างแก้ม  ปลายคาง  แผ่นอก  ระเรื่อยลงบนหน้าท้อง...  จูบหนักลงบนส่วนร้อนรุ่ม  มือเล็กยกเรียวขาขาวให้ตั้งขึ้นแล้วจูบเลยต่ำลงไปเบื้องหลัง  “คุณชาญ  อย่า!”  เกียรติศักดิ์ร้องห้ามอีกครั้ง ดวงตาหลังแว่นมีหยาดน้ำคลอหน่วยดูเว้าวอน   เขาหุบขาแน่นไม่ยินยอมให้คนตัวเล็กแทรกศีรษะลงไป

“ทำไมล่ะ?”  ใบหน้าของเกียรติศักดิ์ตอนนี้ทำให้เขาอยากรังแกเหลือเกิน!

“ก็...ผม...เจ็บ”   ชายชาญยกยิ้มเมื่อได้ฟัง  เขาปล่อยให้เรียวขาขาวเป็นอิสระแล้วเลื่อนกายขึ้นทาบทับ   กดจูบริมฝีปากบวมเจ่อของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู   แก้มใสของเกียรติศักดิ์แดงเรื่อ

“แต่ของนายตื่นแล้ว”  อิ่มเอมหรุบสายตามองร่างกายเกียรติศักดิ์ที่ตื่นตัว

“ก็เพราะพวกคุณทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะซิ”

“แค่คิด...ก็มีอารมณ์แล้วเหรอเนี่ย?”  คนตัวโตยิ้มกว้าง  คนโดนหยอกอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น  แก้มแดงลามจนไปถึงใบหู

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยเอง”

“เอ๊ะ?”  ชายชาญยิ้มมุมปากทำเอาเกียรติศักดิ์ใจเต้นอีกรอบ  ร่างเล็กขยับเสียดสีอยู่บนตัวเขา  มือเล็กเลื่อนกอบกุมส่วนร้อนรุ่มเอาไว้ด้วยกัน  “แต่..ผมยังเจ็บ...”

“วันนี้ฉันจะไม่สอดใส่  สัญญา”  คนตัวเล็กจูบข้างแก้มแล้วขยับสะโพกบดเบียดเนิบช้า

“อืม~”  คนด้านล่างกัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง  พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ขยับสะโพกตอบโต้คนด้านบน  หากมันก็ยากเหลือเกินเมื่อความร้อนนั้นลุกลามไปทั่วสะโพก   อิ่มเอมมองภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะถูกลืมอย่างไรชอบกล  ชายหนุ่มก้มลงคุ้ยกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเกียรติศักดิ์ขึ้นมากดโทร.ออกอีกครั้งแล้วยื่นแนบใบหน้าเล็กที่แดงเรื่อขึ้นตามแรงอารมณ์ของชายชาญ   คนตัวเล็กยิ้มเมื่อเกียรติศักดิ์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา  เห็นแบบนั้นเขายิ่งบดเบียดสะโพกเสียดสีเข้าไปอีก

“เพลงเหรอ?  ฉันตัดสินใจแล้วนะว่าจะไปทำงานกับนาย  อืม  นิดหน่อย”   เกียรติศักดิ์จะถอดแว่นตาออกหากชายชาญก็รั้งมือไว้  เขาส่ายหน้าบอกไม่ให้ถอดแว่นออก  ก็ดูซิ  ดวงตาหลังแว่นที่มีหยาดน้ำตาคลอแบบนี้มันเร้าอารมณ์เป็นบ้า!  “แค่นี้ก่อนนะ  อ้อ  เดี๋ยว!  คุณศักดิ์ขอลาหยุดสักสอง-สามวันนะ บาย  แล้วเจอกัน”  ชายชาญรีบตัดสายแล้วก้มลงจูบเกียรติศักดิ์รวดเร็ว  คนด้านล่างจูบตอบ   

อิ่มเอมกดวางโทรศัพท์แล้วเคลื่อนกายไปยืนด้านหลังชายชาญก่อนจะก้าวขึ้นเตียง  คืบคลานสวมกอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง   เกียรติศักดิ์มองข้าวไหล่คนตัวเล็กแล้วให้เบิกตากว้างอย่างตระหนก  เขาหายใจหอบกระชั้นเมื่อเห็นสิ่งใหญ่โตบนร่างอิ่มเอม

เพราะแบบนี้ใช่ไหมเขาถึงเจ็บเหมือนร่างจะฉีก!

“อืม~”  คนตัวเล็กแทรกปลายลิ้นละเลียดความหวานล้ำจนริมฝีปากช้ำเจ่อให้เกียรติศักดิ์สนใจแต่เพียงเขา  ผละออกขบเม้มซอกคอขาวให้เจ้าของเรียวคางได้รูปเริดหน้าขึ้นเพราะความเสียวซ่าน  คนด้านล่างครางผะแผ่วยามปลายลิ้นร้อนแตะสัมผัสลงบนยอดอก   คราแรกค่อยและเล็มแผ่วแล้วขบเม้มให้กระสันซ่าน  ไหล่ขาวสั่นสะท้าน

อิ่มเอมกดจูบหลังคอคนตัวเล็ก  ขบเม้มแลบเลีย ปลายจมูกโด่งแตะใบหูนิ่ม  ลากปลายลิ้นไปซอกคอหอมกรุ่น  ขบเม้มให้สะดุ้งกาย  สะโพกเล็กขยับเบียดเกียรติศักดิ์มากขึ้น  ริมฝีปากแดงเรื่อผละจูบจากคนด้านล่างส่งเสียงครางหวานผะแผ่ว

ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาหลังแว่น  คนตัวเล็กยกยิ้ม   มือเล็กสอดประสานนิ้วมือกับคนด้านล่างแน่น   นิ้วเรียวของเกียรติศักดิ์จิกลงบนหลังมือยามความแข็งขึงร้อนผ่าวของชายชาญเสียดสี

“อ๊ะ~”  เกียรติศักดิ์ไม่อาจควบคุมสติได้อีกแล้วเมื่อความเสียวซ่านโจรตีจนแทบรับไม่ไหว

“อย่าเพิ่ง...”  อิ่มเอมละริมฝีปากจากแผ่นหลังเล็ก  ชายหนุ่มโน้มใบหน้าข้ามไหล่เล็กของชายชาญมาจูบเกียรติศักดิ์  “หมาปั๊กบอกว่าจะไม่สอดใส่  แต่ฉันไม่บอกเสียหน่อย”  อิ่มเอมยกยิ้ม

“เอ๊ะ?”  สะโพกเล็กของชายชาญชะงัก  มือใหญ่จับเนินสะโพกเล็กแล้วรุกรานด้วยปลายนิ้ว   “อืม!”  ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อ  เขาแอ่นสะโพกรับการรุกรานนั้น  คนตัวโตเพิ่มจำนวนนิ้วขยับ  มืออีกข้างสัมผัสผิวเนียนและยอกอดเล็กที่ชูชันของชายชาญ  หน้าท้องแบนราบเกร็งยามเมื่อคนด้านล่างเร่งจังหวะ  ใบหน้าน่ารักละจูบแหงนเงยขึ้นเพราะความรัญจวน  เกียรติศักดิ์มองภาพนั้นจากนั้นด้านล่าง  สีหน้าเย้ายวนของคนตัวเล็กทำให้เขาอยากพลิกตัวขึ้นคร่อมเหลือเกิน

“ไว้คราวหน้า”  อิ่มเอมเห็นสายตาของเกียรติศักดิ์ก็ให้ยกยิ้ม  เขาก้มจูบริมฝีปากนั้นแล้วหัวเราะ  “ตอนนี้ให้ฉันก่อน”   ชายชาญได้ยิน  เขาลืมตาขึ้นมองแล้วหัวเราะแผ่ว  บดเบียดสะโพกให้ความแข็งขึงของเขาสองคนสัมผัสกันมากขึ้นแล้วก้มลงจูบแก้มขาว

“ไว้วันหลังนะ  อ๊า!”  ใบหน้าน่ารักแหงนเงย  ไหล่เล็กสั่นสะท้าน  เขาอยากขยับสะโพกหนีหากมือใหญ่กลับกดมันไว้ให้อยู่ตำแหน่งเดิม  ริมฝีปากเล็กอ้าหอบหายใจ  มือเล็กกอบกุมกับเกียรติศักดิ์แน่นขึ้นก่อนจะหันไปต่อว่าคนด้านหลัง  “ไอ้บ้าเอ้ย  เบาๆหน่อยเซ่!  อ๊า!” 

“หึ”   ยิ่งต่อว่าคนด้านหลังก็ยิ่งส่งแรง  อิ่มเอมหัวเราะลงคอแล้วกดสะโพกลงลึก

“โอ๊ย เบาๆ!”  มือใหญ่เอื้อมรั้งใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบ  ปลายลิ้นเกี่ยวพันดูดดึงราวกับจะให้ให้อีกฝ่ายหายใจ   สะโพกสอบผ่อนแรงบดเบียดความใหญ่โตแนบช้าปลอบโยน  ตอนนี้ตัวของชายชาญจึงแอ่นโค้งดูสวยงามเสียจนเกียรติศักดิ์กลืนน้ำลายลงคอ   ยอดอกเล็กแดงกล่ำชูชันจ่อชิดอยู่ด้านหน้า  เรียกร้องให้ลิ้มลอง  เขาชันศอกขึ้นแล้วครอบครองสีแดงตรงหน้า  แลบลิ้นเลีย  ขบเม้มดุนดัน

“อ๊า~  อ๊ะ!”  ชายชาญครางเสียงหลง   เขาโดนปลุกเร้าทุกสัมผัสจนแทบหลอมละลาย  คนตัวเล็กหอบสะท้าน  เบื้องหลังคือพายุโหมบดเบียดแทรกลึกสุดหยั่งจนกายไหวโยก  ส่วนร้อนผ่าวเสียดสีกับคนด้านล่างรัวเร็วตามกายขยับกายของคนด้านหลัง  ยิ่งใกล้ถึงจุดความเร็วยิ่งกระแทกกระทั้นหนักหน่วง  ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ส่งเสียงเครือคราง  ปลดปล่อยความสุขรินรดถาโถมใส่ร่างกายของกันและกัน

“...ฉันยังไม่อิ่มเลย....”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  ชายชาญที่ยังคงหอบหายใจเบิกตากว้าง  พยายามเอื้อมแขนดันร่างกายใหญ่โตของอิ่มเอมให้ออกห่าง  ส่วนที่เชื่อมโยงกันยังคงคาไว้ในร่างกายคนตัวเล็กไม่ยอมถอดถอน   ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วบดสะโพกแรงๆลงไปเสียทีหนึ่ง

“อื้อ!”  คนตัวโตจูบข้างแก้มปลอบโยน 

“มาทำให้เกียรติศักดิ์ขาดเราสองคนไม่ได้ดีกว่า”

“....”  ชายชาญยกยิ้ม  ดวงตาวาววับหันมากระซิบกับอิ่มเอม  เกียรติศักดิ์ปรือตามองแล้วถูกมือใหญ่จับร่างให้พลิกคว่ำบนหมอน  สะโพกขาวลอยเด่น   ชายชายตามมาทาบทับสอดความแข็งขึงลงตรงหว่างขา

“อืม~”  ความร้อนบดเบียดเสียดสีอีกครั้ง...

...กว่าอิ่มเอมจะอิ่มสมชื่อ  ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ก็แทบไม่มีแรงเปล่งเสียง...







Fin...





สวัสดีค่ะ  หายไปนานเลย  งานสุมหัวค่ะ  อันที่จริงพยายามจะให้เสร็จตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว  แต่งานเข้าตลอดๆๆๆ  อยากจะร้องไห้ TT
 เช่นเคยค่ะ  อ่านให้สนุกนะคะ  มีสิ่งใดแนะนำ-ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ พร้อมรับฟังและแก้ไข

ติดตามทวงถามกันได้ที่ทวีต @sine501 นะคะ  เฟสก็ชื่อเดียวกันเลยค่ะ Novel by Sine   https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1487816541521607&id=1487677848202143  เพิ่งตั้งเพจค่ะ  เดี๋ยวจะค่อยๆทยอยอัพข่าวสารทางนั้นด้วยกรณีที่ใครไม่เล่นทวีตนะคะ ปล. รูปในเพจเป็นรูปเดียวกับในทวีตนะคะ ถ้าตามหากัน^^

ขอบคุณค่ะ
ด้วยรักและคิดถึง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 22-10-2015 19:02:39
พี่สิงห์อย่าโกรธน้องเพลงเลยน้าาาาา น้องเพลงไม่ได้ตั้งใจน้าาาา
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 22-10-2015 20:00:39
สงสารเพลง  :sad4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 22-10-2015 20:33:50
สงสารเพลงกับเกียรติศักดิ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 22-10-2015 21:40:06
แกล้งเขาจนได้เรื่อง :hao4:
ปล.คู่3Pแซ่บมากค่ะ ขอเยอะๆ 55555555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 26-10-2015 01:04:40
เพลงงงแกทำอะไรลงไป๊ TT
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 28-10-2015 22:19:25
ไม่รู้จะสงสารใครดีเลย คืนก่อนหน้าก็เหมือนจะดีแล้วแท้ๆนะเออ =____= .. แต่อยู่ๆกลับกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้
เอาจริงๆคีย์ก็แกล้งแรงไป แต่สิงห์เองก็น่าจะพอรู้นิสัยคีย์อยู่
ส่วนเรื่องที่เลิกกันดูงี่เง่ากว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ 55555555 แถมเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าพอกลับมาเป็นแฟนกันอีกแล้วจะแก้ยังไงด้วยสิ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Arzumi ที่ 06-11-2015 13:08:08
 :pighaun: :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 06-11-2015 19:51:44
เรื่องนี้ กำไรที่สุดก็อิ่มเอมนี่แหละค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Titania ที่ 06-11-2015 21:36:43
เพลงจ๋า ทำไมไปแกล้งเค้าอย่างนั้นล่ะ พี่สิงห์ก็อย่าโกรธนานเลยนะ หนูเพลงเค้าไม่ได้ตั้งใจ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 28-11-2015 02:32:28
- รักพัดหวน-
ตอนพิเศษ วันลอยอังคาร เอ้ย  วันลอยกระทง

*********




ร่างสูงลงจากหลังเจ้าสายฟ้า  เขาย่ำบันไดเรือนขึ้นไปด้วยความรีบร้อน  เพราะเจ้าเขียวบอกว่าคุณคีย์ต้องการต้นกล้วยและใบตองด่วน  เขาเลยแปลกใจว่าฝ่ายนั้นจะทำอะไร  สิ่งไหนที่คีตกาลใส่ใจหรืออยากได้สีหราชจะขวนขวายหามาให้  แต่นี่อีกฝ่ายไม่บอกเขา  กลับไปสั่งงานเด็กในฟาร์มแทนเลยอดแปลกใจไม่ได้

“ทำอะไรหรือ?”  เขาถาม  พลางถอดหมวกปีกแคบออกมาพัด

“ทำกระทง”

“กระทง?”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพลางมองดูอีกฝ่ายพับใบตองเป็นกลีบอย่างทุลักทุเล  บางกลีบก็แตก  บางกลีบก็เบี้ยวซึ่งแตกต่างกับของสายใจและป้าแช่มอย่างสิ้นเชิง   ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงปฏิเสธการช่วยเหลือของสองสาวแน่ๆ

“อย่าบอกนะว่าลืมว่าวันนี้วันอะไร?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นถาม  พอเห็นสีหน้าประมาณว่า  ลืม ของคนตัวโตก็ให้ส่งค้อน

“วันลอยกระทง?”

“เปล่า  วันลอยอังคาร”  คนที่นั่งพับกลีบใบตองยียวนจนสีหราชกระตุกยิ้ม  ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนส้นเท้าตัวเองแล้วยื่นมือดีดหน้าผากอีกฝ่ายเสียงดังเผี๊ยะ  “เจ็บนะ!”

“กวนประสาท”  เสียงทุ้มอ่อนโยน  ชายหนุ่มยกยิ้มกับใบหน้าบูดบึ้งของคีตกาล

“เดี๋ยวก็ไม่ทำเผื่อหรอก!”

“ก็ไม่ต้องทำ”

“?”

“กระทงเบี้ยวๆแบบนี้มีอันเดียวก็พอแล้ว”

“หมายความว่ายังไง!”  คนตั้งใจทำเผื่อตาเขียว  ไม่อยากได้กระทงที่เขาอย่างนั้นหรือ?   

“ก็...ใช้กระทงอันเดียวกันก็ได้นี่”

“....”  ไม่รู้ว่าสีหราชตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นผิวแก้มของคีตกาลขึ้นสีเรื่อ  นั่นยิ่งให้เขารู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้น  มือใหญ่วางบนกลุ่มผมนุ่มแล้วโยกเบาๆ  นิ้วซอกเล็บกับปลายนิ้วเรียวเปรอะเปื้อนของคนตั้งใจทำแล้วเขาไม่อยากให้ลำบากเพิ่มอีก

“จัดงานเลยด้วยไหม?”

“จัดงาน?”

“ใช่  พวกคนงานในฟาร์มกับคนที่รีสอร์ทจะได้ผ่อนคลายกันบ้างไง”

“อื้ม!”  ใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ  สีหราชรู้ใจเขาไปเสียหมดหนำซ้ำยังเอาใจใส่ผู้คนรอบข้างให้เขาสบายใจเสมอ

สีหราชให้ป้าแช่มชักชวนแม่บ้านของเหล่าคนงานมาช่วยเตรียมอาหารการกิน  ให้ลุงผันและเจ้าเขียวจัดการเตรียมสถานที่  แม้จะฉุกละหุกไปนิดแต่ทุกอย่างก็สามารถจัดเตรียมออกมาได้ค่อนข้างดี  ขาดไปบ้างนิดหน่อยก็หาเสริมใช้แทนกันไป  ทางด้านพนักงานของรีสอร์ทเมื่อรู้ว่าจะจัดงานก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้กับแขกที่มาพัก  แม้จะไม่มีแขกมากนักแต่ก็ไม่เคยขาด

อิ่มเอมหัวเราะร่าอย่างชอบใจ  ชายหนุ่มถึงขนาดขับรถลงไปรับเกียรติศักดิ์จากในเมืองด้วยตัวเองเลยทีเดียว  ถึงฝ่ายนั้นจะยืนกรานว่าจะไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อนคนอื่นๆแต่อิ่มเอมก็ลากแกมบังคับอีกฝ่ายมาจนได้




พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นกลางฟ้า  อากาศยามดึกหนาวเย็นซ้ำด้วยลมแรง  แม้จะดึกบรรยากาศก็ยังคงคึกครื้นเช่นตอนหัวค่ำ  ริมน้ำจุดไต้ให้ความสว่างเอาไว้หลายจุด  ท่าน้ำถูกตกแต่งสวยงามไว้ให้เป็นจุดปล่อยกระทง  ตอนนี้บางตาลงเพราะแขกน้อยและคนงานบางส่วนก็กลับบ้านพักไปแล้ว  เหลือส่วนที่อยู่หน้าเวทีรำวงประยุกต์เท่านั้นที่ท่าทางจะไม่หยุดง่ายๆ

อิ่มเอมคล้องคอเกียรติศักดิ์ไปยังท่าน้ำ  มือถือกระทง  ส่วนชายชาญก็หัวเราะกับท่าทางดิ้นรนของเกียรติศักดิ์ที่พยายามจะให้หลุดจากวงแขนแกร่งนั้น   คีตกาลส่ายหัวกับท่าทางของทั้งสามคนก่อนจะเดินเข้าไปง้างแขนหนาหนักของอิ่มเอมออกจากร่างของร่างโปร่งที่ตีหน้ามุ่ย   เกียรติศักดิ์ที่หลุดพ้นถอนหายใจเฮือกแล้ววิ่งมาแกะแขนคีตกาลแน่นโดยไม่สนสายตาไม่พอใจของทั้งอิ่มเอมและสีหราช

“ไอ้เพลง  ปล่อยเมียกูมาเดี๋ยวนี้เลย”  อิ่มเอมเท้าเอวเอ่ยเสียงกร้าว

“กูไม่ได้จับเอาไว้แต่ก็ไม่ปล่อย  คุณศักดิ์คอจะหักตายแล้วเนี่ยเห็นไหม”  คีตกาลยื่นหน้าลอยตาตอบ

“เดี๊ยะๆ  เดี๋ยวโดน”

“โดนอะไร?”  สีหราชที่ไม่รู้ว่ามายืนอีกข้างของคีตกาลตอนไหนจ้องเพื่อนเขม็ง  อิ่มเอมหน้าเหวอกับท่าทางของเพื่อนรัก   อะไรจะหลงคีตกาลขนาดนี้เนี่ย!”

“เอาน่า  นายก็อย่าโกรธซิ”  ชายชาญไกล่เกลี่ยก่อนจะรั้งให้ร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมโน้มลงแล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง  ใบหน้าหล่อเหลาของอิ่มเอมจึงยกยิ้ม  หากสายตาวิบวับที่จ้องมองไปยังเกียรติศักดิ์เล่นเอาฝ่ายนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น    ต้องเป็นเรื่องที่เขาจะต้องซวยหนักแน่ๆ!

เมื่อเห็นว่าอิ่มเอมไม่มีทีท่าจะหาเรื่องต่อคีตกาลจึงแลบลิ้นใส่   คนตัวโตเลยถลึงตามองอีกครั้ง  สีราชส่ายหน้ากับหนึ่งเพื่อนหนึ่งคนรักที่ทำตัวเป็นเด็กๆ

ชายชาญเดินมาจับมือเกียรติศักดิ์ลากให้ไปลอยกระทงด้วยกัน   ร่างโปร่งทำสีหน้าลำบากใจ  กระทงหนึ่งใบลอยสองคนยังพอทำเนา  นี่หนึ่งใบสามคนเลยหรือ?

“ใบเดียวนี่แหละดีแล้ว”  อิ่มเอมเอ่ย

“ใช่   จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแยกจากกันไง”  ชายชาญเสริม     เกียรติศักดิ์จึงรับกระทงมาอธิฐานอย่างเสียมิได้  เมื่ออธิฐานเสร็จฝ่ามือใหญ่ของอิ่มเอมก็วางทาบลงบนฝ่ามือเขาข้างหนึ่ง  อีกข้างเป็นชายชาญประคอง  “ใช้ใบเดียวกันแบบนี้จะได้หนีฉันกับอิ่มเอมไม่พ้นไง”  เสียงเย็นของชายชาญกระซิบข้างหูให้ขนลุกชัน

“......”  เกียรติศักดิ์สะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปมองใบหน้าอ่อนโยนของอีกฝ่าย   คนตัวเล็กยกยิ้มน่ารัก  เอียงคอมองอย่างไร้เดียงสา  ราวกับเมื่อครู่  ถ้อยคำชวนขนลุกนั้นไม่ได้ออกมาจากเล็กๆนี่

สงสัยเขาจะหูฝาดไปเองกระมัง?



“นายอธิฐานก่อน”  คีตกาลยกกระทงเบี้ยวๆฝีมือตัวเองยื่นให้ร่างสูง  สีหราชหรุบสายตามอง  ชายหนุ่มยกยิ้มอ่อนโยนไม่รับมา  หากเขากลับวางมือทาบทับลงบนมือของคีตกาล

“อธิฐานด้วยกันนี่แหละ”

“ฮื่อ!”  ร่างโปร่งส่งเสียงขัดใจ  เหลียวมองรอบด้านเห็นคนงานบางส่วนเมียงมองมายิ้มๆแล้วให้แก้มร้อนผ่าว

“ลอยกระทงด้วยกันกับฉันแล้วอายหรือ?”  ร่างสูงเลิกคิ้วถาม

“เปล่านะ!”  คีตกาลรีบร้อนปฏิเสธ  ประเดี๋ยวเข้าใจผิดแล้วน้อยใจผิดๆคงแย่

“ถ้าอย่างนั้นก็หลับตาแล้วอธิฐานเสียซิ”  คีตกาลเหลือบมองอีกงายแล้วก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆของตัวเองแล้วหลับตาอธิฐาน   สีหราชจ้องมองเปลือกตาบางที่ปิดลง  ขี้แมงวันเม็ดเล็กๆข้างแก้มซ้ายดูน่ารักน่าชัง  แก้มแดงน่าหมั่นเขี้ยวและริมฝีปากสีสดชวนให้แตะแต้ม...  ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้  ปลายจมูกโด่งเฉียดเข้าใกล้ปลายจมูกมนสวยของอีกฝ่ายแผ่วเบาแล้วรั้งกายกลับที่เดิมอย่างรวดเร็วพลางปิดเปลือกตามอธิฐานบ้าง   คีตกาลซึ่งรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสแผ่วเบาตรงปลายจมูกลืมตาขึ้นมอง   เห็นคนตรงหน้าหลับตาอธิฐานจึงได้แต่ขมวดคิ้วแปลกใจ

ใบหน้าเข้มคร้ามหล่อเหลาดูสงบนิ่งปากรูปสลัก  คิ้วเข้มพาดเฉียง   จมูกโด่งเป็นสัน  ริมฝีปากหยัก  เรียวคางได้รูปมีไรเคราบางๆเขียวครึ้ม    คีตกาลยกยิ้ม  สายตาที่มองคนตรงหน้าพราวระยับ  ผู้ชายคนนี้เป็นของเขาแล้วจริงๆ...  หัวใจเต้นระส่ำ  เขาขยับปลายเท้าให้เข้าใกล้อีกฝ่าย  เขย่งปลายเท้า..   อยากจูบเคราเขียวๆนั่นจัง...

“อ๊ะ!”  ร่างโปร่งผงะตกใจเมื่อจู่ๆสีหราชก็ลืมตาขึ้นมอง  ร่างสูงยกยิ้มกับท่าทางของเขา  กว่าคีตกาลจะทันได้คิดอะไรริมฝีปากตรงหน้าก็ฉกวูบลงมาแตะทาบบนริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็วแล้วผละห่าง    แม้จะรวดเร็วราวกับไม่ใช่เรื่องจริง  หากความร้อนที่ฝากทิ้งไว้ยังพาให้หัวใจเต้นระรัวแรง   

“ไม่มีใครเห็นหรอก”   ร่างสูงยกยิ้ม  กระนั้นคีตกาลก็อดจะหันไปมองรอบๆไม่ได้ก่อนจะส่งค้อนให้คนตัวโต

“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ!”   สีหราชได้แต่เพียงยิ้มกว้าง   แล้วรั้งให้ร่างโปร่งทรุดลงนั่งเพื่อปล่อยกระทงด้วยกัน

“อะแฮ่ม!  แต่กูเห็นนะ”  อิ่มเอมที่ลอยเสร็จเดินกอดอกเข้ามา

“ถ้ามึงเห็นกูจะถือเสียว่าไม่มีใครเห็น”

“ไอ้สิงห์!”  อิ่มเอมเข่นเขี้ยวใส่เพื่อน  คีตกาลหัวเราะ  แลบลิ้นใส่พลางทำท่าจะวิ่งตามหลังสีหราชไป  หากเพียงแค่ก้าวเดียวหลังคอเสื้อก็ถูกดึงไว้ให้ก้าวต่อไม่ได้  ก่อนจะลอยละลิ่วตกน้ำ

“เพลง!/ คุณคีย์!”  สีหราชหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงคนตกน้ำ  ส่วนเกียรติศักดิ์ก็ผวาตาม   คีตกาลตะเกียกตะกายว่ายกลับเข้าฝั่ง   เพราะเมื่อครู่โดนกระชากโยนลงน้ำแบบไม่ทันตั้งตัวจึงสำลักหน้าดำหน้าแดง  เขาไอโขลกเสียงดัง   คนงานที่อยู่แถวนั้นรีบกระโดลงไปช่วยก่อนที่สีหราชจะถึงตัวเสียอีก   ร่างโปร่งเกาะกระดานท่าน้ำแล้วโหนตัวขึ้น  อากาศเย็นทำให้หนาวเข้ากระดูกจนฟันกระทบกันดังกึกๆ

สีหราชที่ตกใจหน้าเผือดสีหันไปจ้องหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ  อิ่มเอมเพียงแต่หัวเราะชอบใจแล้วแสร้งเข้ามาช่วย  สีหราชปัดมือเพื่อนออกแล้วสำรวจร่างโปร่งตรงหน้า

“เป็นอะไรมากไหม?”

“ไม่เป็นไร  แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ไอ้เอม  มึงจะมากไปแล้วนะ”  สีหราชชี้หน้าเพื่อน

“เอาน่า  เมื่อกี้ฉันเผลอไปแกล้งอิ่มเอมก่อน”

“?”

“ก็...”  คีตกาลยิ้มแหยเมื่อต้องสารภาพ  “ก็ไปบีบก้นคุณศักดิ์”

“.....แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรแกล้งคืนแบบนี้!”  สีหราชไม่ยอมแพ้   คีตกาลยกแขนขึ้นกอดตัวเองพลางสั่นกึกๆ  ร่างสูงจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมลงไปบนร่างอีกฝ่ายแม้จะไม่ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ก็ตาม  ครู่หนึ่งเขาจึงหันไปมองเกียรติศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างคีตกาล   ก่อนใครจะรู้สึกตัวสีหราชก็คว้าคอเสื้อเกียรติศักดิ์ยื่นไปทางท่าน้ำ  อิ่มเอมผวาเข้าไปกระชากร่างโปร่งออกมาจากมือเพื่อน  เมื่อเหยื่อหลุดมือสีหราชก็หันไปลากแขนชายชาญจากอีกฝั่ง  คนตัวเล็กหน้าเหวอขืนตัวสุดแรงเกิด  อิ่มเอมก็วิ่งเข้ามาคว้าชายชาญไปซ่อนหลังตัวเอง   คีตกาลอ้าปากหวอมองเหตุการณ์วุ่นราวกับเด็กเล่นกันตรงหน้า

สีหราชกอดอกจ้องหน้าเพื่อน  อิ่มเอมที่รู้เจตนาของเพื่อนแล้วว่าทำไปเพื่ออะไรก็ได้แต่ยิ้มแหยไม่กล้าต่อว่า

“กูขอโทษ”  อิ่มเอมชะโงกหน้าเอ่ยขอโทษคีตกาล  ร่างโปร่งพยักหน้ารับ  เพราะแรกเริ่มเขาเป็นฝ่ายไปแกล้งอิ่มเอมก่อนนี่นา   สีหราชถอนหายใจแล้วหันหลังกลับ  อิ่มเอมเห็นว่าตัวอันตรายกำลังจะจากไปจึงก้มลงสำรวจชายชาญอย่างเป็นห่วง     ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะถลาตกน้ำเสียงดังตูมสนั่น

ร่างหนาหนักของอิ่มเอมตะเกียกตะกายสำลักน้ำ  คราวนี้ไม่มีคนงานคนไหนกล้าลงไปช่วยเพราะเห็นเต็มตาว่าสีหราชเป็นคนถีบเพื่อนรักลงไปเอง   เมื่อเห็นว่าอิ่มเอมเกาะขอบฝั่งได้แล้วสีหราชจึงหันมากอดไหล่ของคีตกาลเดินจากไป

“ไอ้สิงห์! ไอ้คนหลงเมีย!  ไอ้คนลืมเพื่อน!”





สีหราชไม่ได้พาคีตกาลกลับเรือนใหญ่  หากพาอีกฝ่ายกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักของฝ่ายนั้นในตัวรีสอร์ท   หลังจากอาบน้ำอุ่น  ร่างโปร่งก็รีบสวมชุดนอนที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้แล้วกระโดดขึ้นเตียง   สีหราชคว้าไดร์เป่าผมพลางรั้งให้คีตกาลกลับมานั่งปลายเตียงแล้วเช็ดผมพลางเป่าลมอุ่น

“หายหนาวหรือยัง?”

“ยังหนาวอยู่เลย”

“ไอ้เอมนะไอ้เอม”  สีหราชยังบ่นเพื่อนรักไม่เลิก

“ไม่เอาน่า  ฉันผิดก่อนที่ไปแกล้งมัน   ทั้งๆที่รู้ว่าเอมมันหวงคุณศักดิ์ยังกับอะไรดี”

“....มือไหนบีบก้นคุณศักดิ์?”

“?”  แม้จะไม่เข้าใจว่าสีหราชถามทำไมแต่คีตกาลก็ยังยื่นมือส่งให้อีกฝ่าย   สีหราชปิดไดร์เป่าผม  ร่างสูงมองมือข้างนั้นแล้วตีลงบนมือนั้นแรงๆเสียทีหนึ่ง “ โอ๊ย!”   คีตกาลสะบัดมือเร่า  น้ำตาเล็ด  มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“ใครสั่งใครสอนว่าให้ไปจับก้นผู้ชายคนอื่น  หืม?”  น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม

“เอ่อ..”

“หนำซ้ำผู้ชายคนนั้นก็ยังปลื้มนายไม่หาย”

“ก็  ก็...”  ยิ่งพูดน้ำเสียงของสีหราชยิ่งเย็นยะเยือก

“ก็อะไร  ไหนลองแก้ตัวมาซิ”

“ก็แค่จะแกล้งอิ่มเอมเฉยๆ”

“เหรอ?   แล้วก้นคุณศักดิ์นิ่มดีไหม?”

“นิ่มมากเลย! เด้งดีด้วย  อ๊ะ!”

“........”   ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ  เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ  คีตกาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นท่าทางนั้น  ร่างโปร่งหอบผ้าห่มพลางขยับก้าวถอยหลังอัตโนมัติ

“เอ่อ  สิงห์   สิงห์ครับ?”

“ครับ?”

“โกรธเหรอ?”  ร่างสูงไม่ตอบหากก้าวขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า   คีตกาลกลืนน้ำลายอีกครั้ง   ชายผ้าถูกรั้งเอาไว้โดยมือใหญ่  สีหราชยกยิ้ม  หากคีตกาลกลับหวั่นกับรอยยิ้มนี้เหลือเกิน

“สิงห์  เอ่อ  พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

“งั้นก็หยุดงานซิ”

“....”  ร่างโปร่งปาดเหงื่อ  ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังหนาวอยู่แท้ๆไหงตอนนี้กลับร้อนขึ้นมาเสียแล้ว “เอ่อ  วันนี้วันพระ”  หาทางขัดไปก็ยิ่งยากเย็นเมื่อสีหราชคว้าข้อเท้าเขาเอาไว้แล้วออกแรงกระชากเบาๆเขาก็ล้มหลังกระแทกพื้นที่นอนแล้ว

“....”   ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่  คีตกาลถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าร่างสูงหยุดมือ  หากเพียงครู่เดียวร่างหนาหนักก็ทาบทับลงมา   ริมฝีปากหยักแนบกระซิบชิดริมหู

“พระอยู่อีกห้อง  ห้องนี้ของฆราวาสไม่เป็นอะไรหรอก”

“อ๊ะ!”  จบประโยคของร่างสูง  คีตกาลก็ได้แต่อุทานตกใจกับฝ่ามือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อนอนพลางทำท่าจะถอดเสื้อนอนทั้งๆที่เพิ่งสวมไปได้ไม่ได้  “ดะ เดี๋ยว  มันหนาวนะ”   มือหยาบหยุดกึก  ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้ว  จ้องมองเจ้าของตวงตาคู่สวย

“....งั้น  ถอดแค่ท่อนล่างละกัน”  มือใหญ่เปลี่ยนไปรั้งกางเกงนอนอย่างรวดเร็ว  คีตกาลเบิกตากว้างพยายามรั้งกางเกงตัวเองเอาไว้สุดความสามารถ

“มันก็ยังหนาวอยู่ดีนั่นแหละ!”

“อีกเดี๋ยวก็ร้อน”

“อื้อ!”

สุดท้ายคีตกาลก็รักษากางเกงนอนเอาไว้ไม่ได้   ผิวขาเปลือยเปล่าสะท้อนแสงไฟ  ร่างโปร่งที่สวมเพียงเสื้อนอนตัวเดียวนอนหายใจระรวย  ริมฝีปากบางแดงช้ำ  ดวงตาคู่สวยปรือฉ่ำ  มือขาวพยายามรั้งชายเสื้อให้ปิดของสงวนเอาไว้   สีหราชมองภาพตรงหน้าแล้วให้ปวดหนึบไปทั้งร่าง  ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่กอดคีตกาล  เขารู้สึกราวกับเป็นครั้งแรกทุกครั้ง  ทั้งตื่นเต้น  ทั้งหลงใหล  อยากทะนุถนอมให้ถึงที่สุด  หากก็อยากจะขย้ำเสียให้จมเขี้ยวด้วยความกระสันซ่านและอยากครอบครอง   อยากกลืนกิน  กกกอดเอาไว้ในอ้อมแขนไม่ให้กระดิกตัวไปไหน  อยากฝังความรุ่มร้อนเข้าไปในร่างนี้ไม่สิ้นสุด  อยากรัก   ... รัก...รัก..

เสียงหวานหอบสะท้าน  ผะแผ่วแว่วหวานจนคนฟังอยากให้ส่งเสียงนี้ตลอดไป  สีหราชก้มลงมอบจุมพิตเนิ่นนาน  กอดก่ายเสือกกายไม่หยุดหย่อน  บางครั้งนิ่มนวลเชื่องช้าอ่อนหวานจนแทบขาดใจ  บางคราวร้อนแรงจนร่างบางไหวคลอน   แขนขาวกอดก่าย  ฝากรอยเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างสีน้ำผึ้ง  ใบหน้าหล่อโน้มลง  จมูกโด่งคลอเคลียไม่ห่าง  ข้างแก้ม  ใบหูนิ่ม  เรียวคางได้รูป  ซอกคอกรุ่นกลิ่นสบู่  แผ่นอกขาวนวล  ยอดอกสีแดงเข้ม  ทุกพื้นที่ไม่อาจรอดพ้น....

มือใหญ่รั้งเรียวขาขึ้นพาดบ่ากว้าง  ขยับสอดกอดรัดแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม  ใบหน้าเนียนใสแหงนเงยด้วยความรัญจวนที่จู่โจมไม่หยุดหย่อน   กอดเล็กกอดร่างของสีหราชไว้แน่น   สะโพกแกร่งบกเบียดแทรกลึกจนต้องสะอื้นไห้ความหวานสุขจนแทบขาดใจ

“เพลง  เพลงครับ”

“สะ  สิงห์”

“สิงห์รักเพลงนะครับ  รักที่สุด...”

“อืม~”   



ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นสีหราชปล่อยให้เขาได้พักตอนไหนเพราะตอนที่เขาหมดสติไปคือแสงแรกของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว   คีตกาลลืมตาปริบ  จ้องมองปลายคางสากตรงหน้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ   สะโพกปวดแปลบเสียจนไม่กล้าขยับตัวสักนิด  สงสัยพรุ่งนี้คงต้องลางานอีกเสียแล้วกระมัง

มือเล็กบีบจมูกโด่งของคนหลับอย่างหมั่นไส้  ตอนนี้ทำเป็นหลับไม่ขยับเขยื้อน  ไม่สนว่าเขาจะลำบากแค่ไหนตอนตื่นมาปวดกับอาการเจ็บร้าวจนเดินไม่ได้แบบนี้

“....”  สุดท้ายเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ  มือขาวละจากมูกสวยทาบลงแก้มกร้านแผ่วเบาแล้วยื่นแตะริมฝีปากลงบนปลายจมูกคนหลับอย่างรักใคร่

“รักนะครับ”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น







Fin.



สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานมากๆๆๆๆๆเลยเนอะ
น้อมรับความผิดค่ะ  ช่วงนี้เพราะที่ทำงานคนขาดเยอะ สุดท้ายคนที่อยู่ก็อัดงานกันจนแทบไม่ได้พัก  เหนื่อยมากเลยค่ะ  พอเหนื่อยก็อยากแต่จะนอน  แถมเครียดจนหัวไม่แล่นเลย   นี่จะได้พักวัน-สองวันเลยคลายความเครีดยลงบ้าง  จึงเอาตอนพิเศษมาลง  ถึงแม้ว่าจะเลยวันลอยกระทงมาแล้วแต่ทรายก็หน้าด้านเอาว่า  มันเลยมาแค่วันสองวันเอ๊งงงงงงง   555555

~มาแล้วยังดีกว่ามาช้า  มาช้ายังดีกว่าไม่มา~

เพลงดักแก่มาก!! 5555
 เอาเป็นว่าจะรีบปั่นตอนหลักออกมาให้ไว้ที่สุดนะคะ  หวังว่าตอนพิเศษนี้จะช่วยให้หายคิดถึงกันบ้าง  ติได้ เพราะแต่งเสร็จปุ๊บเอาลงปั๊บ  มีอะไรผิดพลาดบอกกันได้นะคะ    ทวงถามกันได้เสมอค่ะ




คิดถึงเสมอ
ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-11-2015 02:47:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 28-11-2015 07:07:37
 คู่3P นี้ทั้งน่ารักทั้งแซ่บ ชอบบบ  :hao6:
ตอนพิเศษนี่ได้ทำนายอนาคตเพลงไปแหล่ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 28-11-2015 07:37:29
โครตมุ้งมิ้งอ่ะแต่ล่ะคู่555น่ารักก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-11-2015 05:17:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 01-12-2015 06:56:32
โอ๊ย!!!! เราพลาดนิยายดีงามเรื่องนี้ไปได้ยังไง เขียนดี ลื่นไหล คำผิดไม่มี เราชอบมาก โดยเฉพาะช่วงพูดคุยท้ายเรื่อง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 01-12-2015 13:09:03
 o13 :mew2: :mew1: ตอนพิเศษ น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 01-12-2015 13:49:38
ตอนพิเศษน่ารักกกก อยากอ่านตอนต่อไปไวๆแล้วค่ะ เพลงนะเพลงไปทำคุณสิงห์แบบนั้นซะได้ โธ่ ; - ;
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 02-12-2015 06:20:34
รอต่อคร้าบ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 02-12-2015 13:46:16
มารอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 03-12-2015 00:29:42
ตามอ่านมานานแล้ว เลยอยากให้กำลังใจครับ

สารภาพตามตรงว่าไม่รู้จะคอมเมนท์อะไรดี เพราะไม่รู้จะติอะไรครับ ทุกอย่างค่อนข้างมีความลงตัว เรื่องนี้ถือเป็นนิยายรักที่ผมชอบนะครับ เพราะในหลายๆมุมมองมีความพอดีที่ไม่มากไป และไม่น้อยไป

ตัวละครมีความเป็นเอกลักษณ์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง(ในที่นี้คือมีที่มาที่ไป มีรายละเอียดพื้นเพครอบครัว มีเหตุผลรองรับนิสัยตัวละครครับ) มีมิติของคาแรกเตอร์ ทั้งสีหราช และคีตกาล ทั้งคู่ดูเป็นคาแรกเตอร์ที่มีน้ำหนักครับ คีตกาล...เราอาจจะยังไม่เห็นเรื่องครอบครัวเท่าไหร่ แต่สำหรับสีหราช เราเห็นเขาชัดในพาร์ทย้อนอดีต ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก บรรยายความรู้สึกได้ดีครับ สร้างสัมผัสให้ดื่มด่ำกับความมีเหตุมีผลและรองรับกับพล็อตได้ดี ผมรู้สึกว่าทั้งสีหราชและคีตกาลเป็นตัวละครที่จับต้องได้ การกระทำของเขามีพื้นฐานจากนิสัย นิสัยของเขาเกิดจากการเลี้ยงดูหรือปมในช่วงวัยเด็ก ซึ่งตรงนี้เป็นพล็อตที่อธิบายออกมาจนสัมผัสได้ ส่งอารมณ์ได้ดีครับ

การบรรยายและดำเนินพล็อตก็ถือว่าดีครับ เข้าใจว่าอยากให้นิยายเป็นนิยายรักสนุกๆไม่หนักมาก จึงมีมุขน่ารักๆ (ความขี้หึงของทั้งคู่ ความรั่วนิดๆของคีตกาล และพล็อตสามคนของอิ่มเอม) เสริมมาเสมอเพื่อดึงโทนเรื่องไม่ให้จมไปกับโทนรัก หรือโทนดราม่ามากเกินไปนัก สำหรับผมมันถือว่าโอเคนะ แต่ว่าอยากให้คุมมุขพล็อตสามคนของอิ่มเอมนิดนึงครับ บางครั้งผมรู้สึกว่ามันดึงให้เรื่องดูไร้สาระไปนิดหน่อยจนไม่เรียล(ถ้าเทียบกับบรรยากาศของคู่สีหราช-คีตกาล) ภาษาก็ค่อนข้างสวย เขียนได้ถูกต้อง อาจมีคำผิดบ้างเล็กน้อย ก็อยากให้ตรวจสอบอักษรรอบสุดท้ายก่อนลงครับ

พล็อตหลักผมว่าผมไม่เห็นนะครับ ผมเห็นแต่ประเด็นหลักๆว่า 'สีหราชและคีตกาลจะกลับมารักและคบกันอีกเมื่อไหร่' แค่นี้ ซึ่งสำหรับผมแล้วมันโอเค เพราะเรารู้จุดมุ่งหมายแล้ว นอกนั้นเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมรายทางครับ ส่วนตัวที่ผมชอบคือผู้แต่งให้รายละเอียดเรื่องเก่าๆที่เคยคบกัน ความรู้สึกหวั่นไหว ผ่านทางเหตุการณ์ปัจจุบันได้ดี ถ้าจะมีให้แนะนำเพิ่มอีกนิด ก็คือทำให้รายละเอียดเพิ่มเติมนั้นดูมีน้ำหนักมากขึ้นครับ คุณอดิศร คุณเกียรติศักดิ์ รวมถึงพล็อตในอนาคต อยากให้สร้างพื้นเพและความสมเหตุสมผลของตัวละครกับเหตุการณ์ขึ้นอีกแบบคีตกาลหรือสีหราช มันจะทำให้แนวทางดำเนินเรื่องดูน่าสนใจขึ้นครับ

ปริมาณความยาวต่อตอนก็ถือว่าดีครับ ใช้สัญลักษณ์หรือตัวคั่นวรรคตอนก็เหมาะสม เรื่องระยะเวลาการแต่งหรือการลง สำหรับผมก็ไม่มีปัญหา แต่เห็นว่าคุณไซน์เขียนเรื่อง intoxication ไว้ด้วย ส่วนตัวแล้วก็อยากให้ทุ่มเทไปทีละเรื่องนะครับ เลยขอเป็นกำลังใจให้ สู้ๆครับ :)
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Arzumi ที่ 03-12-2015 00:48:10
สู้ๆ คร้าบบบบ :katai5:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 03-12-2015 22:45:44
ชอบมากกกกกกก เพิ่งได้มาอ่าน พลาดดดจริงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะรออยู่น้า :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 06-12-2015 22:00:11
-รักพัดหวน-
ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน










“ฮาเซลนัทลาเต้แก้วหนึ่งครับ”  ครู่ใหญ่กาแฟสดพร้อมด้วยแซนวิชกล่องเล็กก็ถูกนำมาวางตรงหน้า  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“สิงห์  ขอบใจนะ!”

“อืม”  ร่างสูงเพียงพยักเพยิดให้อีกฝ่ายรีบกินก่อนที่กาแฟจะคลายความร้อน

“แล้วไม่มีเรียนหรือ?”  คีตกาลกัดแซนวิชคำโตกลืนลงท้องแล้วเอ่ยถาม

“อีกชั่วโมงหนึ่ง”

“อื้ม”

“ลำเอียงเป็นบ้า!”  สีหราชเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างคีตกาล  ชายชาญจ้องเขาตาแทบถลน  คีตกาลหัวเราะแล้วยื่นกล่องแซนวิชที่เหลืออีกชิ้นให้เพื่อน  “กาแฟล่ะ?”

“?”  สีหราชเอียงคอมอง  “ไม่มี”

“.....”  คนถามได้แต่อ้าปากค้าง  นึกอยากด่าน้ำใจอันน้อยนิดก็ด่าไม่ออก  จนเมื่อร่างใหญ่โตของอิ่มเอมเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเขาพร้อมกาแฟ   ....แก้วละ10 บาท  วางตรงหน้าเขาและตัวเอง     แม้ไม่ค่อยพอใจหากชายชาญก็คว้ามาดูดทีเดียวเกือบหมดแก้ว  แล้วจึงบ่นว่ามันหวานจนเลี่ยน  หนำซ้ำกินแล้วยังไม่หายง่วงด้วย   อิ่มเอมมองคนบ่นพลางทำตาปริบๆ  ยื่นแก้วของตัวเองที่เหลือครึ่งแก้วไปให้คนตรงหน้า  ชายชาญเบ้ปากใส่  ก่อนจะเอาหลอดจากแก้วตัวเองเสียบลงไปแล้ว  ดูด....

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เวลาพักกลางวันของพวกเขา  ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อทานอาหาร  พูดคุย  ทะเลาะ  เล่นหัว หรือแม้แต่นั่งเงียบๆด้วยกันเฉยๆแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ

“เย็นนี้กลับยังไง?”  ชายชาญเงยหน้าจากหนังสือขึ้นถามเพื่อน   ทำให้สีหราชเงยหน้าขึ้นมองตาม

“ก็...รถเมล์มั้ง”

“รถไปไหน?”   สีหราชถามไม่ละสายตาจากแก้มใสของคีตกาล

“เสียน่ะ”

“งั้นตอนเย็นจะไปส่ง”

“หืม?”   ทั้งหมดส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน  สีหราชกระแอมไอพลางก้มลงอ่านหนังสือในมือ

“วันนี้ไม่มีงานพิเศษ”   ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน  หากอิ่มเอมเหลือบสายตาขึ้นมองเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว   ช่วงนี้
สีหราชไม่ค่อยไปทำงานพิเศษหนักเหมือนช่วงก่อน  ยิ่งตอนนี้ใกล้สอบงานยิ่งเหลือน้อยลง

“มึงลาออกจากงานที่ร้านหมูกระทะเหรอวะ?”  ตามนิสัยของอิ่มเอมเขาอดทนเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่นาน

“ก็  คนเขาพอแล้ว”  สีหราชตอบโดยไม่มองหน้า  อิ่มเอมทำท่าขยับปากจะถามหากแล้วก็เงียบลง

“ดีแล้ว  สิงห์จะได้พักบ้าง  ทำงานทุกวันเหนื่อยตายเลย  เทอมหน้าก็ปีสองแล้วค่อยทำใหม่ก็ได้เนอะ?”  คีตกาลยกยิ้ม  สีหราชเพียงยิ้มตอบไม่เอ่ยอะไร






หลังมรสุมการสอบผ่านพ้นไปก็เข้าช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่   คีตกาลใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัวและการท่องเที่ยวในต่างประเทศ  ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน  เขามักหาซื้อของฝากแปลกๆติดตัวไว้อย่างน้อย 3 ชิ้น หนึ่งให้สีหราชและเพื่อนอีกสองคน  ยิ่งของหายากยิ่งยากเอามาให้สีหราชได้เห็นเร็วๆ   เขาเก็บของมากมายห่อกันกระแทกอย่างดีและแน่นหนาเพื่อไม่ให้แตกหักเสียหาย   อยากรู้ว่าสีหน้าของสีหราชจะเป็นแบบไหนยามเมื่อเห็นของเหล่านี้ก็ทำให้แทบอยากจะขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเร็วๆ

อิ่มเอมนั่งเท้าคางมองเพื่อนตัวสูงที่หยิบนู่นจับนี่มือเป็นระวิง  เขาเพิ่งกลับจากบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน  ก่อนหน้านี้เขาขึ้นเหนือไปเที่ยวกับชายชาญแล้วจึงกลับบ้าน  จากนั้นก็นึกได้ว่าสีหราชจะไปเที่ยวไหน  เขาโทรศัพท์เข้าบ้านเด็กกำพร้าที่
สีหราชยังพักอาศัยอยู่จึงได้คำตอบ

‘สิงห์ออกไปทำงานค่ะ’  เป็นเสียงครูอ้อยที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี   ดังนั้นอิ่มเอมจึงขับรถไปยังห้างดังชื่อคุ้นหูแล้วตรงไปยังร้านกาแฟแบรนด์ดัง   เขาเห็นร่างสูงของสีหราชอยู่ในชุดเครื่องแบบของร้าน  อิ่มเอมถอนหายใจแล้วตรงไปยังเค้าท์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม

“อเมริกาโน่แก้วนึง”  สีหราชเหลือบสายตามองเพื่อนแล้วทวนรายการ
จนเมื่อไม่มีลูกค้าต่อแถวแล้วอิ่มเอมจึงกวักมือเรียกเพื่อนให้ออกมาหาที่โต๊ะ

“เย็นนี้ไปกินข้าวกัน”

“ไม่ได้”

“หืม?”

“ติดงานที่เซเว่น”

“...งั้นวันพรุ่งนี้”

“ไม่ได้”

“วันมะรืน”

“ไม่ได้  วันไหนก็ไม่ได้  แต่ถ้ามึงอยากกินข้าวด้วยจริงๆต้องรอหลังเที่ยงคืน”  สีหราชรีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเพื่อน

“ไอ้สิงห์!”

“ก็...กูต้องทำงาน”

“แล้วไม่มีวันหยุดหรือไง?”  อิ่มเอมขมวดคิ้วฉับเมื่อสีหราชส่ายหน้า  นึกโมโหเพื่อนขึ้นมาครามครัน

“มึงก็รู้ว่ากูต้องใช้เงิน”

“แต่มึงเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร!”

“กูรู้”

“นี่คือรู้แล้ว?”   อิ่มเอมจ้องหน้าเพื่อน  “กูเห็นมึงลดงานพิเศษที่มหาวิทยาลัยแล้ว  แต่ไหงพอปิดเทอมถึงมาตะบี้ตะบันอีก?”

“.......”

“มึงลดงานช่วงเปิดเทอมลงเพื่อที่จะได้มีเวลามากขึ้น  ใช่ไหม?” 

“อืม”

“ให้มีเวลามากขึ้นเพื่ออะไร?”

“.....”

“กูคงถามผิด  ต้องถามว่าเพื่อให้มีเวลามากขึ้นเพื่อใครต่างหาก  ถูกไหม?”  อิ่มเอมเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ  พลางนึกถึงพฤติกรรมของเพื่อนในช่วงที่ผ่านมา   สีหราชที่นอกจากเรียนก็มีเพียงงานพิเศษ  แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งก็มีบางอย่างเพิ่มขึ้นมา   คีตกาล    ช่วงเวลาของสีหราชมีคีตกาลเพิ่มเข้ามา  แทนที่งานพิเศษซึ่งถูกลดลง...

ช่วงเช้า  กาแฟร้อนหนึ่งแก้วพร้อมขนมหรือแซนวิชกล่องเล็ก  กลางวันทานข้าวด้วยกัน  ตอนเย็นบางวันก็โหนรถเมล์ไปส่งที่บ้าน...  ทุกช่วงเวลาของสีหราชจะมีเงาของคีตกาลแทรกอยู่เสมอ

“เป็นเพราะไอ้เพลง?”  สีหราชหันขวับจ้องหน้าเพื่อน

“.....”

“มึงชอบมัน?”

“เพื่อน”

“ห้ะ?”

“ก็เพื่อนกันทั้งนั้น”

“กูก็เพื่อนมึงแต่ไม่เห็นมึงทำอะไรให้เหมือนที่ทำให้ไอ้เพลง”

“มึงอิจฉา?  อยากให้กูเหมือนที่ทำกับเพลงเหรอ?”

“อย่า!”  อิ่มเอมยืดกายขึ้นตรงแล้วลูบแขนตัวเองอย่างนึกขยาด  แค่ลองนึกภาพผู้ชายตัวโตๆสองคนเดินหัวร่อต่อกระซิกพร้อมถือแก้วน้ำให้กันเขาก็ขนลุกแล้ว

“อ้าว  นึกว่าอยากให้ทำแบบนั้น?” 


สุดท้ายอิ่มเอมก็หาเวลากินข้าวกับเพื่อนไม่ได้เลยจนกระทั่งเปิดเทอม   ระหว่างนั้นความสนิทสนมกับชายชาญก็เพิ่มระดับขึ้นเนื่องจากทั้งคู่ชอบการท่องเที่ยวและการผจญภัยเหมือนๆกัน  แม้ชายชาญที่ร่างกายค่อนข้างเล็กไม่เอื้ออำนวยกับการโลดโผนนักแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค



สีหราชยกยิ้มเมื่อเห็นร่างโปร่งของคีตกาลเดินเข้ามาหา   คนตรงหน้าดูอวบขึ้นเล็กน้อย  ผิวก็คล้ำขึ้น  หากยังคงดูแข็งแรงดีเขาก็สบายใจ   กิจกรรมวันแรกของพวกเขายังคงเหมือนที่ผ่านมา   กินข้าวด้วยกันอ่านหนังสือด้วยกัน

“วันนี้แวะไปที่ห้องนายนะ?”  คีตกาลเอ่ยขึ้นหลังหมดคาบเรียนและสีหราชไม่มีงาน  ทั้งอิ่มเอมและชายชาญก็โดนคะยั้นคะยอให้ไปด้วย  โชคดีว่าตอนนี้อดีตเพื่อนร่วมห้องของสีหราชย้ายออกไปแล้ว   อิ่มเอมได้ทีจึงยื่นเรื่องขอย้ายชื่อมาอยู่กับสีหราชแทน

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ฉันมีของฝากมาให้พวกนายเยอะแยะไปหมดเลย”

“....”

กองข้าวของมากมายที่สีหราชช่วยแบกมาจากรถถูกกองอยู่บนเตียงโดยกินพื้นที่ไปมากกว่าครึ่ง   ชายชาญโวยวายว่าทำไมของสีหราชจึงมากกว่าของคนอื่น  คีตกาลหัวเราะชอบใจพลางว่า

“ก็เวลาเห็นอะไรฉันนึกถึงสิงห์ก่อนนี่นา”   หัวใจของสีหราชเต้นแรงกับคำตอบนั้น   เขาดีใจมากเป็นเรื่องจริง  หากส่วนหนึ่งกลับเจ็บแปลบยามมองเห็นของราคาแพงตรงหน้า

“นายไม่ชอบของพวกนี้หรือ?”  รอยยิ้มแปลกแปร่งของร่างสูงทำให้คีตกาลเอ่ยปากถาม 

“เปล่า  ชอบมาก”

“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”

“...ของพวกนี้มีแต่ของแพงๆ”

“อืม”

“...คราวหน้าไม่ต้องสิ้นเปลืองแบบนี้อีกนะ”

“?”  ทั้งๆที่หวังว่าจะได้เห็นสีหน้าดีใจของอีกฝ่ายแต่ท่าทางเรียบเฉยของสีหราชก็ทำให้อดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้

“ฉันชอบมาก  อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิ”  สีหราชยกยิ้ม  พลางหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา  “ชิ้นนี้มาจากไหนนะ?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง เห็นท่าทางสนใจของร่างสูงแล้วรีบกุลีกุจออธิบายถึงความเป็นมาและความแปลกของมันอย่างสนุกสนาน

ขอแค่เพียงรอยยิ้มดังดวงตะวันนี้ไม่จางหายไปเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่าง....




*********


“เอ่อ  เพลง  เราขอเวลาหน่อยได้ไหม?”  หญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาทั้ง4คู่ของคนในกลุ่ม  สีหราชมองท่าทางของหล่อนแล้วให้ใจกระตุกวูบ  ดวงตาคมดุหรุบลงมองพื้นโต๊ะราวกับกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้   คีตกาลเหลือบมองเพื่อนทั้งโต๊ะแล้วยิ้มอายๆ  เมื่อเห็นว่าไม่ใครทำท่าทางหยอกล้ออะไรจึงพยักหน้าแล้วลุกเดินตามหญิงสาวออกไป   ทั้งคู่หยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของตึกซึ่งค่อนข้างห่างจากสายตาผู้คน

สีหราชเงยหน้าขึ้นมองภาพคนทั้งคู่  พลันหัวใจเจ็บแปลบยามเห็นรอยยิ้มสวยของคีตกาลดูเขินอาย  มือขาวยกขึ้นแตะหลังคอตัวเอง  เขาเหลือบมามองทางโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่  สีหราชรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง

“สงสัยมาขอไอ้เพลงเป็นแฟนแหง”

“หืม?”  อิ่มเอมละสายตาจากหนึ่งชายหนึ่งหญิงหันมามองชายชาญแล้วเหล่มองเพื่อนตัวเอง

“นายว่าเพลงจะตกลงไหม?”

“ไม่รู้ซิ  ขออย่าให้ตกลงแล้วกัน”

“ทำไมล่ะ?”  ชายชาญตวัดสายตามมองอิ่มเอม

“ก็ไม่อยากให้คบ”

“?”  คิ้วเรียวของชายชาญขมวดฉับกับคำตอบของอิ่มเอม   คนตัวเล็กหน้างอง้ำพลางส่งเสียงหึในคออย่างไม่ชอบใจ   อิ่มเอมมองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม

“โกรธอะไร?”

“เปล่า!”

“เห็นๆอยู่ว่าโกรธ”

“ก็บอกว่าเปล่า!”  คนตัวเล็กเริ่มเสียงดัง  มือเล็กตบโต๊ะดังปัง   

“ฉันขอตัวก่อนนะ”

“มึงจะไปไหน?”  อิ่มเอมเงยหน้ามองเพื่อนซึ่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  สีหราชหันไปมองทางคีตกาลอีกครั้งแล้วยกยิ้มไม่ตอบคำก่อนจะลุกเดินออกไป   อิ่มเอมมองตามสายตานั้นแล้วถอนหายใจ

“เพลงจะมีแฟนนายเสียใจขนาดนั้นเลยหรือไง?”  ชายชาญตวาดแหว

“อะไรของนายเนี่ย?”  อิ่มเอมมองแก้มป่องๆของชายชาญแล้วหัวเราะชอบใจ  ไอ้ที่หนักอกคือเรื่องของเพื่อน  จะโวยวายแทนก็ดูไม่เข้าทีเลยได้แต่แสร้งเงียบ

“อ้าว  สิงห์ล่ะ?”  คีตกาลเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นร่างของใครอีกคนตอนกลับมาที่โต๊ะ

“ไปไหนแล้วไม่รู้  ว่าแต่  สาวคนนั้นมาทำไมน่ะ?”  ชายชาญเร่งถาม

“ก็...มา”

“อะไร  เร็วๆอย่าอมพะนำอยู่”

“ก็มาขอคบด้วย”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ

“แล้วนายตอบไปว่ายังไง?”

“ก็   ขอลองคบเพื่อศึกษาดูก่อน”

“เฮ้ย  นายใจง่ายไปไหมเนี่ย  ทำไมถึงยอมคบด้วยง่ายจัง”   อิ่มเอมโวยวายให้ชายชาญจ้องตาเขม็งอีกครั้ง

“...อันที่จริงแล้ว...เมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนเข้าใจผิดน่ะ”

“หืม?”  อิ่มเอมส่งเสียงในลำคอ  ขณะที่ชายชาญซึ่งเพิ่งนึกออกถึงกับหัวเราะออกมา

“อ้อ  ข่าวลือนั่น”

“ข่าวลืออะไร?”

“มีคนลือว่าเพลงเป็นเกย์”

“?”

“บอกว่ากำลังคบอยู่กับนายสีหราชสุดหล่อแห่งคณะนิติศาสตร์”

“ฉันไม่เห็นเคยได้ยิน?”  อิ่มเอมขมวดคิ้ว

“นายอยู่กลุ่มนี้ใครเขาจะมาพูดให้ได้ยิน  อีกอย่างนอกจากภูเขาและโรงยิมนายเคยไปขลุกอยู่ที่อื่นด้วยหรือไง  ไม่ได้ยินก็ไม่เห็นแปลก”  ชายชาญลอยหน้าตอบ

“แล้วนายรู้ได้ไง?”

“รู้ซิ  เมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอเพลงเป็นแฟน”

“ห้ะ?”

“สิงห์ก็อยู่ด้วยนะ  หมอนั่นเข้ามาขวางเลยโดนผู้ชายคนนั้นหาเรื่อง  บอกว่าเป็นแฟนก็บอกมาดีๆ”

“หมอนั่นไม่เห็นเล่าให้ฟัง”  อิ่มเอมยกมือแตะคางขมวดคิ้ว

“พอดีไม่ได้มีเรื่องน่ะ  สิงห์คงไม่อยากให้นายไม่สบายใจมั้ง”  คีตกาลยิ้มแหยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน  “แค่สิงห์ไม่รู้สึกแย่ที่เป็นข่าวลือกับฉันก็ดีแล้ว”

“?”  คนตัวโตเงยหน้าขึ้นมอง “มันจะไปรู้สึกแย่อะไรกับข่าวพวกนั้น”

“?”

“ช่างเถอะๆ”  อิ่มเอมโบกมือ  มองทางที่เพื่อนเดินจากไปแล้วได้แต่ถอนหายใจ




*********


“มึงจะแสดงพิรุธมากเกินไปแล้วมั้ง”

“!”  มือแกร่งชะงักการปาหินลงน้ำ   เขาเหลือบมองเพื่อนตัวโตพลางถอนหายใจแล้วปล่อยหินก้อนเล็กตกลงพื้น

“ยังไงมึงก็ไม่ควรหายหน้าหายตาไปแบบนี้  กูพลอยถูกมันเค้นคอถามแทบทุกวันจนจะบ้าตายอยู่แล้ว  นี่หมากระเป๋ายังดักเล่นงานแทบไม่ว่างเว้นแต่ละวัน”  ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาเลี่ยงได้ถือว่าเก่งมากแล้ว

“.....”

“ถึงจะฝากกาแฟฝากขนมไปให้ทุกเช้า  แต่เล่นไม่โผล่หน้าไปมันก็....  นี่ฟังกูอยู่หรือเปล่า!”  อิ่มเอมตะคอกเพื่อนอย่างเหลืออด  ทุกๆวันเขาต้องเจอคีตกาลและชายชาญกดดันถามหาสีหราชอยู่ตลอดมันเหนื่อยนะ!

“ฟัง”

“งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวกับพวกกู”

“มีงาน”

“ขอแลกกะซะ”

“....”

“ถ้าไม่งั้นกูจะบอกไอ้เพลงว่าที่มึงหายหน้าไปแบบนี้เพราะมึงทนไม่ได้ที่มันมีแฟ...”

“อย่า!”

“อย่าคิดว่ากูใจร้ายอะไรเลยนะ  ก็ให้เวลามึงตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ  สู้หรือถอย  เลือกเอาเอง”

“....สู้อะไร?  ถอยอะไร?  เพื่อนกันทั้งนั้น”

“ไอ้การแสดงออกของมึงมันไม่ใช่แค่เพื่อนสักหน่อย”

“?”  สีหราชขมวดคิ้ว  เขาคิดว่าที่ตัวเองรู้สึกตลอดเวลาที่ผ่านมาเพราะคีตกาลเป็นเพื่อนคนแรก  เป็นคนที่อยู่ในความทรงจำ  เป็นสิ่งสวยงามซึ่งเขาไม่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น   อาจเป็นอาการหวงเพื่อน...

“ถ้ายังยืนยันว่าแค่เพื่อนก็ทำใจยอมรับแฟนไอ้เพลงซะ”  คล้ายรู้ความคิดของคนข้างๆอิ่มเอมจึงเอ่ยออกมา   สีหราชส่ายหน้า  ทำใจยอมรับคนรักของคีตกาลอย่างนั้นหรือ?  ถ้าทำได้ง่ายอย่างนั้นตอนนี้เขาจะมาอยู่ที่นี่ทำไม?

“ไม่ได้”

“....นอกจากพวกกูสามคนมึงมีเพื่อนคนอื่นอีกไหม?”  อิ่มเอมเอียงคอถามเพื่อน   สีหราชครุ่นคิด  หากบวกเพิ่มพี่ครามที่รักเหมือนพี่น้องเขาก็แทบไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกเลย  สุดท้ายจึงได้แต่ส่ายหน้าตอบ

“ความรู้สึกที่มีต่อไอ้เพลง  แตกต่างจากกูกับหมากระเป๋าไหม?”   คราวนี้สีหราชพยักหน้ารับ    พลันกระจ่างแจ้งในใจ   คำว่าเพื่อนยามเมื่อเขาเอ่ยอ้างนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง   สีหราชไม่เคยนึกอยากจ้องมองรอยยิ้มของใครมากเท่ารอยยิ้มของคีตกาล  ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนกับใครเหมือนตอนได้ใกล้ชิดคีตกาล  ไม่เคยนึกอยากทำสิ่งดีๆให้ใครมากเท่ากับคีตกาลมาก่อน  แค่นึกถึงก็อุ่นอวลในใจ  แม้บางครั้งความสุขจะเจือความเจ็บปวดมาบ้าง  เขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี

ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

หากวันนี้  ตอนนี้เขากลับได้คำตอบ...

ว่าสิ่งที่ตามหาอาจเป็นคีตกาลตั้งแต่แรก...










เย็นนั้นกลายเป็นคีตกาลที่พาแฟนสาวมาด้วยเป็นฝ่ายงอนให้สีหราชยกยิ้มอ่อนใจ  เขาขอโทษหญิงสาวแล้วลากแขนร่างโปร่งไปห้องน้ำด้วยกัน

“ขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร  นายทำอะไรผิดหรือไง?”  คีตกาลกอดอกถาม

“พอดีช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องงานพิเศษน่ะ”

“........”

“...คราวหลังจะไม่หายไปแบบนี้อีก”

“จริงนะ?”

“อืม”   แค่สีหราชพูดไม่กี่ประโยคคีตกาลก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง  ความรู้สึกขุ่นเคืองและไม่สบายใจก่อนหน้าพลันมลายหาย  เขายิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วพากันกลับมาที่โต๊ะ   อิ่มเอมเหลือบตาขึ้นมองแล้วก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้ม  แกล้งตักนู้นหยิบนี่ใส่จานชายชาญสาวะวนไปหมด  จนคนตัวเล็กเอ็ดไปเสียหลายรอบ

คีตกาลแนะนำแฟนสาวให้สีหราชรู้จัก  เธอชื่อส้ม  หน้าสวยหมดจดเหมาะสมกับคนตรงหน้า   ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มให้หญิงสาว  แม้ความเจ็บแปลบในอกซ้ายจะตีกระหน่ำจนร้าวไปทั้งอกเขาก็ยังแสร้งยิ้ม   ชายหนุ่มทิ้งลงนั่งข้างเพื่อน  ฝ่ายนั้นตบบ่าเขาสอง-สามทีแล้วตักอาหารมาให้  สีหราชตักใส่ปากไปไม่กี่แล้ววางช้อน  อาหารน่าทานตรงหน้าเขากลับไม่รู้รสชาติเลยสักนิด ความฝาดเฝื่อนบาดลำคอให้กลืนไม่ลง

“จะกลับแล้วหรือ?”  คีตกาลถลันลุกขึ้นยืนเมื่อสีหราชยกผ้าขึ้นเช็ดปาก  ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน

“พอดีมีงานพิเศษต่อน่ะ”

“ถ้างั้น...ก็เลิกแค่นี้แล้วกัน”

“เอ๊ะ?”  ส้มเงยหน้าขึ้นมองคีตกาลแล้วหันมามองทางสีหราชอย่างไม่พอใจ

“พวกนายกินกันต่อเถอะ  ดูท่าส้มจะยังทานไม่อิ่มด้วย”

“....อืม”  สุดท้ายคีตกาลก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งตามเดิมเมื่อเหลือบมองคนข้างตัว  ส้มยกยิ้มขอบคุณสีหราชที่เข้าใจเธอ

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยกินข้าวกลางวันด้วยกัน”  สุดท้ายเพราะทนเห็นสีหน้าเหงาหงอยของอีกฝ่ายไม่ไหว  สีหราชจึงเอ่ยปากนัดหมายออกมา  คีตกาลยกยิ้มพยักหน้ารับ  ใบหน้าซีดๆเมื่อครู่จึงค่อยมีสีสันขึ้นมา





.
.

“เอ้า  กาแฟกับขนมของมึง”  อิ่มเอมวางแก้วกระดาษทรงเตี้ยลงตรงหน้า  คีตกาลเหลียวซ้ายแลขวาทันที

“สิงห์ล่ะ?”

“โดนสโมฯเรียกตัวไปคุยงาน”

“เช้าขนาดนี้น่ะนะ?”

“อืม”  จะบอกได้อย่างไรว่าเพื่อนเขาต่างหากที่เป็นคนลากคอสโมฯไปคุยงานแต่เช้า “....กาแฟร้านนี้อร่อยหรือไง  เห็นกินมาเป็นปี”  อิ่มเอมเสเปลี่ยนเรื่อง

“ก็อร่อยดี  ไม่รู้ว่าร้านอื่นอร่อยไหมแต่สิงห์ซื้อร้านนี้ให้ตลอด”

“...แพงนะ”

“?”

“เปล๊า!”  คนตัวโตแสร้งทำเสียงสูงแล้วลุกขึ้นยืน “กูไปเรียนละ”

คีตกาลขมวดคิ้วมองแก้วกาแฟตรงหน้าที่เป็นของร้านตรงหน้ามหาวิทยาลัย  เพราะรสชาติค่อนข้างดี  ร้านก็น่านั่ง  นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็นลูกค้าที่นี่  หากเขาเพิ่งสังเกตและเอะใจ...

ตลอดเวลาที่ผ่านมา....คีตกาลจะได้กาแฟสดดูมีราคาพร้อมขนมรองท้อง  ส่วนสีหราชเองเล่า?  บางครั้งเพียงนั่งมองเขากิน  บางครั้งก็ดื่มกาแฟชงถูกๆตามร้านข้าวใต้คณะฯ  ถ้าอิ่มเอมไม่ถามเขาก็คงไม่นึกถึงมาก่อน

พักกลางวันคีตกาลเดินสวนกับส้ม  เธอกำลังจะชวนเขาออกไปทานข้าวข้างนอกหากชายหนุ่มกลับยกมือห้ามแล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกโดยไม่สนใจท่าทีของเธอ

“สิงห์อยู่ไหนน่ะ  สโมฯ?  ฉันกำลังจะไป  อย่าให้เขาหนีหน้าฉันไปไหนอีกล่ะ”   อิ่มเอมที่อยู่ปลายสายรับปากอย่างไม่พอใจ

“เพลง?”

“อ้าว ส้ม?”

“เพลงไปไหนหรือ?  เราว่าจะมาชวนเพลงไปกินข้าวข้างนอก”

“โทษที  ตอนนี้ไม่ว่างแล้วน่ะ”  พูดจบก็เดินไปสั่งกาแฟชงกับข้าวกล่องมาอย่างละสอง

“เพลงจะไปไหน?”

“เอาข้าวไปส่งให้สิงห์น่ะ”

“สิงห์?”

“อืม”

“...เขาสำคัญขนาดนั้น?”  คิ้วเรียวสวยของหญิงขมวดฉับ  มองท่าทางของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนแล้วไม่พอใจ

“ก็เพื่อนกัน”

“เพื่อนอะไรที่ทำให้ต้องทิ้งแฟนแล้วซื้อข้าวไปส่ง”

“.......”   คีตกาลละมือที่กำลังจะหยิบเงินจากระเป๋ามามองหญิงสาวตรงหน้า  “ถ้าจำไม่ผิดเราคุยกันว่า...จนกว่าจะตกลงเป็นแฟนก็ต่อเมื่อการทดลองคบกันในช่วง 4เดือนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี”

“เพลง  นี่มันบ้าบอสิ้นดี  มีทดลองคบเป็นแฟนด้วยหรือไง?”  หญิงสาวหัวเราะขำ

“......”

“คบก็คือคบ  วันนั้นที่เพลงตกลงว่าคบกับเราเราถือเพลงเป็นแฟนเรา  เราเป็นแฟนเพลงแล้วนะ”

“ส้ม....”

“....”  หญิงสาวขมวดคิ้วกับท่าทางอึกอึกของคนตรงหน้า  พลันข่าวลือก่อนหน้านี้จึงวาบเข้ามาในความคิด  “หรือที่จริงแล้วเพลงเป็นเกย์อย่างที่คนเขาว่าจริงๆ?”

“?”

“คบกับเราแต่ทำไมถึงทำท่าเหมือนคนอกหักตอนผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป”

“.....”

“ตอนนี้ก็ซื้อข้าวซื้อน้ำยังกับจะไปง้อแฟน”

“เรา...  เรากับสิงห์เป็นเพื่อนกัน”

“.......  ถ้าอย่างนั้นเราจะไปด้วย”

“เอ๊ะ?”

“ซื้อข้าวกับกาแฟไปให้สิงห์ไม่ใช่หรือ?”

“อืม”

“ไปกันเถอะ” 

ส้มเดินควงแขนคีตกาลไปยังสโมสรนักศึกษา  ด้วยหน้าตาและดีกรีเดือนมหาลัยของคีตกาลทำให้สาวๆมองมาอย่างอิจฉา  หากคนโดนมองเพียงแต่ครุ่นคิดถึงประโยคของหญิงสาวเมื่อครู่ 

 ...เขาแสดงท่าทีต่อสีหราชผิดแผกจากคนเป็นเพื่อนควรแสดงต่อกันอย่างนั้นหรือ?

ถ้าอย่างนั้นสีหราชจะโดนมองไม่ดีไปด้วยหรือเปล่า?  คราวที่แล้วตอนมีข่าวลือแม้ฝ่ายนั้นไม่แสดงท่าทางเดือนร้อนแต่เขาก็รู้ว่าคนอื่นๆมองสีหราชไม่หมือนเดิม   ตอนนี้เขามีแฟนแล้วสีหราชคงไม่โดนคนอื่นจับคู่กับแล้วกระมัง?
พอถึงสโมสรนักศึกษาหญิงสาวที่คล้องแขนเขาก็ผละออก  คีตกาลเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ

“เพลงเข้าไปเถอะ  เราจะกลับแล้ว”

“เอ๊ะ?”

“ส้มมีเรียนบ่ายโมง  ไปก่อนนะ”  ไม่รอให้คีตกาลตอบรับเธอก็เดินออกไปทันที   เขายักไหล่แล้วมองหาคนที่ต้องการ   ร่างสูงของสีหราชกำลังเลือกหยิบข้าวกล่องที่สมาชิกชมรมซื้อมาให้

“สิงห์”

“?”  สีหราชเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นคีตกาลที่นี่  เขาเหลียวมองรอบๆว่าอีกฝ่ายมากับใคร  จึงเห็นเงาร่างของส้มยืนแอบอยู่ตรงหลังประตูทางเข้า

“พักแล้วใช่ไหม   งั้นมากินข้าวกัน”

“แล้วแฟนนายล่ะ”

“ส้มเหรอ?  กลับไปแล้ว”

“....”

“นี่  ข้าวพะแนงหมูของโปรดนาย  ส่วนนี่ข้ามมันไก่ของฉัน  ร้านใต้ตึกฟิสิกส์”

“......”  สีหราชเงยหน้ามองรอบด้านอีกครั้ง  เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงสาวแล้วเขาจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “อุตส่าห์จำได้ด้วยหรือว่าฉันชอบกินอะไร?”

“มีไม่กี่อย่างหรอกที่นายชอบกินน่ะ”

“อืม   ก็จริงแหะ”

“กาแฟร้านลุงช่วย”

“ขอบใจ”

“เพิ่งรู้ว่าลุงแกชงกาแฟอร่อย  คราวหลังนายก็ไม่ต้องซื้อร้านหน้ามอ.แล้วนะ”

“?”

“แพงเสียเปล่า  สู้ของลุงช่วยไม่ได้  ทั้งหวานทั้งมัน  อร่อยกว่ากันเยอะ”

“นายไม่ชอบกาแฟร้านที่ฉันซื้อให้หรือ?”

“เปล่า  ไม่ใช่อย่างนั้น  คือว่า  แค่...มีร้านอร่อยอยู่ใกล้แค่นี้จะไปซื้อทำไมที่อื่นต่างหาก”

“.......”

“หรือนายว่าไม่อร่อย  ก็เห็นนายกินทุกวันนี่นา”  ถามพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วยสีหน้าสงสัย  “อร่อยออก”   
สีหราชหัวเราะกับท่าทางนั้น  พลันในใจของคีตกาลจึงคล้ายมีลมพัดผ่านมา  ทั้งสดชื่นและอุ่นสบาย  ความรู้สึกหนักหน่วงในใจของช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาคล้ายค่อยคลายลงเพียงเพราะรอยยิ้มของสีหราช




*********
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 06-12-2015 22:02:01


คีตกาลไม่เคยสังเกต ...หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยเจอส้มอีกเลย...เวลาส่วนใหญ่วันไหนที่สีหราชว่างจากงานพิเศษทั้งหมดจะหมกตัวอยู่ที่ชมรม  และการเตรียมแผนงานไปสร้างห้องน้ำและสนามเด็กเล่นให้กับโรงเรียนต่างจังหวัด

“เพลง  นายเลิกกับส้มแล้วหรือ?”  ชายชาญเหมือนจะเพิ่งนึกออกเอ่ยปากถาม

“เอ๊ะ?”  คีตกาลหันมามองหน้าเพื่อนแล้วนิ่งไป    เขาลืมเลือนหญิงสาวคนนั้นไปแล้ว  ตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเธอเป็นอย่างไรเขาก็นึกไม่ออก

“ตั้งแต่ตอนไหนน่ะ?”  คล้ายอยากได้คำตอบที่ชัดเจน  เพื่อนตัวเล็กจึงซักไซ้ไม่เลิก

“...ไม่รู้ซิ”

“...เฮ่อ  เราว่าคงตั้งแต่แรกนั่นแหละ”

“หืม?”

“ตั้งแต่แรกนายกับส้มก็ไม่ได้คบกันแล้ว  ใช่ไหม?  หรืออันที่จริงส้มคบนายฝ่ายเดียวต่างหาก”

“....”

“ต่อให้มีส้มอยู่ข้างๆ  นายก็เอาแต่อยู่กับสีหราชอยู่ดี”

“.....”  คิ้วเรียวของคีตกาลขมวด  ไม่ว่าจะนึกย้อนไปไกลแค่ไหน  ที่จดจำได้ก็มีเพียงร่างสูงของสีหราชยืนข้างๆจริงๆ “แค่เพื่อน...”

“ไม่หรอก  ไม่ใช่”  ชายชาญเอ่ยขัด  คนตัวเล็กจ้องหน้าเพื่อนแล้วเอ่ยต่อ  “นายไม่รู้ตัวหรือว่าเพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติกันแน่?”

“....”  คีตกาลหรุบสายตาพลางนึกตามคำพูดของเพื่อน

“นายนึกภาพที่ไม่มีสีหราชยืนอยู่ข้างๆไม่ออกใช่ไหม?”   คนตรงหน้าพยักหน้ารับ  “แล้วถ้าเขาหายไปเหมือนอย่างตอนนั้นล่ะ?”  พลันมือขาวของคีตกาลยกขึ้นแตะอกซ้ายของตัวเอง  ความรู้สึกหน่วงหนักเกิดขึ้นวูบหนึ่งและยังคงกดทับอยู่อย่างนั้น

“สิงห์อาจคิดกับเราแค่เพื่อน....”  สายตาไม่มั่นใจของคีตกาลทำให้ชายชาญส่ายหน้า

“เรามั่นใจว่าไม่ใช่แค่นั้น”

“?”

“คอยดูเถอะ!”




  ปิดเทอมแล้ว  คีตกาลรวบรวมของที่พอจะเป็นประโยชน์กับเด็กๆเอาไว้มากมาย  สิ่งของทั้งหมดถูกขนใส่หลังรถ
โฟวิลของอิ่มเอม  ขบวนกิจกรรมครั้งนี้มีรถบัสใหญ่หนึ่งคัน  รถกระบะหนึ่งเพื่อขนสิ่งของและอีกหนึ่งคันของอิ่มเอม  คีตกาลอาสาเปลี่ยนกันขับกับอิ่มเอมเพื่อไม่ให้ภาระตกหนักกับใครเพียงคนเดียว  สีหราชนั้นขับรถไม่เป็น  ส่วนชายชาญส่วนสูงมีปัญหาความความใหญ่โตของรถทำให้มองไม่ค่อยเห็นเส้นทาง  ดังนั้นจึงมีหน้าที่คอยป้อนน้ำป้อนขนมให้อิ่มเอมและคีตกาลระหว่างขับรถแทน

เพราะขี้คร้านกางเต็นท์หลายหลังอิ่มเอมจึงเลือกเต๊นท์ใหญ่ซึ่งเตรียมมาจากบ้านกางนอนด้วยกันทั้งหมดสี่คน  เนื่องจากมาถึงจุดหมายค่อนข้างเย็น  หลังพวกผู้ใหญ่บ้านและครูใหญ่ที่ติดต่อกันตลอดทางออกมาต้อนรับพร้อมข้าวปลาอาหาร  พวกเขาจึงชวนเด็กๆให้ไปพักที่ลานบ้านผู้ใหญ่  แต่มีหรือเด็กที่มักชอบความตื่นเต้นจะยอม  พวกเขาเพียงแค่ยืมห้องน้ำก่อนหนึ่งคืนเท่านั้น

ห้องเรียนเล็กๆถูกจัดการให้เป็นห้องพักชั่วคราวกันลมกันฝนให้พวกผู้หญิง  ส่วนผู้ชายนั้นกางเต๊นท์นอนกันกลางสนาม  ผืนผ้าใบหนาหนักถูกตั้งกระโจมขึ้นเป็นห้องน้ำชั่วคราว  พวกลิงทะโทนอย่างผู้ชายนั้นไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่  จะอาบน้ำจะปล่อยทุกข์หนักทุกข์เบาล้วนมีสถานที่มากมายให้เลือกดังนั้นกระโจมนี้จึงเป็นสิทธิ์ขาดของบรรดาหญิงสาวทั้งหมด

เช้ามืด  คนตื่นก่อนมักเป็นคนที่ตื่นเช้าจนเคยชินอย่างสีหราช   เขาลืมตาจ้องมองเพื่อนร่วมเต๊นท์ท่ามกลางความสลัว   เขากับอิ่มเอมนอนริม  คีตกาลและชายชาญนอนตรงกลาง   พลขับทั้งสองหลับลึกด้วยความเหนื่อยอ่อนสีหราชจึงไม่ปลุกเพื่อน  เขาออกไปช่วยพวกผู้หญิงเตรียมอาหารเช้า  เสร็จแล้วจึงเดินสำรวจสถานที่พลางช่วยหัวหน้าชมรมกำหนดขอบเขตจะสร้างห้องน้ำตามที่ครูใหญ่ชี้แนะ

อากาศตอนเช้าค่อนเย็น  ร่างโปร่งของคีตกาลมุดออกมาจากเต๊นท์  เขาห่มผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกมายืนตาปรือผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้โด่ชี้เด่  สีหราชเดินเข้าไปหาแล้วยิ้มกับท่าทางนั้น

“ไปล้างหน้าแปรงฟันไป  ขี้ตาเกรอะกรังเชียว”   คีตกาลยกมือขึ้นตะปบหน้าตัวเองอย่างร้อนรน  ครั้นรู้ว่าโดนแกล้งจึงถลึงตามองสีหราชอยู่ครู่หนึ่งแล้วไปล้างหน้าล้างตา

งานแบกหาม  นอกจากพวกผู้หญิงที่ไปทาสียางรถยนต์ก็มีชายชาญซึ่งถูกไล่ให้ไปรวมกลุ่มกับทางนั้นแล้ว  ผู้ชายทั้งหมดก็เริ่มลงมือกับการสร้างห้องน้ำ  สีหราช  อิ่มเอมและอีกสอง-สามคนช่วยกันขุดบ่อพักสองบ่อขึ้นมา  เพราะร่วมแรงร่วมใจ  เพียงครึ่งวันก็ได้บ่อพักที่ลึกพอ  วงปูนซีเมนซ์ค่อยถูกหย่อนวางซ้อนแล้วฉาบทับระหว่างรอยต่อ  ผนังห้องน้ำก็ก่อเป็นรูปเป็นร่าง  หลังคาสังกะสีตีแปะแน่นหนาจนแน่ใจว่าจะไม่ปลิวไปตามลมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นในช่วงเย็นย่ำด้วยจำนวนแรงงานคนที่มากมาย

ลุงผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านอีกหก-เจ็ดคนเอาอาหารมาส่ง  พลางนั่งทานข้าวด้วยกัน  จนค่ำจึงของตัวกลับเพื่อให้เด็กหนุ่มสาวได้พักผ่อน  หากกองไฟย่อมๆกลับเริ่มครื้นเครงเมื่อมีน้ำเมาเข้ามา  สีหราชหยิบกีตาร์โปร่งขึ้นมาวางบนตักตามคำเรียกร้องของเพื่อนร่วมชมรม  นิ้วเรียวกรีดไปตามสายลวดอย่างคล่องแคล่ว  หากคนร้องส่วนใหญ่กลับเป็นเพื่อนรอบวง

คีตกาลซึ่งดื่มไปสอง-สามแก้วเริ่มออกมาอาการมึน  เขาลุกขึ้นเมื่อปวดเบา  สีหราชทำท่าจะลุกออกมาด้วยหากเขายกมือห้ามด้วยไม่อยากให้เพื่อนๆหมดสนุกเพราะมือกีต้าร์ไม่อยู่    ครั้นกลับมาพื้นที่ข้างกายสีหราชซึ่งเคยเป็นที่นั่งของเขาก็มีหญิงสาวคนหนึ่งจับจองแทนที่  คีตกาลขมวดคิ้วหากไม่กล่าวอะไร  ชายชาญกวักมือเรียกให้เขาไปนั่งด้วย  ....ฝั่งตรงข้ามกับสีหราช

ไม่รู้ว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเปล่าจึงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้น   ยามเมื่อมือขาวของผู้หญิงคนนั้นตีลงบนแขนของสีหราชอย่างเขินอาย  เธอกระซิบขอเพลงอะไรสักอย่างให้สีหราชเล่นแล้วเธอร้อง   คีตกาลฟังไม่เข้าหู  นึกอยากลุกหนีไปจากตรงนี้หากชายชาญกลับรั้งมือเขาไว้  เขาเบือนหน้าหนี  จนเมื่อจบเพลงชายชาญก็ตะโกนเสียงดัง

“ไหน  มือกีต้าร์ร้องสักเพลงซิ  ให้คนอื่นๆร้องมาตั้งหลายเพลงแล้ว”  รอบวงตบมือเสียงดังอย่างเห็นด้วย  สีหราชกระแอมไอ  เขาจ้องมองคนฝั่งตรงข้าม  หวังให้อีกฝ่ายมองเขาเสียที  กระนั้นคีตกาลก็ยังคงนิ่งเฉย

เสียงกีต้าร์หวาน เศร้า หากฟังสบายหู  เสียงทุ้มจึงเอ่ยเอื้อนคำร้อง  ประโยคนั้นทำให้คีตกาลนั่งนิ่งก่อนค่อยๆเบือนหน้ากลับมามองคนร้อง   ดวงตาคมดุจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว...






ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันไม่รู้ว่าเธอจะว่าไง
ถ้าจะบอกรักไป กลัวเธอนั้นไม่คิดเหมือนกัน

ฉันกลัวเธอไม่คิดอะไร ฉันกลัวมันไม่เป็นอย่างเข้าใจ
ยิ่งสนิทเท่าไร ยิ่งไม่กล้าที่จะพูดไป

ได้แต่รอ ให้เธอพูดก่อน
ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องรออีกเมื่อไร

รอเธอบอกคำว่ารัก เพราะฉันไม่อยากจะเสียใจ
อีกนานไหม ที่ฉันต้องเก็บไว้ข้างใน
ยิ่งใกล้กัน ก็ยิ่งอึดอัดในใจ ต้องทำเป็นแค่เพื่อนกันต่อไป






ในอกซ้ายวูบไหว  แก้มสองข้างพลันร้อนผ่าว  ดวงตาคมดุคู่นั้นมองสบไม่หลบตา  ราวกับกำลังรอคำตอบจากเขาอย่างไรอย่างนั้น  คีตกาลอยากเบือนหน้าหนีหลบเพราะหัวใจเต้นแรงเสียจนอื้ออึงแทบไม่ได้ยินเสียงใคร  รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อร่างสูงของสีหราชทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ   กีตาร์สีน้ำตาลถูกเปลี่ยนมือไปให้คนอื่นเล่น

ร่างสูงไม่พูดอะไร  คีตกาลก็เอาแต่เงียบ  ทั้งสองจ้องมองเพื่อนร่วมวงส่งเสียงหัวเราะเฮฮา  ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน  หญิงสาวที่เคยนั่งข้างสีหราชก่อนหน้านี้จึงมาหยุดยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มอีกครั้ง  เธอยกมือเกลี่ยผมขึ้นทัดหูพร้อมท่าทางเขินอาย

“ขอเวลาเดี๋ยวเดียวได้ไหม?”  เธอเอ่ยกับสีหราช

“....ได้ซิ”  เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมชมรมเขาจึงไม่คิดอะไรมาก  ช่วงจังหวะที่ลุกขึ้นเพื่อเดินตามเธอออกไป  มือแกร่งกลับโดนรั้งไว้จากทางเบื้องหลัง

สีหราชก้มลงมองตัวเองแล้วให้ใจกระตุกวูบ   คีตกาลรั้งมือเขาเอาไว้  จับแน่นราวกับกลัวสีหราชจะหนีหาย  ดวงตาคู่สวยที่เหลือบขึ้นมองนั้นดูสั่นไหว

“อย่าไป”  ไม่รู้เพราะอะไรคีตกาลจึงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้   

อาจเพราะกลัว...กลัวผู้หญิงคนนั้นแย่งสีหราชไปจากเขา

“......”   ร่างสูงยืนนิ่ง  จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างค้นหา

“นะ?”

“อืม”   สีหราชหันไปขอโทษหญิงสาวคนนั้นแล้วทรุดกายลงนั่งที่เดิม  คีตกาลยกยิ้มแล้วค่อยขยับกายให้ใกล้สีหราชเข้าไปอีกนิด   ความรู้สึกสั่นไหวรุนแรงเมื่อครู่พลันเบาบางลงจนแทบไม่รู้สึก

มือแกร่งยังคงถูกกอบกุมเอาไว้...

สีหราชหรุบสายตาลงมองเสี้ยวหน้าของคนด้านข้าง  นึกอยากกระซิบถาม...  ห้ามเขาทำไม?

“!”  ชายหนุ่มสะดุ้งกายเมื่อคีตกาลหันหน้ามา  เขาเลิกคิ้วกับหน้าตาบูดบึ้งของอีกฝ่าย

“ห้ามไป!”

“?”

“แค่คิดก็ห้าม!”

“แต่...”

“ถ้านายไปผู้หญิงคนนั้นต้องสารภาพรักกับนายแน่ๆ”

“....”

“นายน่ะ...”

“?”

“นายน่ะเป็นของฉันนะ!”

“!”  สีหราชเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชัดหู  เขาผุดลุกขึ้นยืนแล้วฉุดให้คีตกาลลุกตามออกไปอย่างรวดเร็ว  ไม่สนใจเสียงโห่แซวของคนรอบข้าง  เขาไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นได้ยินประโยคเมื่อครู่ของคีตกาลหรือเปล่า  เขาไม่สนใจ

หัวใจที่เต้นระรัวในอกซ้ายของเขานี่ต่างหากที่เขารับรู้   สีหราชพาคีตกาลไปยังห้องน้ำซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ  ผู้ชายตัวโตสองคนในห้องน้ำเล็กๆทำให้พื้นที่ดูแคบไปถนัดตา  แม้กระนั้นเขาก็ยินดีเบียดร่างร่วมหายใจกับคนตรงหน้า




“รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา?”  เสียงทุ้มกระซิบถาม  เสียงนั้นสั่นไหว

“....”

“เพลง?”

“....”

“เพลงครับ?”

“....รู้”  เจ้าของแก้มแดงกระซิบตอบเสียงเบา   “ฉันพูดอะไรบ้าๆออกไป...”

“ไม่  ไม่บ้า...” ร่างสูงก้มลง  ปลายจมูกโด่งจ่อชิด  คีตกาลก้มหน้าไม่กล้าเงยสบตา  “เพลงพูดถูกแล้ว”

“?”  ประโยคเมื่อครู่ทำให้คีตกาลเงยหน้าขึ้นในที่สุด    ลมหายใจอุ่นเป่ารดข้างแก้ม

“สิงห์เป็นของเพลง”

“!”  ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง  แก้มที่ร้อนราวกับกำลังจะไหม้  หัวใจเต้นแรงเสียจนแทบกระดอนออกมานอกอก

“ให้สิงห์เป็นของเพลงนะครับ”

“...สะ  สิงห์?”

“นะครับ?”  เสียงทุ้มกระซิบชิดริมหู  เว้าวอน

“....”  ร่างโปร่งใจสั่น  เขาจะตอบกลับอย่างไรดี  ตอนนี้ในหัวคิดสิ่งใดไม่ออกสักอย่าง

“เพลงประกาศต่อหน้าคนอื่นแล้ว  ว่าสิงห์เป็นของเพลง”

“....”

“เพราะฉะนั้นเพลงต้องรับผิดชอบ”

“รับผิดชอบ?”

“...เป็นแฟนกันนะ”

“!”

มือขาวถูกยกขึ้นจ่อริมฝีปากหยัก  จูบร้อนแตะลงบนปลายนิ้ว  แผ่วเบา  ราวกับสัมผัสของผีเสื้อที่แตะไล้  หากทิ้งความร้อนเร่าให้คงอยู่บนปลายนิ้วนั้น...นุ่มนวล  อ่อนหวาน..
.
.
.
.
.

















มันควรจะโรแมนติกกว่านี้...
ถ้าสีหราชไม่มาขอความรักในห้องน้ำ!














TBC.

























พูดคุย

สวัสดีค่ะ  หายไปนานจริงๆ  จากสาเหตุหลายๆอย่างเนอะ  ช่วงนี้คนที่ทำงานไม่พอค่ะ  อัดหนักหน่วงไปสักนิด หมดแรงและสมองไม่แล่น   อันที่จริงคงไม่มีปัญหาถ้าแต่งให้จบแล้วทยอยลงทีตอน....แต่...คนแต่งไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ค่ะ ฮา...  คือเป็นพวกแต่งไปลงไป  ค่อยๆเติบโตไปพร้อมตัวละครและคนอ่าน  ค่อยๆเดินไปพร้อมกับทีก้าวๆ มากกว่า  ให้แต่งจบแล้วเอามาลง  ไม่สามารถจริงๆค่ะ TT อยากทำอย่างนั้นนะคะ  เคยลองแล้ว  แต่งได้สัก2-3ตอนก็แต่งต่อไปไม่ออกแล้วค่ะ  โยนทิ้งไปเลย...เสียดายเหมือนกันTT
ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านและรอคอยกันนะคะ  (กอดดดดดด) เห็นยอดวิวในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่าแปลกใจ  นั่นฝีมือคนแต่งเองค่ะ^^  ไม่ใช่อะไรหรอก  ช่วงที่ห่อเหี่ยว  หมดแรงและท้อ  หมดกำลังใจ  สิ่งที่ดีที่สุด...คือเม้นท์ของทุกๆคน....  เข้ามาอ่านแล้วก็ฮึดแต่ง...  เข้ามาอ่านให้กำลังใจตัวเองแล้ววางพล๊อตต่อ...  ขอบคุณที่มอบความสุขเล็กๆนี้ให้กันนะคะ  (กอดอีกรอบ)
ขอบคุณ Grey Twilight ด้วยนะคะที่ดึงคนแต่งเข้าฝั่ง  ฮา... คืออยากจะบอกว่า  ทุกคนสามารถคอมเม้นท์ได้ตรงๆเลยนะคะ แรงได้ไม่ว่ากัน   ไม่มีการขัดเคืองเด็ดขาด  ตรงกันข้าม  นั่นจะเป็นสิ่งที่บอกคนแต่งได้ดีว่ายังต้องเพิ่มอะไรบ้าง  ควรลดตรงไหน  ควรเติมอะไรจึงจะพอดีและสวยงาม  บางครั้งคนแต่งก็ออกทะเลไปอย่างไม่รู้ตัว เง้ออออ ช่วยดึงกันกลับมาทีนะคะ TT  บางสิ่งที่ใส่ไปเพราะอยากเพิ่มสีสัน  แต่บางครั้งมันก็ไม่จำป็นเนอะ  ฮา...  บอกกันได้ตรงๆเน้อ  คนแต่งชอบแบบนี้แหละค่ะ  ฮา.. (เค้าไม่ใช่มาโซฯน้า~~~ )

ขอบคุณทุกเม้นท์  ทุกกำลังใจ  คุณคือสิ่งๆที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ...
ด้วยรัก...



หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 06-12-2015 23:14:48
พออ่านตอนนี้แล้วรู้สึกได้เลย ว่าตอนปัจจุบันเพลงเฮี้ยวขึ้นเยอะ
แต่ก่อนละมุนมาก เขินนนนนนนนนน


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 06-12-2015 23:16:23
อดีตออกจะน่ารักหวานละมุน แต่มาเลิกกันเพราะไม่มีใครยอมใครซะงั้น 555
รอตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 06-12-2015 23:19:01
 :mew1: o13 มาอัพแบ้วววว
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 06-12-2015 23:48:45
รอเรื่องนี้นานเหมือนกันนะค่ะ  ในที่สุดก็ได้รู้ความเป็นมาระหว่าง เพลง กับสิงหนาน ว่าเป็นยังไง

ถึงได้คบกัน   แต่หวานดีนะค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lieu ที่ 06-12-2015 23:53:18
เลือกสถานที่สารภาพรัก ได้ครีเอทมาก =_='
5555555555555
ใจแป้ว ตอนที่สาวเจ้ามาขอคบเพลง
ครั้งที่สอง ก็แม่ ญ ที่มาขอตัวสิงห์ไปคุยด้วย
คือถ้าจะแคร์อีกฝ่ายมากขนาดนี้ ทำไมไม่คบกันไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
ตอนที่สิงห์หายหน้าไป คือน่าสงสารมาก
เจียมตัว แต่..ตรอมใจมาก
ปากหนักด้วยกันทั้งคู่ ดีที่เพลงพูดขึ้นก่อน
เอาแต่ใจ แต่น่ารักกกแบบบนี้ >//<  สิงห์อย่าปล่อยให้หลุดมือนะ

เมื่อก่อนเพลงไม่ค่อยดื้อนะ แต่ปัจจุบันนี้ ทั้งดื้อทั้งรั้น แสบขึ้นด้วย = ='
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-12-2015 00:05:45
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 07-12-2015 00:13:01
โหยยยยยย ชอบสมัยอดีตมากเลยค่ะ! ไม่ใช่ว่าปัจจุบันไม่ชอบนะคะ 555555555 เพียงแต่พาร์ทสมัยก่อนเนี่ย
ทั้งคู่น่ารักกันมากๆจริงๆค่ะ >_____< .. เราเป็นคนที่ชอบโมเม้นแบบเพื่อน เพื่อนสนิท มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เจอความใกล้ชิด ผูกพัน จนกลายมาเป็นความรักแบบนี้นี่ยิ่งชอบเลยค่ะ ไปไหนไม่รอดเลย 5555555
สำหรับเพลง .. คือน่ารักมากเลย ทำอะไรก็คิดถึงสิงห์เสมอ ตอนที่เปลี่ยนมากินกาแฟถูกๆเพราะไม่อยากให้สิงห์เปลืองนี่น่ารักมากเลยอ่ะ TT
คือเอาจริงๆขนาดเรา คงบอกให้อีกฝ่ายเลิกซื้อแล้วซื้อกินเองมากกว่าที่จะทำแบบนี้อ่ะค่ะ หรืออาจจะเพราะยังไม่มีคนที่แอบชอบก็ไม่รู้ ; ;
ส่วนสิงห์ก็น่ารักมากกกกก ดูทุ่มเทกับความรักดีนะคะ ชอบมากๆเลย ตอนที่เพลงห้ามไว้ว่าอย่าไปก็หยุดทันทีเลยอ่ะ ชอบ ; //// ;

คนเขียนสู้ๆนะคะ! เราอาจจะบรรยายไม่เก่งเท่าไหร่แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าเราชอบเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ
จะติดตามแล้วก็เป็นกำลังใจให้เสมอเลยน้า สู้ๆนะคะ  :L2:
ส่วนเรื่องงานก็สู้ๆเช่นกันนะคะ ถ้าไม่ไหวหรือยังไงก็พักไปก่อนก็ได้ค่ะ คนอ่านเข้าใจ ไม่ว่ากันเน้อ <3 รักมากค่า ~
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 07-12-2015 07:22:17
รอต่อคับ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 07-12-2015 10:11:01
ชอบพาร์ทอดีต
มันมุ้งมิ้งๆ  :o8:
แต่ก็อยากอ่านพาร์ทปัจจุบันแล้วว่าเป็นไงต่อ  :hao7:

รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2015 11:46:37
อดีตที่ไม่สามรถหวนคืนได้ น่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-12-2015 11:48:14
น่ารักจริงๆคู่นี้
สมัยวัยละอ่อน
ชาญนิถ้าอ่านตอนนี้เเรกๆคงคิดว่าต้องได้กับอิ่มเอมเเน่ 555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 07-12-2015 12:11:35
ความหลังยอมละอ่อน มุ้งมิ้งน่าดู
กลับมาปัจจุบันที่คีย์แกล้งขัดขาสิงห์ตกน้ำแล้ว บรรยากาศยังอึมครึมไม่หาย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 07-12-2015 13:39:41
หงุยยย ทำไมอดีตช่างมุ้งมิ้งต่างจากปัจจุบันที่แสบกันทั้งคู่
ว่าแต่ทำไมต้องห้องน้ำคะนายสิงห์
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 11-12-2015 11:08:40
นอนรอเลยค่ะ มาต่อเร็วๆนะค่ะ ช้าเร็วก็ขอให้ต่อนะจ๊ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-12-2015 15:46:03
ก็แค่สองคนรักกัน
จะทำให้เรื่องมันยุ่งยาก
ทำไม? เน๊าะ

คบกันเป็นแฟน
ดีสุดๆ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 11-12-2015 21:13:07
หยุดยาวเลยไล่หานิยายอ่าน เปิดมาเจอเรื่องนี้พอดี ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง ตามอ่านทันละตาแฉะเลยทีเดียว รอลุ้นให้สิงห์กับเพลงกลับมาคบกันเหมือนเดิม  (หนูเพลงก็ยอมๆ ให้สิงห์กดไปเถอะ รอเป็นฝ่ายกดถ้าจะยาก ฮ่าๆๆ) ส่วนคู่ 3p ร้อนแรง แซ่บเว่อร์มากกกก พี่ชอบ คิคิ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 12-12-2015 12:12:06
นอนรอเค้าคืนดีกัน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 13-12-2015 09:43:21
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมาก  :hao6:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 21-12-2015 02:04:31


~ รักพัดหวน ~
 ลมพัดครั้งที่ 11











มือขาวชะงักอย่างลังเลเมื่อได้ยินเสียงไอโขลกจากด้านในห้อง   ครั้นเสียงนั้นหยุดลงเขาจึงสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้าแล้วเคาะลงบานประตูห้อง  ไม่หนักไม่เบา   เสียงในห้องหยุดการเคลื่อนไหว  เขาใจชื้นขึ้นเมื่อคิดว่าคนที่อยู่อีกฝากประตูกำลังตั้งใจฟัง

“สิงห์  ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“.......”  เงียบ  ไม่มีกระทั่งสียงไออย่างตอนแรก

“ฉัน...ฉัน”

“.....”  ราวกับรอฟัง   หากคำพูดจากริมฝีปากบางยังไม่เอื้อนเอ่ย   คีตกาลกัดริมฝีปากแน่น  เขาจะแก้ตัวว่าอย่างไรดี?

“ฉันเสียใจ”   สุดท้ายเขาก็ได้แต่พูดเพียงแค่นี้   

ความเงียบคือคำตอบ

คีตกาลถอนหายใจ  เขาเหม่อมองประตูที่ปิดสนิทนิ่งนั้นเนิ่นนาน       หลังกลับมาจากรีสอร์ท
 สีหราชก็เข้าห้องแล้วไม่ออกมาอีกเลย  สายใจบอกว่าคุณสิงห์ของเธอไอตลอด  เหมือนจะเป็นหวัดด้วย  เขาที่รีบตามมาเพราะรู้สึกผิดหน้าซีดตอนได้ยินคำบอกเล่านั้น  อยากจะเปิดประตูเข้าไปพูดคุยกันให้รู้เรื่อง  หากสายใจรั้งเอาไว้  บอกว่าคุณสิงห์ต้องการอยู่คนเดียว  ขนาดป้าแช่มที่เอาข้าวต้มและยาไปให้ยังโดนไล่ตะเพิดออกจากห้องภายในสิบนาที  เขาจึงไม่กล้าดื้อแพ่งตามเข้าไปขอโทษ  จนค่ำเขาจึงรวบรวมความกล้ามาเคาะประตูขอโทษ  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังโกรธเคืองกันไม่หาย   และนั่นทำให้โพรงจมูกเขาแสบร้อน  กระบอกตาร้อนผ่าว  ก่อนจะเดินคอตกกลับไปห้องตัวเอง

.
.

“.....”   ร่างโปร่งลังเล  ยืนอยู่หน้าห้องที่เงียบกริบ  เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะคิดหาวิธีง้อคนตัวโตข้างห้องจนไก่ขัน  หากคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก   ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน  สะดุ้งตื่นอีกทีก็สายโด่ง

ก๊อก  ก๊อก ก๊อก   มีแต่ความเงียบตอบกลับมา  คีตกาลขมวดคิ้ว  สีหราชไม่สบายวันนี้คงไม่ไปทำงานหรอกกระมัง?  เขายืนคิดนิ่ง  พลางเคาะประตูห้องทุกๆ ห้านาที

“คุณคีย์?”

“!”  เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ  เขาหันไปยิ้มแหยให้เด็กสายใจ

“มาหาคุณสิงห์หรือคะ?”

“ใช่  แต่เงียบมากเลย  สงสัยจะยังไม่ตื่น?”

“หืม?  คุณคีย์ไม่รู้หรือคะว่าคุณสิงห์ไม่อยู่?”

“อะไรนะ?”  คีตกาลเลิกคิ้วแปลกใจกับคำบอกนั้น   สายใจขมวดคิ้วตาม

“คุณสิงห์ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ”

“ไปไหน?”

“ไปต่างประเทศ”

“อะไรนะ?”  คีตกาลถามเสียงดังอย่างตกใจ  “ไปต่างประเทศ?”

“ค่ะ”  สายใจพยักหน้ารับยืนยันคำตอบ

“แต่..  หมอนั่นไม่สบาย”

“ค่ะ  กลับมาจากรีสอร์ทสภาพเปียกไปทั้งตัวขนาดนั้น   แถมยังไอไม่หยุดด้วย”

“แล้ว  แล้ว...แล้วจะไปต่างประเทศได้ยังไง”  นอกจากความกังขา  คีตกาลเอ่ยถามร้อนรนด้วยความเป็นห่วง  คิ้วเรียวขมวดฉับ

“ไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ  คุณสิงห์ต้องไปดูม้าที่จะซื้อเข้าฟาร์มค่ะ”

“ไปซื้อม้า?”

“ฟาร์มสีหกาลส่งออกม้าไปที่ต่างๆ  ดังนั้นจึงต้องเลือกม้าดีๆมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ค่ะ ”

“ฟาร์มสีหกาล?”

“อ้อ  คุณคีย์คงไม่รู้ชื่อฟาร์มซินะคะ”  สายใจยกนิ้วแตะคาง  ถ้าคีตกาลไม่รู้คงไม่แปลกเพราะคุณสิงห์ไม่ทำป้ายฟาร์ม  อีกอย่างคนงานหรือคนในเรือนก็ไม่ค่อยพูดชื่อนี้เพราะมันเรียกยากเลยเรียกแค่ ฟาร์มคุณสิงห์ เฉยๆ

คำตอบของเด็กสายใจทำให้สิ่งที่อยู่ในอกซ้ายของคีตกาลกระตุกวูบ  ฟาร์มสีหกาล  อย่างนั้นหรือ?

“....แล้วสายใจรู้ไหมว่าคุณสิงห์ของสายใจไปที่ไหน?”

“แหะ แหะ  ไม่รู้หรอกค่ะ  สายใจรู้แค่ว่าไปต่างประเทศเท่านั้นเอง  แล้วปีหนึ่งก็ไปคนละที่ค่ะ”  สายใจยิ้มแหย  “คุณคีย์มีอะไรกับคุณสิงห์หรือเปล่าคะ?”  เธอถามเพราะท่าทางร้อนรนของคนตรงหน้า  อีกอย่างเพราะสีหน้าของสีหราชเมื่อวานด้วย  ตอนที่ร่างสูงของสีหราชโผล่ขึ้นเรือนมา  สายใจและแม่อุทานตกใจกับสภาพของอีกฝ่าย   เธอไม่กล้าถามเพราะสีหน้าที่แลดูราวกับโลกทั้งใบจะแตกทำให้ไม่กล้าเอ่ยถาม  แม่แช่มเอาข้าวเอายาไปให้หวังเลียบเคียงถามก็โดนไล่ออกจากห้อง

คีตกาลยกมือขึ้นกอดอก  อีกข้างยกมือขึ้นขบเล็บพลางเดินกลับไป-กลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด  ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าสายใจแล้วแบมืออกตรงหน้าเด็กสาว

“ขอกุญแจห้องคุณสิงห์ให้ฉันหน่อย”

“?”

“ฉันอยากรู้ว่าคุณสิงห์ของสายใจไปประเทศอะไรน่ะ”

“อ๋อ  ค่ะ”  สายใจวิ่งไปเอากุญแจสำรองกับแม่แช่มยื่นให้คีตกาล  ร่างโปร่งยกยิ้มมุมปากแล้วบอกให้เด็กสาวไปทำงานของตัวเอง   สายใจจำใจพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปทั้งๆที่ในใจอยากจะเข้าไปกับคุณคีย์ใจแทบขาด

ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด  ผ้าม่านผืนบางพลิ้วไหวตามแรงลม  คีตกาลกวาดตามองรอบห้อง  ในนี้ไม่มีโต๊ะทำงานเพราะมีห้องแยกต่างหากอยู่แล้ว  คราวก่อนที่ตีเนียนมานอนด้วยเนื่องจากอยากแกล้งอิ่มเอมเขาไม่ได้สำรวจอะไรมาก  เช้ามาก็เผ่นออกจากห้องอย่างว่องไว  คราวนี้เขาจึงสังเกตไปทั่วทุกมุม

มีแฟ้มหนึ่งวางอยู่บนหัวเตียงที่คงถูกหยิบมาอ่านก่อนนอนแล้วไม่ได้เก็บ  เขาเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมาเปิด  มันเป็นผลสรุปผลงานในรอบปีที่ผ่านมา   เป็นผลงานเก่าว่าส่งออกไปที่ไหนบ้าง  แต่ละแห่งกี่ตัว  หากไม่มีบอกว่าตอนนี้สีหราชอยู่มุมใดของโลก   คีตกาลถอนหายใจ  เขาไม่มีความรู้เรื่องม้าเลย  ถึงแม้จะชอบขี่หากก็เพียงแค่ขี่แต่ไม่มีความรู้ลึกซึ้ง  จะไปศึกษาเรื่องพันธ์ม้านั้นเขาเพียงเคยเป็นผู้ฟังที่ดี...เมื่อสี่ปีก่อน 
จากนั้นก็ไม่ใส่ใจอีก

คีตกาลกวาดสายตารอบห้องอีกครั้ง  ขยับเท้าอย่างหงุดหงิด  พลันส้นเท้าก็ไปกระทบกับอะไรบางอย่าง  เขาก้มตัวลงมองใต้เตียงทันที  ... กล่องไม้สักใบเขื่อง...   อะไรบางอย่างสะกิดใจเขาให้ลากมันออกมา

รูปทรงเหมือนกล่องสมบัติในนิทาน   ฝากล่องเพียงคล้องกุญแจหากไม่ได้กดล็อก  มือขาวปลดกุญแจนั้นออกแล้วค่อยเปิด...

หุ่นยนต์ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่....

ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อหยิบสิ่งนั้นออกมา  หุ่นยนต์ตัวนี้...แม้จะเก่าหากยังคงสมบูรณ์ด้วยการดูแลอย่างดี   หุ่นยนต์ที่เขาเคยให้เพื่อนใหม่ตอนยังเด็ก  หุ่นยนต์ที่เขาเคยให้ใครบางคนที่บ้านเด็กกำพร้า...หุ่นยนต์ตัวที่ทำให้เขาและสีหราชรู้จักกัน...

คีตกาลสูดลมหายใจเข้าลึก  เขาวางหุ่นยนต์ลงบนเตียงนอนเบามือ  ทั้งของแปลกตาชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากหลายๆแห่ง  ของที่เขาเคยให้สีหราช  ทุกชิ้นยังคงสมบูรณ์ไม่แตกเสียหาย   ถูกเก็บดูแลอย่างดี  ก้นหีบมีอัลบั้มสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่  มือขาวสั่นระริกเอื้อมหยิบมันขึ้นมา   คีตกาลนั่งลงบนส้นเท้า  วางอัลบั้มหนาหนักลงบนตักตัวเองแล้วค่อยๆเปิด...

ทั้งหมด...

ทั้งหมด...มีเพียงรูปของคีตกาล...

คีตกาลกัดริมฝีปาก  กลืนก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมากลางอก  ขอบตาร้อนผ่าว... หยาดน้ำอุ่นจวนเจียนจะหยด...  หากริมฝีปากสวยค่อยแย้มยิ้ม...ยกอัลบั้มรูปขึ้นกอดแนบอก

“สิงห์...สิงห์”

เสียงใสกระซิบร้องเรียก...
.
.













“เอม  ช่วยหน่อย”   คีตกาลเอ่ยขอร้องคนอีกฝั่ง  ก่อนจะยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทันเมื่อเขาอธิบายเรื่องราวให้คนตัวโตฟัง  อิ่มเอมขู่ตะคอกหนึ่งคำด่าเขาหนึ่งคำพร้อมบ่นอีกกระบุงโกย  หากตอนนี้คีตกาลยอมให้ด่าเพราะต้องการให้อีกฝ่ายช่วย  เขาไม่รู้วาสีหราชไปตามดูม้าที่ประเทศไหน  คนเดียวที่พอจะพึ่งได้เห็นเพียงอิ่มเอมซึ่งเข้ามาทำงานกับสีหราช   

รออยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าอิ่มเอมจะกลับมาถึงฟาร์ม  อิ่มเอมมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  เพราะคีตกาลคงไปขัดช่วงเวลาอะไรของอิ่มเอมเข้าแน่ๆ  เนื่องจากเขาได้ยินเสียงชายชาญลอดเข้ามาในโทรศัพท์ตอนโทร.หาอีกฝ่าย

“มันหนีมึงไปแล้วมั้ง!”

“.....”  คีตกาลจ้องแผ่นหลังกว้างอย่างไม่พอใจหากไม่ตอบโต้   อิ่มเอมรื้อแฟ้มมากองบนโต๊ะทำงาน  เปิดหาอย่างรวดเร็วจนถึงหน้าหนึ่งจึงค่อยยืดตัวขึ้น  นิ้วยาวจิ้มลงไปบนหน้ากระดาษ

“ไพเบอร์  เวียนนา  ออสเตรีย”

“เวียนนา?”

“ที่นั่นมีม้าพันธุ์ดีอยู่  ไอ้สิงห์คงไปติดต่อขอซื้อมาเพาะพันธุ์น่ะ”

“แล้วพักที่ไหน?”

“....ไม่รู้”

“ห้ะ?”  คีตกาลเงยหน้ามองคนตัวสูง

“กูเพิ่งมาทำงานกับมันได้ปีเดียวนะโว้ย  รู้ว่ามันจะไปต่างประเทศปีละครั้งเพื่อซื้อม้า  แต่ไม่รู้หรอกว่ามันจะไปพักที่ไหน”  อิ่มเอมขมวดคิ้วเมื่อโดนจ้อง  คนตัวโตกระแอมไอหลังตอบไปตามความจริง

“แล้วจะทำยังไงดีอ่ะ?”

“....มึงจะไปทำไม  เดี๋ยวมันก็กลับมา”

“เดี๋ยวนี่กี่วัน?”  คีตกาลไม่คิดว่าง่ายขนาดนั้นนะ  ไหนจะเรื่องไปดูพันธุ์ม้า การตรวจสุขภาพ  คัดกรองโรค เอกสารประกอบที่ต้องมีติดตัวเพื่อนำม้าข้ามประเทศ กว่ากรมปศุสัตว์จะอนุญาตให้เข้าประเทศไม่ใช่เรื่องที่จัดการแค่วัน-สองวันก็เสร็จเสียเมื่อไหร่

“....ก็ไม่รู้ว่ะ”   คีตกาลค้อนขวับกับคำตอบนั้น

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?”  ประโยคคำถามเดิมเอ่ยออกมาอีกครั้ง  คิ้วเรียวขมวดไม่คลาย  อิ่มเอมเกาหัวแล้วถอนหายใจมองหน้าคีตกาลนิ่ง

“...มึงจะง้อมันจริงๆจังๆแล้วใช่ไหม?”

“....”  คีตกาลชะงัก  ก่อนจะค่อยๆพยักหน้า

“เอาเถอะ   จะช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้วกัน”  เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีก

“ขอบใจ”

“เออๆ!”

“....”

“เอางี้  มึงก็ไปรอมันที่ฟาร์มม้าเลย”

“ฟาร์มม้า?”

“อือ  ที่ไพเบอร์มีโรงเรียนสอนขี่ม้าแล้วก็ฟาร์มม้านี้อยู่  น่าจะหาง่ายกว่าโรงแรมนะ”

“อืม!

“เดี๋ยวๆ!”  อิ่มเอมคว้าตัวอีกฝ่ายไม่ทัน  เพราะคีตกาลได้ฟังก็ผลุนผลันวิ่งออกไปทันที   เลยได้แต่ตะโกนเรียกรั้งเอาไว้ก่อน

“อะไร?”  คีตกางชักสีหน้าใส่   อิ่มเอมเห็นแล้วอยากเขกกะโหลกนัก

“โรงเรียนสอนขี่ม้ามีโชว์ขี่ม้าเฉพาะเสาร์-อาทิตย์  และถ้านายไม่มีตั๋วก็เข้าไปดูไม่ได้  ไม่งั้นนายต้องตามไปถึงฟาร์ม”

“ฉันไปตามสิงห์ไม่ได้ไปดูม้าเสียหน่อย”

“บ๊ะ! ไอ้นี่!  ไอ้สิงห์มันไปดูม้ามึงจะไปเจอมันได้ที่ไหนถ้าไม่ใช่ที่ที่มีม้า!”

“เออ   นั่นซิ”  คีตกาลยิ้มแหย  ถึงคราวอิ่มเอมกลอกตาใส่อีกฝ่ายคืนบ้าง

“มึงมานี่ก่อนเลย  หาตั๋วเผื่อไว้”  อิ่มเอมเท้าเอวเรียกร่างโปร่งให้กลับเข้าไปห้องทำงานอีกครั้ง

“แต่.... ถ้าซื้อตั๋วได้ก็ต้องเข้าดูใช่ไหม?”

“เออ!”

“....”

“หรือมึงจะซื้อตั๋วทิ้งเฉยๆ?”

“แล้วแน่ใจนะว่าสิงห์จะไปดูน่ะ?”

“ไม่แน่ใจ”

“อ้าว?”

“แต่มึงก็ต้องลองเสี่ยงป้ะ?”

“....”

“ถ้ามึงลองได้เข้าไปดูโชว์  ขี้คร้านจะวิ่งมาขอบใจกูไม่ทัน”

“เคยดูแล้วเหรอ?”

“เปล่า  ดูในยูทูปเอา”

“....เอ้า!  .....เอาไงเอากัน!” 

โชคดีที่คีตกาลเคยยื่นเรื่องขอทำวีซ่าเชงเก้นไว้เมื่อสองเดือนก่อนเพราะการติดต่อธุรกิจของบิดาจึงไม่มีอุปสรรคมากนัก   อิ่มเอมช่วยคีตกาลหาตั๋วเข้าชมโชว์ขี่ม้า  หากโชคร้ายเพราะตั๋วเต็มไปแล้วเรียบร้อย  สุดท้ายจึงได้แต่ตบบ่าว่าให้คีตกาลไปตายเอาดาบหน้าแทน   ก็ยังดีที่เส้นทางไปโรงเรียนสอนขี่ม้าและฟาร์มนั้นไปไม่ยากทำให้คีตกาลใจชื้นขึ้นเป็นกอง

คีตกาลโทรศัพท์หามารดาขอหยุดงานที่รีสอร์ทไว้ก่อนเนื่องจากติดต่อเกียรติศักดิ์ไม่ได้   ไม่อย่างนั้นเขาคงฝากให้เกียรติศักดิ์ดูแลงานแทน   คุณยุวดีถามบุตรชายว่าไปออสเตรียทำไม   คำตอบมีเพียงเสียงอึกอักๆ   คุณยุวดีไม่ซักไซ้ต่อเพียงพูดว่าขอแค่เดินทางปลอดภัย   โทรศัพท์หาเมื่อเดินทางถึงจุดหมายให้คลายห่วงก็พอใจแล้ว   คีตกาลเอ่ยขอโทษและขอบคุณเสียงเบาหวิวก่อนวางสายให้มารดาถอนหายใจแล้วกลับไปดูแลคุณพีรพลต่อ

อิ่มเอมขับรถมาส่งคีตกาลที่สนามบิน  ตั๋วและไฟท์บินเขาก็เป็นคนจัดการให้  เพราะฉุกละหุกมากเกินไปนิดจึงได้ที่นั่ง  Economy class มา  หากคีตกาลก็คิดเสียว่าดีกว่าไม่มีตั๋วละนะ   ส่วนแม็กกี้ขอติดรถมาลงกรุงเทพฯด้วยเนื่องจากไม่มีเพื่อนอยู่เธอเลยจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ





ระหว่างทางเขานั่งคิด...
เขาจะพูดอะไรกับสีหราชบ้าง  จะทันได้เอ่ยขอโทษก่อนฝ่ายนั้นจะเดินหนีไหม   สีหราชจะยอมให้อภัยเขาหรือเปล่า  หรือ...จะไม่สนใจไยดีเขาแล้วทิ้งให้ร่อนเร่อยู่กลางกรุงเวียนนาคนเดียว   ยิ่งคิดยิ่งหดหู่จนกำลังใจแทบหดหาย   คีตกาลส่ายหน้าแล้วตบแก้มตัวเองแรงๆเสียทีหนึ่งเพื่อเรียกกำลังใจ  ทำเอาคนนั่งข้างๆหันมามองอย่างตกใจ
เฮ้อ...ให้ได้เจอหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน...



***************


การเดินทางยุ่งยากแค่ช่วงตอนเดินหาโรงเรียนสอนขี่ม้าเนื่องจากเขาไม่ได้ศึกษาเส้นทางเอาไว้   เขาเปิดโรงแรมเอากระเป๋าไปเก็บ  สอบถามการเดินทางกับพนักงานโรงแรมก่อนเริ่มออกตามหาคนที่หลบหน้าหนีมา  กะว่าถ้าเจอตัวสีหราชเขาจะตามติดไปถึงโรงแรมที่ฝ่ายนั้นพักเลยทีเดียว 

ทั้งๆที่เหนื่อยอยากจะพักแต่ความร้อนใจมีมากกว่าคีตกาลจึงออกจากโรงแรม  เตร็ดเตร่อยู่หน้าอารีน่าพักใหญ่  มองผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อย่างมีความหวัง  จนเมื่อถึงเวลาแสดงก็ไม่เห็นแม้เงาคุ้นเคยจึงถอนหายใจแล้วเข้าไปในอารีน่า    คีตกาลตรวจหมายเลขที่นั่งแล้วจับจองเก้าอี้  เขาเหลียวมองรอบกายเผื่อจะเจอสีหราชในนี้แต่ก็ไม่เห็น  ครู่หนึ่งแสงไฟสลัวลงเพื่อเริ่มการแสดงเขาจึงหันกลับมามองที่ลานสนาม

ม้าสีขาวปลอดสวยงามแปดตัวเยื้องย่างออกมาสองแถวอย่างเป็นระเบียบ  ....องอาจดูสง่างาม เสียงเพลงออเคสตร้าดังขึ้น  จากนั้นคนบนหลังม้าก็ควบคุมให้เจ้าม้าขยับไปตามจังหวะ   ทรวดทรงปราดเปรียวงดงาม  เยื้องย่าง  วิ่งเหยาะ  ก้าวย่ำ  ขยับกายไปตามท่วงทำนอง  การแสดงตรงหน้าทำให้คีตกาลแทบลืมหายใจ   คีตกาลคิดว่าเจ้าสีนิลกับสีหมอกของพี่ครามสวยแล้ว  แต่ที่เห็นตรงหน้านั้นสวยกว่ามากนัก!

เหยาะย่ำเท้าราวกับเต้นรำ  กระโดดเตะเท้าชวนทึ่ง  ย่างย่ำราวกับวิ่งเล่นบนปุยเมฆ  พวงหากสะบัดไหว  สีขาวสะท้อนให้จับจ้อง  ทุกจังหวะไม่อาจละสายตา  จนเมื่อเพลงใกล้จบแถวสีขาวสวยงามก็ขยับเรียงอีกครั้งเพื่อจบการแสดงชุดแรก  เขาปรบมือเสียงดังอย่างชื่นชม  แล้วชุดต่อไปก็เริ่มขึ้น

ตลอดเวลาคีตกาลมีความรู้สึกทั้งทึ่ง  ตื่นเต้น  มีความสุข  เขาปรบมือเสียงดังให้กับการแสดงทุกชุดที่ได้ชม  เพลิดเพลิน  แปลกตา  สนุกสนานและงดงามอย่างที่สุด

หลายสิบนาทีผ่านไป  การแสดงชุดแล้วชุดเล่าทำให้ไม่อาจละสายตา   จนทุกอย่างสิ้นสุดลงจึงได้แต่ทอดถอนใจ  เพลินเสียจนลืมความตั้งใจของตัวเองเกือบหมด   คีตกาลนึกอยากเขกหัวตัวเองนัก  ดูม้าจนลืมมองหาคน!  สุดท้ายจึงเดินออกมายืนด้านหน้า   หลบมุมอยู่ด้านหนึ่ง  กวาดสายตาดูคนซึ่งเดินออกมาจากโรงเรียน  จังหวะที่กำลังถอดใจพลันร่างคุ้นตาจึงปรากฏ

“สิงห์!”

“?”  ร่างสูงชะงักเท้า  เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วมองไปยังต้นเสียง  ดวงตาคมดุเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครร้องเรียก   คีตกาลยิ้มกว้างอย่างดีใจ  เขาวิ่งเข้าไปหาสีหราชด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินหนี  แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเมื่อร่างสูงหันหลังเดินไม่รอ

“สิงห์!  รอก่อน”   คีตกาลวิ่งตามอย่างร้อนรน  หากคนหนีกลับไม่รั้งรอ    “โอ๊ย!”

“!”  ร่างสูงหยุดชะงักกับเสียงนั้น  เขาหันหลังกลับไปมอง   ร่างโปร่งทรุดลงกุมข้อเท้าตัวเอง  ใบหน้าขาวซีดเผือด  คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด  สีหราชเร่งเท้าย้อนกลับไปหา

“สิงห์?”  อาจเพราะคิดว่าจะโดนทิ้งให้เจ็บปวดอยู่คนเดียว  น้ำตาจึงคลอหน่วย  คีตกาลเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ

“ยืนไหวไหม?”  เสียงทุ้มไม่ได้ยินมาหลายวันทำให้รู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก  คีตกาลพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะลุกขึ้นตามแรงพยุงจากมือใหญ่    สีหราชพลันหันหลังเดินออกไป  ร่างโปร่งพยายามกัดฟันกลั้นเสียงร้องยามเมื่อทิ้งน้ำหนักลงเดิน   เจ็บแปลบจนต้องหยุดพักแล้วอ้าปากหายใจ    คิ้วเรียวขมวดแน่น  ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผ่นหลังกว้างของสีหราชที่เดินอยู่ด้านหน้า

“บ้าจริง!”  เสียงทุ้มสบถเบาๆ   แล้วหันกลับมา

“?”

“เจ็บก็บอกว่าเจ็บ!”  เสียงทุ้มเคร่งเครียด  สีหราชมองเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ซึมข้างขมับบนใบหน้าใส   ร่างสูงหมุนกายย่อตัวลง “ขึ้นมา”

“เอ๊ะ?”

“ขึ้นหลัง!”  สีหราชสั่งเสียงเข้ม

“แต่...”  คีตกาลเหลียวมองรอบกาย  ยังมีผู้คนมากมายตรงนี้

“อย่าดื้อ!”

“....”   สีหราชไม่เห็น  รอยยิ้มดีใจของคีตกาล...  ร่างโปร่งโน้มกายลงบนแผ่นหลังกว้าง   แขนขาวกอดกระหวัดลำคอแกร่ง  ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาจากกลางอก

ร่างสูงก้าวไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอไม่เร่งรีบ  บนแผ่นหลัง...รับรู้อัตราการเต้นของหัวใจของคนที่เขาแบกเอาไว้...  ใบหน้าเข้มคร้ามยกยิ้ม   สีหราชไม่ได้เอ่ยถามว่าคีตกาลพักอยู่โรงแรมไหนและอีกฝ่ายก็ไม่ได้บอก   ดังนั้นสีหราชจึงพาคีตกาลไปยังโรงแรมที่เขาพักอยู่   พนักงานแตกตื่นตกใจเข้ามาถามว่าจะให้ไปส่งโรงพยาบาลหรือไม่   ร่างสูงส่ายหน้า  เพียงเอ่ยขอน้ำแข็งและelasticสำหรับพันข้อเท้าเท่านั้น

สีหราชไขกุญแจเข้าห้อง  พาคนบนหลังเข้าไปยังส่วนห้องนอนแล้วย่อกายวางอีกฝ่ายลงบนเตียง  หรุบสายตาลงมองคนเจ็บซึ่งก้มหน้าจนคางชิดอก  เหลือบมองข้อเท้าขาวแล้วเดินออกไปหาผืนขนหนูผืนเล็กมาห่อนถุงน้ำแข็งที่พนักงานโรงแรมเอามาให้แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง  ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนพื้นแล้วคว้าข้อเท้าของคนบนเตียงขึ้นมาวางบนตักตัวเอง

“ดะ เดี๋ยว!”

“?”

“ฉันทำเอง”

“ดื้อ!”

“นี่!”

“นั่ง-เฉย-เฉย!”   ใบหน้าดุเงยขึ้นจ้อง  คีตกาลเม้มปากแน่น  เพราะมีความผิดติดตัวสุดท้ายจึงได้แต่นั่งเงียบตามคำสั่งไม่กล้าเถียงสักคำ  สีหราชยิ้มมุมปากไม่ให้อีกฝ่ายเห็นก่อนจะแนบห่อน้ำแข็งลงบนข้อเท้าขาวแผ่วเบา   ร่างโปร่งสะดุ้งพยามยามดึงข้อเท้าหนีโดยไม่รู้ตัว  มือใหญ่คว้าหมับตรงปลีน่องแล้วประคบต่อ  ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงสีหราชจึงใช้ elastic พันข้อเท้าเอาไว้ให้แน่น

“ขอบใจ”    เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วไม่เอ่ยตอบ  ร่างสูงเพียงยักไหล่แล้วเดินออกไปนอกห้อง  คีตกาลยืดตัวชะเง้อมองก่อนจะผลุบนั่งตำแหน่งเดิมเมื่อสีหราชยกเก้าอี้เข้ามาวางตรงหน้า

“เอาเท้าวางบนนี้”

“เอ๊ะ?”

“อย่าดื้อ!”   คีตกาลเม้มปากแน่น  เขาแค่สงสัยไม่ได้จะดื้อเสียหน่อย!

 ....ก็เถียงในใจอ่ะนะ...






ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน  ลืมตาตื่นเมื่อมีแรงสะกิดตรงไหล่   คีตกาลหยีตาเหลียวมองสีหราชซึ่งยืนอยู่ข้างเตียง

“มากินข้าวก่อน”

“อื้อ~”  ร่างโปร่งพลิกตัวหนี

“....”   สีหราชถอนหายใจ  สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้คีตกาลหลับต่อก่อนเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมถังน้ำแข็ง  ร่างสูงทรุดตัวลงนั่ง   เอื้อมคว้าขาขาวของคนหลับลึกขึ้นวางบนตักตัวเอง  ค่อยๆคลายผ้ายืดออกแล้วเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบข้อเท้าข้างที่เจ็บ

“!”

“หลับต่อเถอะ  ฉันแค่จะประคบน้ำแข็งให้”  เสียงทุ้มเอ่ยอ่อนโยน  คีตกาลที่อ่อนเพลียจึงหลับไปอีกครั้ง

สีหราชมองใบหน้าขาวซึ่งดูซีดเซียวเพราะความอ่อนเพลียแล้วให้ยอกในอก  วันนั้น..ตอนที่เขาตกน้ำเพราะการขัดขาของคีตกาล  ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ  น้อยใจและปวดแปลบในอกอย่างที่สุด  หากเพียงแค่สีหน้าตกใจของอีกฝ่ายกับหยาดน้ำตา...ก็ทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบไปทั้งดวง   แต่ความน้อยใจทำให้เกิดทิฐิขึ้นเขาจึงหลบหน้า   เขาไม่เคยโกรธคีตกาลได้สักครั้งแต่ครั้งนี้...ถ้าเขาไม่ตัดสินใจทำอะไรเลยสักอย่างอีกฝ่ายคงไม่เดินก้าวข้ามเส้นในใจตัวเองออกมา

หากสิ่งที่คาดไม่ถึงคือการเห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่...  คีตกาลที่ร้อนรนตามเขามาถึงออสเตรีย   เมื่อวานตอนรับโทรศัพท์จากอิ่มเอมเขายังแค่นยิ้มคิดว่าเพื่อนล้อเล่นดังนั้นจึงตกใจที่คนตรงหน้าตามเขามาจริงๆ
ชายหนุ่มพันผ้ายืดรอบข้อเท้าคีตกาลอีกครั้ง  จัดท่านอนให้อีกฝ่ายสุขสบายที่สุดแล้วจึงปิดไฟ





********
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน-ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน [6ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 21-12-2015 02:09:07




“!”  ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่ง  เขาเหลียวมองรอบกายพลางนิ่งคิด   เขาอยู่ที่ไหน?  สีหราชล่ะ?

“ตื่นแล้วหรือ?  ไปอาบน้ำซิ  จะได้มากินข้าว”   ร่างสูงของสีหราชเปิดประตูเข้ามาพอดี  เขาเลิกคิ้วมองสภาพคนบนเตียงพลางพยักเพยิดไปทางห้องน้ำ   คีตกาลลำดับเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้ารับแล้วเขย่งเท้าเข้าห้องน้ำไปด้วยความมึนงง

“เอ๊ะ?”   กระเป๋าผ้าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?   อยากจะอ้าปากตะโกนถามคนด้านนอกแต่สุดท้ายเขาก็นิ่ง...

คีตกาลสดชื่นขึ้นมากหลังการอาบน้ำ  เขาเดินออกมาตรงส่วนห้องโถงเพราะไม่เห็นสีหราชอยู่ในห้องนอน  ร่างสูงจัดวางอาหารบนโต๊ะเหลียวมามองเขาจึงไปทรุดตัวลงนั่งตรงฝั่งที่อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้

“เดี๋ยวแช่น้ำอุ่นเสียหน่อย?  ยังปวดอยู่ไหม?”

“เอ๊ะ?”

“ข้อเท้าน่ะ”

“ก็ดีขึ้นแล้ว”

“?”  สีหราชหรี่ตามองเมื่อได้ยินคำตอบ  ดวงตาคมดุจ้องมองคนตรงหน้าอย่างจับผิดหากไม่ได้เอ่ยอะไร  ร่างสูงเดินไปยังห้องน้ำกลับออกมาพร้อมกะละมังใส่น้ำอุ่น   ชายหนุ่มทรุดตัวลงด้านข้างคีตกาลแล้วยกเท้าขาวขึ้น

“เดี๋ยว!”

“?”  สีหราชเงยหน้าขึ้นมองหากไม่ปล่อยให้คีตกาลดึงข้อเท้าหนี

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ  ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่สีหราชจับข้อเท้าของเขา  ทั้งประคบอย่างเบามือ  ทั้งพันผ้าอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวข้อเท้าเขาหัก   ไม่รู้หรือว่าการกระทำนั้นทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักแค่ไหน!

“โชคดีที่ไม่ได้เจ็บหนัก”  สีหราชไม่ตอบโต้  เขายกเท้าขาวลงแช่ในกะละมังน้ำอุ่น  เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยจึงลุกเดินไปล้างมือแล้วกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามคีตกาล

“อืม”

“กินข้าวเสีย  แล้ววันนี้ก็พัก  ไม่ต้องไปซนที่ไหน”

“ฮื่อ!”

ระหว่างมื้ออาหารที่เงียบกริบและการก้มหน้าก้มตาทานของสีหราชทำให้คีตกาลไม่สบายใจ  ร่างสูงไม่เงยหน้ามองเขาสักนิด  ชวนคุยก็ไม่ทำ!  ร่างโปร่งเม้มปากแน่นก่อนจะเขี่ยอาหารในจานไป-มา

“นี่  การแสดงม้าเมื่อวานสุดยอดไปเลยเนอะ”

“อือ”

“ม้าสวยมากเลย!  ฉลาดด้วย!”

“อืม”

“นายจะซื้อม้าพันธุ์นี้ไปไว้ที่ฟาร์มเหรอ?”

“อือ”

“สุดยอดไปเลย!”

“อืม”

“นี่!  ปล่อยให้ฉันคุยคนเดียวเลยนะ!”  คีตกาลตบโต๊ะด้วยท่าทางไม่พอใจ   สีหราชเงยหน้าขึ้นมองแล้วถอนหายใจ  ท่าทางนั้นทำเอาร่างโปร่งใจแป้วหดเล็กลงเหลือเทาเม็ดเกาลัดเลยทีเดียว

“วันนี้ก็พักที่นี่ไปแล้วกัน”  พูดจบก็รวบช้อนแล้วลุกขึ้นยืน

“นายจะไปไหน?”

“ไปฟาร์มม้า”

“ฉันไปด้วย!”

“....ข้อเท้าเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

“หายแล้ว!”

“หืม?”

“คือ   ..ดีขึ้นมากแล้ว”

“พักดีกว่า  เกิดอาการแย่ลงจะทำยังไง”

“ไม่เอา!  ฉันไปด้วยนะ   นะ  นะ”

“.....”

“สิงห์....”

ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะยอมให้คีตกาลตามไปด้วย  ร่างโปร่งยิ้มดีใจแล้วดึงเท้าขึ้นจากน้ำอุ่น  สะบัดๆแล้วก้าวเข้าห้องไปค้นเสื้อคลุมออกมาอย่างรวดเร็ว

“.....”  สีหราชมองท่าทางนั้นแล้วหันหลังออกเดินนำ

....คีตกาลไม่เห็น  ริมฝีปากหยักยกยิ้ม...  ดวงตาคมดุทอแววเอ็นดูอ่อนโยน




สีหราชพาคีตกาลนั่งรถไปยังฟาร์มไพเบอร์  ร่างสูงพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าให้เขาตามเข้าไป  คีตกาลเดาว่าอีกฝ่ายคงติดต่อมาก่อนหน้านั้นแล้ว  ทั้งท่าทางพูดคุยสนิทสนมดูท่าคงคุยกันมานานและหลายครั้ง 

ที่นี่เลี้ยงม้าในทุ่งโล่ง  ปล่อยให้พวกมันได้วิ่งอย่างอิสระเต็มที่  บางตัวมีสีเทา  ตัวที่เล็กลงมาสีจะเข้มขึ้น  ยิ่งเล็กสียิ่งดำ   คีตกาลมองอย่างไม่ใคร่เข้าใจนัก  เขาดึงแขนเสื้อคนข้างกายแล้วถาม

“นี่ใช่พันธุ์เดียวกับที่แสดงในโรงเรียนสอนขี่ม้าเมื่อวานหรือเปล่า?”

“ใช่  Lipizzaner น่ะ”

“ทำไมสีถึงไม่เหมือนกันล่ะ?”  เจ้าลูกม้าตัวหนึ่งสีดำไปคลอเคลียแม่ตัวเองซึ่งมีสีขาวปลอด

“ม้าพันธุ์นี้แปลกอย่างนี้เอง  เมื่อเล็กสีจะดำและค่อยๆขาวขึ้นเมื่อโต  กลายเป็นสีขาวปลอดตอนโตเต็มวัย”

“....พวกมันสวยจัง”  สีหราชยกยิ้ม  เขาผินหน้ามามองคนข้างกายซึ่งมองม้าในทุ่งโล่งด้วยดวงตาเป็นประกาย

“นี่น่ะคือ ‘สุดยอดความสวยงามสไตล์บาโรก’ เลยล่ะ!”  น้ำเสียงตื่นเต้นและรื่นเริงของร่างสูงทำให้คีตกาลหันไปมอง  ดวงตาคมดุจ้องมองม้าสีขาวตัวหนึ่งวิ่งโลดโผนด้วยท่วงท่างดงามสุดเปรียบปราน

“ต้องเอากลับไปให้ได้เลยนะ”

“แน่นอน!”  คีตกาลยิ้มกับคำตอบนั้น


จนผ่านไปครู่ใหญ่  เจ้าหน้าที่คนเดิมมาตามให้สีหราชเข้าไปด้านในโรงม้า  เจ้า Lipizzaner สีขาวปลอดตัวเขื่องงดงามอยู่ด้านใน  ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนนั้น  เอกสารต่างๆยื่นให้ชายหนุ่มตรวจสอบ  คีตกาลไม่ได้เดินเข้าไปฟังด้วย  เขาหยุดยืนหน้าเจ้าม้าสีขาว

“ต้องรอเซ็นเอกสารอีกฉบับจากสัตวแพทย์”

“แล้วจะเอามันไปได้วันไหน?”

“น่าจะอีก 2 วัน”

“...นายตั้งชื่อให้มันหรือยัง?”

“?”  สีหราชเลิกคิ้วมองคนถาม

“....ฉันมีอยู่ชื่อหนึ่ง”

“?”

“สีหกาล  ชื่อเดียวกับฟาร์มของนายไง”

“......”  สีหราชยืนนิ่ง  ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์  ความเงียบเนิ่นนานทำให้คีตกาลเผลอกลั้นหายใจ

“เอ่อ  ถ้าอยากให้ชื่ออื่น...”

“ตามใจ”

“หืม?”

“ให้ชื่อสีหกาลก็ได้  ตามใจนาย!”

ไม่รู้ว่าคีตกาลตาฝาดไปเองหรือเปล่า  เขาจึงเห็นใบหูของสีหราชขึ้นสีแดง...
.
.
.

มีหลายครั้งที่คีตกาลอ้าปากจะถามแต่แล้วก็นิ่ง...เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดีๆระหว่างเขาและ
สีหราชหายไป  อย่างเช่น  กระเป๋าเสื้อผ้าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ร่างสูงรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักโรงแรมไหน หรือทำไมสีหราชจึงไม่เปิดห้องอีกห้องให้เขาพัก  เหตุใดจึงต้องพักห้องเดียวกัน  เตียงเดียวกัน?

หลังอาหารค่ำมื้อง่ายๆเจ้าของห้องก็อาบน้ำ  ชายหนุ่มเปิดทีวีไล่ตามช่องต่างๆเพื่อดูข่าวครู่เดียวก็ปีนขึ้นเตียงนอน   คีตกาลสะดุ้งเฮือก  เขาแช่เท้าในน้ำอุ่นที่สีหราชเอามาให้หลังอาบน้ำเสร็จ  ชะโงกหน้ามองคนบนเตียงอย่างกลัวๆกล้าๆ

“นี่...พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนไหม?”

“....”

“ฉันอยากไปพระราชวังเชินบรุนน์”

“....”

“พระราชวังที่พระนางมารี  อองตัวเนตเคยประทับ  ที่ที่โมซาร์ทแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรก!”  ร่างโปร่งยิ้มแย้มทำท่าทางเพ้อฝัน  เขาทำวีซ่าเพื่อมาเที่ยวชมออเคสตร้าแต่เมื่อได้ใช้ในกรณีนี้แทนก็ขอเที่ยวชมอย่างอื่นแทนละกัน

“........”

“..นี่?”

“ปิดไฟแล้วก็นอนซะ!”

“ชิ!”

“ตื่นสายจะมีเวลาเที่ยวน้อย!”

“อื้ม!”  คีตกาลยิ้มกว้าง  เขาสะบัดน้ำออก  เช็ดเท้าให้แห้งแล้วกระโจนขึ้นเตียงว่องไว




ท่ามกลางความมืด   สีหราชถอนหายใจ
จะมีครั้งไหนไหมที่เขาไม่ใจอ่อนกับคีตกาล?
เฮ้อ~~



.
.
.





 ศิลปะโรโคโคสีเหลืองอ่อนตรงหนาดูสวยงาม   ร่างโปร่งยืนนิ่งคล้ายโดนมนต์สะกด  เขาจ้องมองพระราชวังเชินบรุนน์ตรงหน้า

“นี่ นี่  โมซาร์ทแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบต่อหน้าพระพักตร์ที่นี่แหละ!”  สีหราชพยักหน้ารับกับคีตกาลที่อธิบายประวัติความเป็นมาของพระราชวังนี้อย่างกระตือรือร้น   จนเมื่อพอใจแล้ว
สีหราชก็พาอีกฝ่ายเดินชมสวนแถวนั้นครู่หนึ่ง  ดอกไม้หลากหลายละลานตาสวยงามทำให้คีตกาลยกมือถือขึ้นถ่ายรูปไม่หยุด

“ไปทางนั้นกัน”  มือใหญ่แตะไหล่คนที่กำลังถ่ายรูปให้หันมามอง  แล้วเดินนำไปทางซุ้มโค้งสีเหลือง  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง  ร่างสูงนำเดินผ่านเลยขึ้นไปยังเนินด้านหนึ่ง  ครู่ใหญ่จึงหยุดเท้า

“ว้าว~”  คีตกาลอุทานเสียงดัง  ภาพตรงหน้าทำให้เขายิ้มกว้าง   ภาพพระราชวังเชินบรุนน์ในมุมกว้างมีกรุงเวียนนาเป็นฉากหลัง... สวยงามจนหาคำอธิบายไม่ได้

สีหราชปล่อยให้ร่างโปร่งดื่มด่ำกับบรรยากาศนั้นเนิ่นนาน  เขาทำเพียง...แค่มอง...มองคีตกาลที่มีความสุข  แล้วก็ยิ้มตาม..

จากนั้นสีหราชพาคีตกาลเดินกลับลงมาขึ้นเมโทรไปยังจัตุรัสสเตฟาน  แวะทานขนมกับกาแฟเล็กน้อย  เลือกซื้อของฝากให้คนโน้นคนนี้ติดมือ  จนบ่ายคล้อย... พวกเขาเคียงคู่  บางครั้งพูดคุย  บางครั้งก็แค่เงียบแล้วเดินไป

“สวยจัง!”  วิหารสูงตรงหน้าทำให้คีตกาลเงยขึ้นมอง

“วิหารเซ็นต์สตีเฟ่น  เป็นวิหารที่สวยที่สุดในโลกเลยนะ”  สีหราชคุยโวบ้าง  สถานที่เมื่อเช้าคีตกาลอยากไป  หากตรงนี้คือที่เขาอยากมา  อยากให้คีตกาลได้เห็น  ร่างโปร่งยิ้มกว้าง  หันมามองไกด์จำเป็นแล้วเงยขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง  กระเบื้องหลังคาหลากสีสวยงาม  ตัววิหารสีขาว  ภาพตรงหน้าทำให้เขาประทับใจมาก  จนใกล้ค่ำพวกเขาจึงกลับโรงแรม

คีตกาลยิ้มกว้าง  ความรู้สึกหนักหน่วงก่อนมามลายหายไปแทบหมด  เขาเหลือบมองร่างสูงของ
สีหราชแล้วยิ้มกับตัวเอง  ดูท่าอีกฝ่ายคงหายโกรธเขาแล้ว   ด้วยอารามดีใจเขาจึงกระโดดโหยงเหยงคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ

“หายเจ็บขาแล้วเหรอ?”   เสียงเย็นเอ่ยถามทำเอาคีตกาลชะงักยืนตัวแข็งทื่อ

“เอ่อ...”

“เดินเที่ยวได้ทั้งวัน  แถมตอนนี้ยังกระโดได้ด้วย?”

“คือ...มันดีขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ”

“.....”   สีหราชหรี่ตามองอย่างจับผิด

“โอ๊ะ  ตอนนี้เหมือนจะเจ็บขึ้นมาอีกแล้วแฮะ  สงสัยจะเดินมากไป”  ร่างโปร่งยกขาขึ้นแกล้งทรุดตัวลงนั่งบนเตียง

“โกหกซินะ?”

“เอ๊ะ?”

“แกล้งขาแพลง  แกล้งเจ็บใช่ไหม?”  เสียงทุ้มเย็นชา  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงให้คนมองใจสั่น

“เอ่อ  คือ  ตอนนั้นขาฉันพลิกจริงๆนะ!”

“โกหกได้เนียนดี!”

“ไม่นะ  คือ…”

“สนุกมากไหม?”

“ไม่!  คือ  สิงห์...ฉัน...”

“นายอาจจะสนุกแต่ฉันไม่!”

“สิงห์!”  คีตกาลร้องเรียก  เขาผวาตามร่างสูงที่หันหลังเดินออกจากห้องไปด้วยความโกรธ

ทำยังไงดี?   สีหราชท่าทางโกรธมากขนาดนั้น   คีตกาลยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองด้วยความร้อนรน  ตอนนั้นเขาข้อเท้าพลิกจริงแต่ไม่ถึงขนาดแพลง  พอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจเขาเห็นสีหราชหยุดเท้ากลับมาดูเขาด้วยความเป็นห่วง  เขาดีใจมากที่อีกฝ่ายยังคงห่วงเขา  พอฝ่ายนั้นพาเขากลับมาที่โรงแรม  คอยดูแลคอยห่วงใยเขายิ่งปิดปากเงียบเพราะไม่อยากให้สิ่งเหล่านั้นหายไป  เขารู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัว...   

แต่จะให้ทำอย่างไร  ในเมื่อเขาต้องการความอ่อนโยนนั้น  ความอ่อนโยนเช่นเดียวกับในอดีต...เขาอยากได้ความรู้สึกนั้นของสีหราชกลับคืนมา   หากวันนี้เขาก็ทำมันพังด้วยความสุขอันมากล้นที่สีหราชหยิบยื่นให้...

เขาอยากอธิบายให้สีหราชเข้าใจ... 
ร่างโปร่งลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมตามออกไปอย่างเร่งร้อน   หากพอลงมาถึงหน้าโรงแรมเขากลับต้องยืนนิ่งเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปทางไหนจนต้องหันกลับไปถามเบลบอยว่าเห็นร่างสูงไปทางไหนแล้วค่อยเร่งฝีเท้าตามไป

ระหว่างที่สอดส่ายสายตาคีตกาลพลันชะงักนิ่งเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนเดินผ่านไป  คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะตัดสินใจตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลังเล  เขาไม่คิดว่าจะเจออีกฝ่ายที่นี่  มาตั้งแต่เมื่อไหร่?  มาทำไม?

ร่างโปร่งนั้นเดินตรงไปยังตึกทรงสูงตึกหนึ่ง  เงยหน้ามองคล้ายจะเดินเข้าไปหากก็หันเดินไปอีกทางแล้วเลี้ยวเข้าซอยข้างตึก   คีตกาลก้าวตามพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว  คราวแรกคิดจะร้องทักเพราะอยากให้อีกฝ่ายช่วยตามหาสีหราช  แต่ท่าทางเหมือนกลัวใครมาเห็นของฝ่ายนั้นทำให้เขาแปลกใจจนต้องแอบตามหลังมา

เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบและเสียงหัวเราะกังวานของคนที่เดินเข้าไปทำให้หัวใจของคีตกาลหดเกร็ง  เพราะทั้งสองเสียงเขาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร

“นี่  ไม่คิดเลยนะว่าคีย์จะตามคุณมาถึงที่นี่จริงๆ”

“จริงไม่จริงแล้วทำไม?”  เสียงทุ้มตวัดถามดุดัน

“คุณดีใจล่ะซิ?”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ!”

“ใจร้ายจัง  ถ้าไม่ได้ฉันคุณคงต้องเสียเขาไปจริงๆนะ”

“อย่ามาทวงบุญคุณ!  ถึงไม่มีเธอมันก็ต้องเป็นอย่างทุกวันนี้อยู่แล้ว!”

“....นี่  มาเป็นแฟนฉันเหอะ”

“....”

“ฉันชอบคุณตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว”

“....”  ชายหนุ่มไม่ตอบโต้  เขาเพียงแต่มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

“ขอรางวัลหน่อยไม่ได้หรือไง?”  ร่างสูงไม่ตอบ

“.....”

“จูบเดียวก็ได้นะ   นะ?”



คีตกาลตัวแข็ง  เขานิ่งฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกไหนแม้แต่ตัวเองก็ไม่สามารถบอกได้   ในหูอื้ออึง  สับสนระคนแปลกใจ  เขาเดินออกจากที่ซ่อน  อยากเห็นว่าทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่จึงเงียบเสียงไป  หากภาพตรงหน้ากลับทำให้เลือดในกายแทบกลายเป็นน้ำแข็ง  ความรู้สึกหนาวเย็นชาวาบจากปลายเท้าขึ้นสู่สมองอย่างรวดเร็ว

เสียงก้อนอิฐผุพลิกตัวเมื่อโดนเหยียบ  มือแกร่งผลักร่างที่โถมยกแขนขึ้นคล้องคอเขาออกอย่างแรง   ดวงตาคมดุมองเลยไปทางด้านหลังทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมอง

“โอ๊ะ!”   ร่างโปร่งของหญิงสาวผละห่างออกจากร่างสูง   ดวงตากลมใสเบิกกว้างอย่างตกใจด้วยไม่คิดว่าจะเจอคีตกาลที่นี่ตอนนี้   มีเพียงสีหราชเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าเฉยชาเอาไว้ดังเดิม

คีตกาลเม้มริมฝีปากแน่น  แก้มกร้านของสีหราชมีรอยลิปสติกแดงประดับไว้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีปากของใครที่แนบรอยถ้าไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้านี้










“แม็กกี้?”






















แถมท้าย  By สายใจ






“คุณเอมไม่อยู่หนูละเง๊าเหงา”  เด็กสาวยกแขนวางลงบนโต๊ะ  ตาก็เหลือบมองละครในทีวีไปด้วย

“อะไรของเรา?”  อิ่มเอมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองเด็กสายใจ

“อ้าว  ก็ไม่มีคนเม้าท์ด้วยไงค่ะ  เนี่ยเมื่อวันก่อนนะคะ  คุณแพรวเธอมาพักที่นี่ด้วยค่ะ”

“?”

“คุณสิงห์นะเอาใจเธอยกใหญ่”

“ฮื่อ?”

“ไม่ฮื่อละค่ะ  หนูเห็นมากับตา  คุณคีย์ก็อีกคน   ทำตัวไปแย่งจีบคุณแพรวด้วย”

“ไอ้เพลงเนี่ยนะ?”

“ค่ะ   แล้วไม่รู้ไปทำอีท่าไหน  วันก่อนทะเลาะกันหรือยังไงเนี่ยแหละค่ะ  คุณสิงห์ตัวเปียกโชกกลับเรือน  ท่าทางโกรธมากด้วยค่ะ  คุณคียืมายืนง้อหน้าห้องทั้งคืนก็ไม่ยอมเปิดประตู  เช้ามาถึงรู้ว่าหนีไปต่างประเทศซะงั้น”

“....”

“คุณคีย์ไปตามคุณสิงห์ที่ต่างประเทศหรือคะ? คุณเอม?”

“อืม”

“กรี้ดดดด”  สายใจส่งเสียงวี้ดว้ายจนป้าแช่มและอิ่มเอมสะดุ้งตกใจ

“อะไรของเราน่ะ?”   คนตัวโตยกมือลูบอกเรียกขวัญตัวเอง

“เนี่ยๆ  คุณคีย์เหมือนนางเอกเรื่องนี้เลนค่ะ”  เด็กสาวชี้ไปยังทีวีตรงหน้า  อิ่มเอมอ้าปากเหวอ  คีตกาลเหมือนน้องมิวเนี่ยนะ?

“นางเอก?”

“ค่ะ  นางเอก  ‘ตามรักคืนใจ’ ไงคะ!  อันนี้เขาไปตามพ่อ  ส่วนคุณคีย์ของหนูไปตามคุณสิงห์!”

“........”   อิ่มเอมถึงขนาดหมดคำพูดเลยทีเดียว











โปรดติดตามตอนต่อไป





สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานมากกกกกกกสำหรับตอนหลัก   ขอโทษนะคะ^^
อันที่จริงตอนนี้ทรายอยากจะให้หวานๆ  แต่...ไหงกลายเป็นการท่องเที่ยวและเล็กเชอร์เรื่องม้าไปเสียแล้ว???
ฮา..
หวังว่าจะมีความสุขทุกครั้งที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กัน
ขอบคุณที่รอค่ะ


ด้วยรักและคิดถึง

ปล.ฝากดูคำผิดด้วยนะคะ
ปลล.มีข้อผิดพลาดตรงไหนบอกได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ^^
ปลลล. คลิปการแสดงน้อง้มาที่เพลงไปดูค่ะ   https://youtu.be/Pn6Jmqs9IHQ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 21-12-2015 09:01:23
โกรธกันอีกแน่ๆ ทำไงละทีนี้
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: AuyAaiz ที่ 21-12-2015 09:56:16
ตอนไหนจะเข้าใจกันล่ะเนี่ยยยยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 21-12-2015 11:40:38
เมื่อไหร่เขาจะเลิกโกรธกันนนน  :serius2:

อยากได้ฉากหวานๆ หวานนนนนน  :ling1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 21-12-2015 17:00:55
โอ๊ยยยย อุตส่าห์ดีมาเกือบทั้งตอน  :serius2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-12-2015 19:15:22
ดีใจที่มาต่อนะค่ะ^^//ว่าแต่อะไรยังงัยกันค่ะเนี่ย แล้วแม็คกี้เกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ  ><
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2015 19:39:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 21-12-2015 20:41:22
แม็กกี้มายังละเนี่ย  :mew5:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 21-12-2015 21:15:49
 :z13:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lieu ที่ 22-12-2015 14:43:39
=_=*  พอจะดีกัน หวานได้ไม่เท่าไหร่ มาม่าใส่กันอีกแล้ว
แบบนี้เมื่อไหร่จะเข้าใจกันนนนนนนนน!!!!

แคร์เค้าก็บอกเค้าไป  -___-''  สองคนนี้ ปากแข็ง แต่ใจอ่อนด้วยกันทั้งคู่
คนรอบข้าง ก็ลุ้นกันจนหัวทิ่มมม
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 12-01-2016 11:15:45
- รักพัดหวน - 

ลมพัดครั้งที่ 12












นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เขาถาม...แต่ใครเล่าจะเป็นคนตอบ?
ภาพที่แม็กกี้ยกแขนขึ้นคล้องคอสีหราชพลางแนบริมฝีปากลงบนแก้มกร้านนั้นยังคงติดอยู่ในใจไม่อาจสลัดหลุด    เขาก้าวถอยหลังออกจากตรอกนั้นโดยไม่ปล่อยให้ใครรั้ง  หรืออันที่จริงอาจจะไม่มีใครร้องเรียกเพื่อรั้งเขาก็ได้...

ร่างโปร่งยกเข่าขึ้นชัน  ซบหน้าลงเพื่อซ่อนหยาดน้ำอุ่นที่จวนเจียนจะหยด  ทั้งความตกใจ  ความไม่เข้าใจ  ทั้งความสับสนตีกับวุ่นเสียจนเขาเรียบเรียงไม่ถูก
 
“เพลง  นิ่งเสีย”   คีตกาลบอกตัวเอง   เขาสูดลมหายใจเข้าลึกยกหลังมือปาดน้ำตาซึ่งหยดลงมาพอดีคิ้วเรียวขมวดแน่น   ฟังจากบทสนทนาของคนทั้งคู่เขาคิดว่า...  ทั้งแม็กกี้และสีหราชอาจจะมีข้อตกลงกัน   แล้วตกลงอะไรกันล่ะ?  เกี่ยวกับเขาหรือเปล่า?

‘ถ้ายังรักอยู่  นายก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เขาคืนมา’   คำพูดของแม็กกี้ผุดขึ้นมาในหัว  เพื่อนสาวบอกเขาก่อนขึ้นเครื่องมาที่นี่

ใช่!  เขาจะต้องทำทุกวิถีทาง!

แม้จะต้องผิดใจกับเพื่อนก็เถอะ!





...ก็...เขารักของเขามาตั้งนานนี่นา...

แต่จะทำยังไงกันล่ะ?

ร่างโปร่งเดินวนไป-วนมาในห้องของโรงแรมซึ่งตัดสินใจพักกะทันหันหลังวิ่งออกมาจากตรอกนั้น

‘ปล้ำเลย! ทำให้เขาเป็นของนาย!’   คีตกาลแสยะยิ้ม  คำแนะนำและแผนการของแม็กกี้ค่อยๆผุดขึ้นมา   ใช่!  เขาจะใช้แผนของแม็กกี้นั่นแหละจัดการสีหราช!  ดูซิ  ถ้าสีหราชตกเป็นของเขาเพื่อนตัวแสบนั่นจะทำหน้ายังไง!

แต่...

มันน่าอายนี่นา!  …ถ้าเมาก็ไม่อาย? 

งั้น...มอมเหล้าสีหราชดีไหม?  หรือจะมอมเหล้าตัวเองดี?

ปัญหาที่หนึ่งคิดได้ ปัญหาต่อไปก็มาเยือน  คีตกาลขบเล็บอย่างครุ่นคิด  เขาเหลือบมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงคืนแล้วอยากจะร้องไห้   เอาวะ!

สุดท้ายเขาเลยสั่งทั้งไวน์ทั้งเบียร์มาดื่มย้อมใจ   อันที่จริงเพื่อเพิ่มความด้าน...  ความกล้าให้ตัวเอง  ไวน์1ขวดหมดไปท่ามกลางความเสียดาย  คีตกาลมองแก้วเปล่าแล้วส่ายหน้า  คิดผิดจริงๆที่จะดื่มไวน์ให้เมา   ก็เลยต้องคว้าเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆชนิดเร่งปฏิกิริยาความเมาชนิดเฉียบพลัน    และก็ดูเหมือนจะได้ผลดี....

“หึหึหึ~”   ร่างโปร่งยืนโงนเงนหัวเราะลงคอ  ความรู้สึกฮึกเหิมแล่นพล่านหลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้ว  ตอนดื่มยังนึกหวั่นๆอยู่บ้าง  หากพอนึกถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำเขาก็กระดกเอาๆแบบลืมตายจนได้ผลอย่างที่เห็น

คีตกาลเดินกลับไปยังโรงแรมที่พักกับสีหราช   มือขาวควานหากุญแจห้องชูขึ้นดู   รอยยิ้มหมายมาดวาดประดับมุมปาก  ก่อนๆค่อยก้าวเข้าไปในลิฟต์

ชั้น1…

ชั้น2....

ชั้น3…..

ติ๊ง!    ประตูลิฟต์เปิดออก   ร่างโปร่งเดินเชื่องช้าก่อนหยุดยืนหน้าห้อง  เขาเพ่งมองหมายเลขหน้าห้องท่ามกลางความมึนเมา  เมื่อมั่นใจว่าถูกต้องก็ค่อยๆไขกุญแจแผ่วเบา

ในห้องมืดสนิท     คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้งในใจพลันตระหนก   หรือสีหราชจะไม่อยู่?    คีตกาลตรงไปยังส่วนห้องนอน  เพ่งมองเงาร่างบนเตียงนิ่งนาน...   จนแน่ใจว่าบนนั้นมีเงาร่างเดียวถึงผ่อนลมหายใจโล่งอก   มือขาวยกขึ้นตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจอีกครั้ง   แล้วค่อยย่องไปหาร่างบนเตียงอย่างเงียบๆ   ร่างโปร่งคืบคลานช้าๆจนคร่อมทับร่างนั้น    ใบหน้าขาวเอียงมอง  ซ้าย...แล้วก็ขวา...

จะเริ่มจากตรงไหนดี?





“!”

พลันคนที่หลับอยู่ก็สะดุ้งเฮือกเพราะรู้สึกถูกคุกคาม   ร่างหนายันกายส่วนบนขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ  เงาร่างหนึ่งคร่อมทับเขาอยู่  ซ้ำยังจ้องเขาราวกับจะกลืนกิน!

กลิ่นแอลกอฮอลทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉับ  ก่อนสงบสติอารมณ์แล้วจ้องมองเงามืดตรงหน้า   แสงจากหลอดไฟข้างถนนสาดส่องเข้ามาผ่านชายผ้าม่านทำให้เขาเห็นเค้าหน้าของเงานั้น   ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงถอนหายใจโล่งอก

“คีตกาล  นายไปไหนมาน่ะฮึ?  แล้วกลับมาป่านนี้แถมยังเมาด้วย”

“....”  ใบหน้าขาวเอียงมองเขาหากไม่ตอบคำ

“เมาอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”   ริมฝีปากหยักขยับจะบ่นต่อหากต้องชะงักเมื่อคนด้านบนฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว  “!”

ริมฝีปากอิ่มบดเบียด  คลึงเคล้าย้ำแรง  สีหราชเบิกตากว้าง  กลิ่นแอลกอฮอลจากริมฝีปากที่บดเบียดลงมาขมปร่าเล็กน้อย   ชายหนุ่มปล่อยให้อีกฝ่ายและเล็มริมฝีปากของเขาอยู่ครู่หนึ่ง  นอกจากจะไม่ผละออกซ้ำยังละเลื่อยลงข้างแก้มและซอกคอ...

“ฮื่อ! เพลง! จะทำอะไร?”

“ปล้ำ!”

“ห้ะ?”

“ปล้ำ!”  ร่างโปร่งเยหน้าขึ้นตอบเสียงดังย้ำคำเดิมแม้จะฟังไม่ชัดเพราะลิ้นคับปากจากความเมาก็ตาม  สีหราชนิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะขึ้นจมูกจนอกแกร่งกระเพื่อมทำเอาคีตกาลที่นอนอยู่บนร่างหนากระเพื่อมตามแรงขำนั้น   คิ้วเรียวขมวดฉับอย่างไม่พอใจ  ริมฝีปากบางยู่ลง

“คิดยังไงจะมาปล้ำกันแบบนี้?”

“......นายเป็นของฉัน!”

“?”

“ฉันไม่ยกนายให้ใครหรอก!”  คำประกาศกร้าวพร้อมดวงตาคู่สวยจ้องท่ามกลางความมืดสลัว

คีตกาลจะรู้ไหม  คำขู่นี้ไม่น่ากลัวเลยสักนิด  ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาพองโตคับอกและเต้นรัวแรงอย่างเหลือเกิน   ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคีตกาลกำลังเมาเต็มที่  ถึงขนาดกลับมาปล้ำเขาหลังจากตระหนกกับเรื่องเมื่อค่ำแบบนี้...

“งั้น...นายจะทำยังไงล่ะ?”

“ฉันก็จะจูบนาย!”

“แล้วทำอะไรอีก?”

“อืม...กอดนาย”

“ต่อไปล่ะ?”

“ครอบครองนาย!  ทำให้นายเป็นของฉัน!”

“......”

“ฉันจะกดนาย!”

“อ้อ~”

“ปล้ำได้ไหม?”  เจ้าของใบหน้าใสเอียงคอถาม  ดวงตาหวานฉ่ำหรี่ปรือ  แก้มขาวแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล

“เชิญปล้ำได้เลยครับ”  สีหราชยกยิ้มก่อนจะทิ้งกายลงนอนพลางอ้าแขนกว้างแล้วยกยิ้มมุมปาก     หากคีตกาลกลับยิ่งขมวดคิ้วแน่น

“นายคิดว่าฉันไม่กล้ารึไง!”

“ครับ  กล้าครับ หึหึ~”

“ฮึ่ย!”  มือขาวกระชากเสื้อนอนคนด้านล่างจนกระดุมหลุดกระเด็น

“เอาน่า  ใจเย็น~  คราวนี้ฉันจะไม่หนีนายเหมือนตอนนั้นหรอก”

“.......”  ดวงตาวาวฉ่ำเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา    สายตาวาววับของสีหราชจ้องกลับ  คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มยั่วเย้า  หากมีแต่เพียงความอ่อนโยนที่ส่งมอบให้  คีตกาลละมือจากปกเสื้อเลื่อนขึ้นแตะแก้มกร้านแผ่วเบา

แตะริมฝีปากแผ่ว  ผละห่างเพื่อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีสนิมคู่นั้น  ไม่มีคำพูด...มีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดแก้มซึ่งกันและกัน  คีตกาลก้มลงจูบ  ขบเม้มริมฝีปากล่างของคนข้างใต้   สีหราชเผยอยิ้มแล้วยินยอมให้เรียวลิ้นซุกซนล่วงล้ำ  ร่างโปร่งเกาะกระหวัดเกี่ยวพันคล้ายกลัวๆกล้าๆ  กดย้ำกวาดลิ้มด้านนอก  สีหราชยยกมือขึ้นกดท้ายทอยได้รูปให้ขยับลงแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกเสียเอง   ใบหน้าเข้มคร้ามขยับเปลี่ยนมุมแล้วกวาดต้อน  ดูดดึงเหนี่ยวรั้งเกาะพันไม่ยอมให้ร่างโปร่งผละหนี  มือแกร่งอีกข้างรั้งจับต้นแขนเรียวเอาไว้แน่น

“อืม~”  คนด้านบนส่งเสียงประท้วงยามเมื่อลมหายใจเริ่มติดขัด  กระนั้นคนที่บอกว่าจะยอมโดนปล้ำกลับไม่ปล่อยโดยง่าย  คีตกาลอยากดึงใบหน้าออกห่าง  หากสีหราชยิ่งกดให้โน้มลง  บดเบียดคลึงเคล้ากวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก   รสชาติขมปร่าของเบียร์และไวน์ที่คีตกาลดื่มเข้าไปถูกไล้ชิมแปรเปลี่ยนเป็นหวานล้ำ...  สีหราชยินยอมผละให้คนด้านบนได้สูดลมหายใจเข้าปอดและรั้งให้จูบเขาอีกครั้ง  ฟันคมขบลงบนริมฝีปากล่างของคีตกาลให้ส่งเสียงอุทานแล้วจึงล่วงล้ำกวาดชิมความหวาน

บางคราวแกล้งรุกล้ำ  บางคราวแกล้งหนีถอย  คนด้านบนไม่แพ้เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นจูบตอบ  มือแกร่งเลื่อนกุมมือขาวแล้วรั้งให้วางบนอกตัวเอง   เขาแกล้งผละริมฝีปากออกให้ร่างโปร่งตามมากดจูบอย่างไม่ยอมให้หนี   สีหราชหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วยื่นหน้ากระซิบริมหู  เสียงทุ้มแหบพร่า...

“ปล้ำซิ~”  เสียงทุ้มแหบพร่ายั่วเย้าเชิญชวน  คีตกาลที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเมาเบียร์  เมาไวน์หรือว่าเมาจูบของสีหราชกันนแน่ก้มลงครอบครองริมฝีปากหยักนั้นอีกครั้ง  มือขาวเลื่อนลูบไล้อกแกร่ง  หน้าท้องแข็งเกร็งเพื่อเล้าโลม  ผละจูบแล้วแนบริมฝีปากลงบนซอกคอ  สร้างเม้มรอยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ  แลบลิ้นไล้เลียตรงเส้นบ่ากว้าง  เลื่อนแตะจูบปลายคางสากได้รูป   ยิ่งเจ้าของร่างหนาส่งเสียงครางเครือเขายิ่งกระสันอยากทำให้คนตรงหน้าเป็นของเขาเร็วๆ

“สิงห์  เป็นของเพลงนะครับ?”

“ครับ  สิงห์เป็นของเพลง  ดังนั้น...รับผิดชอบให้ถึงที่สุดนะ”  ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ท่ามกลางแสงสลัว  หากคนที่กำลังเมามีหรือจะทันเห็น  คีตกาลก้มลงบดเบียดจูบอีกครั้ง  คนข้างใต้ช่างพูดจาได้น่ารักเหลือเกิน!

ยามเมื่อมัวเมากับจูบเร่าร้อนพลันร่างโปร่งกลับสะดุ้งโหยง  ฝ่ามือหยาบกร้านล้วงผ่านชายเสื้อเข้าแตะไล้เอวผอม  ความร้อนจากปลายนิ้วลากผ่านให้รู้สึกสะท้านสั่น  มือนั้นลากเลื่อนขึ้นแตะอกขาว  กดปลายนิ้วลงบนจุดสีแดงแข็งข้างหนึ่ง

“อื้อ!”  ราวกับรู้ว่าคนด้านบนจะผละห่างด้วยความตกใจ  มือใหญ่อีกข้างกดท้ายทอยร่างโปร่งเอาไว้ไม่ให้ผละจูบ  เรียวลิ้นรุกล้ำดูดดึงร้อนแรงกวดเกี่ยวไปทั่วโพรงปาก    คีตกาลยันแขนข้างหนึ่งดันกายไม่ให้ทรุดลงบนร่างหนา  อีกข้างยกขึ้นพยายามดึงมือสากนั้นให้พ้นจากอกของตัวเอง  หากเจ้าของมือกลับยิ่งลงแรงบนปลายนิ้วบดขยี้ลงบนยอดอกให้ร่างโปร่งสั่นสะท้านจนแทบสิ้นแรง   คีตกาลไม่อาจต้านทานเมื่อฝ่ามือข้างนั้นเลื่อนแตะไล่ลงไปยังหน้าท้องเนียน  นิ้วแข็งแกร่งปลดปราการแล้วสอดไล้แตะต้องกอบกุมความร้อนผ่าวให้คนด้านบนผวาแอ่นกาย

“อื้อ!”

“ไหนว่าจะปล้ำฉันไง?”  สีหราชยินยอมให้ริมฝีปากบางเป็นอิสระ  หากยังตามแตะแต้มคลอเคลียไม่ห่าง   สะโพกเพรียวพยายามขยับหนีฝ่ามือร้อนข้างนั้น  หากกลับกลายเป็นยิ่งเบียดกายเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว

“ปล้ำ?”

“ใช่  เพลงจะปล้ำสิงห์ไงครับ”   กระซิบเอ่ยหลอกล่อ

“อื้อ~”

“มาซิ~”  คีตกาลจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นคล้ายตกอยู่ในภวังค์  ร่างโปร่งก้มลงจูบ  บดเบียดคลึงเคล้าสะโพกลงบนฝ่ามือนั้นด้วยตัวเอง  สีหราชยกยิ้ม  ขาแกร่งอ้ากว้างแล้วเกี่ยวกระหวัดร่างโปร่งเอาไว้ไม่ให้ถอยหนีได้อีก 

ยิ่งเร่งเร้า  ยิ่งร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย   บดเบียดแนบร่างเข้าหาความอุ่นร้อน  จนเมื่อทนไม่ไหวร่างแกร่งจึงพลิกกายเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแทน    ฝ่ามือใหญ่เร่งขยับให้เจ้าของริมฝีปากบางส่งเสียงแว่วเครือด้วยความเสียวซ่าน เสียงหวานแว่วเครือเจือสะอื้นยามเมื่อห้วงอารมณ์โหมกระหน่ำถึงที่สุด    สีหราชกลายเป็นฝ่ายบดเบียดจูบเสียเอง...ขยับข้อมือเร็วเร่ง  อีกข้างกดปลุกเร้าจุดแดงบนอกขาว  ส่งให้คนใต้ร่างถึงฝั่งฝัน

“อื้อ!  สิงห์!”

ลมหายใจหอบกระชั้นแม้ไม่ได้ปลดปล่อย   ความปวดหนึบด้านล่างทำให้คนด้านบนขบกรามแน่น  สีหราชยันกายขึ้นจ้องมองร่างโปร่งซึ่งแน่นิ่งไปหลังทะยานเข้าสู่ความสุขสม   คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้หลับตาพริ้ม  หายใจหอบน้อยๆจากริมฝีปากบวมช้ำคู่นั้นทำให้ร่างสูงอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้   

ไหนว่าจะปล้ำเขาอย่างไรเล่า?   พอปลดปล่อยก็หลับทิ้งกันไปเสียแล้ว...

สีหราชยอมให้ร่างโปร่งซึ่งสิ้นเรี่ยวแรงเป็นอิสระ  หากไม่วายขอจูบซับความหวานฉ่ำจากริมฝีปากบวมช้ำตรงหน้า  และเล็มไล้เลียเคล้าคลึงด้วยอดใจไม่ไหว   แต้มจมูกลงข้างแก้มเนียนและขมับชื้นเหงื่อ  สุดท้ายที่หน้าผากเนียน...

 เขาจัดท่านอนให้คนตรงหน้า  ขยับชายเสื้อให้เข้าที่เข้าทางหากครู่หนึ่งจึงหยุดชะงัก  มือแกร่งค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคีตกาลทีละเม็ด   เข็มขัดและกางเกงถูกโยนไว้ปลายเตียง...  เสื้อนอนของเขาที่ถูกกระชากจนกระดุมขาดเขาสวมไว้อย่างนั้นไม่เปลี่ยน  ก่อนจะลุกไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง  หยิบบางสิ่งออกมาแล้วกลับขึ้นเตียงอีกครั้ง  คราวนี้จัดท่าให้ร่างโปร่งซึ่งเปลือยเปล่าล่อนจ้อนกลายเป็นฝ่ายนอนอยู่บนตัวเขาท่ามกลางความยุ่งเหยิงเละเทะบนเตียง

ท่ามกลางความมืด   สีหราชก้มลงมองเสี้ยวหน้าขาวพลางยกยิ้ม   แขนแกร่งกอดกระชับเอวผอมเอาไว้แน่น  กดจูบหน้าผากเนียนอีกครั้งแล้วเข้าสู่นิทราด้วยความสุขใจ


พรุ่งนี้ตื่นมาก็รับผิดชอบกันอย่างที่ลั่นปากเอาไว้ล่ะ  คีตกาล...



**********


“.......”   เปลือกตาบางขยับไหว  แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจ้าบาดตาจนต้องหลับลงอีกครั้งแล้วค่อยหยีลืมขึ้นใหม่   เขานอนนิ่งพลางนึกทบทวนว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน   อากาศเย็นกระทบแผ่นหลังให้ต้องขดกายเข้าหาความอบอุ่นในอ้อมแขนหากแล้วกลับต้องชะงักนิ่งเมื่อก้อนความอบอุ่นนั้นคล้ายมีรูปร่าง    คีตกาลก้มหน้าลงมอง  ‘ก้อนความอบอุ่น’  นั้นแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เฮ้ย!”

“อือ~”  ก้อนความอบอุ่นนั้นถูกเสียงของเขาปลุกให้ตื่นจากนิทรา     ร่างใหญ่สีแทนขยับแขนบิดกายไล่ความเมื่อยขบ  ก่อนจะชะงักตามเมื่อเห็นเขา

“สิงห์?”  คีตกาลผุดลุกขึ้นนั่งแล้วความหนาวเย็นจึงจู่โจมไปทั่วกาย  เขายกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วจึงค่อยพบ...ว่าตัวเองเปลือยเปล่า 

“.....”  สีหราชลุกขึ้นนั่ง  แผ่นอกกำยำมีร่องรอยสีแดงจ้ำประปราย  ซอกคอแกร่งยังมีรอบจ้ำสีแดงม่วงอีกสอง-สามรอย  ร่างโปร่งสำรวจอีกฝ่ายตาโต  ก้มลงสำรวจตัวเองแล้วเผ่นแผล็วลงไปยืนข้างเตียงทั้งที่ยังโป๊เปลือย  สีหราชมองท่าทางนั้นแล้วลุกขึ้นยืนให้หลังให้คีตกาล  แผ่นหลังกว้างอวดกล้ามเนื้อสวยได้รูป  ผิวเนียนสีน้ำผึ้งไหม้เรียบไร้ริ้วรอย  เอวสอบสวยไร้ไขมัน  กล้ามเนื้อแต่พองามสวยขยับไหวตามการบิดกายของสีหราช   คีตกาลจ้องมองภาพนั้นแล้วให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ  แก้มร้อนผ่าวหากก็ยังไม่ละสายตาจากแผ่นหลังเปล่าเปลือยนั้น   

สีหราชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบิดกายแล้วอุทานแผ่วพลางยกมือขึ้นแตะสะโพกสอบของตัวเอง  ครู่เดียวแล้วเดินเข้าห้องน้ำราวกับไม่สนใจอาการเจ็บของตัวเอง

“สิงห์!”   คีตกาลเบิกตากว้างนิ่งค้างกับอาการของคนตัวโต  ค่อยๆลำดับเหตุการณ์ในหัว...ตั้งแต่ตอนดื่มเบียร์  ตอนเมาและตอนที่คร่อมทับร่างสีหราช....ร่างโปร่งผวาตามไปเคาะประตูห้องน้ำอย่างร้อนรน     ความเหนียวเหนอะหนะตรงหว่างขาแม้จะถูกเช็ดซับไปแล้วก็ยังคงรู้สึกและท่าทางเจ็บสะโพกของสีหราชทำให้เขาตระหนก   

นี่เขาปล้ำอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆหรือ!

ร่างโปร่งทุบประตูห้องน้ำ  ยิ่งลงแรงเมื่อด้านในมีแต่ความเงียบตอบกลับมา  หรือสีหราชจะเจ็บจนเป็นลมไปแล้ว!  โธ่!  นี่เขาหักหาญน้ำใจปลุกปล้ำสีหราชเพราะความเมาแท้ๆ!   ความรู้สึกผิดแล่นกอบกุมหัวใจจนต้องทรุดกายลงนั่งหน้าห้องน้ำ   ก่อนที่แสงแวววับบางอย่างจะสะท้อนเข้าสายตา

มือขาวยกสร้อยที่ห้อยบนคอตัวเองขึ้นดู   ตัวสร้อยมีแหวนทองคำขาววงหนึ่งคล้องอยู่  รูปแบบราบเรียบไม่สะดุดตาแล้วถ้อยคำกระซิบวอนขอของใครบางคนก็จึงกลับเข้ามาในความทรงจำ

‘สิงห์เป็นของเพลง  ดังนั้น...รับผิดชอบให้ถึงที่สุดนะ’

ประโยคเรียกร้อง...ครั้งที่สองที่เอ่ยจากริมฝีปากหยักคู่นั้น

เขาเคยปัดความรับผิดชอบไปแล้วครั้งหนึ่ง  คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้สีหราชหลุดมือไปอีกแล้ว!   ร่างโปร่งตั้งมั่นถึงขนาดกำหมัดชูขึ้นฟ้าเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่

“.........”

“เอ่อ....”   ร่างโปร่งเก็บมือตัวเองไม่ทัน  เขายิ้มแหยให้ร่างสูงที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วมองเขาด้วยสายตาเหมือนมองคนเพี้ยน

“จะยืนเป็นชีเปลือยอีกนานไหม?”

“!”  ไหล่บางสะดุ้งไหวแล้วผลุบเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่จบประโยคด้วยซ้ำ

พอพ้นร่างของคีตกาลร่างสูงจึงเดินมาสวมเสื้อผ้า   สีหราชจ้องมองเงาของตัวเองที่สะท้อนบนกระจกแล้วค่อยๆยกยิ้ม...


เอาสิ  อยากจะปล้ำเขาเขาก็ยอมให้ปล้ำแล้ว   หลังจากนี้จะทำอะไรต่อ?

.
.
.


“เอ่อ  นี่ยังเจ็บอยู่ไหม?”   สีหราชส่ายหน้า  “งั้นจะนอนพักอีกหน่อยหรือเปล่า?” ใบหน้าหล่อเหลาส่ายอีกครั้งแล้วก้มหน้าก้มตาตักอาหารในจานไม่ยอมเงยขึ้นมองคนถามสักครั้งจนคีตกาลใจแป้ว   พอร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนเขาก็ยืนตาม  “จะไปไหน?”

“วันนี้ต้องไปเอาเอกสารเกี่ยวกับม้า  พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน”

“เดี๋ยวฉันไปเอาให้”

“ไม่ต้อง”

“งั้น  งั้นฉันไปด้วยนะ”   ร่างโปร่งคว้าโน่นหยิบนี่ส่งให้สีหราช  พอร่างสูงขยับจะทำอะไรเขาก็พุ่งถลามาคอยหยิบส่งหรือทำแทนไปเสียทุกอย่าง

“?”  สีหราชขมวดคิ้วกับท่าทางนั้น  เขาหรี่ตามองอีกฝ่ายคล้ายไม่พอใจ

“ก็   ฉันเห็นนายไม่ค่อยสบายเมื่อเช้าอ่ะ”

“ไม่ค่อยสบาย?”

“ก็  ก็ที่เจ็บ...สะโพก”

“หืม?”

“ขอโทษนะ  เมื่อคืนฉันคงทำนายแรงไปใช่ไหม?”  ดวงตาคู่สวยเหลือบมองสีหราชหวาดๆ

“อ้อ.....”

“ไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลนายเอง”

“.....”   สีหราชเพียงพยักหน้ารับ

หลังจัดการเรื่องเอกสารเสร็จ  ด้วยไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออีกฝ่ายจงใจ  พวกเขาพบแม็กกี้ระหว่างทางกลับโรงแรม  หญิงสาวชวนทั้งสองไปทานอาหารกลางวัน  ทั้งๆที่เขาจ้องเพื่อนสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายนั้นก็เพียงแค่ยักไหล่แล้วหัวเราะเสียงดัง

คีตกาลตักนู่นนี่ใส่จานสีหราชจนแทบพูน  บางครั้งก็แกล้งเกี่ยวปลายผมอีกฝ่ายยามเมื่อลมพัดอ่อน  แกล้งแตะปลายนิ้วลงบนแก้มกร้านให้แม็กกี้เห็นโดยที่สีหราชไม่รู้ตัว

“เอ่อ...ยูสองคน...”  คิ้วเรียวของแม็กกี้ขมวดมุ่น  ใบหน้าสวยคล้ายจะยิ้มไม่ยิ้มคล้ายจะหัวเราะก็ไม่เชิง

“หืม?”   สีหราชเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์  เหลียวมองร่างโปร่งข้างตัวที่เก็บแขนลงไปอย่างรวดเร็ว

“แม็กกี้เขาจะถามน่ะว่าเราจะกลับเมื่อไหร่”

“ก็พรุ่งนี้ไง?”  สีหราชตวัดสายตามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ

“เอ่อ  ไอลืมน่ะว่ายูบอกแล้ว”  แม็กกี้หัวเราะ  แกล้งมองไม่เห็นว่าคีตกาลถลึงตาใส่   จนเมื่อมื้ออาหารนั้นสิ้นสุดลงหญิงสาวจึงลุกขึ้นเพื่อบอกลา  คราวนี้เธอบอกว่าจะกลับไปบ้านตัวเองจริงๆเสียที   แม็กกี้ยืนยิ้มจ้องมองหน้าคีตกาลนิ่งนาน   จนร่างโปร่งต้องถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเธอ

“คราวนี้เขาเป็นของยูจริงๆแล้วใช่ไหม?”

“...ใช่  และเธอก็จะแย่งเขาไปไม่ได้!”  ท้ายประโยคเขาขู่ลอดไรฟัน  หญิงสาวหัวเราะไม่มีทีท่าจะโกรธเคือง

“ก็ดีแล้ว”

“?”

“คราวนี้ก็รักษาเอาไว้ให้มั่นล่ะ  เกิดอะไรขึ้นก็อย่าปล่อยมือเชียว”

“....แล้วเธอ?”

“...ถ้าเขาไม่ใช่ของยูไอจะแย่งมาจริงๆนะ  แต่....”  หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงที่ยืนรอห่างออกไปแล้วถอนหายใจ

“?”

“เผอิญว่าเขาไม่เล่นด้วย”  คีตกาลเลิกคิ้วแล้วยิ้มเยาะโดยไม่รู้ตัว  รอยยิ้มที่ทำเอาแม็กกี้หมั่นไส้ขึ้นมาติดหมัด  “...ไม่อยากจะเชื่อว่ายูจะจับเขากดได้จริงๆ”  คีตกาลกอดอกฉับอย่างโอ้อวดเมื่อได้ฟัง  แม็กกี้เพียงพยักหน้ากับท่าทางนั้นแล้วกอดเพื่อนแน่นก่อนโบกมือลา

ถึงแม้ว่าคีตกาลจะพยายามทำตัวเป็นสามีผู้ดูแลภรรยาท้องอ่อนมากแค่ไหน  หากสีหราชก็ปัดการดูแลนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี   เขาก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าบางทีสีหราชอาจจะเขิน...  แหม่   

ทั้งสองขึ้นเครื่องกลับในรุ่งเช้าต่อมา  คีตกาลลากสีหราชไปพักที่บ้านจนได้เนื่องจากว่าม้าต้องถูกตรวจสอบโดยกรมปศุสัตว์ที่กรุงเทพอีกครั้งก่อนนำกลับฟาร์ม

“เรานี่มันน่าตีจริงๆเชียว!”   ก่อนหน้าคุณยุวดีตกใจเพราะไม่รู้ว่าคีตกาลไปตามสีหราชถึงออสเตรีย  มารู้ก็ตอนทั้งสองมายืนกดออดอยู่หน้าบ้านแล้ว

“คิดถึงแม่มากๆเลยครับ”  คีตกาลถลาเข้ากอดเอวมารดาก่อนที่คนสูงวัยจะทันยกแขนขึ้นตี  คุณยุวดีส่งค้อนให้บุตรชายเสียวงหนึ่งแล้วลากทั้งสองคนเข้าบ้าน

“เดี๋ยวแม่ให้คนเตรียมห้องให้นะ”  คุณยุวดียิ้มต้อนรับ  ร้องเรียกให้สาวใช้มาช่วยกันขนของ   

“ไม่ต้องหรอกครับ  ให้สิงห์พักกับเพลงก็ได้”

“หืม?”  คุณยุวดีเงยหน้าขึ้นมองสีหราชเมื่อได้ฟังคำของบุตรชาย 

“แยกห้องเถอะครับ”  สีหราชยิ้มพลางเอ่ยขอ

“ไม่ต้องหรอก  สิงห์พักกับเพลงนะ!”  ร่างโปร่งหันมาค้าน

“แยกห้อง”

“แต่....”

“ไม่งั้นจะออกไปนอนโรงแรม”

“ก็ได้ๆ!”

“......”  คุณยุวดีมองท่าทีของคนทั้งสองตรงหน้าแล้วได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  คิดว่าอย่างไรคืนนี้เธอจะต้องลากคอบุตรชายมาถามความจริงดู









“ตาเถร!”   คุณยุวดีอยากจะเป็นลมในขณะที่คุณพีรพลหัวเราะงอหงายหลังจากได้ฟังบุตรหัวแก้วหัวแหวนพูดจบ   หลังอาหารค่ำคุณยุวดีก็ลากคีตกาลเข้าห้องทำงานของสามีทันที  สอบถามถึงท่าทางแปลกประหลาดเมื่อตอนเย็นและเหตุผลที่คีตกาลไปตามง้องอนสีหราชถึงเมืองนอกเมืองนามาเสียหลายวัน

“ให้มันได้ยังงี้ซี่~”  คุณพีรพลตบเข่าฉาดยังหัวเราะไม่หยุด

“นี่คุณ!  ลูกชายเราไปปล้ำเขาคุณยังจะหัวเราะชอบใจได้อีก!”  คุณยุวดีแหวใส่สามี

“น่าๆคุณ  ก็ดีกว่าลูกชายเราโดนปล้ำน่า”

“แต่.....”

“แล้วนี่จะทำยังไงต่อ?”   ผู้เป็นพ่อเช็ดน้ำตาจากการหัวเราะแล้วหันมาถามบุตรที่ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ

“ก็คงต้องง้อจนกว่าจะยอมดีด้วยแหละครับ”

“หืม?”

“แล้วก็...สิงห์เป็นเมียเพลงแล้วด้วย”

“ให้พ่อยกขันหมากไปขอไหม?”

“ก็ดีนะครับ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”   คุณพีรพลหัวเราะลั่นอีกครั้ง  คุณยุวดีมองหน้าบุตรชายแล้วยิ้มแหย  แม้สิ่งที่คีตกาลดูจะเป็นไปไม่ค่อยได้แต่...ท่าทางมีความสุขของบุตรชายที่ไม่ได้เห็นมานานก็ทำให้คุณยุวดีพูดไม่ออก

คีตกาลเมาแล้วปล้ำสีหราชเธอเชื่อ  แต่สีหราชที่ยอมเป็นเมียคีตกาลเนี่ย....

ปล่อยให้ฝันไปอีกหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?








หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 12-01-2016 11:21:55




“จะแต่งเมื่อไหร่ดีล่ะ?”  คุณพีรพลยกผ้าเช็ดปากหลังสิ้นสุดอาหารมื้อเช้า  “งานแต่งของเราสองคนน่ะ”

“แค่ก! อะไรนะครับ?”  สีหราชถึงกับลำลักน้ำไอจนหน้าดำหน้าแดงไม่หยุด  คีตกาลเห็นก็ปรี่เข้าไปลูบหลังให้เป็นการใหญ่  หากสีหราชเบี่ยงตัวหลบแล้วถลึงตามอง

“ก็งานแต่งของเราสองคนน่ะ”

“งานแต่ง?”  ใบหน้าเข้มคร้ามมีแววประหลาดใจ  เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกคน

“...ก็  พ่อกับแม่รู้แล้วแหละว่าฉันปล้ำนาย....”  ท้ายประโยคเสียงเบาลงจนแทบไม่ได้ยินเนื่องจากดวงตาวาวโรจน์ของสีหราช

“อะแฮ่ม!  เดี๋ยวผมขอตัวไปกรมปศุสัตว์ก่อนนะครับ  วันนี้น่าจะเอาม้ากลับฟาร์มได้แล้ว”

“เอ๋  แล้วเรื่อง....”   สีหราชไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ  เขายกมือไหว้คุณพีรพลและคุณยุวดีแล้วลุกออกไปอย่างเร่งรีบ

“เอ้า  รีบตามเมียแกไปซิ!  ฮ่าๆๆๆ”

“คุณ!”  คุณยุวดีตีแขนสามีดังเผียะที่ยังเล่นไม่เลิก  คีตกาลวิ่งตามร่างสูงออกไปทันทีหลังจบคำบิดา   พอพ้นร่างบุตรชายเสียงหัวเราะนั้นจึงเงียบลง   คุณพีรพลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เราฉวยโอกาสพลางมัดมือชกตาสิงห์มากไปหรือเปล่านะคุณ?”  คุณยุวดีกุมมือสามีแล้วตบลงบนหลังมือนั้นเบาๆอย่างให้กำลังใจ

“เราเคยทำพลาดมาก่อน...”

“ผมต่างหากที่ทำพลาด”

“นั่นล่ะๆ  คราวนี้ฉันหวังว่าตาสิงห์เองก็จะฉวยโอกาสนี้เอาไว้เช่นกันนะคะ”

“หึ  ตาเพลงนะตาเพลง  ทำเรื่องจนได้”

“นั่นซิคะ”

“ว่าแต่...มันแน่ใจได้ไงว่าตัวเองจะเป็นผัวตาสิงห์ได้  ฮ่าๆๆๆๆ”

“คุณนี่นะ!”  คุณยุวดีค้อนสามี  รู้ทั้งรู้ว่าอย่างสีหราชคงไม่ยอมเป็นเมียคีตกาลง่ายๆก็ยังยุยงส่งเสริมบุตรชายตัวเองไปในทางที่ผิด เอ้ย  ทางที่หลงเข้าใจเองว่าถูกอยู่ได้!




*********



“แค่กๆ ห้ะ! อะหยังเก๊าะ? ว่าอะไรนะ?  What ? Nani?“  อิ่มเอมสำลักกาแฟจนขึ้นจมูก   เขาขุดภาษามาถามอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน  นี่ถ้านึกภาษาอื่นออกอีกก็ว่าจะเอ่ยออกมา

“ก็....ฉันเมา”

“แม่เจ้าโว้ย  กูให้ไปง้อ  นี่แม่งข้ามขั้นมาก!”

“ก็ตอนนั้นมันหึงนี่!”

“เออๆ  ...แล้วมันก็ยอมให้มึงปล้ำเนี่ยนะ?”  คีตกาลพยักหน้า  “กูไม่เชื่ออ่ะ!  แค่ขนาดตัวมึงก็สู้แรงมันไม่ไหวแล้ว!”

“?”

“แถมมึงยังเมาด้วย”

“แต่....  สิงห์ตื่นมาแล้วก็เจ็บ...ก้น”

“ห้ะ! แค่กๆๆ”

“รอยจูบเต็มคอด้วย”

“คนอื่นทำหรือเปล่า?”  อิ่มเอมที่ไม่อยากจะเชื่อคาดเดาไปต่างๆนาๆและนั่นทำให้คีตกาลโมโหปรี้ดขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่!  รอยนั่นฉันเป็นคนทำเองกับมือ เอ้ย  ทำเองกับปาก!”  อิ่มเอมตาเหลือกเมื่อได้ฟัง  หรือเพื่อนเขามันจะนิยมเป็นฝ่ายรับจริงๆ?  ไม่ๆๆ  ไม่มีทางอ่ะ  แค่คิดก็ขนลุกไปหมดแล้ว!     “แต่....”

“?”  อิ่มเอมเรียกสติตัวเองกลับมาเมื่อคีตกาลตีหน้ายุ่งยีหัวตัวเองคล้ายคิดไม่ตก

“สิงห์ทำเหมือนไม่อยากให้รับผิดชอบ”

“ห้ะ?  รับผิดชอบ?”

“อืม  พาไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านมา  พอเกริ่นเรื่องแต่งงานก็หนีกลับมาที่ฟาร์ม”

“แต่งงาน!”  คราวนี้อิ่มเอมชักตาเหลือกของจริง

คีตกาลเหลือบมองท่าทางขนลุกขนพองของคนตัวโตแล้วเบือนหน้าหนีไม่ใส่ใจ  มือขาวยกขึ้นแตะวงแหวนที่ร้อยสร้อยคอพลางครุ่นคิด   สร้อยเส้นนี้     แหวนวงนี้สีหราชเป็นคนเอามาสวมให้เขาในคืนนั้นไม่ผิดแน่   แสดงว่าคืนนั้น...พวกเขาผูกพันกันจริงๆใช่ไหม?

แน่นอนวาคีตกาลยังจำรสจูบนั้นได้  มันทั้งอ่อนหวาน  เร่าร้อนและโหยหา...  ฝ่ามือที่เลื่อนไล้แตะสัมผัสใบหน้าอีกฝ่าย  กลิ่นกายที่พาให้ใจสั่นนั่นด้วย   ความรู้สึกสุขสม  รัญจวนร้อนรุ่มยังตราตรึงและซาบซ่าน  แม้บางช่วงจะขาดหายแต่เขามั่นใจว่าได้กอดสีหราชจริงๆ!

แล้วทำไมสีหราชถึงปฏิเสธเขาล่ะ?

หรือจะโกรธที่เขาขืนใจ?

ไม่นะ  เขาจำได้ว่าเสียงทุ้มแหบพร่านั้นกระซิบบอกให้เขารับผิดชอบ   เขาก็รับผิดชอบนี่แล้วอย่างไรเล่า  แล้วทำไมสีหราชยังมึนตึงใส่เขาอยู่อีก?

โกรธ?

เขินอาย?

จะอย่างไหนก็ช่างเถอะ!  ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นเมียเขาแล้ว  เขาจะไม่ยอมแพ้อย่างครั้งที่แล้วอีกแน่!




























แถม





โอ๊ย!  อกสายใจจะแตก!  จู่ๆคุณคีย์ก็สั่งให้ย้ายข้าวของเข้าห้องคุณสิงห์   ซ้ำยังบอกว่าจะนอนเตียงเดียวกันด้วย!  คุณพระคุณเจ้า! สายใจไม่เคยเห็นนางเอกเรื่องไหนในใจกล้าเท่าคุณคีย์ของเธอมาก่อนเลย  นี่ไปตามรักคืนใจกันอีท่าไหน  กลับมาถึงก็ย้ายข้าวย้ายของมาร่วงห้องร่วมหอกันเสียแล้ว

“แม่!  แม่ว่าคุณสิงห์กับคุณคีย์ใครเป็นพระเอกนางเอก?”

“พระเอกนางเอกอะไรของเอ็ง?”  ถึงแม้ป้าแช่มจะตกใจอยู่ไม่น้อยแต่หล่อนก็ผ่านโลกมามาก  เรื่องแบบนี้มีให้เห็นเยอะขึ้นทุกวัน  ไอ้ชายรักชายเนี่ย  เพียงแต่ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวอย่างคุณสิงห์จะเป็นเท่านั้นเอง

“ก็พระเอก  นางเอกไง!”  เด็กสาวละขัดใจ   พูดกับแม่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

“หล่อๆอย่างคุณสิงห์คงเป็นพระเอกละมั้ง  ส่วนหน้าขาวๆอย่างคุณคีย์ก็นางเอก”

“ใช่ไหมๆ”

“.........โอ๊ย  เอ็งนี่ละเพ้อเจ้อ!  พระเอกนางเอกอะไรกัน  ดูละครมากไปล่ะซิเอ็งน่ะ”

“แม่อ่ะ!”

“ไปนอนได้แล้ว  คุยกะเอ็งละข้าปวดหัว”  สุดท้ายเลยย้ายก้นวิ่งไปเกาะขาคุณอิ่มเอมเม้าท์มอยแทน






“ฉันว่าไอ้สิงห์ต้องเป็นพระเอกชัวร์”

“ใช่ไหมคะๆ  คุณสิงห์ของหนูทั้งหล่อ  มาดเข้มและเท่ห์ขนาดนั้น”

“ช่าย   ส่วนคุณคีย์ของสายใจก็เป็นนางเอกที่เป็นทอม”

“นางเอกที่เป็นทอม?”

“ก็พอตกเป็นเมียพระเอกแล้วคิดว่าตัวเองเป็นผัวไง!”

“ฮื่อ  มันมีด้วยหรือคะคุณเอม?”

“นี่เรื่องแรกไง”

“อ่อ~~    แล้วแบบนี้หนูต้องเรียกคุณสิงห์หรือคุณคีย์ว่าคุณผู้หญิงอ่ะคะ?”

“วะ  ว่าอะไรนะ!”   คนตัวโตสะดุ้งโหยง

“ก็คุณคีย์เป็นนางเอกที่เป็นทอม  แต่ไม่ยอมรับและคิดว่าตัวเองเป็นสามี  แบบนี้สายใจงงนะคะเนี่ย”

“ฉันละงงกับเธอมากกว่า!”

“?”

“ไม่ต้องไปเรียกใครว่าคุณผู้หญิงทั้งนั้นถ้าเธอไม่อยากโดนคุณสิงห์หักคอ!”

“อ้าว?”  สายใจละอยากมีโมเม้นท์แบบ   ...คุณผู้ชายคะ  คุณผู้หญิง....แพ้ท้องค่ะ   อะไรแบบนี้เหมือนในละครบ้างนี่นา...





















แถม   แถม...


สวัสดีครับ  ผมชื่อเกียรติศักดิ์  ผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆผิวขาวและใส่แว่น  ที่บางครั้งอยากจะหล่อก็หาคอนแทคเลนส์มาใส่เสียทีหนึ่ง  ผมเป็นผู้ชายประเภท ‘ตกหลุมรักง่าย’  เพราะอย่างนั้นเลยมักจะอกหักอยู่บ่อยครั้ง  เวลาเจอใครที่คิดว่าใช่อยากเข้าไปทำความรู้จักก็มักพลาดเพราะความจืดชืดของหน้าตาเลยโดนมักข้ามตลอด  สุดท้ายก็กินแห้วเข้าไปหลายไร่แล้ว...   อย่างครั้งล่าสุดนี่ก็เหมือนกัน...

คีตกาล  คนนี้หน้างามนามเพราะ... ผมตกหลุมรักทันทีที่เห็นหน้าเขา   แต่เพราะผมอาจจะแสดงออกมากไปคุณยุวดีแม่ของคุณคีย์ถึงได้พยายามกันผมเอาไว้   ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกนะที่บอกว่าคุณคีย์มีแฟนแล้ว  ผมเอางานไปให้คุณคีย์ดูหลายรอบไม่เคยเห็นคุณคีย์หยิบโทรศัพท์มาคุยนานเกิน 5 หรือ10นาทีสักครั้ง  ยิ่งโปรแกรมแชทต่างๆยิ่งไม่เคยเห็นเล่น  ผมเดาเอาว่าคุณยุวดีคงหวงลูกชายมากกว่า   ครั้นพอจะลงมือจีบจริงๆก็ดันอกหักโครมใหญ่เข้าให้

คุณสีหราช   ผู้ชายร่างใหญ่ผิวสีน้ำผึ้งไหม้  ใบหน้าหล่อเหลาหากดวงตาติดจะดุดันอยู่นิดๆ  เจ้าของฟาร์มม้าสีหกาลผู้เป็นหุ้นส่วนของรีสอร์ทของคุณคีย์   ผู้ชายที่คุณยุวดีบอกว่าเป็นคนรักของคุณคีย์   คนรักซึ่งกำลังงอนกันอยู่   ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาสองคนเป็นคนรักกัน  ผมปฏิเสธเพราะว่าผมชอบคุณคีย์   หากบางอย่าง...บางคราวเราก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนสองคนได้แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม..

ทั้งๆที่ปากทะเลาะกันแต่คุณสิงห์ก็คอยดูแลไม่ให้คุณคีย์คลาดสายตาสักครั้ง  บางคราวถึงขั้นลงมาดูแลด้วยตาเอง หรือถ้าไม่ว่างก็ส่งเด็กสายใจมาเป็นผู้พิทักษ์  บ้างก็ลุงแช่มหรือคนของไร่สีหกาลสักคน     ไม่มีสักครั้งที่เขาได้อยู่สองคนกับคุณคีย์ที่เขาชอบ

ผมชอบเวลาที่คุณคีย์ยิ้ม  ดังนั้นตอนที่เห็นแววตาเศร้าๆของเขาตอนมองแผ่นหลังกว้างของคุณสิงห์...ผมจึงได้แต่ทอดถอนใจ...  แม้จะเศร้าหากผมก็รู้สึกยังไม่ถึงขั้นเจ็บจนเจียนตาย  ผมยังหายใจเป็นปกติ  กินข้าวได้  แม้จะนอนไม่หลับเป็นบางครั้ง  ดังนั้น...ผมจึงได้แต่เอาใจช่วยให้คู่รักคู่นี้กลับมาคืนดีกันเร็วๆแม้จะไม่รู้ถึงสาเหตุที่โกรธกันก็ตาม    รู้ตัวอีกที...ผมก็กลายเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของคุณคีย์เสียแล้ว

ผู้ชายคนแรกที่ผมอยากเตะโด่งให้ห่างจากคุณคีย์สุดที่รักของผมคือนายอดิศร  หมอนั่นมันจอมเจ้าชู้แน่ๆผมมั่นใจ  แววตาหลุกหลิก  ซ้ำยังจีบคุณคีย์ออกนอกหน้า  คราวไหนคุณคีย์ยอมไปทานข้าวด้วยก็ยิ้มหน้าบาน  คราวไหนคุณคีย์ปฏิเสธก็เห็นควงสาวไม่ซ้ำหน้า  ผมว่า..มันคงเป็นพวกชอบจีบคนหน้าตาดี  จีบติดก็กำไรจีบไม่ได้ก็ไม่สน   หลังๆถึงได้หายหน้าไปหลังจากโดนคุณคีย์ปฏิเสธหลายครั้งเข้า   ไม่ต้องลงมือทำอะไรหมอนั่นก็ถอยห่างออกไปเอง

คนที่ทำให้ผมหนักใจที่สุดจู่ๆก็โผล่ขึ้นมา!  นายอิ่มเอม  ผู้ชายตัวโตอย่างกับยักษ์ปักหลั่นนั่น!    นายยักษ์นั่นชอบพูดกระแนะกระแหนให้คุณคีย์รู้สึกแย่บ่อยๆ  แล้วทำท่าทางหวงคุณสิงห์ยังกับอะไรดี  หรือว่า...หมอนี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักคู่นี้ผิดใจกัน?  ไม่ได้ๆ  ผม   นายเกียรติศักดิ์คนนี้จะคอยช่วยเหลือคุณคีย์เอง!








“ถอยไปเลยไอ้แว่น!”

“ไม่!”  ผมกางแขนกั้นเอาไว้  แม้จะหวั่นว่าอาจโดนผลักกระเด็นก็ยังไม่ยอมให้คนคนนี้ผ่านไปได้   ด้านหลังของผมคือคุณคีย์กับคุณสิงห์   สองคนนั้นกำลังคุยกัน  แม้มีท่าทีแง่งอนอยู่บ้างก็ยังเห็นว่ายืนไหล่ชิดกันอยู่  ผมจะยอมให้หมอนี่เข้าไปในเขตนั้นไม่ได้เด็ดขาด

“จะลองดีใช่ไหมไอ้แว่น?”

“อ๊ะ!”  แว่นตาของผมโดนแย่งออกไปในพริบตา   ภาพตรงหน้าพร่ามัวทันที  แม้จะยืนห่างกันแค่สองช่วงแขนภาพของคนตรงหน้าก็ยังไม่ชัดเจน  สงสัยสายตาผมจะสั้นลงอีกแล้ว  “เอาแว่นตาผมคืนมานะ!”

“จ้างก็ไม่คืน  เป็นไง  ไม่มีแว่นก็มองไม่เห็นล่ะซิ?”  เสียงทุ้มนั้นเจือแววเย้ยหยันผสานเสียงหัวเราะ  “สายตานายสั้นแค่ไหนกันนะ?”

“เรื่องของผม!”  ยื่นมือไขว่คว้าเงานั้น  แต่คว้าเท่าไหร่ๆก็ไม่โดนเสียที   พอถอนหายใจก็พลันจับถูกชายเสื้อของอีกฝ่าย  กลิ่นน้ำหอมอ่อนแตะจมูก  พาให้สดชื่นหากกลับทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง

“แล้วใกล้ขนาดนี้มองเห็นไหม?”

“!”   ผมผงะถอยหลังอย่างตกใจ  ก็นายยักษ์นั่นยื่นเข้ามาชิดที่ปลายจมูกเฉียดกันไปนิดเดียว!  พอเห็นท่าทางตกใจของผมหมอนั่นก็หัวเราะ  ทำท่าจะโยนแว่นตาคืนมาให้  ผมผวารับเพราะกลัวแว่นจะตกแตก  แต่...หมอนั่นก็แค่แกล้งทำท่าจะโยน!

“นายนี่โคตรเหมือนแฮมสเตอร์เลย”

“?”

“ขี้ตกใจกันไปแล้วนะนายน่ะ  ฮ่ะๆๆๆ”

“?”

“เอ้า!”  ผมมองแว่นตาที่ถูกคืนแต่โดยดีก่อนจะสวมกลับคืน  ลืมตามาก็เห็นแค่แผ่นหลังกว้างของนายนั่นเดินออกไป  นายอิ่มเอมคนนี้เป็นผู้ชายที่แปลกจัง...    ผมสลัดความรู้สึกประหลาดและจังหวะหัวใจที่ผิดแปลกไปจังหวะนั้นออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว






วันนี้ผมรู้สึกอยากบีบคอนายอิ่มเอมนั่นที่สุด!  หมอนั่นพาผู้หญิงที่ชื่อแป้งมาไร่สีหกาล   ทำตัวเป็นพ่อชักพ่อสื่อให้คุณสิงห์อยู่ได้ทั้งวัน  ดูซิ  ถ้าไม่มีสายตาคนอื่นจ้องมองอยู่คุณคีย์คงต้องร้องไห้แน่!  เอาไงดี  ผมจะแกล้งขัดขาหมอนี่ดีไหมนะ?  ข้อหาจุ้นจ้านเกินไป  โอ๊ะ!

…โทษที...ขาไปไวเท่าความคิด  ร่างหนาหนักของนายอิ่มเอมล้มครืนหน้าทิ่ม  ผมนี่สะใจจริงๆ!  คุณคีย์หันมายกยิ้มมุมปากแล้วเดินหนีไม่ยอมเข้าไปช่วย   ผมทำให้คุณคีย์ยิ้มได้นิดนึงแล้ว!

จู่ๆผู้หญิงที่ชื่อแป้งก็เข้ามาหาคุณคีย์โดยมีนายยักษ์นั่นพามา  คุยกันท่าทางอารมณ์ดีหนำซ้ำยังหัวเราะให้กันไม่หยุด  น่าหมั่นไส้!  ผู้หญิงที่ชื่อแป้งขอให้คุณคีย์ช่วยเธอกับคุณสิงห์  จะบ้าหรือไง!   ผมเอ่ยขัดว่าคุณคีย์กับคุณสิงห์เป็นแฟนกัน  นายยักษ์นั่นก็เอาแต่พูดว่าคุณสิงห์โสดอยู่นั่น  ชอบยัยผู้หญิงคนนี้มากเลยหรือไงนะ!  หงุดหงิดที่สุด!

ไม่รู้ว่าตอนหลังนายยักษ์นั่นแอบไปคุยอะไรกับคุณคีย์ตกเย็นมาถึงหายไปทั้งรถทั้งคน  และเขาจะไม่ห่วงมากเท่านี้หากไม่ใช่เพราะเพิ่งรับคนงานเข้ามาใหม่! คนงานคนนี้เขาเอามาด้วยเพราะจะได้คอยดูว่าทำงานเป็นอย่างไร  ไว้ใจได้หรือไม่  แต่...การที่หายไปพร้อมคุณคีย์ทำให้เขาเป็นห่วงเหลือเกิน!

แล้วก็เกิดเรื่องเข้าใจจนได้   ผมวิ่งโร่ไปหาคุณสิงห์  บอกว่าคุณคีย์หายไป  ตอนแรกเขาทำหน้าเศร้าๆไม่ออกตามเพราะคิดว่าคุณคีย์ออกไปเอง  แต่พอผมร้อนรนบอกว่ามีคนงานใหม่ชาวพม่าอีกคนหายไปพร้อมกันทุกคนถึงได้ตกใจแล้วออกตามหา   โชคดีเหลือเกินที่คุณคีย์ปลอดภัย...  ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่ๆ   ถึงคุณคีย์จะเป็นคนขอติดรถออกมา...แต่คนร้ายคนนี้ผมเป็นรับเข้าทำงาน   นั่นก็หมายถึงผมนำคนเลวร้ายมาสู่คุณคีย์อยู่ดี...

หัวใจของผมแทบหยุดเต้นตอนเห็นมันจ้วงมีดเข้ามาทางคนที่ล้มบนพื้น  ผมวิ่งเข้าไปหาคุณคีย์หากก็ไม่ทันคุณสิงห์ซึ่งยกปืนขึ้นปลิดชีพมัน   คุณสิงห์วิ่งเข้าไปประคองร่างคุณคีย์ขึ้นดู  ใบหน้าหล่อเหลานั่นซีดเผือดไร้สีเลือด   เขากอดคุณคีย์เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  ดีแล้ว...ที่ผมตัดใจจากคุณคีย์ตั้งแต่แรก  ดีแล้วที่ไม่แย่งคุณคีย์มาจากคนที่รักขนาดนั้น...   และผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอกอดเอวหนาของนายยักษ์อิ่มเอมเอาไว้แน่นตอนได้ยินเสียงปืนเมื่อครู่

ก็นะ... การยิงกันตายไม่ได้มีให้เห็นทุกวันเสียหน่อย  เขาตกใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นา...

ครั้งที่สอง...ที่ดูเหมือนหัวใจผมจะเต้นจังหวะไป….







“อ้อ  ไอ้โจรนั่นนายพามาเองเหรอ?”  คนตัวเล็กน่ารัก  เป็นเพื่อนกับคุณคีย์เท้าเอวจ้องหน้าผมด้วยท่าทางเอาเรื่อง   จากที่รู้สึกผิดอยู่แล้วเล่นทำเอาผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

“เฮ้ย  คนซวยมันไอ้เพลงเองป่าว  หมอนี่ไม่ได้ตั้งจะพาโจรมาสักหน่อย  ใครจะไปรู้วะว่าหน้าตาอย่างนั้นจะเป็นคนไม่ดี”  ไม่คิดว่านายยักษ์นั่นจะปกป้องผม

คนตัวเล็กนั่นชื่อชายชาญ  ท่าทางจะสนิทกับนายยักษ์มากด้วย   นายยักษ์เอาแต่ยิ้มแล้วก็ยีหัวทุยๆของคนน่ารักคนนั้น  บ้างก็กอด  ลูบเนื้อลูบตัวไม่ยอมปล่อย  ถึงปากจะทะเลาะกันแต่ตัวก็ชิดติดกันตลอดเวลาไม่ยอมห่าง ....แล้วนี่ทำไมกลางอกผมจึงรู้สึกโหวงๆกันนะ?



“แล้วจะร้องไห้ทำไม?”

“ไม่ได้ร้อง!”  ผมเถียง 

“ตาแดงซะขนาดนี้    แล้วนี่จะกลับบ้านเลยหรือ?”

“อืม” 

“เออ นี่”

“?”

“เรื่องเมื่อคืนอย่าคิดมากล่ะ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

“....”

“เพราะฉะนั้นมันไม่มีคนผิด  เข้าใจ๊?”  คนตัวโตเท้าแขนกับขอบประตูรถ  ผมแหงนหน้าขึ้นมอง... 

ครั้งที่สามที่หัวใจผมเต้นผิดจังหวะ.

“ขอบคุณ”   ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าแก้มตัวเองมันร้อนๆชอบกล?

“อย่าขับรถเร็ว  อย่าจอดรับคนแปลกหน้า  กลับถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกด้วย”

“หืม?”

“เข้าใจไหม?”  ผมพยักหน้ารัว  อดรู้สึกดีกับคนตรงหน้าขึ้นมาไม่ได้

 “แต่ผมไม่มีเบอร์...”

“เอามือถือมาดิ๊”  คนตัวโตยื่นมือขอผมก็ให้ไปอย่างงๆ  “เอ้า นี่เบอร์ฉัน  ถึงแล้วโทร.มาด้วย”

“...ครับ” 

ผมไม่เข้าใจการกระทำของยักษ์ตัวโตอย่างนายอิ่มเอมนี่เลยสักนิด  นิสัยห่าม  เถื่อนเหมือนพวกนักเลงร้ายๆ  แต่เอาเข้าจริงก็เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ปากร้ายใจดี   ....ใจอ่อน  ใจดีและช่างเป็นห่วงคนอื่น...

เอ...  หัวใจที่เต้นผิดจังหวะนี้เมื่อไหร่จะปกติเสียที...














คุณชายชาญ...น่ารักกว่าที่คิด...
ถึงเมื่อวานทำท่าเหมือนจะกินหัวผมก็เถอะ  สุดท้ายก็เพราะว่าเป็นห่วงคุณคีย์นั่นแหละ  พอไม่มีอะไรแล้วผมถึงได้รู้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้น่ารักมากๆ  ปากเล็กจิ้มลิ้ม  แก้มใสๆชวนมอง  ดวงตาวาววับเหมือนลูกแก้ว...  ท่าทางเหมือนงอนๆตอนที่นายยักษ์เข้าใกล้  หรือจะตอนที่ดวงตาคู่นั้นจ้องนิ่งเวลาเห็นผมทำท่าตกใจล้วนทำให้ผมไม่อาจละสายตา  คงเหมือนตอน....เวลาที่เจอผู้หญิงน่ารักๆละมั้ง?  ผมชอบมองผู้หญิงน่ารักนะ!  เว้นคุณคีย์ที่เป็นผู้ชายไว้คนหนึ่ง  อา...เว้นคุณชาญด้วยก็ได้...

ริมฝีปากสีสดนั่นชวนผมคุยไม่หยุด  เข้ามาคลอเคลียเหมือนลูกแมวน้อย....  ดูก็รู้ว่าคุณชาญตั้งใจทำ   ทำให้นายยักษ์อิ่มเอมนั่นไม่พอใจ...  ผมไม่รู้ว่านายยักษ์อิ่มเอมกับคนน่ารักอย่างคุณชายชาญเป็นอะไรกัน  แต่...คงมากกว่าคำว่าเพื่อนแน่นอน...  รอยช้ำตรงซอกคอขาวเนียนของคุณชาญ   แม้จะพยายามซ่อนแต่ผมก็ยังเห็นและแน่นอน...สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าทั้งสองคนเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อนก็เพราะรอยเล็บบนคอนายยักษ์อิ่มเอม...

“....ศักดิ์   คุณร้องไห้เหรอ?”

“เอ๊ะ?”  ผมเงยหน้าขึ้นมอง  ดวงตาเหมือนลูกแก้วคู่นั้นหม่นแสง...  ผมยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองแล้วให้ตกใจ  จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว...  ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร  มันก็แค่เศร้า...เท่านั้นเอง

“เพราะผมเหรอ?”

“?”

“คุณศักดิ์ชอบอิ่มเอม?”

“เปล่านะ!”  ผมปฏิเสธคำกล่าวนั้นทันที  ผมไม่ได้ชอบนายยักษ์นั่น    ไม่ใช่หรอก...

คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน  ถอนหายใจแล้วเดินจากไป  ผมเห็นอิ่มเอมวิ่งตามเจ้าของแผ่นหลังเล็กนั่น   บางที...ที่คุณชาญเข้าใกล้ผมคงเพราะอยากให้ใครบางคนหึง?  แปลกจัง...กลางอกมันเจ็บแปลบขึ้นมาอีกแล้ว

ผมไม่ได้เกลียดนายยักษ์อิ่มเอมอย่างเช่นตอนแรก  และก็ไม่ได้รู้สึกผิดใจอะไรกับคุณชายชาญด้วย  สิ่งที่ผมไม่ชอบใจ  และรู้สึกแย่ก็คือตัวของผมเอง...  เกลียดตัวเองที่ใจเต้นกับคนรักของคนอื่น....




จากวันนั้น   น่าแปลกที่คุณชาญยังคงทำตัวติดกับผมอยู่   ขอให้ผมพาชมสวนที่กำลังสร้างในรีสอร์ท  บ้างก็ขอให้สอนขี่ม้าซึ่งเรื่องหลังผมว่าให้อิ่มเอมทำคงดีกว่า

“คุณชาญ  สวมเสื้อแขนยาวเถอะครับ  แดดแรงขนาดนี้ผิวจะไหม้เอาได้”  ผมถอดเสื้อคลุมไหล่ให้คนตัวเล็ก  แก้มขาวแดงเรื่อเพราะแสงแดดจนน่าสงสาร  ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาคงแย่   เจ้าของลูกแก้วใสจ้องมองผมนิ่งและไม่ยอมรับผ้าเช็ดหน้าที่ผมยื่นให้  สุดท้ายผมเลยต้องซับเหงื่อให้เสียเอง   ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่นเขาไม่ยอมละสายตาจากผม   “คุณชาญ?”

“...นายเอาเสื้อให้ฉันแล้วนายไม่ร้อนหรือไง?”

“ก็...ผมชินแล้ว  แต่คุณคงไม่   ใส่ไว้เถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย” 

เพราะผมขี่ม้าไม่เป็น  สุดท้ายก็ต้องพาคุณชาญนั่งรถไปเที่ยวในฟาร์มโดยมีอิ่มเอมตามติดไปด้วย  วันนั้นคุณชาญข้อเท้าแพลงเนื่องจากพื้นขรุขระ

“เจ็บมากไหมครับ?”

“เจ็บๆ”  คนตัวเล็กร้องโอยจนผมไม่กล้าแตะ มือเล็กเกาะบ่าผมแน่นตอนที่ผมก้มลงดูข้อเท้าให้   ข้อเท้าขาวๆเริ่มบวม   ผมอยากให้คุณชาญกลับเรือนจะได้ประคบเย็น  ไม่อย่างนั้นอาการจะแย่ลงเลยเสนอให้กลับ   คนเจ็บไม่ยอมขี่หลังอิ่มเอมที่เข้ามาช่วย  ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะอะไรกันผมเลยอาสาพยุงคนตัวเล็กแทน    เอวคุณชาญเล็กมาก  ผิวก็เนียนตัวก็หอมมากด้วย!    โธ่  ผมเป็นอะไรไปแล้ว!

คนตัวเล็กไม่เคยอยู่นิ่งแม้ขาจะเจ็บ   แน่นอนว่าสารถีจำเป็นยังคงเป็นผมคนเดิม  มือเล็กๆที่มักเกาะแขนของเขาแน่นเวลาเดิน  กลิ่นตัวหอมๆตอนที่ช่วยพยุงและรอยยิ้มสดใสทำให้ผมเผลอมองตลอดเวลา   นายยักษ์อิ่มเอมมีท่าทีหงุดหงิดหนักเพราะเข้ามาแทรกกลางไม่ได้   คุณชาญบอกไม่ต้องไปสนใจ  แต่...ท่าทางหงอยๆนั่นดูน่าสงสารออก



ผมยิ้มกว้าง  รู้สึกเหมือนปากจะฉีกไปถึงหูได้ยังไงยังงั้นเมื่อคนน่ารักยื่นกล่องแซนวิชมาให้  ผมกัดได้ไม่กี่คำ  ยักษ์ก็โวยวายเข้ามาแย่ง  ผมหัวเราะกับการทะเลาะกันเป็นเด็กๆของทั้งสองคนโดนมีผมเป็นเกราะของแต่ละฝั่ง

ร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมแนบชิดกับด้านหน้าของผม  ปลายจมูกโด่งเฉียดขมับไปนิดเดียวรู้สึกเหมือนแอบโดนหอมยังไงไม่รู้?  มือใหญ่นั่นคว้าเอวเล็กและบ่าแคบของคุณชาญเอาไว้แน่น  เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนโดนอิ่มเอมกอดโดยมีผมอยู่ตรงกลาง!

“.........”  ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ   เราสามคนผละออกจากกันราวกับแตะโดนถ่านไฟแดงร้อน  หัวใจเต้นแรงแข่งกันเสียงดังเสียจนหูอื้ออึง  เป็นผมที่ตั้งสติได้ก่อน   กระแอมไอแล้วหันหลังกลับเตรียมเดินออกไป  หากแต่ผมลืมว่าด้านหลังคือคุณชาญที่ยืนไม่ห่างมากนัก  ดังนั้นพอหันกลับไปจึงชนเข้ากับคนตัวเล็กเต็มรัก   ผมคว้าตัวของคุณชาญที่เซล้มเอาไว้อย่างรวดเร็ว    แม้คุณชาญจะตัวเล็กแต่ยังไงก็ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน้ำหนักไม่น้อยเลยทำเอาผมถึงกับเข่าทรุด  แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายล้ม

“........”  เกิดสภาวะเงียบงันรอบที่สอง   

“อะแฮ่ม!”  อิ่มเอมเข้าไปฉุดเราทั้งสองคนให้ขึ้นจากพื้น   รู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนไปหมด  เหลือบคนตรงหน้าก็เห็นว่าแก้มแดงเหมือนกันเลยยิ่งทำให้ใจเต้นแรงยิ่งกว่าเก่า















เป็นอาทิตย์แล้วมั้งที่เขาพยายามหลบหน้าทั้งนายยักษ์อิ่มเอมและคนน่ารักอย่างชายชาญ  จะไม่ให้หลบยังไงไหวก็ตอนนี้หัวใจเขามันแปลกประหลาดมากเลย!  เขาไม่เคยใจเต้นกับผู้ชายทีเดียวสองคนพร้อมกันนี่น่า!  แย่แน่ๆ  แบบนี้มันแย่เกินไป   ต้องทำอะไรสักอย่าง!

แฟน!

ใช่  เขาต้องมีแฟน  มีแฟนเป็นผู้หญิงนั่นแหละดีที่สุด!

















tbc.





สวัสดีค่ะ  หายไปนานเลย...
น้อมรับความผิดค่ะ

ถ้าจะบอกว่าใกล้จบทุกคนจะตีหัวเขาไหม?5555  มันคงไม่ตัดจบใช่ไหม?    อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ยาวมากนะคะ
คาดว่าอีกสักประมาณ 3-4 ตอนก็น่าจะจบแล้วค่ะ^^  บอกไว้ก่อนว่าประมาณนี้นะคะเท่าที่วางไว้^^ ถ้าหาอะไรมาใส่ก็จะรกเยอะเกินไปและออกทะเลเนอะ   เอาเป็นว่าใครอยากเห็นอะไร อยากอ่านอะไรก็บอกได้นะคะ  จะได้เอาไว้แต่งตอนพิเศษให้ค่ะ^^ 
เพราะตอนหลักวางพล๊อตไว้น่าจะครบแล้ว^^

ตอนหน้าอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ คงประมาณสิ้นเดือนเลยเพราะทรายต้องไป ตวจ.ค่ะ  หลายวันเลย

ปล.เช่นเคยนะคะ  มีอะไรบอกได้ ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ
ขอบคุณที่ยังอ่านเรื่องนี้อยู่
อ่านให้สนุกนะคะ^^

ด้วยรักและคิดถึง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-01-2016 11:55:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-01-2016 13:45:21
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-01-2016 14:53:16
คีย์เป็นทอมสินะ 5555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 12-01-2016 14:53:52
สิงห์เล่นตัวใช่มั้ย คีย์รีบๆจับแต่งงานเลย :laugh:
ไหนๆก็ใกล้จะจบแล้ว ตอนต่อไปก็ขอแบบหวานๆเลยนะคะ แถมคู่สามคนเยอะๆด้วยก็จะดีมาก 555  :impress2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 12-01-2016 14:58:40
สนุกมากๆๆๆๆ น้องเพลงว่า ฮาแล้ว คุณพ่อน้องเพลงสิ ฮากว่า  :m20:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-01-2016 15:34:07
เพลงคะ คิดไปได้5555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 12-01-2016 16:38:04
 :a5: เพลงคิดได้ไง 555 ขำหนักมากกกก
ปล.อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะนักเขียน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2016 16:42:06
นังเพลงนีนางมโนชนะเลิศจริงๆ 5555 คิดไปได้
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 12-01-2016 18:40:40
ถ้าเพลงไม่เมาหลับป่านนี้คง  :z1:
ไม่อยากให้จบเลยยยย ขอตอนพิเศษเยอะๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 12-01-2016 18:58:42
ขรรมมมมน้องเพลงงงงง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-01-2016 19:18:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 12-01-2016 19:45:22
นี่เชียร์ให้สิงห์เป็นเมียมาตั้งแต่ต้นเรื่อง หึหึหึ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-01-2016 20:19:04
สิงห์นี่เริ่มมีจริตนางเอกละนะ ให้ระวังไว้  :laugh:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 12-01-2016 20:36:09

เมียที่เป็นทอม  :m20:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 12-01-2016 22:20:47
คีย์เอาความมั่นใจจากไหนมาคิดว่าตัวเองปล้ำสิงห์ได้ล่ะเนี่ย55
งือออใกล้จบจริงดิ เสียดายยยย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 13-01-2016 21:03:30
สิงห์แม่งเจ้าเล่ห์ว่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 14-01-2016 02:34:11
12ตอนรวด ยาวยาวววววว
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 14-01-2016 11:02:34
ชอบเรื่องนี้คร้าาาา~
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 25-01-2016 20:07:58
อยากอ่านต่อแล้วอ่าา :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-01-2016 00:11:23
คิดถึงน้องเพลงแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 30-01-2016 08:21:41
คิดถึงน้องเพลง กับภรรยาท้องอ่อนๆของนางจังค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 08-02-2016 22:21:20
คิดถึงสิงแล้วววว กลับมาไวไวน้าาาา
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 19-02-2016 02:03:23
- รักพัดหวน-

เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้



.
.

เขารู้ว่าคีตกาลเป็นคนดื้อ  แต่ไม่คิดว่าจะดื้อขนาดนี้!

เปิดเทอมปีสุดท้าย...หลังกลับมาจากค่ายอาสาสีหราชก็ทำงานพิเศษตลอดหากลดเหลือน้อยลงเพราะเวลาส่วนหนึ่งของเขายกให้คีตกาล  กินข้าว  อ่านหนังสือหรือแม้แต่การนั่งอยู่ด้วยกันเฉยๆขอแค่เพียงมีคีตกาลเท่านั้นสีหราชก็พอใจแล้ว  หากสิ่งที่ไม่คาดคิดกับความดื้อของอีกฝ่ายทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้  นั่นเพราะใจหนึ่งเขาดีใจเหลือล้น  อีกใจขอโทษเพื่อนสนิทอย่างอิ่มเอมซึ่งโดนยึดห้องยึดเตียงไปหน้าตาเฉย  และคนยึดก็นั่งยิ้มแป้นให้เขาอยู่นี่

“คิดจะทำอะไร?”  ร่างสูงถาม  เขามองอีกฝ่ายที่ขนเสื้อผ้าของอิ่มเอมลงกล่องพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

“เก็บของให้เอม”

“...เอมไม่เห็นบอกว่าจะย้ายออก”

“เอมไม่บอกเพลงก็บอกสิงห์แทนอยู่นี่ไง”

“เพลง...”

“ฮึม ฮื้อฮือ~”

“เพลง  หันมาคุยกับสิงห์ก่อน”  มือใหญ่คว้าไหล่คนอารมณ์ดีให้หันมา

“หืม?”

“ทำแบบนี้เอมรู้ไหม?”

“ไม่รู้”

“อ้าว?”

“แต่เพลงเห็นเอมไม่ค่อยอยู่ห้อง  เอาแต่หมกตัวอยู่ห้องชาญตั้งแต่เทอมก่อนแล้ว”

“....” 

“มีเอมอยู่สิงห์ก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่ดี”

“แต่...  หอในมันลำบากนะเพลง  ไหนจะที่จอดรถ ไหนจะห้องน้ำ ความสะดวกสบายอื่นๆไม่เหมือนที่บ้านหรอกนะ”

“สิงห์เห็นเพลงเป็นคนยังไงกัน  เรื่องแค่นี้เพลงไม่กลัวเสียหน่อย  มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายนี่น่า แค่ไม่มีแอร์กับห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมเท่านั้นเอง”

“นั่นแหละ  สิงห์กลัวเพลงอยู่ไม่สบาย  สิงห์ว่าเพลงขนของกลับบ้านเถอะ”

“.....เพลงรบกวนสิงห์งั้นเหรอ?”  ใบหน้าขาวก้มลงจนคางชิดอกร้อนให้เจ้าของห้องถึงกับเหงื่อผุดซึมด้วยไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแย่

“เปล่านะ  เพลงไม่ได้รบกวนสิงห์  สิงห์ดีใจเสียอีกที่จะได้เจอเพลงทุกวัน  แต่...ที่นี่มันลำบาก...”

“สิงห์อยู่ได้เพลงก็อยู่ได้”

“.....”   

สุดท้ายเขาก็แพ้ลูกดื้อของคีตกาล  อันที่จริงเขาคงแพ้ใจตัวเองมากกว่า  ใจของเขาเองที่บอกให้ยอม  ..ยอมให้ตัวเองได้เข้าใกล้คนคนนี้


การได้ตื่นตอนเช้ามาแล้วสิ่งแรกที่มองเห็นคือใบหน้ายามหลับของคนที่อยู่ในห้วงคำนึงมันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว   หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม  ...  นี่ราวกับความฝัน... ความฝันซึ่งพอลืมตาตื่นก็จะหายวับไป

สีหราชนอนนิ่งไม่กล้าขยับ  เขาจ้องมองใบหน้าขาวของอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น  ไม่กล้าหายใจแรง  ไม่กล้ากระพริบตา  กลัว...  กลัวสิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา

“อืม~  อรุณสวัสดิ์”  เจ้าของเปลือกตาบางลืมตาขึ้นมองแล้วส่งยิ้มมาให้

“อรุณสวัสดิ์”

“วันนี้สิงห์มีเรียนเช้าเหรอ?”  ขณะถามก็เขยิบกายเข้าใกล้  แขนเรียวกอดผ้าห่มเบียดตัวเข้าหาคนตัวโต

“เปล่า”

“แล้วทำไมตื่นเช้า?”

“นอนไม่หลับ”

“หืม?”   คีตกาลเลิกคิ้ว  มองใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวตรงหน้า  “อย่าบอกนะว่าไม่ได้หลับทั้งคืน?”

“....ใช่”

“สิงห์?”

“สิงห์กลัวว่านี้คือความฝัน  กลัวว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเพลงจะหายไป”

“...นี่ไม่ใช่ฝันเสียหน่อย”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ  ขนตาหนาระพวงแก้มยามเมื่อเจ้าตัวหรุบสายตาลงเพื่อหนีสายตาคมกล้าของอีกคน

“เพลงมีเรียนเช้าเดี๋ยวสิงห์ไปส่ง   นะ?”

“อืม”  คนตัวโตฉุดร่างโปร่งให้ลุกขึ้นจากเตียง  หยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้แล้วพากันไปยังส่วนของห้องน้ำรวม

เตียงนอนของพวกเขาเป็นขนาด3 ฟุตแยกกันสองหลัง  โต๊ะเขียนหนังสือคนละตัว  ตู้เสื้อผ้าคนละใบ หากคีตกาลจัดการดันตู้เสื้อให้ชิดกันมุมหนึ่งแล้วเลื่อนเตียงสองหลังให้ชิดติดกันแล้วใช้ผ้าปูเตียงขนาด 6ฟุตคลุมกลายเป็นเตียงหลังเดียวกัน...    ห้องแคบๆ มีสิ่งของเท่าที่จำเป็นและส่วนมากคือของใช้ของคีตกาล  โน๊ตบุ้คสำหรับทำงาน  หนังสือเรียนของแต่ละคน  แก้วน้ำที่เหมือนกันสองใบ   อาหารแห้งแอบซ่อนบนหลังตู้เสื้อผ้า   ลิ้นชักใส่ของเล็กๆน้อยๆ  เจ้าของห้องคนใหม่เป็นฝ่ายจัดการทั้งสิ้น
อิ่มเอมซึ่งโดนแย่งห้อง  คราวแรกก็โวยวายไม่ยอมหากพอชายชาญเสนอว่าขนของย้ายไปอยู่ที่ห้องคนตัวเล็กได้  ยังว่างอยู่   เจ้าตัวก็จัดการย้ายเสร็จภายในครึ่งวัน   



 
 
*********

ร่างหนาหนักสะดุ้งขึ้นกลางดึกเมื่อเสียงโทรศัพท์เสียดแทงแก้วหู   เขาคว้าขึ้นกดรับอย่างหงุดหงิดเพียงครู่ดวงตาซึ่งหรี่ปรือจึงเปิดเต็มที่กับน้ำเสียงร้อนรนจากปลายสาย

“เอม!  เพลงไม่สบาย  ช่วยมารับหน่อย!”  อิ่มเอมผุดลุกขึ้นแล้วปลุกคนข้างกาย   ร่างสูงคว้ากางเกงและเสื้อซึ่งถูกถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดตู้คว้าเสื้อแขนยาวมาสวมให้คนตัวเล็กที่นั่งหลับตาอยู่

“ไปไหน?”

“พาเพลงไปโรงพยาบาล!”

รถสี่ประตูคันใหญ่ขับด้วยความเร็วมารับเพื่อนยังหอพักนักศึกษา  สีหราชซึ่งนั่งให้คีตกาลพิงอกลุกขึ้นแบกร่างโปร่งขึ้นหลังเมื่อเห็นรถเพื่อนจอดสนิท

“ไอ้เพลงเป็นอะไร?”

“ไม่รู้  ไข้สูงมาก  ให้กินยาตั้งแต่หัวค่ำแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย”  น้ำเสียงร้อนรนของสีหราชทำให้อีกสองคนพลอยกังวลไปด้วย  ชายชาญเปิดประตูเบาะหลังแล้วปีนขึ้นไปนั่งเพื่อรอรับ

“สิงห์นั่งกับเอมข้างหน้าเถอะ”  ชายชาญรับร่างคีตกาลแล้วจัดท่านั่งให้เพื่อนนอนหนุนตัก

.
.
“นี่ถ้ากูขับรถเป็นคงไม่ต้องรบกวนมึงกลางดึกแบบนี้”

“ไม่ต้องเกรงใจน่า”

“จริงๆนะเอม  ถ้ากูขับรถเป็นคงบังคับพาเพลงไปหาหมอตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”

“...งั้น  เดี๋ยวหลังจากนี้กูสอนมึงเอง”  หลังจากนั้นสีหราชจึงขับรถเป็นด้วยความรู้สึกนี้

คีตกาลเป็นไข้หวัดใหญ่  อากาศเย็นปลายปีทำให้ร่างโปร่งป่วยอย่างช่วยไม่ได้  หลังจากฉีดยาลดไข้หมอก็สั่งยาฆ่าเชื้อให้กลับมากินไม่ได้นอน admit   แล้วสีหราชก็ได้รู้ว่าคีตกาลจอมดื้อ  ยังดื้อได้อีกเท่าตัวเมื่อยามป่วย

“จะกินส้ม!”

“เพลง  นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะครับ  ร้านค้าปิดหมดแล้ว”

“ฮือ~  เพลงอยากกินส้มอ่ะ  นะสิงห์นะ  เพลงอยากกินส้ม~”  มีหรือที่สีหราชจะอยากขัดใจคนตรงหน้าแต่เพราะเขาจนปัญญาจะหามาให้

“ฮึก  ฮือ~”  พอโดนขัดใจคนป่วยก็งอแง  สีหราชถึงกับกุมขมับด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร

“งั้นเอางี้  เดี๋ยวกินอย่างอื่นแทนไหม?  เอาน้ำส้มแทนได้หรือเปล่า?”

“ส้ม  ส้ม  ส้ม”  คนป่วยแสนดื้อร้องเป็นอยู่คำเดียว  สุดท้ายเขาก็ต้องขอยามหน้าหอวิ่งโร่ออกไปซื้อน้ำส้มร้อยเปอร์เซ็นที่ 7-11 มาให้เด็กดื้อได้กินแทนส้มจริงๆไปก่อน   น้ำส้มหมดกล่องไปอย่างรวดเร็วแล้วเด็กโข่งจึงค่อยสงบลง   จากนั้นถ้าคีตกาลมีอาการเหมือนป่วยเมื่อไหร่ในห้องจะต้องมีส้มหรือน้ำส้มติดไว้ตลอด     สีหราชถอนหายใจ  มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อคนตรงหน้า   บิดผ้าผืนเล็กให้หมาดค่อยบรรจงเช็ดตัวลดไข้เสร็จก็กรอกยาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อใส่ปากแดงๆนั่น

“ไม่เอา  ขม!”

“ถ้าไม่กินยาก็ไม่หายนะ”

“ยาขม!”  คนป่วยหลับหูหลับตาเม้มปากแน่น   อีกครั้งที่สีหราชต้องถอนหายใจ  เมื่อเช้าตื่นมาก็ดื้ออย่างนี้   กว่าจะบังคับให้กินข้าวกินยาได้ก็ทำให้เสียเหงื่อไปหลายลิตร

“ไม่ขมหรอก”

“ไม่เอา!”  ร่างสูงเหลือบมองเม็ดยาในมือแล้วให้ถอนหายใจอีกรอบแล้วกรอกยาเข้าปากตัวเองแทน

มือใหญ่เชยคางคนป่วยให้เงยขึ้นแล้วประกบริมฝีปากลงไป   ปลายลิ้นเซาะริมฝีปากร้อนผ่าวให้อ้าออกแล้วแทรกปลายลิ้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว  ดุนดันเม็ดยาเข้าไปในโพรงปากชืดขมของคนป่วย

“อื้อ!”  สีหราชละริมฝีปากออกหันมาหยิบแก้วน้ำ  ยกดื่มแล้วประกบริมฝีปากลงไปใหม่อีกครั้งไม่ยอมให้คนดื้อคายยาออกมาได้เด็ดขาด  กวาดต้อนจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายกลืนยาลงไปแล้วเขาจึงค่อยถอนริมฝีปาก   แม้บางครั้งจะแกล้งอ้อยอิ่งเพราะความร้อนจากริมฝีปากแดงช้ำนั่นทำให้สีหราชไม่อยากให้การป้อนยาสิ้นสุดลง   หากไม่เพราะต้องให้คนป่วยพักผ่อนเขาก็อยากจะป้อนอย่างนี้วันละหลายครั้ง  ครั้งละหลายๆนาที....





“รู้ไหมว่าเพลงป่วยแล้วดื้อมาก”

“หืม?”  ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองหลังติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายให้สีหราชเสร็จ

“ทั้งดื้อ ทั้งอ้อนเล่นเอาสิงห์แย่เลย”

“สิงห์ลำบากแย่เลยเนอะ”  คนดื้อหัวเราะไม่มีท่าทีสำนึกผิด

“ใช่  ลำบากมากกกกก  ต้องหักห้ามใจไม่ให้ปล้ำคนป่วยเนี่ยลำบากสุดๆ”  สีหราชหัวเราะเมื่อกล่าวจบ  คีตกาลส่งค้อนให้คนหยอกวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้

“เหรอออออ?  ได้จูบเขาตั้งหลายทีลำบากแย่เลย”  พูดไปแก้มขาวก็ขึ้นสีเรื่อไปลามจนถึงหู

“จำได้ด้วย?”  คนตัวโตโน้มลงถาม  บนใบหน้าหล่อเหลาจ่อชิดพร้อมดวงตาพราวระยับสีสนิมยิ่งทำให้คีตกาลใจเต้นราวกับว่าไข้จะกลับอย่างไรอย่างนั้น

“จำไม่ได้”

“งั้น...ทบทวนหน่อยไหมว่าสิงห์ป้อนยาเพลงยังไง?”  ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแกล้งแตะปลายจมูกลงบนแก้มขาวของคีตกาลแผ่วเบา  “โอ๊ย!”  สีหราชสะดุ้งโหยงร้องโอยเมื่อโดนหยิกพุง   พอเห็นแก้มแดงๆของคนตรงหน้าเขาก็หัวเราะเสียงดัง

“ชอบใจที่เพลงป่วยเหรอ?”  ร่างสูงคว้าคนเพิ่งหายป่วยมากอดแน่นหลังจบคำ

“เปล่าครับ  ไม่ชอบใจสักนิด  เพลงป่วยแล้วสิงห์ใจไม่ดีเลย”

“....”

“อย่าป่วยอีกนะครับ”

“อืม”




**********

“ครับพี่อุ่น?”  คีตกาลกดรับโทรศัพท์เอ่ยทักทายปลายสาย  อุ่นอรุณ  รุ่นพี่คนสนิทและลูกชายของเพื่อนพ่อทักทายมาตามสาย  แล้วน้ำเสียงสดใสนั้นจึงเอ่ยชวยให้คีตกาลไปเที่ยวด้วยกัน

“ไปเที่ยวปากช่อง?  เดี๋ยวนะครับ  ขอถามคนทางนี้ก่อน”  คีตกาลเอามือปิดลำโพงแล้วหันมาถามคนที่กำลังเท้าคางมองเขาอยู่ก่อนแล้ว  “สิงห์อยากไปเที่ยวปากช่องไหม?”

“ถ้าเพลงไปสิงห์ก็ไป”  คนตัวโตตอบโดยไม่ต้องคิด  เขาเอาคนตรงหน้าเป็นเครื่องตัดสินใจในทุกๆสิ่ง  ร่างโปร่งยิ้มกว้างแล้วตอบกลับเพื่อนรุ่นพี่ไป

“ไปครับ”

คีตกาลชวนสีหราชมาพักที่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์   คุณยุวดีมารดาและคุณพีรพลบิดาก็คุ้นเคยกับเพื่อนสนิทคนนี้ของบุตรชายดี  ซ้ำยังให้ความเอ็นดูเท่าๆชายชาญแม้จะเป็นเด็กกำพร้าทั้งสองคนก็ไม่เคยแสดงท่าทางรังเกียจ   

หลังตกลงกับอุ่นอรุณคีตกาลจัดการเก็บเสื้อของเขาและสีหราชคนละชุดเพื่อค้างคืน  ตกสายเพื่อนรุ่นพี่ก็มารับที่หน้าประตูบ้าน  หากร่างใหญ่โตหลังพวกมาลัยรถทำให้คีตกาลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ  รถคันหรูนี้เป็นของอุ่นอรุณหากคนขับกลับเป็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้า

“นี่คราม  เพื่อนพี่เอง”  อุ่นอรุณเอ่ยแนะนำ  ผู้มาใหม่ยกมือขึ้นไหว  “คราม  นี่เพลงกับสิงห์  น้องชายอุ่นเอง”  อุ่นอรุณยิ้มกว้าง  ครามพยักหน้ารับและส่งเสียงอืมในคอเป็นการรับรู้ก่อนจะออกรถ




ปากช่อง   

ขับรถเพียงไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงจุดหมาย   ทุ่งกว้างและม้าโตเต็มวัยกำลังวิ่งห้อตะบึงอยู่ในนั้นทำให้คีตกาลและสีหราชเบิกตากว้างมองอย่างตื่นตาตื่นใจ

‘ฟ้าคราม’   ป้ายชื่อแผ่นไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงปากทางเข้าทำให้สองคนตรงเบาะหลังพอจะเดาได้ว่าเจ้าของฟาร์มนี้มีใครเป็นเจ้าของ  ถ้าไม่ใช่เจ้าของชื่อ ‘คราม’ หนึ่งในสองคำบนป้ายชื่อนั้น

‘ฟ้าคราม’  เป็นฟาร์มม้าที่เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน  หากคุณภาพม้าที่แข็งแรงและสวยงามก็ทำให้ถูกพูดถึงในกลุ่มผู้รักม้าและนักแข่งม้าโดยทั่วไป  เป็นเพียงฟาร์มเล็กๆที่อนาคตไกล 

คีตกาลตื่นเต้น  หลังจากจัดของเสร็จก็ชวนสีหราชออกไปเดินเล่นทันที  อุ่นอรุณหัวเราะ  ส่วนครามหันไปบอกคนงานให้ดูแลแขกทั้งสองอย่างดี  หากอยากจะลองขี่ม้าก็เชิญตามสบายไม่มีหวง

“สิงห์!  ดูซิ  เพลงขี่ม้าได้ด้วย!”  ร่างโปร่งหัวเราะเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตัวโต   สีหราชส่ายหัว  หากการที่ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเรียกว่าขี่ม้าได้  ป่านนี้คนทั้งโลกไม่ขี่ม้าเป็นกันไปหมดแล้วหรือ?  กระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกไป  เพียงแค่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับคำพูดนั้น   เพราะเพิ่งเคยขี่ม้าเป็นครั้งแรกกันทั้งคู่จึงได้แต่เพียงนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วให้เจ้าหน้าที่จูงเชือกเดินเหยาะไปรอบๆสนามเท่านั้น   และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คีตกาลแย้มยิ้ม  หัวเราะอย่างมีความสุขได้แล้ว

“สนุกไหม?”   อุ่นอรุณเอ่ยถามเมื่อทั้งสองกลับมายังเรือนพัก  ครามหันมายิ้มให้แล้วกวักมือให้เข้าไปนั่งดื่มน้ำแล้วเด็กสาวใช้จึงยกอาหารขึ้นตั้งโต๊ะ

“สนุกมากครับ  ถึงจะแค่วิ่งเหยาะไปรอบๆสนามก็เถอะ  เนอะสิงห์?”

“ครับ”

“ถ้าอยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอดนะ  แค่โทร.มาบอกพี่เท่านั้น”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยกยิ้มเอ่ยชวน  คีตกาลกับสีหราชพยักหน้ารับอย่างดีใจ  ก่อนที่ชายสูงวัยคนหนึ่งจะเดินเข้ามาแล้วร่วมโต๊ะอาหาร   หลังจากนั้นคนหนุ่มสาวจึงยกขบวนไปยังระเบียงกว้างข้างเรือนพร้อมกาแฟคนละแก้ว

“ว่าแต่...สิงห์เป็นอะไรกับเพลงเหรอ?”  อุ่นอรุณเอ่ยถามเพราะช่วงนี้ทั้งองคนตัวแทบจะติดกันทุกเวลาทั้งๆที่เมื่อก่อนเขามักจะเห็นชายชาญเสียมากกว่าที่อยู่ข้างตัวคีตกาล

“เพื่อน....”

“เพื่อนคนพิเศษ!”  สีหราชเอ่ยคำว่าเพื่อนไม่ทันจบประโยคคีตกาลก็เอ่ยแทรกขึ้นมา   ร่างโปร่งถลึงตามองคนตัวโตอย่างไม่พอใจ

“หืม?”

“เพื่อนคนพิเศษไง!”  คีตกาลย้ำคำ  เพราะสีหราชเริ่มประโยคด้วยคำว่าเพื่อนเขาเลยต้องย้ำความพิเศษในความสัมพันธ์เพิ่มเติม

“พิเศษมากกว่าชายชาญ?”  อุ่นอรุณเลิกคิ้วถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก  จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นน้องซึ่งบัดนี้ใบหูแดงไปแล้วกับคำคาดคั้นของเขา

“ใช่!”

“เพลง...”

“ทำไม?  สิงห์ไม่กล้าบอกคนอื่นๆเหรอ?”  คนห้าวหาญผิดจากเมื่อแรกเริ่มที่รู้จักกันทำให้สีหราชยิ้มแหย  นั่นคงเพราะเขาเป็นต้นเหตุซินะ  เป็นเขาที่เอ่ยถ้อยคำผิดหูก่อน

“เปล่า”

“พี่อุ่นเป็นเหมือนพี่ชายของเพลง   เพลงไม่ปิดหรอก”  เจ้าของใบหน้าใสเสียงอ่อนลง  ยื่นมือมากุมมือสีหราชเพราะเพิ่งตระหนักเข้าใจว่าทำไมสีหราชจึงเอ่ยคำว่าเพื่อนออกมา   อุ่นอรุณแย้มยิ้มมองรุ่นน้องตรงหน้าแล้วเอ่ยเย้าอีกรอบ

“อ้อ  แฟนกันนั่นเอง”   กลายเป็นตอนนี้มีคนเขินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว






“นี่  ม้าพวกนี้สวยไปเลยเนอะ?”  คีตกาลตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมกาย  ส่วนอีกคนก็ปิดไฟแล้วเดินขึ้นเตียง

“อืม”

“นี่  เพลงอยากเลี้ยงม้าบ้างจัง”

“ฮื่อ  จะไหวหรือ?”  สีหราชเอ่ยถามหากไม่ได้ค้าน

“ไหวซิถ้ามีสิงห์ช่วย”

“ถ้าสิงห์ไม่ช่วยล่ะ?”

“ไม่รู้ล่ะ  ถ้าเพลงเลี้ยงม้าสิงห์ต้องมาช่วยเลี้ยงด้วย!”

“งั้น   ทำฟาร์มม้าแบบพี่ครามเลยดีไหม?”

“โห  คิดการใหญ่เชียว  เพลงพูดเล่นเฉยๆหรอก”  คีตกาลตะแคงหันมามองคนที่ล้มตัวลงนอนข้างกัน

“...ถ้าเพลงอยากเลี้ยงม้าเดี๋ยวสิงห์จะหามาให้”

“ไม่เอาน่า  เพลงชอบม้าก็จริงแต่ให้เลี้ยงคงไม่ไหว”

“อืม”

“นอนเถอะ  ราตรีสวัสดิ์ครับ”  ริมฝีปากบางแตะข้างแก้มแล้วมุดลงใต้ผ้าห่ม

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”  สีหราชจูบลงตรงหน้าผากใต้ผืนผ้าแล้วหลับตา




ทุกคำที่คีตกาลพูด  ทุกสิ่งที่คีตกาลชอบ  ทุกอย่างที่คีตกาลแสดง...
เขาจดจำทั้งหมดเอาไว้ในใจ....




*********


v
v
v
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 19-02-2016 02:09:16
.
.
.


“สิงห์จะพาเพลงไปไหนเหรอ?”   เขาเอ่ยถามระหว่างที่คนตัวโตขอทำหน้าที่เป็นสารถีหลังจัดการลางานในวันเสาร์อาทิตย์ได้  คราวก่อนที่บังคับให้สีหราชลางานไปปากช่องกับเขาคีตกาลก็เกรงใจแย่แล้ว  หากคราวนี้เขาเองกลับเป็นฝ่ายถูกขอให้ติดตามมาด้วยกันแทน

“ไว้ถึงแล้วจะบอกนะครับ”

“.....ตามใจ”  คีตกาลส่งค้อนให้วงเล็กๆอย่างไม่ถือสาพลางยิ้มแล้วนั่งนิ่งไม่ซักถามต่อ

รถยนต์คันหรูของคีตกาลซึ่งสีหราชเป็นผู้ขับ  เคลื่อนไปยังนอกเมือง  นานจนคีตกาลต้องคอยชวนคนขับคุยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลับในเนื่องจากออกเดินทางกันแต่เช้ามืด  บางช่วงก็แกะผลไม้บ้าง  ขนมบ้างป้อนคนตัวโตไม่ขาดแล้วตามด้วยน้ำแร่จ่อหลอดถึงริมฝีปาก

“ขอบคุณครับ”  คนตัวโตเหล่ตามอง  ยิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอิบใจ

สีหราชหยุดจอดรถแวะร้านสังฆภัณฑ์  จัดการซื้อของบางอย่างใส่หลังรถแล้วขับต่อไปอีกชั่วโมงกว่าก็ถึงจุดหมาย  คีตกาลเลิกคิ้วมองหากไม่เอ่ยถามอะไรออกมา

ร่างโปร่งลงจากรถตามสีหราชออกมาเมื่อรถหยุดลงในเขตบริเวณวัดแห่งหนึ่ง  มีพระภิกษุไม่กี่รูปซึ่งกำลังกวาดลานอยู่   ร่างสูงหอบหิ้วของโดยมีเขาช่วยแบ่งเบาขึ้นไปยังศาลา   กราบนมัสการหลวงพ่อชรา ถวายสังฆทานรับศีลรับพร  หลังจากนั้นก็กรวดน้ำเป็นอันเสร็จพิธี  ตลอดเวลาคีตกาลเพียงทำตามสีหราชเงียบๆ

“ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้พ่อเกษมและแม่ชบา วิรุณรักษ์”

“?”  คีตกาลเลิกคิ้วมอง

“ไปพบพ่อกับแม่สิงห์นะ”

“หืม?”   มือใหญ่ยื่นเกาะกุมมือขาวแล้วจับจูงไปยังส่วนด้านหลังวัด

เจดีย์เล็กๆสององค์ตรงหน้าเก่าคร่ำ  รูปที่อยู่บนนั้นซีดจางจนแถบมองไม่เห็น   สีหราชปัดกวาดเช็ดถูโดยมีคีตกาลช่วย  เมื่อเสร็จจึงวางดอกไม้ลงแล้วคว้าข้อมือขาวรั้งให้ร่างโปร่งทรุดกายนั่งเคียงกัน

“เพลงครับ  นี่พ่อกับแม่ของสิงห์”

“สวัสดีครับ”  ร่างโปร่งยกมือไหว้เจดีย์องค์เล็กตรงหน้า

“พ่อครับ แม่ครับ  นี่เพลง คีตกาล  เป็นคนที่ผมรักครับ”  ท้ายประโยคใบหน้าหล่อเหลานั้นหันมามองใบหน้าเนียนขาวซึ่งตอนนี้แก้มเนียนขึ้นสีแดงเรื่อ  ริมฝีปากบางยกยิ้มไม่เอ่ยค้านคำพูดนั้นแม้ครึ่งคำ

“คุณพ่อครับ  คุณแม่ครับ  เพลงสัญญาว่าจะดูแลลูกชายของพ่อกับแม่ให้ดี”

“หืม?”

“เอาน่า  ตามนั้นแหละ!”  คีตกาลยิ้มกว้างตบลงบนหลังมือใหญ่ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง  คืนนั้นทั้งสองเข้าไปพักในตัวเมือง  วันรุ่งขึ้นสีหราชพาคีตกาลไปยังบ้านหลังหนึ่งดูโอ่อ่าหรูหรา

“บ้านใครหรือ?”

“....ไม่รู้”

“หืม?”

“เมื่อก่อนนี้เคยเป็นบ้านของสิงห์  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”

“.....”

“เพลงก็รู้ว่าสิงห์เป็นเด็กกำพร้า”

“.....”  เรื่องราวตั้งแต่ต้นสีหราชเล่าให้คีตกาลฟังจนหมดสิ้น   เมื่อหลายเดือนก่อนสีหราชเจอคนเก่าแก่ของบ้านวิรุณรักษ์โดยบังเอิญ  หลังการพูดคุยชายหนุ่มจึงตามหาบ้านเก่าของตัวเองเจอ  หาพ่อกับแม่เจอ...

ร่างโปร่งเพียงยิ้มแล้วกุมมือของคนตัวโตแน่น  ไม่ได้เอ่ยคำปลอบประโลมหากเพียงแค่กุมมือแล้วยิ้มให้กัน   เท่านั้น....
.
.




“เพลงไปไหว้พ่อแม่สิงห์แล้ว  ปิดเทอมสิงห์ก็ไปฝากตัวกับพ่อแม่เพลงได้แล้วนะ”

“แต่....”

“นะ?”

”สิงห์กลัวว่าพ่อกับแม่เพลงจะรับไม่ได้”

“เพลงจะอยู่ข้างๆสิงห์เอง    นะ?”

“...ครับ”

แม้การเปิดเผยความจริงจะทำให้คุณยุวดีและคุณพีรพลตกใจมากหากท่านทั้งสองก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่โวยวายรุนแรงเกินไปนัก  แม้ท่าทีไม่ชอบใจของคุณพีรพลจะทำให้สีหราชหวาดหวั่นหากท่านก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา  เพียงเรียกคีตกาลเข้าไปคุยเท่านั้น


คีตกาลมีความสุขมากที่ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นไปเสียหมด  พ่อกับแม่ของเขาไม่รังเกียจความรักของเขากับสีหราช  แม้จะยังไม่อาจทำใจยอมรับได้เต็มร้อยหากพวกท่านก็ไม่ได้ขัดขวาง  ขอเพียงการคบหากันนี้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เท่านั้นก็พอ

“....คนขี้เซา  วันนี้จะไปทำงานไหม?”   ริมฝีปากบางยื่นกระซิบถามชิดริมหู  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวคว้าร่างโปร่งข้างกายเข้ามาในอ้อมกอด

“มีช่วงสายๆครับ”

“งั้น...  วันนี้เพลงจะกลับเข้าบ้านนะ”

“ให้ไปส่งไหมครับ?”  สีหราชลืมตาขึ้นมอง

“ไม่ต้อง  เดี๋ยวเพลงไปเองได้”

“แล้ว...จะค้างที่บ้านหรือกลับมาหอ?”

“อืม   เอาไงดีน้า?”  คนในอ้อมแขนแกล้งยกนิ้วแตะปลายคางคล้ายคิดหนัก

“กลับมานะ  นะ นะ  นะครับ  ไม่งั้นสิงห์นอนคนเดียวหนาวแย่”

“หูย~ เลี่ยนมากอ่ะ”  เสียงหัวเราะคลอเคล้าหยอกเย้ากันไม่ขาด

จูบอ่อนหวาน  แตะแต้มแผ่วเบา  รุกล้ำเนิบช้าอ่อนโยนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเร่งเร้าพัดโหม  ในอกข้างซ้ายสิ่งนั้นเต้นโหมแรงเสียจนสั่นไหว  ดวงตาสีสนิมคู่นั้นเปิดเผยซึ่งหัวใจทั้งหมด  ความรู้สึกรักท่วมท้นจนคนมองใจสั่นคำรบแล้วคำรบเล่าอย่างไม่อาจห้าม

ริมฝีปากหยักคู่นั้นแตะแต้มแผ่ว ซ้ำ...ครั้งแล้วครั้งเล่า  อ่อนหวาน...ระเรื่อยให้อยากให้มอบความรักมากมายกลับคืน  อ่อนโยน...ไม่เร่งเร้าเร่าร้อน  ต่างส่งมอบความรู้สึกในหัวใจให้อีกคนรับรู้

คีตกาลยกมือขึ้นทาบแก้มกร้าน  เลื่อนริมฝีปากแตะจูบปลายจมูกโด่งของคนตัวโตแล้วแนบหน้าผากจ้องเข้าในดวงตาคมกล้าคู่นั้น   จูบย้ำลงบนริมฝีปากหยักอีกครั้งก่อนผละออก
.
.
.



คีตกาลยิ้มแย้มอารมณ์ดี  เขากลับบ้านโดยไม่ได้แจ้งคุณพีรพลและคุณยุวดีบิดามารดา  เมื่อถึงบ้านเขาจึงไม่เห็นพวกท่านในห้องรับแขกจนต้องร้องถามสาวใช้ในบ้าน    ‘พวกท่านสองคนอยู่ในห้องทำงาน   ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน  พวกหนูถูกสั่งไม่ให้ไปรบกวน‘  เด็กในบ้านตอบอย่างนั้น  ร่างโปร่งขมวดคิ้วกับคำตอบนั้นหากไม่ได้คิดอะไรมาก  ร่างโปร่งก้าวเท้าตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที

เสียงพูดคุยเล็ดลอดดังแว่ว  ประโยคหนึ่งทำให้มือขาวที่กำลังจะยกเคาะประตูชะงักค้าง 

“ผม....อยากให้ตาเพลงมีแฟนเป็นผู้หญิงมากกว่า”  ถ้อยคำนั้นเป็นของบิดา   คีตกาลขมวดคิ้ว  ตอนที่เขาบอกความจริงเรื่องสีหราช  บิดาเคยเรียกเขามาคุยครั้งหนึ่ง  ขอร้องให้พวกเขาสองคนอยู่ในกรอบ  อย่ามีอะไรเกินเลยหากยังไม่พ้นวัยเรียนและเขาก็รับปาก   บิดาไม่ได้ห้าม  เพียงเอ่ยถามถึงความมั่นใจในความสัมพันธ์เท่านั้น  แล้วเหตุใดวันนี้บิดาจึงเอ่ยถ้อยประโยคนี้ออกมา

“คุณคะ...”

“ผมอยากเห็นตาเพลงเรียนจบ  มีการงานที่ดีสืบทอดธุรกิจของที่บ้าน  แต่งงานแล้วก็มีลูก”

“....”

“หากเราได้อุ้มหลานที่เกิดจากตาเพลงคงมีความสุขมาก....”  ท้ายประโยคเสียงทุ้มนั้นสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นไห้

จะมีสิ่งใดทำให้คนเป็นพ่อร้องไห้ได้ถ้าไม่ใช่เรื่องของลูก....

คีตกาลนิ่งอึ้ง  เขายืนค้างอยู่หน้าห้องไม่กล้าขยับ  ไม่กล้าเคาะประตูเพื่อเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดา   พ่อของเขารับไม่ได้ที่เขามีคนรักเป็นผู้ชาย  หากเพื่อความสุขของลูกจึงได้แต่กล้ำกลืนคำห้ามปราม คำดุด่าว่ากล่าว ทำเพียงแค่ยืนมองห่างๆเท่านั้น

ความร้อนแล่นขึ้นกลางอกลามไปจนถึงหัวตา   ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นเพื่อกักกั้นหยาดน้ำอุ่นไม่ให้ไหลลงมา   ช่วงจังหวะตัดสินใจจะเดินหันหลังออกมาพลันในห้องทำงานก็เกิดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของมารดาลั่นก้อง

“คุณคะ!”   คีตกาลถลาเข้าไปในห้อง  ร่างของบิดาที่ฟุบลงบนโต๊ะทำงานพาให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น   ไม่รู้ว่าเขาตะโกนร้องเรียงคนในบ้านไปด้วยเสียงดังแค่ไหน   มือที่กดโทรศัพท์เรียกรถฉุกเฉินสั่นระริก   ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด  แผ่นอกกล้าแกร่งขยับแผ่วและคราบหยาดน้ำบนหางตาของบิดาทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบ




“...เป็นโรคหัวใจขาดเลือดครับ  ต้องให้ยาเพื่อสลายลิ่มเลือด  หลังจากนี้.....จึงค่อยพิจารณาทำการผ่าตัดครับ”   

“แต่...ก่อนหน้านี้คุณพีร่างกายแข็งแรงมาตลอดนะคะ” คุณยุวดีเอ่ยค้านเนื่องจากครอบครัวเขาตรวจสุขภาพประจำปีมาตลอดและไม่เคยมีอาการบ่งบอกถึงโรคนี้เลย

“ก่อนหน้านี่ที่ตรวจไม่เจอเพราะไม่มีแสดงอาการ   การมาเจอตอนนี้เพราะคุณพีรพลอาจจะมีเรื่องเครียดหนักจนทำให้อาการกำเริบก็ได้ครับ”   คุณยุวดีเหลือบสายตามองบุตรชายเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้หมอผู้ตรวจ

“.....”      เรื่องเครียด?    คีตกาลฟังแล้วใจกระตุกวาบ

เรื่องเครียดของบิดาในระยะนี้....มีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องที่กำลังคุยอยู่กับมารดาของเขาก่อนอาการจะกำเริบออกมา...เรื่องของเขาและสีหราช....

เพราะเขา...

ที่บิดาเป็นแบบนี้เพราะเขา?

ความเสียใจถาโถมแล่นขึ้นกลั่นเป็นหยาดน้ำอุ่นไหลอาบแก้ม   ร่างโปร่งทรุดกายลงบนเก้าอี้หน้าห้องตรวจอย่างอ่อนแรง  คุณยุวดีเหลือบมองบุตรชายแล้วซักถามอาการกับหมอต่อ

ร่างโปร่งจมลึกลงในความรู้สึกผิด.... เป็นเพราะเขาที่ทำให้บิดาเป็นแบบนี้?  เพราะเรื่องของเขา  เขาที่รักกับสีหราช...  ลูกชายคนเดียวรักผู้ชายด้วยกันเอง...ลูกชายเพียงคนเดียว...ลูกชายซึ่งเป็นความหวังของครอบครัว  ลูกชายที่บิดามารดาคาดหวังไว้ว่าจะมีชีวิตครอบครัวปกติ  แต่งงานมีลูก  คนแก่ซึ่งหวังจะได้เป็นปู่เป็นย่าของหลานตัวน้อยๆ....  คีตกาลซบหน้าลงกับฝ่ามือ  ซ่อนหยาดน้ำตาจากสายตาของมารดา

ใบหน้าซีดขาวของบิดามีหน้ากากออกซิเจนครอบอยู่  หลังมือมีสายน้ำเกลือกำลังให้ยาบางอย่างเพื่อสลายลิ่มเลือด   เครื่องmonitor อัตราการเต้นของหัวใจทำให้คีตกาลเจ็บแปลบในใจ

คืนนั้นเขาไม่ได้กลับหอพัก  ไม่ได้รับโทรศัพท์หลายสิบสายของสีหราช  อิ่มเอมหรือแม้แต่ชายชาญ   ทำเพียงกุมมือเย็นเฉียบของบิดาเอาไว้ตลอดคืนด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจ

คุณพีรพลพ้นขีดอันตรายในเช้าวันที่สามของการนอนสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดในห้องกึ่งICUโรคหัวใจ  แล้ว จึงย้ายออกไปห้องพิเศษ  คุณยุวดีที่ลางานกำลังเร่งเร้าให้บุตรชายกลับไปเรียนหลังหยุดมาเฝ้าบิดากะทันหัน

“งั้น...เย็นนี้เพลงคงค้างที่หอนะครับ”

“?”  สีหน้าเรียบเฉยของบุตรชายทำให้คุณยุวดีผิดสังเกต   หลายวันมานี้คีตกาลไม่ร้องไห้  ไม่โวยวายหากก็ไม่ยิ้ม...  “ลูกพักเถอะ   ทางนี้แม่ดูแลเอง”

“ครับ”

“...พรุ่งนี้พาสิงห์มาด้วยซิ”

“....”

“เพลง?”

“ครับ”





*********



ร่างโปร่งเหลือบมองรอบห้อง   ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวยังคงวางอยู่ที่เดิมกระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถูกหยิบจับ  เขาเพียงแค่รอ...  นั่งรอสีหราชอยู่บนเตียง  ตั้งแต่บ่าย...จนเย็นค่ำ...  เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหน้าจอโชว์เบอร์จากตู้สาธารณะหน้าหอ   หลายครั้งก่อนจะเงียบไปโดยที่เขาไม่ได้กดรับ   ครู่ใหญ่เสียงไขกุญแจจากบานประตูจึงดังขึ้น

“เพลง?”   สีหราชเลิกคิ้วแปลกใจ  มือใหญ่เลื่อนไปกดสวิตไฟแล้วก้าวไปหาร่างโปร่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว   ร่างสูงทรุดกายลงนั่งเคียงกันบนเตียง

“สิงห์”

“ทำไมเพลงถึงไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?  รู้ไหมว่าสิงห์  เอมแล้วก็ชาญเป็นห่วงมาก”

“ขอโทษ  พอดีโทรศัพท์เสียน่ะ”

“.....    แล้วทำไมถึงขาดเรียน?”

“ก็...อยากลองเป็นเด็กเกเรียนดูบ้าง”  เจ้าของริมฝีปากสวยยกยิ้มกว้างอย่างเด็กนิสัยเสีย

“ไม่ใช่สิ่งดีเลย  เกเรียนแบบนี้สิงห์จะลงโทษ”

“ฮื่อ  ลงโทษ?”

“ใช่  ฐานที่ขาดเรียนและทำให้สิงห์เป็นห่วง”

“จะลงโทษแบบไหนเหรอ?”  สายตาวิบวับคล้ายไม่เกรงกลัว   คีตกาลยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างท้าทาย   ริมฝีปากร้อนผ่าวคู่นั้นทาบทับลงมา  บดขยี้ไม่อ่อนโยนหากไม่รุนแรงนัก

“แบบนี้...”

“แล้วยังไงอีก?”   เสียงใสเอ่ยถาม   มือขาวแตะสาบเสื้อสีขาวอย่างหยอกเย้า  ส่งผลให้มือใหญ่ต้องยกขึ้นตะปบเมื่อมือนั้นเริ่มซุกซนเลื้อยลงไปยังหน้าท้องแกร่ง

“เดี๋ยวเถอะ!”

“ไม่กลัวสักหน่อย”  ดวงตาคู่สวยพราวระยับ   ร่างโปร่งโถมกายขึ้นทาบทับให้คนตัวโตหงายหลังเอนลงไปบนเตียงด้วยไม่ทันตั้งตัว

ริมฝีปากบางแตะแต้มข้างแก้มสาก  ขบเม้มซอกคอเจือกลิ่นเหงื่ออ่อนจาง  มือขาวเร่งปลดกระดุมเสื้อนักศึกษารวดเร็ว   วกจูบริมฝีปากหยักที่เผยอรอรับอย่างเร่าร้อน   บดเบียดแลกเปลี่ยนลมหายใจร้อนระอุอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย   คลึงเคล้าปลายนิ้วลงบนยอดอกแกร่งให้เสียงทุ้มเล็ดลอกจากลำคอหนาด้วยรัญจวนตีขึ้นเข้ากลางท้องน้อย 

มือสากลากไล้แผ่นหลังของคนด้านบนที่จู่โจมเขา  รั้งชายเสื้อให้หลุดพ้นขอบกางเกงแล้วไล้ฝ่ามือเข้าแนบผิวเนียนกลางหลัง   ลูบไล้ลากปลายนิ้วให้ร่างโปร่งสะท้านกายจนต้องละริมฝีปากออกห่าง

สีหราชจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาระยิบระยับ  ริมฝีปากสีแดงช้ำตรงหน้าพาให้ใจสั่นหวั่นไหว  เขายืดกายขึ้นจูบคีตกาล  รั้งท้ายทอยให้โน้มลงมาจูบเขาอีกครั้ง   มือแกร่งข้างหนึ่งเลื่อนกอบกุมสะโพกหนั่นแน่นแล้วบีบเบาๆ   คีตกาลผละริมฝีปากออกห่างถลึงตามองเจ้าของมือร้อนให้ฝ่ายนั้นหัวเราะลงคออย่างชอบใจ

คีตกาลรั้งมือใหญ่ให้หลุดจากสะโพกตัวเองแล้วรั้งขึ้น  สอดประสานนิ้วมือแนบลงข้างใบหน้าหล่อเหลา  กดลงกับฟูกนอนแน่นแล้วจึงค่อยโน้มลงขบเม้มซอกคอคนตัวโต   สร้างรอยแสดงเป็นเจ้าของ...บดเบียดสะโพกกระพือความเร่าร้อนให้ลุกโหมจนร้อนระอุไปทั้งห้อง   มือขาวเลื่อนปลดกระดุมเสื้อและกางเกงของคนข้างใต้   แหวกสาบเสื้อแล้วแนบริมฝีปากลงบนอกแกร่ง  ...หน้าท้องขึ้นลอนสวย   นาบความร้อนจากริมฝีปากลงปลุกเร้าให้เจ้าของเสียงทุ้มครางเครือ

ร่างโปร่งยกยิ้มเมื่อคนข้างใต้อยู่ในห้วงความรัญจวนอย่างที่ตั้งใจ  มือขาวยกรั้งขาแกร่งขึ้นแนบข้างเอวแล้วโน้มกายลง  ความร้อนเร่าเคร่งครัดปวดหนึบจนแทบปลดปล่อย   สีหราชที่อ่อนระทวยเพราะความรัญจวนซ่านปรือตาหวานฉ่ำอยู่ใต้ร่างของเขา  มือขาวกอบกุมความปวดร้าวเคร่งเบื้องล่างของตัวเองเข้าจ่อเบื้องหลังของสีหราช   ก่อนจะกดแทรกลึกร่างหนาพลันพลิกกายรวดเร็ว!

“โอ๊ะ!”

“เพลงจะกอดสิงห์เหรอ?”

“....ใช่”

“....ให้สิงห์เป็นฝ่ายกอดเพลงดีกว่า”

“ไม่เอา!”  เสียงใสตวาดกร้าว

“เอ๊ะ?”

“เพลงจะกอดสิงห์!”  ท่าทางแข็งขึงอย่างไม่เคยเป็นทำให้สีหราชนิ่งขึ้ง  คีตกาลพลิกกายขึ้นคร่อมร่างสูงใหญ่ทันทีที่อีกฝ่ายเผลอ

“เพลง?”

“สิงห์   เป็นของเพลงนะครับ?”

“ดะ เดี๋ยว! เพลงครับ!”   สีหราชยกมือขึ้นจับมือขาวที่ลากไล้ลงสีข้างของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับต่อ

“สิงห์!”

“ครับ?”

“..ให้เพลงกอดเหอะ”

“แต่สิงห์อยากเป็นฝ่ายกอดเพลงมากกว่านี่ครับ”

“ไม่เอา!”

“?”

“....ถ้าสิงห์ไม่ให้เพลงกอดเราเลิกกัน!”

“เพลง!”   ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด  สีหราชจ้องมองคนตรงหน้าที่เอ่ยคำว่าเลิกกันออกมาได้อย่างง่ายดายอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“จะให้เพลงกอดหรือจะเลิกกัน?”

“?”   คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  สีหราชจ้องมองดวงตาเรียวคู่นั้นเพราะเขาหวังว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยคำล้อเล่นไม่จริงจัง

“เพลงพูดจริง  ถ้าสิงห์ไม่ให้เพลงกอด  เราเลิกกัน!”

“เพลง....”   สีหราชร้องครางเรียกชื่ออีกฝ่าย

อาการนิ่งขึ้งของคนตัวโตทำให้คีตกาลฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ  ร่างโปร่งผละออกห่างอารมณ์เสียก่อนจะคว้าเสื้อที่ถอดขว้างไว้ข้างเตียงขึ้นมาสวมพลางทำท่าจะเดินออกไป    สีหราชผุดลุกขึ้นรวดเร็วเข้ามาสวมกอดร่างโปร่งจากทางด้านหลัง

“ปล่อย!”

“เพลงครับ?”  เสียงทุ้มทอดอ่อนเอ่ยเว้าวอนสั่นเครือ

“เพลงไม่อยากเป็นฝ่ายโดนกอด!”

“เพลง....”

“...ถ้าสิงห์คิดอยากให้เพลงกอดเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา  ถ้าไม่อย่างนั้นก็เลิกกัน!”

“เพลง!”

คีตกาลแกะมือหนาที่กอดรั้งรอบเอวเขาเอาไว้ออก ไหล่สวยตั้งตรง  ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ยอมหันกลับมามองคนด้านหลังแม้เพียงนิด   ร่างโปร่งก้าวออกไปจากห้อง...ทิ้งไว้เพียงความตื่นตะลึงและตกใจของสีหราช

.
.
.


หลังจากนั้นสีหราชติดต่อกลับไปหาคีตกาล  หากอีกฝ่ายไม่เคยรับสาย  ในมหาวิทยาลัยก็หลบเลี่ยงหนีหน้าไม่ให้พบเจอ  ไปหาที่บ้านก็มีเพียงสาวใช้มารับหน้า  ทั้งคุณพีรพลและคุณยุวดีก็ไม่ได้พบ
เขาถูกคีตกาลทิ้งจริงๆหรือ?
ถูกทิ้งด้วยเหตุผลเพียงเพราะเขาไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายกอด?



ข้าวของเครื่องใช้คีตกาลทิ้งไว้ไม่เอากลับ  ไม่พบเจอ  ไม่พูดคุย  ไม่มีการถามถึง  มีเพียงเขาที่ร้อนรนโหยหา  มีเพียงสีหราชคนนี้ที่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?   คีตกาลทิ้งเขาได้ลงคอง่ายดายเพียงนั้น?   หรือที่ผ่านมาเป็นเพียงความรู้สึกหวั่นไหวชั่ววูบ?   พอเขาไม่ยินยอมให้ในสิ่งที่ต้องการจึงผละห่างทอดทิ้งไม่ใยดี

สีหราชไม่ได้อยากจะยอมแพ้  หากแต่เพราะอีกคนไม่ยอมหันกลับมา...  ใบหน้าเนียนใสแย้มยิ้มให้กับบิดามารดาและเพื่อนร่วมคณะ  ไม่มีสักนิดที่จะหันมามองทางเขาในวันที่รับปริญญา   ชั่วระยะไม่กี่เดือน....คีตกาลลืมเลือนเขาได้หมดใจแล้วหรือ?   มีเพียงเขาที่เฝ้าติดตามและทวงถามความรู้สึกเดิมให้กลับมา  ร้องเรียกอีกฝ่ายในใจเพราะคีตกาลเอาแต่ปิดใจไม่รับ.. ปิดหูไม่ฟัง  ปิดตาไม่มอง

ทุกอย่างจบลงพร้อมรอยร้าวลึกที่กรีดลึกลงกลางใจของสีหราช...





ความอ่อนหวานยามได้แต้มจูบ   ความอ่อนโยนเมื่อได้โอบกอด  ความห่วงหาตอนกุมมือ  เสียงหัวเราะยามได้เคียงข้าง  ความสุขล้นทดแทนความว่างเปล่าอ้างว้าง.... 

ทุกอย่างจดจารลงกลางใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว











เขาเมามาย  เขาโศกเศร้าเสียใจเหมือนคนบ้า....  เขาละทิ้งทุกสิ่งอย่าง...

เขาสูญเสียทุกอย่างในโลกนี้ได้...หากไม่อาจเสียคีตกาลไป..

เขาเจ็บ...เจ็บแต่ยังรักอยู่   รักหมดหัวจิตหัวใจดวงนี้...












หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงได้รู้...ว่าความจริงแล้ว  ไม่ใช่พวกเขาไม่รักกัน...






โปรดติดตามตอนต่อไป







สวัสดีค่ะ

หายหัวไปนานเลย  ขอโทษด้วยนะคะ  หลังกลับจาก ตจว. ภารกิจและงานก็รุมเร้าเข้ามาเต็มไปหมดเลยค่ะ :mew6:
กว่าจะได้แตะคีบอร์ก็ล่วงเข้ากลางเดือนไปแล้ว  ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ค้างคาและรอคอยนะคะ
ตอนต่อไปจะพยายามมาให้เร็วที่สุดเทาที่จะทำได้นะคะ

ปล.  งานเรื่องนี้แต่งไปแต่งมา  ลักษณะการดำเนินเรื่องไปทาง 'อสงไขย' เลยเพราะตัดบทอดีตกับปัจจุบันสลับกันไป-มา
หวังว่าทุกท่านจะไม่งงนะคะ :mew2:

ปลล.เช่นเคยค่ะ  อ่านให้สนุกนะคะ  มีสิ่งใดผิดพลาดบอกกันได้ แนะนำ-ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ

ปลล. กำลังบ้าอตีตา พี่เมืองใจ-ท่านศรีอยู่  ใครเป็นเหมือนกันมาคุยกันได้นะคะ :impress2:


ด้วยรักและคิดถึง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-02-2016 02:47:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 19-02-2016 05:07:04
คิดถึงเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ย้อนไปตอนเลิกกัน
สงสารสิงห์  ส่วนเพลงก็คงเสียใจเช่นกัน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-02-2016 05:34:27
โหยสงสารสิงห์ งืออออ
จริงๆเพลงก็คงไม่อยากเลิกกับสิงห์หรอก
แต่เหตุผลในการขอเลิกนี่แบบนะ...
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-02-2016 07:35:54
คิดว่า เพลงน่าจะตั้งใจ หาเหตุที่จะเลิกกันนะ คงคิดมากเรื่องคุณพ่อ รออออ ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-02-2016 07:53:01
เราคิดแล้วว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แน่ๆ รอตอนต่อไปนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-02-2016 08:17:13
เห็นคำว่า น่าสวย ตั้งตรงค่ะ หน้าไหมคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 19-02-2016 09:00:44
 จัดหนักเลยพี่สิงห์ เล่นตัวเยอะๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-02-2016 23:44:35
แอบนึกอยู่เหมือนกัน ว่าเบื้องหลังการเลิกต้องเป็นเหตุผลประมาณพ่อแม่อยากอุ้มหลาน....
คาดหวังกับลูกมาก ทำให้ลูกตกนรกทั้งเป็น
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2016 00:26:01
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 26-02-2016 07:48:14
แปะชื่อ..ไว้ตามส่องด้วยคนค่ะ..คณคีย์ขี้งอน :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-03-2016 17:00:07
เพลงหาเหตุเลิกซินะ คงเป็นเพราะพ่อป่วยนั่นละ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 05-03-2016 13:24:01
จะกลับมารักกันต้องรอพ่อหายจากโลกนี้ก่อนรึ เฮ้อออ สิงห์หาเมียใหม่ง่านกว่ามะ มาเจอกันเพลงก็ยังพยศเหมือนเดิม รีบกลับมาต่อนะคะนี่ค้างจนเกลียดเพลงสุดๆละ5555 #ทีมสิงห์ :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 08-03-2016 13:57:06
สงสารสิงห์ตอนนั้นเหตุผลของเพลงตอนบอกเลิกสิงห์คือสิงห์ต้องช็อคมากแน่ๆ
ถึงจะย้อนอดีตแต่อ่านแล้วหน่วงมากกกกก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 10-03-2016 04:58:09
เพราะพ่อป่วยสินะถึงบอกเลิก แล้วดันใช้เรื่องนั้นเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อเลิกสะด้วยสิ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 10-03-2016 08:41:01
อยากอ่านต่อแล้วอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Akigigi ที่ 10-03-2016 14:43:50
สิงห์ยอมทำทุกอย่างเพื่อเพลงหมดเลยอ่ะ
สงสารบอกตรงๆ เพลงไม่น่าทำอย่างนี้เลย
แล้วความรู้สึกที่เสียไปหละ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 11-03-2016 15:21:20
รอ รอ รอ อยู่เน้ออออ... คิดถึงไร่สีหกาลแว้วววว
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 15-03-2016 14:05:42
รอฉันรอเธออยู่อต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาๆเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 16-03-2016 11:20:02
- รักพัดหวน -
ลมพัดครั้งที่ 13





















ร่างโปร่งพอลงจากรถได้ก็เดินดุ่มขึ้นเรือนไปอย่างรวดเร็ว  สีหราชมองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายแล้วหันมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองและของอีกคนติดมือขึ้นเรือน  หากเพียงแค่พ้นบันไดขั้นบนสุดแก้วน้ำเย็นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“?”

“ดื่มน้ำเย็นๆก่อนนะสิงห์”   สีหราชหรี่ตามอง  คีตกาลที่ถือแก้วน้ำเย็นยื่นมาให้พร้อมรอยยิ้ม

“ไม่หิว”

“.....”  จบคำรอยยิ้มบนใบหน้าใสพลันเลือนหาย  คีตกาลหรุบสายตาลงมองแก้วน้ำในมือด้วยหัวใจเหี่ยวเฉา

“ตัวเองน่ะดื่มหรือยัง?”  คีตกาลส่ายหน้าทั้งที่ยังคางชิดอก  “ถ้าอย่างนั้น....”

“?”

“นายดื่มแก้วนี้ให้หมดแล้วค่อยเอามาให้ฉันใหม่”

“?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง    ร่างสูงของสีหราชเดินห่างออกไป   กระเป๋าเสื้อผ้าสองใบในมืออีกฝ่ายทำให้คีตกาลกระพริบตาปริบก่อนจะรีบกระดกน้ำในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วแล้ววิ่งกลับเข้าไปในครัวถือน้ำเย็นแก้วใหม่ออกมาพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าอีกครั้ง

สีหราชวางกระเป๋าเสื้อผ้าของคีตกาลไว้หน้าห้องนอนของฝ่ายนั้นแล้วเดินกลับมายังห้องของตัวเอง   คีตกาลวิ่งตามเข้าไปพลางยื่นแก้วน้ำให้    ร่างสูงเหลือบสายตามอง  ริมฝีปากหยักเม้มแล้วคลายออกอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกคนสังเกตเห็น   เขารับแก้วน้ำมายกดื่มหมดแก้วแล้วยื่นแก้วเปล่าส่งคืน

“ฉันดื่มแล้ว”

“อื้อ!”

“....แล้วทำไมนายยังไม่ออกไปอีก?”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน   

“ไปไหน?”

“นายก็กลับห้องนายไปซิ”

“...อ้อ...”  ดวงตาเรียวกรอกไป-มาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยส่งเสียงรับคำ 




คีตกาลล่าถอยกลับห้องตัวเองไปแต่โดยดี  เขาคิดว่าอย่างน้อยหลังกลับมาถึงก็ควรไปรายงานผลให้ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการเช่นอิ่มเอมให้รับรู้เรื่องราวเสียหน่อย

เป็นไปตามคาด  อิ่มเอมสะดุ้งแทบตกเก้าอี้เมื่อเขาเล่าทุกอย่างให้ฟัง  สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนตัวโตทำให้คีตกาลไม่ใคร่จะสบอารมณ์นัก  นี่คิดว่าเขาโกหกหรืออย่างไร  เรื่องที่เขาปล้ำสีหราชน่ะ!

ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน  สมัยเรียนเขาเกือบจะกดสีหราชสำเร็จด้วยซ้ำ!  คีตกาลกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด  ร่างโปร่งนั่งอยู่ปลายเตียง  มือหนึ่งยกเช็ดผมมือหนึ่งก็เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าออกเพื่อเอาผ้าเปื้อนโยนลงตะกร้า   ช่วงจังหวะที่ก้มลงความรู้สึกเย็นวาบเล็กๆตรงแผ่นอกก็เลื่อนหลุดออกมาจากคอเสื้อ   เป็นแหวนคล้องสายสร้อยที่ถูกสวมให้เขาในนั้นคืนนั้น   ดวงตาเรียวกลอกไป-มาอีกครั้งแล้วริมฝีปากบางจึงหยักยกขึ้น...
.
.
.

เสียงน้ำตกกระทบบ่งบอกว่าเจ้าของห้องคงกำลังชำระร่างกายอยู่  ตอนหัวค่ำเพราะมัวแต่ไล่ดูเอกสารและตรวจงานย้อนหลังเวลาจึงล่วงเลยเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม   

คีตกาลเหลือบมองนาฬิกาตรงหัวเตียงซึ่งขยับผ่านไปอย่างเชื่องช้าคนในห้องน้ำก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเสียที     ชุดนอนชุดใหม่พับเรียบร้อยปลายเตียงที่เห็นทำให้เขาเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

“เฮ้ย!”  ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นแขกไม่รับเชิญนั่งอยู่ในห้อง  คีตกาลยิ้มเผล่  ดวงตาเรียวพราวระยับยามจับจ้องผิวสีแทนที่มีหยาดน้ำเกาะพราว  เอวสอบสวยได้รูปพันผ้าไว้อย่างหมิ่นเหม่  เขาเหลือบมองลำคอและแผ่นอกของอีกฝ่าย  ครั้นไม่เห็นสร้อยและแหวนเช่นเดียวกับที่อยู่บนคอตัวเองก็ให้ใจสั่นวูบไหว

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”

“ยังมั้ง  เนี่ยออกมาผึ่งลมให้แห้งแล้วจะเข้าไปอาบใหม่”  คีตกาลค้อนตากลับกับคำตอบ  กระนั้นเขาก็เพียงแค่ระบายลมหายใจแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง

“มา  มานอนนี่มา  เดี๋ยวฉันนวดให้”

“ห้ะ?”

“นายคงเมื่อยแย่  ไหนจะนั่งเครื่องไหนจะขับรถ  หนำซ้ำยังต้องเอาม้าลงแล้วมาเคลียร์งานเอกสารอีก  มาๆ  มานอนนี่เดี๋ยวนวดหลังให้”  ไม่ว่าเปล่า   มือขาวตบปุลงบนที่นอนอย่างเชื้อเชิญ

“ไม่อ่ะ”  คนตรงหน้าต้องมีแผนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ!

“....ฉันไม่ปล้ำนายหรอกน่า!”  คีตกาลเหลืออด ตะเบ็งเสียงใส่อย่างหมดความอดทน  พลางต่อประโยคของตัวเองในใจ  ...ตอนนี้ไม่ปล้ำแต่ตอนหน้าไม่แน่หรอกนะ  หุหุหุ

“............”  สีหราชหรี่ตามอง  ร่างสูงขยับเท้าทีละก้าว  ทีละก้าวเข้ามาใกล้เตียง  สายตาก็ไม่ละจากแขกร่างขาวตรงหน้าแล้วฉกชุดนอนตรงปลายเตียงขึ้นมาถือไว้ก่อนจะหันหลังกลับวิ่งเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว  ร่างสูงออกมาด้วยสภาพที่เรียบร้อยกว่าเดิม  คีตกาลเบ้ปากพลางบ่นพึมพำ

“น่าเสียดายเกินไปแล้ว”

“อะไรนะ?”

“เปล๊า  ไม่มีอะไร แหะ แหะ”   สีหราชเหลือบมองร่างโปร่งซึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน  ครู่ใหญ่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีพิรุธอะไรจึงยอมเดินไปยังเตียงแล้วนอนคว่ำหน้าลง

มือขาวแตะแผ่นหลังกว้าง   กล้ามเนื้อแน่นใต้ปลายนิ้วทำให้ใจคนนวดกระตุก   คีตกาลเม้มปากแน่นสะกดกลั้นใจที่อยากจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าเอาไว้อย่างสุดความสามารถ   สีหราชที่หล่อเหลาและสมบูรณ์คนนี้เป็นของเขา  นอนอยู่ตรงหน้าเขา!

“นี่  จะนวดไหม?”

“อ้อ  นวด! นวดครับนวด!”  คีตกาลสะดุ้ง   ออกแรงกดลงไปบนกล้ามแน่น  ไหล่กว้าง  บ่าผึ่งผาย....เส้นตึงจนแทบกดไม่ลง...  ริมฝีปากบางเม้มแน่นอีกครั้ง   ยิ่งลงแรงกดยิ่งขมวดคิ้วแน่นเข้า   นี่สีหราชใช้ร่างกายหนักขนาดไหนกันถึงได้กล้ามตึงไปหมดแบบนี้?

“แรงอีกนิด”

“อ๊ะ?  อืม...”  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามหลับตาพริ้ม  ฝ่ามือขาวออกแรงกดเพิ่มขึ้นตามคำสั่งพลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายไปด้วย   ไอ้ความรู้สึกอยากลวนลามเมื่อครู่ไม่รู้ว่าหายไปไหน  ตอนนี้เขาแค่อยากให้เจ้าของห้องได้ผ่อนคลายลงบ้าง...ก็เท่านั้น...

ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อยทำให้คนมองยกยิ้ม  ใบหน้าเข้มคร้ามยับยู่เพราะนอนคว่ำหน้า   คีตกาลทิ้งกายลงนอนฝั่งตรงข้ามพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น

“จะให้โอกาสกันได้ไหม?”  เขากระซิบถาม...  หากมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบกลับมา




.
.
.






ท่ามกลางความมืด..   ลมหายใจของคนข้างๆทำให้เขาสงบใจ
พรุ่งนี้ตอนที่ลืมตาตื่น...
รักจะยังอยู่ตรงหน้าเขาไหม?
รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ยังอยากคว้าเอาไว้...  มือใหญ่เลื่อนขยับกุมกอบมือขาวของคนข้างกาย   กอบกุมเอาไว้ให้แน่น...   จับเอาไว้ให้มั่น  คีตกาลจะได้ไม่หนีเขาไปไหนอีก...








********






กลิ่นหอมฉุนจากในครัวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัย  วันนี้ป้าแช่มทำอะไรกลิ่นจึงได้ตลบอบอวลไปทั่วเรือนแบบนี้ก็พอดีที่เด็กสายใจยกสำรับออกมาพอดี

“วันนี้กับข้าวท่าทางจะอร่อยนะ  ป้าแช่มทำไรล่ะ?”   อิ่มเอมถามหลังนั่งเก้าอี้ข้างสีหราช   สายใจยิ้มไม่ตอบคำ    เดินกลับเข้าไปยกจานกับข้าวออกมาวาง   สีหราชเลิกคิ้วมองผิดพริกขิงและต้มยำข่าไก่ตรงหน้า    อิ่มเอมยกยิ้มแล้วถูมือ

“วันนี้ป้าแช่มทำของโปรดฉันด้วยแฮะ”  อิ่มเอมว่าพลางยกช้อนขึ้นเตรียมตัก  “ว่าแต่...คุณคีย์ของเราไปไหนเสียแล้ว?”   คนตัวโตหันมาถาม

“ในครัวค่ะ”

“ในครัว?”   ทั้งสองคนอุทานขึ้นพร้อมกันอย่างแปลกใจ  อย่างคีตกาลน่ะหรืออยู่ในครัว?

“ทำไม?  ฉันอยู่ในครัวแล้วมันแปลกตรงไหน?”

“ก็แปลกเพราะเป็นมึงไง”  อิ่มเอมว่า   คีตกาลค้อนตากลับใส่ทั้งสองคนก่อนจะยกถ้วยน้ำพริกและผักสดมาวางตรงหน้าสีหราชพร้อมไข่เจียวสีเหลืองสวย

น้ำพริกมันปู...

เพราะรู้เรื่องเล่ากล่าวขานของมันดีเขาจึงทำมันออกมา...อยากให้สีหราชได้กินแล้วรับรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ

“อื้อหือ  กินน้ำพริกแต่เช้าเดี๋ยวก็ร้อนท้องกันพอดี  ไม่ดีท้องจะเสียก็ไม่รู้”  อิ่มเอมหัวเราะ

“ยุ่ง!”

“โธ่  คุณเอมละก็...คุณคีย์ของหนูอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำนะคะ”  สายใจผสมโรงต่อว่าอิ่มเอมอีกคน

“ไอ้เพลงทำ?”

“ค่ะ”

“ทั้งหมดนี่?”

“ค่ะ”  สายใจพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ   คุณคีย์ของเธอทั้งหล่อทั้งเก่งนี่นา งานราชก็เก่งงานเรือนก็ทำได้!

“โอ้ย   งั้นกูยิ่งไม่กล้ากินอ่ะ!”  อิ่มเอมโวย

“ก็ไม่ได้ทำให้นายกินเสียหน่อย”

“อะไรนะ?  งั้นที่มึงลุกมาแต่เช้าหัดทำกับข้าวเนี่ย ทำให้ไอ้สิงห์หรือไง?”

“ใช่”

“....”   จนคำพูด   อิ่มเอมถึงกับจนคำพูดไปในทันที   คีตกาลไม่สนใจคนตัวโต   เขาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อีกฝากข้างสีหราชแล้วสั่งให้สายใจตักข้าว    สีหราชหรุบสายตามองถ้วยน้ำพริกด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน   ชายหนุ่มตักน้ำพริกพร้อมไข่เจียวใส่จานข้าวแล้วลงมือกิน

อิ่มเอมที่รอดูอาการผิดปกติของเพื่อนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อสีหราชไม่มีอาการแสดงใดๆออกมา   เขายังคงตักผัดพริกขิงและต้มข่าไก่มากินโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

“เห้ย  กินได้จริงดิ?”   อิ่มเอมยกช้อนหมายจะตักต้มข่าไก่มาชิมบ้าง  พลันสีหราชก็เอาช้อนของตัวเองมาขวางไว้ไม่ให้อิ่มเอมตักได้ “อะไรวะ?”

“มึงไปทอดไข่กินไป”

“ห้ะ?”

“ชิ่วๆ  ไปทอดไข่กินเองเลย   เชอะ!”  คีตกาลยู่ปากใส่อิ่มเอมแล้วเท้าคางจ้องมองสีหราช  พลางตักน้ำพริกมันปูใส่จานข้าวให้อีกฝ่าย

“อะไรวะ  แค่นี้หวงหรือไง?”  คนตัวโตฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

“ไม่ได้หวง”

“...แล้วทำไมไม่ให้กูกิน?”  อิ่มเอมชักโมโหจริงจัง  เขาเท้าเอวมองเพื่อนทีมองคีตกาลที

“ทำนี่ได้ชิมบ้างหรือเปล่า?”  สีหราชไม่ตอบอิ่มเอมหากหันมาถามคนทำแทน

“ก็...ไม่ได้ชิมหรอก  แต่ทำตามที่ป้าแช่มบอกทุกอย่างเลยนะ!”

“อ้อ~”

“ทำไม?”   คีตกาลกับอิ่มเอมถามขึ้นพร้อมกัน  สีหราชตักผัดพริกขิง  น้ำพริกมันปูใส่จานข้าวตัวเองจนเกลี้ยงเกลาแล้วกินไม่หยุด   เหลือเพียงน้ำต้มข่าไก่เท่านั้นที่เขาไม่สามารถตักมาซดได้จนหมดถ้วย

“ทีหลังไม่ต้องทำแล้วนะ”  สีหราชยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหมดแก้วแล้วเทใหม่

“หือ?”

“ไม่ต้องแย่งป้าแช่มทำกับข้าวอีก”

“มัน...แย่มากเลยเหรอ?”  คนทำหน้าเสีย  จ้องมองถ้วยน้ำพริกเกลี้ยงเกลาและจานข้าวว่างเปล่าของสีหราชอย่างไม่เข้าใจ

“...ใช่  มัน...ไม่อร่อย”

“.....”   เงียบ   ทุกคนในห้องอาหารได้แต่เงียบ  แม้แต่อิ่มเอมก็ได้แต่นั่งนิ่งแล้วเบิกตากว้างจ้องมองเพื่อนพลางคิดวิเคราะห์คำพูดนั้นอีกครั้ง

ไม่อร่อยจริงหรือ?  แล้วทำไมถึงได้กินเกลี้ยงจานขนาดนี้?   ไม่รอคำอธิบายเพิ่มเติม  อิ่มเอมจ้วงช้อนลงไปตักน้ำต้มข่าไก่มาชิม  ใบหน้าหล่อเหลาพลันบิดเบี้ยวก่อนจะตวัดสายตาไปทางคีตกาล

“ไอ้เพลง!”

“เอม!”   สีหราชขมวดคิ้วมองเพื่อน

“เออ!  แม่งทำให้ไอ้สิงห์กินคนเดียวไปทั้งชีวิตเลยนะ  อย่าได้คิดไปทำให้คนอื่นกินเชียว!”   ว่าจบก็ลุกออกไปทันที

“.....”  คีตกาลหน้าจ๋อยทันที

“เป็นอะไร?”

“ถ้ามันไม่อร่อยขนาดนั้น...นายก็ไม่เห็นต้องกินเข้าไปเลยนี่นา”  เสียงร่าเริงก่อนหน้ากลายเป็นเศร้าสร้อย  ใบหน้าขาวหมองลงหลังมองจานอาหารว่างเปล่าตรงหน้า

“ฉันกินได้”

“แต่....”

“ก็กินจนหมดนี่  ไม่เห็นรึ?”

“เห็น  แต่มันไม่อร่อยไง!”

“...ทำมาแล้วต้องกิน  เสียดายของ”

“แล้วถ้าเกิดนายท้องเสียล่ะ?”

“นายก็หายาหาเกลือแร่มาให้ฉันกิน”

“.....”

“แค่หลังจากนี้อย่าไปทำให้ใครกินก็พอ”

“ตกลงหวงหรือเป็นห่วงคนอื่นอ่ะ?”

“...เป็นห่วงคนอื่น”  จบคำร่างสูงก็ลุกขึ้นคว้าหมวกมาสวมแล้วออกไปทำงาน   ทิ้งให้คีตกาลอ้าปากเหวออยู่ที่เดิม   นี่เขากำลังโดนด่าแบบอ้อมๆอยู่ใช่ไหม?  โว้ย!  ไม่เข้าใจ!

ว่าแต่...ชิมฝีมือตัวเองหน่อยซิ

แกร๊ง!  ช้อนที่ตักน้ำต้มข่าไก่ขึ้นชิมร่วงหล่นจากมือหลังสิ่งนั้นล่วงผ่านลำคอ   คีตกาลเบ้หน้าอยากจะคายสิ่งที่กลืนลงไปออกมา  นี่มันเค็มเหมือนรถเกลือคว่ำ เปรี้ยวเหมือนใส่มะนาวทั้งสวนเลยนี่นา!

สีหราชกินเข้าไปได้ยังไงกัน!
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ [19/2/59]หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 16-03-2016 11:21:57
.
.
.






.
.
.
.




“อื้อหือ   สวยแจ่มมาก!”

“.......”

“หุ่นน่าฟัดขนาดนี้ถ้ากูเป็นไอ้สิงห์นะกูจัดการไปละ”

“งั้นเดี๋ยวไปบอกให้ชาญกับคุณศักดิ์ทำหน้าอกแบบนี้ไหม?”

“เฮ้ย ไม่เอา!”  อิ่มเอมหันขวับกลับมามองคนข้างกายแล้วสั่นหน้าปฏิเสธพัลวัน  ชายชาญน่ะไม่ห่วงหรอกว่าจะทำ  หมอนั่นคงไม่ยอมแน่  แต่เกียรติศักดิ์นี่ซิ  ชมชอบคีตกาลขนาดนี้มีหวังสั่งซ้ายคงไม่กล้าเดินขวาแน่นอน

“เอ้า  เห็นชมผู้หญิงคนนั้นไม่ขาดปาก  สวยแจ่มงี้  หุ่นน่าฟัดงี้  นึกว่าจะชอบจะได้ยุให้สองคนนั้นไปทำซะเลย!”

“แหม่  กูก็ปากหมาไปงั้นแหละ  มึงอย่าถือสา”

“รู้ตัวเองด้วยหรือไงว่าปากหมา”

“ไอ้....”

“หุบปากไปเลยนะ!” คีตกาลชี้หน้าก่อนจะซุ่มแอบมองร่างสูงกับหญิงสาวหน้าสวยคนนั้นต่อ  หญิงสาวทรงสวยที่อิ่มเอมเอ่ยปากชมเป็นลูกค้าใหม่ซึ่งถูกแนะนำมา  เจ้าหล่อนเพิ่งจะเปิดรีสอร์ททางเหนือ  มาหาดูม้าเอาไว้ไปให้นักท่องเที่ยวขี่  แต่ดูท่าตอนนี้คงอยากจะขี่เจ้าของฟาร์มม้ารูปหล่อเสียมากกว่า!

“ถ้าม้าที่กิ๊กซื้อไปเกิดมีปัญหา  คุณสิงห์จะขึ้นไป ‘แก้’ ให้กิ๊กไหมคะ?”  เจ้าหล่อนยกยิ้มที่พยายามขวยเขินส่งไปให้ชายหนุ่ม  มือขาวยกขึ้นเกี่ยวผมขึ้นทัดหูพลางช้อนสายตาขึ้นมอง

อื้อหือ....  แค่ชื่อนี่ก็น่าโดนเมียหลวงทั้งหลายตามตบละ!

“ก็ต้องดูครับว่ามีปัญหาอะไร  บางทีแค่โทรศัพท์ก็เพียงพอครับ คุณกิ๊กมีเบอร์ของทางฟาร์มอยู่แล้ว  ทุกคนในนี้สามารถให้คำปรึกษาคุณกิ๊กได้ทุกคน  หรือให้สัตวแพทย์ใกล้พื้นที่คุณกิ๊กดูแลก็ได้ครับ”  สีหราชยิ้มตอบบางเบาคล้ายไม่เห็นอาการขัดเขินของหญิงสาวตรงหน้า

“แต่...กิ๊กคิดว่าปรึกษาคุณสิงห์คงดีที่สุดเพราะคุณสิงห์น่าจะเข้าใจม้าได้กว่าใคร”  จบคำสีหราชก็หลุดหัวเราะออกมา

“ผมเป็นเจ้าของฟาร์มม้าก็จริงแต่ไม่ใช่ม้านะครับ  คงไม่รู้เรื่องม้าได้ดีมากกว่าสัตวแพทย์หรอกครับ”  ใบหน้าหล่อเหลาสว่างไสวด้วยรอยยิ้มกว้าง  พาให้ใจคนมองสั่นไหว  หญิงสาวพลันหน้าแดงขึ้นมาจริงๆโดยไม่ต้องเสแสร้ง

“แหม  คุณสิงห์นี่ละก็...มีอารมณ์ขันจริงเชียว”

คีตกาลเบ้ปากกับบทสนทนานั้น   ก้อนฟางใกล้มือถูกทึ้งจนแทบหลุดออกมาทั้งก้อน  ไหล่บางถูกอิ่มเอมตีแปะลงมาให้สะดุ้งโหยง  กระนั้นคีตกาลก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างๆ   จนเมื่อไหล่ถูกกระแทก  กระแซะถี่ๆ

“อะไร!”  อย่ามาทำให้โมโหมากขึ้นได้ไหม!

“แม่ง  จีบไอ้สิงห์เห็นๆ”

“ฉันรู้แล้ว!”   เสียงใสสะบัดห้วน

“รู้แล้วยังนั่งอยู่นี่อ่ะนะ?”

“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า” 

“....เอ้า  นั่นน่ะเมียมึงนะ”

“ห้ะ?”  คีตกาลหันมามองหน้าอิ่มเอมคล้ายกับคำพูดเมื่อครู่นั้นเขาฟังผิดไป

“อ้าว  ก็มึงบอกว่าไอ้สิงห์เป็นเมียมึงไม่ใช่เหรอ?”

“....”  อันที่จริงก็ไม่แน่ใจหรอกว่าสีหราชจะเป็นเมียเขาแล้วจริงๆ  แต่...ไม่พูดออกไปจะดีกว่า เดี๋ยวขายขี้หน้าที่โม้เอาไว้

“แล้วมึงจะยอมให้ผู้หญิงทรงสะบึ้มมาแอ๊วเมียมึงไปเหรอ?”

“ไม่ยอม!”  เผลอตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด  คีตกาลยกมือปิดปากแทบไม่ทันเพราะตะโกนออกไปเสียงดัง   สีหราชและหญิงสาวนาวว่ากิ๊กก็หันมาจนได้...  “อุ้ย!”  ร่างโปร่งเซถลาจากที่ซ่อนเพราะอิ่มเอมผลักออกมา

“?”  คิ้วเข้มขมวดฉับทันทีที่เห็นคีตกาลหน้าคะมำอยู่ข้างกองก้อนฟาง

“เอ่อ   คือ...”  ร่างโปร่งกลับไปทางด้านหลังไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูงใหญ่ผู้เป็นทัพหนุนก็ให้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคาดโทษ

“มีอะไร?”  เสียงทุ้มเอ่ยห้วนคล้ายไม่พอใจ

“คือ...”

“ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปทำงานตัวเองเลยไป”  ดวงตาคมดุฉายแววหงุดหงิด  ยิ่งหญิงสาวข้างกายทำทีว่าอยากจะคุยกับคีตกาลเขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“ก็มี...  มีนะ”  ใบหน้าใสทำทีคล้ายนึกทบทวนเรียกความจำว่าตนเองมีเรื่องจะคุยกับคนตัวโต

“...รีบพูดแล้วก็รีบกลับไปได้แล้ว!”

“ก็  ก็...สิงห์หิวน้ำไหม?  ร้อนหรือเปล่า?”  ไม่ใช่เพียงแค่ถาม   หากคีตกาลคว้าขวดน้ำที่หยิบติดมือมาเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง

“ไม่หิว  แล้วก็ไม่ร้อนด้วย!”  เสียงทุ้มลอดไรฟันกับสายตาดุดันทำเอาขวัญผวาอยู่บ้าง  กระนั้นร่างโปร่งก็ยังคงเดินเข้าไปหาไม่หยุดเท้า

“โธ่ คุณสิงห์  อย่าดุแบบนั้นซิคะ  กิ๊กตกใจตามไปด้วยเลย  ว่าแต่...คุณคนนี้เป็นใครเหรอคะ?”  หญิงสาวหันมาปรามร่างสูงแล้วเอ่ยถามเสียงหวาน

“เอ่อ  คีย์ครับ  ยินดีที่ได้รู้จัก”  ร่างโปร่งยิ้มทักทาย  ขยับเท้าเข้าไปใกล้สีหราชมากขึ้นแล้วยื่นนิ้วสะกิดแขนแกร่ง  “ดื่มน้ำหน่อยไหม?”

“ไม่...”   เอ่ยปฏิเสธไม่จบประโยคหลอดน้ำก็ถูกยื่นจ่อริมฝีปากหยัก

“นะ?”

“........”  สีหราชหรุบสายตามองคนตรงหน้าคล้ายกำลังประเมินว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนทำอะไรอยู่

“คุณสิงห์ครับ  คุณแพรวมารอพบครับ  ตอนนี้อยู่ที่เรือนใหญ่”  คนงานเข้ามาตามหลังมีวิทยุจากรเอนใหญ่แจ้งมา

“อืม”  ร่างสูงตอบคำแล้วหันกลับมามองหน้าคีตกาลอีกครั้ง   ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาเบ้ปากด้วยท่าทางไม่พอใจ

“เจอผู้หญิงคนไหนก็หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยหรือไง  ใครๆถึงได้ตามมาเป็นพรวนแบบนี้!”

“?”

“เอ่อ  คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอคะ?”  หญิงสาวหนึ่งเดียวตอนนี้ยิ้มแหยแล้วชี้ผู้ชายสองคนตรงหน้า

“มะ...!”   ริมฝีปากอ้าจะเอ่ยปฏิเสธพลันแขนข้างหนึ่งก็ถูกกระชากไปกอดโดยอีกคน  “?”

“คุณกิ๊กรู้ได้ไง   เก่งจัง!”

“เอ่อ..”  หญิงสาวยิ้มแหยก่อนจะแสร้งหัวเราะ  โถ  เล่นแสดงอาการแบบนี้ใครมองไม่ออกก็บ้าแล้ว!




สีหราชจัดการให้คีตกาลหลุดจากแขน  สั่งให้เขากลับไปทำงานก่อนจะหันกลับไปคุยงานกับหญิงสาวต่อ  ครู่หนึ่งจึงกลับเรือนใหญ่หลังเสร็จธุระ   เสียงพูดคุยบนเรือนทำให้ร่างสูงชะงักเท้า   แพรวพรรณกำลังคุยอยู่กับใครในเมื่อวันนี้อิ่มเอมไม่อยู่

“คือ...แพรว....แพรวอยากขอให้คุณคีย์ช่วย...”

“คุณแพรวมีอะไร....หรือเปล่าครับ?”  ท้ายประโยคสีหราชแกล้งผ่อนเสียงให้เบาลงคล้ายนึกไม่ถึงว่าแพรวพรรณกำลังคุยอยู่กับใครอื่น  ร่างสูงเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นแพรวพรรณคุยอยู่กับคีตกาล   ดวงตาคมดุฉายแววไม่พอใจกรุ่นจ้องเขม็งไปยังร่างโปร่งทันที  มือขาวของคีตกาลถูกแพรวพรรณกอบกุมเอาไว้แน่น   แก้มใสของหญิงสาวขึ้นสีเรื่อยามเมื่อเงยหน้าสบตากับสีหราช

“ฮึ!”  คีตกาลแค่นเสียง  ประโยคที่แพรวพรรณพูดไม่จบคงหมายถึง  ให้เขาช่วยเรื่องของหญิงสาวกับสีหราชกระมัง?  ฝันไปเถอะ!

“คุณแพรวทานอะไรมาหรือยังครับ?”  สีหราชเอ่ยถาม  แม้จะมองเห็นว่าตรงหน้าหญิงสาวมีจานผลไม้ที่สายใจนำมาวางไว้ก็ตาม

“ทานมาแล้วค่ะ  คือ....”

“ครับ?”  สีหราชแสร้งไม่เข้าใจท่าทีของแพรวพรรณ   เธอเหลือบสายตามองคีตกาลวูบหนึ่งแล้วหันมามองสีหราชอีกครั้ง

“คุณแพรวนี่ท่าทางจะชอบม้ามากเลยนะครับ”

“เอ๊ะ?”  หญิงสาวร้องเอ๊ะเมื่อจู่ๆคีตกาลก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

“ก็ผมเห็นคุณแพรวมาที่ฟาร์มนี้บ่อยๆ”

“ก็....ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”  แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ  หญิงสาวยกมือขึ้นเกี่ยวผมขึ้นทัดหูอย่างเขินอาย

“.....ถ้าไม่ได้ชอบม้ามากขนาดนั้นก็แสดงว่าชอบเจ้าของฟาร์มม้า?”

“เอ๊ะ?”

“คุณแพรวชอบสีหราชหรือครับ?”   น้ำเสียงยามเอ่ยถามแข็งกระด้างจนคนฟังรู้สึกได้  แพรวพรรณตกใจกับคำกล่าวนั้นจึงเงยหน้าของคนถามด้วยไม่รู้ว่าคีตกาลจะสื่อถึงอะไร  หรือกำลังรู้สึกอะไรอยู่จึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

“เปล่าค่ะ  คือแพรว...”  หญิงสาวอึกอัก  ถ้อยคำที่เตรียมมาพลันไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเพราะท่าทางของคีตกาลดูผิดแปลกไป

“คุณแพรวจะบอกว่าไม่ได้ชอบม้า  แล้วก็ไม่ได้ชอบสีหราชอย่างนั้นหรือครับ”    แพรวพรรณไม่กล้าพยักหน้าหรือตอบรับ  เธอไม่ได้ชอบสีหราชเชิงชู้สาวเพราะรู้จักกันมานาน หากแต่ไม่ได้เกลียดด้วยเช่นกัน  ดังนั้นคำถามของคีตกาลจึงฟังขัดหูพิกลจนไม่กล้าตอบ

ใบหน้าหล่อเหลาของคีตกาลบึ้งตึง   ดวงตาคู่สวยฉายแววไม่พอใจ  ยิ่งแพรวพรรณขยับตัวแล้วเหลือบมองสีหราชคล้ายจะขอความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเขายิ่งหงุดหงิด   เขาหันขวับไปมองคนด้านข้างเมื่อร่างสูงพยักหน้าให้แพรวพรรณ   หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก   ....พร้อมกับที่คีตกาลสะท้านในอกเมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองคน

“คือแพรวจะบอกว่า   แพรวชอบ....”   จังหวะที่หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตัดสินใจเอ่ยนั้น   คีตกาลพลันหันกายไปด้านข้าง  แขนขาวยกขึ้นคว้าลำคอของร่างสูงให้หันมาอย่างรวดเร็ว

“!”  ท่ามกลางความตกใจ  ริมฝีปากร้อนผ่าวคู่หนึ่งทาบทับลงบนริมฝีปากหยักได้รูป   แนบสนิทจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนซีกแก้มของกันและกัน

ร่างสูงนิ่งขึ้ง   ฝ่ามือขาวรั้งใบหน้าของเขาให้หันไปหา  อีกข้างประคองบังคับไม่ให้หันหนี  ริมฝีปากบางคู่สวยทาบทับหากไม่ได้บดเบียดอย่างเร่าร้อน  ลมหายใจรินรดบ่งบอกว่าสัมผัสตรงริมฝีปากนั้นเป็นความจริง  ดวงตาคมดุเพ่งมองภาพตรงหน้าแม้ไม่ชัดเจนเพราะระยะที่ใกล้ชิดจนเกินไป  กระนั้นเขาก็ไม่ได้ผละใบหน้าออกห่าง  ....อาจจะเพราะเขากำลังตกใจ  ประหม่าและสั่นไหวกับการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้

ฝ่ามือข้างแก้มเย็นชื้น....  สีหราชอยากจะยกมือขึ้นทาบฝ่ามือนั้นแล้วกอบกุมเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่น  เขาหลงลืมทุกสิ่งรอบกาย   อยากเปิดริมฝีปากเพื่อให้การแตะสัมผัสนี้กลายเป็นจูบที่แท้จริง  ใบหน้าเข้มคร้ามขยับเอียง  ออกแรงกดตอบริมฝีปากอุ่นร้อนของคนตรงหน้า  หากเพียงโน้มกาย....เจ้าของริมฝีปากนั้นพลันผละออก

แพรวพรรณจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาตื่นตะลึง  คล้ายกับกำลังมองเห็นสิ่งซึ่งไม่ควรเห็น  และเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น  เธอมาที่นี่เพราะได้ข่าวว่าคีตกาลกลับมาจากเมืองนอกแล้ว  และเธอ...อยากจะสารภาพรักกับเขา!   แต่นี่อะไร!  เธอรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก  ชั่วขณะกำลังจะเอ่ยปากฝากรักคีตกาลกลับทำให้ร่างกายเธอแข็งเป็นหิน  หัวใจบิดขมวดจนเจ็บปวดและตระหนกอย่างเหลือแสน

คีตกาลคว้าคอสีหาชมาจูบต่อหน้าต่อตาเธอ!

“ก็...เป็นอย่างที่เห็นนะครับ”  คีตกาลเอ่ยเสียงนุ่ม  ดวงตาคู่สวยวาววับจ้องมองแพรวพรรณแตกต่างไปจากเดิม  คล้ายเยาะหยัน  คล้ายกลั่นแกล้ง  และรู้สึกสมใจ  โดยไม่ทันรู้สึกว่าร่างสูงข้างกายกำลังมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหน  ด้วยความรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินประโยคนั้น

แพรวพรรณนิ่งอึ้ง  เบิกตามองคีตกาลคล้ายไม่เชื่อว่าชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาและอ่อนโยนจะกระทำแบบนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ   หากอยากจะปฏิเสธเธอก็สู้บอกออกมาตรงๆยังดีเสียกว่าการมาทำให้เธอรู้สึกเสียหน้ารุนแรงอย่างนี้   แพรวพรรณกำหมัดแน่นแล้วเชิดหน้าขึ้น

“ฉันก็แค่อยากจะบอกว่า ‘ฉันชอบคุณ’ ก็เท่านั้น!”  แล้วแพรวพรรณก็เชิดหน้าจากไปหลังจบประโยคด้วยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

“อ้าว?”  คีตกาลตกใจกับคำกล่าวนั้น 

คีตกาลกะพริบตาปริบ  ครู่หนึ่งก็ให้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อเข้าใจความหมายในประโยคของแพรวพรรณที่เอ่ยออกมา  นี่เขาเข้าใจผิดว่าแพรวพรรณจะสารภาพรักกับสีหราชอย่างนั้นหรือ?   แล้วก็หึงจนหักหน้าของหญิงสาวต่อหน้าผู้ชายอีกคน?

โธ่โว้ย!  ทำไมเขาถึงนิสัยแบบนี้นะ

“เอ่อ....”  คีตกาลมองตามหลังแพรวพรรณไป  พลันสะดุดกับร่างสูงซึ่งยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ข้างกาย   ใบหน้าเข้มคร้ามบัดนี้อึมครึมดูน่ากลัว   ดวงตาคมดุคู่นั้นจ้องเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อ

“...สิงห์  คือ...”  คีตกาลยกมือแตะแขนแกร่ง  อยากเอ่ยปากขอโทษหากแต่ไม่กล้า  ...จะอธิบายอย่างไรดีใบหน้าเคร่งขรึมนี้จึงจะคลายความกร้าวลง.....  ช่วงจังหวะที่ปลายนิ้วแตะสัมผัสแขนนั้นพลันสะบัดหนี

“อย่ามาแตะ!”

“!”

หลังเสียงทุ้มตะคอกใส่  ร่างสูงก็หันหลังลงเรือนไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้คีตกาลยืนนิ่งอยู่จุดเดิมด้วยความตกใจ  เขาคิดว่าสีหราชจะโกรธเหมือนอย่างครั้งที่เขาแกล้งให้ตกน้ำ...หากสิ่งที่ดวงตาคู่นั้นสะท้อนมาให้เห็นกลับเป็นอีกสิ่งหนึ่ง...  ซึ่งบีบรัดหัวใจของเขาจนแทบหายใจไม่ออก   

ลมหายใจสะดุดยามเมื่อร่างของสีหราชพ้นสายตา...








ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน  เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน
อยากวิ่งตามร่างสูงไปเพื่อขอโทษและอธิบายถึงการกระทำก่อนหน้านี้  อยากพูด  อยากบอกความรู้สึกซึ่งอัดแน่นอยู่ในใจนี้ให้รับรู้  หากสีหราชจะให้อภัยกันเขาคงดีใจมาก....และจะยิ่งดีใจมากขึ้นหากสีหราชรับฟัง....

“คุณคีย์ครับ!  คุณคีย์!”   คีตกาลหลุดจากภวังค์  เขาเดินไปยังบันไดหากคนร้องเรียกเขาโผล่พ้นขึ้นเรือนมาเสียก่อน  นายเขียวหน้าซีด  เหงื่อเต็มข้างขมับวิ่งเข้ามาหาคีตกาลอย่างร้อนรน

“มีอะไร?”

“แย่แล้วครับ  นายแย่แล้ว!”

“?”

“นายสิงห์ตกม้าครับ!”

“!”  สีหราชเคยโดนม้าพยศใส่  ได้แผลบ้าง เคล็ดขัดยอกบ้างบ่อยครั้ง  หากไม่มีครั้งไหนที่ลูกน้องจะวิ่งโวยวายตื่นตระหนกอย่างครั้งนี้  หัวใจของคีตกาลกระตุกวูบ












*********














แถม




“นี่   บอกมาซะดีๆนะว่าตอนนั้นทำไมนายใช้โทรศัพท์คุณศักดิ์โทร.มาหาฉัน?”

“เอ่อ...”

“อ้อ  แล้วชาญด้วย  ชาญก็ใช้เบอร์คุณศักดิ์โทร.มา”

“คือ....”

“วันนี้คุณศักดิ์หยุดงาน  ชาญก็หยุด  นายก็หายหน้าไปสอง-สามวัน....”

“....”

“พวกนายอยู่ด้วยกันเหรอ?”

“ก็....ทำนองนั้น”

“สามคน?”

“ใช่”

“....เดี๋ยวนะถ้าฉันรู้สึกไม่ผิดนายกับชาญคบกัน?   ตั้งแต่สมัยเรียน?”

“.......”  เงียบถือว่ายอมรับ  คีตกาลจ้องหน้าคนตัวโตแล้วเอ่ยต่อ

“แต่...นายก็เหมือนสนใจคุณศักดิ์ด้วย”

“ก็...ใช่”

“แล้วนายเอาชาญไปไว้ที่ไหน!”  คนรักเพื่อนโวยวาย

“ก็เอาไว้ที่เดิม”

“ไอ้คนเจ้าชู้!”

“เฮ้ย  ฟังก่อน!”

“....ว่ามา!”

“คืองี้...อันที่จริงแล้วคนเริ่มเรื่องอ่ะชายชาญต่างหาก”

“อะไรนะ?”

“คือฉันคบกับชาญน่ะเรื่องจริง  แล้วที่ชอบเจ้าแว่นก็เรื่องจริงเหมือนกัน”

“.....”  คีตกาลจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจหลังจบประโยคนั้น

“ฟังให้จบ  วุ้ย!”

“....”

“ฉันไม่ได้คิดจะนอกใจหรือเลิกนะโว้ย  แต่ชาญน่ะเหมือนจะจับความรู้สึกฉันได้ว่าสนใจเจ้าแว่นอยู่  แล้วเจ้าแว่นเองก็ดูเหมือนจะหวั่นไหวมาทางฉันด้วย”

“แล้ว?”

“แต่...เจ้าแว่นชอบนายมากกว่าไง”

“อ้าว?”

“ไม่อ้าวล่ะ  ชาญกลัวว่าจะไปสร้างปัญหาให้กับนายทีหลังเลยมาพูดกับฉันว่าอันที่จริง  ศักดิ์ก็เป็นคนดี  ถ้าทำให้เสียใจคงน่าสงสารแย่  นายต้องเห็นตอนหมอนั่นร้องไห้!  โอ้ย  น่าแกล้งเป็นบ้า!”

“.......”

“เอ่อ  โทษที   ต่อๆ  ... หมอนั่นก็ท่าทางสับสนคิดว่าตัวเองชอบนายแต่ก็ยังมาหวั่นไหวกับฉันอีกเลยไปออกงานเลี้ยง  กะจะหาแฟนสาวให้ได้สักคน  แต่นายลองคิดดูนะ  ถ้ามีหมอนั่นมีแฟนเพราะแค่ต้องการเป็นคนปกติผู้หญิงคนนั้นจะน่าสงสารแค่ไหน?  ฉันทนไม่ได้หรอกที่ต้องมาทนเห็นผู้หญิงดีๆร้องไห้...”

“อะแฮ่ม!”

“เออ!  ฉันเลยกะว่าจะจับมาหันหน้าคุยกัน  แต่หมากระเป๋ากลับวางแผนจับกดเสียนี่”

“ชาญเนี่ยนะ?”

“เออดิ  หมอนั่นรู้ว่าฉันติดใจเจ้าแว่นเลยจัดการทั้งล่อลวง ทั้งปลุกปั่นจนอ่อนยวบแล้วกดเลย”

“ใครกด?”

“หมากระเป๋ากดเจ้าแว่น”

“ห้ะ?”

“ฉันขนาบอีกข้าง”

“!”  โอ้ย  คีตกาลอยากจะเป็นลม  เขาแค่สงสัยนิดหน่อยไหงกลายเป็นต้องมานั่งฟังฉากเร่าร้อนของเพื่อนตัวเองแบบนี้ด้วย!  “หยุด! พอ!  ไม่ต้องเล่าแล้ว”

“เฮ้ย  ได้ไง?  นี่มาฟังต่อ  เจ้าแว่นตอนร้องไห้นะโว้ย  แม่งโคตรน่าฟัดมาก!  ขนาดชาญยังอดไม่ไหวอ่ะมึงคิดดู  ไหนจะแว่น  ไหนจะตาฉ่ำด้วยหยาดน้ำ  ปากแดงๆส่งเสียงสะอื้นไม่หยุด....”

“พอ!  ไม่เอา!  ไม่ฟัง!”

“เอ้า  ก็มึงถาม”

“ไม่เอาไม่อยากรู้แล้ว!”  คีตกาลยกมือขึ้นปิดหู

“เอาน่าฟังต่ออีกหน่อย  นี่นะ  ตอนฉันกับชาญกอดหมอนั่นพร้อมกันนะ....”

“ใครเขาอยากฟังเรื่อง 18 + ของพวกนายกัน!”

คีตกาลลุกขึ้นจะวิ่งหนี  อิ่มเอมก็คว้าแขนกลับมา  ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งกดให้นั่งติดเก้าอี้  พอปิดหูก็พูดเสียงดังขึ้นๆเรื่อยเหมือนกลัวเขาไม่ได้ยิน  แต่เขาไม่ได้อยากฟังเรื่องเล่าติดเรทเสียหน่อยนี่นา!
คีตกาลได้แต่ร้องโหยหวนอยู่ในใจ  พลางคิดว่าตัวเองพลาดไปแล้วที่ถามหาเอาความจริงกับผู้ชายอย่างอิ่มเอม


































TBC.








สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานเลย   ขอโทษที่มาช้านะคะ^^
ใครอ่านมาถึงตอนนี้คงหมั่นไส้พี่สิงห์มากอ่ะ  เอะอะงอน เอะอะโกรธคีตกาลอยู่ร่ำไป....  ฮา
คืออยากจะบอกว่าคราวก่อนน่ะเป็นแผนของสิงห์เขา  คราวนี้ต่างหากที่จี๊ดจริง!!
ก็นะเล่นจูบ เล่นหึงหวงจนออกนอกหน้าขนาดนั้น  หัวใจของใครเขาก็ฟูฟ่องน่ะซี่!

เหมือนปัญหายังไม่จบแต่เรื่องนี้ใกล้จบนา...
ฮา

เม้นท์บอกกันได้นะคะจะได้รู้ว่ามีสิ่งไหนที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไข

ปล.ลงเวรมา  มานั่งเกลาและแก้คำผิด  ตอนนี้ตาลายมาก  ง่วงขั้นสุด!

ด้วยรักและคิดถึง...

หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 16-03-2016 11:51:41
สิงห์งอนอะไรรรรร  :ling1:
เมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะหวานนนน จะดีกันแบบจริงๆสักที
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 16-03-2016 14:52:53
เราชอบเวลาคีย์หึงนะ โจ่งแจ้ง ชัดเจน ไม่คิดหน้าคิดหลังเลยด้วย 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 16-03-2016 15:04:50
มาแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 16-03-2016 15:22:35
 สิงห์ อะยอมๆคีย์หน่อยเด้ :hao3:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 16-03-2016 17:46:22
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 16-03-2016 18:06:51
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก สงสารคีย์ตอนนี้ทำอะไรสิงค์ก็งอลไปหมด 555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-03-2016 18:50:30
 :z1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 16-03-2016 19:43:25
สู้ๆน้านุ้งเพลง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-03-2016 21:20:17
โถ่สิงห์5555555555555 คีย์พอคิดว่าเป็นเมียแล้วออกตัวแรงนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 17-03-2016 00:22:21
โถ่.. พีสิงโตนี่นะ น่าตีจริงๆเลย เชอะะะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 17-03-2016 00:55:22
ไม่มีอะไรต้องปรับ แค่ส่งพี่สิงห์มาเป็นส่วยก็พอ 5555555

อ่านจบต้องบอกว่า ค้าง มาก ค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-03-2016 03:35:10
ตามอ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว สนุกมากๆเลยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-03-2016 08:12:30
 :katai2-1:   ชอบบบบบ สิงห์ อย่าเล่นตัว  แกล้งคีย์มากนะ เดี๋ยวคีย์ เสียใจ น้อยใจ  :mew6: รู้ว่าคีย์รัก แล้วไม่ใช่หรือ 

ไร้ท แต่งเก่งมากกกก  ชอบบบบบ  :katai2-1: :mew1: :pig4::pig4::pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2016 10:14:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-03-2016 19:56:05
สิงห์ขี้งอนมากก ต้องให้ง้อกันนานแค่ไหนเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-03-2016 21:48:21
บางทีสิงห์ก็แกล้งโกรธได้เหมือนจริงมาก บอกตรงๆ บั่นทอนความรู้สึกอ่ะ ถ้าเราเป็นคีย์คงตัดใจไปละ
ขยับตัวทำอะไรก็ผิดหมดแบบนี้อึดอัดนะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-03-2016 14:57:30
ตามอ่านทันแล้ว เพลงตามง้อสิงห์ให้ได้น้า
ส่วนคู่3Pนี่แซ่บเว่อร์ รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 30-03-2016 17:24:15
ขออนุญาตทำสารบัญให้นะ  :L2:


บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3039149#msg3039149)
ลมพัดครั้งที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3040325#msg3040325)
ลมพัดครั้งที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3060883#msg3060883)
ลมพัดครั้งที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3075746#msg3075746)
ลมพัดครั้งที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3089376#msg3089376)
ลมพัดครั้งที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3096974#msg3096974)
ลมพัดครั้งที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3112881#msg3112881)
ตอนพิเศษ ต้นลมที่เราพบกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3130383#msg3130383)
ลมพัดครั้งที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3141548#msg3141548)
ลมพัดครั้งที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3151488#msg3151488)
ลมพัดครั้งที่ 8 ...เมื่อสายลมแผ่วพัดมา... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3162090#msg3162090)
ลมพัดครั้งที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3188655#msg3188655)
ลมพัดครั้งที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3210322#msg3210322)
ตอนพิเศษ วันลอยอังคาร เอ้ย วันลอยกระทง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3241553#msg3241553)
ตอนพิเศษ ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3250032#msg3250032)
ลมพัดครั้งที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3262362#msg3262362)
ลมพัดครั้งที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3280844#msg3280844)
ลมพัดครั้งที่ 12 เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3311644#msg3311644)
ลมพัดครั้งที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.msg3333716#msg3333716)

To be continued...
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 30-03-2016 18:40:58
 :call: จงมา  :call: จงมา
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 01-04-2016 11:13:08
คิดถึง น้องเพลงกับภรรยาจังเลย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่ 13 [16/3/59] หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 05-04-2016 15:52:22
ขอให้รักพัดหวน








‘พ่อครับ  ถ้ามีเวลาพ่อบินมาหาเพลงบ้างก็ดีนะครับ’

‘มีอะไรหรือ?’  เขาเอ่ยถามชายชาญเพื่อนของบุตรชายที่ไปเรียนต่อด้วยกัน   หลังคีตกาลเลิกกับ
สีหราชได้เขานั้นดีใจนักหนา  พอรับปริญญาเสร็จก็เข้ามาขอไปเรียนต่อต่างประเทศ  เขาเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ลูกชายจะได้ห่างจากสีหราชจึงอนุญาตอย่างไม่ลังเลแม้จะเห็นว่าคีตกาลคล้ายจะซึมเศร้าหลังการเลิกรานั้นก็ตาม  เพราะเขามัวแต่ดีใจจึงมองข้ามผ่าน   คิดเพียงว่า  อนาคตข้างหน้าคีตกาลคงดีขึ้น...   หากแต่น้ำเสียงเป็นกังวลของชายชาญในวันนี้คงเป็นคำตอบว่า  สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่เป็นจริง

‘เพลง.... นอนร้องไห้ทุกวัน’

‘……….’  ถ้อยคำที่ราวกับคมมีดกรีดใจ

ทำไมคีตกาลจึงเลิกกับสีหราชเขาไม่เคยคิดหาคำตอบ  ขอเพียงแค่ว่าลูกชายของเขากลับมา ‘ปกติ’ ได้คงดีที่สุด  แต่นี่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด    คุณพีรพลยกมือขึ้นกุมหน้าอก  อาการเจ็บแปลบแล่นขึ้นหลังวางหูโทรศัพท์   แม้จะดีขึ้นมากหลังการผ่าตัดหากยังมีอาการบ้างบางเวลามีเรื่องเครียดรุมเร้าซึ่งคงต้องรักษากันต่อไป  แต่อย่างไรคงไม่สำคัญเท่ากับบุตรชายในเวลานี้
หรือเขาจะคิดผิด?
แล้วทำไมคีตกาลจึงเลิกกับสีหราชเล่า  ในเมื่อเขาไม่เคยเอ่ยปากคัดค้านการคบกันครั้งนี้?



********



“มึงยังคิดจะถามหาข่าวคราว?  กูไม่บอก! ในเมื่อมึงไปแล้วก็ให้ตัดขาดจากกันเหมือนตายจากไปซะ!”  สุ่มเสียงโกรธเกรี้ยวตะโกนผ่านทางโทรศัพท์ทางไกล  ชายชาญยกมือปิดหูกับเสียงดังนั้น  หากคีตกาลเพียงนั่งนิ่งฟังไม่ตอบโต้   เขาขอให้ชายชาญโทรศัพท์หาอิ่มเอมแล้วถามข่าวของสีหราชแต่นึกไม่ถึงว่าเพื่อนจะวิดีโอคอลคุยแทน   ดังนั้นเขาจึงเห็นสีหน้าถมึงทึงของอิ่มเอมชัดเจน  ถ้อยคำต่อว่า  บ้างด่ากราดอย่างเจ็บแค้น   เขาก็เพียงแค่รับฟังเพราะเขาผิดจริงจึงไม่ตอบโต้   

ครั้นอิ่มเอมเห็นว่าอีกฝ่ายไม่โต้กลับจึงเงียบเสียงลงอย่างขัดใจ  ถึงแม้จะโกรธคีตกาลมากแค่ไหนแต่อีกฝ่ายคือเพื่อนรักของชายชาญ  เขาจะพูดร้ายๆใส่ก็ได้ไม่เต็มที่เพราะเกรงใจคนตัวเล็ก

“มันยังไม่ตายหรอก!”

“....แล้วสบายดีไหม?”

“มึงคิดว่ามันจะสบายดีไหมล่ะ!”  แล้วก็โมโหอีกครั้ง 

“.......”

“โลกทั้งใบของมันหายไปแล้วมึงคิดว่ามันจะเป็นยังไง!”

“....ขอโทษ”... หยาดน้ำร่วงหล่นเมื่อได้ฟังคำนั้น  คีตกาลยกมือขึ้นปิดหน้า  พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“มึงอย่ามาพูดคำนี้กับกู!”  อิ่มเอมส่งเสียงลอดไรฟัน  เขามองคีตกาลปิดหน้าสะอื้นผ่านจอมือถือ  กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายสักนิด  คนที่เจ็บปวดเป็นเพื่อนของเขามากกว่า!

สีหราชที่เคยเข้มแข็งกลับกลายเป็นอ่อนแอ  หลังเรียนจบงานการก็ไม่คิดจะหาทำ  วันๆเอาแต่เมาเหล้า...บางครั้งก็นั่งเหม่อ  ...และร้องไห้...  เขาที่เห็นเพื่อนทุกข์ขนาดนี้ยังจะให้อภัยได้หรือ?  สีหราชเคยผ่านอะไรมาใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่รู้  ทั้งเขาทั้งคีตกาลต่างรู้ดีว่าสีหราชถูกทอดทิ้งมาทั้งชีวิต   ได้มาเจอแสงสว่างเดียวคือคีตกาลแล้วก็ยึดถือ  คาดหวังว่าจะไม่ห่างหายไปไหน...กลับกลายเป็นร้างลา...คิดว่าคนที่สูญเสียมาทั้งชีวิตจะรับได้?   ไม่เสียใจจนเป็นบ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว!

“ขอโทษ.... ขอโทษ...”







********





“ตาสิงห์?”  คุณยุวดีสั่งหยุดรถซึ่งกำลังเลี้ยวเข้าบ้านเมื่อเหลือบเห็นเงาคุ้นตาของเด็กหนุ่มร่างสูงตรงหน้าถนนฝั่งตรงข้ามประตูบ้าน   เธอลงจากรถแล้วบอกคนรถไม่ต้องรอ    คุณยุวดีก้าวมาหาร่างสูงแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้

ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยดูเย็นชามาดมั่นมาบัดนี้กลับซีดเผือด  ดวงตาแห้งผากหากยังสั่นระริกไหวด้วยความหวังบางอย่าง  ริมฝีปากหยักบางแห้งแตก   แก้มกร้านซูบตอบ  ไรหนวดเขียวครึ้มเนื่องจากเจ้าของไม่ใส่ใจจะตัดจะโกน

“กินข้าวมาหรือยัง?”  เป็นคำถามซ้ำๆที่เธอถามมาตลอดเกือบหนึ่งเดือนมานี้  ทุกๆวัน...สีหราชจะมายืนมองเงียบๆ  ไม่เอ่ยทัก  ไม่ขอเข้าบ้าน  ไม่เอ่ยถามหา...ถึงคีตกาล   เพียงแค่ยืนเงียบๆ  กัดริมฝีปากแน่นจ้องมองไปยังส่วนที่เป็นห้องนอนของคีตกาล...เพียงเท่านั้น

“....”  เขาเพียงส่ายไปมาเป็นคำตอบ

“เข้ามาในบ้านก่อนเถอะ”

“.....”  เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง

“ฉันขอล่ะ  เข้ามาดื่มน้ำสักแก้วก็ยังดี”  คุณยุวดีเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง  ความสงสารแล่นจับหัวใจให้เธอแทบหลั่งน้ำตา   สีหราชคนที่เธอรู้จักมักจะเข้มแข็ง  ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน  พูดน้อยแต่ยิ้มเก่งหากวันนี้ทุกสิ่งกลับตรงกันข้ามไปหมด

ร่างสูงนิ่งขึ้งก่อนจะสาวเท้าตามคุณยุวดีเข้าไปในบ้าน   จิต  เด็กสาวใช้ในบ้านเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนคุ้นเคยหากสภาพไม่เหมือนเดิมเดินเข้ามาในบ้าน  จนคุณยุวดีต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปเอาน้ำออกมารับแขก

“สิงห์มีอะไรอยากจะถามน้าบ้างไหม?”

“.......”  เด็กหนุ่มนิ่ง  แล้วส่ายหน้า

“แต่น้าอยากจะถาม”

“?”  สีหราชเงยหน้าขึ้นมอง  ครั้นสบตาคนสูงวัยกว่าก็ก้มหลบสายตา

“ทำไมถึงเลิกกัน?”

“.........”

“เลิกกันเพราะอะไรในเมื่อ....”  คำพูดขาดห้วงไม่กล้าเอ่ยต่อ  ดวงตาแห้งผากของสีหราชนั้นบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

“...ผมเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน”

“?”

“ว่าเพราะอะไรเราถึงต้องเลิกกัน”

“เอ๊ะ?”  คุณยุวดีเลิกคิ้วแปลกใจกับคำกล่าวนั้น  ในเมื่อการคบหากันของคีตกาลและสีหราชพวกเธอไม่ได้ขัดขวาง  การเลิกรากันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่าง   หากแต่บุตรชายของเธอไม่ยอมบอก  คราวนั้นเธอไม่ได้คาดคั้นหากเพราะอาการแสดงของสีหราชที่เห็นในวันนี้ทำให้เธออดใจไม่ไหวต้องเอ่ยปากในที่สุด  แต่นึกไม่ถึงว่าคำตอบนี้...แม้แต่สีหราชก็ยังไม่รู้

“คุณยุ”

“อ้าว คุณพี?”   คุณยุวดีเอ่ยทักสามี  เธอนึกว่าวันนี้อีกฝ่ายจะกลับค่ำเสียอีก  ไม่คิดว่าจะอยู่บ้าน    คุณพีรพลเหลือบสายตามองเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามภรรยา  เมื่อครู่เขาได้ยินบทสนทนาแล้ว   เขาเอ่ยขัดเมื่อเห็นจิตเดินยกจานผลไม้เข้ามา

“ตาสิงห์  ขึ้นไปคุยกับฉันที่ห้องหนังสือหน่อยได้ไหม?”

“ครับ”  เด็กหนุ่มตอบรับหลังยกมือไหว้
.
.
.




“ฉันไม่คิดว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็หาคำตอบเหมือนกัน”

“?”

“ฉันไม่รู้ว่าเธอกับตาเพลงเลิกกันด้วยสาเหตุอะไร  แต่ยอมรับนะว่าตอนนั้นฉันดีใจ”

“....”

“ดีใจที่เธอสองคนเลิกกัน  ฉันคิดว่าอีกหน่อยเพลงคงกลับมาเหมือน ‘ปกติ’ ได้ในไม่ช้า   ฉันไม่ได้คิดเลยว่าหลังจากนั้นความรู้สึกของเธอจะเป็นยังไง  ฉันมองแค่ลูกชายของตัวเอง”  สีหราชยิ้มขื่น  เขาเหลือบสายตาขึ้นมองคุณพีรพล  ริมฝีปากหยักเม้มแน่น  ครู่หนึ่งค่อยพรูลมหายใจออก

“ไม่แปลกนี่ครับ  ลูกใครใครก็รัก  มองอนาคตของลูกตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ”

“ฉัน...”

“ส่วนผมนอกจากความรู้สึกของตัวเองแล้ว  ในโลกนี้ก็มีเพียงแค่เพลงเท่านั้นที่ผมใส่ใจ”

“.....”

“ผมรัก   เพราะเพลงคือแสงสว่างแรกที่เข้ามาในชีวิตผม  ในวันเวลาที่มืดมิดเพลงทำให้ผมมองเห็นอนาคต   แต่ตอนนี้ผมกลับมองมันไม่เจออีกแล้ว”  เสียงทุ้มสั่นเครือเพราะเจ้าตัวพยายามกลั้นสะอื้น  สุดท้ายหยาดน้ำตาก็รินอาบแก้มกร้านให้คนมองสะท้อนใจ  “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเลิกกันเพราะอะไร”   คุณพีรพลหันหลังให้เด็กหนุ่ม  เขาแอบยกมือขึ้นปาดน้ำตาเงียบๆแล้วนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน

“เพลงเองก็ไม่เคยบอกฉัน”  คุณพีรพลถอนหายใจ  ยิ่งนึกถึงถ้อยคำที่ชายชาญโทรศัพท์มาบอกเมื่อคืนวานเขายิ่งทุกข์ใจ  มือหยาบกร้านเผลอดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานออก  เขาจ้องมองซองสีน้ำตาลที่วางนิ่งอยู่ในนั้น  ครู่หนึ่งจึงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแล้วหยิบมันขึ้นมา

ซองสีน้ำตาลไม่เขียนข้อความ  หากเขาจำได้ว่าตัวเองปิดผนึกกาวแล้วเรียบร้อย  หากวันนี้มันกลับถูกแกะออก...   คุณพีรพลล้วงเอากระดาษในซองออกมาแล้วครุ่นคิด   นี่คือผลตรวจร่างกายครั้งแรกของเขา  วันนั้นผลถูกส่งมาที่บ้านหลังการตรวจร่างกายประจำปี  บอกว่าเขามีโรคหัวใจ  เขายังหัวเราะด้วยซ้ำเพราะไม่เคยมีอาการแสดงอะไร  เขาทากาวปิดผนึกเพราะไม่อยากให้คนอื่นๆเห็นแล้ววิตกกังวล  ไม่คาดว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันเขากลับแสดงอาการกำเริบถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาล  และวันนั้น...คีตกาลก็เป็นคนนำเขาส่งโรงพยาบาล!

หรือว่าลูกชายเขาจะรู้?

หลังจากนั้นเขาอ้างกับบุตรชายว่าจะไปดูงานต่างประเทศหากแต่ความจริงคือการแอบไปผ่าตัดทำบอลลูนโดยไม่ให้คีตกาลรู้    พอเขากลับมาคีตกาลก็เลิกกับสีหราชแล้ว   เขาดีใจจนไม่ได้มองความรู้สึกของเด็กทั้งสองคน...

“ตอนนี้เหมือนฉันคิดว่ารู้คำตอบนั้นแล้ว”

“?”

คุณพีรพลยื่นซองสีน้ำตาลนั่นส่งให้สีหราช  เขารับไปเปิดอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย  ใบหน้าหล่อเหลาดูสับสนคล้ายกำลังมองหาเหตุผลมารองรับคำพูดนั้น  คีตกาลเลิกกับเขาเพราะบิดาป่วย?

“วันนั้นฉันเผลอพูดออกไปว่าอยากเห็นเขาเป็นผู้ชายปกติธรรมดา  แต่งงานมีลูก”

“.......”  ดวงตาแห้งผากนั้นจ้องมองคุณพีรพลด้วยความรู้สึกหลากหลาย  หนึ่งในนั้นคือการตัดพ้อ    ริมฝีปากหยักเม้มแน่นหากยังสั่นระริก  “ความรักของเราคงผิดมาก...”

“ฉันขอโทษ”  คุณพีรพลจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า  เอ่ยขอโทษจากใจจริง  ยิ่งเห็นหยาดน้ำคลอหน่วยในดวงตาคู่นั้นเขายิ่งรู้สึกผิด

“ไม่...”  สีหราชส่ายหน้า  “คุณน้าไม่ผิดหรอกหรอกครับ  ความรักของผมต่างหากที่ผิด  มันผิดปกติ”

“พอเถอะสิงห์!  แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว!  ทั้งเธอทั้งเพลงมีใครบ้างที่มีความสุขกับการเลิกกันครั้งนี้!”

“ลูกชายคุณไง...”

“ไม่ใช่!     ฉันไม่ได้อยากจะพูดให้เธอเห็นใจ  แค่...ฉันคิดว่าเพลงเองก็คงไม่ต่างจากเธอ”

“....”

“เธอไป....กับฉันหน่อยได้ไหม?”

“?”

“ไปหาเพลงกัน”

“ไม่   ผม...”

“ฉันอยากให้เธอได้เห็น”  ไม่รอให้สีหราชเอ่ยจบประโยคคุณพีรพลก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน  เด็กหนุ่มจ้องมองสบตากับคนสูงวัยกว่าอย่างค้นหา   “ให้เธอไปเห็นเพลงก่อน  แล้วค่อยตัดสินใจหลังจากนี้”

“......”


.
.
.





หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์สีหราชและคุณพีรพลก็นั่งเครื่องไปยังที่ที่คีตกาลอยู่   คุณพีรพลบอกให้ชายชาญปิดเรื่องที่เขาและสีหราชไปหา  ไม่อยากให้คีตกาลสร้างภาพสร้างกำแพงขึ้นมาบังหน้าเขาทั้งสอง   ตอนที่ไปถึงนั้นเย็นมากแล้ว  คุณพีรพลจัดการเรื่องห้องพักเสร็จจึงไปพบกับชายชาญตามนัด  อีกฝ่ายตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสีหราช  หากเพียงครู่เดียวก็ยกยิ้มดีใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา   ชายชาญพาทั้งสองคนไปทานอาหาร  รอจนค่อนข้างดึกจึงพาไปยังห้องพักของเขากับคีตกาล

ทั่วทั้งห้องมืดสนิท  มีเพียงแสงสว่างลอดบานประตูออกมาจากห้องห้องหนึ่ง  ชายชาญพยักเพยิดไปทางห้องนั้น  ก่อนจะค่อยๆย่างเท้าแผ่วเบาไปเปิดประตู

บนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งมีร่างของคีตกาลนอนตะแคงอยู่  ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดหน้าดูซูบตอบลงไปอย่างเห็นได้ชัด  ดวงตาหลับพริ้มหากยังคงมองเห็นคราบน้ำบนแพขนตาที่ปิดสนิทนั้น  ริมฝีปากอิ่มน้ำดูซีดเซียว  ร่างโปร่งขดตัวลงเหลือนิดเดียวจากความผ่ายผอม  ในมือขาวมีรูปใบหนึ่งซึ่งยังคงกำเอาไว้แน่นแม้ยามหลับตา

เป็นรูปของสีหราช....

คุณพีรพลยกมือขึ้นปิดปากกับสภาพของบุตรชาย  เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันหน้าออกไปทางประตูหากไม่ได้เดินจากไป   ตรงข้ามกับสีหราช  ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นด้วยฝีเท้าแผ่วเบา  เชื่องช้า... ไม่กล้ารบกวนทั้งๆที่อยากจะคว้าร่างตรงหน้าเข้ามากอดให้หายคิดถึง   อยากจูบซับน้ำตา  อยากแต้มจูบลงบนริมฝีปากคู่นั้น  แล้วกระซิบว่าคิดถึง

คิดถึงเหลือเกิน....

ถ้าการเลิกกันทำให้เจ็บปวดขนาดนี้  ทำไมต้องหันหลังจากกันมา? ขนาดหลับยังสะอื้น?

มือใหญ่ที่กำลังยกขึ้นหมายแตะแก้มขาวชะงักค้างก่อนค่อยปล่อยลงข้างตัว  สีหราชนั่งนิ่ง  เขาจ้องมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน  หัวใจที่เจ็บร้าว...ค่อยทุเลาเบาบางลง  ความปวดระบมตรงอกซ้ายเจือจางลงให้หายใจได้คล่องขึ้น  ใบหน้าหล่อเหลาดูผ่อนคลาย  เขาไล่สายตา..จับจ้องตั้งแต่ปลายผมจนถึงปลายเท้าของคีตกาล  ซึมซับความคิดถึงนั้นจนเต็มอิ่ม 

คืนต่อมาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น..









สีหราชมาส่งคุณพีรพลขึ้นเครื่อง  เขาตัดสินใจอยู่ต่ออีกสองอาทิตย์และคุณพีรพลเองก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่  หลังจากนี้หากสีหราชตัดสินใจอย่างไรเขาก็จะไม่คัดค้าน 

ทุกๆวัน  คีตกาลมักจะนั่งเหม่อเหม่อตรงร้านกาแฟมุมถนน  คล้ายจ้องมองผู้คนซึ่งเดินผ่านไปมา  หากเขารู้ว่าสายตานั้นไม่จับจ้องอยู่ที่ใดเลย  ครั้นถึงเวลาเข้าเรียนเข้าก็เข้าตามเวลา  จากนั้นก็กลับห้อง  นั่งอยู่ริมหน้าต่างมองผู้คนบนท้องถนน  บางคืนร้องไห้  บางคืนหลับได้โดยไม่มีน้ำตา 

มีคนเข้าหาหากสุดท้ายก็ท้อถอยกลับไปจากความเย็นชา  ไม่พูดคุยต่อบทสนทนา  มีเพียงแค่ยิ้มมุมปากและอาการนิ่งเฉย  กระนั้นก็ยังมีผู้หญิงอยู่หนึ่งคนที่ไม่เคยยอมแพ้  เธอชื่อว่าแม็กกี้

“ฉันไม่ได้มาจีบเธอสักหน่อย  อย่าเฉยชานักเลยน่า!”  ท่าทางแข็งกร้าวของหญิงสาวทำเอาคีตกาลกระพริบตาปริบก่อนจะยิ้มกว้างให้เจ้าหล่อน  เป็นรอยยิ้มแรกที่เขายิ้มจากใจ
.
.
.


“เฮ้! ยูน่ะ มาด้อมๆมองๆไอกับเพื่อนทำไม?”  มือขาวตะปบลงบนบ่ากว้างให้ร่างสูงสะดุ้งตกใจ
 สีหราชหันมามองหญิงสาว  ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้เขาเห็นอยู่กับคีตกาลบ่อยๆ

“?”

“เป็น Stalker รึไง?”  ถามพร้อมออกแรงบีบหนักมือ  “หืม?  ยูหล่อจัง!”

“....”  สีหราชขมวดคิ้วใส่

“ว้าว  ยิ่งทำหน้าดุยิ่งหล่อแหะ  มาเป็นแฟนไอเถอะ”

“ไม่!”

“....ทำไมล่ะ?  ไอเห็นยูตามติดมาหลายวันแล้วนะ อย่าคิดว่าไอไม่ห็น”  แม็กกี้ยกนิ้วแตะคางพลางส่งสายตาเย้ายวน

“....”  สีหราชหรุบสายตามองหญิงสาวพลางถอนหายใจ  แล้วหันหลังไม่สนใจหล่อนอีก

“ไม่เอาน่าไม่ต้องเขิน”  ว่าแล้วก็แตะแขนแกร่งทีหนึ่งคล้ายหยั่งเชิง

“อย่ามายุ่ง!”

“อะไรกันเล่า  ยูมาตามไอเองนะ!”

“ฉันไม่ได้ตามเธอ!”  สีหราชปัดแขนหล่อนออกอย่างไม่ใส่ใจ

“?” แม็กกี้กระพริบตามองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายแล้วเบ้หน้าก่อนจะสะดุดใจกับท่าทางของอีกฝ่าย  “อ้อ~”  หญิงสาวชะโงกหน้าข้ามไหล่สีหราชไปมองแล้วเลิกคิ้ว  “ยูชอบเพื่อนไอนี่เอง”

“...ไม่ได้ชอบ”

“?”

“แต่รักต่างหาก”

“!”  แม็กกี้จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจและค้นหา  เธอรู้มาว่าชาวเอเชียนั้นต่างจากพวกเธอ  ที่มักจะพูดคำว่ารักออกมาง่ายๆ  สังคมของเธอหากจะเอ่ยปากว่ารัก  นั่นหมายความว่า  มั่นใจในอีกฝ่ายให้เป็นคู่ชีวิต  แต่ผู้ชายตรงหน้าเธอ... สีหน้าจริงจัง  แววตาจริงใจ  ไม่มีท่าทีล้อเล่นหรือโกหกสักนิด

แต่จะเชื่อได้หรือ?

“เขาคือความรักของผม”  ดวงตาคู่นั้นจับจ้องยังร่างของคีตกาล  ฝากแฝงความรักอย่างที่แม็กกี้ไม่เคยเห็น  มันทั้งเจ็บปวด  รอคอย  คาดหวัง...

“...ยูชื่ออะไร?”

“สิงห์”

“!”  ชื่อนี้เธอเคยได้ยินคนตัวเล็กเพื่อนของคีตกาลพูดถึง  ชื่อนี้ที่หลุดออกมาจากปากคีตกาลยามเผลอ  หรือแม้กระทั่งยามหลับแล้วละเมอออกมา    แม็กกี้ยกยิ้มมุมปาก  “อ้อ  แฟนเก่าของคีย์”

“?”  สีหราชขมวดคิ้ว   น้ำเสียงเยาะหยันของหญิงสาวทำให้เขาไม่สบอารมณ์

“แล้วไง?  ยูจะมาตามคีย์กลับคืนหรือไง?”

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

“ยู!”

“อย่ามายุ่ง!”

“พูดแบบนี้เดี๋ยวแม่ก็ยุให้คีย์มีแฟนใหม่ซะหรอก!”  จบคำดวงตาดุดันของสีหราชก็จับจ้องหญิงสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“อย่า-แม้-แต่-จะ-คิด!”

“.....ไอล้อเล่นหรอกน่า!

“....”

“แล้วยูคิดว่าคีย์จะกลับไปรักยูอีกหรือไง?”  หญิงสาวยกแขนขึ้นกอดตัวเอง  ป้องกันตัวเองจากสายตาราวกับเสือคู่นั้น

“เธอจะช่วยฉัน”

“ห้ะ?”

“เธอจะช่วยฉันใช่ไหม?  ให้คีตกาลกลับไปที่เก่า”

“?”

“ช่วยฉันเอาความรักกลับมา”

“....”  แม็กกี้ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว  ยามเมื่อร่างสูงของสีหราชเอื้อนเอ่ย  เขาสาวเท้าเข้าหาหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม

“ใช่ไหมแม็กกี้?”

“!”  เขารู้ชื่อเธอ!



.
.
.



สีหราชกลับมากรุงเทพหลังทำสิ่งที่ตั้งใจเสร็จสิ้น  เขาตัดสินใจละทิ้งขวดเหล้า  เอาเงินไปซื้อล๊อตตารี่เพื่อช่วยยายคนหนึ่งด้วยความสงสารแต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกล๊อตตารี่ชุดใหญ่เข้าให้  โชคดีที่เขากำพร้าเลยไม่มีญาติฝ่ายไหนมาขอส่วนแบ่ง  เขาจัดสรรเงินไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เติบโตมาและมูลนิธิอื่นๆอีกหลายแห่ง   เข้าไปปรึกษาคุณพีรพลเรื่องการลงทุน  คำแนะนำคือทำสิ่งที่ตัวเองชอบ  และสามารถเติบโตได้ในวันข้างหน้า  มีตลาดรองรับ  ขยายตัวได้ในวงกว้าง  แล้วประโยคหนึ่งของคีตกาลก็วาบเข้ามาในหัวตอนที่เขาเห็นรายการแข่งม้าในทีวีที่คุณพีรพลกำลังดูอยู่

เขาจำ ‘พี่คราม’  แห่งฟาร์มม้า ฟ้าคราม ที่เขากับคีตกาลเคยไปเที่ยวพร้อมญาติผู้พี่ได้  เขาจึงเข้าไปทักทาย  แม้อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้เพราะเจอกันแค่ครั้งเดียวแต่เพราะคุยกันถูกคอจึงได้รับความเอ็นดูราวกับน้องชาย   ‘พี่คราม’  สอนเขาทุกอย่างตั้งแต่การดูพันธ์ม้า  ซึ่งตรงนี้เขาบอกว่าค่อยๆศึกษาต่อไปได้  สิ่งที่เขาสอนคือการหาทุน  การตั้งฟาร์ม  ระเบียบการและการจัดหาพ่อพันธ์แม่พันธ์  แหล่งซื้อขาย  แหล่งธุรกิจต่างๆ   สีหราชตั้งใจมากเขาไป-มาหาสู่กับไร่ฟ้าครามบ่อยแทบทุกอาทิตย์  หากไม่นานจากนั้นเมื่อเขากลับไปอีกครั้งที่นั่นกลับถูกเผาจนแทบไม่เหลืออะไรเลย  ‘พี่คราม’ เองก็หายตัวไป

หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆก่อร่างสร้างตัวโดยมีคุณพีรพลคอยให้เขาปรึกษา   คุณยุวดีเองก็มาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง   แล้วเขาก็เริ่มตามหาคนเก่าแก่ซึ่งเคยดูแลเขาเมื่อยังเด็กให้กลับมา  ป้าแช่ม   เหลือเพียงแค่ป้าแช่มคนเดียว  นอกนั้นก็ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว   เขาย้ายอัฐิของพ่อกับแม่มาไว้ใกล้บ้านเพื่อที่จะสะดวกไปหา

เมื่อทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างเขาก็เพียงแค่รอ...

รอให้คีตกาลกลับมา...



กลับมาเพื่อให้เขาเอารักคืน...

...ให้รักพัดหวนคืนสู่ใจ...
























แถม


ป๊อก!  ป๊อก!

เสียงกระทบตรงหน้าต่างห้องนอนทำให้สีหราชสะดุ้งตื่น  เขาควานหาปืนใต้หมอนแล้วคว้าไฟฉาย  ค่อยๆก้าวเท้าไปยังหน้าต่าง  มือปลดล๊อคกลอนแผ่วเบาแล้วเปิดผลัวะออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมไฟฉายและปลายกระบอกปืนที่จ่อลงไป

“สิงห์!”

“พี่คราม!”  สีหราชลดปืนลงแล้วกวาดแสงไฟส่องคนด้านล่าง  เห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่คุ้นตา  เขาจำอีกฝ่ายได้เพราะเสียงทุ้มน่าฟังนั้น  ร่างสูงเดินไปเปิดประตูพาอีกฝ่ายขึ้นเรือน

สีหราชกวาดสายตามองร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้า  หลังจากพี่ครามดื่มน้ำหมดแก้วแล้วเขาจึงเอ่ยปากถาม

“พี่หายไปไหนมา?  ผมกลับไปหาพี่ที่ฟาร์ม   ที่นั่น...ไม่เหลืออะไรเลย”

“.......”  ใบหน้าเข้มคร้ามดุดันยามเมื่อนึกถึงสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนั้น  ชายหนุ่มขบกรานแน่นจนขึ้นสันนูน  มือใหญ่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าในเนื้อ  ความโกรธแค้นแล่นริ้วจนสีหราชสัมผัสได้

“พี่...”

“เขาหักหลังฉัน!”

“?”   สีหราชหรี่ตาลง  พี่ครามนั้นมีญาติผู้ใหญ่เหลือเพียงคนเดียวคือลุงเข้ม  จากที่เขาคลุกคลีลุงเข้มไม่น่าจะเป็นคนร้ายกาจถึงขั้นหักหลังอีกฝ่ายได้  แล้วใครกันเล่า?

“นายคิดไม่ออกใช่ไหมว่าใคร?”  พี่ครามแค่นยิ้ม  เขามองหน้าคนที่เปรียบเสมือนน้องชาย

“?”

“คนที่อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าคนนั้นไง”

“!”  สีหราชเบิกตากว้าง  เขาจำได้ว่าพี่ครามมีคนรักอยู่คนหนึ่ง  เป็นใครสักคนที่คีตกาลรู้จักคุ้นเคย  หากเขาจำชื่ออีกฝ่ายไม่ได้และตอนนี้เขาไม่กล้าถามพี่ครามว่าคนคนนั้นชื่ออะไร

สีหราชเหลือบมองแขนซ้ายของพี่คราม  รอยแผลไหม้เหวอะหวะเริ่มแห้งตกสะเก็ดนั้นกินบริเวณกว้างตั้งแต่เหนือข้อศอกจนถึงต้นแขนเลยเข้าไปใต้แขนเสื้อ   พี่ครามเหมือนรู้ถึงสายตาของเขา  ริมฝีปากบางเฉียบคู่นั้นยกยิ้มขื่นแล้วถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก

เฮือก!

สีหราชเบิกตากว้างอย่างตกใจ  ไม่ใช่แค่แขนซ้าย หากแต่แผ่นหลังกว้างของพี่ครามเองก็มีรอยแผลไฟไหม้เต็มแผ่นหลัง!  นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?  ทำไมคนรักของพี่ครามถึงหักหลัง  ฟาร์มฟ้าครามแห่งนั้นมอดไหม้ไม่เหลือสิ่งใด  ดังคำว่า ‘โจรปล้นสิบครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว’ ตอนนี้คนตรงหน้าเขาไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้ว...นอกจากความแค้นที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“พี่   ยังเจ็บอยู่ไหม?”  เขาเอื้อมมือหมายจะแตะ  หากพี่ครามกลับเบี่ยงตัวหนี

“อย่าจับเลย”

“....”

“ตอนนี้ที่เจ็บกว่าคือหัวใจ”  รอยยิ้มบิดเบี้ยวเมื่อเอ่ย

“ผมช่วยอะไรพี่ได้บ้าง?”

“...พี่  ขอแค่ฝากเจ้าตัวน้อยไว้กับสิงห์เท่านั้น”

“เจ้าตัวน้อย?”

“อืม  เหลืออยู่แค่สองตัว”


พี่ครามพาเขาไปยังนอกเขตไร่  รถกระบะเก่าคันหนึ่งจอดอยู่  มีกรงสูงล้อมผ้าใบเอาไว้  เสียงฟืดฟาดด้านในทำให้สีหราชหันมามองหน้าพี่คราม   ร่างสูงเปิดผ้าครามออกเผยให้เห็นลูกม้าสองตัวอยู่ในนั้น

“ลูกม้า?”

“อืม  เจ้าสีนิลกับสีหมอกน่ะ  สองตัวสุดท้ายของฟาร์มฟ้าครามที่เหลือรอด”

“......”

“ตอนนี้แค่ตัวเองยังเอาไม่รอด  ...พี่จะขอฝากสิงห์ดูแลเจ้าสองตัวนี้หน่อยได้ไหม?”   เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายตรงหน้า  ฝ่ายนั้นเพียงจ้องลูกม้าสองตัวในรถนิ่ง  “เอาไว้พี่พร้อมเมื่อไหร่จะมารับพวกมัน”

“พี่.....”  พี่ครามเม้มปากแน่น   หันมามองหน้าสีหราชแล้วตบบ่ากว้างแรงๆทีหนึ่ง

“ไม่เป็นไร  พี่จะกลับมาแน่นอน”

“เจ้าสีนิลกับสีหมอก  มันคงไม่อยากห่างพี่”  สีหราชดูแววตาเหงาหงอยของเจ้าตัวเล็กแล้วสงสาร “พี่วางใจเถอะ  ผมจะดูแลอย่างดี”

“ขอบใจมาก”

“แล้วนี่พี่จะไปไหนต่อ?”

“ลงใต้”

“ใต้?”

“อืม  ไม่ต้องห่วงนะ  แล้วพี่จะกลับมา   และคนทรยศคนนั้นต้องชดใช้!”

















โปรดติดตามตอนต่อไป














สวัสดีค่ะ^^
มาแล้วๆ  ขอบคุณที่ยังรักและคอยเรื่องนี้นะคะ  กอดดดดดดด
ขอบคุณ คุณ basanti  ด้วยนะคะที่ทำสารบัญให้  กอดดดดดดดดดด
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46524.270#lastPost


เช่นเคย  อ่านให้สนุกนะคะ^^ มีอะไรก็แนะนำ ตักเตือน ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ

ด้วยรัก
ทราย



หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 05-04-2016 16:15:43
ึกรี้ด คิดถึงมาก คำนะนำคือ มาบ่อยๆค่า
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 05-04-2016 16:21:52
เพลงโชคดีจังเลย  :katai2-1:
แต่สิงห์ก็นะ รู้เหตุผลอยู่แล้วยังจะเล่นตัวอยู่ได้ :hao3:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 05-04-2016 16:26:20
 o13 o13 o13 o13

มาบ่อยๆนะคะ อย่าเพิ่งรีบจบ ☺☺
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-04-2016 17:07:17
มาบ่อยๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 05-04-2016 17:49:26
อยากให้อัพทุกวันนน คนอ่านงอแงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-04-2016 18:11:27
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 05-04-2016 18:42:18
สิงห์ทำไมร้าย ทำทุกอย่างให้เพลงกลับมา รู้ทุกอย่างตั้งแต่เลิกกันไป
รอตอนปัจจุบันค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 05-04-2016 20:09:16
นอกจากเราจะรอรักพัดหวนของทั้งคู่แล้ว เรายังต้องรอคนเขียนมาต่ออีกไม่นาน ใช่มั้ย :z2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-04-2016 21:04:18
เคยอ่านช่วงแรก ๆ พอมาเจออีกทีเลยต้องอ่านย้อนแต่ทีแรก
เพลงกับสิงห์น่ารักดีค่ะ คนเขียนปูพื้นมาดีเลยเข้าใจการกระทำของทั้งคู่ ทีนี้ก็รอให้ปรับความเข้าใจ แล้วก็คืนดีกันสินะ
ว่าแต่คนเขียนมีแผนจะเขียนเรื่องของพี่ครามกับอุ่นอรุณไหมคะ ติดใจอยู่นิดหน่อยเรื่องคนที่หักหลังพี่คราม
ดูเหมือนตอนก่อนหน้านี้คนเขียนจะบอกไว้ว่าใกล้จะจบแล้ว รอตอนถัดไปอยู่นะคะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ปล. ถ้าคนเขียนก็อปสารบัญไปไว้ช่วงก่อนบทนำได้จะดีนะคะ (หาง่ายดี)... ขอบคุณ คุณ basanti คนทำบทนำด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 05-04-2016 21:10:20
เพลงได้รับความรักมาอย่างยาวนานเลยจริงๆ รักมั่นมากๆ
ขี้งอนไปนิดก็ยอมหน่อยละกันนะเพลงนะ เขารอมานาน

หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2016 21:54:59
ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจจัง :katai2-1:
 รอวัน ลมรักพัดหวน
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2016 21:57:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-04-2016 22:04:45
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 05-04-2016 22:43:35
ที่แท้ สิงห์และทุกคนก็รู้ทุกอย่างมาตลอด
เห็นใจเพลงนะ ไม่รู้ซิ ถ้าคิดลบมากๆก็เหมือนเป็นตัวตลกทำบ้าอะไรอยู่คนเดียวเนี่ยะ คนอื่นเขารู้ความจริงมาตั้งนานแล้ว

คำนั้น stalker รึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-04-2016 12:54:46
ทุกคนรู้! แต่ทำเหมือนไม่รู้ได้เนียนมาก :katai2-1:
รอวันที่ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้น้า รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 07-04-2016 12:07:31
ทุกคนรู้เรื่องกันหมดยกเว้นเพลง

ถ้าเพลงรู้เรื่องเมื่อไหร่จะเอาคืนหรือดื้อกับสิงห์แค่ไหนกันนะ

รอคุณทรายมาเฉลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 07-04-2016 21:55:54
โถ่.. ทุกคนรู้เรื่องหมดเลยยกเว้นเจ้าตัว

// สงสารพี่คราม
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 08-04-2016 01:25:13
สงสารเพลง ทุกคนรู้เรื่องหมด แม้แต่แม๊กกี้  รู้ว่าสิงห์รักเพลง  แต่หลังๆ มานี่สิงห์งอนเพลงมากไปป่ะ

แถมสิงห์วางแผนมากมาย หลอกเพลงก็เยอะ รู้ทั้งรู้ว่าเพลงรักสิง  เลิกเพราะมีเหตุผล 

แรกๆสงสารสิง ตอนนี้สงสารเพลง  ง้อสิงเกินอ่ะ  ขอให้เพลงรู้ความจิงแล้วงอนโกรธนานๆเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-04-2016 13:35:22
ตัวตลกเพลงช่างน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 09-04-2016 15:43:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 19-04-2016 08:41:46
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-04-2016 13:59:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-04-2016 17:23:51
เมิ่อไหร่ รัก จะพัดมาอีก คิดถึงค่า
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ขอให้รักพัดหวน[5/4/59] หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 06-05-2016 23:35:51
รักพัดหวน
- สายลมแห่งรัก -





รักเคยพัดผ่านมา แล้วลับลาดั่งลม ทิ้งเพียงความขื่นขมอยู่ในใจ
เฝ้ารอใครสักคน เมื่อสายลมพัดมาใกล้ อาจเจอใครสักคนที่ไม่ผ่านเลย

 เพียงสายลมแผ่วๆ ทำให้ใจสั่นๆ เธอคนนั้นเหมือนคนในฝันของใจ
เพียงสายตาตรงกัน ทำให้ใจไหวๆ อยากจะรักอีกครั้งได้ไหม



เสียงเพลงเก่าแว่วมาจากวิทยุ  มือใหญ่ซึ่งกำลังเปิดหน้ากระดาษพลันชะงัก  ใบหน้าเข้มคร้ามเงยขึ้นจากตัวหนังสือแล้วยืนนิ่งครู่หนึ่ง  พลันก้าวเท้าไร้เสียงเข้าใกล้คนบนแหย่งที่ยังคงหลับใหล  นึกถึงวันแรกที่ได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง...   ภายใต้ท่าทีเฉยชาใครจะรู้ว่าบ้างว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขนาดไหน    ทั้งความเจ็บปวด  ความคิดถึง  ความโหยหาปั่นป่วนในอกของเขาจนเจ็บแปลบ   ท่าทางห่างเหินกับใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นอย่างดื้อรั้นของคนคนนี้ทำเอาเขาคันในหัวใจจนอยากจับฝ่ายนั้นมาเขย่าๆให้หัวสั่นหัวคลอนจนมึนงง  ...แล้วสวมกอดให้หายคิดถึง...
  ความอวดดี ความดื้อดึงที่แสนคิดถึง.... เขาไม่คิดว่าจะกลับมาเผชิญสิ่งนี้เร็วกว่าที่คิด   เขาอาจแกล้งหนักมือไปนิด  ปากร้ายไปหน่อยแต่นั่นน่ะ  ...เกิดจากความคิดถึงล้วนๆเลยนะ   แต่วันนี้เขาประมาทความดื้อด้านของคีตกาลต่ำไปอีกฝ่ายจึงได้เดินตากแดดไปทำงานติดต่อกันสอง-สามวันแล้วก็มาล้มป่วยแบบนี้   ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงค่อนว่ากระหม่อมบาง  โดนแดดนิดหน่อยก็ล้มป่วย  หากแต่นี่คือคีตกาล...คนที่ไม่ว่าจะย่างเท้าไปทางไหนเขาก็ห่วงสุดใจไปเสียทุกทาง   
มือแกร่งเกลี่ยปรอยผมซึ่งโดนลมพัดในระหน้าผากเกลี้ยงเกลา  ชายหนุ่มผละมือออกห่างใบหน้าขาวเมื่อสายใจเดินเข้ามา  เขาแสร้งทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อออกห่างร่างโปร่งซึ่งหลับตาพริ้มบนแหย่งไม้สัก   เด็กสาวเลิกคิ้วมองท่าทางนั้นของคนเป็นนายแล้วค่อยเดินเข้าไปวางแก้วน้ำหวานใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว
“อ้าว คุณคีย์หลับแล้วหรือ?”
“...เอาไว้นั่นแหละ  แล้วสายใจก็ไปเตรียมน้ำหวานไว้อีกเหยือก  รอคุณคีย์แล้วค่อยยกออกมาใหม่”
“ค่ะ?”                                                   
แม้จะมีข้อสงสัยมากมากยหากสาใจก้ไม่รู้ว่าจะถามอะไร
ทำไมคุณสิงห์ต้องทิ้งงานในฟาร์มมาเฝ้าคุณคีย์?  ให้สายใจเฝ้าไม่ได้หรือ?  อีกอย่างคุณคีย์แค่เป็นลมแดดไม่ได้ป่วยหนักอะไรเสียหน่อย


แก้ม จมูก คิ้ว คาง  ผ่านไปกี่ปีคนตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ใบหน้าหล่อเหลาและดึงดูดคนรอบข้าง.. 
สีหราชนึกหงุดหงิดยามเมื่อนึกถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ซึ่งเข้ามาป้วนเปี้ยนไม่ยอมห่าง   แล้วก็ให้อยากบิดปากแดงๆตรงหน้านี้เหลือเกิน  จะเสน่ห์แรงไปถึงไหน!
ให้ตายเถอะ!
แล้วไอ้สถานีนี้มันไม่มีเพลงอื่นแล้วหรืออย่างไรถึงวนชั่วโมงมาเปิดเพลงเดิมอีกแล้ว!
ชายหนุ่มคันยิบในหัวใจ  เขายังคงจ้องมองริมฝีปากสีเข้มตรงหน้า  คิ้วเข้มพาดเฉียง  ไฝเล็กๆที่ข้างแก้ม  จมูกโด่งรั้น
 ....  ถึงจะตั้งความหวังแค่ไม่คิดว่าจะได้อย่างที่หวัง...  การได้เห็นอีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาคาดไว้แต่ไม่กล้าคาดหวังจะเกิดขึ้นจริง  ดังนั้นพอได้ยินเพลงที่สถานีวิทยุเปิดใจเขาจึงเต้นแรงขึ้นมา...
หากความรักของเขาพัดหวนมาอีกครั้ง...




เขาก็อยากเอื้อนเอ่ยดังเช่นเพลงนี้ออกไป  เฝ้าอ้อนวอนให้สายลมพัดพาหัวใจของเขากลับมา...
ริมฝีปากหยักโน้มลงใกล้...
แตะแต้มแผ่วเบาคล้ายสัมผัสจากปีกผีเสื้ออันบอบบาง...
ความอุ่นซ่านทิ้งร่องรอยเจือจาง...











.
.
.
.
“........”  คนบนแหย่งไม้สักกระพริบตา  ฝ้าเพดานไม่คุ้นตาทำให้เขากระพริบมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยเรียบเรียงความคิดก่อนหน้า   เขาโมโหเจ้าของบ้านจนเดินตากแดดไปทำงานทุกเมื่อเชื่อวัน  สุดท้ายก็เป็นลมแดดให้ขายหน้าตัวเอง
...โชคดีที่ตอนนี้หมอนั่นไม่อยู่บ้าน..
กริ๊ก!  เสียงน้ำแข็งในแก้วกระทบจนเกิดเสียงเมื่อละลาย  น้ำหวานสีแดงหลอกล่อให้เขาหยิบขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย
สงสัยสายใจเตรียมไว้ให้




ว่าแต่...ไอ้ความรู้สึกเหมือนโดนก่อกวนตอนหลับนี่ยังไงกันนะ?
มือขาวยกขึ้นแตะริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว...







fin.
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-05-2016 01:22:04
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-05-2016 06:32:02
งืออชอบสิงห์ รักมั่นคงมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 07-05-2016 13:16:18
ถ้าวันนึง น้องเพลง รู้ความจริง ทั้งหมด คาดว่า พี่สิงห์ ท่าจะเละ :z6:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-05-2016 19:33:08
 :a5: ค้าง สั้น ไม่จุใจเลยง่ะ :ling1:
รอ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-05-2016 00:03:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 08-05-2016 00:29:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: anantawee ที่ 12-05-2016 21:34:02
แวบแรกที่อ่านแอบคิด ว่าที่เพลงเลิกกับสิงห์ สาเหตุจริงๆอาจจะไม่ใช่เพราะพ่อของเพลงป่วย อาจจะมีสาเหตุอื่นอยูก็ได้.....นี่คิดมากไปช่ายมร๊ายยยยยยยยย ฮาาาาาาาาาา :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-05-2016 04:31:38
ตามมาจากอสงไข....แล้วจะตืดตามอ่านะคับบ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 18-05-2016 14:20:01
- รักพัดหวน-
ลมพัดครั้งที่14







กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อลอยอวล  แม้ผู้คนในบริเวณห้องฉุกเฉินจะบางตาหากคีตกาลก็ต้องกวาดสายตาโดยรอบเพื่อหาร่างสูงใหญ่ของคนที่เป็นห่วง  ครั้นเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนเตียงโดยมีบุรุษพยาบาลกำลังใช้บางอย่างรองแขนตั้งแต่ใต้ข้อศอกจนถึงข้อมือเขาก็ขมวดคิ้ว  ร่างสูงหันมามองเขาครู่เดียวแล้วหันหนี

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?”  บุรุษพยาบาลเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้

“เป็นญาติคนไข้หรือเปล่าครับ?”

“ใช่ครับ”  คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อได้ยินคำตอบของคีตกาล

“กระดูกร้าวแต่ไม่ถึงหักครับจึงใส่แค่เฝือกอ่อน”  คีตกาลถอนหายใจโล่งอก  “อีกอาทิตย์ให้มาตรวจซ้ำนะครับ   ช่วงนี้คงมีอาการปวดมากอยู่  เดี๋ยวให้ญาติไปรับยาที่ห้องยาด้วยนะครับ”  คีตกาลพยักหน้าแล้วให้นายเขียวเป็นคนไปรับยา  ส่วนตัวเองพยายามจะช่วยพยุงร่างสูงลงจากเตียงหากสีหราชกลับดึงแขนหนี

หลังนายเขียวรับยาและจัดการเรื่องค่ารักษาเรียบร้อยแล้วจึงพากันออกจากโรงพยาบาล  คีตกาลถือวิสาสะกระโดดขึ้นไปนั่งข้างสีหราชแม้อีกฝ่ายจะทำท่าทีเฉยชาไม่สนใจเขาก็ตาม

“ปวดมากหรือเปล่า  กินยาแก้ปวดหน่อยไหม?”

“.....”

“เอ  นี่แล้วจะอาบน้ำยังไง  หรือจะแค่เช็ดตัวดี?”

“.......”  ไม่ว่าคีตกาลจะพูดอะไรร่างสูงก็ทำเพียงเหลือบตามองแล้วทำทีไม่สนใจ   พอเห็นร่างสูงไม่ตอบคีตกาลจึงสั่งให้สายใจเตรียมน้ำและผ้าเช็ดตัวตามเข้าไปในห้องของสีหราช   ร่างสูงแกะกระดุมเสื้อ  แม้จะไม่ถนัดหากก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เพียงขัดตาคนมองเท่านั้น   คีตกาลเดินไปหยุดตรงหน้า  มือขาวยกขึ้นปลดกระดุมให้อีกฝ่าย   สีหราชปัดมือออก  แม้จะไม่แรงนักหากก็ทำเอาเจ็บพอควร

“!”  คีตกาลเบิกตาจ้องมองอย่างตกใจ   ดวงตาคมดุคู่นั้นฉายแววเย็นชาจนคนมองใจหาย

“เล่นสนุกพอหรือยัง?”

“อะไร?”

“ถ้าสนุกพอแล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”  ถ้อยคำตัดเยื่อใยนั้นเยียบเย็นจนคนฟังใจสะท้าน

“สิงห์?”

“ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็อย่ามาทำแบบนี้”

“?”

“....ที่ผ่านมายังเล่นกับความรู้สึกฉันไม่พอ?  ฉันยังเจ็บน้อยเกินไปหรือ?”

“.......”  ประโยคที่ราวกับเอาแส้ฟาดลงกลางใจ  คีตกาลนิ่งขึ้งปล่อยให้ร่างสูงชนไหล่แล้วเดินออกไปนอกห้อง

ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวไร้สีเลือด  ความเจ็บแล่นขึ้นกลางอกให้ต้องทรุดตัวลงนั่ง  มือขาวยกขึ้นกุมอกซ้าย  ...เจ็บจนเหมือนจะหายใจไม่ออก  ขอบตาร้อนผ่าว   

สีหราชกำลังเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?

สีหราชคิดว่าเขาหยอกล้อกับหัวใจ  ล้อเล่นกับความรู้สึกอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ?

....สีหราชยังรักเขา?

หยาดน้ำตาไหลผ่าน... นึกถึงสาเหตุที่สีหราชโกรธเคืองแล้วให้เจ็บขึ้นกลางใจอีกหน   เพราะเขาหึงหวงจนลืมทุกอย่างจึงแกล้งจูบสีหราชต่อหน้าแพรวพรรณ  ยามนั้นหัวใจของอีกฝ่ายจะพองโตแค่ไหนกับสิ่งที่เขาทำ  หากแล้วเขาเองกลับทำให้หัวใจดวงนั้นร่วงหล่นเพียงเพราะเขาแค่ต้องการแกล้งแพรวพรรณ!

ตอนนี้สีหราชจะปัดมือเขาทิ้ง  ผลักไสเขาออกห่าง  นั่นก็เป็นเพราะเขาทำตัวเอง   ร่างโปร่งลุกขึ้นเต็มความสูงเตรียมจะเดินออกไปตามหาอีกฝ่าย  หากอิ่มเอมที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่ขวางเอาไว้

“ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“ทำไม?  ฉันต้องไปหาสิงห์”

“แล้วยังไง?  มึงไปหาสิงห์แล้วจะพูดอะไร?”

“ฉัน...”

“ถ้ามึงยังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ก็ไม่ควรเข้าใกล้มันตอนนี้”

“.......” 

“พวกมึงห่างกันสักพักเหอะ  ไปจัดการความรู้สึกของตัวเองให้แน่ชัดแล้วค่อยเดินกลับมา”

“ฉันระ..!”  อิ่มเอมยกมือห้าม

“กูไม่ใช่คนที่มึงจะพูดให้ฟัง     และ..ไอ้สิงห์ก็อยู่กับความเจ็บปวดมานาน  หากมันต้องเจ็บอีกครั้ง...มึงคิดว่ามันจะเป็นยังไง?”

“..........”

“ถ้าแน่ใจเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมา”


.
.
.






คุณยุวดีเหลือบสายตามองสามีเมื่อบุตรชายตรงหน้าถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย  เมื่อวานคีตกาลขับรถกลับมาบ้านตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมสีหน้าหมองเศร้าทำเอาเธอกับคุณพีรพลแปลกใจกับท่าทางนั้น  วันนี้ทั้งคู่จึงพร้อมใจกันไม่ไปทำงานเพื่อพูดคุยกับลูกชาย  หากดูเหมือนอีกฝ่ายจะเอาแต่คิดอะไรอยู่ในใจคนเดียวจนไม่สนพวกเขาเลย

“ลูกถอนหายใจหมดปอดหรือยัง?”

“?”

“ไหนดูซิ”  มือขาวของคุณยุวดีเชยคางลูกชายแล้วบิดซ้ายบิดขวา  “อืม  ดูแก่ขึ้นจม”

“แม่!”

“อ้าว ก็ได้ยินเขาว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งแก่ขึ้นหนึ่งปี  ดูซิ  ลูกหายใจมาตั้งแต่เช้าตอนนี้รอยตีนกาขึ้นแล้ว”  คุณยุวดีเย้าบุตรด้วยสีหน้าจริงจังจนคุณพีรพลหัวเราะพรืด  ส่วนคนโดนแซวนั่นทำหน้างอเป็นม้าหมากรุก

“มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหนักหนาตาเพลง?”  คุณพีพลยกชาขึ้นจิบเอ่ยถามบ้าง

“ก็...”

“เรื่องงาน?” มารดาเอ่ย

“เปล่า”

“เรื่องเงิน?” บิดากล่าว

“ไม่ใช่”

“งั้น...เรื่องหัวใจ?”

“.....”

“เงียบแบบนี้แปลว่าแม่เขาทายถูก?”  คุณพีรพลเลิกคิ้ว

“ทะเลาะกับสิงห์มาหรือไง?”  คุณยุวดีถอนหายใจบ้าง  เธอเหลือบตามองสามีขณะเอ่ยถามบุตรชาย

“เพลง...  อันที่จริงหลังกลับจากเมืองนอก...เพลงไม่เคยคิดว่าจะกลับมาเจอเขาอีกครั้ง”

“เพลงต้องเจอนะ  ก็แม่ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนี่”

“แม่....ว่าอะไรนะ?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองมารดาคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ก็...แม่อยากให้เพลงเจอสิงห์เขาอีกครั้ง”  คุณยุวดียักไหล่อย่างที่วัยรุ่นชอบทำ

“แม่วางแผนไว้?”  ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่แล่นริ้วขึ้นกลางอกตอนนี้ของคีตกาลคืออะไร  หากหัวใจที่เต้นแรงเร็วขึ้นทำให้ชายหนุ่มละแผ่นหลังออกจากโซฟา

“ก็ไม่เชิงนะ”

“แม่!   ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะแม่วางแผนงั้นหรือ?”

“เพลง.....”  คุณพีรพลปรามบุตรชายเมื่อเห็นสีหน้าเขาเริ่มเปลี่ยน  น้ำเสียงแข็งกระด้างนั้นบ่งบอกถึงความโกรธ   

“พ่อเองก็รู้  หมอนั่นด้วยใช่ไหม?”  น้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น  ในหูอื้ออึง   เขาโกรธ!  ทุกคนตรงหน้าเขารวมหัวกัน!  เห็นเขาเป็นตัวตลกหรืออย่างไร  อยากจับให้หัวหมุนไปทางก็จับ  ไม่สนว่าใจเขาจะรู้สึกอย่างไร!

“เพลง...”  คุณพีรพลขมวดคิ้ว  ร้องเรียกรั้งสติบุตรชายอีกครั้ง  ต่างกับคุณยุวดีที่หยิบแก้วชาขึ้นจิบคล้ายไม่สนใจท่าทางนั้นของคีตกาล

“ทุกคนรวมหัวกันแกล้งผม!”  สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาคุณยุวดีขมวดคิ้วขึ้นมาบ้างแล้ว

“ไม่ได้แกล้งเสียหน่อย”  มารดากล่าวเสียงเรียบ

“สมรู้ร่วมคิด!”

“เปล่านะ”

“แม่ยังจะโกหกอีกเหรอ?  แม่จับผมโยนไปที่นั่น  ให้เจอกับหมอนั่น  แล้วก็จงใจเล่นกับความรู้สึกของผม!”

“..........”  คุณยุวดีวางแก้วชาลงแล้วไม่ตอบโต้

“เห็นผมเป็นไอ้งั่งใช่ไหม!”  เธอรอจนบุตรชายโวยวายอยู่ครู่ใหญ่จนเมื่อฝ่ายนั้นหมดแรงจึงค่อยยืดตัวนั่งตรง  จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าพลางถอนหายใจ

“โมโหพอหรือยัง?”

“!”  ประโยคคำถามนั้นทำให้คีตกาลอยากจะโกรธขึ้นมาอีกรอบ  เขาหอบหายใจแรง

“ที่โกรธอยู่ตอนนี้เพราะอะไร?”

“เพราะทุกคนล้อเล่นกับความรู้สึกเพลงไง!”

“อ้าว  ไม่ใช่เพราะว่าลูกรักตาสิงห์หรอกหรือ?”

“?”

“ลูกโกรธเพราะเข้าใจว่าพ่อแม่หลอกเพลงให้ไปที่นั่น  แต่ลูกเสียใจเพราะคิดว่าตาสิงห์เองก็ร่วมมือกับพ่อและแม่ด้วย”

“.....”

“ฟังนะ   ตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ที่นู่น  ตอนที่ลูกตัดสินใจทิ้งคนทางนี้ไป...เขาก็ตามลูกไปตั้งนานแล้ว”

“?”

“ลูกคิดอะไร  ทำอะไรเขารู้หมด”

“แต่ก็ยังแกล้งโง่  ปล่อยให้เพลงเต้นไปบนฝ่ามือ!”

“เงียบ!  แล้วสูดหายใจลึกๆ”

“?”

“เอ้า  บอกว่าให้สูดหายใจเข้าลึกๆไง!”  คุณยุวดีสั่งอีกครั้งพลางทำท่าให้ดู  คีตกาลเผลอทำตามอย่างงงๆ

“ใจเย็นขึ้นหรือยัง?”

“ครับ....”  คนเป็นลูกตอบรับเสียงอ่อย

“เขารู้  พ่อแม่ก็รู้พร้อมกันกับเขานั่นแหละ  แต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ร่วมมืออะไรกับเขามากมายหรอกนะ”

“.....”  เมื่อเห็นว่ามือที่กำแน่นของคีตกาลคลายลงเธอจึงเล่าต่อ

“เขารู้ว่าลูกตัดสินใจอย่างนั้นเพราะอะไร  เลิกกันทั้งๆที่ยังรักเนี่ย  เล่นเอาพ่อกับแม่เจ็บปวดตามลูกนะ  รู้บ้างไหม?”

“แม่...”

“การที่แม่ตัดสินใจทำรีสอร์ทร่วมกันกับตาสิงห์มันเป็นเรื่องของความประจวบเหมาะจริงๆ  ร่วมลงทุนด้วยเพราะเอ็นดูผูกพันส่วนหนึ่งแต่ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกตัดสินใจไปอยู่ที่นั่นจริงๆ”

“.....”

“ตั้งแต่แรกแม่เคยบังคับให้เพลงไปทำงานที่รีสอร์ทหรือเปล่า?  อ้อ  มีเล่นบทโศกนิดหน่อยอ่ะนะ”  คุณยุวดียิ้มเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือของบุตรชาย   “แต่เพลงก็รู้ว่าแม่ไม่เคยบังคับลูก  ถ้าเพลงไม่ไปแม่ก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

ใช่  ถึงมารดาเขาจะทำท่าอยากให้เขาไปทำงานที่นั่น  หากเขายืนยันว่าจะไม่ไปแม่ก็คงไม่บังคับ

“แต่ตอนนั้นแม่ไม่บอกว่าร่วมหุ้นกับหมอนั่น!  เท่ากับแม่วางแผนนั่นแหละ!”

“....แล้วหลังจากรู้ล่ะ?  หลังจากเพลงรู้ว่าตาสิงห์คือหุ้นส่วนของแม่ทำไมเพลงถึงไม่ยืนกรานถอนตัวจากงานนี้?”

“........”

“นั่นเพราะใจลูกเองต่างหากที่อยากยืนอยู่ตรงนั้น”

“........”

“พ่อกับแม่ติดต่อกับสิงห์ตลอดมาถ้าลูกอยากรู้   แต่...เรื่องของหัวใจของลูกทั้งสองคนพ่อกับแม่ทำเพียงเฝ้าดูเท่านั้นหากเพลงเห็น....”

“.........”

“พ่อกับแม่เพียงเปิดโอกาสให้ลูกก็แค่นั้น   ส่วนว่าจะสานต่อไปหรือเปล่ามันก็เป็นเรื่องของคนสองคน  คนที่มองอยู่ข้างๆอย่างพ่อกับแม่ไม่สามารถตัดสินใจแทนได้”

“........”

“พ่อกับแม่มีบทเรียนมาแล้วนะเพลง   การที่ต้องเห็นลูกเจ็บปวดมันไม่ใช่เรื่องดีเลย”

“พ่อ...แม่....”

“พ่อกับแม่ไม่ได้ชักใย  ไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของลูก  ถึงจะรู้ว่าทั้งเพลงทั้งสิงห์รู้สึกต่อกันอย่างไรพ่อกับแม่ก็ทำเพียง ...ให้ลูกทั้งสองได้เจอหน้ากันอีกครั้ง”

“ถ้าตอนนี้ลูกจะเดินออกมาพ่อกับแม่ยอมรับการตัดสินใจนี้”

“..........”

“พรุ่งนี้แม่จะส่งคนใหม่เข้าไปดูแลที่รีสอร์ท”

“.......”

นั่นซินะ  แม่ก็แค่เปรยด้วยท่าทางเศร้าสร้อยให้เขาตกปากรับคำไปทำงานที่รีสอร์ท  หากเขายืนยันไม่ไปทำหลังจากรู้ว่าใครคือหุ้นส่วนเขาก็ทำได้แต่ไม่ทำ    คนที่ไม่น่าให้อภัยคือหมอนั่นต่างหาก!

หมอนั่นวางแผนมาตลอด!   ทำให้เขาไปอยู่ที่นั่น  ให้เขาทำตัวโง่ๆ  โง่ที่แสดงท่าทีห่วงใย  โง่แสดงความรู้สึกหึงหวงยามมีใครเข้าใกล้หมอนั่น  โง่ที่คิดอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม  เหมือนตัวตลกให้เขาหัวเราะ

ดี!  เขาจะไม่กลับไปอีกแล้ว!





**********


โธ่โว้ย! เคยคิดว่าตัวเองผิดบ้างไหม!

ห้าวันแล้วนะ!  ห้าวันเข้าไปแล้วหมอนั่นเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย!

คีตกาลเดินกลับไปกลับมาในห้องด้วยความรู้สึกหงุดหงิด  ตอนนี้ถือว่าแต้มเสมอกันนะ  และเขาจะไม่เป็นคนง้อก่อนแน่ๆ!

Rrrrr

ไร่สีหกาล

แค่เห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอมือถือชายหนุ่มก็รีบกดรับอย่างรวดเร็วอย่างลืมตัว  ครั้นพอนึกได้จึงกระแอมแก้เก้อเสียทีหนึ่ง  หากเสียงร้องไห้จากปลายสายทำเอาคิ้วเรียวขมวดมุ่น

“สายใจ?”

“ฮึก  คุณคีย์ขา”

“สายใจเป็นอะไร  ร้องไห้ทำไมหรือ?”  คีตกาลถาม  “หรือมีใครเป็นอะไร?”  ใจกระหวัดคิดถึง
สีหราชขึ้นมา  พลันอกซ้ายเจ็บแปลบเพราะความเป็นห่วง  หรือแขนจะแย่ลง?

“คุณคีย์จะไม่กลับมาที่ไร่แล้วหรือคะ?”

“ห้ะ?”

“ก็คนที่มาทำงานแทนคุณคีย์บอกว่าคุณคีย์จะไม่มาที่ไร่อีกแล้ว  ฮือ~”

“คือ...อันที่จริง...”

“คุณคีย์ขากลับมาเถอะนะ  คุณคีย์ไม่อยู่ที่นี่ยังกับพายุถล่มแน่ะค่ะ”

“หืม?”

“ไม่มีใครเข้าหน้าคุณสิงห์ติดสักคน  วันๆเอาแต่ทำงานแล้วก็หงุดหงิดตลอดเวลา  ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน”

“ก็เจ้านายของสายใจนั่นแหละที่ไล่ฉันมา”

“ไม่จริงหรอกค่ะ!  คุณสิงห์น่ะ...”

“ทำไม  หมอนั่นทำไม?”

“คุณสิงห์....ฮึก  คุณคีย์จะไม่กลับมาแล้วจริงๆหรือคะ?”  แล้วเด็กสายใจก็เปลี่ยนเรื่องพลางร้องไห้เสียงดังจนคีตกาลปวดหัว

“นี่  สายใจฉันไม่กลับ...”

“คุณเอม  คุณเอมจะพาคุณสิงห์ไปโรงพยาบาลหรือคะ?”  เด็กสาวตะโกนเสียงดัง  เจ้าหล่อนไม่ได้คุยกับคีตกาลหากเอ่ยถามกับใครอีกคนที่อยู่ฝั่งนั้น    สีหราชไปโรงพยาบาล?  หรือว่าอาการจะแย่ลงจริงๆ?

“นี่  สายใจ!  สายใจ! เจ้านายของสายใจเป็นอะไรทำไมต้องไปโรงพยาบาลอีก?”

“.......”  มีแต่เสียงตะโกนถามของเด็กสาวกับอิ่มเอมลอดสายเข้ามาให้ได้ยิน

“สายใจ!”

“คุณคีย์แค่นี้ก่อนนะคะ  คุณสิงห์แย่แล้ว!”   กริ๊ก!

“...........”   คีตกาลขมวดคิ้ว  เหลือบมองจอโทรศัพท์ซึ่งมืดลงด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ   ก่อนจะกดโทร.ออกไปหาอิ่มเอมด้วยร้อนใจหากฝ่ายนั้นกลับไม่รับสาย    ร่างโปร่งหันคว้าเสื้อคลุม  กระเป๋าสตางค์และกุญแจรถออกจากห้องรวดเร็ว

“อ้าว  เพลง  นั่นลูกจะไปไหน?”  คุณยุวดีถามบุตรชายที่กำลังวิ่งลงจากบันไดอย่างเร่งรีบ

“ไร่สีหกาล!”

“...........”  คุณยุวดีจ้องแผ่นหลังของบุตรหายลับไปจากสายตาพลางส่ายหน้า

ใจโลดแล่นไปทางโน่นก่อนหน้าตั้งหลายวันแล้วตัวเพิ่งจะตามไปหรืออย่างไร?

.
.
.





“เอม!  อยู่ที่ไหน?”

“กำลังจะกลับไร่  มีอะไรหรือเปล่า?”  ปลายสายถามเหมือนไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง หากคีตกาลตระหนกไปแล้วเพราะไม่รู้เรื่องราวเอ่ยถามรัวเร็ว

“ใครเป็นอะไร  ทำไมไปโรงพยาบาล?”

“นายรู้ได้ไงมาว่าฉันมาโรงพยาบาล?”

“เอาน่า  ตอบมาก่อนว่าใครเป็นอะไร!”  เขาร้อนใจจะแย่ยังจะมามัวถามไป-มาอยู่นั่น!

“ไอ้สิงห์น่ะ”

“สิงห์เป็นอะไร?”

“...ก็”

“ก็อะไรเล่า  พูดมาเร็วๆซิ!”

“เฮ้ย  ไอ้เพลง!  มึงก็เงียบแล้วฟังกูซิวะ  ไอ้นี่!”

“.......”

“ไอ้สิงห์มันกระดูกร้าวเพิ่ม  ตอนนี้ต้องมาใส่เฝือกอ่ะ  มือมันบวมมา x-ray ถึงเห็นว่ากระดูกมันแตก”

“กระดูกแตก!”

“เออ  แม่งมันแค่ร้าวแล้วเสือกไม่พักผ่อน  ทำงานหามรุ่งหามค่ำ  ระเบิดลงใส่คนงานทุกวัน  รับม้า-ส่งม้าไม่ว่างสักวัน  งานอะไรแม่งก็แย่งเขามาทำหมด  แล้วไอ้ที่ร้าวๆมันจะหายไหม?  แตกเพิ่มนี่ก็สมควร  สมน้ำหน้ามัน!”

“เอม!”

“เออ!  แตะไม่ได้!  ถ้าไม่อยากให้แตะมึงก็กลับมาดูแลมันซิ   ไอ้นี่ก็ยังกับช้างตกมัน!”

“ก็นายนั่นแหละที่บอกให้ฉันห่างออกมา  แถมหมอนั่นยังไล่ฉันอีก!”

“แล้วจะมาไม่มา?”

“อะไรเล่า?”

“ก็แม่งรำคาญมันแล้ว! เอะอะก็วิ่งพล่านไปทั่วไร่  แม่ง! กูหนีไปอยู่กับชาญดีกว่า!”

“นี่!  เดี๋ยว!  เอม?  เฮ้!”   ปลายสายตัดไปแล้ว  คีตกาลหงุดหงิดเป็นเท่าตัวก่อนจะเร่งความเร็วตรงไปยังไร่สีหกาล


กว่าคีตกาลจะมาถึงก็ค่ำแล้ว  เขาไม่เห็นรถของอิ่มเอมจอดอยู่ก็ให้นึกโมโหขึ้นมาครามครัน  หมอนั่นทิ้งเพื่อนไปจริงๆหรือเนี่ย?   เขาเหลือบมองชายเรือนที่เงียบเชียบ   ครู่ใหญ่สายใจก็ชะโงกหน้ามามองก่อนจะยิ้มแฉ่งวิ่งลงมาหา

“คุณคีย์!”

“ชู่ว!”

“คุณคีย์มาแล้ว  หนูดีใจจัง!”  สายใจกระซิบด้วยความตื่นเต้นตามท่าทางของคีตกาลแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเบาเสียงก็ตาม

“เจ้านายของสายใจล่ะ?”

“อยู่ในห้องแน่ะค่ะ”  เด็กสาวทำสายตาวิบวับเมื่อคีตกาลถามหาสีหราช

“แล้ว....แขนเป็นไงบ้าง?”

“เข้าเฝือกแล้วค่ะ”  สายใจทำหน้าแหยแล้วฟ้องต่อ “เพราะไม่ยอมพักผ่อนดีๆถึงได้เป็นแบบนี้ไงคะ  คุณคีย์กลับมาก็ดีแล้วค่ะ  จัดการคุณสิงห์เลย!”

“ฮื่อ?”

“คุณสิงห์น่ะดื้อ”

“ใช่  เจ้านายของสายใจน่ะดื้อมาก”

“แต่คุณคีย์ดื้อกว่า  แฮ่~”

“ไฮ้  อะไรกันเนี่ยสายใจ?”  คีตกาลชักจะไม่พอใจกับคำพูดของเด็กสาว  ตอนแรกเข้าข้างกันอยู่ดีๆไหงมาว่าเขาไปด้วยอีกคนล่ะนี่

“ก็คุณคีย์ดื้อกว่าคุณสิงห์เพราะฉะนั้นคุณสิงห์แพ้คุณคีย์แน่ๆ  คุณคีย์จัดการสั่งสอนเลยค่ะว่าใครดื้อกว่ากัน!”

“นี่มันคำชมหรือเปล่า?”  คีตกาลชักสงสัยเพราะสายใจทำท่ากำหมัดแน่นพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ

“ชมซิคะ!  คุณสิงห์ดื้อทำงานจนเจ็บเพิ่ม คุณคีย์ก็ดื้อใส่บ้าง  ดื้อบังคับให้คุณสิงห์ดูแลตัวเองดีๆ”

“........”

“ถ้าคุณคีย์ดื้อจะดูแลคุณสิงห์สายใจก็ไม่ว่านะคะ”

“นี่  สายใจ  คือว่า...ฉัน...กับเจ้านายของสายใจ...”

“คุณคีย์ไม่กลับไร่มาหลายวันเพราะทะเลาะกับคุณสิงห์กันหรือ?”

“ก็...ไม่เชิงหรอก”

“แล้วใครผิดหรือคะ?”

“เอ๊ะ?”

“ที่คุณคีย์กับคุณสิงห์ทะเลาะกันคราวนี้ใครผิดหรือคะ?”

“....อาจจะผิดด้วยกันทั้งสองคน”

“ถ้าแบบนั้นใครจะง้อก่อน?”

“....ไม่รู้ซิ?”

“แต่หนูคิดว่าใครจะง้อก่อนก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ”

“ทำไม?”

“ถ้าเรารักใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดให้เสียเวลาหรอกค่ะว่าใครจะง้อก่อนง้อหลัง  สู้รีบปรับความเข้าใจกันเร็วๆไม่ดีกว่าหรือคะ?  อีกอย่างตอนที่คุณคีย์ไม่อยู่  ...ไม่คิดถึงที่นี่หรือคะ?”  สายใจเกือบจะพูดว่า  ไม่คิดถึงคนที่นี่หรอกหรือ  หากเปลี่ยนคำได้ทันเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ากระดากอาย

“ก็คิดถึง...”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ  คุณคีย์เดินหน้าง้อเลย!  ดื้อให้ถึงที่สุด  ดูซิว่าคุณสิงห์จะทนโกรธคุณคีย์ได้นานแค่ไหนกันเชียว!”

คีตกาลหัวเราะกับท่าทางของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนฝ่ายมาถือหางเขาเสียแล้ว  แบบนี้ไม่รู้ว่าเจ้านายตัวจริงรู้เข้าจะโดนตัดเงินเดือนไหม





บานหน้าต่างห้องนอนยังคงเปิดรับลมอย่างเช่นทุกคืนผ่านมา  เขาเหลือบมองแสงไฟที่ลอดออกมาแสดงว่าเจ้าของห้องยังคงไม่นอน   ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกกระชับกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลในอ้อมแขน  ก้มลงมองลูกน้องที่กำลังกระดิกหางอยู่ข้างเขาด้วยความดีใจไม่ห่าง

ติ๊ง!ปลายนิ้วขาวกรีดสายเป็นท่วงทำนอง  แผ่วเบาคลอเคล้า  ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องบานหน้าต่างซึ่งยังคงไม่มีแม้เงาของใครบางคนโผล่ออกมาให้เห็น


อย่าบอกฉันว่าให้ไป  อย่าผลักไสได้หรือเปล่า

บรู๊วววววว

ความรักระหว่างเรานั้น  ยังไม่ถึงคราวต้องเดินจากกัน

โบร๋วววววววววว   


“เฮ้ย  lion ! หยุดเห่านะเอ็ง”  คีตกาลชะงักมือร้องเพลงต่อไม่ออกเมื่อเจ้าลูกน้องตัวดีมาช่วยส่งเสียงอีกแรง  พอเริ่มร้องใหม่มันก็ช่วยร้องอีก  ทำเอาเขาปวดหัวทั้งยังรู้สึกขายหน้าคนบนห้องอย่างไรก็ไม่รู้

ให้ตัวฉันได้พิสูจน์  ให้เข้าใจว่าฉันนั้นรักเธอเท่าไหร่

อย่าใจร้ายเกินไปนะเธอ   ยังไม่พร้อมทำใจ อย่าใจร้ายเกินไปนะเธอ

หงิงงงงงงงงง





“.............”  วุ้ย!  อยากเอากีต้าร์ทุ่มใส่หัวเจ้าหมาบื่อนี่จริงๆ!





หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- พิเศษสั้นๆเพราะคิดถึง [6/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 18-05-2016 14:22:19

ร่างสูงยกมือขึ้นปิดปากแทบไม่ทันเพราะกลั้นขำไม่ไหว  ตอนได้ยินเสียงกีต้าร์เขายังแปลกใจอยู่คิดว่าอิ่มเอมอารมณ์ดีถึงขนาดคว้ามาเล่นแล้วร้องเพลง  หากเขาซึ่งอยู่ในอารมณ์ไม่สุนทรีย์อยากจะโผล่ไปด่าให้เลิก  พลันเสียงของคนที่คิดถึงก็ดังขึ้นมา

เสียงของคีตกาล  ถึงอยากจะแกล้งโกรธ  แกล้งไม่ใส่ใจคนคนนั้นยังไง  เขาก็ไม่อาจตัดใจทำได้หนักแน่นนัก  แค่ไม่เห็นหน้าไม่กี่วันเขาก็แทบบ้าอยู่แล้ว  เจ็บปวดที่อีกฝ่ายยอมผละห่างออกไปง่ายๆ  น้อยใจที่ฝ่ายนั้นแลตามายังหัวใจเขาน้อยไป   เขาหรือทั้งคิดถึง  ทั้งโมโห  ทั้งกังวล  คีตกาลจะรู้บ้างหรือเปล่า?   ต่อให้เขาวางแผนอย่างไรมันก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคีตกาลจะกลับมาหาเขาจริงๆ  เขากลัว  เขาหวาดหวั่น...หากไม่ได้รักนี้กลับคืนมาเขาจะอยู่อย่างไร

...จะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีคีตกาล...

แต่วันนี้  ตอนนี้คีตกาลอยู่ที่นี่...กำลังร้องเพลงให้เขาฟังพร้อมเจ้าลูกน้องสีน้ำตาลพันธ์ทางแสนรู้ตัวนั้น

“เฮ้  ฉันรู้นะว่านายยังไม่นอน!”

“?”  เขาเลิกคิ้ว  ก่อนตัดสินใจไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างเพื่อมองอีกฝ่ายและให้ฝ่ายนั้นเห็นเขา

“นี่!  นายจะยอมเป็นแฟนกับฉันอีกครั้งไหม?”

“........”

“ถ้ายอมตอนนี้แถมฟรีเจ้า Lion แสนรู้หนึ่งตัว”

“..............”

“เอ่อ  ตามด้วย...จูบราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนทุกคืน!”

“..................”  ช่างเป็นคำง้อที่เย้ายวนเสียนี่กระไร

“และ  และ...เอ่อ...”  ชายหนุ่มหันหลังไม่รอให้คีตกาลเอ่ยจนจบ  ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายนั้นจะหน้าเสียแค่ไหน  คงคิดว่าเขาไม่รับข้อเสนอ  ไม่ให้อภัย  หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่จะเพ้อจินตนาการไป....

ติ๊ง~   สีหราชชะงักเท้า  เสียงกีต้าร์ดังขึ้นอีกครั้ง  เขายืนนิ่งรอฟังว่าคีตกาลจะร้องเพลงอะไรต่อไปเพื่อง้อเขา

“สิงห์!”

“?”

“ฉันขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา  ขอโทษที่คิดและตัดสินใจไปเองคนเดียวโดยไม่ถามนายก่อนสักคำ”

“....” 

“ทิ้งนายไว้เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด   แต่เปล่าเลย  มันไม่ใช่สักนิด!  เพราะฉันเองก็เจ็บปวดแทบตาย  ฉัน...รักนายนะ”

“.........”

“เพลงรักสิงห์นะ!”

“...............”

“ได้ยินป่าวเนี่ย?”


ติ๊ง~

ตายจากกันไม่รู้วันใด รักกันเมื่อยังหายใจ

จะโกรธไปทำไมกัน หากเธอลองคิดให้ดี ชีวิต ไม่แน่นอน
อาจไม่มีพรุ่งนี้เช้า ให้เรามาง้อมางอน อีกแล้ว

นานเท่าไหร่กว่าเราจะรัก ยิ่งเราห่างยิ่งเราทะเลาะ
ยิ่งทำลายเวลาที่เหลือที่เราจะรักกัน

ถ้าหากคำว่ารักยังอยู่ ที่กลางใจ สองเรา
โปรดช่วยเอามาใช้ซ่อมความเศร้า เวลาที่เราเสียใจ

อย่าให้เพียงชั่ววูบอารมณ์ ทำให้รักกลับกลาย
ตายจากกันไม่รู้วันใด รักกันเมื่อยังหายใจ ก่อนที่จะสายเกิน


“....รักกันเมื่อยังหายใจ  ก่อนที่จะสายเกิน...!”  ติ๊ง!  มือขาวหลุดจากสายกีต้าร์เมื่อแรงปะทะจากทางด้านหลังเข้ามากระทบ  แขนแกร่งข้างหนึ่งตวัดโอบรอบกอดคีตกาลเอาไว้ในวงแขน   ปลายจมูกโด่งแตะข้างแก้ม  ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดหอบกระชั้นเพราะเจ้าของคงเร่งฝีเท้ามา  กลางหลังสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เต้นรัวแรงฝากมาภายใต้อ้อมกอด

ความร้อนแล่นขึ้นหัวตา  แสบร้อนโพรงจมูกเพราะความตื้นตัน  แขนอ้อมนี้ที่คีตกาลเคยเฝ้าคิดถึง  ความรู้สึกจากคนด้านหลังส่งผ่านมาเป็นสิ่งที่เขาโหยหา...

“....ไม่โกรธกันแล้วใช่ไหม?”

“นี่เห็นแก่หมาฟรีหรอก”

“อื้อหือ  ถูกมากอ่ะ!  ง้อได้ด้วยหมาฟรีตัวเดียว”

“ฮื่อ  แพงอยู่นะ”  สีหราชตอบกลับ  แขนแกร่งยังคงไม่คลายออกจากร่างโปร่ง

“อืม  จะว่าไปก็คงไม่ถูกหรอก  เพราะเจ้าLion นี่มีตัวเดียวในโลก  ร้องเพลงได้ด้วย”  ร่างสูงหัวเราะ  นึกถึงตอนที่คีตกาลร้องเพลงแล้วเจ้าตัวดีมันคลอตามเมื่อครู่    เขาแทบกลั้นขำไม่ไหวแน่ะ!

“เจ้าลูกหมานี่แค่ของแถม   ที่แพงเพราะลูกพี่มันหรอก”

“?”

“ทั้งตัวทั้งหัวใจของลูกพี่เจ้า Lion น่ะแพงนะรู้ไหม  ต้องแลกทั้งชีวิตของฉันเลย”

“...สิงห์...”

“....ฉันได้ยินแล้ว”

“.......”

“ได้ยินคำบอกรักนั่น  ได้ยินเสียงหัวใจของทั้งฉันและนาย”  สีหราชรั้งให้คนในอ้อมแขนหันมา   ชายหนุ่มแนบหน้าผากลงกับคนตรงหน้า  ปลายจมูกโด่งคลอเคลียแผ่วเบา  ดวงตาคมดุจ้องมองสบเข้าไปในดวงตาไหวระริกของคีตกาล  แน่วแน่  มั่นคง

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”

“อืม”  คีตกาลพยักหน้ารับ

“มีปัญหาต้องคุยกัน  อย่าหนีหายไปเงียบๆ”

“ได้”

“นายเอาหัวใจฉันไป  ตั้งแต่วันแรกจนเลิกกัน  ฉันไม่เคยได้มันคืนเลยรู้หรือเปล่า?”

“ก็....เพิ่งรู้”

“งั้นก็จำไว้ซะ  ฉันไม่เคยเอาความรักคืนมาจากนายเลยสักนิด”

“..........”

“แล้วรู้ไหมว่าตั้งแต่นายกลับมาฉันรอคำนี้มาตลอด”

“?”

“รอคำว่ารัก...”

“.......”

“รอให้รักของเราพัดหวนคืนมา”

“สิงห์....”

“ถ้ายังรู้สึกเหมือนเดิม...ถ้าพูดออกมาสักคำตั้งแต่แรกฉันก็พร้อมเสมอที่เดินไปข้างๆกัน...”

“ขอโทษนะ...”

“อืม  ขอโทษเหมือนกัน  ที่ต้องแกล้งทำทุกวิธีทางเพื่อให้นายอยู่ใกล้ๆฉัน”  คีตกาลพยักหน้ารับคำขอโทษนั้น  ใบหน้าหล่อเหลาก้มจนคางชิดอก  หากไม่พยายามกลั้นสะอื้นสักนิด  นั่นเพราะเขากำลังร้องไห้เพราะความสุขใจ

“ฮึก~”

“รักนะครับ  รักเพลงนะ   ...สิงห์รักเพลง...”

“รักสิงห์เหมือนกัน”

“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ?”

“อืม”


.
.
.
.
.









หัวใจระรัวแรง  หวามไหวยามเมื่อริมฝีปากบดเบียดควานหาความหวานจากอีกฝ่าย  ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดพลางแลกลมหายใจที่เจือไปด้วยความคิดถึงแทรกทุกอณู  ไม่แตะแผ่วอย่างที่เคยแกล้งหากลึกซึ้งตามแต่หัวใจที่ถวิลหา  ผละห่างเพื่อกอบโกยอากาศหายใจแล้วเคล้าคลึงย้ำหนัก  จูบซ้ำๆหลายครั้งหลายคราจนริมฝีปากเจ่อช้ำทั้งคู่  ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคีตกาลวิบหวาม  ปลายจมูกโด่งแต้มสูดกลิ่นแก้มขาว   ระเรื่อยหน้าผากเนียน  ปลายจมูกสวย  แตะเบาๆบนริมฝีปากสีเข้ม

มือแกร่งเลื่อนขึ้นประคองแก้มคนตรงหน้าด้วยมือข้างเดียว  อีกข้างดึงรั้งออกจากสายคล้องแม้จะไม่ถนัดนักหากก็ยังยื่นมาจับมืออีกฝ่ายเอาไว้   คีตกาลแนบแก้มลงกับฝ่ามือนั้นพลางช้อนสายตาขึ้นมอง  พร้อมรอยยิ้ม

“...คราวนี้จะยอมเป็นของฉันไหม?”

“แน่นอนซิ”  สีหราชเลิกคิ้วก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเดียวกัน 

“งั้น...”  ไม่รอให้คีตกาลพูดจบร่างสูงก็จูบลงบนริมฝีปากคู่นั้นอีกครั้ง  กวาดต้อน  บดคลึงให้ตอบสนอง   ลมหายใจเริ่มระอุตามอารมณ์ที่ทะยานสูง  ปลายลิ้นแปลบชาจากจูบเนิ่นนาน   กว่าคีตกาลจะรู้ตัวร่างโปร่งก็นอนหงายราบลงไปโดยมีร่างหนาของสีหราชทาบทับอยู่ด้านบนเรียบร้อย  มือแกร่งแตะเอวสอบ  สอดไล้ใต้เนื้อผ้าแตะสัมผัสให้สะดุ้งกาย

“นี่  ไหนว่า...อืม~ จะให้...อ๊ะ!”  เสียงใสแหบพร่าขาดห่วงยามปลายนิ้วแกร่งบดลงยอดอกจนสะท้านไหว

“ก็นี่ไง  สิงห์ยอมเป็นของเพลงแล้ว”

“มะ  ไม่ใช่แบบนี้  อื้อ~”  ชายเสื้อถูกถลกขึ้นมากองบนคอ  ฟันคมของคนด้านบนขบลงบนยอดอีกข้างที่ว่างให้สะดุ้งแอ่นผวา  ลมหายใจหอบระรัวเมื่อปลายลิ้นแต้มลง  อีกข้างก็ลงแรงบนปลายนิ้วอย่างไม่ยอมแพ้

“แบบนี้แหละ  ถูกต้องแล้ว”  เสียงทุ้มแหบพร่าแทบจับใจความไม่ได้ยามความต้องการพุ่งสูงแทบทะลุเพดาน   สีหราชเลื่อนตัวขึ้นแตะปลายจมูกกับซอกคอหอมกรุ่น  คางได้รูป  ผิวแก้มแดงเรื่อและริมฝีปากบวมช้ำคู่นั้น

“เพลง”

“อืม~”

“เพลงครับ”

“หืม?”

“คิดถึงนะ”

“...คิดถึงเหมือนกัน”  มือขาวคู่นั้นประคองใบหน้าเข้มคร้ามแล้วจูบตอบ  เปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกรานเอาคืนบ้าง  สีหราชเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นตอบโต้  พออีกคนถอยห่างเขาก็ตามประกบไม่ให้ห่างหาย  กวาดต้อนจนแทบขาดใจ

“รักนะ”

“อืม~”

“รักเพลง~”  ปลายนิ้วสากสอดประสานเกี่ยวแน่น  ร่างสูงเลื่อนจูบระเรื่อยลงลาดไหล่  ยอดอกสีแดงเข้ม  ก่อนจะแนบริมฝีปากตรงอกซ้ายแล้วเม้มจูบสร้างรอย  “เสียง...หัวใจเต้นแรงจัง”

“เพราะใครกันล่ะ!”

“เพราะสิงห์  หัวใจเพลงเต้นแรงแบบนี้ก็เพราะสิงห์...  เหมือนกันเลย”  มือใหญ่รั้งฝ่ามืออีกฝ่ายให้แนบอกซ้ายตัวเอง  คีตกาลยกยิ้ม  ดวงตาคู่สวยทอประกายฉ่ำหวานรักใคร่อย่างไม่ปิดบัง

ปลายจมูกโด่ง  ริมฝีปากร้อนนาบผ่านหน้าท้องแบนราบ  ขบเม้มสร้างรอยให้เจ้าของสะดุ้งทุกครั้งยามฟันคมครูดไล้  ลมหายใจกระชั้นถี่  ยิ่งเมื่อความร้อนจากริมฝีปากคู่นั้นเข้าครอบครองเบื้องล่าง

“!”  คีตกาลสะดุ้ง  เข่าทั้งสองข้างพยายามหุบเข้าหากันหากแต่ติดร่างหนาของสีหราชที่แทรกอยู่ตรงกลาง  ร่างโปร่งยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอด  ยิ่งปลายลิ้นร้อนลากไล้  โพรงปากอุ่นร้อนขยับโอบอุ้มความแข็งขึงเบื้องล่างเขายิ่งเหมือนจะขาดใจ  อยากผลักไสให้ถอยห่างหากบางครั้งก็อยากให้สีหราชเร่งความเร็วขึ้นอีก  สับสนจนแทบกลั้นไม่ไหว  ความเสียวซ่านแล่นผ่านจากปลายนิ้วเท้าขึ้นไปจนถึงความนึกคิด

“อื้อ!”  ทั้งริมฝีปากทั้งมือ  เร่งเร้าจนคีตกาลทะยานสู่สุดปลายความปรารถนา  ปลดปล่อยความสุขสมจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว  เขาหอบหายใจ  สติพร่ามัวเพราะความสุขสมรุนแรงหากกระนั้นก็ยังเผยอริมฝีปากรับจูบของสีหราช  กลิ่นคาวปร่าเอาเขาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  หัวใจยังเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกอก   สีหราชปล่อยให้เขาได้หายใจเพียงครู่แล้วจูบใหม่อีกครั้ง  ร่างโปร่งที่ยังคงดื่มด่ำกับความรัญจวนนั้นพลันสะดุ้งผวาเพราะปลายนิ้วแกร่งที่เมื่อครู่ยังมอบความสุขให้เขา  บัดนี้เลื่อนปลายนิ้วอันชุ่มไปด้วยความสุขของคีตกาลที่เพิ่งปลดปล่อย..จ่อปลายนิ้วไปยังช่องทางด้านหลัง

“เพลง~”  สะโพกแกร่งบดแทรกให้คีตกาลต้องขยับเรียวขาให้กว้างออกโดยไม่รู้ตัว  ปลายนิ้วสากกดแทรกแผ่วเบา

“อืม!”  คีตกาลขบริมฝีปากแน่นเผลอกลั้นหายใจ

“อ้าปาก”  เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยบอก

“?”

“หายใจทางปาก”  คีตกาลทำตามที่อีกฝ่ายบอก   ปลายจมูกโด่งของสีหราชกดลงข้างแก้ม  ตามแนบริมฝีปากกับติ่งหู  กดจูบขบเม้มจนต้องย่นคอหนี  แล้วเลื่อนไปขบเม้มยอดอกทั้งสองข้างให้ต้องผวาแอ่นกายเพราะความเสียวซ่าน

 “เจ็บ!”  ไม่รู้ว่าสีหราชเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปตอนไหน  คีตกาลสะดุ้งเฮือกเจ็บร้าวเพราะการล่วงล้ำนั้นจนเผลอผลักอกอีกฝ่ายให้ออกห่าง  ความกระสันรัญจวนเมื่อครู่หายวับไปทันที

“ต้องขยายอีกหน่อย  ไม่งั้นเพลงจะเจ็บ”

“!”  เพราะคำพูดนั้นทำให้คีตกาลดันตัวขึ้น  สายตาเหลือบมองความตื่นตัวของสีหราชแล้วให้ตกใจ “ไม่! ไม่ได้หรอก!”

“เพลง~”

“ใหญ่ขนาดนั้นเข้าไม่ได้หรอก!”

“โธ่  เพลง  สิงห์จะตายอยู่แล้วนะ”  เสียงทุ้มแปร่งปร่าด้วยความต้องการอัดแน่นจนแทบล้น

“เอ่อ  ถะ  ถุง  ถุงยางล่ะ?”

“...ไม่มี”

“ไม่มี?”

“ใช่  ไม่มี”  สีหราชนิ่งหากคำตอบนั้นหนักแน่น

“ไม่มีได้ไง?”  คีตกาลยันศอกขึ้น  จ้องมองใบหน้าเข้มคร้ามนั้นคล้ายไม่เชื่อที่อีกฝ่ายพูด

“ถ้าสิงห์มีถุงยางซิแปลก”

“?”

“ถ้าสิงห์มีถุงยางติดตัวก็หมายถึงพร้อมจะมี sex ทุกเมื่อ  แต่ที่สิงห์ไม่มีถุงยางติดตัวเพราะคนที่สิงห์จะมี sex ด้วยมีแค่เพลง”

“......”

“ถ้าไม่ใช่เพลงสิงห์ก็ไม่ต้องการใครทั้งนั้น”

“ก็เลยไม่พกถุง?”

“ใช่”

“เพลงควรดีใจใช่ไหม?”

“แหงซิ”  สีหราชยกยิ้ม  ใบหน้าหล่อเหลา  ดวงตาคมดุจ้องมองเพียงคีตกาลเท่านั้น

“งั้น...วันนี้ก็ผ่านก่อนนะ”

“ห้ะ?”

“ก็ไม่มีถุงยางนี่”

“เพลง!”

“รอมีถุงยางเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

“เพลง  สิงห์จะตายแล้วนะ!”  คีตกาลเบิกตากว้าง  จ้องมองความต้องการที่ตื่นตัวจนแข็งกร้าวของร่างสูงแล้วยกยิ้ม



นี่น่ะแค่การเอาคืนที่เล่นกับความรู้สึกของเขามาตั้งนานยังไงล่ะ!



























สีหราชขบกรามจนขึ้นสันนูน  ความรู้สึกเสียวซ่านพลุ่งพล่านจนแทบล้นทะลัก  ยามที่มือนุ่มคู่นั้นกระชับขยับรูดรั้งหยอกล้อเขาก็แทบควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่  สุดท้ายก็ต้องกระชากร่างโปร่งตรงหน้ามาบดจูบเกี่ยวเรียวลิ้นเล็กให้ตอบสนองโรมรันไม่ยอมให้ผละห่าง  ยิ่งความกระสันซ่านกระหน่ำเขายิ่งบดสะโพกเข้าหามือของคีตกาล  เร่งเร้าให้ขยับเร็วกว่านี้  แรงกว่านี้

“อืม~”  เสียงทุ้มเครือครางในลำคอ  คีตกาลผละใบหน้าออกเพื่อกอบโกยอากาศหายใจ  ยังไม่ทันชุ่มปอดมือแกร่งก็จับท้ายทอยเขาพลางล็อกเอาไว้แล้วกดริมฝีปากลงอีกครั้ง   จูบที่แสนเรียกร้อง  และแสนจะเร่าร้อนของสีหราชทำเอาคีตกาลแทบขาดใจจนต้องเร่งขยับมือที่กอบกุมความแข็งแกร่งนั้นให้เร็วขึ้นอีก   หากสีหราชยังไม่ถึงฝั่งเขาก็คงจะขาดใจตายเสียก่อน!

“อื้อ!”  ความต้องการร้อนระอุสาดกระเซ็น  ลมหายใจร้อนผ่าวหอบกระชั้นของคนตรงหน้าทำเอาคีตกาลถอนหายใจ  เขาเหลือบตามองใบหน้าเข้มคร้ามที่หลับตาของสีหราช  หยาดเหงื่อไหลลงข้างแก้ม  ริมฝีปากหยักเผยอหอบหายใจดูเย้ายวนจนใจเต้น  คนตรงหน้าสุขสมเพราะเขา  ปลดปล่อยความต้องการเพราะเขา   

คีตกาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  พลางเลื่อนสายตาไล่ลงลำคอแกร่ง  ลาดไหล่หนา  แผงอกกำยำ  เอวสอบ  สะโพกเพรียวแล้วส่วนนั้นที่ยังคงแข็งแกร่งตั้งตระหง่าน

“!”  อะไรกันเนี่ย!

“มองแบบนั้นหมายความว่าไง?  อยากได้เหรอ?”  เสียงทุ้มเอ่ยกระเซ้าพร้อมเสียงหัวเราะ   ดวงตาวิบวับคู่นั้นพาให้ใจเต้นแรงอีกครั้ง

“ไม่  ไม่ใช่วันนี้แน่นอน!”  คีตกาลยืนยันเสียงแข็ง  ก็เขาอยากเอาคืนสีหราชนี่นา!

“งั้นต้องรับผิดชอบจนกว่ามันจะสงบ”

“ห้ะ!”

“ไม่งั้น..ต่อให้ไม่มีถุงยางสิงห์ก็จะกอดเพลง”

“!”

ไม่นะ!

กว่าเจ้ามังกรยักษ์นี่จะสงบข้อมือเขาไม่หักก่อนหรอกหรือ!


























แถม

“นี่  แน่ใจเหรอว่าเพลงจะกลับไปที่ไร่อ่ะ?”  ชายชาญเตะขาคนที่นั่งสบายอกสบายใจทิ้งเพื่อนแขนเดี้ยงเอาไว้ที่ไร่คนเดียว

“แน่ใจซิ  อีกอย่างเด็กสายใจฉลาดจะตาย  ฉันแค่สอนนิดๆหน่อยๆ  เขียนโพยให้อีกนิด  รับรองพอไอ้เพลงรับโทรศัพท์แล้วจะวิ่งแจ้นกลับไร่แทบไม่ทัน”

“นี่สิงห์รู้ด้วยไหมที่นายทำ?”

“ไม่รู้หรอก  นี่เป็นการขอโทษในแบบของฉันที่ทำให้ไอ้เพลงมันเตลิดกลับบ้านไปหลายวัน”

“รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองมีส่วนผิด”

“รู้ซิ  ถึงได้แก้ตัวอยู่นี่ไง”  อิ่มเอมเลิกคิ้วมองท่าทางไม่พอใจของคนตัวเล็กก่อนจะตวัดเอวของอีกฝ่ายให้ล้มตัวลงมานั่งบนตักเขา

“ปล่อย!”

“ชู่ว  ไอ้เพลงโทร.มา”

“เอม!  อยู่ที่ไหน?”

“กำลังจะกลับไร่  มีอะไรหรือเปล่า?”  ชายชาญขมวดคิ้วฉับเมื่อฟังคำพูดของเขา    เขาไม่ได้โกหกนะ  เขาพาสีหราชไปโรงพยาบาลจริงแต่...ตั้งแต่เมื่อวานแล้วต่างหาก

“ใครเป็นอะไร  ทำไมไปโรงพยาบาล?”

“มึงรู้ได้ไงมาว่ากูมาโรงพยาบาล?”

“เอาน่า  ตอบมาก่อนว่าใครเป็นอะไร!” 

“ไอ้สิงห์น่ะ”  แขนแกร่งกอดเอวชายชาญแน่นขึ้นเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะดิ้นหนี 

“สิงห์เป็นอะไร?”

“...ก็”

“ก็อะไรเล่า  พูดมาเร็วๆซิ!”

“เฮ้ย  ไอ้เพลง!  มึงก็เงียบแล้วฟังกูซิวะ  ไอ้นี่!”  คำพูดของอิ่มเอมทำเอาชายชาญขมวดคิ้ว  มาดุเพื่อนเขาได้ยังไง!  คนตัวเล็กดิ้นแรงขึ้น  พออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาก็เลยจิกเล็บลงบนท่อนแขนแกร่ง   อิ่มเอมนิ่วหน้าหากยังคงขยับปากพูดคุยกับปลายสายต่อไป

“ไอ้สิงห์มันกระดูกร้าวเพิ่ม  ตอนนี้ต้องมาใส่เฝือกอ่ะ  มือมันบวมมา x-ray ถึงเห็นว่ากระดูกมันแตก”

“กระดูกแตก!”

“เออ  แม่งมันแค่ร้าวแล้วเสือกไม่พักผ่อน  ทำงานหามรุ่งหามค่ำ  ระเบิดลงใส่คนงานทุกวัน  รับม้า-ส่งม้าไม่ว่างสักวัน  งานอะไรแม่งก็แย่งเขามาทำหมด  แล้วไอ้ที่ร้าวๆมันจะหายไหม?  แตกเพิ่มนี่ก็สมควร  สมน้ำหน้ามัน!”

“เอม!”

“เออ!  แตะไม่ได้!  ถ้าไม่อยากให้แตะมึงก็กลับมาดูแลมันซิ   ไอ้นี่ก็ยังกับช้างตกมัน!”

“ก็นายนั่นแหละที่บอกให้ฉันห่างออกมา  แถมหมอนั่นยังไล่ฉันอีก!”

“แล้วจะมาไม่มา?”

“อะไรเล่า?”

“ก็แม่งรำคาญมันแล้ว! เอะอะก็วิ่งพล่านไปทั่วไร่  แม่ง! กูหนีไปอยู่กับชาญดีกว่า!”

“นี่!  เดี๋ยว!  เอม?  เฮ้!”   

 อิ่มเอมกดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนจะหันมากดคนตัวเล็กที่พยศไม่เลิกลงกับโซฟา  มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมเสื้อของชายชาญออกอย่างรวดเร็ว  เพียงพริบตาเดียวร่างขาวโพลนก็ไม่เหลือเสื้อผ้าบนตัวสักชิ้น

“ฉันจะฟ้องคุณศักดิ์ว่านายแกล้งเพลง! อื้อ!”  ฟันคมขบเม้มลงบนจุดสีแดงบนอกขาวแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“ฟ้องเลย  ฉันจะทำให้หมดแรงแม้แต่จะพูดทั้งสองคน!”

“เอม!  อื้อ~”













จบ.









สวัสดีค่ะ^^
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้ว  (โอย   พิมพ์ไปก็มือสั่น แถมเหงื่อออกด้วย!)
อะไรนะ  ยังหวานไม่พองั้นเหรอ?  อ่ะ  อ้ะๆ  เดี๋ยวจัดให้!  ฮฮฮฮา
คือเอาจริงๆทรายห่างหายจากอะไรหวานๆละมุนๆไปนานมาก  เลยฝืดๆติดขัดอยู่พอสมควรค่ะ ฮือออ
อยากให้คู่นี้เขาหวานเยอะกว่านี้นะคะ แต่เหมือนจะมาสายฮาซะมากกว่า  (เป็นงั้นไป)
เอาละ  ยังไงก็จะพยายามชดเชยความหวานในตอนพิเศษให้นะคะ ฮึบ!!!


สุดท้าย
ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านและให้กำลังใจกันเสมอมานะคะ
นับจากเรื่องอสงไขยผ่านมาเกือบ 5 ปีถึงได้มาเริ่มแต่งนิยายอีกครั้ง  เลยต้องเคาะสนิมกันหนักเลยค่ะ
หวังว่าเรื่องนี้จะยังพอตราตรึงใจคนอ่านบ้างแม้สักนิดก็ชื่นใจแล้วค่ะ^^
แม้จะเอ่ยชื่อคนที่ให้กำลังใจได้ไม่หมด แต่ทรายซาบซึ้งใจเสมอ  1เม้นท์สำหรับทรายคือกำลังใจยิ่งใหญ่และคำแนะนำอันมีค่าให้ทรายปั้นแต่งเรื่องราว  ปรับปรุงเนื้อเรื่องให้ดียิ่งๆขึ้นไป

หวังว่าเรื่องต่อๆไปของทรายจะยังสามารถทำให้คุณติดตามอ่านกันอีกครั้งนะคะ

เช่นเคย  สามารถแนะนำ ติติง ชมเชย  พูดคุยกันได้เสมอค่ะ^^
ขอให้สนุกทุกเรื่องราวที่ทรายนำเสนอนะคะ^^
ขอบคุณ



ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 18-05-2016 14:38:23
โอ๊ย...ไม่นะ จบแล้ว ยังฟินไม่พอ ขออีกหน่อย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 18-05-2016 17:14:29
จบแบบไม่ทันตั้งตัวเลย รอตอนพิเศษค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 18-05-2016 17:57:25
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2016 18:37:32
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 18-05-2016 18:38:28
จบเร็วไปหน่อยมั้ยยยยย :z3: ขอตอนพิเศษหวานๆ น้ำตาลท่วมด้วยน๊า :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 18-05-2016 18:46:13
แอร๊ย ขอเปลี่ยนชื่อเป็นพายุพัดหวน สนุกมากค่ะ แต่ขอ รอ วันที่ พี่สิงห์ได้กอดน้องเพลงนะคะ ขอบคุณมากสำหรับนิยายน่ารักๆ หวานๆฮาๆ ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-05-2016 20:29:35
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-05-2016 20:38:47
รักพัดหวน น้อยไปนะะะะะะ  :katai1: :ling1:
ดีกันแล้ว รักกันแล้ว ขอรักนานๆ หน่อย  :mew1:
สิงห์ไม่พอใจแค่นี้ คนอ่านก็เหมือนกัน ลุ้นมานานแล้ว
ขอตอนพิเศษให้อิ่มเอมใจทั้งสิงห์ ทั้งคนอ่านนะ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 18-05-2016 20:40:47
จบแล้ววว. อยากได้ตอนหวานๆเพิ่มอ่ะ

สงสารสิงห์เล็กน้อย แต่สมน้ำหน้าที่อด
เพลงก็คือเพลง เอาคืนเจ็บแสบ
แต่ลำบากมือตัวเองมั้ย :z1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-05-2016 21:32:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: arnis ที่ 18-05-2016 22:08:28
จะรอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 18-05-2016 22:41:21
 :pig4: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 18-05-2016 23:09:46
ฟินนนนนน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-05-2016 23:16:42
ขำเพลงที่ยังคิดอยากจะกดสิงห์
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-05-2016 00:06:40
จบเร็วไปอ่าไม่ยอมนะ ในที่สุดสิงห์กับเพลงก็แฮปปี้กันซะที รักคนเขียนขอบคุณที่มาต่อจนจบ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-05-2016 00:32:44
ขอบคุณค่ะ รอตอนพิเศษนะคะ

อยากอ่านเรื่องของพี่ครามกับอุ่นอรุณด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 19-05-2016 00:48:34
สงสารพี่สิงห์จัง จบแล้วก็ยังไม่ได้กินน้องเพลง  :z1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-05-2016 01:03:21
สงสารสิงห์ก็สงสาร เสียดายถุงยางไม่มี โถถ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-05-2016 15:18:08
 :pig4: :pig4: :3123: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Jindkyp ที่ 20-05-2016 16:11:30
ซึ้งใจที่สิงห์รักเพลงมาก ยอมเพลงหมดทุกอย่างเลย
ชีวิตตอนเด็กของสิงห์น่าสงสารจัง ตอนอ่านนี่เศร้าตามเลย อยากอ่านตอนพิเศษ ขอหน่อยย 
เป็นกำลังใจให้จ้า :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 20-05-2016 21:12:19
รักคนเดิมคนเก่าคนเดียว
ในที่สุดก้อคืนดีสมบูรณ์
รีบตัดจบเกินไปแล้ว
ยังไม่ค่อยได้หวานกันเลย

ปล อยากอ่านคู่พี่คราม&อุ่น รีบเปิดอีกเรื่องทีน้า
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-05-2016 00:42:28
ขอบคุณมากจริงๆๆๆสนุกมาก :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:แล้วจะรอผลงานต่อไปนะคับ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11 ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 22-05-2016 19:27:27
 :mc4: จบแล้ววววว  o13

ตอนพิเศษสู้ๆ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: bloodrain ที่ 31-05-2016 11:10:38
จะรอตอนพิเศษอย่างใจจดจ่อนะค๊าาา

ชอบคู่3P รองจริงๆเลยค่ะ แซ่บบบบเว่ออออรร์์  :haun4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 31-05-2016 14:22:53
รอตอนพิเศษหวานๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 03-06-2016 04:50:40
อ่านตอนแรกๆก็สนุกนะ แต่พอตอนหลังๆยิ่งอ่านยิ่งเบ้ปาก 
 :katai1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 03-06-2016 21:07:10
งงค่ะ ทำไมนายเอกเดีษยวช่่อเพลงบ้าง คีย์บ้างคะ?
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 04-06-2016 09:40:43
จบแบบนี้เลย ทำไมรู้สึกค้างอ่ะ มันไม่สุด แต่สนุกดี
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 04-06-2016 09:55:15
- รักพัดหวน -

ตอนพิเศษ   ลมเพชรหึง





“.....”  คีตกาลลืมตาขึ้นมอง   เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามยังคงหลับใหล  เขาเหลียวมองรอบตัวแล้วเหตุการณ์เมื่อคืนจึงแล่นเข้าสู่สมองอีกครั้งให้หน้าร้อนผ่าว   ร่างโปร่งสลัดผ้าห่มกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วเผ่นแผล็วออกจากห้องด้วยกลัวอีกคนจะลืมตาขึ้นมา  หากเป็นอย่างนั้นตัวเขาคงระเบิดเพราะความร้อนบนหน้าแน่ๆ   หลังอาบน้ำจนออกมานั่งที่โต๊ะทานข้าวเขายังไม่เห็นสีหราชออกมา  ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงจนสายใจตั้งสำรับเสร็จเขาจึงอดรนทนไม่ไหว

“เจ้านายของสายใจไม่ออกมาทานข้าวหรือ?”

“เอ  หรือว่าคุณสิงห์จะมีไข้คะ?”  สายใจเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยบ้าง  เพราะเมื่อวานคุณสิงห์ของเธอไปโรงพยาบาลมาอีกรอบ   
คีตกาลขมวดคิ้ว  ไข้ขึ้นหรือ?  เมื่อวานไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไข้นะ  เพราะยังสามารถสู้รบปรบมือกับเขาจนเขาข้อมือแทบหักได้!

“อืม  เดี๋ยวไปดูเอง”  พอเขาลุกขากเก้าอี้ เด็กสายใจก็ยิ้มแป้นจนปากแทบฉีกถึงหู  ไม่รู้ว่าจะดีใจอะไรนักหนา
คีตกาลเคาะประตูอยู่สอง-สามครั้งจึงได้ยินเสียงจากด้านในเอ่ยอนุญาต

“ไม่ออกไปทานข้าวหรือ?”

“ก็....”  ร่างสูงชูมือข้างที่เข้าเฝือกให้ดู  “จำไม่ได้ว่าเอาสายคล้องไปไว้ที่ไหน  อีกอย่างดูเหมือนมือจะบวมขึ้น  ....สงสัยออกแรงมากไป”  จบประโยคริมฝีปากหยักคู่นั้นจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาวิบวับ  ทำให้คีตกาลต้องถลึงตามองพร้อมแก้มขึ้นสีเรื่อ  ไอ้ประโยคเย้านั่นคิดว่าจะทำให้เขาเขินได้อย่างนั้นหรือ?  แน่นอนว่า...เขาเขิน!  แต่เรื่องอะไรจะยอมรับกันเล่า

“สมน้ำหน้า!  ข้อมือหักยังไม่เจียมสังขาร!”

“เพราะเจียมสังขารหรอกถึงได้ให้เพลงออกแรงมากกว่าไง”  ไม่พูดเปล่าเจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาใกล้   ชิดเสียจนได้กลิ่นสบู่จากร่างโปร่งตรงหน้า

“ไอ้บ้า!”

“จนกว่าจะหายคงต้องรบกวนเพลงอีกหลายครั้งแน่ๆ”  ไม่พูดเปล่า  จมูกโด่งยังขยับจ่อชิดลงบนกลุ่มผมนุ่ม  ละเรื่อยขมับและข้างแก้มร้อนผ่าว  คีตกาลถลึงตามองจนแทบจะถลนออกจากเบ้าร่างสูงก็หามีความกลัวสักนิดไม่

“เดี๋ยวจะแช่งให้มือใช้การไม่ได้ตลอดชีวิตเลย!”

“งั้นเพลงคงต้องลำบากแล้วล่ะ  ถ้าเกิดสิงห์ให้ความสุขเพลงได้ไม่เต็มที่เพลงจะแย่เอานะ”

“ฮึ่ย! วกลงใต้เข็มขัดตลอด!”  มือขาวดันคางได้รูปจนใบหน้าหล่อเหลาแหงนหงายแล้วผละออกไปให้พ้นรัศมีวงแขนแกร่งที่เริ่มเลื้อยกอด   สีหราชหัวเราะเสียงดังกับท่าทางนั้น   คีตกาลแยกเขี้ยวก่อนจะก้มลงหยิบบางอย่างออกจากใต้เตียง   ...สายคล้องแขนของสีหราชนั่นเอง    ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองแล้วหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง

“อื้อหือ  นี่เราร้อนแรงขนาดสายคล้องแขนกระเด็นไปตกใต้เตียงเลยหรือนี่?”  ดวงตาคมดุพราวระยับไม่คลายการหยอก
ล้อ  “โอ๊ะ!”  ก่อนจะสะดุ้งเพราะคีตกาลโยนสายคล้องนั้นใส่หน้า   ยิ่งเสียงใสๆนั่นบ่นงึมงำว่าเขาลามกเขาก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นไปอีก





ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง  วันพรุ่งนี้ก็จะครบกำหนดสามอาทิตย์ที่สีหราชจะเอาเฝือกออกแล้ว  เขาดีใจเป็นบ้า!  แต่ว่า...ในความดีใจยังมีความประหวั่นพรั่นพรึงผสมอยู่มิใช่น้อย  การที่สีหราชใช้มือได้ข้างเดียวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายเอาเปรียบเขาได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ  ไม่ว่าจะบังคับให้เขาอาบน้ำให้  ป้อนข้าวหรือแม้แต่...การจัดการความรุ่มร้อนแข็งขืนดุดันนั้น  มีข้อดีอยู่อย่างคือคีตกาลยังรอดพ้นจากการโดนกอด...เอาจริงๆนะ...เขายังทำใจได้ไม่สนิทนักถึงแม้ว่าจะแอบมีอารมร์ร่วมตอนช่วยเหลืออีกฝ่ายยามอารมณ์พลุ่งพล่าน  แหม  ใบหน้าเข้มคร้ามของสีหราชยามอาบไปด้วยความสุขสุมนั้นน่าดูน้อยเสียเมื่อไหร่  มันโคตรจะเซ็กซี่มากๆเชียวละ!

แล้วถ้าพรุ่งนี้เอาเฝือกออกแล้ว   แล้วเขาจะหาข้ออ้างอะไรมาหลีกเลี่ยงสีหราชต่อ  ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีอะไรกับสีหราชหรอกนะ  เขาแค่อยากเป็นฝ่ายรักมากกว่าเท่านั้นเอง!

“อ๊ะ!”  ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อความหยุ่นอุ่นประทับลงบนซีกแก้ม  แล้วร่างสูงทางด้านหลังจึงเคลื่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดไป

“คิดอะไรอยู่?”  สีหราชอมยิ้มกับท่าทางเหนื่อยอ่อนของอีกฝ่าย  พลางเลื่อนถ้วยสละลอยแก้วแช่เย็นสองถ้วยฝีมือป้าแช่มไปตรงหน้าฝ่ายนั้น  คีตกาลยันกายลุกนั่งตัวตรง  มองถ้วยของหวานตรงหน้าพลางส่งค้อนให้คนตัวโตกระนั้นก็ยังหยิบช้อนตักลูกสละป้อนให้ 

“พรุ่งนี้จะได้เอาเฝือกออกแล้ว”

“อืม  ดีใจใช่ไหมล่ะ คราวนี้สิงห์จะได้กอดเพลงเต็มแขนเสียที”

“ฮึ่ย! ว่าแต่ได้เจอคุณแพรวบ้างไหม?”  คีตกาลเสเปลี่ยนเรื่อง   สีหราชซึ่งกำลังอารมณ์ดีถึงกับขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม

“ไม่เจอ!ทำไม?”  เหมือนรับรู้ได้ว่าคนตัวโตอารมณ์ขุ่นคีตกาลจึงตักของหวานจ่อป้อนเร็วขึ้นอย่างเอาใจ

“ก็แค่จะขอโทษคุณแพรวเรื่องตอนนั้นเท่านั้นเอง”

“....พรุ่งนี้หลังหาหมอแล้วค่อยแวะไปหาก็ได้”  แม้ไม่ค่อยพอใจให้คีตกาลไปพบหญิงสาวมากนัก หากสีหราชคิดว่าการที่คีตกาลขอโทษฝ่ายนั้นเป็นเรื่องต้องทำอย่างยิ่ง    “แค่ไปเจอหน้า  ขอโทษแล้วก็กลับเท่านั้นนะ!”  ไม่วายสั่งกำชับทิ้งท้าย คีตกาล
หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ







หลังเอาเฝือกออกสีหราชผู้ทนความเหม็นอับชื้นของแขนตัวเองไม่ไหวขอตัวแยกไปเข้าห้องน้ำหลังจอดเข้าห้างเพื่อแวะซื้อของกลับไร่  คีตกาลผู้ที่แกล้งบ่นเหม็นยกยิ้มชอบใจก่อนจะลากรถเข็นไปซื้อของ  พลันสายตาเห็นเงาร่างโปร่งระหงของหญิงสาวกำลังเลือกแชมพูอยู่ข้างหน้า

“คุณแพรว?”

“คุณคีย์?”  หญิงสาวหันมามองเขา  เงียบไปอึดใจจึงส่งยิ้มให้แล้วเอ่ยขอตัว

“เดี๋ยวครับ!  คือผม...”

“คะ?”

“คือผมอยากขอโทษคุณเรื่องคราวก่อน  ผมคงทำให้คุณแพรวรู้สึกแย่  เป็นผมเองที่นิสัยไม่ดี ผม...”

“พอเถอะค่ะ”  แพรวพรรณยกยิ้มอีกครั้ง  คราวนี้ดูจริงใจไม่ฝืดฝืน “แพรวมานั่งคิดดูแล้ว  ที่คุณคีย์ทำแบบนั้นเพราะส่วนหนึ่งคงเข้าใจแพรวผิดด้วย   ใช่ไหมคะ?”

“ก็...ครับ”

“แพรวเองก็มีส่วนผิดที่พูดไม่ชัดเจน  ว่าแพรวชอบคุณคีย์และเข้าหาสิงห์เพราะอยากให้ช่วยเรื่องคุณ”

“คุณแพรวชอบผม?”

“ค่ะ  แต่คุณคีย์เข้าใจว่าแพรวชอบสิงห์ซินะคะ?”

“....ครับ”  คีตกาลยิ้มแหย

“ดังนั้นคุณก็เลยหึง  คว้าคอสิงห์มาจูบต่อหน้าต่อตาเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ”  แพรวพรรณยิ้ม  ยกนิ้วแตะคางนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

“....ง่า  ครับ  ผมขอโทษจริงๆนะที่ทำให้คุณรู้สึกแย่เพราะอารมณ์ชั่ววูบของผมทีเดียว...”

“ค่ะ   แพรวยกโทษให้”  หญิงสาวยักไหล่  คีตกาลก้มหน้ายกมือขึ้นเกาหัวอย่างเก้อเขินก่อนจะสะดุ้งเมื่อไหล่โดนคว้ากระชัดจนไหล่อีกข้างกระทบแผ่นอกแข็งแกร่งของผู้มาใหม่

“สวัสดีครับคุณแพรว”

“สวัสดีค่ะสิงห์”  หญิงสาวยิ้มแย้มทักทายร่าเริงเหมือนเช่นเคย  หากสายตาเหลือบมองมือใหญ่ที่คว้าไหล่คีตกาลไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของโจ่งแจ้ง

“มาซื้อของหรือครับ?”

“ค่ะ แพรวมาทำธุระแถวนี้เลยแวะซื้อแชมพูเสียหน่อย  หมดพอดี”

“อืม  งั้นเพลงเลือกสักขวดซิ”

“หืม?  แชมพูเหรอ?”  คีตกาลผู้พยายามแกะคีมเหล็กออกจากไหล่ตัวเองเงยหน้าขึ้นมองคนพูด

“ใช่  ที่ห้องเราหมดเหมือนกัน”

“แล้วเอายี่ห้อไหนล่ะ?”  คีตกาลลืมท้วงคำว่า ‘ห้องเรา’ เพราะยังงงกับท่าทีของสีหราชอยู่

“เพลงใช้อันไหนล่ะ?”

“ก็...อันนั้น”  คีตกาลไปยังช่องถัดไปซึ่งวางแชมพูยี่ห้อที่เขาใช้ประจำอยู่  ก็ไม่รู้ว่าสีหราชจะถามทำไม

“งั้นก็เอาอันนั้นแหละ”

“ฮื่อ?”

“เพลงใช้อันไหนสิงห์ก็ใช้อันนั้นแหละครับ  ไหนมาดมดิ”   ไม่พูดเปล่าสีหราชคว้าหัวคีตกาลมาดมแล้วทำท่าชื่นอกชื่นใจให้คนโดนดมหัวยืนนิ่งค้างเพราะตกใจทำอะไรไม่ถูก  “หอมดี”  ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง  ไม่สนใจหญิงสาวอีกคนที่ยืนมองอยู่

“สิงห์!”  คีตกาลดันคนตัวโตให้ออกห่าง  เหลือบมองแพรวพรรณที่ยังคงยืนยิ้มอยู่จุดเดิม  “คือ...เอ่อ...”

“คะ?”

“จริงซิ  ใกล้เที่ยงแล้ว  เราไปทานข้าวกันดีกว่าครับ  นะคุณแพรว!”

“ค่ะ”  แพรวพรรณยังคงยิ้มหวานต่างจากสีหราชซึ่งรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าทันทีที่แพรวพรรณรับปากไปทานข้าวด้วยกัน    หญิงสาวยกยิ้ม  เหลือบมองร่างสูงของสีหราชแล้วเลิกคิ้วยั่วเย้า  คิดจะแกล้งเธออย่างนั้นหรือ  ไม่มีทางเสียละ  ตอนนี้เธอจะแกล้งคืนบ้าง!  นี่แค่ดอกเบี้ยที่ไม่ยอมบอกความจริงเรื่องที่ตัวเองก็รักคุณคีย์เหมือนกันให้รู้  ปล่อยให้เธอเต้นไปเต้นมากับความรู้สึกนั้นอยู่ได้!





“คุณแพรวทานนี่ซิครับ  อร่อยนะ”  อาจจะเพราะด้วยความรู้สึกผิดก่อนหน้าคีตกาลจึงเอาใจหญิงสาวตลอด  คอยตักนู่นเติมนี่ไม่ขาด  จนสีหราชผู้ที่นั่งข้างๆถึงกับกรอกตาอย่างไม่ชอบใจ

“ของโปรดของเพลงทั้งนั้นแหละครับ”  สีหราชกล่าวบางตักใส่จานคนข้างๆ

“นี่! เอ่อ  คุณแพรวทานได้ไหม?”

“คุณคีย์ทานได้แพรวก็ทานได้ค่ะ”   

จนเมื่อทานอาหารเสร็จและสีหราชเรียกบริกรมาคิดเงิน  แพรวพรรณก็ยังทำท่าไม่อยากจากไป  หญิงสาวจ้องมองคีตกาลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากถาม

“แพรวได้ยินสิงห์เรียกคุณคีย์ว่าเพลง”

“ครับ?”

“ตกลงคุณคีย์มีสองชื่อหรือคะ?  หรือจริงๆแล้วชื่อเล่นคือ เพลง?”

“เอ่อ  ก็พ่อกับแม่มักจะเรียกว่าเพลงน่ะครับ”  ชายหนุ่มบอกปัด  เขาเหลือบมองคนด้านข้างซึ่งบัดนี้หน้าตาบอกบุญไม่รับเสียแล้ว

“เพลง....ถ้าอย่างนั้นแพรวเรียกคุณว่าเพลงบ้างได้ไหมคะ?”

“ไม่ได้!”  คีตกาลอ้าปากค้าง  หากคนตอบคือสีหราชที่ใบหน้าบึ้งตึง  เขาจ้องจองแพรวพรรณเขม็ง  หากหญิงสาวเพียงยิ้มรับ “ชื่อเพลง มีแต่คนในครอบครัวและสนิทสนมเท่านั้นที่เรียกได้!”

“อืม  แต่คุณสิงห์เป็นแค่ ‘เพื่อน’ นี่คะ  ไม่ใช่คนในครอบครัวเสียหน่อย”  แพรวพรรณเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้  เธอหันมาจ้องตาสีหราชตอบ  ริมฝีปากยังคงไม่คลายรอยยิ้ม

“เมื่อก่อนน่ะเพื่อน  แต่ตอนนี้   นับจากนี้ไปผมกับเพลงคือคนคนเดียวกัน  และผมมีสิทธิ์สงวนไม่ให้ใครเรียกชื่อนี้ของเขา!”

“นี่!”  คีตกาลทำได้แต่เพียงส่งเสียงห้ามปรามคนข้างๆ  เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกิดอารมณ์เสียอะไรขึ้นมาถึงได้หงุดหงิดเอากับแพรวพรรณอย่างนี้   ช่วงก่อนยังเห็นญาติดีกันอยู่แท้ๆ

“กลับ!”

“หะ?  เอ่อ  คุณแพรว  แล้วไว้พบกันใหม่นะครับ”  คีตกาลโดนฉุดกระชากให้ลุกออกจากโต๊ะ  เขาได้แต่ลุกขยับเดินตามแรงรั้งนั้นก่อนจะหันมาลาหญิงสาวซึ่งยังคงยิ้มมองส่งพวกเขาเดินออกไป

แพรวพรรณส่ายหัว  มองท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของสีหราชแล้วให้นึกขำ  ดูเอาเถิด  บทจะหึงก็หึงไม่ใช่เล่นเลยผู้ชายคนนี้  ทั้งๆที่ก่อนหน้ายังรักษาท่าทีสุขุมเอาไว้ได้ดี  สงสัยเพราะตกลงปลงใจกับคีตกาลได้แล้วกระมังอากัปกิริยาการแสดงออกจึงชัดเจนโจ่งแจ้งแบบนี้...  หลังจากนี้สงสัยคีตกาลคงจะเดือดร้อนเพราะแรงหึงหวงแน่ๆ  หึ  อย่ามาสบประมาทการเอาคืนของผู้หญิงเชียวนะ!

หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับตัวเอง  เอาคืนทีเดียวสองคนแบบนี้ก็ถือว่าทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง  แต่ยังไม่ทั้งหมดหรอกนะ  มาทำให้เธอเสียเซลฟ์แล้วรักกันเองแบบนี้....ต่อจากจะแกล้งปั่นหัวให้วุ่นเลย!






“นี่  เป็นอะไรไป ทำไมถึงเสียมารยาทกับคุณแพรวอย่างนั้นล่ะ?”  คีตกาลเอ่ยถามหลังจากขึ้นรถมาแล้ว   สีหราชเหลือบตามองไม่พอใจ  ทีเมื่อก่อนเห็นแกล้งเขาตั้งหลายอย่างทีอย่างนี้มาทำต่อว่าเขาอย่างนั้นหรือ?

“หรืออยากจะให้พูดจาฉอเลาะกับเขา?”

“...ก็ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่...”

“เลิกพูดถึงคุณแพรวเสียที!”

“หงุดหงิดอะไรเล่า?”  อย่ามาทำเสียงดังใส่เขานะ!

“ก็ไม่เห็นหรือไงว่าเขายังไม่ตัดใจจากเพลงน่ะ!”

“เอ๊ะ  แต่..”

“แล้วก็ไอ้ที่เขาขอเรียกว่า ‘เพลง’ น่ะ  ท่าทางลังเลแบบนั้นคิดจะให้เขาเรียกหรือไง?”

“ไม่ใช่นะ เพลงไม่ได้จะให้เขาเรียกชื่อนี้เสียหน่อย”

“ไม่รู้แหละ  สิงห์หวง!”

“อะไรนะ?”  คีตกาลเบิกตากว้างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา  เมื่อก่อนตอนคบกันสีหราชไม่เคยมีท่าทีรุนแรงแบบนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง  อาจจะมีบ้างที่หึงหวงแต่มักจะเป็นแบบเงียบเรียบร้อยกว่านี้เยอะ





หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ลมพัดครั้งที่14 จบ [18/5/59] หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 04-06-2016 10:02:35
..

พอถึงบ้านคีตกาลก็ถูกคนตัวโตลากเข้าห้องทันที  ร่างโปร่งกำลังจะอ้าปากถามว่ารีบร้อนอะไรนักหนาริมฝีปากพลันโดนปิด  ความอุ่นร้อนบดคลึงจนต้องเผยอริมฝีปากให้ความเร่าร้อนแทรกผ่าน  ปลายลิ้นเกี่ยวพันเรียกร้องกวาดทั่วโพรงปาก  จูบเร่งเร้าทำให้หายใจหายคอแทบไม่ทัน   ร่างสูงเบียดกายเข้าหา  ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้หลังเอวพลางดึงชายเสื้อให้พ้นขอบกางเกงแล้วล้วงแตะต้องเย็นชื้นของคีตกาลให้เจ้าของร่างสะท้านกายเพราะความร้อนจากฝ่ามือนั้น  เสียงจูบสะท้อนก้องแข่งกับเสียงหายใจที่เริ่มดังขึ้น  ร่างโปร่งสะดุดล้มหงายหลังบนเตียง  ไม่รู้ว่าสีหราชเบียดเขาจนถอยหลังมาขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน  หากไม่รอให้คีตกาลได้ทักท้วง  ร่างสูงใหญ่ของสีหราชก็ตามทาบทับลงมาทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ผละห่างจากกัน


ความเย็นแตะไล้ผิวทำให้คีตกาลรู้ว่าเสื้อถูกปลดออกจากตัวไปแล้ว  คราวนี้เข็มขัดก็ถูกถอดออกโดยฝีมือของคนตัวโต  มือขาวขยับแตะมือใหญ่รั้งไว้ไม้ให้ลงมือปลดกางเกงเขาออกไปง่ายๆ  หากสีหราชกลับบดจูบกลืนกินเขาอีกครั้ง  คราวนี้สติซึ่งมีอยู่น้อยนิดพลันเลือนหาย  คีตกาลจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้  เรียวขาเปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตาสีหราช  ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก  หัวใจเต้นระรัวแรงจนร้าวไปทั้งอก  ร่างสูงก้มลงจูบริมฝีปากแดงช้ำ  ข้างแก้ม ซอกคอหอมกรุ่น  แอ่งชีพจร  ลาดไหล่และแผ่นอกขาวของร่างข้างใต้อย่างหลงใหล  ขบเม้มฝากรอยตรงอกซ้ายให้เจ้าของกายผวาห่อตัว  คีตกาลแตะอกกว้างคนด้านบนให้ออกห่าง  พอสัมผัสได้ว่าสีหราชยังคงสวมเสื้อผ้าครบชุดพลันให้รู้สึกโมโหขึ้นมา  ทำไมมีแต่เขาที่เปลือยทั้งตัวเล่า!


ร่างโปร่งขยับกายขึ้น  ตวัดแขนคล้องลำคอสีหราชแล้วพลิกกายทาบทับเปลี่ยนเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน  ดวงตาคมดุฉายแวววาบหวาม ยั่วเย้า  ฉ่ำเยิ้มตามแรงอารมณ์ที่พัดโหม  เขาก้มลงจูบริมฝีปากหยักคู่นั้นอย่างหมั่นเขี้ยวมือก็ปลดกระดุมเสื้อออกจากตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  รวมถึงกางกางซึ่งคนตัวโตก็ให้ความร่วมมือโดยยกสะโพกจนมันไปกองอยู่ปลายเท้า  มือใหญ่จับรั้งศีรษะไม่ให้คีตกาลผละออก  สีหราชเรียกร้องจูบจนเขามัวเมา  ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้  บดปลายนิ้วลงบนยอดอกสีแดงก่ำ  อีกข้างสัมผัสกอบกุมความร้อนผ่าวเบื้องล่าง  ขยับมือเร่งเร้าให้ความร้อนโหมกระพือ


สีหราชขบกรามแน่น  ความเข้มแข็งขึงขังผงาดชูโชน  ลมหายใจหอบกระชั้น  ชายหนุ่มละมือจากด้านหน้ามากุมสะโพกหนั่น  กดให้ความร้อนผ่าวของสองคนสัมผัสกัน  แล้วขยับสะโพกเสียดสี

“อื้อ!”  คีตกาลส่งเสียงครางเครือในลำคอ  ผละริมฝีปากบวมช้ำเพื่อสูดลมหายใจ  ดวงตาปรือปรอยจ้องมองคนด้านล่างที่แสนยั่วยวน  สีหราชตอนนี้เซ็กซี่จนร้ายกาจ  ผิวคร้ามขึ้นสีไปทั่วกาย  ดวงตาคมดุจ้องมองราวกับจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว  จมูกโด่งเป็นสันสูดลมหายใจเข้าลึก  ริมฝีปากหยักฉ่ำน้ำดึงดูดล่อหลอกให้ลิ้มชิมรส  อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงยั่วเย้าให้คีตกาลต้องก้มลงไปจูบเพื่อฝากรอยรักคืนบ้าง

“เพลง  ขยับอีกนิด~”  เสียงทุ้มแหบพร่า  ยกสะโพกสอบให้แนบสนิทกับคนด้านบนมากขึ้น  คีตกาลหน้าแดง  ความรัญจวนแล่นพล่านจากปลายเท้า  ร่างโปร่งกดความรุ่มร้อนบดเบียดเข้าหา  สีหราชอ้าขาออกกว้างเพื่อให้คนด้านบนแทรกกายเข้ามาสัมผัสแนบชิดมากขึ้น  ยิ่งคีตกาลขยับเสียดสีเร็วเท่าไหร่  เสียงครางเครือของสีหราชยิ่งดังขึ้นเท่านั้น  คีตกาลมองภาพตรงหน้าด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ   สีหราชน่ากอดเกินไปแล้ว!

ช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมาคีตกาลเอาแต่ครุ่นคิดตลอดถึงเรื่องตอนนี้  เขาอยากกอดสีหราชนั้นแน่นอนอยู่แล้ว  หากก็ทำใจเผื่อเป็นฝ่ายโดนกอดเอาไว้จึงได้ไปปรึกษาชายชาญเงียบๆ  หากวันนี้สีหราช
ยอมให้เขากอดคงเป็นเรื่องดีสุดๆอย่างแน่นอน   ร่างโปร่งจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขบกรามแน่น  อารมณ์พุ่งทะยานสูงเกือบถึงปลายทาง  เขายังไม่อยากปลดปล่อยตอนนี้  เขาอยากจะกอดสีหราชก่อนแล้วค่อยไป   ดวงตาเรียวเหลือบมองกระเป๋าสตางค์ที่แอบซ่อนถุงยางอนามัยเอาไว้  หัวเตียงก็แอบซ่อนเจลไม่ให้เจ้าของห้องรู้

คนด้านบนรั้งเกี่ยวใต้เข่าให้คนข้างใต้ขยับขาอ้ากว้างขึ้นอีกนิดพลางเคลื่อนกายคว้าบางอย่างทางหัวเตียง  สีหราชหลับตา  ข่มกลั้นความรู้สึกอยากปลดปล่อยเอาไว้สุดความสามารถ  มือแกร่งกดสะโพกเพรียวของคีตกาลเข้าหาตัว  อีกข้างรั้งให้ร่างโปร่งก้มลงจูบอีกครั้ง   

คีตกาลที่คว้าบางอย่างเอาไว้ในมือจับสิ่งนั้นยังไม่ทันถนัดมือก็ถูกรั้งให้จูบ  แขนขาวยันกายเอาไว้ไม่ให้ล้มทับร่างข้างใต้  อยากควานหาสิ่งที่หล่นลงบนเตียงเมื่อครู่ก็จนปัญญาด้วยคนตัวโตตวัดกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน  เสียดสีสะโพกเร่งเร้าจนต้องหอบคราง  จังหวะที่จะถึงปลายทางพลันคล้ายโลกพลิกตลบหมุนคว้าง  คีตกาลกลับกลายเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่างโดยมีร่างหนาของสีหราชคร่อมอยู่ด้านบน

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม  ดวงตาคมดุหรี่ปรือ  ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปาก  ท่าทางนั้นทำเอาคีตกาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  มือหนาหยิบบางอย่างที่คีตกาลพยายามควานหาเมื่อครู่มาไว้ในมือ  ก่อนจะเปิดฝาแล้วบีบเจลใสใส่เต็มฝ่ามือตัวเอง

“อา~  สิงห์?”  สีหราชโยนหลอดเจลที่เหลือทิ้งอย่างไม่ไยดี  ก่อนจะรั้งเรียวขาขาวข้างหนึ่งขึ้นแล้วป้ายเจลใสเย็นลงบนความตื่นตัวของร่างโปร่ง   คีตกาลยันศอกขึ้นอยากเอ่ยท้วงหากปลายนิ้วแข็งแกร่งที่ชโลมเจลพลันสอดแทรกกดลึกลงไปทางเบื้องหลังอันคับแน่น “อื้อ!”

“เพลง  ผ่อนลมหายใจหน่อยครับ”  เสียงทุ้มยังคงแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์

“สิงห์  ดะ  เดี๋ยวก่อน  ถะ  ถุงล่ะ?” ร่างโปร่งยังพยายามหาทางรอดแม้จะไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าจะหยุดยั้งอารมณ์คนตรงหน้าได้หรือไม่ 

“สิงห์เตรียมเอาไว้แล้ว”

“ห้ะ?”  ช่วงจังหวะที่คีตกาลตกใจ   จำนวนนิ้วที่เพิ่มขึ้นก็กดแทรกเข้ามา  หมุนขยับให้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก

“มีมากพอที่สิงห์กับเพลงจะทำกันได้ทั้งเดือนเลยล่ะ”

“!”








เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสีหราชจะหื่นได้ขนาดนี้!

คีตกาลขบริมฝีปากแน่น  พยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้สุดความสามารถ  พลางเหลือบมองกล่องถุงยางอนามัยกองพะเนินข้างเตียงแล้วอยากจะถามอีกฝ่ายเหลือเกินว่า ไปเหมามาหมดร้านหรืออย่างไร?  ทุกชนิดทุกแบบทุกกลิ่นกองสุมรวมกันเต็มไปหมด!

“บะ  เบา  สิงห์เบาหน่อย  อื้อ!”  ร่างโปร่งโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น  เสียงใสบัดนี้แหบพร่าขาดห้วงเอ่ยทัดทาน  แขนขาวยกดันอกแกร่งหากอ่อนแรงจนกลายเป็นแปะเอาไว้เฉยๆ  หยาดเหงื่อร้อนจากคนด้านบนหยดลงบนผิวหลอมรวมเป็นหยาดเดียวกัน

ความเจ็บที่ราวกับจะฉีกร่างให้ขาดออกจากกันค่อยเจือจางยามเมื่อความแข็งขึงบดเบียดแตะโดนจุดหนึ่งในเบื้องลึก  ความเสียวซ่านแล่นปราดจนแทบมองเห็นแต่ความขาวพร่างพราว  ยิ่งสีหราชกดย้ำจุดนั้นคีตกาลก็แทบดิ้นพล่าน ผวากอดร่างแกร่งพร้อมหยาดน้ำตาเอ่อคลอ    ริมฝีปากบวมช้ำเผยอหายใจ  ดวงตาหรี่ปรือจากความรัญจวนที่สาดซัดอาบไล้ไปทั้งกาย

“เพลง  อืม~ รัก  รักเพลง  อ๊ะ!”  ยิ่งเอ่ยคำว่ารัก  แรงบีบรัดยิ่งแน่นจนเขาแทบถึงจุดหมาย  สีหราชขบกรามแน่นตวัดรั้งร่างโปร่งเข้ามากอด  แนบจูบลงบนซอกคอ  ขบเม้มสร้างรอย  ระรัวเร่งโหมความเร่าร้อนไม่ยั้ง  กดลึก บดเบียดย้ำแรงแทบหายใจไม่ทัน  ยิ่งฝ่ามือหยาบกอบกุมรูดรั้งคนด้านล่างยิ่งแทบขาดใจ

คีตกาลยกแขนขึ้นกอดตอบคนด้านบน  กรีดปลายเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างยามเมื่ออารมณ์โหนทะยานสูง   ขาขาวเกี่ยวกระหวัดสะโพกสอบแน่น   ร่างโปร่งผวาฝังคมเขี้ยวลงบนกว้างเมื่อปลดปล่อยหยาดอารมณ์   ความสุขสมนั้นทำเอาคีตกาลแทบหมดสติ

สีหราชกอดคนในอ้อมแขน  จูบขมับปลอบประโลมอยู่ครู่ใหญ่  เลื่อนริมฝีปากแนบลงบนเปลือกตาที่ปรือแทบปิดเพราะความเหนื่อยล้า  จมูกโด่งสวย  ไฝข้างแก้มและริมฝีปากแดงช้ำ  แผ่วเบาทนุถนอมผิดกับความร้อนแรงเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง  ลมหายใจหอบกระชั้นยังไม่ทันเบาบางคีตกาลพลันเบิกตากว้างเมื่อความแกร่งร้อนซึ่งยังคงคาอยู่ในตัวเขาผงาดขึ้นอีกครั้ง

“สะ  สิงห์? อย่าบอกนะว่า...”

“อืม  อีกครั้งนะครับ”  ยิ่งเสียงแหบพร่าของสีหราชกระซิบตอบคีตกาลก็แทบตาเหลือก

“ไม่  เพลงไม่ไหวหรอก”

“แต่ตอนนี้สิงห์หยุดไม่ทันแล้ว”

“เดี๋ยว!”    ร่างขาวพลันพลิกไปอยู่ด้านบนทั้งๆที่ยังเชื่อมกายกันท่าเดิม  คิ้วเรียวขมวดแน่นยามเมื่อความแข็งเกร็งเสียดแทงให้จุกแน่นไปทั่วท้องน้อย  มือขาวจิกเล็บลงบนอกแกร่งแล้วขบฝากรอยฟัน “อ๊ะ!” มือใหญ่กดเอวสอบให้เบียดลงจนต้องร้องท้วง

“เพลงอยู่เฉยๆ เดี๋ยวสิงห์ทำเอง~” แน่นอนว่าถึงคีตกาลจะโดนเปลี่ยนท่ามาอยู่ด้านบนแต่คนคุมเกมและจังหวะก็ยังคงเป็นสีหราชเช่นเดิม  เขานึกอยากจะข่วนหน้าหล่อๆที่มีความสุขนั้นให้เป็นรอยเหลือเกิน  แต่...ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากด่าด้วยซ้ำ  ทำได้แค่เพียงครางเครือในคอและขยับไหวไปตามแรงที่สีหราชส่งมาเท่านั้น



**************
   .
   .
“ขอโทษครับ”  น้ำเสียงอ่อยกับท่าทางหูลู่หางตกทำเอาหมัดที่เงื้อขึ้นไม่กล้าทุบลงไป

“ถ้าจะขอโทษก็อย่าตะบันแรงลงไปขนาดนั้นเซ่!”  คนที่นอนคว่ำหมดแรงบนเตียงแหวใส่เสียงดัง  “ก็บอกว่าไม่ไหวๆยังขยับเอาๆอยู่นั่น!”

“ก็...สิงห์รักเพลงมากไปหน่อย  คิดถึงเพลงมากไปนิด  มีความสุขสุดๆเลยยั้งแรงไม่ทัน....”

“อ้อเหรอ?”  มือขาวคว้าหมอนขึ้นปาใส่หน้าคนระรื่นมีความสุขสุดแรง  แล้วก็ต้องร้องโอยทรุดตัวลงไปนอนแหมะที่เดิม “โอ๊ย!”

“เพลง!”  ร่างสูงผวาเข้ามานั่งข้าง  หน้าผากเนียนชื้นเหงื่อ  ใบหน้าซีดขาวจนดูน่าสงสารทำเอาสีหราชรู้สึกผิดในใจ  ทั้งๆที่เป็นการร่วมรักครั้งแรกเขากลับไม่สามารถออมแรงได้  ทำเอาคีตกาลเจ็บจนถึงกับลุกไม่ขึ้นแบบนี้

“ไม่เอาน่า  ใช่ว่าเพลงจะเจ็บอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่”  เห็นสีหน้ารู้สึกของคนรักคีตกาลก็หลุดยิ้มออกมา “เพลงก็มีความสุขเหมือนกันนะ  .....แทบขาดใจเลยแหละ”   ท้ายประโยคเบาหวิวพร้อมแก้มที่ซับสีเลือด  ดวงตาพราวระยับบ่งบอกว่าพูดความจริงให้คนมองใจเต้น

“เพลง!”  คนตัวโตจับมือขาวขึ้นแนบแก้ม  แตะจูบลงบนหลังมือ  ท่อนแขน  ข้างแก้มและหน้าผากชื้นเหงื่อ  “มีไข้?”

“เพราะใครกันล่ะ!”  ท่าทางอ่อนโยนของสีหราชทำเอาคีตกาลเอ็ดอีกฝ่ายไม่เต็มเสียงนัก

“ขอโทษนะ  แล้วก็...รักนะครับ”  รอยยิ้มส่งมอบให้กัน  จังหวะหัวใจที่เต้นไปพร้อมกัน  ชั่วชีวิตนี้..มอบให้คนตรงหน้าเพียงคนเดียว




การได้กลับมารักกันว่ามีความสุขแล้ว....ตอนนี้กลับมีความสุขมากกว่า...ยามที่ได้เป็นของกันและกันทั้งตัวและหัวใจ 
จะไม่ปล่อยมือ  จะเคียงข้าง...
จากนี้และตลอดไป...










แถม

“สายใจ  หายาลดไข้ให้ฉันหน่อย  แล้วก็...เดี๋ยวฉันเข้าครัวเอง”

“คุณสิงห์จะทำอาหารหรือคะ?”  เด็กสาววิ่งไปหายาลดไข้ก่อนจะวิ่งกลับเข้ามาในครัว  อาหารเธอทำเสร็จตั้งนานแล้ว  รอตั้งสำรับเท่านั้น  หากแต่เจ้านายของบ้านยังไม่มีใครลุกสักคน   มีอิ่มเอมเดินมาเมียงๆมองๆแล้วก็ผลุบเข้าห้องไปตามเดิม

“อืม  ว่าจะทำข้าวต้มสักหน่อย”

“คุณคีย์ของหนูไม่สบายหรือคะ?”  เด็กสาวทำท่าตกใจ  เมื่อวานยังเห็นดีๆอยู่เลย  ไหงวันนี้ป่วยซะได้

“คุณคีย์ของใครนะ?”  สีหราชหันกลับมาถามเสียงเย็น  สายตาดุจ้องเด็กสาวเขม็ง   สายใจกลืนน้ำลายเหงื่อแตกใจเต้น  พลางคิดว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดอะไรผิดไปหรืออย่างไร

“ก็  คุณคีย์ของหนู  เอ้ย  คุณคีย์ของคุณสิงห์!”  เด็กสาวเปลี่ยนคำแทบไม่ทันเมื่อสีหราชขมวดคิ้ว

“อืม  ไม่สบายนิดหน่อย  ฉันเลยจะทำข้าวต้มให้”

“เอ  ถ้าอย่างนั้นทานโจ๊กไม่ดีกว่าหรือคะ?”  เด็กสาวเสนอ

“ไม่  เพลงไม่ชอบกินโจ๊ก”

“....”

“อ้อ  อีกอย่างต่อไปนี้เรียกคุณคีย์ว่า คุณเพลงนะ”

“เอ้ะ?”

“ชื่อเล่นจริงๆนะ  เขาชื่อเพลง”

“อ๋อ~~ ค่ะ”

“นายอีกคนของสายใจ”

“คะ?”

“ทีนี้เวลาสายใจเรียก  ว่าคุณเพลงของสายใจ  ฉันจะได้รู้ว่าเราหมายถึง  เพลงของฉัน”

“คุณเพลงของคุณสิงห์?”

“อือฮึ  ‘เพลงของฉัน’”  สีหราชยกยิ้มอารมณ์ดี  พลางหยิบจับปรุงอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข   สายใจได้แต่ขมวดคิ้วประมวลผลคำพูดนั้นอย่างจริงจัง  ก่อนจะหันมาเห็นอิ่มเอม  เด็กสาวก็วิ่งแจ้นเข้าไปกระซิบกระซาบ

“คุณเอม!”

“ว่าไง?  แล้วนั่นไอ้สิงห์มันเข้าครัวเองรึ?”

“ค่ะ  คุณสิงห์ทำข้าวต้มให้คุณคิ   คุณเพลง”

“หืม?”  คำเรียกขานของสายใจเปลี่ยนไปทำให้ร่างสูงเขม้นมอง  “ทำไมมาเรียกว่าคุณเพลงล่ะ?”

“คุณสิงห์ให้เรียกค่ะ  แถมให้ต่อประโยคด้วยนะคะ”

“ต่อประโยค?”

“ค่ะ  ให้เรียกว่า ‘คุณเพลงของคุณสิงห์’ ”

“อ๊ะ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”  อิ่มเอมหัวเราะลั่นกับคำบอกเล่าของเด็กสาว  สายใจหันรีหันขวางกลัวคุณสิงห์จะดุที่เอามาเล่าต่อ

“คุณเอมหัวเราะทำไม?”

“อีแบบนี้ก็หมายความว่าเรียบร้อยโรงเรียนไอ้สิงห์แล้วดิ”  อิ่มเอมพึมพำกับตัวเอง

“?”

“หมายความว่าสายใจได้คุณนายของไร่แล้วยังไงล่ะ”  พูดจบก็หัวเราะอารมณ์ดีเข้าไปแซวเจ้าของบ้านถึงในครัวให้โดนตะเพิดเล่น





Fin







สวัสดีค่ะ^^
เอาตอนพิเศษมาส่งเน้อ  คราวนี้ดูสมบูรณ์ขึ้นแล้วเนอะกับบทสรุปของคู่นี้^^
เช่นเคยนะคะ  ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดหรือต้องแก้ไข  บอกกันเสมอค่ะ  อย่างที่เคยแจ้ง...ทรายยังคงพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆเพื่อให้ดีที่สุด...  หากใครที่คิดว่านิยายเรื่องนี้มัน แย่  ขอความกรุณาปิดหน้าลงไปเถอะค่ะ  ทรายไม่ว่า...ครั้งที่อ่านเจออันนั้น...ทรายยอมรับว่าเสียเซลฟ์ไปเหมือนกันแต่ก็นิ่งแล้วมานั่งคิด...หรือทรายอาจแย่จริง?  งั้นทรายคงต้องพัฒนาขึ้นอีก  บอกตัวเอง...
ทรายถึงบอกเสมอว่าติ-ชมกันได้  ขอให้บอกว่าตรงจุดไหน  เท่านั้นเองค่ะ^^
ถ้าเรื่องนี้ทำให้คุณยิ้มได้และมีความสุข...ทรายก็ดีใจแล้วค่ะ^^


คุณ ammchun  ตอนพิเศษนี้ไขข้อข้องใจเรื่องชื่อของคีตกาลไหมคะ? ^^  อย่างที่สิงห์บอกนั่นแหละค่ะ  เพราะชื่อว่าคีตกาล  เคยไม่คุ้นส่วนใหญ่จึงเรียกว่า คีย์  แทนชื่อเพลง  ซึ่งก็กลายเป็นว่ามีแต่คนในครอบครัวและสนิทๆเท่านั้นที่เรียกว่าเพลง ^^




ด้วยรักและขอบคุณ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 04-06-2016 13:14:58
สิงห์หื่นมากกกกกก  :hao6:
สู้ๆ นะคะ อย่าคิดมาก เราชอบนิยายที่คุณทรายแต่งมากๆ เลยยย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 04-06-2016 13:18:44
 :L1:ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 04-06-2016 14:04:07
อยากบอกว่าเราชอบงานเขียนของคุณทรายมากคะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ชอบสิงห์กับเพลงมากๆ เป็นกำลังใจให้คุณทรายเสมอคะ สู้ๆนะคะ
จะติดตามผลงานของคุณทรายต่อไป อย่าคิดมากเลยคะ ยังไงก็มีเราชื่นชอบจริงๆ อยู่คะ
ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งเรื่องราวดีๆอย่างงี้มาให้อ่าน
จะรอรวมเล่มของสิงห์กับเพลงคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-06-2016 16:11:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 04-06-2016 17:56:17
เขินมาก อ่านไปบิดไป ชอบบบบบบ เพลงของสิงห์
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-06-2016 22:03:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-06-2016 09:43:19
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-06-2016 12:54:28
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
น่ารักมากๆ >//<

ปล. เกิดเป็นสายใจท่าจะฟิน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Neithx ที่ 05-06-2016 13:19:18
อ่านจบแล้วค่ะ สนุกมาก ขอบคุณมากนะคะ ^_^
ภาษาดีมากเลย คำผิดน้อยด้วย ตัวหนังสือไม่เยอะหรือติดกันเกินไป อ่านง่าย

ปล.เรื่องชื่อม้า/หมา ที่เป็นภาษาอังกฤษอะค่ะ ส่วนตัวเราแล้วเวลาอ่านมันขัดๆแปลกๆ ถ้าลองเปลี่ยนเป็นภาษาไทยจะดีมั้ยคะ? แบบว่า มิวสิค ไลออน

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้อีกนะคะ :D
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-06-2016 13:26:15
ชอบช่วงแถมเป็นพิเศษ อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 05-06-2016 15:26:42
สิงห์จัดหนักเลยนะ เขื่อนแตกเลยใช่ม๊ะ
สงสารเพลงเล็กน้อย ฝันสลายที่จะคนกอด
เตรียมพร้อมอย่างดี สุดท้ายเตรียมให้สิงห์ใช้


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: bloodrain ที่ 06-06-2016 14:31:24
คุณพระช่วย อกอีแป้นจะแตกค่ะ ฟินเหลือเกิน  :-[

แหม น้องเพลง ฝีมือคนละชั้นกับพ่อสิงห์เขาเลยแล้วจะไปกดเขาลงได้ยังไงกันคะ อิอิอิอิอิอิอิ

 :oo1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 06-06-2016 19:16:52
เรื่องน่ารีกมากมากเลย ตอนแรกเราไม่กล้าเข้ามาอ่านเพราะเห็นชื่อเรื่องแล้วมีแววดราม่า *แง* พลาดเลย  :z3:
แต่ก็ดีใจมากที่เข้ามาอ่านจริงจัง ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-06-2016 07:06:24
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่าน ชอบแนวการเขียนมาก :mew1:
เพลงของสิงห์ อิอิ :กอด1:
ชาญ ศักดิ์ เอม 3 คนนี้กะน่ารัก แอบชอบ 3p 5555+ :hao6:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-06-2016 07:49:36
สิงหึงหนักมากจ้าาา 555 ทำไมขี้หึงแบบนี้ล่ะ เล่นซะเพลงลุกไม่ขึ้นเลย
ชอบเรื่องนี้ แต่งดีแล้วค่ะ ^^
ขอบคุณคนแต่งน้าาาที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-06-2016 00:20:48
คุณสิงห์ไม่ถนอมคุณเพลงของคุณสิงห์เลยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 09-06-2016 00:24:53
โอ้ยยยยยย ชอบมากค่ะ
ภาษาดีมากเลย พล็อตก็ดีอีก เดินเรื่องก็ดี ไม่น่าเบื่อ เล่าเรื่องเข้าถึงความรู้สึกค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่ยกนิ้วให้เลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนสร้างผลงานดีๆอีกนะคะ


 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 09-06-2016 10:03:50
สนุกมากค่ะขอตอนพิเซษอีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-06-2016 15:23:16
ตามอ่านจนจบแล้วค่ะ
น่ารักมากกกก คุณเพลนี่ก็ดื้อจริงๆเลย 5555
ชอบคุณสิงห์ 

ขอบคุณคนเขียนมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-06-2016 10:20:34
สนุกมาก ชอบ อยากอ่านอีก มาต่อตอนพิเศษบ่อยๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: BE-Beladitz ที่ 10-06-2016 17:43:48
 :mew1: :o8: :-[ :impress2: o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 10-06-2016 22:42:57
 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ping2226 ที่ 13-06-2016 18:02:36

เรื่องนี้สนุกมากเลย  ขอบคุณนะครับ o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 15-06-2016 19:21:51
ขอบคุณคนแต่งมากๆค่ะ ที่แต่งนิยาย feel good พ่อแง่แม่งอน อ่านแล้วรู้สึกดี มีคันหัวใจยุบๆยิบๆ
น่ารักน่าหยิกพระเอกนายเอกตลอดๆเรื่องเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ และจะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
ปล.อยากเกิดมาเป็นสายใจจริงๆ คงจะฟิน เวลาเจ้าของไร่สีหกาลกับคุณนายไร่เค้ามุ้งมิ้งๆกันเนอะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: akumapuyy ที่ 17-06-2016 14:14:20
 o13 o13 o13 o13  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 18-06-2016 08:29:42
พล็อตเรื่องดีเลยค่ะ ภาษที่ใช้ก็ได้อยู่นะ แต่ติดตรง เนื้อเรื่องมันสับไปมาแบบ งงๆค่ะ ลำดับเหตุการณ์แปลกๆ ลองอ่านนิยายที่มีการย้อนไปอดีตมาปัจจุบันเพิ่มอีกนิดค่ะ มันจะลื่นไหลเลย มีคำผิดอยูเหมือนกันค่ะ แต่เราก็อ่านจนจบนะ ขอให้พัฒนาไปเรื่อยๆ สิงห์นี่แบบคนดีรักจริงมาก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 18-06-2016 14:29:00
เรื่องน่ารักมากเลย สนุกมากค่ะ
ชอบการเขียนแบบนี้ ดูมีเสน่ห์
ชอบทุกตัวละครเลยค่ะ
ที่ชอบอีกอย่าง ก็ตอนแถมท้ายเรื่องนี่ล่ะค่ะ น่ารัก
นี่เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 19-06-2016 14:37:44
ขอบคุณสำหรับนิยาย พล็อตไม่หนัก อ่านได้เรื่อยๆ ใช้ตัวละครผู้หญิงมาทำให้หึงเปลืองไปหน่อย
ตอนที่เหตุการณ์ย้อนกลับไปกลับมา มึนไปนิด น่าจะมีการระบุเวลาไว้ก่อนเริ่มบทอาจจะเข้าใจง่ายขึ้น
จริงๆ คู่3P น่าดึงดูดกว่าคู่หลักมาก อยากให้มีเรื่องราวของคู่รองแยก น่าจะสนุกดี
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-06-2016 23:10:37
แล้วของคู่พี่อุ่นมีไหมคะ
อยากอ่านๆไๆ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 23-06-2016 20:05:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 28-06-2016 01:07:20
นิยายเรื่องนี้สนุกมากจริงๆๆอ่านไปินไปยิ่งตอนพิเศษยิ่งน่ารักจิกหมอนไปอีก
อิอิสายใจนาน่ารักนะนักเขียนสร้างตัวละครตัวนี้ให้มีบทที่อ่านแล้วมโนภาพออกจริงๆๆว่าเป็นแบบไหน
สุดท้ายขอบคุณคุณทรายสำหรับนิยายฟิวกูกน่ารักๆๆๆแบบนี้น้าคัฟ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 30-06-2016 07:55:08
น่ารักกกกกง่ะ
สิงห์ ทำไมรักเพลงแบบนี้ โอ้ยยย อิจ อ่ะ อยากได้แบบสิงห์สักคน
ความสัมพันธ์แบบคู่เอมก็มึนๆดี  แต่เค้าก็ชอบ 5555
อ่านละฟินนนน ทุกคู่ จะคอยติดตามผลงานน๊าาาา
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ


หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 30-06-2016 13:52:39
 :m25: :pig4:  สงสารเพลงของคุณสิงห์จริงๆ ถูกจัดหนักจัดเต็ม
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-07-2016 17:20:04
คือแบบเห็นชื่อเรื่องก็เข้ามาอ่านเลย มันตรงใจมากๆ แนวนี้
ถึงจะสั้นๆ ไปหน่อย  แบบยังไม่อ่านไม่จุใจ (เพราะตอนน้อย)
แต่เขียนได้สนุกมากครับ

เป็นอีกเรื่องที่ฉากดราม่า ผมอ่านแล้วน้ำตาซึมเลย มันมีหลากหลายอารมณ์มากครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-07-2016 21:26:26
จริงๆ ก็อยากเห็นเพลงกดเหมือนกันนะเนี่ย หุหุ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 04-07-2016 11:37:28
สมใจอยากเลยนะพี่สิงห์ 
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 28-08-2016 02:57:57
ชอบมากกกกกกกก เรามาตามอ่านทีหลังค่ะ

รู้สึกพลาดมากจริงๆ เราชอบแนวการเขียนของคุณทรายมากค่ะ

นอกจากเรื่อง รักพัดหวน กับ อสงไขย คุณแต่งเรื่องไหนอีกบ้างมั้ยคะ? รู้สึกอยากตามอ่านทุกเรื่องเลย 

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ น่ารักๆแบบนี้นะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 31-08-2016 14:20:54
แอบลำไยความท่าเยอะของเพลงเบา ๆ

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 31-08-2016 20:04:32
แอบติดตามคุณsineมาตั้งแต่ อสงไขย อ่านด้วยน้ำตาที่นองหน้า แต่ก็หลงรักในการใช้ภาษาที่สละสลวยสวยงาม

ต้องขอโทษที่ไม่ได้ติดตามให้กำลังใจระหว่างลงเรื่องนี้นะคะ อาจจะด้วยกลัวการสะอื้นไห้ตลอดการอ่าน^^

อ่านจบด้วยความอิ่มใจกับเรื่องราวและความสวยงามของภาษารวมถึงบทประพันธ์

อยากรู้จังเลยค่ะว่าเราจะได้อ่านคู่ของพี่ครามกับคนทรยศคนนั้น??ไหม

ติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาแบ่งให้อ่าน^^ :กอด1:

หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 02-09-2016 00:02:31
 :pig4: :pig4:

สนุกมากคะ ขอบคุณคะ
 :mew3: :mew3: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 04-09-2016 01:10:06
อ่านจบแล้วค่า
ทีแรกไม่กล้าอ่านค่ะ กลัวแนวแฟนเก่า มันสะเทือนใจTT
กว่าจะลงเอยกันได้ เหนื่อยเหมือนกันนะคะ
ตอนพิเศษเต็มอิ่มมากเลย ขอบคุณค่า ^^
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-09-2016 05:38:05
สิงห์หลงเพลงมาก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [04/06/59] หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 11-09-2016 01:52:47
- รักพัดหวน -
ตอนพิเศษ: ลมครวญ




“นี่ถ้าสายใจไม่ตกอกตกใจวิ่งมาถามป้าคงไม่รู้เรื่องใช่ไหมคะ?”  ป้าแช่มเอ่ยตัดพ้ออย่างน้อยใจขณะหยิบของส่งให้ชายหนุ่มใส่หลังรถ

“โธ่  ป้าครับ  ที่จริงผมจะบอกป้าอยู่แล้ว  เพียงแต่รอให้เขาตอบตกลง  ก็พอดีสายใจโวยวายขึ้นมาเสียก่อนเท่านั้น”  ป้าแช่มมองค้อน  หากริมฝีปากยังยกยิ้ม

“เอาเถอะค่ะ  ลงกรุงเทพฯคราวนี้ก็จัดการกับทางผู้ใหญ่เสียให้เรียบร้อยนะคะ”

“ครับป้า”  สีหราชยิ้มกว้าง  ป้าแช่มเหลือบมองคีตกาลที่กำลังค่อยๆเดินลงบันไดมาแล้วดึงให้ร่างสูงโน้มตัวลงมากระซิบเสียงเบา

“ถ้าคุณเพลงไม่ยอมก็ฉุดกลับมาบ้านเราแล้วกันนะคะ”  ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเมื่อได้ฟัง  คีตกาลเลิกคิ้วมองท่าทางของทั้งสองคน  ป้าแช่มแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้

“ขอบคุณป้าแช่มมากนะครับสำหรับพวงมาลัย”  สีหราชหยิบช่อมาลัยดอกมะลิขึ้นมาดู  ยิ้มขอบคุณผู้สูงวัยซึ่งเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่    ดวงตาฝ้าฟางเจือแววรักใคร่ก่อนยื่นแขนโอบกอดร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม

“โชคดีนะคะคุณสิงห์ของป้า”

“ครับ”

“ไม่ลืมอะไรนะคะ?”  หญิงชราถามซ้ำ  เมื่อคืนเธอช่วยดูและจัดเตรียมสิ่งของต่างๆไว้ให้หมดแล้วแต่ยังอดกังวลและย้ำคิดย้ำทำไม่ได้  กลัวคุณสิงห์จะขายหน้าและเสียคน

“ไม่ลืมครับป้า”

สีหราชและคีตกาลขับรถเข้ากรุงเทพฯหลังการหมดเรี่ยวแรงและรอไข้ลงของคีตกาลถึงสี่วัน  พอมีแรงสิ่งแรกที่คนเจ็บตัวทำคือชกหน้าระรื่นของสีหราชจนหงาย  ก็ไม่ได้แรงมากนักหรอกแค่พอให้เจ็บๆคันๆเท่านั้น  เอาคืนที่ทำให้เขานอนติดเตียงลุกไม่ขึ้น  เจ็บร้าวตั้งแต่สะโพกยันหลังขาแถมยังจับไข้  ทั้งๆที่เตรียมใจไว้แล้วเนื่องจากไปศึกษามากับชายชาญไม่นึกว่าเอาเข้าจริงเขาถึงกับไม่เป็นผู้เป็นคนเลยทีเดียว  เจ็บจนเหมือนจะตาย!  ถึงแม้ท้ายๆจะกลายเป็นสุขสมก็เถอะ   งานนี้ต้องมีเอาคืน!


คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อเห็นรถคุ้นตาขับเข้ามาจอด  เธอลุกขึ้นต้อนรับลูกชายและสีหราช  อยู่พูดคุยกันจนถึงเย็นคุณพีรพลจึงกลับเข้ามา   อาหารมื้อค่ำเจือเสียงหัวเราะที่ห่างหายไปนาน  บรรดาสาวใช้ต่างยกยิ้ม  วันนี้ดูเหมือนคนในบ้านจะมีความสุขมากกว่าที่เคย

“อืม  วันนี้อาหารรสชาติแปลกไปนะ  แม่จิตไม่ได้เป็นคนทำหรือ?”  คุณพีรพลทัก  แม้จะต้องควบคุมน้ำหนักหากวันนี้รสมือทำให้เขาเติมข้าวจานแล้วจานเล่า  ยิ่งน้ำพริกมันปูนี่อย่าให้พูดเลย  อร่อยนักเชียว!

“คุณทายซิคะว่าใครทำ”  คุณยุวดียิ้มกว้างให้สามี

“เอ  คุณหรือ?  ไม่น่าใช่  งั้นตาเพลง”

“ผิดหมดค่ะ”  คุณยุวดีค้อนสามี  เพียงครู่ก็ยกยิ้มหันไปทางสีหราช

“ตาสิงห์?”  ประมุขของบ้านเลิกคิ้วแปลกใจ  มองชายหนุ่มตัวโตตรงหน้าคล้ายไม่อยากเชื่อ

“ครับ  ป้าแช่มเคยสอนนานแล้ว”

“ป้าแช่มเป็นแม่บ้านที่ฟาร์มค่ะ   คนเก่าคนแก่ของบ้านตาสิงห์เขา”  คุณยุวดีช่วยอธิบาย  คุณพีรพลพยักหน้ารับ

“อร่อยมาก”  สีหราชยิ้มกว้างกับคำชมนั้น  การเปิดตัวเพื่อความประทับใจแรกของวันผ่านไปได้ด้วยดี
หลังอาหารเย็น  พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า  คุณยุวดีเองก็เตรียมรอละครทีวี  ส่วนคุณพีรพลจองช่วงข่าวภาคค่ำไว้คนเดียว   

“เพลงอาบน้ำแล้วหรือ?”  เห็นว่าอีกคนเปลี่ยนชุดแล้วเขาจึงเอ่ยปากถาม  ส่วนตัวเขาเองยังอยู่ในชุดเดิมเพราะเตรียมของบางอย่างไม่เสร็จ 

“อาบแล้ว  ว่าแต่สิงห์ไม่เห็นบอกว่าป้าแช่มเป็นคนเก่าแก่จากบ้านเก่า”

“ก็ไม่ได้ถาม”  สีหราชยักไหล่  รอยยิ้มเย้าแหย่ยังคงประดับริมฝีปากหากดวงตากลับหม่นแสงลงชั่วครู่จนคีตกาลจับสังเกตได้

“เพลงขอโทษ”

“หืม?”

“เพลงไม่น่าพูดถึงเรื่องบ้านเก่าของสิงห์”  เพราะอดีตนั้นเจ็บปวดและเขาไม่อยากให้สีหราชกลับไปเจ็บอีกครั้งจึงนึกเคืองตัวเองที่เผลอดึงอีกฝ่ายให้กลับไปนึกถึงอดีต

“ขอโทษทำไม  เพลงไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรเลยสำหรับเรื่องนี้  กลับกันถ้าเรื่องไม่เป็นอย่างที่ผ่านมาสิงห์คงไม่ได้เจอกับเพลง  ไม่ได้มารักเพลงแบบนี้   ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่มันก็ผ่านมาแล้ว  อีกอย่างต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ส่งเพลงมา  ส่งความรักมาให้สิงห์”  ร่างสูงทรุดกายลงนั่ง  ดึงแขนให้ร่างโปร่งนั่งลงเคียงกันแล้วแนบหน้าผากกับอีกฝ่าย  จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคีตกาลอย่างรักใคร่

“ตอนนี้มีความสุขแล้วใช่ไหม?”  มือขาวยกแนบแก้มกร้านคล้ายปลอบโยน

“มาก  แต่จะมากกว่านี้ถ้าทุกอย่างถูกต้องตามพิธีการ”

“หืม?”

“ป่านนี้คุณน้าสองคนคงดูทีวีเสร็จแล้ว?”

“ใช่  พ่อคงเข้าอ่านหนังสือในห้องทำงานน่ะ  มีอะไรเหรอ?”  คีตกาลลุกตามเมื่อร่างสูงลุกขึ้นแล้วหยิบอะไรบางอย่างมาถือไว้

“จริงซิ  เพลงให้คนตามคุณน้ายุขึ้นไปห้องทำงานด้วยนะ”

“อืม  ได้ซิ”  แม้ไม่เข้าใจว่าสีหราชจะทำอะไรหากคีตกาลก็จัดการทุกอย่างให้   จนเมื่อพร้อมทั้งคู่ก็เข้าไปพบกับผู้ใหญ่ของบ้านทั้งสองคน  และดูเหมือนพวกท่านรู้อยู่แล้วว่าพวกเขามาหาด้วยเรื่องอะไร   จึงได้ยิ้มแย้มเอ็นดูแล้วรอให้เข้าไปหา

ร่างสูงใหญ่ของสีหราชนั่งพับเพียบบนพื้นตรงหน้าคุณพีรพลและคุณยุวดี   ก่อนหยิบพวงมาลัยดอกมะลิที่ป้าแช่มร้อยเองกับมือมอบให้แล้วก้มลงกราบแทบเท้า   ประมุขของบ้านแตะไหล่ให้ชายหนุ่มนั่งตัวตรง

“ว่ายังไง?”  คุณพีรพลยกยิ้ม  สายตาเอื้ออารีย์ฉายชัด  สีหราชหันมามองคีตกาลซึ่งนั่งเยื้องไปทางด้านหลัง  พอฝ่ายนั้นเห็นเขามองจึงขยับขึ้นมานั่งเคียงกัน   สีหราชคว้ามือขาวมากุมไว้แน่น  แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสทั้งสอง

“ผมจะมาขอเพลงกับคุณน้าทั้งสองคนครับ”

“หือ?”  ทั้งเจ้าของมือทั้งเจ้าของบ้านร้องในคอขึ้นพร้อมกัน  “ขอในที่นี้คืออะไร  แต่งงานหรือ?”

“ขอให้เพลงไปเป็นคู่ชีวิตของผมครับ  ไปเป็นครอบครัว”  คุณพีรพลกับคุณยุวดีมองหน้ากันก่อนจะหันมาทางบุตรชาย 

“ว่าอย่างไรตาเพลง?”

“ครับ?”  คนถูกเรียกละสายตาจากใบหน้าเข้มคร้ามของคนด้านข้างขึ้นมองบิดามารดาแล้วแก้มพลันร้อนผ่าว  มือยังคงถูกกอบกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย  ในอกซ้ายหัวใจก็เต้นรัวเร็วจนเจ็บไปหมด  ในหูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียง

“ว่าอย่างไร  ตาสิงห์เขามาขอเราไปเป็นคนในครอบครัว  เราอยากจะเป็นครอบครัวเดียวกับเขาหรือไม่?”

“เพลง  เพลง...”

“เพลง  ตรงนี้ของลูกตอบว่ายังไง?  มันยังดังไม่พออีกหรือ?”  คุณยุวดีก้มลงจิ้มบนอกซ้ายของบุตรชายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งงันไปนาน  แววตารักใคร่ยังคงส่งให้คนเป็นลูกไม่เปลี่ยนแปลง

“ครับ”

“ครับอะไร?”  คุณพีรพลถามซ้ำ  เหลือบสายตามองท่าทางของสีหราชแล้วอยากหัวเราะขำ  อะไรจะลุ้นปานนั้น

“เพลงอยากเป็นครอบครัวเดียวกับสิงห์ครับ”  จบประโยคร่างโปร่งก็ถูกแขนแกร่งคว้าเข้าไปกอดเอาไว้แน่น  ใบหน้าเข้มคร้ามซุกลงซอกคอของเขา  ครู่หนึ่งความรู้สึกอุ่นร้อนแตะซับผิวให้ตระหนกในอก   

สีหราชร้องไห้อย่างนั้นหรือ?

แขนขาวยกขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม  หากโพรงจมูกกลับรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา  ความรู้สึกตื้นตันใจ  ดีใจ  มีความสุข  ทุกอย่างคละเคล้าจนแทบหลั่งน้ำตา

ไม่รู้ว่าคุณยุวดีให้คนเตรียมสายสิญจน์ไว้ตั้งแต่ตอนไหน  ค่อยๆจับสายสิญจน์แล้วฟั่นส่งให้สามี  คีตกาลผละแล้วเช็ดน้ำตาให้คนตัวโตพร้อมรอยยิ้มเสร็จ  คุณพีรพลก็เรียกให้ทั้งสองคนขยับเข้าไปหา

“มา  ผูกข้อมือรับขวัญกันเถอะ”  ผู้เป็นบิดากล่าวตบเบาๆลงบนเข่าตัวเอง  สีหราชและคีตกาลมองตากันแล้ววางมือชิดกันลงบนเข่านั้น  คุณพีรพลจับด้ายกวาดลงปลายมือคีตกาลสามครั้งกวาดขึ้นสามครั้งวางพัก  แล้วทำแบบเดียวกันกับสีหราช  จากนั้นหยิบด้ายบนข้อมือคีตกาลมาผูก  สลับกันกับของสีหราช  “อายุ  วรรโณ  สุขัง  พลัง  จากนี้ไปทั้งสองคนคือลูกของพ่อแล้วนะ  อยู่ดูแลซึ่งกันและกันอย่าได้ห่าง”

“รักกันนะลูก  จากนี้ลูกทั้งสองเปรียบดังคนคนเดียวกัน  เคียงข้างกันตลอดไปนะลูกนะ”  คุณยุวดีทำเช่นเดียวกันกับสามีพลางเอ่ย  ดวงตาคู่สวยของคุณยุวดีเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ  คีตกาลมองก่อนจะเข้าไปกอดขามารดาแน่น  สีหราชยกยิ้มกุมมือคนข้างกายปลอบประโลม

คุณยุวดีลุกไปหยิบของบางอย่างจากชั้นหนังสือบนสุดส่งให้สามี  คุณพีรพลเปิดออก  หยิบสร้อยคอพร้อมพระเครื่องออกมา  ใบหน้ามีความสุขพยักให้สีหราชขยับเข้าไปหาแล้วสวมสร้อยเส้นนั้นให้  จากนั้นจึงเรียกคีตกาลให้ขยับตามไปแล้วสวมสร้อยอีกเส้นให้

“พ่อกับแม่ไม่มีอะไรให้ลูกสองคน  ให้สร้อยให้พระจะได้ไม่ดูสะดุดตา  ถือเสียว่าเป็นของรับขวัญเข้าบ้านนะตาสิงห์”

“ขอบคุณครับ”  สีหราชก้มลงกราบบนเข่าอีกครั้ง

“เอาละ  นอนกันได้แล้ว  พรุ่งไปใส่บาตรถวายเพลกัน  รับขวัญลูกเขยกันเสียหน่อย”  คุณพีรพลว่าแล้วลุกบิดกายไล่ความเมื่อยขบ

“พ่อ!”

“ฮ่าๆๆๆ  เออ  แล้วคืนนี้พ่ออนุญาตให้นอนห้องเดียวกันได้แต่อย่าเสียงดังล่ะ  อ้อ  ทางที่ดีงดเรื่องนั้นไปก่อนนะพรุ่งนี้ต้องทำบุญ”

“!”  คีตกาลอ้าปากเหวอ  ไม่คิดว่าบิดาจะเล่นมุขนี้  คนเป็นลูกถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว  ส่วน
สีหราชน่ะหรือ  ยิ้มกว้างไม่สะทกสะท้านอะไรหนำซ้ำยังดึงมือเขาเข้าห้องเสียอีก

“นี่  โกรธหรือเปล่า?”

“หืม?”

“ที่สิงห์มาขอเพลงแบบนี้โดยไม่ปรึกษากันก่อน”

“ไม่หรอก  แต่ว่านะ  แบบนี้เขาเรียกชิงสุกก่อนห่ามหรือเปล่า?”

“หืม?”

“ก็กดลูกชายเขาก่อนจะมาขอน่ะซิ!”  คีตกาลถลึงตามองคนตีหน้ามึน   สีหราชหัวเราะร่วน

“อ้าว  เผื่อไว้  ถ้าเกิดคุณน้าไม่ยอมยกให้จะได้พาวิวาห์เหาะ”  ดวงตาคมดุพราวระยับอาบไปด้วยความสุข   ร่างสูงเกี่ยวคีตกาลเข้าไปไว้ในอ้อมกอด  กดจูบขมับแล้วเกยคางไว้บนกลุ่มผมนุ่ม

“ใครเขาอยากเหาะด้วย!”  คีตกาลเบ้ปากใส่แล้วหัวเราะตามอีกคน

“เคยดูลิเกไหม?”

“หืม?”

“ที่ตัวร้ายฉุดนางเอกน่ะ  จะร้องว่า ถ้าไม่ยอมพี่จะปล้ำ  เอ๊ย  จะปล้ำให้หนำใจ!”

“สมกับที่ชื่อเหมือนพระเอกลิเกจริงๆ!”

เสียงหัวเราะดังไปทั่วทั้งห้อง  โอบกอด  พูดคุย  หยอกล้อและ..จูบ  ไม่มากเกินกว่านั้น  ส่วนหนึ่งเพราะประมุขของบ้านขอไว้หากพวกเขารู้ดีว่าแค่นี้ 

แค่มีอีกคนอยู่ในอ้อมแขนก็มากพอแล้ว     
...มีความสุขมากพอ



   


Fin.





สวัสดีค่ะ 
หายไปนานเหมือนกันเนอะ วันนี้เอาตอนพิเศษสุดท้ายที่จะลงบอร์ดมาส่งค่ะ^^  พร้อมกับแจ้งข่าวนะคะ
รักพัดหวนส่งต้นฉบับให้ทาง สนพ.แล้วค่ะ  หลังจากนี้ติดตามข่าวคราวหนังสือทางหน้าเพจของ Hermit นะคะ  รายละเอียดในหนังสือจะประมาณนี้ค่ะ

เนื้อหาหลัก 19 ตอน
ตอนที่ 1-6
พาร์ทอดีต 1 ต้นลมที่เราพบกัน
ตอนที่ 7-8
พาร์ทอดีต 2 เมื่อสายลมแผ่วพัดมา
ตอนที่ 9-10
พาร์ทอดีต 3 ลมพัดยอดไม้ไหวเอน
ตอนที่ 11-12
พาร์ทอดีต 4 เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้
ตอนที่ 13
พาร์ทอดีต 5 ขอให้รักพัดหวน
ตอนที่ 14 จบ

ตอนพิเศษ 10 ตอน
ตอนที่ 1 ลมแห่งรัก (แทรกลงแล้ว)
ตอนที่ 2 ลมเพชรหึง (ลงแล้ว 4/6/59)
ตอนที่ 3 ลมครวญ (ลงแล้ว วันนี้)
ตอนที่ 4 ลมพายุ (ในเล่ม)
ตอนที่ 5 วันลอยอังคาร เอ้ย วันลอยกระทง เปลี่ยนชื่อเป็น ลมหนาว (แทรกลงแล้ว)
ตอนที่ 6 ลมรำเพย (ในเล่ม)
ตอนที่ 7 ลมโอบกอด (ในเล่ม)
ตอนที่ 8 ลมรัญจวน (ในเล่ม)
ตอนที่ 9 ลมห่มรัก (ในเล่ม)
ตอนที่ 10 ลมพิษ (คู่ ชายชาญ-อิ่มเอม-เกียรติศักดิ์ : ในเล่ม)

เช่นเคยค่ะ  ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ^^
จนกว่าจะพบกันใหม่...^^

ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-09-2016 11:39:31
น่ารักมากค่ะ  รอซื้อเป็นเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 14-09-2016 19:16:47
ฟินมากค่า ขอน้องเพลงอย่างเป็นทางการแล้ว ><
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-09-2016 05:28:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-09-2016 05:40:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 24-09-2016 11:43:11
สนุกมากๆ เลยค่ะ เราเพิ่งเข้าไปเจอในห้องนิยายแนะนำ อ่านยาวๆ ไป จนจบ อ่านแล้วอยากได้รวมเล่มเลย ><
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 26-09-2016 04:28:14
ตอนพิเศษทำให้เรื่องสมบูรณ์ขึ้นเยอะเลยค่ะ  o13

ยังติดใจเรื่องพี่ครามกับคนใจร้าย(อุ่น?)อยู่เลย จะมีเป็นเรื่องแยกไปมั้ยคะ?
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 30-09-2016 10:47:37
ไล่อ่านจนจบ ฮื่อ ชอบคุณเพลงดื้อๆแบบตอนแรก
พยศเหลือเกิน น่าเอ็นดู แล้วพอตัดไปตอนวัยเอ๊าะๆยิ่งน่ารัก
เป็นคุณหนูที่น่ารักมากๆ ไม่ถือตัวเลยด้วย
น่าร้กมากค่ะ ไม่ดราม่ามากด้วย อ่านแล้วยิ้มๆตามสายใจ 55555555
แต่สงสารคุณศักดิ์ม้ากกกก โถถถถถ ให้คุณคีย์ปกป้องเสียเลย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-09-2016 15:28:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 11-12-2016 10:22:51
สนุกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างแรงเลย เป็นฟิคที่ทำให้รู้สึกดีมากเลย ชอบม้า ชอบความเป็นธรรมชาติของเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: louknut ที่ 15-12-2016 19:01:46
สนุกมากกกกก ชอบมากกกกก ขอบคุณมากกกกกก
ขอบคุณมากๆเลยค่าาา เดี๋ยวจะลองไปหาดูหนังสือนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 18-12-2016 15:36:03
ชอบมาก น่ารัก อบอุ่นสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: sweet.egg ที่ 02-01-2017 05:12:04
ขอบคุณมากนะคะ ชอบมาก อ่านซ้ำ2รอบแล้ว><
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 03-01-2017 13:17:36
น่ารักมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-01-2017 11:58:36
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 07-05-2017 02:03:19
ชอบบบบบบบ :katai2-1:

ขอบคุณที่แต่งนิยายแบบนี้มาให้อ่านนะคะ o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 12-05-2017 00:06:51
 :o8:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: rcha ที่ 16-06-2017 23:15:23
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากเลยค่ะ
สิงห์กับเพลงรักกันมั่นคง จนในที่สุดก็ได้คู่กัน
ส่วนคู่ 3P ก็ชอบเหมือนกันค่ะ นัวดี 55555
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 22-06-2017 14:32:49
สนุกกกกกกกกกกก ตามไปอ่านตอนพิเศษในเล่มอย่างต่อเนื่องเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 09-07-2017 02:46:44
ขอบคุณมากค่าาาาาาาา
 :man1: :man1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-07-2017 19:32:06
สนุกมาก..รอติดตามผลงานต่อไปจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 24-07-2017 06:39:54
กลับมาอ่านอีกครั้ง มันสุขใจตามไปด้วย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 09-08-2017 23:23:08
งือออ ชอบมากเลย :-[
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-03-2018 11:36:59
่พ่อแง่แม่งอน กว่าจะลงเอย เอาคนรอบข้างมึนหัวตุ๊บๆ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 10-03-2018 19:25:05
ชอบสิงห์กับเพลงมากๆๆๆๆๆ กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ชอบ ถึงจะไม่ค่อยโอเคกับความรักสามคนของคู่รองมากๆก็เถอะ เสียดายจริงๆที่เราไม่โอเคกับรักสามคนแบบนี้ ไม่งั้นนิยายเรื่องนี้คงเป็นนิยายเรื่องโปรดที่ถ้ามีหนังสือของเปิดจนปกยับแน่นอน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 11-03-2018 18:09:19
 :katai2-1: อ่านรวดเดียวจบ กว่าจะลงเอย แอบหน่วง
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 11-03-2018 20:12:12
กลับมาอ่านอีกรอบแล้วครับ สนุกๆๆ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-05-2018 16:08:53
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 09-07-2018 20:38:24
 o13 ถึงจะมาเจอเรื่องนี้ช้าไป  เพราะเพิ่งมาเป็นสมาชิกเล้าไม่นาน
แต่อยากให้กำลังใจนักเขียนคะ
เนื้อเรื่องสนุก ผูกเรื่องก็ดี แทรกอดีต ปัจจุบัน ให้เข้าใจง่าย
มีความละมุนละไม ยิ้มตาม เศร้าไปกับสิงห์และเพลงในตอนที่เลิกกัน
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-07-2018 15:23:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 13-07-2018 08:51:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
Love Love Love
น้องเพลง&พี่สิงห์
น่ารักที่สุดในสามโลก
 :กอด1:
 :กอด1:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 14-07-2018 09:32:07
หึงแรง กันทั้งคู่เลย 555   แต่เราชอบสายใจอะ นางดูโก๊ะๆดี o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 19-11-2018 03:01:50
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 30-12-2018 23:24:56
ขอบคุณมากๆค่ะ ทำไมถึงเพิ่งมาเจอนิยายสนุกๆช้าขนาดนี้ น้องเพลงน่ารักมากกก ตาสิงห์ก็หื่นสุดๆ รักกันนานๆน้าา
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 14-07-2019 22:48:02
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 29-07-2019 23:05:06
กลับมาอ่านอีกรอบ ชอบความรักของทั้งคุ่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ภาษาลื่นไหล อ่านง่าย ภาษาสวยเลยค่ะ

ส่วนคู่รองเราปล่อยผ่านแหละ เข้าไม่ถึงรูปแบบนี้ แต่ชอบความรักเพื่อนและความกวนของอื่มเอมนะคะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 08-01-2020 14:28:13
เพลงน่ารักกกกก สิงห์ก็น่ารัก55555555 หมั่นไส้อิ่มเอมมาก55555555 ชอบสายใจ สนุกมากๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับผม รักกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Areya ที่ 15-01-2020 22:22:57
อ่านรวดเดียวจบด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ความรักที่ผ่านอุปสรรคและการพิสูจน์ใจกันมาได้นั้นช่างหอมหวานและชื่นใจจริงๆค่ะ แอบหมั่นไส้อิ่มเอมที่ทำตัวเป็นไกรทองฟาดตะเพาแก้ว(ชาญ)และตะเพาทอง(เกียร์ติ)เลยทีเดียวนะเรื่องราวสนุกอ่านเพลินเกินหยุดอ่านได้นะคะคุะ
ขอบคุณคนเขียน คุณนาย ที่แบ่งปันเรื่องนี้มาให้อ่านด้วยนะคะ  :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-01-2020 05:36:39
 :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 04-10-2023 14:55:50
กลับมาอ่านอีกรอบแล้ว สนุกมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 07-10-2023 11:34:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-10-2023 23:55:16
วนกลับมาอ่านอีกรอบ