-รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14  (อ่าน 170488 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เขียนได้ดี

ออฟไลน์ akumapuyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :pig4: เข้ามายกมือบอกว่าอยู่ทีมสิงห์  :3123:

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
~ แมกไม้  ไอดิน   กลิ่นหมอก ~



- รักพัดหวน -


ลมพัดครั้งที่  9










“เอ๊ะ?”  คีตกาลอุทานเมื่อเห็นรถคุ้นตาเข้ามาจอด  ชายหนุ่มละงานตรงหน้าเดินเข้าไปหาหลังเห็นบิดาก้าวลงมาจากรถพร้อมมารดาที่ส่งยิ้มกว้างมาให้

“ว่าไง  คิดถึงพ่อไหม?”  คุณพีรพลเย้าบุตรชาย

“มากๆเลยครับ”   ร่างโปร่งเข้าสวมกอด  “แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะครับ  โทรศัพท์มาบอกให้เพลงกลับบ้านก็ได้”

“ก็คิดถึงน่ะซิ  ขยันไม่กลับบ้านกลับช่องแบบนี้พ่อนึกว่าไปติดลูกสาวบ้านไหนเข้าเสียแล้ว”

“ไม่มีสาวทีไหนหรอกครับ  มีแต่งานนี่แหละ”

“ให้มันจริงเถอะ!”   คุณพีรพลหัวเราะตบแขนบุตรชายเบาๆอย่างหยอกล้อ

“โอ๊ะ!”  คีตกาลสะดุ้งเพราะบิดาตบลงบนแผลพอดี  อันที่จริงผลแห้งแล้วแต่ยังระบมอยู่เพราะเพิ่งไปไหมมาเมื่อวาน

“เป็นอะไร?”

“เปล่าครับ  แค่แกล้งพ่อเล่นเฉยๆ”

“.....ทำเอาพ่อเขาตกใจนะเรา”  คุณยุวดียิ้มแหยแล้วชวนคุยเรื่องอื่น

ครู่ใหญ่สีหราชก็ควบเจ้าสายฟ้าเข้ามา  ชายหนุ่มยกมือไหว้ทั้งสองคนแล้วชวนไปหลบร้อนที่บ้านใหญ่หลังคุณพีรพลเดินดูรอบรีสอร์ทหนึ่งรอบ   งานส่วนใหญ่แล้วเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วเหลือเพียงส่วนของพนักงานที่กำลังกำหนดอัตราต่างๆ  คีตกาลยิ้มกว้างเมื่อบิดาเอ่ยชม  ใกล้เที่ยงทั้งหมดจึงไปถึงเรือนใหญ่   ป้าแช่มและสายใจเตรียมสำรับไว้พร้อม  อิ่มเอมละงานเอกสารในมือขึ้นต้อนรับ ส่วยชายชาญเพิ่งกลับไปเมื่อเช้า   เห็นว่าก่อนกลับจะแวะพักทำธุระในเมืองด้วยแม้คีตกาลรั้งให้อยู่อีกวันก็ไม่ยอม  และด้วยตุผลที่ว่าคีตกาลอยากให้เพื่อนย้ายมาทำงานที่รีสอร์ทด้วยกันชายชาญจึงขอเวลาไปคิดทบทวนก่อน
ช่วงบ่ายสีหราชพาชมฟาร์มม้า  คุณพีรพลยกยิ้มชอบใจ  ฟาร์มนี้ค่อนข้างใหญ่โตมากทีเดียว  จากเด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยกลับสร้างทุกอย่างได้ขนาดนี้นับว่าไม่เลวเลย  และคุณพีรพลก็ชื่นชอบคนเก่งมากเสียด้วย   บรรดาคนงานกำลังควบม้าเพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกายวิ่งไปรอบๆพื้นที่แล้วกลับมายืนให้หมอตรวจต่อ หนึ่งในนั้นมีเจ้าสีนิลกับสีหมอกรวมอยู่ด้วย

“พรุ่งนี้เจ้าของมันจะมารับเลยต้องตรวจสุขภาพก่อนไป”  สีหราชเอ่ยบอกเมื่อคีตกาลเดินเข้าไปลูบขนมันอย่างเอ็นดู

“เจ้าของจะมารับแล้วหรือ?”   ร่างโปร่งหันมาถาม  ทำท่าทางเสียดายจนคนมองต้องเอ่ยปากถาม

“ทำไม?”

“...เปล่า”

“...อยากลองขี่ดูไหม?”

“ได้เหรอ?”  ใบหน้าหงอยเหงาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันทีที่เขาเอ่ยจบ  สีหราชกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้า   ทั้งเจ้าสีนิลและสีหมอกนั้นเป็นม้าพันธุ์ดีเลยทีเดียว  รูปร่างสวยสง่า  ดวงตาเรียวยาว  ขนแข็งแรงและหางเป็นพวงสวยงาม... จะบอกว่าเป็นม้าที่สวยที่สุดในฟาร์มนี้เลยก็ว่าได้

“ได้ซิ  แค่อย่าบอกเจ้าของมันเท่านั้นแหละ”  สีหราชยิ้มเจ้าเล่ห์  ทำเอาคีตกาลหัวเราะชอบใจ  ชายหนุ่มปลดล็อกคอกเจ้าสีนิลเพื่อพามันออกมา 

“หืม?”  ร่างโปร่งที่เตรียมขึ้นม้าชะงักเมื่อมือแกร่งแตะแขนเขาเอาไว้ไม่ให้ขึ้นหลังม้า

“เจ้าสีนิลไม่ยอมให้นายขึ้นหลังมันแน่ๆถ้าไม่มีฉัน”

“?”  คีตกาลเงยหน้ามองเจ้าสีนิลที่กำลังสะบัดหน้าไปมาไม่ยอมให้เขาจับบังเหียน  แต่มันหยุดนิ่งเมื่อสีหราชแตะลงตรงข้างจมูกมัน  “แล้วมันยอมให้นายขี่?”

“แหงซิ  ฉันเลี้ยงมันมานะ ถึงแม้จะไม่กี่ปีก็เถอะ”  สีหราชหัวเราะ

“.....”

“จะขี่ไหม?”

“ขี่!”  แม้จะลังเลถ้าต้องมีสีหราชนั่งไปด้วยกันก็เถอะ  ความสง่างามของเจ้าสีนิลมันชวนให้อยากขี่เสียเหลือเกิน!    คุณพีรพลเลิกคิ้วมองบุตรชายที่โหนตัวขึ้นหลังม้าโดยมีสีหราชตามขึ้นไป   เขาหันมามองหน้าภรรยาแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม  คุณยุวดีหัวเราะแล้วยักไหล่เหมือนที่วัยรุ่นชอบทำหากไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา


“จับดีๆ”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพาให้หัวใจเต้นสั่นไหว  คีตกาลสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเผลอกายบังเหียนแน่น  คนด้านหลังขมวดคิ้ว  มือใหญ่แตะลงบนหลังมือขาวแล้วดุเสียงเบา  “อย่ากำอย่างนั้น”   เจ้าสีนิลฮึดฮัดสะบัดหัวแรงๆคล้ายไม่ชอบใจ  สีหราชดึงสายบังเหียนออกจากมือคนด้านหน้ามากำไว้เอง   “สีนิล!  ใจเย็นๆ  นั่นแหละ  เด็กดี”   เจ้าม้าตัวสวยจึงค่อยสงบลง

“เอ่อ  แล้วปกติทุกวันใครพามันมาวิ่งล่ะ?”  ถ้าเจ้าสีนิลกับสีหมอกพยศขนาดนี้ใครจะปราบมันไหว

“บางวันก็ปล่อยให้วิ่งเอง  บางวันฉันก็ต้องพาออกมาวิ่ง”

“แล้ว...เจ้าของมันจะปราบอยู่ไหม?”

“พี่ครามน่ะเหรอ?  นั่นน่ะเขาทำคลอดมันมาด้วยซ้ำ”  สีหราชยกยิ้ม

“เป็นหมอม้า?”

“เปล่าหรอก  พี่ครามเลี้ยงแม่ของพวกมันมาพอคลอดเขาก็อยู่ช่วย  เจ้าสองตัวนี้เลยรักเขามาก”

“เป็นพ่อม้านี่เอง”  คนด้านหลังหัวเราะ   “แล้วทำไมเขาถึงเอามาฝากนายล่ะ?”

“ก็...มีปัญหาอะไรหลายอย่างน่ะ”

“ปัญหาอะไร?”

“เขาไม่บอกฉันก็ไม่ถามหรอกนะ”  สีหราชว่า  พลางบังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้นเล่นเอาคีตกาลที่ไม่ทันตั้งตัวร้องอุทานอย่างตกใจ  ขณะที่คนแกล้งหัวเราะเสียงดัง

....เสียงทุ้มสะท้อนข้างหู... สัมผัสอุ่นทางด้านหลัง....ทำให้กาลเผลอผ่อนอาการเกร็งลงแล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนนั้น  ปล่อยให้สายลมพัดผ่านรอบกายไป...


*********
อาหารคาวหวานถูกจัดใส่จาน  พร้อมทั้งเครื่องสังฆทานและของใช้สำหรับสงฆ์ถูกประคองโดยคนทั้ง5 ขึ้นประเคนถวายพระแล้วรับศีลรับพร    คุณยุวดีอาสาพาสามีเดินเที่ยวชมรอบวัดและไปหยุดถูกใจกับน้ำตาลสดซึ่งหาดื่มได้ยากในเมืองกรุง  ปล่อยให้หนุ่มๆทั้งสามอย่าง สีหราช  คีตกาลและอิ่มเอมไปอีกทาง

“มึงว่ากูซื้ออันนี้ให้หมากระเป๋าดีไหมวะ?”   อิ่มเอมหยุดอยู่หน้าร้านขายเครื่องรางของขลังแล้วหยิบบางอย่างขึ้นชูให้เพื่อนดู

“....เอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน”  สีหราชแค่นยิ้มแล้วส่ายหัวเดินหนี

“เพลง  มึงว่าไง?”  หันมาถามคนที่เหลือ

“....ก็ดีนะ”  คีตกาลทำหน้าตายิ้มไม่ออก  “ชาญมันคงเอาปาหัวนายอ่ะ  ถ้าจะให้ดีเอาอันใหญ่กว่านั้นก็ได้นะเวลาปาหัวนายจะได้แตกทีเดียวเลย”   ตอบแล้วก็ส่ายหน้าจากไปอีกคน   อิ่มเอมมองของในมือแล้วตัดพ้อเพื่อนทั้งสองคน   ถ้าให้เอาอันใหญ่กว่านี้เอาของเขาไปให้เลยไม่ดีกว่าหรือ    มหึมาสุดๆเลยล่ะ!   อิ่มเอมหัวเราะลงคออย่างชอบใจกับความคิดอกุศลของตัวเองก่อนจะจ่ายเงินแล้วเก็บ  ‘ปลัดขิก’  ลงกระเป๋าเสื้อ

“อ้าว  คุณคีย์?”

“?”  คีตกาลซึ่งกำลังจุดธูปเพื่อไหว้พระประธานเงยหน้าขึ้นมองคนทัก  ครั้นว่าเห็นเป็นใครจึงส่งยิ้มให้ “คุณศร  บังเอิญจังเลยนะครับ”

“ครับ  ดีจัง  ได้ไหว้พระกับคุณคิ๊!...”  อดิศรยิ้มกว้าง  เขาเหลือบมองแก้มใสของคนด้านข้างแล้วใจเต้น หากยังเอ่ยไม่จบประโยคเขาก็โดนเบียดจนเซล้มไปด้านข้าง

“...’โทษที”  สีหราชที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเบียดกายแทรกกลางระหว่างสองคน  ชายหนุ่มหยิบธูปขึ้นมาจุดโดยไม่สนใจสายตามีคำถามของคีตกาลหรือสายตาโกรธเคืองของอดิศรสักนิด

“คุณคีย์  ไปให้อาหารปลากันนะครับ”  อดิศรพยายามชะโงกหน้าให้ลำตัวหนาๆของสีหราชมาถามคีตกาลซึ่งอยู่อีกฝาก

“งั้นไปกัน”  สีหราชคว้าต้นแขนคีตกาลลุกขึ้นยืนแล้วออกเดิน

“ฮื่อ  ไปไหน?”

“ก็นายจะไปให้อาหารปลาไม่ใช่หรือไง?”   ร่างสูงเลิกคิ้วเมื่อคีตกาลขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตามแรงดึง

“ผมเป็นคนชวนคุณคีย์นะครับ”  อดิศรที่เริ่มหมดความอดทนเอ่ยแทรก  สีหราชมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะเลื่อนมือจากต้นแขนไปยังข้อมือขาวของคีตกาลแล้วรั้งให้ร่างโปร่งเดินตาม   ทิ้งให้อดิศรหัวเสียอยู่ที่เดิม

คีตกาลที่ใจเต้นแรงก้มลงมองข้อมือตัวเอง  เขาปล่อยให้ตัวเองเดินตามแรงรั้งของคนตัวโตโดยไม่รู้ตัว  จนเมื่อยืนอยู่ริมสระความร้อนนั้นก็ยังคงอยู่...  สีหราชไม่ยอมปล่อยเลย  ไม่ว่าจะเดินไปซื้อขนมปังปลาหรือแม้แต่ตอนนี้     ทุกสายตาหันมามองยามเมื่อพวกเขาเดินผ่าน  กระนั้นสีหราชก็ยังคงจับเอาไว้

“ปล่อยได้แล้ว”

“?”

“ถ้านายไม่ปล่อยแล้วฉันจะให้อาหารปลาได้ยังไง”

“ได้ซิ”

“...ได้ยังไง?”  คีตกาลเลิกคิ้วถามคนยียวน

“แบบนี้”  ร่างสูงยื่นห่อขนมปังมาตรงหน้าคีตกาล

“?”

“แกะห่อขนมปังซิ”  คีตกาลถอนหายใจ  ยกข้อมือตัวเองที่ยังคงถูกกุมเอาไว้ให้อีกฝ่ายดูแล้วแค่นยิ้มส่งสายตาเพื่อบอกว่า  ให้ปล่อยมือเขาได้แล้ว!

“วันนี้อุตส่าห์ได้มาทำบุญแล้วนะ  นายจะเลิกแกล้งฉันสักวันได้ไหม?”

“ไม่ได้แกล้งเสียหน่อย”

“แล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่คืออะไร?”  คีตกาลเริ่มโมโห  เขาสะบัดข้อมือแรงขึ้นแต่สีหราชก็กำแน่นขึ้นเช่นกัน

“มืออีกข้างนายว่างก็แกะซิ”

“..........”

“ฉันถือนายแกะ  แบบนี้ไง”  คีตกาลอยากจะด่าเหลือเกิน  จะทำให้มันยุ่งยากไปทำไมเนี่ย!

“คุณสิงห์?”  เสียงหวานเอ่ยทักจากทางด้านหลัง  ชายหนุ่มหันไปมองก่อนจะปล่อยมือจากคีตกาลอย่างรวดเร็ว

“คุณแพรว?”  สีหราชส่งยิ้มให้หญิงสาวขณะเดินไปหา   คีตกาลมองผู้มาใหม่สลับกับอีกคน   ...คนที่จับข้อมือเขาไม่ยอมปล่อยจนถึงเมื่อครู่...คนเมื่อผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา...

ตรงข้อมือที่เคยร้อนผ่าวพลันเย็นเยือกขึ้นฉับพลัน   ในอกซ้ายที่เคยเต้นแรงจนถึงเมื่อครู่ก็เงียบสงบลง    เขามองรอยยิ้มกว้างของใครบางคนที่เมื่อครู่ยังยั่วเย้าส่งมาให้เขา  หากตอนนี้มันกลับถูกมอบไปให้ใครอีกคน  คีตกาลมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ   ขนมปังที่ถูกแกะออกจากถุงบี้แบนอยู่ในมือก่อนมันจะถูกขว้างด้วยความแรงและเร็วตามแรงมือของคนถือ

“เฮ้ย!”  สีหราชสะดุ้งตกใจเมื่อก้อนขนมปังกระทบศีรษะด้านหลังอย่างจัง

“ไอ้บ้าเอ้ย!”   ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำอย่างโมโห คีตกาลที่ขยำก้อนขนมปังขว้างใส่คนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกไหล่สีหราช    ....แล้วตัวเองก็เซถอยหลังเพราะอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือน...  เขาฮึดฮัดแล้วกระแทกเท้าเดินจากไป





“อ้าว  ตาเพลงมาพอดี”   คุณพีรพลคว้าไหล่ลูกชายมากอดก่อนจะแนะนำคนตรงหน้า  “นี่คุณภัทรเพื่อนพ่อ  จำได้ไหมลูก?”  คีตกาลยกมือไหว้  “คุณภัทรเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี่  ไม่รู้ว่าคราวเดินเรื่องเรื่อง
รีสอร์ทลูกได้เจอไหม”

“เจอครับแต่ไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนคุณพ่อ”

“ลุงก็ว่านามสกุลคุ้นๆแต่ไม่ได้ถาม”   คุณภัทรยกยิ้มเอ็นดู

“พอดีเลย  คืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวคุณภัทร  เพลงไปด้วยกันนะ”  คุณพีรพลเอ่ยชวน

“นั่นไง  ลูกสาวลุงมาพอดี”  คุณภัทรหันไปกวักมือเรียกหญิงสาวที่คีตกาลเพิ่งเจอเมื่อครู่ให้เดินเข้ามาใกล้     เธอคล้องแขนมากับสีหราช    คุณพีรพลหรี่ตามองชายหนุ่มแล้วเหลือบมองใบหน้าลูกชายตัวเอง   สีหราชเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าโดนมองเขาจึงพยายามแกะมือของ แพรวพรรณออกช้าๆ

“จริงซิ ตาเพลง  แม็กกี้เพื่อนลูกบอกว่าโทรศัพท์ติดต่อลูกไม่ได้เลย”  คุณยุวดีเอ่ยแทรกบรรยากาศราวกับเพิ่งนึกออก

“อ้อ  พอดีมือถือผมพังน่ะครับ  ยังซ่อมไม่เสร็จเลย”  ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าเมื่อได้ฟัง

“ถ้าอย่างนั้นลูกคงไม่รู้ว่าแม็กกี้จะมาหา”

“เอ๊ะ?”

“คีย์!”  ปรงปะทะจากด้านหลังโถมใส่ชนิดทำเอาคีตกาลเซถลา

“แม็กกี้?”

“ไอคิดถึงยูมากเลยนะ!  ติดต่อไม่ได้แบบนี้ไอเป็นห่วงเลยมาหาน่ะ”  หญิงสาวผมทองแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดกอดคอชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย  หน้าอกหน้าใจบดเบียดแผ่นหลังคีตกาลจนคนที่ยืนมองอยู่ถึงกับเผลอกำมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ  แม็กกี้เบาหน่อย”

“เบาอะไร ก็ไอคิดถึงยูมากนี่!”  อิ่มเอมเกาแก้ม  มองคนหนึ่งกำลังข่มพายุในอก  กับอีกคนหนึ่งที่กำลังพยายามแกะปลาหมึกออกจากตัวแล้วก็ให้...แอบยิ้ม   

“เอ่อ   แฟนคุณคีย์เหรอคะ?”  แพรวพรรณส่งยิ้มพร้อมคำถาม

“ไม่ใช่หรอกครับ  เพื่อนน่ะ   เพื่อน”  คีตกาลระล่ำระลักตอบ  แต่จะตอบใครนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

“คึ!”  อิ่มเอมหันหน้านี้แล้วกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น  คนหนึ่งจ้องจะกิน  อีกคนกำลังสนุก.... แต่คนที่สนุกสุดเห็นจะไม่พ้นคุณพีรพลเสียแล้วกระมัง

สุดท้ายเมื่อไหว้พระเสร็จก็ต้องยกโขยงกลับฟาร์มกันทันทีเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำวันนี้   ส่วนของขวัญวันเกิดของแพรวพรรณ สีหราชโทรศัพท์ไปสั่งเพื่อนที่อยู่ในตัวเมืองให้จัดการให้
.
.
.





ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
.







“นี่  คนนี้เหรอที่ยูเคยละเมอให้ไอได้ยินชื่อ?”  แม็กกี้กระทุ้งศอกใส่เพื่อนขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกร  หากสายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงของสีหราชกับแพรวพรรณ

“เคยละเมออะไร?”  คีตกาลขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง  เขากระดกเครื่องดื่มในมือรวดเดียวหมดแก้ว

“ไม่ใช่คนนี้เหรอที่ชื่อ  สิ่ง  Lion น่ะ”

“สิงห์  ไม่ใช่ สิ่ง”  คีตกาลแก้ให้ถูกต้อง

“เรียก Lionละกัน  ออกเสียงยากชะมัด”  หญิงสาวตัดสินใจเองเสร็จสรรพ   “...ตกลงเขาไม่ใช่คนที่ยูเคยละเมอหาใช่ไหม?”

“....ไมใช่”

“OK. งั้นไอขอนะ”

“ขออะไร?”  คิ้วเข้มขมวดฉับ   คีตกาลหันมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ

“Lionไง  สูง  หล่อ เท่ห์ขนาดนี้ สเป็กไอมากๆ  ต้องเป็น Lion เจ้าป่าที่ดุดันแน่ๆ” แม็กกี้เลียริมฝีปากตัวเองแล้วคว้าแก้วเครื่องดื่มเดินตรงไปหาร่างสูงทันที  คีตกาลบีบแก้วเปล่าในมือแน่นเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนข้างกายสีหราช

“โอ้โห  ขนาบข้างซ้าย-ขวาเลยแฮะ”   อิ่มเอมหัวเราะชอบใจเมื่อมองภาพตรงหน้า  ร่างสูงเดินเข้ามาหาคีตกาลเพราะไม่มีเพื่อนคุย  ก็หญิงแพรวพรรณเล่นครองเพื่อนเขาเอาไว้ตลอดเลยนี่นะ

“อิจฉาหรือไง”  เสียงใสตวัดถาม  คีตกาลวางแก้วเปล่าแล้วหยิบแก้วใหม่ขึ้นมา

“กูว่าคนที่อิจฉาน่ะมึงมากกว่ามั้งเพลง”

“อิจฉาอะไร?  พูดให้มันดีๆนะ!”   คนถูกกล่าวหาว่าอิจฉาจ้องเขม็งใส่อิ่มเอมอย่างไม่พอใจ

“...นี่เพลง  มึงรู้ตัวป่ะว่าท่าทางของมึงเนี่ยโคตรจะเหมือนเลยว่ะ”

“เหมือนอะไร?”  คีตกาลชักเริ่มโมโหหนัก  เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถูกกรอกลงปากจนอิ่มเอมต้องคว้าเอาไว้ไม่ให้หยิบเพิ่ม

“...เหมือนมึงหึง”

“!”

“มึงหึงเพื่อนตัวเองกับแพรวพรรณที่เข้าใกล้ไอ้สิงห์”

“กูเปล่า!”

“มึงหึง”  อิ่มเอมยืนยัน พลางกดยิ้มมุมปาก  เขาเหลือบมองคนทั้งสามแล้วกระซิบกับคีตกาลเสียงเบา  “มึงหึง”

“กูไม่ได้หึง!”

“โกหกมากๆอ่ะ  ไม่เนียนว่ะมึง”

“ไอ้เอม!”

“โหย  โมโหๆ กูพูดแทงใจล่ะซิ?”

“ไอ้!”   เพราะไม่รู้จะเถียงอย่างไร สุดท้ายเลยได้แต่ผลักอกอิ่มเอมแล้วเดินหนีออกมา

“ยูหึง”

“......”

“ถ้ายูยังยืนอยู่แต่ตรงนี้ผู้หญิงคนนั้นเอาเขาไปแน่ๆ”

“แล้วเธอล่ะ  ไหนบอกว่าสเป๊กไง”

“ไอล้อยูเล่นเฉยๆหรอก”

“....”

“ยูไม่คิดจะเอาเขาคืนมาเหรอ?”

“...เขาอาจไม่เหมือนเดิมก็ได้”  คีตกาลถอนหายใจ   บางครั้งก็เหมือนเขาจะกล้าขึ้นมา  แต่พอจะลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าเขากลับกลัวขึ้นมาเฉยๆ

“ยูมันขี้ขลาด”

“แม็กกี้”

“ยูลองพยายามหรือยัง?”

“แม็กกี้พูดถูก”

“?”  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนที่แทรกประโยคแล้วขมวดคิ้วเป็นคำถามใส่คีตกาลว่า    หมอนี่เป็นใคร?

“นี่อิ่มเอม   เพื่อนของเขา”

“ถ้ามึงรักมันอยู่มึงจะปล่อยมันไปอย่างนี้น่ะเหรอ?”

“....เดี๋ยวนะ  ไหนนายกีดกันฉันกับเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ?”  คีตกาลงงกับประโยคของอิ่มเอมเอามากๆ  เขาเมาหรือไอ้หมอนี่มันเมา?

“กูเปล่ากีดกัน  กูแค่ทดสอบ”

“ไอ้เอม!”  คีตกาลถึงกับโมโหอีกรอบเมื่อได้ฟัง  ทอสอบบ้าทอสอบบอน่ะซิ!

“เอาน่า  ถ้ากูไม่มั่นใจอะไรก็ไม่พูดไม่ทำหรอก”  อิ่มเอมก้าวถอยหลังเมื่อเห็นท่าทางของคีตกาล

“ไอว่ายูต้องรุกแล้วล่ะ   จับกดไปเลย!”

“จับกด?”   อิ่มเอมขมวดคิ้ว  หันไปมองเพื่อนตัวเองทีมองคีตกาลที

“ใช่”  แม็กกี้กำหมัดแน่น

“ให้ไอ้เพลงโดนกดยังง่ายกว่ามั้ง?”

“ใครคือเพลง?  อ้อ  หมายถึงคีย์ซินะ?”  แม็กกี้มักจะลืมว่าคีตกาลมีชื่อเรียกสองอย่าง  “ใช่  ให้คีย์กด Lion”

“....แม็กกี้....”  คีตกาลหน้าแดงกับคำแนะนำนั้น

“จับกด  ปล้ำ  ทำให้เขาเป็นของนาย!”   คนโดนยุได้แต่ครางในคอกับความมุ่งมั่นของเพื่อน

“แล้วปกติใครกดใคร?”  อิ่มเอมซักเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของคีตกาล

“ก็....ไม่มีใครกดใคร”

“เดี๋ยวนะ”   เหมือนมีแสงสว่างวาบเข้ามาในหัวอิ่มเอม  คนตัวโตเบิกตากว้างจ้องมองหน้าคีตกาลอย่างไม่เชื่อสายตา

“.....”

“อย่าบอกนะว่า  ไอ้ที่เลิกกันเพราะระหว่างมึงกับไอ้สิงห์ไม่มีใครยอมโดนกด?”

“........”  นานกว่าคีตกาลจะพยักหน้ารับ

“พวกมึงโคตรงี่เง่า!” อิ่มเอมตะโกนลั่น  เขามองหน้าคีตกาลอย่างตาดไม่ถึงแล้วทึ้งหัวตัวเองเป็นการใหญ่

“ก็บอกแล้ว...ว่าเหตุผลมันงี่เง่า”  คีตกาลเอ่ยเสียงอ่อย

“งี่เง่า! งี่เง่า! งี่เง่า!  พวกแม่ง! งี่เง่าสิ้นดี!”

“เฮ้  เรื่องsex มันเรื่องใหญ่นะ”  แม็กกี้ยักไหล่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของอิ่มเอม  ก่อนจะจับบ่าคีตกาลให้หันมาแล้วเริ่มสะกดจิตเพื่อน  “นายต้องกด Lion!  จำไว้นะ!”

“กูว่าแม่งยอมให้ไอ้สิงห์กดง่ายกว่าอีก”

“ไอ้เอม!”   สุดท้ายกลายเป็นว่าคีตกาลไล่เตะอิ่มเอมไปทั่วงาน
.
.
.

“ตาเพลง”

“ครับพ่อ?”   

“พ่อต้องกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้”

“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”

“ลูกจำพี่อุ่นได้ไหม?”   คุณพีรพลเอ่ยถึงใครบางคน  คีตกาลพยักหน้ารับเพราะค่อนข้างสนิทกับอีกฝ่ายเนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นเพื่อนกันสมัยเรียน

“ครับ”

“...อุ่นหายตัวไป”

“อะไรนะครับ?”

“ตาวิทย์เพิ่งโทรศัพท์มาบอกเมื่อครู่ว่าติดต่อตาอุ่นไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน  ทั้งๆที่อาทิตย์หน้าจะแต่งานแล้วแท้ๆ”  คุณพีรพลมีสีหน้าเคร่งเครียดจนคีตกาลต้องบอกให้ให้ใจเย็นๆเพราะกลัวกระทบกับสุขภาพของบิดา  “พ่อจะกลับไปช่วยทางโน้น  เพลงเองก็รออยู่ฟังข่าวจากทางนี้แล้วกันนะ”

“ครับ”  คืนนั้นคุณพีรพลและคุณยุวดีกลับกรุงเทพฯทันทีหลังบอกข่าวกับบุตรชาย

“ใครวะ?”

“ลูกชายเพื่อนพ่อกับแม่  เจ้าสัวอุ่นน่ะ  รู้จักไหม?”

“อ้อ  ไม่ใช่ว่าโดนอุ้มเหรอวะ?”

“เขาเป็นเด็กเหรอ  ทำไมต้องโดนอุ้ม?”  แม็กกี้ยื่นหน้าเขามาแทรกเอ่ยถามกลางบทสนทนา

“......”


**********



“สวัสดีค่ะคุณคีย์”

“!” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง  เท้าที่กำลังก้าวออกจากห้องเกือบจะถอยหลังกลับเพราะตกใจ  ด้วยไม่คิดว่าจะมีเสียงใครคนอื่นมาทักตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้  “คุณแพรว?”

“ค่ะ   แพรวเอง  คุณคีย์ตื่นเช้านะคะเนี่ย?”

“....คงไม่เช้าเท่าคุณแพรวหรอกครับ”  คีตกาลเดินไปหลังเค้าท์เตอร์บาร์เพื่อชงกาแฟ

“พอดีแพรวมาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะเลยแวะมา”  หญิงสาวยิ้มสวย

“......”  คงเป็นธุระที่สำคัญมากซินะ  ตื่นพร้อมไก่เลยละมั้งเนี่ย  “รับกาแฟไหมครับ?”

“ก็ดีค่ะ”

“เฮ้ย!”  เสียงอุทานตกใจเสียงที่สองของเช้านี้เป็นของอิ่มเอม  เมื่อออกจากห้องมาเจอหญิงสาวหน้าแฉล้มนั่งอยู่กลางห้องรับแขก  เมื่อวานอิ่มเอมเพิ่งย้ายของออกจากห้องของสีหราชไปอยู่ห้องรับรองแขกห้องที่สาม  วันนี้เจ้าตัวจึงตื่นเร็วเพราะไม่ชินเตียง    คีตกาลหัวเราะกับท่าทางของอิ่มเอม   ...ช่างเหมือนเขาเมื่อครู่นี้มาก!

“ไอ้สิงห์ล่ะ?”   คนตัวโตถามพลางหาวปากกว้างไม่เกรงใจแขก  มือหนึ่งรับแก้วกาแฟที่คีตกาลส่งให้  อกมือล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อ....เกาก้น..

“คุณสิงห์ออกไปที่คอกม้าค่ะ  เห็นว่าเจ้าของจะมารับวันนี้หรืออะไรนี่แหละค่ะ”   เพราะเมื่อวาน
สีหราชต้องคอยต้อนรับพ่อแม่เขาจึงเลื่อนนัดกับเจ้าของของสีนิลและสีหมอกให้มาวันนี้แทน

“งั้นฉันไปดูสีนิลกับสีหมอกหน่อยนะ  นายดูแลคุณแพรวไปละกัน”  ว่าแล้วคีตกาลก็ลุกพรวดแล้ววิ่งลงเรือนไปทันที

“.......”  อิ่มเอมจิบกาแฟด้วยสภาพสติสตังค์ที่ยังไม่เข้าร่าง  หันมาอีกทีก็เหลือเพียงหญิงสาวหน้าสวยนั่งอยู่คนเดียว

“เดี๋ยวคุณคีย์!”

“.....”  อิ่มเอมหรี่ตามองแพรวพรรณที่มีสีหน้าเศร้าหลังพ้นร่างของคีตกาล  เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มอยู่แท้ๆ

หรือว่า......   อิ่มเอมหัวเราะขบขันอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆ







“เจ้าของมาแล้วหรือ?”  คีตกาลถามหลังกระโดดลงจากหลังเจ้า Music

“อืม  นั่นไง  พูดถึงก็มาพอดีเลย”  สีหราชยืดตัวขึ้นมองก่อนจะก้าวไปสวมกอดผู้มาใหม่

เจ้าของของสีนิลและสีหมอกเป็นชายร่างสูงใหญ่  น่าจะสูงกว่าสีหราชด้วยซ้ำ  ผิวเข้มออกน้ำตาลไหม้อย่างคนที่ทำงานกลางแดด  ใบหน้าหล่อเหลาหากเครื่องหน้าดุดันเสียจนกลบความน่ามองนั้นไปมากโข  ดูน่าเกรงขามเสียจนคีตกาลนึกหวาด  ยิ่งรอยแผลไฟไหม้ตรงแขนข้างซ้ายยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว   คีตกาลเผลอก้าวถอยหลังเมื่อฝ่ายนั้นเดินเฉียดเข้ามาใกล้เพื่อไปหาเจ้าสีนิล

“?”   ใบหน้าดุดันก้มลงมองก่อนจะยิ้มมุมปากให้เมื่อเห็นเขา

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี”  เสียงทุ้มห้าว  หากฟังแล้วเสนาะแปลกหู

“เอ่อ...สีนิลคงดีใจที่ได้กลับบ้าน”

“....ไม่ใช่บ้านหรอก”

“?”

“แค่กลับไปอยู่กับเจ้าของน่ะ”  ชายหนุ่มหน้าดุยิ้มให้คีตกาลอีกครั้ง

“ครับ”

“พี่คราม  นี่คีตกาล เจ้าของรีสอร์ทฝั่งโน้นที่ผมไปขอเป็นหุ้นส่วนด้วยน่ะครับ”

“อ้อ...ฝากเจ้าสิงห์มันด้วยนะ”  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเจือแววอ่อนโยนขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเอ่ยถึง
สีหราช

“ครับ”

“อะแฮ่ม!”  คนโดนฝากกระแอมไอแก้เขิน  “แล้วจะบอกว่าเมื่อวานผมพาสีนิลไปวิ่งมานะครับ  ดูเหมือนขาขวาจะมีปัญหานิดหน่อย  แปลกมากเพราะผมแน่ใจว่ามันไม่ได้ไปโดนอะไรมาแน่ๆ”

“?”  คิ้วเข้มขมวดฉับหันไปมองม้าสีดำในคอก

“หมอดูให้แล้ว  อีกสองเดือนให้พี่พามันไปตรวจอีกทีนะครับ”  ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ  ก่อนจะเปิดคอกแล้วเข้าไปลูบสันจมูกเจ้าสีนิล  มันดุนมือนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอียงหัวเข้าหา   ร่างสูงกอดสีนิลครู่ใหญ่แล้วจึงย้ายไปทำแบบเดียวกันกับสีหมอก

“ขอบใจมากนะสิงห์ที่ช่วยดูแล”  สีหราชยื่นเอกสารให้  เป็นเอกสารเกี่ยวกับเจ้าสีนิลและสีหมอกที่ต้องมี

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ว่าแต่...พี่สบายดีใช่ไหม?”

“....อืม  พี่สบายดี”  รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นมาก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์แล้วสงบนิ่ง  ราวกับที่สีหราชเห็นครู่นั้นตนตาฝาดไปเอง  “ไปก่อนนะแล้วจะติดต่อมาใหม่”    สีหราชและคีตกาลยืนมองจนรถคันใหญ่เคลื่อนห่างออกไป

“เขาดูน่ากลัวจัง”

“พี่ครามไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหอก”

“ว่าแต่....ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนนะ?””  คีตกาลครุ่นคิด  ตอนแรกได้ยินชื่อยังไม่เท่าไหร่  พอเห็นดวงตาคู่นั้นเขากลับรู้สึกเหมือนเคยเจออีกฝ่ายมาก่อน

“คงเคยเดินสวนกันละมั้ง”

“แล้วแผลที่แขนนั่น...”

“แผลไฟไหม้น่ะ  เป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไป  เหลือเพียงเจ้าสีนิลกับสีหมอกสองตัวนี่แหละ”

“ไฟไหม้?”

“เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ  ว่าแต่...นายปล่อยให้คุณแพรวไว้ที่บ้านเหรอ?”

“!”



.
.
.

“คุณทำงานที่นี่หรือคะ?”  แพรวพรรณเอ่ยถามเพื่อขจัดความอึดอัด เมื่อคนตรงหน้าจ้องหล่อนตาไม่กระพริบ

“ครับ  พอดีว่างอยู่ไอ้สิงห์เลยชวนมาทำงานแก้เหงาน่ะครับ”

“....อ้อ  ค่ะ”

“คุณจะจีบเพื่อนผมเหรอ?”  จู่ๆอิ่มเอมก็ถามขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เพื่อนคุณคนไหนล่ะคะ?”

“ก็....”

“อ้าว  คุณคีย์ไม่อยู่หรือ?”  เสียงชายผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาหยุดชะงัก  เกียรติศักดิ์เลิกคิ้วมองพอเห็นหญิงสาวไม่คุ้นหน้าคิ้วเรียวก็ขมวดฉับอย่างไม่พอใจ  สายตาจ้องไปยังอิ่มเอมเขม็ง

“เดี๋ยวก็มา  ว่าแต่นาย....” อิ่มเอมลุกขึ้นแล้วกอดไหล่เกียรติศักดิ์ลากลงเรือนไป   หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ลำพังกระพริบตาปริบแล้วถอนหายใจ

พรุ่งนี้เอาใหม่ละกัน....



**********

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

.
.
.




“.....นายขอเลิกงานเร็วเพื่อมางานเลี้ยงเนี่ยนะ?”

“ใช่ครับ”  เกียรติศักดิ์ตอบโดยไม่มองหน้า  เขากำลังใช้สายตาจับจ้องหญิงสาวร่างระหงที่มองกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

“นายชอบผู้หญิงนั่น?”   อิ่มเอมวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงแล้วเดินเข้ามายืนเคียงจนสัมผัสต้นแขนใต้เสื้อเชิ้ตของคนสวมแว่น

“ตอนนี้ยังไม่ชอบ  แต่อีกสักครึ่งชั่วโมงผมอาจจะชอบเธอครับ”

“?”

“ก็...ผมว่าจะจีบเธอ”  ไม่รู้ทำไมเกียรติศักดิ์ต้องมาอธิบายให้คนตัวโตรับรู้ด้วย  เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย

“ฉันไม่ให้นายจีบ!”  อิ่มเอมแก้มเครื่องดื่มในมือของคนข้างกายออกวาง

“เอ๊ะ?”

“ฉันไม่ให้นายจีบเธอ  แล้วก็ไม่ให้เธอจีบนายด้วย”

“แต่ผมจะจีบ”

“ฉันไม่ให้จีบ  หมากระเป๋าเองก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”

“เกี่ยวอะไรกับคุณชาญ?”

“เพราะหมากระเป๋ากับฉันหวง”

“หวง?”

“หวงนาย”

“!”  เกียรติศักดิ์เบิกตากว้าง   เขากลืนน้ำลายลงคอย่างยากลำบาก  มือขาวยกขึ้นดันแว่นตาที่เลื่อนลงมาอย่างประหม่า

“วันนี้นายไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์มา”   อิ่มเอมเอ่ยขณะจ้องริมฝีปากสีซีดของคนตรงหน้า

“ผมแค่รีบ”

“...ถ้านายอยากให้ผู้หญิงที่นายคิดจะจีบประทับใจนายคงไม่ลืมหรอก    นายจะต้องทำตัวเองให้ดูดีที่สุดในสายตาเธอ”

“......”  เกียรติศักดิ์เม้มปากแน่น  เขาก้าวถอยหลังเมื่อคนตัวโตขยับเท้าเข้าใกล้

“นายอยากจีบผู้หญิงคนนั้นจริงๆหรือ?”

“.....”

“ไม่หรอก  นายไม่ได้อยากจีบเธอ...”

“ผม....”

“นายก็แค่อยากพิสูจน์ตัวเอง”

“?”

“พิสูจน์ตัวเองว่าจะสามารถชอบเธอได้ไหม”

“ผม...”

“กลับบ้าน”

“แต่....”

“ศักดิ์  กลับบ้านนายกันเถอะ  ตอนนี้เลย....”  เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่าชิดริมหู

“.......”

เกียรติศักดิ์ไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกจากงานได้อย่างไร   เขากลับมาถึงบ้านที่ปิดเงียบของตัวเองอย่างมึนงง  อิ่มเอมเป็นคนขับรถ  ส่วนเขาบอกทาง....เกียรติศักดิ์ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำตามที่อิ่มเอมต้องการ   
เขาอยากไปงานเลี้ยง  ที่นั่นมีบรรดาลูกสาวของลูกค้าที่ทำเขาเคยทำงานให้  บางคนเคยจีบเขา  บางคนเขาเคยจีบ   เขาอยากไปงานนี้เพื่อหาใครสักคนมาเป็นแฟน  หญิงสาวน่ารักๆสักคน  อาจไม่เพียบพร้อมแต่เป็นคนดี...
หน้าประตูรั้วสีขาว  มีรถคันหนึ่งจอดอยู่   ร่างเล็กคุ้นตาของใครบางคนยืนอยู่ข้างๆ  เกียรติศักดิ์กลืนน้ำลายลงคอ  มองรอยยิ้มของชายชาญที่ส่งมาแล้วใจเต้นแรง....  เขาเปิดประตูรถลงมายืนหากไม่กล้าขยับไปไหนจนร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมเข้ามาแนบทางด้านหลัง  เสียงทุ้มกระซิบสั่ง...

“เปิดประตูบ้านซิศักดิ์  ให้ฉันและชายชาญเข้าไป”

“.....”  มือของเขาสั่น   ขณะไขกุญแจ....สายตาววาววับของชายชาญจับจ้องการกระทำของเขาไม่วาง

























กลางห้องโถงที่มืดสนิท   เจ้าของบ้านถูกขนาบหน้า-หลังโดยคนสองคน  กลิ่นน้ำหอมอ่อนสองกลิ่นกำลังล้อมรอบกายเขาจนมึนเมา  เกียรติศักดิ์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกหากนั่นกลับยิ่งทำให้เขาสั่นสะท้าน   ชายชาญขยับเข้าแนบชิด  ร่างนั้นเตี้ยกว่าเกียติศักดิ์เล็กน้อยหากแววตาราวกับจ้องจะตะครุบเหยื่อของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้  ดวงตาคู่สวยของชายชาญสะกดให้เขาจ้องมองตอบ  มือเล็กนั่นแตะหลังมือของเขาแผ่วเบาแล้วไล้ขึ้นไปตามลำแขน

“อิ่มเอมบอกว่านายไปจีบหญิง?”  เสียงใสกระซิบถาม  ผิวแก้มใสเคลื่อนเข้าใกล้แนบลงกับแก้มเขา

“....”

“ทำไม?”   ชายชาญถามย้ำ  ขณะที่คนตัวโตด้านหลังขยับมือกดลงบั้นเอวของเกียรติศักดิ์  เขาสะดุ้งกาย  ลมหายใจติดขัด    ...ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษอย่างไรอย่างนั้น

“เพราะ....พวกคุณ”

“พวกฉันทำไม?”    เสียงทุ้มด้านหลังเอ่ยถาม  ริมฝีปากร้อนขบเม้มติ่งหูให้เกียรติศักดิ์อุทานร้องเสียงหลงย่นคอหนี  หากชายชาญกลับประคองใบหน้าเขาเอาไว้ไม่ให้หันหนี

“พวกคุณทำให้ผมสับสน!”

“สับสนเรื่องอะไร?”  ชายชาญเขย่งปลายเท้าแตะริมฝีปากคนตกประหม่าอย่างกลั่นแกล้ง

“อื้อ!”

“ตอบซิ  นายสับสนเรื่องอะไร?”  ริมฝีปากร้อนแตะลงหลังคอ เลื่อนขยับรุกลามไปติ่งหู  ร่างโปร่งครางฮือมือไม้อ่อนแรง

“สับสนว่า...  อื้อ! ผมกำลังชอบ...อย่า!”  เกียรติศักดิ์ร้องปรามเมื่อมือใหญ่ล้วงแนบฝ่ามือลงบนหน้าท้องแบนราบของเขา

“ชอบอะไร?”  ชายชาญแตะจูบบนสันกราม  แลบเลียริมฝีปากสีซีดก่อนจะขยับแว่นตาของเกียรติศักดิ์ให้เข้าที่เมื่อมันเลื่อนหลุด  ดวงตาหวานปรือปรอยหลังเลนส์แว่นฉ่ำหยาดน้ำดูน่ารังแกพาให้หัวใจของชายชาญเต้นแรง  มือเล็กเลื่อนลงถอดเข็มขัดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วแล้วสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า

“อื้อ~ ชอบ  ฮ่า..ชอบคุณสองคน”  อิ่มเอมยกยิ้มเมื่อได้ฟัง  เขาสบตากับชายชาญในความมืดที่ยิ้มตอบกลับมา....










เสียงครางผะแผ่วแว่วหวานในความมืด










Fin.


โปรดติดตามตอนต่อไป










สวัสดีค่ะ  คลานเข่าเข้ามากันเลยทีเดียว
หายหัวไปนานเพราะงานสุมหัวค่ะ ฮือออออออ
แต่งเสร็จก็เอามาลงเลย ฝากดูด้วยนะคะ  อาจมีข้อผิดพลาดได้  บอกกันได้เช่นเคยนะคะทุกคน
กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความคิดถึง... :กอด1:

ติดตาม  ทวง  พูดคุยได้ที่ทวีตนะคะ  @ sine501 ค่ะ
#รักพัดหวน  ก็ได้ค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ยังคงมีให้กันเสมอมานะคะ^^


ปล.เรื่องนี้อาจไม่หวือหวา เดาทางง่าย  แม้ชื่อเรื่องจะหม่นแต่อยากให้อ่านสบายๆกันเนอะ  แม้ฝีมือไม่ถึงก็จะพยายามให้ดีที่สุดนะคะ   ฝากให้รักเรื่องนี้ด้วยนะคะ   ขอบคุณค่ะ^^

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #155 เมื่อ28-09-2015 00:40:43 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ช่วงสุดท้ายมีงานสมัคคีชุมนุม
อ่านแล้วรู้สึกหวาบหวิวแทนคุณศักดิ์มากคร๊ะ 5555 :hao7:
เอ๊ะ เหมือนเราลืมโฟกัสจุดสำคัญไป ที่เขาเลิกกันด้วยเหตุผลที่ง่ายเกินคาดแฮะ นึกว่าจะดราม่า
ปล. สู้ๆนะคะ รอติดตามเรื่องนี้เสมอ ><

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #156 เมื่อ28-09-2015 01:13:56 »

เหวยยยยย เกียรติศักดิ์ แย่แล้วววว

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #157 เมื่อ28-09-2015 18:57:58 »

กรี๊ดกร๊าดดด 5555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #158 เมื่อ28-09-2015 19:36:00 »

สิงห์สะกดจิตตัวเองเอาไว้นะคะ ว่าต่อให้เพลงเข้ามาออดอ้อนสิงห์สักแค่ไหน สิงห์ก็จะไม่ยอมตกเป็นฝ่ายที่ถูกกดเด็ดขาด :laugh:

พ้นจากคืนนี้ไปแล้ว คุณศักดิ์จะไม่มีอีกแล้วนะคะกับอาการสับสนที่เคยเป็นมา~~ :hao7: ถนอมๆ คุณศักดิ์เขาหน่อยนะคะทั้งสองคน >\\\\\\\\\<

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #159 เมื่อ28-09-2015 19:55:09 »

เหตุผล งี่เง่าจริงๆด้วย =_="
คีย์ นิสัยมุ้งมิ้งสาวน้อยอย่างงี้ กดใครไม่ได้หรอกนะ ทำใจซะเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
« ตอบ #159 เมื่อ: 28-09-2015 19:55:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #160 เมื่อ28-09-2015 20:44:30 »

นุ้งเกียรติศักดิ์ โดนรุมมมมมมมมมมมมมม ไม่น้าาาาาาาาาา แต่อะไรก้อไม่เท่ากับเหตุผลที่นุ้ง Music กับพี่ Lion เลิกกันเลยยยยยยยยยยยยยย อึ้งมากกกกกกก 55555

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #161 เมื่อ29-09-2015 02:44:21 »

อุ๊ป!!! คุณศักดิ์ ยังไงก็ถนอมๆหน่อยนะคะคุณหมากระเป๋าเอ้ยชาญกับอิ่ม
ส่วนเพลงคืนดีกับสิงแล้วยอมๆเขาเถอะ 5555

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #162 เมื่อ02-10-2015 01:01:18 »

สรุปแพรวจะมาจีบใคร.   แล้วนั่น!!!!   3p  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #163 เมื่อ22-10-2015 15:52:33 »

~ แมกไม้  ไอดิน  กลิ่นฝน ~
 
- รักพัดหวน -
ลมพัดครั้งที่10










“สวัสดีค่ะคุณคีย์”

“!”  คีตกาลสะดุ้งโหยง   ชายหนุ่มกรอกตาพลางคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงขยันทำให้เขาตกใจนักนะ  “สวัสดีครับคุณแพรว  คุณแพรวมาทำธุระแถวนี้อีกแล้วหรือครับ?”

“เปล่าค่ะ  วันนี้คุณสิงห์ชวนมา”

“?”
“คุณแพรวมาแล้วหรือครับ?”  สีหราชถือหมวกสองใบออกมาจากห้อง  ร่างสูงยิ้มกว้างให้แขกผู้มาเยือนก่อนจะยื่นหมวกใบหนึ่งให้หญิงสาว  คีตกาลขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยแทรกบทสนทนา

“คุณแพรวทานข้าวมาหรือยังครับ?  ถ้ายังไงจะได้ให้สายใจจัดสำรับเพิ่ม”

“ยังค่ะ  แพรวว่าจะมาชวนคุณค..”

“คุณแพรวครับ”   สีหราชเอ่ยขัดประโยคของแพรวพรรณ  “คุณแพรวจะลงไปดูม้าก่อนไหมครับ  ตอนนี้ป้าแช่มกับสายใจคงยังทำกับข้าวไม่เสร็จ”

“เอ่อ...”  หญิงสาวลังเล  เธอเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่กำลังมองมา

“ไปเลือกม้าไว้ก่อน  แล้วผมจะให้คุณแพรวลองขี่กลับมาทานข้าวเช้าที่เรือน”

“ก็ได้ค่ะ”   แพรวพรรณตามร่างสูงลงเรือน   คีตกาลก้าวตาม

“คุณแพรวจะฝึกขี่ม้าหรือครับ?”

“ใช่ค่ะ”  หญิงสาวหันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง

“แล้วจะให้สีหราชสอน?”

“ค่ะ”

“ผมว่า...คุณแพรวน่าจะไปหาคนเก่งๆมาสอนไม่ดีกว่าหรือครับ?”  คีตกาลเหลือบมองร่างสูงที่กดยิ้มมุมปากแล้วให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมา

“แต่แพรวว่า  คุณสิงห์ก็เก่งนะคะ”

“ใช่  เก่งไม่เก่งก็สอนเด็กโข่งให้ขี่ม้าเป็นมาแล้ว”

“นายว่าใครเป็นเด็กโข่ง!”

“เด็กโข่งจอมโวยวายแถวนี้แหละ”

“นาย!”

“ถ้านายอยากยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กโข่งคนนั้นก็ตามใจนะ”  ร่างสูงค้อมตัวลงจ้องหน้าคีตกาลพร้อมรอยยิ้ม   ยิ้มที่ทำให้คีตกาลอยากจะชกเบ้าตาอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน   “ไปเถอะครับคุณแพรว”  สีหราชรั้งศอกให้หญิงสาวเดินตาม

“ไอ้!ไอ้...”  คีตกาลได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นเพราะนึกคำโต้เถียงไม่ออก  ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลับมาเจอสีหราชอีกครั้งเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนหยาบคายมากขึ้น  หากแต่ก็ด่าไม่เป็นอยู่นั่นเอง

หลังจากนั้นไม่นานแพรวพรรณก็กลับมาพร้อมม้าตัวสวยและสีหราชบนหลังเจ้าสายฟ้า  คีตกาลนั่งหน้าง้ำก่อนจะบอกให้สายใจตักข้าวใส่จาน

“นึกว่าจะพากัน ขี่ เพลินจนลืมกินข้าวกินปลาเสียอีก!”

“อันที่จริงก็อยากให้คุณแพรว ขี่ นานกว่านี้อยู่หรอกแต่กลัวคุณแพรวจะหมดแรงเสียก่อน”  สีหราชตอบกลับขณะที่รอยยิ้มยังระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา

“โธ่  สองหนุ่ม  พูดจาอะไรกันทะลึ่งจังค่ะ!”  หญิงสาวหน้าแดง   เธอตีแขนของสีหราชเบาๆอย่างเขินอาย   คีตกาลตวัดสายตามองท่าทางนั้นแล้วให้หงุดหงิดจนนึกไม่อยากทานข้าว  ทั้งๆที่อุตส่าห์ทนนั่งรอสองคนมาร่วมชั่วโมง  ร่างโปร่งลุกพรวดขณะที่สีหราชและแพรวพรรณทรุดตัวลงนั่งพอดี

“จะไปไหน?”   ใบหน้าเข้มคร้ามที่ประดับรอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดุดันทันที

“ไปทำงาน!”

“นั่งลง  ทานข้าวก่อนแล้วค่อยไป”

“ไม่หิว!”  จ๊อก~~ โธ่  อย่าขายหน้าเจ้าของได้ไหม!  คีตกาลตะปบท้องตัวเองแน่น

“......ไม่หิว?  แต่ท้องเสียงดังอย่างกับเครื่องโม่”

“ท้องนายน่ะซิเครื่องโม่!”  คีตกาลถลึงตามองอย่างไม่ชอบใจ

“นั่งลง  แล้วทานข้าว”

“....”  คีตกาลกอดอกแน่น  ยังคงยืนอยู่ท่าเดิมไม่ขยับไม่ยอมทำตามคำสั่งอีกฝ่าย

“สายใจตักข้าว!”   สีหราชละความสนใจจากคนดื้อมายังแขกสาวสวย  “คุณแพรวทานแค่พออิ่มนะครับ  ไม่อย่างนั้นตอนไปขี่ม้าจะจุกท้องเอาได้”

“ค่ะ”

“รออาหารย่อยแล้วเราไปขี่ม้ากันต่อนะครับ”   เสียงทุ้มฟังดูอ่อนโยน  คนที่ยืนนิ่งได้ยินกลับรู้สึกไม่ชอบใจ

“เอ่อ  คุณคีย์  ทานข้าวเถอะค่ะ  แล้วเดี๋ยวเราไปขี่ม้ากันนะคะ”

“.......”  คีตกาลกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ  พลันโทรศัพท์ก็มีข้อความเข้ามาเสียก่อน  เขากดเปิดอ่านแล้วให้รู้สึกประหม่าขึ้นมา  ข้อความจากแม็กกี้..      ‘วันนี้ไอจะเข้าไปหานะ   ปล.อย่าลืมรุก Lionตามที่สั่ง!’

“คุณคีย์?”

“ครับ  เดี๋ยวทานข้าวแล้วผมไปขี่ม้ากับคุณแพรวด้วยดีกว่า”  แพรวพรรณยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง  ส่วนอีกคนกลับตีหน้ายุ่ง และคีตกาลไม่สนใจสีหน้านั้น  เขาทั้งยิ้มและพูดคุยกับหญิงสาวหนึ่งเดียวอย่างออกรส

“แล้วไม่ไปทำงานหรือไง?”

“วันนี้หยุด”   สั้นๆคำตอบเดียวทำให้สีหราชคิ้วกระตุก

อันที่จริงเขาไม่ได้วางแผนหยุดงานไว้  แต่เมื่อคืนจู่ๆอิ่มเอมโทรศัพท์มาบอกว่า  เกียรติศักดิ์ขอหยุดงานสักสอง-สามวัน พอเขาถามว่าทำไมอิ่มเอมถึงใช้โทศัพท์มือของเกียรติศักดิ์โทรมา  แล้วเจ้าของไปไหนหมอนั่นก็เอาแต่หัวเราะแปลกๆใส่แล้วไม่ยอมตอบคำถาม  พอเขาโทรศัพท์กลับไปก็ปิดเครื่อง  ดังนั้นเช้านี้เขาจึงตั้งใจว่าจะตื่นสายเสียหน่อยหากแค่แสงแดดส่องก็มีสายเข้าจากชายชาญ  บอกว่าตัดสินใจจะมาทำงานกับเขา  ตามที่เขาต้องการ  คีตกาลประหลาดมากทั้งๆที่ก่อนหน้ายังปฏิเสธอยู่แท้ๆ  ไม่พ้นอาทิตย์เปลี่ยนใจเสียแล้ว  พออ้าปากจะถามอีกฝ่ายกลับวางสายไปแล้ว  เขาก้มลงอ่านรายชื่อคนโทร.เข้าแล้วให้ขมวดคิ้ว ‘เกียรติศักดิ์’  ทำไมทั้งอิ่มเอมและชายชาญถึงใช้โทรศัพท์ของเกียรติศักดิ์โทร.มาล่ะ?

“ว่างงานว่างั้น?”  คีตกาลหลุดจากภวังค์  ดวงตาคู่สวยตวัดมองคนตัวโต

“ใช่  ว่างพอที่จะไป ขี่ ม้ากับคุณแพรวได้ทั้งวัน!” ร่างโปร่งกดยิ้ม

“....”  สีหราชหุบยิ้ม  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงทันที

หลังอาหารมื้อเช้าย่อยดีแล้วทั้งหมดจึงควบม้าของตัวเองกลับไปที่ฟาร์ม  แพรวพรรณยังคงได้แค่การควบม้าวิ่งเหยาะเท่านั้น หากหล่อนก็ดูสนุกสนานดี  สีหราชเย้าแหย่และคอยดูแลอยู่ข้างๆตลอด  คีตกาลเบ้ปากใส่ภาพตรงหน้าก่อนจะควบเจ้า Music วิ่งผ่านทั้งสองคนไป

“แย่จริง  แพรวลืมเสื้อแขนยาวไว้ที่รถ”  หญิงสาวขยับหมวกแล้วยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองซึ่งตอนนี้อุ่นร้อนเพราะแดดยามสาย  แพรวพรรณเพิ่งรู้ตัวเพราะแสบผิว  คีตกาลที่ควบเจ้า Music วิ่งวนครบรอบได้ยินบทสนทนานั้นพอดี

“ถ้าคุณแพรวไม่รังเกียจเอาเสื้อผมไปใส่ก่อนก็ได้นะครับ”  คีตกาลเตรียมถอดเสือแขนยาวของตัวเองให้

“คุณแพรวเขาคงรังเกียจอยู่แล้วล่ะ  เสื้อมีแต่เหงื่อ”

“นาย!”

“โธ่  อย่าทะเลาะกันซิคะทั้งสองคน”  แพรวพรรณห้ามทัพพลางหัวเราะคิกคัก

“เสื้อของคีตกาลชุ่มเหงื่อไปหมดคุณแพรวคงไม่อยากใส่หรอก  ใช่ไหมครับ?”   สีหราชหรี่ตามอง

“แพรวไม่รังเกียจหรอกค่ะ”

“!”  คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อได้ฟัง  ใบหน้าหล่อเหลาหันมาจ้องคนที่กำลังถอดเสื้อแขนยาวเขม็ง   แพรวพรรณยิ้มขอบคุณแล้วรับเสื้อไปสวมทันที

“เห็นไหม  คนสวยจิตใจดีเขาไม่รังเกียจเรื่องแค่นี้หรอก”  คีตกาลยักคิ้วให้คนหน้าบึ้ง  ขยับหมวกให้เข้าที่แล้วควบเจ้า Music ห่างออกไป

เที่ยงวันแดดยิ่งแรง  สีหราชพาแพรวพรรณไปหยุดพักใต้ร่มไม้แล้วยื่นกระบอกน้ำให้  เขาเหลือบมองอีกคนที่ถอดหมวกมากระพือลมเข้าใส่ตัวเอง แขนขาวเริ่มแดงเพราะแดดเผา  สีหราชเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ  ร่างสูงถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองแล้วเดินเข้าไปคลุมหัวคีตกาล

“เฮ้ย!”  ร่างโปร่งอุทานตกใจ  เขาดึงเสื้อออกจากหัวตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตอย่างไม่พอใจ

“ใส่ซะ”

“ไม่เอา  เหม็นเหงื่อ!”  คีตกาลทำท่าจะขยำเสื้อคืน

“คนหน้าตาดีเขาไม่รังเกียจเรื่องแค่นี้หรอก”

“....”  คนหน้าตาดีได้แต่เม้มปากแน่น   ก็นั่นมันคำพูดเขานี่นา!

สุดท้ายคีตกาลก็เลยต้องใส่เสื้อของสีหราชทั้งวัน...
.
.
.



แม็กกี้แวะเข้ามาหาพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ  เจ้าหล่อนบอกว่าบรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การย่างบาร์บีคิวและของมึนเมามาก  คีตกาลยกของให้สายใจและป้าแช่มจัดการ

“นี่  ผู้หญิงคนนั้นแปลกๆนะ”  แม็กกี้พยักเพยิดหน้าไปทางแพรวพรรณที่เมียงมองมาทางพวกเขาตลอดเวลา

“แปลกยังไง  ก็เขามาจีบนายสิงห์”  คีตกาลเอ่ยขณะพลิกบาร์บีคิวบนเตา

“แล้วยูไม่หึงหรือไง?”

“.......”  ถ้าไม่หึงเขาจะทำพฤติกรรมแปลกๆตอนกลางวันทำไม

“ไอว่าหล่อนแปลกตรงที่คุยอยู่กับ Lionแต่มองยูตลอดเวลา”  คีตกาลแกล้งเหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวก็เห็นว่าฝ่ายนั้นมองมาทางเขาเลยยกยิ้มไปให้

“ไม่หรอกมั้ง?”

“เออ  ช่างเถอะ  แล้วนี่ยูรุกหรือยัง?”  คนชอบยุติดตามผล

“ก็...นี่ไง”  แก้มใสขึ้นสีเรื่อ

“นี่อะไร?”  แม็กกี้ฉงนกับคำตอบ  “ย่างบาร์บีคิวนี่มันรุกยังไง?”

“บ้า  ฉันหมายถึงว่าวันนี้ทั้งวันฉันไปเป็นก้างระเขากับคุณแพรวไง”

“......ก้าวหน้ามาก”  แม็กกี้กรอกตาขึ้นฟ้าพลางลากเสียงประชดประชัน

“โธ่  แล้วจะให้ทำยังไงเล่า?” คนโดนประชดตีหน้ายุ่ง

“นี่”  แม็กกี้ยื่นกระป๋องเบียร์ไปตรงหน้า  “ฮี่ๆๆๆ”

“หัวเราะได้น่าเกลียดชะมัด!”  ร่างโปร่งหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน

“ยูกระดกๆเข้าไป เมาแล้วจะได้กล้าๆไง”

“ฮื่อ!”  คีตกาลส่งเสียงไม่เห็นด้วย  อันที่จริงเขาค่อนข้างคออ่อนแม้จะหัดดื่มมาหลายปีแล้วก็ตาม

“ถ้ายูไม่เมาก็ไม่กล้ากดLionน่ะซิ”  ชายหนุ่มยิ้มแหย  พูดถึง Lion เขาก็นึกถึงเจ้าหมาน้อยขึ้นมา  พอแม็กกี้พูดว่าให้เขากดLion ทำให้คีตกาลนึกว่าตัวเองต้องไปปล้ำหมาอยู่เรื่อย

“เรียกเขาว่าสิงห์เถอะ  ขอร้อง”  ร่างโปร่งโอดครวญน้ำตาตกใน

“?”



กระป๋องเบีนร์เปล่าใบที่สี่ถูกเก็บซ่อนโดยฝีมือแม็กกี้  หล่อนเลียริมฝีปากอย่างลุ้นระทึกเมื่อเห็นร่างโปร่งของคีตกาลเริ่มโงนเงน  อะไรจะคออ่อนขนาดนี้เนี่ย! ประเดี๋ยวแผนได้ล่มกันพอดี!

“นี่!”  ไม่รู้ว่าสีหราชแอบสังเกตอยู่นานแค่ไหน พอคีตกาลทำท่าเซเล็กน้อยร่างสูงก็พรวดเข้ามาคว้าต้นแขนแน่น “นายเมา?”  ดวงตาคมดุตวัดมองแม็กกี้อย่างไม่ชอบใจ  เห็นทีที่คนตรงเมาไม่พ้นฝีมือเพื่อนสาวจอมเซี้ยวคนนี้แน่

“ไม่  ไม่เมาสักหน่อย  แค่มึนนิดๆ”

“ไป  ไปล้างหน้าล้างตาซะ”  คนตัวโตเอ่ยดุไม่จริงจัง  มองแก้มขาวๆที่แดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลก็ให้นึกหมั่นไส้ครามครัน  แม็กกี้ยิ้มแหย ถอยไปนั่งแทะบาร์บีคิวอยู่อีกมุม

คีตกาลวักน้ำล้างหน้า  เขาจ้องมองเงาตัวเองในกระจกแล้วยิ้มหวาน  “หล่อจริงๆนะเนี่ยเรา...คิก...”  เขาไม่ได้เสียหน่อย  แค่มึนเฉยๆหรอก!  ว่าแต่...ทำไมเขาต้องทำตามที่สีหราชสั่งง่ายๆด้วยล่ะเนี่ย?  ร่างโปร่งสั่นหัวไล่อาการมึน  หยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วกลับลงไปข้างล่างอีกครั้ง  เขาเหลียวมองหาเพื่อนซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้ไปนั่งอยู่มุมไหนของสวนเล็กๆนี่  เขาเดินหาไม่พบเพื่อนพลันสายตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างของสีหราชตรงมุมหนึ่งห่างออกไปจากจุดนั่งทานอาหารกันเมื่อครู่  ตรงมุมนี้ค่อนข้างสลัวเพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่บังแสงไว้  ร่างสูงใหญ่นั้นทำท่าแปลกพิกล  แขนแกร่งสองข้างประคองบางอย่างเอาไว้  และใบหน้าเข้มคร้ามโน้มลง...

“!”  คีตกาลเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีร่างของใครอีกคนที่สีหราชบังอยู่  ร่างโปร่งสาวเท้าเข้าไปหาคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว  ก่อนจะ...พลั่ก!

“เฮ้ย! / ว้าย!”  คีตกาลถีบเข้าที่ก้นร่างสูงเต็มแรง  ส่งผลให้ร่างนั้นเซถลาไปข้างหน้าพร้อมกับอีกคนล้มลงไปด้วยกัน

“ไอ้บ้าเอ๊ย!”  เขาตะโกนใส่คนบนพื้นก่อนจะวิ่งมาปลดเชือกเจ้า Music แล้วควบออกไป

“เพลง!”  สีหราชยันกายลุกขึ้น  ครั้นจะวิ่งตามไปก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวอีกคนล้มลงไปพร้อมเขา  ร่างสูงช่วยประคองให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน  หล่อนยังคงมีสีหน้าตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่  เจ้าของใบหน้าสวยกระพริบตาที่แสบเคืองแล้วเงยหน้าขึ้นถาม

“เมื่อกี้ใครน่ะคะ?  เสียงเหมือนคุณคีย์เลย” 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ  คุณแพรวโทร.ให้คนที่บ้านมารับนะครับ”

“ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านดีๆนะครับ”  สีหราชพูดรัวเร็วแล้วก็วิ่งหายไปอีกทาง   แพรวพรรณขมวดคิ้ว  เมื่อครู่เธอได้ยินเสียงเหมือนคีตกาล  หากแต่เพราะแสบเคืองตาจนลืมไม่ขึ้นจึงไม่สามารถมองเห็นเจ้าของเสียงได้  หญิงสาวนึกขัดเคือง  ยกมือขึ้นแตะเปลือกตาแล้วถอนหายใจ  เบื่อแมลงพวกนี้จริงๆ  ทำไมถึงชอบบินเข้าตาคนจังเลย!  ...ว่าแต่  มืดขนาดนี้...คนที่บ้านจะมารับเธอได้ไหมนะ?
.
.
.



“ไอ้บ้า!ไอ้บ้า!”  ร่างโปร่งดึงต้นหญ้าใกล้มือพลางด่าทอเสียงดัง  อารมณ์กรุ่นโกรธมีมากเกินจนสนใจว่าเสียงของเขาอาจสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณเนื่องจากความเงียบของยามค่ำคืน    เขาควบเจ้า Music ขึ้นเนินสูง...เนินที่สีหราชเคยพาเขามา...

คีตกาลทรุดตัวลงนั่งโคนต้นไม้ใหญ่พลางสูดจมูกเสียงดัง  อาการร้อนหัวตาทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อให้บางอย่างไหลย้อนกลับลงไป  ท้องฟ้าปรอดโปร่งดวงดาวส่องแสงสว่างไสว  พระจันทร์ครึ่งดวงกลบแสงดาวใกล้ตัว  กระนั้นก็ยังมีดวงดาวมากมายให้เขาได้มองและยกนิ้วไล่ชี้หาชื่อดวงดาว   ปลายนิ้วเรียวยกวาดตามตำแหน่งดาวให้เป็นตัวอักษรต่างๆ

“พ่อ  ..อันนี้แม่  นี่เพลง....”  นิ้วเรียวหยุดชะงักเพียงครู่แล้วขยับวาดต่อ  “ส่วนนี่...สิงห์”     

เพราะอยู่บนที่สูง  ยามลมพัดโชยจึงหนาวเหน็บมากขึ้นในเวลากลางดึกอย่างนี้  แขนขาวขยับจับชายเสื้อให้แน่นเข้าเพื่อกันลม  กลิ่นหอมอ่อนเจือกลิ่นเหงื่อจางๆแตะจมูกให้คนสวมนิ่งงัน   ...เสื้อของสีหราช...

ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้เขาลืมถอดคืนเจ้าของ   คีตกาลยกแขนขึ้นกอดตัวเองเพื่อความอบอุ่น  หากสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาอุ่นซ่านมากขึ้น...นั่นเป็นเพราะเจ้าของเสื้อตัวนี้ที่เขานึกถึง...  กลิ่นหอมอ่อนโอบล้อมรอบกาย

“สิงห์”  เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นอีกครั้ง  ขอบตาร้อนผ่าว...  “ไอ้บ้า!  กล้าดียังไงมาจูบผู้หญิงต่อหน้าฉันวะ!”  ฤทธิ์แอลกอฮอลยังคงเข้มข้นอยู่ในร่าง  เลยกลายเป็นชกลมชกฟ้าด่าทออยู่อย่างนั้นพักใหญ่   ก็ไม่รู้ว่าคนที่ทำให้ใจเขาเจ็บจะได้ยินมันไหม

“คอยดูนะ  จะจับปล้ำ!”

แกร๊ก!  เสียงย่ำเท้าของกีบม้าเคลื่อนเข้ามาใกล้  ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนจะลุกวิ่งเข้าไปแอบตรงมุมต้นไม้อีกฝากหนึ่ง   ท่ามกลางความมืดร่างสูงบนหลังเจ้าสายฟ้าของสีหราชเด่นชัดจากแสงพระจันทร์    เขาตรงมายังเจ้า Music ที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่เดียวดาย

“เจ้านายแกไปไหนแล้ว  หืม?”  ม้าแสนรู้เพียงส่งเสียงครืดคราดในคอ  มันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงแล้วหันไปเล็มหญ้าต่ออย่างไม่สนใจ   สีหราชถอนหายใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอบๆซึ่งว่างเปล่าไร้เงาของคนที่เขาตามหา   “คีตกาล!”

“....”  ร่างโปร่งทรุดกายลงนั่งไม่ขยับ  ไม่ขานรับ

“คีตกาล!  กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ  มืดค่ำแบบนี้มันอันตราย!”

“.....”

“ดื้อชะมัด!”

“!”  คนแอบอยู่แทบจะพุ่งออกไปบีบคออีกฝ่าย  ฤทธิ์แอลกอฮอลทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านเหลือเกิน

“.....อย่าทำให้เป็นห่วงได้ไหม?”

“.....”  ความโกรธพลันชะงักนิ่ง

“เฮ่อ~  ร่างสูงทรุดกายลงนั่งโคนต้นไม้ที่คีตกาลนั่งเมื่อครู่แล้วหลับตาผ่อนลมหายใจ

“....”

แม้จะคันเพราะยุงกัดเขาก็ไม่กล้าขยับจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วคนแอบซ่อนจึงโผล่ตัวออกมาจากเงามืด   คีตกาลนั่งลงข้างคนตัวโตที่หลับไปแล้ว  เขาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่นาน...แล้วหลับตาเพราะความง่วงงุน




“ชู่!” ร่างสูงยกนิ้วแตะริมฝีปากบอกให้เจ้า Music เงียบเสียงเมื่อมันเงยหน้ามาเห็นร่างสูงขยับกาย    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม  แสงจันทร์นวลอ่อนส่องสว่างให้เห็บในหน้าใสซึ่งหลับตาพริ้ม   ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทรา  เขาจ้องมองใบหน้ายามหลับของคีตกาลนิ่งก่อนจะยกมือแตะแก้มเนียนเย็นชื้นเพราะอากาศหนาว  ดวงตาคมดุหรุบมองเสื้อแขนยาวที่อีกฝ่ายยังสวมใส่  แขนเรียวยกกอดตัวเองแล้วให้ใจเต้น  มือแกร่งรั้งประคองร่างนั้นแล้วเอนพิงต้นไม้อีกครั้ง  กอดรัดคีตกาลเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแทน

ปลายจมูกโด่งแตะลงขมับเนียนแผ่วเบาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นรู้ตัว  กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อป้องกันลมหนาวที่พัดผ่าน  สีหราชชันเข่ารั้งร่างโปร่งให้นอนได้สบายที่สุดบนอกกว้าง   เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองท้องฟ้าแล้วยิ้มกว้างให้ดวงดาวที่ส่องสว่างในความมืดมิดนั้น...


“อืม~”   เขาขยับกายเพราะความเมื่อยขบ  อากาศเย็นแทรกผ่านหากกระนั้นก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรัดรอบกาย   คีตกาลลืมตาตื่น  ลมหนาวทำให้เขาต้องซุกตัวเข้าหาไออุ่นนั้น  ....ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจ

คีตกาลยันกายผละออกห่างจากความอบอุ่นนั่น  หากขยับไม่ได้มากเพราะแขนแกร่งรั้งร่างเขาเอาไว้   ใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงแค่คืบ   ปลายจมูกโด่งจ่อชิดให้ใจเต้นระส่ำ  ริมฝีปากหยักตรงหน้ายิ่งทำให้ใจเต้นแรงยิ่งกว่า

“......”  คีตกาลนิ่งค้าง  นานกว่าจะกล้าส่งเสียง    “ไอ้บ้าเอ้ย!”  ไม่รู้ว่าความโกรธเมื่อตอนหัวค่ำโดนลมหนาวพัดหายไปในอากาศเสียตอนไหน  น้ำเสียงต่อว่าของเขาจึงแผ่วเบาราวกระซิบแบบนี้  เขาจ้องมองโครงหน้าได้รูปนั้นก่อนจะค่อยๆยกมือแตะปลายคางสากเพราะไรเครา  ระเรื่อยขึ้นบนปลายจมูกโด่งอย่างนิ่มนวล  คนโดนก่อกวนขยับใบหน้าหนีให้คนแกล้งส่งเสียงหัวเราะแผ่ว

“นี่  ถ้านายยังหลับอยู่แบบนี้ฉันจะปล้ำนายนะ”

“....”  ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ  คีตกาลปล่อยให้ตัวเองจมลงในอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง

“นายน่ะชอบคุณแพรวเหรอ?”  ถ้าอีกฝ่ายตื่นอยู่เขาคงไม่กล้าถามออกไปแน่นอน  “อันที่จริงนายรู้ไหมว่าฉันไม่กล้ากลับมา     ฉันที่ทิ้งนายไปแบบนั้น   ฉันไม่กล้ากลับมาหานายอีก”

“.....”

“ยิ่งตอนนี้มีคุณแพรวเข้ามาฉันก็ยิ่งกลัว  เมื่อหัวค่ำตอนเห็นนายจูบกับคุณแพรว  ใจฉันเจ็บไปหมดเลย....”

“.....”

“ฉันก็เลยคิดว่า  คราวนี้ฉันคงยอมเสียนายไปไม่ได้อีกแล้ว”

“.........”

“เพราะงั้นฉันจะปล้ำนาย!  ให้นายเป็นของฉันซะนายจะได้ไม่ไปเป็นของคนอื่น!   .....คิก... ฉันเนี่ยน้า  พูดอะไรก็ไม่รู้”  ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่ง  เปลือกตาไม่ขยับไหวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายหลับสนิทและไม่ได้ยินที่เขาพูด  คีตกาลขยับใบหน้าเข้าใกล้...

แตะจูบลงบนริมฝีปากหยักของสีหราชแผ่วเบา...

ร่างหนาขยับกายเปลี่ยนท่าทางทำเอาคีตกาลเกร็งตัวไม่กล้าขยับเพราะกลัวอีกฝ่ายตื่น  หากสีหราชก็ไม่ได้ลืมตา....ร่างโปร่งจึงถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนอุ่นนั้นอีกครั้ง

เหมือนจังหวะหัวใจจะเต้นเร็วกว่าเมื่อนิดหน่อยใช่ไหม?

หรือว่าเขาคิดมากไป  แท้ที่จริงคือเสียงหัวใจของเขาเอง....





ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่9 [27 ก.ย.58]
«ตอบ #164 เมื่อ22-10-2015 15:57:10 »

.
.

นาน...จนคนในอ้อมแขนถอนหายใจสม่ำเสมอกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเขาจึงกล้าลืมตาตื่น    หัวใจที่พยายามสะกดไม่ให้เต้นระรัวพลันเต้นแรงอีกครั้ง  ปลายนิ้วหยาบกร้านยกแตะริมฝีปากตัวเองราวกับไม่เชื่อในสัมผัสก่อนหน้านี้

ราวกับฝัน...

คีตกาลจูบเขา?

สีหราชยิ้มกว้างให้กับพระจันทร์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า   ชายหนุ่มหรุบสายตามองคนหลับในอ้อมแขนแล้วก้มลงแตะปลายจมูกลงบนไฝเม็ดเล็กข้างแก้มใส  จูบแผ่วเบาบนปลายจมูกมนน่ารัก

“นี่แค่ดอกเบี้ยหรอกนะ!”  แล้วรอยยิ้มสวยเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเจ้าเล่ห์ขึ้นฉับพลัน! 
/
/

“!”  เพราะคิดว่าเป็นความฝัน  เมื่อลืมตามาเห็นคนตรงหน้าเขาจึงตกใจ  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆกันตรงโคนต้นไม้   เพราะเมาเลยฝันแบบนั้นซินะ?  คีตกาลสะบัดศีรษะไล่อาการมึนงง   ไอ้ที่จะไปจูบสีหราชน่ะเขาก็แค่คิด  คงไม่ได้ทำไปจริงๆหรอกใช่ไหม?  คิ้วเข้มของสีหราชขยับคีตกาลจึงรีบลุกขึ้นก่อนจะขึ้นควบเจ้า Music ออกไปอย่างรวดเร็ว

“?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่ารถของแพรวพรรณยังคงจอดอยู่เดิม  “สายใจ  คุณแพรวไม่ได้กลับบ้านหรือ?”

“อ้าว คุณคีย์?  ใช่ค่ะ  เมื่อคืนคุณแพรวนอนที่นี่กับคุณแม็กกี้  ดึกขนาดนั้นไม่มีใครกล้าขับรถหรอกค่ะ  เส้นทางมันอันตราย”  เด็กสายใจอธิบายขณะช่วยป้าแช่มจัดอาหารบนโต๊ะ   “แล้วนี่คุณคีย์ไปนอนที่ไหนมาคะ?  หนูเข้าไปปลุกไม่เห็นนอนในห้อง”

“ห๊า! เอ่อ....”

“หรือว่าเมาเบียร์แล้วหลับอยู่แถวนี้?”  สายใจยกมือขึ้นเท้าเอว  จ้องมองรอยยุงกัดบนผิวขาวๆเขม็ง

“ก็  เอ่อ... ทำนองนั้น”

“คุณคีย์!”  ทำตัวเป็นขี้เมาแบบนี้ได้ยังไงคะ  รู้ไหมคุณสิงห์ไม่ชอบให้กินเหล้ากินเบียร์แถวนี้    อีกอย่างดูซิ  ยุงกัดเต็มไปหมดเลย  ถ้าเกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียหรือไข้เลือดออกล่ะแย่แน่ๆ!”  สายใจบ่นยืดยาว  คีตกาลที่อ้าปากจะอธิบายพูดไม่ทันเด็กสาวเสียที   หนำซ้ำสายใจยังมาเปิดเสื้อเลิกผ้าเขาเพื่อดูรอยยุงกัดอีก

“สายใจจะแก้แพ้ฉันเรอะ!”

“หนูเปล่านะ  เอ๊ะ  นี่มันเสื้อคุณสิงห์นี่คะ”

“ห๊ะ?”

“ทำไมคุณคีย์ถึงใส่เสื้อคุณสิงห์ล่ะคะ?”

“เอ่อ  พอดีเมื่อวานฉันเอาเสื้อให้คุณแพรวยืมตอนขี่ม้า”

“แล้วคุณคีย์ยืมเสื้อคุณสิงห์  หรือคุณสิงห์เสื้อมาให้ใส่คะ?”  แม้จะพอรู้คำตอบหากสายใจก็ยังถามเพื่อเย้าแหย่อีกฝ่าย  ตั้งแต่แรกสายใจก็เห็นคุณสิงห์ห่วงคุณคีย์สารพัด

“ใครยื้ม!”  เสียงสูงเสียจนสายใจส่งค้อนให้  “หมอนั่นยัดเยียดมาให้ฉันเองต่างหาก  ไม่ได้อยากใส่เสียหน่อยเหม็นเหงื่อจะตาย”

“ค่า  เหม็นเหงื่อแต่ก็ใส่จนข้ามวันเนอะคนเรา”

“ไม่เอาแล้ว  ไม่คุยกับสายใจแล้ว  ไปอาบน้ำดีกว่า!”




**********

“ยูทำอะไรน่ะ?”

“เย้ย!”  คนที่กำลังนั่งตะคุ่มๆอยู่ตรงรถชาวบ้านสะดุ้งโหยงสุดตัว  ชายหนุ่มยกมือลูบอกมองค้อนเพื่อนที่ทำให้เขาตกใจ   คีตกาลละมือจากล้อรถแล้วยืนขึ้นเท้าเอวพลางยกยิ้มอย่างผู้ชนะ  “ก็แกล้งใครบางคนนิดๆหน่อยๆ”   อันที่จริงเขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้นะ  แต่...เพื่อให้ได้บางสิ่งกลับคืนมาเขาเลยต้องฝืนใจทำ

“ปล่อยลมล้อรถคุณแพรวเนี่ยนะ?”

“คึๆๆ”  คีตกาลปิดปากหัวเราะชอบใจ

“ยูโคตรจ้าดง่าว!”  แม็กกี้เพื่อนตัวสูงอย่างดูแคลน

“อะไรคือจ้าดง่าว?”

“โง่ไง ภาษาบ้านยูนั่นแหละ   ยูน่ะโง่หรือเปล่า?  มาปล่อยลมรถเขาแบบนี้เขาก็กลับไม่ได้น่ะซิ”

“?”

“ทีนี้คุณแพรวก็ได้อยู่ Lion ทั้งวันจนกว่ารถจะได้เติมลม!”

“.......”   ร่างโปร่งนิ่งงันเมื่อได้ฟัง   ก่อนจะทิ้งผมตัวเองแล้วสบถในใจ  แม็กกี้มองภาพนั้นอย่างสมเพช  คีตกาลโคตรงี่เง่ามาก  แทนที่จะแกล้งเขาดันมากลายเป็นส่งเสริมศัตรูหัวใจเสียอย่างนั้น...  แม็กกี้ได้แต่ส่ายหัว

“เอาน่า  เดี๋ยวไอช่วยเอง”  หญิงสาวตบบ่าเพื่อนปลอบใจ

“...ว่าแต่เธอไปเรียนภาษาเหนือนี่มาจากไหน?”

“ได้ยินเด็กๆพูดกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่คราวที่แล้ว”

“.....”

.
.

“Lion!”  แม็กกี้โบกมือทักทายร่างสูงที่เพิ่งลงจากหลังเจ้าสายฟ้า   หญิงสาวยิ้มกว้างพลางส่งเสียงเรียกอีกครั้งแล้วเจ้าขนปุยสีน้ำตาลไม่รู้ว่าวิ่งมาจากทางไหนกระโดดเข้ามาหาอย่างดีใจ  คีตกาลก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอด “คีย์  Dog ตัวนี้น่ารักจัง  มันชื่ออะไรเหรอ?”

“เอ่อ...”   คีตกาลอึกอัก  เขาเหลือบมองร่างสูงของสีหราชที่เดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคน

“นี่ Lion   เจ้าหมาตัวนี้ชื่ออะไรเหรอ?”  แม็กกี้ซึ่งอยากสร้างสัมพันธภาพกับชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม

“....Lion”

“หืม?”  แม็กกี้ไม่เข้าใจว่าสีหราชพูดชื่อตัวเองทำไมเลยหันมาหาเพื่อนที่ตอนนี้ยกมือปิดหน้าตัวเองไปแล้ว

“คีตกาลตั้งชื่อหมาว่า lion”  สีหราชเอ่ยเสียงเย็น  ช้าๆชัดๆด้วยสีหน้าถมึงทึง  ดวงตาคมดุวาววับจับจ้องอีกคนอย่างไม่พอใจ  ทั้งๆที่เมื่อครู่เขายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ พอเพื่อนของคีตกาลเอ่ยชื่อเรียกเขาทำเอาคิ้วกระตุก

“......”   แม็กกี้อ้าปากค้างกับคำตอบนั้นก่อนจะหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนตัวเอง  ว่าทำไมไม่บอกเธอว่า Lion  ชื่อที่เธอใช้เรียกสีหราชนั้นเป็นชื่อซ้ำกับลูกหมา!      เจ้าของบ้านปรายตามองคนปิดหน้าตัวเองแล้วกระแทกเท้าขึ้นเรือนไป  ทิ้งให้แม็กกี้หน้าเสียอยู่อย่างนั้น  “แบบนี้จะต้องเกลียดนายแน่ๆเลย”

“อะไรนะ!”  คีตกาลเงยหน้าจากฝ่ามืออย่างตกใจ

“ยูเอาชื่อเขาไปตั้งให้หมา”

“ทีหมอนั่นยังเอาชื่อฉันไปตั้งให้ม้าได้เลย”  คีตกาลโวยวาย

“นั่นม้า  นี่....หมา”

“.........” ก็ได้!  เขาผิดก็ได้!  โธ่  คีตกาลอยากจะร้องไห้  เขาตั้งชื่อเจ้าลูกหมาว่า Lionเพราะนึกอยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น  และเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาอุตริเรียกสีหราชว่า Lion ที่นี่น่ะซิ!

สีหราชหรือ Lion ตัวจริงน่ะหรือ  ตอนนี้กำลังถอดเสื้อ  ขยำมันเป็นก้อนแล้วปาลงไปอย่างแรงพลางยิ้มเหี้ยม   ...  กำลังคิดว่าเขาจะเอาคืนคนตั้งชื่อหมายังไงดี   ตั้งชื่อหมาว่า Lion เขาก็โกรธอยู่หรอกหากก็ยอมให้เพราะอีกฝ่ายคือคีตกาล  แต่ที่โกรธมากกว่าคือการที่คนนอกมาเรียกเขาด้วยชื่อเดียวกับเจ้าลูกหมานั่น!







“เมื่อคืนคุณแพรวพักที่นี่กับคุณแม็กกี้นะคะ  ที่บ้านเธอว่าดึกแล้วไม่มีคนขับรถมารับเธอได้”  สีหราชพยักหน้ารับรู้เมื่อสายใจเข้ามารายงาน 

“คุณแพรว  ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยู่ทานข้าวด้วยกันอีกสักมื้อนะครับ”  สีหราชเอ่ยชวน  หลังจากอาบน้ำเสร็จลงมาเขาก็พบว่ารถของแพรวพรรณยางแบนเลยกลับบ้านไม่ได้ 

“ยินดีค่ะคุณสิงห์  ว่าแต่...นี่แพรวมีศัตรูอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะเนี่ย?”  หญิงสาวยิ้มแหย  หลังจากตรวจสอบแล้วว่ารถโดนปล่อยลมยางจนแบน  ส่วนคนแกล้งน่ะกำลังยกหลังมือปาดเหงื่อให้ร่างสูงที่เหลือบสายตาแอบมองอยู่ถึงกับยกยิ้ม

“คงไม่หรอกครับ   รถคุณแพรวยางแบนแบบนี้ก็ดีนะครับ  คุณแพรวจะได้อยู่กับผมอีกวัน”  สีหราชเย้า

“ไม่ต้องยางแบนแพรวก็อยู่กับคุณสิงห์ได้ทั้งวันแหละค่ะถ้าคุณสิงห์ชวน”  ชายหนุ่มหัวเราะ

“งั้นวันนี้ซ้อมขี่ม้าอีกนะครับ  เดี๋ยวจะทำให้คุณแพรวควบวิ่งได้เลย”

“ขอบคุณค่ะ!”

“แต่ต้องใช้ม้าตัวเดียวกับผมนะครับ”

“เอ๊ะ?”

“ถ้าคุณแพรวกับผมขี่ม้าคนละตัวผมจะสอนคุณแพรวให้วิ่งควบได้ยังไงล่ะครับ”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่พอใจ  เขาเม้มปากแน่นขึ้นเมื่อเห็นแก้มขาวของหญิงสาวแดงเรื่อขึ้นกับคำนั้น

“ตลกน่า lion เอ่อ  สิ่ง..ยูไม่จำเป็นต้องขี่ม้าตัวเดียวกับคุณแพรวก็สอนให้ควบวิ่งได้”  แม็กกี้เอ่ยค้านหน้านิ่ง  แพรวพรรณหัวเราะคิกเมื่อรู้ว่าสีหราชกำลังหยอกอำเธอเล่น

“โธ่ คุณสิงห์นี่ล่ะก็  มาอำให้แพรวเขินเสียได้”   คีตกาลถอนหายใจโล่งอก  ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
สีหราชตาโตหลังคิดตามคำพูดของแม็กกี้  ...งั้นไอ้ที่สีหราชสอนตอนนั้นก็ไม่จำเป็นน่ะซิ?
สีหราชเบือนหน้าหนี  ชายหนุ่มพยายามผ่อนลมหายใจขณะกลั้นยิ้มกับสีหน้าของคีตกาล  หลังจากรู้ว่าโดนเขาหลอกสอนตอบขี่เจ้า Music
.
.
.


“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”  แม็กกี้เอ่ยถามขณะทั้งหมดเลือกม้าที่ฟาร์มเพื่อใช้วิ่ง  สีหราชกับคีตกาลนั้นมีม้าเป็นของตัวเองแล้ว  ดังนั้นสองสาวจึงต้องเป็นคนเลือก  และแม็กกี้ใช้เพื่อนเลือกให้ขณะที่สีหราชช่วยแพรวพรรณอยู่อีกทาง

“เอ๊ะ?”

“ยูไม่ได้กลับขึ้นบ้าน  Lionเองก็เหมือนกัน”  คีตกาลหน้าแดงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน  อุตส่าห์แกล้งทำเป็นลืมแล้วนะ

“ก็...เมาหลับอยู่แถวนี้แหละ” 

“โกหก  ไอเดินหน้ายูทั่วสนามก็ไม่เจอ  อยู่กับ Lionทั้งคืนใช่ไหม?”

“เปล๊า!”

“นั่น  เสียงสูงเชียว”

“โอ๊ย  ไม่คุยด้วยแล้ว  ฉันกลับไปทำงานดีกว่า”

“ไม่ได้!  ถ้ายูไม่ไปด้วย เกิดสองคนนั้นจู๋จี๋กันล่ะ?”

“.......”

“ไหนว่าจะสู้เพื่อเอาเขาคืนมาไง”

“ก็....”

“เร็วๆ!”  แม็กกี้กระทุ้งศอกใส่เอวเพื่อน  คีตกาลเลือกมาตัวหนึ่งให้หญิงสาวแล้วกลับมารวมกับอีกสองคนด้านหลัง


คีตกาลถอนหายใจ  มองรอยยิ้มกว้างของแพรวพรรณและอีกคนที่ยิ้มตอบแล้วใจแป้ว  แม็กกี้ตบบ่าให้กำลังใจ  ร่างโปร่งเลยโหนตัวขึ้นหลังเจ้า Music แล้วควบไปแทรกระหว่างทั้งสองคน

“คุณแพรว  สนใจไปชมทางรีสอร์ทฝั่งนู้นไหมครับ?”  คีตกาลเอ่ยชวน

“ได้หรือคะ?”  คนชวนพยักหน้า  แล้วทั้งหมดจึงควบม้าเดินเหยาะไปทางฝั่งรีสอร์ท  แพรวพรรณมีท่าทางตื่นเต้นเมื่อมาถึงริมน้ำ  พวกเขาลงจากหลังม้ามาหยุดยืนบนแพริมน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จ   เพราะวันนี้เกียรติศักดิ์ลาหยุดเขาจึงให้คนงานอื่นๆหยุดพักผ่อนไปด้วย  มีเพียงไม่กี่คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่คอยตรวจตราความปลอดภัยเรียบร้อย

“ตรงนี้จะเป็นสวนน้ำหรือคะ?”

“ครับ  เป็นแพเปียกแล้วก็บ้านพักแบบแพริมน้ำ”  คีตกาลยิ้มอธิบาย

“ดีจังเลยค่ะ  ถ้าเสร็จแล้วแพรวขอมาพักและเล่นเครื่องเล่นคนแรกเลยได้ไหมคะ?”  หญิงสาวยิ้มเอียงอาย  แก้วขาวแดงเรื่อเมื่อร่างโปร่งส่งยิ้มสวยให้เธอ  คีตกาลจับมือของแพรวพรรณขึ้นกุมแล้วตบลงบนหลังมือขาวนั้นเบาๆ

“ให้สิทธิพิเศษคุณแพรวคนแรกเลยครับ”

“อะแฮ่ม!” แม็กกี้และสีหราชกระแอมไอพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ   คีตกาลยิ้มแหยเพราะแม็กกี้ถลึงตามอง ส่วนอีกคนก็ตีหน้ายักษ์ใส่  “คุณแพรวระวังจะตกน้ำนะครับ”  เขาแสร้งไม่สนใจ  ยิ่งได้เห็นสายตาดุมองมายิ่งนึกอยากแกล้ง  เขารั้งมือแพรวพรรณให้ขยับเข้ามาด้านในอีกนิดอย่างระมัดระวัง

“ตายจริง  ขอโทษค่ะ”

“ตอนนี้ไม่มีเสื้อชูชีพ ถ้าตกลงไปละแย่แน่”

“นั่นซีคะ แพรวยิ่งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ด้วย”

“อ้าว  คุณแพรวว่ายน้ำไม่เป็นหรือครับ  เหมือนผมเลย”  สีหราชได้โอกาส  เขาเบียดร่างแทรกกลางระหว่างแพรวพรรณกับคีตกาล  ร่างโปร่งเซถอยหลัง

“นี่ยูแข่งกันจีบผู้หญิงคนนี้หรือไง!”  แม็กกี้กระซิบถามเสียงขุ่น

“เปล่านะ!  ก็แค่คิดว่าถ้าทำให้คุณแพรวมาสนใจฉันเธอจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาไง”

“แต่มาสนใจนายแทน?  มันก็ได้ยุ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ!”

“....”  คีตกาลกะพริบตาปริบๆ

“ผมว่าเราขึ้นบนฝั่งดีกว่าครับ  ลมเริ่มแรงผิวน้ำมีคลื่นแล้วแพยังไม่แข็งแรงแบบนี้  ประเดี๋ยวแพล่มจะไม่ดี”   คีตกาลเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้  ร่างสูงรั้งมือแพรวพรรณเพื่อช่วยให้หญิงสาวเดินสะดวก   จากความหมั่นไส้เมื่อครู่คีตกาลรู้สึกกรุ่นๆ   จังหวะอีกฝ่ายหมุนตัวเขาจึงแอบยื่นเท้าไปขัดขาฝ่ายนั้นทันที

“ว้าย!  คุณสิงห์!”   ร่างสูงสะดุดเสียหลักหงายท้องตกลงไปในน้ำเสียงดังตูมใหญ่  คนแกล้งยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ  หากแล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะนึกขึ้นได้ว่า  เมื่อครู่นี้สีหราชบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น!

ภาพที่ร่างสูงตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำทำให้หัวใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม  ไม่ต้องรอให้ใครบอกคีตกาลกระโจนลงน้ำทันที         แต่เพราะสีหราชร่างกายสูงใหญ่ หนำซ้ำกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด  กว่าคีตกาลจะเข้าถึงตัวได้อีกฝ่ายก็เริ่มหมดแรง   เขาสอดแขนเข้าใต้รักแร้พยายามรั้งร่างคนตัวโตไปยังแพริมน้ำ  เมื่อห่างเพียงช่วงแขนเขาจึงคว้าขอบแพ  มีแพรวพรรณกับแม็กกี้ช่วงดึงสีหราชขึ้นฝั่ง

“....ฉัน”  คีตกาลหอบหายใจ   เขารีบโหนตัวขึ้นบนแพมาหยุดอยู่ด้านหลังสีหราชที่กำลังสำลักไอหน้าดำหน้าแดง  มือขาวยื่นแตะบ่ากว้าง  “...ฉันขอโทษ”

เพี๊ยะ!  สีหราชปัดมือนั้นออก  ร่างสูงหันกลับมา  ดวงตาดุดันจับจ้องจนคีตกาลรู้สึกหวาดหวั่น

“ถ้าเกลียดจนคิดอยากจะฆ่ากันก็อย่าเข้ามาใกล้!”   สีหราชยันกายลุกขึ้น  ก่อนจะควบเจ้าสายฟ้าจากไป  ทิ้งไว้เพียงเจ้าของใบหน้าซีดขาวที่กำลังยกหลังมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา....








**********










รอลมพัดครั้งต่อไป...
























พิเศษแถมท้าย





“...........”  เขาลืมตานิ่งค้าง  จ้องมองเพดานห้องคุ้นตาอยู่ชั่วครู่จึงค่อยจำได้ว่านี่คือห้องนอนของเขาเอง   เขายกยิ้มแล้วถอนหายใจโล่งอก “ เฮ่อ   ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง    ....เรานี่น้า  ฝันอะไรลามกชะมัด!”  เกียรติศักดิ์ยกมือปิดหน้าตัวเอง  แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวพิกลๆอยู่

“นี่  หมาปั๊ก  หมอนี่คิดว่าฝันไปล่ะ”  เสียงทุ้มเจือแววขบขันทำให้เกียรติศักดิ์ละมือจากใบหน้าหันกลับไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ

“คุณเอม!  คุณชาญ!”  เกียรติศักดิ์รีบคว้าแว่นมาสวมก่อนเหลือบตามองคนตัวโตที่พันผ้าขนหนูรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่อวดไรขนแล้วให้หน้าแดง   

“ไหน ไหน  ทำกันตั้งขนาดนั้นยังคิดว่าฝันไปอีกหรือนี่?”  เจ้าของเสียงใสที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตคลุมสะโพกจากอีกฝั่งเตียงโถมกายเข้าหา    มือเล็กดึงรั้งผ้าห่มออกจากตัวเกียรติศักดิ์อย่างรวดเร็ว

“อย่า  โอ๊ย!”  เพราะพรวดพลาดลุกนั่ง  ร่างกายที่รับศึกหนักมาเมื่อคืนจึงประท้วงอย่างรุนแรง  เกียรติศักดิ์เบ้หน้าน้ำตาซึม ความเจ็บร้าวแล่นจากเบื้องล่างลามไปทั่วสะโพก    นี่ไม่ได้ฝันไปงั้นเหรอ?   

“อย่ารีบลุกแบบนั้นซิ  สะโพกนายเพิ่งรับศึกหนักจากฉันกับนายยักษ์มาเมื่อคืนนะ”  ชายชาญเอ่ยอย่างเป็นห่วง    มือเล็กประคองแก้มของเกียรติศักดิ์แล้วเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำที่หางตา

“พะ  พวกคุณทำอะไรผม?”  ทั้งๆที่รู้คำตอบก็ยังจะถามออกไป  นั่นเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อน่ะซิ!  ไอ้อาการเจ็บสะโพกนี่เขาอาจจะล้มกันจ้ำเบ้าเลยเจ็บก็ได้!

“เมื่อคืนนี้....”  อิ่มเอมดึงม่านหน้าต่างลงปิดแล้วเดินเข้ามาหา  เกียรติศักดิ์อยากขยับตัวหนีหากติดชายชาญที่นั่งทับขาเขาเอาไว้   ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งอีกฝั่งเตียง  ขนาบข้างเกียรติศักดิ์ไว้ตรงกลาง  “เมื่อคืนนายถูกฉันและชายชาญกอด”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  มือแกร่งแตะหลังเอว  กดน้ำหนักลงปลายนิ้วตรงร่องสะโพกให้เจ้าของสั่นสะท้าน  ใบหน้าใสแดงกล่ำ   ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมา

“ใช่  กอดแล้วก็..จูบ”  คนตัวเล็กกว่าและมือลงบนหน้าท้องของเขา  เกียรติศักดิ์ตะปบมือของชายชาญเอาไว้  อีกข้างก็พยายามผลักมืออิ่มเอมให้ออกห่าง   คนตัวเล็กหัวเราะคิกกับท่าทางนั้น  ดวงตาเรียวสวยพราวระยับ   เกียรติศักดิ์มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา   ที่ผ่านมาเขาคิดว่าชายชาญที่ตัวเล็กน่ารักนั้นเหมือนแมวน้อย  ที่ไหนได้ นี่มันหมาป่าชัดๆ!

“ใช่แล้ว   เราสองคนกอดนาย”  อิ่มเอมแตะจูบลงบนใบหูนิ่ม  ส่วนคนตัวเล็กยกแขนขึ้นคล้องคอเขาแล้วโน้มริมฝีปากแตะจูบลงบนริมฝีปากบวมช้ำของเกียรติศักดิ์แผ่วเบาคล้ายยั่วหยอก  ความรู้สึกร้อนแล่นผ่านทำให้เขาหมดแรง  ชายชาญกดบาให้เจ้าของห้องเอนลงบนที่นอนอีกครั้ง

“คุณชาญ  อย่า...”  เกียรติศักดิ์ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อเจ้าของริมฝีปากแตะจูบไล่ข้างข้างแก้ม  ปลายคาง  แผ่นอก  ระเรื่อยลงบนหน้าท้อง...  จูบหนักลงบนส่วนร้อนรุ่ม  มือเล็กยกเรียวขาขาวให้ตั้งขึ้นแล้วจูบเลยต่ำลงไปเบื้องหลัง  “คุณชาญ  อย่า!”  เกียรติศักดิ์ร้องห้ามอีกครั้ง ดวงตาหลังแว่นมีหยาดน้ำคลอหน่วยดูเว้าวอน   เขาหุบขาแน่นไม่ยินยอมให้คนตัวเล็กแทรกศีรษะลงไป

“ทำไมล่ะ?”  ใบหน้าของเกียรติศักดิ์ตอนนี้ทำให้เขาอยากรังแกเหลือเกิน!

“ก็...ผม...เจ็บ”   ชายชาญยกยิ้มเมื่อได้ฟัง  เขาปล่อยให้เรียวขาขาวเป็นอิสระแล้วเลื่อนกายขึ้นทาบทับ   กดจูบริมฝีปากบวมเจ่อของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู   แก้มใสของเกียรติศักดิ์แดงเรื่อ

“แต่ของนายตื่นแล้ว”  อิ่มเอมหรุบสายตามองร่างกายเกียรติศักดิ์ที่ตื่นตัว

“ก็เพราะพวกคุณทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะซิ”

“แค่คิด...ก็มีอารมณ์แล้วเหรอเนี่ย?”  คนตัวโตยิ้มกว้าง  คนโดนหยอกอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น  แก้มแดงลามจนไปถึงใบหู

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยเอง”

“เอ๊ะ?”  ชายชาญยิ้มมุมปากทำเอาเกียรติศักดิ์ใจเต้นอีกรอบ  ร่างเล็กขยับเสียดสีอยู่บนตัวเขา  มือเล็กเลื่อนกอบกุมส่วนร้อนรุ่มเอาไว้ด้วยกัน  “แต่..ผมยังเจ็บ...”

“วันนี้ฉันจะไม่สอดใส่  สัญญา”  คนตัวเล็กจูบข้างแก้มแล้วขยับสะโพกบดเบียดเนิบช้า

“อืม~”  คนด้านล่างกัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง  พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ขยับสะโพกตอบโต้คนด้านบน  หากมันก็ยากเหลือเกินเมื่อความร้อนนั้นลุกลามไปทั่วสะโพก   อิ่มเอมมองภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะถูกลืมอย่างไรชอบกล  ชายหนุ่มก้มลงคุ้ยกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเกียรติศักดิ์ขึ้นมากดโทร.ออกอีกครั้งแล้วยื่นแนบใบหน้าเล็กที่แดงเรื่อขึ้นตามแรงอารมณ์ของชายชาญ   คนตัวเล็กยิ้มเมื่อเกียรติศักดิ์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา  เห็นแบบนั้นเขายิ่งบดเบียดสะโพกเสียดสีเข้าไปอีก

“เพลงเหรอ?  ฉันตัดสินใจแล้วนะว่าจะไปทำงานกับนาย  อืม  นิดหน่อย”   เกียรติศักดิ์จะถอดแว่นตาออกหากชายชาญก็รั้งมือไว้  เขาส่ายหน้าบอกไม่ให้ถอดแว่นออก  ก็ดูซิ  ดวงตาหลังแว่นที่มีหยาดน้ำตาคลอแบบนี้มันเร้าอารมณ์เป็นบ้า!  “แค่นี้ก่อนนะ  อ้อ  เดี๋ยว!  คุณศักดิ์ขอลาหยุดสักสอง-สามวันนะ บาย  แล้วเจอกัน”  ชายชาญรีบตัดสายแล้วก้มลงจูบเกียรติศักดิ์รวดเร็ว  คนด้านล่างจูบตอบ   

อิ่มเอมกดวางโทรศัพท์แล้วเคลื่อนกายไปยืนด้านหลังชายชาญก่อนจะก้าวขึ้นเตียง  คืบคลานสวมกอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง   เกียรติศักดิ์มองข้าวไหล่คนตัวเล็กแล้วให้เบิกตากว้างอย่างตระหนก  เขาหายใจหอบกระชั้นเมื่อเห็นสิ่งใหญ่โตบนร่างอิ่มเอม

เพราะแบบนี้ใช่ไหมเขาถึงเจ็บเหมือนร่างจะฉีก!

“อืม~”  คนตัวเล็กแทรกปลายลิ้นละเลียดความหวานล้ำจนริมฝีปากช้ำเจ่อให้เกียรติศักดิ์สนใจแต่เพียงเขา  ผละออกขบเม้มซอกคอขาวให้เจ้าของเรียวคางได้รูปเริดหน้าขึ้นเพราะความเสียวซ่าน  คนด้านล่างครางผะแผ่วยามปลายลิ้นร้อนแตะสัมผัสลงบนยอดอก   คราแรกค่อยและเล็มแผ่วแล้วขบเม้มให้กระสันซ่าน  ไหล่ขาวสั่นสะท้าน

อิ่มเอมกดจูบหลังคอคนตัวเล็ก  ขบเม้มแลบเลีย ปลายจมูกโด่งแตะใบหูนิ่ม  ลากปลายลิ้นไปซอกคอหอมกรุ่น  ขบเม้มให้สะดุ้งกาย  สะโพกเล็กขยับเบียดเกียรติศักดิ์มากขึ้น  ริมฝีปากแดงเรื่อผละจูบจากคนด้านล่างส่งเสียงครางหวานผะแผ่ว

ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาหลังแว่น  คนตัวเล็กยกยิ้ม   มือเล็กสอดประสานนิ้วมือกับคนด้านล่างแน่น   นิ้วเรียวของเกียรติศักดิ์จิกลงบนหลังมือยามความแข็งขึงร้อนผ่าวของชายชาญเสียดสี

“อ๊ะ~”  เกียรติศักดิ์ไม่อาจควบคุมสติได้อีกแล้วเมื่อความเสียวซ่านโจรตีจนแทบรับไม่ไหว

“อย่าเพิ่ง...”  อิ่มเอมละริมฝีปากจากแผ่นหลังเล็ก  ชายหนุ่มโน้มใบหน้าข้ามไหล่เล็กของชายชาญมาจูบเกียรติศักดิ์  “หมาปั๊กบอกว่าจะไม่สอดใส่  แต่ฉันไม่บอกเสียหน่อย”  อิ่มเอมยกยิ้ม

“เอ๊ะ?”  สะโพกเล็กของชายชาญชะงัก  มือใหญ่จับเนินสะโพกเล็กแล้วรุกรานด้วยปลายนิ้ว   “อืม!”  ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อ  เขาแอ่นสะโพกรับการรุกรานนั้น  คนตัวโตเพิ่มจำนวนนิ้วขยับ  มืออีกข้างสัมผัสผิวเนียนและยอกอดเล็กที่ชูชันของชายชาญ  หน้าท้องแบนราบเกร็งยามเมื่อคนด้านล่างเร่งจังหวะ  ใบหน้าน่ารักละจูบแหงนเงยขึ้นเพราะความรัญจวน  เกียรติศักดิ์มองภาพนั้นจากนั้นด้านล่าง  สีหน้าเย้ายวนของคนตัวเล็กทำให้เขาอยากพลิกตัวขึ้นคร่อมเหลือเกิน

“ไว้คราวหน้า”  อิ่มเอมเห็นสายตาของเกียรติศักดิ์ก็ให้ยกยิ้ม  เขาก้มจูบริมฝีปากนั้นแล้วหัวเราะ  “ตอนนี้ให้ฉันก่อน”   ชายชาญได้ยิน  เขาลืมตาขึ้นมองแล้วหัวเราะแผ่ว  บดเบียดสะโพกให้ความแข็งขึงของเขาสองคนสัมผัสกันมากขึ้นแล้วก้มลงจูบแก้มขาว

“ไว้วันหลังนะ  อ๊า!”  ใบหน้าน่ารักแหงนเงย  ไหล่เล็กสั่นสะท้าน  เขาอยากขยับสะโพกหนีหากมือใหญ่กลับกดมันไว้ให้อยู่ตำแหน่งเดิม  ริมฝีปากเล็กอ้าหอบหายใจ  มือเล็กกอบกุมกับเกียรติศักดิ์แน่นขึ้นก่อนจะหันไปต่อว่าคนด้านหลัง  “ไอ้บ้าเอ้ย  เบาๆหน่อยเซ่!  อ๊า!” 

“หึ”   ยิ่งต่อว่าคนด้านหลังก็ยิ่งส่งแรง  อิ่มเอมหัวเราะลงคอแล้วกดสะโพกลงลึก

“โอ๊ย เบาๆ!”  มือใหญ่เอื้อมรั้งใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบ  ปลายลิ้นเกี่ยวพันดูดดึงราวกับจะให้ให้อีกฝ่ายหายใจ   สะโพกสอบผ่อนแรงบดเบียดความใหญ่โตแนบช้าปลอบโยน  ตอนนี้ตัวของชายชาญจึงแอ่นโค้งดูสวยงามเสียจนเกียรติศักดิ์กลืนน้ำลายลงคอ   ยอดอกเล็กแดงกล่ำชูชันจ่อชิดอยู่ด้านหน้า  เรียกร้องให้ลิ้มลอง  เขาชันศอกขึ้นแล้วครอบครองสีแดงตรงหน้า  แลบลิ้นเลีย  ขบเม้มดุนดัน

“อ๊า~  อ๊ะ!”  ชายชาญครางเสียงหลง   เขาโดนปลุกเร้าทุกสัมผัสจนแทบหลอมละลาย  คนตัวเล็กหอบสะท้าน  เบื้องหลังคือพายุโหมบดเบียดแทรกลึกสุดหยั่งจนกายไหวโยก  ส่วนร้อนผ่าวเสียดสีกับคนด้านล่างรัวเร็วตามกายขยับกายของคนด้านหลัง  ยิ่งใกล้ถึงจุดความเร็วยิ่งกระแทกกระทั้นหนักหน่วง  ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ส่งเสียงเครือคราง  ปลดปล่อยความสุขรินรดถาโถมใส่ร่างกายของกันและกัน

“...ฉันยังไม่อิ่มเลย....”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  ชายชาญที่ยังคงหอบหายใจเบิกตากว้าง  พยายามเอื้อมแขนดันร่างกายใหญ่โตของอิ่มเอมให้ออกห่าง  ส่วนที่เชื่อมโยงกันยังคงคาไว้ในร่างกายคนตัวเล็กไม่ยอมถอดถอน   ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วบดสะโพกแรงๆลงไปเสียทีหนึ่ง

“อื้อ!”  คนตัวโตจูบข้างแก้มปลอบโยน 

“มาทำให้เกียรติศักดิ์ขาดเราสองคนไม่ได้ดีกว่า”

“....”  ชายชาญยกยิ้ม  ดวงตาวาววับหันมากระซิบกับอิ่มเอม  เกียรติศักดิ์ปรือตามองแล้วถูกมือใหญ่จับร่างให้พลิกคว่ำบนหมอน  สะโพกขาวลอยเด่น   ชายชายตามมาทาบทับสอดความแข็งขึงลงตรงหว่างขา

“อืม~”  ความร้อนบดเบียดเสียดสีอีกครั้ง...

...กว่าอิ่มเอมจะอิ่มสมชื่อ  ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ก็แทบไม่มีแรงเปล่งเสียง...







Fin...





สวัสดีค่ะ  หายไปนานเลย  งานสุมหัวค่ะ  อันที่จริงพยายามจะให้เสร็จตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว  แต่งานเข้าตลอดๆๆๆ  อยากจะร้องไห้ TT
 เช่นเคยค่ะ  อ่านให้สนุกนะคะ  มีสิ่งใดแนะนำ-ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ พร้อมรับฟังและแก้ไข

ติดตามทวงถามกันได้ที่ทวีต @sine501 นะคะ  เฟสก็ชื่อเดียวกันเลยค่ะ Novel by Sine   https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1487816541521607&id=1487677848202143  เพิ่งตั้งเพจค่ะ  เดี๋ยวจะค่อยๆทยอยอัพข่าวสารทางนั้นด้วยกรณีที่ใครไม่เล่นทวีตนะคะ ปล. รูปในเพจเป็นรูปเดียวกับในทวีตนะคะ ถ้าตามหากัน^^

ขอบคุณค่ะ
ด้วยรักและคิดถึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2015 16:16:44 โดย sine »

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #165 เมื่อ22-10-2015 19:02:39 »

พี่สิงห์อย่าโกรธน้องเพลงเลยน้าาาาา น้องเพลงไม่ได้ตั้งใจน้าาาา

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #166 เมื่อ22-10-2015 20:00:39 »

สงสารเพลง  :sad4:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #167 เมื่อ22-10-2015 20:33:50 »

สงสารเพลงกับเกียรติศักดิ์จริงๆ

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #168 เมื่อ22-10-2015 21:40:06 »

แกล้งเขาจนได้เรื่อง :hao4:
ปล.คู่3Pแซ่บมากค่ะ ขอเยอะๆ 55555555

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #169 เมื่อ26-10-2015 01:04:40 »

เพลงงงแกทำอะไรลงไป๊ TT

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
« ตอบ #169 เมื่อ: 26-10-2015 01:04:40 »





ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #170 เมื่อ28-10-2015 22:19:25 »

ไม่รู้จะสงสารใครดีเลย คืนก่อนหน้าก็เหมือนจะดีแล้วแท้ๆนะเออ =____= .. แต่อยู่ๆกลับกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้
เอาจริงๆคีย์ก็แกล้งแรงไป แต่สิงห์เองก็น่าจะพอรู้นิสัยคีย์อยู่
ส่วนเรื่องที่เลิกกันดูงี่เง่ากว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ 55555555 แถมเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าพอกลับมาเป็นแฟนกันอีกแล้วจะแก้ยังไงด้วยสิ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #171 เมื่อ06-11-2015 13:08:08 »

 :pighaun: :haun4: :jul1:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #172 เมื่อ06-11-2015 19:51:44 »

เรื่องนี้ กำไรที่สุดก็อิ่มเอมนี่แหละค่ะ

ออฟไลน์ Titania

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #173 เมื่อ06-11-2015 21:36:43 »

เพลงจ๋า ทำไมไปแกล้งเค้าอย่างนั้นล่ะ พี่สิงห์ก็อย่าโกรธนานเลยนะ หนูเพลงเค้าไม่ได้ตั้งใจ

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่10 [22 ต.ค.58] หน้า6
«ตอบ #174 เมื่อ28-11-2015 02:32:28 »

- รักพัดหวน-
ตอนพิเศษ วันลอยอังคาร เอ้ย  วันลอยกระทง

*********




ร่างสูงลงจากหลังเจ้าสายฟ้า  เขาย่ำบันไดเรือนขึ้นไปด้วยความรีบร้อน  เพราะเจ้าเขียวบอกว่าคุณคีย์ต้องการต้นกล้วยและใบตองด่วน  เขาเลยแปลกใจว่าฝ่ายนั้นจะทำอะไร  สิ่งไหนที่คีตกาลใส่ใจหรืออยากได้สีหราชจะขวนขวายหามาให้  แต่นี่อีกฝ่ายไม่บอกเขา  กลับไปสั่งงานเด็กในฟาร์มแทนเลยอดแปลกใจไม่ได้

“ทำอะไรหรือ?”  เขาถาม  พลางถอดหมวกปีกแคบออกมาพัด

“ทำกระทง”

“กระทง?”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพลางมองดูอีกฝ่ายพับใบตองเป็นกลีบอย่างทุลักทุเล  บางกลีบก็แตก  บางกลีบก็เบี้ยวซึ่งแตกต่างกับของสายใจและป้าแช่มอย่างสิ้นเชิง   ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงปฏิเสธการช่วยเหลือของสองสาวแน่ๆ

“อย่าบอกนะว่าลืมว่าวันนี้วันอะไร?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นถาม  พอเห็นสีหน้าประมาณว่า  ลืม ของคนตัวโตก็ให้ส่งค้อน

“วันลอยกระทง?”

“เปล่า  วันลอยอังคาร”  คนที่นั่งพับกลีบใบตองยียวนจนสีหราชกระตุกยิ้ม  ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนส้นเท้าตัวเองแล้วยื่นมือดีดหน้าผากอีกฝ่ายเสียงดังเผี๊ยะ  “เจ็บนะ!”

“กวนประสาท”  เสียงทุ้มอ่อนโยน  ชายหนุ่มยกยิ้มกับใบหน้าบูดบึ้งของคีตกาล

“เดี๋ยวก็ไม่ทำเผื่อหรอก!”

“ก็ไม่ต้องทำ”

“?”

“กระทงเบี้ยวๆแบบนี้มีอันเดียวก็พอแล้ว”

“หมายความว่ายังไง!”  คนตั้งใจทำเผื่อตาเขียว  ไม่อยากได้กระทงที่เขาอย่างนั้นหรือ?   

“ก็...ใช้กระทงอันเดียวกันก็ได้นี่”

“....”  ไม่รู้ว่าสีหราชตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นผิวแก้มของคีตกาลขึ้นสีเรื่อ  นั่นยิ่งให้เขารู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้น  มือใหญ่วางบนกลุ่มผมนุ่มแล้วโยกเบาๆ  นิ้วซอกเล็บกับปลายนิ้วเรียวเปรอะเปื้อนของคนตั้งใจทำแล้วเขาไม่อยากให้ลำบากเพิ่มอีก

“จัดงานเลยด้วยไหม?”

“จัดงาน?”

“ใช่  พวกคนงานในฟาร์มกับคนที่รีสอร์ทจะได้ผ่อนคลายกันบ้างไง”

“อื้ม!”  ใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ  สีหราชรู้ใจเขาไปเสียหมดหนำซ้ำยังเอาใจใส่ผู้คนรอบข้างให้เขาสบายใจเสมอ

สีหราชให้ป้าแช่มชักชวนแม่บ้านของเหล่าคนงานมาช่วยเตรียมอาหารการกิน  ให้ลุงผันและเจ้าเขียวจัดการเตรียมสถานที่  แม้จะฉุกละหุกไปนิดแต่ทุกอย่างก็สามารถจัดเตรียมออกมาได้ค่อนข้างดี  ขาดไปบ้างนิดหน่อยก็หาเสริมใช้แทนกันไป  ทางด้านพนักงานของรีสอร์ทเมื่อรู้ว่าจะจัดงานก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้กับแขกที่มาพัก  แม้จะไม่มีแขกมากนักแต่ก็ไม่เคยขาด

อิ่มเอมหัวเราะร่าอย่างชอบใจ  ชายหนุ่มถึงขนาดขับรถลงไปรับเกียรติศักดิ์จากในเมืองด้วยตัวเองเลยทีเดียว  ถึงฝ่ายนั้นจะยืนกรานว่าจะไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อนคนอื่นๆแต่อิ่มเอมก็ลากแกมบังคับอีกฝ่ายมาจนได้




พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นกลางฟ้า  อากาศยามดึกหนาวเย็นซ้ำด้วยลมแรง  แม้จะดึกบรรยากาศก็ยังคงคึกครื้นเช่นตอนหัวค่ำ  ริมน้ำจุดไต้ให้ความสว่างเอาไว้หลายจุด  ท่าน้ำถูกตกแต่งสวยงามไว้ให้เป็นจุดปล่อยกระทง  ตอนนี้บางตาลงเพราะแขกน้อยและคนงานบางส่วนก็กลับบ้านพักไปแล้ว  เหลือส่วนที่อยู่หน้าเวทีรำวงประยุกต์เท่านั้นที่ท่าทางจะไม่หยุดง่ายๆ

อิ่มเอมคล้องคอเกียรติศักดิ์ไปยังท่าน้ำ  มือถือกระทง  ส่วนชายชาญก็หัวเราะกับท่าทางดิ้นรนของเกียรติศักดิ์ที่พยายามจะให้หลุดจากวงแขนแกร่งนั้น   คีตกาลส่ายหัวกับท่าทางของทั้งสามคนก่อนจะเดินเข้าไปง้างแขนหนาหนักของอิ่มเอมออกจากร่างของร่างโปร่งที่ตีหน้ามุ่ย   เกียรติศักดิ์ที่หลุดพ้นถอนหายใจเฮือกแล้ววิ่งมาแกะแขนคีตกาลแน่นโดยไม่สนสายตาไม่พอใจของทั้งอิ่มเอมและสีหราช

“ไอ้เพลง  ปล่อยเมียกูมาเดี๋ยวนี้เลย”  อิ่มเอมเท้าเอวเอ่ยเสียงกร้าว

“กูไม่ได้จับเอาไว้แต่ก็ไม่ปล่อย  คุณศักดิ์คอจะหักตายแล้วเนี่ยเห็นไหม”  คีตกาลยื่นหน้าลอยตาตอบ

“เดี๊ยะๆ  เดี๋ยวโดน”

“โดนอะไร?”  สีหราชที่ไม่รู้ว่ามายืนอีกข้างของคีตกาลตอนไหนจ้องเพื่อนเขม็ง  อิ่มเอมหน้าเหวอกับท่าทางของเพื่อนรัก   อะไรจะหลงคีตกาลขนาดนี้เนี่ย!”

“เอาน่า  นายก็อย่าโกรธซิ”  ชายชาญไกล่เกลี่ยก่อนจะรั้งให้ร่างสูงใหญ่ของอิ่มเอมโน้มลงแล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง  ใบหน้าหล่อเหลาของอิ่มเอมจึงยกยิ้ม  หากสายตาวิบวับที่จ้องมองไปยังเกียรติศักดิ์เล่นเอาฝ่ายนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น    ต้องเป็นเรื่องที่เขาจะต้องซวยหนักแน่ๆ!

เมื่อเห็นว่าอิ่มเอมไม่มีทีท่าจะหาเรื่องต่อคีตกาลจึงแลบลิ้นใส่   คนตัวโตเลยถลึงตามองอีกครั้ง  สีราชส่ายหน้ากับหนึ่งเพื่อนหนึ่งคนรักที่ทำตัวเป็นเด็กๆ

ชายชาญเดินมาจับมือเกียรติศักดิ์ลากให้ไปลอยกระทงด้วยกัน   ร่างโปร่งทำสีหน้าลำบากใจ  กระทงหนึ่งใบลอยสองคนยังพอทำเนา  นี่หนึ่งใบสามคนเลยหรือ?

“ใบเดียวนี่แหละดีแล้ว”  อิ่มเอมเอ่ย

“ใช่   จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแยกจากกันไง”  ชายชาญเสริม     เกียรติศักดิ์จึงรับกระทงมาอธิฐานอย่างเสียมิได้  เมื่ออธิฐานเสร็จฝ่ามือใหญ่ของอิ่มเอมก็วางทาบลงบนฝ่ามือเขาข้างหนึ่ง  อีกข้างเป็นชายชาญประคอง  “ใช้ใบเดียวกันแบบนี้จะได้หนีฉันกับอิ่มเอมไม่พ้นไง”  เสียงเย็นของชายชาญกระซิบข้างหูให้ขนลุกชัน

“......”  เกียรติศักดิ์สะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปมองใบหน้าอ่อนโยนของอีกฝ่าย   คนตัวเล็กยกยิ้มน่ารัก  เอียงคอมองอย่างไร้เดียงสา  ราวกับเมื่อครู่  ถ้อยคำชวนขนลุกนั้นไม่ได้ออกมาจากเล็กๆนี่

สงสัยเขาจะหูฝาดไปเองกระมัง?



“นายอธิฐานก่อน”  คีตกาลยกกระทงเบี้ยวๆฝีมือตัวเองยื่นให้ร่างสูง  สีหราชหรุบสายตามอง  ชายหนุ่มยกยิ้มอ่อนโยนไม่รับมา  หากเขากลับวางมือทาบทับลงบนมือของคีตกาล

“อธิฐานด้วยกันนี่แหละ”

“ฮื่อ!”  ร่างโปร่งส่งเสียงขัดใจ  เหลียวมองรอบด้านเห็นคนงานบางส่วนเมียงมองมายิ้มๆแล้วให้แก้มร้อนผ่าว

“ลอยกระทงด้วยกันกับฉันแล้วอายหรือ?”  ร่างสูงเลิกคิ้วถาม

“เปล่านะ!”  คีตกาลรีบร้อนปฏิเสธ  ประเดี๋ยวเข้าใจผิดแล้วน้อยใจผิดๆคงแย่

“ถ้าอย่างนั้นก็หลับตาแล้วอธิฐานเสียซิ”  คีตกาลเหลือบมองอีกงายแล้วก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆของตัวเองแล้วหลับตาอธิฐาน   สีหราชจ้องมองเปลือกตาบางที่ปิดลง  ขี้แมงวันเม็ดเล็กๆข้างแก้มซ้ายดูน่ารักน่าชัง  แก้มแดงน่าหมั่นเขี้ยวและริมฝีปากสีสดชวนให้แตะแต้ม...  ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้  ปลายจมูกโด่งเฉียดเข้าใกล้ปลายจมูกมนสวยของอีกฝ่ายแผ่วเบาแล้วรั้งกายกลับที่เดิมอย่างรวดเร็วพลางปิดเปลือกตามอธิฐานบ้าง   คีตกาลซึ่งรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสแผ่วเบาตรงปลายจมูกลืมตาขึ้นมอง   เห็นคนตรงหน้าหลับตาอธิฐานจึงได้แต่ขมวดคิ้วแปลกใจ

ใบหน้าเข้มคร้ามหล่อเหลาดูสงบนิ่งปากรูปสลัก  คิ้วเข้มพาดเฉียง   จมูกโด่งเป็นสัน  ริมฝีปากหยัก  เรียวคางได้รูปมีไรเคราบางๆเขียวครึ้ม    คีตกาลยกยิ้ม  สายตาที่มองคนตรงหน้าพราวระยับ  ผู้ชายคนนี้เป็นของเขาแล้วจริงๆ...  หัวใจเต้นระส่ำ  เขาขยับปลายเท้าให้เข้าใกล้อีกฝ่าย  เขย่งปลายเท้า..   อยากจูบเคราเขียวๆนั่นจัง...

“อ๊ะ!”  ร่างโปร่งผงะตกใจเมื่อจู่ๆสีหราชก็ลืมตาขึ้นมอง  ร่างสูงยกยิ้มกับท่าทางของเขา  กว่าคีตกาลจะทันได้คิดอะไรริมฝีปากตรงหน้าก็ฉกวูบลงมาแตะทาบบนริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็วแล้วผละห่าง    แม้จะรวดเร็วราวกับไม่ใช่เรื่องจริง  หากความร้อนที่ฝากทิ้งไว้ยังพาให้หัวใจเต้นระรัวแรง   

“ไม่มีใครเห็นหรอก”   ร่างสูงยกยิ้ม  กระนั้นคีตกาลก็อดจะหันไปมองรอบๆไม่ได้ก่อนจะส่งค้อนให้คนตัวโต

“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ!”   สีหราชได้แต่เพียงยิ้มกว้าง   แล้วรั้งให้ร่างโปร่งทรุดลงนั่งเพื่อปล่อยกระทงด้วยกัน

“อะแฮ่ม!  แต่กูเห็นนะ”  อิ่มเอมที่ลอยเสร็จเดินกอดอกเข้ามา

“ถ้ามึงเห็นกูจะถือเสียว่าไม่มีใครเห็น”

“ไอ้สิงห์!”  อิ่มเอมเข่นเขี้ยวใส่เพื่อน  คีตกาลหัวเราะ  แลบลิ้นใส่พลางทำท่าจะวิ่งตามหลังสีหราชไป  หากเพียงแค่ก้าวเดียวหลังคอเสื้อก็ถูกดึงไว้ให้ก้าวต่อไม่ได้  ก่อนจะลอยละลิ่วตกน้ำ

“เพลง!/ คุณคีย์!”  สีหราชหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงคนตกน้ำ  ส่วนเกียรติศักดิ์ก็ผวาตาม   คีตกาลตะเกียกตะกายว่ายกลับเข้าฝั่ง   เพราะเมื่อครู่โดนกระชากโยนลงน้ำแบบไม่ทันตั้งตัวจึงสำลักหน้าดำหน้าแดง  เขาไอโขลกเสียงดัง   คนงานที่อยู่แถวนั้นรีบกระโดลงไปช่วยก่อนที่สีหราชจะถึงตัวเสียอีก   ร่างโปร่งเกาะกระดานท่าน้ำแล้วโหนตัวขึ้น  อากาศเย็นทำให้หนาวเข้ากระดูกจนฟันกระทบกันดังกึกๆ

สีหราชที่ตกใจหน้าเผือดสีหันไปจ้องหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ  อิ่มเอมเพียงแต่หัวเราะชอบใจแล้วแสร้งเข้ามาช่วย  สีหราชปัดมือเพื่อนออกแล้วสำรวจร่างโปร่งตรงหน้า

“เป็นอะไรมากไหม?”

“ไม่เป็นไร  แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ไอ้เอม  มึงจะมากไปแล้วนะ”  สีหราชชี้หน้าเพื่อน

“เอาน่า  เมื่อกี้ฉันเผลอไปแกล้งอิ่มเอมก่อน”

“?”

“ก็...”  คีตกาลยิ้มแหยเมื่อต้องสารภาพ  “ก็ไปบีบก้นคุณศักดิ์”

“.....แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรแกล้งคืนแบบนี้!”  สีหราชไม่ยอมแพ้   คีตกาลยกแขนขึ้นกอดตัวเองพลางสั่นกึกๆ  ร่างสูงจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมลงไปบนร่างอีกฝ่ายแม้จะไม่ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ก็ตาม  ครู่หนึ่งเขาจึงหันไปมองเกียรติศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างคีตกาล   ก่อนใครจะรู้สึกตัวสีหราชก็คว้าคอเสื้อเกียรติศักดิ์ยื่นไปทางท่าน้ำ  อิ่มเอมผวาเข้าไปกระชากร่างโปร่งออกมาจากมือเพื่อน  เมื่อเหยื่อหลุดมือสีหราชก็หันไปลากแขนชายชาญจากอีกฝั่ง  คนตัวเล็กหน้าเหวอขืนตัวสุดแรงเกิด  อิ่มเอมก็วิ่งเข้ามาคว้าชายชาญไปซ่อนหลังตัวเอง   คีตกาลอ้าปากหวอมองเหตุการณ์วุ่นราวกับเด็กเล่นกันตรงหน้า

สีหราชกอดอกจ้องหน้าเพื่อน  อิ่มเอมที่รู้เจตนาของเพื่อนแล้วว่าทำไปเพื่ออะไรก็ได้แต่ยิ้มแหยไม่กล้าต่อว่า

“กูขอโทษ”  อิ่มเอมชะโงกหน้าเอ่ยขอโทษคีตกาล  ร่างโปร่งพยักหน้ารับ  เพราะแรกเริ่มเขาเป็นฝ่ายไปแกล้งอิ่มเอมก่อนนี่นา   สีหราชถอนหายใจแล้วหันหลังกลับ  อิ่มเอมเห็นว่าตัวอันตรายกำลังจะจากไปจึงก้มลงสำรวจชายชาญอย่างเป็นห่วง     ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะถลาตกน้ำเสียงดังตูมสนั่น

ร่างหนาหนักของอิ่มเอมตะเกียกตะกายสำลักน้ำ  คราวนี้ไม่มีคนงานคนไหนกล้าลงไปช่วยเพราะเห็นเต็มตาว่าสีหราชเป็นคนถีบเพื่อนรักลงไปเอง   เมื่อเห็นว่าอิ่มเอมเกาะขอบฝั่งได้แล้วสีหราชจึงหันมากอดไหล่ของคีตกาลเดินจากไป

“ไอ้สิงห์! ไอ้คนหลงเมีย!  ไอ้คนลืมเพื่อน!”





สีหราชไม่ได้พาคีตกาลกลับเรือนใหญ่  หากพาอีกฝ่ายกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักของฝ่ายนั้นในตัวรีสอร์ท   หลังจากอาบน้ำอุ่น  ร่างโปร่งก็รีบสวมชุดนอนที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้แล้วกระโดดขึ้นเตียง   สีหราชคว้าไดร์เป่าผมพลางรั้งให้คีตกาลกลับมานั่งปลายเตียงแล้วเช็ดผมพลางเป่าลมอุ่น

“หายหนาวหรือยัง?”

“ยังหนาวอยู่เลย”

“ไอ้เอมนะไอ้เอม”  สีหราชยังบ่นเพื่อนรักไม่เลิก

“ไม่เอาน่า  ฉันผิดก่อนที่ไปแกล้งมัน   ทั้งๆที่รู้ว่าเอมมันหวงคุณศักดิ์ยังกับอะไรดี”

“....มือไหนบีบก้นคุณศักดิ์?”

“?”  แม้จะไม่เข้าใจว่าสีหราชถามทำไมแต่คีตกาลก็ยังยื่นมือส่งให้อีกฝ่าย   สีหราชปิดไดร์เป่าผม  ร่างสูงมองมือข้างนั้นแล้วตีลงบนมือนั้นแรงๆเสียทีหนึ่ง “ โอ๊ย!”   คีตกาลสะบัดมือเร่า  น้ำตาเล็ด  มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“ใครสั่งใครสอนว่าให้ไปจับก้นผู้ชายคนอื่น  หืม?”  น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม

“เอ่อ..”

“หนำซ้ำผู้ชายคนนั้นก็ยังปลื้มนายไม่หาย”

“ก็  ก็...”  ยิ่งพูดน้ำเสียงของสีหราชยิ่งเย็นยะเยือก

“ก็อะไร  ไหนลองแก้ตัวมาซิ”

“ก็แค่จะแกล้งอิ่มเอมเฉยๆ”

“เหรอ?   แล้วก้นคุณศักดิ์นิ่มดีไหม?”

“นิ่มมากเลย! เด้งดีด้วย  อ๊ะ!”

“........”   ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ  เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ  คีตกาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นท่าทางนั้น  ร่างโปร่งหอบผ้าห่มพลางขยับก้าวถอยหลังอัตโนมัติ

“เอ่อ  สิงห์   สิงห์ครับ?”

“ครับ?”

“โกรธเหรอ?”  ร่างสูงไม่ตอบหากก้าวขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า   คีตกาลกลืนน้ำลายอีกครั้ง   ชายผ้าถูกรั้งเอาไว้โดยมือใหญ่  สีหราชยกยิ้ม  หากคีตกาลกลับหวั่นกับรอยยิ้มนี้เหลือเกิน

“สิงห์  เอ่อ  พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

“งั้นก็หยุดงานซิ”

“....”  ร่างโปร่งปาดเหงื่อ  ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังหนาวอยู่แท้ๆไหงตอนนี้กลับร้อนขึ้นมาเสียแล้ว “เอ่อ  วันนี้วันพระ”  หาทางขัดไปก็ยิ่งยากเย็นเมื่อสีหราชคว้าข้อเท้าเขาเอาไว้แล้วออกแรงกระชากเบาๆเขาก็ล้มหลังกระแทกพื้นที่นอนแล้ว

“....”   ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่  คีตกาลถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าร่างสูงหยุดมือ  หากเพียงครู่เดียวร่างหนาหนักก็ทาบทับลงมา   ริมฝีปากหยักแนบกระซิบชิดริมหู

“พระอยู่อีกห้อง  ห้องนี้ของฆราวาสไม่เป็นอะไรหรอก”

“อ๊ะ!”  จบประโยคของร่างสูง  คีตกาลก็ได้แต่อุทานตกใจกับฝ่ามือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อนอนพลางทำท่าจะถอดเสื้อนอนทั้งๆที่เพิ่งสวมไปได้ไม่ได้  “ดะ เดี๋ยว  มันหนาวนะ”   มือหยาบหยุดกึก  ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้ว  จ้องมองเจ้าของตวงตาคู่สวย

“....งั้น  ถอดแค่ท่อนล่างละกัน”  มือใหญ่เปลี่ยนไปรั้งกางเกงนอนอย่างรวดเร็ว  คีตกาลเบิกตากว้างพยายามรั้งกางเกงตัวเองเอาไว้สุดความสามารถ

“มันก็ยังหนาวอยู่ดีนั่นแหละ!”

“อีกเดี๋ยวก็ร้อน”

“อื้อ!”

สุดท้ายคีตกาลก็รักษากางเกงนอนเอาไว้ไม่ได้   ผิวขาเปลือยเปล่าสะท้อนแสงไฟ  ร่างโปร่งที่สวมเพียงเสื้อนอนตัวเดียวนอนหายใจระรวย  ริมฝีปากบางแดงช้ำ  ดวงตาคู่สวยปรือฉ่ำ  มือขาวพยายามรั้งชายเสื้อให้ปิดของสงวนเอาไว้   สีหราชมองภาพตรงหน้าแล้วให้ปวดหนึบไปทั้งร่าง  ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่กอดคีตกาล  เขารู้สึกราวกับเป็นครั้งแรกทุกครั้ง  ทั้งตื่นเต้น  ทั้งหลงใหล  อยากทะนุถนอมให้ถึงที่สุด  หากก็อยากจะขย้ำเสียให้จมเขี้ยวด้วยความกระสันซ่านและอยากครอบครอง   อยากกลืนกิน  กกกอดเอาไว้ในอ้อมแขนไม่ให้กระดิกตัวไปไหน  อยากฝังความรุ่มร้อนเข้าไปในร่างนี้ไม่สิ้นสุด  อยากรัก   ... รัก...รัก..

เสียงหวานหอบสะท้าน  ผะแผ่วแว่วหวานจนคนฟังอยากให้ส่งเสียงนี้ตลอดไป  สีหราชก้มลงมอบจุมพิตเนิ่นนาน  กอดก่ายเสือกกายไม่หยุดหย่อน  บางครั้งนิ่มนวลเชื่องช้าอ่อนหวานจนแทบขาดใจ  บางคราวร้อนแรงจนร่างบางไหวคลอน   แขนขาวกอดก่าย  ฝากรอยเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างสีน้ำผึ้ง  ใบหน้าหล่อโน้มลง  จมูกโด่งคลอเคลียไม่ห่าง  ข้างแก้ม  ใบหูนิ่ม  เรียวคางได้รูป  ซอกคอกรุ่นกลิ่นสบู่  แผ่นอกขาวนวล  ยอดอกสีแดงเข้ม  ทุกพื้นที่ไม่อาจรอดพ้น....

มือใหญ่รั้งเรียวขาขึ้นพาดบ่ากว้าง  ขยับสอดกอดรัดแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม  ใบหน้าเนียนใสแหงนเงยด้วยความรัญจวนที่จู่โจมไม่หยุดหย่อน   กอดเล็กกอดร่างของสีหราชไว้แน่น   สะโพกแกร่งบกเบียดแทรกลึกจนต้องสะอื้นไห้ความหวานสุขจนแทบขาดใจ

“เพลง  เพลงครับ”

“สะ  สิงห์”

“สิงห์รักเพลงนะครับ  รักที่สุด...”

“อืม~”   



ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นสีหราชปล่อยให้เขาได้พักตอนไหนเพราะตอนที่เขาหมดสติไปคือแสงแรกของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว   คีตกาลลืมตาปริบ  จ้องมองปลายคางสากตรงหน้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ   สะโพกปวดแปลบเสียจนไม่กล้าขยับตัวสักนิด  สงสัยพรุ่งนี้คงต้องลางานอีกเสียแล้วกระมัง

มือเล็กบีบจมูกโด่งของคนหลับอย่างหมั่นไส้  ตอนนี้ทำเป็นหลับไม่ขยับเขยื้อน  ไม่สนว่าเขาจะลำบากแค่ไหนตอนตื่นมาปวดกับอาการเจ็บร้าวจนเดินไม่ได้แบบนี้

“....”  สุดท้ายเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ  มือขาวละจากมูกสวยทาบลงแก้มกร้านแผ่วเบาแล้วยื่นแตะริมฝีปากลงบนปลายจมูกคนหลับอย่างรักใคร่

“รักนะครับ”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น







Fin.



สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานมากๆๆๆๆๆเลยเนอะ
น้อมรับความผิดค่ะ  ช่วงนี้เพราะที่ทำงานคนขาดเยอะ สุดท้ายคนที่อยู่ก็อัดงานกันจนแทบไม่ได้พัก  เหนื่อยมากเลยค่ะ  พอเหนื่อยก็อยากแต่จะนอน  แถมเครียดจนหัวไม่แล่นเลย   นี่จะได้พักวัน-สองวันเลยคลายความเครีดยลงบ้าง  จึงเอาตอนพิเศษมาลง  ถึงแม้ว่าจะเลยวันลอยกระทงมาแล้วแต่ทรายก็หน้าด้านเอาว่า  มันเลยมาแค่วันสองวันเอ๊งงงงงงง   555555

~มาแล้วยังดีกว่ามาช้า  มาช้ายังดีกว่าไม่มา~

เพลงดักแก่มาก!! 5555
 เอาเป็นว่าจะรีบปั่นตอนหลักออกมาให้ไว้ที่สุดนะคะ  หวังว่าตอนพิเศษนี้จะช่วยให้หายคิดถึงกันบ้าง  ติได้ เพราะแต่งเสร็จปุ๊บเอาลงปั๊บ  มีอะไรผิดพลาดบอกกันได้นะคะ    ทวงถามกันได้เสมอค่ะ




คิดถึงเสมอ
ด้วยรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2015 08:56:26 โดย sine »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: -รักพัดหวน- ตอนิเศษ [28 พ.ย.58] หน้า6
«ตอบ #175 เมื่อ28-11-2015 02:47:15 »

 :pig4:

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 คู่3P นี้ทั้งน่ารักทั้งแซ่บ ชอบบบ  :hao6:
ตอนพิเศษนี่ได้ทำนายอนาคตเพลงไปแหล่ว  :hao7:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
โครตมุ้งมิ้งอ่ะแต่ล่ะคู่555น่ารักก

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ๊ย!!!! เราพลาดนิยายดีงามเรื่องนี้ไปได้ยังไง เขียนดี ลื่นไหล คำผิดไม่มี เราชอบมาก โดยเฉพาะช่วงพูดคุยท้ายเรื่อง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด