~ แมกไม้ ไอดิน กลิ่นฝน ~
รักพัดหวน
ตอนที่1
ตอนที่1
“กรี๊ด!” คุณยุวดีสะดุ้งสุดตัวหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงแหลมปรี้ดของหญิงสาวสะท้อนก้อง
“อย่าโวยวายร้องเป็นชะนีได้ไหมเนี่ย!” อีกเสียงหนึ่งเหยียดเอ่ยโต้กลับ คุณยุวดีเดินออกไปห้ามทัพทันทีเมื่อเห็นว่าฝ่ายหญิงกำลังจะลงไม้ลงมือ ถึงอย่างไรเสียหล่อนก็คงสู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอก แม้นว่าผู้ชายคนนั้นจะมีใจเป็นหญิงก็ตามที
“อะไรกัน?” เสียงทุ้มนุ่มของตัวต้นเหตุดังขึ้นก่อนที่คุณยุวดีจะออกมาถึงตัวทั้งสองคน เธอมองหน้าบุตรชายแล้วถอนหายใจ กลับมาจากเมืองนอกเมืองนาได้แค่อาทิตย์เดียวก็ก่อเรื่องเสียแล้ว
“คีย์!” ทั้งสองร้องเรียกชื่อออกมาพร้อมกับพร้อมทั้งยื้อแย่งเกาะแขนกันคนละข้าง
“บอกแม่ซิ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” คุณยุวดีถามบุตรชาย
“อ้อ กิ๊กผมน่ะ”
“กื๊ก?” เจ้าของเสียงทั้งสองผละออกจากร่างสูงโปร่งแล้วจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“คุณสองคนนี่แปลกจริง ครั้นจะหูไม่ดีก็ไม่ดีขึ้นพร้อมกัน นี่แสดงว่าคุณสองคนอาจจะเป็นเนื้อคู่กันนะเนี่ย”
“มันไม่ตลกนะคีย์ บอกมานะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?” ฝ่ายชายกอดอกจ้องมองคีตกาลอย่างเอาเรื่อง
“กิ๊ก” คีตกาลตอบพลางยิ้ม
“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” คราวนี้ฝ่ายหญิงถามบ้าง
“กิ๊ก” คุณยุวดีกุมหน้าผากกับคำตอบนั้น
เพี๊ยะ!! คุณยุวดีหลับตาปี๋ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอยฝ่ามือบนแก้มทั้งสองข้างของบุตรชาย เธอไม่อยากเอ่ยสมน้ำหน้าหรอกนะ แต่คีตกาลก็ทำตัวเองทั้งนั้น เฮ่อ...สมน้ำหน้า
คุณยุวดีเมินหลบสายตาราวกับลูกแมวน้อยของบุตรชายแล้วเดินหนีเข้าบ้าน
ไหนสามีเธอบอกว่าคีตกาลจะกลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาหลังเลิกกับสีหราชอย่างไรเล่า ทำไมถึงกลายเป็นเพลย์บอยคบทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่เลือกไปทั่วเมืองแบบนี้กัน!
“ลูกเคยสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหล” คุณยุวดีทิ้งตัวลงนั่งพลางถอนหายใจเอ่ยถามในวันหนึ่งหลังจากที่บุตรชายตัวดียอมอยู่บ้านไม่ออกไปไหนให้เธอปวดหัว
“ครับ” คีตกาลรับคำก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ อุแหม พี่จิตยังชงกาแฟได้อร่อยเหมือนเดิมเลยนะครับ” ชายหนุ่มหันไปชมสาวใช้แล้วยิ้มหวานให้
“แหม คุณเพลงล่ะก็...”
“ตาเพลง” ยังไม่ทันที่สาวจิตจะทำท่าเอียงอายคุณยุวดีก็ปรามบุตรชายเสีย เมื่อก่อนไม่เห็นทำตัวแบบนี้ ไม่รู้ไปเอานิสัยเจ้าชู้ไก่แจ้มาจากไหนกัน
“ครับ” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้มารดา
“แม่ว่าจะทำรีสอร์ทที่เมืองกาญจ์”
“ก็ดีนะครับ”
“ลูกจะไปดูงานกับแม่ใช่ไหม?”
“ผมยังพักไม่พอ...”
“ตั้งแต่กลับมาลูกก็เอาแต่ควงทั้งผู้หญิงผู้ชาย เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน แม่ปวดทั้งหัวปวดทั้งใจที่ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ การงานแม่จะเริ่มใหม่อยากให้ลูกมาช่วยลูกก็อ้างนู่นอ้างนี่ บางวันแม่รอให้ลูกกลับมาบ้านมาทานข้าวด้วยกันลูกก็เอาแต่เที่ยว คุณพ่อยังแทบไม่ได้เจอหน้า นี่คงไม่คิดถึงพ่อกับแม่เลยใช่ไหม ลูกใจร้ายจริงๆทั้งๆที่พ่อกับรักลูกขนาดนี้ลูกก็ยัง...”
“คุณแม่ครับ ผมจะไปกาญจ์กับแม่ โอเคนะครับ” คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อได้ฟังซ้ำยังขำกับสีหน้าของบุตรชายที่ทำราวกับเธอบังคับให้กลืนยาขม
“ตาเพลง เด็กดีของแม่” คุณยุวดียิ้มกว้างลุกขึ้นจูบหน้าผากบุตรชายแล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี คีตกาลเลิกคิ้วกับท่าทางนั้นแล้วหัวเราะ เมื่อครู่ยังตัดพ้อต่อว่าว่าเขาใจร้ายอยู่เลย
**********
ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองทิวทัศน์รอบกายก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่ามารดาจะเลือกสถานที่ค่อนข้างไกลขนาดนี้เป็นรีสอร์ท ถึงจะห่างจากตัวเมืองไม่มากแต่เมื่อเทียบเวลาก็ขับรถเกือบชั่วโมงอยู่ดีกว่าจะถึง
“แม่ครับ สวยจัง” แม้ในใจจะบ่นว่าไกล หากพอได้เห็นสถานที่จริงๆคีตกาลถึงกับอ้าปากค้าง ที่ดินผืนนี้ติดทั้งภูเขาและแม่น้ำแคว เรียกว่าทำเลทองเลยก็ว่าได้ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นแผ่กิ่งก้านสาขาถูกใช้เป็นที่พักจอดรถ ถัดออกไปพอมองเห็นคือเรือนไทยประยุกต์หลังโต
“ใช่ไหมล่ะ แม่ถึงอยากทำรีสอร์ทที่นี่ไง”
“กี่ไรครับเนี่ย”
“ก็ราวๆ150ไร่น่ะ”คุณยุวดีตอบพลางลากแขนลูกชายให้เดินมายืนใต้ร่มไม้
“กว้างมากเลยนะฮะ”
“ใช่จ้ะ แม่อยากให้เพลงเข้ามาดูที่ สภาพแวดล้อมก่อนจะวางแผนน่ะว่าเราจะทำรีสอร์ทแบบไหน แต่ที่แม่คิดคร่าวๆเอาไว้คืออยากให้เป็นธรรมชาติหน่อย ต้นไม้พวกนี้ถ้าไม่จำเป็นแม่ก็ไม่อยากให้ตัด อีกอย่างแม่ลองคุยกับหุ้นส่วนแม่แล้วเขาก็เห็นด้วย เพราะทางฝากนู้นมีฟาร์มม้าอยู่ ถ้าจะให้เป็นแบบครบครันทันสมัยก็จะเป็นทางฝั่งนั้น”
“ฟาร์มม้า!” คีตกาลอุทานตาโต “แม่มีหุ้นส่วนทำฟาร์มม้าด้วยหรือครับ?”
“ใช่ อยู่ฝากนู้นแน่ะ” คุณยุวดีชี้ไปยังเรือนไม้หลังใหญ่ที่เห็นอยู่ลิบๆ
“บ้านนั้น?”
“ติดกับเรือนหลังนั้นเลยไปทางฝากโน้นน่ะ”
“โห ไกลอยู่นะครับนั่น แล้วยังงี้เวลาลูกค้าจะไปขี้ม้าไม่หมดแรงเสียก่อนหรือ?” คีตกาลว่า คุณยุวดียิ้มกับท่าทางนั้น
“แม่ถึงให้ลูกมาไงล่ะ เราจะได้วางแผนกับทางนั้นด้วย” คุณยุวดีกล่าวพลางพาบุตรชายไปชมทัศนียภาพโดยรอบก่อนจะมาจอดที่เรือนไม้หลังใหญ่ที่เห็นจากที่ไกลๆเมื่อครู่
“หุ้นส่วนแม่นี่ผมรู้จักหรือเปล่าครับ?” คีตกาลถามพลางเงยหน้ามองตัวเรือน เรือนไทยประยุกต์หลังนี้ถือว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว สงสัยคงจะเป็นชายสูงอายุมีหนวดแล้วก็ดุมากๆเสียด้วย สังเกตจากการตกแต่งแบบเรียบๆเน้นธรรมชาติและไม้โบราณมากมายรอบตัวเรือน
“แม่ว่าลูกรู้จักและคุ้นเคยกับเขาดีเลยล่ะ ไปเอาผลไม้ท้ายรถด้วยนะ” ท้ายประโยคคุณยุวดีหันไปบอกสาวใช้ที่เดินเข้ามา ท่าทางคุ้นเคยกันดีเพราะไม่ได้เอ่ยแนะนำชื่อ หนำซ้ำยังพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วย
“ท่าทางแม่จะคุ้นเคยกับที่นี่นะครับ” คีตกาลเลิกคิ้วเป็นรอบที่สิบของครึ่งเช้านี้ ด้วยมารดามีอะไรให้เขาแปลกใจเสมอ
“แม่มาที่นี่บ่อยน่ะ ไอ้ความคิดทำรีสอร์ทนี่ก็ได้เขาแนะนำมาเหมือนกัน” ชายหนุ่มมองท่าทางปลื้มอกปลื้มใจของมารดาแล้วให้หมั่นไส้
“ผมจะฟ้องพ่อว่าแม่แอบปลื้มชายอื่น” คุณยุวดีหัวเราะหันมาตีแขนบุตรชายไม่แรงมากนัก
“เซี้ยวนักนะเรา” คุณยุวดีก้าวเข้าไปนั่งในห้องรับแขก พอดีที่สาวใช้คนเดิมยกน้ำมาต้อนรับ คีตกาลขมวดคิ้วเมื่อยกแก้วน้ำขึ้น เขากระสากลิ่นดอกไม้จากน้ำจึงผละออกไม่ยกดื่ม
“น้ำนี่มีกลิ่น?”
“กลิ่นดอกมะลิน่ะ”
“ดอกมะลิ?”
“ใช่ น้ำเย็นลอยดอกมะลิ ดื่มแล้วชื่นใจดีนะ” คุณยุวดียกยิ้มอารมณ์ดีก่อนจะดื่มน้ำในแก้วให้ดู ชายหนุ่มมองก่อนจะตามแล้วให้ให้ยกยิ้ม เย็นชื่นใจซ้ำยังหอมเสียด้วย
“เป็นน้ำเปล่าที่ดื่มแล้วอร่อยชื่นใจมากเลยนะครับ” คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อได้ฟังราวกับเป็นเตรียมน้ำดื่มนี้ด้วยตัวเอง “ท่าทางหุ้นส่วนแม่คนนี้จะเป็นคุณลุงใจดีแน่ๆ”
“ก็ยังไม่แก่ถึงขนาดเป็นลุงได้หรอกนะ” คีตกาลสะดุ้งเมื่อคนตอบกลับเป็นเจ้าของเสียงทุ้ม เขาหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่าย
“นาย!
“สวัสดีครับคุณน้า” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ต ยกมือขึ้นไหว้ผู้อาวุโสในห้องก่อนจะหันไปบอกสาวใช้
“ยกอาหารได้เลย”
“สวัสดีจ้ะตาสิงห์” **************
“สวัสดีจ้ะตาสิงห์” คุณยุวดียิ้มกว้าง เหลือบสายตามองบุตรชายที่นั่งนิ่งตาค้างอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกแล้วให้ขำในใจ
“วันนี้อาหารเย็นมีแกงส้มดอกแคที่คุณน้าชอบด้วยนะครับ สายใจเขาเตรียมไว้ให้คุณนายยุของเขา” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ยกน้ำลอยดอกมะลิขึ้นดื่มโดยไม่สนใจใครอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้อง
“ตายจริง สายใจช่างรู้ใจน้าจริงๆเลย แล้วนี่ตาสิงห์เพิ่งออกมาจากฟาร์มหรือ?”
“ครับ พอดีพรุ่งนี้เขาจะมาดูพันธุ์ลูกม้าน่ะครับ เลยต้องคัดตัวที่แข็งแรงไว้หน่อย”
“แดดแบบนี้ร้อนแย่” คุณยุวดีว่า
“ชินแล้วครับ” สีหราชตอบพลางพับแขนเสื้อขึ้น “ไปห้องอาหารกันดีกว่าครับ เดี๋ยวผมขอไปล้างมือหน่อย”
“ไป ตาเพลง” คุณยุวดีลุกขึ้นเอ่ยชวนบุตรชาย คีตกาลทำได้เพียงแต่เดินตามทั้งๆหัวสมองยังประมวลภาพตรงหน้าไม่หยุด นี่มันเรื่องอะไรกัน
“แม่ครับ คือ?”
“นอกจากแกงส้มดอกแคแล้วยังมีหลนเต้าเจี้ยวของโปรดเราด้วยนะตาเพลง” คุณยุวดียิ้มกว้างเมื่อมองอาหารตรงหน้า สายใจตักข้าวใส่จานแล้วออกไปยืนด้านข้าง สีหราชที่ล้างมือเสร็จแล้วนั่งลงตรงหัวโต๊ะ ทั้งๆอย่างนั้นสายตาของเขาก็ยังไม่ได้เหลือบมามองทางชายหนุ่มอีกคนเลยสักนิด คุณยุวดีมองท่าทางนั้นแล้วถอนหายใจเบาๆ
“คุณน้าทานเยอะๆนะครับ”
“จ้ะ จริงสิตาสิงห์ น้าว่าโครงการรีสอร์ทน่ะน้าจะให้ตาเพลงมาช่วยคุมนะ”
“....ครับ” ชายหนุ่มเงียบครู่ใหญ่กว่าจะตอบรับ คีตกาลมองมารดาและใครอีกคนที่ไม่คาดว่าจะได้พบอย่างงงๆ
“ถ้ายังไงช่วงนี้คงต้องไปๆมาๆก่อน หรือตาสิงห์ว่ายังไง?”
“....”
“แม่ครับ ถามผมก่อนไหม?” คีตกาลโพล่งขึ้นกลางปล้องเนื่องจากสองคนนั้นคุยข้ามหัวเขาไปมา ช่วยอย่าทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุได้ไหม
“โอ๊ะ! แม่ลืมไปว่าลูกนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เห็นเงียบๆนึกว่าหลับไปแล้ว”
“แล้วมีช่องให้ผมได้พูดหรือไงเล่า!” คีตกาลโวยวาย “แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมแม่ถึงมาทำโครงการนี้กับหมอนี่ได้ล่ะ” คีตกาลยกมือชี้คนทางหัวโต๊ะอย่างไร้มารยาท คุณยุวดีถึงกับตีแขนบุตรเสียงดัง
“มารยาททรามจริงเด็กคนนี้ ไปชี้หน้าเจ้าของบ้านเขาแบบนี้ได้ยังไง” คีตกาลหันไปจ้อง
เจ้าของบ้าน อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขายังไม่เข้าใจกับเรื่องตรงหน้านี่เลยสักนิด “กินข้าวก่อนแม่จะเล่าให้ฟัง” คีตกาลกอดอกเพื่อบอกว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าวจนกว่ามารดาจะเล่าให้ฟัง
“เด็กไม่รู้จักโต” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา กระนั้นก็ยังดังให้คนร่วมโต๊ะถึงกับดีดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความไม่พอใจ
“นายว่าอะไรนะ?”
“หูตึงอีกต่างหาก”
“นาย!”
“ตาเพลง นั่งลงกินข้าวก่อน” คุณยุวดีห้ามทัพ เพราะถ้าบุตรชายของเธอยังไม่จับช้อนก็เห็นทีว่าทุกคนในนี้คงไม่มีใครได้กินข้าวเพราะเจ้าของบ้านยังคงนั่งนิ่งตามแขก คีตกาลได้แต่ฮึดฮัดพับแขนเสื้อขึ้นให้คนหัวโต๊ะเหลือบมองเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง หากสายตาของเจ้าของบ้านไม่ได้มองใบหน้าของแขกผู้ดื้อรั้นกลับเป็นริ้วรอยสีเข้มเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มบางเบาโดยไม่มีใครเห็น
“เอาล่ะ ทีนี้บอกกมาว่านายหลอกล่อแม่ฉันด้วยวิธีไหน?” คีตกาลโพล่งคำถามทันทีที่วางแก้วน้ำลงเมื่อเด็กสายใจเก็บโต๊ะอาหารเสร็จ
“ตาเพลง” คุณยุวดีส่งเสียงปรามบุตรชายที่กล่าวหาอีกฝ่ายเสียงขุ่น
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า” สีหราชหันไปยิ้มกับผู้อาวุโส “ฉันกับคุณน้าได้เจอกันเมื่อปีกลายตอนฉันลงกรุงเทพไปส่งลูกม้าเลยได้คุยกันนิดหน่อย อีกอย่างฉันเพิ่งรู้ว่าที่ดินติดกันเป็นของคุณน้าเลยแนะนำเรื่องทำรีสอร์ท” สีหราชอธิบาย ตลอดประโยคบอกเล่านั้นเขาไม่ได้มองหน้าคีตกาลแม้เพียงนิด ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นท่าทางโมโหของอีกคน อันที่จริงถึงไม่หันไปมองเขาก็พอเดาออกว่าคีตกาลจะมีท่าทีอย่างไร หัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ตาเขรึไง?”
“?” สีหราชเหลือบสายตามองพลางเลิกคิ้วกับคำนั้นของคีตกาล
“ฉันนั่งอยู่นี่นายดันไปพูดให้เก้าอี้ฟัง ตาเขหรือไง?” คุณยุวดีถึงกับหลุดขำเสียงดัง เธอนั่งฟังบุตรชายกับอดีตคนรักของบุตรชายเถียงกันแล้วก็ได้นั่งกลั้นขำ
“....” สีหราชถึงกับพูดต่อไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายย้อนคืนแบบนี้เขาจึงได้แต่นั่งเงียบ
“แค่นี้เหรอ?”
“อะไรแค่นี้?” ในที่สุดสีหราชก็ต้องหันมามองหน้าอีกฝ่ายจนได้ คีตกาลมีสีหน้าพอใจเล็กน้อยที่ทำให้อีกคนเลิกทำเหมือนเป็นอากาศได้แล้ว
“ที่แม่ฉันมาทำรีสอร์ทที่นี่ไง แค่นายไปคุยกับแม่แค่นี้แม่ก็ยอมมาทำแล้วเรอะ?” ท้ายประโยคเขาหันไปถามมารดา
“ก็ตาสิงห์เป็นคนที่นี่คงไม่หลอกแม่หรอก อีกอย่างเขาก็เป็นแฟนลูก….”
“ไม่ใช่!” ไม่รอให้คุณยุวดีเอ่ยจบประโยคคีตกาลก็เสียงดงขัดขึ้นมาเสียก่อน สีหราชมองท่าทางไม่พอใจนั้นแล้วเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ
“จ้าๆ จริงซิ ตาเพลง แม่ลืมมือถือไว้ในรถเดี๋ยวแม่มานะ”
“ผมไปเอาให้ก็ได้” ชายหนุ่มอาสาหากมารดายกมือห้ามแล้วว่าให้เขานั่งพักใจเย็นๆก่อน สุดท้ายเขาก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่กับเจ้าของบ้านที่นั่งทำหน้านิ่ง จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคีตกาลถึงเพิ่งรู้สึกว่ามารดาจะลงไปเอามือถือนานเกินจึงลุกขึ้นลงไปดู อันที่จริงเพราะเขามัวแต่นั่งจมอยู่ในความคิดนั่นแหละถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ามารดาเงียบหายไปนานจนผิดสังเกต พอลงมาถึงหน้าบ้านจึงเพิ่งรู้ว่ารถที่ขับมาหายไปแล้ว คีตกาลร้อนใจควานหามือถือก็พบว่าตัวเองช่างโง่นักที่ปล่อยให้โทรศัพท์แบตหมดเพราะความสะเพร่าคิดว่ามาดูงานไม่นานก็กลับตอนนี้เลยลำบากอยู่นี่
“ครับ?” สีหราชรับโทรศัพท์ ครั้นรู้ว่าเป็นใครโทรมาก็ส่ายหัวกับการกระทำของอีกฝ่าย “คุณน้าโทร.มา” ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้อีกคนที่ทำหน้ากังวล
“แม่ครับ แม่อยู่ไหนเนี่ย?” สรุปว่าคุณยุวดีต้องรีบกลับไปก่อนเพราะมีธุระด่วน ด้วยความเร่งรีบจึง ลืม บุตรชายเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่เธอบอกบุตรชาย ทำเอาคีตกาลถึงกับอึ้งกิมกี่ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยความโมโห
‘ลูกพักที่นั่นไปก่อนนะ พรุ่งนี้แม่จะให้คนไปรับ’ ก่อนวางสายยังไม่วายกำชับบุตรชายเอาไว้ หากคีตกาลหูไม่เพี้ยนเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาก่อนสายจะตัดไป
“สายใจ ไปจัดห้องพักแขกให้คุณคีย์” สีหราชหันไปบอกสาวใช้ เพราะถึงไม่ได้ฟังบทสนทนาก็พอจะเดาได้ว่าคุณยุวดีพูดอะไรบ้าง
“ฉันจะกลับ!” คีตกาลหันมาตะคอกเสียงขุ่น เด็กสายใจถึงกับยืนนิ่งไม่กล้าขยับ
“ค่ำแล้ว ไม่มีรถ...”
“รถนายไง” คีตกาลโวยวาย ยังไงเขาก็ไม่อยู่ที่นี่แน่ๆ
“รถฉัน นายจะขับได้ยังไง?”
“ทำไมจะไม่ได้ ยังไงก็จะกลับ” คีตกาลฮึดฮัดเมื่อโดนขัดใจ เขาเดินไปยังที่คาดว่าเป็นโรงรถของอีกฝ่าย “รถจิ๊ป?”
“ใช่” สีหราชกอดอกตอบ “และฉันต้องใช้รถตอนเช้ามืด” สรุปก็คือไม่ให้ยืมไปนั่นเอง
“งั้นฉันจะเดินไป”
“แน่ใจ?” เสียงเยาะเย้ยเอ่ยถามให้คนฟังนึกฉุน
“ฉันไม่อยู่ที่นี่แน่!”
“กว่าจะถึงถนนใหญ่ก็หลายสิบกิโล แถมยังไม่มีไฟฟ้า ป่าสองข้างทางแล้วก็....”
“พอๆ นายจะขู่ฉันทำไมเนี่ย”
“มันมืดแล้ว พักที่นี่ซะ ยังไงตอนเช้าคุณน้าก็จะส่งคนมารับไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่!”
“....กลัวเหรอ?” ชายหนุ่มยืดกายเต็มความสูงก่อนสาวเท้าเข้าหาให้คีตกาลที่กอดออกถึงกับคลายแขนแล้วถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกกดดันขึ้นมา
“ใคร๊ ใครกลัว กลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวสักหน่อย” เขายักไหล่พลางเชิดคางขึ้น
“นั่นซิ ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวสักหน่อย สายใจไปเตรียมห้องให้คุณคีย์ เอาห้องที่ติดกับฉัน”
“ค่ะคุณสิงห์” คีตกาลถึงกับเงยหน้าขึ้นจ้องเจ้าของบ้านเมื่อได้ฟัง
“ไอ้คนความจำสั้น” คีตกาลกระซิบลอดไรฟันก่อนจะชนไหล่อีกฝ่ายเดินกลับขึ้นเรือน ทิ้งให้อีกคนถอนหายใจแผ่วเบา ต่อให้คีตกาลพูดเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน... แล้วจะให้ทำอย่างไร...จะให้เขาจำอะไร?
“คุณสิงห์ให้เอาชุดนอนมาให้ค่ะ” สายใจเอาชุดนอนวางลงบนเตียงพลางยกยิ้ม ถึงคุณคีย์จะหน้าตาบึ้งตึงอย่างไรก็ยังดูหล่อเหลามากมาย สายใจชอบมอง ดูแล้วเพลินตาอย่าบอกใคร
“ชุดใคร ของหมอนั่นเหรอ? ไม่เอานะ เป็นกลากเกลื้อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ใส่หรอก”
“โธ่ คุณคีย์ ชุดนี้สะอาดค่ะ สายใจซักเองใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยนะคะ อีกอย่างคุณสิงห์ใส่แค่ไม่กี่ครั้งเองค่ะ”
“ห้ะ?”
“เนี่ย คุณสิงห์หยิบมาให้ บอกว่ามีแต่ชุดนี้ที่ใหม่สุดไม่ค่อยได้ใส่คุณคีย์น่าจะใส่ได้”
“แต่....”
“คุณสิงห์บอกว่า ถ้าคุณคีย์ไม่ยอมใส่จะนอนแก้ผ้าก็ได้ไม่ว่ากัน คิกคิก” ท้ายประโยคเด็กสายใจส่งเสียงเขินอาย หนำซ้ำยังทำแก้มแดงอีกต่างหาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คีตกาลเลยได้แต่พยักหน้าแล้วหยิบชุดนอนข้าห้องน้ำไป
หลังอาบน้ำเสร็จชายหนุ่มจึงออกมาที่โถงใหญ่กลางเรือน เมื่อเย็นมัวแต่คิดอะไรวุ่นวายในหัวเลยไม่ได้สังเกตรอบเรือนสักเท่าไหร่ คีตกาลหยุดยืนตรงกรอบรูปที่แขวนผนัง เป็นภาพตอนปีหนึ่งของสีหราชกับเพื่อนๆในคณะ จากนั้นก็เป็นภาพสีหราชกับลูกม้าสองตัวและใครอีกคนที่คีตกาลไม่รู้จัก มีแค่นั้น...
“เห็นว่าแบตมือถือหมดเลยเอาสายชาร์จมาให้”
“!” ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆเสียงทุ้มของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น คีตกาลส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ “ตกใจหมด!” ถึงอย่างนั้นเขาก็ยื่นมือไปรับสิ่งที่ร่างสูงยื่นให้ สีหราชเหลือบมองริ้วรอยสีเข้มบนท่อนแขนทั้งสองข้างที่โผล่พ้นแขนเสื้ออกมาอีกครั้ง
“ภาพสวยดีนี่”
“ขอบใจ” คีตกาลไม่ได้อธิบายต่อว่าภาพเป็นอะไรก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง เขาไม่ได้หันกลับไปมองว่าเจ้าของบ้านจะยังยืนอยู่ที่เดิมหรือกลับเข้าห้องตัวเองหากทว่าคืนนั้น...เขานอนไม่หลับเอาเสียเลย...
กว่าจะหลับก็เกือบค่อนแจ้งแล้ว ดังนั้นกว่าจะตื่นตะวันก็สาดแสงแยงตาเสียแล้วคีตกาลจึงลุกออกจากห้อง กลิ่นกาแฟเตะจมูกให้เขาเดินตาม สายใจหัวเราะกับท่าทางของชายหนุ่มที่ตายังไม่ลืมแต่มือคว้าแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“กาแฟสอง น้ำตาลหนึ่งและขนมปังปิ้งทาเนยค่ะ” สายใจวางจานขนมปังปิ้งลงตรงหน้า
“สายใจรู้ได้ยังไงน่ะว่าผมดื่มกาแฟรสนี้”
“คุณสิงห์บอกค่ะ” แค่กๆๆ คีตกาลแทบสำลักกาแฟ เขาวางแก้วลงทำเอาสายใจหน้าเสีย “หนูชงไม่อร่อยหรือคะ?”
“เปล่าๆ คือ ผมเลิกดื่มรสนี้แล้วน่ะ”
“เอ แต่เมื่อกี้คุณคีย์ยังทำท่ามีความสุข...”
“ชงแก้วใหม่ให้ผมทีนะครับ กาแฟหนึ่งครีมหนึ่งน้ำตาลหนึ่ง” ชายหนุ่มขัดขึ้น เขาเหลือบมองแก้วกาแฟที่เพิ่งดื่มไปเมื่อครู่ก่อนจะผลักเลื่อนแก้วออกไปให้พ้นสายตา
ก็แค่เรื่องที่....บังเอิญยังไม่ได้เปลี่ยนเท่านั้น...
“คุณคีย์ไม่เห็นชอบกาแฟที่หนูชงให้เลยค่ะคุณสิงห์”
“หืม?” เด็กสายใจฟ้องเมื่อเขากลับเข้ามาตอนสาย พอดีที่สวนกับคีตกาลซึ่งคุณยุวดีส่งรถมารับ เขาเหลือบมองคนที่นั่งหน้านิ่งไม่แม้แต่จะอยู่ขอบคุณเขาสักคำ ฝ่ายนั้นนึกอยากจะไปก็ไปและนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อเด็กสายใจวิ่งโร่เข้ามาฟ้องว่าคุณคีย์ของเธอไม่ชอบใจกาแฟที่เขาสั่งให้ชงยิ่งทำให้สีหราชถึงกับหงุดหงิดหนักกว่าเดิม
“คุณคีย์บอกว่าเลิกดื่มกาแฟรสนี้นานแล้ว”
“เปลี่ยนใจง่ายจริงๆ” ชายหนุ่มสบถลอดไรฟัน หากเด็กสายใจไม่รู้ยังคงบ่นต่อ
“ใช่ค่ะ ตอนแรกยังทำท่ามีความสุขอยู่แท้ๆพอบอกว่าคุณสิงห์ให้ชงให้ก็ขอเปลี่ยนแก้วทันที...” ปัง!
“ไปบอกลุงผันว่าฉันจะไม่เข้าฟาร์มแล้ว แล้วจะไปทำอะไรก็ไป” สายใจพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเช้ายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆไหงพอกลับมาถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนี้ คุณสิงห์น่ากลัว!
*********