-รักพัดหวน-
ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน
“ฮาเซลนัทลาเต้แก้วหนึ่งครับ” ครู่ใหญ่กาแฟสดพร้อมด้วยแซนวิชกล่องเล็กก็ถูกนำมาวางตรงหน้า คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“สิงห์ ขอบใจนะ!”
“อืม” ร่างสูงเพียงพยักเพยิดให้อีกฝ่ายรีบกินก่อนที่กาแฟจะคลายความร้อน
“แล้วไม่มีเรียนหรือ?” คีตกาลกัดแซนวิชคำโตกลืนลงท้องแล้วเอ่ยถาม
“อีกชั่วโมงหนึ่ง”
“อื้ม”
“ลำเอียงเป็นบ้า!” สีหราชเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างคีตกาล ชายชาญจ้องเขาตาแทบถลน คีตกาลหัวเราะแล้วยื่นกล่องแซนวิชที่เหลืออีกชิ้นให้เพื่อน “กาแฟล่ะ?”
“?” สีหราชเอียงคอมอง “ไม่มี”
“.....” คนถามได้แต่อ้าปากค้าง นึกอยากด่าน้ำใจอันน้อยนิดก็ด่าไม่ออก จนเมื่อร่างใหญ่โตของอิ่มเอมเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเขาพร้อมกาแฟ ....แก้วละ10 บาท วางตรงหน้าเขาและตัวเอง แม้ไม่ค่อยพอใจหากชายชาญก็คว้ามาดูดทีเดียวเกือบหมดแก้ว แล้วจึงบ่นว่ามันหวานจนเลี่ยน หนำซ้ำกินแล้วยังไม่หายง่วงด้วย อิ่มเอมมองคนบ่นพลางทำตาปริบๆ ยื่นแก้วของตัวเองที่เหลือครึ่งแก้วไปให้คนตรงหน้า ชายชาญเบ้ปากใส่ ก่อนจะเอาหลอดจากแก้วตัวเองเสียบลงไปแล้ว ดูด....
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เวลาพักกลางวันของพวกเขา ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อทานอาหาร พูดคุย ทะเลาะ เล่นหัว หรือแม้แต่นั่งเงียบๆด้วยกันเฉยๆแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ
“เย็นนี้กลับยังไง?” ชายชาญเงยหน้าจากหนังสือขึ้นถามเพื่อน ทำให้สีหราชเงยหน้าขึ้นมองตาม
“ก็...รถเมล์มั้ง”
“รถไปไหน?” สีหราชถามไม่ละสายตาจากแก้มใสของคีตกาล
“เสียน่ะ”
“งั้นตอนเย็นจะไปส่ง”
“หืม?” ทั้งหมดส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน สีหราชกระแอมไอพลางก้มลงอ่านหนังสือในมือ
“วันนี้ไม่มีงานพิเศษ” ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน หากอิ่มเอมเหลือบสายตาขึ้นมองเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว ช่วงนี้
สีหราชไม่ค่อยไปทำงานพิเศษหนักเหมือนช่วงก่อน ยิ่งตอนนี้ใกล้สอบงานยิ่งเหลือน้อยลง
“มึงลาออกจากงานที่ร้านหมูกระทะเหรอวะ?” ตามนิสัยของอิ่มเอมเขาอดทนเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่นาน
“ก็ คนเขาพอแล้ว” สีหราชตอบโดยไม่มองหน้า อิ่มเอมทำท่าขยับปากจะถามหากแล้วก็เงียบลง
“ดีแล้ว สิงห์จะได้พักบ้าง ทำงานทุกวันเหนื่อยตายเลย เทอมหน้าก็ปีสองแล้วค่อยทำใหม่ก็ได้เนอะ?” คีตกาลยกยิ้ม สีหราชเพียงยิ้มตอบไม่เอ่ยอะไร
หลังมรสุมการสอบผ่านพ้นไปก็เข้าช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่ คีตกาลใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัวและการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน เขามักหาซื้อของฝากแปลกๆติดตัวไว้อย่างน้อย 3 ชิ้น หนึ่งให้สีหราชและเพื่อนอีกสองคน ยิ่งของหายากยิ่งยากเอามาให้สีหราชได้เห็นเร็วๆ เขาเก็บของมากมายห่อกันกระแทกอย่างดีและแน่นหนาเพื่อไม่ให้แตกหักเสียหาย อยากรู้ว่าสีหน้าของสีหราชจะเป็นแบบไหนยามเมื่อเห็นของเหล่านี้ก็ทำให้แทบอยากจะขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเร็วๆ
อิ่มเอมนั่งเท้าคางมองเพื่อนตัวสูงที่หยิบนู่นจับนี่มือเป็นระวิง เขาเพิ่งกลับจากบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน ก่อนหน้านี้เขาขึ้นเหนือไปเที่ยวกับชายชาญแล้วจึงกลับบ้าน จากนั้นก็นึกได้ว่าสีหราชจะไปเที่ยวไหน เขาโทรศัพท์เข้าบ้านเด็กกำพร้าที่
สีหราชยังพักอาศัยอยู่จึงได้คำตอบ
‘สิงห์ออกไปทำงานค่ะ’ เป็นเสียงครูอ้อยที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี ดังนั้นอิ่มเอมจึงขับรถไปยังห้างดังชื่อคุ้นหูแล้วตรงไปยังร้านกาแฟแบรนด์ดัง เขาเห็นร่างสูงของสีหราชอยู่ในชุดเครื่องแบบของร้าน อิ่มเอมถอนหายใจแล้วตรงไปยังเค้าท์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม
“อเมริกาโน่แก้วนึง” สีหราชเหลือบสายตามองเพื่อนแล้วทวนรายการ
จนเมื่อไม่มีลูกค้าต่อแถวแล้วอิ่มเอมจึงกวักมือเรียกเพื่อนให้ออกมาหาที่โต๊ะ
“เย็นนี้ไปกินข้าวกัน”
“ไม่ได้”
“หืม?”
“ติดงานที่เซเว่น”
“...งั้นวันพรุ่งนี้”
“ไม่ได้”
“วันมะรืน”
“ไม่ได้ วันไหนก็ไม่ได้ แต่ถ้ามึงอยากกินข้าวด้วยจริงๆต้องรอหลังเที่ยงคืน” สีหราชรีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเพื่อน
“ไอ้สิงห์!”
“ก็...กูต้องทำงาน”
“แล้วไม่มีวันหยุดหรือไง?” อิ่มเอมขมวดคิ้วฉับเมื่อสีหราชส่ายหน้า นึกโมโหเพื่อนขึ้นมาครามครัน
“มึงก็รู้ว่ากูต้องใช้เงิน”
“แต่มึงเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร!”
“กูรู้”
“นี่คือรู้แล้ว?” อิ่มเอมจ้องหน้าเพื่อน “กูเห็นมึงลดงานพิเศษที่มหาวิทยาลัยแล้ว แต่ไหงพอปิดเทอมถึงมาตะบี้ตะบันอีก?”
“.......”
“มึงลดงานช่วงเปิดเทอมลงเพื่อที่จะได้มีเวลามากขึ้น ใช่ไหม?”
“อืม”
“ให้มีเวลามากขึ้นเพื่ออะไร?”
“.....”
“กูคงถามผิด ต้องถามว่าเพื่อให้มีเวลามากขึ้นเพื่อใครต่างหาก ถูกไหม?” อิ่มเอมเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ พลางนึกถึงพฤติกรรมของเพื่อนในช่วงที่ผ่านมา สีหราชที่นอกจากเรียนก็มีเพียงงานพิเศษ แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งก็มีบางอย่างเพิ่มขึ้นมา คีตกาล ช่วงเวลาของสีหราชมีคีตกาลเพิ่มเข้ามา แทนที่งานพิเศษซึ่งถูกลดลง...
ช่วงเช้า กาแฟร้อนหนึ่งแก้วพร้อมขนมหรือแซนวิชกล่องเล็ก กลางวันทานข้าวด้วยกัน ตอนเย็นบางวันก็โหนรถเมล์ไปส่งที่บ้าน... ทุกช่วงเวลาของสีหราชจะมีเงาของคีตกาลแทรกอยู่เสมอ
“เป็นเพราะไอ้เพลง?” สีหราชหันขวับจ้องหน้าเพื่อน
“.....”
“มึงชอบมัน?”
“เพื่อน”
“ห้ะ?”
“ก็เพื่อนกันทั้งนั้น”
“กูก็เพื่อนมึงแต่ไม่เห็นมึงทำอะไรให้เหมือนที่ทำให้ไอ้เพลง”
“มึงอิจฉา? อยากให้กูเหมือนที่ทำกับเพลงเหรอ?”
“อย่า!” อิ่มเอมยืดกายขึ้นตรงแล้วลูบแขนตัวเองอย่างนึกขยาด แค่ลองนึกภาพผู้ชายตัวโตๆสองคนเดินหัวร่อต่อกระซิกพร้อมถือแก้วน้ำให้กันเขาก็ขนลุกแล้ว
“อ้าว นึกว่าอยากให้ทำแบบนั้น?”
สุดท้ายอิ่มเอมก็หาเวลากินข้าวกับเพื่อนไม่ได้เลยจนกระทั่งเปิดเทอม ระหว่างนั้นความสนิทสนมกับชายชาญก็เพิ่มระดับขึ้นเนื่องจากทั้งคู่ชอบการท่องเที่ยวและการผจญภัยเหมือนๆกัน แม้ชายชาญที่ร่างกายค่อนข้างเล็กไม่เอื้ออำนวยกับการโลดโผนนักแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค
สีหราชยกยิ้มเมื่อเห็นร่างโปร่งของคีตกาลเดินเข้ามาหา คนตรงหน้าดูอวบขึ้นเล็กน้อย ผิวก็คล้ำขึ้น หากยังคงดูแข็งแรงดีเขาก็สบายใจ กิจกรรมวันแรกของพวกเขายังคงเหมือนที่ผ่านมา กินข้าวด้วยกันอ่านหนังสือด้วยกัน
“วันนี้แวะไปที่ห้องนายนะ?” คีตกาลเอ่ยขึ้นหลังหมดคาบเรียนและสีหราชไม่มีงาน ทั้งอิ่มเอมและชายชาญก็โดนคะยั้นคะยอให้ไปด้วย โชคดีว่าตอนนี้อดีตเพื่อนร่วมห้องของสีหราชย้ายออกไปแล้ว อิ่มเอมได้ทีจึงยื่นเรื่องขอย้ายชื่อมาอยู่กับสีหราชแทน
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันมีของฝากมาให้พวกนายเยอะแยะไปหมดเลย”
“....”
กองข้าวของมากมายที่สีหราชช่วยแบกมาจากรถถูกกองอยู่บนเตียงโดยกินพื้นที่ไปมากกว่าครึ่ง ชายชาญโวยวายว่าทำไมของสีหราชจึงมากกว่าของคนอื่น คีตกาลหัวเราะชอบใจพลางว่า
“ก็เวลาเห็นอะไรฉันนึกถึงสิงห์ก่อนนี่นา” หัวใจของสีหราชเต้นแรงกับคำตอบนั้น เขาดีใจมากเป็นเรื่องจริง หากส่วนหนึ่งกลับเจ็บแปลบยามมองเห็นของราคาแพงตรงหน้า
“นายไม่ชอบของพวกนี้หรือ?” รอยยิ้มแปลกแปร่งของร่างสูงทำให้คีตกาลเอ่ยปากถาม
“เปล่า ชอบมาก”
“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”
“...ของพวกนี้มีแต่ของแพงๆ”
“อืม”
“...คราวหน้าไม่ต้องสิ้นเปลืองแบบนี้อีกนะ”
“?” ทั้งๆที่หวังว่าจะได้เห็นสีหน้าดีใจของอีกฝ่ายแต่ท่าทางเรียบเฉยของสีหราชก็ทำให้อดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้
“ฉันชอบมาก อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิ” สีหราชยกยิ้ม พลางหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา “ชิ้นนี้มาจากไหนนะ?” คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง เห็นท่าทางสนใจของร่างสูงแล้วรีบกุลีกุจออธิบายถึงความเป็นมาและความแปลกของมันอย่างสนุกสนาน
ขอแค่เพียงรอยยิ้มดังดวงตะวันนี้ไม่จางหายไปเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่าง....
*********
“เอ่อ เพลง เราขอเวลาหน่อยได้ไหม?” หญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาทั้ง4คู่ของคนในกลุ่ม สีหราชมองท่าทางของหล่อนแล้วให้ใจกระตุกวูบ ดวงตาคมดุหรุบลงมองพื้นโต๊ะราวกับกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ คีตกาลเหลือบมองเพื่อนทั้งโต๊ะแล้วยิ้มอายๆ เมื่อเห็นว่าไม่ใครทำท่าทางหยอกล้ออะไรจึงพยักหน้าแล้วลุกเดินตามหญิงสาวออกไป ทั้งคู่หยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของตึกซึ่งค่อนข้างห่างจากสายตาผู้คน
สีหราชเงยหน้าขึ้นมองภาพคนทั้งคู่ พลันหัวใจเจ็บแปลบยามเห็นรอยยิ้มสวยของคีตกาลดูเขินอาย มือขาวยกขึ้นแตะหลังคอตัวเอง เขาเหลือบมามองทางโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่ สีหราชรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง
“สงสัยมาขอไอ้เพลงเป็นแฟนแหง”
“หืม?” อิ่มเอมละสายตาจากหนึ่งชายหนึ่งหญิงหันมามองชายชาญแล้วเหล่มองเพื่อนตัวเอง
“นายว่าเพลงจะตกลงไหม?”
“ไม่รู้ซิ ขออย่าให้ตกลงแล้วกัน”
“ทำไมล่ะ?” ชายชาญตวัดสายตามมองอิ่มเอม
“ก็ไม่อยากให้คบ”
“?” คิ้วเรียวของชายชาญขมวดฉับกับคำตอบของอิ่มเอม คนตัวเล็กหน้างอง้ำพลางส่งเสียงหึในคออย่างไม่ชอบใจ อิ่มเอมมองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม
“โกรธอะไร?”
“เปล่า!”
“เห็นๆอยู่ว่าโกรธ”
“ก็บอกว่าเปล่า!” คนตัวเล็กเริ่มเสียงดัง มือเล็กตบโต๊ะดังปัง
“ฉันขอตัวก่อนนะ”
“มึงจะไปไหน?” อิ่มเอมเงยหน้ามองเพื่อนซึ่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สีหราชหันไปมองทางคีตกาลอีกครั้งแล้วยกยิ้มไม่ตอบคำก่อนจะลุกเดินออกไป อิ่มเอมมองตามสายตานั้นแล้วถอนหายใจ
“เพลงจะมีแฟนนายเสียใจขนาดนั้นเลยหรือไง?” ชายชาญตวาดแหว
“อะไรของนายเนี่ย?” อิ่มเอมมองแก้มป่องๆของชายชาญแล้วหัวเราะชอบใจ ไอ้ที่หนักอกคือเรื่องของเพื่อน จะโวยวายแทนก็ดูไม่เข้าทีเลยได้แต่แสร้งเงียบ
“อ้าว สิงห์ล่ะ?” คีตกาลเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นร่างของใครอีกคนตอนกลับมาที่โต๊ะ
“ไปไหนแล้วไม่รู้ ว่าแต่ สาวคนนั้นมาทำไมน่ะ?” ชายชาญเร่งถาม
“ก็...มา”
“อะไร เร็วๆอย่าอมพะนำอยู่”
“ก็มาขอคบด้วย” แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ
“แล้วนายตอบไปว่ายังไง?”
“ก็ ขอลองคบเพื่อศึกษาดูก่อน”
“เฮ้ย นายใจง่ายไปไหมเนี่ย ทำไมถึงยอมคบด้วยง่ายจัง” อิ่มเอมโวยวายให้ชายชาญจ้องตาเขม็งอีกครั้ง
“...อันที่จริงแล้ว...เมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนเข้าใจผิดน่ะ”
“หืม?” อิ่มเอมส่งเสียงในลำคอ ขณะที่ชายชาญซึ่งเพิ่งนึกออกถึงกับหัวเราะออกมา
“อ้อ ข่าวลือนั่น”
“ข่าวลืออะไร?”
“มีคนลือว่าเพลงเป็นเกย์”
“?”
“บอกว่ากำลังคบอยู่กับนายสีหราชสุดหล่อแห่งคณะนิติศาสตร์”
“ฉันไม่เห็นเคยได้ยิน?” อิ่มเอมขมวดคิ้ว
“นายอยู่กลุ่มนี้ใครเขาจะมาพูดให้ได้ยิน อีกอย่างนอกจากภูเขาและโรงยิมนายเคยไปขลุกอยู่ที่อื่นด้วยหรือไง ไม่ได้ยินก็ไม่เห็นแปลก” ชายชาญลอยหน้าตอบ
“แล้วนายรู้ได้ไง?”
“รู้ซิ เมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอเพลงเป็นแฟน”
“ห้ะ?”
“สิงห์ก็อยู่ด้วยนะ หมอนั่นเข้ามาขวางเลยโดนผู้ชายคนนั้นหาเรื่อง บอกว่าเป็นแฟนก็บอกมาดีๆ”
“หมอนั่นไม่เห็นเล่าให้ฟัง” อิ่มเอมยกมือแตะคางขมวดคิ้ว
“พอดีไม่ได้มีเรื่องน่ะ สิงห์คงไม่อยากให้นายไม่สบายใจมั้ง” คีตกาลยิ้มแหยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน “แค่สิงห์ไม่รู้สึกแย่ที่เป็นข่าวลือกับฉันก็ดีแล้ว”
“?” คนตัวโตเงยหน้าขึ้นมอง “มันจะไปรู้สึกแย่อะไรกับข่าวพวกนั้น”
“?”
“ช่างเถอะๆ” อิ่มเอมโบกมือ มองทางที่เพื่อนเดินจากไปแล้วได้แต่ถอนหายใจ
*********
“มึงจะแสดงพิรุธมากเกินไปแล้วมั้ง”
“!” มือแกร่งชะงักการปาหินลงน้ำ เขาเหลือบมองเพื่อนตัวโตพลางถอนหายใจแล้วปล่อยหินก้อนเล็กตกลงพื้น
“ยังไงมึงก็ไม่ควรหายหน้าหายตาไปแบบนี้ กูพลอยถูกมันเค้นคอถามแทบทุกวันจนจะบ้าตายอยู่แล้ว นี่หมากระเป๋ายังดักเล่นงานแทบไม่ว่างเว้นแต่ละวัน” ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาเลี่ยงได้ถือว่าเก่งมากแล้ว
“.....”
“ถึงจะฝากกาแฟฝากขนมไปให้ทุกเช้า แต่เล่นไม่โผล่หน้าไปมันก็.... นี่ฟังกูอยู่หรือเปล่า!” อิ่มเอมตะคอกเพื่อนอย่างเหลืออด ทุกๆวันเขาต้องเจอคีตกาลและชายชาญกดดันถามหาสีหราชอยู่ตลอดมันเหนื่อยนะ!
“ฟัง”
“งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวกับพวกกู”
“มีงาน”
“ขอแลกกะซะ”
“....”
“ถ้าไม่งั้นกูจะบอกไอ้เพลงว่าที่มึงหายหน้าไปแบบนี้เพราะมึงทนไม่ได้ที่มันมีแฟ...”
“อย่า!”
“อย่าคิดว่ากูใจร้ายอะไรเลยนะ ก็ให้เวลามึงตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ สู้หรือถอย เลือกเอาเอง”
“....สู้อะไร? ถอยอะไร? เพื่อนกันทั้งนั้น”
“ไอ้การแสดงออกของมึงมันไม่ใช่แค่เพื่อนสักหน่อย”
“?” สีหราชขมวดคิ้ว เขาคิดว่าที่ตัวเองรู้สึกตลอดเวลาที่ผ่านมาเพราะคีตกาลเป็นเพื่อนคนแรก เป็นคนที่อยู่ในความทรงจำ เป็นสิ่งสวยงามซึ่งเขาไม่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น อาจเป็นอาการหวงเพื่อน...
“ถ้ายังยืนยันว่าแค่เพื่อนก็ทำใจยอมรับแฟนไอ้เพลงซะ” คล้ายรู้ความคิดของคนข้างๆอิ่มเอมจึงเอ่ยออกมา สีหราชส่ายหน้า ทำใจยอมรับคนรักของคีตกาลอย่างนั้นหรือ? ถ้าทำได้ง่ายอย่างนั้นตอนนี้เขาจะมาอยู่ที่นี่ทำไม?
“ไม่ได้”
“....นอกจากพวกกูสามคนมึงมีเพื่อนคนอื่นอีกไหม?” อิ่มเอมเอียงคอถามเพื่อน สีหราชครุ่นคิด หากบวกเพิ่มพี่ครามที่รักเหมือนพี่น้องเขาก็แทบไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกเลย สุดท้ายจึงได้แต่ส่ายหน้าตอบ
“ความรู้สึกที่มีต่อไอ้เพลง แตกต่างจากกูกับหมากระเป๋าไหม?” คราวนี้สีหราชพยักหน้ารับ พลันกระจ่างแจ้งในใจ คำว่าเพื่อนยามเมื่อเขาเอ่ยอ้างนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สีหราชไม่เคยนึกอยากจ้องมองรอยยิ้มของใครมากเท่ารอยยิ้มของคีตกาล ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนกับใครเหมือนตอนได้ใกล้ชิดคีตกาล ไม่เคยนึกอยากทำสิ่งดีๆให้ใครมากเท่ากับคีตกาลมาก่อน แค่นึกถึงก็อุ่นอวลในใจ แม้บางครั้งความสุขจะเจือความเจ็บปวดมาบ้าง เขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี
ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
หากวันนี้ ตอนนี้เขากลับได้คำตอบ...
ว่าสิ่งที่ตามหาอาจเป็นคีตกาลตั้งแต่แรก...
เย็นนั้นกลายเป็นคีตกาลที่พาแฟนสาวมาด้วยเป็นฝ่ายงอนให้สีหราชยกยิ้มอ่อนใจ เขาขอโทษหญิงสาวแล้วลากแขนร่างโปร่งไปห้องน้ำด้วยกัน
“ขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร นายทำอะไรผิดหรือไง?” คีตกาลกอดอกถาม
“พอดีช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องงานพิเศษน่ะ”
“........”
“...คราวหลังจะไม่หายไปแบบนี้อีก”
“จริงนะ?”
“อืม” แค่สีหราชพูดไม่กี่ประโยคคีตกาลก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ความรู้สึกขุ่นเคืองและไม่สบายใจก่อนหน้าพลันมลายหาย เขายิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วพากันกลับมาที่โต๊ะ อิ่มเอมเหลือบตาขึ้นมองแล้วก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้ม แกล้งตักนู้นหยิบนี่ใส่จานชายชาญสาวะวนไปหมด จนคนตัวเล็กเอ็ดไปเสียหลายรอบ
คีตกาลแนะนำแฟนสาวให้สีหราชรู้จัก เธอชื่อส้ม หน้าสวยหมดจดเหมาะสมกับคนตรงหน้า ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มให้หญิงสาว แม้ความเจ็บแปลบในอกซ้ายจะตีกระหน่ำจนร้าวไปทั้งอกเขาก็ยังแสร้งยิ้ม ชายหนุ่มทิ้งลงนั่งข้างเพื่อน ฝ่ายนั้นตบบ่าเขาสอง-สามทีแล้วตักอาหารมาให้ สีหราชตักใส่ปากไปไม่กี่แล้ววางช้อน อาหารน่าทานตรงหน้าเขากลับไม่รู้รสชาติเลยสักนิด ความฝาดเฝื่อนบาดลำคอให้กลืนไม่ลง
“จะกลับแล้วหรือ?” คีตกาลถลันลุกขึ้นยืนเมื่อสีหราชยกผ้าขึ้นเช็ดปาก ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน
“พอดีมีงานพิเศษต่อน่ะ”
“ถ้างั้น...ก็เลิกแค่นี้แล้วกัน”
“เอ๊ะ?” ส้มเงยหน้าขึ้นมองคีตกาลแล้วหันมามองทางสีหราชอย่างไม่พอใจ
“พวกนายกินกันต่อเถอะ ดูท่าส้มจะยังทานไม่อิ่มด้วย”
“....อืม” สุดท้ายคีตกาลก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งตามเดิมเมื่อเหลือบมองคนข้างตัว ส้มยกยิ้มขอบคุณสีหราชที่เข้าใจเธอ
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยกินข้าวกลางวันด้วยกัน” สุดท้ายเพราะทนเห็นสีหน้าเหงาหงอยของอีกฝ่ายไม่ไหว สีหราชจึงเอ่ยปากนัดหมายออกมา คีตกาลยกยิ้มพยักหน้ารับ ใบหน้าซีดๆเมื่อครู่จึงค่อยมีสีสันขึ้นมา
.
.
“เอ้า กาแฟกับขนมของมึง” อิ่มเอมวางแก้วกระดาษทรงเตี้ยลงตรงหน้า คีตกาลเหลียวซ้ายแลขวาทันที
“สิงห์ล่ะ?”
“โดนสโมฯเรียกตัวไปคุยงาน”
“เช้าขนาดนี้น่ะนะ?”
“อืม” จะบอกได้อย่างไรว่าเพื่อนเขาต่างหากที่เป็นคนลากคอสโมฯไปคุยงานแต่เช้า “....กาแฟร้านนี้อร่อยหรือไง เห็นกินมาเป็นปี” อิ่มเอมเสเปลี่ยนเรื่อง
“ก็อร่อยดี ไม่รู้ว่าร้านอื่นอร่อยไหมแต่สิงห์ซื้อร้านนี้ให้ตลอด”
“...แพงนะ”
“?”
“เปล๊า!” คนตัวโตแสร้งทำเสียงสูงแล้วลุกขึ้นยืน “กูไปเรียนละ”
คีตกาลขมวดคิ้วมองแก้วกาแฟตรงหน้าที่เป็นของร้านตรงหน้ามหาวิทยาลัย เพราะรสชาติค่อนข้างดี ร้านก็น่านั่ง นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็นลูกค้าที่นี่ หากเขาเพิ่งสังเกตและเอะใจ...
ตลอดเวลาที่ผ่านมา....คีตกาลจะได้กาแฟสดดูมีราคาพร้อมขนมรองท้อง ส่วนสีหราชเองเล่า? บางครั้งเพียงนั่งมองเขากิน บางครั้งก็ดื่มกาแฟชงถูกๆตามร้านข้าวใต้คณะฯ ถ้าอิ่มเอมไม่ถามเขาก็คงไม่นึกถึงมาก่อน
พักกลางวันคีตกาลเดินสวนกับส้ม เธอกำลังจะชวนเขาออกไปทานข้าวข้างนอกหากชายหนุ่มกลับยกมือห้ามแล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกโดยไม่สนใจท่าทีของเธอ
“สิงห์อยู่ไหนน่ะ สโมฯ? ฉันกำลังจะไป อย่าให้เขาหนีหน้าฉันไปไหนอีกล่ะ” อิ่มเอมที่อยู่ปลายสายรับปากอย่างไม่พอใจ
“เพลง?”
“อ้าว ส้ม?”
“เพลงไปไหนหรือ? เราว่าจะมาชวนเพลงไปกินข้าวข้างนอก”
“โทษที ตอนนี้ไม่ว่างแล้วน่ะ” พูดจบก็เดินไปสั่งกาแฟชงกับข้าวกล่องมาอย่างละสอง
“เพลงจะไปไหน?”
“เอาข้าวไปส่งให้สิงห์น่ะ”
“สิงห์?”
“อืม”
“...เขาสำคัญขนาดนั้น?” คิ้วเรียวสวยของหญิงขมวดฉับ มองท่าทางของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนแล้วไม่พอใจ
“ก็เพื่อนกัน”
“เพื่อนอะไรที่ทำให้ต้องทิ้งแฟนแล้วซื้อข้าวไปส่ง”
“.......” คีตกาลละมือที่กำลังจะหยิบเงินจากระเป๋ามามองหญิงสาวตรงหน้า “ถ้าจำไม่ผิดเราคุยกันว่า...จนกว่าจะตกลงเป็นแฟนก็ต่อเมื่อการทดลองคบกันในช่วง 4เดือนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี”
“เพลง นี่มันบ้าบอสิ้นดี มีทดลองคบเป็นแฟนด้วยหรือไง?” หญิงสาวหัวเราะขำ
“......”
“คบก็คือคบ วันนั้นที่เพลงตกลงว่าคบกับเราเราถือเพลงเป็นแฟนเรา เราเป็นแฟนเพลงแล้วนะ”
“ส้ม....”
“....” หญิงสาวขมวดคิ้วกับท่าทางอึกอึกของคนตรงหน้า พลันข่าวลือก่อนหน้านี้จึงวาบเข้ามาในความคิด “หรือที่จริงแล้วเพลงเป็นเกย์อย่างที่คนเขาว่าจริงๆ?”
“?”
“คบกับเราแต่ทำไมถึงทำท่าเหมือนคนอกหักตอนผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป”
“.....”
“ตอนนี้ก็ซื้อข้าวซื้อน้ำยังกับจะไปง้อแฟน”
“เรา... เรากับสิงห์เป็นเพื่อนกัน”
“....... ถ้าอย่างนั้นเราจะไปด้วย”
“เอ๊ะ?”
“ซื้อข้าวกับกาแฟไปให้สิงห์ไม่ใช่หรือ?”
“อืม”
“ไปกันเถอะ”
ส้มเดินควงแขนคีตกาลไปยังสโมสรนักศึกษา ด้วยหน้าตาและดีกรีเดือนมหาลัยของคีตกาลทำให้สาวๆมองมาอย่างอิจฉา หากคนโดนมองเพียงแต่ครุ่นคิดถึงประโยคของหญิงสาวเมื่อครู่
...เขาแสดงท่าทีต่อสีหราชผิดแผกจากคนเป็นเพื่อนควรแสดงต่อกันอย่างนั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นสีหราชจะโดนมองไม่ดีไปด้วยหรือเปล่า? คราวที่แล้วตอนมีข่าวลือแม้ฝ่ายนั้นไม่แสดงท่าทางเดือนร้อนแต่เขาก็รู้ว่าคนอื่นๆมองสีหราชไม่หมือนเดิม ตอนนี้เขามีแฟนแล้วสีหราชคงไม่โดนคนอื่นจับคู่กับแล้วกระมัง?
พอถึงสโมสรนักศึกษาหญิงสาวที่คล้องแขนเขาก็ผละออก คีตกาลเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ
“เพลงเข้าไปเถอะ เราจะกลับแล้ว”
“เอ๊ะ?”
“ส้มมีเรียนบ่ายโมง ไปก่อนนะ” ไม่รอให้คีตกาลตอบรับเธอก็เดินออกไปทันที เขายักไหล่แล้วมองหาคนที่ต้องการ ร่างสูงของสีหราชกำลังเลือกหยิบข้าวกล่องที่สมาชิกชมรมซื้อมาให้
“สิงห์”
“?” สีหราชเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นคีตกาลที่นี่ เขาเหลียวมองรอบๆว่าอีกฝ่ายมากับใคร จึงเห็นเงาร่างของส้มยืนแอบอยู่ตรงหลังประตูทางเข้า
“พักแล้วใช่ไหม งั้นมากินข้าวกัน”
“แล้วแฟนนายล่ะ”
“ส้มเหรอ? กลับไปแล้ว”
“....”
“นี่ ข้าวพะแนงหมูของโปรดนาย ส่วนนี่ข้ามมันไก่ของฉัน ร้านใต้ตึกฟิสิกส์”
“......” สีหราชเงยหน้ามองรอบด้านอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงสาวแล้วเขาจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “อุตส่าห์จำได้ด้วยหรือว่าฉันชอบกินอะไร?”
“มีไม่กี่อย่างหรอกที่นายชอบกินน่ะ”
“อืม ก็จริงแหะ”
“กาแฟร้านลุงช่วย”
“ขอบใจ”
“เพิ่งรู้ว่าลุงแกชงกาแฟอร่อย คราวหลังนายก็ไม่ต้องซื้อร้านหน้ามอ.แล้วนะ”
“?”
“แพงเสียเปล่า สู้ของลุงช่วยไม่ได้ ทั้งหวานทั้งมัน อร่อยกว่ากันเยอะ”
“นายไม่ชอบกาแฟร้านที่ฉันซื้อให้หรือ?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น คือว่า แค่...มีร้านอร่อยอยู่ใกล้แค่นี้จะไปซื้อทำไมที่อื่นต่างหาก”
“.......”
“หรือนายว่าไม่อร่อย ก็เห็นนายกินทุกวันนี่นา” ถามพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วยสีหน้าสงสัย “อร่อยออก”
สีหราชหัวเราะกับท่าทางนั้น พลันในใจของคีตกาลจึงคล้ายมีลมพัดผ่านมา ทั้งสดชื่นและอุ่นสบาย ความรู้สึกหนักหน่วงในใจของช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาคล้ายค่อยคลายลงเพียงเพราะรอยยิ้มของสีหราช
*********