Because of you ซน ตอนที่ 12 bad man
เดือนกว่ากับการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านไอ้น่าน วันๆผมกับมันไม่ค่อยได้ทำอะไรกันหรอกครับ จ้องแต่จะหากิจกรรมทำตลอด ไอ้กิจกรรมที่ว่าไม่ได้หมายถึงเรื่องบนเตียงอย่างเดียวหรอกนะครับ อย่าคิดหื่นใส่พวกผมแบบนั้น ถึงเรื่องนี้จะเป็นอันดับหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันก็เถอะ แต่เรื่องอื่นมันก็มีให้ทำร่วมกันบ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงอย่างเดียว แต่พูดก็พูดเถอะครับเหมือนผมกับมันเราอยู่กันด้วยร่างกายและความหื่นกามล้วนๆ ส่วนเรื่องติวหนังสือตอนนี้เป็นเรื่องรองไปแล้วครับ ตกอันดับยิ่งกว่าเรื่องไอ้เงินไอ้ทองอีก
“มึงไม่สงสารลูกมึงเหรอวะซน มันจะคิดแบบไหนที่ตัวเองขี้เหร่แบบนี้” ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังหึ่งๆอยู่ใกล้ๆหรอกครับ ก็แล้วทำไมวะ การตัดขนให้เกรียนแบบนี้มันเท่ดีออก ปล่อยให้ยาวดูแลยากจะตาย แถมมันเป็นตัวผู้ต้องเลี้ยงแบบแมนๆดิ
“เรื่องกู มึงจะเสือกอะไรเนี่ย นี่ลูกกูนะ” ผมผลักหัวไอ้น่านออกจากไหล่แล้วขยับไปเล่นกับลูกชายผมต่อ แต่แทนที่มันจะเลิก มันกลับขยับเอาหัวหนักๆของมันมาวางไว้บนบ่าผมเหมือนเดิม
“หนักเนี่ย มึงเห็นบ่ากูเป็นไรที่ตั้งหัวมึงเหรอน่าน ขนาดหัวมึงยังดูแลเองไม่ได้ แล้วชีวิตนี้มึงจะดูแลใครได้วะ ลุกได้แล้วไหม”
“ไม่เอา”
“เอาแต่ใจไปไหมมึงอ่ะ”
“ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะกูเอาแต่มึงด้วย”
“K”
“อยากได้”
“จะอยากได้ไปทำไม ของกูก็มี”
“คิดว่าอยากได้ของกูเพิ่ม”
“สาดดดด ใครจะอยากได้ของมึง”
“เหรอ เหรอ ไม่อยากได้จริงเหรอครับ” ทำเสียงกวนตีนไม่พอหน้าตามันนี้แทบอยากจะได้ส้นตีนผมไปแปะที่หน้าด้วยชัดๆ “คิดว่าอยากได้ซะอีก”
“พอเลย เลิกหื่นสักวันได้ไหมวะ” ผมหันทั้งตัวมามองคนตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือมาตบแก้มมันเบาๆเป็นสัญญาณบอกมันว่ามึงควรจะเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว วันๆไม่ทำอะไรหรอกนอกจากคิดเรื่องหื่นๆกับขัดความสุขผม
“ฮ่า ฮ่า” แล้วมันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนครับว่าไม่ใช่ว่าทุกครั้งหรอกที่เวลาพูดเรื่องใต้สะดือแล้วผมจะชนะ บอกตรงๆว่าน้อยครั้งมากที่ชนะมัน เต็มสิบผมชนะมันสัก3-4ครั้งเท่านั้นแหละ
“เออซนก็มีเรื่องจะถามมึงว่ะ”
“เรื่อง”
“กูได้ข่าวว่ามึงกำลังหาที่ฝึกงานอยู่ป่ะ”
“ก็แนวๆนั้นแหละ” ผมว่าพลางหันไปแยกไอ้เงินกับไอ้ทองให้ถอยห่างออกจากกันแม่งดูมันสองตัวดิครับของเล่นมีสองชิ้นหน้าตาเหมือนกันเดะแล้วมันจะแย่งกันทำไม
“มาฝึกกับกูเปล่า”
“ที่ไหน”
“หนองคาย”
“โหววว ไกลสัส”
“ไปไกลๆก็ดีนะ” มันยิ้มๆแล้วขยับเอาหน้าผากตัวเองมาแนบไว้กับหน้าผากผม จุ๊บเบาๆที่ปากผมสองสามรอบแล้วค่อยผละออก
“ดีไงวะ ร้อนก็ร้อน ห้างก็ไม่มี ไอ้เงินกับไอ้ทองอีกใครจะดูแล ที่สำคัญกูยังต้องห่างจากน้องเอยอีก” เรื่องร้อนหรือไม่มีห้างจริงๆแล้วไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร ส่วนเรื่องไอ้เงินไอ้ทองมันก็มีคนเลี้ยงอยู่แล้วเพราะม๊าผมรู้เรื่องที่ผมเอาเงินทองมาเลี้ยง ด่าผมใหญ่ว่าทำไรไม่ปรึกษา สุดท้ายเวลาที่บ้านไม่มีคนอยู่หรือแม่บ้านบ้านไอ้น่านไม่มาทำความสะอาดผมจะเอาเงินทองไปฝากไว้ที่บ้านม๊าแทน แต่ประเด็นสำคัญผมอยู่ประโยคสุดท้ายต่างหาก ผมกับน้องปกติไม่เจอหน้ากันสองอาทิตย์ก็แปลกๆแล้วนี่ถ้าไม่เจอกันเป็นเดือนแบบนี้ผมยังคิดภาพนั้นไม่ออก
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
“ว่าไงนะ” ถ้าผมได้ยินไม่ผิดมันบอกว่าดีงั้นเหรอ
“เปล่า กูแค่บอกว่ามันดีสำหรับมึง”
“ยังไง”
“ก็ถ้ามึงไปฝึกที่ไกลๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก มึงจะได้รู้จักโลกมากขึ้นไง รู้จักช่วยตัวเอง เพราะทุกวันนี้มึงก็แทบช่วยตัวเองไม่เป็นแล้ว...ให้กูช่วยตลอด” สุดท้ายคนแบบมันก็วกเข้ามาเรื่องนี้ทุกที
“ทะลึ่งให้ได้ตลอดนะ”
“ฮ่า ฮ่า ไปเนอะ สองเดือนเอง”
“พูดอย่างกับมึงมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างนั้นแหละ อาจารย์ไม่ว่าหรือไงให้กูไปเนี่ย”
“ไม่” มันส่ายหัวดิก “เพราะไอ้บาสมันเปลี่ยนที่ฝึกมาฝึกกับบริษัทในกรุงเทพแทน ก็อย่างที่มึงรู้มันติดแฟนจะตายห่า กลุ่มกูคนเลยขาดไปคนนึง”
“เห็นกูเป็นตัวแทนว่างั้น ใช่สิกูมันก็แค่ตัวแทน” พูดไปทำเสียงเศร้าไป
“ก็ทำนองนั้น”
“สัส พูดอย่างนี้กูยิ่งไม่อยากไปใหญ่” ผมด่ามันแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
“กูพูดเล่นนิดหน่อยนี่ไม่ได้เลย???” มันเลิกคิ้วถามแล้วดีหน้าผากผมมาที “จริงๆพี่ที่เขารับกูฝึกเขาอยากได้ห้าคนไง”
“อ่าวแล้วทำไมมึงไม่ชวนเพื่อนคนอื่นล่ะ หรือมึงไม่มีคนคบ โอ้ยยยย” มันแม่งกวนตีน หลังจากคำว่าไม่มีคนคบยังไม่ทันจะจบประโยคมันก็เอาปากมันมากระแทกปากผมแล้วอ่ะ “เจ็บนะเว้ย แตกไหมเนี่ย”
“เว่อร์ กูกระแทกเบาๆ” ไม่ให้ผมเว่อร์ได้ไงมันทำร้ายร่างกายผมอ่ะ
“แล้วสรุปว่าไงอ่ะทำไมมึงไม่ชวนคนอื่น”
“คนอื่นมันก็มีที่ฝึกกันหมกแล้วไง ใครแม่งอยากจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อีกอย่างที่กูจะไปกันมันไกลด้วยมันเลยไม่ไปกัน”
“อ่อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
“เข้าใจแล้ว ตกลงไปใช่ป่ะ”
“เข้าใจ...แต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะไปกับมึงสักหน่อยน่านฟ้า กูบอกแล้วไงว่าขอดูก่อน ถ้าที่ไอ้เล็กหามามันไม่ได้จริงๆก็จะไปด้วย”
“แต่เขามีค่าจ้างให้ด้วยนะเว้ยวันละตั้ง 400แน่ะ” มันคิดว่าคนอย่างผมเห็นแก่เงินหรือไงวะ กะอีเงินที่มากกว่าแรงงานขั้นต่ำแค่ร้อยเดียวเนี่ยนะ
“เออกูไปก็ได้” ถ้าถามว่าผมเห็นแก่เงิน บอกตรงๆเลยว่ามาก
“โอเคงั้นดิล”
“ดิล” เป็นธรรมเนียมไปแล้วมั้งว่าเวลาที่เราสองคนตกลงขอเสนออะไรกัน ผมกับมันจะแลกรอยดูดของกันและกันไว้หนึ่งจุด ตลกดีแต่ก็ทำทุกครั้งที่จบคำว่าดิล
“ใต้ร่วมผ้าสัสใต้ร่มผ้า” ผมเขกกะโหลกไอ้น่านไปที เพราะเวลาที่มันดูดผิวเนื้อผม มันชอบทำเหนือร่มผ้าทุกครั้งแล้วก็เป็นผมที่ต้องตอบคำถามพวกไอ้เล็กว่ามันไม่ใช่อย่างที่มันคิด เพราะถ้ามันคิดเรื่องหื่นๆขึ้นมาทีไร คนที่ถูกคิดก็คงหนีไม่พ้นน้องเอย ซึ่งแบบนั้นมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีกับน้องเท่าไหร่
“ว้าวๆๆๆๆๆ เรทเอ๊กซ์กันเหลือเกินนะครับท่านผู้ชม ผีสางเทวดาไม่ได้อายกันเลยนะเนี่ย หน้าด้านหน้าทนสุดๆ ถ้าพวกกูมาช้ากว่านี้คงได้มีเหตุการณ์กินกันกลางบ้านแน่ๆเลยครับ” ไอ้พี่ป๊อบมาจากไหนไม่รู้ เดินเข้ามาในบ้านทำสายตากรุ่มกริ่มใส่ผมกับไอ้น่านไม่พอยังมาหาว่าผมนั่งท่าเรทเอ๊กซ์อีก คือจะบอกว่าท่าที่ผมกับไอ้น่านนั่งกันอยู่มันก็ไม่ได้เรทเอ๊กซ์อย่างที่ไอ้พี่ป๊อบพูดขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่ผมกับน่านฟ้านั่งหันหน้าเข้าหากัน ส่วนขาผมก็แค่วางไว้บนตักมันก็แค่นั้น (ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเอาไปพาดบนตักมันตั้งแต่เมื่อไหร่) มือเมอไม่มีที่วางก็ต้องเอาไปวางไว้บนบ่ามันดิวะ จะให้ผมเอาไปวางไว้ตรงไหน
“แล้วนี่มาทำไมกันอ่ะ” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหากลุ่มแก๊งที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านทันที ทั้งพี่ป๊อบ พี่แอล พี่โก้ พี่บาสหรือแม้แต่ไอ้วี
“ทำไมวะ กูมาที่นี้ไม่ได้??? นี่มึงทำตัวเป็นเจ้าของบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับคุณเตี้ย นี่บ้านเพื่อนกูครับ ทำไมกูจะมาไม่ได้ หลบ!! กูจะไปหาตัวเงินตัวทอง ยืนขวางโลกอยู่ได้” ไอ้พี่แอลผลักหัวผมให้เดินออกจากทางเดินก่อนจะวิ่งไปกลางบ้านตรงที่ที่ไอ้เงินกับไอ้ทองนั่งอยู่ “ว่าไงครับตัวเงินตัวทอง คิดถึงพี่แอลหรือเปล่าเอ่ยยย”
“แม่งได้ยินทีไรกูอดนึกถึงเหี้ ยไม่ได้ทุกที” ไอ้พี่บาสส่ายหัวแล้วนั่งขำมองไอ้พี่แอลที่กำลังเล่นกับลูกชายผมอยู่
“กูว่านะไอ้คนที่คิดชื่อให้มึงสองตัวเนี่ย สมองแม่งมีน้อยชัดๆ กูล่ะสงสารมึงสองตัวจริงๆนะเนี่ย เวลาที่ใครมาเรียกชื่อมึงสองตัวคงไม่ต่างจากการเรียกสัตว์ที่ชอบลากไก่ไปกินในน้ำแหงๆ น่าสงสารจังเลยนะครับ โอ๋ๆไม่ร้องนะลูกไม่ร้อง” ไอ้พี่แอลเว่อร์ขนาดที่อุ้มสองตัวนั้นมาแล้วทำท่าเช็ดน้ำตาให้ คือ...ที่ไอ้พี่แอลมันบ่นมายืดยาวมันแค่ต้องการจะด่าผมว่าโง่แค่นั้น
“ถ้าจะด่าก็ด่ามาตรงๆเลยพี่ ไม่ต้องทำเป็นมาพูดกระทบกระเทียบขนาดนั้นก็ได้” ผมหันไปพูดกับไอ้พี่แอลที่ทำท่าโอ๋ลูกชายผมอยู่
“กูไม่ได้พูดกระทบกระเทียบ กูว่ากูก็ด่าตรงๆแล้วนะว่าสมองน้อย ถ้ามึงยังไม่เข้าใจว่าสมองน้อยแปลว่าอะไรมึงถามไอ้ป๊อบดูว่าหมายความว่าไง”
“กูรู้ๆ” ไอ้พี่ป๊อบยกมือขึ้น “สมองน้อย แปลว่า สมองเล็กใช่ไหมวะ”
“ใช่ซะทีไหนล่ะ มันแปลว่าโง่ แม่งกูว่านะคนที่โง่กว่ามึงก็มันนั่นแหละ” ไอ้พี่แอลถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะตบหัวพี่ป๊อบไปที
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เลิกสนใจพี่แอลแล้วหันมามองคนข้างกายแทน ไอ้วีมองหน้ามองผมด้วยสายตาที่ด่าราวกับว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ไม่ต่างจากการหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชายมา
“กูแค่มาติวหนังสือ” ร้อนตัวไว้ก่อนครับ ไม่รู้หรอกว่าไอ้สายตาเสียดแทงถึงลำไส้ที่มันส่งวิ้งๆมาให้หมายความตามที่ผมคิดหรือเปล่า
“กูก็ไม่ได้พูดอะไร”
“ก็สายตามึงทำเหมือนกูหนีตามผู้ชายมายังไงยังงั้น”
“แล้วที่มึงทำอยู่เนี่ยมันต่างจากที่มึงพูดตรงไหน” ก็กูไม่ได้หนีอ่ะ ม๊ารับรู้ทุกอย่างจะเรียกว่าหนีได้ไง
“ก็แค่มาติวหนังสือกับเลี้ยงดูบุตร”
“เหอะ” ไอ้วีเบ้ปาก “มึงเชื่อไหม ว่าถ้าพูดถึงคนที่เลวตาใสที่สุดในเรื่องนี้
คนแรกที่จะได้รับตำแหน่งนั้นคือมึง ซน” ไอ้วีพูดเสร็จก็เดินชนไหล่ผมไปนั่งข้างๆพี่บาสทันที หน้ามันยังหงิกไม่หาย จนพี่บาสต้องเกาคางนั่นแหละมันถึงจะกลับมาเป็นปกติ
ทุกครั้งที่เจอกันไอ้วีมันจะมีพฤติกรรมแบบนี้ใส่ผมแทบทุกครั้ง คือไม่รู้หรอกนะครับว่าทำไมมันถึงเกลียด แต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าผมไม่มีสิทธิ์ไปห้ามความรู้สึกคนอื่นไม่ให้รู้สึกรังเกียจผมได้ ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมทำอยู่มันไม่ได้ต่างจากการคบชู้อย่างที่ไอ้น่านเคยเปรยๆไว้เท่าไหร่หรอก แต่ผมก็ไม่ได้เลวขนาดที่ไม่รู้สึกผิดทุกครั้งที่เจอน้องเอยหรอกนะครับ รู้สึกแย่ตลอดแหละ ยิ่งพึ่งทำอะไรกับไอ้น่านตอนกลางคืนเสร็จตอนเช้าอีกวันไปหาน้องก็ยังรู้สึกแหม่งๆในใจไม่หาย หรือว่าผมควรจะเลิกดีวะ
“เป็นไร” น่านฟ้ามันมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ มือหนาๆของมันวางไว้บนหัวผม ไม่ได้ลูบหรือขยี้นะแค่วางไว้เฉยๆ
“เปล่า”
“หน้ามึงไม่ได้บอกว่าอย่างนั้นสักนิด”
“มึงว่ากูเลวไหม” ผมถามมันเสียงอ่อน ก่อนจะหันไปเห็นพวกพี่ป๊อบที่กำลังเริ่มตั้งวงกันแล้ว ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมมีคนบอกว่าคณะวิศวะแดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า ก่อนสอบที่ผ่านมาพวกมันก็เพิ่งแดกกันไปบอกว่าแดกเอาฤกษ์เอาชัย พอตอนนี้สอบเสร็จแล้วก็คงฉลองสอบเสร็จเหมือนกัน ถ้าจะกินกันทุกวันแบบนี้ผมล่ะสงสารเงินในกระเป๋าพ่อแม่พวกมันจริงๆ ให้เงินมาแต่ล่ะบาทหมดไปกับน้ำเมาทั้งนั้น
“เลวเรื่อง” ผมละสายตาจากพวกพี่ๆหันมามองไอ้น่าน มันขมวดคิ้วทำหน้างงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่
“เรื่องกูกับมึงเนี่ยแหละ กูกำลังคิดว่ากูจะเลิกว่ะ”
“หยุด”
“ห้ะ”
“หยุดความคิดมึงเดี๋ยวนี้เลยนะซน” ไม่บ่อยนักหรอกครับที่น่านฟ้าจะทำเสียงไม่พอใจในตัวผม มันทำหน้าขัดใจผมสักพักก็กึ่งจูงกึ่งลากผมขึ้นไปบนบ้าน
“เอาแล่ว เอาแล่ว พี่น้องครับ กินกันกลางวันแสกๆจริงๆด้วยนะครับพี่น้อง” ไอ้พี่ป๊อบตัวเริ่มเลย
“จะแปลกอะไรหน้าอย่างไอ้ซนดูกูรู้ว่าอ่อยไอ้น่านชัวร์” ไอ้พี่แอลพูดตาม ส่วนคนอื่นๆก็ทำแค่ส่งสายตายิ้มๆกึ่งล้อเลียนมาให้ ขนาดไอ้พี่โก้ยังไม่เว้นอ่ะ
“กูเกลียดเพื่อนมึงจริงๆว่ะน่าน”
“ฮ่า ฮ่าพวกมันก็นิสัยแบบนี้แหละ”
“ก็แบบนี้แหละกูถึงเกลียด” ไม่แปลกใจเลยว่าไอ้น่านติดสันดานหื่นกามมาจากไหน ก็ดูเพื่อนมันแต่ล่ะตัวดิ พ่อๆทั้งนั้น “แล้วว่าแต่มึงเถอะจะลากกูไปไหนวะ”
“มีเรื่องจะคุย” มันลากผมมาจนถึงห้องมัน ก่อนจะดันตัวผมให้ขยับนั่งลงบนเตียงส่วนตัวมันก็ขยับนั่งลงกับพื้น นี่รู้ตัวเองใช่ไหมว่าฐานะมึงต่ำต้อยกว่ากูเนี่ย
“ทำไมไม่ขึ้นมานั่งข้างบนด้วยกันวะ แล้วเรื่องที่จะคุยกันทำไมไม่คุยข้างล่างมันลึกลับซับซ้อนขนาดนั้นเชียว”
“ไม่ลึกลับอะไรขนาดนั้น แค่อย่างจะคุยเป็นการส่วนตัวเฉยๆ” น่านฟ้าดึงขาทั้งสองข้างของผมไปวางไว้บนตัก
“คุยเรื่อง”
“ก็เรื่องเมื่อกี้”
“ที่กูบอกว่ากูเลวอ่ะนะ”
“ถ้ามึงบอกว่าตัวเองเลวกูก็คงไม่ต่างจากมึงนักหรอกซน” ผมเงียบ ก้มหน้ามองไอ้น่านที่ยังเงยหน้ามองผมอยู่ “กูได้ยินที่มึงคุยกับไอ้วี”
“อืม”
“เดี๋ยวกูจะไปบอกไอ้บาสให้พูดกับไอ้วีเอง มันจะได้ไม่ต้องเสือกอีก”
“ไอ้วีมันไม่ได้ผิดอะไรเว้ยน่าน มึงจะไปห้ามมันไม่ให้รู้สึกแย่กับการกระทำกูไม่ได้ ก็ในเมื่อกูแย่จริงๆ” วีมันเป็นคนที่รู้สึกยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น แต่ที่มันพูดออกมาทั้งหมดไม่ใช่ว่ามันเกลียดผมหรอกนะครับ ข้อนี้ผมรู้ดี “กูรู้ว่าไอ้วีมันแค่เป็นห่วงความรู้สึกของคนรอบข้างกู มันห่วงน้องเอยกลัวว่าถ้าน้องรู้เรื่อง น้องจะรู้สึกยังไง ห่วงความรู้สึกมึงด้วยมั้งว่าถ้าเกิดวันนึงมึงชอบกูขึ้นมากูคงตอบรับความรู้สึกนั้นไม่ได้” ตอนผมพูดผมไม่ได้มองหน้ามันหรอกนะครับว่ามันทำหน้าแบบไหน หันกลับมาอีกทีก็เหมือนจะเห็นแว่บๆว่ามันทำตาเศร้าๆ แต่บางทีมันก็อาจะไม่ใช่ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้
“แต่ข้อหลังกูรู้เว้ยว่ามึงไม่มีทางรู้สึกแบบนั้น ตอนนี้ในหัวกูเลยมีแต่ความรู้สึกของน้องว่ะ” ผมทำเสียงเศร้าในตอนท้ายแล้วขยับนอนลงกับที่นอน เพดานสีขาวมันหมุนติ้วๆนิดหน่อยเพราะล้มตัวนอนเร็วเกินไปทำให้มึนหัว
“มึงไม่รู้เชี่ยอะไรเลยสักอย่าง...”
“หืม” ผมเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ปลายเท้า
“เปล่า กูแค่จะบอกมึงว่า มึงไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรเข้าใจไหมซน แล้วก็ไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้น เรื่องความรู้สึกแฟนมึง เขาไม่มีทางรู้สึกอะไรหรอกก็ในเมื่อเขายังไม่รู้ว่ากูกับมึงมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ รอให้เรื่องมันแดงก่อนไหมแล้วตอนนั้นมึงค่อยรู้สึกผิด แต่มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอนเพราะคนที่รู้เรื่องมึงกับกูก็มีแต่คนที่ไว้ใจได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมึงไม่เห็นต้องกลัวอะไร” ไอ้น่านพูดอธิบายยืดยาวจนความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นเมื่อกี้หายไปเหมือนไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“และอีกอย่างกูก็ไม่มีทางชอบมึง....อย่างที่มึงเข้าใจอ่ะถูกแล้ว” ตอนที่มันพูดเชื่อไหมว่าผมแอบรู้สึกแย่กับคำพูดไอ้น่านนิดหน่อย แต่มันก็แค่นิดเดียวเท่านั้นนะครับ “เพราะเราสองคนก็อยู่ด้วยกันเพราะความสัมพันธ์ทางกาย ติวหนังสือแล้วสุดท้ายก็ลูกชายสองตัวของมึงแค่นั้น นอกเหนือจากนี้ไม่มีอะไรมาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว มึงสบายใจได้”
ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่น่านฟ้าพูด
“กูไม่ได้เห็นแก่ตัวไปใช่เปล่าวะ”
“ไม่เลยสักนิด....ก็ในเมื่อสิ่งที่กูทำก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน”เสียงไอ้น่านฟังดูเบลอๆจนแทบจับประโยคไม่ได้เพราะความรู้สึกทุกอย่างมันไปรวมอยู่ที่ริมฝีปากร้อนที่ขยับจูบจากต้นขาด้านในขึ้นมายังกางเกงขาสั้นผมแล้ว
“น่าน...เพื่อนมึงอยู่ข้างล่าง”
“พวกมันรู้อยู่แล้วแหละว่ากูขึ้นมาทำอะไรกับมึง”
“ไม่เอาาา”
“เอาเถอะ”
“ตลกและน่าน”
“ฮ่า ฮ่า แค่มือก็ได้” น่านฟ้าขยับขึ้นมาบนเตียงแล้วจูบเบาๆลงที่ริมฝีปากผม มือข้างนึงล้วงเข้าไปในกางเกงของกันและกัน หลังจากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือกลิ่นเหงื่อ กับเสียงลมหายใจที่ผสมผสานกันครั้งแล้วครั้งเล่า เซ็กส์ระหว่างผมกับน่านมันไม่มีอะไรมากไปกว่าเซ็กส์ น่านฟ้าเป็นคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดมันจำได้หมดว่าผมชอบตรงไหน รู้สึกดีที่ตรงไหน
นี่ถ้าไม่ย้ำแล้วย้ำอีกว่ามันไม่เคยรู้สึกชอบผม
ผมคงคิดว่ามันชอบผมจริงๆนะครับ ก็มันแม่งแสนดีกับผมขนาดนี้
“เยอะฉิบ” มันมองมือตัวเองแล้วส่ายหัวเบาๆ
“ช่างดิ” ผมนอนหอบหายใจบนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนทั้งนั้น ได้ยินเสียงน่านฟ้าลุกเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำในมือ น่านฟ้าเอามันมาเช็ดมือกับเช็ดในส่วนที่เลอะให้ผม “มึงนี่เป็นคนดีไปไหมเนี่ย ใครได้เป็นแฟนคงหลงมึงตายอ่ะน่าน”
“เหรอวะ กูไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีเท่าไหร่”
“หมายความว่าไง ที่ทำอยู่ก็ดีออก” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเอนตัวไปพิงซบที่อกมัน ผมชอบกลิ่นน้ำหอมมันครับ กลิ่นมันไม่ได้เลี่ยนมาก ยิ่งเวลาผสมกับกลิ่นเหงื่อยิ่งรู้สึกว่ามันเซ็กซี่ เคยแอบใช้บ่อยอยู่เหมือนกัน จริงๆเรียกว่าแอบไม่ได้สินะเพราะไม่เคยแอบสักครั้งฉีดกันโต้งๆให้มันเห็นทุกที
“ตรงนี้ด้วย” ผมยื่นมือข้างที่น่านยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาดส่งไปให้มัน ไอ้น่านก็รับไปแล้วเช็ดมันเบาๆ
“กูก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ" น่านฟ้าคงหมายถึงประโยคก่อนหน้านี้ที่ผมถามมันว่าหมายความว่าไงที่มันว่าตัวเองไม่ใช่คนดี "มึงรู้ไม่ซนจริงๆแล้วกูไม่ใช่คนดี ไม่มีคำว่าดีเลยแม้แต่น้อย”
“อะไรของมึงคิดมากอะไรอยู่ป่ะเนี่ย” ผมใช้มือข้างที่ว่างอยู่เอื้อมไปแตะที่แก้มมันเบาๆ “ถ้ามึงไม่ได้ไปฆ่าแม่ใครหรือแย่งแฟนใครเขามันก็ไม่ได้เลวขนาดนั้นเว้ย คิดมาก”
“หึ เหรอวะ” เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นนิดๆ “ก็คงเป็นอย่างที่พูดนั้นแหละมั้ง”
>>>>>>>>>>>>>>>>~TBC~<<<<<<<<<<<<<<<<<<
อย่า อย่าเพิ่งคิดว่าจะหน่วง มันยังไม่หน่วงครับนี่พูดเลย

บอกตรง ว่าเส้นทางสายนั้นยังอีกยาวไกลมหาศาลทะเลแปดพันโวลต์

รักคนอ่าน

เจอกันอีก เร็วๆนี้จ้า