วันที่ 33
“อืม....”ผมงัวเงียลืมตาตื่น พร้อมกับหรี่ตาเพื่อปรับให้ชินกับแสงที่สองผ่านเข้ามา สัมผัสได้ว่าผมนอนอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน พลันสมองผมก็คิดไปถึงว่าถ้าผมต้องมีชีวิตแบบนี้ตลอดไป ผมจะเป็นยังไงนะ กับการที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปเรื่อยๆ แม้แน่นอนว่าการแต่งงานคงไม่ได้เกิดขึ้นกับผมเป็นแน่ แต่การใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนที่นอนกอดผมอยู่ ผมจะมีวันเบื่อเค้าไหม จะมีวันไหนที่ไม่ต้องการเค้าหรือเปล่า
“ตื่นเช้าจังเลย นอนต่ออีกหน่อยเหอะ”อีกคนกระซิบข้างหูเมื่อผมขยับเหมือนจะลุกออกจากเตียง ไอ้ที่มันบอกว่าเช้านะมันไม่เช้าแล้ว ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงอยู่แล้ว
“เค้าเรียกสายแล้ว...ตื่นเหอะ จะได้อาบน้ำอาบท่า ทานข้าวทานยาทำแผลด้วย”ผมบอกพร้อมกับหันหน้าเข้าหาอีกคน ซึ่งมันทำให้หน้าเราชิดกัน จนจมูกชนกัน ไอ้เชษฐ์ใช้จมูกของมันเขี่ยที่จมูกของผมแถมด้วยการจ้องมองเข้ามาในตาผม และผมก็สัมผัสถึงบางอย่างได้
“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมบอกเสียงเข้มเพราะรู้แล้วว่าบางอย่างของไอ้เชษฐ์กำลังตึงเขม็งอยู่บริเวณกลางลำตัว
“ช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอ”สายตาเว้าวอนพร้อมกับการเลื่อนริมฝีปากมาชบติ่งหูผมเบาๆ ต่อด้วยการไซร้มาตามซอกคอของผม
แย่ละสิ ทั้งที่ผมพยายามข่มใจไว้แต่ดูอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือกันเลย ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ มีหวังแทนที่แผลมันจะได้หายเร็วๆ อาจจะทำให้แผลมันปริขึ้นมาอีกก้ได้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ริมฝีปากผมก็โดนประกบปิดอีกแล้ว ผมพยายามขืนตัวไว้และไม่ให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาในปาก แต่เหมือนเจ้าตัวมันจะไม่ยอม เพราะมือของไอ้คนขี้หื่นนี่เริ่มไม่อยู่สุก
และแล้วผมก็ต้องตาโตเมื่อมือของผมถูกดึงเข้าไปสัมผัสกับส่วนแก่นกลางของมัน ความร้อนที่แผ่มายังมือของผมทำเอาใบหนน้าผมเองก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หรือผมจะใจร้ายกับมันเกินไปในเรื่องนี้ ผมค่อยๆ เปิดปากให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้สอดลิ้นเข้ามา จูบอันเร่าร้อนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนต่างฝ่ายต่างมีความต้องการอย่างไม่สิ้นสุด
ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง มองสายตาเว้าวอนของอีกฝ่าย ที่เหมือนจะเป็นการขอร้องกึ่งบังคับผมอยู่ในที ผมเลยตัดสินใจเลื่อนตัวต่ำลง เรื่อยๆ จนถึงเป้าหมาย ก่อนจะค่อยๆ ครอบปากลงไปกับส่วนแก่นกายกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่ตึงเขม็ง
“อ๊า...”เสียงครางเบาๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นทำให้ผมรีบเร่งจังหว่ะขึ้นไปอีก หากแต่ว่า
“พ...พอก่อน”ไอ้เชษฐ์ส่งเสียงทักท้วงผมซึ่งผมก็พอจะเข้าใจว่ามันต้องการอะไร ซึ่งผมไม่ต้องการอย่างนั้น ผมกลับเร่งจังหว่ะขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของอีกฝ่าย และคงเป็นเพราะไอ้เชษฐ์เองก็อัดอั้นมาหลายวันแล้ว เพียงไม่นานนัก ผมก็สัมผัสถึงน้ำอุ่นๆ ที่พุ่งเข้ามาในลอคอผมอย่างมากมาย
“เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ไปอาบน้ำก่อนนะ”ผมรีบลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว เพราะตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าแค่จะช่วยมันปลดปล่อยเฉยๆ ไม่ได้จะให้เลยเถิดมากกว่านั้น
“เฮ้ย...ไหง๋งี้ล่ะ รอก่อนสิ”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะวิ่งตามผมมาแต่ผมไวกว่ารีบปิดประตูใส่มันก่อนจะรีบเข้าห้องตัวเองล็อคประตู
“เปิดเลยนะตี๊ฟ แบบนี้แกล้งกันชัดๆ เลย”แกล้งตรงไหนว่ะ นี่ผมก็อุตส่าห์ใจดีโอนอ่อนให้แล้วนะ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
“อย่างฟุ้งซ่านไปอาบน้ำได้แล้วไป จะได้กินข้าวกินยา”แม้ว่าความจริงผมเองก็มีความต้องการแต่ ผมเองคงจะอดทนได้มากกว่ามันอยู่ เลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่ แต่ไม่รู้จะผลัดมันได้อีกสักกี่วัน เพราะเล่นรุกหนักเหลือเกิน
“ฝากไว้ก่อนแล้วกัน อย่าให้เผลอนะ”อะไรมันจะหื่นได้ขนาดนั้นเชียว แต่จริงๆ ตอนนี้สภาพร่างกายของเราสองคนก็ถือว่าดีขึ้นเยอะมากแล้วแหละ โดยเฉพาะผมเพราะไม่ได้เป็นหนักมาก ที่ยังห่วงอยู่ก็แค่แผลไอ้เชษฐ์เท่านั้นแหละ
หลังจากทำธุระส่วนตัวของแต่ละคนเสร็จเรียบร้อย ไอ้เชษฐ์ก็เกิดการประท้วงผมเล็กน้อยด้วยการไม่ยอมทานข้าว โดยให้เหตุผลว่าผมแกล้งมันซะอย่างงั้น แต่มีหรือคนอย่างผมจะสนใจ ฮ่าๆ ไม่กินก็อย่ากิน จริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียวที่ว่าผมไม่สนใจ หากแต่ว่าผมคาดว่าไอ้เชษฐ์คงไม่ได้จะประท้วงอะไรจริงจัง กะลังคิดว่ามันคงรอให้ผมง้อมันเท่านั้นเอง
“กินข้าว...เร็วจะได้กินยา”ผมหันไปเรียกอีกคนเสียงเข้มในขณะที่มันทำเป็นไม่สนใจผม ทำเป็นจดจ่อกับรายการทีวี เหมือนมีอะไรน่าสนเสียเต็มประดา
“จะกินไม่กิน”ผมย้ำอีกรอบโดยแกล้งทำเสียงดุหน่อยๆ
“ง้อหน่อยดิ...กูงอนอยู่นะเนี่ย”เล่นกับมันสิครับ เอาเข้าไปบทจะปัญญาอ่อนก็จัดมาเสียเต็มเลย
“คุณเชษฐ์ครับคุณกรุณาลองทบทวนอะไรใหม่อีกรอบหน่อยดีไหมครับ...เราตกลงกันว่าถ้านอนห้องเดียวกันเราจะไม่มีอะไรกันถูกต้องไหมครับ แล้วคุณจะมางอนผมเรื่องอะไรไม่ทราบครับ”ผมพูดพร้อมกับตักข้าวใส่จานเตรียมจะทานเพราะตอนนี้เริ่มจะหิวแล้ว
“ก็...ก็มันไม่ใช่แบบนั้น มึงไม่เห็นใจกูเลยอะ”ไม่เห็นตรงไหนฟร่ะ ผมว่าผมก็โอนอ่อนให้มันเยอะแล้วนะเนี่ย
“ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี่กูยังไม่ได้เห็นใจมึงเลยใช่ไหม”ผมย้อนถามอย่างชักจะเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว คนอะไรมันจะหื่นได้ขนาดนี้ ถ้าปกติผมก็จะไม่ว่าอะไรมันหรอก แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นๆ ว่าแผลมันยังไม่หายดี แค่อดใจรอแค่นี้ทำเป็นกระฟัดกระเฟียด
“ก็มึงช่วยกูแล้วแต่กูยังไม่ได้ช่วยมึงเลย กูไม่อยากเอาเปรียบนี่นา”เหตุผลข้างๆ คูๆ มาแล้วครับ แบบนี้เค้าแถจนสีข้างถลอกแล้วละม้าง
“กูบอกหรือยังว่าอยากให้ช่วย”ตอนนี้ไอ้คนที่ตอนแรกอยู่หน้าทีวี มานั่งลงตรงข้ามผมตรงที่กินข้าวเป็นที่เรียบร้อย เป็นอันว่าการประท้วงจะไม่กินข้าวของมันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ยังไงเสียเราก็ทำผิดข้อตกลงกันแล้ว กูว่าเรามายกเลิกข้อตกลงนี้ดีกว่านะตี๊ฟนะ เพราะที่มึงทำเมื่อเช้ามันยิ่งทำให้กูคลั่งมากกว่าเดิมอีกนะตอนนี้”เป็นงั้นไป ตกลงผมผิดเหรอนี่ คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่จะมาเป็นแฟนกับไอ้คนหื่นเกินพิกัดแบบนี้
“หยุดแล้วก็กินข้าว...อิ่มแล้วไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที”ผมพยายามตัดบทพร้อมกับพูดคล้ายๆ ให้ความหวังไว้กับอีกฝ่าย จนคนฟังยิ้มแก้มปริ แต่มันจะรู้ไหมว่าต่อให้คุยอีกกี่รอบ ผมก็ยังจะพยายามผิดจากข้อตกลงเดิมให้น้อยที่สุด แม้เมื่อเช้าผมเองจะเขวไปกับมันเล็กน้อย ซึ่งผมคงต้องใจแข็งกับมันให้มากกว่านี้เสียแล้ว
“เห็นหน้ามึงแล้วไม่อยากทานข้าวเลยว่ะ”อ้าวยังไม่จบอีก...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะมามุกอยากกินผมอีกแน่นอนไม่ต้องคาดเดาแม้แต้น้อย ผมเบ้ปากอย่างรู้ทัน
“อยากกินกูแทนหรือไง”ผมรีบดักคอ เล่นเอาไอ้เชษฐ์หัวเราะชอบใจใหญ่ พร้อมกับเอื้อมมือมาบีบจมูกผมอย่างถือวิสาสะ
“ชอบจังเลยคนรู้ใจเนี่ย”หลังจากจมูกก็กลายมาเป็นแก้มสองข้างของผมที่ไอ้เชษฐ์กำลังรุกรานอยู่
“เล่นอะไรเนี่ย พอๆ กินข้าวได้แล้ว”ผมต้องปัดมือไอ้เชษฐ์ออกจากแก้มอย่างพัลวัน เพราะถ้าปล่อยไว้แก้มผมคงช้ำแน่ๆเชียว แล้วเราสองคนก็ต่างทานต่างเงียบกันไปอยู่พักนึง แต่ไอ้เชษฐ์ก็เอาแต่จ้องผม มือมันก็ตักข้าวเข้าปากแต่สายตามันจ้องผมทุกอิริยาบถ แม้ผมไม่ได้หันมองมันตรงๆ แต่ก็พอรู้สึกได้ จนเริ่มชักรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว
“มองไรนักหนาเนี่ย”คนถูกถามยิ้มกว้างอย่างน่ามหมั่นไส้เป็นที่สุด แต่แทนที่มันจะตอบในสิ่งที่ผมถาม ไอ้คนตรงหน้านี่กลับโน้มหน้าเข้ามาหาผมแล้วก็ประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากผม เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว เขินนะเว้ย
“มึงน่ารักอ่ะ”แทบอยากจะมุดพื้นลงไปตรงนี้เสียให้ได้ หน้าผมตอนนี้คงแดงไปหมดแล้ว ไม่รู้ทำไมผมยังเขินมันได้อีกขนาดนี้
สรุปว่าอาหารมื้อนี้ก็ผ่านไปได้อย่างทุกลักทุเลเพราะการก่อกวนของไอ้หื่นนี่คนเดียวเชียว พอทานข้าวเสร็จกว่าจะยอมกินยาทำแผลอะไรอีกเล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่ดูแล้วแผลไอ้เชษฐ์ดูเกือบจะหายดีแล้วนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าเวลาเย็บแผลไว้แบบนี้มันก็หายเร็วเหมือนกัน
“เสร็จแล้ว ทีนี้เราก็มาคุยเรื่องข้อตกลงของเราต่อได้แล้ว”สายตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายส่งผ่านมาถึงผมอย่างมีเลศนัย แต่มันหารู้ไม่ว่าผมจะไม่ตกลงอะไรกับมันใหม่หรอก
“สรุปว่าข้อตกลงเราจะยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ตามนั้นโอเค จบแล้ว”คำพูดผมเล่นเอาไอ้เชษฐ์อ้าปากค้างกันเลยทีเดียว คงไม่คิดว่าผมจะหลอกมันทานข้าวเฉยๆ ละมั้ง เพราะปกติผมก็ค่อนข้างยอมมันตลอดในเรื่องนี้ รวมทั้งเมื่อเช้านี้อีกที่ผมเผลอตัวไปกับมัน แต่ตอนนี้ผมคงต้องจริงจังเสียแล้ว แค่ไม่กี่วันเองน่าคงไม่ว่ากันเนอะ
“มึงจะทำแบบนี้กะกูไม่ได้นะ คนเรารักกันชอบกันแล้วอยู่ด้วยกันขนาดนี้แต่มีอะไรกันไม่ได้ ใครมันจะไปทนได้กันเล่า”ผมนี่แหละคิดว่าน่าจะทนได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับเอามืออุดหูไม่ยอมรับฟังคำพร่ำพรรณนาของไอ้เชษฐ์ หวังว่ามันจะหมดแรงบ่นโดยเร็วนะ ฮ่ะฮ่ะฮ่า
ของวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษเนอะ
ส่วนดราม่าจะมีไหม ยังไงต้องรอดูนะครับ
หรือพาร์ทของเชษฐ์จะมีไหม อะไรยังไง หุหุ