45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]  (อ่าน 116897 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/2

ไอ้ต๊าฟคือคนแรกที่ผ่านภารกิจนี้ไปได้อย่างสบายๆ ตามมาด้วยพ่อผมครับ ส่วนผมเองก็ทานเรื่อยๆ ครับเพราะไม่ได้รีบไปนอนขนาดนั้น แต่พวกเพื่อนๆ ผมนี่สิยิ่งรีบแต่ก็เหมือนยิ่งทำให้ช้าเข้าไปใหญ่ แต่ก็พอเข้าใจพวกมันอยู่หรอก เพราะปกติไม่ค่อยทานข้าวเช้ากัน เลยทำให้ไม่ค่อยชินกับการที่ต้องมาทานอะไรแต่เช้าขนาดนี้

ทว่าในที่สุดทุกคนก็สามารถพิชิตโจ๊กส่วนตัวได้สำเร็จ งานนี้คุณนายผมยิ้มแก้มแทบปริ เพราะคิดว่าฝีมือคุณนายท่านสุดยอดจนทุกคนทานเรียบ แม้ความจริงมันจะอร่อยแต่ที่ทุกคนจัดการจนเรียบนี่เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดทานไม่หมดคุณนายจะอิทธิฤทธิ์อะไรต่างหากเสียละมั้ง

“ขอตัวไปนอนก่อนนะคร๊าบ”พวกเพื่อนๆ ผมบอกพร้อมกับประคองวิญญานเพื่อจะกลับไปเข้าร่าง

“เจอกันมื้อเที่ยงนะลูกๆ”คุณนายผมยังมิวายส่งสัญญานเตือนว่าถ้าเที่ยงยังไม่ลงมากันอีกละก็คงจะเจอปลุกเหมือนตอนเช้านี่แหละ แม่ผมก็ชอบเป็นแบบนี้แหละครับ จะนอนจะขี้เกียจยังไงไม่ว่าแต่ต้องทานอาหารให้ครบ 3 มื้อเป็นอย่างต่ำ ที่แม่ผมดูวุ่นวายกับเรื่องนี้มากเพราะเมื่อก่อนแม่ไม่ค่อยสนใจแล้วไอ้ลูกอย่างผมนี่แหละที่ปล่อยปะละเลยตัวเองจนเคยกลายเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรงมาแล้ว จากนั้นมาแม่ผมก็เลยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

“เดี๋ยวกูกับการ์ดจะไปนอนห้องกูนะ มึงกับน้องเขยก็ย้ายกลับไปห้องมึงได้เลย”ไอ้ต๊าฟหันมาบอกก่อนจะเดินไปโดยไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆ จากผมเลยแม้แต่น้อย ไอ้ผมก็ทำได้เพียงมองตามหลังไปต๊าฟ ตาปริบๆ ก่อนจะหันมองหน้าไอ้เชษฐ์ที่อมยิ้มมองผมอย่างกวนประสาท

“คุณนายคร๊าบ มื้อเที่ยงนี้จะทำอะไรให้ทานครับ”แทนที่ผมจะเอาอย่างคนอื่นๆ คือกลับขึ้นไปนอน ผมว่าผมอยู่ชวยแม่จัดเตรียมอะไรดีกว่า เพราะนานๆ จะกลับบ้านที ขอใช้เวลากับครอบครัวหน่อยแล้วกัน อันนี้คือข้ออ้างเท่านั้นแหละครับ เพราะความจริงคือหมั่นไส้พวกจอมวางแผนทั้งหลายที่ดูจะทั้งผลักทั้งดัน ผมกับไอ้เชษฐ์เข้าหากันเหลือเกิน

“แม่ว่าจะทำขนมจีนน้ำยานะ พากันไปพักผ่อนก่อนไปเดี๋ยวคุณแม่เตรียมรอไว้ให้”คุณนายผมตอบโดยไม่ได้หันมามองผม ส่วนผมก็เหล่มองอีกคนที่ยังไม่ขึ้นไปนอน ทำเหมือนรอผมอยู่ แม้จะยังง่วงอยู่ แต่ผมก็จะต้องทำตัวต่อต้านพวกนี้เสียบ้าง

“ไม่ค่อยง่วงแล้วอ่ะแม่ เดี๋ยวอยู่เป็นลูกมือแม่ดีกว่า”ผมหันมาสนใจพูดคุยกับแม่ต่อ แต่สายตาก็ยังหันไปมองไอ้เชษฐ์แวบนึง ซึ่งมันเองก็เหมือนจะรู้ว่าทำไมผมทำแบบนี้ ตอนแรกดูท่าจะไม่พอใจ แต่แล้วก็ปรับเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ จนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่ามันจะมาไม้ไหนของมันอีก

“งั้นผมขอช่วยคุณแม่อีกแรงแล้วกันนะครับ”อ้าวไอ้นี่ ไม่ง่วงหรือไงถึงมาอาสาทำแบบนี้ ผมหันไปมองอย่างหมั่นไส้กับท่าทางเหมือนจะประจบประแจงแม่ผม

“ไม่ต้องทั้งสองคนนั่นแหละ ไปๆ กลับไปพักผ่อนกันก่อน เพิ่งได้นอนกันคนละไม่กี่ชั่วโมงเอง เรื่องอาหารการกินเดี๋ยวแม่จัดการเอง ไปๆ ตี๊ฟพาลูกเชษฐ์ขึ้นไปนอนก่อน”ผมกำลังจะอ้าปากคัดค้าน แต่เหมือนคุณนายจะไม่ยอมให้ผมได้เอ่ยปาก เพราะเล่นมัดมือชกผมทุกทาง ผมเลยหมดหนทาง ต้องยอมแต่โดยดี

“ไม่นอนจริงๆ เหรอ”พอขึ้นมาบนห้องนอน ผมต้องทำเป็นไม่ง่วงทั้งที่จริงแล้วตอนนี้ก็เริ่มง่วงๆ นิดหน่อยแล้วเหมือนกัน แต่พอเห็นไอ้คนที่จะต้องนอนร่วมเตียงด้วยแล้ว ชักรู้สึกไม่อยากนอนขึ้นมา ตะหงิดๆ เพราะเกรงจะไม่ได้หลับอย่างสบาย ผมหันไปมองไอ้เชษฐ์พร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นรื้อหาของบางอย่าง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะหาอะไรจริงๆ หรอกครับ

“ไม่ง่วงเลยเหรอ”เหมือนคนถามจะยังไม่เชื่อว่าผมจะไม่ง่วง จนผมต้องหันกลับไปมองหน้าอีกครั้งพร้อมสั่นศีรษะให้เห็นว่าไม่ง่วงเลยสักนิด ก่อนจะหันหน้ากลับเพื่อหาว เบาๆ ไม่ให้ไอ้เชษฐ์เห็น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตารื้อของต่อไป อย่างไร้จุดหมาย

“หาอะไรเหรอ”ผมแทบสะดุ้งเพราะคนพูดเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมมาถามซะข้างหูผมเลย ไอ้ผมที่ไม่ได้ตั้งหลักเลยตกใจ จนใจเต้นโครมคราม เพราะนอกจากจะมาถามเหมือนกระซิบข้างหูแล้วยังมาประกบด้านหลังผมเสียชิดเลย

“ไม่มีอะไร มึงไปนอนเหอะ”ผมขยับตัว เพื่อให้อีกคนรู้สึกว่าตอนนี้มันประชิดตัวผมมากไปแล้ว แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึก แถมยังเบียดผมเข้ามามากกว่าเดิมอีก

“เดี๋ยวกูช่วยมึงหาดีกว่า ตกลงหาอะไรล่ะ”กรรมของเวร จริงๆ ดันไมได้คิดไว้ด้วยสิว่าหาอะไร แล้วผมจะตอบมันว่าไรดีละเนี่ย แถมดูท่าไล่ไปนอนก็ไม่ยอมไปอีก ถ้าจะบอกความจริงไปว่าไม่ได้หาอะไรก็เสียหน้าแย่ สายตาผมเริ่มมองของที่อยู่ตรงหน้าที่ผมรื้ออยู่ว่าพอจะมีอะไรแก้ขัดได้บ้างหรือเปล่า แต่ดูเหมือน

“อ๋อ นี่ไงเจอแล้ว”ผมหยิบสิ่งหนึ่งติดมือขึ้นมา โชว์ให้ไอ้เชษฐ์ดู ซึ่งเหมือนไอ้เชษฐ์จะงงๆ กับผมเหมือนกันว่าทำไมต้องตั้งหน้าตั้งตาหาขนาดนี้ด้วย เจ้าของสิ่งนี้มีความสัมคัญกับผมขนาดนั้นเลยเหรอ อันนี้ผมคิดเอาเองจากสายตาของมันนะครับว่ามันน่าจะกำลังคิดแบบนี้อยู่แน่ๆ

“สมุดเฟรนส์ชิพเนี่ยนะ หาทำไมเหรอ”นั่นสินะ ผมจะหามาทำไมล่ะ ไอ้นี่ก็ช่างสงสัยเสียจริงแค่กูตอบได้ว่ารื้อหาอะไรนี่ก็ดีถมไปแล้วนะ ยังจะต้องมาอธิบายอีกเหรอว่าหาทำไม

“ก็...”ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับว่าจะหาทำไม เลยเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่พูดต่อเอาเสียดื้อๆ

“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ขอดูหน่อยได้ไหม”เป็นงั้นไป แต่ก็ดีให้มันเข้าใจว่าผมไม่อยากบอกก็ยังดีกว่าให้ผมต้องมานั่งนึกหาเหตุผลเอง

“ไม่นอนแล้วเหรอ”ผมหันไปถามอย่างสงสัยเพราะคิดว่าไอ้เชษฐ์เองก็น่าจะง่วงอยู่พอสมควร แต่มันก็ไม่ได้ตอบคำถามของผมและก็ไม่ได้รอคำขออนุญาตจากผมที่จะให้ดู สมุดเฟรนส์ชิพนั่นหรือเปล่าเพราะมันหยิบแล้วก็เดินถือไปนั่งลงที่เตียงแล้วเอนหลังพิงหัวเตียงไว้

“เพื่อนมึงเยอะดีนิ”คนพูดเปิดดูอะไรไปเรื่อย พร้อมกับหยุดอ่านบ้างเป็นบางหน้า ผมเริ่มรู้สึกว่าผมนอนเสียจะดีกว่าไหม ทำไมผมต้องมาทนง่วงในห้องนอนของตัวเองแบบนี้ด้วย ปล่อยให้ไอ้เชษฐ์มันสนใจดูต่อไปแล้วกัน ผมเองไม่ได้อยากดูเท่าไหร่เพราะดูมาเป็นสิบๆ รอบแล้ว เพื่อนหลายคนก็ยังได้ติดต่อกันอยู่แม้จะแยกย้ายกันเรียนคนละที่ไปแล้ว ผมล้มตัวลงนอนที่เตียงฝั่งที่ยังว่างอยู่

“มันคือใคร”คำถามที่ออกมาจากปากคนที่อยู่ไม่ห่างจากผมทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้เชษฐ์กำลังหมายถึงใคร หมายถึงอะไร แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปไกล คนที่ตั้งคำถามก็ยื่นสิ่งที่เจ้าตัวเปิดดูอยู่ส่งมาให้ผม ซึ่งผมเองก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ ผมมองดูหน้าที่ไอ้เชษฐ์เปิดไว้ มันเป็นหน้าหนึ่งที่มีคนเขียนลงในเฟรนส์ชิพให้ผม แต่คนเขียนไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นเพื่อนสักเท่าใด เพราะว่า “มัน” ที่ผมได้ยินไอ้เชษฐ์ถามถึง คือ “มันส์” ใครคนนึงที่ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

“จะอยากรู้ไปทำไม”ผมเก็บเฟรนส์ชิพนั้นเอื้อมไปวางไว้ข้างเตียง และไม่คิดว่าผมจำเป็นจะต้องเล่าเรื่องของมันส์ให้กับไอ้เชษฐ์ฟัง และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวไอ้เชษฐ์เองจะอยากรู้ไปทำไม

“ก็เห็นเขียนไว้ในนั้นยังกับรักกันปานจะกลืนแล้วตอนนี้ไปไหนเสียล่ะ”น้ำเสียงเหยียดๆ นั้นเล่นเอาผมเกือบจะฉุนขาด แต่พยายามข่มใจไว้ไม่อยากจะมาทะเลาะกับไอ้เชษฐ์ที่บ้านของตัวเอง เดี๋ยวจะโดนพ่อแม่ว่าไม่รู้จักโตมาทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ อีก

“แล้วไง ทีเรื่องมึงกับแหม๋วกูยังไม่ได้อยากจะรู้เลย มึงจะมาอยากรู้เรื่องกูทำไม”ผมพูดเรียบๆ พยายามไม่ใส่อารมณ์ไปกับคำพูดนั้น แต่ไอ้เชษฐ์เองก็น่าจะคิดบ้างว่าตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยพอใจอยู่เหมือนกัน

“โอเคถ้ามึงอยากรู้เรื่องแหม๋วกูก็จะเล่าให้ฟัง”ใคร ไหนประโยคไหนที่บอกว่าผมอยากรู้เรื่องของมันกับแหม๋วกัน

“กูไม่ได้อยากรู้”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะผมไม่ได้อยากจะรู้จริงๆ ไม่ว่ามันจะไปทำอะไรกับใคร ที่ไหนมา มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม

“แต่กูอยากเล่า”อ้าวไอ้นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงกันบอกไม่ได้อยากจะรู้ ไม่อยากจะฟัง ยังจะมายัดเยียดให้กันอีก

“จริงๆ แล้วกูกับแหม๋ว...”

“กูจะนอนแล้ว”ผมตัดบทก่อนจะนอนหันหลังให้ไอ้เชษฐ์ แต่ผมว่าผมคงนอนไม่หลับแล้วแหละ เพราะหลายเรื่องที่ตอนนี้กำลังเข้ามารบกวนจิตใจของผม ผมยอมรับแต่โดยดีว่ารู้สึกน้อยใจไอ้เชษฐ์ที่วันก่อนมันรับโทรศัพท์แหม๋วแล้วหายไปเลย แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมารบกวนจิตใจผมได้ขนาดนี้ และตอนนี้มันมีเรื่องของอีกคนนึงที่ผมเคยปิดเรื่องราวของคนๆ นี้ลงไปแล้ว ตัดออกจากความทรงจำของผมไปนานแล้วด้วย

“ขอโทษนะ”เสียงเบาๆ ของคนที่อยู่ด้านหลัง แว่วมากระทบโสตประสาทของผม ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาขอโทษผมทำไมกัน แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะสมองผมกำลังคิดย้อนไปถึงเรื่องราวในหลายปีก่อน เรื่องราวระหว่างผมกับ มันส์ ผมไม่ได้ติดต่อกับเค้ามาหลายปี ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นแค่อดีตเท่านั้น

แต่อดีตที่ดีๆ บางทีได้คิดถึงบ้างมันก็รู้สึกอิ่มเอมเหมือนกันนะครับ ในขณะที่ผมกำลังหวนคิดถึงอดีตผมก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่าง

“ขอกอดได้ไหม”เสียงกระซิบแผ่วเบาอยู่เบื้องหลังผมซึ่งมาพร้อมกับอ้อมกอดกระชับที่แน่นขึ้นเรื่อยๆ








“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงตำหนิ หน่อย ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คนที่กอดผมอยู่ตอนนี้กำลังเกิดความต้องการขึ้นมา เพราะส่วนแก่นกายกำลังเริ่มขยายตัวและมันก็มาสัมผัสเข้ากับหลังผมพอดี เมื่อผมเองก็ผู้ชายเหมือนกันกับคนที่กอดผมอยู่ตอนนี้ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร แต่ตอนนี้ผมเองง่วงและอยากพักผ่อนมากกว่า ผมจึงขยับตัวดิ้นเล็กน้อยเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดนั้น

“อย่าดิ้นสิ”ผมไม่สามารถดิ้นหลุดได้เมื่ออีกฝ่ายกอดผมไว้แน่นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดุ

“ปล่อยเหอะกูจะนอน”ผมบอกออกไปอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย แม้จะสำนึกได้ดีว่าแรงผมสู้อีกคนไม่ได้ก็เหอะ แต่ก็ยังอยากที่จะต่อรอง

“อยู่นิ่งๆ กูขอแค่กอดเฉยๆ”อีกฝ่ายบอกผมพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม อย่างกับกำลังข่มอารมณ์เอาไว้ ไอ้เชษฐ์กอดผมแน่นเสียจนผมเริ่มรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ได้ห้ามมันอีกแต่อย่างใด เป็นเวลาพักใหญ่กว่าที่ผมจะรู้สึกว่าอารมณ์ของคนที่กอดผมไว้เริ่มสงบลง อ้อมกอดเริ่มคลายคล้องกายผมไว้เพียงหลวมๆ ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า สัมผัสไอ้อุ่นๆ จากลมหายใจของอีกคนที่พ่นส่งมาที่ลำคอผมอย่างสม่ำเสมอ ไม่นาน ผมก็หลับลงไปอย่างรู้สึกอบอุ่นภายในอ้อมกอดนั้น

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27 นี่จะยาวนิดนึง

ตอนแรกกะว่าจะลงรวดเดียว แต่เปลี่ยนใจ แบ่งลงดีกว่า 555

ถ้าพรุ่งนี้ตื่นเช้าจะลงเพิ่มให้อีกแต่เช้าแล้วกันนะครับ

ยังไงที่ตัดลงก็ไม่ได้ตัดให้ค้างน้า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ใครๆก็ต้องมีอดีตทั้งนั้น :hao4:
หวังว่าอดีตของติ๊ฟจะไม่กลับมานะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
กำลังจะหวานเลยคนเก่าชวนไปกินมาม่าซะงั้น ตี๊ฟไม่น่าให้เชษฐ์ดูเฟรนชิฟเลย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
555555 โดนพี่ต๊าฟเล่นแล้วไง. ติ๊ฟ

สงสัยพอคงมีอีหนูได้แล้วละ. พี่ต๊าฟคงได้นอนกับการ์ดมั้งเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งุงิ งุงิ ครอบครัวหรรษามากๆ 5555 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
รำคาญตี๊ฟ. :serius2: :angry2: :serius2:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
แบ่งเป็นคู่เลย สงสัยคุณพ่อจะได้สมหวังแลัวมั๊ง ต๊าฟ-การ์ด

เข้าใจอารมณ์คนหวงนะแต่เรึ่องของอดีตถ้าไม่เคลียร์กันให้เรียบร้อยก็ยากที่จะพากันข้ามด่านนี่ไปกันได้

ครอบครัวก็อวยกันปานนี้แล้วที่เหลือก็ใจของสองคนแหละนะ


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/3



“ไอ้ตี๊ฟโว๊ย...ตื่นหรือยัง ตื่นๆๆๆๆ ตื่นได้แล้ว”เสียงทุบประตูและเสียงโหวกเหวกโวยวายของพี่ชายตัวดี ทำให้ผมค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เสียงแดดที่เจิดจ้าเต็มที่บ่งบอกว่านี่เป็นเวลาน่าจะเข้าสู่ช่วงบ่ายนิดๆ แล้ว และเมื่อผมพลิกตัวสายตาผมก็ไปประสานกับอีกคนที่เหมือนจะจ้องมองผมอยู่นานแล้ว

“เดี๋ยวกูลงไปไอ้ต๊าฟ”ผมตะโกนบอกไปโดยที่สายตายังคงประสานอยู่กับคนที่นอนเคียงข้าง ริมฝีปากนั้นขยับยกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นรอยยิ้มอย่างจริงใจให้กับผม ก่อนจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากเข้ามาประกบปากกับผม ผมไม่ได้ขัดขืนเมื่อถุกรุกรานด้วยลิ้นของอีกฝ่าย ให้เข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมเนิ่นนานจนผมแทบจะขาดอากาศหายใจ

เสียงหอบเล็กๆ จากผมหลังจากที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก จนต้องหลบสายตาคมของอีกฝ่าย

“ตื่นนานแล้วเหรอ”ผมกลั้นใจพูดออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดที่เป็นอยู่ แต่ไอ้เชษฐ์เพียงพยักหน้ารับและหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของผม

“แล้วทำไมไม่ปลุกเล่า”ผมทำโวยวายกลบเกลื่อนพร้อมกับรีบลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาอีกรอบ

“ก็แค่อยากมองดูเวลามึงหลับ ดูมึงตอนหลับนิ่งๆ มันน่ารักดี”คนพูดยิ้มจนเห็นฟันครบ 32 ซี่ แถมเอามือมาบีบจมูกผมอีก

“เลิกพูดไร้สาระแล้วปล่อยกูสักที จะรีบไปอาบน้ำ หิวแล้ว”ผมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอเพราะข้อมือผมยังถูกคว้าไว้ได้

“ถ้ารีบมาก เราก็มาอาบพร้อมกันเลยดีไหม”ดูไอ้นี่จะวกไปวนมา กับการพยายามแบบนี้เหลือเกิน

“ฝันไปเหอะ”ผมรวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เล่นเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกันเพราะไอ้เชษฐ์เองก็พยายามจะตามผมเข้ามาให้ได้ แต่เมื่อผมปิดประตูเรียบร้อยแค่นี้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกมาแต่งตัวให้อีกฝ่ายเข้าไปอาบน้ำบ้าง แต่กว่าไอ้เชษฐ์จะยอมเข้าไปอาบก็เอ้อระเหย บ่ายเบี่ยงอยู่นั่นแหละ ไม่รู้มันจะอะไรนักหนา

“กูลงไปรอข้างล่างนะ”ทันทีที่ไอ้เชษฐ์อาบน้ำเสร็จออกจากห้องน้ำก็เป็นจังหว่ะเดียวกับที่ผมแต่งตัวเสร็จ ที่จริงผมเองก็ตั้งใจรีบแต่งตัวกะว่าจะให้เสร็จก่อนไอ้เชษฐ์ออกมาเสียด้วยซ้ำ แต่มันดันอาบน้ำเร็วเสียเหลือเกิน

“รอกันก่อนสิ”ไวเท่าคำพูดไอ้เชษฐ์รีบมาคว้าข้อมือผมไว้ ไม่ให้ออกจากห้อง มันจะมายื้อผมไว้ทำไมกันเนี่ย ก็แค่ผมลงไปก่อน พอมันแต่งตัวเสร็จก็ตามลงไป แค่นี้ จะมาวุ่นวายอะไรอีก ผิวหนังหมาดๆ ที่ยังเช็ดไม่แห้งสนิทดี แนบชิดเข้ามาที่ผม หยดน้ำจากปลายผมหยดลงบนบริเวณแขนผม

“รีบไปแต่งตัวเร็วเข้าเถอะ”ผมต้องรีบเบี่ยงตัวหลบไม่อยากจะสบสายตากับอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังเป็นอะไรกันแน่ ผมกำลังกลัว กลัวที่ยอมรับว่าผมอาจจะกำลังเผลอใจกับผู้ชายตรงหน้าผม แม้ผมจะเคยคบกับใครมาหลายคน แต่มันก็เป็นไปด้วยความพยายามที่จะรัก ที่จะอยากมีใครสักคน ร่วมทางเดินนี้ไปกับผม แต่วันนี้ตอนนี้ ทั้งที่ผมควรจะรีบเปิดใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะมันคือสิ่งที่ผมตามหามาตลอดมิใช่หรือ ทว่าสิ่งที่ผมกลัวมันกลับกลายเป็นความกลัวที่จะผิดหวัง กลัวว่าสิ่งที่ไอ้เชษฐ์กำลังแสดงออกมาตอนนี้ มันจะเป็นแค่ภาพลวงตา กลัวว่ามันจะเป็นแค่เกมที่ไอ้เชษฐ์สร้างขึ้นมา หรือแม้ว่ามันจะคือความจริง ผมก็ยังกลัวว่ามันจะยาวนานสักแค่ไหน มันอาจจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว มันทำให้ผมเองไม่อยากจะถลำตัวไปมากกว่านี้

“ทำไมมึงต้องพยายามขัดขืนกูอยู่ตลอดเวลาด้วย...หือ”ใบหน้าผมหันตามมือของอีกฝ่ายที่เชยคางผมให้หันหน้าเข้าหา แววตาที่มองผมเหมือนกำลังค้นคว้าหาบางอย่าง ผมเองก็เหมือนกัน ผมกำลังค้นหาถึงคำตอบของการกระทำของไอ้เชษฐ์ว่าแท้ที่จริงมันคิดกับผมยังไงกันแน่

แต่แล้วผมก็ต้องแพ้กับสายตาของคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าริมฝีปากผมถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายได้ยังไง แต่กว่าจะรู้สึกตัวผมก็จูบตอบไปเสียแล้ว ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันเบาโหวงไปหมด เรี่ยวแรงแทบจะเหือดหาย นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ กับแค่ถูกจูบแค่นี้ผมเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือ

“รีบไปแต่งตัวเหอะ”หลังจากรวบรวมสติได้ผมก็รีบผละออกจากไอ้เชษฐ์แทบจะทันที พอบอกออกไปแบบนั้นก็ไม่คิดจะรอฟังปฏิกิริยาจากมันอีกแล้วละครับ สองเท้าก้าวอย่างไม่ค่อยมั่นคงออกจากห้องเพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆ

“กว่าจะลงมาได้นะมึง มัวแต่จู๋จี๋กันอยู่ละสิ”เสียงทักทายจากเพื่อนๆ ของผมดังขึ้นเมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ตอนนี้ทุกคนพร้อมที่โต๊ะกันหมดแล้ว เพราะไอ้เชษฐ์คนเดียวเลยที่ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มาช้าที่สุดแบบนี้

“มีไรกินบ้างครับแม่”ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาจากพวกเพื่อนๆ แต่เดินเลยไปอ้อนคุณนายของผม

“ลูกเชษฐ์ละลูก”รอยยิ้มที่ผมบรรจงยิ้มจนแทบปริถึงแก้ม หุบลงแทบจะทันทีเพราะคุณนายผมดันไม่สนใจผม แต่ถามถึงคนอื่นนี่สิ

“เดี๋ยวก็ลงมาครับคุณนาย ลูกเชษฐ์ของคุณนายกำลังแต่ตัวอยู่ เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ”ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะหันไปสนใจขนมจีนน้ำยาที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ไม่นานนักไอ้เชษฐ์ก็ตามลงมาสมทบ คุณนายผมดูจะเอาอกเอาใจกันเป็นพิเศษเสียจนน่าหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าผมลืมตัวหรืออะไรกันแน่ แต่ทุกครั้งที่พอรู้สึกตัวว่าตัวเองจ้องมองไอ้เชษฐ์อยู่ ก็ต้องเจอสายตาที่มองตอบมาเสมอ

หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ซึ่งพวกเพื่อนๆ กับพี่ชายตัวดีของผมก็ไม่พ้นล้อมวงร่ำแอลกอฮอล์อีกแล้ว เสียงกีตาร์ที่ดูจะสู้เสียงคนเมาไม่ได้ ดังมาเป็นระลอกจากสนามหน้าบ้านของผม ผมละกลัวคนข้างบ้านเค้าจะปาขวดมากลางวงจริงๆ เลย

“ไปไหนอ่ะแม่”ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณนายทำเหมือนเตรียมตัวจะออกนอกบ้าน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ริมระเบียงไม่ได้ออกไปร่วมวงกับเพื่อนๆ เพราะยังไม่อยากจะดื่มสักเท่าไหร่ ปล่อยให้ไอ้ต๊าฟ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับเพื่อนๆ ผมแทนไปพลางๆ

“ว่าจะออกไปซื้อของมาเพิ่มหน่อย เย็นนี้จะทำหมูกะทะ”คุณนายผมบอกอย่างอารมณ์ดี เพราะการได้ทำอะไรให้คนอื่นทานนี่เป็นความสุขอย่างมากเลยสำหรับคุณนายผม

“เดี๋ยวพวกผมออกไปซื้อให้ไหมครับ คุณแม่จดรายการมาก็ได้ ให้ผมกับตี๊ฟไปซื้อดีกว่าคุณแม่จะได้จัดเตรียมข้าวของรอที่บ้าน”ผมหันไปมองแทบจะทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน นี่แม่ผมมีลูกเพิ่มมาอีกคนแล้วใช่ไหม

“ลูกเชษฐ์ว่างั้นเหรอจ๊ะ ถ้าลูกเชษฐ์ว่างั้นคุณแม่ก็ไม่ขัดข้องแล้วกัน”เอากันเข้าไปครับงานนี้ ไอ้ผมไม่ได้เสนอตัวว่าจะไป แต่อีแบบนี้คงหาทางเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ เพราะมองหาตัวช่วยก็คงไม่มีใครให้ช่วย พวกที่เหลือก็เริ่มตึงๆ กันหมดแล้วมั้งนะ แล้วนี่หมูกะทะของคุณนายผมจะเป็นหมันหรือเปล่านะ ถ้าพวกเพื่อนๆ ผมเมากันเสียก่อน แต่ช่างเหอะเดี๋ยวก็รู้เองว่าผลจะออกมาเป็นไง

คุณนายจดรายการให้ผมกับไอ้เชษฐ์ พร้อมก่อนจะสั่งนู่นนี่อีกสารพัดวิธีการเลือกซื้อของสด ผมละอยากจะให้คุณนายแกไปช่วยกันซื้อกับไอ้เชษฐ์สองคนจริงๆ เชียว เข้ากันดีนัก ปล่อยผมเตรียมของอยู่ที่บ้านนี่ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละครับ แม้ผมจะเสนอตัวเช่นนั้น มันก็ไม่เป็นผลอยู่ดี ในเมื่อคุณนายผมออกตัวชัดเจนเหลือเกินว่าจะผลักไสผมให้ตกลงปลงใจกับไอ้เชษฐ์เสียให้ได้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า

“ยิ้มไรของมึงนักหนา”ผมชักจะหมั่นไส้ไอ้นี่เข้าไปทุกทีเสียแล้วครับ เพราะนี่ตั้งแต่ออกจากบ้านมามันก็เอาแต่มองผมแล้วก็ยิ้มอยู่ได้ จะพูดอะไรก็ไม่พูด จนผมทนไม่ไหวต้องถามมันออกมานี่แหละครับ แต่แทนที่มันจะตอบนะครับ มันก็ไม่ตอบ ตอนนี้รถเรากำลังติดไฟแดงอยู่ ไอ้เชษฐ์มันก็หันหน้ามาหาผม พร้อมกับกระดิกนิ้ว เหมือนเรียกให้ผมเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ ทำเป็นจะกระซิบไอ้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะมาอยากกระซิบทำไมในเมื่อเราก็อยู่กันแค่สองคนในรถคันนี้ มันจะกลัวใครได้ยินหรือไง ทว่าไอ้ผมก็บ้าจี้ โน้มหน้าเอียงหูเข้าไปฟังมันนี่สิ แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่า

“ไอ้บ้า”มันไม่ได้กระซิบกระซาบอะไรผมเลย แต่มันหลอกให้ผมเอาแก้มไปให้มันหอมเสียฟอดใหญ่ เล่นเอาผมเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติเตรียมฟาดมันด้วยฝ่ามือสักครั้ง แต่มันก็ทำมือห้ามผมให้ดูว่ามันขับรถอยู่ เดี๋ยวจะเกิดอันตราย หนอยฝากไว้ก่อนเหอะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/4
“เหมือนคู่รักมาซื้อของเข้าบ้านเลยเนอะ”หลังจากที่ซื้อข้าวของตามรายการที่คุณนายผมให้มาจนเกือบครบแล้ว ไอ้เชษฐ์ผู้ซึ่งพูดมากเสียจนเป็นพิเศษก็ยังไม่หยุดพูดอีกครับ ตั้งแต่มาถึง ทั้งแสดงให้ผมเห็นว่ามันมีความสามารถในการเลือกซื้อ พวกอาหารสดได้อย่างมีหลักการ แถมด้วยคำพูดหยิกแกมหยอกผมมาเป็นระยะๆ จนตอนนี้ผมอยากจะปล่อยมันไว้นี่แล้วหนีกลับก่อนเสียจริงๆ

“วันนี้มึงแลดูพูดมากไปหรือเปล่า”ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมองคู่ สนทนา เพราะสายตากำลังสนใจอยู่กับข้าวของที่กำลังจะซื้อ เลยไม่ได้หันมองอีกคนที่เข็นรถตามหลังผมอยู่ จะว่าไอ้เชษฐ์มันเมาเลยพูดมากก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันแทบยังไม่ได้ดื่มเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ชอบให้พูดมากเหรอ ชอบแบบเงียบๆ เดินตามอย่างเดียวอะไรแบบนั้นหรือเปล่า”น้ำเสียงค่อนข้างจะยียวนกวนประสาท ดังตามหลังผมมาติดๆ อีกเหมือนเดิม

“รีบหาของให้ครบเถอะ ออกมานานแล้วเดี๋ยวแม่กูรอแย่”ผมต้องรีบตัดบท เพราะถ้าขืนต่อความยาวสาวความยืดมีหวัง ไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ พยายามคิดว่าปล่อยให้มันพูดพล่ามของมันไปเหอะ อดทนทำเป็นหูทวนลมไปก็น่าจะโอเคแล้ว ปล่อยให้มันพูดเฉยๆ ยังไงก็คงจะดีกว่าต้องมาเถียงกัน

“นี่ตี๊ฟ...”น้ำเสียงเรียกที่เปลี่ยนไปทำให้ผมต้องหยุดเพื่อหันกลับไปมอง ไอ้เชษฐ์ เพราะน้ำเสียงที่มันเรียกผมครั้งนี้มันดูจริงจัง เหมือนมีอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้เอ่ยถามแต่ทำเพียงเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่ามันมีอะไรหรือเปล่า

“ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันมากี่วันแล้ว มึงจำได้ไหม”คำถามของไอ้เชษฐ์ทำผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็นั่นสินะตอนนี้ผมกับมันอยู่กันมากี่วันแล้วล่ะ น่าจะประมาณเกือบเดือนได้แล้ว จะว่าไปเดือนนึงมันก็ไม่นาน แต่ความรู้สึกผมเหมือนอยู่กับไอ้เชษฐ์มาพักใหญ่แล้วเหมือนกัน ว่าแต่มันถามผมแบบนี้เพื่ออะไร หรือว่ามันอยากจะยกเลิกเกมนี้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้น...แค่คิดทำไมใจผมมันเหมือนจะห่อเหี่ยวแบบนี้

“เกือบเดือนแล้วมั้ง”ผมตอบออกไปเสียงเบาพร้อมกับหันกลับไม่อยากสบตากับอีกฝ่าย

“มึงนี่ไม่ได้ใส่ใจเลยหรือไงหือ ทำไมตอบเหมือนจำไม่ได้แบบนั้นเล่า กูจะบอกให้ว่าวันนี้วันที่ 27 แล้วสำหรับเกมของไอ้การ์ดที่มีเราสองคนเป็นผู้เล่น”แล้วมันจะมาว่าผมไม่ใส่ใจทำไมกัน ก็ผมจะมามัวนั่งนับวันที่แน่นอนให้มันได้อะไรขึ้นมากันเล่า หรือว่ามัน นับวันรอที่จะเป็นอิสระจากผมแล้ว งั้นเหรอ

“แล้วไง”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องมาชวนผมคุยเรื่องนี้ที่ห้างแบบนี้ด้วย ถ้าอยากจะพูดคุยก็คุยที่บ้านก็ได้ ไม่ก็ตอนกลับไปคอนโด ยังไงเสียผมกับมันก็ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน นอกเสียจากว่ามันอยากจะยกเลิกเกมนี้แล้วเท่านั้นเอง

“ก็ไม่แล้วไง แค่อยากจะรู้ว่ามึงคิดจะยอมแพ้ไอ้การ์ดมันหรือยัง”คนพูดเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก เพราะแรกเริ่มผมเล่นเกมนี้เพราะเหมือนสถานการณ์พาไป และผมก็มั่นใจว่าผมจะไม่เพลี่ยงพล้ำในเกมนี้ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้ รู้สึกว่าอยากจะมีชัยชนะในเกมนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยากยอมแพ้ มันเหมือนกับว่าไม่ว่าผลจะออกมายังไงผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกไปในทางใด

“มึงอยากเลิกเล่นเกมนี้แล้วใช่ไหม”ผมถามออกไปทั้งที่กำลังรู้สึกกลัวในคำตอบ แม้การกระทำของมันจะบ่งบอกว่าไม่ได้รังเกียจที่จะอยู่กับผม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เบื่อผมนี่นา แล้วผมล่ะ ยังอยากเล่นเกมนี้ต่อหรือเปล่า ยังอยากจะอยู่กับมันไปแบบนี้หรืออยากกลับมามีชีวิตส่วนตัวเหมือนเดิม
“ทำไมมึงถึงคิดว่ากูอยากจะเลิกเล่นเกมนี้ล่ะ”คนถามขมวดคิ้วเข้าหากัน อย่างอารมณ์ไม่ค่อยจะพอใจนัก

“แล้วทำไมแทนที่มึงจะตอบกู แต่ถึงมาตั้งคำถามกูละ”ผมตอบกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามของมันเช่นกัน ก็มันเองยังไม่ยอมตอบให้ตรงคำถามแล้วทำไมผมต้องตอบมันด้วยล่ะ

“งั้นก็...ช่างเหอะ รีบซื้อของกันดีกว่า”อ้าวบทจะนึกอยากตัดบทก็ตัดเอาทื่อๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย  โอเค ในเมื่อไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อผมก็จะไม่คุย เราสองคนเดินหาของตามรายการที่คุณนายผมจดมาให้อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรอีก การมาซื้อของแบบนี้ค่อนข้างจะช้านิดหน่อย เพราะเราทั้งคู่ไม่ใช่คนที่มาซื้ออะไรแบบนี้บ่อยๆ และไม่คุ้นกับสถานที่ทำให้กว่าจะหาของได้แต่ละอย่างก็เสียเวลาอยู่นานพอดู แถมวันนี้เป็นวันหยุด คนก็เลยเยอะเป็นพิเศษ มันยิ่งเพิ่มความล่าช้าเข้าไปอีก

แต่มันก็ไม่เกินความพยายาม เมื่อซื้อของตามรายการครบ ผมก็เริ่มหาของที่ผมเองต้องการบ้าง เพราะคำนวณดูแล้วตังค์ที่คุณนายผมให้มามันต้องเหลือแน่ๆ ผมต้องบริหารเงินให้เป็นจะให้เหลือไม่ได้ อะไรที่พอจะเนียนซื้อเป็นของส่วนตัวได้เราก็ต้องรีบคว้าไว้ ตอนนี้ไอ้เชษฐ์เหมือนจะเงียบๆ ลงไป จากที่ตอนแรกออกแนวพูดมากเหลือเกิน

เหมือนไอ้เชษฐ์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมก็คงไม่อาจรู้ได้ว่ามันกำลังคิดเรื่องอะไร และแม้จะอยากรู้ แต่ผมก็คงไม่ถามมันหรอกครับ เราสองคนต่างเงียบและเดินไปหยุดรอคิวสำหรับชำระเงิน แต่ดูคงจะต้องรออีกพักใหญ่ทีเดียว เนื่องจากคนเยอะเป็นพิเศษนั่นเอง

“เราจะกลับกันตอนไหนเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมขณะที่กำลังรอจ่ายตังค์

“หมายถึง”ผมไม่มั่นใจในคำถามว่ามันหมายความว่ากลับจากซื้อของนี่หรือ กลับจากไหนกันแน่ เลยต้องถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“หมายถึงกลับไปคอนโด วันไหน พรุ่งนี้หรืออะไรยังไง”อีกฝ่ายตอบพร้อมกับยืนหันมองรอบๆ ตัวซึ่งไม่รู้มันจะมองหาอะไรของมันเหมือนกัน

“ถ้ามึงอยากกลับก็กลับไปก่อนก็ได้ ตอนมาเราก็ต่างคนต่างมาอยู่แล้วนิ”ผมอดที่จะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันนิดหน่อย เพราะคิดว่ามันคงจะเบื่อกับการมาเที่ยวบ้านผมแล้ว

“คำพูดไหนที่มันทำให้มึงคิดว่ากูอยากกลับก่อน”ทำไมวันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ดูจะพูดอะไรก็ต้องขัดกันไปเสียหมดนะ มันเหมือนพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลา ผมว่าถ้ายิ่งคุยกันสงสัยจะยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดปฏิกิริยาเสียเหลือเกิน เพราะงั้นนี่ทางที่ดีควรจะอยู่กันเงียบๆ น่าจะดีกว่า

“กูคงกลับเย็นๆ วันพรุ่งนี้แหละ”ผมพยายามจะทำใจเย็นๆ คุยกับมัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกขวางหูขวางตามันก็ไม่รู้ มันเหมือนไม่ว่ามันจะพูดอะไรก็ขัดหูผมไปหมด

“แสดงว่าพรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องตื่นมาทำบุญตักบาตรด้วยกันอีกใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์ถามกลับมายิ้มๆ ผมว่าไอ้เชษฐ์เองวันนี้ก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนกันนะ อยู่ๆ จะพูดดีๆ ก็พูดแต่บทจะไม่พอใจก็เป็นขึ้นมาเฉยๆ ตกลงผมสองคนเป็นอะไรกันเนี่ย

“ถ้ายังอยู่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแหละ”มีหรือคุณนายผมจะปล่อยให้หลุดรอดไปได้ ยังไงเสียก็ต้องลากทุกคนมาทำบุญอยู่แล้ว

“แบบนี้เราได้ทำบุญร่วมกันตั้ง 2 วันติด เราจะได้เป็นเนื้อคู่กันไปอีก 2 ชาติเลยหรือเปล่า”วกมาเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเกิดผมลองที่จะเสี่ยงดูกับไอ้เชษฐ์นี่จริงๆ สักครั้งจะเป็นไงนะ แต่ก็นั่นแหละตัวผมเองยังไม่มั่นใจเลยเสียด้วยซ้ำว่าคิดกับมันยังไง

“เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”ผมถามกลับอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก เพราะเข้าใจว่าไอ้เชษฐ์เองก็พูดเล่นไปอย่างนั้น ไอ้เรื่องชาติหน้าภพหน้า มันไม่มีใครตอบได้หรอกว่ามันจะมีจริงหรือเปล่า สู้อยู่กับปัจจุบันอย่างตอนนี้น่าจะดีกว่า นั่นสินะ อยู่กับปัจจุบันงั้นเหรอ
ถ้าคิดจะอยู่กับปัจจุบัน ผมก็ไม่เห็นต้องกังวลไปเลยว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง มันจะดีหรือร้าย จะทุกข์หรือสุข มันก็ยังเป็นสิ่งที่มาไม่ถึง ถ้าสิ่งที่เราทำตอนนี้เรามีความสุขเราก็น่าจะรีบคว้าเอาไว้ ผมควรจะคิดแบบนี้ดีกว่าไหม

“เชื่อสิ มันก็เหมือนกับเรื่องของพรหมลิขิตนั้นแหละ ทุกอย่างมันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าใครเกิดมาคู่ใคร และจะได้คู่กันต่อไปอีกในภพชาติถัดไปหรือเปล่า”โหนี่มันคิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วคนอย่างไอ้เชษฐ์เชื่อเรื่องภพชาติอะไรพวกนี้ด้วย จริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเลยหรอกนะครับแต่ มันยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เลยไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลขนาดนั้น เอาแค่ชาตินี้ให้รอดก่อนเหอะ

“มึงไม่เชื่อเหรอ”เมื่อเห็นผมทำเหมือนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของมัน เลยต้องมาตั้งคำถามเอากับผมอีก

“กูไม่คิดว่าเค้าจะสร้างคนเพศเดียวกันมาคู่กันไง”ใช่แล้วละ ผมไม่คิดว่ามันจะมีคู่แท้ให้กับผู้ชายที่จะรักผู้ชายด้วยกัน

“ทำไมมันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ล่ะ”ไอ้นี่ก็จะมาจริงจังอะไรนักหนา ก็แค่แลกเปลี่ยนทัศนคติกันดู แค่ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดมัน ไม่จำเป็นจะต้องมาซีเรียสอะไรมากมาย ก็เหมือนกับคนนึงชอบสีขาวแต่อีกคนชอบสีดำ จะบังคับให้เค้าชอบเหมือนกันมันก็เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน ความเชื่อของคนมันไม่เหมือนกัน การจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อมันต้องมีอะไรมาพิสูจน์ให้เห็นโอนเอียงว่าควรจะเชื่อในแบบที่เราไม่เคยเชื่อหรือเปล่า

“ไปๆ จ่ายตังค์แล้วรีบกลับเหอะ จะพูดอะไรต่อค่อยไปว่ากันที่บ้าน”ผมรีบบอกเพราะถึงคิวเราจ่ายตังค์แล้ว ป่านนี้คุณนายผมคงรอแย่แล้วมั้งเนี่ย ไม่นานนักข้าวของทุกอย่างก็อยู่ในถุงเรียบร้อย ผมกับไอ้เชษฐ์ช่วยกันจัดใส่รถเข็น เพื่อจะนำไปยังลานจอดรถ

“ตี๊ฟ...ใช่ตี๊ฟหรือเปล่า”ขณะที่ผมกำลังจะก้าวเดินตามหลังไอ้เชษฐ์ที่ออกเดินนำหน้าไปแล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมจากด้านหลัง ผมต้องหันกลับไปมอง ก็เค้าเรียกผมนี่นา ไอ้เชษฐ์เองก็หันกลับมาอย่างอัตโนมัติเช่นกัน ผมมองหาต้นเสียงว่ามาจากใคร เพราะไม่ค่อยแน่ใจในเสียงเรียกสักเท่าไหร่ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าคนที่น่าจะเรียกผม คือชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มแบบไทยๆ สีผิวออกไม่ขาวแต่ก็ไม่ได้คล้ำ ผมไม่รู้จะอธิบายสีผิวของเค้าเช่นไร ผมมองหน้าเค้าที่กำลังโบกมือและเดินมาหาผมอย่างคุ้นเคย แต่ผมกลับยังนึกไม่ออกว่าเค้าคือใครกัน มันคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออกเสียทีเดียว

“สบายดีไหม”เค้าเอ่ยถามผมพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรอย่างไม่มีปิดบัง ใช่แล้วผมจำรอยยิ้มนี้ได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีหน้าตาเค้าอาจจะเปลี่ยนไปดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่รอยยิ้มของเค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“มันส์”ผมหลุดชื่อเค้าออกมาแผ่วเบา แต่ก็คงดังพอที่จะทำให้เจ้าของชื่อและคนที่อยู่ด้านหลังผมได้ยิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1

วันที่ 27/5

“ไม่ได้เจอกันเสียนานสบายดีนะ”เค้ายังคงย้ำประโยคเดิมเมื่อเห็นผมยังไม่ตอบ ผมมัวแต่งงๆ อยู่ว่ามาเจอกับเค้าได้ยังไง ก็ในเมื่อ หลายปีก่อน ตั้งแต่ผมเรียนจบมัธยม และเค้าต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร แล้วทำไมวันนี้เค้าถึงมาโผล่ที่นี่ได้

“สบายดี มันส์ล่ะ”ผมถามกลับตามมารยาท บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงที่ได้เจอกับเค้าอีกครั้ง ผมกับเค้าเคยคบกันเมื่อสมัยที่เราเรียนมัธยม และก็จบกันด้วยดี คือยังมีความรู้สึกๆ ดีๆให้แก่กัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ณ ตอนนี้มันจะยังเหมือนเดิม

“ก็ดี...แล้วนี่ตี๊ฟมากับใครเหรอ”ชายหนุ่มพูดพร้อมพยักเพยิดไปมองคนที่ตอนแรกยืนอยู่ด้านหลังผม แต่ตอนนี้เปลี่ยนมายืนเคียงข้างผมแล้ว พร้อมถือวิสาสะจับมือผมไว้เฉยเลย แต่ผมไม่ได้ว่าอะไรยอมให้ไอ้เชษฐ์ทำตามที่มันอยากจะทำไปเถอะครับ

“แฟนเราเอง”ผมพูดออกไปอย่างแนบเนียนเหมือนเป็นความจริง แม้มันจะไม่ใช่ก็เหอะ แต่กิริยาอาการที่ไอ้เชษฐ์แสดงออกตอนนี้ก็ทำให้น่าเชื่อถือได้อยู่บ้างแหละน่า มันส์ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนั้น แต่มือที่จับมือผมไว้กลับมีการกระตุกเล็กน้อย คนที่ถูกผมกล่าวอ้างว่าเป็นแฟนด้วย คงกำลังไม่เข้าใจอยู่กระมั้งว่าทำไมผมจึงพูดออกไปเช่นนั้น แต่ผมก็มีเหตุผลของผมที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น

“อ๋อ...งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมมันส์ แล้วนี่...”เค้าเว้นวรรคไว้แค่นั้นเพื่อให้เจ้าตัวเอ่ยแนะนำตัวเอง

“เชษฐ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”ไอ้นี่ก็ตอบได้เสียงแข็งเหลือเกิน น้ำเสียงไม่ได้ไปกับคำพูดเลย บอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก แต่น้ำเสียงนี่เหมือนไม่อยากจะรู้จักมากกว่ามั้งนะ ผมเห็นมันส์แอบอมยิ้มกับท่าทีของไอ้เชษฐ์อยู่เหมือนกัน เค้ายังไม่เปลี่ยนเลย ยังคงมองทุกอย่างเป็นเรื่องดีๆ หมด แม้กระทั่งตอนนี้แม้เค้าจะรู้ว่าไอ้เชษฐ์เองน่าจะกำลังไม่ถูกชะตากับเค้า แต่เค้ากลับไม่ได้มีทีท่าถือสาอะไรเลย

“แล้วนี่มาซื้ออะไรกันเยอะแยะเลย”เค้าเป็นฝ่ายเปิดคำถามอีกครั้งโดยที่ไม่ยอมให้ผมได้ถามในสิ่งที่สงสัยเลย ซึ่งเค้าเองก็น่าจะพอรู้ในสิ่งที่ผมสงสัย ว่าทำไมเค้ามาอยู่ที่นี่หลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้ติดต่อกันเลย ผมเลยไม่รู้ว่าตกลงเค้ายังอยู่ต่างประเทศหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะยังเป็นเช่นนั้นเพราะครอบครัวเค้าไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วนี่นา

“มีปาร์ตี้นิดหน่อยนะ เพื่อนๆมาค้างที่บ้าน คุณนายเค้าเลยอาการเก่ากำเริบ”ผมไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะมันส์เองก็เคยไปบ้านผมเมื่อสมัยที่เราเรียนมัธยม และก็พอจะรู้ว่าแม่ผมเป็นคนชอบทำอาหารขนาดไหน คิดว่าเค้าจะยังจำได้นะว่าเวลาไปบ้านผมแล้วจะเจออิทธิฤทธิ์อะไรจากคุณนายผมบ้าง

“ขอไปแจมด้วยได้ไหมเนี่ย”ไม่รู้ว่าเค้าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ก็ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย ผมหันมองหน้าคนที่ยืนข้างอย่างสังเกตอาการ แต่ตอนนี้ไอ้เชษฐ์กลับดูนิ่งอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา

“ว่างป่ะล่ะ ถ้าว่างก็ไปได้ ไอ้การ์ดก็มาด้วย”ผมกล่าวถึงอีกคนที่มันส์เองก็รู้จัก เพราะว่าไอ้การ์ดกับผมและมันส์เรียนมัธยมมาด้วยกัน แต่ตอนมัธยมผมกับมันส์ก็ค่อนข้างจะใช้เวลาส่วนตัวด้วยกันจนแทบจะไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ สักเท่าไหร่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าไอ้การ์ดเองที่รู้จักผมมาตั้งแต่มัธยม แต่ดันไม่เคยมาบ้านผมเลย เพราะมีแค่มันส์ที่ผมพามาบ้านบ่อยๆ แค่นั้น และผมก็มาสนิทกับไอ้การ์ดจริงๆ จังๆ ก็ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละครับ เพราะจบมาจากที่เดียวกันแถมเรียนห้องเดียวกันมาด้วย

“อ้าวไอ้การ์ดก็อยู่ด้วยเหรอ งั้นไปๆ ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามาตั้งนานแล้ว งั้นเดี๋ยวเราตามไปแล้วกันนะ”แล้วมันส์ก็แยกตัวออกไปปล่อยให้ผมงงๆ ว่าตกลงเค้าไปมายังไง ยังไม่ทันได้ถามไถ่รายละเอียดเลย แต่ถ้าเค้าจะตามไปบ้านผมจริงๆ เดี๋ยวคงได้คุยกันมากกว่านี้

“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”พอมาถึงรถและนั่งประจำตำแหน่งไอ้เชษฐ์ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีก แม้จะพอรู้ว่ามันต้องหมายถึงเรื่องที่ผมบอกกับมันส์ว่าไอ้เชษฐ์เป็นแฟนผม แต่ผมขอตีหน้าซื่อไม่รู้ว่ามันกำลังถามถึงเรื่องอะไร

“ที่บอกว่าเราสองคนเป็นแฟนกันนะ”เมื่อเห็นผมทำเป็นไม่เข้าใจ อีกฝ่ายก็ย้ำถามอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองมาที่ผม อย่างรอคอยในคำตอบ ทั้งที่มันก็น่าจะรู้ว่าที่ผมพูดมันไม่ได้เป็นความจริง แต่เพราะเหตุผลอะไร ผมว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้มันเข้าใจนี่นา

“ก็หมายความอย่างที่พูด”ผมลอยหน้าลอยตาตอบ แต่ไอ้เชษฐ์ที่ขับรถอยู่ดันเบรคกะทันหัน เล่นเอาหัวคะมำกันเลยทีเดียว ดีที่ไม่ได้แรงมากไม่งั้นมีหวังได้เจ็บตัวกันบ้าง

“พูดจริงเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมอย่างตื่นเต้น มันจะตื่นเต้นไปทำไมหรือมันไม่รู้จริงๆ ว่าที่ผมพูดไปนั้น

“จริงที่ไหนกันเล่า ขับรถดีๆหน่อย”ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากให้มันหันไปมองถนนดีๆ ส่วนผมก็ต้องกลับมาคิดถึงเรื่องของมันส์ต่อผมหวนคิดถึงเรื่องวันเก่าๆ อย่างเสียไม่ได้ ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่ได้มาเจอกับ มันส์ ในวันนี้ผมเองรู้สึกเช่นไร แน่นอนสิ่งแรกเลย มันคือความแปลกใจ ที่คนๆนึงซึ่งเราคิดว่าจากเราไปครึ่งค่อนโลก จะโคจรกลับมาเจอกับเราอีกแบบนี้ แม้แทบจะลืมเลือนกันไปแล้ว แต่พอได้เจอหน้า มันก็เหมือนกับว่าความทรงจำเก่าๆ ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้อยากกลับไปเขี่ยถ่านไฟเก่าหรือไง แล้วไปบอกเค้าแบบนั้นทำไมกัน”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมยักไหล่ อย่างไม่ถือสาในคำพูด เพราะสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูดมาถ้าจะถือเอาเป็นอารมณ์ไปมันก็เท่านั้น

“แล้วคิดว่าเค้าเชื่อคำพูดของกูไหมล่ะ”ผมตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี ต่างกับไอ้เชษฐ์ที่ดูเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดูช่วงนี้มันอารมณ์แปรปรวนเหลือเกินนะเนี่ย จะซีเรียสอะไรของมันนักหนา

“มึงกำลังปั่นหัวกูอยู่หรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์พูดโดยที่สายตายังพุ่งตรงไปกับถนนที่เป็นเส้นทางกลับบ้านอยู่ ตกลงว่านี่มันคิดจะจีบผมจริงๆ จังๆ หรือเปล่านะ แต่ไอ้การกระทำของมัน ตอนนี้ก็ทำให้ผมคิดเช่นนั้นได้ ทว่าระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมายังไม่ถึงเดือนดีนัก มันจะมาคิดอะไรกับผมแบบนั้นได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งที่ในตอนแรกมันแสดงท่าทีรังเกียจเกย์อย่างผมชัดเจนเสียเหลือเกิน อยู่ๆ จะมากลับลำกลับคำพูดเอาง่ายๆ แบบนี้มันเชื่อถือได้ขนาดไหนกัน

“มึงทำเหมือนมึงหึงกูงั้นแหละ”ผมว่ามาถึงตอนนี้คงไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้วละครับ จะมามัวคิดเอาเองรู้สึกเองคงไม่ดีเท่าไหร่ สงสัยอะไรก็ถามกันไปตรงๆ น่าจะดีกว่าเพราะความจริงผมกับไอ้เชษฐ์ก็เกินเลยกันไปไกลแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อไปผมก็ชักอยากจะให้มันชัดเจนเสียที ว่าเกมนี้สมควรที่ผมจะยังเดินหมากต่อไป หรือถอยกลับแล้วล้มเลิกไอ้เกมพนันในครั้งนี้

“แล้วถ้ากูบอกว่าใช่ มึงจะว่าไง”ผมมองหน้าคนพูดที่ยังคงหันหน้าด้านข้างให้ผม เพราะสายตาต้องจับจ้องไปบนถนน

“กูขอให้มึงตอบแบบไม่ต้อง-ถ้า-ได้ไหม”ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องพูดเหมือนกับเป็นการสมมติ ในเมื่อผมถามมัน มันจะยังไงก็ตอบมาตรงๆ แค่นั้นมันยากตรงไหน

“เออกูหึงมึงกับไอ้มันส์อะไรนั่น พอใจยัง”คำตอบมันแม้จะไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่แต่น้ำ เสียงที่ออกมาเหมือนจะเริ่มไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แถมตอนนี้รถที่เรานั่งอยู่ก็เล่นไปเทียบจอดที่ข้างถนนอย่างนิ่งสนิท ตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ถึงปากซอยเข้าบ้านผมแล้ว อีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงบ้าน แต่ไอ้เชษฐ์มันจะจอดรถทำไมกัน

“จอดทำไม”ผมถามทันทีพร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“เราต้องคุยกันก่อน”สีหน้าแววตาที่จริงจังนั้นทำเอาผมชักหวั่นๆ แต่คิดว่ามันคงไม่บ้าลุกขึ้นมาทำอะไรผมตรงนี้นะ

“คุยที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”ผมไม่ค่อยจะชอบบรรยากาศอย่างในตอนนี้สักเท่าไหร่เลยต้อง เริ่มเสนอทางเลือกใหม่ให้อีกฝ่าย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ดูผมเป็นรองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ขอแค่ไม่กี่นาที ให้มึงฟังกู”สองมือที่เอื้อมมาบีบไหล่ผมไว้ เหมือนกลัวผมจะหนีไปไหนงั้นแหละ ยังกะผมจะบ้าเดินกลับบ้านหรือไง แม้บ้านผมจะอีกไม่ไกลแต่ไอ้เชษฐ์ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ว่าผมต้องวิ่งหนีลงจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านเสียเมื่อไหร่

“เอ้าจะว่าไงก็ว่ามาป่านนี้แม่กูรอแย่แล้ว”ผมพยายามทำใจเย็น เอาว่ะมันมีอะไรจะพูดจะบอกจะเคลียร์อะไรก็ว่ามาเหอะ

“กูหึงมึงไม่อยากให้มึงไปทำตัวสนิทสนม หรือใกล้ชิดกับคนอื่น กูอยากให้มึงทำแบบนั้นกับกูแค่คนเดียว กูขอให้มึงอย่าไปทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นได้ไหม”แล้วมันมีสิทธ์อะไรที่จะมาให้ผมทำแบบนั้น เมื่อครั้งไอ้การ์ดก็ทีนึงแล้วนะ ที่มันพูดจาทำนองนี้

“มึงชอบกูหรือไง”เหตุผลที่มันจะมาหึงหรือหวงผม มันก็มีอยู่แค่เท่านั้นแหละครับ และผมก็อยากจะรู้ว่ามันคิดกับผมแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า แม้สัมพันธ์ทางกายเราจะเลยไปไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมาจากความรักหรือชอบ เพราะมันอาจจะมาจากความใคร่เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้

“คิดว่างั้น”อีกฝ่ายตอบพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ผม แต่ผมผลักให้ถอยออกห่าง

“งั้นกูคงทำตามที่มึงขอไม่ได้เพราะมึงเองก็แค่คิดว่าน่าจะชอบกู ตัวมึงเองยังไม่มั่นใจเลยว่ารู้สึกยังไงกับกู แล้วเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงจะมาจำกัดสิทธิในการสนิทสนมของกูกับใครๆ ไม่ได้หรอก”ผมจ้องมองดวงตาคู่ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้มั่นใจว่ามันคิดกับผมยังไง แล้วผมเองจะมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้ยังไงกัน

“โอเค กูไม่ได้แค่คิดว่ากูน่าจะชอบมึง แต่กูชอบมึงจริงๆ”แม้ผมจะรู้สึกดีที่ได้ยินเช่นนั้นอยู่บ้าง แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่ามันคือความจริง

“กูก็ยังทำตามที่มึงขอไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่เป็นแค่ความรู้สึกของมึงฝ่ายเดียว”ไอ้เชษฐ์มีทีท่าแปลกใจอยู่พอสมควรที่ได้ยินผมพูดเช่นนั้น

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูงั้นเหรอ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ของวันที่ 27 ยังไม่หมดเน้อ

ตอนนี้เชษฐ์เริ่มชัดเจนมากแล้ว

แต่มันก็ยังมีหลายๆ ปมที่ยังไม่เคลียร์

ส่วนมันส์จะเข้ามามีความสำคัญยังไง ต้องรอกันหน่อยเนอะ  o13

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
วันที่ 27 นี่ยาวแบบสะใจเลย

ถ้าหากว่าเชษฏ์หลอกตี๊ฟเพิ่อเอาชนะเฉยๆนะขอให้ตี๊ฟ-ต๊าฟกระทึบให้คางเหลืองทีเถอะ

แล้วมันส์โผล่ขึ้นมาตี๊ฟเองก้ยังไม่ยอมรับว่าชอบเชษฏ์ ไม่ใช่กลับไปคบกับมันส์นะ โผพลิกทีเดียว

ป.ล  ตี๊ฟท่าจะชอบคบคนชื่อ ม.ม้า  มาบ แล้งก็ มันส์

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
เชษฐ์สู้ๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
หวาย ไม่ได้เข้ามาพักเดียว อัพใหม่หลายตอนเลย
สู้ๆนะเชษฐ์ เราว่าจริงๆแล้วตี๊ฟก็ชอบเชษฐ์บ้างแหละไม่งั้นจะหวั่นไหวทำไมล่ะ
แต่เหมือนตี๊ฟจะยังไม่มั่นใจในตัวเชษฐ์พออะ คงกลัวเจ็บซ้ำ หรือถูกหลอก
ว่าแต่แนวคิดของคุณแม่ที่บอกว่าถึงง่วงยังไงก็ต้องกินข้าวเช้าแล้วค่อยไปนอนต่อนี่ผิดอย่างแรงอะ
ถ้ากินอาหารแล้วนอนเลยจะทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้นะ
ทรมานพอกับโรคกระเพาะเลยแถมไม่หายขาดด้วยจ้าขุ่นแม่ :katai2-1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เอาแล้วไงงงงงงงงงงงงง
ผ่านมา 27 ตอน ใจจะตรงกันไหมมมม
แล้วมีถ่านไฟเก่ากลับมาอีกกกก :katai1:
รอตอนต่อไป๊

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชักหมั่นไส้ ตี้ฟ นิดๆแระนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จริงๆก็แอบมีใจให้เชษฐ์ใ่ช่ม้า แต่แค่ยังไม่มั่นใจ
ไม่เป็นไรนะจ๊ะหนูติ๊ฟค่อยๆเปิดใจไป
ถ่านไฟเก่าอย่างมันส์ไม่ต่องคิดจะรีเทิร์นนะคะ
ถ้ายังกรุ่นๆอยากมีลมพัดให้ไฟติดแม่จะสาดน้ำเอาให้จุดไม่ติดอีกเลย
มาทางไหนกลับทางนั้นค่ะ
ว่าแต่พี่ต๊าฟเราชายแท้ใช่ไหม ทำไมฉันจิ้นต๊าฟการ์ด
มีอะไรเกิดขึ้นในห้องนอนหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
โอ๊ย ขัดใจๆๆๆ มาถึงขั้นนี้แล้วยังปากแข็งทั้งคู่ ยิ่งเชษฐยิ่งชัดเจนในการกระทำแต่คำพูดนี้ไม่ค่อยจะตรงกับใจเอาซะเล๊ยยยย  อย่างงี๊ตี๊ฟคงไม่ค่อยอยากจะเชื่ออ่ะดิ่ :ling2: :ling2: :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยยย อ่านจุใจ สะใจมาก
ขอบคุณสำหรับสองตอนแบบยาวๆ

บางทีตี๊ฟก็กลัวจนเกินไป
แต่ก็เข้าใจแหล่ะ ที่ผ่านมาตี๊ฟคบเพราะอยากมี
แต่กับเชษฐ์คืออีกความรู้สึก ซึ่งมันมีอะไรหลายอย่าง

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จุใจมากๆๆๆๆ รอตอน 27 ต่อน่ะ
เชษฐ์ชัดเจนขึ้นแล้ว แต่เอาแบบให้ชะวร์เลยน่ะ ลุ้นๆๆๆ
ติ๊ฟด้วยน่ะ  มัมส์จะมาทไรอ่ะ รอๆๆๆๆลุ้นๆๆๆๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/6

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูงั้นเหรอ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

“คำไหนที่กูหมายความว่าแบบนั้น”คราวนี้สีหน้าที่ดูสลดลงไปเมื่อครู่ของไอ้เชษฐ์ แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนคนที่กำลังยินดีอย่างที่สุด

“แสดงว่ามึงเองก็ชอบกูเหมือนกัน”ทีนี้สีหน้า แววตา และน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูจะเป็นการหยอกเย้ากับผม พร้อมด้วยการที่จะดึงผมเข้าไปกอดกระชับ แต่ผมยังคงขืนตัวเอาไว้

“กูก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้อีกนั่นแหละ”คราวนี้ไอ้เชษฐ์ชะงักไปพร้อมด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่เข้าใจ ว่าตกลงผมจะเอายังไงแน่ อันนู้นก็ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ใช่

“มึงจะเอายังไงก็ว่ามาก่อนที่กูจะหมดความอดทน ปล้ำมึงในรถนี่ ข้างถนนตรงนี้”บอกแล้วว่าช่วงนี้ดูไอ้เชษฐ์อารมณ์ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวา เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ขุ่น ไม่ก็เหมือนจะโมโห แข็งกระด้าง พอสักพักมาเหมือนจะอ่อนโยน

“กูรู้ว่าความรู้สึกดีๆ ที่คนสองคนจะมีให้กัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา เพราะงั้นกูเข้าใจว่าการที่เราสองคนจะเกิดความรู้สึกดีๆ ให้กันและกันได้ แม้เราจะอยู่ด้วยกันมาแค่เดือนเดียว แถมยังไม่เต็มเดือนเสียด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละยังมีคนอีกมากมายที่มีความรักให้แก่กัน ตั้งแต่แรกพบ แต่ระหว่างเราสองคนในความเป็นจริงตอนนี้มึงรู้สึกกับกูยังไงนั้น ตัวมึงเองน่าจะรู้ดีที่สุด แต่สำหรับตัวกูเอง”ผมหยุดพูดพร้อมกับหันหลบสายตาของอีกฝ่ายเสมองตรงไปด้านหน้า อย่างใช้ความคิดในการทบทวนหลายๆ อย่าง ไอ้เชษฐ์เองก็ยังเงียบรอฟังว่าผมจะพูดยังไงต่อ

“กูไม่รู้ว่าความรู้สึกที่กูมีให้มึงมันจะเป็นแค่ความอ่อนไหวไปกับอารมณ์ชัววูบหรือเปล่า”ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย แต่ความรู้สึกที่ผมมีมันจะมั่นคงขนาดไหนกันล่ะ

“กูไม่เข้าใจ”มือของเจ้าของเสียงเอือมมาเชยคางผมพร้อมกับบังคับให้ใบหน้าหันกลับไปเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

“ทุกครั้งที่กูมีใคร หรือคบกับใครกูก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเค้าทุกคน แต่มันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เกิดจากความเหงา ความที่ต้องการใครสักคน แต่เมื่อถึงวันนึงกูก็จะรู้ว่า มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอด และเค้าเองก็ไม่ได้อยากอยู่กับกูไปจนชั่วชีวิตเช่นเดียวกัน”ดูผมจะสร้างกำแพงขึ้นมากั้นมากมาย ทั้งด้านความหนักแน่นของไอ้เชษฐ์เองที่ผมไม่มั่นใจในตัวมัน และตัวผมเองก็ไม่มั่นใจความความรู้สึกของผมเช่นกันว่ามันจะยืนยาวขนาดไหน ที่ผมต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ เพราะผมไม่อยากจะเสี่ยงกับเรื่องนี้อีกเป็นร้อยๆ ครั้ง ขอแค่ไม่กี่ครั้งก็พอ ถ้าครั้งนี้ผมจะพลาด ผมก็ขอไตร่ตรองให้ดีที่สุดก่อนแล้วกัน

“แม้กูจะบอกว่าเรื่องของเวลามันจะไม่สำคัญ แต่ความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ประมาณเดือนเดียวนี้ กูก็ไม่รู้สิว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป”ใช่แล้วมาถึงตอนนี้ ผมคงต้องเข้าใจในความรู้สึกตัวเองเสียก่อนว่าผมมั่นใจว่าจะเลือกคนๆ นี้แน่แล้วหรือ แล้วค่อยไปคิดต่อว่าเค้าจะเลือกผมหรือไม่

“อีกไม่นานมึงจะได้รู้”สิ้นคำพูดริมฝีปากผมก็ถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย ไม่นานลิ้นของเราสองคนก็พันผัวหยอกเย้าซึ่งกันและกัน มันวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก เนิ่นนานจนแทบจะขาดอากาศหายใจ และเมื่อดื่มด่ำรสจูบหอมหวานที่ต่างมีให้กันจนเป็นที่พอใจ เราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก รถที่วิ่งตรงไปยังบ้านผมเงียบสนิทไม่มีเสียงคำพูดใดๆ ออกจากปากผมหรือไอ้เชษฐ์อีก

“กว่าจะกลับกันมาได้นะพวกมึง...มัวแต่สวีทกันอยู่รึไง”พอเข้าบ้านปุ๊บ เสียงทักทายจากบรรดาเพื่อนๆ ก็มาในทันทีเลยครับ ก็ตามประสาเหมือนเดิมไม่มีทักทายดีๆ หรอกครับจะมีแต่กวนประสาทเท่านั้นแหละ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ รีบเดินตรงหาคุณนายผมดีกว่า คุณนายผมบ่นเล็กน้อยที่ช้า ผมกับไอ้เชษฐ์เลยโดนทำโทษด้วยการต้องยอมเป็นลูกมือให้คุณนายโขกสับ

ซึ่งการช่วยคุณนายผมเตรียมหมูกะทะสำหรับทุกๆ คนในวันนี้เป็นไปด้วยความทุลักทุเล เพราะผมเองเป็นลูกมือที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ ส่วนไอ้เชษฐ์เองแม้จะดูคล่องแคล่วกว่าผม แต่รวมๆ แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เท่าไหร่เลย สรุปแล้วดูผมกับไอ้เชษฐ์จะเป็นตัวถ่วงเวลาเสียมากกว่า แต่ก็ยังดีกว่าไอ้พวกเพื่อนๆ ผมที่รอรับประทานอย่างเดียวละว้า

“เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวเรียกเพื่อนๆ มายกออกไปข้างนอกนะ คุณแม่ขอเข้าห้องน้ำหน่อย”คุณนายบอกก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมมองเนื้อที่หมักเสร็จเรียบร้อย เหมือนจะเลี้ยงคนสักหมู่บ้านนึงได้เลยนะเนี่ย ผักที่ยังกะขนมาทั้งสวน ไหนจะพวกอาหารทะเลแและอื่นๆ อีกล่ะ จะกินกันหมดไหมเนี่ย ชักหวั่นๆ แล้วสิ เพราะไอ้พวกเพื่อนๆ ข้างนอกนั่นก็ปริมาณแอลกอฮอล์ได้ที่หมดแล้วไม่รู้จะทานได้สักแค่ไหน

ผมจัดเตรียมถ้วยจาน ช้อน ตะเกียบที่ทุกคนต้องใช้เป็นอาวุธประจำกายในการทานหมูกะทะ และเพิ่มอีกหนึ่งชุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจจะมีอีกคนที่มาร่วมปาร์ตี้ในคืนนี้ แต่นี่ก็เย็นแล้วยังไม่เห็นเค้ามาเลย หรือเปลี่ยนใจจะไม่มาแล้วก็ไม่รู้ เบอร์โทรผมก็ไม่ได้ขอเค้าไว้อีกด้วย แต่เค้ารับปากว่าจะมาก็น่าจะมา

“มึงบอกว่าเวลาแค่เดือนเดียวมันคงไม่มากพอที่เราสองคนจะรู้สึกดีๆ ต่อกันใช่ไหม”อยู่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็ถามขึ้นมา ผมหันมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ เพราะผมว่าผมก็ตอบข้อสงสัยของมันไปหมดแล้วนี่นา

“แล้วมึงว่าเวลาแค่เดือนเดียวนี่สามารถยืนยันได้แล้วเหรอว่ามึงชอบกูจริงๆ”ผมย้อนถามอย่างให้มันไต่ตรองอีกครั้ง เพราะเวลาเพียงไม่นาน มันอาจจะแค่รู้สึกว่าชอบ แต่จะชอบไปนานแค่ไหน แล้วมันรู้ตัวเองหรือยังว่าชอบอะไรในตัวผม ชอบแค่เพียงสัมพันธ์ทางกายหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นวันนึงมันก็ต้องหมดความสนใจซึ่งกันและกันไปในสักวัน

“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่ากูไม่ได้เพิ่งชอบมึงเมื่อตอนที่เรามาอยู่ด้วยกัน...มึงลองคิดดูสิว่าถึงวันนี้เราก็รู้จักกันมาจะ 4 ปีแล้ว”คิ้วผมขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ แน่นอนว่าผมงงกับคำพูดของมัน เพราะมันพูดเหมือนกับว่ามันชอบผมมานานแล้วอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราสองคนอยู่ในฐานะเพื่อน แล้วมันก็ไม่ได้แสดงอาการว่าชอบพอในตัวผมเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างทั้งผมและมันก็ต่างมีแฟนอยู่ตลอด ซึ่งดูผมจะเปลี่ยนแฟนบ่อยกว่ามันมาก เพราะไอ้เชษฐ์เองก็คบกับแหม๋วมาตั้งแต่ตอนเรียน ปี 2 จนมาเลิกกันเอาตอนที่ต้องเล่นเกมบ้าๆ ร่วมกับผมนี่แหละ

แล้วมันจะพูดให้ผมคิดในทำนองนี้เพื่ออะไรกัน เพราะก่อนที่เราสองคนจะเล่นเกมนี้มันยังแสดงออกชัดเจนอยู่เลยว่าไม่ชอบเกย์ แต่ถามว่า ตอนนี้ที่มันบอกผมว่ามันชอบผม ผมเชื่อหรือเปล่า ผมเชื่อนะว่าตอนนี้มันชอบผม แต่ผมคิดว่ามันแค่นึกอยากจะลองอะไรใหม่ เหมือนได้ลิ้มลองในอะไรที่ไม่เคยมาก่อน และเหมือนมันเองกำลังต้องการเอาชนะผม โดยการที่จะทำให้ผม “รัก” คนอย่างมันนั่นเอง และผมไม่รู้ว่าถ้าวันนึงผมเกิดรักมันขึ้นมาจริงๆ ตอนนั้นมันจะทำยังไงกับผม

“มึงกำลังจะหมายความว่า...”

“อ้าวอยู่นี่เอง”เสียงหนึ่งดังแทรกผมขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ ผมและไอ้เชษฐ์หันไปตามเสียง ก็เห็นชายหนุ่มคนที่ผมเจอเมื่อบ่ายนั่นเอง ผมยิ้มให้เป็นการทักทาย ส่วนเค้าเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

“นี่มาขัดจังหว่ะอะไรหรือเปล่า”มันส์พูดพร้อมกับมองหน้าผมและไอ้เชษฐ์สลับกันไปมา แน่ละที่มันส์จะสงสัยแบบนั้นเพราะไอ้เชษฐ์สีหน้าบอกอาการเสียเหลือเกินนิว่าไม่พอใจการมาของมันส์อย่างเห็นได้ชัด และก่อนที่ไอ้เชษฐ์จะพูดอะไรที่เป็นการเสียมารยาทออกไป ผมต้องเป็นฝ่ายที่พูดก่อนเสียแล้วล่ะ

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่มาถึงนานยัง ไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียก่อน แม้ว่าความจริงมันส์เองจะมาขัดจังหว่ะการสนทนาของผมกับไอ้เชษฐ์จริงๆ แต่เค้าคงไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดอะไรแบบนั้นหรอกน่า

“มาได้สักพักแล้วล่ะ สงสัยตี๊ฟคงยุ่งๆ อยู่ในนี้มั้งเลยไม่ได้ยินเสียงรถ ว่าแต่มีอะไรให้ช่วยไหม”มันส์ถามไถ่อย่างเป็นกันเอง แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ดูไม่ค่อยจะอยากเป็นกันเองกับมันส์สักเท่าไหร่ละมั้ง แล้วยิ่งไอ้เชษฐ์เพิ่งจะบอกว่าหึงผมกับมันส์ แบบนี้สองคนนี้จะญาติดีกันได้ไหมเนี่ย มันส์นะไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ไอ้เชษฐ์นี่แหละ แต่ก็ช่างเหอะถ้าไอ้เชษฐ์ทำตัวงี่เง่ามากๆ ผมก็จะไม่สนใจมันเท่านั้นแหละ

“เสร็จหมดแล้วแหละเหลือแค่ยกออกไปประเคนให้พวกข้างนอกนั่นเท่านั้นแหละ”ผมพูดติดตลก พร้อมกับเริ่มหยิบข้าวของที่เตรียมไว้เพื่อทยอยขนออกไปที่สนามหน้าบ้าน สบทบกับเพื่อนคนอื่นๆ โดยมีไอ้เชษฐ์กับมันส์ ช่วยยกตามออกมาติดๆ

“เออตี๊ฟไม่ได้บอกไอ้การ์ดเหรอว่าเราจะมา”พอเดินออกมาได้สักพักมันส์ก็เอ่ยถาม เหมือนเป็นการบอกเล่าเสียมากกว่าเพราะคงไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรจริงจังจากผม ส่วนไอ้เชษฐ์ตอนนี้ดูเงียบขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด

“อ๋อพอดีกลับมาก็มาเป็นลูกมือคุณนายเค้า เลยยังไม่ได้คุยอะไรกันนะ นี่ยังไม่ได้บอกคุณนายเค้าเหมือนกันเลยว่ามันส์มา”ผมบอกออกไปในขณะที่เดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อน นี่ไม่รู้ว่าไอ้การ์ด หรือไอ้ต๊าฟ ซึ่งรู้จักกับมันส์จะแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จักไปหรือยังก็ไม่รู้

“แล้วนี่คุณแม่ไปไหนซะล่ะ”บทสนทนาของผมกับมันส์ตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังถูกจับจ้องโดยใครบางคน แต่ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าคือไอ้เชษฐ์นั่นเองที่จับตาทุกอริยาบทของผมกับมันส์ในตอนนี้ แต่ผมก็พยายามพูดคุยให้เป็นปกติแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์กำลังไม่พอใจผมอยู่ ที่พูดคุยกับมันส์อย่างคุ้นเคยแบบนี้ ส่วนมันส์เองก็น่าจะรู้เหมือนที่ผมสังเกตได้นั่นแหละ เพราะไอ้เชษฐ์ก็ใช่ว่าจะเก็บอาการเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นเรื่องที่ผมกับมันส์คุยกันในตอนนี้จึงมีแค่เรื่องถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แต่เหมือนมันจะเป็นมันส์ถาม ผมตอบเสียมากกว่า เพราะเค้าไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถาม

“อ้าวไอ้ตี๊ฟกิ๊กเก่ามานี่ กิ๊กใหม่ตกกระป๋องเลยรึไง”เสียงไอ้พี่ชายตัวดีของผม เริ่มจะออกโรงช่วยไอ้เชษฐ์แล้วรึไงกันนะ ผมหันไปมองไอ้ต๊าฟ อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ส่วนมันส์เองก็เพียงยักคิ้วแล้วยิ้มอย่างกวนๆ ตอบไอ้ต๊าฟไปเท่านั้นเอง ความจริงมันส์กับไอ้ต๊าฟเมื่อก่อนก็สนิทกันมากเหมือนกัน ด้วยความที่เมื่อก่อน มันส์มาบ้านผมบ่อยนั่นเอง

“ไอ้มันส์...นี่กะจะมาเขี่ยถ่านไฟเก่ารึเปล่ามึง”ไอ้การ์ดส่งเสียงมาอีกคนครับ ตามด้วยเสียงเป่าปากโห่ร้องของเพื่อนๆ คนอื่นๆ ตกลงว่าพวกนี้มันเป็นลูกล่อลูกรับให้ไอ้การ์ดได้ทุกเรื่องเลยรึไงนะ

“อ้าวๆ หนุ่มๆ มีอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างในบ้าน”เสียงคุณนายผมส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีกครับ

“สวัสดีครับคุณแม่”มันส์ยกมือไหวพร้อมกับกล่าวทักทายคุณนายผม ที่หน้าเหวอแบบตั้งตัวไม่ทัน

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/7

“สวัสดีครับคุณแม่”มันส์ยกมือไหวพร้อมกับกล่าวทักทายคุณนายผม ที่หน้าเหวอแบบตั้งตัวไม่ทัน

“อ้าวมันส์เหรอนี่ลูก...เป็นไงมายังไง ไม่ได้เจอเสียนานเลย”คุณนายผมรู้สึกจะตั้งตัวได้ไวเหมือนกันนะเนี่ย แม่ผมกล่าวทักทายมันส์อย่างเป็นกันเองอีกคนเพราะค่อนข้างจะรู้จักมักคุ้นกันมานาน ถึงแม้แม่ผมจะรู้ว่าผมกับมันส์จะเลิกรากันไปนานแล้ว แต่ก็เป็นการจากกันด้วยดี ที่ยังหลงเหลือความรู้สึกที่ดีต่อกัน

“ไม่เจอกันนานแต่คุณแม่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”คำพูดจากมันเรียกเสียงหัวเราะจากคุณนายผมได้พอควร เพราะคุณนายผมก็บ้ายอเสียเหลือเกิน

“แหมยังปากหวานเหมือนเดิมนะเนี่ย ว่าแต่คงไม่ได้กลับมาทวงตำแหน่งลูกเขยของแม่อีกคนใช่ไหม เพราะตอนนี้...”แหมคุณนายผม ออกตัวแทนไอ้เชษฐ์เสียแรงเลยนะเนี่ย เพราะเล่นพูดกันท่ามันส์ไว้เสียขนาดนี้ แถมบุ้ยใบ้ไปทางไอ้เชษฐ์เสียเต็มที่ขนาดนี้ มันส์ก็คงเข้าใจได้ไม่อยาก แถมด้วยคำพูดที่ผมโกหกมันส์ออกไปว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกันคงจะยิ่งช่วยทำให้มันส์เข้าใจแบบนั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นความต้องการของผมอยู่เหมือนกันที่อยากให้เป็นเช่นนั้น

“แหมคุณแม่ก็...ตอนนี้ผมกับตี๊ฟก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นแหละครับ ตี๊ฟเค้ามีคนคอยดูแลเอาใจใส่แล้วแบบนี้ผมก็ยินดีด้วยแหละครับ”นั่นสินะ ระหว่างผมกับเค้า จากวันที่เราตกลงกันมาจนถึงวันนี้ และมันคงจะตลอดไป ยังไงเสียเราก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเพื่อน

“แล้วตกลงจะย้ายกลับมาอยู่ไทยแล้วเหรอลูก”โหคุณนายผมช่างถามได้ตรงใจผมดีจัง กำลังอยากจะรู้อยู่เหมือนกันว่าตกลงเค้าไปยังไงมายังไงกันแน่ ถึงได้โผล่มาเจอกับผมในวันนี้

“เปล่าหรอกครับ ก็อย่างที่รู้ว่ายังไงเสียครอบครัวผมก็คงอยู่ที่อังกฤษเป็นการถาวร พอดีว่าที่มานี่เพราะพี่มุกเค้าอยากมาเที่ยวทะเลที่ไทยนะครับ ผมเลยได้ติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวกับเค้าเท่าไหร่ พวกพี่มุกไปเที่ยวเกาะล้านกันมั้งครับ แต่ผมอยากอยู่กรุงเทพฯ มากกว่า กะว่าจะแวะมาเยี่ยมคุณแม่อยู่เหมือนกัน โชคดีที่เจอตี๊ฟก่อนเลยได้มาวันนี้แหละครับ”มันส์อธิบายแต่แอบแฝงไปด้วยน้ำเสียงหม่นๆ เล็กน้อยเมื่อเค้าต้องพูดถึงเรื่องอันเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของเค้าตัดสินใจย้ายไปอยู่อังกฤษ และไม่คิดจะหวนกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนอีก

“แล้วได้กลับมาเที่ยวบ่อยหมละหือ”คุณนายผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเป็นการปลอบประโลมไปในตัว ผมสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ ของเค้าเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีเหมือนเดิม

“ก็แค่ปีละครั้งแค่นั้นแหละครับ หรือบางปีก็ไม่ได้มาเลย มาทีไรก็กระชั้นชิดเวลาจำกัดอีกต่างหากเลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนกันเลย ไงผมก็ต้องกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับ”ดูๆ ไปแล้วก็น่าสงสารเค้าเหมือนกันนะเนี่ย ที่คงอยากใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

“ไม่เป็นไรๆ ยังไงวันนี้ก็มาแล้วแบบนี้ต้องฉลองกันหน่อย”ว่าแล้วคุณนายผมก็เดินสายพูดคุยกับบรรดาเพื่อนๆ ผมที่เริ่มอ้อแอ้กันแล้ว แต่พวกนี้ยังสามารถยัดของกินเข้าไปในกระเพาะได้อีกครับ เพราะพวกนี้มันกระเพาะ 4 ส่วน (เรียกง่ายๆก็กระเพาะควายนั่นเอง ฮ่าๆ) แค่เห็นพวกนี้กินกันเหมือนเอร็ดอร่อยคุณนายผมก็ดีใจแล้วละครับ

“ไอ้มันส์มึงมานี่เลย อย่าไปเกาะแกะไอ้ตี๊ฟมันมาก เจ้าของเค้าหวง”ไอ้การ์ดมาลากตัวมันส์ที่ทำท่าว่ากำลังจะเอ่ยปากคุยกับผม แต่มันส์ก็กยอมไปกับไอ้การ์ดแต่โดยดี และดูมันส์เองจะเข้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้เร็วเหมือนกัน จากตอนแรกที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ ดูจะคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของผมกับมันส์ เพราะพวกนี้ก็ชัดเจนกันอยู่แล้วว่าเชียร์ไอ้เชษฐ์

“อยากพูดอะไรบ้างไหม”คนที่เอาแต่เงียบมาพักใหญ่ ขยับมานั่งใกล้ผม เอ่ยถามขึ้น จริงๆ ไอ้เชษฐ์เองก็คงมีหลายคำถามเกี่ยวกับผมและมันส์ แต่มันเลือกที่จะไม่ถามออกมาเหมือนกำลังรอให้ผมเป็นคนเล่าให้ฟังเอง แต่เมื่อผมไม่เล่าอะไรไอ้เชษฐ์เลยต้องมามุกนี้ละมั้ง

“อยากรู้อะไรบ้างละ”ผมตอบกลับออกไปโดยไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา แต่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ปล่อยให้น้ำสีอำพันนั้นเคลื่อนผ่านลำคออย่างช้าๆ เพื่อรับรสชาติที่คุ้นเคย

“แค่สองเรื่อง”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องหันไปมอง อย่างสงสัย ไอ้เชษฐ์อยากรู้อยู่สองเรื่องงั้นเหรอ แล้วมันเรื่องอะไรบ้างละ คราวนี้กลับกลายเป็นผมเองที่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าตัวไอ้เชษฐ์นั้นมันต้องการรู้เรื่องอะไรบ้าง

“ว่ามา”ผมหันจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างอยากรู้อยากเห็น จริงๆ ผมน่าจะแกล้งทำเป็นไม่ค่อยอยากรู้แต่สงสัยคงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ผมลืมไปดันแสดงออกซะเต็มที่เลยว่าอยากรู้เอามากๆ

“ช่วยยืนยันกับกูหน่อยว่ามึงกับเค้าตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น และจะไม่มีทางกลับไปคบกันในฐานะอื่นอีกใช่ไหม”คนพูดขยับเข้ามาชิดผมอีกพร้อมกับหันหน้ามาจ้องผม หน้าเราอยู่ใกล้กันแทบจะชิดอยู่แล้ว ลมหายใจอุ่นๆของเราทั้งคู่เหมือนจะกำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะสังเกตดูเราสองคนอยู่หรือเปล่า แต่ผมเองก็ต้องระวังไว้ก่อนเลยค่อยๆ ขยับถอยห่างออกเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทาง

“กูกับมันส์...ยังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนกันอยู่แล้ว”แม้จะพูดออกไปไม่เต็มเสียงนัก แต่ยังไงความจริงผมกับมันส์ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนที่เคยได้อยู่แล้วเรื่องนี้ผมกับมันส์รู้ดี อีกอย่างความรู้สึกของผมเองก็ไม่ได้คิดกับมันส์แบบนั้นอีกแล้ว ส่วนมันส์เองผมคงจะตอบแทนเค้าไม่ได้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไร

“หมายความว่ายังไง”แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอีกเช่นเคยที่ถูกส่งผ่านมายังผม นี่ผมควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้เชษฐ์รับรู้ดีหรือเปล่า แต่ว่า...มันก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องบอกละเอียดขนาดนั้นนี่นา

“เอาเป็นว่ากูยืนยันว่ากูกับมันส์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น โอเคไหม แล้วอีกเรื่องที่สงสัยคือไรว่ามา”ผมแสร้งทำเป็นเฉไฉก่อนที่ความสงสัยของไอ้เชษฐ์จะทวีคูณขึ้นไปอีก และแน่นอนแม้ไอ้เชษฐ์จะยังคงคลางแคลงสงสัยแต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

“ทำไมมึงต้องบอกกับมันส์ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”ไอ้เชษฐ์ถอนหายใจยาวๆ อย่างเหนื่อยใจก่อนจะถามผมออกมาอีกหนึ่งข้อสงสัย และกับข้อนี้ถ้าต้องหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงบอกกับมันส์ไปแบบนั้นมันก็จะวกกลับไปเหมือนกันกับเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่อีกนั่นแหละน้า เฮ้อ หรือผมต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้เชษฐ์ฟังจริงๆงั้นเหรอ

“ก็เพื่อที่จะยืนยันกับเค้าไงว่ากูกับเค้าจะไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเพื่อนเท่านั้น”ผมหันไปยิ้มให้อีกคนเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังคงมีความเคลือบแคงสงสัยอยู่เช่นเดิม

“กูไม่เข้าใจ”ตอนนี้รู้สึกเหมือนคนอื่นๆ จะเริ่มมองมาที่เราสองคนกันแล้ว คงเพราะทำตัวเหมือนอยู่กันสองคนมากไปหน่อยเสียแล้ว และมีหนึ่งคนที่ตอนนี้เดินเข้ามาหาผมกับไอ้เชษฐ์ ทำให้บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์หยุดลงอย่างเสียไม่ได้

“ขอยืมตัวตี๊ฟสักครู่ได้ไหม”มันส์ตรงเข้ามาบอกกับไอ้เชษฐ์พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร แต่ไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์นี่จะอยากเป็นมิตรบ้างหรือเปล่า

“ได้สิ แต่แค่แป๊บเดียวนะ”อ้าวนี่มึงมาเป็นเจ้าของกูตั้งแต่เมื่อไหร่กันไอ้เชษฐ์ ถึงมึงจะไม่อยากให้กูคุยกับมันส์ก็ใช่ว่ากูจะทำตามเสียเมื่อไหร่ ชิชะๆ แล้วไอ้เชษฐ์ก็กเดินเลี่ยงออกไปหากลุ่มเพื่อนๆ เพราะไอ้เชษฐ์เองก็คงพอจะรู้ว่ามันส์คงอยากจะคุยกับผมตามลำพังมากกว่า

“คบกันมานานหรือยัง”พอคล้อยหลังไอ้เชษฐ์มันส์ก็เริ่มเปิดประเด็น ซึ่งก็เป็นเรื่องผมอีกแล้ว ทั้งที่ผมเองก็อยากถามเค้าหลายเรื่องเหมือนกันว่าเค้าไปยังไงมายังไงกันแน่

“ก็รู้จักกันตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละ ประมาณ สามปี กว่าๆ จะสี่ปีแล้ว”ผมตอบเลี่ยงๆ แค่ให้รู้ว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะถ้าจะให้ตอบว่าคบกันในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แค่เพื่อน ผมกับไอ้เชษฐ์มันเหมือนจะยังไม่ใช่อย่างนั้นเลยนี่นา

“ดูท่าเค้าจะขี้หึงมากนะ”มันส์พูดยิ้มๆ ก่อนจะยกแก้วเบียร์มาชนแก้วผมเป็นสัญญาณให้ดื่มหมดแก้ว

“คงงั้นมั้ง”ผมตอบพร้อมกับหยิบเบียร์รินลงแก้วของเราทั้งคู่

“พูดเหมือนยังไม่ค่อยมั่นใจกับความรักครั้งนี้”เค้ายังคงมองผมทะลุปรุโปร่งเหมือนเดิม นี่ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้หรือเปล่าว่าผมโกหกเรื่องที่ผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกัน แต่ดูๆแล้วเค้าคงไม่คิดว่าผมโกหกหรอก เพราะคนรอบข้างพากันช่วยยืนยันเสียขนาดนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องจริง ใครๆก็คงไม่สงสัยอยู่แล้ว

“คนเราเมื่อเวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ มันก็อาจเปลี่ยนตาม ยิ่งความรู้สึกของคนวันนี้รัก พรุ่งนี้อาจจะเบื่อก็ได้”ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ เพราะขนาดความรู้สึกของผมที่เคยมีต่อมันส์ แม้ตอนนี้ผมจะไม่ได้เกลียดเค้า แต่มันก็ไม่ได้เหมือนเมื่อครั้งที่เรายังรักกันอีกแล้ว

“ก็จริง...แต่เราดูจากแววตาที่ตี๊ฟกับเค้ามองกันและกันแล้ว เราว่านี่อาจจะเป็นรักครั้งสุดท้ายของทั้งตี๊ฟและเค้าก็ได้นะ”แม้จะคิดว่าที่มันส์พูดออกมานั้น ก็แค่พูดไปตามมารยาทที่ควรพูด แต่ผมเองกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินเช่นนั้น

“แล้วมันส์ละ...ถามแต่เรื่องเราเล่าเรื่องมันส์บ้างสิ”พอผมถามออกไปดูเหมือนแววตาของเค้าจะดูหม่นลงเล็กน้อย แต่แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนจะปรับให้ดูเป็นปกติ

“ยังจำเรื่องนั้นได้ไหม”แทนที่เค้าจะตอบคำถามผมแต่เค้ากลับเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ การตั้งคำถามของเค้าแม้จะไม่ชี้ชัดว่าเค้าหมายความถึงเรื่องอะไรแต่ผมเองก็พอจะเดาออก ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าเข้าใจและยังคงไม่ลืมเรื่องที่เค้าเอ่ยออกมา


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/8

“พ่อ...พ่อมาที่นี่ได้ยังไง”เรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เริ่มฉายชัดขึ้นในมโนภาพของผม เย็นวันนึงผู้เป็นพ่อของมันส์มาหาผมที่บ้าน หลังจากที่ท่านรับรู้ว่าผมกับมันส์คบกันในฐานะอะไร แน่นอนที่ท่านมาหาผม คงไม่ได้มาด้วยความปลื้มปิติ แม้ทุกคำพูดที่ท่านพูดกับผม ไม่ได้ท่าทอหรือมีคำหยาบ แต่ทุกคำพูดที่เอ่ยกับผม มันบาดลึกลงไปทุกอณูขุมขน ความรักที่ใครๆ ต่างก็บอกว่ามันคือสิ่งที่สวยงาม แต่ความรักระหว่างผมกับมันส์ในตอนนั้น มันได้ทำร้ายใครหลายคน

สิ่งที่ผมรับรู้จากพ่อของมันส์ทำให้ผมต้องคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม่ของมันส์ช็อคหลังจากที่รับรู้เรื่องนี้ ตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนคุณพ่อของมันส์เองก็เครียดจนความดันขึ้น ส่วนนึงที่ครอบครัวของมันยอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้คงเพราะ เค้าเองปิดบังทางบ้านมาตลอด แต่สำหรับครอบครัวผม ผมได้เปิดใจคุย และทำความเข้าใจกับที่บ้านมาทีละเล็กละน้อย ไม่ได้มาแบบตูมเดียวเช่นนี้ เพราะแรกๆ ครอบครับของผมเองก็ทำใจไม่ค่อยได้เช่นกัน

“กลับไปคุยกันที่บ้าน”มันส์ที่เพิ่งจะตามมาถึงถูกคุณพ่อลากแขนเพื่อจะพาขึ้นรถกลับบ้าน ผมเองได้แต่ยืนนิ่งคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปยังไง

“ไม่ ผมไม่กลับ พ่อมาพูดอะไรกับตี๊ฟ เราสองคนรักกันทำไมพ่อต้องมาขัดขวางพวกเราด้วย”คำพูดที่พ่อของเค้าพูดกับผมยังคงก้องอยู่ในหัว มันส์มีพี่สาวแค่คนเดียว นั่นก็หมายความว่าเค้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน และที่บ้านเค้าก็ยังอยากให้ลูกชายได้สืบทองดวงศ์ตระกูล

“พ่อไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวของพ่อต้องกลายมาเป็นพวกวิปริตผิดเพศ เพราะฉะนั้นกลับบ้าน”พ่อของเค้าบอกกับผมว่า มันส์เองไปพูดกับท่านว่ามันส์ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ชอบผม คือถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมันส์ก็ไม่สนใจ พ่อเค้าก็เลยมาขอร้องว่าถ้าผมกับมันส์ยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้มันส์ก็จะกลับไปเป็นคนปกติธรรดา ขอให้ผมเห็นแก่ผู้ใหญ่บ้าง เพราะความสัมพันธ์ของเราสองคนมันทำร้ายครอบครัวเค้าจนจะไม่เป็นครอบครัวอยู่แล้ว

“มันส์กลับบ้านไปกับคุณพ่อเถอะ”ผมบอกออกไปก่อนจะเดินเข้าบ้าน แม้เสียงตะโกนไล่หลังของมันส์ที่ยังคงดังตามมาแต่ผมก็ไม่คิดจะหันกลับไปมอง ถ้าความรักมันต้องทำให้ใครอีกหลายคนเจ็บ ผมว่าผมกับเค้าสองคนควรจะยอมเสียสละเจ็บปวดเพียงสองคนไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้เราสองคนยังเด็กนัก ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่านี่มันคือความรักที่แท้จริงหรือเป็นแค่ความหลงใหล อยากรู้อยากลอง

หลังจากวันนั้นมันส์ก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลย ประมาณหนึ่งอาทิตย์จากวันนั้น ข่าวลือเรื่องที่ครอบครัวของมันส์จะย้ายไปอยู่เมืองนอกก็แพร่ไปทั่วโรงเรียน ทั้งที่เรียนอีกแค่ไม่กี่เดือนมันส์ก็จะจบมัธยมแล้ว แต่ครอบครับของเค้าก็เลือกที่จะไม่รอให้มันส์เรียนจบ พวกเค้าจัดการเรื่องราวทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว

จนถึงวันที่ครอบครัวของมันส์จะออกเดินทาง มีเพื่อนหลายคนที่จะไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่ผมเลือกที่จะไม่ไป เพราะน่าจะเป็นการดีกว่า ที่ผมจะไม่ไปเสนอหน้าให้ครอบครัวเค้าต้องเจ็บปวดอีก แต่ถามว่าผมเจ็บไหมที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เจ็บปวดไม่แพ้ใคร แต่ผมเองก็เป็นแค่คนอื่น ยังไงเสียคนในครอบครัวของเค้าก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว

“ตี๊ฟ”ผมหันไปตามเสียงเรียก และเมื่อเห็นหน้าคนที่เรียกผมก็ต้องตกใจ นี่เค้ามาทำอะไรที่นี่ เครื่องใกล้จะออกแล้วไม่ใช่หรือ

“มันส์มาทำไม เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”ผมบอกออกไปอย่างเป็นห่วง แล้วนี่พ่อแม่เค้ารู้หรือเปล่าว่าเค้ามานี่ เกิดพ่อแม่เค้ารู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

“ไม่คิดจะไปส่งกันเลยใช่ไหม”น้ำเสียงที่ตัดพ้อส่งผ่านมาถึงผม พร้อมกับอ้อมกอดของเค้าที่ดึงผมกระชับแน่นเข้าหา ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นตรงไหล่ที่หน้าของเค้าวางอยู่ ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก เพราะไม่รู้จะพูดยังไง และผมเองก็ไม่มีน้ำตาออกมาแม้สักหยด แม้จะเสียใจที่เรื่องราวกลายมาเป็นแบบนี้ แต่มันกลับร้องไม่ออก สงสัยแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าน้ำตาตกใน

“ตี๊ฟ...บอกเราสิ บอกหน่อยว่าให้เราอยู่ไม่ให้เราไป แค่ตี๊ฟพูดมาคำเดียวเราพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ต่อ”ให้เค้าอยู่ต่องั้นเหรอ ถ้าถามผมให้ตอบแบบเห็นแก่ตัวแน่นอนผมต้องอยากให้เค้าอยู่ต่ออยู่แล้ว แต่มันถูกต้องแล้วหรือ

“มันส์...ถ้าการที่เราสองคนจะคบกันมันทำให้คนอื่นอีกหลายคนต้องเจ็บปวด มันส์คิดว่าเรายังจะควรดันทุรังคบกันต่อไปอีกเหรอ”ผมค่อยๆ ดันตัวเค้าออกเพื่อมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเค้า ผิดกับผมที่ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด

“แต่เราสองคนรักกันจริงๆ นี่นา”น้ำเสียงคนพูดงอแงเหมือนเด็กโดนขัดใจ ใช่แล้ว ตอนนี้เราสองคนยังเด็กนัก ชีวิตยังต้องเจอะต้องเจอคนอีกมากมาย เราสองคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันก็ได้

“วันนี้รัก แล้วพรุ่งนี้ยังจะรักหรือเปล่า จะรักอีกนานแค่ไหน รักกันตลอดไปหรือเปล่า คิดดูดีๆ นะมันส์ เราสองคนเพิ่งจะอายุแค่นี้ ชีวิตยังอีกยาวไกล ต้องพบเจออะไรอีกตั้งมากมาย วันนึงเราอาจจะมองเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องตลกก็ได้ แต่ตอนนี้เราสองคนควรทำตามในสิ่งที่มันน่าจะถูกต้องสำหรับใครหลายๆ คนน่าจะดีกว่า ความรักมันไม่จำเป็นจะต้องได้ครอบครองเสมอไปหรอกนะ”บอกตรงๆ ว่าแม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ผมเองก็ไม่ได้ดีพอจะทำแบบนั้นได้หรอกนะครับ

“มันต้องจบแบบนี้จริงๆ เหรอ”แววตาที่ปวดร้าวของเค้า มันเหมือนส่งผ่านมายังผม ผมเองก็รู้สึกปวดร้าวไม่ได้ต่างจากเค้าแม้แต่น้อย

“เอางี้ไหม...ถ้าวันนึงที่มันส์สามารถทำให้พ่อของมันส์ยอมรับในเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนได้ และเราสองคนต่างยังไม่มีใคร แล้วเราจะกลับมารักกันมันก็ยังไม่สายไปใช่ไหม”แม้ผมจะไม่มั่นใจอะไรในอนาคต ไม่รู้ว่าจะมีวันที่พ่อของมันส์จะยอมรับได้ หรือเมื่อวันเวลาผ่านไปเราสองคนจะยังรักกันอยู่หรือเปล่า แต่ว่านี่คงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

“สัญญานะ”เค้านิ่งไปสักครู่ก่อนจะตอบออกมา

“สัญญาสิ”ผมตอบออกไปแบบนั้น แต่ผมคิดว่าคงจะเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่พ่อของมันส์จะเปลี่ยนใจ เพราะแค่ท่านรู้เรื่องท่านยังลงทุนถึงขนาดย้ายบ้านหนีไปไกลคนละซีกโลกแบบนี้ ผมเองมั่นใจว่าท่านคงไม่มีวันให้ผมกับลูกชายท่านได้กลับไปมีความสัมพันธ์กันแบบเดิมอีกแล้ว

“ตี๊ฟรอเรานะ เราจะไม่มีใคร”ทันทีที่เค้าพูดออกมา นิ้วผมก็สัมผัสที่ริมฝีปากนั้น เป็นการบอกให้เค้าอย่าเพิ่งพูดแบบนี้เลย

“อย่าเพิ่งปิดโอกาสตัวเองเลย เราต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ วันนี้เราอาจเป็นคนที่ใช่สำหรับมันส์หรือมันส์เป็นคนที่ใช่สำหรับเรา แต่วันนึงเราต่างคนอาจจะเจอคนที่ใช่กว่าก็เป็นได้ จริงไหม”ที่พูดไปแบบนั้นเพราะผมไม่อยากให้เค้าปิดกั้นตัวเอง เพราะถ้าเค้าจะมารอผมอย่างเดียวชีวิตเค้าอาจจะไม่มีวันสมหวังก็เป็นได้ และส่วนนึงผมเองจะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้เพราะผมค่อนข้างจะมั่นใจแล้วว่าเรื่องราวระหว่างเราสองคน มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

“งั้นก็ได้แต่หวังว่าจะมีวันที่เราสองคนได้กลับมารักกันอีกนะ”มันส์พยายามตั้งสติให้ดี ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ผมเหลือบมองตามเช่นกัน เค้าเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงก่อนเครื่องจะออก แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางจากนี่ไปถึงสนามบินได้

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ขอให้ทุกอย่างมันอยู่ภายในใจของเราสองคนก็พอแล้ว”เราทั้งสองมองหน้ากันและกันอีกครั้งเหมือนต้องการจดจำในทุกรายละเอียดของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ก่อนที่มันส์จะหันหลังให้ผมเพื่อเดินจากไป นี่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ผมมองตามแผ่นหลังของเค้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ

“ตี๊ฟ”แล้วจู่ๆ เค้าก็หันกลับมาเรียกชื่อผม ซึ่งผมก็ได้แต่มองเค้าอย่างงงๆ

“มันส์รักตี๊ฟนะ”เค้าตะโกนกลับมาที่ผม ที่จริงแม้เค้าไม่บอกผมก็รับรู้ได้แต่พอได้ยินแบบนี้มันก็รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“อืม”ผมเพียงรับคำสั้นๆ และพยักหน้าตอบว่าผมเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูด เค้าจ้องมองผมอีกสักพักเหมือนกำลังรอฟังอะไรจากผม แต่เมื่อผมไม่พูดอะไรตอบออกไปอีก เค้าจึงหันกลับและเดินห่างผมออกไปเรื่อยๆ จนลับตา

“ตี๊ฟก็รักมันส์เหมือนกันนะ”เสียงที่ออกจากปากผมช่างแผ่วเบา จนเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่ถึงผมจะพูดเสียงดังแค่ไหน มันก็ไม่คงทำให้เค้าได้ยินหรอกก็ในเมื่อตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ผมค่อยๆ ทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง

จากวันนั้นผมและเค้าก็เหมือนตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง ผมไม่เคยได้ข่าวคราวของเค้าอีกเลย จากวันเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี แล้วเรื่องราวของผมกับเค้าก็กลายเป็นแค่เพียงวันวานที่ยังอยู่ในความทรงจำเท่านั้น





“เราคงทวงสัญญานั่นไม่ได้แล้วใช่ไหม”คำพูดของมันส์ปลุกผมจากห้วงอดีต ใช่สินะที่ผมเคยบอกกับเค้าว่าวันนึงถ้าพ่อเค้ายอมรับเรื่องนี้ได้และเราสองคนยังไม่มีใคร ผมกับเค้าจะกลับไปคบกันเหมือนเดิม และนี่คือเหตุผลที่ผมต้องบอกกับเค้าว่าไอ้เชษฐ์คือแฟนของผม เพราะผมมั่นใจเหลือเกินว่าพ่อเค้าคงยังไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ผมจะไม่มั่นใจว่ามันส์เองจะยังคิดยังไงกับผม แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน เผื่อว่าเค้ายังรอคอยผมอยู่ ผมก็อยากจะปลดปล่อยเค้าให้พ้นจากข้อผูกมันนี้เสียเถิด เพราะผมคงไม่มีค่าพอที่จะให้เค้ามารอคอยอีกแล้ว ตัวผมไม่ได้มั่นคงรอคอยเพื่อจะกลับไปเริ่มต้นกับเค้า แต่ผมทำตัวลองผิดลองถูกกับใครมาเท่าไหร่กันแล้ว

“คุณพ่อมันส์คงไม่ยอมให้มีวันนั้นหรอกมั้ง”ผมแกล้งพูดกระเซ้าออกไปอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งเค้าเองก็ยิ้มกลับให้ผมเช่นกัน

“นั่นสินะ”แค่นี้ผมก็เดาได้แล้วว่าพ่อของเค้ายังไม่เปลี่ยนความคิดเดิมแม้แต่น้อย

“แล้วนี่คุณพ่อท่านรู้หรือเปล่าว่ามาที่นี่ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก”ผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ หากผมจะเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเค้ามีปัญหาอีก

“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่อย่าให้พ่อเค้ารู้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะปิดอยู่หรือเปล่านะ เพราะนี่เราก็ไม่ยอมกลับตามกำหนดเดิมแล้วด้วย”อย่าบอกนะว่าเค้าแอบหนีที่บ้านมาหาผม ไหนเค้าบอกว่ามาเที่ยวเมืองไทยกับพี่สาวไม่ใช่เหรอ

“หมายความว่าไง”ผมเป็นคนเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่นานหรอกครับ

“ก็จริงๆ เราต้องบินกลับพร้อมพี่มุกตั้งแต่เย็นวันนี้แล้วแหละ แต่เราเลือกที่จะมาหาตี๊ฟก่อน เลยจองตั๋วกลับพรุ่งนี้เช้าแทน”นี่ผมจะเป็นต้นเหตุสร้างปัญหาให้เค้าแล้วจริงๆ ใช่ไหมนี่ ว่าแต่เค้าต้องกลับพรุ่งนี้เช้าเลยหรือนี่ น่าใจหายเหมือนกันนะเนี่ยเพิ่งได้เจอกันแต่อีกเดี๋ยวก็ต้องจากกันอีกแล้ว

“แล้วยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องสัญญงสัญญาอีกนะ”ผมพยายามพูดแซวให้เค้ารู้สึกดีขึ้นเพราะเห็นได้ชัดว่าเค้าเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย กับการที่เค้าแอบมาพบผมในวันนี้

“ถึงแม้พ่อเราจะยอมรับได้ว่าเราชอบตี๊ฟแต่ติ๊ฟเองก็คงกลับมาคบกับเราไม่ได้อีกแล้วนิ”ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมพลาดแล้วที่วกกลับมาพูดเรื่องนี้อีก ก็ผมปิดทางเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ด้วยการไปบอกเค้าว่าไอ้เชษฐ์คือแฟนผม

“มันส์...”ผมไม่รู้จะขอโทษเค้ายังไงดี เพราะตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าเค้ายังคงทำตามสัญญาครั้งนั้นอยู่หรือเปล่าเนี่ย

“ไม่เป็นไรหรอก...เราโอเค แม้เราจะเคยเป็นคนที่ใช่สำหรับตี๊ฟ แต่ตอนนี้ตี๊ฟก็เจอคนที่ใช่กว่าแล้ว เราควรจะยินดีด้วยไม่ใช่เหรอ ความรักมันไม่จำเป็นที่จะต้องได้ครอบครองเสมอไปนี่นา”คำพูดของเค้าทำเอาผมจุกแทบพูดไม่ออก ถ้าเค้ายังคงรักผมอยู่จริงๆ ผมคงเป็นคนที่แย่มากๆ เพราะในขณะที่เค้ายังมั่นคงและให้ความสำคัญกับเรื่องราวของเราในอดีตขนาดนั้นแต่ผมกลับแกล้งทำเป็นลืมเลือนมาตลอด และเหมือนจะลืมไปจริงๆ เสียแล้ว

“พรุ่งนี้เครื่องออกกี่โมงเหรอ”ผมพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ จะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ยอม แต่ผมก็คงทำอะไรเพื่อเค้าไปไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“แปดโมงเช้า...ไปส่งเราด้วยนะ”เค้าหันมายิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่พยายามฝืนๆ ยังไงบอกไม่ถูกผมยิ่งมั่นใจว่าเค้าคงจะยังจมอยู่กับความเจ็บปวดแต่ถ้าตอนนี้เค้าคิดว่าผมกับไอ้เชษฐ์รักกันอยู่จริงๆ ผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยปลดปล่อยเค้าให้หลุดพ้นจากการเฝ้ารอจะกลับมาคบกับผมเสียที

“ได้สิ”ผมตอบรับเพียงสั้นๆ เป็นการยืนยันว่าพรุ่งนี้จะไปส่งเค้าที่สนามบินแน่นอน แล้วเราทั้งสองก็ต่างคนต่างเงียบกันไปพักใหญ่ ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับการคิดทบทวนเรื่องราว สำหรับผมนั้นตัดสินใจได้แล้วว่ายังไงเสียผมกับเค้าก็คงไม่มีทางจะเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และได้แต่หวังว่าเค้าจะคิดเหมือนผม และขอให้เค้าได้เจอใครสักคนที่พร้อมจะเคียงข้างเค้าในเร็ววันนี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมใช้แวลาแทบจะทั้งหมดอยู่กับมันส์เสียส่วนใหญ่จน เค้าขอตัวกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม แม้ผมจะบอกเค้าว่าค้างที่บ้านผมก็ได้เพราะเค้าก็ดื่มไปพอสมควร ไม่อยากให้ขับรถสักเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมยืนยันจะกลับโรงแรมให้ได้

“ขอเรากอดตี๊ฟหน่อยได้ไหม”พอผมเดินออกมาส่งมันส์ที่หน้าบ้านเค้าก็เอ่ยปากขึ้น ผมไม่ได้ตอบเค้าแต่เดินเข้าไปหา และสวมกอดเข้าที่ตัวของเค้า ถ้านี่มันจะพอเป็นสิ่งที่ผมทำให้เค้าได้และมันก็ไม่ได้มากเกินไป ทำไมผมจะให้เค้าไม่ได้ ไม่มีคำพูดใดๆ ของเราทั้งสองคนอีก มีเพียงสัมผัสจากอ้อมกอดที่กระชับแน่นนั้น ก่อนจะค่อยๆ คลายออกแล้วเค้าก็ลับตาผมไปในที่สุด

“ไม่ตามกันไปส่งถึงโรงแรมเลยล่ะ”น้ำเสียงประชดประชันของใครคนนึงที่วันนี้ผมไม่ได้สนใจเค้าเลยดังขึ้นทันทีที่มันส์ลับตาไป ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์ตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คิดว่ามันคงจะเห็นแล้วแหละว่าผมกอดกับมันส์เมื่อสักครู่

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 27/9

“เมาแล้วก็ไปนอนเถอะ”ผมหันมาบอกกับไอ้เชษฐ์อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ผมพอจะรู้ว่ามันไม่ค่อยจะพอใจผมอยู่ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ละยังไงเสียตัวผมเองก็ยังอยู่กับมันอยู่แล้ว แต่ที่วันนี้ผมต้องให้ความสำคัญกับมันส์เป็นพิเศษ เพราะผมไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก

“ไหนว่าเป็นได้แค่เพื่อนกันแล้วทำไมต้องกอดกันกลมขนาดนั้นด้วย”น้ำเสียงคนพูดไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนในตอนแรก แต่กลับอ่อนลงและแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเสียมากกว่า ตกลงนี่มันกำลังจะงอนที่ผมไม่สนใจมันในวันนี้หรือเปล่าเนี่ย

“ไปนอนกันดีกว่าป่ะ ง่วงแล้ว”ผมยิ้มให้ไอ้เชษฐ์พร้อมกับจับข้อมือของมันให้เดินตามผม วันนี้เรื่องของมันส์ทำให้ผมได้คิดทบทวนถึงเรื่องราวระหว่างผมเองกับไอ้เชษฐ์ แม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่มั่นใจทั้งในตัวของผมเอง แต่อย่างน้อยๆ ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้รังเกียจไอ้เชษฐ์ อยู่กับมันแล้วผมก็รู้สึกดี เพราะฉะนั้นผมว่าผมมีความสุขกับวันนี้ที่เป็นอยู่น่าจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าวันดีๆ สำหรับผมมันจะมีอีกนานแค่ไหนกัน ถ้าวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นผมจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง และแน่นอนว่าผมต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าความเจ็บช้ำมันพร้อมจะเข้ามาหาเราได้เสมอ วันนี้สุข พรุ่งนี้เราอาจจะเศร้า แต่วันมะรืนเราต้องพร้อมที่จะเดินต่อ

“พรุ่งนี้มึงต้องไปส่งเค้าด้วยเหรอ”คำถามของไอ้เชษฐ์นี่แสดงว่ามันคงตามผมกับมันส์ออกมาติดๆ เลยทีเดียวนะเนี่ย ถึงเหมือนจะรู้ทุกเรื่องที่ผมคุยกับมันส์ไปเสียหมด

“ก็เค้าจะกลับกูก็ต้องไปส่ง หรือจะให้กูรั้งเค้าไว้ล่ะ”ผมหันกลับไปตอบกวนๆ อย่างอารมณ์ดี แต่ดูท่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะสนุกกับผมสักเท่าไหร่ เพราะดูหน้าตาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ไอ้เชษฐ์เดินตามผมกลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ พวกเพื่อนๆ ผมยังคงเฮฮากันเหมือนเดิม ไม่รู้พวกมันจำได้หรือเปล่าว่าตอนเช้าพวกมันต้องตื่นมาตักบาตรกันอีก เพราะคุณนายผมคงไม่ปลุกแค่วันเดียวอยู่แล้ว ผมไม่คิดจะกลับไปร่วมวงกับพวกมันต่อ เพราะอยากจะนอนพักมากกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า และยังต้องไปส่งมันส์ที่สนามบินอีก

“ไม่อาบน้ำเหรอ”ไอ้เชษฐ์ยังคงนิ่งเงียบตั้งแต่ตามผมมาจากหน้าบ้านจนมาถึงห้องนอน จนผมอาบน้ำเสร็จ มันก็ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอน มองผมอยู่บนเตียง ผมรู้สึกได้ว่ามันมองผมอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำมา เช็ดตัวทาครีม ใส่ชุดนอน ผมก็รอดูว่ามันจะพูดอะไรหรือมีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ถามไม่พูดหรือไม่ทำอะไรเลย นี่ถ้ามันหลับไปแล้วผมก็จะไม่สงสัยอะไรหรอกครับแต่นี่ยังมองผมตาแป๋วอยู่เลย

“ไปอาบน้ำไป...เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”ผมว่าผมพอจะเดาออกแล้วว่ามันกำลังรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดเองอยู่แน่ๆ ซึ่งผมก็ไม่ชอบไอ้อาการเอาแต่เงียบของมันสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าเล่าให้มันฟังเสียจะได้จบๆ ไป

“ทุกเรื่อง...ที่กูอยากรู้”มันต้องขนาดนั้นเลยหรือไงเนี่ย แต่ผมก็พยักหน้าตอบส่งๆ ไป พร้อมกับที่ไอ้เชษฐ์ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดีพอไอ้เชษฐ์หายเข้าห้องน้ำไป ผมก็นอนลงบนเตียงข้างนึงทันที รู้สึกหนังตามันหนักๆ แล้วสิ ผมจะทันได้เล่าอะไรให้ไอ้เชษฐ์ฟังหรือเปล่าเนี่ย หรือจะหลับก่อนมันออกมาจากห้องน้ำละเนี่ย ผมพยายามจะถ่างตาไว้ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล ในที่สุดผมก็เผลอหลับไปจนได้




“ฮือ...”ผมงัวเงียเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่าง อาการของคนที่มึนๆ แถมสลึมสลือจากการถูกปลุกทำให้สมองผมเบลอๆ งงๆ เรียบเรียงไม่ถูกว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนและกำลังเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ผมรู้สึกเหมือนจะฝันแต่ทำไมมันเหมือนจริงเหลือเกิน หรือผมจะโดนผีอำ ผมค่อยๆ พยายามจะลืมตาขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเหมือนผมกำลังโดนกัดเข้าที่คอ นี่ผมโดนแวมไพร์อำหรือเปล่า สมองอันน้อยนิดของผม เริ่มประมวลผลอย่างช้า แต่ไม่นานนักผมก็ได้รับคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้น

“ไหนว่าจะเล่าให้ฟังทุกอย่างไง”เสียงไอ้คนที่ผมคิดว่าเป็นแวมไพร์กระซิบที่ข้างหูผม พร้อมกับขบติ่งหูผมเบาๆ ตาผมค่อยๆ ลืมขึ้นภายในห้องมืดมิด มีเพียงแสงจากจันทร์ภายนอกหน้าต่าง ที่ส่องเล็ดลอดผ้าม่านมาเล็กน้อย มีกลิ่นสบู่จางๆ ลอยมากระทบจมูกผม ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับความมืดก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามองคนที่เบียดอยู่ข้างๆ

“โทษที พอดีเพลียๆ เลยเผลอหลับไปก่อน”ผมตอบออกไปตามตรงแม้จะไม่ค่อยพอใจที่มันมาปลุกผมแบบนี้ นี่ถ้าผมไม่ได้เป็นคนบอกเองว่าจะเล่าอะไรให้มันฟังนะ ผมคงได้ถีบมันตกเตียงไปแล้วแน่ๆ

“ไว้เล่าพรุ่งนี้ได้ไหม”ผมเริ่มต่อรองเมื่อเริ่มรู้สึกว่าขี้เกียจจะเล่าแล้ว

“ได้สิ”เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมแปลกใจ อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น แต่เอะทำไมเหมือนน้ำเสียงมันฟังดูแปร่งๆ หว่า

“งั้นราตรีสวัสดิ์นะ”แต่ผมก็ตัดความสงสัยนั้นออกไป เพราะอยากจะนอนมากกว่าอยากที่จะรู้ว่าคำพูดนั้นมีอะไรแอบแฝง

“ยังนอนไม่ได้”ผมไม่ต้องถามต่อถึงคำพูดนั้นว่าหมายความว่ายังไง เมื่อคนที่พูดพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับผมไว้ ริมฝีปากของอีกฝ่ายประกบลงมาที่ริมฝีปากผมอย่างหื่นกระหาย ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรซึ่งไม่รู้เพราะผมเหนื่อยที่จะขัดขืน หรือไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืน หรือเป็นเพราะผมเองลึกๆ แล้วก็ต้องการแบบนี้อยู่แล้วก็ไม่รู้

ลิ้นของไอ้เชษฐ์เข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมอย่างคุ้นเคย สองมือซุกซนของมันสอดเข้ามาภายใต้ชุดนอนของผมอย่างง่ายดาย และผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำนั้นเลย ความง่วงที่มีอยู่ในตอนแรกเริ่มจะเลือนหายไป เพียงไม่นานเสื้อผ้าของเราทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่กับตัวอีกต่อไป ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ อีกระหว่างเราสองคน แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของเราทั้งคู่ แต่ทำไมผมกลับรู้สึก สั่นๆ ยังไงบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าผมมีความต้องการที่จะครอบครอง เป็นเจ้าของร่างกายที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผมอยู่ตอนนี้

ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เหมือนทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เค้ากำลังต้องการให้ผมประทับใจอย่างเป็นที่สุดและเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วย เค้ากำลังจะทำให้ผมเสพติดรสรักที่เค้ามอบให้ นี่ผมกำลังถลำลึกลงไปอีกขั้นแล้วใช่ไหม




“มึงยังรักเค้าอยู่หรือเปล่า”คำถามแรกที่ออกจากปากของไอ้เชษฐ์หลังจากที่ผมเล่าเรื่องระหว่างผมกับมันส์ให้ไอ้เชษฐ์ได้รับรู้ ทั้งที่เราเพิ่งผ่านการเผาผลาญพลังงานด้วยกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และผมเองอยากที่จะหลับพักผ่อน แต่มันก็ยังตื้อให้ผมเล่าให้ฟังจนได้

“มึงฟังที่กูเล่าบ้างหรือเปล่าถึงได้ถามแบบนี้อีก”ก็ผมเองบอกไปหมดแล้วว่าตอนนี้ผมก็คิดกับมันส์แค่เพื่อนที่ดีคนนึงเท่านั้น มันยังจะมาอะไรกับผมอีกเล่า ไอ้นี่นิ แฟนผมรึก็เปล่า

“ก็แค่อยากให้ช่วยยืนยันอีกที ไม่ได้หรือไง”เสียงคนพูดเหมือนจะงอนๆ พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับดึงตัวผมเข้าหาตัวเจ้าของวงแขนแข็งแรงนั้น ผมไม่ได้ยืนยันอะไรออกไปอีกเพราะคิดว่าผมอธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว ผมเลยเลือกที่จะเงียบ เพื่อเป็นเตือนสติอีกฝ่ายด้วยว่าผมง่วงแล้ว เลิกพูดเสียที แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายยังคงมีเรื่องสงสัยไม่จบสิ้น

“ถ้าพ่อของมันส์ไม่ขัดขวางมึงคิดว่าตอนนี้มึงกับเค้าจะยังคบกันอยู่ไหม”ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่จะไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว แล้วจะยังมาถามอีกทำไมกันนะ

“ไม่รู้สิ...กูก็ยังมองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่จะทำให้กูกับเค้าต้องเลิกกันนี่นา คงน่าจะยังรักกันหวานชื่นก็ได้มั้ง”แม้จะรู้ว่าน้ำเสียงของผมเองเหมือนจะประชดหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธว่าอยากประชดไอ้เชษฐ์จริงๆ ก็แหมเรื่องราวที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจะมาสมมติอะไรอีก แล้วอีกอย่างเรื่องนี้ทั้งผมและมันส์ก็คงลืมไม่ลงแม้จะพยายามลืมเลือนมันไป

“แต่กูว่ามีนะเหตุผลที่มึงกับมันส์ต้องเลิกกันนะ”น้ำเสียงระรื่นของอีกฝ่ายทำให้ผมนึกรู้ว่ามันต้องเล่นมุกแป้กอะไรแน่นอน ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่านี่มันไม่ง่วงบ้างรึไงนะ เพราะผมนี่ตาจะปิดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไหนจะมึนๆ เกือบจะเมาจนสร่างไปเรียบร้อย แล้วยังจะเหนื่อยๆ เพลียๆ แถมยังดันมีอะไรกันไปอีกแล้วด้วย ตัวมันไม่เพลียบ้างรึไงนะ

“เอ้าว่าไป”ผมพูดออกไปอย่างทำเป็นไม่ค่อยจะสนใจนัก จนอีกฝ่ายเริ่มมีเสียงฮึดฮัดเล็กน้อย แหมทำยังกะเด็กๆ นะไอ้นี่

“ที่กูว่ามึงกับมันส์ต้องเลิกกัน...เพราะวันนึงมึงต้องมาเจอกูนี่ไง”เออเนอะช่างคิดได้ นี่ผมไม่เจอไอ้เชษฐ์ผมก็เลิกกับมันส์อยู่แล้วนิ ไม่ได้เห็นเกี่ยวอะไรกับไอ้เชษฐ์เลยสักนิดเดียว

“มึงคงไม่สำคัญขนาดนั้นมั้ง”เมื่อเห็นว่ายิ่งคุยกันก็มีแต่เรื่องไม่ได้สำคัญอะไร ผมเลยพยายามจะข่มตาหลับลง ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต้องพยายามอะไรเลยเพราะตาผมมันจะปิดอยู่แล้ว ง่วงเต็มทนถ้าไอ้คนที่กอดผมอยู่ไม่ชวนคุยป่านนี้ผมก็คงหลับไปแล้ว

“ทำเป็นพูดดีไป...ที่จริงมึงกำลังตกหลุมรักกูเข้าให้แล้วใช่ไหมล่ะ”แม้จะอยากเถียงมันใจแทบขาด แต่คิดว่าถ้ามัวแต่จะเถียงกันอยู่ก็คงไม้ได้หลับได้นอนเป็นแน่แท้ เพราะงั้นผมควรสงบปากสงบคำ ไม่ก็แกล้งหลับไปเลยดีกว่าเพราะถึงจะแค่แกล้งหลับ แต่อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ผมก็คงหลับแล้วแหละ

“กูนี่นะเหรอจะ ตกหลุมรักมึง”ผมพึมพำอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะง่วงเต็มที เปลือกตาผมหนักอึ้ง ประสาทรับรู้กำลังจะปิดลง เพื่อร่างกายจะได้เข้าสู่กระบวนการพักผ่อนอย่างแท้จริง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรานั้นผมสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่สัมผัสหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา พร้อมเสียงกระซิบที่แว่วกระทบโสตประสาท

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ...ที่รักของผม”

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ครบแล้วสำหรับวันที่ 27

ตอนแรกกะจะทยอยลง แต่ลงให้หมดเลยแล้วกัน หุหุ

นี่ก็ใกล้จะ 2 ใน 3 ของเกมแล้วขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดเน้อ  o13 o13

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เป็นวันที่ยาวจุใจมากๆค่ะ

เรึ่องมันส์นี่ท่าทางจะไม่มีอนาคตเลยนะ ต่อให้กลับไปคบกันอีกเพราะว่ามันส์ไม่ได้มีความกล้าที่จะเผชิญหน้าเพื่อความรัก กะปิดที่บ้านไว้ก่อน ถึงจะเจอรักใหม่ก็ไม่มีทางปลูกรักใหม่ได้หรอกถ้าหากว่าไม่ยึดจุดยินไว้

ยังเชียร์เชษฏ์อยู่นะ แต่บอกตรงๆว่าเข้าใจความรู้สึกของติ๊ฟที่ยังรีรออยู่

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เชษฐ์ต้องทำให้ติ๊บมั่นใจ ทลายกำแพงของติ๊บให้ได้

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เฮ้อออออออ ดีใจที่ไม่มีถ่านมาคุแถวนี้ :เฮ้อ:
ติ๊ฟเป็นคนคิดมากไปนะ
ปล่อยวางแล้วมีความสุขวันนี้ ดีกว่าอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนะ
รอตอนต่อไปจ้ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด