45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]  (อ่าน 116705 ครั้ง)

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
เริ่มหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
กั๊กความรู้สึกทั้งคู่อ่าา~  :katai1: ขัดใจจุง

ส่วนมันส์ไปดีน้า บาย~~  :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ความรัก หนอ ความรัก  :hao5:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ส่งค้อนปอนด์ร้อยอันไปช่วยเชษฐ์ทำลายกำแพงของติ๊ฟ

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ตบเชษฐ์ ปากแข็งบอกรักก็แบบเลือนลางใครจะไปรู้ :really2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ถ้าที่บ้านเชษฐ์ไม่โอเคตี๊ฟก็จะปล่อยไปง่ายๆอีกใช่ไหมคะ.. :ling2:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 28


“ขับให้มันเร็วหน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกันพอดีหรอก”ผมหันไปเร่งสารถี ส่วนตัวที่อาสามาเป็นเพื่อนผมแต่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับมายังไงยังงั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังพอมีเวลาเหลือที่ยังไงเสียผมก็คงไปทันตอนมันส์ขึ้นเครื่อง แต่อาการอ้อยอิ่งของไอ้เชษฐ์ที่ทำเหมือนกับอยากให้ผมไปไม่ทันแบบนี้ มันทำให้ผมเริ่มชักจะหงุดหงิดเสียแล้ว

ทั้งที่ผมว่าผมก็คุยกับมันรู้เรื่อง หมดแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อคืน อีกอย่างเราสองคนก็ยังอยู่ในสถานะเพื่อนกันไม่ใช่หรือ แม้ความสัมพันธ์ทางกายมันอาจจะเกินเลยไปมากแล้วก็ตาม แถมไอ้คำพูดที่แปลกๆ ของไอ้เชษฐ์ตอนผมจะหลับเมื่อคืนอีก แต่ทั้งหมดนี้มันก็ไม่เพียงพอที่ไอ้เชษฐ์จะห้ามไม่ให้ผมไปส่งมันส์นี่นา

“นี่ถ้าซื้อตั๋วบินไปด้วยกันได้ มึงคงไปแล้วมั้งเนี่ย”อ้าวไอ้นี่อารมณ์ไหนของมันอีกละ จะมาประชดประชันอะไรกันอีก อาสามาเองนะโว๊ยกูไม่ได้ขอให้มาด้วย ไม่อยากไปใครกันไปบังคับมึงเล่า

“พูดดีๆ เป็นไหม ถ้าไม่เป็นก็จอด แล้วจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวกูไปของกูเอง”ชักมีน้ำโหแล้วครับงานนี้ มันจะอะไรกันนักหนาเชียว แต่เอะนี่ผมทำยังกะผมงอนมันอยู่หรือเปล่าหว่า

“ล้อเล่นหน่อยเดี๋ยวเอง ทำเป็นงอนไปได้ ยังไงกูก็พาไปทันอยู่แล้วแหละน่า”น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ผมเองก็ไม่ได้ติดใจจะต่อล้อต่อเถียงอีก เลยเลือกที่จะเงียบแทน วันนี้หลังจากไปส่งมันส์ที่สนามบินแล้ว ผมกับไอ้เชษฐ์ก็คงกลับคอนโดเลย ไม่ได้ย้อนกลับไปที่บ้านอีก เพราะนี่ก็วันอาทิตย์แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเรียน ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆ ของผมก็ปล่อยไว้ที่บ้านจะกลับหอกลับห้องกันตอนไหนอะไรยังไงก็แล้วแต่พวกมันละกัน ตอนมาก็ไม่ได้มาพร้อมกันอยู่แล้วนี่นา แต่ผมต้องมารถไอ้เชษฐ์ และรถผมก็ฝากไอ้การ์ดเป็นคนเอาไปให้ที่คอนโดอีกที

ไม่นานนักเราทั้งสองก็มาถึงสนามบิน และก็ยังไม่มีใครเปิดปากพูดคุยอะไรกัน ผมเองก็กำลังคิดว่าผมควรจะพูดอะไรกับมันส์ดี แม้จะมีเรื่องมากมายที่อยากคุยกับเค้า แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้ว่าคำที่ควรพูดแค่เวลาไม่กี่นาทีต่อจากนี้ สิ่งที่ผมควรพูดที่สุดนั้น จะเป็นคำพูดใด และเรื่องไหน

“ตี๊ฟ...”เสียงคนที่มากับผมเรียกให้ผมชะงักหยุดเดินและหันไปมองหน้าเจ้าของเสียง พร้อมด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังรออยู่ว่าที่เรียกผมเนี่ยจะพูดอะไรหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าผม เหมือนกำลังจะอ้อนวอนขออะไรบางอย่างจากผม แต่เหมือนยังไม่กล้าจะพูดออกมา

“มีอะไรหรือเปล่า”เมื่อไอ้เชษฐ์เองไม่ยอมพูดอะไรเสียที ผมเลยต้องเป็นฝ่ายที่ต้องช่วยกระตุ้นให้มันรู้ตัวว่าที่มันเรียกผมเนี่ย มันควรจะมีเหตุผลอะไรบ้างนะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ อยากเรียกชื่อผมก็เรียก แต่หลังจากผมทวงถามออกไปไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ ส่งกลับคืนมาให้ผมเหมือนเดิม มันเพียงจ้องมองผมอยู่เหมือนเดิม จนผมต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงย้ำอีกครั้ง ว่าตกลงมันมีอะไรหรือเปล่า

“เปล่า...ไม่...ไม่มีอะไร”อ้าว ไม่มีไรแล้วจะเรียกทำไมเนี่ยผมส่ายหัวก่อนจะก้าวเดินต่อ โดยไม่ได้คิดจะซักไซร้มันต่อ

“เดี๋ยวก่อน...ตี๊ฟ”ผมหันขวับทันที เพราะเพียงแค่ผมก้าวได้สองก้าวมันกะเรียกผมอีกแล้ว คราวนี้ถ้ามันยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีกคงโดนผมกระโดดถีบขาคู่เข้าที่หน้าอกมันแน่ คนยิ่งรีบๆ อยู่มันจะอะไรก็ว่ามาสักอย่างเหอะ คราวนี้สายตาที่ผมมองมันเนี่ยผมเตรียมหาเรื่องอย่างชัดเจนเลยครับ ไม่มีคำถามจากปากผมมีแต่อากัปกิริยาเท่านั้นที่แสดงออกให้มันรีบๆ พูดออกมาก่อนที่ผมจะหมดความอดทน

“ขออะไรอย่างได้ไหม”คิ้วของผมขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าไอ้เชษฐ์จะมาขออะไรจากผมในตอนนี้ ท่าทีของมันไม่ได้แสดงออกว่ากำลังขอร้องสักเท่าไหร่ แต่มันเหมือนกำลังจะบอกผมว่าสิ่งทีมันจะขอต่อจากนี้ มันคือคำสั่ง เพราะอะไรถึงทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

“ขออะไรล่ะ”แม้จะไม่ยินดีที่จะทำตามแน่นอนหากว่าสิ่งที่มันขอนั้นงี่เง่าหรือไร้สาระ แต่ตามสัญชาตญาณคนเราก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดา ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะร้องขอแกมบังคับนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร

“รับปากก่อนสิว่าจะทำตามที่กูขอ”นั่นไงล่ะ นี่มันคำขอร้องที่ไหนกันล่ะ มันคำสั่งที่กำลังจะบังคับให้ผมทำตามละไม่ว่า แบบนี้ใครจะไปยอมกันเล่า งานนี้ไม่มีทางที่ผมจะยอมเด็ดขาด เรื่องอะไรทำไมจะต้องมาบังคับกันด้วย

“ถ้าไม่บอกก่อน กูก็จะไม่แม้แต่อยากรู้ว่ามึงจะขออะไร เพราะคำตอบของกูก็คือ /ไม่/ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าอยากให้พิจารณาก็จงบอกมาเสียดีๆ ว่าเรื่องอะไร”ผมว่าตอนนี้ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่านะ เพราะงั้นผมไม่ต้องกลัวเสียเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น

“ไม่ต้องร่ำลากันแบบถึงเนื้อถึงตัวได้ไหม”คำร้องขอของไอ้เชษฐ์ทำเอาผมมีหลากหลายความรู้สึก ทั้งไม่ค่อยจะเข้าใจมัน ตลก แปลกใจ แต่ก็รู้สึกดีๆ ไปพร้อมๆ กัน ผมหันไปอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะมองหน้าไอ้เชษฐ์โดยพยายามหุบยิ้มเพื่อไม่ให้หลุดขำมัน ก็จะไม่ให้ผมขำได้ไง ผู้ชายนิสัยอย่างมันแค่มาพัวพันกับผมจนถึงขนาดนี้ก็น่าแปลกพอแล้วแถมยังมาทำเหมือนหึงหวงผมอยู่นี่อีก นี่มันกลัวผมจะทำอะไรกับมันส์งั้นเหรอ ทั้งที่ผมก็ยืนยันแล้วว่าผมกับมันส์เป็นแค่เพียงเพื่อนกันเท่านั้นในตอนนี้ อีกอย่างถึงแม้ว่าเกิดในตอนนี้ผมกับมันส์ยังเป็นคนที่มีความรู้สึกพิเศษให้แก่กันอยู่ผมก็คงไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่แล้ว

“อย่างเช่นอะไรบ้าง ที่ว่าเป็นการถึงเนื้อถึงตัว”ผมถามกลับอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีผมกำลังจะโมโหไอ้เชษฐ์อยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตลกไอ้เชษฐ์จนไม่รู้จะเอาอะไรไปโมโหมันแล้วล่ะมั้ง

“จับมือ”

“แค่จับมือร่ำลา ใครเค้าก็ทำกันได้หรอก เรื่องปกติมึงจะให้กูเป็นคนไม่ปกติหรือไง”ผมรีบสวนทันควันเมื่อรายละเอียดในคำร้องขอแรกของไอ้เชษฐ์ออกมา ก็จะไม่ให้ผมปฏิเสธได้ยังไง แม้ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องจับมือถือแขนอะไรกันกับมันส์แต่เรื่องจับมือไม่จับมือนี่ก็ไม่ควร มาเป็นส่วนบังคับผม

“งั้นห้ามกอดกัน”

“เวลามึงไปส่งใครที่สนิท หรือรู้จักมักคุ้นกันดีการกอดร่ำลามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรตรงไหน นี่นา ออกจะดูเป็นการร่ำลาที่อบอุ่นดีออก”ผมยังคงมีเหตุผลของผมเองมาคัดค้านในคำร้องขอของไอ้เชษฐ์ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าไอ้เชษฐ์เองก็อยากเอาชนะและผมเองก็เช่นกัน แม้จะเป็นนิสัยที่ออกจะดูเด็กๆ ไปหน่อยที่จะอยากเอาชนะกันแบบนี้ แต่ผมว่ามันก็สนุกดีนะ แต่ไม่รู้ไอ้เชษฐ์มันจะรู้สึกสนุกกับผมหรือเปล่านี่สิ เพราะหน้าตามันเริ่มจะบอกบุญไม่รับขึ้นทุกทีแล้ว

“เฮ้อ...หวังว่าคงไม่ถึงขั้นจูบร่ำลากันหรอกนะ”เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับคำพูดต่อมาของไอ้เชษฐ์มันเหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ ไอ้เชษฐ์ยอมยกธงแต่ยัง ร้องขออีกนิด ซึ่งความจริงผมก็คงไม่ไปจูบกับใครในที่สาธารณะแบบนี้หรอก แต่ว่า

“มันก็ไม่แน่”ผมยังคงเล่นต่อ ยั่วอารมณ์ไอ้เชษฐ์มันเล่นๆ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีความอดทนได้ขนาดไหนกันเชียว จะว่าไปมันคงคิดผิดถ้ามันจะมาชอบคนอย่างผม เพราะเหมือนผมจะปฏิบัติต่อมันแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ผมเคยคบด้วย เมื่อก่อนเวลาคบกับใครผมจะไม่ค่อยให้ใครมาคอยเอาใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กับไอ้เชษฐ์ยิ่งถ้ามันยอมอ่อนข้อให้ผม กลับยิ่งทำให้ผมนึกสนุก

“ระวังกูจะปรอทแตกก็แล้วกัน”นั่นไง สีหน้าแววตาเอาเรื่องมาเชียวไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ได้มีความอดทนเท่าไหร่นักหรอกน่า แต่จะว่าไปผมไม่เคยเห็นเวลาไอ้เชษฐ์มันเอาใจใครเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากแหม๋วแล้วผมก็ไม่เคยเห็นมันคบใครอื่นอีก แต่กับแหม๋วผมก็ไม่เคยเห็นว่าเวลาเค้าอยู่ด้วยกันสองคนใครจะเป็นฝ่ายเอาใจใคร อีกอย่างเค้าไปจีบกันตอนไหนผมก็ไม่รู้ ปกติไอ้เชษฐ์มันก็เฮฮากับเพื่อนในกลุ่มไม่ได้สนใจหาแฟนอะไร แม้ว่าตัวมันเองจะมีสาวๆ กรี๊ดอยู่พอสมควร แต่อยู่มาวันนึง น่าจะเป็นช่วงที่ผมห่างกับกลุ่มเพื่อนๆ เพราะเป็นช่วงที่ผมคบใครสักคน แล้วพอผมเลิกกับแฟนกลับมา ก็เห็นว่าไอ้เชษฐ์เองคบกับแหม๋วแล้ว ผมเลยไม่รู้ว่าเค้าไปรู้จักกันตอนไหนจีบกันยังไง แต่ผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย แต่ถ้าถามถึงเหตุผลที่เค้าเลิกกันนี่มันเพราะเกมที่ผมกำลังเล่นอยู่นี่แหละ เต็มๆ เลย

เราสองคนเลิกต่อปากต่อคำกัน เพราะตอนนี้คนภายในสนามบินก็ค่อนข้างหนาตาพอควรจะมามัวเถียงกันให้คนอื่นฟังก็ใช่เรื่อง ผมมองหาบุคคลที่จะต้องขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาที ซึ่งไม่นานนักผมก็หาเจอได้ไม่อยาก ความสูงที่ค่อนข้างโดดเด่นทำให้ผมมองเห็นเค้าตั้งแต่อยู่ไกลๆ และดูเหมือนเค้าเองก็คงเห็นผมแล้ว ผมเดินตรงไปยังจุดที่เค้ายืนรออยู่ ส่วนพนักงานขับรถของผมก็เดินตามมาอย่างกระชั้นชิด

“นึกว่าจะไม่มาส่งกันซะแล้ว”มันส์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปพยักหน้าทักทายคนขับรถของผม ผมลอบมองไอ้เชษฐ์เล็กน้อย ก็ดีที่มันไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาว่าไม่พอใจ ผมเองก็ยิ้มตอบมันส์อย่างเป็นมิตร

“รับปากแล้วว่าจะมาก็ต้องมาสิ”ผมตอบกลับก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าการมาส่งแบบนี้ควรจะพูดอะไรดี ผมไม่ค่อยชอบการร่ำลาเท่าไหร่นักหรอกนะครับ ยิ่งใจสถานการณ์แบบนี้ กับการที่จะต้องจากกันน่าจะนานมากทีเดียว กว่าจะได้พบกันอีก แม้วันนี้ผมให้เค้าได้แค่คำว่าเพื่อน แต่กับการที่เพื่อนคนนึงต้องจากเราไปอยู่ไกลแสนไกลและไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะได้พบกันอีก มันก็เศร้าเหมือนกันนะครับ และแน่นอนว่าถึงการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันมันจะล้ำหน้าไปมาก แต่เชื่อเถอะว่าระหว่างผมกับมันส์หลังจากวันนี้ไป เราทั้งสองคนอาจจะกลายเป็นแค่คนไม่มีตัวตนในโลกของอีกฝ่ายก็เป็นได้

“ไม่รู้จะพูดอะไรใช่ไหม”เหมือนเค้าเองจะเดาออกว่าผมรู้สึกยังไง ผมเองก็ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“งั้นก็แค่บอกให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดภัยก็พอแล้ว...”เค้ายังคงพูดอย่างยิ้มแย้มแต่ผมกลับมองว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูจะซ่อนความปวดร้าวไว้ภายใน

“โอเค ขอให้มันส์เดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัย ว่างๆ ก็แวะกลับมาเยี่ยมกันบ้างหรือไม่ถ้าเราว่างๆ จะไปเที่ยวแล้วมันส์ต้องเป็นไกด์ให้เราด้วยนะ”แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันอาจจะเป็นไปได้ยากที่เค้าจะกลับมาเยี่ยมเยียนหรือผมไปเที่ยวหาเค้า แต่บางทีเราก็ต้องพูดในสิ่งที่มันฟังดูดี ถึงมันอาจจะไม่มีวันเป็นจริงก็ตามที มันส์เองก็ตอบรับในคำพูดของผมเหมือนกัน เค้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถ้าหากผมไปเค้าจะพาทัวร์เต็มที่

“ดูแลตี๊ฟดีๆนะครับ ถ้าดูแลไม่ดีผมกลับมาแย่งน้า”เค้าหันไปพูดกับไอ้เชฐ์อย่างทีเล่นทีจริง ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ตอบกลับอย่างมาดมั่นเหลือเกินว่าคงไม่มีวันนั้นแน่นอน นี่ผมกับไอ้เชษฐ์เป็นอะไรกันขนาดนั้นแล้วหรือเนี่ย ตอนนี้เรากำลังเล่นละครหลอกมันส์อยู่ไม่ใช่เหรอ และก็ถึงเวลาที่เค้าประกาศเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ผมหันมองหน้าไอ้เชษฐ์เลยเพราะว่ามันจงใจขับรถพาผมมาช้าทำให้นี่ผมมาเกือบจะไม่ทันมันส์ขึ้นเครื่องเสียด้วยซ้ำนะเนี่ย ได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค แต่ก็ยังดีกว่ามาไม่ทันแล้วกัน

“เราต้องไปแล้วนะ”โดยที่ผมไม่ทันจะได้ตั้งตัว สิ้นคำพูดมันส์ก็เข้ามาสวมกอดผม แต่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพื่อนกันกอดร่ำลา อย่างที่ผมบอกกับไอ้เชษฐ์ไปนั่นแหละว่ามันเป็นเรื่องธรรดา ผมสวมกอดตอบมันส์แต่โดยดี

“สักวันเราคงเป็นเพื่อนกันได้”คำพูดที่กระซิบข้างหูผมทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย ที่เค้าพูดแบบนี้มันก็หมายความว่าเค้ายังคิดกับผม เหมือนเดิม นี่ถ้าพ่อของมันส์ไม่ขัดขวางเรื่องระหว่างผมกับเค้า ป่านนี้ผมกับเค้าจะยังรักกันอยู่หรือเปล่า ตัวมันส์เองได้ให้คำตอบนี้แก่ผมแล้วว่าเค้ายังมั่นคงเสมอมา แต่ผมนี่สิ

“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนิ”ผมตอบกลับไปอย่างเพื่อนคนนึงที่ผมมีให้เค้าได้ในวันนี้ มันส์ค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากผม สองมือของเค้าเลื่อนมากุมมือผมไว้ สายตายังคงจ้องมองมาที่ผม

“ถึงตี๊ฟจะเป็นเพื่อนเราแต่ตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกับตี๊ฟไม่ได้หรอก...เราไปนะ”เค้าปล่อยมือจากผมและหันหลังเดินจากไป ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ทำได้เพียงโบกมือลาและยิ้มจางๆ ให้เค้าเท่านั้น และท้ายที่สุดผมก็คงต้องจดจำแผ่นหลังที่ห่างจากผมออกไปเรื่อยๆ

“โอเคไหม”อีกคนที่หลังเหลืออยู่ เดินมายืนเคียงข้างและกุมมือผมไว้ ผมมองไปที่มือเราสองคนที่ประสานอยู่ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปประสานกับสายตาของไอ้เชษฐ์ที่มองผมอยู่แล้ว ผมพยักหน้าให้มันเป็นเชิงบอกว่าผมไม่เป็นไร แม้จะรู้สึกจุกอยู่ที่หน้าอกเล็กน้อยก็ตามที

พอหลังจากส่งมันส์เสร็จผมกับไอ้เชษฐ์ก็ตรงดิ่งกลับคอนโดเลย แม้ไอ้เชษฐ์จะชวนแวะเที่ยวห้างก่อน แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากจะเที่ยวสักเท่าไหร่ อยากพักผ่อนเสียมากกว่า ระหว่างทางกลับไอ้เชษฐ์ก็บ่นยังกะหมีกินผึ้งตลอดทางเลย ในเรื่องที่ผมกอดกับมันส์นั่นแหละครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันแกล้งบ่นไปอย่างนั้นเองนะครับ เพราะผมว่าที่จริงไอ้เชษฐ์ก็คงพอจะเข้าใจว่าระหว่างผมกับมันส์ไม่มีอะไรต่อกันอีกแล้ว

“ขอบใจนะ”พอถึงคอนโดไอ้เชษฐ์ก็หันมาพูดกับผม ผมก็ได้แต่มองหน้ามันงงๆ ว่ามาขอบใจอะไรผม

“งงอีก...ก็ขอบใจที่มึงแค่จับมือกับกอดส่งเค้าเฉยๆ ไม่ได้จูบร่ำลากันไง”คนพูดแสดงอาการหยอกเย้าอย่างเห็นได้ชัด เหมือนแกล้งพูดยั่วผมงั้นแหละ

“แล้วกูจะไปจูบกับเค้าทำไมเล่ามึงนี่ก็นะ”

แวะมาต่ออีกนิดคร๊าบบบบ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :z13:

สงสารมันส์จัง

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เริ่มรู้สึกว่าติ๊ฟจะยอมรับเปิด พร้อมที่จะสัมผัส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลุ้นต่อจร้าๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ไปหาเอาข้างหน้าน่ะมันส์ อย่าแวะมาแถวนี้อีกน่ะ อิอิ
เริ่มมีไอรักละมุนๆๆแล้วอ่ะ ชอบๆๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
พี่เชษฐ์สู้ๆ อธิบายกับติ๊ฟให้เคลียร์ซะทีเถ้อออออ :katai1:
รอตอนต่อไปน้าาาา

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตี๊ฟเปิดใจได้แล้วมั้ง  :z13: :z13: :z13:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
สงสารใครดีนิ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ว่าแล้วมันส์เอ๋ย  ถึงจะยังรักตี๊ฟอยู่แต่ถ้าตัวเองไม่เคลียร์ทางบ้านยังไงมันก็ไปไม่รอด

ตี๊ฟเปิดใจมั่งแล้วนิดหนึ่งนะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 29/1

วันนี้เป็นวันที่ผมต้องกลับมาเรียนตามปกติแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับผมมันเหมือนเป็นสุดสัปดาห์ที่ยาวนานเหลือเกิน ระยะเวลาเพียงแค่สองวันแต่มีเรื่องราวหลายอย่างเหลือเกินที่เกิดขึ้นแบบไม่ให้ผมได้ทันตั้งตัว ซึ่งมันส่งผลมาถึงวันนี้ที่ผมไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะเรียนสักเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆ ตัวดีของผมดูพวกมันก็สนุกสนานเหมือนเดิม ซึ่งการเรียนตลอดทั้งวันก็ดำเนินไปอย่างมหาโหด เพราะวันนี้เป็นแรกของสัปดาห์ หลายๆ เรื่องที่ต้องเริ่มต้นใหม่และอีกหลายๆ เรื่องที่คงค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว แต่สำหรับผมมันก็เหมือนไม่มีอะไรสักเท่าไหร่เพราะยังเหมือนไม่พร้อมจะเรียนเลยทำตัวไร้วิญญาณอยู่ในห้องเรียนจนเลิกเรียน

“ไมดูเนือยๆ ว่ะ เมื่อคืนหนักเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนกับผม ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว พวกเราก็รวมกลุ่มกันตรงที่ประจำเป็นปกติ แต่ไอ้น้ำเสียงที่ไอ้การ์ดมันพูดกับผมนี่ทำไมมันแปร่งๆ หว่า คือมันไม่เหมือนถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยจริงจัง แต่มันเหมือนล้อเลียนอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก

“ไม่มีไรหรอก แค่ยังปรับอารมณ์ไม่ค่อยได้ แบบยังขี้เกียจอยู่”ผมตอบผ่านๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะพยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับไอ้การ์ดสักเท่าไหร่

“เหรอ...กูก็นึกว่าเมื่อคืนจู๋จี๋กันจนดึกเสียอีก วันนี้เลยดูเพลียๆ เป็นพิเศษ”ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมาทำนองนี้ และปกติผมก็คงจะแก้ตัวแก้ต่างให้ตัวเองอย่างใส่อารมณ์กับไอ้การ์ดไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีความรู้สึกว่าจะอยากแก้ตัวอะไรอีกแล้ว คงเพราะผมเริ่มจะชินกับคำพูดพวกนี้เสียแล้ว แม้ในใจผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ทว่าในความเป็นจริง ผมก็เป็นอย่างที่ไอ้การ์ดมันพูดจริงๆ ถึงวันนี้ผมแทบจะไม่ขัดขืนการมีเซ็กส์กับไอ้เชษฐ์อีกแล้ว

“เฮ้ยมึงไม่สบายป่ะว่ะ ทุกทีนี่ต้องโวยวายแทบจะฆ่ากูไปแล้วนะ แต่นี่คุณเพื่อนตี๊ฟกลับสงบปากสงบคำยังกะยอมรับว่าสิ่งที่กูพูดมันคือความจริงงั้นแหละ หือ ว่าไงๆ”ผมเลือกที่จะเงียบแทนการตอบไอ้การ์ดออกไป เพราะการเงียบมันก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ แล้วแต่ใครจะอยากเชื่อในแบบไหน

“เย็นแล้วจะกลับกันเลยหรือเปล่า”ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ เพราะไม่กล้าที่จะยอมรับในความจริงว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์มันไปไกลเกินกว่าที่พวกเพื่อนๆ คิดแล้ว และแน่นอนว่าจะให้ผมปฏิเสธออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำผมก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะมันจะกลายเป็นคำโกหกของผมนั่นเอง

“ก็รอที่รักมึงก่อนไง แหมๆ ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะไอ้ตี๊ฟ”เหมือนการพยายามจะเฉไฉไปเรื่องอื่นของผมจะไม่เป็นผล แล้วนี่ผมต้องนั่งรอไอ้เชษฐ์ให้พวกเพื่อนๆ มานั่งจับผิดผมอย่างนี้หรือ

“งั้นกูไปห้องน้ำก่อนแล้วกันเดี๋ยวมา”ผมยังคงทำเหมือนไม่ใส่ใจในคำพูดของเพื่อนๆ พร้อมกับพยายามหาทางเลี่ยงเนื่องจากหากอยู่ต่อไป ก็มีแต่จะโดนต้อนให้จนมุม ซึ่งผมเองก็กำลังสับสนกับตัวเองเหมือนกันว่าตกลงทำไมผมถึงเกิดความรู้สึกอย่างที่เพื่อนๆ พยายามยุแยงให้เกิดกับไอ้เชษฐ์

“ตี๊ฟ”ก่อนที่ผมจะได้ออกก้าวเดินหนึ่งเสียงก็เรียกผมเอาไว้ก่อน ทำให้ผมต้องหันกลับไปยังเสียงนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน อีกหนึ่งคนในบทสนทนาของเพื่อนๆ นั่นเอง ผมเพียงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับผมหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆ

“จะไปไหน”น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะแข็งๆ หน่อยๆ ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อยว่าอยู่ดีๆ ไอ้เชษฐ์มันทำไมมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เพราะมันเหมือนอาการของคนที่ไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่ นี่ผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจหรือเปล่านะ เอะว่าแต่ทำไมผมต้องใส่ใจด้วยเล่า ถ้ามันจะอยากไม่พอใจก็ปล่อยมันไปเถอะ แต่ไม่สิคนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันบ้าง ไม่ๆๆ ช่างมันเหอะไว้ค่อยไปคุยกันที่คอนโดก็ได้มั้ง

“ไปห้องน้ำ ทำไม”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เล็กน้อยเพราะรู้สึกไม่พอใจมันเหมือนกันที่มาเสียงแข็งใส่ผม

“ไปเป็นเพื่อนไหม”คำพูดต่อมาของมันก็สร้างความแปลกใจให้ผมอีกเมื่อน้ำเสียงของคนพูดได้เปลี่ยนไป เหมือนจะเป็นอาการที่สำนึกผิดอยู่กลายๆ หรือว่าที่มันเรียกผมในตอนแรกมันคิดว่าผมจะไปไหน หรือไปทำอย่างอื่นอย่างนั้นหรือไงกันนะ

“ไม่ต้องหรอก กูไม่ใช่เด็กๆ นะจะได้ต้องให้ไปเป็นเพื่อน”ผมปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหน่าย    เพราะถ้าไปด้วยกันไอ้พวกเพื่อนๆ ก็พร้อมจะเป่าปากแซวได้ตลอดเวลาแบบนี้ มีหรืองานนี้จะพลาด เสียงแซวดังซะยังกะเหมือนจะจัดงานอะไรสักอย่าง ทำให้ผมต้องรีบเดินออกจากกลุ่มโดยไว


บรรยากาศยามเย็นตอนนี้แม้จะไม่ได้เย็นอะไรมาก แต่มันก็เงียบอยู่พอสมควร เพราะคนส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านกันแล้ว ห้องน้ำจึงดูวังเวงชอบกล แม้ผมจะไม่ใช่คนกลัวผี แต่บรรยากาศมันก็ให้เหลือเกิน นี่มันไม่มีใครจะมาเข้าห้องน้ำบ้างหรือไงนะ ผมชักลังเลว่าจะเข้าดีหรือไม่ดี จากที่ตอนแรกกะว่าจะหาทางแยกตัวจากเพื่อนๆ เฉยๆ แต่ตอนนี้ผมเหมือนจะปวดฉี่จริงๆ เสียแล้ว อั้นไว้ก็คงไม่ไหว กะเลยตัดสินใจไม่อั้นไว้น่าจะดีกว่า ระหว่างที่ผมยืนอยู่ที่โถฉี่ก็รู้ได้ว่ามีคนเดินเข้ามาและยืนถัดจากผม ไปสองสามโถ แต่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่พอผมเสร็จธุระ และกำลังจะตรงไปยังอ่างล้างมือ ก็ทำให้ผมเห็นบุคคลที่อยู่ในห้องน้ำตอนนี้กับผม

“จะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ”บุคคลที่หันหน้าขึ้นมาประสานกับผมเอ่ยถามทั้งๆ ที่ตัวเค้าเอง ยังไม่เสร็จธุระเสียด้วยซ้ำ

“สบายดีเหรอ”ผมเดินเลยผ่านพร้อมกับถามออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะหยุดตรงกระจก เปิดน้ำเพื่อล้างมือ ทำไมการได้เจอกันแบบนี้ถึงทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กันนะ มันเป็นความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนความไม่เป็นมิตรในตัวเค้ามันแผ่ออกมาให้ผมสัมผัสได้อย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“ทำไมเย็นชาแบบนี้ละที่รัก”เจ้าของเสียงเข้ามากระชากผมจากด้านหลังให้หันหน้าประจันกับเค้า ดีที่ผมไม่เสียหลักล้มหัวฟาดพื้นไปเสียก่อนนะเนี่ย

“เราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกันแล้วไม่ใช่เหรอมาบ”ผมบอกออกไปเสียงราบเรียบ แบบพยายามตั้งสติไว้ให้มั่นแม้ในใจจะหวั่นๆ เหมือนกันเพราะไม่รู้ว่ามาบเองจะมาไม้ไหนกับผมกันแน่ แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่ผมก็ไม่คิดว่าผมจะบังเอิญขนาดต้องมาเจอกับเค้าที่นี่

“มีผัวใหม่แล้วทำเป็นลืมผัวเก่าเหรอที่รัก”น้ำเสียงที่ออกจะเหยียดๆ นั้นเล่นเอาผมเหมือนจะเลือดขึ้นหน้าทีเดียว แม้ผมจะไม่ใช่คนดีขาวสะอาดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดจากแบบนี้กับผม แล้วยิ่งเป็นคนที่ครั้งนึงผมเคยมีความรู้สึกดีๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้ผมอยากจะถามตัวเองเหลือเกินว่า เคยคบหากับไอ้ผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะเค้าก็ไม่ได้บังคับให้ผมไปเป็นแฟนเค้าเสียหน่อยนี่นา ผมจะพยายามนึกถึงเรื่องดีๆ ที่เคยมีด้วยกันมาแล้วกัน พอคิดแบบนี้ตัวผมเองก็จะได้ไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรในตัวมาบ คิดเสียว่าวันนี้ก็ได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าแล้วกัน

“ถ้าไม่มีอะไรเราขอตัวนะ”ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบออก เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากความ หากผมต่อความยาวสาวความยืดก็คงจะยิ่งไปกันใหญ่ ต่อไปคงแทบมองหน้ากันไม่ติด แม้ว่าตอนนี้มันก็เกือบจะเป็นแบนั้นอยู่แล้วก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ผมกับเค้าก็เคยคบกันก็ไม่อยากที่จะต้องมาบาดหมางใจอะไรกันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก

“จะรีบไปไหนละที่รัก”แรงกระชากที่มาพร้อมกับคำพูดนั้นทำให้ผมเสียการทรงตัวไปพอควร และผมเองก็ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะมีใครมากระชากแขนแบบนี้ทำให้ผมถูกผลักเข้าหาผนังห้องอย่างจัง และถูกตามประกบด้วยร่างของมาบ ผมยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกหวั่นๆ เสียแล้ว นึกภาวนาให้มีใครสักคนเข้ามาใช้ห้องน้ำตอนนี้จริงๆ เผื่อผมจะได้หลุดไปจากสถานการณ์บ้าๆ นี่ไปให้พ้นๆ เพราะไม่รู้มาบจะมาไม้ไหนอะไรยังไงกับผมอีก

“ปล่อยเถอะมาบ”ผมยังคงทำใจเย็น เพราะคิดว่าถ้าแสดงปฏิกิริยาต่อต้านมากไป มันอาจจะยิ่งเลยเถิดและผมเองก็สู้แรงไอ้คนตรงหน้านี่ไม่ได้อยู่แล้ว

“ที่รักลืมคืนวันที่เราเคยมีด้วยกันแล้วเหรอ”แม้จะเป็นประโยคที่อาจจะฟังดูดีแต่สีหน้า แววตาและน้ำเสียงของคนพูดที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ มันไม่ได้แสดงออกถึงการที่อยากจะระลึกถึงช่วงวันเวลาที่ดีที่เคยมีร่วมกันแม้แต่น้อย มันเหมือนเป็นคำพูดประชดประชัน ที่เต็มไปด้วยการอยากจะทำลายผมเสียมากกว่า ถึงตอนนี้ผมว่าผมเริ่มรู้เจตนาของมาบแล้ว

“อดีตมันก็คืออดีตนะ เราควรจะอยู่กับปัจจุบันไม่ดีกว่าเหรอ ในเมื่อตอนนี้เราทั้งสองต่างคนก็ต่างมีทางเดินเป็นของตัวเองแล้ว จะมารื้อฟื้นอะไรอีกละ”ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกหวาดกลัวบุคคลตรงหน้านี้ไว้ ยอมรับว่าผมมีความรู้สึกกลัวเค้าขึ้นมาเสียแล้ว

“ก็เข้าใจว่าระหว่างเรามันเป็นอดีต...แต่ตอนนี้เรามีคนอื่นอีกที่อยากลองเริ่มต้นกับตี๊ฟดู”คำพูดที่ดูแปลกไปพร้อมกับเสียงประตูเปิดออก แว๊บแรกผมรู้สึกดีใจแต่เมื่อหันไปมอง และเห็นว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับมาบเป็นอย่างดี อาการดีใจของผมเลยลดลงเหลือศูนย์เหมือนเช่นเคย

“เข้ามาสิไอ้เกียรติ นี่ไงคนที่มึงบอกอยากจะลิ้มลองสักครั้ง”คำพูดต่อมาของมาบเล่นเอาผมต้องหันควับมองหน้าเค้า สลับไปมากับชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามา ดูเค้าเป็นคนไม่น่าจะร้ายกาจเท่าไรนัก แต่นั่นมันแค่ลักษณะภายนอก เพราะอีกไม่กี่อึดใจต่อมาผมก็ได้รู้ว่าแท้จริงเค้าเป็นเช่นไร

“แคว๊ก!!!” เสียงเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผมถูกกระชากโดยชายหนุ่มที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายกาจในตอนแรก แต่ตอนนี้ผมว่ามันเหมือนพวกโรคจิตเสียมากกว่า

“ไอ้เชี่ย พวกมึงจะทำไรกู”ผมตะโกนแหกปาก พร้อมกับพยายามดิ้นสุดแรงเกิด ถีบได้เป็นถีบซึ่งก็ได้ผลเพราะไอ้เกียรติไม่ได้ระวังตัวเลยโดนเท้าผมเข้าไปเสียเต็มท้อง คงจุกไม่น้อย

“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง...ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอกกูจะได้จัดให้ แบบนี้สิเข้าทางกูเลย”สิ้นคำพูดฝ่ามือของไอ้เกียรตินั้นก็ประทับลงมาบนใบหน้าผมแบบไม่มีการออมแรง ผมรู้สึกว่าหน้าชาไปทั่วพร้อมกับรสชาดของน้ำสีแดงที่ผมต้องบ้วนทิ้ง ตอนนี้ผมเล็งเห็นแล้วว่าไม่น่าจะสู้แรงสองคนนี้ได้ แต่จะพูดดีๆ มันสองคนกะคงไม่ฟัง แล้วเพื่อนๆ ผมมันไม่คิดว่าจะมีใครมาตามผมบ้างหรือไง นะ นี่ผมก็หายมานานพอควรแล้วเหมือนกัน จะมีใครสักคนนึกห่วงผมบ้างไหมนิ

“เต็มที่เลยไอ้เกียรติ แล้วมึงจะติดใจจนลืมตี๊ฟไม่ลง จริงไหมจ๊ะ”คำพูดที่ดูจะเหยียดหยามนั้นออกมาจากปากของคนที่ผมเคยมีความรู้สึกดีๆให้ นี่หรือคือคนที่ผมเคยคบด้วย แท้ที่จริงเค้าเป็นคนแบบนี้เองหรอกหรือ นิ้วเรียวของเค้ากรีดกรายไปตามริมฝีปากผมที่มีสีแดงจากเลือดไหลออกมาจากการถูกฝ่ามือเมื่อสักครู่

“มาบทำไมมึงเพิ่งจะพามาให้กูเชยชมว่ะ ขาวๆ แบบนี้มันน่ากลืนกินไปให้หมดทั้งตัวจริงๆ เลยว่ะ”คำพูดและท่าทีที่แสดงออกมาทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมต้องโดนได้โรคจิตนี่ย่ำยีจริงๆ หรือนี่

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 29/2


“คงไม่ว่านะถ้ากูจะขอดูลีลามึงหน่อย”ตอนนี้มือผมถูกพันธนาการด้วยเศษเสื้อเชิ๊ตของผมเองที่ถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ผมเหลือบมองมาบด้วยสายตาที่ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก นี่เค้าคิดจะทำแบบนี้กับผมจริงๆ หรือ เพื่ออะไรกันละ เค้าจะทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ส่วนไอ้เกียรตินี่ผมว่ามันก็โรคจิตดีๆ นี่เอง

“อื๊อ...”ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบเมื่อริมฝีปากของไอ้เกียรติประกบลงมาที่ริมฝีปากผม มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย ทั้งขยะแขยง ทั้งสมเพช แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้มากนักเมื่อมือก็ถูกมัดด้วยเสื้อของผมเอง ส่วนสองขาผมก็กำลังจะถูกมัดด้วยเน็กไทด์ ด้วยน้ำมือของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นแฟนผม

“เลือดของคนน่ารักนี่มันช่างหอมหวานเสียจริงๆ” ไอ้นี่มันต้องเข้าขั้นบ้าไปแล้วแน่ๆ และพอได้จังหว่ะที่มันถอนริมฝีปากออกจากผม หลังจากที่พยายามสอดลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ไม่เป็นผล และตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ผมพอจะทำได้ นั่นคือถุยน้ำลายใส่หน้ามัน แม้จะเป็นสิ่งที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก แต่มันก็เพิ่มความสะใจให้ผมได้ไม่น้อย

“โฮะๆๆ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอกจะได้จัดให้”พอสิ้นคำพูดลิ้นสากๆ ของไอ้เกียรติก็เริ่มลากไปกับลำตัวผมก่อนจะมาวนเวียนที่บริเวณยอดอก ซึ่งมันอาจจะคิดว่าจะกระตุ้นอารมณ์ผมหรืออย่างไรไม่รู้ แต่มันได้สร้างความรู้สึกขยะแขยงให้ผมอีกเป็นทวีคูณ

“ไอ้โรคจิตเอ้ย”ผมสบถออกมาอย่างเสียไม่ได้ และก็ได้ผลซึ่งไม่รู้ว่าผลดีหรือผลร้ายต่อผมกันแน่ เมื่อสายตาของไอ้เกียรติที่ดูจะโรคจิตอยู่แล้ว มันกลายเป็นเหมือนพวกที่กู่ไม่กลับแล้วเข้าไปอีก

“มึงว่าใครไอ้โรคจิต”สองมือของไอ้เกียรติบีบกรามผมแน่นด้วยความโมโหนี่ผมคงไปกระตุ้นถูกต่อมมันเข้าให้แล้ว ตกลงว่าไอ้นี่มันโรคจิตขนานแท้เลยหรือไงว่ะเนี่ย แล้วมันยังอยู่ในสังคมปกตินี่ได้ยังไงกันนะ

“มึงว่ากูโรคจิตเหรอ”ฝ่ามือที่ฟาดลงบนหน้าผมจนหันกลับไปมาแทบไม่ทัน นั้นมันแทบจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ผมเลย เพราะตอนนี้หน้าผมมันแทบจะชาไปทั่วทั้งใบหน้าแล้ว นี่ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันนะถึงต้องมาเจอไอ้พวกเดนนรกนี่

“เฮ้ยใจเย็นๆ เพื่อน เดี๋ยวก็ช้ำก่อนได้ลิ้มลองกันพอดี”ผมช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเต็มที่ ผมไม่คิดเลยว่ามาบจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

“ขอถามสักคำถามได้ไหมมาบ”ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะปากผมก็บอบช้ำไปพอควร แถมมีเลือดซิบๆ อีกต่างหาก

“ได้สิจ๊ะที่รัก จะถามอะไรว่ามาเลย”ดูเค้าจะมีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำเหลือเกิน ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ผมกำลังอยากถามเค้าว่า เค้าทำแบบนี้ทำไมกัน ผมเคยทำอะไรให้เค้างั้นหรือ แรกเริ่มทีเดียวเค้าบอกเลิกผม แล้วก็มาอ้างว่าแค่คิดจะลองใจผม แต่สิ่งที่ผมได้ยินเค้าพูดกับเพื่อนในเรื่องที่กล่าวถึงผม มันไม่ใช่สิ่งที่คนที่กำลังคบกันจะพูดถึงอีกฝ่ายเช่นนั้น และผมเองก็มีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอที่จะเลือกไม่สานสัมพันธ์กับเค้าต่อไป ถ้าเหตุผลเพียงแค่นี้มันทำให้เค้าต้องทำถึงเพียงนี้ ก็แสดงว่าผมเองนี่ช่างโง่เขลาหลวมตัวเคยคบกับเค้ามา

“ว่าไงละที่รัก”เมื่อผมไม่ได้ถามออกไปอย่างที่พูดออกไป เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่สองคนนี้กำลังจะทำเสียมากกว่าทำให้ เค้าต้องถามผมกลับมาอีกรอบ

“ทำแบบนี้ทำไม”ผมถามออกไปอย่างราบเรียบ จริงๆ ก็ไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรมากนักหรอกครับ แต่แค่ต้องการยื้อเวลาไว้โดยที่ยังหวังว่าจะมีใครมาตามผมบ้าง

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอที่รัก”น้ำเสียงที่เล่นทีจริงที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เค้าทำต่อผมเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เหมือนว่าความหวังว่าจะมีใครมาช่วยผมได้ทันมันลดน้อยลงไปอีก เพราะถ้าเค้ายังมีอะไรมาตอบในเรื่องที่ผมถามมากกว่านี้มันอาจจะยืดเวลาออกไปได้บ้าง แต่นี่เปล่าเลย

“จะให้กูได้ลิ้มลองหรือยังว่ะไอ้มาบ นี่กูแทบอยากจะขย้ำเหยื่อของกูให้แหลกคามือแล้วเนี่ย”น้ำเสียงหื่นกระหาย เหมือนกับพวกวิตถารในหนังโรคจิตไม่มีผิดเพี้ยนเล่นเอาผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องที่จะเกิดต่อไปนับจากนี้ นี่คงเป็นเรื่องที่อัปยศที่สุดในชีวิตผมที่ได้ประสพพบเจอมา

เข็มขัดผมค่อยๆ ถูกบรรจงแกะอย่างใจเย็น แม้จะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลย พลันสายตาผมก็เห็นบางอย่างที่ไม่คาดคิดว่าสองคนนี้มันจะทำ ผมแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อน้ำตาเทียนที่ร้อนแสนร้อน หยดลงบนผิวหนังของผม ไอ้พวกโรคจิตนี่มันเห็นผมเป็นอะไรกันเนี่ย

“ช่วยด้วย!!!!”ผมตะโกนออกแทบจะสุดเสียง นี่ทำไมผมโง่อยู่ตั้งนาน ปากก็ไม่ได้โดนมันปิดเสียหน่อย แล้วทำไมผมไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือกันเล่า แต่ทว่าไอ้สองตัวนี่กลับหัวเราะเยาะในสิ่งที่ผมทำ นั่นเพราะห้องน้ำจุดนี้ค่อนข้างอยู่ในที่ลับตาไม่ค่อยมีใครมาใช้และนี่ยิ่งเป็นช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วด้วย

“ร้องได้ร้องไปเลย เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนตามมาช่วยได้หรอกมั้ง ฮ่าๆ”สองเสียงจากสองคนที่กำลังช่วยกันถอดกางเกงผมออกหัวเราะอย่างมีความสุข ซึ่งแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ผมเริ่มมองไม่เห็นทางรอดเสียแล้ว

“โอ๊ย”ผมร้องออกมาด้วยอาการเจ็บปวดพร้อมกับสะดุ้งแทบสุดตัว เมื่อรับรู้ได้ว่ายอดอกสีชมพูของผม โดนกัดเข้าอย่างแรง สมองผมเริ่มเบลอ พร้อมกับรู้สึกน้ำตามาคลอที่เบ้าตาเรียบร้อยแล้ว แต่ผมพยายามจะสกัดกั้นไว้ แม้ผมจะไม่มีทางสู้แต่ผมจะไม่แสดงออกให้สองตัวนี้มันเห็นเด็ดขาด ว่าผมอ่อนแอ

ผมไม่เข้าใจว่าการที่มันสองคนทำแบบนี้ มันไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาบ้างเลยเหรอ มันคิดว่าพอเมื่อทำกับผมไปแล้วอย่างที่มันคิดจะทำ พอสำเร็จเรื่องมันก็จะจบลงอย่างนั้นหรือ มันไม่คิดบ้างหรือไงว่าผมจะเอาเรื่องพวกมันหรือเปล่า หรือพวกมันไม่คิดว่าจะปล่อยให้ผมได้มีโอกาสรอดไป เอาผิดพวกมันได้ แต่ถ้าแบบนั้นมันก็จะเกินไปที่ มันจะทำร้ายผมถึงขั้นกับเสียชีวิต พวกมันคงไม่ทำขนาดนั้นหรอกมั้ง ตอนนี้ผมเริ่มปลอบใจตัวเอง เพราะเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสองคนนี้จะบ้าได้ขนาดไหนกันแน่

“ไม่ดิ้นแล้วเหรอหือ”เมื่อเห็นผมไม่ได้แสดงอาการขัดขืนทำให้ไอ้เกียรติหันมาเริ่มสนใจอาการนิ่งของผมเล็กน้อย พร้อมกับปลายนิ้วที่ วนไล้ไปบนใบหน้าของผม

“ว่าไงละหือ”เมื่อผมไม่ตอบทำให้อีกฝ่ายต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเฉย และดูเหมือนการกระทำเช่นนี้ของผมจะไปกระตุ้นต่อมอะไรของไอ้เกียรติเข้าให้อีกแล้ว เพราะมันหยุดการพยายามถอดกางเกงผม แล้วหยิบเทียน มาวางบนตัวผมอีกครั้ง พร้อมกับค่อยๆ ให้น้ำตาเทียนหยดลงบนผิวหนังของผม ซึ่งแม้จะเจ็บปวดแสบปวดร้อนแต่ผมก็ยังพยายามทำเป็นนิ่ง  ไม่แสดงอาการออกมา

“ไม่มีความรู้สึกหรือไง...ตายด้านแล้วเหรอจ๊ะที่รัก”มาบขยับมาพูดกระซิบข้างหูผม ด้วยน้ำเสียงที่ยังเย็นยะเยือกเหมือนเดิม

“ต่อเลยไอ้เกียรติอยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างตี๊ฟ จะสวยงามขนาดไหนในเวลาที่กำลังมีเซกส์โดยเฉพาะการมีเซกส์ที่แตกต่างกับมึง”แม้จะพยายามไม่รับรู้แต่บทสนทนาทุกอย่างมันก็เข้ามาในโสตประสาทของผมทั้งหมด เซกส์ที่แตกต่างงั้นเหรอ มันก็คือการที่ผมต้องโดนไอ้โรคจิตสองคนร่วมมือกันสร้างตราบาปในชีวิตให้แก่ผมนั่นเอง

จากการกระทำแล้วไอ้เกียรตินี่คงไม่ใช่จะเพิ่งเคยทำร้ายใครแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน แต่ก็น่าแปลกที่มันยังอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ หรือว่าคนที่เคยโดนมันทำร้ายไม่มีใครคิดจะเอาเรื่องเอาราวกับมันเลยหรืออย่างไร แล้วผมละ หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ถ้าผมไม่โดนฆาตกรรมหมกส้วมเสียก่อน เหมือนในหนังพวกแนวๆ พวกนี้ หากพวกมันยังปล่อยให้ผมมีชีวิตรอดต่อไป ผมจะทำยังไงกับชีวิตของผมหลังจากนั้น ผมจะไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับพวกมันไหม ถ้าเรื่องถึงตำรวจก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน ซึ่งทางเลือกนี้ถ้าพ่อแม่ผมรู้ แน่นอนมันต้องเป็นทางเลือกนี้อยู่แล้ว

เมื่อก่อนกฎหมายที่คุ้มครองผู้ที่ถูกข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายอาจจะเห็นชัดแค่ในส่วนของผู้หญิง แต่ทุกวันนี้ผู้ชายที่โดนข่มขืนก็สามารถที่จะได้รับความคุ้มครองในตรงนี้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าผมไม่เลือกทางนี้ละ ผมจะเลือกที่จะเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม แล้วทั้งสองคนนี้มันจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดกับใคร ยังไงบ้างละ

คิดๆ ไปมันก็รู้สึกจุกที่อกขึ้นมาเฉยๆ ตอนนี้ผมคิดถึง พ่อ แม่ พี่ชายผม หากพวกเค้ารับรู้ว่าผมต้องพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนอย่างไรเสียเรื่องนี้มันคงลบไปจากใจผมได้ไม่ง่ายแน่ๆ แล้วพวกเค้าจะเป็นทุกข์ร่วมไปกับผมมากขนาดไหนกัน แค่คิดก็เหมือนน้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้มันจะไหลออกมาเสียให้ได้

“ร้องเลย ไม่ต้องกลั้นไว้ รู้ไหมว่าหยดน้ำตามันสวยงามแค่ไหน มันช่างเป็นสิ่งที่สวยงามเหลือเกินมันเหมือนกับแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด ความเจ็บปวดมันเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่กูเหลือเกิน มึงเห็นไหมไอ้มาบ”น้ำเสียงไอ้โรคจิตนี้พร่ำพูดพร้อมกับใช้ลิ้นสัมผัสกับน้ำตาผมที่เริ่มไหลออกมาอย่างสุดกลั้น

เสียงหัวเราะน้อยๆ ของมาบ เปล่งออกมาเบาๆ เหมือนเป็นการสมน้ำหน้าผม ตอนนี้ในใจผมเริ่มคิดถึงอีกคน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้เชษฐ์ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงมันขึ้นมาก่อนมานี่มันเป็นคนอาสาจะมาเป็นเพื่อนผม นี่ถ้าผมปล่อยให้มันมาเป็นเพื่อนสถานการณ์ในตอนนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กำลังจะเป็นก็เป็นได้

“ตี๊ฟ ๆ...อยู่ในนั้นหรือเปล่า”หนึ่งเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูด้านทางเข้ามาในห้องน้ำ ทำให้ทั้งไอ้เกียรติ มาบ และผมมีความรู้สึกและแสดงอาการไปกันคนละแบบ



และแล้วมาบก็กลับมาอีกครั้ง เหอๆ

ของวันที่ 29 แบ่งลง สองช่วงวันนี้และครึ่งหลังลงพรุ่งนี้นะครับ o13

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
 โอ่ยยย~ จะช่วยทันไหมนิ.. :katai1: :katai1:

ไอ้โรคจิตตตตตตต!!!  :z6: :z6:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
พระเอกมาแล้วโว๊ยยยยยย :m31:
ไอ้พวกชั่วๆหลบไป!!!!!! :z6:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
มาให้ทันนะเชษฏ์ ซัดพวกมันให้คางเหลืองไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลเลยเชษฏ์ เรียกการ์ดกับเพื่อนๆมาให้หมดเลย แบบนี้ต้องรุมสกรัมด้วยกำปั้นกับตีน

ไอ้มาบกับเพื่อนต้องเคยทำมาแล้วและต้องมีโจทก์เยอะแน่ๆ ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ให้หมดอนาคตถ้าหากว่าพวกมันยังไม่สำนึก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อ้ากกกกค้างงงเชษฐ์หรือการ์ดเนี่ยมาเคาะเรียก
พังเข้าไปเลยจร้าเดี๋ยวตี๊ฟเสร็จมันซะก่อน :katai1:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไอ่มาบนี่มันเลวจิงๆ จัดหนักๆไปเลยเชษ  :z6: :z6:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ทำไมมาบเลวอย่างนี้ล่ะเห็นตี๊ฟเคยยอมใช่มั้ย
สงสัยว่าตอนแรกทำไมมาบถึงบอกเลิกกันล่ะ
ทำไมไม่ทำโรคจิตตอนที่ยังคบเป็นแฟนกัน

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กระทืบแม่งเลย เอาให้หยอดน้ำข้าวต้มสักเดือน :angry2:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
กระทืบเลย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เชรษฐ์เหยียบมาบให้จมตีนไปเลย
ค้างอย่างแรง ทำกันได้ มาลงเตอะ
ลุ้นต่อๆๆๆๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ตอนที่ 29/3

มาบมีอาการตระหนกอยู่พอสมควร ส่วนไอ้เกียรตินั้นเพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผมเสียงคนที่เรียกมันเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืด และไวเท่าความคิด

“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยย”ผมตะโกนสุดแรงเกิดและเสียงผมก็ได้ทันเล็ดลอดออกไปก่อนที่ไอ้โรคจิตจะเอาผ้ามายัดปากผม ตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ

“เฮ้ยมึงเป็นอะไรหรือเปล่าว่ะไอ้ตี๊ฟ”ผมอยากตะโกนกลับออกไปบอกเหลือเกินแต่ตอนนี้ผมตอบไม่ได้แล้ว เสียงของคนที่จะเป็นแสงสว่างให้แก่ผมนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือไอ้การ์ดนั่นเอง แม้ในใจผมอาจมีความหวังเล็กๆ ว่าไอ้เชษฐ์ควรเป็นคนมาช่วยผม แต่ตอนนี้มันคงไม่สำคัญเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ได้แล้วละสำหรับผมในตอนนี้

“ไอ้มาบมึง ไปจัดการสิ ฟังแล้วมันน่าจะมาแค่คนเดียว แค่นี้มึงจัดการได้นะ”เสียงไอ้โรคจิตสั่งอย่างใจเย็น ส่วนไอ้การ์ดที่อยู่ด้านนอกก็ยังตะโกนเข้ามาอย่างรอคอยคำตอบจากผม แต่มันจะมัวรีรออะไรกันเล่า จะทำอะไรก็ทำสักอย่างเหอะ ก่อนที่พวกนี้มันจะยัดผมลงชักโครก

“ไม่เป็นไรแน่เหรอว่ะมึง”มาบดูเหมือนจะมีอาการตื่นตระหนกอยู่ในทีแสดงว่านี่คงเป็นการกระทำครั้งแรกอย่างแน่นอนแต่ส่วนไอ้เกียรตินี่น่าจะเป็นมืออาชีพเลยก็ว่าได้เพราะดูมันนิ่งเหลือเกิน

“เฮ้ยไอ้ตี๊ฟถ้ามึงไม่ตอบกูพังประตู้เข้าไปแล้วนะโว้ย”ผมกำลังรอให้มันทำเช่นนั้นอยู่ ว่าแต่ไอ้การ์ดหนึ่ง ต่อไอ้สองคนข้างในนี่ ไอ้การ์ดมันจะสู้ไหวหรือเปล่าเนี่ย เพราะดูไอ้โรคจิตนี่มันกำลังมั่นใจเหลือเกินว่าไอ้การ์ดจะไม่มาเป็นตัวขัดขวางภารกิจของมันแม้แต่น้อย แล้วถ้าเกิดไอ้การ์ดมันเสียท่าพลาดพลั้งขึ้นมา มันไม่ต้องมาเป็นแขกกิติตมศักดิ์ชมการแสดงของนักแสดงจำเป็นอย่างผมหรอกหรือนี่

เสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกประตูดังขึ้น สงสัยไอ้การ์ดคกำลังจะพังประตูเข้ามาอย่างแน่นอน แค่นี้ผมก็รู้สึกอุ่นใจแล้วว่าผมอาจจะไม่ต้องโดนไอ้พวกโรคจิตนี่ทำอะไรก็เป็นได้ สายตาผมจดจ้องมองไปทางประตูอย่างมีความหวัง ถึงแม้ว่าไอ้การ์ดอาจจะมาคนเดียว แต่ผมก็ยังอุ่นใจได้อยู่เพราะเพื่อนผมคนนี้เรื่องท้าตีท้าต่อย ไม่ได้เป็นรองใครนัก

“เฮ้ยไอ้มาบท่าทางหง๋อๆ แบบนั้นมึงจะสู้มันได้หรือเปล่า...เอ้านี่เครื่องทุ่นแรง”ไอ้เกียรติพูดพร้อมกับยื่นท่อเหล็กขนาดพอเหมาะท่อนนึงให้กับมาบ ผมมองตามพร้อมใจหายวาบ อยากจะตะโกนบอกไอ้การ์ดเหลือเกินว่าให้ระวังตัว เพราะถ้าเปิดประตูเข้ามาแล้วโดนท่อนนี้ฟาดเข้าไปคงไม่ดีแน่ๆ

และก็ไม่ต้องรอให้ผมได้ตั้งสตินานเสียงชนประตูดังสนั่นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก โชคดีประตูมันเป็นแบบที่เปิดเข้ามาด้านใน ทำให้คนด้านนอกมีโอกาสตั้งตัวในขณะที่คนด้านในต้องถอยตั้งหลัก ตอนนี้ไอ้เกียรติมันลากผมยืนชิดผนังพร้อมกับมองคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยสายตาที่ราบเรียบ มาบดูจะประม่าอยู่คาดว่าคงไม่ถนัดเรื่องชกต่อยเท่าไหร่

ส่วนไอ้การ์ดหันมาสบตาผมด้วยอาการค่อนข้างตกใจประหลาดใจ ว่าทำไมผมมีสภาพเช่นนี้ ตอนนี้เหมือนทุกอย่างหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทุกคนต่างนิ่ง แต่นิ่งด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป

“พวกมึงทำอะไรเพื่อนกู”เสียงตะโกนของไอ้การ์ดดังจนน่าตกใจ ไอ้การ์ดหันไปมองมาบที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะประเคนหมัดเข้าใส่ เพียงแค่หมัดเดียว มาบก็ลงไปนอนแน่นิ่ง นี่เพื่อนผมมันแรงเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเป็นมาบเองที่ใจเสาะ เพราะท่อนเหล็กที่ไอ้เกียรติส่งให้มาบ ไม่ได้ช่วยอะไรมาบเลย

“อย่าเข้ามานะมึง ถ้ามึงเข้ามากูแทงไอ้นี่ไส้แตกแน่”เสียงที่ยังคงราบเรียบของไอ้เกียรติ พูดพร้อมกับจิ้มอะไรแหลมๆ บางอย่างมาที่เอวผม ซึ่งผมไม่ทันสังเกตว่ามันเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้อยากจะตะโกนบอกไอ้การ์ดเหลือเกินว่าให้มันเข้ามาเลย เพราะเห็นฝีมือที่ไอ้การ์ดต่อยมาบแบบหมัดเดียวจอดแล้ว คิดว่าไอ้โรคจิตเสียงเรียบนี่ก็ไม่น่าจะ สู้ได้หรอกน่า แต่ตอนนี้ปากผมมันมีผ้ายัดปากอยู่นี่แหละ

“ไอ้เชี่ย...เพื่อนกูไปทำอะไรให้มึง ถึงได้ทำกับมันแบบนี้”ไอ้การ์ดหันมาพูดกับไอ้เกียรติด้วยน้ำเสียง เหยียดๆ ปนสมเพชอยู่ไม่น้อย นี่มันคิดบ้างไหมว่าการพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นอาจจะไปกระตุ้น ไอ้โรคจิตที่จับผมอยู่ตอนนี้เกิดทำอะไรแผลงๆ เพิ่มขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ผมมีอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น เพราะเหมือนมาบที่โดนไอ้การ์ดต่อยหมัดเดียวจอดไปเมื่อสักครู่ กำลังค่อยลุกขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่เหมือนไอ้การ์ดเองก็ไม่ได้รู้ตัว ส่วนผมที่มองเห็นแต่พูดบอกมันไม่ได้ ผมพยายามจะตะโกนแต่สียงมันก็ไม่ได้มีโอกาสออกจากลำคอเลยแม้แต่น้อย

ผมพยายามจ้องมองที่ไอ้การ์ดโดยหวังว่ามันจะเห็นสัญญาณที่ผมพยายามบอก แต่...แต่...มันช้าไปแล้ว ท่อนเหล็กในมือของมาบ ค่อยๆ ฟาดลงมาอย่างช้าๆ ในความรู้สึกผมมันเหมือนสโลว์ให้ดูอย่างช้าๆ

“เพล้ง!!!”เสียงดังเหมือนกับมีคนทำเอฟเฟกต์ในหนังไม่มีผิดเพี้ยน ผมจ้องมองท่อนเหล็กที่ร่วงลงพื้น สลับกับไอ้การ์ด มองเลยไปที่มาบ ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน

มันทั้งตกใจ ดีใจ และอีกหลายอย่าง ตอนนี้ท่อนเหล็กอยู่บนพื้นเพราะหลุดจากมือมาบไป แต่ไอ้การ์ดก็ยังคงอยู่ดีไม่ได้โดนท่อนเหล็กนั้นฟาดอย่างที่ผมกลัวในตอนแรก เพราะมีอีกคนที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ผู้มาใหม่เหมือนกำลังมองดูสถานการณ์ทั้งหมดพร้อมทั้งทำการประเมินว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองมาที่ผม สายตาเค้ามีแววปวดร้าวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ต่างจากตอนที่ไอ้การ์ดเข้ามาเห็นสภาพผมแม้แต่น้อย แต่อันนี้ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมว่ามันมีแววแห่งความห่วงหาอาทรณ์มากกว่า

“เชษฐ์”ผมนึกชื่อเค้าในใจเพราะพูดออกไปไม่ได้ อยากจะยิ้มยินดีที่เห็นเค้าอยู่ตรงนี้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง จะมีก็แค่เพียงสายตาที่ส่งหาเค้าว่าแค่นี้ที่เห็นเค้ามาผมก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้ผมมั่นใจได้ขนาดนั้น ทั้งที่ตัวผมเองตอนนี้ ยังมีไอ้โรคจิตคนนึงเอามีดจี้ไว้อยู่ แววตาของไอ้เชษฐ์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น จนน่ากลัว พร้อมกับจ้องมองมาที่ไอ้เกียรติ

“ถ้าพวกมึงอยากให้มันไส้แตกก็เข้ามาเลย”ไอ้โรคจิตเริ่มขู่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางสู้ แต่มันก็ยังเป็นต่อตรงที่มีผมเป็นตัวประกัน แถมมีอาวุธติดมือด้วย ในขณะที่ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดมีแค่มือเปล่า

“อ่ะๆ แน่ใจเหรอ”ไอ้โรคจิตขู่อีกครั้งเมื่อเห็นไอ้การ์ดก้มลงจะหยิบท่อนเหล็กข้างๆ ตัวมาบ

“กว่าจะเข้ามาถึงแน่ใจเหรอว่า มีดเล่มนี้จะไม่แทงทะลุ เข้าไปในเนื้อนุ่มๆ นี่แล้ว”ไม่พูดเปล่าแต่มันเอามีด กรีดเบาๆ ไล่ตามแขนผมเป็นการแสดงให้เห็นอีกด้วย แม้มันไม่ได้ทำจริง แต่ผมก็รู้มันคงไม่ได้แค่ขู่เล่นๆ เพราะจากการที่มันทำกับผมก่อนหน้านี้ที่เอาเทียนมาหยดนั่นอีกละ แม้ในใจจะนึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดบุกเข้ามาเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ผมจะยอมเจ็บสักแผล รักษาไม่นานก็น่าจะหายแหละ

“งั้นมึงก็ปล่อยแฟนกูมา แล้วพวกกูจะไม่ทำอะไรมึง ไม่เอาเรื่องมึง”แฟนงั้นเหรอ...ไอ้บ้าพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำเลย แถมในเวลาแบบนี้ด้วย แมนเหลือเกิน ว่าแต่ถ้าไอ้โรคจิตนี่ปล่อยผมไปจริงๆ ผมจะไม่เอาเรื่องมันอย่างที่ไอ้เชษฐ์มันพูดหรือเปล่าน้า

“มึงก็วางเหล็กนั่นลงเซ่...วางลงแล้วก็โยนมานี่”ตอนนี้ผมว่าไอ้เกียรติมันเริ่มสั่นแล้ว คงเพราะเริ่มคิดได้ว่ายังไงเสียถ้ามันทำร้ายผม มันก็คงไม่รอดไปจากตรงนี้แน่ๆ แล้วละมั้ง

ไอ้การ์ดโยนท่อนเหล็กทิ้งตามคำสั่งของไอ้เกียรติ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเหมือนกำลังดูทีท่าของอีกฝ่ายอยู่ ผมเองก็โดนไอ้เกียรติให้เดินตามติดไปด้วย ตอนนี้เหมือนกำลังเดินเปลี่ยนฝั่งกัน คือให้ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดวนเข้ามาด้านใน ส่วนไอ้เกียรติลากผมไปทางประตู ผมเริ่มคิดอะไรบางอย่าง ผมว่าผมไม่น่าจะปล่อยให้มันหลุดออกไปง่ายๆ แบบนี้ เพราะถ้าปล่อยมันไปเฉยๆ มันอาจกลับมาทำร้ายผมอีกก็เป็นได้ คงต้องสั่งสอนให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง เพราะตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าคงไม่โดนทำอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว และผมเองก็คงไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับมัน เนื่องจากไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ต้องมั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาวุ่นวายกับผมอีก

คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มยื้อไม่เดินตามไอ้โรคจิตนี่ ได้ผลมันหยุดแล้วจ้องหน้าผมพร้อมกับยกมีดขึ้นมาโชว์ให้ผมเห็นเพื่อเป็นการย้ำเตือนผมว่า อันตรายสามารถเกิดกับผมได้อยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม แต่ผมไม่สนแล้ว ผมพยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ สะบัดแขนให้หลุดจากการลากพร้อมกับถีบเข้าที่ลำตัวของไอ้เกียรติสุดแรง ได้ผลผมกับไอ้เกียรติล้มแยกกันออกคนละทาง และผมหวังว่าไอ้สองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่จะจับไอ้เกียรติไว้ได้ทันนะ

“กูว่าจะปล่อยดีๆ แล้วนะ แต่มึงวอนหาเรื่องเอง”น้ำเสียงแสดงถึงอารมณ์โกรธของคนที่โดนผมถีบเมื่อสักครู่ เปล่งออกมาแทบจะสุดเสียงทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นก็คือไอ้เกียรติง้างมีดในมือ เตรียมปักลงมาที่ผม ด้วยสัญชาตญาณทำให้ผมหลับตาปี๋รอรับความเจ็บปวดที่จะเกิด...แต่ว่าเอะ ทำไมมันนานขนาดนี้ทั้งๆ ที่ระยะของมีดกับตัวผมมันไม่ได้ห่างกันมากมายนี่นา หรือว่าการโดนมีดแทงมันไม่มีความเจ็บปวดหรืออย่างไร

เพื่อให้หายสงสัยทำให้ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ค่อยๆ มองไปยังทางที่ไอ้เกียรติมันอยู่ และภาพตรงหน้าผมค่อยๆ ชัดขึ้นๆ มีดที่ไอ้เกียรติถืออยู่ตอนนี้วางอยู่กับพื้น พร้อมกับมีหนึ่งคนที่ยืนกั้นระหว่างผมกับไอ้เกียรติไว้

“กูจะปล่อยมึงกับไอ้คนที่นอนแอ้งแม้งอยู่นั่นไป...และจะไม่เอาเรื่องเอาราวให้ถึงตำรวจ แต่มึงต้องไม่มายุ่งกับพวกกูอีก เพราะถ้ามึงมาทำอะไรตี๊ฟอีก มึงไม่ได้ตายดีแน่”ไอ้เชษฐ์พูดอย่างใจเย็น และผมเองก็คิดตามแม้จะโกรธ โมโห และรังเกียจไอ้โรคจิตนี่กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อผมก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมเองก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน จะว่าผมดีเกินไปก็ยอม ก็ไม่อยากให้ยุ่งยากไปกว่านี้ อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกอุ่นใจกับคำพูดของไอ้เชษฐ์ที่คาดว่ามันคงปกป้องผมได้

“มึงจะปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้ได้ไงว่ะไอ้เชษฐ์ ดูที่มันทำกับไอ้ตี๊ฟดิ”ไอ้การ์ดแย้งขึ้นอย่างไม่ค่อยจะพอใจกับสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูดเมื่อสักครู่

“กู กูสัญญาว่าจะไม่กลับมาตอแยอะไรอีก ปล่อยกูไปเถอะนะ”ไอ้เกียรติเมื่อเห็นว่าไม่มีทางสู้ ก็ได้แต่ตะกุกตะกักพยายามเอาตัวรอด สงสัยคงกลัวโดนไอ้การ์ดกับไอ้เชษฐ์รุม เพราะตอนนี้มาบก็ยังไม่ได้สติ ส่วนตัวเองก็ไม่มีอุปกรณ์ทุ่นแรงอะไรอีกแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรมันมากนัก แต่จะบอกว่าไม่เลยก็คงไม่ใช่ ความจริงคือผมรู้สึกสงสารมันมากกว่า เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นคนมีปัญหาทางจิตหรือไม่ก็มีปมด้อยอะไรอยู่ในใจแน่นอน

“งั้นกูก็จะปล่อยมึงไป...แต่ก่อนไป ขอนิดนึงแล้วกัน”ผมงงๆ กับคำพูดของไอ้เชษฐ์ แต่เพียงไม่นานผมก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อไอ้เชษฐ์กระหน่ำทั้งหมัดทั้งเท้า ประเคนเข้าที่ไอ้เกียรติอย่างไม่ยั้ง ก็ไหนว่าจะไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรไม่ใช่เหรอ

“เชษฐ์....พอ...พอเถอะ”ผมพยายามลุกเพื่อยื้อให้มันหยุดเพราะกลัวไอ้เกียรติมันจะตายเสียก่อน แล้วไอ้เชษฐ์จะลำบากกับข้อหาฆ่าคนตาย

“มึงไม่ต้องมาห้ามกู ดูสิ่งที่มันทำกับมึงซิ กูอยากจะฆ่ามันให้ตายลงเสียตรงนี้”ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะห้ามไอ้เชษฐ์ได้ แต่ก็ยังดีที่ได้ไอ้การ์ดอีกคนมาช่วยห้ามทัพ ทั้งที่ตอนแรกไอ้เชษฐ์เหมือนจะนิ่งๆ แล้วไอ้การ์ดเป็นคนจะโมโหมากกว่าแต่ ตอนนี้กลับสลับกันอย่างสิ้นเชิง

“กูไม่เป็นอะไรแล้ว นี่ไง มึงดูดิกูไม่เป็นไรแล้วจริงๆ...พอเถอะ”ผมพยายามแข็งใจให้ไอ้เชษฐ์เห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ แม้ถ้าตามความเป็นจริงผมก็ทั้งเจ็บที่โดนไอ้เกียรติตบ หรือปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังตอนนี้เหมือนมันจะพุพองไปหลายจุดที่โดนน้ำตาเทียน

“นี่เหรอที่มึงว่าไม่เป็นไร...ถ้ากูมาห้องน้ำเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่แรก...”

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 29/4
“เชษฐ์...”ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างร้อนใจเมื่อเหลือบไปเห็นสีเสื้อนักศึกษาสีขาวของไอ้เชษฐ์ เริ่มมีเลือดแดงฉานมาแทนที่ เพราะมันไม่ใช่เลือดจากการกระหน่ำซัดไอ้เกียรติเมื่อสักครู่ สายตาผมหันมองหามีดของไอ้เกียรติที่หล่นห่างออกไป และมันก็ยิ่งชัดขึ้นเมื่อมีดนั้นมีคราบเลือดติดอยู่ และเสื้อของไอ้เชษฐ์เองก็มีรอยขาดเป็นทางเช่นเดียวกัน

“มึงเป็นยังไงบ้าง”ผมรีบถลาไปหาไอ้เชษฐ์ในแทบจะทันที เพราะตัวมันเองก็เหมือนจะทรุดลงเพราะไม่สามารถที่จะยืนได้แล้ว



“นี่มึงโดนแทงเหรอว่ะไอ้เชษฐ์”เสียงไอ้การ์ดเองก็ตกใจไปไม่แพ้กับผม แล้วนี่ไอ้การ์ดมันไม่เห็นตอนที่ไอ้เชษฐ์โดนแทงหรืออย่างไร แต่ส่วนผมตอนที่ไอ้เกียรติมันเงื้อมีดจะเอาผมเป็นเป้าผมก็หลับตาปี๋ไปเลย พอลืมตามาอีกที ใช่แล้ว นี่ไอ้เชษฐ์มันรับมีดแทนผมใช่ไหม

“มึงอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะเชษฐ์”น้ำตาผมเอ่อขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกับพยุงตัวอีกคนไว้

“กูไม่เป็นไรหรอกน่า...แค่นี้ไกลหัวใจ แล้วก็ไม่ได้โดนแทงอะไรหรอก แค่โดนเฉี่ยวไปเท่านั้นแหละน่า”คนที่มาช่วยแต่ตอนนี้เหมือนจะเจ็บกว่าแถมยังทำปากเก่งอีก จากตอนแรกที่ผมว่าจะไม่โกรธอะไรไอ้เกียรติเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเองอยากจะไปกระทืบไอ้เกียรติซ้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด เกิดไอ้เชษฐ์เป็นอะไรมากขึ้นมา มันก็เป็นเพราะผมแท้ๆ เลย

“กูว่าเรารีบไปโรงพยาบาลดีกว่าว่ะ เห็นสภาพมึงสองคนแล้วกูจะลมจับว่ะ”ไอ้การ์ดช่วยเรียกสติผมกับไอ้เชษฐ์ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี

“มึงไปเอารถมารับทีสิว่ะไอ้การ์ด”ผมพูดขึ้นเพราะจากสภาพแล้ว ตอนนี้คนที่สภาพพอจะดูดีที่สุดก็คงไม่พ้นไอ้การ์ดนี่อหละ พร้อมทั้งกำชับไอ้การ์ดว่าไม่ต้องยกขโยงกัน มาทั้งหมดหรอก เดี๋ยวจะดูเป็นเรื่องใหญ่ (ทั้งที่ตอนนี้ก็เหมือนจะเรื่องใหญ่ไปแล้ว) ก่อนไปไอ้การ์ดก็ถอดเสื้อนักศึกษาของมันมาให้ผมใส่ เพราะของผมเองมันไม่เหลือสภาพให้ใส่ได้อีกแล้ว ส่วนตัวมันเองก็ยังเหลือเสื้อกล้ามที่ใส่ซ้อนมาอีกที และก็เอาผ้าเช็ดหน้าของมันที่ผมเพิ่งรู้ว่าคนอย่างมันพกผ้าเช็ดหน้ากับเค้าด้วยส่งให้ไอ้เชษฐ์กดแผลห้ามเลือดไว้ หลังจากตกลงกันได้ไอ้การ์ดก็รีบไปทันที ส่วนผมกับไอ้กับไอ้เชษฐ์ก็พยายามที่จะออกมารอไอ้การ์ดที่หน้าห้องน้ำ ด้วยความทุลักทุเล คือเหมือนไม่มีใครจะเป็นที่พึงของใครได้แล้วละตอนนี้ น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกห่วงตัวเองว่าจะมีรอยแผลเป็นหรืออะไรที่มันรุนแรง เพราะประเมินดูแล้วของผมมันเป็นแค่แผลไม่ได้รุนแรง เพียงแค่มีหลายจุดเท่านั้นเอง แต่ผมกลับห่วงอีกคนมากกว่า เพราะแม้บาดแผลของเค้ามีเพียงจุดเดียว แต่สำหรับผมผมว่ามันรุนแรงกว่าผมมากนัก

“ไหวหรือเปล่า”น้ำเสียงอีกฝ่ายพูดกับผม คงเพราะเห็นน้ำตาที่มันเอ่อขึ้นมาในดวงตาของผมนั่นเอง แทนที่มันจะห่วงตัวมันเองซึ่งอาการน่าจะแย่กว่าผมอีก

“กูขอโทษ...”ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ และบอกมันออกไป เพราะมันต้องมาเจ็บตัวเพราะผมแท้ๆ เลย ไอ้เชษฐ์ยิ้มให้กับผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษมึง...ถ้ากูมาห้องน้ำเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”ทั้งผมและไอ้เชษฐ์ต่างฝ่ายต่างจะโทษตัวเองแบบนี้ ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนให้ผมมากเหลือเกินว่า บางทีเราอาจจะประเมินใครบางคนได้แตกต่างจากความเป็นจริงที่เค้าเป็นเหลือเกิน อย่างมาบ ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดจริงใจอะไรกับผมแต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะคิดมาทำร้ายผมได้ขนาดนี้

หรืออย่างไอ้เชษฐ์เองที่ดูมันจะเป็นห่วงเป็นใยผมได้ขนาดนี้ หรืออย่างตัวผมเองก็เช่นเดียวกันที่ผมก็เป็นห่วงไอ้เชษฐ์มากเช่นเดียวกัน นี่ถ้าไอ้เชษฐ์เป็นอะไรมากผมเองคงรู้สึกผิดไปตลอดอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ผมก็ว่าไอ้เชษฐ์เองก็เจ็บมากเหมือนกันแหละ แม้ตัวมันเองจะพยายามทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแผลที่มันโดนมีดของไอ้เกียรติมันก็ไม่ได้เล็กเลย

ไม่นานนักไอ้การ์ดก็มารับเราสองคนเพื่อไปโรงพยาบาล แต่พอออกมาได้สักระยะ ไอ้เชษฐ์กลับบอกให้ไปคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งมันบอกว่าน่าจะดีกว่าการไปโรงพยาบาล เพราะถ้าไปโรงพยาบาลจากสภาพที่เราเป็นกันอยู่ตอนนี้เรื่องมันคงไม่ได้แค่ทำการรักษาแน่ๆ แต่หมอเค้าคงอยากจะรู้ว่าเราไปเจอเหตุการณ์อะไรมาอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าพวกผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันบานปลายสักเท่าไหร่

แต่ในใจลึกๆ สำหรับผมนั้นยังไงก็ได้อยู่แล้ว เพียงแค่ขอให้เราทั้งสองปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว ตัวผมคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก แต่ไอ้เชษฐ์ผมไม่รู้ว่าแผลมันนั้นรุนแรงขนาดไหน ซึ่งถ้าเอาตามจริงผมอยากให้มันได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

“มึงรู้จักหมอประจำคลินิคนี้เหรอว่ะ ทำไมต้องเจาะจงมาที่นี่ด้วย”ไอ้การ์ดเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อถึงที่หมาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะมาสงสัยอะไรเอาตอนนี้ เอาไว้ให้ทำแผลอะไรเสร็จก่อนแล้วค่อยสงสัยจะได้ไหมเนี่ย

“น้ากูเองแหละ”คำตอบของไอ้เชษฐ์ทำเอาผมและไอ้การ์ดหันควับมองหน้ามันเกือบจะพร้อมกัน แปลกใจนะก็แปลกใจอยู่ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดได้ก็คือ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวหรือญาติของไอ้เชษฐ์ แม้แต่นิดเดียว

“โหแล้วแบบนี้น้ามึงจะยิ่งไม่ซักไซ้ไล่เรียงเลยเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดเริ่มเป็นกังวล เพราะถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมา มันไม่ได้เริ่มจากการที่พวกผมเป็นคนก่อ แต่ผลที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็คงจะสร้างความสงสัยให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ไม่น้อยทีเดียว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดมันคือความปลอดภัยของคนตรงหน้าผมมากกว่าที่จะมัวมากังวลเรื่องอื่นๆ อีก

“ค่อยคิดทีหลังนะไอ้การ์ดตอนนี้กูว่าเข้าไปทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีไหม”ผมเป็นฝ่ายรีบกระตุ้นให้ไอ้การ์ดช่วยประคองไอ้เชษฐ์ลงจากรถและเข้าไปยังคลินิก พอเปิดประตูเข้าไปคนภายในคลินิกต่างพากันมองมายังพวกผมเป็นตาเดียวกันหมดเลย ดีที่คนไข้มาใช้บริการที่นี่ไม่มากนัก ไม่งั้นคงได้ตกอกตกใจกันเป็นแถว เพราะแต่ละคนมีคราบเลือดกันถ้วนหน้า คุณพยาบาลมองมาที่พวกผมด้วยอาการตกใจเป็นพิเศษ ซึ่งผมคาดว่าเค้าคงจะรู้จักไอ้เชษฐ์อย่างแน่นอน

“น้องเชษฐ์...ไปทำอะไรมาคะเนี่ย”พี่พยาบาลพุ่งตรงมาที่พวกเราสามคนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงสูงปรี๊ด ผมว่าตอนนี้คนที่อยู่ในคลินิกน่าจะตกใจเสียงพี่เค้าเสียมากกว่า และยังไม่ทันที่พวกผมจะตอบคำถามของพี่เค้า พี่เค้าก็จัดแจงต่อทันทีโดยไม่ได้รอฟังคำตอบของพวกผมแม้แต่น้อย

พี่พยาบาลให้พวกผมพยุงไอ้เชษฐ์เข้าไปยังห้องอีกห้องนึงที่มีเตียงนอนคนไข้พร้อมกับให้พวกผมเอาไอ้เชษฐ์นอนลงบนเตียงส่วนพี่เค้าก็...จะเรียกว่าบ่นก็ได้นะครับเพราะพี่เค้าไม่ได้หยุดพูดเลย แต่ผมจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง

“แล้วนี่น้องอีกสองคนมีใครเป็นไรอีกไหม”พี่พยาบาลหันมาถามผมสองคนหลังจากดูแผลไอ้เชษฐ์เสร็จและวิเคราะห์เรียบร้อยว่าแผลไม่ได้ลึกมาก แต่ก็คงต้องเย็บเพราะจริงๆ มันก็เหมือนจะลึกแต่ก็ไม่ลึก ยังไงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

“คนนี้ครับมีแผลพุพอง”ไอ้การ์ด ดันผมให้เปิดเสื้อให้พี่พยาบาลดู พี่เค้ามองผมสลับกับไอ้เชษฐ์พร้อมทำหน้าสงสัย

“พากันไปทำอะไรมากันแน่เนี่ยหือ ตอนแรกนึกว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทแต่ทะเลาะกันอีท่าไหนทำไมมีแบบนี้ด้วย”พี่เค้าพูดพร้อมกับสำรวจดูแผลผมที่เริ่มพอง

“น้าชาละครับพี่มาศ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามพี่พยาบาลทำให้พวกผมได้รู้ว่าพี่เค้าชื่อพี่มาศ...และอีกคนที่มันถามถึงก็คงเป็นคุณหมอเจ้าของคลินิกนี้ที่เป็นน้ามันนั่นเอง

“จริงๆ ก็น่าจะมาถึงแล้วนะ เดี๋ยวพี่โทรตามอีกทีดีกว่า ...ว่าแต่คุณหมอเห็นสภาพนี้คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”พี่มาศออกอาการหวั่นๆ ไม่มั่นใจว่าน้าของไอ้เชษฐ์จะรู้สึกยังไงกับสภาพของหลานชายและเพื่อนๆ ที่เป็นอยู่ตอนนี้

“อ้าวคุณมาศมีเคสด่วนเหรอทำไมมาอยู่ในนี้”ยังไม่ทันที่พี่มาศจะออกไปโทรหาคุณน้าหมอ เพราะผมคิดว่าเจ้าตัวมายืนอยู่หน้าห้องที่พวกผมอยู่ตอนนี้แล้วแหละ ผมกับไอ้การ์ดยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติ คุณน้าหมอรับไหว้ก่อนจะมองพวกผมทีละคนและไปหยุดอยู่ที่ไอ้เชษฐ์

“คุณมาศเตรียมอุปกรณ์ให้ผมด้วย”น้าหมอบอกพี่มาศพร้อมรายละเอียดว่าต้องใช้อะไรบ้าง พวกผมสามคนได้แต่เงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทำไมพวกผมเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้หว่า ทั้งที่จริงๆ พวกผมก็ไม่ใช่คนผิดกันนี่นา แต่ช่างเหอะเพราะตอนนี้ยังไงๆ เสียผมก็คลายกังวลแล้วว่าไอ้เชษฐ์เองปลอดภัยไอ้ผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

“เดี๋ยวทำแผลอะไรเรียบร้อยแล้ว น้าหวังว่าจะได้คำอธิบายเรื่องนี้จากทุกคนนะ”คุณน้าหมอพูดกับไอ้เชษฐ์ก่อนจะหันมาหาผมกับไอ้การ์ดเป็นเชิงบอกว่า พวกผมอีกสองคนก็ต้องอธิบายด้วยเช่นกัน จากนั้นพี่มาศก็กันผมกับไอ้การ์ดออกมาทำแผลต่างหาก ส่วนไอ้เชษฐ์ก็มีน้าหมอเป็นคนเย็บแผลพร้อมกับมีพี่อีกคนที่น่าจะเป็นพยาบาลหรือผู้ช่วยอะไรผมก็ไม่ทราบได้

“ดูสิเนี่ยไปตีรันฟันแทงกะใครมาถึงได้เล่นพิเรนท์อะไรขนาดนี้ แบบนี้ผิวสวยๆ ก็อาจเป็นแผลเป็นได้นะเนี่ย น่าเสียดายออก ดู๊ดูผิวสวยกว่าพี่อีกน่าเสียดายออก” พี่มาศพูดไปเช็ดผิวผมที่ตอนนี้มันเริ่มมีจุดที่พองเป็นใสๆ ขึ้นมาจากการที่โดนน้ำตาเทียน

“ผม...”

“ไม่ต้องเล่าก็ได้เดี๋ยวพี่จะกลายเป็นคนละลาบละล้วง คุณหมอเค้าจะว่าพี่อีก นี่ยิ่งเป็นเพื่อนน้องเชษฐ์ยิ่งไม่ควรๆ”ผมได้แต่อ้าปากค้าง ดูๆไปพี่แกออกแนว ฮาๆ นะเนี่ยก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ว่าแต่ไปมีเรื่องกะใครมาคะน้อง”อ้าวตกลงคุณพี่จะเอาไงแน่เนี่ย เหอๆ จะให้เล่าหรือไม่ให้เล่าหว่า

“แฟนเก่ามันนะพี่”ไอ้การ์ดสวนขึ้นมาจนพี่มาศต้องหันไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายตาแฝงด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด

“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เค้ารุนแรงกันขนาดนี้แล้วเหรอ เป็นพี่คงไม่กล้ามาลงไม้ลงมือกับผู้ชายแบบนี้”พอถึงตรงนี้ทำเอาผมสะอึกไปเลยทีเดียว ใช่แล้วถ้าพวกเราต้องเล่ารายละเอียดให้ทั้งน้าหมอและพี่มาศฟัง เค้าจะสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์ไหมนะ แต่ถ้าบอกแค่ว่าเป็นเพื่อนกันก็คงไม่มีใครสงสัยหรอกมั้ง

“แล้วใครว่าแฟนเก่ามันผู้หญิงละพี่”นั่นปะไรไอ้นี่ก็ปากไวจริงๆ พี่มาศก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแหละครับเป็นใครก็คงแปลกใจกันทั้งนั้นแหละ ถึงแม้ผมจะไม่ได้อยากปิดบังว่าผมมีรสนิยมทางเพศยังไง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเรื่องรสนิยมทางเพศของผมมันกลายมาเป็นประเด็นหลักของเหตุการณ์ครั้งนี้ แล้วต้องลงลึกรายละเอียดไปอีก ถึงความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์ละ ยิ่งเมื่อเค้ารู้ว่าผมเป็นเกย์ แล้วยังอยู่คอนโดเดียวกับไอ้เชษฐ์ ผลมันจะออกมายังไงละทีนี้

“อ้าวแฟนน้อง...เอ่อลืมเลยชื่อไรกันละเนี่ยยังไม่รู้จักชื่อเลย พี่ชื่อพี่มาศนะ”ชื่อพี่ไม่บอกผมก็รู้แล้วละครับแต่พวกผมก็เสียมารยาทไม่ได้แนะนำตัวอยู่ตั้งนาน

“ตี๊ฟครับ/การ์ดครับ”ผมกับไอ้การ์ดตอบออกไปตามลำดับ

“อ๋อ...”เสียงร้องอ๋อของพี่มาศทำเอาผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะเสียมารยาทถามสักเท่าไหร่ว่าพี่เค้าร้องอ๋อทำไมกัน

“ทำไมเหรอครับ”ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ แต่ไอ้เพื่อนผู้ไม่มีมารยาทของผมเอง ไอ้การ์ดนี่มันช่างไม่รู้จักเก็บความสงสัยไว้ในใจบ้างเลย


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันที่ 29/5
“ไม่มีอะไรหรอกก็เคยได้ยินน้องเชษฐ์พูดถึงเพื่อนๆบ้างเท่านั้นแหละ...โอเครทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องส่วนตัวพี่ไม่ถามต่อดีกว่าเนอะ รอนี่ก่อนแล้วกันพี่ไปดูน้องเชษฐ์ก่อนว่าเสร็จรึยัง”

ผมกับไอ้การ์ดพยักหน้าตอบรับคำพูดของพี่มาศ แต่พอพี่มาศลับตาไปผมก็ใส่ไอ้การ์ดทันทีทั้งเรื่องที่มันเปิดเผยผิดที่ผิดเวลาดันบอกเค้าว่าผมเป็นเกย์โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงความไม่รู้จักกาลเทศะของมันที่ต่อมอยากรู้ไม่สามารถควบคุมได้นั่นอีก พร้อมกับอบรมมันไปอีกชุดใหญ่ว่าถ้าน้าหมอของไอ้เชษฐ์มาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ให้มันสงบปากสงบคำไว้เป็นดีที่สุด

“มึงจะกลัวอะไรว่ะตี๊ฟ...กลัวเค้าไม่ยอมรับมึงเป็นหลานสะไภ้ หรือไง”แต่ดูแล้วสิ่งที่ผมพูดไปชุดใหญ่มันไม่ได้ซึมซับเข้าในสมองอันน้อยๆ ของมันหรืออย่างไรกันเนี่ย นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเค้าจะยอมรับอะไรผมหรือเปล่า แต่มันเพราะไม่รู้ว่าเค้าจะมีความรู้สึกยังไงต่างหากถ้ารู้ว่าหลานชายของเค้า ตอนนี้ดันมาเคยฟีทเจอริ่งกับผมไปแล้ว แม้จะไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนอะไรกันก็ตามทีเหอะ

“กู...”

“อ้าวเป็นไงบ้างแล้วหนุ่มๆ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไรต่อเพราะบทสนทนาของเราสองคนถูกขัดขึ้นโดยน้าหมอของไอ้เชษฐ์นั่นเอง พวกเราทั้งคู่เลยจำเป็นต้องหยุดบทสนทนาอย่างเสียไม่ได้ พร้อมกับบอกสภาพอาการของพวกเราซึ่งไม่ได้เป็นอะไรมากออกไป ไอ้การ์ดเองมีเพียงแค่รอยถลอกเล็กน้อย ส่วนผมเองก็อย่างที่บอกมีเพียงแผลฟกช้ำ แล้วก็ไอ้ที่โดนน้ำตาเทียนอีกไม่มาก สำหรับผมแล้วเทียบกับที่ไอ้เชษฐ์โดน ของผมมันน้อยนิดจริงๆ

“น้าฟังรายละเอียดจากเจ้าเชษฐ์มันแล้ว น้าว่าพากันไปแจ้งความไว้น่าจะดีกว่านะ”

“แต่ว่า...”ผมแทบจะสวนขึ้นในทันทีเพราะไม่อยากให้เรื่องมันไปกันใหญ่

“แต่ไม่ทันแล้วละเพราะตอนนี้พี่ชายเราเค้ารอที่โรงพักแล้ว”พี่ชายงั้นเหรอ แล้วน้าหมอเค้าหันมาพูดกับผมก็หมายความว่า พี่ชายผม ไอ้ต๊าฟ รอที่โรงพัก คือ อะไรยังไง

“เดี๋ยวเราการ์ดใช่ไหมน่าจะยังขับรถไหวยังไงพากันไปโรงพักเองได้เนอะ เพราะคนไข้น้าเยอะจริงๆ วันนี้ปลีกตัวไปด้วยไม่ได้ อีกอย่างทุกคนก็ปลอดภัยกันหมดแล้ว ยังไงน้าขอตัวนะ”พูดจบคุณน้าหมอก็ไปโดยไม่รอฟังอะไรจากพวกผมอีก น้าหมอไม่รอให้ผมถามเลยว่าตกลงหลานคุณน้าบอกคุณน้าไปว่าผมเป็นอะไรกับหลานคุณน้าละครับ แล้วพี่ชายผมมาได้ยังไง แบบนี้พ่อแม่ผม รู้เรื่องหรือยัง

ผมแทบไม่รอคำอธิบายใดๆ จากไอ้เชษฐ์เลยครับเพราะมือผมมันไวเท่าความคิด กดโทรหาพี่ชายผมทันที แต่พอมันรับโทรศัพท์คำตอบที่ผมได้รับกลับมันมันคือ

“มึงรีบมาที่โรงพักด่วนเลย”

“มึงจะบอกอะไรให้กูได้เตรียมใจก่อนบ้างไหม”ผมหันไปถามไอ้เชษฐ์อย่างเคืองๆ เล็กน้อย แม้จะเป็นห่วงมันเรื่องแผล แต่ดูๆ แล้วตอนนี้มันน่าจะปลอดภัยไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ตอนนี้ผมห่วงตัวเองมากกว่า ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ผมรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ ไม่อยากให้พวกท่านต้องมาเป็นกังวลหรือทุกข์ใจกับเรื่องของผมอีก

“คุยกันบนรถดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา”

นั่นคือสิ่งที่ผมได้จากไอ้เชษฐ์ก่อนขึ้นรถไปโรงพัก ตอนนี้คงปฏิเสธการไปโรงพักไม่ได้อีกแล้วและดูเรื่องมันจะบานปลายเสียแล้วแต่ก็ดีเหมือนกันว่าผมไม่ต้องมาระแวงว่าสองคนนั้นมันจะหวนกลับมาทำร้ายพวกผมอีกหรือเปล่า

บทสนทนาระหว่างทางทำให้ผมทราบว่าไอ้เชษฐ์เพียงแค่ให้พี่ชายผมรับทราบแต่ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ผม และตอนนี้ทางตำรวจรวบตัวทั้งมาบและไอ้เกียรติไว้ที่โรงพักเรียบร้อยแล้ว

“แล้วมึงบอกน้าหมอรึเปล่าว่ะว่าพวกมึงสองคนเป็นอะไรกัน”คำถามที่แทรกขึ้นมาของไอ้การ์ดทำให้ผมแทบอยากจะถีบมันตกรถเสียให้ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนขับมันคงได้ไปนั่งกลิ้งบนถนนเล่นแล้ว

“ตี๊ฟ...มึงจะโกรธไหมถ้ากูจะบอกว่า...กูบอกน้ากูว่าเราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน”งั้นก็หมายความว่ามันเล่าเรื่องให้น้ามันฟังโดยที่ผมเป็นเพื่อนคนนึงของมันเท่านั้น

“แล้วทำไมกูต้องไปโกรธมึงด้วยเล่า”ใช่แล้ว...ทำไมผมต้องโกรธมันด้วยไม่มีเหตุผลอะไรสักนิดที่มันจะไปบอกน้ามันว่าผมกับมันเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วไอ้ความรู้สึกจุกที่หน้าอกของผมตอนนี้มันคืออะไรกัน ผมแสร้งมองข้างถนนทำเหมือนสนใจบรรยากาศรอบข้าง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนไอ้เชษฐ์และไอ้การ์ดก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำให้บรรยากาศเงียบไปในทันที เราจบบทสนทนากันแบบนั้นจนกระทั่งถึงที่หมาย

“ไอ้ตี๊ฟ”ทันทีที่เจอหน้าผู้เป็นพี่ชายผมก็ตะโกนมายังกะโกรธแค้นมาแต่ชาติปางไหน พร้อมกับเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา จนผมนึกว่ามันจะมาต่อยผมเสียอีก แต่สิ่งที่มันทำกลับสร้างความประหลาดใจให้ผมเป็นอย่างยิ่งเพราะมันโผเข้ามากอดผมไว้เสียแน่น แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“มึงไม่เป็นไรนะ”น้ำเสียงที่ถามผมออกมาอ่อนโยนจนผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าพี่ชายกะโหลกกะลาของผมมันจะห่วงใยผมได้มากขนาดนี้ แต่เจอแบบนี้ผมก็ปลื้มไม่น้อยเลยนะ ที่ได้รู้ว่ามันเองก็รักผมไม่ได้ต่างจากที่ผมรักมันเลย ก็เรามีกันสองคนพี่น้องนี่นาเนอะ แม้ส่วนใหญ่จะเอาแต่ทะเลาะกันบ้าง ทำเหมือนไม่รักกันบ้าง แต่แบบนี้แหละดีแล้ว

“เป็นสิ”ผมตอบเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังกอดกับไอ้ต๊าฟอยู่

“มึงเป็นไร ไหนเจ็บตรงไหน”ท่าทีลุกลี้ลุกลนของมันช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน พี่ชายผมก็ทำตัวน่ารัก ห่วงน้องเป็นกะเค้านะเนี่ย

“เมื่อกี้กูหายใจไม่ออกมึงกอดแน่นเกิน”ผมพูดยิ้มๆ อย่างกลั้นหัวเราะ

“ไอ้เชี่ย...กูอุตส่าห์เป็นห่วง”มันว่าผมพร้อมกับเอามือมาเขย่าหัวผม ดูเหมือนเราสองคนพี่น้องจะลืมไปว่านี่อยู่โรงพักและมีคนอื่นอีกมากมายที่อยู่ด้วย กว่าจะรู้ตัวก็เล่นเอาเขินไปทั้งพี่ทั้งน้องละครับงานนี้ มารักกันปานจะกลืนที่โรงพักเนี่ย

สรุปว่าพวกผมก็ชี้ตัวทั้งสองคนให้ตำรวจพร้อมให้ปากคำ แจ้งความเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างก็พากันกลับโดยให้ไอ้การ์ดขับรถกลับบ้านไปเลยแล้วผมกับไอ้เชษฐ์ก็ให้ไอ้ต๊าฟมาส่ง  ส่วนไอ้สองตัวที่ทำร้ายผมก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการต่อไปแล้วกันครับ

“กูไม่บอกพ่อกับแม่หรอกน่าเพราะมึงก็ไม่เป็นไรมากแล้ว...แต่ต้องดูแลตัวเองดีๆ ละ ถ้าคนที่มันดูแลเราไม่ได้ หรือดูแลได้ไม่ดีก็เลิกๆ กับมันไปก็ได้นะ หาใหม่ที่ดีๆกว่านี้ดีกว่า”ก่อนกลับยังมิวายแกล้งเหน็บไอ้คนข้างๆ ผมนี่อีก

“กูล้อเล่น ไม่ต้องเตรียมจ้องจะกินเลือดกินเนื้อกูมากก็ได้ เดี๋ยวกูยุให้น้องกูเลิกจริงๆ เลยนิ”ไอ้ต๊าฟพูดติดตลกอย่างอารมณ์ดี

“กูยังไม่ได้คบกันแล้วจะเลิกกันได้ไงเมิงนิ”ผมรีบสวนทันควัน

“เหรอ....กูกลับแระรักษาตัวกันดีๆ ละ อย่าหักโหม รอให้หายดีกันทั้งคุ่ก่อนแล้วกันนะ”นั่นแหละครับแล้วมันก็ปัดตูดไปเลย ทำไมพี่ผมคนที่โรงพักกับคนที่มาส่งมันช่างแตกต่างกันเสียจริงเนี่ย

“มึงงอนกูเหรอ”ทันทีที่ผมพยุงไอ้เชษฐ์มาถึงเตียงนอน มันก็เอ่ยปากถามขึ้นพร้อมกับดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ มันที่เตียง


“กูจะไปงอนอะไรมึง กูมีแต่จะต้องขอบคุณมึงเสียอีกที่เข้าไปช่วยกูไว้ได้ทัน”ผมพยายามขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ตอนนี้ถึงแม้ผมจะอยากเชื่อว่าจริงๆแล้วมันรักผมอย่างแท้จริงก็ตามที แม้การกระทำที่มันแสดงออกวันนี้ที่ดูมันเจ็บแค้นแทนผมเสียมากมาย แต่ผมกลับยังรู้สึกคัดค้านในการเปิดใจยอมรับว่าผมรักมันอยู่ดี

แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้กำแพงที่ผมได้เคยสร้างไว้ มันเริ่มกร่อนลงเสียแล้ว ผมยอมรับว่ารู้สึกดีที่เหมือนมันจะเป็นห่วงเป็นใยผม ถ้าลองมองดูดีๆ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกัน มันก็ดีกับผมมาตลอด มันไม่ได้ทำเหมือนกับที่ตั้งแง่กับผมอย่างในตอนแรก หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ผมจะลองเปิดใจคบกับใครอีกสักครั้ง เพราะที่แล้วมา หลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ผมยังยอมเปิดใจมามากมาย แล้วทำไมกับไอ้เชษฐ์ผมถึงจะไม่ลองเปิดใจบ้างละ

ผมพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง และคำตอบมันก็ไม่ได้หายาก เพราะสิ่งที่ผมคิดได้คือไอ้เชษฐ์มันเป็นเพื่อนผม หากเราคบกับเพื่อนวันใดที่ต้องจบกันไป (ซึ่งผมก็จบไปแล้วกับทุกคนที่เคยคบกัน) แต่กรณีนี้ผมจะทำอย่างไรหากตัดสินใจคบแล้วไปไม่รอดต้องเลิกกัน ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ใช่เพื่อนเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ แต่พอเป็นเพื่อนกันการตัดสินใจคบกันก็เหมือนต้องยอมเสียเพื่อนคนนั้นไปตลอดกาล เพราะหากเลิกกันไปมันต้องมีสักฝ่ายที่ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายได้ ดูง่ายๆ อย่างกรณีผมกับมันส์ แต่ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ผมอาจจะกลับไปอยู่ในฐานะเดียวกับมันส์ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

“เราย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันได้ไหม”คำพูดของไอ้เชษฐ์แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ฟังดูหนักแน่นจริงจัง มือมันกุมมือผมไว้พร้อมส่งสายตาอย่างมีความหมายมาหาผม เชษฐ์ขยับเข้ามาใกล้ผม ใบหน้าเราแทบจะชิดกัน สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

ผมโน้มหน้าเข้าหาและประกบปากเข้ากับริมฝีปากของไอ้เชษฐ์ แต่เป็นเพียงแค่จูบที่อ่อนโยนไม่ได้เร่าร้อนรุนแรง ทว่าคนถูกจูบกลับมีอาการประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“กูจะย้ายมาอยู่กับมึงจนกว่าแผลมึงจะหาย โอเคไหม”ผมตัดสินใจแล้วว่าจะลองเริ่มต้นกับไอ้เชษฐ์ดูสักครั้ง อย่างน้อยก็เริ่มจากการเปิดใจยอมรับมันโดยไม่ให้มีกำแพงใดๆ มาขวางอีกต่อไป

“พูดซะกูไม่อยากหายเลย”รอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายส่งมาให้ผมเห็นอย่างเปิดเผย พร้อมกับเจ้าของรอยยิ้มที่ทำยังกับว่าจะเขมือบผมเข้าไปงั้นแหละ จนผมต้องใช้แรงผลักต้านไว้เล็กน้อย

“แต่เราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าแผลมึงจะหายดี”คำพูดของผมทำเอาอีกคนหุบยิ้มในแทบจะทันที อะไรมันจะแสดงออกว่าหื่นได้ขนาดนั้น ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้มันมีกิจกรรมอะไรที่มากจนเกินไปและอาจมีผลกับแผลมันที่เป็นอยู่ก็ได้

“มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”ดูเหมือนไอ้เชษฐ์จะยังไม่ลดความพยายามในการต่อรอง

“หรือเราจะแยกกันนอนคนละห้องเหมือนเดิม”พอพูดยังไม่ทันจบดีนักนิ้วเรียวของอีกฝ่ายก็แตะที่ริมฝีปากผมเป็นการบอกว่าไม่ต้องพูดต่อแล้ว เหมือนกับว่าเจ้าตัวจะยอมรับในข้อตกลงที่ผมตั้งขึ้น

เราคุยกันเรื่องนี้อีกเล็กน้อยก่อนจะพากันไปอาบน้ำอย่างทุกลักทุเลเพราะต้องระวังไม่ให้แผลของไอ้เชษฐ์โดนน้ำ จนสุดท้ายกลายเป็นว่าพากันเช็ดตัวเสียมากกว่า ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็รักษาคำพูดได้ดีที่มันไม่ได้ทำให้การเช็ดตัวเลยเถิดไปไกล

“เจ็บไหม”ไอ้เชษฐ์ถามผมถึงรอยแผลพุพองที่เกิดจากน้ำตาเทียน

“ไม่หรอก...แผลมึงน่าจะเจ็บกว่ากูหลายเท่า”ผมตอบออกไปพร้อมกับล้มตัวลงนอน โดยที่อีกฝ่ายก็แนบกายลงนอนข้างๆ ผมเช่นเดียวกัน ไม่นานนักผมก็หลับลงภายใต้อ้อมแขนนั้น


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ตอนแรกว่าจะลงพรุ่งนี้

แต่พอดีครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ ลงให้หมดเลยแล้วกันเนอะ

นี่ก็จะผ่าน 2 ใน 3 ส่วนของเรื่องแล้ว สรุปคู่นี้รักกันยัง 5555

 o13 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด