วันที่ 31
ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังเอ่อล้นในดวงตาของผม แล้วมันก็ค่อยๆ ไหลรินออกมา ผมไม่ได้พยายามจะสกัดกั้นมันไว้แม้แต่น้อย ทำเพียงปล่อยให้มันไหลออกมาอย่างอิสระ ไม่มีอาการสะอื้น ไม่มีเสียงประกอบ มีเพียงหยดน้ำใสๆ เท่านั้นที่ออกมาจากตา
“เฮ้ย....มึงเป็นไรตี๊ฟ ร้องไห้ทำไม”คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมหันมาถามผมด้วยท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก สองมือของเค้าปาดเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของผม
“กูไม่เป็นไร”ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเห็นเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่ดูอีกฝ่ายยังมีสีหน้ากังวลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อาจเพราะเค้าไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้ก็เป็นได้ วันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่ได้ไปเรียนอีกเช่นเคย ซึ่งอาจจะลากยาวทั้งสัปดาห์นี้ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็โชคดีที่การเรียนของพวกผมไม่ค่อยมีการเช็คชื่อที่เคร่งครัดเท่าใดนัก เพราะถือว่าเราต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง ถ้าจะไม่เข้าเรียนก็ต้องขวนขวายหรือตามคนที่เข้าเรียนให้ทัน
เมื่อไม่ได้ไปเรียนก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากทำการรื้อกรุบรรดา VCD DVD ต่างๆ ออกมานั่งดู และตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ก็กำลังดูหนังอยู่เรื่องนึง หนังเรื่องนี้ผมเคยดูมาแล้วหลายรอบ เพราะแผ่นที่เปิดอยู่ก็เป็นแผ่นของผมเอง หนังไม่ได้ซึ้งจนน้ำตาท่วมอย่างที่ผมกำลังเป็นหรอก เพราะจริงๆ หนังเรื่องนี้เมื่อดูจบมันจะให้ความรู้สึก หนักๆ อึ้งๆ จุก เหมือนมันตื้ออยู่ข้างในไปหมด แต่รอบนี้ที่ผมมีอาการอย่างที่เป็นอาจเป็นเพราะว่า การดูในครั้งนี้มันมากระตุ้นความรู้สึกบางอย่างของผมนั่นเอง
หนังที่เราสองคนกำลังดูอยู่ตอนนี้คือเรื่อง “My Own Private Idaho” นำแสดงโดย River Phoenix และ Keanu Reeves เรื่องราวความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองคน ที่มาจากพื้นฐานทางครอบครัวที่ต่างกัน และต่างคนต่างมีสิ่งที่ขาด และเมื่อต้องมาเดินทางไปด้วยกันฝ่ายหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายคือส่วนที่เติมเต็ม แต่อีกฝ่ายคิดเช่นไรนั่นมันยากที่จะคาดเดา
“อินกับหนังขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์พูดยิ้มๆ อย่างล้อเลียนผม แต่ผมก็ไม่ได้อะไรกับมันหรอกครับ คงเพราะปกติเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ก็มีแต่พากันไปดูหนังผีบ้าง สยองขวัญบ้างไม่ก็พวกหนังแอ๊คชั่นหนังตลกใครที่ไม่เคยเห็นผมดูหนังแนวนี้ก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา
“ก็แค่ดูแล้วกลับมานึกย้อนถึงตัวกูเองแค่นั้นแหละ ว่าคนเรามันก็ต้องพบเจอกับความผิดหวังกันทุกคน กูเองก็เคยพบเจอกับความผิดหวังมาเยอะและก็คิดว่ายังจะต้องเจอกับความผิดหวังอะไรอีกมาก”ผมพูดเสียงราบเรียบ แต่จะค่อนไปในทางหม่นๆ เสียมากกว่า เพราะรู้สึกเริ่มไม่มั่นใจในอะไรอีกหลายอย่าง การคาดหวังในใครสักคน เราก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับกับความผิดหวังอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ผมได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกสักครั้งก็แล้วกัน แม้จะไม่มั่นใจเลยก็ตาม
“ชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้พบเจอแต่ความผิดหวังไปเสียหมด นี่นา อย่าคิดมากเลย อันนี้ก็แค่หนัง”มันก็จริงว่านี่เป็นแค่ภาพยนตร์เพียงเรื่องนึงเท่านั้น แต่ชีวิตจริงบางทีมันอาจจะยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้ใครมันจะไปรู้
“การที่เราคาดหวังให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราหวัง หรือการที่คนอื่นคาดหวังจะให้เราเป็น มันย่อมมีโอกาสที่จะผิดหวังกันได้ในทุกฝ่ายแหละ เพราะเราเป็นอย่างที่คนอื่นเค้าหวังไม่ได้ทั้งหมด และคนอื่นเค้าก็คงเป็นอย่างใจเราต้องการทั้งหมดไม่ได้อยู่ดี”ใช่แล้วตอนนี้ผมกำลังคาดหวังกับไอเชษฐ์เข้าให้เสียแล้ว และผมก็รู้ว่าหวังไว้สูงทีเดียว แล้วแบบนี้ผมจะเป็นเหมือนที่เคยมีคนเค้าพูดกันหรือเปล่านะ ยิ่งเราหวังไว้มาก เกิดไม่เป็นแบบที่เราคาดหวังเราก็จะยิ่งเจ็บหนัก
“อินมากนะเนี่ยเรา”เสียงไอ้เชษฐ์ยังคงพูดเหมือนเป็นการที่ไม่ได้จริงจังมากนัก แน่นอนมันคงไม่รู้ว่าในตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ และผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าตัวมันคิดยังไงเช่นกัน วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน ติดกับเกมส์ที่บรรดาเพื่อนๆ สร้างขึ้นมา แล้ววันข้างหน้ามันจะเป็นยังไงต่อไป เมื่อครบ 45 วัน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก มันจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าเกิดว่าเราเล่นเกมส์นี้ไม่ครบกำหนดล่ะ
“เชษฐ์...”ผมหันหน้าเข้าหาอีกคน พร้อมเรียกชื่อของคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง และเป็นการให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้กำลังจะพูดเรื่องที่มันดูจริงจังหน่อย
“ท่าทางเครียดชียว...มีอะไรหรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์ขยับเข้ามาใกล้ผม พร้อมกับมือที่ไล้ไปตามใบหน้าของผม
“ตอนนี้เรายังอยู่ในเกมส์ใช่หรือเปล่า”อีกฝ่ายมีอาการชะงักไปเล็กน้อยในสิ่งที่ได้ยินจากผม แม้ว่าเกมส์ที่เราเล่นมันยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าผมตัดสินใจ เล่นเกมส์นี้ลงไปได้ยังไงกัน แต่มันก็เลยเถิดมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับได้แล้วละตอนนี้ มีแต่จะทำยังไงต่อจากนี้ไปมากกว่า
“ถ้านับวันนี้ก็ วันที่ 31 แล้ว ทำไมเหรอ...”ไอ้เชษฐ์เชิงตอบและตั้งคำถามกลับมาที่ผมว่าผมต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
“จำได้ใช่ไหมว่าข้อตกลงของเกมส์นี้ มันคืออะไร”ที่ผมต้องถามแบบนี้ เพราะตอนนี้เหมือนทั้งผมและไอ้เชษฐ์จะทำตัวสวนทางกับสิ่งที่ตั้งปณิธานไว้ในตอนแรก เราเคยคุยเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งไอ้เชษฐ์กลับให้เหตุผลว่าความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ และเคยบอกว่าเราสองคนควรยอมแพ้ในเกมส์นี้
“แล้วตอนนี้มึงต้องการให้มันเป็นยังไง”ตอนนี้เหมือนต่างฝ่ายต่างตั้งคำถามเข้าหากันยังไงไม่รู้เนอะ
“มันไม่ใช่กูแค่คนเดียว...ตอนนี้เราทั้งสองคงต้องมาทบทวนกันแล้วว่า เรายังจะเล่นเกมส์นี้ต่อไป หรือจะล้มเลิก”ใช่แล้วสำหรับผม ผมว่าตอนนี้ผมอยากจะจบเกมส์นี้เสียแล้ว
“งั้นเราก็ต้องเปิดใจคุยกันแล้วละตี๊ฟว่าตอนนี้เรารู้สึกต่อกันเช่นไร”เหมือนไอ้เชษฐ์จะอ่านใจผมออกหรือไงไม่รู้ เพราะมันเสนอในสิ่งที่ผมกำลังคิดเลย
“แล้วมึงรู้สึกยังไงกับกู”แม้ว่าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้าง แต่มันก็ยังอยากได้ยินจากปากของไอ้เชษฐ์อยู่ดี เพื่อความมั่นใจและเป็นการตัดสินใจ สำหรับเกมส์นี้ว่าผมจะยุติมันแล้ว...แต่การจบเกมส์นี้ผมจะเป็นฝ่ายแพ้พนันไอ้การ์ดหรือเปล่า เท่านั้นเอง
“จริงๆ กูยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องบอกต้องอธิบายกับมึง แต่ไม่ว่ายังไงให้มึงจำไว้เลยว่า...”ไอ้เชษฐ์ค้างคำพูดไว้แค่นั้น แต่สองมือของไอ้เชษฐ์ยื่นมาประคองหน้าผมพร้อมกับใบหน้าของมันที่ใกล้เข้ามาหาผม ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ หนักหน่วงขึ้น ผมปล่อยให้อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมอย่างไม่ได้ขัดขืน เนิ่นนานเสียจนจะขาดใจให้ได้
“กูรักมึง”สายตาของเจ้าของคำพูดนั้นเพ่งมองมาที่ผม มันเป็นสายตาที่แน่วแน่ และไม่มีแววของการเสแสร้งแกล้งทำ สายตาที่ดูจริงใจนั่นเล่นเอาผมต้องหลบตาต่ำลงเพราะมันเหมือนเจ้าของสายตาจะแอบแฝงความหื่นกระหายที่อยากจะกลืนกินผมลงไปเสียให้ได้
“งั้นเหรอ”ผมหลุดปากออกเพียงเบาๆ เหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำตอบที่ได้ยิน แต่ความจริงแล้ว ในใจผมตอนนี้มันลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก แม้นี่จะเป็นเพียงคำโกหกหลอกลวง ผมก็ยินดีจะเชื่อ อย่างน้อยมันก็ยังให้ผมได้มีความสุขกับความรู้สึกนี้ได้ไปอีกหน่อยแหละน่า
“อะไรอ่ะ...ทำยังกะไม่ใยดีในความรู้สึกที่กูมีให้เลย”ไอ้เชษฐ์มีอาการเหมือนจะโกรธอยู่เล็กน้อยที่เห็นผมทำเหมือนไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่มันเพิ่งบอก
“อ้าวแล้วจะให้กูทำยังไง”ไอ้นี่ก็นะ...ไม่เข้าใจเลยหรือไงว่าคนมันเขิน จะให้ดีใจกระโดดโลดเต้นให้ดูเลยไหมว่าดีใจเสียเต็มประตา
“กูรักมึง แล้วมึงรักกูไหมอ่ะ”นั่นสินะผมรักมันไหม หรือว่าแค่หวั่นไหวไปเท่านั้น หรือแค่ชอบยังไม่ได้รัก ความรักมันคืออะไร แต่ถ้าถามความรู้สึกที่ผมมีต่อมันตอนนี้ ผมก็อธิบายออกมาได้ไม่หมดหรอก ว่าแต่ความรู้สึกที่ผมมีให้มันคือความรักหรือเปล่า
“กูรู้แค่ว่า เราควรจะจบเกมส์ที่เรากำลังพนันกับไอ้การ์ดนี่เสียที”ผมหันหน้าสบตากับไอ้เชษฐ์อีกครั้ง ด้วยสายตาที่แน่วแน่ แต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ค่อยจะยินดีในสิ่งที่ผมพูดเลย แต่กลับมีสีหน้าไม่พอใจอยู่เสียด้วยซ้ำ
“ทำไม”สั้นๆ และห้วนๆ อย่างพร้อมจะเอาเรื่องผมเต็มที่กับคำที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย
“กูคิดว่ากูแพ้เกมส์นี้แล้ว...มันก็ควรจะจบเกมส์เสียทีถูกไหม”ผมกลั้นใจพูดออกไป หวังว่ามันคงเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกนะ
“อะไรนะ...มึงหมายความว่าไง”จากหน้าเป็นตูดเมื่อสักครู่คราวนี้หน้าเหมือนจะเป็นจานไปเลยนะเนี่ย ไอ้นี่มันอารมณ์แปรปรวนจริงๆ นะผมว่า
“ก็หมายความว่าเลิกเกมส์นี้ได้แล้ว เพราะเราแพ้ไอ้การ์ดมันแล้ว”ใช่แล้วก็ในเมื่อไอ้เชษฐ์มันบอกว่ารักผม และผมเองก็คิดว่าผมคงตกหลุมรักมันเข้าให้เสียแล้ว ผมหวังว่าครั้งนี้จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผมนะ ไม่อยากจะผิดหวังอีกแล้ว แม้จะยืนยันไม่ได้ 100% ว่าผมจะไม่ผิดหวังอีก แต่ผมก็ขออยู่กับความหวังนี้อีกแล้วกัน
“มึงพูดให้มันชัดๆ กว่านี้หน่อยสิ”อ้าวนี่ผมยังพูดไม่ชัดตรงไหนอีกเหรอ ผมว่าผมก็พูดอธิบายทุกอย่างแล้วนะ แต่ทำไมไอ้นี่มันยิ้มแบบนี้กันนะ
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเราแพ้ไอ้การ์ดมันแล้ว มึงก็จำได้ไม่ใช่เหรอว่าเราพนันกับมันว่ายังไง”ผมยังคงอธิบายในสิ่งที่คิดว่าไอ้เชษฐ์น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี
“มันไม่ใช่แบบนั้น...ก็ทีกูยังบอกมึงเลย แล้วทำไมมึงไม่บอกกูบ้างล่ะ”ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันต้องการอะไรจากผม แต่ตอนนี้ผมอยากให้ตัวเองมั่นใจกว่านี้ก่อนค่อยบอกมันน่าจะดีกว่า เอาแบบที่ผมมั่นใจเต็ม 100 ว่าผมรักมันเมื่อไหร่ผมจะบอกให้มันฟังแน่นอน
“ก็บอกไปแล้วไง หมายความอย่างที่กูพูดนั่นแหละ กูว่าตอนนี้เรามาเตรียมรับมือกับไอ้การ์ดดีกว่าว่ามันจะขออะไรเป็นรางวัลกับการที่มันชนะพนันครั้งนี้”ผมพยายามบ่ายเบี่ยง แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเกิดอาการประท้วงผมเล็กๆ เข้าให้แล้ว เพราะมันทำเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด ไม่มองผม
“ทำเป็นเด็กๆ ไปได้ โกรธเหรอ”ผมขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายที่พยายามถอยออกห่างผม พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายไว้ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้หันมามองผม
“ไม่ได้โกรธ...แค่งอน”แนะ มีแบบนี้ด้วยผมแทบจะหลุดขำกับอาการของมันนะเนี่ย
“งั้นไม่ง้อนะ”ปากก็พูดไปแต่ไอ้ที่ผมทำอยู่เนี่ย คือการง้อมันชัดๆ เลยนะนั่น
“ถ้าไม่ง้อ...หายเองก็ได้”อ้าวมันงอนแล้วหายง่ายขนาดนั้นเลย ไอ้นี่ก็แปลกเหลือเกิน
“ดีมาก”และยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบดีนัก ตัวผมก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของไอ้เชษฐ์เสียแล้ว สายตากรุ้มกริ่มที่มันมองผม ทำให้อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ เลยเอานิ้วสะกิดแผลมันเบา
“โอ๊ย...แกล้งกันเหรอ”แทนที่มันจะปล่อยผมแต่ผมกลับถูกกอดแน่นขึ้น เราสองคนเงียบกันไปสักพักผมกำลังคิดทบทวนอีกนิดหน่อยกับสิ่งที่ผมตัดสินใจลงไป แม้ว่าเกมส์นี้ผมจะแพ้ แต่ไม่ได้เสียใจเลยสักนิด และแม้ว่าเกมส์จะยุติลงผมก็จะยังอยู่ที่นี่กับไอ้เชษฐ์เหมือนเดิม
“ถึงเกมส์จบแต่เราก็ยังจะอยู่ด้วยกันต่อไปใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมา ผมเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“กูมีความสุขจังเลย”ตอนนี้แก้มผมเป็นเป้าหมายให้ไอ้เชษฐ์จนผมรู้สึกว่าแก้มผมเริ่มจะช้ำเสียแล้ว
“แบบนี้คงต้องขอบคุณไอ้การ์ดที่ช่วยคิดแผนนี้นะเนี่ย”
“แผนเหรอ”ผมสะดุดกับคำพูดของไอ้เชษฐ์เล็กน้อย กับคำว่า “แผน”
“ก็เกมส์นี้ไง กูหมายความว่าต้องขอบคุณไอ้การ์ดที่คิดไอ้เกมส์ที่เรากำลังเล่นอยู่นี่ขึ้นมา”อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอะไรที่เป็นพิรุธใดๆ ออกมาว่ามีลับลมคมใน หรือว่าผมคิดมากไปเอง
“นี่ตี๊ฟ...กูมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้บอกมึง”น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ผมฟัง และเรื่องครอบครัวของมันเป็นเรื่องแรกที่ผุดเข้ามาในสมองของผม
“ถ้ามันเยอะมากจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก็เอาไว้ก่อนก็ได้นะ”ผมเปิดโอกาสให้มันคิดทบทวนก่อน และเป็นการรอให้มันพร้อมที่จะเล่าให้ผมฟังเองดีกว่าการจะมาซักไซ้ แต่ผมก็หวังว่าครอบครัวของไอ้เชษฐ์คงไม่ทำให้ความรักของผมจบลงเหมือนคราวผมกับมันส์นะ
เปิดใจกันแล้ว
แต่ แต่ แต่ มันยังดูมีลับลมคมในอ่ะเนอะ