เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!  (อ่าน 68937 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                       ตอนที่ 57  ถามหาเหตุผล


            ตอนเช้าชินพัตน์โทรหาพี่ชายให้มาดูที่ร้านให้ เพราะตนเองจะไปหากัมพลกับนนทนัฐ พี่ชายก็รับปากจะได้เอาลูกชิ้นที่น้องชายสั่งมาให้ด้วย และก็อยากรู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดกับน้องชายด้วย เลยรีบไปที่ร้านของป้าเพื่อแวะไปเอาลูกชิ้นและรีบไปหาน้องชาย และไม่คิดว่าจะเล่าเรื่องวุ่นๆที่ร้านของน้องชายให้ผู้เป็นป้าและลุงฟัง เพราะไม่อยากให้ทั้งสองเป็นห่วง นพคุณคิดว่าตนเองอยากจะไปช่วยจัดการปัญหาให้กับน้องชายก่อน แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ให้ทั้งสองฟังที่หลัง

(ได้แล้วพี่จะรีบไปนะ)นนทนัฐที่รับสายน้องชายทั้งแต่เช้าตรู่ เพราะต้องเป้นเรื่องสำคัญแน่ๆ

“ขอบคุณครับพี่ แล้วผมจะรีบกลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังนะครับ”

(มีอะไรให้พี่ช่วยต้องรีบบอกพี่นะ รู้ไหม?) นพคุณยังอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้ เพราะต้องเจอปัญหาเพียงคนเดียวแบบนี้

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ปัญหาทุกอย่างต้องจบวันนี้แน่นอนครับ” ชินพัตน์ตอบพี่ชายไปเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ที่สำคัญเขามีคนคอยอยู่แก้ไข้ปัญหาด้วยแล้วทั้งคน หันไปมองคนที่มาที่ร้านแต่เช้า

(“ยังไงพี่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี  ถ้าให้พี่เดาน่าจะมาจากเด็กกัมพลนั้นใช่ไหม”) นพคุณคาดเดาเรื่องวุ่นๆนี้ต้นเหตุมาจากใคร

“พี่ไว้ค่อยคุยกันอีกที่นะครับ ผมไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ เจอกันแล้วค่อยมาคุยเรื่องต่างๆกันนะครับ”

(“ได้ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำอะไรเกินนะรู้ไหม”)

“ครับพี่”ชินพัตน์รับร็ได้ว่าพี่ชายเป็นห่วงมาก

“ผมรีบไปก่อนนะครับ ฝากร้านด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ” ชินพัตน์มองดูเวลาแล้วไม่อยากไปช้า อยากให้ปัญหาต่างๆจบภายในวันนี้ วางสายจากพี่สายและเดินตรงไปหาคนที่รอเขามาตั้งแต่เช้าตรู่


“ไปรถของผมนะ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์วางสายจากพี่สายก็รีบออกตัวเป็นสาระถีขับรถให้

“แต่ว่า…..”ชินพัตน์ลังเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลก็ต้องยอม

“คนของคุณเนติธรน่าจะรู้ว่ารถคนไหนของคุณ ไปรถของผมดีกว่านะครับ จะได้ไม่มีใครตามไปถูก”

“ครับ”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เดินขึ้นรถของนนทนัฐที่มาจอดประปนกับร้านใกล้ๆ

             ชินัพตน์นั่งเงียบเพราะคิดว่าจะเริ่มต้นถามเด็กหนุ่มอดีตลูกจ้างที่ร้านอย่างไรดี เพราะดูแล้วกัมพลเองไม่ค่อยอยากจะเล่าถึงเหตุผลที่หนีออกมาจากบ้านหลังนั้นทำไม แต่ยังไงวันนี้เขาต้องรู้เรื่องทุกอย่างจากปากเด็กนั้นให้ได้เพราะเรื่งอทุกอย่างจะได้คลีคลาย ไม่ค้างคาอยู่แบบนี้
.
.
.
“สวัสดีครับยาย”นนทนัฐทักทายคนสูงวัยกว่ารวมทั้งชินพัตน์ที่ยกมือไหว้ตามด้วยเช่นกัน

“อ้าวมากันแต่เช้าเลย”ยายที่นั่งเรียงผักลงตะกร้าหน้าลานบ้านเอยทักเมื่อเห็นคนทั้งสองมาพร้อมกันแต่เช้า

“ยายครับ พลไปไหนละครับ”ชินพัตน์ไม่ตอบคำถามแต่ถามหาคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดตอนนี้

“พลรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนนะ” ยายหันไปมองทางสวน

“ผมขอไปคุยธุระกับพลสักพักนะครับแล้วผมจะมาช่วยงานนะครับ”

“ไม่เป็นไรมีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกันไปเถอะ ไม่ต้องรีบมาช่วยยายหรอก ” ยายมองไปที่ตะกร้าผักที่เก็บผักบ้างอย่างไว้แล้วเตรียมไว้ขายวันพรุ่งนี้ 

“ครับ” ชินพัตน์รับคำและผละเดินไปที่สวนทันที่ นนทนัฐก็เดินตามไปด้วย
.
.
.
“พี่ชินมาช่วยยายเก็บผักเหรอครับ” เด็กหนุ่มเงยหน้าจากการพรวนดิน เห็นเจ้าของร้านลูกชิ้นเดินมาในสวนแต่เช้าก็ทักทายอย่างสนุก

“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราหน่อย”

“อ เออครับ “กัมพลรู้สึกกังวลเพราะมองไปด้านหลังเห็นคนที่มากับอดีตนายจ้างของเขา หน้าตาไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกแปลกใจที่ชินพัตน์พาคนแปลกหน้ามาที่นี้ด้วย

“ไม่ต้องกลัวนะ คนนี้เป็นเพื่อนพี่เอง ชื่อคุณนนทนัฐ”

“ค ครับ สวัสดีครับ” กัมพลรีบยกมือไหว้เมื่อรู้ว่าคนที่มาใหม่เป็นใคร

“สวัสดี”นนทนัฐรับไหว้และยิ้มบางส่งมาให้ ทำให้กัมพลรู้สึกคลายกังวลลงได้

“พี่ชินมีเรื่องอะไรจะถามผมเหรอครับ”  กัมพลที่เดินมานั่งตรงแคร่ใต้ต้นไม้ ด้านหลังบ้านของยาย ชินพัตน์ก็เดินมานั่งตาม

“เรื่องที่เราคุยกันไว้เมื่อวันก่อน เรื่องคุณเนติธร”

“ค ครับ” กัมพลนิ่งค้างเมื่อได้ยินชื่อนี้อีกแล้ว ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐสังเกตได้จากสีหน้าที่เป็นไปเป็นสีหน้ากังวลใจทันที่ของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่

“เล่าเรื่องของพลให้พี่ฟังได้ไหม ไปเกี่ยวข้องกับคุณเนติธรได้ยังไง จนเขาออกตามหาพลให้ทั่วเลยนะตอนนี้”

“เหรอครับ เพราะผมเลยทำให้พี่ชินเดือดร้อน เดี๋ยวผมกลับไปหาเขาเองก็ได้ครับ พี่ชินไม่ต้องห่วงนะครับ” กัมพลรีบพูดเมื่อรู้ว่าต้นเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนที่เป็นคนช่าวเหลือตนเองต้องเดือดร้อน พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตะหนก

“พลใจเย็นๆนะ พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่แค่อยากรู้เรื่องทั้งหมดเท่านั้นเอง ว่าคนพวกนั้นทำไมต้องการตัวเรามาขนาดนั้น”

“คือ….เขาสั่งให้คนมาตามหาผมเหรอครับ”

“ใช่ วันแรกมีคนบุกมาที่ร้านพี่เพื่อตามหาเรานะ”

“เขาทำเกินไปแล้ว”กัมพลพูดเสียงเครียดคิ้วขมวด

“และอีกวันคุณเนติธรก็มาหาพี่ด้วยตัวเขาเอง บอกให้พี่บอกมาว่าเราอยู่ที่ไหนด้วย ดูเขาจะมั่นใจมาด้วยนะ ว่าเป็นพี่ที่พาเราหลบหนี้มาอยู่ที่นี้”

“แล้วเขาทำอะไรพี่หรือเปล่าครับ ผมขอโทษ” กัมพลรีบหันกลับมาหาชินพัตน์มองดูไปทั่วร่างของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเป็นห่วง

“เปล่าเขาไม่ได้ทำอะไรพี่ เขาแค่มาขอโทษที่สั่งลูกน้องมาวุ่นวายที่ร้านของพี่ แต่ก็ยังไม่วายถามหาเราจากพี่อีก พี่ก็ได้แต่ปฏิเสธอย่างเดียว เขาถึงได้กลับไปนะ”

“เหรอครับ”กัมพลเหมือโล่งใจที่ชินพัตน์ไม่เป็นอันตรายจากคนที่เขาหนีมา

“แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน เขาจะตามมาถึงที่นี้ได้ พี่เป็นห่วงเรา พี่ถึงอยากรู้เรื่องทั้งหมดว่ามันเป็นมายังไง”

“ผมก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยครับ” กัมพลก้มหน้ามองมือตนเองอย่างสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง

“เราเรื่องที่เราพอที่จะเราให้พวกพี่พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็พอ พี่จะได้หาทางช่วยเราถ้าเราไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับคุณเนติธรอีก พวกพี่ก็จะช่วยได้ไงครับ” นนทนัฐที่เงียบฟังมานานก็พูดขึ้น เพราะฟังจากคนรักตนเองพูดคุยกับเด็กหนุ่ม พอจะเข้าใจเรื่องราวแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด อยากจะช่วยให้เด็กหนุ่มสบายใจว่ายังไงก็ยังจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุด เพราะเรื่องนี้เขารู้จักนิสัยของคนที่เขารักได้ดี

“นั้นสิพล เล่าให้พวกพี่ฟังได้ไหม” ชินพัตน์เสริม เมื่อเห็นแววตาคลายกังวลของเด็กหนุ่ม

“ได้ครับ  ผมกับคุณเนติธรพวกเราเป็น…………………..”













   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!    :laugh:

   มาลุ้นกันว่าเพราะอะไร ทำไม แล้วพวกเขาเป็นอะไรกัน?   :hao3:

  ขอบคุณทุกกำลังใจ + เป็ดให้ทุกคนนะค่า  :กอด1:








ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ืมาตัดฉับอย่างนี้
ลูกชิ้นหมูล้วน
ก็ช่วยไรไม่ได้เลย

อยากกินลูกชิ้นอร่อยๆจัง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0







                                            ตอนที่ 58  หาทางแก้ปัญหา



 “ได้ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง คือผมกับคุณเนติธรเป็นญาติกันครับ แต่ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้นแล้ว เขาชอบบังคับผมให้ทำตาม สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่เคยฟังสิ่งที่ผมจะพูดเลย ผมก็เลยหนีออกมาจากที่นั้นมาครับ “


“แล้วคุณเนติธรเขาทำร้ายเราหรือเปล่า พี่จะได้แจ้งความ”

“เปล่าครับ แต่เขาแค่ห้ามไม่ให้ผมไปทำงานที่ร้านพี่ชินอีก ผมไม่ยอม เขาก็เลยกักบริเวณผมไม่ให้ผมออกจากบ้าน  แล้วก็แล้วก็ เออ…….”เด็กหนุ่มก้มหน้างุด เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ลังเลที่จะพูดออกไป

“ดูเหมือนคุณเนติธรคงเป็นห่วงพลมากนะ” อยู่ๆนนทนัฐก็พูดขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนของชินพัตน์

“เขาไม่เคยห่วงผมหรอกครับ เขาแค่กำลังปลดระวางต่างหาก โยนทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ที่ผม ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว “ เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาอีก เหมือนตัดพ้อและน้อยใจ เด็กหนุ่มก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองต้องรับผิดชอบบ้านหลังใหญ่ ธุรกิจทุกอย่างของบ้านเอื้อใจ มันเร็วเกินกว่าจะเข้าใจและยอมรับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้

“หมายความว่ายังไงพล อธิบายให้พี่ฟังให้เข้าใจหน่อย” ชินพัตน์กุมมือเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเห็นใจ พยายามรับฟังสิ่งที่กัมพลกำลังเผชิญปัญหาอยู่ตอนนี้

“เขาบอกผมว่า ผมต้องดูแลบ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ และกิจการต่างของตระกูลของผมด้วย แต่ผมพึ่งจะรู้ว่าที่นี้คือบ้านเกิดของพ่อ ผมแค่กลับมาแทนพ่อที่ออกจากไปโดยไม่มีโอกาสได้กลับมา เพราะพ่อผมเสียไปแล้ว แต่เขา เขาคุณเนติธรบอกให้ผมทำอะไรในสิ่งที่ผมไม่เคยทำ แบบนั้นผมไม่เข้าใจเขาเลย เขาเองก็ดูแลมาตั้งนานก็ดูแลต่อไปสิ ผมไม่สนใจทรัพย์สมบัติของที่บ้านหลังนั้นเลย ผมมาแค่ตัวผมก็จะออกไปแค่ตัว ผมไม่ต้องการอะไรจริงนะพี่ชิน ฮือๆๆๆๆ”  เด็กหนุ่มระบายความอัดอั้นในใจออกมาทั้งหมด และโผเข้ากอดชินพัตน์เพื่อต้องการที่พึ่งพิงคอยรับฟังและเข้าข้างตนเองบ้าง

              ชินพัตน์และนนทนัฐรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วระหว่าง กัมพลและคุณเนติธรจากปากเด็กหนุ่มที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ทั้งคู่มองหน้ากันไปมา เห็นใจเด็กหนุ่ม แต่ก็มองออกว่าทางคุณเนติธรก็อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องทำให้เด็กหนุ่มรับตำแหน่งหน้าที่ที่แสนหนักอึ่งนี้เหมือนกัน ทั้งที่กัมพลไม่ต้องการมันเลย


“พี่ว่าลองคุยๆคุณกับคุณเนติธรอีกครั้งดีไหม?” ชินพัตน์เห็นว่าเด็กหนุ่มหยุดร้องไห้แล้ว เลยออกความเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่าง

“ผมไม่อยากคุยกับเขาแล้ว คุยดีๆก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว เขาไม่เคยฟังผมเลยสักครั้ง เห็นผมเป็นเด็กตลอด” กัมพลเริ่มหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน

“พี่ว่าคุณเนติธรน่าจะเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้นะ” นนทนัฐพูดเหมือนแสดงความคิดเห็น เพราะที่เคยพูดคุยรู้จักกันมาดูจะเป็นคนที่น่านับถือคนหนึ่ง

“……………”กัมพลเงียบฟัง เหตุผลของคนที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ไข้ปัญหาของตนเองได้

“พี่ว่าพลใจเย็นๆก่อนนะ พี่ไม่ปล่อยให้พลกลับไปแน่ๆ ถ้าพลไม่อยากกลับไป แต่พลก็ต้องรู้นะว่าคุณเนติธรต้องการตัวเรากลับไปมากขาดไหน ถึงขนาดบุกมาที่ร้านของพี่ด้วยตนเอง”

“จ จริงเหรอครับ”

“ใช่ ครั้งแรกคงสั่งลูกน้องให้มาตามหาเราที่ร้าน แต่อีกวันคุณเนติธรมาเองเลยนะ”

“………..”กัมพลนิ่งไปเมื่อรู้ว่าใครบางคนออกตามหาตนเองแบบนี้

“พลอยู่ที่นี้ไปก่อน ไม่ต้องกังวลใจไป นะ” ชินพัตน์ลูบหัวเด็กหนุ่มเพื่อปลอบใจ

“ครับพี่ชิน”เด็กหนุ่มยิ้มอ่อนแต่ก็ยังไม่คลายกังวล คิดว่าตนเองกำลังทำให้ชินพัตน์เดือดร้อนอยู่หรือเปล่า


                     ชินพันต์และนนทนัฐขับรถกลับออกมาจากบ้านสวนของยายเพื่อมุ่งหน้ากลับมาที่ร้าน ที่ฝากพี่ชายให้มาดูแลแทนให้  และคิดว่าจะจัดการเรื่องของกัมพลอย่างไรดี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ทั้งคู่คิดไว้อีก เด็กหนุ่มกัมพลเป็นถึงเจ้าของบ้านหลังใหญ่ และเจ้าของที่ทั้งหมดในแถบนี้ กิจการใหญ่โตในเครืออีกตั้งมากมาย ส่วนคุณเนติธรนั้นดูจะเป็นคนรับผิดชอบทำให้เด็กหนุ่มเป็นเจ้าของกิจการทั้งหมดให้ได้ เพียงแต่ไม่สามารถทำได้ตอนนี้และไม่รู้วิธีเอาใจใสญาติอย่างกัมพลอย่างไง ให้รับภาระอันยิ่งใหญ่นั้นได้  คนนอกอย่างพวกเขาก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก คงต้องรอให้ทั้งคู่ใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยๆพุดคุยกันอีกสักครั้ง น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ดีกว่ามาเล่นซ่อนหากันไปมาแบบนี้แน่ๆ


“ผมคิดว่าผมจะลองคุยกับคุณเนติธรดู ผมว่าเขาต้องมีเหตุผลอะไรบ้างอย่างแน่  “

“ผมก็เป็นห่วงพลเหมือนกัน เพราะดูแล้วภายนอกเขาจะทำตัวเข็มแข็งขนาดไหน ผมว่าเขาก็ยังเป็นเด็กที่ต้องการคนดูแล
ผมเห็นเขาร้องไห้ ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ผมรู้สึกแย่มากๆ สงสารพล แต่ผมกับช่วยอะไรไม่ได้เลยแบบนี้”

“ชินคุณอย่าพึงคิดมากนะ ผมขอลองคุณกับคุณเนติธรก่อน ผมว่าเราน่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้ได้แน่” นนทนัฐจับมือของชินพัตน์ขึ้นมาจับไว้และบีบมือนั้นอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบ

“ผมอยากช่วยพวกเขาจริงๆนะ”

“ผมรู้ครับ “

 
          ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐกลับบมาที่ร้าน เพื่อมาเจอพี่ชายที่มาคอยเฝ้าร้านให้ เล่ารายละเอียดคราวให้ นพคุณฟังด้วย  เพื่อไม่ให้เป็นห่วงและช่วยกันคิดหาทาง หลายๆความคิดน่าจะดีกว่า เลยปรึกษาและถามความคิดเห็น


“แล้วเด็กนั้นมันไม่อยากกลับไป ก็ให้ไปอยู่ที่อื่นซะเลยสิ เจ้าชิน” นพคุณถามน้องชายขึ้น


“ผมว่าพล เป็นคนสำคัญของบ้านหลังใหญ่นั้นแน่ๆ แต่พลยังไม่อยากรับผิดชอบอะไรที่เกินกำลังตนเอง และดูเหมือนคุณเนติธรก็ไม่มีวิธีพูดดีๆ ที่จะทำให้พลยอมรับภาระหน้าที่ของตนเอง ต่างคนต่างมีสิ่งที่ต้องการและอยากที่จะทำ เพียงแค่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันเท่านั้นเอง ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ” ชินพัตน์มองเห็นคนที่ตนเองอยากจะช่วย แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่พอจะฟังขึ้น ที่ต้องส่งกัมพลกลับไปยังบ้านหลังใน และอยู่ในความดูแลของคุณเนติธร


“ผมก็คิดเหมือนกันครับ” นนทนัฐที่นั่งฟังก็เห็นด้วยกับชินพัตน์


“พี่ว่า คงต้องให้พวกเขาคุยกันเองแล้วมั้ง พี่คิดว่าเรื่องมันไม่น่าจะจบ ถ้าปล่อยไป ไหนๆพวกเราก็ช่วยแล้ว ลองเป็นคนกลางดึงให้ทั้ง สองคนนั้นเข้ามาคุยกันดีๆสักครั้งดีไหม” นพคุณเห็นหนทางมีเพียงทางนี้ทางเดียว

“นั้นสิครับ ผมก็สงสารพลเหมือนกันต้องอยู่คนเดียว ทั้งๆที่มีบ้านมีญาติคอยช่วยเหลือ แต่ยังไม่เข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วงขนาดไหน

“ ชินพัตน์สมทบเพิ่มเติมและเห็นด้วยกับนพคุณ

“ใช่ครับ ส่วนคุณเนติธร ก็คงอยากจะให้ความสำคัญต่อพล แต่ใช้วิธีไม่ถูกแทนที่ใช้วิธีบังคับ ใช้เป็นวิธีค่อยๆสอนพลให้เขาเข้าใจภาระหน้าที่ของตนเองอย่างคอยเป็นค่อยไปอย่างนี้น่าจะดีกว่า” เมือทุกคนฟังต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นก็ตกลงตามนี้ พี่ว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้ว หลังจากพวกเขาคุยกันแล้ว ผลออกมาเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที่ พวกเราก็ยุ่งเรื่องร้านของตนเอง แล้วยังต้องมาวุ่นวายเรื่องของคนอื่นแบบนี้ พี่ว่าไม่ไหวนะ” นพคุณแอบบ่นเล็กๆ เพราะน้องเขาต้องมาเดือดร้อนกับใครก็ไม่รู้ แต่ตนเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

“พี่ใหญ่ผมขอโทษครับ “ชินพัตน์รู้สึกผิดที่ทำให้ใครหลายๆคนมาเดือนร้อนไปกับเรื่องของตนเอง

“นายจะขอโทษทำไม ลงเรือลำเดียวกันแล้วนิ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ก่อนป้ากับลุงจะรู้เรื่องแล้วจะพากันเป็นห่วงไปอีก”

“ครับพี่” ชินพัตน์ตอบรับพี่ชายและหันไปมองนนทนัฐที่ยืนมองมาที่ตนเองเพื่อให้กำลังใจ

“พรุ่งนี้ผมจะโทรนัดคุณกับคุณเนติธรเองครับ”

“มีอะไรคืบหน้าโทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน พี่รีบไปรับต้นก่อนนะ” นพคุณมองดูนาฬิกาเลยเวลาที่จะไปรับต้นกล้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยรีบขอตัวไปก่อน

“ครับพี่แล้วผมจะโทรรายงานผลครับ” ชินพัตน์เดินไปส่งพี่ชายที่รถ ส่วนนนทนัฐเดินไปช่วยป้ากับจอยเพราะลูกค้าที่ยังมีเยอะอยู่

“เจ้าชิน”

“อะไรพี่”

“ลูกค้าประจำนายกลับมาตั้งแต่เมื่อไรว่ะ “นพคุณหันไปมองภายในร้านและหันมาหลีตามองน้องชายตนเอง

“ก ก็กลับมาอยู่ตึกข้างๆกันนี้แหละครับ” ชินพัตน์ทำเป็นชี้ไม้ชี้มือตอบๆไป แต่ดูเหมือนพี่ชายจะรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่าลูกค้าประจำหรือเพื่อนบ้านแน่ๆ แต่ก็ยังไม่อยากจะซักไซ้อะไร เพราะต้องรีบไปต้นกล้า

“มีเรื่องอะไรดีหรือไม่ดีต้องบอกพี่รู้ใช่ไหม?”

“ครับ”

“พี่ไปก่อนนะ”

“ขับรถดีๆครับพี่”

“อืม”


         ชินพัตน์มองรถพี่ชายที่ขับออกไปจากหน้าร้านสู่ถนนใหญ่ รู้สึกถึงสายตาพี่ชายตนเองที่มองมายังตนเองก็รู้ได้ว่า พี่ชายคงอยากจะรู้เรื่องมากกว่านี้แน่ แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากบอก เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับคนที่กลับมาอยู่ข้างกันอีกครั้ง ในฐานะอะไร เพราะตนเองก็ยังไม่กล้าพูดได้เต็มปาก เพื่อน? หรืออะไร ที่มันมากกว่านั้น แค่อยู่ด้วยกันแบบทุกวันนี้ตัวเขาเองก็มีความสุข การที่มีใครสักคนอยู่ข้างๆเวลามีปัญหา ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดียว อย่างที่เคยเป็น

คุณจะเป็นคนคนนั้นหรือเปล่า?

“มีอะไรหรือเปล่า ชิน”

“เอ๊ะ!? เปล่าครับ “ ชินพัตน์หลุดออกจากห้วงความคิด ก็เพราะ นนทนัฐมาจับที่แขนของตนเองอย่างเป็นห่วง

“ก็ผมมายืนตรงหน้าคุณตั้งนานแล้ว คุณไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ คุณกำลังคิดอะไรอยู่”

“คือ    ผมกำลังคิดเรื่องคุณเนติธรกับพลนะ”

“งั้นเหรออย่ากังวลไปเลย ผมกำลังจะมาบอกคุณว่าผมจะลองโทรคุยกับคุณเนติธรดู”

“ก็ดีนะ ผมอยากให้เรื่องนี้ตกลงกันได้สักที่ ผมเป็นห่วงพลจริงๆ”ชินพัตน์ทำสีหน้าเป็นกังวล

“ทำไมคุณเป็นห่วงพลขนาดนี้ละครับ บอกเหตุผลให้ผมรู้บางได้ไหมครับ” นนทนัฐเห็นคนที่ตนเองรักแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นต่อหน้าตนเองแบบนี้แล้วรู้สึกแปลก ตัวเขาเองยังไม่เคยได้รับความรู้สึกนี้เลยสักครั้ง

“ทำไมอยู่ๆก็ถามขึ้นมาล่ะ ไหนว่าจะโทรหาคุณเนติธรไง ถ้าคุณไม่โทรก็เอาเบอร์เขามาผมจะโทรเอง” ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิดที่คนที่เขาอุตสาฝากความหวังไว้ แต่กับถามเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่อง

“ครับ ผมโทรให้แน่นอนครับ แต่ตอนนี้ดูร้านก่อนดีไหม ลูกค้าเยอะมากเลยครับ” นนทนัฐเห็นสีหน้าไม่พอใจคุณเจ้าของร้านแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุณทันที

“จริงด้วย มั่วแต่ห่วงเรื่องอื่น ปล่อยให้ป้าพรกับจอยทำกันอยู่แค่สองคน” ชินพัตน์หันไปมองภายในร้าน ลูกค้านั่งเต็มร้านไปหมด แถมจอยก็วิ่งวุ่นทั้งรับออเดอร์ลูกค้า ทั้งต้องค่อยเก็บเงิน ชินพัตน์รีบวิ่งเข้าร้านเพื่อไปเก็บเงิน และช่วยเสริฟร้านอาหารช่วยจอยอีกแรง ส่วนนนทนัฐก็รีบประจำตำแหน่งหน้าเตาปิ้ง ลูกค้ามายืนรอเป็นแถวยาวแล้ว   


                       ช่วงหัวค่ำ ลูกค้าก็ค่อยทยอยกันกลับไป จนเหลือกลุ่มสุดท้าย จอยเดินไปเก็บเงินก่อนกล่าว เชิญลูกค้ากลับมาทานที่ร้านอีกครั้ง จนติดเป็นนิสัยไปซะแล้วเรียกร้อยยิ้มกับผู้เป็นเจ้าของร้านได้อย่างดี มีคนที่คอยช่วยเขาแบบนี้ขยันทำงาน ชินพัตน์เองก็เบาแรง แต่ก็อยากได้คนมาช่วยเพิ่ม เพราะตั้งแต่กัมพลไม่มาทำงาน ที่ร้านก็เริ่มวุ่นๆ รับมือกับลูกค้าที่เข้ามาเยอะๆพร้อมๆกันไม่ค่อยจะไหว จริงอยู่ว่าวันนี้เขามีตัวช่วยมาอีกคน แต่จะช่วยไปได้นานเท่าไร ไม่รู้จะหายไปอีกตอนไหน  หันไปมองคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ 


“ผมช่วยเก็บร้านหมดแล้วนะ คุณมีอะไรให้ผมช่วยอีกไหม” นนทนัฐที่ช่วยป้าพรกับจอยเก็บร้านเสร็จก็เดินเขามาหาคนที่จ้องมองมาที่ตนเองไม่วางตา เลยสงสัยว่าน่าจะมีเรื่องอยากให้ช่วยอีกหรือเปล่า

“อ๊ะ ไม่มีแล้ว ขอบคุณมากคุณไปพักเถอะ” ชินพัตน์ตกใจเพราะนนทนัฐเข้ามาใกล้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร  หรือเพราะตัวเขาเองมั่วแต่คิดอะไรเพลินๆ จนไม่รู้ตัว

“แต่ผมเห็น จ้องๆมอง อยู่ที่เดิมๆ ยอกไม่ลงตัวเหรอ ให้ผมช่วยดูให้ไหม?” นนทนัฐที่มองดูชินพัตน์ที่เปิดหน้าบัญชีกับนับเงินไม่เสร็จสักที่ และยังเหม่อๆอีกด้วยเลยอยากช่วยขึ้นมา

“เปล่าๆ ผมตรวจยอดเงินเสร็จแล้ว ขอบคุณมากที่คอยมาช่วยที่ร้าน คุณกลับไปพักเถอะนะ” ชินพัตน์นึกขอบใจคนตรงหน้าจริง ทั้งเรื่องในร้านและอีกหลายๆเรืองที่คอยช่วยเหลือมาตลอด

“ชินคุณไม่หิวเหรอ ตั้งแต่บ่ายผมยังไม่เห็นคุณทานอะไรเลย” นนทนัฐที่บอกป้ากับพรให้ขึ้นไปพักก่อนแล้วเขากับชินพัตน์จะหาอะไรทานกันเอง เพราะมีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายอย่างอาจจะดึก เลยไม่อยากให้ป้ากับจอยเป็นห่วง

“จริงด้วย แล้วป้ากับจอยทานมื้อเย็นกันหรือยัง ผมนี่แย่จริงๆ ทำงานจนลืมไปหมดเลย คุณก็ด้วยใช่ไหม ยังไม่ได้กินอะไรเลย งั้นเดี๋ยวผมทำให้นะ” ชินพัตน์ที่นึกขึ้นได้ หันไปมองรอบๆร้าน ที่เก็บเรียบร้อยหมดแล้ว ร่วมทั้งป้าพรกับจอยก็ขึ้นไปพักแล้ว

“ไม่เป็นไรนะ ป้าพรกับจอยทานกันแล้วครับ ผมเลยให้ขึ้นไปพักข้างบนแล้วเห็นเหนื่อยกันมาทั้งวัน ส่วนคุณก็เห็นวุ่นอยู่กับบัญชีเลยไม่อยากกวน “นนทนัฐเห็นท่ารีบร้อนของคนที่ตนเองรักก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะทำงานจนลืมทั้งคนรอบๆตัว ร่วมทั้งทั้งเรื่องตัวเองด้วย

“แต่คุณก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่ไหม ผมจะทำให้แปบเดี๋ยวเองนะ” ชินพัตน์รีบแกะมือของนนทนัฐออกจากแขน แล้วรีบไปดูว่ายังพอมีของสดพอทำอะไรกินได้อยู่บ้างไหม


“นี้คุณอยากทานอะไร ยังพอมีของสดเหลืออยู่นะ” ชินพัตน์ง่วนในการเปิดตู้เย็นดูของสดที่เก็บแช่ไว้ หันมาถามคนข้างหลังที่มาคอยอยู่ด้านหลัง

“อะไรก็ได้ครับ ผมก็ทานได้หมดครับ” นนทนัฐตอบยิ้มๆเพราะดีใจที่จะได้ทานอาหารฝีมือคนที่ตนเองรักอีกครั้งแล้ว ไม่เสียแรงที่ลงมือลงแรงช่วยงานมาทั้งวัน ความเหนื่อยเหมือนจะหายไปหมดเมื่อคนตรงหน้าบอกว่าจะทำอาหารให้ตนเองทาน

“งั้นก็ต้มมาม่าใส่ลูกชิ้นเป็นไง “หันไปมองคนที่คอยอยู่เพื่อดูสีหน้า เพราะเป็นเมนูที่เขาคิดขึ้นเพื่อจะแกล้งหิว แต่กับได้คำตอบที่ตัวเขาเองทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะดื้อ

“ผมอยากทานอยู่พอดีเลยครับ ทำไมรู้ใจผมแบบนี้ล่ะครับ หือ? ยิ่งมีลูกชิ้นแสนอร่อยและฝีมือคุณทำให้ผมยิ่งอยากทานขึ้นไปอีก” นนทนัฐเดินเข้ามาใกล้ชินพัตน์มากขึ้นด้วยคำพูดและท่าทางมีความสุขแบบนั้น

“อะ เออ ดะ ได้ คุณก็ไปนั่งรอที่โต๊ะโน่น ไม่ต้องมายืนเกะกะเลย ไป๊” ชินพัตน์เบะหน้าเพราะตนเองแกล้งคนหิวไม่ได้ แถมตนเองกลับต้องพยายามฝืนหน้าไม่ให้เขิน 


ไม่ได้รู้ใจสักหน่อย ชิ!!!

หันไปมองตาขวางให้คนที่เอาแต่นั่งยิ้มอีกครั้งก่อนหันกลับมาตั้งใจทำอาหารตรงหน้า


                     มื้อเย็นที่ล่วงเลยเวลามาเกือบๆจะ 3 ทุ่ม ของทั้งคู่ ถ้วยมาม่าเต็มไปด้วย ผักไข่ลูกชิ้นเต็มถาม หอมน่าทาน ใช้เวลาในการจัดการอาหารตรงหน้าไม่นานก็หมดลงอย่างรวดเร็วทั้งสองชาม นนทนัฐรับหน้าที่เป็นคนเก็บล้างเอง ชินพัตน์ก็ไม่ขัด ปล่อยให้ทำไป เพราะตนเองก็เหนื่อยเกินไปจนตาของเขาจะปิดเสียให้ได้ คงได้เวลาเข้านอน เรื่องต่างๆไว้จัดการพรุ่งนี้แล้วกัน

“คุณไปพักเถอะดึกมากแล้วนะ” ชินพัตน์เดินตาปรือ ไปส่งนนทนัฐที่หลังร้าน

“ชินครับ คุณยังไม่บอกผมเลยเรื่อง…..”

“เรื่องอะไรอีกคุณ ดึกแล้วไว้คุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ ผมง่วงแล้วอ่ะ”ชินพัตน์ที่ยกมือมาปิดปากกลั้นหาวมาหลายรอบแล้ว

“………………….”ไม่มีเสียงตอบจากนนทนัฐ เอาแต่ยืนนิ่ง

“เป็นอะไรอีกล่ะคุณ ผมห่วงจริงนะ แยกย้ายกันไปนอนเถอะนะ” ชินพัตน์ไม่มองหน้าคนที่ทำหน้านิ่งเลย ได้แต่ดันหลังให้เดินไปยังตึกของนนทนัฐ เพื่อจะได้เข้าไปพัก แต่นนทนัฐก็ยื้อไปยอม เดินตามแรงที่ชินพัตน์ดันตนเอง

“นี้คุณมันดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว ไว้คุยพรุ่งนี่นะ นะ นะ “ ชินพัตนี่ทำหน้ายิ้มๆแต่จริงแล้วง่วงสุด

“ได้แต่ผมขอหมัดจำไว้ก่อน”

ฟอด ฟอด


"!!!!!!!????"

“ไว้คุยกันพรุ่งนี้ครับ ” นนทนัฐรู้ดีว่าตนเองอาจจะโดนตนตรงหน้าทุบจนนวมแน่ๆ รีบวิ่งหนีเข้าที่พักตนเองทันที่

“ชิน ฝันดีนะครับ” ก่อนปิดประตูก็ส่งคำหวานหยอดคนที่ยังยืนนิ่งเป็นหิน ตาที่กำลังจะปิด กลับโตขึ้นมาเหมือนไข่ห่าน


เขามองดูแล้วมันช่างน่ารัก


น่ากอดเป็นบ้าเลย











  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!!    :laugh3:



มากันยาวๆ เรียกความหวานเบาๆ  :give2:



รู้ความรับของเด็กหนุ่มกัมพลกันไปแล้วนะจ้า ฮ่าๆๆๆ :laugh5:



ประกาศๆ มินมินจะมีเรื่องใหม่ มาลงให่อ่านนะคะ    :teach:



จะลงควบคู่ไปกับ เรื่องนี้เลยนะคะ อิอิ   :katai4:



ถ้าสรุปชื่อเรื่องลงตัวเมื่อไร จะมาลงให้อ่านนะคะ  :write-a-letter:



บอกใบ้นิดๆ เนื้อเรื่องออกแนว ผู้ใหญ่กินเด็ก หรือเด็กกินผู้ใหญ่อะไรประมาณ อิอิ



ตามกระแส ไปหรือเปล่า ไม่นะ  ???   :o211:



ออฟไลน์ sunipum

  • ชีวิตต้องต่อสู้ ให้โลกรู้เราแน่แค่ไหน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สรุปกัมพลกับเนติธร มีไรในกอไผ่ป่ะเนี่ย เหมือนจะมี เอ๊ะหรือไม่มีหว่า?

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เรื่องคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าเจ้าประจำ
กำลังสดใส ไปได้สวย เติมหวานกันไป

เนติธรคงเป็นคนสนิทกับครอบครัวของกัมพลแน่เลย
เลยต้องดูแลทรัพย์สมบัติไว้ให้ทายาทอย่างกัมพล
แต่ทั้งคู่น่าจะมีอะไรๆ กันทางความรู้สึกซินะ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เนติธรกับกำพลค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันเถอะนะ อย่าไปเร่งรัดน้องมาก

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


                                       ตอนที่ 59  ผมยังโกรธคุณอยู่นะ?(1)
 

          ชินพัตน์ตื่นเช้ามาเปิดร้านพร้อมป้าพรกับจอย รวมคนข้างๆตึกก็มาช่วยเปิดร้านเหมือนปกติ แต่ที่ดูจะแปลกๆไปในสายตาของป้าพรกับจอยก็คือ ดูเหมือนทั้งคุณเจ้าของร้านและคุณเพื่อนไม่ยอมพูดจาอะไรกันเลยตั้งแต่เปิดร้าน และดูเหมือนชินพัตน์พยามหลบเลียง นนทนัฐตลอดเวลา จนป้าพรอดที่จะถามหลานชายตนเองไม่ได้

“ตาชิน วันนี้ทำไมถึงเงียบๆไปล่ะ “

“อะ อะไรครับ “ ชินพัตน์ทำเป็นไม่เข้าใจเรื่องที่ป้าพรถาม

“ก็วันนี้ดูเงียบไม่เห็นพูดไม่เห็นคุยเหมือนเคย ป้าก็นึกว่าไม่สบายหรือเปล่านะสิ” ป้าหันไปมองหลานชาย และก็เพื่อนหลานชายสลับกันไปมา เพราะทั้งคู่เงียบมากจริงเช้านี้

“ปะ เปล่าครับ ผมสบายดี “ ชินพัตน์เลี่ยงป้าพรไปที่ตู้แช่ลูกชิ้นทำที่เป็นตรวจเช็คจำนวนลูกชิ้นทั้งๆที่ เมื่อกี่ก็ตรวจดูไปแล้ว

“จ้าๆไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ป้าพรได้แต่สายหัว เพราะมองเห็นทั้งสองคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเอง แต่ก็แอบเห็น แต่ละคนมักจะแอบมองกันและกันเหมือนหยั่งเชิงกันอยู่  จอยก็สงสัยเพิ่มขึ้นเลยเดินไปหาเพื่อนใหม่ของคุณเจ้าของร้าน เรียบๆเคียงถาม

“พี่นนท์ เมื่อคืนอยู่ร้านดึกหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่ดึกครับ ประมาณ 3 ทุ่มก็กลับครับ”

“เหรอจ๊ะ จอยนึกว่า นั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่ชินทำบัญชีจนดึกดื่น แล้วอดหลับอดนอนซะอีก เห็นวันนี้พี่นนทน์เงียบๆ”

“เปล่าครับ พี่นอนหลับปกติดีครับ” นนทนัฐยกยิ้มเล็กส่งให้จอยที่คอยเป็นห่วงเป็นใย

ปัง!!!!!!

เสียงปิดประตูตู้แช่เสียงดังลั่นร้าน จนทั้งป้าพร จอย และนนทนัฐหันไปมองคนที่ทำให้เกิดเสียง
ชินพัตน์ที่เห็นทุกสายตาจ้องมาที่ตนเอง ก็รีบเดินหนีขึ้นชั้นสองไปเลย

“ป้าพรครับ ผมปวดหัว ผมฝากร้านด้วยนะครับ ขอไปนอนพักสักแปบ ดีขึ้นแล้วผมจะลงมาช่วยนะครับ” ชินพัตน์หันไปบอกป้าพรก็จริง แต่สายตาหันไปที่นนทนัฐที่ยืนมองอยู่แล้ว เมื่อสบตากันเป็นชินพัตน์เองที่หลบสายตาและพาตนเองขึ้นไปชั้นบน โดยไม่ฟังเสียงของป้าที่ถามอย่างเป็นห่วง

“ตาชิน เดี๋ยวป้าทำข้าวต้มขึ้นไปให้นะลูก นอนพักซะนะ” ป้าพรได้แต่พูดบอกไล่หลังคนที่หายขึ้นไปด้านบนแล้ว
 
          นนทนัฐก็มองตามอย่างเป็นห่วงเช่นกัน และก็รู้ตัวเองด้วยที่เป็นคนทำให้ คุณเจ้าของร้านอารมณ์ไม่ดี ไม่ยอมพูดคุยกตนเองตั้งแต่เช้าจนคนอื่นๆยังสังเกตได้ ไม่นานป้าพรก็ทำข้าวต้มให้ชินพัตน์เสร็จและบอกให้จอยยกขึ้นไปให้ แต่นนทนัฐเป็นคนอาสาเป็นคนยกขึ้นไปให้เอง

“ป้าครับ เดี๋ยวผมยกขึ้นไปให้เองครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับชินเขาพอดีนะครับ”

“จ้าๆ มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุณกันนะ เป็นเพื่อนกันอย่ามาทะเลาะกันแบบนี้เลย”

“ผมขอโทษครับ” นนทนัฐรู้ตัวว่าทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง ยกมือไหว้ขอโทษและรับถาดใส่ข้าวต้มมาถือไว้

“จ้าๆ ให้ตาชินทานยาแล้วก็นอนพักซะนะ ไม่ต้องร้านหรอก” ป้าพรตบบ่าเพื่อนหลานชาย

“ครับป้า เดี๋ยวผมให้ชินทานยาแล้วนอนพักเสร็จแล้ว ผมจะรีบลงมาช่วยนะครับ”

“จ้าๆ ไปเถอะ ลูกค้าเริ่มเข้าร้านแล้วด้วย”

“ครับๆ” นนทนัฐรีบเดินไปทางบันไดเตรียมจะขึ้นชั้นบน

“พี่นนท์ ห้องพี่ชิ้นอยู่ชั้นบนสุดจ๊ะ”จอยที่หันมาเห็นก็รีบวิ่งมาบอก

“อ่ะ อ้อครับ” นนทนัฐรีบพยักหน้ารับรู้ แต่จริงๆแล้วตนเองก็พอจะรู้ว่าห้องของคนที่ตนเองคิดถึงทุกวันทุกคืนอยู่ชั้นไหน
 

              ระหว่างทางเดินขึ้นบันได ขึ้นไปที่หน้าห้องทำงานของชินพัตน์ นนทนัฐเห็นโหลใส่ปลาทองทั้งสองตัวและเขาก็จำได้ดีว่าเป็นปลาที่ตนเองจับให้เจ้าของห้องในวันที่ไปเดินเที่ยวงานวัดด้วยกัน และเป็นวันตนเองที่ได้บอกความรู้สึกที่มีให้แก่ใครบางคนที่เขารัก รู้สึกดีใจที่เห็นปลาทองตัวน้อยยังอยู่ดี หัวใจของเหมือนมีเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงหันมันกลับมาซูบฉีดและฟองโตอีกครั้ง  และเขาก็เดินขึ้นมาถึงชั้นบนที่หน้าห้องของคนที่เอาแต่หลบหน้าแล้ว

ก๊อก ก๊อก

“ป้าครับ ผมไม่ได้ล๊อคประตู” ชินพัตน์ที่นั่งผิงหัวเตียง กำลังหลับตาเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แถมต้องลุกขึ้นมาแต่เช้าอีก ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น เพราะคิดว่าเป็นป้าพร

“ทำไมคุณไม่นอน ลงดีๆละครับ” นนทนัฐที่เดินเอาข้าวต้มไปว่าที่โต๊ะเครื่องแป้ง และหันมาถามคนที่นั่งหลับตาอยู่อย่างเป็นห่วง

“นี้คุณ!!!! เข้ามาได้ไงเนี้ย!!???”ชินพันตน์เมื่อได้ยินเสียงก็ตกใจเห็นคนที่ไม่อยากเห็นหน้า มาอยู่ในห้องได้ไง

“ผมเอาข้าวต้มกับยาขึ้นมาให้คุณไง”นนทนัฐมองคนป่วยอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องเลย คุณออกไปจากห้องผมเลยนะ ”แต่ชินพัตน์กลับไม่สนใจไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ตนเองคิดมากจนนอนไม่หลับ

“ชินครับ คุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมอีกล่ะครับ บอกผมสิ ผมจะได้รู้และก็แก้ไขตัวเองไง” นนทนัฐเดินเข้ามานั่งบนเตียงใกล้คนป่วย ที่เอาแต่เขยิบหนีไปอีด้านของเตียง

“คุณไม่รู้จริงเหรอว่าผมโกรธอะไร” ชินพัตน์ต่อว่าส่งสายตาขว้างไปให้

“ชินครับผมไม่รู้ คุณก็บอกผมสิครับ”

“ก็ ก็ เมื่อคืนคุณทำอะไรล่ะ  ถ้ามีคนมาเห็นจะทำยังไง  “ชินพัตน์ไม่อยากพูดถึงแต่ก็ต้องพูดนนทนัฐจะได้รู้ว่าตนเองผิดอะไร

“ชิน ผมขอโทษครับ ผมแค่ เอ่อ…..”นนทนัฐไม่กล้าอธิบายว่าเมื่อคืนตนเองหอมแก้มชินพัตน์เพราะแอบงอน แอบห่วง และไม่เข้าใจว่าชินพัตน์เป็นห่วง เด็กหนุ่มกัมพลจนทำให้เขาเองคิดมาก เลยพาลขโมยหอมแก้มซะเลย

“ไม่ต้องเลย ถ้าคุณทำแบบนั้นอีก ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย” ชินพัตน์พูดจบหันหลังให้คนที่นั่งทำหน้าเศร้าสำนึกผิด

“ครับ ครับ ผมขอโทษนะ ผมจะไม่ทำแบบนั้นข้างนอกอีกแล้วครับ ผมจะระวังให้มากขึ้นนะ หายโกรธผมเถอะนะ” นนทนัฐพยายามยื้อคนที่นั่งหันหลังให้ตนเองให้หันกลับมาคุยกันดีดี

“คุณหมายความว่าไง ระวังอะไร ข้าง ข้างนอกอะไรของคุณ  คุณนี้มัน” ชินพัตน์หันกลับถ้วนคำพูดของนนทนัฐอย่างสงสัย แต่พอนึก ก็ได้แต่โมโหนักขึ้น และหน้าแดง คว้าเอาหมอนได้ก็กระหนำตีคนเจ้าเลห์ ตาใส

“โอ๊ย ชินครับ ผมก็จะระวังไงครับ  โอ๊ย ผมจะหอมแก้มคุณเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ดีไหมครับ “ นนทนัฐ ทำท่าทางเจ็บปวดจากการโดนหมอนตี แต่กลับพูดด้วยร้อยยิ้มกริ่ม รวบมือชินพัตน์ไว้ไม่ให้ตีเขาอีกต่อไป และก็ไวเท่าความคิด ก้มลงหอมแก้มคนที่มัวแต่จะยื้อหมอนคืน

“คุณนนท์ คุณทำอะไรของคุณเนี้ย!!!!!”ชินพัตน์ตั้งสติได้ แก้มก็โดนสัมผัสด้วยปลายจมูกไปแล้ว รีบเอามือมาปิดแก้มตนเองทันที่ แล้วก็ถลึงตาใส่คนที่ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

“ก็หอมแก้มไงครับ และก็ไม่มีใครมาเห็นแน่นอนครับ ผมรับประกัน” นนทนัฐยกยิ้มหันไปมองรอบห้อง เหมือนจะแกล้งคนป่วยให้ยิ่งปวดหัวหนักขึ้นไปอีก

“คุณนนท์ผมโกรธจริงๆแล้วนะ!!!!” ชินพัตน์พยายามยื้มแขนตัวเองให้หลุดจากมือหนาของคนที่เอาแต่ยิ้มล้อ

“ไม่ได้นะครับ คนป่วยเขาไม่ให้โกรธนะครับ มันจะทำให้ยิ่งไม่สบายหนักขึ้นไปอีก “

“ก็เพราะใครล่ะ ฮืม!! ปล่อยมือผมนะ!!!”

“ปล่อยก็ได้ครับ แต่ต้องกินข้าวต้มที่ผมป้อนให้หมดก่อนแล้วผมจะปล่อยนะ”

“ไม่กิน!!!!”

“ไม่กินไม่ได้นะครับ ต้องกินข้าวก่อนกินยานะครับ อย่าดื้อนะครับ กินยาแล้วจะได้นอนพักไงครับ”นนทนัฐอธิบายและรวบมือของชินพัตน์ไว้ด้วยมือเดียว แล้วหันไปหยิบถาดข้าวต้มมาวางไว้ที่ตัก

“อยากนอนเลย ไม่กินไม่ได้เหรอ”ชินพัตน์เริ่มงอแงเพราะความง่วงเริ่มมีมากขึ้น

“ไม่ได้ครับ กินข้าว กินยา แล้วค่อยนอนพัก พอตื่นขึ้นมาก็หายป่วยไงครับ ป้าพรก็จะไม่ต้องเป็นห่วงด้วย แล้วชินก็จะได้ลงไปช่วยงานในร้านได้ไงครับ “ นนทนัฐรู้สึกตนเองเหมือนพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องมานั่งหาเหตุผลให้ทำตาม และดูเหมือนชินพัตน์จะเข้าใจดี เมื่อได้ยินว่ามีใครเป็นห่วงตนเองบาง และทุกคนต้องมาลำบากเพราะตนเองมาป่วยแบบนี้

“อืม ก็ได้ ผมทานเอง” ชินพัตน์เลิกดื้อ เลิกยื้อ เพราะตัวเขาเองก็อยากพัก เมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะมัวมากคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“นี้ครับ ทานยา ทานน้ำตามเยอะๆด้วยนะครับ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์อ่อนลงแล้วก็ไม่อยากแกล้งอีก เลยปล่อยให้คนป่วยนั่งกินข้าวต้มไป และค่อยย้ำเรื่องยาหลังอาหาร

“คุณลงไปเถอะ  ผมฝากร้านด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปขายที่ตลาดตอนบ่ายแทนคุณเอง ถ้าคุณยังไม่ไหวดีไหม”

“ใช่!! จริงด้วย!! วันนี้ขายต้องที่ตลาดนัดด้วยนี้ โธ่เอย ผมไม่นอนแล้ว ผมยังไม่ได้เตรียมของเลย”

“ชินครับ เดี๋ยวๆ  นั่งลงกินยาแล้วนอนพักนะครับ เดี๋ยวผมทำให้เองนะ” นนทนัฐรีบกดบ่าชินพัตน์ที่ทำท่าจะลุกจากเตียง เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้เตรียมของไว้ขาย  ให้นั่งลงกลับไปที่เตียง และรีบส่งยาให้

“แต่ว่า …..”

“ไม่มีแต่ครับ รีบนอนพักเถอะครับ พอหายดีแล้วค่อยลงไปขาย ผมว่าแบบนี้จะดีกว่านะครับ อย่าฝืนลงไปขายแล้วมาป่วยหนักเอาที่หลังผมว่ามันจะยิ่งแย่ไปใหญ่นะครับ เชื่อผมนอนพักนะครับ นะ” ยื่นยาส่งให้ชินพัตน์อีกรอบ

“ครับ” ชินพันต์เห็นด้วยกับสิ่งที่นนทนัฐพูด แล้วรับยามากินอย่างว่าง่าย

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจัดการให้เองนะครับ “ นนทนัฐกดไหล่ชินพัตน์ให้นอนลงและห่มผ้าให้ ชินพัตน์ก็พยักหน้ารับ เพราะทั้งความง่วง ข้าวต้มอุ่นๆ ร่วมทั้งฤทธิ์ของยา เริ่มทำงาน ไม่นานชินพัตน์ก็หลับตาลง แต่เหมือนยังหลับไม่สนิท

“หลับเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเรื่องที่ร้าน เรื่องคุณเนติธร และก็เรื่องที่ผมต้องมีส่วนรับผิดชอบ “นนทนัฐพูดเสียงกระซิบแผ่วเบาให้คนที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เกลี่ยปอยผมของคนที่นอนหลับอย่างรักใคร่

“ผมยังไม่หายโกรธคุณนะ” เหมือนคนหลับจะละเมอออกมา ทำให้คนที่นั่งเฝ้าอมยิ้ม

“ครับผมรู้ แต่พอตื่นขึ้นมาคุณต้องหายโกรธผมแน่ๆ ฝันดีนะครับ” นนทนัฐลูบแก้มเนียนเบาๆ ก้มจูบที่หน้าฝากแถมอีกด้วย
         
           นนทนัฐรู้ว่าตนเองต้องดูแลร้านแทนคนที่หลับไปแล้ว เพราะเขาเองเป็นต้นเหตุทำให้คุณเจ้าของร้านนอนไม่พอ คิดมากกับสิ่งที่เขาทำไป และเรื่องที่ต้องจัดการเรื่องต่อไปก็คือคุยปัญหาระหว่างคุณเนติธรกับกัมพล แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการสถานการณ์ตรงหน้าก่อน เลยรีบลุกออกจากเตียงคนนอนหลับ แต่ก็ต้องชะงักกับเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคนที่หลับไปแล้ว ต้องรีบรับก่อนที่จะทำให้คนที่พึ่งหลับไปเมื่อครู่ตื่น

“สวัสดีครับ”

(“นั้นใคร”)นพคุณถามอย่างสงสัยเพราะไม่ใช่เสียงน้องชายตนเอง

“ผมนนทนัฐครับ พอดีชินป่วยนะครับ พึ่งทานยาแล้วหลับไปเมื่อครู่ ผมเลยถือวิสาสะรับสายแทนนะครับ”

(“เจ้าชินเป็นอะไร เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย”)

“เห็นบอกว่าปวดหัวนะครับ ทานยาได้นอนพักก็คงจะดีขึ้นครับ”)

(“งั้นเหรอ ผมว่าจะโทรมาบอกเจ้าชินว่าไม่ต้องมารับยายกับต้นเพราะผมมารับแทนแล้ว”)นพคุณบอกเหตุผลที่ตนเองโทรมาหาน้องชายให้นนทนัฐฟัง

“ครับ ผมก็กำลังจะไปเตรียมของไปขายที่ตลาดนัดให้อยู่ครับ คงต้องไปขายแทนด้วย เพราะผมอยากให้เขานอนพักเยอะๆนะครับ”

(“ยังไงผมจะรีบไปแล้วกัน ฝากดูเจ้าชินด้วยแล้วกันนะ”)นพคุณรีบวางสายเพราะเป็นห่วงน้องชาย และอยากจะไปดูอาการเลยไปบอกเรื่องนี้ให้ยายกับต้นกล้าฟังเพื่อจะได้ไปที่ตลาดนัดให้เร็วกว่าเวลาปกติ

“ครับ”นนทนัฐรู้สึกตนเองเป็นที่ยอมรับจากญาติของชินพัตน์ขึ้นมาอีกขั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กแต่เขาก็รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ทำอะไรเพื่อคนที่เขารักแบบนี้

                  นนทนัฐช่วยป้าพรกับจอยขายของเก็บเงินในร้านแทนชินพัตน์ และไม่ลืมที่จะเตรียมของไว้ขายที่ตลาดนัดด้วย ก่อนบ่ายโมงค่อยขนของไปเตรียมตั้งร้าน แต่ตอนนี้ก็ช่วยดูที่ร้านไปก่อน เพราะลูกค้าเยอะมากจริงๆ  จนกระทั้งนพคุณ ยายและต้นกล้ามาถึงที่ร้านเวลา 10 โมงเช้า แวะมาที่ร้านเพื่อมาดูชินพัตน์ แต่เห็นว่ายังหลับอยู่ก็เลยแยกตัวไปตั้งร้าน

“เดี๋ยวผมขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดเอง ผมฝากที่ร้านหน่อยนะ” นพคุณบอกกับนนทนัฐก่อนที่หันไปจัดของขึ้นรถน้องชายเพื่อไปตั้งร้านที่ตลาดนัด

 “ได้ครับ”นนทนัฐตอบรับด้วยร้อยยิ้ม               


                    นพคุณที่เข้ามาที่ร้านเห็นนนทนัฐทำหน้าที่แทนน้องชายของตนเองแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเก็บเงิน เสริฟอาหาร ยกของหนักๆแทนป้าพรกับจอย ทุกอย่างที่นนทนัฐทำล้วนอยู่ในสายตาของคนเป็นพี่ชายอย่างนพคุณ รู้สึกทึ้งที่เพื่อนของน้องชายคนนี้ที่เงียบหายไปนานหลายเดือนกลับมา ยืนช่วยขายของหน้าเป็นมันอยู่หน้าเตาปิ้งลูกชิ้น ไม่มีสีหน้าที่รู้สึกเหนื่อยเลย กับทำทุกอย่างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยร้อยยิ้ม จนน่าแปลกใจ
                   นนทนัฐที่ช่วยดูร้านตั้แต่เช้าจนตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว ลูกค้าช่วงเที่ยงก็เยอะจนแน่นร้าน พึ่งจะทยอยกันกลับออกจากร้านไป จนมีลูกค้าอยู่ภายในร้านเพียงแค่ 4 โต๊ะ แต่ก็ยังมีลูกค้ายืนรอซื้อลูกชิ้นปิ้งที่หน้าหลายอีกหลายคน นนทนัฐเลยเดินไปช่วยจอย ปิ้งและใส่ถุงให้ลูกค้า จนป้าพรเดินมามาทัก

“คุณนนท์ไปทานข้าวเที่ยงเถอะจ๊ะ นี้มันจะบ่ายกว่าเข้าไปแล้ว “ป้าที่เตรียมสำหรับไว้ที่โต๊ะคิดเงินร่วมทั้งเป็นโต๊ะทำงานของคนที่นอนหลับอยู่ด้วย

“ลูกค้ายังเยอะอยู่เลยครับ”

“ก็ผลัดกันไปกินเถอะนะ เดี๋ยวถ้าลูกค้ามาเยอะๆอีกจะไม่ได้กินข้าวกันพอดี” ป้าพรให้เหตุผล

“ป้าทานแล้ว พ่อหนุ่มไปกินเถอะแล้วค่อยมาช่วยกัน”

“ครับ”นนทนัฐเลยผละออกจากหน้าเตา ก่อนเดินเอข้าไปล้างหน้าล้างตา ล้างมือก่อนทานข้าว แต่ก็ยังไม่วายเป้นห่วงคนนอนหลับอยู่ด้านบน

“ป้าขึ้นไปดูมารอบหนึ่งแล้ว ยังหลับอยู่ไม่ต้องห่วงหรอก กินก่อนเถอะ” ป้าพรอธิบายให้คนที่เอาแต่มองขึ้นไปชั้นบนไม่ยอมลงมือตักข้าวกินสักที่


“ครับ”นนทนัฐพยักหน้ารับรู้และลงมือทานข้าวต่อ







   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!


  แวะมาลงครึ่งแรกให้อ่านกันก่อนนะคะ

 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินคะ

+เป็ดให้ทุกกำลังใจนะคะ ขอบคุณค่ะ







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยย. ขยันทำคะแนนจริงๆพระเอกเรา อิอิ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ้างถึง
รู้ความรับของเด็กหนุ่มกัมพล

ค่ะ คิดอยู่ว่ากัมพลคงจะรุกคุณเนติธรไม่ได้หรอก ต้องเป็นรับเท่านั้น

ขอโทษค่ะ แซวเล่น  - ความลับหรือเปล่าคะ?

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คดีน้องกัมพลยังไม่เคลียร์เลย อะไรยังไงกันนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ Naiikratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แวะมาให้กำลังใจค้าบบบบ รอๆๆค้าบ แป่ะๆๆ   :mew3:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                             ตอนที่ 59  ผมยังโกรธคุณอยู่นะ? (2)
   

         เมื่อเห็นว่าลูกค้าใหม่ยังไม่เข้ามาที่ร้าน นนทนัฐที่ทานมื้อเที่ยงที่ค่อนมาเป็นมื้อบ่ายเสร็จก็ หาโทรศัพท์ขึ้นมาจัดการเรื่องสำคัญอีกเรื่อง นั้นคือการโทรหาคุณเนติธร เพื่อตกลงเรื่องบางอย่างที่จะทำให้ คนที่นอนหลับตื่นมาได้จะหายเป็นห่วงและเลิกกังวล ต่อตัวเด็กหนุ่มกัมพล พูดคุยกันเพื่อชวนแก้ปัญหาและหาทางออกให้กับคนทั้งคู่

“สวัสดีครับคุณเนติธร”

(“สวัสดีครับคุณนนทนัฐ ผมคงจะได้ฟังข่าวดีๆจากคุณใช่ไหมครับ”)

“ก็ไม่เชิงครับ คุณเนติธรต้องบอกผมก่อนนะครับว่า ถ้าผมพาพลกลับไปหาคุณได้ คุณจะไม่บังคับฝืนใจในเรื่องที่เด็กคนนั้นไม่อยากที่จะทำ จนต้องหนีออกจากบ้านหลังนั้นอีก”

(“ผมไม่รู้ว่าคุณรู้อะไรมาบ้าง แต่ผมรับปากคุณแล้วกันว่าผมจะไม่ทำให้คนของผมคิดที่จะหนีออกจากสิ่งที่เป็นของเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ กิจการธุรกิจทุกอย่างที่มีทั้งหมด ผมจะค่อยสอนเขาเอง”

“ดีครับ ผมได้ฟังแบบนี้ทั้งผมและคุณชินพัตน์ก็รู้สึกสบายใจ เย็นนี้ผมจะติดต่อกลับไปอีกครั้งนะครับ”

(“ขอบคุณ”)
   
          นนทนัฐจัดการปัญหาหลักไปได้แล้ว ปัญหาต่อไปคือ ต้องแวะไปดูที่ตลาดนัดว่าพี่ชายคุณเจ้าของร้านรับมือไว้หรือเปล่า เขาเองก็จะอยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้ก่อนคนป่วยจะตื่นขึ้นมา  และเห็นว่าลูกค้าในร้านไม่เยอะเกินไปเลยฝากร้านให้ป้าพรกับจอยดูกันเองไปก่อน แล้วรีบเดินไปดูที่ตลาดนัด

“เป็นไงบ้างครับมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”

“สบายมาก ผมขายแทนเจ้าชินบ่อยไปแค่นี้เอง ว่าแต่เจ้าชินเป็นยังไงบ้าง”

“ยังนอนกอยู่เลยครับ ผมอยากให้เขาพักเยอะๆนะครับ”

“ก็ดีแล้ว เจ้าชินนะชอบทำเป็นเก่งทั้งที่แทบจะยืนไม่ไหวก็มีออกบ่อยไป แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่สบายหนักเหมือนตอนนั้นอีกนะ”

“ครับ?”

“คุณคงไม่รู้สินะ เห็นหายเงียบไปตั้งหายเดือน ก็เจ้าชินเคยไม่สบายหนักนอนซมซะหลายวัน ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป บอกแค่นอนพักก็พอ ป้ากับลุงก็พากันเป็นห่วง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้านใหม่นั้นแหละ”

“อ้อครับ” นนทนัฐรู้ว่านั้นคือช่วงที่ตนเองทำเรื่องที่ผิดมากกับคนที่นอนหลับอยู่ชั้นบนสุดของร้านขายลูกชิ้น แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่ได้ป่วยหนักถึงขนาดนั้น เขารู้ดี

“จริงสิผมว่าจะถามหลายครั้งแล้ว ว่าคุณหายไปไหนมาหลายเดือนเลย ลูกค้าประจำเจ้าชินหายไปแบบนี้ หมอนั้นเลยเงียบไปพักใหญ่เลย ฮ่าๆๆ” นพคุณพูดล้อน้องชายตนเองให้กับลูกค้าประจำฟังและถามเรื่องที่สงสัยมาตลอดด้วย

“ผมกลับไปทำงานที่กรุงเทพนะครับ แล้วกมีงานด่วนเข้ามาเลยไม่ค่อยมีเวลาแวะมานะครับ” ยิ้มแห้งจริงแล้วมันเป็นข้ออ้างที่จะทำให้ไม่นึกถึงใครบ้างคนต่างหากเลยรับงานดะไปทุกงาน จนที่บ้านเขาเองยังสงสัยว่าลูกชายตั้งแต่กลับมาเอาแต่ทำงานทุกวันแถบไม่หยุดพักเลย

“แล้วนี้งานที่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับถึงกลับมาค่อยเป็น เบ้ให้น้องชายผมแบบนี้” นพคุณยังไม่วายแซวลูกค้า   คนสนิทของน้องชาย บวกเพื่อนบ้านไปอีกตำแหน่ง

“ก็อยากมาตามหา…(หัวใจตัวเอง)…เอ่อ ลูกชิ้นอร่อยๆได้แค่ที่นี้นี้ครับ งานเสร็จแล้วผมเลยขอพักยาวมาหาของที่ชอบแถวนี้แหละครับ”ยิ้มรับเก้อๆ ยังไม่กล้าที่จะบอกพี่ชายของคนที่ตนเองรักตรงๆ กลัวโดนชกหน้าก่อนได้หัวใจน้องชายมาซะก่อน


“ถึงขนาดลงทุนซื้อตึกข้างๆกันเลยเหรอครับ?” นพคุณยังไม่เลิกสงสัย กับท่าที่ของชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าของเขาเท่าไร เข้ามาในชีวิตน้องชายของเขาในรูปแบบไหนกัน ลูกค้าลูกชิ้น เพื่อน หรือพยายามจะเป็นคนรู้ใจของน้องชายของเขากันแน่

“เอ๊ะ อ้อ เรื่องตึกผมก็ซื้อไว้เผื่อนึกอยากจะทำกิจการเล็กๆหลังเลิกทำงานหลักนะครับ ซื้อๆไว้ก่อนนะครับ “ นนทนัฐยิ้มเล็กๆเพราะเหมือนตนเองจะโดนพี่ชายของงคนที่เขารัก ตรวจสอบหนักเกินไปซะแล้ว

“ครับ ก็เป็นเรื่องหน้าคิดเหมือนกันนะครับ ผมก็เคยคิดจะซื้อที่ซื้อบ้านไว้สร้างครอบครัวของผมเองเหมือนกัน “ นพคุณเริ่มเห็นด้วยกับวิธีคิดที่เป็นผู้ใหญ่ของคุณลูกค้าประจำ

“ครับ งั้นผมขอกลับไปดูที่ร้านก่อนนะครับ ไปดูชินด้วยว่าตื่นหรือยัง”

“ยังไงก็ฝากร้านด้วยนะครับ อ้อ ฝากน้องชายผมด้วยนะ” นพคุณพูดส่งท้ายทำให้นนทนัฐเดินคิดมาตลอดทางที่เดินกลับมาจากตลาด

ฝากน้องชายงั้นเหรอ?
   

        มาถึงที่ร้านก็ช่วยป้าพรกับจอยดูแลค้ากลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาที่ร้านตอนบ่ายๆกว่าๆ เรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปดูคนที่นอนป่วย แต่พอเดินขึ้นไปถึงแค่บันไดชั้นแรกก็ต้องรีบคว้าตัวคนที่รีบวิ่งลงมา ในสภาพหัวฟูเพราะพึ่งตื่นนอน

“เดี๋ยวๆชินคุณจะไปไหน หืม”

“ผมจะไปดูร้านนะสิ ผมนอนเพลินจนมันบ่าย2โมงกว่าแล้วเนี้ย” ชินพัตน์พยายามแกะมือของนนทนัฐที่ยื้อไม่ให้ตนเองเดินลงไปข้างล่าง

“ลูกค้าข้างล่างกลุ่มใหญ่พึ่งลุกออกไปครับ ที่เหลือจอยกับป้าพรก็ดูอยู่คุณไม่ต้องห่วงนะ กลับไปพักเถอะ”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนอนพอแล้ว งั้นผมไปขายของที่ตลาดนัดก็ได้น่าจะทัน ลูกค้าคงยังไม่เดินตลาดตอนนี้หรอก”

“พี่ชายคุณเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพราะผมพึ่งแวะไปช่วยเมื่อช่วงบ่ายๆมานี้เอง พี่คุณยังบอกว่าขายได้สบายเคยขายแทนคุณบ่อยๆด้วย”

“แต่ผมเอาแต่มานั่งนอนแบบนี้ผมไม่ไหวหรอก ให้ผมลงไปช่วยงานที่ร้านเถอะนะ ผมนอนมาทั้งวันแล้ว”ชินพัตน์พยายามขอร้องคนที่เอาแต่ยึดเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้

“คุณไม่ปวดหัว “

“…………”ชินพัตน์สายหัวพรืด

“คุณไม่ง่วงแล้ว?”

“………….”สายหัวพรืดเหมือนเดิม

“คุณยังไม่หายโกรธผม?”

“…………..”สายหัวเหมือนเดิม แต่พอนึกอีกที่ “นี้คุณผมจะโกรธคุณอยู่นะ ปล่อยเลย!!!”ชินพัตน์รีบดึงมือออกจากการจับกุมของคนที่เอาแต่ยิ้มชอบใจ ที่ตนเองเผลอปล่อยไก่

“ครับๆ ผมรู้ไงว่าคุณยังโกรธผมอยู่ วันนี้ผมเลยพยายามทำงานตามที่คุณสั่งครับถ้วนเกือยทุกอย่างแล้วเหลือเปิดร้าน เก็บของที่ตลาด ทุกอย่างก็เรียบร้อย”

“ถึงคุณจะทำทุกอย่างเรียบร้อย คุณคิดเหรอว่าผมจะหานโกรธคุณ” ชินพัตน์ดิ้นไม่หลุดแต่ก็หันหน้าหนีให้กับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อทำให้ตนเองหายโกรธ

“เย็นนี้ ผมเชื่อว่าคุณต้องหายโกรธผมแน่นอน”

“เชื่อมั่นตัวเองเกินไปหรือเปล่า”

“ผมต้องมั่นใจสิครับ งั้นผมจะกล้ามาตามจีบคุณแบบนี้เหรอ?” นนทนัฐยกยิ้มชอบใจที่ตนเองกล้าจะเปิดเผยความในใจมากกว่าแต่ก่อน แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากๆด้วย

“คะ ใคร? จะ จีบอะไร ไม่มีเหอะ ปล่อยนะผมจะลงไปขายของ” ชินพัตน์ถึงกลับหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ยินคำพูดตรงของคนตรงหน้า ทำที่ไม่สนใจ

“หึหึ ครับๆ ผมปล่อยก็ได้ แต่ถ้าเกิดปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายอย่าฝืนนะครับ นะ” นนทนัฐกุมมือชินพัตน์ไว้เพื่อขอคำมั่นให้ดูแลร่างกายตนเองก่อนเป็นอันดับแรก

“ผมไม่เป็นไรจริง ดูสิผมสบายดี” ชินพัตน์ทำท่าจะเบ่งกล้ามโชว์ เรียกเสียงหัวเราะจากนนทนัฐได้ดีที่เดียว

“ได้ ผมปล่อยคุณลงไปข้างล่างก็ได้ แค่คุณควรจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก่อนดีกว่านะครับ หึหึ” นนทนัฐอดขำไม่ได้กับทรงผมของคนที่พึ่งตื่นนอน

“ได้ คุณก็ลงไปเถอะ เดี๋ยวผมเข้าห้องน้ำเรียบร้อยจะลงตามไป”

“ครับ” ลูบผมที่ฟูฟองอย่างเอ็นดู ชินพัตน์เลยสงสัยว่ามีเรื่องอะไรน่าขำนักหนาเลยรีบเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง ก็ต้องตาโตกับสภาพของตนเอง หาตาดูไม่ได้เลยแถมผมเผ้าก็ฟู กระดกเป็นหางเป็ด นึกขึ้นได้ก็หน้าร้อนอายตัวเองขึ้นมาอีกทำตัวเปิ่นๆอีกแล้ว


                 ชินพัตน์เดินลงมาดูงานที่ร้านขอโทษขอโพยทั้งป้าพรกับจอยที่ปล่อยให้ขายกันเองโดยที่ตนเองไม่ได้ลงมาช่วย แต่ทั้งป้ากับจอยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามี คุณลูกค้าจำเป็นช่วยงานแทนอยู่แล้ว และเหมือนจะทำได้ดีกว่า จนชินนพัตน์รู้สึกงอนเล็กที่ ทุกคนต่างเห็นดีกับคนที่เขาพยายามทำที่ท่าให้เหมือนกันโกรธ แต่ก็ไม่พ้นส่งยิ้มกลับไปทุกครั้งที่อีกคนส่งยิ้มกลับมาให้ อายจนไม่กล้าอยู่ในร้านต่อเลยอ้างว่าจะไปดูที่ตลาดนัด และบอกไม่ให้นนทนัฐตามมาอีกด้วย เพราะชินพัตน์เองอยากจะซ่อนความเขินอายร่วมทั้งกำลังพยายามแสร้งทำเป็นโกรธแต่ดูจะไม่เป็นผลซะแล้ว

“พี่ใหญ่ เป็นไงบ้างมาผมช่วย” ชินพัตน์ที่เดินตรงดิ่งไปที่ร้านทักทายต้นกล้าและยายเสร็จก็รีบเดินมาช่วยพี่ชายที่กำลังงง่วนกับการปิ้งลูกชิ้นให้ทันลูกค้าที่เดินมาสั่งจองกันไว้

“อ้าวเจ้าชิน ดีขึ้นแล้วเหรอ ดูๆเหมือนไม่ใช่คนป่วยเลยนะ “

“ผมก็ไม่ได้ป่วยอะไรนี้ครับ ป้ากับจอยพูดกันไปเอง ผมแค่..เออ… อ่านการ์ตูนดึกไปหน่อย เลยนอนไม่พอพอเช้ามาก็รู้สึกมึนหัว เลยขอไปนอนพักนะครับ” ชินพัตน์เลือกที่จะปั้นเรื่องหาข้อแก้ตัวเรื่องที่ตนเองคิดมากจนนอนไม่หลับ เพราะเรื่องไร้สาระ ทั้งที่จริงๆแล้วตั้งแต่เปิดร้านมา ชินพัตน์เองไม่มีเวลาซื้อหาหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดมาอ่านต่อเลย พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย
“นายโตแล้วนะชิน เลิกทำอะไรเป็นเด็กสักที่ คนอื่นเขาจะได้ไม่เป็นห่วงรู้ไหม”

“ขอโทษครับ ผมจะไม่อ่านหนังสือดึกๆอีกแล้วครับ”(เพราะนายคนเดียวฉัน เลยต้องโดนพี่ใหญ่ดุแบบนี้) ชินพัตน์ได้แต่ก้มหน้ารับคำตักเตือนของพี่ชายที่ต้องมาเดือดร้อนและเป็นห่วงตนเองเสมอ แต่ก็ไม่วายพาลใครบางคนในใจ

“พี่ไม่ได้ห้ามให้เลิกอ่านนะ แต่ต้องรู้จักแบ่งเวลารู้ใช่ไหม”

“ครับ”

“ไม่ต้องมาช่วยพี่หรอก พี่ขายเองได้ ไปอยู่ช่วยที่ร้านเถอะ คุณลูกค้าประจำนาย วิ่งวุ่นแทนนายตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ได้พักบ้างหรือยังเหอะ ใช้งานเขามากเดี๋ยวเขาก็หนีกลับกรุงเทพไปอีกหรอก แล้วอย่ามาทำเป็นป่วยการเมืองอีกนะ ไปเลยไป”นพคุณไล่ส่งน้องชาย แถมยังพูดบางอย่างทำให้ชินพัตน์ฟังแล้วไม่เข้าใจ ว่าพี่ชายตนเองพูดเรื่องอะไร
 
 “จอยไปพักไปเดี๋ยวพี่ปิ้งเอง”

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวจอยทำเอง โน่นคนที่พี่น่าจะให้พัก โน่นคนโน่น ตั้งแต่เช้าจอยเห็นพี่เขานั่งก็แค่ตอนกินข้าวพอกินเสร็จก็ยังไม่วายโทรศัพท์คุยกัยใครหน้าเครียดอีก สงสัยคุณเรื่องงานมั้ง”จอยเล่าให้ฟังอย่างเป็นห่วง แต่ชินพัตน์ก็ยังทำเป็นไม่สนใจเดินไปหาป้าพรแทน

“ป้าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

“ไม่มีหรอก เมื่อกี่ตานนท์หันผักให้ป้าแล้ว แถมเปลี่ยนถังแก็สให้ป้าด้วย ผ่อนแรงได้เยอะเลย” ป้าพรชมไม่หยุดปาก จนชินพัตน์ต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลูกค้าทานอาหารเสร็จ เพื่อเก็บเงินและพูดคุย

“เมนูที่ร้านของเราเป็นอย่างไงบ้างครับ”

“ดีจ๊ะอร่อยมาก ลูกๆของพี่ชอบมาทานที่นี้ ลูกชิ้นก็อร่อย “หันไปหาลูกสาวเพื่อขอความเห็น

“ค่ะลูกชิ้นก็อร่อย พ่อค้าก็หน้าตาดียิ้มให้ตลอดเลย อิอิ”ลูกสาววัยละอ่อนต่างยิ้มเล็กยิ้มน้อยมองไปยังพ่อค้าจำเป็นที่ก้มหน้าก้มตาเก็บจานที่โต๊ะถัดออกไป พอเห็นลูกค้ามองเลยส่งยิ้มกับมาให้ทั้งลูกค้าร่วมชินพัตน์ด้วย แต่ชินพัตน์กับแยกเขี้ยวใส่ แต่นนทนัฐกับรู้สึกชอบใจที่ทำให้ชินพัตน์แสดงออกแบบนั้นได้

“ไว้โอกาสหน้ามาทานใหม่นะครับ”

“จ๊ะ ผ่านมาแถวนี้เมื่อไรก็แวะทุกครั้งเลยจ๊ะ หาลูกชิ้นอร่อยๆแบบนี้ก็คงต้องมาที่นี้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ” ชินพัตน์ก้มหัวขอบคุณลูกค้าที่จ่ายเงิน และเดินไปส่งที่หน้าร้าน ส่งเสร็จก็หันไปมองคนที่เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนที่ร้านและลูกค้า ร่วมไปถึงพี่ชายของเขาด้วย แล้วจะทนทำเป็นโกรธอยู่แบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีสินะ


               ช่วงหัวคำนพคุณขับรถของชินพัตน์เอาข้าวของที่ตลาดนัดกลับเข้ามาส่ง ขายดีเช่นเคยแต่ต้องคอยตอบคำถามเล็กๆน้อยๆจากลูกค้าที่ถามถึงน้องชายตอนเอง และเข้ามาบอกน้องชายว่าจะไปส่งต้นกล้ากับยายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงแต่ชินพัตน์ก็ไม่วายเป็นห่วง เพราะยังพูดคุยทั้งกับยายและต้นกล้าเพียงเล็กน้อนเท่านั้น อยากคุยด้วยเยอะแต่ติดที่ร้านยังมีลูกค้าอยู่

“พี่ผมฝากด้วยนะ”

“จะมาฝงมาฝากอะไร พี่ก็ทำของพี่ประจำอยู่แล้ว ดูแลตัวเองให้ดีๆเหอะ พี่ไปหล่ะ”

“ขับรถดีๆนะพี่”

“อืม ไปดูลูกค้าเถอะ”

“ครับ” ชินพัตน์ทำหน้าหง่อยๆเพราะอยากจะพูดคุยกับทุกคนให้ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่พอลูกค้าเยอะขึ้นตัวเขาเองแถบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย นนทนัฐที่มองเห็นหน้าตาคนที่ยืนเหม่อก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เลยเดินเข้ามาถาม

“ชิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ารู้สึกไม่สบายคุณขึ้นไปพักเถอะเดี๋ยวผมช่วยป้ากับจอยดูร้านปิดร้านเอง”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร แต่วันนี้ผมยังไม่ได้คุยกับยายแล้วก็ตอนเลย”

“งั้นปิดร้านพวกเราแวะไปหาก็ได้นี้ครับ”

“ดีเลย แต่มันจะไม่ดึกเกินไปเหรอ รบกวนเวลาพักผ่อนยายหรือเปล่า”

“ผมว่าไม่หรอก พรุ่งนี้ยายและต้นก็ไม่ได้ไปขายของที่ไหนไม่ใช่เหรอ”

“งั้นไปพรุ่งนี้ดีไหม”

“แล้วที่ร้านนี้ล่ะครับ”

“นั้นสิ”ชินพัตน์นึกได้ ก็ทำหน้าหง่อย

“งั้นวันนี้เราปิดร้านเร็วขึ้นมาอีกสักหน่อย ให้ป้ากับจอยได้พักผ่อนเร็วขึ้นพวกเราก็จะได้ไปหายายกับต้นเร็วขึ้นด้วยดีไหมครับ”

“ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ให้จอยกับป้าวุ่นมาทั้งวันแล้ว งั้นปิดตอนนี้เลยแล้วกัน”

“ชินครับ”นนทนัฐห้ามไม่ทัน เพราะชินพัตน์เดินตรงไปหาป้าพรกับจอยบอกเรื่องปิดร้านให้เร็วขึ้น


          ลูกค้าที่ไม่ทราบว่าที่ร้านจะปิดเร็วก็ต่างโอดครวญเพราะซื้อลูกชิ้นที่ตลาดนัดไม่ทันก็จะมาซื้อที่ร้านก่อนกลับบ้าน ทั้งชินพัตน์ นนทนัฐต่างต้องก้มหัวขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่ลูกค้าก็เข้าใจแต่คราวหน้าคงไม่เป็นแบบนี้อีก ชินพัตน์ก็รีบรับปากว่าจะแจ้งก่อนล่วงหน้าแน่นอน ทำให้ลูกค้าพอใจเลยแยกย้ายกันกลับไป  เก็บร้านเสร็จแล้วป้ากับจอยทานมื้อเย็นกับชินพัตน์และนนทนัฐ เสร็จต่างก็แยกย้ายขึ้นไปพักผ่อนดีใจที่วันนี้ได้พักเร็วขึ้น   

“คุณผมว่าเรารีบไปกันเถอะ”ชินพัตน์ดูนาฬิกา เป็นเวลาทุ่มนิดๆแล้ว

“ครับผมก็อยากรีบไปคุยธุระเหมือนกัน”

“ธุระอะไรของคุณ?”

“ถึงที่โน่นผมจะเล่าให้ฟังอีกที่นะ มาเดี๋ยวผมขับรถให้”

“ไม่เป็นไร วันนี้คุณทำงานแทนผมมาทั้งวันแล้ว แค่นี้ผมขับเองคุณไปนั่งสบายๆเถอะ”

“ครับ งั้นผมขอโทรศัพท์แปบนึงนะ”

“อือ ได้ ผมก็จะไปหยิบลูกชิ้นเอาไปฝากยายกัยต้นด้วย”ชินพัตน์วิ่งหายเข้าไปในร้าน ทิ้งนนทนัฐยืนคุยโทรศัพท์หน้าร้าน

“คุณเนติธร ว่างหรือเปล่าครับ ช่วยแวะมาที่ร้านลูกชิ้นหน่อยได้ไหมครับ”

(“เจอเด็กนั้นแล้วเหรอครับ”)

“ผมอยากให้คุณไปที่ทีหนึ่งด้วยกันหน่อยนะครับ”

(“ได้ผมจะรีบออกไป”)

“อ้อ เดี๋ยวครับคุณเนติธร คุณขับรถออกมาแล้วขับมารถผมไปเรื่อยนะครับ พอคุณเห็นรถของผมหยุดก็ช่วยหยุด ให้ห่างออกไปสักนิดนะครับ ผมขอคุยตกลงบ้างอย่างก่อน แล้วจะให้คุณพาคนของคุณกลับไปครับ”

(“ได้ ผมจะเชื่อคุณ”)เนติธรไม่สนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า รีบพาตนเองไปยังรถหรูขับออกมาทางลัดด้านหลังวัดทำให้ถึงร้านลูกชิ้นปิ้งได้รวดเร็ว

“นี้คุณ นี้มันจะ ทุ่มครึ่งแล้วนะคุณยืนรออะไรอยู่ ขึ้นรถมาสักที่สิ”ชินพัตน์ที่ขึ้นมานั่งรอบนรถได้ครู่หนึ่งเห็นอีกคนเลิกโทรศัพท์แล้วแต่ก็ยังไม่ขึ้นรถมาสักที่ เลยตะโกนข้ามอย่างขัดใจ

“…………….”นนทนัฐเห็นแสงไฟรถที่ขับย้อนศรมาจอดข้างๆถนน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาไม่รับ แต่ส่งข้อความกลับไปว่า เห็นรถของเนติธรแล้ว รอให้รถของเขาเคลื่อนตัวออกไปก่อน แล้วค่อยขับมาออกมา 

“นี้คุณจะไปไหม ไม่ไปผมจะไปแล้วนะ”ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิด

“ไปครับไป”นนทนัฐรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถก่อนที่ใครขับจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
   
       ภายในรถเงียบเกินไปนนทนัฐเลยเลือกที่จะเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบนั้น และรู้ตัวเองดีด้วยว่าทำให้คนขับไม่พอใจที่ทำให้เสียเวลาในการที่จะไปหายายที่บ้านสวน

 “ชินครับ “

“คุณโกรธอะไรผมอีก”

“ก็คุณเอาแต่โทรศัพท์ “

“ขอโทษครับ หายโกรธผมเถอะนะ ผมไม่รู้จะหาวิธีไหนทำให้คุณหายโกรธ หายงอนคุณแล้วนะชิน”

“คะ ใครงอน ไม่มีเหอะ แล้วผมก็ไม่ได้กงไม่ได้โกรธอะไรคุณสักหน่อย ไม่ต้องมาทำดีเพื่อหวังผลหรอก“ชินพัตน์พูดเหมือนไม่โกรธแต่ก็ไม่วายทำหน้าเบ้ปากยื่น เมื่อคิดว่าทุกข้างที่คนข้างทำให้เขาทุกอย่างเพื่อต้องการทำให้เขาหายโกรธ

“คุณหายโกรธผมแล้วจริงเหรอ ชิน”

“เออ อย่ามาถามมากน่า คนจะขับรถ”

“ชินครับ”

“อะไร เรียกว่าก็ไม่พูด”

“ชินครับ”

“อะไร!!?”ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิดคนที่เอาแต่เรียกชื่อของตนเอง

“ผมขอรางวัลหน่อยสิครับ”นนทนัฐพูดเสียงอ้อนขอ ขยับไปใกล้คนขับ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ระ รางวัลอะไร นี้คุณคิดจะทำอะไรผมขับรถอยู่นะ “จนชินพัตน์เองต้องดุเสียงแข็งเตือน
“ได้งั้นจะเก็บไว้ ทบต้นทบดอกที่เดียวเลยแล้วกัน” นนทนัฐขยับมานั่งที่ แล้วก็พูดลอยๆขึ้นมา

“คุณคิดจะทำอะไร ผมได้ยินนะ คุณคิดจะทำอะไรบอกมานะ”

“ขับรถดีๆสิครับ หึหึ” นนทนัฐหัวเราะตนเองที่ทำให้คนที่เขารักโกรธอีกแล้ว




มีต่ออีกด้านล่างนะจ๊ะ








    สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังนะคะ เพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมิน

   แอบเงียบไปไปเที่ยวมาซะหลายวัน วันนี้เลยแวะมาลงตอนต่อให้อ่านยาวๆแบบจะใจ

   คุณเจ้าของร้านหมดปัญหาเรื่องกวนใจ แต่กำลังจะมีปัญหาเรื่องหัวใจนะจ๊ะ อิอิ

   คุณลูกค้าลุกหนักขึ้นทุกวันเจ้าแผนการขึ้นทุกที่ แล้วอย่างนี้ คุณเจ้าของร้านจะหนีไปไหนรอด อิอิ


   

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
ต่อจากด้านบนจ้า



              ขับรถไปตามทางที่คุ้นเคยถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืน ชินพัตน์ก็ไม่กังวลขับได้อย่างสบาย แปบเดียวก็มาถึงบ้านสวนของยายและต้นกล้า รีบลงจากรถอย่างไม่สนใครว่าจะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาอีกคน ถึงแม้จะขับรถตามติดมาไม่ห่าง แต่ก็ไม่เป็นทีสังเกตของชินพัตน์เลย เพราะอยากที่จะพูดคุยกับยายและต้นมากกว่า พอขึ้นมาก็พบกับพี่ชายที่ยังนั่งเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านอีกคนก็ไม่ปาน นั่งคุยอยู่กับต้นและยาย เลยรีบเข้าไปร่วมกลุ่ม ทิ้งนนทนัฐที่เดินตามข้นเรือนมาที่หลังซะสนิท

“อ้าวชิน มาไง ปิดร้านแล้วเรอ?”นพคุณทักน้องชายไม่คิดว่าน้องชายจะมาเวลาแบบนี้ได้

“วันนี้ผมปิดร้านเร็วนะครับ ให้ป้าพรกับจอยได้พักผ่อนเร็ว แทนที่ผมไม่ได้ลงมาชวนขายตั้งแต่เช้านะครับ ร่วมถึงไปได้มารับยายกับต้นด้วย เลยอยากมาคุยด้วยนะครับ” ท้ายประโยคหันไปหายายที่นั่งอมยิ้มอยู่

“มาพรุ่งนี้ก็ได้นี้จ๊ะพ่อหนุ่ม”ยายบอกอย่างเอ็นดู

“พรุ่งนี้ต้องดูร้านนะครับ”ชินพัตน์ตอบ ยายก็พยักหน้าเข้าใจ

“ผมไปคุยกับพลอยู่ข้างล่างนะ” นนทนัฐที่นั่งอยู่ด้วยเขยิบเข้ามากระซิบบอกชินพัตน์ว่าตนเองจะไปไหน ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ แล้วก็พูดกับต้นกล้าและยายต่อไม่ได้สนใจว่านนทนัฐลงไปคุยกับต้นกล้าเรื่องอะไรด้วยซ้ำ

       นนทนัฐเดินตามหากัมพลมาถึงหลังเรือนที่เป็นแคร่ไม้หลังบ้าน มีไฟติดที่ชายคาบ้านพอให้แสงสว่างเวลานักเล่นเวลาหัวคำแบบนี้

“ท่นั่งทำอะไรตรงนี้พล”

“พี่นนท์ สวัสดีครับมาได้ไงครับเนี้ยแล้ว….”กัมพลพยายามชะเง้อมองไปที่ลานหน้าบ้าน

“ชินเหรอ นั่งคุยกับยายอยู่บนบ้านนะ”

“เหรอครับ” กัมพลหันกลับไปนั่งมองท้องฟ้าอีกครั้ง

“พลพี่มีเรื่องจะถาม”

“อะไรครับ พลอยากกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกไหม”

“ผมมานั่งคิดๆดูแล้ว ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างที่ดีกว่าเอาแต่นี้แบบนี้ ยังมีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจอีกหลายอย่างและผมอยากจะได้คำตอบ ผมคงต้องกลับไปที่นั้นครับ แต่ไม่ได้กลับไปเพื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่นั้น แต่กลับไปเพื่อหาคำตอบให้กับตัวผมเองว่าเหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนั้นหรือเปล่าครับ แล้วก็…..ใครบางคนยังอยากที่จะคอยดูแลผมอยู่หรือเปล่า”กัมพลพูดออกมาอย่างเข้าใจว่าหลังจากนี้ตัวเขาเองจะทำอะไรบ้างหลังจากนี้

“งั้นถ้ามีคนที่บ้านหลังนั้นมารับพล พลจะกลับไปพร้อมกับเขาหรือเปล่า”

“ผมพร้อมกลับไปที่นั้นเสมอครับเพราะที่นั้นเป็นสิ่งเดียวที่พ่อผมต้องการที่จะกลับไปและผมก็สมควรกลับไปตามความต้องการของพ่อผม ผมคงต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วใช่ไหมครับพี่”กัมพลหันมาถามนนทนัฐอีกครั้ง

“แล้วเรื่องคุณเนติธรล่ะ”

“เขาก็คงทำหน้าที่ของเขา ผมก็ต้องมีหน้าที่ของผมครับ” กัมพลพูดเหมือนตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้

“งั้นพลพร้อมที่จะกลับไปกับเขาใช่ไหม”

“ครับ ผมไม่อยากให้พี่ชินเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว ทุกคนที่นี้ดีกับผมมากๆเลย พี่นนท์ก็ด้วยถึงแม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งพี่ก็ทำดีกับผมมาตลอด ผมขอบคุณพี่มากนะครับ” กัมพลยกมือไหวนนทนัฐอย่างนอบน้อม เพราะคำพูดของนนทนัฐทำให้ตัวกัมพลเองคิดได้หลายๆอย่าง ร่วมไปถึงชินพัตน์ที่ค่อยให้กำลัง ให้ที่อยู่ที่ปลอดภัยกับคนอย่างเขาที่ไม่ได้เป็นญาติเป็นพี่น้องกัน

“ถ้าพลคิดและตัดสินใจแบบนั้นแล้วพี่ก็ดีใจด้วยที่ตัวพลเองหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้”

“ครับ”กัมพลยิ้มเล็กที่มีคนเข้าใจตนเองเพิ่มขึ้นอีกคน

“พี่ว่าขึ้นไปร่วมตัวกับคนอื่นข้างบนเถอะ ตรงนี้ยุงเยอะนะ”

“ครับ” กัมพลลุงขึ้นเพื่อจะเดินขึ้นบันไดหลังบ้านเพื่อขึ้นเรือน ก็มีเสียงเรียกมาจากใต้ถุนบ้านมืดๆ

“คุณอา” ทำให้กำพลหยุดชะงักเสียงนี้เขาจำได้ดี มีคนเดียวที่เรียกเขาแบบนี้

“คุณเนติธรผมบอกให้คุณรออยู่ข้างนอกก่อนไม่ใช่เหรอครับ?” นนทนัฐถามขึ้นอย่างข้องใจ เพราะหนุ่มใหญ่ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้

“ผมขอโทษแล้วกัน คุณนนทนัฐผมแค่อยากมาดูให้แน่ใจว่าญาติของผมอยู่ที่นี้จริงๆและเขาสุขสบายดี”พูดท้ายประโยคหันกับไปหาญาติของตนเอง

“แต่ผมยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับทุกคนเลย ชินพัตน์เขาก็ยังไม่รู้เรื่องที่ผมให้คุณตามาที่นี้ แล้วเจ้าของบ้านก็คงไม่ชอบใจแน่ที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาดึกแบบนี้” นนทนัฐยังหงุดหงิดไม่หาย ไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่ตรงหน้าทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ขึ้นมาซะดื้อ

“งั้นผมขอเป็นคนพูดคุยกับทุกคนเองครับ ผมจะบอกทุกคนว่าผมมาขอรับตัวญาติคนสำคัญของผมกลับ และก็อยากจะขอบคุณพวกเขาด้วยที่ช่วยดูแลญาติของผมเป็นอย่างดี”

“คุณคุยอยู่กับใครนะ เสียงดังไปถึงข้างบนเลย”ชินพัตน์ที่ผิดสังเกตเลยเดินมาดูเมื่อเดินลงมายังบันได้หลังบ้านก็เจอกับคนที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ที่นี้ได้

“คุณเนติธร!!!”

“สวัสดีครับคุณชินพัตน์เจอกันอีกครั้งแล้วนะครับ แต่วันนี้ผมมาดีนะครับ”

“คุณนี้มันเรื่องอะไรกัน เขารู้ได้ไงว่าพลอยู่ที่นี้ แล้วเขามาที่นี้ได้ยังไง”ชินพัตน์รีบเดินไปกระซิบถมนนทนัฐ

“………..”นนทนัฐไม่ได้ตอบ แต่หันไปมองกัมพลแทน

“ผมอยากกลับไปทีบ้านหลังนั้นแล้วครับพี่ชิน ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ชินเดือดร้อนมาตลอด”

“พล ถ้าพลไม่อยากกลับก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะช่วยเราเองนะ”ชินพัตน์รีบเดินไปยืนบังกัมพลไว้เหมือนกันเด็กหนุ่มให้ออกห่างจากหนุ่มใหญ่
“ชิน ฟังพลพูดก่อน”นนทนัฐดึงแขนชินพัตน์ไว้

“พี่ชินครับ ผมจะกลับไปที่นั้นครับ ผมจะกลับไปกลับเขา พี่ชินไม่ต้องห่วงนะครับ หลังจากนี้ผมจะจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยตัวผมเองครับ ขอบคุณพี่ชินมากๆนะครับที่ช่วยเหลือผมมาตลอด” กัมพลอธิบายเรื่องที่ตนเองคิดอยู่ตลอดหลายวันมานี้

“ผมว่าขึ้นเรือนไปคุยกับทุกคนเถอะครับ ให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ด้วย”นนทนัฐหมายถึงยายที่เป็นเจ้าของบ้านสวนที่ให้กัมพลมาอยู่อาศัย นพคุณที่เป็นพี่ชายคอยช่วยเหลือและเป็นกังวลกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“ครับ”เด็กหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่าย เช่นเดียวกับหนุ่มใหญ่พยักหน้าเข้าใจและเดินตามทุกคนขึ้นเรือน ชินพัตน์ยังไม่แน่ใจกับเรื่องที่กัมพลตัดสินใจ นนทนัฐจับมือของคนที่สีหน้ากังวลให้คลายกังวล เรื่องทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย


     ทุกคนเดินภายใต้ถุนบ้านเพื่อขึ้นบันไดทางด้านหน้าบ้าน นนทนัฐคิดว่าการพาแขกที่มาใหม่ในยามวิการแบบนี้หน้าจะขึ้นทางนี้ดีที่สุด  ชินพัตน์เดินตามหลัง ตามมาด้วยเด็กหนุ่มกัมพล และหนุ่มใหญ่ผู้มาใหม่

“พี่นนท์คุยกับพลอยู่เหรอครับ……เอ่อ!!!!????”ต้นกล้าทักขึ้นเมื่อเห็นนนทนัฐเดินนำขึ้นเรือนมาแต่พอเห็นแขกอีกคนก็ต้องแปลกใจ

“ยายครับพี่ใหญ่ นี้คุณเนติธรญาติของพลครับ” ชินพัตน์ที่เข้าไปนั่งใกล้ๆทั้งยายและพี่ชาย แนะนำตัวหนุ่มใหญ่ที่นั่งลงข้างๆกัมพลและนนทนัฐ  หนุ่มใหญ่ยกมือไหวยายอย่างนอบน้อม และก้มหน้าเล็กน้อยให้กับนพคุณ

“ไปไงมาไงกันละจ๊ะ ไม่ร้ว่าจะมีแขกมายายเลยไม่มีอะไรเลี้ยงแขกเลย ไปต้นไปดูสิหาน้ำหาท่ามาให้แขกไป” ยายรับไหว้แล้วรีบสั่งหลานชายไปหาน้ำให้แขก ที่มานั่งอย่กันเต็มบ้านไปหมด

“พี่ต้นไม่ต้องหรอกครับ ยายครับเขามาคุณธุระแปบเดียวก็กลับแล้วครับ”กัมพลรีบบอกหันไปหาทังต้นกล้าและยาย และปิดท้ายด้วยญาติของตนเอง เพื่อขอคำยืนยันสิ่งที่ตนเองพูดด้วยสายตา

“งั้นเหรอจ๊ะ มีธุระอะไรเหรอพ่อหนุ่ม”ยายสงสัย

“สวัสดีครับ ผมชื่อเนติธร เป็นญาติของคุณกัมพลครับ ขอบคุณทุกคนนะครับที่ดูแลให้ที่พักกับญาติของผม พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะครับ ผมเลยจะมาพาคุณอากลับไปที่บ้านของพวกเราครับ เพราะพวกเราคงต้องมีเรื่องปรับความเข้าใจกันนะครับ” หนุ่มใหญ่แนะนำตัวกับผู้สูงวัยกว่า แล้วอธิบายเรื่องต่างที่ทำให้ต้องมาที่นี้เพราะสาเหตุอะไร

“ดีแล้วล่ะจ๊ะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยจากันนะ เรื่องบ้างเรื่องที่ไม่เข้าใจกันมันก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ค่อยๆเรียนรู้กันไปเดี๋ยวก็แก้ปัญหาต่างๆได้เองละนะ” ยายพูดสอนคนรุ่นหลังๆความอดทนมีน้อย เจออุปสรรคนิดๆหน่อยก็ยอมแพ้

“ขอบคุณครับยาย ผมจะจำไว้ครับ”กัมพลยกมือไหว้เพราะสิ่งที่ยายพูดเป็นสิ่งที่เขาเองก็คิดมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้เหมือนกัน เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องต่างๆอย่างชัดเจน ยังไม่ได้ลองทำในบ้างอย่างที่คิดว่าตนเองทำไม่ได้ เลยคิดทบทวนและจะลองลงมือเรียนรู้ไปพร้อมๆกับรับรู้เรื่องราวต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตอีกมากมาย

“พลแน่ใจแล้วใช่ไหม?” ชินพัตน์ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

“ครับ พี่ชินผมตัดสินใจแล้วครับ ขอบคุณพี่ชิน พี่นนท์ พี่ทุกๆคนมากๆนะครับ ที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ยายครับผมขอแวะมาที่นี้อีกได้หรือเปล่าครับ” กัมพลยกมือไหว้ทุกคนและทิ้งท้ายกลับไปอ้อนยาย เพราะกัมพลไม่เคยเห็นหน้าทั้งยาย และย่าของตนเอง เมื่อได้มาใกล้ชิดยายที่สวนแห่งนี้ทำให้รู้สึกผูกพัน และอยากเป็นหลายยายอีกคน

“ได้จ๊ะ ว่างก็แวะมาหายายได้ตลอดเลย ยายจะทำขนมอร่อยๆไว้ให้นะ” ยายยิ้มเอ็นดูเหมือนได้หลานชายเพิ่มอีกคน

“ดึกมากแล้วนะครับ ผมว่าพวกเราขอตัวกลับดีกว่า ยายจะได้พักผ่อน” นพคุณตัดบทก่อนจะคุยกันยาวไปมากกว่านี้ รบกวนเวลานอนของยาย และรบกวนเวลาได้อยู่กับต้นกล้าของตนเองด้วย

“พี่จะกลับแล้วเหรอ” ชินพัตน์หันไปหาพี่ชาย

“เอ่อ”นพคุณมองตาขว้าง เพราะน้องชายตัวดีรู้ทันพี่ชายอย่างเขาไปซะหมด

“งั้นผมลายายกับทุกคนที่นี้เลยนะครับ ว่างๆ…(หันไปมองหนุ่มใหญ่ที่นั่งถนัดไป) … เออ ผมจะแวะมาเยี่ยมยาย แล้วก็แวะไปที่ร้านพี่ชินนะครับ” กัมพลล่ำลาทุกคน ด้วยน้ำเสียงเศร้า

“มีเบอร์โทรของพี่แล้วนี้ มีอะไรก็ไทรมาหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ”

“ครับพี่ชิน”

“โทรมาหาพี่ด้วยนะ “ต้นกล้าที่เอือมมือไปหยิบกระดาษมาเขียนเบอร์โทรของตนเองแล้วยื่นให้บ้าง

“ครับพี่ต้น”

“กลับกันเถอะครับ ดึกมากแล้ว” นนทนัฐเตือนแขกทุกคนเมื่อมองดูนาฬิกา

“ผมลาละครับ” หนุ่มใหญ่ที่นั่งเงียบมานาน ยกมือไหว้ลาผู้สูงวัย

“จ้าไปดีมาดีนะ”

      ต้นกล้าเดินมาส่งทุกคนที่ลานหน้าบ้าน แต่นพคุณทำอิดออด บอกจะคุยกับต้นกล้าอีกหน่อยแล้วจะกลับ ทำให้น้องชายหัวเราะแซวพี่ชายตนเองอย่างรู้ทัน เดินนำนนทนัฐ กัมพล และหนุ่มใหญ่มาที่รถ ทุกคนเงียบไม่มีใครพูดอะไรเลยหลังจากลงจากเรือนมาก

“ผมคงมีโอกาสได้เจอพลอีกใช่ไหมครับ คุณเนติธร” ชินพัตน์ทำลายความเงียบนั้นก่อนที่ทุกคนจะเดินถึงรถ

“แน่นอนครับ ถ้าเขาต้องการจะทำอะไรเขาจะได้ทำทุกอย่างแน่นอนครับ” หนุ่มใหญ่ตอบน้ำเสียงหนักแน่น

“ดีครับ ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก”

“พี่ชิน พลไม่ได้ไปไหนไกลซักหน่อยครับ บ้านผมอยู่สุดทางด้านหลังวัดนี้เอง พี่ชินก็เคยเข้าไปแล้วนี้ครับ “

“……..อ้อ ก็ใช่…. แต่ว่า…..” ชินพันตน์ยังไม่กล้าเข้าไปอีกรอบแน่ๆ

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแวะมาหาพี่ชินเองแล้วกัน แวะมาหาลูกชิ้นปิ้งอร่อยกินด้วย” กัมพลยิ้มอ้อนเอาใจคุณเจ้าของร้าน ทำให้ชินพัตน์รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อกัมพลพูดเองว่าจะแวะมาหากัน

“ถ้าจะมาก็โทรมาบอกนะ พี่จะเตรียมลูกชิ้นไว้ให้”

“ขอบคุณครับ”

“ดึกแล้วกลับบ้านดีๆล่ะ มีอะไรต้องรีบโทรมาบอกพี่นะ” ชินพัตน์ไม่วายอดเป็นห่วง

“ครับพี่  พี่ชินก็ขับรถกลับดีๆนะครับ”

“อืม”ชินพัตน์พยักหน้า

“พี่นนท์ฝากดูพี่ชินด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”นนทนัฐลูบหัวกัมพลอย่างเอ็นดู มองดูแล้วก็ยังคงเป็นเด็กที่ต้องค่อยเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ และคงไม่อยากเกินความสามารถที่คนอย่างหนุ่มใหญ่ที่ยื่นมองพวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ จะทำได้ ค่อยสอนเรื่องต่างก็กับเด็กหนุ่มที่ถือว่าเป็นญาติใกล้ชิดที่สุดในตอนนี้ของกัมพล

 “คุณเนติธร พลก็เหมือนน้องชายของผม ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานแต่ผมก็เอ็นดูเขามาก คุณคงเข้าใจในสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดใช่ไหมครับ ผมจะไม่ขอโทษนะครับเรื่องที่ผมพาพลไปหลบอยู่ที่บ้านสวน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ผมต่างหากที่จะต้องขอโทษคุณอีกครั้ง ที่ทำให้ต้องเดือดร้อน”หนุ่มใหญ่กล่าวขอโทษคุณเจ้าของร้านอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรเช่นกันครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ต่างหาก ผมคงจะเห็นพลใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากจะทำ และเรียนรู้หน้าที่ของเขา มีคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนสอน ผมเชื่ออย่างนั้นได้ใช่ไหมครับ” ชินพัตน์ขอคำยืนยันอีกครั้ง

“แน่นอนครับ “หนุ่มใหญ่ตอบรับหนักแน่นมั่นคง ทำให้กัมพลรู้สึกอุ่นใจ ที่ตนเองตัดสินใจไม่ผิดที่จะกลับไปบ้านหลังใหญ่นั้นอีกครั้ง

“ดีครับ”ชินพัตน์ยิ้มเล็กๆอย่างพอใจ เบาใจหมดห่วง

“งั้นพวกเรากลับกันเถอะนะ ดึกแล้ว”นนทนัฐที่เห็นว่าทุกคนเข้าใจกันดีแล้วก็อยากจะให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน

“ครับ”ชินพัตน์เดินไปประจำที่นั่งคนขับ ก่อนปิดประตูก็โบกมือลาเด็กหนุ่มกัมพลอีกครั้ง

“ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนสำคัญของคุณ” หนุ่มใหญ่เดินมาพูดเสียงเบาไล่หลัง

“ครับ คุณก็ได้คนสำคัญของคุณคืนแล้ว ช่วยรักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆนะครับ อย่าปล่อยให้หลุดมืออีก เพราะคราวหน้าคงจะไม่มีใครช่วยคุณอีกแน่ “ นนทนัฐยืนยันในสิ่งที่ตนเองเข้าใจ และแนะแนวทางให้กับหนุ่มใหญ่ก่อนเดินขึ้นรถ  หนุ่มใหญ่ยกยิ้มเล็กพยักหน้ารับเล็กน้อยกับคำพูดของนนทนัฐ เป็นคำพูดที่ถูกต้องทุกอย่าง และเขาเองก็จะไม่ปล่อยให้สิ่งสำคัญ คนสำคัญหลุดมือไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

“กลับบ้านกันเถอะครับ คุณอา”

“ผมบอกว่าไม่อยากให้คุณเรียกผมแบบนั้น”

ได้ครับคุณกัมพล”

“เรียกผม พล เฉยๆ ก็ได้ โธ่” เด็กหนุ่มทำหน้ายู่เหมือนโดนตามใจ แต่ก็ยังขัดใจเล็กๆ แต่ก็ถือดีขึ้นกว่าแต่ก่อนยอมเดินขึ้นรถอย่างว่าง่าย จะได้กลับบ้านของตนเองอีกครั้ง ผมจะเรียกบ้านหลังใหญ่นั้นว่าบ้านของผมได้เต็มปากได้ใช่ไหมครับ
พ่อครับผมจะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดครับ

“นี้คุณยิ้มอะไร”ชินพัตน์ที่ลอบมองคนที่นั่งข้าง

“ผมมีความสุขนะสิครับ”

“ความสุขอะไรของคุณ”

“ผมทำเป้าหมายที่ตั้งไว้วันนี้สำเร็จหมดทุกอย่างเลยนะสิครับ”


“เป้าหมายอะไรของคุณ”


“งั้นคุณไปนั่งคุยกับผมที่ตึกของผมก่อนนะแล้วผมจะบอก”

“ระ เรื่องอะไรผมต้องไป ไม่บอกก็ไม่เห็นอยากรู้เลย ชิ!!” ชินพัตน์ทำหน้าไม่สนใจขับรถต่อจนมาจอดด้านหลังร้าน ปล่อยให้นนทนัฐลงจากรถ ตนเองก็ขับรถเข้ามาจอดในรั้วด้านหลังของร้าน และลงจากรถเพื่อจะเดินเข้าประตู แต่นนทนัฐเรียกขึ้นมาซะก่อน

“ชินคุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ?”

“ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณนี้”

“แต่คุณก็ไม่ยอมฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูด”

“คุณอยากพูดคุณก็พูดมาสิ อย่าร่ำไรมันดึกแล้วผมเริ่มง่วงแล้ว” ชินพัตน์ไม่รู่สึกง่วงเลยแต่อยากจะเรียงที่จะอยู่สองต่อสองกับนนทนัฐเลยยกเรื่องง่วงนอนมาอ้าง

"ผมรับปากว่าจะดูแลร้านแทนคุณ ผมก็ทำแล้ว”

“อือ ขอบคุณมาก”พยักหน้ารับรู้

“ผมจัดของเตรียมของไปขายที่ตลาดแทนคุณผมก็ทำ”

“อือ ก็ขอบใจแล้วไง คุณจะเอาอะไรอีก” ชินพันต์เริ่มหงุดหงิด

“และอีกอย่างสำคัญมาก ผมทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องพลกับคุณเนติธรแล้วใช่ไหม ชิน?”

“อืม…..”ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ และมองสายตาที่ถามเหมือนจะให้เห็นใจกับเรื่องที่ทำคนตรงหน้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเขาทั้งนั้น

“ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณนะชิน”

“ผมรู้” ชินพัตน์ก้มหน้าเริ่มต้านทานสายตาทีส่งมาสื่อความหมายซื่อตรง ว่าคนตรงหน้ารักเขามาขนาดไหน ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาได้จริง ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยๆ จนไปถึงเรื่องใหญ่เขาก็ผ่านไปหาไปได้ เพราะเขามีคนคนนี้อยู่ด้วย

“ชินครับ”

“อะไร”

“ดึกแล้วเข้าไปนอนเถอะครับ “นนทนัฐตัดบท

“อะไรของคุณเรียกแล้วก็ไม่พูด เป็นอะไรของคุณเนี้ย”

“ก็ผมเห็นคุณบอกว่าง่วง ผมเลยไม่อยากกวนเวลานอน”

“มีอะไรก็พูดๆมาเถอะน่า อมพะนำอยู่นั้นแหละ”

“งั้นเข้าไปคุยที่ตึกของผมก่อนได้ไหม”

“ห้ามนานนะ”

“ครับๆ”นนทนัฐยิ้มกริ่มเข้าแผน เขาเองก็จะไม่ยอมให้คนสำคัญหลุดมือไปอีกแน่คืนนี้  คิดในใจ และเดินนำพาคุณเจ้าของร้านไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่แสนนุ่ม

“นี้คุณ อย่าลีลา มีอะไรก็พูดมา เร็วเข้าสิ”

“ผมขอรางวัลหน่อย”

“ห่า!!! รางวัล? รางวัลอะไร?”ชินพัตน์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ก็ผมทำทุกอย่างวันนี้เพื่อคุณโดยเฉพาะเลย แล้วก็บรรลุเป้าหมายทุกอย่างด้วย คุณก็ยินดีกับสิ่งที่ผมทำด้วย ไม่ใช่เหรอ?”นนทนัฐตะลอมอธิบายให้ชินพัตน์ฟัง และเขยิบเข้ามานั่งใกล้คนตัวบางกว่าอย่างช้าๆ

“ก็ผมก็ขอบคุณคุณไปแล้วไง แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรอีก หรือแบ่งเงินกำไรที่ขายของวันนี้ให้คุณด้วย ใช่ไหม” ชินพัตน์นึกขึ้นได้อยากได้รางวัลก็ต้องเป็นเรื่องเงินๆทองๆ ชี้หน้าคนที่เข้ามาหนักใกล้อย่างข้องใจ

“เปล่าเรื่องเงินทอง ผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่คุณเท่านั้นและ”

“นี้!!!! คุณจะทำอะไรปล่อยนะ!!!! นี้!!!” ชินพัตน์ดิ้นหนีให้หลุดจากอ้อมกอดแน่นของคนที่อ้อนขอรางวล

“ชินครับ ขอผมอยู่แบบนี้สักแปบนะ นะครับ “นนทนัฐทำเสียงอ่อนขอร้องแกมบังคับ

“แต่คุณ……”ชินพัตน์ไม่วายจะต่อว่าต่อแต่ก็โดนปลายนิ้วอุ่นมาทาบปิดริมฝีปากไว้ไม่ให้พูดต่อ

ผมขอแค่นี้จริงๆ ชินผมของพลังงานจากคุณหน่อยเถอะนะ ตั้งแต่เช้าผมตั้งใจทำทุกอย่างสุดใจสุดพลังกาย ยิ่งเรื่องของพลกับคุณเนติธร ผมลุ้นจริงๆว่ามันจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า เพราะผมไม่อยากเห็นคุณกลุ้มใจอีกแล้ว ผมอยากเห็นคุณกลับมายิ้มอย่างเต็มที่ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจ ยิ้มให้ผมอย่างที่เคย ผมขอแค่นี้จริงๆ” นนทนัฐเห็นว่าชินพัตน์ไม่ดิ้นหนีอ้อมกอดเขาอีกแล้ว ก็กอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นกายเฉพาะตัวของคนในอ้อมกอดอย่างเต็มปอด รู้สึกพลังชีวิตได้เติมเต็ม ชินพัตน์ก็เช่นกัน จากที่นั่งนิ่งแข็งเป็นหินเพราะไม่อยากเชื่อว่าจะโดนมุกเดิมๆเล่นงานอีก แต่ครั้งนี้เขากับยอมโอนอ่อนเพราะสิ่งที่คนที่นั่งกอดตนเองอยู่ ทำทุกย่างเพื่อเขาจริงๆ เรื่องแค่นี้คงไม่มากเกินไปที่จะตอบแทนกับไปบ้าง ปล่อยร่างกายให้เป็นไปกับความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้  กับอ้อมกอดที่อบอุ่นแสนจริงใจนี้

      ชินพัตน์ค่อยผ่อนคลายเอียงคอลงไปที่ไหล่หนาและโอบกอดตอบอย่างแผ่วเบา เอาเองก็ต้องการพลังจากคนตรงหน้าเหมือนกัน มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปนาน เขากลับมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
จะปล่อยเขาไปอีกเหรอชินพัตน์ ?

“ชินผมจูบคุณได้ไหม”นนทนัฐเอยถามเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอดซึ่งกันและกันออก มีเพียงชินพัตน์เท่านั้นที่พอได้ยินคำของ ก็ถึงกับยกศีรษะที่วางนิ่งอยู่บนไหล่หน้าขึ้น แต่ก็โดนมือหนากดลงให้วางลงที่เดิม และลูบผมนุ่มนั้นเบาๆเหมือนเป็นการกล่อม

“ผมจะไม่ฝืนใจคุณ ถ้าคุณไม่ต้องการ แค่ผมได้ใกล้ชิดคุณแบบนี้ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว” นนทนัฐเอยขึ้นแผ่วเบาเหมือนเพลงขับกล่อม คำพูดที่แสนหวานชวนฝัน ทำให้ชินพัตน์หลับตาลงอย่างเชื่อใจ

“ผมรักคุณนะ คุณรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”นนทนัฐยังคงลูกแผ่นหลังบางกว่าอย่างแผ่วเบา รับรู้ถึงน้ำหนักที่ทิ้งมาบนไหล่ แรงจากอ้อมกอดค่อยคลายลง และทำให้ใครบางคนหลับใหลลงอย่างง่ายดาย นนทนัฐยกยิ้มพอใจเพราะคนในอ้อมกอดไว้ใจเขาแล้วถึงยอมหลับภายใต้อ้อมกอดของเขา
 

          นนทนัฐขยับกายเพื่อว่างร่างของคนที่หลับสนิทลงที่โซฟา และจัดท่าทางให้นอนสบาย ยกขาที่ตกขึ้นไปด้านบน และเขาเองก็เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อหาที่นอนหมอนผ้าห่ม เพื่อมาปูนอนด้านหน้าทีวี เดินกลับเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและไม่ลืม เช็ดตัวให้คนหลับสนิทนอนสบาย และอุ้มมานอนที่นอนที่เตรียมไว้ ถึงแม้จะเปลี่ยนชุดให้ไม่ได้ แต่ก็เช็ดตัวคลายร้อน แถมทาแป้งให้ด้วย นนทนัฐนั่งมองคนหลับสนิทเหมือนเด็กที่เริ่มเบียดตัวเขามาหาเขา ยกยิ้มและหันไปกดรีโมตปรับอุณหภูมิให้ลดลงอีก เพราะคนที่หลับสนิทจะได้หาที่อุ่นๆเพื่อกอดไว้คลายหนาว นนทนัฐพอใจกับแผนตัวเองที่วางไว้แล้วก็ปิดไฟ และนอนลงข้างคนที่เขารักหมดหัวใจ ประทับริบฝีปากที่หน้าฝากมนอีกครั้ง

“ฝันถึงผมบ้างนะครับ”

“ผมรักคุณนะ”



และเหมือนคนหลับสนิทจะรับรู้พยักหน้ารับเหมือนคนละเมอในอ้อมอกของเขาและชุกอกอุ่นนั้นตลอดทั้งคืน








   หวานกันเล็กๆน้อยๆ แต่รักกันนานแน่คู่นี้ บอกเลย อิอิ   :teach:


ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
หวานม่วกๆ แต่รู้สึกว่านนธนัฐจะเจ้าแผนการเกินไปแล้วนะ

แค่เรื่องที่ทำวันนี้ยังไม่เท่าไหร่ มาเจอแผนปรับแอร์ให้เย็นเพื่อให้ชินเบียดตัวเข้ามากอดแน่นๆ แล้วอึ้งเลย ขอยืมไปใช้นะ



ปล.เนื้อเรื่องน่ารักดี ไอเดียเจ๋ง เสียอย่างเดียว คำผิดเยอะไปหน่อย สนใจส่งมาให้ตรวจคำผิดก่อนเอาลงได้นะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Naiikratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เย้ๆๆๆๆๆ ดีใจจังเลยมาต่อแล้ววววว ฟินนาเล่ที่สู๊ดดดดดดดดด :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ลูกชิ้นจานนี้หวานเป็นพิเศษ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0




                                   ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?
 

         คนที่ได้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นาฬิกาชีวิตของทุกคนก็ปลุกขึ้นเองอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งเสียงปลุกใดๆ เช่นเดียวรับคุณเจ้าของร้านที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ปรับสายตาเพื่อมองสิ่งรอบๆตัว  สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือ ไออุ่นข้างกาย เสียงลมหายใจที่อยู่ใกล้มาก ชินพัตน์ตกใจ หันมองไปรอบๆ และก็นึกขึ้นได้ว่านี้ไม่ใช่ห้องของตนเอง และที่สำคัญโดนคนที่นอนข้างๆ โอบกอดอยู่แบบนี้  ชินพัตน์พยายามขยับตัวให้ออกจากวงแขนหนานั้นให้ได้ แค่ดูเหมือนจะโดนรัดแน่นขึ้นมาอีก คิดนึกก่นด่าในใจ

 คงตื่นแล้วละสิแต่ทำเป็นหลับตาอยู่ใช่ไหม?

ชินพัตน์คิดได้เลยเลิกพาตนเองออกจากแขนหนาที่กายกอดตนเองอยู่ และมองไปที่แขนนั้นหมายจะกัดให้จมเขี้ยว

“โอ๊ย!!!?? ชินกัดผมทำไมครับ” นนทนัฐที่โดนคมเขี้ยวกัดไม่ออมแรง รีบสะบัดตัวออกจากปากอีกคนทันที่แล้วร้องโวยวายถาม

“ก็คุณทำอะไรล่ะ ?”ชินพัตน์ที่หลุดออกจากพันธนาการได้ก็รีบลุกจากที่นอนไปยืนชี้หน้า ถามคนที่นอนกอดตนเองทั้งคืนอย่างโมโหและอายปะปนกันไปหมด เพราะตัวเองที่เผลอหลับไปทั้งๆแบบนั้นด้วย

“ผมทำอะไร ผมก็หาที่นอนให้คุณนอนไง ผมเห็นคุณหลับสบายไม่อยากปลุก เลยหาที่นอนมาให้ไงครับ”

“ละ แล้วคุณมานอนด้วยทำไม ทำไมคุณไม่ไปนอนที่ห้องของคุณล่ะ ละ แล้วยังจะ เอ่อ…”ชินพัตน์เถียงคอเป็นเอ็นถึงแม้จะรู้ตัวว่าตนเองเป็นต้นเหตุก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมแถมยังเคืองเรื่องที่โดนนอนกอดด้วย

ต้องโดนกอดมาทั้งคืนแน่ๆเลย บ้าไปแล้วเจ้าชินทำไมนายทำตัวแบบนี้??

ชินพัตน์ต่อว่าตัวเองในใจเมื่อนึกได้ว่าตลอดทั้งคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง     

“ผมจะปล่อยให้คุณนอนคนเดียวได้ไงละครับ ผมเป็นห่วงคุณผมเลยมานอนด้วย”นนทนัฐยังลูบแขนไปมายังเจ็บอยู่แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรและรู้ว่าที่ฝากรอบเขี้ยวไว้ที่แขนของเพราะอะไรด้วย พูดด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ ทำสีหน้าแกล้งเจ็บไปอย่างนั้นเพื่อเรียกร้องจากคนที่ทำท่าทางโกรธตนเองตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้

“ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าคุณปลุกผมให้กลับไปนอนบ้านทุกอย่างก็จบแล้ว แต่คุณไม่ทำไง ใช่ไหม? คุณต้องการอะไรกันแน่ห่ะ!!! “ ชินพัตน์เดินเข้าไปหาคนที่ยืนพยุงตัวขึ้นจากที่นอน ดึงคอเสื้อชุดนอนของอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด พอลองนึกดูว่าตนเองจะกลับไปที่ตึกยังไงไม่ให้คนอื่นๆเห็น แล้วแถมเรื่องที่มานอนข้างบ้านคนอื่นแบบนี้ ป้าพรกับจอยจะคิดยังไง  คนข้างนอกเห็นขึ้นมาแล้วพวกเขาจะเอาไปนินทาหรือเปล่า ชินพัตน์คิดมากจนโมโหคนตรงหน้าขึ้นมาทำอะไรไม่คิด

“ชินผมขอโทษ  ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้นเอง”นนทนัฐยอมสารภาพว่าอยากหาโอกาสมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างแต่ไม่คิดว่าตนตรงหน้าจะโกรธมากขนาดนี้

“คุณนี้มัน!!!! “ชินพัตน์ได้ยินคำพูดที่คนตรงหน้าเอยออกมา ก็ต้องรู้สึกหน้าเห่อร้อน รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้ารัก แสดงออกมาตั้งมากมายแต่ตัวเขาเองไม่คิดว่า จะต้องการใกล้ชิดกันได้มากถึงขนาดต้องทำอะไรบ้าๆแบบนี้

“ชินผมขอโทษ คุณอย่าโกรธผมเลยนะ นะครับ” นนทนัฐรีบจับมือของชินพัตน์ที่ขยำคอเสื้อของตนเองเอาไว้ เพื่อขอร้อง

“แต่คุณไม่ควรทำแบบนี้ คนอื่นเขาจะคิดยังไง ทั้งป้าพร จอย แล้วถ้าคนอื่นรู้ว่าผม มะ มานอนค้างกับคุณแบบนี้อ่ะ”ชินพัตน์รีบสะบัดมือออกจากคอเสื้อ และเสหน้าไปมองทางอื่นเมือพูดถึงเรื่องที่ตนเองคิดมากอยู่ตอนนี้

“ชินครับ ทุกคนรู้ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกัน แค่ค้างบ้านเพื่อนมานอนเล่นบ้านเพื่อน ทุกคนคงไม่คิดเรื่องไม่ดีหรอกนะครับ ที่สำคัญพวกเราบริสุทธิ์ใจด้วย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย อย่าคิดมากสิครับ นะ” นนทนัฐเห็นว่าคนที่ตนเองรัรักเริ่มกำลังกังวลใจกับเรื่องรอบๆตัวไปหมดเลยพูดอธิบายให้สบายใจ

“คนบ้า บริสุทธิ์ใจงั้นเหรอ นี้! นี้! นี้! คุณมันต้องโดนซะมั้ง” ชินพัตน์โมโหขึ้นมาอีกทุบนนทนัฐไปหลายที เมื่อคนที่บอกว่าบริสุทธิ์ใจ แต่กับทำเป็นปากว่ามือถึงตลอดเวลา ร่วมทั้งเมื่อคืนด้วย นนทนัฐก็ได้แต่ยืนให้คุณเจ้าของร้านทุบเพื่อระบายความโกรธ อย่างไม่คิดที่จะหลบเลี่ยง เพราะเขาเองก็ทำแบบนั้นจริงๆแต่ไม่ได้เกินเลยขนาดทำให้อีกคนเสียใจแน่ๆ

“ชินครับ ผมเจ็บนะ”นนทนัฐทำพูดเสียงอ้อน

“เจ็บสิดี จะได้จำว่าที่หลังอย่าทำแบบนี้อีก”

“ได้ครับ คราวหน้าผมไม่พาชินมานอนที่ตึกของผมอีกแล้ว”

“ดี”

“แต่ผมจะไปนอนที่ตึกที่ห้องนอนของชินเองนะ ดีไหม?”นนทนัฐยกยิ้มล้อเลียน

“ดี!? หะอะไรนะ  ดีกับผีอะไร นี้คุณคิดจะทำอะไรอีกเนี้ย “ชินพัตน์หันมาทำท่าจะทุบคนเจ้าเล่ห์แต่ก็โดนจับมือไว้ได้ก่อน

“ชินครับ สายแล้วนะ ไปช่วยป้าพรกับจอยเปิดร้านเถอะครับ” นนทนัฐรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ตนเองจะโดนทำร้ายร่างกาย เพราะเรื่องร้านต้องมาก่อน นนทนัฐรู้ถึงจุดนี้ของชินพัตน์ดีเลยรีบยกเรื่องขึ้นนี้มาเป็นระฆังช่วยแยกพวกเข้าออกจากกัน แล้วค่อยมาขึ้นชกต่อภายหลัง

“จริงด้วย” ชินพัตน์เงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาบนฝาผนังบ้านของนนทนัฐ รีบสะบัดมือออกแล้วรีบเดินไปที่ประตูหลังบ้านทันที่ไม่สนใจคนที่กำลังจะเดินตามมา

“ชินเดี๋ยวผมไปช่วยนะ”

“ไม่ต้องมาที่ร้าน ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ” ชินพัตน์หันกลับมาพูดเสียงเรียบอย่างค่าโทษ นนทนัฐหน้าเสียไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินตามคนที่เดินเข้ารั้วหลังร้านเข้าไปภายในร้านเรียบร้อยแล้ว


          ชินพัตน์เลี่ยงสายตาช่างสงสัยของป้าพรและจอยด้วยการเอาแต่ทำงาน ไม่สนใจคำถามที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนข้างบ้านเลย ที่สำคัญทั้งป้าพรและจอยก็แปลกใจที่ไม่เห็น เพื่อนบ้านคนสำคัญมาช่วยงานที่ร้านเหมือนเคย และยิ่งเห็นท่าที่ของคุณเจ้าของร้านแสดงออกมาว่าไม่อยากสนใจ คนที่เคยมาช่วยที่ร้าน สงสัยมีเรื่องทะเลาะกัน ทำให้ทั้งป้าพรและจอยคิดสรุปได้แบบนั้น เลยเงียบไว้ไม่กล้าถามต่ออีก

“ป้าหนูว่าพี่ชินกับพี่นนท์ต้องมีเรื่องผิดใจกันแน่ๆเลยล่ะ”

“ป้าก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรนะสิ เป็นห่วงจัง เมื่อวานยังเห็นคุยกันอยู่ดีๆอยู่เลย”

“นั้นสิป้า พักนี้ทั้งคู่แถบจะตัวติดกันเลยนะ ตั้งแต่มีเรื่องที่ร้านนะ “

“อืม” ป้าพยักหน้าเห็นด้วยกับเด็กสาวช่างจับผิด

“งั้นเดี๋ยวหนูลองไปแอบดูพี่นนท์ที่ตึกดูนะว่าอยู่ไหมนะ”เด็กสาวเสนอเมื่อเห็นว่าลูกค้าไม่เยอะ ปลีกตัวไปสืบหาเหตุผลที่ทำให้เจ้าของร้านหน้าตาบึงตึง ไม่รับแขกแบบนี้ กับอีกคนที่เงียบหายไปอย่างน่าสงสัย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่นนท์อยู่ไหมจ๊ะ นี้จอยเองนะ”จอยมาพร้อมกับข้าวผัดกระเพราลูกชิ้นจานโปรดของนนทนัฐ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร ยังนั่งนิ่งสำนึกผิดกับเรื่องที่ตนเองทำอยู่ที่โซฟา ได้ยินเสียงเรียกก็เดินมาเปิดประตูหลังตึกให้จอยทันที่อย่างมีความหวัง คิดไปว่าน่าจะเป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาให้จอยมาตามเขาไปที่ร้านหรือเปล่า

“ว่าไงจอย?!!”ถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังสุดๆ

“พี่นนท์ไม่สบายเหรอจ๊ะไม่เห็นเข้าไปที่ร้านเลย”เมื่อจอยเห็นสภาพของคนที่เปิดประตูออกมา เลยนึกว่าไม่สบายเลยถามอย่างเป็นห่วง

“เปล่า คือ พี่ตื่นสายนะ แล้วที่ร้านคนเยอะไหม” แต่ในใจอยากถามหาคุณเจ้าของร้านมากกว่า

“มีมาเรื่อยๆจะ สายๆโน่นลูกค้าถึงจะเริ่มเยอะ หนูเป็นห่วงเลยเอาข้าวมาให้จ๊ะ”

“ขอบใจมากนะ”หัวใจแฟบลงทันที่เมื่อสิ่งที่หวังไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด

“พี่ชินกับพี่นนท์มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ พี่ชินเอาแต่เงียบมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ไม่มีอะไร จอยไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะวันนี้พี่คงไม่ได้ไปช่วยที่ร้าน เอ่อ คือ พี่มีง่ายต้องทำนิดหน่อยนะ”

“จ้าๆ ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ก็พี่มีงานนี้น่า หนูก็แค่เป็นห่วงเฉยๆนะจ๊ะ”

“ขอบใจมากนะจอย รีบกลับไปที่ร้านเถอะ “

“จ๊ะ” จอยก็รีบเดินกลับไปที่ร้าน แต่ก็ยังไม่คลายสงสัยซะที่เดียว เรื่องระหว่างนายจ้างของตนเองกับเพื่อนบ้าน คนนี้

            ลูกค้าเข้าร้านเยอะเหมือนปกติทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติน่าจะเป็นคุณเจ้าของร้านที่เอาแต่เงียบทั้งวัน ไม่พูดคุยอย่างเคย จนบ่ายโม่งกว่าๆ ป้าพรเลยทักให้หลานชายทานมือเที่ยง เพราะต้องรอจังหวะที่ลูกค้าช่วงพักเที่ยง คนจากโรงงาน พนักงานที่ขับรถมาทานอาหาร มาซื้อลูกชิ้นที่ร้านหมดก่อน ค่อยถึงเวลาทานข้าวของทุกคนที่ร้านบ้าง

“ตาชินพักกินข้าวกินปลาเถอะลูกค้าช่วงเที่ยงหมดแล้ว บ่ายๆเดี๋ยวลูกค้าเข้าร้านอีกจะไม่มีเวลากินข้าวนะ”

“ครับป้า”ชินพัตน์เดินไปที่มุมโต๊ะทำงานของตนเอง ตักกับข้าวใส่จานข้าวแล้วมานั่งกินเงียบๆ 
ทั้งจอยและป้ายิ่งสงสัยหนัก เพราะปกติต้องนั่งทานกับเพื่อนอีกคนที่ไม่มาวันนี้ ป้าพรเลยนึกบ้างอย่างขึ้นมาได้

“จอย ไม่รู้ว่าตานนท์เป็นไงบ้างเนอะจะทานข้าวเที่ยงหรือยังนะ ป้าเป็นห่วงจัง” ป้าพรลองถามจอยที่ยืนปิ้งลูกชิ้นเสียงดังพอที่จะให้คนนั่งกินข้าวอยู่เงียบๆได้ยิน

“ไม่รู้เหมือนกันป้า คงมัวแต่ทำงานเพลินจนลืมกินข้าวแล้วมั้ง” จอย แกล้งพูดให้คุณเจ้าของร้านได้ยิน

“ตาชิน ตานนท์เข้าต้องไปทำงานเหรอวันนี้ ป้าไม่เห็นเขามาเลย แต่ป้าเห็นรถก็ยังจอดอยู่ที่หลังตึกนะ”ป้าทำเป็นสงสัยแกล้งถามคนที่เอาแต่เงียบ

“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ชินพัตน์ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ

“ไม่ได้กินข้าวกินปลาแบบนี้ อยู่คนเดียวเกินเป็นลมเป็นแร้งขึ้นมาจะทำไงกันนะ” ป้าพรแกล้งพูดเป็นห่วงคนข้างตึกให้หลานชายฟัง

          ชินพัตน์นึกได้ว่านนทนัฐไม่ได้ออกมาจากตึกเลยจริงๆด้วย เพราะเห็นรถจอดอยู่ด้านหลังตลอด ตั้งแต่เช้าได้กินอะไรหรือยังนะ นี้ก็จะจะเกือบบ่าย 2 โมงแล้ว นึกเป็นห่วงอยู่ในใจ รีบทานข้าวให้หมดจาน แล้วเดินไปหาป้าพร ให้ทำต้มจืดลูกชิ้น 1 ชาม และเขาเองก็เดินไปตักข้าวสวยร้อนๆเตรียมใส่ถาดไว้รอ ไม่นานต้มจืดลูกชิ้นก็ทำเสร็จมาวางคู่กันกับข้าวสวย

“จอย จอย มาหาพี่หน่อย” ชินพัตน์เรียกเด็กสาวมาหา

“จอยเอานี้ไปให้เขาหน่อยไป”

“เอาไปให้ใครพี่”

“ก็คนที่จอยกับป้าเป็นห่วงไง ไปสิ”

“ไม่ใช่แค่จอยกับป้าแล้วมั้งที่เป็นห่วงอ่ะ” จอยรับถาดอาหารแล้วพูดแซวคนที่ทำหน้าไม่สนใจ

“ใครเป็นห่วงใครไม่มี๊” ตอบเสียงสูง แล้วเดินไปปิ้งลูกชิ้นแทนจอยทันที่

       ทั้งจอยและป้าพรต่างหันมาส่งยิ้มให้กันอย่างรู้กัน และรู้ทันคนที่เอาแต่แสร้งทำงาน แต่จริงๆแล้วเป็นห่วงเพื่อนคนสำคัญอยู่ลึกๆเหมือนกัน แต่ทำเป็นไม่สนใจ คงจะมีเรื่องบ้างอย่างที่คงโกรธกันเหมือนเพื่อนๆทะเลาะกันนั้นแหละ

“พี่นนท์ นี้จอยเอง เปิดประตูให้หน่อยสิ”

“เข้ามาเลยจอยพี่ไม่ได้ใส่กุญแจประตู”

“พี่นนท์มาเปิดให้จอยหน่อยสิ”
 
        นนทนัฐเลยต้องลุกจากโต๊ะทำงานเดินไปเปิดประตูหลังตึกให้ สิ่งแรกที่รับรู้คือกลิ่นหอมของต้มจืดลูกชิ้นของโปรดของเขา และข้าวสวยร้อน เรียกน้ำย่อยในกระเพาะของคนที่ลืมทานข้าวอย่างเขาได้ดี

“พี่นนท์รับไปสิจ๊ะ”

“จอยทำมาให้พี่เหรอ”

“เปล่าพี่ชินเป็นคนทำ แล้วสั่งให้จอยเอามาให้นะ พี่ชินเป็นห่วงเห็นพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” จอยใส่สีตีไข่เพื่อต้องการให้เพื่อนๆมาคืนดีกันสักที่  เห็นท่าที่ของทั้งคู่แล้วมันอึดอัดแทน

“ชินเขาเป็นทำให้พี่เองเลยเหรอ?”

“จ๊ะ แล้วสั่งให้จอยรีบเอามาให้ด้วยนะ อยากให้พี่นนท์ทานตอนที่มันยังร้อนๆอยู่นะจ๊ะ”จอยเห็นอีกฝ่ายดีใจอย่างเห็นได้ชัดเลย เสริมเข้าไปอีกหวังให้ทั้งคู่คืนดีกัน ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าผิดใจกันเรื่องอะไร

“ขอบใจมากจอย เดี๋ยวพี่จะรีบๆทานแล้วจะไปช่วยที่ร้านนะ ตอนบ่ายๆลูกค้าเยอะใช่ไหม”

“อ้าวแล้วงานพี่นนท์ละจ๊ะ”

“ไม่เป็นไรไว้ทำที่หลังก็ได้ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ” อยากจะเห็นหน้าคุณเจ้าของร้านเร็วๆมากว่า

“จ้าๆ”
 
       ช่วงที่จอยเดินเอาข้าวไปให้นนทนัฐป้าพรก็คอยลอบมองหลาชายที่ชะเง้อคอมองตามจอยที่เดินลับหายไปหลังร้าน จริงแล้วก็เป็นห่วงสินะ ต้องลองถามดูแล้วว่าผิดใจเรื่องอะไรกัน

“ตาชิน มีเรื่องอะไรกัน ทะเลาะกันหรือเปล่าลูก” ป้าพรทำเป็นเรียบๆเคียงๆถาม เพราะดูๆแล้วเพื่อนของหลานชายคนนี้เป็นคนดี ถึงจะมารู้จักกันไม่นาน แต่ก็ดูเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือพวกเขาทุกคนในร้านเสมอ จนน่าแปลกใจที่มีเรื่องผิดใจกันแบบนี้ได้

“ทะเลาะอะไรครับ?” ชินพัตน์ที่โดนถามขึ้นก็หันกลับมาตั้งใจปิ้งลูกชิ้นบนเตาต่อ

“ก็กับเพื่อนเราไง มีเรื่องผิดใจอะไรกัน ก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะลูก เพื่อนดีๆหายากนะลูก”

“นี้หมอนั้นมาอยู่ไม่กี่วัน ป้าก็บอกว่าเขาเป็นคนดีแล้วเหรอครับ” ชินพัตน์ทำท่าแปลกใจปนเคืองเล็กที่ป้าของตนเข้าข้างใครบ้างคนซะอย่างนั้น

“ก็ป้าเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆนี้ ตาชิน ป้าเห็นตานนท์มาช่วยร้านเราทุกวันไม่หยุด ไม่บ่นสักขำ แล้วก็ช่วยแบบไม่ได้ค่าแรงอีก มีเพื่อนที่ไหนเขาทำให้กันแบบนี้ละ บอกป้าสิ”

“ก็ ก็ ผมให้เขากินลูกชิ้นที่ร้านเราแล้วไงครับ แค่นั้นก็พอแล้วมั้ง”

“จะมาพอได้ไง ตานนท์ทำงานแทนเราเกือบทุกอย่าเลยรู้ไหม ตอนที่เรานอนป่วยอยู่บนห้องนะ เป็นคนอื่นเขาต้องคิดค่าแรงค่าเหนื่อยเป็นหลายเท่าตัวเลยรู้หรือเปล่า ไอ้แค่ลูกชิ้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำนะตาชิน”ป้าพรอธิบาย

“ผมเคยจะให้เงินเขาแล้วแต่เขาบอกไม่รับเอง แล้วบอกว่าได้กินลูกชิ้นของร้านเราก็พอนะครับป้า แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”

“นั้นก็หมายความว่าตานนท์ เขาเป็นเพื่อนทีดีมากๆ เลยนะสิ ตาชิน ช่วยเหลือเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแบบนี้นะ มีอะไรก็ปรับความเข้าใจกันเถอะนะ “

“แต่ป้าครับ เขา..คือ…เขา…”

เขาพยายามจีบผมอยู่นะครับป้า เขากำลังพาหลายชายป้าไปในทางที่สังคมไม่ยอมรับอยู่นะครับ

ชินพัตน์ก็ได้แต่เพียงคิดในใจไม่กล้าที่จะพูดจะอธิบายเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับคนดีของป้าได้

“คุยอะไรกัน ลูกค้าเรียกเก็บเงินแล้วพี่ชิน” จอยเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นป้าพรกับชินพัตน์ทำหน้าจริงจังจนไม่ทันเห็นลูกค้าเรียก

“อ้าวเหรอ โทษที่ ไปแล้วๆ” ชินพัตน์รีบผละออกจากทั้งคู่ไปหาลูกค้าที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
 
              ป้ากับจอยต่างพูดคุยเรื่องระหว่างชินพัตน์กับนนทนัฐว่าคงเป็นเรื่องที่เพื่อนกันต้องมีทะเลาะเบาะแวงกันบ้าง ก็ยังวัยรุ่นๆทั้งคู่อาจจะมีอารมณ์รุ่นแรง เมื่อพูดอะไรไม่เข้าหูกันบ้างก็อาจจะมีเรื่องกันได้ ป้าพรอธิบายให้จอยฟังแบบนั้น แต่จอยกับมองต่างไปจากป้าพร ตรงที่นนทนัฐทำทุกอย่างเพื่อนายจ้างของตนเอง อย่างไม่เกี่ยงงอน แต่ชินพัตน์ซะเองที่ดูเหมือนจะทำที่ท่าโกรธๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่โกรธ มองๆแล้วดูเหมือนคนงอนกันมากว่า จะเรียกว่าทะเลาะกัน เพราะดูจากการเอาข้าวเที่ยงไปให้ นนทนัฐดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อเข้าใจว่ากับข้าวมื้อเที่ยงเป็นฝีมือ ชินพัตน์ แถมยังละจากงานจะมาช่วยที่ร้านอีก

“ป้า หนูว่าพี่เขาไม่ได้ทะเลาะกันหรอก หนูว่างอนกันอยู่มากกว่านะ”

“อะไรนะ งอนกันเนี้ยนะ จะบ้าหรือไงจอย มานั่งงอนกันเป็นเด็กแบบนั้นทำไม ไม่ใช่หรอก ก็อย่างที่ป้าว่าแหละ เพื่อนกันเขาแค่ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็คืนดีกันเอง”

“แต่ที่หนูเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นสิป้า”

“แล้วแบบไหนล่ะ?...”

“ป้าพรครับ มีอะไรให้ผมช่วย มาครับผมช่วยทำเอง” นนทนัฐที่เข้ามาแทรกระหว่างป้าพรกับจอย รีบแย่งไม้ลูกชิ้นออกจากมือป้าพรแล้วเอาไปปิ้งเองอย่างอารมรณ์ดี แถมหันไปมองชินพัตน์ที่ยืนคุยกับลูกค้าอยู่

“มาแล้วเหรอ เห็นจอยบอกว่าทำงานอยู่เหรอ?”

“ครับ “นนทนัฐตอบสั้น เพราะจริงแล้วอยากคุยกับอีกคนมากกว่า

“ป้าลูกค้าเข้าร้านแล้ว” จอยรีบทักขึ้น

“รู้แล้วรู้แล้ว”ป้าพรโดนขัดเพราะตั้งใจจะถามเพื่อนหลานชายสักหน่อยว่ามีเรื่องผิดใจอะไรกันแต่ก็โดนจอยเรียกไว้ซะก่อน

            ตลอดช่วงบ่ายจนปิดร้าน ชินพัตน์แถบจะไม่เข้าใกล้นนทนัฐเลย เดินเลี่ยงตลอดเวลา เวลานนทนัฐเข้าไปช่วยเก็บจานก็จะเดินหนีตลอด จนนนทนัฐเปลี่ยนจากลุกเข้าหา เป็นเงียบแล้วรอเวลาคุยกันดีกว่า เพราะอีกฝ่ายเอาแต่หลบหน้าตลอด เลยหันไปช่วยป้าพรกับจอยขายของหน้าร้านแทน

“ตาชินมื้อเย็นจะกินอะไรลูก เดี๋ยวป้าทำให้”

“อะไรก็ได้ครับ”

“เมนูสิ้นคิดอีกแล้วนะพี่ อิอิ”จอยแซว

“ก็ขอแค่มีลูกชิ้นเป็นส่วนประกอบอะไรพี่ก็ทานได้หมดนั้นแหละ”

“ถ้าให้ดีต้องให้พี่ชิน ทำให้ด้วยใช่ไหมพี่นนท์ ฮ่าๆๆ”จอยพูดล้อขึ้นมาอีก ทำให้นนทนัฐทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนรู้ทันแบบนั้น แถมจอยก็เดินหนีไป ไม่ให้เขาได้แก้ต่างอะไรด้วย  พอหันหน้าไปหลังร้านก็เจอเข้ากับสายตา ที่ส่งค้อนวงใหญ่กลับมาให้อีก ยิ่งรู้สึกแย่เขาไปใหญ่ 

ป้าพรเห็นแล้วว่าเพื่อนหลายชายพยายามจะทำดีด้วย แต่ชินพัตน์เอาแต่หลบท่าเดียว

“ตานนท์ผิดใจเรื่องอะไรกัน ไหนบอกว่าสิ”

“เอ่อ ขอโทษครับป้า คือผม ทำเรื่องที่ชินเขาไม่ชอบนะครับ เขาก็เลยก็โกรธผมนะครับ” นนทนัฐกล่าวขอโทษคนสูงวัยกว่าที
ต้องมาค่อยเป็นห่วงเป็นใยเรื่องของพวกเขาแบบนี้

“ไม่ต้องมาขอโทษป้าหรอกจ๊ะ กลับไปคุยกันดีๆ ทำผิดก็ยอมรับผิดกับเพื่อนนะ ต้องให้อภัยกันได้อยู่แล้ว ตาชินเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วอยู่แล้วจ๊ะ ค่อยพูดกันนะรู้ไหม”

“ครับป้า ขอบคุณครับ”

          หลังเก็บร้านจนเสร็จ ทานมื้อเย็นร่วมกันทั้ง 4 คนก็จริงแต่ชินพัตน์ก็เอาแต่เงียบ ไม่พูดคุยเล่นเหมือนอย่างเคย ทั้งป้าพรและจอยรู้แล้วว่าคุณเจ้าของร้านเป็นอะไร ก็ต้องให้ทั้งคู่คุยกันเอง เลยรีบกินข้าวแล้วแยกตัวขึ้นชั้นสอง อย่างรู้งาน เช่นเดียวกับชินพัตน์เมื่อเห็นว่าป้ากับจอยขึ้นไปข้างบน ก็จะเตรียมปิดประตูทั้งหมดเพื่อขึ้นไปทำงานต่อที่ชั้นบนเหมือนกัน

“ชิน คุยกับผมก่อนสิ”

“…………”

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมสัญญานะครับ หายโกรธผมนะครับ” นนทนัฐร้องขอคนที่ยืนสีหน้าเรียบนิ่ง

“แล้วคุณทำอะไรให้ผมโกรธล่ะ”

“โอเคครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วจริงๆนะ ยกโทษให้ผมเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม อย่างเป็นแบบนี้เลยนะครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลยนะครับ ชินหายโกรธผมเถอะนะ”

“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กลับไปที่ตึกของคุณได้แล้ว”

“แต่ว่า……”

“ผมบอกคุณว่าไง “

“ครับๆ กลับแล้วครับ”นนทนัฐเดินคอตกไปยังประตูหลังร้าน

“นี้ พรุ่งนี้อย่ามาที่ร้านสายนะ ไม่งั้นลูกชิ้นของมื้อเช้าคุณอดกินแน่!!!”ชินพัตน์เรียกอีกฝ่ายไว้เพื่อเตือนให้รู้ตัวไว้

“เอ๊ะ อ้อครับๆ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าเลยนะ”ใบหน้าของนนทนัฐกับมายิ้มหน้าบานอีกครั้ง เพราะคุณเจ้าของร้านให้เขากลับมาช่วยงานแบบนี้แล้ว นั้นก็หมายความว่าหายโกรธตนเองแล้ว

“กลับไปได้แล้วผมจะปิดประตูแล้ว”

“ครับๆ” นนทนัฐเดินถอยหลังออกนอกรั้ว ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มตลอด

“เอ่อ เดี๋ยวครับ”นนทนัฐนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“มีอะไรอีกล่ะ อย่ามาทำมุกเดิมๆนะ ผมโกรธคุณจริงๆแน่คราวนี้นะ”

“เปล่าครับๆ ผมจะบอกว่า พรุ่งนี้ผมมีธุระตอนเช้า แต่ตอนบ่ายผมจะรีบกลับมาช่วยที่ร้านนะครับ”นนทนัฐเห็นสีหน้าที่เรียบนิ่งอยู่กลับมาบึงตึงอีกครั้งแล้วรีบบอกว่าจะรีบกลับมาช่วยงานอย่างเอาใจ

“คุณจะไปไหนก็เรื่องของคุณสิ ไม่เกี่ยวกับผมซักหน่อย”ชินพัตน์ดึงประตูรั้วเพื่อจะปิด แต่นนทนัฐยือไว้

“ชินครับ ผมมีธุระจริงๆ ผมทำธุระเสร็จผมจะรีบกลับมาช่วยเลยนะครับ นะ”

“ก็ผมบอกแล้วไง คุณจะไปไหนก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาบอกผมเลย ปล่อยสิผมจะปิดประตูรั้ว”

“ชินครับ “นนทนัฐเริ่มหน้าเสียเพราะไม่รู้จะเอาใจคนตรงหน้าอย่างไรดี

             ชินพัตน์เห็นแล้วก็นึกถึงคำพูดของป้าพร เมื่อตอนกลางวันว่า เพื่อนดีๆหายาก แล้วคนตรงหน้าล่ะ ที่คิดกับเขามากกว่าเพื่อนแบบนั้น จะให้พูดดีๆด้วยแบบไหนกันนะ?

“ทำธุระเสร็จแล้วก็รีบกลับมาก็แล้วกัน”ชินพัตน์พูดเสียงอ่อนลง ทำให้คนฟังหัวใจผองโตกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“ได้ครับ ผมจะรีบกลับมาช่วยนะครับ” นนทนัฐเดินเข้าหาคนที่อยู่ภายในรั้วอย่างดีใจ อยากดึงเขามากอดให้เต็มรัก

“นี้จะทำอะไร เข้าบ้านคุณไปโน่นเลยไป”

“ครับๆ ฝันดีนะครับ”

“รู้แล้ว”
         

  ชินพัตน์รีบเดินเข้าประตูทำเป็นไม่สนใจคนที่ยังยืนมอง เก็บสมุดบัญชีขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเช็คยอด และจำนวนลูกชิ้นที่จะสั่งเข้าร้านมาเพิ่ม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ธุระของใครบางคนนั้นคืออะไร ปกติไม่เห็นออกไปไหนตั้งแต่กลับมาที่นี้ก็อยู่ที่ร้านเขาตลอด แล้วกลับมาบอกว่ามีธุระต้องไปทำ

 มันคือเรื่องอะไรกันนะ?





 


    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!

 ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ

 มินพยายาจะปรับปรุงเรื่องคำผิดนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :กอด1:



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ miya_pp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ธุระของนนท์จะเกี่ยวอะไรกับชินรึเปล่านะ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



 
                            ตอนที่ 61  มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ?


                นนทนัฐเตรียมตัวออกจากตึกของตัวเองตั้งแต่เช้า เพราะสิ่งที่เขาจะต้องทำมีเยอะมาก และอยากจะทำให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ เขาอยากกลับมาช่วยงานที่ร้านของชินพัตน์เร็วด้วย เพราะพยายามจะทำคะแนนให้อีกฝ่ายเห็นใจ และเปิดใจให้เขามากขึ้นกว่านี้ แต่ก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญที่จะการันต์ตรีว่าเขาตั้งใจและจริงใจกับ คุณเจ้าของร้านมากขนาดไหน ก็คือธุระที่จะต้องไปทำและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

“เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

    นนทนัฐที่ขับรถผ่านหันไปมองหน้าร้านของชินพัตน์ที่ยังไม่เปิดหน้าร้าน แต่รู้ว่าคนภายในร้านตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวของเพื่อจะขายและเตรียมเปิดร้านอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พูดเรียกกำลังใจกับตัวเอง นึกถึงคุณเจ้าของร้านที่เป็นกำลังใจหลักสำคัญที่เขาตกลงใจที่จะทำทุกอย่างต่อไปนี้เพื่อสิ่งที่เขาเลือกแล้ว และจะไม่ผิดหวังหรือเสียใจกับสิ่งที่เขาเลือกอย่างแน่นอน
     
 “ตาชิน ตานนท์ไปไหนละ ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้นะ” ป้าพรถามหาเพื่อนหลานชายและไม่ชอบใจที่หลายชายทะเลาะกับเพื่อน ไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที่

“ผมไม่ได้ทะเลาะกับเขานะป้า หมอนั้นไปทำธุระกลับมาบ่ายๆมั้ง”

“อ้าว โธ่ป้าก็นึกว่ายังทะเลาะกันอยู่ ดีแล้วเป็นเพื่อนกันอยากทะเลาะนานๆไม่ดีนะ จะเสียเพื่อนดีๆไปนะ”

“ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ ใครจะกล้ามีเรื่องทะเลาะกับคนดีของป้าละครับ” ชินพัตน์ทำหน้าตาทะเล้นใส่ผู้เป็นป้า

“แล้วนี้ตานนท์ไปทำธุระที่ไหนล่ะ” ป้าพรยังสงสัย

"ผมก็ไม่รู้ครับ “

“ตานนท์ไม่ใช่คนที่นี้ไม่ใช่เหรอ แล้วออกไปทำธุระอะไรกันนะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ป้าพรพูดขึ้นอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

“คนดีของป้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ” ชินพัตน์บอกกับป้าพร แต่ใบหน้ากับเป็นกังวลตามเรื่องที่ป้าพรสงสัยและเป็นห่วงตามไปด้วย

ไปทำธุระเรื่องอะไรกันนะ?

      ตลอดทั้งวัน ทีร้านของชินพัตน์ก็ขายดีเช่นเคยลูกค้าแวะเวียนเข้ามาตลอดทั้งวัน มีลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้ามาอีกหลายกลุ่ม ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชิ้นที่นี้อร่อยอย่างที่เพื่อนๆ ญาติมิตรบอกมาจริงๆ เลยลองแวะมาชิมเพราะเป็นทางผ่าน ชินพัตน์ยกยิ้มดีใจที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการพูดปากต่อปากติชมว่าที่ร้านมีลูกชิ้นอร่อย สดใหม่ทุกวัน มีหลากหลายเมนูให้เลือกอีกด้วย ทำให้การขายของวันนี้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มที่ได้รับจากลูกค้า
   
      จนตกเย็นลูกค้าที่ทยอยออกจากร้านเมื่อทานอาหารเสร็จ รวมทั้งลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อลูกชิ้นปิ้งที่หน้าร้านในช่วงเย็นเพื่อซื้อกลับไปฝากเด็กๆที่บ้าน  จนใกล้เวลาใกล้ปิดร้านก็คิดได้ว่าใครบ้างคนที่บอกว่าจะกลับมาช่วยที่ร้านตอนบ่าย ก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ทำให้ชินพัตน์เริ่มกังวลใจอีก นึกถึงคำพูดของป้าพรขึ้นมา

“ตาชิน เป็นอะไรยืนเหม่อ ดูสิลูกชิ้นไหมหมดแล้วนะ”

“อ๊ะ เอ่อ คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับป้า”

“มาเดี๋ยวจอยปิ้งเอง พี่ชินไปคิดเงินลูกค้าเถอะ”
 
   ชินพัตน์กลับไปหาลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเพื่อเก็บเงิน หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังร้านแล้วคิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วเก็บตั้งไว้ในลิ้นชัก และมองเห็นโทรศัพท์ของตนเองอยู่ด้านใน เลยคิดที่จะโทรหาใครบ้างคนที่ยังไม่กลับมา
หยิบขึ้นมามองอยู่อย่างนั้น แล้วก็ว่างลงที่เดิมอย่างลังเล

“จะโทรไปทำไมนะ?”ชินพัตน์พยายามถามหาเหตุผลกับตนเอง
ก้มมองโทรศัพท์ในลิ้นชักอีกครั้ง

“โทรไปถามไงว่าทำธุระเสร็จหรือยังไง ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย” ชินพัตน์บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ที่หน้าโต๊ะเบาๆ
และเสียงทักเจือยแจ่วหน้าร้านก็เข้ามากระทบโสตประสาทของชินพัตน์ให้รีบเงยหน้าขึ้นมามองทันที่

“พี่นนท์ไปไนมาเหรอจ๊ะ”

“นั้นสิ เห็นตาชินบอกว่าไปทำธุระตั้งแต่เช้า พึ่งกลับมาเหรอ กินอะไรหมาหรือยังล่ะ”ป้าพรถามอย่างเป็นห่วง

“ครับป้าพอดี พึงคุยธุระเสร็จนะครับ รีบขับรถกลับมาให้ทันก่อนร้านจะปิดนะครับ”

“จ้าๆ ไปนั่งพักเถอะกลับมาเหนื่อยๆเดียวป้าทำของอร่อยๆให้ทานนะ” นนทนัฐยกมือไหว้ขอบคุณป้าพรแล้วเดินไปหาคนที่อยากจะรีบกลับมาหา แต่เพราะเรื่องที่ต้องทำวันนี้มันมีหลายเรื่องที่ต้องคุย เลยทำให้ใช้เวลาไปทั้งวันเลยกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกกับใครบ้างคนไว้

จะโดนโกรธอีกไหมนะ

นนทนัฐนึกใจในว่าคนที่เขาคิดถึงทั้งวันและเคืองตนเองหรือเปล่าที่หายไปทั้งวันแบบนี้

“ชินผมกลับมาแล้ว ผมขอโทษนะที่ เอ่อ…”

“คุณกินอะไรมาหรือยังล่ะ?”

“ย ยังครับ”

“อืม งั้นก็กินพร้อมกันเลยแล้วกัน พวกผมยังไม่ได้กินมือเย็นเหมือนกัน” ชินพัตน์ก็ลุกจากโต๊ะออกไปหาป้าพรกับจอย พูดคุยกับทั้ง 2 คนแล้วก็แยกย้ายกันไปเก็บร้าน ส่วนป้าพรก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นให้ทุกคนรวมถึงนนทนัฐด้วย
 
      นนทนัฐช่วยเก็บร้านและปิดร้านอย่างแข็งขันเพราะตอนเองไม่ได้กลับมาช่วยที่ร้านคงยุ่งมากแน่ คิดแล้วก็รู้สึกผิดเลยช่วยทำงานแทบทุกอย่างไม่ว่าจะ ล้างจานชาม เก็บของยกของต่างๆ จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ไปทำธุระถึงไหนมาล่ะ ตานนท์กลับมาซะเย็นเลย”

“ครับ ผมไปในเมืองมานะครับ  แล้วก็ขับรถดูที่ทางแถวๆละแวกนี้นะครับ “

“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปอีกไหมล่ะ ธุระที่ว่านะ”

“เอ่อ “นนทนัฐหันไปมองชินพัตน์ก่อนที่จะตอบป้าพรไป “ผมต้องเข้าเมืองไปดูของอีกรอบนะครับป้า ขอโทษนะครับที่ไม่ได้เข้ามาช่วยที่ร้านเลย คงยุ่งหน้าดูเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ก็พอทำได้ช่วยๆกันไป มีธุระอะไรก็ไปทำเถอะจ๊ะ”

“ครับ”ตอบรับคำป้าพร แต่สายตามองไปยังอีกคนที่นั่งตรงข้าม ตั้งแต่นั่งทานข้าว ยังไม่ได้ยินเสียงของคุณเจ้าของร้านเลย
.
.
.
“จอยมา เดี๋ยวพี่ล้างเอง จอยกับป้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขึ้นไปพักเถอะ”นนทนัฐช่วยเก็บจานแล้วอาสาจะเป็นคนล้างทำความสะอาจเอง

“ก็ได้จ๊ะ “ จอยยิ้มรับเพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการเวลาคุยกับใครบ้างคนแน่ๆเลยตอบรับง่ายดาย

“ฝากปิดร้านด้วยนะ” ป้าพรบอกก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน นนทนัฐรับคำอย่างแข็งขัน และทำทุกอย่างปิดร้านเรียบร้อย เดินมาหาคนที่ก้อมหน้าก้มตามกดตัวเลข อยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลังร้าน

“ชิน ผมขอโทษ”

“คุณจะมาขอโทษผมทำไม”ชินพัตน์ที่เงยหน้าจากสมุดบัญชี

“ก็คุณเอาแต่เงียบ ไม่คุยกับผมเลย ตั้งแต่ผมเข้าร้านมา ผมก็เลยคิดว่าคุณต้องโกรธผมแน่ที่ผมกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกไว้”

“ก็คุณมีเรื่องต้องทำ มีธุระที่คุณต้องไปจัดการ จะมากังวลเรื่องที่ร้านของผมทำไม ก็ไปทำธุระของคุณให้เสร็จๆเถอะน่า”ชินพัตน์ตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ และก้มหน้าเสร็จยอดลูกชิ้นของวันที่ต่อ

“คุณไม่ได้โกรธผมใช่ไหมชิน”

“ก็บอกแล้วไง ว่ามันเป็นเรื่องของคุณ เออถ้ามันเป็นเรื่องของผม แล้วคุณไปทำให้แล้วกลับมาไม่ทัน แบบนั้นสิที่ผมจะโกรธ แต่นี้มันเป็นธุระของคุณ ผมจะไปยุ่งเรื่องของคุณทำไม”ชินพัตน์เบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายคนที่เอาแต่รู่สึกผิด

“แต่ผมอยากให้คุณยุ่งเรื่องของผมนี้หน่า”นนทนัฐพูดเสียงอ้อนเมือพอจะเข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่โกรธแถมดูจะไม่สนใจเรื่องที่เขาหายไปทั้งวันด้วย เลยอดน้อยใจไม่ได้

“เอ๊ะ คุณจะเอายังไงกันแน่เนี้ย” ชินพัตน์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเมื่ออีกคนต้องการให้เขายุ่งเรื่องสวนตัวซะอย่างนั้น

“ก็คุณไม่ถามผมสักคำว่าไปทำอะไร ที่ไหน ทำไหมกลับเย็นแบบนี้ ผมก็นึกว่าคุณโกรธและก็ไม่สนใจเรื่องที่ผมทำเลยนะสิ”

“ก็ผมได้ยินจากที่ป้าถามคุณแล้วไง แล้วจะให้ผมถามอะไรคุณอีกล่ะ”ชินพัตน์ขมวดคิ้ว

“แต่ผมอยากบอกคุณทุกเรื่องที่ผมไปทำวันนี้ให้คุณฟังนะ” นนทนัฐพูดเสียงเบาลงเหมือนร้องขอให้อีกคนหันมาสนใจตนเองมากกว่าสมุดบัญชีตรงหน้า

“ได้!!! งั้นไหนบอกว่าสิ คุณไปไหนมาทั้งวัน คุณนนทนัฐ?” ชินพัตน์เหมือนได้อำนาจในมือเลยใช้อย่างไม่เกรงใช้ ถามอย่างออกคำสั่งติดโมโหนิดๆด้วย เพราะคนตรงหน้ากลับมาไม่ทันอย่างที่พูดไว้จริงๆด้วย
นนทนัฐยกยิ้ม ชอบที่ชินพัตน์พูดกับตนเองแบบนี้มากว่าการที่ทำเป็นไม่สนใจกัน แบบเมื่อครู่

“ผมไปดูแถวๆนี้ว่ายังไม่มีร้านอะไรบ้างที่ยังไม่มีคนเปิด ผมก็จะทำ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอน พรุ่งนี้ผมเลยต้องไปดูอีกเพื่อความชัวร์”

“หมายความว่าอะไร? คุณจะเปิดร้าน? ร้านอะไรคุณก็ยังไม่แน่ใจอ่ะนะ? อะไรของคุณเนี้ย”ชินพัตน์ถามเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ สรุปคนตรงหน้าต้องการจะทำอะไรกันแน่

“ผมอาจจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ต หรือไหมก็ร้านขายหนังสือ อะไรประมาณนี้นะครับ แต่ข้อมูลยังไม่พอ ผมเลยว่าจะไปดูเพิ่มเอามาเป็นข้อมูลเพื่อตัดสินใจ”

“คุณจะทำจริงๆเหรอ?”ชินพัตน์กระพริบตาปริบๆไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินว่าคนตรงหน้าจะทำสิ่งเหล่านั้น

“ครับ ผมจะทำจริงๆ แต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นว่าระหว่างเปิดร้านอินเตอร์เน็ตกับร้านหนังสือ อันไหนมันจะดีมากกว่ากัน” ยกยิ้มภูมิใจ

“คุณจะเปิดที่ไหน?”ชินพัตน์ถามยำ

“เปิดที่ตึกข้างๆคุณนี้ไง”

“เอาจริง”ชินพัตน์หรี่ตามองด้วยสายตาที่ยังไม่อยากเชื่อถือนัก

“ครับ จริงจังมากๆด้วย”นนทนัฐมองตาชินพัตน์อย่างมั่นคงและจริงจัง

“แล้วงานเก่าคุณล่ะ ไม่ทำแล้วเหรอ?” ชินพัตน์ชะงักไปนิดกลับสายตาที่สื่อออกมาของคนตรงหน้าดูท่าจะเอาจริง จนเสหน้าหนีแล้วถามเรื่องอื่นแทน

“ผมตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี้แล้ว งานเก่าก็ต้องเลิกผมบอกกลับที่บ้านว่าจะมาทำงานที่นี้”

“แล้วครอบครัวคุณไม่ว่าหรือไง”

“ผมเลือกที่จะเดินออกมาแล้วนี้ครับ ผมคงถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว” นนทนัฐอยากจะบอกคนตรงหน้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำว่า
ผมเลือกที่จะอยู่ข้างคุณ เรื่องอื่นผมก็ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปแล้ว

แต่ก็ได้แต่เก็บไว้เพื่อรอเวลาและใครบ้างคนเปิดใจรับเขาไปอยู่ภายในใจเสียก่อน

ชินพันต์ฟังคำพูดแปลกๆจากคนตรงหน้าก็ได้แต่ขมวดคิ้ว อย่างไม่เข้าใจ

“มีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกมาแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ชินพัตน์คิดคำพูดดีๆกับมิตรภาพตอนนี้ได้เพียงคำพูดนี้เท่านั้น

“จริงเหรอครับ”นนทนัฐยกยิ้มเมื่อคนที่เขารัก บอกว่าอยากช่วยเหลือเขา

“จริงสิ ก็คุณช่วยผมมาตั้งหลายเรื่อง จนผมโดนป้าพรต่อว่า ว่าผมใช้แรงงานคุณเกินเหตุด้วย มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกๆมาแล้วกัน” ชินพัตน์พูดเพราะไหนๆก็เห็นว่าคนตรงหน้าช่วยเหลือกันมาตลอด

“งั้นคุณช่วยผมตัดสินใจหน่อยสิ ว่าผมจะเปิดร้าน อินเตอร์เน็ต หรือร้านหนังสือดีล่ะครับ” นนทนัฐได้ที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้คุณเจ้าของร้านเพื่อขอคำปรึกษาแบบชิดใกล้

“เฮ้ย!! เรื่องนี้คุณต้องตัดสินใจเองป่ะ ทำไมต้องให้ผมช่วยตัดสินใจล่ะ ?” ชินพัตน์เขยิบออกห่างเล็กน้อย

“ก็ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วมนี้ครับ”นนทนัฐยกยิ้ม
อยากให้คุณมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตของผมมากกว่านะ

“คุณพูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ พอผมบอกไปแล้วทำออกมาไม่ดี คุณก็จะมาโทษผมที่หลังนะสิ ไม่เอาด้วยหรอกนะ”

“ชิน ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ผมก็แค่มีคุณเป็นคนค่อยช่วยให้คำปรึกษาอยู่แค่คนเดียวในตอนนี้ ผมเลยอยากให้คุณช่วยตัดสินใจไงครับ” นนทนัฐยกยิ้มอธิบาย

“แต่ว่า….”

“ว่าไงครับ?”นนทนัฐลุ้นกลับคำเสนอของคนตรงหน้า

“ผมว่าไปดูแถวนี้อีกรอบดีไหม ถ้าคุณไม่แน่ใจอ่ะ”ชินพัตน์ก็เริ่มกังวล เพราะตนเองก็ไม่ถนัดกับเรื่องเหนือไปจากการขายลูกชิ้นที่ตนเองเห็นและทำอยู่มาตั้งแต่เด็ก

“คุณจะไปดูด้วยกันไหม ชิน” นนทนัฐถามเพื่อหวังผล

“ผมแค่ดูร้านแถวนี้ให้ก็พอนะ คงไม่ไปเข้าเมืองกับคุณหรอก ผมต้องดูร้านอีก” ชินพัตน์อธิบาย

“แค่นี้ก็พอแล้วครับ “นนทนัฐยกยิ้มพอใจที่พาชินพัตน์ไปดูที่ดูทางด้วยกันได้
ไปดูอนาคตของเรากันนะครับ
นนทนัฐรู้สึกพอใจจนแอบยิ้มไม่หุบ ไม่โดนโกรธแถมยังได้ไปออกไปช่วยดูร้าน ช่วยตัดสินใจด้วยกันแบบนี้อีก
อีกไม่นานแล้วใช่ไหม ผมเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่านะ

“ได้งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน กลับตึกคุณไปได้แล้ว”ชินพัตน์สรุปพร้อมตัดบท นนทนัฐหุบยิ้มทันที่เมือโดนคุณเจ้าของร้านไล่กลับที่พักของตนเอง

“ครับ พรุ่งนี้ไปรถของผมนะ”

“อืม” ชินพัตน์ก้มหน้าเช็คยอดลูกชิ้นและยอดเงินที่เข้าร้านมาวันนี้อีกสักพักก็เตรียมตัวขึ้นไปนอน แต่ก็ต้องงง เพราะคนที่ควรจะกลับยังนั่งมองเขาทำงานอยู่ ไม่ได้ลุกไปไหน

“อ้าว คุณยังไม่กลับไปสักที่ล่ะ นี้มันดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือยัง”ชินพัตน์ที่ยืนขึ้นเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยพร้อมขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก็ต้องเตือนคนที่เอาแต่นั่งมองอีกครั้ง

“ผมรอคุณทำงานเสร็จก่อน แล้วผมค่อยกลับครับ” นนทนัฐลุกตาม และก็แยกย้ายกลับไปที่พักของตนเองอย่างว่าง่าย ชินพัตน์ก็เดินไปปิดประตูหลังบ้านก่อนกลับขึ้นมานอน และคิดไปถึงวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะ
 
    รุ่งเช้านนทนัฐมาช่วยป้าพรกับจอยจัดเตรียมของและบอกเล่าเรื่องที่ตนเองจะออกไปทำธุระกับชินพัตน์ช่วงเช้าข้างนอกแล้วจะรีบนำตัวคุณเจ้าของร้านมาส่ง ป้าพรก็ตอบรับอย่างดี แถมอุ่นใจที่มีเพื่อนไปด้วยกันแบบนี้มีเรืองอะไรก็จะได้ช่วยกันได้ ชินพัตน์ก็แต่งตัวเสร็จลงมาจากชั้นบนพอดี

“ป้าครับ ผมออกไปธุระข้างนอกนะครับ”

“จ้าๆ ป้ารู้แล้ว รีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย แดดมันจะร้อนนะ”ป้าพรพูดยกยิ้ม

“คุณบอกป้าแล้วเหรอ”ชินพัตน์หันไปมองคนที่มายืนรอ นนทนัฐตอบรับกลับด้วยการพยักหน้าเบาๆ
 
          แล้วทั้งคู่ก็ขับรถออกไปดูร้านรอบๆว่ามีร้านไหนเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ตหรือร้านหนังสือหรือเปล่า ขับออกมาไกลมาก็แถบจะไม่มีเลย และระหว่างจะกลับรถเพื่อจะไปดูอีก ด้านฝั่งตรงข้ามถนนก็สะดุดตากับร้านขายกาแฟสด ชินพัตน์เลยให้นนทนัฐหยุดรถเพื่อดูว่า ร้านแบบเดียวก็ที่ขายในตึกแถวเดียวกันหรือเปล่า เลยลองเข้าไปดูที่ร้าน

“สวัสดีค่ะ ร้านกาแฟสด ยินดีต้อนรับค่ะ”

“คุณจะดื่มอะไรไหม”นนทนัฐที่เลือกที่นั่งได้ก็ถามชินพัตน์ที่เอาแต่หันมองไปรอบๆร้าน

“ผมเอาชาเย็นแล้วกัน”

“รับอะไรดีค่ะ”

“ชาเย็น 2 ครับ”

“ค่ะ สักครู่นะคะ”

“คุณร้านนี้มีหนังสือให้นั่งอ่านด้วย” ชินพัตน์เขยิบเข้ามานั่งชิดนนทนัฐเพื่อพูดคุย

“ครับ”

“ชาเย็นได้แล้วค่ะ”

“น้องครับ ที่ร้านนี้หนังสือให้อ่านฟรีเหรอครับ” ชินพัตน์รีบชิงยิงคำถามกับสาวน้อยที่มาเสริฟชาทันที่

“อ้อค่ะ ถ้าเป็นลูกค้าที่มานั่งดื่มเครื่องดื่มที่ร้าน หนังสือที่วางตามชั้นต่างๆ สามารถยิ้มมานั่งอ่านได้ฟรีค่ะ”

“อ้อครับ”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ กลยุทธทางการตลาดเรียกลูกค้าเพื่อจะได้นักอ่านนาน ดื่มเครื่องดื่มในห้องแอร์เย็นไปด้วย

“แล้วถ้าไม่ใช่ลูกค้าละครับ”นนทนัฐถามถึงมาบ้าง

“อ้อค่ะ จริงๆแล้วที่ร้านนี้เป็นร้านขายหนังสือและให้เช่ามาก่อนหน้านี้ค่ะ พึ่งจะมาเพิ่มเติมเรื่องเครื่องดื่มเอาไว้บริการลูกค้าภายหนังมานี้เองค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำจากการมาซื้อหนังสือหรือมาเช้า นะคะ”สาวน้อยอธิบายให้กับลูกค้าหน้าใหม่อย่างนนทนัฐและชินพัตน์ฟังให้เข้าใจเกี่ยวกับร้านที่ตนเองทำงานอยู่

“อ้อครับ ขอบคุณมากครับ”นนทนัฐเข้าใจมากขึ้น เพราะดุแล้วก็มีลูกค้านั่งอยู่ตามมุมต่างของร้านที่จัดไว้เพื่อนั่งอ่านและดื่มเครื่องดื่มได้ไปพร้อมๆกัน

“นี้คุณดูลูกค้าของร้านนี้สิ มีทุกวัยเลยนะคุณ” ชินพันต์หันมากระซิบเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน นนทนัฐพยักหน้าเห็นด้วย

“เมื่อวานผมขับรถผ่าน มารอบหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ ไม่คิดว่ามีหนังสือให้นั่งอ่านแบบนี้ด้วย”

“คุณเกือบพลาดแล้วนะ ถ้าตัดสินใจเปิดร้านหนังสือ คุณเจ้งแน่ๆ “

“งั้นคุณเหลือทางเลือกเดียวแล้วนะ”นนทนัฐพยักหน้ารับคำ

               นนทนัฐขับรถมาส่งชินพัตน์ที่ร้านก่อนจะขับรถเข้าเมืองไปหาดูศูนย์คอมพิวเตอร์ เขาตัดสินใจแล้วที่จะเปิดร้านอินเตอร์เน็ทเพราะยุคนี้การสื่อสารมันกว้างไกล และสิ่งที่จะเข้าถึงคือร้านอินเตอร์เน็ต และเกมออนไลน์ต่าง เพื่อดึงดูดคนทุกวัยด้วย เขาต้องไปติดต่อช่างเพื่อมาดูร้านเพื่อทำการติดตั้ง เครื่องระบบอินเตอร์เน็ท อีกหลายอย่างมากมาย แต่ยังไม่วายอดห่วงว่าตนเองจะไม่มีเวลาอยู่กับคุณเจ้าของร้าน แต่ยังไงก็ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว แค่นี้ก็น่าจะเกินพอ
   
            ชินพัตน์กลับเข้ามาที่ร้านตอน 11 โมงเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านพอดี ต้องรีบช่วยจอยกับป้าพรขายของ จนไม่มีเวลาโทรถามคนที่เข้าเมือง แล้วหายเงียบไปเลยทั้งวัน จนตกเย็นลงลูกเริ่มน้อยลง ชินพัตน์ก็รีบค้นหาโทรศัพท์ในลิ้นชักเพื่อโทรหาใครบ้างคนทันที่

“นี้คุณเป็นไงมั้ง”ชินพัตน์ถามด้วยน้ำสียงเป็นห่วง เพราะเห็นว่าอีกคนเข้าเมืองไปปานนี้ยังไม่กลับมา

(“ผมเจอเพื่อนที่ศูนย์คอมเขาเลยแนะนำผมหลายเรื่องเลย อีกซักพักผมก็จะกลับแล้ว”)นนทนัฐยกยิ้มดีใจเมื่อชินพัตน์โทรหาเขา และถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

“อืม “ชินพัตน์โล่งใจที่นนทนัฐคุยเรื่องงานอย่างสบายใจ เพราะมีเพื่อนช่วยดูให้อีกทาง แต่สิ่งที่กังวลคือกลัวจะโดนหลอกเพราะไม่ใช่คนในพื้นที แล้วจะมาเปิดกิจการใหญ่โตเอาแบบนี้ ก็เลยกลัวไปต่างๆนาๆ

(“เดี๋ยวผมรีบกลับไปหานะครับ ผมมีเรื่องเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”)นนทนัฐอยากกลับไปเล่าเรื่องต่างๆที่ได้คำแนะนำจากเพื่อนให้ชินพัตน์ฟังเร็วๆ

“อืม ขับรถดีๆล่ะ”ชินพตน์ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะเป็นเรื่องดีๆสินะ น้ำเสียงดูดีอกดีใจขนาดนั้น ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าอมยิ้มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร จนจอยทัก

“พี่ชิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรจ๊ะ อิอิ”จอยพูดแซว

“เอ๊ะ ปะ เปล่าไม่ได้ยิ้มอะไรสักหน่อย” ชินพัตน์เดินหนีไปหาลูกค้าที่เรียกเก็บเงิน จอยได้แต่หัวเราะชอบใจเดินเอาลูกชิ้นไปปิ้งหน้าเตาอย่างอารมณ์ดี

         ชินพัตน์ก็ได้แต่ชะเง้อคอคอยมองหน้าร้านว่าใครบ้างคนที่บอกจะกลับมา แต่ก็ไม่กลับมาสักที่ จริงๆก็ไม่ไดอยากรู้หรอกว่าจะกลับมาเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง แต่เดินวนไปมาจากที่โต๊ะทำงาน และหน้าร้านไปมา และสุดท้ายก็ไปหยุดที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชัก เพื่อควานหาโทรศัพท์หมายจะโทรหาคนที่ยังไม่ยอมกลับมาสักที่

“ป้าครับ ผมซื้อขนมมาฝากครับ จอยมาแบ่งไปกินสิ”นนทนัฐเข้าร้านมาก็ทักทายผู้สูวัยก่อน พร้อมชูถุงขนมมากมายส่งให้จอยไปแบ่งจัดใส่จาน และเดินตรงมาหน้าคนที่นั่งมองมาอยู่ก่อนแล้ว

“กลับมาแล้วครับ”นนทนัฐเดินมานั่งใกล้คนที่ทำท่าทางเสหน้าไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาดีใจที่เห็นอีกคนกลับมาแล้ว

“อืม” ชินพันตน์จะลุกไปหาลูกค้า แต่โดนคว้าแขนไว้ก่อนให้นั่งลงที่เดิม

“ผมซื้อขนมมาฝากด้วยนะครับ”

“อืม” ชินพัตน์พยักหน้ารับ แต่ไม่ยอมหันหน้าไปมองคนที่จับมือตนเองไว้

“ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”

“อืม”

“คุณไม่อยากฟังเหรอ”

“เอ๊ะ ปะเปล่า”ชินพัตน์รีบหันหน้ากลับมาตอบ เจอเข้ากับสายตาจับผิดยกยิ้ม

“ก็ชินไม่หันมามองหน้าผมเลย”

“ผมจะไปดูลูกค้านะ ลูกค้าเรียกเก็บเงินแล้ว”

“ครับ” นนทนัฐเห็นว่าลูกค้าเรียกคุณเจ้าของร้านจริงเลยปล่อยมืออย่างเสียไม่ได้
 
        ไม่เป็นไรคืนนี้มีเรื่องที่ได้คุยกันอีกนานแน่ เก็บไว้คุยกันสองคนแล้วกัน ตอนนี้ช่วยงานที่ร้านก่อน นนทนัฐคิดได้แบบนั้นก็ เดินเข้าไปช่วยจอยปิ้งลูกชิ้นหน้าเตา และช่วยป้าพรยกอาหารไปให้ลูกค้าที่โต๊ะ ตลอดเวลาที่นนทนัฐทำงานไป ทุกอย่างล้วนลูกในสายตา ที่มถูกใครบ้างคนแอบมองตลอดเวลา   


จะมองทำไมชินพัตน์

ทำงานสิ

ทำงาน










   ลูกชิ้นร้อนๆหมูล้วนๆมาแลวจ้า!!!

  มาเป็นหุ้นส่วนขายลูกชิ้นปิ้งกับมิมนินไหมค่ะ อิอิ

 คุณนนท์รักจริงจังมากเลยนะ  :mew1:

มาตามลุ้นกันนะคะ ว่าคุณเจ้าของร้านจะใจอ่อนให้คุณนนท์ตอนไหนกันนะ อิอิ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด