เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!  (อ่าน 68971 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ชินเปิดใจกว้างให้นนท์ได้แล้วนะ
นนท์ยอมทิ้งฝันบางฝันมาเพื่อ
ได้อยู่ดูแลชินอย่างไกล้ชิด

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0

       

         (ต่อ)

     
          เมื่อถึงเวลาทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันลำพังอีกครั้ง ก็ต่างนิ่งเงียบ นนทนัฐก็นั่งมอง ชินพัตน์ทำงานเช็คเงิน เช็คยอดของที่ต้องซื้อเพิ่มเข้ามาที่ร้าน รวมถึงยอดลูกชิ้นที่ต้องสั่งเข้ามาอีก ชินพัตน์ก็รอเวลาให้อีกฝ่ายพูดหรือเปล่าถึงเรื่องที่ออกไปทำข้างนอกให้ตนเองฟัง แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายพูดเอาแต่นั่งมองเขาเงียบๆ อย่างน่าสงสัย

“ผมจะขึ้นไปข้างบนแล้วนะ คุณจะมีอะไรพูดกับผมหรือเปล่า?” ชินพัตน์ทำลายความเงียบ

“ครับ”นนทนัฐตอบรับแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะคนตรงหน้าก็สนใจเรื่องของตนเองอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

“ก็เล่ามาสิคุณ เดี๋ยวมันจะดึก”

“ครับ ๆ ก็วันนี้ผมไปดูศูนย์คอมในตัวเมืองมา ผมเจอเพื่อนสมัยเรียน เขาเลยแนะนำร้านดีให้ และจะเข้ามาจัดการติดตั้งคอมและอินเตอร์เน็ทให้ด้วยครับ ผมโชคดีมากเลย ชิน “

“อืม ดีใจด้วย”ชินพัตน์อดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้ เพราะใบหน้าแสดงความดีใจในเรื่องจัดการร้านอินเตอร์เน็ตน่าจะวุ่นวายกว่านี้ แต่กลับมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ถึงว่าดีมากๆ

“ครับ ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าจัดการเอง คงใช้เวลานานกว่านี้แน่ๆ เพราะผมไม่รู้อะไรมาก ดูๆข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว มันคงไม่พอแน่ๆ แต่พอมีเพื่อนผมเข้ามาช่วยแบบนี้เบาแรงและสบายใจได้ว่าร้านต้องออกมาดีแน่ๆ “นนทนัฐพูดไปก็ยิ้มอย่างไม่ปิดบัง

“ดีแล้วล่ะ แล้วเพื่อนคุณจะเข้ามาดูตึกคุณเมื่อไรล่ะ”

“ภายในอาทิตย์นี้ครับ เขาขอดูจำนวนเครื่องคอมให้ผมก่อน แล้วจะสั่งลูกน้องเขามาเดินระบบไฟและระบบอินเตอร์เน็ตให้ที่หลังครับ”

“อืม เร็วดีเหมือนกันนะ ดีเลยจะเข้าช่วงสอบแล้ว ร้านจะเสร็จทันช่วงปิดเทอมหรือเปล่า ร้านคุณคงลูกค้าเยอะแน่ๆ”ชินพัตน์มองการไกลไปถึงเปิดร้าน และเรื่องลูกค้าเลยที่เดียว เนื่องจากชินพัตน์ได้พูดคุณกับลูกค้ามากมายในแต่ละวัน เลยพอจะรู้ว่า เด็กนักเรียนของเหล่าลูกค้าใกล้ช่วงเวลาสอบแล้ว

“ผมก็อยากให้ร้านเสร็จทันช่วงนั้นเหมือนกันครับ”

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ”ชินพัตน์เอยอยากช่วยเหลือในส่วนที่จะช่วยได้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนในหลายเรื่องที่ผ่านมา

“ครับ”พยักหน้าและยิ้มตอบรับเสียงหวาน จริงเขาอยากจะพูดด้วยซ้ำว่า
เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆผมก็พอแล้วครับ
ในช่วงสัปดาห์ ตึกข้างๆร้านลูกชิ้นปิ้ง เป็นที่ถูกถามไถ่ของเหล่าลูกค้าที่เข้าออกร้าน หรือแม้กระทั้ง ร้านถัดไป ในละแวกเดียวกันก็ต่างมาถาม เป็นคำถามยอดฮิต ว่าตึกข้างกำลังจะทำอะไร ขายอะไร ขายเหมือนร้านของพวกเขาหรือเปล่า

“อ้อ ครับ เพื่อนผมเขากำลังจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ ป้า” ชินพัตน์เก็บเงินลูกค้า และตอบคำถามไปด้วย

“ร้านอินเตอร์เน็ตเหรอจ๊ะ?”

“ครับ ร้านที่เข้ามาเล่นเกมก็ได้  ดูละครย้อนหลังเรื่องที่ป้าตามดูไม่ทันก็ได้นะครับ ฟังเพลงเก่าที่หาฟังยากๆ และอะไรดีหลายอย่างนะครับป้า อธิบายไม่หมดครับ”

“เหรอจ๊ะ แล้วเล่นอะไรนะ เห็นเด็กๆนั่งเล่นกันในมือถือ เฟส เฟสบุกอะไรนั้นล่ะ ป้าก็อยากสมัครกับเขามั้ง แต่ในโทรศัพท์ป้ามองไม่ค่อยเห็น”

“ได้ครับป้า เข้ามาเล่นที่ร้านนี้ได้ครับ หน้าจอใหญ่ๆ ไม่เสียสายตา แถมเปิดแอร์เย็นนั่งเล่นสบายๆเลยครับ”

“จริงเหรอ แม้อยากให้เปิดเร็วๆจังจะมาเป็นลูกค้าคนแรกเลย ฮ่าๆๆ”

“ครับ คงอีกไม่นานนี้แล้วล่ะครับ”

“จ้า ป้าจะพาหลานๆป้ามาด้วย เด็กๆมันชอบเล่นเกมกันนะ ร้องจะให้ซื้อคอมให้ตลอด มันก็หลายตั้งอยู่ป้าเลยคิดหนัก”

“ครับ มาที่ร้านนี้ก็เลยได้ครับ ให้พวกเขาเล่นเป็นเวลา จะได้ไม่เสียการเรียน”

“จ้าๆ พวกเด็กๆวัยรุ่นแถวนี้ก็ถูกใจกันใหญ่แน่ เพราะแถวนี้ไม่มีใครเขาเปิด เห็นลูกค้าบ้านกลับบ้านค่ำก็บอกว่าไปคลุกอยู่ร้านเกมในเมืองโน่น กว่าจะพากันกลับมาบ้านได้ “

“ครับ”ชินพัตน์ยิ้มพอใจเพราะคิดว่า นนทนัฐคิดไม่ผิดแน่ที่เปิดร้านอินเตอร์เน็ตที่มีชุมชนขนาดใหญ่ขนาดนี้

       ร้านเสริมสวยร้านกาแฟ แม้แต่ร้านฝั่งตรงข้ามถนนยังต่างมาถามทีร้านของชินพัตน์ตลอด ว่าตึกข้างๆจะเปิดขายอะไร กลัวเจอคู่แข่งเลยแอบมาถาม ทีร้านจนชินพัตน์ไม่อยากจะตอบแล้ว เพราะเจอแต่คำถามซ้ำๆ และที่ไม่ชอบใจก็คือ บ้างคนบอกว่า ร้านอินเตอร์เน็ตของ นนทนัฐจะไปรอดเหรอ เดี๋ยวสักพักก็เจ๋ง จะคุ้มมั้ยบ้างล่ะ ไม่มีคนเข้าร้านบ้างล่ะ ทำให้ชินพัตน์รู้สึกหงุดหงิดแทนไม่น้อย

“พี่ว่านะ ร้านจะเปิดได้สักกี่เดือนเดียวก็ปิด เพราะเด็กสมัยนี้เล่นกันแต่ในโทรศัพท์แล้ว” เจ๊ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ในตึกแถวเดียวกัน แต่ห่างออกไปหน่อย เขามาทำที่ซื้อลูกชิ้นแต่ก็แอบถามถึง

“ผมก็ไม่รู้หรอกครับ คงต้องดูๆกันไปนะครับ แต่ผมคิดว่านะร้านอินเตอร์เน็ตที่มีห้องแอร์เย็นๆให้เด็กนักเล่นเกมสบายๆ กับต้องมานั่งขอเงินเพื่อไปเติมเงินในโทรศัพท์เป็นร้อยๆ เพื่อเล่นในโทรศัพท์  บ้างที่เล่นมาๆโทรศัพท์เจ๋ง ต้องซื้อใหม่อีกนะครับ”ชินพัตน์ตอกกลับไป ทำให้เจ๊ร้านขายเสื้อถึงกับหน้าเสีย เพราะชินพัตน์จำได้ว่าลูกสาวของเจ๊เขาทำโทรศัพท์พังตอนมาซื้อลูกชิ้นที่ร้านเขา  พอเจ๊ร้านเสื้อผ้าได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบจ่ายเงินค่าลูกชิ้นแล้วเดินกลับร้านไปเลย

“พี่ชิน สุดยอดอ่ะ จัดการได้แถบทุกคนเลยอ่ะ พวกปากเสียพวกเนี้ย “จอยเข้ามากระซิบชม เพราะเจอแม่ค้าพ่อค้าละแวกนี้เข้ามาถาม และพูดจาไม่ดีแบบนี้ทั้งนั้น

“แต่พี่ก็ใช่จะมั่นใจร้อยเปอร์เช็นนะ ก็กลัวเหมือนกันนะ ถ้าร้านเน็ตเจ้ง ขึ้นมาจริงๆ พี่นั้นและจะโดนหัวเราะหนักกว่าใคร”“ไม่หรอกพี่ พี่นนท์เข้าดูเอาจริงเอาจังกับร้านขนาดนั้น คงไม่ปล่อยให้ร้านของตนเองเจ้งไม่เป็นท่าหรอกนะพี่ ดูสิตั้งแต่เช้าหนูยังไม่เห็นพี่นนท์พักเลยเห็นเดินไปเดินมาดูคนงานเดินสายไฟ แล้วก็รับโทรศัพท์ตลอดเวลาเลยนะพี่”

“อืม”ชินพัน์ก็เห็นด้วย ดูแล้วก็อยากเข้าไปช่วยเหลือเหมือนกัน แต่เพราะตนเองก็มีร้านที่จะต้องดูแล เลยทำได้แค่เพียงบอกต่อๆให้กับลูกค้าที่สนใจ แล้วก็จัดการพวกปากหอยปากปูเท่าที่จะพอจัดการได้

                   ระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ทุกอย่างดูเป็นรูปเป็นร่าง จนทั้งชินพัตน์และนนทนัฐไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะใกล้เสร็จเรียบร้อย พร้อมเปิดร้านได้เร็วขนาดนี้  ต้องขอบคุณเพื่อนของนนทนัฐที่เจอกันในเมือง ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่ได้เข้ามา ที่ร้านนี้เลย แต่ก็กำชับลูกน้องให้ทำงานให้ที่ร้านของนนทนัฐเป็นอน่างดี เพราะจริงๆแล้ว เพื่อนของนนทนัฐที่งานอยู่ที่สาขาหลักที่กรุงเทพ แต่วันนั้นแวะมาดูสาขาที่ต่างจังหวัด และได้เจอเพื่อนอย่างนนทนัฐเขาพอดี เป็นเพื่อนเรียน มัธยมปลายที่กรุงเทพด้วยกัน แยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ได้เจอกันแต่ก็พอจะรู้ข่าวคราวบ้าง ว่าต่างคนต่างทำงาเกี่ยวกับสาขาที่ตนเองเรียนจบมา เพื่อนของนนทนัฐยังแปลกใจในตอนแรก ว่าไม่ทำงานเป็นวิศวกรแบบเก่าแล้วเหรอ นนทนัฐก็ได้แต่ตอบเพื่อนแก้เก้อว่า อยากมาเปิดร้านเอง เลยเลือกเปิดร้านเน็ต แต่ก็ไม่ทิ้งงานที่ตนเองเรียนมาซะที่เดียว เพื่อนของเขาก็ไม่เซ้าซี่ถามอะไรอีก และช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้ทุกอย่างออกมาดีและรวดเร็วเกินที่ นนทนัฐขาดไว้ด้วยซ้ำ เพื่อของเขายังมีโทรมาถามเรื่องที่ร้านกับเขาและกับลูกน้องอยู่เรื่อยๆ

(“เฮ้ยร้านเป็นไงมั้ง ไปถึงไหนแล้ว”)เพื่อนนนทนัฐ ชื่อประนพ ถามเพื่อนอยากเป็นห่วง

“อืม ขอบใจมากนะนพ ร้านใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ เรื่องเรื่องระบบคุมเท่านั้นเอง อีกไม่กี่วันก็คงเปิดร้านได้แล้วล่ะ”

(“เหรอดีแล้ว เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปดูเอง “)

“เฮ้ยไม่ต้องมาขอทงขอโทษเราหรอก นายช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้ก็ขอบใจมากแล้วล่ะ ช่วยได้เยอะมากๆเลย เพราะเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับร้านอินเตอร์เน็ตเลย”

(“อืม มีอะไรให้ช่วยก็บอกเราได้นะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามลูกน้องเราได้ หรือโทษหาเราได้ตลอดนะ”

“ได้ ขอบใจอีกครั้งนะนพ ว่าแต่อาทิตย์หน้านายพอจะว่างหรือเปล่า เราจะไปหาฤกษ์เปิดร้าน ถ้าว่าก็แวะมาได้นะเพื่อน”นนทนัฐช่วยเพื่อนล่วงหน้าเพราะกลัวเพื่อนจะไม่ว่าง

(“ได้สิ ได้วันแล้วโทรมาบอกเราอีกที่นะนนท์ จะได้จัดเวลาถูกนะ” ประนพบอกเพื่อน

“ขอบใจมากเพื่อนเดี่ยวเราโทรไปบอกนะ”

(“ได้เพื่อน แล้วอยากลืมแนะนำคนสำคัญของนายให้เรารู้จักด้วยนะ”) ประนพพูดแซวเพื่อน เพราะนนทนัฐเล่าให้ฟังคราวๆว่ากำลังตามจีบใครบ้างคนอยู่ จนต้องมาเปิดร้านอยู่ใกล้ๆแบบนี้

“”อืม ได้สิถ้านายมาได้ นายได้เจอเขาแน่นอนเพื่อน”

(“ได้อยากไปเร็วขึ้นแล้วว่ะเพื่อน ฮ่าๆ”)ประนพและนนทนัฐคุยต่อก็เล็กน้อยต่างก็ว่างสาย กลับไปสนใจงานของตนเองต่อ

                    นนทนัฐปรึกษาชินพัตน์ว่าจะลองไปหาฤกษ์เปิดร้านเอาไว้ก่อนร้านจะติดตั้งระบบเสร็จและซื้อของเข้ามาตกแต่ร้านเพิ่มเติมด้วย ชินพัตน์เลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษายายและพี่ชาย ที่ไปรับต้นกล้าและยายมาขายผักที่ตลาดนัดในวันรุ่งขึ้น ยายและพี่ชายก็พร้อมใจกันบอกว่าให้ไปที่วัดเดินที่เคยไปขอฤกษ์มาเป็นร้านของ ชินพัตน์นั้นและใกล้ๆไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ชินพัตน์เลยตกลงใจว่าจะพา นนทนัฐไปด้วยตนเอง และฝากร้านกัพี่ชายให้ช่วยเข้ามาดูในช่วงเช้าให้หน่อย นพคุณก็รับปากเพราะ ตั้งใจจะแวะมาหาต้นกล้าที่บ้านสวนในตอนเช้าอยู่แล้ว ตกเย็นก็ส่งน้องขึ้นรถกลับไปเรียนได้พอดี เลยไม่อิดออดที่จะตอบรับ น้องชายเรื่องที่มาดูร้านแทนให้ตอนเช้า มาต้นกล้ามาดูหน้าร้านไว้ เพื่อสักวันต้นกล้าจะได้มาดูแลด้วยกันแบบนี้บ้าง นพคุณมั่วแต่เพ้อไปไกล จนคนเป็นน้องชายแซว

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่!!!! เป็นอะไรยืนยิ้มคนเดียว?”ชินพัตน์ที่เริ่มเก็บของขึ้นรถหลังจากนพคุณขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดแทนหมดก็เป็นคนมาช่วยเก็บข้าวของขึ้นรถเอาไปเก็บที่ร้าน และพูดคุยกับทั้งต้นกล้าและกับยายด้วย

“เฮ้ย เรียงเสียงดังทำไม เจ้าชิน?!!”

“อ้าวก็พี่เอาแต่เหมอ เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยินนี้”

“เออๆ แล้วเรียกทำไม”

“พรุ่งนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับมาประมาณกี่โมงนะ แต่จะพยายามกลับมาให้ทันพี่ไปส่งต้นแล้วกันนะ”

“เออๆ โทรไปก็รับด้วยแล้วกันโทรศัพท์นะ”

“ครับๆ พี่แวะกินอะไรที่ร้านก่อนป่ะ ต้นกับยายด้วยนะ แวะที่ร้านก่อนไหมครับ” ชินพัตน์หันมาช่วยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับทั้งคู่เลย ป้าพรแกก็บนคิดถึงยายเหมือนกัน

“ยายแวะกินข้าวที่ร้านเลยดีกว่าครับ กลับถึงบ้านจะได้พักผ่อนเลย ไม่ต้องไปนั่งหา”นพคุณเสริมน้องชายเพื่อจะยื้อเวลาอยู่กับต้นกล้าเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วก็อยากแวะไปดูร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ด้วย

        ทุกคนมารวมตัวกันที่ร้านรวมทั้งนนทนัฐพึ่งเลิกงานพร้อมกับ ช่างไฟ คนติดระบบอินเตอร์เน็ตที่ต่างทยอยกันกลับ และบอกว่าพรุ่งนี้จะลองเข้ามาเก็บงานอีกช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้านนทนัฐบอกไม่อยู่จะไปทำธุระพอดี
 
       เป็นช่วงหัวคำที่มีลูกค้าไม่เยอะจะมีตกหล่อนจากตลาดนัดป่ะปราย เพราะไม่ทันได้ซื้อลูกชิ้นที่ตลาดนัดก็จะแวะมาซื้อที่หน้าร้าน และวก็ต่างพากันกลับไป วันนี้ชินพัตน์ว่าจะปิดร้านเร็ว แล้วเอาเวลามาคุยกับทุกคน

“ร้านใกล้จะเสร็จหรือยังพ่อหนุ่ม” นนทนัฐยกมือไหว้ยายเมื่อเดินเข้าร้านมาก็เห็นทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว

“เหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อย กับลองเช็คดูระบบว่าใช้ได้ดีหรือเปล่านะครับ”นนทนัฐอธิบาย

“ให้จอยไปช่วยลองไหมจ๊ะ อิอิ” จอยรีบเสนอตัวอยากลองเล่นดูมาตั้งนานแล้วร้านอินเตอร์เน็ตแบบนี้

“ได้สิจอย ให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อนนะ พี่จะให้จอยลองเล่นที่ร้านดูเป็นคนแรกเลย”ส่งยิ้มตอบกลับอย่างใจดี

“คุณพรุ่งนี้ผมจะพาไปหาดูฤกษ์เปิดร้านกับหลวงพ่อที่วัดที่ผมเคยไปนะ”ชินพันต์รีบบอกเรื่องสำคัญ

“แล้วใครจะดูร้านล่ะ เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ คุณบอกที่มาแล้วกัน ไม่ต้องลำบากหรอก”

“อย่าเรื่องมากน่า ผมฝากร้านให้พี่ชายผมดูแล้วล่ะ”ชินพัตน์พูดเสียงเขียว

“อ้อ ขอบคุณครับ”เหมือนจะพูดขอบคุณคนที่พูด แต่กลับหันไปหานพคุณแทน นพคุณก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจความหมาย

“แล้วจะต้องซื้ออะไรเข้าร้านเพิ่มอีกหรือเปล่าล่ะ”นพคุณถามเพิ่ม

“ผมคิดว่าจะซื้อชั้นว่างของนะครับ คิดว่าจ๊ะขายขนมเผื่อมีเด็กเข้าร้านเยอะนะครับ”

“อืมก็ดีนะ เตรียมตัวล่วงหน้าไว้แต่เนินๆ พอมีลูกค้าแล้วจะไม่มีเวลาไปซื้อ”นพคุณพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนน้องชาย

“นี้คุณ แล้วพวกน้ำดื่มล่ะ ไม่ซื้อเข้ามาขายเหรอ”ชินพัตน์แย้ง

“ผมดูข้อมูลว่าถ้าลงตู้แช่ มันจะกินไฟมากนะครับ และทำให้ค่าแอร์เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อนผมเข้าแนะมานะครับ ตอนแรกผมว่าจะลงให้ครบเลย “นนทนัฐหันไปอธิบายกับทุกๆคนเรื่องนี้

“แล้วคุณจะขายน้ำดื่มยังไงล่ะ”

“ก็ซื้อที่ร้านคุณไง”

“เฮ้ยแล้วร้านผมไปเกี่ยวอะไรด้วย?”ชินพัตน์รีบแย้งอย่างไม่เข้าใจ

“คุณจะได้ลูกค้าเพิ่มไง ดีไม่ดีลูกค้ามานั่งทานลูกชิ้นแล้วสั่งน้ำกินไปพร้อมกันเลย”

“จริงด้วยสิตาชิน ป้าก็เห็นด้วยกับตานนท์นะ กินน้ำเข้าร้านคอม ป้ากลัวจะหกโดนของพังหมดพอดี” ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับที่ป้าพรพูด เรื่องเครื่องดื่มก็เป็นไปตามที่นนทนัฐพูด

“ก็ได้ เดี๋ยวผมสั่งน้ำสีมาเพิ่มด้วยก็ได้” ชินพัตน์ต้องยอมจำนนแล้วเสนอเพิ่มไปอีกเรื่องน้ำดื่มหรือน้ำอัดลม ที่เด็กวัยรุ่นชอบกินกัน เพราะที่ร้านของเขาขายแต่น้ำเปล่ามียี่ห้อ กับน้ำสมุนไพรบรรจุขวด ที่มีแม่ค้ามาลงให้ประจำ

“โอเค พี่จะพาต้นกับยายกลับสวนแล้วนะ เดี๋ยวจะดึก”นพคุณที่ดูเหมือนทุกอย่างลงตัวดีแล้ว เห็นน้องชายได้พูดคุยกับยายและต้นกล้าอย่างพอใจ ก็จะพากลับเมื่อเห็นนาฬิกาข้างฝาของที่ร้านบอกว่า จะสามทุ่มแล้ว คุยกันจนเพลิน

“ครับๆ กลับดีนะพี่ ยายพักผ่อนเยอะๆนะครับ ต้นมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ”ชินพัตน์รีบลุกตามพี่ชาย ยายและต้นกล้าไปที่หน้าร้านที่มีรถของนพคุณจอดรออยู่แล้ว

“รู้แล้วน่า ขับมาจนหลับตาขับได้แล้ว”นพคุณคุยโม้ จนต้นกล้าต้องตีแขน

“พี่ชิน ต้นกลับก่อนนะครับ วันศุกร์จะแวะมาหาที่ร้านนะครับ” ชินพัตน์ลูบหัวต้นกล้าอย่างเอ็นดูเพราะเขาอยากมีน้องชายเหมือนต้นกล้า

“ยายกลับก่อนนะพ่อหนุ่ม”

“ครับยาย พักผ่อนเยอะๆนะครับ “

                      ชินพัตน์ล่ำลาทุกคนเสร็จจนพี่ชายของเขาขับรถออกไป เขาก็กลับมาร้านเพื่อจะช่วยทุกคนเก็บร้าน แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะมีนนทนัฐช่วยนั้นเอง  ป้าพรกับจอยต่างพูดคุยเล่นกันว่าอยากสมัครเฟสบุคบ้าง เห็นลูกค้าเล่นตอนอยู่ในร้านแล้วอยากมีเพสกับเข้ามั้ง นนทนัฐก็รับปากบอกว่า ถ้าร้านเปิดแล้วจะสมัครให้ทั้งสองคน ป้าพรกับจอยถูกใจกันใหญ่ ต่างพาดีอกดีใจ ขึ้นไปชั้นบนยังได้ยินเสียงแว่วคุยกันไม่หยุด

“พรุ่งนี้ไปรถผมนะ”นนทนัฐชิงพูดก่อน

“ไม่เป็นไร ไปรถผมก็ได้ ผมเป็นคนพาไปนะ”

“แต่ผมต้องไปซื้อของเข้าร้านเพิ่มอีก เอารถผมไปเหอะ นะครับ”นนทนัฐเริ่มพูดเสียงอ้อนร้องข้อเบาๆ เพราะทั้งคู่ไม้ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มานานขนาดไหนแล้ว

“ตามใจคุณแล้วกัน กลับมาให้ทันพี่ชายผมด้วยนะ ผมจะไปนอนแล้ว”

“ครับๆ” นนทนัฐรีบเดินไปหลังร้านอย่างรู้งาน

“ฝันดีนะครับชิน”อีกคนไม่ตอบได้แต่พยักหน้ารับรู้ เพราะทุกคืนก็จะได้ยินคำนี้เสมอ จนขี้เกียจตอบแล้ว

         เช้ามาดูเหมือนคนที่จะเปิดร้านใหม่ดูตื่นเต้นกับการจะได้ออกไปข้างนอกกับคุณเจ้าของร้านมากๆ ตื่นมาแต่เช้ามาช่วยป้าพรเตรียมของ ช่วยจอยล้างผัก เสียบลูกชิ้น จนชินพัตน์ที่คิดว่าตนเองตื่นเช้าแล้ว ลงมาเห็นยังแปลกใจ รอจนกล้าพี่ชายจะมาพวกเข้าค่อยออกเดินทาง  ทานมือเช้าพร้อมกับทุกคนก่อนที่จะออกไป พอดีท่นพคุณมาพร้อมกับต้นกล้าพอดีจึงได้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

“คุณแล้ววันนี้พวกช่างไม่เข้ามาที่ร้านเหรอ”

“อ้อ ไม่เข้าครับพอดีพวกช่างเขามีงานทำที่อื่นช่วงเช้านะ แล้วจะเข้ามาที่ร้านช่วงบ่ายๆ”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“นี้คุณเลี้ยวเข้าไปเลย ผมจะทำบุญก่อน แล้วค่อยเข้าไปคุณกับหลวงพ่อ” ชินพัตน์อยากทำบุญเลยบอกให้นนทนัฐจอดรถลงไปทำบุญไหว้พระขอพร ปิดทอง ถวายเงินบริจาคที่ทางวัดจัดไว้ ร่วมทั้งบริจาคที่โล่งศพไร้ญาติด้วย นนทนัฐก็เดินตามชินพัตน์ ทำตามทุกอย่าง ไว้พระขอพรให้กับตัวเอง และร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ด้วย

“คุณอธิฐานขออะไรนานจัง”นนทนัฐเอยถามเมือเห็นชินพัตน์ก้อมกราบพระประธานองค์ใหญ่เสร็จ

“เรื่องอะไรผมจะบอก เดี๋ยวไม่คลัง” พูดจบก็เดินลุกหนีไปเฉยๆ จนนนทนัฐลุกตามแทบไม่ทัน
เรื่องอะไรจะบอก ว่าผมขอให้ร้านของคุณมีลูกค้าเยอะๆไม่มีอุปสรรคใดๆเข้ามา ทำร้านให้เจริญรุ่งเรื่อง ชินพันต์คิดได้ว่าตนเองขอพรแต่ให้กับคนอื่นไม่ได้ขอให้ตนเองเลย ก็เริ่มหน้าเห่อร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ

“หลวงพ่อครับ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ สุขภาพเป็นอย่างไรมั้งครับ”ชินพัตน์กราบหลวงพ่ออย่างนอบนอม และถามสารทุกข์สุกดิบของหลวงพ่อ

“อาตมา สุขภาพร่างกายปกติดีโยม ร้านค้า กิจการดีวันดีคืนเลยนะ “หลวงพ่อยิ้ม

“ครับ มีลูกค้าเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อยๆนะครับ เพราะลูกค้าพูดปากต่อปาก ร้านเราก็สะอาดอร่อย ลุกค้าก็ติดใจมาที่ร้านบ่อยนะครับ”

“ดีแล้วๆ ต้องมีคนช่วยนะ อย่าทำเองคนเดียว จะล้มป่วยมันไม่ดีนะโยม”หลวงพ่อพูดเตือน

“ครับ”ชินพัตน์อึ้งที่เรืองที่หลวงพ่อเตือนรีบยกมือไหว้รับคำเตือน นนทนัฐก็ดูเหมือนจะทึ้งกับสิ่งที่หลวงพ่อท่านเตือนด้วยเหมือนกัน เพราะเขาจะพูดเรื่องนี้กับชินพัตน์นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส ทั้งจอบป้าพรเองก็ดูจะเหนื่อยมากที่ต้องรับมือกับลูกค้าที่ดูจะเพิ่มขึ้นทุกวัน

“เอ่อ หลวงพ่อครับ พอดีเพื่อนผมเข้ากำลงจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ อยากจะให้หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์เปิดร้านให้เขานะครับ”ชินพัตน์เปิดประเด็น แล้วให้นนทนัฐขยับเข้าไปใกล้หลวงพ่อ เพื่อพูดคุยสอบถาม

“โยมเกิดวันที่เท่าไร วันอะไร ปีอะไร”

“ผมเกิด วันที่ 6 เดือนตุลาคม ปี 2533 ครับ”

“………………”หลวงตาก็นั่งขีดๆเขียนๆลงในกระดาษ  หลวงตาเงยหน้ามามองหน้าทั้งนนทนัฐและชินพัตน์

“แล้วโยมละ เกิดวันเดือนปีอะไร”

“เอ๊ะ ของผมด้วยเหรอครับ  เอ่อ  ผมเกิด 15 มกราคม ปี 2533 ครับ”

“………………”หลวงพ่อก็ก้มลงไปเขียนในกระดาษอีกครั้ง

“พวกโยมต้องช่วยกันไปแบบนี้นะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันจะทำให้กิจการทั้ง สองที่เจริญเติบโตงอกงาม”

“คะ ครับ/ครับ”ชินพัตน์ยังไม่เข้าใจเท่าไรแต่ก็ตอบรับ ส่วนนนทนัฐยกยิ้มรับเพราะเข้าใจในสิ่งที่หลวงตาพูดมา

“ฤกษ์ดีก็ วันอาทิตย์ นี้และนะ  แต่ถ้าไม่พร้อมก็ต้องรอไปอีกหน่อย จะมีดีอีกก็ ต้นเดือนหน้าเลยนะโยม”

“ผมครับ วันอาทิตย์นี้ใช่ไหมครับ ?  ร้านคุณพร้อมใช่ไหม? “ชินพัตน์รีบแย้งตอบ แต่ก็ไม่แน่ใจหันไปถามนนทนัฐอีกที่ คนโดนถามก็ได้แต่พยักหน้า เพราะรอต้นเดือนหน้าก็ไม่ไวเหมือนกัน

“พร้อมครับหลวงพ่อ”

“……..”พยักหน้ายิ้มรับ

“ครับหลวงพ่อ ผมขอนิมนต์มาเจริญพระพุทธมนต์ฉันเพล ในวันเปิดร้านเลยนะครับ ”

“ได้โยม “

“กราบลาละครับ ใกล้วันงานพวกผมจะมาแจ้งลายละเอียดที่จะมารับไปที่ร้านวันงานอีกครั้งนะครับ” ชินพัตน์จัดการทุกอย่าง จนนนทนัฐแถบไม่ต้องทำอะไรเลย
         
“นี้คุณ ร้านคุณเสร็จทันแน่นะ”ชินพัตน์ที่เดินนำหน้ามาที่รถ ก็ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

“ทันสิคุณ วัน สอง วันนี้ก็เสร็จแล้วล่ะ “

“อืม ก็ดีแล้ว จะได้มีเวลาเตรียมสถานที่ ที่ร้านคุณสักวันสองวันก่อนวันเปิดร้านนะ”

“ครับ “ ยกยิ้มพอใจเห็นคุณเจ้าของร้านออกหน้าเรื่องจัดงานให้แล้วรู้สึกดีใจ

“คุณมัวแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ ไม่ไปซื้อของเข้าร้านหรือไง” ชินพัตนตะโกนมาจากอีกด้านของรถ


               และวันเปิดร้านก็มาถึงนพคุณไปรับพระทั้ง 9 รูปพร้อมกับต้นกล้า มาที่ร้านที่เตรียมพร้อมจัดสถามที่ไว้พร้อมแล้ว เรื่องอาหารที่จัดเลี้ยงพระส่งก็ได้ยาย ป้าพร จอย รวมทั้งชินพัตน์ด้วยช่วยกันทำ แม่ของจอยก็มาช่วยด้วยอีกแรง วันนี้ที่ร้านลูกชิ้นปิ้ง ปิดร้านครึ่งวันเพื่อจะมาช่วยที่ร้านเกมที่กำลังได้ฤกษ์เปิดวันนี้   พระทั้ง 9 รูปนั่งประจำบนอาสนะเรียบรอยแล้วก็เริ่มพิธีต่างๆไปตามขั้นตอน   จนเสร็จสรรพถึงช่วงเวลาพรมน้ำพุทธมนต์ให้ศีลให้พรแก่เจ้าของร้าน และผู้มาร่วมงานทุกคน และนิมนต์ท่านเจิมหน้าประตูร้านเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร้านด้วย และก็เป็นหน้าที่ของนพคุณและต้นกล้าที่ขับรถไปส่งพระทั้ง 9 รูปกลับวัด แขกต่างที่มาในร้านก็ต่างพากันมาแสดงความยินดี และร่วมทานอาหารร่วมกัน  นนทนัฐยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในร้านจนลืมไปเลยว่า เพื่อนของเข้าประนพว่าจะมางานในวันนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นมา เป็นเพื่อนที่กรุงเทพคนเดียวที่นนทนัฐบอกเรื่อง เปิดร้านให้รู้ เลยแยกตัวออกมาจะดทรหาเพื่อน แต่ชินพัตน์ดึงตัวเอาไว้ก่อน

“นี้คุณจะออกไปไหนล่ะ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ มากินข้าวก่อนสิ”

“ชิน ผมขอโทรหาเพื่อนก่อนนะ เขาบอกว่าจะมา แต่ปานนี้เขายังไม่มาเลย ผมเป็นห่วงว่าเขาจะมาที่นี้ไม่ถูก”

“อ้าวเหรอ งั้นไปโทรแล้วก็รีบมากินข้าวแล้วกัน”ชินพัตน์บอกเตือน นนทนัฐพยักหน้ารับรู้
 
“นพ นายถึงไหนแล้วนะ มาไม่ถูกเหรอ”

(“เปล่าๆ ใกล้จะถึงแล้ว ที่มีวัดอยู่หน้าถนนใหญ่ แล้วมีตึกแถว 4  ชั้นใช่ไหม”)

“ใช่ๆ ที่หน้าร้านตอนี้มีรถจอดเต็มเลยเพื่อน เข้ามาตรงนั้นและ”

(“เอ่อ กำลังไปเห็นๆร้านแล้ว”)นนทนัฐก็รีบวางสาย และวิ่งไปดูหน้าร้านเพื่อรอดูรถเพื่อนคนเดี่ยวที่ช่วยเขาเรื่องร้านได้เยอะ
       ถึงแม้จะรู้สึกเหงาบ้าง เพราะเขาไม่ไดบอกเรื่องนี้กับใครเลย แม้กระทั้งคนที่บ้าน หรือเพื่อนฝูงคนอื่นๆ เขาไม่อยากให้ต้องลำบากเดินทางมา แต่เพื่อนคนนี้ เป็นคนสำคัญที่ทำให้เขาเปิดร้านในวันนี้ได้ อยากให้เพื่อนมาเห็นให้ได้
ชินพัตน์เห็นนนทนัฐรีบเดินออกไปหน้าร้านเลยรีบเดินตามมาดู ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า

“คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?”

“เปล่าเพื่อนผมกำลังจะมานะ ผมเลยเดินออกมารับนะ”

“อ้อ เพื่อนคนที่คุณบอกนะเหรอว่าที่ช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้”นนทนัฐพยักหน้าและจะหันกลับที่หน้าร้านเพื่อรอเพื่อน

.
.
.
.
.

“ตานนท์ เปิดร้านแล้วไม่คิดจะบอกแม่สักคำเลยใช่ไหม?!!! “








*******************************************************************************************
 
    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!
    ขออภัยท่มาลงซะดึกขนาดนี้ งานยุ่งมากๆ
   แต่ก็กลัวเพื่อนคนอ่านจะหาย เลยต้องรีบปั่นแล้วเอามาลง
  ให้ได้อ่านทันช่วงวันหยุด
   ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมิน
    ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยนะคะ + เป็ดให้นะคะ


     แม่ของนนท์จะมาทำอะไรกันนะ จะพาลูกชายกลับกรุงเทพหรือเปล่า
    โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ



   ************************************************************************************
                                   

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
หวังว่าคุณแม่จะไม่มาเป็นก้างชิ้นใหญ่ระหว่างนนท์กับชินนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
้แม่มาอวยพรให้กิจการนนท์รุ่งเรืองซินะ
เรืีองอื่นเอาไว้ทีหลังนะแม่นะ 55555
ว่าแต่เพื่อนนนท์คนนี้ คิดซื่อๆกับนนท์ใช่ป่ะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                              ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย


“ตานนท์ เปิดร้านแล้วไม่คิดจะบอกแม่สักคำเลยใช่ไหม?!!!” หญิงสาววัยกลางคนรูปร่างดีเดินตรงมายัง คนที่ตนเองเรียกชื่อ และแทนตัวเองว่าแม่อย่างท่าที่โมโหลูกชายของตนเองมาก

“ค คุณแม่ครับ มาได้ไงครับเนี้ย”นนทนัฐตาโต ตกใจเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่กรุงเทพ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่หน้าร้านของเขาได้ เหลือบมองไปยังเพื่อน ที่เดินตามแม่ของตนเอง ก็เห็นเพื่อนคนดี เอาแต่หลบสายตา แค่นี้ นนทนัฐก็รู้แล้วว่า แม่ของเขารู้เรื่องได้อย่างไร

“ทำไม ตานนท์ แม่รู้แล้วแกจะไม่ให้แม่มางั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ครับ คือ มันอยู่ห่างไกล ผมไม่อยากให้คุณแม่ต้องลำบากเดินทางมานี้ครับ ผมเลย ..”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวนะ ตานนท์ ถ้าแม่ไม่เจอเพื่อนลูกแม่คงจะไม่รู้เรื่องอะไรไปอีกนานเลยใช่ไหม ฮืม?”

“คุณแม่ครับ ผมขอโทษ เข้าไปนั่งพักข้างในก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ” นนทนัฐรีบเดินไปประจบเพื่อลดความโมโหของผู้เป็นแม่ โดยเดินพาเข้าชมร้านของตนเอง และพามานั่ง บริการน้ำเย็นๆให้ดื่มเพื่อให้ใจเย็นลง
ส่วนชินพัตน์ที่เห็นเหตุการณ์ตลอด ได้แต่เดินตามแม่ลูกที่ดูเหมือนจะไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่ เดินตามไปและอาสาหาน้ำเย็นๆมาส่งให้นนทนัฐด้วยตนเอง

“คุณแม่ครับ นี้เพื่อนผมเองครับ ชื่อ ชินพัตน์ อยู่ร้านขายลูกชิ้นปิ้งข้างๆนี้นะครับ “ ชินพัตน์ ไม่ได้ตั้งตัวอยู่ๆดี ก็โดนแนะนำตัวให้รู้จักกับผู้เป็นแม่ของอีกฝ่าย ต้องรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทันที่

“ไหว้พระเถอะลูก “ดูเหมือนคุณนายแม่ของคุณเจ้าขอร้านอินเตอร์เน็ทจะดูใจเย็นลงแล้ว

“คุณป้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ทานข้าวมาหรือยังครับ เดี๋ยวผมไปจัดสำหรับอาหารมาให้นะครับ เอ่อคุณก็ด้วย?” ชินพัตน์รีบเสนอ เพื่อไม่ให้แม่ลูกต้องมาทะเลาะกันในวันมงคลแบบนี้ และหันไปหาเพื่อนแต่ยังไม่รู้จักชื่อ

“นี้ประนพ เพื่อนผมเอง ที่จัดการเรื่องเกี่ยวกับระบบคอม เครื่องคอมให้ผมทั้งหมดนะ” นนทนัฐรีบแนะนำเพื่อน

“สวัสดีครับ”ชินพัตน์ก้มหัวเล็กน้อยเพราะคิดว่าน่าจะรุ่นๆเดียวกัน ประนพเองก็ยื่นมือมาจะทักทาย แต่นนทนัฐบอกว่าให้ชินพัตน์ไปรีบจัดอาหารมาให้ เลยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้จับมือทักทายกัน เพราะนนทนัฐยังนึกเคืองเพื่อนตนเองอยู่เล็กๆ

“คุณแม่ครับ แล้วแม่มาที่นี้แบบนี้ คุณพ่อทราบหรือเปล่าครับ แล้วบอกพวกๆพี่เขารู้หรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่องนะ ตานนท์ ปิดบังเรื่องเปิดร้าน พอแม่รู้ก็ได้ตาเก่ง พาแม่มาเลย ไม่ได้บอกใครนะสิ แล้วที่นี้จะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยังว่า ทำไมถึงมาเปิดร้านไกลถึงขนาดนี้ ไหนบอกแม่ว่าอยากออกมาเปิดออฟฟิศเอง แต่ไงกลับเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ที่อยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ล่ะ ตานนท์?” คุณนายแม่ถามยาวไม่มีช่องเว้นให้หายใจกันเลย และยังหันไปหาเพื่อนลูกชายหาตัวช่วยอีก ประนพเลยได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ เพราะตนเองก็ไม่รู้ว่า เพื่อนอย่างนนทนัฐไม่ได้ติดต่อบอกข่าวให้ทางบ้านรู้เรื่องที่จะเปิดร้าน เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ของเพื่อนฟังตอนที่เจอกันโดยบังเอิญ

“คุณแม่ครับ ก็อย่างที่บอกผมไม่อยากให้ทุกคนเดินทางไกลมาที่นี้ นี้ครับ จะลำบากกันเปล่าๆ “

“แล้วลูกจะบอกแม่เมื่อไร ตานนท์”

“เอ่อ คือ ผมคิดว่าถ้ากิจการไปได้ดีแล้วค่อยโทรไปบอกนะครับ  เอ่อ เพราะถ้าเปิดไปแล้ว เกิดกิจการไม่ทำรายได้ขึ้นมา แม่ก็ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงไงครับ” นนทนัฐแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปก่อน

“แม่เบื่อที่จะฟังเหตุผลมากมายของลูกแล้วนะ ตานนท์ สรุปจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตแน่ๆใช่ไหม แล้ว วิชาที่ร่ำเรียนมาล่ะ ลูกจะเอาไปทิ้งไว้ไหน บอกแม่สิ”

“ผมไม่ทิ้งแน่นอนครับคุณแม่ ชั้นสองผมก็ทำเป็นห้องเขียนแบบนะครับ ผมยังรับงานฟรีแลนซ์อยู่นะครับ ทำกับเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“ให้มันจริงนะตานนท์ แม่อนุญาตให้ลูกทำตามใจที่อยากทำแล้ว เพราะแม่เห็นว่าลูกเป็นเด็กดีตั้งในเรียน ขยันทำงานมาตลอด ถึงว่างใจให้ลูกออกมาทำออฟฟิศของตนเองได้ แต่นี้อะไร (หันมองไปรอบๆร้าน) ทำไมมาเปิดร้านอินเตอร์เน็ต เล็กๆแบบนี้ล่ะลูก”

“คุณแม่ครับ ผมตั้งใจจะทำทั้งสองอย่างให้มันดีอย่างแน่นอนครับ  คุณแม่วางใจเถอะนะครับ “

“จ้าๆ พ่อลูกชาย แม่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องร้านของลูกก็ได้ แต่มีอะไรก็ต้องบอกแม่บ้าง ไม่ใช่มาปิดเงียบแบบนี้เข้าใจไหม?”

“ขอโทษครับ คุณแม่” นนทนัฐยกมือไหว้ผู้เป็นแม่อีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ยังคงเป็นห่วงและรักเขามากกว่าใครๆทั้งหมด
  ป้าพรและจอยที่ช่วยกันจัดอาหารให้แขกเรื่อย เพื่อนๆร้านใกล้เคียงที่มาแสดงความยินดี ก็ต่างพากันพูดคุยถึงแขกที่มาใหม่ ที่นั่งอยู่กับคุณเจ้าของร้านเปิดใหม่อย่างนนทนัฐ เมื่อเห็นชินพัตน์ที่เดินหลบฉากออกมาจากโต๊ะ เลยรีบดึงตัวมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“พี่ชิน นั้นแขกของที่นนท์คนนั้นเป็นใครเหรอ? ไม่เคยเห็นหน้า “จอยถ้าขึ้นอย่างสงสัย

“แม่ของ นนท์เขานะ และก็เพื่อนเขา มาจากกรุงเทพนะ”ชินพัตน์ตอบเรียบๆ เพราะมั่วแต่จัดอาหารไปให้ที่โต๊ะนั้น

“แม่พี่นนท์เหรอ ป้าดูสิยังดูสวยดูดีอยู่เลย คนกรุงเทพดูดีแบบนี้ทุกคนเลยเหรอจ๊ะ”

“ป้าก็ไม่รู้ เหมือนกัน ไปช่วยเสริฟน้ำให้แขกดีกว่านะ”ป้าพรเดินนี้เด็กสาวจอย เพราะไม่อยากร่วมวงเห่อคนเมืองกรุง

“โธ่ป้า รอจอยด้วยสิ”

“ทานข้าวกันก่อนนะครับ เดินทางมาไกลก็จะเหนื่อย ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่านะครับ ผมให้ทางร้านรับหน้าที่ทำอาหารเลี้ยงเพล กับเลี้ยงแขกที่มาวันนี้นะครับ” ชินพัตน์ไม่รู้จะช่วยคุยอะไร ก็มีแต่เรื่องของที่ตนเองขาย กับเรื่องของที่ร้านเท่านั้นที่พอจะหยิบมาคุยด้วย

“ขอบใจมากนะ พ่อหนุ่มที่ค่อยดูแลตานนท์ให้แม่นะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เป็นเพื่อนก็ช่วยๆเหลือกันนะครับ นนท์เองก็ช่วยเหลือผมมาหลายอย่าง เรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกครับคุณป้า”

“ลูกชิ้นของที่ร้านเหรอครับ” ประนพถามขึ้นเมื่อได้ลองชิม ต้มจืดตำลึงใส่ลูกชิ้นร้อนๆ

“ครับ ลูกชิ้นทีร้านเราทำเองครับ เมนูทุกทำมาจากลูกชิ้นทั้งหมดครับ ถูกปากหรือเปล่าครับ คุณ?”

“เรียกผมเก่งก็ได้ครับ”

“ครับคุณเก่ง”

“เก่งเฉยๆก็ได้ครับ พวกเราคงจะอายุใกลๆกันนะครับ” ชินพัตน์พยักหน้ารับ และหน้าไปมองเจ้าของร้านเกมที่มองจ้องกลับมาไม่ล่ะสายตา อย่างไม่เข้าใจนัก

“รสชาติพอใช้ได้ไหมครับคุณป้า”

“อร่อยมากเลยจ๊ะ(หันไปหาลูกชาย) ดีเลยนะตานนท์ มีลูกชิ้นอร่อยๆที่ลูกชอบอยู่ใกล้แบบนี้ จะได้ไม่ต้องไปสรรหาทานที่ไหนไกลๆอีก”

“ครับคุณแม่ ผมชอบมากเลยครับ”นนทนัฐยกยิ้มและมองหน้าชินพัตน์ไม่วางตา

“คุณป้ารับข้าวเพิ่มอีกไหมครับ ผมตักให้”

“ไม่แล้วล่ะจ๊ะ แม่อิ่มแล้ว ลูกชิ้นอร่อยมากเลยลูก อาหารอร่อยทุกอย่างเลย”

“ขอบคุณครับ”ชินพัตน์ยกมือไหว้อย่านอบน้อม

“มีแบ่งขายไหมลูก แม่จะเอากลับบ้านไปฝาก ตาหลานๆสักหน่อย”

“มีครับ แต่คุณป้าไม่ต้องซื้อหรอกนะครับ เอากลับไปทานที่บ้านได้เลยครับ เดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้นะครับ”

“ไม่ได้ๆ ของซื้อของขาย มาให้กันฟรีๆแบบนี้ได้ยังไง ขาดทุนกันพอดีจ๊ะ”

“เอ่อ แต่ว่า…..”

“ไหนๆพาแม่ไปดูสิ ลูกชิ้นนะ”นนทนัฐพยุงผู้เป็นแม่ลุกขึ้นและเดินตาม ชินพัตน์ไปที่ร้านของตนเอง เห็นป้าพรและจอย กำลัง เตรียมของหวานไว้ให้แขก พอดีกับที่นพคุณและต้นกล้ากลับมาที่ร้านพอดี ได้เจอกับแขกคนสำคัญของนนทนัฐด้วย

“แม่ครับ นี้คุณนพคุณ เป็นพี่ชายของชินนะครับ”

“สวัสดีครับ คุณป้า”นพคุณยังงงแต่ก็รีบยกมือไหว้ ต้นกล้าก็ยืนด้านหลังก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน

“แม่ว่าจะมาซื้อลูกชิ้นกลับไปฝากหลานๆที่กรุงเทพนะจ๊ะ พอจะมีให้แม่ซัก 10 โลไหมจ๊ะ”

“คุณแม่ครับ เยอะไปหรือเปล่าครับ เจ้านิว หนูนุ่น คงกินกันไม่หมดหรอกนะครับ เยอะขนาดนั้น”

“แม่ก็จะเอาไปฝากที่ สมาคม ฝากเพื่อนๆแม่ ฝากเพื่อนๆคุณพ่อไง ตานนท์ อย่ามาขัดแม่นะ”

“ค ครับ”นนทนัฐหลีกทางให้ผู้เป็นแม่ที่เดินไปหาชินพัตนั้ตูแช่ ขนาดใหญ่ที่เป็นกระจกใส มองเห็นภายในที่มีลูกชิ้นแช่เย็นพร้อมขายว่างเรียงรายห้พร้อมเลือกซื้อ

“คุณป้าครับ จะรับ 10 กิโลใช่ไหมครับ”

“จ๊ะ ตาเก่งแม่รบกวนหน่อยนะ ไปวนรถมารับลูกชิ้น ขนกลับบ้านให้แม่หน่อยนะครับ”

“ได้ครับคุณแม่” ประนพรีบรับคำ มีนนทนัฐเดินตามเพื่อนออกไปด้วย

“ให้ทางเราส่งให้ก็ได้นะครับ ผมจะเลือกแบบสดๆใหม่จากโรงงานให้เลยนะครับ”ชินพัตน์อยากให้ผู้เป็นแม่ของเพื่อนประทับในใจลูกชิ้นและบริการของร้าน เลยเสนอไปแบบนั้น

“ไม่เป็นไรจ๊ะ ถ้าอร่อยเดี่ยวแม่จะโทรมาสั่งตานนท์ ให้แวะขึ้นไปส่งให้แม่เองก็ได้จ๊ะ”

“ครับคุณป้า” ชินพัตน์ นพคุณ และต้นกล้าต่างพากัน ดึงถุงลูกชิ้น ออกมาขากตู้แช่ เพื่อเตรียมเอาเข้ากล่องโฟม อักน้ำแข็งให้อย่างดี เพื่อทำให้ความเย็นยังคงที่ไปจนกล้าจะถึง กรุงเทพ
นนทนัฐเดินตามเพื่อนออกมาเพื่อหาจังหวะคุณกับเพื่อนแสนดีที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนจอมจุ้น ไปซะแล้ว

“เฮ้ย เก่ง นายไปบอกแม่เราให้รู้ทำไม”

“เฮ้ย นนท์เราไม่ได้ตั้งใจ เราก็นึกว่านายบอกแม่นายแล้ว เราก็เลยเผลอชวน คุณนายแม่แกก็ตอบตกลง กระโดดขึ้นรถฉันมาเลย นี้หว่า”

“แล้วนายที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยจะเจอคุณแม่ แล้วนายไปเจอได้ยังไงกัน”

“ก็ฉันไปเดินหาซื้อของขวัญเพื่อมาแสดงความยินดีกับนาย ก็เลยเจอคุณนายแม่ของนายที่ร้านนั้นพอดีนะสิ ฉันไม่รู้ก็เลยเข้าไปทักท่านก่อน เล่าโน่นนี้นั้น ให้ท่านฟัง ไปๆมาๆ ท่านก็นั่งรถมากับฉันแล้วโว้ย จะให้ทำไง” ประนพเล่าไปก็รู้สึกผิดไปแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

“อืม ก็คงเป็นความผิดของฉันส่วนหนึ่งด้วยแหละ ที่ไม่ได้บอกพวกท่าน แต่ก็เพราะฉันมีเรื่องสำคัญต้องทำจริง เลยยังไม่อยากจะบอกอะไรใครตอนนี้”

“แล้วมันเรื่องอะไรของนายล่ะ ที่ว่าสำคัญ”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่ายังบอกไม่ได้ เพราะตัวฉันเองก็ยังรออยู่เหมือนกัน”

“พูดอะไรของนายว่ะ นนท์ ฉันไม่เข้าใจจริง”

“เมื่อถึงเวลาแล้วเดี่ญวนายก็รู้เองนั้นแหละ ไปเอารถเถอะ คุณแม่รอนานแล้ว” ประนพทำหน้างงไม่หาย แต่ก็ต้องรีบไปเปิดรถเพื่อขับเข้าด้านหลังร้านไปรับลูกชิ้น
พอได้ลูกชิ้นตามจำนวนยกขึ้นรถเรียบร้อย นนทนัฐเชิญผู้เป็นแม่กลับมาที่ร้านอีกครั้ง พาเดินดูชั้นบนที่เป็นห้อง ทำงานเขียนแบบของเขา ห้องนอน ว่าตนเองมีความเป็นอยู่อย่างไร ไม่ได้ลำบากอย่างคนที่เป็นแม่ค่อยที่จะเป้นห่วงเสมอ

“คุณแม่ครับ ผมขอเวลาหน่อยนะครับ ผมจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างได้แล้ว ผมจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังนะครับ”นนทนัฐที่พาคุณแม่ของตนเองมานั่งบนที่นอน แล้วพูดคุณเรื่องสำคัญเพื่อไม่ให้ผู้เป็นแม่เป็นห่วง

“เรื่องอะไรตานนท์”

“คุณแม่ครับ ขอผมจัดการทุกอย่างลงตัวก่อนนะครับ ผมจะบอกทุกอย่างทุกเรื่องให้คุณแม่รู้ก่อนคนแรกเลยนะครับ ตอนนี้คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ก็อย่างที่คุณแม่เห็น ผมมีงาน ผมมีที่นอน ผมมีของที่ผมชอบทานของข้าง และที่สำคัญผมมีเพื่อนดีๆรอบๆกายอีกหลายคนครับ ที่ค่อยช่วยเหลือผมอยู่เสมอ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นะ”

“จ้าๆ แต่แม่ก็คงยังเป็นแม่นะ ตานนท์แม่อดห่วงไม่ได้หรอก ต้องโทรหาแม่บ้าง เข้าใจไหม มีเรื่องอะไรที่แม่ช่วยได้แม่ก็อยากจะมีส่วนร่วมกับลูกนะ”

“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมรักแม่นะครับ”

“แม่ก็รักลูกจ๊ะ ลงไปข้าล่างเถอะ เจ้าของงานมาหมกตัวอยู่แต่ข้างบน แบบนี้ได้ไง”

“ครับ” นนทนัฐยกยิ้มดีใจที่ผู้เป็นแม่เข้าใจเรื่องที่เขาร้องขอ

นนทนัฐแนะนำให้ผู้เป็นแม่รู้จักกับยาย และต้นกล้าด้วย ยายก็เล่าเรื่องที่นนทนัฐช่วยเหลือหลายอย่าให้คนเป็นแม่ฟัง ก็ต่างพากันภูมิใจที่ลูกชาย เป็นคนดีมีคนรักมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่มาอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน เพราะแขกที่เข้ามาทีร้าน ต่างพากันมาแสดงความยินดีกับลูกชายของตนเอง ถึงแม่จะรู้จักจากการขายลูกชิ้นก็ตามที่ แต่ทุกคนก็มาด้วยใจ

“เก่ง ฉันฝากแม่ด้วยนะ”

“เอ่อ ไม่ต้องห่วงฉันพามาฉันก็ต้องพากลับอย่างปลอดภัยน่า”

“ยังไงก็ขอบใจอยู่ดี นายช่วยฉันตั้งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ร้านนี้ แล้วก็เรื่องคุณแม่อีก ลึกๆฉันรู้สึกดีนะที่นายพาแม่ฉันมาวันนี้”

“เฮ้ยๆ นายอย่ามาดราม่าใส่ฉันนะเว้ย ฉันก็ได้ยอดสั่งทั้งคอมพิวเตอร์ ลูกน้องของฉันที่สาขาที่นี้ก็มีงานทำ ดูแลระบบให้กับร้านของนายไปอีกนาน ฉันไม่ได้ช่วยเปล่าๆนะเว้ย ฉันก็หวังผม ฮ่าๆๆ” ประนพหัวเราะชอบใจแก้อาการเขินที่เพื่อนเดินมาขอบใจตนเอง แบบจริงจัง จนเริ่มทำตัวไม่ถูก

“แต่ยังไงก็ขอบใจนะเพื่อน”

“ไม่เป็นไรก็พวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะไปช่วยใครที่ไหน” นนทนัฐโอบบ่าเพื่อน ประนพก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่ความเป็นเพื่อนก็คงอยู่เสมอ

“กลับดีนะครับ สวัสดีครับคุณป้า”ชินพัตน์ที่เดินออกมาส่งคุณแม่ของเพื่อนยกมือไหว้ลา

“จ้า ชิน แม่ฝากดูแลลูกชายของแม่ด้วยนะจ๊ะ เบอร์ที่แม่ให้ไว้ โทรหาแม่ได้ตลอดนะลูกนะ”คุณนายแม่เดินเข้ามาจับมือชินพัตน์แล้วกระซิบบอกเรื่องที่พูดคุยกันไว้

“ได้ครับ คุณป้า ลูกชิ้นอร่อยลูกปากหลานๆ แล้วผมจะส่งไปให้อีกนะครับ”

“เด็กๆต้องชอบอยู่แล้ว บ้านนี้ไม่รู้เป็นยังไง ทั้งพี่ทั้งน้อง อาหลาน ชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ กันจริงๆ”

“แม่ครับ ฝากสวัสดีพอด้วยนะครับ พี่นัน พี่สะใภ้ แล้วเจ้าหลานตัวแสบทั้ง สองคนด้วยนะครับ”

“จ้าๆ ถึงบ้านแล้วแม่จะโทรมาบอกนะ ไปตาเก่ง กลับกันเถอะเดี๋ยวมืดค่ำ”

“ครับคุณแม่”ประนพรับคำ” ไปก่อนนะนนท์  (หันไปหาชินพัตน์)ลูกชิ้นอร่อยมากเลยครับ ว่างๆจะแวะมาอุดหนุนที่ร้านนะครับ”

“รีบๆกับไปเลย นายนะ ส่งคุณแม่ให้ถึงบ้านด้วยนะ”

“รู้แล้วน่า “หันไปหาชินพัตน์” ผมกลับก่อนะครับ”

“เดินทางปลอดภัยครับ”ชินพัตน์ส่งยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ นนทนัฐรีบเข้ามาผลักเพื่อนให้เข้าไปภายในรถ และรีบปิดประตูรถให้อย่างดี โบกมือลาเหมือนจะบอกกลายให้เพื่อนรีบขับรถออกไปเสียที

ทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในร้าน มีแขกบางส่วนที่มาในงานต่างก็ทยอยออกจากร้านไปบ้าง และมีบ้างคนอยากลองเล่มเกม เล่นอินเตอร์เน็ตก็ยืนรอคิวเจ้าของร้านคนใหม่อยู่เยอะเลย ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น เป็นลูกค้าที่เคยซื้อลูกชิ้นแล้วจำหน้าพ่อค้าจำเป็นคนนี้ได้ ร่วมไปถึงเห็นว่าเป็นเพื่อนของ คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นเปิดร้านใกล้ๆกันเลยเข้ามาช่วยงาน ร่วมยินดี รวมทั้งอยากลองของใหม่ๆ อย่างร้านอินเตอร์เน็ตด้วยไม่เคยมีในละแวกนี้ แต่ถ้าเป็นในเมืองหาไม่อยาก ยิ่งใกล้โรงเรียน มีติดกันเป็นแถวยาว แต่สำหรับแถวนี้ ถือว่าใหม่มากเลยได้รับความสนใจจากคนรอบๆข้าง


“คุณดูสิ ลูกค้ายืนรอเพียบเลย”ชินพัตน์ชนไหล่นนทนัฐให้หันไปดูลูกค้า ทั้งเด็กเล็กเด็กโต แม้กระทั้งคุณลุงคุณป้าก็ยังมี ยืนมองตา รอเจ้าของร้านพาเล่น สอนให้เล่นตามที่เคยสัญญา

“ทุกคนนั่งโต๊ะ เลยนะครับ เดี๋ยวผม จะนะนำวิธีเข้าใช้ที่ละขั้นตอนนะครับ มาใช้บริการทั้งต่อไปจะได้สะดวกขึ้นนะครับ”

“นี้คุณ แล้วไม่ขายบัตรล่ะ” ชินพัตน์เขยิบเข้ามากระซิบถามเรื่องขายบัตรเวลาให้ลูกค้า ซื้อเวลาเพื่อเข้าเล่นเกมกลัวว่าเจ้าของร้านคนใหม่จะลืม เลยลองถามเตือนดู

“วันนี้ผมจะลองให้พวกเขาเล่นฟรีนะ”

“เฮ้ยคุณ ไม่ได้นะ เดี๋ยวก็ขาดทุนหรอก จะบ้าเหรอให้เล่นฟรีนะ” ชินพัตน์ดึงแขนนนทนัฐที่กำลังจะเดินไปหาลูกค้าเพื่อเริ่มสอนวิธีใช้ กระซิบถามเสียงดุ

“แต่ผมว่าอยากให้พวกเขาลองเล่น ลองใช้ให้เป็นก่อนนะครับ พอเป็นแล้วพวกเขามาอีกครั้งก็ใช้เป็นแล้วก็ไม่ต้องมานั่งสอนกันอีก ” นนทนัฐอธิบายอย่างใจเย็นเพราะเขาตั้งใจไว้แบบนี้อยู่แล้ว

“ตามใจคุณก็แล้วกัน ร้านของคุณนี้” ชินพัตน์เห็นว่าอีกฝ่ายดูตั้งใจทำแบบนั้นอยู่แล้วเลยไม่อยากขัด แต่ก็โดนนนทนัฐดึงแขนไว้ก่อน จะเดินไปหลังร้านเพื่อเก็บข้าวของ

“คุณอยู่ช่วยผมสอนเด็กเล่นก่อนสิครับ นะ”

“แต่ผมต้องไปช่วยป้าพร จอย เก็บของ”

“แปบเดี๋ยวนะครับ นะ” นนทนัฐดึงแขนชินพันตน์ให้เดินตามไปหาพวกเด็กที่รอเล่นเกม ชะเง้อคอมองแล้วมองอีก เมื่อไรคนสอนจะมาสอนให้เล่นซักที่

“ถ้าคุณให้ผมช่วย คุณต้องเก็บค่าบัตรด้วยนะ แล้วเอาเงินนั้นมาเป็นค่าจ้างผม ที่ผมช่วยคุณสอนตกลงไหม”

“ครับๆ เงินทั้งหมดในร้าน ผมยกให้คุณหมดเลย คุณจะเอาเท่าไรล่ะ”

“เฮ้ย ไม่ๆ ผมแค่พูดล้อคุณเล่นเฉยๆ  ไม่ต้องเอาเงินให้ผมหรอก ผมพูดเล่นนะคุณ” ชินพัตน์ฟังคำพูดจริงจัง ของเจ้าของร้านเกมก็เอาแต่ยกยิ้มสายหัว เดินไปหาเด็กที่นั่งรอเตรียมพร้อมหน้าจอคอมแล้ว

“พวกผมจะค่อยๆ อธิบายนะครับ ไม่เข้าใจตรงไหน ถามได้นะครับ”

   และทั้งคู่ก็ก้มหน้าก้มตาสอนเด็กๆ วัยรุ่นที่พอเล่นเป็นก็ช่วยสอนเด็กๆที่อยากเล่นเกม ส่วนใหญ่จะเสียเวลาในการสอนให้กับพวกพี่ๆ น้าๆ ลุงป้า ที่อยาก มีFacbookเป็นของตัวเอง ต่างพากันเข้ามาเรียงแถวให้สอนกันพักใหญ่ จนตกเย็นก็ต่างทยอยกันกับ แต่ก็กลับก็พร้อมกันบอกว่า พรุ่งนี้จะมาใหม่ เด็กๆเล็กกลับกันไปหมดเหลือแต่พวกเด็กวัยรุ่น ที่เล่นกันเป็นแล้ว อยู่ต่อกันก็อีกหลายคน แต่ชินพัตน์รู้ว่าเด็กพวกนี้ได้ที่ก็เล่นเพลิน เห็นว่าได้เล่นฟรี ชินพัตน์เลยบอกนนท์ว่าจะปิดร้านแล้วให้มาเล่นใหม่พรุ่งนี้


“อ้าวทำไหมล่ะพี่ ปิดร้านเร็วจัง พวกผมยังเล่นเกมไม่จบเลยอ่ะ”

“วันนี้เขาเปิดร้านแค่เปิดพิธีนะน้อง  ไว้มาเล่นใหม่พรุ่งนี้มาแต่เช้าสิ ได้เล่นทั้งวันแน่”ชินพัตน์รีบเสนอขายให้แทนทันที่

“โอเคพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาจองแต่เช้าเลย แล้วพี่เปิดร้านกี่โมงละ?”

“……”ชินพัตน์ไม่รู้ได้แต่หันไปมองคุณเจ้าของร้านเกม

“เปิด 8 โมงเช้าครับน้อง” นนทนัฐเรียนรู้ยิ้มการค้ามาจากคนข้างๆ

“โอเคพี่ ร้านใกล้บ้านก็ต้องดีกว่าอยู่ ขี่มอไซค์ไปเล่นที่ร้านอื่นไกลๆ เสียเวลาเสียค่าน้ำมันรถ “

“งั้นก็แวะมาที่เล่นที่ร้านนะ มาสมัครสมาชิกไว้ จะได้ราคาพิเศษด้วยนะ”ชินพัตน์พูดออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าที่ร้านเปิดใหม่มีหรือเปล่าด้วยซ้ำพูดเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านอย่างเดียวจริง

“จริงเหรอพี่ ได้ๆ พรุ่งนี้ผมจะชวนเพื่อนมาด้วยเยอะๆเลย”

“เยี่ยมมากน้อง”ชินพัตน์ตบบ่าเด็กวัยรุ่น ไม่น่าจะเกิน ม. ต้น ที่ยิ้มดีใจที่ได้เล่นเกมใกล้ๆบ้าน
ชินพัตน์ไม่รู้ตัวว่าโดนคนข้างกายแอบยืนมอง ยกยิ้มอย่างชอบใจ รู้สึกพอใจมากที่ชินพัตน์ใส่ใจลูกค้า ได้มากกว่าตัวเขาเองที่เป็นเจ้าของร้านซะอีก

“ยิ้มอะไรของคุณ” ชินพัตน์ทำหน้างง เมื่อหันมาเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของคนที่ยืนมองตนเองอยู่

“ผมดีใจที่คุณอยู่ช่วยผมแบบนี้ “

“ผมก็ต้องช่วยสิ คุณก็เคยช่วยผมตั้งหลายอย่าง”ชินพัตน์หลบสายตาแล้วทำเป็นเดินหนีเข้าร้าน เดินดูตามโต๊ะต่าง ว่าหน้าจอคอมปิดดีแล้วหรือยัง นนทนัฐก็เดินตามไม่ห่าง ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

“นี้คุณเดินตามอยู่ได้ ไปปิดร้านสิ “ชินพัตน์ที่หันกลับมาเจอคนที่เอาแต่เดินตาม ก็ไล่ให้ไปจัดการปิดร้าน เพราะเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว

“ปิดร้านแล้วผมไปช่วยคุณที่ร้านนะ”

“ปานนี้พวกพี่กับป้าจัดการ เรียบร้อยแล้วมั้ง คุณก็แค่ไปกินข้าวก็พอมั้ง” ชินพัตน์ไม่ได้เงยหน้ามาตอบ ก้มหน้าเก็บเศษถุงขนมเด็กๆที่เข้ามายืนดู ทิ้งเอาไว้ใต้โต๊ะ บนโต๊ะเต็มไปหมด

“นี้คุณ ดูนี้สิ คุณต้องบอกเด็กที่จะเข้ามาเล่นนะว่า ให้เอาขยะไปทิ้งด้วย ตามเก็บแบบนี้ไม่ไหวนะ แค่วันแรกยังเยอะขนาดนี้เลย”

“ได้ครับ”นนทนัฐตอบรับอย่างเอาใจพร้อมกับร้อยยิ้มอ่อนๆ

“ยังจะมายิ้มอีก ป้ายเวลาเปิดปิดร้านก็ไปหาซื้อ หรือทำปิดที่หน้าร้านให้ ชัดเจนนะคุณ ลูกค้าจะได้เข้าร้านถูกเวลา”

“ครับ” ยิ้มรับอย่างว่างง่าย

“ยิ้มอะไรของคุณนักหนา “ชินพัตน์ที่เก็บถุงขนมไปที่ที่ถังขยะหลังร้านหันมาเจอใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาก็อดถามไม่ได้

“วันนี้ผมมีความสุขมากเลย”

“อืมก็ดีแล้วนี้ ยินดีด้วยนะที่เปิดร้านใหม่ ขอให้ร้านคุณมีลูกค้าเข้าร้านเยอะนะ” ชินพัตน์นึกได้ว่าตนเองก็ไม่ได้อวยพรให้เพื่อนเลย เลยเดินเข้ามาใกล่เพื่อนแล้วตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ

“ผมดีใจที่ตอนนี้ผมมีคุณอยู่ข้างๆผมต่างหากละชิน “ นนทนัฐดึงคนที่ยืนตั้งใจฟังเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดแน่น เพื่อแสดงความยินดี ความสุขที่เขามีตอนนี้ เพราะคนในอ้อมกอดจริง

“นี้คุณทำอะไร ปล่อยเลยนะ นี้!!!” ชินพัตน์พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแน่นๆนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนอ้มแขนรัดแน่นขึ้น จนได้ยินเสียงลมหายใจของคนที่กอดตนเองใกล้เข้ามาคนรู้สึกแปลก และนิ่งเงียบลงอย่างไม่เข้าใจตนเอง

“ชินวันนี้ผมมีความสุขจัง” นนทนัฐกอดชินพัตน์และโยกตัวไปมาเบาๆ

“ผมขอบคุณมากๆเลยนะ ที่อยู่ข้างๆผมตลอด”

“อืม”ชินพัตน์ตอบรับเบาๆอยู่ในอ้อมกอด

“คุณรู้อะไรไหม การที่คุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้ ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำอะไรได้อีกเยอะแยะเลย หลังจากนี้ ผมจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะผมมั่นใจว่าผมจะมีคุณอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอด ผมเชื่อแบบนั้นได้ไหมครับ ชิน” นนทนัฐค่อยๆคลายอ้อมกอด เพื่ออยากที่จะมองเห็นใบหน้า และรอฟังคำตอบของคนตรงหน้าเพื่อเป็นสิ่งยืนยันในความคิดของตนเองในครั้งนี้

“ก็ ผมก็อยู่ร้านข้างๆคุณอยู่แล้วนี้ ไม่ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” ชินพัตน์ไม่กล้าสบตาคนถาม ที่ส่งสายตาที่สื่อความหมายมากมายมายังตนเอง ก้มหน้าตอบๆไป ทั้งๆที่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังต้องการอะไร แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดไปตรงๆ เพราะยังคงไม่มั่นใจ และเชื่อว่านี้คือ ความรัก ใช่หรือเปล่า อนาคต สังคม ญาติพี่น้อง จะเข้าใจและยอมรับสิ่งพวกนี้ได้ไหม?

เขาไม่รู้

แต่ตอนนี้รู้แค่เพียงอย่างเดียว

อยากเก็บรอยยิ้มอบอุ่นนี้ไว้เป็นของเขาคนเดียวตลอดไปเหมือนกัน

จริงๆนะ

Rrrrr  Rrrrrrrr   Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังมาจากกระเป๋ากางเกงของคุณเจ้าของร้านคนใหม่ ทำให้ชินพัตน์รีบผละออกจากอ้อมกอดนั้น แล้วเดินนี้กลับไปยังร้านตอนเองทันที่ นนทนัฐมองตามอยากจะห้ามแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด เลยต้องหันมารีบรับ เพราะเป็นเบร์ของผู้เป็นแม่

“ครับคุณแม่ กลับถึงบ้านแล้วเหรอครับ”

(“จ้า กลับมาถึงแล้ว หลานๆถูกใจลูกชิ้นของฝากกันใหญ่ “)

“ครับ อร่อยมากจริงๆผมรับประกันครับ”นนทนัฐยกยิ้ม ปากพูดชมลูกชิ้น แต่ในความคิดนึกถึงหน้าคนที่พึ่งอยู่ในอ้อมกอดแล้วเดินหนีหายไปแล้ว ไม่กี่นาทีก็ยังคิดถึง

(“จ้าๆ ตานนท์บอกใบ้แม่สักหน่อยสิ ว่านอกจากลูกชิ้นอร่อยแล้ว ไปเปิดร้านของตนเองก็แล้ว ยังมีอะไรพิเศษอีกใช่ไหมจ๊ะ คุณลูกชาย”)

“ทำไมคุณแม่ถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

(“ก็ ตานันกับพี่สะใภ้เรานะสิ พูดขึ้นว่า เรานะไปติดสาวแถวนั้นหรือเปล่าถึงไม่กลับบ้านกลับช่อง แถมยังสร้างห้องหับ เปิดร้านเอาไว้ รอใครแถวนั้นหรือเปล่าลูก”)

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คุณแม่จะว่าไงครับ”

(“ต๊าย!!! จริงเหรอตานนท์? มางานวันนี้ด้วยหรือเปล่า ทำไมไม่บอกแม่เลย จริงๆเลยตานนท์”)

“คุณแม่ครับ อย่างที่ผมบอก ขอเวลาผมอีกสักหน่อยนะครับ ผมคิดว่าอีกไม่นานแล้วล่ะครับแม่ “

(“จ้า ถ้าลูกคิดว่าสิ่งที่ลูกเลือกที่จะทำแล้วมีความสุข แม่ก็อยากเห็นลูกมีความสุขในสิ่งที่ลูกทำนะ”)

“ขอบคุณครับ ผมรักคุณแม่นะครับ แล้วผมก็ดีใจมากนะครับที่คุณแม่มาหาผมที่ร้านวันนี้”

(จ้า ขอให้กิจการรุ่งเรื่องนะลูก )   

“ขอบคุณครับคุณแม่”

(“โทรหาแม่บ่อยๆนะลูก”)

“ได้ครับ”

คุณย่าครับ/ค่ะ ลูกชิ้นอร่อยมากเลยครับ/ค่ะ
เสียงหลานๆลอดเข้ามาในสายให้นนทนัฐได้ยินเสียงเจือยแจ้ว

(งั้นแม่ว่างสายก่อนนะ หลานเรียกกันใหญ่แล้ว)

“ครับคุณแม่”
 
นนทนัฐนั่งคิดว่าจุดเริ่มต้นของเขากับความรักครั้งนี้เกิดขึ้นมา


จากลูกชิ้นของโปรดของเขาจริงๆ

 
ได้เจอคนที่เขาต้องการจะรักแล้วจริงๆ

 
อยากมีชีวิตหลังจากนี้เพื่อใครสักคนจริงๆ


ผมเจอแล้วครับ








  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!

 เริ่มเปิดใจแล้วนะ คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นปิ้ง อิอิ

 คุณเจ้าของร้านเกมก็ ขอกันตรงๆแบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องใจอ่อนสักวัน

 คุณแม่รอไม่นานหรอกนะ เตรียมยกขันหมาก? มาได้เลย อิอิ

 โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะนะคะ


  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยาย ของมินมินนะคะ
 + เป็ดให้ทุกๆกำลังใจค่ะ

   

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย. นึกว่าคุณแม่จะมาอาละวาด อิอิ

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คุณแม่จะไม่ช็อคใช่ไหม ถ้ารู้ว่าลูกชายมาชอบ "ชิน" อิอิ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
โหยๆ ขอมาคอมเม้นก่อนละกัน เพิ่งอ่านถึงตอน 19
ชอบมากๆ เรื่องน่ารักดีๆ ผมก็ชอบกินลูกชิ้นปิ้งเหมือนกัน หุหุ

ชอบคู่หลัก และ คู่รองเลย  พี่ใหญ่ดูขี้หึงดีนะ ต้นก็น่ารัก 555+

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แม่นนท์ดูใจดีนะ เฟี้ยวมาก รู้ปุ๊บมาปั๊บ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


     เนื่องจาก มีเพื่อนๆแฟนคลับ คนชอบลูกชิ้นปิ้ง แม่ค้ามินมิน ได้สร้างเพจ ของแม่ค้าเอาไว้ให้เข้าไปเลือกซื้อลูกชิ้น เอ้ย!! ไม่ใช่จ้า เข้าไปติดตามการอัพเดต ข่าวสารสปอยก่อน ลงในเวป และที่สำคัญ ลงภาพอิมเมจ(สมมุติ) ของตัวละคร ทั้ง 4 ให้ได้มองภาพออกว่า หน้าตาของแต่ละตัวละครใน นิยายเสห์รักลูกชิ้นปิ้ง ของมินมิน เป็นแบบไหนกันบ้าง

                                                                                                     แวะไปกดติดตามได้นะคะ

                                                                                                                จัสมิน_มิน

ตามลิงค์ที่ให้ไว้นะคะ หรือค้นหา จัสมินมิน ภาษาไทย ได้เลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ
    https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99/867601116640024




               

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว สนุกมาก เนื้อเรื่องน่ารักสุดๆ

อยากรู้ความสัมพันธ์ทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป มาลงบ่อยๆนะครับ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


                                    ตอนที่ 63 แบบนี้…เขาเรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?

         กิจการร้านอินเตอร์เน็ตของนนทนัฐ  มีลูกค้าเข้าร้านมากมาย ตั้งแต่วัยเด็กๆ ที่เริ่มอ่านออกเขียนได้ ก็แวะมาที่ร้านเป็นประจำเพราะช่วงปิดเทอม เด็กโตขึ้นมาหน่อยก็มีพรรคพวกช่วยกันจองโต๊ะให้เพื่อนๆ เด็กวัยรุ่นโตขึ้นมาก็ชอบขอให้ชินพัตน์เปิดดึกๆกว่านี้หน่อย ไม่อยากมาแย่งเด็กๆเล่น ลุงป้าน้าอา ก็มีเข้ามาเล่นมาดูลูกๆหลานๆของต้นเองด้วย บ้างคนฝากไว้ลูกหลานตั้งแต่เช้าจนเย็น ค่อยมารับกลับ ให้เงินค่าเกมค่าขนมค่าข้าวไว้พร้อม ลำบากนนทนัฐต้องค่อยเรียกเด็กๆพวกนั้นให้ไปกินข้าว ก็ส่งไปร้านข้างๆให้ชินพัตน์จัดการเรื่องอาหารของเด็กๆ  กลายเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กๆขนาดย่อมๆกันเลย ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน เพราะทุกคนต่างพูดว่าที่ร้านเจ้าของร้านดูแลเด็กๆลูกๆหลานๆของเขาได้ดี เรื่องหิว เรื่องอดไม่มี แถมใจดีให้กินลูกชิ้นฟรีก็ยังมี เวลามายืนดูเงินเล่นเกมส์หมดแล้ว เลยไม่มีซื้อขนมซื้อข้าวกิน ชินพัตน์ก็ส่งไปที่ร้านข้างๆตลอด และก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ลูกชิ้นปิ้งต้องมา ชินพัตน์ก็ไม่ขัด สงสารเด็กด้วย พ่อแม่บ้างคนรู้ที่หลังเพราะลูกกลับไปเล่าให้ฟัง ก็เอาเงินกลับมาให้ก็มี ลูกค้าก็เริ่มเยอะเพราะพูดกันปากต่อปากถึงความใจดีของทั้ง 2 ร้าน

“ปิดร้านแล้วเหรอครับ” นนทนัฐเงยหน้าจากหน้าจอคอม ที่กำลังเช็คว่าเด็กเครื่องไหนเล่มเกมอยู่กำลังจะหมดเวลา

“อืม”ชินพัตน์ที่ช่วยป้าพรกับจอยปิดร้าน และเช็คยอดปิดบัญชีของรายได้วันนี้เสร็จก็เดินมาที่ร้านเกมพร้อมข้าวราดกระเพราลูกชิ้น ของโปรดของใครมาด้วย

“หอมจังน่ากินจัง ขอบคุณครับ” นนทนัฐรับจานข้าวมามองดูและเอยขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะตั้งแต่เปิดร้านมา เขาเองไม่มีเวลาไปช่วยที่ร้านของชินพัตน์เลย เพราะที่ร้านตนเองก็แถบจะขยับไปไหนไม่ได้เลย แถมลูกค้าบอกว่าเครื่องเล่นน้อยไป รอคิวว่าเด็กๆจะเลิกเล่นก็นาน แต่พอชินพัตน์แวะมาหาเข้าที่ร้านแบบนี้แล้วทำให้เขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“หิวก็กินสิ……..มีเด็กๆอยู่อีกหลายเครื่องเลย พ่อแม่ยังไม่รับหรือไงนะ” ชินพัตน์หลบหน้า เซมองไปทางเด็กๆนั่งเล่นเกม เพื่อแกล้งทำไม่เห็นรอยยิ้มดีใจ บนใบหน้าใครบ้างคน ที่เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ เลยแสร้งถามไปเรื่องอื่น แต่ในใจรู้เสมอว่าอีกคนยิ้มแบบนั้นเพราะอะไร

“เด็กๆพวกนี้ขี่จักรยานกันมาเองครับ ส่วนเด็กเล็กพ่อแม่มารับกลับไปหมดแล้วครับ “ยิ้มตอบ และกลับไปตักข้าวเข้าปากอีกคำ

“อืม”พยักหน้าเข้าใจ และจะเดินไปดูตามโต๊ะเพื่อสำรวจขยะถุงขนมที่เด็กๆทิ้งไว้บ้างหรือเปล่า แต่ก็โดนมือเจ้าของร้านเกมดึงไว้ก่อน

“ไปไหนครับ”

“ผมจะไปดูขยะ ตามโต๊ะให้ คุณก็กินไปเถอะ” ชินพัตน์พยายามบิดมือออก แต่ก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายดึงเก้าอีกมาใกล้แล้วจับตัวคนที่กำลังเดินหนีมานั่งใกล้ๆกันที่หน้าคอม

“ผมดูแล้ว วันนี้เด็กๆน่ารักมาก ช่วยกันเก็บขยะไปทิ้งครับ ไม่มีเลยผมดูแล้ว”

“อ้อ ก็ ก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไร งั้นผมกลับร้านดีกว่า”

“เดี๋ยวสิครับ พึ่งมาเอง หรือคุณเหนื่อยอยากรีบกลับไปพักเหรอครับ”

“ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ก็เหมือนทุกวันนั้นและ แต่ที่ผมจะกลับเพราะไม่มีอะไรให้ช่วยแล้วเท่านั้นเอง”
“งั้นถ้าคุณยังไม่ง่วงก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนผมสักพักนะครับ 4 ทุ่มไหวไหม”นนทนัฐพูดเสียงอ้อน มองไปที่นาฬิกาติดฝาผนัง ตอนนี้พึงจะ 2 ทุ่มเอง เลยลองถามเปรย เป็นห่วงคุณเจ้าของร้านลูกชิ้นปิ้งก็เป็นห่วง แต่ก็ยังอยากให้อยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย

“อืม ก็ได้ แต่ถ้าผมเริ่มง่วง ผมก็จะกลับเลยนะ”

“ครับผม” นนทนัฐตอบกลับยิ้มตาหยี ดีใจสุดๆที่อีกคนตามใจกันแบบนี้

“แล้วจะให้ผมช่วยทำอะไรไหมล่ะ ถ้ามีก็บอกมา” ชินพัตน์หันซ้ายหันขวา มองหาไม้กวาดเพื่อจะกวาดพื้น

“ไม่มีครับ จะมีก็แต่…..”

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาเถอะไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คุณอยู่ร้านคนเดียวแบบนี้  ทำทุกอย่างไม่ไหวหรอกผมรู้”

“ช่วยนั่งเป็นกำลังใจให้ผม อยู่ข้างๆแบบนี้ก็พอแล้วครับ” จับมืออีกฝ่ายใต้โต๊ะไว้แน่นเพื่อไม่ให้ลุกหนี และหลบเลียงสายตาคนอื่นในร้านด้วย 

“นี้คุณปล่อยเลยนะ” ชินพัตน์ที่พยายามดึงมือตนเองออก พูดกระซิบรอดไรฟัง ให้อีกฝ่ายปล่อยมือ มองไปรอบๆ ว่ามีใครเห็นตนเองโดนจับมือหรือเปล่า

“ก็อยู่นิ่งๆสิครับ ไม่มีใครเห็นหรอก ผมรับรอง” นนทนัฐยิ้มทำหน้าตายิ้มกริ่ม ทำหน้าสนใจหน้าจอคอมม แต่มือก็ยังจับมืออีกฝ่ายไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยง่ายเช่นกัน

“ปล่อยเลยนะ จะจับมือผมทำไหมเนี้ย” ชินพัตน์ทำเสียงดุ คิ้วขมวด ก้มกระซิบให้อีกฝ่ายปล่อยมือ แต่ก็ไม่อยากให้เด็กๆในร้านเห็นเลยเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อจะพยามยื้อมือของตนเองที่อยู่ใต้โต๊ะออก

“งั้นคุณสัญญาก่อนว่าจะไม่ลุกไปไหน จะอยู่กับผมตรงนี้นะครับ นะ” นนทนัฐได้ที่หันมาอ้อนร้องขออีกฝ่าย

“ก็ ก็ได้ ชิ!!!” ชินพัตน์รับคำ รีบดึงมือออกจากอีกฝ่าย พออีกฝ่ายปล่อยมือเข้าจริง ก็ทำท่าจะลุกหนี เพราะยังเคืองอยู่ แต่นนทนัฐคว้าตัวไว้ทัน ดึงเข้ามากอดทั้งตัวเอาไว้เลย

“ไหนบอกว่าจะไม่ลุกหนีไปไหนไงครับ หืม?” ก้มมองคนที่อยู่บนตักที่เอาแต่ดิ้นหนี ขู่ฟ่อๆ ท่าเดียว

“นี้คุณทำอะไร ปล่อยนะไม่อายเด็กมั้งหรือไง เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ปล่อยสิ!!!” ชินพัตน์พูดกระซิบ ขู่แถมดิ้นสุดชีวิตให้ออกจากอ้อมกอดของคุณเจ้าของร้านเกมให้ได้

“เด็กๆไม่สนใจหรอกครับ แล้วโต๊ะคอมก็บัง เด็กๆไม่เห็นจริงๆนะครับ ดูสิไม่มีใครมองสักคน “นนทนัฐหัวเราะในลำคอยกยิ้มพอใจ  ที่ได้แกล้งให้ใครบางคนอายจนตัวแดงหน้าแดงไปหมด

“นี้คุณปล่อยสิ “ ชินพัตน์โมโห ทุบนนทนัฐไปหลายที่ที่ต้นแขน จนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อยให้กลับไปนั่งเก้าอีกอีกตัวตามเดิม แถมโดนมองค้อนกลับ และเอาแต่หันหน้าหนี แต่ก็นั่งนิ่งไม่ลุกไปไหนอย่างที่บอกจริงๆ
 
     ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงที่ชินพัตน์มานั่งเป็นเพื่อนนนทนัฐก็เห็นว่ามีวัยรุ่นเข้ามาเล่นเยอะขึ้น ส่วนเด็กโตก็กลับบ้านเกือบหมดแล้ว วัยรุ่นตัวโตๆยกพวกเข้ามาเล่นด้วยกันหลายคนเหมือรอจังหวะเวลาที่เครื่องว่าง แต่ก็เล่นได้ไม่นานเพราะร้านกำลังจะปิดแล้ว พวกวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็มีส่งเสียงดัง ว่าทำไมปิดเร็ว น่าจะปิดดึกกว่านี้สักหน่อย

“พี่ทำไมปิดเร็วจัง พึง 4 ทุ่มเอง”

“พี่เปิดร้านแต่เช้านะ เลยปิดเร็ว จำได้ตื่นขึ้นมาเปิดร้านได้นะ”นนทนัฐอธิบายอย่างใจเย็น

“โธ่พี่ แต่พวกผมกว่าจะได้เล่นก็ต้องรอให้พวกเด็กเล็กๆกลับไปกว่าจะได้เข้ามา”

“ก็แต่ช่วงปิดเทอมช่วงนี้เท่านั้นแหละน้อง พอเปิดเทอม เด็กคงหายไปเยอะ”ชินพัตน์ช่วยตอบแทน พวกวัยรุ่นพยักหน้าเข้าใจ เพราะว่าบางคนไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ออกมาหางานทำ กลางวันทำงานตอนเย็นก็มักจะแวะมาที่ร้านนี้ประจำ จนจำหน้าได้ แต่กว่าจะได้เล่นก็ต้องรอคิวต่อจากเด็กๆ

“พี่น่าจะเปิดดึกกว่านี้หน่อย พวกผมจะได้เล่นมั้ง”วัยรุ่นที่ทำงานแล้วพูดขึ้น เพราะตนเองได้เล่นก็แค่หลังเลิกงานเท่านั้น

“ใช่ๆ หรือไหมก็เพิ่มคอมอีกสัก 5-6 ตัว จะได้พอเล่นกัน” วัยรุ่นในกลุ่มนั้นต่างพากันเสนอ

“โอเค ไว้พี่จะลองคิดดูนะ กลับบ้านกันดีๆล่ะ”นนทนัฐรับฟังข้อเสนอของลูกค้าทุกคนทุกลุ่ม แต่เพราะพึงเปิดไม่นาน ยังไม่รู้ว่าหลังจากเปิดเทอมแล้วลูกค้าจะเยอะเหมือนแบบนี้อีกหรือเปล่าต้องรอดูช่วงเปิดเทอมก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
 
    วัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ต่างทยอยกันขับรถมอเตอร์ไซค์กันออกจากหน้าร้านไป นนทนัฐก็ปิดหน้าร้านเรียบร้อยเดินเข้ามาหาใครอีกคนที่น่าจะอยู่ภายใน กลับไม่เจอรีบเดินหาทั่วร้าน ก็เห็นยืนล้างจานอยู่ในครัว รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกนึกว่าอีกฝ่ายหนีกลับร้านไปซะแล้ว รีบเดินเข้าไปหา


“ผมล้างเองครับ “นนทนัฐรีบจุ๋มมือลงในน้ำเพื่อดึงจานจากมืออีกฝ่ายมาล้างเอง เพราะเป็นจานที่เขากินแล้วเอามาทิ้งไว้ในอ้าง คิดเอาไว้ว่าจะมาร้านตอนร้านปิด ไม่คิดว่าชินพัตน์จะมาล้างให้แบบนี้ แถมยังเป็นอาหารจานด่วน ที่ตรงเวลาทุกมื้อด้วยของร้านข้างๆ เดินมาส่งให้เองบ้าง ให้จอยมาส่งบ้างก็มี

“คุณปิดร้านแล้วหน้าร้านแล้วเหรอ ผมล้างเองได้หน้า อย่ามาเกะกะสิ” ชินพัตน์ยื้อจานคืนมา และใช้หัวไหล่ดันอีกฝ่ายให้ถอยไปจากบริเวณที่ตนเองยืนอยู่

“ชินครับ ผมกินผมก็ต้องล้างสิ ให้คุณมาล้างให้แบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไร ช่วยๆกันจะได้ขึ้นไปนอนไวๆไงคุณ เห็นไหมเสร็จแล้ว” ชินพัตน์รีบล้างจานใบสุดท้ายให้เสร็จแล้วคว่ำไว้ที่ที่ลองจาน ก็หันกับมามองซ้ายมองขวาหาผ้าเช็ดมือ

“มาครับ ผมเช็ดให้” นนทนัฐดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไป หาผ้าฝืนนุ่มมาเช็ดมือให้ชินพัตน์อย่างตั้งใจ

“เฮ้ยคุณไม่ต้อง ผมเช็ดเองได้ ส่งผ้ามาๆ”

“อยู่เฉยสิครับ “นนทนัฐไม่ฟังแถมจับมือชินพัตน์ไว้ให้นิ่งเพื่อจะเช็ดมือของอีกฝ่ายให้แห้งสนิท ชินพัตน์เลยได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าตั้งใจเช็ดมือให้ เก้อเขินเพราะไม่เคยมีใครทำอะไรให้แบบนี้มาก่อนนอกจากพ่อกับแม่แล้ว นนทนัฐคือ คนแรกทีทำแบบนี้ให้ พี่ชายอย่างนพคุณยังไม่เคยทำแบบนี้ให้เขาเลยด้วยซ้ำ

“ขอบคุณนะครับ”

“ฮะ อะ อะไรขอบคุณผมทำไม” ชินพัตน์ที่หลุดจากห้วงความคิดของตนเอง ตั้งสติรับฟังคำพูดขอบคุณอย่างไม่เข้าใจ

“คุณดูแลผมแถบจะทุกเรื่องเลย เรื่องอาหารการกิน ใช่ใจลูกค้าตัวน้อยๆของที่ร้านผม แม้กระทั้งล้างจานให้ผมแบบนี้ด้วย
ผมขอบคุณคุณจริงๆนะครับ ที่ทำทุกอย่างเพื่อผมแบบนี้”

“ก็ ก็ช่วยๆกันไง ร้านอยู่ใกล้ๆกัน ไม่ช่วยกันแล้วจะไปช่วยใครล่ะ ใช่ไหม แหะๆๆ” ชินพัตน์ตอบแก้เขิน บิดมือให้ออกจากการจับกุมไว้ เพราะสายตาที่มองกลับมาพร้อมกับคำพูดขอบคุณ สื่อความหมายมากกว่านั้นออกมา ทำให้ชินพัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูก แล้วยิ่งอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้อีก

“ดะ ดึกแล้ว เอ่อ ผมง่วงแล้ว ผมจะไปนอนแล้ว” ชินพัตน์รีบมองหาทางออกจากร้านหันรีหันขวาง แต่มือก็ยังถูกกุมแบบนั้นไม่มีที่ท่าว่าจะปล่อย

“นอนที่นี้ก็ได้ครับ คุณเคยนอนแล้วนี้”

“ระ เรื่องอะไรห้องผมก็มีนอนทำไมผมต้องนอนที่นี้ด้วย ปล่อยเลยนะ!!!”ชินพัตน์รีบร้อนตัว เพราะจำได้ว่าตนเองเคยนอนกอดอีกฝ่ายไว้ทั้งคืน ก็ทำให้หน้าเห่อร้อนขึ้นมาหนทางหนี ด้วยการขู่เสียงดุ

“ครับๆ ผมรู้ว่าคุณมีห้องนอน แต่ผมเห็นคุณบอกว่าง่วงนอนก็เลยไม่อยากให้เสียเวลาเดินกลับ นอนที่นี้เลยก็หมดเรื่อง”ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชอบที่จะแกล้งอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวัน

“ร้านผม บ้านผม ห้องผม อยู่แค่นี้เองนะคุณ “ชินพัตน์เริ่มขึ้นเสียงเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือซักที่ และดูออกด้วยว่าอีกฝ่ายจะแกล้งยื้อคนเองไว้เท่านั้น ไม่ได้อยากให้ทำอย่างที่พูดหรอก

“…………………”นนทนัฐยกยิ้มเดินจูงมือคนที่ทำหน้าหงิก เดินตามอย่างกล้าๆกลัวว่าจะโดนพาไปไหนพอมาถึงประตูด้านหลังร้านเกม นนทนัฐก็เปิดออก แล้วพาอีกคนเดินมาออกมาส่ง ถึงประตูด้านหลังร้าน ของอีกฝ่ายเดินมาเปิดประตูส่งชินพัตน์เข้าไปด้านใน

“ฝันดีนะครับ” ปลายจมูกเกือบโดนแก้มชินพัตน์ ที่เอาแต่ยืนนิ่งเพราะตกใจเพราะอีกฝ่ายเล่นก้มเข้าหาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวแถบไม่ทัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นๆที่ทิ้งไว้ข้างแก้มเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายเดินหายไปแล้ว

“…………”ชินพัตน์ยังยืนนิ่ง พอตั้งสติได้ ก็รีบปิดประตูยืนกุมเสื้อตรงหัวใจด้านซ้ายไว้แน่น ยืนหันหลังพิงปะตูที่ปิด

“หยุดเต้นได้แล้ว เขาไปตั้งนานแล้ว “ชินพัตน์เตือนตัวเอง เพราะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงเสียงดัง จนควบคุมไม่อยู่ คนต้นเหตุก็ไม่อยู่แถวนั้นแล้ว ทำไมหัวใจของตนเองยังทำงานหนักอยู่นะ

            ช่วงเวลาตลอดปิดเทอม มีเด็กๆเข้ามาเล่นที่ร้านเกมไม่ขาดสาย แถมพาเพื่อนต่างถิ่นมาเล่นด้วย หาลูกค้ามาที่ร้านให้เพิ่มอีก ร่วมทั้งเป็นลูกค้าร้านลูกชิ้นปิ้งด้วย บ้างวันที่ชินพัตน์ต้องลงไปขาย ที่ตลาดนัดก็จะไม่ได้เข้าไปที่ร้านเกม ขายของที่ตลาดนัดทั้งวัน กลับมาที่ร้านก็เข้ามาช่วยป้าพรกับจอยอีกด้วย สิ้นเดือนลูกค้าเยอะกันทั้ง 2 ร้าน เพราะเงินเดือนออกก็เป็นช่วงของการจับจ่ายใช้สอยเงินทอง ของเหล่าคนงาน พนักงานออฟฟิศ ลูกๆหลายๆก็จะได้เงินมาเล่นเกมกินขนมซื้อลูกชิ้นปิ้งกินกัน ลูกค้าแน่นร้านจนชินพัตน์ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย แม้กระทั้งจะไปส่งยาย ต้องรอปิดร้านก่อน เพราะพี่ชาย อย่างนพคุณติดงานที่ร้านของตนเอง เลยแวะมาช่วยขายของไม่ได้ ยายเลยเข้ามาช่วยในร้านอีกคน

“ยายครับ นั่งพักเถอะครับ ไม่ต้องช่วยหรอกครับ”ชินพัตน์พายายกับมานั่งที่โต๊ะคิดเงินของตนเอง

แต่ลูกค้าเยอะเลย ยายอยากช่วย”

“ไม่เป็นไรครับ ยายขายผักมาทั้งวันแล้ว นั่งพักเถอะนะครับ”

“แต่ว่า….”

“ไม่มีแต่ครับ ผมขอบคุณนะครับที่ยายอยากจะช่วย แต่ผมอยากให้ยายพักมากกว่า แค่ผมไปส่งยายที่สวนช้าผมก็เกรงใจจะแย่แล้วละครับ นั่งรอผมเฉยๆเถอะนะครับ” ชินพัตน์อธิบาย

“จ้าๆ” ยายยิ้มเอ็นดู ขยันทำงาน เห็นใจ มีน้ำใจกับคนอื่น ไม่รู้ว่าจะได้เจอคนแบบนี้อีกหรือเปล่ารู้สึกดีใจที่ได้มารู้จักกัน




 “จอยพี่ฝากเอาข้าวไปให้นนท์ด้วยนะ พี่ไปส่งยายก่อน” ชินพัตน์ที่ช่วยป้าเก็บร้านเสร็จก็รับแยกต้วออกมาเพื่อจะไปส่งยายที่บ้านสวน

“ได้จ้า”จอยรับคำ แล้วรีบไปรับถาดข้าวจากป้าพรเพื่อไปส่งร้านข้างๆ


        ชินพัตน์ขับรถมาส่งยายได้พูดคุณกับยายเรื่องต้นกล้า กำลังหาที่ฝึกงานอยู่ บอกว่าเพื่อนๆได้กันเกือบทุกคนแล้วแต่ต้นกล้ายังหาที่ฝกงานไม่ได้เลย ทำให้ผู้เป็นยายเป็นห่วงเรื่องหลายชาย ยายเลยปรึกษาชินพัตน์เรื่องนี้ด้วย

"ผมจะลองถามเพื่อนๆที่ทำงานเก่าผมดูให้อีกทางนะครับ เพื่อจะฝากต้นเข้าฝึกงานที่ไหนได้บ้างนะครับ”

“ยายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ต้นต้องได้ที่ฝึกงานดีๆแน่ๆครับ”

“จ้าๆ”

      ชินพัตน์ขอตัวกลับเพราะอยากให้ยายได้รีบพักผ่อน ตัวเขาเองก็เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทั้งที่ตลาดนัด ทั้งที่ร้านที่มีลูกค้าเยอะมากจริงๆตอนสิ้นเดือน จนรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นไข้ร้อนๆหนาวๆไงยังบอกไม่ถูก แต่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องขอต้นกล้า เลยโทรหาเพื่อความสบายใจ

“ต้นนอนหรือยัง”

(สวัสดีครับ พี่ชิน ต้นยังไม่นอนพึ่งกลับมาจากทำงานพิเศษครับ”

“ทำงานพิเศษด้วยเหรอ”

(ครับ จะเก็บเงินไว้ใช้ช่วงฝึกงานด้วยนะครับ ไม่อยากรบกวนเงินยายแล้ว”

“พูดถึงเรื่องฝึกงาน แล้วต้นได้ที่ฝึกงานหรือยัง”

(ยังครับ เพื่อนๆก็ชวนให้ไปฝึกด้วยกันครับ แต่ต้นไม่อยากไปฝึกงานไกลๆ ต้นเป็นห่วงยาย ต้นอยากจะลองกาที่ฝึกงานใกล้บ้าน จะได้มีเวลาดูแลยาย ช่วยยายขายของด้วยนะครับ)

“งั้นเหรอ” ชินพัตน์รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมต้นกล้าถึงยังไม่ได้ที่ฝึกงานซักที่เพราะเป็นห่วงยายนั้นเอง และเลือกที่ฝึกงานอยากได้ใกล้บ้านนี้แบบนี้ ไม่รู้เมื่อไรจะหาได้ ระยะเวลาใกล้จะฝึกก็เข้ามาใกล้ทุกที่ ยังไม่ได้ยื่นเรื่องทางคณะเลยจะมีปัญหาตอนจบได้ ถ้าติดปัญหาเรื่องฝึกงานแบบนี้

“เดี๋ยวพี่ช่วยดูๆให้อีกทางดีไหม”

(อยากเลย ต้นเกรงใจ ที่ร้านพี่ชินก็ยุ่งมากพอแล้ว อย่าเสียเวลาไปหาดูงานให้ต้นหรอกนะครับ”)

“แต่ต้นยังไม่มีที่ฝึกงานแบบนี้ พี่ก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ”

(“แต่ว่า….”)

“ดึกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะต้น ต้นรีบกลับไปพักเถอะนะ ได้เรื่องยังไงโทรบอกพี่ด้วยนะ ส่วนพี่จะหาแถวๆนี้ให้อีกแรงนะ”

(ขอบคุณมากๆนะครับพี่ชิน)ต้นกล้า พยายามกลั้นเสียงสะอื้น เพราะน้ำตาของความตื้นตันใจที่มีคนอย่างชินพัตน์ที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ยังเป็นห่วงเป็นใยกันมากขนาดนี้  ไม่รู้จะตอบแทนด้วยสิ่งไหนกับคืนไปดี ก็คงจะมีแต่ความจริงใจเท่านั้นที่จะส่งคืนให้คนๆนี้ได้
 
   ต้นกล้าอยากเกิดมามีพี่น้องแบบชินพัตน์เสียจริง คงจะรู้สึกดีไม่น้อย การที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบคนอื่นเป็นอย่างไรนะ ต้นกล้าได้แต่น้ำตาไหลหวนคิดไปกับช่วงชีวิตของตนเองที่ผ่านมา



“พี่นนท์ข้าวมาแล้วจ้า”

“ขอบใจนะจอย”นนทนัฐพูดขอบคุณแต่ตาหันหามองใครอีกคน

“พี่ชินไปส่งยายที่สวนจ๊ะ ยังไม่กลับ”

“อ้าวเหรอ พึ่งไปส่งเหรอ”

“จ้า เพราะที่ร้านคนเยอะมากเลย พี่ชินเลยทิ้งไปส่งยายก่อนไม่ได้ เลยต้องให้ยายรอจนปิดร้านนะจ๊ะ”

“……..”นนทนัฐพยักหน้าเข้าใจ นึกเป็นห่วงคนที่กำลังขับรถอยู่ว่าจะเป็นอย่างไงบ้างตอนนี้


          นนทนัฐนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่เป็นสุข เดินเข้าเดินออกหน้าร้าน  เพราะนึกเป็นห่วงใครบางคนที่ขับรถออกไป ปานนี้ยังไม่กลับเข้ามา จนเด็กๆในร้านเริ่มถามว่า เดินไปมาทำไมเวียนหัว ไม่เคยเห็นนนทนัฐเป็นแบบนี้มาก่อน นนทนัฐเลยต้องกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม แล้วหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า แต่เมือโทรไปสายไม่ว่างตลอดเลย ยิ่งทำให้เป็นห่วงมากขึ้น โทรศัพท์คุยอยู่กับใครกัน เขาโทรกลับไปที่ไรก็สายไม่ว่างทุกที่   และก็พยายามโทรกลับไปอีกครั้งแล้วก็ติดจนได้

“ชินคุณอยู่ไหนนะ”

(“ผมกำลังถึงหน้าร้านแล้ว จะโทรมาทำไม”)ชินพัตน์ทำเสียงดุแล้วตัดสายทิ้ง เพราะเขากำลังจะเลี้ยวเข้าทางมาที่ร้านอยู่แล้ว ชินพัตน์ยังไม่ทันจอดรอดดี ก็เห็นใครบ้างคนวิ่งออกมาจากหลังร้านมาหาที่หน้ารถของตนเองซะแล้ว

“นี้!!!คุณจะวิ่งออกมาทำไม ไม่ดูลูกค้าหรือไงกัน”ชินพัตน์เปิดประตูลงมาถามเสียงดุ

“ก็ผมเป็นห่วงคุณนี้ เห็นขับรถออกไปตั้งนานแล้วไม่เห็นกลับมา ผมโทรไปคุณก็ไม่รับ ผมก็เลยเป็นห่วงว่าคุณจะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ผมมีเรื่องคุยกับยายนิดหน่อยนะ “ชินพัตน์เดินหนีเข้ารั้วหลังร้าน เพราะอยากจะนอนพักแล้วรู้สึกเหนื่อยๆแปลกวันนี้ แถมมีเรื่องใหม่มาให้คิดอีก

“มีเรืองอะไรหรือเปล่า ชิน”

“ไม่มีอะไร ผมไปนอนก่อนนะ”ชินพัตน์ตอบเสียงเหนื่อยๆ

“ชิน คุณไม่สบายหรือเปล่า หน้าคุณซีดๆนะ”นนทนัฐดึงแขนชินพัตน์ให้หันกลับมามองหน้าให้เห็นชัดอีกครั้ง เพราะแสงไม่ค่อยสว่างเท่าไร

“ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณกลับไปดูร้านเถอะ เด็กมาซื้อขนมแล้วมั้ง”ชินพัตน์บอกปัดเพราะอยากจะนอนเต็มที่

“ตัวคุณลุ่มๆนะ” นนทนัฐยื้ออีกฝ่ายให้หันมาคุยกันดีๆ แล้วพาเดินเข้าหลังร้าน พาไปนั่งที่โต๊ะทำงานของชินพัตน์ แล้วทำท่าวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก ก็รู้สึกว่าคนตัวอุ่นๆจริงๆ

“อืม ผมก็รู้สึกแปลกๆ  ขอเช็คบัญชีของวันนี้ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปนอนนะ ”ชินพัตน์หยิบสมุดบัญชีเพื่อจะเช็คยอดลูกชิ้นขึ้นมา แต่นนทนัฐดึงกลับมาแล้วเอาเก็บไว้ที่เดิม

“ไมได้ครับ รีบขึ้นไปทานยาแล้วรีบนอนพักนะครับ”

“อืม ก็ได้ “ชินพัตน์พยักหน้ารับ เพราะก็ไม่อยากฝืนตัวเองด้วย ไม่อยากนอนป่วย เดี๋ยวทีร้านจะยุ่งเข้าไปอีก

“ครับ(ยกยิ้มพอใจ) วันนี้ทำไมทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่ายจัง”นนทนัฐลูบหัวคนที่ทำท่าจะหลับไม่หลับแล หรือเพราะว่าเป็นคนป่วยเลยดูเชื่องๆ พูดอะไรก็ทำตามไม่ดื้อ

“ผมไม่ใช่เด็กนะ “ชินพัตน์ปัดมือนนทนัฐออกไม่แรง แล้วรีบลุกขึ้นเพื่อจะเดินขึ้นข้างบน

“อยากลืมทานยานะครับ ห่มผ้าหนาๆด้วย แอร์ก็อย่าเปิดเลย เปิดหน้าต่าง แล้วก็เปิดพัดลมดีกว่านะครับ”

“อืมๆ รู้แล้วคุณกลับไปดูร้านคุณเถอะ” ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ

“ผมเป็นห่วงคุณนะ”

“อืมรู้แล้ว”

“ต้องทานยายด้วยนะรู้ไหม”

“อืมรู้แล้ว”

“ผมรักคุณนะ รู้ใช่ไหม”

“อืม อืมรู้แล้ว”

“ครับรู้ก็ดีแล้ว แล้วเมื่อไรจะรับรักผมซักที่ครับ หืม?”นนทนัฐรู้สึกหมั้นเขี้ยวเลยบีบจมูกรั้นๆหน้าตาเซื่องๆเพราะพิษเป็นไข้เบาๆ ชินพัตน์ได้แต่ปัดมือไปมา อย่างรำคาญตอนนี้พร้อมจะหลับเสียให้ได้

“มา เดี๋ยวผมพาคุณขึ้นห้องไปนอนพักดีกว่า”นนทนัฐเข้ามาพยุงตัวคนที่เริ่มเดินไม่ตรงตา เพราะตาจะปิดอยู่แล้ว

“อะไร? มะ ไม่ต้องผมเดินไปเองได้” ชินพัตน์เมื่อเรียกสติกลับมาเพราะคำว่าจะพาขึ้นห้อง คำเดียว

“คุณนั้นและกลับไปที่ร้านของคุณเลย นะ “ชินพัตน์ดันตัวนนทนัฐให้ออกจากร้านของตนเอง แล้วรีบปิดประตูแต่ยังได้ยินเสียงตะโกนรอดเข้ามาข้างใน

“ชิน อย่าลืมกินอย่านะครับ “

“รีบนอนนะ ครับ”

“ฝันดีนะครับ”
ชินพัตน์แนบหูฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรดีไหม แต่เห็นว่าเห็นไปแล้วคงกลับเข้าร้านไปแล้ว เลยลองเปิดประตูดูให้แน่ใจ
แต่ก็ต้องตกใจ เพราะอีกฝ่ายยังยืนนิ่งมองมา และเห็นว่าเขาเปิดประตูออกมามอง เลยยกยิ้มดีใจใหญ่
รีบเดินเข้ามาหาอีกครั้ง ยื้อประตูไม่ยอมให้ปิด

“ปล่อยสิผมจะปิดประตู”

“ผมรักคุณนะ คุณรู้แล้วใช่ไหม”นนทนัฐยิ้มหวานเพื่อตอกย้ำคำนี้อีกครั้ง

“ไปให้พ้นเลยนะ ผมจะนอนแล้วววววววววว”

 

   

  สรุปเป็นไข้แล้วหัวใจก็เลยเต้นแรงใช่ไหม
 

 หรือเพราะอะไร? 


 แบบนี้เรียกว่าอาการ รัก ได้หรือเปล่านะ?







   


   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมล้วนๆมาแล้วจ้า!!!

  ขออภัยที่หายเงียบไปนาน ปั่นนิยายค้างไว้
 แต่วันนี้รีบมาปั่นต่อให้จบตอน มาลงให้อ่านแล้วจ้า
ขอบคุณทึกกำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ


  วันนี้มินมินจะไปดูคอนเสิร์ตดงบังชินกิ ทีอิมแพ็ค (ตื่นเต้นไม่ยอมหลับยอมนอน)
 เลยย่อยมาลงนิยายยามดึก ตอนตี 3 ฮ่าๆๆ :วู้วว1:





                     

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
พี่ชินนี่ปากแข็ง..เมื่อจะรับรักซะทีละ

อิอิ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0





                                เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64

             กิจการของทั้งสองร้าน ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน เพราะลูกค้าบอกปากต่อปาก ชินพัตน์กับนนทนัฐเลยคุยกันว่าจะรับคนเข้ามาช่วยงานที่ร้าน เลยทำป้ายรับสมัครคนงานช่วยทั้งสองร้านพร้อมๆกัน ชินพัตน์คิดว่าถ้าได้คนมาช่วยเร็วๆก็จะดีมาก เพราะป้ากับจอยจะได้เบาแรงลง  นนทนัฐก็เช่นกันมีคนมาช่วยดูที่ร้านเพิ่ม ตัวเข้าเองก็จะได้มีเวลา ทำงานส่วนตัวที่รับปากเพื่อนจะเขียนแบบเรือนหอให้กับเพื่อนสนิทสมัยเรียน ที่ขอร้องมานานแต่นนทนัฐก็ไม่มีเวลาลงมือสักที่ เพราะติดว่ายุ่งกับร้านที่เปิดใหม่ ลูกค้าหน้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นทุกวันจนต้องหาคนมาช่วย
“ผมเอาป้ายสมัครงานไปติดที่ตลาดให้ด้วยนะ”ชินพัตน์ที่เดินมาพร้อมอาหารมื้อเย็นส่งให้นนทนัฐที่กำลังง่วนในการเก็บเงินในลิ้นชัก เพราะลูกค้าเยอะมากจนไม่มีเวลาเลย
“ขอบคุณครับ”นนทนัฐของคุณทั้งเรื่องอาหารมื้อเย็นและเรื่องประกาศรับสมัครงาน
“อืม”ชินพัตน์เลี่ยงที่จะไม่เข้าใกล้เพราะเจอมุกเนียนของคนที่นั่งหน้าโต๊ะคอมประจำ จับมือมั้งล่ะ แกล้งพูดโน่นพูดนี้มั้งล่ะ คำพูดที่คอยส่งคำหวานมา ไม่รู้ช่างไปสรรหามาจากไหน คิดมาถึงตรงนี้ ชินพัตน์ก็เอาแต่สายหัว แล้วเดินไปดูเด็กวัยรุ่นเล่นเกมกลุ่มใหญ่ ที่มาประจำ
“ไปไหนครับ”นนทนัฐรีบเงยหน้าจากจานข้าวถาม
“คุณกินข้าวไปเถอะน่า”ชินพันต์ทำบุ้ยหน้าไปที่จานข้าว แล้วเดินออกห่างจากโต๊ะคอม
Rrrr Rrrr
“ว่าไงต้น ยังไม่เข้าหออีกเหรอ”
(กำลังจะเดินกลับเข้าหอครับ เลยโทรมาหาพี่ชินไปด้วยระหว่างเดินกลับ)
“อย่าโหมงานหนักมากนะ รีบนอนพักผ่อนนะรู้ไหม”
(ครับ เอ่อพี่ชินคือผมมีเรื่องปรึกษาครับ)
“ต้น มีอะไรให้พี่ช่วยบอกมาเลยนะไม่ต้องเกรงใจ”ชินพัตน์เห็นว่าคุยนานเลยเดินกลับไปหลังร้านเพื่อกลับไปคุยที่ตึกของตนเอง นนทนัฐก็มองตาม ชินพัตน์ได้แต่ชี้มือชี้ไม้มาทางโทรศัพท์ว่าคุยธุระอยู่ แล้วชี้ไปทางตึกของตนเอง นนทนัฐพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ชินพัตน์คุยกับใคร
(“ต้นยังหาที่ฝึกงานไม่ได้เลยครับ”)
“เดี๋ยวพี่ช่วยหาให้เองต้น”
(“ไม่ทันแล้วละครับ ผมคงต้องไปฝึกงานกับที่เดยวกับเพื่อนนะครับ”)
“ก็ดีแล้วนี้ต้นมีเพื่อนจะได้ไม่เหงา”
(“แต่ต้นไม่อยากไปฝึกเลยครับ มันไกลแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลากลับมาหายายหรือเปล่าต้นเป็นห่วงยายครับ”)
“เรื่องยายต้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะแวะไปหายายบ่อยๆเอง ต้นตั้งใจฝึกงานเถอะนะ”
(“แต่ว่า….”)
“ไม่มีแต่ เชื่อพี่ทั้งใจฝึกงาน เรื่องทางนี้พี่จัดการเองนะ”
(“ครับ สุดสัปดาห์นี้ผมจะกลับไปบอกยายครับว่าต้นจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ”)
“อืมดีมาก แล้วค่อยกลับมาคุยรายละเอียดที่ฝึกงานให้พี่ฟังอีกที่นะ”
(“ครับพี่ชิน)
“ถึงหอพักหรือยัง”
(“ถึงแล้วครับ”)
“งั้นก็นอนพักซะ ไม่ต้องคิดมากนะรู้ไหม”
(“ครับพี่ชิน”)
“ฝันดีครับ”  ชินพัตน์มองโทรศัพท์อีกครั้งเพราะจับน้ำเสียงของต้นกล้าได้ว่ายังกังวลเรื่องที่ฝึกงานแล้วก็เรื่องยายด้วย กลับมาคงต้องคุยให้เข้าใจเพื่อไม่ต้องกังวล
ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครมายืนมองอยู่นานแล้ว ได้แต่นั่งมองโทรศัพท์แล้วคิดว่าจะดูแลยายแบบไหนดีที่จะทำให้ต้นกล้าไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก คนที่ยืนเงียบมองอยู่นานก็เดินเข้ามาหาก้มใบหน้าถามจากด้านหลัง
“กับผมยังไม่เคยพูดแบบนั้นสักครั้งเลยนะครับ”ชินพัตน์สะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆก็มีเสียงถามขึ้นในความเงียบ
“นี้คุณ!!!ผมตกใจนะ เข้ามาเงียบๆ”ชินพัตน์ลุกข้นโวยวายแต่ก็ไม่ดังมากเพราะกลัวจะรบกวนป้าพรกับจอย
“ก็คุยไม่สังเกตเองว่าผมเดินเข้ามานานขนาดไหนแล้ว คุณเอาแต่โทรศัพท์อยู่ “นนทนัฐพูดเสียงเรียบน้ำเสียงติดน้อยใจเล็กๆ
“แล้วคุณจะมาที่นี้ทำไมล่ะ เด็กๆที่ร้านกลับกันไปหมดแล้วหรือไง”ชินพัตน์จับความรู้สึกได้อีกฝ่ายเสียงแข็งทำหน้านิ่ง
“ผมขอโทษครับพี่เข้ามากวนเวลาคุณคุยโทรศัพท์”นนทนัฐเดินกลับร้านไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอึ้ง เพราะไม่เข้าใจท่าที่ของอีกฝ่ายเลยว่าเป็นอะไร

แค่เดินกลับมาคุยโทรศัพท์แค่นี้ ?

คิ้วขมวดมุนอย่างสงสัย

          ชินพัตน์ก็ไม่ได้แก้ความสงสัยของตนเอง เพราะมีเรื่องให้คิดต้องจัดการเลยปล่อยผ่านไปก่อน เพราะยังไงก็แค่อยู่ข้างๆกันแค่นี้คุยเมื่อไรก็ได้ แต่เรื่องต้นกล้ากับยายต้องคิดที่จะทำยังไงให้ต้นกล้าไปฝึกงานได้อย่างสบายใจ และยายก็ไม่ต้องเป็นห่วงต้นกล้าที่ต้องไปฝึกงานไกลๆและนานเป็นเดือนๆด้วย ต้องปรึกษานพคุณพี่ชายของเขาอีกคนท่าจะดี หลายๆคนจะได้ช่วยกันคิด
เช้าวันรุ่งขึ้นก็โทรหาพี่ชายเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ แต่ปฏิกิริยาของพี่ชายของเขาตอบกลับมาแปลกๆ เมื่อเริ่มคุยปรึกษาเรื่องฝึกงานของต้นกล้า และเรื่องของยายยังไม่ทันเอยก็โดน สวนกลับมาเป็นคำถามชุดใหญ่
(ชิน ต้นจะไปฝึกงานที่ไหน ไปกับใคร นานแค่ไหน แล้วต้นไม่ห่วงยาย แล้ว……)
“พี่ใหญ่ ใจเย็นๆสิ ถามแล้วไม่คิดให้ผมตอบเลยหรือไง ถามมาเป็นชุดแบบนี้นะ)
(เออ โทษที่ ต้นไม่เคยบอกพี่เรื่องนี้เลย”)น้ำเสียงของนพคุณเหมือนน้อยใจที่ต้นกล้าไม่มาปรึกษาตนเองเลย
“พี่อย่าไม่ว่าต้นเลย ทั้งเรียน ทั้งหาที่ฝึกงาน แล้วไหนจะทำงานพาทไทมก่อนกลับบ้านอีกนะพี่”
(“แล้วทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนั้นด้วยล่ะ “)
“ก็ต้อนเข้าบอกว่าอยากจะหาที่ฝึกงานใกล้ๆบ้านเพื่อดูแลยายช่วยยายไปด้วย แต่ก็ยังหาไม่ได้สักที่”
“แล้วทำไมต้องทำงานด้วยล่ะ เอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่า”)
“ต้นบอกว่าจะเก็บเงินเอาไปใช้ตอนฝึกงาน จะได้ไม่รบกวนยายนะสิ”
(“โธ่เอย ต้น “)นพคุณถอนหายใจ เป็นห่วง น้อยใจ สงสารปะปนกันไปหมด
“ที่ผมโทรมาหาพี่เพราะว่าต้นตัดสินใจแล้วว่าจะไปฝึกกับเพื่อนที่หาที่ฝึกงานได้แล้วนะ เพราะถึงเวลาต้องแจ้งที่มหาลัยแล้ว แล้วต้องไปยืนหนังสือกับที่ฝึกงานก่อนล่วงหน้าอีกด้วย ต้นเลยกังวลเรื่องยายขึ้นมา แล้วดผุเหมือนจะลังเลเอามากๆเลยตอนนี้”
(“แล้วรายละเอียดเรื่องที่ฝึกงานล่ะ นายรู้อะไรมาบ้าง”)
“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก ต้นพึ่งโทรมาบอกผมเมื่อคืน แล้วต้นก็บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะกลับมาเล่าให้ฟังแล้วก็บอกยายเรื่องที่ฝึกงานนี้ด้วย คงลำบากใจน่าดูเลยนะพี่”
(“งั้นวันศุกร์พี่จะลองคุยกับต้นอีกที่แล้วกัน”)
“พี่ใหญ่ อย่าไปดุน้องนะพี่ ตอนนี้ต้นเองก็สับสนลังเลมากพอแล้ว พวกเราต้องให้กำลังใจ และดูแลยายแทนต้นให้เองนะพี่”
(“เออๆ รู้แล้วน่า ไม่ต้องร่ายยาวขนาดนั้นก็ได้ วันศุกร์จะพาแวะไปหาแล้วกัน”)ชินพัตน์ยังติดเคืองน้องชายนิดที่ต้นกล้าเรื่องปรึกษาชินพัตน์ก่อนตนเอง
“ได้พี่ แล้ววันศุกร์ก็ค่อยคุยกันอีกที่แล้วกัน”ชินพัตน์รับคำ แล้วก็วางสายจากพี่ชาย แล้วลงไปที่ร้านเพื่อช่วยคนอื่นเปิดร้าน

     หลังจากเปิดร้านเตรียมของพร้อมขาย ชินพัตน์มองไปหน้าร้านเกม ก็เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาเล่นแต่เช้า นนั้นก้หมายความว่า เจ้าของร้านเกมคงเดินมากินข้าวเช้าที่ร้านไม่ได้อย่างแน่นอน เลยสั่งให้จอยเอาข้าวเช้าไปส่ง ส่วนตัวเขาเองก็ตอนรับลูกค้าที่เข้าร้านมาพอดี เลยไม่ได้แวะไปเอง
“อ้าวจอยเอากลับมาทำไมล่ะ”ป้าพรถามขึ้นเมื่อเห็นถาดข้าวที่ทุกอย่างยังอยู่ครบ
“พี่นนท์เขาบอกว่า กินข้าวเช้าแล้วนะสิป้า หนูงงเลยอ่ะ” จอยเอาถาดข้าวไปเก็บ สายหัวอย่างไม่เข้าใจ ป้าพรก็เหมือนกัน

   เลยเวลามาเกือบบ่าย 2 โมง ชินพัตน์ที่เว้นว่าจากการเก็บจานเช็ดโต๊ะก็เดินมาถามจอยและป้าพรว่าทานข้าวกันหรือยัง เห็นลูกค้าเริ่มบางตาแล้ว เลยจะชวนกินข้าวพร้อมๆกัน
“ป้าครับทานข้าวพร้อมกันครับ”
“จ้า แปบนะป้าเบาไฟหม้อต้มก่อนจ๊ะ”
“จอย วางมือก่อนมาทานข้าวก่อนเร็ว เดี๋ยวลูกค้ามาอีกจะไม่มีเวลากินมื้อเที่ยงนะ” ชินพัตน์พูดชวน
“จ้าๆ ปิ้ง อันนี้เสร็จแล้วจะไปจ๊ะ”จอยหันมาบอก ปิ้งลูกชิ้นเตรียมไว้ประมาณ 10 กว่าไม้ ก่อนจะเดินมาสมทบที่โต๊ะข้าว
“ป้าครับ ตักต้มจืดตำลึง กับข้าวเปล่าให้ผมชุดหนึ่งครับ”ชินพัตน์นึกได้ว่าคนข้างๆร้านก็คงยังไม่ได้ทานมือเที่ยงเหมือนกัน
“ได้จ้า”ป้าพรหันไปตักอาหารตามที่ชินพัตน์สั่ง
“เออใช่ พี่ชินเมื่อเช้า พี่นนท์เข้าไม่ได้กินข้าวที่จอยเอาไปให้นะ พี่เขาบอกว่ากินข้าวเช้าแล้ว จอยเลยเอากลับมานะ”
“อ้าวเหรอ เอ…ไปกินที่ไหนหว่า?”ชินพัตน์ทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ เพราะเดี๋ยวไปถามตอนไปส่งอาหารอีกที่แล้วกัน
     ชินพัตน์นั่งทานมื้อบ่ายกับป้าพรกับจอยให้เสร็จก่อนแล้วค่อยยกถาดอาหารไปให้ใครบางคน เดินเข้าทางด้านหลังร้าน เพราะหน้าร้านมีลูกค้าเด็กวัยรุ่นเยอะมาก พอเข้ามาถึงที่โต๊ะที่นนทนัฐนั่งก็ต้องขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น
ชามมาม่า ที่กินหมดแล้วเหลือน้ำอยู่ที่ก้นชามที่พอจะบอกได้ว่ามันคือ ชามมาม่า ชามด่วน กดน้ำร้อนปิดฝา 3 นาทีก็อิ่มได้
“นี้คุณกินมาม่าเหรอ?”ชินพัตน์ถามขึ้น
“ครับ”นนทนัฐตอบเสียงเรียบ หันกลับไปที่หน้าจอคอมอีกครั้ง
“ผมว่าคงไม่อิ่มหรอกใช่ไหมล่ะ เอานี้ผมเอาต้มจืดลูกชิ้นมาให้ กินอันนี้ด้วยสิ จะได้อิ่มๆ” ชินพัตน์ไม่สังเกตสีหน้าอีกฝ่ายเลย พยายามวางถาดไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบชามมาม่าจะเอาไปล้างด้านหลัง แต่ก็โดนขวางไว้
“ผมอิ่มแล้วครับ ขอบคุณสำหรับอาหารครับ” นนทนัฐยือชามมาม่าไปวางที่อ่างแล้วล้างเอง
ชินพัตน์ยังยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ พอนนทนัฐเดินกลับเข้ามานั่ง และไม่มีท่าที่จะทานอาหารตรงหน้า
“คุณไม่รีบกินล่ะ เดี๋ยวหายร้อนแล้วไม่อร่อยนะ”
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“แต่ว่า….”
“ถาดนี้ราคาเท่าไรครับ”
“เอ๊ะ?”ชินพัตน์ไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวผมให้เด็กๆในร้านเอาถาดไปส่งให้นะครับ แล้วนี้ครับเงิน” นนทนัฐส่งค่าอาหารใส่มือให้ชินพัตน์แล้วเดินยกถาด ไปหากลุ่มเด็ก ถามหาว่าใครยังไม่ได้กินข้าว ใครหิวมาทานอาหารที่เขาถือมาได้ นนทนัฐบอกเด็กๆพวกนั้นว่าตนเองเลี้ยง เด็กๆพากันมานั่งกินกันกลุ่มใหญ่ นนทนัฐบอกอีกว่าไม่พอไปสั่งเอาได้ที่ร้านข้างๆ แล้วมาเก็บเงินที่ตนเอง ทำให้ชินพัตน์ยิ่งงงไปกับท่าที่แปลกแบบนั้น
เป็นอะไร
โกรธอะไร
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ชินพัตน์กำลังเดินกลับมาที่ร้าน แต่เหมือนมันไกลมากๆระหว่างหลังร้านเกมแล้วเดินไปหลังร้านของตัวเขาเอง ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด แต่ละย่างก้าวดูมันช่างหนักอึ้ง ภายในหัวคิดวนเวียนไปมา เกิดอะไรขึ้น?
      ตลอดหลายวันมานี้  เจ้าของร้านเกมฝากบอกจอยมาว่าไม่ต้องมาส่งอาหารให้แล้ว เพราะเขาเองหาของกินง่ายๆมาติดตู้เย็นไว้แล้วจะได้ไม่รบกวน เวลาทำงานของทุกคน เมื่อชินพัตน์ได้ฟังแบบนั้นแล้วก็ไม่อยากจะสนใจเรื่อง อาหารในแต่ละมื้อของคนข้างร้านอีกต่อไป เรียกสติตนเองกลับมาที่เรื่องของต้นกล้า เรื่องร้านของตนเอง แล้วก็รับคนมาช่วยงานเพิ่ม
“จอย ไม่มีเพื่อนๆสนใจมาทำงานด้วยกันบ้างเหรอ” ช่วงบ่ายที่นั่งกินข้าวพร้อมกัน ชินพัตน์ก็พูดขึ้นเพราะติดประกาศไปหลายวันแล้วยังไม่มีใครเข้ามาติดจ่อสักคนเลย
“เดี๋ยวจอยลองโทรถามเพื่อนๆดูให้นะจ๊ะ”
“อืม ขอบใจนะ”แล้วชินพัตน์ก็คิดว่าแล้วคนข้างร้านละมีผู้ช่วยหรือยังนะ หลายวันแล้วที่ตัวเขาเองไม่ได้แวะไปที่ร้านนั้นเลย นึกเหตุผลไม่ออกที่จะเดินไป เพราะอาหารก็ไม่ต้องไปส่งแล้ว เลยไม่รู้จะเข้าไปเพราะอะไร
“ตาชิน ตาชิน  ชินพัตน์!!”ป้าพรเรียกหลานชายหลายครั้ง จนต้องสะกิดแขนเพื่อให้หันมา
“คะ ครับป้ามีอะไรครับ?”
“เหมอไปถึงไหนแล้ว ป้าจะถามว่าเรียกคนงานที่บ้านมาช่วยก่อนไหม แล้วพอได้คนค่อยส่งกลับแบบนี้ดีกว่าไหม”ป้าพรเสนอความคิด
“งั้นถ้าอาทิตย์นี้ยังไม่มีคนมาสมัคร อาทิตย์หน้าผมจะโทรไปบอกพ่อกับแม่แล้วกันนะครับ” ชินพัตน์รับฟังข้อเสนอของป้าพร

       เช้าวันศุกร์ ร้านลูกชิ้นเปิดในเวลาปกติ อย่างเช่นเคย ร้านเกมข้างๆจะเปิดสายกว่าเล็กน้อย ชินพัตน์ได้แต่ยืนมองหน้าร้านที่ยังไม่เปิดอยู่เงียบๆ  ป้าและจอยก็สังเกตมาหลายวันแล้ว ไม่เห็นทั้งคู่พูดคุยกันไปมาหาสู่กันเหมือนเคย เลยอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะครั้งนี้ทั้งคู่ดูเงียบเหมือนมีเรื่องให้คบคิด และดูจะห่างๆกันจนน่าเป็นห่วง
“ป้าครับ วันนี้สายๆผมจะแวะไปหายายที่สวนนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมาช่วยนะครับ”
“จ้าๆไปเถอะ “ป้าพรมองออกว่าหลายชายต้องมีเรื่องกังวลหลายๆอย่างแต่ยังพยายามทำตัวปกติอยู่
“จอยพี่ฝากเรื่องเพื่อนของจอยด้วยนะ”
“ได้จ้า เดี๋ยวจอยจัดการให้จ๊ะ”

     ชินพัตน์อยู่ช่วยในร้านอยู่พักใหญ่ แล้วประมาณ 10 โมงก็ขับรถออกไปหายายที่สวนตามที่บอกกับคนที่ร้านไว้  นนทนัฐที่เดินออกมาบอกให้เด็กเรียงรถมอเตอร์ไซค์ให้เป็นระเบียบเห็น รถของชินพัตน์ขับออกไป ก็นึกสงสัยเลยเดินไปหาป้าพรกับจอยในร้าน ทั้งคู่ด฿เหมือนจะดีใจมากที่เห็นนนทนัฐแวะมาที่ร้าน ต่างช่วยเรียกให้มาทานข้าว
“พี่นนท์วันนี้ทานอะไรดีพี่?”จอยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เออ พี่ทานแล้วล่ะ ขอบใจนะจอย”
“ตานนท์ ป้าถามจริงๆเถอะ ทะเลาะกับตาชินหรือเปล่าลูก?”ด้วยความเป็นห่วงของป้า
“เออ คือไม่มีครับ พอดียุ่งๆนะครับ เลยไม่ค่อยได้แวะมา”นนทนัฐเลี่ยงไม่เก่ง โกหกก็ไม่เก่งด้วย ทำให้ป้าพรและจอยไม่หายสงสัย
“ดีแล้ว เป็นเพื่อนกันอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้อย่ามาทะเลาะกันเลย จะมองหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ”ป้าพรพูดเสริม
“เอ่อ แล้วเขาขับรถออกไปไหนครับ?”
“อ้อ พี่ชินบอกว่าจะไปหายายที่สวนนะจ๊ะ”
“……….”นนทนัฐพยักหน้ารับรู้

           ชินพัตน์ขับรถมาหายายที่สวน เพื่อจะพูดคุยเรื่องของต้นกล้าให้ยายฟังคราวๆก่อน เพื่อให้ยายสบายใจ และตัวเขาเองก็จะมาดูแลยายช่วงที่ต้นกล้าไปฝึกงาน ชินพัตน์ขับรถมาจอยที่หน้าบ้านที่ประจำ เดินไปหายายบนบ้านก็ไม่เจอ เพราะสายขนาดนี้แล้วยายน่าจะกลับขึ้นบ้านได้แล้ว ไม่น่าจะอยู่ในสวน  ชินพัตน์เดินกลับลงมาหายายที่สวนหลังบ้าน เดินไปตาม สวนผักต่างๆอย่างคุ้นเคย เพราะมาช่วยยายเก็บผักประจำ และคิดว่ายายน่าจะเดินมารดน้ำ ใช่ปุ๋ยตรงไหนบ้าง  แต่เดินหาจนรอบก็ไม่เจอ เลยเดินอ้อมมาด้านหลังบ้านที่มีทางขึ้นอีกทาง และมีห้องน้ำด้านล่างอีกห้อง  ชินพัตน์รูสึกสะดุดใจเลยเดินไปที่ห้องน้ำ เพราะคิดว่ายายอาจจะเข้าห้องน้ำอยู่ก็ได้ เลยทำให้หากันไม่เจอแบบนี้
“ยาย ยายครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าครับ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปใกล้อีก ที่หน้าประตูห้องน้ำ ชินพัตน์ตกใจกับสิ่งที่เห็นยายนอนก้มหน้าอยู่กับพื้นห้องน้ำ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ชินพัตน์รีบเข้าไปพยุงตัวยาย
“ยาย ยายครับ ยาย”ชินพัตน์ประคองร่างยายที่นอนนิ่ง ที่ศรีษะมีรอยเลือด น่าจะเกิดจากล้มลงกระแทกพื้น
ชินพัตน์หันมองไปรอบๆ แล้วตั้งสติพยายามกดหาหมายเลขฉุกเฉินต่าง แต่ก็หาไม่เจอ นึกไม่ออกว่าควรจะโทรไปเบอร์ไหนดี ชินพัตน์ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่รู้ว่าควรโทรไปเบอร์ไหน และสุดท้ายก็กดเบอร์โทรที่คิดว่าจะช่วยเขาได้ดีที่สุดในตอนนี้
“นนท์ รับสิ รับโทรศัพท์สิ” ชินพัตน์รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์
“ชิน “ นนทนัฐที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเขากำลังจะโทรหาชินพัตน์เพื่อขอโทษที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ที่ทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ก็มีสายโทรเข้ามาของคนที่กำลังนึกถึงมาตลอด โทรเข้ามาหาพอดี
“นนท์ช่วยด้วย ยาย ยายหกล้มหัวฝาดพื้น ผมไม่รู้ว่าจะติดต่อใคร อะไรที่ไหน นนท์”
“ชิน ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวผมกำลังจะไป เดี๋ยวผมโทรเรียกรถพยาบาลเองนะ  ชินประถมพยาบาลเบื้องต้นยายไปก่อนได้ไหม หรือเรียกคนแถวนั้นให้มาช่วยก่อนนะครับ ผมกำลังจะไปนะ”
“ได้ๆ รีบมานะ”ชินพัตน์รีบวางสาย และทำตามอย่างที่นนทนัฐบอกทกอย่าง ตะโกนเรียกคนรอบๆบ้านใกล้เคียง
“ช่วยด้วยครับ  มีใครอยู่แถวนี้ไหม มีคนได้รับอุบัติเหตุครับ ยายเป็นลมครับ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย”
ชินพัตน์ตะโกนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครสักคน เข้ามาดูเลย จนชินพัตน์เห็นว่า ถ้านานกว่านี้ คงไม่ดีแน่ๆ เลยพยายามอุ้มยายขึ้น เพื่อจะพายายไปที่รถ แล้วขับรถไปส่งยาย แต่ในใจก็กลัวว่าจะไปโดนจุดสำคัญต่างๆ ที่ยายอาจได้รับบาดเจ็บในส่วนที่เขามองไม่เห็น กลัวว่าขยับเขยื้อนยายแล้วจะยิ่งทำให้อาการของยายหนักขึ้นไปอีก ชินพัตน์สับสนไปหมด ใจอยากพายายไปให้ถึงมือหมอ แต่ก็กลัวจะทำให้เกิดผลไม่มีต่อร่างกายของยาย เพราะไม่รู้วิธี
“ช่วยด้วยครับ มีใครอยู่ไหม โทรเรียกรถโรงพยาบาลให้หน่อยครับ ขอเบอร์โทรก็ได้ ช่วยด้วยคร้าบ ฮือๆๆ”  ชินพัตน์ เริ่มคุ้มสติตนเองไม่อยู่แล้ว เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะเป็นห่วง พลาดโทษคนแถวนี้ว่าไม่มีน้ำใจ  จนสุดท้ายชินพัตน์ตัดสินใจอุ้มยายขึ้นแล้วพายายไปที่รถอย่างทุลักทุเล  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอด
“ชิน ยายเป็นยังไงมั้ง” นนทนัฐรับวิ่งไปรับยายจากแขนชินพัตน์ไว้แล้วพายายไปนอนที่แคร่หน้าบ้าน
“ผมไม่รู้ ยายนอนนิ่งแบบนี้นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ฮือๆ” ชินพัตน์สายหน้าไปมา
“ชิน ใจเย็นๆตั้งสติหน่อย ผมโทรบอกรถพยาบาลแล้วครับ พวกเราต้องดูยายก่อนว่า บาดใจตรงไหนอีกหรือเปล่า”
“ ……….”ชินพัตน์สายหน้าไปมา ไม่กล้าดูว่ายาย บาดเจ็บตรงไหนอีก เพราะตอนอุ้มยายขึ้นมาในอ้อมกอดก็คิดว่า ร่างกายของยายช่างเย็นเชียบ จนไม่กล้าคิดต่อไป
“ชิน ใจเย็นนะ ยายต้องไม่เป็นอะไร “
“………..”ชินพัตน์ก็ยังตัวสั่นยกมือที่เปื้อนเลือดขึ้นมาดู จนนนทนัฐต้องคว้ามือนั้นไว้แล้วปลอบใจอีกครั้ง
“ชินไม่เป็นไรนะ รถพยาบาลกำลังจะมาแล้ว ยายต้องปลอกภัยนะ เชื่อผมสิ”
“…….”ชินพัตน์ เริ่มดึงสติกลับมาอีกครั้ง พยักหน้ารับฟัง นั่งคุกเข้ากับพื้น บีบนวดปลายมือของยายที่เย็นชืดอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้กลับมามีเลือดวิ่งอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะ ยายต้องปลอดภัย”
และไม่นาน เสียงรถพยาบาลก็เข้ามาใกล้ ชินพัตน์ได้ยินก็รีบวิ่งออกไปหน้าบ้านเพื่อไปดักให้สัญญาณบอกว่า บ้านยายอยู่ตรงนี้ 
“คุณช่วยยายด้วยนะครับ” ชินพัตน์รีบนำบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาลที่วิ่งลงจากรถไปหายายทันที่
“ค่ะ /ครับ “รับคำแล้วต่างพากันวิ่งไปดูอาการของยาย แล้วนำตัวยายขึ้นรถ ส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ชินพัตน์ขอติดรถโรงพยาบาลไปด้วย นนทนัฐก็ขับรถตามไป
“คุณพยาบาล ยายเข้าเป็นอะไรมากไหมครับ “ชินพัตน์ร้อนใจรอเวลาที่พยาบาลตรวจเบื้องต้นเสร็จก็รีบขึ้น
“คนไข้สลบนานแค่ไหนแล้วค่ะ”
“ผมไม่แน่ใจ ผมพึ่งมาหายายแกเมื่อตอน 10 โมงกว่าๆครับ มาถึงก็เห็นยายนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นห้องน้ำแล้วครับ”
“คนไข้น่าจะเป็นลมล้มนะคะ แล้วแรงกระแทกทำให้ศีรษะฝาดกับพื้นอย่างแรง เสียเลือดมาก แล้วก็ไม่ได้สติด้วย”
“แล้ว ยายจะเป็นอะไรมากไหมครับ”
“ต้องถึงโรงพยาบาล แล้วตรวจเช็คให้ละเอียดอีกครั้งนะคะ ตอนนี้ยังบอกอาการที่แน่นอนไม่ค่ะ”

           รถฉุกเฉินวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาล มีทีมแพทย์มายืนรอรับอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่พายายนอนรถเข็นแล้วรบวิ่งไปยังห้องฉุกเฉิน ชินพัตน์ก็วิ่งตามไปดู แต่ก็โดนพยาบาลห้ามเข้า บอกให้รออยู่ด้านนอก ชินพัตน์ที่ร้อนใจ เนื้อตัวที่เปื้อน เดินวนไปมาอยู่ที่กชหน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานนนทนัฐก็วิ่งเข้ามาหา เดินเข้ามากอดปลอมชินพัตน์ที่ดจะขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นเอามากๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ ยายถึงมือหมอแล้วนะ ยายต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ” นนทนัฐโอบกอดลูกแผ่นหลังที่สั่นเทาของชินพัตน์ ให้คลายความกังวล
“ถ้าผม ฮือๆ ถ้าผมไม่ไปหายาย ฮึก ยายจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ฮือๆๆ” ชินพัตน์นึกขึ้นมาก็รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดปะปนกันไปหมด
“มันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าโทษตัวเองเลยนะชิน ยายก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ถ้าชินมานั่งโทษตัวเองแบบนี้”
“ยายต้องปลอดภัยเชื่อผมสิ ยายเป็นคนดี พระท่านต้องคุ้มครองคนดี “
“……”ชินพัตน์นิ่งฟังคำปลอบ
“พระทานส่งคุณไปช่วยยายไงครับ ให้ไปช่วยเหลือยายตอนที่ยายกำลังลำบาก แล้วตอนนี้เราก็ได้ช่วยให้ยายได้มาถึงมือหมอแล้ว ยายต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ อย่าคิดมากนะครับ” นนทนัฐกอดปลอบ ลูบศีรษะชินพัตน์ไปมา
“……”ชินพัตน์พยักหน้ารับรู้

        เวลาผ่านไปนานเป็นชั่วโมง ชินพัตน์ และนนทนัฐก็นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ตาจ้องมองไปที่ประตูห้องอย่างมีความหวัง การรอคอยที่แสนยาวนาน
นนทนัฐกุมมือชินพัตน์ไว้ตลอดเวลา
แล้วประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดขึ้น ทั้งคู่วิ่งเข้าไปหาหมดที่เดินออกมาถามหาญาติ
“ผมครับ ผมเป็นคนรู้จักกับยายเองครับ ยายเป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เนื่องจากเป็นลมล้ม ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ต้นแขนข้างซ้ายกระดูกร้าว ต้องเข้าเฝือกอ่อนนะครับ คนไข้ก็อายุมากแล้ว ต้องคอยระวังให้มากๆนะครับ รอคนไข้ฟื้นอีกที่ นอกนั้นก็มี่อะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ”
“ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณมากๆครับ”ชินพัตน์และนนทนัฐยกมือไหว้คุณหมอ
    ยายโดนส่งตัวไปที่ห้องพิเศษที่ชินพัตน์ติดต่อไว้ เพื่อให้ยายได้นอนพักห้องดีๆ แล้วเข้าไปเยี่ยมอาการยายที่ยังคงนอนหลับอยู่ พยาบาลบอกว่า อีกไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมาเอง เพราะร่างกายต้องการพักผ่อน พอได้น้ำเกลือเข้าไปแล้วก็จะปรับสภาพร่างกาย ให้ฟื้นขึ้นมาได้
    ชินพัตน์เข้ามานั่งเฝ้ายายอย่างใกล้ชิด กุมมือยายไว้ตลอดคิดเพราะคิดว่าถ้าตนเองไม่ไป หรือไปช้ากว่านี้ ยายคงไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้แน่ๆ น้ำตาชองชินพัตน์ก็เริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง นึกไปถึงว่าถ้าเป็นพ่อแม่ขอตัวเขาเองด้วย จะทำยังไง ไม่อยากให้เหตุการณืแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก
“ชิน ผมว่าคุณกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีไหม  แวะไปดูที่ร้านด้วย ป้าพรกับจอยจะเป็นห่วงนะครับ”นนทนัฐลูบหลังเบา
“แต่ว่า…..”
“ไม่เป็นไร ผมอยู่เป็นเพื่อนยายเองนะ คุณรีบกลับไปดูร้าน แล้วค่อยมาใหม่ดีว่า จอยกับป้าจะได้หายเป็นห่วงด้วยดีไหม”
“ครับ” ชินพัตน์นึกถึงร้านและความกังวลของคนที่ร้าน
“แล้วร้านของคุณล่ะ”
“ผมปิดร้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงก็แต่ร้านคุณนั้นแหละ กลับไปก่อนเถอะแล้วค่อยมาใหม่นะครับ” นนทนัฐพูดเสียงอ่อน ยิ้มเล็กๆส่งให้เป็นกำลังใจ
“ขับรถผมกลับไปก่อนนะ ส่วนเรื่องรถคุณว่างๆค่อยกลับไปเอา” นนทนัฐส่งกุญแจรถของตนเองให้
“………..”ชินพัตน์เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้งได้ โผล่เข้ากอดอีกฝ่ายที่ที่ยืนอยู่
“นนท์ นนท์ผมขอบคุณคุณมากเลยนะ ฮึก ถ้าไม่มีคุณผมทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลย ฮึก” ชินพัตน์กอดนนทนัฐแน่น ซบหน้ากับซอกคออุ่นของอีกฝ่าย รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้เขาเสมอมา
“………….”นนทนัฐยกยิ้มเล็ก ลูบแผ่นหลังที่สะอื้นเบาๆ บอกคำขอบคุณจากความรู้สึกที่มีออกมาจนหมด แค่นี้เขาก็มีความสุขมากที่ได้ทำอะไร เพื่อใครสักคน ไม่ต้องการคำขอบคุณ แต่ต้องการให้คนคนนั้น ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่ลำบาก และจะไม่ทำให้เสียใจ แค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ “นนทนัฐดึงชินพัตน์มามองแล้วเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา ชินพัตน์จับมือนันไว้ แล้วแนบใบหน้าลงบนฝ่ามืออุ่นนั้น
หลับตาแล้วซึมซับความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาให้รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง
ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามา ร้ายแรงเพียงใด
แค่มีคนคนนี้อยู่ข้างกาย เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
ความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
เขาพร้อมที่จะเดินไปพร้อมกับคนคนนี้
ยอมแล้วครับ
ยอมแล้ว

“นนท์”ลืมตาขึ้นมาจากความอบอุ่นนั้น และจองมองใบหน้ามีที่รอยยิ้มกลับมาให้เขาเสมอ
“ครับ”
“ผมรักคุณ” ชินพัตน์ก็โผล่เข้ากอดอีกฝ่ายอีกครั้ง









     


     :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:  :katai1:   :katai1: :katai1: :katai1:   :heaven :heaven :heaven


  :bye2: :bye2: :bye2:




ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้วววว ชินบอกรักนนท์แล้ว
นนท์จะดีใจขนาดไหนนะ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ชินตอบรับความรู้สึกของนนท์แบบนี้แล้ว เรื่องที่ผิดใจกันมาหลายวันคงไม่ต้องเคลียร์แล้วสินะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย ชินยอมพูดแว้วววววว อิอิ นนท์ช๊อคไปแล้ววว. 55555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
กว่าจะบอกได้ คนอ่านลุ้นจะแย่

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0




                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65
 
     นนทนัฐกอดรัดอีกฝ่ายแน่น เป็นคำที่เขารอมานานมาก และไม่คิดว่าคนในอ้อมกอดจะบอกรักเขาในสถานที่แบบนี้ แต่ก็รู้สึกดีและมีความสุขจนล้นเอ่อออกมา อยากบอกรักอยากสัมผัสกันให้มากเท่าที่จะมากได้ เป็นเหมือนการข้ามกำแพงกระจกหนาๆ ที่มองเห็นคนรัก ได้อยู่ใกล้ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าคำว่าเพื่อน แต่วันนี้เขาคงจะได้สัมผัส ได้กอดอย่างที่ตนเองตั้งใจและคิดอยู่ตลอดเวลาเมื่อเวลาอยู่ใกล้กัน
อยากเห็นหน้าคนรักชัดๆ ผมเรียกแบบนี้ได้แล้วใช่ไหม?
 
 นนทนัฐถามตัวเองใจใน คลายอ้อมกอดเพื่อมองใบหน้าคนที่พึ่งสารภาพรักกับตนเองให้เห็นชัดๆ เพราะเขารอมานานเหลือเกิน อยากเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขที่พวกเราทั้งคู่มีความรู้สึกเดียวกัน อยากเก็บความสุขครั้งนี้ไว้นานๆ

“ชินครับ ผมดีใจ ผมดีใจที่สุด “นนทนัฐเอยเสียงเบาเหมือนกระซิบใบหน้าเปื้อนยิ้มและมีน้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาคนที่สูงหว่าเล็กน้อย
 
   ชินพัตน์ก็ไม่ต่างกันเมื่อได้บอกความรูสึกของตนเองออกไป รู้สึกที่สิ่งที่หนักอึ้งในหัวใจมากตลอดได้ลอยหายไป มีแต่ความสุขที่เข้ามารู้สึกสบายใจที่ได้แสดงออกความรู้สึกออกไปได้สักที่ เขารู้ตัวเองมานานแล้วว่ารักคนตรงข้าม แต่ไม่อยากจะยอมรับว่าความรักครั้งนี้มันเกิดขึ้นเร็ว แถมยังเกิดกับผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้อีก เลยไม่อยากจะเสียงเรียกความรู้สึกนี้ว่าความรัก แต่ตอนนี้ หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะมีคนตรงหน้าเป็นเป็นกำลังใจแล้วพร้อมที่จะเดินฝ่าปัญหาไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ขอให้ได้รักคนตรงหน้า ขอแค่เราทั้งคู่รักกัน ทุกปัญหาพวกเราต้องผ่านไปได้

 ชินพัตน์ยืนยิ้ม มองหน้าคนที่รับรู้ความรู้สึกรักใคร่ที่ส่งผ่านไป รับรู้ความดีใจผ่านใบหน้ายิ้มอบอุ่นนั้น มือที่เกาะกุมกันไว้ในครั้งนี้ มันช่างอบอุ่นเนินนาน จนไม่รับรู้เวลาผ่านนอก มีเพียงแค่พวกเขาทั้งคู่เท่านั้น

“ผมรักคุณ พวกเราเป็นแฟนกันนะ”

“อืม”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว น้ำตาคลอ และโอบกอดกันอีกครั้งเนินนาน

“ชิน”นนทนัฐที่โอบกอดชินพัตน์ลูบหลังไปมา เรียกคนในอ้อมกอด

“หืม?”ชินพัตน์ตอบรับในลำคอในอ้อมกอดอุ่นเบาๆ เพื่อรอฟัง

“ผมขอจูบคุณได้ไหม?”
ชินพัตน์รีบผละออก แล้วมองไปรอบห้องเหมือนสติกลับเข้าร่างเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่ายที่พึ่งตกลงเป็นแฟนกัน เมื่อกี่

“ได้ที่แล้วเอาใหญ่เลยนะคุณ ดูสถานที่มั้งเหอะ”ชินพัตน์พูดเสียงเขียว

“เอ…. แล้วใครกันน่า…..บอกรักผมในห้องคนป่วยแบบนี้…..”นนทนัฐทำเสียงล้อเลียนคนที่ทำท่ากำลังจะโกรธ

“นี่!!! มะ ไม่ต้องมาพูดเลย ผมไม่คุยกับคุณแล้ว กลับร้านดีกว่า”ชินพัตน์อายตัวเองขึ้นมาจริง เลยเปลี่ยนเรื่องเพื่อจะชิ่งหนี

“เดี๋ยวสิครับ จะไปแล้วเหรอ”

“ก็คุณบอกว่าให้ผมรีบกลับไปดูร้านไง เดี่ยวป้ากับจอยเป็นห่วง”

“ใช่ผมบอกแบบนั้น แต่ผมบอกก่อนที่เราจะเป็นแฟนกันนี่”

“ละ แล้วมันยังไงล่ะ ปล่อยเลยมาองมาโอบทำไหม? ผมจะกลับแล้ว” ชินพัตน์ดิ้นหนีเพราะเขินคำว่าแฟน จากปากคนตรงหน้า ไม่ชินกับคำนี้จริง

“รีบกลับมานะครับ ผมคิดถึง” นนทนัฐก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับ ก็อดหอมแก้มแดง แสนขี้อายนั้นไม่ได้ เลยโดนทุบไปหายที

“……..”ชินพัตน์ วิ่งหนีไปที่หน้าประตูห้อง เอามือจับแก้มที่ถูกขโมยหอมอย่างอายๆแต่ก็ยังไม่วายชี้หน้า ค่าโทษอีกฝ่ายไว้ แล้วรีบออกจากห้องคนไข้ เพื่อหลบไปพักหน้าที่เห่อร้อน และหัวใจที่เต้นแรงหนักว่าเดิม 


       ชินพัตน์ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อกลับร้าน แล้วก็คิดถึงต้นกล้าขึ้นมาว่ายังไม่รู้จะบอกเรื่องยายอย่างไงดี กลัวต้นกล้าจะเสียใจเป็นห่วงจนเสียการเรียน แล้วกำลังจะกลับมาวันนี้ด้วย คงต้องไปเริ่มต้นที่ร้านก่อน แล้วค่อยว่ากัน

“ตาชิน ยายแกเป็นยังไงมั้ง แล้วดูเสื้อผ้าสิเลอะเลือดเต็มไปหมดเลย”ป้าพรเห็นหลายชายเดินเข้ามาจากหลังร้านก็รีบไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดยิ่งเป็นห่วงเข้าไปอีก

“ปลอดภัยแล้วครับ หมอบอกไม่เป็นอะไรแล้ว รอดูอาการหลังจากฟื้นขึ้นมาอีกที่ครับ ผมก็ว่าจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะกลับไปเฝ้ายายอีกครั้งครับ ตอนนี้ให้นนท์เฝ้าอยู่ครับ”

“พี่ชินแล้วยายแกเป็นอะไรจ๊ะ “

“พี่ฟังจากหมอมานะ แกคงเป็นลมแล้วแรงกระแทกลงไปที่พื้น ทำให้หัวแตกและกระดูกหัวไหล่ราวนะ ต้องเข้าเฝือกอ่อนไว้นะ เพราะยายอายุมากแล้ว กระดูก็เปราะบางได้รับบาดเจ็บง่าย”

“ตอนที่พี่นนท์รับ โทรศัพท์พี่ชินนะ จอยยังตกใจไปด้วยเลย เสียงพี่ที่รอดผ่านโทรศัพท์ออกมา ดูตกใจมากๆเลย เป็นจอยไปเจอยายในสถานการณ์แบบนั้น จอยคงทำอะไรไม่ถูกอ่ะ “

“อืมนั้นสิ ป้าก็คงนึกอะไรไม่ออกแน่ๆ”

“ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันครับป้า เบอร์โทรฉุกเฉินตอนนั้นนึกไม่ออก เรียกใครมาช่วยก็ไม่มี พอตั้งสติได้ก็โทรมาเบอร์ของนนท์แล้วครับ”

“ป้าก็เห็นตานนท์มีสติที่สุดแล้วตอนนั้น รีบโทรหาโรงพยาบาล สั่งให้จอยปิดร้านให้ แล้ววิ่งขึ้นรถขับไปหาเราทันที่เลย ป้ายังตกใจแทนไม่หายเลย”

“จอยก็ทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่เลย พอได้สติ ก็ต้องรีบไปปิดร้านให้พี่นนท์ ลูกค้าบ่นกันอุบเลยอ่ะพี่ บอกว่าไม่บอกก่อนล่วงหน้ามั้งล่ะ เสียเวลามามั้งล่ะ อยากจะตีไอ้เด็กพวกนี้จริงๆ ห่วงแต่เล่น ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย”

“ขอบใจป้ากับจอยมากนะครับ ที่ช่วยดูแลร้านแทนให้ พรุ่งนี้ผมว่าจะปิดร้าน แล้วพวกเราไปเยี่ยมยายกันนะครับ”

“จ้าๆ ป้าก็ว่าดี เป็นห่วงแกเหมือนกัน”

“งั้นจอยเขียนป้ายบอกลูกค้าไว้เลยนะจ๊ะ จะได้ไม่โดนว่าอีกว่าจะปิดร้านแล้วไม่บอก”

    ชินพัตน์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาดูร้านช่วยจอยกับป้าอีกครั้ง แต่ก็ยังกังวลไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับต้นกล้ายังไงดี เพราะใกล้ถึงเวลาที่พี่ชายจะไปรับต้นกล้า แล้วเห็นบอกว่าจะแวะมาที่นี้ก่อนแล้วค่อยเข้าบ้านสวน พอนึกถึงบ้านสวนชินพัตน์ก็คิดได้ว่า ถ้าต้นกล้ากลับบ้านแล้วต้องเห็นรอยเลือดที่ห้องน้ำใต้ถุ่นบ้าน ต้องกัวลหนักแน่ว่ายายของตนได้รับบาดเจ็บมากถึงขนาดเลือดตกอย่างออก เลยรีบโทรไปปรึกษาคนที่เฝ้าไข้ยาย

“นนท ทำไงดี”ชินพัตน์ถามอีกฝ่ายอย่างร้อนร้น

(“ชินเป็นอะไร คุณอยู่ที่ร้านหรือเปล่า”)นนทนัฐร้อนใจข้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนรักแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมาอีกหรือเปล่า

“ผมอยู่ที่ร้านแล้ว แต่ว่าต้นกล้าจะกลับจากเรียนวันนี้ ผมไม่รู้จะอธิบายให้ต้นฟังยังไงดี ผมกลัวน้องเสียใจ และที่สำคัญที่บ้านสวน ที่ห้องน้ำ ระรอยเลือด ทะทำไงดี ผมกลัวน้องจะกลัว”

(“ชินครับ ใจเย็นๆนะ ลองโทรหาพี่ชายคุณ ว่าน้องต้นอยู่ไหน แล้วคุณดูว่าพอมีเวลาจะกลับไปทำความสะอาดที่บ้านยายทันก่อนที่น้องมาจะมาได้หรือเปล่า แล้วเรื่องบอกที่จะบอกเรื่องยายพวกเราค่อยๆคิดกันอีกที่นะครับ”)

“อืมๆ ได้ๆ ผมจะโทรหาพี่ผมก่อนนะ แล้วผมจะโทรหาอีกที่นะครับ”

(“ครับ ใจเย็นๆนะครับ”)นนทนัฐเตือนสติคนรักอีกครั้ง
“อืม ผมรู้แล้วผมจะทำทุกอย่างอย่างมีสติ”ชินพัตน์รับปากก่อนว่างสายเพื่อโทรหาพี่ชาย

Rrrrrrrr Rrrrrrrr

(“ว่าไงเจ้าชิน โทรมาตามหรือยัง”)

“เปล่าพี่ ต้นกลับมาหรือยัง”

(“ปากบอกเปล่า แต่ก็ถามหาต้นก่อนเลยนะ ยังไงว่ะเขจ้าน้องชาย”)

“พี่บอกๆผมมาเถอะน่าต้นจะกลับมาหรือยัง”

“(อีกประมาณชั่วโมงโน่นและ กว่าจะมาถึง”)
“อ้าว แล้วพี่อยู่ไหนล่ะ ทำไหมมั่นฝจว่าต้นยังไม่มาถึง”

(“ก็พี่มารอรับอยู่ที่ บขส. เวลานี้ประจำจนจำได้แล้วนะสิ ไอ้น้องชาย ฮ่าๆๆ”)นพคุณหัวเราะชอบใจเหมือนตัวเองเหนือกว่า

“พี่ผมไม่มีเวลาพูดเล่นกับพี่แล้ว ถ้าเป็นอย่างที่พี่บอกก็ดี “

(“ดียังไง?”)

“พี่ใหญ่ ฟังผมดีๆนะ แล้วใจเย็นด้วย ยายเป็นลมล้ม ผมไปเจอเข้าพอดี ตอนเช้าแล้วผมก็พายายไปดรงพยาบาลแล้ว ถึงมือหมออย่างปลอดภัย”

(“เฮ้ย จริงๆนะเจ้าชินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเอาพี่นะ”)

“พี่ ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้มาอำหรอกนะ ผมยังมือสั่นไม่หาย ตอนที่เดินหายยายไปรอบๆบ้านแล้วไม่เจอ เจออีกที่แกก็นอนนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ใต้ถุนบ้านแล้ว ดีนะที่นนท์ช่วยโทรเรียกรถพยาบาลมารับได้ทันเวลา”

(“ละ แล้วยายเป็นยังไงมั้ง “)

“ตอนที่ผมกลับออกมายายยังไม่ฟื้นเลยพี่ แต่หมอบอกไม่เป็นไรมาก ร่างกายอ่อนแลต้องการการพักผ่อนเยอะ กว่าจะฟื้นก็น่าจะหลายชั่วโมง ผมเลยแวะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าดูที่ร้าน แล้วก็…”

(“แล้วก็อะไรว่ะ อย่าอ่ำอึ่งสิ “)

“ผมกำลังจะไปบ้านยาย ไปทำความสะอาดรอยเลือดที่นั้นนะ”

(“ยายได้รับบาดเจ็บถึงขนาดได้เลือดเลยเหรอ เจ้าชิน”)

“อืม ยังยังกังวลเรื่องต้นอยู่เลยไม่รู้จะอธิบายกับน้องยังไงดี ผมเลยจะมาจัดการเรื่องที่บ้านยายก่อน แล้วค่อยๆหาวิธีคุยไม่ให้น้องตกใจแล้วก็เสียขวัญนะพี่”

(“อืม ๆ เดี๋ยวพี่ขับรถไปหาที่บ้านสวนไปช่วยอีกแรงแล้วกัน จะได้รีบกลับมารับต้นกล้า”)

“ดีเลยพี่ ผมยังกล้าๆกลัวๆ อยู่เลย”

(“เอ่อๆ เดี๋ยวเจอกัน”)นพคุณว่าสาย แล้วรีบขับรถออกจาก บริเวณขนส่งเพื่อไปช่วยน้องชายเพราะเห็นว่ายังม่เวลาอีกเนอะ แต่ไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เขาตั้งใจมารอรับ เดินลงมาจากรถตู้

     ชินพัตน์โทรรายงานและถามเรื่องยายกับนนทนัฐตลอดเวลา ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงน้องสายก็หยิบโทรศัพท์มาโทรอีกแล้ว นพคุณที่ก้มหน้าก้มตา ใช้แปรงขัดรอยเลือดที่พื้นห้องน้ำก็แปลกใจ น้องชายปลีกตัวโทรหา เพื่อนที่อาสาเฝ้าไข้ยายแทนทั้งๆที่เมื่อตอนที่เข้ามาถึงก็เห็นกำลังโทรหากันอยู่ นานกว่าจะว่างสาย ด้วยความสงสัย


“เจ้าชิน”

“อะไรพี่” ชินพัตน์ก็ช่วยตักน้ำลาดพื้นห้องน้ำไปด้วย ตอบพี่ชายไปด้วย

“นายโทรหาเจ้านนท์ทำไมหนักหนา เมื่อกี้ก็พึ่งโทรไปไม่ใช่หรือไง”

“กะ ก็ผมเป็นห่วงยาย อยากรู้ว่ายายฟื้นขึ้นมาหรือยังไง” ชินพัตน์ตอบเลี่ยงๆ

“เหรอออออออ? แต่ที่ฟังไม่เห็นถามหายายซักคำเลยนะ “หรี่ตามองหน้าน้องชายอย่างจับผิด

“มองอะไรพี่ ผมก็แค่ถามเพื่อนว่า เขาขาดเหลืออะไรไหม อุตสามาช่วยเฝ้ายายแทน แล้วต้องมาปิดร้านเสียรายได้ก็เพราะช่วยพวกเรานะ “ชินพัตน์แถไปเรื่อย

“เออ รีบๆทำจะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวต้นกลับมาก่อนจะยุ่ง”

“ผมว่าเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่มีรอยเลือดเหลือแล้ว”ชินพัตน์ก้มดูบริเวณห้องน้ำ

“อืม งั้นแยกย้ายกันตรงนี้เลยนะ”นพคุณรีบขอตัวเพื่อจะรีบไปรับต้นกล้า

“เดี๋ยวก่อนสิพี่ พี่อย่าพึ่งพูดอะไรกับต้นนะ เดี๋ยวผมเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้ต้นฟังเอง”

“เออ รู้แล้วๆ แค่พาไปเจอกันที่โรงพยาบาลก็พอใช่ไหม”

“ครับ”


“ไปโรงพยาบาลกันทำไมครับ?”

“!!!!!!!!!!!ต้น”เป็นสองเสียงเรียกชื่อต้นกล้าของพี่น้องต่างตกใจกับผู้มาใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้ได้

“เป็นอะไรกันครับ ตกใจอะไรกัน แล้วพี่ๆจะไปโรงพยาบาลทำไมครับ” ต้นกล้าทำท่าจะเดินขึ้นเรื่อยเพื่อไปหายาย บอกว่าตนเองกลับมาบ้านแล้ว รีบกลับมาเพราะรู่สึกเป็นห่วงยาย และไม่ได้โทรบอกนพคุณด้วยเพราะคิดว่าถึงบ้านยายแล้วค่อยโทรบอกอีกที

“เออ ต้นทำกลับมาก่อนล่ะ ไม่รอให้พี่ไปรับ” นพคุณรีบถ่วงเวลาและถามเรื่องที่ต้นกลับมาก่อน

“ต้นรู้สึกเป็นห่วงยาย แล้ววันนี้ไม่มีเรียนบ่าย ต้นเลยรีบกลับมาก่อนครับ ว่าจะโทรหาพี่พอดี ก็เห็นพี่ยืนคุยกับพี่ชินอยู่หน้าบ้านแล้ว” ต้นกล้าอธิบาย แล้วชะเง้อขึ้นบนบ้าน รู้สึกว่าบ้านเงียบมาก มีแขกมาบ้านแบบนี้ยายไม่น่าจะอยู่บนเรือน

“ต้น”

“ครับพี่ชิน ทำไมมายืนกันร้อนๆแบบนี้ล่ะครับ ขึ้นบ้านกันก่อนไหมครับ ผมจะขึ้นไปหายายด้วย”

“ต้น ต้นฟังพี่ก่อนนะ คือ ยาย ยายไม่สบายพี่ๆเลย เออ มาปิดบ้านให้ยายแล้วจะมารับต้นไปโรงพยาบาลด้วยกันนะ”

“พี่ชิน ยาย ยายไม่สบายเป็นอะไรครับ “ต้นกล้าตกใจรีบเดินเข้าหาชินพัตน์เพื่อต้องการรู้เรื่องยาย

“ต้น ยายเป็นลม พอดีพี่แวะมาหาแล้วเจอยายนอนเป็นลมอยู่กับพื้น เลยรีบพายายไปส่งโรงพยาบาล ถึงมือหมอแล้วนะ ยายปลอดภัยดี ไม่ต้องกังวลนะ” ชินพัตน์ค่อยๆอธิบายและกอดปลอมต้นกล้าที่ตาเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้

“ผมจะไปหายาย พี่ชินพาผมไปหายายหน่อยนะครับ”

“ครับ ไปครับพี่ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้ว” ชินพัตน์ประคองต้นกล้าขึ้นรถ นพคุณก็เดินตามมาไม่ห่าง เห็นรถน้องชายขับออกไป ก็รีบดึงรั้วบ้าน ยายปิดให้เรียบร้อย เพราะคิดว่าคงไม่มีใครอยู่อีกหลายวัน

“พ่อหนุ่ม”มีป้าวัย 50 กว่าเดินเข้ามาถาม

“ยายแกเป็นอย่างไงบ้าง”

“ยายไม่ค่อยสบายครับ ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลให้หมอดูอาการแล้วครับ” นพคุณตอบอย่างที่น้องชายเล่าให้ฟัง

“ป้าก็ตกใจ มีคนตะโกนโวยวายเมื่อเช้า นึกว่ามีเรื่องชกต่อยกัน เลยไม่กล้าเข้ามาดู แต่พอมารู้ที่หลัง ว่ายายล้มก็เลยเป็นห่วงว่าอาการแกเป็นอย่างไรบ้าง”

“ปลอดภัยแล้วครับ หมอบอกให้นอนรอดูอาการสัก วันสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้ครับ” คุยได้ไม่นานก็มีเหล่าคุณป้าคุณน้าแถวบ้านใกล้เรือนเคียงเดินเข้ามาสมทบ และถามคำถามเดียวกัน นพคุณเลยสงสัยว่าทำไมตอนน้องชายตะโกนให้ช่วย ไม่มีใครหน้าไหนออกมาช่วยเหลือเลยสักคน แต่พอเวลานี้ต่างอยากรู้เรื่องคนอื่นแบบนี้ ก็อดรู้สึกเคืองไม่ได้

“พวกคุณลุงคุณป้าครับ ผมอยากจะถามอะไรสักหน่อยนะครับ “ทุกคนที่ยืนมุงต่างพยักหน้าอยากตอบคำถามขึ้นมาทันที่เหมือนตนเองอยู่ในที่เกิดเหตุก็ไม่ปาน

“ยายอยู่ที่นี้มานานหรือยังครับ”

“อยู่มานานแล้วสิ แก่อยู่มาก่อนแถวนี้จะมีน้ำไฟเข้าถึงซะอีกนะ”

“แล้วพวกคุณๆทุกคนรู้จักยายดีใช่ไหมครับ “

“รู้จักสิ แกขายผักไม่หมดก็แบ่งให้บ้านป้าตลอด “อีกคนก็แย่งตอบ”ใช่ ฉันยังเคยขอเข้าไปเก็บตำลึงในสวนแกมาทำกับข้าวเลย” ทุกคนต่างพยักหน้า รู้ว่ายายเป็นคนใจดีมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อบ้านตลอด

“งั้นผมขอถามอีกคำถามเดียวนะครับ”

“อะไรล่ะพ่อหนุ่ม”

“แล้วตอนที่น้องชายผมตะโกนให้ทุกคนมาช่วยยาย ทำไมพวกคุณทุกคนถึงไม่เข้ามาช่วยเหลือ พวกคุณลองคิดดูถ้าน้องชายผมไม่มาเยี่ยมยายวันนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ผมฝากให้ทุกคนเก็บไปคิดนะครับ “นพคุณมองหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แล้วก็เดินขึ้นรถแล้วขับออกไป ทิ้งให้พวกคนเหล่านั้นได้คิด

       ชินพัตน์ขับรถตรงมายังโรงพยาบาล  เพื่อพาหลานให้ได้มาพบหน้ายาย ต้นกล้าร้องไห้เงียบๆ มีเพียงน้ำตาไหลอาบแก้มตลอดเวลาที่ พาเดินเข้าไปทีห้องพักผู้ป่วย ต้นกล้าเดินตามอย่างกังวลว่าครอบครัวที่เหลือของตนเองคนเดียว คือยายถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับยาย ต้นกล้าจะอยู่อย่างไร


“ต้นห้องนี้” ชินพัตน์เปิดประตูให้ต้นกล้าเข้าไป ต้นกล้ารีบวิ่งไปยังเตียงนอนกลางห้องพิเศษที่ชินพัตน์เปิดไว้ให้ยายได้นอนพักฟื้นได้สะดวก

   นนทนัฐแปลกใจกับคนที่กลับมาพร้อมกันกับคนรักเพราะคิดว่าต้นกล้าไม่น่าจะรู้เรื่องเร็วแบบนี้ แต่ก็มารับรู้และร้องไห้หนักกว่าเก่าอีก

“ยาย ต้นขอโทษต้นไม่ดูแลยายให้ดี ปล่อยให้ยายอยู่คนเดียว ฮือๆ ยายอย่าเป็นอะไรนะครับ ต้นจะไม่ไปไหนแล้ว ต้นจะอยู่กับยาย ต้นจะไม่ไปเรียนแล้ว ต้นจะอยู่ดูแลยายนะ ยายฟื้นขึ้นมาคุยกับต้นนะ ฮือๆๆๆ” ต้นกล้ากอดขาผู้เป็นยายร่ำไห้ปานจะขาดใจ ร้องโทษว่าเป็นเพราะตนเองดูแลยายไม่ดี และจะเลิกเรียนเพื่อจะได้อยู่ดูแลยายไม่ไม่หีหายไปไหนอีก

   คำพูดเหล่านั้นทำให้ทั้งนนทนัฐและชินพัตน์รู่สึกไม่ดีไปด้วย เพราะทุกอย่างที่เกิดไม่ใช่ความผิดใคร มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ต้นกล้ากลับมาโทษตนเองแบบนี้ถึงขนาดจะไม่ไปเรียน ชินพัตน์เลยนิ่งเฉยไม่ได้แน่ๆ

“ต้น ต้น ยายปลอดภัยแล้ว ต้นให้ยายพักผ่อนก่อนนะ คุณหมอบอกยายร่างกายอ่อนแอ ต้องการพักผ่อน พอร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่เดี๋ยวยายก็ฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแน่นอน เชื่อพี่นะอย่ากังวลเลย” ชินพัตนฺเข้ามาดึงตัวต้นกล้าให้ห่างออกจากเตียงเพื่อให้ยายได้พักผ่อนเยอะ และพาต้นกล้ามานั่งคุยกันที่โซฟาสีขาวตัวใหญ่ภายในห้อง

“…………”ยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด แต่ก็ยอมเงียบเสียงลง เพราะอยากให้ยายนอนพัก

“ไม่ต้องกังวลนะต้น หมอเข้ามาตัวเมื่อครู่ก่อนที่ต้นมา ยายได้รับน้ำเกลือร่างกายของยายจะกลับมาแข็งแรงดีขึ้น แต่ตอนนี้ต้องให้ยายนอนพักก่อน” นนทนัฐช่วยพูดให้อีกแรง

“พี่ชิน ต้นจะไม่กลับไปเรียนแล้ว จะไม่ไปฝึกงานที่ไหนทั้งนั้น ต้นจะอยู่ดูแลยายที่นี้ ฮือๆๆๆ”ต้นก็ร้องไห้ฮือมาอีกรอบ ในหัวตอนนี้คงได้แต่วนเวียนโทษตัวเองอยู่ร่ำไปว่าที่ยายล้มเป็นเป็นความผิดของตนเอง

“ต้น อย่าพูดแบบนั้นสิ ยายได้ยินคงเสียใจ ยายทำงานส่งเสียต้น ให้ต้นตั้งใจเรียน แล้วต้นจะมาหยุดเรียนแบบนี้ …..”

“ไม่!!!! ต้นจะอยู่กับยายต้นจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ฮือๆๆๆ” ต้นเถียงหัวชนฝ่า และคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ตนเองอยู่ใกล้ชิดยายดูแลยายได้ตลอดเวลา จะไม่ทิ้งหายไปไหนอีก และก็ตัดสินใจดีแล้วด้วย

“เอาไว้ให้ต้นใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยๆคุยกันเถอะนะ” นนทนัฐเดินมานั่งใกล้ๆชินพัตน์และกระซิบบอกคนรัก ชินพัตน์ก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะถ้าคุยตอนนี้ ในอารมณ์และสถานการณ์แบบนี้ต้นกล้าก็คงต้องยืนยันสิ่งที่ต้นกล้าคิดแน่นอนชินพัตน์ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบใจต้นกล้าที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้  แล้วต้นกล้าก็ขอเดินไปนั่งข้างเตียงเพื่อต้องการอยู่ใกล้ๆยายให้มากที่สุด เวลายายฟื้นขึ้นมาจะได้เห็นต้นกล้าเป็นคนแรก
..
.
.
.
   นพคุณกลับเข้ามาพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งเสื้อผ้าสำหรับต้นกล้า ช่อดอกไม้ ของเยี่ยมไข้มากมาย ก่อนเข้ามาที่โรงพยาบาลโทรหาน้องชายถามหาว่าต้นกล้าเป็นอย่างไงบ้าง ชินพัตน์ก็รายงานพี่ชายไปว่า นิ่งสงบลงไปเยอะแล้ว ไม่โวยวายไม่ร้องไห้แล้ว ได้แต่นั่งนิ่งมองยายของตนเองอยู่เงียบๆ ทำให้นพคุณเป็นห่วง เลยซื้อทั้งของเยี่ยมคนป่วย และอาหารการกินของคนเฝ้าไข้ทั้งหลายเข้ามาด้วย พร้อมทั้งถามเบอร์ห้องพัก ว่าอยู่ตรงไหน แล้วก็พาตนเองมาถูก

“พี่ไปไหนมา ทำไหมพึ่งมา ต้นร้องไห้หนักมากเลยรู้ไหม” ชินพัตน์รีบเดินเข้าไปหาพี่ชาย ที่น่าจะช่วยดูต้นกล้าได้ดีที่สุดกลับหายตัวไป แล้วพึ่งโผล่มาตอนนี้

“พี่ก็ไปซื้อของมามาเยี่ยมยาย แล้วก็ของใช้จำเป็นให้ให้ต้นด้วย ไม่รู้ว่าต้องอยู่เฝ้าไข้กี่วัน พวกนานก็ไปพักเถอะ ลงไปหาอะไรกินข้างล่างสิ มีตลาดนัดข้างโรงพยาบาลด้วย” นพคุณไม่อยากให้ทุกคนเครียดไปมากกว่านี้เลย เลยให้แยกย้ายกันไปพักบ้าง แต่ในใจห่วงคนทีเอาแต่ฟุบหน้าของข้างเตียงคนไข้มากกว่า

“งั้นพวกผมลงไปข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นมาใหม่”ชินพัตน์เห็นด้วยกับพี่ชาย เพราะคนรักหมาดอย่างนนทนัฐก็ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง

“เดี๋ยวก่อน แล้วยายเป็นไงมั้ง”นพคุณถามอาการของยายก่อนที่น้องชายกำลังจะพากันไปข้างนอก

“ยังไม่ฟื้นเลยพี่ นี้ก็จะ 6 โมงแล้ว” ชินพัตน์กับมาทำหน้าเครียดอีกครั้ง

“น่าๆ หมอว่าไงก็ว่าตามนั้นปลอดภัยแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว ให้ยายแกนอนพักผ่อนเยอะไปเถอะ” นพคุณพูดให้น้องชายตนเองคลายกังวล แล้วเดินไปดูต้นกล้า ที่ตอนนี้ร้องไห้หนัก จนเผลอหลับไปแล้ว แต่มือก็ยังเกาะขายายไม่ปล่อย

“ต้น ไปหาที่นอนดีๆนะครับ”นพคุณกระซิบบอกไปแบบนั้นแต่คนหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าคงไม่รับรู้ เพราะร่างกายที่โดนอุ้มขึ้น แล้วพาไปนอนที่โซฟา ว่างลงอย่างแผ่วเบาแถบไม่รู้สึกตัวเลย

     ชินพัตน์และนนทนัฐเลยแยกตัวออกมาด้านนอกห้องเพื่อเดินไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น  และเริ่มพุดคุยเรื่องที่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ก็เรื่องของต้นกล้าที่จะไม่ไปเรียน จะจักดารเรื่องนี้อย่างไรดี คงได้แต่รอเวลาให้ยายตื่นขึ้นมาก่อน ให้ต้นกล้าใจเย็นลงมากกว่านี้ด้วย แล้วค่อยๆคุยอย่างมีเหตุและผล เพราะเหลือแค่ฝึกงานเท่านั้น ต้นกล้าก็จะจบการศึกษาแล้ว

“ผมเป็นห่วงทั้งต้นแล้วก็ยายด้วย ไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไงดี” ชินพัตน์ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง กลุ้มใจทั้งเรื่องยายและทั้งเรื่องต้นกล้า

“ใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่าพวกเราค่อยๆหาวิธีคุยกับต้น ต้นคงจะพอฟังพวกเราบ้าง”

“………….”ชินพัตน์พยักหน้ารับและอยากให้เรื่องมันจบง่ายไอย่างที่คนรักมาดพุดให้กำลังใจเหลือเกิน
.
.
.
.
.
“ชิน คุณอยากทานอะไร มีของน่าทานทั้งนั้นเลย” นนทนัฐเห็นคนรักเงียบ เลยชวนหาของอร่อยลงท้อง ท้องอิ่มไม่คิดมาก แต่ถ้าท้องว่าง คิดมากแน่นอน

“ผมไม่หิวเลย กินอะไรไม่ลง” ชินพัตน์ตอบกลับอย่างเชื่องช้า

“ไม่ได้นะครับ พวกเราต้องมีพลังและกำลังใจที่ดีก่อน เพื่อเป็นหลักให้กับน้องนะครับ มาทำเป็นคนอมทุกข์แบบนี้ เดี๋ยวก็ต่างพากันแย่ไปอีก” นนทนัฐลูบหลังคนรักไปมา อย่างให้กำลังใจ

“คุณนั้นแหละ ตั้งแต่เที่ยงทานอะไรมั้งหรือยัง มัวแต่ห่วงคนอื่น” ชินพัตน์หันมองคนข้างกาย

“คนอื่นที่ไหน ไม่ห่วงแฟนตัวเองแล้วจะให้ไปห่วงใครครับ หืม?” นนทนัฐก้มหน้าลงมาถามกลับ ทำให้ชินพัตน์ที่กลุ้มๆอยู่กับ รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที่กับคำว่าแฟน เลยรีบเดินหนีไปยังร้านขายอาหารในตลาดนัดข้างโรงพยาบาล เรียกรอยยิ้มเล็กบนใบหน้าของคนที่รีบเดินตามได้ไม่น้อย

       


 ต่อด้านล่างจ้า


 :katai4:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


 ต่อจากข้างบนจ้า   :katai4: 


 นพคุณนั่งมองคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาอย่างเป็นห่วง เพราะใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา เปลือกตาแดงไปหมด เพราะต้นกล้าร้องไห้ไม่หยุดคงตั้งแต่ น้องชายของเขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แล้วแถมยายยังคงนอนนิ่งไม่ฟื้นขึ้นมาสักที่ หลานอย่างต้นกล้า ก็คงได้แต่ขวัญเสีย เสียใจ กังวล และต้องนั่งโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ไม่ดูแลยายให้ดี ไม่อยูกับยายตอนที่ยายต้องการความช่วยเหลือ  นพคุณคิดแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่ต่างกัน แต่เขายังมีทั้งป้าลุงและน้องชายอย่าง ชินพัตน์ที่ค่อยดูแลเสมอ  แต่ต้นกล้าไม่มีใครถ้าไม่มารู้จักกับชินพัตน์ ก็คงจะไม่มีใครเลยที่จะยืนมือเข้ามาช่วย สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบนี้  สังคมที่ต่างคนอย่างอยู่ไม่แม้แต่จะหันมาดูแลค่อยช่วยเหลือ เพื่อนบ้านใกล้เคียงกันเลยแบบนี้  นพคุณคิดแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้  ต้นกล้ากับยายจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร 
 
       นพคุณคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาเองต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้มันจะเร็วเกินกว่าที่คาดคิดไว้ เพราะเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าอยากดูแลต้นกล้าและยายเป็นที่พึ่งให้กับคนทั้งคู่ให้ได้ แต่วันนี้ก็มาถึงเร็วแต่ก็พร้อมจะเผชิญหน้าปัญหาไปกับคนที่เขาคิดที่จะรัก และอย่างจะดูแลไปตลอด นพคุณโทรหาผู้เป็นป้าและลุง ที่เป็นคนให้ชีวิตการศึกษาและอาชีพที่มั่นคงต่อเขา และเคารพนับถือ เสมือนพ่อแม่

“สวัสดีครับป้า”

(“ว่าไงตาใหญ่ อยู่กับตาชินหรือเปล่าวันนี้”)

“อยู่ครับป้า คือผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ”

(“มีอะไรหรือเปล่าลูก ทำเสียงจริงจัง เกี่ยวกับงานหรือเปล่า คุยกับลุงด้วยไหม?”)

“ผมอยากคุณกับป้าก่อนครับ ไม่ใช่เรื่องงานครับ แต่ก็อาจจะมีเกี่ยวด้วยเล็กๆครับ”

(“มีเรื่องอะไรไหนบอกป้าสิ”) น้ำเสียงเป็นห่วงหลานชาย เพราะหลานชายไม่ค่อยมีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ แล้วมาปรึกษากันแบบนี้มาก่อน

“คือ ผมรักคนคนหนึ่งครับป้า”

(“จริงเหรอ ตาใหญ่ ลูกเต๋าเหล่าใครไหนบอกป้าสิ ป้าจะไปสู่ของให้”)

“ผมขอคุยกับเขาคนนั้นก่อนนะครับ แล้วจะพาไปไหว้ป้ากับลุงแน่นอนครับ”

(“ตาใหญ่ นี้ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันใช่ไหม? เลยโทรมาขอป้าก่อน”)

“ใช่ครับ ผมอยากให้ป้ากับลุงรับรู้เรื่องของผมทุกเรื่องครับ”

(“ป้าดีใจที่หลานชายป้าจะเป็นฝั่งเป็นฝาซักที”) ผู้เป็นป้าพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ

“ป้าครับ ผมอาจจะทำให้ป้าผิดหวัง แต่ผมก็ยังรักและเคารพป้ากับลุงเสมอนะครับ”
(“มะ หมายความว่าไงตาใหญ่?”)ป้าเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“คนที่ผมรักเป็นผู้ชายครับป้า”

(“อะไรนะ ตาใหญ่?? ผะ ผู้ชายเหรอ”) น้ำเสียงตกใจ จนผู้เป็นสามีต้องเดินเข้ามาฟังด้วยใกล้ๆ

“ครับ ผมรักน้องๆมาก แล้ววันนี้ผมต้องดูแลน้องและครอบครัวของน้องครับ ผมเลยจะมาขออนุญาตที่จะดูแลน้องหลังจากนี้ไป ผมอาจจะทำให้ป้ากับลุงผิดหวัง แต่ผมขอสัญญานะครับว่าผมจะ ไม่ลืมบุญคุณของลุงและป้า จะทำงานหนักตอบแทนผมจะดูแลกิจการให้เจริญรุ่งเรื่อง จนกว่าผมจะหมดลมหายใจครับ”

(“ตาใหญ่ ตอนนี้อยู่ที่ไหน กลับมาคุยกับป้าดีๆก่อนนะ ป้าจะเป็น ลม………”)

“ป้าครับ ป้าครับ  ป้าเป็นอะไรครับ ป้า!!!!” นพคุณรีบตะโกนถามปลายสาย ที่เงียบหายไป

(“เจ้าใหญ่เหรอ? เกิดอะไรขึ้น ทำไมป้าแกเป็นลมเป็นแล้งแบบนี้?”) ลุงพยุงป้าไว้ แล้วคว้า โทรศัพท์มาคุยแทน

“คุณลุง ผมขอโทษครับ ผมขอจัดการเรื่องทางนี้ก่อน แล้วผมจะกลับไปขอขมาลุงกับป้านะครับ”

(“ นี้มันเกิดเรื่องอะไรกัน เจ้าใหญ่?”) ลุงถามเสียงเครียด แต่หลานชายก็ตัดสายไปเสียก่อน
   
    ลุงไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องประถมพยาบาลผู้เป็นภรรยาเสียก่อน เรียกลูกน้องในร้านเข้ามาช่วยหายาลม คงต้องเป็นเรื่องที่เกินทีคาดคิดไว้แน่ๆ จนทำให้ป้าเป็นลมแบบนี้ 

คงต้องรอเวลาหลานชายกลับมาเอยปากเล่าเรื่องทุกอย่างอีกที่

เพราะไหนๆพวกเขาก็โตแล้ว คงต้องให้ลองคิดเองทำเอง

ไม่ว่าเรื่องจะดีหรือร้าย

ก็คงต้องยอมรับการตัดสินใจของผู้เป็นหลาน






  :katai1:  :hao5:  :katai1:  :hao5:  :katai1:  :hao5:  :katai1:





บวกเป็ดให้ทุกกำลังใจจ้า  ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามนิยายของมินมินนะคะ

บอกเลย ดราม่าหนักมาก    :ling3:





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด