พิมพ์หน้านี้ - เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: jasmim_min ที่ 19-11-2014 16:39:41

หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-11-2014 16:39:41
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


                 
                                                       
    เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง



ชินพัตน์ : อดีตหนุ่มออฟฟิศแต่ตอนนี้กลับมาดูแลกิจการของที่บ้าน

"ครับผม จะรีบขายให้หมด แล้วเอาเงินกลับมาให้แม่ดูครับ "

นนทนัฐ : รักการกินลูกชิ้นมากถึงมากที่สุดต้องกินทุกวัน 

"ผมว่าลูกชิ้นอร่อยมากแล้วนะ แต่ตอนเนี้ยปากคุณอร่อยมากกว่าอีก"

ต้นกล้า: เป็นนักศึกษา ต้องทำงานกับเรียนไปพร้อมกัน อยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก

"ต้นจะไม่รักใคร เพราะต้นจะอยู่กับยาย"

นพคุณ: แม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็กไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร อยู่กับลุงและป้า

"พี่แค่อยากจะมีครอบครัวที่มี เราเป็นส่วนหนึ่ง ในคำคำนั้น ได้มั้ย?"



                                     


[/size][/size]

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง บทนำ +ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-11-2014 17:06:03
                                                           


                                                    ตอนที่ 1 คุณชอบเหมือนผมหรือเปล่า



                พวกคุณเคยไหมชอบกิน ชอบมากๆวันวันไม่ได้กินแล้ว อยู่ไม่ได้บางมั้ย ผมเป็นหนึ่งคนที่ ต้องสรรหามากินจนได้ ใช่แล้วครับ ผมติด "ลูกชิ้น ปิ้ง ทอด นึง ยำ " ได้หมดครับ อาหารอะไรก็ได้ครับ และที่สำคัญต้องเป็นลูกชิ้นหมูครับ เพราะผมไม่กินเนื้อ ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา ตละกูลเนี้ย ผมทานได้หมด ตั้งแต่เด็ก  จนโตมาตอนนี้ทำงานแล้วหาเงินเองได้ ยิ่งกินเป็นงานอดิเรก ที่ใหนว่ามีลูกชิ้นอร่อย ถ้าผมมีเวลาว่าง ก็จะไปสรรหาทานให้จนได้ หรือง่ายสุดๆ ร้านตามข้างทาง รถเข็น ร้านสะดวกซื้อก็เป็นแหล่ง ที่ง่ายและใกล้ สำหรับผมที่จะไปฝากท้องครับ ^ ^
         

               ผม นาย นนทนัฐ ที่บ้านเรียกนัท ครับ อายุ 25 ปี แต่เพื่อนๆ สมัยเรียน เรียกลูกชิ้นครับ  ฮ่าๆๆๆ เพราะวันๆไม่มีอะไร ชวนเพื่อนไปกินลูกชิ้นท่าเดี่ยวจนเพื่อนเบื่อ ผมก็จะไปคนเดี่ยว เพื่อนก็ตามหาตัวไม่ยาก ร้านลูกชิ้น ในโรงอาหาร หรือไม่ก็รถเข็น หน้าโรงเรียน อยู่มหาลัย ก็พัฒนามาเป็นร้าน เอ็มเคผมก็เน้น ตละกูลลูกชิ้น ฮ่าๆๆๆ  ตอนนี้ผมทำงานแล้ว แต่ผมยังคงใช้ชีวิตกับการกินลูกชิ้นเป็นอาหารหลัก กินขนมจีนก็ต้องมีลูกชิ้นเป็นส่วนประกอบ คึคึ ก๋วยเตี๋ยวพิเศษลูกชิ้น ยำลูกชิ้นเน้นลูกชิ้นครับ ก๊ากกก   แต่ที่ไม่ต้องเพิ่ม ก็ง่ายๆครับ ลูกชิ้นปิ้ง ทอดนึ่งใกล้ร้านใหน ซื้อร้านนั้นครับ 
           
               แต่ช่วงนี้งานผมยุ่งมาก มีเวลาออกไปหาลูกชิ้นสุดที่รักของผมได้แค่ช่วงเลิกงานเท่านั้น ต่าง จากสมัยเรียน จะแอบแว๊บ ไปช่วงใหนก็ได้กินตลอดนี้คงเรียกว่าโลกของความเป็นผู้ใหญ่ละมั้ง งานต้องมาก่อน  งานคือสิ่งที่ทำให้ผมได้เงินไปซื้อลูกชิ้นที่ผมชอบ คึคึ นั้นคือความสุขสุดๆของผมหละ ทำงานๆ ทำงานๆ ลูกชิ้นๆ ลูกชิ้นๆ


                พวกคุณเคยมั้ยอยู่กับบางสิ่ง ทุกวัน ตื่นเช้ามาเจอ สาย บ่ายเย็น แม้แต่ยาม ค่ำคื่นมันก็ยังคงอยู่กับคุณ คุณจะรู้สึกเบื่อมั้ยผมว่าบางคนต้องเบื่อและอยากจะหนีไปให้ห่าง แต่สำหรับผม ไม่เคยมีความคิดนั้น เพราะสิ่งที่ อยู่กับผมมาตั้งแต่เกิดมาผมก็เห็น สิ่งนี้อยู่กับครอบครัวผมผมเห็นมันเริ่มต้นมากับพ่อกับแม่ผม ใช่ครับ พวกคุณคิดถูกแล้ว บ้านผมทำลูกชิ้นขายครับ ^ ^ b 

               เริ่มต้นที่พ่อผมไปรับลูกชิ้นมาทอดขายเพื่อเลี้ยงครอบครัวเล็กๆของพ่อกับแม่ และมีผมกับน้องเพิ่มขึ้น พ่อก็ต้องมีภาระที่จะต้องหาเงินให้เยอะเพื่อผมและน้อง พ่อเอาเงินที่เก็บทั้งหมดที่ขายลูกชิ้น ทั้งทอด (มีคนทอดเยอะ) ทั้งปิ้ง มาลงทุนทำลูกชิ้นของครอบครัวเราเอง เพราะเริ่มมีคนออกมาขายเยอะ แต่จะทำไงให้เราได้ขายดีกว่า นั้นก็เป็นที่มาของลูกชิ้นหมูที่ทุกคนเมื่อทานแล้วต้องติดใจ เพราะผมทานมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ทำงาน (แต่ตอนนี้ตกงาน)ก็ยังคงทานอยู่ไม่มีเบื่อ และภูมิใจมากด้วยครับ  มีแม่ค้ามารับไปขาย  ขายทั้งปลีกและส่งครับ ที่หน้าบ้าน ก็ขายทอด ปิ้ง ย่าง ยำ และกำลังพัฒนาปทำลูกชิ้นปลาด้วยนะครับ เพราะมีแม่ค้า ลูกค้า บอกอยากกิน ลูกชิ้นปลา ที่ครอบครัว(ตอนนี้ต้องเรียกโรงงาน)ผมทำครับ 


               ผมนาย ชินพัฒน์  ที่บ้านเรียก ชิน  เพื่อน เรียกพัต ครับ เพื่อนชอบมาเที่ยวบ้าน เพราะจะได้กินลูกชิ้นฟรีครับ (ไอ้พวกนี้เพื่อนกินจริงๆ) อยู่มหาลัย มีแต่เพื่อนๆถามว่า ไม่เบื่อเหรอที่อยู่กับลูกชิ้นตั้งแต่เกิด เห็นชวนเพื่อนไป เที่ยวกินลูกชิ้น เพื่อมาเปรียบเทียบกับลูกชิ้นผมเอง  แต่ยังไม่มีที่ใหนสู้ได้นะ (ผมคิดเอง) เพื่อนๆแม้กระทั้งอาจารย์บางท่าน ยังถามว่า เรียนจบแล้วก็คงหางานทำ หรือรับช่วงต่อกิจการที่บ้าน ผมตอบว่าทำทั้งสองอย่าง เพราะเรียนมา ก็อยากทำงานส่วนที่เรียนมา งานที่บ้านก็สำคัญ พ่อแม่ก็เริ่มอายุมาก น้องยังเรียนอยู่  ผมก็ต้องเป็นคนที่ดูแล เพื่อนๆผมถามว่าไม่เบื่อเหรอ ผมตอบไปอย่างภูมิใจ "ไม่เบื่อเว้ย!"


                แต่ตอนนี้ผมตกงานจะเรียกว่าตกก็ไม่ได้ เพราะงานผมที่ทำเกิดหมดสัมปทานในช่วงที่ผมเข้าไปทำพอดี ผมได้ทำอยู่ไม่ถึง 2 ปี ผมก็โดนลอยแพ ฮ่าๆๆๆ  แต่พวกพี่ๆกับเจ้านายผมบอกว่า อย่าเรียกว่าตกงาน ไม่เท่ ต้องเรียกว่ารอเรียกตัว เพราะถ้าไทยได้สัมปทานครั้งใหม่ ผมที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อก็จะโดนเรียก ชื่อเข้าทำงานได้ทันที่ ครับ ตอนนี้กลับมาดูแลกิจการที่บ้านเต็มตัว แต่ก่อนทำงาน ทุกสุดสัปดาห์ก็ต้องขับรถกลับมาที่บ้านครับแวะมาดูงาน ตอนนี้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันแล้วครับ ทำที่บ้าน และกำลังพัฒนาลูกชิ้นปลาของผมเองบาง (รอกินด้วยนะครับ )^ ^



                                           

                                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า :laugh:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 2 ไปขายตลาดนัดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-11-2014 17:19:34
                                 

                                                        ตอนที่ 2  ไปขายตลาดนัดครับ

           

              ผมอยู่ที่บ้าน ดูแลออเดอร์มากมายจาก ลูกค้า แม่ค้าที่มารับเองที่หน้าร้าน หลังร้านก็เป็นโรงผลิต ลูกชิ้น

ตอนแรก ก็มีโรงเดียว แต่เริ่มผลิตไม่ทัน ตอนผมอยู่ม ปลาย พ่อก็ ทุ่มทุน ทำเพิ่มอีก โรงผลิต จนเรียกว่าโรงงานผลิตลูกชิ้นได้แล้ว
 
เพราะคนในละแวกนั้นก็มาสมัครเป็นคนงานทำลูกชิ้น สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน ไปในตัวด้วยครับ ^ ^ b

ลูกชิ้นบ้านผมอร่อย บอกปากต่อปาก บางคนมาเที่ยวก็แวะมาซื้อ ไปฝาก ก็เลยมีออเดอร์จากลูกค้า ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นครับ

 ผมเลยอาสาไปส่งเอง เริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ แม่ผมเลยให้ส่งแค่จังหวัดใกล้เคียง ส่วนจังหวัดไกลๆ ก็มีรถของทางร้านเรา

ออกใหม่ 2 คันครับ (ไม่ได้อวดนะ )เพราะออเดอร์เยอะมาก ส่งไม่ทัน ลูกค้าไม่สะดวกมาเอาเองก็มี
 
ยิ่งรายที่ผมรับอาสาไปส่งนี้เคยมารับเอง 40 กิโล  แต่ครั้งนี้ สั่งเยอะครับ 100 โล แต่รถลูกค้าเสียมารับเองไม่ได้

 บอกว่าจะออกค่าข้นส่งให้ แต่แม่บอกว่า ไม่มีปัญหา และผมอาสาไปดูตลาดแถวนั้นด้วยครับ ^ ^


 "แม่ ชินไปก่อนนะ เย็นๆกลับ"

 "ขับรถดีๆนะลูก "

 "ครับ"

    ผมขับออกมา ไม่ถึงชั่วโมงก็ โทรถามทางเข้าบ้านลูกค้า  ทางบ้านกำลังทำบุญเลี้ยงพระขึ้นบ้านใหม่ เลี้ยงคนในหมู่บ้านด้วย
 เลยสั่งเยอะ  ผมก็ช่วยลงของเช็คของ ลูกค้าชวนทานข้าวแต่ผมขอแค่น้ำเย็นๆก็พอ


"ขอบใจมาพ่อหนุ่ม นี้จะเงินค่าลูกชิ้น กับค่ารถ"

"คุณป้าผมขอรับแค่ ค่าลูกชิ้นนะครับ ส่วนค้าคนส่ง ฟรีครับ ถือว่าช่วยทำบุญนะครับ"

"สาธุนะพ่อหนุ่ม แต่ป้าคุ้นๅหน้า"

"ผมเป็น ลูกเจ้าของลูกชิ้นครับ ผมชื่อชินครับ"

"ตายจริง ลูกเจ้าของร้านมาเเองเลยเหรอเนี้ย"

"คุณป้าครับแถวนี้ไม่มีตลาดหรือร้านขายลูกชิ้นอร่อยดังๆหรือครับ"

"โอ้ย ไม่มีหรอกจะ มีแต่ทอด ย่าง ทั่วไป แป้งทั้งนั้น ป้าติดใจลูกชิ้นร้านพ่อหมุ่ม เพราะป้าไปเที่ยว
 และแวะทานที่ร้าน แลัวซื้อกลับมาที่บ้านด้วย ทุกคนบอกว่าอร่อยมากพ่อหนุ่ม"

"ขอบคุณ ครับ"

"ตลาดนัดไงพ่อหนุ่ม ที่นี้กำลังมีตลาดนัดใหญ่เปิดใหม่ข้าง ตึกก่อสร้าง ไปทางถนนใหญ่นะพ่อหนุ่ม ลองเอาลูกชิ้นไปขายสิ ป้าว่าขายดีแน่"

"ตลาดนัดเหรอครับ มีวันใหนครับ "

"เห็นว่าจะมี วัน จันทร์ พุธ เสาร์ นะถ้าป้าจำไม่ผิด"

"เหรอครับ แล้วผมต้องติดต่อกับใครครับ"

"ป้าไม่แน่ใจว่าที่เต็มหมดหรือยังนะ พ่อหนุ่มลองไปแถวนั้น เค้าจะมีป้ายประกาศจองล๊อคนะ มีเบอร์โทรลองโทรดูนะ"

"ครับ ขอบคุณครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"

"ไปดีมาดีนะพ่อหนุ่ม มาขายลูกชิ้นแถวนี้ให้ได้นะพ่อหนุ่ม"

"ครับ สวัสดีทครับ"

        ผมขับรถออกจากหมู่บ้านของคุณป้า และเข้ามุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ ไม่ไกลผมก็เห็นตึกก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยรั้วสังกะสี และคนงานกำลังปีนป้ายนั่งร้านทำงาน ข้างๆก็เป็นลานกว้างๆ ผมก็เลี้ยวเข้าไป ตรงที่มีป้ายประกาศ ลองกดเบอร์โทรไป ปลายสายบอกว่า เต็มแล้ว แต่ก็ลองมาดูเพื่อบางร้านไม่มาก็จะได้ลงร้านแทน แม่ค้า จะไม่ค่อยมาครบทั้ง 3 วัน เพราะบางวันก็ชนกับตลาดนัดที่อื่นก็มี เค้าบอกผมแบบนี้ ผมต้องกลับมาเริ่มต้นที่ บ้านและเล่าภารกิจให้แม่ผมฟัง


"ชิน เอาจริงเหรอลูก แม่ว่าดูๆทำเลเช่าที่ เปิดร้านเลยไม่ดีเหรอ แบบนี้ลูกจะเหนื่อยมากนะลูก"

"แม่ครับ ผมไม่เหนื่อยหรอก พ่อกับแม่เหนื่อยมามากกว่าผมอีก แค่เนี้ยสบายมากครับ"

"แม่ให้เราไปแค่ ตลาดนัดวันเสาร์วันเดียว วันอื่นแม่ไม่ให้ไป แม่ไห้ลูกได้แค่นี้นะ"

"โห แม่ครับ!" 

"ชิน"

"ครับ ครับ แค่วันเสาร์ก็ยังดี"
         
       
        วันนี้วันอาทิตย์เหลือเวลา อีก6วัน ให้ผมเตรียมตัว ออกแบบป้ายติดหน้าแผงขายลูกชิ้นปิ้งของผม(เอง) ฮ่าๆ
เพราะผมจะไปลุยเองคนเดียว ที่แม่ผมไม่อยากให้ผมไป เพราะผมบอกว่าจะไม่ให้คนไปช่วยขาย ผมจะไปขายคนเดียว
ได้ไปวันเสาร์วันเดียวก็ยังดี เริ่มสนุกแล้วครับ ฮ่าๆ


"ชิน ชิน พี่ใหญ่มาหาลูก"

"คร้าบ"

"หวัดดีพี่ ไปใหนมา"

"ป้าโทรไปบอกว่านายจะไปขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดเหรอ"

"โห แม่โทรไปฟ้องเลยเหรอ"

"ไม่ได้ฟ้อง นายจะไปจริงๆอ่ะ"

"จริงดิพี่ ผมจริงจังนะพี่ ลูกค้าที่ผมไปส่งลูกชิ้น บอกว่าไม่มีร้านใหนอร่อยเลย เลยต้องสั่งที่ร้านเราไปกินอ่ะพี่ (ภูมิในฝุด)"

"ให้พี่ไปด้วยมั้ย "

"ไม่ต้องเลยพี่ ผม25 จะ26 แล้วนะ เห็นผมเป็นเด็กเหมือนแม่อีกแล้ว"

"ป้าเค้าแค่เป็นห่วง"

"ผมรู้ แต่ให้ผมลองทำอะไรเองบางสิพี่ ถ้าไม่ไหวค่อยถึงมือพี่ใหญ่ โอเคป่ะ"

"เอางั้นเหรอ"

"เอางั้นสิ ว่าแต่พี่เถอะ ที่ร้านเป็นไงมั้ง "

"ก็ขายดี ออเดอร์ จากต่างอำเภอ ก็เยอะ มานี้พี่ก็จะมาเอาลูกชิ้นไปเพิ่มอีกนะ"

"โอโฮ้ จะร่ำรวยกันใหญ่แล้ว ผมก็คงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เสาร์นี้นะพี่คอยดูผมจะทำยอด และมีลูกค้าสั่งออเดอร์เพิ่มเยอะขึ้น ให้ดู"

"ร่ำรวยอะไร นายก็รู้อยู่ว่า....."

"พี่ ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ จะไม่พูดเรื่องนี้ซ้ำอีก ไม่งั้นผมโกรธ จริงๆ พี่คงไม่อยากเห็นผมโกรธใช่มั้ย"

"ได้ ได้ พี่จะไม่พูดถึงมันอีก พี่ไปเอาของขึ้นรถก่อนนะ"

"โอเคพี่ ร่ำรวย ร่ำรวย นะพี่"

         
         เฮ้อ พี่ใหญ่ครับ หรือชื่อนาย นพคุณ พี่ชายต่างสายเลือด ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติครับ ตอนผมเกิดมา พี่ใหญ่ ก็อยู่อนุบาล แล้วครับ น้องสาวของแม่ ที่แทบจะไม่เคยเจอกันเลย เพราะตากับยายผมเลิกกัน แม่ผมมาอยู่กับตาของผมที่นี้ ส่วนน้าผมก็อยู่กับยายครับ และเมื่อยายเสีย น้ากับพี่ใหญ่ก็ย้ายมาอยู่ใกล้ๆกัน ทำไมแม่กับน้าถึงไม่ค่อยสนิทกันเหรอครับ แม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ ตายายเลิกกัน ก็มีแม่คนเดียว แต่มารู้ที่หลังว่ายาย มีน้าอยู่ในท้อง แม่ของผมห่างจากน้าเป็น 10 ปี ตอนนี้น้าย้ายมาอยู่ด้วย น้าอายุแค่ 20 แม่ผมมีผม ตอนอายุ 29 ปี นั้นก็แปลว่าน้าผมมี พี่ใหญ่ตั้งแต่อายุ 15 ครับ น้ากับแม่ก็ไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร ยิ่งตอนตาเสีย ไปไม่นาน น้าสาวแกก็ออกจากบ้านไป โดยทิ้งพี่ใหญ่ไว้ที่บ้านผม พี่ใหญ่ก็เลยเหมือนเป็นพี่ไป ผมเป็นคนกลาง และ น้องเล็ก ที่กำลังเรียนหนักเพื่อสอบเข้ามหาลัย ผมกับน้องก็ห่างกัน 7 ปีครับ

         เดินไปใหนกับน้อง คนอื่นคิดว่า พ่อกับลูกตลอด (ก็ผมตัวใหญ่ เหมือนพ่อ) น้องผมยังเล็กและเป็นเด็กผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ ห่วงมากครับคนนี้ ฮ่าๆๆๆๆ พี่ใหญ่ไม่เรียนต่อ บอกว่าไม่อยากเป็นภาระพ่อกับแม่ผม ทั้งที่ตั้งใจจะให้เรียนสูงๆ แต่พี่ใหญ่ ก็บอกว่าจะหางานทำ แต่จบแค่ม.6 หางานอะไร มีแต่งานใช้แรง พ่อกับแม่ ก็เลยให็มาช่วยดูที่โรงผลิต(แต่ตอนนี้เรียกโรงงานได้แล้วครับ) จนตอนนี้ ได้รับมอบหมาย ไปเปิดร้าน ในอีกอำเภอ ที่ใหญ่พอๆกับอำเภอเมืองที่ผมอยู่เลยครับ ^ ^

       
         โต๊ะพร้อม ถาดพร้อม น้ำจิ้มพร้อม ลูกชิ้นพร้อม(วันนั้นผมเอาไป 100 กิโลมั่นใจฝุดๆ) ไม้เสียบ เตาปิ้ง พร้อม ผมลงมาเช็ค
รอบที่สาม แล้วครับ ฮ่าๆๆๆ ตื่นเต้นครับ พรุ่งนี้แล้วครับ ผมจะไปลุยตลาดนัด พรุ่งนี้ไปไวหน่อย เพราะโทรไปถามเจ้าของตลาดแล้ว ถ้ามีล๊อคว่าง ก็จะหาลงให้เลย ให้รีบมา ผมเลยตื่นเต้น จนนอนไม่หลับ ก๊ากกกก


"แม่ พ่อ ผมไปน่ะ"

"ไม่ต้องให้เด็กไปช่วยแน่เหรอลูก"

"โหแม่ครับ ผมคนเดียวไหวน่า มือระดับใหนแล้ววววววว"

"ลูกผู้ชายต้องอย่างสิ ลูกพ่อตัวจริง"

"ใช่มั้ยครับพ่อ ฮ่าๆๆ ไปแล้วคร้าบบบเดียวสาย"

"ขายให้หมด 100 โลเลยนะไอ้ลูกชาย ร่ำรวย ร่ำรวย"(ไม่ต้องบอกเลยว่าผมติดคำนี้ใครมา ฮ่าๆๆ)


    ผมไปถึงตลาดตอนประมาณเที่ยง และรีบตรงเข้าไปติดต่อกับคนดูแลตลาด เค้าให้ผมรอก่อน ทางนั้นโทรเช็คว่ามีแม่ค้าคนใหนไม่มาบางสรุปแม่ค้าขาย ส้มตำไก่ยางไม่มา ผมได้ที่ ตรงหัวมุม พอดี ข้างๆเป็นร้านขายผัก น่าจะปลูกเอง เห็นคุณยาย กับน้องผู้ชายกำลังจัดเรียงผักอยู่


"น้องขายตรงนี้ไปก่อนนะวันนี้ แม่ค้าเค้าไม่มา เห็นบอกว่า ไม่สบาย"

"ขอบคุณครับพี่"

"ไม่เป็นไร ยังไงน้องก็ต้องจ่ายค่าที่ ฮ่าๆๆๆ XD"


"ครับผม 555"



   ผมรีบถอยรถมาจอดและค้นของลง จัดของให้เข้าที่ เพิ่งมาครั้งแรก ก็งงเหมือนกันครับ ไม่รู้จะเอาอะไรไว้ตรงใหนก่อนดี


"ให้ผมช่วยใหมครับ"

"เออ..ขอบคุณครับ"

"ผมว่าน่าจะ เอาเตาปิ้งไว้ทางซ้าย และถาดวางไว้ด้านหน้านะครับ ลูกค้าจะได้เห็น"

"อ่อ ครับ  พี่พึ่งลองมาขายวันแรก ยังงงอยู่เลย"

"เดี่ยวผมช่วย  ป้าร้านส้มตำ แกก็ตำตรงนี้ ย่างไก่ข้างนี้ แล้วก็ว่างขายแบบนี้ครับ"
น้องผู้ชายร้านขายผักอธิบายทำให้ผมมองเห็นภาพ ว่าน่าจะจัดร้านยังไง

"ครับ"


       น้องเขา ชื่อ น้องต้นกล้า ครับ  มาช่วยยายขายผัก ทุกวันเสาร์ เพราะเป็นวันหยุด ส่วนวันอื่นๆ น้องต้องไปเรียนที่กรุงเทพ จะรีบกลับมาช่วยยายเก็บผักเย็นวันศุกร์ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ อยู่มหาลัยแล้ว ตอนที่น้องบอกผมยังงงเลย  ผมนึกว่าอยู่ม .ปลาย
น้องต้นช่วยผมได้เยอะเลย ช่วยเรียกลูกค้าที่มาซื้อผักให้มาซื้อลูกชิ้นของผมด้วย


"คุณป้าครับ ได้ผักแล้วแวะชิมลูกชิ้นด้วยสิครับ"น้องต้นเรียก

"อ้าว  ขายลูกชิ้นแล้วเหรอ ต้น"

"เปล่าครับ มาช่วยพี่เค้า พึ่งมาขายวันแรกครับ อร่อยมากเลยป้าลองชิ้มดูสิครับ หมูล้วนๆเลย" ต้นยิ้มและส่งให้ชิม

"อืม...  อร่อยมากเลย หมูล้วนจริงด้วย น้ำจิ้มก็อร่อยเค้ากันกับลูกชิ้นปิ้ง"

"ใช่มั้ยครับ ป้าเอากี่ไม้ดีครับ"

"ไม้เท่าไรจะ"

"10 บาทครับ ลูกใหญ่ๆหมูล้วน"

"งั้น ป้าเอา 10 ไม่ คิดไม้ที่ชิมนี้ด้วยนะจ๊ะ"

"ไม่เป็นไรครับ ชิมฟรี"ผมรีบส่งยิ้มโปรยเสน่ห์

"แหม พ่อหนุ่ม หล่อๆแบบนี้มีแฟนยังจ๊ะ"

"เอ...เออ  ยังครับ  ยังจนอยู่ ต้องมาขายลูกชิ้นเก็บเงิน สร้างฐานะครับ ^ ^"(ผมไม่ได้โกหกแค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง) หุหุ

"ไว้ป้าจะมาอุดหนุน บ่อยๆนะจ๊ะ"

"ขอบคุณครับ"ผมกับต้นพูดพร้อมกัน
   


          แล้ววันแรกของผมในการขายที่ตลาดนัดผ่านไปได้ด้วยดี ลูกชิ้น 100 โล ขายไม่หมดครับ แต่มีลูกค้าบางคนที่ซื้อไปพูดว่า
 (ถ้าอร่อยจริงจะมาเหมาไปจัดงานเลี้ยงในโรงงาน)  บอกว่า ชื้อไปฝากคนที่บ้าน (ถ้าอร่อยจะมาซื้อประจำ)
 และลูกค้ากลุ่มสุดท้ายออกแปลกๆ นิดนึง บอกว่า(จะซื้อไปเป็นกับแกล้ม และลูกพี่พวกเค้าถูกใจ คงได้มาเหมาทุกวัน)



"พ่อค้า อร่อยจริงหรือเปล่า ขอชิมหน่อยได้ป่ะ" เป็นคนงานน้องต้นมาบอกที่หลังว่ามาจากตึกที่กำลังก่อสร้าง ข้างๆตลาดนัด

"ครับ ชิมได้ครับ"ผมยืนให้ไป 1ไม้

"พวกผมมากันตั้งหลายคนนะพ่อค้า"

"พี่ๆครับ พี่เค้าพึ่งมาขายวันแรก ถ้าให้พวกพี่ชิมทุกคน พี่เค้าก็ขายทุนสิครับ" ต้นรีบช่วยพูดให้

"โห น้อง วันแรกแบบนี้ก็เรียกลูกค้าสิ ลงทุนหน่อย"

"นี้ครับ"ผมส่งไปให้อีก 2ไม้

"พ่อค้า ถ้าลูกชิ้นอร่อยจริงนะ บอกเลย ลูกพี่ของพวกเรามาเหมาน้องทุกวันแน่"

"ขอบคุณครับ"

"งั้นเอา...เท่าไหรดีว่ะเพื่อน...10 ไปฝากนาย โอเค..น้องเอามา 10 ไม้ ซื้อเยอะแบบนี้ต้องแถมด้วยนะน้อง"พวกนั้นหยิบไปกองๆไว้ เกิน 10ไม้

"ได้ครับ"

"พี่ชิน!!!"

"ขอบคุณครับ ไว้อร่อยแล้วมาซื้ออีกนะครับ  ^^"ผมรีบรับเงินและรีบบอกลา  จนพวกนั้นเดินห่างออกไป

"พี่ชิน ไปยอมพวกนั้นได้ไง "

"ไม่เป็นไรต้น  คิดสะว่าเรียกลูกค้าแล้วกัน"






                                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :pigha2:





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 3 กลับบ้านเรารักรออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-11-2014 23:38:42

ตอนที่ 3 กลับบ้านเรา รักรออยู่
[/size]


          หลังจากนั้นคนในตลาดก็เริ่มน้อย เพราะว่าเกือบจะ 2ทุ่ม แม่ค้าบางรายก็เริ่มเก็บของเพราะคนหมดแล้ว ผมก็เริ่มเก็บของ ต้นกับยายไม่ต้องเก็บอะไรมาก เพราะผักของยายขายหมด เหลืออยู่นิดๆหน่อยๆ ส่วนของผมก็น้ำจิ้มที่เตรียมมาก็หมด ขายต่อไปไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีแม่ค้ามาเดินมาซื้ออยู่บาง (อุดหน่อยกันเอง)ผมก็ต้องเก็บ เพราะไม่มีน้ำจิ้มให้ แต่แม่ค้าบางคนที่ได้ลองชิมก็บอกว่าอร่อย ก็เลยซื้อแบบ สดกันไปคนละโล 2โล ลูกชิ้นของผมเหลือกลับไม่ถึง 10โลครับ เย้!!!!!!



"ต้น เอาลูกชิ้นกลับไปกินที่บ้าน"ผมส่ง ถุงลูกชิ้นที่ยังไม่ได้แกะ 5 โลให้ต้นกับยาย

"โห พี่ชิน เยอะไป เดี่ยวขายทุนนะ แบ่งให้ผมนิดเดียวพอ"

"เอาไปเถอะ  ไว้เจอกันเสาร์หน้านะ ต้น คุณยาย"

"พี่ชิน ไม่มาทุกนัดเหรอครับ"

"มาได้แค่วันเสาร์นะ  เออ..พี่ต้องไปขายที่อื่นครับ"บอกไม่ได้คุณนายแม่ไม่ให้มา เดี่ยวน้องรู้จะหาว่าผมเป็นลูกแหง่

"อ้อ  มีที่ขายประจำเหรอครับ"

"ครับ"

"พ่อหนุ่ม เอาผักกลับไปกินสิ" ยายส่งผัก หาทานยากมาให้แม่ผมคงชอบ

"ขอบคุณครับคุณยาย  แล้วกลับกันยังไงครับ ต้นไม่ถอยรถมา เก็บของหละ " ส่วนผมถอยรถมากำลังคนของขึ้นรถ

"ผมกับยาย มารถรับจ้าง คนรู้จักแถวบ้านนะครับ แกจะมาประมาณ 3 ทุ่ม ครับ"

"แล้วคนต้องนั่งรอแบบนี้เหรอ "

"ครับพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมกับยายรอแบบนี้ประจำ ลุงแกคงติดลม ในวงเหล้าอยู่แน่ เลย ตอนที่ต้นโทรไปเสียงอ่อแอเลยครับ"

"เมาเหล้าเหรอแล้วแบบนี้จะขับรถมายังไง มันอันตรายมากเลยนะ"

"ลงแกขับมาแบบนี้ประจำเลยครับ ผมชินแล้วครับ "

"งั้นพี่รอเป็นเพื่อนนะ ถ้าลุงแกมาแล้วพี่ค่อยกลับ"

"ลำบากพี่หรือเปล่าครับ"

"ไม่เป็นไร วันนี้ต้นก็ช่วยพี่ขาย ตลอดเลย"

    เสียงโทรศัพท์เครื่องน้อยรุ่นเราสู้แต่ยังคงทนแข็งแรงดังขึ้น

"ครับป้าแดง  อะไรนะครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ  ครับ ครับ"  น้ำเสียงต้นกล้าน่าจะเป็นเรื่องไม่ดี

"ยาย  ลุงมี ขับรถตกคลอง ทางเข้าบ้านเรานะยาย "

"ตายแล้ว ลุงมีแกเป็นอะไรมากมั้ย"

"ป้าแดงก็บอกว่า ผู้ใหญ่เรียกรถกู้ภัยมาแล้วละจ๊ะยาย"

"ต้นแล้วต้นกลับยาย กลับไปกับพี่นะ ให้พี่ไปส่งไปดูอาการลุงมีด้วยดีมั้ย"

"ขอบคุณ พี่ชินนะครับ ขอบคุณที่พี่ยังรออยู่ ไม่งั้นต้นกับยายไม่รู้จะกลับยังไงเลย"

"ไปเถอะ รีบเก็บของขึ้นรถกัน"

     ตลอดทางกลับบ้านต้นโทรหาป้าที่เป็นเมียลุงมี ว่าลุงมีเป็นยังไงบาง ป้าบอกว่าอยู่โรงพยาบาลแล้วหมอกำลังตรวจอยู่  พวกเราเลยตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการของลุงมี  อาการไม่เป็นอะไรมาก มีรอยฟกซ้ำ หัวแตก แขนกนะดูร้าว ต้องใส่เฝือก นอนโรงพยาบาล รอดูอาการ


"ขอบใจยายสุขมาก ต้นด้วย ที่มาเยียม ช่วยเรื่องเงินด้วย ไม่มีเงินนี้ก็ไม่รู้จะไปพึงใครจริงๆ" ป้าแดงบอกทั้งน้ำตา

"ไม่เป็นไรหรอกแดงเอย ช่วยๆกัน บุญมีไม่เป็นอะไรมาก ก็ถือว่าฝาดเคราะห์ไปนะ ออกจากโรงพยาบาลก็พากันไปทำบุญด้วยนะ"
เงินที่ให้ป้าแดงเป็นเงินทั้งหมดที่ขายผักวันนี้ 

"จ๊ะป้าสุข ขอบใจจริงๆจ๊ะ แล้วจะกลับบ้านกันยังไงจ๊ะ" ถามด้วยความห่วงใย

"ผมกับยายกลับกับพี่ชินครับ"ชินณพัตน์ยกมือไหว้

"ฝากด้วยนะพ่อคุณ ยังไงก็ขอบใจมากนะ"

"ครับ "
 

   ออกมาจากโรงพยาบาลต้นบอกทางกลับ บ้านและชี้ให้ดู ว่าลุงมี รถตกคลองตกทางเข้าหมู่บ้าน ยังมีรถจากกู้ภัย กำลังดึงรถขึ้นมาอยู่เลย พอถึงบ้านยาย ก็ช่วยกันขนตะกร้าผักลง ที่หน้าบ้าน และชวนชินพัตน์ทานข้าวด้วยกัน



"ขอบใจพ่อหนุ่มมากนะรบกวนหลายเรื่องเลยวันนี้"

"ไม่เป็นไรครับยาย  ถือว่าช่วยกัน ต้นก็ช่วยผมขายลูกชิ้น ได้ลูกค้าเยอะเลย ถ้าไม่มีต้นช่วย วันนี้ผมคงขายไม่ได้เยอะขนาดนี้แน่ๆ"

"พี่ชิน ก็พูดเกินไป ลูกชิ้นของร้านพี่อ่ะ อร่อยมาเลย น้ำจิ้มก็อร่อยมากด้วย ต้นแค่เรียกลูกค้าให้เท่านั้นเอง"

"ยังไงพี่ก็ขอบใจต้นมากนะ วันขายลูกชิ้นแรก สนุกมากๆเลย"


   เสียงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด ในกระเป๋ากางของชินพัตน์ดังขึ้น


"ครับแม่  ไม่มีอะไรครับ ชินกำลังจะกลับ  เปล่า ชินแค่มาส่งคุณยาย ที่ขายของด้วยกัน  ครับ ครับ กลับไปเดี่ยวชินเล่าให้ฟังนะครับ"

"แม่โทรตามหรือพี่ชิน"

"อืม แม่พี่แกเป็นห่วงนะ เห็นกลับดึก  งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับยาย  พี่ไปแล้วนะต้น" ชินหันไปบอกลายาย และต้น

"พี่ชินไม่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ กับข้าวฝีมือยาย อร่อยมานะพี่ชิน"

"ไว้วันหลังพี่จะมาฝากท้อง แน่นอน  เออ ลืมเลย ยายครับ แล้วยายจะไปขาย ผักยังไงครับ ลุงมีแกเข้าโรงพยาบาลแบบนี้"

"นั้นสิยาย วันจันทร์ กับ พุธ ยายจะไปตลาดยังไง  วันเสาร์ต้นยังพออยู่ช่วยได้มั้ง"

"ก็คงต้องรอให้ลุงมี ออกจากโรงพยาบาลก่อนนะ ต้นเอย  "

"ยาย.." ต้นเดินไปกอดยายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งยายและหลาน

"งั้นผมมารับยายไปตลาดเองแล้วกันครับ"

"อ้าว..ก็พี่ชินบอกว่ามาขายแค่วันเสาร์ไง"ต้นเช็ดน้ำตาและหันมาถาม

"ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่า ต้นตั้งใจเรียนเถอะ เรื่องยายเดี่ยวพี่จัดการเอง นะ  "ชินเดินไปจับหัวต้นโยกไปมา

"นะครับ ยาย เดี่ยวผมมาช่วยเก็บผักแล้วรับยายไปตลาดเอง ห้ามปฐิเสธ แรกกับกับข้าวแสนอร่อยฝีมือยาย ได้มั้ยครับ"
      ชินยิ้มและเดินไปจับแขนยายนวดประจบ

"ได้จ้า พ่อหนุ่ม  ยังไงก็ขอบใจนะ"



       ต้นเดินออกมาส่งชินขึ้นรถ และนัดแนะว่าชินต้องมาประมาณกี่โมงเพราะต้องช่วยยายเก็บผัก และขนของขึ้นรถ และบอกถึงตารางเรียนของต้น ว่าจะกลับมาช่วยงานยายวันใหน ชินเดินทางกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ตลอดทางก็มีเสียงโทรศัพท์ทั้งคุณนายแม่ พี่ใหญ่ ดังตลอดทาง



"ผมกลับมาแล้ว"คุณนายแม่ยืนมองตาเขียวทั้งพ่อ พี่ใหญ่ ยืนอยู่หน้าร้านในอาการเดี่ยวกัน


"ไปถึงใหนมา ตาชิน"คุณนายเสียงดุมาเลย


"ขายได้เยอะนี้ ชิน"พี่ใหญ่ช่วยเปลี่ยนเรื่องให้


"ขายดีสิพี่ มีน้งร้านข้างๆ ช่วยขาย เรียกลูกค้าให้ด้วยอ่ะแม่ "ตอบพี่ใหญ่ แต่หันไปทางคุณนายแม่


"เอาน่า ใหนๆลูกกลับกลับมาแล้วน่า ค้นของไปเก็บก่อนไป ชิน แล้วค่อยมาคุยกัน ดึกมากแล้ว"


"ครับพ่อ"พ่อช่วยห้ามทัพ ผมรักพ่อคร้าบบบบ


     เมื่อเก็บของล้างของทุกอย่างเสร็จ (ผมไม่ได้ล้างเองนะ เด็กๆลูกล้างล้างนะ) ผมก็มาเช็คจำหน่วยลูกชิ้นที่เหลือกับมาหักลบกับที่แจกไปให้ยายกับต้น แถมพวกที่แถมๆคิดออกมาได้เยอะอยู่เกินขาดหมาย ต้องทำเป็นลายลักษ์อักษร ทำเป็นบัญชีขึ้นมา กับการขายของ ตลาดนัดครั้งแรก และรับมือกับคุณนายแม่พรุ่งนี้ เพราะคืนนี้ดึกมากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนแล้วไปรายงาน เหตุการณ์คืนนี้ ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน


"อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ "


"ตื่นเช้าเลย รีบมาง้อใครเหรอ เจ้าลูกชาย"พ่อยิ้มเยาะ


"โธ่ พ่อ  แล้วแม่อยู่ใหนครับ  "

"อยู่ในครัวแนะ "ผมรีบเดินไปหา แต่เจอพี่ใหญ่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่


"พี่กินข้าวเช้ายัง กินด้วยกันก่อนสิ"เห็นใหญ่ว่างสายก็รีบชวน


"อืม เดี่ยวพี่ตามเข้าไป ขอโทรเช็คงานอีกแปบแล้วกัน"


"ครับ"

     
            ชินพัตน์ เดินตามกลิ่งอาหารเช้า ที่ลอยออกมากจากในครับ จำกลิ่นนี้ได้ ไข่เจี่ยวใส่ลูกชิ้นของโปรดของชินพัตน์นั้นเอง


"แม่ ชินหิวแล้วมีอะไรกินมั้งอ่ะ"ชินเดินไปกอดแม่จากด้านหลัง


"หยิบจานนี้แล้วก็นี้ไปไว้ที่โต๊ะโน่นไป๊"ทำเสียงดุไปงั้นแหละ คนฟังถึงกลับยิ้มและทำตามทันที่


"ไปตามพ่อกับใหญ่มาทานข้าวไป"รีบลุกให้ว่อง


       บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าก็เป็นไปปกติ แต่ชินพัตน์ก็ไม่รู้จะเริ่มเข้าเรื่องที่ตนเองกลับดึกยังไงดี เพราะแม่ตอนเองก็ไม่คุยกับตนเองสักที่ คุยแต่กลับใหญ่เรื่องงานไม่เว้นช่องว่างให้ แทรกเลย และทำให้ใหญ่เหมือนมองออกเลย เปิดทางให้


"แล้ว ชินหละ เมื่อวานเป็นไง สนุกมั้ย ขายตลาดนัดวันแรก"พี่ใหญ่ช่วย


"สนุกสิ กลับซะดึก ทำให้คนอื่นเป็นห่วงกันไปหมด" คุณนายแม่ประชด และเดินเก็บจานอานไปจากโต๊ะ ทั้งที่มีแม่บ้านเก็บอยุ๋แล้ว


"โธ่ แม่ครับ มานั่งฟังชินก่อนสิครับ  ตอนกลับมันมีเรื่องนิดหน่อย ชินก็บอกแม่แล้วว่าตอนกลับชินจะเล่าให้ฟังนี้ไงครับ"
   

                  ชินพัตน์เดินไปกอดเอวคนเป็นแม่ แม่บ้านเลยเดินมาหยิบจานออกไปเก็บเอง


"คุณก็มานั่งฟังลูกก่อนเถอะ ใหนๆลูกก็กลับมาปลอดภัย ลองมาฟังสิว่าเจ้าลูกชายจะแก้ตัวว่ายังไง"เริ่มต้นเหมือนจะดีตอนหลังนี้ยังไงครับคุณพ่อ


"นั้นสิ นายไปทำอะไรมา ใหนเล่าให้ฟังหน่อย เกิดอะไรทำมั้ยถึงกลับมาดึก ป้ากับลุงเป็นหว่งมาเลยรู้มั้ย"


"รู้ครับ ผมขอโทษครับ ที่ทำให้เป็นหว่ง"ชินพัตน์ยกมือไหว้ทั้งพ่อและแม่ร่วมถึงใหญ่ด้วย


           ชินพัตน์เล่าเรื่องทุกอย่างให้คนที่บ้านฟังอย่างละเอียด และขอไปขายทุกนัดด้วยเพราะอยากไปรับยายขายไปขายของพร้อมกัน



"เรื่องคุณยยายสุขกับน้องต้นแม่พอจะเข้าใจนะ แต่เรื่องที่จะให้ชินไป ขายทุกนัด แม่ไม่ยอม ทำงานที่ร้านของเราก็พอแล้วลูก"


"แม่ครับแต่ยายแกลำบากนะครับ ไม่มีคนไปรับไปส่ง น้องต้นก็กลับมาช่วยได้แต่เสาร์อาทิตย์นะครับแม่"


"งั้นพี่ไปรับส่งคุณยายแทนให้มั้ย"ใหญ่เหมือนเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจากน้องชาย


"ไม่ได้ ตาใหญ่ ยิ่งไม่ได้ สาขาที่ต้องดูแล ก็มีลูกค้าออเดอร์มาเยอะอยู่แล้วด้วย"


"ใช่ครับ  ต้องเป็นนผมเองนั้นและครับดีที่สุด"


"ตาชินพัตน์ !!!" เรียกชื่อเต็มยศนั้นหมายถึงคุณนายแม่โกรธมากจริงๆ


"ให้ลูกไปรับยายสุขเถอะ คุณแกคงลำบาก แต่พ่อให้ขายแค่ วันเสาร์ คนละครึ่งทาง ตกลงไหมไอ้ลูกชาย"ผู้นำครอบครัวบอกภรรยา และลูกชาย(ผมรักพ่อคร้าบบบบบบ)


"ตกลงครับ ตกลง"ยิ้มและกระโดดหอมแก้มแม่ และกระโดดกอดพ่อที่อนุญาติ(ทำตัวเป็นเด็กไปได้)



        ชินพัตน์เดินตาม นพคุณมาหน้าร้าน เพื่อมาเช็คยอด กับอ้อเดอร์ต่างๆของที่ร้าน และที่สาขาที่ นพคุณดูแลอยู่ ทั้งสองอยากทำงานแทน พ่อแม่ อยากให้ทั้งสองพักบางเพราะทั้งสองอายุก็มากแล้ว พวกเขาทั้ง สองอยากจะรับผิดชอบสิ่งที่ได้รับมอบหมาย มาให้ดีที่สุดเท่านที่จะทำได้



"พี่ใหญ่ ออเดอร์พี่เยอะมากเลยอ่ะ ต้องขนไปกี่รอบเนี้ย  แล้วโรงงานต้องเพิ่มกะอีกมั้ยเนี้ย"


"ก็หลายรอบอยู่ไม่ต้องห่วง พี่ไม่มารับเองหรอก เดี่ยวเด็กที่ร้านจะขับมารับอีกนะ พี่แวะมาเข้ามาคุยกับคุณลง เรื่องขายกำลังผลิดนะ"


" ผมยอมไม่ได้แล้ว ผมต้องหาออเดอร์จาตลาดนัดมาให้เยอะๆ คนที่นี้จะได้มีงาน มีเงินกันทุกคน" ยิ้มอย่างแข็งขัน


"เรื่องขายที่ตลาด คุณป้าเป็นห่วงมาก ชินรู้ใช่มั้ย"


" ครับ พี่ ผมรู้ และผมจะทำให้ได้ดี พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง"นพคุณจับหัวน้องชายโยกไปมา


"แล้วเรื่องคุณยายสุข แน่ใจนะว่าไม่ได้พี่ไปรับแทน"


"แน่ใจครับผม"




ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความรักของพ่อแม่
สถานที่ ที่ให้ความรู้สึกปลอยภัย นั้นก็คือ บ้าน   :กอด1:

 


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 4 แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-11-2014 00:45:37



 
ตอนที่ 4  แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ



     เช้าวันจันทร์ ชินพัตน์ เตรียมตัวเพื่อจะไปช่วยยายสุขเก็บผัก จนทำให้คนเป็นพ่อ ถึงกลับแปลกใจที่เห็นลูกชาย เตรียมตัวเตรียมรถตั้งแต่เช้า



"เตรียมตัวเหมือนจะไป หาสาวเลยเจ้าลูกชาย"

"ผมว่าจะรีบไปช่วยยาย เก็บผักในสวนนะครับ ถ้าไม่รีบไปเดียวจะเก็บได้น้อยเดี่ยวยายไม่มีของขายครับ"

"แล้วอย่าลืมส่งออเดอร์ก่อนหละ"ต้องไปส่งออเดอร์ด้วย มี 2 รายที่ไปส่งแถวนั้นพอดี

"รับทราบครับ แล้วจะรีบกลับครับ" ผู้เป็นแม่เดินออกมาสมทบ

"ให้มันจริงนะ ตาชิน อย่าให้แม่ต้องโทรตาม"

"ครับ  คุณนายแม่" ชินพัตน์เข้าไปกอดแบบออดอ้อน

   ชินพัตน์ไปถึงบ้านยายสุข และช่วยเก็บผักได้เยอะพอสมควร  ช่วงเที่ยงก็ได้ลองชิมอาหารฝี่มือยาย อร่อยมากจริง


"แกงจืดตำลึงอร่อยมาเลยครับยาย "

"จ้าๆ อร่อยก็กินเยอะๆนะพ่อหนุ่ม ของโปรดของเจ้าต้นนะ ยายต้องทำประจำ"

"ผัดสด จากสวนทำอะไรก็อร่อยนะครับ ไร้สารพิษ ยายปลูกเองทั้งหมดเหรอครับ"

"ยายปลูกเองตอนแรกๆ ตอนนี้ก็ทำเองไม่ค่อยไหวแล้ว ส่วนใหญ่ ต้นหามาปลูกเพิ่มนะ "

"เหรอครับ ต้นนี้ขยังมากเลยนะครับ"

"กลับมาจากเรียน ก็คลุกอยู่แต่ในสวน ดูแล รดน้ำ ใส่ปุ้ยที่เจ้าต้นทำขึ้นมาเอง บอกว่าเรียนมาๆ"

"อย่างนี้นี้เอง ต้นเรียนเกียวกับการเกษตรมาเหรอครับยาย "

"ยายไม่รู้หนังสือ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเจ้าต้นเรียนอะไร "

"ครับ" ยิ้ม เพราะมองไปที่ฝาบ้าน ก็มีใบประกาศรางวัลต่างๆ ของ นาย ต้นกล้า อยู่เต็มไปหมด

"ยายคงภูมิใจในตัวต้นมากเลยนะครับ"

"จ้า มีหลานที่ไว้ค่อยฝากผีฝากไข้ ก็มีแต่หลานคนนี้แหละพ่อหนุ่ม"

"ยายครับ แล้วพ่อกับแม่ของต้นหละครับ"

"แม่เจ้าต้นเสีย ตั้งแต่คลอดเจ้าต้นแล้วหละจ๊ะพ่อหนุ่ม"น้ำเสียงเศร้าลงทันที่ที่พูกถึงลูกสาวตนเอง

"ส่วนพ่อของเจ้าต้น ยายก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร เพราะ แม่เจ้าต้นไม่เคยบอกนะ"

"ครับ ผมขอโทษนะครับยายที่ถามถึงแม่ของต้นยาย"

"ไม่เป็นไรหรอกจะพ่อหนุ่ม" ยายยิ้มเอ็นดู



        ชินพัตน์ขนของขึ้นรถและไปส่งยายที่ตลาดช่วยจัดร้าน ก่อนที่จะขอตัวไปส่งออเดอร์ลูกชิ้นของตัวเอง


"ยายขายคนเดียวได้แน่นะครับ"

"จ้ายายก็ขายแบบนี้ประจำ ตอนต้นไปเรียน ยายขายได้ไม่เป็นไร"

"งั้นผมไปส่งของก่อนนะครับ ผมส่งของเสร็จแล้วผมจะรีบกลับมาช่วยยายขายนะครับ

"ไปเถอะ พ่อหนุ่ม ขับรถดีๆนะ"
 
 
 
  ภายในตลาดนัด มีลูกค้าเริ่มเดินเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสียงเรียกลูกค้า ของแม่ค้าก็ดัง ไปทั่วตลาด มีทั้งลูกค้าประจำ ลูกค้าใหม่ๆ 

ลูกค้าที่มาเดินเที่ยวเล่นหาซื้อของใช้ ของสด หรืออาหารที่ปรุงเสร็จ ใส่ถุงกลับบ้านเป็นมื้อเย็น

ลูกค้าต่างตรงมาเพื่อฝากมื้อเย็นไว้ที่ตลาดนัดแห่งนี้



"ยาย ครับยาย "

"ซื้อผักอะไรดี พ่อหนุ่ม"

"ยังครับ ผมแค่จะถามว่าร้านขายลูกชิ้นไม่ขายเหรอครับ"

"ไม่มาจ้า ไว้นี้เขาไปส่งของ ไม่มาขายจ้า"

"แล้วยายรู้มั้ยว่าเขาจะมาขายวันใหน"

"วันเสาร์จ้าพ่อหนุ่ม"

"ขอบคุณครับยาย งั้นผมซื้อ นี้ นี้ กับนี้ครับ เท่าไหรครับ"ชายหนุ่มชี้ไปที่ผัก 3-4 อย่าง เหมือนช่วยยายซื้อ
"
20 บาทจ้าพ่อหนุ่ม"
"
แค่ 20 บาทเองเหรอครับ  ทำไมเยอะขนาดนี้หละครับ"ชูถุงผักที่รับมามองดู

"ผักยายปลูกเองลูกไม่แพง ปลอดสารผิด ถ้าถูกก็มาซื้อผักของยายบ่อยๆนะ"

"ครับ แล้วผมจะแวะมาอีก"ชายหนุ่มยิ้ม และเดินออกมาหน้าตลาด คิดว่าจะเอาผักพวกนี้ไปทำอะไรดี

   
                   ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในเขตก่อสร้าง ในมือมีถุงผักถุงใหญ่เดินตรงไปที่บ้านพักคนงานภายในแคมป์ก่อสร้าง
ตึกขนาดใหญ่ทีกำลังสร้างข้างๆตลาดนัด


"ลูกพี่ได้มั้ยครับลูกชิ้น ผมบอกแล้วว่าอร่อยสุดๆเจ้านี้ ผมนี้เหมามาให้ลูกพี่เลย" ลูกน้องรีบคุยจ้อไม่มองหน้าลูกพี่ตนเองเลย

"ได้กินกับผีอะไร ไม่มาขายโว้ย" ชายหนุ่มพูดเสียงหงุดหงิด

"อะ..อาวไม่มาขายเหรอ วันนั้นผมรีบกลับไปซื้ออีกรอบ เขาบอกว่าขายหมดแล้ว น้ำจิ้มหมด เหลือแต่แบบสดไม่ได้ปิ้ง ผมก็ซื้อ กลับมา ให้ ตั้ง 1กิโลอ่ะ"

"เออดิ ไม่มา ขาย สงสัยขายวันเดียว แล้วรวยแล้วมั้งเลยไม่ขายเลย "บนด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด

"เดียว นัดหน้าผมไปดูให้เองครับลูกพี่"

"เออ เออ เซ้งว่ะ เอาผักนี้ไปทำกินกันไป"ส่งถุงผักให้ไป

"ลูกพี่ แล้วมีแต่ผัก ให้ทำอะไรกินอ่ะ "

"ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เซ้งโว้ย"ชายหนุ่มเดินหนีมาจากแคมป์บ้านพักคนงาน
 
 

    หลับหลังนายช่างใหญ่ ลูกน้องก็มองตามหลังจนลับสายตาไป ก็เริ่มกับกลุ่มนินทาเจ้านายทันที



"กูว่าลูกพี่อาการหนักว่ะ กูก็รู้นะเว้ยว่าลูกพี่ชอบกินลูกชิ้นมากอ่ะ แต่ทำไมแก ต้องหงุดหงิดขนาดนั้นว่ะ"
   ลูกน้องที่รับถุงผักมาพูดขึ้น

"ใช่ๆ วันนั้นกูก็รีบวิ่งกลับไปซื้อให้ อีกตั้ง โล นี่หว่า ลูกชิ้นเป็น โล โล ไม่น่าจะกินหมด คนเดียวได้นะ งงว่ะ"
   เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดต่อ

"เออว่ะ ชวนกินเหล้าไม่กิน แต่ชวนกินลูกชิ้น ไม่เกียงอ่ะ แปลกคนจริงๆ  แถมซื้อเลี้ยงด้วย แต่เหล้าไม่เคยเลี้ยงสักครั้ง "
  ลูกน้องคอเหล้าพูดมั้ง

"พวกมึงนิทานายเหรอว่ะ แยกย้าย หรือจะแดกผักสดแทนเหล้ามั้ย เอามั้ย"ลูกน้องถือถุงคิดได้ ว่านินทานายอยู่

"เดียวกูไปขอลูกชิ้นนาย มาผัดกับผักดีว่า จะกินใหมพวกมึง"

"กินดิของฟรี เงินเดือนยังไม่ออก"

"เออ เดียวกูมา" ลูกน้องเดินไปตามทางไปยังห้องพักนายช่างใหญ่ จนวิ่งตามมาทันก่อนนายจะเข้าห้องไป


"นาย ครับ นายครับ ผมขอลูกชิ้นไปผัดผัก สักหน่อยสิครับ"

"ไม่มีหมดแล้วโว้ย ไปไกลๆ เลยไป๊!!!!" นายช่างตวาดลั้น ปิดประดูห้องพักดังสนั่น



   ชายหนุ่มเดินคิดตลอดทางเดินกลับมาที่ห้องพักตนเอง ว่าไม่น่ารีบกินลูกชิ้น 1 โล นั้นที่ลูกน้องอุตสาวิ่งกลับไปซื้อมาให้หมดเลย นึกแล้วก็เสียดาย เพราะคิดว่ายังไงวันนี้ต้องได้กินแน่นอน ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกับน้ำจิ้มรสเด็ด ที่ได้ลองกินเมื่อวันเสาร์
ตั้งใจจะไปซื้อด้วยตนเองเลย แต่ก็ต้องผิดหวัง  แถมลืมซื้อมื้อเย็นกลับมาอีกด้วย เซ้งซ้ำซ้อนจริงๆ



"ยาย ผมมาแล้ว...โอโฮ้!!! ขายดี มากเลยครับผักใกล้จะหมดแล้ว"
เสียงมาก่อนถึงร้าน พอเห็นผักเหลือจำนวนน้อยแสดงว่าวันนี้ลูกค้าเยอะมากๆ

"จ้า วันนี้ผักสดมาก ลูกค้าซื้อยกโล หลายเจ้าด้วย ก็เลยหมดเร็ว"
เป็นเพราะชินพัตน์มาช่วยเก็บเร็วและได้มาขายตอนที่ผักยังสดใหม่อยู่

"ครับยาย งั้นเดี่ยวผมช่วยขายเอง ขายไปเดินเที่ยวตลาดมั้ยครับ"

"ก็ดีเหมือนกัน ของใช้ในบ้านใกล้หมดหลายอย่างเลย "

"ครับเดียวผมดูร้านให้ครับ"
 

     
           ยายเดินไปซื้อของหลายอย่างเข้าบ้านเพราะไม่อยากให้หลานชายซื้อกลับเข้ามาเอง เรียนด้วยทำงานพิเศษด้วย

ต้องแบ่งเงินไปซื้อของใช้ภายในบ้านกลับมาอีกเลยปรามไว้ ว่าให้เก็บใช้ซื้อของที่อยากได้ หรือเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น

 เพราะยายหลานก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร รายได้หลักก็มาจากการขายผัก เมือก่อนขายทุกวันที่ตลาด แต่ค่าเช่าที่แพงขึ้น

ประกอบกับยายที่อายุมากเลยเลือกขายแค่ตลาดนัด ค่าเช่าไม่แพง และมีวันที่ยายได้พักบาง และดูแลสวนไปด้วย



"เก่งมากเลยพ่อหนุ่ม ขายหมดเลย"ยายเดินที่ที่ร้านพร้อมของเต็มมือ

"ครับ   ลูกค้าประจำเยอะนะครับ เมื่อกี้ก็มาเหมาไปหลายอย่างเลย"

"จ้า วันจันทร์จะมีลูกค้ามาเหมาซื้อเยอะ ตุนไว้ขายของทั้งอาทิตย์นะจ๊ะ"

"ซื้อของมาเยอะเลยนะครับ ผมเอาไปเก็บที่รถให้ครับ"

"ไว้ตรงนี้ก่อนก็ได้ พ่อหนุ่มไม่ลองเดินเที่ยวตลาดบางเหรอ"

"ไม่ดีกว่าครับ ผมช่วยยายเก็บร้านดีกว่า"

"จ้า เก็บกันเถอะ พ่อหนุ่มจะไม่ได้กลับดึกเหมือนวันเสาร์ดีใหม"

"ครับ" ชินพัตน์รู้ถึงความห่วงใยของยาย ให้ความรู้สึกเหมือนมีผู้ใหญ่ที่เคารพเพิ่มขึ้นอีกคน


        ขนของขึ้นรถและกลับออกมาก่อนที่ตลาดคนจะหมดซะอีก เพราะผักหมดไม่เหลืออะไรขายต่อแล้ว ตลอดทางกลับยายเล่าให้ ชินพัตน์ฟังว่ามีลูกค้ามาถามถึงหลายราย ว่าทำไมไม่มาขาย ชายหนุ่มก็เล่าให้ยายฟังเช่นกัน ว่าตอนที่ดูร้านให้ ก็มีลูกค้ามาถามว่าทำไมวันนี้ไม่ขายลูกชิ้น มาขายผักแทนแล้วเหรอ จนกลับมาถึงบ้านยายสุข ช่วยขนตะกร้าผักเก็บไว้ในโรงเก็บของหน้าบ้านยาย



"ขอบใจพ่อหนุ่มมาก ลำบากแย่เลย ทั้งมารับมาส่ง"


"ไม่หรอกครับ ผมก็มาส่งออเดอร์ของที่ร้านด้วย มาดูผลตอบรับจากลูกค้าที่ ได้ลองกินลูกชิ้นด้วย ว่าเป็นยังไง"


"ขึ้นมาบนบ้านกินข้าวกินปลาก่อนค่อยกลับนะพ่อหนุ่ม"


"ครับ"เย็นนั้นก็ฝากท้องไว้ที่บ้านสวนและขอตัวกลับ ในตอนค่ำ



            เช้าวันพุธก็เหมือนปกติ ที่ชินพัตน์รีบเตรียมรถ เพื่อไปช่วยยายเก็บผัก เช่นเคย และมีออเดอร์ส่ง เพียงออเดอร์เดียว
 และกลับมา ช่วยยายขาย ได้หมด เร็วได้กลับไปส่งยายได้ไวขึ้นด้วย



"ยาย จ๊ะ ยาย "


"ว่าไง พ่อหนุ่ม จะซื้อผักเหรอจ๊ะ วันนี้ผักหมดแล้วจ๊ะ ลองไปซื้อร้านอื่นดูนะจ๊ะ"


"เปล่าจ๊ะยาย ผมจะมาถามหาร้านลูกชิ้นที่เคยขายตรงนี้เมือวันเสาร์นะจ๊ะ ไม่มาขายเหรอ หรือหมดกลับไปแล้ว"


"ไม่ได้มาขายหรอกพ่อหนุ่ม มาอีกที่ก็วันเสาร์เลย จ้า "


"เหรอครับ มาขายแค่วันเสาร์เหรอครับ "


"จ้า "


"ขอบคุณครับ"ลูกน้องช่างรีบเดินกลับไปรายงานนายโดยไม่ฟังเสียงเรียก


"อ้าวมาพอดี  เดี่ยวก่อนพ่อหนุ่ม ไม่ทันซะแล้ว"


"มีอะไรครับยาย "


"เมื่อกี้ มีคนมาถามหา อีกแล้ว แต่ยายเรียกไม่ทัน เผื่อจะมาสั่งของเพิ่มเหมื่อนกับป้าคนเมื่อกี่นะ"


"ไม่เป็นไรครับยาย เดี่ยววันเสาร์ผมเอาของมาเผื่อไว้ก็ได้ครับ"ยิ้มรับออเดอร์ที่ได้รับเพิ่มตอนที่ช่วยยายขายผัก


"เก็บของกลับกันเถอะครับ ยายจะได้พักผ่อนเร็วๆด้วย "


"จ้า  ไปเก็บของกัน"

   

      เย็นวันนั้นก็กลับบ้านยายและฝากท้องไว้ที่นั้น ก่อนกลับก็ได้ผักสดติดไม้ติดมือกลับไปฝากคุณนายแม่ด้วย คงดีใจกับของฝาก

 และลูกชายได้กลับเร็วไม่มืดค่ำเหมือนวันอื่นๆ ตัวชินพัตน์ก็ตื่นเต้นกับออเดอร์ที่ได้รับเพิ่มมาจากการช่วยยายสุขนั่งขายผัก

ลูกค้ามาตามหา มาสั่งออเดอร์เยอะจริงๆ ต้องกลับไปสั่งออเดอร์ที่มีอยู่ในมือกับที่โรงงาน ทำให้ทันมาขาย ในวันเสาร์ที่จะถึง



"ลูกพี่ ลููกพี่ครับ "ลูกน้องรีบเดินตรงดิ่งไปยัง ออฟฟิศของผู้เป็นนาย แล้วรีบรายงาน


"ว่าไงดำ" ออกมาจากห้องด้วยอาการหงุดหงิด


"วันนี้ร้านลูกชิ้นไม่มาขายครับ ผมไปดูมาแล้วครับ" รีบรายงานเอาหน้า ว่าตนเองไปหาซื้อลูกชิ้นให้ แต่ไม่ได้ของมา


"ฉันรู้แล้วน่า"ตอบกลับลูกน้องไปอย่างเก็บอาการ


"อะ  อ้าว ลูกพี่ไปตลาดนัดมาแล้วเหรอครับ"ดำทำหน้าตาสงสัย เพราะพึ่งเห็นนายกลับเข้าออฟฟิศมาในช่วงเย็น


"......"นนทนัฐเดินหนี้ลูกน้อง


"ลูกพี่คร้าบบบบ" เรียกตามหลังอย่างสงสัย



    นนทนัฐไม่อยากอารมณ์เสียใส่ลูกน้องเพราะตนเองก็รู้แล้วว่า ร้านลูกชิ้น มาขายแค่วันเสาร์ แต่อารมณ์ที่ไม่ได้กินของที่ชอบมาตั้งแต่วันจันทร์ เริ่มทำให้หงุดหงิดมากขึ้น  รีบเดินกลับไปยังห้องพักตนเองทันที กลับไปสงบสติอารมณ์ตนเอง และเริ่มคิดได้ว่า.......



"แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรดีว่ะ?......"







                                                                 :laugh:  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-11-2014 01:10:27
น้องนัทเป็นโรคลูกชิ้นแอทดิคสินะ  :impress2:
เมื่อไหร่จะได้เจอกันซะที คลาดกันไปมา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-11-2014 03:13:44
อาการหนัก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-11-2014 06:19:31
น่ารักมาก
เรื่องนี้ลูกชิ้นเด่นกว่าพระเอกนายเอก (ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร)
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 21-11-2014 10:20:12
อ่านแล้วอยากกินลูกชิ้นบ้าง  :hao5:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 21-11-2014 13:01:08
หิวลูกชิ้นนนนนนน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเขาไม่มาขายเหรอครับ [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 21-11-2014 13:13:53
โถถถถ ไม่ได้กินลูกชิ้นอร่อยๆ แล้วหงุดหงิดจัง
รอวันเสาร์นะจ๊ะ เดี๋ยวก็ได้กิน คึคึ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 5 แล้วเราก็หากันจนเจอ?
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-11-2014 15:40:07


                                                                  ตอนที่ 5 แล้วเราก็หากันจนเจอ?



           เช้าวันเสาร์ชินพัตน์ตื่นเต้นลุกขึ้นมาเตรียมของแต่เช้า ทั้งที่เมื่อวานเย็นก็ เช็คของที่จะเตรียมไปขาย หลายรอบแล้ว

วันนี้ต้นกล้าก็กลับมาช่วยยายเก็บผักและไปขายของด้วย ต้นกล้ากลับมาจากเรียนเย็นวันศุกร์ก็รีบโทรมารายงานทันที
 
บอกว่าไม่ต้องรีบมาช่วยยายเก็บผักก็ได้มาสายๆ มารับไปตลาดนัดที่เดียวเลย แต่ชินพัตน์ก็ยังคงตื่นเช้าเช่นปกติประจำ



"แม่ ผมไปแล้วนะ วันนี้มีออเดอร์เยอะเลย"


"อย่ากลับค่ำมากนะตาชิน เข้าใจมั้ย"


"ครับผม จะรีบขายให้หมด แล้วเอาเงินกลับมาให้แม่ดูครับ "


"แม่ไม่สนเรื่องเงินทองหรอกนะ รีบกลับมาอย่าให้แม่เป็นห่วงก็พอ ทำได้ใช่มั้ย"


"ครับ พ่อผมไปนะ"


"ร่ำรวย ร่ำรวย นะเจ้าลูกชาย"


"คร้าบบบบ พ่อ"



          ชินพัตน์ขับรถไปรับยายกับต้นกล้า และตรงไปยังตลาดนัดทันทีเพื่อลุ้น ว่าตนเองจะได้ที่ตรงใหน เพราะยังไม่มีที่ประจำ
 
รีบไปหาคนดูแลตลาดทันที รอไม่นาน ได้ที่ลงขาย ก็คือที่เดิม ที่ขายตอนแรก เพราะร้านเก่า บอกว่าไม่มาขายแล้ว

 เพราะป่วย เลยให้ลงตรงล๊อคนี้ตลอด  แต่ถ้าวันใหนไม่มาต้องโทรมาบอก เพื่อให้แม่ค้าพ่อค้าใหม่ๆได้ลงขายบาง



"ได้ครับพี่ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ ที่ให้ลงตรงที่เดิม"


"ไม่เป็นไรน้อง รู้มั้ย มีแต่ลูกค้าถามหาร้านน้อง มา 2 นัดแล้ว ได้ลงที่เดิมลูกค้าจะได้มาหาเจอไง"


"ขอบคุณครับ ผมจองล๊อคนี้ไว้เป็นเดือนเลยได้มั้ยครับ "


"เอาไว้ค่อยคุยกันนะน้อง พี่ไปดูที่ให้แม่ค้าเจ้าอื่นๆก่อน"


"ครับ" ยิ้มกว้าง รีบขนของทั้งของยาย และของตนเองจัดร้านให้ทันกลับเวลาที่ลูกค้าเริ่มเดินตลาด


"พี่ชินจะจองเป็นเดือนเลยเหรอ มันเป็นเงินก้อนเลยนะ มีหมัดจำด้วยนะพี่"ต้นกล้าเป็นห่วงเพราะเป็นเงินจำนวนมาก


"ไม่เป็นไรเรื่องนั้นพี่จัดการได้ ต้น"ยิ้มให้น้องชายร้านขายผัก


"วันนี้เห็น ยายบอกพี่ชินมีลูกค้าสั่งออเดอร์ไว้เยอะเลยเหรอพี่"


"ใช่ พี่เตรียมมาสำหรับออเดอร์แล้วหละ"


"วันนี้ต้องขายดีและหมดเร็วแน่เลยพี่ชิน ลูกค้าถามหาเยอะแบบนี้"


"ใช่ วันนี้เรามาดูกัน ว่าจะหมดตอนกี่โมงดีมั้ย"


"เอางั้นเลยเหรอพี่ แล้วผักยายต้น จะขายได้มั้ยเนี้ย"ต้นกล้าแซว


"ไม่หมดเดี่ยวพี่เหมาเอง แล้วก็ ขายลูกชิ้นแถมผักสดเป็นไง ดีมั้ย ฮ่าๆๆๆ" ชินพัตน์แก้กลับพร้อมหัวเราะล้า


"งั้น ต้นก็ไม่ยอม ผักยายต้องขายหมดก่อน ขายหมดแล้วต้นจะไปช่วยพี่ชินขายนะ อิอิ"


"โฮ...ต้น  ทิ้งพี่ให้โดดเดียว..."


"ฮ่าฮ่าฮ่า  ล้อเล้นน่าพี่ชิน..."



           จัดร้านผักสดกับร้านลูกชิ้นเสร็จ  ชินพัตน์ก็ว่าจะเตรียม ปิ้งไว้สัก 10 ไม้ 20 ไม้ แยกเป็นแบบลูกเล็ก ลูกกลาง
 
และก็ลูกใหญ่ๆ หมูล้วนๆ ทั้งนั้น ไม้ละ10 บาทไม่แพงน้ำจิ้มก็สูตรเด็ดจากคุณนายแม่  ตั้งแต่สมัยสาวๆเลยที่เดียว

 ชินพัตน์จะเริ่มเปิดเตาแต่รู้สึก อยากเข้าห้องน้ำ เลยฝากต้นปิ้งรอตนเองไปก่อน เพื่อลูกค้ามาจะได้มีพร้อมขายได้ตลอด



"ห้องน้ำไปทางใหนเหรอต้น"


"เดินตรงไปนะพี่ เห็นต้นไม้สูงตรงนั้นมั้ย นั้นและ มีห้องน้ำหยอดเหรียญอยู่พี่ 3 บาท"


"โอเค พี่ฝากร้านแปบนะ ลูกค้ามาก็ขายไปก่อนเลย อ่ะนี้กระเป๋าเงิน เอาไว้ทอน"ชินพัตน์ยื่นกระเป๋าสะพานส่งให้


"เออ..แต่ว่า..."


"ไม่มีแต่ ฝากไว้ เอาไว้ทอน ตกลงนะต้น อย่าคิดมาก พี่ยังไม่คิดมากเลย"


"ครับพี่ชิน"ยิ้มรับกับความเชื่อใจของคนตรงหน้า"



      ชินพัตน์เดินไปไม่ไกล ก็มีลูกค้าเจ้าแรกเข้ามา ทักทายและท้้งบ่นทั้งชม จนต้นกล้าเองได้แต่ยืนยิ้มรับฟัง
และขายได้ทั้งลูกชิ้นและผักสดของยายตนเอง



"ต้น ขายลูกชิ้นแล้วเหรอ "


"เปล่าครับ ช่วยพี่เขาปิ้ง พี่เจ้าของร้านไปเข้าห้องน้ำครับ"


"พูดถึงพ่อหนุ่มเจ้าของร้าน ป้ามาถามกับยายเรา 2 นัดแล้ว ว่าไม่เห็นมาขาย ลูกๆป้าชอบมาก
 บอกว่าอร่อย ให้มาซื้อให้ได้ กลับไปมือเปล่ามา 2ครั้งแล้วนะ"


"ขอโทษแทนพี่เขาด้วย พี่เขายังมือใหม่ มาขายได้แค่วันเสาร์นะจ๊ะป้า"


"อ้าวเหรอ ไม่เป็นไร จะได้รู้ว่ามาขายแค่วันเสาร์ งั้นวันนี้ เอา 10ไม้ นะต้น"


"ครับป้า แถมให้ 1ไม้ครับ เดี๋ยวผมปิ้งใหม่ใหม่ๆร้อนๆเลยครับ แยกน้ำจิ๋ม หรือราดไปเลยครับป้า"


"แยกดีกว่า ลูกป้าบอกน้ำจิ้มก็อร่อย ถ้าเหลือเอาไว้จิ้มอย่างอื่นได้"


"ครับป้า รอสักครู่นะครับ"


"ทั้งหมด 100 บาทแถม 1ไม้ครับ ขอบคุณครับป้าเสาร์หน้ามาอีกนะครับ"


"จ้า เดี่ยวซื้อผักยายก่อน "


"เลือกเลยครับ เดี่ยวผมแถมให้อีก ป้า"


"ขายของเก่งจริงๆเลย นะต้น" ป้าคนเดิมชม


"ขอบคุณครับป้า ผมแถมให้จริงๆ"



       คุณป้าซื้อก็ยังยืนคุยกับยาย และแม่ค้าร้านอื่นไปเรื่อย เป็นลูกค้าประจำทักทายเกือบจะทุกร้าน ซื้อทุกร้านจริงๆ
 
คุณป้าเดินพ้นล๊อคไปก็มีกลุ่มคนงานก่อสร้าง 5-6คนเดินตรงมาที่ร้านลูกชิ้น ต้นกล้าเลยรีบไปขายเพราะชินพัตน์ยังไม่กลับมา



"รับอะไรดีครับ ลูกชิ้นหมูล้วนๆครับ ไม้ละ 10บาทครับ ปิ้งใหม่ๆร้อนๆเลยครับ"


"น้อง ทำไม 2นัดไม่มาขายอ่ะ พวกพี่เดือดร้อนรู้มั้ย ไอ้น้อง" ลูกค้ากลุ่มใหม่ เข้ามาถามชวนหาเรื่อง


"เออ พี่ผมมาขายแค่ วันเสาร์ครับ "


"พวกพี่โดนลูกพี่ด่าเลยรู้ป่ะ มาหาซื้อไปให้ไม่ได้นะ  วันนี้ต้องแถมเยอะๆเลยนะไอ้น้อง"


"แล้วพวกพี่จะซื้อกี่ไม่ครับ"



    ในขณะเดี่ยวกัน ชินพัตน์เดินกลับมาจากห้องน้ำ ว่าจะแวะซื้อขนมครกไปฝากต้นกับยาย แต่เมื่อชะเง้อมองมาที่ร้าน เห็นมีลูกค้ามุ่งเยอะเลยเปลี่ยนใจรีบเดินกลับมาที่ร้านทันที



"รับกี่ไม่ได้ครับ"


"น้องใช่มั้ยเจ้าของร้าน ซื้อหนนี้ต้องแถมเยอะๆนะ พวกพี่เดินมาหา ซื้อ หลายหนแล้วไม่ได้กิน แถมโดนลูกพี่ด่าอีก"


"ครับ ครับ พี่จะรับกี่ไม้ครับ เดี่ยวผมแถมให้แน่นอนครับ" ยิ้มรับ


"10 ไม้ แล้วมีที่แบบเป็นโลมาหรือเปล่าล่ะวันนี้"


"มีครับมี"


"งั้นเอา2 โลเลย แถมด้วยนะ"


"ได้ครับๆ"



           ชินพัตน์หันไปจัดลูกชิ้น ในตู้แช่ที่อัดแน่ไปด้วยลูกชิ้นและน้ำแข็งเพื่อรักษาความสดของลูกชิ้น

ก้มหาลูกชิ้นถุงละโลออกมาตามออเดอร์ ส่วนต้นกล้าก็ปิ้งเป็นมือระวิ้ง เพราะกลัวจะไม่ทันใจลูกค้ากลุ่มนี้



"ได้แล้วครับ ลูกชิ้น 2 กิโล แบบปิ้งใหม่ร้อนๆ 10 แล้วนี้ครับผมแถมให้ อีก 5ไม้ครับ ทั้งหมด 300 บาทครับ"


"โอเคเลยน้อง  ไว้จะมาซื้อใหม่  แต่น้องมาแค่วันเสาร์ใช่มั้ยพี่จะได้มาซื้อถูกวัน"


"ครับ แถมผักให้อีกครับ หยิบเพิ่มได้เลย"

   

               กลุ่มคนงานหยิบผักจากตะกร้าผักแตงกวาที่หันเป็นชิ้นพอคำ กระหล่ำปลีที่หันไว้เต็มตะกร้า ไปตามจำนวนที่พอใจแล้วก็เดินออกจากร้านไป



"พี่ชินทำไมพี่แถมไปเยอะแบบนั้นล่ะ เดี๋ยวก็ขาดทุนหรอก"


"ไม่เป็นไรลูกค้ากำลังร้อนมา เราก็ความตามน้ำไปก่อนนะต้น พี่เชื่อว่าพวกเขาต้องมาซื้ออีกแน่ "


"แล้วครั้งต่อไปพวกนั้นขอแถมเยอะๆอีกหละพี่"


"ไม่เป็นไร น่าครั้งต่อไปให้พวกเขามาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที่เนอะ"



        กลุ่มคนงานจับจ่ายข้าวของในตลาดกันอย่างเพลิดเพลิน เพราะเงินเดือนออก ซื้อได้ครบก็จับกลุ่มเดินกลับ

ไปยังแคมป์ก่อสร้าง ขนาดใหญ่ ที่มีกำแพงสังกะสีกันล้อมรอบบริเวณ ส่วนที่เป็นห้องพักของกลุ่มคนงาน



"เฮ้ย!!! กูลืมเลยว่ะ"


"ลืมซื้ออะไรอีกหละ กูไม่เดินกลับไปด้วยแล้วนะเว้ย ดูซื้อหนังมากูจะรีบกลับไปดูหนัง"


"ไม่ได้ลืมซื้อของ แต่กูลืมไปว่าลูกพี่เข้ากรุงเทพ ยังไม่กลับเลยนะสิ"


"เออใช่ แล้วมึงก็ซื้อ ลูกชิ้นมาซะเยอะเลย กะจะเอาหน้าเต็มๆ ประจบลูกพี่เป็นไง นายไม่อยู่ ฮ่าๆๆ"


"แล้วกูจะเอาไปไว้ที่ใหนว่ะ ถ้านายไม่กลับ เซ้งเลยกู 300 บาท บินหาย"


"มึงก็เอามากิน ทำกับแกล้มสิว่ะ"


"มึงบ้าหรือเปล่า ซื้อมาให้นาย แล้วจะเอาของนายมากิน มึงบ้าเปล่าว่ะ"


"แล้วมึงจะทำไง "


"กูคงต้องรีบเอาไปฝากแช่ที่ตู้ในออฟฟิศลูกพี่ก่อน เพื่อลูกพี่แกกลับมา จะได้เห็นว่ากูตั้งใจซื้อให้ "


"เออ มึงก็หวัง ประจบลูกพี่อยู่ดีหละหว่า งั้นมึงก็เอา 5ไม้ที่แถม มากินดิ กูว่ามันก็อร่อยดีเหมือนกันว่ะ"


"เออๆ เอาไป อย่าพึ่งกินหมด เดี่ยวกูวิ่งไปออฟฟิศก่อน"



       เกือบ 2 ทุ่ม นนทนัฐขับรถเข้ามาภายในเขตก่อสร้าง เข้าไปจอดที่หน้าออฟฟิศ เพราะยังเห็นไฟยังเปิดอยู่ ยังมีช่างนั่งเช็คงานอยู่ อีก2คน เลยเดินเข้าไปคุยงานต่อ หลังจากไปประชุมมาทั้งวัน



"กลับมาพอดี คนงานเอาของมาฝากให้คุณนะ อยู่ในตู้เย็นครับ"


"ของฝาก? "นนทนัฐเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพราะยากจะดื่มน้ำเย็นๆอยู่เหมือนกัน


"ลูกชิ้น นี้มัน!!!"นนทนัฐรีบหันมาถามเสียงดัง


"ใครเป็นคนเอามาให้เหรอครับ"


"คนงานในแคมป์คุณนั้นแหละ สงสัยซื้อมาจากตลาดนัดให้มั้งครับ ทำไม่คุณไม่ชอบเหรอครับ"


"เปล่าครับ "นนทนัฐรีบไปที่วิ่งไปที่ตลาดทันที่ลืมความเหนื่อยล้าจากการประชุม


   
                    คนงานเห็นลูกพี่รีบวิ่งไปยังตลาดเลยรีบวิ่งไปดักไว้หวังประจบถามว่าได้กินลูกชิ้นที่ตนเองฃื้อให้หรือยัง



"ลูกพี่ครับ จะรีบไปใหนครับ ลูกพี่ได้กินลูกชิ้นที่ผมซื้อฝากไว้ในออฟฟิศหรือยัง"


"ยัง!!!"ตอบเสียงติดหงุดหงิด


"อาว ทำไม่หรือครับ  อ้อ หรือเพราะมันไม่ร้อน เดี่ยวผมไป อุ่นให้ใหม่ก็ได้นะครับลูกพี่"


"เออ จะทำอะไรก็ไปทำเหอะ" นนทนัฐ รีบเดินออกจากตรงนั้นทันที่ไม่สนใจลูกน้องแล้วตรงดิ่งไปยังตลาดนัด



          เวลา 2 ทุ่มกว่า ภานในตลาด คนเริ่มบางตา แม่ค้าเริ่มเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับ พ่อค้าบางคนก็ตั้งวงกินเหล้า

 เพราะว่าวันนี้ขายดี นั้งจับกลุ่มกินกันกับพ่อค้าร้านข้างๆ คุยกันเสียงดัง  นนทนัฐมองไปยัง ซอยย่อยๆแบ่งเป็น ทางเดิน

และล๊อคขายของ เดินตรงไปยังร้านที่ตนเองต้องการจะไปซื้ออย่างรวดเร็ว



"คุณ ๆ ลูกชิ้นหมดหรือยัง" เสียงนนทนัฐพูดออกมาป่นเสียงหอบเพราะกึงวิ่งกึ่งเดิน


"พี่ชิน พี่ชิน"ต้นกล้าที่กำลังเก็บตะกร้าผักอยู่กับยายตะโกนเรียกชินพัตน์


"ว่าไง ต้น "ชินพัตน์หันตามเสียงเรียก


"ลูกค้ามาถามหาลูกชิ้นอีกแล้วอ่ะ พี่ "มองไปยังบุคคลตรงหน้าที่ยังมีอาการหายใจหอบเหนื่อยอยู่เลย


"มาซื้อลูกซิ้นเหรอครับ ต้องขอโทษนะครับ หมดไปเมื่อแล้วกี่ครับ ไว้เสาร์หน้ามาใหม่นะครับ"ชินนพัตน์ยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้


"ลูกชิ้นหมดจริงๆหรือคุณ"นนทนัฐถามย้ำอย่างแปลกใจขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ


"ครับ ต้องขอโทษด้วยครับ"ยิ้ม และก้มหัวขอโทษเล็กน้อย


"คุณไม่ได้สั่งออเดอร์ไว้ใช่มั้ยครับ เพราะผมเช็คดูแล้ว ลูกชิ้นที่ผมเตรียมมา สำหรับออเดอร์ก็มีลูกค้ามารับไปครบทุกราย
 แล้ว ส่วนที่ผมเอามาเผื่อก็มีลูกค้ามาขอซื้อไป จนหมดแล้ว เมื่อ 10 นาที่ที่ผ่านมานี้เองครับ ต้องขอโทษจริงๆครับ"


"แล้วคุณจะมาอีกวันเสาร์ใช่มั้ย"


"ครับ"ตอบรับด้วยเสียงการค้า


"นี้เงิน"นนทนัฐล้วงเงินในกระเป๋าออกมาเป็นแบงค์ 1000 ส่งให้ชินพัตน์


"เงินค่าอะไรครับ"ชินพัตน์งงกับเงินที่วางไว้ตรงหน้า


"ผมสั่งหมดนี้ วันเสาร์หน้าผมจะมารับ โอเคนะ" แลัวนนทนัฐก็เดินหันหลังออกไปอย่างรวดเร็ว


"เดี่ยวคุณ!! คุณ!!! คุณคนซื้อลูกชิ้น!!!" ชินพัตน์พยายามเดินตามผสมวิ่งก็ไม่ทันคนตรงหน้าเรียกเท่าไรก็ไม่หัน



   ชินพัตน์แค่ต้องการเอาเงินคืนเพราะไม่ต้องการรับเงินมาก่อน คิดแล้วทั้งงงกับคนที่อยู่ตรงหน้าจริง วิ่งตามมาเกือบถึง
เขตก่อสร้าง นนทนัฐก็ยอมหยุดและหันมาตามเสียงเรียก "คุณคนซื้อลูกชิ้น"


"แฮก แฮก... คุณ...ผม...แฮก...ผมไม่รับเงินก่อน..ละ..แล้ว  คุณก็ยังไม่บอกจำนวนว่าต้องการเท่าไรด้วยครับ"
ชินพัตน์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพราะวิ่งตามหมายจะเอาเงินคืน


"ผมบอกว่า หมด 1000 บาท นั้นไงครับ เอาเงินไว้กับคุณนั้นและ แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาเขตก่อสร้างมันอัตราย"
แล้วนนทนัฐก็รีบเดินหายเข้าไปภายในเขตแคมป์ก่อสร้างโดยไม่ฟังเสียงเรียก


"นี้คุณ!!! คุณ!!! ...........ก็น่าจะบอกชื่อสิ ว่าใครสั่ง  อะไรของเขานะ" ชินพัตน์งงกับคนที่เดินหายไป

 

      ชินพัตน์เดินกลับมายังร้านของตนเองและเก็บข้าวของ และของยายต้นกล้าขึ้นรถด้วย ระหว่างขับกลับต้นกล้าถามว่าหายไปใหนชินพัตน์ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เสาร์หน้าต้องเตรียมของมาเพิ่มสำหรับออเดอร์ลูกค้าประเภทนี้ด้วย เขายังคงงงไม่หาย
     
        ส่งยายกับต้นกล้ากลับถึงบ้านก็ขอตัวกลับบ้านเลย เพราะวันนี้ขายของหมดเร็วและเจอลูกค้าหลากหลายประเภทจริงๆวันนี้
ชินพัตน์อยากกลับบ้านไปเล่าเรื่องต่างให้คนที่บ้านฟัง





                                                                     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:


                                                                      :pig4:   ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ   :L2:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเราก็หากันจนเจอ? [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-11-2014 17:14:03
เป็นล่ำเป็นสัน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเราก็หากันจนเจอ? [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 21-11-2014 19:03:32
โอ๊ยยย น่าสงสาร ไม่ได้กินอย่างที่ตั้งใจซะที
เอาน่าๆ อย่างน้อยมีที่ลูกน้องซื้อไว้แล้วนิหน่า
กินแค่นั้น แก้ขัดไปก่อนล่ะกันนะคุณลูกชิ้น เอ๊ย คุณนัท
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเราก็หากันจนเจอ? [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-11-2014 19:57:54
เมื่อไหร่จะจีบกันล่ะนี่ ชิน-ต้น ยังคืบหน้ากว่าเลย
อ่านแล้วหิวลูกชิ้น
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน แล้วเราก็หากันจนเจอ? [21-11-14 ] [1]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 21-11-2014 20:16:20
เจอกันแล้ว ถ้าจะชอบมาก
เราก็ชอบลูกชิ้นเหมือนกัน ^__________^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 6 ทำไมไม่มา....?
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-11-2014 20:44:56


                                                                        ตอนที่ 6  ทำไมไม่มา....?

   
            นนทนัฐ กลับเข้ามาภายในบ้านพัก ในเขตก่อนสร้างตึกขนาดใหญ่ ตรงไปยัง ห้องพักของตนเอง แล้วก็เจอกับลูกน้อง คนเดิมยืนรอพร้อมกับลูกชิ้นในมือ มองดูก็รู้ทันที่ว่าคงนำไปอุ่นใหม่แน่นอน


"นาย เดินหายไปใหนมาครับ ผมทอดลูกชิ้นให้ใหม่แล้วครับ จะได้กินตอนร้อนๆ" นนทนัฐมองดูความหงุดหงินเริ่มกลับมาอีกครั้ง

"ดำ นาย เอาลูกชิ้นปิ้งไปทอด ใหม่เหรอเจ้าบ้า!!!" แย่งจานลูกชิ้น จากที่เสียบไม่อยู่ก็กลายไปอยู่ในจาน

"ก็ผมว่ากินตอนร้อนๆมันอร่อย เพราะผมเก็บไว้ตู้เย็น กว่าลูกพี่จะกลับ มันเย็นชืดมากแล้วครับ"

"เออ ๆ ขอบใจแล้วกัน ซื้อไปเท่าไหรหละ เอานี้เอาเงินไปแล้วก็ไปพักได้แล้วไป" นนทนัฐส่งแบงค์ 500 ให้ลูกน้อง

"ครับ ลูกพี่กินให้อร่อยนะครับ ผมเห็นลูกพี่ชอบ"ยิ้มประจบรีบรับเงิน และเดินกลับห้องพักไป


  นนทนัฐนั่งกินลูกชิ้นที่ถูกเอาไปทอดใหม่ ลดชาติแปลกไป ยังคงมีกลิ่นของการผ่านการปิ้ง ความอร่อยไม่ได้ลดลง
จนทำให้นนทนัฐคิดไปถึงหน้าคนที่เป็นเจ้าของ ตอนที่เขาสั่งไปแบบนั้นแบบไม่มีปี่มีขลุย หน้าตาดูเอ๋อไปเลย ตกใจหรือดีใจ
กันแน่นะ หน้าตาแบบนั้น  ความคิดนั้น ทำให้นนทนัฐเผลอยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว


"ขายดีหมดเกือบไม่ทันเจอ.....เจอเหรอ?..ไม่ทันซื้อลูกชิ้นต่างหาก" นนทนัฐพูดกับตนเองและก็ยังไม่เข้าใจตนเอง

"แต่ก็ได้กินแล้วนี้  "ยกช้อนซ้อมที่จิ้มลูกชิ้นขึ้นมามอง และเอาเข้าปากคี้ยวอย่างอร่อยกลายเป็นมื้อเย็นโดยปริยาย

"ให้เงินไป 1000 แล้วจะได้มากี่โลว่ะ สั่งไปได้ยังไงว่ะเรา" นนทนัฐส่ายหัวไปมากับความคิดของตนเอง

     
                 เช้ามาเป็นวันหยุดของที่แคมป์ก่อนสร้างให้หยุด1วัน หลังเงินเดือนออก คนงานต่างแต่งตัวออกไปเที่ยว บางก็นั่งจับกลุ่มเล่นหมากลุกเล่นตะกร้อกันหน้าลาน บ้านพัก เช่นเดียวกับ นนทนัฐไปประชุมเมื่อวานทำให้อยากพักมาก แต่แทนที่เขาไม่ต้องกลับมาที่ทำงานก็ได้เขาสามารถกลับบ้านในกรุงเทพได้เลย แต่บางสิ่งทำให้เขาต้องกลับมา และตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งมองคนงานที่เล่นตะกร้อไปอย่างนั้น


"ลูกพี่ครับ ไม่กลับกรุงเทพเหรอครับวันนี้"

"ถ้ากลับ ฉันจะมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอว่ะ"

"ครับ ลูกพี่ลูกชิ้นอร่อยมากเลยนะครับ เมื่อวานได้แถม มาอีกตั้ง 5ไม้ พวกผมเลยหวานปาก"

"ดำ เมื่อวานนายซื้อเท่าไหร่ เขาถึงแถม ตั้ง 5ไม้"

"ซื้อแบบปิ้ง 10ไม้ครับ ซื้อเป็นกิโลมา 2โลครับ ผมเลยแบ่งส่วนที่แถมมากินกันครับลูกพี่"ตอบแบบกลัวโดนว่า

"แถมแบบนั้น คงจะรวยมากสินะ แถมไปเยอะแบบนั้น"นนทนัฐพูดพึมพำคนเดียว แต่เหมือนต่อว่าใครสักคน

"ลูกพี่ครับ จริงๆแล้ว ซื้อ 10ไม้ แถม 1 อยู่แล้วครับ แต่ไอ้ดำดันไปพูดขู่เจ้าของร้านนะสิครับ"ลูกน้องที่เดินเขามาคุยด้วยอีกคนฟ้องทันที

"นายไปขู่อะไรเขา ดำ!!!"นนทนัฐทำเสียงดุ

"ผมเปล่าผมก็แค่บอกว่า ตามหาทุกวันที่มีตลาดนัดเลยก็เท่านั้นเองครับ ไอ้หินมันก็พูดเกินไป"รีบแก้ตัว

"ไปขู่เขาแบบนั้น เดี๋ยวเขาก็ไม่มาขายหรอก ยิ่งหาลูกชิ้นอร่อยกินยากอยู่" แล้วก็เดินหนี้ลูกน้องไปทางประตูทางออกบ้านพัก



           นนทนัฐทำงานมาตลอดอาทิตย์คุ้มลูกน้องคนงาน ต้องเช็คงานตามสิ่งปลูกสร้างที่เขาเดิน ถือแปลนกับนักออกแบบ ตรวจความคืบหน้า ตากแดด ไอความร้อนอาจทำให้บางคนเป็นลมได้ แต่กับพวกที่ทำงานมาจนชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วเป็นเรื่องธรรมดามาก
       
            นนทนัฐทำงานอย่างตั้งใจ จนครอบครัวต้องคอยโทรมาถามตั้งตลอดว่า ทำได้ใหม ถ้าเหนื่อยก็กลับมาบ้านดีกว่า แต่ตัวนนทนัฐยังคงสนุกกับการทำงานและการได้ใช้ชีวิต ตามลำพัง ไม่มีครอบครัวมาค่อยเกื้อหนุนเหมือนสมัยเรียนแม้กระทั้งตอนฝึกงาน  ตอนนี้มีบางสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มสนุกมากขึ้นไปอีก ได้เจอสิ่งที่เขาชอบมากๆ นั้นคือ ลูกชิ้นที่แสนอร่อย มาขายอยู่ใกล้ๆ ที่เขาทำงานถึงแม้จะมาขายแค่ วันเสาร์วันเดียว เขาก็มีความสุขที่จะรอ เพราะไม่ต้องไปสรรหาที่ใหนอีกแล้ว บวกกับงานที่ทำ ต้องรับผิดชอบมากขึ้นเรื่องเวลาที่จะไปเสาะหาลูกชิ้นอร่อย เหมือนสมัยเรียน คงเป็นไปได้อยาก ทุกวันนี้เลิกงานเข้าห้องพัก เพียงแค่ได้กินลูกชิ้นที่ ซื้อมาเก็บตุนไว้ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขและคล้ายเหนื่อยไปได้บาง รอค่อยเมื่อไรจะถึงวันเสาร์ตื่นเต้นกับเรื่องเล็กๆเพียงแค่วันที่มีลูกชิ้นอร่อยๆมาขายเท่านั้น....เองเหรอ?



            เช้าวันเสาร์ ชินพัตน์เตรียมตัวเร็วเป็นปกติ เขาได้เตรียมลูกชิ้นไปเพิ่มมากกว่าอาทิตย์ที่แล้วอีก ออเดอร์เฉพาะกิจนั้นก็ด้วยตรวจดูของหลังรถกระบะคู่ใจ เขาไปบอกพ่อแม่ว่าจะเดินทางแล้ว ไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะพ่อกับแม่คุยงานกับ นพคุณอยู่
เลยรีบขับรถตรงไป ยังบ้านของต้นกล้าและยาย เพื่อช่วยเก็บผักและขนของมาตลาด แต่กว่าจะจัดของหลังรถก็ใช่เวลามาก
 เพราะทั้งลังโพมที่เพิ่มจำนวนลูกชิ้นที่เยอะขึ้นแล้ว ยังรวมไปถึงผักต่างๆที่ยายและต้นกล้าเก็บมาขาย มีปริมาณที่เยอะมากขึ้น
 เพราะความเอาใจใส่ค่อยให้ปุ๋ยรดน้ำของต้นกล้า นั้นเอง


"วันนี้ของเยอะเต็มหลังรถเลยพี่ชิน นึกว่าจะเอาไปไม่หมดซะแล้ว"ต้นกล้าส่งยิ้มให้พี่ชายที่พึ่งรู้จักกันไม่นานแต่สนิทเหมือนพี่จริงๆ

"ต้องไปหมดสิ แล้ววันนี้ตั้งขายหมดทุกอย่างด้วยนะ "ชินนะพัตน์ส่งยิ้มกลับให้ต้นกล้า

" เด็กๆมากินข้าวเที่ยงกันก่อน แล้วค่อยจัดของต่อ"ยายส่งเสียงเรียกมาจากบนบ้าน
 

"ยายครับ วันนี้กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย"

"ของชอบเจ้าต้น แต่ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มจะถูกปากหรือเปล่า กับข้าวพื้นๆ"

"ดูแล้วน่าทานมากครับ งั้นไม่เกรงใจแล้วนะครับ" ทานมื้อเที่ยงกันอย่างอร่อย

"ต้มจืดตำลึงนี้ของโปรดของต้นเลยพี่ชิน ต้องลอง ฝีมือยายอร่อยที่สุดในโลกแล้ว"ชวนชินพัตน์และเลือนถ้วยต้นจืดให้ชินพัตน์ได้ลองชิม

"พี่ได้ลองชิมแล้วตั้งแต่มาวันแรก ติดใจเหมือนกัน อร่อย แม่พี่ยังสู้ไม่ได้เลย"

"เอาๆ รีบกินเดี่ยวติดคอ ต้นก็อย่าชวนพี่เขาคุย กินกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน"เสียงยายปรามทั้งคู่


         เมื่อกินข้าวที่เสร็จก็กินขนมใส่ใส้ที่ยายกับต้นกล้าช่วยกันทำ สุกพอดี ทำไว้รอชินพัตน์เป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง ทำเผื่อคนที่บ้านชินพัตน์ด้วย เตรียมไว้ใส่ถุงเตรียมไว้เป็นหลายชุด จนชินพัตน์นึกเกรงใจที่ ทั้งยายและต้นทำไว่เยอะขนาดนี้


"ทำเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ นั่งทำกันตั้งแต่กี่โมงครับเนี้ย ลำบากแย่เลย"

"ไม่เป็นไรหรอกพี่ชิน ต้นกับยายก็ไม่มีเงินทองอะไรจะให้พี่มีแต่ขนมอร่อยๆนี้เท่านั้นแหละพี่"ต้นกล้าจัดใส่ถุงส่งยิ้มขอบคุณให้กับชินพัตน์

"ครับ  คนที่บ้านพี่ชอบกินขนมไทยมากเลย โดยเพราะพ่อกับแม่ พี่ใหญ่นี้ชอบมาก แต่เสียดาย น้องสาวพี่ ไปเรียนพิเศษอยู่กรุงเทพ ไม่ได้กินขนมอร่อยๆแบบนี้"พูดเสร็จก็ทำหน้าตาคิดถึงน้องสาวตนเอง

"เอาไว้ น้องสาวกลับมาเมื่อไรก็บอกยาย เดี่ยวยายทำไปให้กินกันทุกคนเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ พ่อหมุ่ม"

"ขอบคุณครับ ยาย"ชินพัตน์รีบยกมือไหว้


            ขับรถมาถึงบริเวณตลาดนัด แม่ค้ายังบางตา เพราะชินพัตน์มาเร็วกว่าปกติ รีบจัดของทั้งร้านตนเอง และก็ช่วยจัดผัก ที่มีมาเยอะมากจริงๆวันนี้สดๆ ปลอดสารพิษ  ต้องมีลูกค้าเลือก ซื้อเยอะมากแน่ๆวันนี้ เช่นเดียวกับลูกชิ้นของชินพัตน์ก็สดใหม่วันต่อวัน เพราะออกมาจากโรงงานตัวชินพัตน์ก็เป็นคนช่วยคนงานแพ็คเป็นถุง ถุงละกิโล ด้วยตนเอง ถึงกล้าการันตรีว่าวันนี้ ของที่อยู่ในลัง และตู้แช่มีแต่ของสดใหม่ แน่นอน

 

"ลูกชิ้นหมูล้วนๆเลยครับ ผักสดๆทางนี้เลยครับ"ทั้งชินพัตน์และต้นกล้าต่างกันช่วยเรียกลูกค้า

"วันนี้รับเท่าไหร่ดีครับ"

"เหมือนเดิมจ้า แต่วันนี้ขอน้ำจิ้มเยอะหน่อย ลูกพี่ชอบ"

"ได้ครับ ลูกค้าประจำเดี๋ยวผมแถมให้อีกครับ"

"ขอบใจจ้า"


     ลูกค้าทั้งประจำ และขาจรแวะเวียนมาซื้อทั้งลูกชิ้นและผักสด อย่างไม่ขาดสาย ทั้งชินพัตน์และต้นกล้า แถบจะไม่ได้นั่ง เพราะลูกค้าเข้าร้านตลอดยายก็จะช่วยขาย แต่ต้นกล้าให้ยายนั่งพัก และรับหน้าที่ขายเองในวันนี้ เพราะยายก็ขายคนเดี่ยวมา 2นัดแล้ว ต้นกล้าก็อยากจะขายเองทั้งวัน ยังไม่ถึง 6 โมงเย็น ทั้งผักและ ลูกชิ้น ที่ปิ้งแถบไม่ทัน จนลูกค้าขอซื้อเป็นโลไปทอดกินเองเพราะ รอไม่ไวคิวเยอะมากจริงๆ บางคนก็เดินวนมาหลายรอบกว่าจะได้ลูกชิ้นปิ้ง ร้อนๆจากเตา ลูกค้าขาจรบางร้าน ยังไม่เคยกิน ซื้อแค่ 4ไม้ และเดินกินเล่นไปตอนเดินตลาดซื้อของอย่างอื่น เห็นว่าอร่อยติดใจเดินกลับมาซื้อลูกชิ้นสำหรับไว้มาปิ้งขาย หมดไปแล้ว เหลือเพียง ออเดอร์ อีก 3 รายที่นัดมารับช่วงเย็น มีลูกค้าผิดหวังไม่ได้ กินก็หลายคน



"พี่ชินวันนี้ขายดีมากๆเลย ทั้งลูกชิ้นและผัก ยังไม่ 6โมงเย็นเลย ของหมดไม่มีขายแล้วอ่ะ"

"นั้น สิ หรือเพราะว่าพี่เตรียมของมาน้อย ก็ไม่น้อยนะ " ชินพัตน์ทำท่าคิดว่าตนเองคำนวนปริมาณมาผิดหรือเปล่า

"พี่ชิน แล้วถุงใหญ่ถุงนี้หละ" ต้นกล้าก้มลงไปดูในลังโฟม ที่ภายในยังมีถุงลูกชิ้นอักแน่น

"อ้อ... อันนี้ ก็ของลูกค้าที่ไม่บอกชื่อ ที่อยู่ตรงแคมป์โน่นน่ะ ที่ให้เงินมาก่อนด้วย เลยเอาออกมาปิ้งขายไม่ได้เลยในกล่องนี้นะ"

"แต่มันเยอะมากเลยอ่ะพี่ชิน เขาสั่งเอาไปจัดเลี้ยงที่ใหนหรือเปล่าพี่"

"พี่ก็ไม่แน่ใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะมารับเองหรือเปล่า พี่ต้องไปส่งเองแล้วมั้ง เพราะลูกชิ้นก็หมด ผักก็เกลี้ยงแบบนี้ มานั่งรอคงไม่ไหว"

"นั้นสิพี่ งั้นต้นไปส่งให้ก็ได้นะ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ต้น พี่ฝากดูร้าน ไม่สิ ต้องบอกว่าฝากเก็บร้านเลยเพราะไม่มีอะไรจะขายแล้ว"

"ได้พี่ เดี่ยวต้นช่วยเก็บให้"

"ขอบใจนะ พี่จะรีบไปรีบกลับมาช่วยเก็บ"


   ชินพัตน์รีบอุ้มกล่องโพมขนาดพอโอบหนักทั้งลูกชิ้นบวกกับน้ำแข็งที่อัดแน่น หนักพอดู เดินไปยังไม่พ้นล๊อคขายของสด
 แม่ค้าตะโกนถามตลอดทางว่า ตัวชินพัตน์จะไปใหน ได้แต่ตอบไปว่าไปส่งของ  แต่ก็ต้องหยุดพักตรงร้านขายน้ำหน้าตลาด
เพราะหนักมากจริง ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ แม่ค้าขายน้ำขวดเลยให้ยืม รถเข็นลังน้ำขวด มาเข็นเจ้าลังโฟมแสนหนักนี้ไปแทน
ก็ทุ่นแรงไปได้เยอะ ระหว่างทาง เจอกับกลุ่มคนงาน ที่ทยอยเดินออกมาจากเขตก่อสร้าง ที่มีประตูเปิด ปิด กั้นเขตชัดเจน


"อาว  ใช่น้องที่ขายลูกชิ้นปิ้งใช่หรือเปล่า จะเข็นของไปใหนละเนี้ย"

"ครับ จะไปส่งของ ข้างในครับ"

"ส่งลูกชิ้นเหรอ ใครสั่ง หรือว่าลูกพี่ว่ะ"ตอนแรกถามชินพัตน์แต่ก็หันไปถามเพื่อนๆที่เดินมาด้วยกัน

"ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่ได้บอกชื่อไว้ แล้วผมก็กำลังจะกลับแล้ว เลยว่าจะมาส่งที่นี้ครับ"

"จะกลับแล้ว ทำไมหละ รีบกลับไปใหน ว่าจะไปซื้อลูกชิ้นมาเป็นกับแกล้มสักหน่อย"

"ขอโทษด้วยครับ วันนี้ลูกชิ้นขายหมดแล้วครับ เหลือแต่ที่อยู่ ในกล่องนี้แหละครับ"

"โฮ วันนี้ขายดี หมดแต่วันเลย แล้วใครหละที่สั่งเนี้ย" ก้มลงเปิดกล่องโพมดูของข้างใน

"ผมก็ไม่รู้ ว่าจะไปส่งตรงใหนเหมือนกันครับ ชื่อก็ไม่รู้ ทำงานอะไรอยู่ในนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่เขาจ่ายเงินมาแล้วผมก็ต้องส่งให้ได้อ่ะครับ"

"จ่ายเงินแล้วด้วย งั้นน้องไปรอที่ป้อมยาม เดี่ยวพี่เข้าไปถามให้แล้วกันนะ"

"ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณครับ"ยกมือไหว้ และเข็นรถตามไปติดๆ


   ชินพัตน์นักพักอยู่ตรงป้อมยามหน้าเขตก่อสร้าง ที่มีบางคนบอกว่าห้ามเข้ามันอัตราย แต่ตอนนี้ตามหาคนที่ห้ามไม่เจอ ชินพัตน์ยังหวั่นใจกลัวของจะเสีย ถ้าควมเย็นไม่ถึงจริงๆ นั่งนึกไป แดดร่มลมตก น่าจะ 6 โมงเย็น แล้ว เขามองกลับไปที่ตลาดยังคงครึกครืนไปด้วยผู้คน ที่ยังคงหลั่งไหลมาจับจ่ายซื้อของในตลาดช่วงเย็นๆแบบนี้


"น้องพี่เข้าไปถาม ในออฟฟิศแล้วก็ไม่มีใครบอกว่าสั่งลูกชิ้น สักคนเลยอ่ะ"

"เหรอครับ"ชินพัตน์เริ่มคอตก

"พี่รับฝากไว้ก่อน น้องแน่ใจนะว่าเป็นคนในแคมป์นี้จริงๆ"

"แน่ใจครับ เขายังบอกไม่ให้ผมเขาไปเลย บอกว่ามันอันตราย เขตก่อสร้าง"

"หน้าตาเป็นยังไงหละน้องพอจะจำได้หรือเปล่า"

"สูงๆ สูกว่าผมนิดหน่อย ประมาณนี้ครับ วันนั้นเขาใส่ เสื้อเชิ้ตสีขาว กาเกงสีดำ ไปที่ร้านผมแล้วก็สั่งพร้อมกับให้เงินไว้ด้วยครับ"
  ชินพัตน์ทำท่าทางความสูง ที่เอาตัวเขาเองเป็น เกณท์ยกไม่ยกมือ วัดให้ดู

"ไม่ผิดแน่ คืนวันเสาร์ใช่มั้ย ดึกมากแล้วด้วย เกือบ 3 ทุ่มใช่มั้ยน้อง"

"ใช่ๆพี่ใช่ วันนั้นพวกผมกำลังเก็บร้าน แต่คุณผู้ชายคนนั้น เหมือนจะรีบเดินมา สั่งๆแล้วเขาก็รีบเดินมาที่แคมป์นี้แหละ"

"ต้องเป็นลูกพี่แน่เลย ใช่ใหมไอ้หิน วันนั้นกูจำได้ ลูกพี่กลับมาจากประชุมที่กรุงเทพ พอเห็นลูกชิ้นที่กูซื้อไว้ให้ ก็รีบวิ่งไปที่ตลาดเลย "

"จริงเหรอพี่ เขาเป็นเจ้านายพี่ใช่มั้ยที่สั่งอ่ะ"

" พี่คิดว่าใช่แน่นอน ไม่มีใครชอบกินลูกชิ้น เท่าเจ้านายพี่อีกแล้ว เดี่ยวพี่เก็บไว้ให้ลูกพี่ของพี่เองแล้วกันน้อง สบายใจได้"

"ขอบคุณมากครับ " ยกมือไหว้อย่างโล่งใจ และขอตัวกลับไปเก็บของ


              นนทนัฐรีบเร่งออกจากห้องประชุมและตรงไปยังรถ คู่ใจของเขา วันนี้คิดว่าน่าจะทันไปรับลูกชิ้นที่เขาสั่งไว้แน่ เพราะประชุมเสร็จไว แต่เมื่อเขาเริ่มสตาร์ทรถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เขาต้องชะงักงั้น และรับสายจากแม่ของเขานั้นเอง บอกให้แวะเขาไปที่บ้านบางแต่เขาขอเป็นอาทิตย์หน้าแล้วอ้างว่า ต้องรีบกลับไปเคลียงานให้ทัน แล้วก็วางสายจากผู้เป็นแม่ และรีบเหยียบคันเร่งเพื่อกลับไปให้ทัน


             นนทนัฐรีบจอดรถที่ลานจอดที่จัดไว้ให้ที่หน้าตลาด แทนที่จะไปจอดไว้ในแคมป์ที่พักของเขา เพราะไม่อยากให้เสียเวลา เขามองนาพิกาข้อมือ อีก 5 นาที 1ทุ่ม เขาคิดว่าน่าจะทันแน่นอน เพราะเสาร์ที่แล้ว เกือบๆสามทุ่ม ร้านลูกชิ้นเพิ่งจะเก็บร้าน เขาคิดแบบนั้นเลยไม่ได้เร่งรีบอะไร เดินแวะดูร้านอื่นไปเรื่อยๆ จนมองไปยังล๊อคที่ตั้งใจจะมารับของที่สั่งไว้ ก็ต้องงง  ช๊อค  เซ้ง  ...และเริ่มเศร้า




"ทำไมไม่มา.....ขายหละ"


 


                                                                  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆ มาแล้วจ้า  :laugh:

                                                              :katai4:  นักเขียน(พิมพ์)มือใหม่ มีคำผิดก็ขออภัย

                                                              :กอด1:   ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ   :pig4:






หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ทำไมไม่มา...?[21-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 21-11-2014 22:14:26
โถถถ น่าสงสาร
ไม่ต้องเศร้าจ้า ลูกชิ้นไปรออยู่ที่แคมป์แล้วจ้า พ่อลูกชิ้น 5555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ทำไมไม่มา...?[21-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 22-11-2014 13:28:02
พระนายเรื่องนี้เหมือนพระนางหนังอินเดีย วิ่งอ้อมเขา 10 ลูกยังไม่เจอกันสักที  เจอแต่ลูกชิ้น :seng2ped:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 7 เจอหน้าก็หาเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 22-11-2014 14:12:35
   

                                                                      ตอนที่ 7  เจอหน้า ก็หาเรื่อง?


         ชินพัตน์กลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ จนคนที่บ้านงง ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า 1 ทุ่มตรง กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม และรายได้จากการขายของที่ตลาดนัดกลับเร็วมีเวลา รายงานว่าตัวชินพัตน์ทำรายได้เท่าไหร่เมื่อหักลบต้นทุนออกไปแล้วได้กำไรเยอะมากกว่าที่ขาดไว้ ร่วมทั้งออเดอร์จากลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้น ทำให้ชินพัตน์ บอกกับทางบ้าน ว่าอยากไปขาย วันจันทร์กับวันพุธ ด้วย เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าที่มีมากขึ้น จนทำให้พอแม่คิดหนักกับขอเสนอนี้


"แม่ขอเวลาคิดก่อน ยังไม่ให้คำตอบตอนนี้"

"แม่ครับ กำไรเพิ่มขึ้น ยอดสั่งทำออเดอร์ก็เพิ่มขึ้นเยอะเลยนะครับ"

"แม่รู้ แต่แม่ขอคิดก่อนสิ"คุณนายแม่ยังคงยืนยันคำเดิมเลยหันไม่มองที่หัวหน้าครอบครัว

"พ่อก็เข้าใจ ว่าชินอยากเพิ่มลูกค้า และเพิ่มยอดการผลิต  แต่พ่อก็ขอเวลาคิดเหมือน"เหมือนจะเข้าข้างลูกชายแต่ตอนท้านหันไปทางภรรยา

"พ่อครับ แม่ครับ  ผมอยากไปขายจริงๆนะครับ"

"ไปหาซื้อที่หน้าร้าน เลยไม่ดีกว่าเหรอลูก ชินจะได้ไม่เหนื่อยขับรถไปๆมาๆ"คุณนายแม่มีข้อเสนอ แต่ไม่ตรงใจชินพัตน์

"แต่แม่ครับ ผมทิ้งยายกับต้นกล้าไม่ได้หรอกครับ ลูกค้าระดับกลางและล่างยังมีอีกเยอะนะครับ"
  ชินพัตน์ยังคงคิดถึงลูกข้าที่ซื้อไม่เยอะ แต่มาซื้อประจำ ถ้าเปิดร้านลูกค้าประเภทนี้ก็จะหายไป(และไม่ได้กินลูกชิ้นอร่อยๆด้วย)


"งั้นหลังจากชินกลับมาจากตลาดนัด แมีจะให้คำตอบ ตกลงใหม?" ผู้เป็นแม่พูดตัดบทก่อนที่จะยืดเยื้อ

"ตกลงครับ ผมจะหาออเดอร์มาให้เยอะๆเลยค่อยดูสิ"

"ถึงวันนั้นค่อยมาว่ากันอีกที ได้กลับมาไวก็รีบไปกินข้าว จะได้ผักผ่อน"

"คร้าบบบบ ผมรักพ่อกับแม่น่ะ " หมอแก้มผู้เป็นแม่และกอดพ่อ วิ่งเข้าห้องครัวทันที

 
       วันจันทร์และวันพุธ ชินพัตน์ก็ไปทำหน้าที่เก็บผักและรับส่งยายสุขเช่นเดิม และมีออเดอร์สั่งลูกชิ้น กลับมาบ้านทุกวันนัดวันส่งกับลูกค้า คือวันเสาร์เหมือนเป็นการกดดันผู้เป็นพ่อและแม่ ว่าสิ่งที่ชินพัตน์กำลังทำมันกำลังไปได้ดี และข้อเสนอที่ขอไปนั้นก็ไม่อาจจะขัดได้อรกต่อไป เลยต้องหาหนทางโดยตามตัวนพคุณมาปรึกษาอีกแรง กับการไปขายตลาดนัด ทุกครั้งที่มีของชินพัตน์
 


"พี่ใหญ่มาเอาลูกชิ้นเพิ่มเหรอพี่ วันนี้มาแต่วีนเลย ออเดอร์เยอะเหรอพี่?"ชินพัตน์ลงมาจากรถ เดินตรงมายังหน้าร้าน

"อืม ก็เข้ามาคุยธุระกับคุณลุงคุป้าด้วยนะ เป็นไงขายของสนุกใหญ่เลยนะ"

"สนุกสิพี่ แค่ไปรับส่งยาย ที่ตลาด ผมยังมีออเดอร์สั่งลูกชิ้นกลับมาด้วยเลยพี่"

"แล้วทำไมไม่เป็ดสาขาใหม่ที่นั้นเลยหละ"

"พี่พูดเหมือนแม่เลยอ่ะ ผมอยากรักษาลูกค้าที่เขาอยากกินลูกชิ้นร้อนๆ น้ำจิ้มอร่อยๆ เดินกินเดินเล่นตลาดแบบนี้ไว้นะพี่"

"เป็นพ่อค้าเต็มตัวแล้วนะเรา ไม่เหนื่อยเหรอ"มองน้องชายอย่างห่วงใย

"ไม่เหนื่อยหรอกพี่ สนุกดี มีเพื่อนๆใหม่เยอะเลย"บอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ

"ถ้าสนุกก็ทำไปเถอะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรต้องบอกพี่นะ เข้าใจใหม"นพคุณเดินเข้ามาใกล้น้องชาย จับหัวโยกไปมา

"ครับผม"ยิ้มประจบพี่ชาย



      เช้าวันเสาร์ชินพัตน์ตื่นเต้นแต่เช้ากับการรอคอยคำตอบจากพ่อแม่ แต่ต้องทำภาระกิจของวันนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
 เตรียมของไปขายที่ตลาดนัดร่วมไปถึงออเดอร์มากมายที่สั่งไว้ หลังรถกระบะคู่ใจอักแน่นไปด้วยลูกชิ้นสดใหม่จากโรงงาน
คัดกรองด้วยตัวของชินพัตน์เอง แม่กระทั้งน้ำจิ้มสูตรของคุณนายแม่ ชินพัตน์ก็ยังไปช่วยทำทุกขั้นตอน
 เพราะตื่นเต้นกับวันนี้เป็นพิเศษ เขาต้องการกลับมารับคำตอบที่หน้าพอใจ ในเย็นวันนี้


"พ่อ แม่ พี่ใหญ่ ผมไปขายของก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมาฟังข่าวดี"

"จ้า ๆ กลับมาแล้วค่อยว่ากัน ตาชินพัตน์"

"ครับผม ขอกำลังใจหน่อย สิครับ"

"ขายดีๆ ร่ำรวยๆ นะเจ้าลูกชาย"

"คร้าบบบบ" ยกมือไหว้ สาธุ


         ชินพัตน์ออกเดินทางอย่างอารมณ์ดี ตรงไปยังบ้านสวน หวังจะไปช่วยเก็บผัก แต่ต้นกล้าช่วยเก็บเสร็จเรียบร้อย สดใหม่ และมีปริมาณผักที่เยอะมากมายหลายชนิดมาก จนขนขึ้นรถไม่หมด ชินพัตน์ตัดสินใจ ว่าจะกลับมาขนตะกร้าผักอีกครั้ง หลังจากไปส่งยายกับต้นกล้าที่ตลาดก่อน


"เดี่ยวพี่กลับไปเอาผักก่อน พี่ฝากจัดร้านด้วยนะต้น"

"พี่ชินไม่ต้องให้ชินไปช่วยยกเหรอ"

"ไม่เป็นไร ของไม่เยอะไปคนเดียวจะเร็วกว่า ต้นก็ช่วยยาย แล้วก็จักร้านให้พี่ด้วยแล้วกันนะ"

"ครับพี่ต้น"
 

      ชินพัตน์รีบ ขึ้นรถขับกลับไปยังบ้านสวนผักของยายทันทีเพื่อกลับมาทันลูกค้า ที่จะทยอยมาที่ตลาด แต่แล้วก็ต้องล้าช้า เพราะเจอกับป้าแดงเมียของลง บุญมีตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ยืนรอรถอยู่ จึงรับขึ้นมาด้วยกันจึงรู้ว่ากำลังไปรับ ลุงบุญมีที่โรงพยาบาล เลยรับอาสาไปส่งแต่ขอเอาผักไปส่งยายที่ตลาดก่อน แล้วไปส่งป้าแดงที่โรงพยาบาลและรับลุงบุญมีกลับ้าน ก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้กลับมาที่ตลาดได้



"ต้นงั้นพี่ฝากขายหน่อยแล้วกัน แล้วพี่จะรีบกลับมาช่วยขายนะ อ่ะนี้กระเป๋ามีแบงค์ย่อย 20 บาทประมาณ1000 กับเหรียญเอาไว้ทอนนะ"

"ไม่ต้องฝาก เดี่ยวเอาเงินของยายทอนก็ได้พี่ชิน"

"ไม่ต้องคิดมากน่า ต้น นะ จะได้ไม่ยุ่งยาก คืนไปคืนมากันอีกไง จริงใหม"

"ได้ครับ"

"พี่ฝากด้วยะ พี่จะรีบไปรีบกลับ ยายครับเดี่ยวผมรีบกลับมาช่วยขายนะครับ"

"ไปดีมาดีนะพี่อหนุ่ม"


   ชินพัตน์รีบพาป้าแดงไปส่งที่โรงพยาบาลและจัดการเรื่องต่างให้ด้วยตนเองทั้งหมด เพื่อจะพากลับไปส่งที่บ้านให้ได้เร็วที่สุด


"ลูกชิ้นหมูล้วนๆ ผักสดๆทางนี้เลยครับ"ต้นกล้าเรียกลูกค้าที่เริ่มทยอยเข้ามาภายในตลาดนัดช่วงเวลาประมาณบ่าย 3

"รับกี่ไม้ดีครับวันนี้"

"วันนี้มาขายลูกชิ้นเหรอจ๊ะ"

"มาช่วยพี่เขานะครับ พี่เขาไปทำธุระครับ"

"วันนี้ เอา 10 ไม้ กับอีก 1 กิโลจ๊ะ ขอน้ำจิ้มเยอะๆนะจ๊ะ"

"ได้ครับ" ต้นกล้ายิ้มการค้าทันที


  ผ่านไป 1 ชั่วโมง บ่าย4โมงกว่า ชินพัตน์โทรมาบอกต้นกล้าว่ากำลังไปส่งลุงบุญมีที่บ้านและกำลังจะรีบกลับไปที่ตลาด น้ำเสียงกังวลทั้งเกรงใจเพราะให้ ต้นกล้าขายคนเดียว ตนเองมั่วแต่ทำธุระอยู่ ต้นกล้าก็เพียงแต่บอกว่าไม่ต้องห่วง ลูกค้ามาเรื่อยๆไม่ยุ่ง ตนเองขายได้และ ขายทัน ไม่ต้องให้ชินพัตย์เป็นห่วง จนมีลูกค้าเปนกลุ่มคนงานเข้ามา หลังจากว่าสายไปจากชินพัตน์ ก็เริ่มความวุ่นวายทันที


"น้องๆ จำพวกพี่ได้เปล่า มาซื้อประจำเลย "

"จำได้ครับ วันนี้รับกี่ไม้ครับ"

"10 ไม้น้อง แต่ต้องไปส่งที่แคมป์ในออฟฟิศ โน่นน่ะ นี้เงิน พี่ไปก่อนหละ เดี่ยวไม่ทันนัดสาว"

"อ้าว  ...พี่ครับเดี่ยวก่อน ...พี่แล้ว....."ต้นกล้ามองเงิน 100 บาท ที่กลุ่มคนงานวางไว้และหยิบขึ้นมายัดใส่กระเป๋าเงินของชินพัตน์แบบงง


    ต้นกล้ายังคงขายลูกชิ้นให้กับทั้งลูกค้าประจำ ทั้งลูกค้าที่มาซื้อผักแล้วก็ลูกค้าที่มาลูกชิ้นไปได้ด้วยดี และเงินเริ่มเยอะจนล้นกระเป๋าที่ชินพัตน์ให้ไว้ลูกค้าก็ยังไม่มี ต้นกล้าเลยคิดจะเอาเงินออกมาจัดใหม่ จะได้สะดวกในหยิบทอนลูกค้าด้วย เลยหยิบเงินในกระเป๋าออกมาเรียงใหม่



"นี้มันกระเป๋าของชินนี่?  นี้นายจะขโมยเงินงั้นเหรอ?"นพคุณจับขอมือของต้นกล้าแน่น ถามด้วยน้ำเสียงโมโห

"เปล่าครับ ผมแค่ช่วยขายของแทนพี่ชิน ผมเปล่าจะขโมยนะ "ต้นกล้ารีบปฎิเสธและยือมือตนเองออกจากมือคนแปลกหน้า

"แล้วชินไปใหน แล้วทำไมกระเป๋าชินถึงอยู่กับนาย หะ!!!!"นพคุณยังคงไม่ไว้ใจจนกล้าจะเจอตัวชินพัตน์ ยังคงจับขอมือนั้นไว้แน่น

"พี่ชินไปทำธุระครับ กำลังจะกลับมา คุณปล่อยผมก่อนสิผมเจ็บนะ"ต้นกล้าเริ่มทนกับแรงบีมจากนพคุณไม่ไหว

"ฉันยังไม่ปล่อย จนกว่า น้องชายฉันมา"ต้นกล้าได้ยินแบบนั้นก็ เข้าใจทันที่ว่าเป็นคนรู้จักของชินพัตน์แต่กำลังเข้าใจตนเองผิด

"อะไรกันพ่อหนุ่ม มาจับหลายชาย ยายไว้ทำไม "ยายหันไปมองหลายชายที่ยือข้อมือตนเองจากคนแปลกหน้า

"หลานคุณยายเหรอครับ ผมเห็นเขากำลังหยิบเงินออกจากกระเป๋าของน้องชายผม"
นพคุณเห็นผู้ใหญ่เข้ามาเลยอธิบายเสียงเรียบ แต่ยังคงไม่ปล่อยมือ

"ใช่ๆ หลานยายเอง ต้นไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นใช่ใหมลูก"ยายเดินเข้าไปกอดหลานไว้แล้วถามหลานอย่างเป็นกลาง

"ต้นเปล่านะยาย ต้นแต่จะเอาเงินในกระเป๋ามาเรียง มันเยอะจนล้นกระเป๋าจ๊ะยาย คุณ ผมไม่ได้จะขโมยจริงนะ"
   ต้นกล้าอธิบายให้ผู้เป็นยายฟังและหันไปหาผู้ชายตรงหน้าพี่อ้างตัวเองว่าเป็นพี่ชินพัตน์

"พ่อหนุ่ม ค่อยๆพูดค่อยจากันเถอะ หลานยายไม่ได้จะขโมยเงินจริงๆ"

"ผมจะแน่ใจได้ยังไงครับ "

"ยายขอร้องแทนหลายยาย ปล่อยหลายยายเถอะนะ ถึงบ้านยายจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่คิดจะขโมยเงินใคร
ยายขายผัก เลี้ยงหลายมาจนโต สั่งสอนให้เป็นคนดี ไม่คิดโกงใครหรอกพ่อหนุ่ม" ยายเริ่มขอร้องเสียงสั่นเพราะเห็นหลานเจ็บ



      นพคุณเห็นคนเป็นยายออกรับแทนหลานความโกรธลดลงแต่ก็ยังไม่คลายความสงสัย ตนเองเดินหาร้านของน้องชาย ถามจากแม่ค้าในตลาด จนมาเจอร้านแต่เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลัง หยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินของน้องชายตนเอง ก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าขโมยเมื่อลองทบทวนเรื่องที่ยายพูดว่า ขายผักและอยู่กับหลานแค่ 2 คน ทำให้นึกคุ้นๆ ....
.
.
.
เรื่องที่น้องชายบอกว่ามาช่วยคุณยาย ไปรับไปส่งและช่วยเก็บผักไปขายที่ตลาดนัด......
.
.
.
และอยู่ร้าน........ข้างๆกัน .........
.
.
.

นพคุณหันไปมองข้างๆร้านทันที......
.
.
.

กระจ่างชัดเจน..........



                                                                         

                                                                         ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                                                                           :pig4: ขอบคุณที่ติดตามนะค่า 

                                      ***************************************************************
                                                              ลูกชิ้นเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้คน 2 คน มาเจอกัน

                                                  มินมิน เขียนนิยายเรื่องแรก เป็นเรื่องของความรัก ที่เริ่มต้นจากความชอบ   

                                                          ไม่ใช่ให้เรื่อง .:oo1: มานำทาง ขออภัยไว้ล่วงหน้า  :L2:


                                ************************************************************************


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-11-2014 15:29:19
คู่สองมาแล้ว
ครบคู่ซะที
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 22-11-2014 18:05:02
แล่วๆๆๆ ใจเย็นๆก่อนคุณพี่
คู่รองมาล่ะ คู่หลักเรายังหากันไม่เจอเลย ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 22-11-2014 19:10:15
โวยวายไม่ได้ดูเล๊ยยย ตานพ ความประทับใจแรกหายวับไปเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenk ที่ 22-11-2014 22:09:55
รอออ กินลูกชิ้น มาขายเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 22-11-2014 22:42:07
 :o8: กินลูกชิ้นเสร็จแล้วก็ ... กินกันเอง  :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-11-2014 00:43:31
ยิ่งอ่านยิ่งหิว
คู่รองคงได้กันก่อนคู่เอก 555
ปล.ตอนแรกเข้าใจว่านัทเคะ แต่ไหงนางฮาร์ดคอซะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน เจอหน้าก็หาเรื่อง [22-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 23-11-2014 01:16:50
คู่รองมาแรง แหกโค้งไปแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ ^_______________^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 8 เจอหน้า...ก็เป็นเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 23-11-2014 13:19:45



                                                              ตอนที่ 8  เจอหน้า...ก็เป็นเรื่องเป็นราว?
 

          ชินพัตนรีบเลี้ยวรถเข้าไปจอดตองลานจอดสำหรับพ่อค้าแม่ค้า เพื่อที่จะได้เข้าตลาดจัดของเก็บของได้ง่าย ชินพัตน์เร่งฝีเท้าตรงไปยังล๊อคที่ร้านตนเองตั้งขาย เป็นห่วงต้นกล้าที่จะต้องขาย ของ คนเดียว ทั้ง 2 อย่าง ช่วงเวลานี้ลูกค้าจะเยอะมากด้วย
 เดินยังไม่ถึงแต่ชินพัตน์ก็พอจะมอง จะมองเห็นร้านของต้นเอง แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ตรงหน้าร้าน จึงรีบวิ่งไปดูทันที่


"พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นครับ "ชินพัตน์ดึงมือนพคุณออกจากต้นกล้าทันที

"เออ.......คือ..."นพคุณ รู้ทันที่ว่าตนเองผิดที่ไม่ดูให้ดีก่อน

"ต้นเป็นอะไรมาหรือเปล่า ขอมือแดงไปหมดเลย เจ็บมั้ย" ชินพัตน์จับขอมือของต้นกล้าขึ้นมาดู
ไม่เป็นอะไรครับพี่ชิน"ต้นกล้าพยายามดึงมือตนเองกลับ

"พี่ใหญ่นี้มันเกิดเรื่องอะไรกันครับ ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้หละครับ"
ชินพัตน์ยืนบังตนกล้าไว้ด้านหลังแล้วหันมาหาพี่ชายตนเองแลัวถามเสียงดุ

"เออ...คือ พี่ขอโทษ  พี่เข้าใจผิด นะชิน  พี่ขอโทษนะ"
คำตอบแรกตอบน้องชาย แต่อีกคำอยากส่งไปให้คนข้างหลังน้องชายแต่ไม่รู้ส่งไปถึงหรือเปล่า

"พี่ก็น่าจะถามกันก่อนสิครับ ต้นกล้าตกใจแล้วก็เจ็บตัวแบบนี้นะ ..."

"พี่ชิน ต้นไม่เป็นไรจริงๆครับ พี่ชินลูกค้ามา ขายของก่อนเถอะครับนะครับ"
ต้นกล้ารีบเปลี่ยนสถานะการณืเมื่อเห็นลูกค้าเดินเข้ามาซื้อของ

"พี่ใหญ่ ไปยืนที่อื่นมันเกะกะ เราต้องมีเรื่องคุยกันยาวแน่พี่"
ชินพัตน์ พูดเสียงเรียบกับพี่ชายตนเอง


    นพคุณรู้ตัวทันที่ว่าตนเองผิด และทำให้น้องตนเองโกรธมากด้วย เพราะไม่ค่อยจะเห็นชินพัตย์แสดงท่าที่ซักเท่าไร เลยทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะหันไปทางใหน เมื่อเห็นยาย ผละออกจากต้นกล้า และเดินไปยังร้านเพื่อขายผักให้ลูกค้าที่เดินมาซื้อ ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยยายขายทันที่ หยิบถุงให้ยาย พอลูกค้าไปก็ยกมือไห้วขอโทษยายทันที


"ยายครับ ผมขอโทษนะครับ"

"ไม่เป็นไร ที่หลังก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะ พ่อหนุ่ม"

"ครับ ขอโทษจริงๆครับ ที่ผมไม่คิดให้ดีๆก่อน"

"ก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อหนุ่มทั้งหมดหรอกจ๊ะ ถ้าเป็นคนอื่นมาเห็นแบบนั้น เพราะไม่รู้จักกัน ก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก ใช่มั้ย ยายเข้าใจ"

"ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณยายนะครับ อยากจะขอโทษน้องด้วย ผมคงทำน้องตกใจ แน่เลยครับ"

"ต้น บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วจะ พ่อหนุ่มไม่ต้องกัวลอะไรแล้ว"

"แต่น้องชายผม ดูเหมือนยังโกรธผมอยู่เลยครับ"

" ฮึฮึ ค่อยคุยกันเอานะพ่อหนุ่ม"

"ครับ"


       นพคุณไปกล้าเดินไปช่วยขายที่ร้านลูกขิ้นเลย ทั้งที่ตั้งใจมาช่วยน้องชาย ได้รับคำสั่งมาจาก ลุงและป้าให้มาดู กิจการของน้องชายว่าเป็นยังไง ทำไมถึงติดใจที่อยากมาขายทุกวันที่มีตลาดนัดนัก และเขาก็มองดูแล้วเห็น ชินพัตน์สนุกในการขายกับกลุ่มลูกค้าหลายหลายอาชีพที่ตั้งใจมาซื้อ ลูกชินของตนเอง มีเพื่อนเป็นแม่ค้าพ่อค้าภายในตลาด ที่ต่างก็แวะเวียนมาซื้อไม่ขายสาย และนั้นคงเป็นเหตุผลที่น้องชายอยากมาขายที่นี้ ตรงนี้ และทุกวัน นั้นเอง



"พี่ชิน ผมลืมบอก มีลูกค้าสั่งให้ไปส่งที่แคปม์ก่อสร้างอ่ะพี่ "ต้นกล้านึกขึ้นได้

"ที่แคมป์ก่อสร้าเหรอ สั่งเท่าไรเหรอต้น "

"100 เดี่ยวครับ ให้เงินไว้แล้วด้วยอ่ะ"

"ให้เงินไว้แล้วด้วยเหรอ แล้วสั่งแค่ 100 เดี่ยวทำไมไม่รอรับไปเลยหละต้น"

"พวกคนงานเขาเดินเอาเงินมาให้แล้วบอกให้ไปส่งที่แคมป์แล้วก็เดินหนีไปเลยอ่ะพี่ชิน"

"อ้อ พวกคนที่แคมป์อีกแล้วเหรอ หนที่แล้วก็ลำบากกว่าจะส่งได้ เสาร์นี้สั่งแบบนี้อีกแล้วเหรอ"
ชินพัตน์เริ่มจะหงุดหงิดกับลูกค้ากลุ่มนี้

"งั้นต้น ไปส่งให้เองแล้วกัน แค่  10 ไม้ เอง"

"ไม่เป็นไรต้น เดียวพี่ไปเอง ต้นปิ้งขายอยู่นี้แหละ เดี่ยวพี่รีบไปรีบกลับ"

"พี่ใหญ่ ไปช่วยต้นหันผัก กับปิ้งลูกชิ้นด้วย ผมจะไปส่งของ แล้วอย่ารังแกต้นอีกนะ ไม่งั้นผม......."ชินพัตน์ยังพูดไม่ทันจบ

"ครับๆ น้องชาย พี่ไม่ทำอีกแล้วครับ รีบไปส่งของเถอะครับเดียวลูกค้ารอ" นพคุณรีบตัดบทแล้วเร่งให้ชินพัตน์ไปส่งของ 



        ชินพัตน์โดนนพคุณดันหลังให้เดินออกจากร้าน ในมือถือถุงลูกชิ้น ปิ้งใหม่ร้อน 10 แถมอีก 1ไม้ แยกน้ำจิ้มและผักสดพร้อม
เดินออกจากตลาดนัด ตรงไปตามทางเดินที่มี พวกคนงานเดินออกมาจากบ้านพักจากภายในเขตก่อสร้าง แต่งตัวสวยหล่อจนแถบ
ไม่เชื่อว่าเป็นคนงาน ชินพันต์มารู้ที่หลังว่าที่วัดห่างจากตลาดไปประมาณ 500 เมตร มีงานมีวงดนตรีลูกทุ่งมาแสดง เหล่าคนงาน
เลยแต่งตัวสวยหล่อเพื่อไปเที่ยวงาน
     
           ชินพัตน์เดินตรงไปติดต่อที่ป้อมยามหน้าทางเข้าแคมป์ เพื่อจะมาส่งลูกชิ้น


"พี่ครับผมเอาลูกชิ้นมาส่งครับ"

"อ้าวมาแล้วเหรอ เอาเข้าไปส่งที่ออฟฟิศ เลยครับ"

"ผมฝากพี่ไว้ไม่ได้เหรอครับ ผมต้องรีบกลับไปขายของต่อ"

"ไม่ได้หรอกน้อง พี่ต้องดูเพราะมีรถเข้าออกเยอะ ถ้าพี่เอาเข้าไปส่ง เองเดี่ยวเจ้านายหักเงินเดือนแน่เลย"

"ครับ ครับ แล้วให้ผมส่งตรงใหยครับ "

"เดินผ่าน บ้านพักคนงาน จะเห็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำเป็นออฟฟิศ นั้นแหละครับ ไม่ไกลเดินแปบเดี่ยวก็ขึ้นแล้วครับคุณ"

"โอเครครับ"


   ชินพัตน์เดินผ่านเข้าไปในเขตก่อสร้าง ตรงไปยังบ้านพักคนงาน แลัเดินผ่านเลยไปก็เห็น ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหน
ที่ดัดแปลง ทำเป็นออฟฟิศภายใน เดินตรงไปยังประตู ที่มีป้ายติดไว้ว่า ติดต่อสอบถามโครงการ  ชินพัตน์ยืนลังเลอยู่นาน
ก็มีคนเปฺดประตูออกมา



"สะ สวัสดีครับ ผมเอาลูกชิ้นมาส่งครับ"

"ออ มาส่งลูกชิ้นเหรอ เอาเข้าไปด้านในเลยครับ เดินผ่านอีกประตูไปฝ่ายช่างนะครับ เขารออยู่สักพักแล้วครับ"

"ขอบคุณครับ"



   ชายหนุ่มที่บอกทางชินพัตน์ก้ขอตัวกลับเพราะเลยเวลาเลิกงานมาพักใหญ่แล้ว เลยทำให้ชินพันต์ไม่กล้าจะเดินเข้าไป
เพราะว่าไม่แน่ใจว่าในออฟฟิศยังไม่คนอื่นอีกหรือเปล่า แต่มองดูนาฬิกา ก็ต้องตัดใจเข้าไปเพราะเขาจะมามั่วเสียเวลาที่
นี้นานไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับไปดูร้าน เลยรีบเดินเข้าไป ด้านในตรงไปยังประตูที่เชื่อมต่อกันระหว่างออฟฟิศกับฝ่ายช่าง
เพราะชินพัตน์ตัดสินใจจะเปิดประตูก็มองเข้าไปภายในออฟฟิศ เห็นลูกค้าคนก่อนที่เคยสั่ง นั่งอยู่กับผู้หญิง



"อะไรกันเนี้ย ก็มีสาวๆเอาลูกชิ้นมาส่ง มาป้อนให้ถึงที่ แล้วมาสั่งให้มาส่งทำไมกัน = =a"
ชินพัตน์บ่นพึมพรำแล้วเดินกลับออกจากออฟฟิศ เดินออกไปยังทางที่เข้ามาในตอนแรก

"พี่ครับ ผมฝากพี่ไว้ให้เขาได้ใหม ผมไม่กล้าเข้าไป มองเข้าไปแล้วไม่มีใครอยู่เลย ผมกลัวอ่ะ เดี่ยวเขาหาว่าเป็นขโมยอ่ะพี่"

"อ้าวไม่มีใครอยู่เหรอ ก่อนน้องมาส่ง เจ้านายพี่ก็เดินออกมาถาม หลายรอบเลยนะ เอ...แล้วเขาหายไปใหนเนี้ย"

"นะครับพี่ ผมขอฝากไว้กับพี่แล้วกัน เพราะผมต้องรีบกลับไปดูร้าน แล้ววันหลังผมจะเอาลูกชิ้นอร่อยๆมาตอบแทนนะครับ
ผมไปก่อนนะครับพี่"
ชินพัตน์ไม่รอคำตอบ ว่างถุงลูกชิ้นไว้ภายในป้อม แล้ววิ่งออกมาทันที


   
   เดินกลับเข้าตลาดก็แวะซื้อขนมครก ไส้กรอกอีสานย่างร้อนๆน่าทานมาก กลับไปฝากต้นกล้ากับยาย  แล้วก็พี่ชายตัวแสบ
จอมหาเรื่องอีกคนด้วย  วันนี้มีเรื่องวุ่นหลายเรื่อง แต่ชินพัตน์ยังคงไม่หายตื่นเต้นเพราะกลับบ้านไป รอคำตอบจากผู้เป็นแม่
 และพ่อ ที่คงจะส่งพี่ชายมาดูตนเองที่ตลาด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ว่าจะได้มาขายทุกวันที่มีตลาดนั้นหรือเปล่า



"ต้น พี่กลับมาแล้ว มีของอร่อยๆมาฝากด้วย ยายครับ ผมซื้อขนมครกมาฝากครับ"ส่งเสียงมาก่อนตัวและเดินไปหายาย

"พี่ชิน ส่งของเป็นไงมั้งอ่ะ ลูกค้าว่าอะไรหรือเปล่า"

"ไม่ได้ว่าอะไร พี่ไม่เจอ ฝากไว้ที่ป้อมยามหน้าแคมป์อ่ะต้น"ชินพัตน์รีบตัดบทแล้วกับไปสนใจขนมต่อ

"เหรอครับ พี่ชินลูกชิ้นที่อยู่ในถุงนี้เอาออกมาขายได้หรือเปล่าครับ"

"ในลังเหรอ อันนั้นเป็นออเดอร์ลูกค้าสั่งไว้ นัดมารับประมา 1 ทุ่ม ใกล้จะมาแล้วหละ ทำไมเหรอ?"

"ต้นจะเอามาเสียบอ่ะ ลูกชิ้นที่พี่เสียบไว้หมดแล้วอ่ะพี่"

"หมดแล้วเหรอ"ชินพัตน์ลุกจากโต๊ะนั่งฝั่งร้านขายผักมาดูที่ตู้แช่ลูกชิ้น

"แปลว่าเหลือ 5 กิโลสุดท้าย แล้วหละ ถ้าหมด 5 กิโล นี้ก็คงต้องกลับแล้ว น้ำจิ้มจะพอหรือเปล่าน่า..."
ชินพัตน์หยิบ ลูกชิ้นที่สำรองเตรียมไว้ แต่ยังไม่ได้เสียบไม้ ขึ้นมาวาง และก้มดู หม้อน้ำจิ้มไฟ้ฟาที่น้ำจิ้มอยู่เพียงกลางหม้อ


"งั้นเดี่ยวต้นเสียบลูกชิ้นเอง พี่ต้นพักก่อนเดินกลับมาเหนื่อยๆ"

"ไม่เป็นไร... พี่ใหญ่ครับ ช่วยทำตัวเป็นประโยชน์หน่อยสิครับ"ขินพัตน์บอกห้ามต้น และส่งเสียงเรียกพี่ชายตนเอง

"ครับคุณ น้องชาย" นพคุณรู้หน้าที่ ของคนเองทันที่ หยิบ ถาดและเท ลูกชิ้น แล้วนั่งเสียบอย่างคล่องแคล้ว

"ต้นนั้นแหละมานั่งกิน ขนมกับยายทางนี้มา..."ชินพัตน์ดึงตัวต้นกล้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงร้านขายผักกับยาย
ปล่อยให้พี่ชายตนเองทำงานไปคนเดียว

"ปล่อยให้พี่เขาทำคนเดียวเหรอครับพี่ชิน "

"ไม่ต้องห่วงน่า พี่ใหญ่ เสียบลูกชิ้น คล่องกว่าจีบสาวซะอีก ฮ่าๆๆๆ..." นพคุณเงยหน้ามามองเสียงหัวเราะจากน้องชาย
โดยไม่รู้ว่าตนเองโดนน้องนินทาอยู่ แล้วก้มหน้าทำภารกิจต่อไป


    เย็นวันเสาร์ ลูกชิ้นขายหมดตั้งแต่ 1 ทุ่มครึ่ง ผักก็เช่นเดียวกัน ออเดอร์ลูกชิ้น ลูกค้าก็มารับไปครบทุกเจ้าแล้ว
 ทั้ง 4 คน เลยเริ่มที่จะเก็บเตรียมตัวกลับ เพราะไม่อยากที่จะให้ ชินพัตน์และนพคุณกลับบ้านดึกจนเกินไป
 เก็บของและกลับไปส่งยายและต้น ที่บ้านสวน โดยมีรถของ นพคุณขับตามเข้ามาด้วย


"ลงมากินข้าวกินปลากันก่อนนะ พ่อหนุ่ม"

"ไม่หละครับยาย ไว้วันจันทร์ผมมาฝากท้อง ทั้งมื้อเที่ยงแล้วก็มื้อเย็นเลยครับ วันนี้พวกผมต้องขอตัวกลับก่อน"

"จ้า จ้า ขับรถกลับดีๆ นะ รถรามันยังเยอะอยู่"

"ครับยาย ต้นพี่กลับก่อนนะ"

"กลับดีๆนะพี่ชิน.....เออ..."ชินพัตน์ลาทั้งยายกับต้น และเดินนำหน้าออกไปก่อนนพคุณ

"ยายครับ ผมกลับก่อนนะครับ"

"จ้า ไว้มาใหม่นะพ่อหนุ่ม"

"ครับ "ยกมือไหว้ยาย เดินออกมาจากหน้าบ้าน แล้วมีต้นกล้าเดินตามมาส่งแบบห่างๆ


"พี่ขอโทษนะ...."นพคุณหันกลับไปยัง ต้นกล้าทีเดินตามมาส่งด้านหลัง ทำให้ต้นกล้าหยุดชะงัก

"เออ...ไม่เป็นไรครับ ...." ต้นกล้าตอบรับเสียงเบา

"พี่มาที่นี้อีกได้ไหม......"

"พี่ใหญ่ จะแกล้งอะไรต้นอีก... รีบกลับเถอะ คุณนายแม่รออยู่น่า....".เสียงเรียกของชินพัตน์ดังมาจากรถที่จอดตรงประตูทางเข้า

"........"ไม่มีคำตอบจากต้นกล้า

"........"นพคุณเลยตัดใจเดินไปที่รถ พอขึ้นรถได้ ก็มีเพียงความเงียบเข้าปกคุม ....ความคิด....(โดนเกลียดแน่ๆเลย)







                                                                      ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:



                                                                  ขอบคุณทุกคอมเม้น +เป็ดให้ทุกคนเลยค่า  :pig4:





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ใหม่ [23-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-11-2014 14:06:32
หิวง่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ใหม่ [23-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenk ที่ 23-11-2014 15:06:17
ยังไม่อิ่มเลยค่ะ ขอเพิ่มด่วนนน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ใหม่ [23-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-11-2014 15:32:35
ลูกชิ้น....ปิ้งหอมๆ...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 9 ไม่มาก็ต้องไปหาเอง(ภาคนนทนัฐเน้นๆเส้นล้วนๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 23-11-2014 20:36:12
   
                           
                                             ตอนที่ 9 ไม่มาก็ต้องไปหาเอง (ภาค นนทนัฐเน้นๆ เส้นล้วนๆ)



          นนทนัฐ ยังคงยืนงง อยู่กลางตลาดที่ยังคงมีแม่ค้า และผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของภายในตลาดนัดวันเสาร์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวันที่มีคนเดินเยอะกว่าวันอื่นๆ  นนทนัฐเดินกลับออกมาจากตลาดอย่าง งง ๆ แล้วตัวเขาเองเร่งรีบกลับมาทำไมนะ ปฎิเสธที่จะไม่พบหน้าผู้เป็นแม่ เพื่ออะไรกัน
          เดินมาถึงรถ ยังคงยืนมองย้อนกลับไปยังตลาด แล้วกวดตามองหาอีกครั้ง หรือได้ที่ขายใหม่ตรงใหน แต่ที่ตรงนั้นก็มาขายประจำแล้วนี่น่ามีความสงสัยผุดขึ้นมา ในหัวของนนทนัฐตลอดเวลาที่ยังยืนอยู่ แล้วก็ต้องมีคำตอบออกมาในความคิด ไม่มาก็คือไม่มา  เท่านั้นอง

          นนทนัฐขับรถเข้ามาจอดในเขตก่อสร้าง ตรงส่วนลานจอดของบ้านพัก ของตนเอง ความเหนื่อยถาโทมเข้ามาภายในตัว อยากพักเต็มทีพาร่างการที่เหนื่อล้าตรงไป ยังห้องพักตนเอง และที่สำคัญยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ตั้งแต่บ่าย หวังจะมากินลูกชิ้นแสนอร่อย แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของคนขาย .........


"ลูกพี่กลับมาแล้วเหรอครับ ผมนึกว่าจะไม่กลับแล้วซะอีก"
เสียงเรียกของลูกน้อง เรียกสติของนนทนัฐกับมา

"......."ไม่มีแรงตอบ

"ลูกพี่ครับ ผมรับลูกชิ้นที่ลูกพี่สั่งไว้แล้วนะครับ "

"ลูกชิ้นอะไร?"

"อ้าว ลูกพี่ไม่ได้สั่งลูกชิ้นที่ตลาดนัด ไว้เหรอครับ"

"ตลาดนัด ?"นนทนัฐคิดตามคำที่ลูกน้องพูด

"ครับ เขาเอาลูกชิ้นมาส่งตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วครับ ลูกพี่"

"มาเหรอ ลูกชิ้นมาขายเหรอ"

"ครับ มาขายครับ แต่วันนี้ขายดีหมดแต่วันเลย เขาเลยเอาลูกชิ้นมาส่งแล้วก็กลับไปตั้งแต่คนยังไม่หมดเลยครับลูกพี่"

"อย่างนี้นี้เอง...."นนทนัฐเหมือนพูดกับตัวเอง แล้วยกยิ้มขำกับสภาพตัวเองตอนนี้

"ลูกพี่ว่าอะไรนะครับ?..."

"เปล่า....แล้วลูกชิ้นอยู่ใหนหละ"

"ผม ไปซื้อน้ำแ๘งมาใส่เพิ่มไว้แล้ว เพราะตู้เย็นมันใส่ไม่หมดครับ"

"อืมๆ  ขอบใจ..."ทำไมรู้สึกหายอึดอัด

"งั้นผมไปทอดมาให้ลูกพี่กิน แล้วกันนะครับ" ลูกน้องคนเดิมรีบประจบเอาใจทันที่

"อืม...ไปเถอะ..."ลูกน้องรีบวิ่งออกไปทันที



        นนทนัฐพาตัวเองเดินเข้ามาภายในห้องพัก และนอนแผ่หราบนเตียงนอน และคิดทบทวนไปมา ความคิดที่คิดก่อนหน้านี้
คิดแค่เพียงว่า ไม่มาขาย แต่ทำไมไม่เคยคิดว่าจะโดนโกง เงิน 1000 บาทไปเลย ไม่มีความคิดนั้นเลยจริงๆ  เชื่อมั่นเกินไปแล้ว
พอรู้ว่าได้ของที่สั่งแล้ว ความเชื่อมั่นนั่นไม่ผิดแปลกไปเลยจริงๆ  มาส่งเร็ว เพราะว่าขายหมดเร็วงั้นเหรอ .........
.
.
.
.
.
 ...... [น่าอิจฉาคนที่ได้กินลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ จากเตา กับน้ำจิ้มแสนอร่อย ผักสดๆ ที่กินแกล้มพร้อมกันไป ผมอยากกินบางจัง]........


 คิดแบบนั้จนเผลอหลับไป จนได้ยินเสียงเรยกจากลูกน้องที่หน้าประตูห้อง ทำให้้องลุกขึ้นมา เพราะทนความหิวไม่ไหวจริง


"มาแล้วครับลูกพี่ ผมทอดไปครึ่งโลนะครับ"

"อืม...ขอบใจ ... แล้วเขาเอามาส่งกีโลหละ"

"10 โล ครับลูกพี่ ผมแบ่งมาทอด ก็ประมาณ ครึ่งโลครับ น้ำจิ้มุงใหญ่ แล้วก็ผักอีกถุงย่อมๆด้วยครับ"

" 5 กิโล เอาไปแบ่ง คนอื่นๆด้วยนะ ที่เหลือเอามาแช่ที่ตู้เย็นนี้ด้วยนะ"

"ขอบคุณครับลูกพี่"ดำยกมือไห้ว แล้วกลับไปเอากล่องโฟมกับลูกชิ้นอีก 5 โลกลับเข้ามาแช่

"เสาร์หน้า ไปสั่งลูกชิ้นให้หน่อนะ นี้เงิน แล้วบอกให้เขามาส่งที่ออฟฟิศด้วย" นนทนัฐส่งเงิน 100 บาทให้ดำ

"ได้ครับลูกพี่ แต่ ว่า 5 โ ล ลูกพี่จะกินหมดเหรอครับ"

"ไม่ต้องถามมาก ทำตามที่สั่งก็พอ กลับไปพักผ่อนไป" นนทนัฐทำเสียงเข้ม


      นนทนัฐนั่งทานลูกชิ้นที่ลูกน้องทอดมาให้ แล้วก็ยังคงคิดว่า ถ้าเอาไปปิ้งคงจะอะไรไปอีกแบบ เลยคิดไกลไปถึงเสาร์หน้า
ไม่อยากที่จะพลาด โอกาสที่จะได้กินแบบร้อนๆออกจากเตา เลยสั่งลูกน้องไว้ล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ นั่งดูตารางงานไปด้วย
คิดว่าตนเองไม่น่าจะมีประชุมอีก แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะไปซื้อเองแน่นอนเพราะมีงานเยอะ เลยให้ลูกน้องไปสั่งให้จะดีกว่า


     ช่วงเวลาตลอด 1 อาทิตย์ นนทนัฐพยายาม ทานลูกชิ้นที่มี อย่างระมัดระวัง ทำเมนูต่างด้วยลูกชิ้นของโปรด ด้วยเมนูพื้นๆ
ใส่กับมาม่า ผัดผักใส่ลูกชิ้น กระเพราะลูกชิ้น  ส่งอาการตามสั่งอาหารตามสั่งนอกแคมป์ ก้ยังมิวายให้ลูกน้องเอาลูกชิ้น ที่มีไป
ใส่ด้วย (ขาดไม่ได้) ถ้าอยู่ที่ห้อง ก็เวฟทานเล่นๆ กัยน้อจิ้มที่อุ่นร้อนๆ  นั่งกินจนเพลิน ลืมความเหน็ดเหนื่อยจากงานไปเลย


"ลูกพี่ครับ เดี่ยวเย็นนี้ พวกผมขอกลับเข้าแคมป์ ดึกๆนะครับ"

"ทำไมหละ"

"ที่วัดมีงาน มีวงดนตรีมาเล่น พวกผมจะไปเที่ยวดูสักหน่อยครับ"

"อืม...ก็ไปสิ...."นนทนัฐไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นคืนวันเสาร์

"แล้วเดี่ยวผมไปสั่ง ลูกชิ้นให้มาส่งที่ออฟฟิศให้ก่อนไปเที่ยวให้นะครับ ไม่ลืมๆ"ดำยกเงิน 100 บาทขึ้นโบกไปโบกมา

"อืม...ขอบใจ ...บอกให้เขา เข้ามาส่งที่ในออฟฟิศเลยนะ เข้าใจใหม"

"ครับลูกพี่..."


     พอใกล้เลิก คนงานต่างทยอย กลับที่พักไปแต่ตัวสวยหล่อเพื่อออกไปเดินเที่ยวตลาด และไปที่งานวัด ที่มีวงดนตรี
และซุ้มขายของ ซุ้มปาลูกโป่งมากมาย นนทนัฐออกมายืนหน้าออฟฟิศ มองเหล่าคนงานที่เริ่มเดินออกไปจากแคมป์
ในช่วงเย็น แล้วไม่ลืมที่จะเดินไป บอกย้ำกับยาม อีกครั้งว่าจะมีคนมาส่ง ลุกชิ้นให้เข้ามาส่งได้เลย


"นนท์ค่ะ" เสียงเรียกจากด้านหลังของ นนทนัฐ

"แพรว  มาได้ไงครับเนี้ย"

"แพรว โทรไปถามที่บ้าน นนมาสิค่ะ ทำไมไม่กลับบ้าน ไม่กลับไปหาแพรวบางหละค่ะ"หญิงสาวเดินเข้ามาประกบตัวนนทนัฐทันที

"ผมงานยุ่ง มากเลย ไม่ค่อยมีเวลาเลยครับ"

"เลิกงานกรือยังค่ะ หรือ เราจะยืนคุย กันตรงนี้เหรอ?"

"ผมยังต้องเคลียเอกสารอีกนิดหน่อย งั้นไปที่ออฟฟิศแล้วกันครับ"นนทนัฐเดินนำหญิงสาวเข้าไปยังออฟฟิศ


      แพรว หรือ เกวลิน เป็นเพื่อนของนนทนัฐสมัยเรียนมหาลัย เป็นเพื่อนผู้หญิงที่นนทนัฐสนิทที่สุด จนทำให้เพื่อนๆหลายๆคน
เข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ตัวนนทนัฐไม่เคยคิดกับ เกวลินในแง่นั้นเลย แต่ตัวเกวลินก็ค่อยตามมาดูแล นนทนัฐตลอดเวลาจนไม่กล้าปฎิเสธน้ำใจที่มีให้ได้ กับสิ่งที่หญิงสาวแสดงออกมา


"แพรว มากับใครครับ"

"มากับ พี่กร แพรวไม่กล้าขับรถมาคนเดี่ยวหรอก นนท์"

"แล้วพี่กรไปใหน ซะหละ ไม่เรียกเข้ามาด้วยกัน"

"เห็นบอกว่าหิว เลยไปเดินดูอะไรที่ตลาดนัดนะ"

"อืม แล้วงานของแพรวหละ "

"แพรว ไม่มีไฟล์บิน เลยแวะมานนอ่ะ คิดถึง แต่ไม่รู้ว่าคนแถวนี้จะคิดถึง แพราวหรือเปล่า"

"แล้วแพรว ไม่หิวเหรอ ทานอะไรมาหรือยัง เดียวผมส่งอะไรมาให้ทานดีใหม"นนทนัฐรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

"แพรวรอทานพร้อม นนท์ แพรวซื้อลูกชิ้นเจ้าอร่อยมากฝาก นนท์ ด้วยนะ" หยิบตะกร้าที่ถือติดมือขึ้นมาวาง
บนโต๊ะ

"ขอบใจมาแพรว ลำบากแย่เลย"

"ไม่ลำบากเลย ที่นี้มีไมโครเวฟไหม เดี่ยวแพรวอุ่นให้"

"ไม่เป็นไร เดียวผมทำเอง แพรวมาเหนื่อยๆนัก พักดื่มน้ำเย็นๆก่อนเถอะ" นนทนัฐเดินไปหลินน้ำเย็นมาส่งให้
และ จัดการลูกชิ้นเข้าเวป


    ช่วงเวลารอลูกชิ้นร้อน ในใจของนนทนัฐ ลอยคิดไปถึงลูกชิ้นปิ้งที่ตลาด ตอนนี้คนคงเยอะแน่ๆ อาจจะไม่มีเวลามาส่ง
หรือขายดีของอาจจะหมด คิดไปมาก็เริ่มกังวล อยากที่จะไปออกไปถามยามหน้าป้อมเหลือเกิน ว่ามีใครมาส่งหรือยัง


"นนท์ ค่ะ นนท์ " เกวลินเดินเข้าไปจนถึงตัวของนนทนัฐก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ยินเสียงเรียก

"ว่าไงครับ แพรว"

"เหมออะไรค่ะ แพรวเรียกตั้งนาน "

"ผมกำลังคิดเรื่อง....นี้ไงครับ ลุกชิ้น ร้อนๆ น่าอร่อยจัง" นนทนัฐนำผ้ามาหญิบจานออกจากไมโครเวฟ

"ทานสิค่ะ แพรวตั้งใจ ซื้อมาให้ นนท์เลย เพราะรู้ว่านนท์ชอบ"เกวลินนั่งข้างนนทนัฐใช้ซ้อมที่มีลูกชิ้นป้อนให้นนทนัฐ

"แพรว ผมทานเองก็ได้ครับ"

"แต่แพราวอยากป้อน.........."เสียงโทรศัพท์ของเกวลินดังขึ้น

"พี่กร มีอะไรค่ะ  แพรวอยู่กับนนท์แล้ว ไม่ทาน พี่กรจะทานอะไร ก็วื้อมาเถอะค่ะ แค่นี้นะค่ะ" เกวลินรีบตัดสาย

"พี่กร โทรมาไงเหรอเปล่า"

"โทรมาถามว่าแพรวเจอนนท์หรือยัง   นนท์ ทานลูกชิ้นสิค่ะ อร่อยนะ"

"ทานไปหลายชิ้นแล้วครับ"


    นนทนัฐรู้ว่า กรณรงค์ ที่เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย ชอบในตัวเกวลิน ค่อยไปใหนมาใหนด้วยกัน และตามใจเกวลินมาก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน คงขัดเกวลินไม่ได้ ที่ให้พามาหาตนเอง ทำให้ นนทนัฐคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องของ ทั้งคู่


"แพรว ไม่สงสาร พี่กรเหรอ นนท์รู้นะ ว่าแพรวรู้ ว่าพี่กร คิดยังไงครับแพรว"

"นนท์ค่ะ แต่แพรวไม่ได้คิดอะไรกับพี่กรเลย แต่แพรวคิดกับ....."

"แพรวผมขอโทษ ผมก็ไม่เคยคิดกับ แพรวเกินเพื่อน เพราะแพรวเป็นที่ดีที่สุดของผม........"นนทนัฐเห็นท่าที่ของเกวลิน
รู้ว่าเธอต้องเสียใจ แต่อยากให้ทุกอย่าง ไม่ค้างคา

"แพรวครับ ฟังผมนะ แพรวมีคนที่คอยอยู่ข้างตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่แพรวให้โอกาสเขา แพรวต้องมีความสุขแน่นอนครับ"
นนทนัฐดึงมือเกวลินไว้เมื่อเห็น หญิงสาวทำท่าจะลุกหนี้ไป

"แล้วทำไม นนท์ไม่ให้ โอกาสนั้นให้กับแพรวบาง แพรวไม่ดีตรงใหน?"เกวลินถามด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น

"ผมขอโทษ " เกวลินก้มหน้าร้องไห้

   
 
"แพรว นนท์เกิดอะไนขึ้น?!!!!  แพรวร้องไห้ทำไมครับ?!!!  "กรณรงค์ก้มมองหญิงสาว และหันไปถามนนทนัฐ

"......" ไม่มีคำตอบใด

"นาย!!! นายทำอะไรแพรว!!!  นนทนัฐนายทำอะไร!!!!!  "กรณรงค์เดินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อนนทนัฐ

"พี่กร พี่กรค่ะ แพรวอยากกลับแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ"

"แต่  แพรว......ครับ กลับกันเถอะ"กรณรงค์อยากจะรู้เรื่อง แต่ดูจากสายและสีหน้าของเกวลินแล้วก็ต้องทำตามคำขอ


        นนทนัฐ เดินออกมาส่ง ทั้งคู่ขึ้นรถ มองดูกรณรงค์ พาเกวลินขึ้นรถไป และเดินกลับตรงมาที่ตนเอง


"ผมฝากแพรวด้วยนะครับ "

"ฉัน ดูแลแพรวได้ดีกว่านายแน่นอน   ....พลั๊ว!!!!" กรณรงค์ต่อยเข้าไปที่ใบหน้านนทนัฐล้มลงกับพี้น

"คุณนนทนัฐ....!!!"  เสียง ลุงยาม ที่เข้ามาเห็นเหตุการณืรีบวิ่งเข้ามาหา นนทนัฐทันที่

"ผมไม่เป็นไร "บอกกับลุงยาม และยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากไปด้วย

"ผมรู้ครับ ว่าพี่ต้องดูแลแพรวดีกว่าผม ผมถึงบอกแพรวให้ตัดใจจากผมไงครับ " นนทนัฐเดินกลับเข้าไปหา
กรณรงค์อีกครั้ง เพื่อพูดเรื่องสำคัญ

"เพราะแพรวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม  ผมอยากเห็นแพรวมีความสุขครับ"

"ขอบใจมาก นนท์ พี่จะทำให้แพรวมีความสุขให้มากที่สุดเอง"  กรณรงค์เดินมาตบไหล่ นนทนัฐและเดินกลับไปขึ้นรถ

"คุณนนท์ ไม่เป็นอะไรนะครับ ไปทำแผลก่อนเถอะครับ" ลุงยาม ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"พี่  มีใครมาส่งลูกชิ้นหรือยัง" ถึงแม้จะเจ็บตัวแต่ยังคงคิดถึงลูกชิ้นที่รอคนมาส่งอยู่

"ออ มาส่งแล้วครับ อยู่ที่ป้อม เขาเอาไปส่งที่ออฟฟิศแล้วแต่บอกว่าไม่เห็นมีคนอยู่ ผมเลยเดินเข้ามาดูนี้แหละครับ"

"เขาเข้ามาส่งแล้วเหรอครับ "

"ครับ ผมให้เดินเข้ามาส่งในออฟฟิศเลยครับ"

"แต่ก็ไม่เข้ามาส่ง"

"เอ......ผมก็ไม่แน่ใจว่า....."

"ไม่เป็น เดี่ยวผมไปหาเขาเอง........"นนทนัฐเดินออกไปทางที่จะไปทางประตูออกไปยังตลาด

"ลูกชิ้น อยู่นี้นะครับคุณนนท์ "ลุงยาม ตะโกนบอกไล่หลัง

"กินได้เลยครับ ผมให้" หันกลับมาบอก


        นนทนัฐเดินไปยังตลาดนัด ไปตามหาเจ้าของลูกชิ้น ที่บอกกับยามว่าตนเองไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ แล้วหนีกลับร้านไปแแบบนี้คงจะต้องไปซื้อถึงที่ถึงจะได้คุย...ไม่สิ.... ถึงจะได้กินลูกชิ้นร้อนๆแสนอร่อยเองซะแล้ว นนทนัฐยกยิ้มนิดๆ.......


 


                                                         


                                                          ต้นมาม่าแปบ เส้นมาม่าอืดเต็มชาม(ใส่ลูกชิ้นด้วยนะ) :pigha2:


                                                         ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:


                                                         ขอบคุณที่ติดตามนะคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :pig4:





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ที่ 9 [23-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 23-11-2014 22:27:35
เปิดมา 9 ตอนพึ่งจะได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคนะครับ พระเอกนายเอกเนี้ยะถ้าไม่เขียนไว้ว่าน้องต้นกล้าจะได้กับพี่นพ นะคิดว่าน้องเป้นนายเอกซะอีก บทเยอะเกินพระเอก :hao4:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอน ที่ 9 [23-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-11-2014 10:38:40
ยัง ยัง ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวซะที 5555
ไปเรื่อยๆ ไม่รีบๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 จะมาทำไมทุกวัน? [24-11-14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 24-11-2014 16:13:06



                                                                ตอนที่ 10  จะมาทำไมทุกวัน?
 


         ชินพัตน์กลับถึงบ้านอย่างใจเต้นลุ้นระทึก รอคำตอบจากพ่อกับแม่ของเขา ส่วนเรื่องพี่ชาย ตนเองคงไว้คุยหลังจากที่คุยกับทั้ง 2 เรียบร้อยเสียก่อน มาถึงหน้าร้าน ปกติชินพัตน์จะจัดการยกของหลังรถด้วยตนเอง แต่วันนี้เรียกเด็กๆในร้านมาทำให้เพราะอยากที่จะเจอหน้าพ่อแม่ให้เร็ว พอลงจากรถได้ ก็เดินไปลากตัวนพคุณตามเข้าไป หาพ่อและแม่ของตนเองทันที


"พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว พร้อมกับสายสืบจำเป็น ฮ่าๆๆ"

"กลับมาแล้วเหรอ งั้นแม่ขอคุยกับ พี่ใหญ่สักครู่ เราก็ไปอาบน้ำอาบท่าก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าว"

"ไม่นานไปเหรอครับแม่ ผมรอลุ้นมาทั้งอาทิตย์แล้วนะครับ"

"รออีกแปบเดี่ยวเองเจ้าลูกชาย ไป ทำตามที่แม่เขาบอกไปเร็วๆ"

"คร้าบบบ คร้าบบบบ"


    ลุงและป้านั่งคุยกับนพคุณในห้องทำงาน ได้สักพัก ก็ออกมาที่โต๊ะอาหารที่แม่บ้านเตรียมมจัดไว้ ส่วนชินพัตน์ก็กลับ
ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ ปะแป้งเหมือนจะเตรียมตัวนอน เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนภายในบ้านได้ครืนเครง
 

"แป้งหมดประป๋องหรือยัง เจ้าลูกชาย ฮ่าๆๆ" ผู้เป็นพ่อแซวคนแรกเมื่อลูกชายเข้ามานั่งที่โต๊ะ

"ใกล้จะหมดแล้วนะแม่ ซื้อให้ผมด้วย ซื้อกลิ่นเดิมห้ามเปลี่ยนนะครับแม่" เหมือนจะตอบคำถามผู้เป็นพ่อ แต่กลับหันไปบอกผู้เป็นแม่แทน

"จ้า จ้า เดี่ยวแม่ซื้อไว้ให้ ทำตัวเป็นเด็กๆ"



"แม่ครับ พ่อครับ ผมก็อาบน้ำแล้ว กินข้าวก็กินแล้ว ขนมไส่ใส้ของยายผมก็กินจนท้องจะแตกแล้ว บอกผมได้หรือยังครับ"

"ขอแม่กิน ขนมก่อนสิ อร่อยมากเลยนะ ใช่ใหมใหญ่"  คุณนายแม่แกล้งทำเป็นชมว่าขนมอร่อยเปลี่ยนเรื่อง

"นั้นสิครับ อร่อยมาก ยายทำเองหรือ ชิน"

"ครับ ยายกับต้นข่วยกันทำครับ"

"ทำอร่อยแบบนี้ ไม่บอกให้ยายทำขายหล่ะ"

"ไว้ผมจะบอก ให้นะครับ  โธ่.....อย่าเปลี่ยนเรื่องกันสิครับ ผมลุ้นจน ฉี่จะราดแล้วนะครับ"

"ก็บอกให้ยาย ขายผักร่วมกับขายขนม ลูกจะไปช่วยขายทุกวันหรือเปล่าหล่ะ "

"ผมก็ต้องไปขาย...?....ขายทุกวัน......ขาย  หมายถึง? ชินพัตน์หันมอง พ่อที แม่ที แล้วก็นพคุณด้วย

"ก็ใช่ไง ก็ไปช่วยยาย ขายทุกวันที่มีตลาดนัดไง  หรือว่าจะไม่ไป?" ผู้เป็นพ่อแกล้งถาม

"ไปครับไป เย้!!!!!  ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ"ก้มลงกราบ แนบอกผู้เป็นแม่และพ่อ

   
        ชินพัตน์ดีใจที่ตนเองจะได้ไปขายของได้ทุกวันที่มีตลาดนัด  รีบโทรไปบอกต้นกล้าและยายทั้งคู่ก็ยินดีด้วยส่วนนพคุณ เดินตามขึ้นมาบนห้อง เพราะรู้ว่าน้องชายต้องมีเรื่องคุยกับตนเองแน่นอน


"ผมยังเคืองพี่อยู่นะ เรื่องต้น พี่ทำไม่ถูกจริงๆนะวันนี้"

"พี่รู้แล้วว่าพี่เข้าใจผิด แล้วพี่ก็ไปขอโทษยายแล้วด้วย"

"แล้วต้นล่ะ พี่ใหญ่ พี่ทำต้นแขนเจ็บเลยนะ"

"พี่ก็ขอโทษไปแล้ว นายจะเอายังไงอีก"

"ก็ผมเห็นต้น ตอนเย็นๆ ไม่ค่อยคุยเลย เงียบลงไปเลยด้วย ต้นคงตกใจและเสียใจที่มีคนมาเข้าใจผิดแบบนั้น"

"แล้วจะให้พี่ทำไง ก็พี่ขอโทษไปแล้ว"

"ผมก็ไม่รู้ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะ ว่าพี่ห้ามเข้าใกล้ต้นหรือแกล้งต้นอีก "

".......งั้นพี่กลับก่อนนะ"

"ไม่ค้างที่นี้เหรอครับดึกแล้ว"

"ไม่หละ จะกลับไปดูงาน ทิ้งมาหลายวันแล้ว"


        นพคุณเดินกลับมาขึ้นรถ ก็นึกถึงคำพูดของน้องชายว่าต้นกล้า เงียบลงไปไม่พูดไม่คุย เพราะว่าตัวเขาเองเป็นสาเหตุหรือเปล่าปกติเป็นคนคุยพูดจาสนุกสนานงั้นเหรอ แล้วทำไมตอนที่ ขายลูกชิ้นอยู่ด้วยกัน ไม่พูดคุยอะไรเลย  แต่พอเวลาอยู่กับ ชินพัตน์ดูพูดคุยร่าเริง ยิ้มแย้ม ช่่างต่างกันลิบลับ สงสัยจะโดนเกลียดจริงๆซะแล้ว......


        เช้าวันจันทร์ ชินพัตน์ตื่นเต้นเพราะเป็นวันขายของจันทร์แรกของเขา เตรียมตัวเตรียมของ แต่ออเดอร์ไม่มี เลยเตรียมแต่ของไปแค่พอสำหรับขายในวันนี้เท่านั้น เพราะลูกค้าบางคนยังไม่รู้ว่า ตนเองจะไปขายวันนี้และยังไม่ได้บอกลูกค้าไว้ด้วย ที่ที่จะลงขาย ก็อาจจะไม่ได้ที่เดิม เพราะไม่ได้บอกคนดูแลตลาดนัด ก็ไปรอลุ้นที่เดียวเลยแล้วกัน


"ผมไปรับยายแล้วนะครับ"

"ขายดีๆ ร่ำรวยๆ เจ้าลูกชาย"

"ไปแล้วคร้าบบบบ"

"อาว...พี่ใหญ่มารับลูกชิ้นเพิ่มเหรอครับ" นพคุณเดินลงมาจากรถเมื่อเห็นชินพัตน์กำลังจะไปขายของ

"พี่จะไปกับนายด้วย"

"ไปใหนครับ"

"ไปขายลูกขิ้นไง"

"แล้ว.....?"

"ไม่มีอะไรแล้ว ไปขึ้นรถ เดี่ยวก็ไปรับ ยายกับต้นสายหรอก"

"ไปรับยายคนเดียวครับ วันนี้ต้นไปเรียน"

"อาวเหรอ...."

"งั้นผมไปก่อนนะครับ "

"ไปดีมาดี ทั้ง 2คน"


             นพคุณนั่งรถไปกับชินพัตน์ตรงไปรับยาย ช่วยกันเก็บผักได้เยอะเพราะมีผู้ช่วยมาเพิ่มอีกคน ทั้ง 2 คน ฝากท้องมื้อเที่ยงไว้กับที่ บ้านยาย นพคุณได้ชิม ต้มจืดตำลึงถึงกับติดใจ บอกว่าจะแวะมาช่วยและขอฝากท้องที่นี้บ่อยๆ เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จก็ขนของขึ้นรถไปตลาด เพื่อลุ้นว่าจะได้ที่เดิมหรือเปล่า คนดูแลก็จัดการให้เช่นเคย เพราะชินพัตน์มาเร็วจึงสามารถได้จับจ้องที่ว่างก่อนเลยได้ลงที่เดิม ไม่ต้องโยกย้ายไปใหน และก็บอกคนดูแลตลาดว่าจะมาทุกนัดด้วย


           ตลาดมีคนเริ่มเดินตั้งแต่ บ่าย 3 แต่ยังบางตา เพราะแม่ค้า พ่อค้าก็ยังตั้งร้านไม่เสร็จ จัดของวางขายไม่ทันก็มี ร้านใหนจัดเสร็จก่อน ลูกค้าที่มาเร็วก็จะตรงไปยังร้านที่พร้อมขายก่อนทันที ร่วมไปถึงร้านขายผักของยายและร้านลูกชิ้นของชินพัตน์ที่เริ่มปิ้ง ไปได้หลายไม้แล้วเพราะมีผู้ช่วย  ช่วยทั้งจัดผักให้ยาย และ หันผักเตรียมใส่ตะกร้าพร้อมขายทันที


"อาววันนี้ก็มาขายเหรอจ๊ะ  งั้นเอาเหมือนเดิม 10 ไม้ กับ อีก 1โล จ๊ะ"

"ได้ครับ วันนี้ทำไมมาตลาดเร็วล่ะครับ "

 "ไปรับเด็กจากโรงเรียน เลยแวะมาซื้อของเลยจ๊ะ"

"อ้อครับ ได้แล้วครับ ทั้งหมด 200 ครับ แยกน้ำจิ้ม แถมพิเศษ 2 ไม้ครับ"

"ขอบใจจ้า"
 

     ลุกค้าแวะเวียนเข้ามามากมาย แต่วันนี้จะมีลูกค้าใหม่มาเยอะ ส่วนลูกค้าประจำคงคิดว่ามาขายแค่วันเสาร์เลยดูบางตาไปถ้าเทียบกับวันเสาร์ เพราะจะมีมายืนรอต่อคิว และสั่งออเดอร์เยอะ ลูกค้าวันนี้ ซื้อไม่มาก ซื้อ 5 ไม้  อร่อยก็เดินกลับมาซื้ออีกลูกค้าบางคนซื้อเจ้าอื่นไปแล้ว แต่เมื่อเดินมาเจอว่าร้านของชินพัตน์มาขาย ก็แวะเข้ามาซื้อเพิ่มอีกก็มี


"อ้าว วันนี้ก็มาขายเหรอ"กลุ่มคนงานจากแคมป์ก่อสร้างกลุ่มใหญ่เดินผ่านมาและแวะเข้ามาทัก

"ครับ มาขายทุกนัดแล้วครับ " ยิ้มการค้าทักทายกลับทันที

"งั้นก็ดี จะได้ไปบอกลูกพี่"และเดินออกไปไม่ได้ซื้อ

"เออ เดี่ยวก่อนครับ พวกพี่จะกลับแล้วเหรอครับ"

"ก็ว่าจะเดินซื้อของต่ออีกหน่อย มีอะไรหรือเปล่า"

"เออ...เปล่าครับ  "


       ชินพัตน์เรียกไว้ เพราะอยากจะฝากลูกชิ้นไปให้ลุงยาม ที่คราวก่อนรบกวนให้ไปส่งลูกชิ้นแทน แต่คิดได้ว่ารบกวนเลยคิดว่าจะไปส่งเองดีกว่า เพราะมีพี่ชาย ตนเองดูร้านแทนให้ด้วย ลูกค้าก็ไม่เยอะเท่าวันเสาร์


"พี่ใหญ่ ผมฝากร้านแปบนะ ผมไปธุระเดียวมา"

"ไปใหน "

"ผมไปส่งลูกชิ้น แปบเดียวเดี่ยวมา"


       ชินพัตน์รีบเดินไปยังแคมป์ก่อสร้าง หวังจะรีบไปรีบกลับ เพราะลูกค้าน่าจะเยอะช่วงเย็นๆ


"คุณลุงยาม จำผมได้มั้ย "

"อ้อ ที่เคยมาส่งลูกชิ้นใช่ใหม"

"ครับ วันนี้ผมเอาลูกชิ้นมาให้ลุง ผมปิ้งมาใหม่ๆร้อนๆเลยครับ"

"อืม อร่อยมาก ลุงได้กินแล้ว คุณนนท์ ให้ลุงกินตั้งแต่วันนั้นแล้วอร่อยมาก"

"คุณนนท์? "

"ก็คนที่สั่งลูกชิ้น ไง"

"อ้อ ครับ งั้นผมกลับไปดูร้านไปก่อนนะครับ"

"อาว ใหนบอกว่า ขายแค่วันเสาร์"

" ผมจะมาขายทุกนัดแล้วครับ วันนี้วันแรก"

"ขายดีๆนะ แล้วก็ขอบใจมาก ที่เอาลุกชิ้นมาให้"ลุงยามยิ้มเป็นมิตร

"ครับ ไม่เป็นไร กินให้อร่อยนะครับ" ชินพัตน์ก็เดินกลับไปยังตลาดที่มีคนเริ่มเยอะขึ้น


        ช่วงเย็นเลิกงาน  นนทนัฐออกมายืนหน้าออฟฟิศเพื่อยืดเส้นยืดสาย เนื่องจากนั่งทำงานมาทั้งวัน เลยอยากจะเดินออกไปหามื้อเย็นทานที่ตลาดนัด น่าจะมีให้เลือกฝากท้องไว้ในเย็นนี้ เดินผ่านไปที่ป้อมยามหน้าเข้าออก ก็สะดุดกับกลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้ง ที่ลุงยามนั่งกินอยู่


"ซื้อมาจากใหนครับ ลุง"

"ลุงไม่ได้ ซื้อหรอกครับ แต่เจ้าของร้านที่เคยมาส่งลูกชิ้นเมื่อวันเสาร์ที่แล้วนะครับเอามาให้"

"วันนี้เขามาขายลูกชิ้นด้วยเหรอครับ?"

"ครับ เห็นบอกว่า จะมาขายทุกนัดเลย วันนี้ขายวันแรกครับ"

"ครับ ครับ" เมื่อรับรู้ นนทนัฐก็เดินไปตรงไปยังตลาดนัด


"ลูกชิ้นหมูล้วนๆ ผักสดๆทางนี้เลยครับ"ชินพัตน์ ปากร้องเรียกลูกค้าเหมือนปกติ มือก็ปิ้งลูกชิ้นแทบไม่ได้หยุดมือ

"ซื้อลูกชิ้นครับ ขายยังครับ"

"คะ ครับ   ไม้ละ 10 บาทครับ ซื้อ 10 แถม 1ไม้ครับ รับเท่าไหร่ดีครับ"

"จะมาขายทุกนัดเหรอครับ"

"เอ๊ะ ...อ้อ ใช่ครับ  มาทุกนัดครับ"

"ครับ งั้นผมก็จะมาซื้อทุกวันเลย"

"คะ ครับ รับกี่ไม้ดีครับ "

"ไปส่งที่ออฟฟิศ ได้หรือเปล่าครับ"

"เอ...เออ คือ ลูกค้าเยอะมาก คงไปส่งให้ไม่ได้แล้วอ่ะครับ"

" งั้นผม มาซื้อเองก็ได้ครับ"

"ครับ เออ  ...จะรับกี่ไม้ดีครับ?"

"ป้า เอา 20 ไม้  แล้วก็ 2 โล พ่อหนุ่ม มาขายวันนี้ก็ไม่บอก เมื่อกี้เห็นมีคนถือเดินกินผ่าน ไม่แน่ใจเลยเดินมาดู
ก็ใช่จริงๆด้วย  "

"ครับ ผมจะมาขาย ทุกนัด 20ไม้ใช่มั้ยครับ เดี่ยวปิ้งให้นะครับ รอสักครู่ "ตอบคำถามคุณป้า แต่ตาก็ยังมองลูกค้าที่มายืน
มองไม่สั่งสักที่ไปด้วย "พี่ใหญ่ หยิบลูกชิ้นมาให้ 2 กิโล กับเอาผักมาเพิ่มด้วยครับ" หันกลับไปสั่งนพคุณที่นั่ง เสียบลูกชิ้น

"ได้แล้วครับ ทั้งหมด 400 บาท แยกน้ำจิ้ม แถม ให้พิเศษ อีก 4 ไม้ครับ แล้วแวะมาใหม่นะครับ

"จ้าเดี่ยวป้าไปบอกเพื่อนๆให้นะ ว่ามาขายทุกวันแล้ว"

"ขอบคุณครับ" ส่งยิ้มให้กลับลูกค้าและหันกลับมามอง ลูกค้าที่ยืนมองไม่ได้ขยับไปใหน

"เออ..รับลูกชิ้นกี่ไม้ดีครับ"ชินพัตน์ถามย้ำไม่รู้รอบที่เท่าไหรแล้ว

"ใจดีจังเลยนะครับ แถมให้ทุกคนเลย"

"อ้อ ครับ ป้าแกมาซื้อประจำ ครับ เลยแถมให้ แล้วคุณ..."

"ผมก็อยากเป็นลูกค้าประจำ ผมจะมาซื้อทุกวันเลย จริงๆนะ" นนทนัฐยิ้มเล็กน้อย

"ครับ " ชินพัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูกโดนจ้อง ได้แต่ก้มหน้า ปิ้งลูกชิ้นต่อ

"ลูกชิ้น ของคุณอร่อยมากๆเลยครับ" ชินพัตน์ได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง กับคำชมเรียบๆแต่จริงใจ

"ขอบคุณครับ "ตอบรับแล้วก็หลบตา หันไปหันผักใส่ตะกร้าต่อ

"ผมช่วยปิ้ง ......นะ"ชินพัตน์หันกลับมามอง เมื่อเห็นว่าลูกชิ้น กำลังไหม้เป็นแถบ เพราะไม่ได้กลับด้าน
ลูกค้าคนนั้นก็ช่วยกลับ พลิกไปมาให้

"เออ เกือบไหม้แล้ว  " ลูกค้าเดินเข้ามาเกือบจะในส่วนด้านในร้านเพราะจับไม้ลุกชิ้นไม่ถนัด

"แต่ผมก็ชอบ นะ" เสียงพูดเบาเหมือนให้ได้ยินแค่ สองคน

"ครับ?" ชินพัตน์ได้ชยินไม่ชัด

"ผมชอบ ลูกชิ้นที่มีกลิ่น ไหม้ๆนิดๆ ผมว่ามันหอมดี อร่อยด้วย"

"อ้อครับ" ชินพัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูก เหมือนโดนล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวยังไงไม่รู้ แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะลูกค้าตั้งใจเข้ามาช่วย



"ลูกชิ้นเสียบไม้เสร็จหมดแล้ว ให้ทำอะไรอีก" เสียงสวรรค์มาช่วย

"เสร็จแล้วเหรอ งั้นพี่ช่วยปิ้งลูกชิ้นให้ลูกค้าหน่อย ผมจะไปช่วยยายขายผัก ลูกค้ายายเยอะเลย"ชินพัตน์รีบผละไปหายายทันที

"ได้ได้ คุณ รับกี่ไม้ครับ" นพคุณทำหน้าที่พ่อค้า

"เออ....10 ไม้ครับ....."น้ำเสียงสั่งที่โต๊ะ แต่สายตานนทนัฐไม่ได้อยู่ที่ลูกชิ้น แต่ไปอยู่ที่ร้านขายผักแล้ว

"ได้ครับ รอสักครู่" นพคุณไม่ได้สังเกตุสายตาลูกค้าเลย ว่าอยู่ที่ใหนก้มหน้าจับใส่ถุงอย่างเดียว

   
     
           เย็นวันจันทร์นี้ก็ขายหมดเร็ว เช่นเคย ผักสด เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ ยายบอก จะเก็บไว้ทำกับข้าวกิน แล้วแบ่งให้ ชินพัตน์กับนพคุณไปทานที่บ้าน ลูกชิ้นในตู้แช่ก็ไม่เหลือแล้ว บนถาดที่ปิ้ง ไว้แล้วประมาณ 10 กว่าไม้ ก็ว่าจะ แจกให้ แม่ค้าร้านใกล้เคียง ไม่ก็ว่าจะนั่งทานเล่นๆไป ตอนเก็บข้าวของ และช่วยยายเก็บร้าน แต่ก็ยังมีลูกค้าเดินเข้ามาซื้ออีกจนได้


"ลูกชิ้น หมดหรือยังครับ"ชินพัตน์เห็นลูกค้าแล้วว่าเป็นคนเดิม จึงหันไปมองพี่ชายและยาย ที่กำลังเก็บของ

"ยังพอมีอยู่ครับ รับกี่ไม้ครับ แต่ว่าน้ำจิ้มหมดแล้วนะครับ ผักก็หมด"

"ไม่เป็นไร เหลืออยู่กีไม้ครับ"

" 13 ไม้ครับ "

"ผมเอาหมดนี้เลย "
 
"ได้ครับ  แต่ต้องขอโทษนะครับ น้ำจิ้มหมดไม่เหลือเลย"

"ไม่เป็นไรครับผมชอบกินเปล่าๆ เพราะว่ามันอร่อยในตัวอยู่แล้ว"

"งั้นเดี่ยวผม เปิดเตาปิ้ง อุ่นให้ ร้อนๆให้นะครับ"

"ไม่ต้องหรอกครับ เปลื้องแก็สเปล่าๆ"

"ครับ งั้นก็ ทั้ง หมด 100 บาทครับ"

" 13 ไม้ ไม้ใช่เหรอครับ "

"ผมแถมให้ครับ จะได้มาซื้อกันบ่อยๆ "ส่งยิ้มการค้าไปให้

"ครับ ผมจะมาทุกวันเลย" ส่งยิ้มกลับพร้อมกับส่งเงินให้



         นพคุณเก็บของช่วยยายเสร็จ ก็เดินมาดูน้องชาย ที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่โต๊ะ ทั้งที่ลูกค้าเดินออกไปตั้งนานแล้ว เลยเดิเข้าไปดูปรากฎว่าลูกชิ้นที่คิดว่า จะแจก หรือจะกินเล่นๆเอง หายไปหมดจากถาด นั้นก็แปลว่าลูกค้า คนเมื่อกี่เหมาไปหมดแล้ว แล้วน้องชายเขาเป็นอะไร ยืนเหม่อเหมือนสติลอยไปที่ใหน


"ชิน เป็นอะไร?  ชิน ชินพัตน์?" นพคุณเห็นน้องไม่ตอบ เลยเดินเข้าไปใกล้ สะกิดแขน

"อะ อะไร พี่ใหญ่?" สติกลับเข้าร่าง

"ยืนเหม่อคิดอะไร ทำไมไม่รีบเก็บร้าน คิดอะไร วันนี้ขายได้ไม่ถึงเป้าหรือไง"

"เปล่าๆ คิดอะไรนิดหน่อย"

"เมื้อกี้ ลูกค้ามาเหมาไปหมดเหรอ"

"อะไร อ้อ ลูกชิ้น ใช่ๆ เหมาไปหมดเลย ขนาดน้ำจิ้มไม่มี ผักก็หมด เขาก็ยังบอกว่า อร่อย...."ท้ายประโยคเสียงเบาลงเหมือนพูดคนเดียว

"เออ ขายหมดก็ดีแล้ว เก็บของจะได้รีบกลับ"
   
   
         จะมาซื้อทุกวันจริงๆเหรอ?  กินแค่ลูกชิ้นเปล่าๆ ไม่ต้องมีน้ำจิ้ม ก็อร่อยเหรอ?  ไม่ต้องอุ่นให้ไหม่ก็ไม่ว่าเหรอ?

จะมาทุกวันทำไม ก็มีสาวสวยๆมาส่งมาป้อนให้กินถึงที่อยู่แล้วนี้............    จะมาทำไมทุกวัน..........???






                                                          ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                 
                                                             ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :pig4:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-11-2014 17:56:29
คุณนนท์รุกเร็วจังครับ น้องชินเรายืนเอ๋อแล้ว
ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 24-11-2014 18:41:53
ท่าจะติดใจคนขายลูกชิ้นด้วยนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-11-2014 18:56:29
คุณนนท์กับน้องชินดูมีความในใจอะไรแปลกๆต่อกันรึเปล่านะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 24-11-2014 21:11:37
จะบอกว่าคนอ่านอะไม่ค่อยชอบกินลูกชิ้นนะ
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความอยากลูกชิ้นขึ้นมาตะหงิดๆ
เรื่องน่ารักมากเลยครับ ขอบคุณคนแต่งน้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 10 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-11-2014 23:09:59
อ่านเรื่องนี้แล้วหิวทุกทีเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 24-11-2014 23:36:03

                                                       ตอนที่ 11  มาได้ทุกวันจริงๆ(ตามมาทำไม)

   

"เสาร์นี้พี่ใหญ่ ก็จะไปด้วยเหรอครับ ?"ชินพัตน์ถามเมื่อเห็นพี่ชายตนเองมาที่บ้านแต่เช้า

"ไปสิ ทำไมไม่อยากให้พี่ไปช่วยเหรอ"ดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าชินพัตน์ด้วยซ้ำ

"เปล่า มีพี่ไปช่วยก็ดี แต่แล้วร้านของพี่ล่ะ " ถามอย่างสงสัย

"พี่ฝากให้แมน ดูร้านให้แล้ว เย็นนี้พี่ก็กลับไปดูน่า ไม่ต้องห่วง"บอกปัดเพื่อไม่ให่ถามมากความ

"ผมนึกว่า แม่เป็นคนส่งให้พี่ไปช่วยผม แค่ 2 วันซะอีก เพราะเสาร์มีต้นช่วยแล้ว ก็ไม่คิดว่าพี่จะไปด้วย"

"ก็พี่จะตามไปด้วย"

"ครับๆ แต่ห้ามทำอะไรต้นอีกนะ ผมเอาเรื่องพี่จริงด้วย"ชินพัตน์ขู่ไว้กั้นไว้ก่อน

"เอาน่า... รีบจัดของแล้วไปรับยาย ต้องไปช่วยกันเก็บผักอีกนะ ไปกันเถอะ"ดันหลังน้องชายไปที่รถ

"วันนี้ไม่ต้องรีบก็ได้พี่ เพราะต้น กลับมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น เช้านี้ก็ช่วยยายเก็บแล้วพี่"

"นั้นแหละ รีบไปช่วยกัน จะได้ผักเยอะๆไง"

"เป็นอะไรของพี่เนี้ย???"ชินพัตน์รู้สึกแปลกใจที่พี่ชายตนเองดูเร่งตนเองให้ไปเร็วๆ


           ผ่านพ้น ตลาดนัดทั้งวันจันทร์และอังคาร มาได้อย่างสบาย เพราะมีลูกค้าเริ่มรู้แล้ว เพราะช่วยกันบอกปากต่อปาก ทำให้ลูกค้าที่ซื้อประจำมาซื้อ และสั่งออเดอร์เหมือนเคย จนวันนี้มีออเดอร์สะสมจากอาทิยต์ที่แล้วที่นัดรับวันเสาร์กับออเดอร์ ของวันพุธ เยอะเพิ่มขึ้นวันนี้เลยต้องเอา รถไป 2 คัน รถชินพัตน์อักแน่นไปด้วย ตู้แช่2ถังใหญ่ ลังโฟม และของต่งๆที่เป็นอุปกรณ์เอาไว้ขายลุกชิ้น ส่วนรถของนพคุณ ก็มีของบางส่วนที่ไม่สามารถอัดเข้าไปที่รถชินพัตน์ได้อีก อย่าง ถุงน้ำจิ้ม 2 ถุงใหญ่ หม้อน้ำจิ้มไฟฟ้า และผักสดและเก็บพื้นที่หลังรถ ไว้ไปรับตะกร้าผักของยายอีก วันนี้น่าจะมีผักเยอะพอควร

           ไปถึงบ้านยาย ผักเก็บได้เยอะอย่างที่ขาดไว้ เพราะต้นกล้ากลับมาช่วยยายและรู้ว่าตต้องเก็บผัก อะไรบางและคล่องกว่า
ชินพัตน์และนพคุณ เลยได้ช่วยกันนำผักไปใส่ตะกร้าที่มีผ้าชุบน้ำรองด้านร่างไว้เพราะเก็บความสดของผักไว้ พอใส่ผักเกือบเต็มตะกร้า ก็น้ำผ้ามาคุ้มและรดน้ำด้วย  ยกขึ้นหลังรถนพคุณ ได้เต็มหลังรถ และทานมื้อเที่ยงที่บ้านยาย


"ขึ้นมากินขายเที่ยงกันเถอะ  พ่อหนุ่ม "

"ครับผม" ชินพัตน์รับคำ ก็รีบเดินไปล้างมือ

"ต้นเรียงเสร็จก็ขึ้นมาดูขนม ให้ยายด้วย ยายจะเตรียมสำรับกับข้าวก่อน "

"จ้า เดี่ยวเสร็จแล้วต้นขึ้นไปช่วย"

"ยาย เดี่ยวผมช่วยเองครับ"ชินพัตน์รีบเสนอตัวช่วยยายเพราะมาที่นี้บ่อยจนเลยชิน

"เดี่ยวพี่ช่วยยกขึ้นรถให้ จะได้เสร็จเร็วๆ จะได้ขึ้นไปทานข้าวพร้อมกัน"นพคุณจับขอบตะกร้าผักที่ต้นกล้ากำลังยกขึ้นรถไว้

"ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองได้ คุณขึ้นไปทานก่อนเลยครับ" ต้นกล้ายื้อตะกร้ากลับทำทีท่าจะยกเอง

"ช่วยกัน จะได้จัดเสร็จเร็วขึ้น มา พี่ช่วย" นพพคุณยื้อตร้าออกมาจากมือต้นกล้าได้ และยกขึ้นวางบนหลังรถ

".....งั้นคุณก็ทำไปเองคนเดียวแล้วกัน"ต้นกล้า รีบเดินหนีขึ้นบ้านไปทันที

"อะ...อ้าว?????"พอนพคุณหันกลับมาจะยกอีกตะกร้า ต้นกล้าก็เดินหนี้ไปแล้ว


        นพคุณรีบยกตะกร้าที่เหลือ ใส่ในรถอย่างเร่งรีบ เพราะอยากขึ้นไปทานข้าวพร้อมๆกับคนอื่น เมื่อเสร็จก็รีบไปล้างมือ ขึ้นไปบนบ้านเห็นเพียง ยายกันชินพัตน์ที่ช่วยกันยก สำรับออกมาตรงชานบ้าน นพคุณมองหาอีกคนที่เดินหนีเขาขึ้นมาแต่ตอนนี้หายไปใหนแล้ว.......


"พี่ใหญ่ มัวมองหาอะไร กินข้าวสิพี่ กับข้าวอร่อยๆทั้งนั้นเลย ผมรับรอง"ชินพัตน์รีบนำเสนอ

"อ้อ ป่ะเปล่า พี่แค่มองว่า ให้ช่วยยกอะไรอีกใหม" นพคุณรีบหันกลับมาหาน้องชาย แก้ตัวลิ้นพันกัน

"ไม่มีแล้วล่ะจ๊ะ เหลือแต่ขนม ยังไม่สุกดีเลยให้ต้นไปดู"ยายช่วยตอบแทนชินพัตน์

"เหรอครับ แล้วน้องเขาทานข้าวหรือยังครับ"

"ก็คงชิมจนอิ่ม แล้วเห็นบอกว่านยังไม่ค่อยหิว เลยบอกว่าจะเฝ้า ดูขนมบนเตานะจ๊ะ"

"ชิมอะไรครับยาย "ชินพัตน์แปลกใจกับคำที่ยายบอก

"อ้อ ก็วันนี้กับข้าวทั้งหมดนี้ ต้นเป็นคนทำ ส่วนยายทำขนมนะจ๊ะ ลองทานกันดูสิจ๊ะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า"

"โอโห้ ต้นทำเองหมดนี้เลยเหรอครับ งั้นต้องลองชิมหน่อยแล้ว" ชินพัตน์ถึงกับออกปากชม

"อร่อยมากเลยครับ" นพคุณทานไปหลายอย่าง ก็หันมาบอกยาย

"จ้าๆ อร่อยก็ทานเยอะ เต็มข้าวอีกใหม เดี่ยวยายไปตักให้"

"ไม่เป็นไรครับ เดียวผมเข้าไปตักเอง" นพคุณรีบลุกขึ้น ถึงจานข้าวเข้าไปในครัว


         ต้นกล้าที่กำลังเอาขนมออกจากซึ่ง มาวางในทานเพื่อให้คลายร้อน แบ่งส่วนที่จะให้ทั้งสองเอากลับไปให้คนที่บ้าน และส่วนที่จะไว้ให้ทานหลังทานข้าวเสร็จไว้ในจาน ไม่ได้สนใจคนที่เดินเข้ามา ยืนมองตนเองทำงาน  พอหันจะลุกขึ้นหยิบถาดมาใส่เพิ่ม ก็ชนเข้ากันคนที่ยืนมองอยู่ นพคุณก็ไม่คิดว่า ต้นกล้าจะลุกขึ้นมากระทันหันแบบนั้น


"โอ๊ะ....ระวัง!!!!"เสียงของทั้งคู่ ต้นกล้าตกใจ ส่วนนพคุณรีบขว้าตัวต้นกล้าที่ทำท่าจะหงายหลังไปเพราะตกใจ

".......ไม่เป็นอะไรนะ"นพคุณมีสติกว่าถามขึ้นก่อน กับคนที่อยู่ในอ้อมกอด

"ไม่...ไม่เป็นอะไรครับ .....แล้วคุณเขามายืนทำอะไรเงียบๆ!!!" ต้นกล้าที่พยายามออกจากแขนของนพคุณ แต่พอนึก
ขี้นมาได้ ว่าที่ตนเองเกือบล้มไปเพราะใคร

"พี่จะเข้ามาตักข้าวเพิ่ม..."

"หม้อข้าวอยู่ตรงนั้น..."ต้นกล้าเมื่อรู้ก็หลบตา แล้วชี้ไปที่หม้อหุ้งข้าว

"แล้วน้องไม่ทานข้าวเหรอครับ?"นพคุณเดินเข้าไปใกล้ คนที่พยายามเดินห่างออกจากตนเอง

"อ๊ะ!!  แล้วคุณจะเดินมาตรงนี้ทำใหม หม้อข้าวอยู่ตรงนั้นครับ" เมื่อต้นกล้าจะหันมาตอบคำถามก็ต้องผงะเพราะนพคุณอีกครั้ง

"ไม่ออกไปทานข้าวกับพี่.....พี่ๆเหรอ"

"ผมยังไม่หิวครับ..... หม้อข้าวจะตักใหมครับ ถ้าไม่ผมจะยกไปให้พี่ชินกับยายข้างนอก" ต้นกล้าไม่รอคำตอบ ยกออกไปเลย

"......"นพคุณได้แต่ยืนมองตามหลังต้นกล้า

"จะตามาด้วยทำไมนะ?" ต้นกล้าพูดบ่นเสียงเบาขณะเดินไปหายายที่หน้าบ้าน


         ทั้งสามนั่งทานจนอิ่ม มีต้นกล้าก็ยกจานขนม ข้าวต้มมัด ที่ยายและต้นกล้าช่วยกันทำเตรียมไว้ เพื่อตอบแทนเล้กๆน้อยให้กับชินพัตน์ที่ค่อยช่วยเหลือตลอด


 "ทำเยอะขนาดนี้ ผมเเกรงใจ ยายจริงนะครับ ลำบากแย่"

"ไม่ลำบากหรอก พ่อหนุ่มยังมารับมาส่งยาย แล้วไม่ให้ยายช่วย ค่าน้ำมันยายก็มีสิ่งตอบแทนเป็นขนมพื้นๆแบบนี้เท่านั้น"

"ยังไงผมก็ต้องขอบคุณนะครับ อร่อยมากเลยครับ "ชินพัตน์ยกมือไหว้

"ทำไม ยายไม่ทำขายด้วยล่ะครับ อร่อยขนาดนี้ต้องมีคนชอบ ถ้าทำขายต้องมีคนอุดหนุนแน่นอนครับ"
นพคุณเสนอ เม่อได้ชิมขนมที่ยายทำทั้งสองครับ และยอยมรับมาอร่อยมากจริงๆ

"ยามทำไม่ไหวหรอกครับ แค่ดูแลผักในสวน ก็ยังไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ถ้าให้ขายขนมด้วย ผมไม่ให้ยายขายนะครับ ยายจะได้พักผ่อนเยอะๆ"


            ต้นกล้าที่นั่งฟัง ทั้ง 3 คุยเงียบๆมานาน รีบหันตอบนพคุณแทนยาย ด้วยน้ำเสียงแข็ง และหันกับมาทางยายตนเองไปให้ทำอะไรเหนื่อยๆอีกนพคุณและชินพัตน์ได้ยินที่ต้นกล้าตอบกลับมา ทำให้เงียบและคิดตามทันที ว่าถ้าจะขายก็ขายได้ แต่ยายจะทำและขายคนเดียวคงไม่ไหว และยิ่งทำให้ต้นกล้าเป็นห่วงยาย ขึ้นไปอีก เลยรีบปฎิเสธเสียงแข็งแบบนั้น  ทำให้ไม่มีใครกล้าคุยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก


"ยาย ขึ้นมาที่รถผมนะครับ" ชินพัตน์พายายเดินไปนั่งที่เบาะข้างตนเองและปิดประตูให้

"ต้น นั่งข้างใน ให้ต้นเข้าไปก่อนสิพี่ชิน"

"ต้นจะมานั่งเบียดๆทำไม ไปนั่งสบายๆ ขันโน่น"ชินพัตน์ชี้ให้ต้นกล้าไปรถของนพคุณ ก่อนจะขึ้นและขับออกนำไปก่อน


         ทำให้ตอนนี้ ต้นกล้ายืน หันไปหันมาทำอะไรไม่ถูก เพราะรถชินพัตน์ก็ออกไปแล้ว นพคุณ ก็เดินขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว


"........"ต้นกล้ายังคงยืนนิ่ง


    จนสุดท้าย นพคุณก็เดินลงมาจากรถ และเดินมาหาต้นกล้าเสียงเพราะรอแล้วก็ไม่มีที่ท่าว่าต้นกล้าจะเดินมาขึ้นรถสักที่


"ลืมอะไร อีกหรือเปล่า?"นพคุณพยายามถามเสียงเรียบ

"เปล่า ผมไม่ได้ลืมอะไร"

"งั้นก็ไม่ขึ้นรถสิครับ ยายรอให้ไปช่วยจัดร้านไม่ใช่เหรอครับ"

"....."ต้นกล้าได้ยินนพคุณพูดถึงยาย ก็รีบเดินไปท่รถทันที

"ไม่อยากนั่งรถไปพร้อมกับพี่เหรอ...คราวหลังพี่จะบอกน้องชายพี่ให้แล้วกัน"พอขึ้นรถมาได้ นพคุณก็ถามขึ้น

".........."มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา

"พี่เข้าใจแล้ว คงเกลียดขี้หน้าพี่มากสินะ ถึงไม่ยากนั่งรถไปกับพี่แบบนี้" แล้วนพคุณก็ขับรถไปยังตลาดนัด และก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก


     ชินพัตน์ถอยรถเข้ามา ยกลงของแล้วบางส่วน ส่วนถังแช่ กับลังโฟม ต้องรอให้ นพคุณมาช่วยยกลงเพราะมีน้ำหนักเยอะมาก
ส่วนยาย ก็นั่งรออยู่บริเวณร้าน ที่ยังว่างเปล่า เพราะแผงขาย อยู่กับรถนพคุณ  ไม่ถึงสิบนาที รถ นพคุณก็ขับตามเข้ามา และถอยหลังเข้ามา และส่วนกันยกตะกร้าผักลงมา และแยกตัวมาช่วยชินพัตน์ยกลัง



"พี่ทำไมมาช้าจัง"

"ไม่มีอะไร  ยกลงมาหมดนี้เลยใช่มั้ย"นพคุณรีบปฎิเสธและรีบหันไปยกขอต่อ

"ครับ ยกมาเรียงไว้ข้างหลังนี้ครับ" ชินพัตน์รีบตอบ และหันมองพี่ชายตนเองอย่างงงและหันกลับไปมองต้นกล้า
ที่มีอาการไม่ต่างจากนพคุณ ที่เอาแต่ยกของ ไม่พูดไม่จาไม่ทักทายใครๆเลย ผิดวิสัยต้นกล้าที่เคยเป็น


          วันนี้ก็ขายได้ดีเช่นเคย ลูกค้าประจำเยอะ ออเดอร์ก็เยอะตามมาด้วยเช่นกัน แต่ที่แปลกไป คือแถบจะไม่ได้ ยินเสียงต้นกล้าเลยวันนี้เงียบผิดปกติ จนทำให้ชินพัตน์สงสัย ในขณะที่ลุกค้ายังไม่มีเลยหันไปถาม คนที่น่าจะเป็นต้นเหตุ


"พี่ใหญ่  แกล้งอะไรต้นอีกใช่ใหมพี่?"ชินพัตน์นั่งเก้าอีกอีกตัวข้างนพคุณที่นั่งเสียบลุกชิ้นอยู่

"พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"เงยหน้าขึ้นมาตอบ และหันไปมองคนที่ชินพัตน์พูดถึง แต่ก็โดนหลบสายตา

"ไม่ได้ทำอะไรแล้ว วันนี้ต้นกล้าเป็นอะไร ทำไมดูไม่สนุก ไม่พูดไม่คุยเลยอ่ะพี่"ชินพัตน์ก็หันไปมองต้นกล้าเช่นกัน

"คงอยากนั่งรถมากับนายมั้ง" นพคุณถอดถุงมือที่สวมไว้ออก แล้วเดินออกจากร้านไป

"อ้าว  แล้วพี่จะไปใหน " ชินพัตน์งงในท่าทีของพี่ชายตนเองอีกคน

"พี่จะไปเข้าห้องน้ำ"ตอบแล้วรีบเดินไป

"วันนี้เป็นอะไรกันหว่า" ชินพัตน์นั่งก้ม ดื่มน้ำในกระติกที่เตรียมมา

"ซื้อลูกชิ้นครับ"ชินพัตน์สะดุ้งกับเสียงเรียก และไม่ต้องหันกลับไปดูก็รู้ว่าเป็นไคร

"มาได่ทุกวันสิน่า...."พูดกับตนเองเบาๆแล้วรีบลุกขึ้นไปขายลูกค้าประจำ ที่มาทุกนัดจริงตามที่เคยพูดไว้

"วันนี้รับกี้ไม้ ดีครับ"ยิ้มการค้าส่งไปให้

"เหนื่อยใหม่ครับ วันนี้เห็นนั่งทานน้ำ"

"ไม่หนื่อหรอกครับ พอดีไม่มีลุกค้าเลยนั่งพักดื่มน้ำนะครับ"

"วันนี้ลูกค้าก็เยอะเหมือนเดิมนะครับ"

"ครับ แล้ววันนี้คุณจะรับเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ?"ชินพัตน์รีบวกเข้าขายของทันทีก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปไกล

"คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปลาครับ"

"อะ อไรนะครับ?"

"นอกจากลูกชิ้น แสนอะไรที่คุณทำแล้ว คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษอีกหรือเปล่า?"

"เออ...คือ ผมไม่รู้นะครับว่า สิ่งที่คุณถามผมมานี้ คุณจะถามไม่เพื่ออะไร แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับกับลูกชิ้นที่ผมขาย ผมขอไม่ตอบนะครับ"

"ผมทำให้คุณรำคาญเหรอครับ ผมขอโทษขอก็แค่..."(อยากรู้จักคุณ)ไม่ได้พูกออกไป

"......."ชินพัตน์อยากตอบกลับไปว่าใช่แต่กลัวเสียลูกค้าได้แต่ก้มหน้านิ่งระงับอารมณ์ที่เกิดหงุดหงิดเรื่องอะไรกันแน่

"ชิน ลุกค้ามายืนรอแล้ว ก้มหน้าทำอะไรอยู่ ไม่ปิ้งลูกชินล่ะ"

"พี่ใหญ่ ขายของแทนหน่อย ผมจะไปเอาลูกชิ้นที่รถมาเพิ่ม"

"อ้าว  ลุกชิ้นในตู้แช่นี้หมดแล้วเหรอ?"นพคุณงงเพราะคิดว่ายกลงมาเกือบหมดแล้ว

"เถอะน่า ขายแทนหน่อย "แล้วชินพัตน์ก็เดินหายไปกับคลื่นคนเดินตลาดที่เริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงเย็นๆแบบนี้

"รับกี่ไม้ครับ มาซื้อทุกวันเลยนะครับ"นพคุณยิ้มกลับไปเพราะจำได้ว่ามาซื้อประจำ

" งั้น ขอ 5ไม่ก่อนแล้วกันครับ ช่ายเอาไม้ออกแล้วใส่น้ำจิ้มไปเลยครับ" นนทนัฐรีบสั่ง แต่ใจไปอยู่กับคนที่เดินหนีหายไปใหนแล้ว

"ได้ครับ รอสักครู่"นพคุณก็ลงมือปิ้ง

"ขายดีนะครับ ลูกค้าเยอะ"

"ครับ "นพคุณยิ้มตอบสั้นๆ

"ได้แล้วครับ ทั้งหมด 50บาทครับ "


     นพคุณมองตาลูกค้าที่พึ่งเดินออกไปว่าปกติสั่งเยอะกว่านี้  และจะชอบย้อนกลับมาซื้อตอนใกล้จะเก็บร้านทุกครั้งและทุกวันถึงแม้ตอนเองจะไม่ได้เป็นคนขาย แต่ก็พอจะจำได้ว่าจะยืนคุยกับชินพัตน์นานพอสมควรกว่าจะกลับไปแต่ละครั้ง วันนี้ทั้งน้องชายและลูกค้าดูแปลกไป แต่ก็ต้องเลิกคิดเพราะลูกค้าเข้ามาเยอะ คนแถบจะปิ้งไม่ทัน หันไปมองทางที่จะไปลานจอดก็ไม่เห็นวีแวว น้องชายจะกลับมา มองไปที่ร้านขายผักของยาย เพื่อขอตัวช่วย แต่คนที่อยากจะให้มาช่วยก็ไม่มองมาทางตนเลยยุ่งจน ทอนเงินผิดๆถูกๆ ปิ้งลุกชิ้นก็ไหม้เป็นแถบๆ แต่ลุกค้าก็ไม่ได้ว่า แถมยังช่วยปิ้ง


"มา เดี่ยวผมใส่ถุงให้ลุกค้าเอง"เสียงสวรรค์ดังมาจากด้านข้าง

"......"นพคุณหันมามองก็ยิ้มอย่างดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้ม เพราะคนที่ส่งยิ้มไปให้กลับ ไม่แม้จะมองหน้าตนเองด้วยซ้ำ
 

        รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของต้นกล้าตอนนี้มีให้กับลูกค้าอย่างเดียวสินะ นพคุณที่ยังคงปิ้งลูกชิ้นมือเป็นระวิง แต่ในหัวก็ยังคงคิด ว่าคนที่ยืนข้างๆ ไม่เคยที่จะยิ้มแบบนั้นให้เขาสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นยิ้มการค้าแบบนั้นเขาก็เข้าใจ แต่รอยยิ้มที่ ต้นกล้าส่งให้แต่กับชินพัตน์นพคุณ ก็อยากที่จะได้รับบางสักครั้ง........


                                                                        .........คิดไปคิดมา .........


                                                                .     ......นพคุณก็ถามตัวเอง .......


                                                         ............แล้วเรามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ว่ะ?..........





                                                                ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:


                                             :กอด1:   ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้น  +เป็ดให้ทุกคนค่า   :pig4:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 25-11-2014 00:13:32
อยากกินเด็กล่ะสิพี่ใหญ่ คริคริ :hao6: :hao6:
อีกคู่ก็นะ รู้นะคิดไรกันอยู่คนอ่านฟินล่วงหน้าไปแระ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 25-11-2014 00:19:21
เอ็นดูพี่ใหญ่ :mew2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 25-11-2014 00:27:49
หืมมมมมม  สองคู่ชูชื่น น่ารักหรุ้งฟริ้งมากก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 25-11-2014 00:48:01
มาเน้นๆ หลายตอน จุใจกันไปเลย
แต่ก็ยังไม่พอน้า ปูเสื่อรอ
ชินแอบหึงหรอ เข้าไปเจอช๊อตนนท์โดนป้อนลูกชิ้น
นนท์ชอบลูกชิ้น หรือคนทำลูกชิ้นกันแน่ ^___________^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 25-11-2014 04:22:29
อ่านแล้วหิวเลยค่ะ อยากกินลูกชิ้น 5555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-11-2014 07:26:09
พี่ใหญ่จีบน้องต้นให้มันเป็นจริงเป็นจังกว่านี้หน่อยสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 25-11-2014 11:02:21
ง่าาาา เป็นอะไรกันไปหมด
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 11 [24-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 25-11-2014 12:38:10
นี้มันๆ
ใช่เลยอะ ที่สุดแห่งปีนี้เลย
แบบว่าโดนสุดๆแล้ว เพิ่งได้มาอ่าน
โอโห พลาดเลย...อ่าว 555+ จริงๆอยากจะดองไว้นานๆแล้วมาอ่านเลยจะฟินมาก
แต่เรื่องนี้สุดๆเลยยกให้เป้นที่หนึ่งในใจในปีนี้เลย
แค่เริ่มเรื่องได้ไม่นานนี้แบบอ่านไปยิ้มไป โอ้ยชอบมากๆ
มันเนื้อเรื่องดูธรรมดาแต่แบบ reality มากๆ
ยกนิ้วให้เลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 25-11-2014 17:16:16


                                                                   ตอนที่ 12  ทำไมต้องหนี


        ชินพัตน์เดินไปเข้าห้องน้ำล้างตาล้างตาเพื่อสงบสติ มองเงาตนเองในกระจก ก็ยังคงไม่ได้คำตอบ ว่าตนเอง หงุดหงิดเรื่องอะไรเดินเที่ยตลาดไปเกือบทั่ว ก็ไม่คิดว่าจะเดินกลับ ไปที่ร้านของตนเอง ถึงแม้ว่าจะมีลูกค้าที่จำได้และเดินมาทักทายลูกค้าบางคนก็บอกว่าลุกค้าเต็มร้านแล้ว ลูกค้าแซวชินพัตน์ไม่จริงจัง ว่าพ่อค้าลูกชิ้นหนีเดินเที่ยวตลาดซะแล้วซะแล้ว

        เดินกลับมายังร้านตนเอง แถมในมือก็ถือถุงข้าวของ ขนมมากมายเต็มมือ เข้ามาในร้าน เห็นนพคุณกับต้นกล้า ช่วยกันขาย
แถบไม่ได้นั่ง เพราะลูกค้าเยอะเหมือนเช่นเคย ชินพัตน์มองดูให้แน่ใจ ว่าไม่เจอลูกค้าเจ้าปัญหา แล้วจึงเดินเข้ามาช่วยยายผักต่อ


"ไปเดินเที่ยวตลาดมาเหรอ พ่อหนุ่ม"ยายถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีลูกค้าแล้ว

"ครับ ผมซื้อขนมมาฝากยายกับต้นกล้าด้วยครับ"

"ขอบใจน่ะ"

"......"ชินพัตน์ยังคงมีความคิดค้างคาอยู่ ว่าตนเองรู้สึกอะไรอยู่ตอนนี้

"หายไปใหนมา ใหนบอกไปเอาลุกชิ้นมาเพิ่ม ใหนล่ะ ลูกชิ้นหมดแล้วด้วย"นพคุณเข้ามาทักเมื่อเห็นน้องชาย

"หมดแล้วเหรอ งั้นก็กลับกันเถอะพี่"ชินพัตน์ตอบเสียงเรียบ เพราะตนเองไม่ได้ตั้งใจจะไปเอาลูกชิ้นจริงๆ

"กลับอะไร ผักยายก็ยังเหลืออยู่ ออเดอร์ลูกค้า ก็ยังไม่มารับอีกหลายเจ้าไม่ใช่เหรอ" นพคุณงงกับท่าทีของน้องชาย

"ผมรู้สึกปวดหัวอยากกลับบ้านไปพัก"

"ไม่สบายเหรอพ่อหนุ่ม "ยายถามอย่างเป็นหว่าง

"ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยครับ"ชินพัตน์หันไปตอบยาย

"งั้นก็กลับกันเถอะจ๊ะ ผักเหลือไม่เยอะแล้ว "

"งั้นผมซื้อทั้งหมดนี้เองครับ"ชินพัตน์ออกรับที่จะซื้อผักทั้งหมด

"ไม่ต้องหรอกจ้า เก็บไว้ทำกับข้าวทานกันเองดีกว่านะ"

"นายไม่เป็นอะไรใช่ใหม ใหวหรือเปล่า แวะหาหมอก่อนใหม"

"ผมไม่เป็นอะไรครับ แค่รู้สึกอยากพักเร็วๆเท่านั้นเอง"

"ยายว่าพวกเราก็กลับ กันเถอะจ๊ะ  ต้นเอยมาช่วยยายเก็บของหน่อย"

"เดี่ยวผมช่วยครับยาย "นพคุณรีบเสนอตัวก่อนที่ต้นกล้าจะเดินเข้ามา


           รอส่งออเดอร์ลูกค้า อีก 2 ราย ช่วงรอก็เริ่มเก็บของไปด้วย แม่ค้าร้านใกล้เคียงต่างถามกันใหญ่ว่าทำไมกลับเร็วยังไม่ 6 โมงเลย ลูกค้ากำลังเยอะเลย ก็ต้องบอกไปว่าของลูกชิ้นหมดแล้ว เลยเก็บร้านก่อน ชินพัตน์คิดได้ว่า ผักยายยังคงเหลือพอสมควร คิดว่าน่าจะขายต่อให้หมดเพราะลูกค้ากำลังเริ่มเยอะในช่วงหัวค่ำ


"ยายครับ ยายอยู่ขายผักต่อเถอะครับ ผมขอตัวกลับก่อน แล้วเดี่ยวให้พี่ใหญ่ไปส่งยายกับต้นกล้านะครับ"

"กลับคนเดียวจะดีเหรอพ่อหนุ่ม"

"ผมกลับได้ครับ ยายอยู่ขายของต่อเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม"

"นายกลับเองได้แน่นะ"

"ผมกลับได้ ผมฝากส่งยายกับต้นกล้าด้วยนะพี่"

"ถ้าถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วย โอเคนะ"

"ครับ"


    นพคุณกับชินพัตน์เก็บของเดินเอาไปขึ้นทีหลังรถของชินพัตน์ที่ลานจอด เพราะเอารถเข้ามาในตลาดไม่ได้เพราะร้านค้ายังเต็ม
ไปด้วย ลูกค้าที่มาเดินซื้อของ เลยต้องขนออกไปที่ละอย่าง จนครบหมดทุกอย่าง และชินพันต์ก็ขอตัวกลับก่อน


"ยายไม่ต้องห่วงครับ เดี่ยวผมโทรไปเช็คว่ากลับถึงบ้านหรือยัง"

"จ้า"

"ยายนั่งพักเถอะ เดี่ยวต้นขายเองนะ" ต้นกล้าหันไปบอกคนเป็นยาย

"คุณจะไปเดินเที่ยวตลาดก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ"

"พี่จะช่วยขายผัก ไม่เสียเวลาหรอก"

"ไม่เป็นไร ผมขายเองได้  งั้นคุณก็ไปนั่งกับยายเถอะ"

"ลูกค้ามาแล้ว พี่ช่วยขาย นะ" นพคุุณรีบเรียกลูกค้าให้ทันที


       ช่วงเวลาหัวค่ำ ผักก็ขายหมด นพคุณและต้นกล้าก็ช่วยกันเก็บแผงผักและตลาด เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก็ยังมีลูกค้าเดินเข้ามาถามหาทั้งลูกขิ้นและผักของยายที่ พึ่งหมดไปเมื่อกี้ แต่แล้วก็มีลูกค้าที่มาเมื่อช่วงเย็นเดินเข้ามาถามหาอีกเช่นเคย


"ลูกชิ้น ขายหมดแล้วเหรอครับ" สายตาลูกค้าประจำ หันมองไปยังที่ตั้งของร้านลูกชิ้น แต่ไม่มีอะไรตั้งอยู่บนริเวณนั้นเลย

"ลูกชิ้นหมดแล้วครับ วันนี้กลับไปแล้วครับผม" นพคุณตอบแทน เพราะจำลูกค้าเจ้าประจำคนนี้ได้

"เออ...แล้วไม่ได้กลับพร้อมกันเหรอครับ"

"เปล่าครับ "นพคุณตอบสั้นๆไม่ต่อความ

"อ้อครับ "

"ไว้มาซื้อใหม่ วันจันทร์นะครับ" ต้นกล้ารีบยิ้มการค้ากลับไปเมื่อเห็นลูกค้าทำหน้าเสียดาย

"......"ลูกค้าคนเดิมยิ้มกลับและเดินจากไป

"อยากให้เขาไปส่งแทนใหมล่ะ"นพคุณเห็นต้นกล้ายังยืนมองลูกค้าไม่ว่างตา เลยพูดประชดออกไป

"คุณพูดว่าอะไรนะ?" ต้นกล้าไม่แน่ใจกับคำพูดของคนข้างๆ

"เปล่า....ก็ไม่อยากขึ้นรถไปกับผม ก็น่าจะหาใครไปส่งได้ไม่ยาก"

"นี้คุณ!!!!    ถ้าคุณลำบากมาก ผมหารถเช่ากลับเองก็ได้  ไม่ต้องมาพูดอะไรแย่ๆแบบนี้ก็ได้!!!!"ต้นกล้าไม่พอใจกับคำพูดนั้น

"ยายครับ เดี่ยวต้นไปหารถเช่า แถวนี้ก่อนนะครับ ยายนั่งรอต้น ตรงนี้ก่อนนะครับ แล้วก็ไม่ต้องกลับไปกับใครทั้งนั้น รอต้นนะครับ"ต้นประโยคเดินเข้าไปคุยกับยาย แต่กลางประโยคหันมาทางนพคุณ

"เดี่ยวต้น .....มีเรื่องอะไรกันพ่อหนุ่ม" ต้นกล้าไม่ฟังเสียงเรียกของยาย  ยายเลยหันมาหานพคุณแทน

"เดี่ยวผมไปตามเองครับ ยาย" นพคุณรีบเดินตามต้นกล้าไป


     ต้นกล้าไม่เข้าใจ ว่านพคุณทำไมต้องพูดคำพูดแบบนั้น หรือว่ายังคงคิดว่าเป็นใครที่ใหนมาพึงแต่น้องชายตนเองพอไม่อยู่ต่อหน้าชินพัตน์แล้ว เลยแสดงออกมาตรงๆด้วยคำพูดแบบนั้นเหรอ ต้นกล้าคิดได้เพียงเท่านั้น เดินไปถาม รอบตลาดแต่ก็ไม่มีใครพอที่จะช่วยได้ ถึงแม้ต้นกล้าจะเสนอเงินเยอะขึ้นแล้วก็ตาม  เดินมาจนสุดทาง ตรงลานจอดด้านหน้าตลาด เพื่อหวังดักถามรถของลูกค้า เพื่อมีใครพอจะช่วยไปส่งให้ได้


"พอได้แล้ว!!!"นพคุณที่วิ่งตามหาจนทั่วตลาด คิดได้ว่าตนเองคงพูดแรงเกินไป เลยตามหาต้นกล้าจนเจอและวิ่งเข้าไปดึงแขนไว้

"อะไรของคุณ ปล่อยผมนะ คุณก็น่าจะกลับไปได้แล้ว!!!"ต้นกล้าพยายามยื้อแขนออก

"กลับกันได้แล้ว ยายรอนานแล้วนะต้นกล้า"

"ผมไม่กลับไปกับคุณ ปล่อยผม!!"

"จะกลับดีๆใหม อย่าดื้อ!!"

"ก็ผมบอกว่า ไม่กลับกับคุณไง  ปล่อย!!!"

"......."นพคุณเริ่มเห็นคนเริ่มมองเยอะเลยลาก ต้นกล้าไปตรงกำแพงสังกะสี ที่กั้นเขตก่อสร้างตึกใหญ่ ตรงนั้นแสงจากเสาไฟ
ส่องไปไม่ถึง และไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน

"ปล่อยผมสิ ผมจะไปหารถกลับเอง ปล่อย!!!!"ต้นกล้าก็ยังไม่วายที่จะดิ้นให้หลุดออกจากมือของนพคุณ

"จะดื้อไปถึงใหน ยายเป็นห่วงรู้มั้ย กลับไปได้แล้ว"เมื่อพูดถึงยายต้นกล้าก็สงบลงแต่ยังไม่ทำตาม

"ผมจะหารถกลับเอง"

"ไม่กลับใช่มั้ย งั้นก็...เฮ้ย!!!!"นพคุณอุ้มต้นกล้าขึ้นและเดินตรงไปยังลานจอดหน้าตลาด ทำให้ต้นกล้าร้องตกใจ

"คุณจะบ้าเหรอ อุ้มผมทำ ปล่อยผมสิ ปล่อย ปล่อย "ต้นกล้าทุบนพคุณไม่หยุด

"เลิกดื้อ ถึงจะปล่อย" นพคุณหยุดยืนมองคนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอด

"โอเค ปล่อยผมลงสักที" ต้นกล้าเลิกดิ้น เพราะมองไปรอบๆมีแต่คนมอง

"........นี้!!!!" นพคุณ วางต้นกล้าลงพิ้นได้ยังไม่ตั้งตัว ต้นกล้าก็วิ่งหนีตนเองเข้าไปยังตลาด


            นพคุณยืนนิ่งกับความดื้อของต้นกล้า แต่กลับยิ้มออกมากับความเจ้าเลห์ และเดินตามกลับไปยังตลาด เมื่อไปถึงก็เห็นเก็บของเรียง ไว้เรียบร้อยรอ เพียงให้ นพคุณถอยรถเข้ามารับเท่านั้นเอง  ก่อนเดินออกไปถอยรถเข้ามา ก็หันไมอง ต้นกล้าก็ทำท่าทางไม่สนใจ หันไปคุยกับยาย  ทำให้นพคุณ ยิ้มออกมาอีกครั้ง 

           ขับรถออกจากตลาด ไม่มีเสียงคุยเลย จนยายเริ่มถามขึ้นก่อนว่าชินพัตน์เป็นอย่างไรบาง นพคุณบอกว่าถึงบ้านแล้ว
อย่างปลอดภัย ทำให้ยายหายกังวล   เมื่อถึงบ้านสวนของยาย ต้นกล้าเดินพยุงยายขึ้นบ้าน


"ต้นไม่ลงไปช่วยพี่เขาขนของล่ะ"

"ต้นจะเข้าห้องน้ำจ๊ะยาย"

"ไป ไปรีบเข้า แล้วก็ไปช่วยพี่เขาด้วยนะ"

"จ้า จ้า" ต้นรีบแกล้งวิ่งเข้าห้องน้ำ


 "ยายครับผมกลับก่อน นะครับ"

"ไม่ขึ้นมาทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอพ่อหนุ่ม"

"ไม่ดีกว่าครับ ผมจะรีบกลับไปดูร้านนะครับ"

"งั้นก็ขับรถกลับดีๆนะจ้า"

"ครับ เออ  แล้วต้นล่ะครับ"

"เห็นว่า จะเข้าห้องน้ำ ยังไม่เห็นออกมาเลย"

"อ้อ ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ"

"จ้า"


"ต้นเอย ทำไมเข้าห้องน้ำนานเป็นอะไรหรือเปล่า"ยายหันไปตะโกนถามทางหลังบ้าน

"เปล่ายาย ต้นอาบน้ำเลยนานไปหน่อย"เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและกลิ่นสบู่หอมฟุ้ง

"เด็กคนนี้ ทำไมทำตัวเแบบนี้ ไม่ลงไปช่วยพี่เขาเก็บของก่อน หนีไปอาบน้ำแบบนี้ได้ยังไงกัน"

"ยาย ก็ต้นร้อนอ่ะ ต้นก็เลยอาบน้ำ แบบรีบสุดเลย ว่าจะรีบลงไปช่วย"ต้นกล้าทำเป็นชะเง้อไปทางหน้าบ่้าน

"ไม่ต้องแล้ว พี่เขากลับไปแล้ว"

"งั้นเหรอ.............ดี สมน้ำหน้า"ท้ายประโยคพูดในลำคอ


      ต้นกล้าเดินลงมาเพื่อเช็คของว่าเก็บเข้าที่ดีหรือเปล่า  ก้มหาของที่คิดว่านพคุณน่าจะเอามาวางไว้ ที่โรงเก็บตะกร้าผักต้นกล้าจำได้ว่า ก่อนกลับแวะซื้อของใช้ แล้วใส่มาในตะกร้า เลยลงมาหา


"คิดว่าจะหนีรอดเหรอเด็กดื้อ?"

"คุณ!!!!!!"

"หาอะไรมืดๆแบบนี้จะมองเห็นเหรอ?"

"คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ"

"พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา..."

"คะ คุยเรื่องอะไร   ดึกแล้ว"ต้นกล้าคิดว่านพคุณจะมาเอาเรื่องที่ต้นเองไม่ช่วยยกของ เอ...หรือว่าเรื่องที่ทุบนพคุณไปหลายหนที่ลานจอดรถ หรือเรื่องที่วิ่งหนี เรื่องอะไรกันแน่ แต่ปฎิเสธไว้ก่อนแล้วกัน

"ต้นไม่อยากให้พี่มาที่นี้ใช่ใหม?"นพคุณเดินเข้าไปใกล้ ต้นกล้าที่พยายามเดินถอยหลังออกจากตนเอง

"..........."ต้นกล้าไม่ได้ตอบเพราะยังไม่เข้าใจกับคำถาม

"งั้นพี่ก็จะไม่มา ให้ต้นรำคาญพี่อีก พี่ขอโทษที่เข้าใจผิด และทำให้ต้นเจ็บแขนด้วย" นพคุณมองตาต้นกล้า และพูดทุกอย่างที่อยากจะบอกคนตรงหน้า ประโยคสุดท้ายจับไปยังข้อมือของต้นกล้าที่เคยทำให้เจ็บ

"กลับขึ้นบ้านเถอะ  ดึกแล้ว" ปล่อยแขนต้นกล้า และส่งถุงของที่ต้นกล้ากำลังหามาให้ และเดินกลับไปยังรถต้นกล้ายังยืนถือถุงของในมือไม่ได้ขยับไปใหน


"ผมไม่ได้รำคาญสักหน่อย......"

"ครับ?"นพคุณได้ยินเสียงที่พูดขึ้นเลยหันกลับมาถามเพราะไม่แน่ใจว่าต้นกล้าพูดอะไร

"ต้น บอกว่าต้นไม่ได้รำคาญ" แล้วต้นกล้าก็วิ่งกลับขึ้นบ้านไปเลย

"......"นพคุณยืนมอง คนที่วิ่งหนีขึ้นบ้านไป พร้อมรอยยิ้มที่ฝุดขึ้นบนบนหน้า......  คืนนี้คงจะหลับฝนดี......





                     
                                                                                    :o8:* เบาหวานจะกิน
   
                                                                           ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                                                     :กอด1:   ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :pig4:






 
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 25-11-2014 17:58:22
อ่านแล้วรีบไปหาลูกชิ้นกินเลย5555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 25-11-2014 19:07:57
 :katai4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 25-11-2014 20:52:49
เนื้อเรื่องน่ารักจัง
อ่านแล้วหิว อยากกินลูกชิ้นที่สุด
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 25-11-2014 23:09:07

โอ๊ยยยยย... อ่านเรื่องนี้แล้วหงุดหงิดทั้งวันเลยวันนี้       :serius2:      อยากกินชิ้นปิ้ง!!!

ในที่สุดก็ทนไม่ได้ เลยต้องแวะแพร่งนรา สอยมา 20 ไม้
ไม่เห็นแม่ค้าแถม 2 ไม้เลย      :m28:     น้ำจิ้มก็ต้องซื้อเพิ่ม      o12

- - - - - - -

พี่ใหญ่เนี่ยน่าจับมาตีก้นนัก ไปทำกับน้องเขาอย่างนั้น....   
นุ้งต้นเล่นตัวนาน ๆ เลยนะ  ถึงจะพลั้งปากไปแล้วว่าไม่ได้รำคาญก็เถอะ

คุณนัทคุณออกตัวแรงไปนะ ถ้าเราเป็นชินนี่คงอึดอัดมาก
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามนะคุณ

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2014 23:34:36
เมื่อวานก็ลูกชิ้น มาวันนี้ก็ฟาดลูกชิ้นอีกแต่อ่านเร์องนี้จบความอยากก็กำเริบอีกแล้ว อยากกินลูกชิ้น!!!!
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-11-2014 23:41:59
น่ารัก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าสีคราม ที่ 26-11-2014 12:49:01
โอย.....จู่ๆก็อยากกินลูกชิ้นขึ้นมา

สงสัยเราเองก็กำลังติดใจนะเนี่ย... :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-11-2014 12:53:21
เพิ่งได้เข้ามาเรื่องน่ารักมากเลย

คำผิดก็มีบ้างบางจุด

จะรอวันขายลูกชิ้นปิ้งวันใหม่ o13
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-11-2014 14:37:13
ทำไมบรรยากาศมันหวานแหว๋วละมุมละม่อมแบบนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 12 [25-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 26-11-2014 15:47:58
รักเลยเรื่องนี้
ต้นกล้าแอบกุ๊กกิ๊กกับนพแล้ว
555+ น่ารักทุกคู่เลย
เหรือแต่ ชินแล้ว ยังเบลอๆอยู่ 55
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 26-11-2014 16:32:51

                                                                       ตอนที่ 13.1   ลูกค้าหาย!!!!




         พ่อแม่ของชินพัตน์แปลกใจที่เห็น ลูกชายกลับบ้านมาตั้งแต่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน แถมคนเป็นพี่ ก็ไม่กลับมาพร้อมกันด้วย
ความสงสัยคลายลงจากขำบอกเล่าของชินพัตน์ เพียงแค่ลูกชิ้นหมดเลยกลับก่อน ส่วนนพคุณให้ไปส่งยายและต้นกล้าแทน เพราะตนเองง่วงนอนมาก บอกผู้เป็นพ่อและแม่ว่าตนเองนอนดึก เลยรีบกลับมานอนเพี่ยงแค่นั้นก็ขึ้นห้องไปนอนทันที

         จนเวลาเกือบ 3 ทุ่ม นพคุณกลับมาที่ร้าน เพื่อที่จะกลับมาดูอาการชินพัตน์ เจอหน้าลุงกับป้า กับได้ คำตอบต่างออกไปจากที่น้องชายบอกก่อนที่จะกลับ ทำให้นพคุณสงสัยว่า น้องชายตนเองเป็นอะไร เลยเดินขึ้นไปดูให้แน่ใจ


"ทำไหมยังไม่นอนล่ะ?" นพคุณเดินเข้าห้องน้องชายด้วยความเคยชิน เห็นชินพัตน์ถือการ์ตูนเรื่องโปรด แต่ค้างอยู่หน้าเดิมไปเปลี่ยนเลยเอยทักขึ้น

"กลับมาแล้วเหรอ"ชินพัตน์นั่งเหม่อจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถของนพคุณ

"เป็นไงมั้ง ปวดหัวไม่ใช่เหรอ"

" อะ  อ้อ ผมกินยาแล้ว ดีขึ้นแล้วพี่ไม่ต้องห่วง"ตอบผ่าน"แล้วยายขายผักหมดหรือเปล่า" ชินพัตน์เปลี่ยนเรื่องคุย

"ขายหมด แล้วก็ไปส่งถึงบ้านเรียบร้อย ไม่ต้องห่วง และที่ สำคัญ ไม่ได้ แกล้ง ต้น กล้า ด้วย พอใจใหม"นพคุณเห็นน้องชายเปลี่ยนเรื่องคุยก็ตอบให้น้องสบายใจ และเน้นที่ละขำ จนทำให้ ชินพัตน์ยิ้มขึ้นมาได้บาง

"ฮ่าๆ โอเค พอใจมากครับ ขอบคุณครับ "

"ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ"นพคุณยกยิ้มแต่เหมือนไม่ได้ส่งให้น้องชาย

"นั้นแน่ แอบยิ้มแบบนี้ ต้องมีอะไรดีๆแน่เลย  มีสาวมาจีบเหรอพี่?"

"ไม่ใช่แล้ว มั่วจริงเล๊ย นอนได้แล้ว"นพคุณผลักหัวน้องชายแต่ไม่ได้แรงอะไร

"พี่ก็ไปนอนเถอะ"

"อืม ว่าจะขับรถกลับร้านเลย"

"ดึกแล้วพี่ ไม่ค้างที่ก่อน"

"ไม่เป็นไร วันจันทร์เดี่ยวพี่มาใหม่"

"ครับ" ชินพัตน์ส่งยิ้มให้คนเป็นพี่

"..............."นพคุณคิดว่าน้องชายคงรู้สึกดีขึ้นแล้ว จึงไม่อยากถามอะไรต่อให้รีบพักผ่อนถ้าจะดีกว่า


      ตลาดนัดวันจันทร์และพุธ ก็ยังคงคราคำไปด้วยลูกค้ามากมาย ทั้งลูกค้าประจำ ลูกค้าหน้าใหม่ๆที่ เข้ามาซื้อลูกชิ้นรวมไปถึงผักของยายด้วย นพคุณและชินพัตน์ ยังคงไปช่วยยายเก็บผักอย่างทุกครั้ง และก็ขายดีไม่ต่างจากลูกชิ้นของที่ร้าน   เพราะลูกค้ารู้ว่ามาขายทุกวันที่มีตลาดนัดแล้ว  ออเดอร์ก็มีเข้ามาไม่ขายสาย แถมลูกค้าบางคนเสนอให้ทำลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลา  ทำยำลูกชิ้นขายไปด้วย ชินพัตน์ก็รับฟัง แต่ก็ยังต้องคุยกันอีกที ว่าจะทำออกมาได้จริงใหม เพราะที่โรงงาน ก็แทบ จะผลิตไม่ทัน ทั้งที่ร้านที่บ้าน สาขาของนพคุณ แล้วออเดอร์ที่มาส่งที่ตลาดอีก ยังคงต้องวางแผนงานหรือต้องขยายโรงงานเพิ่ม ถึงจะเริ่มทำลูกชิ้นใหม่ๆออกมาตาม ที่ลูกค้าเสนอได้


"วันนี้ก็ขายดีเหมือนเดินเลยนะจ๊ะ นึกว่าจะมาซื้อไม่ทันซะแล้ว"ลูกค้าที่เคยซื้อเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับมาซื้ออีก

"ครับ ก็ใกล้จะหมดแล้วครับ เหมือไม่ถึง 5 กิโล"ชินพัตน์หยิบลูกขิ้นปิ้งใส่ถุงให้ลูกค้า และก้มมอง ถังแช่ ลูกชิ้นไปด้วย

"งั้นสั่งล่วงหน้าไว้ได้มั้ยจ๊ะ"

"ได้ครับ จะสั่งเท่าไหรครับ"

"สั่งเป็นกิโล เท่าไหร จ๊ะ"

"กิโลละ 100 บาท ครับ หมูล้วนครับผม"

"งั้น วันเสาร์พี่สั่ง 2 โลนะ"

"ได้ครับ "ชินพัตน์จดออเดอร์ไว้ในสมุดเล่มเล็ก

"ต้องจ่ายเงินก่อนใหม"

"ยังครับ จ่ายวันที่มารับของเลยครับ"

"โอเคจ๊ะ"

" ได้แล้วครับ ลูกชิ้นร้อน 10 ไม้ แถม 1ไม้ ผักหยิบเพิ่มได้นะครับ" ส่งลูกชิ้นให้พร้อมกับยิ้มการค้า


      ถึงช่วงหัวค่ำของเย็นวันพุธ ลูกชิ้นก็ขายหมด ไม่เหลือแม้แต่น้ำจิ้ม ผักของยายขายหมดไปก่อนหน้าแล้ว นพคุณกำลังช่วยยายเก็บแผงและตะกร้าผัก ชินพัตน์ก็เริ่มเก็บถาดใส่ลูกชิ้น หม้อน้ำจิ้ม แต่เมื่อมองไปรอบๆตลาด ที่ยังคงมีลูกค้าหนาตาอยู่ คิดได้ว่าลูกค้าประจำหายไป


"ไม่มาจริงๆด้วย....."

"ใคร ไม่มา  ?"นพคุณที่เดินเข้าช่วยเก็บของถามขึ้นเมื่อได้ยินชินพัตน์พูด

"ก็ลูกค้าประจำหายไป.......หลายคนเลยอ่ะพี่"ชินพัตน์ตอบติดขัด

"หายเหรอ  พี่ว่าไม่นะ ลูกค้าใหม่ก็เยอะ ลูกค้าประจำนี้ก็มาตลอดนะพี่ว่า" นพคุณยืนคิดเพราะตนเองก็พอที่จะจำหน้าลูกค้าได้

"แต่  แต่  ผมว่าก็ไม่เห็นมา  ละ ..หลายคนอยู่นะพี" ชินพัตน์ไม่ได้เน้นใครพูดร่วมๆ

"เหรอ ก็คงงั้นมั้ง  แต่ลูกชิ้นไม่พอขายทุกวันเลยนะพี่ว่า"นพคุณเหมือนจะยืนยันว่า ลูกค้าเท่าเดิมหรือมากขึ้นด้วยซ้ำไป

"........อืม"นพคุณตอบกลับไปแค่นั้น ชินพัตน์มองออกไปรอบตลาดอีกครั้ง ก็ยังคงไม่มีเงาของลูกค้าประจำ ที่บอกว่าจะมาทุกวัน



      เช้าวันเสาร์ ดูเหมือนชินพัตน์จะตื่นสาย จนทำให้นพคุณต้องเดินขึ้นไปปลุกน้องชายตนเอง ที่ยังคงหมกตัวอยู่ในผ้าห่ม


"ชิน ตื่นได้แล้ว สายแล้ว เดี่ยวไปรับยายกับต้นสายนะ "

"อืม..."

"เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า"

" เปล่า  ครับ" ชินพัตน์รีบเด้งตัวออกจากผ้าห่มทันที่เมือนึกถึงยายและต้นกล้า

"งั้นพี่รอข้างล่างนะ"

"ครับ ขอวิ่งผ่านน้ำแปบ" ตอบเสร็จ หยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ


"วันตื่นสาย นะเจ้าลูกชาย ไม่สบายหรือเปล่า "เดินเข้ามาจับตัวเพื่อเช็คอุณภูมิ

"ผมอ่านการ์ตูนเพลินไปหน่อยครับ แล้วก็ลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วย แฮ่" ตอบติดตลกเพื่อไม่ให้ผู้เป็นพ่อเป็นห่วง

"งั้นก็รีบไปเถอะ แล้วก็นี้แม่ฝากขนมจีนกระทิ ไปให้ยาย และก็ส่วนของเรา 2 คนด้วย "เพราะแม่รู้ว่าไปทานข้าวบ้านยายหลายมื้อแล้ว

"ขอบคุณครับ"ชินพัตน์ยกมือไหว้และรับ ปิ่นโตใบใหญ่มาถือไว้


         ขับรถไปรับยายกับต้นกล้า และทานมื้อเที่ยงเป็นเสบียงที่ได้มาจากคุณนายแม่  ชินพัตน์โทรมาบอกต้นกล้า ว่าไม่ต้องทำมื้อเที่ยงเผื่อเพราะ มีขนมจีนฝีมือ คุณนายแม่ไปฝาก จึงตกลงทานขนมจีนกันก่อน ออกไปที่ตลาดนัด


"ยาย มาครับผมไปพาไป นั่งประจำที่"ชินพัตน์พยุงยายเดินไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ

"ขอบใจมากจ้า"

"ต้นพี่ออกไปก่อนนะ"ชินพัตน์เห็นต้นกล้าวิ่งกลับขึ้นเรือนเลยตะโกนบอก

"สงสัยลืมของอีกแล้ว เจ้าหลายคนนี้"ยาย ที่มองเห็นต้นกล้าก็พูดขึ้น

"งั้นเราไปกันก่อนเถอะครับ "ชินพัตน์ออกรถ


"ลืมของเหรอ?"นพคุณถามเมื่อเห็นต้นกล้าเดินกลับมา

"ต้น ลืมหนังสือ ใกล้สอบแล้ว ว่าจะติดไปอ่านด้วย" ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

"ต้นขยันจัง พี่หัวทึบ เรียนไม่เก่ง เกือบไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำ"

"ทำไมล่ะครับ "

"พี่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ อ่านแล้วไม่เคยเข้าหัว จบออกมาได้เพราะอาจารย์เขาเบื่อขี้หน้าพี่แล้ว "

"เบื่อ ทำไมต้องเบื่อ ?" ต้นกล้าขึ้นมานั่งบนรถ ก็ทำหน้างงเอียงคอไปมา มันดูน่ารักในสายตาของนพคุณ

"ก็พี่ไปแก้ 0 เกือบทุกวิชา ไงครับ" จับหัวต้นกล้าโยกไปมา

"ทุกวิชาเลยเหรอครับ "

"อยากย้อนเวลาได้จังน่า..."

"ย้อนเวลา?  ย้อยเวลากลับไปตั้งใจเรียน ใช่มั้ยครับ"

"เปล่าอยากซ้ำชั้น แล้วจะได้เรียนกับต้นกล้า ให้ต้นคอยสอนพี่ไง"

"......เสี่ยวอ่ะ  ออกรถได้แล้ว"ต้นกล้านิ่งไปกับมุกแป๊กของคนที่นั่งข้าง แต่ก็ทำให้หน้าร้อนขึ้นมาเพราะไม่คิดว่า จะพูดคุย
กับนพคุณได้ปกติ เหมือนคุ้นเคยกันมานาน

"เป็นอะไร ทำไมหน้าแดง ไม่สบายหรือเปล่า" นพคุณเห็นต้นกล้าเงียบไปพอติดไปแดงเลยหันมามอง และอังมือไปที่หน้าผาก

"เปล่าๆ ผมไม่ได้เป็นอะไร  ไฟเขียวแล้ว ออกรถสิครับ" ต้นกล้ารีบปฎิเสธ ทันที่เพราะนพคุณเอาแต่มองที่ที่ตนเองไม่มองถนน



โปรดติดตามตอนที่ 13.2



                                                                            นพคุณอยู่ชมรมมุก เสี่ยว เสี่ยว  :m20:

                                                                        ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                                     :กอด1:     ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังใจ +เป็ดให้ทุกคนจ้า  :L2:

                                    :katai4: ขออภัยนะคะ สำหรับคำผิด พยายามตามแก้อยู่ และจะระวังไม่พิมพ์ผิดบ่อยๆนะคะ  :o12:

                                                         
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-11-2014 17:26:47
 :katai5:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 26-11-2014 20:27:20
คุณลูกชิ้นหายไปไหนน้าาา
 :mew2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-11-2014 22:59:43
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-11-2014 23:24:04
คู่หลักยังไม่ถึงไหน คู่รองปาดหน้าแซงซะแระ
พี่ใหญ่ก็นะอยากกินเด็กจนออกนอกหน้าซะะ :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.1 [26-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 27-11-2014 00:26:16
ชินแอบชะเง้อมองนะ ลูกค้าคนไหนหละ >////////<

พี่นพรุกเร็วมาก ต้นกล้าก็ดูเหมือนมีใจนะเนี่ย
รอตอนต่อไปค่า ^________^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 27-11-2014 16:51:45

                                                                     ตอนที่ 13.2 ลูกค้าหาย!!! (ต่อ)


                พอมาถึงตลาดจัดร้านเสร็จเร็ว ก็มีลูกค้าเข้าร้านทันที และก็อุดหนุนผักของยายไปด้วย ดูท่าทางวันนี้จะได้กลับเร็ว อีกเช่นเคยวันนี้ ชินพัตน์เอาลูกชิ้นมาเพิ่ม อีกเกือบ 10 กิโล  แต่ล๊อคที่ขายในตลาด วางของไม่พอ เลยต้องเอาไว้ที่หลังรถก่อน คิดว่าถ้าลูกชิ้นที่เอาลงไว้หมดแล้วค่อยไปเอามาใหม่  จนช่วง 6 โมงเย็น ลูกชิ้นและออเดอร์ก็ส่งเกือบหมด เหลืออยู่ไม่ถึงโล ชินพัตน์เลย ว่าจะไปเอาลูกชิ้นมาเพิ่ม


"พี่เดี่ยวผม ไปเอาลูกชิ้นมาเพิ่มอีกดีกว่า เหลืออยู่นิดเดียวเอง"

"ไม่ นายขายอยู่นี้แหละ เดี่ยวพี่ไปยกมาเอง ต้องยกตู้แช่ไปเก็บด้วย"

"แล้วพี่ใหญ๋ จะยกมาไหวเหรอ"

"ค่อยๆยกมาก็ได้"

"เดี๋ยวต้น ช่วยยกก็ได้ครับ "ต้นกล้ารีบเสนอตัวช่วยเพราะนั่งหันผักใส่ตะกร้าอยู่

"ยกไหวเหรอต้น"

"สบายมาก อย่าลืม ต้นเก็บผักกับยายมาหนัก 10 โล ลูกชิ้นแค่นี้สบายมาก"

"งั้นไป ช่วยกันจะได้รีบกลับมาช่วยกันขายต่อ ลูกค้ากำลังเยอะอยู่"


         ช่วงที่รอลูกชิ้นมาสมทบ ชินพัตน์ก็นั่งเสียบลูกชิ้นที่เหลือไปด้วย  ไม้เสียบลูกชิ้นดันหมด ที่เตรียมมา 5 แพ็คก็ไม่เหลือ เลยว่างมือ

เห็นลูกชิ้นที่เสียบไปแล้ว ไว้เพื่อลูกค้ามาจะได้ทันขาย  แล้วนพคุณกับต้นกล้าก็เกินกลับมา แต่ยกมาเพียง 5 โล ลูกค้าก็เขามาซื้อพร้อมกัน

เยอะ จนไม่มีเวลาไปเอามาเพิ่ม ตัวชินพัตน์เลยต้องรีบไปซื้อไม้มาเสียบมาเพิ่มใหม่อีก


"พี่เดี่ยวผมไปซื้อไม้ลูกชิ้นก่อนนะ แล้วเดี่ยวไปยก 5 โลที่เหลือมาให้ด้วย"

"ต้นไปช่วยยกนะ พี่ชิน"

"ไม่ต้องหรอก พี่ยกไหว ต้อนช่วยยาย ช่วยพี่ใหญ่ขายอยู่นี้แหละ เดี่ยวพี่รีบไปรีบมานะ"


          นพคุณรีบเดินตรงไปยังร้านขายส่ง เพื่อหาซื้อไม้เสียบลุกชิ้น แต่ร้านแรก ที่ต้นกล้าบอกของหมด เจ้าของร้านเลย บอกให้เดินไปซื้อที่ตึกแถว

ฝั่งตรงข้ามตลาด ที่เป็นร้านขายส่งขนาดใหญ่ ชินพัตน์เลยต้องข้าม ถนนไปอีกฝั่งเพื่อรีบซื้อไม้ลูกชิ้น รีบกลับมาเพราะกลัวไม่ทันลูกค้าช่วงเย็นวันเสาร์

จะเยอะกว่าวันปกติ  พอเดินกลับมายังฝั่งตลาด ต้องผ่าน เขตของแคมป์ก่อสร้าง เลยเดินไปทักลุงยาม นิดหน่อย แล้วรีบเดินกลับไปที่ร้าน จนไม่ได้สังเกตุ

ว่ามีคนเดินตามมา 



"ไม้เสียบลูกชิ้นหมดเหรอครับ" เสียงทักมาจากด้านหลังทำให้ ชินพัตน์ชะงัก

"คุณ..?."

"ลูกค้าเยอะเหรอครับ"คนเดินตามถามขึ้นเมื่อเดินตามมาทัน

"..........."ชินพัตน์ไม่ตอบแล้วรีบเดินเร็วขึ้นไม่สนใจคนถาม

"ขอโทษนะครับที่ไม่ได้แวะไปซื้อเลย หลายวัน"

"......."ชินพัตน์ไม่ตอบเร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก

"คุณโกรธผมเหรอ?"

"...!!!!..."ชินพัตน์ชะงักกคำของคนที่เอาแต่เดินมา

"ผมขอโทษ"

"คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษ  ก็แค่ไม่มาซื้อร้านผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร  แล้วก็เลิกเดินตามผมได้แล้ว!!!"
ชินพัตน์ตอบกลับไม่มองหน้าคนถามด้วยซ้ำ

"คุณคงรำคาญผมจริงๆสินะ"

"ก็แล้วแต่คุณจะคิด" ชินพัตน์ยังคงเดินไม่สนใจคนที่ยังเดินตาม

"ผมขอโทษ"

"ก็บอกว่าไม่ต้องมาขอโทษไง คุณจะไปซื้ลูกชิ้นกินที่ใหนมันก็เรื่องของคุณ !!!" ชินพัตน์รีบหันกลับมาตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"......."นนทนัฐหยุดเดินตามทันที


   
        ชินพัตน์เดินเอาไม้ลูกชิ้นไปให้ที่ร้าน และเดินออกไปทันที่ ไม่สนใจเสียงทักทายของลูกค้า แม้แต่เสียงเรียกของนพคุณเช่นเดี่ยวกัน



"สงสัยลืมไปยกลูกชิ้น ที่รถมาเพิ่มนะครับ ลูกชิ้นที่ร้านใกล้หมด"นพคุณรีบตอบลูกค้าแทนน้องชาย ที่รีบออกไปโดยไม่ตอบอะไร

"ได้แล้วครับ 10 ไม้ แถม 1 ไม้ ขอบคุณครับ"ต้นกล้าทำหน้าที่จัดลูกชิ้นใส่ถุงให้ลูกค้า


"ลูกค้าเยอะจังเลยนะครับ"นนทนัฐเดินเข้ามาหน้าร้านทักทายนพคุณและต้นกล้า

"อ้าว ไม่เห็นมาหลายวันเลยนะครับ"นพคุณตอบกลับเพราะจำหน้าลุกค้าประจำคนนี้ได้ดีเป็นพิเศษ

"ติดประชุมครับ  พึ่งกลับมาเมื่อสักครู่  งั้นผมสั่ง 10 ไม้นะครับ "

"ได้ครับ แต่ต้องรอ หลายคิวอยู่นะครับ"

"ไม่เป็นไรครับผม เดินเที่ยวตลาด ค่อยกลับมาอีกที่แล้วกัน" ยิ้มตอบ แล้วเดินออกจากร้านไป

"ลูกค้าประจำ เจ้าชินมันนะ"นพคุณก้มลงกระชิบให้ต้นกล้าได้ยิน

"เหรอครับ" ต้นกล้าเลยมองตามหลัง ลูกค้าเดินหายตัวไปเร็วมาก

     
     ชินพัตน์เดินมาถึงรถที่เลือกจอดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อลบแดดยามบ่าย เพื่อไม่ให้น้ำแข็งที่แช่มาในตู้แช่ลูกชิ้นละลายเร็ว พอเข้าช่วงหัวค่ำแบบนี้ ทำให้บริเวณรถมืด มีแค่แสงไฟที่อยู่ไกลออกไป  เมื่อชินพัตน์พยายามค้นหาลุกชิ้นที่เหลือขึ้นมาจากตู้แช่ ทำให้ลำบาก เพราะมองไม่ค่อยเห็น ต้องอาศัย โทรศัพท์เปิดหน้าจอ แล้วค่อยก้มหยิบขึ้นมาที่ละกิโล เพราะฝังอยู่ภายใต้น้ำแข็ง ที่ตอนนี้น้ำแข็ง เยอะกว่าลูกชิ้นซะแล้ว ยิ่งหยิบยากกว่าตอนแรกซะอีก


"มือเย็นไปหมดแล้ว  "ชินพัตน์นั่ง เรียงลุกชิ้น 5 กิโลใส่ลัง แต่ก็ต้องพักก่อนเพราะมือชา ยกมือขึ้นมาเป่าเพื่อคลายความเย็น

"ทำอะไรอยู่ครับผมช่วยใหม?"นนทนัฐเดินออกมาจากหลังต้นไม้ ทำให้ชินพัตน์ตกใจที่เข้ามาเงียบๆ

"คะ คุณ!!  ตกใจหมด ยังไม่กลับไปอีกหรือไง" ชินพัตน์ตั้งสติได้ก็หันหลังให้คนมาใหม่ทันที

"ผมสั่งลูกชิ้นไว้ แต่ลูกค้าเยอะเลยเดินออกมาตามหาเจ้าของ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่น่า ลูกค้าเต็มร้านแล้วนะครับ"นนทนัฐเดินเข้าไปใกล้
เพื่อจะดูว่าชินพัตน์กำลังทำอะไร ในที่มืดๆแบบนี้

"ถ้ารอไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อสิครับ "ชินพัตน์ยังคงหันหลังคุย และเรียงลุกชิ้นไปมาอยู่ในลัง

"ต้องซื้อสิครับ ร้านนี้อร่อยที่สุดแล้วที่ผมเคยทานมา"

"ผมว่าคงไม่ใช่มั้งครับ  ลูกชิ้นที่มีคนคอยป้อนถึงปากน่าจะอร่อยกว่าลูกชิ้นที่ขายตามตลาดนัด" ชินพัตน์รีบหันกลับเถียง

"คุณหมายถึงอะไร"นนทนัฐเดินเข้าใกล้ชินพัตน์ที่ดูเหมือนจะค่อยเดินถ่อยหนีเขาตลอด

"!!!! เอ๊ะ ป่ะ  เปล่า " ชินพัตน์ตกใจที่พูดออกไปแบบนั้น อยากตีปากตัวเอง

"ผมเข้าใจแล้ว คุณกำลังเข้าใจผมผิด"

"ผมเข้าใจผิดเรื่องอะไร  คุณพูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ  "ชินพัตน์รีบทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่พูดไป

"วันนั้นคุณไปที่ออฟฟิศ? และเห็นผมอยู่กับ....?" นนทนัฐเดินเข้าไปเพื่อพยายามมองหน้า ชินพัตน์ที่เอาแต่หลบสายตาของเขาตลอด

"คุณจะอยู่กับใครก็เรื่อง ของคุณ คุณจะไปซื้อลุกชิ้นที่ใหนก็เรื่องของคุณ" ชินพัตน์รีบหลบสายตาที่พยายามมองเขา เลยพูดปัดแล้วทำที่จะเดินหนี

"เดี่ยวสิครับ คุณลืมอะไรหรือเปล่า?" นนทนัฐคว้าแขนชินพัตน์ไว้เพื่อให้หันกลับมาคุยกันก่อน

"ปล่อย !!!!!" ทั้งคู่หันมาเผชิญหน้ากัน เพราะแรงดึง

"ผมเข้าข้างตัวเองได้ใหม ว่าคุณกำลังหึงผม?"

"ห่าาาาา  หึง ใครหึง ผมเหรอ หึง ตลกแล้วคุณ!!!" ชินพัตน์ขมวดคิ้ว และยกมืออีกข้างขึ้นมาชี้ตัวเอง

"ก็คุณกำลังเข้าใจผิด และก็โกธทที่ผมไม่มาที่ร้านด้วย ถูกต้องใหม?" นนทนัฐดึงชินพัตน์เข้ามาใกล้อีก เพื่อมองตาค้นหาคำตอบ

"......!!!!"สิ่งที่นนทนัฐพูดก็มีส่วนที่ทำให้ชินพัตน์ แสดงออกอยู่ตอนนี้ แต่แค่ไม่อยากยอมรับมันเท่านั้น

"แค่ลูกค้าคนเดี่ยว "ชินพัตน์เชิดหน้ายิ้มหยัน "สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่าคุณ" พูดไปพร้อมกับพยายามยื้อแขนตัวเอง

"คุณก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันนะ"นนทนัฐไม่ใส่ใจกับคำพูดประชดของชินพัตน์เลย เหมือนจะชอบด้วยซ้ำ

"อะ อะไรของคุณ ปล่อย!!! ผมจะไปขายของ!!" ชินพันต์พยายามแกะมือตนตรงหน้าออกจากแขนตนเอง

"แบบนี้ทำให้ผมยิ่งอยากรู้จักคุณให้มากขึ้นอีก"

"แต่ผมไม่อยากรู้จักคุณ กรุณาปล่อยแขนผมด้วยครับ" ชินพัตน์เริ่มเสียงแข็ง

"ผมทำอะไรให้คุณโกรธเหรอ ช่วยบอกผมหน่อยสิ" นนทนัฐก้มหน้าลงมาใกล้ จนชินพัตน์ทำตัวไม่ถูก

"ไม่รู้ ไม่รู้  ปล่อย ปล่อย ผมบอกให้ปล่อยไงเล่า ไม่งั้นผมตะโกนจริงๆนะ!!!!!"

"งั้นผมช่วยบอกให้แล้วกัน"

"อะไร คุณจะ  อ๊ะ  อืม อย่า  อืม   ......... เสียงขาดหายไปพร้อมกับริมฝีปากของนนทนัฐ ก้มลงมาชิมความหวานริมฝีปากที
แสนดื้อรั้น ให้เงียบลง และฟังแต่เสียงหัวใจ บอกคำตอบทั้งหมดที่ ทั้ง 2 คนสัมผัสเท่านั้นที่จะรู้


        ความเงียบเข้าปกคุม มีแต่เสียงหัวใจ 2 ดวงที่เต้นเร็วและเหมือนสิ่งรอบๆตัวหยุดนิ่ง นนทนัฐรับรู้ว่าออกฝ่าย ต้องการอากาศ
 เลยผละออก เพื่อให้ได้หายใจ แต่ไม่ปล่อยเวลาผ่านไป โอบเอวและกดท้ายทอยอีกฝ่ายเข้ามาอีกรอบ  ชินพัตน์ที่เหมือนสติเริ่มกลับเข้าร่าง พยายามทั้งทุบ ทั้งเตะคนตรงหน้าที่ทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ และกระทืบเท้าไปเต็มแรง จนทำให้นนทนัฐผละออกไปจากตัวเอง


      พลั๊ว!!!!


   หมัดแรกที่ชินพัตน์มอบให้ และกำลังจะตามด้วยหมัดที่ 2 แต่นนทนัฐ คว้ามือนั้นไว้ได้ก่อน  และดันตัวชินพัตน์ไปที่ท้ายรถเพื่อไม่ไห้หนี ชินพัตน์ก็พยายาม ทั้งด่าทั้งดิ้นให้หลุดจากคนตรงหน้าที่ทำเรื่องแย่ๆกับตนเอง


"คุณมันแย่ที่สุด คุณทำอะไรของคุณ ปล่อยนะ!!!!" พยายามยื้อมือทั้งสองข้างออกมาหมายจะต่อยซ้ำคนตรงหน้าให้ได้

"ผมว่าลูกชิ้นของคุณอร่อยแล้วนะ แต่ตอนเนี้ยปากคุณอร่อยมากกว่าอีก" นนทนัฐจับแขนไว้แน่นและพูดยกยิ้มใกล้เหมือนกำลังกระซิบ

"หยุดพูด !!! ปล่อย!!!   ไม่ปล่อยใช่มั้ย   "ชินพัตน์ก้มลงกัดไปที่แขนของนนทนัฐทันที


                ด้วยความเจ็บนนทนัฐเลยรีบปล่อยแขนออกเพื่อให้พ้นคมฟันนั้น ชินพัตน์แขนหลุดมาข้างเดียว เลยพยายามหาของใกล้มือขว้งปาคนตรงหน้า ให้เจ็บตัวจะได้ปล่อยตัว ก้มลงไปเจอถุงลูกชิ้นเป็นโล ที่เตรียมไว้ในลังโฟม เลยยกขึ้นมาขว้างใส่คนตรงหน้า อย่างแรงทำให้ถุงลูกชิ้น กระทบใบหน้าและศรีษะของนนทนัฐ อาจจะไม่ทำให้ถึงได้แผล แต่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บได้ไม่น้อย  นนทนัฐรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปัดป้อง เพราะชินพัตน์ยังคงไม่หยุดขว้าง พอลูกชิ้นภายในลังหมด ชินพัตน์ก็วิ่งหนีไปยังตลาดทันที นนทนัฐที่ยังตั้งการด์ป้องกันว่ามีอะไรจะขว้างมาอีก พอลืมตามองก็เห็น ชินพัตน์วิ่งหนี ตนเองออกไปจากลานจอดรถแล้ว


"หาเจอแล้ว อะไรที่อร่อยกว่าลูกชิ้น"นนทนัฐยกยิ้ม  :z1:





                                                                   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                                                    :กอด1: ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม  + เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :pig4:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 27-11-2014 17:05:24
จูบกันแล้วววววว  :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-11-2014 23:22:07
อยู่ๆก็โดนจูบซะงั้น

พระเอกเรารุกเร็วจริงๆ

ต่อไปจะกล้ามาขายไหมนะ...คิๆ :z1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 27-11-2014 23:40:19
อูมาหมิ คริคริ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 28-11-2014 00:57:52


 o13 ชอบกินลูกชิ้นเหมือนพระเอกมาก เห็นชื่อเรื่องก็ตามอ่าน พึ่งจะเข้ามาคอมเม้น เพราะตอนนี้ มัน!!!!!


""หาเจอแล้ว อะไรที่อร่อยกว่าลูกชิ้น"   :o8: :-[ :impress2:   ต้องไปตามหามั้งแล้ว  :z1: 

น่าติดตามๆ เป็นกำลังใจให้นะ


ปล. ปกติจะชอบอ่าน นิยายที่โพสต์จบแล้ว  แต่เพราะว่าชื่อเรื่อง เลยดึงดูดให้เข้ามาอ่าน  :m20:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 28-11-2014 01:15:28
อะไรเนี่ย ตีกันยังหวานได้ ^___________^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 28-11-2014 02:35:13
กรี้ดดดดดดดดด
สนุกมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 28-11-2014 05:19:47
อยากกินของอร่อยก็รีบๆตามจับตัวให้ได้นะคุณนนท์
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 28-11-2014 06:13:45
รุนแรงกันจริงๆ


อยากกินลูกชิ้นร้อนๆ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-11-2014 07:18:46
แบบนี้ลูกหัวปีท้ายปี
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-11-2014 09:32:09
ของที่อร่อยกว่าลูกชิ้น คึคึ ชินเสร็จแน่ :hao3:

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-11-2014 11:05:25
ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องซักที จับจูบไปเลยเนอะ!!
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 13.2 [27-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 28-11-2014 12:11:05
แหนะ ทำแบบนี้ เดี๋ยวก็อดชิมอะไรๆที่อร่อยกว่าลูกชิ้น อีกนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 28-11-2014 14:43:19


                                                                        ตอนที่ 14  ทำผิดก็ต้องโดนทำโทษ



           ลูกค้าที่ยืนรอคิว ก็ทยอยออกไปที่ละคนเมื่อได้ ลูกชิ้นที่ต้องการ ลูกค้าที่สั่งออเดอร์ไว้ก็มารับครบแล้ว ต้นกล้ากันนพคุณ ยังคงวุ่น เพราะลูกค้ามาสั่งจองไว้และไปเดินตลาดและจะกลับมา ก็มีหลายราย ลูกชิ้นที่ปิ้งอยู่บนเตาเหลือเพียง 9 ไม้ ไม่พอกับออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งไว้ ทั้ง 2 คนแปลกใจว่าทำไม ชินพัตน์ถึงยังไม่กลับมาสักที


"ต้นไปดูเองดีกว่าครับ"

"เดี๋ยวพี่ไปเอง ต้นดูร้านเถอะ"


               นพคุณเดินตรงไปลานจอดรถส่วนของพ่อค้าแม่ขาย  ตรงไปยังรถไม่เจอน้องชาย แต่เจอกับลูกค้าประจำที่กำลังก้มเก็บ เศษซากลูกชิ้นที่เกลือนกาดเต็มพื้น  ก็ยิ่งทำให้นพคุณเป็นห่วง ชินพัตน์ขึ้นมาทันที่


"เกิดอะไรขึ้น ครับ? แล้ว...."นพคุณยังไม่ทันถามจบ

"พี่ใหญ่  เอากุญแจรถพี่มาผมจะกลับบ้าน" ชินพัตน์ที่เดินย้อนตามนพคุณกลับมาจากในตลาดเพราะคราดกันนิดเดียว

"เป็นอะไร รีบกลับไปใหน แล้วเกิด......."

"ผมขอกุญแจรถ!!!!"  ชินพัตน์ขึ้นเสียง จนนพคุณต้องล้วงกุญแจส่งให้

"ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ!!!!นพคุณยืนมอง น้องชายปลดล๊อครถของตนเอง ก่อนที่จะขับออกไปอย่างรวดเร็ว


        นพคุณยังคงงงอยู่ แต่เมื่อมองดูรอบๆรถของชินพัตน์แล้ว ก็ต้องหันไปมองหน้า ลูกค้าเจ้าประจำ ที่ยังคงไม่ไปใหน


"ผมรับผิดชอบ ของที่เสียหายทั้งหมดนี้เองครับ " นนทนัฐไม่รอให้ นพคุณถามพูดขึ้นก่อน

"มันเกิดอะไรขึ้นครับ ???" นพคุณยังคงสงสัย

"มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ผมทำคุณเจ้าของร้านตกใจ เลยเป็นแบบที่เห็นนี้ล่ะครับ" นนทนัฐนั่งก้มกวาดซากลูกชื้นที่พื้น
มารวมไว้ที่เดี่ยวกัน (เสียดาย?)[ เปล่าเลยเรียกสุนัขแถวๆนั้นมาจัดการซะ ของอร่อยๆทั้งนั้น][ มินมินเรียกมาเองแหละ] o13

"คุณทำอะไรเขา บอกผมมา...."นพคุณเดินเข้าใกล้คนที่น่าจะเป็นต้นเหตุทำให้น้องชายรีบกลับไปแบบนั้น

"ผมบอกได้เพียงแค่ว่า ผมเสียใจ และผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ถ้าคุณอยากทราบ รายละเอียดผมคิดว่าคุณคงต้องไปถามคุณ
เจ้าของร้านเองครับ "นนทนัฐตอบเสียงเรียบ

"........."นพคุณได้ยินคำตอบจากลูกค้าเจ้าประจำ ไม่ได้ทำให้ความสงสัยน้อยลง แต่ก็ไม่อยากจะถามต่อ

"นี่ครับ ผมไม่รู้ว่า ราคาลูกชิ้นทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ผมก็อยากรับผิดชอบที่เป็นสาเหตุทำให้ข้าวของเสียหายแบบนี้"
 นนทนัฐส่งเงิน แบงค์สีเทามาให้นพคุณ พร้อมกับความรู้สึกผิดกลายๆ

"ผมคิดว่า คุณคงต้องไปจ่ายกับเขาเองจะดีกว่าครับ" นพคุณเก็บลังโฟมและปิดกระบะท้ายรถ และเดินกลับไปที่ตลาด

   

        นพคุณเดินนำเข้ามายังตลาดที่มีลูกค้าเริ่มบางตา นนทนัฐก็เดินตามมาที่ร้านด้วยเช่นกัน มีลูกค้ายืนรออยู่  2-3 คน ที่สั่งลูกชิ้นไว้ทำให้นพคุณต้องรีบเร่งฝีเท้าไปที่ร้านเพื่อบอกกับลูกค้า ลูกชิ้นไม่เหลือเพราะอะไร ก็ได้แต่หันกลับไปมองคนที่เดินตามหลังมาเพียงเท่านั้น



"ลูกชิ้นหมดแล้วนะครับ ขอโทษด้วยจริงที่ทำให้เสียเวลา"นพคุณรีบเข้ามาอธิบายให้ลูกค้าที่ยืนรอฟัง

"อ้าว หมดซะแล้วเหรอ " ลูกค้าทำหน้าเสียดาย แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร แล้วก็ต่างพากันเดินออกจากร้านไป

"ลูกชิ้นหมดเหรอครับ ก็ต้นจำได้ว่าน่าจะเหลือ ประมาณ 5 กิโลไม่ใช่เหรอครับ" ต้นกล้าถามขึ้น

"อืม หมดแล้วนะ เก็บร้านกันเถอะต้น" นพคุณตัดบท

"อ้าว แล้วพี่ชินล่ะครับ" ต้นหันมองไปก็ไม่มีชินพัตน์เดินตามมา

"กลับไปแล้ว ไว้พี่จะเล่าให้ฟัง ช่วยกันเก็บของก่อน" นพคุณตอบปัดๆ เพราะยังเห็นคนที่น่าจะเป็นต้นเหตุยืนมองอยู่

"งั้น ต้นไปช่วยยายเก็บแผงผักก่อน "

"ได้ งั้นพี่ไปถอยรถเข้ามาเลยแล้วกัน" พูดกับต้นกล้า แต่ยังคงมองลูกค้าต้นเหตุ และเดินกลับไปที่ลานจอดรถ


"ลูกชิ้นหมดแล้วนะครับ ไว้มาซื้อใหม่วันจันทร์ หรือจะสั่งออเดอร์ไว้ก็ได้นะครับ" ต้นกล้าเห็นลุกค้าประจำยังยืนอยู่เลยเดินเข้าไปบอก

"ผมขอถามหน่อยนะครับ ว่าลูกชิ้น 5 กิโล ราคาเท่าไหร่ครับ?"

"อ้อ ถ้าสั่ง 5 กิโล ก็ 500 บาทครับ "ต้นกล้ายิ้มการค้าส่งไปให้

"งั้นผม จ่าย 1000 บาทครับ ฝากขอโทษคุณเจ้าของร้านด้วยนะครับ ที่ทำให้ตกใจ" นนทนัฐส่งเงิน 1000 บาทให้ ต้นกล้า

"จะมารับ ของวันใหนครับ เออ แล้วคุณ ชื่ออะไรครับ ?" ต้นกล้าหยิบสมุดจดออเดอร์เตรียมขึ้นมาจดอย่างคล่องแคล้ว

"ของผมได้รับแล้วครับ คุณเจ้าของร้านทราบดี ส่วนผม ชื่อ นนทนัฐ ครับ เรียกนนท์ ก็ได้ครับ"

"อ้อ ครับ คุณนนท์  ได้รับของไปแล้วเหรอครับ?" ต้นกล้าจด ชื่อพร้อมกับแนบเงินไว้ในสมุด แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าลุกค้ารับของไปแล้วคือ

"ครับรับมาแล้ว ได้รับจากคุณเจ้าของร้านเอง...กับมือเลยครับ"

"อ้อ  ครับ" ต้นกล้ายิ้มหายสงสัย

"ผม ขอถามอีกเรื่องนะครับ ชื่อของคุณเจ้าของร้านชื่ออะไรเหรอครับ"

"อ้อพี่ชิน  ชื่อจริง ชื่อ ชินพัตน์ครับ  พี่เขามีร้านขายลูกชิ้นอยู่ในตัวเมืองนะครับ ถ้าคุณสั่งเยอะๆ ก็สามารถไปสั่งโดยตรงที่ร้านนั้นเลยก็ได้ครับ"ต้นกล้ารีบบอกรายละเอียด เพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้า ที่น่าจะสั่งของเยอะถึงขนาดถามชื่อจริงกันเลยที่เดี่ยว

"ขอบคุณครับ แล้วมีเบอร์ติดต่อมั้ยครับ ถ้าผมจะสั่งของ" นนทนัฐเห็นช่องทางที่จะได้ติดต่อ ชินพัตน์ง่ายขึ้น

"มีครับ 082XXXXXX5 ครับ " ต้นกล้าส่งยิ้มการค้า คิดว่าตนเองหาลูกค้าให้ชินพัตน์เพิ่มขึ้น ยกยิ้มดีใจ

"ขอบคุณครับ" แล้วนนทนัฐก็เดินออกจากร้านไป


         
             นพคุณเดินมามองเห็น ต้นกล้าและลุกค้าเจ้าประจำยืนคุย ส่งยิ้มกันไปมา ทำให้นพคุณคิ้วขมวดมุน ยืนมองไม่เข้าไปขัดจังหวะและยังเห็น เหมือนขอเบอร์โทรศัพท์กันอีก ยิ่งทำให้นพคุณเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที่อย่างไม่มีเหตุผล เลยรีบเดินเข้าไปที่ร้านพอดีกลับที่ลูกค้าเดินออกไปพอดี  นพคุณเดินเข้ามายกของเสียงดัง โครมคราม เสียงถาดกระทบกันเสียงดัง ทำให้ต้นกล้าเห็นแล้วแปลกใจ ว่านพคุณเป็นอไร  แต่ก็อยากเก็บของเสร็จให้เร็วๆ เลยคิดว่าไว้ถึงบ้านก่อนค่อยเล่าเรื่องที่ตนเองหาลูกค้าใหม่เพิ่มได้ และคอยฟังว่าเรื่องที่นพคุณบอกจะเล่าให้ฟังด้วย  ต้นกล้ายกยิ้มภูมิใจที่ได้ทำอะไรตอบแทนชินพัตน์ได้บาง


              นพคุณเห็นต้นกล้ายิ้มไม่หุบ ยิ่งทำให้นพคุณอยากกลับไปตามหาไอ้เจ้าลูกค้าประจำคนนั้น ว่าขอเบอร์ต้นกล้าไปทำไมและต้องเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องชาย หุนหันรีบกลับบ้านไปโดยไม่มีสาเหตุ  โมโหก็เลยลงกับข้าวของ เตะเข้าไปกับขอบโต๊ะ


บอกได้คำเดียวว่า  { เจ็บครับ }



             เก็บของขึ้นรถเสร็จ ยานนั่งเบาะข้างนพคุณ ส่วนต้นกล้า นั่งด้านหลังยาย คุยเรื่องสนุกในตลาด ไปเรื่อย ๆจนกลับถึงบ้านยายชวนนพคุณทานมื้อเย็นด้วยกัน นพคุณทำท่าทีจะปฎิเสธ แต่ยายก็ถามถึงเรื่องของชินพัตน์ด้วย เลยต้องอยู่คุยเล่าเรื่องที่เกิดให้ยายและต้นกล้าก็นั่งฟัง


"หรือว่า จะปวดหัวไม่สบายเหมือนวันนั้นอีกหรือเปล่าพ่อหนุ่ม" ยายถามขึ้นเมื่อนพคุณเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

"ผมก็ไม่แน่ใจ แต่หน้าตาซีดๆ ผมเลยไม่ได้ห้ามอะไร ปล่อยให้กลับไปเลยครับ  ถึงร้านแล้วผมจะแวะไปดูครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ"
นพคุณตอบยายเพื่อคลายความกังวล

"แต่ก็ยังไม่ยืนยันแน่ใช่มั้ยครับ ว่าคุณลูกค้าคนนั้นเป็นคนทำให้พี่ชินรีบกลับไปแบบนั้น"ต้นกล้าพูดเสริมขึ้นเหมือนยังข้องใจ

"พี่ก็ไม่แน่ใจ"

"................."ต้นกล้าเลยเงียบเรื่องที่ต้นเองให้เบอร์โทรของชินพัตน์กับลุกค้าคนนั้น


"งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันครับ รีบกลับไปดูน้องด้วยครับ"


"ขับรถกลับดีๆนะพ่อหนุ่ม"

"ครับยาย"

"......."ต้นกล้าเดินมาส่งนพคุณที่รถ แต่ไม่กล้าปริปากบอกเรื่องที่ให้เบอร์กับนนทนัฐไป เพราะตนเองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

"มีอะไรจะบอกพี่ใหม?"นพคุณเห็นต้นกล้าเงียบ

"ผม...คือ....ต้น....ต้นไม่ได้ตั้งใจ  คือต้นไม่รู้จริงๆ  ต้นขอโทษ" ต้นกล้ารีบยกมือไหว้กลัวความผิดที่ให้เบอร์กับคนที่ทำให้พี่ชินเครียดและหนีกลับบ้านไปและใหนจะเรื่องเงินที่รับมาก่อนอีก ก็ยังไม่กล้าที่จะบอก

"ทำผิด ก็ต้องโดนลงโทษ" นพคุณเห็นว่าต้นกล้ารับผิดที่ให้เบอร์กับคนอื่นถึงแม้จะเป็นลุกค้าประจำก็เถอะ


              นพคุณเดินเข้าไปดึงต้วตนกล้าที่ยังคงเอาแต่ยกมือไหวหลับตาปี๋ เพราะกลัวความผิดเข้ามาใกล้ จนต้นกล้าต้องลืมตามองอย่างกลัวๆเพราะกำลังจะโดนทำโทษ นพคุณจับมือที่กำลังยกขึ้นไหว้ของต้นกล้าเข้ามาใกล้ และโอบเอวต้นกล้าให้เข้ามารับการทำโทษ นพคุณก้มลงมองไปที่ตาของต้นกล้า ที่มองกลับมาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด จนทำให้นพคุณก้มลงไปสัมผัสแก้มของต้นอย่างไม่รู้ตัว ต้นกล้าได้แต่กระพริบตามองนพคุณ นี้หรือคือบทลงโทษ


"ที่หลังอย่าให้เบอร์ใครง่ายๆอีก เข้าใจใหม ไม่งั้นพี่ก็จะทำโทษเราแบบนี้อีก"

"ต้น....คือ ...ต้น..."ต้นกล้าสติยังไม่กลับเข้าร่าง ได้แต่พูดจาซ้ำไปซ้ำมากับบทลงโทษของนพคุณ

"ห้ามให้เบอร์ต้นกับใคร เข้าใจใหม"นพคุณบีมจมูกรั้นที่เริ่มขึ้นสี

"ต้นไม่ได้ให้เบอร์ต้นกับใครนะ ต้นให้เบอร์พี่ชินกับคุณนนท์ เพราะต้นคิดว่าคุณนนท์เป็นลูกค้าที่จะมาสั่งของอ่ะ" ต้นรีบก้มหน้าหนีและรีบตอบแก้
ความเข้าใจผิดของคนตรงหน้า

"ต้นให้เบอร์เจ้าชินไปเหรอ  งั้นก็แล้วไป.....ห่ะ!!!!  อะไรนะ!!! ให้เบอร์เจ้าชินกับลุกค้าคนนั้นไปเหรอ"  นพคุณทวนคำพูดต้นกล้าอีกครั้ง

"ต้นขอโทษ  ต้นคิดว่าต้นหาลูกค้าให้พี่ชิน เพราะเขาถามเหมือนจะสั่งของจำนวนมากๆ ต้นก็เลยให้ไปอ่ะ" ต้นกล้ายังคงตอบออมแอม
เพราะไม่คิดว่า จะมีเรื่องกับลูกค้าคนนั้น

".........."นพคุณเงียบ เหมือนจะเข้าใจเรื่องที่เป็นความเข้าใจผิดที่ซ้ำซ้อน แต่ในใจก็ยังรู้สึกดีว่าไม่ใช่เบอร์ของต้นกล้า

"พี่ชินจะโกรธต้นใหมอ่ะ?" ต้นกล้าเริ่มร้อนร้น

"เรื่องเจ้าชินเดี่ยวพี่กลับไปจัดการเอง  แต่เรื่องของต้น........."นพคุณพูดเสียงอ่อนลงแล้ววางมือบนหัวโยกไปมาเพื่อปลอบ

"เรื่องของต้นเหรอครับ?" ต้นกล้าเงยหน้ามองนพคุณ

"พี่ดีใจนะ ที่ต้นไม่ได้ให้เบอร์ต้นกับใคร" นพคุณก้มลงมามองหน้าต้นกล้า และพูดเหมือนเสียงกระซิบ

"........" ต้นกล้าก้มหน้าลงทันที นึกว่าตนเองจะโดนทำโทษแบบเมื่อกี่อีก

"พี่ขอโทษที่เข้าใจผิด จะทำโทษพี่คืนก็ได้นะ"นพคุณยังไม่วายล้อเลียนคนตรงหน้า ที่เอาแต่ก้มหน้างุดแอบซ่อนใบหน้าระเรื่อขึ้นสี

"ต้น  ต้น  ต้นง่วงนอนแล้ว ต้นขึ้นบ้านก่อนนะ" ต้นกล้าทำอะไรไม่ถูก เลยจะวิ่งหนี้ขึ้นบ้านแต่ไม่ทันนพคุณ

"เดี่ยวก่อน" นพคุณดึงต้นกล้ากลับมามองหน้าตนเอง   " ฝันดีนะครับ "และส่งยิ้มมองต้นกล้าที่เริ่มทำอะไรไม่ถูก

"........พี่ก็ขับรถกลับดีๆนะครับ" ต้นกล้ารีบบอก และวิ่งขึ้นเรือนไป


            นพคุณมองตามแผ่นหลังที่หายเข้าไปภายในตัวบ้านรอยยิ้มบนหน้ายังไม่หายไป มองดูนาฬิกาดึกมากแล้วจริงๆ
นพคุณไม่รู้สึกง่วง แต่รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขับรถกลับอย่างอารมณ์ดี





                                                                    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:

                                                        :กอด1: ขอบคุณที่ติดตามนิยายของมินมินนะคะ

                                                                       +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :L2:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 28-11-2014 15:09:44
ได้เบอร์แล้วววว นนรุกเร็วมากค่าาา :hao7:
ต้นโดนลงโทษซะเขินแทน  :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-11-2014 18:02:37
เดี๋ยวทำไมคู่นี้ หวานกันจัง   :mew3:
คุณนนท์ได้เบอร์ไปแล้ว จะทำไงต่อนะ คึคึ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 28-11-2014 18:10:42
ลูกชิ้นปิ้งมาแล้ว

ลุ้นตามตลอดเลย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ > <
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-11-2014 18:31:48
แหมๆ เข้าใจผิดซะ ทำเอาต้นน้ำไปไม่เป็นเลยยย  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 28-11-2014 21:35:44
แหมต้นจ๋า  ละลายเลยใช่ไหมละ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-11-2014 23:04:37
น่ารักดีนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-11-2014 23:06:55
รู้สึกแปลกๆอ่ะ แบบว่าดูเหมือนชินจะไม่ค่อยมีเหตุผลจู่ๆก็นึกไม่ชอบหน้าลูกค้าประจำ หรืออะไร
เอ.. หรือว่าเราอ่านข้ามอ่ะ คือจำได้ว่าเจอกันครั้งแรกตอนที่นนท์เอาตังค์หนึ่งพันบาทไปซื้อลูกชิ้น
แล้วเจอกันครั้งที่สองคือตอนเอาลูกชิ้นไปส่ง ที่ชินเห็นนนท์อยู่กับเพื่อน(ผู้หญิง) อ่านตอนนั้นแล้วรู้สึกเหมือนชินหึงนนท์อ่ะ
คือ มันออกจะแปลกไปหน่อย ดูเร็วไป แล้วการที่ต้นแสดงท่าทีไม่ชอบพี่ใหญ่ตอนแรกก็ดูไม่มีเหตุผลเท่าไหร่เหมือนกัน
แบบว่าเรื่องที่เข้าใจผิดใหญ่ก็ขอโทษแล้ว ต้นก็ยังแสดงทีท่ากระฟัดกระเฟียดบ้าง คือมันเพราะอะไรอ่ะ
แล้วสุดท้ายการที่ใหญ่หรือนนท์แสดงออกเหมือนจะชอบต้นหรือชินอ่ะ เนื้อเรื่องไม่ได้ปูพื้นทางนี้ไว้ ดูมันลอยๆ เหมือนจู่ๆก็ชอบขึ้นมา แบบกระทันหันด้วย เท่าที่จำได้ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นรักแรกพบหรืออะไรทำนองนั้น ฉะนั้นเราว่าตรงนี้น่าจะค่อยเป็นค่อยไป (เราเข้าใจว่า)เป็นความรักที่เกิดจากความผูกพันธ์ ได้ใช้เวลาร่วมกัน(แบบร่วมเหนื่อย(ทำงาน)ร่วมสุข)อะไรแบบนั้น

ปล.ไม่ได้จะชี้นำคนเขียนนะจ๊ะ แค่แสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เรารู้สึกได้อ่ะ

ยังคงเป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 14 [28-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 29-11-2014 00:22:42

แวะเข้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้ง   :beat:

นนท์ได้เบอร์แล้วด้วย รู้หน้าแต่ยังไม่รู้ชื่อ?   ดีกว่าได้กันก่อนแล้วมาบอกรักที่หลัง?

ใหญ่นี้ก็กินเด็กเนียนๆ ลุ้นว่าคู่ใหนจะได้จิ้มน้ำจิ้มก่อน หุหุ  :z1:  มีหรือเปล่าคุณนักเขียน ฉากเรียกเลือดอ่ะ :haun4:

ไปแล้วกินลูกชิ้นอิ่มแล้ว เดี่ยวแวะมาซื้อใหม่  :katai5:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [29-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 29-11-2014 14:19:37



                                                                ตอนที่ 15  หรือว่าจะเป็นคู่แข่ง?


               ขับรถถึงบ้านลุงกับป้าก็ดึกมากแล้ว ทั้งคู่เข้านอนไปแล้ว นพคุณยังคงเป็นห่วงน้องชาย เดินขึ้นไปดูว่าหลับหรือยัง เป็นไปตามที่คิดชินพัตน์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจหนังสือการ์ตูนที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย  นพคุณยืนมองน้องชายตนเองความสงสัย


"ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้ว" นพคุณทักขึ้น ทำให้ชินพัตน์สะดุ้งเล็กน้อย

"กลับมาแล้วเหรอครับ ผมขอโทษนะที่ให้พี่เก็บร้านและไปส่งยายกับต้นคนเดียวเลย"

"อืม..ไม่เป็นไร  แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบอกพี่ได้หรือเปล่า"

"ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากรีบกลับมาพักแค่นั้นเอง "ชินพัตน์ตอบแต่ก็หลบสายตาของคนเป็นพี่ที่มองมา

"ลูกค้าคนนั้น เขาบอกกับพี่ว่า มีเรื่องเข้าใจผิดกัน แล้วเขายังบอกอีกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างด้วย"

"หึ  รับผิดชอบเหรอ  ตลกแล้ว" ชินพัตน์หัวเราะแกนๆ

"ลูกค้าจะให้เงิน ค่าลูกชิ้นพี่มา แต่พี่ไม่ได้รับมาหรอกนะ พี่บอกให้มาคุยกับนายเอง" เพราะเรื่องอะไรนพคุณก็อยากรู้แต่ไม่กล้าถามตรงๆ

"............"ชินพัตน์เงียบ

"ถ้าไม่สะดวกจะเล่าให้ฟังตอนนี้ ก็ไม่เป็นไร แต่มีเรื่องอะไรต้องบอกพี่นะเข้าใจใหม" นพคุณไม่อยากกดดันน้องชายจนเกินไป

"ขอบคุณครับ"

"นอนเถอะดึกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้" นพคุณโยกหัวชินพัตน์ไปมา และเดินออกจากห้องเพื่อให้ชินพัตน์ได้พักผ่อน



               เช้าวันอาทิตย์ชินพัตน์ยังไม่ลงจากห้อง ถึงแม้จะเป็นวันหยุดของที่ร้านก็ตาม แต่นี้ก็เลยเวลาทานมื้อเที่ยง จนทำผู้เป็นแม่เริ่มเป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้าไปเรียก เพราะเมื่อวานตอนชินพัตน์กลับมาบอกว่า ง่วงนอนเลยรีบกลับมาก่อนเช่นเคย เลยคิดว่าจะนอนเพลินหรือเปล่า ยังไม่วางใจเลยโทรหานพคุณที่ตอนนี้อยู่ร้านอีกสาขาที่ตนให้ไปดูแลอยู่


"ใหญ่ ตาชินเป็นอะไรหรือเปล่าเมื่อวาน"ผู้เป็นป้าถามหลายชายด้วยความสงสัย

"นายชิน ไม่ได้เล่าให้ป้าฟังเหรอครับ"

"ไม่เห็นเล่าอะไร เห็นแค่บอกว่าง่วงนอนก็เลยรีบกลับมาก่อน ตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้ ยังไม่ลงมาจากห้องเลย"

"ก็คงนอนดึกตามเคยล่ะมั้งครับ เมื่อคืนผมกลับมาดู ยังเห็นนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เลยครับ" นพคุณรีบแก้ตัวให้น้องชายเพราะกลัวผู้เป็นป้าจะเป็นห่วง

"เหรอ  อ่านการ์ตูนดึกๆอีกหละสิ ปกติไม่เคยเห็นตื่นสายขนาดนี้ ป้าโทรมากวนใหญ่แค่นี้ล่ะจ้า " เมื่อรู้เหตุผลที่ชินพัตน์ยังไม่ลงมาจากห้องแล้วก็เบาใจ ก็วางสายจากนพคุณ


               ภายในห้อง ชินพัตน์ตื่นขึ้นมาเวลาปกติ แต่ไม่อยากขยับเขยื้อนตัวเองไปใหน ยังคงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันตนเอง วนไปวนมาลูกค้าคนนั้นทำแบบนั้นกับตนเองเพราะอะไร  เรื่องเข้าใจผิด? เข้าใจผิดเรื่องอะไร  ชินพัตน์ยังคงหาคำตอบกับเรื่องนี้ไม่ได้ และนพคุณกลับมาบอกอีกว่า ลุกค้าคนนั้น จะรับผิดชอบทุกอย่าง? ค่าลูกชิ้นอย่างงั้นเหรอ? แล้วสิ่งที่ทำกับตนเองล่ะ? พอคิดมาถึงตรงนี้ ทำให้คิ้วของชินพัตน์ขมวดมุน ทำให้ภาพเหตุการเมื่อวานย้อนกลับมาอีก และคำพูดของคนคนนั้น ยังก้องอยู่ในหัว




                                         "ผมว่าลูกชิ้นของคุณอร่อยแล้วนะ แต่ตอนนี้ปากคุณอร่อยมากกว่าอีก" 



"เลิกคิดถึงมันได้แล้ว ชินพัตน์ "ชินพัตน์สายหัวตนเองไปมาอยู่บนที่นอน "ก็แค่ลูกค้าแค่คนเดียว หายไปสักคนก็คงไม่ทำให้เราจนหรอก"ชินพัตน์พยายามคิดว่าก็แค่ลูกค้าที่มาซื้อลูกชิ้น และทำเรื่องแย่ๆแบบนั้นกับตนเอง อาจจะไม่ชอบใจ อยากแกล้ง หรืออยากทำให้อาย  หรือว่า....


หรือว่า......


หรือว่า.......


หรือว่า.......


ต้องใช่แน่......


"แกล้งทำให้ขายหน้า เพื่อให้เราไม่กล้าไปขายของที่นั้นแน่เลย  ต้องใช่แน่ๆ" ชินพัตน์ รีบเด้งตัวออกจากเตียงเมื่อคิดหาเหตุผลได้


"เรื่องแค่นี้คิดว่าจะกลัวเหรอ  ไม่มีทางก็แค่เอาปากมาชนแค่นั้น นึกว่าคนอย่างชินพัตน์จะอาย และไม่กล้าไปขายของเหรอ  ฝันไปเถอะ!!!!!"
ชินพัตน์พูดกับตนเองเสียงดังลั่นห้อง


โครก  โครก


                 เสียงท้องร้องทำให้ชินพัตน์ต้องไปหาอะไรอร่่อยๆเข้าท้องก่อนซะแล้ว ใช้พลังงานไปกับความคิดมากจนเกินไป
ลงไปเติมพลังก่อนแล้วค่อยคิด ว่าจะรับมือกับลูกค้าคนนั้นยังไง 



"แม่คร้าบบบบบ หิวจังเลย ทำผัดกะเพราลูกชิ้นให้กินหน่อยสิคร้าาาาาบ" ยังลงไม่ถึงชั้นล่าง เสียงก็ตะโกนนำลงไปก่อน


                  เมื่อท้องอิ่ม กระบวนการทางความคิดก็เริ่มต้นขึ้นทันที ต้องคิดหาวิธี่จัดการกับปํญหา ไม่ใช่จมอยู่กับปัญหา
(ถึงแม้เป็นปัญหาที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้) แต่ก็พยายามไม่ทิ้งความตั้งใจที่จะขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดอย่างแน่นอน ชินพัตน์
พยายามมองเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองให้เล็กลง มองงานที่ตนเองรับผิดชอบให้ใหญ่ขึ้น "นั้นคือการชายลูกชิ้น"


"พ่อครับ สมมุตินะ ถ้าเจอคู่แข่งมาแกล้งเราให้อาย ทำให้เราไม่กล้าขายของต่อแบบนี้ เป็นพ่อจะรับมือยังไงครับ"

"พ่อก็ดูว่า คู่แข่งที่เจอมีข้อดีข้อเสียอะไร เราก็มาปรับปรุงที่ร้านเราให้ดียิ่งกว่า แค่นี้เราก็ขายได้ต่อแล้วล่ะลูก"
ตอบจากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมา

"อ้อ  เออ  แล้วคู่แข่ง ส่งคนอื่นมาป่วนร้านเราล่ะครับ?" ชินพัตน์เหมือนจะยังไม่ได้คำตอบที่ถูกใจก็ถามขึ้นอีก

"อืม ต้องดูว่า เขาเข้ามาเพื่อ แย่งลูกค้าเราไป หรือดิสเครดิต จนทางเราขายต่อไม่ได้ ก็ต้องดูกันไปก่อนนะ ทำไมเจ้าลูกชาย
มีคนจะมาขายลูกชิ้นแข่งหรือยัง ถามเยอะจริงวันนี้?"

" ผมยังไม่แน่ใจว่าจะมาเป็นคู่แข่งหรือเปล่า ผมแค่สงสัย"

"อืม  ก็ค่อยๆดูไปก่อนแล้วกัน  แต่เราได้เปรียบอยู่แล้วเพราะลูกชิ้นของเราอร่อยจริงใหมเจ้าลูกชาย ฮ่าๆๆๆ "

"ใช่ครับ เรื่องความอร่อยของลูกชิ้นเราไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้วครับ" หัวเราะอย่างมั่นใจตามผู้เป็นพ่อ

   
          ไม่ว่าคุณลูกค้าคนนั้นตั้งใจจะทำอะไรก็ตาม จะไม่เล่นไปตามเกมส์ของคุณแน่นอน คุณลูกค้าเจ้าปัญหา วันจันทร์จะได้
เห็นกันว่าแผนทำให้ ตนเองอาย จนไม่กล้าไปขายลูกชิ้นอีก แบบนั้นเป็นเรื่องที่ผิดถนัด ชินพัตน์คนที่จะไปขายลูกชิ้น และขายให้ดี ขายให้ได้เยอะๆ  จนไม่มีใครกล้ามาป่วนอีกแน่ แล้วเจอกันคุณลูกค้าจอมป่วน!!!!
     

         นนทนัฐนอนมองโทรศัพท์ในมือ ที่มีเบอร์ของคุณเจ้าของร้านลูกชิ้น หรือที่เขาได้บันทึกชื่อไว้ว่า "ชินพัตน์" มองดูอยู่อย่างนั้นแต่ก็ได้แค่มอง ไม่กล้าที่จะโทรไปหาเจ้าของเบอร์นั้น ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเรื่องอะไรก่อนดี เพราะตลอดเวลา หลังจากเกิดเรื่องขึ้น
ที่ตลาด นนทนัฐก็ คิดวนไปมา ว่าตนเองทำให้คุณเจ้าของร้านลูกชิ้น ตกใจ และโกรธตนเองมากๆถึงขนาดหนีกลับไปแบบนั้น
แต่พอนึกถึงรสสัมผัสที่ยังคงอยู่บนริมฝีปาก จนเผลอยกมือขึ้นมาลูบเบาๆ ทำให้ยิ่งคิดถึงเจ้าของริมฝีปากของอีกคน ที่ตอนนี้คง
นั่งต่อว่า โกรธเกลียด ตนเองจนอาจจะไม่มาขายลูกชิ้นเลยก็ได้  พอนนทนัฐคิดถึงตรงนี้ก็ต้องเอามือกายหน้าผาก คิดว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น  มันเร็วมากจนตัวนนทนัฐยังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน เพราะอะไรกันนะ


เพราะคุณเจ้าของร้านเข้าใจผิดเหรอ ?


เพราะคุณเจ้าของร้าน ไม่แคร์ตนเองที่เป็นลูกค้า จะให้ไปซื้อลูกชิ้นที่อื่นก็ไม่สน แบบนั้นเหรอ?


หรือเพราะ แค่อยากอยู่ในสายตาคุณเจ้าของร้าน บางก็เท่านั้น????


หรือเพราะ......คุณเจ้าของร้านบอกว่าเรื่องที่เข้าใจผิดไปนั้น ไม่ใช่ความหึง แต่เป็นเพียงแค่ความรำคาญ????


สรุปที่คิดมาทั้งหมด  มันคืออะไร  เหตุผลจริงที่เข้าไปสัมผัสริมฝีปากคนตรงหน้าตอนนั้นคือ อะไรกันแน่????



(ก็แค่อยากเห็นรอยยิ้มกับฟังคำพูดดีๆเหมือนที่เคยเป็น ไม่ใช่คำพูดประชดด้วยอารมณ์โกรธเพราะว่าเข้าใจผิด)



              สิ่งที่นนทนัฐคิดได้คือต้องแก้ไขเรื่องที่ชินพัตน์เข้าใจผิด และต้องบอกเหตุผลที่ไม่ไปที่ร้านหลายวัน ทั้งที่เคยบอกไปว่าจะไปทุกวันเพราะตนเองมีประชุมงานเกือบทุกวัน  และสิ่งสำคัญที่จะต้องทำนั้นก็คือแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
.
.
.
.
.

ต้องกล่าวคำขอโทษ
.
.
.
.

ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
.
.
.
.
.

ในฐานะใหม่


                                                  " ไม่ใช่แค่คุณลูกค้า กับ คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นอีกต่อไปแล้ว"







                                                                         ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า :laugh:


                                                             ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้น +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :กอด1:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 16 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 30-11-2014 16:34:54


                                                                ตอนที่ 16  วิธีจัดการลูกค้าจอมป่วน


            ตลาดนัดวันจันทร์ ยังมีลูกค้าเลือกเดินซื้อของมากมาย จนหนาตากว่าที่เคย เพราะวันนี้เงินเดือนออก สาวโรงงาน คนงานรับจ้าง ต่างพากันมา
ใช้จ่าย ร้านค้าที่เตรียมของมากมายมาขายเพื่อรับมือกำลังซื้อของลูกค้าในวันนี้ รวมถึงผักของยายที่ มีจำนวนมากเพราะมี 2 ผู้ช่วยเก็บมากได้เยอะ
ทั้งสดใหม่จากสวน ตามที่ลูกค้าต้องการ เพราะผักปลูกเองเป็นที่นิยมมากตอนนี้ ร้านผักร้านอื่นๆไปรับมาอีกที แล้วก็มาแบ่งขาย ทำให้ดูไม่สด ที่สำคัญ
อาจจะมียาฆ่าแมลงแถมมาด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะซื้อร้านของยายเป็นอันดับแรกๆ ทำให้ยายขายดีมากในวันนี้


"วันนี้ลูกค้าผักยายเยอะมาเลย ขายดีมาก" ชินพันต์พูดเมื่อส่งถุงผัก หลายถุงให้ลูกค้าที่พึ่งเดินออกไป

"ก็เพราะพ่อหนุ่มทั้ง 2 คน มาช่วยยายเก็บผัก แล้วก็รีบมาขายทั้งที่ผักยังสดใหม่ ก็เลยขายดีไง" ยายยิ้มขอบคุณ

"ลูกชิ้นของผมเลยได้ อนิสงไปด้วยเลย ฮ่าๆๆๆ " ชินพัตน์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี เมื่อลูกค้าซื้อทั้งผักทั้งลูกชิ้นคู่กัน

R R Rrrrr

"ว่าไงต้น  อืม พี่อยู่ตลาดนัดแล้ว"

[ต้นรับเงินลูกค้ามาแล้วนะครับ แต่เมื่อวันเสาร์ ผมลืมเอาให้เพราะพี่รีบกลับไปก่อน}

"เงินอะไร เงินออเดอร์ของลุกค้าเหรอ?" ชินพัตน์สงสัย

[ ครับ เห็นลูกค้า บอกว่าได้รับของจากพี่แล้ว เขาเลยเอาเงินมาให้ที่ร้าน 1000 บาท ผมฝากไว้กับยายานะครับ"

"ลูกค้า คนใหนทำไมพี่จะไม่ได้"

[ลูกค้าที่มาประจำๆ ที่เคยสั่งให้ไปส่งที่แคมป์อ่ะครับ"

".......ลูกค่าจอมป่วนนี้เอง"

[ พี่ชินพูดว่าอะไรนะครับ? ]

"ปะ เปล่าๆ ไม้ต้องหว่งนะ ตั้งใจเรียนนะต้น ไว้ค่อยโทรคุยกันใหม่"

[พะ พี่ ชิน.... ] ต้นกล้าเรียกไม่ทัน ชินพัตน์วางสายไปก่อน ต้นกล้าจะบอกว่าตนเองได้ให้เบอร์ลุกค้าไป แต่เห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดถึง
ก็ไม่แน่ใจว่า ลูกค้าคนนั้นได้โทรไปหาชินพัตน์หรือเปล้า
       


          นนทนัฐไปประชุมที่กรุงเทพตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งมอบโครงการที่สร้างใกล้เสร็จสิน เหลือเพียงเก็บรายระเอียดเล็กน้อย ก็สามารถให้ลูกค้าเข้ามาดู
ตึกได้ เพื่อให้เช่า หรือซื้อ นั้นก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายขายจัดการ  นนทนัฐเหมือน ยกภูเขาออกจากอก เพราะงานสำเร็จไปได้ด้วยดี
           ช่วงบ่าย นนทนัฐเข้าไปหาแม่ที่บ้าน เพราะผิดสัญญามาหลายรอบแล้ว ถึงแม้ผู้เป็นแม่ให้ค้างคืนไม่อยากให้รีบกลับ แต่นนทนัฐก็ยังเอางาน
ที่แคมป์มาเป็นขออ้างในการรีบกลับ เพื่อต้องไปให้ทันตลาดนัด และจัดการกับหลายๆอย่าง ที่ยังคงค้างคาใจมาหลายวัน


"ลุกพี่ วันนี้กลับมาเร็วนะครับ"

"อืม ประชุมเสร็จไวนะ"

"ลุกพี่ให้ผม ไปซื้อลูกชิ้นให้ใหมครับ"

"......" นนทนัฐเว้นจังหวะคิด ว่าถ้าไปเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยกับคุณเจ้าของร้านยังไง ให้ลูกน้องไปรับหน้าก่อนแล้วกัน

"งั้นฝากซื้อ 10 ไม้แล้วกัน และรีบกลับมานะ เข้าใจมั้ย" นนทนัฐกำชับเพื่อให้แน่ใจว่าร้านลูกชิ้นมาแน่ ไม่ได้หนีหน้าไปใหน

"ได้ครับลูกพี่  " ดำรีบตอบ และเดินไปยังตลาดนัด


             ชินพัตน์ที่ช่วยยายขายผัก ก็ต้องรีบไปช่วยนพคุณขายลูกชิ้นเพราะลูกค้าเข้ามาที่เดียวเยอะมาก นพคุณคนเดี่ยวรับมือไม่ไหวแน่
แค่ปิ้งอย่างเดี่ยวก็จะไม่ทัน ใหนจะต้องใส่ถุง ใส่ผัก ตักน้ำจิ้มหากมีลุกค้าสั่งแยก ก็จะใช้เวลาเพิ่มขั้นอีก ลูกค้าบางคนก็ใจดีมากๆ ช่วยปิ้ง
ช่วยใส่ถุงให้ด้วยบางที่ เพราะลูกค้าเยอะจริง ผักที่เตรียมมาตอนแรกก็หมด ยังไม่มีเวลาหันเพื่ม ลุกค้าก็ไม่ว่า บอกว่ากินลูกชิ้นอย่างเดี่ยว
ก็อร่อย น้ำจิ้มก็รสเด็ดอยุ่แล้ว ทำให้ทั้งชินพัตน์และนพคุณยิ้มไม่หุบ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

             ช่วงที่ลูกค้ายังไม่มี ก็ยังไม่วายต้องมานั่งเสียบลูกชิ้นเพิ่มอีก หันผักเตรียมไว้ น้ำจิ้มต้องอุ่นให้ร้อนถึงจะอร่อยเข้ากัน ทั้งสองคนก็ง่วน
กับการเตรียมของเพิ่ม และปิ้งเพื่อไว้ สัก 20-30 ไม้ เพราะลุกค้าแต่ละคนสั่งมากน้อยไม่เท่ากัน เตรียมตัวไว้ก่อน กลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้ง
ทำให้แม่ค้าหลายๆคนที่ มั่วแต่ขายของเพลินหิวขึ้นมา ต้องรีบออกจากร้านมาซื้อ ช่วงที่ลูกค้ายังไม่มาเช่นเดี่ยวกัน ชินพัตน์ก็มักจะไปอุดหนุน
ร้านแม้ค้าเหล่านั้นเหมือนกัน


"น้อง ลูกชิ้น 10 ไม้ ด่วนๆ"

"ได้ครับ จิ้มน้ำจิ้มเลยหรือแยกครับ " ชินพัตน์รีบเอาลงจากเตา

"จิ้มเลย พี่รีบ " ชินพัตน์จำได้ว่าลูกค้า จากแคมป์ก่อสร้าง

"ได้แล้วครับ 100 บาท แถม 1 ไม้ครับ" รีบส่งลูกชิ้นไปให้พร้อมยิ้มการค้า

" เดี่ยวลูกพี่ของพี่กินหมดต้องก็มาซื้ออีกแน่ เชื่อพี่ กั๊กไว้สัก 10 ไม้นะน้อง " พูดทิ้งท้ายไว้แล้วรีบเดินอกไป

".....???" ชินพัตน์งงกับคำพูดของลูกค้า  แต่เมื่อทวนคำพูดเมื่อกี่


           ลูกพี่งั้นเหรอ?  หรือว่าจะเป็นลูกค้าจอมป่วนคนนั้น ให้ลุกน้องมาดูลาดเลาก่อนงั้นเหรอ ได้เดียวเจอดีแน่ !!!!!!


"พี่ใหญ่ เดี่ยวผมมาไปซื้อของแปบนะ"

"ซื้อขนมครกมาฝากด้วย เร็วๆนะ"

"คร้าบบบ คร้าบบบบ"


          ชินพัตน์รีบไปหาของ เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้ว ก็รีบไปซื้อ ขนมครกมาให้พี่ชายกับยาย เห็นกระเป๋าสะพาย แล้วทำให้คิดถึงต้นกล้า
เลยซื้อกลับมาฝากคนที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ตอนนี้  เดินยกยิ้มสบายใจกับของในมือ เดินผ่านร้านใหน พ่อค้าแม่ค้า ต่างทักทาย ว่าวันนี้ ชินพัตน์
อารมณ์ดี เดินไปยิ้มไป 


"ยายครับผมซื้อขนมมาฝากครับ" ชินพัตน์เดินไปหายายก่อนหันกลับไปหาพี่ตนเอง

"แล้วขนมครกของพี่อ่ะ"

"ไม่ลืมน่า ชอบกินขนมครกเหมือนต้นเลย เห็นมาที่ต้องซื้อกินทุกที่" ชินพัตน์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่านพคุณขอบเหมือนกัน

"แล้วทำไมกลับมาช้า ซื้อขนมแค่นี้"

"เจอกระเป๋า เลยซื้อมาฝากต้น เอาไว้สะพายไปเรียน" ตอบนพคุณไป  "นี้ครับยายสวยใหมต้นต้องชอบมากแน่เลย" ให้ยายดูกระเป๋าที่หยิบออกมาจากถุง

"........"นพคุณเงียบไป เมื่อเห็นชินพัตน์ใส่ใจกับต้นกล้าเป็นพิเศษ


                       นนทนัฐนั่งรอลูกน้อง อยู่ที่ป้อมยามหน้าทางเข้าแคมป์ ตอนแรกก็รออยู่ในออฟฟิศแต่คิดว่ามาช้า เลยมารอข้างหน้าแคมป์เหมือนไม่ทันใจ
ชะเง้อมอง ทางเดินที่มาจากตลาด เห็นกลุ่มลูกน้องเดินกลับมา


"มาแล้วครับ ลูกพี่ ลูกชิ้นร้อนๆ"

"ทำไมมาช้าจัง "

"ผมรีบสุดๆ แล้วครับ ลุกค้าร้านนั้นเยอะมาก รอคิวนาน" ลูกน้องพูดโม้ เพราะตนเองมั่วแต่แซวสาวอยู่

"มีลูกค้าเยอะเหรอ?" นนทนัฐพูดขึ้นเหมือนไม่ได้ถามลูกน้องตรงหน้า

"ครับ ผมรอคิวนานมากลูกค้าเยอะเต็มร้านเลยครับ" ดำรีบใส่ไข่เพิ่มเมื่อเห็นนายถาม

"อืมๆ  ขอบใจแล้วกัน ไปใหนก็ไปเถอะ"  ลูกน้องก็เดินกลับเข้าบ้านพักไป

"ลุงยามครับ ลูกชิ้นนี้ผมให้ "

"แล้วคุณนนท์ ไม่ทานเหรอครับ"

"ผมว่าจะ ไปซื้ออีกนะครับ ลุงทานตามสบายเลย"

"ครับ งั้นลุงขอเอากลับไปฝากคนที่บ้านแล้วกันนะครับ" ลุงยิ้มดีใจเมื่อมีของอร่อยๆกลับไปฝากคนที่บ้าน

"ตามสบายเลยครับลุง" นนทนัฐยิ้มน้อยๆ และเดินออกจากหน้าป้อมยามไปยังตลาด


                 นนทนัฐเดินเข้ามาภายในตลาด แต่ยังคงเดินดูอยู่รอบๆ ไม่ได้เดินไปยังร้านลูกชิ้น เพราะมีลกค้าเข้าร้านเรื่อยๆ  นนทนัฐยังคงเดิน
แวะร้านนั้นร้านนี้  แต่ก็ยังคอยหันมามองมาที่ร้านลูกชิ้นตลอด เพื่อหาจังหวะเข้ามา ไปๆมาๆก็ คนก็เริ่มบางตา แม่ค้าเริ่มเก็บของเพราะว่าขายดีๆ
จึงรีบตัดสินใจเดินเข้าไปที่ร้าน ลูกชิ้นเพราะกลัวลูกชิ้นหมดก่อน


"เออ.... ลูกชิ้นหมดหรือยังครับ" นนทนัฐเดินเข้าไปยังหน้าร้านรีบถามขึ้น

"........"ทั้งนพคุณและชินพัตน์มองหน้ากัน และมองไปยังลูกค้า คนสุดท้าย

"เดี่ยวผมขายเองพี่ พี่ไปช่วยยายเก็บของเถอะ"

"อ้าว แต่ว่า...."

"ไม่เป็นไรพี่เดียวผมจัดการเอง" ชินพัตน์หันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับผู้เป็นพี่


                  เมื่อเห็นนพคุณเดินไปช่วยยายแล้ว ก็หันกลับมาหาลูกค้าที่ยืนหน้าร้านนิ่ง  จ้องมองกับมาหาชินพัตน์ไม่วางตา อยากกินลูกชิ้นใช่มั้ย
เดี่ยวจัดให้ ยกยิ้มการค้าส่งไปให้ลูกค้าทันที ทำให้นนทนัฐที่ยืนเกร็ง ว่าคนตรงหน้าจะต่อว่าอะไรตนเองหรือเปล่า แต่กลับมีรอยยิ้มบนหน้าของ
คุณเจ้าของร้านส่งกลับมาให้  ทำให้นนทนัฐใจชื่นที่คนตรงหน้า ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดตนเอง อย่างที่คิดมากมาตลอด เลยส่งยิ้มกลับไปบาง



"ผมจะสั่งลูกชิ้นครับ ยังมีอยู่ใหมครับ"

"มีครับ คุณลุกค้าจะรับเท่าไรครับ" ยิ้มการค้าส่งไปเช่นเคย

"ผมขอ 10 ไม้ครับ"

"ลาดน้ำจิ้มไปเลยนะครับ  100 บาทครับ ไม่มีแถมนะครับ เหลือ 10 พอดีครับ" ชินพัตน์รีบส่งให้พร้อมรอยยิ้ม

"ครับ ไม่เป็นไรครับ" นนทนัฐรีบส่งเงินให้และรับมาไว้ในมือ

"ครับ ทานให้อร่อยนะครับ" ยิ้มการค้าส่งไป

"ครับ เออ คือ   ....ผม.." นนทนัฐจะชวนคุยต่อแต่เห็นรอยยิ้มนั้นหุบลงทันที่ที่เขาจะคุยต่อ

"ขอโทษนะครับ ผมจะรีบเก็บร้าน ได้ของก็กลับไปสิครับ" ชินพัตน์ปรับน้ำเสียงทันทีเมื่อ เห็นลูกค้าจอมป่วนชวนคุยต่อ

"......." นนทนัฐไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะคุณเจ้าของร้าน หันหลังเก็บข้าวของไม่สนใจตนเองเลย


                 เก็บร้านทั้ง 2 ร้านเสร็จ ก็เตรียมตัวกลับเพื่อไปส่งยาย ชินพัตน์ยังคงอารมณ์ดีจน นพคุณสังเกตเห็น ต่างจากวันเสาร์ ที่เจอ
กับลูกค้าเจ้าประจำคนนั้น  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คงมีเรื่องแค่เข้าใจผิดเท่านั้น ยังไงก็เป็นลูกค้า น้องชายเลยคงไม่ได้ ใส่ใจอะไรมาก


"ยายครับ กระเป๋านี้ไว้ให้ต้นด้วยนะครับ"

"ขอบใจแทนเจ้าต้นด้วยนะ"

"ไม่เป็นไรครับยาย ผมคิดว่าต้นต้องชอบแน่ครับ"

"......."นพคุณนิ่งเมื่อเห็นกระเป๋า

"ไปพี่กลับกันเถอะ ยายพวกผมกลับก่อนนะครับ"

"ขับรถกลับดีๆนะจ๊ะ"


                  ขึ้นรถมานพคุณก็ถามเรื่องที่สงสัยขึ้นมาทันที เรื่องที่น้องชายจะจัดการกับลูกค้าเจ้าประจำคนนั้น ว่าจัดการไปอย่างไง 


"ชิน  พี่สงสัย"

"สงสัยอะไรพี่"

"ก็ใหน นายบอกว่าลูกชิ้น หมดแล้วไง แล้วตอนเย็นนายเอาลูกชิ้นที่ใหนให้ลูกค้าของนายไป"

"ลูกค้าจอมป่วนนั้นนะเหรอ ผมให้ลูกชิ้นพิเศษจากใจ ให้ไปพี่  ฮ่าๆๆๆ"

"ลุกชิ้นอะไรของนายว่ะ"

"เถอะน่าพี่  พิเศษจริงๆ"  หันกับไปยิ้มตอบที่ชายที่ขับรถอยู่  " จนไม่กล้ามาป่วนที่ร้านอีกแน่ หึหึ " ท้ายประโยคพูดเบาในลำคอ

"วันนี้อารมณ์ดี เป็นพิเศษเลย ลูกค้าประจำของเรามาใช่ใหมล่ะ"นพคุณแซว

"พี่ใหญ่!!!! เค้าไม่ได้เป็นลูกค้าประจำของผมสักหน่อย ฮึ่ย!!!" ชินพัตน์ปฎิเสธเสียงแข็ง เลยหันหน้าหนีไม่อยากคุยต่อ อารมณ์เสีย!!!!!!



               นนทนัฐเดินกลับมายังห้องพักตนเอง หยิบลูกชิ้นภายในถุงขึ้นมากิน และนั่งนึกถึงหน้าคุณเจ้าของไปด้วย ที่ยังคงมีรอยยิ้มให้กับเขาเหมือนเดิม
แสดงว่าไม่ได้โกรธตนเองแน่ๆ  หยิบลูกชิ้นเข้าปากเพื่อรับรู้ถึงความอร่อยอย่างสบายใจ แต่!!!!!!!!!!!!



" แหวะ!!!!...... ทำไมมันทั้งเผ็ดทั้งขม แบบนี้ล่ะ?!!" นนทนัฐคายลูกชิ้นที่ยังไม่ได้เคียวออกมาทันทีที่รับรู้รส

               ยกลูกชิ้นในถุงขึ้นมาดู ลูกชิ้นทุกไม้ ปิ้งจนใหม้เกรียม น้ำจิ้มก็เหมือนจะเพิ่มพริกสดแล้วก็พริกไทยป่นเข้าไปอีกจนน้ำจิ้มแดงเถือก ความฉุนจนขึ้นจมูกไปหมด
 แสบคอจนต้องรีบหาน้ำมาล้างปาก นนทนัฐพลาดที่ตนเองไม่ได้ดูตั้งแต่ตอนแรกที่รับของมา เพราะยังคงมองดูแต่หน้าคุณเจ้าของร้านที่ยิ้มให้
.
.
.
.
.
.

คิดว่าตนเองโดนเล่นงานเข้าให้แล้ว
.
.
.
.
.
.

"ใจร้ายเกินไปแล้ว คุณเจ้าของร้าน!!!!!!!"   






                                                                           ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า  :laugh:


                                           :hao7:   อาทิตย์หน้ามินมินไปต่างจังหวัดนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะรีบมาอัพเพิ่มนะคะ

                         
                                                                    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :กอด1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 30-11-2014 18:39:20
เขามาดีนะชินไมไปทำอย่างนั้นล่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 30-11-2014 19:01:14
ใจร้ายจริงๆ คุณเจ้าของร้าน ทำแบบนี้กับคุณลูกค้าประจำได้ยังไง
แสบจริงๆเล้ย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-11-2014 20:53:49
อิอิ เอาคืนเจ้าของร้านด่วนเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 30-11-2014 21:24:48
แหม ทำร้ายกันได้ลง คุณเจ้าของกับลูกค้า ^ ^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 01-12-2014 01:46:35
ใจร้ายมาก ใจร้ายเกินไปด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 01-12-2014 14:32:34
น่ารักมากๆเลยขอรับ. +1 :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-12-2014 16:06:39
ชินใจร้ายเกินไปจริงๆ

น่าสงสารนนท์ ลองหายไปสักอาทิตย์

ดูสิชินจะคิดถึงไหม?
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 15 [30-11-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-12-2014 21:17:31
ชักติดใจลูกชิ้นปิ้งเจ้านี่เสียแล้วสิ
ชินก็ช่างแกล้งนนท์ให้กินลูกชิ้นไหม้ๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17.1 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 06-12-2014 19:06:10




                                                                  ตอนที่ 17.1  ลุงยามสั่งซื้อลูกชิ้น?


            ตลาดนัด วันพุธ และเสาร์ คนเดินตลาดเยอะเหมือนเช่นเคย ยิ่งวันเสาร์ เด็กๆที่ไม่ได้ไปโรงเรียน จะต้องเรียกร้องให้พ่อแม่พามาเที่ยวตลาด เพราะมีลานเครื่องเล่นในตลาด  บ้านเป่าลมขนาดใหญ่ให้ได้เล่น นั่งระบายสีตุ๊กตา วันนี้จะมีเด็กเยอะพอสมควร ส่งผลให้น้ำจิ้มหวานที่เตรียมมาใกล้หมด เพราะไม่คิดว่าเด็กจะเยอะขนาดนี้  ลูกค้าประจำพาลูกๆหลานมาเดินเที่ยวตลาด ก็แวะมาซื้อลุกชิ้นเดินทานเล่นเดินซื้อของไปด้วย ก่อนกลับก็แวะมาซื้ออีกรอบก็ยังมี

"วันนี้เด็กเยอะเนอะ พี่ชิน" ต้นกล้าถามขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ที่พึ่งเดินออกจากร้านไป

"อืม ก็วันเสาร์ เด็กๆก็อยากมาเที่ยว "

"ใช่ๆ เห็นตรงท้ายตลาดมีลานของเล่นใหญ่มาก เด็กๆคงชอบใจ"

"ต้นอยากไปเล่นใหมพี่พาไป เดี่ยวให้พี่ใหญ่ดูร้านคนเดียวพอ"

"โธ่ พี่ชินผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ "

"พี่ล้อเล่นน่า อ้อลืมถามเลย กระเป๋าที่พี่ซื้อให้ ชอบใหม?"

"ชอบมากพี่ ขอบคุณมากครับ เดี่ยวตอนไปเรียนต้นจะเอาไปใช้ด้วย "ต้นกล้ายิ้มกว้าง

"อืม ถ้าชอบก็ดีแล้ว "ชินพัตน์ยิ้มพร้อมยกมือยี้หัวต้นกล้าเบาๆอย่างเอ็นดู

  ปึ้ง!!!!!    เสียงถาดวางเสียงดัง ทำให้ชินพัตน์กับต้นกล้าหันไปมอง

"นี่!!!!  ไม้เสียบลูกชิ้นหมด นายไม่ได้เตรียมสำรองไว้เหรอ"  น้ำเสียงติดหงุดหงิดของนพคุณถามขี้น

"เอ.......ผมว่าผมเตรียมมาแล้ว ตั้ง 6 แพ็คนี้น่า  หรือว่าลืมไว้หลังรถ"หันไปตอบนพคุณ และก้มลงมองในตะกร้าใส่ของ

"มีก็เห็นสิ  เดี่ยวพี่ไปซื้อเอง ครั้งที่แล้วนายไปซื้อที่ใหน?" นพคุณวางมือจากถาดลูกชิ้นทำท่าจะไปซื้อเอง

"พี่อยู่นี้แหละ ผมไปดูที่รถก่อน ถ้าไม่มีเดี๋ยวผมไปซื้อเอง " ชินพัตน์รีบตอบ ดูสีหน้าพี่ชายแล้วเหมือนจะโกรธ

"รีบไปรีบมา ลูกค้าเยอะ"นพคุณพูดไม่มองหน้า หันไปหยิบผักขึ้นมาหั่น

"คร้าบบบบบ" ชินพัตน์รีบเดินออกไป 

"ให้ผมช่วยหันนะ" ต้นกล้าก็หันมามองนพคุณ

"ไม่เป็นไร ขายลูกชิ้นเถอะ ลูกค้ามา โน่นแล้ว" นพคุณบอกปัดเมื่อเห็นลูกค้าเดินเข้าร้าน


     
         นนทนัฐเดินอยู่ในตลาดมาได้สักพักหนึ่งแล้ว คอยมองมาที่ร้านลูกชิ้น เมื่อเห็น ชินพัตน์เดินออกจากร้านไป เลยรีบเดินเข้ามาที่ร้านเพราะ 2 นัดที่ผ่านมา เขาเจอคุณเจ้าของร้าน เล่นงาน จนไม่ได้กินลูกชิ้นของโปรดเลย ทั้งน้ำจิ้มที่แสนเผ็ด ลูกชิ้นปิ้งที่ปิ้งจนใหม้เกรียมครั้งที่ 2 ให้ลูกน้องมาซื้อก็บอกว่าลูกชิ้นหมด แต่พอเดินกลับมาดูเอง ดันเรียกพ่อค้าแม่ค้าร้านใกล้ๆมากินฟรีซะอย่างนั้น ทำให้นนทนัฐยืนมองอย่างเสียดาย คุณเจ้าของร้านเห็นก็ยิ้มเยาะตนเองกลับมาอีก  วันนี้เลยต้องรีบมาซื้อเสียก่อนจะโดนแกล้ง


"สวัสดีครับ วันนี้มาตลาดเร็วจังเลยนะครับ ปกติเห็นมาช่วงค่ำๆ"ต้นกล้าทักทายเมื่อเห็นลูกค้าประจำ

"ครับ ผมสั่ง 5 ไม้ก่อนแล้วกัน ลาดน้ำจิ้มเลย แล้วช่วยเอาไม้ออกให้ด้วยนะครับ "ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นลูกชิ้นร้อนๆหอมอยู่ตรงหน้าแล้ว
ไม่ได้ทานของโปรด ตั้งแต่วันจันทร์

"ได้ครับ ทั้งหมด 50 บาทครับ "

"ผมสั่งลูกชิ้นไว้ สัก 5 กิโลนะครับ ตอนค่ำๆผมจะแวะมาเอาครับ"

"ได้ครับ เออ..คุณ  ...?" ต้นกล้าพยายามนึกชื่อ แต่มันติดอยู่ที่ปาก

"นนท์ครับ  ชื่อนนท์ ทั้งหมด 500 บาท ใช่มั้ยครับ" นนทนัฐรีบบอกชื่อ พร้อมส่งเงินให้

"ครับ ได้ครับ จะเตรียมไว้ให้นะครับ" ต้นกล้ายิ้มการค้าส่งไป

"แล้วคุณเจ้าของร้านไปใหนล่ะครับ"

"อ้อ พี่ชิน ไปซื้อไม้ลูกชิ้นครับ"

"งั้นฝากบอกว่า ลูกชิ้น 5 กิโลนี้ของลุงยามที่อยู่ตรงหน้าโครงการแล้วกันนะครับ" นนทนัฐเห็นสีหน้าต้นกล้ายังไม่เข้าใจ

"คือ พอดีลุงเขาฝากให้ผมมาสั่งนะครับ ลุงแกยังทำงานอยู่ครับ " นนทนัฐรีบแก้สถานการณ์ ถึงแม้จะโกหกก็ตามที่

"ครับ งั้นลงชื่อว่า ของลุงยามหน้าแคมป์นะครับ "ต้นกล้าจดลงสมุด พร้อมแนบเงิน 500 ไว้พร้อม

"ขอบคุณครับ " นนทนัฐยิ้มกลับ


                   นนทนัฐเดินออกจากร้านมาพร้อมกับหยิบไม้จิ้มลงไปภายในถุงที่มีลูกชิ้นปิ้งร้อนๆที่ชุ่มไปด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด รับรู้ถึงลูกชิ้นที่สัมผัสที่ปลายลิ้นแสนอร่อยที่ไม่ได้ทานมาเกือบทั้งอาทิตย์ เคี้ยวอย่างอร่อย คิดอยู่ในใจว่า คุณเจ้าของร้านใจร้ายมากที่ทำให้ตนเองไม่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้เป็นอาทิตย์ๆพอนึกถึงคุณเจ้าของ ก็พยายามเดินหาว่าไปซื้อไม้ลูกชิ้นอยู่แถวใหน......




"ลุกชิ้นจะไหม้หมดแล้ว มั่วทำอะไรอยู่!!!!! " นพคุณที่ลุกขึ้นมาดูลูกชิ้นบนเตาปิ้ง เมื่อได้กลิ่น

"อ้าว ต้นมั่วแค่คุยกับลูกค้า ขอโทษที่ ต้น....."หันมองลูกชิ้นที มองนพคุณที ทำหน้าดุ จนต้นกล้าก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

"มั่วแต่คุยอะไรกัน.....   " บ่นขึ้นมาไม่จริงจัง แต่น้ำเสียงก็ยังติดหงุดหงิด

"งั้นคุณก็ปิ้งลูกชิ้นไปเองก็แล้วกัน ขอโทษแล้วกันที่ทำลูกชิ้นคุณไหม้ " ต้นกล้าตอบกลับไม่มองหน้าคนถาม

"พี่ไม่ได้จะว่าอะไร......" นพคุณเห็นต้นกล้าเปลี่ยนสพนามที่เรียก

"ผมจะไปขายผักของผมเองบ้าง" ต้นกล้าเดินหนีไปที่ร้านผักยาย และไม่กลับมาที่ร้านลูกชิ้นอีก



               ชินพัตน์เดินไปดูที่รถก็ไม่เห็นมีไม้ลูกชิ้น เลยเดินไปซื้อที่ร้านขายส่งฝั่งตรงข้ามตลาด ข้ามถนนมกลับมาผ่านร้านค้าในตลาดมีเสื้อมาใหม่ดูแล้วน่าจะใส่สบาย แต่ต้องรีบเอาไม้ลูกชิ้นไปให้พี่ชายก่อน แล้วค่อยแวะกลับมาดูอีกที เดินกลับก็เห็นลุกค้าเจ้าจอมป่วนเดินก้มหน้าก้มตา จิ้มลุกชิ้นกินไม่สนใจอะไร เห็นลูกชิ้นก็รู้ทันที่ว่ามาจากร้านตนเอง  เลยเดินหลบไปอีกล๊อคเพื่อไม่อยากเผชิญหน้า กับลูกค้าจอมป่วนตอนนี้ เพราะแผนที่คิดเตรียมไว้คงจะไม่ได้ใช้ซะแล้ว เลยรีบกลับไปที่ร้านว่ามาก่อกวนอะไรหรือเปล่า



"พี่ได้แล้วไม้ลูกชิ้น ผมซื้อมา 10 แพ็คเลย เอ๊า!!!" ชินพัตน์ทำเสียงล้อเลียนพี่ชาย แต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่ขำ เลยหันไปดูที่ต้นกล้า
ที่ไม่แม้แต่หันกลับมามองที่ร้าน เอาแต่ขายของอย่างเดี่ยว เป็นอะไรกันหว่า?

"พี่เมื่อกี้มีลุกค้ามาป่วนที่ร้านเราหรือเปล่า?" ชินพีตน์คิดได้ว่าต้องถามเรื่องสำคัญ

"ลูกค้าคนใหน ไม่เห็นมี..."นพคุณตอบเหมือนไม่ใส่ใจ

"ไม่มีเหรอ ก็ลูกค้าที่ชอบมาปะ...ป่วน  เอ้ย มาประจำตอนค่ำๆอ่ะพี่"

"อ้อ มาแล้วไปแล้ว ถ้าอยากรู้ก็ไปถามคนที่ขายผักโน่น น่าจะรู้ดี" นพคุณหันมามองน้องชายแปบเดี่ยวแล้วก็กลับไปสนใจเตาปิ้งต่อ

"..............."ชินพัตน์เหมือนจะได้คำตอบ แต่ก็งงกับท่าที่ของพี่ชายตนเอง


"ต้น เมื่อกี้มีลูกค้ามาป่วนที่ร้านหรือเปล่า"

"ไม่มีนี้ครับ ใครจะมาป่วนร้านเรา มีแต่มาซื้อลูกชิ้น  อ้อ แล้วก็มีมาสั่งออเดอร์ไว้ด้วยนะพี่ชิน"

"ออเดอร์เหรอ แล้วจะมารับของวันใหนล่ะ"

"นี้ครับออเดอร์ ที่ต้นจดไว้ ลูกค้าบอกว่า ลุงยามที่หน้าแคมป์ฝากมาสั่งไว้นะครับพร้อมจ่ายเงินมาแล้วครับ" ต้นกล้าส่งสมุดจดและเงินไปให้

" 5 กิโลเหรอ อืมๆ เดี๋ยวตอนใกล้จะกลับพี่เอาไปส่งให้ลุงเอง " ชินพัตน์เปิดดูสมุดที่ต้นจด ก็นึกถึงหน้าคุณลุง คงติดใจลุกชิ้นเลยมาสั่งเพิ่มอีกเยอะมาก

"งั้นต้นไปช่วยเสียบลูกชิ้นเองนะ "ต้นกล้ารีบอาสาเพราะเห็นว่าได้ไม้ลูกชิ้นมาแล้ว

"งั้นพี่เอาลูกชิ้นไปให้ลุงเลยดีกว่า ต้นพี่ฝากร้านแปบนะ" ชินพัตน์เห็นต้นกล้ากลับมาช่วยที่ร้านแล้วเลยไปส่งของดีกว่า

"เออ...คือ...พี่ชิน..... รีบไปรีบกลับนะครับ " ต้นกล้าลังเลเมื่อชินพัตน์บอกว่าจะไม่อยู่ร้าน

"ทำไม จะให้พี่ซื้อขนมครกมาฝากสิท่า ได้ๆ เดียวพี่รีบกลับมานะ" ชินพัตน์ยี้หัวต้นกล้าที่พูดออมแอมไม่เต็มเสียง

"................." ต้นกล้าได้แต่มองหลังคนที่ยืนปิ้งลูกชิ้นนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร



                ชินพัตน์แวะร้านเสื้อก่อนไปส่งลูกชิ้น ได้เสื้อใส่เล่น 2 ตัว และเสื้อลายวัยรุ่นกำลังฮิตอีก 1 ตัวไปให้ต้นกล้า ส่วนขนมยังไม่ซื้อไว้ซื้อตอนเดินกลับ จะได้กินตอนที่ยังร้อนๆ ชินพัตน์เดินยิ้มอารมณ์ดี ทักทายแม่ค้าพ่อค้าไปตลอดทาง จนออกมาพ้นตลาด ไปตามทางเดินจนถึงหน้าป้อม แต่กับไม่เจอลุงยาม น่าแปลกใจหรือว่าจะไปเข้าห้องน้ำ? ชินพัตน์ก็ยืนรอที่ป้อมยามแต่รอมาพักใหญ่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมา เลยเดินเข้าไปภายในประตูทางเข้าแคมป์  เสียงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด ดังขึ้นจากประเป๋ากางเกง


"สวัสดีครับ  ?" เบอร์ไม่คุ้น

"คุณชินพัตน์ใช่ใหมครับ"

"..............................."ชินพัตน์มองเบอร์บนหน้าจอ ใครกันรู้จักชื่อของตัวเองด้วย?


 



                                                                    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆกลับมาแล้วจ้า!!!!  :laugh:


                              :katai4:           กลับมาแล้วค่ะ รีบกลับมาอัพตอนต่อ กลัวคนอ่านจะลืมลูกชิ้นปิ้งบ้านนี้ไปซะก่อน

                       :กอด1: ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยคะ +เป็ดให้ทุกคนค่า  :L2:



                                                       จะมาต่อตอนที่ 17.2 ตอนประมาณ 2 ทุ่มนะคะ ขอไปปั้นก่อน   :katai4:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 06-12-2014 20:35:23


                                                                  ตอนที่ 17.2  ลุงยามสั่งซื้อลูกชิ้น?


"ครับผม ชินพัตน์ ครับไม่ทราบเรียนสายกับใครครับ?" ชินพัตน์ตอบกลับไปด้วยภาษาทางการ คิดว่าน่าจะเป็นลูกค้า หรือมั้ยก็คนที่ทำงานเก่า

"ผมเอง "

"เฮ้ย!!!! คุณ!!!!"  เสียงมาจากด้านหลัง ไม่ได้มาจากในโทรศัพท์ มันใกล้จนทำให้ชินพัตน์ตกใจเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ

"ขอโทษ ครับที่ทำให้คุณตกใจ" นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตกใจกับการมาของเขา

"คุณรู้เบอร์ผมได้ยังไง!!!???  คุณจะหาเรื่องกันให้ได้ใช่มั้ย ถึงขนาดค้นหาเบอร์แล้วมาป่วนกันแบบนี้!!!" ชินพัตน์ตั้งสติได้มองโทรศัพท์ในมือ

"ผมไม่ได้ต้องการมาป่วนคุณนะครับ ผมแค่อยากจะคุยกับคุณดีๆบาง แต่คุณ....." นนทนัฐรีบอธิบาย

"ผมคิดว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน และผมขอสั่งคุณให้เลิกไปที่ร้านผม เลิกไปป่วน เลิกก่อกวน สิ่งที่คุณคิดจะทำ
มันไม่ส่งผลให้ผมจะเลิก ขายของที่นี้แน่นอน รู้ไว้ซะด้วย"  ชินพัตน์พูดกระแทกเสียง หมดคำพูดก็ทำท่าจะเดินหนี

"คุณจะมาส่งของไม่ใช่เหรอ"

"........ออ  นี้ก็ผลงานคุณอีกสินะ  คุณนี้มันเป็นคนยังไงกันแน่ เอาชื่อคนอื่นมาแอบอ้างแบบนี้ "

"คุณ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วจะครับ"

" งั้น ใหนล่ะ ลุงยามผมจะส่งของแล้วก็จะกลับ ไม่อยากอยู่แถวนี้นาน" ชินพัตน์ไม่สนใจคนตรงหน้า มองหาลุงยาม
เจ้าของลูกชิ้น

"อยู่ที่ออฟฟิศครับ "

"???? " ชินพัตน์งง

"หรือให้ผมเอาลูกชิ้นไปให้ลุงเองก็ได้นะครับ" นนทนัฐเอือมมือไปยังลูกชิ้นที่ชินพัตน์ถืออยู่

"ไม่เป็นไร นี้มันหน้าที่ผม ผมทำเองได้ กลัวของไม่ถึงมือลูกค้า" ชินพัตน์รีบปฎิเสธ

".......งั้นผมพาไปแล้วกัน" นนทนัฐเห็นท่าทีของคุณเจ้าของแล้วก็เหนื่อยใจ แต่ก็ยังอยากที่จะพาไป

"..........."ชินพัตน์เดินตามห่างๆ มองดูไปรอบๆ เขตก่อสร้างที่จัดสรรเป็นเขตของออฟฟิศ เพื่อจะเจอลุงก่อน
จะได้ไม่ต้องไปถึงออฟฟิศ

"เชิญข้างในครับ"

"ลุงยาม อยู่ในนี้แน่นอนใช่ใหมคุณ" หันมองคนที่ เชิญเข้าออฟฟิศฝั่งแผนกช่าง

"เชิญครับ" นนทนัฐไม่ตอบเพียงแต่เรียกให้คุณเจ้าของร้านเข้าไปข้างในให้ได้



".........ลุงยามครับ ผมเอาลุกชิ้นมาส่งแล้วครับ "ชินพัตน์ส่งเสียง มองหารอบห้องยังเงียบ คงอยู่ห้องฝ่ายขายมั้ง

"นั่งก่อนสิครับ"

"ไม่ล่ะ ผมจะไปหาลุงยาม ส่งของเสร็จผมจะได้รีบกลับไปขายของ" ชินพัตน์ทำท่าจะเดินไปยังอีกห้องที่มีประตูเชื่อมต่อ

หมับ!!!!

"คุยกันก่อนสิครับ" นนทนัฐคว้าข้อมือข้างที่มีลูกชิ้นไว้ แล้วยื้อลูกชิ้นในมือนั้นมาถือไว้เอง

"อะไรของคุณ!!!!??? ก็ผมบอกแแล้วว่าผมไม่คุยอะไรกับคุณทั้งนั้น ผมจะส่งของ เอาลูกชิ้นคืนมาด้วย!!!!"
ชินพัตน์พยายามจะเดินไปดึงถุงลูกชิ้นคืนให้ได้

"ใจเย็นๆสิครับ คุยกันดีๆก่อนนะ  แล้วผมจะคืนลูกชิ้นให้ นะครับ" นนทนัฐที่ยึดรั้งทั้งแขนทั้งลูกชิ้นของชินพันต์ไว้
ไม่ให้ได้หลุดหายไปใหน

"ผมไม่มีอะไรจะคุย ปล่อย!!!"

"แต่ผมมีเรื่องที่ต้องคุย เรื่องที่คุณเข้าใจผิดในหลายๆเรื่อง" ดึงตัวคุณเจ้าของร้านเข้ามาใกล้อีก

"ไม่จำเป็น คุณก็แค่ลูกค้าจอมป่วน วันนี้ขอเป็นวันสุดท้ายแล้วกันที่จะได้เจอกันอีก ปล่อย!!!! ไม่ปล่อยคุณเจอดีแน่!!!"

"ผมรู้ว่าผมเป็นเพียงแค่ลูกค้า แต่ผมก็อยากจะแก้ไขเรื่องต่างๆที่ทำให้คุณเข้าใจผมผิด และเรื่อง....."

"มันไม่จำเป็นมั้งครับ ไม่ได้สนิทกันขนาดที่ผมจะต้องมาใส่ใจ ผมไม่สนใจเรื่องของคุณเลยด้วยซ้ำ"

"แต่ผมอยากบอก ........."นนทนัฐมีสายตามตาหมนลงเล็กน้อยกับคำพูดของชินพัตน์ แต่ไม่อยากจะเปลี่ยนเรื่องที่อยากจะคุย

"....................."ชินพัตน์ได้ยินน้ำเสียงแนวแน่ของคนตรงหน้า เลยนิ่งฟังไม่อยากจะเถียงต่อ ฟังๆไปจะได้รีบกลับ

"ผม นาย นนทนัฐ เศรษฐคุณ  จะเรียกผมว่า นนท์ ก็ได้  จบจาก.......  ทำงานมาแล้ว 4 ปี  งานอดิเรก ชอบฝังเพลง
สีที่ชอบสีฟ้า  อาหารที่ชอบที่มีส่วนผสมเกี่ยวกับลูกชิ้น  ของโปรด คือลูกชิ้น และตอนนี้ผมไม่ต้องไปหาทานที่ใหนแล้ว
ลูกชิ้นของคุณคือที่สุดแล้ว สำหรับผม......."  มองคุณเจ้าของร้าน จ้องเข้าไปในดวงตาในเพื่อสื่อสารให้รับรู้ความจริงใจที่ตนเองมีให้

"....................."ชินพัตน์ยังคงอึ้ง

"เรื่องที่คุณเห็นผมอยู่กับผู้หญิง เธอคือเพื่อนผม มาเยี่ยมเพราะผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน และเธอก็มากับแฟนของเธอด้วย แต่คุณคงไม่เห็น"  นนทนัฐค่อยๆปล่อยมือชินพัตน์ที่นิ่งฟังไม่คิดเดินหนีไป เลยพูดต่อ

"แล้วเรื่องที่ผม เคยสัญญาว่าจะไปที่ร้านทุกวัน ผมไปไม่ได้อย่างที่พูด ผมขอโทษ.... แต่ผมมีประชุมงาน แทบทุกวัน กลับมาก็ดึกแล้ว ร้านคุณก็ขายดีกลับเร็วแทบทุกวัน ......."นนทนัฐมองดูสายตาของคุณเจ้าของร้านที่ฟังเรื่องที่เข้าพูด และเหมือนจะคิดตามไปด้วย

"และเรื่องนี้สำคัญ ผมไม่ได้จะไปป่วนร้านของคุณเลยนะครับ ผมก็แค่อยากไปทานลูกชิ้นปิ้งๆ อร่อยๆทุกวัน พยายามกลับให้เร็วที่สุด เพื่อจะมาให้ทัน แต่แล้วก็ได้มาเจอคุณวันนั้น ที่ทำท่าที่โกรธผม ไม่อยากมองหน้าผม..........ผมเลยทำอะไรไม่ถูก "

"ก็  ก็คุณ   เดินตามมาเงียบๆแบบนั้น ก็ต้องงงสิ ใช่มั้ยล่ะ  "  ชินพัตน์เริ่มนึกถึงวันที่มีเรื่องกันได้ ก็ต้องเสหน้าไปมองทางอื่น

"ผมขอโทษ.....แต่ผมไม่มีความคิดที่จะไปป่วนร้านคุณเลยนะครับ"

"แล้ว แล้ว คุณ?  คุณ?"

"เรียกผมนนท์ก็ได้ครับ"

"ผมไม่เรียก ผมจะเรียกคุณว่า คุณลูกชิ้น  ใช่ๆ มันเหมาะกับคุณแล้ว คุณลูกชิ้น!!!" ชินพันต์เหมือนจะได้แกล้งคนตรงหน้าโดยการล้อเรียกชื่อ

"หึหึ คุณรู้ได้ไง  ฮ่าๆๆ"

"คุณหัวเราะอะไร อ้อ หัวเราะชื่อที่ผมเรียกใช่มั้ย คุณลูกชิ้น ฮ่าๆๆๆ"

"หึหึ  ครับ ก็นั้นชื่อเล่นผมจริงๆ เพื่อนผมทุกคนก็เรียกกันแบบนั้น ตั้งแต่เด็กจนโต  หรือคุณอยากเป็นเพื่อนผมล่ะ จะเรียกก็ได้ผมไม่ว่า กลับชอบซะอีก เราดูสนิทกันมากขึ้นนะครับ ว่ามั้ย?" นนทนัฐส่งยิ้มกลับแฝงไปด้วยความหมายมากมาย

"...............!!!!!"ชินพัตน์ไปไม่ถูกเมื่อสิ่งที่คิดจะแกล้งกลับดันไปถูกใจคนตรงหน้าซะอีก

"ให้ผมเรียกคุณว่าคุณเจ้าของร้าน ตลอดไปก็คงไม่ดี งั้นผมเรียกคุณว่า ชินเหมือนน้องที่ร้านคุณได้มั้ยครับ?"

"หะ  ห้ามเรียกนะ ไม่ได้รู้จักมักจี้สนิทสนมกันขนาดนั้นสักหน่อย "

"แต่คุณรู้จักเรื่องของผมไปตั้งเยอะแล้วนะครับ "ยิ้มและพยายามมองหน้า

"มะ ไม่เห็นจะอยากรู้เลย  ฮื่ย!!!!  มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ผมจะกลับแล้ว!!!!"

"เดี่ยวสิครับ ผมขอเรียกคุณว่า.........ว่า.........อืม.......คุณลูกชิ้น  หึหึ เหมาะกับคุณดีนะครับ" ส่งยิ้มล้อเรียนกลับมา

"........!!!!!!" ชินพัตน์อึ้งเพราะชื่อนี้ เป็นชื่อเรียกของที่บ้านเรียกตนเองมาตั้งแต่เด็ก ลุงป้าน้าอา แถวบ้านก็เรียก ถึงแม้ว่า
โตมาจะเรียก น้อยลง แต่เขายังจำได้  ชินพัตน์  มาจาก ลูกชิ้น  ชิ้น=ชิน  ฟังแล้งก็ตลก แต่ชื่อนั้นมันมาจากนั้นจริง ทำให้ชินพัตน์ นึกเคืองเหมือนโดนรู้ความลับ

"ว่าไงครับ คุณลูกชิ้น คงชอบชื่อนี้ใช่มั้ยครับ นิ่งไปเลย หึหึ" นนทนัฐได้ทีแกล้งคืนบางไม่ได้จริงจังอะไร

"จะเรียกอะไรก็เรื่องของคุณ ผมจะกลับแล้ว"

"เดี๋ยวสิครับ โกรธผมเหรอ ไม่เรียกก็ได้ ขอโทษครับ" นนทนัฐพยายามยื้อคนตรงหน้าที่มีท่าทีโมโหจะลุกหนี ทำให้ทั้งคู่กลับมาเผชิญหน้ากันอีก มองตากันไปมาในระยะ ใกล้ๆแบบนี้ทำให้ ภาพเก่าย้อนกลับมาอีก  จนทำให้ ชินพัตน์ผลักคนตรงหน้าให้ออกห่าง

" คำพูดขอโทษของคุณนี้พูดออกมาบ่อยๆ ออกมาง่ายๆ แต่ไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่ตนเองทำเลยสักครั้งสินะ"

"ผมรู้ว่าผมทำเรื่องที่ไม่ควรกับคุณ แต่ผมก็พยายามอยู่ ผมอยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ"

"คุณจะรับผิดชอบยังไง ตลกนะ คุณบอกมาสิมาคุณทำแบบนั้นกับผมทำไม ถ้าไม่ได้อยากทำให้ผมอายจนไม่กล้ามาขายของ งั้นก็บอกมาสิมาคุณทำแบบนั้นทำไม?"  ชินพัตน์เริ่มระบายเรื่องที่คับค้องใจออกมาจนหมด

"ผมขอโทษ....  "นนทนัฐก็ยังหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้แล้วจะตอบคนตรงหน้าได้อย่างไร

"ตอบไม่ได้ซินะ" หันไปมองคนที่เอาแต่ก้มหน้า

" งั้นก็คงจะจบเพียงแค่นี้ ผมคงไม่เห็นคุณไปยุ่งวุ่นวายกับร้านผมอีก ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แม้แต่สิ่งที่ตัวคุณทำขึ้นมาเอง ยังไม่สามารถตอบได้  ผมก็มองอย่างที่ผมเห็นว่าคุณเข้ามาป่วนมาก่อกวน ผมขอเตือนคุณเท่านี้" ชินพัตน์พูดทิ้งท้ายเหมือนเป็นคำขู่กลายๆและเดินออกจากออฟฟิศเล็กๆนั้นไป


                 นนทนัฐยังคงนั่งนิ่ง ไม่คิดที่จะตามคุณเจ้าของร้านไป เพราะตนเองก็ยังจัดการกับเรื่องที่ถูกพูดทิ้งไว้ไม่ได้จริงๆไม่ผิดที่จะโดนเข้าใจผิดไปแบบนั้น การที่โดนผู้ชายจูบแบบนั้น ในที่ที่อาจจะมีคนเห็น ตรงลานจอดรถแบบนั้น ยิ่งคิดก็ไม่ได้คำตอบ เมื่อเงยหน้ามองของบนโต๊ะ กลางห้อง เห็นถุงลูกชิ้น 5 กิโล ถุงเสื้อผ้าอีก 2 ถุง ของคุณเจ้าของร้าน แต่นนทนัฐไม่กล้าแม้แต่จะหยิบขึ้นมาเพื่อต้องการเอาไปคืนเจ้าของ เพราะคำทิ้งท้ายที่ฝากไว้ มันยังดังอยู่ในหัว


"ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ"






                                                      มาแล้วจ้าตอนต่อ ไม่ขาดตอนรีบปั้นสุดๆ ถ้ามีคำผิดก็ขออภัยนะคะ  :laugh:

                                                                 ฝากติชิมนิยายของมินมินด้วยนะคะ  :กอด1:


                                                   

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-12-2014 21:03:06
อยากกินลูกชิ้นปิ้งเลยยยยยยย  ขอหมูล้วนๆ   :hao6:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-12-2014 21:56:28
เฮ้อออ โอกาสจิ้มอยู่ในมือแท้ๆ ไม่น่าเล้ยพระเอกเรา คริคริ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-12-2014 22:22:17
ทะเลาะกันทำไม
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 06-12-2014 23:41:44
เอะอะทะเลาะกันตลอด ตั้งแง่ใส่กันมากเกินไปม้ายย :ruready
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 07-12-2014 02:01:24
ชินจะตั้งแง่ใส่นนท์ไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: เกี๊ยวซ่า ที่ 07-12-2014 03:25:18
อ่านเรื่องนี้แล้วหิวเลย อยากกินลูกชิ้นปิ้งสุดๆ o13
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 07-12-2014 15:20:28

แวะเข้ามากินลูกชิ้น บ้านนี้ กิจการเป็นยังไงบ้าง ฮ่าๆๆๆ  :pigha2:

คู่หลักนี้ก็ทะเลาะกันตลอด อย่างนี้ลูกดกแน่นอน ฟันธง  o13

ส่วนคู่รอง นายนพคุณคงจะถึงวัยทอง  :katai5:  ผีเข้าผีออก  :m16: โกรธอะไรต้นกล้า  หึงอะดิ ชิมิ

แวะมาซื้อแค่นี้แหละ ไปดีกว่า :bye2:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 17 [06-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 07-12-2014 16:32:20
อิพี่ใหญ่เป็นอะไร วันนั้นของเดือนหรอคะ? แหมหงุดหงิดจัง
ส่วนอีกคู่ก็นะ เมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่องคะ ไม่เข้าใจกันซักที เฮ้อออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 18 [07-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 07-12-2014 18:00:07




                                                                   ตอนที่ 18  ความคิดเปลี่ยน


            ชินพัตน์เดินออกมาจากออฟฟิศ แต่ภายในใจยังคงสับสน ว่าควรจะดีใจใช่มั้ย ที่จัดการกับลูกค้าจอมป่วนได้
จะได้ไม่มาเกี่ยวข้องกันอีก แต่อีกใจกับนึกไปถึงคำพูดต่างๆที่อีกฝ่ายพยายามบอกพยายามมอธิบาย แล้วทำไมเพียงแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ถึงไม่สามารถอธิบายได้  ถ้าตัดปัญหาเรื่องนี้ออกไป ก็น่าจะพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจมากกว่านี้


"อ้าว คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นนี้" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ชินพัตน์หยุดความคิดและหันมามอง

"ลุงยาม ไปอยู่ใหนมาครับ?"

"ตามหาลุงอยู่เหรอ โทษที่ลุงไปช่วย คนงานย้ายข้าวของนะ เลยไม่ได้อยู่ที่หน้าป้อม"

"เหรอครับ เออ  ลูกชิ้นอยู่ในออฟฟิศนะครับ ผม เออ ฝากไว้ที่นั้นแล้ว"

"ลูกชิ้น?  "

"ครับ  แล้วนี้จะย้ายกันไปทำที่ใหน"

"ก็จังหวัดใกล้ๆนี้แหละ เหลือแต่พวกช่างสี ตามเก็บลายละเอียดเล็กน้อยๆนะ"

"ลูกค้าลูกชิ้น กลุ่มนี้ไม่อยู่แล้วผมจะขายใครละ" ชินพัตน์ทำท่าที่เศร้า

"โธ่ ไอ้น้อง เห็นร้านเอ็งมีลูกค้าเยอะทุกวัน พี่ไปซื้อลูกชิ้นให้ลูกพี่ยังไม่ทันเลย หมดก่อน"

"พูดถึงคุณนนท์ แกนี้ก็ชอบจริงๆนะ ลูกชิ้นเนี้ย" ลุงยามพูดขึ้น

"นั้นสิลุง แกเคยสั่ง เป็น 10 โล แบ่งให้พวกฉัน 5 โล ส่วนอีก 5 โล แกกินคนเดียวหมดเลย สุดยอดเลยอ่ะ"

"คงจะจริง เห็นแกนั่งกินตอนนั่งทำงาน ได้เป็นกิโลๆ "

"ไม่ใช่แค่นั้นนะลุง แกยังสั่งให้ฉันเอาลูกชิ้นไปให้ร้านป้าน้อย ทำมาเป็นกับข้าวด้วยนะ กระเพราลูกชิ้นงี้  ไข่เจียวลูกชิ้น
ต้มยำยังไม่พ้นต้องใส่ลูกชิ้น  วันใหนแกกลับมาจากกรุงเทพดึกๆ เห็นแกต้มมาม่าใส่ลูกชิ้น กินตลอด"

"ก็คงจะชอบสิครับ มีผู้หญิงมาส่งมาป้อนถึงในออฟฟิศ" อยู่ๆชินพัตน์ก็พูดแทรกขึ้นมา

"อ้อ นั้นเพื่อนคุณนนท์ แกมาจากกรุงเทพ ซื้อลูกชิ้นมาฝากเยอะเหมือนกัน ลุงยังช่วยยกไปที่ออฟฟิศด้วย "

"ลูกชิ้น ลูกเล็กๆป่ะลุง เกือบโล ลูกพี่เอามาให้พวกฉันแบ่งกันกิน ส่วนตัวแกบอกว่าจะไปซื้อที่กินที่ตลาด แกว่าง้ัน" ดำนึกตาม

"เหรอ สงสัย คงติดใจ ลูกชิ้นที่ร้านคุณแน่ๆเลย" ลุงยามหันกลับมาคุยกับชินพัตน์

"ไม่หรอกครับ  ลูกชิ้นในตลาดมีอีกตั้งหลายร้านนี้ครับ"

"แต่ลุงก็เห็นแกเดินกลับมา พร้อมลูกชิ้นของที่ร้านพ่อหนุ่มทุกที ลุงยังเคยได้ลองกินเลย อร่อยมาก คุณนนท์ซื้อมาให้ลุงด้วย"

"เหรอครับ"

"ตั้งแต่วันจัทร์ที่ผ่านมา เหมือนแกดูจะไม่ได้กินลูกชิ้นเลย วันพุธก็เหมือนกัน อารมณ์เลยไม่ค่อยดีอ่ะ ฮ่าาๆๆ"

"ขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ ไอ้ดำ "

"จริง ฉันโดนด่าตลอดอ่ะ  ฉันไปซื้อให้ไม่ทัน ลูกชิ้นหมดก่อน ก็ไม่เชื่อฉันอีก โดนว่าซะงั้น "
 
                   
                  ชินพัตน์ฟังก็พอนึกออกเมื่อวันจันทร์ เขาแกล้งให้คนในออฟฟิศกินลูกชิ้นใหม้ที่แสนเผ็ด และวันพุธก็แกล้งบอกว่าลูกชิ้นหมด ทั้งที่ยังมีอยู่อีกเยอะ แกล้งแจกให้พ่อค้าแม่ค้าร้านใกล้ต่อหน้า คนที่มายืนแอบดูว่าหมดจริงมั้ย  พอนึกได้ว่าตนเองทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้
 

"ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าว่ะเรา" ชินพัตน์บ่นกับตนเองเบาๆ

"ว่าอะไรน่ะ น้อง" ดำถามขึ้น

"อ่อ ป่ะ เปล่าครับ งั้นผมกลับไปขายของก่อนนะครับ" ขอตัวและรีบออกมาจากแคมป์               


 
                  ชินพัตน์เดินคิดตลอดทาง ตามคำพูดของลุงยามกับคนงาน ไม่มีตรงใหนบอกเลยว่า คนที่คิดว่าจะมาป่วน
มาก่อกวน จะมีเรื่องที่มาขัดขว้างการค้าของตนเองเลยสักนิด เป็นเพียงลูกค้าที่ชอบลูกชิ้นมากเป็นพิเศษ  คิดไปคิดมา
ชินพัตน์กลับมองว่าตนเองที่ คิดมากจนทำเรื่องร้ายกับคนที่ ชอบลูกชิ้นของตนเองแบบนั้นได้ยังไง  แสดงว่าสิ่งที่

คุณอะไรนะ?
คุณนนท์
นนท์อะไร?
นนทนัฐ ใช่มั้ย? นั้นและ
หรือ คุณลุกชิ้น 
พอนึกถึงชื่อนี้ ก็ทำให้นึกถึงรอยยิ้มล้อเลียน  ของคนคนนั้นขึ้นมา มันดูจริงใจขนาดนั้น ทำไมถึงคิดแบบนั้นไปได้นะ

ว่าคนแบบนั้นจะมาเป็น  คู่แข่ง มาขัดขว้าง มาก่อกวน


"พี่ชิน  พี่ชินครับ พี่ชิน!!!!"

"อะ  อะไรต้น เรียกพี่มีอะไร หืม"

"ต้นเรียกพี่หลายรอบแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากแคมป์ พี่เอาแต่เหม่ออ่ะ"

"อ้อ  ไม่มีอะไร คิดเรื่อง ลูกชิ้นนะ  แหะๆๆ"  ชินพัตน์เกาท้ายถอยแก้เขิน

"ผมก็นึกว่ามีเรื่องอะไรที่แคมป์ซะอีกเห็นไปตั้งนาน เป็นห่วงอยู่แต่ลูกค้าเยอะมากจนลืม"

"อืม พี่ไม่ได้มีเรื่องอะไร แค่คิดว่าลูกชิ้นร้านเราอร่อยที่สุด " ชินพัตน์ยกนิ้วโป้งขึ้นทั้ง 2 มือชื่นชมลูกชิ้นตนเองให้เด็กตรงหน้าฟัง

"ครับ ครับ อร่อยสุดๆไปเลยครับ ก็ขายหมดทุกวัน มีออเดอร์เพิ่มขึ้นทุกวันนี้ครับ ฮ่าๆๆๆ " ต้นยกนิ้วขึ้นมาเพิ่มเพื่อยืนยันความอร่อย เปลี่ยนบรรยากาศที่ดูงงสับสันของชินพัตน์ เป็นรอยยิ้มที่สดใสขึ้นมาได้   

"แล้วลูกชิ้นหมดหรือยัง"

" หมดแล้วพี่ เหลือที่ปิ้งแล้วอีกไม่กี่ไม้อ่ะ"

"อืม งั้นพี่จะเอาไปฝากลุงยาม"

"อ้าว ก็ลุงยามแกสั่งไปแล้วไม่ใช่ ตั้ง 5 กิโลอ่ะ"

"อืม  แต่พี่แค่อยากให้เขาได้กินแบบปิ้งอ่ะ เพราะมันอร่อยสุดๆ" ชินพัตน์ยิ้มน้อยๆ

"งั้นต้นใส่ถุงให้แล้วกัน"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทำเองต้นช่วยยายเก็บร้านเถอะ"

"ครับ"


              พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมเสื้อผ้าที่ซื้อติดมือไปด้วยอยู่ที่ออฟฟิศ แต่ยังไม่กล้าไปเสนอหน้ากับคนที่ตนเองบอกว่าไม่อยากเห็นหน้า เพราะเข้าใจผิด จะทำยังไงก็นึกถึงลุงยามขึ้นมาทันที และก็พอที่จะเข้าใจด้วยว่าคุณนนทนัฐนั้นใช้ชื่อลุงมาเป็นข้ออ้างเพราะอยากที่จะคุยเรื่องต่างๆที่เข้าใจผิดกับตนเอง


"ยายครับ พวกผมกลัลก่อนนะครับ" ชินพัตน์บอกลายาย เมื่อยกของลงจากรถจนเสร็จเรียบร้อย

"ไม่อยู่กินข้าวกินปลากันก่อนเหรอ"

"ไม่ดีกว่าครับ " 

"พี่ใหญ่จะกินข้าวก่อนก็ได้นะ ผมจะแวะไปทำธุระข้างนอกก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน"

"นายจะไปใหน"

"ไปทำธุระแปบเดียวเสร็จแล้วผมก็จะกลับบ้านเลย ไม่ต้องเป็นห่วงน่าพี่"

"อืมๆ"ตอบกลับน้องชายแบบสั้นๆ " งั้นผมกลับก่อนนะครับ" นพคุณหันกลับมาลายาย

"ขับรถกลับดีๆนะพ่อหนุ่ม"หันไปมองหาหลานชายเพื่อจะให้ลงไปส่งคนทั้ง 2 แต่ก็ไม่รู้ไปใหนแล้ว


"ต้นมาทำอะไรมืดๆ หาอะไรอยู่?" ชินพัตน์เดินมาที่รถเห็นต้นกำลังก้มหาของหลังรถ

"ต้น หาหนังสือ ต้นไม่แน่ใจว่าเก็บไว้ตรงใหน บนบ้านไม่มีเลยมาหาที่รถ"

"แล้วที่รถพี่ใหญ่ไปดูหรือยัง " ชินพัตน์กดโทรศัพท์เพื่อเป็นแสงสว่างช่วยให้ต้นมองเห็น

"ยังครับ " ท่าทางของต้นดูลังเลที่จะเดินไปที่รถของนพคุณ

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูให้"

"เออ  ไม่เป็นไรครับ พี่ชินจะไปทำธุระไม่ใช่เหรอครับ เดียวผมหาดูเองครับ"

"เอางั้นเหรอ งั้นพี่ไปก่อนนะ" ชินพัตน์ลูบหัวต้นกล้าเบาๆ นึกขึ้นได้ว่าตนเองซื้อเสื้อต้นกล้าด้วย ต้องรีบกลับไปเอาคืน

"ครับ ขับรถกลับดีๆนะครับ" ต้นกล้ามองรถชินพัตน์ที่ขับออกไป ก็ยังคงยืนมองรถอีกคันที่คนขับยังคุยอยู่กับยายบนบ้าน



               ชินพัตน์ที่นั่งอยู่ภายในรถมองดูถุงลูกชิ้นในมือและมองไปยังป้อมยามด้านหน้าแคมป์หลังจากไปส่งยายกับต้น แต่ไม่ตรงกลับบ้านแต่เลี้ยวกลับมาที่ตลาดอีกครั้งที่มีคนเริ่มบางตา พ่อค้าแม่ค้าที่เริ่มเก็บร้าน ชินพัตน์จอดรถที่ลานจอดอยู่นานเพื่อทำใจก่อนตัดสินใจลงจากรถ


"ลุงครับผมต้องพึ่งลุงแล้วล่ะ" ชินพัตน์พูดขึ้นเบาๆและเดินไปยังป้อมยาม


"ลุงครับ"

"อ้าว ขายดีมั้ยครับวันนี้"

"ครับ ขายหมดแล้วครับ ผมกำลังจะกลับพอดีแวะเอาลูกชิ้นมาให้ลุงครับ"

"ขอบใจมาเลย เมื่อกี่คุณนนท์ ก็เอามาให้ลุงเหมือนกัน" ลุงยามหยิบถุงลูกชิ้น 1 กิโลขึ้นมาให้ดู

"เหรอครับ งั้นลูกชิ้นปิ้งผมจะเป็นหมายหรือเปล่าครับเนี้ย" ชินพัตน์พูดล้อ

"ไม่เป็นหมายหรอกลูกชิ้นปิ้งเดี๋ยวลุงกินเอง ส่วนลูกชิ้นในถุงนี้ลุงจะเอาไปฝากหลานๆที่บ้าน ชอบกันจริงๆบอกว่าอร่อย"

"เด็กๆส่วนใหญ่ก็ชอบกินลูกชิ้นทุกคนแหละครับลุง"

"ก็จริง เพราะครั้งก่อนคุณนนท์ให้ลุงมาก็เอากลับไปฝากหลาน ได้กินติดใจกันใหญ่ " ลุงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมีของอร่อยๆกับไปฝากหลาน

"เออ แล้วยังมีใครอยู่ในออฟฟิศมั้ยครับ"

"กลับกันหมดแล้วครับ จะเอาลูกชิ้นมาส่งเหรอ?"

"อะ เออ เปล่าครับ ผมแค่แวะเอาลูกชิ้นมาฝากลูกเฉยๆครับ" ยิ้มกลับแก้เก้อ เลยขอตัวกลับ

"งั้นไว้วันจันทร์ผมจะเอาลูกชิ้นมาให้อีกนะครับ วันนี้ผมกลับก่อนนะครับ"

"ขับรถกลับดีๆนะ"


                          กลับบ้านไปแล้วสินะ เรื่องที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำก็ลืมไปหมด เมื่อคนที่ตั้งใจจะเจอกลับไปแล้ว ชินพัตน์ยืนเหม่อมองท้องฟ้ายามคำคืน ถุงเสื้อผ้าก็คงต้องรอวันจันทร์สินะ คิดได้แบบนั้น ชินพัตน์ก็ได้แต่ถามตนเองในใจ " มายืนทำอะไรอยู่ว่ะเรา ?" ไขกุญแจรถเพื่อจะขับกลับบ้าน ก่อนที่จะดึกไปมากกว่านี้



"คุณลืมของไว้ในออฟฟิศครับ" !!!!!!!!!!!!???????????






                                                                    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:


                                         :กอด1:      ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้ทุกคนค่า



                                                                     
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 18 [07-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 07-12-2014 18:10:56
จะมาง้อเค้าสินะ คริคริ :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 18 [07-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 07-12-2014 21:06:35
ปรับความเข้าใจกันซะนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 08-12-2014 16:41:55



                                                                   ตอนที่ 19  ถุงเสื้อที่ถูกลืม?


                  นนทนัฐ ถือถุงลูกชิ้นเข้ามาแช่ที่ห้องพักของตนเองและถือถุง น่าจะเป็นเสื้อผ้านั้นของคุณเจ้าของร้าน กลับมาด้วย ว่างไว้ตรงโต๊ะทำงาน นนทนัฐแบ่งลูกชิ้น ไปให้ลุงยามก่อนกลับเข้าที่พัก แวะไปดูคนงานบางส่วนที่เริ่มทยอยเก็บข้าวของเพื่อย้ายไปทำงานที่อื่นเขากลับมานั่งมอง ลูกชิ้นที่ตัวเขาเองแบ่งเอาเข้าเวฟเพื่อนอุ่นทานร้อนๆ  นั่งมองอยู่อย่างนั้น แต่ภายในใจคิดไปถึงเจ้าของที่ทิ้งคำพูดไว้แบบนั้น  จนทำให้คนที่ชอบกินลูกชิ้น ทานของที่ตนเองชอบไม่ลง แม้มันวางอยู่ตรงน่าแล้วก็ตาม


"เฮ้อ!!!! จะทำยังไงดีว่ะเรา เขาไม่ให้ไปที่ร้านแล้วด้วย" นนทนัฐนั่งทิ้งตัวกับพนักพิงเก้าอี้เงยหน้ามองเพดาน


                        นั่งคิดไปคิดมาไม่ได้คำตอบ ลูกชิ้นที่เวฟออกมาก็เริ่มเย็นลง นนทนัฐเลยคิดว่าจะเอาไปให้คนงานที่บ้านพักดีกว่า เดินออกไปแต่ก็เปลี่ยนใจเดินเลี้ยวไปหาลุงยามที่หน้าป้อมแทน เพราะวันนี้ลุงยามบอกว่า อยู่กะดึกแทนยามอีกคนที่ลาป่วย ทำให้ลูกชิ้นที่เขาให้ไปยังคงไม่ได้กลับเอาไปให้หลานๆ  เลยตั้งใจเอาลูกชิ้นที่เวฟใหม่อีกรอบไปให้ลุงยามทานแทน



"ลุงครับ ผมเวฟลูกชิ้นร้อนๆมาให้กินยามดึกครับ" นนทนัฐยื่นจานลูกชิ้นส่งให้ลุงยาม

"อ้าวคุณนนท์ ผมนึกว่ากลับห้องไปนอนซะแล้ว"

"ทำไมเหรอครับ?  เอ๊ะ!!?? แล้วนี้ลูกชิ้นปิ้ง ลุงไปซื้อมาเหรอครับ"

"เปล่าครับ ก็เมื่อกี้คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นแกแวะเอามาให้นะครับ "

"คุณเจ้าของร้านมาเหรอครับ"

"ครับ เห็นบอกว่าขายของหมดแล้ว เลยแวะมาก่อนจะกลับนะครับ"

"เขาไปนานหรือยังครับ"

" พึ่งเดินออกไป คุณนนท์ก็เดินเข้ามาหาผมพอดีครับ"

"งั้นเหรอครับ งั้น  งั้น ลุงทานให้หมดเลยนะครับ " นนทนัฐบอกลุงแล้วรีบวิ่งไปที่ตลาดทันที

"คุณนนท์จะไปใหนครับ?"ลุงตะโกนถามไล่หลังคนที่วิ่งหายไปไกลแล้ว


                         นนทนัฐคิดว่าตนเองวิ่งให้ทันคงจะได้เจอคนที่พึ่งคุยกันไปเมื่อตอนเย็น  วิ่งออกมาก็เจอเข้ากับรถกระบะสีขาว
ที่นนทนัฐจำได้ดี กับเรื่องที่ตนเองทำกับเจ้าของรถคนนี้ที่ท้ายกระบะ และเห็นเจ้าของรถยืนมองท้องฟ้า เขาลดเสียงฝีเท้าให้เบาลงและมองยืนมองอยู่อย่างนั้น จนเห็นว่าเจ้าของรถกำลังไขกุญแจรถ



"คุณลืมของไว้ในออฟฟิศครับ"นนทนัฐรีบตะโกนบอก ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ห่างกันแต่อยากจะหยุดตนตรงหน้าไว้ก่อน

"!!!!!?????   ตกใจหมดเลยคุณ!!!!" ชินพัตน์เกือบทำกุญแจรถหลุดมือแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก

"อะ ผมขอโทษ ผมรีบไปหน่อยนึกว่าจะมาไม่ทันคุณซะแล้ว"

"คุณวิ่งตามผมออกมาเหรอ ใหนลุงยามบอกคุณกลับไปแล้...."ชินพัตน์รับเอามือปิดปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไป

"คุณมาหาผมเหรอ?" นนทนัฐเดินเข้ามาใกล้คนที่ เริ่มทำตัวไม่ถูกที่โดนจับได้

"ปะ เปล่า ผมก็แค่     ใช่  ลืมถุงเสื้อไว้ในออฟฟิศคุณไง ผมจะกลับมาเอา แต่ลุงยามบอกไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศแล้วผมก็กลับสิ"
ชินพัตน์รีบแกล้งตัวไม่มองหน้าคนที่เดินเข้ามาถาม เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอคนที่อยากเจอ

"ห้องพักผมอยู่ในแคมป์"

"ละ แล้วไง มะ ไม่เห็นอยากรู้เลย "ชินพัตน์ทำท่าไม่สนใจแล้วจะไขกุญแจเพื่อเปิดออก แต่ก็ไขไม่ได้สักที

"แต่ผมอยากจะบอก................. ว่าถุงเสื้อของคุณอยู่ที่ห้องของผม" นนทนัฐอยากที่จะแกล้งคนต้องหน้าที่เริ่มทำอะไรไม่ถูก
เดินเข้าไปกระซิบบอก  ทำไมถึงอยากแกล้งนะ

"อะไร ทำไมต้องเข้ามาใกล้ๆด้วย ออกไปห่างๆเลย!!"ชินพัตน์รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงกระซิบชัดเจน จนต้องหันกลับไปเผชิญหน้าและผลักคนตรงหน้าให้ออกหาง

"ก็ผมจะดูว่าคุณ ไขประตูรถไม่ได้สักที่ จะอยากจะช่วยไงครับ" นนทนัฐเดินกลับเข้ามาหาอีก

"ไม่ ไม่ต้อง  แล้วก็เอาเสื้อผมคืนมา ผมจะกลับแล้ว!!!"   

"ไปที่ห้องของผมสิ"

"ปะ ไปทำไมผมรอคุณอยู่ที่หน้าป้อมกับลุงยามแล้วกัน คุณก็กลับไปหยิบมาแค่นั้นก็จบ" ชินพัตน์พูดไปก็เดินตรงไปที่หน้าแคมป์
นนทนัฐก็เดินยิ้มหัวเราะในลำคอ เดินตามคนเอาแต่ใจ

"หัวเราะอะไรของคุณ!!!"

"ผมเปล่า" ปฎิเสธแต่หน้ายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

"ฮื่ย!!!!! ผมจะรออยู่ตรงนี้ ไปเอาของมาสิ!!!" พอเดินถึงป้อมยามก็รีบสั่งทันที

"ครับ ครับ" นนทนัฐหันมารับคำแล้วรีบเดินเข้าแคมป์ตรงไปยังห้องพัก

"ลืมของอะไรไว้เหรอครับ"

"อ้อ คือผมลืมของไว้เมื่อตอนเย็นนะครับ "ชินพัตน์มองจานใส่ลูกชิ้น"แล้วนี้ลุงจะทานหมดเหรอครับ?"

"จานนี้เหรอครับ คุณนนท์แกพึ่งเอาออกมาให้ พอรู้ว่าคุณมาก็วิ่งออกไปทันทีเลยครับ "

"จานนี้ของเขาเหรอ"

"ครับ ถ้าไม่มีใครทอดให้ แกก็จะเอาเข้าเวฟกินเองแบบนี้ละครับ ผมก็ได้กินด้วยประจำ" กินเปล่าๆจริงๆด้วยสินะชินพัตน์นึกในใจ

"แล้วไม่มีน้ำจิ้มแบบนี้จะอร่อยเหรอครับลุง"

"ตอนแรกลุงก็งงว่าแกจะทานได้เหรอ แต่ก็เห็นแกทานแบบนี้ประจำ แกบอกว่าลูกชิ้นอร่อยในตัวอยู่แล้ว แกบอกแบบนั้น"

"เหรอครับ" ชินพัตน์ได้รับคำยืนยันอีกเรื่องที่ว่า คนที่เดินหายไปในแคมป์ กินลูกชิ้นของเขา เปล่าๆได้จริงๆ

"ตอนเย็นคุณนนท์แกสั่งลูกชิ้นเหรอครับ สั่งเยอะเลยสินะครับ เอามาแบ่งลุงตั้งเยอะ"

"ครับ สั่ง 5 กิโลครับ"

"เหลืออีก 4 โล เอามาให้ลุงกินแบบนี้อีก วันจันทร์ก็คงได้ไปสั่งเพิ่มใหม่อีกแน่ๆ"นั่งคุยกับชินพัตน์ว่าคงจะได้ออเดอร์เพิ่มแน่นอนในวันจันทร์เพราะนนทนัฐทานหมดไวจริงๆ

"คงไปสั่งไม่ได้แล้วครับลุง" นนทนัฐเดินเข้ามาได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันพอดี ตอบลุงแต่หันไปมองเจ้าของร้านลูกชิ้นแทน

"ทำไมสั่งไม่ได้ล่ะครับ"ลุงหันไปหาคนที่พึ่งเดินกลับมา "จะไม่มาขายวันจันทร์เหรอพ่อหนุ่ม" หันกลับมาถามคนที่นั่งคุยกัน

"เอ๊ะ ปะ เปล่านี้ครับ ผมก็มาขายปกติ" ชินพัตน์รีบบอกปัด แล้วหันไปถลึงตาใส่คนที่ยืนอยู่

"ก็ผมโดนห้าม อ๊ะ  อือ ......" ชินพัตน์รีบลุกขึ้นแล้วปิดปากคนที่กำลังพูดเรื่องที่ตัวเองสั่งไว้เพราะเข้าใจผิด

"อย่าพูดมากน่าคุณ!!!   เอาถุงเสื้อผมมา ผมจะกลับแล้วมันดึกมากแล้ว" ชินพัตน์ รีบปล่อยมือออกจากคนตรงหน้า แล้วรีบยื้อขอ
งออกจากมือนั้นมาจะถือเอง

"เดี่ยวสิครับ จะไม่ขอบคุณผมสักนิดเลยเหรอผมอุตสาเก็บไว้ให้ แล้วก็เดินไปเอาออกมาให้อีก ทั้งที่คุณเป็นคนลืมไว้เอง"

"มันก็เพราะ คะคุ..........ขอบคุณ " พอนึกได้ว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นเพราะความเข้าใจผิดของตนเอง เลยรีบบอกขอบคุณเสียงเบา

"งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณที่รถนะ "ยื้อถุงเสื้อเพื่อให้อีกคนเดินตามมา

"ลุงผมกลับก่อนนะ"ชินพัตน์หันหลังกลับมาบอกลุงก่อนที่จะโดนคนตรงหน้าลากไปเพราะถุงเสื้อในมือ



                         ชินพัตน์เดินตามคนที่เดินนำเขาด้วยการจับถุงเสื้อคนละด้าน แต่ก็เดินตามมาเงียบๆ เพราะไม่เหลือความคิดด้านลบกับคนตรงหน้าแล้วกลับอยากที่จะขอโทษกับหลายๆเรื่องที่ตนเองทำไปด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จนมาถึงรถตอนนี้ลานจอดไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย เหลือเพียงรถของชินพัตน์เท่านั้น รวมไปถึงในตลาดที่เหลือแม่ค้า อยู่ไม่กี่เจ้าที่รอรถมารับกลับ บรรยากาศที่เคยคึกครืน ตอนนี้ดูเงียบเหงา แปลกตาไป



"วันนี้ขายดีมั้ยครับ" อยู่คนตรงหน้าหยุดยืนตรงหน้ารถและถามขึ้น

"ก็ ก็ขาดหมดเหมือนทุกวันนั้นแหละ"

"ดีนะที่ผมไปสั่งไว้ก่อน ไม่งั้นผมคงจะไม่ได้กินทั้งอาทิตย์แน่" นนทนัฐหันมามองคนที่ยืนฟังนิ่งก้มหน้ามองถุงที่มือของทั้ง 2 คนจับไว้

"ก็ได้กินแล้วนิ" ชินพันต์พูดเสียงเบา พยายามยื้อถุงเสื้อเบาๆ

"แต่อาทิตย์หน้าผมก็คงไม่ได้กิน และอาทิตย์ต่อๆไปด้วยใช่มั้ยครับ?" ก้มลงถามคนที่เอาแต่ก้มหน้า  ชินพัตน์พอได้ยินคำถามของคนตรงหน้าทำให้ ชินพัตน์เงยหน้าขึ้นมามองคนถาม

" ก็ทำไมไม่ไปซื้อกินที่ร้านอื่นล่ะ" ถามกลับแล้วหันหน้าไปมองทางอื่น

"ก็ผมเคยบอกแล้วนี้ ว่าลูกชิ้นของคุณคือที่สุดของผมแล้ว  จำได้ใหม หืม?" นนทนัฐยื้อถุงเสื้อเพื่อให้คนตรงหน้าหันมามองตนเอง

"..............วันจันทร์ ก็อย่าลืมมาซื้อแล้วกัน " ชินพัตน์รีบบอกแล้วก็ยื้อถุงเสื้อคืนมาได้แล้วรีบเดินไปไขกุญแจรถ

"เดี่ยวนะ คุณให้ผมไปที่ร้านคุณได้แล้วใช่มั้ย  ไม่ห้ามแล้วใช่มั้ย" นนทนัฐยื้อแขนคนตรงหน้าให้กลับมาคุยกัน

"ก็ ตามนั้นแหละ จะมาไม่มาก็เรื่องของคุณ ปล่อยผมจะกลับแล้ว" ชินพัตน์ดึงแขนกลับ

หมับ!!!!

"ขอบคุณครับ ขอบคุณ คุณไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ย" นนทนัฐดึงชินพัตน์เข้ามากอดแน่นด้วยความดีใจคนลืมตัว เหมือนความรู้สึกที่หนักอึ้งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น ได้หายไปหมด

"นี้คุณปล่อยผมเดี่ยวนี้นะ ครั้งที่แล้วผมยังไม่ยกโทษให้คุณนะ แล้วคุณยังมาทำแบบนี้กับผมอีก ปล่อย!!!!" ชินพัตน์ที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า ตกใจถุงเสื้อหลุดมือไปตอนใหน สติกลับมาก็รีบพยายามทั้งผลักทั้งดิ้น

"เออ ผมขอโทษผมดีใจไปหน่อย ลืมตัว แหะๆ" นนทนัฐปล่อยตัวคนตรงหน้าและก้าวถอยหลังเว้นระยะห่าง เกาท้ายถอยแก้เขินที่ทำเรื่องแบบนี้กับคนตรงหน้าอีกแล้ว

"ฮื่ย!!!! คุณนี้มัน!!!!  ผมจะกลับแล้ว!!!" ชินพัตน์เห็นคนตรงหน้าพูดออกมาตรงๆว่าที่ทำไปเพราะดีใจกับเรื่องที่จะได้กลับไปซื้อลูกชิ้นที่ร้านของตนเองแค่นี้ ถึงกับลืมตัวจะโกรธก็ใช่เรื่อง ดูจะตลกกับท่าที่เขินเก้อๆของคนตรงหน้า รู้สึกแปลกๆกับหัวใจตัวเอง เต้นแรงเกินเหตุ สงสัยจะต้องไปหาหมอ  รีบกลับไปตั้งหลักที่บ้านดีกว่า


                 ชินพัตน์รีบพาตนเองเข้าไปภายในรถ เพื่อหลบพ้นสายตายของคนที่ยังยืนมองตนเองอยู่แบบนั้นไม่กลับเข้าไปที่แคมป์สักที และยังเดินเข้ามาให้ประตูรถอีก


ก๊อก ก๊อก  เคาะทำมายยยยยยยยยยย!!!!!??????


"อะไรของคุณอีก!!!!!"  ชินพัตน์กดปุ่มเลื่อนกระจกรถฝั่งข้างคนขับลง ชะโงกหน้าเพื่อถามคนข้างนอก

"เจอกันวันจันทร์นะครับ"

"อะไรของคุณ ฮื่ย!!!!" ชินพัตน์พยายามกดปุ่มกระจกให้เลื่อนขึ้นปิด แต่ก็โดนยื้อไว้

"อะไรของคุณอีก!!!?" ต้องหยุด

"ขับรถกลับดีๆนะครับ"

"แค่นี้ใช่มั้ย ผมจะกลับแล้ว"

"ฝันดีนะครับ"

"อ๊ะ  อืม"

"ฝันถึงผมด้วยนะ" นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายไม่ปิดกระจกเลยแกล้งพูดต่อ

"เรื่องอะไร  ถอยออกไปเลย อยากจะโดนรถเหยียบใช่มั้ยห่ะ!!!!" ชินพัตน์ตวาดลั่น รีบปิดกระจก ซ้อนใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี
ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากความโกรธหรือเกิดจากเขินอายกันแน่?





                                                                 

                                                                 ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!  :laugh:


                                                    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายของมินมิน นะคะ +เป็ดให้ทุกคนค่า  :กอด1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 08-12-2014 16:55:02
สามตอนรวดดดดดดดดดดดดดดด

นนท์บอกทุกอย่างแล้ว ชินเองก็ควรจะพูดดีๆ

กับเขาได้ละนะ ทะเลาะกันทำไม

รักกันไว้ดีกว่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 08-12-2014 17:31:36
จีบสะทีสินนท์
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 08-12-2014 18:39:12
แล้วเก็บถุงเสื้อกลับไปด้วยรึยังน่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 08-12-2014 20:55:02

 :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2:

แวะเข้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้งกิน อ่าน 2 ตอนรวด :hao6:  เริ่มมุ้งมิ้งกันแล้วสินะ  :-[

ถุงเสื้อถูกลืมจริงๆ สินะ หึหึ  เขิลจนลืมเก็บ หรือว่า คุณนักเขียน ลืมเก็บเอย หุหุ  :beat:

ไปดีกว่า แล้วจะมามาซื้ออีก  :z2:





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-12-2014 21:12:58
คุยกันดีๆนะนายช่างพ่อค้าลูกชิ้น
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: dnaseven ที่ 08-12-2014 21:22:54
ชอบเรื่องนี้จัง ติดตามนะๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-12-2014 22:27:11
ซึนมากคุณพ่อค้า
ปล.อ่านทีไรนึกถึงแต่ลูกชิ้น ท้องร้องไม่หยุดเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-12-2014 22:58:23
แอบหวาน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-12-2014 23:01:57
 :impress2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 09-12-2014 01:51:01
คริคริ :hao6: :hao6: รู้น่าคิดไรกันอยู่อะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 09-12-2014 15:31:59
เรื่องนี้น่ารักดี บอกต่อเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 19 [08-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-12-2014 16:59:52
เริ่มดีขึ้น ถึงแม้คุณเจ้าขอร้านจะแง่งๆๆ ใส่คุณลูกค้าอยู่ก็ตาม ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 09-12-2014 19:12:27




                                                                                ตอนที่ 20  ไปเที่ยวงานวัดกัน


                   ต้นกล้ายังคงหาหนังสืออยู่ตรงตระกร้าเก็บของ ลังเลที่จะไปหาที่รถของนพคุณ เลยตัดใจกลับไปหาดูบนบ้านอีกครั้งพอดีกับที่ นพคุณเดินลงมาพอดี เห็นต้นกล้าเดินกลับมาจากโรงเก็บตระกร้าผัก ที่พึ่งไปขายของมาเมื่อตอนหัวคำ

คงลืมของไว้อีกแล้วสินะ


"หาอะไรอยู่ หืม?" นพคุณเดินเข้ามาถามต้นกล้าที่กำลังเดินกลับจะขึ้นเรือน

"ผมหาหนังสือ" ตอบคำถามแต่ไม่สบตา เดินผ่านคนถามอย่างไม่สนใจ

"ต้น โกรธอะไรพี่อีก หืม  " นพคุณรีบดึงตัวต้นกล้าไว้

"ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณก็รีบกลับไปสินี้มันดึกแล้ว" ต้นกล้าไม่สบตาเช่นเคย และพยายามแกะมือของคนตรงหน้าออก

"ต้น  ต้น  มองหน้าพี่แล้วบอกมาว่าไม่พอใจพี่เรื่องอะไร" นพคุณจับไหล่ของต้นกล้าให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ

"คุณนั้นแหละ ไม่พอใจอะไรกันแน่ ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันหรอกนะ เดี๋ยวทำดีด้วย เดี๋ยวก็ทำท่าทางเหมือนโมโหตลอดเวลา
วันนี้ทั้งวันคุณเป็นแบบนั้นกับผมก่อน" มองหน้าคนถามและก็พูดความรู้สึกที่อึดอัดมาตลอดออกมาจนหมด

"แล้วก็ช่วยปล่อยแขนผมด้วย ผมเจ็บ"

"พี่ขอโทษ "นพคุณปล่อยมือจากไหล่เล็กนั้นอย่างเสียมิได้ พูดขอโทษแผ่วเบา

"..............." ต้นกล้าไม่มองหน้าแต่กลับยืนหันหลังให้นพคุณแทน เพราะรู้สึกตัวเองมีอาการสั่นไปทั้งตัว ขอบตาเริ่มร้อนอย่างไม่รู้สาเหตุแต่ก็ไม่อยากให้คนข้างหลังเห็น


หมับ!!!


"ขอโทษนะครับ ต้นอย่างโกรธพี่เลยนะ พี่ไม่รู้ว่าทำตัวไม่ดีแบบนั้นออกไปได้ยังไง พี่ขอโทษนะ นะครับ" นพคุณกอดต้นกล้าจากด้านหลังและขอโทษสิ่งต่างๆที่ตนเองหน้าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้นกล้าเป็นแบบนี้


"...............ฮึก ต้นไม่รู้ ต้นทำตัวไม่ถูก เวลาพี่เป็นแบบนั้นอ่ะ ฮึก ต้นไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร ฮึก  "ต้นกล้าที่ยังอยู่ภายใต้อ้อมกอดของนพคุณ เริ่มกั้นน้ำตาไม่อยู่ พรั้งพรูความรู้สึกที่เด็กแบบต้นกล้าจะรับมือได้ เพราะอยู่แต่กับยาย ไม่เคยมีพี่น้องหรือเพื่อนๆที่สนิทแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าต้องแสดงออกยังไง


"ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง พี่สัญญาพี่จะไม่เป็นแบบนี้อีก"นพคุณรับรู้ถึงอาการสั่นเทานั้นได้ เลยดึงคนตรงหน้าให้กลับมามองหน้ากันชัดๆ ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา ทำให้นพคุณปวดใจไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุ เช็ดน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบา


"พี่เป็นแบบนี้เพราะต้นเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่าอ่ะ " ต้นกล้ามองหน้านพคุณแล้วถามเรื่องที่ข้องใจ


"ไม่ใช่ครับ ต้นเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ขยันทำงาน  ปลุกผักช่วยยาย ขายของก็เก่ง ......"  มันน่ารักมากสำหรับมากพี่รู้มั้ย อยากจะบอกแต่ไม่กล้าพอ


"เป็นเพราะพี่เองครับ พี่นิสัยไม่ดี พี่เอาแต่ใจ พี่มันเจ้าอารมณ์ แสดงตัวอย่างที่ไม่ดีให้ต้นเห็นซะแล้วสิ แย่จังเลยเนอะ หึหึ"  พี่มันโคแก่หวังจะกินหญ้าอ่อน  ในใจก็เฝ้าด่าตัวเอง


"ต้นไม่ได้จะว่าพี่นะ แต่ต้นแค่ทำตัวไม่ถูกอ่ะ ทำอะไรไปก็ดูเหมือนผิดไปหมดเวลาอยู่ต่อหน้าพี่อ่ะ " ต้นกล้าหยุดร้องไห้แล้ว แต่ก็ก้มหน้าพูดสิ่งที่กังวลอยู่ตอนนี้ ทั้งที่กับชินพัตน์ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอต่อหน้าพนคุณแล้วการทำตัวเป็นเด็กดีของตนเอง กับดูผิดแปลกไปหมด


"ต้นทำดีแล้วทุกอย่างแล้วครับไม่ต้องกังวลอะไร พี่เองก็จะทำให้ได้เหมือนกันพี่สัญญา นะ" นพคุณจับใบหน้าของต้นกล้าขึ้นเพื่อมองตากันตรงๆ เพื่อสื่อคำพูดที่จริงจังและจริงใจ


"ครับ "ต้นกล้ายิ้มกลับกับคำพูดจริงใจของคนตรงหน้า


"พี่อยากให้ถึงวันเสาร์ไวไวจังเลยน่า" นพคุณเดินจูงมือต้นกล้าพามาส่งขึ้นเรือน


"ทำไมเหรอครับ"ต้นกล้าสงสัย"


"..............................." จะบอกได้ไงว่าทนคิดถึงคนข้างจนทนไม่ไวอยากมาเจอเร็วๆ


"อ้อผมนึกออกแล้ว พี่อยากไปงานวัดใช่มั้ยล่ะ เดี่ยวผมพาเที่ยวก็ได้นะ แต่ต้องขายของก่อนแล้วค่อยไปกันเนอะ" ต้นกล้าทำท่าทีนึกว่าวัดตรงหน้าถนนใหญ่ เลยตลาดนัดไปมีงานบุญใหญ่ มีการแสดง มีซุ้มเรื่องเล่น มีของขายมากมาย ต้นกล้ารีบนำเสนอเพราะไปทุกปี


" ครับ ครับ พี่อยากให้ต้นพาไปเร็วๆจัง" หันมายิ้มรับกับใบหน้าเล็กที่ยิ้มล่าอย่างนึกสนุก


"ต้นจะพาพี่ไปตักปลา ปาลูกโปร่ง โยนห่วงแลกตุ๊กตา เล่นปิงโก กินผัดไทยหอยทอดด้วย ดีมั้ยพี่ อิอิ" ต้นพูดถึงแล้วดูท่าเจ้าตัวจะชอบมากจริง


"ครับ ขึ้นบ้านได้แล้ว ยุงเยอะ" นพคุณส่งต้นกล้าทีบันได


"พี่ก็ขับรถกลับดีๆนะครับ"


"ต้น แล้วต้นจะรู้มั้ยว่าพี่ถึงบ้านปลอดภัยหรือเปล่า"

"นั้นสิ งั้นบอกเบอร์พี่มาเลย" ต้นกล้าเดินกลับลงมาจากบันไดที่ก้าวขั้นไปเพียงขันเดียว


"ต้นจะโทรมาหาพี่เหรอ"


"โทรสิ ก็ต้นเป็นห่วงว่าพี่จะถึงบ้านปลอดภัยหรือเปล่า"


"มาเดี่ยวพี่กดเบอร์ให้ " ต้นส่งโทรศัพท์ตนเองให้ไป


"โอเค ถ้าพี่ถึงแล้วจะโทรมาบอกเองนะ ขึ้นไปนอนได้แล้ว" รับรู้ถึงโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงตนเอง


"ครับ " ยิ้มและโบกมือเบาๆวิ่งขึ้นบ้านไป




Rrrrrrr  Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrr




"ว่าไงพี่?"


"นายอยู่ใหนแล้วธุระนายเสร็จหรือยัง"


"ผมกำลังขับรถกลับ ว่าแต่พี่เถอะอยู่ใหน"


"พึ่งจะออกจากบ้านต้น"


"พี่กินข้าวกับยายเหรอ"


"อืม เปล่ามีเรื่องคุยกันนิดหน่อย"


"งั้นไว้เจอกันที่บ้าน"


"โอเค  เดี๋ยวชิน"


"ว่าไงพี่?"


"นายเคยไปเที่ยวงานวัดหรือเปล่า?"


"นานแล้วนะพี่ พอเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยได้ไปเลย พี่ถามทำไม"


"อืมเปล่าๆ ขับรถไปเถอะไม่กวนแล้ว แค่นี้แหละ"   



                        นพคุณดูตื่นเต้นกับการจะได้ไปเที่ยวงานวัด ตัวเขาเองก็แถบจะจำไม่ได้แล้วว่า งานวัดมีอะไรบางเพราะนานมากแล้วที่จะได้ไปเดินเที่ยวเล่นแบบนั้น ตั้งแต่ที่ตั้งใจจะออกมาหางานทำ ก็ไม่เคยที่จะมีเวลาไปเที่ยวเตร่แบบนั้น ทุ่มเวลาไปกับการทำงาน วัยเด็กของเขาเลยสั้นกว่าคนอื่นๆ  ถ้าจำไม่ผิดเคยไปครั้งเดียวไปพร้อมกับครอบครัวของชินพัตน์  เพราะอยากที่จะทำให้ตนเองร่าเริงขึ้น หลังจากที่แม่แท้ๆของตัวเขาเองทิ้งไป  นพคุณเลยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวป้าและลุง น้องชายตัวเล็ก ที่คอยเอาใจใส่เขาที่ไม่เหลือใคร


                       แต่ตอนนี้นพคุณอยากที่จะมีใครคอยที่จะใส่ใจ เอาใจอยากให้ความสำคัญกับเขาให้มากๆ  ตัวเขาเองได้รับมาจากลุงและป้า น้องชาย น้องสาวตัวน้อยมามากพอแล้ว เหมือนไม่ได้ขาดอะไร และอยากจะแบ่งปันความรู้สึก การให้ความสำคัญกับใครสักคน เขาคิดว่าเขาได้หาเจอแล้ว แต่มันเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น



"อยากไปเที่ยวงานวัดเร็วๆจังเลยน่า....." นพคุณขับรถมาอย่างอารมณ์ดี คิดไปไกลถึงวันเสาร์หน้าซะแล้ว 



Rrrrrrr



"ฮัลโล พี่ถึงบ้านแล้วเหรอครับ?" ต้นกล้ารับสายเร็วมากเหมือนรอสายของนพคุณอยู่

"ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีกครับ"

"ก็ต้นรอพี่โทรมาอ่ะ "

"เป็นห่วงพี่เหรอ"

"ก็เป็นห่วงพี่ๆ ทั้ง 2 นั้นแหละ พี่ชินก็ถึงบ้านแล้วไช่มั้ยครับ"  นพคุณขมวดคิวทันที่ทีได้ยินชื่อน้องชาย

"ถึงแล้ว....."นพคุณตอบเสียงเรียบ

"พี่ทำเสียงแบบนี้อีกแล้วอ่ะ?" ต้นกล้าบอกปลายสายตรงๆ

"พี่ก็พูดปกติ" นพคุณรีบแก้ตัว แต่ก็รู้ว่าตนเองทำเสียงแบบนั้นจริง

"ต้นไม่คุยกับพี่แล้ว"

"เดี๋ยวต้น เดี๋ยว พี่ขอโทษ นะ นะครับ คุยกับพี่ก่อน"

"แต่มันดึกแล้ว พี่พักผ่อนเถอะ"

"ต้นโกรธพี่หรือเปล่า"

"เปล่า ต้นเห็นว่ามันดึกแล้ว พี่ก็ขายของมาทั้งวัน แล้วต้องขับรถไปมาส่งต้นกับยายอีก ต้นอยากให้พี่นอนพักผ่อนเร็วๆ"

"ต้นก็รีบเข้านอนนะ"

"ครับ ต้นก็กำลังนอนอยู่"

"งั้นก็ฝันดีนะครับ"

"ครับ พี่ก็ฝันดีนะ"


                            นพคุณมองโทรศัพท์ในมือ ยังไม่ลุกไปใหน เสื้อผ้าชุดเดิม ยกมือจับหน้าตนเอง



ยิ้มอะไร?



อาการหนักแล้วว่ะเรา?



ไปเที่ยวงานวัดด้วยกันไหมครับ       ยิ้มส่งให้คนอ่านทุกคน   :mew1:







                                                                   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!   :laugh:


                                               ขอคุณที่ติดตามนิยามมินมินนะคะ  ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ  +เป็ดให้ทุกคนค่า  :กอด1:



                                                   ส่วนถุงเสื้อไม่ได้ลิมนะคะ  มินมินวิ่งไปเก็บให้พีชินเองค่ะ อิอิ    :bye2:









หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-12-2014 19:43:55
อยากมีโมเม้นต์แบบนี้บ้าง
อิจฉา...พูดเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 09-12-2014 23:37:03


แวะเข้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้งกินยามดึก 

รู้สึกว่าน้ำจิ้มวันนี้จะหวานไปนะ อิจฉาเบาๆ หุหุ :z1:

คู่รองหวานนำหน้าไปแล้วนะ  :o8: :-[ :impress2: :กอด1:


กินลูกชิ้น กับอ่านนิยาย ยามดึก  :z13:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 10-12-2014 02:15:06
บอกไปสิพี่หึงพี่หวงน้องต้นครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 10-12-2014 03:12:01
สองคู่นี้ นี้มันยังไง
มีแค่เด็ก ป.3 เท่านั้นแล้วมั้งที่ไม่รุ้ว่าอาการนี้คือ จีบและเรียกว่าความรักอะ
ปล.เด็ก ป.4มันก็ไวไฟกันแล้ว 555+
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 20 [09-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 10-12-2014 09:54:20
แหมมม คุณพี่คะ ทำเป็นเด็กวัยรุ่นริมีความรักไปซะได้
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 10-12-2014 18:41:58




     
                                                                             ตอนที่ 21 ไปด้วยกันไหม

                 
                 ชินพัตน์วางสายจากพี่สายก็ขับรถกลับบ้าน เกือบ 4 ทุ่ม เพราะมั่วแต่ไปเสียเวลาที่แคมป์ พอมานั่งนึกว่าไม่ได้เสียลูกค้าไปเพราะความคิดมากของตนเอง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า คนคนนั้นเอาเบอร์โทรศัพท์ของตนเองมากจากใหน ลองโทรไปเบอร์พี่ชาย สายก็ไม่ว่างเลยลองโทรไปถามต้น สายก็ไม่วางเหมือนกัน ดึกขนาดต้นกล้าคุยกับใครทำไหมยังไม่นอน  สิ่งที่อยากรู้แต่ยังไม่ได้คำตอบ มันยังคาใจ


หรือจะโทรไปถามดีไหม ว่าเอาเบอร์มาจากใหน

ไม่ดีกว่า   

แต่ก็ยังคงนั่งมองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น 


" 5 ทุ่ม กว่าแล้วเหรอเนี้ย" ชินพัตน์มองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้อง เลยพาร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันเข้าไปอาบน้ำ



Rrrrrrr  Rrrrrrr Rrrrrrrr


"ครับ  ครับ  ใครโทรมาดึกขนาดนี้ เอ๊ะหรือพี่ใหญ่ หรือ ต้นโทรกลับมาหว่า" ชินพัตน์ที่พึ่งอาบน้ำเสร็จได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากนอกห้องน้ำเลยรีบออกมารับ


"ว่าไง" รับสายโดยที่ไม่มองเบอร์

"คุณถึงบ้านแล้วเหรอ"ชินพัตน์ได้ยินเสียงรีบมองดูเบอร์ทันที

"คุณโทรมาทำไม"

"ก็ผมเป็นห่วงว่าคุณขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่า"

"รู้แล้วก็ว่างสายไปสิ นี้มันดึกแล้วนะคุณ"

"ครับ ครับ  ฝันดีนะครับ"

"ฮื่ย!!!!   เออ  ใช่นี้คุณ!!! อย่าพึงว่างสายนะ"

"อยากคุยกับผมต่อเหรอครับ"

"ไม่ใช่!!! คุณเอาเบอร์โทรศัพท์ผมมาจากใหน"

"ผมมีเวทมนต์ คุณไม่รู้เหรอ"

"ไม่ตลก ตอบคำถามมา"


"บอกไปคุณก็ไม่เชื่อผมหรอก"


"ไม่บอกใช่ไหม ได้ งั้นก็ว่างสายไปเลย ไม่ต้องมาคุยกันอีก ฮื่ย!!!!"


"โอเค โอเค ผมบอกแล้ว ๆ ก็ถามจากน้องผู้ชายที่ช่วยคุณขายลูกชิ้นไงครับ"


"ถามจากต้นเหรอ "ชินพัตน์นึกตามเลยเผลอพูดชื่อออกมา


"อ้อ ชื่อน้องต้น เหรอครับ"นนทนัฐถามกลับทันทีนึกว่าคุยกับต้นเอง


"ผมไม่ได้บอกคุณ" ชินพัตน์รีบเบรกคนที่อยู่ปลายสาย


"หึหึ แต่ผมได้ยินนี้ครับ" นนทนัฐอยากแกล้งกวนกลับบาง


"สรุปคุณจะโทรมากวนกันใช่ไหม?" ชินพัตน์เริ่มเสียงแข็ง


"เปล่าๆ คุณอย่าเข้าใจผมผิดแบบนั้นอีกสิครับ ผมแค่อยากโทรมา เพราะเป็นห่วงคุณจริงๆ" นนทนัฐรีบแก้ตัวกลัวคนปลายสายไม่ให้ไปซื้อลูกชิ้นที่ร้านอีก


"โอเค ตอนนี้ผมถึงบ้านแล้วอย่างปลอดภัย วางสายได้หรือยัง" ชินพัตน์ทำน้ำเสียงเรียบตอบกลับไป


"ครับๆ ฝันถึง........"


"นี้คุณ!!! ถ้าจะเล่นมุกเก่าผมไม่อยากฟัง แค่นี้นะ" ชินพัตน์รับรู้ได้ทันทีรีบพูดตัดบทแล้ววางสาย


"ใครจะไปฝันถึงกัน บ้าหรือเปล่า???!!!!" ชินพัตน์พูดใส่หน้าจอโทรศัพท์ที่วางสายไปนานแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัวเองที่หน้าร้อน ใจเต้นแรง สงสัยต้องไปหาหมอให้ตรวจดูสักหน่อยแล้ว สงสัยจะไม่สบาย????



                        ตลาดนัดวันจันทร์พ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยเจ้ามาจัดตั้งร้านอาจจะดูบางตาไปบาง เพราะมีแม่ค้าบางส่วนเลือกที่จะไปลงร้านที่งานวัดงานใหญ่ประจำปี ที่มีจัดขึ้น 7 วัน 7 คืน ให้เช่าพื้นที่ขายของ เพราะที่การแสดงจากดารา นักร้องมาแสดง ตลอดคืนทั้ง 7 วัน แม้ค้าพ่อค้าต่างๆหวังว่าจะได้รายได้เยอะมากกว่าการมาขายของตลาดนัด เพียงไม่กี่วัน เพราะคนเดินเที่ยวงานกลางคืนเยอะมากเหมือนทุกๆปี
                       
                      ต่างจาก ร้านลูกชิ้นปิ้งและร้านผักสดที่ยังคงเลือกที่ตั้งร้านพร้อมกันประจำที่ตลาดนัด นพคุณยังคงมาช่วยชินพัตน์เช่นเดิม และดูเหมือนจะกระตือรื้อล้นจนน่าแปลกใจ ในสายตาน้องชาย เห็นพี่ชายตนเองเร่งให้ไปช่วยยายเก็บผักตั้งแต่เช้า เลยได้ผักเยอะมาก ช่วงพักเที่ยงก็เห็นปรีกตัวไปยืนคุยโทรศัพท์เป็นนาน 2 นาน กว่าจะกลับขึ้นมาทานข้าวแล้วตรงไปยังตลาดนัด ยังไม่วายกระวีกระวาด ช่วยยายจัดร้านอย่างคล่องแคล้ว ยายแถบจะไม่ต้องหยิบจับอะไร นพคุณทำให้เสียทุกอย่าง



"วันนี้พี่ดูอารมณ์ดีจัง มีเรื่องดีๆไม่เห็นเล่าให้ฟังมั้งเลย" ชินพัตน์ที่เห็นพี่ชายเดินเข้ามาช่วยจัดของที่ร้าน ก็เริ่มถามขึ้น


"เปล่านี้ พี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด ตลอด  "พูดจบก็ผิวปากตามเพลงที่ร้านขาย ซีดีเพลงเปิดเรียกลูกค้า


"เหรอ  ผมเห็นพี่อารมณ์แปรป่วนเหมือนสภาพอากาศ  หึหึ" แซวไม่ได้จริงจัง


"พูดมากน่า จัดร้านไปลูกค้าเริ่มเดินแล้ว"  นพคุณไม่อยากใส่ใจ ผลักหัวไหล่น้องชายตนเองเบาๆ


                        ลูกชิ้นและผักสดขายดีเช่นเคย หมดก่อนร้านอื่นๆภายในตลาดนัด มีลูกค้าที่เดินเข้ามาซื้อก็ต้องผิดหวังกลับไปก็หลายราย



"อ้าวคุณ ลูกชิ้นหมดแล้วเหรอครับ" ลูกค้าประจำของชินพัตน์มารอบที่ 3 ของวันนี้


"งานการไม่มีทำเหรอครับ " ชินพัตน์ที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นใครก็พูดขึ้นให้ได้ยินกันแค่ 2 คน


"งานนะมีครับ แต่ใจมันอยากมาแถวนี้ " นนทนัฐพูดล้อเจ้าของร้านลูกชิ้น


"ลูกชิ้นคุณก็ชื้อไปแล้ว ออเดอร์ที่สั่งก็รับไปแล้ว แล้วคุณจะมาทำไมอีก" ชินพันต์ไม่สนใจคำพูดเสี่ยวๆนั้นของคนตรงหน้าแต่ถามหาเหตุผล


"ผมก็เห็นว่าขายหมดแล้วเลยจะมาช่วยเก็บร้านไงครับ"ยิ้มตอบกลับมา


"ผมเก็บเองได้ ขอบคุณ"ชินพัตน์เริ่มไม่อยากใส่ใจหันไปเก็บของต่อ


"เก็บร้านเสร็จแล้วคุณก็กลับเลยเหรอครับ"


"อืม ต้องไปส่งยายที่บ้านก่อน ทำไมเหรอ"


"ไม่ไปเดินเที่ยวงานที่วัดเหรอครับ?"


"....!!!!?????......" ชินพัตน์หยุดมือและหันมาฟังเหมือนไม่เข้าใจคำถาม


"ผมหมายถึง คุณไม่อยากไปเดินดูงาน หรือไปทำบุญที่วัดบางหรือครับ?" นนทนัฐเห็นชินพัตน์ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ


"งานวัดที่หน้าถนนใหญ่เหรอ?  อ้อผมรอต้นมาก่อนแล้วว่าค่อยไปเดินเที่ยวพร้อมกันนะครับ"


"ต้น  อ้อ น้องคนที่เขาช่วยคุณขายลูกชิ้นใช่มั้ยครับ?"นนทนัฐทำท่านึก


"อืมนั้นแหละ น้องเขาจะกลับมาจากเรียนวันศุกร์ และคงได้ไปจริงๆคืนวันเสาร์นะ" บอกเล่าคนคนตรงหน้าฟังว่ามีแผนการในใจแล้ว


"เหรอครับ" นนทนัฐทำท่าทางคิดตาม


"คุณจะไปด้วยกัน  ก็ได้นะ" มองหน้าลูกค้าพูดชวนขึ้นแต่คิดว่าคนตรงหน้าอาจอยากจะไปวันเปิดงานวันแรกก็ได้
"หรือจะไปก่อนก็แล้วแต่คุณ " ชวนไปตามมารยาทอย่างนั้นไม่ได้จริงจังและหันกลับไปสนใจเก็บร้านของตนเองต่อ


"ผมรอได้ วันเสาร์ใช่มั้ยครับ?" นนทนัฐยิ้มกว้างเพราะไม่ได้เดินเที่ยวแบบนี้นานมากแล้ว และที่สำคัญเพื่อนๆรุ่นเดียวกันก็อยู่กรุงเทพทั้งหมด ยิ่งคนตรงหน้าาเอ่ยชวน ทำให้อยากไปเที่ยวมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว ถึงแม้จะเป็นงานวัดต่างจังหวัดธรรมดา


"อืม......"ชินพัตน์มองเห็นรอยยิ้มบนหน้าของลูกค้าเจ้าประจำอย่างสับสน ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ?


"ผมช่วยยกไปให้นะ" นนทนัฐยื้อลังใส่ของในมือชินพัตน์และเดินไปที่ลานจอดทันที เพราะยังเอารถเข้ามาในตลาดไม่ได้เพราะร้านค้าและลูกค้ายังมีอยู่


"นี้คุณ คุณรู้เหรอว่ารถจอดตรงใหน" ตะโกนถามไล่หลัง


" ผม จำ รถ คุณ ได้ " หันกลับมาพูดแต่ไม่ได้ออกเสียง ชินพัตน์กลับอ่านปากคนพูดได้อย่างเข้าใจ  จำได้เหรอ ทำไม?



                        นพคุณช่วยยายเก็บร้านเสร็จเร็วแล้วพายายเดินตลาด เพื่อซื้อของใช้เข้าบ้าน อาศาช่วยถือของให้ยายและออกเงินซื้อให้ด้วย ยายเกรงใจ แต่นพคุณก็ไม่อยากให้ยายปฎิเสธและพูดกลับไปว่ารบกวนอาหารเที่ยงมาหลายมื้อแล้ว ซื้อของได้ครบทุกอย่างแล้ว ยายเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนแม่ค้าวัยเดียวกัน นพคุณเลยขอแยกตัวเอาของไปเก็บที่รถ  ระหว่างเดินเห็นเสื้อผ้าลายน่ารักสดใส  เลยนึกถึงต้นกล้าเลยซื้อติดมือมาหลายตัว รวมถึงของตนเองด้วย ใส่ไปเที่ยวงานคู่กันที่งานวัด  นพคุณยิ้มชอบใจกับการเตรียมตัวของตนเอง


"เก็บของเสร็จเร็ว หรือว่าพี่เดินตลาดนาน?" เดินกลับมาที่ร้านเห็นข้าวของเก็บเสร็จหมดแล้ว น้องชายยืนรออยู่แล้ว


"อืม เก็บเสร็จเร็วนะ อ้าวแล้วยายล่ะ"ชินพัตน์ละใบหน้าออกจากหน้าจอมือถือขึ้นมาตอบพี่ชาย แล้วมองหายาย


"ยายคุยกับแม่ค้าขายขนมตรงใกล้ลานจอดรถนะ ไปกลับเลยไหม"


"อืม พี่ไปรับยายด้วยนะ เดี่ยวผมแวะเอาลูกชิ้นให้ลุงยามก่อน" ชินพัตน์ยกถุงลูกชิ้นปิ้งที่เตรียมไว้ให้พี่ชายตนเองดู


"ได้ๆ ลุงยามใหนว่ะ?" พี่ชายตอบรับ แต่หันกลับมาถามเมื่อสงสัย


"ก็ตรงแคมป์ก่อสร้าง ตรงหน้าถนนใหญ่แปบเดียวพี่  เดี๋ยวผมมา" ชินพัตน์ผละเดินออกจากตลาดไปตามทางเดินไปยังแคมป์


"คุณ คุณ เดินเร็วจัง ไม่รอผมเลย" นนทนัฐที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อให้ทันคนตรงหน้า


"ผมไม่ได้บอกให้คุณตามมาสักหน่อย" ชินพัตน์ไม่ใส่ใจหันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์ต่อ


"แต่ผมก็ต้องเดินกลับมาที่นี้อยู้แล้วคุณก็รู้ ใช่มั้ย หืม" นนทนัฐพยายามเดินเข้ามาใกล้เพื่อจะก้มดูว่าชินพัตน์ดูอะไรที่หน้าจอโทรศัพท์ ชินพัตน์รับรู้ถึงเสียงที่ถาม ใกล้จนรู้สึกที่ลมหายใจจึงเงยหน้าขึ้น


"เฮ้ยคุณ!!!! ทำอะไร!!!???" ใช้มือข้างที่ถือถุงลูกชิ้ปิ้งผลักคนตรงหน้าออก


"ก็ผมเห็นคุณเอาแต่มองหน้าจอ ไม่มองทางเลย เลยอยากรู้ว่าคุณดูอะไรอยู่" จริงๆแล้วอยากถามว่าทำไมไม่สนใจคนที่เดินมาด้วยกันต่างหาก


"มันเรื่องของผม  เอานี้ไปให้ลุงยามด้วย ผมจะกลับแล้ว" ไม่ตอบคำถามของคนตรงหน้าแต่ยื่นถุงลูกชิ้นปิ้งให้ไปแทน และเดินกลับเข้าไปยังตลาด ไม่สนใจคนที่ยืนมองด้านหลัง


"เดี๋ยวสิคุณ  คุณโกรธอะไรผมอีกหรือเปล่า" นนทนัฐรีบเดินมาดึงแขนชินพัตน์ให้หันกลับมาคุยกันก่อน


"อะไรของคุณ  โกรธเกิดอะไร ผมจะกลับบ้านแล้ว ผมฝากของนี้ให้ลุงยามด้วย แค่นี้แหละผมรีบ" ชินพัตน์หันมาตามแรงดึง ตอบกลับตนตรงหน้าแบบงง แต่ก็อยากรีบกลับไปทำธุระตนเองจริงๆ


"คุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า บอกผมหน่อยเถอะ นะ"  ดึงคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ " ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผมผิดอีก"  มองลึกลงไปในตาของคนตรงหน้า ที่มองกลับมาอย่างไม่เข้าใจ


"ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรจริงๆนะคุณ แต่พอดีผมมีเรื่องสำคัญต้องรีบกลับไปทำจริงๆ และผมก็เลยวานคุณให้เอาลูกชิ้นไปให้ลุงยามแทนไง คุณเป็นอะไรมากป่ะเนี้ย  " ชินพัตน์รีบบอกว่าตนเองรีบจริงๆ และไม่เข้าใจคนตรงหน้าที่ทำท่าที่แบบนั้นด้วย


"คุณไม่ได้โกรธผมจริงๆใช่มั้ย" นนทนัฐถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ


"อืม ผมกลับได้ยัง" ชินพัตน์มองแขนตนเองที่โดนยึดไว้ทั้งสองข้างเหมือนขอให้คนตรงหน้าปล่อย


"งั้นคุณกลับถึงบ้าน แล้วผมโทรหาคุณได้ไหม นะ"  นนทนัฐปล่อยแขนแต่จับที่มือของชินพัตน์แล้วบีมมือนั้นเบาๆเป็นเชิงขอ เหมือนจะอยากรู้ธุระนั้นคืออะไรทำให้คนตรงหน้าถึงดูเร่งรีบแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามต่อ


"อืม" ชินพัตน์ตอบกลับ คิดว่าคงโทรมาเพราะเป็นห่วงอย่างเคยมั้ง  เอ๊ะ  เป็นห่วงเหรอ???  ไม่ใช่มั้ง

"ขอบคุณครับ" นนทนัฐค่อยๆปล่อยมือชินพัตน์อย่างเสียดาย  มองตามหลังชินพพัตน์ที่เดินหายเข้าไปในตลาดอย่างรวดเร็ว



"เฮ้อ  เป็นอะไรของเขาว่ะ?"  ชินพัตน์หันกลับไปมองทางแคมป์อย่างไม่เข้าใจ และเดินกลับมาภายในตลาดเพื่อตรงไปยังลาดจอดรถที่ ให้นพคุณและยายรออยู่

                                   
                        ชินพัตน์กลับมาถึงบ้าน โทรหาผู้เป็นพ่อและแม่ที่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เพราะคนงานที่โรงงานเกิดอุบัติเหตุ ต้องพากันไปดูแล เรื่องค่าใช้จ่ายเบื้องต้น  ตนเองบอกว่าจะตามไป แต่ผู้เป็นพ่อบอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องให้ชินพัตน์มา รอฟังข่าวที่บ้านเพราะดึกมากแล้ว เกินเวลาเยี่ยมแล้ว ทำให้ ชินพัตน์และนพคุณเบาใจ ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน นพคุณก็กลับไปดูที่ร้านของตนเอง 


Rrrrrr Rrrrrr Rrrrrrrr



"สวัสดีครับ" ชินพัตน์รับสายอย่างมึนๆงงๆ เพราะเผลอหลับไปตอนใหนก็ไม่รู้ เพราะก่อนหน้านี้นั่งอ่านการ์ตูนรอพ่อกับแม่กลับมาจากโรงพยาบาล อยู่บนเตียงนอน


"คุณนอนแล้วเหรอ"


"อืม อืม" พอรู้ว่าเป็นใครโทรมาก็ปิดเปลือกตาลง แต่หูก็ยังฟังอยู่


"แปลว่าคุณถึงนานแล้วใช่ไหม"


"อืม" ความง่วงมีมากกว่าที่จะพูดตอบได้ยาวกว่านี้


"ชิน ผมดีใจนะ ที่คุณไม่ได้โกรธผม ยังรับโทรศัพท์ผมแบบนี้"


"..............................."


"ชินครับ  ชินฟังผมอยู่หรือเปล่า?" เอ๊ะหรือว่าไม่ชอบให้เรียกแบบนี้ นนทนัฐรีบร้อนร้น


"................................"


"คุณ  คุณเจ้าของร้าน  ฮัลโล ฮัลโล"

".............................."


"คุณ  คุณลูกชิ้น  คุณ!!!!"


"................................ฟี้    ฟี้   " นนทนัฐพยายามเงียบเสียงรอฟังเสียงตอบรับจากปลายสายแต่กลับได้ยิน เสียงหายใจเข้าออกเบาๆ


"หึ หึ  ฮ่าๆๆๆๆ  นี้คุณหลับเหรอ  คุณลูกชิ้น  หึหึ" นนทนัฐอยากเห็นหน้าคนนอนหลับขึ้นมาทันที


"ฝันดีนะครับ คุณลูกชิ้นของผม "  นนทนัฐมองโทรศัพท์ตนเองแทนใบหน้าของใครบางคนที่หลับอย่างสบายใจแต่ทำให้หัวใจของใครบางคนฟองโต








                                                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!  :laugh:


                                                    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายของมินมินนะคะ +เป้ดให้ทุกคนค่า  :กอด1:


                                                               น้ำจิ้มวันนี้อาจจะหวานไปหน่อย แอบเผ็ดเล็กๆนะคะ อิอิ  :impress2:


                                                                        คิดว่าทุกคนคงจะชอบรสหวานอมเผ็ดนี้นะคะ  :mew1:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: MaoMao9999 ที่ 10-12-2014 22:15:13
เย้~รออออ.  วันนี้วันเกิดเค้าด้วยพึ่งมาเจอ HBD TO ME. จัดว่าเรื่องนี้เป็นของขวัญนะ^^ :impress2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 10-12-2014 22:30:48
เย้~รออออ.  วันนี้วันเกิดเค้าด้วยพึ่งมาเจอ HBD TO ME. จัดว่าเรื่องนี้เป็นของขวัญนะ^^ :impress2:


สุขสันต์วันเกิดนะคะ  :L2: ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 10-12-2014 22:54:45
อริ้ววววว น่ารักกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 10-12-2014 23:34:37
พี่คุณเก็บอารมณ์ขี้หึงขี้งอนด่วนนนน
55555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-12-2014 23:47:03
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-12-2014 04:16:50
สำลักลูกชิ้นหวาน..อิๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 11-12-2014 10:43:22
คุณเจ้าของร้านเป็นหนุ่มซึนจริงๆ 
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 11-12-2014 13:41:26
รู้สึกคุณเจ้าของร้านจะชอบเหวี่ยงเยอะไป
สงสารคุณนนท์จริง ๆ ทำอะไรก็ผิด 555+
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 11-12-2014 17:14:49
น่ารักจังคู้นี้ อร๊ายยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 21 [10-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 11-12-2014 17:55:23
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 11-12-2014 19:17:58
เมื่อไหร่จะชอบกันหนอ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 11-12-2014 19:24:39



                                                                       ตอนที่ 22 การรอคอย



                      ชินพัตน์ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของแม่ พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองรอแต่เผลอหลับไปก่อน และที่งงไปกว่านั้น โทรศัพท์ที่น่าจะอยู่บนหัวเตียงทำไหมมานอนคู่กับเขาบนเตียงแบบนี้ นั่งนึกว่านั่งเล่นโทรศัพท์ก็ไม่น่าใช่ เพราะตนเองนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนก่อนเข้านอน จะไม่เล่นโทรศัพท์  นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เลยพาตนเองไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวไปโรงพยาบาล



     "แม่ครับ น้าปองเป็นไงบางคร้บ" ชินพัตน์ลงมาเจอหน้าแม่ถามรีบขึ้นอย่างเป็นห่วง

   
     "เป็นอะไรแล้ว ลื่นล้มหมดสติไป แต่ไปถึงมือหมอไว ปลอดภัยแล้วล่ะลูก" แม่บอกเพื่อคลายความกังวลของลูกชาย


     "แล้วมีใครไปเฝ้าหรือเปล่าครับ"


     "ปรางไปเฝ้าอยู่จ๊ะ" ปองกับปรางเป็นพี่น้องกัน เป็นคนงานในโรงงานทำลูกชิ้น บ้านก็อยู่ใกล้ๆกับบ้านของครอบครัวชินพัตน์
ทำให้รู้จักกันดี เป็นทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงาน


     "แล้วพ่อไปใหนครับ"


     "พ่อเข้าไปดูในโรงงาน เข้าไปเรียกขวัญกำลังใจคนงาน เมื่อวานวุ่นวายตกใจกันใหญ่เลย"


      "งั้นผมไปหาพ่อนะครับ" ชินพัตน์รีบตามพ่อเข้าไปที่โรงงานอย่างเป็นห่วง



                      อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แต่จะแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไง เรียกขวัญกำลังใจของคนรอบๆข้างที่ ต้องมาเจอกับคนใกล้ตัวแบบนี้ ชินพัตน์ยืนมองพ่อ ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว พูดคุยเรียกกำลังใจกับคนงาน หรือเรียก ให้คุ้นเคยก็คือเพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานาน ทำงานด้วยกันมานานเช่นเดียวกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นมากระทันหันแบบนี้ น่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ด้วยการพูดคุยที่เข้าใจระหว่างกัน


     "พ่อ เป็นไงบางครับ พวกน้าๆ ป้าๆ และพวกลุงๆ " พ่อเดินกลับออกมาจากบริเวณโรงงาน


     "อืม ก็ยังตกใจกันอยู่ แต่น่าจะไม่มีผลกับโรงงานหรอก พวกเขาเข้าใจดีว่ามันเป็นอบัติเหตุ"


     "เหรอครับ ผมเป็นห่วงพวกแก" ชินพัตน์ถึงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีตามไปด้วยเลย แล้วคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต้องเห็นคนล้มต่อหน้าได้รับบาดเจ็บ ถึงไม่มากแต่ก็ทำให้ตกใจกังวลเกิดขึ้นได้


     "พ่อคุยกับพวกเขาแล้ว ไม่มีปัญหาอาจจะต้องเรียกขวัญกำลังใจกันสักหน่อย" พ่อทำท่าทางคิดว่าจะทำอย่างไร


     "ทำบุญดีไหมครับ เลี้ยงพระจัดเลี้ยงให้กับคนในโรงงานด้วย รอให้น้าปองออกจากโรงพยาบาลก่อน ดีไหมครับ"


     "อืม ก็ดีเหมือนกัน ไปดูอาการปองที่โรงพยาบาลกันดีกว่า เรื่องทำบุญค่อยกลับมาวางแผนกันอีกทีนะ"


     "ครับพ่อ" ชินพัตน์พอที่จะยิ้มออกมาได้ เหมือนได้กำลังใจกลับมาแล้วถึงไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย



                          ชินพัตน์โทรคุยเรื่องนี้กับนพคุณว่า อยากจะช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ดูแลร้านและโรงงานแทนพ่อและแม่ ที่ค่อยแวะเวียนไปดูอาการน้าปอง เพราะ 2 คนพี่น้องไม่มีญาติที่ใหน ถ้าทั้ง 2 คนต้องหยุดงาน รายได้ก็หายไปทั้งคู่ พ่อกับแม่ก็บอกว่าจะดูแลให้ทุกอย่าง แต่น้าปรางก็เกรงใจ เลยเลือกที่จะมาทำงานตอนเช้า และกลับไปดูพี่สาวที่โรงพยาบาลตอนเย็น จนทำให้พ่อและแม่ต้องคอยไปโรงพยาบาล ชินพัตน์ก็เช่นเดียวกัน เลยบอกกับนพคุณว่าวันพุธนี้จะไม่ไปขายลูกชิ้น แต่จะวานให้ นพคุณไปรับยายที่บ้านและไปส่งที่ตลาดแทนตนเอง



     "ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปรับยายเอง นายไม่ต้องเป็นห่วง"


     "ขอบคุณครับพี่"


     "แล้ววันเสาร์ล่ะ จะไปขายหรือเปล่า"


     "ผมยังไม่แน่ใจ เป็นห่วงทางนี้ วันศุกร์ผมโทรบอกพี่อีกทีแล้วกันนะครับ"


      "อืมได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ  " นพคุณก็กลับมาดูแลร้านตนเองให้ดีและบอกคนงานที่ร้านด้วยว่าให้ดูแลความปลอดภัยต่างๆ ทั้งเรื่องสุภาพร่างกาย และความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆภายในร้านทั้งขายและส่งลูกชิ้นก็สำคัญเช่นเดียวกัน



                         เช้าวันพุธนพคุณแวะมาที่ร้านของชินพัตน์ก่อน มาช่วยน้องชายดูแลร้านและโรงงานก่อนที่ จะไปช่วยยายเก็บผักเมื่อไปถึงก็พบกับ ลุงมีที่นั่งคุยกับยายอยู่หน้าบ้าน ยายบอกว่าลุงหายดีแล้วรถก็ซ่อมเสร็จเรียบร้อย จะกลับมารับยายไปตลาดนัดตามปกตินพคุณก็ช่วยยายเก็บผักเช่นเคย เลยได้คุยเรื่องต่างๆที่ยังไม่เข้าใจ



    "ลุงมีแกมารับส่งยายไปตลาดประจำเหรอครับ"นพคุณถามยายในขณะเรียงผักลงตะกร้า


    "จ้า พอดีแกเมาแล้วขับรถตกข้างทาง ก่อนที่พ่อหนุ่มจะมาช่วยขายลูกชิ้นนะ"


     "ครับ แล้วยายจะให้แกไปส่งเหมือนเดิมเหรอครับ"


     "จ้า จะได้ไม่รบกวนพ่อหนุ่มกับน้องชายอีก ยายเกรงใจ"


     "เออ แต่ว่า ผมคิดว่า ถ้าแกกลับไปกินเหล้าอีก แล้วเกิดอุบัติเหตุ มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับยาย" นพคุณคิดไปไกลอย่างเป็นห่วง


    "มี บอกว่าจะไม่กินเหล้าแล้ว มันบอกยายแบบนั้นนะพ่อหนุ่ม"


     "แล้ว ผมขอถามได้มั้ยครับ ลุงแกทำงานขับรถรับส่งเหรอครับ"


     "เปล่า ไม่ได้ทำอะไรหรอก แดงมันทำคนเดียวเป็นแม่ครัวที่โรงเรียนนะ "


     "เหรอครับ แล้วตอนไปส่งยาย ลุงแกคิดค่ารถหรือเปล่าครับ ?" อยากจะถามด้วยว่าคิดค่ารถเท่าไรแต่เกรงใจยาย


      "ก็ให้เป็นค่าน้ำมันรถนะ ช่วยๆกัน"  นพคุณฟังมากถึงตรงนี้ยังคงไม่มั่นใจกับลุงแกสักเท่าไรเป็นห่วงความปลอดภัยทั้งยายและต้นกล้า


                  จัดวางผักใส่ตะกร้าเสร็จแล้วยกขึ้นรถ ก็ทานมื้อเที่ยง ต้มจืดตำลึงของโปรดต้นกล้า ทำให้นพคุณชอบตามไปด้วยเลยนึกถึงคนที่กำลังตั้งใจเรียน มองดูนาฬิกายังคงน่าจะเป็นช่วงพักเที่ยง คิดว่าจะโทรไปหาต้นกล้า หลังทานกับข้าวฝีมือยายอิ่มแล้ว
 


    "สวัสดีครับพี่  ทานข้าวหรือยัง" ปลายสายรับเร็วเช่นเคยเอยถามกลับมาทันที


    "ทานแล้วครับ ของโปรดเราด้วย"


    "ต้มจืดตำลึงใช่มั้ย อร่อยติดใจล่ะสิครับ อิอิ อย่ามาแย่งต้นกินน่ะ ฮิฮิ" ต้นกล้าแซวเล่นกลับมาอย่างสนุก


    "ครับๆ พี่ไม่แย่งหรอก แต่พี่รอต้นมาทำให้พี่กินเองจะดีกว่า"


    "ได้ ต้นจะกลับไปแสดงฝีมือให้พี่กินเอง"


    "ต้น พี่มีเองจะถาม"
 

    "อะไรครับ ฟังเสียงพี่แล้วดูจริงจังมากเลยอ่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ"


    "ต้นรู้จังลุงมีใช่ไหม?"


    "ครับ ลุงมีเคยไปรับส่งยายไปตลาดครับ"


    "วันนี้แกมาหายาย บอกว่าจะกลับมารับยายไปตลาดเหมือนเดิมนะ"


    "แกหายดีแล้วเหรอครับ ดีจังจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่กับพี่ชินอีก รบกวนพวกพี่ๆหลายๆเรื่องเลย"


    "ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ" นพคุณรีบตอบ แต่ดูเหมือนจะนอกเรื่อง กลับเข้าเรื่องดีกว่า


    " เออ คือพี่จะถามต้นว่าลุงแกคิดค่ารถเท่าไร เวลาไปรับส่งยายกับต้นนะ"


    "อ้อ  150 บาท ครับทำไมเหรอพี่"


    "ต้นว่าราคามันเป็นยังไง แพงไหม? หรือว่าก็ราคาปกติทั่วๆไป"


    "ต้นก็คิดว่ามันแพงเคยบอกยายไปแล้ว แต่ยายก็บอกว่าช่วยๆกันไป ที่สำคัญต้องเต็มน้ำมันให้ต่างหากอีกด้วยนะพี่"


    "เติมน้ำมันด้วยเหรอ พี่ว่าไม่ไหวมั้ง ขูดรีดกันเกินไปหรือเปล่า จากบ้านยายไปตลาด ก็ไกลไม่เท่าไร"


    "ไม่รู้สิครับ ยายกับต้นก็ต้องอาศัยเขาพาไปตลาดเพราะไม่มีรถไปเอง..... ต้นอยากเรียนจบไวๆยายจะได้สบายกว่านี้" ต้นกล้าเสียงเศร้าลงจนนพคุณรับรู้ได้ คิดว่าต้องจัดการกับเรื่องนี้


    "ต้นไม่ต้องคิดมากนะ ไว้กลับมาแล้วค่อยคิดค่อยคุยกันอีกที่นะครับ ตั้งใจเรียนครับ"


    "ครับพี่ ต้นวางสายนะ"


    "ครับ"

   
                  นพคุณบอกเรื่องที่ชินพัตน์ไม่มาขายลูกชิ้นวันนี้เพราะต้องทำธุระให้ยายฟัง และขอไปรับส่งยายวันนี้ และวันเสาร์ รอให้ต้นกลับมาก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องลุงมีอีกที ยายก็ไม่ได้ว่าอะไรยังอยากให้ลุงมีแกพักอีกสักหน่อย วันจันทร์ค่อยบอกลุงแกอีกที   
                         
                   ตลาดนัดร้านค้าดูบางตาไปเหมือนกับวันจันทร์ เพราะแม่ค้าพ่อขาย ไปรวมตัวอยู่ที่งานบุญที่วัดหน้าถนนใหญ่ พูดปากต่อปากว่า ขายได้กำไรดีผ่านไป แค่ 2 วันที่จัดงานเลยทำให้มีแม่ค้าจับกลุ่มพูดคุยกันว่าอยากจะไปขายที่งานบาง แต่คงไม่ทันเพราะพื้นที่ต้องจองล่วงหน้า แม่ค้าหลายๆคนก็ต่างถามกันว่าร้านลูกชิ้นกับร้านผักไม่ไปขายที่งานเหรอ



    "ไม่ได้ไปหรอก ของไม่พอขายตลาดนัด"ยายตอบเพราะผักต้องรอปริมาณมากๆ แล้วค่อยเก็บมาขาย เก็บมาขายทุกวันคงไม่ไหว รวมถึงรถรับส่งด้วย


    "ยายน้อย ขายดีมากเลยผักกำละ 10 บาทนิดเดียวขายหมดทุกวัด" แม่ค้าขายผักฝั่งตรงข้ามเดินมาคุยกับยาย เพราะร้านตนเองไปจองที่ไม่ทันเลยไม่ได้ไปขาย


    "ปล่อยให้แกขายไปเถอะ สงสัยคนเดินเที่ยวงานเยอะ"


    "อือ  คนจากต่างอำเภอก็มาเที่ยวงานบ้านเราด้วยนะยาย ลานจอดแถบไม่พอ เห็นว่าจะมาขอจอดที่ตลาดเราด้วยอ่ะ"


                               นพคุณช่วยยายจัดร้านไปก็ฟัง ทั้งคู่คุยกันด้วย แล้วก็มีลูกค้าเดินเข้ามาถามหา ลูกชิ้นปิ้ง นพคุณก็ต้องรับหน้าที่บอกว่าวันนี้พ่อค้ามีธุระไม่มาขาย ทำให้ลูกค้าหลายคนผิดหวัง ส่วนลูกค้าที่มารับออเดอร์ นพคุณก็เอามาส่งแค่ 5  รายการเท่านั้น ลูกค้าเดินเข้ามาถามตลอด จนนพคุณต้องเดินไปหาซื้อกระดาษกับปากกาเมจิด้ามใหญ่ มาเขียนป้ายบอก ว่าวันนี้ร้านลูกชิ้นไม่มาขายต้องขออภัย  ลูกค้าก็เลิกถาม และอ่านที่ป้ายแทน แปะไว้กับเก้าอี้ ตรงบริเวณล๊อคร้านที่ขายประจำ
 

    "วันนี้ไม่ขายเหรอครับ " ลูกค้าประจำของชินพัตน์เดินหน้าตาตื่นเข้ามาที่ร้าน


    "ครับ พอดีพ่อค้าลูกชิ้นมีธุระครับ" นพคุณรีบบอก


    "เออ ขอโทษนะครับ แล้ววันเสาร์เขาจะมาหรือเปล่าครับ"


    "ยังไม่แน่ใจครับ ว่าธุระจะเสร็จหรือยัง นะครับ ยังให้คำตอบไม่ได้ครับ"


    "เหรอครับ" น้ำเสียงดูผิดหวัง


    "วันเสาร์มาใหม่นะครับ" นพคุณยังให้ความหวังเล็กๆกับคนตรงหน้า


    "ครับแล้วผมจะมาใหม่" ฝืนยิ้ม แต่ในใจยังคงเป็นห่วงคนที่ไม่ได้เห็นหน้าวันนี้ จะโทรไปดีหรือเปล่า?

     
       
                                นนทนัฐพาร่างกายที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยง เพียงแค่จะเก็บท้องไว้กินลูกชิ้นของโปรด อย่าถามถึงลูกชิ้นที่ซื้อเก็บไว้เลย หมดไปแล้วตั้งแต่วันอังคาร เพราะเขาอารมณ์ดีจนเผลอกินเล่นจนหมด  และไม่คิดว่าวันนี้คนที่อยากจะเจอไม่มาลูกชิ้นก็ไม่ได้กินอีก เป็นกังวลไปหมด ทำให้ท้องร้องขึ้นมา  หิวแต่เหมือนกินอะไรไม่ลง  อยากโทรไปแต่ก็คิดว่าคงทำธุระอยู่ ก็อยุดความคิดนั้นลง


     "ผมต้องรอเจอหน้าคุณ วันเสาร์จริงๆใช่ไหม คุณลูกชิ้น?" นนทนัฐนอนแผ่หลาบนเตียงนอน ดวงตาเหม่อลอยไปไกลถึงใครบางคน






                                                         
                                                                      ลูกชื้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!! :laugh:

                                                        เบรกความหวานลงสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะเลี่ยนเกินไป อิอิ   :hao7:

                                                       ขอบคุณที่ติดตามนิยายของมินมินนะคะ  ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยค่า  :pig4:

                                                                           +เป็ดให้ทุกคนนะค่า  :กอด1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-12-2014 19:34:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-12-2014 19:49:15
อ่านแล้วแบบ อยากกินลูกชิ้นบ้างง   :hao4:

เฮ้ ก็คงต้องรอวันเสาร์ล่ะนะ~  อิอิ  :mew1:

 :katai4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 11-12-2014 21:25:48
น่าสงสารรร :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 22 [11-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-12-2014 22:19:43
สงสารคนรอจังครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 12-12-2014 18:42:08
สงสารคนรอ(พระเอก + คนอ่าน) คริคริ :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 12-12-2014 18:51:51



                                                                            ตอนที่ 23 การรอคอยสิ้นสุดลง


                      ผมคงทนรอถึงวันเสาร์ไม่ไหวหรอกนะ คุณเจ้าของร้านผมอยากรู้ว่าธุระของคุณคืออะไร นนทนัฐเลยเดินย้อนกลับมาที่ตลาดนัดอีกครั้ง ตลอดทางเดินได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างแม่ค้ากับลูกค้า ว่าร้านลูกชิ้นประจำไม่มาขายเพราะเข้าโรงพยาบาลเลยต้องหาซื้ออย่างอื่นกลับไปแทน  พอดีกับที่นพคุณคุยอยู่กับลูกค้าและยายที่ร้านขายผัก บทสนทนาที่ได้ยินไม่ชัดเจนนั้น ทำให้นนทนัฐอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร



"อยู่ที่โรงพยาบาลครับ หมอยังดูอาการอยู่ครับ"เมื่อได้ยิน เพียงแค่นั้นนนทนัฐรีบเดินเข้าไปถามให้รู้เรื่อง


     "เขาอยู่โรงพยาบาลใหนครับ?!!!!"

     "อะ เออ โรงพยาบาล? อะไรครับ"นพคุณงงกับลูกค้าที่คิดว่ากลับไปนานแล้วทำไหมยังมาอยู่แถวนี้ และถามคกถามที่ทำให้งง


     "คุณชินพัตน์ อยู่โรงพยาบาลใหนครับ"


     "อ้อ โรงพยาบาล.........ครับ ทำไม  อ๊ะ  เดี๋ยวคุณ!!!!!"นพคุณบอกชื่อโรงพยาบาลที่วันนี้น้องชายไปเยี่ยมน้าปอง แต่ก็งงว่าลูกค้าจะถามไปทำไมยังไม่ทันที่จะเอยถาม ก็วิ่งหายไปจากตรงนั้นแล้ว


     "ใครกันเหรอ พ่อหนุ่ม" ยายสงสัยเลยถามขึ้น


     "ลูกค้าประจำเจ้าชินนะครับ จะรีบไปใหนของเขานะ" นพคุณตอบคำถามยาย และหันมองไปยังทางคนที่วิ่งหายไป



                                 นนทนัฐรีบวิ่งกลับมาที่บ้านพัก คว้ากุญแจรถได้ ตรงไปที่รถคู่ใจ ขับออกมาตรงป้อม แวะบอกลุงยามว่าไปธุระอาจจะไม่กลับเข้ามา แล้วขับออกไปสู่ถนนใหญ่อย่างเร่งรีบ  ชื่อโรงพยาบาลในตัวเมือง น่าจะหาไม่ยาก ไปให้ถึงแล้วค่อยติดต่อไปแล้วกัน นนทนัฐคิดได้เพียงแค่นั้น จิตใจไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว



Rrrrrr Rrrrr Rrrrrr



     "พี่วันนี้เป็นไงบาง ผักขายดีหรือเปล่า"


     "อืม ก็ได้เรื่อยๆนะ  วันนี้โดนลูกค้าบ่นอุบเลย"


     "เหรอพี่ ขอโทษที ที่ให้พี่ไปรับหน้าคนเดียวเลย"


     "ไม่เป็นไรน่า ลูกค้าแค่บางคนเท่านั้นแหละ ส่วนใหญ่เขาก็เข้าใจน่า ไม่ต้องคิดมาก"


     "เฮ้อ  แล้วยายล่ะครับ"


     "ยายก็จะเป็นห่วงอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก เออชิน จำลุงมีได้มั้ย"


     "ลุงมีเหรอ ใช่คนที่ขับรถตกคลองป่ะ ทำไมพี่ลุงแกหายดีแล้วเหรอ"


     "อืม หายแล้ว  กลับไปพี่มีเรื่องจะคุณกับเราเรื่องนี้ด้วย  ชินแค่นี้ก่อนพี่ช่วยยายขายของก่อนนะ"


     "เออ ครับๆ"  ชินพัตน์อยากจะถามถึงลูกค้าประจำ  เอ้ย ลูกค้าคนอื่นๆมีมาคุยอะไรอีกหรือเปล่า แต่สายก็ตัดไปซะก่อน



                        ช่วง  5 โมง เย็นชินพัตน์อาสาไปส่ง น้าปรางไปโรงพยาบาลเพื่อไปเฝ้าน้าปองที่โรงพยาบาล เพราะช่วงเช้าคุณนายแม่กับพ่อไปดูตอนช่วงเช้า บ่ายๆก็กลับมา ชินพัตน์ที่ดูแลหน้าร้าน ที่ทั้งขายปิ้ง ขายสดเป็นกิโล  และยำลูกชิ้นรสเด็ด มีลูกค้าเข้าร้านเยอะเช่นเคย ลูกค้าที่มารับซื้อแล้วนำไปขายทั้งปิ้ง ทั้งทอด รวมไปถึงใส่ในก๋วยเตี๋ยว ก็มีมาตลอดทั้งวัน ชินพัตน์ก็จัดการทุกอย่างได้อย่างดี



"แม่ชินไปส่งน้าปรางก่อนนะครับ"


"จ้า ปรางขาดเหลืออะไรก็บอก ตาชินเลยนะไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอบคุณจ๊ะ" ปรางยกมือไหว้คนที่ถือว่าเป็นทั้งนายจ้างและเพื่อนบ้านที่แสนดี



                          รถนนทนัฐเข้ามาภายในลานจอดรถของโรงพยาบาล........ ตามที่ นพคุณบอกมา ลงจากรถตรงเดินเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์อย่างไม่ลังเล ถามหาชื่อที่ตนเองรู้ นั้น คือ ชินพัตน์  พอโดนถามหานามสกุล ก็ไม่สามารถตอบได้  ความคิดที่ว่ารู้จักคนที่เขาเป็นห่วงแค่ชื่อเท่านั้นเหรอ ไม่รู้เรื่องอย่างอื่นเลย นอกจากเป็นเจ้าของร้านขายลูกชิ้นปิ้ง และชื่อชินพัตน์  เฝ้าโทษตัวเองที่มั่วทำอะไรอยู่ในสถานการณ์แบบนี้


     "คุณ!!!"


    "  คุณ!!! "


    " คุณนนท์!!  คุณมาทำอะไรที่นี้!!???"  นนทนัฐที่ยังคงไม่มีสติรับรู้ถึงเสียงเรียกจากภายนอก


                    ชินพัตน์เดินไปส่งน้าปรางที่ห้องบนตึกและลงลิฟท์มาด้านล่างผ่านตรงประชาสัมพันธ์ เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนเหม่อไม่ได้ยินเสียงเรียกของเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่เรียก ด้านหลังที่ดูคุ้นเคยแต่คิดว่าไม่น่าจะใช่ แต่พอลองเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ต้องตกใจว่าใช่คนที่กำลังคิดถึงอยู่พอดี  ห๊ะอะไรนะ? คิดถึงเหรอ ?


    "ชิน   ชิน    คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม  คุณบาดเจ็บตรงใหน หรือคุณไม่สบายเป็นอะไร" นนทนัฐสติกลับเข้าร่างเมื่อโดนคนตรงหน้าเรียกชื่อพร้อมกับน้ำเสียงที่อยากได้ยินมากที่สุดตอนนี้  พอหันกลับมาเจอก็ทั้งกอดทั้งถาม จับหมุนไปมาเพื่อดูว่าเกิดอะไร
 

      "คุณผมไม่ได้เป็นอะไร  ปล่อยผมสักที่ จะมากอด มาหมุนอะไรผมเวียนหัวไปหมดแล้ว"


      "คุณไม่ได้เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ย แล้วคุณมาโรงพยาบาลทำไม หรือญาติคุณไม่สบายเหรอ"


      " ผมไม่ได้เป็นอะไร  แล้วก็นะ.........พวกเราไปคุยกันที่อื่นเหอะนะ" ชินพัตน์เริ่มรับรู้ถึงสายตาที่มองมายังตนเองและคู่สนทนา รีบลาก
นนทนัฐไปที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในโรงพยาบาล


      "สรุปคุณมาโรงพยาบาลทำไมคุณนนท์"  ชินพัตน์เปิดประเด็นก่อนเมื่อได้นั่งประจำที่


      "ผมได้ยินคนที่ตลาดพูดว่าคุณเข้าโรงพยาบาล ผะ ผม ก็เลยมาหาไง" นนทนัฐเหมือนรู้ตัวว่าฟังผิดแน่ เพราะคนตรงหน้ายังปกติดี


      "หึ หึ  คุณก็เลยบึงรถมาที่นี่เนี้ยอะนะ ไปฟังจากใครมา พี่ชายผมเหรอ?" ชินพัตน์หัวเราะและยิ้มตลกให้กับคนที่ทำหน้าเก้อเขิน


       "พี่ชายคุณ? ใช่คนที่ช่วยคุณยายขายอยู่ที่ร้านผักวันนี้หรือเปล่า?"


       "นั้นแหละพี่ชายผมเอง เขาเป็นคนบอกคุณเหรอว่าผมเข้าโรงพยาบาล"


        "เออ ก็ไม่แน่ใจ ผมได้ยินจากแม่ค้ากับลูกค้าลูกชิ้นคุณกันก่อน ผมอยากที่จะแน่ใจผมเลยเดินไปถามชื่อโรงพยาบาลพี่คุณก้ตอบกลับมา ผมก็เลย มานั่งอยู่ต่อหน้าอยู่นี่ไง"  นนทนัฐมองตาคนที่ฟังเขาแล้วมีรอยยิ้มกลับมาให้ตลอด อยากอยู่แบบนี้นานจัง


        "คุณเหมาะกับคำนี้มาเลย ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด จริงๆ ฮ่าๆๆๆ"  ชินพัตน์หัวเราะเสียงดัง และต้องเบาเสียงลงเมื่อมองไปรอบๆและรับรู้ว่าสถานพยาบาลต้องการควาเงียบสงบ


        "คุณน่ารักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย" นนทนัฐไม่อยากที่จะละสายตาจากคนตรงหน้าได้เลยหัวเราและรอยยิ้มที่ส่งมาให้เขาคนเดียวตอนนี้ เลยเผลอพูดความในใจออกมาซะงั้น


        "อะ อะไร นะคุณพูดว่าอะไร???" ชินพันต์ที่เอาแต่หัวเราะชอบใจคนตรงหน้า ได้ยินไม่ชัดเลยหันกลับมาถามอย่างสงสัย


        "ผมบอกว่า มีคนที่ตลาดถามถึงคุณเยอะเลย"


        "หึหึ มันแน่นอนอยู่แล้ว ลูกชิ้นแสนอร่อยไม่มาขาย ก็คงต้องมีคนถามถึงเป็นธรรมดา " ชินพัตน์หัวเราะกอดออกเชิดหน้า ลอยหน้าลอยตาอวยชมลูกชิ้นของตนเองออกมาอย่างขบขัน แต่นนทนัฐกลับคิดไปอีกแบบ


        "ใช่ผมก็คิดถึงคุณ" เมื่อเห็นสายตานั้นมองกลับมาอย่างสงสัยเพราะคงไม่ได้ยิน เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
     

        "ผมว่าผมหิวแล้ว ผมอยากกินลูกชิ้นปิ้ง"


       "ได้สิ ใหนๆคุณก็มาเพราะเป็นห่วง "ชินพัตน์ที่ลุกขึ้นยืนหันกลับไปมองคนที่บอกว่าหิวอย่างไม่ใส่ใจแต่ก็ไม่แน่ใจ ว่าคนที่นั่งอยู่ใส่คนตนเองมากขนาดที่ตามมา


       " เอ๊ะหรือเพราะความเข้าใจผิดอะไรก็ช่างมันเถอะผมจะพาคุณไป กินลูกชินที่อร่อยที่สุด เป็นการตอบแทนก็แล้วกัน"  ชินพัน์พยายามหลบสายตาที่มองมาที่ตนเองตลอดอย่างสับสนใจ


                          นนทนัฐขับรถตามรถของชินพัตน์มาถึงที่ร้าน ที่มีลูกค้าในช่วงหัวค่ำ ยังพอมีลูกค้ายืนรอซื้อลูกชิ้นปิ้ง และยำอยู่อีกหลายคน



     "แม่ครับผมกลับมาแล้ว "ชินพัตน์เดินนำ นนทนัฐเข้าไปยังภายในร้าน


     "สวัสดีครับ ผมชื่อนนทนัฐครับ เรียกผมนนท์ก็ได้ครับ"นนทนัฐรีบยกมือไหว้แนะนำตัวเองกับผู้ใหญ่ตรงหน้า ที่ชินพัตน์เรียกว่าแม่


     "สวัสดีจ๊ะ เพื่อนตาชินเหรอจ๊ะ"


     "เพื่อนใหม่ผมเองครับแม่ เป็นลูกค้าประจำลูกชิ้นปิ้งของผมที่ตลาดนัดครับ พอดีเจอกันที่โรงพยาบาล เลยแวะพามากินลูกชิ้นสักหน่อย" ชินพัตน์ยิ้มแนะนำอย่างเป็นกันเอง จนนนทนัฐยังแปลกใจ


     "เจอที่โรงพยายาบาลเหรอ ไม่สบายเหรอจ๊ะ" แม่หันกลับมาคุยกับนนทนัฐ


    "เออ ป่ะ เปล่าครับ คือ ผม...."นนทนัฐตอบไม่ถูกว่าตนเองเข้าใจผิดรีบมาหาลูกคุณแม่เพราะคิดถึง


    "อ้อ เขามาเยี่ยมเพื่อนนะแม่ "ชินพัตน์เห็ฯนนทนัฐอำอึ่งเลยตอบคำถามแทน


     "เหรอจ๊ะ "หันกลับไปมองที่ลูกชายที่ตอบคำถามแทน " แล้วปองเป็นยังไงบาง ตาชิน"


     "ดูดีขึ้นเยอะแล้วครับแม่ ก่อนผมกลับ ก็เห็นทานข้าวได้เยอะ เชื่อเถอะแม่อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ" ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มอย่างเบาใจ เมื่อได้ฟังอาการป่วยของเพื่อนบ้าน


      "ลองทานยำลูกชิ้นดูไหมจ๊ะ เดี่ยวแม่ทำให้" หันกลับไปคุยกับเพื่อนของลูกชายที่ยังคงนั่งเงียบอยู่


     "ไม่เป้ฯไรแม่ เดี่ยวผมจัดการเอง แม่ขึ้นไปพักเถอะครับ เดี่ยวผมดูร้านปิดร้านเอ"


      "จ้า จ้า "ตอบลูกชาย "ตามสบายนะจ๊ะนนท์ อยากทานอะไรก็บอกตาชินนะ แม่ขอตัวเข้าไปในบ้านก่อน"


      "ครับ สวัสดีครับ" นนทนัฐรีบลุกขึ้นตามและยกมือไหว้อีกครั้ง


     "เรียบร้อยเกินไปหรือเปล่าคุณ หึหึ" ชินพัตน์ที่ยืนมองท่าทางเก้ๆกังๆแล้วแซวเล่น


      "ผมไม่คิดว่าคุณจะพาผมมาเจอคุณแม่ของคุณเร็วขนาดนี้ ผมเลยทำตัวไม่ถูก" นนทนัฐเกาท้ายทอยแก้เขิน เพราะตนเองทำตัวไม่ถูกจริงๆ


     "ไปเลือกดูสิ เมนูลูกชิ้นอะไรดี มีทั้งปิ้ง ถอด ยำ  แต่ถ้าพัดกระเพราะคุณคงต้องซื้อกลับไปทำเอาเองนะ หึหึ"


     "คุณรู้เหรอว่าผมชอบกินผัดกะเพราลูกชิ้น?" นนทนัฐมองชินพัตน์อย่างสงสัย


    "ผมมีเวทมนต์ คุณไม่รู้เหรอ"


     "เฮ้ นี้มันมุกของผมนี่"  นนทนัฐจำได้ว่าเคยใช้มุกนี้ตอนคุยโทรศัพท์ พยายามเดินไปถามคนที่เดินหนีไปที่หน้าร้านเพื่อเตรียมของ


    "หึหึ มุกคุณมันเสี่ยวไง"


    "แต่คุณก็........" ชอบใช่ไหมล่ะ นนทนัฐยังไม่ทันพูดโดนตัดบทซะก่อน


    "คุณจะมายืนเกะกะทำไม ไม่นั่งรอที่โต๊ะโน่นไปเลย น้ำก็หากินเองนะ  "พอสั่งเสร็จก็หันกับไปลงมือทำ



                               นนทนัฐกลับมานั่งที่โต๊ะกลางร้าน ที่ไม่มีลูกค้าคนอื่นนั่งอยู่เลย เพราะหัวคำแบบนี้แล้ว เหลือลูกค้าที่ยืนรอลูกชิ้นปิ้ง กับยำ อยู่ 2 คนที่หน้าร้าน เมื่อเห็นว่าลูกค้าไปของตามที่สั่งจนครบแล้ว ชินพัตน์ก็สั่งเด็กในร้านเก็บของปิดร้านได้เลย เพราะตอนนนี้ก็ทุ่มครึ่งแล้ว ชินพัตน์เดินกลับมาพร้อมือจาน ลูกชิ้นปิ้ง กับจานยำลูกชิ้น 2 จานใหญ่ น่าทานมาก เรียกน้ำย่อยของคนที่รอคอยมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี 



โครก   โครก   



                เรียกเสียงหัวเราะให้กับชินพัตน์จนน้ำตาเล็ด ขำชนิดที่ว่า นนทนัฐไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจนรู้สึกได้ว่าคนที่เอาแต่หัวเราะดูจะปล่อยตัวตามสบายมากกว่าแต่ก่อน หรือเพราะเลื่อนสถานะจากลูกค้ากับเจ้าของร้านมาเป็นเพื่อนกันนะ ? ผมคิดแบบนั้นได้ไหม?



     "คุณหิวขนาดนั้นเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆ " ยังพยายามกั้นไม่ให้หัวเราะแต่ก็ยังไม่วาย


     "ก็ผม ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง  หิ้วท้องรอตอนบ่ายจะกินลูกชิ้นปิ้งของคุณ แต่คุณกลับไม่มาซะงั้น" นนทนัฐลูบท้องและบอกด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร  ทำให้ชินพัตน์หยุดหัวเราะทันที


     "อืม ผมขอโทษแล้วกัน ที่หยุดขายแล้วไม่ได้บอกคุณก่อน รีบกินซะสิ เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา ได้ไปโรงพยาบาลจริงๆแน่คราวนี้  ฮ่าๆๆๆๆ"  ชินพัตน์ พูดเสียงเบารู้เพราะตนเองเป็นต้นเหตุ แต่พอถึงท้ายประโยคก็กลับมาหัวเราะอีกครั้งอย่างหยุดไม่อยู่ พอนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้ามาโรงพยาบาลเพราะเข้าใจผิดขั้นรุนแรง


     "แล้วถ้าผมเข้าโรงพยาบาลจริงๆ คุณจะมาเยี่ยมผมไหม?" อยู่ดีๆนนทนัฐก็จับมือคนที่เอาแต่หัวเราะให้หันมาฟังตนเอง


      ".........................................."เจอคำถามแบบนี้ ชินพัตน์ได้แต่นิ่งเงียบหุบยิ้มทันที ไปไม่เป็นเลย                   


      "แล้วคุณไปเยี่ยมใครที่โรงพยาบาล?  น้าปองคือใคร ? คุณต้องหยุดขายของเพราะต้องไปดูแลเขาคนนั้นเหรอ? คุณชินพัตน์?" คำถามที่ค้างคาใจถูกถามขึ้นตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลน้ำเสียงที่ดูจริงจัง  มาที่ร้านก็ได้ยินชื่อใครที่เขาไม่รู้จัก ยิ่งทำให้ความอยากรู้ น่าสนใจกว่า ลูกชิ้นปิ้งที่อยู่ตรงหน้า







                                                                       ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!  :laugh:
 

                                         การอคอยสิ้นสุดแล้วจ้า มาต่อกันเลยดีว่า พาเข้าบ้านซะแล้ว ไวไฟจริงๆ อิอิ ไม่ใช่แหละ   :z6:


                                               ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ + เป็ดให้ทุกคอมเม้นค่า  :กอด1:



                                                              เกิดความสับสนในใจ  :serius2: ของใครบางคน อิอิ 


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-12-2014 20:14:11
สู้ต่อไปนะคุณนนท์ เดี๋ยวน้องชินก็รัก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-12-2014 20:17:07
อ่านทันแล้ว อ่านไปน้ำลายยืดไป
2 ลูกชิ้นก็จีบกันน่ารักเชียว
ใหญ่กีบต้นก็กำลังไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 12-12-2014 23:29:22


       แวะเข้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้งบ้านนี้กิน   :z1:

เริ่มหวานกันแล้วสินะ  แต่แค่ยังไม่รู้ใจตัวเอง คุณเจ้าของร้าน หุหุ  :o8:

รออยากไปเดินเที่ยวงานวัดด้วยอ่ะ จังเริ่มอิจฉาเบาๆ  :serius2:

เข้าใจผิดแบบนี้ มันน่าให้รางวัล ซะจริงๆๆ นะคุณนนท์  ปาหัวใจใส่รัวๆๆ  :mew1:


อ่านจนอิ่มแหละ แล้วจะแวะมาอุดหนุนใหม่   :z2:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-12-2014 23:38:22
มัวแต่ถาม  ไม่สนใจลูกชิ้นร้อนๆเลยนะ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 12-12-2014 23:41:03
หวานกันแปลกๆ คู่นี้
ติดตามตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 12-12-2014 23:47:34
เข้ามาหิวววว :hao6:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 13-12-2014 11:05:59
เริ่มขยับความสัมพันธ์ มาเป็นเพื่อน?แล้ว
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-12-2014 13:32:35
แหม...นนท์ก็ ไม่ให้โอกาสชินตั้งตัวเลย คิๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 23 [12-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 15-12-2014 23:22:21


       ว่าจะแวะมาซื้อลูกชิ้นปิ้งกิน  แม่ค้าพ่อค้าไม่มาขายหลายวัน   :serius2:

  เลยยังไม่รู้เลย ว่าคุณเจ้าของร้าน จะตอบคุณลูกชิ้นยังไง   :ruready

นักเขียนมินมิน  ไม่มาขายหลายวันเลย ไปขายลูกชิ้นปิ้งที่ใหนเอย  :z13:  จิ้มนักเขียน 

 ไม่ได้กินลูกชิ้นปิ้งเลย  อารมณ์เสีย   :angry2:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 17-12-2014 21:18:49




                                                                ตอนที่ 24  คำถามที่ไม่ได้คำตอบ




                                ชินพัตน์มองหน้าคนที่เอาแต่ยิงคำถาม มากมายออกมา สลับกับมองมือที่โดนอีกฝ่ายกุมไว้แน่น เหมือนต้องการคำตอบ จากอารมณืที่สนุกสนานขบขันในตอนแรกของชินพันต์ กลับต้องปรับอารมณ์ฉับพลันเพราะคนตรงหน้า ที่เอาแต่จ้องมองตนเองไม่วางตา



"คุณเป็นอะไรของคุณ?" ชนพันต์ถามเสียงเรียบกลับไป และพยายามยื้อมือตนเองออกจากนนทนัฐ


"คุณก็ตอบคำถามผมมาสิ" ยื้อมือไว้แน่และขยับเก้าอี้ให้เขามานั่งใกล้คนที่ไม่ยอมตอบ   


"ก็ คุณถามมาตั้งเยอะแยะจะให้ตอบอันใหนก่อนเหล่า ฮื่ย!!!!" อารมณ์สูงขึ้นเมื่อถูกคนตรงหน้าเร่งรัดอย่างไม่มีเหตุผล


"โอเค ผมขอโทษ  เฮ้อ.... คุณไปที่โรงพยาบาลทำไมครับ บอกผมได้ไหม หืม?" นนทนัฐรับรู้ว่าแสดงท่าทีที่ทำให้คนตรงหน้าอึดอันจนเกินไป พลางถอนหายใจ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


"คุณฟังผมนะ  น้าปอง เป็นคนงานที่โรงงานของผมเกิดอุบัติเหตุ จนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมก็ต้องดูแลเรื่องต่างๆแทนพ่อกับแม่ และเมื่อตอนบ่ายผมก็พึ่งไป ส่งน้าปรางน้องสาวของน้าปองที่โรงพยาบาล แล้วก็เจอคุณไงที่นั้น ที่นี้เข้าใจหรือยัง" ชินพัตน์ค่อยๆอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คนตรงหน้าฟังอย่างใจเย็นที่สุด และทำไมต้องอธิบายให้เข้าใจด้วยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน?


"ผมขอโทษ ที่......" เข้าใจผิดคิดว่าหยุดขายลูกชิ้นแล้วเอาเวลาไปเฝ้าคนอื่นแทนที่จะมาขายของ จะบอกได้อย่างไงกันคนตรงหน้าต้องโกรธมากแน่นอน แถมไม่บอกให้ตนเองรู้จนทำให้ต้องเป็นห่วงมากถึงขนาดนี้


"คุณจะขอโทษเรื่องอะไร" ชินพัตน์เริ่มสงสัยท่าทีร้อนร้น เหมือนคนทำอะไรผิด


"เออ ระ  เรื่อง...." นนทนัฐคิดว่าบอกเหตุผลที่อยากจะขอโทษได้หรือเปล่านะ


"เอาล่ะ ไม่บอกก็เรื่องของคุณเถอะ รีบๆกินให้หมดซะ แล้วก็กลับๆไปสักที ผมจะได้ปิดร้าน" ชินพัตน์ตัดบทเมื่อเห็นอีกฝ่ายอำอึ้ง และผละลุกจากโต๊ะไปไม่สนใจสายตาที่มามองตามมา


"..................................."นนทนัฐอยากที่จะเขกหัวตัวเอง มีโอกาสที่จะได้พูดกับคนตรงหน้าแบบนี้มีไม่มากแต่ก็ไม่พูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไปได้สักที ทำไมนะ



                            นนทนัฐนั่งทานไปเงียบๆ รับรู้ถึงความอร่อย ของยำลูกชิ้นรสเด็ด ที่คนทำหันหลังเก็บของหน้าโต๊ะคิดเงิน ตั้งใจทำมาให้เขาทาน ลูกชิ้นปิ้งที่แสนอร่อยที่เคยกินประจำ แต่วันนี้มันต่างออกไป เคยนั่งกินคนเดี่ยว แต่วันนี้อยู่กับใครอีกคน ถึงแม้จะหันหลังให้แต่ให้ความรู้แปลกออกไป


หันกลับมาคุยกันดีๆเถอะนะ คุณเจ้าของร้าน


"นี้คุณ!!!! เอาแต่มองอยู่ได้ ไม่กินผมจะเก็บ ผมจะปิดร้านแล้ว" ชินพัตน์ที่หันมองกลับมาเจอเข้ากับสายตาที่เอาแต่มองตนเองอยู่อย่างนั้น ก็ตกใจในคราวแรก แต่ต้องเรียกสติกลับมา จัดการคนที่เอาแต่มอง


" กิน ครับ กิน กิน" นนทนัฐที่โดนดุ รีบหันกลับไปจัดการลูกชิ้นตรงหน้า หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องอยาก ยิ่งของชอบเยอะมากขนาดใหนเขาสามารถจัดการหมด ไม่ให้เสียน้ำใจคนทำแน่นอน กินหมดก็หันกลับมาส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนรอ


"ดีมากๆ  เลี้ยงง่ายๆแบบนี้ ค่อยน่าทำให้กินอีก หึหึ " เป็นคำพูดติดล้อเลียนเอาไว้แกล้งเด็กเวลาชินพัตน์ป้อนข้าว ป้อนขนมเวลากินหมด ตามด้วยเสียงหัวเราะขบขัน  ทำไห้นนทนัฐ งงในตลอดแรกแต่ก็ยกยิ้มตามคนอารมณ์ดีที่ยกจานไปล้าง คงจะดีใจสินะที่ลูกชิ้นที่ตนเองลงมือทำโดนจัดการหมดไม่เหลือเลย


"อ้าว คุณทำไมยังนั่อยู่อีกล่ะ ไม่กลับบ้านกลับช่องหรือคุณ" ชินพันต์หันกลับมาจากล้างจานเสร็จ


"ผมรอจ่ายเงินค่าเสียหาย ที่ผมกินไปไง หึหึ"


"ไม่เป็นไร คิดซะเป็นค่าเสียเวลาที่ถ่อมาถึงโรงพยาบาล " ชินพัตน์ไม่สนใจเงินที่นนทนัฐยืนมาให้ เอาแต่เดินนำออกจากร้าน และหันกลับไปย้ำ

" หึหึ แม้จะเป็นการเข้าใจผิดก็เถอะ ฮ่าๆๆๆ" หันกลับไปขำคนที่เดินตามหลัง ที่รู้ตัวว่าโดนล้อเรื่องที่ฟังมาไม่ชัดเจน และเข้าใจผิดไปเองจนพาตัวเองมาอื่น มองคนตรงหน้าหัวเราะให้เขาแบบนี้  แต่ก็ยอมนะ


"คุณจะไปขายลูกชิ้นวันเสาร์หรือเปล่า?" นนทนัฐนึกขึ้นได้


"อืม  ยังไม่แน่ใจนะ น้าปองยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย ยังไห้คำตอบไม่ได้นะ" ชินพันต์ที่เดินออกมาส่งนนทนัฐที่รถ


"เออ แล้วงานวันเสาร์ ที่คุณบอกว่า  เออ..." จะไปเดินเที่ยวงานวัดด้วยกันล่ะ ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก


"วันเสาร์เหรอ ถ้าไปไม่ได้ก็คงต้องให้พี่ผมไปรับไปส่งยายกับต้นแทนนะ" ชินพันต์นึกไปถึงต้นกับยายที่จะขายของในวันเสาร์


"งั้นเหรอครับ" คำตอบที่ได้มาต่างไปกับคำตอบที่เข้าอยากจะฟัง แต่ไม่เป็นไรคงต้องรอสินะ


"ดึกมากแล้ว คุณกลับเถอะ"


"ผมฝากลาคุณแม่ด้วยนะครับ"


"อืม เดี๋ยวผมบอกให้ "

"คุณ"


"หืม?"


"ผมเรียกคุณว่า ชิน ได้ไหม?"


"...........เรียกเจ้าของร้านก็ดีแล้วนี่"


"ไม่ได้เหรอครับ"


"เออ เออ จะเรียกอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ กลับไปได้แล้ว" ชินพัตน์ปัดรำคาญกับท่าที่ผิดหวังของคนตรงหน้า


"คุณชิน?"


"อะไรอีก คุณ!!!" ชินพัตน์เริ่มงหงุดหงิดได้ที่ก็เรียกเลยนะฮื่ย!!!


" พรุ่งนี้ผมมาที่นี้อีกได้ไหม?"


"คุณจะมาทำไม"


"ก็ผมไม่มีลูกชิ้นกิน ก็คุณไม่มาขาย แล้วผมจะไปหาลูกชิ้นอร่อยๆที่ใหนกินล่ะ คุณจะใจร้ายกับผมไปถึงใหนนะ คุณลูกชิ้น"  นนทนัฐอยากจะแกล้งคนใจร้ายคืนบ้างเอาแต่ไล่เขากลับท่าเดียว พอจะมาหาก็ไม่ได้เหรอ คนตรงหน้าต้องรับผิดชอบด้วยซ้ำที่ทำให้เขาไม่มีลูกชิ้นกินนะ


"ได้ๆ งั้นคุณรอก่อน อย่างพึ่งไปใหน" ชินพัตน์รีบวิ่งกลับเข้าไปที่ร้าน และวิ่งกลับออกมาพร้อมถุงลูกชิ้นถุงใหญ่


"เอาไปเลย กินให้ท้องแตกไปเลยนะ ขึ้นรถกับไปได้แล้ว ไป " ชินพัตน์ส่งถุงลูกชิ้นหลายกิโลใส่มือนนทนัฐและดันหลังให้ขึ้นรถที่เปิดประตูไว้ก่อนแล้ว เข้าไปนั่งข้างใน และปิดประตูให้พร้อม


"  หึหึ    ผมจะกินให้อร่อยเลยล่ะ "ยิ้มส่งกลับมาให้คุณเจ้าาของร้าน


"....................................." ชินพัตน์พยายามเกรงใบหน้าที่เก๊กไว้ไม่ให้ยิ้มตอบกลับไปกับอาการดีอกดีใจที่แสดงส่งกลับออกมา


"กลับ ไป ได้ แล้ว  "ชินพัตน์รับรู้ว่าดึกมากแล้ว รอบข้างปิดร้านกันหมดเลยไม่อยากส่งเสียงดัง เลยขยับปากเชิงไล่ ถลึงตาใส่คนที่เอาแต่ยิ้มตาหยี้


"ฝัน ดี นะ  ครับ" นนทนัฐก็เล่นด้วย ส่งท้ายก่อนออกรถด้วยการขยับปากที่คิดว่าคนที่ยืนส่งรับรู้แน่ โดยการส่ายหัวไปมา และเบ้ปาก  มันดูน่ารักมาก ทำให้วันนี้เขามีความทุกข์ใจและสุขใจมาก   จากคนคนเดียวกันได้ขนาดนี้                                                               

 

                    ชินพัตน์พาใบหน้าที่เห่อร้อนกลับเข้ามาในร้านอย่างมึนงงและสับสน กับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ พรุ่งนี้คงต้องไปหาหมอแล้วจริงๆ  พอต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้กลับไป ก็มานั่งคิดถึงว่าอาการแบบนี้จะเกิดกับคนคนนั้นตลอดทุกครั้งที่ได้เจอหน้า นั่งหาคำตอบ หลายเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ 


ทำไมต้องร้อนร้นรีบมาหาเขา เพราะเข้าใจผิดว่าเขาเข้าโรงพยาบาล


โทรมาก็ได้


ทำไมต้องขอโทษทุกครั้ง เหมือนรู้สึกผิดตลอดเวลาแบบนั้นด้วย


กลัวเราโกรธงั้นเหรอ


คงกลัวจะไม่ได้กินลูกชิ้นสินะ


แล้วทำไหมต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นกับแค่การได้กินลูก




"ฮื่ย!!!!! ไม่เข้าใจโว้ย!!!! "


"ไม่เข้าใจอะไรลูก?!!!!" ผู้เป็นแม่เดินกลับเข้ามาเห็นลูกชายโวยวายอยู่คนเดียว


"อ๊ะ  ปะ เปล่าครับแม่" ชินพัตน์ตอบเสียงเขินๆ


"แล้วเพื่อนเรากลับไปแล้วเหรอ?"


"ครับ เขาบอกฝากลาแม่ด้วยครับ"


"อืม จ้า จ้า แม่ว่าจะออกมาชวน ทานมื้อเย็นด้วยกันสักหน่อย กลับไปก่อนซะแล้ว"


"กินลูกชิ้นอิ่มก็กลับไปแล้วล่ะครับ"


"เพื่อนคนนี้แม่ไม่เคยเห็นหน้าเลย ตาชิน" เพราะจำหน้าเพื่อนลูกชายสมัยเรียนได้เกือบทุกคน เพราะมากันบ่อย


"อ้อ จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่เชิงนะครับแม่ เป็นลูกค้าลูกชิ้นที่ตลาดนัดนะครับ มาซื้อประจำ" บอกปัดๆไม่จริงจัง


"มาซื้อประจำเลยสนิทกัน ใช่มั้ยลูก?" แม่ถามยิ้มๆ


"ก็ เออ ไม่ได้สนิทกันนี้ครับ ก็แค่ลูกค้าลูกชิ้นเท่านั้นเอง"


"งั้นถ้าไม่สนิท ลูกชายแม่พาลูกค้ามากินลูกชิ้นถึงบ้านแบบนี้ แม่ว่าต้องสนิทมาแล้วล่ะ"


"............................"ชินพัตน์เจอคำถามจากผู้เป็นแม่เข้าไป ก็ตอบกลับไม่ได้อีกแล้ว


"ปิดร้านแล้ว เข้าไปทานข้าวกันเถอะ พ่อรออยู่นะ" เห็นลูกชายไม่ตอบ ก็เปลี่ยนเรื่องคุย


"อะ ครับๆ เดี๋ยวผมตามไปครับ" ชินพัตน์หลุดจากความคิด รีบปิดหน้าร้านและเดินตามผู้เป็นแม่ไปทางหลังร้าน


         
                    นั่งทานข้าวพ่อและแม่ต่างพูดคุยเรื่อง งานและเรื่องน้าปองไปด้วย แต่ตอนนี้ในหัวของชินพัตน์ยังคงเฝ้าหาคำตอบมากมายที่มีอยู่ในหัว จนไม่ได้สนใจฟังทั้งพ่อและแม่ที่เรียกถามเรื่องของตนเอง


"ตาชิน  จะเหม่อไปใหนลูก"


"อะ ขอโทษครับ"


"อะไรเจ้าลูกชาย ไม่ได้ไปขายของที่ตลาดนัดแค่วันเดียว ใจเหม่อลอยไปถึงใหนแล้ว  ฮ่าๆๆ" โดนผู้เป็นพ่อแซวกลับเล็กๆอย่างอารมณ์ดี


"นั้นสิ ไม่ไปขายจนลูกค้าต้องตามมากินถึงร้านเลยนะ หึหึ"


"เปล่านะครับแม่ บังเอิญเจอกันเฉยๆ เขาเลยแวะมากินที่ร้านเท่านั้นเอง "ชินพัตน์รีบแก้ตัวพัลวัน


"มีลูกค้าที่ตลาดนัดมาทีร้านเหรอวันนี้" พ่อหันไปถามชินพัตน์ที่เริ่มทำตัวไม่ถูกเหมือนโดนจับผิด


"จ้า พ่อ ลูกค้าประจำตาชินนะ วันนี้มากินถึงที่ร้านเลยนะ" ผู้เป็นแม่กับตอบคำถามนั้นแทนอย่างภูมิใจ


"ภูมิใจละสิเจ้าลูกชาย มีลูกค้าตามมากินถึงที่ร้าน" พ่อสมทบ ตบไหล่ลูกชายเบาๆ


"อะ เออ ครับ แหะๆๆ" ใช่สิต้องภูมิใจ ไม่เห็นต้องปฎิเสธนี้นะ ลูกค้าติดใจที่ลูกชิ้นของบ้านเราอร่อยไง ใช่ใช่

       

                                 แต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดที่ชินพัตน์ ข้องใจกับเรื่องรวมมากมายที่เกิดขึ้น คิดวนเวียนกลับไปมา กับคำถามมากมาย  สับสนกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้


ติดใจลูกชิ้นจนขนาดตามมาที่ร้านงั้นเหรอ? 


สนิทกันขนาดพามากินที่ร้านเลยเหรอ? 


ขนาดต้นกล้าและยายที่สนิทกันยังไม่เคยมาที่บ้านเลย  แล้วนนทนัฐเป็นใครกัน?


 แล้วจะมาเรียกแบบสนิทสนมแบบนั้นทำไม?   



Rrrrrrrr  Rrrrrrrrr Rrrrrrrrr



"จะโทรมาทำมายยยยยยยยยย!!!!!!!!!"  ชินพัตน์โวยวายลั่นห้อง เมื่อเห็นเบอร์ ถึงแม้จะไม่บันทึกชื่อไว้แต่ก็จำเจ้าของเบอร์ได้ดี



อะไรนะจำได้งั้นเหรอ???!!!!!


"ไม่รับโว้ยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!" เพราะถ้าได้คุยกันอีกวันนี้คงนอนไม่หลับแน่








                                                                       ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนล้วนๆมาแล้วจ้า!!! :laugh:


                 :m15:   ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายเงียบไปหลายวัน ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เกือบหายดีแล้ว เหลือเพียงน้ำมูก (คนอ่านบอกฉันไม่อยากรู้) แต่มินมินอยากรายงานตัวค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามนิยายของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยนะ + เป็ดให้ทุกคนนะคะ 
               ฝากนิยายเรื่องสั้นจบในตอน เรื่องสั้นขยันสอย รอคอยคนเข้ามาทำให้มันเป็นเรื่องยาว  ด้วยนะคะ 



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-12-2014 10:58:33
เมื่อไหร่ทั้งคู่จะเลิกมึนๆอึนๆกันซะทีนะ

อยากเห็นเขาคบกันแล้ว อิอิ

ดีใจที่มาต่อนะจ๊ะแต่อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-12-2014 11:59:28
นนท์น่ะเริ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเองแล้ว
แต่ชินคุณเจ้าของร้านลูกชิ้น ยังสับสนอยู่
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 18-12-2014 12:43:36
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-12-2014 11:27:49
น่ารัก   น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2014 15:28:26
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 24 [17-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-12-2014 16:04:17
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 25 [19-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-12-2014 18:18:05




                                                               ตอนที่ 25  เข้าใกล้ก็เหมือนไกล



                             นพคุณส่งยายกลับบ้านในตอนหัวค่ำวันพุธ ตอนขับรถกลับออกมาถึงถนนใหญ่เห็นไฟประดับข้างทางเพื่อบ่งบอกว่าที่วัดใหญ่มีงาน  นพคุณคิดไปถึงงานว่าจะเป็นอย่างไร เพราะตนเองไปเคยไปนานมากแล้ว เลยตัดสินใจเลี้ยวรถกลับเข้าไปหาที่จอด เพื่อจะลองไปเดินดูงานไว้ก่อน จะได้ทำตัวถูกเวลามาเดินเที่ยวเล่นจะได้ไม่ทำตัวเปิ่นๆ  ลองเดินดูตามร้านต่างๆมากมาย ทั้งของใช้ เสื้อผ้า ร้านอาหารต่างๆมากมาย  โซนเครื่องเล่นที่มีเด็กจำนวนมากที่ผู้ปกครองยืนดูอยู่ไม่ห่าง  ซุ่มปาลูกโปร่งเหมือนจะได้รับความนิยมเยอะ คนอื่นออกันเต็ม  โยนหวง  ตักปลา ปากระป๋องที่เรียงให้ล้มให้หมด แลกกับตุ๊กตาตัวใหญ่ ทุกอย่างล้วนผ่านมือนพคุณเพื่อลองเล่นมาทั้งหมด เหมือนเป็นการฝึกกลาย ไม่อยากขายหน้า กับคนที่อยากมาเดินเที่ยวด้วย  พอมองดูเวลาที่ข้อมือดึกมากแล้ว นพคุณยังเสียดายเพราะยังไม่ได้ฝึกอีกหลายซุ้ม  แต่ก็ต้องกลับไปดูร้าน วันศุกร์กะว่าจะแอบมาฝึกอีก ก่อนถึงวันเสาร์ นพคุณวางแผนไว้ในใจ


Rrrrrrrr Rrrrrrrr Rrrrrrrrrr

(ฮัลโล พี่กลับถึงบ้านหรือยัง) นพคุณรีบรับสายทันที่เมื่อเห็นชื่อเจ้าของเบอร์ที่ไม่เจอหน้ามาหลายวัน


"กำลังกลับครับ ดึกมากแล้วต้นทำไมยังไม่นอนอีก"


(ต้นพึ่งทำรายงานเสร็จครับ ว่าแต่ต้นพี่แหละนี้มัน 5 ทุ่ม กว่าแล้วทำไมพึ่งกลับ)


"อะ เออ  คือพอดีมีธุระ แต่ตอนนี้กำลังกลับแล้วครับ" จะบอกได้ไงมาฝึกซ้อมเดินเที่ยวงานวัด


(ครับ วันนี้ยายบอกว่าเก็บผักได้เยอะเลย ขายหมดก็เร็วด้วย ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ"


"อืม ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ " นพคุณยิ้มกว้างให้กับคนในสาย


"อ้อ ใช่แล้วพี่ชินเป็นไงมั้งครับ เห็นยายบอกว่าพี่เข้ามีธุระไม่มาขายของวันนี้ด้วย"


"ดูแลร้านแทนป้ากับลุงนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ดึกแล้วพักผ่อนได้แล้วครับ"


"พี่ก็ขับรถกลับดีๆนะครับ"


"วัน/เสาร์) นพคุณกับต้นกล้าพูดขึ้นมาพร้อมกัน


"เออ  ฮ่าาๆๆๆ" (ฮาา อิอิ) ต่างหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน


"พี่ให้ต้นพูดก่อน วันเสาร์ทำไมครับ หืม"


(วันเสาร์ เดี๋ยวต้นพาพี่เดินเที่ยวงานวัดเอง อยากกลับบ้านเร็วจัง)


"ครับๆ แล้วพี่จะรอนะ หึหึ"


(อ๊ะ แล้วเมื่อกี่พี่จะพูดอะไร บอกมาเลยนะ)


"พี่จะบอกว่า วันเสาร์พี่รอให้ต้นพาไปเที่ยวไงครับ....."รอจนถึงวันเสาร์และคิดถึงคนในสายจนทนไม่ไหวแล้วต่างหาก


(ได้ต้น จะพาพี่เดินให้ครบทุกร้านเลย อิอิ "


"ครับ ไปนอนได้แล้ว"


(ครับผม)


"ฝันดีนะครับ"


(ครับ พี่ก็ขับรถกลับดีๆนะ ต้นจะวางสายแล้วนะ)


"ครับ.........." ได้ยินเสียงตัดสายไป แต่ใจจริงอยากคุยต่อนานๆ แต่ก็ต้องตัดใจ ขับรถกลับบ้าน


         
                                   เช้าวันพฤหัส ชินพัตน์ ดูแลร้านแทนพ่อกับแม่เช่นเคย เข้าไปดูคนงานในโรงงานด้านหลัง เช็คออเดอร์ลูกชิ้นของเดือนนี้  ทีมีเพิ่มทั้งของที่ร้านเอง จากสาขาของนพคุณก็มีเยอะ และยอดที่มีมาเพิ่มก็คือ จำนวนลูกชิ้นที่ต้องทำเพิ่มเพื่อนำไปขายที่ตลาดนัดรายได้ มีเข้ามาเยอะคนงานมีงานทำอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องดูแลให้มากขึ้นเมื่อมีคนงาน เป็นลมล้มลงในที่ทำงานแบบนี้ เลยต้องดูแลเรื่องการทำงานมากขึ้น  เรืองสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเกิดล้มป่วยอาจจะทำให้ทั้งขาดรายได้ และ โรงงานก็ขาดแรงคนผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการที่เริ่มมีมากขึ้น ชินพัตน์เข้าใจตรงจุดนี้ดี เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งขยายการฐานการผลิตเล็กๆในครัวเรือน จนขยายใหญ่จนเป็นโรงงาน การดูเอาใจใส่คนงานที่เป็นกำลังหลักสำคัญ ต้องมาก่อนเสมอ



"คุณหายไปใหนมา?" นนทนัฐสงสัยว่าทำไมชินพัตน์ไม่รับสายของตนเองเมื่อคืน อยากจะรู้เลยพาตนเองมาถึงที่นี้ เพื่อมาเจอหน้า


"เฮ้ย!!! คุณมาทำไมอีก" ชินพัตน์ที่เดินกลับมาจากโรงงานที่อยู่หลังร้าน   ตกใจเมื่อมีคนมายืนรอที่ประตู


"ก็ผมมาหาลูกชิ้นกินนะสิ ยำลูกชิ้นของคุณเมื่อวานอร่อยมาก ทำให้ผมกินอีกนะ ได้ไหม?"


"ก็ไปสั่งเด็กที่ร้านสิ ผมมีงานต้องทำ" ชินพัตน์เดินหลับไปที่โต๊ะทำงานร่วมทั้งเป็นโต๊ะคิดเงินด้วย


"แต่ผมอยากกินยำลูกชิ้นฝีมือคุณ"  นนทนัฐดึงเกาอี้มานั่งใกล้ๆคุณเจ้าของร้าน


"ผมไม่ว่าง เหมือนคุณหรอกนะ งานการไม่มีทำหรือไง  แล้วลูกชิ้นที่ผมให้ไปเมื่อวานอีกตั้งเยอะ ไปใหนหมด"


"ผมให้ลุงยามไปแล้ว ส่วนงานผมมีแต่........."ใจมันอยากมาแถวนี้ แต่ไม่ทันโดนเบรกก่อน


"อยากเล่นมุกเสี่ยวๆแบบนั้นอีก ไปโน่น ไปนั่งที่โต๊ะลูกค้าตรงนั้นเลย เกะกะผมจะทำงาน" ชินพัตน์ทำเป็นหยิบเอกสารบัญชีขึ้นมาเช็คดูทั้งที่เขาเองทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากใส่ใจคนที่เดินหง่อยไปนั่งที่โต๊ะหน้าร้าน


"อ้าว  วันนี้ก็มากินที่ร้านเหรอจ๊ะ" แม่กลับมาจากโรงพยาบาลเห็นเพื่อนลูกชายก็ทักทาย


"สวัสดีครับ" นนทนัฐรีบลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้ทักทาย


"เพื่อนเจ้าชินเหรอ" พ่อที่เดินตามเข้ามาที่หลังถามขึ้น


"สวัสดีครับ คุณพ่อ"


"อืมๆ ตามสบายนะ มานานหรือยัง เจ้าชินสั่งอะไรให้เพื่อทานหรือยัง" รับไหว้เพื่อนลูกชาย ตอนท้ายหันเดินไปหาลูกชายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะ


"กลับมาแล้วเหรอครับ น้าปองเป็นยังบ้างครับ "ชินพัตน์เดินมาหาทั้งคู่พร้อมช่วยรับของที่อยู่ในมือแม่มาถือไว้เอง


"หมอบอกว่า พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว"


"เหรอครับ ดีจัง งั้นพรุ่งนี้ผมไปรับน้าปองเองนะครับ"


"อือๆ ตามใจแล้วกัน" ตอบรับลูกชาย แต่หันกลับไปเห็นเพื่อนลูกชายที่เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ๆ ก็ต้องก็หันดุลูกชาย


"ตาชินทำไหมปล่อยให้เพื่อน มานั่งรออยู่แบบนี้ ไปดูสิว่าเพื่อนจะกินอะไร ไปไป๊" ผู้เป็นแม่รีบดึงลูกชายที่ทำท่าจะกลับไปนั่งที่เดิม ให้ลุกขึ้นมา


"เออ  แต่ผมยังตรวจตรวจบัญชีไม่เสร็จเลยนะแม่ "ชินพัตน์เอางานมาอ้าง


"เดี๋ยวพ่อดูเองเราไปดูแลเพื่อนเถอะไป บ่ายโมงกว่าแล้ว กินอะไรมาหรือยัง"  พ่อเสนอตัวและหันกลับไปคุณกับเพื่อนลูกชายอย่างสนิท


"ยังเลยครับ ว่าจะมาฝากท้องไว้ที่ร้านนี้นะครับ "ตอบคำถามด้วยความเก้อเขิน มือข้างซ้ายลูบท้อง ข้างขวาเกาท้ายทอยไปมา เหมือนโดนรู้ทัน ที่หิ้วท้องมาถึงที่นี้ เพื่อมาเจอหน้าเจ้าของร้าน ลูกของคุณพ่อด้วย  เหรอ?


"งั้นเดี๋ยวแม่ทำให้ทานเอง ได้ข่าวว่าเป็นลูกค้าประจำ ชอบกินลูกชิ้นเหรอจ๊ะ" แม่ถามขึ้น


"ครับ  ชอบมากๆเลยครับ " ตอบกลับมายิ้มกว้าง จนทำให้ชินพัตน์ยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ไหว ต้องรีบผละไปหลังร้าน


"อ้าว เจ้าชินจะไปใหน  "


"ผมจะไปดู คนงานหลังร้านนะครับ" รีบเดินหายเข้าไปในหลังร้าน


"อะ ออ ผมรบกวนเวลางานหรือเปล่าครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" นนทนัฐเห็นท่าทางที่ชินพัตน์เป็นแบบนั้น เลยรู้สึกลำบากใจที่จะอยู่ต่อ


"เปล่าจ๊ะ ไม่รบกวนเลย ตาชินเป็นห่วงคนงานนะจ๊ะ พอดีเกิดอุบัติเหตุกับคนงาน เลยเป็นห่วงนะ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ " แม่บอกอธิบายให้เพื่อนลูกชายฟัง


"นั่งก่อนเถอะ " พ่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชายไม่สู่ดีเลยชวนให้นั่งคุยกัน


"ครับ  "


"แล้วนี้ไปรู้จักเจ้าชินที่ใหนหล่ะ ไม่ใช่เพื่อนที่มหาลัยหรอกใช่ไหม หน้าตาไม่คุ้นเลย"


"ขอโทษครับ ผมลืมแนะนำตัว  ผมชื่อ นนทนัฐ เศรษฐคุณ ครับ เรียกผม นนท์ ก็ได้ครับ ผมทำงานดูแลงานก่อสร้าง ใกล้ๆกับตลาดที่ คุณจะ เจ้า.....  เออกับคุณชินพัตน์ขายของอยู่นะครับ  ผมแวะไปซื้อลูกชิ้นกินประจำนะครับ " ยกมือไหว้อีกครั้ง พร้อมแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการกับ คนที่ดูภูมิฐาน ที่นั่งอยู่ตรงหน้า และเป็นพ่อของคุณเจ้าของร้านด้วย


"งั้นเหรอ งั้นก็คงเป็นลูกค้าประจำของเจ้าชิน สินะ"


"ครับ ผมชอบกินลูกชิ้นนะครับ แต่เพราะทำงานจนไม่ค่อยมีเวลากิน ตลาดจึงเป็นทางเลือกที่ง่ายที่จะไปฝากท้องนะครับ"


"เจ้าชินก็โตมาพร้อมกับลูกชิ้น ก็เลยรักที่จะขายของแบบนี้ อยากไปขายตั้งร้านขายเองคนเดียวเอาจริงเอาจังขึ้นมา ตอนแรกก็ยังเป็นห่วงว่าจะไหวหรือเปล่าทำคนเดียว แต่ดูเหมือนจะมีความสุขดี ที่ได้ไปขายแบบนั้น"


"ครับผมก็มีความสุข " ที่ลูกชายคุณพ่อไปขายลูกชิ้นให้ผมครับ


"หืม "


"อะ เออ ผมก็ดีใจครับที่ มีลูกชิ้นอร่อยๆมาขายใกล้ที่ทำงานครับ ไม่ต้องไปหาซื้อที่ใหนไกลๆ"

"ก็เลยตามมากินที่ร้านแบบนี้ด้วยใช่ไหมพ่อหนุ่ม"


"ก็พอดี มาทำธุระเลยแวะมานะครับ " นนทนัฐเริ่มร้อนตัว


"งั้นอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็สั่งได้เลยนะ เมนูลูกชิ้นของที่ร้านมีเยอะมาก ลองทานดูนะ"  ยื่นเมนูอาหารที่มี ลูกชิ้นของที่ร้านเป็นวัตุดิบหลัก


"ครับ" 


"ไม่ต้องเกรงใจนะ สั่งได้เลย ขอตัวไปดูงานก่อน เดี่ยวคอยคุยกันใหม่นะ"


"ขอบคุณครับ"

       
                                  ตลอดเวลาที่นนทนัฐนั่งทานเมนูลูกชิ้นในร้าน มีแต่ พ่อและแม่ ของชินพัตน์เข้ามาถามพูดคุยด้วยตลอด ส่วนชินพัตน์ยังคงอยู่ที่โรงงาน ไม่กลับเข้ามาที่ร้านเลย จนนนทนัฐทานทุกอย่างจนหมดและขอตัวกลับ



"ทั้งหมดเท่าไหรครับ" นนทนัฐเดินที่ที่หน้าโต๊ะคิดเงินที่คุณพ่อเจ้าของร้านนั่งอยู่


"อ้าวจะกลับแล้วเหรอ "


"ครับ ยำลูกชิ้นอร่อยมากๆเลยครับ อร่อยทุกอย่างเลยครับ"


"ถ้าอร่อยก็แวะมาบ่อยๆนะ"


"ทั้งหมดเท่าไหรครับ "


"พ่อคิดแค่ ค่าลูกชิ้น 5 กิโลแค่นี้ 500 บาท ส่วนค่าอาหารไว้ค่อยเก็บคราวหน้านะ"


"เออ แต่ว่า"


"ไว้มาทานที่ร้านอีกนะ พ่อหนุ่ม"


"ขอบคุณครับ" รับเงินทอนกลับมาหันมองไปทางหลังร้านก็ไม่เห็นจนที่อยากเจอออกมา


"อ้อ  เจ้าชินไปโรงพยาบาลนะ "


"อ้อ คะ ครับ"ตกใจที่คนตรงหน้ารู้ทันตนเอง


"งั้นผมขอตัวกลับก่อนะครับ"


"เดินทางปลอดภัยนะ"


"ครับ สวัสดีครับ"



                            นนทนัฐขับรถมาจอดที่หน้าโรงพยาบาล แต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปหาคนที่คอยหลบหน้าตนเอง ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในร้าน เป็นเพราะอะไร  นนทนัฐไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า


ไม่อยากให้มาที่ร้าน  รำคาญ?


ลูกชิ้นที่ผมเอาไปให้คนอื่น


โกรธเรื่องอะไร? ผมมีเรื่องจะถามคุณอีกเยอะเลยนะ


แล้ววันเสาร์คุณจะไปขายลูกชิ้นหรือเปล่า?


คุณจะไปเดินเที่ยวงานวัดกับผมไหม?


ช่วยบอกผมทีเถอะคุณลูกชิ้น   


ทำยังไงผมถึงจะเข้าใกล้คุณได้มากกว่านี้?





   

                                                                            ลูกชื้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh: 

                                             
                                                     



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 20-12-2014 20:02:10



                                         

                                                              ตอนที่ 26  เตรียมตัว  เตรียมใจ


                            เช้าวันศุกร์  ชินพัตน์รับน้าปรางไปโรงพยาบาลเพื่อรับ น้าปองออกจากโรงพยาบาล เขารับผิดชอบดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วก็พาน้าปองกลับไปพักฟื้นที่บ้าน มีน้าปรางหยุดงาน เพื่อดูแล ชินพัตน์ขอตัวกลับมาที่ร้านมาบอก รายละเอียดต่างๆกับพ่อและแม่  และขอแวะไปหายายที่บ้าน
                             ตลอดทางที่ขับรถไป ก็คิดถึงสิ่งตนเองทำเมื่อวานหลบเลี่ยงคนที่มานั่งกินลูกชิ้นที่ร้าน เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ พอคิดได้ก็ทำเลยไม่คิดหน้าคิดหลัง ตอนเย็นรีบรับน้าปรางไปส่งที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจ คำของผู้เป็นแม่ที่ถามถึงเพื่อนที่นั่งรออยู่ในร้านเลยแม้สักนิด


"ตาชิน แล้วเพื่อนเราที่นั่งอยู่ในร้านล่ะ เห็นชะเง้อมองหาเราอยู่ "

"ก็ปล่อยให้กินไปสิครับ กินเสร็จเขาก็กลับไปเอง  ผมไปก่อนนะครับ" ชินพัตน์ตอบเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วเดินไปขึ้นรถที่มีน้าปรางนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และขับออกไป

                   
                       พอกลับมาจากโรงพยาบาล ก็ไม่เจอแล้วคงกลับไปแล้ว แต่ก็เจอกับคำถามมากมายจากทั้งพ่อและแม่ ที่ตนเองทำตัวไม่ดีทิ้งเพื่อนให้มานั่งรอแบบนั้น ถึงจะบอกไปว่าแค่ลูกค้าประจำ แต่ก็โดยสอนกลับมาอีก ว่าก็ยังเป็นลูกค้าที่สำคัญ จะมาทิ้งให้นั่งรอ ไม่บอกกล่าวว่าจะไปใหน  ชินพัตน์ไม่อยากจะใส่ใจแต่ต้องกลับมาโดนต่อว่าจากพ่อแม่อีก ไม่อยากจะบอกไปตรงๆว่าไม่อยากเห็นหน้า ลูกค้าประจำคนนี้สักเท่าไร เพราะเป็นต้นเหตุทำให้เขาวุ่นวายสับสันไปทุกอย่าง ทั้งความคิด จิตใจที่แปลกไป เมื่อเจอคนที่ตามมากินลูกชิ้นถึงที่ร้านคนนั้น


"ยาย สวัสดีครับ" ชินพัตน์มาถึงบ้านยายเข้าไปทักทายเพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน


"อ้าว พ่อหนุ่มขึ้นมาก่อน ธุระเป็นไงบางเรียบร้อยดีไหม"


"เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ผมไปรับน้าที่โรงพยาบาลกลับมาพักที่บ้านแล้วครับ "


"เหรอจ๊ะ ดีแล้วที่ปลอดภัย คนที่ตลาดถามหากันยกใหญ่เลย ว่าทำไมไม่มาขายของ"


"ครับ พรุ่งนี้ผมจะมาขายครับยาย   แล้ววันนี้ต้นกลับมาจากเรียนวันนี้ใช่ไหมครับ"


"จ้า โทรมาบอกว่าวันนี้กลับเร็วใกล้จะถึง บขส แล้ว คงหารถกลับเข้าบ้านอยู่นะจ๊ะ" ยายเล่า ต้นต้องรถต่อรถเข้ามาที่บ้านอีกต่อหนึ่ง


"งั้นผมไปรับต้นนะครับ" ชินพัตน์อาสา


"จะดีเหรอจ๊ะ รบกวนหรือเปล่า"


"ไม่เป็นไรครับ จะได้กลับมาเร็วๆ ไงครับ "


"ตามใจเถอะจ๊ะ"


"งั้นผมโทรหาต้นก่อนนะครับ"

   

                                ชินพัตน์โทรหาต้นกล้าเพื่อที่จะไปรับที่ บขส ต้นกล้าบอกใกล้จะถึงแล้ว ชินพัตน์เลยขับรถไปรอ ต้นกล้าที่ บขส ที่มี คนเยอะมาก เพราะเป็นวันศุกร์ คนเดินทางทั้งไปทั้งกลับ เยอะพอสมควร นั่งรอสักพักต้นกล้าก็วิ่งเข้ามาหาที่โต๊ะนั่งรอ



"สวัสดีครับ พี่ชิน "


"หวัดดีต้น ไม่เจอหน้าหลายวันเลย" จับหัวยี้เบาๆอย่างเอ็นดู


"พี่ชิน เป็นยังไงบ้างเห็นยายบอกที่ธุระด่วนเหรอ"


"อืม ตอนนี้ธุระเสร็จแล้วล่ะ พี่ถึงมารับต้นได้ไง ไปกลับบ้านกัน"


"พี่ชินต้น ขอซื้อกล้วยปิ้งให้ยายก่อนนะ"


"อืม ไปสิ ร้านนี้อร่อยเหรอ"


"อร่อยมาเลยพี่ เคยลองทำกับยายแล้ว แต่น้ำเชื่อมทำอร่อยไม่เท่าร้านนี้เลยอ่ะ"


"อร่อยจริงเหรอ งั้นต้องลองสักหน่อยแล้ว" พากันเดินไปที่ร้านรถเข็น ที่จอดข้างๆคิวรถที่ต้นกล้ากลับประจำ


"อร่อยไหมพี่ชิน"


"อืม อร่อยดีนะ หวานหอมดี"


"ยายชอบแบบนี้ ยิ่งกล้วยนิ่มๆนะ ยายกินได้หลายชิ้นเลยล่ะ"


"ป่ะ งั้นกลับกันเถอะ  ต้นจะซื้ออะไรอีกไหม"


"เออ ใช่ งานวัดใหญ่ พี่ชินไปเดินเที่ยวมาหรือยัง เปิดงานตั้งแต่วันจันทร์แล้วด้วย"

"อืม  ยังเลย รอต้นกลับมาก่อนไง" ชินพัตน์ที่ขับรถไปตอบต้นกล้ากลับมา


"รอต้นเหรอ แล้วพี่....พี่"


"พี่ใหญ่เหรอ ยังหรอกคงรอไปเดินเที่ยวพร้อมกันนั้นแหละ พรุ่งนี้พี่ก็จะมาขายของปกติแล้ว"


"ครับ "ยิ้มมองคนที่ตั้งใจขับรถ



                                  ชินพัตน์ขับรถมาส่งต้นกล้าที่บ้านและทานข้าวเย็นกลับทั้งยายหลาน คุยเรื่องต่างที่ตนเองไปจัดการเรื่องทางบ้าน ต้นกล้าก็คุยเรื่องที่มหาลัย และเรื่องที่เตรียมตัวว่าจะพาชินพัตน์ไปเดินเที่ยวงานวัด ให้ฟังมากมายอย่างตื่นเต้น เพราะต้นกล้าเองก็ไม่ใช่เด็กที่มีเวลาไปเที่ยวเล่นได้บ่อยๆ เหมือนเด็กๆคนอื่น แต่เพราะงานวัดครั้งนี้เป็นงานประจำปี ที่ได้ไปเป็นจะจำเลยตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ และยิ่งมีพี่ๆไปด้วยแบบนี้ เลยดูจะสนุกที่อยากจะได้ไปมากขึ้น



"พี่ ผมจะพาพี่เดินเที่ยวให้ทั่วเลย"


"ครับๆ ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ แล้วเดี๋ยวพี่มารับนะ" ชินพัตน์รู้สึกเอ็นดูขึ้นมา ลูบหัวไปมา


"ครับ พรุ่งนี้ต้นจะรีบขายผักให้หมดเร็วๆ จะได้ไปเดินเที่ยวกันเร็วๆเนอะ"


"ครับๆ กลับขึ้นบ้านได้แล้ว"


"ขับรถกลับดีๆนะครับ"



                          ชินพัตน์ขับรถมาจอดนิ่งที่ลานจอดตรงตลาดนัด แต่วันนี้ต่างออกไปเพราะไม่มีร้านค้าหรือผู้คน ภายในตลาด เป็นเพียงพื้นที่โล่ง หลงเหลือแค่ เสาไฟที่พอจะมองออกว่า เป็นล๊อคแบ่งเขตชัดเจนในการตั้งวางร้าน แปลกตากว่าทุกวัน  ชินพัตน์ลงจากรถและเดินกลับที่ที่หลังรถ พร้อมลังใบย่อมที่มีลูกชิ้นอักน้ำแข็งมาพร้อม เพื่อเอามาฝากลุงยาม ที่ยังคงทำหน้าที่เฝ้า ตึกอาคารพานิชณ์ 2 ตึกขนาดใหญ่ ตึกละ 8 คูหา  สร้างเสร็จเรียบร้อย พร้อมเข้าจองได้ เหลือเพียงเก็บวาดเศษปูนเศษไม้  รื้อบ้านพักคนงานด้านหลังตึก และออฟฟิศชั่วคราวด้านหลังตึก 



"สวัสดีครับลุงยาม"


"อ้าว พ่อหนุ่ม วันนี้มาทำอะไรเหรอ"


"ผมแวะมาทำธุระแถวนี้นะครับ เลยแวะเอาลูกชิ้นมาฝากลุงครับ ฝากหลานๆลุงด้วยครับ" ยกลังโพมส่งให้


"ขอบใจมากเลย เดี๋ยวเงินเดือนลุงออก ลุงจเอาเงินไปให้นะ"


"ไม่เป็นไรครับลุง ผมเอามาฝาก ไม่คิดเงินครับ"


"แต่ลุงเกรงใจ เอามาให้หลายครั้งแล้วของซื้อของขาย คุณนนท์ก็พึ่งเอามาให้ด้วยสิ" พอได้ยินชื่อของใครบางคน ก็รีบขอตัวกลับเลยยังไม่อยากเจอตอนนี้


"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับก่อนะครับ"


"ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม"


"ครับ" ยิ้มแล้วรีบเดินกลับไปที่รถ

                             
                         เหตุการณ์เหมือนเดิมแต่ต่างออกไปตรงที่ ไม่ต้องการอยากเจอใครอีกคนตอนนี้ แค่เอาลูกชิ้นมาให้ลุงก็หมดธุระของวันนี้แล้วได้เวลากลับบ้านสักที ถึงแม้ความสับสนในใจไม่ได้หายไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด


"คุณชิน" ชินพัตน์ตกใจเสียงเรียกจากด้านหลัง แต่พอจะรู้ว่าเป็นใคร รีบเร่งฝีเท้าไปให้ถึงรถให้เร็วขึ้น


"คุณชินพัตน์ รอผมก่อนสิครับ" ชินพัตน์ไม่ฟังเสียงเรียก รีบหากุญแจเพื่อเปิดประตู



หมับ!!!!



"คุณหลบหน้าผมทำไม!!!?" ชินพัตน์ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่อยากจะเจอคนตรงหน้าสักเท่าไร



จะตามมาทำม่ายยยยยยยยยยย




                                           

                                                            ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!!   :laugh:


                                                     ขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :กอด1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: tawanchai ที่ 20-12-2014 22:47:26
555  :mc4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 20-12-2014 23:39:03
มาหาถึงที่เลยนะคุณนนท์ :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2014 00:03:18
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 21-12-2014 04:26:58
ยิ่งกว่าดูหนังอินเดียอีก หนีมันทั้งเรื่อง สงสารนนท์ผู้ตามจริงๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-12-2014 09:20:55
เพลียกับพวกนาง
หนีกันอยู่นั่น :serius2:
ไปอวยคู่พี่ใหญ่กับหนูต้นดีกว่า :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 26 [20-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-12-2014 13:39:50
สงสัยลูกชิ้นใหญ่จะรุกลูกชิ้นเล็กหนักไปหน่อย
ทำให้ลูกชิ้นเล็กรีบกระเด้งดึ๋งดั๋งไปตั้งท่าซะไกลเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-12-2014 21:43:51



                                                              ตอนที่ 27  ความรู้สึกทั้งหมด


                    นนทนัฐที่กลับมายังบ้านพักที่แคมป์ก่อสร้าง จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ได้แล้ว เพราะแคมป์คนงานรื้อถอนออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนออฟฟิศชั่วคราวกับบ้านพักของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แต่อีกไม่นานอาคารขนาดใหญ่นี้ก็จะถูกเปิดจอง  และเขาก็หมดหน้าที่ลง เหลือไว้เพียงความทรงจำเล็กๆ ที่ได้ทำงานให้ออกมาเสร็จสมบูรณ์  แต่สิ่งที่ได้จากที่นี้ คือการได้พบใครคนหนึ่งที่ทำรู้สึกอยากรู้จักให้มากขึ้น อยากใกล้ชิด จนมองข้ามสิ่งต่างๆไป  แต่ตอนนี้คนนั้นก็ทำให้เรียนรู้ ความสุขและทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน

                      นนทนัฐเก็บของต่างๆ ภายในบ้านพักเสร็จ แล้วเดินมาเก็บของที่สำนักงานชั่วคราว อีกไม่กีวันก็ต้องโยกย้าย ไปเป็นออฟฟิศที่โครงการสร้างที่อื่นอีกแน่นอน ร่วมที่ห้องพักของเขาด้วย เป็นห้องสำเร็จรูป รื้อแล้วย้ายไปประกอบใหม่ได้ เพื่อสะดวกในการขนย้าย และประหยัดงบประมาณด้วย  นนทนัฐเดินทอดหน่องในชุดลำรอง เพราะไม่ได้อยู่ในเวลาทำงานแล้ว เดินออกมาคุยกับลุงยามด้วยความเคยชิน แต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นหลังของคนที่อยู่ในความคิด ที่พึ่งเดินออกไปจากป้อมยาม



"ชิน คุณหลบหน้าผมทำไม!!!??" นนทนัฐที่รีบวิ่งตามมาออกมาทันที

"!!!!!!!"  ชินพัตน์รับรู้เสียงเรียกนั้นแต่ไม่อยากจะเจอหน้าตอนนี้ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อจะมาจัดการเรื่องยุ่งยากแบบนี้

      หมับ!!!           นนทนัฐรีบเดินไปประชิดตัวแล้วรีบคว้ากุญแจจากมือชินพัตน์ไว้เป็นสิ่งประกันว่าคนตรงหน้าจะไม่หนีหายไปใหนอีก มีเรื่องที่อยากจะคุยมากมาย และจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วกับสิ่งที่คนตรงหน้าเอาแต่หลบหน้าอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้


"นี้คุณ เอากุญแจรถผมคืนมานะ!!!!!"


"ไม่ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง"


"ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ เอากุญแจผมคืนมานะ!!" ชินพัตน์ไม่มองหน้าคนถาม พยายามแย่งกุญแจออกจากมืออย่างเดียว


"ชิน คุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมอีก หืมบอกผมสิ" นนทนัฐที่ยึดมืออีกฝ่ายให้หยุดฟัง และไม่ไห้เดินหนีไปใหนได้ด้วย


"................................"ชินพัตน์โดนยิงคำถาม ด้วยใบหน้าที่จริงจัง จนไม่กล้าสบตา เสใบหน้าไปมองที่อื่น พยายามยื้อมือตนเองกลับจากการกอบกุมไว้แน่น


"ผมคิดว่าพวกเราน่าจะพัฒนาขึ้นไปมากกว่านี้แล้วซะอีก มากกว่าคุณเจ้าของร้านกับลูกค้า  แต่คุณกลับหลบหน้าผมแบบนี้ ผมไม่เข้าใจ ผมทำผิดอะไร ชิน คุณบอกผมสิ " นนทนัฐตัดพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น กระชับแขนของชินพัตน์แน่นขึ้น



                            นนทนัฐไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไรกันแน่ และไม่รู้ว่าตนเองทำผิดอะไรอีก ทั้งๆที่คิดว่า ความสัมพันธ์ที่ดูจะพัฒนาขึ้น จนน่าจะเรียกว่าเพื่อนได้แล้วไม่ใช่เหรอ หรือเขาคาดหวังจนเกินไป และคนตรงหน้าไม่เคยคิดเช่นเดียวกับเขาเลย



"ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ จบไหม เอากุญแจคืนมา" ชินพัตน์ไม่อยากที่จะยืดเวลาที่จะอยู่กับคนตรงหน้านานไปกว่านี้ เพราะหัวใจทำงานหนักเกินไปแล้ว ยังสับสนกับความรู้สึกของตนเองตอนนี้ เลี่ยงที่จะหลบคนตรงหน้าเอาไว้น่าจะดีกว่า


"งั้นผมขอรู้เหตุผลหน่อยได้ไหม ถ้าผมทำผิดอะไร ผมก็น่าจะรู้บางสิ ไม่ใช่คุณมาหลบหน้าผมแบบนี้ " นนทนัฐยังคงยื้อชินพัตน์ที่เอาแต่ดิ้นหนี


"งั้นคุณก็ตอบผมมาก่อนสิ คุณ..  คุณ... ทำแบบนั้นกับผมทำไม ?" ชินพัตน์โดนคำถามที่กดดันจนเกินจะเก็บไว้ได้แล้ว เพราะตนเองก็มีเรื่องที่อยากจะถามคนตรงหน้าเหมือนกัน สิ่งที่ค้างคาในใจมาตลอด


"ผมทำอะไร?" นนทนัฐไม่เข้าใจกับคำถาม


"ก็จูบผู้ชายแบบนั้น คุณทำกับผมแบบนั้นทำไม และยังตามคอยปั่นหัวคนอื่นแบบนี้ด้วย สนุกมากเหรอ  ตามไปทำไมที่โรงพยาบาลจะบ้าหรือเปล่า  และการที่ได้ไปที่ร้านที่บ้านผม นั้นมันก็ทำให้ผมรำคาญใจมากด้วย "  ชินพัตน์ระบายออกมาหมดคำถามมากมายที่ไม่เคยจะได้คำตอบ สับสนหรือรำคาญคนตรงหน้าก็ยังไม่รู้แต่โทษคนตรงหน้าไว้ก่อน 


".................................."  นนทนัฐเหมือนโดนน๊อคด้วยหมัด เหตุผลอะไรงั้นเหรอที่จูบ บอกได้เหรอ ว่าอยากรู้จักอยากอยู่ใกล้ เลยทำให้รำคาญเหรอ เขาทำอะไรไม่ถูก เมื่อเจอทั้งคำถามรวมทั้งโดนต่อว่าในเวลาเดียวกันแบบนั้น



                      สะบัดมือหลุดจากคนตรงหน้า ไม่สนใจกุญแจในมือของอีกฝ่ายที่เอาแต่นิ่ง เพราะไม่อยากจะอยู่ต่อหน้าคนที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด ของความขุ่นมั่วในใจที่มีมาตลอด อยากจะอยู่ให้ห่าง แต่ก็ต้องกลับมาเจอ  อาการแบบนี้เขาไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อนงั้นเหรอ  พัฒนางั้นเหรอ  เพื่อนเขาไม่ทำเรื่องแบบนั้นกันหรอนะ "จูบ" แบบนั้น จะรับผิดชอบด้วยการ มาป่วนเปี้ยนในชีวิตแบบนี้งั้นเหรอ  คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย


                    ชินพัตน์เดินหนี ออกมาให้ห่างให้ได้มากที่สุด เดินมาตามทางที่ไม่คุ้นเคย แต่ดูสว่างไสว ไปด้วยไฟสี สะดุดตาทำให้ชิพัตน์เดินตรงไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  แสงไฟที่ติดตั้งตลอดข้างทางเพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า  มีงานรื่นเริง มีงานใหญ่ประจำท้องที่ตลอดข้างทางกว่า 1 กิโลเมตร ประดับไปด้วยไฟสี  เพื่อนำทางให้รถที่มาจากต่างที่ต่างอำเภอ มาให้ถูกที่ นั้นคืองานวัดประจำวัดใหญ่ ที่มีเสียงเครื่องเสียงดังกระหื่ม เพื่อเรียกให้ประชาชนที่มีจิตศัทธาต่อวัดได้เข้ามาร่วมทำบุญ และเดินเที่ยวในงาน ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เหมาะกับเป็นงานของชุมชนเรียกได้ว่าเป็นการร่วมผู้คนได้มากมาย   นั้นทำให้ชินพัตน์ตัดสินใจ เดินตามแสงสว่างนั้นเข้าไปในงานอย่างไม่ลังเล และเพื่อหลีกหนีที่จะเผชิญหน้าคนที่เอาแต่ยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถาม


หมับ!!!!


"ชิน คุยกับผมก่อนสิ" นนทนัฐตั้งสติได้ วิ่งตามชินพัตน์มาถึงหน้าทางเข้างาน


"ไม่  ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยมือผมนะ" ชินพัตน์มองเห็นว่ามีแต่คนมองเต็มไปหมด เพราะมีคนเดินเข้าออกงานเยอะมาเพราะเป็นคืนวันศุกร์


" คุยกันก่อนนะ แล้วผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย นะ" นนทนัฐดึงมือให้ชินพัตน์ให้เดินตามมาเพื่อเลียงสายตาคนที่มองมา และเสียงดัง จากลำโพงตรงหน้าประตูเข้างาน


"คุณจะพาผมไปใหน ปล่อยนะ" แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงที่ลากนั้นได้ ต้องเดินตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

     
                       นนทนัฐพาชินพัตน์ย้อนเดินกลับมา ตรงซอยเล็กๆ ที่มีไฟข้างทางไม่สว่างนัก แต่ไฟของทางวัดนั้นช่วยให้มองเห็นใบหน้าของคนที่เอาแต่เดินหนี ตอนนี้บึงตึงหลบตา ยื้อมือให้หลุดจากมือของเขา แต่นนทนัฐจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอีกแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ตัวเขาเองก็ไม่อยากที่จะ ค้างคาความรู้สึกนี้อีกต่อไป 


"คุยกันก่อนนะ แล้วผมจะคืนกุญแจรถให้  คุณก็ไม่ต้องเดินหนีไปใหน ผมจะเป็นคนไปเอง เมื่อเราคุยกันจบ ตกลงนะ " พยายามพูดเหมือนร้องขอคนตรงหน้า ให้สงบลง


"นะครับ" และขอร้องอีกครั้ง เพื่อเรียกให้คนที่เอาแต่หลบหน้าให้มาคุยกันตรงๆสักที


"งั้นคุณก็ตอบผมมา คุณต้องการอะไร เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม "


"ผม อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ไม่ได้เหรอครับ"


"หึ  เพื่อนเหรอ แล้วเพื่อนที่ใหน จูบ กันแบบนั้น ตามมาถึงโรงพยาบาลเพราะเรื่องเข้าใจผิด  ตามมาที่บ้านทั้งที่ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น รู้ไหมสิ่งที่คุณทำ มันวุ่นวาย มันทำให้ผมสับสนไปหมด แล้วผมก็ไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วย "


"ผมสามารถพูดได้เหรอ ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณนะ"


"มันก็เรื่องของคุณ ไม่อยากจะบอก ไม่อยากคุยก็จบ เลิกสักที่ผมก็รำคาญตัวเองเต็มทนแล้วเหมือนกัน  ปล่อยซักที่สิ!!!!" ชินพัตน์เริ่มที่จะทนกับความสับสนที่แสนอึดอัด ความไม่ชัดเจนของความรู้สึกทั้งของตนเองและคนตรงหน้า


"ผมชอบคุณ ผมอยากใกล้ชิดคุณ  ผมอยากรู้จักคุณ อยากอยู่ใกล้ๆคุณ ได้ยินไหม ชิน " นนทนัฐรีบดึงคนที่เริ่มจะอาละวาดเข้ามาใกล้และบอกความรู้สึกที่มีทั้งหมด ให้คนตรงหน้าได้รับรู้ สบตาคนตรงหน้าที่เมื่อได้ยินก็ทำสีหน้าตกใจ ตาโต นิ่ง อึ้ง เหมือนโดนสต๊าป


"!!!!!!!!!" ชินพัตน์นิ่งอึ้งกับคำตอบของคนตรงหน้า ทั้งตกใจทั้งไม่เข้าใจ


"คุณจะบ้าเหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ"  แต่ก็ต้องเรียกสติกลับคืนมา มันจะเป็นไปได้ยังไง กับผู้ชายอย่างเขา


"ผมรู้ แต่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน คุณเป็นคนแรก " นนทนัฐบีบมือคนตรงหน้าเหมือนจะยืนยัน และจ้องตาเพื่อสื่อความหมายทั้งหมดที่เขามี


"ไม่ตลกเลย คุณจะชอบกินลูกชิ้นก็ชอบไป อย่าเอาผมเขาไปเกี่ยวกับความชอบของคุณ  ปล่อย!!!" ชินพัตน์ยังไม่อยากจะยอมรับกับสิ่งที่ได้ฟังเท่าไร ดูเหมือนมันจะไม่มีเหตุผล


"ชินครับ ผมบอกความรู้สึกของผมไปหมดแล้ว ผมได้คำตอบทุกอย่างก็เพราะคุณ ผมทำแบบนั้นก็เพราะคุณ ผมไปที่โรงพยาบาลก็เพราะเป็นห่วงคุณ  ไปที่ร้านทั้งที่บ้านก็เพราะอยากรู้จักคุณ ทั้งหมดนี้เพราะผมชะ..........."


               นนทนัฐมองเห็นคนตรงหน้าเอาแต่หลบเลี่ยงที่จะไม่รับรู้ความรู้สึกของเขา โวยวายเพื่อหลบใบหน้าที่ตอนนี้ระรื่อขึ้นสี นั้นคือความรู้สึกของความเขินอายจนไม่กล้ายอมรับฟังหรือเปล่า แต่ผมก็อยากที่จะให้คุณรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ให้ได้ แต่ก็ไม่ทัน


"หยุด!!! พอได้แล้ว!!! "ชินพัตน์ทนฟังคำพูดและสายตาที่ส่งมานั้นไม่ไหว หัวใจเต้นเร็วเกินความจำเป็น เลือดในร่างกายมันซูบฉีด เห่อร้อนไปทั่วไปหน้า มันเร็วเกินไปที่จะยอมรับ ขอเวลาก่อนสิ


"ตกลงครับ เรื่องที่ผมอยากจะคุยอยากจะบอก ผมได้บอกไปหมดแล้ว นี้ครับกุญแจ และผมจะไม่มาให้คุณรำคาญใจอีก  ......." นนทนัฐเหมือนจะเข้าใจ และตอบรับง่ายๆ ว่าคนตรงหน้าคงจะไม่อยากรับรู้และน่ารำคาญเกินกว่าจะอยู่ใกล้กันได้


"................................"ชินพัตน์ยังทำตัวไม่ถูก กับสถานการณ์ตรงหน้า คิดอะไรไม่ออก แต่รู้สึกว่าตนเองก็ได้คำตอบเหมือนกันแต่ยังไม่ทันได้เอย


"นี้ครับ  ขับรถกลับดีๆนะครับ" นนทนัฐเห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งเฉย เลยดึงมือของชินพัตน์ขึ้นมาเพื่อรับกุญแจ และดึงมืออีกข้างมาเกาะกุมไว้เป็นครั้งสุดท้าย  เขาคงไม่มีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดแบบนี้อีกแล้วสินะ 


".................................."ชินพัตน์มองใบหน้าของคนที่กุมมือตนเอง ทำไมต้องทำหน้าผิดหวังแบบนั้นด้วยล่ะ รอยยิ้มที่เหมือนจะร้องไห้นั้นมันคืออะไร ปวดใจจัง


"ขอบคุณที่มาขายลูกชิ้นที่นี้นะครับ  ดูแลตัวเองดีๆนะครับ"  นนทนัฐฝืนยิ้มเท่าที่จะทำได้ ให้กับคนตรงหน้าที่เอาแต่ยืนมองเขานิ่ง คงไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาแล้วสินะ  คงรำคาญเต็มทน



ได้ครับผมจะไป



               นนทนัฐค่อยๆปล่อยมือนั้นอย่างช้าๆ ถึงแม้จะเสียดาย แต่ก็คงต้องปล่อย ส่งยิ้มน้อยๆให้อีกครั้ง ความรู้สึกดีๆก็ยังคงมีให้อยู่ ถึงแม้ส่งไปไม่ถึง ก็ดีว่าไม่ได้บอก สุขและทุกข์มาไล่เลี่ยกันอีกแล้ว เดินหันหลังกลับมา สูดหายใจเข้าเต็มปอด ยังไงก็ยังต่อเดินต่อไป

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



"คะ คุณนนท์  คุณไม่เดินเที่ยวงานวัดเหรอ!!!!!!???"












                                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :pigha2:


                             :-[  บอกความรู้สึกไปแล้วนะ อยากหนีกันไปไกลอีกเลยนะ     :serius2: :serius2: :serius2: 




                                              :กอด1:     ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ   :L2:


                                                                    + เป็ดให้ทุกคนนะคะ

                                          :n1:       มาชวนทุกคนไปแอบดูคน 2 คนเดินเที่ยวงานวัดกันคะ อิอิ   :z1: 








                                                             
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 21-12-2014 22:04:18
อ้าวๆๆ เค้าทำใจได้แล้ว อ้อยเค้าอีก  อะไรๆยังไงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2014 22:05:19
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-12-2014 22:16:44
5555 ชินน่ารัก ทำอะไรไม่ถูก
ชวนเที่ยวงานวัดกันซะเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 22-12-2014 04:02:54
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-12-2014 12:39:39
แล้วจะรั้งเขาไว้เพื่ออะไร  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 27 [21-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-12-2014 22:12:06
ลูกชิ้นระรานตาไปหมด เล่นเอาหิวอยากกินลูกชิ้นเลยอ่ะ

อยาก กิน ลูก ชิ้น !!!

พวกคนงานนี่แย่จริงๆ ให้แถมเยอะไปนะ แล้วเขาจะเหลือกำไรสักเท่าไหร่ล่ะเนี่ย จะบ้าไปกันใหญ่แล๊ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 28 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 26-12-2014 18:16:34


                                                           ตอนที่ 28  คุณจะไปด้วยกันมั้ย?


                               ชินพัตน์ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองตอนนี้ เหมือนรู้สึกยินดีเพราะความสับสนวุ่นวายในใจเหมือนได้พบเจอคำตอบ แต่ตอนนี้ความรู้สึกใหม่เกิดขึ้นตรงหน้านี้คืออะไร กำลังเสียลูกค้าคนสำคัญไปงั้นเหรอ เมื่อมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเดินห่างออกไป  กำลังเสียเพื่อนใช่ไหม  ความรู้สึกนี้มันคืออะไร กำลังจะเดินห่างไปไกลแล้ว หยุดไว้สิ อย่าพึ่งไป


"คะ-คุณ คุณนนท์ คุณไม่เดินเที่ยวงานวัดเหรอ"  พูดออกไปแล้ว

ทำไงดี แล้วจะพูดอะไรต่อ คงไม่ได้ยินมั้ง ดีแล้ว ดีแล้ว

ชินพันต์สับสนแต่ก็ส่งเสียงเรียกออกไปแล้วเร็วเท่าความคิด ทั้งที่ยังไม่เตรียมตัวว่าจะทำยังไงต่อหลังจากนี้

               
                  นนทนัฐเดินถอนหายใจเหมือนโล่งใจที่ได้บอกความรู้สึกแต่กลับเศร้าใจเกินกว่าจะทำอะไรได้ อยากกลับไปอยู่เงียบๆคนเดียว แต่แล้วก็มีเสียงเรียกจากด้านหลังที่ทำให้ หัวใจกลับมาเต้นแรงๆอีกครั้ง


"คะ ครับ" หยุดเดินและรีบหันหลังมาหาคนที่ยืนทำท่าที่สับสนเหมือนคนทำตัวไม่ถูก

"คุณว่าอะไรนะครับ" นนทนัฐไม่แน่ใจกับเสียงเรียกนั้นเลยเดินเข้ามาหาเพื่อถามให้แน่ใจ กับคนที่เอาแต่ก้มหน้าเกาท้ายถอยเก้อเขิน

"ผม อะ เออ คือ ผม ถามว่าคุณไม่เดินเที่ยวงานวัดหรือไง" ชินพัตน์ที่เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อคนที่ตนเองเรียกเดินกลับมาหา และถามซ้ำ

"คุณจะไปด้วยกันมั้ย?" นนทนัฐเห็นท่าที่ผ่อนคลายลงของคนตรงหน้าแล้ว ก็อยากที่จะเข้าข้างตนเองว่าคงจะให้โอกาสพิสูจน์สินะ ไม่ว่าจะใหนฐานะใหน เขายินดีที่จะได้อยู่ใกล้ๆคนคนนี้

"กะ-ก็ไปสิ" ชินพัตน์ยังไม่กล้าสบตากับคนที่ก้มลงมาถามใกล้ๆแบบนั้น รีบเดินนำกลับไปที่หน้างานประตูทางเข้าวัด

"หึหึ  ครับ "หัวใจที่ห่อเหี่ยวกับพ่องโตขึ้นมาอีกครั้ง เรียกร้อยยิ้มกลับมาบนใบหน้าของนนทนัฐ

"..................." ฮึ่ย!!! แค่เดินด้วยกันแค่นี้ ไม่ต้องยิ้มหน้าบานขนาดนั้นก็ได้  ชินพัตน์ที่แอบหันไปมองคนที่เดินข้างๆ และก็กลับไปสนใจมองของที่วางขายมากมาย เสื้อผ้า กระเป๋า ตุ๊กตา เต็มสองข้างทางเดินที่เข้างาน

"คุณอยากได้ตุ๊กตานี้เหรอ "นนทนัฐไม่ค่อยสนใจข้าวของในงานเลย แต่สนใจคนที่เดินด้วยมากกว่า ค่อยมองอยู่ตลอด และเห็นว่าชินพัตน์เอาแต่ยืนมองตุ๊กตา ที่ห้อยเรียงรายเต็มไปหมด มีทั้งตัวเล็กๆ ไปถึงตัวโตๆ ขนฟู่ๆน่ากอด

"เอ๊ะ ปะ เปล่าๆ  ดูเฉยๆมันน่ารักดี" ตอบแล้วก็เดินไปดูของร้านอื่นต่อ

"คุณทานอะไรมาหรือยัง"

"อะ อืม......คุณหิวเหรอ" ชินพัตน์ทานมื้อเย็นมาจากบ้านยายแล้ว แต่คิดได้ว่าคนถามคงจะหิวเลยถามขึ้นหรือเปล่า

"ครับ  เดินหาร้านที่นั่งทานได้กันดีกว่าไหมครับ" เพราะที่เดินผ่านมาเป็นร้านปลาหมึกปิ้ง ลูกชิ้นทอด ไส้กรอก  ของเดินทานเล่นทั้งนั้น นนทนัฐเดินนำชินพัตน์ไปตรง บริเวณร้านอาหารเรียงรายยาวจนสุดทางเดิน  มีทั้งก๋วยเตียวเรือ ขนมจีนน้ำยา ก๋วยจั๊บ ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ร้านยำร้านอาหารตาสั่ง มีโต๊ะนั่งให้ลูกค้า ให้ได้เลือกไปฝากท้อง มากมายแล้วแต่จะสั่งอะไร

"คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม" นนทนัฐที่เดินนำมองไปร้านขายอาหารที่เยอะมากจนเลือกไม่ถูกเลยหันกลับมาถามคนที่เดินตาม

"อืม   ขนมจีนดีไหม?" ชินพัตน์เสนอ

"ก็ดีเหมือนกันผมไม่ได้ทานนานแล้ว ไปดูตรงร้านนั้นกัน" นนทนัฐตอบรับข้อเสนอ และชวนเดินไปดูร้านขนมจีน ที่มีทั้งน้ำยากระทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวานไก่

"เชิญนั่งเลยจ้า รับอะไรดีจ๊ะ มีน้ำยากระทิพิเศษตีนไก่ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย น้ำยาป่าจ๊ะ " แม่ค้าขายขนมจีนเรียกให้ทั้งสองคนนั่ง บอกเมนูหลักให้ฟัง เรียกน้ำย่อยได้ดีที่เดียว

"ผมเอาขนมจีนแกงเขียวหวานครับ พิเศษลูกชิ้นให้ด้วยนะครับ" นนทนัฐสั่งลูกชิ้นเพิ่ม

"ได้จ๊ะ แล้วอีกคนล่ะจ๊ะ" แม่ค้ารีบจดลงในสมุดฉีกเล่มเล็ก

"ผมขอขนมจีนกระทิครับพิเศษตีนครับ"

"จ้าได้จ๊ะ น้ำบริการตนเองนะจ๊ะ" แม่ค้ารีบเดินไปสั่งที่หน้าร้าน

"หึหึ " นนทนัฐหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินคนที่นั่งใกล้กันสั่ง

"คุณหัวเราะอะไร ฮึ่ย!!" ชินพัตน์ขมวดคิ้ว งงกับคนตรงหน้า

"พิเศษตีน ไง  หึหึ ฮ่าๆๆ" นนทนัฐหัวเราะออกมาจนได้

"เงียบไปเลย พี่เขายังฟังเข้าใจเลย ขำตรงใหน? " ชินพันต์รีบบอกว่าแม่ค้ายังฟังที่ตนเองสั่งเข้าใจเลยไม่เห็นจะน่าขำตรงใหน หลบหน้าไม่มองคนที่เอาแต่พยายามกลั้นหัวเราะ จนหน้าดำหน้าแดง หัวเราะให้ตายไปเลยไป ฮื่ย!!!

"เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้นะ"

"ไปซื้อทำไมคุณ ที่ร้านเขาก็มีน้ำให้กินฟรี โน่นไงที่กระติกตรงนั้นอ่ะ" ชินพัตน์บอกทำท่าจะลุงไปตักเอง

"ไม่เป็นไร ซื้อแบบขวดทานเถอะครับ เดี๋ยวผมมานะ" นนทนัฐจับแขนให้ชินพัตน์นั่งลงที่เดิม แล้วลุกเดินออกไปจากร้านเพื่อซื้อน้ำดื่ม

"รักสะอาดขนาดนั้นเลยเหรอวะ " บ่นไปอย่างนั้น เพราะคนโดนบ่นเดินไปไกลแล้ว

"ได้แล้วจ้า แกงเขียวหวานพิเศษชิ้น แกงกระทิพิเศษตีนจ้า  ไข่ต้มลูกละ 5 บาทนะจ๊ะ"

"ครับ" ชินพัตน์รับกระกร้าใบเล็กๆที่เต็มไปด้วยไข่ต้มหลายฟอง  ช่วงที่นั่งรอชินพัตน์ก็นั่งปลอกไข่ใส่จานของตนเอง และกำลังจะปลอกไข่อีกลูกใส่จานขนมจีนของนนทนัฐ เจ้าของจานก็เดินกลับมาพอดี

"โอโฮ้ ซื้ออะไรมาเยอะแยะ" มองไปที่ถุงมีทั้งน้ำดื่มขวดลิตร ชาเขียว กระดาษทิชชู ติดมาด้วย

"เตรียมพร้อมไงครับ "นนทนัฐส่งยิ้มกลับมา

"อะ อืมๆ เอานี้ไข่ต้ม" เมื่อเจอกลับร้อยยิ้มกว้างที่ส่งกลับมา ชินพัตน์ก็ทำตัวไม่ถูกก้มหน้าปลอกไข่แล้วส่งให้นนทนัฐ

"ขอบคุณครับ" และยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น

"กิน กินเข้าไปสิ ยิ้มอยู่ได้ ฮื่ย" เดี๋ยวก็เอาซ้อมจิ๋มหน้าไห้ซะหรอก เอาแต่ยิ้มอยู่ได้  ชินพัตน์บ่นในใจ ก้มหน้ากินขนมจีนหลบซ่อนใบหน้าเขินของตนเอง เขินอะไรหว่า?????


เงียบเหมือนคนทะเลาะกัน เปล่าเลย ตั้งใจกินหรือเพราะหิวกันแน่นะ??
                       
"ชินครับ"

"อ๊ะ อืม ซู๊ดด   อะไร?" ชินพัตน์ตกใจเมื่อโดนเรียกชื่อแบบนั้น เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาจัดการขนมจีนตรงหน้า รีบดูดเส้นขนมจีนขึ้น เมื่อโดนเรียกจากคนที่เงียบไปพักหนึ่ง

"คือ ผมอยากให้คุณลองกิน ลูกชิ้นปลาของร้านนี้ดูครับ ว่ารสชาติเป็นยังไง" นนทนัฐทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาจนชินพัตน์งง เมื่อคนตรงหน้ายืนช้อนที่มีลูกชิ้นปลามาที่ตนเอง  ขวมดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็รับมากินอย่างง่ายดาย

"อืม......อืม    ทำไมมันออกเปรี้ยวๆล่ะ?" ชินพัตน์เคียวเพื่อรับรู้รสชาติ  และพูดออกมาทันที

"ชู่  เบาๆสิครับ" นนทนัฐรีบกระเถิบเข้ามานั่งใกล้ชินพัตน์ที่บอกรสชาติลูกชิ้นออกมาตรงๆ

"ทำไมล่ะ ก็มันเปรี้ยวๆเหมือนของมันจะเสียเลยอ่ะ" ชินพัตน์ทำเสียงเบาลงก็จริงแต่ก็ยังสงสัยมองไปที่ลูกชิ้นปลาในจาน

"ผมว่าเราโดนเอาเปรียบแล้วล่ะ คุณกินอะไรเข้าไปบาง"มองไปที่จานของชินพัตน์

"ผมกินจะหมดจานแล้วเหลือแต่ตีนไก่อ่ะ "ชินพัตน์พูดออกมาเหมือนจะเสียดายอุตสาเหลือไว้จัดการตอนท้าย

"ผมว่าเราเปลี่ยนร้านเถอะ ไปครับ"นนทนัฐไม่รอคำตอบรีบหยิบข้าวของบนโต๊ะ และจูงมือชินพัตน์ไปจ่ายเงินและรีบเดินออกจากร้านทันที คนรอบข้างอาจจะไม่สังเกตุ แต่เจ้าของร้านมองตามอย่างแปลกใจ เพราะเห็นว่ากินกันแค่แปบเดี๋ยวก็พากับออกจากร้านไป

"คุณ จริงแล้วเราไม่น่าจะจ่ายเงินให้ร้านนั้นด้วยซ้ำ เอาของเสียมาขายให้ลูกค้าแบบนี้ได้ไง" ชินพัตน์พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

"ผมไม่แน่ใจว่าเป็นจากที่ร้านขนมจีน หรือจากร้านที่ขายลูกชิ้นมาให้กันแน่ที่ผิด เพราะถ้าพวกเราโวยวายไป ร้านขนมจีนอาจจะขายของไม่ได้อีกเลย แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดจากร้านขนมจีนล่ะครับ "

".................."ชินพัตน์ยืนฟังคำอธิบายของคนตรงหน้า

"ร้านขายลูกชิ้นปลาก็เหมือนกัน อาจจะไม่ได้เช็คดูว่าของที่เอาขายมาให้เก็บไว้ได้กี่วัน ร้านขนมจีนอาจจะซื้อมาเยอะ แต่ก็ไม่ดูแลเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องผิดผลาดแบบที่พวกเราเจอวันนี้ก็ได้ จริงไหมครับ" เมื่ออธิบายจบหันกับมาหาคนที่ยืนฟัง เจอเขากับสายตาทีมองกลับมาแบบอึ้ง

"เออ ผมพูดมากไปเหรอ?" นนทนัฐร้อนรนขึ้นมาเมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่มองไม่ออกความคิดเห็นอะไรเลย


"เปล่า  แล้วคุณได้กินเข้าไปหรือเปล่าลูกชิ้นปลาอ่ะ" ชินพัตน์ไม่อยากจะบอกเลยว่าตนเอง แปลกใจเพราะคนตรงหน้าเข้าใจและเห็นใจคนอื่นได้มากขนาดนี้เลยเหรอทั้งๆที่เป็นคนที่เสียเปรียบเห็นๆ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป  เลยเปลี่ยนเรื่อง

"ผมกินไปครึ่งลูกเอง เพราะรู้สึกรสชาติมันแปลกเลยไม่ได้กินต่อ กินแต่ไข่ต้มที่คุณปลอกให้แค่นั้น" พอได้ยินว่ากินที่สิ่งที่ตนเองทำให้ก็รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมา เลยตอนเดินนำไปดูร้านอื่นแทน

"ดีแล้วท้องจะได้ไม่เสีย แต่......เอ๊ะ!!!! เมื่อกี่คุณให้ผมกินเข้าไปทั้งลูกเลยนี้ คุณนี้มัน!!" ชินพัตน์เดินพูดไปเรื่อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็หยุด หันมาเล่นงานคนที่เดินตามมา ต่อยเข้าไปที่หัวไหล่รัวๆแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร

"ขอโทษครับ ถ้าคุณเข้าโรงพยาบาลผมจะไปเฝ้าคุณเอง" นนทนัฐรีบดึงมือที่เอาแต่ทุบตนเองไว้ และก้มกระซิบบอกใกล้ ทำเอาคนฟังทำตัวไม่ถูก เดินหนีไปเฉยเลย

"ผมไม่อ่อนแอถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลหรอกน่า ฮื่ย!!!" พูดไปแต่ไม่มองคนที่รีบเดินตามมาให้ทัน

"ผมรู้ว่าคุณเก่ง"

"..................." ชินพัตน์ทำเป็นไม่ได้ยิน เดินดูของไปเรื่อยๆ จริงแล้วก็แอบมองคนเดินคู่กันบาง ทำไมต้องยิ้มเหมือนดีใจอะไรขนาดนั้น
ก็แค่เดินเที่ยวงานวัด   


หรือเพราะพวกเราเดินด้วยกัน????





                                                                          ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!

                           
                              :mew2:  มินมินขอโทษที่เงียบหายไปหลายวันนะคะ  วันนี้จะลง ตอนที่ 28 กับ 29  ให้อ่านกันนะคะ

                                                 

                                       :กอด1:      ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอ่านนิยายของมินมินอยู่นะคะ + เป็นให้ทุกคนคะ


                                        :L2:      สุขสันต์คริสมาสย้อนหลัง และช่วงวันหยุดยาวที่ใกล้จะมาถึงนี้ด้วยนะคะ



                                    ฝากนิยายเรื่องสั้น  เรื่องสั้นขยันซอยรอคอยคนเข้ามาทำให้มันเป็นเรื่องยาว  ด้วยนะคะ 

                                               http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44840.0


                                    :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 28 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 26-12-2014 18:43:34
เริ่มจะเข้าท่าละ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 29 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 26-12-2014 19:35:06




                                                         ตอนที่ 29  เริ่มต้นในฐานะใหม่



"ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า?"

"อะ เปล่าๆ  ผมแค่เดินดูของเพลินๆนะ คุณพูดว่าอะไรนะ" รีบแก้ตัวเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มของคนข้างๆ

"หึหึ  เปล่าครับ คุณอยากทานอะไรอีกมั้ย"

"ไม่ล่ะ จริงๆแล้วผมทานมื้อเย็นมาแล้วจากบ้านต้นนะ"

"น้องต้น อ้อ ที่ช่วยช่วยคุณขายลูกชิ้นใช่มั้ย" นนทนัฐได้ยินชื่อนี้ประจำ

"อืม น้องเขาขายผักกับยาย อยู่ร้านใกล้ๆกันไง"

"อ้อ ผมนึกออกแล้ว เป็นญาติกันเหรอครับ"

"เปล่า รู้จักกันที่ตลาดนี้แหละ พอดีรถที่เคยมารับส่งยายเกิดอุบัติเหตุ ผมเลยอาสาไปรับส่งยายมาที่ตลาดเองนะ ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาขายของเลย คิดไปคิดมาผมก็มาขายของที่นี้ได้ 2 เดือนแล้วนะ" พูดอธิบายไปพร้อมกับหยิบน้ำชาเขียวมาจากถุงที่นนทนัฐขึ้นมาดื่ม

"เหรอครับ คุณเป็นคนมีน้ำใจ แบบนี้เองสินะครับ?" นนทนัฐเมื่อรับรู้เรื่องของคนใกล้ตัวมากขึ้น ยิ่งทำให้รู้ว่าคนที่เขารู้สึกดีด้วยเป็นคนที่มีจิตใจดี ช่วยเหลือคนอื่น ไม่ผิดหวังแถมภูมิใจ เผลอพูดออกมาแต่คนตรงหน้าไม่ได้ฟัง

"อะ คุณว่าอะไรนะ? ผมมั่วแต่ดูเสื้อ  "ชินพัตน์เห็นร้านเสื้อก็ทำให้นึกถึงต้นกล้าขึ้นมา จนไม่ได้ฟังคนข้างกายเท่าไร

"เสื้อสวยดีนะครับ " นนทนัฐเปลี่ยนเรื่องทันที ดีแล้วที่คนตรงหน้าไม่ได้ยิน

"อืม ผมว่าจะซื้อไปฝาก ต้นนะ คุณว่าตัวใหนดี" ชินพัตน์หันกลับไปสนใจเลือกเสื้ออีกครั้ง และหันมาขอความเห็น

"น้องเขาเรียนที่ใหนครับ อยู่ม.อะไรครับ" นนทนัฐอยากจะเลือกตามวัยของคนใส่เลยถามถึงที่เรียน (ม.ไม่ใช่มหาวิทยาลัย แต่หมายถึงมัธยมปลาย) เพราะเข้าใจว่าต้นกล้ายังเป็นเด็กม.ปลายอยู่

"ต้นเหรอ อีกเทอมเดียวจะฝึกงานแล้ว เห็นหน้าเด็กๆแบบนั้น จะจบปี 4 แล้วนะคุณ " พอหันมาตอบ ก็เจอกับหน้าเหรอหรา ไม่อยากจะเชื่อเท่าไร เรียกเสียงหัวเราะให้กับชินพัตน์

"หึหึ  ฮ่าๆๆๆ  คุณทำหน้าตลกอ่ะ ไม่เชื่อเหรอ น้องมันจะ 21 แล้วคุณ  ฮ่าาาๆ" ชินพัตน์เอามือกุมท้อง เอามือปิดปากพยายามกลั้นหัวเราะเอาไหว เพราะคนเดินไปมาในงานเยอะ

"แหะๆๆ ผมก็นึกว่าน้องเขายังอยู่แค่ม.ปลาย " นนทนัฐยิ้มแห้งเมื่อโดนหัวเราะใส่

"น่าๆ ตอนแรกผมก็เคยคิดแบบคุณเหมือนกัน หึหึ " ชินพัตน์ตบไหล่นนทนัฐเบาๆอย่าเข้าใจ

" ^___^" นนทนัฐรับรู้ถึงความเป็นกันเองของชินพตน์ที่ส่งกลับมาให้มันทำให้ ความหวังที่เหมือนจะริบหรี่ เริ่มเห็นแสงสว่าง นั้นสินะต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน เรียนรู้เรื่องต่างๆของกันและกัน นนทนัฐเมื่อคิดได้ก็เอาแต่ส่งยิ้มพราวไปให้ชินพัตน์

"แล้วคุณไม่อยากซื้ออะไรเหรอ" ชินพัตน์เริ่มจะรับมือกับร้อยยิ้มที่คอยส่งมานั้นไม่ค่อยไหวเปลี่ยนเรื่องเพื่อหลบเลี่ยง

"ไม่ล่ะ ผมอยากเดินเที่ยว(กับคุณ) เฉยๆ" มาผมช่วยถือ นนทนัฐดึงถุงเสื้อในมือของชินพัตน์มาถือไว้เอง

อยากจะพูดคำนั้นแต่อาจจะทำให้คนตรงหน้าหนีเขาไปไกลอีก ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีที่สุดแล้ว

"งั้นเดินดูไปก่อน เห็นอะไรอยากได้แล้วค่อยซื้อแล้วกันเนอะ" ชินพัตน์พูดเสร็จก็เดินนำหน้าไป


"คุณตรงนั้นเขามุงดูอะไรกันคนเยอะมากเลย ไปดูกันเถอะคุณ  "เดินไปได้สักพัก เจอเข้ากับกลุ่มคนที่ยืนมุงจนมองไม่เห็นว่าเป็นร้านขายอะไร เพราะของว่าอยู่กับพื้น ต่างจากร้านอื่นๆ ที่มีแผงว่าขาย ให้ลูกค้ายืนเลือกได้สะดวก ชินพัตน์เจอแรงกระตุ้นทำให้อยากรู้ขึ้นมา รีบลากคนที่เอาแต่เดินตาม รีบเดินเข้าไปดูด้วยกัน


"เร่เข้าๆ ปลาสวย ปลาทอง ปลาหางนกยู  ตักได้ให้ไปเลย  2 ไม้ 20 บาท เร่เข้ามาครับเร่เข้ามา" เสียงร้องเรียกของพ่อค้าวัยรุ่น ที่เรียกความสนใจจากลูกค้าวัยเด็ก ทั้งเด็กเล็ก เด็กโตได้อย่างดี พ่อแม่ก็ต้องตามใจ พามาให้ได้ลองตักเล่นเผื่อได้ปลากลับไปเลี้ยงที่บ้าน
                       
                          กลุ่มก้อนตรงหน้าที่มีลูกค้ายืนดู ยืนรอ ลายล้อมบ่อปลาจำลองไม่เล็กไม่ใหญ่  หรือถ้ามองให้ดีก็คือ สระน้ำเด็กเล็กๆ ที่มีน้ำเกือบเต็ม มีปลาสีสวยแวกว่ายมากมาย กับท่ออ๊อกซิเจนเพื่อให้ปลาหายใจได้อย่างสบาย คนที่ตักได้ก็ดีใจ ได้ปลาแสนสวยกลับไปเลี้ยงที่บ้าน คนที่ลงทุนซื้อไม้ตักปลาไปหลายบาท แต่ยังตักปลาไม่ได้สักตัวก็มี ทำให้คนสนใจพากันเดินมามุ่งดู และรอคิวที่จะได้นั่งลงตักปลาที่อยากได้ รวมไปถึงชินพัตน์และนนทนัฐที่ยืนดูอยู่

"คุณอยากลองตักดูมั้งป่ะ" ชินพัตน์หันไปถามคนข้างกาย

"ผมไม่แน่ใจว่าจะตักได้หรือเปล่า ดูที่ตักกระดาษมันบางเกินไป"

"งั้นเดี๋ยวผมจะตักให้คุณดู ผมนี้ เซียนเหมือนเรียนมาเลยนะคุณ หึหึ"  ชินพัตน์อยากโชว์ความสามารถ เพราะตอนเรียนมีจัดงานเรียนแบบงานวัดแบบนี้ เขาเคยตักได้เยอะเคยแข่งกับเพื่อน เลยเสนอตัวรีบเข้าไปนั่งประจำที่โต๊ะเล็กของร้าน ส่งเงินไป 40 บาท ได้ไม้ตักปลามา 4 อัน ส่งให้คนที่แทรกตัวตามเข้ามานั่งข้าง ไป 2 อัน

"คุณอยากได้กี่ตัว เดี๋ยวผมตกให้"โชว์พลังขึ้นมาทันที

"เออ สะ สอง ตัวก็ได้ครับ"ยังไม่มันใจว่าจะตักได้แต่บอกบอกออกไปแบบนั้น

"คุณดูถูกผมเกิ๊น  5 ตัว เดี๋ยวผมตักให้ดูเป็นขวัญตา " หันมาดุแล้วหันกลับไปถกแขนเสื้ออย่างมั่นใจ เตรียมพร้อม

สตาตโตะ!!!!!!!!


               ผ่านไป 1 นาที   ยังไม่ได้สักตัว ที่ตักก็ขาดเปียกน้ำเปื่อยหมด

               ผ่านไป 2 นาที ไม้ตักปลาอันที่ 2 ก็ยังตักไม่ได้  เปื่อยขาดเหมือนเคย

              ผ่านไป 3 นาที  ไม้ตักปลาที่แย่งจากคนข้างๆมา ก็ยังตักปลาไม่ได้สักตัว 

              ผ่านไป 4 นาที ไม้ตักอันสุดท้าย ค่อยๆช้อนลงไปในน้ำอย่างแผ่วเบาเพื่อต้อนปลาตัวน้อย เพื่อให้ขึ้นมาอยู่ในขันให้ได้


"โธ่เอ๊ย!!!! ขาดอีกแล้ว น้องเอาไม้ตักปลามาอีก "ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิดที่ตนเองตักปลาไม่ได้สักตัว ส่งเงินแบงค์ 100 ไปให้พ่อค้า

"ผมขอลองมั้งได้มั้ย" นนทนัฐรับไม้ตักปลากระดาษมาจากมือพ่อค้ามาก่อนที่ชินพัตน์จะรับ

"อืมๆ  ค่อยๆตักนะคุณ"ชินพตน์หมดความมั่นใจ เลยฝากกำลังใจให้คนข้างๆแทน

"ได้ครับ "ยิ้มกลับไปเมื่อคนข้างๆส่งกำลังใจมาให้

           ดูเหมือนรอบข้างจะนิ่งเงียบเหมือนหยุดนิ่ง มองไม้ตักปลากระดาษที่ค่อยๆจุ๋มลงน้ออย่างแผ่วเบา แล้วช้อนปลาทองตัวใหญ่ขึ้นบนขันใบเล็กที่มีน้ำรอไว้ รีบตักอีกตัวขึ้นมาไว้ในขัน  และตามด้วยปลาหางนกหยูอีก 2 ตัว และไม้ตักกระดาษก็เปื่อยขาดใช้ตักต่อไปได้อีกแล้ว

"โอ้โห้ คุณโครตเทพเลยอ่ะ เจ๋งอ๊ะ เสือซุ่มนี้หว่า" ชินพันต์ที่นั่งมองคนตักปลาได้อย่างอึ้ง พอเห็นว่าตักได้ขึ้นมาตั้ง 4 ตัวในไม้เดียว ทั้งดีใจทั้งทึ่งคนตรงหน้า ใช้หัวไหล่ชนหัวไหล่นนทนัฐเบาๆ เหมือนชมเฉย


"ยังเหลืออีกไม้ คุณจะลองตักดูอีกครั้งมั้ย" นนทนัฐยืนไม้ตักปลาที่เหลือให้ชินพัตน์

"แหะๆ ผมกลัวหน้าแตกอ่ะ "ชินพัตน์อายที่ตนเองตักไม่ได้สักตัวหมดความมั่นใจไปดื้อๆ

"มาเดี๋ยวผมช่วย" นนทนัฐส่งไม้ให้ชินพัตน์จับ และตัวเขาเองก็เดินอ้อมไปนั่งข้างเพื่อจับมือชินพัตน์ไว้ แล้วช้อนปลาอย่างแผ่วเบาแต่รวดเร็วก่อนที่ปลาจะว่ายหนี และก่อนที่กระดาษจะเปื่อยขาด

                    ชินพัตน์ไม่ได้สนใจปลาในอ่างเลยเอาแต่มองคนที่จับมือตนเองอยู่อย่างไม่เข้าใจ ใกล้ชิดกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ? 

"คุณอยากได้ตัวใหนอีก" ชินพัตน์ถูกเรียกสติกลับมา

"อ๊ะ  อ้อ  เอาตัวสีดำนั้นอ่ะ " ชินพัตน์รีบทำตัวปกติ

"ครับ" และนนทนัฐก็จับมือชินนพัตน์ตักปลาทองสีดำปลอดตัวสุดท้ายขึ้นมาได้ก่อนกระดาษจะขาด

"ตักได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ" ชินพัตน์ก้มลงดูขันใบย่อม ที่มีปลาแวกว่ายไปมากว่า ถึง 8 ตัว


"พี่ๆ ตักเก่งจังเลย ผมตักไม่ได้สักตัวเลยอ๊ะ" เด็กน้อยที่ดึงขาเกาเกงนนทนัฐพูดขึ้น

"อยากได้ปลาไปเลี้ยงเหรอครับ"นั่งยองๆเพื่อให้เด็กน้อยไม่ต้องเงยหน้าคุย

"ครับ แต่ผมยังตักไม่ได้เลย แม่ให้เงินมาแค่ 20 บาทอ่ะ"ทำหน้าตาเศร้า

"......................"ชินพัตน์และนนทนัฐมองหน้ากัน

"อ๊ะพี่ให้ เลี้ยงและดูและดีๆนะครับ "  ชินพัตน์ส่งขันปลาให้เด็กน้อยตรงหน้า

"เดี๋ยวครับ " นนทนัฐเดินไปขอถุงใส่น้ำประมาณค่อนถุงและอัดก๊าซออกซิเจนจากที่ร้าน และที่ช้อนปลาเล็กๆมาตักปลา ทองตัวโตกับปลาทองสีดำสนิทขึ้นมาใส่ถุง และยืนขันปลาที่เหลืออีก 6 ตัวให้เด็กน้อยไป

"คุณไม่ว่าอะไรนะ"นนทนัฐหันขึ้นมาถามชินพัตน์เพื่อความแน่ใจ

"อืม แล้วแต่คุณสิ คุณเป็นคนตักมาอ่ะ" ชินพัตน์ยิ้มกลับ

"เอาที่เหลือพี่ให้นะ ไปให้พี่เขาใส่ถุงให้สิ" นนทนัฐบอกเด็กน้อย

"ขอบคุณครับ "ยกมือไหว้และวิ่งหายไปเลย




"คุณอยากเอาไปเลี้ยงเองเหรอ" ชินพัตน์ถามขึ้นเมือเดินออกมาจากร้านตักปลา

"อืม อ๊ะผมให้คุณ"

"ให้ผม ทำไม"

"ก็คุณออกเงิน"

"ไม่ๆ แต่คุณเป็นคนตักได้นะ"

"โอเค งั้นเราแบ่งกันคนละตัวดีมั้ยครับ"

"โอเอ งั้นก็แฟร์ดี"

"ผมขอตัวสีดำ"นนทนัฐชิ่งพูดข้นก่อน

"อ๊ะ อ้าวคุณตัวนี้คุณตักให้ผมไม่ใช่เหรอ"

"ใช่ครับ ก็มันเป็นปลาของคุณ แต่ผมจะเอาไปเลี้ยง ส่วนที่นี้ปลาของผมคุณก็เอาไปเลี้ยง นะครับ" ส่งยิ้มพิฆาตกลับมาอีกแล้ว

"อะ อืม อืม กะ-ก็ได้" ชินพัตน์รับมาแบบไม่เข้าใจ แต่ทำให้ใบหน้าเห่อร้อนๆอย่างไม่รู้ตัว


                        พอจะกลับมาขอถุงเพิ่มอีกใบเพื่อแบ่งปลากัน ก็ต้องเจอกับเรื่องที่ทำให็ชินพัตน์อารมณ์เสียขึ้นมาอีก เพราะเห็นเด็กคนที่เข้ามาขอปลาไป กำลังเทปลากลับเข้าไปที่ บ่อปลาของที่ร้านนั้น แล้วเจ้าของร้านก็ยื่นเงิน เหรียญ 10 ให้เด็กคนนั้น ชินพัตน์โมโหจะเดินเข้าไปเอาเรื่อง แต่นนทนัฐดึงตัวเอาไว้ก่อน

"ใจเย็นๆนะครับ"

"แต่คุณ เราอุตสาให้นะ เขาทำแบบนี้กับเราได้ยังไง"

"คุณฟังผมนะ ผมกับคุณตั้งใจให้ไปแล้วใช่มั้ยครับ"

"อืมๆ มันก็ใช่ " ตอบแต่ก็ยังติดเสียความรู้สึกอยู่

"นั้นแหละครับ หลังจากที่เราให้ไปแล้ว เขาจะเอาไปทำอะไรต่อก็ช่างเขาเถอะครับ "

"แต่ว่า...."

"นะครับ ถือว่าทำทาน อย่าจองเวร กรรมมันติดจรวดเร็วจะตายจริงมั้ยครับ พวกเราอยู่ภายในวัดด้วยนะครับ "

"................." ชินพัตน์ต้องทึ่งกับคำพูดของคนตรงหน้าอีกแล้ว ทำไมดูมีเหตุมีผลมากกว่าตัวเขาเองซะอีก

ความคิดแบบผู้ใหญ่งั้นสินะ

"นะครับ ใจเย็นๆ นะ  ไปเดินดูร้านอื่นต่อเถอะครับ" นนทนัฐยังเห็นชินพัตน์เอาแต่นิ่ง นึกว่ายังโมโหอยู่ เลยอยากที่จะให้สบายใจพาเดินเที่ยวต่อ


"คุณ!!!"


"ครับ?"

"คุณอายุเท่าไร"

"เอ๊ะ อายุผมเหรอ "นนทนัฐงงหันนิ้วชี้มาทีตนเอง เมื่อโดนถาม

"อืม ๆ นั้นแหละ"

"26 ครับ ผมทำไมเหรอ? หรือผมพูดมากไปเหมือนสอนคุณเหรอ  ผมเปล่านะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะครับ ผมขอโทษ"

"เปล่าๆ ผมก็แค่อยากรู้ขึ้นมาเฉยๆนะ ไม่ต้องคิดมากน่า" ชินพัตน์ดูท่าที่ร้อนร้นของคนตรงหน้าแล้วดูตลกมาก หลบหน้าไปซ้อนขำแถบไม่ทัน

"แต่คุณไม่มองหน้าผมเวลาคุยเลย ไม่ให้ผมคิดมากได้ไง "นนทนัฐพยายามก้มหน้ามามองตาคนที่เอาแต่หลบซ้อนใบหน้าที่เปื้อนยิ้มกลั้นขำตัวเองที่ไม่รู้อะไรเลย

"หึ อึก  เปล่าๆผมไม่ว่าอะไรคุณสักหน่อย" พอตั้งตัวกลับมาตอบคนที่เอาแต่กลัว  ชินพัตน์เริ่มสังเกตุว่า เหมือนจะเดินกลับมา ทีร้านค้าร้านแรกที่เดินเข้ามาซะแล้ว

"นี่คุณ พวกเราเดินวนกลับมาที่เดินหรือเปล่า ผมจำร้านขายตุ๊กตานี้ได้อ่ะ" 

"จริงด้วยครับ พวกเราเดินจนครบหมดงานแล้วเหรอเนี้ย เอ๊ะหรือพวกเราเดินผิดทาง"

"ผมว่าไม่ได้เดินผิดหรอกคุณ ดูเวลาสิ" ชินพัตน์หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา

" 5 ทุ่มกว่าแล้วเหรอครับ?"

"อืมผมคงต้องกลับแล้วล่ะ ไม่ได้บอกที่บ้านว่าจะกลับดึกขนาดนี้ด้วย"

"เออ ครับ" นนทนัฐรู้สึกเสียดายเมื่อคนตรงหน้าบอกว่าจะกลับ

"งั้นกลับกันเถอะครับ ขับรถดึกมันอันตราย"


                               


"คุณเดินนำไปก่อนนะผมขอไป....ห้องน้ำก่อนเดี๋ยวผมเดินตามไป"นนทนัฐเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"อืมๆ ไปสิ"ชินพัตน์รับคำแล้วเดินออกไปรอหน้าวัด




                              ชินพัตน์เดินมองดูร้านค้าที่ยังมีลูกค้าเยอะอยู่พอสมควรถึงแม้จะดึกมาแล้วก็ตาม  เดินออกมาจนถึงหน้าประตูวัด ตอนนี้ไม่มีเสียงจากลำโพงที่ติดตั้งอยู่หน้าวัดแล้ว แต่เสียงที่ดังคงอยู่ที่เวทีแสดงดนตรีของนักร้อง แต่ชินพัตน์ไม่สนใจที่จะเดินไปดูแค่อยากมาเดินเที่ยวงานเท่านั้น  ยืนคิดและมองปลาทองที่ว่ายไปมาภายในถุง ก็ทำให้นึกถึงคนที่บอกความรู้สึกออกมาแบบตรงๆ ทำให้ใบหน้าของชินพัตน์ระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมนะ หลังจากนี้พวกเราจะเป็นยังไงต่อไป

                         

"ขอโทษครับ ครับรอนานมั้ย" นนทนัฐที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหา

"ไม่หรอก แล้วนั้นถุงอะไรอ่ะ แอบกลับไปซื้ออะไรมาอ่ะดิ ใช่มะ"  ชินพัตน์ถามแซวขึ้นเมื่อมองเห็นถุงหูหิ้งสีทึบใบใหญ่ที่นนทนัฐถือติดมือกลับมาด้วย

"อ้อ อ่ะ  ครับ  แหะๆๆ"  นนทนัฐไม่ตอบ เอาแต่หัวเราะแก้เขิน


                            ทั้งสองเดินกลับ มาตามทางเดินที่ยังคงมีไฟสี ของทางวัด ติดอยู่ตรงเสาไฟตลอดทาง ทำให้เดินได้อย่างปลอดภัย และเดินมาถึง หน้าตึกพานิชณ์ 4 ชั้น ขนาดใหญ่ 8 คูหา หน้าถนนใหญ่  พร้อมเข้าจองอีกไม่กี่วัน มองดูแล้วหมือนจะทำขึ้นมาเพื่อจะรองรับการเจริญเติบโตของชุมชนเมืองได้ดี  ชินพัตน์มองดูเมื่อเดินผ่าน และหันมองคนที่เป็นผู้รับผิดชอบคุมงาน ที่เดินมาพร้อมกันอย่างภูมิใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำงานออกมาได้ดี

"เปิดจองวันใหนเหรอคุณ" 

จากที่เดินเงียบกันมานาน ชินพัตน์ก็ถามขึ้นมาเมื่อเดินผ่านพ้นอาคาร ทั้ง 2 อาคาร

"ต้นเดือนหน้าครับ "

"น่าสนใจดี ติดถนนใหญ่ มีราคาคนกันเองมั้งมั้ยคุณ หึหึ" ชินพัตน์ถามที่เล่นที่จริง

"เอ๊ะ?" นนทนัฐงง คนกันเองเหรอ?


"เปล่าๆผมล้อเล่น  ว่าจะสอบถามราคาไว้ก่อน ซื้อผ่านคนที่คุมงานน่าจะได้ราคาถูกนะ หึหึ"

"เดี่ยวผมคุยให้นะ ถ้าคุณสนใจ"

"ขอถามคนที่บ้านก่อนแล้วกัน ผมกลับก่อนนะ" ชินพัตน์เดินมาถึงรถของตนเองพอดี

"คุณ"

"ว่าไง"

"ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณได้ใช่มั้ย" นนทนัฐยังไม่กล้าเข้าข้างตนเองจนเกินไป เลยถามเพื่อความแน่ใจ

"อืม ก็เพื่อนกันแล้วนี้นะ เดินเที่ยวงานวัดเป็นเพื่อนแล้วไง" ชินพัตน์ตอบตกลงง่ายๆ คิดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด กว่าการที่จะตอบรับความรู้สึกของคนตรงหน้า มันเร็วเกินไป ขอทำความรู้จักกันให้มากว่านี้อีกสักหน่อย และทำความเข้าใจเรื่องของความรู้สึกชอบพอ คงได้คำตอบที่ชัดเจน

"ขอบคุณครับ "ส่งยิ้มกลับ

"อืม ผมกลับก่อนนะ" จนทำให้ชินพัตน์อยากยิ้มตามแต่ต้องเก๊กหน้าไว้ ใจเย็นๆ

"ชินครับ"นนทนัฐยังไม่อยากให้คนตรงหน้ากลับ

"ว่าไงอีกคุณนนท์??" ชินพัตน์เริ่มเสียงแข็งเพราะคนที่เขาแต่เรียก

"ดีใจจังคุณเรียกชื่อผมแล้ว" ยิ้มดีใจจนตาหยี

"อะไรของคุณ?" ชินพัตน์ขวมดคิ้วกับร้อยยิ้มนั้น

"นี้ครับผมให้ เนื่องในวันที่เรา 2 เป็นเพื่อนกันครับ" นนทนัฐดึงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ออกมาจากถุง ขนฟูสีน้ำตาลน่ากอด

"เฮ้ยคุณ!!!  นี้คุณกลับไปซื้อเจ้าตัวนี้มาเหรอ ฮ่าๆๆ ไม่อายหรือไง?" เมื่อเห็นตุ๊กตาก็ดีใจและตกใจเพราะมันน่ารัก และตัวใหญ่น่ากอดมาก  และแซวคนที่กล้าไปซื้อมาด้วย

"ก็อายครับ แต่ผมอยากซื้อให้คุณ"

"อืมๆ ขอบใจ ผมกลับก่อนนะ มันดึกมากแล้ว"อยากที่จะรีบซ้อนใบหน้าที่เลือดมันซูบฉีดขึ้นเต็มไปหมด

"ขับรถดีๆนะครับ"ส่งยิ้มเล็กๆ

" คุณนนท์ก็กลับเข้าไปในบ้านพักเถอะ"

"ยังครับ ผมยืนส่งคุณก่อน"

"โอเค งั้นผมไปแล้วนะ " ชินพัตน์พาตนเองเขาไปภายในรถ มองออกมายังคงเห็นนนทนัฐที่ยืนมองตนเองอยู่อย่างนั้น


ขับรถกลับบ้านได้แล้วเจ้าชินพัตน์ นั่งบื่ออะไรอยู่   จะมองเขาทำไม  รออะไร


นั้นไงเดินมานั้นแล้ว

ก๊อก ก๊อก   

ต้องกดปุ่มเลื่อนกระจกลง

"รถเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" นนทนัฐสงสัยทำไมชินพัตน์ไม่ขับรถออกไปสักที

"อ้อ ป่ะ เปล่า คือผมว่า ผมหาที่วางเจ้าหมีอยู่มันตัวใหญ่มาก หาที่วางยากนะ ไม่มีอะไรหรอกคุณ"

"ครับๆ งั้นกลับดีๆนะครับ"

"ครับ ครับ"

 กระจกกำลังจะเลื่อนขึ้น

"ชินครับ ฝันดีนะครับ"

"อะ  อืม อืม" 


                  ขับรถออกมาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แบ่งปลาทองให้กับเจ้าของตุ๊กตาหมี ที่รับหน้าที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ตอนนี้











                                          :katai4:       มาแล้วจ้า ตอนที่  29 อ่านต่อเนื่องกันไปเลย ค่า

                                      ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของมินมิน ติชมได้นะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า


                       :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 29 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-12-2014 23:17:33
เอิ้กกกกกกก!!! อิ่มแปร้เลย คนแต่ง ขอบคุณคร้าบบบบบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 29 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 26-12-2014 23:48:32
เอิ้กกกกกกก!!! อิ่มแปร้เลย คนแต่ง ขอบคุณคร้าบบบบบ :katai2-1:


   ยินดีค่า ขอบคุณที่อ่านนิยายของมินมินนะคะ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 29 [26-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-12-2014 11:37:16
มันจะไม่ถอยหลังอีกแล้วใช่มั้ย??
เดินหน้าไปยาวๆเลยจ้าาา

แต่เดี๋ยวคุณนนท์จะย้ายแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 27-12-2014 19:21:08




                                                        ตอนที่ 30 มาทำอะไรกันแต่เช้า



                      นพคุณเตรียมตัวที่จะไปบ้านน้องชายตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเช้า เรียบอาบน้ำแต่งตัว เตรียมของที่ตนเองเตรียมไว้ตั้งแต่วันจันทร์ไปเก็บไว้ที่เก๊ะเก็บของตรงหน้ารถ แล้วตรงดิ่งไปบ้านน้องชายทันที น้องชายยังไม่แงะร่างออกจากที่นอนเลย รู้จากผู้เป็นป้าว่าเมื่อคืนแอบไม่เที่ยวใหนมากลับดึกมาก  นพคุเลยต้องอาสาเป็นคนไปงัดออกจากที่นอนเอง



"เช้าชิน ตื่นได้แล้ว" นพคุณดึงผ้าห่มออกจากตัวน้องชาย

"อืม  ....."เหมือนจะรับรู้แต่ก็ดึงผ้ากลับไปคุมตัวอีก

"เจ้าชิน ตื่น ตื่น ต้องไปรับยายกันต้นนะ"

"......."ชินพัตน์ค่อยๆหมุดออกจากผ้าผม ขยี้ตามองหานาฬิกา "โธ่พี่ ยังไม่ 7 โมงเลยจะรีบไปใหนอ่ะ" มุดเข้าไปในผ้าห่มต่อ

"ก็รีบไปช่วยยายเก็บผักไง  เร็วๆตื่นเลย ถ้านายไม่รีบลุก งั้นพี่ไปก่อนนะ"

"................................"

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขมราท่านเรียก

"ตามใจงั้นพี่ไปก่อนแล้วกัน แต่อยากไปสายนะ" นพคุณสายหัว แต่ก็เข้าใจเพราะตนเองก็รีบมาจริง แต่ใจของเขาไปอยู่ที่บ้านสวนแล้วตอนนี้ 


               เดินลงมาบอกป้าว่าจะไปช่วยยายเก็บผักก่อน และให้ป้าช่วยขึ้นไปปลุกน้องชายอีกครั้งด้วย  ก่อนที่จะขับรถคู่ใจออกไปยังท้องถนนที่คุ้นเคย ป้าที่เดินออกมาส่งหลานชายก็ยังไม่วายแปลกใจ ที่หลานชายตนเอง รีบร้อนไปใหนแต่เช้าเพราะเจ้าลูกชายของตนเองจะออกไปตอนสายๆ ทุกครั้ง แต่ไหงวันที่ถึงไปเร็วผิดปกติ


เอี๊ยด


เสียงรถจอกหน้าร้าน ทำให้คนที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหันกลับมาดูว่าใครมาแต่เช้า



"สวัสดีครับ"

"สวัสดีจ๊ะ มาแต่เช้าเลย ร้านเปิดตอน 9 โมงจ๊ะ"

"อะ เออ เหรอครับ" จริงๆแล้วไม่ได้อยากมาที่ร้านครับ ผมอยากมาเจอเจ้าของร้านตากหาก

"ทานข้าวเช้ามาหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวทานด้วยกันเลยนะ แม่กำลังทำอยู่ เข้ามารอข้างในก่อน"

"เออ รบกวนหรือเปล่าครับ"

"ไม่หรอกจ้า  เข้ามานั่งข้างในก่อน  ตาชินยังไม่ตื่นเลย ไม่รู้ไปแอบเที่ยวที่ใหนกลับมาซะดึกเลย"

"อะ คะ ครับ" ยิ้มแห้งๆ ไปเที่ยวกับผมเองครับ

"งั้นเดี๋ยวแม่ไปตามตาชินก่อนนะ"

"เออ ไม่เป็นไรครับ ให้เขานอนไปก่อนก็ได้ครับ ผมคงมาเร็วเกินไปเลย......"

"เอานี้งั้น มาช่วยแม่ทำกับข้าวดีกว่านะ"

"เออ ได้ครับ "ยิ้มตอบรับเหมือนอีกฝ่ายแสดงความเป็นกันเองกับเขาถึงขนาดนี้



                   นพคุณขับรถมาถึงหน้าทางเข้าบ้านยาย อย่างอารมณ์ดี ตอนนี้แดดกำลังเริ่มออกแล้ว 7 โมงกว่าแล้ว ตอนนี้ยายและต้นคงกำลังช่วยกันเก็บผักอยู่แน่นอน  พอนึกขึ้นได้ก็รีบลงจากรถไปช่วย  เดินไปทางหลังบ้าน มองไปยังสวนผัก ที่มีผักมากมายหลายชนิด เห็นคนที่อยากเจอกำลังก้มเก็บผักอยู่ไกลๆ เลยรีบเดินไปหา



"อ้าว พ่อหนุ่ม มาแต่เช้าเลย" ยายทักขึ้นมาก่อนที่นนพคุณจะถึงตัวต้นกล้า

"สวัสดีครับยาย ผมรีบมาช่วยเก็บผักไงครับ" นนพคุณรีบหันไปตอบ เมื่อเห็นยายเดินถือตะกร้าใส่ผักเดินมาหา

"อ้าวพี่ มาทำไมแต่เช้าอ่ะ" ต้นกล้าที่ได้ยินเสียงพูดคุยก็เงยหน้าขึ้นมามอง และทักทายคนมาใหม่อย่างแปลกใจ

"ก็พี่รีบมาช่วยเก็บผักไง จะได้มีขายเยอะๆ"

"ครับ "ยิ้ม และหันไปชะเง้อมองด้านหลัง" แล้วพี่ชินล่ครับ ยังไม่ลงมาจากรถเหรอ หรือว่ามีของต้องยกลงหรือเปล่า"

"ไม่มีครับๆ ชินมันยังไม่มามันมาสาย พอดี เออ มันไปทำธุระนิดหน่อยเดี๋ยวก็มา" แหะๆ โกหกซะงั้น

"เหรอครับ  เมื่อวานพี่ชินไปรับต้นกลับมาบ้านด้วย เลยลองทำกล้วยปิ้ง น้ำกระทิไว้ให้พี่ชินลองกินอ่ะ ยังไม่มาก็ไม่เป็นไร"

           ต้นกล้าตอบรับและหันไปเก็บผักต่อ และพูดขึ้นลอยๆเพราะคนที่อยากให้มา ยังไม่มา  แต่คนที่ยืนอยู่ตอนนี้ หน้านิ่ว คิ้วผูกกันเป็นปม เมื่อรับรู้ว่า เมื่อวานน้องชาย มาหาต้นกล้าที่นี้  แล้วยังไปรับต้นกล้ากลับบ้าอีกด้วย  นพคุณเคยคิดอยากไปรับหลายครั้งแล้วแต่ไม่กล้า


หรือที่น้องชายกลับบ้านดึกเมื่อคืน มาอยู่ที่บ้านต้นเหรอ??


ยิ่งคิดยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น



"พ่อหนุ่มกินข้าวเช้ามาหรือยัง ขึ้นไปกินบนเรือนก่อนสิ เจ้าต้นทำไว้เยอะแยะเลย"

"คะ ครับ" สติกลับมาเมื่อโดยเรียกถาม


ทำไว้ให้ใครตั้งเยอะแยะ?


"ยาย เดี๋ยวต้นขึ้นไป จัดข้าวให้พี่เขาเอง ยายก็ขึ้นไปพักก่อนเถอะ แล้วค่อยลงมาใหม่"  ต้นกล้าเก็นมาพยุงยายขึ้นบ้าน และรับอาสาเตรียมข้าวเช้าให้นพคุณ


"ไม่ทานด้วยกันเหรอครับ" นพคุณหันไปถามยาย ที่นั่งดื่มน้ำห่างออกไปนิดหน่อย

"ยายกินแล้วจ๊ะ พ่อหนุ่มกินตามสบายเลย"

"พี่กินเหอะ ต้นกับยายกินกันแล้วก่อนลงไปเก็บผักอ่ะ  นี้ต้นตำลึงผมทำเองนะ ไข่เจียวใส่หัวหอม ผัดผักรวม "

"อืม" นพคุณตอบรับสั้น และลงมือทานข้าวอย่างเงียบภายในใจมีคำถามเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด

"พี่ไม่อร่อยเหรอ?" ต้นกล้าที่เก็บสังเกตุว่าคนที่นั่งตรงหน้า นั่งกินเหมือนอาหารตรงหน้าไปม่ถูกปาก แต่ก็กินไปงั้นๆ

"เออ เปล่าๆ  อร่อยๆ" นนพคุณหลุดออกจากความคิด แล้วตั้งใจกินอาหารตรงหน้าเพื่อเอาใจคนทำ แต่ก็ยังไม่วายมีคำถามในใจอีกว่าทำให้ตนเองกินจริงๆหรือเปล่า หรือรอให้ใครมากินกันแน่

"ถ้าไม่อร่อย ต้นทำอย่างอื่นให้ก็ได้นะ พี่อยากจะกินอะไร" ต้นกล้านั่งลุ้น คนที่บอกว่าอยากกินต้มตำลึงที่ตนเองทำ แต่ก็ไม่เห็นมีปฎิกิริยาอะไรกลับมาเมื่อได้ลองทานไปแล้ว เอาแต่นั่งเหมอๆ ตอนกล้าเลยนึกว่าอาจจะไม่ถูกใจรสมือ ของตนเอง

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำเพิ่มหรอก พี่ใกล้จะอิ่มแล้ว" เพราะในจานข้าวเหลืออีกไม่กี่คำ

".................."เมื่อต้นกล้าฟังคำปฎิเสธ ก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพราะปกติคนตรงหน้าทานเองมาก 2 จาน ขอเพิ่มข้าวตลอด แต่ทำไมวันนี้ทานแค่จานเดียว   ทำให้น้ำตารื่นขึ้นที่ตาของต้นกล้าอย่างห้ามไม่อยู่ ต้นกล้ารีบลุกหนี้เข้าครัวไปทันที  นพคุณเห็นท่าทีแปลก ก็เลยลุกตามไปที่ห้องครัวทันที

"ต้นเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า  ทำไมหน้าแดงๆ" ต้นกล้าที่เห็นคนเดินตามมา ก็รีบเช็ดน้ำตา และแกล้งทำเป็นดูน้ำกระทิที่ตั้งไฟอ่อนๆบนเตา

"ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่รีบมาดูน้ำเชื่อมกระทิ" ไม่หันมามอง เอาแต่ค้นน้ำกระทิไปมา

"ทำไว้ให้เจ้าชินเหรอ"

"เปล่า ยายผมชอบกิน ผมเลยทำให้ยายกิน แต่แค่อยากให้พี่ชินมาลองชิม เพราะว่าเคยไปซื้อที่ บขส. ตอนที่ไปรับต้นเมื่อวาน แล้วมันอร่อยดียายชอบแบบนี้ ต้นเลยลองทำดู" ตอนกล้ายังไม่อยากมองหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเลยหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ

"พี่เข้าใจแล้ว" นพคุณคลี่ยิ้มขึ้นทันที เมือรู้ว่าไม่ได้ตั้งใจทำใให้น้องชายตนเอง งั้นลองถามอีกเรื่องที่สงสัยด้วยแล้วกัน

"วันนี้ทำไมทำกับข้าวเยอะจังเลย"

"พี่ไม่ถูกปากเหรอ บอกต้นมาตรงๆก็ได้นะ" ต้นกล้ารีบหันมาถามเพราะคนข้างหลังเปิดประเด็นที่ทำให้ตนเองน้อยใจขึ้นมา

"เปล่าอร่อยมากเลย " ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

"แต่เห็นพี่กินแค่จานเดียวอ่ะ" ต้นกล้าเหมือนจะดีใจเมื่อได้รับคำชมแต่คนตรงหน้าก็กินแค่นั้นจริง รู้สึกไม่ดีกับคำชมนั้น

"ใครว่า นี้ไงพี่จะเข้ามาตักข้าวเพิ่มนี้ไง"

"จริงเหรอครับ อิอิ ไม่เสียแรงที่ต้นตั้งใจทำตั้งหลายอย่าง อุ๊บ" ต้นกล้าตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที่ และก็คิดได้ว่าเผลอพูดอะไรแปลกออกไปรีบปิดปากตัวเองทันที่

"ทำไม หืม ตั้งใจทำให้พี่กินใช่มั้ย หืม" ต้นกล้าเห็นท่าทางดีใจและตกใจไปมาของคนตรงหน้ามันดูน่ารักมากๆ เดินเข้าไปใกล้แกล้งถาม

"ก็ ก็ ต้นเห็น ว่าพี่ กับพี่ชินจะมากินด้วยกันไง ต้นเลยทำไว้หลายอย่างอ่ะ "

"เหรอครับ  แล้วต้มตำลึงทำไว้ให้พี่หรือเปล่าน่า??? เพราะพี่พึงบอกใครบางคน ว่าอยากกิน"

"ก็ ก็  นั้นแหละ  ชิ  เอาจานมาเดี๋ยวต้นตักข้าวให้" ดึงจานออกไปแก้เขินเมื่อโดนจับได้  น่ารักน่าแกล้งเป็นบ้า 

นพคุณเดินเข้าไปหอมแก้มแดงๆนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วกระซิบบอก

"ขอบคุณครับที่ทำให้พี่"  แล้วนพคุณก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีออกจากห้องครัวไป ทิ้งให้ร่างที่ยืนแข็งเป็นหิน หน้าแดงๆ ตาโตๆ  ที่เมื่อเรียกสติกลับเข้าร่าง ก็เริ่มโวยวายตามหลัง   


"พี่ทำอะไรของพี่อ่ะ"  ต้นกล้าได้แต่เอาหลังมือตนเองมาลูบแก้มไปมาเหมือนเช็ดรอยสัมผัสที่ยังคงทิ้งไปไว้ ที่ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด

"ฮ่าๆๆๆ" นพคุณ ได้ยินแต่ไม่สนใจเดินมานั่งรอที่หน้าสำรับอาหาร อย่างอารมร์ดีที่ได้แกล้งคนในห้องครัว


                  นพคุณนั่งกินข้าวไปแอบมองหน้าคนที่นั่งอยู่กับยาย ที่เอาแต่ทำหน้างอน เมื่อมองหลับมาเห็นเข้ามองอยู่ก็ทำหน้าเมินหนี แกลังทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่เขารู้ว่า ต้นกล้าแอบมองเขากินข้าวตลอด เมื่อเขาสังเกตุเห็น ต้นกล้าก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้มอง  เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของนพคุณได้เป็นอย่างดี เพราะชอบใจในความน่ารักน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า


"อิ่มแล้วใช่มั้ย ต้อนจะได้เก็บสำรับกับข้าว เอาแต่นั่งยิ้มอยู่ได้" ต้นกล้าที่เหมือนจะทนกับรอย ที่ส่งมาให้ไม่ไหวเลยเดินไปทำท่าจะเก็บสำหรับกับข้าว

"ต้น อย่าไปกวนพี่เขาจะกินข้าว" ยายดุขึ้นเหมือนเห็นต้นรีบเก็บ ทั้งๆที่อีกคนยังกินข้าวจานที่ 3 ยังไม่หมดจาน

"พี่ยังกินอยู่ครับ ต้มตำลึงใครทำน่า? อร่อยจังเลย "นพคุณแกล้งกระซิบชมให้คนที่เอาแต่ทำหน้าบึ่งฟัง

"อร่อย ก็กินให้ท้องแตกไปเลย ชิ" ต้นกล้าทำท่าจะลุง แต่โดนดึงมือไว้ก่อน

"ถ้าพี่ท้องแตกจริง ต้นต้องรับผิดชอบนะ" กระซิบบอกคนที่แสนงอน

"ท้องของพี่ ต้นไม่เกี่ยว" ทำหน้าเมิน

"แต่กับข้าวที่ต้นทำให้พี่กิน มันอร่อยมากๆ จนพี่ท้องจะแตกจริงนะ"

"จริงเหรอ งั้นพี่ไม่ต้องกินแล้วก็ได้ ไว้ให้มันย่อยก่อน แล้วค่อยกินใหม่ตอนเที่ยง" ตอนกล้าฟังแล้วนึกว่าเรื่องจริง เลยบอกให้คนตรงหน้าหยุดกิน

"พี่ล้อเล่น อร่อยแบบนี้พี่จะกินคนเดียวไม่แบ่งใครหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ" ใครนี้คิดไปถึงหน้าน้องชาย และกับมาหัวเราะล้อคนตรงหน้า

"นี้พี่แกล้งผมอีกแล้วนะ!!! ชิ ไม่คุยด้วยแล้ว เก็บเองแล้วกัน" ต้นกล้าหน้าร้อนขึ้นมาทันที่ เมื่อรู้ว่าโดนแกล้งอีกแล้ว เดินหนีทิ้งให้คนตรงหน้าหัวเราะชอบใจ


                      ชินพัตน์ตื่นขึ้นมา เมื่อนาฬิกาที่ตนเองตั้งเวลาไว้ปลุก  8 โมงครึ่ง พาร่างกายงัวเงีย ผมเผาชี้ฟู เข้าไปอาบน้ำ ตอนที่อาบน้ำก็ยังคิดในใจว่าพี่ชายตอนเองก็รีบไปใหน ปกติออกสายกว่านี้ เพราะไม่ต้องไปรีบช่วยยายเก็บผัก เพราะต้นกลับมาจาเรียนแล้ว บวกกับที่ตัวเขาเองกลับดึกมาก กว่าจะถึงบ้าน ก็เกือบๆ ตี 1 แล้วกล้าจะได้เข้านอน เพราะต้องหาที่อยู่ให้กับเจ้า ปลาทอง 2 ตัวนั้นอีก ยิ่งทำให้นอนดึก  พอมาโดนปลุกแต่เช้าแบบนี้ เลยไม่อยากจะตื่น  พอออกจากห้องน้ำแต่งตัว ก็เดินไปหาโหล่ปลา บ้านใหม่ของเจ้าปลาน้อย  ต้องยกลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะพาอีก 1 ตัวไปส่งเจ้าของ เดินลงบันไดมา ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันในครัว


ใครกัน ?



"เฮ้ย!!!!  คุณมาทำไมแต่เช้า!!!????"






       


                                                     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:


                                   ตอนนี้ขอคู่รองมาเรียกเรทติ้งบางเดี๋ยวจะ ลืมคู่น้องต้นกับพี่ใหญ่ไปซะก่อนจ้า


            :กอด1:      ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  ฝากติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยค่า



                                                           กราบงามๆแบบแม่ค้าลูกชิ้น 



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2014 22:38:23
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 27-12-2014 22:56:01
คู่นู้นนี่บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 28-12-2014 00:54:40
 :laugh: อยากกินลูกชิ้น
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 28-12-2014 01:26:31
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-12-2014 02:48:15
หวังว่านพคุณจะไม่ทำให้น้องต้นเสียใจนะครับ รักกันเร็วๆ นะ รอลุ้นอยู่
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 28-12-2014 15:53:23
มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งงงงง  :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-12-2014 18:08:03
มาทีได้อ่านจุใจกันไปเลย
นพนี่ก็นะชอบแกล้งต้นตลอดๆ
คุณนนท์รีบมาแต่เช้าเลยนะ
แถมตีซี้กับว่าที่แม่ยายอีกแน่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 30 [27-12-14 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 30-12-2014 01:18:46
ริดถึงทนไม่ไหวเลยรีบมาหาที่บ้าน  ตอบแบบนี้ต้นกับชินจะเป็นไง  :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 02-01-2015 19:28:29




            สวัสดีปีใหม่เพื่อนทุกคนนะคะ  ขอให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวยๆกันทุกๆคนนะค่า


   :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 



                                                                ตอนที่ 31  เสื้อคู่



"เฮ้ย!!!!  คุณมาทำไมแต่เช้า!!!????"  ชินพัตน์ตกใจที่เห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาอยู่ในห้องครัวกับแม่ของตนเอง โหลปลาแถบล่วงหลุดมือ ดีทีจับไว้ทัน


"...................."นนทนัฐหันไปมองคนที่โวยวาย แต่เมื่อเห็นว่าถือโหล่ปลามาด้วยก็รีบเดินไปช่วยถือไว้ เพราะคนตรงหน้าเหมือนจะทำหลุดมือเสียให้ได้


"โวยวายอะไรกัน ตาชิน ลงมาก็ดีแล้ว มานี้เลยแม่ยังไม่ได้จัดการเราเลย แอบไปเที่ยวใหน จะกลับดึกก็ไม่ยอมโทรมาบอก" ผู้เป็นแม่ต่อว่าลูกชาย และเดินไปลากตัวมานั่งที่โต๊ะกินข้าว


"ผมไปหายายที่สวนมาครับ แล้วที่ผม...(หันไปมองคนที่มาแต่เช้า). กลับดึก ผมแค่ไปเดินเที่ยวงานวัดมาครับแม่"


"ไปเที่ยวแม่ไม่ว่าอะไร แต่น่าจะโทรมาบอกกันบางพ่อกับแม่เป็นห่วงรู้มั้ย"


"ขอโทษครับ" ชินพัตน์ยกมือไหว้ผู้เป็นแม่


"อืมๆ ไปยกกับข้าวในข้าวมาไป" ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้โกรธเคื่องอะไร แต่ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้นเอง


"เดี่ยวผมไปยกให้เองครับ"นนทนัฐที่เงียบอยู่นาน วางโหล่ปลา ไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ และอาสาจะไปยกเอง


"ไม่เป็นไรจ๊ะ ช่วยแม่ทำกำข้าวแล้วต้องมายกอีก  เจ้าชินไปยกออกมา" หันกลับไปดุลูกชายที่ยังมองแบบงง

อะไรนะช่วยแม่ของเขาทำกับข้าวงั้นเหรอ?


"เดี๋ยวแม่ไปตามพ่อคนนะจ๊ะ"


"ให้ผมไปตามให้มั้ยครับ"นนทนัฐรับอาสา


"จะดีเหรอจ๊ะ"


"ให้ผมไปตามที่ใหนครับ"


"อ้อ จ๊ะ เดินไปด้านหลังนะจ๊ะ ออกประตูไป ก็จะ เจอโรงงาน ด้านหลัง น่าจะอยู่กับพวกคนงานนะจ๊ะ"


"ครับ เดี๋ยวผมไปตามให้ครับ" นนทนัฐรับคำแล้วลุกเดินออกไปตามทางที่ผู้สูงวัยกว่าบอก


"มาแล้วครับ แม่ทำแต่ของโปรดชินทั้งนั้นเลยอ่ะ ใจดีจัง"


"เปล่าเลย แต่ทำให้นนท์เขากินต่างหาก เขาบอกว่าชอบกิน แม่ก็เลยทำให้ ทั้งกระเพราลูกชิ้น ไข่เจียวลูกชิ้น ต้มจืดลูกชิ้น แล้วเห็นบอกว่าชอบยำลูกชิ้นด้วย "


"อ้าว ไม่เห็นมียำลูกชิ้นเลยอ่ะแม่"


"ก็เขาบอกว่าชอบยำที่ลูกชายแม่ทำให้กิน แม่ก็เลยบอกว่า งั้นเอาไว้ให้ลูกชายแม่ทำให้กินเองก็แล้วกัน" แล้วก็หันไปจัดจานบนโต๊ะไม่ได้สนใจลุกชาย ที่ตอนนี้ หน้าขึ้นสีเมื่อฟังคำที่แม่ตนเองบอก

"เออ แล้วเขาหายไปใหนแล้วครับ"


"อ้อ แม่ให้ออกไปตามพ่อนะ"


"แล้วเขาจะเดินไปถูกเหรอครับแม่?"


"ไม่รู้สิ หาเจอไม่ยากมั้ง" พูดติดตลก เพราะโรงงานก็อยู่แค่ข้างหลัง ไม่ได้ห่างไกลถึงขนาดจะหาไม่เจอ


"งั้นผมเดินไปดูหน่อยดีกว่า " ชินพัตน์รีบเดินออกจากประตูไปทันที ผู้เป็นแม่มองตามอย่างสงสัยท่าทางแปลกของลูกชาย ตั้งแต่เพื่อนใหม่คนนี้เข้ามาทำความรู้จัก


                                   ผู้เป็นพ่อเดินดูความเรียบร้อย และสั่งงานกับหัวหน้าคนงานอยู่ นนทนัฐที่เดินออกมาจากบ้านและเดินมาตามทางเดิน มองเห็นโรงงานขนาดกลาง จึงเดินเข้าไปภายใน และเห็นคนที่เดินมาตาม จึงเดินเข้าไปเพื่อทักทาย


"สวัสดีครับ" นนทนัฐเดินเข้าไปยกมือไหว


"อ้าว ลมอะไรหอบมาละเนี้ย"


"คือ คุณแม่ให้เข้ามาตามไปทานข้าวเช้าครับ"


"อ้อเหรอ ไปไป " เดินมาตบไหล่เพื่อลูกชายอย่างเป็นกันเอง


"มีธุระกับเจ้าชินเหรอ มาแต่เช้าเลย"


"อ่ะ เออ คือ จะมารับไปดูตึกเช่านะครับ"


"หืม? ตึกเช่าอะไรงั้นเหรอ"


"คือ พอดีผมเป็นคนคุมงานก่อสร้างตึก พาณิชย์ ใกล้ตลาดที่คุณชิน ไปขายนะครับ ตอนนี้สร้างเสร็จแล้ว สามารถเข้าไปดูแล้วจองได้แล้วครับ" นนทนัฐตามน้ำไปก่อน เพราะคิดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากเรื่องนี้


"งั้นเหรอ เจ้าชินจะดูที่เอาไว้ขายของแล้วสินะ" คนเป็นพ่อเหมือนจะพอใจกับเรื่องที่เพื่อนของลูกชายเล่าให้ฟัง รีบเดินนำเข้าไปภายในบ้านเพื่อฟังจากปากลูกชายตนเองอีกครั้ง


"มาเลย กับข้าวพึ่งเสร็จกำลังร้อนๆ" แม่เห็นคนทั้ง 2 เดินมารีบชวน


"งั้นก็กินข้าวกันก่อนนะ ไว้คุยกันอีกที" หันไปคุยกับเพื่อนลูกชาย ทำให้ 2 แม่ลูกมองหน้ากันงงว่าคุยเรื่องอะไร


"โอ้วันนี้ ทำแต่กับข้าวของเจ้าชินทั้งนั้นเลยนะคุณ"


"ก็ไม่เชิง นนท์เขาบอกว่าชอบ ฉันเลยทำให้เขาทานนะ" ตอยสามีกลับไป


"อ้าวเหรอ ชอบเหมือนเจ้าชินเลยนะ" ผู้เป็นพ่อหันไปถามเพื่อนลูกชาย


"เอ่อ ครับ" ยิ้มรับแก้เขิน


"เอา ลงมือทานกันเถอะ ชอบก็ทานเยอะๆนะ" ผู้สูงวัยกว่าเริ่มต้นทานและหันไปคุยกับคนที่นั่งข้างๆ         



                                เมื่อทานมื้อเช้ากันจนอิ่ม ก็ย้ายกันออกมาหน้าร้านเพื่อดูพนักงานในร้านเตรียมของเพื่อเปิดร้าน  ขายของเตรียมวัตถุดิบ ของสดต่างๆ  วัตถุดิบหลักอยู่ภายในตู้แช่ ที่เอาไว้ทำขายในร้าน และขายปลีกให้กับลูกค้าที่จะซื้อกลับบ้านด้วย 



"เจ้าชิน เห็น นนท์บอกว่าจะไปดูที่เอาไว้ขายของเหรอ" พ่อถามขึ้นเมื่อลูกชายกำลังจะลุกออกไปดูของหลังรถ แต่ก็ต้องกลับมานั่งที่เดิม เมื่อเจอคำถาม


"เอ๊ะ ดูที่เหรอครับ"


"ใช่ ดีแล้วล่ะ พ่อว่าหาที่ลงของขายเป็นหลักเป็นแหล่งไว้ แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา"


"จริงเหรอตาชิน แบบนี้แม่ก็ว่าดี จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเวลาขับรถกลับดึกด้วย" ผู้เป็นแม่สมทบขึ้นทันที


"เออ คือผมจะไม่ได้ ตัดสิน เออ ใจเลย"


"ไม่ต้องลังเลอะไรเลยเจ้าชิน ไปดูที่วันนี้กับนนท์เขาซะ เย็นนี้พ่อต้องได้คำตอบ ไปไป๊ จะไปขายของก็รีบไป" พ่อเริ่มรำคาญลูกชายที่ไม่กล้าตัดสินใจ เลยตัดสินใจแทนและอยากได้คำตอบให้เร็วที่สุด


                                   ความลำบากใจตกอยู่ที่ชินพัตน์ ที่ยังได้ตกลงอะไรเลยว่าจะดูที่ทางขายของอะไรแบบนั้น เมื่อคิดได้ก็ขมวดคิ้ว และหันไปมองคนที่เดินตาม ต้นเหตุของเรื่องนี้ พ่อของเขาคงจะไม่รู้เรื่องนี้ถ้าคนที่เดินตามมาไม่บอกออกไปแบบนั้น



"นี้คุณนนท์  คุณบอกเรื่องนั้นกับพ่อผมทำไม"


"เออ ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณพ่อคุณ ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ผมเลยเผลอพูดออกมา แต่ผมไม่รู้ว่าคุณยังไม่ได้บอกพวกท่าน"


"โธ่เอ้ย!!!!"  ชินพัตน์หงุดหงิด แต่ก็ไม่รู้ว่าหงุดหงิดใคร  จะหงุดหงิดพ่อแม่ตนเองที่อยากจะให้เขามีที่ขายของเป็นหลักแหล่ง  หรืออีกคนที่ ยืนทำหน้าสำนึกผิดที่พูดอะไรออกไปอย่างไม่รู้ตัว  แต่ที่ผิดน่าจะผิดที่ตัวเขาเองนั้นแหละ ไม่น่าไปพูดเล่นเรื่องจะขอจองที่ไปแบบนั้น  หงุดหงิดโว้ย!!!!!!  ขยี้หัวตัวเองไปมา


"ชิน ผมขอโทษ เดี๋ยวผมเข้าไปอธิบายให้คุณพ่อคุณฟังเองนะ  "นนทนัฐเห็นอาการหงุดหงิดของคนตรงหน้า เพราะตนเองเลยอยากจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้


"ไม่ต้องหรอกคุณ ยังไงสักวันพ่อผมเขาก็ต้องให้ผมหาที่ขายของจนได้ แค่วันนี้มันมาเร็วเกินกว่าที่คาดไว้เท่านั้นเอง" ชินพัตน์ที่เหมือนจะยอมรับสภาพแล้วว่าตนต้องทำตามคำพ่อบอก อย่างปฎิเสธไม่ได้


" ผมขอโทษ" นนทนัฐก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี


"งั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบ หาทำเลที่ดีให้ผมด้วยแล้วกัน" ชินพัตน์พูดจบก็เดินไปขึ้นรถคู่ใจ แล้วเตรียมจะขับออกไป แต่โดนเรียกไว้ก่อน


"ชิน คุณจะไปดูตึกกับผมใช่มั้ย"


"อืม  ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เย็นนี้ผมต้องมีคำตอบให้พ่อผม" ปิดประตูแล้วขับรถออกนำไปก่อน แล้วนนทนัฐก็ขับตามออกไป


                      นพคุณพายายกับต้นกล้ามาที่ตลาดนัดก่อน หน้าชินพัตน์พักใหญ่ เพราะนพคุณโทรไปบอกน้องชายว่า มาถึงตลาดนัดแล้ว น้องชายจะได้ไต้องเข้าไปแวะหาที่บ้านสวนอีกให้ตรงมาที่ตลาดเลย ไม่นาน ชินพัตน์ก็ขับรถเข้ามาเพื่อเอาของลง แต่ที่แปลกใจ ให้กับพี่ชายและต้นกล้า ก็คือ ลูกค้าประจำที่เดินตามรถของชินพัตน์มาด้วย เหมือนมาพร้อมกัน พร้อมทั้งช่วยยกของ จัดร้านอย่างคล่องเคล้ว


"มาด้วยกันได้ไงว่ะเจ้าชิน"


"คะ-ใคร มาพร้อมกันพี่?" ชินพัตน์ทำเป็นไม่เข้าใจคำถามของพี่ชายที่เดินเข้ามากระซิบถาม


"ของลูกค้าประจำนายไง "


"เจอกันหน้าตลาด ก็แค่นั้น" ตอบผ่านๆและหันไปจัดของต่อ


"..................."นพคุณมองตามน้องชายอย่างสงสัย และหันไปมองลูกค้าประจำของน้องชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ



"ผักสดๆ เยอะมากเลยนะครับ ปลูกเองทั้งหมดนี้เลยเหรอ?"นนทนัฐช่วยจัดของเสร็จ แล้วหันไปชวนยายกับต้นกล้าคุย


"ปลูกเองจ้า วันนี้เก็บได้เยอะเพราะมีคนช่วยกันเก็บหลายคนจ๊ะ" ยายตอบ


"วันหลัง ให้ผมไปช่วยเก็บด้วยนะครับ" นนทนัฐอยากลองเป็นหนุ่มสวนผักดูมั้ง


"จ้า จ้า"


"ยายตอนเย็นต้นของไปเดินเที่ยวงานวัดกับพี่ชินนะครับ"


"อืมไปสิ แต่อย่ากลับดึกมากนะเกรงใจพี่เขา"


"ขอบคุณครับ" ยกมือไหว้และรีบวิ่งไปหาชินพัตน์ นนทนัฐยิ้มเมื่อเห็นยายหลานพูดคุยเรื่องงานวัดที่ตนเองได้ไปเที่ยวมาเมื่อคืนกับคนที่ต้อนกล้าวิ่งไปหา


"พี่ชิน ไปทำธุระที่ใหนมาครับ ไม่มากินกล้วยปิ้งทุบที่ต้นลองทำ น้ำเชื่อมกะทิด้วยอ่ะ" ชินพัตน์เห็นต้นกล้เดินมาถามอย่างอ้อนๆ ก็ลูบหัวไปมา เพราะตนไม่ได้ไปที่บ้านสวนจริง


"พี่ก็ส่งพี่ใหญ่มาเป็นตัวแทนแล้วไงครับ หึหึ"


"ชิ   กินข้าวต้นหมดหม้อเลยอ่ะพี่ต้น" ต้นกล้าหันกลับไปมองคนที่โดนพูดถึง แล้วก็ฟ้อง


"นั้นแน่  แปลว่ากับข้าววันนี้ต้องอร่อยมากแน่ๆ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่า หืม"  ดึงแก้มที่เอาแต่ฟองลมเหมือนงอนๆ


"ต้นทำกับข้าวตั้งหลายอย่างรอพี่ชินไปกินอ่ะ  แต่พี่ชินก็ไม่มา"  พูดเสียงดังให้ใครบางคนได้ยิน และท้ายประโยค ก็ทำหน้าแกล้งเศร้า


"ครับๆ งั้นวันนี้ขอไถ่โทษด้วยนี้แล้วกัน"  ชินพัตน์ส่งถุงเสื้อที่ตนเองซื้อไว้เมื่อคืนให้ต้นกล้า


"ซื้อให้ต้นเหรอครับ"


"ครับ เปิดดูสิ ว่าชอบมั้ย" 


                  การกระทำของชินพัตน์และต้นกล้า อยู่ในสายตาของนพคุณและนนทนัฐ  ตลอดเวลาที่ทั้งคู่พูดคุยกัน โดนแอบฟังจากทั้ง 2 แต่ทำเป็นไม่ได้สนใจ แต่จริงๆแล้วอยากรู้มากๆ  และเห็นว่าให้ของกันด้วย ยิ่งทำให้อยากรู้ ขึ้นไปอีกว่าซื้อให้ในโอกาสอะไร 


               วันนี้ขายได้เยอะมาก ลูกค้ามาซื้อเป็นกิโลกลับบ้านเยอะมาก ทำให้ของที่เตรียมเอาไว้ขาย ไม่พอขายหน้าร้าน น้ำจิ้มเหลือ แต่ลูกชิ้นไม่มีปิ้งแล้ว  หมดตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง  เลยย้ายคนทั้งหมดไปจุกันอยู่ที่ร้าน ขายผัก  เพราะลูกค้าเข้ามาซื้อเยอะมากๆ เพราะผักวันนี้สดมากจริงๆ น่าจะเก็บไว้ทำอาหารได้หลายวัน ลูกค้าต่างพากันมาซื้อจำนวนมาก หลายๆอย่างรวมกัน  เพราะมั่นใจว่าผักร้านนี้ ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลงแน่นอน  และก็ขายหมดตอน 1 ทุ่ม


"วันนี้ขายของสนุกมาเลยอ่ะพี่ชิน"


"อืม ลูกค้าเยอะจริงๆเลยวันนี้"


"ขายหมดแล้ว จะได้ไปเดินเที่ยวแล้ว เย้ เย้" ต้นกล้าตื่นเต้นเพราะว่ากำลังจะได้ไปเดินเที่ยว ยังไงต้นก็ยังมีความเป็นนเด็กอยู่ในตัวเต็มเปี่ยม ถึงแม้จะพยายามทำตัวให้เป็นนที่พึ่งพาให้ยายก็ตาม


"งั้นรีบเก็บของกันเถอะ" ชินพัตน์รู้สึกเอ็นดูทำให้คิดถึงน้องสาวที่เรียนอยู่กรุงเทพขึ้นมา


"ยายครับ ไปเดินเที่ยวงานวัดด้วยกันมั้ยครับ"นนทนัฐเดินเข้าไปถามยายเมื่อยกของขึ้นรถเสร็จหมดแล้ว


" ไม่กว่าดี ยายขาแข่งไม่ค่อยดี คงเดินนานๆไม่ไหว"


"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขับรถกลับไปส่งให้ก่อนก็ได้ครับ" นนทนัฐอาสาและอยากที่จะรู้จักบ้านสวนของยายด้วย


"แล้วไม่เดินเที่ยวในงานเหรอ พ่อหนุ่ม"


"ผมไปเดินมาแล้วครับ  ให้ผมไปส่งนะครับ" นนทนัฐเดินพยุงยายไปด้วยชวนคุยไปด้วย

"จ้า แล้วแต่พ่อหนุ่มเถอะ"


 
                     แล้วทั้ง 5 คนก็ตกลงกันว่าจะเดินไป ส่วนยายและนนทนัฐจะนั่งรถกลับเลย ตามที่นนทนัฐอาสา ทุกคนก็ลงความเห็นตามนั้น  ตอนแรกต้นกล้าว่าจะกลับพร้อมยาย แต่ยายก็อยากให้ต้น ได้เดินที่เที่ยวงานอย่างที่ตั้งใจ กลับเป็นชินพัตน์ที่อาสาที่จะนั่งกลับไปบ้านยายเป็นเพื่อนนนทนัฐที่ยังไม่ชินพื้นที่แถวบ้านยาย 


"ต้นเดินเที่ยวไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปส่งยายแล้วจะรีบกลับมานะ ชินพัตน์บกอต้นกล้าที่เอาแต่ทำหน้าบึ่ง


"พี่ชินรีบกลับมานะครับ"


"ครับ ครับ"


"ต้นอย่างเดินเล่นเพลินนะเกรงใจพี่ๆเขา"


"ไม่เป็นไรครับ ยายเดี๋ยวผมส่งต้นถึงบ้านก่อน เที่ยงคืนแน่นอนครับ" นพคุณรีบตอบให้ผู้เป็นยายสบายใจ


"ขอบใจมากพ่อหนุ่ม"


"กลับกันเถอะครับยาย จะได้ผักผ่อนเร็วๆ " 2 ทุ่มครึ่ง ชินพัตน์อยากให้ยายได้ผักผ่อนเร็ว วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว


                          นพคุณและต้นกล้ายืนมองยาย ชินพัตน์และนนทนัฐขึ้นรถขับออกไป จนลับสายตา แต่ก็ยังไม่มีใครเดินขยับไปใหน ยังยืนนิ่งเงียบ  จนนพคุณนึกสงสัยคนที่ตื่นเต้นอยากมาเที่ยวกลับ เงียบไม่กระตื้อรื้อร้นซะแล้ว



"ไป เดินเข้าไปที่วัดกันเถอะ" นพคุณเดินไปจะจูงมือต้นกล้าเพื่อจะเดินจากลานจอดที่ตลาดไปที่วัด


"...................."ต้นกล้าเงียบไม่ตอบรับและไม่ไห้นพคุณจับมือตนเองด้วย


"เป็นอะไรครับ งอนอะไรพี่ หืม" พยายามดึงมือคนที่เอาแต่เดินหนี


"ก็ วันนี้พี่แกล้งต้นทั้งวันเลยอ่ะ"


"หึหึ พี่เปล่าแกล้งนะ" หัวเราะชอบใจกับคนที่แสนงอนตรงหน้า


"ไม่แกล้งอะไร ที่ห้องครัว อ่ะ พี่แกล้งต้นทำไมล่ะ"ต้นกล้านึกถึงสิ่งที่คนตรงหน้าทำกับตนเองก็ทำให้หน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง


"ก็แก้มๆแดงตอนเขินมันน่ารักมากรู้มั้ย หืม"  แล้วก็ก้มไปหอมแก้มเด็กน้อยแสนงอนอีกครั้ง


"พี่!!!!!" ต้นกล้าตกใจเมื่อโดนขโมยหอมแก้มอีกแล้ว


"ว่าไงครับ หืม"  นพคุณดึงแก้มเล่นเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว


"พี่แกล้งต้นอีกแล้วอ่ะ ไม่คุยกับพี่แล้ว ชิ" ต้นกล้าหน้าแดงไม่คิดว่าจะโดนแกล้งแบบเดิมอีก


"หึหึ "หัวเราะชอบใจเดินไปดึงมือ ต้นกล้ากลับมาที่รถตนเองอีกครั้ง


"ปล่อยนะต้นจะไปเดินเที่ยวคนเดียว" ต้นกล้าดึงมือตนเองให้หลุดจากคนที่เอาแต่แกล้ง


"เดี๋ยวค่อยไป พี่มีของจะให้"


"............................." ต้นกล้าหยุดนิ่งรอ


"นี้ครับ พี่ซื้อมาให้ต้นนะ พี่อยากให้ต้นใส่ไปเดินเที่ยวกับพี่ได้มั้ยครับ" นพคุณส่งถุงเสื้อที่ตนเองเตรียมซื้อไว้ส่งให้ ต้นกล้า


"ซื้อให้ต้นเหรอ? ซื้อพร้อมพี่ชินหรือเปล่า?" นพคุณขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อน้องชาย


"ต้นอยากใส่ ตัวนั้นก็แล้วแต่ต้นเถอะ" นพคุณเดินหนีออกมาทันที


"พี่  พี่เป็นแบบนั้นอีกแล้วนะครับ"ต้นกล้าวิ่งตามมาดึงเสื้อนพคุณไว้ให้หยุดเดิน


"ใหนพี่บอกว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้วไง ฮึก" ต้นกล้าเริ่มจะร้องไห้เมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มทำอาการไม่พอใจตนเองขึ้นมาอีกแล้ว


"ต้นพี่ขอโทษนะ ไม่ร้องนะครับ  ต้นอยากจะใส่ตัวใหนก็ได้ พี่ไม่บังคับแล้วนะ ไม่ร้องนะครับ" ต้นกล้าฟังแบบนั้นก็พยายาม หายใจเข้าลึกๆเพื่อที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีก


"พี่อย่าโกรธต้นแบบนั้นอีกได้มั้ย"


"เปล่าๆ พี่ไม่ได้โกรธ  พี่แค่อยากเห็นต้นใส่เสื้อที่ต้นชอบ" นพคุณรีบแก้ตัวเพราะทำคนตรงหน้าเสียใจอีกแล้ว


"ต้น จะใส่เสื้อตัวนี้ รอต้นแปบหนึ่งนะครับ" ต้นวิ่งหายไปที่ห้องน้ำของตลาด นพคุณลูบหน้าตนเองเกือบไปแล้ว เกือบทำให้ต้นกล้าร้องไห้  เพราะนิสัยเสียๆของตนเองแท้ 


"มาแล้วครับ" จากใบหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อครู่ เริ่มมีรอยยิ้มกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนตรงหน้าใสเสื้อลายน่ารักที่ตนเองเป็นคนเลือก


"น่ารักมากเลยครับ"


"ครับ" ต้นกล้าที่ล้างหน้าล้างตา แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ออกมา ยิ้มอย่างเขินเมื่อโดนชมตรงๆแบบนั้น


"ไปครับไปเดินเที่ยวที่งานกัน อ๊ะ เดี๋ยวรอพี่แปบนะ" นพคุณวิ่งกลับไปที่รออีกครังแล้วรีบวิ่งกลับมา


"พี่  ซื้อมาเป็นคู่เหรอครับ" ต้นกล้าเห็นสีและลายเสื้อที่เหมือนกัน แล้วก็ถามขึ้นอย่างอายๆ


"ครับ พี่อยากซื้อมาใส่พร้อมกับต้นไง" นพคุณก็ตอบออกไปแบบเขินๆเช่นเดียวกัน


"ขอบคุณนะครับ" ต้นกล้าพูดอ่อมแอมเสียงเบา


"หืม ว่าไงครับ" นพคุณเลยได้ยินไม่ชัดเลยต้องก้มหน้าลงไปถาม


"ต้นขอบคุณที่ซื้อเสื้อให้ต้นครับ"


"พี่ยินดีเสมอ"จับใบหน้าคนที่ตัวเล็กกว่าให้หันมาสบตา


"ไปครับพาพี่เดินเที่ยวงานหน่อย เป็นการตอบแทนได้มั้ย หืม"เปลี่ยนมาจับมือต้นกล้าและข้อร้องสิ่งตอบแทนเล็ก


"ครับ"  ยิ้มพราว แล้วรีบดึงมือนพคุณเพื่อรีบไปให้ถึงที่งานวัดไวๆ







 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


มีต่ออีกตอนที่ 32 นะคะ


                                                 
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 02-01-2015 19:29:59




                                              ตอนที่ 32  เดินเที่ยวงานวัดอีกครั้ง

 
                             ยายนั่งรถคันใหม่และสารถีคนใหม่พูดคุยเรื่องขายของที่ตลาด ร่วมไปถึงงานของสารถีหนุ่มด้วยว่า เป็นอย่างไรบางเลยรู้ว่างานที่รับผิดชอบสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย และเป็นช่วงเวลาพักยาวก่อนที่จะมีงานใหม่มา เลยมีเวลาออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ได้ คนที่นั่งมาด้านเบาะหลังก็เป็นผู้ฟังที่ดี เก็บข้อมูลบางอย่างที่ตนเองไม่รู้ จนขับรถมาถึงบ้านยาย ข้นตะกร้าผักลงเก็บที่โรงเก็บของที่ประจำ


"ขึ้นมาบนบ้านก่อนสิจ๊ะ ไม่รีบใช่มั้ย" ยายชวนขึ้นบ้านเพราะหลานชายทำขนมไว้เยอะร


"คุณรีบหรือเปล่า ขึ้นข้างบนก่อนมั้ย" ชินพัตน์หันไปถามเพื่อนใหม่ที่ดูจะตื่นเต้นกลับบ้านสวน


"ไม่ครับ " ยิ้มแล้วเดินตามคนชวนขึ้นบ้าน


"นี้จ๊ะ เจ้าต้นทำไว้เยอะเลย ลองชิมดูสิจ๊ะ"ยายยกจานกล้วยปิ้งที่ทุบเรียบร้อย พร้อมถ้วยกะทิน้ำเชื่อม


"ต้นเป็นคนทำเองเหรอครับ" นนทนัฐลองชิมไป เมื่อรับรู้รสถึงความอร่อยหอมหวานไม่เลียน


"จ้า เห็นว่าอยากลองทำดู เห็นว่าไปซื้อที่ร้านมาแล้วติดใจ"


"ใช่ ผมลองไปกินมาแล้วครับ อร่อยมา ต้นทำได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาแล้วนะครับ" ยิ้มและชมหลานชายให้ยายฟัง


"ผมว่าแบบนี้ทำขายได้เลยนะครับ"


"อืม ก็ใช่แต่ต้นเขาไม่อยากให้ยายเหนื่อยที่ต้องมาทำอะไรเกินกำลังเพราะต้นไม่ได้ดูแลยายตลอดเวลานะคุณ"


"ยังเรียนอยู่สินะครับ"


"อืม คงจะคุยเรื่องนี้อีกที หลังเรียนจบ ใช่มั้ยครับยาย"


"ก็แล้วแต่เจ้าต้นจ๊ะ ยายไม่ค่อยเข้าในหรอกเรื่องเรียนนะ"



                                    คุยกันได้สักพัก ชินพัตน์กับนนทนัฐก็ขอตัวเพื่อให้ยายรีบผักผ่อน ต้องกลับไปหาต้นกล้าด้วยดูท่าทางรอนานแล้วจะงอแงแน่  ตลอดทางชินพัตน์นั่งข้างก็เริ่มถ้าเรื่องตึกที่ไปดูมาวันนี้ตอนช่วงสายๆกัยนนทนัฐ แต่มีอีกหลายจุดไม่เรียบร้อย เช่นขอบหน้าตาประตู และกระจกยังใส่ไม่เสร็จ เลยจะเข้ามาดูอีกครั้งเมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็เลือกคูหาแรกที่ใกล้ตลาดที่สุด ข้อมูลเพียงแค่นี้คงเป็นคำตอบให้กับผู้เป็นพ่อได้  แล้วันเปิดจองอาจจะให้ทั้งคู่มาดูด้วยกันอีกที่  หันไปมองคนขับที่นั่งเงียบตั้งแต่ออกมาจากบ้านยาย



"คุณจะไปเดินงานอีกหรือเปล่าหรือกลับไปห้องพักเลย"


"ผมยังไงก็ได้ แต่คุณจะไปเดินกับน้องต้นใช่มั้ย"


"อืม ต้นเขาบอกว่าจะพาเดินเที่ยวนะ "


"งั้นผมไปเดินด้วยแล้วกัน แวะไปดูเด็กร้านปลานั้นด้วย"


"เออใช่ คุณพูดขึ้นมาเลยนึกขึ้นได้ ทำไมคุณไม่ถ่วงผมล่ะ"


"ถ่วงอะไรครับ"


"ก็ปลาทองไง เมื่อเช้าผมว่าผมยกลงมาแล้วนะ แต่ก็ลมจนได้  ว่าจะลงมาใส่ถุงแล้วเอามาให้คุณตัวหนึ่ง"


"ผมว่าให้เขาอยู่คู่กันแบบนั้นแหละครับ อย่าแยกเลย อยู่ตัวเดียวมันจะเหงานะครับ" หันมามองคนที่ตั้งใจฟัง เหมือนสื่อความหมายที่มันต่างออกไปจากนั้น จนทำให้ชินพัตน์ต้องหันกลับไปมองทาง เลยไม่สังเกตุว่ารถมาจอดที่ลานจอดตั้งแต่เมื่อไร


"คุณจะจอดรถไว้ที่นี้เหรอ แล้วเดินไป"


"ครับ เมื่อพวกเราก็เดินไปนี้ครับ"


"อืม อืม" แล้วทั้งสองก็ลงจากรถ ชินพัตน์รีบโทรหาต้นกล้ากลัวต้นกล้าจะงอนที่ตนเองทำให้รอนาน แต่ฟังจากเสียงที่รับสายแล้วคงไม่ใช่แบบที่เขาคิดซะแล้ว ดูท่ากำลังสนุกแล้วเร่งให้เขาตามไปเร้ซด้วย


"พรุ่งนี้ผมแวะไปดูปลาที่บ้านคุณได้มั้ย"นนทนัฐถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายวางสาย


"อะไรนะ ?" ไม่แน่ใจในคำถาม


"ปลา ผมฝากคุณเลี้ยงไว้ก่อนแล้วกันนะครับ ถ้าคุณเบื่อพวกมันเมื่อไรผมจะไปรับมาเลี้ยงเอง" 


"เฮ้ยผมนะเซียนเลี้ยงปลาเลยนะ แค่ปลา 2 ผมเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว" ชินพัตน์อยากจะอวดว่าตนเองเลี้ยงปลาเก่ง แต่เวลาให้อาหารไม่พ่อกับแม่เขา หรือคนในร้านที่คอยให้อาหารปลาตลอดไม่รู้เป็นยังไง


"ครับ" ส่งยิ้มแบบนั้นครับมาอีกแล้ว  ชินพัตน์พยักหน้ารับแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เดินถึงงานไวๆ



                                            ชินพัตน์เดินเข้ามาภายในวัดแต่ดูเหมือนวันนี้คนจะเยอะมากกว่าเมื่อวานซะอีก คิดในใจว่าจะหาต้นกล้าและพี่ชายของเขาไม่ง่ายแน่ เลยโทรหาก่อนเลยเป็นอย่างแรก เมื่อปลายสายบอกว่าอยู่โซนปาลูกโปร่งและตุ๊กตา ชินพัตน์ฟังแล้วก็นึกตามว่าอยู่แถวใหน เพราะเมื่อวานไม่เห็นเลย หรือว่าเขาเดินไม่ทั่วเองนะ เลยลองเดินหาไปเรื่อยๆ เริ่มสังเกตุคนที่เดินสวนไปมา อุ้มตุ๊กตาตัวใหญ่บางเล็กบาง คงจะใกล้ๆแถวนี้ล่ะมั้ง



"คุณเดินหาน้องต้นเหรอ"


"อืม ต้นบอกว่าอยู่แถวซุ้มปาลูกโปร่งแลกกับตุ๊กตาอ่ะ แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นเลยล่ะ"


"เมื่อวานพวกเราคงเดินกันไม่ทั่วมั้งครับ" นนทนัฐเห็นท่าจะเดินหากันอีกนานเลยเดินเขาไปถามวัยรุ่นที่เดินกันมาเป็นกลุ่มที่อุ้มตุ๊กตากันคนละตัว


"น้องครับ ซุ้มปาลูกโปร่งอยู่แถวใหนครับ"


"อ้อ อยู่ใกล้แถวเวทีแสดงอ่ะพี่ มีตั้งหลายหลาย"


"ขอบใจนะ"นนทนัฐส่งยิ้มขอบใจวัยรุ่น


"ผมว่าเราเดินไปทางนี้แล้วกัน น่าจะอยู่แถวหน้าเวที"


"อืม จริงด้วยโซนนั้นเมื่อวานไม่ได้เดินไปเลย เพราะเสียงดนตรีมันดังมากอ่ะ"



                           ชินพัตน์เดินตามนนทนัฐไป พอพ้นบริเวณร้านที่ขายพวกเสื้อผ้า  ก็เจอกับเวทีขนาดใหญ่ ที่กำลังมีการแสดงของกลุ่มนักร้องลูกทุ่งหางเครื่อง เต้นกันยับเลย  และลานกว้างตรงหน้าเวทีก็มีโต๊ะให้กับคนที่เดินในงานจับจองดูดนตรี สั่งอาหารเครื่องดื่มมานั่งกิน  และร้านข้างๆ เครื่องดื่มนั้นเองที่ ยาวจนสุดทางเดิน ล้วนเป็นร้านปาลูกโปร่ง ด้วยลูกดอก  3 อัน 20 บาท และร้านรูปแบบคล้ายๆกัน อย่างเช่น ปากระป๋องที่เรียงไว้ ให้ตกให้หมดภายใน 2 ลูกบอลที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ เพื่อแลกกับตุ๊กตา  คล้องขอขวดที่นอนอยู่ ให้ตั้งขึ้น ครั้งละ 10 บาท แรกกับตุ๊กตาเหมือนกัน  โยนตะกร้าครอบขวด ปิงโก ยิงตุ๊กตาตัวเล็กๆ อีกมามายหลายร้านเดินไม่ทั่วจริงๆ 


"มาเล่นอยู่ร้านนี้เอง" ชินพัตน์ที่เห็นต้นกล้ากำลังยกขวดด้วยหวงที่มีเชือกรอยอยู่ อย่างสนุก ในมือพี่ชายตนเองมีแต่ตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด


"พี่ชินมาแล้วเหรอ ทำไมมาช้าจัง"


"พี่หาไม่เจออ่ะ กว่าจะเจอต้องถามคนอื่นเขานะ"


"เหรอครับ"


"โอโฮ้ พี่ใหญ่ นี้พี่เล่นทุกร้านเลยป่ะเนี้ย" หันไปแซวพี่ชายที่อุ้มตุ๊กกาเหมือนคนไปเดินช๊อบของแล้วลืมหยิบตร้ามา


"ผมช่วยถือครับ"นนทนัฐเดินไปช่วยดึงตุ๊กตาบางตัวที่เหมือนมันจะหล่นมาไว้แทน เลยทำให้เห็นสีและลายเสื้อที่เหมือนกันกับต้นกล้า


"เฮ้ยพี่  ตั้งใจป่ะเนี้ย ลงทุนเนอะ" เดิยเข้าไปดึงเสื้อพี่ชายแล้วแซวหนักขึ้น


"เรื่องของฉันน่า  ว่าแต่นายเหอะไปใหนกันมา ทำไมพึงมา"


"ก็เดินๆอยู่แถวนี้แหละพี่    .....ไม่อยากเป็นก้างคนแถวนี้" ลอยหน้าลอยตาตอบ แต่ท้ายประโยคก้มไปกระซิบให้พี่ชายคนเองได้อายเล่น


"เจ้าชิน  ไปเลยจะไปเดินดู ตรงใหนก็ไปซะ"


"ฮ่าๆๆๆๆ"  ชินพัตน์รีบหลบเท้าที่แกล้งทำท่าจะยกขึ้นมาเตะอย่างล้อเลียน หัวเราะท่าท่างเขินๆของพี่ชายตนเอง


"พี่ชินไปเดินกับต้นนะ ต้นพาไปตักปลาดีกว่า เมื่อกี้เดินผ่านมาเหนแล้วแต่ต้นรอพี่ชินมาก่อน"


"ต้นอยากเลื้ยงปลาเหรอ" นพคุณรีบพูดแทรก


"อืม ก็ไม่เชิงครับ แต่ต้นอยากลองตักดูยังไม่เคยลองเล่นเลย"


"ไปสิ  เดี่ยวพี่พาไป" ชินพัตนหันไปมองหน้านนทนัฐ และชวนต้นกล้าทันที


"พี่ชินพูดเหมือนเคยเมาเล่นแล้วเลยอ่ะ"


"อ่ะ  เออ  ก็เคยเล่นที่งานวัดแถวบ้านพี่นะ เนอะพี่ใหญ่เนอะ"ชินพัตน์รีบแก้ก่อนที่จะหาตัวช่วย


"พี่ก็อยากลองเล่นเหือนกันครับ"นนทนัฐเห็นสายตาขอความช่วยเหลือเลยพูดขึ้นมา


"ไปสิครับคุณนนท์ เดี๋ยวต้นจะตักให้ดูก่อนคนแรก"  แล้วก็พากันเดินไปยังร้านตักปลา ที่อยู่เกือบหน้าประตูทางเข้าวัดเลย



                                ชินพัตน์ให้ต้นกล้าลองตักดู แต่ต้นกล้าก็ตักไม่ได้เหมือนตนเองเช่นกัน เลยเปลี่ยนให้พี่ชายตนเองตักดูบ้างและก็ไม่ผิดหวัง ตักได้หลายตัว ทำให้ต้นกล้าตื่นเต้นใหญ่


"โอโฮ้ ตักได้ตั้งหลายตัวอ่ะ ต้นยังตักไม่ได้สักตัวเลย" ต้นกล้ามองดูขันปลาในมือนนพคุณ


"พี่ให้ต้น เอาไปเลี้ยงดีๆนะครับ" จะไม่ให้ตักเก่งได้ยังไง ก็มาฝึกตักปลาตั้งแต่วันจันทร์อ่ะ เป็นความลับนะ จุ๊จุ๊


"ขอบคุณครับ ให้ต้นหมดนี้เลยเหรอ" ต้นดีใจรับขันปลาทองมาอยู่ในมือ


"พี่ครับ ผมขอบางสิครับ วันนี้ผมตักไม่ได้สักตัวเลย" เด็กน้อยวิ่งมาดึงชายเสื้อของต้นกล้า
           


                       และก็เหมือนเดิมเด็กคนเดิม ที่ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐยืนมองสังเกตุมาพักใหญ่วิ่งเขามาของปลาจากต้นกล้ากับพี่ชายของเขาแบบเดิม  ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปพูดแทนเด็กคนในบทพูดเดิม



"หึ หึ  วันนี้ก็ตักปลาไม่ได้เหมือนเดิมใช่มั้ย "ชินพัตน์มองหน้าเด็กน้อย


"คะ ครับตักไม่ได้เลย  แม่ให้เงินมาแค่ 20 ก็หมดแล้วครับ" เด็กน้อนทำหน้าเศร้าสุดเพราะดูแล้วถ้าจะจำชินพัตน์กับนนทนัฐไม่ได้


"งั้นพาพี่ไปหาแม่หรือพ่อเราหน่อยได้มั้ย พี่จะเอาเงินให้เขาจะได้มีเงินไว้ไห้เราไว้ตกปลา"


"เรื่องอะไรกันเหรอครับ"ต้นกล้าเดินไปกระซิบถามนพคุณ นพคุณก็ได้แต่สายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน


"เออ พ่อ(หันไปมองพ่อค้าร้านปลา) ไม่มาครับ แม่ก็ไม่มาครับ ผมมาคนเดียว" รีบแก้ตัว


"งั้นให้พี่พากลับบ้านมั้ย" ชินพัตน์ถามคำถามเด็กน้อย


"เอ่อ  เออ "


"มีอะไรกันครับ คุณลูกค้า" เจ้าของร้านตักปลาเดินมาที่กลุ่มพวกเขาเพราะเห็นมา ยืนมุงกลุ่มใหญ่บังหน้าร้าน พอเดินเข้ามาดูก็เห็นเด็กที่ต้นเองจ้างไว้ขอปลาจากลูกค้า เพื่อจะเอากลับมาลงบ่อ ให้ลูกค้าตักใหม่


"อ้อ คุณมาพอดีเลยครับ คุณรู้จักเด็กคนนี้หรือเปล่าครับ"


"เอ๊ะ อ่ะ  ไม่รู้จักหรอกครับ แค่เด็กมาเดินเที่ยวเฉย มีอะไรหรือเปล่า"


"พอดีจะพาเด็กกลับบ้าน เขาบอกว่ามาคนเดียว เงินก็ไม่มี อยากได้ปลาพวกผมก็อยากให้นะ แต่กลัวจะเอากลับไปไม่ถึงบ้านนะครับ"ชินพัตน์มองเจ้าของร้านปลาอย่างรู้ทัน


"ล่ะ แล้วไงครับ"


"หึหึ  ผมก็จะแจ้งตำรวจนะสิคุณ"


"เออ  คะ คุณจะจับเด็กเหรอครับ"


"ไม่หรอกครับ ผมจะจับคนที่เอาเปรียบคนอื่นต่างหากครับ"


"เอ่อ เอ่อ" 


             นนทนัฐเห็นท่าทางเกรงกลัวของเจ้าของร้านปลา เลยดึงตัวชินพัตน์ออกมาก่อน  และพาเจ้าของร้านไปคุย ด้านหลังร้าน สักพักก็กลับมา บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย  เด็กคนนั้นก็วิ่งหนีหายไปใหนแล้ว ตั้งแต่ได้คิดคำว่าตำรวจ ชินพัตน์อยากจะเอาเรื่องแต่ก็ยังสงสาร ยิ่งเมื่อรู้ว่านนทนัฐอธิบายให้ฟังว่าพวกเรารู้วิธีการของทางร้านแล้ว ถ้ายังทำแบบเดิมอีก จะเรียกตำรวจมาจับ เพราะอ้างไปว่าถ่ายคลิปไว้แล้ว ทำให้เจ้าของร้านกลัว และรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก  สร้างความสงสัยให้กับต้นกล้าและนพคุณอย่างมาก


"พวกนายทำอะไรกันว่ะ งงไปหมดแล้วเนี้ย" นพคุณเปิดประเด็นถามขึ้นเมื่อเดินกันออกมาจากร้านปลา


"นั้นสิพี่ชินเรื่องอะไรกันเหรอครับ ดูสิได้ปลามาเยอะแยะเลย เจ้าของร้านใจดีจัง" ต้นกล้าสงสัยแต่ก็ยังไม่วายตื่นเต้นกับถุงปลาขนาดใหญ่ที่อักอากาศมาให้พร้อมปลาทองตัวอวบอ้วนหลาย 10  ตัว ยกขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ


"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ตักเตือนเล็กๆน้อยๆ" ชินพัตน์ทำท่าทางเต๊ะท่าเหมือนคนใหญ่คนโต เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เดินตามทันที


"ฮ่าๆๆ อะไรของนายว่ะ "นพคุณหัวเราะน้องชายที่ทำท่างตลก แต่ก็ทำให้บรรยาศที่ดูตึ่งเครียดผ่อนคลายลงได้เยอะ


"ไม่มีอะไรหรอกครับ ร้านนั้นเขามีเทคนิคใหนการขายแบบผิดเท่านั้นเอง เลยต้องเตือนกันนะครับ "นนทนัฐเป็นคนอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจ


"หมายถถึงเด็กคนที่มาขอปลานั้นด้วยเหรอครับ"


"อืม นั้นล่ะตัวดีเลย สอนเด็กให้ทำแต่เรื่องไม่ดีแย่ๆจริง"ชินพัตน์เหมือนจะยังหงุดหงุดอยู่เล็กๆ


"โอเค เข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่มีเรื่องสงสัยจะถาม"


"อะไรครับ"ชินพัตน์และนนทนัฐหันมาตอบนพคุณพร้อมกัน


"พวก นาย มา เดิน เที่ยว งาน กัน ก่อน หน้า นี้ แล้ว ใช่ มั้ย หืม?"นพคุณถามเน้นๆชัดๆทุกคำอย่างคนรู้ทัน หันไปถามทั้งน้องชายตนเองและนนทนัฐ


"!!!!!!!!!!!!!!!"  ชินพัตน์ตาโตอย่างตกใจไม่คิดว่าพี่ชายตนเองจะรู้


"ครับ"นนทนัฐยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ทำให้เจอสายตาพิฆาตจากชินพัตน์


ไม่บอกพวกเขาทำม่ายยยยยยยยย







                                               

                                                   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!

                             มินมิน ลงให้อ่าน 2 ตอนกันเลย ยาวๆ  แบบจุใจ ตอนรับปีใหม่

                       ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้กับทุกคอมเม้นนะคะ




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-01-2015 21:01:48
ต่างคนก็ต่างมีคดี 5555
รอตามจ้า
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2015 22:44:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-01-2015 01:56:07
เย้เย้ มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 31-32 [02-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-01-2015 12:31:59
คุณนนท์ซื่อเนอะ
คราวนี้พี่นพก็เลิกคิดมาก
เรื่องระหว่างชินกับต้นกล้าได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 08-01-2015 23:25:35


                                                       ตอนที่ 33  เข้าใจผิด




"เออ  ต้นเมื่อกี้ที่บ้านพี่ลองกินกล้วยทุบน้ำกะทิแล้วนะอร่อยมากเลย " ชินพัตน์รีบเปลี่ยนเรื่องคุย ทำเป็นไม่สนใจกับคำถามของพี่ชาย

"เหรอครับดีจัง ยายก็บอกว่าอร่อย เอาไว้ต้นจะทำให้กินบ่อยๆนะครับ" ต้นกล้าตื่นเต้นดีใจ ที่ชินพัตน์ได้ลองชิมแล้วชมว่าอร่อย

"พี่ยังไม่ได้ลองกินเลย" นพคุณเรียกร้องความสนใจจากคนตัวเล็กกว่า ทันที

"อะไรพี่ใหญ่ เมื่อเช้าเห็นออกมาแต่เช้า ทำไมยังไม่ได้กินล่ะ" ชินพัตน์ถามพี่ชายอย่างสงสัย

"อ้อ  ก็  มัวแต่เก็บผักไง เลยยังไม่ได้กิน" ตอบแบบไม่สบตา เพราะรู้ว่าตนเองโกหก ร่วมทั้งต้นกล้าที่แอบหัวเราะเบาๆ

"ให้มันจริงนะพี่ ถ้าผมรู้ว่าพี่แกล้งต้นอีกล่ะก็ ......."

"เฮ้ย!! ไม่ได้แกล้งหรอกน่า ไปไป จะเดินไปดูอะไรตรงใหนกันก็เดิน" นพคุณรีบดันหลังน้องชายให้เดินเที่ยวงานต่อ


                        เดินผ่านร้านค้ามากมาย เสื้อผ้า ของใช้ ร้านทุกอย่าง 20 บาทที่มีลูกค้าแน่ร้าน ร้านขายขนม ร้านน้ำปั่น นพคุณเดินไปสั่งให้ต้นกล้า เป็นน้ำแตงโมปั่น ชินพัตน์เป็นน้ำส้มปั่น ส่วนนนทนัฐไม่ยอมสั่งอะไร ยืนถือของให้อย่างเดียว

"คุณไม่สั่งน้ำเหรอ"

"ผมไม่ทานน้ำที่ใส่น้ำเชื่อมครับ "ชินพัตน์หันไปมองที่ร้าน จริงด้วยใส่น้ำเชื่อมจริงๆด้วย

"แล้วคุณไม่หิวเหรอไง"ชินพัตน์ถามอย่างสงสัย เพราะเดินเล่นกันมาสักพักใหญ่แล้วนนทนัฐยังไม่เห็นซื้ออะไรทานเลย

"ไม่ครับ ผมกินกล้วยปิ้งที่บ้านยายมายังอิ่มอยู่เลยครับ" จริงๆแล้วอยากบอกว่า อยากกินลูกชิ้นปิ้งของชินพัตน์มากกว่า แต่ก็จะดูเอาใจคนตรงหน้าเกินไป

"อืม อืม" พยักหน้าเข้าใจเลยไม่ถามอะไรต่อ


                 แล้วทั้ง 4 เดินเข้าไปไหว้พระ ปิดทองขอพรพระ ทำบุญกับทางวัด ใส่ตู้บริจาคที่ทางวัดตั้งไว้ ไหว้พระประจำวันเกิดของแต่ละคน และเดินกลับเข้ามาในบริเวณงานอีกครั้ง ต้นกล้ายังอยากได้ ตุ๊กตาตัวใหญ่จากร้านปาลูกโปร่ง ก่อนที่ชินพัตน์จะมาก เลยชวนทุกคนเดินไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง

"พี่ชินต้นจะไปปาลูกโปร่งตรงร้านนั้นอ่ะครับ"

"ตุ๊กตาที่กอดอยู่นี้ยังไม่พอหรือครับ หืม" ชินพัตน์มองตุ๊กตาที่ต้นกล้าอกอดอยู่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

"ก็มันตัวเล็กอ่ะ ต้นอยากได้ตัวใหญ่ๆ" ต้นกล้าทำไม้ทำมือให้ดูว่ามันยังมีตัวที่ใหญ่กว่านี้อีก

"ใหน? ร้านใหนที่มันตัวใหญ่ๆ เดี๋ยวพี่จะซอยมาให้เอง" ชินพัตน์เห็นว่าต้นกล้าอยากได้มากเลยนึกสนุกอยากที่จะเป็นคนหามาให้เองเลยรีบให้พาไปที่ร้านนั้น

"อยู่ตรงใกล้ๆเวทีแสดงดนตรีอะพี่ชิน รีบไปเถอะ ไม่รู้ว่าโดนสอยไปหรือยัง"  ต้นกล้าดีใจที่ชินพัตน์จะไปเล่นกันตนเองด้วย

นพคุณและนนทนัฐมองตามทั้ง 2 คนที่ทำท่าทางเหมือนเด็กๆ อยากได้ของเล่นใหม่แล้วเอามาอวดกัน


"พี่ใหญ่เดินเร็วๆสิ  คุณด้วยเดี๋ยวตุ๊กตาโดยหิ้วไปก่อนหรอก" ชินพัตน์หันมาดูคนที่เดินตามมาห่างๆ สั่งให้เดินตามมาเร็วๆ


"ร้านนี้เลยพี่ชิน ตุ๊กตายังอยู่ " ชี้ไปที่ร้านและตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ห้อยอยู่

"มาเดี๋ยวพี่ปาให้เอง อยากได้ตัวนั้นใช่มั้ย"หันไปบอกกับต้นกล้า" พี่ครับ ถ้าจะได้เจ้าตัวใหญ่นั้นต้องทำไง" แล้วก็เรียกคนในร้านปาลูกโปร่งมาถาม

"ปาลูกโปร่ง แตก 3 ลูก เอาตุ๊กตาไปเลยตัวใหนก็ได้ ส่วนเจ้าตัวใหญ่นี้เหลือตัวสุดท้ายแล้วนะ "

"อ้อครับ "ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ

"พี่ชินต้องซื้อลูกดอก 20 บาทได้ 3 อัน "ต้นกล้าบอก

"นี้ครับพี่ "ชินพัตน์ส่งแบงค์ 20 ไปให้เจ้าของร้าน

"นายแน่ใจนะว่าปาแตกหมด"นพคุณเดินเข้ามาแซวน้องชาย

"เชื่อมือผมสิ เดี๋ยวผมปาให้ดู" ชินพัตน์มั่นใจ

                           หมดเงินไปกับฝีมือการปาของ ชินพัตน์ 60 บาทแล้วแต่ยังทำไม่ได้สักที ต้นกล้าเลยบอกจะลองปาเอง  แต่ปาลูกโปร่งแตกไปแค่ 2 ลูก อีกลูกโดนลูกโปร่งแต่มันเด้งออกมา ทำให้พลาดตุ๊กตาที่อยากได้  ทำที่จะส่งเงินเพื่อที่เล่นต่ออีกแต่นพคุณห้ามไว้ก่อน ยืนดูทั้งคู่เอาจริงเอาจังมาก

"พอก่อนทั้งนายและทั้งต้น หมดไปจะเป็น 100 แล้วนะ" นพคุณห้ามเด็กตรงหน้าที่ไม่ยอมแพ้

"โธ่พี่ก็มันยังไม่ได้นี่น่า ต้นเขาอยากได้ตัวนั้นด้วย" ชินพัตน์หันมาบอกพี่ชาย แล้วชี้ไปที่ตุ๊กตา

"ได้ๆ ครั้งสุดท้ายตกลงมั้ย เดี๋ยวพี่ปาให้เอง แล้วก็กลับกันได้แล้ว ดึกแล้วด้วยเดี๋ยวยายเป็นห่วง" นพคุณยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

"พี่ใหญ่ต้องปาให้ได้นะ ไม่งั้นไม่กลับ"

"อย่าทำตัวเป็นเด็กน่าเจ้าชิน"

"แต่ผมอยากตุ๊กตาตัวนั้นให้ต้นนี่น่าพี่"

"ได้ๆ พี่จะพยายามแล้วกัน จะได้รีบๆกลับ โอเคมั้ย" หันไปมองทั้งชินพัตน์และต้นกล้า นนทนัฐเห็นพี่น้องคุยกันแบบนี้ ก็อยากที่จะมีขึ้นมาบาง  แต่คงจะอยากแล้ว

"ปาให้ได้นะพี่ " ต้นกล้าและชินพัตน์พูดขึ้นมาพร้อมกัน

"หึหึ  อืม" หัวเราะเบาๆกลับเสียงเชียร์เหมือนเด็กๆ ของคนที่ยืนขนาบข้างเพื่อลุ้นรางวัล



"เย้!!!!  พี่เก่งจังเลย"ต้นกล้ากระโดดเกาะแขนนพคุณอย่างดีใจ

"เยส!!!! พี่ครับๆ ตัวนั้นครับ "ชินพัตน์กระโดดยองๆเหมือนตัวเองเป็นคนทำได้ซะเอง รีบชี้ตุ๊กตาตัวที่ต้องการ

"ได้ครับ"เจ้าของร้านก็รีบสอยเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่อยู่ใหนถุงใสใส่เพื่อกันฝุ่น

"นี้ไงต้นได้มาแล้ว ตัวใหญ่มากเลย "ชินพัตน์รีบส่งตุ๊กตามาให้

"ถ้าคุณมาประจำ ร้านผมเจ๋งแน่เลย ดีนะที่ยังมาวันเว้นวัน "พูดจบก็สายหัวไปมา  ทุกคนหันไปมองทางเจ้าของร้านที่พูดขึ้นและมองไปทางนพคุณ  คนที่โดนมองขมวดคิ้วมุนเมื่อโดนเจ้าของร้านทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ซะแล้ว รีบพาต้นกล้าเดินหนีออกจากร้านไปเลย


                  ชินพัตน์มองดูพี่ชายทำตัวผิดสังเกตุ ที่รีบเดินจูงมือต้นกล้าออกมาตามทาง เพื่อจะเดินกลับไปที่รถ  ชินพัตน์ยังคงข้องใจกับคำพูดของเจ้าของร้านปาลูกโปร่งที่พูดขึ้นเหมือน  ส่วนนนทนัฐก็เหมือนจะเข้าใจนพคุณเลยเดินตามยกยิ้มอย่างเห็นใจ  แต่น้องชายเหมือนจะอยากรู้เสียให้ได้ รีบเดินตามเพื่อถามเรื่องที่ยังข้องใจ


"พี่ใหญ่  พี่จะรีบเดินไปใหน ต้นกล้าเดินตามไม่ทันแล้ว"

"ก็มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวยายเป็นห่วง เดินเร็วๆจะได้กลับเร็วๆไง" ตอบคำถามน้องชายแต่ก็ไม่ได้ลดจังหวะการเดินลงเลย

"พึ่งจะ 5 ทุ่มเอง ยายไม่ว่าหรอกน่า พรุ่งนี้ต้นก็ไม่ต้องรีบตื่นขึ้นมาเก็บผักด้วย พี่นั้นแหละจะรีบไปใหน"

"ก็คุณนนท์เขาก็จะได้รีบกลับไง ดูสิให้เขาถือของตั้งเยอะแยะ" นพคุณหันมาตอบเมื่อน้องชายยังคงตื้อถาม และมองเห็นนนทนัฐที่เดินตาม ถือของมากมาย ทั้งตุ๊กตาทั้งถุงเสื้อผ้า ของกินเล่น เต็มมือไปหมดทั้งๆที่ไม่ใช่ของนนทนัฐเลย 

"ไม่เป็นไรครับ ห้องพักผมอยู่ข้างตลาดนี้เองครับ  ส่วนของพวกนี้ผมอยากช่วยถือเองครับ" ส่งยิ้มพิฆาตมาให้ทั้ง 3 คน

"เห็นมั้ย ไม่มีใครรีบเหมือนพี่หรอก  "

"งั้นพวกเราก็แยกกันตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปส่งต้นเอง" เมื่อเดินมาถึงรถนพคุณรีบตัดบท

"อะไรกันพี่ ผมไปส่งต้นเองก็ได้" ชินพัตน์อยากจะแกล้งพี่ชาย

"ฉันไปเอง นายรีบกลับบ้านเหอะเดี๋ยวป้าเป็นห่วง"

"ผมบอกไว้แล้วว่าวันนี้จะเดินเที่ยวกับต้น ว่าจะกลับดึกด้วย พี่นั้นแหล่ะ ที่น่าเป็นห่วง"

"เป็นห่วงอะไร" นพคุณชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ

"แอบมาเดินเที่ยวเล่นกับสาวเหรอไง มาวันเว้นวัน เอาตุ๊กตาไปแจกสาวกี่ตัวแล้วล่ะ" ชินพัตน์เดาซุ่มเรื่องที่พี่ชายมาเดินเที่ยวที่งานบ่อยจนเจ้าของร้านทักขึ้นมา

"เฮ้ย!!!! ปะ เปล่ามาเดินกับสาวนะเว้ย!!! "นพคุณรีบปฎิเสธ และมองหน้าน้องชายกับต้นกล้าไปมา

"พี่ชินไปส่งต้นที่บ้านหน่อยครับ ต้นง่วงนอนแล้ว"ต้นกล้ารู้สึกไม่อยากฟังว่านพคุณจะไปเที่ยวกับใคร

"ไม่ต้น  ต้นกลับกับพี่นะ ให้พี่ไปส่งนะครับ" ต้นกล้าหลบหน้านพคุณไม่มองไม่ตอบอะไรทั้งนั้นจะเดินหาแต่ชินพัตน์ท่าเดียว

"พี่ก็ต้นจะให้ผมไปส่ง"ชินพัตน์แย้งขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของต้นกล้า

นพคุณรู้ได้ทันที่ว่าต้นกล้าต้องเข้าใจผิดเรื่องที่น้องชายต้นพูดแซวขึ้นมาแน่นอน เลยรีบดึงตัวต้นกล้าไว้

"เงียบไปเลยเจ้าชิน  ไว้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ ต้นไปกับพี่" นพคุณค่าโทษน้องชาย แล้งกึ่งลากกึ่งโอบต้นกล้าขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจ

"พี่ชิน!!!!" ต้นกล้าหันมาเรียกเพื่อต้องการตัวช่วย แต่ไม่ทันแล้วโดนหิ้วขึ้นรถไปแล้ว


ชินพัตน์มองรถพี่ชายที่ขับออกไปจากลานจอดอย่างงง คุยเรื่องอะไร แล้วทำไมพี่ชายต้องทำหน้าตาจริงจังแบบนั้น


"คุณผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า" ชินพัตน์ยังคงไม่เข้าใจ งงกับเรื่องราวตรงหน้า

"ไม่ผิดครับ แต่แค่ไม่ถูกเวลาเท่านั้นเอง"นนทนัฐพูดเสียงเรียบอย่างเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

"?????????????" ชินพัตน์ยิ่งงงมากขึ้น

"คุณไม่เห็นเสื้อที่พี่ชายคุณใส่เหรอครับ"นนทนัฐขยายความ

"อืมเห็นๆ แล้วไง ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะ"

"ผมว่าพี่ชายคุณเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินเที่ยวครั้งนี้มาอย่างดีเลยนะครับ"

"?????ยังไง"

"เสื้อพี่ชายคุณกับเสื้อต้นกล้าไงครับ เขาเตรียมทุกอย่างไว้ เพื่อวันนี้เขาอาจะมาฝึกปาลูกโปร่งเพื่อต้นกล้า   ......"

"!!!!!!!! จริงด้วย  โธ่เอ้ย  ผมทำไมพูดอะไรไม่คิดแบบนั้นนะ "ชินพัตน์คิดตามคำพูดของนนทนัฐ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที และคำพูดไม่คิดอาจจะทำให้พี่ชายรู้สึกไม่ดีแน่ๆ  และทำให้ต้นกล้าเข้าใจผิด ชินพัตน์ยกมือขึ้นมาตบปาก ตบหัวตนเองไปมา 

"ผมว่าอย่าคิดมากเลยครับ" นนทนัฐเดินมาจับมือชินพัตน์ให้เลิกตีตนเอง และพูดปลอบ  "ผมว่าพี่ชายคุณคงไม่เป็นคนคิดมากอะไร เพราะคุณก็ไม่ได้ตั้งใจ กลับไปก็ขอโทษพี่ชายคุณซะ นะ" นนทนัฐดึงมือชินพัตน์ให้หันมาฟัง

"................"ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจกับคำพูดตนเอง

"อย่าคิดมานะครับ กลับบ้านเถอะดึกมาแล้วครับ"นนทนัฐเดินจูงมือคนที่คิดโทษตนเอง มาที่รถแล้วเปิดประตูให้

"ครับ" ชินพัตน์เข้าไปนั่งที่รถอย่างง่ายๆ เหมือนคนเหม่อๆ 

นนทนัฐยังคงยืนมองรอให้รถชินพัตน์ขับออกไปก่อน แล้วตนเองค่อยกลับเข้ามที่พัก แต่รถก็ยังอยู่กับที่ เลยเดินเข้าไปถามอย่างเป็นห่วง

ชินพัตน์เลื่อนกระจกรถลง เมื่อเป็นคนที่มีเรื่องอยากถามแต่ไม่กล้าเดินมาที่รถ


"คุณผมมีเรื่องอยากจะถาม"ชินพัตน์ชิงถามก่อน

"ครับ?"

"คุณไปเดินเที่ยวงานมาก่อนแล้วใช่มั้ย?"

"เอ๊ะ เปล่านะครับ ทำไมถึงคิดแบบนั้น"

"ก็คุณตักปลาเก่งมากเลย"

"คือ  ผม................................"  ผมเป็นแชมป์ตักปลาตั้งแต่ตอนม.ปลายแล้ว เรื่องนี้จะบอกออกไปดีมั้ย ผมบ้าเล่นเกมตักปลามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว





มีต่ออีกตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 08-01-2015 23:33:04





                                                ตอนที่ 34  รอคำตอบจากคนที่กอดตุ๊กตา



                    ภายในรถเงียบไม่มีการพูดคุยกันระหว่าคนขับกับผู้โดยสารที่นั่งคู่กันมา  นพคุณลอบมองสีหน้าต้นกล้าตลอดเวลา ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรก่อนดี คนที่นั่งข้างๆเขาต้องเข้าใจผิดเรื่องของเขาแน่ ถึงเอาแต่นั่งเงียบ มันต่างจากที่ตอนเดินเที่ยวเล่น ตอนได้ทุกตุ๊กตา และไม่มีรอยยิ้มเหมือนที่ตอนได้เสื้อที่เขาซื้อให้เลย ทำไมเขาถึงรู้สึกปวดใจแบบนี้ ใส่ใจความรู้สึกของคนข้างๆขนาดนี้


มันเรียกว่า ความรัก ได้หรือเปล่า


อยากให้มีความสุข มีรอยยิ้ม มีสายตาที่มองมาหากันเสมอ


แต่ตอนนี้มีบางอย่างทำให้เขาอาจจะไม่ได้ทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นมาอีก


"ต้นครับ ต้นเป็นอะไร" นพคุณจอดรถเข้าข้างทางตรงหน้าซอยเข้าบ้านสวนของยาย

"................"ต้นกล้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตนเองทำไมถึงรู้สึกไม่ดี ไม่อยากเห็นหน้าคนที่แอบไปเที่ยวกับคนอื่น ก่อนตนเอง เพราะคนข้างๆบอกว่าจะรอไปเที่ยวพร้อมกัน แต่แล้วทำไม ความรู้สึกนี้คือเสียใจ น้อยใจ  มีแต่ความเงียบคือ คำตอบ


"ต้นหันมาคุนกันดีๆสิครับ อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้ พี่รู้สึกไม่ดีเลย" นพคุณจับหัวไหล่ของต้นกล้าให้หันมามองหน้ากัน


"......................"ต้นกล้าหันมา แต่ไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก้มหน้าเพื่อหลบซ้อนความรู้สึกที่เป็นยู่ตอนนี้


"ต้นครับ ต้นกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ พี่ไม่ได้ไปเดินเที่ยวกับใครเลย"


"ฮึก แต่พี่ก็ไปเดินเที่ยวที่งานมาก่อน ฮึก ใช่มั้ยล่ะ ไม่อย่างนั้น พี่ที่ร้านตุ๊กตาไม่พูดขึ้นแบบนั้นแน่ ฮึก" ต้นกล้าพูดไปสะอื้นไป ความรู้สึกที่ไม่อาจจะเก็บไว้พรั่งพรู่ออกมาทั้งน้ำตาและคำพูด


"........................."นพคุณทำตัวไม่ถูกเมื่อต้นกล้าเริ่มร็องไห้ออกมา


"ฮึก ต้นไม่สนว่า ฮือ  พี่จะไปเที่ยวกับใคร ฮือๆ แต่พี่บอกว่าจะไปเดินเที่ยวพร้อมกับต้น ฮึกฮือๆ" ต้นกล้าร้องไห้หนักขึ้นและเริ่มจะง้อแงไม่มีเหตุผล ผิดวิสัยเด็กดีที่ต้นกล้าทำมาตลอด แต่เมื่ออยู่กับคนตรงหน้า อยากที่จะเอาแต่ใจ อยากให้ตามใจ



"ขอโทษครับ ไม่ร้องนะ นะครับ" นพคุณดึงต้นกล้าเข้ามากอดปลอบ ลูบหัวลูบหลังอย่างแผ่วเบา

"ฮึก  ฮือ ฮือ  " ต้นกล้ายังคงสะอื่นอยู่ในอ้อมกอดของนพคุณ
 


                       ความรู้สึกนี้คืออะไร อ้อมกอดแบบนี้ มันช่างอบอุ่น แตกต่างจากอ้อมกอดของผู้เป็นยาย  แม้กระทั้งอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ก็ยังไม่จำแถบไม่ได้  อยากอยู่แบบนี้นาน  ลืมเรื่องขุ่นมั่วภายในใจได้ทันที่เมื่ออยู่ในอ้อมก่อนนี้


"ต้นครับ ฟังพี่นะ พี่ยอมรับว่าพี่ไปเดินที่งานวัดมาก่อนจริงๆ แต่พี่ไม่ได้ไปกับใครนะครับ"


"แล้ว ฮึก พี่ทำไมไม่รอต้นก่อน "ต้นกล้าผละออกจากอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างเสียงเอาแต่ใจ


"โอ๋ โอ๋  ไม่ร้องแล้วนะ" นพคุณดึงคนแสนงอนเข้ามากอดอีกครั้ง และจะเช็ดน้ำตาให้ แต่ต้นกล้าทำเป็นหลบ แล้วเอาหน้าไปถูไถที่หน้าอกของนพคุณแทน เรียกรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้านพคุณได้ไม่น้อย มันช่างน่ารักและแสนงอนอยู่ในคราวเดี๋ยวกัน


"พี่ไม่ได้ไปกับใครจริงนะ" โยกตัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดไปมาเหมือนกล่อมเด็ก


"ละ แล้วพี่ไปที่ไปก่อนทำไมอ่ะ " ต้นกล้าพูดเสียงอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของนพคุณ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาถาม


"ก็ไปเดินหาซื้อเสื้อมาให้ใครบางคน " เมื่อต้นกล้าได้ยินก็พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดเพื่อจะถาม แต่ก็โดนกอดไว้แน่นขึ้นกว่าเก่า เหมือนอยากจะให้ฟังคนที่กอดให้จบก่อน


"พี่ไม่ได้เดินเที่ยวงานวัดมานานมากแล้ว จนพี่แถบจำภาพงานวัดที่เคยไปครั้งสุดท้ายไม่ออก  เพราะช่วงวัยเด็กมีแต่เรื่องที่พี่ไม่อยากจะจดจำมันสักเท่าไร........" นพคุณเล่าให้คนในอ้อมกอดฟังเสียงเบาปนเศร้าจนคนในอ้อมกอดรู้สึกได้


ต้นกล้ารู้สึกอยากปลอบโยนคนที่กอดเข้าด้วยการกอดตอบและลูบหลังไปมาอย่างแผ่วเบาและรอฟังเรื่องต่างๆอย่างตั้งใจ


"พี่ไปเดินเที่ยวงานก่อนก็เพราะกลัวจะตามใครไม่ทัน  กลัวจะทำตัวเชยๆ เลยลองเดินดูก่อน ลองเล่นร้านต่างๆที่ต้นบอกว่าจะพาพี่ไปเล่น แล้วพี่ก็ตื่นเต้นมาที่จะได้มาเดินเที่ยวกับต้น "  ต้นกล้าฟังมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกดีใจและหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ กับคนที่ทุ่มเทเพื่อที่จะเดินเที่ยวงานกับตนเอง


"แล้วพี่ไปตั้งแต่วันใหน" ต้นกล้าสงสัย


"เออ  แหะแหะ ตั้งแต่วันจันทร์ "นพคุณหัวเราะแก้เก้อเขินที่ต้องมาเล่าเรื่องที่ตนเองแอบคนตรงหน้าไปเตรียมตัวเที่ยว


"แล้วพี่ไปทำอะไรมั้ง"ต้นกล้าอยากรู้ว่านพคุณเดินเที่ยวที่งานเกือยทุกวันทำอะไร เพื่อตนเองบาง


"วันแรก หลังจากที่ส่งส่งยายกลับบ้าน พี่ก็แวะมาดูที่งานว่ามีอะไรบาง แล้วก็เดินไปดูซุ้มเกมส์ที่ต้นเคยบอก  แต่แค่เดินดูนะ ยังไม่กล้าเล่น ฮ่าๆๆๆ  เดินดูเฉยๆ" นพคุณนึกย้อนไปวันแรกที่มาเดินที่งาน แล้วก็นึกคำตัวเองที่ทำอะไรแบบนั้น

"แล้วพี่ไปวันใหนอีก" ต้นกล้าตั้งใจฟังและอยากรู้มากขึ้น

"วันพุธ ก็เหมือนเดิมพี่ไปส่งยายที่บ้าน แล้วก็กลับมาที่งานวัด ลองเล่นเกือนทุกร้านที่พี่พอจะจำได้ ว่าต้นอยากจะเล่นอะไร  ปาลูกโปร่ง ได้เกือบทุกร้าน  จนตอนนี้ตุ๊กตาเต็มห้องไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ"


"ร้านตักปลาพี่ก็ไปลองเล่นด้วยเหรอ"


"เปล่ามีแค่ร้านนั้นแหละที่พี่นึกไม่ถึง"


"แล้วทำไมพี่ตักปลาเก่งจัง"


"ก็ที่บ้านเลี้ยงปลาเยอะ ก็เจ้าชินนั้นแหละ อยากเลี้ยงแต่ไม่เคยดูแล พี่เลยเป็นคนรับผิดชอบ เวลาให้อาหารเปลี่ยนน้ำ คงเคยชินมั้งเลยทำได้นะ ฮ่าๆๆๆ"  นพคุณเล่าไปก็เผาน้องชายตัวแสบของตนเองไปด้วย ต้นกล้าก็หัวเราะตามอย่างสนุกสนาน



"แล้วพี่ซื้อเสื้อจากที่งานมาให้ต้นใช่มั้ย" ต้นกล้า เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วยิ้มเอาใจคนที่ซื้อเสื้อให้


"ครับ"นพคุณตอบสั้นๆและยิ้มกลับ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของคนที่เขาอยากจะทำให้มีความสุขมากที่สุดแล้ว นพคุณมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น และเช็ดคราบหน้าตาที่ยังคงเหลือเล็กๆ ปัดผมบนหน้าผากมนที่ยุ่งเหยิงให้กลับมาเขาที่


"ชอบเสื้อที่พี่ซื้อให้มั้ย"


"ชอบครับ"


"แล้วชอบคนที่ซื้อให้หรือเปล่า"


"ชะ ชอบ??? อะไร ชอบทำไม" ต้นกล้าหน้าร้อนขึ้นมาทันทีกลับคำถามตีเนียนของคนตรงหน้าทำเสหน้าไปมองนอกรถ


"แล้วระหว่างตุ๊กตากับพี่ชอบอันใหนมากกว่ากัน"


"ต้น ......................ชะ ชอบตุ๊กตามากกว่าอยู่แล้ว " ต้นกล้ารู้ว่าคนข้างๆแกล้งถามตนเองแน่ๆ


"หึ หึ  "นพคุณดูท่าทางตอบแก้เขินของคนตัวเล็กว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูเรียกเสียงหัวเราะ


"พี่หัวเราะอะไร!!!!! พาต้นกลับเข้าบ้านเลย " ต้นกล้าได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเลยหันมามองค้อนก็แล้วแวดใส่คนที่เอาแต่ยิ้ม


"ครับ ครับ" ตอบรับแบยิ้มๆ แล้วเอือมมือไปจับมือต้นกล้าไว้  ทำให้ต้นกล้าหันมามองแต่ก็ไม่ได้ดึงมือ นั่งยิ้มเงียบๆก็ความรู้สึกที่แสนอบุอ่นที่คนข้างๆมอบให้




"พรุ่งนี้ต้นทำอะไรบาง" นพคุณถามต้นกล้าที่ลงจากรถแล้วเดินมาส่งที่บันไดขึ้นบ้าน


"ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เข้าไปรดน้ำผักในสวนแค่นั้นครับ"


"พรุ่งนี้พี่มาหาได้มั้ย"


"เอ๊ะ? "

"พรุ่งนี้พี่อยากพาต้นไปเที่ยวบาง"

"เออ ต้นขอถามยายก่อนได้มั้ย"


"ได้ครับ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมาฟังคำตอบนะ ขึ้นไปบนบ้านเถอะ" นพคุณลูบหัวต้นกล้าเบาๆ


"ครับพี่ก็ขับรถกลับบ้านดีนะ"


"ขึ้นบ้านเถอะยุงเยอะ"


"ครับ"


"ฝันดีนะต้น"


"ครับ พี่ก็ฝันดีนะครับ"


"ครับ พี่ขอฝันถึงต้นได้มั้ย หืม" นพคุณเดินกลับเข้ามาหาต้นกล้าอีกครั้ง ที่ยืนอยู่ที่ขั้นบันไดแรก ทำให้ความสูงของทั้งสองคน เท่ากันพอดี


"อะ  เออ  กะ ก็ได้ครับ" ต้นกล้าก้มหน้ากอดตุ๊กตาแล้วก็ตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา เขินอายเกินจะมองหน้าคนขอ


"ดีใจจัง  งั้นต้นก็กอดตุ๊กตาตัวนี้แทนพี่ด้วยนะครับ" นพคุณเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของต้นกล้าอย่างแผ่วเบาแล้วก้มลงจูบ........

.............
.........
....
...
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
 ตุ๊กตา


 :hao6:













                                           แม่ค้าลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้าๆๆๆๆ  :laugh:  :laugh:


                        เงียบหายไปหลายวัน  แวะไปเติมพลัง และไปหาวัตถุดิบมาทำลูกชิ้นแสนอร่อยอยู่จ้า


                    วันนี้ลง 2 ตอนให้อ่านกันแบบดร่ามา นิดๆ ปนหวานหน่อย นะคะ   อิอิ :hao7:  :hao7:  :hao7:



                  ขอบคุณที่ติดตามอานนิยายของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นคะ +เป็ดให้นะคะ เลิฟคนอ่านค่า




 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 09-01-2015 01:07:51
 :z13:  จิ้มคนเขียน

เตรียมตัวมาดีจัง นี่กลัวไม่ได้ของให้น้องใช่ไหม แอบไปเหมาร้านปาลูกโป่งมาละสิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-01-2015 12:18:31
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ชอบๆ :katai2-1:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 09-01-2015 16:39:08
น่ารักอะ ทั้งสองคู่เลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-01-2015 18:04:45
เกือบไปแล้วนะพี่นพ
ชินนี่บทจะซื่อก็ซื่อซะนนท์ฉลาดเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 33-34 [08-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 09-01-2015 20:56:08
หายไปนาน คนอ่านมัวแต่ฉลองง
น้องต้นน่ารักมากกกก :hao6:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 35 [15-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 15-01-2015 21:43:37



                                                 ตอนที่ 35  ความรู้สึกนี้คืออะไร



                        นพคุณขับรถออกมาอย่างมีความสุขและความหวังว่าพรุ่งนี้จะได้พาคนตัวเล็กแสนน่ารักไปเที่ยวกันแค่ 2 คน แต่ก็ต้องเพื่อใจไว้เพราะยังไม่ไคำตอบที่แน่นอน  ขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่เลยโทรหาน้องชายว่าถึงใหนแล้ว

Rrrrr  Rrrrr Rrrrr

"ว่าไงพี่"

"นายถึงใหนแล้ว ออกมานานยัง"

"ยังพี่ผมมีเรื่องคุณกับคุณนนท์นิดหน่อย เออ พี่ใหญ่ผมขอโทษเรื่องที่ผม....."

"ไม่เป็นไรเอาไว้ค่อยคุยกันที่หลัง ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ อย่าดึกมากเดี๋ยวป้าเป็นห่วง"

"ครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว" ชินพัตน์ตอบรับเสียงใสขึ้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงของพี่ชายแล้วคงไม่ได้โกรธตนเอง

"อืม แค่นี้นะ"แล้วนพคุณก็ว่างสายไป

   ชินพัตน์ที่เหมือนรอคำตอบจากคนที่ยังยืนนิ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ เลยไม่อยากจะคาดเดาอะไรไปเองอีก

"คุณ งั้นผมกลับแล้วนะ คุณก็เข้าไปที่ห้องพักเถอะ"

"เอ่อ  คือ......"

"โอเค ผมจะนอนหลับฝันดี โอเคยัง ผมไปแล้วนะ" ชินพัตน์เหมือนจะเดาว่าคนที่เอาแต่ยืนเงียบคงจะพูดคำเดิมๆที่เคยพูดเช่นเคย

"....................." นนทนัฐที่โดนดักทุกคำพูดไว้หมด ทำได้แค่ยกมือโบกไปมาและส่งยิ้มแห้งๆส่งไปให้เท่านั้น



                         ชินพัตน์ขับรถออกมาแต่ก็ยังไม่วายมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ที่ลานจอด อย่างไม่เข้าใจเป็นอะไรของเขานะ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเห็นอยากจะพูดจะทำอะไรก็พูดออกมาเลย หรือเกรงใจอะไร 

"เอ๊ะ หรือว่าเราพูดอะไรผิดอีกหรือเปล่าว่ะ???" ชินพัตน์พูดขึ้นขณะขับรถสู่ถนนใหญ่

ยังคงเก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ อยากรู้เรื่องของคนคนนั้นมากขึ้น เวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ทำให้ใครคนหนึ่งเข้ามามีอิทธิพลภายในจิตใจได้มากขนาดนี้เลยเหรอ  อยากรู้จัก อยากใกล้ชิด อย่างงั้นเหรอ ความรู้สึกเป็นแบบนี้เองสินะ คงจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจอีกสักหน่อย


                         เช้าวันอาทิตย์นพคุณรีบตื่นแต่เช้าเช่นเคย ดูร้านเช็คยอดลูกชิ้นที่เข้าสต๊อคมา และลูกชิ้นที่จะนำออกมาส่งและขายในแต่ละวัน วันนี้เตรียมตัวไว้ให้ เพื่อส่งต่อให้แมนช่วยดูแลแทน ช่วงที่นพคุณไม่อยู่ที่ร้าน  แมน เพื่อนบ้านตั้งแต่สมัยเรียนประถมของ นพคุณ สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จบแค่ มัธยมปลายเหมือนกัน แต่ต่างกันตรง นพคุณออกมาหางานทำเพราะอยากจะช่วยงานลุงกับป้า ส่วนแมน มีเมียมีลูกก่อนวัย เลยต้องออกมาหางานเลี้ยงดูลูกเมีย เมื่อได้มาเปิดสาขาที่นี้ ป้าและลุงก็เลยชวน แมนมาช่วยงานนพคุณกลัวว่านพคุณจะดูแลคนเดียวไม่ไหวเลยหาผู้ช่วยไว้ให้หลานชาย และเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกันเลยไม่น่ามีปัญหา

"วันนี้นายจะออกไปใหนแต่เช้าเหรอ"

"อ้อ พอดีมีธุระนะ ยังไงก็ฝากร้านด้วยนะ แล้วจะซื้อของมาฝากเด็กๆ "  เด็กๆนี้หมายถึงลูกของแมน ตอนนี้มีคนที่ 2 แล้วกำลังน่ารัก

"อืมได้ๆ แล้วของฝากนะ ไม่ต้องหรอก ตุ๊กตาเต็มบ้านไม่หมดแล้ว ของเล่นอีกเยอะไปหมด" แมนบ่นนพคุณทุกครั้งที่ชอบซื้อของเล่นมาให้เยอะแยะไปหมด

"น่าๆ  มีเยอะ ดีกว่าไม่มีเลย  ไปนะ" นพคุณตอบอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดีแบบสุดๆและเดินออกจากร้านเพื่อไปขึ้นรถคู่ใจ


"อ้าวพี่จะไปใหนแต่เช้า" เสียงทักเมื่อนพคุณกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ 

 สาว    เมียของแมนกลับมาจากตลาด มีลูกชายคนโตวัย 5 ขวบเกาะหลังและคนเล็กนั่งอยู่เบาะเด็กด้านหน้ารถมอเตอร์ไซค์จอดรถหน้าร้าน มองเห็นเพื่อนของแฟนกำลังออกไปข้างนอกเลยทักทายอย่างสงสัย

"อ้อ พอดีมีธุระนะ ไปซือกลับข้าวมาเหรอ"

"จ๊ะ พาเด็กๆไปด้วย ดื้อกันจริงๆ"กันไปทำตาดุใส่ลูกๆ

"ใหนใครดื้อ ถ้าดื้อลุงไม่ซื้อของเล่นให้นะ"

"บาสไม่ดื้อ บอลอ่ะดื้อ" คนพี่รีบโบ้ยให้น้องแล้วมือชี้ไปที่น้องชาย

"ครับๆ ไม่ดื้อก็ดีแล้ว เป็นเด็กดีช่วยพ่อกับแม่ดูร้านนะครับ ลุงไปทำธุระเย็นๆจะกลับแล้วจะซื้อขนมมาฝากนะ" นพคุณลูกหัวหลานชายอย่างเอ็นดู


                 นพคุณพยายามเป็นหลานที่ดีของลุงกับป้าเพราะทั้งสองเลี้ยงดูนพคุณมาตั้งแต่เด็ก เมื่อท่านทั้งสอง ให้โอกาสรับผิดชอบดูแลร้านเขาก็ทำงานอย่างสุดความสามารถ และมีเพื่อนที่ดีค่อยช่วยเหลือ เขาจึงอยากที่จะช่วยเหลือเพื่อนเช่นเดียวกัน มองเห็นครอบครัวของเพื่อนแล้วก็ มองย้นกลับมาที่ตัวนพคุณเอง ตัวเขาจะมีโอกาสมีครอบครัวที่ดีแบบลุงกับป้าได้มั้ย  มีลูกๆที่น่ารักเหมือนเพื่อนของเขาได้มั้ย  ใช่แล้วตัวเขาเองก็ฝันอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์  ไม่ถูกทอดทิ้งจากผู้ให้กำเนิดเหมือนตนเอง  ไม่อยากโดดเดี่ยวอีกต่อไป อยากจะมีใครสักคนข้างกาย  มันถึงเวลาของเขาหรือยัง

           
"สวัสดีครับยาย"นพคุณเข้ามาทักท้ายยายที่นั่งบนโต๊ะ เรียงตะกร้าผักเข้าที่โรงเก็บของหน้าลานบ้าน

"อ้าวมาแต่เช้าเลยพอหนุ่ม"

"ครับ คือผมว่าจะมาพายายกับต้นไปเที่ยวนะครับ"

"ไปเที่ยวใหนกันล่ะ  "

"ไปเดินเที่ยวห้าง ทานอาหารอร่อยๆตามร้าน แล้วก็ซื้อของเข้าบ้านกันประมาณนี้ครับ"

"ไปกับต้นเถอะจ๊ะ ยายนั่งขายของอย่างเดียวก็พอไหวนะ แต่เดินไปโน่นมานี้ยายคงจะเดินไม่ไหวหรอกจ๊ะ"

"ผมว่า...."

"อ้าวพี่มาแล้วเหรอ"

"ครับ "ยิ้มเล็กๆส่งให้ต้นกล้าที่เดินลงมาจากบ้าน

"งั้นก็กินข้าวกินปลาก่อนแล้วค่อยออกไปกัน"

"ยายไม่ไปด้วยกันเหรอครับ"

"ไม่หรอกจ้า พาต้นไปเที่ยวแทนยายที่เถอะ ยายไม่มีรถมีราไปเที่ยวใหนไกลๆกับเขาก็ไม่ได้" ยายพูดเสียงปนเศร้าเล็ก เมื่อมองหลานชายที่ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กวัยเดียวกัน เพราะฐานะไม่ดีและไม่มีเวลามากพอที่จะพาไปเที่ยวได้บ่อยๆ

"ยาย ต้นไม่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว ยายไม่ต้องห่วงต้นหรอก ต้นอยู่กับบ้านกับสวนต้นก็มีความสุขแล้วก็ได้อยู่กับยายด้วย" ต้นกล้าเห็นยายเป็นห่วงเลยรีบเดินเข้าไปกอดยายอย่างเอาใจ ยิ้มและพูดออกไปจากใจจริง

"เอาเถอะใหนๆวันนี้ก็ไม่ได้ขายของ ก็ไปเที่ยวกับพี่เขา พักบางก็ได้ต้นเอย "

"ยายก็ไปกับต้นด้วยสิ ไปเดินซื้อของเขาบ้านกัน" ต้นกล้ากอดแขนอ้อนยายอยากให้ยายไปเดินเที่ยวด้วย เพราะไปใหนมาใหนก็จะไปกับยายตลอดตั้งแต่เด็กจนโต จนเข้าเรียนมหาลัยก็ต้องห่างกันบาง

"ไปกัน 2  คนเถอะ ยายว่าทำงานตรงนี้เสร็จก็ว่าจะนอนกลางวันสักงีบ ไม่อยากไปเดินมันเหนื่อย" ยายพูดเรื่องที่จะทำวันนี้ให้หลานฟัง

" งั้นเดี่ยวต้นรีบไปรีบกลับมานะครับ"

"ไม่ต้องรีบหรอก เดินเที่ยวเล่นให้สนุกเถอะ  ยายอยู่บ้านคนเดียวได้ไม่ต้องห่วงนะ" ยายเห็นหลานอยากไปแต่ติดที่เป็นห่วงตนเอง

"ครับ เดี่ยวตอนกลับมาต้นซื้อกล้วยปิ้งมาให้ยายนะครับ"

"จ้า จ้า ขึ้นไปกินขายเช้ากันก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน"


                   ทั้ง 3 นั่งทานข้าวด้วยกันและคุยถึงสถานที่ที่อยากจะไป และของที่อยากจะซื้อเข้ามาที่บ้านสวนด้วย ใหนๆก็มีรถแล้วก็ซื้อเข้ามาเลย และก็คุยเรื่องลุงมีด้วย บอกให้ยายบอกปฎิเสธกลายๆไปเลยว่าตอนนี้มีรถรับส่งแล้ว ไม่รบกวนลุงเขาอีกแล้ว แต่ยายก็เหมื่อนยังเกรงใจ ต้นกล้าเลยตัดปัญหาขอเป็นคนไปบอกเอง  เพราะถ้านึกๆดูแล้วมันจะดูไม่คุ้มถ้ายังให้ลุงมีมารับส่งแบบนั้นอีก ต้นกล้าตัดสินใจ ยายก็ไม่อยากขัดใจ  และก็ไม่อยากขัดศรัทธาของคนที่อาสามาช่วยเหลือตลอด ลดค่าใช้ได้ไปได้เยอะกำไรจากการขายผักก็มีเยอะขึ้น ตั้งแต่มีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องรถรับส่ง

"ต้นเอาเงินนี้ติดตัวไว้"ยายส่งเงินให้หลานชายเพื่อไว้ใช้ซื้อของที่อยากได้เที่ยวเล่นอย่างคนอื่นๆเขา

"ยายเก็บไว้เถอะครับ ผมดูแลเองครับ"นพคุณบอกว่าเขาจะดูแลเรื่องนี้เองเพราะเป็นคนพาต้นกล้าไปเที่ยว

"ไม่ได้จ๊ะ มารับมาส่งแล้งยังจะให้ออกเงินให้อีก ยายเกรงใจ"

"ยาย ต้นยังมีเงินเก็บจากที่ทำงานพิเศษ เงินนี้ยายเก็บไว้เถอะ ต้นมีแล้วจริงๆ" ต้นกล้ารีบหยิบเงินในมือยายพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อยายแล้วรูดซิบปิดทันทีป้องกันยายหยิบขึ้นมาให้อีก

"แน่ใจนะ" ยายยังคงเป็นห่วงหลายจะอด

"แน่ใจครับ ตอนกลับต้นจะซื้อของชอบของยายมาฝากเยอะนะครับ"

"จ๊า จ้า  ไปเถอะเดี๋ยวจะสาย"ยายรีบเร่งให้ออกกันแต่เช้า หลานชายจะได้มีเวลาเที่ยวเล่นเยอะ

"ไปนะครับแล้วผมจะพาต้นกลับมาส่ง ก่อน 6 โมงเย็นครับ"

"จ้า ฝากหลานยายด้วยนะ พ่อหนุ่ม"

"ครับ" ยิ้ม และคิดในใจ ผมจะดูแลเท่าชีวิตของผมเลยครับ

                        ขับรถออกมาได้สักครู่ นพคุณเลยถามทางว่าจะไปเริ่มต้นที่ใหนก่อน ต้นกล้าเลยให้ไปที่ห้างใหญ่ห้างดังของจังหวัด เป็นแหล่งร่วมของวัยรุ่น มีทั้งโรงหนัง เกมส์เซนเตอร์ ร้านอินเตอร์เน็ท ร้านโทรศัพท์  ร้านอาหารฟ้าดฟู๊ดดังมากมาย ที่เหล่าวัยรุ่นเข้าไปเที่ยวเล่น เข้าไปนั่งกินกันตามเทรน ตามยุคสมัย  แต่มันเหมือนอีกโลกหนึ่งของต้นกล้าเลย เพราะต้นกล้าอยู่แต่กลับยายและอยู่กับสวน เมื่อเข้ามาหาลัยก็ใช่ว่าจะได้ม่เวลาได้ไปเที่ยวเล่นแบบนั้นได้ ต้นกล้าหาง่านพิเศษทำเพื่อช่วยลดภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่ยายต้องส่งมาให้ ต้นกล้าเลยเลิกที่จะใช้เวลาไปกับการเรียนและทำงาน พาทไทม์ และเมื่อถึงสุดสัปดาห์ ต้นกล้าจะรีบตรงกลับบ้านมาหายาย มาช่วยงานยายอยู่แบบนี้ เรื่องเที่ยวเล่นในสถานที่สุดฮิตนั้นจึงเป็นเรื่องไกลตัวมา  วันนี้ต้นกล้าเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ


"งั้นเราไปดูหนังกันสักเรื่องมั้ย" นพคุณเริ่มคุยเมื่อเข้ามาจอดรอดรถในลาดจอดห้างดังใจกลางเมอง

"พี่อยากดูเรื่องอะไรครับ ต้นไม่รู้ว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรเข้าโรงบาง"
               
"พี่ก็ไม่รู้ งั้นเราขึ้นไปดูโปรแกรมหนังกันก่อนแล้วค่อยเลือกนะ"

"ครับ"ยิ้มตาหยี่ เหมือนเด็กกำลังได้ของเล่น นพคุณเห็นแล้วก็มีความสุขอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

             ทั้งคู่พากันเดินเข้ามาภายในห่างที่มีผู้คนมากมาย ทั้งคู่ไม่เคยชินกับการเดินห้างสักเท่าไร นานแค่ใหนแล้วที่ไม่ได้เดินเข้าสถานที่แบบนี้ หรู่สุดก็คงเป็นร้านสะดวกซื้อ  นพคุณและต้นกล้ามองร้านค้ามากมายที่อยู่ชั้นล่างของห้าง อย่างตื่นตาตื่นใจของสวยๆงามๆน่าสนใจมาก มีของให้เลือกมากมาย  การจัดร้านที่สวยสะดุดตาดึงดูดลูกค้า หน้าใหม่อย่างต้นกล้าและนพคุณได้ดี เดินเขาไปยืนดูอย่างสนใจ  แต่ก็ไม่ได้อยากซื้อ  เดินดูแถบทุกร้านที่เดินผ่าน  จนลืมว่าเป้าหมายหลักคืออะไร


"พี่แล้วโรงหนังอยู่ชั้นใหนอ่ะ" ต้นกล้าที่มั่วเดินมองของร้านโน่นที่ร้านนี้ที่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงใหนต่อ

"นั้นนะสิ  ชั้นนี้ก็ไม่น่าจะใช่"นพคุณมองไปทั่วชั้นล่างที่พวกเขาเดินเข้ามาได้สักพักใหญ่แล้วก็ไม่น่าจะมีโรงหนังอยู่ในชั้นนนี้

"อ๊ะ ตรงนั้นมีบันไดขึ้น ลองขึ้นไปดูข้างบนกัน" ต้นกล้ารีบจูงมือนพคุณ

"นี้ไงพี่ ป้ายบอกว่าแต่ละชั้นมีอะไรบาง" ต้นกล้าสังเกตุป้ายที่ตั้งวางไว้ตรงทางขึ้นบันไดเลื่อน ป้ายบอกว่าแต่ละชั้นจำหน่ายสินค้าอะไรบาง

ชั้น  2  ขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านโทรศัพท์ ร้านทอง ร้านหนังสือ
ชั้น  3  เสื้อผ้า ร้านเสริมสวย ร้านรองเท้า ร้านอาหาร
ชั้น  4  โรงหนัง เกมส์เซ็นเตอร์ ร้านอินเตอร์เน็ท ห้องคาราโอเกะ

"พวกเราต้องขึ้นไปที่ชั้น 4 โรงหนังอยู่ชั้นนั้นอ่ะ"

"ครับ" แล้วนพคุณกับต้นกล้าก็เดินขึ้นบันไดเลื่อน ไปยังชั้น 4 บรรยาศจะต่างออกไปจากทั้ง 3 ชั้นที่ผ่านมา แสงค่อยข้างสลัวๆ ทึบๆ  จะสว่างก็ตรงส่วน ร้านอินเตอร์เน็ท เดินดูไปรอบๆสั้น 4  บริเวณที่เป็นส่วนของโรงภาพยนต์ ก็จะมีเปิดหนังตัวอย่างให้คนที่มาเลือกดู
โปสเตอร์โปรโมรหนังเรื่องต่างๆ มากมาย มีเสรยงเพลงเปิดคลอเบาๆ อาการที่เย็นช่ำไปด้วยแอร์ คนมากมายนั่งรอเวลาหนังเข้า  หลายคนเลือกที่จะเดินดูของที่ระลึกจากหนังดังที่มีบูทมาวางขาย หรือไม่ก็เข้าคิวซื้อเครื่องดื่มเพื่อเข้าไปกินในโรงหนัง

"พี่จะดูเรื่องใหนดีอ่ะ" ต้นกล้าถามขึ้นเมื่อเดินมาหยุดตรงตารางเวลาหนังที่ก่อนฉายก่อนและหลังตามลำดับ

"งั้นเดินไปดูหนังตัวอย่างกัน"

"อืมก็ดีครับ" ต้นกล้าเดินนำไปตรงโซนจอขนาดเล็กใหญ่  มีหนังหลายเรื่องเปิดหนังตัวอย่างที่กำลังจะเข้าฉายวันนี้"

"เรื่องนี้ตลกดีอ่ะ ฮ่าๆๆ"

"งั้นดูเรื่องนี้มั้ย"

"ครับ"

"งั้นเดี่ยวพี่ไปซื้อบัตร ต้นรออยู่ตรงนี้นะ"

"ครับ"


                   นพคุณได้บัตร 11 โมงมา ตอนนี้ พึ่งจะ 10 โมง 20 นาที่เท่านั้น ทั้งคู่เลยเดินดูรอบๆ ชั้น 4 เข้าไปเล่นในเกมส์เซ็นเตอร์ หยอดเหรียญ ตู้เล่นเกมส์จับผิดภาพ ได้ยินเสียงหัวเราะจากต้นกล้า  เล่นตู้จับตุ๊กตา  ได้มา 1 ตัวต้นกล้ากอดไว้ตลอดเวลาที่เดินเที่ยวเล่น
และ ตู้หยอดเหรียญ ชู๊ตบาสลงห่วง  ทำเวลาได้ดี เพราะนพคุณตัวสูงโยนกีลูกก็ลงห่วงเกือบทุกลูก ต้นกล้าก็โยน แต่ก็ไม่ค่อยจะลงห่วงเท่าไร เรียกเสียงหัวเราะชอบใจ และเรียกเหงือได้มาก จนต้องพากันมานั่งพักร้านเค้กเล็ก ข้างเกมส์เว็นเตอร์

"ต้นหิวน้ำมั้ย เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้"

"ต้น อยากกินโกโก้ปั่นครับ"

"ได้ครับ เดี๋ยวพี่สั่งให้เอาเค้กด้วยมั้ย"

"ก็ดีครับ"

            นั่งพักทานเครื่องดื่มเย็นๆกับเค้กแสนอร่อย ต้นกล้ารู้สึกจะชอบเป็นพิเศษบอกว่าอยากซื้อเค้กร้านนี้ไปฝากยาย บอกว่าตอนกลับจะแวะมาซื้อ อีก 15 นาที ถึงเวลาจะเข้าโรงหนัง ต้นกล้าและนพคุณจึงมายืนรอ ด้านหน้าทางเข้า

"ต้นอยากซื้ออะไรเข้าไปกินข้างในมั้ย"

"ไม่ครับ เมื่อกี่ก็ทานไปตั้งเยอะแล้ว ต้นกลัวป่วยฉี่ไม่อยากลุกไปใหนอ่ะ" ต้นกล้าบอกความจริงว่าไม่อยากพลาดหนังสักนาทีเลยปฎิเสธที่จะซื้อของเข้าไปกิน

"งั้นเดี๋ยวพี่มานะ" นพคุณบอกให้ต้นกล้ายืนรอ เพราะเขาเดินไปซื้อน้ำดื่มมาติดไว้เพราะหนังยาวเกือบๆ3 ชั่วโมง

                 และทั้งคู่ก็เข้ามาภายในโรงหนัง นั่งรอไม่นานภายในโรงก็มือสนิท มีหนังโปรโมตอีหลายๆเรื่องที่กำลังจะเข้ามาฉายใหนเดือนหน้า และเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ทุกคนก็ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพียง   หนังเริ่มฉาย นพคุณลอบมองต้นกล้าตลอด ต้นกล้าตั้งใจดูมาก ทำสีหน้าตาเนื้อเรื่อง สถานการณ์ตามหนังที่ฉายอยู่  นพคุณแถบจะไม่ได้ดูหนังได้แต่นั่งมองต้นกล้าอยู่แบบนั้น  มีช่วงเข้าเพลงเป็นเสียง ไม่มีบทพูด ทำให้ต้นกล้าละสายตาจากจอหนังหันมาเจอ  กับสายตาของนพคุณที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ก็ตกใจและแปลกใจ

"นะ หนังสนุกมั้ยครับ"

"อ๊ะ เออ สนุกครับ "

"ต้นดีใจที่ได้มาดูหนังแบบนี้"

"ครับพี่ก็ดีใจที่ได้มาดูหนังกับต้น"

ต้นกล้าได้ยินชัดเจน หน้าเริ่มขึ้นสีเพราะอยู่ๆคนข้างๆก็บอกออกมาตรงๆ

"ต้นก็ดีใจครับ" ต้นกล้าเริ่มก้มหน้าซ่อนใบหน้าเขินอาย คนที่เอาแต่จ้อง ลืมเรื่องหนังที่ฉายอยู่ต่อหน้าไปเลย

"มีความสุขมั้ยครับ หืม"นพคุณเอืมมือมาจับมือต้นกล้ามากุมไวและกระซิบถาม

"ครับ" ต้นกล้าก็ยังคงก้มหน้าก้มตาตอบ ใช่แล้ววันนี้เข้ามีความสุขได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำได้ลองเล่นเหมือนคนวัยเดียวกัน

"ดีจัง อย่าก้มหน้าสิครับ เดี๋ยวดูหนังไม่รู้เรื่องนะ" นพคุณเข้ามากระซิบใกล้ๆหูของต้นกล้าพร้อมกลับแกล้งคนน่ารักเล่น

"เอ๊ะ อะใช่  ดูหนังอยู่" ต้นกล้ารีบเงยหน้าขึ้นมา ตอนเพลงที่กำลังบรรเลงจบลงพอดี

"หึหึ  "นพคุณกุมมือต้นกล้าไว้อย่างแผ่วเบา

           ต้นกล้าก็กับมาตั้งใจดูหนังอีกครั้ง แต่ความรู้สึกต่างออกไป คือความอบอุ่นจากมือที่เกาะกุมกันไว้ไปตลอดจนหนังจบ รู้สึกดี
หัวใจที่รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากคนข้างๆที่ส่งมาถึงตัวต้นกล้าเอง  ต่างจากผู้เป็นยายที่คอยดูแลเลี้ยงดูเอาใจใส่ให้ความรักให้ความอบอุ่น


แต่ความรู้สึกที่ได้รับและเป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร


บอกต้นหน่อยได้ไหมครับ


ต้นอยากรู้





                                    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนกลับมาขายแล้วจ้า!!!! :laugh:


                        แม่ค้าลูกชิ้นหนีไปเที่ยวมาค่า  ขออภัยที่หายไปนาน ไปอ่านต่อกันเลยค่า

                  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องแรกของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยคะ




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 35 [15-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 16-01-2015 02:30:27
มันครือหลุมแห่งความรัก ขอโคแก่งัยต้น 55555 :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 35 [15-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 16-01-2015 11:27:16
คุณพี่คร้าบบบ ชอบก็บอกชอบก็จีบ  น้องเค้าทำตัวไม่ถูก :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้งตอนที่ 35 [15-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กลับมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 16-01-2015 11:34:27
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 16-01-2015 15:13:02


                                                ตอนที่ 36  ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็พอ


             หนังฉายจบไปแล้ว คนอื่นๆถยอยออกจากโรงหนัง แต่ต้นกล้ากับนพคุณยังนั่งอยู่ที่เดินจับมืออยู่แบบนั้นไม่ปล่อยออกจากกัน

"หนังสนุกมั้ย  หืม" นพคุณกุมมือกระชับแน่นขึ้นเพื่อให้คนที่นั่งข้างหันมาตอบ

"สนุกครับ ต้นไม่เคยมาดูในโรงแบบนี้เลย คนดูแต่ในโทรทัศน์"

"ถ้าอยากดูเมื่อไร บอกพี่นะเดี๋ยวพี่จะพามาดูเอง"

"ครับ ขอบคุณครับ " ต้นกล้าพยายามจะยกมือขึ้นเพื่อจะยกมือไหว้ แต่นพคุณรู้สายหน้าเล็กว่าไม่เป็นไร


"ออกไปข้างนอกกันเถอะนะ"

"ครับ" ต้นกล้ายังเขินๆเพราะนพคุณไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังจูงตนเองเดินออกจากที่นั่งไปยังประตูทางออก ผ่าสายต่างหลายๆคุ่ที่มองมา  ได้ยินเสียงพูดตามหลังมา

พี่น้องเขารักกันดีเนอะดูสิ

แก แก ดูสิเดินจับมือกันอ่ะ เป็นแฟนกันแหง่เลยอ่ะ

พี่น้องท้องติดกันหรือเปล่าว่ะ ดูดิ เดินจับมือกันตลอดเลยว่ะ


                 ต้นกล้าได้ยินก็ยิ่งทำให้อายพยายามจะดึงมือออก  แต่นพคุณก็กระชับจับแน่นขึ้นไปอีก ไม่สนใจคนรอบข้างจะพูดยังไง แค่ได้อยู่ใกล้ๆกันแค่นี้ก็พอใจและมีความสุขที่สุดแล้ว แล้วทำไมจะต้องไปสนใจใครจะพูดจะมองอย่างไรก็เรื่องของเขาเถอะ


"พี่ปล่อยมือต้นเถอะ ต้นเดินเองได้ครับ"

"หืม แต่พี่อยากอยู่แบบนี้ทั้งวันเลยไม่ได้เหรอครับ หืม"

"แต่ว่าคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีนะครับ ต้นไม่อยากให้ใครมาว่าพี่แบบนั้น"

"พวกเขาไม่รู้จักเรา แล้วพวกเราไม่รู้จักเขา พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว ต่างคนต่างก็ลืมหน้ากัน แล้วเราจะไปสนใจคนอื่นทำไมครับ" นพคุณหยุดเดินและหันมาหาคนที่เอาแต่ก้มหน้าอาย ยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มต้นกล้าเบาๆ

"พี่สนใจคนที่อยู่กับพี่ตอนนี้มากกว่า ......."

"..........." ต้นกล้าอายจนหน้าขึ้นสี ไม่กล้าสบตาคนที่เอาแต่จ้องมอง  อาการแบบนี้มันดูน่ารักมากในสายตาของนพคุณ

"ไปครับ จะบ่าย2โมงกว่าแล้วไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า" นพคุณก็เริ่มออกเดินพาต้นกล้าไปหาร้านนั่งทาน



"สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ย หืม"นพคุณกับต้นกล้าที่นั่งทานอาหารในร้านได้สักพักใหญ่ ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่างมือจากการทานแล้ว

"ไม่ครับ ต้นอิ่มแล้ว แต่ว่าต้นขอสั่งเมนูนี้กลับไปฝากยายได้มั้ยครับ" ต้นกล้าติดใจอาหารชุดนี้เลยอยากให้ยายได้ทานด้วย

"ได้ครับ" นพคุณยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อต้นกล้าจะคิดถึงยายเสมอไม่ว่าจะทำอะไร

"น้องๆ สั่งเมนูนี้ 1 ชุดกลับบ้าน แล้วคิดเงินเลยครับ" นพคุณเรียกพนักงานร้านมาสั่งเพิ่มและเก็บในคราวเดียว

"ได้ครับ รอสักครู่นะครับ"ไม่นานอาหารเป็นชุดจัดใส่กล่องเรียบร้อย ก็มายังโต๊ะพร้อมบิลค่าอาหาร

"ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ครับ"


                    ทั้งคู่เดินลงมาชั้น 2 ต้นกล้าบอกว่าอยากได้หนังสือเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำวิทยานิพนธ์ นพคุณรู้สึกได้ว่าต้นกล้าเป็นเด็กดีมากตั้งใจเรียน ถึงแม้จะมาเดินเที่ยวเล่นแต่ก็ยังไม่วาย ที่จะคิดถึงเรื่องเรียน คิดถึงยายที่รออยู่ที่บ้านเสมอ ยิ้มอย่างภูมิใจปนเอ็นดูพาเข้าร้านหนังสือชื่อดัง มีหนังสือมากมายให้เลือก ร่วมไปถึงเครื่องเขียน  นพคุณให้เวลากับต้นกล้าเต็มที่ในการค้นหาหนังสือที่อยากได้ นพคุณก็ใช้ช่วงเวลาที่รอเดินดูหนังสือนิทานเพื่อไปฝากหลานคนเล็ก และหนังสือหัดเขียนอ่านภาษาไทยให้กับหลานชาย


"เลือกหนังสือได้แล้วเหรอ"นพคุณเห็นต้นกล้าที่เดินเข้ามายืนข้างๆ

"ได้แล้วครับ แล้วพี่ดูกนังสืออะไรอยู่ มุมหนังสือเด็ก"

"สือหนังสือไปฝากเด็กที่บ้านนะ กำลังซนเลย หึหึ" นพคุณตอบก้นึกถึงหน้าหลานจอมซนขึ้นมา

"เหรอครับ?" ต้นกล้ารู้สึกสงสัยเล็กๆแต่ก็ไม่กล้าถาม

" ได้หนังสือครบแล้วใช่มั้ยครับ  ไปจ่ายเงินกัน" พคุณเดินจูงมือต้นกล้าไปที่เคาเตอร์เพื่อจ่ายค่าหนังสือ

"ต้นขอจ่ายเองครับ"

"ทำไมล่ะ ให้พี่จ่ายให้เถอะ"

"ไม่ครับ นี้เป็นหนังสือเรียนของต้น ต้นขอจ่ายเองครับ" ต้นยืนยังเสียงแข็ง

"โอเคครับ งั้นแค่เล่มนี้เล่มเดียวนะ" นพคุณดึงหนังสือเล่มเล็กสุด จากกองหนังสือที่ต้นกล้าเลือกมา เพราะมันมีหลายเล่มมาก นพคุณพอที่จะเดาได้ว่าแต่ละเล่มน่าจะมีราคาพอสมควร เลยตัดปัญหา 

ยืนหนังสือเล่มนั้นให้ต้นกล้าไปจ่ายอีกช่องคิดเงินอีกช่องหนึ่ง

"เอ๊ะ แต่ว่า....."

"ไม่มีแต่ครับ ไปจ่ายเงินสิครับ" ต้นกล้าเห็นว่านพคุณสั่งให้แบ่งใส่ถุงแยก ระหว่างหนังสือของตนเองกันหนังสือของเด็กๆ ต้นกล้ารีบดึงหนังสือนิทานและสมุดให้เขียนอ่านแล้วเดินเอาไปจ่ายอีกช่องคิดเงินทันที่ก่อนที่นพคุณจะห้ามทัน

"แบร่" นพคุณหันไปมองต้นกล้า ที่ทำหน้าตาทะเล้น ตลกๆ ยกถุงหนังสือของเขาที่คิดเงินเสร็จแล้วให้ดู

"เล่นอะไรหืม" นพคุณเดินมาหาต้นกล้าที่หน้าร้านหนังสือ เมื่อจ่ายเงินแล้วเดินไปหยิบของที่ฝากไว้ที่ชั้นฝากของเดินกลับมาหาคนที่เอาแต่รอบยิ้มทะเล้น

"ก็พี่ไม่ยอมให้ต้นจ่ายค่าหนังสือ ต้นก็จ่ายให้พี่แทนไง ฮิฮิ" ต้นกล้าส่งถุงหนังสือเด็กส่งคืนให้นพคุณและพยายามดึงถุงหนังสือของต้นเองที่ดูท่าทางจะหนัง เพราะขนาดเล่มหนามากๆ

"ไม่เป็นไรพี่ถือหมดนี้เอง"

"แต่ต้นอยากช่วยถือ มันหนักนะครับ"

"ไม่เป็นไรพี่ถือได้ จะไปซื้ออะไรไปฝากยายอีกมั้ย" นพคุณพยายามเป็นเรื่องให้ต้นกล้าลืมเรื่องที่กยากจะช่วยถือของ

"ต้นจะไปซื้อเสื้อผ้าให้ยายครับ"

"ไปสิ ไปดูที่ชั้นเสื้อผ้ากัน"

"ร้านไม่ได้อยู่ที่นี้ครับ อยู่แถวๆ บขส. พาต้นไปซื้อหน่อยได้มั้ยครับ"

"ได้สิครับ " ตอนนี้กลับเป็นต้นกล้าที่เดินจูงมือนพคุณแทน เดินกันไปที่รถเก็บของที่เบาะหลัง และตรงไปยังร้านเสื้อประจำที่ยายเคยพาต้นกล้าไปด้วยจนจำได้

...
.
.
"พี่จอดตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวต้นเดินไปที่ร้านเอง"

"พี่จะไปด้วย"

"เออ แต่ว่ามันร้อนนะครับ ไม่ใช่ร้านติดแอร์เหมือนบนห้าง ต้นกล้ากล้าพี่จะร้อน"

"ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ" นพคุณเดินลงจากรถรอต้นกล้าเดินนำเพื่อไปที่ร้านเสื้อ  เดินออกมาจากบริเวณ บขส. จะเป็ตึกแถวกลางเก่ากลางใหม่ ที่เป็นเป็นร้าน เสื้อผ้า ร้านขายของ มากมาย


"สวัสดีครับ ป้าแมว"

"อ้าวใช่ต้นหรือเปล่า จำแถบไม่ได้เลยโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว อ้าวแล้วยายล่ะ ไม่มาเหรอ"

"ยายอยู่บ้านครับ ต้นออกมาทำธุระก็เลยแวะมาหา ว่าจะมาซื้อเสื้อไปฝากยายนะครับ"

"เข้ามาสิจะ มาเลือกเลย ชอบแบบใหน"

"ป้าแมวว่ายาย จะชอบสีใหนครับ"

"สีครีมดีมั้ย เอาไว้ใช่ไปงานบุญก็ได้ ออกงานสำคัญๆก็ดี" พอป้าเจ้าของร้านพูดแบบนั้น ต้นกล้านึกไปถึง วันที่ต้นเองได้รับปริญญา คนที่ต้นอยากให้เห็นความสำเร็จมากที่สุดก็คือยาย 

"ก็ดีครับ งั้ยผมเอาเสื้อตัวนี้ครับ ผ้าถุงสีใหนดีครับผ้า"

"งั้นสีนี้เป็นไง เข้ากันดีนะป้าว่า" ป้าเจ้าของร้าน หยิบผ้าถุงและเสื้อมาเทียบกัน ต้นกล้าอยากได้ความคิดเห็นของคนที่มาด้วย เลยหันไปมองหน้าเพื่อขอความคิดเห็น  นพคุณก็พยักหน้าอย่างพอใจ ต้นกล้าก็ตัดสินใจได้ทันที่

"งั้นต้นเอาชุดนี้ครับ เท่าไรครับป้า"

"คนกันเอง จาก 1200 งั้นป้าคิด 1000 ถ้วนๆ แล้วกันจ๊ะ"

"ครับ " ต้นกล้าก้มหยิบกระเป๋าเงินเพื่อจะหยิบเงินขึ้นมาจ่าย แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นนพคุณจ่ายเงินเสร็จแล้วและรับถุงเสื้อผ้ามาถือเรียบร้อย

"พี่จ่ายทำไมครับ นั้นเสื้อของยายต้นนะ ให้ต้นจ่ายเองสิ" ต้นพยายามยืนเงินคืนให้นพคุณ

"ครับ ๆ ไปคุยต่อที่รถนะ เกะกะร้านคุณป้าเขา" นพคุณไม่รับเงินแต่จับขอมือต้นกล้าให้หันไปดูลูกค้าที่เดินเข้ามาดูเสื้อในร้าน ทำให้ต้นกล้าต้องเลิกดื้อ และบอลาป้าเจ้าของร้านและเดินออกจากร้านอย่างเงียบๆ  เดินตามนพคุณที่ดูจะอารมณ์ดีเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์

"เป็นอะไร มายืนอะไรตรงนี้มันร้อนนะ "นพคุณหันไปมองหา ก็เห็นตนกล้ายืนทำหน้าบึงอยู่ห่างออกไป เลยเดินกลับมาถาม

"ก็ต้นอยากจ่ายค่าเสื้อให้ยายเองอ่ะ" ต้นกล้าทำแก้มป่องไม่พอใจเล็กที่โดนขัดจัดเรื่องจ่ายเงิน

"ครับๆ เงินค่าเสื้อ 1000 พี่ฝากไว้กับต้นก่อนนะ วันใหนเงินหมดพี่จะไปถ่วงแบบนี้โอเคมั้ย  ไปที่รถเถอะตรงนี้มันร้อน" นพคุณไก่เกลี่ยฝากแผนทำข้อตกลงเพื่อให้ต้นกล้าสบายใจ แล้วเดินจูงมือคนที่ยังงงๆกับขอตกลงนั้นอยู่

"เดี๋ยวก่อน ต้นขอไปซื้อกล้วยปิ้งร้านประจำก่อน แล้วพี่ก็ไปรอที่รถเลย ต้นจะไปซื้อคนเดียว"

"ทำไมล่ะ พี่อยากไปด้วยอยากรู้ว่าร้านอยู่ตรงใหน จะได้มาซื้อเองบางไง" ต้นกล้าฟังเหตุผลของคนตรงหน้าก็ต้องใจอ่อน ให้เดินตามมาง่ายๆ

"ป้าครับเหมือนเดิม 2 ชุดครับ" เมื่อถึงหน้าร้านต้นกล้าก็สั่งอย่างคุ้นเคย

"ได้จ๊ะ ทำไมวันนี้มาซื้อได้ล่ะจ๊ะ ปกติเห็นมาซื้อแต่วันศุกร์" แม่ค้ากล้วยปิ้งถามอย่างสงสัย

"พอดีมาเดินเที่ยวกับพี่นะครับ เลยแวะมาซื้อกลับไปฝากยาย"

"ขอบใจจ้า 40 บาท จ้า"


                 ต้นกล้าเดินก้มหน้าหยิบกล้วยทุบที่ชุมไปด้วยน้ำกระทิเชื่อม ส่งให้นพคุณได้ลองชิม นพคุณไม่ได้รับไม้กล้วยปิ้งมาแต่ ก้มลงกัด จากในมือของต้นกล้าเลย ทำให้ต้นกล้ารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที เพราะนพคุณเข้ามาใกล้และมองหน้าตนเองตอนที่กัดกล้วยปิ้งในมือ เคี้ยวอย่างอร่อย และส่งยิ้มอย่างพอใจกลับมาให้ต้นกล้าที่ยืนค้างอยู่แบบนั้น จนน้ำกระทิหยดลงพื้นเต็มไปหมด ทำให้นพคุณต้องรีบ จับมือต้นกล้าขึ้นมากัดกินให้หมดไม้ เพื่อไม่ให้เลอะไปมากว่านี้


"เป็นอะไร ทำไม่ไม่กินล่ะ ให้พี่กินอยู่คนเดียว" นพคุณเดินจูงมือต้นกล้ามาที่รถ รอบสังเกตุต้นกล้าที่เอาแต่เงียบไปเลย

"......................"เข้ามานั่งภายในรถ ต้นกล้าก็ยังเงียบ

"เป็นอะไร หรือยังซื้ออะไรไม่ครบเหรอ คอยๆนึกก็ได้ พี่ไม่รีบหรอก" นพคุณคิดว่าต้นกล้าคงกำลังนึกอยู่ว่าจะซื้ออะไรต่อเลยเงียบไป เลยนั่งรออยู่ในรถ เงียบๆ รอคนข้างคิดออกว่าจะไปซื้ออะไรต่อ

"ต้นอยากลับบ้านแล้วครับ" จากที่เงียบอยู่นาน ต้นกล้าก็พูดขึ้น


                 ต้นกล้ารู้สึกว่านพคุณทำดีกลับเขาทุกอย่าง เอาใจใส ดูแลเหมือนกับยาย แต่ความรู้สึกที่มันต่างออกไปคือ ดีใจตื่นเต้นทุกครั้งมือได้เจอ เฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอหน้า ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อคนข้างเข้ามาใกล้ อย่างเช่นเมื่อครู่ ที่เข้ามาใกล้ขนาดนั้น ทำให้ต้นกล้ารู้เลยว่าตนเองรู้สึกดีๆกับคนข้าง แต่จะเป็นไปในรู้แบบใหน ต้นกล้าเองก็ยังไม่รู้ เพื่อน พี่ หรืออะไร  ย้อนคิดไปถึงคำพูดของคนที่โรงหนัง


พี่ชายน้องชาย


เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ


พี่น้องท้องชนกันงั้นเหรอ????????????


คงไม่ใช่มั้ง 


ต้นกล้าเอาแต่ส่ายหน้าไปไปมาอยู่อย่างนั้น จนนพคุณที่ขับรถอยู่ สังเกตุเห็นคนข้างๆ ที่ทำท่าที่แปลกๆ


หรือว่าเวียนหัว เมารถ????


          นพคุณรีบจอดรถข้างทางเพื่อถามอาการของต้นกล้า ในขณะที่ต้นกล้าก็หลุดออกจากความคิดของตนเอง และเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นว่ารถจอดเข้าข้างทาง


"พี่จอดรถทำไมครับ"

"แล้วต้นเป็นอะไรเวียนหัว ปวดหัวเหรอ" นพคุณขยับตัวเข้ามาจับใบหน้าต้นกล้าเพื่อตรวจดู  ต้นกล้ายังสังสัยท่าทางที่ดูเป็นห่วงของคนตรงหน้า

"ต้นไม่ได้เป็นอะไรครับ ต้นสบายดี"

"แต่เมื่อกี่พี่เห็นต้น สายหัวไปมาพี่นึกว่าต้นเวียนหัวหรือเมารถหรือเปล่านะ" นพคุณยังไม่หายกังวลใจ


              ต้นกล้ารู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่พึ่งได้รู้จักกันไม่นาน เป็นเพราะเขามีนิสัยเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือคนอื่นๆ แบบนี้ตลอดหรือเปล่า หรือเป็นกับต้นกล้าคนเดียว ต้นกล้าไม่กล้าคิดเข้าอย่างตนเอง แต่ก็อยากจะมีใครสักคนให้ความสำคัญและอยู่ข้างๆแบบนี้เหมือนกัน


ต้นเห็นแก่ตัวหรือเปล่าครับ


"ไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่มีพี่อยู่ข้างๆต้นก็ดีใจแล้วครับ" ต้นกล้าพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน และเลื่อนมือขึ้นมาจับมือของนพคุณที่ยังจับอยู่ที่ใบหน้าของตนเองอยู่


"ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ " นพคุณใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่แก้มของต้นกล้าเบาๆ ต้นกล้าก็เอียงใบหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างคุ้นเคย


"กลับบ้านกันนะครับ เดี๋ยวยายเป็นห่วง"


"ครับ "ต้นกล้าตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข  มือที่จับกุมกันไว้นั้น อาจจะยังไม่รับรู้สถานะหรือความรู้สึกที่เป็นอยู่ แต่ขอให้ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ ก็มีความสุข














                                     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!!!!!  :laugh:


                   อ่านต่อความหวานของคู่น้องต้นกับพี่ใหญ่กันต่อเลยจ้า  อิอิ   :hao3:


             :กอด1: ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ  +เป็ดให้ทุกคนค่า  โปรดติดตามตอนหน้านะคะ


           มาม่ามาชามใหญ่เลยค่า   :mew4: เสียน้ำตาด้วย มินมินบอกเลย  อิอิ


                         จะดราม่าคู่ใหน  รอติดตามอ่านด้วยนะคะ    :a5:


                 แม่ค้าหนีไปขายลูกชิ้นปิ้งแล้วจ้า  ฟิวววววววววว  :z2:






หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-01-2015 19:43:46
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: nozzle ที่ 16-01-2015 21:37:05

พี่นพชัดเจนเว่อร์  รักเลย

อย่าดราม่าหนักมากนะคะ กลัว ๆ

ภูมิต้านทานดราม่ายิ่งต่ำ ๆ อยู่ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: moonma_bell ที่ 16-01-2015 23:04:40
 :bye2:คำผิดเยอะไปหน่อยครับ เนื้อเรื่องสนุกดีครับ แม้จะดูงงไปหน่อยกับการกระทำของตัวละคร คำผิดที่เห็นบ่อย ก็คำว่าลูกโป่งเขียนแบบนี้นะ ไปไหนใช้ตัวนี้ครับ ส่วนคำอื่นเดี๋ยวมาดูแก้ให้นะครับ :bye2:ึ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 16-01-2015 23:44:44
:bye2:คำผิดเยอะไปหน่อยครับ เนื้อเรื่องสนุกดีครับ แม้จะดูงงไปหน่อยกับการกระทำของตัวละคร คำผิดที่เห็นบ่อย ก็คำว่าลูกโป่งเขียนแบบนี้นะ ไปไหนใช้ตัวนี้ครับ ส่วนคำอื่นเดี๋ยวมาดูแก้ให้นะครับ :bye2:ึ



ขอบคุณที่แวะมาอ่านนิยายของมินมินนะคะ  จะแก้ไขเรื่องคำผิดนะคะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-01-2015 23:50:34
ดูแลน้องดีๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 17-01-2015 10:11:38
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 36 [16-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ลงตอนใหม่แล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-01-2015 14:05:47
เด๋วสักพักสถานะคงชัดเจน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-01-2015 20:56:59



                                                ตอนที่ 37  ให้เวลาได้คิด


                 วันอาทิตย์ ร้านขายลูกชิ้นเปิดขายปกติ แถมมีลูกค้าเยอะกว่าวันธรรมดา  ชินพัตน์ก็ทำหน้าที่ดูแลทั้งหน้าร้านและ แวะเข้าไปดู ที่โรงงานบ้าง เพราะวันนี้คนงานมาทำงานเพราะมีออเดอร์ลูกค้าเยอะ เลยต้องทำงานเพิ่ม ทั้งที่วันนี้ต้องเป็นวันหยุดให้กับคนงานในส่วนของโรงงาน หยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน แต่เพราะต้องเร่งทำเพิ่มเพื่อให้พอกับจำนวนที่ต้องการ วันนี้ทุกคนก็มาทำอย่างไม่ขัดข้องเพราะใกล้บ้านและได้เงินพิเศษด้วย

"เจ้าลูกชาย ไม่ไปเที่ยวใหนบางหรือไง" พ่อพูดแซวลูกชายที่ตั้งใจทำงานแม้กระทั้งวันหยุด

"ไม่ครับ พ่อกับแม่ทำงานผมจะไปเที่ยวได้ไงครับ" เงยหน้าจากเอกสารออเดอร์ ทั้งที่ร้านของนพคุณ ทั้งของที่บ้าน และของที่จะเตรียมไปส่งและขายที่ตลาดนัดด้วย

"แล้วแบบนี้จะได้มีฟง มีแฟนเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า รู้มั้ยเพื่อนเราเอาบัตรเชิญไปงานแต่งมาให้  เอ้าดูซะ "ส่งซองสีชมพูมาให้ลูกชาย

                        เจ้าบ่าวเป็นเพื่อนเล่นตอนเด็กๆของชินพัตน์ พ่อแม่ก็รู้จักกันดี แต่ห่างหายกันไปตั้งแต่ ชินพัตน์ไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ทำงานที่นั้นด้วยเลย ไม่ได้ค่อยติดต่อกันเท่าไร มาเจออีกที่ก็จะแต่งงานซะแล้ว ทำให้ผู้เป็นพ่อมองดูลูกชายที่ยังสนุกกับการทำงานขายของอยู่แบบนั้น ก็นึกเป็นห่วง

"เพื่อนๆแต่งงาน มีแฟนกันไปหมดแล้ว ไม่คิดจะหากับเขาบางหรือไงเจ้าลูกชาย"  พ่อพูดที่เล่นที่จริง มองดูลูกชายที่เปิดอ่านบัตรเชิญ

"เนื้อคู่ผมยังไม่เกิดมั้งครับพ่อ ถ้าใช่เนื้อคู่กันจริงๆก็คงเจอกันเองล่ะครับ ผมไม่รีบ ฮ่าๆๆๆ"  ชินพัตน์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร พูดเหมือนเรื่องตลกๆ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นพ่อได้ดีทีเดียว

"อย่าปล่อยตัวเองมากนะนักเจ้าชิน  อายุมากเขาจะไม่มีคนมองนะ"

"ครับๆ ตอนนี้ผมยังเด็กอยู่เลยนะ  ฮ่าๆๆ"  ชินพัตน์คิดว่าตนเอง พึ่งจะ25 ย่าง 26 มันเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องคู่ ตอนนี้สนใจเแต่เรื่องงาน ที่ต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญต้องขายของเป็นหลักแหล่งแล้วด้วย ยิ่งต้องตั้งใจมากขึ้น เรื่องที่ทางที่ไปดูไว้ก็น่าจะทำให้หนทางค้าขายของเขาดีขึ้นมากกว่าแน่ๆ

"เอาเถอะ  อย่าทำงานจนลืมดูแลหัวใจตัวเองล่ะ เจ้าลูกชาย" ผู้เป็นพ่อพูดทิ้งท้ายไว้และเดินไปหลังร้าน เพื่อไปดูคนที่โรงงาน
 
                 คำพูดที่ถูกพูดทิ้งไว้ ทำให้ชินพัตน์นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมา คนที่เอาแต่ยืนหน้าแดงไม่ยอมตอบคำถามของเขาก่อนกลับบ้านเมื่อคืน  ทำท่าทางเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ก็คงต้องมีบางเรื่องที่ไม่อยากจะพูดละมั้ง

 แล้วมันคืออะไรล่ะ

คำถามยังวนเวียนในหัวอยู่แบบนั้น

ดูแลหัวใจตัวเองงั้นเหรอ??????

แล้วใครจะมาดูแลให้ล่ะ???


Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrr

ชินพัตน์สะดุ้งตกใจกับเสียงโทรศัพท์เพราะมั่วแค่คิดถึงใครบางคนอยู่ จึงรีบรับสาย

"สวัสดีครับ" รีบรับเพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าโทรมาสั่งของ เพราะวันอาทิตย์ลูกค้าสั่งของเยอะมาก

(คุณ ผมเอง) ชินพันต์รีบดูเบอร์โทรศัพท์ ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่อยู่ในความคิดจะโทรมาเหมือนรู้

"อะ  อืม  ว่าไง"ชินพัตน์รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ เรียบปรับเสียงให้ปกติก่อนตอบกลับไป

(คุณทำอะไรอยู่)

"อะ อ้อ ผมกำลังตรวจเอกสาร ออเดอร์ลูกค้าอยู่นะ"

(ผมรบกวนเวลาทำงานคุณหรือเปล่า งั้นผมว่างสายนะ) นนทนัฐโทรมาเพราะคิดว่า ชินพัตน์น่าจะว่างในวันอาทิตย์แบบนี้

"ไม่ ไม่ ผมตรวจเสร็จพอดี  คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า" ชินพัตน์ยังไม่อยากให้อีกคนว่างสาย

(เหรอครับ คือ ผมนึกว่าวันนี้คุณหยุด ไม่ได้ทำงานขายของ ก็เลยโทรมา.......)อยากจะชวนไปดูหนังแต่ยังไม่กล้าพูดออกไป  กลัวโดนปฎิเสธ

"อืม จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ วันนี้วันอาทิตย์เปิดร้าน 8.30 ก็ขายถึงแค่บ่าย 4 โม่งก็ปิดร้านนะครับ  จะได้ให้คนงานได้พักบางนะ " ชินพัตน์อธิบายยาวๆ เพื่อหาเรื่องคุยต่อ

นนทนัฐฟังเสียงพูดที่ดูเป็นกันเองมากว่าแต่ก่อน แล้วก็รู้สึกดีใจ ที่ได้พูดกันด้วยประโยคยาวๆแบบนี้ ในฐานะเพื่อนใช่มั้ย แค่นี้ก็พอจะทำให้หัวใจของคนฟังฟองโตและ ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

(ครับ แล้วหลัง 4 โม่งคุณมีธุระที่ใหนหรือเปล่าครับ)เริ่มเข้าเรื่องที่อยากจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน

" ไม่ได้ไปใหน คงเตรียมของไว้ขายตลาดนัดพรุ่งนี้น่ะ ทำไมเหรอ"คนรอฟังก็อยากรู้ว่าโทรมาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่า

(ผม คือ ผมอยากจะ.....เออ  .......)นนทนัฐยังลังเลที่จะชวน

เป็นอะไรอีกนะ มีอะไรจะพูดก็ไม่พูด มันอึดอัดนะที่เป็นแบบนี้ ชินพัตน์คิดใจในกับคนที่อยู่ปลายสาย

"มีอะไรก็พูดออกมาสิครับ คุณเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ"ชินพัตน์เริ่มที่จะทนคนที่อยู่ปลายสายไม่ไหว เลยพูดเสียงดุ รวมทั้งยังหงุดหงิดท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนนั้นด้วย

(คือผม มีเรื่องจะคุยกับคุณ ผมไปหาคุณที่บ้านได้มั้ยครับ) นนทนัฐรู้สึกว่าจะทำให้ชินพัตน์โกรธเข้าซะแล้วเลยรีบๆ บอกออกไป

"อืม ได้ก็มาสิ" ชินพัตน์ก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน ตอบรับแบบไม่ต้องคิด

(ครับ ครับ ผมกำลังจะถึงแล้ว) น้ำเสียงดูดีใจมาก ใจชินพัตน์ยังอดตื่นเต้นตามไปด้วย 


ห่า!!!!!????? อะไรนะ กำลังจะถึง ถึงที่ใหน? ที่ร้านนี้นะเหรอ?   หมายความว่า?????????????

ขับรถมารอแล้งงั้นเหรอ

พอนึกขึ้นมาได้ว่า 

คนที่โทรเข้ามาก่อนเพื่อขอมาเจอหน้ากันงั้นเหรอ?????

ก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที หัวใจเต้นเร็วจนกลัวคนรอบข้างได้ยิน


                         ตลอดช่วงบ่าย ภายในร้านขายลูกชิ้นปิ้งและยำลูกชิ้นแสนอร่อย มีผู้ช่วยหน้าใหม่ คอยช่วยเสริฟ คอยเก็บเงินลูกค้า เรียกลูกค้าสาวๆเข้าร้านได้เยอะมาก เพราะผู้ช่วยหน้าใหม่คนนี้ มาตั้งแต่ตอนเที่ยง หลังจากวางสายจากชินพัตน์ไม่ถึง 10 นาที มาถึงร้านก็ตีซี้กับลูกจ้างในร้านและคุณนายแม่ของชินพัตน์ บอกว่าอยากจะช่วยทำงาน ตอบแทนด้วยยำลูกชิ้น ฝีมือลูกชายเจ้าของร้าน แค่นั้นเป็นพอ

"วันนี้ขอบใจมากนะจ๊ะ ช่วยงานในร้านทั้งวันเลย"

"ไม่เป็นไรครับ ผมว่างๆก็เลยมาช่วยทำงานแลกทานยำลูกชิ้นฟรีครับ หึหึ " นนทนัฐพูดแก้เก้อเขิน เก่าท้ายท้อยไปมา เมื่อโดนผู้เป็นแม่ของชินพัตน์ถามเข้าแบบนี้ ทั้งๆที่ต้นเองมีเป้าหมายหลักเพื่อแค่มาอยากอยู่ใกล้ลูกชายคุณแม่เท่านั้นเอง 

"ชอบทานลูกชิ้นจริงๆเลยนะจ๊ะ"

"ครับผมชอบทานมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่ที่นี้ลูกชิ้นอร่อยมากจริงเลยครับ "หันไปที่มองชินพัตน์ ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆกัน แล้วส่งยิ้มเล็กอย่างอารมณ์ดีไปให้

"จ้าๆ ถ้าชอบก็มาทานที่นี้บ่อยๆสิจ๊ะ  แต่เอ๊ะ!!!ไม่ต้องมาแล้วสินะ"อยู่ๆคุณนายแม่ก็พูดเสียงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

หรือคุณแม่ไม่อยากให้ผมมาที่นี้แล้ว นนทนัฐเริ่มร้อนร้นในใจ

"ก็ลูกจะไปเปิดร้านที่ โน่นแล้วนี้ คุณนนท์ก็ไม่ต้องมาทานที่นี้แล้วนี้ ใช่มั้ยล่ะ"หันไปคุยกับลูกชายเมื่อนึกขึ้นได้

"อ้อ ก็ใช่ครับ แต่มันก็ยังอีกตั้งเดือนกว่าทุกอย่างจะลงตัวนะครับแม่"

"จ้าๆ คุณนนท์เข้าก็พักแถวนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเดินทางไปๆมาด้วย ใช่มั้ยจ๊ะ" หันกลับไปคุยกับเพื่อนลูกชายอีกครั้ง

                   ทำให้นนทนัฐเริ่มคิดถึงที่พักของต้นเองขึ้นมาได้ว่า  จะไม่มีที่พักแล้วเพราะแคมป์ที่พักจะโย้กย้ายไปอยู่ที่ใหม่แล้ว ตัวเขาเองก็ต้องหาที่อยู่ใหม่หรือถึงเวลาที่ต้องกลับไปบ้านที่กรุงเทพเป็นการถาวรได้แล้ว

"อ้อครับ แต่ตอนนี้ที่พักของผมเป็นที่พักชั่วคราวนะครับ จริงๆแล้วบ้านผมอยู่กรุงเทพครับ"

"อ้าวงั้นเหรอจ๊ะ แม่นึกว่าเป็นคนที่นี้ซะอีก" เช่นเดียวกันกับชินพัตน์ที่พึ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ทำให้รู้สึกโหว่งๆในใจ

"ครับอาทิตย์หน้าผมก็จะกลับกรุงเทพแล้วครับ เหลือตรวจงานก่อนเปิดจองอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ"

"เหรอจ๊ะ แล้วแบบนี้จะได้มาอีกเมื่อไรล่ะจ๊ะ"

"ยังไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะงานของที่นี้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว คงต้องอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อรอโครงการใหม่นะครับ"

"เหรอจ๊ะ แบบนี้ก็เหงาแย่เลยสิตาชินเพื่อนกลับไปทำงานกรุงเทพซะแล้ว" หันกลับไปแซวลูกชาย แต่ดูเหมือนลูกชายจะไม่สนุกด้วยซะแล้ว เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

"อย่าหายไปนานนะจ๊ะ ว่างๆก็มาเที่ยวที่นี้บ้างนะจ๊ะ"

"ได้ครับ" นนทนัฐตอบเสียงเบา เพราะเรื่องที่อยากจะคุยกัยชินพัตน์คือเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ต้องมาพูดขึ้นมาก่อนแบบนี้ ก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร เมื่อมองไปเห็นสีหน้า นิ่งๆของชินพัตน์ที่มองกลับมา


                        เก็บร้านเสร็จเรียบร้อย ผู้เป็นแม่ก็ขอตัวเข้าไปที่ชั้นบน เพราะทั้งชินพัตน์และนนทนัฐบอกว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกัน ตอนนี้ทั้ง 2 คนที่เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ความอึดอัดภายในใจมากขึ้นเรื่อยๆ นนทนัฐลอบมอง ชินพัตน์ที่นั่งนิ่งที่โต๊ะคิดเงิน

"คุณ พวกเราคงต้องไปดูหนังรอบเย็น เพราะตอนนี้ก็จะ 5 โม่งเย็นแล้ว "นนทนัฐเริ่มคุยก่อน

".........................."ชินพัตน์ก็ยังคงนิ่งเงียบ

"คุณอยากดูเรื่องอะไร หืม" นนทนัฐอยากชวนคุยเรื่องหนังเพื่อคลายความเงียบนี้ลง ขยับเข้ามาคุยใกล้ๆ

".........................."เงียบ

"งั้น ผมว่าเราไปเลือกดูโปรแกรมที่หน้าโรงก็ได้ รีบไปกันเถอะครับ" นนทนัฐยังเห็นชินพัตน์นิ่ง จึงเดินไปดึงมือให้ชินพัตน์ลุกขึ้น แต่ก็โดนสะบัดมือออกอย่างไม่เข้าใจ

"ชินคุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมเหรอ" นนทนัฐรีบนั่งลงข้างชินพัตน์ แต่ชินพัตน์ก็หันหน้าหนีไปทางอื่น

"ผมมีสิทธิ์โกรธอะไรคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน" คนที่เอาแต่หันหลังหนีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็ง

"ครับ ผมเข้าใจ"นนทนัฐทำเสียงเศร้า

" ผมนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก" นนทนัฐรับรู้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจนั้นดี และก็เข้าใจสถานะตอนนี้เขาคงจะสำคัญตัวเองผิดไปจริงๆ นั่งมองแผ่นหลังนั้นอย่างตัดพ้อในใจ

"เพื่อนเหรอ!!!!  เพื่อนที่ไม่เคยบอกอะไรเลยงั้นสิ ว่าจะไปใหน ว่าจะทำไร "ชินพัตน์รีบหันมาตะคอกกลับทันที

"ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าแม่คุณจะถามขึ้น ผมเลยต้องบอก จริงๆแล้วผมอยากจะบอกคุณตั้งแต่เมื่อคืนแต่......"นนทนัฐรับรู้ว่าคนตรงหน้าไม่พอใจเข้าเรื่องนี้จริงด้วย

"แต่คุณก็ไม่บอกไง  คุณเห็นผมเป็นอะไร  เดินมาบอกว่าอยากใกล้ชิดอยากอยู่ใกล้  แล้วที่คุณกำลังทำอยู่นี้มันคืออะไร อยากจะมาก็มา พออยากจะไปก็ไปงั้นสิ"

            ชินพัตน์ตอนนี้ควบคุณความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนตรงหน้าทำให้ตนเอง เจอแต่เรื่องเกินคาดเดาทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องที่โดนใครที่ใหนไม่รู้มาจูบเอาดื้อๆ เดินมาบอกว่าชอบ บอกว่าอยากรู้จัก แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าไปกลับไปกรุงเทพอีก แล้วแบบนี้เขาจะต้องทำยังไงกับสถานะการณ์แบบนี้


"ผมขอโทษ"นนทนัฐได้แต่ยอมรับผิด

"ผมไม่อยากฟัง"ชินพัตน์ลุกขึ้นอยากจะหนีออกไปความรู่สึกอึดอัดและสบสันนี้เต็มทน

         ชินพัตน์ทนรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานี้ไม่ไหวแล้ว นึกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เขากำลังจะยอมรับคนนี้เข้ามาในฐานะใหนยังไม่รู้ แต่ที่รู้การที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้เขารู้สึกดีๆขึ้นมา แต่จะมาหายไปแบบนี้ เขาไม่เข้าใจ

"ชิน ฟังผมก่อน"  นนทนัฐรีบเดินไปยื้อแขนให้ชินพัตน์หยุดก่อนที่จะเดินหนีไป

"ไม่!!!! คุณอยากจะไปใหนคุณก็ไปเลย  พวกเราไม่น่าจะมาเจอกันด้วยซ้ำ" ชินพัตน์หันกลับมาตามแรงดึง เผชิญหน้าคนที่ไม่อยากคุยด้วยตอนนนี้  อยากจะทำอะไรตามใจก็เชิญตามสบาย เขาคิดได้เท่านั้น พูดออกไปเพื่อให้ทุกอย่างจบ

" อ๊ะ !!!!   อืม    อย่า!!!   อืมมม   แฮก   ปล่อย!!!  "นนทนัฐกอดจูบชินพัตน์ที่เอาแต่ดิ้นหนี ไม่ยอมฟังท่าเดียว และก็เจ็บปวดกับคำพูดที่ไม่อยากเจอเขาแบบนั้นอีก

อยากจะสัมผัสให้อ่อนโยนกว่านี้

อยากมอบความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้ได้รับรู้

แต่เอาแต่โกรธแต่จะหนีท่าเดียวแบบนี้

ผมมีแต่จูบแบบหยาบคายแบบนี้ที่จะหยุดคุณ



"ผมไม่ปล่อย ช่วยหยุดฟังผมก่อนเถอะนะ " นนทนัฐกอดชินพัตน์ไว้แน่น กระซิบพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเจ็บปวด กับคนทีไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเขาเลย เอาแต่ผลักไสเขาให้ไปไกลๆตลอดเวลา

".........................." ชินพัตน์นิ่งเงียบเมื่ออยู่ในอ้อมกอด

"คุณพูดเหมือนผมไม่มีความรู้สึก รู้ไหมชิน  ผมเจ็บ ผมเจ็บตรงนี้  " นนทนัฐเห็นว่าชินพัตน์หยุดดิ้นหนีแล้วเลยคลายอ้อมกอดออก และพูดให้คนตรงหน้าฟัง  และทุบไปยังตรงที่รู้สึกเจ็บที่สุดกับคำพูดที่พวกเขาได้พบเจอกันนั้นไม่น่าที่จะเกิดขึ้น

"......................." ชินพัตน์รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไป มันทำให้คนตรงหน้าเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ ก้มหน้าไม่กล้ามองคนที่ส่งสายตาตัดพ้อกลับมา

            นนทนัฐจับหัวไหลของชินพัตน์ให้หันมามองเขาตรงๆและเงยหน้ามาคุยกันดีๆ เขาอยากจะพูดทุกอย่างให้คนตรงหน้าเข้าใจ ถึงแม้เวลาและสถานที่จะไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ต้องการจะพูดทั้งหมดให้เข้าใจก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

"ผมรักคุณนะ ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้  การที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้รักคุณ แต่มันเป็นการให้เวลา  ผมรู้ว่าการรักใครสักคน ต้องเป็นเรื่องของคนสองคนมารักกัน แล้วผมที่เอาแค่รักคุณอยู่ฝ่ายเดียว ทิ้งระยะห่างไว้ให้คุณได้คิด ว่าเรื่องของเรามันใช่ความรักหรือเปล่า เท่านั้นเอง"

พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจจริงใจ จองเข้าไปที่ดวงตาของชินพัตน์อยากให้สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดส่งไปถึงใจของคนตรงหน้าที่เอาแต่นิ่งเงียบ

".........................."ชินพัตน์สับสนไปหมด เวลาอะไรแล้วทำต้องห่างกันด้วยล่ะ

"ผมคิดว่าระยะเวลาที่เรารู้จักกันมันอาจจะไม่นาน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณมันมากพอที่ผมจะบอกอีกกี้ครั้งก็ได้ว่า มันคือความรัก   แต่สำหรับคุณมันอาจจะเร็วไป คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ  แล้วยิ่งผมที่เป็นผู้ชายเดินเข้ามาบอกรักคุณแบบนี้ ทำให้คุณอาจจะสับสนระหว่างคำว่าเพื่อน กับคนรัก มันเป็นไปได้หรือเปล่า  ผมถึงอยากจะให้เวลาทั้งคุณและผมได้ใช้เวลาช่วงที่เราห่างกันได้คิดถึงเรื่องนี้"

"..........................."คิดสิผมคิดมานานมากแล้ว คุณอยู่ในหัวผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมก็รับรู้ได้นะว่าผมกำลังมีความรักเหมือนกัน

"จริงๆผมอยากพาคุณไปดูหนัง หาที่เงียบๆคุยกันสองคน แล้วเริ่มพูดเรื่องนี้ให้ได้คุณเข้าใจ ผมไม่อยากให้เรามาทะเลาะกันแบบนี้  ผมไม่อยากกลับกรุงเทพเลย เมื่อเห็นสายตาที่คุณมองมาที่ผมเป็นแบบนี้ มันทำให้ผมปวดใจ ผมอยากใช้เวลา 1 อาทิตย์ก่อนกลับกรุงเทพกับคุณให้มากที่สุด  แต่มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ  ......" ยิ้มให้ชินพัตน์ที่เอาแต่นิ่งเงียบรับฟังอย่างเดียวด้วยดวงตาที่ดูสับสน


"ดูแลตัวเองดีๆนะครับ" ลูบแก้มชินพัตน์อย่างแผ่วแสนรักใคร่



จุ๊บ 


จูบเบาๆเพื่อร่ำลา


" ผมรักคุณนะ" และคำสุดท้ายที่ผมอยากจะบอก 


           นนทนัฐเดินออกจากประตูหน้าร้านที่เปิดไว้เพียงเล็กน้อย หันกลับมาฝืนยิ้มให้กับชินพันต์ที่ยังยืนนิ่งมองกลับมาที่เขา ไม่รู้เป็นสายตาที่บ่องบอกอะไร เขาไม่อาจรับรู้ได้ 


คงต้องจากกันจริงแล้วสินะครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


"ฮึก  ฮือ   ฮือๆๆๆๆๆๆ   คนบ้า!!!!!  ฮือฮือ  ฮึก  อยาก ฮึก  จะไปใหนก็ไปเลย  ฮือๆๆๆๆ"






"ฮือ  พูดเอง  ฮึก  คนเดียว  ฮือ เลย  ไอ้คนบ้า!!!!!!"   





ทรุดตัวก้มหน้าร้องไห้เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ปวดใจ















                              ลูกชิ้นหมูล้วนๆใส่มาม่าชามใหญ่ มาแล้วจ้า!!!  :laugh:

      ปวดใจกันไป กับคนไม่รู้ใจตัวเอง  อิอิ  แม่ค้าลูกชิ้นซาดิสที่เห็น น้องชินปวดใจ   :z6:

    ติดตามต่อนะคะ ว่า "คนบ้า จะหนีกลับกรุงเทพ? "  "หรือเจ้าของร้านลูกชิ้น จะไปขายลุกชิ้นอีกได้หรือเปล่า?"    :z1:


   ขออภัยที่หายไปหลายวัน ไปหาเส้นมาใส่ในชามยำใส่ลูกชิ้น ชามนี้ค่า  ได้รับรสใหม่กันบาง (กันเลียน) อิอิ

   ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามอ่าน นิยายเรื่องแรกของมินมินนะคะ (อาจจะไม่ใข่แนวที่ชอบอ่าน )

   แต่ช่วยทนอ่าน และเป็นกำลังใจให้ มินมินด้วยนะคะ  ทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจอย่างดีให้มินมินค่ะ   :กอด1:


    + เป็ดให้ทุกคนนะคะ  รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บๆๆ    แม่ค้าลูกชิ้นขอไปขายลูกชิ้นก่อนนะคะ  :katai5:


 



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2015 23:05:57
สงสารนัทจัง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 22-01-2015 08:07:23
 :sad4:  ฮือ ๆๆๆ มาม่าน้ำข้นใส่ลูกชิ้น
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-01-2015 10:49:26
รอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-01-2015 19:54:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 23-01-2015 03:51:00
อ้าวคนเขียนจ๋า แกล้งชินไม่ดีน๊า  :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 37[21-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆแล้วจ้า!!(ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-01-2015 12:27:06
เอ้ออออออ :เฮ้อ: ปวดใจหนึบๆ ถึงคราวจะต้องง้อและแสดงความรู้สึกจริงๆแล้วล่ะชิน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 38 [29-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 29-01-2015 19:50:45



                                                    ตอนที่ 38  เป็นไข้..............ใจ?


                       เช้าวันจันทร์ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด ชินพัตน์ลุงขึ้นมาเตรียมของขึ้นรถตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรอเวลาเพื่อที่จะไปหายายที่สวนเพื่อช่วยเก็บผัก แต่มองเวลากี่ครั้งก็ไม่ 6 โมงเช้าสักที ชินพัตน์เฝ้ามองเข็มนาฬิกาที่เดินไปอย่างไม่เข้าใจ   เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตี 4 จะเรียกว่าตื่นได้หรือเปล่า ชินพัตน์ยังไม่รู้สึกว่าตนเองได้นอนเลย พยายามข่มตาเท่าไรก็ไม่หลับ  เลยลุกขึ้นมาเตรียมของไปขาย  จนเรียบร้อย ก็ยังไม่ถึงเวลาที่น่าจะออกไปข้างนอก เลยเข้ามาจัดของสดที่เตรียมไว้ขายที่ร้าน ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของพนักงานที่มาตอน 7 โมง  แต่ตอนนี้ชินพัตน์เตรียมของนั้นไว้หมดแล้ว  นั่งรอเวลาไปอย่างนั้น 

                       พอไม่มีอะไรต้องทำ ความคิดก็วนเวียนกลับมาเรื่องเดิมๆอีก คำพูดของใครคนหนึ่ง ที่พูดทิ้งไว้ทำให้ชินพัตน์ต้องคิด

ให้เวลาเพื่ออะไร?

พูดเองเออเองคนเดียว ไม่ยอมฟังคนอื่นบางเลย

อยากจะไปใหนก็ไป ไม่เคยเห็นความสำคัญกันเลยสินะ

แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก

ไม่อยากเจอ

อยากเจอ

ไม่อยากเจอ

อยากเจอ


ม่ายยยยยยยยยยย


"เจ้าลูกชาย ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า" ผู้เป็นพ่อเดินลงมาจากชั้น 2 เห็นลูกชายนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะ

"อะ  อ้าวพ่อแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"

"จ้า ว่าจะ ตื่นมาใส่บาตรพระสักหน่อยนะ แล้วมานั่งทำอะไรเงียบๆหืม?"

"เออ คือ เมื่อคืนผมนอนเร็วเลยตื่นเช้านะครับ ลุกขึ้นมาเตรียมของไปขายที่ตลาด และก็ของในร้านด้วย แหะๆๆ" โกหกคำโตชินพัตน์ไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงที่ตนเองยังไม่ได้นอนเลย คิดมากเรื่องที่มันดูไร้สาระ

"จ้าๆ ตักบาตรกับพ่อแม่ก่อนแล้วค่อยไปหายายที่สวนนะ"

"ครับ" ยิ้มแห้งๆตอบผู้เป็นพ่อและก็กลับเข้าสู่ห้วงความคิดเดิมๆอีกครั้ง

               พ่อและแม่สังเกตุลูกชายไม่ร่าเริงเหมือนเคย ปกติถ้านอนเต็มอิ่มจะช่างพูดช่างคุย แต่วันนี้ผิดไปจากที่พูดว่านอนตั้งแต่หัวคำ
ชวยคุยก็ถามคำตอบคำ แต่ก็ไม่อยากจะถามให้ไม่สบายใจ คงมีเรื่องให้คิด ปล่อยให้คิดเองจะดีกว่า เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  แต่ก็ไม่ได้ปล่อยไว้อย่างนั้นซะที่เดียว ค่อยดูห่างๆ ถ้าลูกชายพร้อมที่จะมาปรึกษาก็คงเข้ามาคุยเอง 

"ผมไปก่อนนะครับ"

"ตั้งใจทำนะลูก อย่ามัวแต่เหม่อ"

"เอ๊ะ  อ้อ ครับๆ"  ชินพัตน์แปลกใจกับคำของแม่ที่พูดก่อนจะขึ้นรถ  หรือว่าตนเองเหม่อจนแม่เป็นห่วง

               ชินพัตน์คิดว่าตนเองคงจะทำให้พ่อแม่เป็นห่วงซะแล้ว ถึงแม้จะพยายามทำตัวปกติ แต่เมื่ออยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อและแม่ก็คงไม่พ้นจะมองเห็น สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้ คงจะมองเห็นเข้าใจที่จิตใจที่หม่นหมองของผู้เป็นลูกได้ทันที  เพียงแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ ส่งเพียงสายตาของความห่วยใยมาให้เสมอ นั้นคือความอบอุ่นของคำว่า ครอบครัวสินะ

"ไม่ได้แล้ว!!!! นายต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้"  ชินพัตน์พูดเสียงดังเตือนตัวเอง


              ชินพัตน์ช่วยยายเก็บผักอย่างตั้งใจ ทำงานเพื่อจะได้ไม่คิดมาก  ทานมื้อเที่ยงกับยาย และขับรถไปที่ตลาดนัดเหมือนเช่นเคย เพียงแต่วันนี้ไม่มีผู้ช่วยอย่าง พี่ชาย กับต้นกล้า เลยต้องยกของ เตรียมของเองทุกอย่าง เลยต้องไปก่อนเวลาเดิมให้เร็วขึ้น  ช่วยยายจัดร้านผักเสร็จ ก็หันมาจัดร้านของตนเอง เพื่อให้ทันเวลา ลูกค้าเริ่มเดินในช่วง บ่ายๆแก่

"มาแต่วันเลยนะจ๊ะ"แม่ค้าร้านใกล้ๆที่พึ่งจะถอยรถเข้ามาที่ล๊อคของตนเองฝั่งตรงข้ามร้านของชินพัตน์

"ครับ พอดีวันนี้ไม่มีผู้ช่วยนะครับ เลยต้องรีบมาก่อน" ชินพัตน์ที่จัดร้านเสร็จเรียบร้อยเริ่มที่จะเอาลูกชิ้นขึ้นมาปิ้งไว้รอ ลูกค้าคนแรก ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 


แบบนี้เหมือนเดิมหรือยัง  ยิ้มการค้า


          ชินพัตน์รับมือกับลูกค้าที่เข้ามาซื้อจำนวนมากเช่นเคย  ลูกค้าก็ใจดียืนรอ บางคนก็ช่วยปิ้ง ช่วยใส่ถุงเมือรู้ว่าวันนี้ชินพัตน์ไม่มีผู้ช่วยต้องขายคนเดียว ลูกค้าเริ่มกลุ่มใหญ่หมด ชินพัตน์พึ่งจะได้นั่งพัก มองไปดูที่ร้านของยายก็ขายดีเช่นกัน แต่ด้วยความชำนาญที่มีมานาน ยายขายเองคนเดียวได้อย่างสบาย  ชินพันต์ก็หมดห่วงเดิมเข้าไปถามเวลาที่ลูกค้ายังไม่มา  ยายก็บอกว่าขายเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง  ชินพัตน์กลับมานั่งที่ร้านของตนเองอีกครั้ง  ต้องเสียบลูกชิ้นเพิ่ม เพราะลูกชิ้นที่เสียบเตรียมมา หมดแล้ว  มองหาไม้ลูกชิ้น เขาจำได้ว่าเตรียมสำรองไว้หลายแพ็ค  แต่ค้นหาเท่าไรก็ไม่เจอ  ทำให้เดินไปดูที่รถ  ฝากร้านยายไว้ รีบเดินแล้วต้องรีบกลับ เพราะยายดูร้านคนเดียว 

"ทำไมไม่มีล่ะ  "ชินพัตน์หาที่หลังรถก็ไม่เจอ สงสัยเตรียมไว้แล้วแต่ลืมเอาขึ้นรถมาด้วย นึกย้อนกลับไป หรือเพราะเขามั่วแต่เหม่อ คิดแต่เรื่องอะไรไร้สาระ  จนโมโหตนเอง  ต้องรีบเดินไปซื้อไม้ลูกชิ้น
.
.
.
.
.


"ยายครับ ผมไปซื้อไม้ลูกชิ้น เดี๋ยวผมรีบกลับมานะครับ"

"จ้าๆ รีบไปรีบมาเถอะจ๊ะ"


           ชินพัตน์แวะบอกยายก่อนแล้วรีบเดินไปยังร้านค้าย่อยเล็กที่ต้นกล้าเคยบอกว่าที่ในตลาดนัดก็มีขาย ซื้อที่ร้านใกล้ๆให้พอมีใช้ไปก่อน เพราะเป็นห่วงยายที่ต้องดูแลทั้ง สองร้าน  แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะขนาดไม้ลูกชิ้นของที่เขาต้องการหมดแล้ว เลยต้องไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามตลาด เขารีบเดินไปเพื่อที่จะข้ามถนน แต่ก็มีเสียงเรียก


"คุณเจ้าของร้านลูกชิ้น" ทำให้ชินพัตน์สะดุ้งกับเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง ที่เขาพยายามเลียงเพื่อไม่มองสถานที่แห่งนั้น

"จะไปใหนครับ วันนี้ไม่ขายลูกชิ้นเหรอครับ"

"อ้าว ลุงยามนั้นเอง"เห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกแปลกๆ คิดว่าน่าจะเป็นใครล่ะ

"ครับ  กำลังจะไปใหนครับนั้น"ลุงยามถาม

"อ้อ พอดีไม้ลูกชิ้นผมหมดนะครับเลยว่าจะข้ามไปซื้อฝั่งโน่นนะครับ" ชินพัตน์รีบพูดและชี้มือไปทางที่กำลังจะไป

"ครับ วันนี้ก็ขายดีเหมือนเดิมนะครับ"ลุงยามชวนคุยต่อ

"ครับ ผมขอไปซื้อของก่อนนะครับ พอดีไม่มีใครอยู่ที่ร้าน" จริงแล้วชินพัตน์ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานเพราะไม่อยากเจอคนที่ไม่อยากเจอตอนนี้ หรือเปล่านะ

"ครับ "


          ชินพัตน์รู้ว่าตนเองใช้เวลาพอสมควรกับการไปซื้อไม้ เพราะกว่าจะข้ามถนนได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะวันนี้รถเยอะมาก พอข้ามกลับมาได้ ก็รีบวิ่งเข้าตลาดคนแม่ค้าในตลาดตะโกนแซวอย่างสนุกสนาน 

"ลูกค้ารอเป็นแถวยาวแล้ว!!!! ฮ่าๆๆๆ" ชินพัตน์ก็หันกลับไปยิ้มแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


        รีบวิ่งไปที่ล๊อคของตนเอง เพราะใหนจะต้องเสียบ ใหนจะต้องปิ้ง ผักก็ยังไม่ได้หัน  ยายจะเป็นอย่างไงบ้าง  เมื่อถึงที่หน้าร้าน ลูกค้ายืนมุงกันเยอะจนหน้าตกใจ  ยายคงกำลังโดนลูกค้ามุ่งอยู่แน่นไปหมด คิดใจในก็ได้แต่โทษตัวเอง แต่เมื่อพอเดินเข้าไปกลับพบว่ายายยื่นถุงลูกชิ้นให้ลูกค้า  และมีใครคนหนึ่งยื่นปิ้งช่วยอยู่  ชินพัตน์มองด้วยสายตาที่ แปลกใจ ตกใจ ไม่เข้าใจ   

มาทำอะไรอยู่ตรงนี้

        เมื่อสายตาของคนที่กำลังตั้งใจปิ้งลูกชิ้นเงยหน้าขึ้นมาจากเตา เจอเข้ากับสายตาของชินพัตน์ที่มองมายังตนเองก็ชะงักมือไปนิดหนึ่ง  แล้วก็กลับไปต้ั้งใจปิ้งลูกชิ้นต่อ

"มาแล้วครับ เจ้าของร้านมาแล้ว  ผมต้องไปแล้วครับทุกคน ทานลูกชิ้นให้อร่อยนะครับ"  ตะโกนบอกลูกค้าที่ยืนรอคิวอยู่สักพัก แล้วหันไปมองหน้าชินพัตน์ แล้วรีบเดินออกจากร้านไป  หายไปพร้อมกับฝูงผู้คนที่เดินตลาดจำนวนมากในเวลาเลิกงานแบบนี้

"พ่อหนุ่ม ส่งไม้มาจ๊ะ เดี๋ยวยายเสียบให้ พ่อหนุ่มไปขายเถอะจ๊ะ" ยายเดินมาดึงถุงไม้ลูกชิ้น ทำให้ชินพัตน์หลุดออกจากภวัง

"อ้อครับ ๆ แล้วร้านผักของยาย"

"ไม่ต้องห่วงจ้า  เมื่อกี้มีคนมาเหมาไปแล้ว เหลืออีกนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกจ้า" หันไปมองที่ร้านผักยาย เหลือผักอีกนิดหน่อย จริงด้วย ทำให้ชินพัตน์สบายใจ หันกลับมาตั้งใจขายลูกชิ้นปิ้ง  พยายามจะลบภาพของคนที่มายืนต่อหน้าเขาเมื่อกี้ไปซะ 

ตั้งใจสิ ตั้งใจทำงาน  อย่ามั่วแต่เหมอ


"ขอบคุณครับ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ"

"ไม่เป็นไรจ้า ลูกชิ้นอร่อยๆแบบนี้ป้ารอได้จ้า"

"ขอบคุณครับ โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ"



"ยายครับเดี๋ยวผมทำเองยายนั่งพักเถอะครับ" ชินพัตน์หันมามองที่ยายเมื่อเห็นว่าลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ยายกำลังหันผักใส่ตะกร้า

"ไม่เป็นไรจ้าพ่อหนุ่ม ปิ้งลูกชิ้นไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวลูกค้าก็มาอีก จะปิ้งไม่ทันนะ" ยายหันมาบอก

"ครับ ครับ" เมื่อหันกลับไปที่ถาด เหลือที่ปิ้งแล้วอยู่แค่ 2 ไม้ เขาต้องปิ้งเตรียมไว้ 


ตั้งใจทำงานซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เตือนตัวเองอยู่แบบนั้น


                 และเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 1 ทุ่มลูกค้าเริ่มบางตา  ชินพัตน์หยุดปิ้งไปนานแล้ว แต่ยังคงขายอยู่เพราะบนถาดยังเหลืออยู่อีก 9 ไม้และรอลูกค้าที่สั่งออเดอร์ลูกชิ้น 5 กิโลนัดมารับตอน 1 ทุ่ม  ชินพัตน์เลยไปช่วยยายเก็บร้านเพราะผักยายขายหมดไปก่อนนานแล้ว  เก็บร้านผักของยายเรียบร้อย  ก็พอดีกับลูกค้ามารับออเอดร์  ลูกชิ้นเก้าไม้นั้นยังอยู่ ชินพัตน์เริ่มเก็บข้าวของ  คิดในใจว่าอาจจะแจกให้แม่ค้า  หรือจะเอาไปให้ลุงยาม แต่ก็คิดได้ว่าไม่ควรที่จะไปที่นั้นอีก  ไว้โอกาสหน้าดีกว่า  ก้มหน้าก้มตา เก็บของ เตรียมถุงมาใส่ลูกชิ้นที่จะเอาไปแจก ให้พ่อค้าแม่ค้าร้านใกล้เคียง


"คุณเจ้าของร้าน" ชินพัตน์ตกใจกับวิธีเรียกแบบนี้ทุกครั้ง

"ลูกชิ้นยังมีใช่มั้ย ลุงจะซื้อกลับไปฝากหลานๆที่บ้าน"

"อ้าวลุงยาม  มาเองเลยนะครับวันนี้"  ชินพัตน์รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อเห็นคนที่เรียกตนเองไม่ใช่คนที่อยู่ใรความคิด

"ครับ ลุงออกกะเร็วนะ อาทิตย์หน้าลุงก็ต้องยายไปทำงานที่อื่นแล้ว"

"เออ  เหรอครับ" จริงชินพัตน์ก็พอรู้ว่า ตึกอาคารพาณิยช์ ที่ลุงยามเฝ้าอยู่นั้น จะเปิดจองจันทร์หน้าแล้ว ลุงก็คงต้องยายไปเหมือนกับคนคนนั้น

"ลุงคงจะไม่ค่อยได้มาซื้อบ่อยๆ แต่ก็จะพยายามแวะมานะ" ลูกยามพูดยิ้มแย้มเป้นกันเอง

"ครับ ขอบคุณครับ" ชินพัตน์ยิ้มให้กับลุงยามถึงแม้จะได้ไปทำงานที่อื่นแต่ก็ยังคงมีน้ำใจจะแวะมาซื้อลูกชิ้นของเขา

"เหลือกี่ไม้ ลุงเอาหมดเลย วันนี้ต้องอุดหนุนกันหน่อย ทานฟรีมาบ่อยแล้ว"

"ไม่เป็นไรครับลุงเอากลับไปทาน ไปฝากหลานๆเถอะครับ ไว้คราวหน้าถ้าได้แวะมาค่อยมาอุดหนุนกันนะครับ" ชินพัตน์ตั้งใจจะให้ไม่อยากได้เงินอยู่แล้วด้วย

"ขอบใจมากพ่อหนุ่ม  แล้วแบบเป็นกิโลยังมีขายมั้ย หมดหรือยัง"

"อ้อ หมดแล้วครับ  ลุงจะเอาแบบเป็นกำโลด้วยเหรอครับ"

"อ้อ  ก็พอดี.......อ้อ ไม่เป็นไรหมดแล้วก็เอาไว้ วันพุธลุงมาซื้อใหม่แล้วกันนะ" ลุงนึกถึงหน้าคนที่ฝากซื้อขึ้นมา แต่ก้ไม่ได้พูดออกไป

"ได้ครับผมจะเตรียมไว้ให้"

"ขอบใจมากพ่อหนุ่ม  กลับบ้านดีๆล่ะ"

"ครับ" ชินพัตน์ส่งยิ้มให้กับลุงยาม แต่แล้วรอยยิ้มนั้นค่อยจางหายไปจากใบหน้า ของชินพัตน์เพราะคิดถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาแทน



มาทำไม ใหนบอกว่าจะไม่มาเจอกันแล้วไง



"เก็บร้านเถอะจ๊ะพ่อหนุ่ม " ยายเห็นชินพัตน์ยืนเหม่อเลยเดินเข้าไปเรียก

"อะ เออ คะครับ" สติกลับมาอีกครั้ง นี้เขาเหม่ออีกแล้วงั้นเหรอ  แย่จริงๆ


                         รีบเก็บร้านขนของขึ้นรถและไปส่งยายที่บ้าน ตอนยกของลงให้ยายเพื่อเก็บไว้ที่โรงเก็บของหน้าบ้าน


"วันนี้ดีนะที่พ่อหนุ่มคนนั้นมาช่วยขาย ไม่งั้นขายไม่ทันจริงๆ" ยายยกของลงกำลังจะเดินขึ้นบ้านก็พูดขึ้นเหมือนชวยคุย แต่คำพูดของยายทำให้ชินพัตน์หยุดชะงัก

"อะ เหรอครับ"

"จ้าก็ตอนที่บอกหนุ่มออกจากร้านไป ลูกค้าก็เข้ามาซื้อพร้อมกันหลายๆคนพร้อมกันยายขายไม่ทัน พ่อหนุ่มคนนั้นก็เข้ามาช่วยได้เยอะเลยล่ะ "ยายพูดติดตลก

"ขอโทษครับ พอดีว่าผมต้องข้ามไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามถนนนะครับ"

"ไม่เป็นไรหรอกจ้า วันนี้ก็ขายดีเหมือนเดิมเลย"ยายยิ้มเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจจะเกิดได้เสมอ แต่ก็ยังขายหมดเหมือนเคย

"ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ  วันนี้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบายเลยครับ "

"งั้นก็ขับรถดีๆนะจ๊ะ รีบกลับไปพักผ่อน หายาทานด้วยนะจ๊ะ"

"ครับยาย ผมกลับแล้วครับ"


                          ชินพัตน์ขับรถกลับออกมาจากบ้านยาย รู้สึกตนเองว่าคงจะไม่สบายจริง ต้องรีบกลับไปพักซะแล้ว  พอถึงบ้านผู้เป็นแม่ก็สังเกตุอาการลูกชายที่ดูจะเหนื่อยๆ หน้าซีดๆ ไม่ค่อยพูดจาเหมือนเมื่อเช้า ทั้งๆที่เวลากลับมาจากตลาด จะเล่าเรื่องที่ไปเจอที่ตลาดให้ฟังเสมอ แต่วันนี้กลับนิ่งเงียบ ยกของลงจากรถอย่างคนไม่มีเรียวแรง


"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก"  ผู้เป็นแม่เดินมาลูบหัวลูกชายที่เดินมานั่งพักที่โต๊ะ

"วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยๆนะครับ อยากนอนจัง"

"กินอะไรศสักหน่อยนะ แล้วค่อยขึ้นไปนอน" จับแขนลูกชาย ก็รู้สึกได้ว่าตัวรุมๆ" ตัวร้อนนะ จะเป็นไข้หรือเปล่าลูก  เดี๋ยวแม่ต้มข้าวต้มให้นะ ขึ้นไปรอบนห้องป่ะ เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้"

"ไม่เป็นไรครับ ผมขอแข้าวผมก็พอครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำดีกว่า"

"อย่าอาบเลยลูก เดี๋ยวอาการจะแย่นะจ๊ะ"

"ครับๆ"  ชินพัตน์รับคำแล้วเดินเอื่อยๆขึ้นชั้นบนไป  ไม่รับรู้ถึงสายตาของผู้เป็นแม่ที่มองมาอย่างเป็นห่วง


                       ชินพัตน์นอนซมเพราะพิษไข้ โดนมีผู้เป็นแม่ดูแลตลอดคืน เช็ดตัว ทำเหมือนกับชินพัตน์ในวัยเด็ก  ผู้เป็นแม่มองดูลูกชายที่นอนหลับสนิทเพราะได้กินยายลดไข้ไปแล้ว  ถึงแม้ว่าจะโตเป็นหนุ่มแล้ว  แต่ความห่วงใยมองเห็นคนที่นอนอยู่เป็นเด็กอยู่เสมอคงจะมีเรื่องกลุ่มใจอะไรบางอย่างสินะ  ลูกชายไม่ได้ป่วยแบบนี้มานานแล้ว เพราะเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง สดใสร่าเริง  แต่พอมีเรื่องที่ต้องคิด เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ร่างกายก็จะแสดงออกมาพร้อมกัน  ผู้เป็นแม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ดีที่สุด


"ฮึก จะ ไปใหน  ก็ไป  ฮึก เลย"

"อะไรลูกใครจะไปใหน หืมลูก  ชิน" ผู้เป็นแม่ที่นั่งเฝ้าไข้ได้ยินเสียงละเมอของลูกชายที่ปนสะอื่น

"ไม่ต้อง ฮึก  มาให้เห็น ฮึก หน้าอีก ฮึกเลยนะ ฮือๆ"

"............................."ผู้เป็นแม่ก้มลงเพื่อพยายามฟัง เสียงของลูกชายที่ละเมอ เพ้อ ฟังดูเหมือนจะไล่ใครบางคน แต่กลับทำสีหน้าเจ็บปวด เสียน้ำตาแบบนั้น

"ฮึก  คนบ้า  ฮึก  ไม่ยอม ฮึก นะ อย่าหายไปใหนนะ  ฮึกกกกก"  น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อแต่กลับไม่ยอมให้ไป  ใครกันนะ?


          ผู้เป็นแม่รับฟังเสียงละเมอเพราะพิษไข้ของลูกชาย ขยับไปนั่งดึงมือลูกชายมาโกบกุมลูบเบาๆ ลูกใบหน้าที่ชื่นเหงื่อ เช็ดด้วยผ้าเย็นให้ไอร้อนได้ออกไปตัวลูกชาย  รับรู้ว่าลูกชายมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ จริงสินะ


ใครกันนะที่ทำให้ลูกของแม่เป็นแบบนี้


"ไม่เป็นไรนะลูก หลับซะนะคนดี" ผู้เป็นแม่ กล่อมลูกชายตัวโตเหมือนอย่างวัยเด็กที่เคยทำประจำ










                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!

                     ขออภัยที่หายไปนาน มินมินไม่สบายไปหาหมอมาค่า นอนซมไปหลายวัน

                 ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :กอด1:

               ขอบคุณทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจให้มินมินต่อไปนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ


               รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อาการเปลี่ยนแปลงแบบนี้  ดูแลตัวเองด้วยนะคะ คนอ่านทุกคน


                                   


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 38 [29-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-01-2015 20:42:09
กลับมาคุยกันดีๆ ก่อนสิ!!!
ไม่สบายแล้วเนี่ยเห็นไหม จะร้องไห้ตามแล้ว T^T
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 38 [29-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 29-01-2015 20:43:07
 :hao5: :hao5:  พูดเองเออเอง คุณเจ้าของร้านนนน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 38 [29-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-01-2015 20:45:43
ปากแข็งแล้วต้องมานั่งเสียใจ. อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 39 [30-01-15 ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 30-01-2015 19:11:22



                              ตอนที่ 39  พยายาม.......ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม




                  ชินพัตน์นอนซมอยู่หลายวัน ไม่ยอมไปหาหมอทั้งที่คนที่บ้านพยายามที่จะพาไปแต่ก็ค้าน บอกว่าจะนอนอยู่บ้านท่าเดียว  ได้นอนพักก็หาย จนทำให้พี่ชายต้องออกไปขายของแทนส่งออเดอร์ลูกค้าที่ตลาด ช่วยยายเก็บผักและไปส่งขายของที่ตลาดด้วย

"ทำไมไม่ไปหาหมอ หืม"นพคุณถามขึ้นในตอนเช้า ก่อนออกไปขายของแทนน้องชายที่ป่วย

"ผมไม่เป็นอะไร ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาเอง นอนพักอีกสักวันก็หาย ยาก็มีกินน่าพี่ ไม่ต้องห่วง" ชินพัตน์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียงภายในห้อง หน้าตาซุบซีด น้ำเสียงแหบแห้ง ต่างจากปกติที่เคยสดใสร่าเริง

"เห็นป้าบอกว่า เป็นตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ยังไม่เห็นดีขึ้นเลย พี่ว่าไปหาหมอดีกว่ามั้ง มานั่งเพาะเชื้ออยู่แต่ในห้องแบบนี้ เมื่อไรจะหาย" พี่ชายพูดแซวน้องชายที่เอาแต่มกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนซมไม่ขยับตัวไปใหนเลย

"ผมไม่เป็นไรจริงๆพี่ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว วันนี้รบกวนพี่แค่วันนี้วันเดียว วันศุกร์ผมก็กลับไปขายได้เองรับรอง แคก แคกก ๆๆ" ชินพันต์พูดไม่ทันจบก็ไอโคกออกมาซะก่อน

"พอพอ ไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักซะ กินยาซะด้วยล่ะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก พี่ไปขายแทนเอง นอนซะ" นพคุณรีบหยิบน้ำอุ่นให้น้องชายดื่ม บวกกับบ่นไม่จริงจัง เพราะน้องชายมัวแต่เกรงใจเรื่องที่เขาต้องไปขายของแทน ขยับตัวชินพัตน์ให้นอนลงดีๆ แล้วห่มผ้าให้

"ขอบคุณครับ"ชินพัตน์ที่นอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มมองหน้าพี่ชายอย่างขอบคุณ

"ก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ พักผ่อนซะแล้วรีบๆหายป่วยซะ ลูกค้าที่ตลาดรออยู่นะ  พี่ไปล่ะ" นพคุณยี้หัวคนป่วยเบาๆ และเดินออกจากห้องไป ชินพัตน์มองประตูห้องที่ปิดแล้วคิดทบทวนเรื่องที่ตนเองคิดมา จนคนรอบๆตัวเป็นห่วง

ผมจะไม่คิดมากอีกแล้วครับ

ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแบบนี้ไง

เจ้าชินพัตน์!!!!!

         ชินพัตน์ต่อว่าตนเองในใจ คิดมากจนนอนไม่หลับ ป่วยไข้จนใครๆหลายคนเป็นห่วง คนที่เป็นต้นเหตุยังไม่เคยสนใจและไม่เคยรับรู้เลย แล้วเขาเองจะมัวไปคิดมากถึงคนแบบนั้นอยู่ทำไม  ก่อนหน้านี้ก็เคยอยู่แบบที่ไม่มีคนคนนั้นก็ยังอยู่มาได้แบบปกติ แต่พอคนคนนั้นไม่อยู่ทุกอย่างจะมาพังเพราะคนแค่คนเดียวงั้นเหรอ   

พอกันที่เลิกคิดถึงคนคนนั้นได้แล้ว   
     
          ชินพัตน์พยายามหลับตาลงปล่อยจิตใจให้ว่าง ต้องพักผ่อนให้มากเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาทำในสิ่งที่ควรจะทำ ยังมีงานที่เขาตั้งใจจะทำและต้องทำมันให้ดี ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเขา ชินพัตน์ก็หลับสนิท ได้พักอย่างเต็มที่อย่างที่ใจคิดได้สักที



"ผมไปก่อนนะครับป้า"นพคุณเตรียมของขึ้นรถคู่ใจกำลังจะออกไปรับยายที่สวน

"จ้า ขายดีๆนะจ๊ะ"ผู้เป็นป้ากล่าวอวยพรหลายชาย

"ครับ แล้วผมจะรีบกลับมา ดูอาการเจ้าชินนะครับ"

"จ๊ะ ป้าว่าได้นอนพักอีกวันเย็นนี้คงจะดีขึ้นแหละจ๊ะ" ป้ายิ้มๆแต่ก็ยังมีสายตาเป็นห่วงปนอยู่

"ครับ งั้นผมจะรีบกลับมานะครับ"


          นพคุณไปช่วยยายเก็บผักและก็บอกเล่าเรื่องที่น้องชายป่วย เลยต้องมาที่สวนคนเดียว ยายก็อดเป็นห่วงไม่ได้ นพคุณบอกยายให้คลายกังวลว่า ชินพัตน์ได้พักวันนี้อาการก็ดีขึ้นแน่นอน และก็กลับไปขายของที่ตลาดได้ตามปกติ
          นพคุณและยายต้องคอยตอบคำถามลูกค้าร้านลูกชิ้นปิ้งที่พ่อค้าหนุ่มเจ้าของร้านหายหน้าไปใหน แต่เมื่อรู้ว่าป่วยก็ต่างพากันเป็นห่วง แวะซื้อของเยี่ยมไข้ฝากมากับนพคุณมากมาย  จนตัวนพคุณเองยังอดดีใจแทนน้องชายไม่ได้ว่า ลูกค้าเป็นห่วงเป็นใยกันถึงขนาดนี้ อยากที่จะรีบกลับไปเล่าให้คนที่นอนป่วยที่บ้านและลุงกับป้าฟังเร็วๆ


"วันนี้เหลือผักแค่นี้ก็เก็บร้านเถอะจ๊ะ จะได้กลับบ้านกันเร็วขึ้น"ยายพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผักเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยแต่ไม่อยากจะรอจนขายหมด อยากที่จะให้นพคุณรีบกลับไปดูชินพัตน์ที่บ้านเร็วๆ เพราะยายเองก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน


"จะดีเหรอครับยาย ขายให้หมดก่อนก็ได้ครับ"นพคุณมองดูว่าคนยังเดินเยอะอยู่อีกพักคนคงมาซื้อผักแน่นอน เพราะลูกชิ้นของที่ร้านก็ปิ้งจนหมดแล้ว วันนี้เขาเอาลูกมาขายไม่เยอะเท่าที่ชินพัตน์ขายทุกวัน นพคุณเพียงต้องการมาสงออเดอร์ลูกค้าที่สั่งของกับน้องชายไว้เท่านั้น และก็พอขายหน้าร้านเป็นเพื่อนยายตอนขายผักไปพร้อมกัน


"ผมยังรอลูกค้ามารับลูกชิ้นอีก 2 เจ้าครับ ยายนั่งขายไปเรื่อยๆเถอะครับเดี๋ยวก็หมดครับเชื่อผม"ส่งยิ้มให้ยายสบายใจ ว่าตนเองก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับบ้าน


          ลูกค้ามารับลูกชิ้น 5 กิโลไปแล้วเหลืออีก 1 ถุงนพคุณไม่รู้น้ำหนักเท่าไร เพราะชินพัตน์เตรียมไว้ในตู้แช่ และเขียนบอกว่าเป็นออเดอร์ของวันพุธ นพคุณก็หยิบมาใส่ไว้ในถังแช่เพื่อเอามาส่งในวันนี้ ตามกระดาษที่จดรายการไว้จากน้องชาย เขาก็คงต้องรอกว่าลูกค้าเจ้าสุดท้ายมารับ พอดีกับผักของยายที่ขายหมดไปแล้ว เลยเก็บร้านรอเวลาที่ลูกค้ามา

"อ้าว จะเก็บร้านกันแล้วเหรอครับ"ลุงยามเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นนพคุณเริ่มเก็บข้าวของ

"ครับพอดีของขายหมดแล้วครับ"นพคุณตอบคิดว่าเป็นลูกค้าที่จะมาซื้อลูกชิ้นปิ้ง

"อ้าว  เออ  แล้วพ่อหนุ่มเจ้าของร้านลูกชิ้นไปใหนซะล่ะ" ลุงยามไม่คุ้นเคยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่าไร

"อ้อ น้องชายผมป่วยนะครับ วันนี้ผมมาขายแทนเขานะครับ ลุงมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"อ้าวไม่สบายเหรอเป็นอะไรมาหรือเปล่า  "ลุงยามถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นอะไรมากครับแค่เป็นไข้หวัดนะครับ พักอีกวันสองวันก็หายครับ กลับมาขายของได้ปกติแน่นอนครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"นพคุณยิ้มเป็นมิตรส่งกลับไปให้กับลูกค้าของน้องชาย

"ลุงบอกไว้ว่าจะแวะมาซื้อลูกชิ้น แต่พ่อหนุ่มไม่อยู่ลูกชิ้นก็หมดแล้ว งั้นลุงแวะมาซื้อใหม่แล้วกัน"ลุงยามลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าลูกชิ้นที่ตนเองสั่งไว้จะได้หรือเปล่าวันนี้

"ลุงสั่งของไว้กับน้องผมเหรอครับ"

"ครับๆ สั่งไว้แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจะสั่งเท่าไร ลุงก็เลยไม่แน่ใจว่า พ่อหนุ่มเจ้าของร้านจะเอามาเผื่อให้ลุงหรืเปล่า?"

"งั้นรอสักครู่นะครับ" นพคุณโทรหาน้องชาย ที่คิดว่าหน้าจะตื่นอยู่

(ว่าไงพี่ ขายดีมั้ยวันนี้) ชินพัตน์ตอบเสียงใส บ่งบอกถึงอาการป่วยดีขึ้นแล้ว

"จะโทรมาถามเรื่องออเดอร์ที่ไม่ระบุ น้ำหนักเอาไว้นะ ว่าของใคร"

(อ้อ ของลุงยาม ที่เฝ้าตึกสร้างใหม่หน้าถนนนะพี่ ทำไมเหรอหรือว่าลุงยามไม่มา)

"มาแล้วแต่พี่ไม่แน่ใจเลยโทรมาถาม"

(ถุงนั้นแหละของลุง แล้วลุงเขาจะซื้อเท่าไรก็ขายๆให้ลุงไปเถอะพี่ใหญ่)

"ลุงจะซื้อกี่กิโลครับ"นพคุณละจากสายโทรศัพท์หันไปถามลุงยามที่ยืนรออยู่

"ลุงจะสั่งสัก 5 โล"

"ชิน ลุงยามเขาสั่ง 5 กิโล แล้วในถุงมีเท่าไร"

(พอดีเลย ผมเตรียมไว้ 5 กิโลพอดี ขายให้ลุงไปเลยพี่)

"อืม แค่นี้และแลัวพี่จะรีบกลับ" นพคุณรีบว่างสายไม่ทันฟังน้องชายถาม

(พี่เดี๋ยวก่อ.........)ว่างสายไปซะและว่าจะให้ซื้อขนมครกมาฝากสักหน่อยพอหายป่วยก็อยากกินโน่นกินนี้ อดเลย

"ได้แล้วครับลุงนี้ครับ 5 กิโล"

"แล้วราคาเท่าไรล่ะ พ่อหนุ่ม"

" 500 บาทครับ"

"ไว้ถ้ามีโอกาสจะแวะมาซื้ออีกนะ แล้วก็ให้พ่อหนุ่มเจ้าของร้านหายไวไวด้วยนะ ลุงไปก่อนหล่ะ" ลุงพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากหน้าร้านไป นพคุณมองตามหลังลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้อย่างภูมิใจ เพราะตัวเขาเองก็สามารถขายของคนเดียวได้อย่างสบายๆ

             ลุงยามเดินกับมาที่ป้อมยามชั่วคราว เพราะวันศุกร์ก็เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของที่นี้ ต้องโยกย้ายไปเฝ้ายามที่อื่นตามคำสั่งของหน่วยงานที่ได้ว่าจ้างให้ไป แต่ก็คงรับงานที่ใหนไกลๆบ้านมากก็ไม่ได้เพราะต้องดูแลหลานๆทั้ง 3 คนที่ลูกชายทิ้งไว้ให้เลี้ยงลุงยามกลับเข้ามาประจำที่ป้อมยาม เก็บลูกชิ้นไว้ในกล่องโพมใบขนาดย่อมที่มีน้ำแข็งอัดแน่นเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เพราะคนที่เตรียมไว้ให้ก็ไม่ได้ไปใหนไกล เดินอยู่ในตลาดเมื่อเห็นว่าคนที่อยากเจอไม่มาก็เคยให้ลุงยามเดินไม่ถามแทน อย่างเป็นห่วง

           
"เป็นไงบ้างครับลุง" นนทนัฐถามด้วยน้ำเสียงติดกังวล


           นนทนัฐเดินอยู่รอบๆตลาดนัดหลายรอบ เพื่ออยากจะแอบมอง คนที่บอกว่า (ไม่น่าจะเจอกันตั้งแต่แรก) แต่ก็ไม่เห็นมาเห็นแต่คนที่เป็นพี่ชายมาขายแทน เขาก็กังวลใจแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปถามตรงๆเหมือนก่อนแล้ว กลัวโดนเกลียดมากขึ้นไปอีก ถามรู้ว่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย  เลยบอกให้ลุงยามไปซื้อลูกชิ้นแล้วถามหาเจ้าของร้านด้วยว่าไปใหน


"ได้ลูกชิ้นมาแล้วครับ แช่อยู่ในลังนี้ครับ" ลุงยามรีบชี้ไปที่กล่องโพม เมื่อเห็นคนที่สั่งให้ตนเองไปซื้อถามขึ้น

"ครับ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่ที่ผมอยากรู้คือคุณเจ้าของร้านทำไมไม่มาครับ" นนทนัฐอยากรู้ว่าคนที่ควรจะมาขายของวันนี้ทำไมถึงไม่มา

"อ้อ พ่อหนุ่มเจ้าของร้านไม่สบาย พี่ชายเลยมาขายแทนครับ"

"ไม่สบายเหรอครับ" นนทนัฐเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข อยากจะไปหาคนป่วยให้เร็วที่สุด

"งั้นลุงเอาลูกชิ้นกลับไปทานเลยนะครับ ผมไปทำธุระก่อนนะครับ" นนทนัฐรีบสั่งและวิ่งกลับไปที่รถคู่ใจขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

"............."ลุงยามมองตามหลังรถที่ขับออกไปอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น


              นพคุณเก็บของขึ้นรถ แล้วไปส่งยายที่บ้านสวน ยายก็หยิบยาบำรุงที่ได้มาจากวัดให้นพคุณ เพื่อฝากไปให้ชินพัตน์กินจะได้ร่างกายแข็งแรงไวไว  นพคุณก่อนขับรถออกจากบ้านยายก็โทรหา ต้นกล้าและบอกเรื่องที่ชินพัตน์ป่วยให้ฟังด้วย ต้นกล้าก็เป็นห่วงชินพัตน์มาก อยากกลับมาเยี่ยม แต่เพราะช่วงนี้ติดสอบเลยกลับมาไม่ได้ นพคุณก็บอกว่าตั้งใจเรียนแล้วค่อยกลับมาคุยกันวันหยุดจะดีกว่า ต้นกล้าก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้


(ต้นเป็นห่วงพี่ชินจังเลย อยู่ๆก็ไม่สบายขึ้นมาแบบนี้)


"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปกติเจ้าชินแข็งแรง คงมีเรื่องให้คิดนะ เลยป่วยเดี๋ยวก็หายต้นไม่ต้องกังวัลไป"

(งั้นวันศุกร์ต้นจะรีบกลับไปช่วยนะครับ)

"ช่วยใคร ช่วยพี่ หรือช่วยเจ้าชิน หืม"

(เออ ก็ ช่วยทั้งพี่แล้วก็พี่ชินนั้นแหละครับ ขายของคนเดียวคงไม่สนุกนักหรอก จริงมั้ยครับ)ต้นกล้าพูดอ้อมแอ้มอยากลับไปช่วยขายของเพราะเป็นห่วงไปหมดทุกคน เกิดไม่สบายกันไปหมดคงแย่

"ครับๆ งั้นวันศุกร์พี่ไปรับที่ บขส.นะครับ" นพคุณยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเหตุผลที่จะได้ไปรับต้นกล้าแล้ว

(ครับ แล้วต้นจะโทรหานะครับ ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ)

"ครับๆ....... พี่คิดถึงต้นนะ"นพคุณพูดเสียงกระซิบแผ่วเบา

(เอ๊ะ อะ เออ คะ ครับ)ต้นกล้าหน้าแดงขึ้นมาทันที่ รีบเงยหน้ามองคนรอบๆ กลัวคนอื่นจะเห็นว่าตนเองหน้าแดงเพราะคนปลายสาย

"ต้นคิดถึงพี่มั้ยครับ หืม"นพคุณยังไม่วายจะถามต่อ

(อะ อืม อืม) ต้นกล้าอายที่จะตอบไปตรงๆ ว่าตนเองก็คิดถึงนพคุณเหมือนกัน ไม่เจอหน้าแค่ไม่กี่วัน

"อืม อืม นี้หมายถึงอะไรครับ ไม่ตอบดีๆ กลับมาพี่ทำโทษนะ"

(ต้น ต้น ต้องไปทำงานพิเศษแล้วครับ ต้นว่างสายก่อนนะครับ) ต้นกล้าตัดสินใจว่างสาย ทั้งเขินทั้งอายเกินกว่าจะพูดตรงๆแบบนั้นออกไปได้  หน้าเห้อร้อนไม่หาย

"หึหึ "นพคุณมองมือถือ แล้วก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ อยากเห็นหน้าตอนเขินของคนปลายสายจริงๆ ไม่เป็นไร วันศุกร์ก็จะได้เจอกันแล้ว  ขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีอีกเช่นเคย


              นนทนัฐขับรถมาจอดเลียบริมถนนใหญ่ เป็นทางหลักที่จะเข้าไปในเขตร้านค้าที่ร่วมตัวอยู่กันเรียงราย ร่วมไปถึงร้านลูกชิ้นของชินพัตน์ด้วย เป็นที่ที่เดิมที่เคยจอดรอเหมือนเมื่อวันอาทิตย์ แต่วันนี้เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะโทรไปหา หรือเข้าไปเจอเหมือนดังที่ใจต้องการ ตามที่ใจเรียกร้องบอกว่าอยากจะเจอหน้าคนที่นอนป่วย อยากอยู่ใกล้ อยากดูแล


ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?


บอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ทำไมถึงป่วยได้นะ


ผมอยากเจอหน้าคุณ แต่ผมไปเจอคุณไม่ได้แล้ว


ถ้าคุณไม่อนุญาติให้ผมเจอ


แต่ถ้าได้เจอ จะเจอกันในฐานะอะไร


เจ้าของร้านลูกชิ้น กับ ลูกค้า


เพื่อน?


หรืออะไรที่มากกว่านั้น


ผมเป็นห่วงคุณ


ผมคิดถึงคุณ


ผมอยากเห็นหน้าคุณ


ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน ทำไมมันทรมารขนาดนี้










                           ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!  :laugh:

           มาติดตามดูคู่นี้กันว่าจะทรมารตัวเองกันไปถึงใหนนะคะ  :z1:

      คนที่ไม่รู้ใจตัวเอง กับ คนที่ยอมที่จะรอคอยความรัก จะเป็นยังไงช่วยติดตามต่อด้วยนะคะ อิอิ 

       แถมอีกคู่ก็หวานจนเบาหวานจะกิน  :-[   :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

       ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของมินมินนะคะ + เป็ดให้ทุกคนค่า ติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยนะคะ





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 40 ลืม...เพื่อเริ่มใหม่? [31-1-15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 31-01-2015 18:59:41




                                           ตอนที่ 41 ลืม....เพื่อเริ่มใหม่


                                นพคุณขับรถกลับมาระหว่างรอรถเลี้ยวเข้าทางไปจะตรงไปยังเขตการค้าที่มีร้านของลุงกับป้าอยู่ ก็สังเกตุเห็นรถของลูกค้าประจำของน้องชาย และที่แน่ใจว่าใช่ เพราะเจ้าของรถยืนมองโทรศัพท์ และมองไปยังที่ใดที่หนึ่งสลับไปมา   นพคุณคิดว่านนทนัฐคงมีธุระแถวนี้ เลยขับรถผ่านไม่ได้เข้าไปพูดคุยทักทายอะไร อยากรีบไปดูอาการน้องชาย และเอาเหล่าของเยี่ยมจากแม่ค้า และลูกค้าที่ซื้อมาฝากไปเยี่ยมไข้น้องชายด้วย เยอะมากแต่มันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะน้องชายของเขาเป็นที่รักใครของคนในตลาดได้ขนาดนี้ ไปขายของไม่กี่เดือนเอง

"กลับมาแล้วครับ"

"ของอะไรเยอะแยะเลย ตาใหญ่"

"ของฝากเยี่ยมเจ้าชิน จากพวกลูกค้าแล้วก็แม่ค้าร้านใกล้ๆกันนะครับ พอรู้ว่าเจ้าชินป่วย ก็เป็นห่วงกันใหญ่เลย ซื้อของมาให้เยอะเลยครับ" 

"โอโฮ้นี้ลูกชายป้านี้ เป็นที่รักใคร่ขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ปลืมใจจริงๆ" ผู้เป็นป้าพูดติดตลกแกมภูมิใจเล็กๆไปในที ที่ลูกชายตนเองมีคนเป็นห่วงเยอะขนาดนี้

"แล้วเจ้าตัวเป็นยังไงบ้างครับ"

"ลงมากินข้าวได้แล้วล่ะจ๊ะ ป้าพึ่งให้ขึ้นไปพักข้างบนเมื่อกี้เองจ๊ะ"

"งั้นผม ยกของเยี่ยมนี้ขึ้นไปให้เลยแล้วกันนะครับ"

"จ้า"


                         นพคุณเดินเข้าห้องน้องชาย เห็นน้องชายนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะ  ดูสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าแล้ว แต่อาการเหม่อลอยมีเรื่องคิดอยู่ตลอดก็ยังมีอยู่  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่านะ  ต้องลองเลียบๆเคียงถามดูดีกว่า ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้ต้องล้มป่วยขนาดนี้

"อ้าว กลับมาแล้วเหรอพี่ใหญ่ มายืนทำอะไรเงียบล่ะครับ เข้ามาก่อนสิครับ" ชินพัตน์ที่หันกลับมามองเมื่อมีความรู้สึกถึงสายตาที่จ้องจากด้านหลัง

"แล้วนี้อะไรครับ ของเยอะแยะไปหมดเลย โอโฮ้น่ากินทั้งนั้นเลย"

"อยากกินก็กินซะ คนให้เขาจะได้ดีใจ" นพคุณยกถุงขนมผลไม้ที่เป็นของเยี่ยมส่งให้คนป่วย

"ใครให้มาเหรอพี่ เยอะขนาดนี้"

"ก็พวกแม่ค้า แล้วก็ลูกค้าที่รู้ว่านายไม่สบายก็เลยซื้อมาเยี่ยมไข้นายไง"

"โอโฮ้ เกรงใจแย่เลยอ่ะ ไม่ได้การ วันเสาร์ผมต้องทำอะไรไปเลี้ยงพวกพี่ๆแม่ค้า แล้วก็ต้องมีของแถมให้กับลูกค้าใจดีซะแล้ว สิ"

"หายดีแล้วเหรอไง" นพคุณเดินเอามือมาอังที่หน้าผากน้องชาย  ตัวไม่ร้อนแล้วจริงๆด้วย

"ผมไม่เป็นไรแล้ว นอนทั้งวัน หายแล้วพี่  อยากให้ถึงวันเสาร์เร็วๆแล้วสิ  ผมจะทำอะไรไปเลี้ยงดีน่า" ชินพัตน์ทำเสียงสดใสตื่นเต้นขึ้นมา ก็ทำให้นพคุณหมดห่วงเรื่องอาการป่วย คงหายดีแล้วจริงๆ 

"จริงสิ ต้นรู้ว่านายป่วย ก็อยากจะกลับมาเยี่ยมนะ แต่ติดสอบ เลยมาไม่ได้"นพคุณนึกขึ้นได้เรื่องของต้นกล้า

"ผมไม่เป็นอะไรแล้วพี่ ไปบอกต้นแบบนั้นก็เลยเป็นห่วงนะสิพี่  งั้นเดียวผมโทรไปหาก็แล้วกันจะได้หมดห่วง"

"อืม อืม แล้วแต่นายเหอะ"

"เออ พูดถึงต้น ผมจะถามพี่ตั้งนานแล้ว  พี่นี้สนิทกับต้นมากกว่าผมอีกนะเนี้ย มีการโทรหากันด้วยใช่มั้ยล่ะ ทั้งๆที่ตอนแรกเจอกันก็เกือบทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าใจผิด แต่ไงกลับมาสนิทกันได้  " ชินพัตน์เอาหัวไหลชนหัวไหลพี่ชายเหมือนแซว

"คิดอะไรกับน้องเขาหรือเปล่าพี่" ชินพัตน์ตั้งใจพูดแซวเล่น

"อืม  คิด"

"เฮ้ย  ไม่ปฎิเสธ สักนิดเลย" ชินพัตน์อึ้งกับคำตอบของพี่ชาย ทั้งที่เขาแค่พูดแซวเล่นเท่านั้น แต่พี่ชายกับตอบด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นทำเอาชินพัตน์ไปไม่เป็นเหมือนกัน

"ก็พี่คิดกับต้นมากกว่าน้องชายจริงๆนะสิ  แล้วจะให้พี่ปฎิเสธอะไร"

"พะ พี่ ชอบน้องต้นจริงๆเหรอเนี้ย"

"อืม" นพคุณผยักหน้าและยิ้มให้น้องชายที่ดูจะอึ้งไปกับเรื่องของเขากับต้นกล้า

"ตะ ตั้งแต่เมื่อไรพี่?"

"อืม  ก็อาจจะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกมั้ง  จากเรื่องที่เข้าใจผิด แต่พอได้รู้จักได้อยู่ใกล้กันมากขึ้นเลยรู้สึกว่า อยากดูแล อยากทำให้มีความสุขนะ  ความรู้สึกมันเกิดขึ้นมาเองนะ  พี่ก็อธิบายไม่ถูกว่ะ" พูดบอกด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กๆที่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้น้องชายตนเองฟัง

"อธิบายไม่ถูกอะไร ดูพี่ทำหน้าสิ  ยิ้มไม่หุบเลยนะเวลาเล่าถึงเรื่องของต้นนะ   ผมก็สงสัยทั้งแต่เดินเที่ยวงานวัดแล้ว  แล้วก็เรื่องที่ผมดันไปพูดแซวว่าเดินเที่ยวงานวัดกับสาวที่ใหนนั้นอีก   อ๊ากกก นี้ผมทำให้ต้นเข้าใจพี่ผิดหรือเปล่าอ่ะ!!!  " ชินพัตน์เริ่มคิดตามเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เขาเองไม่เคยสังเกตุท่าทีของพี่ชายที่มีต่อต้นกล้าเลย แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ ก็รู้สึกว่าตนเองทำเรื่องไม่ดีเข้าให้ซะแล้ว ขยี้หัวตัวเองไปมา  มองดูเป็นเรื่องตลกต่อหน้าพี่ชายอย่างนพคุณ

"ไม่ต้องคิดมากน่า เรื่องนั้นพี่คุยเข้าใจกันแล้วน่า อย่าคิดมาก"

"จริงๆนะพี่ ผมนึกว่าผมจะทำให้พี่ต้องทะเลาะกับต้นซะอีกอ่ะ"

"อืม ก็ต้องใช้เวลาคุยกันนานที่เดี่ยวกว่าจะเข้าใจ"

"พี่ใหญ่ผมขอโทษครับพี่" 

"ไม่ต้องแล้ว เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว  ว่าแต่นายเถอะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจทำไมไม่บอกพี่บ้าง หืม หรือเห็นว่าพี่คนนี้ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยหรือไง  "

"เอ๊ะ  อะ  เปล่านะพี่ ผมไม่ได้มีเรื่องอะไร สักหน่อย พี่ก็คิดมากไป ผมพึ่งพาพี่ตลอด ดูอย่างวันนนี้สิ ยังให้พี่ไปขายของแทนเลย แหะๆๆๆ" ชินพัตน์รีบพูดประจบพี่ชายทันที่ เมื่อวกเข้าเรื่องตนเอง
 
"มีเรื่องอะไร บอกพี่มาที่ทำให้นายไม่สบายใจถึงขนาดล้มป่วยแบบนี้  ชินพัตน์ " นพคุณรีบดันหัวน้องชายที่ทำท่าที่อ้อน จับหัวด้วยมือข้างเดียว เพื่อให้น้องชายหันมามองหน้ากัน ด้วยสายตาที่จริงจัง

"เออ ผม ก็แค่ป่วยเฉยนะพี่ อะ อากาศมันเปลี่ยนไงเลยไม่สบายขึ้นมาเฉยๆนะ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริๆนะพี่"  ชินพัตน์พยายามหลบตาพี่ชายที่จ้องเอาความจริงจากเขาเสียให้ได้

"ให้มันจริงนะเจ้าชิน นายรู้ใช่มั้ย ฉันอยู่กับนายมาตั้งแต่เด็กจนโต ทำไมฉันที่เป็นพี่นายจะไม่รู้ว่า สิ่งที่นายเป็นอยู่ตอนนี้นะเพราะอะไร
เอาเถอะ  อยากจะเล่าเมื่อไร ก็ตามใจนายแล้วกัน  ก็แค่อยากให้รู้ไว้ว่าทั้งพี่ ทั้งป้าและลุงต่างเป็นห่วงนาย รู้แค่นี้ก็พอ"  นพคุณลูบหัวน้องชายอย่างปลอบโยน ถึงจะยังไม่รู้สาเหตุแต่ก็ไม่เป็นไร แค่เห็นว่ากลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิมก็ดีแล้ว

"พี่ใหญ่...." ชินพัตน์กำลังลังเลเรื่องที่เขาเจออยู่ตอนนี้ให้พี่ชายฟังดีหรือเปล่า

"นอนพักเถอะ เดี๋ยวไข้กลับขึ้นมาอีก สบายใจหรืออยากเล่าเมื่อไร พี่ก็พร้อมฟังนายเสมอ อย่าคิดมาก นอนพักซะ"

"ขอบคุณครับพี่" ชินพัตน์ยังไม่อยากที่จะเล่าตอนนี้ ขอเวลาผมอีกหน่อยนะครับ พี่ใหญ่ ขอผมรู้สึกถึงใจตัวเองได้เสียก่อนผมจะบอกพี่คนแรกเลย

"เออ  ลืมบอกไป  ตอนพี่ขับรถกลับ มาตรงทางเข้ามาบ้านเรา เจอลูกค้าประจำนายด้วย เห็นยืนมองโทรศัพท์ แล้วก็มองเหม่อๆ เหมือนกำลังรอใครอยู่ หรือกำลังไปหาใครละมั้ง  แต่พี่ไม่ได้ลงไปคุยด้วยหรอก ขับรถกลับมาที่นี้เลยนะ"

"ละ เหรอครับ" ชินพัตน์ทำสีหน้าแปลกไป จนนพคุณสังเกตุเห็น

"ก็เห็นป้าบอกว่า คุณนนท์แวะมาที่ร้านนี้บ่อยๆไม่ใช่เหรอ  เอ๊ะหรือว่าเขาจะมีธุระแถวนี้หรือเปล่านะ" นพคุณพูดขึ้นมาลอยเหมือน พูดขึ้นเหมือนคิดขึ้นมาได้

"พี่ผมขอตัวนอนก่อนนะ พี่ก็ขับรถกลับร้านดีๆล่ะ" ชินพัตน์รีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาซะเฉยๆ

"อะ เออ เออ นอนเหอะ พี่ก็จะกลับแล้วหล่ะ" นพคุณลอบมองน้องชาย ก่อนที่จะปิดประตูห้องให้

 
คงจะไม่ใช่หรอกมั้ง 

ไอ้คุณลูกค้าประจำนั้นจะทำให้น้องชายเขามีอาการแบบนี้หรอกนะ


                     เช้าวันรุ่งขึ้น ชินพัตน์ก็กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ดูแลหน้าร้าน และเข้าไปดูที่โรงงานด้วย  อาการก็หายเป็นปกติ กับมาคุยจ้อเหมือนเคย จนผู้เป็นแม่หมดห่วง ถึงแม้ยังมีเรื่องให้อดคิดไม่ได้ว่า ใครกันที่ทำให้ลูกชายของตนเอง ละเมอเพ้อเพราะพิษไข้ได้ขนาดนั้น แต่ก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะลูกชายก็คงไม่อยากพูดถึงหรือนึกถึงขึ้นมาอีกก็ได้ เลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องถามให้มากความ  แค่เห็นลูกชายที่รักกับมาสดใสช่างพูดเหมือนเคยก็พอใจมากแล้ว

"แม่ครับ วันจันทร์พวกเราไปดูตึกที่ชินไป ดูไว้กันมั้ยครับ ต้นเดือนหน้าเขาจะให้เปิดจองแล้ว ต้นอยากพาพ่อกับแม่ไปดู ว่าจะเพิ่มเติมตรงใหน พอเราจองเสร็จก็จะได้ลงมือต่อเติมได้ทันทีดีมั้ยครับ"

"วันจันทร์ก็ไปกับพ่อก่อนแล้วกันแม่ต้องดูร้าน แล้วกันเปิดจอง แม่ค่อยไปดีมั้ย"

"ตามนั้นก็ได้ครับแม่"

"เออ แล้ววันจอง ตานนท์จะมาหรือเปล่าตาชิน  "

"เออ ไม่รู้ครับ คงกลับกรุงเทพไปแล้วมั้งครับ"

"งั้นเหรอเสียดายจังน่า ยังไม่ได้เลี้ยวส่งเลย กลับไปเงียบๆแบบนั้นเลยหรอ"

"ไม่รู้สิครับ ผมไปดูที่โรงงานก่อนะครับ" ชินพัตน์รีบผละออกมาผู้เป็นแม่ทันที่ ไม่อยากคุยเรื่องของคนคนนั้น

"เป็นอะไรกันล่ะเนี้ย  ไม่เข้าใจวัยรุ่นสมัยนี้จริงๆ ทะเลาะกันหรือไงน่า?" ผู้เป็นแม่สายหัว เมื่อเห็นท่าทีของลูกชายที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากพูดถึงเพื่อนที่เคยมาเที่ยวเล่นที่บ้านและยิ่งเป็นลูกค้าประจำที่ร้านลูกชิ้นซะด้วย มันยังไงกันนะ


                 ชินพัตน์พยายามลืมและไม่อยากนึกถึง แต่แล้วคนรอบข้างก็พูดถึงคนคนขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อไหรจะหายตัวไปซักที มาวนเวียนอะไรอยู่แถวนี้อยู่อีก ทั้งที่บอกว่าจะไปก็ไปเลยสิ จะมาให้เขาเห็น มาให้คนรู้จักเห็นแบบนี้ ให้ถามหาแบบนี้เพื่ออะไรกัน

ต้องลืมให้ได้

            เช้าวันเสาร์ชินพัตน์กระตื้อรือล้นอยากจะไปหายายที่สวนแต่เช้า เตรียมของสดปทำยำให้พวกแม่ค้าร้านใกล้เคียงที่มีน้ำใจเป็นห่วงใย  และลูกชิ้นขนาดใหม่ของที่โรงงานทำออกมา เพื่อใส่ในก๋วยเตี๋ยวที่เหล่า พ่อค้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเรียกร้องให้ทางโรงงานทำออกมา เพื่อเอาไปใส่ใน ก๋วยเตี๋ยวโดยเฉพาะ วันนี้ชินพัตน์เลยเอาลูกชิ้นลูกเล็กนั้นมาด้วย มาให้พวกลูกค้าเขาได้ลองชิมก่อนใคร  โดยการนึงและทำน้ำจิ้มรสเด็ด พร้อมชิมไว้ให้ลูกค้าที่เข้ามาได้ลอง  ขนาดจะเล็กว่าที่ชินพัตน์นำมาปิ้งขาย  จะได้ลูกค้าเพิ่มก็ดูจากการลุงทุนให้ชิมพี่วันนี้ด้วย  ชินพัตน์ยกยิ้มกับแผนการตลาดของตนเอง เริ่มจะสนุกกับงานที่ทำ เรื่องที่ต้องทำให้คิดมาก ก็จ่างหายไปเอง


"พ่อหนุ่มหายดีแล้วเหรอ"

"หายดีแล้วครับยาย วันนี้ผมมาช่วยยายเก็บผักนะครับ"

"จ้าๆ กินข้าวเช้ามาหรือยัง ขึ้นไปกินก่อนมั้ย มีต้มจืดตำลึงนะจ๊ะ"

"ทานมาแล้วครับ เอาไว้ทานก่อนออกไปตลาดก็แล้วกันครับ "ชินพัตน์พูดยกยิ้มอย่างร่าเริง ก่อนลงมือช่วยยายเก็บผัก


                  มาถึงตลาดตอนบ่ายโมง เช่นเคยมาก่อนเวลา เพราะวันนี้ชินพัตน์ไม่มีผู้ช่วย นพคุณต้องดูร้านเพราะมีปัญหาเรื่องออเดอร์ขาด เลยต้องอยู่จัดการเองทุกอย่าง  ชินพัตน์เลยต้องมาก่อนเวลา ช่วยยายจัร้าน แล้วค่อยมาจัดการจัดร้านของตนเอง และเตรียมของที่ทำมาเพิ่มด้วย นั้น คือยำลูกชิ้น สูตรเด็ดของร้าน จะมาทำให้คนที่ตลาดได้ลองชิมวันนนี้ด้วยฝีมือของเขาเอง แค่คิดแค่ชินพัตน์ก็ตื่นเต้น อยากให้ลุกค้าแม่ค้ามากันเร็วๆ  เขาเลยเร่งมือ จัดร้านเตรียมของต่างๆไว้ให้พร้อม  ห้อมนึงลูกชิ้นลูกเล็กก็พร้อม น้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านก็พร้อม ให้ลุกค้าวันนี้ได้ชิมกัน  เขาเริ่มนำลูกชิ้นขึ้นมาเริ่มปิ้งเพื่อรอลูกค้าที่จะเริ่มเดินเข้าตลาดนัด ประมาณ บ่าย2-3 ก็เริ่มพอจะมีให้เห็น

"อ้าว หายดีแล้วเหรอชิน มาแต่วันเลย" แม้ค้าร้านใกล้เคียงถอยรถเข้ามาเอาของลงที่ล๊อคตนเอง ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

"หายดีแล้วครับพี่ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"

"จ้าๆ พี่ซื้อส้มฝากพี่ชายเราไปเป็นไง หวานพอทานได้มั้ย"

"ขอบคุณมากครับ หวานอมเปรี้ยวอร่อยดีครับ"

"ดีแล้วจ๊ะที่ชอบ หายก็ดีแล้วจะได้มาขายของด้วยกัน"

"ครับ วันนี้ผมทำยำลูกชิ้นเลี้ยงนะครับพี่ เดี๋ยวผมทำไปให้ชิมนะครับ"

"ว๊าว ลาบปากอีกแล้ว จัดมาเลยจ๊า ของฟรีพี่ชอบ อิอิ"

"ฮ่าๆๆๆ ครับครับ"

             ก่อนที่ลูกค้าจะเดิน ชินพัตน์ก็เร่งทำยำลูกชิ้นแจกจ่าย พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ร้านใกล้เคียง และร้านที่มีน้ำใจต่อเขาเป็นห่วงใยเมื่อยามป่วยไข้  เพื่อนพ่อค้าแม่ค้า ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมา ลุกชิ้นก็อร่อยอยู่แล้ว พอเอาไปเพิ่มรสเผ็ดเปรี้ยว ยิ่งเป็นที่ชอบ เอยปากว่าทำไมไม่ทำขายซะพร้อมกันเลย

"ผมจะเปิดร้านที่นี้ครับ แล้วจะทำทั้งยำ ทั้งปิ้ง และอาหารตามทั้งที่วัตถุดิบหลัก คือลูกชิ้นด้วยนะครับ"

"จริงเหรอเปิดตรงใหนล่ะ พี่จะได้ไปอุดหนุน"

"ตึกสร้างใหม่ ตรงหน้าถนนนั้นไงครับ ผมไปดูไว้แล้วครับ เปิดจองต้นเดือนหน้านี้แล้วครับ "

"ดีจังเลย  แล้วที่ตลาดนัดนี้ล่ะจะมาขายเหมือนเดิมมั้ย"

"ยังไม่แน่นอนครับ ดูเรื่องคนกับเรื่องเวลาก่อนนะครับ"

"จ้า แล้วพี่จะไปประเดิมให้เองนะจ๊ะ อิอิ" พี่ๆแม่ค้า ต่างพากันคุยสนุกสนาน ร่วมยินดีที่ชินพัตน์จะมีร้านของตนเอง

              ช่วยบ่ายๆ ลุกค้าเริ่มเดินเข้ามาตลาด จับจ่ายซื้อกับข้าว ซื้อของใช้ และลุกค้าประจำก็เดินตรงมายังร้าน ต่างถามขึ้นมาคำเดียวกันเลย

"หายดีแล้วเเหรอจ๊ะ"

"หายดีแล้วครับ  วันนี้ผมมีลูกชิ้นนึกจาที่ร้านมาให้ลองชิมดูด้วยนะครับ"

"เหรอจ๊ะใหนลอง ซิ" ชินพัตน์ คีบลูกชิ้นในหม้อนึกหลายลูกชิ้นร้อนๆลงในจาน  พร้อมไม้จิ้ม น้ำจิ้มรสเด็ด

"เป็นไงบ้างครับ  "

"อืม อร่อยไปอีกแบบนะจ๊ะ ปกติจะเป็นแบบปิ้ง น้ำจิ้มก็จะเป็นอีกแบบ แต่วันนี้เป็นแบบนึง น้ำจิ้มก็จะรสจัดขึ้นมาหน่อยใช่มั้ย อร่อยมากๆเลยจ๊ะ"

"ขอบคุณครับ พอดีผมจะมาเปิดร้านที่นี้นะครับ เลยอยากจะหาเมนูลูกชิ้นมาเพิ่มนะครับ"

"เหรอจ๊ะ เปิดตรงใหนล่ะ ป้าจะได้ไปอุดหนุน"

"ตรงตึกข้างนั้นไงครับ ที่กำลังเปิดจองนั้นแหละครับผมไปดูไว้แล้วครับ" ชินพัตน์ชี้ไปตรงตึงที่มองจากตลาดก็มองเห็นได้ชัดเจน

"ดีเลย ป้าจะได้ไปนั่งทานที่ร้าน คงมีเมนูลูกชิ้นให้เลือกเยอะใช่มั้ยจ๊ะ"

"ครับ มีให้เลือกเยะมากแน่นอนครับ เปิดขายวันใหนผมจะบอกอีกที่นะครับ ตอนนี้ก็ขายที่ตลาดนัดไปก่อนนะครับ"

"จ้าจ้า  วันนี้ป้าก็สั่ง 10 ไม้เหมือนเดิมจ๊ะ  แล้วแบบนึงนี้ขายมั้ยจ๊ะ ป้าอยากเอากลับไปให้ที่บ้านลองชิมนะ"

"เดี๋ยวผมใส่ถุงให้ครับ ไม่คิดเงินครับ"

"จะดีเหรอจ๊ะ เกรงใจ"

"อร่อยวันหน้าค่อยพากันมาอุดหนุนที่ร้านผมนะครับ"

"ได้เลยจ้า"

"ขอบคุณครับ ทั้งหมด 100 บาทครับ" ชินพตน์ยกยิ้ม พอใจกับการตอบรับเล็กๆของลูกค้าที่ได้ชิมเมนูใหม่ที่เขาเอามาแนะนำวันนี้ 


                    ชินพัตน์เตรียมพร้อมกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่จะเข้ามาไม่ว่าจะเป็น เมนูใหม่ๆ สถานที่ขายใหม่ ลูกค้าไหม่ๆ และความรู้สึกใหม่ที่ไม่มีใครคนนั้นเข้ามาเกี่ยวของอีกต่อไป  เริ่มใหม่ได้แล้ว



หัวใจก็เช่นกัน









                                      ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:


               ติดตามกันต่อนะคะ ว่าความรักของทั้งสองคู่จะเป็นยังไงต่อไป   :z1:


          ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ ติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยนะคะ  :กอด1:





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ พิเศษแบบหวานหวาน [1/2/15] (คู่น้องต้นกับพี่ใหญ่)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 01-02-2015 18:51:33



                                                     ตอนแถม แบบหวานหวาน


                      บ่ายวันศุกร์นพคุณออกจากร้านของตนเอง เพื่อจะไปรับต้นกล้า ก่อนเวลาเยอะ เพราะเขาตื่นเต้นที่จะได้ไปรับต้นครั้งแรก จอดรถไว้ที่ บขส. แล้วก็เดินเที่ยวเล่นในห้างแถวนั้นฆ่าเวลา รอให้ต้นกล้าโทรมาบอก ไม่กล้าโทรไปถามว่าเลิกเรียนหรือ ถามว่าขึ้นรถกลับมาแล้วหรือยัง ใช้เวลาช่วงบ่ายเดิน ของเล่นไปฝากหลานๆ หนังสือนิทาน และสุดท้านก็ไปจบที่ร้าน กล้วยปิ้งเจ้าประจำของต้นกล้า ซื้อมานั่งกินรออยู่ที่รถ มองดูนาฬิกาคิดว่าน่าจะใกล้เวลาที่ต้นกล้าจะมาถึงแล้ว ก็ยกยิ้มอย่างตื่นเต้น

Rrrrrrr Rrrrrrr

มองโทรศัพท์ ที่เฝ้ารอใครบางคนโทรมาตลอดช่วงบ่าย รีบรับโดนไม่ต้องคิด

"สวัสดีครับไม่ทราบจะเรียนสายกับใครครับ " นพคุณแกล้งทำเสียงรับแบบเป็นทางการ

(เออ สวัสดีครับ นี้ใช้เบอร์โทรศัพท์ของคุณนพคุณหรือเปล่าครับ) ต้นกล้ามองดูเบอร์ในโทรศัพท์ที่ต้นเองบันทึกชื่อไว้ก็ถูกต้องนีหน่า แล้วทำไม่รับสายของเขาแปลกๆแบบนี้ล่ะ

"จะเรียนสายกับคุณนพคุณเหรอครับ " นพคุณยังคงจะแกล้งนปลายสายต่อ

(คะ ครับ)

"บอกคิดถึงพี่ก่อนสิ แล้วจะให้คุย หึหึ"

(พี่!!!!  แกล้งต้นเหรอ ต้นไม่คุยด้วยแล้ว ชิ)

"ขอโทษครับ ต้นอยู่ใหนแล้ว พี่มารอที่ บขส. จนกินกล้วยปิ้งหมดไปหลายถุงแล้วนะ "

(ต้นกำลังจะลงจากรถแล้ว พี่รอตรงใหนเดี๋ยวต้นเดินไปหาเอง)

"ไม่เป็นไรครับ พี่เห็นต้นแล้วเดี๋ยวพี่เดินไปหาเองครับ พี่ว่างสายนะ"

   ต้นกล้ายังไม่ทันก้าวขาลงจากรถ ก็มีมือใหญ่มาจับแขนให้เดินลงจากรถอย่างระวัง เพราะต้นถือถุงของกระเป๋าเสื้อผ้ามา

"พี่?!!! " ต้นกล้ารีบเงยหน้ามองเจ้าของมือที่เดินมาช่วยจับ และช่วยถือของที่มีในมือ

นพคุณส่งยิ้มเล็กๆ ดีใจที่ได้เจอหน้าคนตัวเล็กที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ถ้าไม่ได้อยู้ข้างนอกแบบนี้ อยากจะดึงมากอดให้เต็มรัก แต่ก็ต้องอดทน

"ขอบคุณครับ มารอต้นนานแล้วเหรอครับ"ต้นกล้าทำหน้าตาติ่นเต้นปนสงสัย เพราะคนตรงหน้าบอกว่านั่งกินกล้วยปิ้งหมดไปหลายถุงแล้วจะจริงหรือเปล่า

"ไม่นานครับ พี่พึ่งมาเอง ต้นก็โทรมาพอดีเลยครับ " ยิ้มเอาใจคนตรงหน้า

"เหรอครับ"ต้นไม่อยากจะเชื่อเท่าไร  "ต้นขอไปซื้อกล้วยปิ้งให้ยายก่อนนะครับ" ต้นกล้ากำลังจะเดินไปทางร้านกล้วยปิ้งก็ต้องหยุดเพราะดดนมือนพคุณดึงไว้ก่อน

"พี่ซื้อมาให้แล้วครับ  หรือต้นอยากซื้ออะไรอีกก็ได้นะ พี่จะเดินไปด้วย"

"ไม่ซื้อแล้วครับ กลับบ้านกันเถอะครับ" ต้นกล้ายกยิ้มเมื่อเดินขึ้นมาบนรถ เห็นถุงกล้วยปิ้ง2ชุด และอีกถุงที่ไม่มีกล้วยปิ้งอยู่แล้ว  และข้าวของที่เหมือนจะพึ่งซื้อมาใหม่อยู่ที่เบาะหลัง แสดงว่านพคุณมารอเขานานแล้วจริงๆ

"ยิ้มอะไรครับ หืม" นพคุณเข้ามานั่งประจำคนขับ หันมองตุ๊กตาหน้ารถวันนี้ที่เอาแต่ลอบยิ้ม เลยถามอย่างอารมณ์ดี

"ขอบคุณนะครับที่มารับต้นวันนี้"

"ไม่เป็นไรพี่อยากมารับต้น ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลยครับ"

"งั้นเย็นนี้ทานข้าวเย็นที่บ้านนะครับ เดี๋ยวต้นทำต้มจืดตำลึงให้พี่กิน"

"ครับ"นพคุณลูบแก้มแดงของต้นกล้าอย่างเบามือ และเปลี่ยนมาจับมือต้นกล้าไว้ตลอดเวลาที่ขับรถกลับบ้านสวน


              ถึงบ้านสวน ต้นกล้าก็เอาข้าวของที่ซื้อมาให้ยายดูและกล้วยปิ้งจากนพคุณด้วย ต้นกล้าบอกยายว่าจะทำมื้อเย็นเอง ให้ยายนั่งกินกล้วยปิ้งกับนพคุณรอไปก่อน  ยายและนพคุณคุยกันถึงเรื่องชินพัตน์ที่อาการดีขึ้นแล้ว ยายก็หมดห่วง และถามถึงร้านของนพคุณด้วย นพคุณเลยมีโอกาสได้เล่าให้ยายฟัง ว่าตนเองมีเพื่อนช่วยดูร้านให้ไว้ใจได้ และมีลูกเล็กๆ 2 คนกำลังน่ารัก นพคุณเล่าให้ยายฟังด้วยว่าวันนี้ซื้อของเล่นและหนังสือไปฝากหลานๆที่ร้านของตนเองด้วย คุยกันได้สักพัก นพคุณเลยขอเข้าไปช่วยต้นกล้าทำกับข้าว

"มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย หืม" นพคุณเข้ามานั่งซ้อนหลังคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารตรงหน้า จนไม่ทันสังเกตุว่านพคุณเข้ามาในครัว

"อุ๊ย !!!!  พี่ทำไมเข้ามาเงียบๆแบบนี้ล่ะครับ ต้นถือมีดอยู่ด้วยอันตรายนะครับ" ต้นกล้าตกใจรีบวางมีดที่กำลังสับหมูอยู่ทันที

"ขอโทษครับ ขวัญเอยขวัญมา" นพคุณดึงตัวต้นกล้าเข้ามากอดเหมือนกล่อมเด็กเล็ก

"ปล่อยเลยครับ ต้นจะทำกับข้าว พี่ก็ออกไปอยู่กับยายสิครับ" ต้นกล้ารีบผละออกจากอ้อมกอด หลบซ่อนใบหน้าเขินอาย ก้มหน้าก้มตาสับหมูต่อไป

"แต่พี่อยากช่วยต้นทำกับข้าวนีครับ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย"

"ไม่มีครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว ถ้าพี่อยากช่วย......ช่วยออกไปอยู่เป็นเพื่อนคุยกับยายข้างนอกได้มั้ยครับ "ต้นกล้ายิ้มแล้วพูดรอดไรฟัน เหมือนคำขู่ แต่ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะอยากทำคนเดียวมากว่า พอนพคุณเข้ามาแล้วตนเองเริ่มไม่สมาธิทำอะไรกันพอดี

"ครับ ครับ ทำเสร็จแล้วก็เรียกพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ช่วยยกกับข้าวออกไปข้างนอกให้นะ" นพคุณรู้สึกว่าตนเองคงจะเข้ามาเกะกะเปล่า ออกไปรอข้างนอกดีกว่า แต่ก็ไม่วายที่จะขันอาสาช่วยเรื่องที่พอจะทำได้เอาไว้ก่อนออกไป 

"ครับ ถ้าทำเสร็จแล้วต้นจะเรียกครับ"

 
                  ช่วงหัวคำทั้ง 3 คนนั่งทานมื้อเย็นกันที่ชานบ้าน พูดคุยเรื่องขายของที่ตลาด ร่วมไปถึงเรื่องของชินพัตน์ด้วย พอต้นกล้ารู้ว่าชินพัตน์ดีขึ้นแล้วก็อยากที่จะโทรหาเพื่อยืนยัน  ทานข้าวเสร็จเลยปลีกตัวไปโทรหาชินพัตน์

"สวัสดีครับ"

(ว่าไงต้น ตอนนี้อยู่ใหน กลับมาที่สวนหรือยัง"

"กลับมาแล้วครับ พี่ เออ พี่ใหญ่ไปรับที่ บขส. ครับ"

(อืม ดีแล้วจะได้ไม่ต้องนั่งรถหลายต่อ"

"พี่ชินหายดีแล้วเหรอครับ"

(ครับ พรุ่งนี้พี่ก็ไปขายของได้ปกติแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ)

"ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับพี่ชิน"

(ต้น พี่มีเรื่องจะถามหน่อย?)

"อะไรครับ?"

(พี่ใหญ่ตอนนี้ยังอยู่ที่บ้านสวนใช่มั้ย)

"เอ๊ะ ใช่ครับ ยังอยู่ครับ พี่ชินจะคุยกับพี่เขาเหรอครับ เดี๋ยวต้น..."

(เปล่าๆ พี่ฝากดูแลพี่ชายพี่ด้วยนะต้น พี่ชายพี่เป็นคนดีนะ ฮึฮึๆ แค่นี้แหล่ะ)

"เอ๊ะ อะไร  อะ อ้าว วางสายไปซะแล้วอ่ะ ????" ต้นกล้าไม่เข้าใจกับคำพูดของชินพัตน์เท่าไร หันเดินจะกลับขึ้นบ้านเจอเข้ากับคนตัวโตที่ยืนอยู่เงียบๆที่บันได ไม่รู้ว่ามา ตั้งแต่เมื่อไร

"พี่จะกลับแล้วเหรอครับ" ต้นกล้าถามเห็นนพคุณเดินมาหาตนเองที่โต๊ะหน้าลานบ้าน

"ต้นโทรหาเจ้าชินเหรอ"

"ครับ ดูเหมือนจะหายดีแล้วนะครับ เสียงฟังดูดีขึ้นแล้ว"

"อืม ๆ งั้นพี่กลับก่อนนะ"

"พี่ เออจะกลับแล้วเหรอครับ" ต้นกล้าเรียกนพคุณไว้ เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่ปากเร็วกว่าใจ

"ทำไมครับ ไม่อยากให้พี่กลับหรือไง หืม?" นพคุณเดินเข้ามาใกล้ต้นกล้าที่เริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันที่เรียกคนตรงหน้าไว้แบบนั้น

"เออ เปล่าๆครับ ...... ขับรถกลับดีๆนะครับ" ต้นกล้าออมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง เหมือนเสียดายถ้าคนตรงหน้าจะไม่อยู่ด้วยกันซะแล้ว

"พรุ่งนี้พีจะรีบมาหาแต่เช้านะครับ" เหมือนคนตรงหน้ารู้ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ต้นกล้ารีบเงยหน้ามองคนที่บอกว่าจะรีบมาหา ก็เผลอยิ้มดีใจอย่างลืมตัว รีบผยักหน้ารับอย่างดีใจเหมือนเด็กกำลังได้ของเล่น

"คืนนี้ อดทนรอพี่ก่อนนะครับ พรุ่งนี้พี่จะรีบมาหานะ" ลูบแก้มใสเบาๆ อย่างรักใคร่

 "นอนฝันถึงพี่ด้วยนะครับ พี่ก็จะฝันถึงต้นเหมือนกันนะ" ก้มลงหอมแก้มนิ่มเบาๆ

"พี่กลับก่อนนะครับ" ต้นกล้าได้แต่ผยักหน้ารับอย่างอายๆกับการแสดงออกของคนตรงหน้า

"ขึ้นบ้านได้แล้วครับ" นพคุณ ดันตัวต้นกล้าให้เดินไปทางบันไดเพื่อส่งตัวขึ้นบ้าน

ต้นกล้ารวบรวมกลั้นความเขินอายที่มีอยู่พูดกับคนตรงหน้า
 
"พี่....ฝันดีนะครับ" แล้วต้นกล้าก็วิ่งขึ้นบ้านไปทันที ทั้งที่รู้ว่าต้องมีสายตามองตามส่งตนเองกลับเข้าบ้านแน่นอน เลยยิ่งทำให้เขินไปใหญ่ ทั้งสายตาที่มองมา และคำพูดแสนหอมหวาน ทำให้หัวใจต้นกล้าเต้นแรง เลือดฉูบชีดไปทั่วใบหน้า

      นพคุณมองคนที่วิ่งขึ้นบ้านไปอย่างเอ็นดู กับชินพัตน์เขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ยิ่งน้องคนเล็กที่เป็นเด็กผู้หญิงยิ่งไม่ค่อยสนิทกันเท่านี้ ความรู้สึกที่มีต่อต้นกล้า มันมากว่านั้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรออกไป หรือบอกไปได้ตามที่ใจคิดหรือต้องการ เพราะต้นกล้ายังเด็กเกินไป จะรับรู้ว่ารู้สึกของเขาได้มั้ย ที่คิดกับต้นกล้าเกินว่าคำว่าพี่น้อง หรือคนรู้จัก และตัวเขาเองที่เป็นผู้ชาย ตัวคนเดียวถึงแม้จะมีลุงและป้าคอยเป็นครอบครัว แต่นพคุณยังคงต้องการจะสร้างครอบครัวของตนเอง

รอวันเวลาที่เหมาะสม  จะมาถึง









                               ลูกชิ้นพิเศษเน้นหวานมาแล้วจ้า!!!!    :impress2:

   แวะเอาตอนแถม มาให้อ่านขั้นเวลา ของคุู่ชิน นนท์  พี่ใหญ่กับน้องต้นจะหวานขนาดนี้ หวานเกิ๊น   :o8:


               ถูกใจความหวาน ติชมกันได้นะคะ อิอิ  ฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ พิเศษแบบหวานหวาน [1/2/15] (คู่น้องต้นกับพี่ใหญ่)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-02-2015 22:25:01
น้องต้นกับพี่ใหญ่!!!
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 42 เตรียมพร้อม [13-2-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 13-02-2015 23:19:33




                                                               ตอนที่ 42  เตรียมพร้อม

 

                เช้าวันจันทร์ชินพัตน์กับพ่อเดินทางมาเพื่อดูตึกที่จองไว้ดูความคือหน้าว่า เก็บรายละเอียด เช่นขอบหน้าต่าง ติดกระจกเสร็จเรียบร้อย ทุกชั้นแล้วหรือยัง ผู้เป็นพ่อดูจะพอใจกับทำเลที่ตั้งที่ลูกชานตนเองเป็นคนเลือก ด้านหน้าก็มีที่จอกรถ ด้านหลังก็มีที่จอดรถส่วนตัว ข้นของเข้าทางด้านหลังได้สบาย ไม่รบกวนลูกค้าเวลาที่ของเข้าร้าน  ติดถนนใหญ่ เพื่อไว้ให้กับลูกค้าขาจรที่จะเดินทางผ่านไปมา เห็นแล้วอาจะแวะเข้ามาทานที่ร้าน  ร่วมถึงลูกค้าจากที่ตลาดนัดของลูกชาย ที่ยังไม่เคยได้ลองชิมเมนูอื่น นอกจากลูกชิ้นปิ้ง ได้เข้ามาแวะเวียนเข้ามาซื้อได้สะดวกขึ้น  เป็นที่น่าพอใจ วางแผนไปถึงการตกแต่งร้าน ซื้อของเข้าร้าน ตู้แช่ลูกชิ้น 

"เป็นทำเลที่ดีใช้ได้เลยไอ้ลูกชาย" ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาตบบ่าลูกชาย ที่เดินดูรอบๆบริเวณตึกที่หมายตาไว้แล้ว  ชินพัตน์สะอึกเล็กน้อยจริงๆแล้วเขาเองไม่ได้เป็นคนเลือกตรงนี้แต่ใครบางคนเป็นคนแนะนำเขาให้เลือกตรงนี้ เพราะดูเหมาะในการที่จะเปิดร้าน แต่ก็แค่คิดในใจ

"วันเปิดจองก็ให้แม่เรามาจัดการจองเป็นทางการซะ จะได้ให้ช่างเข้ามาต่อเติม และจะได้ซื้อของเข้าร้านด้วย"

"ครับ" ชินพัตน์ตอบสั้นๆ ในหัวยังไม่วายคิดถึงคำถามของแม่ที่ถามหาใครบางคนที่เคยดูแลการก่อสร้างตึกนี้


                        ส่วนนพคุณตรงไปยังบ้านสวนเพื่อไปช่วยต้นกล้าและยายเก็บผัก และรีบมาตลาดแทนน้องชายที่ไปดูตึก และกลับไปส่งผู้เป็นพ่อก่อนแล้วค่อยกลับมาขายลูกชิ้นทีตลาด นพคุณเลยต้องมาเตรียมร้านรอน้องชายที่ตลาด และช่วยต้นกล้าและยาย จัดเตรียมร้านไปด้วย ลุกค้าเริ่มเดินตลาดหนาตา  ชินพัตน์ก็มาถึงตลาดทันช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะพอดี  ลูกค้าเข้ามาถามหาลูกชิ้นลูกเล็กที่ชินพัตน์เอามาเมื่อวันเสาร์ และก็ยำลูกชิ้น ที่มีแต่คนติดใจ ความอร่อยเลยถามหากันยกใหญ่

"ไว้รอทานที่ร้านนะครับ ผมกำลังจะเปิดร้าน อดใจรอไม่นานครับ วันนี้ทานลูกชิ้นปิ้งไปก่อนนะครับ ฮ่าๆ" ชินพัตน์ตอบคำถามและนำเสนอร้านใหม่ไปในตัว

"จ้าๆ เปิดแล้วพี่จะไปอุดหนุนนะจ๊ะ" ลูกค้าได้ของและรับรู้ว่าร้านลูกชิ้นปิ้งจะเปิดเป็นร้านก็แพร่กระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว ปากต่อปาก ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไร ลูกค้าก็ต่างรู้เกือบทุกคนแล้วว่า ชินพัตน์จะเปิดร้านใหม่และมีเมนูใหม่ๆให้ได้ลองชิมอีกมากมาย

"วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะเจ้าน้องชาย"นพคุณเข้ามาแซวน้องชายที่ขายของหน้าตาร่าเริง สดใส พูดคุยกับลูกค้าอย่างสนุกสนานเลยอดที่จะตื่นเต้นตามไปด้วยไได้ที่น้องชายจะมีร้านของต้นเองซะที่

"ก็พ่อนะสิบอกว่าตึกที่ผมดูเอาไว้ทำเลดี นะก็เลยปลื้ม ฮ่าๆๆๆ"

"ภูมิใจว่างั้นเหอะ"

"ก็ประมาณนั้น ฮ่าๆๆ"

"ดีแล้ว พี่เห็นนายกลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วก็สบายใจ"

"อะไรพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"

"เออ เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปขายของ ลูกค้ามาแล้ว" เล่นหัวหยอกล้อกันไปมา ระหว่างพี่น้อง แต่เมื่อเห็นลูกค้าเข้าร้าน ก็เข้าหมวดพ่อค้าทันที

         ตลอดช่วงเย็นก็ขายลูกชิ้นปิ้งไปด้วยโฆษณาบอกลูกค้าประจำลูกค้าหน้าใหม่ ไปด้วยว่าจะมาเปิดร้านใหม่ตรงตึก ชี้ให้ลูกค้ามองดูและหาเจอไม่อยาก ลูกค้าก็รับรู้ แม่ค้าร้านใกล้ๆก็ต่างพากันมาพูดคุยเรื่องร้านที่จะเปิดใหม่ของชินพัตน์ด้วยเช่นกัน

"จะเปิดจองต้นเดือน ก็อีกไม่กีวันนี้แล้วนะ" แม้ค้าร้านใกล้เดินเข้ามาชวนคุย

"ครับ ผมได้ดูไว้ก่อนหน้านั้นแล้วครับ "

"เหรอ พี่ยังไม่มีเงินพอจะจองเลย ต้องขายที่ตลาดนัดแบบนี้ไปก่อน ขอเก็บเงินอีกสักพัก"

"ครับ ค่อยๆขายค่อยๆเก็บเงินไป เดี๋ยวพี่ต้องมีร้านได้สักวันแน่นอนครับ"ชินพัตน์ให้กำลังใจเพื่อนร่วมขายของด้วยกัน

 "จ้าๆ พี่ก็พยายามเก็บเงินอยู่ จะได้ไม่ต้องเร่ไปมาหลายๆที่แบบนี้" พี่เขาต้องขายของหลายที่ ที่ใหนมีตลาดนัดก็ไปขายแถบจะไม่มีวันได้หยุด ก็เพื่อจะเก็บเงินสักก้อนเพื่อมีที่ทางเพื่อจะเปิดร้านเป็นของตนเองเหมือนกัน


                ลูกชิ้นขายหมดก่อนผักของยาย ทุกคนเลยไปนั่งช่วยกันขายที่ร้านผักของยาย ส่วนยายก็นั่งพัก ต้นกล้าเรียกลูกค้า นพคุณใส่ถุง ชินพัตน์พูดคุยกับลูกค้าที่เดินผ่านไปมา ร่วมทั้งลูกค้าของตนเองที่ผิดหวังกลับไปเพราะลุกชิ้นขายหมดแล้ว  ผักของยายก็ขายหมดใช้เวลาไม่นาน ทุกคนก็ช่วยกันเก็บร้าน เตรียมตัวกลับบ้านกัน แล้วต้นกล้าก็ถามขึ้น

"พี่ชิน ทำไมวันนี้ไม่เห็นคุณนนท์เลย แล้ววันอื่นเขามาซื้อหรือเปล่า "ต้นกล้าหันไปหาทั้งชินพัตน์และนพคุณ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ

"ไม่รู้สิ เก็บร้านกันเถอะ" ชินพัตน์ตอบแบบไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตาเก็บร้าน ต้นกล้าเลยไม่กล้าถามต่อ หันมองไปทางนพคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ

"เอาไว้ค่อยคุยกัน" นพคุณก้มมากระซิบบอกกับต้นกล้า ก็ผยักหน้ารับรู้ และช่วยกันเก็บของขึ้นรถ

                ยายนั่งมากับชินพัตน์พูดคุยเรื่องร้านใหม่ให้ยายได้ฟัง ยายก็บอกว่าจะให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรก็บอกไม่ต้องเกรองใจ ชินพัตน์ก็พูดเรื่อง ทำบุญเปิดร้าน อาจจะต้องรบกวนยายเรื่องอาหาร ยายก็รับปากจะช่วยเหลือเต็มที พูดคุยเรื่องจองตึกตอนต้นเดือนด้วย

"ดีเลยนะพ่อหนุ่ม มีที่ทาง มีร้านเป็นหลักแหล่ง จะได้ลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอีกเยอะเลย"

"ครับผมก็คิดแบบนั้น อยากเห็นร้านเปิดเร็วๆจังเลยครับ"ชินพัตน์ขับรถไปก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นกับร้านใหม่ของตนเอง

"มีเรื่องอะไรที่ยายช่วยได้ก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ครับผม "

                ภายในรถของนพคุณต้นกล้าเข้ามานั่งบนรถ ก็ถามคำถามที่ข้องใจทันที่ เพราะสงสัยท่าทีของทั้ง ชินพัตน์และ คุณลูกค้าเจ้าประจำ ที่เหมือนจะหายหน้าไป ร่วมทั้งนพคุณที่เหมือนจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถึงเวลาที่จะพูด

"พี่เรื่องคุณนนท์ กับพี่ชิน มีอะไรเหรอครับ"

"อืม พี่ก็ไม่แน่ใจ สองคนนั้นอาจจะทะเลาะกันมั้งนะ เพราะพี่ไม่เห็นหน้าคุณลูกค้าประจำเจ้าชินโผล่หน้ามาตั้งแต่ วันจันทร์เท่าที่รู้นะน่ะ"

"เหรอครับ แต่ต้นก็เห็นพี่เขาก็สนิทกันดีไม่ใช่เหรอครับ เห็นเดินไปเที่ยวงานวัดด้วยกันแบบนั้น" ต้นกล้านึกย้อนกลับเมื่อครั้งที่เดินเที่ยวงานวัดด้วยกัน

"อืม พี่ก็ไม่แน่ใจนะว่าสองคนนั้นสนิทกันมากน้อยขนาดใหนนะ "

"แต่เมื่อกี้ที่ต้นถามถึงคุณนนท์ พี่ชินก็เอาแต่เงียบเลยอ่ะ เป็นเพราะต้นถามเรื่องอะไรที่ไม่ควรถามหรือเปล่าอ่ะพี่?" ต้นกล้าเริ่มกังวลใจ กลัวว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุให้ ชินพัตน์ไม่ร่างเริงเหมือนตอนขายของ

"ไม่ต้องคิดมากน่า เจ้าชินมันก็ปกติดี เรานะคิดมากไปแล้ว"

"จริงๆนะ" ต้นกล้าถามย้ำ เพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่


                     นพคุณเริ่มคิดตามที่ต้นกล้าพูดขึ้น บวกกับเรื่องที่เขาสงสัยและเป็นห่วงน้องชายมาตลอดว่า คิดมากและเหม่อลอยเพราะอะไร  หรือจะเป็นเรื่องที่ ต้นกล้าสงสัย น้องชายของเขากับลูกค้าประจำ นั้นมีเรื่องผิดใจอะไรกันหรือเปล่า เพราะหลังจากนั้น ลูกค้าประจำของน้องชายก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย  ส่วนน้องชายของเขาก็เอาแต่เหม่อลอย  จะมาดีก็ไม่กีวันนี้เอง  พอโดนถามถึงบุคคลที่ไม่อยากนึกถึง เขาก็พอสังเกตุสีหน้าน้องชายที่ เรียบเฉยนิ่งลงไปได้  แต่ก็พยายามทำตัวให้ร่าเริงกับมาเช่นเดิม เพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตุเห็น  คงต้องรอดูต่อไปสินะ




                 วันจันทร์ต้นเดือน ชินพัตน์และแม่ก็มาจับจองตึกเป็นชื่อของตนเอง และพร้อมที่จะดำเนินการ ต่อเติมร้านเพิ่ม เรียกช่างเข้ามาดูเพื่อจะทำการต่อเติมทำที่สำหรับ เป็นส่วนของการปรุ่งอาหาร อ่างล้างจาน ล้างผักสด สำหรับทำยำ  และไปเลือกซื้อโต๊ะนั่งของลูกค้า เข้ามาที่ร้าน คงจะพร้อมกับเวลาที่ช่างต่อเติมเสร็จ ก็จะหาฤกษ์ยามเปิดร้านด้วย

"แม่ วันเปิดร้าน ชินจะให้ยายมาช่วยทำอาหารถวายพระนะครับ "

"จริงสิ แม่ยังไม่เคยเจอยายเลย ใหนๆก็มาแล้วพาแม่ไปเจอยายหน่อยสิ"

"ได้ครับ"

                ชินพัตน์พาแม่ไปหายายที่สวน ก่อนที่นพคุณจะพายายออกไปขายของที่ตลาด  ทั้งแม่และยายได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ คุยเรื่องลูกชายที่มารบกวนตลอด ส่วนยายก็บอกว่า ทางยายต่างหากที่รบกวนมาตั้งแต่แรก มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจกัน

"เห็นเจ้าต้นจะให้ คุณยายไปช่วยทำกับข้าวถวายพระวันเปิดร้านเหรอจ๊ะ ลำบากหรือเปล่า"

"ไม่หรอกจ๊ะ ยายยินดีช่วยเหลือกันแค่นี้เอง พ่อหนุ่มช่วยยายมาตั้งเยอะแล้ว อย่าเกรงใจไปเลยนะ"

"จ๊ะ ถ้าได้ฤกษ์เปิดเมื่อไหร จะให้ตาชินมาบอกนะจ๊ะ"

"จ้า"

"แล้วใหญ่มาช่วยที่นี้ประจำเลยเหรอ เอ๊ะหรือว่ามาติดสาวชาวสวนแถวนี้ หืม" ผู้เป็นป้าหันไปถามแซวหลานชายที่นั่งจัดเรียงผักอย่างคล่องแคลวเหมือนคนอยู่สวนมานาน

"อะ เออ เปล่านะครับ ผมก็มาช่วยยายแทนเจ้าชินที่พาป้าไปจองตึกไงครับ"

"จ้าๆ แหม ป้าไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย  หึหึ" หันไปคุยกับยายต่อ "แล้วจะออกไปขายผักกี่โมงจะเนี้ย"

"ประมาณบ่ายๆจ๊ะ อยู่กินข้าวเที่ยงกันก่อนสิจ๊ะ"ยายตอบและชวนทั้งหมดกินข้าวด้วยกัน

"ดีเลยครับ แม่จะได้ลองชิมฝีมือยาย อร่อยมากเลยนะครับ"

"จ้าๆ "

        ช่วงเที่ยงทั้ง 4 ก็ได้ทานข้าวฝีมือยาย ต่างก็ชมไม่หยุดปาก และก็ถามถึงต้นกล้าด้วย ยายก็เล่าเรื่องหลานชายให้กับแม่ของชินพัตน์ฟังอย่างภูมิใจ ใจทำให้ผู้เป็นแม่อยากเจอตัวต้นกล้าขึ้นมา ว่าเด็กหนุ่มที่ตั้งใจเรียน คอยช่วยเหลือลูกชายของตนเองมาตลอดหน้าตาจะเป็นอย่างไร 

"ไว้คราวหน้าจ๊ะแวะมาเยี่ยมใหม่นะจ๊ะ" แม่ของชินพัตน์บอกลายาย

"จ้า ไว้จะทำขนมไว้รอนะจะ"

         และทั้งคู้ก็ต่างแยกย้ายกัน ชินพัตน์ต้องขับรถไปส่งแม่ที่ร้านก่อนกลับมาช่วยขายลูกชิ้นที่ตลาก ส่วนยายและนพคุณก็นำหน้าไปที่ตลาดก่อนเพื่อจักเตรียมร้าน ที่ไม่มีผู้ช่วยเลยต้องไปก่อนเวลามากหน่อย

        นพคุณดีใจที่ผู้เป็นป้าอยากเจอต้นกล้า เช่นเดียวกับเข้าที่อยากจะให้ผู้เป็นป้าได้รับรู้และรู้จักคนที่เขาคิดว่าอยากจะดูแล เมื่อนึกถึงก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะต้นกล้าเป็นเด็กดี ป้าของเขาต้องชอบและเอ็ดดูต้นกล้าเหมือนที่เขารู้สึก 

อยากให้มาเจอกันเร็วๆจังเลยน่า......








                         

     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆกลับมาขายแล้วจ้า!!!!!  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


  ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ  :mew2:  ที่มินมินหายเงียบไปไม่มีเวลามาลงตอนใหม่ให้อ่าน


 ช่วงนี้งานยุ่งมากจริงๆค่ะ (อ้าวไม่ได้ขายลูกชิ้นเหรอจ๊ะ)

มินมินพยายามจะมาลงให้อ่านอย่างต่อเนื่องนะคะ   :katai4:


 ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังติดตามอ่านนิยายของมินมินอยู่นะคะ   :กอด1:  :pig4:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 42 เตรียมพร้อม [13-2-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-02-2015 23:33:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 42-43-44 [13-2-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 13-02-2015 23:50:15



                                                    ตอนที่ 43  วันเวลาที่ผ่านไป



                     ช่างที่เขามาทำการต่อเติม ก็ทำงานได้เสร็จตามกำหนดเวลาที่ พ่อแม่ของชินพัตน์หาฤกษ์เปิดร้านให้กับลูกชาย เครื่องครัว อุปการจำเป็นที่ต้องใช้ภายในร้าน ชินพันต์กับนพคุณ ใช้วันที่ไม่ได้มาขายลูกชิ้น ไปซื้อและขนเข้าร้าน ตู้แช่ขนาดใหญ่ ของที่บ้านมีอยู่แล้วหลายตู้ แบ่งมาให้ทางร้านของชินพัตน์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต   ส่วนแม่ครัวก็ยืมตัวจากที่ร้านของผู้เป็นแม่ และผู้ช่วยมา 2-3 คน และเปิดรับสมัครผู้ช่วยที่เป็นคนในพื้นที่เพิ่มอีกด้วย จะได้สอนงานไปในตัว เมื่อทำเป็นแล้ว ก็จะคืนตัวแม่ครัวหลักของร้านใหญ่ กลับไป ตกลงกันตามนี้ ด้วยข้อเสนอของผู้เป็นแม่ ชินพัตน์จึงติดป้ายรับสมัครไว้ที่หน้าร้านลูกชิ้นปิ้งของตนเองที่ตลาดนัดด้วย

"ใกล้จะเปิดร้านแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ติดประกาศหาผู้ช่วยแม่ครัวแบบนี้" ลูกค้าและแม่ค้าร้านใกล้เคียงถามเป็นคำถามเดียวกัน

"ครับ อยากให้เข้ามาลองฝึกดูก่อนนะครับ เพราะที่ร้านมีหลากหลายเมนูนะครับ เลยต้องการคนช่วยเยอะนะครับ"

"จ้า จ้า เดี๋ยวป้าจะช่วยบอกต่อให้นะจ๊ะ " ลุกค้าที่เข้ามาซื้อลูกชิ้นรับปากว่าจะช่วย

"ขอบคุณครับ วันเปิดอย่าลืมมาทำบุญเลี้ยงพระด้วยกันนะครับ"

"ได้จ๊ะ ป้าไม่ลืมหรอก"

            วันศุกร์นี้แล้วที่ชินพัตน์จะทำบุญร้านใหม่ และก็เปิดเป็นทางการ ความตื่นเต้นมีมากจน ทุกคนพากันตื่นเต้นตามไปด้วย ตึกคูหาที่ติดๆกันก็เริ่มมีคนเข้ามาดู เข้ามาจองบางแล้ว เห็นแม่ค้าบางคนบอกว่าจะเปิดเป็นร้านขายของชำ ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟสดติดแอร์ และอีกหลายๆเจ้าที่เข้ามาจับจ้องแต่ก็ยัง ช้าไปถ้าเทียบกับร้านของชินพัตน์ที่จะเปิดอีกไม่กี่วันแล้ว  ชินพัตน์มองดูผู้คนที่เดินอยู่ภายในตลาดนัดแล้ว ส่วนหนึ่งในนี้คงจะได้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเขาที่ร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ แค่คิดก็เริ่มสนุกแล้ว

"ยิ้มอะไร อยู่คนเดียวไอ้เจ้าน้องชาย " นพคุณที่แวะเอาโต๊ะมาลงที่ร้านใหม่ให้ชินพัตน์เป็นชุดสุดท้าย แวะมาหาน้องชายที่ร้านในตลาดนัด

"อ้าวพี่ ขนโต๊ะมาเองเลยเหรอ"

"อืม ก็เห็นนายมาขายคนเดียวเลยอาสาป้าจะมาดู ความเรียบร้อยที่ตึกให้นะ "

"เป็นไงพี่ เห็นแล้วพอใช้ได้มั้ย ร้านใหม่ของผม" ชินพัตน์พูดอวดอย่างภูมิใจ

"อืม พี่ว่าใช้ได้เลยนะ ที่จอดรถให้ลูกค้าก็กว้าง ติดถนนใหญ่ด้วย  อ้อ พี่ขึ้นไปดูชั้นบนมาหมดแล้ว นายจะอยู่ชั้นใหน "

"อืม ยังไม่แน่ใจอ่ะ"

"อย่าบอกนะว่านายยังจะขับรถไปกลับอีกนะ"

"เฮ้ย เปล่าผมแค่ยังไม่ได้เตรียมตัวเรื่องที่นอนของตัวเองเลย คิดแค่ว่าของที่จัดในร้านจนลืมคิดเลยอ่ะ ถ้าพี่ไม่ถัก" ชินพัตน์เกาคอแก้เก้อเพราะตนเองยังไม่ได้คิดเรื่องส่วนตัวเลย คิดแต่เรื่องหน้าร้านอย่างเดียว

"ป้าก็ฝากให้มาถามนี้แหละ พี่เลยต้องขึ้นไปดูว่านายจะนอนชั้นใหน"

"คงชั้นบนสุดละมั้งพี่ เพราะชั้นล่างๆก็ให้พวกป้าพร กับเด็กในร้านนอนกันนะ ส่วนอีกชั้นผมคงจะเอาไว้เป็นห้องทำงานมั้งนะ"  ชินพัตน์เป็นคนนอนง่าย ที่ใหนก็หลับได้หมด เลยเลือกที่จะนอนที่ชั้นบนสุด  ชั้น3 คงทำเป็นห้องทำงาน และชั้น 2 มีห้องเยอะก็ให้พวกป้าที่จะมาช่วยที่ร้านพักกับพวกเด็กใหม่ที่จะเข้ามา

"แล้วนายจะขนของมาวันใหน วันนี้ก็วันจันทร์แล้ว พรุ่งนี้เลยใหม เดี๋ยวพี่ช่วยขนของมาให้ก็ได้"

"ไม่เป็นไร พี่มาช่วยผมยังไม่ได้หยุดเลย แวะกลับไปที่ร้านให้ลูกน้องเห็นหน้าบางเถอะ ฮ่าๆๆๆ"

"เออๆ ตามใจแล้วกัน งั้นพี่กลับก่อนแล้วกันนะ"

"ขอบคุณครับ "

                      ที่ตลาดนัดวันจันทร์ลูกค้าก็เยอะเช่นเคย ทั้งสองร้านขายหมดเร็ว ชินพัตน์เลยพายายไปดูที่ร้านใหม่ของตนเอง ยายก็ดีใจด้วย และชมว่าจัดร้านได้น่าอยู่ จะต้องมีลูกค้าเข้าร้านเยอะแน่นอน ชินพัตน์เลยพูดเรื่องเวลาเปิดร้าน ยายเองก็จะได้เตรียมตัวเรื่องอาหาร ที่จะทำมาถวายพระ และจะเป็นธุระเรื่องนิมนต์พระให้ เพราะวัดอยู่ใกล้นี้เอง ชินพัตน์เลยโทรไปบอกแม่ให้รับทราบเรื่องพระด้วย แล้วก็ไปส่งยายที่บ้านสวน ถึงบ้านก็คุยเรื่องรายการอาหารที่จะให้ยายช่วยทำ และข้าวของที่ยายต้องการใช้ในวันงานด้วย


"ผมกลับมาแล้วครับ"

"ยายจะไปนิมนต์พระให้เหรอตาชิน"

"ครับแม่ พร่งนี้ผมจะไปรับยายแล้วก็ไปที่วัดกันครับ"

"แล้วเรื่องข้าวของเครื่องใช้ของเราละ จะขนไปพรุ่งนี้เลยเหรอ" ผู้เป็นแม่รู้สึกเหมือนลูกชายกำลังจะไปเผชิญกับโลกภายนอกก็คราวนี้ เพราะลูกชายดูจะตั้งใจกับร้านใหม่ของตัวเองจริง

"ครับ ขนของใช้ไปบางส่วนนะครับ ว่างๆแล้วค่อยมาขนไปเพิ่มอีกครับ"

"แม่ว่าถ้าจะไม่ว่างแล้วนะสิ หลังจากเปิดร้าน แม่ว่ามันจะยิ่งยุ่งๆจนไม่มีเวลากลับบ้านนะ"

"อืม งั้นก็ต้องขนไปที่จำเป็นจริงๆนะครับ"

"เออ แล้วตานนท์จะมาวันทำบุญเปิดร้านของเราหรือเปล่าตาชิน" ทำให้ชินพัตน์ถึงกับตัวชา หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง

"ไม่รู้สิครับ ไม่ได้ติดต่อกันแล้วนี้ครับ ผมขอขึ้นไปเก็บของก่อนนะครับ" ชินพัตน์รีบตัดบทก่อนที่ผู้เป็นแม่จะถามอะไรขึ้นมาอีก

"..................."ผู้เป็นแม่มองอย่างสงสัยท่าที่ของลูกชาย แค่ถามถึงเพื่อนแค่นั้นทำไมต้องดูหงุดหงิดขนาดนั้นด้วยนะ แล้วก็เดินหนีขึ้นชั้นบนไปซะเฉยๆ


             ชินพัตน์ทิ้งตัวนอนแผ่หรากลางที่นอน เหม่อมองเพดานห้อง อย่างครุ่นคิด ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อของคนที่เขาพยายามจะลืม นานมากแล้วที่เขาไม่จมอยู่กับคิดที่วนเวียนถึงคนคนนั้น แต่วันนี้กลับต้องมาได้ยินชื่อจากปากผู้เป็นแม่ ทำให้ตนเองตอบคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจจนผู้เป็นแม่สงสัยหรือเปล่านะ เพราะแม่ก็แค่ถามถึงเพื่อนที่เคยมาบ้านคนหนึ่งเท่านั้น

ก็แค่ลูกค้าที่ชอบกินลูกชิ้น คนหนึ่งเท่านั้น

 "คุณจะเป็นใคร ก็ไม่สำคัญกับผมอีกต่อไปแล้วล่ะ" ชินพัตน์พูดขึ้นเหมือนเตือนตัวเอง และลุกขึ้นมาจัดของที่จำเป็นที่เขาต้องใช้ใส่ลัง ใส่กล่องพลาสติก เท่าที่จำเป็น ส่วนที่นอน หมอน ผ้าห่ม คงหาซื้อใหม่เอาแถวๆนั้น ดีกว่าขนไปขนมา

.
.
.
.
.
                 
                           เช้าวันทำบุญเปิดร้านของชินพัตน์ ผ่านพิธีทางศาสนา พระสวดมนต์ให้พร พรมน้ำมนต์ เจิมประตูหน้าร้านเพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมหน้าพร้อมตา ไปด้วยพ่อแม่ พี่ใหญ่ และยาย ร่วมไปถึงเพื่อนบ้านที่ร้านใหญ่ก็มาช่วยงาน มาแสดงความยินดีกับชินพนัตน์ด้วย และเหล่าลูกค้าเจ้าประจำก็มากันไม่ขาดสาย มีทั้งช่อดอกไม้แสดงความยินดี  พ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ยังเจียดเวลาเตรียมของไปขาย แวะมาให้กำลังใจแต่ก็อยู่พูดคุยด้วยได้ไม่นาน ก็ต้องรีบกลับไปขายของต่อ  ทุกคนติดใจเมนูที่ทำเลี้ยงของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น ยำลูกชิ้นรสเด็ด ผัดกระเพราลูกชิ้น เมนูต่างๆที่วัตถุดิบหลักเป็นลูกชิ้นทำเองของที่ร้านแต่ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายก็คือ ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆแสนอร่อย กินงาน ขายคล่องลูกค้ามาสั่งไม่ถึง 5 นาทีก็ได้กลับไปทานที่บ้าน หรือซื้อเป็นของฝาก ซื้อเป็นกิโลก็มีเยอะ เมื่อได้ลองชิมจากหลายๆเมนู ภายในร้านวันนี้  ติดใจก็ซื้อกับบ้านกันเยอะ

                   
"ทานอาหารด้วยกันก่อนนะครับอย่าพึงรีบกลับ" ชินพัตน์ที่คุ้นเคยกับลูกค้าที่มาร่วมงาน เชื้อเชิญให้ทานมือเช้าด้วยกันก่อน เพราะอยากให้อยู่ลองชิมอาหารของทางร้านด้วย ให้ได้ลองชิมเพื่อเรียกลูกค้าไปในตัว

"ได้จ้า ไม่ขัดศรัทธา ฮ่าๆๆๆ" แม่ค้าและลูกค้าหลายๆคนต่างพากันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี   

"ตามสบายนะครับ "


"ลูกค้าจากที่ตลาดมาเยอะเลยนะเจ้าลูกชาย"

"ครับ ก็บอกต่อกันก็เลยมาช่วยงานกันเยอะแบบนี้แหละครับ" ชินพัตน์ยิ้มอย่างภูมิใจที่เหล่าลุกค้ามาร่วมยินดีกับร้านใหม่ของเขา

"ดีแล้ว พ่อเห็นแบบนี้ก็หายห่วง มีลูกค้าประจำไว้ก็ดี จะได้เรียกลูกค้าใหม่ๆเข้ามาได้อีกทาง"

"ครับพ่อ"

"สองพ่อลูกไปทานข้าวได้แล้ว ยายรอนานแล้ว ไปไป" ผู้เป็นแม่เดินมาตามพ่อลูกที่ยืนคุยกันอยู่หน้าร้าน มองเข้าไปด้านในร้าน ยายและนพคุณนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานอีกหลายคน


                 วันทำบุญเปิดร้าน เป็นที่พูดคุยให้คนรอบข้างได้รับลูกว่ามีร้านมาเปิดใหม่ เป็นร้านลูกชิ้น รสชาติอร่อยเป็นที่การรันตรีจากปากลูกค้าหลายๆ คนที่ได้ซื้อกินติดใจจนเป็นลูกค้าประจำ ต้องแวะเวียนมาซื้อทุกครั้งที่มีตลาดนัด จนวันนี้มีร้านเปิดเพื่อตอบรับความนิยมจากลูกค้ามากมาย และรอลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้มาลองชิมลูกชิ้นปิ้งแสนอร่อย และอีกหลายเมนู ที่รอต้อนรับอยู่ที่ร้าน
.
.
.
.
.
.
.
         
         

"แกนั้นไงร้านลูกชิ้นปิ้งเปิดใหม่ เขาบอกว่าอร่อยอ่ะ แวะไปซื้อกันเหอะ"


"ยำลูกชิ้นร้านตรงตึกใหม่อร่อยมากเลยเคยไปลองชิมแล้ว ถ้าผ่านไปแถวนั้นซื้อมาฝากด้วยนะ"


"ลูกชิ้นปิ้งของเขาอร่อยดี ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านดีกว่า"


"ที่ร้านเขามีเมนูตามสั่งด้วยนะ มีลูกชิ้นเป็นส่วนประกอบหลัก  วันนั้นฉันไปกินกระเพราลุกชิ้นอร่อยมาเลยนะ ว่างเดี๋ยวจะพาไปกิน"


"ต้มจืดตำลึงใส่ลูกชิ้น  อร่อยมากเลยอะแก เมนูใหม่ฉันพึ่งไปลองมา"


"วันนี้ชั้นสั่ง ลูกชิ้น 10 กิโลจะเอากลับไปฝากที่บ้านต่างจังหวัด กำลังจะแวะไปที่ร้าน แกจะสั่งอะไรก็สั่งมา ฉันอยากไปเห็นหน้าเจ้าของร้านจะแย่แล้ว"!!!!!!!!!!             


"พ่อค้าลูกชิ้นก็หล่ออ่ะ ขาวๆตี๋ๆ ลูกชิ้นก็อร่อย อย่างนี้จะมาอุดหนุนทุกวันเลยอิอิ"



คุณเจ้าของร้านเนื้อหอม



หรือหอมกลิ่นลูกชิ้นปิ้งกันแน่นะ?







             อ่านต่อกันไปอีกตอนนะคะ  แก้ตัวที่หายไปนานหลายวัน    :mew3:


         
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 42-43-44 [13-2-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2015 23:50:49
นนท์หายไปไหนอะ. 
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 42-43-44 [13-2-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 14-02-2015 00:07:50



                                                            ตอนที่ 44  คุณเจ้าของร้านเนื้อหอม?


 
                ตั้งแต่เปิดร้านใหม่มาได้ 1 เดือนแล้ว ชินพัตน์ก็ยังคงขายทั้งที่ตลาดนัดเช่นเคย แต่ลูกค้าไม่เยอะเหมือนเคย เพราะลูกค้าไปกองกันอยู่ที่ร้านเปิดใหม่ของเขา และวันไหนที่เขามาขายของเองที่ตลาด เหล่าลูกค้าสาวๆที่เป็นลูกค้าหน้าใหม่จากที่ร้าน ต่างรุ่มแห่กันมาซื้อที่ตลาดนัด เมื่อรู้ว่าเขาลงมาขายเอง เพราะบางวันก็ให้เด็กในร้านที่เข้ามาใหม่ไปขายบาง ชินพัตน์ไปขายบาง สลับไป แต่ตอนนี้ ที่ร้านทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางเขาเองเลย มาขายของที่ตลาดนัดเองวันนี้

"เมื้อกี้แวะไปหาที่ร้านไม่อยู่ ก้อยเลยแวะมาหาที่นี้"

"เออ ครับ วันนี้รับอะไรดีครับ มีแต่ลูกชิ้นปิ้งนะครับ ถ้าเป็นพวกยำคงต้องไปสั่งที่ร้านนะครับ" ชินพัตน์จำลูกค้าสาวหน้าขาวแต่งหน้าจัดคนนี้ได้ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเปิดร้านมา ก็จะมีกลุ่มของลูกค้าจากร้านเสริมสวยที่อยู่ในตึกเดียวกันแต่ อยู่คูหาถัดห่างออกไป แวะเวียนมาที่ร้านตลอด วันนี้ก็เช่นกันตามมาถึงตลาดนัดเลย

"เอาลูกชิ้นปิ้งก็ได้จ๊ะ ก้อยมาซื้อทุกวันแบบนี้ ไม่แถมเบอร์โทรพี่ชินให้ก้อยมั้งเหรอจ๊ะ" สาวปากแดงพูดอ้อนอย่างสนิทสนม

"รับกี่ไม้ดีครับ"

"พี่ชินปิ้งให้ก้อยเท่าไร ก้อยก็เหมาหมดเลยจ๊ะ อิอิ  " สาวหุ่นเจ้าเนื้อเดินเข้ามาใกล้เจ้าของร้านเพื่อสื่อให้รู้ว่ายอมทุ่มเพื่อจะได้พูดคุยกับชินพัตน์ใกล้ๆ

"งั้นผม ปิ้งไห้ 10 ไม้ก่อนนะครับ ถ้าอยากได้เพิ่ม ก็บอกแล้วกันนะครับ" ชินพัตน์ทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อถูกลุกไล่ขนาดนี้  สาวปากแดงก็ยังชวนคุยไม่หยุด จนบางที่ทำให้ลูกค้าประจำบางคนรำคาญก็มี

"นี้หนูได้ลูกชิ้นแล้วก็หลบๆไปสิจ๊ะ คนอื่นเขาจะได้เข้ามาซื้อบาง" คุณป้าลูกค้าเจ้าประจำของชินพัตน์เดินจากร้านผักของยายเดินมาเบียดสาวปากแดง ก่อนจะเดินมาสั่งลูกชิ้นบ้าง

"อะไรของป้าเนี้ย"

"นั้นสิอะไรของเธอ มายืนเกะกะหน้าร้าน คนเขาจะขายของ ไปไป ได้ของแล้วก็ไปสิ"

"แต่ฉันยังคุยกับพี่ชินอยู่นะ"

"พ่อค้านะเขาอยากจะขายของ แต่เพราะเธอมั่วแต่ชวนเขาคุย เขาก็ไม่ได้ขายของกันพอดี รู้ไว้ซะด้วย" ชินพัตน์เห็นด้วยกับคำพูดของป้าแต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถพูดบอกไปตรงๆได้ เพราะยังไงก็ลูกค้า

"ชิไปก็ได้" หันไปแวดใส่ป้าแต่กับให้มายิ้มเอาใจชินพัตน์ "พี่ชินไว้ก้อยจะมาหาใหม่นะจ๊ะ" แล้วก็หันไปมองค้อนป้าอีกทีก่อนเดินพาร่างอวบออกไปจากหน้าร้าน

"เด็กสมัยนี้ จริงๆเลย"ป้าส่ายหัวไปมา เป็นลูกเป็นหลานไม่ได้นะ จะตีให้ก้นลาย

"ขอโทษครับ" ชินพัตน์รู้ว่าทำให้ลูกค้าต้องมาเถียงกันเพราะเขา

"จะขอโทษป้าทำไม ป้าก็แค่ไม่ชอบใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

"ก็เพราะผมเลยต้องมาพูดกันเสียงดังแบบนี้"

"ป้าเห็นแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนซื้อผัก พูดไม่หยุดเลยตั้งแต่เข้าร้านมา ไม่ไหวจริงๆ"มองหน้าพ่อค้าแล้วก็เห็นใจ

"ยังไงก็อย่าพึ่งเบื่อแล้วเลิกขายไปเพราะพวกเด็กสาวๆพวกนี้ล่ะ เดี๋ยวป้าไม่มีลูกชิ้นอร่อยๆกิน ฮ่าๆๆ" ป้าพูดติดตลกเพื่อให้ชินพัตน์หายเครียด

"ครับผมไม่เบื่อหรอกครับลูกค้ามีหลากหลายประเภทแบบนี้ก็ต้องรับมือให้ได้ครับ " ยิ้มการค้าพูดขึ้นบนใบหน้าชินพัตน์อีกครั้ง


                   เย็นวันพุธ เก็บร้านที่ตลาดเร็วแวะเข้ามาดูที่ตึก ลูกค้าที่มานั่งทาน และรอซื้อลูกชิ้นก็ยังพอมีอยู่พอสมควร เขาพอใจมากกับการเปิดร้านใหม่ครั้งนี้ เขาต้องดูแลเอง รับผิดชอบเองทุกอย่าง วางแผนว่าต้องทำยังไงถึงจะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้  จนบางครั้งเขาต้องลงมือทำเมนูอาหารบางอย่างเอง ตามที่ลูกค้าเรียกร้อง  อาจจะเหนื่อยในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดแล้ว  ทั้งเด็กที่มาช่วยงานในร้านแม่ครัวที่รับเข้ามาเพื่อเรียนรู้เมนูต่างๆจาก ป้าพรที่เป็นแม่ครัวหลักจากร้านผู้เป็นแม่ ทุกคนต่างขยันขันแข็ง  เป็นกำลังให้เขาได้อย่างดี

,
.
.
.
.
.


"เป็นไงเจ้าน้องชาย ได้ข่าวเนื้อหอมใหญ่แล้ว สาวๆเข้าร้านเยอะเลยสิ"

"อ้าวพี่ใหญ่มาได้ไงนี้  "ไม่ได้สนใจทำทักทายของผู้เป็นพี่เลย

"พี่แวะมาหานายก่อน แล้วค่อยไปรับต้นนะ"

"อ้อใช่วันนี้วันศุกร์นี่น่า ไม่ได้ดูวันเลย ฮ่าๆๆ" ชินพัตน์หันไปมองดูปฏิทินตั้งโต๊ะ เขาตั้งใจทำงานทุกวัน จนมองข้ามเรื่องเล็กๆไป

"ขายของจนลืมวันลืมคืนเลยหรือไง"

"แหะๆ" ชินพัตน์เกาท้ายทอยแก้เก้อ

"จริงสิ บอกให้เด็กๆไปยกถุงลูกชิ้นหลังรถด้วยนะ ป้าบอกว่านายสั่งเพิ่มไปอีกแล้วเหรอ ขายดีมากๆเลยนะหึหึหึ " นพคุณก็ภูมิใจในตัวน้องชาย ที่สามารถทำร้านของตนเองได้ดีขนาดที่สั่งลูกชิ้นเพิ่ม โรงงานผลิตแถบไม่ทัน

"อ้าวพี่เอาลูกชิ้นมาให้ด้วยเหรอ ผมนึกว่าแม่จะให้คนที่ร้านมาส่งให้ตอนเย็นๆซะอีก"

"ไหนๆพี่ก็มาเลย ติดมาให้ด้วยนะ"

"ขอบคุณครับ"

"เกรงใจอะไรกัน ดูนายเหนื่อยๆนะพักบางก็ได้"

"พี่ช่วยถอยรถไปหลังงานให้ที่นะครับ ผมจะยกเข้าทางหลังงาน ในร้านยังมีลูกค้าอยู่เลย"

"ได้สิ"

            นพคุณเห็นชินพัตน์ขนถุงลูกชิ้นจากตู้แช่เอง เพราะว่าเด็กในร้านมีแต่เด็กผู้หญิง ให้ช่วยจัดเข้าตู้แช่เท่านั้น นอกนั้นชินพัตน์เป็นคนยกลงและคนเข้าหลังร้านเองทั้งหมด นพคุณคิดว่า น้องชายคงเหนื่อยเพราะต้องทำอะไรเองหลายๆอย่างแบบนี้ เลยดูเหนื่อยๆ

"พี่ว่า นายน่าจะรับเด็กผู้ชายไว้สักคนนะ ไว้ช่วยยกของถือของ ขนของเข้าร้าน ช่วยงานทั่วๆไป นายจะได้ไม่ต้องมาทำเองแบบนี้"
หลังจากขนลูกชิ้นหลาย 100 กิโลเข้าร้านที่เหลือก็ให้เด็กๆเอาเข้าตู้แช่  โดยมีพี่ชายช่วยขนลูกชิ้นด้วยวันนี้เลยเสร็จเร็ว เมื่อชินพัตน์เข้ามานั่งพัก นพคุณก็พูดขึ้นทันที คิดว่าถ้าเขาไม่ช่วยขน ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง

"ผมทำเองได้พี่ แค่นี้เอง ลำบากต้องไปหาคนมาเพิ่มอีก" ชินพัตน์ที่นั่งเช็ดเหงื่อพูดขึ้นเสียงเรียบ

"งั้นก็ไม่ต้องหา เดี๋ยวพี่เอาเด็กที่ร้านพี่มาอยู่ที่นี้เอง"

"พี่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ให้เด็กเขาห่างบ้านมาแบบนั้น "

"แต่มันเป็นงาน"

"โอเค งั้นเดี๋ยวผมติดประกาศหาเด็ก แถวนี้เอง พอใจยัง เฮ้อ" ชินพัตน์รู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงตนเอง แต่ก็ไม่อยากขัดใจเลยตอบตกลงแบบเสียไม่ได้

"ดีมากเจ้าน้องชาย  เฮ้ย!!! เย็นมากขนาดนี้แล้วเหรอ งั้นพี่ไปรับต้นก่อนนะ" นพคุณพอใจที่น้องชายทำตาม แต่พอมองดูนาฬิกาก็ต้องตกใจ เพราะใกล้เวลาที่ต้นกล้าจะมาถึง บขส.แล้ว

"ครับ ครับ" ชินพัตน์มองตามหลังพี่ชายที่ดูร้อนร้น เมื่อพูดถึงต้นกล้าที่ไรต้องมีอาการแบบนี้ทุกที  พี่ชายของเขาคงจะชอบต้นกล้ามากจริงๆสินะ  แต่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตของทั้งคู่จะเป็นยังไง เขาเองก็ได้แต่เป็นกำลังใจอยู่ห่างๆแบบนี้ต่อไป

                 หลังจากปิดประกาศทั้งที่ร้านใหม่ และร้านที่ตลาด ก็มีคนเข้ามาสมัครเยอะจนชินพัตน์เลือกไม่ถูก เลยต้องเรียกพี่ชายมาช่วยคัดคนให้ เพราะตัวชินพัตน์ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องการดูคน เลือกใช้คนเท่าไร ร่วมไปถึงคนที่มารอสมัครแต่ละคน เด็กวัยรุ่นก็มี  มีครอบครัวแล้วก็มี  บางคนก็ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ  จนไม่กล้าตัดสินใจ  วันนี้เขาเลยนัดให้ทั้งพี่ชายและคนที่มาสมัครงาน มาเจอเพื่อได้ลองพูดคุย เกี่ยวกับงาน และเลือกว่าคนไหนพอที่จะไว้ใจให้ทำงานได้บาง

"พี่ผมฝากด้วยนะ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยถนัด อย่างครั้งที่แล้ว เด็กผู้หญิงที่มาช่วยใหม่ก็ยังต้องให้ป้าพรดูๆให้เลย  แหะๆๆ"

"อืมแล้วนายนัด คนที่เขามาสมัครกี่โมงล่ะ " นพคุณที่มาหาน้องชายแต่เช้าถามขึ้น

"10 โมงพี่ ลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร"

"ขึ้นไปคุยที่ห้องทำงานนายแล้วกันนะ"

"ได้ครับ"

              ตลอดช่วงสาย เหล่าคนที่มาสมัครก็ทยอยเข้ามาที่ร้าน ชินพัตน์ก็ได้ให้ขึ้นไปคุณกับนพคุณชั้นบน เพื่อไม่ให้รบกวนลูกค้าหน้าร้าน เด็กที่มาสวนใหญ่ก็จะมี แม่ค้าในตลาดแนะนำมาบาง เด็กวัยรุ่นที่เคยมาซื้อลูกชิ้นที่ร้านก็มี  ประมาณ 7-8 คน ได้คุยส่วนใหญ่แล้ว มีข้อเรียกร้องเยอะจน นพคุณต้องบอกปัดกลายๆ ว่าจะติดต่อกลับไปที่หลัง
             จนถึงช่วงบ่าย นพคุณก็ได้คุยกับทุกคนครบ และบอกทุกคนไปเหมือนกันว่าจะติดต่อกลับไป  พอทุกคนกลับไปนพคุณก็ลงมาพูดคุยกับน้องชายตนเอง ไม่คิดว่าจะหาคนมาช่วยจะหายากขนาดนี้

"เป็นไงพี่ พอได้ไหม"

"ไม่ไหวนะ พี่ว่า แต่ละคน"

"ผมว่าเด็กวัยรุ่นตัวโตๆ คนนั้นก็น่าจะทำงานแข็งขันดีนะพี่"

"คนนั้น พี่ตัดออกคนแรกเลย"

"ทำไมล่ะ"

"พี่ถามว่า ได้เงินเดือนแล้วจะเอาไปทำอะไร รู้ไหมเจ้าเด็กนั้นมันตอบ บอกว่าอยากเอาไปเลี้ยงสาวที่ป้ออยู่ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ๆ ประมาณนี้ เด็กที่ไม่รู้ค่าของเงิน เจองานหนักเข้าหน่อยพี่ว่า ทำได้ไม่กี่วันก็เลิก"

"อืม อืม"ชินพัตน์ฟังเหตุผลของพี่ชายแล้วก็คิดตาม พยักหน้าอย่างเข้าใจ

"เออแล้วคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเอาลูกกับแฟนมาด้วยล่ะพี่ เห็นเขาบอกว่าเคยทำงานร้านอาหารมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ" ชินพัตน์พอจะจำวันแรกที่ได้พูดคุยได้ว่าแต่ละคนทำอะไรมาบาง

"คนนี้ เรื่องเยอะมาก บอกว่าถ้ารับเข้าทำงาน ต้องเอาแฟนกับลูกมาขออยู่ที่นี้ด้วย หมัดมือชกเกินไป พี่เลยขอผ่าน"

"อ้อ อย่างนี้เอง"

"แล้วคนอื่นๆ"

"ก็ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักคน พอพี่ถามถึงงานเก่า บางคนก็บอกนะ แต่ไม่บอกว่าออกมาเพราะอะไร แค่เท่านี้ก็ไม่น่าไว้ใจแล้ว"

"อืม อืม" ชินพัตน์ทึ้งในตัวพี่ชาย นี้คงเรียกว่าประสบการณ์ในการใช้ชีวิตสิ่งนะ ที่พอจะมองคนออก

"แล้วไม่มีใครพอที่จะไว้ใจได้เลยเหรอพี่" ยังไม่ทันได้คำตอบจากพี่ชาย
...
.
.
.
.


"ขอโทษครับ ยังรับคนงานอยู่ไหมครับ?"!!!!!!!!!!!!!!









 


              มาลุ้นกันนะคะว่าใคร? อิอิ  :hao7:

   ขอบคุณทุกคนนะคะที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมิน  :pig4:

          โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ    :a5:


   มินมิน ขอไปปั่นตอนต่อไปก่อนนะคะ   :katai4: :katai4:









หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ของคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าประจำ 14-2-15
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 14-02-2015 19:12:03



                                              ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์

 
“อืม  อืม  โอ้ย!!!  ทำไมคุณต้องกัดลิ้นผมด้วยล่ะ” นนทนัฐที่กำลังเคลิ้มกับรสจูบกับคนรัก โวยวายขึ้นเมื่อโดนกัดลิ้น

“ก็ ก็  ก็ แหะๆๆ มัน เคยตัวอะ ขอโทษนะ จูบใหม่ก็ได้ เจ็บมากเหรอ?” ชินพัตน์พูดออมแอ้ม เพราะรู้ว่าตนเองเผลอกัดลิ้นคนรักอีกแล้ว แล้วก็รีบอ้อนเพราะกลัวนนทนัฐโกรธ รีบประคองใบหน้านนทนัฐเข้ามาดู

“อืม นี้แค่คุณเผลอนะ แล้วถ้าคุณตั้งใจ ลิ้นผมไม่ขาดเลยเหรอ หืม?”   นนทนัฐชอบให้ชินพัตน์เอาใจและอ้อนเพื่อขอโทษแบบนี้ มันดูน่ารัก และน่าหมั่นเขี้ยวไปในตัว เลยหอมแก้มคนรักไปเต็มรัก
ฟอด

“อือ  พอแล้ว แก้มผมช้ำไปหมดแล้ว หอมอยู่ได้ “

“ก็วันนี้คุณทำตัวน่ารัก จนผมไม่อยากห่างจากคุณไปไหนเลย “นนทนัฐเปลี่ยนจากหอมแก้มคนรักมาเป็นกอดแล้วคลอเคลียทีซอกคอขาวอย่างเอาใจ

“ผมไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย ก็แค่……” ชินพัตน์ก้มหน้างุดๆ หลบใบหน้าเขินอายที่ตนเองพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะใช้เวลาวันนี้ เพื่อคนตรงหน้าจริงๆ เพราะเขารู้ว่าตนเองยุ่งอยู่กับงานที่ร้าน จนไม่มีเวลาให้

“แค่อะไรครับ หือ ไหนบอกสิครับ วันนี้ทำไมทำตัวน่ารักจัง ปกติผมก็รักคุณจนหาทางขึ้นมาไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ยิ่งทำให้ผมอยากทำผิดกฎ ที่ทำกับคุณไว้จังเลย”

“หาทางขึ้นอะไรของคุณ พูดอะไรผมไม่เห็นเข้าใจ ?” ชินพัตน์เอามือดันอกคนรักออกมาเพราะไม่เข้าใจคำพูด   เอียงคอมองหน้านนทนัฐอย่างสงสัยใคร่รู้ 

“หึหึ  คุณทำให้ผมตกหลุมรักคุณ จนผมหาทางขึ้นมาไม่ได้ไงครับ “นนทนัฐลูบแก้มคนรักเบาๆอย่ารักใคร และก้มจูบที่หน้าผากมนนั้นเพื่อย้ำกับคำพูดของตนเองมันเป็นเรื่องจริง  จ้องมองเพื่อสื่อให้คนตรงหน้ารับรู้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหลงรัก อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ก็ยิ่งทำให้รักมากขึ้นเลยๆ และวันนี้ชินพัตน์ทำตัวน่ารักน่าฟัด จนเขาไม่อยากขยับตัวไปไหน อยากกอดอยากหอมอยู่แบบนี้ตลอดไป

“ผมก็รักคุณเหมือนกัน ผมขอโทษนะที่ช่วงนี้ยุ่งแต่กับงานที่ร้านเปิดใหม่ จน….เอ่อ….ไม่มีเวลาให้กับคุณเลย …. ผมก็เลย….. คือ…..” ชินพัตน์พูดออกมาตรงๆได้มากกว่าเมื่อก่อน เพราะรับรู้ความรู้สึกของตนเอง และก็รู้ถึงความรักที่คนตรงหน้ามีให้มันช่างมากมาย จนไม่รู้ว่าถ้ายังทำตัวเฉยชา ไม่ใส่ใจก็กลัว คนตรงหน้า จะหมดรักตนเองไปสักวัน เลยพยายามทำวันนี้ให้เป็นวันพิเศษที่สุด สำหรับเราทั้งสองคน แต่อายจนเกินจะบอกว่าอยากจะตามใจคนรักทุกอย่าง

“แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ แค่ได้รักคุณทุกวัน ได้อยู่ข้างคุณ ได้เห็นคุณสนุกกับงานที่คุณทำ ผมก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ”นนทนัฐรับรู้ว่าคนรักอยากทำวันนี้เพื่อทดแทนช่วงนี้ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กันเลย

“คุณอย่าเบื่อที่จะรักผมนะ”

“ครับ ผมจะเบื่อคุณได้ยังไง กว่าคุณจะรับรักผม กว่าผมจะได้ตัวคุณมา ผมต้องผ่านอะไรมาตั้งเยอะ ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปเพราะ คำว่า “เบื่อ” แน่นอน  ผมยิ่งรักคุณมากขึ้นทุกวันซะอีก รู้ตัวไหมหืม? “หอมแก้มเพราะหมั่นเขี้ยวกับความคิดแบบนั้นของคนรัก

“…………….”ชินพัตน์ยิ้มแก้มปริ โผล่เข้ากอดคนรักอย่างเอาใจแถมออดอ้อนเต็มกำลัง

“ชินครับ ผมขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหม” ชินพัตน์รีบพยักหน้าตอบรับแบบง่ายๆ

“วันนี้ผมขอ……… เอาผ้าปิดตาคุณได้ไหม” ชินพัตน์ได้ยินถึงกับสะอึก ตาโต แต่ก็ไม่อยากขัดใจคนรัก ถึงแม้จะกลัวเล็กๆว่าคนรักจะทำอะไรแปลกกับตนเองหรือเปล่า แต่ก็ยอมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

“งั้นรับตานะครับ” นนทนัฐเดินไปหยิบผ้ามาปิดตาของชินพัตน์ที่นั่งอยู่บนเตียง ที่นิ่งรอว่าคนรักจะทำอะไรกับตนเองบาง  ได้ยินเหมือนเสียงเปิดประตูออกไปนอกห้อง  เงียบหายไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดประตู เสียงเดินเข้ามาหาที่เตียง ทุกการกระทำที่ชินพัตน์ใช่ประสาทรับรู้จากเสียงมันทำให้ หัวใจเต้นแรง เพราะไม่รู้ว่าคนรักจะทำอะไร

“นนท์ อย่าเงียบแบบนี้สิ “ชินพัตน์ที่นิ่งรอ อยู่กับความเงียบรอบตัว และไม่รู้ว่านนทนัฐอยู่ตรงใหนภายในห้อง
“คุณกลัวเหรอ” ชินพัตน์สะดุ้งเล็กน้อย เพราะเสียงกระซิบมาประชิดข้างตัว อย่างไม่รู้ตัว

“ปะ เปล่า “ ชินพัตน์ออมแอ้มตอบ แต่ก็มีความกังวลเล็กๆเหมือนกัน

“เปิดตาได้แล้วครับ” นนทนัฐกระซิบบอก ชินพัตน์เลยแกะผ้าปิดตาออก สิ่งที่เห็นคือ 

ดอกกุหลาบสีแดง นับร้อยๆ วางอยู่บนเตียง ลูกโปร่งหลากสีเต็มพื้น และลอยเต็มอยู่เพดาน ชินพัตน์มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจและดีใจ และคิดว่าคนรักของเขาเตรียมทุกอย่างที่เห็นนี้ไว้ให้เขา  น้ำตาก็เอ่อมาที่ขอบตา จนทุกอย่างที่เห็นเริ่มพร่ามัว

“สุขสันต์วันวาเลนไทนนะครับ ผมรักคุณนะ”  นนทนัฐเดินถือช่อกุหลาบช่อใหญ่ส่งมาให้ และจูบซับน้ำตาของคนรักให้ด้วย

“ฮือ ผม ฮือ รักคุณเหมือนคน “

“ร้องไห้ทำไมครับ ไม่ดีใจเหรอ หืม”

“ดีใจ ผมร้องไห้เพราะดีใจ คุณทำทุกอย่างนี้ให้ผมเลย  แต่ผมไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้คุณเลย ผมขอโท…..” ยังไม่ทันที่จะพูดออกไป นนทนัฐก็ปิดปากบางนั้นด้วยปลายนิ้วเพื่อให้หยุดฟังความในใจของตนเองแทน

“ชูว์…..แค่ผมมีคุณอยู่ตรงหน้าแค่นี้ก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้วครับ”

“ผมรักคุณจัง”ชินพัตน์โผล่เข้ากอด และมอบจูบที่แสนหวานให้เป็นของขวัญกับคนรักแทนคำพูดมากมาย

นนทนัฐยิ้มรับและมอบความรักและสัมผัสที่บงบอกถึงความรักทีมีให้คนตรงหน้าได้รับรู้ สื่อสารจากการสัมผัส ร่างกายที่เป็นหนึ่งเดียวกัน หัวใจที่หลอมร่วมเป็นหนึ่งเดียว ความรักที่มอบให้ซึ่งกันและกันนั้นช่างมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด





ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันพิเศษนี้นะคะ  :L2:


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

*ตอนพิเศษ เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักเท่าไรนะคะ มินมินเขียนขึ้นเพื่อ ชินกับนนท์ โดยเฉพาะนะคะ อิอิ

แต่อยากให้ติดตามเนื้อเรื่องหลัก ว่าทำไม่ชิน ถึงชอบกัดลิ้น นนท์  โปรดติดตามอ่านต่อไปด้วยนะคะ อิอิ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ของคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าประจำ 14-2-15
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 14-02-2015 22:16:30
  สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ

ช่างนนท์กับชิน  น่ารักมุ้งมิ้งอ่ะ 

 :L2:    :L1:    :L1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ของคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าประจำ 14-2-15
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 15-02-2015 09:55:14
สุขสันต์วันแห่งความรักขอรับบบ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ของคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าประจำ 14-2-15
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-02-2015 10:06:07
หวานมาก :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 45 เขาเป็นใคร? [19/2/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-02-2015 20:26:26


                                           
                                                ตอนที่ 45 เขาเป็นใคร?



             สองพี่น้องต่างมองผู้มาใหม่ที่ยืน เกๆกังๆ เหมือนรู้ว่าตนเองเขามาไม่ถูกจังหวะหรือเปล่า ก็เลยยกมือไหว้คนที่คิดว่าเป็นเจ้าของร้านทันที่ ก่อนที่จะโดนว่า มาหางานทำและยังมาสายขนาดนี้ เพราะตอนนี้ บ่ายแก่ๆแล้ว ทั้งที่รู้ว่าติดประกาศรับสมัครมาหลายวันแล้ว แต่ก็พึ่งมาเอาวันนี้ เลยไม่แน่ใจว่า ทางร้านรับลูกจ้างไปหรือยัง


"สวัสดีครับ คือผมจะมาสมัครงาน ไม่รู้ว่ายังรับคนอยู่หรือเปล่าครับ" ยกมือไหว้และแนะนำตัวว่ามาทำอะไร


"นั่งก่อนสิ" นพคุณดูหน่วยก้านแล้วน่าจะทำงานงานหนักได้ เลยเรียกให้นั่งคุยกันดีๆ


"ขอบคุณครับ" ยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ


"ทำไมเอาป่านนี้ล่ะ เย็นมาแล้วนะ คิดว่าจะได้งานเหรอ"นพคุณถามเพื่อรองเชิง


"ขอโทษครับ พอดีผมช่วยงานน้าในสวนพึ่งเสร็จ จริงแล้วอยากจะมาแต่เช้าครับ แต่งานไม่เสร็จผมก็ออกมาไม่ได้ครับ"


"อ้าว ก็มีงานทำแล้วนี้ จะมาหางานทำ ทำไมอีก"


"เออ คือผมขออาศัยญาติอยู่นะครับ เลยต้องช่วยงานเพื่อแลกกับที่พัก แล้วพอเขารู้ว่าผมจะไปสมัครงาน หางานทำก็เลยให้ช่วยทำงานเป็นวันสุดท้ายนะครับ"


"อ้อ นี้นายจะบอกว่า ถ้าไม่ได้งานที่นี้แล้ว ก็จะไม่มีงานทำไม่มีที่ไปว่างั้นใช่มั้ย" นพคุณหรี่ตามองเหมือนสังเกตอาการเวลาพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดูแล้วไม่มีพิษมีภัย แต่ก็ต้องพูดดักเอาไว้ก่อน


"พี่ใหญ่" ชินพัตน์เรียกชื่อพี่ชายเหมือนปราม เพราะดูเหมือนพี่ชายจะพูดเหมือนไม่ใสใจคนตรงหน้าสักเท่าไร


"เออ คือผมถ้าไม่ได้งานที่นี้ ก็คงต้องหางานทำที่อื่นนะครับ รบกวนญาติคนนี้มานานแล้ว ผมก็เลยเกรงใจเขานะครับ"


"แล้วครอบครัวของนายล่ะ"


"พ่อแม่ผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 17 แล้วครับ อยู่กับญาติคนโน่นที่ คนนั้นที่ ผมเลยคิดว่าน่าจะหางานทำเป็นหลักแหล่งได้แล้วนะครับ ไม่อยากไปรบกวนพวกเขาอีกแล้ว"


"แล้วตอนนี้นายอายุเท่าไร"


"20 ย่าง 21 ครับ"


"แล้วเรียนจบอะไรมา"


"ม.6 ครับ "


"เคยทำงานอะไรมาก่อน ก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับญาติที่นี้"


"ผมก็รับจ้างทั่วไปนะครับ ล้างจานในร้านอาหาร เด็กปั้ม ขนผักในตลาด แล้วก็ล้าสุดที่บ้านญาติช่วยดูแลสวนครับ" เด็กหนุ่มเล่าทุกอย่าง อย่างละเอียด กับงานที่ตนเองทำมาตั้งแต่พ่อแม่เสียก็ทำงานหาเลี้ยงตนเองมาตลอด


"อืม อืม มีวุฒิการศึกษา ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชนมาหรือเปล่าล่ะ" นพคุณอยู่ก็เรียกหาเอกสารประจำตัวของเด็กหนุ่มขึ้นมา ชินพัตน์ก็ยังงงกับพี่ชายตนเองเหมือนกัน


"ครับ ๆ ผมเตรียมมาแล้ว แต่ทะเบียนบ้านผมอยู่อีกจังหวัดหนึ่งนะครับ ผมไม่ใช่คนที่นี้"


"อืม ไหนเอามาดูสิ" นพคุณขอดูเอกสาร


"นี้ครับ"เด็กหนุ่มดึงออกจากถุงกระดาษ ส่งให้นพคุณดู


"นาย กัมพล เอื้อใจ  อืม เรียนเก่งนี้ ไม่คิดอยากจะเรียนต่อหรือไง"นพคุณอ่านชื่อที่วุฒิและดูผลการเรียกแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ


"ผมพยายามเรียนให้จบม. ปลาย เพราะไม่อยากเป็นภาระให้กับญาติๆ พอจบผมก็เริ่มหางานทำเลยครับ อยากเรียนต่อเหมือนกันครับแต่เรื่องเงินไม่อำนวยครับ"ยิ้มแห้งปนเศร้าๆ


"อืม งั้นพรุ่งนี้ก็มาเริ่มงานเลยแล้วกัน นี้น้องชายฉัน ชื่อ ชินพัตน์  ส่วนฉันชื่อ นพคุณ เรียกใหญ่ก็ได้ "


"เอ๊ะ เออ ขอบคุณครับ รับผมเข้าทำงานแล้วใช่ไหมครับ "เด็กหนุ่มดีใจรีบยกมือไหว้ขอบคุณ ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะได้งาน


"อืม  ตั้งใจทำงานแล้วกัน" นพคุณบอกย้ำ


"ครับ ๆ ผมจะตั้งใจทำงานครับ ขอบคุณครับ เออ คุณ คุณใหญ่  แล้วก็ คุณ เออ คุณ???"


"เรียกพี่ว่า พี่ชินก็ได้ ฮ่าๆๆๆ" ชินพัตน์เห็นเด็กหนุ่มดีใจที่ได้งาน ก็ตื่นเต้นดีใจตามไปด้วย เหมือนได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่ไม่มีที่ไป ได้มีโอกาสได้ที่ทำงาน 


"ครับๆ พี่ชิน เรียกผมว่าพล ก็ได้ครับ"กัมพลรีบบอกชื่อเรียกที่ดูเป็นกันเองกับเจ้าของร้านที่ดูใจดี กว่าคนที่คุยกับเขา


"นี้ เรียกฉันว่าใหญ่ ไม่ต้องมีคุณมีเคินอะไรด้วย"นพคุณไม่ชอบเวลาที่โดนเรียกแบบนั้น


"เออ ได้ครับ พี่ใหญ่ ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าเลยครับ"กัมพลรีบเรียกตามที่คนต้องหน้าร้องขอ


"อืม มาเช้าๆนะ เพราะพี่เปิดร้าน 8 โมง มาช่วยยกของเตรียมของก่อนเปิดร้าน" ชินพัตน์อธิบายคราวๆว่ากัมพลต้องมาชวนทำอะไรบ้าง


"ได้ครับ ได้ครับ ผมจะรีบมา " กัมพลดูตื่นเต้นกับงานใหม่


"งั้นก็กลับไปก่อนไป" นพคุณรีบบอกให้เด็กหนุ่มกลับบ้านไปก่อน


"เออ คือ ผมกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ผมขออยู่ช่วยงานที่นี้เลยได้ไหมครับ" ชินพัตน์หันไปมองหน้าพี่ชายเหมือนจะขอความเห็น นพคุณก็มองทั้งน้องชายและเด็กหนุ่มตรงหน้าสลับไปมา  คิดได้ว่ามาช่วยเร็วขึ้น จะได้รู้งานเร็ว ก็ไม่มีปัญหา


"พี่แล้วแต่นายนะ" นพคุณหันไปบอกน้องชาย เพราะตนเองจัดการเรื่องคนให้แล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของชินพัตน์แล้ว


"อืม งั้นก็ช่วยป้าพร ยกของล้างของ เช็ดโต๊ะไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแบ่งงานให้แล้วกัน" ชินพัตน์รีบหางานเล็กน้อยให้กัมพลช่วยทำไปก่อน


"ได้ครับ "กัมพลพยักหน้ายิ้มรับ เพราะอยากทำงานได็เป็นเร็วๆ


"ป้าพรครับ เด็กใหม่ให้มาช่วยยกของ เก็บร้าน บอกเด็กคนนี้ได้เลยนะครับ" ชินพัตน์เดินนำกัมพลไปแนะนำให้ป้าพรได้รู้จักและค่อยให้ช่วยงาน


"สวัสดีครับผมชื่อพลครับ " กัมพลยกมือไหว้ป้า


"จ้าๆมาช่วยกันอีกแรง "



                  ป้าพรก็ให้กัมพลงานงาน ยกถังแก็สมาเปลี่ยน ยกถุงผักไปล้าง ล้างจาน ในช่วงบ่ายแก่ๆ วันนั้นก็ได้ทำงานเล็กน้อยๆที่พอจะช่วยได้ งานใช้แรงที่เด็กๆผู้หญิงในร้าน ทำได้แต่ไม่ค่อยสะดวก พอมีกัมพลมาช่วยก็ทำให้งานในร้าน เสร็จเร็วขึ้น จนเลยมาถึงเวลาเก็บร้าน ก็เสร็จเรียบร้อย อย่างรวดเร็ว เพราะมีน้องใหม่อย่างกัมพลช่วยได้เยอะ มีเวลาพักผ่อนเร็วขึ้น ทั้งป้าและเด็กสาวในร้าน ต่างพากันดีใจ ที่มีคนมาช่วยงาน


"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"


"บ้านอยู่แถวไหนเหรอ"ป้าถามขึ้นอย่างสงสัย


"เดินไปทางหลังวัดครับ พักอยู่กับญาติครับ"


"เดินมาเหรอพล" ชินพัตน์ที่นั่งคิดยอดรายได้อยู่ที่โต๊ะได้ยินก็ถามอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน


"ครับ ผมเดินมาจากสวนของญาติครับ"


"มันไกลมากไหม" ชินพัตน์ถามเพราะยังไม่คุ้นพื้นที่แถวนี้ เพราะรู้จักแค่ที่ตลาด วัด และบ้านสวนของยายเท่านั้น


"ผมเดินประจำครับ เลยไม่รู้จะบอกยังไงว่าไกลหรือเปล่า"กัมพลทำท่านึก


"แล้วไม่มีรถมอเตอร์ไซค์เหรอ"ป้าพรถามอย่างเป็นห่วง


"ของญาติมีครับ แต่ผมเกรงใจ เลยขอเดินมาดีกว่าครับ" กัมพลตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ


"อืม"ชินพัตน์คิดถึงความอยากลำบากของ คนงานคนใหม่แล้ว ไม่รู้จะเริ่มต้นช่วยตรงไหนก่อนดี


"ไม่เป็นไรครับ ผมได้งานแล้ว เก็บเงินสักพักก็มาหาเช่าบ้านแถวนี้เอา จะได้ไม่รบกวนญาติด้วย แล้วก็จะได้มาทำงานเร็วขึ้นด้วยครับ"


            ชินพัตน์มองเด็กหนุ่มตรงหน้า คงจะตั้งใจแบบนั้นไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเด็กหนุ่มดูเหมือนจะเป็นคนขี้เกรงใจ แต่ก็ตั้งใจทำงาน ถึงแม้จะเห็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็พอจะดูออกว่าเป็นคนตั้งใจจริง พอได้งานก็คงอยากจะมีที่อยู่เป็นของตนเองสินะ  แต่ยังไงก็คงต้องดูไปก่อนซักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจช่วยเหลืออะไรไป  ขอดูการทำงานอีกสักหน่อย มั่นใจว่าตั้งใจทำงาน เอาการเอางาน เขาจะไม่เกียงงอนที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มเลย


"งั้นก็กลับบ้านดีๆล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน"ชินพัตน์พูดบอกเด็กหนุ่ม


"ครับ พรุ่งนี้ผมจะรีบมาแต่เช้าครับ" กัมพลยกยิ้มอย่างภูมิใจกับงานใหม่ของตนเอง และเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี เพราะดูแล้วงานไม่ยาก เจ้านายก็ดูแล้วท่าทางใจดีด้วย พวกป้าและเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ใจดีกับเขา งานที่นี้ดูแล้วยังสบายกว่างงานที่ทำในสวนซะอีก


            กัมพลเริ่มมาชวยทำงานที่ร้านผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว เข้ากับเพื่อนๆและป้าพรได้ดี ช่วยผ่อนเบางานที่ใช้แรง ได้หลายอย่าง ขนของที่ซื้อเข้าร้าน ยกของหนักๆ แทนเด็กสาวในร้าน เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก เพราะนพคุณกำชับ ชินพัตน์ไว้ว่าเดือนแรกให้แค่ 5000 บาทถ้าทำงานดีก็ค่อยให้เท่ากับเด็กคนอื่นๆ 6000 บาท  แต่สำหรับกัมพลแล้ว พอรู้ว่าตนเองจะได้เงินเดือนถึง 5000 ก็ดีใจจนเหมือนคนที่ได้เงินแสน  กัมพลบอกกับชินพัตน์ว่าตนเองไม่เคยได้เงินเป็นก้อนเลย รับจ้างทำงานเป็นวันตลอด วันละ 50 บาท วันละ 100 ก็ยังมี งานที่ทำก่อนหน้านี้หนักกว่านี้เยอะกว่าจะได้เงินมา กัมพลดีใจจนต้องยกมือขึ้นไหว้ ชินพัตน์หลายครั้งที่ รับตนเองเข้ามาทำงานที่ร้าน


"อืม ดีแล้ว ได้งานก็ตั้งใจทำงานนะ" ชินพัตน์พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะให้เด็กหนุ่มกลับไปช่วยทำงานหลังร้านต่อ



         ร้านใหม่ของชินพัตน์ ขายดีมากเพราะความอร่อยของลูกชิ้น ทำให้ลูกค้าพูดปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าใหม่เข้ามาที่ร้านเยอะ พอดีกับมีเด็กใหม่มาช่วยงานที่ร้านรับมือกับลูกค้า จำนวนมากในแต่ละวันได้อย่างสบาย รายได้ที่ร้านก็เพิ่มขึ้น ยอดสั่งลูกชิ้นก็เยอะขึ้นด้วย  ปกติ 1 อาทิตย์จะสั่งลูกชิ้น จากที่โรงงานมาส่ง 1 ครั้ง แต่พอเข้าเดือนที่ 2 ไม่พอ ต้องสั่งลูกชิ้นมาเพิ่ม ตามความต้องการของลูกค้าที่เข้ามามากขึ้น ทั้งพ่อและแม่ก็ต่างดีใจและเป็นห่วง กลัวชินพัตน์จะรับมือไม่ไหว  ส่งนพคุณคอย มาดูบางเป็นบางเป็นบางครั้ง


"พี่ใหญ่ มาส่งเองเลยเหรอวันนี้" นพคุณเข้ามาจากทางหลังร้าน เพราะเอาลูกชิ้นที่ชินพัตน์สั่งรอบที่สองของสัปดาห์มาส่งให้เอง


"ใช่ ก็ร้านนายทำยอด ได้เยอะกว่าร้านพี่อีกพี่ก็เลยต้องมาดู" นพคุณแกล้งพูดน้ำเสียงจริงจังเพื่อจะแกล้งน้องชาย


"ยอดเยอะอะไรกันพี่ ก็ร้านเปิดใหม่ลูกค้าก็เห่อแค่ช่วงแรกๆละครับ ต้องดูหลังจากนี้ สัก 2-3 เดือน ว่ายอดยังคงที่แบบนี้อยู่หรือเปล่า" ชินพัตน์รีบพูด ให้พี่ชายสบายใจว่าร้านตนเองไม่ได้ยอดสั่งลูกชิ้นเยอะเสมอไปหรอก


"ฮ่าๆๆ ล้อเล่น ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ขายได้ก็ดีแล้ว ร้านพี่มีลูกค้าประจำเยอะ ไม่ต้องห่วงรอกน่า ฮ่าๆๆ" นพคุณก็หลุดขำเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดที่ทำให้พี่ชายตนเองคิดแบบนั้น


"โธ่พี่ แกล้งผมเหรอ"


"เออ โทษที่ วันนี้ลูกค้าเยอะเหมือนเดิมเลยนะ"


"ครับ ลูกค้าหน้าใหม่ๆเข้ามาเยอะเลยครับ"


"อืม เมื่อกี่เห็นเด็กใหม่ ยกของอยู่หลังร้าน พี่เลยบอกให้ยกลูกชิ้นลงมาแล้วนะ"


"ครับ เดี๋ยวผมขอเดินไปดูพลหน่อย" ชินพัตน์เดินไปดูลูกน้องที่พอจะเริ่มชินกับงานแล้ว เพราะเขาและป้าพร แถบจะไม่ต้องเอยปากสั่ง เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดี และช่วยเหลือส่วนของคนอื่นอีกด้วย ที่ร้านเลยทำอะไรๆได้เร็ว ลูกค้าก็ชมว่าสั่งแล้วก็ทานเร็ว ไม่รอนานเหมือนที่อื่น แถมลูกชิ้นในแต่ละเมนูก็อร่อยถูกใจ


"ยกลูกชิ้นเสร็จแล้วก็ไปพักมั้งเถอะพล พี่เห็นเราทำโน่นทำนี่ไม่หยุดเลย"


"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากนั่งพัก กลัวรากงอกอ่ะครับ ฮ่าๆๆ" กัมพลพูดติดตลกกับชินพัตน์ นพคุณก็ยืนฟังอยู่ด้วย มือก็ยังไม่หยุดยกถุงลูกชิ้นลงจากรถ กัมพลทำงานไวมาก นพคุณยังทึ้งเพราะเขาเองเดินจากหลังร้านไปคุยกับน้องชายแค่แปบเดี๋ยว กลับมาอีกที่ เด็กหนุ่ม ยกลงจากรถไปเกือบครึ่งแล้ว


"งั้นก็ตามใจ แต่อย่าโหมงานเกิน เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ" ชินพัตน์ยิ้มเอ็นดู กับความตั้งใจของเด็กใหม่


"ครับ" กัมพลเงยหน้าขึ้นมาตอบ แล้วก้มหน้าก้มตายกของต่อไป


"เด็กนั้น ทำงานเป็นยังไงมั้ง"


"ตั้งใจทำงานดีครับ ช่วยงานในร้านได้เยอะเลย"


"อืม แต่ก็ดูๆไปก่อนนะ อย่าพึงไว้ใจมาก"


"ครับ  ทำมาจะเกือบเดือนแล้ว ผมก็ไม่เห็นพลจะดูทำตัวไม่ดีนะครับ"


"เถอะน่า ดูๆไว้ก่อน ไม่แน่อาจจะออกลายทีหลัง"


"โธ่พี่ใหญ่ คิดมากไปหรือเปล่าครับ ผมว่าพลก็ตั้งใจทำงานนะครับ ขนาดให้เงินแค่ 5000 ยังดีใจเหมือนได้เงินเป็นหมื่นๆ"


"นั้นแหละยิ่งต้องจบตาดู เพราะเงินเข้าออกที่ร้านมันเยอะนะ ชิน นายก็อย่าไว้ใจเกินไป"


"ครับๆ ผมจะคอยระวัง แล้ววันนี้พี่จะไปรับต้นกล้าหรือเปล่า"


"เอ๊ะ เออ ไปสิ เฮ้ย บ่าย 2 กว่าแล้วเหรอ งั้นพี่ไปก่อนนะ" นพคุณรีบเด้งตัวเองออกจากโต๊ะเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ตั้งใจไปรับกลับบ้าน


"ฮ่าๆๆ ดูก่อนว่ายกของลงจากรถหมดหรือยังนะ ฮ่าๆๆ" ชินพัตน์ตลกท่าที่ของพี่ชายที่ดูร้อนร้นเมื่อพูดถึงต้นกล้า  ทั้งๆมีเวลาอีกตั้งนานกว่า ต้นกล้าจะนั่งรถกลับมาถึง บขส.


                 ช่วงบ่ายมีคนเข้ามาหาที่ร้านของชินพัตน์ หลายคนเข้าคุยว่าอยากจะซื้อลูกชิ้นของชินพัตน์ไปขายเอง เพราะเห็นว่าชินพัตน์ขายดี แต่ก็ยังไม่กล้าลงทุน เมื่อชินพัตน์ว่าต้องเปิดเป็นร้านแบบที่เขาเปิดแบบนี้ แต่ละรายที่เข้ามาก็บอกว่ายังไม่มีทุนบาง อยากขายแค่เล็กๆ ชินพัตน์เลยปฏิเสธที่จะคุยต่อ ในร้านก็ยุ่งเกินพอแล้ว  แถมบางคนที่สนใจลูกชิ้นของที่ร้าน แต่อยากที่จะให้ลดราคาให้อีก ชินพัตน์ก็ปฏิเสธเช่นเดิม  เพราะเขาคิดว่าลูกชิ้นที่โรงงานของเขามีคุณภาพที่ดี และความอร่อย เหมาะสมกับราคาที่ตั้งไว้แล้ว จะลดลงไปคงเป็นไปไม่ได้  จนมาถึงรายสุดท้ายที่เข้ามาคุยกับชินพัตน์ เขามาชมซะเป็นส่วนใหญ่ว่าร้านทำเลดี ลูกค้าเยอะ ลูกชิ้นอร่อย บริการดี จนสุดท้าย ก็ถามว่า ตึกข้างๆมีใครจ้องหรือยัง ทำไมยังปิดอยู่ คูหาอื่นๆที่ถัดไป เปิดร้านกันไปหมดแล้ว  ชินพัตน์ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะตนเองก็ไม่รู้


"อืม ต้องขอโทษนะครับผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่ามีใครมาจ้องหรือยัง"


"เหรอค่ะแล้วฉันจะไปติดต่อกับใครได้ล่ะ"


"อืม สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมลองหาเบอร์โทรติดต่อให้" ชินพัตน์ก้มลงในชองเก็บเอกสารเพื่อหา คนดูแลเช่าซื้อของที่ตึกนี้


"นี้ครับเบอร์โทร"


"ขอบคุณค่ะ" สาววัยกลางคน รับนามบัตรไปจากมือชินพัตน์ แล้วก็รีบกดโทรทันที



          ชินพัตน์ก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจเท่าไรแต่ก็ลุกไปจากโต๊ะไม่ได้ เพราะว่าคนที่นั่งโทรศัพท์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ยังไม่ลุกออกไป ชินพัตน์ก็ต้องรอ จนกว่าคนตรงหน้าจะโทรศัพท์เสร็จ


"งั้นผมขอตัวไปดูหน้าร้านก่อนนะครับ พอดีลูกค้าเยอะ" ชินพัตน์ออกปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายโทรเสร็จ


"เห็นคนดูแลบอกว่าคนที่จ้องตึกข้างร้านคุณก็รู้จักกับคุณนี้ค่ะ" ชินพัตน์ที่กำลังจะลุกขึ้น เมื่อได้ยินแบบนั้นเลยต้องกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง


"เอ๊ะ ผมไม่รู้จักใครที่นี้นะครับ เพราะผมพึ่งย้ายมาขายของที่นี้ไม่กี่เดือนเอง และก็ไม่ใช่คนที่นี้ด้วยครับ" ชินพัตน์บอกปัดอย่างไม่เข้าใจ


"เอ๊ะ แต่คนดูแลตึกบอกว่า เขาจ้องไว้พร้อมกับคุณตั้งแต่วันแรกที่เปิดจ้องแล้วนี้ค่ะ"


"เอ๊ะ เออ ผมไม่ทราบจริงๆนะครับ ว่าใครจ้องตึกข้างๆไว้ คุณคงต้องไปติดต่อกันเอาเองนะครับ งานที่ร้านผมก็ยุ่งมากจริง ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ " ชินพัตน์เริ่มงงและสับสัน และเริ่มรำคาญกับสายตาของผู้หญิงวัยกลางคนที่มองเขาเหมือนจับผิด ทั้งๆที่เขาไม่รู้อะไรเลย


"ก็ได้ วันนี้ฉันจะกลับไปก่อน แต่อย่าให้รู้นะว่าจ้องไว้กั๊กคนอื่น ชิ" แล้วผู้หญิงร่างกลมไม่สนใจใครก็เดินออกจากร้านไปแต่ยังทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ทำให้ชินพัตน์ยิ่งคิดหนักขึ้นไปอีก



อะไรของเขาว่ะ



"มีอะไรหรือเปล่าพี่ชิน" กัมพลที่สังเกตนายจ้างกับคนที่เขามานั่งคุยได้พักใหญ่ๆแล้ว ว่าทำไมต้องพูดจาแบบนั้นใส่เจ้านายของตนเองด้วย ไม่อยากที่จะแอบฟังหรอก แต่พอเห็นสีหน้าเจ้านายแล้วก็เลยเห็นห่วงขึ้นมา


"อืม ไม่มีอะไรหรอกพล" ชินพัตน์นั่งลงที่โต๊ะเหมือนคนหมดแรง ขายของที่ร้านถึงจะเหนื่อย ก็ยังไม่ล้าและเหนื่อยใจเท่าวันนี้ เจอแต่คนที่หวังผลประโยชน์ทั้งนั้น พอไม่ได้ดังใจตามที่ต้องการก็ต่างพากันไม่พอใจ ชินพัตน์นั่งคิดว่า ตนเองต้องมานั่งรับรู้ และค่อยลองรับอารมณ์คนพวกนี้ด้วยเหรอ มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เยอะ  ถ้ากับลูกค้าเขาคิดว่าเขารับมือได้อย่างแน่นอน  แต่วันนี้มันเกินไปจริงๆ


นี้สินะ ที่เรียกว่าธุรกิจ


พ่อก็คงเจอแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ?


แล้วใครกันนะที่จ้องตึกข้างๆ


ที่มาทำให้เขาเดือนร้อนแบบนี้

         





                ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:

มาติดตามกันต่อเลยนะคะว่าเด็กหนุ่มกัมพลมาทำงานที่ร้าน จะทำให้คุณเจ้าของร้านเปลี่ยนไปหรือเปล่า?? อิอิ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้ทุกคอมเม้นนะคะ   :กอด1:

ฝากติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยนะคะ ขอบคุณคะ  :pig4:




อ่านต่ออีกตอนกันไปเลยนะคะ




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 45 เขาเป็นใคร? [19/2/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-02-2015 21:08:22
แอบมาจองข้างกันก็ไม่บอก พระเอกเราแน่ๆ อิอิ
ส่วนน้องพลนี่ดูท่าทางยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไรอ่ะ (ไม่รู้สิ รู้สึกแปลกๆ ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป กลัวว่าจะมาสร้างความร้าวฉานให้ชินกับคุณนนท์)
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 45 เขาเป็นใคร? [19/2/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-02-2015 15:11:09
นนท์เงียบหายไปเลย
ระวังเด็กพลทำคะแนนแซงหน้านะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 45 เขาเป็นใคร? [19/2/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-02-2015 17:41:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 23-02-2015 19:34:59



                                      ตอนที่ 46  รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? แล้วก็งานงอก?


             ลูกค้าที่ตลาดนัดก็ยังเยอะเหมือนเคย วันไหนที่ชินพัตน์ไปขายเองที่ตลาดนัดแล้วไปรับยายมาที่ตลาด ก็จะมีกัมพลไปช่วย ยกของ จัดร้านให้เสมอ ลูกค้าก็ต่างพูดชมเรื่องความอร่อยของเมนูต่างของที่ร้าน ไม่ขาดปาก ลูกชิ้นปิ้งก็ยังเป็นที่นิยมเหมือนเคย ขายดีแต่ก็ไม่เท่ากับทีร้านขาย รวมทั้งชินพัตน์เอาลูกชิ้นมาขายแค่พอขายลูกค้าที่เดินตลาดเท่านั้น จะไม่ได้เอามาเผื่อ ขาดหมดก็เก็บร้านทันที่ เพื่อจะกลับไปดูแลที่ร้านต่อ เรื่องเงินก็ให้ป้าพรดูแลแทน เพราะเด็กที่ช่วยป้าทำเองได้อย่างคล่องแคว รสชาติไม่ต่างไปจากที่ป้าพรสอนให้ทำ


"จะเก็บร้านแล้วเหรอ" แม่ค้าลูกค้าต่างถามเป็นเสียงเดียวกันเพราะตอนนี้พึ่งจะ 6 โมงเย็นเอง ลูกชิ้นที่เตรียมมาหมดแล้ว

"ครับ ถ้าจะซื้อเพิ่มแวะไปที่ร้านนะครับ" ชินพัตน์ยิ้มการค้า


           ชินพัตน์โทรไปที่เบอร์ร้านเพื่อให้กัมพลมาช่วยเก็บของ เพื่อทุ่นเวลาที่จะได้กลับไปที่ร้านเร็วขึ้น เขาเองต้องไปส่งยายที่บ้านสวนก่อนที่จะรีบกลับร้าน เพราะป้าพรบอกว่าวันนี้ ลูกค้าเยอะมาก ปลายเดือนลูกค้าเงินเดือนออกพาครอบครัวมานั่งที่ร้านเยอะพอสมควร ทำให้ชินพัตน์รีบกลับไปที่ร้านเพื่อช่วยเก็บเงิน


"ป้าครับ ลูกค้าเยอะมากเลยนะครับ"

"จ้าๆ กลับมาก็ดี ป้าคิดเงินไม่ทันเลย ไม่รู้ว่าถอนเงินผิดไปบางหรือเปล่า" ป้าพรรีบส่งประเป๋าเงินคืนให้ชินพัตน์และรีบเกาไปหน้าโต๊ะเครื่องปรุง เพราะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามา

"ครับๆ เดี๋ยวผมจัดการต่อให้เองครับ"


             ทั้งกัมพลและชินพัตน์ต้อง เข้ามาช่วยเสิรฟอาหารให้ลูกค้าอีกแรง เพราะวันนี้ลูกค้าเยอะจริงๆ บางที่ก็ไปช่วยปิ้งลูกชิ้นด้วย เพราะลูกค้าหน้าร้านที่มารอซื้อลูกชิ้นปิ้งกลับไปบ้านในช่วงหัวคำก็มีเยอะ น่าจะเป็นลูกค้าที่ตลาดนัด เพราะลูกค้ารู้ว่าชินพัตน์จะเก็บร้านเร็วขึ้น เลยต้องตามมาซื้อที่ร้านประจำ
..
.
.
.
.

"วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันมากเลยใช่ไหมครับ ลูกค้าเยอะขนาดนี้" ชินพัตน์พูดขึ้นเมื่อลูกค้าชุดสุดท้ายออกจากร้านไป และเตรียมตัวจะปิดร้าน เก็บของแต่บางส่วนกัมพลก็เก็บล้างไปบางแล้ว ทำอีกนิดหน่อยก็เปิดร้านได้เลย


"วันนี้สิ้นเดือนเงินเดือนออกก็เลยพากันมาที่ร้านนะสิ ที่ตลาดนัดคนก็ยังเยอะอยู่เลย" ป้าที่มานั่งพักใกล้กับชินพัตน์ก็พูดเสริมขึ้น และหันไปมองทางตลาดนัด เพราะตอนนี้ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ยังมีคนเดินตลาดอีกพอสมควร


                 รวมไปถึงที่ร้านของชินพัตน์ด้วยที่จ่ายเงินเดือนทุกคนในร้านไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน  ทุกคนก็มีเงินในกระเป๋าได้อุ่นใจ แต่ยังไม่มีเวลาไปใช้จ่าย เพราะต้องเปิดร้านมาเตรียมของไว้ขายตั้งแต่เช้า จนเย็นก็พึ่งจะได้นั่งพักกัน ชินพัตน์เห็นลูกน้องในร้านตั้งใจทำงาน ไม่เกียงงอนเรื่องวันหยุดที่มีอันน้อยนิดเลย เพราะทุกคนเข้าใจว่าร้านพึ่งเปิดใหม่ จะมาหยุดกันบ่อยๆก็ไม่ดีแน่  แต่ชินพัตน์เห็นว่า ผ่านมา 2 เดือนแล้ว น่าจะให้ทุกคนได้หยุดพักกันบ้าง

"ทุกคนครับ เดี๋ยวผมโทรสั่งหมูกระทะมานั่งกินกันที่ร้านดีไหมครับ พลอย่าพึ่งรีบกลับนะ" อยู่ชินพัตน์ก็รีบบอกคนงานในร้านทุกคนว่าจะเลี้ยง ร่วมไปถึงกัมพลด้วย


"ทำกินกันเองไม่ดีกว่าเหรอ ผักที่ยายให้มาก็มีไม่ใช่เหรอ" ป้าพรพูดเสริม

"ผมอยากให้ทุกคนได้พัก ถ้าต้องมาเตรียมของที่จะทำกินกันเองอีก จะเหนื่อยเพิ่มเปล่า สู้สั่งมาแล้วได้ทานเลยดีกว่านะครับ" ชินพัตน์อธิบาย

"งันก็ตามใจเถอะจ๊ะ"


                ขณะที่ทุกคนเริ่มเก็บร้าน ก็เป็นเวลาที่รอให้รถส่งหมูกระทะ 2 ชุดใหญ่มาส่ง ชินพัตน์อยากจะมีเวลาได้พูดคุยกับทุกคนในร้านบาง ไม่ใช่แค่ทำงานกันไปวันๆเพื่อรอรับเงิน อยากให้ทุกคนสนิทกันมากขึ้น วันนี้เลยเป็นโอกาสที่จะได้ลองได้พูดคุย เรื่องของแต่ละคนบางจนรถที่ร้านหมูกระทะมาส่ง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บร้านเสร็จพอดีมานั่งร่วมตัวกันที่โต๊ะที่ลูกทานนั่งทานที่กลางร้าน ช่วยกันจุดไฟ เตรียมพักเตรียมหมูรอพร้อมน้ำเดือด


"ไม่ได้กินแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนี้" จอย ลูกของแม่ค้าที่รู้จักกับชินพัตน์ฝากมาทำงานที่ร้าน พูดขึ้นเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า

"นานแค่ไหนล่ะจอยเอย" ป้าพรถามขึ้นแบบติดตลก

"ก็นานแล้วนะ เพราะไม่ค่อยมีเวลามากินของแบบนี้หรอก ช่วยแม่ขายของตลอด"

"พี่ถามได้ไหมทำไมจอยถึงไม่เรียนต่อ" ชินพัตน์ที่เริ่มคีบหมูมาปิ้งบนกระทะก็ถามขึ้น

"จอยก็อยากเรียนนะ แต่สงสารแม่ แม่ทำงานคนเดียว จอยเลยออกมาช่วยแม่ทำงานดีกว่า เก็บเงินได้เยอะๆก่อนแล้วค่อยกลับไปเรียน" ชินพัตน์ไม่ได้ถามตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานเพราะสนิทกับแม่ของจอย ที่ขายของในตลาดอุตสาฝากฝั่งมาเลยไม่ได้ถามอะไรมาก

"อืม จบแค่ม.6 ใช่ไหม เหมือนพลเลยสินะ" ชินพัตน์ชวนคุยต่อ และก็หันไปคุยกับกัมพลด้วย กัมพลก็ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ ตั้งใจฟังคนในกลุ่มพูดคุยกัน

"แต่จอยอายยุน้อยกว่าพี่พลนะ จอยพึ่งจะ19 เองอ่า" จอยหยิบผักลงในน้ำชุบและหันมาบอกชินพัตน์ไปด้วย

"อ้าวแล้วพลอายุเท่าไรล่ะ ป้านึกว่า 2 คนนี้อายุเทากันซะอีก" ป้าคีบปลาหมึกมาปิ้งแล้วก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

"ผมอายุ 21 แล้วครับ"พลตอบเสียงเบาแล้วก็กลับหมูที่กำลังปิ้งบนเตาไปด้วย


                ทุกคนก็ต่างพูดคุยกันต่อจนทุกคนเริ่มจะไม่ไหว เพราะชินพัตน์สั้งมาตั้ง 2 ชุดใหญ่ต้องช่วยกันปิ้งทานให้หมด กว่าจะหมดทุกคนก็ อิ่มกันไป จนลุกแถบไม่ขึ้น ต่างพากันหัวเราชอบใจที่แต่ละคนเล่าเรื่องตลกของตนเองให้ฟังบ้าง เรื่องลูกค้าในร้านก็มี และเรื่องที่กำลังพูดก็วนกลับมาที่เรื่องงานอีกครั้ง


"พรุ่งนี้ผมให้ทุกคนหยุดงาน 1 วันนะ จะได้มีเวลาพักผ่อนหรือมีเวลาไปใช้เงินกันบ้าง" ทั้ง 3 คนมองหน้าชินพัตน์เหมือนจะตกใจ แต่เมื่อฟังจนจบก็ต่างพากันยิ้มพอใจที่ตนเองจะได้พักสักวัน

"ป้าจะกลับไปที่บ้านไหมครับ ผมจะได้ขับรถไปส่ง"

"ถ้าตาชินจะกลับ ป้าก็ขอติดรถไปด้วยนะ จะได้แวะกับไปดูที่บ้านบ้าง"

"ได้ครับ แล้วจอยกับพลล่ะ จะไปเที่ยวที่ไหนกัน"

"จอยจะไปช่วยแม่ขายของ เอาเงินไปให้แม่ด้วย พอดีเลย" จอยยิ้มเพราะตอนแรกตั้งใจจะเอาเงินไปให้แม่อยู่แล้ว แต่เพราะยังไม่มีเวลาว่างเลย

"อือ พรุ่งนี้พี่จุ๋มไปขายของที่ไหนล่ะ"

"ที่ตลาดแถวๆ คลองนะจ๊ะ"

"ให้พี่ไปส่งไหม"

"ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวจอยโทรบอกแม่ให้มารับ เพราะยังไงแม่ต้องผ่านที่หน้าร้านอยู่แล้วจ๊ะ"

"อืม ไหนๆก็เป็นวันหยุดแล้วพี่ก็อยากให้จอยกับแม่ของเราพักบ้างนะอย่าโหมงานเกินเดี๋ยวจะพากันป่วยเอานะ"

"จ้าจ้า ว่าแต่พี่ชินเถอะ เห็นทำแต่งาน ขายของอย่างเดียวเลย เอ๊ะหรือว่าเก็บเงินไปขอสาวหรือเปล่า" จอยคุ้นเคยกับชินพัตน์ตั้งแต่ขายของที่ตลาดนัดแล้ว เลยพูดแซวชินพัตน์ที่เอาแต่ขายของไม่สนใจสาวๆที่เข้ามาตามซื้อลูกชิ้นทุกวัน หมายตาเจ้าของร้านอย่างชินพัตน์ ที่ไม่เคยเล่นด้วยสักคน ทำให้จอย สงสัย

"เฮ้ย เปล่านะ พี่จะไปมีเวลาไปหาสาวที่ไหนกัน ขายของก็เก็บเงินใช้หนีพ่อแม่ต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ" ชินพัตน์พูดปัด เพราะเขาไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องรักๆใครๆแบบนั้นอีกแล้ว 

"แหมๆ รีบแก้ตัวเลยนะจ๊ะแอบมีใครอยู่ในใจแล้วล่ะสิ อิอิ" จอยยังคงคุยล้อเล่นต่อ

"จอย พูดอะไรอย่าง ตาชิน เขาต้องเรียกว่า รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่งานมากกว่า ใช่ไหมตาชิน" ป้าพรรีบออกรับแทน เมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มแซวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

"แหมป้าจอยก็แค่ถามเล่นๆ ในร้านเรานะทุกคน จอยคิดว่าคงอยากจะทำงานหาเงิน มากว่ามานั่งเสียเวลา หาแฟนแน่นอน จอยว่าถ้าเนื้อคู่มันจะมาเดี๋ยวก็เจอกันเองสักวัน " หันไปยิ้มพราวเหมือนหาคนร่วมอุดมการณ์

"จ้า แล้วป้าจะคอยดูว่าใคร จะมีแฟนก่อนกัน ฮ่าๆๆ" ป้าก็เห็นด้วยกับจอย แต่ก็ยังไม่วายอดพูดล้อทิ้งท้ายไว้


          ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา แล้วก็พากันหัวเราะ จอยเองถึงจะเป็นเด็กสาวมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้แก่แดดแก่ลม เพราะแม่สอนมาดี ส่วนกัมพล ยังคงต้องการทำงานมากกว่า หาเงินเพื่อสร้างฐานะตนเองก่อน เรื่องที่จะมีแฟน มันเป็นเรื่องที่ห่างไกลเกินเอือม  และชินพัตน์เหมือนโดนย้อยถามคำถามซ้ำ ที่พ่อของเขาเคยถาม  เขาเองก็คิดว่ายังสนุกกับการทำงานอยู่ หรือเพื่อต้องการ ให้ลืมใครบางคนที่ยังอาจจะยังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ พยายามจะกลบให้มิด ไม่ให้คิดถึงอีก แต่วันนี้เขากลับคิดถึงคนคนนั้นขึ้นมาเพราะอะไร?


"ป้าว่าเราเลิกกินกันได้แล้วล่ะ คงจะต่อกันไม่ไหวแล้วล่ะสิ" หันไปยิ้มให้ทุกคนที่ดูจะกินต่อไปไหว ว่างอาวุธคู่กาย พ่ายแพ้ต่อสิ่งที่อัดแน่นในกะเพาะ เกินที่จะรับไหวแล้ว และดูเหมือนทุกคนจะเหนื่อยๆด้วย

"นั้นสิครับ พอท้องอิ่ม ตาผมก็เริ่มจะปิดซะให้ได้" ชินพัตน์พูดไปทำท่าจะหลับเสียให้ได้ เป็นที่ตลกของคนในร้าน

"งั้นก็เก็บของกันเถอะ จะได้รีบกลับไปพักผ่อนกัน" ป้าพรบอกให้ทุกคนเก็บของก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนและกลับบ้าน

"ของแค่นี้เดียวผมเก็บล้างเองครับ พี่ชิน ป้าพร จอยก็ ขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวผมปิดร้านให้เอง" กัมพลเสนอตัว เพราะเห็นทุกคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

"พี่ว่าช่วยๆกันจะได้เสร็จเร็ว เราก็จะได้กลับเร็วด้วยไง"

"ครับ"



                   ทุกคนช่วยกันไม่นานเก็บของบนโต๊ะเก็บล้างจนเสร็จเรียบร้อย ป้าพรและจอย ขึ้นไปข้างบนแล้ว ส่วนชินพัตน์ขออยู่เช็คยอดเพื่อจะสั่งของมาเตรียมไว้ เพราะแค่วันนี้วันเดียวใช้ลูกชิ้นไปเยอะจนต้องสั่งใหม่เพิ่ม ส่วนกัมพลก็ยืนยันว่าจะถูพื้นในร้านให้อีกรอบ เพราะพรุ่งนี้ร้านไม่เปิด ร้านจะได้สะอาดพร้อมเปิดในเช้าวันพุธ  ชินพัตน์ก็ไม่ได้ค้านอะไร ไหนๆเด็กอยากอาสาช่วยทำก็ไม่อยากขัดศรัทธา


"พลกลับบ้านได้แล้ว นี้จะ 4 ทุ่มแล้วนะ กลับเข้าบ้านมืดๆมันอันตรายนะ" ชินพัตน์มายืนดูเด็กหนุ่มที่ซักผ้าถูพื้นที่อยู่หลังบ้าน

"ครับผมทำเสร็จพอดี ผมกลับเลยนะครับ" ยกมือไหว้ชินพัตน์แบบนี้ประจำ จนชินพัตน์ไม่อยากที่จะห้ามแล้ว

"พล เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านดีกว่ามันดึกมากแล้ว"

"อย่าเลยครับ ทางเข้าที่สวนแถวบ้านญาติผมมันมืดมากเลย ผมไม่อยากให้พี่ขับรถกลับคนเดียวนะครับ"

"ก็นั้นนะสิ เพราะมืดพี่ถึงต้องไปส่งเราไง เดินคนเดียวคำมืดดึกดื่นมันอันตรายนะ"

"ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมเดินกลับแบบนี้ทุกวันจนชินแล้วครับ"

"พี่เข้าใจ แต่วันนี้มันดึกมากไง พี่เลยต้องไปส่ง ห้ามปฏิเสธวันอื่นไม่ว่า แต่วันนี้ต้องให้พี่ไปส่ง ตกลงไหม" ชินพัตน์ไม่รอคำตอบ รีบดึงแขนเด็กหนุ่ม ไปที่หลังร้าน พาขึ้นไปนั่งที่เบาะ แล้วเดินกลับมาใส่กุญแจที่ประตูหลังบ้าน

"ไปทางวัดใช่ไหม" พอชินพัตน์ขึ้นรถมาก็ถามจุดหมายปลายทางทันที่ ถึงจะเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กในร้าน แต่ยังไงก็อยากไปส่ง เพื่อตนเองจะได้สบายใจด้วย

"พี่ชิน ส่งผมแค่ปากทางหน้าวัดก็ได้ครับ ข้างในมันมืด"

"ไม่ได้ให้พี่ไปส่งถึงในบ้านนั้นแหละ จนกว่าเราจะเข้าถึงบ้าน พี่ถึงจะขับรถกลับออกมา"

"แต่พี่ครับ คือ....."

"ไม่มีแต่ แค่บอกทางมาก็พอ จบนะ" ชินพัตน์พูดเสียงเรียบทำให้กัมพลไม่กล้าพูดปฏิเสธอีก



"เลี้ยวเข้าซอยนี้ใช่ไหมพล"

"เออ คะ ครับ"

"ทำไม มันมืดขนาดนี้ล่ะ ไม่มีไฟข้างทางเลย "ชินพัตน์ที่มองทางเข้าบ้านญาติของกัมพลและพูดขึ้นอย่างสงสัย

"เออ คือ เป็นทางเข้าสวนนะครับ แล้วก็ไม่คอยมีบ้านคน เลยไม่มีใครมาติดไปข้างทางไหนนะครับ"

"งั้นเหรอแล้วนี้พลต้องเดินเข้าบ้านมามืดแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ" ชินพัตน์ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจบนสงสัย

"เออ คะ ครับ" กัมพลตอบไม่เต็มเสียง

"นั้นใช่มั้ยที่เห็นแสงไปไกลๆ  ตรงโน่นนะ" ชินพัตน์พยายามเพ่งมองฝ่าความมืดและฝุ่นละอองที่ฟุ้งขึ้นมาจากข้างถนนดิน

"เออ ใช่ครับ"


            เมื่อรถของชินพัตน์ขับเข้ามาใกล้ ก็เริ่มเห็นตัวบ้านชัดเจนยิ่งขึ้น มองดูยังไงก็ไม่เป็น บ้านสวนเหมือนที่เด็กหนุ่มบอกเลย แถมใหญ่โตเกินกว่าที่จะมาสร้างในที่แบบนี้ซะอีก ชินพัตน์หันไปมองกัมพลที่ได้แต่นั่งก้มหน้า บีบมือตัวเองไปมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


"พลถึงแล้วนะ แน่ใจว่านี้คือบ้านญาติของพล?" ชินพัตน์ที่เริ่มไม่มั่นใจกับสิ่งที่ตนเองรู้กับสิ่งที่ตนเองเห็นตอนนี้มันช่างแตกต่างไปจากที่คิดมากจริงๆ

"เออ คือเป็นบ้านเจ้านายของญาติของผมเองครับ ญาติผมดูแลบ้านหลังนี้ให้เจ้านาย ดูแลสวนที่อยู่ถัดไปตรงโน่นนะครับ"

"เออ คือพี่ชินอย่าเข้าใจผมผิดนะครับ ผมไม่ได้โกหก แต่ว่าญาติผมเข้าไม่อยากให้ใครเข้ามาในนี้ เพราะมันเป็นที่ของเจ้านาย ผมก็เลยไม่อยากให้พี่เข้ามาเพราะกลัวจะเป็นอันตรายนะครับ"

"มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอพล"

"ผมก็ไม่รู้วันนี้เจ้านายเขาไม่อยู่ เดี๋ยวผมไปอธิบายให้ญาติผมฟังเองครับ พี่ชินรีบขับรถออกไปเถอะครับ นะผมขอร้อง" ชินพัตน์เริ่มสังเกตอาการร้อนรนของ กัมพล ที่เอาแต่ร้องขอให้เขารีบออกไปจากที่นี้ให้เร็วๆ

"อือ ได้ๆ" ชินพัตน์รีบรับปาก กัมพลเลยส่งยิ้มเล็กๆรีบส่งจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปทางด้านหลังของรั่วบ้านใหญ่ทันที ไม่หันกลับมามองเขาเลย แล้วเขาจะอยู่ต่อทำไมรีบกลับรถไปทางเดิม แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนในพื้นที่


            พอขับออกมาถึงหน้าวัด เจอแสงสว่างจากไฟที่ ถนนใหญ่ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นขับรถกลับมาที่ร้าน แต่ยังไม่ลงจากรถ เพราะมั่วแต่คิดว่า ตนเองกำลังเผชิญหน้ากลับอะไรอยู่เมื่อกี้ แล้วทำไมต้องกลัวและทำตามเด็กหนุ่มบอกขนาดนั้น  พอคิดได้ว่าออกมาจากสถานที่แสนอึดอัด นั้นได้ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังกังวลว่า เด็กในร้านของเขา ไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น ได้อย่างไง  แต่ก็ได้แต่สงสัย เพราะอยากรู้ก็ได้แต่รอ วันพุธให้กัมพลมาทำงานเสียก่อนค่อยถามไถ่อีกครั้ง



วันนี้เขาคงจะเหนื่อยเกินไป


ได้เวลาพักผ่อนแล้ว







         ลูกชิ้นร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!

     มาติดตามดูกันนะคะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณเจ้าของร้านลูกชิ้นของเรา  :serius2:

     ต้นเหตุเกิดจากใครกันนะ โปรดติดตามตอนต่อด้วยนะคะ อิอิ  :z2:

     ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ   :pig4:

     ขอบคุณทุกคอมเม้น+ เป็ดให้นะคะ  :กอด1:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-02-2015 20:42:55
กัมพลนายเป็นคนของใคร
มาเฟียหรอ
เเต่อยู่หลังวัด??
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-02-2015 23:23:45
ง่าาา. เมื่อไหร่พระเอกของเราจะกลับมาอะครับบ. หายไปนานเกินไปละ เด้ยวชินพัฒน์ลืมไม่รู้นะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-02-2015 03:17:25
นายกัมพลนี่อะไร ยังไง กันครับ ความลับเยอะจัง มาจะทำอะไรน้องชินเราเนี่ย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-02-2015 10:04:35
กัมพลนี่บวกหรือลบกันนะ
มีส่วนเกี่ยวข้องกันคนที่เงียบไปเปล่านะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 46 รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน? งานงอก [23/2/15]มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-02-2015 15:46:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่47 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน [25/2/15]ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 25-02-2015 22:58:09


                                 
                                          ตอนที่ 47 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน


                 เช้าวันรุ่งขึ้นชินพัตน์กับป้าพรก็ขับรถกลับบ้าน ก่อนออกจากร้านก็ไม่ลืมปิด ประกาศหน้าร้านไว้ ว่า หยุด 1 วัน เพื่อให้ลูกค้าได้รู้ และเดินทางแวะไปหายายที่สวนชวนยายไปเที่ยวที่บ้านของตนเองด้วย เมื่อยายตอบตกลงก็ออกเดินทางไปบ้านของเขากัน ระหว่างทางทั้งยายและป้าพรก็คุยกันถูกคอ  ชินพัตน์ก็นั่งฟังผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันไปด้วย 
.
.
.
.
“สวัสดีค่ะ ยายก็มาเที่ยวเหรอนี้ ตาชินทำไมไม่โทรมาบอกแม่ก่อน” ผู้เป็นแม่เห็นลูกชาย พายายมาด้วย ก็เข้ามายกมือไหว้ และต่อว่าลูกชายไปพร้อมกัน

"พอดีผมนึกขึ้นได้ก็ไปรับยายมา เลยไม่ได้โทรบอกก่อน ขอโทษที่ครับ แหะๆๆ” ชินพัตน์ก็แก้ตัว

“ลูกค้ากำลังเข้าร้านพอดีเลย รบกวนหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่หรอกจ๊ะ เด็กๆในร้านดูแลกันเองได้ ฉันก็แค่ค่อยเก็บเงินนะจ๊ะ “ผู้เป็นแม่ตอบยายและพายายไปนั่งที่โต๊ะ เพื่อคุยถามถึงสารทุกข์สุกดิบ เพราะตั้งแต่เปิดร้าน กันไม่ได้เจอกันเลย สวนป้าพรก็ขอกลับไปดูที่บ้าน แล้วจะกลับเข้ามาช่วยที่ร้านอีกครั้ง

“ผมขอขึ้นไป เก็บของก่อนนะครับ  แม่แล้วพ่ออยู่ไหนครับ” ชินพัตน์ขอตัวไปเอาของที่ตนเองลืมเอาไปหลายๆอย่าง  แต่ก็ถามถึงพ่อ เพราะตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย

“พ่ออยู่ที่โรงงาน ไปตามพ่อมาที่นี้หน่อยไป”แม่บอกและก็สั่งกลายๆ

“ครับผม” ชินพัตน์เดินตรงไปหลังร้านเพื่อเจอหน้าพ่อของตนเอง

.
.
.
“สวัสดีครับทุกคน สบายดีกันหรือเปล่า คิดถึงผมกันหรือเปล่าเอย” ชินพัตน์ยกมือไหวรอบทิศ ร่วมถึงพ่อของตนเองที่ยืนคุมงานอยู่  พอทุกคนได้ยินเสียงทักทายจากด้านหน้าโรงงานก็ต่างพากันมองไปทางเดียวกัน 

“อ้าว เสี่ยชิน กลับมาบ้านแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆ” ลุงๆขึ้นเพราะยอดสั่งลูกชิ้นจากร้านชินพัตน์ทำให้พวกลุงป้า มีงานเพิ่มร่วมทั้งได้เงินเพิ่มด้วย เป็นที่ถูกใจของคนงาน ที่มีงานให้ทำตลอด

“ร่ำรวยกันใหญ่แล้ว นึกว่าจะไม่กลับบ้านกลับช่องซะแล้วสิ “ ป้าๆก็พูดล้อขึ้นสมทบ

“วันนี้ลมอะไรหอบมาเจ้าลูกชาย” พ่อเดินเข้ามาหา และตบไหล่เหมือนภูมิใจในตัวลูกชาย

“กลับมาเยี่ยมทุกคนไงครับ เดี๋ยวจะลืมหน้าผมซะก่อน” หันไปตอบพวกคนงาน ลุง ป้า น่า อา ทั้งหลายที่เป็นทั้งคนงานและเป็นทั้งเพื่อนบ้าน เห็นเขามาตั้งแต่เด็กจนโต

“นึกว่าไปหลงสาวแถวนั้นซะแล้ว ได้ข่าวว่าสาวๆ เข้าร้านมาให้เลือกเยอะไม่ใช่เหรอจ๊ะ” น้าปองที่กลับมาทำงานได้แล้วก็ถามล้อขึ้นอีกคน

“ไม่มีหรอกครับ ผมไปทำงานขายของนะครับ ไปได้ไปหาสาว โธ่” ชินพัตน์แก้ตัวแบบเขินๆที่ทุกคนรู้ว่ามีสาวๆมาที่ร้านเยอะ

“แล้วจะคอยดู ว่าเสี่ยชิน จะคว้าสาวที่ไหนมาเป็นแฟน ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนก็ตลกกันใหญ่ สนุกที่ได้พูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเคย

“ไว้ผมจะแวะมาคุยด้วยใหม่นะครับ ผมขอเข้าบ้านก่อน” ชินพัตน์กับพ่อก็เดินกลับมาที่ร้าน

“พ่อครับ ผมพายายมาด้วย “ ชินพัตน์เดินนำพ่อเข้าไปในร้าน   ผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็ได้นั่งคุยกัน ชินพัตน์ก็ขอตัวขึ้นไปบนบ้านเพื่อเก็บของที่จำเป็นที่เขาต้องใช้เตรียมไว้

     จนเลยเวลามาถึงช่วยบ่ายแก่ๆ ป้าพรก็กลับมาที่ร้าน มาช่วยที่ร้านด้วยและพูดคุยกับทั้งแม่และพ่อว่างานที่ร้านของชินพัตน์ คนงานที่ช่วยงานทำงานได้ดี ตั้งใจเรียนรู้ แล้วพูดถึงเด็กใหม่ที่มาช่วยงานได้เยอะขึ้นด้วย  จนผู้เป็นแม่ถามถึง

“เห็นตาใหญ่ก็เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ว่ารับเด็กผู้ชายเข้ามาช่วยที่ร้าน ไว้ใจได้แน่นะลูก”

“ครับแม่ ผมดูแล้วก็เป็นเด็กตั้งใจทำงานดีนะครับ ผมยังคิดว่าจะให้มาพักที่ร้านด้วยซ้ำ เพราะเมื่อคืนผมไปส่งเขาที่บ้าน มันทั้งห่างไกลผู้คน และทางเข้าบ้านเขาก็มืดมากๆครับ “

“ไว้ใจได้แน่เหรอ” พ่อเสริมขึ้นอีกคน

“แน่ใจครับ ถามป้าพรได้เลย ขยันทำงาน ไม่เกียงงายด้วยครับ” ชินพัตน์ยืนยันในสายตาของตนเองที่มองเห็นในตัวกัมพล

“ป้าก็เห็นว่าเป็นเด็กตั้งใจทำงานดีนะ แต่เรื่องที่จะมาให้พักด้วยกันที่ร้าน ป้าว่าดูไปก่อนอีกสักพักดีไหม?”

“นั้นสิเจ้าชิน”

“ก็ได้ครับ งันผมจะดูอีกสัก 1 เดือนแล้วกันนะครับ” ชินพัตน์ก็ต้องทำตามคำพูดใหญ่ไปก่อน

“จริงสิตาพัตน์เมื่อกี่แม่คุยกับยาย แล้วตานนท์ไม่ติดต่อกลับมาเลยหรือ หายหน้าไปหลายเดือนแล้วนะนี้” ชินพัตน์สะอึก เมื่อได้ยินชื่อคนที่เขาพยายามจะไม่นึกถึง จากปากผู้เป็นแม่

“ยายก็ไม่เป็นหน้า ตั้งแต่วันที่เขามาจ้องตึกไว้วันเปิดงาน  ยายก็ไม่เห็นลูกค้าคนนั้นมาที่ร้านอีกเลยนะ ไปอยุ่กรุงเทพแล้วเหรอ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมขอไปคุยกับพวกลุงๆป้าๆที่โรงงานก่อนกลับก่อนนะครับ “ชินพัตน์อยากเลี่ยงที่จะพูดคุยเรื่องนี้ต่อ  ทำให้ผู้เป็นแม่เริ่มที่จะเข้าใจเรื่องที่คิดไว้นั้นคงจะเป็นเรื่องจริง  สงสัยลูกชายคงทะเลาะกับลูกค้าประจำอย่าง นนทนัฐแน่นอน เพราะดูเหมือนลูกชายตนเองจะเลี่ยงเสมอเมื่อคุยถึงเพื่อนคนนี้

“พี่พร ยังไงฉันก็ฝากตาชินด้วยนะจ๊ะ  ยายด้วยฝากดูลูกชายฉันด้วยนะจ๊ะ ถึงจะโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่เรื่องดูคน เรื่องงานทำงานกับคนก็ยังมีประสบการณ์น้อยอยู่” ยายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจหัวออกของคนที่เป็นแม่ที่ยังห่วงลูก

“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่เองเห็นตาชิน มาตั้งแต่เด็ก รักเหมือนลูกเหมือนหลาน “ป้าพรรับคำ

“จ๊ะ  ฉันไม่เป็นห่วงเรื่องเงินทองเลยสักนิด แต่เป็นห่วงเรื่องคนที่จะเข้ามา ในชีวิตของตาชิน ฉันไม่รู้ว่าจะจริงใจหรือหวังผลประโยชน์กับเขาหรือเปล่า”


             ทั้งป้าและยายก็รับปากที่จะเป็นคนค่อยเป็นหูเป็นตา คอยดูคนที่เข้ามาใกล้ชิดชินพัตน์ให้เสมอ เพราะคิดว่าชินพัตน์เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเหมือนกัน ทำให้ผู้เป็นแม่และพ่อเบาใจที่ยังมี ผู้ใหญ่ที่ค่อยอยู่ข้างกายลูกชายตนเองทั้ง สองคน ลูกชายมีคนให้ค่อยปรึกษาใกล้ๆก็เบาใจ  ถึงแม้บางเรื่องลูกชายจะยังไม่กล้าเอยปากคุยกับตนเองตรงๆ แต่คิดว่าก็ยังมี นพคุณที่เป็นพี่น้องวัยใกล้ๆกันค่อยรับฟังอยู่ก็ตาม

“แม่ครับ แล้วโหล่ปลาทอง 2 ตัวอยู่ไหนครับผมรีบเลยลืมเอาพวกมันไปด้วยเลย”

“แม่ก็นึกว่าจะทั้งไว้ให้แม่เลี้ยงเองซะแล้วสิ”

“ผมว่าผมจะเอาไปปล่อยนะครับ”

“จะเอาไปปล่อยจริงๆเหรอลูก คิดว่ามันจะรอดเหรอ “ผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจการกระทำของลูกชายเท่าไร ร่วมทั้งห่วงปลาที่ถูกเลี้ยงด้วยอาหารจากคนมาตลอด แต่ต้องไปถูกปล่อยเพื่อหากินเองแบบนี้จะอยู่รอดได้ไหมก็เป็นห่วงขึ้นมา

“ผมก็ยังไม่แน่ใจ ไม่แน่อาจจะให้คนอื่นไปเลี้ยงแทนก็ได้ครับ” แม่เดินกลับลงมาจากชั้นบน เพราะเอาไปเลี้ยงที่ห้องทำงานและส่งโหลปากให้ลูกชาย ชินพัตน์ก็บอกปัดๆเมื่อไม่อยากใส่ใจกับของที่อยู่ในมือเท่าไร

“แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังแล้วกันนะ ตาชิน” ผู้เป็นแม่พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินไปส่งยายและป้าพรขึ้นรถที่หน้า


               ชินพัตน์มองตามหลังผู้เป็นแม่ และมองกลับมาที่โหลที่มีปลาทอง สอง ตัวว่ายวนไปมาเหมือนดีใจว่าเจ้าของมันกลับมารับมันแล้ว ชินพัตน์ได้แต่ยิ้มเล็กๆให้กับสัตว์ตัวน้อยที่ไม่รับรู้ความรู้สึกของคนที่เลี้ยงว่าคิดอะไรอยู่

แต่ก็ดีใจที่กลับมารับมันไปเลี้ยง

จะได้ไม่มีใครมาว่าได้ว่า

ที่พยายามตักปลาให้แล้ว ก็ไม่ดูแลให้ดีดี

แล้วหัวใจของเขาล่ะ

ไม่คิดจะมาดูแลกันเลยหรือไง

หายเงียบไปแบบนี้?





         ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!  :laugh:

      ตอนใหม่มาแล้วจ้า คุณเจ้าของร้านแอบคิดถึงคนที่หายไปเบาๆด้วยนะ อิอิ  :z1:

      ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้ทุกคอมเม้นคะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่47 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน [25/2/15]ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-02-2015 06:47:53
คุณนนท์หายไปไหนอ่ะ รีบกลับมาเถอะครับ คุณชินคิดถึงแย่แล้ว เล่นไม่ติดต่อมาเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่47 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน [25/2/15]ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 28-02-2015 11:20:01
ThankS
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่47 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน [25/2/15]ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-02-2015 11:32:05
นนท์หายไปจากสายตาของชินนานมาก
จะไปหากินลูกชิ้นอร่อยๆแบบของชินได้ที่ไหนล่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้[28/2/15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 28-02-2015 19:57:27



                                               ตอนที่ 48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้

                   ชินพัตน์เปิดร้านในเช้าวันพุธ วุ่นวายพอดูเพราะ ลูกน้องหายไป 1 คน ทำให้ชินพัตน์นึกเป็นห่วง ว่ากัมพลจะเป็นอะไรหรือเปล่าถึงไม่มาทำงาน แต่ก็จะลำบากช่วงบ่ายที่ต้องออกไปขายที่ตลาดนัด เพราะไม่มีคนช่วยยกของจัดของ แต่ก็พยามยามไปรับยายมาที่ตลาดให้ทันเวลาก่อนลูกค้าจะเดินเข้าตลาดนัด วันนี้วุ่นวายพอสมควร แต่ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี

“เดี๋ยวผมช่วยเก็บของนะครับ” ชินพัตน์ช่วยยายเก็บร้านผักเพราะขายหมดแล้ว ยายเก็บผักเองคนเดียว เลยมีผักมาขายน้อย ทำให้วันนี้เก็บร้านเร็ว ร่วมทั้งร้านชินพัตน์ด้วย เอาของมาขายน้อยเช่นกัน

“แล้วเด็กในร้านหายไปไหน ไม่เรียกว่าช่วยกันล่ะจ๊ะ”ยายถามอยากสงสัยเพราะปกติเห็นมาช่วยตลอด

“วันนี้เขาไม่ได้มาทำงานครับ ผมนึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”

  ชินพัตน์แวะไปส่งยายที่สวนแล้วก็โทรบอกป้าพรว่าจะแวะไปดูกัมพลที่บ้านญาติ แล้วค่อยกลับร้าน ป้าพรก็บอกว่าเป็นห่วงเหมือนกัน ขับรถเข้าไปภายในซอยหลังวัด ยังพอมีบ้านคนอยู่ แต่พอขับเข้าไปตามทางเรื่อย แถบจะไม่มีบ้านคน ครั้งก่อนเข้ามา ตอนมืดมองไม่เห็นอะไรเลย แต่วันนี้ตั้งใจมาตอนที่ยังสว่างอยู่ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของป้าพรด้วย  ขับมาพักใหญ่ ก็มองเห็นบ้านหลังใหญ่ปกคุมไปด้วยต้นไม้ มองจากภายนอก เหมือนบ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัย เงียบสงัดจนน่ากลัว  แต่ก็ต้องลงไปเพื่อสอบถามถึงเด็กหนุ่ม อยากรู้ว่าไม่สบายหรือเปล่า
ออด ออด   ชินพัตน์กดออดหน้าบ้าน

“สวัสดีครับมีใครอยู่ไหมครับ”

“……………………”ไม่มีเสียงตอบรับ ชินพัตน์จะกดออดอีกครั้งแต่ เสียงเรียกมาจากด้านหลังทำให้สะดุ้ง

“มาหาใคร”

“เออ คือผมเป็นเจ้าของร้านลูกชิ้น ที่พล  เออ  กัมพล นะครับทำงานอยู่ที่ร้าน วันนี้ไม่เห็นไปทำงาน ผมเลยเป็นห่วงนะครับ เลยมาดูว่าไม่สบายหรือเปล่า”

“กัมพล?  เด็กนั้นไม่สบาย “

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ให้ผมพาไปหาหมอก็ได้นะครับ”

“ไม่รบกวนคุณหรอก  เด็กนั้นนอนพักอีก 2-3 วันก็หาย ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน”

“อา เออ ครับ ครับ”

“เดี๋ยวก่อนคุณ ผมขอเตือนคุณไว้นะครับ ว่าอย่าเข้ามาที่นี้อีก เพราะเจ้าของบ้านเข้าไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในที่ส่วนตัวของเขา”

“คะ ครับ” ชินพัตน์ตอบรับอย่างเกรงๆ และรีบเดินขึ้นรถขับออกมาทันที่ 

                  จอดรถที่หลังร้านแต่ยังไม่ลงจากรถ นั่งคิดถึงเรื่องที่ตนเองเจอมาเหมือนเจอเรื่องที่ระทึกขวัญ มาอย่างงันแหละ แต่ก็ยังไม่หายกังวลใจเรื่องของกัมพลเท่าไร ไม่สบายงันเหรอ ดูจากผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ได้ห่วงใยกัมพลซักเท่าไรเลย อดห่วงไม่ได้จริงๆ แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว แค่รับรู้ไว้ว่าป่วยเท่านั้น

“เจ้าพลเป็นยังไงบ้าง ตาชิน” ป้าพรเข้ามาถามไถ่ถึงกัมพลอย่างเป็นห่วง

“ที่บ้านหลังนั้น เขาบอกว่า พลไม่สบายครับ “

“ตายจริง แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง”

“ผมก็ไม่รู้ครับ ทางนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยรับแขกเท่าไร ผมเลยรีบกลับออกมาก่อน ไม่ได้คุยแล้วก็ไม่เจอตัวพลด้วยครับ”

“อ้าวเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“คงต้องรอดู อีก 2-3 วันนะครับ ถ้ายังเงียบหายอยู่แบบนี้ ผมว่าจะแวะไปเยี่ยมอีกครั้งครับ”

     
       ผ่านมาสองวันแล้วกัมพลก็ยังไม่มาทำงาน  ชินพัตน์เลยมานั่งดูประวัติของกัมพลอีกครั้งเพื่อหาเบอร์โทรติดต่อกัมพล เบอร์ที่ให้ไว้กัมพลบอกว่าเป็นเบอร์ ของญาติที่อาศัยอยู่ด้วย ชินพัตน์เลยลังเลว่าจะโทรติดต่อไปดีหรือเปล่า วันนี้วันเสาร์แล้ว ที่ร้านยังคงวุ่นวายแต่เช้าเช่นเคย ต้องเตรียมของที่ขายในร้านและขายที่ตลาด วันนี้ให้นพคุณมาช่วยขายที่ตลาด และไปรับยายมาส่งที่ตลาดให้ด้วย ชินพัตน์อยู่ที่ร้านเพื่อช่วยป้าพรขายของที่ร้าน และก็คิดว่าจะติดต่อไปหาญาติของกัมพล เพื่อถามถึงอาการดูอีกสักครั้ง

“สวัสดีครับ “

(คุณเป็นใคร เอาเบอร์โทรได้ยังไง) ปลายสายถามเสียงดุ

“ผมชื่อ ชินพัตน์ครับ  ที่ครั้งก่อนไปหากัมพลที่บ้าน นะครับ ผมจะโทรมาถามอาการครับว่า กัมพลหายดีหรือยังครับ”

(เด็กนั้นคงไม่ไปทำงานที่นั้นแล้ว คุณไม่ต้องโทรมาอีกแล้ว ……) ปลายสายก็ตัดสายไปเลย ชินพัตน์ยังไม่ทันคุยกันให้รู้เรื่อง ก็โดยปฏิเสธกลายๆ ยิ่งทำให้สงสัยและเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

อะไรของเขาวะ?

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ตาชิน”ป้าพรเห็นสีหน้ากังวลของหลานชาย

“เรื่องของพลครับ ดูท่าจะไม่ได้มาทำงานที่นี้แล้วนะครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่สบายมากเหรอ”

“เปล่าครับ ผมคิดว่าที่บ้านหลังนั้นคงไม่ให้มาทำมากกว่าครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนญาติของกัมพล หรือคนที่บ้านหลังนั้นจะไม่อนุญาตให้พลออกมาทำงาน ข้างนอกก็ได้ครับ”

“น่าสงสาร เจ้าพลไม่รู้เป็นไงบ้าง”ป้าพรอดเป็นห่วงไม่ได้

“ผมก็ไม่รู้จะช่วยพล ยังไงเหมือนกันครับ “ ชินพัตน์ขมวดคิ้ว คิดไม่ออกว่าจะติดต่อและช่วยเหลือยังไงดี

“ป้าว่าอย่าไปยุ่งดีกว่านะ ป้ากลัวๆยังไงไม่รู้สิ “ ในใจป้าทั้งเป็นห่วงแต่ก็กลัวเจอเรื่องไม่ดีถ้าเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นมาจนเกินไป

“ผมขอคิดดูก่อนแล้วกันครับ”ชินพัตน์ยังคงเป็นห่วงแต่ก็ไม่ตัดใจเรื่องกัมพลซะที่เดียว

               ชินพัตน์ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ถ้าบอกกับพ่อแม่ กลัวแต่จะให้เลิกติดต่อเหมือนที่ป้าพรพูดแน่ๆ  ตัวเขาเองได้ไปที่บ้านหลังนั้นก็พอจะที่จะมองออกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่  จนกัมพลเงียบหายไปแบบนี้  เลยลองปรึกษาพี่ชายอย่างนพคุณดู น่าจะมีความเห็นดีๆให้เขาแน่

(ว่าไง) นพคุณไปส่งยายและต้นที่บ้านสวนกำลังขึ้นรถกลับบ้าน น้องชายก็โทรเข้ามาหาพอดี

“พี่ส่งยายกับต้นแล้วเหรอครับ “

(อือ กำลังออกจากสวน มีอะไรหรือเปล่า)นพคุณฟังจากเสียงของน้องชายดูแล้วแปลกๆ

“แวะมาคุยกับผมที่ร้านก่อนได้ไหมพี่”

(ได้ แล้วค่อยคุยกัน)นพคุณคิดไว้แล้วว่าชินพัตน์ต้องมีเรื่องกลุ้มใจแน่ เลยรีบที่จะไปหาทันที
 
         นพคุณขับรถกลับมาที่ร้านน้องชายอีกครั้ง ดูเหมือนน้องชายมีเรื่องกังวลใจ เพราะดูเหมือนที่ร้านจะวุ่นๆเพราะเด็กในร้านขาดงานไป เข้าร้านมาเห็นน้องชายนั่งหน้าเครียด เพราะเรื่องเด็กนั้นขาดงานหรือเปล่า

“เด็กนั้น ออกลายแล้วหรือไง”

“เปล่าพี่  พลไม่มาทำงาน หลายวันแล้วผมเลยเป็นห่วง”

“เด็กมันสู้งานไม่ไหว หรือเปล่า ก็เลยเงียบหายไปเฉยๆ”

“โธ่พี่ ผมจริงจังนะครับ ฟังผมเล่าก่อนสิ”

“ตกลงๆ เล่ามามีเรื่องอะไร”นพคุณต้องเลิกพูดเล่น เมื่อน้องชายพูดเสียงจริงจัง จนเขายังแปลกใจ

         ชินพัตน์เล่าตั้งแต่วันก่อนที่กัมพลจะหายเงียบไป และวันที่เขาไปบ้านญาติของกัมพลทั้ง 2 ครั้งให้นพคุณฟังอย่างละเอียด มีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจและเป็นกังวล นพคุณที่ฟังเรื่องที่น้องชายเล่าแล้วก็อดเป็นห่วงตามไปด้วย เพราะเด็กหนุ่มก็ขยันทำงานอย่างที่ชินพัตน์บอกจริงๆ ต้องมีปัญหาจากญาติหรือไม่ก็คนที่บ้านหลังนั้นแน่ๆ 

“ให้พี่เข้าไปดูให้ดีไหม”

“อย่าเลยพี่ ป้าพรเขาไม่อยากให้เข้าไปที่นั้นอีก แกกลัวมีอันตราย”

“แล้วนายจะทำยังไงต่อ”

“ผมคงได้แต่รอ หรือไหมก็คงต้องปล่อยไปนะพี่ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

“แต่นายก็ยังเป็นห่วงอยู่ใช่ไหมล่ะ “นพคุณรู้จักนิสัยน้องชายของตนเองดี เป็นห่วงคนรอบข้างเสมอ

“ครับ”

“ลองติดต่อไปอีกครั้งดูไหม”

“แต่เขาบอกว่า ไม่ไห้ติดต่อกลับไปอีก…..”

“ก็ต้องหาเรื่องติดต่อกัมพลดู ได้ลองคุยกับเจ้าตัวเลย นายจะได้สบายใจไง”

“แล้วเรื่องอะไรล่ะครับ”ชินพัตน์ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก งานก็ยุ่งมีเรื่องต้องมาให้คิดแบบนี้ ก็คิดไม่ออกจริงๆ

“เรื่องเงินไง  นายจ่ายเงินเดือนเด็กนั้นไปหรือยัง”นพคุณเสนอแนะขึ้น

“จ่ายแล้วพี่ เลยให้หยุดไง แล้วก็หายเงียบไปเลย”

“ ก็โทรไปบอกว่าให้กำพลมารับเงิน ค่าหมัดจำอะไรก็ได้ หรือแกล้งบอกไปว่า เด็กนั้น ยืมเงินนาย ต้องการเจอตัวกัมพลให้ได้เพื่อมาชดใช้ อะไรประมาณนี้ดีไหม”

“ครับ แล้วผมจะลองโทรดูนะครับ”

“ได้ผลยังไง โทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน วันนี้พี่กลับก่อน หรือให้พี่อยู่เป็นเพื่อนด้วยไหม”

“พี่ผมโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ  หึหึ”

“หัวเราะได้แล้วสินะ” นพคุณเห็นน้องชายทำหน้าเครียดๆมาตลอดทั้งวันเลยแกล้งพูดล้อ

“ผมอยู่ได้นะพี่ เรื่องแค่นี้เอง”

“ได้ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน พี่กลับก่อนนะ”

“ขับรถกลับดีๆนะพี่”

              ชินพัตน์กลับมานั่งคิดดูว่าจะลองโทรกลับไปที่เบอร์นั้นยังไงดี เพื่อติดต่อพูดคุยกับกัมพลซักครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่ากัมพลปลอดภัยดี ไม่ได้ป่วยอย่างที่คนบ้านนั้นบอก แต่ก็ไม่รู้จะยกเรื่องอะไรมาเป็นข้ออ้างดี  เลยเดินตรวจเช็คภายในร้านอีกครั้งก่อนจะขึ้นไปคิดต่อข้างบนห้องพัก เดินไปเช็คประตูหลังร้านอีกครั้ง แต่เขามองออกไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ภายในรั้วหลังร้าน เห็นเงาตะคุ่มๆ เหมือนมีใครมายืนซุ่มอยู่  ชินพัตน์กลัวว่าจะเป็นโจรจะปีนร้านเข้ามาขโมยของ ใจหนึ่งอยากโทรแจ้งตำรวจ แต่อีกใจหนึ่งอยากเห็นให้ชัดๆว่าใครมาหลบๆซ่อนๆอยู่นอกรั้วแบบนั้น







“พี่ชิน ผมเอง!!!!”










          ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!  :laugh:

     ทำไมต้องไปแอบอยู่แบบนั้นล่ะ หนุ่มน้อยกัมพล???  ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ อิอิ  :z1:


     ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :pig4:

 
     ขอบคุณทุกคอมเม้น + เป็ดให้ทุกคนนะคะ   :กอด1:


     มาลุ้นกันนะคะ ตอนหน้าว่าคนที่พวกเราคิดถึงกัน จะมาหรือยังนะ อิอิ  :mew3:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้[28/2/15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2015 21:54:14
กัมพลหายไปไหนหว่าาาา.
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้[28/2/15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-02-2015 22:55:37
ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ
ว่าแต่ ... ในบ้านกัมพลอะไรเนี่ย ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ น่ากลัว
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้[28/2/15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-02-2015 22:57:05
สรุปพระเอกของเรื่องยังมีชีวิตอยู่อีกปะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่48 เกิดเรื่องวุ่นวายจนได้[28/2/15] ตอนใหม่มาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 28-02-2015 23:03:11
นนท์นายไปไหน กลับมาเหอะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 49 ช่วยเหลือ [4/3/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 04-03-2015 20:23:09


                                                  ตอนที่ 49 ช่วยเหลือ

“พี่ชิน ผมเอง!!!”

“พล  ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปที่ร้าน”

“ผมกลัวมีคนตามมา ผมเลยไม่กล้าเข้าไป กลัวพี่ชินจะเดือดร้อนเพราะผมด้วย” กัมพลพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว กอดประเป๋าเสื้อผ้าไว้แน่น ชินพัตน์รับรู้ได้ทันที่ว่า กัมพลต้องหนีออกมาจากบ้านหลังนั้นมาแน่นอน

“ใจเย็นๆนะ เข้าไปคุยกันข้างในร้านก่อน”

“ไม่ได้ครับ ผมไม่อยากให้พี่ชินเดือนร้อน ที่ผมมาที่นี้ก็จะมาบอกพี่ว่าผมคงไม่ได้มาทำงานที่นี้แล้ว ผมคงต้องหนีไปจากที่นั้นผมทนอยู่กับคนแบบนั้นไม่ไหวแล้ว “ ชินพัตน์มองกัมพลที่เอาแต่ร้องไห้

“ถ้าไม่ใช่ที่นี้ก็ได้ใช่ไหม งันพี่จะพาไปอยู่ที่อื่นก่อนแล้วกัน”ชินพัตน์คิดถึงที่ที่จะพากัมพลไปหลบได้แล้ว

“พี่ชินจะพาผมไปไหนครับ”กัมพลรีบเช็ดน้ำตาลวกแล้วมองอย่างดีใจปนแปลกใจ

“เอาไว้ค่อยคุยกัน พวกเรารีบไปกันเถอะ”ชินพัตน์ไม่ตอบแต่อยากจะพากัมพลไปให้ห่างจากแถวนี้ให้เร็วที่สุด

                 ชินพัตน์โทรบอกป้าพรว่าจะไปทำธุระที่บ้านสวนของยาย ดึกๆจะกลับเพื่อไม่ให้ป้าพรเป็นห่วงและสงสัยตนเองหายไปไหน และก็โทรบอกต้นกล้า ว่าจะพาคนเข้าไปพักที่บ้านสวนด้วย รบกวนต้นกล้าเตรียมที่นอนไว้ให้ด้วย

“ยายผมขอรบกวน ฝากพลไว้ช่วยงานที่สวนซักพักนะครับ”ชินพัตน์มาถึงก็ยกมือไหว้ขอร้องยายทันทีรวมถึงกัมพลก็ทำด้วยเช่นกัน
“ได้จ๊ะ มีคนมาช่วยยายก็ขอบใจมากแล้ว ไม่รบกวนอะไรหรอกจ๊ะ”ยายไม่กังวลเรื่องคนที่จะมาอยู่ด้วยเลย เป็นเพราะชินพัตน์เป็นคนพามาเลยเชื่อมั่นว่าต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้เช่นเดียวกับตัวชินพัตน์แน่นอน ยอมช่วยเหลือโดยที่ไม่คิดมากอะไรเลย

“ต้นพี่ฝากพลด้วยนะ พอดีพลทะเลาะกับที่บ้านมา เลยขอมาพักที่นี้ก่อน “ ชินพัตน์ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ยายและต้นกล้าฟัง บอกแต่เหตุผลที่พอฟังได้เท่านั้น

“ได้ครับ ต้นก็ดีใจที่มีพลมาอยู่ช่วยยาย เวลาต้นไปเรียนยายจะได้ไม่เหนื่อย” ต้นกล้ายิ้มรับเพื่อนใหม่

“พลอยู่ที่นี้ไปก่อนแล้วกันนะ “ ชินพัตน์พูดบอกกัมพลที่เดินออกมาส่งที่หน้าลานบ้าน

“ขอบคุณครับพี่ชิน” กัมพลยกมือไหว้

“อืม พี่ต้องรีบกลับร้านก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน”

“ครับ” ชินพัตน์รีบขับรถกลับไปที่ร้านเพราะก็กลัวว่าคนที่บ้านหลังนั้นหรือญาติของกัมพล จะมาตาหาที่นั้น เป็นห่วงป้าพรกับจอย แต่ไม่กล้าพูดตรงๆกับเด็กหนุ่ม เพราะกลัวเด็กนั้นจะกังวลตามไปด้วย

              ชินพัตน์กลับมาที่ร้าน มองดูรอบๆหน้าร้านเพื่อตรวจดูว่ามีใครมาหรือเปล่า เพื่อความแน่ใจ ชินพัตน์ขับรถเข้าไปจอดด้านหลังร้าน ใส่กุญแจรั้ว และประตูหลังร้านอย่างแน่นหนา เพื่อความสบายใจ ก่อนขึ้นไปพักบนห้อง วันนี้เขารู้สึกสบายใจแล้วที่เด็กหนุ่มปลอดภัย แต่ก็ยังมีเรื่องกังวลใจเรื่องใหม่เกิดขึ้นมาอีก  ทำไมเด็กหนุ่มถึงได้อยากจะหนีออกมาจากที่นั้น  หรือว่าถูกทำร้าย แต่ที่เขาสังเกตดู ร่างกายของกัมพลก็ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือดูป่วยไข้ เหมือนกับคนที่บ้านหลังนั้นบอกเลย คงต้องรอให้กัมพลเล่าออกมาเอง  ไม่คาดคั้นให้เล่าให้ฟังคงไม่ใช่เรื่องดี 

คงต้องรอเด็กนั้นพูดออกมาเองสินะ


             เช้าวันอาทิตย์ นพคุณแวะไปหาต้นกล้าที่บ้านสวนและตั้งใจจะแวะไปหาน้องชายที่ร้านใหม่ด้วยเพราะยังคงเป็นห่วงอยู่  นพคุณไม่ได้บอกต้นกล้าว่าจะมาหา อยากที่จะให้ต้นกล้าแปลกใจเล่น เลยจอกรถห่างออกจากหน้าบ้านเพื่อไม่ให้คนในบ้านได้ยินเสียงรถของตนเอง  เดินเข้าห้าบ้านไปหาอย่างเงียบๆ เพราะรู้ว่าตอนเช้าต้นกล้าจะต้องลงไปใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำต้นไม้ในสวนเหมือนเคย เลยเดินตรงไปที่สวนเพื่อจะเจอคนที่อยากเจอ  เห็นใส่หมวกคุมกันแดด เสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันความร้อนของแดดยามเช้า นั่งหันหลังก้มหน้าพรวนดินอย่างตั้งใจ  นพคุณยกยิ้มแล้วเดินย่องเข้าหาหมายจะกอดให้เต็มรัก
 
เพื่อให้หายคิดถึง

หมับ!!!!

“เฮ้ย!!!!  คุณจะทำอะไรผม ปล่อยนะ!!!!” กัมพลที่ตกใจเพราะโดนคนกอดจากข้างหลัง ดิ้นรนเพื่อจะออกจากอ้อมกอดนั้น

“เฮ้ย!!! นี่นายเด็กที่ร้านเจ้าชินนี้ ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ไง!!!??” นพคุณเมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดไม่ใช่ต้นกล้า ก็แทบจะผลักให้ล้มกลิ้ง แต่เมือเห็นหน้าชัดๆ ก็ดึงข้อมือไว้เพื่อไม่ให้ล้ม ด้วยความแปลกใจ

“เสียงดังอะไรกันครับ!!!” ต้นกล้าที่มุดออกมาจากพุ่มไม้ เพราะเดินเก็บผักตำลึงจนรอบรั้ว พอได้ยินเสียงเลยรีบหมุดออกมาจากทางนั้นแทน

“ต้น เจ้าเด็กนี้มันมาอยู่ที่นี้ได้ไง แล้วทำไมมันมาขุดดินอยู่ที่นี้ได้ แล้ว……”

“พี่   ต้นไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี ค่อยๆถามที่ละเรื่องก็ได้ครับ”

“นายมาอยู่ที่นี้ได้ไง” นพคุณเปลี่ยนคนถามทันที่ คิดว่าน่าจะได้คำตอบเร็วกว่า

“พี่ชินให้ผมมาพัก และช่วยงานที่สวนนี้ครับ”

“เจ้าชินเหรอ?  ทำไมไม่โทรมาบอกเลยวะ” นพคุณเมื่อได้คำตอบ พูดกับตนเองแถมบ่นถึงน้องชายตัวแสบที่ไม่บอกอะไรให้เขารู้เลย

“แล้วพี่มาทำอะไรแต่เช้าเลยครับ”ต้นกล้าเห็นนพคุณเงียบไปเลยถามขึ้นบ้าง

“พี่ก็อยากมากินข้าวเช้าฝีมือต้นไงครับ”เดินเข้าหาต้นกล้าหมายจะเอาใจ

“ดีเลยต้นกำลังเก็บตำลึงอยู่พอดี”ต้นกล้ายิ้มเล็กกับท่าที่คนที่หิ้วท้องมากินเช้าทีบ้านของตนเอง

“มาเดี๋ยวพี่ช่วยเก็บนะ” นพคุณรีบยิ้มประจบต้นกล้าทันที่เพราะอยากกินข้าวฝีมือคนตัวเล็กเร็วๆ

“ครับๆ”

               ช่วงสายๆ ทั้ง 4 คนก็นั่งทานข้าวที่ชานบ้าน ยายชวนกัมพลคุย นพคุณก็คุยแต่กับต้นกล้า ต้นกล้าเลยเปลี่ยนคนคุยบ้าง หันไปคุยกับกัมพลแทน ทำให้นพคุณมองกัมพลอย่างไม่ชอบใจ

“พลเป็นไง กับข้าวฝีมือพี่พอทานได้ไหม?” ต้นกล้าถาม

“อร่อยมากเลยครับ ต้มตำลึง สูตรเดียวกันกับที่ร้านพี่ชินใช่ไหม ถ้าผมจำได้”

“ใช่ พี่ชินเขาขอไปลองขายดูนะ พี่ก็ไม่คิดว่าจะขายดี บวกกับลูกชิ้นของพี่ชินอร่อยด้วย หึหึ”ต้นกล้ายิ้มภูมิใจกับเมนูของตนเองที่ได้ไปขายดีที่ร้านของชินพัตน์ แถมกัมพลยังจำได้ด้วย

“ครับ อร่อยไปกันคนละแบบ ที่ร้านเน้นลูกชิ้น  แต่ที่พี่ต้นทำมัน กลมกล่อมหมูสับก็อร่อยมาเลยครับ”กัมพลตักมาชิมไม่หยุด ชมไม่ขาดปาก

“อืม อร่อยก็กินเยอะๆสิ” ต้นกล้าส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม

“ครับ” กัมพลยิ้มกลับให้ต้นกล้า คนที่บ้านกับที่ร้านเป็นคนใจดี คิดว่าตนเองโชคดีจังที่เจอกับคนดีๆแบบนี้

“แล้วนายจะอยู่ที่นี้อีกนายแค่ไหน” อยู่ๆนพคุณที่รอจังหวะทั้งสองคนคุยกันจบก็โพล่งถามขึ้นทันที

“ผมก็ไม่รู้ครับ แล้วแต่พี่ชิน” ต้นกล้ามองตานพคุณอย่าฆ่าโทษเพราะอยู่ดีๆก็ถามคนที่พึงมาอยู่ด้วยไม่ถึงวันแบบนั้น

“พี่!!!” ต้นกล้าเรียกนพคุณด้วยเสียงไม่พอใจ

“ได้ งันฉันไปถามเจ้าชินเองก็ได้” นพคุณยังไม่หยุดที่จะคุยเรื่องเดิม ต้นกล้าเลยรวบช้อน ทั้งที่ข้าวในจานเหลืออีกตั้งครึ่ง

“ยายต้นอิ่มแล้ว ต้นลงไปดูผักที่สวนก่อนนะจ๊ะ” ต้นกล้ามองเมินนพคุณแล้วบอกกับยายว่าจะลงไปทำงานต่อ

“งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยด้วยครับ” กัมพลรีบตักข้าวเข้าปากเพื่อให้อิ่มจะได้ลงไปทำงานพร้อมกับเจ้าของบ้าน

“พล กินต่อเถอะไม่ต้องรีบแบบนั้น เดี๋ยวติดคอ ค่อยๆกิน กินอิ่มแล้วค่อยลงไปช่วยพี่ก็ได้ “ก่อนที่ต้นกล้าจะลุกไปก็บอกต้นแบบนั้น

“พี่กินอิ่มแล้ว พี่ลงไปช่วยต้นนะครับ” นพคุณรีบเก็บจานหวังจะตามไปช่วยต้นกล้าแทนเด็กหนุ่ม

“คุณไม่ต้องลงไป อยู่คุยกับยายบนบ้านไปเถอะ” ต้นกล้าพูดแบบไม่มองหน้า เดินเลี่ยงเข้าครัวเพื่อจะเอาจานไปเก็บ  นพคุณรู้ทันที่ว่าตนเองโดนคนตัวเล็กโกรธเข้าให้แล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ต้องง้อเอาไว้ก่อน รีบเดินตามไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว



“ต้นโกรธอะไรพี่เหรอ ดูสิยังกินข้าวไม่หมดเลย จะรีบอิ่มไปไหน “นพคุณเดินมาดักหน้าต้นกล้าที่กำลังจะเทเศษข้าวที่ตนเองทานไม่หมด ใส่กระมังข้าวที่เอาไว้ให้หมาแถวๆบ้านไว้กิน 

“ถ่อยไป ผมจะรีบไปทำงาน คุณจะมาเดินเกะกะทำไมกัน”

“ต้นอย่าเป็นแบบนี้สิครับ พี่ทำอะไรผิดบอกพี่สิ พี่ขอโทษนะครับ “

“คุณไม่รู้เหรอว่าคุณทำอะไรผิด  พลเข้ากำลังต้องการที่พึ่ง แต่คุณที่เป็นผู้ใหญ่กับมาถามเขาว่าจะอยู่ที่นี้อีกนายแค่ไหนแบบนั้น คุณนิสัยแย่กว่าที่ผมคิดอีกนะ คุณนพคุณ ถ่อยไป”  ต้นกล้าเดินหลบเอาจานไปว่างไว้ในกะละมัง แล้วเดินหนีไปหลังบ้าน ที่มีทางลงอีกทางไปยังสวนหลังบ้านได้
              นพคุณมองตามหลังต้นกล้า  ยืนคิดตามคำพูดของต้นกล้าที่ต่อว่าตนเองกลับมา ตอนนั้นที่เขาพูดออกไปไม่ได้คิดถึงอะไร ก็แค่อยากรู้ว่ากัมพลจะอยู่อีกนานไหมเท่านั้น  ไม่รับรู้ว่าเด็กคนนั้นมีเรื่องเดือดร้อนมาหรือเปล่าเลย ทำให้นพคุณรู้แล้วว่าต้นกล้าโกรธตนเองเพราะอะไร  เลยโทรหาน้องชายก่อนเพราะต้นเหตุทั้งหมดเริ่มจากน้องชายของเขา

(พี่ใหญ่ โทรมาแต่เช้าเลย)

“นายเจอเด็กนั้นที่ไหน แล้วทำไมต้องพามาไว้ที่บ้านสวนนี้ด้วย”

(พี่อยู่ที่บ้านยายเหรอ)

“เถอะน่า เล่าเรื่องเด็กนั้นมาเร็วๆเลย”

(ครับๆ  ผมเจอพลที่ร้านนี้แหละ พลหนีออกจากบ้านหลังนั้นมา พลกลัวจะโดนตามเจอเลยไม่กล้าอยู่ที่ร้าน ผมเลยพาไปฝากไว้บ้านยาย แล้วช่วยงานยายที่สวนด้วย)

“แล้วนายไม่คิดเหรอ ว่าคนที่บ้านนั้นมันไม่มาตามหาคนของมันที่บ้านของต้น แล้วทำให้ ต้นกับยายเดือดร้อน”

(ผมก็คิดไม่ใช่ไม่คิดนะพี่  แต่นอกจากที่นั้น ผมก็ไม่รู้จะพาพลไปหลบที่ไหนแล้ว)

“งั้นฉันเอาไปไว้ที่ร้านของฉันแล้วกัน ดีไหม”

(ผมว่าไปฝากไว้ที่ร้านแม่ดีกว่า ให้ทำงานที่โรงงานลูกชิ้นก็ได้ หลบๆอยู่ในโรงงานสักพักก่อน)

“แล้วแต่นายแล้วกัน พี่จะได้พาไปเย็นนี้เลย”

(เดี๋ยวสิพี่ ทำไมใจร้อนจัง ผมยังไม่รู้จะบอกแม่เรื่องพลยังไงเลย หรือพี่จะเป็นคนบอกเองล่ะ)

“เฮ้ย อย่ามาโยนให้กันแบบนี้สิวะ ไอ้น้องชาย คิดได้แล้วก็โทรมาบอกแล้วกัน ไปง้อต้นก่อนล่ะ แค่นี้นะ…..” ชินพัตน์งงกับพี่ชายตนเอง ที่ดูจะรีบร้อนอยากจะพาพลออกไปจากบ้านสวนของยายให้เร็วๆซะจริง

                 นพคุณเข้าใจเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับกัมพลแล้วแต่ก็อยากให้ออกห่างต้นกล้าอยู่ดี เพราะดูทั้งคู่จะสนิทกันเร็ว ทั้งๆที่พึ่งมาอยู่ไม่ถึงวันเลย แต่ก่อนอื่นต้องง้อให้ต้นกล้าหายโกรธตนเองเสียก่อน เรื่องพลไว้จัดการที่หลัง รีบเดินลงไปที่สวนเพื่อหาตัวคนตัวเล็ก เดินโกรธหายไปตรงไหนแล้วก็ไม่รู้ เดินหาจนทั่ว

“มานั่งอยู่นี้เอง ต้นพี่ขอโทษที่พูดอะไรไม่เห็นใจคนอื่นแบบนั้น พี่ไม่รู้จริงๆว่าเขาลำบากไม่มีพี่พึ่ง แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วครับ พี่โทรไปถามเจ้าชินมาแล้ว พี่รู้แล้วว่าพลต้องอยู่ที่นี้ช่วยยายดูสวนไปก่อน  พี่ขอโทษนะ ต้นอย่าโกรธพี่นะครับ พี่จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วนะครับ หายโกรธพี่นะครับ” นพคุณนั่งลงข้างๆต้นกล้าที่นั่งอยู่ริมบ่อปลาที่ต้นกล้าเลี้ยงไว้  โอบกอดคนที่เอาแต่หันหน้าหนีไปทางอื่น นพคุณเลยพูดบอกว่าตนเองเข้าใจทุกอย่างและยอมรับผิดแล้ว ทำให้ต้นกล้าหันกลับมาคุยกันดีๆ

“พี่เป็นแบบนี้ ต้นไม่ชอบเลย พี่น่าจะถามให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยถามค่อยต่อว่าคนอื่นแบบนั้น ครั้งแรกที่เราสองคนเจอกัน พี่ก็เป็นแบบนี้ ไม่ถามหาเหตุและผลก่อนเลย มาถึงก็โวยวายใส่ท่าเดียว “ต้นกล้าพูดเหมือนน้อยใจเพราะตนเองก็เคยโดยเข้าใจผิดเพราะคนข้างๆทำแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
   
“พี่ขอโทษครับ พี่นี้แย่จริงๆ  นิสัยไม่ดีเลย”นพคุณยกมือตีหัวตีปากตนเองไปมาเหมือนทำโทษตัวเอง จำได้ว่าต้นกล้าเคยขอร้องเรื่องนี้แล้วแต่เพราะอะไรกันที่ตนเอง พูดไม่ใส่ใจคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว
“พอเถอะครับ เลิกตีตัวเองแบบนั้นเถอะครับ  “ต้นกล้าดึงมือนพคุณไว้เพราะมองดูแล้วเหมือนคนข้างๆจะไม่หยุดทุบตีตนเองง่ายๆ เนื้อตัวเริ่มแดงเป็นรอย

“พี่ขอโทษนะครับ  ต้นอย่าโกรธพี่เลยนะครับ พี่สัญญาจะไม่ทำนิสัยแบบนี้อีก” นพคุณเปลี่ยนมาจับมือต้นกล้ามากุมไว้อย่างอ้อนขอ

“ต้นไม่ได้โกรธ แต่ต้นแค่ไม่เข้าใจว่าอยู่ดีพี่ก็พูดขึ้นมาแบบนั้นทำไม เหมือนเป็นคนไม่สนใจความลำบากของคนอื่นเลย”

“ต่อไปนี้ถ้าพี่ทำนิสัยแย่แบบนี้อีก ต้นลงโทษพี่ได้เลย”

“พี่พูดเองนะ “

“คร้าบบบบบ ขอแค่ต้นอย่าเมินพี่ ไม่คุยกับพี่แค่นี้ก็พอใจแล้ว  เดินมาบอกเลยว่าพี่ทำผิด พี่ยอมรับโทษจากต้นอย่างไม่เกียงงอนเลย นะครับนะ” นพคุณกอดต้นกล้าอย่างเอาใจ

“ได้ครับ”ต้นกล้ายกยิ้มอย่างพอใจ  โดยไม่ได้สั่งเกตุว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ หลังต้นไม้ใหญ่ภายในสวนนั้น






             

              ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:

           
          น้องต้นกับพี่ใหญ่เกือบผิดใจกันเพราะใคร????    กัมพล?  :angry2:

          คุณเจ้าของร้านเจอเรื่องวุ่นวายเพราะใคร?????    กัมพล?   :serius2:

          คนที่หายไปนานๆจะกลับมาเพราะใคร???????    กัมพลหรือเปล่านะ????  :hao3:


              โปรดติดตามตอนต่อไปกันนะคะ มาลุ้นกันคะ อิอิ

          ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ   :กอด1:

          +เป็ดให้ทุกคอมเม้น ที่เป็นกำลังใจอย่างดีมาก    :pig4:
 
          ในการเขียนนิยายของมินมินค่ะ  รีบไปปั้นตอนต่อไป  :katai4:

         


         
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว? [9/3/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 09-03-2015 19:02:48



                                              ตอนที่50 ตามหาตัว?


               เช้าวันจันทร์ร้านก็เปิดขายปกติ ป้าพรกับจอยช่วยกันเตรียมของก่อนเปิดร้าน ชินพัตน์ก็ช่วยทำด้วยเพราะขาดกัมพล งานหนักเช่นยกของต่าง ชินพัตน์ลงมือช่วยเองทั้งหมด จนป้าต้องออกปากให้เขาติดประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มอีก เพราะลูกค้าเยอะจริง มีกันอยู่แค่ 3 คนคงจะรับมือไม่ไหวถ้าต้องทำงานต่อเนื่องแถบไม่ได้พัก หรือมีลูกมีมาช่วยเพิ่มแบบนี้ ต้องมีเจ็บป่วยเป็นไข้แน่ๆ 

“ได้ครับ เดียวผมเอาไปติดที่ตลาดนัดด้วยครับ “ชินพัตน์ยังลังเลว่าจะไปขายที่ตลาดนัดด้วยดีหรือเปล่าเพราะมีลูกค้าเข้าร้านเยอะมากๆ แต่ก็ไม่อยากทิ้งลูกค้าที่เดินตลาด ที่สำคัญต้องไปรับยายมาที่ตลาดด้วย

          ชินพัตน์ขับรถไปรับยายที่สวนก็เจอกับกัมพลที่ช่วยยายเรียงผักลงตลาดรอเขามารับอย่างเตรียมพร้อม ดูสีหน้าของกัมพลแล้วดีขึ้น คงคลายกังวลไปได้เยอะที่มีที่อยู่ แต่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปได้นานขนาดใหญ่ ที่คนที่บ้านหลังนั้นจะตามตัวมาถึงที่นี้ เรื่องกังวลใจมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังไม่ตัดออกไปจากความคิดได้

“พี่ชิน สวัสดีครับ” กัมพลที่เงยหน้ามาเจอก็ทักทายอย่างยิ้มแย้ม

“เป็นไงบ้างพล งานที่บ้านยายพอทำได้ไหม”

“สบายมากครับ ที่บ้าน เออ  ที่บ้านญาติผมเขาก็เป็นสวนผักผลไม้คลายๆแบบนี้เหมือนกันครับ” กัมพลเหมือนจะหลีกเลี่ยงไปอยากจะพูดถึงบ้านที่เขาหนีมาสักเท่าไร แต่ก็ยังคงสนุกกับงานที่บ้านสวนของยาย

“ดีแล้วล่ะ ช่วยพี่ยกขึ้นหลังรถหน่อยสิ”

 “ได้ครับ” ชินพัตน์เห็นเด็กหนุ่มทำงานอย่างตั้งใจ นึกเสียดายถ้าอยู่ที่ร้านของเขาตอนนี้คงช่วยงานได้เยอะมากแน่ๆ แต่คงให้กลับไปตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน

“พี่ขึ้นไปหายายบนบ้านก่อนนะ”

“ครับ”

             ชินพัตน์บอกเล่าเรื่องที่ร้านว่ามีลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก เลยออกมารับยายสายไปหน่อย ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังรู้สึกเป็นห่วงด้วยซ้ำไปที่ ชินพันต์ต้องมาลำบากรับส่งยายอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ร้านก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ชินพัตน์ได้แต่บอกว่า ตนเองสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ เพราะประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มแล้ว อีกสัก 2-3 วันก็คงมีคนเข้ามาช่วย ไม่อยากให้ยายกังวลไปด้วย 
         
            ยายขายผักได้เยอะพอสมควรเพราะกัมพลช่วยเก็บผักได้เยอะมาก สดใหม่ลูกค้าซื้อเหมายกเข่งยังมีเลย ทำให้ขายหมดไว พอกับที่ร้านขายลูกชิ้นปิ้งของชินพัตน์ที่ขายแค่ลูกค้าประจำที่เดินตลาดเท่านั้น ไม่ได้ขายเยอะเท่าไร ส่วนลูกค้าที่มาซื้อไปทัน ชินพัตน์เลยบอกให้ไปสั่งที่ร้านของเขาแทน เพราะตนเองต้องเก็บของแล้วไปส่งยายที่บ้านสวน เป็นห่วงกัมพลที่อยู่ที่สวนคนเดียวด้วย  ห่วงที่ร้านด้วยไม่รู้ว่าป้าพรกับจอยจะรับมือลูกค้าได้หรือเปล่า

“งันผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พลพี่กลับก่อนนะ”ชินพัตน์ที่มาส่งยายที่บ้านและให้กัมพลขนของของยายลงจากหลังรถ บอกลาเพื่อจะรีบกลับไปที่ร้าน

“พี่ชิน ผมขอโทษนะครับที่ไปช่วยที่ร้านไม่ได้ คงยุ่งกันน่าดูเลยสิครับ” กัมพลทำหน้าลำบากใจที่ตนเองช่วยเหลือคนตรงหน้าไม่ได้เลย

“ไม่เป็นไร พี่ประกาศรับคนงานเพิ่มแล้วล่ะ พลก็ช่วยงานยายอยู่ที่นี้นะดีแล้ว เพราะยายอยู่บ้านคนเดียวพี่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน กว่าต้นกล้าจะเลิกเรียนมาก็ วันศุกร์โน่น มีพลมาอยู่ด้วยแบบนี้พี่ก็สบายใจ อย่าคิดมากไปเลยนะ” ชินพัตน์ ตบไหล่กัมพลเบาๆ

“ครับพี่” กัมพลตอบรับเสียงเบา

         ชินพัตน์ ขับรถกลับมาที่ร้านก็ต้องตกใจ ที่ป้ากับจอยวิ่งหน้าตาตื่นเขามาหาเขาทันที่ลูกค้าก็หายไปไหนหมดไม่รู้ ทั้งๆที่เวลานี้ลูกค้าน่าจะเต็มร้าน เพราะเป็นเวลาเลิกงาน ลูกค้าที่ตลาดนัดก็เดินมาซื้อของที่ร้านนี้ด้วย แต่กลับเงียบหาไม่มีสักคน

“เกิดอะไรขึ้นครับป้าพร”

“เมื้อกี้มีพวกผู้ชายบุกเข้ามาในร้าน มาถามหาคนที่ร้านเรานะ ตาชิน”

“แล้วพวกนั้นทำอะไรป้ากับจอยหรือเปล่าครับ” ชินพัตน์รีบจับตัวป้าและจอยเข้ามาดูใกล้ๆอย่างเป็นห่วง

“พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรพวกป้าหรอกจะ  พอดีมีคนเข้ามาช่วยพูดห้ามไม่ให้พวกนั้นเข้ามาในร้านนะจ๊ะ ป้าล่ะกลัวจริงๆ ลูกค้าหนีกันกระเจิงเลย ยกพวกเข้ามากันแบบนั้น”

“แล้วคนพวกนั้นพูดอะไรบ้างครับ”

“ถามหาคนบอกว่าร้านเราเอาตัวคนของพวกนั้นมาหลบซ่อนไว้ที่นี้  ป้าก็ได้แต่บอกไปว่าไม่รู้เรื่อง ที่ร้านมีกันอยู่แค่นี้” ป้าพรมองไปที่จอยที่ยังคงขวัญเสียอยู่ที่จู่ๆใครก็ไม่รู้จะบุกเข้าร้าน

“แล้วคนพวกนั้นก็ถามหาเจ้าของร้าน ป้าเลยบอกว่าไปส่งของให้ลูกค้า ยังไม่กลับ พวกนั้นก็ไม่เชื่อจะเข้ามาค้นในร้าน แต่พอดีมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยพูดให้ พวกนั้นเลยล่าถอยออกไปจากร้าน คุยกันตรงหน้าร้านสักพัก กลุ่มคนพวกนั้นก็ขึ้นรถหายกันไปเลย ป้ายังกลัวๆ จะปิดร้านดีไหม กำลังจะโทรไปหาพอดี ตาชินก็กลับมานี้แหละ”  ป้าพรที่เล่าไปด้วยน้ำเสียงตื่นกลัวอยู่เลย

“แล้วคนที่ช่วยคุยให้นี้ใครครับ? ป้าพรรู้จักไหมครับ หรือว่าเป็นลูกค้าที่ร้านของเราหรือเปล่าครับ”ชินพัตน์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ป้าไม่เคยเห็นหน้าเลย คงไม่ใช่ลูกค้าที่ร้านของเราหรอก เพราะป้าพอจะจำหน้าลูกค้าได้นะ”

“เหรอครับ  ผมว่าพวกเราปิดร้านก่อนก็ได้ครับ ไหนลูกค้าก็ไม่อยู่แล้ว ป้ากับจอยคงตกใจมากสินะครับ  ผมขอโทษนะครับ ที่กลับมาช้า ป้ากับจอยเลยต้องเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้”

“จอยไม่เป็นอะไรหรอกพี่ชิน แต่จอยแค่ไม่เข้าใจว่าคนพวกนั้นบุกมาตั้งมากมาย มาตามหาใครที่ร้านเราเหรอพี่??” จอยสงสัย แต่ชินพัตน์ไม่อยากจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจาก กัมพล เพราะทั้ง สองคนไม่รู้ว่ากัมพลกลับมาหาเขาที่นี้เพื่อต้องการความช่วยเหลือ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเข้าใจผิดกัน  เดี๋ยวพี่โทรแจ้งตำรวจให้คอยมาตรวจแถวร้านเราบ่อยขึ้นแล้วกัน”

“ไปเก็บร้านกันเถอะ  ป้าอยากพักแล้ว “ ป้าพูดเสียงเหนื่อยๆ ต้องมาเจอเรื่องละทึกขวัญเอาแบบนี้ ก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

“ไปครับผมช่วยเก็บร้าน” ชินพัตน์ช่วยทั้งสองเก็บร้าน ทั้งๆที่ยังหัวคำอยู่เป็นครั้งแรกเลยที่ร้านของเข้าปิดร้านเร็วขนาดนี้ 

          ชินพัตน์โทรแจ้งตำรวจบอกว่าที่ร้านมีคนบุกเข้ามาภายในร้านให้ช่วยเข้ามาตรวจสอบและเฝ้าระวังทีร้านให้ด้วยเพราะที่ร้านมีแต่ลูกจ้างผู้หญิง ทางตำรวจก็รับฟังและถามหาหลักฐานหรือภาพกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุเห็นหน้าหรือเปล่าเพื่อเอามาเป็นหลักฐานในการตามตัวคนร้ายที่บุกเข้ามา  ชินพัตน์ก็ได้บอกเพียงว่าตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่มีหลักฐานอย่างที่ต้องการเลย ทำให้ตำรวจได้แค่รับปากว่าจะแวะเข้ามาตรวจ รอบๆบริเวณให้เท่านั้น  ชินพัตน์ก็ยังไม่คลายกังวลซักเท่าไร  คิดว่าพรุ่งนี้คงต้องปิดร้าน และไปแจ้งตำรวจที่สถานีถ้าจะดีกว่า  ลองไปถามหาภาพจากกล้องวงจรปิดร้านข้างๆดูเพื่อมี จะได้มีหลักฐานพอไปแจ้งความได้  แต่วันนี้ดึกมากแล้วเขาไม่อยากออกจากร้านไปตอนนี้กลัวป้ากับจอยจะเป็นอันตรายถ้าคนพวกนั้นย้อนกลับมาอีก ชินพัตน์คิดวนไปมาว่าคนพวกนั้น ต้องการตามตัวกัมพลกลับไปขนาดนั้น เพราะอะไร หรือว่ากัมพลไปทำอะไรไม่ดีที่บ้านหลังนั้นไว้ จนคนที่นั้นต้องมาตามตัวกันถึงขนาดนี้

แล้วใครกันที่เข้ามาช่วยพูดให้คนพวกนั้นกลับไปกันนะ?

ถ้าเจอตัวเขาอยากที่จะขอบคุณคนคนนั้นสักครั้ง

ที่ทำให้เรื่องวันนี้ไม่ปลายปาน แล้วไม่มีใครเป็นอะไร








              ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!  :laugh:


     


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว? [9/3/15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-03-2015 20:38:23
บ้านนายกัมพลแน่นอนเลย
แล้วตกลงว่านายกัมพลเนี่ยทำอะไร ยังไง เป็นใคร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้น???
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 09-03-2015 20:56:18



                                                   ตอนที่ 51  เผชิญหน้า?


          ชินพัตน์ปรึกษากับป้าพรว่าจะปิดร้านดีไหม ป้าและจอยตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เปิดร้านดีกว่า เพราะคิดว่ายังมีลูกค้าอีกเยอะที่ไม่รู้ว่าเมื่อวานที่ร้านมีเรื่อง ไม่อยากให้เสียงานเสียลูกค้าด้วย เลยเตรียมของเพื่อขายตามปกติ ส่วนชินพัตน์ก็ออกไปติดต่อกับร้านข้างๆว่ามีกล้องวงจรปิดหน้าร้านบ้างหรือเปล่า เพื่อจะเอาไปเป็นหลักฐานในการแจ้งความ ร้านใกล้ๆ ไม่มีร้านไหนมีกล้องวงจรปิดเลย ถึงมีก็มองไม่เห็นมาถึงหน้าร้านของชินพัตน์  เลยต้องกลับมาตั้งหลักที่ร้านของตนเองอีกครั้งว่าจะทำไงต่อไปดี พยานก็มีแต่ป้าพรกับจอย แต่ถ้าหาคนที่ป้าพรบอกว่าเข้ามาช่วยพูดกับกลุ่มคนพวกนั้นออกไปจากร้าน คนนั้นได้ ก็จะช่วยได้เยอะ 
          ชินพัตน์ยืนคิดอยู่ด้านหน้าร้าน  มองไปรอบๆ อย่างระแวงกลัวกลุ่มคนพวกนั้นยังแอบซุ่มอยู่แถวนี้หรือเปล่า แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับ หน้าตึกคูหาติดกันที่ยังไม่มีใครมาเปิดร้านสักที่  เขาเดินไปดูใกล้ๆ ก็ยกยิ้มอย่างดีใจ เพราะเห็นกล้องวงจรปิดติดอยู่ตรงด้านหน้า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเปิดใช้งานหรือเปล่า เพราะไม่เห็นมีใครอยู่ที่ตึกนี้เลย ตั้งแต่เขามาเปิดร้าน มีแต่คนมาสอบถามอยากจะซื้อกันทั้งนั้นต้องลองถามดูว่าใครเป็นคนจองไว้สินะ
       
        ชินพัตน์เดินกลับเข้ามาที่ร้าน บอกเล่าให้ป้ากับจอยเรื่องกล้องวงจรปิดที่หาไม่ได้ แต่ยังมีหนทางขอลองโทรติดต่อกับผู้รับผิดชอบดูแลตึกนี้เสียก่อน  คงจะได้เรื่องมากกว่านี้ ถ้าได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากหนาตึกปิดนั้น

“สวัสดีครับ ผมชินพัตน์ ที่ซื้อตึก…….นะครับ”

(สวัสดีค่ะ ไม่ทราบติดต่อเรื่องอะไรค่ะ)

“ผมอยากทราบว่า ตึกคูหาข้างๆตึกของที่ผมซื้อ ใครเป็นเจ้าของครับ ผมอยากติดต่อกับเขานะครับ”

(อ้อ งั้นดิฉันจะลองติดต่อให้นะค่ะ รอสักครู่นะคะ”

“ขอบคุณครับ”
.
.
(คุณชินพัตน์ค่ะ เจ้าของตึกเขาบอกว่าจะไปพบคุณที่นั้นเองค่ะ)

“เอ๊ะ มาพบผมเองเหรอครับ ไม่ทราบพอจะบอกวันและเวลาที่จะมาได้ไหมครับ เพราะผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรบกวนเจ้าของตึกนั้นด่วนมากเลยครับ”

(เออ ภายในวันนี้ค่ะ)

“เอ๊ะ วันนี้เหรอครับ”

(ค่ะ )

“ขอบคุณครับ” ชินพัตน์ยังคงอึ้งและสับสน ทำไมติดต่อไปแล้วตอบกลับมาง่ายแบบนี้ล่ะ จะมาเจอกันวันนี้ด้วย พอนึกถึงเรื่องที่มีคนมาสนใจตึกข้างๆนั้น เห็นบอกปฏิเสธตลอด แต่พอเรื่องของเขาที่ต้องการเจอ กับได้เจอง่ายๆเกินคาด

       ตลอดช่วงเช้าชินพัตน์ช่วยขายของที่ร้าน และก็รอคนที่บอกว่าจะมาพบ ยังกังวลเรื่องคนกลุ่มนั้นที่มาตามหากัมพลด้วย สติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไร คิดหลายๆเรื่องจน ไม่เป็นทำงาน จนป้าพรสังเกตเห็นและเป็นห่วงไปด้วย

“ตาชิน ตาชิน”

“อ๊ะ ครับป้า มีอะไรครับ “

“ป้าเห็นนั่งเหม่อ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อ คือ ผมกำลังคิดว่า ปัญหาที่ผมเจออยู่นี้คงมีผลกับลูกค้าด้วยแน่ๆ เพราะตลอดบ่ายลูกค้าไม่มีเลยครับ” ชินพัตน์มองไปรอบๆร้าน และมองไปด้านหน้าร้าน เวลานี้ปกติต้องมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อไม่ขาดสาย แต่วันนี้เงียบจนอดคิดไม่ได้ว่าเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรือเปล่า ทำให้ลูกค้ากลัว จนไม่กล้ามาที่ร้าน

“ป้าว่าอย่าคิดมากไปเลยตาชิน  ดูไปอีก 2-3 วัน เดียวลูกค้าเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็กลับมาซื้อปกติเอง อย่าคิดว่าเลย” ป้าตบไหล่หลายชายเจ้าของร้าน ให้กำลังใจ และด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ เจอเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ก็เคยเจอมาแล้ว เดียวทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติเอง

“ผมก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นครับป้า “ ป้าพรยิ้มรับให้กำลังใจ และเดินกลับไปรับหน้าทีมีลูกค้าเข้าร้าน ทิ้งชินพัตน์ที่ยังคิดเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ เขาจะผ่านปัญหานี้ไปได้หรือเปล่านะ
.
.
.
“ผมมาหาเจ้าของร้านครับ” ชายหนุ่มร่างใหญ่แต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามาหาป้าพร  ป้าพรก็แปลกใจเพราะนึกว่าลูกค้าเข้ามาซื้อของที่ร้าน แต่พอถามหาชินพัตน์ก็รู้สึกตกใจและกังวล ว่าคนตรงหน้าจะมาหาเพราะมีเรื่องอะไรกันแน่

“เชิญด้านในร้านค่ะ” ก่อนที่ป้าจะเดินนำ ได้มองออกไปนอกร้านเพื่อดูว่ามีใครมาด้วยอีกหรือเปล่า เพราะกลัวจะเป็นคนกลุ่มเมื่อวาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครนอกจาก คนที่ยืนตรงหน้าแล้ว ป้าเลยเดินพาไปหา ชินพัตน์ที่โต๊ะทำงานในร้าน

“ตาชิน มีคนมาขอพบนะ” เสียงเรียกของป้าทำให้ชินพัตน์หลุดออกจากห้วงความคิด เงยหน้ามามองคนที่เดินตามหลังป้าพรทันที่

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มวัยน่าจะประมาณ 30 กว่าทักทายขึ้นก่อน ทำให้ชินพัตน์ต้องรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อตอนรับแขกผู้มาใหม่ตรงหน้า ดูเป็นผู้ใหญ่จนชินพัตน์ทำตัวไม่ถูก คิดในใจว่าคนนี้อาจจะเป็น เจ้าของตึกข้างๆกันนี้ก็ได้

“สวัสดีครับ” ชินพัตน์คิดว่าตนเองน่าจะอายุน้อยกว่า เลยยกมือไหว้คนตรงหน้า

“เชิญนั่งก่อนครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ หรือจะติดต่อซื้อของที่ร้าน….”

“สวัสดีครับ คุณเนติธร วันนี้ก็มีธุระกับที่ร้านนี้เหมือนกันเหรอครับ ?” เสียงทักจากหน้าร้าน ทำให้สองคนที่นั่งคุยกันอยู่ก่อนหันออกไปมองตามเสียงทัก
       
         ชินพัตน์มองไปยังเจ้าของเสียง ก็ต้องนิ่งค้างมองใบหน้าของผู้มาใหม่อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง เพราะเป็นใบหน้าของคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกันในเวลานี้ ตัวชาไปหมด หัวใจที่เต้นแรงผิดปกตินี้ เพราะคนคนนี้จริงๆ
       
         เจ้าของชื่อก็หันกลับไปมองคนที่ทักตนเอง ก็ต้องแปลกใจเมื่อเจอคนที่ทำให้ลูกน้องของเขากลับไปมือเปล่า ตามหาคนที่เข้าต้องการไม่เจอ วันนี้เขาเลยต้องลงทุนมาด้วยตนเอง เพื่อพาตัวคนของเขากลับไปให้ได้

“สวัสดีครับ คุณนนทนัฐ หึ หึ คุณก็มีธุระกับที่ร้านนี้บ่อยเหมือนกันนะครับ  ลูกน้องผมบอกว่า เมื่อวานก็เจอคุณที่ร้านนี้” เนติธร เจ้าของบ้านหลังใหญ่ที่ดูช่างแสนลึกลับนั้นกล้าทักทายกลับไปยัง ผู้มาใหม่อย่างนนทนัฐ

“ครับ พอดีผมเป็นลูกค้าประจำร้านนี้นะครับ ผมก็แวะมาหาของอร่อยๆทานประจำ แต่เมื่อวานลูกน้องคุณทำให้ที่ร้านนี้เดือนร้อนมากเลยนะครับ คุณน่าจะดูแลลูกน้องคุณซะบ้างนะครับ คุณเนติธร” นนทนัฐเห็นคนตรงหน้าพูดเรื่องเมื่อวานขึ้นมา เขาเลยพูดให้หนุ่มใหญ่ตรงหน้ารู้ตัวไว้บ้างว่าทำให้ใครๆเดือดร้อน

“เอ๊ะ หมายความว่า คุณ. . .คุณเป็นกลุ่มคนเมื่อวานที่พาพวกเข้ามาวุ่นวายที่ร้านผมงั้นเหรอ? “ชินพัตน์ที่พอเริ่มจะจับใจความของคนทั้งคู่ที่คุยกันได้ ก็ต้องโมโหขึ้นมาทันที่ ที่คนตรงหน้ายังมีหน้ากลับมาที่ร้านของเขาอีก ชินพัตน์รีบผุดลุกจากเก้าอี้เพื่อตรงไปหาคนที่ทำให้ร้านของเขาวุ่นวายทันที่

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมคุยกับเขาเองนะ” นนทนัฐรีบเดินมาขว้างและกระซิบบอกชินพัตน์ที่ทำท่าจะลุกเข้าหาหนุ่มใหญ่ที่ยังคงนั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นั่งหน้านิ่งเรียบเฉย

“ผมที่มาวันนี้ จะมาขอโทษเรื่องลูกน้องผมที่มาก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อวานด้วยเหมือนกัน “ หนุ่มใหญ่ที่นั่งเงียบอยู่ก็พูดขึ้น ทำให้ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐมองหน้ากัน อย่างคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะมาเพื่อขอโทษ

“ผมสั่งให้ลูกน้องมาตามหาคนจริง แต่ไม่คิดว่าพวกเข้าจะทำให้เรื่องมันวุ่นว่ายขนาดนี้  ยังไงผมก็ขอโทษก็แล้วกัน ….แต่ผมอยากจะขอถามคุณเจ้าของร้านว่า คนของผมอยู่ที่ไหน ส่งตัวเขามาให้ผมซะดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้”
ชินพัตน์ฟังดูแล้วเหมือนการมาขอโทษแต่พอฟังไปเรื่อยๆเหมือนการข่มขู่กันชัด

“นี้คุณข่มขู่ผมงั้นเหรอ ผมไม่รู้ว่าคนที่คุณตามหาคือใคร แล้วผมจะบอกได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน” ชินพัตน์ที่ยืนฟังนิ่งมานานก็ต้อง หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง และตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ

“คุณแน่ใจนะ  ว่าเด็กนั้นไม่ได้อยู่ที่นี้กับคุณ?  อย่าให้ผมรู้ว่า…”หนุ่มใหญ่ถามเสียงนิ่งอย่างคาดขั้น

“ถ้ากัมพลเขาไม่อยากที่จะอยู่กับคุณแล้ว คุณจะตามหาเขาไปเพื่ออะไร หรือเขาเป็นหนี้คุณเงินเหรอ ถึงต้องมาตามหากันถึงขนาดนี้” ชินพัตน์อดสงสัยไม่ได้เลยเอาสถานการณ์ตอนนี้ลองเชิงเพื่อถามดู

“เด็กนั้นไม่มีหนี้อะไรกับผมทั้งนั้น แต่เด็กนั้นไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนโดยที่ผมไม่อนุญาต” หนุ่มใหญ่นั่งกอดอกตอบเสียงนิ่ง

“แปลว่าคุณเป็นผู้ปกครองของกัมพลงั้นเหรอ หรือญาติของเขาล่ะ ถ้าเป็นญาติกันจริง ทำไมเขาถึงคิดหนีออกจากบ้านมาแบบนั้น” ชินพัตน์เมื่อจะถามคำถามจี้ใจดำคนตรงหน้า เพราะสังเกตสีหน้าที่ดูลังเลที่จะตอบ

“เรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ คุณต่างหากที่ต้องบอกผมมาซักที่ว่าเด็กนั้นอยู่ที่ไหน” หนุ่มใหญ่วกเข้าเรื่อง

“ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่รู้ว่า กัมพลอยู่ที่ไหน แล้วจะให้ผมตอบอะไรคุณอีก และที่สำคัญกรุณาอย่ามาก่อกวนที่ร้านของผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจแน่” ชินพัตน์ขู่กลับไปบ้าง แต่ดูเหมือนหนุ่มใหญ่ตรงหน้าไม่สนใจกับคำขู่ของเขาเลย

“หึ หึ ตำรวจงั้นเหรอ ก็ได้ผมจะไม่มารบกวนที่ร้านนี้อีก แต่ผมคงจะต้องสืบเองด้วยวิธีของผมเองสินะ” หนุ่มใหญ่ตอบกลับมาอย่างมีเลศนัย ยกยิ้มเหมือนเขาเหนือกว่าทุกอย่าง ไม่กลัวกับคำขู่ของชินพัตน์ และเดินออกจากร้านไปเลย

“คุณไม่เป็นไรนะ” นนทนัฐที่ยืนฟังคนทั้งคู่คุยกันอยู่นานก็ถามชินพัตน์ ที่ทรุดนั่งลงที่เก้าอีกเมื่อเนติธรเดินออกจากร้านไป

“………”ชินพัตน์ไม่ได้ตอบอะไร มั่วแต่คิดว่าเขากำลังเจอกับเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ต้องมาทะเลาะกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จนเรื่องมันวุ่นวายไปถึงขนาดนี้

“ตาชิน เป็นอะไรหรือเปล่า คนเมื่อกี้เข้ามาหาเรื่องอะไรหรือเปล่า” ป้าพรรีบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง เพราะดูเหมือนว่า ทั้งคู่จะโต้เถียงกันไปมา ได้ยินไม่ชัดน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านแน่นอน

“ป้าครับ ผมว่าเราปิดร้านก่อนก็ได้นะครับ ผมจะไปสถานีตำรวจ ผมไม่อยากให้ป้ากับจอย อยู่ร้านแค่ 2 คนผมเป็นห่วง”

“ให้ป้ากับจอยไปด้วยสิ แล้วหาภาพวงจรได้แล้วเหรอตาชิน “ป้าพรก็ถามหา

“จริงด้วย  ป้าครับมีใครมาหาผมอีกหรือเปล่าครับ” ชินพัตน์นึกได้ว่ามีคนที่ตนเองรออยู่ รีบลุกออกจากโต๊ะ เดินไปมองหาท่หน้าร้าน เพราะกลัวว่าเจ้าของตึกมาแล้ว แต่เห็นว่าเขามีแขกอยู่แล้ว เลยไม่เข้ามา

“ไม่มีนี้จ๊ะ ป้าก็เห็นมา แค่ผู้ชายคนที่กลับไปเมื่อกี้ กับพ่อหนุ่มคนนี้   เอ๊ะ พ่อหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วยไว้เมื่อวานใช่ไหม”

“ใช่ๆๆๆ ป้าใช่ จอยจำหน้าได้” จอยเข้ามาช่วยยืนยันอีกคน

“คุณมาทำไม มีธุระอะไร” ชินพัตน์ที่ไม่รับรู้เรื่องยินดีที่ป้ากับจอยจำคนตรงหน้าที่ช่วยเหลือไว้ แต่กลับถามหาเหตุผลที่เขามาที่นี้แทน

“ชิน” นนทนัฐเรียกคนตรงหน้าเสียงเบา แต่ชินพัตน์ไม่สนใจ เปลียนเรื่องหันไปช่วยป้ากับจอยเก็บร้านแทน

“ป้าครับ เก็บร้านกันเถอะครับ แล้วเราค่อยไปสถานีตำรวจกัน ไม่มีภาพก็ไปแจ้งความไว้ก่อนก็ได้ครับ” ชินพัตน์เดินเลียงไปยกโต๊ะเก็บ ป้าพรกับจอยก็แยกย้ายกันไปเก็บของต่อ นนทนัฐเลยเดินไปช่วยชินพัตน์ยกโต๊ะเก็บด้วย  ชินพัตน์จะเดินไปทำอะไรตรงไหน นนทนัฐก็จะเดินไปอยู่ใกล้ๆ เสมอ

    จนทั้ง 4 เก็บของและปิดร้าน เพื่อจะไปสถานีตำรวจ เพื่อแจ้งความเอาไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ เพราะชินพตน์เชื่อว่าคำขู่ของชายหนุ่มนั้นไมได้พูดเล่นๆแน่ เขาเป็นห่วงทั้งความปลอดภัยของป้าพรกับจอย และลูกค้าที่ร้านด้วย

“ป้าครับ จอยไปกันเถอะครับ”

“ตาชินป้าว่าน่าจะให้พ่อหนุ่มคนนั้นไปด้วย เพราะเขาก็อยู่ด้วยวันนั้น”

“………..”ชินพัตน์หันไปมองคนที่ยืนมองเขาอยู่แล้ว

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” นนทนัฐที่เห็นชินพัตน์ที่ดูยังลังเล เลยเข้าไปหาเสียเอง ดึงมือชินพัตน์เพื่อให้คนตรงหน้าหันมาฟังเขาบาง

“แต่ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ” ชินพัตน์ที่เดินเลียงออกมาจากรถตนเอง ตามแรงลากของนนทนัฐที่พามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าตึกปิดข้างๆร้านของเขาเอง

“แล้วถ้าเป็นเรื่องของตึกนี้ล่ะ คุยยังอยากจะคุยกับผมอยู่ไหม?” นนทนัฐเงยหน้ามองตึกที่ปิดเงียบมานานอย่างมีความหมาย ทำให้ชินพัตน์มองตาม

เรื่องของตึกนี้งั้นเหรอ?

หันกลับมามองหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง

ทั้งอยากรู้ทั้งสับสนไปหมด

ว่าสิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่นะ










       หลบหน่อยพระเอกมา!!!!!!





   


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2015 22:04:48
พระเอกมาแว้ววววววววว.  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-03-2015 22:10:55
กว่าจะฌผล่มาได้นะนนท์
ไม่รอให้ชินโดนอุ้มไปก่อนล่ะ
แล้วกัมพลเป็นใครเป็นอะไรกับเนติธร
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-03-2015 22:50:26
ตัดจบแค่นี้ทำม้ายยยยยยยยยยยยยยย
เขาอยากอ่านต่ออ่ะ

พระเอกหายไปนานนะครับ ^^"
เพิ่งจะโผล่มาก็ตอนที่เขามีปัญหา
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 09-03-2015 23:40:12
หลบหน่อยพระเอกมา   มันต้องมีอะไรในบ้านหลังน้้ใช่มั้ย  อยากรู้แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 10-03-2015 11:44:05
ThankS
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 50 ตามหาตัว?+ตอนที่51 เผชิญหน้า [9/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 13-03-2015 20:30:31
เดี๋ยวนี้มาช้าพอๆกะพระเอกเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน [15/3/15] ลูกชื้นปิ้งมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 15-03-2015 01:13:01



                                    ตอนที่ 52 ความรูสึกเดียวกัน


“คุณรู้จักกับเจ้าของตึกนี้หรือไง”ชินพัตน์ถามขึ้น

“ครับ รู้จักดีด้วย “

“งั้นก็ดี คุณช่วยติดต่อเขาให้ผมหน่อย ผมอยากจะขอดูภาพวงจรปิดที่ติดอยู่ตรงนั้น ผมจะเอาเป็นหลักฐานในการแจ้งความ” ชินพัตน์หลบสายตาที่จ้องมองมาที่ตนเองตลอด หันไปสนใจกลับกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ด้านบนตึกแทน

“ ได้ครับ แต่ผมต้องใช้เวลาในการคุยและอธิบายเรื่องบางอย่างให้คุณได้รับรู้ไว้ด้วย เรื่องแจ้งตำรวจไว้หลังจากที่ผมบอกเรื่องทุกอย่างที่คุณควรรู้ แล้วจะแจ้งตำรวจก็แล้วแต่คุณแล้วกัน”

“ได้ ผมขอไปบอกป้าพรก่อนแล้วกัน” ชินพัตน์เดินกลับไปหาป้าพรและจอย ให้กลับเข้าร้านไปพักก่อน ขอคุยรายละเอียดกับนนทนัฐก่อน ซึ่งป้าพรก็เห็นด้วยเพราะดูแล้ว นนทนัฐน่าจะคงรู้จักกับกลุ่มคนพวกนั้นแน่ๆ

“ป้ากับจอยขึ้นไปพักข้างบนก่อนแล้วกันนะครับ “

“ได้เรื่องแล้วโทรบอกป้าด้วยนะ ตาชิน”

“ครับป้า” ป้าพรกับจอยก็กลับเข้าร้านปิดร้านมิดชิด เพื่อความปลอดภัย

“แล้วผมจะได้คุยกับเจ้าของตึกนี้ได้เมื่อไร” ชินพัตน์ที่เดินกลับมาหานนทนัฐที่หน้าตึกปิดนั้นถามอย่างร้อนใจ เพราะอยากจะให้เรื่องนี้จบเร็วๆ เพราะคนที่มาวันนี้ดูท่าทางจะรับมือยาก คงต้องถึงมือตำรวจเขาถึงจะรู้สึกปลอดภัยมากว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

“เข้ามาคุยกันข้างในก่อนครับ” ชินพัตน์ตกใจกับคำชวน และปานพับที่ปิดหน้าตึกก็เปิดขึ้นอย่างอัตโนมัต นนทนัฐก็พาตัวเองและรีบดึงมือ ชินพัตน์เข้าไปภายในตัวตึก แล้วกดรีโมตเพื่อปิด ปานพับอัตโนมัตนั้นลงทันที่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น เหมือนหลบซ่อน หรือแอบเข้าบ้านคนอื่นอย่างนั้นแหล่ะ

“นี้คุณเข้ามาแบบนี้ได้ไง?!!!” ชินพัตน์ที่ยังไม่เข้าใจ

“ก็คุณบอกว่าอยากดูภาพวงจรปิด ผมก็พาเข้ามาดูแล้วไงครับ” นนทนัฐเดินนำไปที่โต๊ะที่มีจอคอมและจอภาพจากกล้องวงจรปิดรอบ ตึกนี้ รวมไปถึง มองเห็นไปถึงทั้งหน้าร้านของเขา และด้านหลังร้านของเขาด้วย ชินพัตน์มองอย่างอึ้ง

“นี้มันหมายความยังไง ตึกนี้เป็นของคุณงันเหรอ” ชินพัตน์มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“ครับ ตึกนี้เป็นของผมเอง”

“นี้คุณกำลังเล่นตลกอะไรของคุณ”

“ผมก็แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้นเอง”

“หึหึ  อยากอยู่ใกล้ๆ งันเหรอ คุณแทบจะไม่โพล่หน้ามาให้ผมเห็นเลย คุณยังกล้าที่จะพูดออกมาแบบนั้นอีกเหรอ  นี้มันอะไรกัน ผมไม่ได้เพื่อที่จะมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้สักหน่อย “ชินพัตน์ท่าที่ดูสับสนไปหมด เพราะคนตรงหน้าที่หายไปก็กลับมาอยู่ใกล้ๆกัน แต่เรื่องที่เข้าต้องจัดการตอนนี้มันไม่ใช่การพูดคุยเรื่องแบบนี้เลย ชินพัตน์กุมหน้าผากตนเองอย่างสับสนไปหมด 

“ชินผมขอโทษ ช่วยฟังผมก่อนนะ” นนทนัฐที่เห็นท่าที่อันแสนสับสนของคนตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ แต่ถ้าไม่มีเรื่องของผู้มีอิทธิพลอย่างเนติธรเข้ามายุ่งกับชินพัตน์ เขาเองก็ยังอยากอยู่เงียบๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกสับสนแบบนี้ 

“จะให้ผมฟังเรื่องปิดบังอะไรของคุณอีก” ชินพัตน์พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ น้อยใจคนตรงหน้า สับสนไปหมด ดีใจที่ได้เจอคนตรงหน้า แต่ก็รู้สึกเสียใจมีที่ทำเหมือนไม่สนใจกันอีกแล้ว หลบหน้ากันตลอดเวลาหลายเดือน

“ชิน ผมผิดเองที่อยากจะให้เวลาเราทั้งคู่ แต่คุณรู้ไหมผมกลับมานั่งเสียใจ กับสิ่งที่ผมพูดไป ผมคิดถึงคุณทุกวัน อยากไปหาคุณ แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะ….ผมไม่กล้าสู้หน้าคุณ   ผมคิดว่าคุณคงจะ….เกลี   “

“ก็เพราะคุณชอบคิดเองเออเองแบบนี้ไง คุณไม่เคยที่จะถามความรู้สึกของผมบ้าง ตัดสินทุกอย่างด้วยตัวคุณเองทั้งนั้น ฮึก คุณ ฮึก คุณใจร้ายมาก “ ชินพัตน์พยายามกลั้นเสียงสะอื้น เขาไม่อยากที่จะร้องไห้กับเรื่องนี้อีกแล้ว แต่พอคนตรงหน้ากลับมา ความรู้สึกที่เก็บกดไว้นานก็ระเบิดออกมาจนได้ พร้อมกับน้ำตาที่มันแห้งหายไปนานกลับมาเอ่อล้นที่ขอบตาอีกครั้ง

“ชินผมขอโทษ” นนทนัฐเดินเข้ามาโอบกอดคนตรงหน้าที่ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาเต็มไปหมด ไม่อาจจะเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีทั้งหมดไปได้อีกต่อไปแล้ว  นนทนัฐรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าก็คงรู้สึกสับสนและเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาแน่นอน เป็นความรู้สึกอย่างเดียวกันสินะ

เจ็บปวดเพราะความรักมันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม

“ชินผมขอโทษ ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ผมจะอยู่ข้างๆคุณ เป็นเพื่อนคุณ เป็นลูกค้าของคุณ หรือเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการให้ผมเป็น “นนทนัฐกอดปลอบคนที่ยังเอาแต่ก้มหน้ากลั้นร้องไห้อยู่ที่อ้อมอกเขา ลูบหลังอย่างแผ่วเบา กระซิบบอกเสียงเบา จนรับรู้ว่าคนในอ้อมกอดหยุดร้องไห้แล้ว แต่ยังคงยืนนิ่งให้เขากอดปลอบอยู่อย่างเดิม

“แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดตอนนี้ ผมอยากเห็นรอยยิ้มของคุณที่สุด ให้ผมเห็นได้ไหมครับ? หือ ” นนทนัฐที่ผ่อนอ้อมกอด เพื่ออยากเห็นหน้าที่ไม่ได้เห็นเต็มตาแบบใกล้ๆแบบนี้มานานมากแล้ว ประคองใบหน้าให้เงยหน้ามามองกันดีๆสักที

อึกๆ!!!!  ตุ๊บๆ!!!!

ชินพัตน์ที่หลุดจากอ้อมกอดคนตรงหน้าได้ ก็ทุบไปที่อกคนตรงหน้าหลายครั้ง จนคนตรงหน้าต้องรีบมาคว้ามือไว้ ก่อนที่จะโดนทำร้ายร่างกายไปมากกว่านี้ จริงๆแล้วก็ไม่เจ็บอะไรมาก แต่ถ้ายังโดนทุบต่อไปอีกคงน่วมแน่ๆ

“ปล่อยนะ!!! คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ขอเรื่องอะไรไร้สาระแบบนั้น ผมยังไม่หาโกรธคุณนะ!!!! “ ชินพัตน์พยายามยื้อมือตนเองออกเพื่อหวังจะทุบคนตรงหน้าให้หาย หายจากอะไรก็ยังไม่แน่ใจ หายแค้น ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น หายโกรธ เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย หายงอนงั้นเหรอ ไม่ใช่ ต้องไม่ใช้แบบนั้นสิ????  คิดแล้วก็หัวใจทำงานหนัก ชินพัตน์ก็พยายามหลบซ่อนใบหน้าที่เห่อร้อนของตนเอง
“ผมยอมแล้ว จะทุบจะตีผมอีกก็ได้ “นนทนัฐจับมือของชินพัตน์ไว้แล้วรวบโอบกอดรัดไว้ด้านหลัง ทำให้ชินพัตน์ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดนั้นไม่ได้ ถึงแม้จะหลบซ่อนหน้าได้ แต่ก็ยังโดนกอดรัดแน่นแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว

“งั้นคุณก็ปล่อยผมสิ ผมจะได้ทุบคุณให้สนุกมือไปเลย“ชินพัตน์พยายามดิ้น แต่นนทนัฐก็โอบกอดแน่นขึ้น แถมกระซิบบอกเหมือนอ้อนขอ

“ขออยู่แบบนี้ก่อนนะครับ ผมคิดถึงคุณจัง “ ก้มหน้าลงบนกลุ่มผมของคนในอ้อมกอด กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวทำให้ นนทนัฐ รับรู้ได้ว่าอยากอยู่ใกล้คนคนนี้มากขนาดนี้  เขาเสียเวลาไปกับอะไรอยู่นะ

“……………..”ชินพัตน์นิ่งฟังคนที่เอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอ้อมกอดนี้อีกต่อไปแล้ว รับรู้ว่าตนเองก็โหยหาอ้อมกอดนี้มากเหลือเกิน เหมือนบรรยากาศรอบๆตัวหยุดนิ่ง ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ  อยากอยู่อย่างนี้นานๆ

            นนทนัฐเลื่อนใบหน้าตนเองมาคลอเคลียที่ข้างแก้มของคนในอ้อมกอดซะแล้ว เหมือนมันเป็นความต้องการภายในจิตใจว่าต้องการมากกว่านี้ อยากสัมผัสให้มากกว่านี้ รวมทั้งคนในอ้อมกอดก็ยังคงยอมให้เขาได้สัมผัสอยู่อย่างนั้นไม่ปัดป้อง เลยได้คืบจะเอาศอก ลุกหนักไปยังปากสีสวยที่ตอนนี้เหมือนเม้มแน่นเหมือนอดกลั้นบางอย่างเอาไว้ มันชั่งน่าครอบครองเสียเหลือเกิน

“นี้!!!! คุณจะทำอะไรนะ!!!” ชินพัตน์ที่เกือบจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามบรรยากาศรอบตัว เรียกสติตัวเองกลับมา แล้วผลักคนตรงหน้าที่ทำท่าที่จะก้มหน้ามาใกล้ เกินจะคิดไปไกลไม่ได้ว่า ถ้าหากไม่หยุดไว้ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแน่ๆ

“หึ หึ” นนทนัฐหัวเราะในลำคอ เหมือนหลุดออกจากห้วงความคิด เพราะถ้าคนตรงหน้าไม่หยุดเขาไว้ คงจะไม่ปล่อยให้จบลงแค่จูบแน่ ตลกตัวเองว่าควบคุมตนเองไม่ได้ซะแล้วเมื่อได้เขาใกล้คนตรงหน้า

“ยังจะมาหัวเราะอีก เดี๋ยวก็ทุบให้ซะหรอก” ชินพัตน์ทำท่าจะยกมือขึ้นมาทุบคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่นนทนัฐคว้ามือมากุมเอาไว้ และจ้องมองอย่างยอมแล้วทุกอย่าง ยอมให้คนตรงหน้าทำอะไรกับตนเองก็ได้ ขอเพียงได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็พอใจแล้ว จะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้ว

“เดี๋ยวผมจะมาให้คุณทุบทุกวันเลย “นนทนัฐยกยิ้มพูดล้อเพื่อดูว่าคนตรงหน้าจะแสดงออกยังไง

“คุณพูดเองนะ มาให้ผมทุบให้หายโมโหเลยนะ คนบ้านี้” ชินพัตน์ทำท่าจะเข้าไปทุบอย่างหมั่นไส้แถมหมั่นเขี้ยว ที่คนตรงหน้าพูดด้วยสีหน้ายี่ยวนกวนประสาทได้อีก

“แรกกับจูบ ตกลงไหมครับ” นนทนัฐดึงตัวชินพัตน์เข้ามาใกล้ พร้อมข้อตกลงเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มร้ายๆที่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะทำไปได้แต่ก็ทำไปแล้ว เพราะคนตรงหน้าจริงๆ

“ระ เรื่องอะไร?  ผมไม่คุยกับคุณแล้ว พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ” ชินพัตน์ตั้งรับกับท่าที่แบบนั้นของคนตรงหน้าไม่ทัน ทำท่าจะเดินกลับร้าน แต่มองหาทางออกก็ปิด มองไปทางด้านหลังประตูก็ปิดสนิท

“จะไปไหนครับ หืม”

“ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว ผมจะไปดูป้าพรกับจอย เปิดประตูให้ผมสิ”

“คุณไม่อยากรู้เรื่องของคุณเนติธรแล้วเหรอว่าเขาเป็นใคร?”

ชินพัตน์หยุดนิ่งเมื่อได้ยินชื่อนี้ ปัญหาทุกอย่างที่เจอเริ่มต้นจากเด็กที่ร้านของเขาหายตัวไป จนทำให้เจ้าของชื่อนี้มายุ่งวุ่นวายที่ร้าน คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไม่ต้องการตัวกัมพลขนาดนั้นกันนะ







     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!   :laugh:


   ขออภัยที่หายไปหลายวันเลย พยายามจะลงให้ทันวันที่ 14 แต่ก็เลยมาแล้ว แหะๆๆ  :mew2:

  ตอนสายๆ จะมาลงตอนที่ 52 ให้อ่านกันต่อนะคะ ตอนนี้ขอไปนอนก่อนจ้า  :katai5:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน [15/3/15] ลูกชื้นปิ้งมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-03-2015 02:16:33
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน [15/3/15] ลูกชื้นปิ้งมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-03-2015 02:57:50
มาต่ออีกนิดนะครับ คาใจอ่ะครับ มันค้างๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน [15/3/15] ลูกชื้นปิ้งมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-03-2015 09:36:24
เฮ้อออ เข้าใจกันได้สักที
ลุ้นต่อไปว่ากัมพลเป็นใครกันแน่
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 15-03-2015 11:23:56


                                                    ตอนที่ 53 คนสำคัญ?


“คุณพูดเหมือนรู้จักเขาดีอย่างนั้นแหล่ะ” ชินพัตน์หันกลับมาคุยจริงจังกับนนทนัฐอีกครั้ง

“จะพูดว่ารู้จักดีก็คงไม่ใช่ซะที่เดียว ผมแค่รู้ว่าเขาเป็นใครก็เท่านั้นเอง”

“สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่ ดูท่าทางของเขาแล้วเหมือนจะไม่เกรงกลัวใครเลย สั่งให้ลูกน้องยกพวกเข้ามาก่อกวนที่ร้านของผมแบบนั้น”

“จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เขาจะสั่งให้คนของเขามาทำเรื่องแบบนั้นที่ร้านคุณ ผมว่าคนที่เขาตามหาน่าจะสำคัญมากจริงๆ ถึงขนาดลงทุนมาหาคุณเพื่อถามด้วยตัวเองแบบนั้น”นนทนัฐยังคงข้องใจในเรื่องนี้ ปกติที่เขาพอจะรู้ว่า        นายเนติธรไม่ค่อยจะออกหน้ากับเรื่องต่างๆสักเท่าไร ส่วนมาจะผ่านลูกน้องของเขาเท่านั้น

“นี้คุณรู้จักเขาจริงๆใช่ไหม” ชินพัตน์ยังคงสงสัย

“ผมเริ่มรู้จักเขาเพราะผมดูแลคุมงานที่สร้างตึกนี้ แต่พอดีลูกน้องคนงานของผมนะ ล้ำเส้นเข้าไปในเขตหวงห้ามของคุณเนติธรเข้าเลยทำให้เกิดเรื่องขึ้น ผมเลยต้องเป็นคนไปเจรจา เลยทำให้รู้จักเขา “

“แปลว่าคุณเนติธรอะไรนั้น เป็นคนที่มีอิทธิพลมากเหรอ”

“ผมก็บอกไม่ถูกหรอกว่าเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แต่ที่ดินฝั่งถนนทั้งหมดเป็นที่ของเขาทั้งนั้น พื้นที่ของวัดก็เป็นที่ที่คุณเนติธรถวายให้กับทางวัด ร่วมไปถึงพื้นที่ด้านหลังวัดทั้งหมดนั้นก็เป็นของเขาทั้งหมด ลูกน้องผมไม่รู้ดันเข้าไปในเขตพื้นที่ส่วนตัวนั้นเขา เกือบไม่ได้ออกมาด้วยซ้ำถ้าเขาไม่ปราณี ก็คงได้เป็นศพเฝ้าสวนให้กับเขาไปแล้ว”

“เขาใหญ่โตมาจากไหนกันเชียว” ชินพัตน์ฟังแล้วก็อดที่จะหงุดหงิดกับประวัติของหนุ่มใหญ่รายนั้นไม่ได้

“ผมเคยลองถามคนในพื้นที่ที่อยู่แถวนี้มานาน เขาเล่าว่าครอบครัวของคุณเนติธร เป็นครอบครัวที่ใหญ่โตอยู่ที่นี้มาตั้งแต่ที่นี้ยังเป็นแค่ที่ดินโล่งๆ ถนนยังไม่ตัดผ่าน สร้างฐานะด้วยการทำสวนทำไร่ จนเป็นที่รู้จักแล้วเริ่มมีกิจการใหญ่โตอีกหลายอย่าง จนร่ำรวย สามารถซื้อที่ดินแถบนี้เกือบทั้งหมด  จนตอนนี้แถบจะไม่ต้องทำอะไรแล้ว มีแต่คนมาติดต่อซื้อที่ต่อจากเขาทั้งนั้น  รวมลานกว้างที่สร้างขึ้นเพื่อทำเป็นตลาดนัดนั้นด้วย พื้นที่ที่สร้างตึกนี้ที่เรายืนนี้ก็ด้วยเป็นของเขาทั้งหมด เพราะเขามีทุกอย่างแบบนี้ไง เลยไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเกินความจำเป็นนอกเหนือจากธุรกิจ” 

“เป็นคนที่รับมือยากจริงด้วย” ชิพนัตน์คิดหนักเมื่อรู้ประวัติของคนที่เข้าเผชิญหน้ามาเมื่อตอนบ่าย นี้เขากำลังหาเรื่องให้กับตัวเองอยู่หรือเปล่านะ แล้วกัมพลเป็นใคร ทำไมนายเนติธรอะไรนั้นต้องมตามหาขนาดนั้นด้วย

“ชินคุณไม่รู้เหรอ ว่าคนที่เขาตามหาอยู่นั้นเป็นใคร ไปอยู่ที่ไหน” นนทนัฐเป็นห่วงเห็นว่าชินพัตน์กำลังเจอกับเรื่องลำบากใจอยู่ตอนนี้

“คือ ผมรู้จักเด็กนั้นที่เขาตามหาอยู่ เด็กนั้นชื่อกัมพล เคยมาทำงานที่ร้านของผม  แต่หลังจากที่ผมไปส่งเขากลับไปที่บ้านหลังนั้น  เด็กนั้นก็เงียบหายไปเลย”

“อะไรนะ คุณไปส่งเด็กนั้นที่ไหนนะ”

“ก็ เอ่อ ทางเข้าข้างหลังวัดที่สุดทางมีบ้านใหญ่ๆ พลบอกว่าเขาพักอยู่กับญาติที่ทำงานอยู่กับบ้านหลังนั้น วันนั้นมันดึกมากแล้ว ผมเลยอาสาที่จะไปส่งเขา  ผมไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาตามมา เอ่อแบบนี้” ชินพัตน์เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กที่คนพวกนั้นตามหาให้นนทนัฐฟัง

“คุณรู้อะไรไหม นั้นนะเป็นเขตห่วงห้ามเลยนะ บ้านของคนคนนั้น คุณเนติธรไงล่ะ คุณกลับออกมาได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว ผมไม่จะอยากเชื่อเลย  “นนทนัฐดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็ก ที่ชินพัตน์ไม่ดูแลตนเองหาเรื่องใส่ตัวเองเข้าจนได้ นึกถึงเรื่องลูกน้องเขาแล้ว ก็นึกเป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้าขึ้นมาทันที่ ถึงแม้ว่าจะปลอดภัยดีแล้วก็เถอะ แต่ถ้าเทียบกับลูกน้องเขาที่ กลับออกมาด้วยอาหารสาหัส นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวัน ก็เลยไม่อยากจะเล่าให้รู้สึกไม่ดีไปกว่านี้

“ก็ผมไม่รู้นี้น่า” ชินพัตน์ขมวดคิ้ว รู้สึกแย่ขึ้นมาเมื่อโดนดุเรื่องที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ว่าตนเองทำไปนั้นจะสร้างความเดือดร้อนมาให้ที่หลังแบบนี้

“ผมไม่ได้จะว่าคุณ คุณไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว “นนทนัฐเดินมาลูบหัวชินพัตน์ที่ทำท่าทางรู้สึกว่าตนเองกำลังทำผิด

“แล้วผมจะทำอย่างไงต่อไปดีล่ะ แจ้งตำรวจก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ”ชินพัตน์เริ่มบ่นกับตนเองเมื่อนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อไปดี

“ เดี๋ยวผมจัดการเองนะ ผมจะลองคุยกับคุณเนติธรดู ผมอาจจะช่วยเขาตามหาคนที่เขาต้องการ แต่ก็ต้องมีข้อตกลงเพื่อไม่ให้เขามายุ่งวุ่นวายกับคุณและที่ร้านอีก ไม่ต้องคิดมากนะ” นนทนัฐเขยิบไปนั่งใกล้คนที่ทำหน้ากังวลใจจนคิ้วขมวด

“เอ่อ “ชินพัตน์นิ่งค้างเพราะไม่คิดว่าคนข้างๆจะทำทุกอย่างเพื่อเขาแบบนี้ แถมยังจะออกตามหา กัมพลอีกด้วย ทั้งทีเขาเองก็รู้ว่ากำพลอยู่ที่ไหน

“ไม่เป็นไรเดียวผมจัดการเรื่องนี้ให้เองนะ คุณดูแลเรื่องร้านก็ยุ่งมากพอแล้ว” นนทนัฐยกยิ้มเพื่อเรียกกำลังใจให้คนตรงหน้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บาง

“แล้วถ้าคุณหาไม่เจอล่ะ คุณจะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”

“ก็จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมต้องเป็นคนจัดการเองนี้น่า คุณไม่ต้องลำ…ลำบากก็ได้”

“ไม่เห็นจะลำบากอะไรเลย ขอให้เป็นเรื่องของคุณผมทำให้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว อย่าคิดมากสิครับ”

“เอ่อ แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เองนะ”  ชินพัตน์ปฏิเสธสายตาแสนห่วงใยนั้นไม่ได้ ได้แต่พยักหน้ายอมรับความช่วยเหลือของคนตรงหน้า

“เดี๋ยวผมลองโทรหาคุณเนติธรดูก่อนแล้วกันนะ” ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้า เห็นด้วย

“สวัสดีครับคุณเนติธร “

(ว่าไงครับ คุณนนทนัฐ)

“ผมจะตามหาคนของคุณให้อีกแรงแล้วกัน แต่ผมมีเรื่องขอร้อง”

(เรื่องอะไรครับ)

“คุณห้ามมาวุ่นวายที่ร้านลูกชิ้นปิ้ง ร่วมถึงคนที่ร้านนั้นด้วย”

(ทำไมครับ เจ้าของร้านเป็นคนสำคัญของคุณงันเหรอ)

“ใช่ครับ เขาสำคัญกับผมมาก ผมไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ” นนทนัฐหันไปมองคนสำคัญของเขาที่นั่งมองเขากับมาเช่นเดียวกัน

(ได้ ถ้าคุณรับปากว่าจะช่วยตามหา แต่ถ้าหาไม่เจอผมคงต้องไปหาที่ร้านนั้นอีกครั้งแน่)หนุ่มใหญ่รับปากแต่ก็ไม่วายพูดเสียงเรียบเหมือนเตือนกลายๆว่า ต้องเจอตัวคนที่เขาหาอยู่ที่ร้านนั้นแน่ๆ

“เขาก็คงเป็นคนสำคัญของคุณเหมือนกันสินะครับ” นนทนัฐเหมือนรู้ทันคนปลายสาย

(ใช่ เขาสำคัญกับผมมาก ฝากคุณด้วยก็แล้วกัน)

“ได้ครับ ผมก็จะพยายามเพื่อคนสำคัญของผมเหมือนกัน”

(ขอบคุณ)ปลายสายก็ตัดไป


            นนทนัฐหันกลับมาส่งยิ้มให้กับชินพัตน์ที่นั่งรอลุ้นจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตา ส่งสายตาเชื่อมั่นว่าถ้ามีคนคนนี้อยู่เคียงข้างกันแม้ตอนเกิดปัญหา เขาคงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยรอยยิ้มที่แสบอ่อนโยนและอบอุ่นนี้อย่างแน่นอน







  มาแล้วจ้า อ่านต่อกับตอนใหม่  :laugh:

 ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ  :pig4:

 +เป็ดให้ทุกกำลังใจค่ะ   :กอด1:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-03-2015 11:53:22
กัมพลต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ
ลึกเชื่อว่าคุณเนติธรไม่ใช่คนเลวร้ายนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 15-03-2015 12:06:42
ผัวเมียงอนกัน นนกะชิน กัมพลกะเนติธร  เอิ๊กๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2015 16:42:27
ผัวเมียทะเลาะกัน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-03-2015 18:17:19
เนติธร - กัมพล อย่างนั้นเหรอ?
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-03-2015 20:04:04
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 15-03-2015 21:26:40
คุณเนติธรกับกัมพล  ตกลงมีสัมพันธ์กันแบบไหนกันแน่ (สงสัยกัมพลจะโดนคุณเนติธรกดชัวร์)   :hao3:  :hao3:

นนท์กับชินก็มุงมิ้งนะค้า   :hao7:    :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-03-2015 09:59:40
กำลังสนุกเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะ

คุณเนติธรกับพลนี่คู่กันใช่ไหม?

รอดูฉากสวีทหวานๆอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 52 ความรู้สึกเดียวกัน+53 คนสำคัญ? [15/3/15]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 18-03-2015 09:39:55
ThankS
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 19-03-2015 21:24:32



                                     ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง



 “ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนเลย ชินคุณพอจะมีรูปภาพของเด็กคนนั้นบ้างหรือเปล่า”

“เอ๊ะ เอ่อรูปเหรอ ผมมีประวัติของเขาตอนที่เขามาสมัครงานอยู่ เอ่อ งั้นคุณรอเดี๋ยวนะผมกลับไปเอามาให้แล้วกัน” ชินพัตน์ทำท่าจะลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่กับนนทนัฐ แต่ก็โดนดึงตัวให้กลับมานั่งที่เดิม

“อย่าพึ่งไปไหนเลยนะครับ อยู่กับผมก่อนนะ” นนทนัฐที่รีบดึงมืออีฝ่ายไว้เพื่ออยากให้อยู่ด้วยกันก่อน

“ก็คุณถามหารูปภาพของพลไง ผมก็กำลังจะไปหาให้นี้ไง เป็นอะไรของคุณอีกนี้” ชินพัตน์ที่แปลกใจกับท่าที่แปลกของคนข้างกาย
“รูปไว้พรุ่งนี้ก็ได้ครับ” นนทนัฐยกยิ้มและเปลี่ยนจากจับมือเป็นการโอบเอวแทน ทำให้ชินพัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูก และไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกันเร็วขนาดนี้ ทั้งทีในใจของเขาตอนนี้ยังคงไม่พอใจคนตรงหน้าอยู่อีกตั้งหลายเรื่อง

“นี้คุณคิดจะทำอะไร ถ้าไม่คุยเรื่องตามหาพลแล้วล่ะก็ ผมก็จะกลับร้านของผมแล้ว ปล่อยเลย” ชินพัตน์รีบขยับหนีมือของอีกฝ่าย ทำท่าทีจะลุกเพื่อจะกลับร้าน

“แต่ตอนนี้ผมอยากคุยเรื่องของเราก่อนนี้ครับ” นนทนัฐขยับตามคนที่เอาแต่ขยับหนีไปจนสุดโซฟาแล้ว

“ระ เรื่องอะไร ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรต้องพูดต้องคุยกันสักหน่อย” ชินพัตน์หันหน้าไปทางอื่น ไม่มองหน้าคนที่เอาแต่จ้องหน้าเขามาตลอด

“ผมขอโทษนะครับ หันกับมาคุยกับผมดีๆก่อนสิครับ นะชิน ผมผิดไปแล้วนะ” เสียงอ้อนขอร้อง ของคนด้านหลังฟังแล้วมันไม่เหมือนคนที่สำนึกผิดเอาซะเลย เหมือนจงใจจะแกล้งเขาชัดๆแบบนี้

“คุณสำนึกผิดจริงๆหรือเปล่า ถอยออกไปเลยนะ จะมานั่งเบียดผมทำไมนะ ที่นั่งตั้งกว้าง “ ชินพัตน์หันหน้ามาทำเสียงดุใส่ของที่เอาแต่เบียดกายเข้ามาใกล้ จนกลัวว่าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังเกินปกตินั้น

“ชินคุณยังโกรธผมอยู่เหรอ ผมขอโทษนะครับ จะให้ผมทำยังไงถึงจะหายโกรธ” นนทนัฐอ้อนวอนอยากให้คนที่เขารักหายโกรธเขาสักที่

“ใช่ผมยังโกรธคุณอยู่ อยู่ๆก็มาหายเงียบไป แล้วก็โผล่มา ทำมาแอบจ้องตึกนี้ไว้เพื่ออะไร แล้วก็อีกหลายเรื่องเลยเยอะมากจนผมนึกไม่ออก พูดแล้วก็อยากจะทุบคุณให้น่วมไปเลย” ชินพัตน์พูดเสียงเขียวเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาโกรธ โมโห แต่ในแต่ละเรื่อง ก็ยังคงมีความคิดถึงผสมอยู่ในทุกเรื่องที่เขาคิดได้อยู่ดี เลยพูดไม่ได้เต็มปากว่าโกรธ โมโห หรือคิดถึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันแน่ เลยอยากจะทุบเพื่อแก้เขินตัวเองซะมากกว่า

“ได้คุณทุบผม ผมก็จูบคุณแค่นี้เอง ไม่อยาก หึหึ “ นนทนัฐยกมือขึ้นเหมือนยอม แต่ไม่วายทิ้งท้ายคำพูดไว้จนทำให้ชินพัตน์ไม่กล้าจะลงมือทุบอีกฝ่าย ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ ดูเหมือนตัวเขาเองจะเสียเปรียบอย่างไงไม่รู้ เลยหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน

“ผมไม่คุยกับคุณแล้ว “ ชินพัตน์หน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนชนะแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงแข่งอะไรเลย

“ชินครับ พรุ่งนี้ให้ผมไปช่วยที่ร้านนะ”

“แล้วคุณไม่ไปตามหาพลหรือไง”

“ผมช่วยคุณที่ร้านก่อน แล้วค่อยไปครับ นะ”

“แล้วแต่คุณสิ” ชินพัตน์ที่ลุกขึ้นเพื่อหาทางออกเพื่อจะกลับร้านของตนเอง นนทนัฐเลยเดินไปเปิดประตูด้านหลังร้านให้ แล้วก็เดินมาส่งที่รั้วด้านหลังร้านของชินพัตน์ด้วย

“นอนหลับฝันดีนะครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ เรื่องนั้นผมจัดการเองนะ” นนทนัฐพูดบอกเพื่อให้ชินพัตน์สบายใจ

“อืม”เขาพยักหน้ารับ

“ชินฝันถึงผมด้วยนะครับ หึหึ”

“นี้คุณ เลิกพูดมุกเสี่ยวๆพวกนี้สักทีเถอะ กลับไปตึกของคุณเลยนะ ชิ” นนทนัฐก็ยังรู้สึกอายทุกครั้งที่คนตงหน้าพูดแต่เรื่องนี้เดิมซ้ำ

“ครับ ครับ งั้นผมฝันถึงคุณแทนก็ได้ครับ หึหึ” นนทนัฐทำหน้าตากวนๆส่งไปไหนชินพัตน์

“นี้ ยังไม่หยุดพูดใช่ไหม อยากโดนทุบมากใช่ไหมห๊ะ!!!” ชินพัตน์เริ่มฉุนทำท่าจะเดินมาทุบนนทนัฐซะให้ได้

“มาทุบเลยสิครับ ผมก็อยากจูบคุณจะแย่แล้ว” นนทนัฐไม่เดินนี้แต่ยืนนิ่งเตรียมพร้อมรับ พร้อมกับส่งรอยยิ้มยียวนกับมาให้อีก

“ชิ ไม่คุยกับคุณแล้ว พูดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้” ชินพัตน์รีบเดินนี้เข้าหลังร้าน ไม่หันกลับมามองคนที่ยังยืนค่อยเพื่อส่งเขาเข้าร้านเลย

                 ชินพัตน์รีบปิดประตูแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปยังห้องนอนของตนเอง เดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองหาคนที่เขาทิ้งไว้อยู่ด้านล่างข้างนอกร้าน ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้นมามองเหมือนรู้เลยว่า เขาอยู่ห้องนี้ ชั้นนี้ ทำไงดี  ทำไงดี  ชินพัตน์เหมือนตัวเองทำตัวไม่ถูก รีบเดินไปปิดไฟทันที แล้วเดินกลับมาที่หน้าต่างอีกครั้ง คนคนนั้นก็ยังยืนมองกลับขึ้นมาเช่นเคยหัวใจของเขาทำงานหนักเกินไปแล้ว  ดีใจงั้นเหรอที่เขากลับมา? มาอยู่ใกล้ๆกัน มาอยู่ข้างๆกันแบบนี้?

              เช้ามาป้าพรและจอยออกมาเตรียมของเพื่อเปิดร้านอย่างปกติ และเตรียมของไว้ขายที่ตลาดนัดด้วย แต่คุณเจ้าของร้านยังไม่ลงมาจากด้านบนเลย ป้าพรกับจอยก็ไม่สงสัยอะไรเพราะมีคนมาช่วยอธิบายแล้วว่าทำไมคุณเจ้าของร้านถึงลงมาช้า คุยดึกไปหน่อยเลยทำให้อีกคนที่อยู่ด้านบนยังคงไม่ตื่น

“ผมช่วยนะครับ”นนทนัฐอาสาช่วยจัดโต๊ะ ยกของที่หนักๆแทนให้ ทำให้ป้าพรกับจอยทำงานได้เร็วขึ้นเยอะ

“พ่อหนุ่มเป็นเพื่อน ตาชินเหรอจ๊ะ ป้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”

“เรียกผมว่า นนท์หรือนัทก็ได้ครับ ชื่อจริงผมชื่อ นนทนัฐครับ” คนที่แนะนำตัวอธิบาย

“จ้าๆ คุณนนท์เป็นเพื่อนตาชินเหรอจ๊ะ”

“เป็นลูกค้าลูกชิ้นปิ้งที่ตลาดนัดของคุณเจ้าของร้านนะครับ พอดีกลับไปทำงานที่กรุงเทพ เลยไม่ค่อยได้มาบ่อยนะครับ”

“อ้อจ๊ะ”
“แล้วพี่นนท์ ทำงานอะไรเหรอจ๊ะ” จอยถามขึ้นอย่างสงสัยแต่มือก็ยังไม่หยุดที่จะล้างผักสดในอ้างล้างไปด้วย

“พี่คุมงานก่อสร้างนะ ตึกนี้พี่ก็เป็นคนคุมเองนะ” เล่าไปด้วยและยกยิ้มเล็กๆเมื่อนึกว่าที่นี้คือจุดเริ่มต้นที่เขาและคุณเจ้าของร้านได้เจอกัน
“อ้ออย่างนี้นี้เอง คงจะเป็นลูกค้าประจำของพี่ชิ้นเลยสินะ ที่ตลาดนัดนะ”

“ใช่ พี่ชอบกินลูกชิ้น ตามหาลูกชิ้นอร่อยๆมานานก็มาเจอที่นี้แหล่ะ หึหึ เลยติดใจ” ทั้งลูกชิ้นทั้งคนขาย แค่ก็ได้พูดในใจเท่านั้น

“ตั้งแต่เปิดร้านมาก็ไม่ได้มาที่นี้เลยเหรอ” ป้าพรสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหน้าเลยตั้งแต่เปิดร้าน

“ครับ ผมดูงานที่นี้เสร็จก็ต้องไปดูงานที่อื่นต่อนะครับ พองานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วผมถึงได้มีเวลาที่นี้นี้และครับ”

“แล้วคุณนนท์เลยไปที่ร้านใหญ่ ที่มีโรงงานทำลูกชิ้นหรือเปล่าจ๊ะ” ป้าถามอีกเพราะดูแล้วลูกค้าคนนี้ต้องสนิทกับหลานชายตนเองมากแน่ๆ

“เคยไปครับ ก่อนที่จะกลับไปกรุงเทพก็แวะไปหลายครั้งอยู่เหมือนกันครับ”

“เหรอจ๊ะ ทำไมป้าจำไม่ค่อยได้นะ”

“อ้อ เอ่อ คือ ส่วนใหญ่ คุณแม่ เอ่อ คุณป้าเป็นทำให้ทานนะครับ หรือไหมก็เป็น ชินเป็นคนทำให้ทานนะครับ ป้าพรเลยไม่ค่อยได้คุยและเห็นผมเท่าไร่ ลูกค้าที่ร้านก็เยอะด้วยครับ” ป้าพรฟังสิ่งที่ชายหนุ่มเล่าให้ฟังแล้ว ดูท่าจะสนิทกับที่บ้านนั้นจริงๆด้วยสินะ

“ขอโทษนะครับป้า ผมตื่นสายไปหน่อย” ชินพัตน์รีบวิ่งลงมาจากด้านบน ผมเผ้ายังยุ่ง เสื้อที่ยังติดกระดุมเสื้อไม่เสร็จ ตะโกนบอกก่อนที่ร่างทั้งร่างจะลงมาด้านล่างซะอีก จนคนที่อยู่ด้านล่างต้องหันไปตามเสียง  ชินพัตน์ที่ตั้งตัวได้ก็ต้องชะงักกลับสายตาของทั้ง 3 คนที่มองมาที่ตนเอง

“คุณมาได้ไง “

“ผมก็บอกแล้วไงมาจะมาช่วยงานที่ร้าน จำไม่ได้หรือไง หืม” นนทนัฐเดินไปยี่หัวฟูนั้นอย่างกลั้นขำ

“ป้าครับ ผมขอโทษนะครับ ผมตื่นสาย มีอะไรที่ยังไม่ได้เตรียมอีกครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ชินพัตน์หันไปรอบร้าน เพื่อเริ่มหางานให้ตัวเองทำทันที

“เสร็จเกือบหมดแล้วล่ะ ตาชิน พอดีคุณนนท์เขามาช่วยงานเลยเสร็จเร็วนะ พร้อมเปิดร้านได้แล้วล่ะ” ป้าพรอยากจะขำหลายชายควับตำแหน่งเจ้าของร้านที่ยืนเอออยู่กลางร้าน

“ไปทานข้าวเช้าเถอะป้าทำไว้ให้แล้ว คุณนนท์ก็ยังไม่ได้ทานใช่ไหมจ๊ะ ไปทานด้วยกันเลยไป”

“แล้วป้ากับจอยล่ะครับ”

“ป้าทำกับข้าวเสร็จก็กินกับจอยแล้วล่ะ ไปกินกันเถอะไป จะได้มาเปิดร้านกัน”

“ครับป้า”

            ชินพัตน์เดินนำไปที่โต๊ะที่มีอาหารจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เปิดฝาชีที่ครอบไว้ก็เจอหลากหลายเมนู ล้วนแต่มีลูกชิ้นของทีร้านเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น เพราะชินพัตน์ชอบให้ป้าทำให้กินประจำ ส่วน นนทนัฐเห็นอาหารตรงหน้าถึงกลับยิ้มเล็กๆเพราะตนเองไม่ได้ทานลูกชิ้นของคุณเจ้าของร้านมานานมากแล้ว และที่สำคัญได้มานั่งกินข้าวกับชินพัตน์แบบนี้ด้วยแล้วเข้ารู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า

“นี้คุณรีบๆ กินสิ จะไปตามหาพลไม่ใช่หรือไง นั่งยิ้มอยู่ได้” ชินพัตน์พูดกลบอารมณ์ดีใจของเขาซะหมด

“แล้วคุณล่ะ เห็นป้าบอกว่าคุณยังขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดอยู่เหรอ ให้ผมไปช่วยขายไหม”

“คุณไปทำธุระของคุณเถอะน่า” ชินพัตน์ทำท่าไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทานข้าว แต่จริงแล้วดีใจที่มีคนมาช่วยงานในร้านเพิ่มอีกคน

“ผมไปแน่ แต่อยากช่วยงานที่ร้านคุณก่อน “

“ตามใจ” ตอบกลับแล้วก็หันไปสนใจข้าวในจานต่อ

“ให้ผมไปรับยายที่สวนให้ก็ได้นะ คุณจะได้ดูที่ร้าน”

“เอ่อ เอ่อ ไม่ต้องผมไปเองได้น่า “ชินพัตน์ถึงกลับสะอึกเมื่อคนที่นั่งตรงข้ามพูดถึงบ้านสวนขึ้นมา

“แต่ผมอยากไปเยี่ยมยายเหมือนกันนะไม่ได้เจอแกมาตั้งนานแล้ว ผมอยากไปช่วยยายแกเก็บผักด้วย ต้นไปเรียนไม่ใช่เหรอ “

“ไม่ต้องหรอกยายมีคนช่วยเก็บอยู่แล้วน่า  เฮ้ย ไม่ใช่ คือผมหมายถึงผมก็จะไปช่วยเก็บอยู่แล้วไง “รีบแก้ตัวเกือบเผลอพูดถึงคนต้องห้ามเข้าให้ซะแล้ว

“แต่ว่า…..?”นนทนัฐมองหน้าชินพัตน์อย่างสงสัย

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าคุณอยากเจอยาย เดี๋ยวผมรับแกมาที่ตลาดคุณก็ได้เจอแกเองแหละน่า “

“ครับ”นนทนัฐยกยิ้มยอมแพ้

“คุณก็อยู่ที่ร้านดูลูกค้าให้ผมก็แล้วกัน อ้อเตรียมของไปที่ตลาดนัดให้ผมด้วย ผมไปรับยายก่อนแล้วกัน” ชินพัตน์ทำเป็นรีบสั่งเพราะเห็นคนตรงหน้าทำท่าเหมือนจะถามอะไรอีก

“ได้ครับ” นนทนัฐยิ้มรับอีกครั้ง

“ดีมาก ผมกลับมาร้านต้องเรียบร้อยนะ ที่ตลาดต้องเตรียมให้ดีด้วย”

“รับทราบครับคุณเจ้าของร้าน” นนทนัฐทำท่าตะเบะตลกๆ ทำให้คุณเจ้าของร้านหลุดยิ้ม แต่ก็ต้องรีบทำหน้านิ่ง

“ดีๆนะ กลับมาแล้วทำไม่ได้ คุณโดนทุบแน่” ชินพัตน์แกล้งทำเสียงดุใส่แทน

“ครับ รีบกลับมาทุบผมนะ แล้วผมจะรอ หึหึ” ส่งยิ้มกวนๆส่งกลับไปให้ คนที่หน้าขึ้นสี แล้วรีบเดินหนีกลับร้านไปเลย









     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!! สองมือล่วงกระเป๋าสองเท้าก้าวมานั่งอ่านกันได้เลยจ้า ฮ่าๆๆๆ   :laugh5:


     กลับมาเรียกเรตติ้งคืนบ้างกับคู่ของคุณเจ้าของร้านกับคุณลูกค้าประจำ    :eiei1:  :haun5:


      ขอบคุณทุกกำลังใจ+เป็ดให้ทุกคนนะคะ ขอบคุณค่า   :กอด1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-03-2015 01:07:33
เริ่าหวานกันแระ. อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-03-2015 01:30:38
มาแล้วๆ ลูกชิ้นๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 20-03-2015 07:10:13
กลับมาก้อทำคะแนนเชียวนะคุณนนทนัฐ.
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-03-2015 08:22:56
ชอบๆๆๆ

เริ่มหวานนิดๆแล้วสิ

ต่อจากนี้จะเป็นยังไงนะ?

รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 54 กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง [19-3-15] มาแล้วจ้า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-03-2015 09:25:11
ถ้านนท์รู้ว่าชิน
ปิดบังเรืองพล
จะน้อยใจไหมหนอ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 55 ปิดบัง [24-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 24-03-2015 23:17:21



                                                       ตอนที่55   ปิดบัง


          ชินพัตน์ลอบมองไปรอบบริเวณหน้าร้านของตนเอง เมื่อแน่ใจว่าคงไม่มีใครแอบตามเขาไปแน่  เขาถึงขับรถไปยังบ้านสวนของยาย แต่ก็ยังไม่วายกังวลใจเพราะยังระแวงอยู่ตลอดว่างจะมีลูกน้องของนายเนติธรนั้นติดตามเขามาหรือเปล่า มาถึงสวนอย่างรวดเร็วพายายขึ้นไปนั่งรอที่หน้ารถก่อน แล้วกลับมาคุยกับกัมพล

“พล อยู่ที่นี้เป็นยังไงบ้าง”

“ดีครับ ยายก็ใจดีกับผมมากเลย งานก็ไม่หนักอะไร ผมทำได้สบายมาก พี่ชินไม่ต้องห่วงนะครับ”

“อืมดีแล้วล่ะ  แต่พี่มีเรื่องอยากจะถามเราหน่อย”

“เรื่องอะไรครับ “

“พลรู้จักคนที่ชื่อ เนติธรหรือเปล่า”ชินพัตน์สังเกตสีหน้าของกัมพลไปด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าหน้าของเด็กหนุ่มถอดสีทันที่เมื่อได้ยินชื่อนั้นขึ้นมา
“เอ่อ ทำไมครับ เขาสั่งให้คนมาก่อกวนที่ร้านพี่ชินเหรอครับ “เด็กหนุ่มดูท่าทางร้อนร้นและรีบถามหาเหตุผล

“อืม เขามาถามหาพลที่ร้านของพี่”

“เหรอครับ ผมขอโทษนะครับ พี่ต้องเดือดร้อนเพราะผม งั้นผมจะกลับไป พี่จะได้ไม่เดือดร้อนแบบนี้”

“พลช่วยบอกพี่หน่อยได้ไหม ว่าทำไมคนคนนั้นถึงต้องการตัวเรากลับไปขนาดนั้น”

“เออ คือ ผม……คือ…..” กัมพลเจอคำถามตรงๆแบบนี้ก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดี เพราะจริงแล้วก็อยากจะบอกเรื่องทั้งหมดให้ชินพัตน์ฟังเหมือนกัน แต่เรื่องมันชักยุ่งวุ่นวายจนเขาก็เริ่มจัดการอะไรไม่ถูก

“ลำบากใจที่จะเล่าให้พี่ฟังเหรอ” ชินพัตน์ดูจากท่าทีอำอึ้งของเด็กหนุ่มแล้วก็ไม่อยากคาดคั้น

“ขอโทษครับพี่ คือผมไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้จากตรงไหนก่อนดี….”กัมพลเอาแต่ก้มหน้า

“เอาล่ะ  ไว้ค่อยคุยกันเย็นนี้แล้วกัน พี่กับยายต้องไปขายของก่อน “

“ครับพี่”

            ชินพัตน์ขับรถพายายมาที่ตลาด นนทนัฐที่จัดร้านลูกชิ้นปิ้งไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมยังปิ้งไว้ค่อยเขามาพร้อมขาย  ทั้งยายและนนทนัฐที่ ไม่ได้เจอกันนานต่างพูดคุยกันนาน ตอนที่ช่วยกันจัดร้านผักของยาย ลูกค้าลูกชิ้นของเขาก็เข้ามาพอดี

“วันนี้มาตั้งร้านแต่วันเลยนะจ๊ะ มีลูกน้องมาใหม่แล้วเหรอจ๊ะ” ลูกค้าที่เดินตลาดก่อนที่ชินพัตน์จะมา วกกลับมาซื้อลูกชิ้นปิ้งที่กำลังร้อนๆได้ที่พร้อมขายเข้ามาชวนคุย

“อ้อ ครับคือพอดีเพื่อนผมมาช่วยนะครับ” ชินพัตน์หันไปมองคนที่ถูกถามถึง กำลังช่วยยายเรียงผักและพูดคุยกับยายไปด้วย

“วันนี้ป้า สั่ง 10 ไม้นะจ๊ะ “

“ครับได้ครับ” 
“ได้แล้วครับทั้ง 100 บาท แถม 1ไม้นะครับ” ชินพัตน์ยิ้มการค้า เมื่อลูกค้าคนแรกเดินออกจากร้านไป เขาก็หันกลับมาจะเตรียมของอย่างอื่น แต่เมื่อเปิดตู้แช่ของ ก็พบกับ ผักที่หันไว้แล้ว ลูกชิ้นที่เสียบไว้แล้วเรียบร้อย จัดแช่ไว้อย่างดีพร้อมหยิบขึ้นมาปิ้งได้ทุกเมื่อ ทำให้เขาต้องหันไปหาคนที่เขาคิดว่า เป็นคนจัดเตรียมของพวกนี้ไว้ให้เขา

“มีอะไรให้ผมทำอีกไหม” นนทนัฐที่รู้ตัวว่ามีคนมองหาอยู่ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

“ไม่มีแล้ว คุณไปช่วยยายขายผักก็ได้” ชินพัตน์หันกลับไปสนใจลูกชิ้นปิ้งบนเตาอีกครั้ง

“ผมช่วยปิ้งนะ”

“ไม่เป็นไรผมทำเอง คุณไปคุยกับยายต่อเถอะ”

“แต่ผมอยากช่วยคุณขาย ผมช่วยยายจัดร้านเสร็จหมดแล้วครับ ลูกค้าก็ยังไม่มี ให้ผมช่วยปิ้งนะครับ” นนทนัฐยื้อลูกชิ้นในมือชินพัตน์มาเพื่อต้องการปิ้งเอง มือที่สัมผัสกันเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้ชินพัตน์ถึงกับร้อนวูบไปทั่วหน้า

“ได้คุณอยากช่วยใช่ไหม ช่วยให้ตลอดนะ ขายไม่หมดไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าด้วย ผมจะกลับไปดูที่ร้าน” ชินพัตน์รีบเดินหนีกลับไปที่ร้านทิ้งให้นนทนัฐยืนงง ที่ต้องรับหน้าที่เป็นพ่อค้าลูกชิ้นปิ้งจำเป็นขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ก็ยังยิ้มชอบใจที่ทำให้ใครบ้างคนอายแล้วหนีกลับร้านไปได้แบบนั้น

              ชินพัตน์กลับมาอยู่ที่ร้าน แต่มั่วชะเง้อมองไปยังที่ตลาดตลอดเวลา เป็นห่วงพ่อค้าจำเป็นแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ กลับมาดูแลลูกค้ามีเข้ามาเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับที่ร้านอย่างหน้าแปลกใจ แถมมีลูกค้าหน้าตาใหม่ๆเขามาอีกกลุ่มใหญ่ นั้นทำให้เรื่องที่กังวลก่อนหน้านี้หมดไป เรื่องเพียงเรื่องเดียว คือเรื่องของกัมพลและนายเนติธรอะไรนั้น ที่ยังค้างคาใจอยู่

“ไม่เดินไปดูที่ตลาดบ้างจะดีเหรอตาชิน เพื่อนเราจะขายของได้แน่เหรอ”

“ก็ถ้าขายไม่ได้ล่ะก็ เจอดีแน่!!!”

“อะไรนะตาชิน” ป้าสงสัยว่าหลานชายพูดถึงเรื่องอะไร

“ปะ เปล่าครับ  เออ เดี๋ยวผมลองเดินไปดูก่อนแล้วกันนะครับ” ชินพัตน์รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

                 ชินพัตน์ไม่ได้เดินตรงไปยังร้านลูกชิ้นของเขาทันที แต่กับเดินอ้อมๆ เพื่อแอบดูว่าคนที่เขาสั่งให้ขายของจะทำได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาได้เห็นกับทำให้แปลกใจ เพราะลูกค้ายืนรอเต็มหน้าร้าน แถมมีลูกค้าสาวๆมายืนช่วยปิ้ง ชวนคุยกันสนุกสนาน เสียงพูดคุยเป็นกันเองจนชินพัตน์ยังแปลกใจ ว่าทำไมนนทนัฐทำได้และขายของได้ดีแบบนี้

“นั้นไงครับ เจ้าของร้านมาแล้วครับ” นนทนัฐที่เงยหน้ามาจากเตาปิ้ง เอยบอกกับเหล่าลูกค้าที่ยืนรออยู่

“ตายแล้วเจ้าของร้านก็หล่อ คนขายก็หล่ออย่างนี้ลูกค้าจะไม่เยอะได้ยังไงกัน” ชินพัตน์ได้ยินคำพูดของลูกค้าใหม่ชมเข้าถึงกับอาย รีบเดินไปช่วยนนทนัฐหยิบลูกชิ้นปิ้งจากมือมาเตรียมใส่ถุง ส่งให้ลูกค้าที่ยืนรอ

“ขอบคุณนะครับ โอกาสหน้าแวะมาใหม่นะครับ”

“ได้จ๊ะ จะมาซื้อทุกวันเลย อิอิ” สาวๆกลุ่มใหญ่เมื่อได้พูดคุยเล็กๆน้อยๆกับสองหนุ่มจากร้านลูกชิ้นปิ้งอย่างพอใจแล้วก็ต่างพากันออกจากร้านไป

“คุณจะปล่อยให้ผมขายคนเดียวจริงๆใช่ไหม “ นนทนัฐเริ่มต่อว่าคนที่เอาแต่หันผักใส่ตะกร้าเพิ่ม

“ผมก็มาช่วยแล้วนี้ไง บ่นอยู่ได้” ชินพัตน์ไม่อยากจะสนใจคำพูดของคนที่ต่อว่าเขาไม่จริงจังอะไร แถมยังทำตัวสนุกสนานกับลูกค้าสาวๆขนาดนั้น ชอบล่ะสิไม่ว่า

“จริงแล้วผมขายคนเดียวก็ได้นะ หึหึ” ยังมีหันมายกยิ้มภูมิใจอีกว่าตนเองก็สามารถรับมือลูกค้าจำนวนมากได้อย่างสบายๆ

“งั้นเหรอ คงชอบสินะลูกค้าสาวๆทั้งนั้นเลยนี้  งั้นคุณก็ขายให้หมดไปคนเดียวเลยนะ” ชินพัตน์ลุกขึ้นยืนจะเดินออกจากร้าน แต่ก็โดนนนทนัฐดึงแขนไว้

“คุณหึงผมเหรอ?”

“ห หึงอะไร พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ปล่อยนะผมจะกลับไปดูที่ร้าน”

“ทำยำลูกชิ้นให้ผมทานหน่อยสิครับ ผมหิวแล้ว นะครับ”นนทนัฐยังไม่ยอมปล่อยมือคุณเจ้าของร้านแถมอ้อนขอยำลูกชิ้นแถมอีกด้วย

“คุณก็ปล่อยมือสักที่สิ ผมจะได้ไปทำให้” ชินพัตน์ที่นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่บ่ายมาพ่อค้าจำเป็นที่เขาสั่งให้ขายของแทนคงยังไม่ได้ทานอะไรเลย มองท่าที่ที่เอาแต่ใจแบบนั้นแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าใช่คนเดียวกันก่อนหน้านี้หรือเปล่า

“ครับ แล้วผมจะรอนะครับ” นนทนัฐยิ้มดีใจเพราะคนตรงหน้าตามใจเขา ก่อนจะปล่อยมือก็กระซิบบอกพร้อมรอยยิ้มกวนๆ

“ขายลูกชิ้นไม่หมด อย่าหวังจะได้กินเลย ฮ่าๆๆ” คุณเจ้าของร้านตอบกลับทันที่ และเดินอารมณ์ดีออกจากร้าน เพราะคิดว่าได้แกล้งใครบ้างคนแล้ว ก็ได้แต่หัวเราะออกมา เมื่อเห็นหน้าคนที่รอจะกินยำลูกชิ้น หุบยิ้มทันที่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นไป


                   ชินพัตน์กลับมาดูแลที่ร้าน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทำยำลูกชิ้นตามคำขอของใครบางคน แล้วให้จอยเอาไปส่งให้ที่ตลาดนัดแทน  จนเวลาเลยมาถึงช่วงหัวคำลูกค้าในร้านก็ยังพอมีอยู่ ร่วมถึงลูกค้าที่มาจากตลาดนัด เดินเข้ามาสั่งลูกชิ้นปิ้งบอกว่าที่ตลาดลูกชิ้นหมดแล้ว เลยต้องเดินมาซื้อที่ร้านก่อนกลับ ชินพัตน์ก็รู้เลยว่าพ่อค้าจำเป็นขายของที่ตลาดหมดแล้ว
Rrrrrr Rrrrr

“ว่าไงครับ” ชินพัตน์เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็รีบรับสายทันที

“ผมเก็บร้านเสร็จแล้วนะครับ ผมไปส่งยายที่สวนเลยนะครับ”นนทนัฐบอกหลังจากเก็บของเสร็จแล้วเตรียมจะไปส่งยาย

“เฮ้ย!!!  ไม่เป็นไรคุณ เดี๋ยวผมไปส่งยายเอง คุณกลับมาทีร้านเถอะ ผะ ผมทำกะเพราลูกชิ้นไว้ให้ รีบเข้ามากินสิ เร็วๆเลยนะคุณ” ชินพัตน์รีบเอาของกินมาเป็นข้ออ้างเพื่อเปลี่ยนความตั้งใจของใครบางคน

“ผมไปส่งเองก็ได้ แล้วผมจะรีบกลับมาทานข้าวเย็นกับคุณแน่ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ”นนทนัฐยกยิ้มเพราะเขารู้ทันคุณเจ้าของร้านแล้ว สงสัยอยากตอบแทนเขาด้วยการกินข้าวเย็นด้วยกันแน่ๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น คุณขายของแทนผมทั้งวันแล้วไง ผมก็อยากให้คุณพักเร็วๆไง เดี๋ยวผมไปส่งยายเอง”

“ครับ ครับ” นนทนัฐว่างสายแล้วก็ยกยิ้มมองไปยังร้านของชินพัตน์อย่างมีความหมาย

                        ชินพัตน์ที่รีบออกมาจากร้านเพื่อไปรับยายแล้วไปส่งที่บ้านสวน ยังย้ำให้นนทนัฐรออยู่ที่ร้านทานกับข้าวที่เขาทำไปก่อนได้เลย นนทนัฐก็รับคำง่ายๆ และยังฝากให้ดูแลร้านแทนตอนที่เขาออกไปข้างนอกอีกด้วย เพราะยังเป็นห่วงความปลอดภัยของป้าพรและจอยอยู่  นนทนัฐก็รับปากว่าจะดูแลให้ แถมยังหยอดก่อนออกจากร้านอีกด้วยว่า
รีบกลับมาเร็วๆนะครับด้วยรอยยิ้มบาดใจนั้นอีก แล้วหัวใจของเจ้าของร้านก็ทำงานหนักไปตลอดทางที่ขับรถไปส่งยาย

“ยายครับ วันนี้คุณนนท์ได้ถามอะไรแปลกๆกลับยายหรือเปล่าครับ”

“ถามเรื่องอะไรจ๊ะ”

“เออ อย่างเช่น ถามหาคนอะไรแบบนะครับ”

“เปล่านี้จ๊ะ  คุยกันเรื่องทั่วไปแค่นั้นเอง”

“อ้อครับ คือผมไม่ได้บอกใครเรื่องที่พลไปพักอยู่ที่บ้านยายนะครับ ผมเลย…”

“ไม่ต้องห่วงนะ ยายไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย”ยายส่งยิ้มกลับมา ทำให้ชินพัตน์ใจชื่นขึ้นมาได้

“ขอบคุณครับ”

                 พูดคุยกับยายได้สักพักก็ขอตัวกลับบ้าน กัมพลที่ยังคงเก็บของอยู่ที่หน้าบ้านรอชินพัตน์อยู่ก่อนแล้วก็พุดคุยกันเรื่องที่ร้านเล็กน้อย ก่อนจะขับรถกลับบ้าน ชินพัตน์ก็ฝากให้กัมพลดูแลยายกับตัวเองให้ดี เพราะเกรงว่าจะมีคนมาตามหาเลยให้ระวังตัวไว้บาง และอาจจะหาที่อยู่ให้ใหม่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง





   

   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!  :z12:

 คุณเจ้าของร้านจะปิดบังหลบซ่อน ไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ?  :m29:

พรุ่งนี้เช้า มินมินจะย่องมาลง ตอนต่อไปให้อ่านนะคะ   :m26:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยาย +เป็ดให้ทุกกำลังใจด้วยนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 55 ปิดบัง [24-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-03-2015 00:05:19
เฮ้อออ พลเป็นไรกะอีตานั้นนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 55 ปิดบัง [24-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pupae2528 ที่ 25-03-2015 06:57:48
มีแววว่ามีอีกคู่แม่นบ่ :mew3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [24-3-15] มาอ่านต่อกันเลย
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 25-03-2015 17:52:59



                                             ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ
         
           
                   ชินพัตน์รีบขับรถกลับมาที่ร้านเพราะไม่อยากให้นนทนัฐผิดสังเกตเลยลืมเรื่องที่จะคุยกับเด็กหนุ่มกัมพลไปซะได้ คิดว่าเอาไว้แวะไปคุยกันพรุ่งนี้แล้วกัน พอกลับมาถึงร้านลูกค้ากลุ่มสุดท้ายออกจากร้านไปพอดี ทุกคนเลยช่วยกันเก็บร้าน ตรวจดูว่าต้องออกไปซื้อของอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าในตอนเช้า ชินพัตน์ก็นับเงินทั้งของที่ร้านและเงินที่พ่อค้าจำเป็นขายแทนวันนี้ด้วย ส่วนป้ากับจอยขึ้นไปพักผ่อนข้างบนแล้วเหลือเพียง เหลือเพียงคุณเจ้าของร้านและคุณลูกค้าประจำอยู่ด้านล่างเท่านั้น


“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”ชินพัตน์เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยกยิ้มกวนๆ

“ช่วยกลับไปที่ตึกของคุณได้แล้วครับ” แถมด้วยยิ้มกวนประสาทส่งไปให้คนที่นั่งมองอยู่ข้างๆ


“ผมยังไม่อยากกลับ” ทำหน้ามึนตอบกลับไปให้คุณเจ้าของร้านคืนบ้าง


“แล้วคุณจะมานั่งมองผมอยู่แบบนี้หรือไง รบกวนสมาธิผมนะ ดึกแล้วก็กลับไปพักผ่อนสิ” ชินพัตน์หน้าบึ้งทันทีเมื่อเจอกับคำตอบหน้าตายแบบนั้น

“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”นนทนัฐถามยกยิ้ม


“………….”ชินพัตน์ไม่ทันจะตอบกลับ


“แต่ผมเป็นห่วงคุณนะ อยากให้คุณทำงานเสร็จเร็วๆจะได้ไปผักผ่อนสักที เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” นนทนัฐกุมมือของคุณเจ้าของร้านเพื่อสื่อถึงความรู้สึกตอนนี้


“ผมตรวจยอดสั่งของอีกสักพักผมก็จะขึ้นไปพักแล้วล่ะ คุณก็กลับไปพักเถอะ คุณก็ช่วยผมขายของมาทั้งวันเหมือนกัน” ชินพัตน์พูดเสียงเบาเพราะสายตาเป็นห่วงนั้นส่งมาถึงใจเขา และเขาก็เป็นห่วงพ่อค้าจำเป็นเหมือนกัน


“ผมรอคุณทำงานตรงนี้เสร็จก่อน แล้วผมก็จะกลับไปพักเหมือนกัน” นนทนัฐตอบเสียงเบา


“อืม”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้า ไม่อยากจะขัดอีกต่อไป


              นาฬิกาบนฝาผนังร้านบอกว่า เวลาล่วงเลยมาถึง 4 ทุ่มแล้วชินพัตน์ก็ปิดสมุดบัญชี และยอดสั่งของของลูกค้า และยอดสั่งของของเขาที่ต้องสั่งลูกชิ้นมาเพิ่มเติม ไว้ค่อยสั่งของพรุ่งนี้ เพราะลอบมองคนที่นั่งมองเขามาตลอด ยังไม่มีที่ท่าว่าจะลุกหายไปไหน แถมยังเดินไปชงเครื่องดื่มโกโก้ร้อนมาให้ดื่มอีกด้วย นั่งจิบไปก็มองหน้าเขาไปแบบนี้ไม่มีทีท่าจะเบื่อ


“นี้คุณไม่เหนื่อย ไม่ง่วงหรือยัง มานั่งเฝ้าอยู่ได้” ชินพัตน์ที่เก็บของบนโต๊ะทำงานเรียบร้อยก็ถามคนที่นั่งข้างๆ


“ผมคิดว่าผมเสียเวลาไปเยอะแล้ว ผมอยากใช้เวลานี้อยู่กับคุณให้ได้มากที่สุด” ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นนั้น ทำให้ชินพัตน์พยายามบังคับใบหน้าตนเองให้เป็นปกติ ไม่แสดงออกว่าดีใจมากขนาดไหนกับคำพูดนั้น


“ผมว่าเดี๋ยวคุณก็เบื่อ เพราะผมไม่มีเวลาว่างแบบคุณหรอกนะ” ชินพัตน์พยายามบ่ายเบี่ยงไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาคนที่เอาแต่จ้องมองมาทีตนเองตลอดเวลาแบบนี้


“ผมรู้แล้วว่าเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้ ผมมีความสุขที่สุด แล้วผมจะเบื่อได้ยังไงล่ะครับ” นนทนัฐยังไม่หยุดพูดเรื่องที่ทำให้คุณเจ้าของหัวใจเต้นแรงและใบหน้าที่พยายามซ่อนความเขินอายนั้นลดลงได้เลย

“คุณ พอเถอะนะ ผมง่วงนอนแล้ว” ชินพัตน์รู้เลยว่าตนเองรับฟังไม่ไหวแล้ว กลัวปล่อยใจไปกับบรรยากาศรอบตัว และคำพูดของคนตรงหน้า เผยความรู้สึกออกไป รออีกหน่อยนะ ตอนนี้ผมขอพักก่อน


“ครับ ขึ้นไปนอนพักเถอะครับ พรุ่งนี้คุณต้องตื่นมาแต่เช้าด้วย” นนทนัฐรับรู้ว่าคนตรงหน้ารู้ถึงความรู้สึกที่เขาพยายามที่จะบอกออกไป คงอีกไม่นานเขาจะได้หัวใจของคนตรงหน้ามาครอบครองอย่างแน่นอน  ยกยิ้มอย่างภูมิใจ


“คุณก็ไปพักเถอะ”


“ฝันดีนะครับ”


“คุณก็เหมือนกัน “ ชินพัตน์ที่เดินมาส่งนนทนัฐที่หลังร้านพูดก่อนที่จะปิดประตู แต่แล้วคนที่เหมือนจะเดินไปยังตึกของตัวเองแล้วกลับเดินมาดึงประตูรั้วหลังร้านเอาไว้


“ชิน ผมเป็นคนไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” นนทนัฐเก็บคำถามนี้ไว้ในใจมานาน


“เอ๊ะ!!???” ชินพัตน์ทำหน้าไม่เข้าใจท่าที่จริงจังของคนตรงหน้าเท่าไร เพราะเมื่อกี่ทุกอย่างดูปกติดี


“ผมไม่สามารถเป็นที่พึ่งของคุณได้เลยเหรอครับ” คำถามถูกส่งกลับมาอีก


“คุณหมายความว่าอะไร ผมไม่เข้าใจ”


“ผมเข้าใจว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดี เปิดใจคุยกันได้ทุกเรื่องแล้วซะอีก “ นนทนัฐส่งสายตาตัดพ้อ


“ผมก็ไม่ได้ เอ่อ…..” ปิดกั้นแต่ยังยอมรับคนตรงหน้าที่ยอมกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งอย่างง่ายดาย แล้วแบบนี้ยังไม่เรียกว่าเปิดใจอีกเหรอ แล้วเขาต้องทำยังไง ชินพัตน์เริ่มไม่เข้าใจเหตุผลที่คนตรงหน้าพูดขึ้น


“ผมเป็นห่วงคุณนะชิน ผมไม่อยากให้คุณเจอเรื่องวุ่นวาย เพราะความใจดีที่ค่อยห่วงใยคนอื่นแต่ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้”


“!!!!!”ชินพัตน์ถึงกับสะอึก เมื่อถูกพูดเรื่องที่เขากำลังกังวลใจอยู่ตอน ทั้งเรื่องวุ่นวายที่ร้านและเรื่องช่วยเหลือกัมพล


“คุณรู้ไหม วันนั้นผมเป็นห่วงคุณมากขนาดไหน โชคดีที่วันนั้นคุณไม่อยู่ที่ร้าน”


“……………..”ชินพัตน์ได้แต่ยืนนิ่งฟัง คิดย้อนกลับไปวันที่เกิดเรื่องวุ่นวายที่ร้าน


“และผมก็ไม่อยากให้คุณเจอกับกลุ่มคนพวกนั้นอีกแน่ ”


“……….....”


“คุณไว้ใจผมได้ไหม”


“…………….”ชินพัตน์ได้แต่มองแววตาขอร้องนั้นอย่างสับสน


“บอกผมมาเถอะครับ ว่าคนที่คุณเนติธรตามหาอยู่ อยู่ที่ไหน?”


“คุณรู้!!!!” ชินพัตน์ตกใจที่คนตรงหน้ารู้ว่าเขาช่วยคนที่เขาต้องการตามหา


“ถึงผมจะรู้จักคุณได้ไม่นาน แต่ผมพอจะรู้ว่าคุณเป็นคนห่วงใยคนรอบข้างเสมอ และผมคิดว่าคงร่วมไปถึงคนที่คุณเนติธรตามหาอยู่ด้วยใช่ไหมครับ” 


“……………”ชินพัตน์หลบตาทันที่


“ผมว่าเราต้องมีเรื่องคุยกันยาวซะแล้วล่ะ” นนทนัฐเดินไปดึงมือคุณเจ้าของร้านให้เดินออกจากรั้วและเดินไปยัง ประตูด้านหลังของตึกที่เขามีชื่อเป็นเจ้าของ ชินพัตน์ที่ยังคิดหนักอยู่ว่าทำไมนนทนัฐถึงรู้ได้ว่าตนเองช่วยเหลือกัมพล เดินตามเข้าตึกไปอย่างว่าง่าย สติกลับมาอีกที่ก็โดนพามาที่โซฟาตัวเดิม


“ผมสัญญานะ ว่าผมจะจัดการเรื่องต่างๆเอง พวกเขาจะไม่มาวุ่นวายกับคุณอีก “


“ผมไม่แน่ใจว่าพลจะปลอดภัยไหมถ้าเจอกับคนคนนั้น ผมเป็นห่วง” ชินพัตน์ก้มหน้าคิดหนักเพราะความเป็นห่วง


“เชื่อใจผมนะ ชิน” นนทนัฐดึงมือคนที่เอาแต่กังวลใจเข้ามากุมไว้ และขอร้อง


“……………….”ชินพัตน์ยังคงไม่แน่ใจ ลังเลที่จะบอก


“ผมยืนยันได้ว่า เด็กที่ชื่อพลปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาเป็นคนสำคัญของคุณเนติธร”


“เอ๊ะ!!! คุณหมายความว่า…???”ชินพัตน์หันมาถามอย่างสนใจ


“ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเขาทั้งสองมีปัญหาอะไรกัน แต่ผมยืนยันได้ว่าคนที่คุณช่วยเหลือจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา เชื่อผมสิ” นนทนัฐส่งยิ้มเล็กเพื่อเป็นการยืนยัน และรอเพียงคำตอบจากคนที่เขารัก
.
.
.
.
“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปหาพล” ชินพัตน์คิดว่าการเชื่อใจใครสักคนเป็นเรื่องดี และคนตรงหน้าก็แสดงให้เขาเห็นแล้วมีทั้งความห่วงใยและใส่ใจเขาเสมอ


“ขอบคุณครับ” นนทนัฐยกยิ้มดีใจเมื่อคนที่เขารักเชื่อใจในตัวเขา
     

           นนทนัฐดึงคนตัวบางกว่าเข้ามาในอ้อมกอดแสดงความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษขึ้นมาแล้วในอีกระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากขนาดเอยคำพูดที่เขารอมานาน เช่นการตอบรับรักเขา แค่เชื่อใจและเชื่อมั่นในตัวเขาแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว 
.
.
.
.     

          ชินพัตน์ที่กลับมายังร้านขึ้นมานั่งอยู่ในห้องนอนเพื่อปรับสภาพหัวใจให้เป็นปกติ เพราะกว่าจะหลุดออกจากมือปลาหมึกของคนที่เขาไว้วางใจ บอกว่าจะพาไปหาเด็กหนุ่มกัมพล แต่ก็พลาดเรื่องง่ายๆ โดนกอดไม่ยอมปล่อย เขาเองต้องลงไม้ลงมือไปหลายครั้งกว่าจะปล่อยตัวเขามาได้  ทุบตีไปหลายที  เกือบเผลอใจไปกับความเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ


“เกือบไปแล้ว เฮ้อ!!!!” ชินพัตน์บ่นกับตนเอง ถอนหายใจเมื่อนึกว่าตนเองเกือบจะเผลอไผลไปกับบรรยาศรอบๆตัวแล้ว


“อย่าได้ใจไปนะ ต้องให้รอซะให้เข็ด คนบ้า” นึกถึงหน้าคนที่คอยเอาเปรียบเขา ยกยิ้มคิดแผนไว้ในใจ หันมองไปยังกำแพงที่กั้นเขาและใครอีกคนเอาไว้ อย่างมีความหมาย
.




  มาต่อให้อ่านอีกตอนแล้วจ้า ไม่ต้องรอนาน  :mew1:

  หวานๆ เบาๆ สำหรับตอนนี้ อิอิ  :m1:

 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :pig4:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [24-3-15] มาอ่านต่อกันเลย
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-03-2015 19:06:52
แอบหวานหน่อยๆ นะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [25-3-15] มาอ่านต่อกันเลยจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-03-2015 20:12:54
น่ารักอ่ะตอนนี้
ชอบนนท์ ไม่ง้องแง้ง
เข้าใจชินที่ต้องปิดบัง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [25-3-15] มาอ่านต่อกันเลยจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 25-03-2015 21:41:54
กำพล
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [25-3-15] มาอ่านต่อกันเลยจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 25-03-2015 22:32:08
นนท์ ชิน มีหวานๆหล่ะ ชินอย่ากักดิ
กัมพล เนติธร ใช่?ใช่มะ?
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 56 เชื่อใจผมเถอะ [25-3-15] มาอ่านต่อกันเลยจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-03-2015 00:01:21
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 57 ถามหาเหตุผล [28-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 28-03-2015 15:19:21



                                       ตอนที่ 57  ถามหาเหตุผล


            ตอนเช้าชินพัตน์โทรหาพี่ชายให้มาดูที่ร้านให้ เพราะตนเองจะไปหากัมพลกับนนทนัฐ พี่ชายก็รับปากจะได้เอาลูกชิ้นที่น้องชายสั่งมาให้ด้วย และก็อยากรู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดกับน้องชายด้วย เลยรีบไปที่ร้านของป้าเพื่อแวะไปเอาลูกชิ้นและรีบไปหาน้องชาย และไม่คิดว่าจะเล่าเรื่องวุ่นๆที่ร้านของน้องชายให้ผู้เป็นป้าและลุงฟัง เพราะไม่อยากให้ทั้งสองเป็นห่วง นพคุณคิดว่าตนเองอยากจะไปช่วยจัดการปัญหาให้กับน้องชายก่อน แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ให้ทั้งสองฟังที่หลัง

(ได้แล้วพี่จะรีบไปนะ)นนทนัฐที่รับสายน้องชายทั้งแต่เช้าตรู่ เพราะต้องเป้นเรื่องสำคัญแน่ๆ

“ขอบคุณครับพี่ แล้วผมจะรีบกลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังนะครับ”

(มีอะไรให้พี่ช่วยต้องรีบบอกพี่นะ รู้ไหม?) นพคุณยังอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้ เพราะต้องเจอปัญหาเพียงคนเดียวแบบนี้

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ปัญหาทุกอย่างต้องจบวันนี้แน่นอนครับ” ชินพัตน์ตอบพี่ชายไปเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ที่สำคัญเขามีคนคอยอยู่แก้ไข้ปัญหาด้วยแล้วทั้งคน หันไปมองคนที่มาที่ร้านแต่เช้า

(“ยังไงพี่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี  ถ้าให้พี่เดาน่าจะมาจากเด็กกัมพลนั้นใช่ไหม”) นพคุณคาดเดาเรื่องวุ่นๆนี้ต้นเหตุมาจากใคร

“พี่ไว้ค่อยคุยกันอีกที่นะครับ ผมไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ เจอกันแล้วค่อยมาคุยเรื่องต่างๆกันนะครับ”

(“ได้ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำอะไรเกินนะรู้ไหม”)

“ครับพี่”ชินพัตน์รับร็ได้ว่าพี่ชายเป็นห่วงมาก

“ผมรีบไปก่อนนะครับ ฝากร้านด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ” ชินพัตน์มองดูเวลาแล้วไม่อยากไปช้า อยากให้ปัญหาต่างๆจบภายในวันนี้ วางสายจากพี่สายและเดินตรงไปหาคนที่รอเขามาตั้งแต่เช้าตรู่


“ไปรถของผมนะ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์วางสายจากพี่สายก็รีบออกตัวเป็นสาระถีขับรถให้

“แต่ว่า…..”ชินพัตน์ลังเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลก็ต้องยอม

“คนของคุณเนติธรน่าจะรู้ว่ารถคนไหนของคุณ ไปรถของผมดีกว่านะครับ จะได้ไม่มีใครตามไปถูก”

“ครับ”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เดินขึ้นรถของนนทนัฐที่มาจอดประปนกับร้านใกล้ๆ

             ชินัพตน์นั่งเงียบเพราะคิดว่าจะเริ่มต้นถามเด็กหนุ่มอดีตลูกจ้างที่ร้านอย่างไรดี เพราะดูแล้วกัมพลเองไม่ค่อยอยากจะเล่าถึงเหตุผลที่หนีออกมาจากบ้านหลังนั้นทำไม แต่ยังไงวันนี้เขาต้องรู้เรื่องทุกอย่างจากปากเด็กนั้นให้ได้เพราะเรื่งอทุกอย่างจะได้คลีคลาย ไม่ค้างคาอยู่แบบนี้
.
.
.
“สวัสดีครับยาย”นนทนัฐทักทายคนสูงวัยกว่ารวมทั้งชินพัตน์ที่ยกมือไหว้ตามด้วยเช่นกัน

“อ้าวมากันแต่เช้าเลย”ยายที่นั่งเรียงผักลงตะกร้าหน้าลานบ้านเอยทักเมื่อเห็นคนทั้งสองมาพร้อมกันแต่เช้า

“ยายครับ พลไปไหนละครับ”ชินพัตน์ไม่ตอบคำถามแต่ถามหาคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดตอนนี้

“พลรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนนะ” ยายหันไปมองทางสวน

“ผมขอไปคุยธุระกับพลสักพักนะครับแล้วผมจะมาช่วยงานนะครับ”

“ไม่เป็นไรมีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกันไปเถอะ ไม่ต้องรีบมาช่วยยายหรอก ” ยายมองไปที่ตะกร้าผักที่เก็บผักบ้างอย่างไว้แล้วเตรียมไว้ขายวันพรุ่งนี้ 

“ครับ” ชินพัตน์รับคำและผละเดินไปที่สวนทันที่ นนทนัฐก็เดินตามไปด้วย
.
.
.
“พี่ชินมาช่วยยายเก็บผักเหรอครับ” เด็กหนุ่มเงยหน้าจากการพรวนดิน เห็นเจ้าของร้านลูกชิ้นเดินมาในสวนแต่เช้าก็ทักทายอย่างสนุก

“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราหน่อย”

“อ เออครับ “กัมพลรู้สึกกังวลเพราะมองไปด้านหลังเห็นคนที่มากับอดีตนายจ้างของเขา หน้าตาไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกแปลกใจที่ชินพัตน์พาคนแปลกหน้ามาที่นี้ด้วย

“ไม่ต้องกลัวนะ คนนี้เป็นเพื่อนพี่เอง ชื่อคุณนนทนัฐ”

“ค ครับ สวัสดีครับ” กัมพลรีบยกมือไหว้เมื่อรู้ว่าคนที่มาใหม่เป็นใคร

“สวัสดี”นนทนัฐรับไหว้และยิ้มบางส่งมาให้ ทำให้กัมพลรู้สึกคลายกังวลลงได้

“พี่ชินมีเรื่องอะไรจะถามผมเหรอครับ”  กัมพลที่เดินมานั่งตรงแคร่ใต้ต้นไม้ ด้านหลังบ้านของยาย ชินพัตน์ก็เดินมานั่งตาม

“เรื่องที่เราคุยกันไว้เมื่อวันก่อน เรื่องคุณเนติธร”

“ค ครับ” กัมพลนิ่งค้างเมื่อได้ยินชื่อนี้อีกแล้ว ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐสังเกตได้จากสีหน้าที่เป็นไปเป็นสีหน้ากังวลใจทันที่ของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่

“เล่าเรื่องของพลให้พี่ฟังได้ไหม ไปเกี่ยวข้องกับคุณเนติธรได้ยังไง จนเขาออกตามหาพลให้ทั่วเลยนะตอนนี้”

“เหรอครับ เพราะผมเลยทำให้พี่ชินเดือดร้อน เดี๋ยวผมกลับไปหาเขาเองก็ได้ครับ พี่ชินไม่ต้องห่วงนะครับ” กัมพลรีบพูดเมื่อรู้ว่าต้นเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนที่เป็นคนช่าวเหลือตนเองต้องเดือดร้อน พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตะหนก

“พลใจเย็นๆนะ พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่แค่อยากรู้เรื่องทั้งหมดเท่านั้นเอง ว่าคนพวกนั้นทำไมต้องการตัวเรามาขนาดนั้น”

“คือ….เขาสั่งให้คนมาตามหาผมเหรอครับ”

“ใช่ วันแรกมีคนบุกมาที่ร้านพี่เพื่อตามหาเรานะ”

“เขาทำเกินไปแล้ว”กัมพลพูดเสียงเครียดคิ้วขมวด

“และอีกวันคุณเนติธรก็มาหาพี่ด้วยตัวเขาเอง บอกให้พี่บอกมาว่าเราอยู่ที่ไหนด้วย ดูเขาจะมั่นใจมาด้วยนะ ว่าเป็นพี่ที่พาเราหลบหนี้มาอยู่ที่นี้”

“แล้วเขาทำอะไรพี่หรือเปล่าครับ ผมขอโทษ” กัมพลรีบหันกลับมาหาชินพัตน์มองดูไปทั่วร่างของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเป็นห่วง

“เปล่าเขาไม่ได้ทำอะไรพี่ เขาแค่มาขอโทษที่สั่งลูกน้องมาวุ่นวายที่ร้านของพี่ แต่ก็ยังไม่วายถามหาเราจากพี่อีก พี่ก็ได้แต่ปฏิเสธอย่างเดียว เขาถึงได้กลับไปนะ”

“เหรอครับ”กัมพลเหมือโล่งใจที่ชินพัตน์ไม่เป็นอันตรายจากคนที่เขาหนีมา

“แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน เขาจะตามมาถึงที่นี้ได้ พี่เป็นห่วงเรา พี่ถึงอยากรู้เรื่องทั้งหมดว่ามันเป็นมายังไง”

“ผมก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยครับ” กัมพลก้มหน้ามองมือตนเองอย่างสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง

“เราเรื่องที่เราพอที่จะเราให้พวกพี่พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็พอ พี่จะได้หาทางช่วยเราถ้าเราไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับคุณเนติธรอีก พวกพี่ก็จะช่วยได้ไงครับ” นนทนัฐที่เงียบฟังมานานก็พูดขึ้น เพราะฟังจากคนรักตนเองพูดคุยกับเด็กหนุ่ม พอจะเข้าใจเรื่องราวแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด อยากจะช่วยให้เด็กหนุ่มสบายใจว่ายังไงก็ยังจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุด เพราะเรื่องนี้เขารู้จักนิสัยของคนที่เขารักได้ดี

“นั้นสิพล เล่าให้พวกพี่ฟังได้ไหม” ชินพัตน์เสริม เมื่อเห็นแววตาคลายกังวลของเด็กหนุ่ม

“ได้ครับ  ผมกับคุณเนติธรพวกเราเป็น…………………..”













   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!    :laugh:

   มาลุ้นกันว่าเพราะอะไร ทำไม แล้วพวกเขาเป็นอะไรกัน?   :hao3:

  ขอบคุณทุกกำลังใจ + เป็ดให้ทุกคนนะค่า  :กอด1:







หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 57 ถามหาเหตุผล [28-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-03-2015 16:24:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 57 ถามหาเหตุผล [28-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-03-2015 16:28:28
ืมาตัดฉับอย่างนี้
ลูกชิ้นหมูล้วน
ก็ช่วยไรไม่ได้เลย

อยากกินลูกชิ้นอร่อยๆจัง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 57 ถามหาเหตุผล [28-3-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-03-2015 20:30:07
เป็นอะไรกันอะ. คริคริ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 58 หาทางแก้ปัญหา [01-04-15] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 01-04-2015 22:22:38







                                            ตอนที่ 58  หาทางแก้ปัญหา



 “ได้ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง คือผมกับคุณเนติธรเป็นญาติกันครับ แต่ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้นแล้ว เขาชอบบังคับผมให้ทำตาม สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่เคยฟังสิ่งที่ผมจะพูดเลย ผมก็เลยหนีออกมาจากที่นั้นมาครับ “


“แล้วคุณเนติธรเขาทำร้ายเราหรือเปล่า พี่จะได้แจ้งความ”

“เปล่าครับ แต่เขาแค่ห้ามไม่ให้ผมไปทำงานที่ร้านพี่ชินอีก ผมไม่ยอม เขาก็เลยกักบริเวณผมไม่ให้ผมออกจากบ้าน  แล้วก็แล้วก็ เออ…….”เด็กหนุ่มก้มหน้างุด เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ลังเลที่จะพูดออกไป

“ดูเหมือนคุณเนติธรคงเป็นห่วงพลมากนะ” อยู่ๆนนทนัฐก็พูดขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนของชินพัตน์

“เขาไม่เคยห่วงผมหรอกครับ เขาแค่กำลังปลดระวางต่างหาก โยนทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ที่ผม ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว “ เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาอีก เหมือนตัดพ้อและน้อยใจ เด็กหนุ่มก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองต้องรับผิดชอบบ้านหลังใหญ่ ธุรกิจทุกอย่างของบ้านเอื้อใจ มันเร็วเกินกว่าจะเข้าใจและยอมรับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้

“หมายความว่ายังไงพล อธิบายให้พี่ฟังให้เข้าใจหน่อย” ชินพัตน์กุมมือเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเห็นใจ พยายามรับฟังสิ่งที่กัมพลกำลังเผชิญปัญหาอยู่ตอนนี้

“เขาบอกผมว่า ผมต้องดูแลบ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ และกิจการต่างของตระกูลของผมด้วย แต่ผมพึ่งจะรู้ว่าที่นี้คือบ้านเกิดของพ่อ ผมแค่กลับมาแทนพ่อที่ออกจากไปโดยไม่มีโอกาสได้กลับมา เพราะพ่อผมเสียไปแล้ว แต่เขา เขาคุณเนติธรบอกให้ผมทำอะไรในสิ่งที่ผมไม่เคยทำ แบบนั้นผมไม่เข้าใจเขาเลย เขาเองก็ดูแลมาตั้งนานก็ดูแลต่อไปสิ ผมไม่สนใจทรัพย์สมบัติของที่บ้านหลังนั้นเลย ผมมาแค่ตัวผมก็จะออกไปแค่ตัว ผมไม่ต้องการอะไรจริงนะพี่ชิน ฮือๆๆๆๆ”  เด็กหนุ่มระบายความอัดอั้นในใจออกมาทั้งหมด และโผเข้ากอดชินพัตน์เพื่อต้องการที่พึ่งพิงคอยรับฟังและเข้าข้างตนเองบ้าง

              ชินพัตน์และนนทนัฐรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วระหว่าง กัมพลและคุณเนติธรจากปากเด็กหนุ่มที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ทั้งคู่มองหน้ากันไปมา เห็นใจเด็กหนุ่ม แต่ก็มองออกว่าทางคุณเนติธรก็อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องทำให้เด็กหนุ่มรับตำแหน่งหน้าที่ที่แสนหนักอึ่งนี้เหมือนกัน ทั้งที่กัมพลไม่ต้องการมันเลย


“พี่ว่าลองคุยๆคุณกับคุณเนติธรอีกครั้งดีไหม?” ชินพัตน์เห็นว่าเด็กหนุ่มหยุดร้องไห้แล้ว เลยออกความเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่าง

“ผมไม่อยากคุยกับเขาแล้ว คุยดีๆก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว เขาไม่เคยฟังผมเลยสักครั้ง เห็นผมเป็นเด็กตลอด” กัมพลเริ่มหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน

“พี่ว่าคุณเนติธรน่าจะเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้นะ” นนทนัฐพูดเหมือนแสดงความคิดเห็น เพราะที่เคยพูดคุยรู้จักกันมาดูจะเป็นคนที่น่านับถือคนหนึ่ง

“……………”กัมพลเงียบฟัง เหตุผลของคนที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ไข้ปัญหาของตนเองได้

“พี่ว่าพลใจเย็นๆก่อนนะ พี่ไม่ปล่อยให้พลกลับไปแน่ๆ ถ้าพลไม่อยากกลับไป แต่พลก็ต้องรู้นะว่าคุณเนติธรต้องการตัวเรากลับไปมากขาดไหน ถึงขนาดบุกมาที่ร้านของพี่ด้วยตนเอง”

“จ จริงเหรอครับ”

“ใช่ ครั้งแรกคงสั่งลูกน้องให้มาตามหาเราที่ร้าน แต่อีกวันคุณเนติธรมาเองเลยนะ”

“………..”กัมพลนิ่งไปเมื่อรู้ว่าใครบางคนออกตามหาตนเองแบบนี้

“พลอยู่ที่นี้ไปก่อน ไม่ต้องกังวลใจไป นะ” ชินพัตน์ลูบหัวเด็กหนุ่มเพื่อปลอบใจ

“ครับพี่ชิน”เด็กหนุ่มยิ้มอ่อนแต่ก็ยังไม่คลายกังวล คิดว่าตนเองกำลังทำให้ชินพัตน์เดือดร้อนอยู่หรือเปล่า


                     ชินพันต์และนนทนัฐขับรถกลับออกมาจากบ้านสวนของยายเพื่อมุ่งหน้ากลับมาที่ร้าน ที่ฝากพี่ชายให้มาดูแลแทนให้  และคิดว่าจะจัดการเรื่องของกัมพลอย่างไรดี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ทั้งคู่คิดไว้อีก เด็กหนุ่มกัมพลเป็นถึงเจ้าของบ้านหลังใหญ่ และเจ้าของที่ทั้งหมดในแถบนี้ กิจการใหญ่โตในเครืออีกตั้งมากมาย ส่วนคุณเนติธรนั้นดูจะเป็นคนรับผิดชอบทำให้เด็กหนุ่มเป็นเจ้าของกิจการทั้งหมดให้ได้ เพียงแต่ไม่สามารถทำได้ตอนนี้และไม่รู้วิธีเอาใจใสญาติอย่างกัมพลอย่างไง ให้รับภาระอันยิ่งใหญ่นั้นได้  คนนอกอย่างพวกเขาก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก คงต้องรอให้ทั้งคู่ใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยๆพุดคุยกันอีกสักครั้ง น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ดีกว่ามาเล่นซ่อนหากันไปมาแบบนี้แน่ๆ


“ผมคิดว่าผมจะลองคุยกับคุณเนติธรดู ผมว่าเขาต้องมีเหตุผลอะไรบ้างอย่างแน่  “

“ผมก็เป็นห่วงพลเหมือนกัน เพราะดูแล้วภายนอกเขาจะทำตัวเข็มแข็งขนาดไหน ผมว่าเขาก็ยังเป็นเด็กที่ต้องการคนดูแล
ผมเห็นเขาร้องไห้ ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ผมรู้สึกแย่มากๆ สงสารพล แต่ผมกับช่วยอะไรไม่ได้เลยแบบนี้”

“ชินคุณอย่าพึงคิดมากนะ ผมขอลองคุณกับคุณเนติธรก่อน ผมว่าเราน่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้ได้แน่” นนทนัฐจับมือของชินพัตน์ขึ้นมาจับไว้และบีบมือนั้นอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบ

“ผมอยากช่วยพวกเขาจริงๆนะ”

“ผมรู้ครับ “

 
          ทั้งชินพัตน์และนนทนัฐกลับบมาที่ร้าน เพื่อมาเจอพี่ชายที่มาคอยเฝ้าร้านให้ เล่ารายละเอียดคราวให้ นพคุณฟังด้วย  เพื่อไม่ให้เป็นห่วงและช่วยกันคิดหาทาง หลายๆความคิดน่าจะดีกว่า เลยปรึกษาและถามความคิดเห็น


“แล้วเด็กนั้นมันไม่อยากกลับไป ก็ให้ไปอยู่ที่อื่นซะเลยสิ เจ้าชิน” นพคุณถามน้องชายขึ้น


“ผมว่าพล เป็นคนสำคัญของบ้านหลังใหญ่นั้นแน่ๆ แต่พลยังไม่อยากรับผิดชอบอะไรที่เกินกำลังตนเอง และดูเหมือนคุณเนติธรก็ไม่มีวิธีพูดดีๆ ที่จะทำให้พลยอมรับภาระหน้าที่ของตนเอง ต่างคนต่างมีสิ่งที่ต้องการและอยากที่จะทำ เพียงแค่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันเท่านั้นเอง ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ” ชินพัตน์มองเห็นคนที่ตนเองอยากจะช่วย แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่พอจะฟังขึ้น ที่ต้องส่งกัมพลกลับไปยังบ้านหลังใน และอยู่ในความดูแลของคุณเนติธร


“ผมก็คิดเหมือนกันครับ” นนทนัฐที่นั่งฟังก็เห็นด้วยกับชินพัตน์


“พี่ว่า คงต้องให้พวกเขาคุยกันเองแล้วมั้ง พี่คิดว่าเรื่องมันไม่น่าจะจบ ถ้าปล่อยไป ไหนๆพวกเราก็ช่วยแล้ว ลองเป็นคนกลางดึงให้ทั้ง สองคนนั้นเข้ามาคุยกันดีๆสักครั้งดีไหม” นพคุณเห็นหนทางมีเพียงทางนี้ทางเดียว

“นั้นสิครับ ผมก็สงสารพลเหมือนกันต้องอยู่คนเดียว ทั้งๆที่มีบ้านมีญาติคอยช่วยเหลือ แต่ยังไม่เข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วงขนาดไหน

“ ชินพัตน์สมทบเพิ่มเติมและเห็นด้วยกับนพคุณ

“ใช่ครับ ส่วนคุณเนติธร ก็คงอยากจะให้ความสำคัญต่อพล แต่ใช้วิธีไม่ถูกแทนที่ใช้วิธีบังคับ ใช้เป็นวิธีค่อยๆสอนพลให้เขาเข้าใจภาระหน้าที่ของตนเองอย่างคอยเป็นค่อยไปอย่างนี้น่าจะดีกว่า” เมือทุกคนฟังต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นก็ตกลงตามนี้ พี่ว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้ว หลังจากพวกเขาคุยกันแล้ว ผลออกมาเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที่ พวกเราก็ยุ่งเรื่องร้านของตนเอง แล้วยังต้องมาวุ่นวายเรื่องของคนอื่นแบบนี้ พี่ว่าไม่ไหวนะ” นพคุณแอบบ่นเล็กๆ เพราะน้องเขาต้องมาเดือดร้อนกับใครก็ไม่รู้ แต่ตนเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

“พี่ใหญ่ผมขอโทษครับ “ชินพัตน์รู้สึกผิดที่ทำให้ใครหลายๆคนมาเดือนร้อนไปกับเรื่องของตนเอง

“นายจะขอโทษทำไม ลงเรือลำเดียวกันแล้วนิ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ก่อนป้ากับลุงจะรู้เรื่องแล้วจะพากันเป็นห่วงไปอีก”

“ครับพี่” ชินพัตน์ตอบรับพี่ชายและหันไปมองนนทนัฐที่ยืนมองมาที่ตนเองเพื่อให้กำลังใจ

“พรุ่งนี้ผมจะโทรนัดคุณกับคุณเนติธรเองครับ”

“มีอะไรคืบหน้าโทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน พี่รีบไปรับต้นก่อนนะ” นพคุณมองดูนาฬิกาเลยเวลาที่จะไปรับต้นกล้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยรีบขอตัวไปก่อน

“ครับพี่แล้วผมจะโทรรายงานผลครับ” ชินพัตน์เดินไปส่งพี่ชายที่รถ ส่วนนนทนัฐเดินไปช่วยป้ากับจอยเพราะลูกค้าที่ยังมีเยอะอยู่

“เจ้าชิน”

“อะไรพี่”

“ลูกค้าประจำนายกลับมาตั้งแต่เมื่อไรว่ะ “นพคุณหันไปมองภายในร้านและหันมาหลีตามองน้องชายตนเอง

“ก ก็กลับมาอยู่ตึกข้างๆกันนี้แหละครับ” ชินพัตน์ทำเป็นชี้ไม้ชี้มือตอบๆไป แต่ดูเหมือนพี่ชายจะรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่าลูกค้าประจำหรือเพื่อนบ้านแน่ๆ แต่ก็ยังไม่อยากจะซักไซ้อะไร เพราะต้องรีบไปต้นกล้า

“มีเรื่องอะไรดีหรือไม่ดีต้องบอกพี่รู้ใช่ไหม?”

“ครับ”

“พี่ไปก่อนนะ”

“ขับรถดีๆครับพี่”

“อืม”


         ชินพัตน์มองรถพี่ชายที่ขับออกไปจากหน้าร้านสู่ถนนใหญ่ รู้สึกถึงสายตาพี่ชายตนเองที่มองมายังตนเองก็รู้ได้ว่า พี่ชายคงอยากจะรู้เรื่องมากกว่านี้แน่ แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากบอก เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับคนที่กลับมาอยู่ข้างกันอีกครั้ง ในฐานะอะไร เพราะตนเองก็ยังไม่กล้าพูดได้เต็มปาก เพื่อน? หรืออะไร ที่มันมากกว่านั้น แค่อยู่ด้วยกันแบบทุกวันนี้ตัวเขาเองก็มีความสุข การที่มีใครสักคนอยู่ข้างๆเวลามีปัญหา ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดียว อย่างที่เคยเป็น

คุณจะเป็นคนคนนั้นหรือเปล่า?

“มีอะไรหรือเปล่า ชิน”

“เอ๊ะ!? เปล่าครับ “ ชินพัตน์หลุดออกจากห้วงความคิด ก็เพราะ นนทนัฐมาจับที่แขนของตนเองอย่างเป็นห่วง

“ก็ผมมายืนตรงหน้าคุณตั้งนานแล้ว คุณไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ คุณกำลังคิดอะไรอยู่”

“คือ    ผมกำลังคิดเรื่องคุณเนติธรกับพลนะ”

“งั้นเหรออย่ากังวลไปเลย ผมกำลังจะมาบอกคุณว่าผมจะลองโทรคุยกับคุณเนติธรดู”

“ก็ดีนะ ผมอยากให้เรื่องนี้ตกลงกันได้สักที่ ผมเป็นห่วงพลจริงๆ”ชินพัตน์ทำสีหน้าเป็นกังวล

“ทำไมคุณเป็นห่วงพลขนาดนี้ละครับ บอกเหตุผลให้ผมรู้บางได้ไหมครับ” นนทนัฐเห็นคนที่ตนเองรักแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นต่อหน้าตนเองแบบนี้แล้วรู้สึกแปลก ตัวเขาเองยังไม่เคยได้รับความรู้สึกนี้เลยสักครั้ง

“ทำไมอยู่ๆก็ถามขึ้นมาล่ะ ไหนว่าจะโทรหาคุณเนติธรไง ถ้าคุณไม่โทรก็เอาเบอร์เขามาผมจะโทรเอง” ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิดที่คนที่เขาอุตสาฝากความหวังไว้ แต่กับถามเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่อง

“ครับ ผมโทรให้แน่นอนครับ แต่ตอนนี้ดูร้านก่อนดีไหม ลูกค้าเยอะมากเลยครับ” นนทนัฐเห็นสีหน้าไม่พอใจคุณเจ้าของร้านแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุณทันที

“จริงด้วย มั่วแต่ห่วงเรื่องอื่น ปล่อยให้ป้าพรกับจอยทำกันอยู่แค่สองคน” ชินพัตน์หันไปมองภายในร้าน ลูกค้านั่งเต็มร้านไปหมด แถมจอยก็วิ่งวุ่นทั้งรับออเดอร์ลูกค้า ทั้งต้องค่อยเก็บเงิน ชินพัตน์รีบวิ่งเข้าร้านเพื่อไปเก็บเงิน และช่วยเสริฟร้านอาหารช่วยจอยอีกแรง ส่วนนนทนัฐก็รีบประจำตำแหน่งหน้าเตาปิ้ง ลูกค้ามายืนรอเป็นแถวยาวแล้ว   


                       ช่วงหัวค่ำ ลูกค้าก็ค่อยทยอยกันกลับไป จนเหลือกลุ่มสุดท้าย จอยเดินไปเก็บเงินก่อนกล่าว เชิญลูกค้ากลับมาทานที่ร้านอีกครั้ง จนติดเป็นนิสัยไปซะแล้วเรียกร้อยยิ้มกับผู้เป็นเจ้าของร้านได้อย่างดี มีคนที่คอยช่วยเขาแบบนี้ขยันทำงาน ชินพัตน์เองก็เบาแรง แต่ก็อยากได้คนมาช่วยเพิ่ม เพราะตั้งแต่กัมพลไม่มาทำงาน ที่ร้านก็เริ่มวุ่นๆ รับมือกับลูกค้าที่เข้ามาเยอะๆพร้อมๆกันไม่ค่อยจะไหว จริงอยู่ว่าวันนี้เขามีตัวช่วยมาอีกคน แต่จะช่วยไปได้นานเท่าไร ไม่รู้จะหายไปอีกตอนไหน  หันไปมองคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ 


“ผมช่วยเก็บร้านหมดแล้วนะ คุณมีอะไรให้ผมช่วยอีกไหม” นนทนัฐที่ช่วยป้าพรกับจอยเก็บร้านเสร็จก็เดินเขามาหาคนที่จ้องมองมาที่ตนเองไม่วางตา เลยสงสัยว่าน่าจะมีเรื่องอยากให้ช่วยอีกหรือเปล่า

“อ๊ะ ไม่มีแล้ว ขอบคุณมากคุณไปพักเถอะ” ชินพัตน์ตกใจเพราะนนทนัฐเข้ามาใกล้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร  หรือเพราะตัวเขาเองมั่วแต่คิดอะไรเพลินๆ จนไม่รู้ตัว

“แต่ผมเห็น จ้องๆมอง อยู่ที่เดิมๆ ยอกไม่ลงตัวเหรอ ให้ผมช่วยดูให้ไหม?” นนทนัฐที่มองดูชินพัตน์ที่เปิดหน้าบัญชีกับนับเงินไม่เสร็จสักที่ และยังเหม่อๆอีกด้วยเลยอยากช่วยขึ้นมา

“เปล่าๆ ผมตรวจยอดเงินเสร็จแล้ว ขอบคุณมากที่คอยมาช่วยที่ร้าน คุณกลับไปพักเถอะนะ” ชินพัตน์นึกขอบใจคนตรงหน้าจริง ทั้งเรื่องในร้านและอีกหลายๆเรืองที่คอยช่วยเหลือมาตลอด

“ชินคุณไม่หิวเหรอ ตั้งแต่บ่ายผมยังไม่เห็นคุณทานอะไรเลย” นนทนัฐที่บอกป้ากับพรให้ขึ้นไปพักก่อนแล้วเขากับชินพัตน์จะหาอะไรทานกันเอง เพราะมีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายอย่างอาจจะดึก เลยไม่อยากให้ป้ากับจอยเป็นห่วง

“จริงด้วย แล้วป้ากับจอยทานมื้อเย็นกันหรือยัง ผมนี่แย่จริงๆ ทำงานจนลืมไปหมดเลย คุณก็ด้วยใช่ไหม ยังไม่ได้กินอะไรเลย งั้นเดี๋ยวผมทำให้นะ” ชินพัตน์ที่นึกขึ้นได้ หันไปมองรอบๆร้าน ที่เก็บเรียบร้อยหมดแล้ว ร่วมทั้งป้าพรกับจอยก็ขึ้นไปพักแล้ว

“ไม่เป็นไรนะ ป้าพรกับจอยทานกันแล้วครับ ผมเลยให้ขึ้นไปพักข้างบนแล้วเห็นเหนื่อยกันมาทั้งวัน ส่วนคุณก็เห็นวุ่นอยู่กับบัญชีเลยไม่อยากกวน “นนทนัฐเห็นท่ารีบร้อนของคนที่ตนเองรักก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะทำงานจนลืมทั้งคนรอบๆตัว ร่วมทั้งทั้งเรื่องตัวเองด้วย

“แต่คุณก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่ไหม ผมจะทำให้แปบเดี๋ยวเองนะ” ชินพัตน์รีบแกะมือของนนทนัฐออกจากแขน แล้วรีบไปดูว่ายังพอมีของสดพอทำอะไรกินได้อยู่บ้างไหม


“นี้คุณอยากทานอะไร ยังพอมีของสดเหลืออยู่นะ” ชินพัตน์ง่วนในการเปิดตู้เย็นดูของสดที่เก็บแช่ไว้ หันมาถามคนข้างหลังที่มาคอยอยู่ด้านหลัง

“อะไรก็ได้ครับ ผมก็ทานได้หมดครับ” นนทนัฐตอบยิ้มๆเพราะดีใจที่จะได้ทานอาหารฝีมือคนที่ตนเองรักอีกครั้งแล้ว ไม่เสียแรงที่ลงมือลงแรงช่วยงานมาทั้งวัน ความเหนื่อยเหมือนจะหายไปหมดเมื่อคนตรงหน้าบอกว่าจะทำอาหารให้ตนเองทาน

“งั้นก็ต้มมาม่าใส่ลูกชิ้นเป็นไง “หันไปมองคนที่คอยอยู่เพื่อดูสีหน้า เพราะเป็นเมนูที่เขาคิดขึ้นเพื่อจะแกล้งหิว แต่กับได้คำตอบที่ตัวเขาเองทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะดื้อ

“ผมอยากทานอยู่พอดีเลยครับ ทำไมรู้ใจผมแบบนี้ล่ะครับ หือ? ยิ่งมีลูกชิ้นแสนอร่อยและฝีมือคุณทำให้ผมยิ่งอยากทานขึ้นไปอีก” นนทนัฐเดินเข้ามาใกล้ชินพัตน์มากขึ้นด้วยคำพูดและท่าทางมีความสุขแบบนั้น

“อะ เออ ดะ ได้ คุณก็ไปนั่งรอที่โต๊ะโน่น ไม่ต้องมายืนเกะกะเลย ไป๊” ชินพัตน์เบะหน้าเพราะตนเองแกล้งคนหิวไม่ได้ แถมตนเองกลับต้องพยายามฝืนหน้าไม่ให้เขิน 


ไม่ได้รู้ใจสักหน่อย ชิ!!!

หันไปมองตาขวางให้คนที่เอาแต่นั่งยิ้มอีกครั้งก่อนหันกลับมาตั้งใจทำอาหารตรงหน้า


                     มื้อเย็นที่ล่วงเลยเวลามาเกือบๆจะ 3 ทุ่ม ของทั้งคู่ ถ้วยมาม่าเต็มไปด้วย ผักไข่ลูกชิ้นเต็มถาม หอมน่าทาน ใช้เวลาในการจัดการอาหารตรงหน้าไม่นานก็หมดลงอย่างรวดเร็วทั้งสองชาม นนทนัฐรับหน้าที่เป็นคนเก็บล้างเอง ชินพัตน์ก็ไม่ขัด ปล่อยให้ทำไป เพราะตนเองก็เหนื่อยเกินไปจนตาของเขาจะปิดเสียให้ได้ คงได้เวลาเข้านอน เรื่องต่างๆไว้จัดการพรุ่งนี้แล้วกัน

“คุณไปพักเถอะดึกมากแล้วนะ” ชินพัตน์เดินตาปรือ ไปส่งนนทนัฐที่หลังร้าน

“ชินครับ คุณยังไม่บอกผมเลยเรื่อง…..”

“เรื่องอะไรอีกคุณ ดึกแล้วไว้คุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ ผมง่วงแล้วอ่ะ”ชินพัตน์ที่ยกมือมาปิดปากกลั้นหาวมาหลายรอบแล้ว

“………………….”ไม่มีเสียงตอบจากนนทนัฐ เอาแต่ยืนนิ่ง

“เป็นอะไรอีกล่ะคุณ ผมห่วงจริงนะ แยกย้ายกันไปนอนเถอะนะ” ชินพัตน์ไม่มองหน้าคนที่ทำหน้านิ่งเลย ได้แต่ดันหลังให้เดินไปยังตึกของนนทนัฐ เพื่อจะได้เข้าไปพัก แต่นนทนัฐก็ยื้อไปยอม เดินตามแรงที่ชินพัตน์ดันตนเอง

“นี้คุณมันดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว ไว้คุยพรุ่งนี่นะ นะ นะ “ ชินพัตนี่ทำหน้ายิ้มๆแต่จริงแล้วง่วงสุด

“ได้แต่ผมขอหมัดจำไว้ก่อน”

ฟอด ฟอด


"!!!!!!!????"

“ไว้คุยกันพรุ่งนี้ครับ ” นนทนัฐรู้ดีว่าตนเองอาจจะโดนตนตรงหน้าทุบจนนวมแน่ๆ รีบวิ่งหนีเข้าที่พักตนเองทันที่

“ชิน ฝันดีนะครับ” ก่อนปิดประตูก็ส่งคำหวานหยอดคนที่ยังยืนนิ่งเป็นหิน ตาที่กำลังจะปิด กลับโตขึ้นมาเหมือนไข่ห่าน


เขามองดูแล้วมันช่างน่ารัก


น่ากอดเป็นบ้าเลย











  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!!    :laugh3:



มากันยาวๆ เรียกความหวานเบาๆ  :give2:



รู้ความรับของเด็กหนุ่มกัมพลกันไปแล้วนะจ้า ฮ่าๆๆๆ :laugh5:



ประกาศๆ มินมินจะมีเรื่องใหม่ มาลงให่อ่านนะคะ    :teach:



จะลงควบคู่ไปกับ เรื่องนี้เลยนะคะ อิอิ   :katai4:



ถ้าสรุปชื่อเรื่องลงตัวเมื่อไร จะมาลงให้อ่านนะคะ  :write-a-letter:



บอกใบ้นิดๆ เนื้อเรื่องออกแนว ผู้ใหญ่กินเด็ก หรือเด็กกินผู้ใหญ่อะไรประมาณ อิอิ



ตามกระแส ไปหรือเปล่า ไม่นะ  ???   :o211:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 58 หาทางแก้ปัญหา [01-04-15] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 02-04-2015 11:27:43
สรุปกัมพลกับเนติธร มีไรในกอไผ่ป่ะเนี่ย เหมือนจะมี เอ๊ะหรือไม่มีหว่า?
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 58 หาทางแก้ปัญหา [01-04-15] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-04-2015 15:13:06
เรื่องคุณเจ้าของร้านกับลูกค้าเจ้าประจำ
กำลังสดใส ไปได้สวย เติมหวานกันไป

เนติธรคงเป็นคนสนิทกับครอบครัวของกัมพลแน่เลย
เลยต้องดูแลทรัพย์สมบัติไว้ให้ทายาทอย่างกัมพล
แต่ทั้งคู่น่าจะมีอะไรๆ กันทางความรู้สึกซินะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 58 หาทางแก้ปัญหา [01-04-15] ลูกชิ้นปิ้งมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 05-04-2015 16:48:02
เนติธรกับกำพลค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันเถอะนะ อย่าไปเร่งรัดน้องมาก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 06-04-2015 19:34:14


                                       ตอนที่ 59  ผมยังโกรธคุณอยู่นะ?(1)
 

          ชินพัตน์ตื่นเช้ามาเปิดร้านพร้อมป้าพรกับจอย รวมคนข้างๆตึกก็มาช่วยเปิดร้านเหมือนปกติ แต่ที่ดูจะแปลกๆไปในสายตาของป้าพรกับจอยก็คือ ดูเหมือนทั้งคุณเจ้าของร้านและคุณเพื่อนไม่ยอมพูดจาอะไรกันเลยตั้งแต่เปิดร้าน และดูเหมือนชินพัตน์พยามหลบเลียง นนทนัฐตลอดเวลา จนป้าพรอดที่จะถามหลานชายตนเองไม่ได้

“ตาชิน วันนี้ทำไมถึงเงียบๆไปล่ะ “

“อะ อะไรครับ “ ชินพัตน์ทำเป็นไม่เข้าใจเรื่องที่ป้าพรถาม

“ก็วันนี้ดูเงียบไม่เห็นพูดไม่เห็นคุยเหมือนเคย ป้าก็นึกว่าไม่สบายหรือเปล่านะสิ” ป้าหันไปมองหลานชาย และก็เพื่อนหลานชายสลับกันไปมา เพราะทั้งคู่เงียบมากจริงเช้านี้

“ปะ เปล่าครับ ผมสบายดี “ ชินพัตน์เลี่ยงป้าพรไปที่ตู้แช่ลูกชิ้นทำที่เป็นตรวจเช็คจำนวนลูกชิ้นทั้งๆที่ เมื่อกี่ก็ตรวจดูไปแล้ว

“จ้าๆไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ป้าพรได้แต่สายหัว เพราะมองเห็นทั้งสองคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเอง แต่ก็แอบเห็น แต่ละคนมักจะแอบมองกันและกันเหมือนหยั่งเชิงกันอยู่  จอยก็สงสัยเพิ่มขึ้นเลยเดินไปหาเพื่อนใหม่ของคุณเจ้าของร้าน เรียบๆเคียงถาม

“พี่นนท์ เมื่อคืนอยู่ร้านดึกหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่ดึกครับ ประมาณ 3 ทุ่มก็กลับครับ”

“เหรอจ๊ะ จอยนึกว่า นั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่ชินทำบัญชีจนดึกดื่น แล้วอดหลับอดนอนซะอีก เห็นวันนี้พี่นนทน์เงียบๆ”

“เปล่าครับ พี่นอนหลับปกติดีครับ” นนทนัฐยกยิ้มเล็กส่งให้จอยที่คอยเป็นห่วงเป็นใย

ปัง!!!!!!

เสียงปิดประตูตู้แช่เสียงดังลั่นร้าน จนทั้งป้าพร จอย และนนทนัฐหันไปมองคนที่ทำให้เกิดเสียง
ชินพัตน์ที่เห็นทุกสายตาจ้องมาที่ตนเอง ก็รีบเดินหนีขึ้นชั้นสองไปเลย

“ป้าพรครับ ผมปวดหัว ผมฝากร้านด้วยนะครับ ขอไปนอนพักสักแปบ ดีขึ้นแล้วผมจะลงมาช่วยนะครับ” ชินพัตน์หันไปบอกป้าพรก็จริง แต่สายตาหันไปที่นนทนัฐที่ยืนมองอยู่แล้ว เมื่อสบตากันเป็นชินพัตน์เองที่หลบสายตาและพาตนเองขึ้นไปชั้นบน โดยไม่ฟังเสียงของป้าที่ถามอย่างเป็นห่วง

“ตาชิน เดี๋ยวป้าทำข้าวต้มขึ้นไปให้นะลูก นอนพักซะนะ” ป้าพรได้แต่พูดบอกไล่หลังคนที่หายขึ้นไปด้านบนแล้ว
 
          นนทนัฐก็มองตามอย่างเป็นห่วงเช่นกัน และก็รู้ตัวเองด้วยที่เป็นคนทำให้ คุณเจ้าของร้านอารมณ์ไม่ดี ไม่ยอมพูดคุยกตนเองตั้งแต่เช้าจนคนอื่นๆยังสังเกตได้ ไม่นานป้าพรก็ทำข้าวต้มให้ชินพัตน์เสร็จและบอกให้จอยยกขึ้นไปให้ แต่นนทนัฐเป็นคนอาสาเป็นคนยกขึ้นไปให้เอง

“ป้าครับ เดี๋ยวผมยกขึ้นไปให้เองครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับชินเขาพอดีนะครับ”

“จ้าๆ มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุณกันนะ เป็นเพื่อนกันอย่ามาทะเลาะกันแบบนี้เลย”

“ผมขอโทษครับ” นนทนัฐรู้ตัวว่าทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง ยกมือไหว้ขอโทษและรับถาดใส่ข้าวต้มมาถือไว้

“จ้าๆ ให้ตาชินทานยาแล้วก็นอนพักซะนะ ไม่ต้องร้านหรอก” ป้าพรตบบ่าเพื่อนหลานชาย

“ครับป้า เดี๋ยวผมให้ชินทานยาแล้วนอนพักเสร็จแล้ว ผมจะรีบลงมาช่วยนะครับ”

“จ้าๆ ไปเถอะ ลูกค้าเริ่มเข้าร้านแล้วด้วย”

“ครับๆ” นนทนัฐรีบเดินไปทางบันไดเตรียมจะขึ้นชั้นบน

“พี่นนท์ ห้องพี่ชิ้นอยู่ชั้นบนสุดจ๊ะ”จอยที่หันมาเห็นก็รีบวิ่งมาบอก

“อ่ะ อ้อครับ” นนทนัฐรีบพยักหน้ารับรู้ แต่จริงๆแล้วตนเองก็พอจะรู้ว่าห้องของคนที่ตนเองคิดถึงทุกวันทุกคืนอยู่ชั้นไหน
 

              ระหว่างทางเดินขึ้นบันได ขึ้นไปที่หน้าห้องทำงานของชินพัตน์ นนทนัฐเห็นโหลใส่ปลาทองทั้งสองตัวและเขาก็จำได้ดีว่าเป็นปลาที่ตนเองจับให้เจ้าของห้องในวันที่ไปเดินเที่ยวงานวัดด้วยกัน และเป็นวันตนเองที่ได้บอกความรู้สึกที่มีให้แก่ใครบางคนที่เขารัก รู้สึกดีใจที่เห็นปลาทองตัวน้อยยังอยู่ดี หัวใจของเหมือนมีเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงหันมันกลับมาซูบฉีดและฟองโตอีกครั้ง  และเขาก็เดินขึ้นมาถึงชั้นบนที่หน้าห้องของคนที่เอาแต่หลบหน้าแล้ว

ก๊อก ก๊อก

“ป้าครับ ผมไม่ได้ล๊อคประตู” ชินพัตน์ที่นั่งผิงหัวเตียง กำลังหลับตาเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แถมต้องลุกขึ้นมาแต่เช้าอีก ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น เพราะคิดว่าเป็นป้าพร

“ทำไมคุณไม่นอน ลงดีๆละครับ” นนทนัฐที่เดินเอาข้าวต้มไปว่าที่โต๊ะเครื่องแป้ง และหันมาถามคนที่นั่งหลับตาอยู่อย่างเป็นห่วง

“นี้คุณ!!!! เข้ามาได้ไงเนี้ย!!???”ชินพันตน์เมื่อได้ยินเสียงก็ตกใจเห็นคนที่ไม่อยากเห็นหน้า มาอยู่ในห้องได้ไง

“ผมเอาข้าวต้มกับยาขึ้นมาให้คุณไง”นนทนัฐมองคนป่วยอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องเลย คุณออกไปจากห้องผมเลยนะ ”แต่ชินพัตน์กลับไม่สนใจไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ตนเองคิดมากจนนอนไม่หลับ

“ชินครับ คุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมอีกล่ะครับ บอกผมสิ ผมจะได้รู้และก็แก้ไขตัวเองไง” นนทนัฐเดินเข้ามานั่งบนเตียงใกล้คนป่วย ที่เอาแต่เขยิบหนีไปอีด้านของเตียง

“คุณไม่รู้จริงเหรอว่าผมโกรธอะไร” ชินพัตน์ต่อว่าส่งสายตาขว้างไปให้

“ชินครับผมไม่รู้ คุณก็บอกผมสิครับ”

“ก็ ก็ เมื่อคืนคุณทำอะไรล่ะ  ถ้ามีคนมาเห็นจะทำยังไง  “ชินพัตน์ไม่อยากพูดถึงแต่ก็ต้องพูดนนทนัฐจะได้รู้ว่าตนเองผิดอะไร

“ชิน ผมขอโทษครับ ผมแค่ เอ่อ…..”นนทนัฐไม่กล้าอธิบายว่าเมื่อคืนตนเองหอมแก้มชินพัตน์เพราะแอบงอน แอบห่วง และไม่เข้าใจว่าชินพัตน์เป็นห่วง เด็กหนุ่มกัมพลจนทำให้เขาเองคิดมาก เลยพาลขโมยหอมแก้มซะเลย

“ไม่ต้องเลย ถ้าคุณทำแบบนั้นอีก ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย” ชินพัตน์พูดจบหันหลังให้คนที่นั่งทำหน้าเศร้าสำนึกผิด

“ครับ ครับ ผมขอโทษนะ ผมจะไม่ทำแบบนั้นข้างนอกอีกแล้วครับ ผมจะระวังให้มากขึ้นนะ หายโกรธผมเถอะนะ” นนทนัฐพยายามยื้อคนที่นั่งหันหลังให้ตนเองให้หันกลับมาคุยกันดีดี

“คุณหมายความว่าไง ระวังอะไร ข้าง ข้างนอกอะไรของคุณ  คุณนี้มัน” ชินพัตน์หันกลับถ้วนคำพูดของนนทนัฐอย่างสงสัย แต่พอนึก ก็ได้แต่โมโหนักขึ้น และหน้าแดง คว้าเอาหมอนได้ก็กระหนำตีคนเจ้าเลห์ ตาใส

“โอ๊ย ชินครับ ผมก็จะระวังไงครับ  โอ๊ย ผมจะหอมแก้มคุณเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ดีไหมครับ “ นนทนัฐ ทำท่าทางเจ็บปวดจากการโดนหมอนตี แต่กลับพูดด้วยร้อยยิ้มกริ่ม รวบมือชินพัตน์ไว้ไม่ให้ตีเขาอีกต่อไป และก็ไวเท่าความคิด ก้มลงหอมแก้มคนที่มัวแต่จะยื้อหมอนคืน

“คุณนนท์ คุณทำอะไรของคุณเนี้ย!!!!!”ชินพัตน์ตั้งสติได้ แก้มก็โดนสัมผัสด้วยปลายจมูกไปแล้ว รีบเอามือมาปิดแก้มตนเองทันที่ แล้วก็ถลึงตาใส่คนที่ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

“ก็หอมแก้มไงครับ และก็ไม่มีใครมาเห็นแน่นอนครับ ผมรับประกัน” นนทนัฐยกยิ้มหันไปมองรอบห้อง เหมือนจะแกล้งคนป่วยให้ยิ่งปวดหัวหนักขึ้นไปอีก

“คุณนนท์ผมโกรธจริงๆแล้วนะ!!!!” ชินพัตน์พยายามยื้มแขนตัวเองให้หลุดจากมือหนาของคนที่เอาแต่ยิ้มล้อ

“ไม่ได้นะครับ คนป่วยเขาไม่ให้โกรธนะครับ มันจะทำให้ยิ่งไม่สบายหนักขึ้นไปอีก “

“ก็เพราะใครล่ะ ฮืม!! ปล่อยมือผมนะ!!!”

“ปล่อยก็ได้ครับ แต่ต้องกินข้าวต้มที่ผมป้อนให้หมดก่อนแล้วผมจะปล่อยนะ”

“ไม่กิน!!!!”

“ไม่กินไม่ได้นะครับ ต้องกินข้าวก่อนกินยานะครับ อย่าดื้อนะครับ กินยาแล้วจะได้นอนพักไงครับ”นนทนัฐอธิบายและรวบมือของชินพัตน์ไว้ด้วยมือเดียว แล้วหันไปหยิบถาดข้าวต้มมาวางไว้ที่ตัก

“อยากนอนเลย ไม่กินไม่ได้เหรอ”ชินพัตน์เริ่มงอแงเพราะความง่วงเริ่มมีมากขึ้น

“ไม่ได้ครับ กินข้าว กินยา แล้วค่อยนอนพัก พอตื่นขึ้นมาก็หายป่วยไงครับ ป้าพรก็จะไม่ต้องเป็นห่วงด้วย แล้วชินก็จะได้ลงไปช่วยงานในร้านได้ไงครับ “ นนทนัฐรู้สึกตนเองเหมือนพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องมานั่งหาเหตุผลให้ทำตาม และดูเหมือนชินพัตน์จะเข้าใจดี เมื่อได้ยินว่ามีใครเป็นห่วงตนเองบาง และทุกคนต้องมาลำบากเพราะตนเองมาป่วยแบบนี้

“อืม ก็ได้ ผมทานเอง” ชินพัตน์เลิกดื้อ เลิกยื้อ เพราะตัวเขาเองก็อยากพัก เมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะมัวมากคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“นี้ครับ ทานยา ทานน้ำตามเยอะๆด้วยนะครับ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์อ่อนลงแล้วก็ไม่อยากแกล้งอีก เลยปล่อยให้คนป่วยนั่งกินข้าวต้มไป และค่อยย้ำเรื่องยาหลังอาหาร

“คุณลงไปเถอะ  ผมฝากร้านด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปขายที่ตลาดตอนบ่ายแทนคุณเอง ถ้าคุณยังไม่ไหวดีไหม”

“ใช่!! จริงด้วย!! วันนี้ขายต้องที่ตลาดนัดด้วยนี้ โธ่เอย ผมไม่นอนแล้ว ผมยังไม่ได้เตรียมของเลย”

“ชินครับ เดี๋ยวๆ  นั่งลงกินยาแล้วนอนพักนะครับ เดี๋ยวผมทำให้เองนะ” นนทนัฐรีบกดบ่าชินพัตน์ที่ทำท่าจะลุกจากเตียง เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้เตรียมของไว้ขาย  ให้นั่งลงกลับไปที่เตียง และรีบส่งยาให้

“แต่ว่า …..”

“ไม่มีแต่ครับ รีบนอนพักเถอะครับ พอหายดีแล้วค่อยลงไปขาย ผมว่าแบบนี้จะดีกว่านะครับ อย่าฝืนลงไปขายแล้วมาป่วยหนักเอาที่หลังผมว่ามันจะยิ่งแย่ไปใหญ่นะครับ เชื่อผมนอนพักนะครับ นะ” ยื่นยาส่งให้ชินพัตน์อีกรอบ

“ครับ” ชินพันต์เห็นด้วยกับสิ่งที่นนทนัฐพูด แล้วรับยามากินอย่างว่าง่าย

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจัดการให้เองนะครับ “ นนทนัฐกดไหล่ชินพัตน์ให้นอนลงและห่มผ้าให้ ชินพัตน์ก็พยักหน้ารับ เพราะทั้งความง่วง ข้าวต้มอุ่นๆ ร่วมทั้งฤทธิ์ของยา เริ่มทำงาน ไม่นานชินพัตน์ก็หลับตาลง แต่เหมือนยังหลับไม่สนิท

“หลับเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเรื่องที่ร้าน เรื่องคุณเนติธร และก็เรื่องที่ผมต้องมีส่วนรับผิดชอบ “นนทนัฐพูดเสียงกระซิบแผ่วเบาให้คนที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เกลี่ยปอยผมของคนที่นอนหลับอย่างรักใคร่

“ผมยังไม่หายโกรธคุณนะ” เหมือนคนหลับจะละเมอออกมา ทำให้คนที่นั่งเฝ้าอมยิ้ม

“ครับผมรู้ แต่พอตื่นขึ้นมาคุณต้องหายโกรธผมแน่ๆ ฝันดีนะครับ” นนทนัฐลูบแก้มเนียนเบาๆ ก้มจูบที่หน้าฝากแถมอีกด้วย
         
           นนทนัฐรู้ว่าตนเองต้องดูแลร้านแทนคนที่หลับไปแล้ว เพราะเขาเองเป็นต้นเหตุทำให้คุณเจ้าของร้านนอนไม่พอ คิดมากกับสิ่งที่เขาทำไป และเรื่องที่ต้องจัดการเรื่องต่อไปก็คือคุยปัญหาระหว่างคุณเนติธรกับกัมพล แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการสถานการณ์ตรงหน้าก่อน เลยรีบลุกออกจากเตียงคนนอนหลับ แต่ก็ต้องชะงักกับเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคนที่หลับไปแล้ว ต้องรีบรับก่อนที่จะทำให้คนที่พึ่งหลับไปเมื่อครู่ตื่น

“สวัสดีครับ”

(“นั้นใคร”)นพคุณถามอย่างสงสัยเพราะไม่ใช่เสียงน้องชายตนเอง

“ผมนนทนัฐครับ พอดีชินป่วยนะครับ พึ่งทานยาแล้วหลับไปเมื่อครู่ ผมเลยถือวิสาสะรับสายแทนนะครับ”

(“เจ้าชินเป็นอะไร เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย”)

“เห็นบอกว่าปวดหัวนะครับ ทานยาได้นอนพักก็คงจะดีขึ้นครับ”)

(“งั้นเหรอ ผมว่าจะโทรมาบอกเจ้าชินว่าไม่ต้องมารับยายกับต้นเพราะผมมารับแทนแล้ว”)นพคุณบอกเหตุผลที่ตนเองโทรมาหาน้องชายให้นนทนัฐฟัง

“ครับ ผมก็กำลังจะไปเตรียมของไปขายที่ตลาดนัดให้อยู่ครับ คงต้องไปขายแทนด้วย เพราะผมอยากให้เขานอนพักเยอะๆนะครับ”

(“ยังไงผมจะรีบไปแล้วกัน ฝากดูเจ้าชินด้วยแล้วกันนะ”)นพคุณรีบวางสายเพราะเป็นห่วงน้องชาย และอยากจะไปดูอาการเลยไปบอกเรื่องนี้ให้ยายกับต้นกล้าฟังเพื่อจะได้ไปที่ตลาดนัดให้เร็วกว่าเวลาปกติ

“ครับ”นนทนัฐรู้สึกตนเองเป็นที่ยอมรับจากญาติของชินพัตน์ขึ้นมาอีกขั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กแต่เขาก็รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ทำอะไรเพื่อคนที่เขารักแบบนี้

                  นนทนัฐช่วยป้าพรกับจอยขายของเก็บเงินในร้านแทนชินพัตน์ และไม่ลืมที่จะเตรียมของไว้ขายที่ตลาดนัดด้วย ก่อนบ่ายโมงค่อยขนของไปเตรียมตั้งร้าน แต่ตอนนี้ก็ช่วยดูที่ร้านไปก่อน เพราะลูกค้าเยอะมากจริงๆ  จนกระทั้งนพคุณ ยายและต้นกล้ามาถึงที่ร้านเวลา 10 โมงเช้า แวะมาที่ร้านเพื่อมาดูชินพัตน์ แต่เห็นว่ายังหลับอยู่ก็เลยแยกตัวไปตั้งร้าน

“เดี๋ยวผมขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดเอง ผมฝากที่ร้านหน่อยนะ” นพคุณบอกกับนนทนัฐก่อนที่หันไปจัดของขึ้นรถน้องชายเพื่อไปตั้งร้านที่ตลาดนัด

 “ได้ครับ”นนทนัฐตอบรับด้วยร้อยยิ้ม               


                    นพคุณที่เข้ามาที่ร้านเห็นนนทนัฐทำหน้าที่แทนน้องชายของตนเองแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเก็บเงิน เสริฟอาหาร ยกของหนักๆแทนป้าพรกับจอย ทุกอย่างที่นนทนัฐทำล้วนอยู่ในสายตาของคนเป็นพี่ชายอย่างนพคุณ รู้สึกทึ้งที่เพื่อนของน้องชายคนนี้ที่เงียบหายไปนานหลายเดือนกลับมา ยืนช่วยขายของหน้าเป็นมันอยู่หน้าเตาปิ้งลูกชิ้น ไม่มีสีหน้าที่รู้สึกเหนื่อยเลย กับทำทุกอย่างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยร้อยยิ้ม จนน่าแปลกใจ
                   นนทนัฐที่ช่วยดูร้านตั้แต่เช้าจนตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว ลูกค้าช่วงเที่ยงก็เยอะจนแน่นร้าน พึ่งจะทยอยกันกลับออกจากร้านไป จนมีลูกค้าอยู่ภายในร้านเพียงแค่ 4 โต๊ะ แต่ก็ยังมีลูกค้ายืนรอซื้อลูกชิ้นปิ้งที่หน้าหลายอีกหลายคน นนทนัฐเลยเดินไปช่วยจอย ปิ้งและใส่ถุงให้ลูกค้า จนป้าพรเดินมามาทัก

“คุณนนท์ไปทานข้าวเที่ยงเถอะจ๊ะ นี้มันจะบ่ายกว่าเข้าไปแล้ว “ป้าที่เตรียมสำหรับไว้ที่โต๊ะคิดเงินร่วมทั้งเป็นโต๊ะทำงานของคนที่นอนหลับอยู่ด้วย

“ลูกค้ายังเยอะอยู่เลยครับ”

“ก็ผลัดกันไปกินเถอะนะ เดี๋ยวถ้าลูกค้ามาเยอะๆอีกจะไม่ได้กินข้าวกันพอดี” ป้าพรให้เหตุผล

“ป้าทานแล้ว พ่อหนุ่มไปกินเถอะแล้วค่อยมาช่วยกัน”

“ครับ”นนทนัฐเลยผละออกจากหน้าเตา ก่อนเดินเอข้าไปล้างหน้าล้างตา ล้างมือก่อนทานข้าว แต่ก็ยังไม่วายเป้นห่วงคนนอนหลับอยู่ด้านบน

“ป้าขึ้นไปดูมารอบหนึ่งแล้ว ยังหลับอยู่ไม่ต้องห่วงหรอก กินก่อนเถอะ” ป้าพรอธิบายให้คนที่เอาแต่มองขึ้นไปชั้นบนไม่ยอมลงมือตักข้าวกินสักที่


“ครับ”นนทนัฐพยักหน้ารับรู้และลงมือทานข้าวต่อ







   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!


  แวะมาลงครึ่งแรกให้อ่านกันก่อนนะคะ

 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินคะ

+เป็ดให้ทุกกำลังใจนะคะ ขอบคุณค่ะ






หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2015 00:19:10
อร๊ายยยย. ขยันทำคะแนนจริงๆพระเอกเรา อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-04-2015 01:21:14
อ้างถึง
รู้ความรับของเด็กหนุ่มกัมพล

ค่ะ คิดอยู่ว่ากัมพลคงจะรุกคุณเนติธรไม่ได้หรอก ต้องเป็นรับเท่านั้น

ขอโทษค่ะ แซวเล่น  - ความลับหรือเปล่าคะ?
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-04-2015 02:05:17
คดีน้องกัมพลยังไม่เคลียร์เลย อะไรยังไงกันนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-04-2015 07:44:32
ชินงอนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(1) [06-04-15] มาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Naiikratai ที่ 13-04-2015 14:51:45
แวะมาให้กำลังใจค้าบบบบ รอๆๆค้าบ แป่ะๆๆ   :mew3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 17-04-2015 12:56:30



                             ตอนที่ 59  ผมยังโกรธคุณอยู่นะ? (2)
   

         เมื่อเห็นว่าลูกค้าใหม่ยังไม่เข้ามาที่ร้าน นนทนัฐที่ทานมื้อเที่ยงที่ค่อนมาเป็นมื้อบ่ายเสร็จก็ หาโทรศัพท์ขึ้นมาจัดการเรื่องสำคัญอีกเรื่อง นั้นคือการโทรหาคุณเนติธร เพื่อตกลงเรื่องบางอย่างที่จะทำให้ คนที่นอนหลับตื่นมาได้จะหายเป็นห่วงและเลิกกังวล ต่อตัวเด็กหนุ่มกัมพล พูดคุยกันเพื่อชวนแก้ปัญหาและหาทางออกให้กับคนทั้งคู่

“สวัสดีครับคุณเนติธร”

(“สวัสดีครับคุณนนทนัฐ ผมคงจะได้ฟังข่าวดีๆจากคุณใช่ไหมครับ”)

“ก็ไม่เชิงครับ คุณเนติธรต้องบอกผมก่อนนะครับว่า ถ้าผมพาพลกลับไปหาคุณได้ คุณจะไม่บังคับฝืนใจในเรื่องที่เด็กคนนั้นไม่อยากที่จะทำ จนต้องหนีออกจากบ้านหลังนั้นอีก”

(“ผมไม่รู้ว่าคุณรู้อะไรมาบ้าง แต่ผมรับปากคุณแล้วกันว่าผมจะไม่ทำให้คนของผมคิดที่จะหนีออกจากสิ่งที่เป็นของเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ กิจการธุรกิจทุกอย่างที่มีทั้งหมด ผมจะค่อยสอนเขาเอง”

“ดีครับ ผมได้ฟังแบบนี้ทั้งผมและคุณชินพัตน์ก็รู้สึกสบายใจ เย็นนี้ผมจะติดต่อกลับไปอีกครั้งนะครับ”

(“ขอบคุณ”)
   
          นนทนัฐจัดการปัญหาหลักไปได้แล้ว ปัญหาต่อไปคือ ต้องแวะไปดูที่ตลาดนัดว่าพี่ชายคุณเจ้าของร้านรับมือไว้หรือเปล่า เขาเองก็จะอยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้ก่อนคนป่วยจะตื่นขึ้นมา  และเห็นว่าลูกค้าในร้านไม่เยอะเกินไปเลยฝากร้านให้ป้าพรกับจอยดูกันเองไปก่อน แล้วรีบเดินไปดูที่ตลาดนัด

“เป็นไงบ้างครับมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”

“สบายมาก ผมขายแทนเจ้าชินบ่อยไปแค่นี้เอง ว่าแต่เจ้าชินเป็นยังไงบ้าง”

“ยังนอนกอยู่เลยครับ ผมอยากให้เขาพักเยอะๆนะครับ”

“ก็ดีแล้ว เจ้าชินนะชอบทำเป็นเก่งทั้งที่แทบจะยืนไม่ไหวก็มีออกบ่อยไป แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่สบายหนักเหมือนตอนนั้นอีกนะ”

“ครับ?”

“คุณคงไม่รู้สินะ เห็นหายเงียบไปตั้งหายเดือน ก็เจ้าชินเคยไม่สบายหนักนอนซมซะหลายวัน ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป บอกแค่นอนพักก็พอ ป้ากับลุงก็พากันเป็นห่วง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้านใหม่นั้นแหละ”

“อ้อครับ” นนทนัฐรู้ว่านั้นคือช่วงที่ตนเองทำเรื่องที่ผิดมากกับคนที่นอนหลับอยู่ชั้นบนสุดของร้านขายลูกชิ้น แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่ได้ป่วยหนักถึงขนาดนั้น เขารู้ดี

“จริงสิผมว่าจะถามหลายครั้งแล้ว ว่าคุณหายไปไหนมาหลายเดือนเลย ลูกค้าประจำเจ้าชินหายไปแบบนี้ หมอนั้นเลยเงียบไปพักใหญ่เลย ฮ่าๆๆ” นพคุณพูดล้อน้องชายตนเองให้กับลูกค้าประจำฟังและถามเรื่องที่สงสัยมาตลอดด้วย

“ผมกลับไปทำงานที่กรุงเทพนะครับ แล้วกมีงานด่วนเข้ามาเลยไม่ค่อยมีเวลาแวะมานะครับ” ยิ้มแห้งจริงแล้วมันเป็นข้ออ้างที่จะทำให้ไม่นึกถึงใครบ้างคนต่างหากเลยรับงานดะไปทุกงาน จนที่บ้านเขาเองยังสงสัยว่าลูกชายตั้งแต่กลับมาเอาแต่ทำงานทุกวันแถบไม่หยุดพักเลย

“แล้วนี้งานที่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับถึงกลับมาค่อยเป็น เบ้ให้น้องชายผมแบบนี้” นพคุณยังไม่วายแซวลูกค้า   คนสนิทของน้องชาย บวกเพื่อนบ้านไปอีกตำแหน่ง

“ก็อยากมาตามหา…(หัวใจตัวเอง)…เอ่อ ลูกชิ้นอร่อยๆได้แค่ที่นี้นี้ครับ งานเสร็จแล้วผมเลยขอพักยาวมาหาของที่ชอบแถวนี้แหละครับ”ยิ้มรับเก้อๆ ยังไม่กล้าที่จะบอกพี่ชายของคนที่ตนเองรักตรงๆ กลัวโดนชกหน้าก่อนได้หัวใจน้องชายมาซะก่อน


“ถึงขนาดลงทุนซื้อตึกข้างๆกันเลยเหรอครับ?” นพคุณยังไม่เลิกสงสัย กับท่าที่ของชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าของเขาเท่าไร เข้ามาในชีวิตน้องชายของเขาในรูปแบบไหนกัน ลูกค้าลูกชิ้น เพื่อน หรือพยายามจะเป็นคนรู้ใจของน้องชายของเขากันแน่

“เอ๊ะ อ้อ เรื่องตึกผมก็ซื้อไว้เผื่อนึกอยากจะทำกิจการเล็กๆหลังเลิกทำงานหลักนะครับ ซื้อๆไว้ก่อนนะครับ “ นนทนัฐยิ้มเล็กๆเพราะเหมือนตนเองจะโดนพี่ชายของงคนที่เขารัก ตรวจสอบหนักเกินไปซะแล้ว

“ครับ ก็เป็นเรื่องหน้าคิดเหมือนกันนะครับ ผมก็เคยคิดจะซื้อที่ซื้อบ้านไว้สร้างครอบครัวของผมเองเหมือนกัน “ นพคุณเริ่มเห็นด้วยกับวิธีคิดที่เป็นผู้ใหญ่ของคุณลูกค้าประจำ

“ครับ งั้นผมขอกลับไปดูที่ร้านก่อนนะครับ ไปดูชินด้วยว่าตื่นหรือยัง”

“ยังไงก็ฝากร้านด้วยนะครับ อ้อ ฝากน้องชายผมด้วยนะ” นพคุณพูดส่งท้ายทำให้นนทนัฐเดินคิดมาตลอดทางที่เดินกลับมาจากตลาด

ฝากน้องชายงั้นเหรอ?
   

        มาถึงที่ร้านก็ช่วยป้าพรกับจอยดูแลค้ากลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาที่ร้านตอนบ่ายๆกว่าๆ เรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปดูคนที่นอนป่วย แต่พอเดินขึ้นไปถึงแค่บันไดชั้นแรกก็ต้องรีบคว้าตัวคนที่รีบวิ่งลงมา ในสภาพหัวฟูเพราะพึ่งตื่นนอน

“เดี๋ยวๆชินคุณจะไปไหน หืม”

“ผมจะไปดูร้านนะสิ ผมนอนเพลินจนมันบ่าย2โมงกว่าแล้วเนี้ย” ชินพัตน์พยายามแกะมือของนนทนัฐที่ยื้อไม่ให้ตนเองเดินลงไปข้างล่าง

“ลูกค้าข้างล่างกลุ่มใหญ่พึ่งลุกออกไปครับ ที่เหลือจอยกับป้าพรก็ดูอยู่คุณไม่ต้องห่วงนะ กลับไปพักเถอะ”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนอนพอแล้ว งั้นผมไปขายของที่ตลาดนัดก็ได้น่าจะทัน ลูกค้าคงยังไม่เดินตลาดตอนนี้หรอก”

“พี่ชายคุณเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพราะผมพึ่งแวะไปช่วยเมื่อช่วงบ่ายๆมานี้เอง พี่คุณยังบอกว่าขายได้สบายเคยขายแทนคุณบ่อยๆด้วย”

“แต่ผมเอาแต่มานั่งนอนแบบนี้ผมไม่ไหวหรอก ให้ผมลงไปช่วยงานที่ร้านเถอะนะ ผมนอนมาทั้งวันแล้ว”ชินพัตน์พยายามขอร้องคนที่เอาแต่ยึดเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้

“คุณไม่ปวดหัว “

“…………”ชินพัตน์สายหัวพรืด

“คุณไม่ง่วงแล้ว?”

“………….”สายหัวพรืดเหมือนเดิม

“คุณยังไม่หายโกรธผม?”

“…………..”สายหัวเหมือนเดิม แต่พอนึกอีกที่ “นี้คุณผมจะโกรธคุณอยู่นะ ปล่อยเลย!!!”ชินพัตน์รีบดึงมือออกจากการจับกุมของคนที่เอาแต่ยิ้มชอบใจ ที่ตนเองเผลอปล่อยไก่

“ครับๆ ผมรู้ไงว่าคุณยังโกรธผมอยู่ วันนี้ผมเลยพยายามทำงานตามที่คุณสั่งครับถ้วนเกือยทุกอย่างแล้วเหลือเปิดร้าน เก็บของที่ตลาด ทุกอย่างก็เรียบร้อย”

“ถึงคุณจะทำทุกอย่างเรียบร้อย คุณคิดเหรอว่าผมจะหานโกรธคุณ” ชินพัตน์ดิ้นไม่หลุดแต่ก็หันหน้าหนีให้กับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อทำให้ตนเองหายโกรธ

“เย็นนี้ ผมเชื่อว่าคุณต้องหายโกรธผมแน่นอน”

“เชื่อมั่นตัวเองเกินไปหรือเปล่า”

“ผมต้องมั่นใจสิครับ งั้นผมจะกล้ามาตามจีบคุณแบบนี้เหรอ?” นนทนัฐยกยิ้มชอบใจที่ตนเองกล้าจะเปิดเผยความในใจมากกว่าแต่ก่อน แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากๆด้วย

“คะ ใคร? จะ จีบอะไร ไม่มีเหอะ ปล่อยนะผมจะลงไปขายของ” ชินพัตน์ถึงกลับหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ยินคำพูดตรงของคนตรงหน้า ทำที่ไม่สนใจ

“หึหึ ครับๆ ผมปล่อยก็ได้ แต่ถ้าเกิดปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายอย่าฝืนนะครับ นะ” นนทนัฐกุมมือชินพัตน์ไว้เพื่อขอคำมั่นให้ดูแลร่างกายตนเองก่อนเป็นอันดับแรก

“ผมไม่เป็นไรจริง ดูสิผมสบายดี” ชินพัตน์ทำท่าจะเบ่งกล้ามโชว์ เรียกเสียงหัวเราะจากนนทนัฐได้ดีที่เดียว

“ได้ ผมปล่อยคุณลงไปข้างล่างก็ได้ แค่คุณควรจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก่อนดีกว่านะครับ หึหึ” นนทนัฐอดขำไม่ได้กับทรงผมของคนที่พึ่งตื่นนอน

“ได้ คุณก็ลงไปเถอะ เดี๋ยวผมเข้าห้องน้ำเรียบร้อยจะลงตามไป”

“ครับ” ลูบผมที่ฟูฟองอย่างเอ็นดู ชินพัตน์เลยสงสัยว่ามีเรื่องอะไรน่าขำนักหนาเลยรีบเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง ก็ต้องตาโตกับสภาพของตนเอง หาตาดูไม่ได้เลยแถมผมเผ้าก็ฟู กระดกเป็นหางเป็ด นึกขึ้นได้ก็หน้าร้อนอายตัวเองขึ้นมาอีกทำตัวเปิ่นๆอีกแล้ว


                 ชินพัตน์เดินลงมาดูงานที่ร้านขอโทษขอโพยทั้งป้าพรกับจอยที่ปล่อยให้ขายกันเองโดยที่ตนเองไม่ได้ลงมาช่วย แต่ทั้งป้ากับจอยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามี คุณลูกค้าจำเป็นช่วยงานแทนอยู่แล้ว และเหมือนจะทำได้ดีกว่า จนชินนพัตน์รู้สึกงอนเล็กที่ ทุกคนต่างเห็นดีกับคนที่เขาพยายามทำที่ท่าให้เหมือนกันโกรธ แต่ก็ไม่พ้นส่งยิ้มกลับไปทุกครั้งที่อีกคนส่งยิ้มกลับมาให้ อายจนไม่กล้าอยู่ในร้านต่อเลยอ้างว่าจะไปดูที่ตลาดนัด และบอกไม่ให้นนทนัฐตามมาอีกด้วย เพราะชินพัตน์เองอยากจะซ่อนความเขินอายร่วมทั้งกำลังพยายามแสร้งทำเป็นโกรธแต่ดูจะไม่เป็นผลซะแล้ว

“พี่ใหญ่ เป็นไงบ้างมาผมช่วย” ชินพัตน์ที่เดินตรงดิ่งไปที่ร้านทักทายต้นกล้าและยายเสร็จก็รีบเดินมาช่วยพี่ชายที่กำลังงง่วนกับการปิ้งลูกชิ้นให้ทันลูกค้าที่เดินมาสั่งจองกันไว้

“อ้าวเจ้าชิน ดีขึ้นแล้วเหรอ ดูๆเหมือนไม่ใช่คนป่วยเลยนะ “

“ผมก็ไม่ได้ป่วยอะไรนี้ครับ ป้ากับจอยพูดกันไปเอง ผมแค่..เออ… อ่านการ์ตูนดึกไปหน่อย เลยนอนไม่พอพอเช้ามาก็รู้สึกมึนหัว เลยขอไปนอนพักนะครับ” ชินพัตน์เลือกที่จะปั้นเรื่องหาข้อแก้ตัวเรื่องที่ตนเองคิดมากจนนอนไม่หลับ เพราะเรื่องไร้สาระ ทั้งที่จริงๆแล้วตั้งแต่เปิดร้านมา ชินพัตน์เองไม่มีเวลาซื้อหาหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดมาอ่านต่อเลย พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย
“นายโตแล้วนะชิน เลิกทำอะไรเป็นเด็กสักที่ คนอื่นเขาจะได้ไม่เป็นห่วงรู้ไหม”

“ขอโทษครับ ผมจะไม่อ่านหนังสือดึกๆอีกแล้วครับ”(เพราะนายคนเดียวฉัน เลยต้องโดนพี่ใหญ่ดุแบบนี้) ชินพัตน์ได้แต่ก้มหน้ารับคำตักเตือนของพี่ชายที่ต้องมาเดือดร้อนและเป็นห่วงตนเองเสมอ แต่ก็ไม่วายพาลใครบางคนในใจ

“พี่ไม่ได้ห้ามให้เลิกอ่านนะ แต่ต้องรู้จักแบ่งเวลารู้ใช่ไหม”

“ครับ”

“ไม่ต้องมาช่วยพี่หรอก พี่ขายเองได้ ไปอยู่ช่วยที่ร้านเถอะ คุณลูกค้าประจำนาย วิ่งวุ่นแทนนายตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ได้พักบ้างหรือยังเหอะ ใช้งานเขามากเดี๋ยวเขาก็หนีกลับกรุงเทพไปอีกหรอก แล้วอย่ามาทำเป็นป่วยการเมืองอีกนะ ไปเลยไป”นพคุณไล่ส่งน้องชาย แถมยังพูดบางอย่างทำให้ชินพัตน์ฟังแล้วไม่เข้าใจ ว่าพี่ชายตนเองพูดเรื่องอะไร
 
 “จอยไปพักไปเดี๋ยวพี่ปิ้งเอง”

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวจอยทำเอง โน่นคนที่พี่น่าจะให้พัก โน่นคนโน่น ตั้งแต่เช้าจอยเห็นพี่เขานั่งก็แค่ตอนกินข้าวพอกินเสร็จก็ยังไม่วายโทรศัพท์คุยกัยใครหน้าเครียดอีก สงสัยคุณเรื่องงานมั้ง”จอยเล่าให้ฟังอย่างเป็นห่วง แต่ชินพัตน์ก็ยังทำเป็นไม่สนใจเดินไปหาป้าพรแทน

“ป้าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

“ไม่มีหรอก เมื่อกี่ตานนท์หันผักให้ป้าแล้ว แถมเปลี่ยนถังแก็สให้ป้าด้วย ผ่อนแรงได้เยอะเลย” ป้าพรชมไม่หยุดปาก จนชินพัตน์ต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลูกค้าทานอาหารเสร็จ เพื่อเก็บเงินและพูดคุย

“เมนูที่ร้านของเราเป็นอย่างไงบ้างครับ”

“ดีจ๊ะอร่อยมาก ลูกๆของพี่ชอบมาทานที่นี้ ลูกชิ้นก็อร่อย “หันไปหาลูกสาวเพื่อขอความเห็น

“ค่ะลูกชิ้นก็อร่อย พ่อค้าก็หน้าตาดียิ้มให้ตลอดเลย อิอิ”ลูกสาววัยละอ่อนต่างยิ้มเล็กยิ้มน้อยมองไปยังพ่อค้าจำเป็นที่ก้มหน้าก้มตาเก็บจานที่โต๊ะถัดออกไป พอเห็นลูกค้ามองเลยส่งยิ้มกับมาให้ทั้งลูกค้าร่วมชินพัตน์ด้วย แต่ชินพัตน์กับแยกเขี้ยวใส่ แต่นนทนัฐกับรู้สึกชอบใจที่ทำให้ชินพัตน์แสดงออกแบบนั้นได้

“ไว้โอกาสหน้ามาทานใหม่นะครับ”

“จ๊ะ ผ่านมาแถวนี้เมื่อไรก็แวะทุกครั้งเลยจ๊ะ หาลูกชิ้นอร่อยๆแบบนี้ก็คงต้องมาที่นี้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ” ชินพัตน์ก้มหัวขอบคุณลูกค้าที่จ่ายเงิน และเดินไปส่งที่หน้าร้าน ส่งเสร็จก็หันไปมองคนที่เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนที่ร้านและลูกค้า ร่วมไปถึงพี่ชายของเขาด้วย แล้วจะทนทำเป็นโกรธอยู่แบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีสินะ


               ช่วงหัวคำนพคุณขับรถของชินพัตน์เอาข้าวของที่ตลาดนัดกลับเข้ามาส่ง ขายดีเช่นเคยแต่ต้องคอยตอบคำถามเล็กๆน้อยๆจากลูกค้าที่ถามถึงน้องชายตอนเอง และเข้ามาบอกน้องชายว่าจะไปส่งต้นกล้ากับยายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงแต่ชินพัตน์ก็ไม่วายเป็นห่วง เพราะยังพูดคุยทั้งกับยายและต้นกล้าเพียงเล็กน้อนเท่านั้น อยากคุยด้วยเยอะแต่ติดที่ร้านยังมีลูกค้าอยู่

“พี่ผมฝากด้วยนะ”

“จะมาฝงมาฝากอะไร พี่ก็ทำของพี่ประจำอยู่แล้ว ดูแลตัวเองให้ดีๆเหอะ พี่ไปหล่ะ”

“ขับรถดีๆนะพี่”

“อืม ไปดูลูกค้าเถอะ”

“ครับ” ชินพัตน์ทำหน้าหง่อยๆเพราะอยากจะพูดคุยกับทุกคนให้ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่พอลูกค้าเยอะขึ้นตัวเขาเองแถบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย นนทนัฐที่มองเห็นหน้าตาคนที่ยืนเหม่อก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เลยเดินเข้ามาถาม

“ชิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ารู้สึกไม่สบายคุณขึ้นไปพักเถอะเดี๋ยวผมช่วยป้ากับจอยดูร้านปิดร้านเอง”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร แต่วันนี้ผมยังไม่ได้คุยกับยายแล้วก็ตอนเลย”

“งั้นปิดร้านพวกเราแวะไปหาก็ได้นี้ครับ”

“ดีเลย แต่มันจะไม่ดึกเกินไปเหรอ รบกวนเวลาพักผ่อนยายหรือเปล่า”

“ผมว่าไม่หรอก พรุ่งนี้ยายและต้นก็ไม่ได้ไปขายของที่ไหนไม่ใช่เหรอ”

“งั้นไปพรุ่งนี้ดีไหม”

“แล้วที่ร้านนี้ล่ะครับ”

“นั้นสิ”ชินพัตน์นึกได้ ก็ทำหน้าหง่อย

“งั้นวันนี้เราปิดร้านเร็วขึ้นมาอีกสักหน่อย ให้ป้ากับจอยได้พักผ่อนเร็วขึ้นพวกเราก็จะได้ไปหายายกับต้นเร็วขึ้นด้วยดีไหมครับ”

“ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ให้จอยกับป้าวุ่นมาทั้งวันแล้ว งั้นปิดตอนนี้เลยแล้วกัน”

“ชินครับ”นนทนัฐห้ามไม่ทัน เพราะชินพัตน์เดินตรงไปหาป้าพรกับจอยบอกเรื่องปิดร้านให้เร็วขึ้น


          ลูกค้าที่ไม่ทราบว่าที่ร้านจะปิดเร็วก็ต่างโอดครวญเพราะซื้อลูกชิ้นที่ตลาดนัดไม่ทันก็จะมาซื้อที่ร้านก่อนกลับบ้าน ทั้งชินพัตน์ นนทนัฐต่างต้องก้มหัวขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่ลูกค้าก็เข้าใจแต่คราวหน้าคงไม่เป็นแบบนี้อีก ชินพัตน์ก็รีบรับปากว่าจะแจ้งก่อนล่วงหน้าแน่นอน ทำให้ลูกค้าพอใจเลยแยกย้ายกันกลับไป  เก็บร้านเสร็จแล้วป้ากับจอยทานมื้อเย็นกับชินพัตน์และนนทนัฐ เสร็จต่างก็แยกย้ายขึ้นไปพักผ่อนดีใจที่วันนี้ได้พักเร็วขึ้น   

“คุณผมว่าเรารีบไปกันเถอะ”ชินพัตน์ดูนาฬิกา เป็นเวลาทุ่มนิดๆแล้ว

“ครับผมก็อยากรีบไปคุยธุระเหมือนกัน”

“ธุระอะไรของคุณ?”

“ถึงที่โน่นผมจะเล่าให้ฟังอีกที่นะ มาเดี๋ยวผมขับรถให้”

“ไม่เป็นไร วันนี้คุณทำงานแทนผมมาทั้งวันแล้ว แค่นี้ผมขับเองคุณไปนั่งสบายๆเถอะ”

“ครับ งั้นผมขอโทรศัพท์แปบนึงนะ”

“อือ ได้ ผมก็จะไปหยิบลูกชิ้นเอาไปฝากยายกัยต้นด้วย”ชินพัตน์วิ่งหายเข้าไปในร้าน ทิ้งนนทนัฐยืนคุยโทรศัพท์หน้าร้าน

“คุณเนติธร ว่างหรือเปล่าครับ ช่วยแวะมาที่ร้านลูกชิ้นหน่อยได้ไหมครับ”

(“เจอเด็กนั้นแล้วเหรอครับ”)

“ผมอยากให้คุณไปที่ทีหนึ่งด้วยกันหน่อยนะครับ”

(“ได้ผมจะรีบออกไป”)

“อ้อ เดี๋ยวครับคุณเนติธร คุณขับรถออกมาแล้วขับมารถผมไปเรื่อยนะครับ พอคุณเห็นรถของผมหยุดก็ช่วยหยุด ให้ห่างออกไปสักนิดนะครับ ผมขอคุยตกลงบ้างอย่างก่อน แล้วจะให้คุณพาคนของคุณกลับไปครับ”

(“ได้ ผมจะเชื่อคุณ”)เนติธรไม่สนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า รีบพาตนเองไปยังรถหรูขับออกมาทางลัดด้านหลังวัดทำให้ถึงร้านลูกชิ้นปิ้งได้รวดเร็ว

“นี้คุณ นี้มันจะ ทุ่มครึ่งแล้วนะคุณยืนรออะไรอยู่ ขึ้นรถมาสักที่สิ”ชินพัตน์ที่ขึ้นมานั่งรอบนรถได้ครู่หนึ่งเห็นอีกคนเลิกโทรศัพท์แล้วแต่ก็ยังไม่ขึ้นรถมาสักที่ เลยตะโกนข้ามอย่างขัดใจ

“…………….”นนทนัฐเห็นแสงไฟรถที่ขับย้อนศรมาจอดข้างๆถนน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาไม่รับ แต่ส่งข้อความกลับไปว่า เห็นรถของเนติธรแล้ว รอให้รถของเขาเคลื่อนตัวออกไปก่อน แล้วค่อยขับมาออกมา 

“นี้คุณจะไปไหม ไม่ไปผมจะไปแล้วนะ”ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิด

“ไปครับไป”นนทนัฐรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถก่อนที่ใครขับจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
   
       ภายในรถเงียบเกินไปนนทนัฐเลยเลือกที่จะเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบนั้น และรู้ตัวเองดีด้วยว่าทำให้คนขับไม่พอใจที่ทำให้เสียเวลาในการที่จะไปหายายที่บ้านสวน

 “ชินครับ “

“คุณโกรธอะไรผมอีก”

“ก็คุณเอาแต่โทรศัพท์ “

“ขอโทษครับ หายโกรธผมเถอะนะ ผมไม่รู้จะหาวิธีไหนทำให้คุณหายโกรธ หายงอนคุณแล้วนะชิน”

“คะ ใครงอน ไม่มีเหอะ แล้วผมก็ไม่ได้กงไม่ได้โกรธอะไรคุณสักหน่อย ไม่ต้องมาทำดีเพื่อหวังผลหรอก“ชินพัตน์พูดเหมือนไม่โกรธแต่ก็ไม่วายทำหน้าเบ้ปากยื่น เมื่อคิดว่าทุกข้างที่คนข้างทำให้เขาทุกอย่างเพื่อต้องการทำให้เขาหายโกรธ

“คุณหายโกรธผมแล้วจริงเหรอ ชิน”

“เออ อย่ามาถามมากน่า คนจะขับรถ”

“ชินครับ”

“อะไร เรียกว่าก็ไม่พูด”

“ชินครับ”

“อะไร!!?”ชินพัตน์เริ่มหงุดหงิดคนที่เอาแต่เรียกชื่อของตนเอง

“ผมขอรางวัลหน่อยสิครับ”นนทนัฐพูดเสียงอ้อนขอ ขยับไปใกล้คนขับ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ระ รางวัลอะไร นี้คุณคิดจะทำอะไรผมขับรถอยู่นะ “จนชินพัตน์เองต้องดุเสียงแข็งเตือน
“ได้งั้นจะเก็บไว้ ทบต้นทบดอกที่เดียวเลยแล้วกัน” นนทนัฐขยับมานั่งที่ แล้วก็พูดลอยๆขึ้นมา

“คุณคิดจะทำอะไร ผมได้ยินนะ คุณคิดจะทำอะไรบอกมานะ”

“ขับรถดีๆสิครับ หึหึ” นนทนัฐหัวเราะตนเองที่ทำให้คนที่เขารักโกรธอีกแล้ว




มีต่ออีกด้านล่างนะจ๊ะ








    สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังนะคะ เพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายของมินมิน

   แอบเงียบไปไปเที่ยวมาซะหลายวัน วันนี้เลยแวะมาลงตอนต่อให้อ่านยาวๆแบบจะใจ

   คุณเจ้าของร้านหมดปัญหาเรื่องกวนใจ แต่กำลังจะมีปัญหาเรื่องหัวใจนะจ๊ะ อิอิ

   คุณลูกค้าลุกหนักขึ้นทุกวันเจ้าแผนการขึ้นทุกที่ แล้วอย่างนี้ คุณเจ้าของร้านจะหนีไปไหนรอด อิอิ


   
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 17-04-2015 12:58:53
ต่อจากด้านบนจ้า



              ขับรถไปตามทางที่คุ้นเคยถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืน ชินพัตน์ก็ไม่กังวลขับได้อย่างสบาย แปบเดียวก็มาถึงบ้านสวนของยายและต้นกล้า รีบลงจากรถอย่างไม่สนใครว่าจะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาอีกคน ถึงแม้จะขับรถตามติดมาไม่ห่าง แต่ก็ไม่เป็นทีสังเกตของชินพัตน์เลย เพราะอยากที่จะพูดคุยกับยายและต้นมากกว่า พอขึ้นมาก็พบกับพี่ชายที่ยังนั่งเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านอีกคนก็ไม่ปาน นั่งคุยอยู่กับต้นและยาย เลยรีบเข้าไปร่วมกลุ่ม ทิ้งนนทนัฐที่เดินตามข้นเรือนมาที่หลังซะสนิท

“อ้าวชิน มาไง ปิดร้านแล้วเรอ?”นพคุณทักน้องชายไม่คิดว่าน้องชายจะมาเวลาแบบนี้ได้

“วันนี้ผมปิดร้านเร็วนะครับ ให้ป้าพรกับจอยได้พักผ่อนเร็ว แทนที่ผมไม่ได้ลงมาชวนขายตั้งแต่เช้านะครับ ร่วมถึงไปได้มารับยายกับต้นด้วย เลยอยากมาคุยด้วยนะครับ” ท้ายประโยคหันไปหายายที่นั่งอมยิ้มอยู่

“มาพรุ่งนี้ก็ได้นี้จ๊ะพ่อหนุ่ม”ยายบอกอย่างเอ็นดู

“พรุ่งนี้ต้องดูร้านนะครับ”ชินพัตน์ตอบ ยายก็พยักหน้าเข้าใจ

“ผมไปคุยกับพลอยู่ข้างล่างนะ” นนทนัฐที่นั่งอยู่ด้วยเขยิบเข้ามากระซิบบอกชินพัตน์ว่าตนเองจะไปไหน ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ แล้วก็พูดกับต้นกล้าและยายต่อไม่ได้สนใจว่านนทนัฐลงไปคุยกับต้นกล้าเรื่องอะไรด้วยซ้ำ

       นนทนัฐเดินตามหากัมพลมาถึงหลังเรือนที่เป็นแคร่ไม้หลังบ้าน มีไฟติดที่ชายคาบ้านพอให้แสงสว่างเวลานักเล่นเวลาหัวคำแบบนี้

“ท่นั่งทำอะไรตรงนี้พล”

“พี่นนท์ สวัสดีครับมาได้ไงครับเนี้ยแล้ว….”กัมพลพยายามชะเง้อมองไปที่ลานหน้าบ้าน

“ชินเหรอ นั่งคุยกับยายอยู่บนบ้านนะ”

“เหรอครับ” กัมพลหันกลับไปนั่งมองท้องฟ้าอีกครั้ง

“พลพี่มีเรื่องจะถาม”

“อะไรครับ พลอยากกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกไหม”

“ผมมานั่งคิดๆดูแล้ว ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างที่ดีกว่าเอาแต่นี้แบบนี้ ยังมีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจอีกหลายอย่างและผมอยากจะได้คำตอบ ผมคงต้องกลับไปที่นั้นครับ แต่ไม่ได้กลับไปเพื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่นั้น แต่กลับไปเพื่อหาคำตอบให้กับตัวผมเองว่าเหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนั้นหรือเปล่าครับ แล้วก็…..ใครบางคนยังอยากที่จะคอยดูแลผมอยู่หรือเปล่า”กัมพลพูดออกมาอย่างเข้าใจว่าหลังจากนี้ตัวเขาเองจะทำอะไรบ้างหลังจากนี้

“งั้นถ้ามีคนที่บ้านหลังนั้นมารับพล พลจะกลับไปพร้อมกับเขาหรือเปล่า”

“ผมพร้อมกลับไปที่นั้นเสมอครับเพราะที่นั้นเป็นสิ่งเดียวที่พ่อผมต้องการที่จะกลับไปและผมก็สมควรกลับไปตามความต้องการของพ่อผม ผมคงต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วใช่ไหมครับพี่”กัมพลหันมาถามนนทนัฐอีกครั้ง

“แล้วเรื่องคุณเนติธรล่ะ”

“เขาก็คงทำหน้าที่ของเขา ผมก็ต้องมีหน้าที่ของผมครับ” กัมพลพูดเหมือนตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้

“งั้นพลพร้อมที่จะกลับไปกับเขาใช่ไหม”

“ครับ ผมไม่อยากให้พี่ชินเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว ทุกคนที่นี้ดีกับผมมากๆเลย พี่นนท์ก็ด้วยถึงแม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งพี่ก็ทำดีกับผมมาตลอด ผมขอบคุณพี่มากนะครับ” กัมพลยกมือไหวนนทนัฐอย่างนอบน้อม เพราะคำพูดของนนทนัฐทำให้ตัวกัมพลเองคิดได้หลายๆอย่าง ร่วมไปถึงชินพัตน์ที่ค่อยให้กำลัง ให้ที่อยู่ที่ปลอดภัยกับคนอย่างเขาที่ไม่ได้เป็นญาติเป็นพี่น้องกัน

“ถ้าพลคิดและตัดสินใจแบบนั้นแล้วพี่ก็ดีใจด้วยที่ตัวพลเองหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้”

“ครับ”กัมพลยิ้มเล็กที่มีคนเข้าใจตนเองเพิ่มขึ้นอีกคน

“พี่ว่าขึ้นไปร่วมตัวกับคนอื่นข้างบนเถอะ ตรงนี้ยุงเยอะนะ”

“ครับ” กัมพลลุงขึ้นเพื่อจะเดินขึ้นบันไดหลังบ้านเพื่อขึ้นเรือน ก็มีเสียงเรียกมาจากใต้ถุนบ้านมืดๆ

“คุณอา” ทำให้กำพลหยุดชะงักเสียงนี้เขาจำได้ดี มีคนเดียวที่เรียกเขาแบบนี้

“คุณเนติธรผมบอกให้คุณรออยู่ข้างนอกก่อนไม่ใช่เหรอครับ?” นนทนัฐถามขึ้นอย่างข้องใจ เพราะหนุ่มใหญ่ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้

“ผมขอโทษแล้วกัน คุณนนทนัฐผมแค่อยากมาดูให้แน่ใจว่าญาติของผมอยู่ที่นี้จริงๆและเขาสุขสบายดี”พูดท้ายประโยคหันกับไปหาญาติของตนเอง

“แต่ผมยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับทุกคนเลย ชินพัตน์เขาก็ยังไม่รู้เรื่องที่ผมให้คุณตามาที่นี้ แล้วเจ้าของบ้านก็คงไม่ชอบใจแน่ที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาดึกแบบนี้” นนทนัฐยังหงุดหงิดไม่หาย ไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่ตรงหน้าทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ขึ้นมาซะดื้อ

“งั้นผมขอเป็นคนพูดคุยกับทุกคนเองครับ ผมจะบอกทุกคนว่าผมมาขอรับตัวญาติคนสำคัญของผมกลับ และก็อยากจะขอบคุณพวกเขาด้วยที่ช่วยดูแลญาติของผมเป็นอย่างดี”

“คุณคุยอยู่กับใครนะ เสียงดังไปถึงข้างบนเลย”ชินพัตน์ที่ผิดสังเกตเลยเดินมาดูเมื่อเดินลงมายังบันได้หลังบ้านก็เจอกับคนที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ที่นี้ได้

“คุณเนติธร!!!”

“สวัสดีครับคุณชินพัตน์เจอกันอีกครั้งแล้วนะครับ แต่วันนี้ผมมาดีนะครับ”

“คุณนี้มันเรื่องอะไรกัน เขารู้ได้ไงว่าพลอยู่ที่นี้ แล้วเขามาที่นี้ได้ยังไง”ชินพัตน์รีบเดินไปกระซิบถมนนทนัฐ

“………..”นนทนัฐไม่ได้ตอบ แต่หันไปมองกัมพลแทน

“ผมอยากกลับไปทีบ้านหลังนั้นแล้วครับพี่ชิน ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ชินเดือดร้อนมาตลอด”

“พล ถ้าพลไม่อยากกลับก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะช่วยเราเองนะ”ชินพัตน์รีบเดินไปยืนบังกัมพลไว้เหมือนกันเด็กหนุ่มให้ออกห่างจากหนุ่มใหญ่
“ชิน ฟังพลพูดก่อน”นนทนัฐดึงแขนชินพัตน์ไว้

“พี่ชินครับ ผมจะกลับไปที่นั้นครับ ผมจะกลับไปกลับเขา พี่ชินไม่ต้องห่วงนะครับ หลังจากนี้ผมจะจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยตัวผมเองครับ ขอบคุณพี่ชินมากๆนะครับที่ช่วยเหลือผมมาตลอด” กัมพลอธิบายเรื่องที่ตนเองคิดอยู่ตลอดหลายวันมานี้

“ผมว่าขึ้นเรือนไปคุยกับทุกคนเถอะครับ ให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ด้วย”นนทนัฐหมายถึงยายที่เป็นเจ้าของบ้านสวนที่ให้กัมพลมาอยู่อาศัย นพคุณที่เป็นพี่ชายคอยช่วยเหลือและเป็นกังวลกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“ครับ”เด็กหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่าย เช่นเดียวกับหนุ่มใหญ่พยักหน้าเข้าใจและเดินตามทุกคนขึ้นเรือน ชินพัตน์ยังไม่แน่ใจกับเรื่องที่กัมพลตัดสินใจ นนทนัฐจับมือของคนที่สีหน้ากังวลให้คลายกังวล เรื่องทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย


     ทุกคนเดินภายใต้ถุนบ้านเพื่อขึ้นบันไดทางด้านหน้าบ้าน นนทนัฐคิดว่าการพาแขกที่มาใหม่ในยามวิการแบบนี้หน้าจะขึ้นทางนี้ดีที่สุด  ชินพัตน์เดินตามหลัง ตามมาด้วยเด็กหนุ่มกัมพล และหนุ่มใหญ่ผู้มาใหม่

“พี่นนท์คุยกับพลอยู่เหรอครับ……เอ่อ!!!!????”ต้นกล้าทักขึ้นเมื่อเห็นนนทนัฐเดินนำขึ้นเรือนมาแต่พอเห็นแขกอีกคนก็ต้องแปลกใจ

“ยายครับพี่ใหญ่ นี้คุณเนติธรญาติของพลครับ” ชินพัตน์ที่เข้าไปนั่งใกล้ๆทั้งยายและพี่ชาย แนะนำตัวหนุ่มใหญ่ที่นั่งลงข้างๆกัมพลและนนทนัฐ  หนุ่มใหญ่ยกมือไหวยายอย่างนอบน้อม และก้มหน้าเล็กน้อยให้กับนพคุณ

“ไปไงมาไงกันละจ๊ะ ไม่ร้ว่าจะมีแขกมายายเลยไม่มีอะไรเลี้ยงแขกเลย ไปต้นไปดูสิหาน้ำหาท่ามาให้แขกไป” ยายรับไหว้แล้วรีบสั่งหลานชายไปหาน้ำให้แขก ที่มานั่งอย่กันเต็มบ้านไปหมด

“พี่ต้นไม่ต้องหรอกครับ ยายครับเขามาคุณธุระแปบเดียวก็กลับแล้วครับ”กัมพลรีบบอกหันไปหาทังต้นกล้าและยาย และปิดท้ายด้วยญาติของตนเอง เพื่อขอคำยืนยันสิ่งที่ตนเองพูดด้วยสายตา

“งั้นเหรอจ๊ะ มีธุระอะไรเหรอพ่อหนุ่ม”ยายสงสัย

“สวัสดีครับ ผมชื่อเนติธร เป็นญาติของคุณกัมพลครับ ขอบคุณทุกคนนะครับที่ดูแลให้ที่พักกับญาติของผม พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะครับ ผมเลยจะมาพาคุณอากลับไปที่บ้านของพวกเราครับ เพราะพวกเราคงต้องมีเรื่องปรับความเข้าใจกันนะครับ” หนุ่มใหญ่แนะนำตัวกับผู้สูงวัยกว่า แล้วอธิบายเรื่องต่างที่ทำให้ต้องมาที่นี้เพราะสาเหตุอะไร

“ดีแล้วล่ะจ๊ะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยจากันนะ เรื่องบ้างเรื่องที่ไม่เข้าใจกันมันก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ค่อยๆเรียนรู้กันไปเดี๋ยวก็แก้ปัญหาต่างๆได้เองละนะ” ยายพูดสอนคนรุ่นหลังๆความอดทนมีน้อย เจออุปสรรคนิดๆหน่อยก็ยอมแพ้

“ขอบคุณครับยาย ผมจะจำไว้ครับ”กัมพลยกมือไหว้เพราะสิ่งที่ยายพูดเป็นสิ่งที่เขาเองก็คิดมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้เหมือนกัน เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องต่างๆอย่างชัดเจน ยังไม่ได้ลองทำในบ้างอย่างที่คิดว่าตนเองทำไม่ได้ เลยคิดทบทวนและจะลองลงมือเรียนรู้ไปพร้อมๆกับรับรู้เรื่องราวต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตอีกมากมาย

“พลแน่ใจแล้วใช่ไหม?” ชินพัตน์ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

“ครับ พี่ชินผมตัดสินใจแล้วครับ ขอบคุณพี่ชิน พี่นนท์ พี่ทุกๆคนมากๆนะครับ ที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ยายครับผมขอแวะมาที่นี้อีกได้หรือเปล่าครับ” กัมพลยกมือไหว้ทุกคนและทิ้งท้ายกลับไปอ้อนยาย เพราะกัมพลไม่เคยเห็นหน้าทั้งยาย และย่าของตนเอง เมื่อได้มาใกล้ชิดยายที่สวนแห่งนี้ทำให้รู้สึกผูกพัน และอยากเป็นหลายยายอีกคน

“ได้จ๊ะ ว่างก็แวะมาหายายได้ตลอดเลย ยายจะทำขนมอร่อยๆไว้ให้นะ” ยายยิ้มเอ็นดูเหมือนได้หลานชายเพิ่มอีกคน

“ดึกมากแล้วนะครับ ผมว่าพวกเราขอตัวกลับดีกว่า ยายจะได้พักผ่อน” นพคุณตัดบทก่อนจะคุยกันยาวไปมากกว่านี้ รบกวนเวลานอนของยาย และรบกวนเวลาได้อยู่กับต้นกล้าของตนเองด้วย

“พี่จะกลับแล้วเหรอ” ชินพัตน์หันไปหาพี่ชาย

“เอ่อ”นพคุณมองตาขว้าง เพราะน้องชายตัวดีรู้ทันพี่ชายอย่างเขาไปซะหมด

“งั้นผมลายายกับทุกคนที่นี้เลยนะครับ ว่างๆ…(หันไปมองหนุ่มใหญ่ที่นั่งถนัดไป) … เออ ผมจะแวะมาเยี่ยมยาย แล้วก็แวะไปที่ร้านพี่ชินนะครับ” กัมพลล่ำลาทุกคน ด้วยน้ำเสียงเศร้า

“มีเบอร์โทรของพี่แล้วนี้ มีอะไรก็ไทรมาหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ”

“ครับพี่ชิน”

“โทรมาหาพี่ด้วยนะ “ต้นกล้าที่เอือมมือไปหยิบกระดาษมาเขียนเบอร์โทรของตนเองแล้วยื่นให้บ้าง

“ครับพี่ต้น”

“กลับกันเถอะครับ ดึกมากแล้ว” นนทนัฐเตือนแขกทุกคนเมื่อมองดูนาฬิกา

“ผมลาละครับ” หนุ่มใหญ่ที่นั่งเงียบมานาน ยกมือไหว้ลาผู้สูงวัย

“จ้าไปดีมาดีนะ”

      ต้นกล้าเดินมาส่งทุกคนที่ลานหน้าบ้าน แต่นพคุณทำอิดออด บอกจะคุยกับต้นกล้าอีกหน่อยแล้วจะกลับ ทำให้น้องชายหัวเราะแซวพี่ชายตนเองอย่างรู้ทัน เดินนำนนทนัฐ กัมพล และหนุ่มใหญ่มาที่รถ ทุกคนเงียบไม่มีใครพูดอะไรเลยหลังจากลงจากเรือนมาก

“ผมคงมีโอกาสได้เจอพลอีกใช่ไหมครับ คุณเนติธร” ชินพัตน์ทำลายความเงียบนั้นก่อนที่ทุกคนจะเดินถึงรถ

“แน่นอนครับ ถ้าเขาต้องการจะทำอะไรเขาจะได้ทำทุกอย่างแน่นอนครับ” หนุ่มใหญ่ตอบน้ำเสียงหนักแน่น

“ดีครับ ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก”

“พี่ชิน พลไม่ได้ไปไหนไกลซักหน่อยครับ บ้านผมอยู่สุดทางด้านหลังวัดนี้เอง พี่ชินก็เคยเข้าไปแล้วนี้ครับ “

“……..อ้อ ก็ใช่…. แต่ว่า…..” ชินพันตน์ยังไม่กล้าเข้าไปอีกรอบแน่ๆ

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแวะมาหาพี่ชินเองแล้วกัน แวะมาหาลูกชิ้นปิ้งอร่อยกินด้วย” กัมพลยิ้มอ้อนเอาใจคุณเจ้าของร้าน ทำให้ชินพัตน์รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อกัมพลพูดเองว่าจะแวะมาหากัน

“ถ้าจะมาก็โทรมาบอกนะ พี่จะเตรียมลูกชิ้นไว้ให้”

“ขอบคุณครับ”

“ดึกแล้วกลับบ้านดีๆล่ะ มีอะไรต้องรีบโทรมาบอกพี่นะ” ชินพัตน์ไม่วายอดเป็นห่วง

“ครับพี่  พี่ชินก็ขับรถกลับดีๆนะครับ”

“อืม”ชินพัตน์พยักหน้า

“พี่นนท์ฝากดูพี่ชินด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”นนทนัฐลูบหัวกัมพลอย่างเอ็นดู มองดูแล้วก็ยังคงเป็นเด็กที่ต้องค่อยเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ และคงไม่อยากเกินความสามารถที่คนอย่างหนุ่มใหญ่ที่ยื่นมองพวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ จะทำได้ ค่อยสอนเรื่องต่างก็กับเด็กหนุ่มที่ถือว่าเป็นญาติใกล้ชิดที่สุดในตอนนี้ของกัมพล

 “คุณเนติธร พลก็เหมือนน้องชายของผม ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานแต่ผมก็เอ็นดูเขามาก คุณคงเข้าใจในสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดใช่ไหมครับ ผมจะไม่ขอโทษนะครับเรื่องที่ผมพาพลไปหลบอยู่ที่บ้านสวน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ผมต่างหากที่จะต้องขอโทษคุณอีกครั้ง ที่ทำให้ต้องเดือดร้อน”หนุ่มใหญ่กล่าวขอโทษคุณเจ้าของร้านอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรเช่นกันครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ต่างหาก ผมคงจะเห็นพลใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากจะทำ และเรียนรู้หน้าที่ของเขา มีคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนสอน ผมเชื่ออย่างนั้นได้ใช่ไหมครับ” ชินพัตน์ขอคำยืนยันอีกครั้ง

“แน่นอนครับ “หนุ่มใหญ่ตอบรับหนักแน่นมั่นคง ทำให้กัมพลรู้สึกอุ่นใจ ที่ตนเองตัดสินใจไม่ผิดที่จะกลับไปบ้านหลังใหญ่นั้นอีกครั้ง

“ดีครับ”ชินพัตน์ยิ้มเล็กๆอย่างพอใจ เบาใจหมดห่วง

“งั้นพวกเรากลับกันเถอะนะ ดึกแล้ว”นนทนัฐที่เห็นว่าทุกคนเข้าใจกันดีแล้วก็อยากจะให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน

“ครับ”ชินพัตน์เดินไปประจำที่นั่งคนขับ ก่อนปิดประตูก็โบกมือลาเด็กหนุ่มกัมพลอีกครั้ง

“ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนสำคัญของคุณ” หนุ่มใหญ่เดินมาพูดเสียงเบาไล่หลัง

“ครับ คุณก็ได้คนสำคัญของคุณคืนแล้ว ช่วยรักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆนะครับ อย่าปล่อยให้หลุดมืออีก เพราะคราวหน้าคงจะไม่มีใครช่วยคุณอีกแน่ “ นนทนัฐยืนยันในสิ่งที่ตนเองเข้าใจ และแนะแนวทางให้กับหนุ่มใหญ่ก่อนเดินขึ้นรถ  หนุ่มใหญ่ยกยิ้มเล็กพยักหน้ารับเล็กน้อยกับคำพูดของนนทนัฐ เป็นคำพูดที่ถูกต้องทุกอย่าง และเขาเองก็จะไม่ปล่อยให้สิ่งสำคัญ คนสำคัญหลุดมือไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

“กลับบ้านกันเถอะครับ คุณอา”

“ผมบอกว่าไม่อยากให้คุณเรียกผมแบบนั้น”

ได้ครับคุณกัมพล”

“เรียกผม พล เฉยๆ ก็ได้ โธ่” เด็กหนุ่มทำหน้ายู่เหมือนโดนตามใจ แต่ก็ยังขัดใจเล็กๆ แต่ก็ถือดีขึ้นกว่าแต่ก่อนยอมเดินขึ้นรถอย่างว่าง่าย จะได้กลับบ้านของตนเองอีกครั้ง ผมจะเรียกบ้านหลังใหญ่นั้นว่าบ้านของผมได้เต็มปากได้ใช่ไหมครับ
พ่อครับผมจะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดครับ

“นี้คุณยิ้มอะไร”ชินพัตน์ที่ลอบมองคนที่นั่งข้าง

“ผมมีความสุขนะสิครับ”

“ความสุขอะไรของคุณ”

“ผมทำเป้าหมายที่ตั้งไว้วันนี้สำเร็จหมดทุกอย่างเลยนะสิครับ”


“เป้าหมายอะไรของคุณ”


“งั้นคุณไปนั่งคุยกับผมที่ตึกของผมก่อนนะแล้วผมจะบอก”

“ระ เรื่องอะไรผมต้องไป ไม่บอกก็ไม่เห็นอยากรู้เลย ชิ!!” ชินพัตน์ทำหน้าไม่สนใจขับรถต่อจนมาจอดด้านหลังร้าน ปล่อยให้นนทนัฐลงจากรถ ตนเองก็ขับรถเข้ามาจอดในรั้วด้านหลังของร้าน และลงจากรถเพื่อจะเดินเข้าประตู แต่นนทนัฐเรียกขึ้นมาซะก่อน

“ชินคุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ?”

“ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณนี้”

“แต่คุณก็ไม่ยอมฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูด”

“คุณอยากพูดคุณก็พูดมาสิ อย่าร่ำไรมันดึกแล้วผมเริ่มง่วงแล้ว” ชินพัตน์ไม่รู่สึกง่วงเลยแต่อยากจะเรียงที่จะอยู่สองต่อสองกับนนทนัฐเลยยกเรื่องง่วงนอนมาอ้าง

"ผมรับปากว่าจะดูแลร้านแทนคุณ ผมก็ทำแล้ว”

“อือ ขอบคุณมาก”พยักหน้ารับรู้

“ผมจัดของเตรียมของไปขายที่ตลาดแทนคุณผมก็ทำ”

“อือ ก็ขอบใจแล้วไง คุณจะเอาอะไรอีก” ชินพันต์เริ่มหงุดหงิด

“และอีกอย่างสำคัญมาก ผมทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องพลกับคุณเนติธรแล้วใช่ไหม ชิน?”

“อืม…..”ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ และมองสายตาที่ถามเหมือนจะให้เห็นใจกับเรื่องที่ทำคนตรงหน้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเขาทั้งนั้น

“ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณนะชิน”

“ผมรู้” ชินพัตน์ก้มหน้าเริ่มต้านทานสายตาทีส่งมาสื่อความหมายซื่อตรง ว่าคนตรงหน้ารักเขามาขนาดไหน ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาได้จริง ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยๆ จนไปถึงเรื่องใหญ่เขาก็ผ่านไปหาไปได้ เพราะเขามีคนคนนี้อยู่ด้วย

“ชินครับ”

“อะไร”

“ดึกแล้วเข้าไปนอนเถอะครับ “นนทนัฐตัดบท

“อะไรของคุณเรียกแล้วก็ไม่พูด เป็นอะไรของคุณเนี้ย”

“ก็ผมเห็นคุณบอกว่าง่วง ผมเลยไม่อยากกวนเวลานอน”

“มีอะไรก็พูดๆมาเถอะน่า อมพะนำอยู่นั้นแหละ”

“งั้นเข้าไปคุยที่ตึกของผมก่อนได้ไหม”

“ห้ามนานนะ”

“ครับๆ”นนทนัฐยิ้มกริ่มเข้าแผน เขาเองก็จะไม่ยอมให้คนสำคัญหลุดมือไปอีกแน่คืนนี้  คิดในใจ และเดินนำพาคุณเจ้าของร้านไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่แสนนุ่ม

“นี้คุณ อย่าลีลา มีอะไรก็พูดมา เร็วเข้าสิ”

“ผมขอรางวัลหน่อย”

“ห่า!!! รางวัล? รางวัลอะไร?”ชินพัตน์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ก็ผมทำทุกอย่างวันนี้เพื่อคุณโดยเฉพาะเลย แล้วก็บรรลุเป้าหมายทุกอย่างด้วย คุณก็ยินดีกับสิ่งที่ผมทำด้วย ไม่ใช่เหรอ?”นนทนัฐตะลอมอธิบายให้ชินพัตน์ฟัง และเขยิบเข้ามานั่งใกล้คนตัวบางกว่าอย่างช้าๆ

“ก็ผมก็ขอบคุณคุณไปแล้วไง แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรอีก หรือแบ่งเงินกำไรที่ขายของวันนี้ให้คุณด้วย ใช่ไหม” ชินพัตน์นึกขึ้นได้อยากได้รางวัลก็ต้องเป็นเรื่องเงินๆทองๆ ชี้หน้าคนที่เข้ามาหนักใกล้อย่างข้องใจ

“เปล่าเรื่องเงินทอง ผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่คุณเท่านั้นและ”

“นี้!!!! คุณจะทำอะไรปล่อยนะ!!!! นี้!!!” ชินพัตน์ดิ้นหนีให้หลุดจากอ้อมกอดแน่นของคนที่อ้อนขอรางวล

“ชินครับ ขอผมอยู่แบบนี้สักแปบนะ นะครับ “นนทนัฐทำเสียงอ่อนขอร้องแกมบังคับ

“แต่คุณ……”ชินพัตน์ไม่วายจะต่อว่าต่อแต่ก็โดนปลายนิ้วอุ่นมาทาบปิดริมฝีปากไว้ไม่ให้พูดต่อ

ผมขอแค่นี้จริงๆ ชินผมของพลังงานจากคุณหน่อยเถอะนะ ตั้งแต่เช้าผมตั้งใจทำทุกอย่างสุดใจสุดพลังกาย ยิ่งเรื่องของพลกับคุณเนติธร ผมลุ้นจริงๆว่ามันจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า เพราะผมไม่อยากเห็นคุณกลุ้มใจอีกแล้ว ผมอยากเห็นคุณกลับมายิ้มอย่างเต็มที่ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจ ยิ้มให้ผมอย่างที่เคย ผมขอแค่นี้จริงๆ” นนทนัฐเห็นว่าชินพัตน์ไม่ดิ้นหนีอ้อมกอดเขาอีกแล้ว ก็กอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นกายเฉพาะตัวของคนในอ้อมกอดอย่างเต็มปอด รู้สึกพลังชีวิตได้เติมเต็ม ชินพัตน์ก็เช่นกัน จากที่นั่งนิ่งแข็งเป็นหินเพราะไม่อยากเชื่อว่าจะโดนมุกเดิมๆเล่นงานอีก แต่ครั้งนี้เขากับยอมโอนอ่อนเพราะสิ่งที่คนที่นั่งกอดตนเองอยู่ ทำทุกย่างเพื่อเขาจริงๆ เรื่องแค่นี้คงไม่มากเกินไปที่จะตอบแทนกับไปบ้าง ปล่อยร่างกายให้เป็นไปกับความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้  กับอ้อมกอดที่อบอุ่นแสนจริงใจนี้

      ชินพัตน์ค่อยผ่อนคลายเอียงคอลงไปที่ไหล่หนาและโอบกอดตอบอย่างแผ่วเบา เอาเองก็ต้องการพลังจากคนตรงหน้าเหมือนกัน มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปนาน เขากลับมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
จะปล่อยเขาไปอีกเหรอชินพัตน์ ?

“ชินผมจูบคุณได้ไหม”นนทนัฐเอยถามเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอดซึ่งกันและกันออก มีเพียงชินพัตน์เท่านั้นที่พอได้ยินคำของ ก็ถึงกับยกศีรษะที่วางนิ่งอยู่บนไหล่หน้าขึ้น แต่ก็โดนมือหนากดลงให้วางลงที่เดิม และลูบผมนุ่มนั้นเบาๆเหมือนเป็นการกล่อม

“ผมจะไม่ฝืนใจคุณ ถ้าคุณไม่ต้องการ แค่ผมได้ใกล้ชิดคุณแบบนี้ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว” นนทนัฐเอยขึ้นแผ่วเบาเหมือนเพลงขับกล่อม คำพูดที่แสนหวานชวนฝัน ทำให้ชินพัตน์หลับตาลงอย่างเชื่อใจ

“ผมรักคุณนะ คุณรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”นนทนัฐยังคงลูกแผ่นหลังบางกว่าอย่างแผ่วเบา รับรู้ถึงน้ำหนักที่ทิ้งมาบนไหล่ แรงจากอ้อมกอดค่อยคลายลง และทำให้ใครบางคนหลับใหลลงอย่างง่ายดาย นนทนัฐยกยิ้มพอใจเพราะคนในอ้อมกอดไว้ใจเขาแล้วถึงยอมหลับภายใต้อ้อมกอดของเขา
 

          นนทนัฐขยับกายเพื่อว่างร่างของคนที่หลับสนิทลงที่โซฟา และจัดท่าทางให้นอนสบาย ยกขาที่ตกขึ้นไปด้านบน และเขาเองก็เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อหาที่นอนหมอนผ้าห่ม เพื่อมาปูนอนด้านหน้าทีวี เดินกลับเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและไม่ลืม เช็ดตัวให้คนหลับสนิทนอนสบาย และอุ้มมานอนที่นอนที่เตรียมไว้ ถึงแม้จะเปลี่ยนชุดให้ไม่ได้ แต่ก็เช็ดตัวคลายร้อน แถมทาแป้งให้ด้วย นนทนัฐนั่งมองคนหลับสนิทเหมือนเด็กที่เริ่มเบียดตัวเขามาหาเขา ยกยิ้มและหันไปกดรีโมตปรับอุณหภูมิให้ลดลงอีก เพราะคนที่หลับสนิทจะได้หาที่อุ่นๆเพื่อกอดไว้คลายหนาว นนทนัฐพอใจกับแผนตัวเองที่วางไว้แล้วก็ปิดไฟ และนอนลงข้างคนที่เขารักหมดหัวใจ ประทับริบฝีปากที่หน้าฝากมนอีกครั้ง

“ฝันถึงผมบ้างนะครับ”

“ผมรักคุณนะ”



และเหมือนคนหลับสนิทจะรับรู้พยักหน้ารับเหมือนคนละเมอในอ้อมอกของเขาและชุกอกอุ่นนั้นตลอดทั้งคืน








   หวานกันเล็กๆน้อยๆ แต่รักกันนานแน่คู่นี้ บอกเลย อิอิ   :teach:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 17-04-2015 13:07:22
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 17-04-2015 13:22:53
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 19-04-2015 10:53:19
หวานม่วกๆ แต่รู้สึกว่านนธนัฐจะเจ้าแผนการเกินไปแล้วนะ

แค่เรื่องที่ทำวันนี้ยังไม่เท่าไหร่ มาเจอแผนปรับแอร์ให้เย็นเพื่อให้ชินเบียดตัวเข้ามากอดแน่นๆ แล้วอึ้งเลย ขอยืมไปใช้นะ



ปล.เนื้อเรื่องน่ารักดี ไอเดียเจ๋ง เสียอย่างเดียว คำผิดเยอะไปหน่อย สนใจส่งมาให้ตรวจคำผิดก่อนเอาลงได้นะครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Naiikratai ที่ 20-04-2015 01:48:54
เย้ๆๆๆๆๆ ดีใจจังเลยมาต่อแล้ววววว ฟินนาเล่ที่สู๊ดดดดดดดดด :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 59 ผมยังโกรธคุณอยู่นะ(2) [17-04-15] มาให้อ่านแบบยาวๆ
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-04-2015 16:21:45
ลูกชิ้นจานนี้หวานเป็นพิเศษ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 25-04-2015 20:19:33




                                   ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?
 

         คนที่ได้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นาฬิกาชีวิตของทุกคนก็ปลุกขึ้นเองอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งเสียงปลุกใดๆ เช่นเดียวรับคุณเจ้าของร้านที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ปรับสายตาเพื่อมองสิ่งรอบๆตัว  สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือ ไออุ่นข้างกาย เสียงลมหายใจที่อยู่ใกล้มาก ชินพัตน์ตกใจ หันมองไปรอบๆ และก็นึกขึ้นได้ว่านี้ไม่ใช่ห้องของตนเอง และที่สำคัญโดนคนที่นอนข้างๆ โอบกอดอยู่แบบนี้  ชินพัตน์พยายามขยับตัวให้ออกจากวงแขนหนานั้นให้ได้ แค่ดูเหมือนจะโดนรัดแน่นขึ้นมาอีก คิดนึกก่นด่าในใจ

 คงตื่นแล้วละสิแต่ทำเป็นหลับตาอยู่ใช่ไหม?

ชินพัตน์คิดได้เลยเลิกพาตนเองออกจากแขนหนาที่กายกอดตนเองอยู่ และมองไปที่แขนนั้นหมายจะกัดให้จมเขี้ยว

“โอ๊ย!!!?? ชินกัดผมทำไมครับ” นนทนัฐที่โดนคมเขี้ยวกัดไม่ออมแรง รีบสะบัดตัวออกจากปากอีกคนทันที่แล้วร้องโวยวายถาม

“ก็คุณทำอะไรล่ะ ?”ชินพัตน์ที่หลุดออกจากพันธนาการได้ก็รีบลุกจากที่นอนไปยืนชี้หน้า ถามคนที่นอนกอดตนเองทั้งคืนอย่างโมโหและอายปะปนกันไปหมด เพราะตัวเองที่เผลอหลับไปทั้งๆแบบนั้นด้วย

“ผมทำอะไร ผมก็หาที่นอนให้คุณนอนไง ผมเห็นคุณหลับสบายไม่อยากปลุก เลยหาที่นอนมาให้ไงครับ”

“ละ แล้วคุณมานอนด้วยทำไม ทำไมคุณไม่ไปนอนที่ห้องของคุณล่ะ ละ แล้วยังจะ เอ่อ…”ชินพัตน์เถียงคอเป็นเอ็นถึงแม้จะรู้ตัวว่าตนเองเป็นต้นเหตุก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมแถมยังเคืองเรื่องที่โดนนอนกอดด้วย

ต้องโดนกอดมาทั้งคืนแน่ๆเลย บ้าไปแล้วเจ้าชินทำไมนายทำตัวแบบนี้??

ชินพัตน์ต่อว่าตัวเองในใจเมื่อนึกได้ว่าตลอดทั้งคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง     

“ผมจะปล่อยให้คุณนอนคนเดียวได้ไงละครับ ผมเป็นห่วงคุณผมเลยมานอนด้วย”นนทนัฐยังลูบแขนไปมายังเจ็บอยู่แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรและรู้ว่าที่ฝากรอบเขี้ยวไว้ที่แขนของเพราะอะไรด้วย พูดด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ ทำสีหน้าแกล้งเจ็บไปอย่างนั้นเพื่อเรียกร้องจากคนที่ทำท่าทางโกรธตนเองตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้

“ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าคุณปลุกผมให้กลับไปนอนบ้านทุกอย่างก็จบแล้ว แต่คุณไม่ทำไง ใช่ไหม? คุณต้องการอะไรกันแน่ห่ะ!!! “ ชินพัตน์เดินเข้าไปหาคนที่ยืนพยุงตัวขึ้นจากที่นอน ดึงคอเสื้อชุดนอนของอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด พอลองนึกดูว่าตนเองจะกลับไปที่ตึกยังไงไม่ให้คนอื่นๆเห็น แล้วแถมเรื่องที่มานอนข้างบ้านคนอื่นแบบนี้ ป้าพรกับจอยจะคิดยังไง  คนข้างนอกเห็นขึ้นมาแล้วพวกเขาจะเอาไปนินทาหรือเปล่า ชินพัตน์คิดมากจนโมโหคนตรงหน้าขึ้นมาทำอะไรไม่คิด

“ชินผมขอโทษ  ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้นเอง”นนทนัฐยอมสารภาพว่าอยากหาโอกาสมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างแต่ไม่คิดว่าตนตรงหน้าจะโกรธมากขนาดนี้

“คุณนี้มัน!!!! “ชินพัตน์ได้ยินคำพูดที่คนตรงหน้าเอยออกมา ก็ต้องรู้สึกหน้าเห่อร้อน รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้ารัก แสดงออกมาตั้งมากมายแต่ตัวเขาเองไม่คิดว่า จะต้องการใกล้ชิดกันได้มากถึงขนาดต้องทำอะไรบ้าๆแบบนี้

“ชินผมขอโทษ คุณอย่าโกรธผมเลยนะ นะครับ” นนทนัฐรีบจับมือของชินพัตน์ที่ขยำคอเสื้อของตนเองเอาไว้ เพื่อขอร้อง

“แต่คุณไม่ควรทำแบบนี้ คนอื่นเขาจะคิดยังไง ทั้งป้าพร จอย แล้วถ้าคนอื่นรู้ว่าผม มะ มานอนค้างกับคุณแบบนี้อ่ะ”ชินพัตน์รีบสะบัดมือออกจากคอเสื้อ และเสหน้าไปมองทางอื่นเมือพูดถึงเรื่องที่ตนเองคิดมากอยู่ตอนนี้

“ชินครับ ทุกคนรู้ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกัน แค่ค้างบ้านเพื่อนมานอนเล่นบ้านเพื่อน ทุกคนคงไม่คิดเรื่องไม่ดีหรอกนะครับ ที่สำคัญพวกเราบริสุทธิ์ใจด้วย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย อย่าคิดมากสิครับ นะ” นนทนัฐเห็นว่าคนที่ตนเองรัรักเริ่มกำลังกังวลใจกับเรื่องรอบๆตัวไปหมดเลยพูดอธิบายให้สบายใจ

“คนบ้า บริสุทธิ์ใจงั้นเหรอ นี้! นี้! นี้! คุณมันต้องโดนซะมั้ง” ชินพัตน์โมโหขึ้นมาอีกทุบนนทนัฐไปหลายที เมื่อคนที่บอกว่าบริสุทธิ์ใจ แต่กับทำเป็นปากว่ามือถึงตลอดเวลา ร่วมทั้งเมื่อคืนด้วย นนทนัฐก็ได้แต่ยืนให้คุณเจ้าของร้านทุบเพื่อระบายความโกรธ อย่างไม่คิดที่จะหลบเลี่ยง เพราะเขาเองก็ทำแบบนั้นจริงๆแต่ไม่ได้เกินเลยขนาดทำให้อีกคนเสียใจแน่ๆ

“ชินครับ ผมเจ็บนะ”นนทนัฐทำพูดเสียงอ้อน

“เจ็บสิดี จะได้จำว่าที่หลังอย่าทำแบบนี้อีก”

“ได้ครับ คราวหน้าผมไม่พาชินมานอนที่ตึกของผมอีกแล้ว”

“ดี”

“แต่ผมจะไปนอนที่ตึกที่ห้องนอนของชินเองนะ ดีไหม?”นนทนัฐยกยิ้มล้อเลียน

“ดี!? หะอะไรนะ  ดีกับผีอะไร นี้คุณคิดจะทำอะไรอีกเนี้ย “ชินพัตน์หันมาทำท่าจะทุบคนเจ้าเล่ห์แต่ก็โดนจับมือไว้ได้ก่อน

“ชินครับ สายแล้วนะ ไปช่วยป้าพรกับจอยเปิดร้านเถอะครับ” นนทนัฐรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ตนเองจะโดนทำร้ายร่างกาย เพราะเรื่องร้านต้องมาก่อน นนทนัฐรู้ถึงจุดนี้ของชินพัตน์ดีเลยรีบยกเรื่องขึ้นนี้มาเป็นระฆังช่วยแยกพวกเข้าออกจากกัน แล้วค่อยมาขึ้นชกต่อภายหลัง

“จริงด้วย” ชินพัตน์เงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาบนฝาผนังบ้านของนนทนัฐ รีบสะบัดมือออกแล้วรีบเดินไปที่ประตูหลังบ้านทันที่ไม่สนใจคนที่กำลังจะเดินตามมา

“ชินเดี๋ยวผมไปช่วยนะ”

“ไม่ต้องมาที่ร้าน ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ” ชินพัตน์หันกลับมาพูดเสียงเรียบอย่างค่าโทษ นนทนัฐหน้าเสียไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินตามคนที่เดินเข้ารั้วหลังร้านเข้าไปภายในร้านเรียบร้อยแล้ว


          ชินพัตน์เลี่ยงสายตาช่างสงสัยของป้าพรและจอยด้วยการเอาแต่ทำงาน ไม่สนใจคำถามที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนข้างบ้านเลย ที่สำคัญทั้งป้าพรและจอยก็แปลกใจที่ไม่เห็น เพื่อนบ้านคนสำคัญมาช่วยงานที่ร้านเหมือนเคย และยิ่งเห็นท่าที่ของคุณเจ้าของร้านแสดงออกมาว่าไม่อยากสนใจ คนที่เคยมาช่วยที่ร้าน สงสัยมีเรื่องทะเลาะกัน ทำให้ทั้งป้าพรและจอยคิดสรุปได้แบบนั้น เลยเงียบไว้ไม่กล้าถามต่ออีก

“ป้าหนูว่าพี่ชินกับพี่นนท์ต้องมีเรื่องผิดใจกันแน่ๆเลยล่ะ”

“ป้าก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรนะสิ เป็นห่วงจัง เมื่อวานยังเห็นคุยกันอยู่ดีๆอยู่เลย”

“นั้นสิป้า พักนี้ทั้งคู่แถบจะตัวติดกันเลยนะ ตั้งแต่มีเรื่องที่ร้านนะ “

“อืม” ป้าพยักหน้าเห็นด้วยกับเด็กสาวช่างจับผิด

“งั้นเดี๋ยวหนูลองไปแอบดูพี่นนท์ที่ตึกดูนะว่าอยู่ไหมนะ”เด็กสาวเสนอเมื่อเห็นว่าลูกค้าไม่เยอะ ปลีกตัวไปสืบหาเหตุผลที่ทำให้เจ้าของร้านหน้าตาบึงตึง ไม่รับแขกแบบนี้ กับอีกคนที่เงียบหายไปอย่างน่าสงสัย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่นนท์อยู่ไหมจ๊ะ นี้จอยเองนะ”จอยมาพร้อมกับข้าวผัดกระเพราลูกชิ้นจานโปรดของนนทนัฐ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร ยังนั่งนิ่งสำนึกผิดกับเรื่องที่ตนเองทำอยู่ที่โซฟา ได้ยินเสียงเรียกก็เดินมาเปิดประตูหลังตึกให้จอยทันที่อย่างมีความหวัง คิดไปว่าน่าจะเป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาให้จอยมาตามเขาไปที่ร้านหรือเปล่า

“ว่าไงจอย?!!”ถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังสุดๆ

“พี่นนท์ไม่สบายเหรอจ๊ะไม่เห็นเข้าไปที่ร้านเลย”เมื่อจอยเห็นสภาพของคนที่เปิดประตูออกมา เลยนึกว่าไม่สบายเลยถามอย่างเป็นห่วง

“เปล่า คือ พี่ตื่นสายนะ แล้วที่ร้านคนเยอะไหม” แต่ในใจอยากถามหาคุณเจ้าของร้านมากกว่า

“มีมาเรื่อยๆจะ สายๆโน่นลูกค้าถึงจะเริ่มเยอะ หนูเป็นห่วงเลยเอาข้าวมาให้จ๊ะ”

“ขอบใจมากนะ”หัวใจแฟบลงทันที่เมื่อสิ่งที่หวังไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด

“พี่ชินกับพี่นนท์มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ พี่ชินเอาแต่เงียบมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ไม่มีอะไร จอยไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะวันนี้พี่คงไม่ได้ไปช่วยที่ร้าน เอ่อ คือ พี่มีง่ายต้องทำนิดหน่อยนะ”

“จ้าๆ ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ก็พี่มีงานนี้น่า หนูก็แค่เป็นห่วงเฉยๆนะจ๊ะ”

“ขอบใจมากนะจอย รีบกลับไปที่ร้านเถอะ “

“จ๊ะ” จอยก็รีบเดินกลับไปที่ร้าน แต่ก็ยังไม่คลายสงสัยซะที่เดียว เรื่องระหว่างนายจ้างของตนเองกับเพื่อนบ้าน คนนี้

            ลูกค้าเข้าร้านเยอะเหมือนปกติทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติน่าจะเป็นคุณเจ้าของร้านที่เอาแต่เงียบทั้งวัน ไม่พูดคุยอย่างเคย จนบ่ายโม่งกว่าๆ ป้าพรเลยทักให้หลานชายทานมือเที่ยง เพราะต้องรอจังหวะที่ลูกค้าช่วงพักเที่ยง คนจากโรงงาน พนักงานที่ขับรถมาทานอาหาร มาซื้อลูกชิ้นที่ร้านหมดก่อน ค่อยถึงเวลาทานข้าวของทุกคนที่ร้านบ้าง

“ตาชินพักกินข้าวกินปลาเถอะลูกค้าช่วงเที่ยงหมดแล้ว บ่ายๆเดี๋ยวลูกค้าเข้าร้านอีกจะไม่มีเวลากินข้าวนะ”

“ครับป้า”ชินพัตน์เดินไปที่มุมโต๊ะทำงานของตนเอง ตักกับข้าวใส่จานข้าวแล้วมานั่งกินเงียบๆ 
ทั้งจอยและป้ายิ่งสงสัยหนัก เพราะปกติต้องนั่งทานกับเพื่อนอีกคนที่ไม่มาวันนี้ ป้าพรเลยนึกบ้างอย่างขึ้นมาได้

“จอย ไม่รู้ว่าตานนท์เป็นไงบ้างเนอะจะทานข้าวเที่ยงหรือยังนะ ป้าเป็นห่วงจัง” ป้าพรลองถามจอยที่ยืนปิ้งลูกชิ้นเสียงดังพอที่จะให้คนนั่งกินข้าวอยู่เงียบๆได้ยิน

“ไม่รู้เหมือนกันป้า คงมัวแต่ทำงานเพลินจนลืมกินข้าวแล้วมั้ง” จอย แกล้งพูดให้คุณเจ้าของร้านได้ยิน

“ตาชิน ตานนท์เข้าต้องไปทำงานเหรอวันนี้ ป้าไม่เห็นเขามาเลย แต่ป้าเห็นรถก็ยังจอดอยู่ที่หลังตึกนะ”ป้าทำเป็นสงสัยแกล้งถามคนที่เอาแต่เงียบ

“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ชินพัตน์ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ

“ไม่ได้กินข้าวกินปลาแบบนี้ อยู่คนเดียวเกินเป็นลมเป็นแร้งขึ้นมาจะทำไงกันนะ” ป้าพรแกล้งพูดเป็นห่วงคนข้างตึกให้หลานชายฟัง

          ชินพัตน์นึกได้ว่านนทนัฐไม่ได้ออกมาจากตึกเลยจริงๆด้วย เพราะเห็นรถจอดอยู่ด้านหลังตลอด ตั้งแต่เช้าได้กินอะไรหรือยังนะ นี้ก็จะจะเกือบบ่าย 2 โมงแล้ว นึกเป็นห่วงอยู่ในใจ รีบทานข้าวให้หมดจาน แล้วเดินไปหาป้าพร ให้ทำต้มจืดลูกชิ้น 1 ชาม และเขาเองก็เดินไปตักข้าวสวยร้อนๆเตรียมใส่ถาดไว้รอ ไม่นานต้มจืดลูกชิ้นก็ทำเสร็จมาวางคู่กันกับข้าวสวย

“จอย จอย มาหาพี่หน่อย” ชินพัตน์เรียกเด็กสาวมาหา

“จอยเอานี้ไปให้เขาหน่อยไป”

“เอาไปให้ใครพี่”

“ก็คนที่จอยกับป้าเป็นห่วงไง ไปสิ”

“ไม่ใช่แค่จอยกับป้าแล้วมั้งที่เป็นห่วงอ่ะ” จอยรับถาดอาหารแล้วพูดแซวคนที่ทำหน้าไม่สนใจ

“ใครเป็นห่วงใครไม่มี๊” ตอบเสียงสูง แล้วเดินไปปิ้งลูกชิ้นแทนจอยทันที่

       ทั้งจอยและป้าพรต่างหันมาส่งยิ้มให้กันอย่างรู้กัน และรู้ทันคนที่เอาแต่แสร้งทำงาน แต่จริงๆแล้วเป็นห่วงเพื่อนคนสำคัญอยู่ลึกๆเหมือนกัน แต่ทำเป็นไม่สนใจ คงจะมีเรื่องบ้างอย่างที่คงโกรธกันเหมือนเพื่อนๆทะเลาะกันนั้นแหละ

“พี่นนท์ นี้จอยเอง เปิดประตูให้หน่อยสิ”

“เข้ามาเลยจอยพี่ไม่ได้ใส่กุญแจประตู”

“พี่นนท์มาเปิดให้จอยหน่อยสิ”
 
        นนทนัฐเลยต้องลุกจากโต๊ะทำงานเดินไปเปิดประตูหลังตึกให้ สิ่งแรกที่รับรู้คือกลิ่นหอมของต้มจืดลูกชิ้นของโปรดของเขา และข้าวสวยร้อน เรียกน้ำย่อยในกระเพาะของคนที่ลืมทานข้าวอย่างเขาได้ดี

“พี่นนท์รับไปสิจ๊ะ”

“จอยทำมาให้พี่เหรอ”

“เปล่าพี่ชินเป็นคนทำ แล้วสั่งให้จอยเอามาให้นะ พี่ชินเป็นห่วงเห็นพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” จอยใส่สีตีไข่เพื่อต้องการให้เพื่อนๆมาคืนดีกันสักที่  เห็นท่าที่ของทั้งคู่แล้วมันอึดอัดแทน

“ชินเขาเป็นทำให้พี่เองเลยเหรอ?”

“จ๊ะ แล้วสั่งให้จอยรีบเอามาให้ด้วยนะ อยากให้พี่นนท์ทานตอนที่มันยังร้อนๆอยู่นะจ๊ะ”จอยเห็นอีกฝ่ายดีใจอย่างเห็นได้ชัดเลย เสริมเข้าไปอีกหวังให้ทั้งคู่คืนดีกัน ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าผิดใจกันเรื่องอะไร

“ขอบใจมากจอย เดี๋ยวพี่จะรีบๆทานแล้วจะไปช่วยที่ร้านนะ ตอนบ่ายๆลูกค้าเยอะใช่ไหม”

“อ้าวแล้วงานพี่นนท์ละจ๊ะ”

“ไม่เป็นไรไว้ทำที่หลังก็ได้ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ” อยากจะเห็นหน้าคุณเจ้าของร้านเร็วๆมากว่า

“จ้าๆ”
 
       ช่วงที่จอยเดินเอาข้าวไปให้นนทนัฐป้าพรก็คอยลอบมองหลาชายที่ชะเง้อคอมองตามจอยที่เดินลับหายไปหลังร้าน จริงแล้วก็เป็นห่วงสินะ ต้องลองถามดูแล้วว่าผิดใจเรื่องอะไรกัน

“ตาชิน มีเรื่องอะไรกัน ทะเลาะกันหรือเปล่าลูก” ป้าพรทำเป็นเรียบๆเคียงๆถาม เพราะดูๆแล้วเพื่อนของหลานชายคนนี้เป็นคนดี ถึงจะมารู้จักกันไม่นาน แต่ก็ดูเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือพวกเขาทุกคนในร้านเสมอ จนน่าแปลกใจที่มีเรื่องผิดใจกันแบบนี้ได้

“ทะเลาะอะไรครับ?” ชินพัตน์ที่โดนถามขึ้นก็หันกลับมาตั้งใจปิ้งลูกชิ้นบนเตาต่อ

“ก็กับเพื่อนเราไง มีเรื่องผิดใจอะไรกัน ก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะลูก เพื่อนดีๆหายากนะลูก”

“นี้หมอนั้นมาอยู่ไม่กี่วัน ป้าก็บอกว่าเขาเป็นคนดีแล้วเหรอครับ” ชินพัตน์ทำท่าแปลกใจปนเคืองเล็กที่ป้าของตนเข้าข้างใครบ้างคนซะอย่างนั้น

“ก็ป้าเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆนี้ ตาชิน ป้าเห็นตานนท์มาช่วยร้านเราทุกวันไม่หยุด ไม่บ่นสักขำ แล้วก็ช่วยแบบไม่ได้ค่าแรงอีก มีเพื่อนที่ไหนเขาทำให้กันแบบนี้ละ บอกป้าสิ”

“ก็ ก็ ผมให้เขากินลูกชิ้นที่ร้านเราแล้วไงครับ แค่นั้นก็พอแล้วมั้ง”

“จะมาพอได้ไง ตานนท์ทำงานแทนเราเกือบทุกอย่าเลยรู้ไหม ตอนที่เรานอนป่วยอยู่บนห้องนะ เป็นคนอื่นเขาต้องคิดค่าแรงค่าเหนื่อยเป็นหลายเท่าตัวเลยรู้หรือเปล่า ไอ้แค่ลูกชิ้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำนะตาชิน”ป้าพรอธิบาย

“ผมเคยจะให้เงินเขาแล้วแต่เขาบอกไม่รับเอง แล้วบอกว่าได้กินลูกชิ้นของร้านเราก็พอนะครับป้า แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”

“นั้นก็หมายความว่าตานนท์ เขาเป็นเพื่อนทีดีมากๆ เลยนะสิ ตาชิน ช่วยเหลือเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแบบนี้นะ มีอะไรก็ปรับความเข้าใจกันเถอะนะ “

“แต่ป้าครับ เขา..คือ…เขา…”

เขาพยายามจีบผมอยู่นะครับป้า เขากำลังพาหลายชายป้าไปในทางที่สังคมไม่ยอมรับอยู่นะครับ

ชินพัตน์ก็ได้แต่เพียงคิดในใจไม่กล้าที่จะพูดจะอธิบายเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับคนดีของป้าได้

“คุยอะไรกัน ลูกค้าเรียกเก็บเงินแล้วพี่ชิน” จอยเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นป้าพรกับชินพัตน์ทำหน้าจริงจังจนไม่ทันเห็นลูกค้าเรียก

“อ้าวเหรอ โทษที่ ไปแล้วๆ” ชินพัตน์รีบผละออกจากทั้งคู่ไปหาลูกค้าที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
 
              ป้ากับจอยต่างพูดคุยเรื่องระหว่างชินพัตน์กับนนทนัฐว่าคงเป็นเรื่องที่เพื่อนกันต้องมีทะเลาะเบาะแวงกันบ้าง ก็ยังวัยรุ่นๆทั้งคู่อาจจะมีอารมณ์รุ่นแรง เมื่อพูดอะไรไม่เข้าหูกันบ้างก็อาจจะมีเรื่องกันได้ ป้าพรอธิบายให้จอยฟังแบบนั้น แต่จอยกับมองต่างไปจากป้าพร ตรงที่นนทนัฐทำทุกอย่างเพื่อนายจ้างของตนเอง อย่างไม่เกี่ยงงอน แต่ชินพัตน์ซะเองที่ดูเหมือนจะทำที่ท่าโกรธๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่โกรธ มองๆแล้วดูเหมือนคนงอนกันมากว่า จะเรียกว่าทะเลาะกัน เพราะดูจากการเอาข้าวเที่ยงไปให้ นนทนัฐดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อเข้าใจว่ากับข้าวมื้อเที่ยงเป็นฝีมือ ชินพัตน์ แถมยังละจากงานจะมาช่วยที่ร้านอีก

“ป้า หนูว่าพี่เขาไม่ได้ทะเลาะกันหรอก หนูว่างอนกันอยู่มากกว่านะ”

“อะไรนะ งอนกันเนี้ยนะ จะบ้าหรือไงจอย มานั่งงอนกันเป็นเด็กแบบนั้นทำไม ไม่ใช่หรอก ก็อย่างที่ป้าว่าแหละ เพื่อนกันเขาแค่ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็คืนดีกันเอง”

“แต่ที่หนูเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นสิป้า”

“แล้วแบบไหนล่ะ?...”

“ป้าพรครับ มีอะไรให้ผมช่วย มาครับผมช่วยทำเอง” นนทนัฐที่เข้ามาแทรกระหว่างป้าพรกับจอย รีบแย่งไม้ลูกชิ้นออกจากมือป้าพรแล้วเอาไปปิ้งเองอย่างอารมรณ์ดี แถมหันไปมองชินพัตน์ที่ยืนคุยกับลูกค้าอยู่

“มาแล้วเหรอ เห็นจอยบอกว่าทำงานอยู่เหรอ?”

“ครับ “นนทนัฐตอบสั้น เพราะจริงแล้วอยากคุยกับอีกคนมากกว่า

“ป้าลูกค้าเข้าร้านแล้ว” จอยรีบทักขึ้น

“รู้แล้วรู้แล้ว”ป้าพรโดนขัดเพราะตั้งใจจะถามเพื่อนหลานชายสักหน่อยว่ามีเรื่องผิดใจอะไรกันแต่ก็โดนจอยเรียกไว้ซะก่อน

            ตลอดช่วงบ่ายจนปิดร้าน ชินพัตน์แถบจะไม่เข้าใกล้นนทนัฐเลย เดินเลี่ยงตลอดเวลา เวลานนทนัฐเข้าไปช่วยเก็บจานก็จะเดินหนีตลอด จนนนทนัฐเปลี่ยนจากลุกเข้าหา เป็นเงียบแล้วรอเวลาคุยกันดีกว่า เพราะอีกฝ่ายเอาแต่หลบหน้าตลอด เลยหันไปช่วยป้าพรกับจอยขายของหน้าร้านแทน

“ตาชินมื้อเย็นจะกินอะไรลูก เดี๋ยวป้าทำให้”

“อะไรก็ได้ครับ”

“เมนูสิ้นคิดอีกแล้วนะพี่ อิอิ”จอยแซว

“ก็ขอแค่มีลูกชิ้นเป็นส่วนประกอบอะไรพี่ก็ทานได้หมดนั้นแหละ”

“ถ้าให้ดีต้องให้พี่ชิน ทำให้ด้วยใช่ไหมพี่นนท์ ฮ่าๆๆ”จอยพูดล้อขึ้นมาอีก ทำให้นนทนัฐทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนรู้ทันแบบนั้น แถมจอยก็เดินหนีไป ไม่ให้เขาได้แก้ต่างอะไรด้วย  พอหันหน้าไปหลังร้านก็เจอเข้ากับสายตา ที่ส่งค้อนวงใหญ่กลับมาให้อีก ยิ่งรู้สึกแย่เขาไปใหญ่ 

ป้าพรเห็นแล้วว่าเพื่อนหลายชายพยายามจะทำดีด้วย แต่ชินพัตน์เอาแต่หลบท่าเดียว

“ตานนท์ผิดใจเรื่องอะไรกัน ไหนบอกว่าสิ”

“เอ่อ ขอโทษครับป้า คือผม ทำเรื่องที่ชินเขาไม่ชอบนะครับ เขาก็เลยก็โกรธผมนะครับ” นนทนัฐกล่าวขอโทษคนสูงวัยกว่าที
ต้องมาค่อยเป็นห่วงเป็นใยเรื่องของพวกเขาแบบนี้

“ไม่ต้องมาขอโทษป้าหรอกจ๊ะ กลับไปคุยกันดีๆ ทำผิดก็ยอมรับผิดกับเพื่อนนะ ต้องให้อภัยกันได้อยู่แล้ว ตาชินเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วอยู่แล้วจ๊ะ ค่อยพูดกันนะรู้ไหม”

“ครับป้า ขอบคุณครับ”

          หลังเก็บร้านจนเสร็จ ทานมื้อเย็นร่วมกันทั้ง 4 คนก็จริงแต่ชินพัตน์ก็เอาแต่เงียบ ไม่พูดคุยเล่นเหมือนอย่างเคย ทั้งป้าพรและจอยรู้แล้วว่าคุณเจ้าของร้านเป็นอะไร ก็ต้องให้ทั้งคู่คุยกันเอง เลยรีบกินข้าวแล้วแยกตัวขึ้นชั้นสอง อย่างรู้งาน เช่นเดียวกับชินพัตน์เมื่อเห็นว่าป้ากับจอยขึ้นไปข้างบน ก็จะเตรียมปิดประตูทั้งหมดเพื่อขึ้นไปทำงานต่อที่ชั้นบนเหมือนกัน

“ชิน คุยกับผมก่อนสิ”

“…………”

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมสัญญานะครับ หายโกรธผมนะครับ” นนทนัฐร้องขอคนที่ยืนสีหน้าเรียบนิ่ง

“แล้วคุณทำอะไรให้ผมโกรธล่ะ”

“โอเคครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วจริงๆนะ ยกโทษให้ผมเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม อย่างเป็นแบบนี้เลยนะครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลยนะครับ ชินหายโกรธผมเถอะนะ”

“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กลับไปที่ตึกของคุณได้แล้ว”

“แต่ว่า……”

“ผมบอกคุณว่าไง “

“ครับๆ กลับแล้วครับ”นนทนัฐเดินคอตกไปยังประตูหลังร้าน

“นี้ พรุ่งนี้อย่ามาที่ร้านสายนะ ไม่งั้นลูกชิ้นของมื้อเช้าคุณอดกินแน่!!!”ชินพัตน์เรียกอีกฝ่ายไว้เพื่อเตือนให้รู้ตัวไว้

“เอ๊ะ อ้อครับๆ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าเลยนะ”ใบหน้าของนนทนัฐกับมายิ้มหน้าบานอีกครั้ง เพราะคุณเจ้าของร้านให้เขากลับมาช่วยงานแบบนี้แล้ว นั้นก็หมายความว่าหายโกรธตนเองแล้ว

“กลับไปได้แล้วผมจะปิดประตูแล้ว”

“ครับๆ” นนทนัฐเดินถอยหลังออกนอกรั้ว ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มตลอด

“เอ่อ เดี๋ยวครับ”นนทนัฐนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“มีอะไรอีกล่ะ อย่ามาทำมุกเดิมๆนะ ผมโกรธคุณจริงๆแน่คราวนี้นะ”

“เปล่าครับๆ ผมจะบอกว่า พรุ่งนี้ผมมีธุระตอนเช้า แต่ตอนบ่ายผมจะรีบกลับมาช่วยที่ร้านนะครับ”นนทนัฐเห็นสีหน้าที่เรียบนิ่งอยู่กลับมาบึงตึงอีกครั้งแล้วรีบบอกว่าจะรีบกลับมาช่วยงานอย่างเอาใจ

“คุณจะไปไหนก็เรื่องของคุณสิ ไม่เกี่ยวกับผมซักหน่อย”ชินพัตน์ดึงประตูรั้วเพื่อจะปิด แต่นนทนัฐยือไว้

“ชินครับ ผมมีธุระจริงๆ ผมทำธุระเสร็จผมจะรีบกลับมาช่วยเลยนะครับ นะ”

“ก็ผมบอกแล้วไง คุณจะไปไหนก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาบอกผมเลย ปล่อยสิผมจะปิดประตูรั้ว”

“ชินครับ “นนทนัฐเริ่มหน้าเสียเพราะไม่รู้จะเอาใจคนตรงหน้าอย่างไรดี

             ชินพัตน์เห็นแล้วก็นึกถึงคำพูดของป้าพร เมื่อตอนกลางวันว่า เพื่อนดีๆหายาก แล้วคนตรงหน้าล่ะ ที่คิดกับเขามากกว่าเพื่อนแบบนั้น จะให้พูดดีๆด้วยแบบไหนกันนะ?

“ทำธุระเสร็จแล้วก็รีบกลับมาก็แล้วกัน”ชินพัตน์พูดเสียงอ่อนลง ทำให้คนฟังหัวใจผองโตกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“ได้ครับ ผมจะรีบกลับมาช่วยนะครับ” นนทนัฐเดินเข้าหาคนที่อยู่ภายในรั้วอย่างดีใจ อยากดึงเขามากอดให้เต็มรัก

“นี้จะทำอะไร เข้าบ้านคุณไปโน่นเลยไป”

“ครับๆ ฝันดีนะครับ”

“รู้แล้ว”
         

  ชินพัตน์รีบเดินเข้าประตูทำเป็นไม่สนใจคนที่ยังยืนมอง เก็บสมุดบัญชีขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเช็คยอด และจำนวนลูกชิ้นที่จะสั่งเข้าร้านมาเพิ่ม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ธุระของใครบางคนนั้นคืออะไร ปกติไม่เห็นออกไปไหนตั้งแต่กลับมาที่นี้ก็อยู่ที่ร้านเขาตลอด แล้วกลับมาบอกว่ามีธุระต้องไปทำ

 มันคือเรื่องอะไรกันนะ?





 


    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!

 ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ

 มินพยายาจะปรับปรุงเรื่องคำผิดนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-04-2015 17:05:15
ชิน ขี้งอนเกินไปปะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2015 20:29:40
นนท์นี่ง้อชินตลอดเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 27-04-2015 11:57:15
ThankS
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 29-04-2015 10:46:16
:L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 60 ก็แค่เพื่อนทะเลาะกันนะ?[25-4-15]ลูกชิ้นมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 29-04-2015 20:24:49
ธุระของนนท์จะเกี่ยวอะไรกับชินรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ?[3-5-15]มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 03-05-2015 19:07:22



 
                            ตอนที่ 61  มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ?


                นนทนัฐเตรียมตัวออกจากตึกของตัวเองตั้งแต่เช้า เพราะสิ่งที่เขาจะต้องทำมีเยอะมาก และอยากจะทำให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ เขาอยากกลับมาช่วยงานที่ร้านของชินพัตน์เร็วด้วย เพราะพยายามจะทำคะแนนให้อีกฝ่ายเห็นใจ และเปิดใจให้เขามากขึ้นกว่านี้ แต่ก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญที่จะการันต์ตรีว่าเขาตั้งใจและจริงใจกับ คุณเจ้าของร้านมากขนาดไหน ก็คือธุระที่จะต้องไปทำและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

“เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

    นนทนัฐที่ขับรถผ่านหันไปมองหน้าร้านของชินพัตน์ที่ยังไม่เปิดหน้าร้าน แต่รู้ว่าคนภายในร้านตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวของเพื่อจะขายและเตรียมเปิดร้านอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พูดเรียกกำลังใจกับตัวเอง นึกถึงคุณเจ้าของร้านที่เป็นกำลังใจหลักสำคัญที่เขาตกลงใจที่จะทำทุกอย่างต่อไปนี้เพื่อสิ่งที่เขาเลือกแล้ว และจะไม่ผิดหวังหรือเสียใจกับสิ่งที่เขาเลือกอย่างแน่นอน
     
 “ตาชิน ตานนท์ไปไหนละ ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้นะ” ป้าพรถามหาเพื่อนหลานชายและไม่ชอบใจที่หลายชายทะเลาะกับเพื่อน ไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที่

“ผมไม่ได้ทะเลาะกับเขานะป้า หมอนั้นไปทำธุระกลับมาบ่ายๆมั้ง”

“อ้าว โธ่ป้าก็นึกว่ายังทะเลาะกันอยู่ ดีแล้วเป็นเพื่อนกันอยากทะเลาะนานๆไม่ดีนะ จะเสียเพื่อนดีๆไปนะ”

“ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ ใครจะกล้ามีเรื่องทะเลาะกับคนดีของป้าละครับ” ชินพัตน์ทำหน้าตาทะเล้นใส่ผู้เป็นป้า

“แล้วนี้ตานนท์ไปทำธุระที่ไหนล่ะ” ป้าพรยังสงสัย

"ผมก็ไม่รู้ครับ “

“ตานนท์ไม่ใช่คนที่นี้ไม่ใช่เหรอ แล้วออกไปทำธุระอะไรกันนะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ป้าพรพูดขึ้นอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

“คนดีของป้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ” ชินพัตน์บอกกับป้าพร แต่ใบหน้ากับเป็นกังวลตามเรื่องที่ป้าพรสงสัยและเป็นห่วงตามไปด้วย

ไปทำธุระเรื่องอะไรกันนะ?

      ตลอดทั้งวัน ทีร้านของชินพัตน์ก็ขายดีเช่นเคยลูกค้าแวะเวียนเข้ามาตลอดทั้งวัน มีลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้ามาอีกหลายกลุ่ม ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชิ้นที่นี้อร่อยอย่างที่เพื่อนๆ ญาติมิตรบอกมาจริงๆ เลยลองแวะมาชิมเพราะเป็นทางผ่าน ชินพัตน์ยกยิ้มดีใจที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการพูดปากต่อปากติชมว่าที่ร้านมีลูกชิ้นอร่อย สดใหม่ทุกวัน มีหลากหลายเมนูให้เลือกอีกด้วย ทำให้การขายของวันนี้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มที่ได้รับจากลูกค้า
   
      จนตกเย็นลูกค้าที่ทยอยออกจากร้านเมื่อทานอาหารเสร็จ รวมทั้งลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อลูกชิ้นปิ้งที่หน้าร้านในช่วงเย็นเพื่อซื้อกลับไปฝากเด็กๆที่บ้าน  จนใกล้เวลาใกล้ปิดร้านก็คิดได้ว่าใครบ้างคนที่บอกว่าจะกลับมาช่วยที่ร้านตอนบ่าย ก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ทำให้ชินพัตน์เริ่มกังวลใจอีก นึกถึงคำพูดของป้าพรขึ้นมา

“ตาชิน เป็นอะไรยืนเหม่อ ดูสิลูกชิ้นไหมหมดแล้วนะ”

“อ๊ะ เอ่อ คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับป้า”

“มาเดี๋ยวจอยปิ้งเอง พี่ชินไปคิดเงินลูกค้าเถอะ”
 
   ชินพัตน์กลับไปหาลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเพื่อเก็บเงิน หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังร้านแล้วคิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วเก็บตั้งไว้ในลิ้นชัก และมองเห็นโทรศัพท์ของตนเองอยู่ด้านใน เลยคิดที่จะโทรหาใครบ้างคนที่ยังไม่กลับมา
หยิบขึ้นมามองอยู่อย่างนั้น แล้วก็ว่างลงที่เดิมอย่างลังเล

“จะโทรไปทำไมนะ?”ชินพัตน์พยายามถามหาเหตุผลกับตนเอง
ก้มมองโทรศัพท์ในลิ้นชักอีกครั้ง

“โทรไปถามไงว่าทำธุระเสร็จหรือยังไง ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย” ชินพัตน์บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ที่หน้าโต๊ะเบาๆ
และเสียงทักเจือยแจ่วหน้าร้านก็เข้ามากระทบโสตประสาทของชินพัตน์ให้รีบเงยหน้าขึ้นมามองทันที่

“พี่นนท์ไปไนมาเหรอจ๊ะ”

“นั้นสิ เห็นตาชินบอกว่าไปทำธุระตั้งแต่เช้า พึ่งกลับมาเหรอ กินอะไรหมาหรือยังล่ะ”ป้าพรถามอย่างเป็นห่วง

“ครับป้าพอดี พึงคุยธุระเสร็จนะครับ รีบขับรถกลับมาให้ทันก่อนร้านจะปิดนะครับ”

“จ้าๆ ไปนั่งพักเถอะกลับมาเหนื่อยๆเดียวป้าทำของอร่อยๆให้ทานนะ” นนทนัฐยกมือไหว้ขอบคุณป้าพรแล้วเดินไปหาคนที่อยากจะรีบกลับมาหา แต่เพราะเรื่องที่ต้องทำวันนี้มันมีหลายเรื่องที่ต้องคุย เลยทำให้ใช้เวลาไปทั้งวันเลยกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกกับใครบ้างคนไว้

จะโดนโกรธอีกไหมนะ

นนทนัฐนึกใจในว่าคนที่เขาคิดถึงทั้งวันและเคืองตนเองหรือเปล่าที่หายไปทั้งวันแบบนี้

“ชินผมกลับมาแล้ว ผมขอโทษนะที่ เอ่อ…”

“คุณกินอะไรมาหรือยังล่ะ?”

“ย ยังครับ”

“อืม งั้นก็กินพร้อมกันเลยแล้วกัน พวกผมยังไม่ได้กินมือเย็นเหมือนกัน” ชินพัตน์ก็ลุกจากโต๊ะออกไปหาป้าพรกับจอย พูดคุยกับทั้ง 2 คนแล้วก็แยกย้ายกันไปเก็บร้าน ส่วนป้าพรก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นให้ทุกคนรวมถึงนนทนัฐด้วย
 
      นนทนัฐช่วยเก็บร้านและปิดร้านอย่างแข็งขันเพราะตอนเองไม่ได้กลับมาช่วยที่ร้านคงยุ่งมากแน่ คิดแล้วก็รู้สึกผิดเลยช่วยทำงานแทบทุกอย่างไม่ว่าจะ ล้างจานชาม เก็บของยกของต่างๆ จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ไปทำธุระถึงไหนมาล่ะ ตานนท์กลับมาซะเย็นเลย”

“ครับ ผมไปในเมืองมานะครับ  แล้วก็ขับรถดูที่ทางแถวๆละแวกนี้นะครับ “

“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปอีกไหมล่ะ ธุระที่ว่านะ”

“เอ่อ “นนทนัฐหันไปมองชินพัตน์ก่อนที่จะตอบป้าพรไป “ผมต้องเข้าเมืองไปดูของอีกรอบนะครับป้า ขอโทษนะครับที่ไม่ได้เข้ามาช่วยที่ร้านเลย คงยุ่งหน้าดูเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ก็พอทำได้ช่วยๆกันไป มีธุระอะไรก็ไปทำเถอะจ๊ะ”

“ครับ”ตอบรับคำป้าพร แต่สายตามองไปยังอีกคนที่นั่งตรงข้าม ตั้งแต่นั่งทานข้าว ยังไม่ได้ยินเสียงของคุณเจ้าของร้านเลย
.
.
.
“จอยมา เดี๋ยวพี่ล้างเอง จอยกับป้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขึ้นไปพักเถอะ”นนทนัฐช่วยเก็บจานแล้วอาสาจะเป็นคนล้างทำความสะอาจเอง

“ก็ได้จ๊ะ “ จอยยิ้มรับเพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการเวลาคุยกับใครบ้างคนแน่ๆเลยตอบรับง่ายดาย

“ฝากปิดร้านด้วยนะ” ป้าพรบอกก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน นนทนัฐรับคำอย่างแข็งขัน และทำทุกอย่างปิดร้านเรียบร้อย เดินมาหาคนที่ก้อมหน้าก้มตามกดตัวเลข อยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลังร้าน

“ชิน ผมขอโทษ”

“คุณจะมาขอโทษผมทำไม”ชินพัตน์ที่เงยหน้าจากสมุดบัญชี

“ก็คุณเอาแต่เงียบ ไม่คุยกับผมเลย ตั้งแต่ผมเข้าร้านมา ผมก็เลยคิดว่าคุณต้องโกรธผมแน่ที่ผมกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกไว้”

“ก็คุณมีเรื่องต้องทำ มีธุระที่คุณต้องไปจัดการ จะมากังวลเรื่องที่ร้านของผมทำไม ก็ไปทำธุระของคุณให้เสร็จๆเถอะน่า”ชินพัตน์ตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ และก้มหน้าเสร็จยอดลูกชิ้นของวันที่ต่อ

“คุณไม่ได้โกรธผมใช่ไหมชิน”

“ก็บอกแล้วไง ว่ามันเป็นเรื่องของคุณ เออถ้ามันเป็นเรื่องของผม แล้วคุณไปทำให้แล้วกลับมาไม่ทัน แบบนั้นสิที่ผมจะโกรธ แต่นี้มันเป็นธุระของคุณ ผมจะไปยุ่งเรื่องของคุณทำไม”ชินพัตน์เบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายคนที่เอาแต่รู่สึกผิด

“แต่ผมอยากให้คุณยุ่งเรื่องของผมนี้หน่า”นนทนัฐพูดเสียงอ้อนเมือพอจะเข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่โกรธแถมดูจะไม่สนใจเรื่องที่เขาหายไปทั้งวันด้วย เลยอดน้อยใจไม่ได้

“เอ๊ะ คุณจะเอายังไงกันแน่เนี้ย” ชินพัตน์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเมื่ออีกคนต้องการให้เขายุ่งเรื่องสวนตัวซะอย่างนั้น

“ก็คุณไม่ถามผมสักคำว่าไปทำอะไร ที่ไหน ทำไหมกลับเย็นแบบนี้ ผมก็นึกว่าคุณโกรธและก็ไม่สนใจเรื่องที่ผมทำเลยนะสิ”

“ก็ผมได้ยินจากที่ป้าถามคุณแล้วไง แล้วจะให้ผมถามอะไรคุณอีกล่ะ”ชินพัตน์ขมวดคิ้ว

“แต่ผมอยากบอกคุณทุกเรื่องที่ผมไปทำวันนี้ให้คุณฟังนะ” นนทนัฐพูดเสียงเบาลงเหมือนร้องขอให้อีกคนหันมาสนใจตนเองมากกว่าสมุดบัญชีตรงหน้า

“ได้!!! งั้นไหนบอกว่าสิ คุณไปไหนมาทั้งวัน คุณนนทนัฐ?” ชินพัตน์เหมือนได้อำนาจในมือเลยใช้อย่างไม่เกรงใช้ ถามอย่างออกคำสั่งติดโมโหนิดๆด้วย เพราะคนตรงหน้ากลับมาไม่ทันอย่างที่พูดไว้จริงๆด้วย
นนทนัฐยกยิ้ม ชอบที่ชินพัตน์พูดกับตนเองแบบนี้มากว่าการที่ทำเป็นไม่สนใจกัน แบบเมื่อครู่

“ผมไปดูแถวๆนี้ว่ายังไม่มีร้านอะไรบ้างที่ยังไม่มีคนเปิด ผมก็จะทำ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอน พรุ่งนี้ผมเลยต้องไปดูอีกเพื่อความชัวร์”

“หมายความว่าอะไร? คุณจะเปิดร้าน? ร้านอะไรคุณก็ยังไม่แน่ใจอ่ะนะ? อะไรของคุณเนี้ย”ชินพัตน์ถามเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ สรุปคนตรงหน้าต้องการจะทำอะไรกันแน่

“ผมอาจจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ต หรือไหมก็ร้านขายหนังสือ อะไรประมาณนี้นะครับ แต่ข้อมูลยังไม่พอ ผมเลยว่าจะไปดูเพิ่มเอามาเป็นข้อมูลเพื่อตัดสินใจ”

“คุณจะทำจริงๆเหรอ?”ชินพัตน์กระพริบตาปริบๆไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินว่าคนตรงหน้าจะทำสิ่งเหล่านั้น

“ครับ ผมจะทำจริงๆ แต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นว่าระหว่างเปิดร้านอินเตอร์เน็ตกับร้านหนังสือ อันไหนมันจะดีมากกว่ากัน” ยกยิ้มภูมิใจ

“คุณจะเปิดที่ไหน?”ชินพัตน์ถามยำ

“เปิดที่ตึกข้างๆคุณนี้ไง”

“เอาจริง”ชินพัตน์หรี่ตามองด้วยสายตาที่ยังไม่อยากเชื่อถือนัก

“ครับ จริงจังมากๆด้วย”นนทนัฐมองตาชินพัตน์อย่างมั่นคงและจริงจัง

“แล้วงานเก่าคุณล่ะ ไม่ทำแล้วเหรอ?” ชินพัตน์ชะงักไปนิดกลับสายตาที่สื่อออกมาของคนตรงหน้าดูท่าจะเอาจริง จนเสหน้าหนีแล้วถามเรื่องอื่นแทน

“ผมตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี้แล้ว งานเก่าก็ต้องเลิกผมบอกกลับที่บ้านว่าจะมาทำงานที่นี้”

“แล้วครอบครัวคุณไม่ว่าหรือไง”

“ผมเลือกที่จะเดินออกมาแล้วนี้ครับ ผมคงถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว” นนทนัฐอยากจะบอกคนตรงหน้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำว่า
ผมเลือกที่จะอยู่ข้างคุณ เรื่องอื่นผมก็ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปแล้ว

แต่ก็ได้แต่เก็บไว้เพื่อรอเวลาและใครบ้างคนเปิดใจรับเขาไปอยู่ภายในใจเสียก่อน

ชินพันต์ฟังคำพูดแปลกๆจากคนตรงหน้าก็ได้แต่ขมวดคิ้ว อย่างไม่เข้าใจ

“มีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกมาแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ชินพัตน์คิดคำพูดดีๆกับมิตรภาพตอนนี้ได้เพียงคำพูดนี้เท่านั้น

“จริงเหรอครับ”นนทนัฐยกยิ้มเมื่อคนที่เขารัก บอกว่าอยากช่วยเหลือเขา

“จริงสิ ก็คุณช่วยผมมาตั้งหลายเรื่อง จนผมโดนป้าพรต่อว่า ว่าผมใช้แรงงานคุณเกินเหตุด้วย มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกๆมาแล้วกัน” ชินพัตน์พูดเพราะไหนๆก็เห็นว่าคนตรงหน้าช่วยเหลือกันมาตลอด

“งั้นคุณช่วยผมตัดสินใจหน่อยสิ ว่าผมจะเปิดร้าน อินเตอร์เน็ต หรือร้านหนังสือดีล่ะครับ” นนทนัฐได้ที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้คุณเจ้าของร้านเพื่อขอคำปรึกษาแบบชิดใกล้

“เฮ้ย!! เรื่องนี้คุณต้องตัดสินใจเองป่ะ ทำไมต้องให้ผมช่วยตัดสินใจล่ะ ?” ชินพัตน์เขยิบออกห่างเล็กน้อย

“ก็ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วมนี้ครับ”นนทนัฐยกยิ้ม
อยากให้คุณมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตของผมมากกว่านะ

“คุณพูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ พอผมบอกไปแล้วทำออกมาไม่ดี คุณก็จะมาโทษผมที่หลังนะสิ ไม่เอาด้วยหรอกนะ”

“ชิน ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ผมก็แค่มีคุณเป็นคนค่อยช่วยให้คำปรึกษาอยู่แค่คนเดียวในตอนนี้ ผมเลยอยากให้คุณช่วยตัดสินใจไงครับ” นนทนัฐยกยิ้มอธิบาย

“แต่ว่า….”

“ว่าไงครับ?”นนทนัฐลุ้นกลับคำเสนอของคนตรงหน้า

“ผมว่าไปดูแถวนี้อีกรอบดีไหม ถ้าคุณไม่แน่ใจอ่ะ”ชินพัตน์ก็เริ่มกังวล เพราะตนเองก็ไม่ถนัดกับเรื่องเหนือไปจากการขายลูกชิ้นที่ตนเองเห็นและทำอยู่มาตั้งแต่เด็ก

“คุณจะไปดูด้วยกันไหม ชิน” นนทนัฐถามเพื่อหวังผล

“ผมแค่ดูร้านแถวนี้ให้ก็พอนะ คงไม่ไปเข้าเมืองกับคุณหรอก ผมต้องดูร้านอีก” ชินพัตน์อธิบาย

“แค่นี้ก็พอแล้วครับ “นนทนัฐยกยิ้มพอใจที่พาชินพัตน์ไปดูที่ดูทางด้วยกันได้
ไปดูอนาคตของเรากันนะครับ
นนทนัฐรู้สึกพอใจจนแอบยิ้มไม่หุบ ไม่โดนโกรธแถมยังได้ไปออกไปช่วยดูร้าน ช่วยตัดสินใจด้วยกันแบบนี้อีก
อีกไม่นานแล้วใช่ไหม ผมเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่านะ

“ได้งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน กลับตึกคุณไปได้แล้ว”ชินพัตน์สรุปพร้อมตัดบท นนทนัฐหุบยิ้มทันที่เมือโดนคุณเจ้าของร้านไล่กลับที่พักของตนเอง

“ครับ พรุ่งนี้ไปรถของผมนะ”

“อืม” ชินพัตน์ก้มหน้าเช็คยอดลูกชิ้นและยอดเงินที่เข้าร้านมาวันนี้อีกสักพักก็เตรียมตัวขึ้นไปนอน แต่ก็ต้องงง เพราะคนที่ควรจะกลับยังนั่งมองเขาทำงานอยู่ ไม่ได้ลุกไปไหน

“อ้าว คุณยังไม่กลับไปสักที่ล่ะ นี้มันดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือยัง”ชินพัตน์ที่ยืนขึ้นเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยพร้อมขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก็ต้องเตือนคนที่เอาแต่นั่งมองอีกครั้ง

“ผมรอคุณทำงานเสร็จก่อน แล้วผมค่อยกลับครับ” นนทนัฐลุกตาม และก็แยกย้ายกลับไปที่พักของตนเองอย่างว่าง่าย ชินพัตน์ก็เดินไปปิดประตูหลังบ้านก่อนกลับขึ้นมานอน และคิดไปถึงวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะ
 
    รุ่งเช้านนทนัฐมาช่วยป้าพรกับจอยจัดเตรียมของและบอกเล่าเรื่องที่ตนเองจะออกไปทำธุระกับชินพัตน์ช่วงเช้าข้างนอกแล้วจะรีบนำตัวคุณเจ้าของร้านมาส่ง ป้าพรก็ตอบรับอย่างดี แถมอุ่นใจที่มีเพื่อนไปด้วยกันแบบนี้มีเรืองอะไรก็จะได้ช่วยกันได้ ชินพัตน์ก็แต่งตัวเสร็จลงมาจากชั้นบนพอดี

“ป้าครับ ผมออกไปธุระข้างนอกนะครับ”

“จ้าๆ ป้ารู้แล้ว รีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย แดดมันจะร้อนนะ”ป้าพรพูดยกยิ้ม

“คุณบอกป้าแล้วเหรอ”ชินพัตน์หันไปมองคนที่มายืนรอ นนทนัฐตอบรับกลับด้วยการพยักหน้าเบาๆ
 
          แล้วทั้งคู่ก็ขับรถออกไปดูร้านรอบๆว่ามีร้านไหนเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ตหรือร้านหนังสือหรือเปล่า ขับออกมาไกลมาก็แถบจะไม่มีเลย และระหว่างจะกลับรถเพื่อจะไปดูอีก ด้านฝั่งตรงข้ามถนนก็สะดุดตากับร้านขายกาแฟสด ชินพัตน์เลยให้นนทนัฐหยุดรถเพื่อดูว่า ร้านแบบเดียวก็ที่ขายในตึกแถวเดียวกันหรือเปล่า เลยลองเข้าไปดูที่ร้าน

“สวัสดีค่ะ ร้านกาแฟสด ยินดีต้อนรับค่ะ”

“คุณจะดื่มอะไรไหม”นนทนัฐที่เลือกที่นั่งได้ก็ถามชินพัตน์ที่เอาแต่หันมองไปรอบๆร้าน

“ผมเอาชาเย็นแล้วกัน”

“รับอะไรดีค่ะ”

“ชาเย็น 2 ครับ”

“ค่ะ สักครู่นะคะ”

“คุณร้านนี้มีหนังสือให้นั่งอ่านด้วย” ชินพัตน์เขยิบเข้ามานั่งชิดนนทนัฐเพื่อพูดคุย

“ครับ”

“ชาเย็นได้แล้วค่ะ”

“น้องครับ ที่ร้านนี้หนังสือให้อ่านฟรีเหรอครับ” ชินพัตน์รีบชิงยิงคำถามกับสาวน้อยที่มาเสริฟชาทันที่

“อ้อค่ะ ถ้าเป็นลูกค้าที่มานั่งดื่มเครื่องดื่มที่ร้าน หนังสือที่วางตามชั้นต่างๆ สามารถยิ้มมานั่งอ่านได้ฟรีค่ะ”

“อ้อครับ”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ กลยุทธทางการตลาดเรียกลูกค้าเพื่อจะได้นักอ่านนาน ดื่มเครื่องดื่มในห้องแอร์เย็นไปด้วย

“แล้วถ้าไม่ใช่ลูกค้าละครับ”นนทนัฐถามถึงมาบ้าง

“อ้อค่ะ จริงๆแล้วที่ร้านนี้เป็นร้านขายหนังสือและให้เช่ามาก่อนหน้านี้ค่ะ พึ่งจะมาเพิ่มเติมเรื่องเครื่องดื่มเอาไว้บริการลูกค้าภายหนังมานี้เองค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำจากการมาซื้อหนังสือหรือมาเช้า นะคะ”สาวน้อยอธิบายให้กับลูกค้าหน้าใหม่อย่างนนทนัฐและชินพัตน์ฟังให้เข้าใจเกี่ยวกับร้านที่ตนเองทำงานอยู่

“อ้อครับ ขอบคุณมากครับ”นนทนัฐเข้าใจมากขึ้น เพราะดุแล้วก็มีลูกค้านั่งอยู่ตามมุมต่างของร้านที่จัดไว้เพื่อนั่งอ่านและดื่มเครื่องดื่มได้ไปพร้อมๆกัน

“นี้คุณดูลูกค้าของร้านนี้สิ มีทุกวัยเลยนะคุณ” ชินพันต์หันมากระซิบเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน นนทนัฐพยักหน้าเห็นด้วย

“เมื่อวานผมขับรถผ่าน มารอบหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ ไม่คิดว่ามีหนังสือให้นั่งอ่านแบบนี้ด้วย”

“คุณเกือบพลาดแล้วนะ ถ้าตัดสินใจเปิดร้านหนังสือ คุณเจ้งแน่ๆ “

“งั้นคุณเหลือทางเลือกเดียวแล้วนะ”นนทนัฐพยักหน้ารับคำ

               นนทนัฐขับรถมาส่งชินพัตน์ที่ร้านก่อนจะขับรถเข้าเมืองไปหาดูศูนย์คอมพิวเตอร์ เขาตัดสินใจแล้วที่จะเปิดร้านอินเตอร์เน็ทเพราะยุคนี้การสื่อสารมันกว้างไกล และสิ่งที่จะเข้าถึงคือร้านอินเตอร์เน็ต และเกมออนไลน์ต่าง เพื่อดึงดูดคนทุกวัยด้วย เขาต้องไปติดต่อช่างเพื่อมาดูร้านเพื่อทำการติดตั้ง เครื่องระบบอินเตอร์เน็ท อีกหลายอย่างมากมาย แต่ยังไม่วายอดห่วงว่าตนเองจะไม่มีเวลาอยู่กับคุณเจ้าของร้าน แต่ยังไงก็ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว แค่นี้ก็น่าจะเกินพอ
   
            ชินพัตน์กลับเข้ามาที่ร้านตอน 11 โมงเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านพอดี ต้องรีบช่วยจอยกับป้าพรขายของ จนไม่มีเวลาโทรถามคนที่เข้าเมือง แล้วหายเงียบไปเลยทั้งวัน จนตกเย็นลงลูกเริ่มน้อยลง ชินพัตน์ก็รีบค้นหาโทรศัพท์ในลิ้นชักเพื่อโทรหาใครบ้างคนทันที่

“นี้คุณเป็นไงมั้ง”ชินพัตน์ถามด้วยน้ำสียงเป็นห่วง เพราะเห็นว่าอีกคนเข้าเมืองไปปานนี้ยังไม่กลับมา

(“ผมเจอเพื่อนที่ศูนย์คอมเขาเลยแนะนำผมหลายเรื่องเลย อีกซักพักผมก็จะกลับแล้ว”)นนทนัฐยกยิ้มดีใจเมื่อชินพัตน์โทรหาเขา และถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

“อืม “ชินพัตน์โล่งใจที่นนทนัฐคุยเรื่องงานอย่างสบายใจ เพราะมีเพื่อนช่วยดูให้อีกทาง แต่สิ่งที่กังวลคือกลัวจะโดนหลอกเพราะไม่ใช่คนในพื้นที แล้วจะมาเปิดกิจการใหญ่โตเอาแบบนี้ ก็เลยกลัวไปต่างๆนาๆ

(“เดี๋ยวผมรีบกลับไปหานะครับ ผมมีเรื่องเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”)นนทนัฐอยากกลับไปเล่าเรื่องต่างๆที่ได้คำแนะนำจากเพื่อนให้ชินพัตน์ฟังเร็วๆ

“อืม ขับรถดีๆล่ะ”ชินพตน์ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะเป็นเรื่องดีๆสินะ น้ำเสียงดูดีอกดีใจขนาดนั้น ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าอมยิ้มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร จนจอยทัก

“พี่ชิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรจ๊ะ อิอิ”จอยพูดแซว

“เอ๊ะ ปะ เปล่าไม่ได้ยิ้มอะไรสักหน่อย” ชินพัตน์เดินหนีไปหาลูกค้าที่เรียกเก็บเงิน จอยได้แต่หัวเราะชอบใจเดินเอาลูกชิ้นไปปิ้งหน้าเตาอย่างอารมณ์ดี

         ชินพัตน์ก็ได้แต่ชะเง้อคอคอยมองหน้าร้านว่าใครบ้างคนที่บอกจะกลับมา แต่ก็ไม่กลับมาสักที่ จริงๆก็ไม่ไดอยากรู้หรอกว่าจะกลับมาเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง แต่เดินวนไปมาจากที่โต๊ะทำงาน และหน้าร้านไปมา และสุดท้ายก็ไปหยุดที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชัก เพื่อควานหาโทรศัพท์หมายจะโทรหาคนที่ยังไม่ยอมกลับมาสักที่

“ป้าครับ ผมซื้อขนมมาฝากครับ จอยมาแบ่งไปกินสิ”นนทนัฐเข้าร้านมาก็ทักทายผู้สูวัยก่อน พร้อมชูถุงขนมมากมายส่งให้จอยไปแบ่งจัดใส่จาน และเดินตรงมาหน้าคนที่นั่งมองมาอยู่ก่อนแล้ว

“กลับมาแล้วครับ”นนทนัฐเดินมานั่งใกล้คนที่ทำท่าทางเสหน้าไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาดีใจที่เห็นอีกคนกลับมาแล้ว

“อืม” ชินพันตน์จะลุกไปหาลูกค้า แต่โดนคว้าแขนไว้ก่อนให้นั่งลงที่เดิม

“ผมซื้อขนมมาฝากด้วยนะครับ”

“อืม” ชินพัตน์พยักหน้ารับ แต่ไม่ยอมหันหน้าไปมองคนที่จับมือตนเองไว้

“ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”

“อืม”

“คุณไม่อยากฟังเหรอ”

“เอ๊ะ ปะเปล่า”ชินพัตน์รีบหันหน้ากลับมาตอบ เจอเข้ากับสายตาจับผิดยกยิ้ม

“ก็ชินไม่หันมามองหน้าผมเลย”

“ผมจะไปดูลูกค้านะ ลูกค้าเรียกเก็บเงินแล้ว”

“ครับ” นนทนัฐเห็นว่าลูกค้าเรียกคุณเจ้าของร้านจริงเลยปล่อยมืออย่างเสียไม่ได้
 
        ไม่เป็นไรคืนนี้มีเรื่องที่ได้คุยกันอีกนานแน่ เก็บไว้คุยกันสองคนแล้วกัน ตอนนี้ช่วยงานที่ร้านก่อน นนทนัฐคิดได้แบบนั้นก็ เดินเข้าไปช่วยจอยปิ้งลูกชิ้นหน้าเตา และช่วยป้าพรยกอาหารไปให้ลูกค้าที่โต๊ะ ตลอดเวลาที่นนทนัฐทำงานไป ทุกอย่างล้วนลูกในสายตา ที่มถูกใครบ้างคนแอบมองตลอดเวลา   


จะมองทำไมชินพัตน์

ทำงานสิ

ทำงาน










   ลูกชิ้นร้อนๆหมูล้วนๆมาแลวจ้า!!!

  มาเป็นหุ้นส่วนขายลูกชิ้นปิ้งกับมิมนินไหมค่ะ อิอิ

 คุณนนท์รักจริงจังมากเลยนะ  :mew1:

มาตามลุ้นกันนะคะ ว่าคุณเจ้าของร้านจะใจอ่อนให้คุณนนท์ตอนไหนกันนะ อิอิ

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ?[3-5-15]มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2015 22:38:30
ใจอ่อนเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ?[3-5-15]มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-05-2015 11:24:16
ชินเปิดใจกว้างให้นนท์ได้แล้วนะ
นนท์ยอมทิ้งฝันบางฝันมาเพื่อ
ได้อยู่ดูแลชินอย่างไกล้ชิด
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)ตอน2[13-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 13-05-2015 01:09:51

       

         (ต่อ)

     
          เมื่อถึงเวลาทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันลำพังอีกครั้ง ก็ต่างนิ่งเงียบ นนทนัฐก็นั่งมอง ชินพัตน์ทำงานเช็คเงิน เช็คยอดของที่ต้องซื้อเพิ่มเข้ามาที่ร้าน รวมถึงยอดลูกชิ้นที่ต้องสั่งเข้ามาอีก ชินพัตน์ก็รอเวลาให้อีกฝ่ายพูดหรือเปล่าถึงเรื่องที่ออกไปทำข้างนอกให้ตนเองฟัง แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายพูดเอาแต่นั่งมองเขาเงียบๆ อย่างน่าสงสัย

“ผมจะขึ้นไปข้างบนแล้วนะ คุณจะมีอะไรพูดกับผมหรือเปล่า?” ชินพัตน์ทำลายความเงียบ

“ครับ”นนทนัฐตอบรับแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะคนตรงหน้าก็สนใจเรื่องของตนเองอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

“ก็เล่ามาสิคุณ เดี๋ยวมันจะดึก”

“ครับ ๆ ก็วันนี้ผมไปดูศูนย์คอมในตัวเมืองมา ผมเจอเพื่อนสมัยเรียน เขาเลยแนะนำร้านดีให้ และจะเข้ามาจัดการติดตั้งคอมและอินเตอร์เน็ทให้ด้วยครับ ผมโชคดีมากเลย ชิน “

“อืม ดีใจด้วย”ชินพัตน์อดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้ เพราะใบหน้าแสดงความดีใจในเรื่องจัดการร้านอินเตอร์เน็ตน่าจะวุ่นวายกว่านี้ แต่กลับมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ถึงว่าดีมากๆ

“ครับ ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าจัดการเอง คงใช้เวลานานกว่านี้แน่ๆ เพราะผมไม่รู้อะไรมาก ดูๆข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว มันคงไม่พอแน่ๆ แต่พอมีเพื่อนผมเข้ามาช่วยแบบนี้เบาแรงและสบายใจได้ว่าร้านต้องออกมาดีแน่ๆ “นนทนัฐพูดไปก็ยิ้มอย่างไม่ปิดบัง

“ดีแล้วล่ะ แล้วเพื่อนคุณจะเข้ามาดูตึกคุณเมื่อไรล่ะ”

“ภายในอาทิตย์นี้ครับ เขาขอดูจำนวนเครื่องคอมให้ผมก่อน แล้วจะสั่งลูกน้องเขามาเดินระบบไฟและระบบอินเตอร์เน็ตให้ที่หลังครับ”

“อืม เร็วดีเหมือนกันนะ ดีเลยจะเข้าช่วงสอบแล้ว ร้านจะเสร็จทันช่วงปิดเทอมหรือเปล่า ร้านคุณคงลูกค้าเยอะแน่ๆ”ชินพัตน์มองการไกลไปถึงเปิดร้าน และเรื่องลูกค้าเลยที่เดียว เนื่องจากชินพัตน์ได้พูดคุณกับลูกค้ามากมายในแต่ละวัน เลยพอจะรู้ว่า เด็กนักเรียนของเหล่าลูกค้าใกล้ช่วงเวลาสอบแล้ว

“ผมก็อยากให้ร้านเสร็จทันช่วงนั้นเหมือนกันครับ”

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ”ชินพัตน์เอยอยากช่วยเหลือในส่วนที่จะช่วยได้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนในหลายเรื่องที่ผ่านมา

“ครับ”พยักหน้าและยิ้มตอบรับเสียงหวาน จริงเขาอยากจะพูดด้วยซ้ำว่า
เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆผมก็พอแล้วครับ
ในช่วงสัปดาห์ ตึกข้างๆร้านลูกชิ้นปิ้ง เป็นที่ถูกถามไถ่ของเหล่าลูกค้าที่เข้าออกร้าน หรือแม้กระทั้ง ร้านถัดไป ในละแวกเดียวกันก็ต่างมาถาม เป็นคำถามยอดฮิต ว่าตึกข้างกำลังจะทำอะไร ขายอะไร ขายเหมือนร้านของพวกเขาหรือเปล่า

“อ้อ ครับ เพื่อนผมเขากำลังจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ ป้า” ชินพัตน์เก็บเงินลูกค้า และตอบคำถามไปด้วย

“ร้านอินเตอร์เน็ตเหรอจ๊ะ?”

“ครับ ร้านที่เข้ามาเล่นเกมก็ได้  ดูละครย้อนหลังเรื่องที่ป้าตามดูไม่ทันก็ได้นะครับ ฟังเพลงเก่าที่หาฟังยากๆ และอะไรดีหลายอย่างนะครับป้า อธิบายไม่หมดครับ”

“เหรอจ๊ะ แล้วเล่นอะไรนะ เห็นเด็กๆนั่งเล่นกันในมือถือ เฟส เฟสบุกอะไรนั้นล่ะ ป้าก็อยากสมัครกับเขามั้ง แต่ในโทรศัพท์ป้ามองไม่ค่อยเห็น”

“ได้ครับป้า เข้ามาเล่นที่ร้านนี้ได้ครับ หน้าจอใหญ่ๆ ไม่เสียสายตา แถมเปิดแอร์เย็นนั่งเล่นสบายๆเลยครับ”

“จริงเหรอ แม้อยากให้เปิดเร็วๆจังจะมาเป็นลูกค้าคนแรกเลย ฮ่าๆๆ”

“ครับ คงอีกไม่นานนี้แล้วล่ะครับ”

“จ้า ป้าจะพาหลานๆป้ามาด้วย เด็กๆมันชอบเล่นเกมกันนะ ร้องจะให้ซื้อคอมให้ตลอด มันก็หลายตั้งอยู่ป้าเลยคิดหนัก”

“ครับ มาที่ร้านนี้ก็เลยได้ครับ ให้พวกเขาเล่นเป็นเวลา จะได้ไม่เสียการเรียน”

“จ้าๆ พวกเด็กๆวัยรุ่นแถวนี้ก็ถูกใจกันใหญ่แน่ เพราะแถวนี้ไม่มีใครเขาเปิด เห็นลูกค้าบ้านกลับบ้านค่ำก็บอกว่าไปคลุกอยู่ร้านเกมในเมืองโน่น กว่าจะพากันกลับมาบ้านได้ “

“ครับ”ชินพัตน์ยิ้มพอใจเพราะคิดว่า นนทนัฐคิดไม่ผิดแน่ที่เปิดร้านอินเตอร์เน็ตที่มีชุมชนขนาดใหญ่ขนาดนี้

       ร้านเสริมสวยร้านกาแฟ แม้แต่ร้านฝั่งตรงข้ามถนนยังต่างมาถามทีร้านของชินพัตน์ตลอด ว่าตึกข้างๆจะเปิดขายอะไร กลัวเจอคู่แข่งเลยแอบมาถาม ทีร้านจนชินพัตน์ไม่อยากจะตอบแล้ว เพราะเจอแต่คำถามซ้ำๆ และที่ไม่ชอบใจก็คือ บ้างคนบอกว่า ร้านอินเตอร์เน็ตของ นนทนัฐจะไปรอดเหรอ เดี๋ยวสักพักก็เจ๋ง จะคุ้มมั้ยบ้างล่ะ ไม่มีคนเข้าร้านบ้างล่ะ ทำให้ชินพัตน์รู้สึกหงุดหงิดแทนไม่น้อย

“พี่ว่านะ ร้านจะเปิดได้สักกี่เดือนเดียวก็ปิด เพราะเด็กสมัยนี้เล่นกันแต่ในโทรศัพท์แล้ว” เจ๊ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ในตึกแถวเดียวกัน แต่ห่างออกไปหน่อย เขามาทำที่ซื้อลูกชิ้นแต่ก็แอบถามถึง

“ผมก็ไม่รู้หรอกครับ คงต้องดูๆกันไปนะครับ แต่ผมคิดว่านะร้านอินเตอร์เน็ตที่มีห้องแอร์เย็นๆให้เด็กนักเล่นเกมสบายๆ กับต้องมานั่งขอเงินเพื่อไปเติมเงินในโทรศัพท์เป็นร้อยๆ เพื่อเล่นในโทรศัพท์  บ้างที่เล่นมาๆโทรศัพท์เจ๋ง ต้องซื้อใหม่อีกนะครับ”ชินพัตน์ตอกกลับไป ทำให้เจ๊ร้านขายเสื้อถึงกับหน้าเสีย เพราะชินพัตน์จำได้ว่าลูกสาวของเจ๊เขาทำโทรศัพท์พังตอนมาซื้อลูกชิ้นที่ร้านเขา  พอเจ๊ร้านเสื้อผ้าได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบจ่ายเงินค่าลูกชิ้นแล้วเดินกลับร้านไปเลย

“พี่ชิน สุดยอดอ่ะ จัดการได้แถบทุกคนเลยอ่ะ พวกปากเสียพวกเนี้ย “จอยเข้ามากระซิบชม เพราะเจอแม่ค้าพ่อค้าละแวกนี้เข้ามาถาม และพูดจาไม่ดีแบบนี้ทั้งนั้น

“แต่พี่ก็ใช่จะมั่นใจร้อยเปอร์เช็นนะ ก็กลัวเหมือนกันนะ ถ้าร้านเน็ตเจ้ง ขึ้นมาจริงๆ พี่นั้นและจะโดนหัวเราะหนักกว่าใคร”“ไม่หรอกพี่ พี่นนท์เข้าดูเอาจริงเอาจังกับร้านขนาดนั้น คงไม่ปล่อยให้ร้านของตนเองเจ้งไม่เป็นท่าหรอกนะพี่ ดูสิตั้งแต่เช้าหนูยังไม่เห็นพี่นนท์พักเลยเห็นเดินไปเดินมาดูคนงานเดินสายไฟ แล้วก็รับโทรศัพท์ตลอดเวลาเลยนะพี่”

“อืม”ชินพัน์ก็เห็นด้วย ดูแล้วก็อยากเข้าไปช่วยเหลือเหมือนกัน แต่เพราะตนเองก็มีร้านที่จะต้องดูแล เลยทำได้แค่เพียงบอกต่อๆให้กับลูกค้าที่สนใจ แล้วก็จัดการพวกปากหอยปากปูเท่าที่จะพอจัดการได้

                   ระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ทุกอย่างดูเป็นรูปเป็นร่าง จนทั้งชินพัตน์และนนทนัฐไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะใกล้เสร็จเรียบร้อย พร้อมเปิดร้านได้เร็วขนาดนี้  ต้องขอบคุณเพื่อนของนนทนัฐที่เจอกันในเมือง ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่ได้เข้ามา ที่ร้านนี้เลย แต่ก็กำชับลูกน้องให้ทำงานให้ที่ร้านของนนทนัฐเป็นอน่างดี เพราะจริงๆแล้ว เพื่อนของนนทนัฐที่งานอยู่ที่สาขาหลักที่กรุงเทพ แต่วันนั้นแวะมาดูสาขาที่ต่างจังหวัด และได้เจอเพื่อนอย่างนนทนัฐเขาพอดี เป็นเพื่อนเรียน มัธยมปลายที่กรุงเทพด้วยกัน แยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ได้เจอกันแต่ก็พอจะรู้ข่าวคราวบ้าง ว่าต่างคนต่างทำงาเกี่ยวกับสาขาที่ตนเองเรียนจบมา เพื่อนของนนทนัฐยังแปลกใจในตอนแรก ว่าไม่ทำงานเป็นวิศวกรแบบเก่าแล้วเหรอ นนทนัฐก็ได้แต่ตอบเพื่อนแก้เก้อว่า อยากมาเปิดร้านเอง เลยเลือกเปิดร้านเน็ต แต่ก็ไม่ทิ้งงานที่ตนเองเรียนมาซะที่เดียว เพื่อนของเขาก็ไม่เซ้าซี่ถามอะไรอีก และช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้ทุกอย่างออกมาดีและรวดเร็วเกินที่ นนทนัฐขาดไว้ด้วยซ้ำ เพื่อของเขายังมีโทรมาถามเรื่องที่ร้านกับเขาและกับลูกน้องอยู่เรื่อยๆ

(“เฮ้ยร้านเป็นไงมั้ง ไปถึงไหนแล้ว”)เพื่อนนนทนัฐ ชื่อประนพ ถามเพื่อนอยากเป็นห่วง

“อืม ขอบใจมากนะนพ ร้านใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ เรื่องเรื่องระบบคุมเท่านั้นเอง อีกไม่กี่วันก็คงเปิดร้านได้แล้วล่ะ”

(“เหรอดีแล้ว เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปดูเอง “)

“เฮ้ยไม่ต้องมาขอทงขอโทษเราหรอก นายช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้ก็ขอบใจมากแล้วล่ะ ช่วยได้เยอะมากๆเลย เพราะเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับร้านอินเตอร์เน็ตเลย”

(“อืม มีอะไรให้ช่วยก็บอกเราได้นะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามลูกน้องเราได้ หรือโทษหาเราได้ตลอดนะ”

“ได้ ขอบใจอีกครั้งนะนพ ว่าแต่อาทิตย์หน้านายพอจะว่างหรือเปล่า เราจะไปหาฤกษ์เปิดร้าน ถ้าว่าก็แวะมาได้นะเพื่อน”นนทนัฐช่วยเพื่อนล่วงหน้าเพราะกลัวเพื่อนจะไม่ว่าง

(“ได้สิ ได้วันแล้วโทรมาบอกเราอีกที่นะนนท์ จะได้จัดเวลาถูกนะ” ประนพบอกเพื่อน

“ขอบใจมากเพื่อนเดี่ยวเราโทรไปบอกนะ”

(“ได้เพื่อน แล้วอยากลืมแนะนำคนสำคัญของนายให้เรารู้จักด้วยนะ”) ประนพพูดแซวเพื่อน เพราะนนทนัฐเล่าให้ฟังคราวๆว่ากำลังตามจีบใครบ้างคนอยู่ จนต้องมาเปิดร้านอยู่ใกล้ๆแบบนี้

“”อืม ได้สิถ้านายมาได้ นายได้เจอเขาแน่นอนเพื่อน”

(“ได้อยากไปเร็วขึ้นแล้วว่ะเพื่อน ฮ่าๆ”)ประนพและนนทนัฐคุยต่อก็เล็กน้อยต่างก็ว่างสาย กลับไปสนใจงานของตนเองต่อ

                    นนทนัฐปรึกษาชินพัตน์ว่าจะลองไปหาฤกษ์เปิดร้านเอาไว้ก่อนร้านจะติดตั้งระบบเสร็จและซื้อของเข้ามาตกแต่ร้านเพิ่มเติมด้วย ชินพัตน์เลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษายายและพี่ชาย ที่ไปรับต้นกล้าและยายมาขายผักที่ตลาดนัดในวันรุ่งขึ้น ยายและพี่ชายก็พร้อมใจกันบอกว่าให้ไปที่วัดเดินที่เคยไปขอฤกษ์มาเป็นร้านของ ชินพัตน์นั้นและใกล้ๆไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ชินพัตน์เลยตกลงใจว่าจะพา นนทนัฐไปด้วยตนเอง และฝากร้านกัพี่ชายให้ช่วยเข้ามาดูในช่วงเช้าให้หน่อย นพคุณก็รับปากเพราะ ตั้งใจจะแวะมาหาต้นกล้าที่บ้านสวนในตอนเช้าอยู่แล้ว ตกเย็นก็ส่งน้องขึ้นรถกลับไปเรียนได้พอดี เลยไม่อิดออดที่จะตอบรับ น้องชายเรื่องที่มาดูร้านแทนให้ตอนเช้า มาต้นกล้ามาดูหน้าร้านไว้ เพื่อสักวันต้นกล้าจะได้มาดูแลด้วยกันแบบนี้บ้าง นพคุณมั่วแต่เพ้อไปไกล จนคนเป็นน้องชายแซว

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่!!!! เป็นอะไรยืนยิ้มคนเดียว?”ชินพัตน์ที่เริ่มเก็บของขึ้นรถหลังจากนพคุณขายลูกชิ้นที่ตลาดนัดแทนหมดก็เป็นคนมาช่วยเก็บข้าวของขึ้นรถเอาไปเก็บที่ร้าน และพูดคุยกับทั้งต้นกล้าและกับยายด้วย

“เฮ้ย เรียงเสียงดังทำไม เจ้าชิน?!!”

“อ้าวก็พี่เอาแต่เหมอ เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยินนี้”

“เออๆ แล้วเรียกทำไม”

“พรุ่งนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับมาประมาณกี่โมงนะ แต่จะพยายามกลับมาให้ทันพี่ไปส่งต้นแล้วกันนะ”

“เออๆ โทรไปก็รับด้วยแล้วกันโทรศัพท์นะ”

“ครับๆ พี่แวะกินอะไรที่ร้านก่อนป่ะ ต้นกับยายด้วยนะ แวะที่ร้านก่อนไหมครับ” ชินพัตน์หันมาช่วยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับทั้งคู่เลย ป้าพรแกก็บนคิดถึงยายเหมือนกัน

“ยายแวะกินข้าวที่ร้านเลยดีกว่าครับ กลับถึงบ้านจะได้พักผ่อนเลย ไม่ต้องไปนั่งหา”นพคุณเสริมน้องชายเพื่อจะยื้อเวลาอยู่กับต้นกล้าเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วก็อยากแวะไปดูร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ด้วย

        ทุกคนมารวมตัวกันที่ร้านรวมทั้งนนทนัฐพึ่งเลิกงานพร้อมกับ ช่างไฟ คนติดระบบอินเตอร์เน็ตที่ต่างทยอยกันกลับ และบอกว่าพรุ่งนี้จะลองเข้ามาเก็บงานอีกช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้านนทนัฐบอกไม่อยู่จะไปทำธุระพอดี
 
       เป็นช่วงหัวคำที่มีลูกค้าไม่เยอะจะมีตกหล่อนจากตลาดนัดป่ะปราย เพราะไม่ทันได้ซื้อลูกชิ้นที่ตลาดนัดก็จะแวะมาซื้อที่หน้าร้าน และวก็ต่างพากันกลับไป วันนี้ชินพัตน์ว่าจะปิดร้านเร็ว แล้วเอาเวลามาคุยกับทุกคน

“ร้านใกล้จะเสร็จหรือยังพ่อหนุ่ม” นนทนัฐยกมือไหว้ยายเมื่อเดินเข้าร้านมาก็เห็นทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว

“เหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อย กับลองเช็คดูระบบว่าใช้ได้ดีหรือเปล่านะครับ”นนทนัฐอธิบาย

“ให้จอยไปช่วยลองไหมจ๊ะ อิอิ” จอยรีบเสนอตัวอยากลองเล่นดูมาตั้งนานแล้วร้านอินเตอร์เน็ตแบบนี้

“ได้สิจอย ให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อนนะ พี่จะให้จอยลองเล่นที่ร้านดูเป็นคนแรกเลย”ส่งยิ้มตอบกลับอย่างใจดี

“คุณพรุ่งนี้ผมจะพาไปหาดูฤกษ์เปิดร้านกับหลวงพ่อที่วัดที่ผมเคยไปนะ”ชินพันต์รีบบอกเรื่องสำคัญ

“แล้วใครจะดูร้านล่ะ เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ คุณบอกที่มาแล้วกัน ไม่ต้องลำบากหรอก”

“อย่าเรื่องมากน่า ผมฝากร้านให้พี่ชายผมดูแล้วล่ะ”ชินพัตน์พูดเสียงเขียว

“อ้อ ขอบคุณครับ”เหมือนจะพูดขอบคุณคนที่พูด แต่กลับหันไปหานพคุณแทน นพคุณก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจความหมาย

“แล้วจะต้องซื้ออะไรเข้าร้านเพิ่มอีกหรือเปล่าล่ะ”นพคุณถามเพิ่ม

“ผมคิดว่าจะซื้อชั้นว่างของนะครับ คิดว่าจ๊ะขายขนมเผื่อมีเด็กเข้าร้านเยอะนะครับ”

“อืมก็ดีนะ เตรียมตัวล่วงหน้าไว้แต่เนินๆ พอมีลูกค้าแล้วจะไม่มีเวลาไปซื้อ”นพคุณพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนน้องชาย

“นี้คุณ แล้วพวกน้ำดื่มล่ะ ไม่ซื้อเข้ามาขายเหรอ”ชินพัตน์แย้ง

“ผมดูข้อมูลว่าถ้าลงตู้แช่ มันจะกินไฟมากนะครับ และทำให้ค่าแอร์เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อนผมเข้าแนะมานะครับ ตอนแรกผมว่าจะลงให้ครบเลย “นนทนัฐหันไปอธิบายกับทุกๆคนเรื่องนี้

“แล้วคุณจะขายน้ำดื่มยังไงล่ะ”

“ก็ซื้อที่ร้านคุณไง”

“เฮ้ยแล้วร้านผมไปเกี่ยวอะไรด้วย?”ชินพัตน์รีบแย้งอย่างไม่เข้าใจ

“คุณจะได้ลูกค้าเพิ่มไง ดีไม่ดีลูกค้ามานั่งทานลูกชิ้นแล้วสั่งน้ำกินไปพร้อมกันเลย”

“จริงด้วยสิตาชิน ป้าก็เห็นด้วยกับตานนท์นะ กินน้ำเข้าร้านคอม ป้ากลัวจะหกโดนของพังหมดพอดี” ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับที่ป้าพรพูด เรื่องเครื่องดื่มก็เป็นไปตามที่นนทนัฐพูด

“ก็ได้ เดี๋ยวผมสั่งน้ำสีมาเพิ่มด้วยก็ได้” ชินพัตน์ต้องยอมจำนนแล้วเสนอเพิ่มไปอีกเรื่องน้ำดื่มหรือน้ำอัดลม ที่เด็กวัยรุ่นชอบกินกัน เพราะที่ร้านของเขาขายแต่น้ำเปล่ามียี่ห้อ กับน้ำสมุนไพรบรรจุขวด ที่มีแม่ค้ามาลงให้ประจำ

“โอเค พี่จะพาต้นกับยายกลับสวนแล้วนะ เดี๋ยวจะดึก”นพคุณที่ดูเหมือนทุกอย่างลงตัวดีแล้ว เห็นน้องชายได้พูดคุยกับยายและต้นกล้าอย่างพอใจ ก็จะพากลับเมื่อเห็นนาฬิกาข้างฝาของที่ร้านบอกว่า จะสามทุ่มแล้ว คุยกันจนเพลิน

“ครับๆ กลับดีนะพี่ ยายพักผ่อนเยอะๆนะครับ ต้นมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ”ชินพัตน์รีบลุกตามพี่ชาย ยายและต้นกล้าไปที่หน้าร้านที่มีรถของนพคุณจอดรออยู่แล้ว

“รู้แล้วน่า ขับมาจนหลับตาขับได้แล้ว”นพคุณคุยโม้ จนต้นกล้าต้องตีแขน

“พี่ชิน ต้นกลับก่อนนะครับ วันศุกร์จะแวะมาหาที่ร้านนะครับ” ชินพัตน์ลูบหัวต้นกล้าอย่างเอ็นดูเพราะเขาอยากมีน้องชายเหมือนต้นกล้า

“ยายกลับก่อนนะพ่อหนุ่ม”

“ครับยาย พักผ่อนเยอะๆนะครับ “

                      ชินพัตน์ล่ำลาทุกคนเสร็จจนพี่ชายของเขาขับรถออกไป เขาก็กลับมาร้านเพื่อจะช่วยทุกคนเก็บร้าน แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะมีนนทนัฐช่วยนั้นเอง  ป้าพรกับจอยต่างพูดคุยเล่นกันว่าอยากสมัครเฟสบุคบ้าง เห็นลูกค้าเล่นตอนอยู่ในร้านแล้วอยากมีเพสกับเข้ามั้ง นนทนัฐก็รับปากบอกว่า ถ้าร้านเปิดแล้วจะสมัครให้ทั้งสองคน ป้าพรกับจอยถูกใจกันใหญ่ ต่างพาดีอกดีใจ ขึ้นไปชั้นบนยังได้ยินเสียงแว่วคุยกันไม่หยุด

“พรุ่งนี้ไปรถผมนะ”นนทนัฐชิงพูดก่อน

“ไม่เป็นไร ไปรถผมก็ได้ ผมเป็นคนพาไปนะ”

“แต่ผมต้องไปซื้อของเข้าร้านเพิ่มอีก เอารถผมไปเหอะ นะครับ”นนทนัฐเริ่มพูดเสียงอ้อนร้องข้อเบาๆ เพราะทั้งคู่ไม้ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มานานขนาดไหนแล้ว

“ตามใจคุณแล้วกัน กลับมาให้ทันพี่ชายผมด้วยนะ ผมจะไปนอนแล้ว”

“ครับๆ” นนทนัฐรีบเดินไปหลังร้านอย่างรู้งาน

“ฝันดีนะครับชิน”อีกคนไม่ตอบได้แต่พยักหน้ารับรู้ เพราะทุกคืนก็จะได้ยินคำนี้เสมอ จนขี้เกียจตอบแล้ว

         เช้ามาดูเหมือนคนที่จะเปิดร้านใหม่ดูตื่นเต้นกับการจะได้ออกไปข้างนอกกับคุณเจ้าของร้านมากๆ ตื่นมาแต่เช้ามาช่วยป้าพรเตรียมของ ช่วยจอยล้างผัก เสียบลูกชิ้น จนชินพัตน์ที่คิดว่าตนเองตื่นเช้าแล้ว ลงมาเห็นยังแปลกใจ รอจนกล้าพี่ชายจะมาพวกเข้าค่อยออกเดินทาง  ทานมือเช้าพร้อมกับทุกคนก่อนที่จะออกไป พอดีท่นพคุณมาพร้อมกับต้นกล้าพอดีจึงได้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

“คุณแล้ววันนี้พวกช่างไม่เข้ามาที่ร้านเหรอ”

“อ้อ ไม่เข้าครับพอดีพวกช่างเขามีงานทำที่อื่นช่วงเช้านะ แล้วจะเข้ามาที่ร้านช่วงบ่ายๆ”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“นี้คุณเลี้ยวเข้าไปเลย ผมจะทำบุญก่อน แล้วค่อยเข้าไปคุณกับหลวงพ่อ” ชินพัตน์อยากทำบุญเลยบอกให้นนทนัฐจอดรถลงไปทำบุญไหว้พระขอพร ปิดทอง ถวายเงินบริจาคที่ทางวัดจัดไว้ ร่วมทั้งบริจาคที่โล่งศพไร้ญาติด้วย นนทนัฐก็เดินตามชินพัตน์ ทำตามทุกอย่าง ไว้พระขอพรให้กับตัวเอง และร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ด้วย

“คุณอธิฐานขออะไรนานจัง”นนทนัฐเอยถามเมือเห็นชินพัตน์ก้อมกราบพระประธานองค์ใหญ่เสร็จ

“เรื่องอะไรผมจะบอก เดี๋ยวไม่คลัง” พูดจบก็เดินลุกหนีไปเฉยๆ จนนนทนัฐลุกตามแทบไม่ทัน
เรื่องอะไรจะบอก ว่าผมขอให้ร้านของคุณมีลูกค้าเยอะๆไม่มีอุปสรรคใดๆเข้ามา ทำร้านให้เจริญรุ่งเรื่อง ชินพันต์คิดได้ว่าตนเองขอพรแต่ให้กับคนอื่นไม่ได้ขอให้ตนเองเลย ก็เริ่มหน้าเห่อร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ

“หลวงพ่อครับ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ สุขภาพเป็นอย่างไรมั้งครับ”ชินพัตน์กราบหลวงพ่ออย่างนอบนอม และถามสารทุกข์สุกดิบของหลวงพ่อ

“อาตมา สุขภาพร่างกายปกติดีโยม ร้านค้า กิจการดีวันดีคืนเลยนะ “หลวงพ่อยิ้ม

“ครับ มีลูกค้าเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อยๆนะครับ เพราะลูกค้าพูดปากต่อปาก ร้านเราก็สะอาดอร่อย ลุกค้าก็ติดใจมาที่ร้านบ่อยนะครับ”

“ดีแล้วๆ ต้องมีคนช่วยนะ อย่าทำเองคนเดียว จะล้มป่วยมันไม่ดีนะโยม”หลวงพ่อพูดเตือน

“ครับ”ชินพัตน์อึ้งที่เรืองที่หลวงพ่อเตือนรีบยกมือไหว้รับคำเตือน นนทนัฐก็ดูเหมือนจะทึ้งกับสิ่งที่หลวงพ่อท่านเตือนด้วยเหมือนกัน เพราะเขาจะพูดเรื่องนี้กับชินพัตน์นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส ทั้งจอบป้าพรเองก็ดูจะเหนื่อยมากที่ต้องรับมือกับลูกค้าที่ดูจะเพิ่มขึ้นทุกวัน

“เอ่อ หลวงพ่อครับ พอดีเพื่อนผมเข้ากำลงจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ อยากจะให้หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์เปิดร้านให้เขานะครับ”ชินพัตน์เปิดประเด็น แล้วให้นนทนัฐขยับเข้าไปใกล้หลวงพ่อ เพื่อพูดคุยสอบถาม

“โยมเกิดวันที่เท่าไร วันอะไร ปีอะไร”

“ผมเกิด วันที่ 6 เดือนตุลาคม ปี 2533 ครับ”

“………………”หลวงตาก็นั่งขีดๆเขียนๆลงในกระดาษ  หลวงตาเงยหน้ามามองหน้าทั้งนนทนัฐและชินพัตน์

“แล้วโยมละ เกิดวันเดือนปีอะไร”

“เอ๊ะ ของผมด้วยเหรอครับ  เอ่อ  ผมเกิด 15 มกราคม ปี 2533 ครับ”

“………………”หลวงพ่อก็ก้มลงไปเขียนในกระดาษอีกครั้ง

“พวกโยมต้องช่วยกันไปแบบนี้นะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันจะทำให้กิจการทั้ง สองที่เจริญเติบโตงอกงาม”

“คะ ครับ/ครับ”ชินพัตน์ยังไม่เข้าใจเท่าไรแต่ก็ตอบรับ ส่วนนนทนัฐยกยิ้มรับเพราะเข้าใจในสิ่งที่หลวงตาพูดมา

“ฤกษ์ดีก็ วันอาทิตย์ นี้และนะ  แต่ถ้าไม่พร้อมก็ต้องรอไปอีกหน่อย จะมีดีอีกก็ ต้นเดือนหน้าเลยนะโยม”

“ผมครับ วันอาทิตย์นี้ใช่ไหมครับ ?  ร้านคุณพร้อมใช่ไหม? “ชินพัตน์รีบแย้งตอบ แต่ก็ไม่แน่ใจหันไปถามนนทนัฐอีกที่ คนโดนถามก็ได้แต่พยักหน้า เพราะรอต้นเดือนหน้าก็ไม่ไวเหมือนกัน

“พร้อมครับหลวงพ่อ”

“……..”พยักหน้ายิ้มรับ

“ครับหลวงพ่อ ผมขอนิมนต์มาเจริญพระพุทธมนต์ฉันเพล ในวันเปิดร้านเลยนะครับ ”

“ได้โยม “

“กราบลาละครับ ใกล้วันงานพวกผมจะมาแจ้งลายละเอียดที่จะมารับไปที่ร้านวันงานอีกครั้งนะครับ” ชินพัตน์จัดการทุกอย่าง จนนนทนัฐแถบไม่ต้องทำอะไรเลย
         
“นี้คุณ ร้านคุณเสร็จทันแน่นะ”ชินพัตน์ที่เดินนำหน้ามาที่รถ ก็ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

“ทันสิคุณ วัน สอง วันนี้ก็เสร็จแล้วล่ะ “

“อืม ก็ดีแล้ว จะได้มีเวลาเตรียมสถานที่ ที่ร้านคุณสักวันสองวันก่อนวันเปิดร้านนะ”

“ครับ “ ยกยิ้มพอใจเห็นคุณเจ้าของร้านออกหน้าเรื่องจัดงานให้แล้วรู้สึกดีใจ

“คุณมัวแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ ไม่ไปซื้อของเข้าร้านหรือไง” ชินพัตนตะโกนมาจากอีกด้านของรถ


               และวันเปิดร้านก็มาถึงนพคุณไปรับพระทั้ง 9 รูปพร้อมกับต้นกล้า มาที่ร้านที่เตรียมพร้อมจัดสถามที่ไว้พร้อมแล้ว เรื่องอาหารที่จัดเลี้ยงพระส่งก็ได้ยาย ป้าพร จอย รวมทั้งชินพัตน์ด้วยช่วยกันทำ แม่ของจอยก็มาช่วยด้วยอีกแรง วันนี้ที่ร้านลูกชิ้นปิ้ง ปิดร้านครึ่งวันเพื่อจะมาช่วยที่ร้านเกมที่กำลังได้ฤกษ์เปิดวันนี้   พระทั้ง 9 รูปนั่งประจำบนอาสนะเรียบรอยแล้วก็เริ่มพิธีต่างๆไปตามขั้นตอน   จนเสร็จสรรพถึงช่วงเวลาพรมน้ำพุทธมนต์ให้ศีลให้พรแก่เจ้าของร้าน และผู้มาร่วมงานทุกคน และนิมนต์ท่านเจิมหน้าประตูร้านเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร้านด้วย และก็เป็นหน้าที่ของนพคุณและต้นกล้าที่ขับรถไปส่งพระทั้ง 9 รูปกลับวัด แขกต่างที่มาในร้านก็ต่างพากันมาแสดงความยินดี และร่วมทานอาหารร่วมกัน  นนทนัฐยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในร้านจนลืมไปเลยว่า เพื่อนของเข้าประนพว่าจะมางานในวันนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นมา เป็นเพื่อนที่กรุงเทพคนเดียวที่นนทนัฐบอกเรื่อง เปิดร้านให้รู้ เลยแยกตัวออกมาจะดทรหาเพื่อน แต่ชินพัตน์ดึงตัวเอาไว้ก่อน

“นี้คุณจะออกไปไหนล่ะ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ มากินข้าวก่อนสิ”

“ชิน ผมขอโทรหาเพื่อนก่อนนะ เขาบอกว่าจะมา แต่ปานนี้เขายังไม่มาเลย ผมเป็นห่วงว่าเขาจะมาที่นี้ไม่ถูก”

“อ้าวเหรอ งั้นไปโทรแล้วก็รีบมากินข้าวแล้วกัน”ชินพัตน์บอกเตือน นนทนัฐพยักหน้ารับรู้
 
“นพ นายถึงไหนแล้วนะ มาไม่ถูกเหรอ”

(“เปล่าๆ ใกล้จะถึงแล้ว ที่มีวัดอยู่หน้าถนนใหญ่ แล้วมีตึกแถว 4  ชั้นใช่ไหม”)

“ใช่ๆ ที่หน้าร้านตอนี้มีรถจอดเต็มเลยเพื่อน เข้ามาตรงนั้นและ”

(“เอ่อ กำลังไปเห็นๆร้านแล้ว”)นนทนัฐก็รีบวางสาย และวิ่งไปดูหน้าร้านเพื่อรอดูรถเพื่อนคนเดี่ยวที่ช่วยเขาเรื่องร้านได้เยอะ
       ถึงแม้จะรู้สึกเหงาบ้าง เพราะเขาไม่ไดบอกเรื่องนี้กับใครเลย แม้กระทั้งคนที่บ้าน หรือเพื่อนฝูงคนอื่นๆ เขาไม่อยากให้ต้องลำบากเดินทางมา แต่เพื่อนคนนี้ เป็นคนสำคัญที่ทำให้เขาเปิดร้านในวันนี้ได้ อยากให้เพื่อนมาเห็นให้ได้
ชินพัตน์เห็นนนทนัฐรีบเดินออกไปหน้าร้านเลยรีบเดินตามมาดู ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า

“คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?”

“เปล่าเพื่อนผมกำลังจะมานะ ผมเลยเดินออกมารับนะ”

“อ้อ เพื่อนคนที่คุณบอกนะเหรอว่าที่ช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้”นนทนัฐพยักหน้าและจะหันกลับที่หน้าร้านเพื่อรอเพื่อน

.
.
.
.
.

“ตานนท์ เปิดร้านแล้วไม่คิดจะบอกแม่สักคำเลยใช่ไหม?!!! “








*******************************************************************************************
 
    ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!
    ขออภัยท่มาลงซะดึกขนาดนี้ งานยุ่งมากๆ
   แต่ก็กลัวเพื่อนคนอ่านจะหาย เลยต้องรีบปั่นแล้วเอามาลง
  ให้ได้อ่านทันช่วงวันหยุด
   ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมิน
    ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยนะคะ + เป็ดให้นะคะ


     แม่ของนนท์จะมาทำอะไรกันนะ จะพาลูกชายกลับกรุงเทพหรือเปล่า
    โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ



   ************************************************************************************
                                   
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)ตอน2[13-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-05-2015 02:46:04
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)ตอน2[13-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 14-05-2015 16:29:21
หวังว่าคุณแม่จะไม่มาเป็นก้างชิ้นใหญ่ระหว่างนนท์กับชินนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)ตอน2[13-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2015 20:48:02
้แม่มาอวยพรให้กิจการนนท์รุ่งเรืองซินะ
เรืีองอื่นเอาไว้ทีหลังนะแม่นะ 55555
ว่าแต่เพื่อนนนท์คนนี้ คิดซื่อๆกับนนท์ใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)ตอน2[13-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-05-2015 21:22:41
อุ๊ย...คุณแม่มา
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 21-05-2015 23:54:39



                                              ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย


“ตานนท์ เปิดร้านแล้วไม่คิดจะบอกแม่สักคำเลยใช่ไหม?!!!” หญิงสาววัยกลางคนรูปร่างดีเดินตรงมายัง คนที่ตนเองเรียกชื่อ และแทนตัวเองว่าแม่อย่างท่าที่โมโหลูกชายของตนเองมาก

“ค คุณแม่ครับ มาได้ไงครับเนี้ย”นนทนัฐตาโต ตกใจเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่กรุงเทพ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่หน้าร้านของเขาได้ เหลือบมองไปยังเพื่อน ที่เดินตามแม่ของตนเอง ก็เห็นเพื่อนคนดี เอาแต่หลบสายตา แค่นี้ นนทนัฐก็รู้แล้วว่า แม่ของเขารู้เรื่องได้อย่างไร

“ทำไม ตานนท์ แม่รู้แล้วแกจะไม่ให้แม่มางั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ครับ คือ มันอยู่ห่างไกล ผมไม่อยากให้คุณแม่ต้องลำบากเดินทางมานี้ครับ ผมเลย ..”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวนะ ตานนท์ ถ้าแม่ไม่เจอเพื่อนลูกแม่คงจะไม่รู้เรื่องอะไรไปอีกนานเลยใช่ไหม ฮืม?”

“คุณแม่ครับ ผมขอโทษ เข้าไปนั่งพักข้างในก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ” นนทนัฐรีบเดินไปประจบเพื่อลดความโมโหของผู้เป็นแม่ โดยเดินพาเข้าชมร้านของตนเอง และพามานั่ง บริการน้ำเย็นๆให้ดื่มเพื่อให้ใจเย็นลง
ส่วนชินพัตน์ที่เห็นเหตุการณ์ตลอด ได้แต่เดินตามแม่ลูกที่ดูเหมือนจะไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่ เดินตามไปและอาสาหาน้ำเย็นๆมาส่งให้นนทนัฐด้วยตนเอง

“คุณแม่ครับ นี้เพื่อนผมเองครับ ชื่อ ชินพัตน์ อยู่ร้านขายลูกชิ้นปิ้งข้างๆนี้นะครับ “ ชินพัตน์ ไม่ได้ตั้งตัวอยู่ๆดี ก็โดนแนะนำตัวให้รู้จักกับผู้เป็นแม่ของอีกฝ่าย ต้องรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทันที่

“ไหว้พระเถอะลูก “ดูเหมือนคุณนายแม่ของคุณเจ้าขอร้านอินเตอร์เน็ทจะดูใจเย็นลงแล้ว

“คุณป้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ทานข้าวมาหรือยังครับ เดี๋ยวผมไปจัดสำหรับอาหารมาให้นะครับ เอ่อคุณก็ด้วย?” ชินพัตน์รีบเสนอ เพื่อไม่ให้แม่ลูกต้องมาทะเลาะกันในวันมงคลแบบนี้ และหันไปหาเพื่อนแต่ยังไม่รู้จักชื่อ

“นี้ประนพ เพื่อนผมเอง ที่จัดการเรื่องเกี่ยวกับระบบคอม เครื่องคอมให้ผมทั้งหมดนะ” นนทนัฐรีบแนะนำเพื่อน

“สวัสดีครับ”ชินพัตน์ก้มหัวเล็กน้อยเพราะคิดว่าน่าจะรุ่นๆเดียวกัน ประนพเองก็ยื่นมือมาจะทักทาย แต่นนทนัฐบอกว่าให้ชินพัตน์ไปรีบจัดอาหารมาให้ เลยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้จับมือทักทายกัน เพราะนนทนัฐยังนึกเคืองเพื่อนตนเองอยู่เล็กๆ

“คุณแม่ครับ แล้วแม่มาที่นี้แบบนี้ คุณพ่อทราบหรือเปล่าครับ แล้วบอกพวกๆพี่เขารู้หรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่องนะ ตานนท์ ปิดบังเรื่องเปิดร้าน พอแม่รู้ก็ได้ตาเก่ง พาแม่มาเลย ไม่ได้บอกใครนะสิ แล้วที่นี้จะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยังว่า ทำไมถึงมาเปิดร้านไกลถึงขนาดนี้ ไหนบอกแม่ว่าอยากออกมาเปิดออฟฟิศเอง แต่ไงกลับเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ที่อยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ล่ะ ตานนท์?” คุณนายแม่ถามยาวไม่มีช่องเว้นให้หายใจกันเลย และยังหันไปหาเพื่อนลูกชายหาตัวช่วยอีก ประนพเลยได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ เพราะตนเองก็ไม่รู้ว่า เพื่อนอย่างนนทนัฐไม่ได้ติดต่อบอกข่าวให้ทางบ้านรู้เรื่องที่จะเปิดร้าน เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ของเพื่อนฟังตอนที่เจอกันโดยบังเอิญ

“คุณแม่ครับ ก็อย่างที่บอกผมไม่อยากให้ทุกคนเดินทางไกลมาที่นี้ นี้ครับ จะลำบากกันเปล่าๆ “

“แล้วลูกจะบอกแม่เมื่อไร ตานนท์”

“เอ่อ คือ ผมคิดว่าถ้ากิจการไปได้ดีแล้วค่อยโทรไปบอกนะครับ  เอ่อ เพราะถ้าเปิดไปแล้ว เกิดกิจการไม่ทำรายได้ขึ้นมา แม่ก็ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงไงครับ” นนทนัฐแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปก่อน

“แม่เบื่อที่จะฟังเหตุผลมากมายของลูกแล้วนะ ตานนท์ สรุปจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตแน่ๆใช่ไหม แล้ว วิชาที่ร่ำเรียนมาล่ะ ลูกจะเอาไปทิ้งไว้ไหน บอกแม่สิ”

“ผมไม่ทิ้งแน่นอนครับคุณแม่ ชั้นสองผมก็ทำเป็นห้องเขียนแบบนะครับ ผมยังรับงานฟรีแลนซ์อยู่นะครับ ทำกับเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“ให้มันจริงนะตานนท์ แม่อนุญาตให้ลูกทำตามใจที่อยากทำแล้ว เพราะแม่เห็นว่าลูกเป็นเด็กดีตั้งในเรียน ขยันทำงานมาตลอด ถึงว่างใจให้ลูกออกมาทำออฟฟิศของตนเองได้ แต่นี้อะไร (หันมองไปรอบๆร้าน) ทำไมมาเปิดร้านอินเตอร์เน็ต เล็กๆแบบนี้ล่ะลูก”

“คุณแม่ครับ ผมตั้งใจจะทำทั้งสองอย่างให้มันดีอย่างแน่นอนครับ  คุณแม่วางใจเถอะนะครับ “

“จ้าๆ พ่อลูกชาย แม่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องร้านของลูกก็ได้ แต่มีอะไรก็ต้องบอกแม่บ้าง ไม่ใช่มาปิดเงียบแบบนี้เข้าใจไหม?”

“ขอโทษครับ คุณแม่” นนทนัฐยกมือไหว้ผู้เป็นแม่อีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ยังคงเป็นห่วงและรักเขามากกว่าใครๆทั้งหมด
  ป้าพรและจอยที่ช่วยกันจัดอาหารให้แขกเรื่อย เพื่อนๆร้านใกล้เคียงที่มาแสดงความยินดี ก็ต่างพากันพูดคุยถึงแขกที่มาใหม่ ที่นั่งอยู่กับคุณเจ้าของร้านเปิดใหม่อย่างนนทนัฐ เมื่อเห็นชินพัตน์ที่เดินหลบฉากออกมาจากโต๊ะ เลยรีบดึงตัวมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“พี่ชิน นั้นแขกของที่นนท์คนนั้นเป็นใครเหรอ? ไม่เคยเห็นหน้า “จอยถ้าขึ้นอย่างสงสัย

“แม่ของ นนท์เขานะ และก็เพื่อนเขา มาจากกรุงเทพนะ”ชินพัตน์ตอบเรียบๆ เพราะมั่วแต่จัดอาหารไปให้ที่โต๊ะนั้น

“แม่พี่นนท์เหรอ ป้าดูสิยังดูสวยดูดีอยู่เลย คนกรุงเทพดูดีแบบนี้ทุกคนเลยเหรอจ๊ะ”

“ป้าก็ไม่รู้ เหมือนกัน ไปช่วยเสริฟน้ำให้แขกดีกว่านะ”ป้าพรเดินนี้เด็กสาวจอย เพราะไม่อยากร่วมวงเห่อคนเมืองกรุง

“โธ่ป้า รอจอยด้วยสิ”

“ทานข้าวกันก่อนนะครับ เดินทางมาไกลก็จะเหนื่อย ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่านะครับ ผมให้ทางร้านรับหน้าที่ทำอาหารเลี้ยงเพล กับเลี้ยงแขกที่มาวันนี้นะครับ” ชินพัตน์ไม่รู้จะช่วยคุยอะไร ก็มีแต่เรื่องของที่ตนเองขาย กับเรื่องของที่ร้านเท่านั้นที่พอจะหยิบมาคุยด้วย

“ขอบใจมากนะ พ่อหนุ่มที่ค่อยดูแลตานนท์ให้แม่นะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เป็นเพื่อนก็ช่วยๆเหลือกันนะครับ นนท์เองก็ช่วยเหลือผมมาหลายอย่าง เรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกครับคุณป้า”

“ลูกชิ้นของที่ร้านเหรอครับ” ประนพถามขึ้นเมื่อได้ลองชิม ต้มจืดตำลึงใส่ลูกชิ้นร้อนๆ

“ครับ ลูกชิ้นทีร้านเราทำเองครับ เมนูทุกทำมาจากลูกชิ้นทั้งหมดครับ ถูกปากหรือเปล่าครับ คุณ?”

“เรียกผมเก่งก็ได้ครับ”

“ครับคุณเก่ง”

“เก่งเฉยๆก็ได้ครับ พวกเราคงจะอายุใกลๆกันนะครับ” ชินพัตน์พยักหน้ารับ และหน้าไปมองเจ้าของร้านเกมที่มองจ้องกลับมาไม่ล่ะสายตา อย่างไม่เข้าใจนัก

“รสชาติพอใช้ได้ไหมครับคุณป้า”

“อร่อยมากเลยจ๊ะ(หันไปหาลูกชาย) ดีเลยนะตานนท์ มีลูกชิ้นอร่อยๆที่ลูกชอบอยู่ใกล้แบบนี้ จะได้ไม่ต้องไปสรรหาทานที่ไหนไกลๆอีก”

“ครับคุณแม่ ผมชอบมากเลยครับ”นนทนัฐยกยิ้มและมองหน้าชินพัตน์ไม่วางตา

“คุณป้ารับข้าวเพิ่มอีกไหมครับ ผมตักให้”

“ไม่แล้วล่ะจ๊ะ แม่อิ่มแล้ว ลูกชิ้นอร่อยมากเลยลูก อาหารอร่อยทุกอย่างเลย”

“ขอบคุณครับ”ชินพัตน์ยกมือไหว้อย่านอบน้อม

“มีแบ่งขายไหมลูก แม่จะเอากลับบ้านไปฝาก ตาหลานๆสักหน่อย”

“มีครับ แต่คุณป้าไม่ต้องซื้อหรอกนะครับ เอากลับไปทานที่บ้านได้เลยครับ เดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้นะครับ”

“ไม่ได้ๆ ของซื้อของขาย มาให้กันฟรีๆแบบนี้ได้ยังไง ขาดทุนกันพอดีจ๊ะ”

“เอ่อ แต่ว่า…..”

“ไหนๆพาแม่ไปดูสิ ลูกชิ้นนะ”นนทนัฐพยุงผู้เป็นแม่ลุกขึ้นและเดินตาม ชินพัตน์ไปที่ร้านของตนเอง เห็นป้าพรและจอย กำลัง เตรียมของหวานไว้ให้แขก พอดีกับที่นพคุณและต้นกล้ากลับมาที่ร้านพอดี ได้เจอกับแขกคนสำคัญของนนทนัฐด้วย

“แม่ครับ นี้คุณนพคุณ เป็นพี่ชายของชินนะครับ”

“สวัสดีครับ คุณป้า”นพคุณยังงงแต่ก็รีบยกมือไหว้ ต้นกล้าก็ยืนด้านหลังก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน

“แม่ว่าจะมาซื้อลูกชิ้นกลับไปฝากหลานๆที่กรุงเทพนะจ๊ะ พอจะมีให้แม่ซัก 10 โลไหมจ๊ะ”

“คุณแม่ครับ เยอะไปหรือเปล่าครับ เจ้านิว หนูนุ่น คงกินกันไม่หมดหรอกนะครับ เยอะขนาดนั้น”

“แม่ก็จะเอาไปฝากที่ สมาคม ฝากเพื่อนๆแม่ ฝากเพื่อนๆคุณพ่อไง ตานนท์ อย่ามาขัดแม่นะ”

“ค ครับ”นนทนัฐหลีกทางให้ผู้เป็นแม่ที่เดินไปหาชินพัตนั้ตูแช่ ขนาดใหญ่ที่เป็นกระจกใส มองเห็นภายในที่มีลูกชิ้นแช่เย็นพร้อมขายว่างเรียงรายห้พร้อมเลือกซื้อ

“คุณป้าครับ จะรับ 10 กิโลใช่ไหมครับ”

“จ๊ะ ตาเก่งแม่รบกวนหน่อยนะ ไปวนรถมารับลูกชิ้น ขนกลับบ้านให้แม่หน่อยนะครับ”

“ได้ครับคุณแม่” ประนพรีบรับคำ มีนนทนัฐเดินตามเพื่อนออกไปด้วย

“ให้ทางเราส่งให้ก็ได้นะครับ ผมจะเลือกแบบสดๆใหม่จากโรงงานให้เลยนะครับ”ชินพัตน์อยากให้ผู้เป็นแม่ของเพื่อนประทับในใจลูกชิ้นและบริการของร้าน เลยเสนอไปแบบนั้น

“ไม่เป็นไรจ๊ะ ถ้าอร่อยเดี่ยวแม่จะโทรมาสั่งตานนท์ ให้แวะขึ้นไปส่งให้แม่เองก็ได้จ๊ะ”

“ครับคุณป้า” ชินพัตน์ นพคุณ และต้นกล้าต่างพากัน ดึงถุงลูกชิ้น ออกมาขากตู้แช่ เพื่อเตรียมเอาเข้ากล่องโฟม อักน้ำแข็งให้อย่างดี เพื่อทำให้ความเย็นยังคงที่ไปจนกล้าจะถึง กรุงเทพ
นนทนัฐเดินตามเพื่อนออกมาเพื่อหาจังหวะคุณกับเพื่อนแสนดีที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนจอมจุ้น ไปซะแล้ว

“เฮ้ย เก่ง นายไปบอกแม่เราให้รู้ทำไม”

“เฮ้ย นนท์เราไม่ได้ตั้งใจ เราก็นึกว่านายบอกแม่นายแล้ว เราก็เลยเผลอชวน คุณนายแม่แกก็ตอบตกลง กระโดดขึ้นรถฉันมาเลย นี้หว่า”

“แล้วนายที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยจะเจอคุณแม่ แล้วนายไปเจอได้ยังไงกัน”

“ก็ฉันไปเดินหาซื้อของขวัญเพื่อมาแสดงความยินดีกับนาย ก็เลยเจอคุณนายแม่ของนายที่ร้านนั้นพอดีนะสิ ฉันไม่รู้ก็เลยเข้าไปทักท่านก่อน เล่าโน่นนี้นั้น ให้ท่านฟัง ไปๆมาๆ ท่านก็นั่งรถมากับฉันแล้วโว้ย จะให้ทำไง” ประนพเล่าไปก็รู้สึกผิดไปแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

“อืม ก็คงเป็นความผิดของฉันส่วนหนึ่งด้วยแหละ ที่ไม่ได้บอกพวกท่าน แต่ก็เพราะฉันมีเรื่องสำคัญต้องทำจริง เลยยังไม่อยากจะบอกอะไรใครตอนนี้”

“แล้วมันเรื่องอะไรของนายล่ะ ที่ว่าสำคัญ”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่ายังบอกไม่ได้ เพราะตัวฉันเองก็ยังรออยู่เหมือนกัน”

“พูดอะไรของนายว่ะ นนท์ ฉันไม่เข้าใจจริง”

“เมื่อถึงเวลาแล้วเดี่ญวนายก็รู้เองนั้นแหละ ไปเอารถเถอะ คุณแม่รอนานแล้ว” ประนพทำหน้างงไม่หาย แต่ก็ต้องรีบไปเปิดรถเพื่อขับเข้าด้านหลังร้านไปรับลูกชิ้น
พอได้ลูกชิ้นตามจำนวนยกขึ้นรถเรียบร้อย นนทนัฐเชิญผู้เป็นแม่กลับมาที่ร้านอีกครั้ง พาเดินดูชั้นบนที่เป็นห้อง ทำงานเขียนแบบของเขา ห้องนอน ว่าตนเองมีความเป็นอยู่อย่างไร ไม่ได้ลำบากอย่างคนที่เป็นแม่ค่อยที่จะเป้นห่วงเสมอ

“คุณแม่ครับ ผมขอเวลาหน่อยนะครับ ผมจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างได้แล้ว ผมจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังนะครับ”นนทนัฐที่พาคุณแม่ของตนเองมานั่งบนที่นอน แล้วพูดคุณเรื่องสำคัญเพื่อไม่ให้ผู้เป็นแม่เป็นห่วง

“เรื่องอะไรตานนท์”

“คุณแม่ครับ ขอผมจัดการทุกอย่างลงตัวก่อนนะครับ ผมจะบอกทุกอย่างทุกเรื่องให้คุณแม่รู้ก่อนคนแรกเลยนะครับ ตอนนี้คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ก็อย่างที่คุณแม่เห็น ผมมีงาน ผมมีที่นอน ผมมีของที่ผมชอบทานของข้าง และที่สำคัญผมมีเพื่อนดีๆรอบๆกายอีกหลายคนครับ ที่ค่อยช่วยเหลือผมอยู่เสมอ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นะ”

“จ้าๆ แต่แม่ก็คงยังเป็นแม่นะ ตานนท์แม่อดห่วงไม่ได้หรอก ต้องโทรหาแม่บ้าง เข้าใจไหม มีเรื่องอะไรที่แม่ช่วยได้แม่ก็อยากจะมีส่วนร่วมกับลูกนะ”

“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมรักแม่นะครับ”

“แม่ก็รักลูกจ๊ะ ลงไปข้าล่างเถอะ เจ้าของงานมาหมกตัวอยู่แต่ข้างบน แบบนี้ได้ไง”

“ครับ” นนทนัฐยกยิ้มดีใจที่ผู้เป็นแม่เข้าใจเรื่องที่เขาร้องขอ

นนทนัฐแนะนำให้ผู้เป็นแม่รู้จักกับยาย และต้นกล้าด้วย ยายก็เล่าเรื่องที่นนทนัฐช่วยเหลือหลายอย่าให้คนเป็นแม่ฟัง ก็ต่างพากันภูมิใจที่ลูกชาย เป็นคนดีมีคนรักมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่มาอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน เพราะแขกที่เข้ามาทีร้าน ต่างพากันมาแสดงความยินดีกับลูกชายของตนเอง ถึงแม่จะรู้จักจากการขายลูกชิ้นก็ตามที่ แต่ทุกคนก็มาด้วยใจ

“เก่ง ฉันฝากแม่ด้วยนะ”

“เอ่อ ไม่ต้องห่วงฉันพามาฉันก็ต้องพากลับอย่างปลอดภัยน่า”

“ยังไงก็ขอบใจอยู่ดี นายช่วยฉันตั้งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ร้านนี้ แล้วก็เรื่องคุณแม่อีก ลึกๆฉันรู้สึกดีนะที่นายพาแม่ฉันมาวันนี้”

“เฮ้ยๆ นายอย่ามาดราม่าใส่ฉันนะเว้ย ฉันก็ได้ยอดสั่งทั้งคอมพิวเตอร์ ลูกน้องของฉันที่สาขาที่นี้ก็มีงานทำ ดูแลระบบให้กับร้านของนายไปอีกนาน ฉันไม่ได้ช่วยเปล่าๆนะเว้ย ฉันก็หวังผม ฮ่าๆๆ” ประนพหัวเราะชอบใจแก้อาการเขินที่เพื่อนเดินมาขอบใจตนเอง แบบจริงจัง จนเริ่มทำตัวไม่ถูก

“แต่ยังไงก็ขอบใจนะเพื่อน”

“ไม่เป็นไรก็พวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะไปช่วยใครที่ไหน” นนทนัฐโอบบ่าเพื่อน ประนพก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่ความเป็นเพื่อนก็คงอยู่เสมอ

“กลับดีนะครับ สวัสดีครับคุณป้า”ชินพัตน์ที่เดินออกมาส่งคุณแม่ของเพื่อนยกมือไหว้ลา

“จ้า ชิน แม่ฝากดูแลลูกชายของแม่ด้วยนะจ๊ะ เบอร์ที่แม่ให้ไว้ โทรหาแม่ได้ตลอดนะลูกนะ”คุณนายแม่เดินเข้ามาจับมือชินพัตน์แล้วกระซิบบอกเรื่องที่พูดคุยกันไว้

“ได้ครับ คุณป้า ลูกชิ้นอร่อยลูกปากหลานๆ แล้วผมจะส่งไปให้อีกนะครับ”

“เด็กๆต้องชอบอยู่แล้ว บ้านนี้ไม่รู้เป็นยังไง ทั้งพี่ทั้งน้อง อาหลาน ชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ กันจริงๆ”

“แม่ครับ ฝากสวัสดีพอด้วยนะครับ พี่นัน พี่สะใภ้ แล้วเจ้าหลานตัวแสบทั้ง สองคนด้วยนะครับ”

“จ้าๆ ถึงบ้านแล้วแม่จะโทรมาบอกนะ ไปตาเก่ง กลับกันเถอะเดี๋ยวมืดค่ำ”

“ครับคุณแม่”ประนพรับคำ” ไปก่อนนะนนท์  (หันไปหาชินพัตน์)ลูกชิ้นอร่อยมากเลยครับ ว่างๆจะแวะมาอุดหนุนที่ร้านนะครับ”

“รีบๆกับไปเลย นายนะ ส่งคุณแม่ให้ถึงบ้านด้วยนะ”

“รู้แล้วน่า “หันไปหาชินพัตน์” ผมกลับก่อนะครับ”

“เดินทางปลอดภัยครับ”ชินพัตน์ส่งยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ นนทนัฐรีบเข้ามาผลักเพื่อนให้เข้าไปภายในรถ และรีบปิดประตูรถให้อย่างดี โบกมือลาเหมือนจะบอกกลายให้เพื่อนรีบขับรถออกไปเสียที

ทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในร้าน มีแขกบางส่วนที่มาในงานต่างก็ทยอยออกจากร้านไปบ้าง และมีบ้างคนอยากลองเล่มเกม เล่นอินเตอร์เน็ตก็ยืนรอคิวเจ้าของร้านคนใหม่อยู่เยอะเลย ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น เป็นลูกค้าที่เคยซื้อลูกชิ้นแล้วจำหน้าพ่อค้าจำเป็นคนนี้ได้ ร่วมไปถึงเห็นว่าเป็นเพื่อนของ คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นเปิดร้านใกล้ๆกันเลยเข้ามาช่วยงาน ร่วมยินดี รวมทั้งอยากลองของใหม่ๆ อย่างร้านอินเตอร์เน็ตด้วยไม่เคยมีในละแวกนี้ แต่ถ้าเป็นในเมืองหาไม่อยาก ยิ่งใกล้โรงเรียน มีติดกันเป็นแถวยาว แต่สำหรับแถวนี้ ถือว่าใหม่มากเลยได้รับความสนใจจากคนรอบๆข้าง


“คุณดูสิ ลูกค้ายืนรอเพียบเลย”ชินพัตน์ชนไหล่นนทนัฐให้หันไปดูลูกค้า ทั้งเด็กเล็กเด็กโต แม้กระทั้งคุณลุงคุณป้าก็ยังมี ยืนมองตา รอเจ้าของร้านพาเล่น สอนให้เล่นตามที่เคยสัญญา

“ทุกคนนั่งโต๊ะ เลยนะครับ เดี๋ยวผม จะนะนำวิธีเข้าใช้ที่ละขั้นตอนนะครับ มาใช้บริการทั้งต่อไปจะได้สะดวกขึ้นนะครับ”

“นี้คุณ แล้วไม่ขายบัตรล่ะ” ชินพัตน์เขยิบเข้ามากระซิบถามเรื่องขายบัตรเวลาให้ลูกค้า ซื้อเวลาเพื่อเข้าเล่นเกมกลัวว่าเจ้าของร้านคนใหม่จะลืม เลยลองถามเตือนดู

“วันนี้ผมจะลองให้พวกเขาเล่นฟรีนะ”

“เฮ้ยคุณ ไม่ได้นะ เดี๋ยวก็ขาดทุนหรอก จะบ้าเหรอให้เล่นฟรีนะ” ชินพัตน์ดึงแขนนนทนัฐที่กำลังจะเดินไปหาลูกค้าเพื่อเริ่มสอนวิธีใช้ กระซิบถามเสียงดุ

“แต่ผมว่าอยากให้พวกเขาลองเล่น ลองใช้ให้เป็นก่อนนะครับ พอเป็นแล้วพวกเขามาอีกครั้งก็ใช้เป็นแล้วก็ไม่ต้องมานั่งสอนกันอีก ” นนทนัฐอธิบายอย่างใจเย็นเพราะเขาตั้งใจไว้แบบนี้อยู่แล้ว

“ตามใจคุณก็แล้วกัน ร้านของคุณนี้” ชินพัตน์เห็นว่าอีกฝ่ายดูตั้งใจทำแบบนั้นอยู่แล้วเลยไม่อยากขัด แต่ก็โดนนนทนัฐดึงแขนไว้ก่อน จะเดินไปหลังร้านเพื่อเก็บข้าวของ

“คุณอยู่ช่วยผมสอนเด็กเล่นก่อนสิครับ นะ”

“แต่ผมต้องไปช่วยป้าพร จอย เก็บของ”

“แปบเดี๋ยวนะครับ นะ” นนทนัฐดึงแขนชินพันตน์ให้เดินตามไปหาพวกเด็กที่รอเล่นเกม ชะเง้อคอมองแล้วมองอีก เมื่อไรคนสอนจะมาสอนให้เล่นซักที่

“ถ้าคุณให้ผมช่วย คุณต้องเก็บค่าบัตรด้วยนะ แล้วเอาเงินนั้นมาเป็นค่าจ้างผม ที่ผมช่วยคุณสอนตกลงไหม”

“ครับๆ เงินทั้งหมดในร้าน ผมยกให้คุณหมดเลย คุณจะเอาเท่าไรล่ะ”

“เฮ้ย ไม่ๆ ผมแค่พูดล้อคุณเล่นเฉยๆ  ไม่ต้องเอาเงินให้ผมหรอก ผมพูดเล่นนะคุณ” ชินพัตน์ฟังคำพูดจริงจัง ของเจ้าของร้านเกมก็เอาแต่ยกยิ้มสายหัว เดินไปหาเด็กที่นั่งรอเตรียมพร้อมหน้าจอคอมแล้ว

“พวกผมจะค่อยๆ อธิบายนะครับ ไม่เข้าใจตรงไหน ถามได้นะครับ”

   และทั้งคู่ก็ก้มหน้าก้มตาสอนเด็กๆ วัยรุ่นที่พอเล่นเป็นก็ช่วยสอนเด็กๆที่อยากเล่นเกม ส่วนใหญ่จะเสียเวลาในการสอนให้กับพวกพี่ๆ น้าๆ ลุงป้า ที่อยาก มีFacbookเป็นของตัวเอง ต่างพากันเข้ามาเรียงแถวให้สอนกันพักใหญ่ จนตกเย็นก็ต่างทยอยกันกับ แต่ก็กลับก็พร้อมกันบอกว่า พรุ่งนี้จะมาใหม่ เด็กๆเล็กกลับกันไปหมดเหลือแต่พวกเด็กวัยรุ่น ที่เล่นกันเป็นแล้ว อยู่ต่อกันก็อีกหลายคน แต่ชินพัตน์รู้ว่าเด็กพวกนี้ได้ที่ก็เล่นเพลิน เห็นว่าได้เล่นฟรี ชินพัตน์เลยบอกนนท์ว่าจะปิดร้านแล้วให้มาเล่นใหม่พรุ่งนี้


“อ้าวทำไหมล่ะพี่ ปิดร้านเร็วจัง พวกผมยังเล่นเกมไม่จบเลยอ่ะ”

“วันนี้เขาเปิดร้านแค่เปิดพิธีนะน้อง  ไว้มาเล่นใหม่พรุ่งนี้มาแต่เช้าสิ ได้เล่นทั้งวันแน่”ชินพัตน์รีบเสนอขายให้แทนทันที่

“โอเคพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาจองแต่เช้าเลย แล้วพี่เปิดร้านกี่โมงละ?”

“……”ชินพัตน์ไม่รู้ได้แต่หันไปมองคุณเจ้าของร้านเกม

“เปิด 8 โมงเช้าครับน้อง” นนทนัฐเรียนรู้ยิ้มการค้ามาจากคนข้างๆ

“โอเคพี่ ร้านใกล้บ้านก็ต้องดีกว่าอยู่ ขี่มอไซค์ไปเล่นที่ร้านอื่นไกลๆ เสียเวลาเสียค่าน้ำมันรถ “

“งั้นก็แวะมาที่เล่นที่ร้านนะ มาสมัครสมาชิกไว้ จะได้ราคาพิเศษด้วยนะ”ชินพัตน์พูดออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าที่ร้านเปิดใหม่มีหรือเปล่าด้วยซ้ำพูดเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านอย่างเดียวจริง

“จริงเหรอพี่ ได้ๆ พรุ่งนี้ผมจะชวนเพื่อนมาด้วยเยอะๆเลย”

“เยี่ยมมากน้อง”ชินพัตน์ตบบ่าเด็กวัยรุ่น ไม่น่าจะเกิน ม. ต้น ที่ยิ้มดีใจที่ได้เล่นเกมใกล้ๆบ้าน
ชินพัตน์ไม่รู้ตัวว่าโดนคนข้างกายแอบยืนมอง ยกยิ้มอย่างชอบใจ รู้สึกพอใจมากที่ชินพัตน์ใส่ใจลูกค้า ได้มากกว่าตัวเขาเองที่เป็นเจ้าของร้านซะอีก

“ยิ้มอะไรของคุณ” ชินพัตน์ทำหน้างง เมื่อหันมาเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของคนที่ยืนมองตนเองอยู่

“ผมดีใจที่คุณอยู่ช่วยผมแบบนี้ “

“ผมก็ต้องช่วยสิ คุณก็เคยช่วยผมตั้งหลายอย่าง”ชินพัตน์หลบสายตาแล้วทำเป็นเดินหนีเข้าร้าน เดินดูตามโต๊ะต่าง ว่าหน้าจอคอมปิดดีแล้วหรือยัง นนทนัฐก็เดินตามไม่ห่าง ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

“นี้คุณเดินตามอยู่ได้ ไปปิดร้านสิ “ชินพัตน์ที่หันกลับมาเจอคนที่เอาแต่เดินตาม ก็ไล่ให้ไปจัดการปิดร้าน เพราะเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว

“ปิดร้านแล้วผมไปช่วยคุณที่ร้านนะ”

“ปานนี้พวกพี่กับป้าจัดการ เรียบร้อยแล้วมั้ง คุณก็แค่ไปกินข้าวก็พอมั้ง” ชินพัตน์ไม่ได้เงยหน้ามาตอบ ก้มหน้าเก็บเศษถุงขนมเด็กๆที่เข้ามายืนดู ทิ้งเอาไว้ใต้โต๊ะ บนโต๊ะเต็มไปหมด

“นี้คุณ ดูนี้สิ คุณต้องบอกเด็กที่จะเข้ามาเล่นนะว่า ให้เอาขยะไปทิ้งด้วย ตามเก็บแบบนี้ไม่ไหวนะ แค่วันแรกยังเยอะขนาดนี้เลย”

“ได้ครับ”นนทนัฐตอบรับอย่างเอาใจพร้อมกับร้อยยิ้มอ่อนๆ

“ยังจะมายิ้มอีก ป้ายเวลาเปิดปิดร้านก็ไปหาซื้อ หรือทำปิดที่หน้าร้านให้ ชัดเจนนะคุณ ลูกค้าจะได้เข้าร้านถูกเวลา”

“ครับ” ยิ้มรับอย่างว่างง่าย

“ยิ้มอะไรของคุณนักหนา “ชินพัตน์ที่เก็บถุงขนมไปที่ที่ถังขยะหลังร้านหันมาเจอใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาก็อดถามไม่ได้

“วันนี้ผมมีความสุขมากเลย”

“อืมก็ดีแล้วนี้ ยินดีด้วยนะที่เปิดร้านใหม่ ขอให้ร้านคุณมีลูกค้าเข้าร้านเยอะนะ” ชินพัตน์นึกได้ว่าตนเองก็ไม่ได้อวยพรให้เพื่อนเลย เลยเดินเข้ามาใกล่เพื่อนแล้วตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ

“ผมดีใจที่ตอนนี้ผมมีคุณอยู่ข้างๆผมต่างหากละชิน “ นนทนัฐดึงคนที่ยืนตั้งใจฟังเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดแน่น เพื่อแสดงความยินดี ความสุขที่เขามีตอนนี้ เพราะคนในอ้อมกอดจริง

“นี้คุณทำอะไร ปล่อยเลยนะ นี้!!!” ชินพัตน์พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแน่นๆนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนอ้มแขนรัดแน่นขึ้น จนได้ยินเสียงลมหายใจของคนที่กอดตนเองใกล้เข้ามาคนรู้สึกแปลก และนิ่งเงียบลงอย่างไม่เข้าใจตนเอง

“ชินวันนี้ผมมีความสุขจัง” นนทนัฐกอดชินพัตน์และโยกตัวไปมาเบาๆ

“ผมขอบคุณมากๆเลยนะ ที่อยู่ข้างๆผมตลอด”

“อืม”ชินพัตน์ตอบรับเบาๆอยู่ในอ้อมกอด

“คุณรู้อะไรไหม การที่คุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้ ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำอะไรได้อีกเยอะแยะเลย หลังจากนี้ ผมจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะผมมั่นใจว่าผมจะมีคุณอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอด ผมเชื่อแบบนั้นได้ไหมครับ ชิน” นนทนัฐค่อยๆคลายอ้อมกอด เพื่ออยากที่จะมองเห็นใบหน้า และรอฟังคำตอบของคนตรงหน้าเพื่อเป็นสิ่งยืนยันในความคิดของตนเองในครั้งนี้

“ก็ ผมก็อยู่ร้านข้างๆคุณอยู่แล้วนี้ ไม่ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” ชินพัตน์ไม่กล้าสบตาคนถาม ที่ส่งสายตาที่สื่อความหมายมากมายมายังตนเอง ก้มหน้าตอบๆไป ทั้งๆที่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังต้องการอะไร แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดไปตรงๆ เพราะยังคงไม่มั่นใจ และเชื่อว่านี้คือ ความรัก ใช่หรือเปล่า อนาคต สังคม ญาติพี่น้อง จะเข้าใจและยอมรับสิ่งพวกนี้ได้ไหม?

เขาไม่รู้

แต่ตอนนี้รู้แค่เพียงอย่างเดียว

อยากเก็บรอยยิ้มอบอุ่นนี้ไว้เป็นของเขาคนเดียวตลอดไปเหมือนกัน

จริงๆนะ

Rrrrr  Rrrrrrrr   Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังมาจากกระเป๋ากางเกงของคุณเจ้าของร้านคนใหม่ ทำให้ชินพัตน์รีบผละออกจากอ้อมกอดนั้น แล้วเดินนี้กลับไปยังร้านตอนเองทันที่ นนทนัฐมองตามอยากจะห้ามแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด เลยต้องหันมารีบรับ เพราะเป็นเบร์ของผู้เป็นแม่

“ครับคุณแม่ กลับถึงบ้านแล้วเหรอครับ”

(“จ้า กลับมาถึงแล้ว หลานๆถูกใจลูกชิ้นของฝากกันใหญ่ “)

“ครับ อร่อยมากจริงๆผมรับประกันครับ”นนทนัฐยกยิ้ม ปากพูดชมลูกชิ้น แต่ในความคิดนึกถึงหน้าคนที่พึ่งอยู่ในอ้อมกอดแล้วเดินหนีหายไปแล้ว ไม่กี่นาทีก็ยังคิดถึง

(“จ้าๆ ตานนท์บอกใบ้แม่สักหน่อยสิ ว่านอกจากลูกชิ้นอร่อยแล้ว ไปเปิดร้านของตนเองก็แล้ว ยังมีอะไรพิเศษอีกใช่ไหมจ๊ะ คุณลูกชาย”)

“ทำไมคุณแม่ถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

(“ก็ ตานันกับพี่สะใภ้เรานะสิ พูดขึ้นว่า เรานะไปติดสาวแถวนั้นหรือเปล่าถึงไม่กลับบ้านกลับช่อง แถมยังสร้างห้องหับ เปิดร้านเอาไว้ รอใครแถวนั้นหรือเปล่าลูก”)

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คุณแม่จะว่าไงครับ”

(“ต๊าย!!! จริงเหรอตานนท์? มางานวันนี้ด้วยหรือเปล่า ทำไมไม่บอกแม่เลย จริงๆเลยตานนท์”)

“คุณแม่ครับ อย่างที่ผมบอก ขอเวลาผมอีกสักหน่อยนะครับ ผมคิดว่าอีกไม่นานแล้วล่ะครับแม่ “

(“จ้า ถ้าลูกคิดว่าสิ่งที่ลูกเลือกที่จะทำแล้วมีความสุข แม่ก็อยากเห็นลูกมีความสุขในสิ่งที่ลูกทำนะ”)

“ขอบคุณครับ ผมรักคุณแม่นะครับ แล้วผมก็ดีใจมากนะครับที่คุณแม่มาหาผมที่ร้านวันนี้”

(จ้า ขอให้กิจการรุ่งเรื่องนะลูก )   

“ขอบคุณครับคุณแม่”

(“โทรหาแม่บ่อยๆนะลูก”)

“ได้ครับ”

คุณย่าครับ/ค่ะ ลูกชิ้นอร่อยมากเลยครับ/ค่ะ
เสียงหลานๆลอดเข้ามาในสายให้นนทนัฐได้ยินเสียงเจือยแจ้ว

(งั้นแม่ว่างสายก่อนนะ หลานเรียกกันใหญ่แล้ว)

“ครับคุณแม่”
 
นนทนัฐนั่งคิดว่าจุดเริ่มต้นของเขากับความรักครั้งนี้เกิดขึ้นมา


จากลูกชิ้นของโปรดของเขาจริงๆ

 
ได้เจอคนที่เขาต้องการจะรักแล้วจริงๆ

 
อยากมีชีวิตหลังจากนี้เพื่อใครสักคนจริงๆ


ผมเจอแล้วครับ








  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!

 เริ่มเปิดใจแล้วนะ คุณเจ้าของร้านลูกชิ้นปิ้ง อิอิ

 คุณเจ้าของร้านเกมก็ ขอกันตรงๆแบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องใจอ่อนสักวัน

 คุณแม่รอไม่นานหรอกนะ เตรียมยกขันหมาก? มาได้เลย อิอิ

 โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะนะคะ


  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนิยาย ของมินมินนะคะ
 + เป็ดให้ทุกๆกำลังใจค่ะ

   
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2015 00:25:03
อร๊ายยย. นึกว่าคุณแม่จะมาอาละวาด อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 22-05-2015 00:28:41
อยากกินลูกชิ้นจังเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-05-2015 07:57:55
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-05-2015 13:12:07
คุณแม่จะไม่ช็อคใช่ไหม ถ้ารู้ว่าลูกชายมาชอบ "ชิน" อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-05-2015 16:33:01
โหยๆ ขอมาคอมเม้นก่อนละกัน เพิ่งอ่านถึงตอน 19
ชอบมากๆ เรื่องน่ารักดีๆ ผมก็ชอบกินลูกชิ้นปิ้งเหมือนกัน หุหุ

ชอบคู่หลัก และ คู่รองเลย  พี่ใหญ่ดูขี้หึงดีนะ ต้นก็น่ารัก 555+
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 62 คุณแม่ครับผมขอเวลาหน่อย[21-5-15]ลูกชิ้นมาแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-05-2015 19:54:37
แม่นนท์ดูใจดีนะ เฟี้ยวมาก รู้ปุ๊บมาปั๊บ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง แม่ค้าลูกชิ้นปิ้งมีข่าวมาบอก [22-5-15]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 22-05-2015 23:59:55


     เนื่องจาก มีเพื่อนๆแฟนคลับ คนชอบลูกชิ้นปิ้ง แม่ค้ามินมิน ได้สร้างเพจ ของแม่ค้าเอาไว้ให้เข้าไปเลือกซื้อลูกชิ้น เอ้ย!! ไม่ใช่จ้า เข้าไปติดตามการอัพเดต ข่าวสารสปอยก่อน ลงในเวป และที่สำคัญ ลงภาพอิมเมจ(สมมุติ) ของตัวละคร ทั้ง 4 ให้ได้มองภาพออกว่า หน้าตาของแต่ละตัวละครใน นิยายเสห์รักลูกชิ้นปิ้ง ของมินมิน เป็นแบบไหนกันบ้าง

                                                                                                     แวะไปกดติดตามได้นะคะ

                                                                                                                จัสมิน_มิน

ตามลิงค์ที่ให้ไว้นะคะ หรือค้นหา จัสมินมิน ภาษาไทย ได้เลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ
    https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99/867601116640024




               
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง แม่ค้าลูกชิ้นปิ้งมีข่าวมาบอก [22-5-15]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 23-05-2015 02:27:39
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว สนุกมาก เนื้อเรื่องน่ารักสุดๆ

อยากรู้ความสัมพันธ์ทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป มาลงบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 30-05-2015 02:49:58


                                    ตอนที่ 63 แบบนี้…เขาเรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?

         กิจการร้านอินเตอร์เน็ตของนนทนัฐ  มีลูกค้าเข้าร้านมากมาย ตั้งแต่วัยเด็กๆ ที่เริ่มอ่านออกเขียนได้ ก็แวะมาที่ร้านเป็นประจำเพราะช่วงปิดเทอม เด็กโตขึ้นมาหน่อยก็มีพรรคพวกช่วยกันจองโต๊ะให้เพื่อนๆ เด็กวัยรุ่นโตขึ้นมาก็ชอบขอให้ชินพัตน์เปิดดึกๆกว่านี้หน่อย ไม่อยากมาแย่งเด็กๆเล่น ลุงป้าน้าอา ก็มีเข้ามาเล่นมาดูลูกๆหลานๆของต้นเองด้วย บ้างคนฝากไว้ลูกหลานตั้งแต่เช้าจนเย็น ค่อยมารับกลับ ให้เงินค่าเกมค่าขนมค่าข้าวไว้พร้อม ลำบากนนทนัฐต้องค่อยเรียกเด็กๆพวกนั้นให้ไปกินข้าว ก็ส่งไปร้านข้างๆให้ชินพัตน์จัดการเรื่องอาหารของเด็กๆ  กลายเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กๆขนาดย่อมๆกันเลย ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน เพราะทุกคนต่างพูดว่าที่ร้านเจ้าของร้านดูแลเด็กๆลูกๆหลานๆของเขาได้ดี เรื่องหิว เรื่องอดไม่มี แถมใจดีให้กินลูกชิ้นฟรีก็ยังมี เวลามายืนดูเงินเล่นเกมส์หมดแล้ว เลยไม่มีซื้อขนมซื้อข้าวกิน ชินพัตน์ก็ส่งไปที่ร้านข้างๆตลอด และก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ลูกชิ้นปิ้งต้องมา ชินพัตน์ก็ไม่ขัด สงสารเด็กด้วย พ่อแม่บ้างคนรู้ที่หลังเพราะลูกกลับไปเล่าให้ฟัง ก็เอาเงินกลับมาให้ก็มี ลูกค้าก็เริ่มเยอะเพราะพูดกันปากต่อปากถึงความใจดีของทั้ง 2 ร้าน

“ปิดร้านแล้วเหรอครับ” นนทนัฐเงยหน้าจากหน้าจอคอม ที่กำลังเช็คว่าเด็กเครื่องไหนเล่มเกมอยู่กำลังจะหมดเวลา

“อืม”ชินพัตน์ที่ช่วยป้าพรกับจอยปิดร้าน และเช็คยอดปิดบัญชีของรายได้วันนี้เสร็จก็เดินมาที่ร้านเกมพร้อมข้าวราดกระเพราลูกชิ้น ของโปรดของใครมาด้วย

“หอมจังน่ากินจัง ขอบคุณครับ” นนทนัฐรับจานข้าวมามองดูและเอยขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะตั้งแต่เปิดร้านมา เขาเองไม่มีเวลาไปช่วยที่ร้านของชินพัตน์เลย เพราะที่ร้านตนเองก็แถบจะขยับไปไหนไม่ได้เลย แถมลูกค้าบอกว่าเครื่องเล่นน้อยไป รอคิวว่าเด็กๆจะเลิกเล่นก็นาน แต่พอชินพัตน์แวะมาหาเข้าที่ร้านแบบนี้แล้วทำให้เขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“หิวก็กินสิ……..มีเด็กๆอยู่อีกหลายเครื่องเลย พ่อแม่ยังไม่รับหรือไงนะ” ชินพัตน์หลบหน้า เซมองไปทางเด็กๆนั่งเล่นเกม เพื่อแกล้งทำไม่เห็นรอยยิ้มดีใจ บนใบหน้าใครบ้างคน ที่เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ เลยแสร้งถามไปเรื่องอื่น แต่ในใจรู้เสมอว่าอีกคนยิ้มแบบนั้นเพราะอะไร

“เด็กๆพวกนี้ขี่จักรยานกันมาเองครับ ส่วนเด็กเล็กพ่อแม่มารับกลับไปหมดแล้วครับ “ยิ้มตอบ และกลับไปตักข้าวเข้าปากอีกคำ

“อืม”พยักหน้าเข้าใจ และจะเดินไปดูตามโต๊ะเพื่อสำรวจขยะถุงขนมที่เด็กๆทิ้งไว้บ้างหรือเปล่า แต่ก็โดนมือเจ้าของร้านเกมดึงไว้ก่อน

“ไปไหนครับ”

“ผมจะไปดูขยะ ตามโต๊ะให้ คุณก็กินไปเถอะ” ชินพัตน์พยายามบิดมือออก แต่ก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายดึงเก้าอีกมาใกล้แล้วจับตัวคนที่กำลังเดินหนีมานั่งใกล้ๆกันที่หน้าคอม

“ผมดูแล้ว วันนี้เด็กๆน่ารักมาก ช่วยกันเก็บขยะไปทิ้งครับ ไม่มีเลยผมดูแล้ว”

“อ้อ ก็ ก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไร งั้นผมกลับร้านดีกว่า”

“เดี๋ยวสิครับ พึ่งมาเอง หรือคุณเหนื่อยอยากรีบกลับไปพักเหรอครับ”

“ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ก็เหมือนทุกวันนั้นและ แต่ที่ผมจะกลับเพราะไม่มีอะไรให้ช่วยแล้วเท่านั้นเอง”
“งั้นถ้าคุณยังไม่ง่วงก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนผมสักพักนะครับ 4 ทุ่มไหวไหม”นนทนัฐพูดเสียงอ้อน มองไปที่นาฬิกาติดฝาผนัง ตอนนี้พึงจะ 2 ทุ่มเอง เลยลองถามเปรย เป็นห่วงคุณเจ้าของร้านลูกชิ้นปิ้งก็เป็นห่วง แต่ก็ยังอยากให้อยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย

“อืม ก็ได้ แต่ถ้าผมเริ่มง่วง ผมก็จะกลับเลยนะ”

“ครับผม” นนทนัฐตอบกลับยิ้มตาหยี ดีใจสุดๆที่อีกคนตามใจกันแบบนี้

“แล้วจะให้ผมช่วยทำอะไรไหมล่ะ ถ้ามีก็บอกมา” ชินพัตน์หันซ้ายหันขวา มองหาไม้กวาดเพื่อจะกวาดพื้น

“ไม่มีครับ จะมีก็แต่…..”

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาเถอะไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คุณอยู่ร้านคนเดียวแบบนี้  ทำทุกอย่างไม่ไหวหรอกผมรู้”

“ช่วยนั่งเป็นกำลังใจให้ผม อยู่ข้างๆแบบนี้ก็พอแล้วครับ” จับมืออีกฝ่ายใต้โต๊ะไว้แน่นเพื่อไม่ให้ลุกหนี และหลบเลียงสายตาคนอื่นในร้านด้วย 

“นี้คุณปล่อยเลยนะ” ชินพัตน์ที่พยายามดึงมือตนเองออก พูดกระซิบรอดไรฟัง ให้อีกฝ่ายปล่อยมือ มองไปรอบๆ ว่ามีใครเห็นตนเองโดนจับมือหรือเปล่า

“ก็อยู่นิ่งๆสิครับ ไม่มีใครเห็นหรอก ผมรับรอง” นนทนัฐยิ้มทำหน้าตายิ้มกริ่ม ทำหน้าสนใจหน้าจอคอมม แต่มือก็ยังจับมืออีกฝ่ายไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยง่ายเช่นกัน

“ปล่อยเลยนะ จะจับมือผมทำไหมเนี้ย” ชินพัตน์ทำเสียงดุ คิ้วขมวด ก้มกระซิบให้อีกฝ่ายปล่อยมือ แต่ก็ไม่อยากให้เด็กๆในร้านเห็นเลยเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อจะพยามยื้อมือของตนเองที่อยู่ใต้โต๊ะออก

“งั้นคุณสัญญาก่อนว่าจะไม่ลุกไปไหน จะอยู่กับผมตรงนี้นะครับ นะ” นนทนัฐได้ที่หันมาอ้อนร้องขออีกฝ่าย

“ก็ ก็ได้ ชิ!!!” ชินพัตน์รับคำ รีบดึงมือออกจากอีกฝ่าย พออีกฝ่ายปล่อยมือเข้าจริง ก็ทำท่าจะลุกหนี เพราะยังเคืองอยู่ แต่นนทนัฐคว้าตัวไว้ทัน ดึงเข้ามากอดทั้งตัวเอาไว้เลย

“ไหนบอกว่าจะไม่ลุกหนีไปไหนไงครับ หืม?” ก้มมองคนที่อยู่บนตักที่เอาแต่ดิ้นหนี ขู่ฟ่อๆ ท่าเดียว

“นี้คุณทำอะไร ปล่อยนะไม่อายเด็กมั้งหรือไง เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ปล่อยสิ!!!” ชินพัตน์พูดกระซิบ ขู่แถมดิ้นสุดชีวิตให้ออกจากอ้อมกอดของคุณเจ้าของร้านเกมให้ได้

“เด็กๆไม่สนใจหรอกครับ แล้วโต๊ะคอมก็บัง เด็กๆไม่เห็นจริงๆนะครับ ดูสิไม่มีใครมองสักคน “นนทนัฐหัวเราะในลำคอยกยิ้มพอใจ  ที่ได้แกล้งให้ใครบางคนอายจนตัวแดงหน้าแดงไปหมด

“นี้คุณปล่อยสิ “ ชินพัตน์โมโห ทุบนนทนัฐไปหลายที่ที่ต้นแขน จนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อยให้กลับไปนั่งเก้าอีกอีกตัวตามเดิม แถมโดนมองค้อนกลับ และเอาแต่หันหน้าหนี แต่ก็นั่งนิ่งไม่ลุกไปไหนอย่างที่บอกจริงๆ
 
     ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงที่ชินพัตน์มานั่งเป็นเพื่อนนนทนัฐก็เห็นว่ามีวัยรุ่นเข้ามาเล่นเยอะขึ้น ส่วนเด็กโตก็กลับบ้านเกือบหมดแล้ว วัยรุ่นตัวโตๆยกพวกเข้ามาเล่นด้วยกันหลายคนเหมือรอจังหวะเวลาที่เครื่องว่าง แต่ก็เล่นได้ไม่นานเพราะร้านกำลังจะปิดแล้ว พวกวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็มีส่งเสียงดัง ว่าทำไมปิดเร็ว น่าจะปิดดึกกว่านี้สักหน่อย

“พี่ทำไมปิดเร็วจัง พึง 4 ทุ่มเอง”

“พี่เปิดร้านแต่เช้านะ เลยปิดเร็ว จำได้ตื่นขึ้นมาเปิดร้านได้นะ”นนทนัฐอธิบายอย่างใจเย็น

“โธ่พี่ แต่พวกผมกว่าจะได้เล่นก็ต้องรอให้พวกเด็กเล็กๆกลับไปกว่าจะได้เข้ามา”

“ก็แต่ช่วงปิดเทอมช่วงนี้เท่านั้นแหละน้อง พอเปิดเทอม เด็กคงหายไปเยอะ”ชินพัตน์ช่วยตอบแทน พวกวัยรุ่นพยักหน้าเข้าใจ เพราะว่าบางคนไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ออกมาหางานทำ กลางวันทำงานตอนเย็นก็มักจะแวะมาที่ร้านนี้ประจำ จนจำหน้าได้ แต่กว่าจะได้เล่นก็ต้องรอคิวต่อจากเด็กๆ

“พี่น่าจะเปิดดึกกว่านี้หน่อย พวกผมจะได้เล่นมั้ง”วัยรุ่นที่ทำงานแล้วพูดขึ้น เพราะตนเองได้เล่นก็แค่หลังเลิกงานเท่านั้น

“ใช่ๆ หรือไหมก็เพิ่มคอมอีกสัก 5-6 ตัว จะได้พอเล่นกัน” วัยรุ่นในกลุ่มนั้นต่างพากันเสนอ

“โอเค ไว้พี่จะลองคิดดูนะ กลับบ้านกันดีๆล่ะ”นนทนัฐรับฟังข้อเสนอของลูกค้าทุกคนทุกลุ่ม แต่เพราะพึงเปิดไม่นาน ยังไม่รู้ว่าหลังจากเปิดเทอมแล้วลูกค้าจะเยอะเหมือนแบบนี้อีกหรือเปล่าต้องรอดูช่วงเปิดเทอมก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
 
    วัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ต่างทยอยกันขับรถมอเตอร์ไซค์กันออกจากหน้าร้านไป นนทนัฐก็ปิดหน้าร้านเรียบร้อยเดินเข้ามาหาใครอีกคนที่น่าจะอยู่ภายใน กลับไม่เจอรีบเดินหาทั่วร้าน ก็เห็นยืนล้างจานอยู่ในครัว รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกนึกว่าอีกฝ่ายหนีกลับร้านไปซะแล้ว รีบเดินเข้าไปหา


“ผมล้างเองครับ “นนทนัฐรีบจุ๋มมือลงในน้ำเพื่อดึงจานจากมืออีกฝ่ายมาล้างเอง เพราะเป็นจานที่เขากินแล้วเอามาทิ้งไว้ในอ้าง คิดเอาไว้ว่าจะมาร้านตอนร้านปิด ไม่คิดว่าชินพัตน์จะมาล้างให้แบบนี้ แถมยังเป็นอาหารจานด่วน ที่ตรงเวลาทุกมื้อด้วยของร้านข้างๆ เดินมาส่งให้เองบ้าง ให้จอยมาส่งบ้างก็มี

“คุณปิดร้านแล้วหน้าร้านแล้วเหรอ ผมล้างเองได้หน้า อย่ามาเกะกะสิ” ชินพัตน์ยื้อจานคืนมา และใช้หัวไหล่ดันอีกฝ่ายให้ถอยไปจากบริเวณที่ตนเองยืนอยู่

“ชินครับ ผมกินผมก็ต้องล้างสิ ให้คุณมาล้างให้แบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไร ช่วยๆกันจะได้ขึ้นไปนอนไวๆไงคุณ เห็นไหมเสร็จแล้ว” ชินพัตน์รีบล้างจานใบสุดท้ายให้เสร็จแล้วคว่ำไว้ที่ที่ลองจาน ก็หันกับมามองซ้ายมองขวาหาผ้าเช็ดมือ

“มาครับ ผมเช็ดให้” นนทนัฐดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไป หาผ้าฝืนนุ่มมาเช็ดมือให้ชินพัตน์อย่างตั้งใจ

“เฮ้ยคุณไม่ต้อง ผมเช็ดเองได้ ส่งผ้ามาๆ”

“อยู่เฉยสิครับ “นนทนัฐไม่ฟังแถมจับมือชินพัตน์ไว้ให้นิ่งเพื่อจะเช็ดมือของอีกฝ่ายให้แห้งสนิท ชินพัตน์เลยได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าตั้งใจเช็ดมือให้ เก้อเขินเพราะไม่เคยมีใครทำอะไรให้แบบนี้มาก่อนนอกจากพ่อกับแม่แล้ว นนทนัฐคือ คนแรกทีทำแบบนี้ให้ พี่ชายอย่างนพคุณยังไม่เคยทำแบบนี้ให้เขาเลยด้วยซ้ำ

“ขอบคุณนะครับ”

“ฮะ อะ อะไรขอบคุณผมทำไม” ชินพัตน์ที่หลุดจากห้วงความคิดของตนเอง ตั้งสติรับฟังคำพูดขอบคุณอย่างไม่เข้าใจ

“คุณดูแลผมแถบจะทุกเรื่องเลย เรื่องอาหารการกิน ใช่ใจลูกค้าตัวน้อยๆของที่ร้านผม แม้กระทั้งล้างจานให้ผมแบบนี้ด้วย
ผมขอบคุณคุณจริงๆนะครับ ที่ทำทุกอย่างเพื่อผมแบบนี้”

“ก็ ก็ช่วยๆกันไง ร้านอยู่ใกล้ๆกัน ไม่ช่วยกันแล้วจะไปช่วยใครล่ะ ใช่ไหม แหะๆๆ” ชินพัตน์ตอบแก้เขิน บิดมือให้ออกจากการจับกุมไว้ เพราะสายตาที่มองกลับมาพร้อมกับคำพูดขอบคุณ สื่อความหมายมากกว่านั้นออกมา ทำให้ชินพัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูก แล้วยิ่งอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้อีก

“ดะ ดึกแล้ว เอ่อ ผมง่วงแล้ว ผมจะไปนอนแล้ว” ชินพัตน์รีบมองหาทางออกจากร้านหันรีหันขวาง แต่มือก็ยังถูกกุมแบบนั้นไม่มีที่ท่าว่าจะปล่อย

“นอนที่นี้ก็ได้ครับ คุณเคยนอนแล้วนี้”

“ระ เรื่องอะไรห้องผมก็มีนอนทำไมผมต้องนอนที่นี้ด้วย ปล่อยเลยนะ!!!”ชินพัตน์รีบร้อนตัว เพราะจำได้ว่าตนเองเคยนอนกอดอีกฝ่ายไว้ทั้งคืน ก็ทำให้หน้าเห่อร้อนขึ้นมาหนทางหนี ด้วยการขู่เสียงดุ

“ครับๆ ผมรู้ว่าคุณมีห้องนอน แต่ผมเห็นคุณบอกว่าง่วงนอนก็เลยไม่อยากให้เสียเวลาเดินกลับ นอนที่นี้เลยก็หมดเรื่อง”ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชอบที่จะแกล้งอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวัน

“ร้านผม บ้านผม ห้องผม อยู่แค่นี้เองนะคุณ “ชินพัตน์เริ่มขึ้นเสียงเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือซักที่ และดูออกด้วยว่าอีกฝ่ายจะแกล้งยื้อคนเองไว้เท่านั้น ไม่ได้อยากให้ทำอย่างที่พูดหรอก

“…………………”นนทนัฐยกยิ้มเดินจูงมือคนที่ทำหน้าหงิก เดินตามอย่างกล้าๆกลัวว่าจะโดนพาไปไหนพอมาถึงประตูด้านหลังร้านเกม นนทนัฐก็เปิดออก แล้วพาอีกคนเดินมาออกมาส่ง ถึงประตูด้านหลังร้าน ของอีกฝ่ายเดินมาเปิดประตูส่งชินพัตน์เข้าไปด้านใน

“ฝันดีนะครับ” ปลายจมูกเกือบโดนแก้มชินพัตน์ ที่เอาแต่ยืนนิ่งเพราะตกใจเพราะอีกฝ่ายเล่นก้มเข้าหาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวแถบไม่ทัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นๆที่ทิ้งไว้ข้างแก้มเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายเดินหายไปแล้ว

“…………”ชินพัตน์ยังยืนนิ่ง พอตั้งสติได้ ก็รีบปิดประตูยืนกุมเสื้อตรงหัวใจด้านซ้ายไว้แน่น ยืนหันหลังพิงปะตูที่ปิด

“หยุดเต้นได้แล้ว เขาไปตั้งนานแล้ว “ชินพัตน์เตือนตัวเอง เพราะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงเสียงดัง จนควบคุมไม่อยู่ คนต้นเหตุก็ไม่อยู่แถวนั้นแล้ว ทำไมหัวใจของตนเองยังทำงานหนักอยู่นะ

            ช่วงเวลาตลอดปิดเทอม มีเด็กๆเข้ามาเล่นที่ร้านเกมไม่ขาดสาย แถมพาเพื่อนต่างถิ่นมาเล่นด้วย หาลูกค้ามาที่ร้านให้เพิ่มอีก ร่วมทั้งเป็นลูกค้าร้านลูกชิ้นปิ้งด้วย บ้างวันที่ชินพัตน์ต้องลงไปขาย ที่ตลาดนัดก็จะไม่ได้เข้าไปที่ร้านเกม ขายของที่ตลาดนัดทั้งวัน กลับมาที่ร้านก็เข้ามาช่วยป้าพรกับจอยอีกด้วย สิ้นเดือนลูกค้าเยอะกันทั้ง 2 ร้าน เพราะเงินเดือนออกก็เป็นช่วงของการจับจ่ายใช้สอยเงินทอง ของเหล่าคนงาน พนักงานออฟฟิศ ลูกๆหลายๆก็จะได้เงินมาเล่นเกมกินขนมซื้อลูกชิ้นปิ้งกินกัน ลูกค้าแน่นร้านจนชินพัตน์ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย แม้กระทั้งจะไปส่งยาย ต้องรอปิดร้านก่อน เพราะพี่ชาย อย่างนพคุณติดงานที่ร้านของตนเอง เลยแวะมาช่วยขายของไม่ได้ ยายเลยเข้ามาช่วยในร้านอีกคน

“ยายครับ นั่งพักเถอะครับ ไม่ต้องช่วยหรอกครับ”ชินพัตน์พายายกับมานั่งที่โต๊ะคิดเงินของตนเอง

แต่ลูกค้าเยอะเลย ยายอยากช่วย”

“ไม่เป็นไรครับ ยายขายผักมาทั้งวันแล้ว นั่งพักเถอะนะครับ”

“แต่ว่า….”

“ไม่มีแต่ครับ ผมขอบคุณนะครับที่ยายอยากจะช่วย แต่ผมอยากให้ยายพักมากกว่า แค่ผมไปส่งยายที่สวนช้าผมก็เกรงใจจะแย่แล้วละครับ นั่งรอผมเฉยๆเถอะนะครับ” ชินพัตน์อธิบาย

“จ้าๆ” ยายยิ้มเอ็นดู ขยันทำงาน เห็นใจ มีน้ำใจกับคนอื่น ไม่รู้ว่าจะได้เจอคนแบบนี้อีกหรือเปล่ารู้สึกดีใจที่ได้มารู้จักกัน




 “จอยพี่ฝากเอาข้าวไปให้นนท์ด้วยนะ พี่ไปส่งยายก่อน” ชินพัตน์ที่ช่วยป้าเก็บร้านเสร็จก็รับแยกต้วออกมาเพื่อจะไปส่งยายที่บ้านสวน

“ได้จ้า”จอยรับคำ แล้วรีบไปรับถาดข้าวจากป้าพรเพื่อไปส่งร้านข้างๆ


        ชินพัตน์ขับรถมาส่งยายได้พูดคุณกับยายเรื่องต้นกล้า กำลังหาที่ฝึกงานอยู่ บอกว่าเพื่อนๆได้กันเกือบทุกคนแล้วแต่ต้นกล้ายังหาที่ฝกงานไม่ได้เลย ทำให้ผู้เป็นยายเป็นห่วงเรื่องหลายชาย ยายเลยปรึกษาชินพัตน์เรื่องนี้ด้วย

"ผมจะลองถามเพื่อนๆที่ทำงานเก่าผมดูให้อีกทางนะครับ เพื่อจะฝากต้นเข้าฝึกงานที่ไหนได้บ้างนะครับ”

“ยายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ต้นต้องได้ที่ฝึกงานดีๆแน่ๆครับ”

“จ้าๆ”

      ชินพัตน์ขอตัวกลับเพราะอยากให้ยายได้รีบพักผ่อน ตัวเขาเองก็เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทั้งที่ตลาดนัด ทั้งที่ร้านที่มีลูกค้าเยอะมากจริงๆตอนสิ้นเดือน จนรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นไข้ร้อนๆหนาวๆไงยังบอกไม่ถูก แต่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องขอต้นกล้า เลยโทรหาเพื่อความสบายใจ

“ต้นนอนหรือยัง”

(สวัสดีครับ พี่ชิน ต้นยังไม่นอนพึ่งกลับมาจากทำงานพิเศษครับ”

“ทำงานพิเศษด้วยเหรอ”

(ครับ จะเก็บเงินไว้ใช้ช่วงฝึกงานด้วยนะครับ ไม่อยากรบกวนเงินยายแล้ว”

“พูดถึงเรื่องฝึกงาน แล้วต้นได้ที่ฝึกงานหรือยัง”

(ยังครับ เพื่อนๆก็ชวนให้ไปฝึกด้วยกันครับ แต่ต้นไม่อยากไปฝึกงานไกลๆ ต้นเป็นห่วงยาย ต้นอยากจะลองกาที่ฝึกงานใกล้บ้าน จะได้มีเวลาดูแลยาย ช่วยยายขายของด้วยนะครับ)

“งั้นเหรอ” ชินพัตน์รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมต้นกล้าถึงยังไม่ได้ที่ฝึกงานซักที่เพราะเป็นห่วงยายนั้นเอง และเลือกที่ฝึกงานอยากได้ใกล้บ้านนี้แบบนี้ ไม่รู้เมื่อไรจะหาได้ ระยะเวลาใกล้จะฝึกก็เข้ามาใกล้ทุกที่ ยังไม่ได้ยื่นเรื่องทางคณะเลยจะมีปัญหาตอนจบได้ ถ้าติดปัญหาเรื่องฝึกงานแบบนี้

“เดี๋ยวพี่ช่วยดูๆให้อีกทางดีไหม”

(อยากเลย ต้นเกรงใจ ที่ร้านพี่ชินก็ยุ่งมากพอแล้ว อย่าเสียเวลาไปหาดูงานให้ต้นหรอกนะครับ”)

“แต่ต้นยังไม่มีที่ฝึกงานแบบนี้ พี่ก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ”

(“แต่ว่า….”)

“ดึกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะต้น ต้นรีบกลับไปพักเถอะนะ ได้เรื่องยังไงโทรบอกพี่ด้วยนะ ส่วนพี่จะหาแถวๆนี้ให้อีกแรงนะ”

(ขอบคุณมากๆนะครับพี่ชิน)ต้นกล้า พยายามกลั้นเสียงสะอื้น เพราะน้ำตาของความตื้นตันใจที่มีคนอย่างชินพัตน์ที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ยังเป็นห่วงเป็นใยกันมากขนาดนี้  ไม่รู้จะตอบแทนด้วยสิ่งไหนกับคืนไปดี ก็คงจะมีแต่ความจริงใจเท่านั้นที่จะส่งคืนให้คนๆนี้ได้
 
   ต้นกล้าอยากเกิดมามีพี่น้องแบบชินพัตน์เสียจริง คงจะรู้สึกดีไม่น้อย การที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบคนอื่นเป็นอย่างไรนะ ต้นกล้าได้แต่น้ำตาไหลหวนคิดไปกับช่วงชีวิตของตนเองที่ผ่านมา



“พี่นนท์ข้าวมาแล้วจ้า”

“ขอบใจนะจอย”นนทนัฐพูดขอบคุณแต่ตาหันหามองใครอีกคน

“พี่ชินไปส่งยายที่สวนจ๊ะ ยังไม่กลับ”

“อ้าวเหรอ พึ่งไปส่งเหรอ”

“จ้า เพราะที่ร้านคนเยอะมากเลย พี่ชินเลยทิ้งไปส่งยายก่อนไม่ได้ เลยต้องให้ยายรอจนปิดร้านนะจ๊ะ”

“……..”นนทนัฐพยักหน้าเข้าใจ นึกเป็นห่วงคนที่กำลังขับรถอยู่ว่าจะเป็นอย่างไงบ้างตอนนี้


          นนทนัฐนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่เป็นสุข เดินเข้าเดินออกหน้าร้าน  เพราะนึกเป็นห่วงใครบางคนที่ขับรถออกไป ปานนี้ยังไม่กลับเข้ามา จนเด็กๆในร้านเริ่มถามว่า เดินไปมาทำไมเวียนหัว ไม่เคยเห็นนนทนัฐเป็นแบบนี้มาก่อน นนทนัฐเลยต้องกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม แล้วหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า แต่เมือโทรไปสายไม่ว่างตลอดเลย ยิ่งทำให้เป็นห่วงมากขึ้น โทรศัพท์คุยอยู่กับใครกัน เขาโทรกลับไปที่ไรก็สายไม่ว่างทุกที่   และก็พยายามโทรกลับไปอีกครั้งแล้วก็ติดจนได้

“ชินคุณอยู่ไหนนะ”

(“ผมกำลังถึงหน้าร้านแล้ว จะโทรมาทำไม”)ชินพัตน์ทำเสียงดุแล้วตัดสายทิ้ง เพราะเขากำลังจะเลี้ยวเข้าทางมาที่ร้านอยู่แล้ว ชินพัตน์ยังไม่ทันจอดรอดดี ก็เห็นใครบ้างคนวิ่งออกมาจากหลังร้านมาหาที่หน้ารถของตนเองซะแล้ว

“นี้!!!คุณจะวิ่งออกมาทำไม ไม่ดูลูกค้าหรือไงกัน”ชินพัตน์เปิดประตูลงมาถามเสียงดุ

“ก็ผมเป็นห่วงคุณนี้ เห็นขับรถออกไปตั้งนานแล้วไม่เห็นกลับมา ผมโทรไปคุณก็ไม่รับ ผมก็เลยเป็นห่วงว่าคุณจะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ผมมีเรื่องคุยกับยายนิดหน่อยนะ “ชินพัตน์เดินหนีเข้ารั้วหลังร้าน เพราะอยากจะนอนพักแล้วรู้สึกเหนื่อยๆแปลกวันนี้ แถมมีเรื่องใหม่มาให้คิดอีก

“มีเรืองอะไรหรือเปล่า ชิน”

“ไม่มีอะไร ผมไปนอนก่อนนะ”ชินพัตน์ตอบเสียงเหนื่อยๆ

“ชิน คุณไม่สบายหรือเปล่า หน้าคุณซีดๆนะ”นนทนัฐดึงแขนชินพัตน์ให้หันกลับมามองหน้าให้เห็นชัดอีกครั้ง เพราะแสงไม่ค่อยสว่างเท่าไร

“ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณกลับไปดูร้านเถอะ เด็กมาซื้อขนมแล้วมั้ง”ชินพัตน์บอกปัดเพราะอยากจะนอนเต็มที่

“ตัวคุณลุ่มๆนะ” นนทนัฐยื้ออีกฝ่ายให้หันมาคุยกันดีๆ แล้วพาเดินเข้าหลังร้าน พาไปนั่งที่โต๊ะทำงานของชินพัตน์ แล้วทำท่าวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก ก็รู้สึกว่าคนตัวอุ่นๆจริงๆ

“อืม ผมก็รู้สึกแปลกๆ  ขอเช็คบัญชีของวันนี้ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปนอนนะ ”ชินพัตน์หยิบสมุดบัญชีเพื่อจะเช็คยอดลูกชิ้นขึ้นมา แต่นนทนัฐดึงกลับมาแล้วเอาเก็บไว้ที่เดิม

“ไมได้ครับ รีบขึ้นไปทานยาแล้วรีบนอนพักนะครับ”

“อืม ก็ได้ “ชินพัตน์พยักหน้ารับ เพราะก็ไม่อยากฝืนตัวเองด้วย ไม่อยากนอนป่วย เดี๋ยวทีร้านจะยุ่งเข้าไปอีก

“ครับ(ยกยิ้มพอใจ) วันนี้ทำไมทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่ายจัง”นนทนัฐลูบหัวคนที่ทำท่าจะหลับไม่หลับแล หรือเพราะว่าเป็นคนป่วยเลยดูเชื่องๆ พูดอะไรก็ทำตามไม่ดื้อ

“ผมไม่ใช่เด็กนะ “ชินพัตน์ปัดมือนนทนัฐออกไม่แรง แล้วรีบลุกขึ้นเพื่อจะเดินขึ้นข้างบน

“อยากลืมทานยานะครับ ห่มผ้าหนาๆด้วย แอร์ก็อย่าเปิดเลย เปิดหน้าต่าง แล้วก็เปิดพัดลมดีกว่านะครับ”

“อืมๆ รู้แล้วคุณกลับไปดูร้านคุณเถอะ” ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ

“ผมเป็นห่วงคุณนะ”

“อืมรู้แล้ว”

“ต้องทานยายด้วยนะรู้ไหม”

“อืมรู้แล้ว”

“ผมรักคุณนะ รู้ใช่ไหม”

“อืม อืมรู้แล้ว”

“ครับรู้ก็ดีแล้ว แล้วเมื่อไรจะรับรักผมซักที่ครับ หืม?”นนทนัฐรู้สึกหมั้นเขี้ยวเลยบีบจมูกรั้นๆหน้าตาเซื่องๆเพราะพิษเป็นไข้เบาๆ ชินพัตน์ได้แต่ปัดมือไปมา อย่างรำคาญตอนนี้พร้อมจะหลับเสียให้ได้

“มา เดี๋ยวผมพาคุณขึ้นห้องไปนอนพักดีกว่า”นนทนัฐเข้ามาพยุงตัวคนที่เริ่มเดินไม่ตรงตา เพราะตาจะปิดอยู่แล้ว

“อะไร? มะ ไม่ต้องผมเดินไปเองได้” ชินพัตน์เมื่อเรียกสติกลับมาเพราะคำว่าจะพาขึ้นห้อง คำเดียว

“คุณนั้นและกลับไปที่ร้านของคุณเลย นะ “ชินพัตน์ดันตัวนนทนัฐให้ออกจากร้านของตนเอง แล้วรีบปิดประตูแต่ยังได้ยินเสียงตะโกนรอดเข้ามาข้างใน

“ชิน อย่าลืมกินอย่านะครับ “

“รีบนอนนะ ครับ”

“ฝันดีนะครับ”
ชินพัตน์แนบหูฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรดีไหม แต่เห็นว่าเห็นไปแล้วคงกลับเข้าร้านไปแล้ว เลยลองเปิดประตูดูให้แน่ใจ
แต่ก็ต้องตกใจ เพราะอีกฝ่ายยังยืนนิ่งมองมา และเห็นว่าเขาเปิดประตูออกมามอง เลยยกยิ้มดีใจใหญ่
รีบเดินเข้ามาหาอีกครั้ง ยื้อประตูไม่ยอมให้ปิด

“ปล่อยสิผมจะปิดประตู”

“ผมรักคุณนะ คุณรู้แล้วใช่ไหม”นนทนัฐยิ้มหวานเพื่อตอกย้ำคำนี้อีกครั้ง

“ไปให้พ้นเลยนะ ผมจะนอนแล้วววววววววว”

 

   

  สรุปเป็นไข้แล้วหัวใจก็เลยเต้นแรงใช่ไหม
 

 หรือเพราะอะไร? 


 แบบนี้เรียกว่าอาการ รัก ได้หรือเปล่านะ?







   


   ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมล้วนๆมาแล้วจ้า!!!

  ขออภัยที่หายเงียบไปนาน ปั่นนิยายค้างไว้
 แต่วันนี้รีบมาปั่นต่อให้จบตอน มาลงให้อ่านแล้วจ้า
ขอบคุณทึกกำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ


  วันนี้มินมินจะไปดูคอนเสิร์ตดงบังชินกิ ทีอิมแพ็ค (ตื่นเต้นไม่ยอมหลับยอมนอน)
 เลยย่อยมาลงนิยายยามดึก ตอนตี 3 ฮ่าๆๆ :วู้วว1:





                     
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-05-2015 11:06:12
มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 30-05-2015 16:41:41
พี่ชินนี่ปากแข็ง..เมื่อจะรับรักซะทีละ

อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-05-2015 19:22:35
 :3123 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2015 19:48:23
อร๊ายย. หวานกันซะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 63 แบบนี้ เรียกว่าอาการรักหรือเปล่า?[300515]
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 31-05-2015 10:01:53
รู้แล้วววววววว ว่ารัก
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 09-06-2015 11:30:00





                                เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64

             กิจการของทั้งสองร้าน ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน เพราะลูกค้าบอกปากต่อปาก ชินพัตน์กับนนทนัฐเลยคุยกันว่าจะรับคนเข้ามาช่วยงานที่ร้าน เลยทำป้ายรับสมัครคนงานช่วยทั้งสองร้านพร้อมๆกัน ชินพัตน์คิดว่าถ้าได้คนมาช่วยเร็วๆก็จะดีมาก เพราะป้ากับจอยจะได้เบาแรงลง  นนทนัฐก็เช่นกันมีคนมาช่วยดูที่ร้านเพิ่ม ตัวเข้าเองก็จะได้มีเวลา ทำงานส่วนตัวที่รับปากเพื่อนจะเขียนแบบเรือนหอให้กับเพื่อนสนิทสมัยเรียน ที่ขอร้องมานานแต่นนทนัฐก็ไม่มีเวลาลงมือสักที่ เพราะติดว่ายุ่งกับร้านที่เปิดใหม่ ลูกค้าหน้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นทุกวันจนต้องหาคนมาช่วย
“ผมเอาป้ายสมัครงานไปติดที่ตลาดให้ด้วยนะ”ชินพัตน์ที่เดินมาพร้อมอาหารมื้อเย็นส่งให้นนทนัฐที่กำลังง่วนในการเก็บเงินในลิ้นชัก เพราะลูกค้าเยอะมากจนไม่มีเวลาเลย
“ขอบคุณครับ”นนทนัฐของคุณทั้งเรื่องอาหารมื้อเย็นและเรื่องประกาศรับสมัครงาน
“อืม”ชินพัตน์เลี่ยงที่จะไม่เข้าใกล้เพราะเจอมุกเนียนของคนที่นั่งหน้าโต๊ะคอมประจำ จับมือมั้งล่ะ แกล้งพูดโน่นพูดนี้มั้งล่ะ คำพูดที่คอยส่งคำหวานมา ไม่รู้ช่างไปสรรหามาจากไหน คิดมาถึงตรงนี้ ชินพัตน์ก็เอาแต่สายหัว แล้วเดินไปดูเด็กวัยรุ่นเล่นเกมกลุ่มใหญ่ ที่มาประจำ
“ไปไหนครับ”นนทนัฐรีบเงยหน้าจากจานข้าวถาม
“คุณกินข้าวไปเถอะน่า”ชินพันต์ทำบุ้ยหน้าไปที่จานข้าว แล้วเดินออกห่างจากโต๊ะคอม
Rrrr Rrrr
“ว่าไงต้น ยังไม่เข้าหออีกเหรอ”
(กำลังจะเดินกลับเข้าหอครับ เลยโทรมาหาพี่ชินไปด้วยระหว่างเดินกลับ)
“อย่าโหมงานหนักมากนะ รีบนอนพักผ่อนนะรู้ไหม”
(ครับ เอ่อพี่ชินคือผมมีเรื่องปรึกษาครับ)
“ต้น มีอะไรให้พี่ช่วยบอกมาเลยนะไม่ต้องเกรงใจ”ชินพัตน์เห็นว่าคุยนานเลยเดินกลับไปหลังร้านเพื่อกลับไปคุยที่ตึกของตนเอง นนทนัฐก็มองตาม ชินพัตน์ได้แต่ชี้มือชี้ไม้มาทางโทรศัพท์ว่าคุยธุระอยู่ แล้วชี้ไปทางตึกของตนเอง นนทนัฐพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ชินพัตน์คุยกับใคร
(“ต้นยังหาที่ฝึกงานไม่ได้เลยครับ”)
“เดี๋ยวพี่ช่วยหาให้เองต้น”
(“ไม่ทันแล้วละครับ ผมคงต้องไปฝึกงานกับที่เดยวกับเพื่อนนะครับ”)
“ก็ดีแล้วนี้ต้นมีเพื่อนจะได้ไม่เหงา”
(“แต่ต้นไม่อยากไปฝึกเลยครับ มันไกลแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลากลับมาหายายหรือเปล่าต้นเป็นห่วงยายครับ”)
“เรื่องยายต้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะแวะไปหายายบ่อยๆเอง ต้นตั้งใจฝึกงานเถอะนะ”
(“แต่ว่า….”)
“ไม่มีแต่ เชื่อพี่ทั้งใจฝึกงาน เรื่องทางนี้พี่จัดการเองนะ”
(“ครับ สุดสัปดาห์นี้ผมจะกลับไปบอกยายครับว่าต้นจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ”)
“อืมดีมาก แล้วค่อยกลับมาคุยรายละเอียดที่ฝึกงานให้พี่ฟังอีกที่นะ”
(“ครับพี่ชิน)
“ถึงหอพักหรือยัง”
(“ถึงแล้วครับ”)
“งั้นก็นอนพักซะ ไม่ต้องคิดมากนะรู้ไหม”
(“ครับพี่ชิน”)
“ฝันดีครับ”  ชินพัตน์มองโทรศัพท์อีกครั้งเพราะจับน้ำเสียงของต้นกล้าได้ว่ายังกังวลเรื่องที่ฝึกงานแล้วก็เรื่องยายด้วย กลับมาคงต้องคุยให้เข้าใจเพื่อไม่ต้องกังวล
ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครมายืนมองอยู่นานแล้ว ได้แต่นั่งมองโทรศัพท์แล้วคิดว่าจะดูแลยายแบบไหนดีที่จะทำให้ต้นกล้าไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก คนที่ยืนเงียบมองอยู่นานก็เดินเข้ามาหาก้มใบหน้าถามจากด้านหลัง
“กับผมยังไม่เคยพูดแบบนั้นสักครั้งเลยนะครับ”ชินพัตน์สะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆก็มีเสียงถามขึ้นในความเงียบ
“นี้คุณ!!!ผมตกใจนะ เข้ามาเงียบๆ”ชินพัตน์ลุกข้นโวยวายแต่ก็ไม่ดังมากเพราะกลัวจะรบกวนป้าพรกับจอย
“ก็คุยไม่สังเกตเองว่าผมเดินเข้ามานานขนาดไหนแล้ว คุณเอาแต่โทรศัพท์อยู่ “นนทนัฐพูดเสียงเรียบน้ำเสียงติดน้อยใจเล็กๆ
“แล้วคุณจะมาที่นี้ทำไมล่ะ เด็กๆที่ร้านกลับกันไปหมดแล้วหรือไง”ชินพัตน์จับความรู้สึกได้อีกฝ่ายเสียงแข็งทำหน้านิ่ง
“ผมขอโทษครับพี่เข้ามากวนเวลาคุณคุยโทรศัพท์”นนทนัฐเดินกลับร้านไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอึ้ง เพราะไม่เข้าใจท่าที่ของอีกฝ่ายเลยว่าเป็นอะไร

แค่เดินกลับมาคุยโทรศัพท์แค่นี้ ?

คิ้วขมวดมุนอย่างสงสัย

          ชินพัตน์ก็ไม่ได้แก้ความสงสัยของตนเอง เพราะมีเรื่องให้คิดต้องจัดการเลยปล่อยผ่านไปก่อน เพราะยังไงก็แค่อยู่ข้างๆกันแค่นี้คุยเมื่อไรก็ได้ แต่เรื่องต้นกล้ากับยายต้องคิดที่จะทำยังไงให้ต้นกล้าไปฝึกงานได้อย่างสบายใจ และยายก็ไม่ต้องเป็นห่วงต้นกล้าที่ต้องไปฝึกงานไกลๆและนานเป็นเดือนๆด้วย ต้องปรึกษานพคุณพี่ชายของเขาอีกคนท่าจะดี หลายๆคนจะได้ช่วยกันคิด
เช้าวันรุ่งขึ้นก็โทรหาพี่ชายเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ แต่ปฏิกิริยาของพี่ชายของเขาตอบกลับมาแปลกๆ เมื่อเริ่มคุยปรึกษาเรื่องฝึกงานของต้นกล้า และเรื่องของยายยังไม่ทันเอยก็โดน สวนกลับมาเป็นคำถามชุดใหญ่
(ชิน ต้นจะไปฝึกงานที่ไหน ไปกับใคร นานแค่ไหน แล้วต้นไม่ห่วงยาย แล้ว……)
“พี่ใหญ่ ใจเย็นๆสิ ถามแล้วไม่คิดให้ผมตอบเลยหรือไง ถามมาเป็นชุดแบบนี้นะ)
(เออ โทษที่ ต้นไม่เคยบอกพี่เรื่องนี้เลย”)น้ำเสียงของนพคุณเหมือนน้อยใจที่ต้นกล้าไม่มาปรึกษาตนเองเลย
“พี่อย่าไม่ว่าต้นเลย ทั้งเรียน ทั้งหาที่ฝึกงาน แล้วไหนจะทำงานพาทไทมก่อนกลับบ้านอีกนะพี่”
(“แล้วทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนั้นด้วยล่ะ “)
“ก็ต้อนเข้าบอกว่าอยากจะหาที่ฝึกงานใกล้ๆบ้านเพื่อดูแลยายช่วยยายไปด้วย แต่ก็ยังหาไม่ได้สักที่”
“แล้วทำไมต้องทำงานด้วยล่ะ เอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่า”)
“ต้นบอกว่าจะเก็บเงินเอาไปใช้ตอนฝึกงาน จะได้ไม่รบกวนยายนะสิ”
(“โธ่เอย ต้น “)นพคุณถอนหายใจ เป็นห่วง น้อยใจ สงสารปะปนกันไปหมด
“ที่ผมโทรมาหาพี่เพราะว่าต้นตัดสินใจแล้วว่าจะไปฝึกกับเพื่อนที่หาที่ฝึกงานได้แล้วนะ เพราะถึงเวลาต้องแจ้งที่มหาลัยแล้ว แล้วต้องไปยืนหนังสือกับที่ฝึกงานก่อนล่วงหน้าอีกด้วย ต้นเลยกังวลเรื่องยายขึ้นมา แล้วดผุเหมือนจะลังเลเอามากๆเลยตอนนี้”
(“แล้วรายละเอียดเรื่องที่ฝึกงานล่ะ นายรู้อะไรมาบ้าง”)
“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก ต้นพึ่งโทรมาบอกผมเมื่อคืน แล้วต้นก็บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะกลับมาเล่าให้ฟังแล้วก็บอกยายเรื่องที่ฝึกงานนี้ด้วย คงลำบากใจน่าดูเลยนะพี่”
(“งั้นวันศุกร์พี่จะลองคุยกับต้นอีกที่แล้วกัน”)
“พี่ใหญ่ อย่าไปดุน้องนะพี่ ตอนนี้ต้นเองก็สับสนลังเลมากพอแล้ว พวกเราต้องให้กำลังใจ และดูแลยายแทนต้นให้เองนะพี่”
(“เออๆ รู้แล้วน่า ไม่ต้องร่ายยาวขนาดนั้นก็ได้ วันศุกร์จะพาแวะไปหาแล้วกัน”)ชินพัตน์ยังติดเคืองน้องชายนิดที่ต้นกล้าเรื่องปรึกษาชินพัตน์ก่อนตนเอง
“ได้พี่ แล้ววันศุกร์ก็ค่อยคุยกันอีกที่แล้วกัน”ชินพัตน์รับคำ แล้วก็วางสายจากพี่ชาย แล้วลงไปที่ร้านเพื่อช่วยคนอื่นเปิดร้าน

     หลังจากเปิดร้านเตรียมของพร้อมขาย ชินพัตน์มองไปหน้าร้านเกม ก็เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาเล่นแต่เช้า นนั้นก้หมายความว่า เจ้าของร้านเกมคงเดินมากินข้าวเช้าที่ร้านไม่ได้อย่างแน่นอน เลยสั่งให้จอยเอาข้าวเช้าไปส่ง ส่วนตัวเขาเองก็ตอนรับลูกค้าที่เข้าร้านมาพอดี เลยไม่ได้แวะไปเอง
“อ้าวจอยเอากลับมาทำไมล่ะ”ป้าพรถามขึ้นเมื่อเห็นถาดข้าวที่ทุกอย่างยังอยู่ครบ
“พี่นนท์เขาบอกว่า กินข้าวเช้าแล้วนะสิป้า หนูงงเลยอ่ะ” จอยเอาถาดข้าวไปเก็บ สายหัวอย่างไม่เข้าใจ ป้าพรก็เหมือนกัน

   เลยเวลามาเกือบบ่าย 2 โมง ชินพัตน์ที่เว้นว่าจากการเก็บจานเช็ดโต๊ะก็เดินมาถามจอยและป้าพรว่าทานข้าวกันหรือยัง เห็นลูกค้าเริ่มบางตาแล้ว เลยจะชวนกินข้าวพร้อมๆกัน
“ป้าครับทานข้าวพร้อมกันครับ”
“จ้า แปบนะป้าเบาไฟหม้อต้มก่อนจ๊ะ”
“จอย วางมือก่อนมาทานข้าวก่อนเร็ว เดี๋ยวลูกค้ามาอีกจะไม่มีเวลากินมื้อเที่ยงนะ” ชินพัตน์พูดชวน
“จ้าๆ ปิ้ง อันนี้เสร็จแล้วจะไปจ๊ะ”จอยหันมาบอก ปิ้งลูกชิ้นเตรียมไว้ประมาณ 10 กว่าไม้ ก่อนจะเดินมาสมทบที่โต๊ะข้าว
“ป้าครับ ตักต้มจืดตำลึง กับข้าวเปล่าให้ผมชุดหนึ่งครับ”ชินพัตน์นึกได้ว่าคนข้างๆร้านก็คงยังไม่ได้ทานมือเที่ยงเหมือนกัน
“ได้จ้า”ป้าพรหันไปตักอาหารตามที่ชินพัตน์สั่ง
“เออใช่ พี่ชินเมื่อเช้า พี่นนท์เข้าไม่ได้กินข้าวที่จอยเอาไปให้นะ พี่เขาบอกว่ากินข้าวเช้าแล้ว จอยเลยเอากลับมานะ”
“อ้าวเหรอ เอ…ไปกินที่ไหนหว่า?”ชินพัตน์ทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ เพราะเดี๋ยวไปถามตอนไปส่งอาหารอีกที่แล้วกัน
     ชินพัตน์นั่งทานมื้อบ่ายกับป้าพรกับจอยให้เสร็จก่อนแล้วค่อยยกถาดอาหารไปให้ใครบางคน เดินเข้าทางด้านหลังร้าน เพราะหน้าร้านมีลูกค้าเด็กวัยรุ่นเยอะมาก พอเข้ามาถึงที่โต๊ะที่นนทนัฐนั่งก็ต้องขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น
ชามมาม่า ที่กินหมดแล้วเหลือน้ำอยู่ที่ก้นชามที่พอจะบอกได้ว่ามันคือ ชามมาม่า ชามด่วน กดน้ำร้อนปิดฝา 3 นาทีก็อิ่มได้
“นี้คุณกินมาม่าเหรอ?”ชินพัตน์ถามขึ้น
“ครับ”นนทนัฐตอบเสียงเรียบ หันกลับไปที่หน้าจอคอมอีกครั้ง
“ผมว่าคงไม่อิ่มหรอกใช่ไหมล่ะ เอานี้ผมเอาต้มจืดลูกชิ้นมาให้ กินอันนี้ด้วยสิ จะได้อิ่มๆ” ชินพัตน์ไม่สังเกตสีหน้าอีกฝ่ายเลย พยายามวางถาดไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบชามมาม่าจะเอาไปล้างด้านหลัง แต่ก็โดนขวางไว้
“ผมอิ่มแล้วครับ ขอบคุณสำหรับอาหารครับ” นนทนัฐยือชามมาม่าไปวางที่อ่างแล้วล้างเอง
ชินพัตน์ยังยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ พอนนทนัฐเดินกลับเข้ามานั่ง และไม่มีท่าที่จะทานอาหารตรงหน้า
“คุณไม่รีบกินล่ะ เดี๋ยวหายร้อนแล้วไม่อร่อยนะ”
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“แต่ว่า….”
“ถาดนี้ราคาเท่าไรครับ”
“เอ๊ะ?”ชินพัตน์ไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวผมให้เด็กๆในร้านเอาถาดไปส่งให้นะครับ แล้วนี้ครับเงิน” นนทนัฐส่งค่าอาหารใส่มือให้ชินพัตน์แล้วเดินยกถาด ไปหากลุ่มเด็ก ถามหาว่าใครยังไม่ได้กินข้าว ใครหิวมาทานอาหารที่เขาถือมาได้ นนทนัฐบอกเด็กๆพวกนั้นว่าตนเองเลี้ยง เด็กๆพากันมานั่งกินกันกลุ่มใหญ่ นนทนัฐบอกอีกว่าไม่พอไปสั่งเอาได้ที่ร้านข้างๆ แล้วมาเก็บเงินที่ตนเอง ทำให้ชินพัตน์ยิ่งงงไปกับท่าที่แปลกแบบนั้น
เป็นอะไร
โกรธอะไร
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ชินพัตน์กำลังเดินกลับมาที่ร้าน แต่เหมือนมันไกลมากๆระหว่างหลังร้านเกมแล้วเดินไปหลังร้านของตัวเขาเอง ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด แต่ละย่างก้าวดูมันช่างหนักอึ้ง ภายในหัวคิดวนเวียนไปมา เกิดอะไรขึ้น?
      ตลอดหลายวันมานี้  เจ้าของร้านเกมฝากบอกจอยมาว่าไม่ต้องมาส่งอาหารให้แล้ว เพราะเขาเองหาของกินง่ายๆมาติดตู้เย็นไว้แล้วจะได้ไม่รบกวน เวลาทำงานของทุกคน เมื่อชินพัตน์ได้ฟังแบบนั้นแล้วก็ไม่อยากจะสนใจเรื่อง อาหารในแต่ละมื้อของคนข้างร้านอีกต่อไป เรียกสติตนเองกลับมาที่เรื่องของต้นกล้า เรื่องร้านของตนเอง แล้วก็รับคนมาช่วยงานเพิ่ม
“จอย ไม่มีเพื่อนๆสนใจมาทำงานด้วยกันบ้างเหรอ” ช่วงบ่ายที่นั่งกินข้าวพร้อมกัน ชินพัตน์ก็พูดขึ้นเพราะติดประกาศไปหลายวันแล้วยังไม่มีใครเข้ามาติดจ่อสักคนเลย
“เดี๋ยวจอยลองโทรถามเพื่อนๆดูให้นะจ๊ะ”
“อืม ขอบใจนะ”แล้วชินพัตน์ก็คิดว่าแล้วคนข้างร้านละมีผู้ช่วยหรือยังนะ หลายวันแล้วที่ตัวเขาเองไม่ได้แวะไปที่ร้านนั้นเลย นึกเหตุผลไม่ออกที่จะเดินไป เพราะอาหารก็ไม่ต้องไปส่งแล้ว เลยไม่รู้จะเข้าไปเพราะอะไร
“ตาชิน ตาชิน  ชินพัตน์!!”ป้าพรเรียกหลานชายหลายครั้ง จนต้องสะกิดแขนเพื่อให้หันมา
“คะ ครับป้ามีอะไรครับ?”
“เหมอไปถึงไหนแล้ว ป้าจะถามว่าเรียกคนงานที่บ้านมาช่วยก่อนไหม แล้วพอได้คนค่อยส่งกลับแบบนี้ดีกว่าไหม”ป้าพรเสนอความคิด
“งั้นถ้าอาทิตย์นี้ยังไม่มีคนมาสมัคร อาทิตย์หน้าผมจะโทรไปบอกพ่อกับแม่แล้วกันนะครับ” ชินพัตน์รับฟังข้อเสนอของป้าพร

       เช้าวันศุกร์ ร้านลูกชิ้นเปิดในเวลาปกติ อย่างเช่นเคย ร้านเกมข้างๆจะเปิดสายกว่าเล็กน้อย ชินพัตน์ได้แต่ยืนมองหน้าร้านที่ยังไม่เปิดอยู่เงียบๆ  ป้าและจอยก็สังเกตมาหลายวันแล้ว ไม่เห็นทั้งคู่พูดคุยกันไปมาหาสู่กันเหมือนเคย เลยอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะครั้งนี้ทั้งคู่ดูเงียบเหมือนมีเรื่องให้คบคิด และดูจะห่างๆกันจนน่าเป็นห่วง
“ป้าครับ วันนี้สายๆผมจะแวะไปหายายที่สวนนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมาช่วยนะครับ”
“จ้าๆไปเถอะ “ป้าพรมองออกว่าหลายชายต้องมีเรื่องกังวลหลายๆอย่างแต่ยังพยายามทำตัวปกติอยู่
“จอยพี่ฝากเรื่องเพื่อนของจอยด้วยนะ”
“ได้จ้า เดี๋ยวจอยจัดการให้จ๊ะ”

     ชินพัตน์อยู่ช่วยในร้านอยู่พักใหญ่ แล้วประมาณ 10 โมงก็ขับรถออกไปหายายที่สวนตามที่บอกกับคนที่ร้านไว้  นนทนัฐที่เดินออกมาบอกให้เด็กเรียงรถมอเตอร์ไซค์ให้เป็นระเบียบเห็น รถของชินพัตน์ขับออกไป ก็นึกสงสัยเลยเดินไปหาป้าพรกับจอยในร้าน ทั้งคู่ด฿เหมือนจะดีใจมากที่เห็นนนทนัฐแวะมาที่ร้าน ต่างช่วยเรียกให้มาทานข้าว
“พี่นนท์วันนี้ทานอะไรดีพี่?”จอยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เออ พี่ทานแล้วล่ะ ขอบใจนะจอย”
“ตานนท์ ป้าถามจริงๆเถอะ ทะเลาะกับตาชินหรือเปล่าลูก?”ด้วยความเป็นห่วงของป้า
“เออ คือไม่มีครับ พอดียุ่งๆนะครับ เลยไม่ค่อยได้แวะมา”นนทนัฐเลี่ยงไม่เก่ง โกหกก็ไม่เก่งด้วย ทำให้ป้าพรและจอยไม่หายสงสัย
“ดีแล้ว เป็นเพื่อนกันอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้อย่ามาทะเลาะกันเลย จะมองหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ”ป้าพรพูดเสริม
“เอ่อ แล้วเขาขับรถออกไปไหนครับ?”
“อ้อ พี่ชินบอกว่าจะไปหายายที่สวนนะจ๊ะ”
“……….”นนทนัฐพยักหน้ารับรู้

           ชินพัตน์ขับรถมาหายายที่สวน เพื่อจะพูดคุยเรื่องของต้นกล้าให้ยายฟังคราวๆก่อน เพื่อให้ยายสบายใจ และตัวเขาเองก็จะมาดูแลยายช่วงที่ต้นกล้าไปฝึกงาน ชินพัตน์ขับรถมาจอยที่หน้าบ้านที่ประจำ เดินไปหายายบนบ้านก็ไม่เจอ เพราะสายขนาดนี้แล้วยายน่าจะกลับขึ้นบ้านได้แล้ว ไม่น่าจะอยู่ในสวน  ชินพัตน์เดินกลับลงมาหายายที่สวนหลังบ้าน เดินไปตาม สวนผักต่างๆอย่างคุ้นเคย เพราะมาช่วยยายเก็บผักประจำ และคิดว่ายายน่าจะเดินมารดน้ำ ใช่ปุ๋ยตรงไหนบ้าง  แต่เดินหาจนรอบก็ไม่เจอ เลยเดินอ้อมมาด้านหลังบ้านที่มีทางขึ้นอีกทาง และมีห้องน้ำด้านล่างอีกห้อง  ชินพัตน์รูสึกสะดุดใจเลยเดินไปที่ห้องน้ำ เพราะคิดว่ายายอาจจะเข้าห้องน้ำอยู่ก็ได้ เลยทำให้หากันไม่เจอแบบนี้
“ยาย ยายครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าครับ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปใกล้อีก ที่หน้าประตูห้องน้ำ ชินพัตน์ตกใจกับสิ่งที่เห็นยายนอนก้มหน้าอยู่กับพื้นห้องน้ำ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ชินพัตน์รีบเข้าไปพยุงตัวยาย
“ยาย ยายครับ ยาย”ชินพัตน์ประคองร่างยายที่นอนนิ่ง ที่ศรีษะมีรอยเลือด น่าจะเกิดจากล้มลงกระแทกพื้น
ชินพัตน์หันมองไปรอบๆ แล้วตั้งสติพยายามกดหาหมายเลขฉุกเฉินต่าง แต่ก็หาไม่เจอ นึกไม่ออกว่าควรจะโทรไปเบอร์ไหนดี ชินพัตน์ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่รู้ว่าควรโทรไปเบอร์ไหน และสุดท้ายก็กดเบอร์โทรที่คิดว่าจะช่วยเขาได้ดีที่สุดในตอนนี้
“นนท์ รับสิ รับโทรศัพท์สิ” ชินพัตน์รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์
“ชิน “ นนทนัฐที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเขากำลังจะโทรหาชินพัตน์เพื่อขอโทษที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ที่ทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ก็มีสายโทรเข้ามาของคนที่กำลังนึกถึงมาตลอด โทรเข้ามาหาพอดี
“นนท์ช่วยด้วย ยาย ยายหกล้มหัวฝาดพื้น ผมไม่รู้ว่าจะติดต่อใคร อะไรที่ไหน นนท์”
“ชิน ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวผมกำลังจะไป เดี๋ยวผมโทรเรียกรถพยาบาลเองนะ  ชินประถมพยาบาลเบื้องต้นยายไปก่อนได้ไหม หรือเรียกคนแถวนั้นให้มาช่วยก่อนนะครับ ผมกำลังจะไปนะ”
“ได้ๆ รีบมานะ”ชินพัตน์รีบวางสาย และทำตามอย่างที่นนทนัฐบอกทกอย่าง ตะโกนเรียกคนรอบๆบ้านใกล้เคียง
“ช่วยด้วยครับ  มีใครอยู่แถวนี้ไหม มีคนได้รับอุบัติเหตุครับ ยายเป็นลมครับ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย”
ชินพัตน์ตะโกนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครสักคน เข้ามาดูเลย จนชินพัตน์เห็นว่า ถ้านานกว่านี้ คงไม่ดีแน่ๆ เลยพยายามอุ้มยายขึ้น เพื่อจะพายายไปที่รถ แล้วขับรถไปส่งยาย แต่ในใจก็กลัวว่าจะไปโดนจุดสำคัญต่างๆ ที่ยายอาจได้รับบาดเจ็บในส่วนที่เขามองไม่เห็น กลัวว่าขยับเขยื้อนยายแล้วจะยิ่งทำให้อาการของยายหนักขึ้นไปอีก ชินพัตน์สับสนไปหมด ใจอยากพายายไปให้ถึงมือหมอ แต่ก็กลัวจะทำให้เกิดผลไม่มีต่อร่างกายของยาย เพราะไม่รู้วิธี
“ช่วยด้วยครับ มีใครอยู่ไหม โทรเรียกรถโรงพยาบาลให้หน่อยครับ ขอเบอร์โทรก็ได้ ช่วยด้วยคร้าบ ฮือๆๆ”  ชินพัตน์ เริ่มคุ้มสติตนเองไม่อยู่แล้ว เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะเป็นห่วง พลาดโทษคนแถวนี้ว่าไม่มีน้ำใจ  จนสุดท้ายชินพัตน์ตัดสินใจอุ้มยายขึ้นแล้วพายายไปที่รถอย่างทุลักทุเล  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอด
“ชิน ยายเป็นยังไงมั้ง” นนทนัฐรับวิ่งไปรับยายจากแขนชินพัตน์ไว้แล้วพายายไปนอนที่แคร่หน้าบ้าน
“ผมไม่รู้ ยายนอนนิ่งแบบนี้นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ฮือๆ” ชินพัตน์สายหน้าไปมา
“ชิน ใจเย็นๆตั้งสติหน่อย ผมโทรบอกรถพยาบาลแล้วครับ พวกเราต้องดูยายก่อนว่า บาดใจตรงไหนอีกหรือเปล่า”
“ ……….”ชินพัตน์สายหน้าไปมา ไม่กล้าดูว่ายาย บาดเจ็บตรงไหนอีก เพราะตอนอุ้มยายขึ้นมาในอ้อมกอดก็คิดว่า ร่างกายของยายช่างเย็นเชียบ จนไม่กล้าคิดต่อไป
“ชิน ใจเย็นนะ ยายต้องไม่เป็นอะไร “
“………..”ชินพัตน์ก็ยังตัวสั่นยกมือที่เปื้อนเลือดขึ้นมาดู จนนนทนัฐต้องคว้ามือนั้นไว้แล้วปลอบใจอีกครั้ง
“ชินไม่เป็นไรนะ รถพยาบาลกำลังจะมาแล้ว ยายต้องปลอกภัยนะ เชื่อผมสิ”
“…….”ชินพัตน์ เริ่มดึงสติกลับมาอีกครั้ง พยักหน้ารับฟัง นั่งคุกเข้ากับพื้น บีบนวดปลายมือของยายที่เย็นชืดอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้กลับมามีเลือดวิ่งอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะ ยายต้องปลอดภัย”
และไม่นาน เสียงรถพยาบาลก็เข้ามาใกล้ ชินพัตน์ได้ยินก็รีบวิ่งออกไปหน้าบ้านเพื่อไปดักให้สัญญาณบอกว่า บ้านยายอยู่ตรงนี้ 
“คุณช่วยยายด้วยนะครับ” ชินพัตน์รีบนำบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาลที่วิ่งลงจากรถไปหายายทันที่
“ค่ะ /ครับ “รับคำแล้วต่างพากันวิ่งไปดูอาการของยาย แล้วนำตัวยายขึ้นรถ ส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ชินพัตน์ขอติดรถโรงพยาบาลไปด้วย นนทนัฐก็ขับรถตามไป
“คุณพยาบาล ยายเข้าเป็นอะไรมากไหมครับ “ชินพัตน์ร้อนใจรอเวลาที่พยาบาลตรวจเบื้องต้นเสร็จก็รีบขึ้น
“คนไข้สลบนานแค่ไหนแล้วค่ะ”
“ผมไม่แน่ใจ ผมพึ่งมาหายายแกเมื่อตอน 10 โมงกว่าๆครับ มาถึงก็เห็นยายนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นห้องน้ำแล้วครับ”
“คนไข้น่าจะเป็นลมล้มนะคะ แล้วแรงกระแทกทำให้ศีรษะฝาดกับพื้นอย่างแรง เสียเลือดมาก แล้วก็ไม่ได้สติด้วย”
“แล้ว ยายจะเป็นอะไรมากไหมครับ”
“ต้องถึงโรงพยาบาล แล้วตรวจเช็คให้ละเอียดอีกครั้งนะคะ ตอนนี้ยังบอกอาการที่แน่นอนไม่ค่ะ”

           รถฉุกเฉินวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาล มีทีมแพทย์มายืนรอรับอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่พายายนอนรถเข็นแล้วรบวิ่งไปยังห้องฉุกเฉิน ชินพัตน์ก็วิ่งตามไปดู แต่ก็โดนพยาบาลห้ามเข้า บอกให้รออยู่ด้านนอก ชินพัตน์ที่ร้อนใจ เนื้อตัวที่เปื้อน เดินวนไปมาอยู่ที่กชหน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานนนทนัฐก็วิ่งเข้ามาหา เดินเข้ามากอดปลอมชินพัตน์ที่ดจะขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นเอามากๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ ยายถึงมือหมอแล้วนะ ยายต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ” นนทนัฐโอบกอดลูกแผ่นหลังที่สั่นเทาของชินพัตน์ ให้คลายความกังวล
“ถ้าผม ฮือๆ ถ้าผมไม่ไปหายาย ฮึก ยายจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ฮือๆๆ” ชินพัตน์นึกขึ้นมาก็รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดปะปนกันไปหมด
“มันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าโทษตัวเองเลยนะชิน ยายก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ถ้าชินมานั่งโทษตัวเองแบบนี้”
“ยายต้องปลอดภัยเชื่อผมสิ ยายเป็นคนดี พระท่านต้องคุ้มครองคนดี “
“……”ชินพัตน์นิ่งฟังคำปลอบ
“พระทานส่งคุณไปช่วยยายไงครับ ให้ไปช่วยเหลือยายตอนที่ยายกำลังลำบาก แล้วตอนนี้เราก็ได้ช่วยให้ยายได้มาถึงมือหมอแล้ว ยายต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ อย่าคิดมากนะครับ” นนทนัฐกอดปลอบ ลูบศีรษะชินพัตน์ไปมา
“……”ชินพัตน์พยักหน้ารับรู้

        เวลาผ่านไปนานเป็นชั่วโมง ชินพัตน์ และนนทนัฐก็นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ตาจ้องมองไปที่ประตูห้องอย่างมีความหวัง การรอคอยที่แสนยาวนาน
นนทนัฐกุมมือชินพัตน์ไว้ตลอดเวลา
แล้วประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดขึ้น ทั้งคู่วิ่งเข้าไปหาหมดที่เดินออกมาถามหาญาติ
“ผมครับ ผมเป็นคนรู้จักกับยายเองครับ ยายเป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เนื่องจากเป็นลมล้ม ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ต้นแขนข้างซ้ายกระดูกร้าว ต้องเข้าเฝือกอ่อนนะครับ คนไข้ก็อายุมากแล้ว ต้องคอยระวังให้มากๆนะครับ รอคนไข้ฟื้นอีกที่ นอกนั้นก็มี่อะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ”
“ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณมากๆครับ”ชินพัตน์และนนทนัฐยกมือไหว้คุณหมอ
    ยายโดนส่งตัวไปที่ห้องพิเศษที่ชินพัตน์ติดต่อไว้ เพื่อให้ยายได้นอนพักห้องดีๆ แล้วเข้าไปเยี่ยมอาการยายที่ยังคงนอนหลับอยู่ พยาบาลบอกว่า อีกไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมาเอง เพราะร่างกายต้องการพักผ่อน พอได้น้ำเกลือเข้าไปแล้วก็จะปรับสภาพร่างกาย ให้ฟื้นขึ้นมาได้
    ชินพัตน์เข้ามานั่งเฝ้ายายอย่างใกล้ชิด กุมมือยายไว้ตลอดคิดเพราะคิดว่าถ้าตนเองไม่ไป หรือไปช้ากว่านี้ ยายคงไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้แน่ๆ น้ำตาชองชินพัตน์ก็เริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง นึกไปถึงว่าถ้าเป็นพ่อแม่ขอตัวเขาเองด้วย จะทำยังไง ไม่อยากให้เหตุการณืแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก
“ชิน ผมว่าคุณกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีไหม  แวะไปดูที่ร้านด้วย ป้าพรกับจอยจะเป็นห่วงนะครับ”นนทนัฐลูบหลังเบา
“แต่ว่า…..”
“ไม่เป็นไร ผมอยู่เป็นเพื่อนยายเองนะ คุณรีบกลับไปดูร้าน แล้วค่อยมาใหม่ดีว่า จอยกับป้าจะได้หายเป็นห่วงด้วยดีไหม”
“ครับ” ชินพัตน์นึกถึงร้านและความกังวลของคนที่ร้าน
“แล้วร้านของคุณล่ะ”
“ผมปิดร้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงก็แต่ร้านคุณนั้นแหละ กลับไปก่อนเถอะแล้วค่อยมาใหม่นะครับ” นนทนัฐพูดเสียงอ่อน ยิ้มเล็กๆส่งให้เป็นกำลังใจ
“ขับรถผมกลับไปก่อนนะ ส่วนเรื่องรถคุณว่างๆค่อยกลับไปเอา” นนทนัฐส่งกุญแจรถของตนเองให้
“………..”ชินพัตน์เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้งได้ โผล่เข้ากอดอีกฝ่ายที่ที่ยืนอยู่
“นนท์ นนท์ผมขอบคุณคุณมากเลยนะ ฮึก ถ้าไม่มีคุณผมทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลย ฮึก” ชินพัตน์กอดนนทนัฐแน่น ซบหน้ากับซอกคออุ่นของอีกฝ่าย รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้เขาเสมอมา
“………….”นนทนัฐยกยิ้มเล็ก ลูบแผ่นหลังที่สะอื้นเบาๆ บอกคำขอบคุณจากความรู้สึกที่มีออกมาจนหมด แค่นี้เขาก็มีความสุขมากที่ได้ทำอะไร เพื่อใครสักคน ไม่ต้องการคำขอบคุณ แต่ต้องการให้คนคนนั้น ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่ลำบาก และจะไม่ทำให้เสียใจ แค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ “นนทนัฐดึงชินพัตน์มามองแล้วเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา ชินพัตน์จับมือนันไว้ แล้วแนบใบหน้าลงบนฝ่ามืออุ่นนั้น
หลับตาแล้วซึมซับความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาให้รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง
ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามา ร้ายแรงเพียงใด
แค่มีคนคนนี้อยู่ข้างกาย เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
ความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
เขาพร้อมที่จะเดินไปพร้อมกับคนคนนี้
ยอมแล้วครับ
ยอมแล้ว

“นนท์”ลืมตาขึ้นมาจากความอบอุ่นนั้น และจองมองใบหน้ามีที่รอยยิ้มกลับมาให้เขาเสมอ
“ครับ”
“ผมรักคุณ” ชินพัตน์ก็โผล่เข้ากอดอีกฝ่ายอีกครั้ง









     


     :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:  :katai1:   :katai1: :katai1: :katai1:   :heaven :heaven :heaven


  :bye2: :bye2: :bye2:



หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-06-2015 13:04:17
โอ้วววว ชินบอกรักนนท์แล้ว
นนท์จะดีใจขนาดไหนนะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 09-06-2015 18:45:03
ชินตอบรับความรู้สึกของนนท์แบบนี้แล้ว เรื่องที่ผิดใจกันมาหลายวันคงไม่ต้องเคลียร์แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2015 20:47:11
อร๊ายยย ชินยอมพูดแว้วววววว อิอิ นนท์ช๊อคไปแล้ววว. 55555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-06-2015 22:07:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 64 [090615] ร้องไห้หนักมากกกก ลูกชิ้นมาแล้วจ้า!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-06-2015 18:57:18
กว่าจะบอกได้ คนอ่านลุ้นจะแย่
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65 [170615] ดราม่าหนักมาก ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 17-06-2015 18:40:48




                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65
 
     นนทนัฐกอดรัดอีกฝ่ายแน่น เป็นคำที่เขารอมานานมาก และไม่คิดว่าคนในอ้อมกอดจะบอกรักเขาในสถานที่แบบนี้ แต่ก็รู้สึกดีและมีความสุขจนล้นเอ่อออกมา อยากบอกรักอยากสัมผัสกันให้มากเท่าที่จะมากได้ เป็นเหมือนการข้ามกำแพงกระจกหนาๆ ที่มองเห็นคนรัก ได้อยู่ใกล้ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าคำว่าเพื่อน แต่วันนี้เขาคงจะได้สัมผัส ได้กอดอย่างที่ตนเองตั้งใจและคิดอยู่ตลอดเวลาเมื่อเวลาอยู่ใกล้กัน
อยากเห็นหน้าคนรักชัดๆ ผมเรียกแบบนี้ได้แล้วใช่ไหม?
 
 นนทนัฐถามตัวเองใจใน คลายอ้อมกอดเพื่อมองใบหน้าคนที่พึ่งสารภาพรักกับตนเองให้เห็นชัดๆ เพราะเขารอมานานเหลือเกิน อยากเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขที่พวกเราทั้งคู่มีความรู้สึกเดียวกัน อยากเก็บความสุขครั้งนี้ไว้นานๆ

“ชินครับ ผมดีใจ ผมดีใจที่สุด “นนทนัฐเอยเสียงเบาเหมือนกระซิบใบหน้าเปื้อนยิ้มและมีน้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาคนที่สูงหว่าเล็กน้อย
 
   ชินพัตน์ก็ไม่ต่างกันเมื่อได้บอกความรูสึกของตนเองออกไป รู้สึกที่สิ่งที่หนักอึ้งในหัวใจมากตลอดได้ลอยหายไป มีแต่ความสุขที่เข้ามารู้สึกสบายใจที่ได้แสดงออกความรู้สึกออกไปได้สักที่ เขารู้ตัวเองมานานแล้วว่ารักคนตรงข้าม แต่ไม่อยากจะยอมรับว่าความรักครั้งนี้มันเกิดขึ้นเร็ว แถมยังเกิดกับผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้อีก เลยไม่อยากจะเสียงเรียกความรู้สึกนี้ว่าความรัก แต่ตอนนี้ หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะมีคนตรงหน้าเป็นเป็นกำลังใจแล้วพร้อมที่จะเดินฝ่าปัญหาไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ขอให้ได้รักคนตรงหน้า ขอแค่เราทั้งคู่รักกัน ทุกปัญหาพวกเราต้องผ่านไปได้

 ชินพัตน์ยืนยิ้ม มองหน้าคนที่รับรู้ความรู้สึกรักใคร่ที่ส่งผ่านไป รับรู้ความดีใจผ่านใบหน้ายิ้มอบอุ่นนั้น มือที่เกาะกุมกันไว้ในครั้งนี้ มันช่างอบอุ่นเนินนาน จนไม่รับรู้เวลาผ่านนอก มีเพียงแค่พวกเขาทั้งคู่เท่านั้น

“ผมรักคุณ พวกเราเป็นแฟนกันนะ”

“อืม”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว น้ำตาคลอ และโอบกอดกันอีกครั้งเนินนาน

“ชิน”นนทนัฐที่โอบกอดชินพัตน์ลูบหลังไปมา เรียกคนในอ้อมกอด

“หืม?”ชินพัตน์ตอบรับในลำคอในอ้อมกอดอุ่นเบาๆ เพื่อรอฟัง

“ผมขอจูบคุณได้ไหม?”
ชินพัตน์รีบผละออก แล้วมองไปรอบห้องเหมือนสติกลับเข้าร่างเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่ายที่พึ่งตกลงเป็นแฟนกัน เมื่อกี่

“ได้ที่แล้วเอาใหญ่เลยนะคุณ ดูสถานที่มั้งเหอะ”ชินพัตน์พูดเสียงเขียว

“เอ…. แล้วใครกันน่า…..บอกรักผมในห้องคนป่วยแบบนี้…..”นนทนัฐทำเสียงล้อเลียนคนที่ทำท่ากำลังจะโกรธ

“นี่!!! มะ ไม่ต้องมาพูดเลย ผมไม่คุยกับคุณแล้ว กลับร้านดีกว่า”ชินพัตน์อายตัวเองขึ้นมาจริง เลยเปลี่ยนเรื่องเพื่อจะชิ่งหนี

“เดี๋ยวสิครับ จะไปแล้วเหรอ”

“ก็คุณบอกว่าให้ผมรีบกลับไปดูร้านไง เดี่ยวป้ากับจอยเป็นห่วง”

“ใช่ผมบอกแบบนั้น แต่ผมบอกก่อนที่เราจะเป็นแฟนกันนี่”

“ละ แล้วมันยังไงล่ะ ปล่อยเลยมาองมาโอบทำไหม? ผมจะกลับแล้ว” ชินพัตน์ดิ้นหนีเพราะเขินคำว่าแฟน จากปากคนตรงหน้า ไม่ชินกับคำนี้จริง

“รีบกลับมานะครับ ผมคิดถึง” นนทนัฐก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับ ก็อดหอมแก้มแดง แสนขี้อายนั้นไม่ได้ เลยโดนทุบไปหายที

“……..”ชินพัตน์ วิ่งหนีไปที่หน้าประตูห้อง เอามือจับแก้มที่ถูกขโมยหอมอย่างอายๆแต่ก็ยังไม่วายชี้หน้า ค่าโทษอีกฝ่ายไว้ แล้วรีบออกจากห้องคนไข้ เพื่อหลบไปพักหน้าที่เห่อร้อน และหัวใจที่เต้นแรงหนักว่าเดิม 


       ชินพัตน์ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อกลับร้าน แล้วก็คิดถึงต้นกล้าขึ้นมาว่ายังไม่รู้จะบอกเรื่องยายอย่างไงดี กลัวต้นกล้าจะเสียใจเป็นห่วงจนเสียการเรียน แล้วกำลังจะกลับมาวันนี้ด้วย คงต้องไปเริ่มต้นที่ร้านก่อน แล้วค่อยว่ากัน

“ตาชิน ยายแกเป็นยังไงมั้ง แล้วดูเสื้อผ้าสิเลอะเลือดเต็มไปหมดเลย”ป้าพรเห็นหลายชายเดินเข้ามาจากหลังร้านก็รีบไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดยิ่งเป็นห่วงเข้าไปอีก

“ปลอดภัยแล้วครับ หมอบอกไม่เป็นอะไรแล้ว รอดูอาการหลังจากฟื้นขึ้นมาอีกที่ครับ ผมก็ว่าจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะกลับไปเฝ้ายายอีกครั้งครับ ตอนนี้ให้นนท์เฝ้าอยู่ครับ”

“พี่ชินแล้วยายแกเป็นอะไรจ๊ะ “

“พี่ฟังจากหมอมานะ แกคงเป็นลมแล้วแรงกระแทกลงไปที่พื้น ทำให้หัวแตกและกระดูกหัวไหล่ราวนะ ต้องเข้าเฝือกอ่อนไว้นะ เพราะยายอายุมากแล้ว กระดูก็เปราะบางได้รับบาดเจ็บง่าย”

“ตอนที่พี่นนท์รับ โทรศัพท์พี่ชินนะ จอยยังตกใจไปด้วยเลย เสียงพี่ที่รอดผ่านโทรศัพท์ออกมา ดูตกใจมากๆเลย เป็นจอยไปเจอยายในสถานการณ์แบบนั้น จอยคงทำอะไรไม่ถูกอ่ะ “

“อืมนั้นสิ ป้าก็คงนึกอะไรไม่ออกแน่ๆ”

“ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันครับป้า เบอร์โทรฉุกเฉินตอนนั้นนึกไม่ออก เรียกใครมาช่วยก็ไม่มี พอตั้งสติได้ก็โทรมาเบอร์ของนนท์แล้วครับ”

“ป้าก็เห็นตานนท์มีสติที่สุดแล้วตอนนั้น รีบโทรหาโรงพยาบาล สั่งให้จอยปิดร้านให้ แล้ววิ่งขึ้นรถขับไปหาเราทันที่เลย ป้ายังตกใจแทนไม่หายเลย”

“จอยก็ทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่เลย พอได้สติ ก็ต้องรีบไปปิดร้านให้พี่นนท์ ลูกค้าบ่นกันอุบเลยอ่ะพี่ บอกว่าไม่บอกก่อนล่วงหน้ามั้งล่ะ เสียเวลามามั้งล่ะ อยากจะตีไอ้เด็กพวกนี้จริงๆ ห่วงแต่เล่น ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย”

“ขอบใจป้ากับจอยมากนะครับ ที่ช่วยดูแลร้านแทนให้ พรุ่งนี้ผมว่าจะปิดร้าน แล้วพวกเราไปเยี่ยมยายกันนะครับ”

“จ้าๆ ป้าก็ว่าดี เป็นห่วงแกเหมือนกัน”

“งั้นจอยเขียนป้ายบอกลูกค้าไว้เลยนะจ๊ะ จะได้ไม่โดนว่าอีกว่าจะปิดร้านแล้วไม่บอก”

    ชินพัตน์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาดูร้านช่วยจอยกับป้าอีกครั้ง แต่ก็ยังกังวลไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับต้นกล้ายังไงดี เพราะใกล้ถึงเวลาที่พี่ชายจะไปรับต้นกล้า แล้วเห็นบอกว่าจะแวะมาที่นี้ก่อนแล้วค่อยเข้าบ้านสวน พอนึกถึงบ้านสวนชินพัตน์ก็คิดได้ว่า ถ้าต้นกล้ากลับบ้านแล้วต้องเห็นรอยเลือดที่ห้องน้ำใต้ถุ่นบ้าน ต้องกัวลหนักแน่ว่ายายของตนได้รับบาดเจ็บมากถึงขนาดเลือดตกอย่างออก เลยรีบโทรไปปรึกษาคนที่เฝ้าไข้ยาย

“นนท ทำไงดี”ชินพัตน์ถามอีกฝ่ายอย่างร้อนร้น

(“ชินเป็นอะไร คุณอยู่ที่ร้านหรือเปล่า”)นนทนัฐร้อนใจข้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนรักแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมาอีกหรือเปล่า

“ผมอยู่ที่ร้านแล้ว แต่ว่าต้นกล้าจะกลับจากเรียนวันนี้ ผมไม่รู้จะอธิบายให้ต้นฟังยังไงดี ผมกลัวน้องเสียใจ และที่สำคัญที่บ้านสวน ที่ห้องน้ำ ระรอยเลือด ทะทำไงดี ผมกลัวน้องจะกลัว”

(“ชินครับ ใจเย็นๆนะ ลองโทรหาพี่ชายคุณ ว่าน้องต้นอยู่ไหน แล้วคุณดูว่าพอมีเวลาจะกลับไปทำความสะอาดที่บ้านยายทันก่อนที่น้องมาจะมาได้หรือเปล่า แล้วเรื่องบอกที่จะบอกเรื่องยายพวกเราค่อยๆคิดกันอีกที่นะครับ”)

“อืมๆ ได้ๆ ผมจะโทรหาพี่ผมก่อนนะ แล้วผมจะโทรหาอีกที่นะครับ”

(“ครับ ใจเย็นๆนะครับ”)นนทนัฐเตือนสติคนรักอีกครั้ง
“อืม ผมรู้แล้วผมจะทำทุกอย่างอย่างมีสติ”ชินพัตน์รับปากก่อนว่างสายเพื่อโทรหาพี่ชาย

Rrrrrrrr Rrrrrrrr

(“ว่าไงเจ้าชิน โทรมาตามหรือยัง”)

“เปล่าพี่ ต้นกลับมาหรือยัง”

(“ปากบอกเปล่า แต่ก็ถามหาต้นก่อนเลยนะ ยังไงว่ะเขจ้าน้องชาย”)

“พี่บอกๆผมมาเถอะน่าต้นจะกลับมาหรือยัง”

“(อีกประมาณชั่วโมงโน่นและ กว่าจะมาถึง”)
“อ้าว แล้วพี่อยู่ไหนล่ะ ทำไหมมั่นฝจว่าต้นยังไม่มาถึง”

(“ก็พี่มารอรับอยู่ที่ บขส. เวลานี้ประจำจนจำได้แล้วนะสิ ไอ้น้องชาย ฮ่าๆๆ”)นพคุณหัวเราะชอบใจเหมือนตัวเองเหนือกว่า

“พี่ผมไม่มีเวลาพูดเล่นกับพี่แล้ว ถ้าเป็นอย่างที่พี่บอกก็ดี “

(“ดียังไง?”)

“พี่ใหญ่ ฟังผมดีๆนะ แล้วใจเย็นด้วย ยายเป็นลมล้ม ผมไปเจอเข้าพอดี ตอนเช้าแล้วผมก็พายายไปดรงพยาบาลแล้ว ถึงมือหมออย่างปลอดภัย”

(“เฮ้ย จริงๆนะเจ้าชินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเอาพี่นะ”)

“พี่ ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้มาอำหรอกนะ ผมยังมือสั่นไม่หาย ตอนที่เดินหายยายไปรอบๆบ้านแล้วไม่เจอ เจออีกที่แกก็นอนนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ใต้ถุนบ้านแล้ว ดีนะที่นนท์ช่วยโทรเรียกรถพยาบาลมารับได้ทันเวลา”

(“ละ แล้วยายเป็นยังไงมั้ง “)

“ตอนที่ผมกลับออกมายายยังไม่ฟื้นเลยพี่ แต่หมอบอกไม่เป็นไรมาก ร่างกายอ่อนแลต้องการการพักผ่อนเยอะ กว่าจะฟื้นก็น่าจะหลายชั่วโมง ผมเลยแวะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าดูที่ร้าน แล้วก็…”

(“แล้วก็อะไรว่ะ อย่าอ่ำอึ่งสิ “)

“ผมกำลังจะไปบ้านยาย ไปทำความสะอาดรอยเลือดที่นั้นนะ”

(“ยายได้รับบาดเจ็บถึงขนาดได้เลือดเลยเหรอ เจ้าชิน”)

“อืม ยังยังกังวลเรื่องต้นอยู่เลยไม่รู้จะอธิบายกับน้องยังไงดี ผมเลยจะมาจัดการเรื่องที่บ้านยายก่อน แล้วค่อยๆหาวิธีคุยไม่ให้น้องตกใจแล้วก็เสียขวัญนะพี่”

(“อืม ๆ เดี๋ยวพี่ขับรถไปหาที่บ้านสวนไปช่วยอีกแรงแล้วกัน จะได้รีบกลับมารับต้นกล้า”)

“ดีเลยพี่ ผมยังกล้าๆกลัวๆ อยู่เลย”

(“เอ่อๆ เดี๋ยวเจอกัน”)นพคุณว่าสาย แล้วรีบขับรถออกจาก บริเวณขนส่งเพื่อไปช่วยน้องชายเพราะเห็นว่ายังม่เวลาอีกเนอะ แต่ไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เขาตั้งใจมารอรับ เดินลงมาจากรถตู้

     ชินพัตน์โทรรายงานและถามเรื่องยายกับนนทนัฐตลอดเวลา ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงน้องสายก็หยิบโทรศัพท์มาโทรอีกแล้ว นพคุณที่ก้มหน้าก้มตา ใช้แปรงขัดรอยเลือดที่พื้นห้องน้ำก็แปลกใจ น้องชายปลีกตัวโทรหา เพื่อนที่อาสาเฝ้าไข้ยายแทนทั้งๆที่เมื่อตอนที่เข้ามาถึงก็เห็นกำลังโทรหากันอยู่ นานกว่าจะว่างสาย ด้วยความสงสัย


“เจ้าชิน”

“อะไรพี่” ชินพัตน์ก็ช่วยตักน้ำลาดพื้นห้องน้ำไปด้วย ตอบพี่ชายไปด้วย

“นายโทรหาเจ้านนท์ทำไมหนักหนา เมื่อกี้ก็พึ่งโทรไปไม่ใช่หรือไง”

“กะ ก็ผมเป็นห่วงยาย อยากรู้ว่ายายฟื้นขึ้นมาหรือยังไง” ชินพัตน์ตอบเลี่ยงๆ

“เหรอออออออ? แต่ที่ฟังไม่เห็นถามหายายซักคำเลยนะ “หรี่ตามองหน้าน้องชายอย่างจับผิด

“มองอะไรพี่ ผมก็แค่ถามเพื่อนว่า เขาขาดเหลืออะไรไหม อุตสามาช่วยเฝ้ายายแทน แล้วต้องมาปิดร้านเสียรายได้ก็เพราะช่วยพวกเรานะ “ชินพัตน์แถไปเรื่อย

“เออ รีบๆทำจะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวต้นกลับมาก่อนจะยุ่ง”

“ผมว่าเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่มีรอยเลือดเหลือแล้ว”ชินพัตน์ก้มดูบริเวณห้องน้ำ

“อืม งั้นแยกย้ายกันตรงนี้เลยนะ”นพคุณรีบขอตัวเพื่อจะรีบไปรับต้นกล้า

“เดี๋ยวก่อนสิพี่ พี่อย่าพึ่งพูดอะไรกับต้นนะ เดี๋ยวผมเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้ต้นฟังเอง”

“เออ รู้แล้วๆ แค่พาไปเจอกันที่โรงพยาบาลก็พอใช่ไหม”

“ครับ”


“ไปโรงพยาบาลกันทำไมครับ?”

“!!!!!!!!!!!ต้น”เป็นสองเสียงเรียกชื่อต้นกล้าของพี่น้องต่างตกใจกับผู้มาใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้ได้

“เป็นอะไรกันครับ ตกใจอะไรกัน แล้วพี่ๆจะไปโรงพยาบาลทำไมครับ” ต้นกล้าทำท่าจะเดินขึ้นเรื่อยเพื่อไปหายาย บอกว่าตนเองกลับมาบ้านแล้ว รีบกลับมาเพราะรู่สึกเป็นห่วงยาย และไม่ได้โทรบอกนพคุณด้วยเพราะคิดว่าถึงบ้านยายแล้วค่อยโทรบอกอีกที

“เออ ต้นทำกลับมาก่อนล่ะ ไม่รอให้พี่ไปรับ” นพคุณรีบถ่วงเวลาและถามเรื่องที่ต้นกลับมาก่อน

“ต้นรู้สึกเป็นห่วงยาย แล้ววันนี้ไม่มีเรียนบ่าย ต้นเลยรีบกลับมาก่อนครับ ว่าจะโทรหาพี่พอดี ก็เห็นพี่ยืนคุยกับพี่ชินอยู่หน้าบ้านแล้ว” ต้นกล้าอธิบาย แล้วชะเง้อขึ้นบนบ้าน รู้สึกว่าบ้านเงียบมาก มีแขกมาบ้านแบบนี้ยายไม่น่าจะอยู่บนเรือน

“ต้น”

“ครับพี่ชิน ทำไมมายืนกันร้อนๆแบบนี้ล่ะครับ ขึ้นบ้านกันก่อนไหมครับ ผมจะขึ้นไปหายายด้วย”

“ต้น ต้นฟังพี่ก่อนนะ คือ ยาย ยายไม่สบายพี่ๆเลย เออ มาปิดบ้านให้ยายแล้วจะมารับต้นไปโรงพยาบาลด้วยกันนะ”

“พี่ชิน ยาย ยายไม่สบายเป็นอะไรครับ “ต้นกล้าตกใจรีบเดินเข้าหาชินพัตน์เพื่อต้องการรู้เรื่องยาย

“ต้น ยายเป็นลม พอดีพี่แวะมาหาแล้วเจอยายนอนเป็นลมอยู่กับพื้น เลยรีบพายายไปส่งโรงพยาบาล ถึงมือหมอแล้วนะ ยายปลอดภัยดี ไม่ต้องกังวลนะ” ชินพัตน์ค่อยๆอธิบายและกอดปลอมต้นกล้าที่ตาเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้

“ผมจะไปหายาย พี่ชินพาผมไปหายายหน่อยนะครับ”

“ครับ ไปครับพี่ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้ว” ชินพัตน์ประคองต้นกล้าขึ้นรถ นพคุณก็เดินตามมาไม่ห่าง เห็นรถน้องชายขับออกไป ก็รีบดึงรั้วบ้าน ยายปิดให้เรียบร้อย เพราะคิดว่าคงไม่มีใครอยู่อีกหลายวัน

“พ่อหนุ่ม”มีป้าวัย 50 กว่าเดินเข้ามาถาม

“ยายแกเป็นอย่างไงบ้าง”

“ยายไม่ค่อยสบายครับ ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลให้หมอดูอาการแล้วครับ” นพคุณตอบอย่างที่น้องชายเล่าให้ฟัง

“ป้าก็ตกใจ มีคนตะโกนโวยวายเมื่อเช้า นึกว่ามีเรื่องชกต่อยกัน เลยไม่กล้าเข้ามาดู แต่พอมารู้ที่หลัง ว่ายายล้มก็เลยเป็นห่วงว่าอาการแกเป็นอย่างไรบ้าง”

“ปลอดภัยแล้วครับ หมอบอกให้นอนรอดูอาการสัก วันสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้ครับ” คุยได้ไม่นานก็มีเหล่าคุณป้าคุณน้าแถวบ้านใกล้เรือนเคียงเดินเข้ามาสมทบ และถามคำถามเดียวกัน นพคุณเลยสงสัยว่าทำไมตอนน้องชายตะโกนให้ช่วย ไม่มีใครหน้าไหนออกมาช่วยเหลือเลยสักคน แต่พอเวลานี้ต่างอยากรู้เรื่องคนอื่นแบบนี้ ก็อดรู้สึกเคืองไม่ได้

“พวกคุณลุงคุณป้าครับ ผมอยากจะถามอะไรสักหน่อยนะครับ “ทุกคนที่ยืนมุงต่างพยักหน้าอยากตอบคำถามขึ้นมาทันที่เหมือนตนเองอยู่ในที่เกิดเหตุก็ไม่ปาน

“ยายอยู่ที่นี้มานานหรือยังครับ”

“อยู่มานานแล้วสิ แก่อยู่มาก่อนแถวนี้จะมีน้ำไฟเข้าถึงซะอีกนะ”

“แล้วพวกคุณๆทุกคนรู้จักยายดีใช่ไหมครับ “

“รู้จักสิ แกขายผักไม่หมดก็แบ่งให้บ้านป้าตลอด “อีกคนก็แย่งตอบ”ใช่ ฉันยังเคยขอเข้าไปเก็บตำลึงในสวนแกมาทำกับข้าวเลย” ทุกคนต่างพยักหน้า รู้ว่ายายเป็นคนใจดีมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อบ้านตลอด

“งั้นผมขอถามอีกคำถามเดียวนะครับ”

“อะไรล่ะพ่อหนุ่ม”

“แล้วตอนที่น้องชายผมตะโกนให้ทุกคนมาช่วยยาย ทำไมพวกคุณทุกคนถึงไม่เข้ามาช่วยเหลือ พวกคุณลองคิดดูถ้าน้องชายผมไม่มาเยี่ยมยายวันนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ผมฝากให้ทุกคนเก็บไปคิดนะครับ “นพคุณมองหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แล้วก็เดินขึ้นรถแล้วขับออกไป ทิ้งให้พวกคนเหล่านั้นได้คิด

       ชินพัตน์ขับรถตรงมายังโรงพยาบาล  เพื่อพาหลานให้ได้มาพบหน้ายาย ต้นกล้าร้องไห้เงียบๆ มีเพียงน้ำตาไหลอาบแก้มตลอดเวลาที่ พาเดินเข้าไปทีห้องพักผู้ป่วย ต้นกล้าเดินตามอย่างกังวลว่าครอบครัวที่เหลือของตนเองคนเดียว คือยายถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับยาย ต้นกล้าจะอยู่อย่างไร


“ต้นห้องนี้” ชินพัตน์เปิดประตูให้ต้นกล้าเข้าไป ต้นกล้ารีบวิ่งไปยังเตียงนอนกลางห้องพิเศษที่ชินพัตน์เปิดไว้ให้ยายได้นอนพักฟื้นได้สะดวก

   นนทนัฐแปลกใจกับคนที่กลับมาพร้อมกันกับคนรักเพราะคิดว่าต้นกล้าไม่น่าจะรู้เรื่องเร็วแบบนี้ แต่ก็มารับรู้และร้องไห้หนักกว่าเก่าอีก

“ยาย ต้นขอโทษต้นไม่ดูแลยายให้ดี ปล่อยให้ยายอยู่คนเดียว ฮือๆ ยายอย่าเป็นอะไรนะครับ ต้นจะไม่ไปไหนแล้ว ต้นจะอยู่กับยาย ต้นจะไม่ไปเรียนแล้ว ต้นจะอยู่ดูแลยายนะ ยายฟื้นขึ้นมาคุยกับต้นนะ ฮือๆๆๆ” ต้นกล้ากอดขาผู้เป็นยายร่ำไห้ปานจะขาดใจ ร้องโทษว่าเป็นเพราะตนเองดูแลยายไม่ดี และจะเลิกเรียนเพื่อจะได้อยู่ดูแลยายไม่ไม่หีหายไปไหนอีก

   คำพูดเหล่านั้นทำให้ทั้งนนทนัฐและชินพัตน์รู่สึกไม่ดีไปด้วย เพราะทุกอย่างที่เกิดไม่ใช่ความผิดใคร มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ต้นกล้ากลับมาโทษตนเองแบบนี้ถึงขนาดจะไม่ไปเรียน ชินพัตน์เลยนิ่งเฉยไม่ได้แน่ๆ

“ต้น ต้น ยายปลอดภัยแล้ว ต้นให้ยายพักผ่อนก่อนนะ คุณหมอบอกยายร่างกายอ่อนแอ ต้องการพักผ่อน พอร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่เดี๋ยวยายก็ฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแน่นอน เชื่อพี่นะอย่ากังวลเลย” ชินพัตนฺเข้ามาดึงตัวต้นกล้าให้ห่างออกจากเตียงเพื่อให้ยายได้พักผ่อนเยอะ และพาต้นกล้ามานั่งคุยกันที่โซฟาสีขาวตัวใหญ่ภายในห้อง

“…………”ยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด แต่ก็ยอมเงียบเสียงลง เพราะอยากให้ยายนอนพัก

“ไม่ต้องกังวลนะต้น หมอเข้ามาตัวเมื่อครู่ก่อนที่ต้นมา ยายได้รับน้ำเกลือร่างกายของยายจะกลับมาแข็งแรงดีขึ้น แต่ตอนนี้ต้องให้ยายนอนพักก่อน” นนทนัฐช่วยพูดให้อีกแรง

“พี่ชิน ต้นจะไม่กลับไปเรียนแล้ว จะไม่ไปฝึกงานที่ไหนทั้งนั้น ต้นจะอยู่ดูแลยายที่นี้ ฮือๆๆๆ”ต้นก็ร้องไห้ฮือมาอีกรอบ ในหัวตอนนี้คงได้แต่วนเวียนโทษตัวเองอยู่ร่ำไปว่าที่ยายล้มเป็นเป็นความผิดของตนเอง

“ต้น อย่าพูดแบบนั้นสิ ยายได้ยินคงเสียใจ ยายทำงานส่งเสียต้น ให้ต้นตั้งใจเรียน แล้วต้นจะมาหยุดเรียนแบบนี้ …..”

“ไม่!!!! ต้นจะอยู่กับยายต้นจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ฮือๆๆๆ” ต้นเถียงหัวชนฝ่า และคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ตนเองอยู่ใกล้ชิดยายดูแลยายได้ตลอดเวลา จะไม่ทิ้งหายไปไหนอีก และก็ตัดสินใจดีแล้วด้วย

“เอาไว้ให้ต้นใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยๆคุยกันเถอะนะ” นนทนัฐเดินมานั่งใกล้ๆชินพัตน์และกระซิบบอกคนรัก ชินพัตน์ก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะถ้าคุยตอนนี้ ในอารมณ์และสถานการณ์แบบนี้ต้นกล้าก็คงต้องยืนยันสิ่งที่ต้นกล้าคิดแน่นอนชินพัตน์ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบใจต้นกล้าที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้  แล้วต้นกล้าก็ขอเดินไปนั่งข้างเตียงเพื่อต้องการอยู่ใกล้ๆยายให้มากที่สุด เวลายายฟื้นขึ้นมาจะได้เห็นต้นกล้าเป็นคนแรก
..
.
.
.
   นพคุณกลับเข้ามาพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งเสื้อผ้าสำหรับต้นกล้า ช่อดอกไม้ ของเยี่ยมไข้มากมาย ก่อนเข้ามาที่โรงพยาบาลโทรหาน้องชายถามหาว่าต้นกล้าเป็นอย่างไงบ้าง ชินพัตน์ก็รายงานพี่ชายไปว่า นิ่งสงบลงไปเยอะแล้ว ไม่โวยวายไม่ร้องไห้แล้ว ได้แต่นั่งนิ่งมองยายของตนเองอยู่เงียบๆ ทำให้นพคุณเป็นห่วง เลยซื้อทั้งของเยี่ยมคนป่วย และอาหารการกินของคนเฝ้าไข้ทั้งหลายเข้ามาด้วย พร้อมทั้งถามเบอร์ห้องพัก ว่าอยู่ตรงไหน แล้วก็พาตนเองมาถูก

“พี่ไปไหนมา ทำไหมพึ่งมา ต้นร้องไห้หนักมากเลยรู้ไหม” ชินพัตน์รีบเดินเข้าไปหาพี่ชาย ที่น่าจะช่วยดูต้นกล้าได้ดีที่สุดกลับหายตัวไป แล้วพึ่งโผล่มาตอนนี้

“พี่ก็ไปซื้อของมามาเยี่ยมยาย แล้วก็ของใช้จำเป็นให้ให้ต้นด้วย ไม่รู้ว่าต้องอยู่เฝ้าไข้กี่วัน พวกนานก็ไปพักเถอะ ลงไปหาอะไรกินข้างล่างสิ มีตลาดนัดข้างโรงพยาบาลด้วย” นพคุณไม่อยากให้ทุกคนเครียดไปมากกว่านี้เลย เลยให้แยกย้ายกันไปพักบ้าง แต่ในใจห่วงคนทีเอาแต่ฟุบหน้าของข้างเตียงคนไข้มากกว่า

“งั้นพวกผมลงไปข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นมาใหม่”ชินพัตน์เห็นด้วยกับพี่ชาย เพราะคนรักหมาดอย่างนนทนัฐก็ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง

“เดี๋ยวก่อน แล้วยายเป็นไงมั้ง”นพคุณถามอาการของยายก่อนที่น้องชายกำลังจะพากันไปข้างนอก

“ยังไม่ฟื้นเลยพี่ นี้ก็จะ 6 โมงแล้ว” ชินพัตน์กับมาทำหน้าเครียดอีกครั้ง

“น่าๆ หมอว่าไงก็ว่าตามนั้นปลอดภัยแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว ให้ยายแกนอนพักผ่อนเยอะไปเถอะ” นพคุณพูดให้น้องชายตนเองคลายกังวล แล้วเดินไปดูต้นกล้า ที่ตอนนี้ร้องไห้หนัก จนเผลอหลับไปแล้ว แต่มือก็ยังเกาะขายายไม่ปล่อย

“ต้น ไปหาที่นอนดีๆนะครับ”นพคุณกระซิบบอกไปแบบนั้นแต่คนหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าคงไม่รับรู้ เพราะร่างกายที่โดนอุ้มขึ้น แล้วพาไปนอนที่โซฟา ว่างลงอย่างแผ่วเบาแถบไม่รู้สึกตัวเลย

     ชินพัตน์และนนทนัฐเลยแยกตัวออกมาด้านนอกห้องเพื่อเดินไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น  และเริ่มพุดคุยเรื่องที่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ก็เรื่องของต้นกล้าที่จะไม่ไปเรียน จะจักดารเรื่องนี้อย่างไรดี คงได้แต่รอเวลาให้ยายตื่นขึ้นมาก่อน ให้ต้นกล้าใจเย็นลงมากกว่านี้ด้วย แล้วค่อยๆคุยอย่างมีเหตุและผล เพราะเหลือแค่ฝึกงานเท่านั้น ต้นกล้าก็จะจบการศึกษาแล้ว

“ผมเป็นห่วงทั้งต้นแล้วก็ยายด้วย ไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไงดี” ชินพัตน์ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง กลุ้มใจทั้งเรื่องยายและทั้งเรื่องต้นกล้า

“ใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่าพวกเราค่อยๆหาวิธีคุยกับต้น ต้นคงจะพอฟังพวกเราบ้าง”

“………….”ชินพัตน์พยักหน้ารับและอยากให้เรื่องมันจบง่ายไอย่างที่คนรักมาดพุดให้กำลังใจเหลือเกิน
.
.
.
.
.
“ชิน คุณอยากทานอะไร มีของน่าทานทั้งนั้นเลย” นนทนัฐเห็นคนรักเงียบ เลยชวนหาของอร่อยลงท้อง ท้องอิ่มไม่คิดมาก แต่ถ้าท้องว่าง คิดมากแน่นอน

“ผมไม่หิวเลย กินอะไรไม่ลง” ชินพัตน์ตอบกลับอย่างเชื่องช้า

“ไม่ได้นะครับ พวกเราต้องมีพลังและกำลังใจที่ดีก่อน เพื่อเป็นหลักให้กับน้องนะครับ มาทำเป็นคนอมทุกข์แบบนี้ เดี๋ยวก็ต่างพากันแย่ไปอีก” นนทนัฐลูบหลังคนรักไปมา อย่างให้กำลังใจ

“คุณนั้นแหละ ตั้งแต่เที่ยงทานอะไรมั้งหรือยัง มัวแต่ห่วงคนอื่น” ชินพัตน์หันมองคนข้างกาย

“คนอื่นที่ไหน ไม่ห่วงแฟนตัวเองแล้วจะให้ไปห่วงใครครับ หืม?” นนทนัฐก้มหน้าลงมาถามกลับ ทำให้ชินพัตน์ที่กลุ้มๆอยู่กับ รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที่กับคำว่าแฟน เลยรีบเดินหนีไปยังร้านขายอาหารในตลาดนัดข้างโรงพยาบาล เรียกรอยยิ้มเล็กบนใบหน้าของคนที่รีบเดินตามได้ไม่น้อย

       


 ต่อด้านล่างจ้า


 :katai4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65 [170615] ดราม่าหนักมาก ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 17-06-2015 18:42:21


 ต่อจากข้างบนจ้า   :katai4: 


 นพคุณนั่งมองคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาอย่างเป็นห่วง เพราะใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา เปลือกตาแดงไปหมด เพราะต้นกล้าร้องไห้ไม่หยุดคงตั้งแต่ น้องชายของเขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แล้วแถมยายยังคงนอนนิ่งไม่ฟื้นขึ้นมาสักที่ หลานอย่างต้นกล้า ก็คงได้แต่ขวัญเสีย เสียใจ กังวล และต้องนั่งโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ไม่ดูแลยายให้ดี ไม่อยูกับยายตอนที่ยายต้องการความช่วยเหลือ  นพคุณคิดแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่ต่างกัน แต่เขายังมีทั้งป้าลุงและน้องชายอย่าง ชินพัตน์ที่ค่อยดูแลเสมอ  แต่ต้นกล้าไม่มีใครถ้าไม่มารู้จักกับชินพัตน์ ก็คงจะไม่มีใครเลยที่จะยืนมือเข้ามาช่วย สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบนี้  สังคมที่ต่างคนอย่างอยู่ไม่แม้แต่จะหันมาดูแลค่อยช่วยเหลือ เพื่อนบ้านใกล้เคียงกันเลยแบบนี้  นพคุณคิดแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้  ต้นกล้ากับยายจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร 
 
       นพคุณคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาเองต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้มันจะเร็วเกินกว่าที่คาดคิดไว้ เพราะเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าอยากดูแลต้นกล้าและยายเป็นที่พึ่งให้กับคนทั้งคู่ให้ได้ แต่วันนี้ก็มาถึงเร็วแต่ก็พร้อมจะเผชิญหน้าปัญหาไปกับคนที่เขาคิดที่จะรัก และอย่างจะดูแลไปตลอด นพคุณโทรหาผู้เป็นป้าและลุง ที่เป็นคนให้ชีวิตการศึกษาและอาชีพที่มั่นคงต่อเขา และเคารพนับถือ เสมือนพ่อแม่

“สวัสดีครับป้า”

(“ว่าไงตาใหญ่ อยู่กับตาชินหรือเปล่าวันนี้”)

“อยู่ครับป้า คือผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ”

(“มีอะไรหรือเปล่าลูก ทำเสียงจริงจัง เกี่ยวกับงานหรือเปล่า คุยกับลุงด้วยไหม?”)

“ผมอยากคุณกับป้าก่อนครับ ไม่ใช่เรื่องงานครับ แต่ก็อาจจะมีเกี่ยวด้วยเล็กๆครับ”

(“มีเรื่องอะไรไหนบอกป้าสิ”) น้ำเสียงเป็นห่วงหลานชาย เพราะหลานชายไม่ค่อยมีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ แล้วมาปรึกษากันแบบนี้มาก่อน

“คือ ผมรักคนคนหนึ่งครับป้า”

(“จริงเหรอ ตาใหญ่ ลูกเต๋าเหล่าใครไหนบอกป้าสิ ป้าจะไปสู่ของให้”)

“ผมขอคุยกับเขาคนนั้นก่อนนะครับ แล้วจะพาไปไหว้ป้ากับลุงแน่นอนครับ”

(“ตาใหญ่ นี้ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันใช่ไหม? เลยโทรมาขอป้าก่อน”)

“ใช่ครับ ผมอยากให้ป้ากับลุงรับรู้เรื่องของผมทุกเรื่องครับ”

(“ป้าดีใจที่หลานชายป้าจะเป็นฝั่งเป็นฝาซักที”) ผู้เป็นป้าพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ

“ป้าครับ ผมอาจจะทำให้ป้าผิดหวัง แต่ผมก็ยังรักและเคารพป้ากับลุงเสมอนะครับ”
(“มะ หมายความว่าไงตาใหญ่?”)ป้าเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“คนที่ผมรักเป็นผู้ชายครับป้า”

(“อะไรนะ ตาใหญ่?? ผะ ผู้ชายเหรอ”) น้ำเสียงตกใจ จนผู้เป็นสามีต้องเดินเข้ามาฟังด้วยใกล้ๆ

“ครับ ผมรักน้องๆมาก แล้ววันนี้ผมต้องดูแลน้องและครอบครัวของน้องครับ ผมเลยจะมาขออนุญาตที่จะดูแลน้องหลังจากนี้ไป ผมอาจจะทำให้ป้ากับลุงผิดหวัง แต่ผมขอสัญญานะครับว่าผมจะ ไม่ลืมบุญคุณของลุงและป้า จะทำงานหนักตอบแทนผมจะดูแลกิจการให้เจริญรุ่งเรื่อง จนกว่าผมจะหมดลมหายใจครับ”

(“ตาใหญ่ ตอนนี้อยู่ที่ไหน กลับมาคุยกับป้าดีๆก่อนนะ ป้าจะเป็น ลม………”)

“ป้าครับ ป้าครับ  ป้าเป็นอะไรครับ ป้า!!!!” นพคุณรีบตะโกนถามปลายสาย ที่เงียบหายไป

(“เจ้าใหญ่เหรอ? เกิดอะไรขึ้น ทำไมป้าแกเป็นลมเป็นแล้งแบบนี้?”) ลุงพยุงป้าไว้ แล้วคว้า โทรศัพท์มาคุยแทน

“คุณลุง ผมขอโทษครับ ผมขอจัดการเรื่องทางนี้ก่อน แล้วผมจะกลับไปขอขมาลุงกับป้านะครับ”

(“ นี้มันเกิดเรื่องอะไรกัน เจ้าใหญ่?”) ลุงถามเสียงเครียด แต่หลานชายก็ตัดสายไปเสียก่อน
   
    ลุงไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องประถมพยาบาลผู้เป็นภรรยาเสียก่อน เรียกลูกน้องในร้านเข้ามาช่วยหายาลม คงต้องเป็นเรื่องที่เกินทีคาดคิดไว้แน่ๆ จนทำให้ป้าเป็นลมแบบนี้ 

คงต้องรอเวลาหลานชายกลับมาเอยปากเล่าเรื่องทุกอย่างอีกที่

เพราะไหนๆพวกเขาก็โตแล้ว คงต้องให้ลองคิดเองทำเอง

ไม่ว่าเรื่องจะดีหรือร้าย

ก็คงต้องยอมรับการตัดสินใจของผู้เป็นหลาน






  :katai1:  :hao5:  :katai1:  :hao5:  :katai1:  :hao5:  :katai1:





บวกเป็ดให้ทุกกำลังใจจ้า  ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามนิยายของมินมินนะคะ

บอกเลย ดราม่าหนักมาก    :ling3:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65 [170615] ดราม่าหนักมาก ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2015 19:20:21
เฮ้ออออ สงสารต้นกล้า
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 65 [170615] ดราม่าหนักมาก ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-06-2015 22:20:35
ขอให้ยายปลอดภัยนะ
เพราะทุกคนจะได้มีกำลังใจต่อไป
โดยเฉพาะหลานชายอย่างต้นกล้า
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 27-06-2015 18:32:20


                                               
                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66



Rrrrrrr Rrrrrr

“สวัสดีครับพ่อ”ชินพัตน์รับโทรศัพท์ขณะนั่งกินมื้อเย็นในตลาดนัดข้างโรงพยาบาล

(“เจ้าชิน เจ้าใหญ่อยู่ไหน แล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นไหนบอกพ่อสิ”)

“เรื่องอะไรครับพ่อ พี่ใหญ่เออ…อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

(“ใครเป็นอะไร ทำไหมต้องไปอยู่กันที่โรงพยาบาล”)

“ขอโทษครับพ่อ ผมยังไม่ได้โทรไปบอกเรื่องยายเลย พอดีแกเป็นลมแล้วล้มได้รับบาดเจ็บ ผมส่งตัวยายมานอนที่โรงพยาบาลครับ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ “

(“เรื่องเกินขึ้นนานหรือยัง ทำไมถึงไม่รีบบอกพ่อกับแม่นะ “)ผู้เป็นพ่อต่อว่าเสียงเข้ม

“ขอโทษครับ พอดีวุ่นๆหลายเรื่อง ทั้งเรื่องพายายมาโรงพยาบาล เรื่องที่ร้าน แล้วก็เรื่องต้นกล้า หลานของยายด้วยนะครับ ผมเลยลืมโทรไปบอกพ่อกับแม่ครับ”

(“พรุ่งนี้เตรียมขอแก้ตัวไว้ให้แม่ของลูกด้วย พ่อกับแม่จะไปเยี่ยมยายพรุ่งนี้ พวกเราต้องมีเรื่องคุยกันหลายเรื่อง บอกเจ้าใหญ่ด้วยนะ พ่อมีเรื่องคุยด้วยเหมือนกัน”) ผู้เป็นพ่อสั่งเสียงเรียบก่อนวางสายไป

“เฮ้อ!!!”ชินพัตน์ มองโทรศัพท์แล้วถอนใจหนัก ไม่คิดว่าพ่อจะโกรธเขามากขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับผิดเพราะเขาเองก็ลืมโทรไปบอกเรื่องสำคัญแบบนี้ก็ผู้เป็นพ่อและแม่

“คุณพ่อโทรมาเหรอครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หืม?”นนทนัฐเห็นสีหน้าคนรักไม่ดีตั้งแต่รับโทรศัพท์

“พ่อผมโมโหใหญ่เลย เรื่องที่ผมไม่รีบบอกเรื่องยายล้มเข้าโรงพยาบาล แล้วยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมยาย ให้ผมกับพี่ใหญ่เตรียมตัวเตรียมใจไว้ ผมต้องโดนพ่อแม่ดุแน่ๆเลย “ชินพัตน์นั่งเท้าแขนกับโต๊ะกุมขมับ เริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“ผมว่าคงไม่มีอะไรหรอก ท่านคงเป็นห่วงยายมาก เลยทำเป็นดุใส่คุณไปแบบนั้นเพราะคุณไม่รีบโทรบอกท่านแค่นั้นเอง อย่าคิดมากเลยครับ นะ”นนทนัฐดึงมือที่กุมขมับของอีกฝ่ายมาลูบไปมาเพื่อปลอบ

“…….”ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้า เขาก็คงได้แต่เตรียมใจ เตรียมคำพูดไว้เท่านั้นเอง

“ขึ้นห้องไปดูคุณยายกันเถอะครับ ไปดูต้นด้วยไม่รู้เลิกร้องไห้หรือยัง”

“นั้นสิ ผมยังอดห่วงไม่ได้เลยเรื่องต้น”

“พวกเราค่อยๆคิดกันไปที่ละเรื่องเถอะนะ”

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป มีเรื่องทำให้ต้องคิดมากมายเลย


      ภายในห้องผู้ป่วย ยายยังคงนอนนิ่งมีสายน้ำเกลือ ห้อยระโยงอยู่ข้างๆเตียง นพคุณเดินเข้าไปดูยายใกล้ๆอีกครั้ง และห่มผ้าให้ยาย และหันไปดูหลานชายของยายที่ ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เผลอหลับไปจากความเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้ การเดินทางกลับมาจากมหาวิทยาลัย แล้วต้องมาเจอเรื่องหนักๆเขาแบบนี้ เป็นใครก็ต้องอ่อนหล้าทังกายและใจ

“ตื่นแล้วเหรอ หิวหรือเปล่า?”นพคุณเข้าไปนั่งและประคองคนที่ ยังสะลึมสะลือมองซ้ายมองขวาหาอะไรบ้างอย่าง

“ยายละครับ ยายตื่นขึ้นมาหรือยัง”ต้นกล้าไม่สนใจคนที่เป็นห่วง รีบเดินไปดูยายที่ยังคงนอนหลับอยู่เหมือนเดิม

“ร่างกายของยายคงต้องการพักผ่อนเยอะๆ ให้ยายได้นอนพักไปก่อน ต้นเองก็น่าจะเป็นห่วงตัวเองบ้างนะ ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ พี่ซื้อของกินมาให้แล้ว “

“ต้นไม่หิวครับ ต้นกินอะไรไม่ลง ฮึก ต้นเป็นห่วงยาย ฮึก เป็นเพราะต้นไม่ดูแลยายให้ดี ฮือๆ เพราะต้นเอง ฮึก” ต้นกล้าเริ่มเพ้อเฝ้าโทษตัวเองอีกครั้ง เมืองมองไปยังผู้เป็นยายที่นอนนิ่ง

“ไม่เอานะ ไม่ร้องครับ ยายคงไม่ชอบให้ต้นมานั่งร้องไห้แล้วโทษตัวเองแบบนี้แน่ๆ มันเป็นอุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่าโทษตัวเองเลยนะต้น เชื่อพี่เถอะนะครับ อย่าร้องไห้เลย ทั้งยายแล้วก็พี่ด้วยไม่อยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เลย “นพคุณเดินมาโอบกอดต้นกล้าไว้ ให้ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาซบลงบนอก ลูบแผ่นหลังที่กลั้นสะอื้นหนักๆ ไปมาอย่างปลอบประโลม ขอร้องอ้อนวอนเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาบนใบหน้าที่เคยสดใสต้องหมองหมน

“ต้นจะทำยังไงดี ต้นต้องทำยังไงครับ บอกต้นหน่อย ต้นทำตัวไม่ถูกแล้ว ฮือๆๆๆ” ต้นกล้า เงยหน้าขึ้นถามคนที่คอยปลอบ ในหัวคิดวนไปมา ทั้งห่วงยาย ทั้งเรื่องเรียน

“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะต้น ให้ยายได้นอนพักเยอะๆ”

“แต่ต้นอยากอยู่ใกล้ๆยาย ยายตื่นขึ้นมาจะได้เห็นต้นคนแรก”

“งั้นไปนั่งคุยกันดีๆที่โต๊ะโน่นก่อนนะครับ พี่มีเรื่องจะบอกต้น”

“ก็ได้ครับ” ต้นกล้าเห็นสีหนาจริงจังของอีกฝ่าย เลยไม่กล้าปฏิเสธ เดินตามไปอย่างว่าง่าย

“ต้น ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ พี่จะดูแลยายแทนต้นเอง ต้นตั้งใจเรียนตั้งใจไปฝึกงานเถอะนะ”

“แต่ว่า ….”ต้นกล้าลังเล มองหน้านพคุณและมองไปยังเตียงนอนของยายไปมาอย่างสับสน

“ไม่มีแต่ หลังจากนี้พี่จะดูแลทั้งต้นและยายเอง ให้พี่ดูแลเรากับยายได้ไหมครับ?”

“ต้นไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว แล้วต้นก็ไม่อยากรบกวนพวกพี่ๆ ไปมากกว่านี้แล้ว ต้นเกรงใจพวกพี่ๆดีกับยายและก็ต้นมาตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน จนวันนี้ถ้าไม่มีพวกพี่ๆ ยายก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ฮึก บ้าง ฮือ ต้นไม่กล้าจะรบกวนพี่ไปมากกว่านี้แล้วครับ ฮือๆ” ต้นกล้าคิดย้อยกลับไปเมื่อได้รู้จักทั้ง ชินพัตน์ นพคุณ ทั้งคุณลุงคุณป้า รวมไปทั้ง นนทนัฐ ทุกคนต่างดีกับตนเองและก็ยายมาตลอด และวันนี้ยังช่วยเหลือยายให้ปลอดภัยถึงมือหมอได้ทันเวลาไม่เกิดการสูญเสีย คิดแล้วก็รู้สึกเกรงใจเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะดูแลยายแทนให้แบบนี้อีก

“ไม่เลย สิ่งที่มีอยากจะทำให้ยายและก็ต้น มันไม่ใช่สิ่งที่รบกวน แต่เป็นสิ่งที่พี่เต็มใจอยากจะทำ อยากที่จะดูแลต้นกับยายอย่างจริงใจ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ต้นคิดว่าเป็นเรื่องรบกวนด้วย”

“คือต้น ฮึก ต้นไม่รู้จะตอบแทนพวกพี่ด้วยอะไรถึงจะเพียงพอกับน้ำใจที่พวกพี่หยิบยืนให้ต้นกับยายแบบนี้ ฮึก ต้นจะต้องทำยังไงครับ “

“ต้นแค่กลับไปตั้งใจเรียน ต้องใจฝึกงานแล้วก็เรียนให้จบ ทำให้ยายได้ภูมิใจในตัวต้น พวกพี่ๆก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว แล้วพี่เองก็จะดีใจมากด้วย ถ้าต้นกลับบ้านมาพร้อมกับใบปริญญา ทดแทนส่วนของพี่ที่มีไม่มีโอกาสได้เรียน “

“แต่พี่ก็กลับไปเรียนได้นี้ครับ” ต้นกล้าสงสัย เช็ดน้ำตามแล้วหันกลับมาถามอย่างข้องใจ

“จำไม่ได้เหรอ พี่เคยบอกต้นไปแล้วไง มีมันหัวทึบเรียนไม่เก่ง ถ้าได้กลับไปเรียนคงได้ซ้ำชั้น เรียนไม่จบเป็นปู่เฝ้ามหาลัยแน่ๆ” นพคุณรีบอธิบายติดตลก เพื่ออยากให้ต้นกล้ากลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“อ้อ ต้นจำได้แล้ว “ต้นกล้าเริ่มยกยิ้มมุมปากจำเรื่องราวที่เคยพูดคุยเรื่องเรียน แล้วก็รู้สึกนึกขำตามที่นพคุณพูดว่าต้องเรียนซ้ำไปตนแก่

“ยิ้มได้แล้ว ไม่ร้องไห้อีกแล้วนะ สัญญากับพี่สิ ว่าต้นจะไม่ร้องไห้อีก” นพคุณยิ้มเล็กๆพุดขึ้นบนใบหน้า เอือมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือบนใบหน้าของต้นกล้าอย่างแผ่วเบา พร้อมร้องขอคำสัญญา

“……………”ต้นกล้ามองตาคนที่ก้มมองลงมาเพื่อขอสัญญา ในใจของต้นกล้าคิดเพียงแต่อยากจะฝากคนสำคัญอย่างผู้เป็นยายให้คนตรงหน้าดูแลแทน คงไม่ผิดเพราะเขารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆคนคนนี้ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข คนนี้จะค่อยอยู่ข้างกันเสมอ

“ว่าไงครับ สิ่งที่พี่อยากได้แทนสิ่งตอบแทนมีเพียงแค่นี้จริง แค่อยากให้ต้นยิ้มอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องใด แค่นั้นจริง สัญญากับพี่ได้หรือเปล่า หลังจากนี้จะไม่ร้องไห้ ต้นต้องยิ้มสู้กับทุกๆเรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ แล้วต้นจะผ่านมันไปได้เชื่อพี่สิ” นพคุณลูบหัวต้นกล้าแผ่วเบารอฟังคำตอบ

“ครับ ต้นจะไม่รู้ไห้อีก ต้นจะยิ้มให้ยาย ต้อนจะยิ้มให้พี่ ต้นจะยิ้มให้กับทุกๆปัญหาที่ต้นเจอ ขอเพียงมีพี่อยู่กับต้นด้วยต้นก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วครับ” ต้นกล้าตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม และกอดนพคุณเป็นคำยืนยัน

    นพคุณยิ้มดีใจที่เห็นว่าคนตัวเล็กว่าจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น และยอมรับในตัวเขามากขึ้นด้วย เรื่องทุกอย่างกำลังจะเป็นไปในทางที่ดี รอเพียงยายตื่นขึ้นมา ได้พูดคุยพร้อมหน้าพร้อมตากัน ต้นกล้าคงจะยิ้มได้มากขึ้น ไม่กังวลใจอีกต่อไป


ก๊อก ก๊อก 

นนทนัฐที่เกินมาที่ห้องที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปภายใน มองเห็นผ่านช่องกระจอก ที่หน้าประตู เห็นนพคุณและต้นกล้าโอบกอดปลอบซึ่งกันและกัน ทำให้รู้ได้ทันที่ว่าต้นกล้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เลยลองเคาะประตูเพื่อเป็นการเบิกทางให้คนทั้งคู่ได้รู้ตัว ชินพัตน์ที่แวะซื้อของก็พึ่งเดินตามมาที่หลังก็ไม่เข้าใจคนรัก ทำไมต้องเคาะประตู แต่ก็ไม่ได้ถามไปตรงๆ

“กลับมากันแล้วเหรอ” นพคุณเป็นคนเปิดประตูให้ น้องชายและนนทนัฐเดินเข้าห้อง

“ต้นพี่ซื้อ โก้โกอุ่นๆมาให้ดื่มรองท้องด้วยนะ ต้นยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม” ชินพัตน์ประคองถ้วยโก้โกร้อน ถ้วยใหญ่ไปนั่งใกล้ต้นกล้าที่มีสีหน้าแจ่มใสขึ้นกว่าเมื่อตอนเย็นแล้ว

“ขอบคุณครับพี่ชิน ต้นกำลังหิวพอดีเลยครับ” ต้นกล้ายกมือไหว้แล้วรับแก้วมาดมความหอมของโกโก้ร้อน เรียกน้ำย่อยในกระเพราได้อย่างดี พอรู้สึกสบายใจท้องก็เริ่มประท้วง

“งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปซื้ออะไรมาให้กินนะ” นพคุณรีบรับอาสา

“ไม่ต้องเลยพี่ ดูนี้ผมซื้อมาเพียบไม่ต้องเดินลงไปอีกหรอก” ชินพัตน์ดึงถุงกล่องอาหารออกจากมือนนทนัฐแล้วชูให้พี่ชายดู

“งั้นก็ส่งมาสิ พี่จะได้ใส่จานให้ “นพคุณรีบเดินมารับ

“พี่ เดี๋ยวต้นทำเอง “ต้นกล้ากุลีกุจอรับถุงกล่องอาหารแล้วรีบไปจัดใส่จานทั้งของตนเองและของนพคุณ ที่หน้าเคาเตอร์เล็กๆภายในห้องคนป่วยพิเศษ

“เกิดอะไรขึ้นพี่ ต้นดูไม่เศร้าแล้วด้วยอ่ะ” ชินพัตน์กระซิบาถามพี่ชาย

“พี่บอกว่า จะดูแลยายแทนให้ แล้วให้ต้นตั้งใจเรียนตั้งใจไปฝึกงานก็แค่นั้น ไม่มีอะไรมาก ฝีมือชั้นไหนแล้วดูซะก่อนนี้ใคร ฮ่าๆๆ” นพคุณรีบคุยเกทับน้องชายทันที

“แหมๆ ได้ที่แล้วอวดใหญ่เลยนะพี่ ดูแลให้ได้ตลอดรอดฝั่งนะพี่ ถ้าผมเห็นต้นร้องไห้อีก ผมเอาเรื่องพี่ก่อนเลยคนแรก”

“เออๆ รู้แล้วน่า ครั้งนี้พี่จริงจังนะไม่ได้ล้อเล่น”

“ก็ใช่นะสิ ผมก็จริงจังไม่ล้อเล่นเหมือนกัน”ชินพัตน์ขู่พี่ชายตนเองกลับบ้าง

“เออ พี่พรุ่งนี้ พ่อกับแม่จะมาเยี่ยมยายที่นี้ด้วยนะ”

“คุณลุงคุณป้าจะมาเหรอ?”

“แล้วพี่จะตกใจทำไม ผมนี้สิต้องตกใจ โดนโมโหใส่ด้วยเรื่องที่ไม่รีบโทรไปบอกเรื่องยาย เออแล้วพอบอกให้พี่อยู่รอคุยด้วยนะพรุ่งนี้อ่ะ”

“อืม พี่รู้แล้ว” นนพคุณตอบน้องสายเสียงเรียบ เพราะรู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าทั้งลุงและป้าจะคุยเรื่องอะไรกับตนเอง

“ไม่รู้ว่าอยู่ๆดีๆพ่อก็โทรมาหาทำไม ยังไม่ได้ถามก็เอาแต่โมโห โกรธจนวางสายไปเลย เลยไม่รู้เรื่องกันพอดี” ชินพัตน์นึกขึ้นมาได้ ก็ได้แต่บ่นสายหัวไม่มาอย่างงงๆ
 
       
              ต้นกล้าขอตัวไปอาบน้ำหลังจากทานข้าวมื้อเย็นพร้อมกับนพคุณเสร็จ  ชินพัตน์กับนนทนัฐ เลยต่างพากันขอตัวกลับไปดูร้าน และนพคุณรับอาสาอยู่เป็นเพื่อนต้นกล้า นอนเฝ้าไข้ยายด้วยกันคืนนี้  นพคุณดูรอบๆห้องเพื่อจะจัดที่ทางว่าพวกเขาจะนอนกันตรงไหนบ้าง คงจะเป็นที่โซฟาตัวใหญ่ และตัวเข้าเองคงต้องเสียสละลงไปนอนที่พื้น 

Rrrrr Rrrrr Rrrrrr

นพคุณที่กำลังจัดเตรียมที่นอนให้ต้นกล้าและตนเอง กลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ที่ไหน สักที่แต่ก็หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน  พยายามเอียงหูฟังเสียงและแรงสั่นของเครื่อง ทำให้รู้ว่ามาจากในกระเป๋าของต้นกล้า เลยพยายามค้นออกมาดูก่อนที่เสียงเรียกจะเงียบไป

“ใครโทรมาเอาปานนี้” นพคุณมองดูชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ โทรศัพท์รุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ของต้นกล้า ปรากฏชื่อ คือ หมอน  เห็นชื่อแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นใครกันโทรมาในเวลาแบบนี้ เลยเผลอกดรับสายเพื่อฟังเสียง

(“เฮ้ยต้น ทำไมรีบกลับจังเลยวันนี้  เราอุตสาจะบอกเรื่องที่ฝึกงานทางนั้นเขาตอบรับมาแล้วนะ ฮัลโล ต้นฟังอยู่ป่ะเนี้ย“) หมอน เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันแล้วเป็นคนชวนให้ต้นกล้าไปฝึกงานด้วยกันด้วย

“ฟังอยู่ พูดต่อสิ” นพคุณอยากรู้เรื่องที่ฝึกงานของต้นกล้าเลยแกล้งทำเป็นไอ เพื่อเพื่อนของต้นกล้าจะได้ไม่จับผิดเรื่องเสียง

(“พี่เราเขาเอาเอกสารของนายไปยืนทางบริษัทให้แล้ว แล้วก็ตอบกลับมาแล้วว่ารับนานเข้าฝึกงานเพิ่มด้วยอีกคนหนึ่ง  แล้วก็ให้ไปรายงานตัวต้นเดือนหน้าพร้อมๆกันเลยไง”)

“อ้อ ขอบใจมาก”

(“มาขอบอกขอบใจอะไรกัน นายช่วยเรามาตั้งหลายเรื่อง เรื่องแค่นี้ทำไมเราจะช่วยเพื่อนไม่ได้ แล้วที่สำคัญนะ พี่เราบอกว่า ฝึกงานที่นี้ ถ้าตั้งใจฝึกงาน แล้วทำงานดีเข้าตาคนทางบริษัท ก็อาจจะรับพวกเราเข้าทำงานเลยก็ได้นะต้น พี่เราบอกมาแบบนั้นนะ”) เพื่อนคนสนิทอธิบายยาวเอียดให้ปลายสายฟัง เพราะเป็นเรื่องดีและอยากให้เพื่อรับรู้ แต่เพื่อนดันรีบหนีกลับมาซะก่อน เลยต้องโทรบอกกันแบบนี้แทน

“ยังไงก็ขอบใจแทนต้นด้วยนะ “

(“เอ๊ะ เออ ใครครับเนี้ย ไม่ใช่ต้นเหรอ คะ ครับ”) หม่อนแปลกใจเมื่อปลายสายพุดด้วยน้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่แถมยังขอบอกขอบใจแทนเพื่อนของตนเองด้วย

“พี่ชื่อใหญ่ เป็นพี่ที่รู้จักกับต้นกล้าครับ  พอดีต้นกล้ามาเฝ้ายายที่โรงพยาบาล แล้วตอนนี้ต้นก้เข้าห้องน้ำอยู่ พี่เลยรับโทรศัพท์แทนนะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ”

(“เออ ไม่หรอกครับ ผมฝากบอกต้นด้วยนะครับ แล้วยายเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?”)

“ไม่เป็นไรแล้วครับ หมอบอกว่าแค่ร่างกายอ่อนเพลีย เลยทำให้เป็นลม ได้พักผ่อนสักวันสองวันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”

(“ผมไม่รู้ ว่าต้นต้องรีบกลับไปดูยาย แล้วต้นเป็นยังไงบ้างครับ “)

“ต้น เหรอ ดีขึ้นแล้ว ตอนแรกก็ตกใจมากพอรู้เรื่องของยาย ตอนนี้ก็รอแค่ให้ยายตื่นขึ้นมาพูดคุยได้อย่างปกติ ต้นเองก็คงจะหายเป็นห่วงไปเยอะ  ขอบใจที่เป็นห่วงนะ”

(“ครับ ไว้ผมจะโทรมาใหม่นะครับ ฝากสวัสดีคุณยายด้วยนะครับ ขอให้หายเร็วๆ”)

“ได้ เดี๋ยวพี่จะบอกทั้งต้นแล้วก็ยายให้นะ”

(“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”) หม่อนก็วางสายไป พอดีกับที่ต้นกล้าออกมาจากห้องน้ำ แต่ตัวสาเสื้อยืดที่นพคุณซื้อเตรียมมาให้ได้พอดี

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ เป็นไงเสื้อใส่ได้พอดีไหม?”

“พอดีเลยครับ แล้วพี่จะอาบน้ำเลยไหมครับ”

“อืม กำลังจะไปอาบ ต้นนอนบนโซฟานะ เดี๋ยวพี่นอนที่พื้นเอง”

“เออ แต่ว่า….”

“ไม่มีแต่ ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“ผมรอพี่ดีกว่า” ต้นกล้ายกยิ้มเล็ก พอได้อาบน้ำก็รู้สึกสดชื่นแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เดินไปนั่งมองยายที่ยังคงนอนหลับ

“ทำไมยังไม่นอนอีก ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหมอบอกแล้วไง ว่ายายน่าจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อหมอแล้วก็เชื่อพี่ไปนอนได้แล้วนะ”

“แต่ต้นยังไม่รู้สึกง่วงเลยนี้ครับ”

“ได้งั้น ไปคุยกับพี่ตรงระเบียง จะได้ไม่เสียงดังรบกวนยาย”

“ครับ” ต้นกล้าเดินตามอย่างว่าง่าย

“ต้น ต้องไปฝึกงานนะรู้ไหม”

“ครับ แต่ต้นขอดูแลยายให้หายดีก่อน แล้วต้นจะไปครับ”

“ต้น เรื่องฝึกงานมันรอไม่ได้หรอกนะ ส่วนเรื่องยายพี่บอกแล้วว่าจะดูแลยายแทนต้นเอง แล้วยังมีเจ้าชิน เจ้านนท์ ที่คอยมาช่วยอีกแรง ต้นไม่ต้องกังวลอะไรอีก ไปฝึกงานอย่างที่ตั้งใจเถอะนะ”

“แต่สถานที่ฝึก มันอยู่ไกลมากๆ ต้นอยากกลับมาดูแลยายบ้าง”

“ต้น การฝึกงานเหมือนเป็นสิ่งปูทางให้ต้นได้ลองเรียนรู้การทำงาน ที่นอกเหนือรั้วมหาลัย ถ้าต้นไม่ตั้งใจกับมัน มั่วแต่พะวักพะวง
กับเรื่องทางบ้านแบบนี้ พี่ว่าการฝึกครั้งนี้ต้นจะไม่ได้อะไรกับมาเลยนะ “

“ต้นรู้ แต่ต้นเป็นห่วงยายนี้ครับ”

“พี่ให้สัญญาแล้ว ว่าพี่จะดูแลยายให้เหมือนกับที่ต้นดูแล ไม่ต้องห่วงนะ”

“ต้นขอเห็นยายร่างกายแข็งแรงดีก่อนไม่ได้เหรอครับ?”

“เฮ้อ ต้นดื้อกว่าที่พี่คิดอีกนะเนี้ย” นพคุณถอนหายใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ต้นเป็นเด็กดีมากจนน่าเป็นห่วง ต้องคอยดูแลเรื่องต่างๆให้ จนกล้าต้นกล้าจะเติบโตเป็น ต้นไม้ที่ยืนต้นได้เองอย่างแข็งแรง

“ถ้างั้นยายตื่นขึ้นมาเมื่อไร พวกเราต้องคิดเรื่องฝึกงานให้จริงจังกว่านี้ตกลงไหม?”

“ครับ” ต้นกล้ายกยิ้มดีใจ เหมือนโดนตามใจ เพราะยังมีเวลาได้อยู่ดูแลยายอีก ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าจะได้ไปรายงานตัวที่บริษัทที่จะต้องไปฝึกงานพร้อมเพื่อนๆ

“ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามารอดูยายตื่น “

“ครับ”ต้นกล้ายิ้มรับอย่างมีกำลังใจ

“อ้อ พรุ่งนี้คุณลงคุณป้าก็จะแวะมาเยี่ยมยายด้วยนะ”

“เหรอครับ รู้สึกเกรงใจพวกท่านจริงๆเลยครับ”

“ต้น พรุ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่ข้างๆต้นเสมอนะ”

“เอ๊ะ ครับ ขอบคุณครับ” ต้นกล้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้สึกดีเสมอที่มีคนตรงหน้าคนอยู่ใกล้ๆ ให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“ไปนอนเถอะดึกมากแล้ว” นพคุณพาต้นกล้ามานอนที่โซฟา แล้วห่มผ้าห่มที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้

“ครับ ฝันดีครับ” ต้นกล้าส่งยิ้มอ่อนๆ

“ฝันดีเช่นกันครับ “นพคุณก้มลงจูบหน้าผากมนของต้นกล้าแผ่วเบา แทนคำขับกล่อมมากมายเพื่อให้คนที่นอนอยู่บนโซฟาหลับใหลอย่างสบายคลายกังวลเรื่องทุกข์ใจ
 
    ต้นกล้าเขินกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็รู้สึกดีมากๆเพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับต้นเองมาก่อน รีบดึงผ้าห่มมาปิดใบหน้าเขินอาย ท่ามกลางห้องที่มือแต่พอจะมีแสงไฟจากด้านนอกส่งเข้ามาเล็กน้อย เพราะนพคุณปิดไปภายในห้องไปแล้ว  แต่ดวงตาสุกใสที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มยังคงไม่ยอมหลับใหล เพราะเสียงของหัวใจเต้นดังจนกลัวคนที่นอนที่พื้นได้ยิน


“ยาย อยู่กับต้นนะ ต้นสัญญาต้นจะไม่ไปไหน ต้นจะอยู่กับยาย ดูแลยาย ยายอย่าทิ้งต้นไว้คนเดียว ยายฮึก ยาย ฮือๆ ยาย”

 “ต้น ต้นไม่เป็นไรนะ ต้นยายไม่ได้เป็นอะไร ต้น ต้น” นพคุณได้ยินเสียงละเมอของต้นกล้ารีบลุกขึ้นมาดู ต้นกล้าที่ร้องเรียกหายายอยู่ กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ น่าจะฝันร้าย

“ยาย ยาย ต้นจะอยู่กลับยาย “

“ต้นตื่น ต้น” นพคุณเขย่าตัวต้นกล้าเพื่อให้หลุดออกจากฝันร้าย ที่ทำให้คนหลับเสียน้ำตาตื่นขึ้นจากความฝันนั้นเสียดี

“พี่ แล้วยายล่ะ ยาย ยายอยู่ไหน ต้นจะไปหายาย”

“ชูวววว ยายนอนอยู่ที่เตียงครับ ยายไม่ได้ไปไหน ต้นแค่ฝันร้าย ไม่เป็นไรนะครับ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี” นพคุณโอบกอดปลอมคนที่กลัวจนตัวสั่น ว่าเรื่องในความฝันเป็นเรื่องจริง มองไปที่เตียงเห็นยายยังนอนอยู่ที่เดิม ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังไม่หายตกใจกับความฝัน 

“ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะต้น ไป”

“ครับ”ยอมลุกไปห้องน้ำอย่างว่าง่ายแต่กอ่นเข้าห้องน้ำเดินไปดูยายที่เตียงอีกรอบก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

“เจ้าใหญ่” เสียงเรียกเย็นจากด้านหลัง มาจากประตูทางเข้า

“คุณลง คุณป้า “ผู้เป็นป้าไม่มองหน้าหลานชายเลย เดินตรงไปที่เตียงเพื่อดูอาการของยาย

“ยายเป็นแกเป็นยังไงบ้าง” ผู้เป็นลุงถามขึ้นแทน เมื่อเห็นหน้าหลานชายดูกังวลเพราะท่าที่ของผู้เป็นป้าแสดงออกชัดเจน ว่าไม่พอใจกับเรื่องราวที่คุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวาน

“เมื่อวานหมอบอกว่า ร่างกายยายต้องการพักผ่อนเยอะๆนะครับ เดี๋ยวตอนเช้าหมอจะเข้ามาตรวจอีกรอบครับ”
ผู้เป็นลุงได้แต่พยักหน้า ผู้เป็นป้าก็ได้แต่นั่งบีบนวดขาให้กับยายไปมาอย่างนึกเป็นห่วงเหมือนกับญาติผู้ใหญ่อีกคน

“แล้วนี้ต้นกล้าเป็นยังไงมั้ง รู้เรื่องยายเขาตอนไหนกัน ไม่ตกใจแย่เลยเหรอ” ผู้เป็นลุงเอยถามอีกเช่นเคย

“ครับ ก็ตกใจมามากร้องไห้หนัก กว่าจะปลอบกันได้ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันครับ ร้องแต่จะไม่ไปเรียนไม่ไปฝึกงานแล้ว จะอยู่ดูแลยายท่าเดียวครับ”

“ไม่ได้ๆเรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ลุงจะรองพูดให้อีกที่แล้วกัน”

“ครับ”

“อะ อ้าว ขอโทษครับ คุณลุงคุณป้ามาแต่เช้าเลย “ต้นกล้าที่เดินออกจากห้องน้ำมาสงสัยเสียงที่พูดคุยกันตอนแรกนึกว่า พี่ชินกับพี่นนท์มา แต่พอออกมาได้เห็นก็ตกใจ ยกมือไหว้สวัสดี

“ต้นมาคุยกับป้าสิลูก”

“ครับคุณป้า” ต้นกล้าเดินก้มหน้าเข้าไปนั่งคุกเขาข้างคุณป้า

“ขวัญเอยขวัญมานะลูก ยายไม่ได้เป็นอะไรแล้วอย่าเสียใจอย่ากังวลใจไปมากนักนะลูก หมอที่เข้าเก่ง ต้องรักษาให้ยายหายดีแน่ๆลูก” ป้าลูบหัวปลอบขวัญ นึกสงสารต้นกล้าจับใจ มีกันอยู่แค่ สองคนยายหลาย คงจะตกใจน่าดูที่ยายต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้

“ขอบคุณครับคุณป้า ต้นมั่นใจว่ายายต้องตื่นขึ้นมาคุยกับต้นเร็วๆนี้แน่นอนครับ”

“ดีแล้วลูก ทานข้างเช้ากันหรือยัง ป้าทำกับข้าวมาให้เยอะเลย ไปนั่งทานกันเถอะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”

       ทั้ง 4 นั่งทานข้าวเช้าด้วยกัน บทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นป้ากับต้นกล้าแล้วก็ลุง สลับไปมา มีก็แต่นพคุณที่นั่งทานข้าวเงียบๆ คอยฟังทั้ง สามคนคุยกัน บ้างเรื่องที่เขารู้แล้วก็ได้แต่เงียบฟัง บ้างเรื่องที่เขายังไม่เคยรู้และไม่เคยได้ยินต้นกล้าเล่าให้ฟัง ก็ได้มาฟังจากปากต้นกล้าวันนี้ เพราะป้ากับลุงถามลึกลงไปถึง ความเป็นอยู่แล้วก็รวมไปถึงพ่อและแม่ของต้นกล้าด้วย

   ต้นกล้าเป็นลูกของลูกสาวยาย ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เพราะยายไม่คิดที่จะถามเรื่องนี้ ขอให้ลูกกลับมาอยู่บ้านก็พอใจแล้ว แต่เมื่อแม่ของต้นกล้า คลอดต้นกล้าได้ไม่นานก็ทิ้งต้นกล้าไว้กับยาย แล้วบอกว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพอีก แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีการติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง ต้นกล้าเอกก็ไม่ได้เรียกร้องที่ต้องการแม่ เพราะต้นกล้าอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็กจนโต ผูกผันกับยายมากเปรียบเสมือนยายเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับต้นกล้า ก็ไม่ต้องการใครที่ไหนอีก คนภายนอกจะมองเห็นว่าต้นเป็นเด็กไม่มีพ่อแม้ แต่เพราะยายสอนต้นกล้าตั้งแต่เด็กว่าอย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้น แค่ต้อยกล้าเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน คนพวกนั้นก็จะเลิกพูดกันไปเอง และต้นกล้าก็ทำตามทุกอย่างที่ยายสอนมาตลอด
 
   นพคุณฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันช่างคล้ายกับชีวิตของเขามากๆ ตัวเขาได้รับความรักจากป้าและลุง ดูแลเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียน แต่เพราะเขาหัวไม่ดี เลยอยากทำงานอยากช่วยงานลุกกับป้าเพื่อเป็นการตอบแทน เลยได้มาดูแลกิจการลูกชิ้น จนได้มาพบเจอกับต้นกล้า ต้องขอบคุณทั้งลุงและป้าที่ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีค่าไม่ได้น้อยหรือมากไปกว่าคนอื่นเลย และน้องชายอย่างชินพัตน์ที่ทำให้เขาได้มาเจอกับต้นกล้า เพราะการขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาด ทำให้ได้มาเจอกัน ได้รู้จักและเห็นใจกันแบบนี้ 

 แคก แคก

“ยาย ยายครับ เป็นไงบ้าง ต้นอยู่นี้ครับยาย”ต้นกล้าได้ยินเสียงไอแห้ง ดังมาจากเตียง ยายฟื้นขึ้นมาแล้ว ต้นกล้ารีบวิ่งไปดูยายทันที่

“ต้นเหรอลูก ยายมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” ยายพยายามกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้มองเห็น หน้าหลานชายได้ชัดๆ

“พี่ชินไปเจอยายนอนสลบอยู่ที่ใต้ถุนบ้านจ๊ะยาย ยายหิวน้ำไหม เดี๋ยวต้นป้อนนะ คอยๆดื่มนะครับยาย”ต้นกล้าอธิบายแล้วพยายามป้อนน้ำให้ยายดื่มแก้กระหาย

“เจ้าใหญ่ ไปตามหมอสิ มั่วแต่ยืนมองอยู่ได้ ไป”ลุงดูจะมีสติมากกว่าใครบอกหลานชายให้ไปเรียกหมอมาดูอาการยาย ที่พึ่งฟื้นคืนสติขึ้นมา

        หมอเข้ามาดูอาการยาย แล้วบอกว่าให้น้ำเกลือหมดขวดแล้วก็นอนพักอีกสักวันก็กลับบ้านได้ ส่วนแขนที่เข้าเฝือกไว้ก็จะนัดมาดูอาการอีกที่ หมดเตือนเรื่องการทำงานหนัก เพราะว่ายายอายุมากแล้ว ไม่อยากให้ทำงานหนักเกินตัวจนทำให้ร่างกายอ่อนแลไม่ได้รับการพักผ่อน จะทำให้เป็นลมแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ญาติต้องดูแลอย่าใกล้ชิดด้วย ทุกคนต่างก็เข้าใจและรับฟังสิ่งที่คุณหมอบอก หมอก็ขอตัวไปตรวจคนไข้ห้องอื่นต่อ ทุกคนต่างโล่งใจที่ยายไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง หรือมีโรคร้ายอื่นแทรกซ้อนเข้ามาอีก และยายก็ได้ทานข้าวทานยายก็นอนหลับไปอีกครั้ง





  ต่อด้านล่างจ้า


      :katai4:    :katai4:   :katai4:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 27-06-2015 18:33:03

ต่อจากด้านบนจ้า




“ดูแลยายให้ดีนะรู้ไหม” ป้าเดินออกมาที่หน้าห้อง

“ครับ/ครับ”ต้นกล้าแล้วก็นพคุณตอบพร้อมกัน รับคำผู้เป็นป้า ทำให้ป้าหันไปมองผู้เป็นสามีอยากขอความคิดเห็นกับสิ่งที่ หลายชายกำลังทำอยู่ตอนนี้

“ต้น กลับไปตั้งใจเรียนตั้งใจฝึกงานนะลูก ยายไม่เป็นอะไรมากแล้วนะ” ป้าพูดเตือนสติต้นกล้าอีกครั้ง

“แต่ต้น….คือ ต้นอยากดูแลยายก่อนนะครับ”ต้นกล้าได้ฟังคำพูดของคุณหมอทำให้ความเป็นกังวลกลับเข้ามาอีกครั้ง

“ต้นพี่บอกแล้วไง ว่าพี่จะดูแลยายแทนต้นเอง ต้นไปตั้งใจเรียนเถอะ”

     ผู้เป็นลุงและป้าได้ฟังคำของหลานชาย ยืนยันหนักแน่นอนว่าจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลยายแทนต้นกล้า เข้าใจแล้วว่าหลานชายต้องการที่จะทำแบบนั้นจริงๆ แต่ที่ยังไม่แน่ใจก็เรื่องของต้นกล้า ว่าจะใช่คนที่ตนเองคิดไว้ในใจหรือเปล่า แต่พอมองดูแล้วก็ไม่น่าจะผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไร เลยขอดูท่าที่ของหลานชายอีกครั้ง ว่าจะพูดคุยกันตรงๆเมื่อไร

“ต้น เชื่อป้านะ ป้ากับลุง แล้วก็พี่ๆทุกคนจะคอยดูแลยายแทนต้นเอง กับไปตั้งใจเรียนนะลูก ยายจะได้ภูมิใจ”

“ขอบคุณครับป้า ขอบคุณทุกๆคนมากๆครับ”

“อ้าวพ่อกับแม่มาแต่เช้าเลย ผมนึกว่าพวกผมมาเช้าแล้วนะเนี้ย ทานอะไรกันหรือยังครับ “

“ป้าก็มาเยี่ยมยายด้วยคน” ป้าพรที่เดินตามหลังชินพัตน์และนนทนัฐ รีบเดินไปหาและพูดคุยอย่างคนคุ้นเคย

“สวัสดีจ๊ะ จอยก็มาเยี่ยมยายด้วยจ๊ะ”

“อ้าว เจ้าชิน นี้แกปิดร้านเลยเหรอเนี้ย”

“ครับพ่อ ก็ทุกคนเป็นห่วงยายนี้ครับ เลยยกทัพกันมาเยี่ยมแล้วก็ให้หยุดพักไปในตัวด้วยครับ”

“เอาเข้าไปดูยายเถอะ แต่ยายพึ่งจะหลับไปเมื่อกี่เอง”ผู้เป็นแม่บอกลูกชาย ให้เข้าไปเยี่ยมได้แต่อย่าเสียงดัง

“อ้าว ยายฟื้นแล้วเหรอครับ ดีจังต้นไม่ต้องกังวลเรื่องยายแล้วนะ” ชินพัตน์หันไปหาต้นกล้า ที่ยิ้มรับน้อยเมื่อทุกคนก็ต่างพากันโล่งใจที่ยายไม่เป็นอะไรมาก

“แม่กับพ่อจะกลับแล้ว”

“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ”

“พ่อกับแม่มาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“งั้นผมลงไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก พากันเข้าไปดูยายเถอะ ตาใหญ่ตามป้ามานี้สิ” ผู้เป็นป้าบอกให้ทุกคนเข้าไปเยี่ยมยาย เรียกไว้เพียงหลานชาย

“ครับ” นพคุณตอบรับผู้เป็นป้า และหันไปบอกต้นกล้าอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไป ต้นไปอยู่กับยายเถอะ”

“ครับ สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า”

“จ้า พระคุ้มครองนะลูก “ ป้ารับไหวแล้วเดินออกจากหน้าห้องไปพร้อมกับลุง นพคุณหันมามองต้นกล้าแล้วยิ้มให้กันอีกครั้ง เหมือนขอกำลังใจ

“เดี๋ยวพี่มานะ”

“ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับ แล้วเดินตามคนอื่นเข้าห้องไป

“เอาล่ะ ตาใหญ่ไหนบอกป้ามาสิ ว่าคนที่พูดถึงคือใคร” ผู้เป็นป้ายิ่งคำถามแรกที่อดอันมานานตั้งแต่เมื่อคืน

“คุณใจเย็นๆ ให้หลานตั้งตัวก่อน”ผู้เป็นลุง เห็นหายหลายสายทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนถามขึ้นมาแบบตรงๆ

“คือ ผมอยากดูแลยาย แล้วก็ต้นกล้าครับคุณลุงคุณป้า”

“คนที่แกบอกว่า ชอบพอเขาแล้วก็เป็นผู้ชาย คือต้นกล้าเหรอตาใหญ่?”

“ใช่ครับ ผมรักต้นครับป้า”

“มันจะเป็นไปได้ยังไงตาใหญ่ ผู้ชายมาชอบพอกันแบบนี้ แล้วที่สำคัญต้นยังเด็กมากนะ ตาใหญ่ อาจจะเป็นความชื่นชอบ หรือสงสารกันเห็นใจกัน จนคิดว่าเป็นการชอบพอก็ได้นะ ตาใหญ่”

“ผมรักน้องจริงๆครับป้า ส่วนต้นกล้าผมยังไม่รู้ครับ ว่าน้องคิดแบบนั้นกับผมหรือเปล่า แต่ผมเลือกที่จะดุแลน้องกับยายต่อไปหลังจากนี้ครับ”

“ตาใหญ่!!! นี้หมายความว่า ต้นกล้าก็ไม่ได้รู้ความรู้สึกของแกเลยงั้นเหรอ” ป้าเริ่มโมโหหลานชายหนักขึ้นไปอีก

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมแค่อยากดูแลน้อง ดูแลคนที่น้องรัก แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ  แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณป้ากับคุณลุงด้วยนะครับ ที่ผมต้องทำให้ทั้งสองต้องผิดหวัง ในสิ่งที่ผมเลือก”นพคุณยกมือไหว้ ผู้มีพระคุณทั้งคู่

“ป้ายังไม่ยอมรับง่ายๆหรอกนะตาใหญ่  “

“คุณป้าครับ”

“คุณกลับบ้าน”

นพคุณมองรถของทั้งคู่แล่นออกไปจนสุดสายตา


ต้องเตรียมใจพร้อมนอบรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้


เพราะเลือกที่จะรักไปแล้ว










    :katai1:   :katai1:    :katai1:     :katai1:    :katai1:   :katai1:   :katai1: 



   ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ

   ขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ติดตามทั้งในหน้าเพจ แล้วก็ตามอ่านนิยายกันนะคะ

  ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ เลยทำให้เขียนเรื่องค้างไว้ ไม่จอบตอนสักที่เลย

 มาลงตอนนี้ ช้ามากๆ  ขออภัยอีกครั้งจ้า

  แม่ค้าไปขายของต่อแล้วจ้า


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-06-2015 19:50:45
โอ๊ยตาย ... ดราม่าหนักมาก เครียดแทนเลย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-06-2015 22:23:12
หลานยังขนาดนี้
แล้วถ้าลูกล่ะจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-06-2015 22:32:49
พี่ใหญ่สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66 [270615] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ummax ที่ 28-06-2015 02:07:42
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 12-07-2015 19:39:13



                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67


              นพคุณมีเรื่องหนักใจเพิ่มมาอีกเรื่องแล้ว แต่คงต้องจัดการสถานการณ์ตรงหน้านี้เสียก่อน เรื่องของต้นกล้า และเรื่องที่เขาเองตั้งรับดูแลยายแทนตอนให้ได้ดี และไม่ต้องทำให้ต้นกล้าเป็นห่วงและกังวลใจ เวลานี้เขาคิดได้เพียงแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องของผู้เป็นป้า คงต้องให้ท่านใจเย็นลงและหาเวลาไปคุยกับท่านจริงๆจัง แต่คงจะหลังจากจัดการเรื่องของต้นเสร็จเรียบร้อยก่อน 

“พี่ ทำไมออกไปนานจัง แม่กลับไปนานแล้วเหรอ?”ชินพัตน์เดินออกมาตามพี่ชาย ที่เดินไปส่งผู้เป็นแม่ของตนเองนาน ถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายยืนอยู่หน้าห้องหน้าตาดูเครียดมีกังวล

“อือ ป้ากับลุงกลับไปนานแล้ว พอดีพี่มีเรื่องอะไรคิดนิดหน่อยนะ”

“มีเรื่องอะไรพี่ ถ้าเรื่องยายกับต้น ผมจะช่วยดูอีกแรงนะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“อืม เรื่องนั้นพวกเราต้องช่วยกันอยู่แล้ว เพียงแต่….”

“แต่อะไรพี่ หรือว่าแม่ว่าอะไรพี่หรือเปล่า เรื่องที่ร้านเหรอ? “

“ไม่ใช่หรอก “นพตชคุณไม่อยากให้น้องมาเป็นกังวลเรื่องของตนเองไปด้วย เพราะยังจัดการอะไรไม่ลงตัว เลยยังไม่คิดที่จะบอกน้องชาย

“อ้าว แล้วพี่เครียดเรื่องอะไรเนี้ย ผมเห็นพี่เป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจนะพี่ บอกผมมาเถอะ” ชินพัตน เห็นสีหน้าพี่ชายก็รู้ว่าต้องมีเรื่องภายในใจแน่นอน

“พี่!? พี่ชินคุยอะไรกันครับ ผมเห็นออกมานานแล้วไม่เห็นเข้ามาเลยออกมาตาม “ต้นกล้าเปิดประตูห้องออกมาเจอพี่น้องกำลังทำหน้าตาเครียด

“ต้น ไม่มีอะไรพี่คุยเรื่องที่ร้านกันนะ คุยเสร็จแล้วเข้าไปดูยายกันเถอะ” นพคุณรีบตัดบท ชินพัตน์เห็นพี่ชายไม่อยากพูดต่อเลยเออออเดินตามกันเข้าห้องไป สมทบกับคนอื่นๆ

          ช่วงสายๆป้าพรกับจอยก็ขอตัวกลับนนทนัฐอาสาไปส่งทั้งคู่ ส่วนชินพัตน์ยังดูลังเลว่าจะอยู่คุยกับพี่ชายต่อดี หรือจะกลับไปพร้อมกับทุกคน จนทำให้นพคุณต้องออกปากว่าจะเฝ้ายายกับต้นกล้า สั่งให้ทุกคนกับไปพักผ่อนซะบ้างเหนื่อยมาตลอก ก็น่าจะกลับไปพักให้เต็มที่ แล้วค่อยมาเปลี่ยนกันเฝ้าวันหลังจะดีกว่า ชินพัตน์ถึงยอมกลับแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายคำพูดไว้ให้พี่ชายที่เดินมาส่ง

“พี่ มีเรื่องอะไรก็บอกผมบ้างสิ ถ้าเห็นผมเป็นน้อง ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ผมก็ยังจะช่วยนะพี่” ชินพัตน์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“อืม พี่รู้แล้ว กลับไปพักเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาผลัดกันเฝ้ายายนะ” นพคุณยกยิ้มรับรู้ได้ว่าน้องชายตนเองเป็นห่วงมากขนาดไหน จับหัวน้องชาย โยกไปมาเหมือนตอนเด็กที่เคยทำประจำ

“มีอะไรรีบโทรมานะพี่”

“………”นพคุณพยักหน้ารับ ยิ้มอ่อนส่งให้น้องชาย แล้วก็ทุกคน

        ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาที่ร้าน ชินพัตน์เอาแต่นั่งเงียบ จอยกับป้าพรก็พูดคุยกันปกติ นนทนัฐก็คุยด้วยปกติ แต่เขารอบมองคนรักของตนเองเสมอ จนนึกเป็นห่วงในใจ  จนรถขับมารถส่งป้าพรกับจอย นนทนัฐเลยเสนอให้ชินพัตน์ไปขับรถที่บ้านสวนของยายกลับมา ชินพัตน์ก็ไม่ปฏิเสธนั่งนิ่งเหมอคิดอะไรไปตลอดทาง ขณะที่อยู่ภายในรถกันสองคน นนทนัฐอดห่วงไม่ได้ ว่าชินพัตน์กังวลใจเรื่องอะไรอีก ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาล ถ้าเป็นเรื่องยายก็น่าจะสบายใจได้แล้ว เพราะยายฟื้นคืนสติ หมอเองก็บอกว่า อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ เรื่องต้นกล้าก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะทุกคนต่างอาสาดูแลยายแทนให้ จนทำให้ต้นกล้าหมดเรื่องกังวลไปแล้ว แล้วชินพัตน์กำลังคิดกังวลใจเรื่องอะไรอยู่กันแน่


“ชิน คุณเป็นอะไร ผมเห็นคุณนิ่งเงียบมาต้องแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”นนทนัฐจอดรถหน้าบ้านยาย แล้วถามคนรักอย่างห่วงใย

“เปล่า ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้”

“คุณคิดเรื่องอะไรอยู่ หืม ไหนบอกผมสิ” นนทนัฐจับไหลชินพัตน์ให้หันมาคุยกันดีๆเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เหมอคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา

“ก็ พี่ใหญ่นะสิผมไม่แน่ใจว่าพี่โดนแม่ของผมต่อว่าเรื่องอะไรหรือเปล่า เพราะหลังจากเดินไปส่งแม่ผมกลับบ้าน พี่ผมเขาก็ทำสีหน้าแปลก พอผมถามเขาก็ไม่ยอมตอบแถมเลี่ยงไปคุยเรื่องของต้นซะอีก ผมเลยยิ่งเป็นห่วงว่ามีผมเขามีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า”

“ผมว่านะ พี่ชายคุณคงอยากจะคิดแก้ไข้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ เชื่อสิเขาต้องพูดให้คุณฟังแน่นอน”

“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น เรื่องของต้นกับยายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแค่พวกเราช่วยๆกันดูแลยาย ต้นเองก็จะได้ไปเรียนได้ปกติ “
“ครับ ผมจะช่วยดูแลยายอีกคนนะ อย่าพึ่งกังวลเรื่องมีมันยังมาไม่ถึงเลย” นนทนัฐพูดให้กำลังใจ ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ และต่างลงจากรถเพื่อไปดูรถ และดูแลบ้านของยายด้วย

    ในห้องพักฟื้น ยายตื่นขึ้นมาทานข้าวได้และทานยาตามหมอสั่ง พยาบาลเข้ามาเช็คน้ำเกลือขวดสุดท้ายแล้วก็เก็บกลับออกไป สีหน้ายายดูดีขึ้นเยอะ เนื่องจากได้พักผ่อน ได้ทั้งน้ำเกลือ ทานอาหารได้ปกติ พยาบาลบอกอีกว่าพรุ่งนี้คุณหมอมาตรวจรอบเช้า ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว ทำให้ต้นกล้ายิ้มดีใจที่ยายดีขึ้นแล้ว เหลือแต่เฝือกอ่อนที่ช่วงแขนที่น่าเป็นห่วง ยายคงหยิบจับอะไรลำบากแน่


“ยายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง เจ็บหรือปวดตรงไหนต้องรีบบอกต้นนะ” ต้นกล้านั่งประจำที่เดิมนวดแขนนวดขาอย่างที่เคยทำให้ประจำเวลาอยู่ที่บ้านสวน

“ยายไม่เป็นไรแล้ว ไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหนเลยลูก ยายสบายดี” ยายเอามืออีกข้างลูบหัวหลานชาย ยกยิ้มอย่างเอ็นดูก็มีกันอยู่แค่นี้ เลยไม่อยากให้หลานชายรู้สึกเป็นห่วง

“ยาย ต้นจะอยู่กับยายจนกว่าแขนยายจะหายดีนะจ๊ะ”

“อ้าว แล้วไม่ไปเรียนเหรอลูก?” ยายทำสีหน้าแปลกใจกับเรื่องที่หลานชายบอก

“ต้นค่อยไปที่หลังก็ได้จ้า ให้ยายหายดีก่อน” ต้นกล้ายิ้มประจบ

“ต้นกล้า”นพคุณที่นั่งดูยายหลานพูดคุยกันดูอบอุ่นแต่ต้องมาคิ้วขมวดเมื่อต้นกล้าพูดว่าจะดูแลยาย

“นั้นสิต้นเอย ไปเรียนเถอะลูกนะ ยายไม่เป็นไรแล้ว หมอกับพยาบาลก็บอกแล้วนี้ว่ายายดีขึ้นเยอะแล้ว เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว ต้นไม่ต้องห่วงยาย กลับไปเถอะลูก ขาดเรียนมันไม่ดีนะ” ยายรับรู้ว่าต้นกล้าดื้อที่จะอยู่ดูแลตนเองแล้วคิดว่าจะไม่ไปเรียนจนกว่าตนเองจะหายดี

“แต่ต้นอยากดูแลยายก่อน…..”

“ต้น เรื่องนี้เราคุยกับพี่แล้วนะ แล้วทุกๆคนก็บอกว่าจะช่วยกันดูแลยายแทนให้อย่างดี ต้นก็กลับไปตั้งใจเรียนแล้วก็ฝึกงาน ให้จบกลับมาเร็ว แล้วจะได้มาดูแลยายอย่างเต็มที่ตามที่ต้นต้องการแน่ๆ พี่รับรอง “

“นั้นสิต้นเอย ยายอยู่ได้พ่อหนุ่มเขาก็รับอาสาจะช่วยดูแลยายแล้ว ต้นก็ไม่ต้องห่วงนะลูก กลับไปตั้งใจเรียนนะ ยายอยากเห็นหลานเรียนจบสูงๆ แค่นี้ยายก็นอนตายตาหลับแล้ว”

“ไม่นะยาย ยายต้องอยู่กับต้นไปอีกนาน นาน ยายห้ามเป็นอะไรนะ ฮึก ยายต้นไม่อยากไปเรียนแล้วอ่ะ ต้นอยากอยู่กับยาย ฮือๆๆๆ”

“ต้นดื้อกับยายเหรอ” ยายเห็นหลานชายเริ่มร้องไห้ แต่ก็ยังทำใจแข็งทำเสียงดุถามกลับ ทำให้ต้นต้องรีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหล

“ต้นไม่ดื้อจ๊ะ” ต้นกล้ารีบสายหัวไปมาน้ำตานองหน้า

“ไม่ดื้อก็ต้องเชื่อฟังยาย เชื่อฟังพี่เขาสิ พี่เขาอุตสาช่วยเหลือดูแลยาย แล้วก็เรื่องต่างๆที่ไม่รู้จะตอบแทนพี่เขายังไงไหว ก็มีแต่หลานที่ต้องตั้งใจเรียน จบออกมาจะได้มีงานดีๆทำ จะได้ตอบแทนพี่ๆเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย เข้าใจที่ยายพูดไหม?” ยายพยายามอธิบายให้หลายตนเองฟัง

“ยายครับ ไม่ต้องตอบแทนพวกผมหรอกครับ แค่ต้นกลับไปตั้งใจเรียน แล้วยายแข็งแรงเหมือนเดิม  ผมกับน้องและทุกๆคนก็พลอยดีใจไปด้วยนะครับ” นพคุณยกยิ้มอ่อนๆผู้เป็นยายต้องการให้ต้นกล้ารู้จักบุญคุณคน

       ยายหันไปยิ้มรับรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้อย่างจริงใจ และหันไปมองหน้าหลานชายที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว ได้แต่นั่งฟังนิ่งไม่มีคำพูดใดออกมา เพราะคำพูดทุกอย่างของยายนั้นทำให้ต้นกล้าได้คิด ว่าทุกคนพยายามช่วยเหลือทุกด้านแล้ว ก็ไม่ควรที่จะทำทุกอย่างให้เสียเรื่อง กลับไปตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกงานแล้วรีบกลับมาดูแลยาย และหางานทำดี เพื่อให้ยายได้หยุดพักได้แล้ว และตอบแทนทุกคนด้วยกำลังที่ตนเองมี ถึงจะถูกต้อง จึงยิ้มรับและพร้อมทีจะลงมือทำอย่างไม่เกียงงอนอีกต่อไป

“ต้นกราบขอโทษยาย ที่ไม่เชื่อฟัง ต่อไปนี้ต้นจะต้องใจเรียน ต้องใจฝึกงาน เรียนจบมาหางานทำ แล้วจะได้ดูแลยายด้วยสองมือของต้นเองครับ” ต้นกล้ากราบบนอกยาย และพูดเหมือนให้คำมั่นว่าจะต้องใจทำทุกอย่างให้ดีให้ได้

“จ้า ดีแล้วลูก ตั้งใจเรียนนะลูก” ยายลูกหัวหลานชาย ที่เป็นเด็กดีมาตลอด มีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ตนเองป่วย เป็นห่วงมาจนเกินไป จนไม่สนใจเรื่องอื่นๆรอบตัว

“ต้นต้องขอโทษที่ด้วย แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ ที่ทั้งดูแลและเตือนสติต้นมาตลอด” ต้นกล้าเดินไปหานพคุณยกมือไหว้ ด้วยใบหน้าที่เริ่มจะปริ่มน้ำตาอีกแล้ว

“ไม่ร้องนะครับ ต้องยิ้มสิ ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้วนะ ยายก็หายดีแล้วด้วย เลิกร้องได้แล้วครับ” นพคุณรับไหว้แล้วดึงน้องมาโอบไว้แล้วคุยเสียงเบา

“ครับ “ต้นกล้ากลืนลูกสะอื้นกลับเข้าไป พยายามยิ้มให้มากที่สุด เพื่อยาย เพื่อทุกคน และเพื่อใครอีกคนที่มีความสำคัญมากในหัวใจของต้นกล้าตอนนี้

“ดีแล้ว เช็ดตัวให้ยายเถอะไป”

“ครับ” พยักหน้ารับอย่างยิ้มแย้ม ยายก็พลอยรู้สึกดีกับรอยยิ้มของหลานชายไปด้วย

      นพคุณรู้สึกโล่งใจเรื่องเรียนของต้นกล้าแล้ว ยื่นมองสองยายหลานพูดคุยกันได้อย่างปกติ ไร้เรื่องกังวลใจใดอีกต่อไป รอแค่วันออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น ต้นกล้าก็ต้องกลับไปเรียนละไปรายงานตัวที่ จะต้องไปฝึกงานร่วมกับเพื่อนๆ พอนึกขึ้นมาได้ว่าต้นกล้าต้องไปฝึกงานไกลแค่ไหนกัน ก็รู้สึกอดเป็นห่วงและอดคิดถึงไม่ได้
ได้เวลาที่ต้องบอกความรู้สึกที่มีตอนนี้ได้หรือยังนะ

RRrrrr Rrrrr Rrrrrrrr
“ว่าไง”นพคุณเดินออกมาจากห้องพักฟื้น แล้วรีบรับโทรศัพท์น้องชาย
(“ยายเป็นไงบ้างพี่?”)
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พยาบาลอบกว่าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้”
(“แล้วพี่ล่ะ เป็นไงบ้าง”)
“ฉันเป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรนี้”
(“พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกผมได้นะพี่”)
“รู้แล้ว แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไร จริงๆ เออแล้วต้นนะตัดสินใจจะกลับไปฝึกงานแล้วนะ”
(“จริงเหรอพี่  เมื่อตอนกลางวันก็ยังคิดๆอยู่ว่าต้นเหมือนจะยังลังเล ตอนที่พวกเราช่วยกันพูดว่าจะช่วยดูแลยาย”)
“อืม ก็โดนยายดุไปจนร้องไห้นะ เลยต้องยอมนะสิ”
(“อะไรนะพี่ ยายนะเหรอดุต้น ผมไม่เคยเห็นยายดุหรือพูดเสียงดังใส่ใครเลยอ่ะ นึกภาพไม่ออกจริงๆ”)
“ฮ่าๆๆ ก็ทำให้ต้นร้องไห้อยู่ ต้องรีบเช็ดน้ำตาเลยล่ะ”
(“เฮ้ย ผมพลาดช๊อตเด็ดได้ไงเนี้ย “)
“เอาน่าตอนนี้ก็หมดกังวลเรื่องยายกับต้นแล้วล่ะ ก็รอเวลายายออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องผลัดกันมาดูแลยายยังไง”
(“โอเคพี่ ผมได้ยินว่าพี่หัวเราะได้ ผมก็สบายใจแล้วล่ะ ฮึฮึ”)
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไร”
(“ครับๆ แต่พี่อย่าลืมนะว่าพี่ยังมีน้องชายคนี้อยู่ข้างพี่ คอยรับฟังที่เสมอนะ”)
“อืม ขอบใจมากเจ้าน้องชาย ถ้าพี่พร้อมเมื่อไร พี่จะรีบบอกนาทันที”
(“ได้ พรุ่งนี้เจอกัน”)
“พรุ่งนี้นายก็จะมาเหรอ”
(“แล้วพี่จะไม่กลับไปดูร้านมั้งเหรอไงล่ะ?”)
“นั้นสิ”นพคุณได้ฟังสิ่งที่น้องชายทักก็ทำให้นึกถึงหน้าผู้เป็นป้าขึ้นมา จัดการเรื่องต้นกล้าได้แล้ว เรื่องงานก็อย่าทำให้เสียเด็ดขาด เพราะรับปากป้าไปแล้ว เขาต้องทำทุกอย่างให้ดีให้ได้
(“พี่  พี่!! พี่ใหญ่ ฟังผมอยู่หรือเปล่าเนี้ย ฮัลโล”)
“เอ่อ ๆ ว่าไง”
(“ก็พี่เล่นเงียบ พูดถามอะไรไปก็ไม่ตอบ”)
“เอ่อๆ อะไร?”
(“แล้วต้นต้องไปฝึกงานวันไหน”)
“พรุ่งนี้ก็มาถามเจ้าตัวเขาเองแล้วกัน รีบมาหน่อยนะ พี่จะกลับไปดูร้านแต่เช้า” นพคุณเปลี่ยนเรื่องทันที่ เพราะพอนึกถึงเรื่องทีต้นกล้าต้องไปฝึกงานแล้ว ก็รู้สึกโหว่งๆในใจอย่างบอกไม่ถูก
(“รับทราบ”) ชินพัตน์พูดล้อเลียน แล้วรีบว่างสายกลัวโดนพี่ชายสวนกลับ
 นพคุณวางสายจากน้องชาย ก็มองไปยังหน้าห้องที่มีใครบ้างคนที่เขาอยากจะบอกอยากจะพูดความรู้สึกที่มันมากขึ้นทุกวันนี้สักที่ดีไหม แต่พอมานั่งคิดว่าน้องยังเด็ก ยังต้องเจอโลกอีกเยอะหลังจากเรียนจบ อยากให้น้องได้เรียนรู้และรู้จักโลกให้มากขึ้น และเขาก็จะค่อยอยู่เคียงข้างกันไปแบบนี้
 ให้เวลาเป็นสิ่งกำหนดความรักครั้งนี้

.
.
.
.

“ยิ้มอะไรครับ หืม”นนทนัฐยืนมองชินพัตน์ที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว หลังจากลดน้ำต้นไม้ในสวนของยายเสร็จ

“ผมคงคิดมากไปเองจริงๆนั้นแหละ อ้อ แล้วก็ต้นบอกว่าจะกลับไปฝึกงานแล้วด้วย”ชินพัตน์อธิบายอย่างอารมณ์ดี

“ดีแล้วครับ”

“รดน้ำเสร็จแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วครับ มาผมช่วยกวาดนะ”นนทนัฐยื้อไม้กวาดทางมะพร้าวมาจากชินพัตน์ ที่ตอนแรกรับหน้าที่กวาดลานหน้าบ้าน ที่มีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด

“ไม่เป็นผมทำเองได้ เราแบ่งหน้าที่กันแล้วนี้ แปบเดียวน่าผมกวาดบ้านเก่งนะ ฮึฮึ” ชินพัตน์รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เพราะสบายใจเรื่องพี่ชายแล้ว ต้อนกล้าก็จะกลับไปเรียน ยายก็อาการดีขึ้นเยอะ ทุกอย่างคลีคลายไปในทางทีดี

“งั้นผมขอให้ ไปกวาดบ้านผมมั้งได้หรือเปล่า”

“ได้สิ ผมก็ไปช่วยกวาดประจำไม่ใช่หรือไงที่ร้านคุณนะ” ชินพัตน์หันมาคุยโว แต่มือก็ยังกวาดไม่หยุด

“ผมหมายถึง ที่ห้องนอนของผมต่างหากล่ะ ช่วยขึ้นไปกวาดให้หน่อยได้หรือเปล่าครับ”นนทนัฐรีบจับด้ามไม้กวาดไว้เพื่อรอคำตอบ ชินพัตน์เลยทำตัวไม่ถูกเลยขอกันตรงๆแบบนี้ได้ไง

“อะ อะไร? ห้องคุณก็ไปทำความสะอาดเองสิ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”ชินพัตน์หันหนี แล้วเดินไปกวาดที่อื่นทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตาม ไปมาไม่ห่างเพื่อรอคำตอบ

“ก็ผมอยากให้แฟนของผมไปช่วยทำความสะอาดบนห้องให้นี้ครับ ไม่ได้เหรอ” นนทนัฐใช้ลูกไม้เดิมคืออ้อนและเน้นย้ำฐานะไม่ของคนทั้งคู่อีกครั้ง จนทำให้คนฟังหน้าเริ่มขึ้นสี พอหมดเรื่องกังวลใจกลับรู้สึกเขินอายทุกครั้ง ที่ตอบรับรักและบอกรักคนคนนี้ไปอย่างง่ายดาย

ใช่สิ พวกเราเป็นแฟนกันแล้ว จะไม่เกี่ยวได้ไง 

ชินพัตน์ได้แต่คิดเก้อเขินในใจว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธแบบไหนดีถึงจะไม่รู้สึกแปลกๆ  จะไปเข้าห้องคนอื่น ไม่ใช่สิ เข้าห้องคนที่พึ่งตอบรับการเป็นแฟนมาหมาดๆได้เลยงั้นเหรอ  ชินพัตน์????

“ฮึฮึ ผมล้อเล่น ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นก็ได้ครับ “ นนทนัฐรีบแก้บท เพราะดูเหมือนชินพัตน์จะคิดหนักกับคำตอบที่แสนง่าย แต่ดูเหมือนจะตอบยากสำหรับ คนรักหมาดๆ คนนี้จริง เขาคงจะรุกหนักเกินไป

“คุณล้อผมเล่นเหรอ โธ่ นึกว่าเอาจริงซะอีก เฮ้อออออ” ชิพัตน์ตาโตเมือได้ยินคำบอกเล่าของคนตรงหน้า ถอนหายใจอย่างโล่งออก

“แต่ผมก็รอวันนั้นนะครับ “นนทนัฐอยากแกล้งอีกเลยก้มลงมากระซิบข้างหูเบา ทำให้ชินพัตน์กลับมาหน้าเห่อร้อนอีกครั้ง

“จะ จะบ้าเหรอ คะ ใครจะไปเข้าห้องคุณกัน ถะ ถึงเอ่อ เป็น ฟะ แฟนกัน เลยจะใช้ให้ช่วยทำโน่นทำนี้งั้นสิ” ชินพัตน์ย่นจมูก ทำเป็นเสียงดังผลักนนทนัฐออกห่างกลัวเห็นสีหน้าเขินอายของตนเอง แต่พอจะพูดคำว่าเป็นแฟนก็เสียงเบาลง รู้สึกเขินอายขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ฮ่าๆๆ เปล่าครับก็ผมบอกแล้วไง ล้อเล่นครับ ล้อเล่น อย่างอนเลยนะครับ “นนทนัฐเลยต้องจำนนคนหน้าแดงทำท่าที่เหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่ใช่ เขินอายเอาแต่หลบหน้า ก้มหน้าก้มตากวาดพื้นต่อไป

“ผมไม่ได้งอนเหอะ”

“ครับๆ ผมช่วยกวาดดีกว่านะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน” นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายกวาดวอนๆอยู่ที่เดิม ดูท่าคงกวาดไม่เสร็จแน่ เดี๋ยวจะค่ำเกินไปเลยอาสาเดินไปหยิบไม้กวาดอีกอันมาช่วยกวาด จะได้รีบกลับ


 



  ต่อด้านล่างจ้า

 :katai5:  :katai5:  :katai5:   :katai5:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 12-07-2015 19:40:02

มาอ่านต่อกันเลยจ้า


 ทั้งคู่ก็ขับรถกลับมาจากบ้านสวนคนล่ะขัน และดูเหมือนจอยจะยังไม่กลับมาจากบ้านแม่ ป้าพรบอกว่าจอยโทรมาบอกว่าจะค้างับแม่แล้วตอนเช้าจะรีบมาช่วยเปิดร้าน ชินพัตน์ก็รับรู้และก็อยากให้จอยกับแม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้บ้างก็ดี เพราะช่วยที่ร้านตลอดจนไม่มีเวลากลับบ้านเลย ส่วนป้าพรก็ได้มีโอกาสโทรคุยกับที่บ้านและที่ร้านของแม่เขาประจำอยู่แล้วเลยไม่เป็นห่วงแต่ก็ถามเสมอ ว่าอยากกลับไปเยี่ยมบ้านให้บอกได้จะรีบพาไปทันที่ ป้าพรก็ยิ้มรับ และขึ้นไปสวดมนต์และได้นอนพักผ่อนแต่หัวคำ  เรื่องมื้อเย็นก็เตรียมไว้ให้หลายชายเรียบร้อบแล้วรวมถึงเพื่อนบ้านอีกคนด้วย


“คุณมานั่งสิ ป้าทำกระเพราลูกชิ้นไว้ให้ด้วยล่ะ”ชินพัตน์เปิดฝาชีเห็นเมนูโปรดรีบชวนอีกคนนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ครับ เดี๋ยวผมตักข้าวให้”นนทนัฐอาสาตักข้าวจากหม้อที่อุ่นข้าวไว้รอ และเป็นที่คุ้นเคยเพราะมาทานประจำแล้วรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนหยิบจับได้คล่องไม่ต้องเอยถามเจ้าบ้านเลย ชินพัตน์ก็นั่งยิ้มวันนี้จะได้กินข้าวแบบสบายใจได้สักที

“ไข่เจียวนี้ก็อร่อยนะคุณ ไม่ธรรมดาผมบอกเลย”ชินพัตน์นำเสนอเมนูแสนจะทำไม่ดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาแน่นอน

“ครับผมรู้”

“อืม อู้อ้ออินเออะๆอิ”ชินพัตน์ที่ข้าวเต็มปาก เพราะทั้งหิวแล้วก็อยากจะพูดในคราวเดียวกัน

“ค่อยๆกินครับ เดี๋ยวสำลักนะ” นนมนัฐเอืมมือมาหยิบเม็ดข้าวที่หลุดพ้นออกมาน้องริบฝีปากที่เอาแต่เคี้ยวตุ้ย ด้วยความอารมณ็ดี ทำให้เจริญอาหารทุกอย่างตรงหน้าดูจะอร่อยไปหมด ทั้งๆที่กินแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต

“ฮ่า อร่อยสุดๆ คุณก็ตักกินเข้าไปสิ นั่งมองอยู่ได้”ชินพัตน์กลืนคำแรก ก็พูดได้อย่างเดิมแถมชมไม่หยุดปาก แถมยังบังคับคนข้างกายให้รีบตักกินด้วย

“แนะยังจะมานั่งยิ้มอีก เอานี้กระเพราะลูกชินของโปรดผมเลยนะ”ชินพัตน์ตักผัดดกระเพราลูกชินใส่จานให้อีกฝ่าย พร้อมบอกเสร็จสับว่าเป็นขอโปรดตนเอง ยกยิ้มอย่างพอใจ

“ขอบคุณครับที่ แบ่งของโปรดมาให้ผม”นนทนัฐยกยิ้มแล้วตักข้าวเข้าปากตาม กระเพราลูกชิ้นก็เป็นของโปรดของเขาเหมือนกัน แต่ตอนนี้โปรดปรานเจ้าของลูกชิ้นมากขึ้นทุกวัน

“พ พูดมากน่ากินๆเข้าไปเหอะ ก็กับข้าวมีแค่ สองอย่าง ก็ต้องแบ่งๆกันสิ ชิ” ชินพัตน์พูดแก้เขินและตักกินเองไม่สนใจคนข้างอีก
.
.
.
“ผมล้างจานเอง ชินไปเก็บโต๊ะเถอะ”นนทนัฐยกจานทั้งหมดที่ไม่หลงเหลือแม้กระทั้งเศษอาหารเพราะทั้งคู่ช่วยกันจัดการเรียบร้อยหมด ป้าพรรู้คงดีใจที่ทำให้แล้วทานหมดเกลี้ยงแบบนี้

“อืม ได้”

“พรุ่งนี้คุณจะเปิดร้านไหม”

“ผมจะไปเฝ้ายายแทนพี่ผมนะ พี่ใหญ่จะกลับไปดูร้าน”

“อ้อ งั้นผมจะมาช่วยป้าพรกับจอยแทนเองนะ”

“เออ แล้วคุณไม่เปิดร้านเหรอ ปิดไปหลายวันลูกค้าหายหมดนะ”ชินพัตน์เกรงใจขึ้นมาทันที่เมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวว่าจะมาช่วยดูร้านให้

“ก็คงต้องปิดอีกสักวันคงไม่เป็นไร”

“เออ แต่ว่า”

“ไม่มีแต่ครับ ตกลงตามนี้นะครับ”

“อืม”ชินพัตน์ไม่อยากขัดใจอีกฝ่ายเลยเอออ้อตามนั้น แต่ก๊อกห่วงไม่ได้เพราะร้านของของตนเองลูกค้าประจำมีเยอะ แต่ร้านของชินพัตน์พึ่งเปิดได้ไม่นานเล่นมาปิดต่อเนื่องหลายวันแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ถ้าพรุ่งนี้ยายได้ออกจากโล่งพยาบาล แล้วพวกเราก็กลับมาเปิดร้านได้ปกติไงครับ อย่าคิดมากนะครับ” ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ

“ผมว่าพวกเราต้อง ประกาศรับสมัครคนเพิ่มอย่างจริงๆจังๆแล้วล่ะครับ”

“นั้นสิครับ ถ้ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำพวกเราจะได้ไม่ต้องปิดร้านไปแบบนี้อีก”นนทนัฐพูดเสริม

“งั้นคืนนี้ผมจะออกแบบใบประกาศรับสมัครงาน แล้วทำออกมาเยอะเพื่อจะปิดประกาศไปให้ทั่วดีกว่า”ชินพัตน์เสนอ

“คุณนะ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี่ยวผมทำเอง พรุ่งนี้คุณต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้านะครับ”

“แต่ว่า ตอนนี้มันพึ่ง สองทุ่มเองผมว่าผมไปช่วยคุณคิดคำพูด ที่จะลงในประกาศแล้วก็คุณสมบัติต่างที่จะมาช่วยที่ร้านผม คุณรู้เหรอว่าจะพิมพ์ว่าอะไรบ้าง?” ชินพัตน์นึกได้เลยรีบแย้งเพื่อต้องการช่วยกันทำงานนี้

“โอเคครับ แต่ถ้ามันดึกเกินไปแล้วคุยต้องรีบเข้านอนนะครับ”

“ได้ๆ ผมว่าไม่ถึง 4 ทุ่มก็เสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันง่วงด้วยซ้ำเชื่อมือผมสิ”

“ครับๆ”

“งั้นรออะไร ไปลุยกันเลยสิ” ชินพัตน์ไม่พูดเปล่าเดินนำออกจากประตูหลังร้าน เพื่อเดินไปยังร้านของนนทนัฐโดยไม่ได้คิดอะไร แต่นนทนัฐยกยิ้มกับท่าที่ตลกๆแล้วก็คำพูดเหมือนตัวละครในหนัง

“อ้าว คุณมั่วแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ รีบๆเปิดประตูสิ งานจะเสร็จไหมวันนี้อ่ะ” ชินพัตน์ทำท่าท่างเหมือนลูกพี่สั่งลูกน้องให้รีบทำงานส่งให้เสร็จทันเวลา ดูน่าตลกจนอดขำไม่ได้

“เวลาคุณอารมณ์ดี คุณจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ฮึฮึ”นนทนัฐหัวเราะในรำคอ พยายามมจะไม่หัวเราะออกมา

“เออ ผมโอเวอร์ไปเหรอ แหะๆๆ เออ ก็ เป็นแบบนี้แหละ” ชินพัตน์ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจับสังเกตตนเองได้ เพราะเวลา รู้สึกสบายใจ รู้สึกสนุก ก็จะปล่อยตัว ทำท่าทางตลกๆ ทำเสียงเรียนแบบในละครมั้ง จนรู้สึกเก้อเขินเกาท้ายทอยไปมา ทำอะไรไม่ถูก

“ผมชอบที่คุณทำตัวตามสบาย เวลาที่อยู่กับผมแบบนี้ ผมรู้สึกว่าคุณเห็นผมเป็นคนสำคัญอีกคนในชีวิตคุณแล้ว ผมดีใจนะ” นนทนัฐส่งยิ้มอ่อนโยนส่งกลับไปหาคนที่ยืนฟังนิ่ง คิดไม่ว่าตนเองจะทำให้ดีใจได้มากขนาดนี้มาก่อน

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีมากขนาดไหน ในความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแบบนี้

“เข้าข้างในกันเถอะ ตรงนี้ยุงเยอะ”

“ก็คุณมั่วแต่ชวนผมคุยอ่ะ เดินนำไปสิ”ชินพัตน เหมือนสติจะหลุดออกจากร่าง เมือนเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของคนตรงหน้า แต่สติกลับเข้าร่าง เพราคำว่ายุง บินอยู่รอบๆต้วเยอะแยะไปหมด

“คุณยืนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมเดินไปเปิดไฟก่อน”นนทนัฐพาชินพัตน์มายืนนิ่งด้านหลังร้านที่เหมือนสนิท แต่เพราะด้วยความเคยชินนนทนัฐเลยเดินไปหาที่เปิดไฟได้อย่างรวดเร็ว แสงสว่างก็ทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นมาทันที  นนทนัฐเดินไปเปิดเครื่องคอม และหยิบกระดาษมาให้ชินพัตน์เขียน คุณสมบัติในการรับสมัครคนงาน ตัวเขาเองก็รองพิมพ์รายละเอียดคราวๆในโปรแกรม สำเร็จรูป

“คุณแบบนี้ ก็โอเคแล้วนะผมว่า”ชินพัตน์เอยขึ้นเมื่อเห็นงานใบประกาศของทั้ง สองร้านปริ้นออกมาดูตัวอย่าง ทั้งสองใบ

“อืม ผมก็ว่าดีนะ งั้นตกลงเอาตามนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมสั่งปริ้นออกมาสัก อย่างละร้อยแล้วกัน ไม่พอยังไงก็คอยมาปริ้มเอาใหม่เพิ่ม”

“งั้นเดี๋ยวผมชงโกโก้ร้อนให้นะ”ชินพัตน์ทำท่าจะลุกไปจากเก้าอี้ แต่โดนอีกฝ่ายคว้าเอาไว้ก่อน

“ชินครับ ไม่ต้องหรอก นี้ก็ดึกมากแล้วผมว่าคุณกลับไปนอนเถอะ”นนทนัฐยื้อให้อีกฝ่ายมานั่งแล้วหันไปดูนาฬิกาที่หน้าจอผม เกือบจะ4 ทุ่มแล้ว

“ก็งานยังไม่เสร็จ ผมจะหนีกลับไปนอนได้ไง”

“ก็เหลือแค่ปริ้นออกมาอย่างเดี่ยวเอง ผมทำเองได้ ชินกลับไปนอนเถอะครับ”

“ไม่ ผมจะช่วยเรียง ตั้ง 200 แผ่นคุณจัดคนเดียวไม่ไหวหรอกน่า “ชินพัตน์ดึงดันจะช่วย เพราะยังไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด

“โอเค ผมรู้แล้ว”นนทนัฐนึกเรื่องแกล้งคนรักให้รีบกลับห้องตัวเองได้แล้ว ทั้งที่จริงแล้วก็อยากใก้อยู่ด้วยกันนานๆก็ตามเถอะ

“รู้อะไรของคุณ สั่งปริ้นสิ ผมรออยู่”

“คุณอยากจะช่วยใช่ไหม”

“ก็ใช่สิ”

“งั้นบนห้องผม” นนทนัฐลุกจากเก้าอี้ แล้ววางแขนไว้ที่พักแขนของเก้าอี้ของชินพัตน์นั่ง เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายลุกหนีไปไหน

“ห ห้องคุณทำไม นี้!!!!!” ชินพัตน์เริ่มรู้สึกแปลกๆ

“คุณอยากไปช่วยทำความสะอาดที่ห้องของผมไหมล่ะ”

“มะ ไม่ก็ผมบอกแล้วว่าห้องคุณคุณก็ทำเองสิ ถอยออกไปเลยนะ” ชินพัตนดันให้อีกฝ่ายออกห่างเพราะทำท่าทางเจ้าเลห์ แผลเยอะกับเขาตลอด ชินพัตน์ลุกหนีออกไปจากเก้าอี้ได้แล้ว

“ก็เมื่อกี้คุณบอกอยากจะช่วยอยู่เลยนี้ครับ ทำไมเปลี่ยนใจเร็วจัง” นนทนัฐก็เอาแต่เดินตาม

“ไม่ช่วยแล้วก็ได้ ผมจะกลับร้านแล้ว” ชินพัตน์เหมือนโดนจ้องจะจับกินจากหมีตัวโตที่ก่อนเคยเป็นตุ๊กตามีตัวอ้วนกอดแล้วอบอุ่น แต่กลับเป็นหมีเจ้าเล่ห์จ้องจะจับ เข้ากินได้ทุกเวลาแบบนี้ได้ยังไงกันนะ

“ชิน เดี๋ยวก่อนครับ “นนทนัฐรับไปคว้าตัวคนที่ทำท่าจะวิ่งนี้ มากอดไว้จากด้านหลัง

“ปล่อยเลยนะ ปล่อยสิ!!!” ชินพัตน์ตกใจนึกว่าจะหลบพ้นแล้วซะอีก

“ชูววววว ผมขอโทษผมแค่แกล้งคุณเล่นเฉยๆ ก็คุณไม่ยอมกลับไปนอน “นนทนัฐพูดเสียงเบา โยกตัวอีกฝ่ายเหมือนปลอบโยน

“นี้คุณแกล้งผมเหรอ?!!!” ชินพัตน์รู้ว่าตนเองโดนแกล้งอีกแล้วก็หันมาทำหน้ายักใส่ แล้วก็ทุบอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ

“โอ้ย ชิน ผมเจ็บนะครับ ทำไมแฟนผมมือหนักจัง “นนทนัฐโอดครวญแล้วคว้ามืออีกฝ่ายไว้

“ก็คุณ ชอบแกล้งผมทำไมล่ะ”

“ขอโทษครับผมขอโทษ อย่างอนผมเลยนะครับ”

“ผมไม่ได้งอนเหอะ” ชินพัตน์พูดสวนแต่ท่าทางตรงกับข้ามมองค้อนแล้วหันหน้าหนีทันที่

“ครับๆ ไม่ได้งอนก็ดีแล้วครับ ดึกแล้วนะไปนอนเถอะครับ”

“ก็ปล่อยมือผมสักที่สิ”ชินพัตน์ก้มมองมือตนเองที่ยังโอนอีกฝ่ายจับไว้แน่น

“ฝันดีนะครับ”นนทนัฐดึกอีกฝ่ายเข้ามาหอมแก้ม พร้อมดีดตัวหนีกำปั้นที่จะตามกลับมา

“ฝากไว้ก่อนเถอะนะ”ชินพัตน์ตาโตเอามือกุมแก้มที่โดนขโมย และชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างฆ่าโทษ

“รีบๆมาหอมแก้มผมคืนนะครับ ผมรออยู่” นนทนัฐทำท่าหลบอยู่หลังตู้เย็นโผล่หน้าออกมาดู
ชินพัตน์ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เดินกลับบ้านของตนเอง ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่โกรธ โมโห อะไรทั้งนั้น มันคือความสุขเล็กที่พวกเขาจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะไม่มากจนเกินไป แต่ก็ไม่น้อยเกินกว่าจะเลื่อนขั้นไปได้เร็ว พัฒนาการของความรักที่ค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยภายในจิตใจ

แบบนี้เขาเรียกว่าความรัก รู้สึกดีทุกครั้งที่อีกฝ่ายสัมผัส แต่ถ้ามากไปกว่านี้คงยังเร็วเกินไป

ขอให้ความรักครั้งนี้เข็มแข็งและยังยืน และเดินเคียงข้างกันไปแบบนี้

และเมื่อวันที่เราสองคนพร้อมจะเป็นหนึ่งเดียว


 ความรักจะเป็นสิ่งที่จะบอกพวกเรา









 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:


  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
ขอโทษคนอ่านทุกคนนะคะ ที่เงียบหายไปนานหลายวัน
ทำงานหลายอย่าง ยุ่งมากจนไม่มีเวลามาลงนิยายเพิ่ม
วันนี้ พิเศษให้นะคะ ประมาณ 4 ทุ่มจะมาลงตอนที่ 68 ให้อ่านกันต่อเนื่องเลยจ้า

 :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
 
 ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ


ฝากเพจด้วยนะคะ 


     https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99/867601116640024   




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 12-07-2015 22:31:11

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:



                                         เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 68

      ชินพัตน์เตรียมตัวไปที่โรงพยาบาลแต่เช้า ก่อนออกมาจากร้านก็เจอหน้าคนที่ทำให้ตนเองนอนไปหลับ กว่าจะสงบจิตใจได้ก็ปาเข้าไปเกือบๆเที่ยงคืน  ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุกับยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แถมยังยกใบประกาศรับสมัครงานมาปึกใหญ่ ส่งให้ทั้งป้าพรและจอยช่วยกันดู

“คุณจะไปโรงพยาบาลแล้วเหรอ”

“อืม”

“รีบไปรีบกลับนะครับ คิดถึง” นนทนัฐมองซ้ายมองขวาก้มกระซิบให้คุณเจ้าของร้านได้ยิ้มเพียงคนเดียว

“ร รู้แล้วน่า “ชินพัตน์รีบผละตัวออกห่าง นึกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมากกว่านั้นซะอีก อุณหภูมิของอีกฝ่ายยังคงหลงเหลือ ถึงแม้จะขยับหนีมือไปไม่ไกล แต่ยังคงทำให้ชินพัตน์รู้สึกร้อนหน้าไปหมด จนต้องรีบเดินหนีไปขึ้นรถ

   นนทนัฐเห็นคนรักเขินก็ยิ้มชอบใจ เดินตามไปส่งขึ้นรถ แต่ก็ไม่วายโดนอีกว่าดุเข้าให้ว่าจะตามออกมาทำไม เข้าไปช่วยงานป้าพรกับจอย นนทนัฐเลยทำได้แต่ โบกมือบาย แล้วก็พูดไม่มีเสียง ช้าๆ  ให้ชินพัตน์เห็นและเข้าใจเพียงคนเดียว


ผม รัก คุณ นะ


ชินพัตน์เข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายสื่อสารมาได้อย่างดี แต่ทำเป็นแลบลิ้น ปลิ้นตาใส่อีกฝ่าย แล้วยกไม้ยกมือไล้อีกฝ่ายให้กลับเข้าไปทำงาน แล้วก็รีบขับรถออกไป แต่ก็ยังแอบมองจากกระจงมองข้าง ว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่ไหม
ยังจะมายืนโบกมืออยู่ได้


ชินพัตน์ก็เอาแต่สายหน้าไปมา แต่ปากยิ้มไม่หุบไม่อยากจะเชื่อว่าคนคนจะทำให้เขายิ้มได้อย่างมีความสุขแบบนี้


     ชินพัตน์ขับรถมาถึงโรงพยาบาล แล้วก็เจอพี่ชายที่ลานจอดรถพอดี ได้พูดคุยกันเรื่องอาการของยาย แล้วก็เรื่องต้นกล้าเล็กน้อย ก่อนที่นพคุณจะรีบขอตัวไปดูร้านเพราะไม่ได้เข้าไปดูเลยจะไม่ดี ชินพัตน์ก็เห็นด้วยกับพี่ชาย ถึงแม้เพื่อนอย่างพี่แมน จะรู้จักกันมานานก็ใช่ว่า จะให้พี่แมนดูแลคนเดียวทั้งหมดมันก็เกินหน้าทีของเขาเกินไป

“พี่ฝากดูยาย กับต้นด้วยนะ พี่จัดการเรื่องที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่จะรีบมา”นพคุณตีบ่าน้องชายเบา

“ได้พี่ ไม่ต้องห่วง รีบไปเถอะพี่” นนพคุณก็รีบขึ้นรถและขับกลับไปที่ร้านตนเอง

“ต้นยายเป็นไงบ้าง”

“อ้าวพี่ชิน มาแล้วเหรอครับ มาทันเจอพี่เขาหรือเปล่า พึ่งลงไปได้ซักพัก”

“เจอกันแล้วล่ะ อาการยายเป็นไงบ้าง”

“คุณพยาบาล บอกว่าตอน 09.00 โมงคุณมองจะมาดูอาการอีกครั้ง ถึงจะบอกได้ว่ายายสามารถกลับบ้านได้หรือยังครับ”

“งั้นเหรอ แล้วต้นทานมื้อเช้าหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรมาให้กินนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวต้นรอยายตื่นก่อน หาข้าวหายาให้ยายกินก่อนแล้วต้นค่อยไปหาอะไรทานเองครับ”

“เอาน่า ไม่รู้ว่ายายจะตื่น ตอนไหน จะหิ้วท้องรอทำไม ที่สำคัญ พี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกัน รีบมาจนลืมกิน ปานนี้ป้าพรบ่นพี่ใหญ่แล้วล่ะ”

“ ฮึฮึ เหรอครับ งั้นเดี๋ยวต้นลงไปซื้อให้เองนะครับ พี่ชินรออยู่ข้างบน เฝ้ายายแทนผมหน่อย ผมยากไปซื้อของใช้เพิ่มนะครับ”

“ซื้ออะไร? เดี๋ยวพี่ให้ไปซื้อเอง ต้นอยู่กลับยายเถอะ พอยายตื่นมาไม่เจอจะต้น จะร้องไห้งอแง เอาน่า ฮ่าๆๆ “ ชินพัตน์อยากจะให้ต้นกล้าได้สนุกสดใสเหมือนแต่ก่อน เลยแกล้งคุยตลกให้อีกฝ่ายขำ

“ฮ่าๆ ยายไม่งอแงหรอกครับ “

“งั้นก็ตามนี้ ต้นอยากได้อะไร จดใส่กระดาษมาเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ แล้วมีอะไรที่ยายอยากทานไหม มีอะไรที่หมดห้ามไม่ให้ทานบ้างหรือเปล่า”เพราะชินพัตน์อยากจะซื้อพวกของบำรุงมาให้ยาย ทานแล้วก็ซื้อกลับไปที่บ้านสวนด้วยเลยที่เดียว

“ไม่มีครับ ทานได้ปกติ แต่พี่ชินอย่าซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยนะครับ ของเยี่ยมของคุณลงคุณป้า ป้าพรกับจอยก็เยอะแยะไปหมดแล้วครับ”

“ได้ๆ งั้นเอารายการของต้นมา เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาซื้อเอาที่แถวๆที่ฝึกงานก็ได้ครับ เหมือเวลาอีกตั้งหลายวัน”

“ซื้ออะไรมั้งเหรอ?” ชินพัตน์สงสัย

“เอ๊ะ เออ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่เสื้อผ้าเตรียมๆไว้แค่นั้นเองครับ”ต้นกล้ายิ้มเจื่อน เพราะตัวเองแถบจะไม่มีเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการเลย มีแต่ชุดนักศึกษาเท่านั้นเอง จะใช่ชุดนึกศึกษาฝึกงานตลอดก็คงไม่ไหว อยากจะหาเสื้อเชิ้ตกางเกงผ้าที่ใช่เข้าในที่ทำงานไปฝึกงานแล้วจะได้ไม่ทำให้เสียชื่อสถาบัน แต่ก็ยังไม่มีเวลา แล้วเงินทำงานพิเศษก็ยังไม่ออก หยุกงานแบบนี้ก็ยังไม่ได้บอกลา  ต้นกล้าเริ่มคิดหนักขึ้นมาอีกครั้ง

   จนทำให้ชินพัตน์ที่จะลองเกริ่นถามเรื่องฝึกงาน เลยต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน หาข้าวทานกันให้อิ่มท้อง น่าจะอารมร์ดีแล้วค่อยถามเรื่องเรียน เรื่องไปฝึกงาน ที่ไหน เมื่อไร อีกที  ก็ได้แต่ตอบรับแล้วก็รีบออกไปหาซื้อมื้อเช้ามาทานด้วยกัน
.
.
.
กลับเข้ามายายก็ตื่นขึ้นมาพอดี ต้นกล้ากำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้กลับยาย รถส่งอาหารของคนไข้ก็เข้ามาส่งพอดีเช่นกัน ยายก็ทานข้าวของที่โรงพยาบาลจัดให้ ต้นกล้าและชินพัตน์ก็ทานอาหารที่ไปสรรหาซื้อมาจากโรงอาหารภายในโรงพยาบาล  เป็นจังหวะที่ นางพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการของยายก็เลยถามเรื่องอาการ และเรื่องอาหารที่งดทานมีอะไรบ้างหรือเปล่า

“ไม่มีค่ะ แค่คอยระวังเรื่อง หวานจัด เข็มจัด เผ็ดจัด ให้ทานผักผลไม้เยอะๆนะคะ จะได้ไม่ป่วยแล้วก็ไม่มีโรงแทรกซ่อน แล้วก็โรคคนแก่ ทั้งเบาหวาน ความดัน ปวดเข่า สายตาก็ต้องระวังนะ แต่ดูแล้วรวมๆยายก็สายตาดี กว่าคนวัยเดียวกันนะ” พยาบาลทิ้งคำชมไว้ให้ยายและหลานได้ยิ้ม เพราะทั้งบ้านทานแต่ผักผลไม่ที่ปลูกเองทั้งนั้น
 
      ช่วงสายคุณหมอก็เข้ามาตัวดูอาการของยายอีกครั้ง แล้วก็ผลออกมาเป็นไปในทางที่ดี หมอบอกให้นอนพักอีกซักคืนก็ได้ หรือถ้าอยากกลับก็กลับได้เช่นกัน ทำให้ทั้งยายยกยิ้มดีใจที่จะได้กลับไปบ้านสวนแล้ว แต่ก่อนกลับ พยาบาลก็เข้ามาอธิบาย วิธีการดูแลรักษาแขนด้านที่มีเฝือกออกอยู่ ทั้งต้นกล้าและชินพัตน์ก็ตั้งใจฟัง เพราะหลังจากนี้ต้องเป็นหน้าที่หลักของพวกเขาแล้ว

“ยายจ้าดีใจไหมจะได้กลับบ้านแล้ว” ต้นกล้ากอดเอวยายอย่าประจบยิ้มล้าเมื่อรู้ว่ายายหายดีจนกลับบ้านได้แล้ว

“จ้า ไม่รู้ว่าผักจะเป็นไงบ้าง ไม่ได้ลดน้ำซะหลายวัน” ยายอดห่วงพืชผักที่สวนไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงครับยาย เมื่อวานผมกับนนท์ไปลดน้ำต้นไม้ให้แล้วครับ ทั้งสวนเลย แถมกวาดใบไม้ให้ด้วยนะครับ หล่นเต็มหน้าบ้านเลย”

“ขอบใจจ้าพ่อหนุ่ม”

“งั้นเดี๋ยวผมไปคุยกับทางโรงพยาบาลเรื่องคุณยายจะออกจากโรงพยาบาลนะครับ”

“จ้า ขอบใจมาก”

“พี่ชิน ต้นไปด้วย”

“ไม่ต้องไป ต้นช่วยยายเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ พี่คุยธุระแปบเดี่ยวจะได้กลับมารับ ยายกับต้นพอดีไง” ชินพัตน์ตัดบท เพราะรู้ว่าต้นกล้าคงรู้เรืองที่เข้าจะไปจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับทางโรงพยาบาล เลยสั่งให้ต้นกล้าอยู่กับยายแทน

“แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่ ไปเร็วพายายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ชุดยายอยู่ในถุงนะ” ชินพัตน์รีบออกมาจากห้องก่อนที่ต้นกล้าจะตามมาและปฎิเสธของที่เข้าเตรียมไว้ให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ของยาย เพราะอยากให้ยายได้เจอสิ่งดีๆสิ่งใหม่ ๆ เมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล

     พอจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็โทรบอกพี่ชายและพ่อกับแม่ทันที่ ครั้งนี้เขาจะไม่ผิดพลาดอีก รู้ว่าครั้งที่แล้วพ่อกับแม้โกรธเขามากๆที่ไม่รีบโทรบอก แต่เมื่อรู้ว่า ตัวเขาเองก็เกือบสติหลุด เมื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนั้น จนไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง พ่อกับแม่ของเขาเลยไม่ได้ต่อว่าอะไร

“แม่ครับ ยายออกจากโรงพยาบาลวันนี้ครับ”

(“อ้าวเหรอตาชิน ดีจังหมอบอกว่าอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมลูก”)

“ครับ ยายดูเป็นปกติดีแล้วครับ เหลือเพียงดูแลเรื่องแขนที่เข้าเฝือกอ่อนไว้ให้ดีๆนะครับ”

(“ฝากบอกยายด้วยนะลูก เดี๋ยวถ้าแม่ว่างๆจะไปเยี่ยมนะ”)

“ครับแม่ “ผู้เป็นแม่ก็ว่างสายไป แต่ชินพัตน์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าจะถามเรื่องของพี่ชาย ว่ามีปัญหารอะไรกับแม่ของตนเองหรือเปล่า แต่ผู้เป็นแม่ก็ว่างสายไปก่อนซะแล้ว

เอาไว้ค่อยถามที่หลังแล้วกัน

ชินพัตน์คิดได้แบบนั้น เลยรีบโทรบอกพี่ชาย ว่าถ้ากลับมาก็มาเจอกันที่บ้านสวนเลย เพราะยายกลับบ้านแล้ว ทำให้พี่ชายดูจะดีใจออกนอกหน้า แต่พอคุยไปสักพักก็ทำเสียหง่อยๆ ถามว่าคุยกับต้นกล้าเรื่องวันไปฝึกงานแล้วหรือยัง ชอนพัตน์ก็เลยเล่นมุก กลับไปบ้าง

“พี่ก็กลับมาถามเจ้าตัวเองสิ แบร่” แล้วชิ่งว่างสายหนีพี่ชายทันที่

เพื่อที่จะโทรบอกคนที่ร้านและคนสำคัญอีกคน ที่ตอนนี้ก็อด จะใช้คำว่าเป็นห่วงไม่ได้แล้ว
ต้องใช้คำว่าคิดถึง เอามากๆเลยตอนนี้
ทำอะไรอยู่นะ

“นนท์ ยายออกจากโรงพยาบาลวันนี้และ ฝากบอกป้ากับจอยด้วยนะ”

(“ดีจัง ยายกับต้นคงดีใจมากๆเลย ให้ผมไปช่วยไหม”)

“คุณจะมาช่วยอะไร อยู่ทำงานที่โน่นนั้นแหละ  เอ่อ แล้วเป็นไงบ้าง?”

(“อะไรครับ อะไรเป็นไง?”)นนทนัฐถามกลับอย่างงง

“เออ ก็คนที่ร้านไง ลูกค้าเยอะหรือเปล่า “ ชินพัตน์เกือบเผลอถามว่าคนปลายสายนั้นแหละเป็นยังไงบ้าง เหนื่อหรือเปล่า แต่ก็ทำเป็นถามเรื่องอื่นแทน

“เยอะครับ ผมต้องมาช่วยจอย ย่างลูกชิ้น ลูกค้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้งเยอะมาเลยครับวันนี้ จากร้านเสริมสวย ร้านนวดแผนโบราน เยอะแยะไม่หมดเลยครับ”นนทนัฐพูดอธิบายโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ชินพัตน์จำลูกค้าแถวนั้นได้ทุกคน แล้วสาวๆในร้านแถวนั้นก็คงแวะมาซื้อเยอะเลยสินะ

“เหรอออออ ชอบเลยสิ ลูกค้าสาวๆทั้งนั้นเลยนี้”

“ครับ ลูกค้าซื้อไปแล้ว ก็วนกลับมาซื้ออีกครับ บอกว่าลูกชิ้นอร่อยมากๆเลย”นนทนัฐก็พาซื่อตอบกลับไปว่าตนเองช่วยขายลูกค้าติดใจ วกกลับมาซื้ออีก จนขายแถบไม่ทัน

แต่ชินพัตน์รู้ว่า สาวๆเหล่านั้นทำไมถึงแห่มาซื้อเฉพาะวันนี้

ไม่รู้โมโหอะไร อยากกลับไปที่ร้านเดี่ยวนั้น แต่ติดตรงที่ต้องไปส่งยายกลับต้นกล้าที่บ้านสวนก่อน

ชินพัตน์ไม่รู้ตัวกดวางสายไปซะแบบนั้น เพราะรู้สึกว่าตนเองทำอะไรไม่ได้เลย

หงุดหงิดอะไรหว่า?????

ตลอดทางเดินกลับมาหาต้นกล้ากับยาย ก็ถามตนเองในใจมาตลอด

“ยายครับ ต้นไปกลับกันเถอะพี่คุยธุระเรียบร้อยแล้ว”

“จ้าจ๊ะ” ยาตอบรับเสียงใส พร้อมกับอยู่ในชุดผ้าไหมอย่างดี

“พี่ต้น เออ แล้วเรื่องค่าใช่ …..”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกต้น พี่จัดการหมดแล้ว ถ้าต้นอยากตอบแทนนะ ต้นกลับไปตั้งใจเรียน ต้องใจฝึกงานแล้วรีบกลับมาหายาย ดูแลยาย แค่นี้ทำได้หรือเปล่า หืม” ชินพัตน์เห็นต้นกล้าทำสีหน้ากังวลเรื่องการเงิน เลยพูดให้ต้นกล้าคิดเรื่องกลับไปใจตั้งเรียน แล้วเรื่องจะตอบแทนเอาไว้หลังจากนั้นก็คงไม่สาย

“เข้าใจครับ” ต้นกล้ากลืนก้อนสะอืนและพยายามกลั้นน้ำตา เพราะสัญญาไว้แล้วว่าหลังจากนี้ไปจะไม่ร้องไห้อีก จะร้องไห้เพราะความดีใจ ที่จะเอาใบปริญญามาฝากให้ยายและทุกๆ คนที่ดีกับเขาขนาดนี้
ต้นกล้า ยกมือไหว้ชินพัตน์เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำได้ตอนนี้

ชินพัตน์รับไหว้จากน้อง แล้วก็กอดปลอบ หลังจากทุกคนเจอเรื่องร้ายๆที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดกับยาย แต่ตอนนี้ก็ผ่านทุกสิ่งไปได้แล้ว หลังจากนี้ต่างหากจะ ปฏิบัติตนและดูแลกันอย่างไรไม่ให้เกเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก
ไม่ว่าจะเป็นใคร คนในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือแม้กระทั้งลูกค้า ก็ไม่อยากจะให้ใครๆ ต้องเจอเรื่อง เจ็บปวดหรือป่วยไข้ เพราะมันทำให้ทุกกคนเป็นทุกข์ คนรอบๆข้างก็เป็นทุกข์

  ชินพัตน์ขับรถพายายมาที่บ้านสวน นพคุณก็โทรหาตอดทาง โทรเข้าเครื่องชินพัตน์บ้าง โทรเข้าเครื่องต้นกล้าบ้าง ถามโน่นนี้ไปเรื่อย ทั้งๆที่อีกไม่นานเดี่ยวตนเองก็จะต้องมาแล้วจะโทรถามให้มากความทำไมกันนะ จนชินพัตน์ต้องดุพี่สาย

“พี่รีบเคลียงานให้เสร็จ แล้วก็รีบมาสิ ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ” ชินพัตน์ตัดสายโทรศัพท์ ที่แย่งมาจากมือต้นกล้า ทำให้ผู้เป็นหลานและยาย ต่างพากันหัวเราะ ชอบใจพี่น้องแกล้งกันเหมือนเด็กๆ

“เดี๋ยวยายนั่งพักตรงนี้นะครับ หรือจะเอนหลังดี เดี่ยวต้นปูเสื่อให้”

“ไม่ต้องหรอก ยายนั่งคุยกับพี่เขาดีกว่านอนมาเยอะแล้ว” ยายพูดติดตลก ทำให้หลานชายยิ้มได้อย่างสบายใจ

“งั้นต้นไปหุงข้าวนะครับ พี่ชินเดี่ยวต้น ทำต้มจืดตำลึงให้กินนะครับ “ ต้นกล้าอาสาจะทำกับข้าวมือเย็น

“ให้พี่ช่วยอะไรไหม”

“ช่วยนั่งคุยเป็นเพื่อนยายเถอะครับ”

    ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ นั่งคุยเป็นเพื่อนยายแล้วลอง เชิงถามยายเรื่องที่ต้นกล้าจะไปฝึกงาน ยายพอจะรู้ลายละเอียดหรือเปล่า ยายก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน ชินพัตน์เลยหันไปชวนคุยเรื่องอื่นแทน
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก จากเครื่องของต้นกล้า ชินพัตน์ทำท่าโมโหคิว่าคงเป็นพี่ชาย ตนเองโทรมาหาต้นกล้าอีกแล้วแน่ๆ เลยแกล้งรับสายทำเสียงล้อเลียน

“ฮัลโล ตอนนี้ต้นไม่ว่างครับ ต้นเข้าครัวทำกับข้าวให้ใครบ้างคน รีบกลับมากินอยุ่”

(“ต้นไม่ว่างรับสายเหรอครับ”)พอชินพัตน์ได้ยินเสียงตอบกับมาเลยรีบดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ไม่ใช่เบอร์พี่ชายของตนเอง แล้วใครโทรมา

ต้องเป็นเพื่อนต้นกล้าแน่

“เออ ขอโทรครับ พอดีต้นกำลังทำธุระอยู่ครับ พี่ เออ ผมเลยรับสายแทนให้ครับ “

(“ใช่พี่ใหญ่หรือเปล่าครับ”)

“ไม่ใช่ครับ เออน้องรู้จักพี่ของพี่ด้วยเหรอ? เออพี่คนที่ชื่อใหญ่นะ น้องรู้จักด้วยเหรอ?”

(“ครับ พี่เขาเคยรับโทรศัพท์แทนต้นกล้าครับ ผมเลยรู้จักพี่เขาครับ”)

“อ้อ แล้วน้องโทรมามีเรื่องด้วยอะไรไหม เดี๋ยวพี่ตามต้นมารับสายให้นะ”

“อ้อ เปล่าครับผมจะโทรมาถามเรื่อง อาการของยายนะครับเป็นยังไงบ้าง เพราะผมบอกอาจารย์ที่มหาลัยว่าต้นติดธุระเรื่องยายเข้าโรงพยาบาลไว้นะครับ เพราะมันเลยช่วงส่งเอกสารที่ฝึกงานแล้วนะครับ ผมเลยไปจัดการทำเรื่องให้ต้นทั้งหมดนะครับ”

“อ้อ ขอบใจแทนต้นด้วยนะ ยายสบายดีแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้ครับ”

(“เหรอครับดีจัง ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมกลัวว่าต้นจะเป็นห่วงยายจนไม่มา ฝึกงานะครับ อาจารย์ก็เป็นห่วงเหมือนกันครับ”)

“เออ จริงสิ พี่มีเรื่องจะถามน้อง  เออแล้วน้องชื่ออะไรพี่จะได้เรียกถูก พี่ชื่อ พี่ชินพัตน์ เรียกพี่ชินเหมือนต้นก็ได้”

(“ครับ ผมชื่อหม่อนครับ จะถามเรื่องอะไรเหรอครับพี่”)

“เริ่มไปฝึกงานวันไหนเหรอ”

(“ ต้นเดือนหน้าครับ แต่ปลายเดือนนี้ต้องจัดการเรื่องเอกสารส่งให้ทางมหาลัยให้เรียบร้อยนะครับ อาจารย์เขาก็รอต้นอยู่ครับ เหลือต้นคนเดี่ยว เพราะผมก็ได้แค่บอกอาจารย์ให้รู้เรื่องต้น มีเรื่องจำเป็นยังมาเสนองานกับพวกอาจารย์ไม่ได้”)

“อ้อ แล้วที่พวกน้องไปฝึกงานอยู่ที่ไหนเหรอ ไกลมากไหม”

(“ก็บริษัท เอ นะครับ อยู่แถวๆรังสิตนะครับ”)

“อ้อ แล้วไปฝึกแล้วมีที่พักกันแล้วเหรอ”

(“อ้อ ผมไปพักอยู่บ้านพี่ชายผมเองครับ เลยไม่ต้องเสียค่าเช้าหอครับ “)

“แล้วจะไม่รบกวนพี่เขาเหรอให้เพื่อนไปค้างด้วยตั้งหลายวันแบบนั้นนะ”ชินพัตน์อดเป็นห่วงไม่ได้เรื่องที่พัก

(“พี่ชายผมเขาซื้อบ้านไว้หลังใหญ่มากๆเลยครับ ไม่เป็นการรบกวนเลย แล้วพี่ชายผมก็ทำงานอยู่ที่บริษัทที่พวกผมจะไปฝึกงานด้วยครับ การเดินทางก็สะดวก”)หม่อนอธิบายอย่างออกรสออกจะภูมิใจในตัวพี่ชายที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กอยู่บ้านติดกัน โตมาก็ยังติดต่อกันตลอด ถึงแม้อีกฝ่ายจะย้ายบ้านมาอยู่รังสิตแล้วก็ตาม

“อ้อ พี่เข้าใจแล้วขอบใจหม่อนมากนะ ที่ตอบคำถามพี่”

(“ไม่เป็นไรครับ เพราะรายละเอียดพวกเนี้ยผมก็ตั้งใจจะมาเล่าให้ต้นกล้าฟังพอดี”)

“อ้าว ต้นเองก็ยังไม่รู้เหรอ”

(“ครับ เพราะต้นบอกว่าจะหาที่ฝึกงานเอง หาแถวใกล้ๆบ้าน แต่จนใกล้กำหนดส่งเอกสารให้ทางมหาลัย ต้นก็ยังหาไม่ได้ ผมเป็นชวนต้นมาฝึกด้วยกันครับ”)

“อืม ขอบใจหม่นมากๆเลยนะ ดีใจแทนต้นกล้ามีเพื่อนดีๆแบบนี้ “

(“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ต้นก็ช่วยเหลือผมมาตั้งหลายอย่างครับ ผมเลยอยากช่วยเพื่อนบ้าง”)

“เออ หม่อน มีอีกเรื่องที่พี่สงสัย”

(“อะไรครับ “)

“ที่ฝึกงาน เขาให้แต่ตัวแบบไหนเหรอ “ชินพัตน์นึกถึงเรื่องที่ต้นกล้าบอกอยากจะซื้อเสื้อผ้าเพื่อจะใส่ไปฝึกงาน

(“ก็ชุดนักศึกษา หรือไหมก็เสื่อใส่ทำงานในออฟฟิศให้ดูเรียบร้อยๆนะครับ พี่ชินสงสัยอะไรเหรอครับ?”)หม่อนก็อธิบาย ตามที่เอกสารระบุระเบียบในการเข้ามาฝึกงานให้ ชินพัตน์ฟัง

“ขอบใจมาก พี่แค่อยากรู้ว่าเหมือนกันกับที่ตอนพี่ฝึกหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

(“อ้อครับ งั้นผมฝากบอกต้นด้วยนะครับ “)

“ได้ๆ วันหลังว่างๆแวะมาที่นี้บ้างสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงลูกชิ้นที่อร่อยที่สุดในย่านนี้” ชินพัตน์ได้ที่ก็ไม่วายขายของจนได้เหมือนคุยถูกคอกับหม่อนมากๆ

(“ครับ คงต้องรอหลังฝึกงานครับ ผมจะแวะไปเยี่ยมยายที่บ้านด้วยครับ”)

“ยังไงก็ขอบใจมากนะ “

(“ไม่เป็นไรครับ”)

“กับข้าวเสร็จแล้ครับ”ต้นกล้าที่เดินออกมาจากครัวบอกทุกคนว่ามื้อเย็นพร้อมทานได้แล้ว  และเสียงของต้นกล้าก็เข้าไปในสาย ทำให่หม่อนได้ยินเสียงเพื่อนด้วย

“อ้าวต้นมาพอดี เพื่อนเราชื่อหม่อนโทรมานะ แหะๆพี่คุยด้วยซะตั้งนาน”ชินพัตน์ตอบเขินๆ ยึดโทรศัพท์มาคุยซะนานเลย

“ขอบคุณครับ”ต้นกล้าเดินมารับสายเพื่อนแล้วเดินลงไปคุยด้านล่าง

  ส่วนชินพัตน์ก็เป็นคนเข้าไปจัดสำหรับมื้อเย็นออกมาแทน ตั้งสำรับกับข้าวแล้วก็ดูยาให้กับยายว่ามีก่อนหรือหลังอาหารหรือเปล่า เพราะเห็นต้นกล้าทำแบบนี้ประจำ ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถของพี่ชายเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่เห็นวีแววว่าจะขึ้นมาสักที่ คนที่นั่งรออยู่หน้าอาหารที่มีกลิ่นหอมๆ ยั่วน้ำลายก็กลืนน้ำลายไปหลายอึก หันไปมองยายที่ ชะเง้อมองไปที่บันได ก็ยังไม่ขึ้นมาทั้งคู่เลยตัดสินใจเดินออกมาตาม แต่ก็ต้องชะงักเท้าเพราะสิ่งที่ชินพัตน์เห็น ทั้งตกใจ แปลกใจ

ทำไหมพี่ชายของเขาถึงกอดต้นกล้าแบบนั้นล่ะ

แถมยังกำลังจะพยายามจูบน้องด้วย

เอาไงดีว่าชินพัตน์ จะเข้าไปช่วยน้อง

หรือจะปล่อยให้พี่ชายตัวเองทำเรื่องแปลกๆ?
.
.
.
.
.
หรือว่า พี่ใหญ่จะ……จะ
.
.
ชอบ
.
.
ต้นกล้า?




     
   ก่อนหน้านี้นพคุณอยู่ร้าน เช็คยอดสินค้าเข้าร้านที่แมนช่วยจัดการทำลงสมุดบัญชีไว้ให้ เขาก็เพียงแต่เช็คความเรียบร้อยแล้ว ก็ตรวจลูกชิ้นที่รับเข้ามาเพิ่มพอใช้ขายสำหรับ 1 อาทิตย์ไหม และก็พูดคุยกับแมนว่าช่วงนี้อาจจะต้องพึ่งเพื่อนคนนี้ไปพักใหญ่ๆเลย จนกว่าแขนยายจะหายดี แมนก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะทำงานช่วยเหลือกันมาตลอด ถ้านพคุณมีงานที่ต้องกลับไปช่วยที่ร้านใหญ่ให้กับคุณลุงคุณป้า เขาก็รับหน้าที่ช่วยดูแลแทนตลอด 

“ขอบใจมากเพื่อน มันมีเรื่องต้องไปทำนะ ยังไงก็ฝากที่นี้ไว้หน่อยนะ “นพคุณนั่งคุยกับแมน หลังจากทำงานเอกสารและตรวจดูร้าน แล้วก็ได้พูดคุยกับลูกน้องในร้านบ้าง

“เฮ้ย มาขอบอกขอบใจอะไรกัน ฉันก็ช่วยนายดูร้านแทนนายประจำ เวลานายไปทำธุระให้ร้านของป้า แล้วที่สำคัญนายกลับมาที่ร้านต้องมีของมาฝากลูกๆฉันตลอด แค่นี้ก็เกินพอแล้วเพื่อน” แมนตบบ่านพคุณเบาๆ เพราะแมนเองก็ต้องตอบแทนให้นพคุณในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ช่วยกันมาทำงานที่นี้ ให้ที่อยู่กับเพื่อนอย่างเขาที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย

“แต่ฉันก็ยังขอบใจนายมากอยู่ดีนั้นแหละ เพราะช่วงนี้ฉันอาจจะไม่ได้เข้ามาที่ร้านนี้ ทุกวันนะ”

“ไม่ต้องห่วงเชื่อมือฉันได้ แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่ร้านใหญ่?”

“ไม่ใช่ที่ร้านหรอก เป็นเรื่องของฉันเองนะต้องดูแลเองนะ”

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพื่อน มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะเว้ย”แมนยังไม่รู้ว่าเพื่อนมีปัญหาอะไร แต่ก็อยากจะช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้

“มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องทำมันเองทั้งหมดว่ะเพื่อน สิ่งที่อยากรบกวนนายก็มีแค่ดูแลร้านนี้แทนฉันไปก่อน จนกว่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างลงตัวนะ”

“งั้นเหรอ ได้สิฉันจะดูแลทุกอย่างแทนนายเองนะ ไม่ต้องห่วงเพื่อน”

   นพคุณได้ปรับทุกถึงแม้จะไม่ได้พูดเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสนิทอย่างแมนฟัง แต่ก็สบายใจเรื่องที่ร้านนี้ไปอย่างหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูแลยาย แล้วก็ต้นกล้าที่ต้องไปฝึกงาน เมื่อไร ที่ไหน และที่สำคัญมันนานมากกับการที่จะไม่ได้เจอหน้ากันแบบนี้ นพคุณไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาทำให้ตนเองคิดมาก ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ เป็นเสาหลักให้กับต้นกล้า และดูแลยายให้ดีที่สุดก็น่าจะเพียงพอ เรื่องความรู้สึกของความคิดถึง คงต้องเก็บไว้ส่วนลึกๆของหัวใจ

แล้วรอคอยหัวใจกลับมาอยู่ใกล้ๆกันอีกครั้ง

นี้คือส่งที่เขาทำใด้และจะทำให้ดีที่สุด

นพคุณรีบขับรถกลับมา เพราะน้องชายของเขาเล่นวางสายโทรศัพท์หนีเขาก็ทำได้อย่างเดียวคือต้องรีบกลับไปจัดการเจ้าน้องชายตัวแสบ  พอมาถึงก็ขนเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของตนเองมาด้วย ซื้อของบำรุงร่างการมาให้ยาย ของใช้จำเป็นที่คิดว่าต้นกล้าน่าจะต้องใช่ตอนที่ฝึกงาน เขาอยากจะตามไปส่งถึงที่ฝึกงาน ถ้าไม่ติดต้องดูแลยายเขาคงออกปากขอไปส่งถึงที่ด้วยตัวเอง เพราะเป็นห่วงหลายๆอย่าง แต่ก็ได้แค่หัว ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ขอบใจมากนะหม่อน ถ้าไม่มีหม่อนเราก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ฝึกงานที่ไหนให้ทันกำหนดของมหาลัยแล้วล่ะ”

“อืม อืม”

“พี่ใหญ่ อะไรนะ พี่ชินด้วยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ อืมๆ เข้าใจแล้ว  แล้วไว้เจอกันที่มหาลัยนะ บาย”

  นพคุณยืมมองต้นกล้าคุยโทรศัพท์กับเพื่อน น่าจะเป็นหม่อนที่เคยโทรมาคราวที่แล้ว เพราะได้ยินชื่อของตนเองในบทสนทนาด้วย แล้วที่สำคัญนพคุณยังไม่ได้เล่าเรื่องที่หม่อนโทรมาหาต้นกล้าด้วย ลืมไปซะสนิทเลย


“อ๊ะ!!! มายืนทำอะไรมืดครับ ตกใจหมดเลย”

“มายืนดูว่าเราแจกเบอร์โทรให้ใครกันน่า เคยสัญญากับพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ให้เบอร์ต้นกับใคร”นพคุณทำเป็นแกล้งเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่าต้นกล้าต้องถามเรื่องที่เขาแอบรับโทรศัพท์และได้คุยกับหม่อนตั้งแต่เมือ่ไร

“เปล่านะครับ ต้นไม่ได้แจกเบอร์ให้ใครนะ นี้เบอร์เพื่อนหม่อน แล้ว เออ แล้ว ต้นก็ให้เบอร์เพื่อนไปก่อนที่จะ เออ …”

“ก่อนที่จะอะไรครับ มีพิรุธนะ”นพคุณเดินเข้ามาโอบต้นกล้าไว้แล้วดึงจมูกเล็กนั้นเบาๆอย่างมั่นเคี้ยว

“เออ ก่อนที่จะสัญญากับพี่ไงครับ” ต้นกล้ารู้สึกเขินขึ้นมาทันที่เมื่อนึกถึงเรื่องสัญญาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพราะโดนทำโทษแปลกๆ จากคนตรงหน้า

“แน่ใจเหรอนะ”

“แน่ใจครับ เบอร์โทรนี้พี่ก็รู้จักไม่ใช่เหรอ หม่อนบอกว่าพี่ก็เคยรับโทรศัพท์คุยกันด้วยนี้ครับ”ต้นกล้าได้จังหวะก็ถามเรื่องข้องใจไปในที่

“ครับ พี่รับโทรศัพท์ของหม่อนโทรมาตอนที่ต้นเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลนะ แล้วพี่ก็ลืมบอกด้วย ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ” ต้นกล้ายิ้มอ่อนไม่ได้นึกเคืองอะไร

“งั้นก็ทำโทษพี่สิ ที่พี่แอบรับโทรศัพท์ของต้นนะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ”ต้นกล้าพยายามผละหน้าออกห่างอีกฝ่าย

“งั้นพี่ทำแทนเองนะ ท่าเราไม่ทำ”

นพคุณพยายามกอดต้นกล้าเอาไว้เพื่อจะหอมแก้มต้นกล้าให้ได้
แต่ต้นกล้าก็เอาแต่หลบไปหลบมา
ไม่ให้อีกผ่านทำได้


ไม่รู้เลยว่าทุกๆการกระทำ มีสายตาของใครบ้างคนยืนมองอยู่







 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

 อ่านกันต่อเนื่องไปเลยจ้า  :bye2:  :bye2:  :bye2:






หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-07-2015 00:20:59
โอ๊ย ... ดราม่าพี่ใหญ่อ่ะ เครียดๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-07-2015 03:59:07
พี่ใหญ่สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 13-07-2015 11:45:57
 :hao5: สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 15-07-2015 10:59:07
น่าจับทั้งสองคู่มายืนเรียงแถวแล้วตีก้นคนละป้าบ มัวแต่นิ่งเงียบอมพะนำกันอยู่ได้

เปิดอกคุยกันก็สิ้นเรื่อง จะได้มีที่ปรึกษากันทั้งสองฝ่าย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67+68 [120715] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆกลับมาขายแล้วจ้า^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-07-2015 19:12:34
อ่านถึง 65 ละ ขอมาเม้นก่อน
สงสารต้นมากๆ อ่ะ เข้าใจเลย ในชีวิตคงมีแค่ยาย
ถ้ายายเป็นไรไปคงแย่มากๆ
ถ้าไม่รู้จักพี่ชิน คงแย่กว่านี้แน่ๆ โชคดีที่ต้นได้มารู้จักพี่ชิน

พี่ใหญ่ขอให้ผ่านไปได้นะ ฮือๆ ไม่รู้ลุงกับป้าจะเข้าใจไหม


เดี๋ยวไปกินข้าวละจะมาอ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษ:ขอโทษ [22-10-15] ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 22-10-2015 23:55:13
   

                                                          ตอนพิเศษ  ขอโทษนะ
 


    นพคุณนั่งเช็คบัญชี รายรับรายจ่าย และเช็คสต๊อกสินค้าจนหมดคิดทบทวน ว่าตนเองยังไม่ได้ทำเอกสาร เรื่องไหนอีก เมื่อตรวจจนครบแล้วว่างานทุกอย่าง เขาได้ทำเสร็จหมดไว้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงใครบ้างคน ที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงมาหลายอาทิตย์แล้ว เพียงแค่เรื่องเล็กๆแต่ทำให้เขาและต้นกล้าทะเลาะกันไม่พูดกัน พอดีกับที่ร้านมีปัญหา นพคุณก็ต้องรีบกับมาดูแล เพราะจะปล่อยให้แมน กบพวกคนงานที่ร้านจัดการกันเองไม่ได้อย่างแน่นอน
    ปัญหาที่ร้านนพคุณก็คิดโทษตนเองอยู่เหมือนกัน ที่ไม่ค่อยมาดูแลที่ร้านอย่างเต็มที่ทำไร เพราะงานเลิกปิดร้านปุ๊บก็จะรีบขับรถไปดูยายที่บ้านสวน วันศุกร์ก็จะรีบไปรับต้นกล้า แล้วเสาร์อาทิตย์ก็อยู่ที่บ้านสวนตลอดเลย ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ร้าน คือสินค้าไม่ตรงกับสต๊อคที่ทำไว้ ของไม่ทันส่งลูกค้า รวมทั้งหน้าร้านของก็ขาด ไม่มีของขาย นพคุณเข้าใจว่าอาจจะมีการผิดพลาดกันได้ เลยไม่คิดจะโทษใครเลยในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เรียกทุกคนมาคุยกัน และระมัดระวังกันมากขึ้น ตัวนพคุณเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตนเองปล่อยปะละเลยร้านเช่นกัน
     ทำให้ระหว่าง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานพคุณแทบไม่ได้ไปไหนเลย ทำงานอยู่ที่ร้านตลอด ช่วยงานทุกอย่างอย่างที่เคยทำ ทำให้ลูกน้องคนเก่าและใหม่ ทำงานกันอย่างแข็งขันเพราะเจ้าของทำงานเป็นตัวอย่าง อย่างแข็งขัน ตื่นแต่เช้า และเข้านอนก็ดึก เพราะอยากจัดการทุกอย่างไม่ให้เกิดผิดพลาดอีก จนทำให้เพื่อนอย่างแมนเป็นพวกเพื่อน
“เฮ้ยเพื่อน นั่งเหม่อคิดถึงใคร?” แมนสังเกตเพื่อนมาตลอดอาทิตย์ ทำงานแทบไม่มีหยุดพัก จนน่าเป็นห่วงกลัวจะล้มป่วย และที่สำคัญคือ ซึมๆไม่พูดเล่นเหมือนแต่ก่อน จนลูกน้องหลายคนถามว่า ลูกพี่เป็นอะไร
“เออ เปล่าๆ กำลัง คิดว่าจะสั่งลูกชิ้นมาเพื่อเท่าไรดีนะ พอดีพึงตรวจยอด ที่ลูกค้าสั่ง กับของที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่น่าจะพอนะ”
นพคุณอธิบายยาวเพื่อเบี่ยงประเด็น
“เอาน่าเพื่อน พักบ้างก็ได้อย่าเอาแต่ทำงาน เพื่อที่จะให้ลืมเลยเพื่อน เหนื่อยเปล่าๆ”
  แมนมองเพื่อนอย่างเห็นใจ นพคุณคงต้องมเรื่องกลุ้มใจแน่ๆแต่ทำงานเพื่อบังหน้าไว้
“เฮ้ย ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“เอาน่าข้า ดูหน้าร้านเอง 4 โมงกว่าแล้ว ลูกค้าหมด เดี๋ยวข้าปิดร้านเอง ไปๆไปหาอะไรดื่มเย็นที่บ้านข้าโน่น เด็กๆก็อยู่ ไปคุยเล่นกับหลานมั้ง หลานมันบ่นคิดถึงลุงมัน ไม่มาเล่นด้วยเลย”
นพคุณฟังแบบนั้นแล้วก็คิดได้ว่า ตั้งแต่กลับมาที่ทำงาน ยังไม่ได้แวะไปหาหลานๆ เลยจริงอย่างที่เพื่อนของเขาว่า คงต้องแวะไปหาสักหน่อยแล้ว
“เอา เกือบลืม “แมนนึกขึ้นได้ก็รีบทักนพคุณที่กำลังจะเดินออกไปทางหลังร้าน
“มีคนมาหานายตั้งแต่ บ่ายๆแล้ว แต่เขาบอกว่านายยังทำงานอยู่ไม่อยากกลัว ให้นายทำงานเสร็จก่อนก็ได้ ฉันเลยให้เขาไปนั่งเล่นก็เด็กหลังบ้านนั้นแหละ เดินไปก็เจอกันเอง” แมนพูดแต่ไม่ทันจะหันไปบอกชื่อ นพคุณก็วิ่งออกไปก่อนแล้ว
“ต้องเป็นคนที่ทำให้นายซึมมาตลอดทั้งอาทิตย์ใช่ไหม? “แมนบ่นขึ้นมาลอย แล้วก็ส่วยหัวไปมา

     นพคุณรีบเดินไปตรงบ้านพัก ของแมนและครับครับ เดินมาถึงหน้าลานบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่ มีแคร่ไว้ให้เด็กๆนั่งเล่น ใต้ร่มต้น เด็กๆเล่นกันอย่างสนุก แต่มีใครบ้างคนนั่งหันหลัง เล่นกับเด็กๆอยู่ด้วย แผ่นหลังที่ไม่เห็นมานาน ถึงแม้มันจะแค่ 2 อาทิตย์ แต่ในความรู้สึกของนพคุณ มันนานเหมือนไม่เห็นกันนานเป็นปี หัวใจที่รู้สึกห่อเหี่ยว ตอนนี้เริ่มเต้นแรงเลือดในการเริ่มซูบฉีด เป็นใครไปไม่ได้
ต้นกล้ามาหาเขาถึงที่นี้จริงๆเหรอ?
นพคุณไม่อยากให้ภาพตรงหน้าหายไปเหมือนความฝัน ที่เขาฝันมาตลอดทั้งอาทิตย์ ที่พอสะดุ้งตื่นขึ้น มาต้อนกล้าที่เขานอนกอด นอนคุยอยู่ด้วยกันตลอดคืน ก็จางหายไปพร้อมกับความฝัน

“ลุงใหญ่ ลุงใหญ่มาแล้ว เย้!!!ๆๆ”เด็กที่ที่มองเห็นนพคุณก่อน ต่างตะโกนดีใจที่เห็น ลุงทีแสนใจดีเดินมาหาถึงที่บ้านแบบนี้ แปลว่าลุงใหญ่ของพวกเข้าทำงานเสร็จแล้ว แล้วก็จะได้มาเล่นกับตนเองได้แล้ว เลยดีใจกันใหญ่ วิ่งไปกอดขากอดแข่ง กันชุลมุน
แต่ใครอีกคนที่ได้ยินชื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง สะดุ้งสุดตัว พยายามไม่หันหน้าไปมอง พยายามลุกขึ้น แล้วเลี่ยงเดินหนีให้พ้นจาสายตา ในทันที ทำให้แม่ของพวกเด็กๆที่เดินออกมาดูว่าเด็กๆ เสียงดังอะไรกัน ก็เห็นท่าทางแปลกของเพื่อนของลุงใหญ่ของเด็ก แปลกไปจากเมื่อกี้มา
“คุณๆ พี่ใหญ่มาแล้วนี้ไงจะ “ตะโกนบอกออกไปแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเลย
“ต้นกล้า!!!!”นพคุณที่โดนเด็กๆ พันแข่งพันข้าเข้ามาเล่นด้วยกอดไว้ เลยไม่ทันเห็นว่าต้นกล้าเดินออกไปกลแล้ว เลยตะโกนเรียกไว้เช่นกัน  บอกเด็กว่าขอลุงไปทำธุระก่อนถึงได้ยอมปล่อย นพคุณรีบวิ่งตามต้นกล้าไปที่ถนนใหญ่ ทีมีป้ายรถเมล์
“ต้น ต้นจะไปไหน”นพคุณคว้าแขนต้นกล้าได้ก็รีบถามอย่างร้อนใจ ไหนว่ามาหากัน แต่ยังไม่ทันคุยอะไรกันก็จะกลับมา แถมหน้าก็ไม่ยอมมามองกันดีๆแบบนี้
“ต้น อย่างเป็นแบบนี้สิ พี่ใจไม่ดีเลย จะโกธรพี่ จะต่อว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่ต้นพี่หันมามองพี่ หันมาคุยกับพี่สักคำเถอะนะ “ นพคุณขอร้องออกไป อย่างไม่กลัวคนแถวนั้นที่เดินไปเดินมาจะได้ยิน สิ่งที่เขาพูดแบบนั้นเลย
“ปล่อย ผมจะกลับบ้านแล้ว”ต้นกล้า พยายามดึงมือออก แต่ก็โดนยึดไว้แน่นแถมกำลังก็ต่างกันขนาดนี้ ต้นกล้าเลยเอาแต่ก้มหน้า ไม่มองหน้านพคุณเลย
“ต้น โกรธพี่มากใช่ไหม?” นพคุณรู้สึกได้จากคำแทนตัวเอง ที่ต้นกล้าพูดออกมา ต้นกล้าแทนตัวเอง ว่า (ผม) นั้นมันทำให้นพคุณไม่ยอมปล่อยต้นกล้ากลับบ้านไปได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
“ปล่อยนะ ผมจะกลับบ้าน คุณก็กลับไปทำงานของคุณสิ จะมาเสียเวลากับคนอย่างผมทำไม ปล่อย” ต้นกล้ายังคงพยายามดิ้นลน เพื่อจะหลุดจากออ้มกอดคนตรงหน้า และพูดด้วนร้องเสียงปนสะอื้นเหมือนพยายามกนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“ต้นครับ หันมาคุยกับพี่ดีๆนะครับ กลับเข้าไปคุยกันในบ้านนะครับ นะ”นพคุณใช่ไม้อ่อนค่อยๆโอบร่างกายที่สั่นเทาที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว เริ่มร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทางเดียวคือ ให้ต้นกล้าได้ ร้องไห้พอใจก่อน แล้วค่อยๆคุยกัน น่าจะเป็นทางดีที่สุด

     นพคุณเดินโอบต้นกล้ากลับมาที่ร้าน แต่ตอนนี้หน้าร้านปิดไปเรียบร้อยแล้วนพคุณเลยพาต้นกล้า เข้าทางหลังร้าน เจอเข้ากับแมน ที่เดินออกมาพอดี ทำให้ต้นกล้าอายที่ต้นเองร้องไห้งอแงเป็นเด็กต้อง รีบหลบไปอยู่หลังนพคุณทันที่

“คุยกันดีๆนะเพื่อน ทำน้องเขาร้องไห้แบบนี้ได้ไง” แมนชกต้นแขนของนพคุณแต่ก็ไม่ได้แรงมาเท่าไร แต่คนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังรู้สึกได้ ว่าคนที่เป็นโล่กำลังให้โดนเพื่อน ชกเข้าให้แล้ว
“ไปต้น เข้าไปข้างในร้านกัน”
ต้นกล้าส่ายหน้า เอาแต่ก้มหน้าตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว และก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เพราะต้นกล้าวางแผนไว้ว่า แค่อยากจะมาเห็นหน้า นพคุณแค่สักนิดเดียวก็จะกลับแล้ว แต่ดูทุกอย่างจะบานปลายไปขนาดนี้เลย
“เรามาคุยกันดีๆนะครับนะ “นพคุณพูดขอร้องต้นกล้า และพาต้นกล้าเข้ามานั่งภายในร้านแล้ว
ต้นกล้ามองไปรอบๆร้าน คล้ายๆกับร้านของชินพัตน์ แต่ดูจะเล็กว่านิหน่อย ที่นี้คือที่ คนที่เขารักทำงานมาตลอดสินะ และเป็นที่ที่ ทำให้ไม่ได้เจอกันมาตลอด 2 อาทิตย์ด้วย เมื่อต้นกล้าคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื่นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้ง
“ต้นร้องไห้อีกทำไหมครับ?”นพคุณที่เดินไปเอาเครื่องดื่มเย็นๆเพื่อให้ต้นกล้าดื่ม แต่กลับมาเห็นต้นกล้าเริ่มร้องให้อีกครั้งก็เกือบทำ ขวดหลุดมือ
“ต้น ต้นไม่ได้อยากมารบกวนเวลาทำงานพี่เลยนะ ฮึก ฮือๆ ต้นแค่ ฮือๆ แค่อยากมาเห็นหน้าพี่เท่านั้นเอง แล้วต้นก็จะก็จะกลับบ้านเลย แค่นั้นจริงๆ ฮือๆๆ” ต้นกล้าพรั่งพรูความคิดทั้งหมดที่อยู่ในใจออกมาหมด เพราะว่าคิดถึงคนตรงหน้าจริง คิดถึงมากๆ รู้ว่าคนตรงหน้ามีงานต้องดูแล ต้องรับผิดชอบ จะมาเอาแต่ใจเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ที่จะให้นพคุณมาค่อยไปหาตลอดก็ทำให้การงานต้องมามีปัญหาแบบนี้
ต้นกล้าคิดโทษตัวเองตลอดว่า ที่ที่ร้านของนพคุณมีปัญหาเพราะต้นเองเป็นต้นเหตุ เพราะนพคุณมาหาตนเองที่บ้านสวนตลอดจนไม่มีเวลา ดูแลที่ร้านอย่างจริงจัง

“ต้น ต้นครับ ฟังพี่นะ ปัญหาที่ร้านไม่มีอะไรร้ายแรงเลย พี่จัดการเรียบร้อยแล้วนะ ต้นไม่ต้องกังวลใจไป แล้วที่ต้นมาหาพี่แบบนี้ ไม่ได้เป็นการรบกวนเลย แต่มันเป็นกำลังใจให้พี่สู้ทำงานได้อีกเยอะเลย”

“แต่ต้น ต้นอยากให้พี่ตั้งใจทำงาน”
“พี่ก็ต้องใจทำงานอยู่ไงครับ แล้วก็สุดสัปดาห์พี่ก็คิดว่ากำลังจะไปหาต้นกับยายที่บ้านสวนด้วยนะ”
“แล้วที่ร้าน….”
“ก็พี่บอกแล้วไงที่ร้านไม่มีปัญหาอะไรแล้วจริงๆ มันแค่ผิดพลาดเล็กน้อยในการสั่งยอดสินค้าเข้าร้านเท่านั้นเอง เลยทำให้ส่งของไม่ทันตามยอดที่ลูกค้าสั่ง แค่ลูกค้าก็เข้าใจแล้วไม่เสียลูกค้าด้วย เชื่อมือพี่สิ”
นพคุณยิ้มแล้วทำท่าเบ่งกล้ามให้ต้นกล้าดู ต้นกล้าเห็นแล้วก็หลุดขำทั้งน้ำตา เพราะนพคุณทำท่าทางตลก
“ไม่ร้องแล้วนะครับ ยิ้มนะพี่ชอบเห็นเรายิ้มมากกว่านะ สัญญากับพี่ไว้แล้วไง ว่าห้ามร้องไห้ ใครแกล้งให้มาบอก พี่จะไปจัดการให้”
“……”ต้นกล้าเลยยกนิ้วมาชี้ที่ตัว นพคุณ เป็นการบอกกลายๆว่า ตัวนพคุณนั้นและที่เป็นคนทำให้ต้นกล้าร้องไห้แบบนี้ นพคุณก็ชี้หน้าตัวเอง เพื่อเป็นการย้ำว่า ตัวเขาเหรอที่เป็นต้นเหตุ
ต้นกล้าพยักหน้ายิ้มๆ
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้ คนนี้ใช่ไหมแกล้งต้นกล้า ของพี่ร้องไห้ ขี้มูกโปร่ง”
“ไม่ได้ขี้มูกโปร่งซักหน่อย”ต้นกล้าเถียงแล้วผลักนพคุณแก้เขิน เพราะคิดว่าตัวเองร้องให้เหมือเด็กจริงๆ และคิดว่าตรงนั้นเป็นป้ายรถเมล์ด้วย พอนึกขึ้นมาก็รู้สึกอายขึ้นมาจนได้
“เอาแล้วนะ จะทำการลงโทษคนที่ ทำให้ต้นกล้าร้องไห้แล้ว” ต้อนกล้ารีบหันมาดูว่านพคุณจะทำยังไงโดยไม่ทันตั้งตัว
ก็โดนนพคุณ หอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวา หน้าฝาก ดวงตาที่แดงบวม ทั้ง 2 ข้าง หลังมือ แล้วดึงต้นกล้ามากอด แน่นๆให้หายคิดถึง

“พี่ขี้โกงอ่ะ ไม่เห็นจะลงโทษอะไรเลย แล้วยัง..ยัง…” ต้นกล้าจับแก้มตัวเองไว้อย่างนึกอาย
“หอมแก้มต้นนะเหรอ? งั้นขอหอมอีกที่นะ ฮ่าๆๆ “นพคุณชอบใจที่ทำให้ต้นกล้าเขินแทนร้องให้แซะแล้ว
“ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นแล้วอ่ะ” ต้นกล้าหลบเลียงไม่ให้ นพคุณปล้นจูบไปอีก
นพคุณเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าต้นกล้าแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจ เขาสัญญากับตัวเองไว้ หลังจากนี้จะไม่ให้ต้นกล้าร้องไหน และรอเขานาน ไม่เจอกันนานๆแบบนี้อีกแล้ว ทำงานก็จะบอก ไปไหนก็จะรายงาน มีปัญหาก็จะแก้ไปด้วยกัน
เพราะเขารู้แล้วว่า การไม่ได้เจอกันนานๆแบบนี้มันช่าง ทรมานเหลือเกิน ความขุ่นข้องหมองใจ หรือเรื่ออะไรที่ผ่านมา จะไม่เก็บมาคิดอีกต่อไปแล้ว จะอยู่กับวันนี้ กับคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาคนนี้ตลอดไป
“ต้นครับ พี่ขอโทษนะ ที่ปล่อยต้นอยู่คนเดี่ยว “
“…..”ต้นกล้าส่ายหน้าไปมา ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวาน เพราะตอนนี้เขาได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“พี่ขอโทษนะ ที่ปล่อยให้ต้นเหงา”
“……”
“พี่ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปพี่จะทำทุกอย่างให้ดี ไปพร้อมๆกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องของเรา ความรักของเรา”
“…..”ต้นกล้าได้แต่ยิ้มรับฟังทุกคำพูดของนพคุณ และเชื่อว่านพคุณจะทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ต้นต้องอยู่ข้างๆพี่ตลอดไปนะ ไม่ว่าพี่ทำผิดอะไร ต้องคอยเตือนสติพี่ด้วยนะครับ แล้วต้นก็ต้องสัญญากับพี่ว่าจะไม่ร้องไห้แบบนี้อีก ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงขนาดไหน พวกเราต้องเข็มแข็งและผ่านพ้นไปด้วยกันนะครับ”
“ครับ ต้นให้สัญญา” ทั้งคู่กอดกันเพื่อจะรักษาสัญญาครั้งนี้ไปพร้อมกัน


  “โอ๊ะ ขอโทษที่เพื่อน จะมาตามไปกินข้าว แม่เด็กๆทำกับข้าวไว้เยอะเลย นานๆจะมีเพื่อนแวะมาหา เลยทำโชว์ฝีมือใหญ่เลย ไปๆ ไปกินข้าวกัน” แนมเดินเข้ามา เห็นนพคุณกอดต้นกล้าอยู่ก็ ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคิดว่ารู้ว่าความสมพันธ์ของทั้งคู่ไม่น่าจะแค่เพื่อนแน่นอน เพราะร้องไห้ร้องห่มแล้วมาหากันแบบนี้ มันแฟนกันชัดๆ
“เออๆขอบใจ เดี๋ยวตามไป ขอล้างหน้าล้างตาแปบนะ” นพคุณตอบรับคำเพื่อ ต้นกล้ารีบหลบหน้าเพราะอาย ที่มานั่งกอดกันกลม ให้อื่นเห็นแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ต้นไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ดูสิหน้าดูไม่ได้เลย ไปกินข้าวกับหลานๆกันนะ”
ต้นกล้ารีบผละเข้าห้องน้ำ ตามที่นพคุณสั่งเพราะอยากจะไปเจอเด็กๆ เหมือนกันเด็กๆคงตกใจที่ต้นกล้าวิ่งหายออกไปแบบนั้น แถมลุงยังวิ่งตามหายไปซะอีกคนด้วย คงสงสัยกันใหญ่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
มื้อคำเย็นวันนั้น เป็นไปด้วยเสียงพูดคุยระหว่างเด็กๆ กับแขกผู้มาเยือนที่ดูจะเข้ากับเด็กเป็นอย่างดี เด็กก็ยิ่งชอบใจเพราะลุงใหญ่ไม่มาเล่นด้วยตั้งหลายวัน แถมวันนี้มีเพื่อนเล่นเพิ่มมา ก็สนุกสานกันใหญ่ เป็นมือเย็นที่ดูท่าน่าเจริญอาหารจริง

“ต้น เอานี้เสื้อผ้าเจ้าชิน ต้นของพอใส่ได้มั้ง” นพคุณรือ้ตู้เสื้อผ้าหาของน้องชายออกมา ที่เคยมาค้างบ่อยๆช่วงแรก ที่ร้านนี้เปิดใหม่ๆ
“น่าจะได้ครับ “
“อืม เข้าไปอาบน้ำเถอะดึกมากแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอเล่นกับเด็กทั้งวัน แถมยังร้องไห้ขี้…..โอ๊ย!! ไม่ล้อแล้วครับ”
นพคุณจะล้อเรื่องที่ต้นกล้าร้องไห้อีกรอบ เลยโดนต้นกล้า หยิกให้เข้าที่พุง
“ต้นไปอาบน้ำแล้ว”
“ครับๆ อาบให้สะอาดนะครับ” คำหลังดูเหมือนนพคุณจะกระซิบ เหมือนพูได้ยินคนเดียว แต่ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มากๆ

        ต้นกล้าออกมาเช็ดผมอยู่ที่ขอบเตียง นพคุณเลยขอตัวไปอาบน้ำบ้าง  ไม่นานนพคุณก็ออกมา พร้อมผ้าขุนหนูผืนเดียวพันเอวออกมา ต้นกล้าเห็นก็ตกใจเล็กน้อย
“พี่ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ ก่อนออกมาล่ะ” ต้นกล้าที่ ถามและสายตาทำเป็นเสไปสนใจโทรทัศน์ ที่เปิดเสียงคลอเบา แต่ไม่ได้ตั้งใจดูเนื้อเรื่องในรายการเลย
“พี่ก็อาบน้ำแล้วก็ออกมาแบบนี้ประจำและ ต้นเองที่ไม่ชิน แต่แบบนี้พี่ชินแล้ว (ไม่ต้องใส่เดี๋ยวก็ถอดแล้ว)” นพคุณลอยหน้าลอยตาพูด เหมือนเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ท้ายประโยคกับพูดเบาให้คนเองได้ยินคนเดียว
“เมื่อกี่พี่พูดว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับๆ “
“ต้นเช็ดผมให้พี่หน่อยสิครับ”
“โน่นไงครับพัดลมก็เปิดอยู่พี่ก็ยืนๆอยู่นั้น เช็ดแปบเดี่ยวก็แห้ง ดูผมต้นสิ แห้งแล้วเห็นไหม” ต้นกล้าไม่ได้สนใจอะไร กลับมาสนใจที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง กำลังไลน์คุยกับชินพัตน์ว่าคืนนี้ค้างที่บ้าน นพคุณไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนยายโทรไปบอกตั้งแต่เย็นแล้ว
“ต้นครับ”
“ครับ” ต้นกล้ายังก้มหน้าพิมพ์ไลน์ต่อไป ไม่ได้สนใจใครบ้างคนที่มานั่งอยู่ข้างๆ
“ง่วงนอนยัง?”
“ยังครับ คุยไลน์กับพี่ชินอยู่”
“ต้นครับ”
“ครับ นอนเถอะนะ”
“พี่ง่วงก็นอนก่อนเลยครับ”
“ต้นครับ”
“ครับ”
“พี่ นอนไม่ได้”
“ทำไมครับ” ต้นกล้ารีบหันมาดู เพราะกลัวต้นเอง กินที่บนที่นอนเลยจะขยับหนีให้ แต่เปล่าเลยเครื่องมือสื่อสารโดนแย่งไปปิดเครื่องทันที่
“พี่เอาคืนมาเลย ต้นยังคุยกับพี่ชินอยู่เลย”
“พี่ไม่ให้คุยแล้ว มาคุยกับพี่ดีกว่า”
“คุยเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องบนเตียงไงคร๊าบบบบบ”
ขอโทษครับ ขอปิดไฟนะครับ ผมไม่ให้พวกคุณเห็นต้นกล้าตอนไม่ใส่เสื้อผ่าแน่นอนครับ ผมห่วง!!!!!
“นั่งขำอะไรอยู่ครับ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์นั่งมองโทรศัพท์แล้วหัวเราะไม่หยุด
“ต้นกล้า ไปหาพี่ใหญ่ที่บ้านนะ”
“ดี แล้วพวกเขาจะได้มีเวลาได้คุยกัน มากขึ้น ผมเห็นต้นกล้าซึมไปผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“อืม”ชินพัตน์ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อมองนนทนัฐที่ขึ้นมานั่งข้างกันบนเตียงนอนก็ต้องตกใจ
“นี่!!! ทำไหมคุณถึงไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเองซักที” ชินพัตน์ก็ถามเสียงดุขึ้นมาทันที่
“ก็ผมแค่อยากรู้ข่าวเรื่องของต้นกับพี่ของคุณไง”
“ไม่ต้องเอาเร่องนี้มาอ้างเลย พรุ่งนี้ก็ได้รู้แล้ว ไปเลยออกจากห้องผมไปเลย จะล๊อคห้องแล้ว”
“ชิน คุณง่วงนอนแล้วเหรอ”
“ยัง”
“งั้นคุณจะรีบไล่ผมไปไหน ผมอยากอยู่คุยกับคุณต่อ”
“จะคุณเรื่องอะไร ร้านเกมคุณก็ยังไม้ปิดไม่ใช่เหรอ?”
“ยังครับ แต่ผมอยากมาคุยกับคุณก่อน”
“เรื่องอะไรก็ว่ามาสิ จะได้รีบไปปิดร้าน”
“ชิน หรือคุณ จะรอผมปิดร้านก่อนไหม แล้วเราคอยมาคุยกันที่หลังดีไหม?”
“ไม่เอา คุยๆมาสิ เรื่องอะไร? “
“ผมอยากค้างที่ห้องคุณเหมือน ที่ต้นไปค้างที่บ้านพี่คุณบ้างนะ”
ชินพัตน์ตาโตเป็นไข่หาน ตกใจ แปลกใจ
“นี้คุณจะเล่นมุกใช่ไหม?”
“เปล่าๆ ผมจริงจังครับ”
“……”ชินพัตน์ไม่ได้พูดอะไรต่อกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
“ชิน คืนนี้ผมนอนด้วยได้ไหมครับ?”
“คุณคิดว่าผมจะตอบ ว่าไงล่ะ?”
“เออ…”นนทนัฐเริ่มหมดความมั่นใจ ที่ตั้งใจกล้าขอชินพัตน์ เมื่อเจอคำถามนี้ตอบกลับมา คิดว่าคงจะไม่น่าจะได้แน่นอน เพราะมันดูเกินคาดหวังไปสักหน่อย แต่เขาก็อยากจะหวัง
“ผมขอโทษนะ ผมกลับไปที่ร้านนะครับ ฝันดีนะครับ” นนทนัฐพูดเสียงเบาอย่างหมดหวัง
“นี่!!!”

“ครับ”นนทนัฐหับมาตามเสียงเรียก
“ถ้าคุณปิดร้านไม่ดึกเกิน หรือผมไม่หลับก่อน ก็มาเรียกแล้วกัน ทำตัวเป็นเด็กหรือไง อยากนอนเปลี่ยนบรรยากาศ เข้าค่ายลูกเสือเหรอ ไปๆ จะรีบไปปิดร้าน จะทำอะไรก็ไปทำสิ ยืนเอออยู่ทำไม?”

ขอโทษนะครับ ถึงผมจะยังไม่ได้คุยเรื่องบนเตียง แต่ผมก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นได้เข้ามานอนร่วมห้องกับเขาแล้ว

ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไปปิดร้านแล้ว เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนใจ

ขอโทษนะครับ แล้วสักวันผมจะให้เขาเปลี่ยนใจมาคุยเรื่องบนเตียงกับผมสักวันแน่นอนครับ

ฝันดีทุกคนนะครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษ:ขอโทษ [22-10-15] ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 23-10-2015 00:39:08


 :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:


   อยากจะขอโทษคนอ่านทุกๆคนนะคะ ที่รอนิยายเรื่องนี้ เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง  ขอโทษอีกครั้งค่ะ ที่หายหน้าไปนาน (นิยายเกือบโดนหิ้วแล้วด้วย) ร้องไห้หนักแน่!!!!!  กลับมาแล้วจ้า จะไม่ข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น น้อมรับคำติ  :z6:   :beat:  ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ยังกลับมาอ่าน นิยายเรื่องนี้่ต่อไป มินมิน ก็มีความสุขแล้วจ้า   :กอด1:

                                                                                                             ขอโทษอีกครั้งนะคะ 
                                                                                                              คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้า

                                                                                                                    จัสมินมิน


 :m29: :m29:  :m17:  :m17:  :mew2:  :mew2:  :beat:  :beat:   :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษ:ขอโทษ [22-10-15] ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Zyse ที่ 23-10-2015 07:38:56
มาแว้ววววววววววว
คิดถึงจัง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนพิเศษ:ขอโทษ [22-10-15] ] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-10-2015 08:41:43
หายไปนานมากเลย คิดว่านักเขียนโดนอุ้มเสียแล้ว

หวังว่าทั้งสองคู่จะไม่มีดราม่าอีกนะ //หวังแบบนั้น
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69 [23-10-15]ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 23-10-2015 21:46:33



                                                   เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69
       

           ชินพัตน์ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองเห็นอยู่ตรงหน้า ว่าสิ่งที่พี่ชายตนเองทำอยู่นั้น มันคือการหยอกล้อเล่นกันระหว่างพี่น้องหรือเปล่า หรือเป็นการแกล้งทำให้อีกฝ่ายกลัว จนรู้สึกอายหรือเปล่า ชินพัตน์ทนเก็บความสงสัยนั้นไม่ไหวอีกต่อไป เพราะความรู้สึกอีกอย่างที่แทรกเข้ามาก นั้นก็คือ ความใกล้ชิดที่เหมือนจะเกินคำว่าพี่น้อง หรือคนรู้จักไปมากเกินไป

“พี่ใหญ่”ชินพัตน์ตัดสินใจเรียกพี่ชายตนเองที่พยายามทำตัวใกล้ชิดต้นกล้าจนเกินพอดี โดนไม่ทันสังเกตเลยว่า น้องชายคนนี้ยืนมองอยู่นานขนาดไหนแล้ว

“อะ ชิน ม มีอะไร?” นพคุณที่ปรับสีหน้าอาการไม่ทัน ต้องรีบเงยหน้ามองน้องชายที่กำลังเดินลงเรือนมาหา

“มานานแล้วเหรอพี่” ชินพัตน์เรียงที่จะไม่พูดสิ่งที่ตนเองเห็นเมื่อครู่ เพราะตอนนี้ต้นกล้า ก้มหน้าแล้วเดินหลบไปหลังพี่ชายอย่างนพคุณซะแล้ว

“อะ อืมๆ เออ พอดีมีเรื่องคุยกับต้นกล้านะ เลยยังไม่ได้ขึ้นไป เออ ใช่ ๆต้นพี่ซื้อของมาอยู่บนรถนะ ไปช่วยกันยกลงมาเถอะ” นพคุณหลบเลี่ยงสายตาน้องสายที่มองมาตลอด ให้ไปสนใจเรื่องอื่นแทน
แล้วทั้ง  3 ก็ช่วยยกกระเป๋าเสื้อผ้า และข้าวของมากมายที่นพคุณซื้อเข้ามาเพื่อให้ทั้งยายกับต้นกล้าไว้ใช้ รวมทั้งข้าวของบ้างส่วนที่จะเอามาใช้ที่นี้ ตลอดระยะเวลาที่นพคุณจะอยู่ที่บ้านสวนเลยซื้อติดมาเผื่อไว้ด้วย

จังหวะที่นพคุณขึ้นของเอาไปว่างและได้พูดคุยกับยายเรื่องอาการต่างๆ และยายก็ถามไถ่เรื่องที่ร้านของนพคุณด้วย ทำให้ชินพัตน์ ดึงตัวต้นกล้ามาถามเรื่องที่ต้นเองข้องใจมากๆ หาคำยืนยันจากต้นกล้าก่อน แล้วค่อยไปสืบหาความจริงจากปากพี่ชายของตนเองอีกที่

“พี่ชิน มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำหน้าตาแปลกๆ” ต้นกล้าที่เดินตามชินพัตน์มาที่ห้องครัวก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ต้นกล้า เมื่อกี่พี่ใหญ่จะแกล้งอะไรเราหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบใจก็บอกพี่นะ พี่จะจัดการให้เอง” ชินพัตน์เริ่มเปิดประเด็น

“แกล้ง แกล้งอะไรครับ?”

“ก็เมื่อกี่ตอนที่พี่ลงไปหาเราที่หน้าบ้าน ที่เห็นพี่ใหญ่กำลังทำท่าจะเข้ามาใกล้เรา หรือพี่เขาขู่อะไรเราหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวนะ บอกี่มาเถอะ” ชินพัตน์ที่เห็นท่าที่ของต้นกล้าแกล้งดูเหมือนไม่ร้อนใจกับสิ่งที่เกิดกับตนเองเลย หรือเพราะว่าโดนขู่ไว้กันแน่

“ไม่มีนี้ครับ พี่ชิน ไม่มีใครทำอะไรนี้ครับ”ต้นกล้ายังยืนยันคำเดิม

“โอเค งั้นพี่เปลี่ยนคำถามใหม่ เมื่อกี่ที่พี่เห็น พี่ใหญ่กำลังจะทำอะไรเรากันแน่ต้น บอกพี่สิ เพราะถ้าเรายืนยันว่านั้นไม่ไช่การแกล้ง การข่มขู่ แล้วมันคืออะไร” ชินพัตน์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ต้นกล้ากลับหน้าแดงเห่อร้อน พอมานึกดูแล้ว ชินพัตน์ต้องเห็นอะไร มากกว่านั้นแน่ๆ เลยคาดคั้นนอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดแบบนี้

“ต้น ทำไมเงียบไปล่ะ โดนแกล้งก็บอกพี่ได้ พี่จัดการให้นะ พี่จะไม่ให้พี…..”

“เปล่าครับ พี่เขาไม่ได้ทำอะไรต้นเลยครับ พวกเราแค่… เอ่อ…”ต้นกล้าก็อธิบายสิ่งที่เกิดไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับการที่อีกฝ่ายเข้ามาชิดใกล้ และสัมผัสแบบนั้น
 
มันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง ถึงแม้จะทำให้หัวใจมันเต้นแรงโครมคราม จนน่าแปลกใจ

ไม่ใช่การขมขู่ แต่ทุกคำพูดที่พูดออกมา ก็ไม่อาจจะจะตอบกลับของความรู้สึกนั้นได้สักที่

“นายมีอะไรสงสัยก็มาถามที่พี่ดีกว่านะ ชินพัตน์”นพคุณที่เดินตามหาน้องชายและต้นกล้า เพื่อจะเริ่มพูดคุยเรื่องการกลับไปฝึกงานของต้นกล้าจริงๆจังสักที่ เดินมาหาเข้ามาในครัว ก็ได้ยินน้องชายกำลังถามเรื่องที่สงสัยกับต้นกล้าพอดี

“ดีงั้นผมก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ พี่ผมจะตอบคำถามผมทุกข้อใช่ไหม?”

“แน่นอน”นพคุณตอบอย่างมั่นใจ แล้วหันไปหาต้นกล้าที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจว่าพี่น้องมีเรื่องอะไรกันหรืเปล่า?

“ต้นพายายเข้านอนเถอะยายต้องพักผ่อนเยอะๆนะ “

“ค ครับ”ต้นกล้าไม่กล้าที่จะปฏิเสธน้ำเสียงนิ่งเรียบของอีกฝ่าย

“เดี๋ยวสิพี่ ผมยังมีเรื่องจะคุยกับต้นอีกนะ” ชินพัตน์ใจจริงอยากคุยให้รู้เรื่องพร้อมกันทั้งหมดเลย
แต่นพคุณก็ยังยืนยันให้ต้นกล้าดูแลยายก่อน

“เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ไปพายายเข้านอนก่อนเถอะ” นพคุณบอกเสียงเบา เพราะดูจากสีหน้ากังวลของน้องแล้ว ก็เลยพูดตัดบทไปว่าค่อยกลับมาคุยกันที่หลัง

ต้นกล้าก็เดินออกจากห้องครัวไป ทั้งให้พี่น้องได้พูดคุยกันอย่างที่ต้องการ

นพคุณเลือกที่จะพาน้องชายเดินลงมาทางบันไดหลังบ้าน  มาที่แคร่ด้านหลัง ที่มีแสงไฟ จากชายคาบ้านเพียงดวงเดียว ที่เป็นแสดงพอที่จะได้เห็นหน้า คู่สนทนา

“พี่ สรุปพี่ทำแบบนั้นกับต้นกล้าทำไม จะแกล้งน้องเหรอ? น้องก็มีเรื่องกลุ่มใจเยอะแล้ว พี่ยังจะทำเรื่องแย่ๆกับน้องอีกเหรอ” ชินพัตน์เริ่มเรื่องก่อนเลย

“นายเห็นต้น รู้สึกไม่ดีเหรอเวลาอยู่กับพี่”

“……ก็ ก็ไม่นะ แต่…”ชินพัตน์ทำท่านึกคิดย้อนกลับไปทุกครั้งเวลาที่ต้นกล้าอยู่กับพี่ชายตนเองไม่รู้สึกไม่พอใจหรืออึดอัดอะไรเลย

“แล้วอะไรที่นายบอกว่า พี่แกล้งหรือทำให้น้องไม่สบายใจ”

“ก็ ก็เมื่อกี้ไง ผมเห็นนะ ก็พี่กำลังจะทำอะไรต้นกล้าล่ะ “

“แล้วนายเห็นพี่กำลังจะทำอะไร?”นพคุณย้ำหนักแน่น ให้น้องชายหลุดคำพูดในความคิดออกมา

“ก็ ก็ผมเห็นที่กำลังกอดน้อง แล้วก็…”ชินพัตน์ไม่กล้าพูดสิ่งที่ต้นเองคิดในใจออกมา

“ใช่ พี่กำลังจะหอมแก้มน้อง”นพคุณตอบเสียงเรียบ จริงใจไม่หลบสายตาน้องชายตนเองเลย

“พี่ใหญ่!!!”ชินพัตน์ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายตนเองจะกล้าพูด เพราะมันตรงกับสิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้

“พี่ก็ยอบรับทุกอย่างแล้วไง พี่ทำอย่างที่นายเห็นจริงๆ แต่มันไม่ใช่การแกล้งอะไรทั้งนั้น พี่ก็แค่อยากใกล้ชิดน้อง เพราะน้องจะต้องไปฝึกงานที่ไกลๆ ไม่รู้ว่าต้นจะกลับมาจากฝึกงานเมื่อไร พี่ก็อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ได้อยู่ใกล้น้องให้มากที่สุด”

“พี่”ชินพัตน์ฟังสิ่งที่ระบายออกมาจากใจพี่ชายตนเอง มันเหมือนคนมีความรักกำลังจะแยกจากสิ่งสำคัญในชีวิตไป เลยทำทุกอย่างกับเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก

“นายเข้าใจพี่หรือเปล่า” นพคุณมองหน้าน้องชาย เพื่อขอกำลังใจเล็กๆที่ตอนนี้คงเหลือแค่น้องชายคนนี้เท่านั้นที่พอใจเป็นกำลังใจหลักที่จะทำให้ตัวเขาพอที่จะมีแรงที่จะฝ่าอุปสรรคข้างหน้า ไม่ว่าจะเรื่องของผู้เป็นป้าที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเลือก  อนาคต สังคม และคนรอบๆตัว

    ชินพัตน์รับรู้ได้ทันที่ว่าพี่ชายของตนเองมีใจรักใคร่ต้นกล้า อย่างที่เขาเองก็มีใจรักให้กับนนทนัฐเหมือนกัน เลยไม่ยากเกินที่จะเข้าใจความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจาปากของพี่ชาย และสิ่งที่นพคุณแสดงออกมาในอีกหลายๆเรื่องที่พอเอาเข้ามาประกอบกับแล้ว ในคือความรัก ความเอาใจใส่ต้องคนที่ตนเองรักนั้นเอง ทำทุกอย่างให้ต้นกล้าอย่างห่วงใจและใส่ใจ

“ผมเข้าใจ แต่พี่ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ว่าความรู้สึกของพี่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมือไร?” ชินพัตน์เข้าใจแต่ก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้มาเป็นมายังไงถึงมาสอบพอกันได้แบบนี้ มันเกินสิ่งที่เขาคาดคิดไว้มาก

“ได้พี่จะเล่าให้นายฟัง”

    นพคุณเล่าทุกอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆกับต้นกล้าให้กับน้องชายฟัง ได้รู้จักยิ่งอยากดูแล เพราะโชคชะตาชีวิตที่คล้ายกัน พ่อแม่ก็มาทิ้งไปแบบเดี่ยวกัน ต้นกล้าอยู่กับยายมาจนโตแต่ก็สามารถเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน นพคุณก็คิดว่าตนเองก็มีผู้เป็นป้าและลุงที่คอยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ไม่ได้แตกต่างกันเลย เพราะเขาเองก็พยายามทำตนเองให้ดีสมกับการได้รับการเลี้ยงดูมาจากผู้มีพระคุณทั้งสอง เช่นเดียวกัน  เลยรู้สึกผูกผันกับต้นกล้ามากเข้าใจความรู้สึก ที่คนมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งครอบครัว ฐานะความเป็นอยู่ ไม่สามารถรับรู้ได้เหมือนดังพวกเขา ที่แม้ในบ้างครั้งรู้สึกโดดเดี่ยว มองหาผู้ที่ให้กำเนิด อยู่ที่ไหน เป็นใคร ก็ไม่สามารถหาเจอได้ ได้แต่เพียงทำใจยอมรับและเก็บความรู้สึกเดียวกันนั้น ไว้ในซอกลึกๆในหัวใจ และเลือกที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด
 
  และตอนนี้นพคุณก็บอกกับน้องชายตนเอง ว่าได้เจอสิ่งที่อยากจะทำและอยากจะปกป้องมากที่สุดแล้ว

“พี่อยากจะดูแลต้นกล้าแบบนี้ตลอดไป” นพคุณพูดให้น้องชายฟังเสียงอ่อนโยน น้องชายก็รับรู้ได้ว่าพี่ชายของเขาได้เจอที่ที่น่าจะตามหามาตลอดชีวิตเจอแล้ว

“พี่ใหญ่ ต้นกล้าก็รับรู้ความรู้สึกของพี่ใช่ไหม?” ชินพัตน์ถามเพื่อความมั่นใจ

“เปล่า พี่ยังไม่เคยบอกน้องสักครั้ง ว่าพี่อยากอยู่ข้างๆน้องเขาไปตลอดแบบนี้”

“อ้าว ไงเป็นงั้นล่ะพี่ใหญ่ จริงแล้วความรู้สึกของพี่ ก็น่าจะบอกต้นให้รู้เป็นคนแรกสิ เล่นมาบอกผมก่อนแบบนี้ได้ไง” ชินพัตน์ทั้งตกใจ แปลกใจ และก็รู้สึกเขินแทนต้นกล้า และพี่ชายตนเองขึ้นมาซะแบบนั้น

“พี่ไม่ได้บอกนายคนแรกซักหน่อย “

“อ้าว แล้วพี่บอกใคร…..อย่าบอกนะว่า บอกยาย ขอต้นจากยายแล้วเหรอ?” ชินพัตน์รู้สึกตื่นเต้นจนเออออเอง

“ยัง พี่ยังไม่กล้าเอยปากกับยาย พี่ยังไม่แน่ใจอีกหลายๆเรื่อง”

“อ้าว แล้วพี่บอกกับใครก่อนผมล่ะ”

“พี่บอกกับป้าแล้วคิดว่า ลุงก็น่าจะรู้เรื่องนี้ด้วย”

“ฮะ อะไรนะพี่ แม่รู้เรื่องนี้แล้วเหรอ? พี่ไปบอกแม่ว่ายังไง แล้วแม่ว่าอะไรมั้ง “ชินพัตน์ถามออกมาเป็นชุด จนทำให้นพคุณไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

“พี่โทรไปขอป้าว่าจะเลือกดูแลต้นกล้าและสิ่งที่ต้นกล้ารัก ก็ตอนที่ยายเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้แหละ”

“แล้ว?....”

“ก็เพราะตอนแรกพี่ตั้งใจไว้ว่า อยากจะบอกความรู้สึกของพี่กับน้องหลังน้องเรียนจบออกมา แล้วค่อยบอกป้ากับลุง แล้วค่อยพาผู้ใหญ่มาคุยกับยาย แต่แล้วก็มาเจอสถานการณ์ที่ทำให้พี่ตัดสินใจ ทำทุกอย่าง อย่างไม่ลังเล ก็ตอนที่เห็นต้นกล้าร้องไห้ จนพี่เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากอยู่ข้างน้องเขา”

      ชินพัตน์ฟังทุกเรื่องที่พี่ชายของเขาอธิบาย เขาเริ่มเข้าใจในตัวพี่ชายของเขามากขึ้น ในเรื่องมุมมองความรักที่มีต่อต้นกล้าแล้วพ่อแม่ของเขา จะเข้าใจในตัวพี่ชายของเข้าหรือเปล่านะ ชินพัตน์รู้สึกเป็นห่วง ทั้งความรู้สึกของ ทั้งพี่ชาย และของทั้งคู่ มากๆ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นบ้าง ระหว่าง พี่ใหญ่กับต้นกล้า จะผ่านเรื่องนี้กันไปได้ไหม  เพราะตัวพี่ชายเขาเองก็ยังไม่ได้บอกความรู้สึกทั้งหมดให้ ต้นกล้าฟังเลย แล้วเรื่องทุกอย่างจะ เป็นอย่างไงต่อไปนะ

“ไม่เป็น ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่หรอกน่า เรื่องนี้พี่จัดการเอง” นพคุณเห็นชินพัตน์เงียบไป เลยตบบ่าน้องชาย แล้วบอกสิ่งที่ตนเองคิดอยู่เหมือนกัน ว่าน้องชายต้องเป็นห่วงตัวเขามากแน่ๆ

“แต่ว่า เออ …. เรื่องแม่ แล้วยัง… เรื่อง….” ชินพัตน์ยังกังวลใจ กับทุกอย่าง

“เอาน่า เรื่องของอนาคต ยังอีกตั้งไกล พี่จะพิสูจน์ให้ป้ากับลุง รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำนั้นไม่ใช่สิ่งผิด แต่คงต้องใช่เวลาหน่อยเท่านั้นเอง” นพคุณพูดปลอบน้องชาย แล้วก็ตนเองไปในตัว เพราะเขาคิดว่ากล้าที่ บอกเรื่องนี้กับผู้มีพระคุณทั้ง 2 ไปแล้ว ก็เรื่องที่จะทำ อย่างที่ตนเองตัดสินใจต่อไป

ชินพัตน์ก็ได้เพียงภาวนาในใจ ว่าให้เรื่องทุกอย่างลงเอยไปในทางที่ดี ไม่อยากให้ พี่ชายผิดหวัง ไม่อยากให้พ่อแม่ เสียใจ
ใช่  แล้วเรื่องของเขา ก็เหมือนกัน เขาจะกล้าเดินไปบอกทั้งสองคน เหมือนพี่ชายตนเองได้หรือเปล่านะ?
ชินพัตน์คิดวนกลับไปกลับมา ก็เริ่มคิดถึงเรื่องของตนเอง พ่อแม่จะรับเรื่องของลูกชายคนนี้ได้ไหม แม้กระทั้งพี่ชาย ที่เป็นหลาน ท่านทั้งสองยังมีปฏิกิริยาได้ถึงขนาดนี้ คิดมาถึงตรงนี้ชินพัตน์ก็เอาแต่ ถอนหายใจแรงๆ อย่างเหนื่อยใจ

“เฮ้ออออ…”

“บอกว่าไม่ต้องคิดมากน่า ดึกแล้วขับรถกลับที่ร้านได้แล้ว” นพคุณผลักหัวน้องชาย เบาๆ เมื่อเห็นน้องชาย ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  คงจะคิดมากเรื่องของตนเอง อยากให้เปลี่ยนเรื่องคิด เลยบอกน้องชายให้รีบกลับบ้าน เพราะเดี๋ยวจะดึกเกินไป

“เออ… อ้าวมืดขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย?” ชินพัตน์ที่หลุดออกจากห่วงความคิด มองไปรอบๆก็เห็นว่า ความมืดเข้ามาบกคุมบ้านสวนของยายซะแล้ว

“ไปๆกลับได้แล้ว ไม่ต้องคิดมากน่า “นพคุณดันตัวน้องชาย ไปที่รถ

“พี่……”

“ว่าไง?”

“มีเรื่องอะไร พี่ต้องบอกผมจะพี่อย่าฝ่าปัญหาไปเพียงคนเดียวเลยนะ”

“อืม เข้าใจแล้ว”นพคุณลูบหัวน้องชาย ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จะค่อยเป็นกำลังแรงใจให้กันเสมอมา แล้วก็โตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งพิงให้ใครต่อใครได้แล้ว

“……..”ชินพัตน์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พี่ชาย แล้วเดินขึ้นรถแล้วขับจากไป

นพคุณเดินกลับมาที่ลานหน้าบ้านสวน แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ภาวนาให้ตนเองเข้มแข็งและผ่านเรื่องราวต่างๆนี้ไปได้ด้วยดี ก็จะไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว

ชินพัตน์ขับรถกลับตลอดทางก็อดคิดถึงเรื่องพี่ชายกับต้นกล้าไม่ได้ ความรู้สึกของพี่ชายของเขา คิดเกินเลยกับต้นกล้าไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมถึงกล้าเดินไปบอกพ่อแม่ของเขาแบบนั้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่มีให้กลับต้นกล้ารู้เสียด้วยซ้ำ คิดไปซ้ำวนไปมา

“เอาน่า ก็พี่เขาบอกแล้วว่า มันเป็นเรื่องของอนาคตอย่าพึ่งไปคิดถึง….. โธ่…..ใครมันจะไม่คิดล่ะ “ชินพัตน์เอาหน้าจมไปกลับพวงมาลัย แล้วเอามือขยี้หัวตัวเองจนหัวยุ่ง

ก๊อกๆ ก๊อกๆ   

ปัง!! ปัง!!

“ชิน ชิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ชิน!!!??” นนทนัฐเห็นรถของชินพัตน์ขับเข้ามาจอดที่หลังร้านแล้ว แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายลงมาจากรถซักที่เลยเดินเข้าไปดู เคาะกระจะ เบาๆเพื่อเรียกคนข้างใน แต่ไม่มีการตอบรับ ลองอีกครั้งก็ยังเฉย เลยเคาะดังขึ้นก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา ส่องมองเข้าไปผ่านกระจกติดฟิมพ์ เห็นชินพัตน์นั่งทึ่งหัวตัวเองอยู่ยิ่งเป็นห่วง พยายามดึงประตูเท่าไร ก็เปิดไม่ได้ เลยทุบหน้ารถให้คนข้างในได้ยิน เรียงชื่อเสียงดังมากๆ

“อะไร? อะไร? ใครเป็นอะไร?”ชินพัตน์ได้สติ ได้ยินเสียงเรียกตะโกนแว่วๆจากน้องรถ ก็เห็นนนทนัฐยืนทุบกระจกรถ เลยรีบเปิดกระจกออกมาดู มาเกิดเรื่องอะไร ในใจคิดว่าที่ร้านมีเรื่องหรือเปล่า หรือเกิดอะไรขึ้นกับป้าพรกับจอย

“อะไรคุณ ใครเป็นอะ….อุ๊บ!!!”

“ชิน คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม “นนทนัฐดึงตัวชินพัตน์เข้ามากอดแน่น แล้วลูบเนื้อตัวเผื่อหาลองรอย บาดแผล หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ ชินพัตน์บาดเจ็บหรือเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า ถึงดูทรมานมากๆ จนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาเลย

“เอ๊ะ? เปล่าๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรนะคุณ?”ชินพัตน์ตั้งสติได้ ดันตัวออกจากอ้อมกอดแล้วถามกลับ

“คุณนั้นแหล่ะมาทุบรถผมทำไม ตะโกนเรียกเหมือนใครเป็นอะไร?”

“เปล่าครับ เปล่า”นนทนัฐส่ายหน้า แล้วเริ่มกลั้นหัวเราะ พยายามเอามือปิดปากเผื่อไม่ให้หลุดขำออกมา

“อะไรคุณ? ขำอะไร? นี้ยังไม่หยุดอีก ไม่หยุดผมทุบจริงนะ!!” ชินพัตน์เห็นอีกฝ่ายตั้งหนตั้งตาหัวเราะ ก็เริ่มหัวเสียแล้วก็ยังงงๆอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“โอเคครับๆ บอกแล้วๆ”นนทนัฐคว้ามือชินพัตน์ไว้ แล้วพากันเดินไปที่ประตูหลังร้าน

  ซึ่งภายในร้าน เก็บของเรียบร้อยแล้ว ป้าพรกับจอยก็ขึ้นไปด้านบนแล้ว ทำให้ตอนนี้ภายในด้านล่างเงียบ และมีไฟเปิดอยู่เพียงดวงเดียวตรงประตู นนทนัฐที่ดินโอบชินพัตน์ให้เดินเข้ามาพร้อมกัน จับมือชินพัตน์ไว้เพื่อป้องกันฝ่ามือพิฆาตไว้แน่น

“นี้ปล่อยเลยนะ” ชินพันต์รู้สึกว่าตนเองอยู่ในท่าทางที่ดูแล้วแปลกๆ เหมือนตัวเขาโดนโอบอยู่เนื่องๆ เลยรีบบอกให้อีกฝ่ายปล่อย

“ครับๆ” นนทนัฐพาชินพัตน์มานั่งที่โต๊ะประจำตแหน่ง แล้วเดินไปเปิดไฟ ดวงที่ส่องสว่างเฉพาะที่ ทั้งคู่นั่งคุยกัน

“ครับๆแล้วก็บอกมาสักที่สิ คุณตะโกนทำไม ไม่กลัวข้างบ้านเขาว่าเอาหรือไง”

“ครับๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะครับ ดื่มน้ำให้ใจเย็นลงก่อนนะครับ” นนทนัฐหันไปเปิดตู้เย็นแล้วเทน้ำเย็นใส่แก้วส่งให้ชินพัตน์ดื่มเพื่อเอาใจ

“คุณ อย่ามาลีล่าน่า เล่าๆมาซักที่ ผมจะได้ขึ้นไปนอน”

“ง่วงแล้วเหรอครับ?”

“ยังจะมาย้อนถามอีก บอกให้เล่ามาไง” ชินพัตน์เตรียมกำกำปั้นหมายจะทุบคน ลีล่าท่ามาก

“ได้ แต่ถามอีกคำถามหนึ่งได้ไหม?” นนทนัฐเขยิบเข้าไปใกล้ชินพัตน์แล้วจองตา แล้วถามเหมือนขอร้องเบาๆ

“อะ อะไร ?”

“วันนี้ คิดถึงผมหรือเปล่า” นนทนัฐจองตาอีกฝ่ายนิ่ง เพื่อค้นหาคำตอบจากสายตานั้น

“อะ อะไรของคุณเนี้ย? มาถามอะไร? พอๆ ผมจะไปนอนแล้ว ไม่เล่าก็อย่าเล่า โธ่เอ้ย” ชินพตน์นิ่งไปครู่ แล้วทำเป็นเสียงดังแก้เขินกลับคำถามที่ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะถามมาตรงๆแบบนั้น รีบลุกขึ้นทำท่าจะเดินขึ้นชั้น 2 ไปนอน

“ชินครับๆ โอเคผมไม่แกล้งแล้ว มานั่งนี้ก่อนครับ ผมเล่าแล้วครับ นะนะ” นนทนัฐดึงอีกฝ่ายกลับมานั่ง ด้วยร้อยยิ้มถูกใจที่แกล้งอีกฝ่ายให้เขินได้

“นี่!!! คุณแกล้งผมเหรอ?”

“อ่ะ!! เปล่าครับๆ ผมเล่าแล้วๆ”นนทนัฐเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะโมโหเพราะโดนแกล้ง เลยดึงมือ ชินพัตน์มาจับไว้แล้วบีบเบา เพื่อให้หันมาสนใจเรื่องที่ตนเองจะเล่าแทน

“ก็เล่ามาซักที่สิ”

“ก็เมื่อกี้ผม เดินไปดูคุณที่รถ ไม่เห็นคุณลงจากรถมาสักที่ ก็เลยเคาะกระจกเรียก คุณก็ยังเงียบ เคาะอีก คุณก็เงียบ แล้วพอผมมองเข้าไปเห็นคุณกำลัง ทึ่งหัวตัวเองอยู่ ก็นึกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแน่ๆเลย เลยลองเรียกใหม่อีกครั้ง”

“คุณเลยทุบรถผมว่างั้น”

“…..”นนทนัฐยิ้มแห้งๆ พยักหน้ายอมรับ

“ก็คุณไม่ ตอบกลับแถมยังเฉยผมเป็นห่วงคุณนะก็เลย”

“ ผมก็ไม่ได้ เออ.. เป็นอะไรสักหน่อย” ชินพัตน์นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั่งคิดมากเรื่องพี่ชาย จนไม่รับรู้เรื่องภายนอก แถมยังนั่ง ทึ้งหัวตัวเองด้วย แถมมีคนอื่นมาเห็นแบบนี้  รู้สึกอายขึ้นมาทันที เลยพยายามหลบๆหน้าแดงๆของตนเองไปทางอื่น

“ไม่เป็นอะไรได้ไงครับ เนี้ยดูสิหน้าคุณเริ่มแดง ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อกี้ที่ผมเห็นคุณดูเหมือนทรมานมากเลย เอ๊ะหรือว่าคุณปวดหัวหรือเปล่า?” นนทนัฐขยับเข้าไปดูคนที่นั่งอายตัวเองที่ทำตัวเปินๆ ให้คนอื่นเห็นแบบนี้ได้ไง

“ผม ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะคุณ โธ่” ชินพัตน์ก็ไม่รู้จะแก้ตัวกับคนตรงหน้ายังไงดี จะบอกว่าคิดมากจนทึ้งหัวตัวเองก็กลัว โดนหัวเราะเยาะอีกรอบ อายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

“ครับๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วผมเป็นห่วง ก็คุณบอกว่ารอพี่ชายคุณกลับมา แล้วคุณจะรีบกลับมาช่วยกันเปิดร้าน แต่นี้มันเกือบจะ4 ทุ่มแล้วผมเห็นแบบนั้น  ผมยิ่งเป็นห่วงคุณขับรถกลับคนเดียวมืดๆแบบนั้นด้วย” ชินพัตน์นั่งฝั่งความรู้สึกเป้นห่วงของอีกฝ่ายแล้ว ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน มีคนที่นั่งรอและค่อยเป็นห่วงเราได้มากขนาดนี้ด้วยเหรอ ที่นอกเหนือไปจาก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง?


“ผมไม่เป็นไร ผมกลับมาแล้ว” ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งทีเขาพูดออกไปกับ มือที่เอือมไปโอบแก้มของอีกฝ่ายไว้นั้น มันช่างอ่อนโยน

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ” ฝ่ามืออุ่นที่ถ่ายถอดความรู้สึกไปให้อีกฝ่ายโดนการ เกลี่ยนิ้วบนใบหน้าของนนทนัฐอย่างแผ่วเบา เพื่อคลายความกังวลนั้นลงซะ และย้ำว่าเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้กลับมาหาแล้ว อย่างปลอดภัย

“ครับ”นนทนัฐตอบครับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ให้คนที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้ นนทนัฐเอามมือมาโอบมือของชินพัตน์ให้กระชับขึ้น และดึงมือนั้นมาพรมจูบไปทั่วฝามือ  จนทำให้ชินพัตน์หลุดออกจากช่วงเวลาที่เหมือนหยุดนิ่งอยู่นั้น กลับมาที่ปัจจุบัน  พยายามที่จะดึงมือทีมีริมฝีปากอ่อนมุมนั้นสัมผัสแผ่วเบานั้นออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเลยถึงแม้นนทนัฐไม่ได้จับมือนั้นไว้แน่นแต่อย่างไดเลย แต่เรียวแรงที่จะดึงมือตนเองกลับแทบจะไม่มีเอาเสียเลย

    ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งอีกครั้ง ใบหน้าที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ใกล้กันเหลือเพียงไม่กี่เซ็น สายตาที่ประสานกันสื่อสารความรู้สึกมากมาออกมา โดยที่ไม่ต้องเอือนเอย แล้วริมฝีปากอุ่นๆกับสัมผัสลงแผ่วเบาให้อีกริมฝีปากหนึ่งรับรู้ความอ่อนละมุนของกันและกัน หลับตาลงและรับสัมผัสอันแผ่วเบานั้นอย่างอ่อยอิงและอบอุ่น

“ผมไม่รู้ว่าคุณมีเรื่องทุกข์ใจอะไร คิดกังวลใจเรื่องอะไรก็ตาม แต่ผมจะอยู่ข้างๆคุณเสมอนะ “ นนทนัฐที่ละจากริมฝีปากของคนรัก บอกกล่าวคนตรงหน้า อย่างรักใครและห่วงใยเสมอ

“……”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับ รับรู้ความจริงใจจากคนรัก เบาๆ เพราะอีกฝ่ายกำลังจะ มอบสัมผัสแบบเมื่อครู่อีกครั้ง เลยหลับตาลงเผื่อรอ

“นอนหลับฝันดีนะครับ”

ชินพัตน์ลืมตาทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น มันต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดมาก กระพริบตาถี่อย่างงงๆ จนทำให้ นนทนัฐยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ ที่ได้แกล้งคนตรงหน้าได้อีกครั้ง

“งั้นก็ปล่อยสิ คนจะไปนอน” ชินพัตน์รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อแก้เก้อ พยายามแกะมือปลาหมึกของนนทนัฐให้ออกห่างจากตัว

“กังวลใจ หรือคิดมากเรื่องอะไร บอกผมได้ไหม?” นนทนัฐเรียบเรียงเรื่องทั้งหมด แล้วพอจะคิดได้ว่า ชินพัตน์คงต้องมีเรื่องกังวลใจ จนคิดมากติดอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง จะไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก ถึงขนาดทึ้งหัวตัวเอง เพราะคงติดไม่ตกกับเรื่องบางอย่างแน่ เขาคิดได้แค่นี้จริงๆ

“ทำไมคุณเปลี่ยนเรื่องเร็วจัง”ชินพัตน์มองหน้านนทนัฐอย่างสงสัย

“นี้คุณกำลังจะแกล้งผมอีกแล้วใช่ไหม?” ชินพัตน์เห็นอีกฝ่ายยกยิ้ม รู้ทันที่ว่าตนเองโดนแกล้งอีกแล้ว

“เปล่าครับ ผมแค่อยากรู้จริง คุณมีเรื่องไม่สบายใจเรื่องอะไร ถึงทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงที่ผมเรียกคุณ”

“เออ คือ ….”ชินพัตน์ลังเลที่จะเล่าเรื่องพี่ชายของตนเองนนทนัฐ แล้วยิ่งเรื่องที่แม่และพ่อไม่ยอมรับเรื่องของนพคุณด้วย ก็เลยยิ่งกลัว เรื่องของคนตรงหน้าหนักเข้าไปอีก ว่าถ้าเป็นเรื่องของพวกเขาทั้งสองคน จะเป็นยังไง

“ผมบอกแล้วไงว่า ไม่ว่าคุณจะมีเรื่องกลุ่มใจกังวลใจอะไร คุณมีผมอยู่ข้างๆคุณเสมอนะ “นนทนัฐเห็นชินพัตน์เริ่มทำหน้าเคร่งเครียด เขาสู่ห้วงความคิดของตนเองอีกแล้ว เลยจับมือชินพัตน์ให้หลุดออกมาจาก ความคิดนั้นก่อน

“จะพร้อมที่จะให้ผมเป็นส่วนในเรื่องไหน ความกลุ่มใจแล้วนั้น เมื่อไร ผมพร้อมเสมอนะครับ”

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่ตอบรับความห่วงใยนั้น เข้ายังไม่กล้าจะเล่าเรื่องเหล่านั้นให้ นนทนัฐฟัง ขอแค่มีคนตรงหน้าอยู่ด้วยกับเขา ก็พอใจแล้วนะเวลานี้

“งั้นก็เก็บเรื่องที่คิดไม่ตก ฝากผมไว้ก่อนนะครับ แล้วขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนให้สบาย แล้วตอนเช้าค่อยมาเอาเรื่องกลุ่มใจนี้ กลับคืนไป หรือจะฝากไว้ตลอดไปก็ได้ ผมจะเก็บเรื่องที่คุณลำบากใจเอาไว้ให้เองดีไหมครับ?” นนทนัฐพยายามให้ให้คนรักสบายใจ

“ผมฝากไว้ได้เหรอ?”

“ได้สิ เพียงแค่คุณไว้ใจผม”

“อืม จะลองทำดู” แล้วชินพัตน์ก็หลับตาเหมือนทำสมาธิเพื่อที่จะหยุดคิดเรื่องต่าง แล้วอยู่กับตัวเอง และคนตรงหน้าก่อน ณ เวลานี้

“ขึ้นไปข้างบนเถอะครับ ดึกมากแล้ว”นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายลืมตาแล้วส่งยิ้มให้ เลยเดินจูงมืออีกฝ่ายไปที่บันไดทางขึ้น
ชินพัตน์เดมตามนนทนัฐอย่างไม่เกียงงอนแต่อย่างใด

คืนนี้ชินพัตน์คงนอนหลับฝันดี ไม่มีเรื่องราวต่างๆ เข้ามารบกวนจิตใจอย่างแต่นอน

ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เวลาจะเป็นสิ่งที่จะให้คำตอบทั้งหมด

ปล่อยวางไว้ก่อน

อย่าแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง

เพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล

ยังมีคนสำคัญจะเดินเคียงข้างไปพร้อมกันเสมอ















  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven


  มาแล้วจ้า ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆ ปิดร้านไปนาน วันนี้เปิดร้านแล้วจ้า โฮะๆๆๆๆ  :z6:  :z6:


 
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69 [23-10-15]ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-10-2015 22:32:36
เปิดร้านแล้วอย่าปิดหายไปอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69 [23-10-15]ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-10-2015 10:56:59
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69 [23-10-15]ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาขายแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 29-10-2015 18:14:31
หายไปนานมากๆๆ

อยากให้พี่ใหญ่บอกความรู้สึกกับต้นจัง อิอิ

คู่หลักก็น่ารักกันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 29-10-2015 22:39:48
     
                                       เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70


ตลอดหนึ่งอาทิตย์ต้นกล้า อยู่ดูแลยายไม่ห่าง นพคุณก็ไปกลับที่ร้าน เพื่อมาดูยายและ เตรียมตัวเรื่องที่ต้นกล้าต้องไปฝึกงานด้วย นพคุณรับปากว่าจะดูแลยาย ส่วนชินพัตน์ นนทนัฐ และคนอื่นๆก็แวะเวีนย มาดูมาเยียมยายตลอด ทำให้ต้นกล้าเบาใจ และตั้งใจจะไปฝึกงานอย่างสบายใจ

“ฮัลโล หม่อน”

(ว่าไงต้น ยายหายดีแล้วใช่ไหม?)

“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พี่ๆเขาก็แวะมาดูตลอดเลยนะ”

(ดีแล้วล่ะ ต้นจะได้มาฝึกงานได้แล้วสินะ)

“อืม เย็นวันอาทิตย์ เราจะขึ้นรถไปที่หมาลัยนะ แล้วค่อยไปคุยกันเรื่องเดินทางอีกที่นะหม่อน”

(“ได้ๆ ให้เราไปรับที่ไหนดีล่ะ”)

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอง ต้องแวะไปลาออกจากงานพิเศษด้วย ยังไม่ได้ไปยื่นใบลาออกเลย มันยุ่งๆนะ”

(อ้าวเหรอ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะต้น)

“ขอบใจมากนะหม่อน แค่หม่อนช่วยเราเรื่องหาที่ฝึกงานเราก็ขอบใจมากแล้วล่ะ”

(อย่าคิดมากนะต้น วันอาทิตย์เจอกันนะต้น เดินทางดีๆล่ะ)

“อืม แล้วเจอกัน” ต้นกล้าน้ำตาคลอ เมื่อรู้สึกตื้นตันใจที่ได้รู้จักเพื่อนดีๆอย่างหม่อน

นพคุณที่ยืนฟังต้นกล้าโทรศัพท์อย่างๆไม่ตั้งใจ เพราะเห็นว่าลงมาข้างล่างตั้งนาน เลยคิดจะลงมาตาม เลยเผลอยืนฟังเงียบๆ พอเห็นว่าต้นกล้าคุยโทรศัพท์ก็เลย รีบเดินออกมาทัก

“ต้นทำอะไรอยู่ ยุ่งเยอะนะ”

“ต้นโทรศัพท์หาเพื่อนครับ “

“เพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันนะเหรอ?”

“ใช่ครับ ชื่อหม่อน พี่รู้จักแล้วใช่ไหมครับ” ต้นกล้าหันมาถาม

“ใช่ๆจำได้ๆ แล้วจะกลับมหาลัยวันไหน?”

“ต้นจะกลับเย็นวันอาทิตย์นี้ครับ”

“ให้พี่ไปส่งนะ”

“ไปส่งที่ไหนครับ ถ้าแค่ บขส.ก็ขอบคุณมาเลยครับ เพราะเย็นหารถเข้าเมืองยากมาก”

“เดี่ยวพี่ไปส่งที่มหาลัยเลยครับ”

“อย่าเลยครับต้นเกรงใจ แค่ที่ในเมืองก็พอแล้วครับ เพราะต้นเข้ากรุงเทพแล้วต้องแวะไปยืนใบลาออกจากทีทำงานพิเศษด้วยนะครับ”

“แบบนั้นพี่ยิ่งต้องไปส่งเลย ว่าจะไปถึงกว่าจะทำธุระเสร็จแล้วเมื่อไหร่จะได้เข้าห้องพักล่ะแบบนั้น”

“แต่ว่า…..” ต้นกล้าเกรงใจ และที่สำคัญอยากให้นพคุณดูแลยายอยู่ที่นี้ ต้นกล้ารู้สึกสบายใจกว่า

“ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ เดี๋ยวพี่ให้ เจ้าชิน แวะมาอยู่เป็นเพื่อนยายเอง”

“พี่ชินเข้าต้องดูร้านนะครับ”

“เอาน่า พี่คนมาอยู่เป็นเพื่อนยายได้แน่ๆ อย่าเป็นห่วงไปเลย แล้วพี่ก็อยากไปส่งต้นที่มหาลัยด้วย “

“ก็ได้ครับ”

“โอเค งั้นขึ้นบ้านเถอะยุงเยอะมากเลย”

“ครับๆ”
ทั้งคู่ขึ้นเรือนไป ต้นกล้าไปนอนกับยาย ส่วนนพคุณนอนที่ห้องต้นกล้า ที่มีที่นอนหมอนมุ้งเตรียมพร้อม สำหรับมาอยู่เฝ้ายาย ข้าวของใช้ส่วนตัวก็เตรียมมาพร้อม นพคุณอาบน้ำเสร็จนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรหาน้องชาย เรื่องที่ต้องจะไปฝึกงานแล้ว

“เจ้าชิน วันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ พอจะว่างไหม?”

(มีอะไรพี่ บอกมาเลย)

“อาทิตย์นี้ต้นจะกลับมหาลัยแล้วพี่ว่าจะไปส่งนะ พี่เลยอยากให้เรามาดูยายแทนช่วงบ่ายๆนะ”

(ได้สิพี่ เดี๋ยวผมไปดูยายให้เอง แล้วต้นขาดเหลืออะไรเตรียมตัวพร้อมหรือยังพี่?)

“ก็นี้แหละ พี่จะไปกับต้น เพื่อต้นต้องการอะไรพี่ก็จะหาซื้อให้น้องด้วย น้องคงไม่กล้าออกปากเองหรอก”

(จริงด้วยพี่ ได้ๆ วันอาทิตย์ เจอกันพี่)

“ขอบใจมาก”

(พี่แล้วที่ร้านล่ะ?)

“พี่โทรไปบอกแมนแล้ว ฝากดูไว้แล้วนะ”

(โอเคๆ แล้วเจอกันพี่)

     ชินพัตน์ตัดสายโทรศัพท์จากพี่ชาย ในขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าคอมโต๊ะทำงานของนนทนัฐ  ว่างโทรศัพท์และนั่งเล่นเกมต่อ เป็นเกมที่กำลังฮิตในร้านชินพัตน์เห็น เด็กๆในร้านเล่นกันหลายคนไปยืนดูเด็กเล่นได้เป็นนาน 2 นาน จนนนทนัฐต้องลากกลับมานั่งด้วยกัน แล้วเปิดเกมให้ลองเล่นดู ตั้งแต่ปิดร้านของตัวเอง แล้วเข้ามาในร้านเกมยังไม่ยอมลุกไปไหนเอย ดูท่าชินพัตน์จะติดเกมซะแล้ว  นนทนัฐเริ่มอยากแกล้งเด็กติดเกมด้วย

“ชินครับ?”

“……”เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคุณเจ้าของร้านลูกชิ้น ที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กติดเกมไปแล้ว

“ชินครับ” เสียงเรียกเริ่มเข้าใกล้

“………”

“ชินครับ หันมาคุยกับผมหน่อยสิ”

“………”

“โธ่คุณ เห็นไหมแพ้เลยอ่ะ เอามือมาปิดหน้าจอทำไหมอ่ะ” ชินพัตน์ทำเสียงหงุดหงิด หันมาต่อว่าต้นเหตุคนที่ทำให้ตนเองแพ้เกม

“ก็ผมเรียกคุณเท่าไรคุณก็ไม่หัน”

“ก็ผมเล่นเกมอยู่”

“ผมรู้ แต่คุณเอาแต่สนใจเล่นแต่เกม ตั้งแต่เข้าร้านมา คุณยังไม่คุยกับผมสักคำเลยนะ”

“ก็….เกมมัน..เออ….”ชินพัตน์เห็นสายตาเศร้าออกแน่วตัดพอของคนรัก แล้วก็เลยสำนึกได้ว่า ตนเองกลายเป็นเด็กติดเกมไปซะแล้วเหรอ ไม่สนใจคนรอบๆข้างเลย  เมื่อกี่ก็เกือบจะไม่รับโทรศัพท์พี่ชายตัวเองเหมือนกัน

“ผมรู้ว่าเกมมันกำลังสนุก แล้วต้องเล่นต่อเนื่อง แต่พอคุณไม่หันมาคุยกับผมเลย ไม่รู้สึก เหมือน…..”นนทนัฐก็ไม่กล้าพูดต่อ ว่าโดนแย่งความสนใจเหมือนเด็กโดนแย่งของที่ชอบไป แล้วที่สำคัญตัวนนทนัฐเอง ที่เป็นคนสอนให้ ชินพัตน์เล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง เลยพูดได้ไม่เต็มปาก

“โอเคครับ ผมขอโทษ ไม่เล่นแล้วครับ “

“คุณไม่เล่นแล้วเหรอ? “

“ไม่เล่นแล้ว เรียกผมมีอะไร จะคุยเรื่องอะไร พูดมาเลย” ชินพัตน์อยากเอาใจคนตรงหาที่ทำหน้าเหมือน รู้สึกผิด

“เอ่อ เปล่าครับ คือ…” จริงๆแล้วนนทนัฐก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอยากจะคุย เพียงแค่อยากให้คนรักหันมาสนใจตัวเองบ้างก็เท่านั้น

“โอเค คุณไม่มีเรื่องคุย ไงผมคุยเอง วันอาทิตย์นี้ช่วงบ่าย ผมจะไปบ้านสวนนะ ไปดูยายสักหน่อย เพราะพี่ผมเขาจะไปส่งต้นกล้าที่มหาลัยนะ”

“เหรอครับ น้องเขาจะกลับไปฝึกงานแล้ว?”

“ใช่ ผมเลยต้องไปดูแลยายแทนนะ”

“ผมไปด้วยสิ “

“อ้าวแล้วที่ร้านนี้หล่ะ?”

“พรุ่งนี้จะมีเด็กมาดูร้านแทนแล้วครับ”

“เฮ้ย ทำไมคุณได้เด็กมาช่วยก่อนที่ร้านผมล่ะ ทั้งๆที่ปิดประกาศพร้อมๆกันอ่ะ”

“เปล่าๆ เพื่อนผมที่เคยช่วยเรื่องคอม และที่เคยมาที่วัดเปิดร้านคุณจำได้ไหม?”

“อ้อๆ จำได้ ทำไมเหรอ”

“เพื่อนผมแนะนำ คนรู้จักให้มาฝากผมดูนะ เห็นว่าเป็นคอม แต่เกมาก ไม่ยอมเรียน จนพ่อแม่ ไม่สนใจตัดหางปล่อยวัด เพื่อนผม เป็นห่วงเลยฝากมานะ เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้”

“อ้อ ก็ดีแล้วคุณก็จะได้พักบ้าง มีคนมาช่วยแบบนี้ แต่ว่าจะไว้ใจได้เหรอ? ไหนเพื่อนคุณบอกเกเรไง?”

“ผมก็ไม่แน่ใจ พรุ่งนี้ต้องลองดูก่อน เพื่อนผมมันก็จะมาด้วย”

“งั้นเหรอ ก็ดูดีแล้วกันนะคุณ”

“เป็นห่วงผมเหรอครับ”

“ก็เป็นห่วงดิ ไม่ห่วงฟะ..แฟ…นั้นแหละ แล้วจะไปห่วงใคร”

“พูดให้ฟังชัดๆสิครับ ผมอยากได้ยินชัดๆจังเลย”

“ไม่ต้องเลย โน่นๆ เด็กมาเติมเกมแล้ว ผมง่วงนอนจะไปนอนแล้ว”

ชินพัตน์เขิน กับคำว่าแฟน  รีบเดินหนีกลับไปที่ร้านตนเองทันที่ไม่รอให้อีกฝ่ายเรียก เพราะต้องเติมเกมให้เด็กๆ แล้วก็ใกล้เวลาที่จะปิดร้านแล้วด้วย แยกย้ายกันตรงนี้เลยท่าจะดีกว่า

เช้าวันรุ่งขึ้นชินพัตน์ตื่นขึ้นมาเปิดร้าน พร้อมป้าพรและจอย ตามปกติแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคนที่ไม่คิดว่าจะ เจอในตอนเช้าแบบนี้ก็คือ กัมพล ที่กำลังช่วยป้าพร ยกตะกล้าผัก และถังแก็สอย่างคล่องแคล่ว จนชินพัตน์ที่พึ่งเดินลงมาจากชั้น 2 งงมา กัมพลมาได้ยังไง แล้วคุณเนติธรปล่อยตัวมาได้ยังไง แต่เมื่อมองออกไปนอกร้านทั้งรถ ทั้งคนที่คิดอยู่ก็เดินเข้ามาหนาร้านพอดี

“สวัสดีครับ คุณเนติธร” ชินพัตน์ได้แต่ทักทาย เพราะยังไงก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

“สวัสดีครับ พอดีผมต้องไปทำงานต่างประเทศ แล้วคุณอาไม่อยากอยู่ที่บ้าน ผมเลยมาฝากไว้ที่นี้ครับ”

“พี่ชิน ผมมาอยู่ที่ร้านด้วยสักประมาณอาทิตย์หนึ่งนะพี่ ผมไม่อยากไม่เมืองนอก ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นครับ” กัมพลรีบเข้ามาประจบชินพัตน์ทันทีแถมบอกเหตุผลเสร็จสับ

“ก็ผมบอกว่าไง ว่าให้ไปเรียนพิเศษ แค่คุณก็ไม่ไป” คุณเนติธร สวนกลับเด็กที่มีฐานะเป็นอาทันที่

“ก็ผมอายุขนาดนี้แล้ว จะไปเข้านั่งเรียนกับเด็กๆเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก มาช่วยงานร้านพี่ชินดีกว่า ได้กินลูกชิ้นฟรีด้วย”

“แต่คุณขอไปเรียนมหาลัยแล้วนะครับ ควรจะทบทวนบทเรียนเตรียมไว้ก่อนเปิดภาคเรียน” ผู้ที่มีฐานนะเป็นหลานก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พูดให้อีกฝ่ายได้คิด

“ผมว่าคุณเนติธร พี่ไปขึ้นเครื่องเถอะครับเดี่ยวขึ้นเครื่องไม่ทันนะครับ” ลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้ามากระซิบกำชับเรื่องเวลาเช่นเดียวกัน ทำให้ชายหนุ่มวัย30 ต้องจำยอม

“ยังผมก็ฝาก คุณชินพัตน์ด้วยนะครับ อีกประมาณ 1 อาทิตย์ผมจะมารับตัวกลับแน่นอนครับ” ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับ เพราะยังไม่ทันได้ตกปากรับทำ ก็ยกขบวนกันออกไปหมดทั้งลูกพี่ลูกน้อง มาเร็วไปเร็วกันจริงๆ ทุกนาทีเป็นเงินสินะ

“พี่ชินมีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ บอกมาได้เลย”

“ถ้าอยากช่วยก็ ทำหน้าที่เดิมเลย อาจจะเพิ่มเติมขึ้นมาอีกก็ตรงต้อง เดินไปเก็บจ้านที่ร้านเกมบ้าง ช่วยจอยหน่อยนะ”

“ได้ครับ แค่นี้สบายมาก ผมอยากมาที่ร้านพี่ตั้งนานแล้ว แต่ต้องทำโน่น เรียนนี้เยอะแยะเลย ผมเบื่อมากๆ อยากทำงานใช้แรงมากว่า อิอิ” พูดเสร็จก็รีบผละ ไปช่วยป้าพรล้างผักทันที่

ชินพัตน์ได้แต่สายหน้าไปมา เรื่องกัมพลกับคุณเนติธร คงจะไม่น่ามีปัญหาแล้ว ดูจากการพูดคุยกัน น่าจะเป็นเรื่อง ความต่างวัยที่ยังไม่ ลงตัวกันเท่านั้นอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นเอง แต่เห็นกัมพลร่าเริงกว่าเก่าก็รู้สึกสบายใจ

ตลอดช่วงเช้าที่ร้านคนเริมเยอะ แต่ก็ขายได้ไม่มีปัญหาเพราะมีกัมพลมาช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะลูกค้าก็บอกว่าได้ อาหารเร็วขึ้น ลูกชิ้นปิ้ง และยำก็ไม่ต้องรอนานเหมือนอย่างเคย ทำให้ชินพัตน์เริ่มคิดว่าจะต้องหาคนเข้ามาทำงานเพิ่ม ให้ได้เร็วๆ
คงต้องไปปริ๊นใบประกาศรับสมัครงานมาเพิ่ม เพื่อจะไปแปะเพิ่เติมอีก เลยแวะไปหาชินพัตน์ช่วงเที่ยงและเอาอาหารเที่งไปให้ด้วย

“ชินมาพอดีเลย นี้ไงเพื่อนผม แล้วก็น้องเขาที่จะมาช่วยที่ร้าน”นนทนัฐรีบแนะนำทั้งเพื่อนและเด็กที่มาใหม่ ที่กำลังดูวิธีการต่างๆ ในการเติมเงินให้เด็กเพื่อน และมีนนทนัฐค่อยเสริมเล็กอยู่ที่หน้าคอม

“ทำไมไม่บอกผม ผมจะได้ ยกอาหารมาให้ด้วย” ชินพัตน์กระซิบบอกแฟน นนทนัฐก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปด้วย

“พวกนายหิวยัง ไปทานข้าวกันก่อนไป ตามชินไปทีร้านเลยมีแต่ของอร่อยๆ เดี่ยวเราตามไป”นนทนัฐเรียกให้เพื่อนกับเด็กใหม่ ลุกขึ้นเดินมา ชินพัตน์ไปที่ร้าน

“นั่งก่อนนะครับ เมนูครับ น้องสนใจอยากลองทานอันไหนสั่งเลยนะ” ชินพีตน์ทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดี

“ผมเอาต้มจืดลูกชิ้นครับ” เพื่อนของนนทนัฐช่างอย่างคล่องแคล่ว เพราะเคยทานแล้วเลยรู้ว่าอร่อย

“แล้วน้องสั่งอะไรดี”

“ผมขอกระเพราะลูกชิ้นเผ็ดๆครับ”

“ได้ๆครับ รอสักครู่นะ”ชินพัตน์เอารายการไปส่งให้กับป้าพร กัมพลเห็นลูกค้าใหม่เข้าร้านเลยรีบไตอ้นรับ ถามไถ่เรื่องเครื่องดื่ม

“จะรับน้ำอะไรดีครับ มีน้ำอัดลม น้ำดื่มสมุนไพร ครับ” กัมพลรอรับรายการด้วยรอยยิ้มการค้า

“ผมข้อน้ำสมุนไพรครับ มีน้าอะไรบ้าง”

“มีกระเจี๊ยบ เก๊กฮวย น้ำมะขาม น้ำตาลสด น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบกครับ”

“งั้นขอน้ำใบบัวบก 2 แก้วครับ”

“ได้ครับ” กัมพลรับคำ แล้วรีบไปจัดการตักน้ำตามที่ลูกค้าต้องการ

“ผมไม่ได้อยากกินเลยนะ น้ำอะไรนั้นนะ”เด็กหนุ่มทำหน้าบึ้งบอกคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันว่าไม่ชอบ

“แต่ฉันสั่งให้นายกินก็ต้องกิน ช้ำใจมากไม่ใช่หรือไง กินน้ำบัวบกก็ดีแล้วนี้ หึ”เพื่อนของนนทนัฐกระซิบบอกอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าแค่เพื่อนกัน คุณไม่เชื่อเองนี้ ชิ” เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีไม่อยากเสวนาต่อ พอดีกลับที่รายการอาหาร มาส่งที่โต๊ะ พร้อมกับเครื่องดื่ม เป็นกัมพลที่เป็นคนมาเสริฟ ให้ด้วยใบหน้ายิ้มการค้าสุดๆ

“ทานให้อร่อยนะครับ” กัมพลยิ้มส่งแล้วเดินออกมากลับไปทำงานของตนเองต่อ

ชินพัตน์ก็ปล่อยให้ทั้งคู่ทานอาหารกันไม่ เลยเดินไปดูนนทนัฐที่ยังไม่เห็น ตามออกมาเลย ปรากฏว่าเด็ก รุมอยู่หน้าโต๊ะเต็มไปหมด น่าจะพึงเข้าร้านมาใหม่ ทำให้นนทนัฐปลีกตัวออกมาไม่ได้สักที่ ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปช่วยขายบัตรแทน แล้วให้นนทนัฐนั่งกินข้าว เพราะนี้ก็เลยเวลามื้อเที่ยงมานานแล้ว กลัวจะเป็นโรคกระเพาะทานข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้

“เก็บเงินด้วยครับ” จอยและป้าพรหันมองหาชินพัตน์ไปไหนก็ไม่รู้ เลยให้กัมพลไปตามดูที่ร้านเกมให้มาเก็บเงิน

“ขอโทษครับ ไม่คิดเงินครับ ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงแล้วกัน”

“อย่าเลยครับเกรงใจ”

“น้องเขาต้องอยู่ที่ร้านอีกนานไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวก็แวะมาเป็นลูกค้ากันอีก เอาไว้คราวหน้าค่อยจ่ายแล้วกันนะครับ” ชินพัตน์ยิ้มการค้า ไม่อยากเก็บเงินเพื่อนนทนัฐ และเด็กหนุ่มที่จะมาช่วยงานที่ร้านเกม

“งั้นคราวหน้าผมแวะมาที่นี้จะซื้อของมาฝากนะครับ”

“ครับๆ และมาที่ร้านได้ตลอดเลยนะครับ”

และทั้ง 3 คนก็เดินกลับมาที่ร้านเกม นนทนัฐก็พึ่งได้ละจากเด็กๆ ที่มารุมเติมเกมเล่นต่อ เด็กใหม่เลยลงนั่งโต๊ะแทน เพื่อลองทำเองดูบ้าง เริ่มฝึกเรื่อยๆอีกไม่นานก็คงจะคล่องขึ้น เพราะดูท่าทางจะเป็นคอม

“แล้วนายจะกลับตอนไหน”นนทนัฐถามเพื่อน

“อ้อ คือ ฉันจะขอค้างด้วยซัก 2-3 วันนะ เดี๋ยวค่อยกับฉันลางานมาแล้วนะ”

“อ้าวเหรอ อ้อจะอยู่ดูน้องก่อนหรือไง กลัวทำงานไม่ดี กลัวเสียชื่อว่างั้นเถอะ”

“เปล่าๆ ก็แค่เด็กมันไม่เคยออกจากบ้านมาคนเดียวก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ”

“น้องเขาไม่เคยออกจากบ้านเหรอครับ แล้วแบบนี้พ่อแม่เขาไม่ห่วงเหรอครับ?” ชิพนัตน์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เกิดความสง
สัย

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงหรอกครับ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ไปทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ครับ ต่อ ไม่อยากไปด้วย พวกน้าๆเขาก็เลยฝากให้ผมดูแลนะครับ “

“อ้อ น้องชื่อ ต่อ เหรอครับ”

“อ้าวผมยังไม่ได้บอกชื่อเหรอ? “นนทนัฐหันมาถามคนรักอย่างแปลกใจ

“ก็ใช่นะสิ ผมเลยเรียกชื่อน้องเขาไม่ถูกเลยนะ เรียกแต่น้องๆอย่างเดียวอ่ะ”

“ขอโทษครับ ผมก็ผิดด้วยเหมือนกัน ผมเป็นคนพามาน่าจะแนะนำฝากเนื้อฝาตัวกันไว้  น้องเข้าเป็นญาติฝั่งพ่อผมนะครับ จะเรียกว่าญาติก็ไม่เชิง คือตอนเด็กๆ พวกเราอยู่บ้านใกล้กันนะครับ พอผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้เจอกัน พึ่งมาเจอกันช่วงหลังๆนี้แหละ ที่พวกคุณน้าพวกเข้าต้องไปทำงานต่างประเทศกะทันหัน แถมลูกชายคนเดียวก็ไม่ยอมตามไปด้วย บอกว่าอยากเรียนที่ไทย แล้วก็ไม่ยอมเลย บริหารเหมือนที่พ่อแม่ต้องการอีก ก็มีปากเสียงกันก่อนจะไปอีก ต่อเลยต้องมาอยู่กับผมนะครับ เข้าอยากเรียนคอมพิวเตอร์เพราะเขาชอบด้านนี้ แต่พ่อแม่เขา ไม่สนับสนุนนะครับ”

“อ้อ แบบนี้นี้เองก็สงสารน้องเขานะครับ พึ่งจะอายุเท่าไรเอง “

“ 18 แล้วครับ”

“เรียนจบม.ปลายแล้ว?”

“เปล่าครับ น้องเข้าจบ มหาลัยแล้ว เข้าเรียนเร็วใช้การสอบเทียบเอานะครับ เขาใช้เรื่องเรียนที่จบออกมา เป็นเครื่องต่อรองที่จะไม่ไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศกับครอบครัว แต่เลือกจะเรียน คอมพิวเตอร์เพื่อจะเอาปริญญาออีกใบครับ”
ชินพัตน์ฟังประวัติเด็กหนุ่ม ที่นั่งอยู่หน้าคอมอย่างทึ่ง นนทนัฐก็ได้ฟังเรื่องนี้พร้อมกับชินพัตน์เช่นเดียวกัน พี่เขาได้ทำงานกับเด็กอัฉริยะงั้นเหรอ หันมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจปนตื่นเต้น

“เขาบอกว่าอยากหาเงินเรียนเอง เลยบอกว่าอยากทำงาน ผมก็เลยเอามาฝากเจ้านนท์ไว้ก่อน ไม่อยากให้ไปหางานทพเองครับ”

“ยังไงเขาก็ยังเด็กอยู่ไช่ไหมครับ?”ชินพัตน์เสริม

“ครับ เพราะเขาเอาแต่ใจเรื่องที่เขาสนใจและอยากจะทำ จนไม่ฟังเหตุผลและความเป็นห่วงจากครอบครัวนะครับ เลยยังอดเป็นห่วงไม่ได้”

“ฉันฝากน้องมันด้วยนะเว้ย นนท์” ตบบ่าเพื่อนเบาๆเป็นการฝากฝั่ง

“ฉันมากกว่ามั้ง ต้องฝากร้านนี้ไว้กับน้องเขาแล้ว ดูท่าจะคล่องกว่าฉันอีก  ดูสิเด็กมาถามหาเกมอะไรตอบได้หมด แถมยังแก้ไขเบื้องต้นได้อีกด้วย ฉันยังต้องมางมหาในกูเกิล ก่อนเลยถึงจะหาทางแก้ปัญหาพวกนั้นได้นะ”

“ก็ต่อ สนใจทางด้านคอมพิวเตอร์ เรื่องนี้อาจจะดูเล็กน้อย แต่เรื่องความสัมพันธ์ การสื่อสารก็ฝากนายด้วย เพราะต่อเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ คิดเองอยู่เงียบๆ ถ้าไม่ถามก็จะไม่ตอบ หรือแสดงออกอะไรทั้งนั้น”

“อ้อ โอเคเข้าใจแล้ว” นนทนัฐและชินพัตน์ฟังลักษณะนิสัย คราวๆของเด็กหนุ่ม ชื่อ ก้องภพ

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาแค่วันอาทิตย์เย็นฉันก็จะกลับนะเพื่อน” หันมาคุยกับนนทนัฐ

“ได้สิ อยู่ด้วยกัน ให้น้องได้คุ้นเคยก่อนก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นผมขอตัวไปดูที่ร้านก่อนนะครับ”ชินพัตน์ของตัวกับร้านมานั่งฝั่งอยู่นานแล้ว

“ตอนเย็นก็ฝากด้วยนะครับ”

“ได้ครับ จะเตรียมเมนูอร่อยๆไว้ให้นะครับ”ชินพัตน์ก็เดินออกจากหลังร้านไป

“นนท์ คนนี้ใช่เลย ใช่ไหมเพื่อน?”

“อืม เขารับฉันเป็นแฟนแล้วด้วยนะ”

“เฮ้ยจริงดิ ก้าวหน้านี้หว่า?”

“ถึงว่า ดูแลทั่วถึงแบบนี้ ใจดีน่ารักเหมือนกันนี้หว่า?”

“……”

“ทำไมต้องทำหน้าตึงด้วยว่ะเพื่อน ก็ฉันชมเขาจริงๆ “

“แต่ก็ไม่ต้องชมว่าน่ารักได้หรือเปล่าล่ะ”

“ครับๆ โธ่อะไรว่ะเพื่อน แค่นี้ทำห่วง” ส่ายหน้าระอาเพื่อน สงสัยจะห่วงแฟนจริงๆ เลยหันไปสนใจเด็กในปกครองดีกว่า
นนทนัฐเห็นว่า มีคนช่วยดูร้านแล้วตั้ง 2คนเลยเดิน ไปหาคุณเจ้าของร้านสักหน่อย รีบเดินไปดูว่าลูกค้าในร้านเยอะไหม ลูกค้า ทย่อยกันออกจากร้านแล้ว ช่วงบ่ายๆก็จะคนน้อนลง เตรียมไปรับมืออีกที่ช่วงเย็นๆ เลยถือโอกาสนี้ดึงตัว คนรักมาคุยเรื่องที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้

“อะไรของคุย ลากผมออกมาทำไม ผมจะช่วยจอยเก็บโต๊ะ”ชินพัตน์บ่นอุบ เพราะโดนดึงตัวออกมา ด้านหลังร้าน

“วันอาทิตย์ ผมไปบ้านสวนไปเยี่ยมยายด้วยคนนะครับ”

“แล้วคุณจะทิ้งเพื่อนกับน้องไว้ที่ร้านหรือไง “

“น้องเขาก็คล่องแล้ว ที่สำคัญเพื่อนผมก็อยู่เป็นเพื่อนน้องเขาด้วยแล้วไงครับ”

“แต่คุณเป็นเจ้าของ แล้วก็เจ้านายนะ จะมาทิ้งแบบนี้ไปนี้เที่ยวได้ไง”

“ให้ผมไปด้วยนะครับ”นนทนัฐขอร้องสุดฤทธิ์

“ดูก่อนแล้วกัน ถ้าหลังจากเที่ยงแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วน้องเขาทำงานที่ร้านแล้วไม่มีปัญหา ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”

“ครับๆ ผมจะไปสนน้องเขาให้รีบเป็นง่าย ทำงานไม่พลาดแน่นอนครับ” นนทนัฐรีบรับคำ ยิ้มหน้าบาน

“ผมว่าคุณนั้นแหละจะพลาด น้องต่อ นะดูเขาคล่องจะตายไป” ชินพัตน์ส่ายหัว แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

ช่วงหัวค่ำทุกคนก็มารวมตัวกันทานมื้อเย็น ประมาณ 2 ทุ่ม วันนี้ปิดร้านไว้ เพื่อต้อนรับ กัมพลที่มาช่วยงาน แล้วก็ ก้องภพด้วย ที่มาช่วยที่ร้าน เหลือแต่เพื่อนนนทนัฐที่ อาสาดูร้านให้ ตอนที่ทุกคนทานมื้อเย็นกัน

“งั้นเดี๋ยวผมเอาข้าวไปให้พี่เขาก่อนนะครับ” ก้องภพอาสายกข้าวผัดกระเพราลูกชิ้น แล้วก็น้ำใบบัวบกไปให้ ญาติผู้พี่เอง หรือว่าเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่วัยเด็ก

“ผมเอาข้าวมาให้” ก้องภพรีบวางถาดอาหารแล้วรีบหันกลับ ทำท่าไม่สนใจคนที่นั่งอยู่หน้าคอม แต่ก็โดนอีกฝ่าย จับแขนไว้ก่อน

“เดี๋ยวสิ ทำไหมเป็นน้ำอันเดิมล่ะ”

“ก็ผมนึกว่าคุณชอบ ก็เลยตักมาให้นะ ปล่อยสิพวกเขารอผมทานข้าวอยู่” อีกฝ่ายเลยรีบยกมือเหมือนยอมแพ้แล้วปล่อยอีกฝ่ายเดินหายไปหลังร้าน

“ลูกค้าเยอะไหมต่อ?”ชินพัตน์ถามไถ่

“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”

“จริงแล้วน่าจะเรียกเพื่อนคุณมานั่งทานด้วยกันนะ”

“จริงด้วย ป้าก็ว่าอย่างงั้นนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า พี่เขากำลังเล่นเกมกับเด็กๆ กำลังเพลินเลย ตอนผมเอาทานไปให้ก็ไม่ยอมกินข้าวครับ” ก้องภพทำเหมือนฟ้อง ทั้งๆที่อีกฝ่ายกำลังเติมเกมให้เด็กๆในร้านแค่นั้นเอง

“อ้าวเหรอ โธ่ป้าก็นึกว่า ให้อยู่ดูร้านคนเดียวจะเหงา โธ่ เล่นเกมกับเด็กๆไปซะแล้ว ดีๆแล้ว” ทุกคนเลยพากันหัวเราะ

   มื้อเย็นวันนั้นก็เป็นการพูดคุยแนะนำตัว เล็กน้อยๆสำหรับเด็กหนุ่มมาให้ ทำความรู้จักกันไว้ เพราะน่าจะอยู่ด้วยกันเจอหน้ากันไปอีกพักใหญ่ๆ กัมพลก็มีบ่นเรื่องที่บ้านของตนเองออกมาบ้าง แต่ก็โดน ชินพัตน์ปามเอาไว้ แล้วหันไปชวนคุยเรื่องยายกับต้นกล้าแทน

“พี่ต้นจะไปฝึกงานแล้วเหรอครับ ไปวันไหนครับ ผมว่าจะไปเยี่ยมหาสักหน่อย คงไม่ทันแน่เลย”

“จะกลับมหาลัย วันอาทิตย์นี้นะ พี่ใหญ่จำได้ไหม? ก็จะไปส่งต้นเข้ากรุงเทพด้วย พี่เลยว่าจะไปเยี่ยมยายที่สวนแล้วก็อยู่เฝ้าแก้ด้วยนะ”

“อ้อเหรอครับ ผมไปด้วยได้ไหม”

“ได้สิ ยายคงดีใจที่ได้เจอพลแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” กัมพลทำหน้าดีใจ

“ป้าครับ วันอาทิตย์ หรือพวกเราจะปิดร้านกันดีไหม แล้วก็ไปเยี่ยมยายกันทั้งหมดนี้เลย” ชินพัตน์เสนอเรื่องให้ผู้ใหญ่อย่าป้าพรช่วยตัดสินใจอีกคน

“ป้าก็อยากไปเยี่ยมยายเหมือนกันจ้า” “จอยก็จะแวะไปนะ แต่ก็ไปหาแม่ก่อนจ้า”

“โอเค ตกลงตามนี้ ติดป้ายแจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าว่าวันอาทิตย์ปิดร้านแล้วกันนะ”

“เอ…..แล้ว “กำลังจะทักถวงเรื่อง อาหารการกินของเพื่อนกับเด็กหนุ่มก้องภพ แต่เอาไว้ปรึกษากันสองคนกับคนรักดีกว่า เลยไม่ได้พูด

“แล้วต่อเป็นไงบ้าง เริ่มลองทำดูวันแรกทำได้ไหม”ป้าพรชวนก้องภพคุย

“พอทำได้ครับ ยังต้องเรียนรู้จากพี่นนท์ อีกหลายอย่างเลยครับ” นนทนัฐนึกค้านในใจ สอนแค่ครั้งเดียวก็เป็นเกือบหมดแล้ว ไม่รู้จะสอนอะไรแล้วด้วยสิ


“แล้วพล เรื่องเรียนถึงไหนแล้ว” ชินพัตน์ตกใจที่ป้าพรเปิดประเด็นเรื่องเรียนก็ กัมพล เพราะรู้ว่ากัมพลต้องบ่นอุบแน่ แต่ก็ผิดคาด

“ผมขอเรียนรู้งานที่ บ้านใหญ่ก่อนครับ แล้วพอคล่องขึ้น ค่อยกับไปเรียนครับป้า”

“อ้อดีแล้ว มีงานมีการทำ ก็ต้องตั้งใจทำนะลูกนะ”

“ครับป้า”

   




(มีต่อด้านล่างจ้า)  :katai4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 29-10-2015 22:51:43
(ต่อจ้า)  :katai4:



แล้ว6 คนก็พุดคุยกันอีกพักใหญ่ต่างก็ช่วยกัน เก็บร้านแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ชินพัตน์ให้ กัมพลขึ้นไปนอนที่ห้องตนเอง แต่กัมพลบอกว่าเกรงใจ ขอนอนทีห้องทำงานก็พอแล้ว เพราะเตรียมที่นอนมาพร้อม จะไม่พร้อมได้อย่างไร
เด็กหนุ่มกัมพลยกหูโทรศัพท์สั่งแค่ไม่กี่คำ สักพักเดียวทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า เครื่องนอน ของใช่ส่วนตัว มาพร้อมกับรถตู้คันใหญ่ มาจอดเทียบหลังร้าน พากันตกใจนึกว่ามีโจรมาปกร้านหรือเปล่า จนเจ้าตัวต้องรีบวิ่งไปบอกทุกคน ว่าเป็นคนของที่บ้านใหญ่ เอาของมาส่งให้ ทุกคนเลยหายตกใจกลับ แปลกใจ กับฐานะของกัมพลแทน  กัมพลเลยได้แต่ยิ้มแห้ง แล้วก็คนของตัวเองขึ้นตึกไป

“ชิน ผมมีเรื่องจะถาม”

“เรื่องอะไร” ชินพัตน์ก็ช่วยเก็บเอกสารบนโต๊ะ เพราะเช็คยอดรายรับ รายจ่ายเสร็จแล้ว

“วันอาทิตย์คุณปิดร้าน”

“คุณจะไปก็ได้ ผมไม่ได้ห้ามสักหน่อย?”

“เรื่องนั้นผมไปอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ผมจะคุย ก็คือ พวกเราปิดร้านแล้ว เพื่อนผมกับต่อ จะกินข้าวที่ไหนล่ะ”

“จริงด้วย ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย โธ่ ทำไมคุณไม่ทักผมตั้งแต่แรกล่ะ”

“พรุ่งนี้เรายังไม่เวลาจัดการอีก 1 วันผมเลยมาปรึกษาคุณตอนนี้ไง”

“อืมเอาไงดีนะ” ชินพัตน์ทำท่าคิดหนัก

“เดี๋ยวผมให้ป้าพรทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาดีไหม?”

“ก็ดีนะครับ แต่ไม่รู้พวกเขาจะอยากทานอะไร เป็นพิเศษหรือเปล่า” นนทนัฐเสริม

“งั้นพรุ่งนี้คุณก็ไปถามพวกเขาไว้แล้วกันว่าชอบทานอะไร จะได้เตรียมของไว้ได้ถูก”

“ครับผม”

“ไม่ดีกว่า ผมไปถามเองดีกว่า “ชินพัตน์คิดได้ก็รีบลุกออกจากโต๊ะทันที แต่นนทนัฐยังนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้ายุง

“อ้าวคุณ นั่งทำอะไรอยู่ กลับไปที่ร้านคุณด้วยกันสิ เร็วๆ”

“ชิน อยู่กับผมก่อนสิ”

“……….”ชินพัตน์อึ้งไป เพราะคนรักพูดออกมาตรงๆเลยว่า อยากอยู่ด้วยกันก่อน

“มานั่งนี้ก่อนเถอะนะครับ แล้วค่อยไปนะ”

“……….”ชินพัตน์ยอมให้นนทนัฐดึงมือพามานั่งที่เดิม ก็พอเข้าใจวันนี้ก็วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว เวลาที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังก็น้อยลงไปด้วย พึ่งจะมีเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่ พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน

“วันนี้เหนือยไหมครับ”

“………”ชินพัตน์ส่ายหน้าเบาๆ นนทนัฐเช็ดเหงื่อเม็ดๆตามกรอบหน้าให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

“อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วจังครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ผมอยากให้คุณได้พักบ้าง”

“อืม ผมรู้คุณก็ไปกับผมด้วยไง”

“ให้ผมขับรถให้นะ”

“อืม”

“ให้ผมนอนค้างด้วยนะ”

“ไม่ต้องเลย คุณต้องรีบกลับมาเปิดร้านไปไม่ใช่เหรอจะไปค้างทำไม “ชินพัตน์สวนกลับทันที

“แต่ผมขับรถไปให้คุณไงครับ”

“งั้นเดี่ยวปมขับไปเอง คุณก็ขับรถของคุณไป เย็นๆก็รีบกลับจะได้พาจอยกับป้าพรกับมาที่ร้านด้วย ตกลงตามนี้ ผมไปนอนแล้วนะ”

“อ้าว ไม่ไปที่ร้านแล้วเหรอครับ”

“ไม่อ่ะ ผมง่วงแล้ว”

“โธ่ชิน คุณแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย”

“ไม่ได้แกล้ง ผมง่วงนอนจริงๆ คุณก็กลับไป ดูร้านมั้งเถอะ”

“แต่ผมอยากอยู่กับคุณก่อน”

“ทำไมคุณเริ่มทำตัวเป็นเด็กขึ้นทุกวันนะ คุณนนทนัฐ”

“ก็เพราะว่าผมมีแฟนไว้ให้อ้อนไงครับ คุณชินพัตน์” พร้อมกับหอมแก้มไปหนึ่งฟอด แล้ววิ่งหนีมือพิฆาตไปหลังร้านทันที

“นี้คุณ ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ฝันดีนะครับ” นนทนัฐยังกับ โผล่หน้าเข้ามาบอกฝันดีอีกครั้ง แล้วก็วิ่งหนีเข้าร้านตนเองไปเลย

ชินพัตน์ได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็เก็บความเขินอายไว้ไม่มิดเหมือนกัน ใบหน้าที่เห่อร้อน รอยสัมผัสที่ข้างแก้ม ยังคงร้อนวูบวาบ


และหัวใจก็เต้นแรง


นี้และครับที่เข้าเรียกว่า  ความรัก


คืนนี้ผมคงนอนฝันดีแน่นอนครับ


ฝันดีเช่นกันนะครับ



                                         






                           :katai4:      ลูกขิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า ^0^   :katai2-1:


หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 29-10-2015 23:05:40
น้องกัมพลมาแล้ววว คิดถึงจัง 555+
แอบอยากรู้เรื่องราวของเนติธรกับกัมพลว่าเป็นไงมาไง อิอิ
จะมีตอนพิเศษของสองคนนี้ไหมนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-10-2015 19:53:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 30-10-2015 20:28:06
อู๊ยยย  น่าจะมีโผล่มาอีกคู่นะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 [29-10-15] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 30-10-2015 21:43:48
ชินกับนนท์  มุ้งมิ้งกันดีนะ  คึคึ   :hao7:    :hao7:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 71 [29-พ.ย-58] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 29-11-2015 23:34:31




                                                    เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 71



       ในเวลาเช้าป้าพรลุกขึ้นมาทำอาหารเช้า และเตรียมของไปเยี่ยมยายที่สวน ชินพัตน์ก็รีบลุกมาบอกป้าพรเรื่องอาหารของประนพและก้องภพที่จะอยู่ดูแลร้านเกมให้นนทนัฐ เลยต้องเตรียมอาหารไว้สำหรับทั้งสองคน เพราะคงไม่รู้ที่ทาง ว่าจะไปหาซื้อที่ทานอาหารที่ไหนแน่นอน เตรียมไว้ให้น่าจะดีสำหรับทั้งสองคน ชินพัตน์ก็ยังแอบเคือง นนทนัฐในใจเรื่องที่จะทิ้งเพื่อนและเด็กฝึกงานที่ร้านไว้แบบนั้น แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะนนทนัฐยืนยันว่าจะไปท่าเดียว
 
Rrrrr Rrrrrr 

เสียงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่ารุ่นของชินพัตน์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ”

(สวัสดีค่ะ คือ ใช่เบอร์ร้านขายลูกชิ้น ใช่ไหมค่ะ พอดีได้เบอร์นี้มาจากเพื่อนนะค่ะ เลยจะโทรสั่งลูกชิ้นหน่อยค่ะ)

“อ้อครับ ใช่ครับ ไม่ทราบจะรับลูกชิ้นเท่าไรครับ”

(ขอสัก 10 กิโลค่ะ ประมาณ 10 โมงจะเข้าไปรับที่ร้านนะค่ะ)

“ครับ 10 กิโลนะครับ  เออ… มารับลูกชิ้นเองที่ร้านเหรอครับ?”

ชินพัตน์รับออเดอร์ลูกค้าเป็นปกติ แต่พอนึกได้ว่าตนเองจะปิดร้าน เลยถามลูกค้ากลับไปอกครั้ง

(ค่ะ จะไปรับสินค้าที่ร้านเองค่ะ พอดีเพื่อนที่เคยไปนั่งทานที่ร้านจะพาไปนะค่ะ)

“คือ วันนี้ทางร้านปิดนะครับ พอดีมีธุระเลยปิด 1 วันนะครับ”

(อ้าวเหรอค่ะ ทำไงดี จะใช้ลูกชิ้นจัดงานเลี้ยงเย็นนี้แล้วด้วย)

ปลายสายทำเสียงกังวลใจ เพราะสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามที่กำหนด

“ไม่ทราบว่าบ้านลูกค้าอยู่ที่ไหนครับ”

(อยู่ในตัวเมืองค่ะ กำลังจะออกไปรับลูกชิ้น รอเพื่อนมา เลยโทรมาสั่งไว้ก่อน ไม่คิดว่าทางร้านจะปิดร้านวันนี้)
หญิงสาวก็นึกโทษตัวเองในใจ เพราะน่าจะโทรสั่งจองหรือสอบถามล่วงหน้าให้เร็วกว่านี้

“ถ้าเป็นไปได้ ลูกค้าสามารถมาเร็วกว่า 10 โมงได้ไหมครับ เพราะทางเราจะต้องรีบไปทำธุระนะครับ ผมจะรอเตรียม ลูกชิ้นไว้ให้นะครับ”

(อ้อๆ ได้ค่ะๆ จะรีบไปเลยนะคะ ขอโทษที่โทรมาสั่งกระทันให้แบบนี้นะคะ)

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”   ชินพัตน์ยังคงรักษาลูกค้าเอาไว้ เลยเลือกรอส่งของให้ลูกค้าแล้วค่อยไปหายาย

(ค่ะ ขอบค่ะ กำลังจะไปนะค่ะ ใกล้ถึงร้านแล้วจะโทรบอกนะค่ะ)
“ครับ”

ชินพัตน์รีบไปบอกเรื่องนี้กับทุกคนว่าอาจจะไปบ้ายายล่าช้ากว่าที่คิด เพราะลูกค้าก็สำคัญเพราะลูกค้าที่อยู่ไกลๆไม่รู้ว่าทางร้านจะปิดวันนี้  ทุกคนเลยรอแล้วนั่งทานข้าวเช้าพร้อมกันร่วมทั้งประนพและเด็กหนุ่มกองภพด้วย


“พี่ชิน เดี๋ยวผมพายายกับจอยไปหายายที่สวนก่อนก็ได้นะครับ พี่ชินทำธุระเสร็จแล้วค่อยตามไปที่หลังก็ได้ครับ”

กัมพลเสนอความคิดระหว่างนั่งทานข้าวกัน

“แล้วจะไปกันยังไง จริงสิ นนท์ คุณก็ไปส่งพวกป้าก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมตามไปก็แล้วกัน ตกลงตามนี้เนอะ”

ชินพัตน์เห็นด้วยกับความคิดของกัมพล และหันไปสั่งคนรักให้ไปส่งทุกคน แต่ดูเหมือนกันไม่ได้รับความร่วมมือ

“พี่ชิน เดี๋ยวผมเรียกรถที่บ้านมารับก็ได้ครับ ผมมีของฝากจะเอาไปให้ยาย แล้วก็พี่ต้นด้วย”

“โอเคแบบนั้นก็ได้ ฝากป้ากับจอยด้วยนะ พล”

ชินพัตน์ออกปากขอบคุณ เพราะกัมพลช่วยได้เยอะเลย เพราะไม่อยากให้พี่ชายและต้นกล้ารอนาน อยากให้เดินทางไปกรุงเทพเช้าๆ กลัวรถติดและอยากให้พี่ชายพาต้นกล้าไปซื้อของใช้จำเป็นด้วย

กัมพลโทรศัพท์หาคนรถ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถใหญ่คันหรูก็มาจอดหน้าร้าน ทุกคนต่างมองกันอย่างสงสัย เพราะมันคนละคันกับเมื่อคืน แถมยังมีคนขับแล้วก็เหล่าข้าวของที่เตรียมไว้ฝากยาย และต้รกล้าเต็มรถไปหมด

“พวกผมไปก่อนนะครับ”

กัมพลขึ้นรถตู้คนสดท้าย บอกกับชินพัตน์และนนทนัฐที่ยืนส่งที่หน้าร้าน ก่อนจะขึ้นรถแถมยังมีคนขับมาค่อยปิดประตูให้อีกด้วย  ชินพัตน์ก็รีบโทรบอกพี่ชายว่ากัมพลจะล่วงหน้าไปก่อน ให้นพคุณพาต้นกล้าออกเดินทางไปกลุ่มเทพได้เลยไม่ต้องรอ ฝ่ายนพคุณก็เข้าใจและรับปากว่าจะพาต้นกล้าถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยแน่นอน


“นี้คุณ ทำไมถึงไม่ไปส่งป้าพร จอย แล้วก็พล”

พอเข้ามาในร้าน ชินพัตน์ก็ถามเรื่องที่ข้องใจทันที่

“ก็ผมอยากไปพร้อมคุณ อยากอยู่ช่วยคุณส่งลูกชิ้นให้ลูกค้าด้วย ทำคนเดียวเมื่อไรจะเสร็จ”

นนทนัฐอ้างเหตุผลขึ้นมาให้ดูน่าฟัง แต่จริงๆแล้วรู้ว่าลูกค้าที่จะมารับเป็นผู้หญิงเลย ไม่อยากให้แฟนตนเองส่งของเพียงลำพังกับลูกค้า

“ผมทำเองคนเดียวจะเร็วว่าอีกนะ  ผมเกรงใจเจ้าพลนะ ให้มาช่วยงานแล้วยังจะมาให้ช่วยพาพวกป้าไปแบบนั้นอีก”

ชินพัตน์ไม่วายกังวลและก็เกรงใจคนอื่นเป็นนิสัย เรื่องนี้นนทนัฐรับรู้ได้ดีว่าคนรักของตนเองนิสัยอย่างไร

“แต่พลเขาเต็มใจนะ ผมเห็นเข้าดูมีความสุขมากๆเลยพอรู้ว่าจะได้มาทำงาน และได้ไปเยี่ยมยายกับต้นวันนี้”

“ผมรู้ว่าต้นคิดถึงยายกับต้น แต่ผมเกรงใจ…คุณ…..”

“คุณเนติธรเหรอ?”

“ก็พาคนสำคัญเขามาแบบนี้  มารู้ที่หลังว่าให้ช่วยทำโน่น ทำนี่ให้จะมาโวยวายตามคนของเขากลับ แล้วจะไม่ให้พลมาเยียบที่นี้อีกนะสิคุณ”

“คุณก็กังวลใจเกินไป คุณเนติธรนะ ผมว่าเขามาไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้หรอก เพราะที่ผมสังเกตหลังจากเรื่องคราวก่อน ผมก็ดูคุณเนติธรจะตามใจ พลมากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ”

นนทนัฐย้อนนึกไปถึงเรื่อง ของกัมพลที่หนีออกจากบ้านเมื่อคราวก่อนหน้านี้ ขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่า หนุ่มใหญ่อย่างเนติธร เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ดูแลเอาใจใส่กัมพล แถมจะตามใจไปซะทุกอย่างด้วยซ้ำ


“ขอให้เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ผมยังอดเป็นห่วงพลอยู่เหมือนกัน แต่เห็นเขาอยู่สุขสบายดี พูดคุยกับญาติคนเดี่ยวที่มีอยู่ตอนนี้ได้อย่างดี ก็หมดห่วง”

“ครับๆ  ห่วงเรื่องของตัวเองก่อนไหมครับ  ลูกค้าจะมารับของตอนกี่โมง”

“เออ ใช่ๆ  ผมเลยลืมไปเลย ลูกค้าถึงไหนแล้วนะ”

นนทนัฐเตือนคนรักเรื่องลูกค้า ทำให้ชินพัตน์รีบโทรหาลูกค้าว่าเดินทางมาถึงไหนแล้ว จะได้เตรียมของไว้  พอลูกค้ามารับก็จะได้รีบไปหายายที่สวน ถ้าได้ไปเร็วก็อาจจะได้ทันเจอต้นกล้า  ก่อนไปฝึกงานหลายเดือน ได้ทันลูกส่งลากันสักนิดก็ยังดี  ก็เพียงคิดภาวนาให้ลูกค้ามาเร็วๆ จะได้ไปทันได้เจอ

ทางฝ่ายกัมพลก็ นั่งคุยกับป้าพรและจอยมาตลอดทางที่จะไปบ้านสวน และผู้คุยกับคนขับอย่างเป็นกันเอง ทำให้จอยและป้ามีเรื่องสงสัยในใจมากมาย ว่ากัมพลเป็นใครกันแน่ เพราะคนขับรถเรียกกัมพลว่า คุณกัมพล  ทุกคำ แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ เพราะรถได้มาจอดที่หน้าบ้านสวนของยายซะแล้ว

“สวัสดีครับ พี่ใหญ่ พี่ต้น”

กัมพลลงจากรถ เห็นต้นกล้าและนพคุณยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้า ก็รีบตรงไปหาต้นกล้าที่ไม่ได้เจอกันนาน

“สบายดีหรือเปล่าพล”

ต้นกล้ายิ้มแย้มทักท้ายเพราะไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ ดีใจที่ได้มาเจอกันอีก

“สบายดีครับ ต้องเรียนรู้งานของที่บ้าน แล้วก็เตรียมตัวกลับไปเรียนหนังสือด้วยครับ”

“ดีแล้วพล จะได้เรียนอย่างที่ตั้งใจไว้ ดีใจด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ “ กัมพลยกมือไหว้

“สวัสดีดีครับป้าพร จอย ขึ้นบ้านกันก่อนเถอะครับ แดดเริ่มแรงแล้ว ไปหายายข้างบนกัน ทานข้าวเช้ากันมาหรือยัง ต้นทำกับข้าวไว้เยอะเลย”

ต้นกล้าชวนทุกคนขึ้นบ้าน ร่วมไปถึงคนขับรถที่เดินถึงของเต็มไม้เต็มมือไปผม เดินตามกัมพลก็เลยพอจะเข้าใจว่าน่าจะมาด้วยกัน เพราะกัมพลบอกว่าซื้อของมาให้เยอะแยะเลย ขึ้นบ้านก็เจอยายที่นั่งรออยู่ชานบ้าน หน้าตาสดชื่นขึ้นเยอะ ดีใจที่คนมาเยี่ยมเยอะแยะแบบนี้  เพราะปกติสองยายหลานก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ ไม่คิดว่าการได้พบเจอชินพัตน์จะได้เจอคนที่เป็นมิตร และเป็นห่วงเป็นใยกันได้ถึงขนาดนี้ รู้สึกสบายใจ และหมดห่วงว่า เมือชินบุญตนเองแล้ว หลายชายอย่างต้นกล้าน่าจะมีคนคอยเป็นห่วงดูแลยามที่เดือดร้อน  ยายยิ้มอย่างมีความสุข
ประมาณ 10 โมงกว่าชินพัตน์กับนนทนัฐก็ ส่งลูกชินให้ลูกค้าเรียบร้อย เตรียมจะเดินทางไปบ้านสวน แต่ก็แวะหาประนพและก้องภพก่อน

“ต่ออยู่ได้ใช่ไหม?”

ชินพัตน์เป็นห่วงเพราะก้องภพพึ่งได้ลองทำไม่กี่วันเอง และต้องมาอยู่กับเด็กคนเดียวเลยเป็นห่วง

“คุณชิน ไม่ไต้องห่วงครับ ผมยังอยู่เป็นเพื่อนทั้งคน”

ประนพรับคำแทน พร้อมนั่งตบบ่าก้องภพเหมือนบ่งบอกว่า อยู่ด้วยกันได้สบายมาก

“ฝากด้วยนะเพื่อน”

นนทนัฐตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนเดินออกมาไปยังรถของชินพัตน์ เพื่อทำหน้าที่คนขับเดินไปแบมือขอกุญแจกับคนรักด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เพราะนานมากที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกัน ตอนกลางวันที่ไม่ใช้เวลางานบ้างก็รู้สึกมีความสุข

“ยิ้มอะไรของคุณ”

ชินพัตน์ไม่เข้าใจรอยยิ้มอย่างมีความสุขแฝงความหมายมากมายจนเกินขาดเดา  รีบส่งกุญแจรถให้แล้วเดินไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พลขับจำเป็น พอขึ้นรถเข้ามาก็หันไปมองคนที่เอาแต่ยิ้ม ไม่ยอมออกรถสักที

“อ้าว ทำไมไม่ไปสักที หรือว่าลืมอะไร?”

“อืม ลืมจริงๆด้วยครับ”

“หืม? ลืมอะไร รีบลงไปเอามาสิ จะได้รีบไปเดี๋ยวไม่ทันเจอต้น”

“ไม่ต้องไปครับ อยู่ตรงนี้แล้ว”

“อะไรของคุณ??”

“หันหน้ามามองผมหน่อยสิ”

“????”

ฟอด  ฟอด

สัมผัสอุ่นๆสองข้างแก้มของชินพัตน์โดนขโมยฉกฉวยไปด้วยคนที่เอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุข ตอบท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟัง นั่งนิ่งไม่โต้ตอบ

“ตอนแรกผมอยากจูบอรุณสวัสดิ์  แต่ตอนนี้ขอแค่หอมก่อนแล้วกัน  คุณจะหอมผมคืนก็ได้นะ ผมไม่ว่า”

เอียงแก้มรอไว้ แต่ชินพัตน์ที่ยังคงนิ่งอึ้ง แปลเปลี่ยนเป็นหน้าเห่อร้อน จนไม่รับรู้สิ่งรอบตัวแล้วได้สติอีกที่ก็ รถมาจอดหน้าบ้านสวนแล้ว  เพราะตลอดทางก็โดนกุมมือมาตลอด คิดทบทวนไปหา

นี้คงเป็นเหตุผลหลักสินะที่อยากมาพร้อมกัน
แค่ช่วงเวลาเล็กๆ
ก็ทำให้หัวใจฟองโตได้

“ชิน ชินครับ ถึงบ้านยายแล้วครับ ไม่ลงเหรอ?  หรืออยากอยู่ให้ผมหอมแก้มคุณอีกก็ได้นะ ผมพร้อมเสมอ”
นนทนัฐส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ ทำให้ชินพัตน์ตั้งสติ รีบลงจากรถไปหายายและต้นกล้าทันที่

“พี่ชินมาแล้วเหรอครับ ส่งของให้ลูกค้าเป็นไงบ้างครับ”

“โอเค ส่งได้ ลูกค้ารับเพิ่มด้วย  ขอโทษขอโพยกันใหญ่ ที่สั่งของกะทันหัน”

“ดีนะครับ ที่มาแต่เช้า”

“พี่ใหญ่จะไปส่งต้นกี่โมง นี้มันจะ 11 โมงแล้วพี่ไม่กลัวรถติดเหรอ?”

“ก็รอนายนั้นแหละ ต้นบอกว่าอยากเจอนายก่อน”

“โธ่ต้น โทรหาพี่ก็ได้  แต่ไหนๆพี่ก็มาแล้ว เตรียมตัวเดินทางเถอะ”

“ครับ  ต้นเตรียมของไว้แล้วครับ”

“อืม  ต้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องยายนะ พี่ๆจะดูแลยายเอง  ส่วนเรื่องสวนเรื่องขายผักจะดูอีกที่แล้วกันนะ “

“ครับ “

“ไปฝึกงาน ตั้งใจฝึกนะต้น มีเรื่องอะไรโทรหาพี่ได้เสมอนะ  “

“ครับพี่ชิน”
“ต้น ต้องใจฝึกงานนะ เรื่องยายไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะค่อยแวะมาหายายให้นะ”

นนทนัฐเสริม

“ขอบคุณครับพี่นนท์”

ต้นกล้ายกมือไว้ทุกคนที่พร้อมหน้าพร้อมตาอวยพรให้ต้อนฝึกงานได้อย่างสบายใจ ราบรื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องยาย เรื่องสวนต้นกล้ารู้สึกซาบซึ้งกับคนที่พึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เหมือนเป็นญาติมิตรกันมานาน ดูแลห่วงใยกันต้นกล้ารู้สึกได้ถึงความห่วงใยมากมายของทุกคน  ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับจากใครเลย อยู่กันมาสองยายหลาน

“ต้นเอย ไม่ต้องห่วงยายนะลูก ต้องใจเรียนเถอะยายแข็งแรงดีแล้ว กลับไปเรียบเถอะลูก อย่าให้เสียการเรียนนะ”

ยายลูบหัวต้นกล้า พร่ำบอกให้ต้นกล้าตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็ก และยังคงสอนแบบเดิม จนมาถึงทุกวันนี้

“ยายดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าหักโหมทำงานเลยนะยาย “

“ยายเหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยแล้วค่อยมาทำต่อ ยายไม่อยากทิ้งสวนไปไหน”

พอต้นกล้าฟังคำพูดของยายก็อยากจะร้องให้ เพราะต้นกล้าต้องไปฝึกงานหลายเดือน ไม่ได้กลับมาที่สวนเป็นเวลานานๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกใจหาย ไม่อยากทิ้งสวนและยายไปเหมือนกัน แต่เพื่อนอนาคต ต้นกล้าต้องกลั้นน้ำตาให้รู้ว่าตนเองโตพอที่จะไปเผชิญหากับโลกภายนอกได้แล้ว ออกจากอ้อมอกของผู้เป็นยาย แต่ก็ไม่ได้ไปนานเกินรอ

จะกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ

ให้ยายได้ภูมิใจ
“เดินทางดีๆ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ”

ชินพัตน์ยังย้ำกับต้นกล้าคำเดิมๆ

“ได้ครับ ต้นจะโทรมาทุกคนเลย ฝากยายด้วยนะครับ”

ทุกคนพยักหน้า โบกมือลาต้นกล้าที่มองบ้านสวน และยายที่นั่งอยู่บนเรื่องบ้าน ค่อยๆห่างออกมาเรื่อยๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็เริ่มๆเอ่อล้นออกมาก เป็นสาย ต้นกล้ายกหลังมือเช็ดน้ำตาไปมาก็ไม่อาจจะหยุดร้องได้
นพคุณเห็นต้นกล้าเข็มแข็งมาตลอดที่อยู่บ้านสวน แต่ปลดปล่อยความอ่อนแอ เมื่ออยู่กับเขามีเพียงเขาเท่านั้นที่จะค่อยปลอบโยนอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้ได้ในตอนนี้ และคิดว่าจะทำแบบนี้ตลอดไป ตราบที่ต้นกล้าต้องการ

“ไม่เป็นไรนะ ต้นร้องออกมามาซะตอนนี้ ตอนอยู่กับพี่ เพราะหลังจากนี้ต้นต้องเข็มแข็ง ต้นต้องเดินไปข้างหน้า เรียนรู้ทุกอย่างโดนลำพัง แต่พี่อยากให้ต้นจำไว้ พี่จะอยู่ข้างต้นเสมอ เมื่อต้นต้องการ”

นพคุณจอดรถชิดไหลทาง โอบกอดคนที่ร้องไห้จนตัวโยน ลูบหลังอย่างแผ่วเบา

ไม่นานต้นกล้าก็หยดร้องไห้ เหลือเพียงคราบน้ำตา

นพคุณหยิบทิชชูมาซับน้ำตาออกจากใบขาวอย่างแผ่วเบา

“สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม? พร้อมจะออกเดินทางหรือยังครับ?”

นพคุณอยากให้คนตรงหน้ายิ้มแย้มอย่างที่เคยมากกว่า เลยถามคนข้างกายด้วยร้อยยิ้มส่งไป

“พร้อมแล้วครับ”

ต้นกล้ายิ้มรับแล้ว จับมือนพคุณแน่น



ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร



ขอแค่มีใครอยู่เคียงข้าง



รอคอยเวลาที่เราจะกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง









 


        ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาขายแล้วจ้า (มาขายดึกมาก โฮะๆๆๆ)  :beat:

              ขอบคุณที่ติดตามอ่านจ้า รักคนอ่านทุกคนจ้า จุ๊บๆ  :mew1:


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:

หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 71 [29-พ.ย-58] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-11-2015 11:29:32
ตามลูกชิ้นปิ้งจนทันสักที

ทั้งพี่นพทั้งชินมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ชินจะว่ายังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 71 [29-พ.ย-58] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-12-2015 18:34:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72 [31-ธ.ค.-58] สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 31-12-2015 00:57:42





                                                  เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72


ตลอดเส้นทางเข้าตัวเมืองเผื่อผ่านไปยังเส้นทางหลักไปกรุงเทพ นพคุณชวนต้นกล้าพูดคุยเรื่องต่างๆ มากมาย เรื่องตลกๆ เผื่อให้ต้นกล้าหายเศร้า และมีรอยยิ้มกลับมาที่ใบหน้าอีกครั้ง  ชวนคุยเกี่ยวกับเพื่อนๆที่จะไปฝึกงานพร้อมกัน ร่วมทั้งเรื่องที่พักตอนฝึกงานด้วย

“เพื่อนๆ ไปฝึกด้วยกันกี่คน แล้วได้ไปฝึกที่ไหนกันบ้างหืม?”

“เพื่อนที่ไปฝึกด้วยกันมี ต้น มีหม่อน ครับ สวนเพื่อนคนอื่นๆก็ได้ ที่ฝึกใกล้ๆบ้าน หรือบ้างคนก็เข้าฝึกที่ทำงานของครอบครัวฝากให้ก็มีครับ”

นพคุณรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของต้นกล้าแผ่วลง ตรงเรื่องสถานที่ฝึกงานของเพื่อนๆที่ มีทางครอบครัวหาให้  สวนต้นกล้ากลับต้องพยายามค้นควายหาเอง แถมยังหาแบบใกล้บ้านอย่างที่ตั้งใจไม่ได้อีกด้วย ทำให้ยิ่งทำให้ต้องหางจากยายไกลๆเป้นครั้งแรก

“ดีแล้วที่ต้นมีเพื่อนไปฝึกงานด้วย จะได้ไม่เหงาคอยให้คำปรึกษากันได้ ถ้าไปคนเดียวกระเทียมลีบนะ”

นพคุณคิดคำปลอบใจดีๆได้เพียงแค่นี้ที่จะทำให้ต้นกล้ายิ้มออกมาได้

“หม่อน เป็นคนเข้ากับคนง่ายครับ ไปฝึกงานคราวนี้  จะไปป่วนในที่ทำงานมากกว่าไปฝึกงานมากกว่านะครับ ฮึๆ”

ต้นกล้านึกถึงเพื่อนสนิทที่นิสัยคุยเก่ง ก็อดขำไม่ได้ เข้ากับคนง่ายร่าเริง มีเพื่อนอย่างหม่อนไปด้วยก็ลดความเหงาไปได้มากที่เดียว

“ทำไมต้นคิดแบบนั้นล่ะ ?”
“ก็หม่อน ชอบเล่นไปทั่ว งานที่ได้รับหมอบหมาย จะไม่ค่อยตั้งใจทำ ค่อยไปป่วนไปแกล้งเพื่อนสะมากกว่า พอใกล้เวลาส่งงานก็ เกือบไม่ทันส่ง บางที่ก็ทำงานลวกๆส่งอาจารย์โดนดุมาหลายครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้งนะครับ เพราะหม่อนไม่ทิ้งเรื่องเรียนเพียงแต่ติดเล่นไปหน่อยเท่านั้น”

“อืม  ไปฝึกงานก็ปามๆเพื่อนด้วยนะต้น ในรั้วมหาลัย กับ รั้วที่ทำงานมันแต่ต่างกันมากนะ ต้นรู้ใช่ไหม?”

“ครับ หม่อนก็พูดกับต้นเหมือนกัน ว่าดีใจมากๆที่มีต้นไปฝึกงานพร้อมกัน เพราะหม่อน บอกว่า ตัวหม่อนเองคง ฝึกไม่ผ่านแน่ๆ เพราะห่วงเล่นมากกว่า มีต้นเป็นเพื่อนค่อยเตือน ค่อยช่วยกัน ก็อุ่นใจ ว่าฝึกงานคราวนี้ ผ่านแน่นอน” ต้นกล้าตอบยิ้มอย่างภูมิใจ

“ดีแล้ว ค่อยช่วยเหลือกันแบบนี้ เพื่อนสนิทดีๆ ต้องมีคบกันไว้ อย่างทิ้งกัน” นพคุณพูดก็นึกถึงเพื่อนที่คอยชวนเหลือเป็นกำลังให้ นั้นก็คือ แมน ที่คอยดูแลเรื่องที่ร้านให้เสมอขึ้นมา
“ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับ

“เข้าเขตกรุงเทพแล้ว ให้พี่แวะไปไหนก่อนดี หรือต้นหิวข้าวไหม หาอะไรรองท้องกันก่อน?”
นพคุณเสนอความคิดเมื่อเห็นว่าเข้าเขตกรุงเทพแล้ว

“ต้นว่าจะแวะไปลางานที่ทำงาน พาททามก่อนนะครับ แล้วจะแวะเข้ามหาลัยเอาเอกสารไปยื่นให้อาจารย์นะครับ ส่งต้นที่หน้ามหาลัยก็พอครับ พี่จะได้ไม่ต้องกลับถึงบ้านดึก”

ต้นกล้ารีบตอบอย่างเกรงใจและเป็นห่วงในคราเดียว

“แต่พี่หิวแล้ว หาอะไรกินกันก่อน แล้วเราค่อยไปที่ทำงานของต้นแล้วกัน ตกลงตามนี้”
นพคุณทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่ต้นกล้าขอให้ไปส่งแค่หน้ามหาลัย เปลี่ยนเรื่องไปหาสถานที่นั่งทานข้าวแทน ทำให้ต้นกล้าไม่กล้าคัดคนหิว

“งั้นเราแวะหาอะไรทานที่นี้ก่อนแล้วกัน ค่อยไปทำธุระของต้นต่อนะ”

“ครับ” ต้นกล้าตอบรับอย่างว่าง่าย

นพคุณเงินนำต้นกล้าเข้ามาในห้างดัง ก่อนถึงมหาลัยของต้นกล้าไม่ไกลนัก เดินเลือกดูของไปเรื่อย เห็นร้านไหนที่เกี่ยวของกับต้นกล้า นพคุณจะถามต้นกล้าว่าต้องการจะใช้ไหม ก็มักจะได้คำตอบกลับมาคือ ไม่ใช่ ไม่เอา มีแล้ว สะส่วนใหญ่ จนทำให้นพคุณเปลี่ยนเป้าหมายที่ตั้งใจจะซื้อของใช้จำเป็นต่างๆ  ไปหาข้าวทานก่อน ปล่อยให้ต้นกล้าไปเลือกซื้ออาหารที่โซนอาหารของห้างดัง
    นพคุณก็หยิบโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนสนิทของต้นกล้าด่วน เพื่อนสอบถามว่า ไปฝึกงานต้องใช้อะไรบ้าง เสื้อผ้า เครื่องแต่งการ ข้าวของเครื่องใช้  เพื่อนสนิทของต้นกล้าก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนขี้เกรงใจ เลยต้องช่วยเหลือกันด้วยวิธี่แบบนี้

“ขอบใจมากนะหมอน”

“ไม่เป็นไรครับพี่ เออพี่ครับ ผมอาจจะไปถึงห้องช้ากว่าที่คิดไว้ ต้นจะมาถึงห้องประมาณกี่โมงครับ ผมกลัวต้นจะรอผมที่มหาลัยเก้อ” หม่อนคิดได้ว่าตนเองติดธุระทางบ้าน เลยทำให้กลับไปหอพักที่พักร่วมกับต้นกล้าช้ากว่าที่กำหนด เลยเอยถามเรื่องเวลามาของเพื่อนสนิท

“เห็นต้นบอกว่าจะแวะร้านที่ไปทำงาน เพื่อขอลางานก่อน แล้วจะแวะเข้ามหาลัยเลย แล้วค่อยกับหอนะ ประมาณนั้น”

“เหรอครับ พอดีผมติดธุระทางบ้านอาจจะไปถึงหอดึกหน่อยนะครับ ฝากบอกต้นด้วยเลยนะครับ ว่าผมอาจจะเข้าหอดึกหน่อย ไม่ต้องรอ”

“ได้แล้วพี่จะบอกให้นะ”

“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”

นพคุณตัดสายพอดีกับที่ต้นกล้าเดินกลับมาพร้อมถาดอาหาร ชุดที่ 2 เพราะชุดแรก นพคุณสั่งให้ต้นกล้าไปซื้อให้ เพราะอ้างว่าติดคุยธุระกับลูกค้าแต่จริงๆแอบโทรหาหม่อนนั้นเอง

“ขอบคุณครับ ทานกันเลยนะ จะได้ไปทำธุระเรื่องลางานกับไปมหาลัยให้เรียบร้อย”
นพคุณชวนทานข้าว แต่ในใจคิดไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรให้ต้นกล้าบ้าง
ทั้งสองทานข้าวเสร็จ นพคุณพาต้นกล้าเดินทั่วห้าง ซื้อของมากมายแต่ไม่ถามคำถามเดิมๆแล้วว่า ต้นกล้าอยากได้อะไรไหม แต่กลับซื้อเลยโดยที่ไม่รอคำตอบ ซื้อทุกอย่างที่เห็นว่าจำเป็นจะต้องใช้ อย่างที่หม่อนบอก จนทำให้ต้นกล้าแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าถามว่าซื้อของให้ใคร ทำไหมเยอะแยะมากมาย แถมยังช่วยถือของให้แล้วเดินตามไปเงียบๆ

“ต้นโทรไปหาพี่ๆที่ทำงานไว้หรือยังว่าจะเข้าไปหา”
นพคุณถามขึ้นตอนที่นั่งพักในร้านไอศกรีมชื่อดังในห้าง
“ยังเลยครับ “
“โทรไปเลย เดี๋ยวพวกเราก็ไปกันเลย ต้นอยากซื้อของอะไรเพิ่มอีกไหม?” นพคุณถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าต้นกล้ายังอยากได้ของอะไรที่นอกเหนือที่เขาซื้อให้อีกหรือเปล่า
“ไม่มีแล้วครับ ของที่ต้นเตรียมมาจากที่บ้านแล้วก็ที่พี่ชินซื้อให้ก็พอมีแล้วครับ”ต้นกล้าตอบกลับ
“งั้นก็ไปที่ทำงานกันเลย แล้วก็ไปที่มหาลัยต่อใช่ไหม?”
“ครับ”

ต้นกล้าบอกทางให้นพคุณขับรถไปยังที่ทำงานเป็นร้านอาหาร ที่รับนักศึกษาหลายคนเข้ามาช่วยงานที่ร้าน เพื่อช่วยให้นักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษช่วยเหลือตัวเอง ไม่ต้องรับกวนทางบ้าน ต้นกล้าได้มาทำร้านนี้เพราะมีรุ่นพี่แนะนำมา ต้นกล้าทำงานที่ร้านนี้มาตั้งแต่ปี 1 จนปัจจุบัน ทำให้สนิทกับเจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วย

“สวัสดีครับพี่นิ่ง” ต้นกล้าเดินนำเข้าร้านผูจัดการร้านรู้ว่าต้นกล้าจะมาหาเลยมารออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอต้น ยายเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีแล้วครับ มีพี่เขาที่รู้จักกันดูแลให้ ต้นเลยกลับมาฝึกงานได้ครับ”
“ดีแล้ว ต้นจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงยายด้วยเพราะต้องไปฝึกหลายเดือนเลยสินะ”
“ครับ ต้นเลยจะมาขอลา หลังจากฝึกงานเสร็จ ต้นอาจจะขอกลับมาทำงานด้วยนะครับ “
“จ้ามาเมื่อไรพี่พร้อมรับเด็กขยันอย่างต้นเสมอนะ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่นะ โทรหาพี่ได้เลย”
“ขอบคุณครับพี่นิ่ง”ต้นกล้ายกมือไหว้
“แล้วต้นมายังไง แล้วจะไปไหนต่อล่ะ”
“มากับพี่นะครับ พี่เข้าอาสาขับรถมาส่งจากที่บ้านนะครับ” ต้นกล้าหันไปมองคนที่ยืนรออยู่หน้าร้านแล้วหันกลับมาหาผู้จัดการร้านอีกครั้ง
“พี่ชายเหรอ? พี่พึ่งรู้ว่าต้นมีพี่ชายด้วยไหนว่าต้นเป็นลูกคนเดียว.?”
“พี่เขาเป็นคนช่วยเหลือต้นกับยายช่วงที่มีปัญหาแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่างนะครับ รู้จักกันได้ไม่นาน แต่มีเขาก็คอยเป็นห่วงต้อนกับยายเสมอเลยนะครับ” ต้นกล้าอธิบายด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดถึงคนสำคัญอีกคนที่นอกเหนือไปจากยายของต้นเอง

“เป็นแค่พี่แน่เหรอต้น?”
“อะ อะไรนะครับพี่นิ่ง ?” ต้นกล้าไม่ค่อยแน่ใจคำถามของผู้จัดการร้านสาว
“จ้าๆ ไม่มีอะไรพี่ก็ถามไปอย่างงั้นแหละ มีธุระต่อไม่ใช่เหรอไปเถอะ ฝึกงานเสร็จแล้วเข้ามาหาพี่กับทุกคนในร้านมั้งนะต้น”
“ครับพี่นิ่ง สวัสดีครับ” ต้นกล้ายกมือไหว้ล่ำลาอีกครั้งก่อนเดินออกมามาหานพคุณที่หน้าร้าน

“ไปมหาลัยต่อเลยใช่ไหม” นพคุณเห็นต้นกล้าคุยธุระเสร็จก็ถามจุดหมายที่จะไปต่อ

“ครับ พี่ไปส่งต้นที่หน้ามหาลัยก็ได้ครับ พี่จะได้กลับเลยถึงบ้านจะได้ไม่ดึกครับ”ต้นกล้าขึ้นรถมานั่งประจำตำแหน่ง แล้วของสิ่งที่คิดไว้
“พี่อยากเห็นมหาลัยที่ต้นเรียนได้ไหม”
“เออ ได้ครับ” ต้นกล้าเจอคำถามนี้ของนพคุณเลยไปไม่ถูกจำเป็นต้อง นั่งนิ่งพับเก็บความคิดที่จะเข้ามหาลัยคนเดียวเผื่อรอเพื่อนอย่างหม่อนมารับเข้าหอไปพร้อมกันไว้ก่อน

ต้นกล้ามาถึงมหาลัยประมาณบ่าย 3 โมง ยื่นเอกสารการขอฝึกงานไว้กับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วพูดคุยเล็กน้อยกับอาจารย์ก็ขอตัวกลับออกมาหาคนที่นั่งรอ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นโต๊ะประจำที่ต้นกล้าและเพื่อนๆในกลุ่มจะมานั่งประจำ เมื่อมองเห็นคนสำคัญในชีวิตนั่งอยู่ในสถานที่ที่คิดว่าเป็นสถานที่ในความทรงจำตลอด 4 ปีในรั้วมหาลัย ก็รู้สึกดีมากๆ ยิ่งคนสำคัญหันมายิ้มให้แล้วด้วย ยิ่งทำให้ต้นกล้ารู้สึกสับสนในใจเล็กๆ ว่าทำไมหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“คะ ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับอย่างเขินๆไม่รู้ทำไม  ความรู้สึกเหมือนบรรยากาศที่คุ้นเคยกับคนที่ที่ไว้ใจมาอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ มันรู้สึกอยากให้มาใช้เวลาอยู่ด้วยกันช่วยที่เรียนอยู่ในรั้วมหาลัย อยากรู้จักคนคนนี้ให้เร็วๆกว่านี้ 
“ต้น ต้นครับ นิ่งไป? คิดอะไรอยู่หืม?” นพคุณเห็นต้นกล้ายืนมองตนเองนานมากแต่ไม่พูดอะไรเอาแต่อมยิ้มน้อยๆ เลยสงสัย
“เอ๊ะ? เออ เปล่าครับ พี่อยากไปเดินดูที่คณะของต้นไหม แต่วันนี้อาจจะเงียบหน่อยนะครับ เพราะเพื่อนๆ กับน้องๆ น่าจะกลับกันไปบ้างแล้ว”
“ไม่เป็นไร ก็ต้นยังอยู่แค่นี้ก็พอแล้ว”
ฟังตอนแรกต้นกล้าก็ไม่ได้คิดอะไร เดินออกนำไปยังตึกคณะตนเอง แต่พอคิดทบทวนไปมากับคำพูดของคนที่เดินตามหลังแล้ว ทำให้หน้าเห่อร้อนขึ้นมาเฉยๆ 
หมายความว่า
ไม่ต้องมีคนอื่นก็ได้ใช่ไหม?
มีแค่เรา ?
สองคนก็พอใช่ไหม?
ต้นกล้ารีบส่ายหน้าไปมา เพื่อเลิกคิดสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกไปจากหัว แล้วรีบเดินนำคนตัวโตกว่าไปยังตึกเรียนที่เคยเรียนมาตลอด 4 ปี เดินแนะนำตึกอาคารใกล้เคียง สถานที่ที่ต้นกล้าและเพื่อนๆได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ วีรกรรมป่วนๆของเหล่าเพื่อน และมาจบสถานที่สุดท้าย คือ ประตูหลังมหาลัย ที่สามารถออกไปยัง หอพักของต้นกล้าได้ ต้นกล้าอธิบายว่าเดินออกไปอีไม่ไกลนักก็จะเจอหอพัก กลางเก่ากลางใหม่ คาเช่าไม่แพงที่ต้นและหม่อนเช่าอยู่ด้วยกัน

“เดินไปอีกไกลไหม?”นพคุณยืนมอง ไปยังปลายทางที่มองไปยังไงก็ยังไม่รู้ว่าหอพักที่ต้นกล้าบอกอยู่ตรงไหน เพราะต้นกล้าหยุดยืนตรงประตู แค่นั้น
“ก็ไม่ไกลมานะครับ ประมา 20 นาทีก็ถึงครับ”
“แล้วพี่ขับรถเข้ามาแล้วออกทางด้านนี้ได้ใช่ไหม?”
“อ้อได้ครับ แต่พี่ไม่ต้องเข้ามาส่งต้นก็ได้ ต้นต้องรอเพื่อนก่อนนะครับ พี่ขับรถออกทางหน้ามหาลัยจะสะดวกกว่า เพราะทางด้านหลังมหาลัยซอยมันจะแคบมา ต้นกล้วยว่าที่จะหาที่กลับรถลำบากเปล่านะครับ”
“ไม่เป็นไร พี่จะรอเป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนเราจะมา พี่ขอไปรอที่หอแล้วกันนะ” นพคุณไม่รอคำตอบเดินกลับไปยังหน้ามหาลัยที่จอดรถไป ต้นกล้าเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามแบบงงๆ
รอเป็นเพื่อน?
“พี่จะไปรอที่ห้องเหรอครับ? รอใคร? คือต้นไม่เข้าใจ?” ต้นกล้าถามสิ่งไม่เข้าใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง

“ก็เพื่อนเรายังไม่น่าจะมาง่ายๆ อาจจะมาดึก พี่เลยจะอยู่เป็นเพื่อนเราก่อนไง ปิดประตูสิ พี่จะออกรถแล้ว” ต้นกล้าที่ยังงงกับคำตอบอยู่ต้องรีบปิดประตูตามที่คนขับสั่ง

แล้วรถก็ผ่านเข้ามาในซอยเล็กๆในชุมชนหลังมหาลัย ที่อัดแน่นไปด้วยบ้านเรือน หอพัก เก่าใหม่มากมาย ล้วนแต่เป็นที่พักพิงให้ทั้งนักศึกษาหน้าใหม่ๆและนักศึกษารุ่นเก่าๆที่พยายามดันตัวเองเท่าไรก็ยังไม่ออกไปจากรั้วมหาลัย สักที่กับมาแก้ กลับมาเก็บรายวิชาที่ตกหล่น  มีแม้กระทั่งกลับมาเรียนกับรุ่นน้องยังมี ตามหอเป็นที่แหล่งให้เราคนรักเรียน และรักสถาบัน อยู่กันไปใจกว่าจะจบ และได้งานทำ ก็ยังไม่หนี้หายกันไปไหน
บ้างคนยึดหอเป็นเหมือนบ้านหลที่ 3 รองมาจากบ้านเกิด มหาลัย กันเลยที่เดียว

“พี่จอดรถไว้ตรงนี้ได้ไหม?” นพคุณเห็นต้นกล้านั่งเงียบ เลยถามขึ้นเพราะไม่แน่ใจว่าหน้าทางเข้าหอแบบนี้จะสามารถจอดรถได้ไหม?
“จอดได้ครับ ถ้าจอดไม่นานมาก เพราะถนนหน้าหอมันแคบนะครับ ส่วนใหญ่ในซอยจะใช้มอเตอร์ไซค์กันสะมากกว่าครับ” ต้นกล้าค่อยอธิบายแล้วก็เปิดประตูลงมาดูว่า นพคุณจอดรถพ้น ขอบถนนได้มากขนาดไหน เพราะกลัวจะเกิดมีรถในซอยเข้ามาเฉียวชน หรือรถใหญ่ผ่านเข้าออกได้สะดวกไหม พอเห็นว่าโอเคแล้วก็ หันไปหาเจ้าของรถที่ยืนรออยู่

“ให้พี่ช่วยยกของเข้าไปนะ”
“ขอบคุณครับ” ต้นกล้ารีบหยิบเป้ใบใหญ่มาถือไว้ แล้วปล่อยให้นพคุณหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเดินตามเข้ามา ผ่านห้องของคนป้าที่นั่งอยู่ภายในห้องใต้ตึก
“ป้าสวัสดีครับ”ต้นกล้าทักท้ายป้าเหมือนทุกครั้ง
“อ้าวต้นหลายไปไหนมาหลายวันเลย”
ต้นกลับไปบ้านไปหายายมาครับ แล้วต้นก็กำลังจะไปฝึกงานนะครับ “
“อ้าวเหรอ แต่ยังกลับมาอยู่หอป้าเหมือนเดิมใช่ไหม?”
“ครับ ผมกับหม่อนยังเช่าห้องป้าเหมือนเดิมนะครับ แต่ช่วงนี้อาจจะไม่ได้เข้ามาหลายเดือน”
“จ้าๆ บอกป้าด้วยนะ ป้าไม่คิดเงิน ไปวันไหน กลับวันไหนบอกป้าด้วย”
“ครับ ขอบคุณครับป้า”ต้นกล้ายกมือไหว้
“อ้าวแล้วนั้นมากับใครล่ะ “
“อ้อมากับพี่ครับ พี่เขาขับรถมาส่งครับ”
“อ้อจ้าๆ เอาของเข้าไปเก็บเถอะ แล้วเจ้าหม่อนจะมาด้วยไหม?”
“มาครับ เดี๋ยวก็คงจะมานะครับป้า ต้นขอเอาของเข้าไปเก็บก่อนนะครับ”
“จ้าๆ”

 ต้นกล้าเดินนำ นพคุณเข้าห้องพัก ว่างข้าวของเสร็จ รีบหาไม้กวาดมากวดห้องเพราะไม่อยู่หลายวัน ฝุ่นน่าจะเยอะ หม่อนก็ไม่ค่อยได้เข้าห้องเท่าไร ไปกลับบ้านตลอด เพราะไม่รู้จะให้นพคุณนั่งตรงไหนดีเลยตัดสินใจกวาดห้องก่อน ปล่อยให้นพคุณยืนมองอยู่ที่หน้าประตู กวาดเสร็จจนทั่วห้องแล้ว ก็จะหันไปบอกแขกจำเป็น กลับไม่เจอ เจอแต่กระเป๋าโน๊ตบุ๊ควางไว้ที่หน้าประตูแทน ต้นกล้ารีบชะโงกหน้าออกมาดูที่หน้าประตู เพราะกลัวกว่านพคุณจะกลับไปสะก่อนยังไม่ได้พูดขอบคุณเลยสักคำ
แต่กลับกันนพคุณเดินหิ้วถุงข้าวของที่ซื้อในห้างทั้งหมดเดินกลับเข้ามาพอดีกับที่ต้นกล้ากำลังจะใส่รองเท้าเพื่อจะออกมาดูนพคุณว่ากลับไปแล้วจริงๆหรือเปล่า ก็เลยชนกันอย่างจังตรงหน้าประตู
“โอ๊ย!!!”
“ต้น เป็นอะไร? จะรีบไปไหน” นพคุณตั้งหลักได้ก่อน ข้าวของหล่นหลุดมือ หันมาคว้าต้นกล้าที่กำลังจะหงายหลังเพราะแรงชนจัง มาที่ตัวเขาที่ร่างการหนากว่า ทำให้ต้นกล้าถึงกับเซจนจะหงายหลัง
“เออๆ ปะเปล่าครับ คือ ต้นนึกว่า พี่กลับไปแล้ว เลยรีบไปดู”
“ยัง พี่เดินกลับไปเอาของมาอีก ยังยกของลงจากรถไม่หดเลย” นพคุณพยุงต้นกล้าให้ยืนได้อย่างมั่นคง แล้วก้มลงเก็บถุงเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช่ที่ซื้อให้ต้นกล้าจากห้างขึ้นมาให้ต้นกล้าเห็นว่านี้คือของที่เหลือ ที่ยังเอาลงมาไม่หมด

“แต่ของพวกนี้?” ต้นกล้าทำท่าจะปฏิเสธ
แต่นพคุณไม่สนใจ เอาถุงข้าวของทุกอย่างไปว่างไว้ที่เตียงนอน
“ของทุกอย่างตอนนี้มันอยู่ในห้องต้นแล้ว มันเป็นของต้นทั้งหมด พี่ตั้งใจซื้อให้ต้นนะ รับน้ำใจที่มีให้ได้ไหม?” นพคุณยิ่งคำถามแบบนี้มาอีก แล้วต้นกล้าก็ไปไม่เป็น จะปฏิเสธก็กลัวคนตรงหน้าจะเสียใจ แต่ก็เกรงใจเพราะได้ของมาเยอะแยะ แถมยังราคาแพงทั้งนั้นด้วย แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไร

“อ้อ แล้วพี่ก็ลืมบอกไปว่า หม่อนโทรมานะ บอกว่าอาจจะมาดึก หรือไม่อาจจะมาพรุ่งนี้ติดธุระที่บ้านเลยทำให้กลับมาหอวันนี้ไม่ทันนะ พี่เลยจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าหม่อนจะมาด้วย”
“แล้ว พี่ไม่รีบกลับเหรอครับ ขับรถดึกมันอันตรายนะครับ”
“ต้นเป็นห่วงพี่เหรอ?”
“ก็ต้องห่วงสิครับ มาส่งต้นแล้ว พอขากลับเกิดเป็นอะไรร้ายแรง ต้นก็ต้องกลัวไว้ก่อน เพราะต้นเป็นต้นเหตุ”
“งั้นพี่ก็ยังไม่กลับ ไว้กลับพรุ่งนี้แทน ไม่ต้องขับรถกลับดึกๆด้วยดีไหม?”
“พี่จะค้างที่นี้เหรอครับ?”
“แล้วต้นให้พี่ค้างไหมล่ะ?”
“แต่ว่าหม่อน อาจจะมา เออ คือ..”ต้นกล้าไม่แน่นอนใจว่าหม่อนจะมาเร็วขนาดไหน หรือไม่มาเลย ก็ยังไม่รู้คำตอบที่แน่นอน เลยพูดไม่ออก
“โทรหาดูไหม? พี่ก็จะได้โทรหาเจ้าชินด้วย ว่ายังไม่กลับ” นพคุณตัดสินใจแทนแล้วแยกตัวหันไปโทรศัพท์ ทำให้ต้นกล้ายังงง ว่าจะเริ่มต้นอะไรก่อนดี เก็บที่นอน เตรียมที่นอน โทรหาเพื่อน หรือจะบอกให้นพคุณรีบกลับ ไม่รู้จะเลือกทำสิ่งไหนก่อนดี
นพคุณรอสายจากน้องสาย หันมามองต้นกล้าที่ยังยืนเออ ชี้ไปที่โทรศัพท์ แล้วยกมือทำถ้าว่าให้โทรหาเพื่อนเลย ต้นกล้าเลยต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
รอสายไม่นานปลายสายก็รับ
“หม่อน หม่อนจะมาถึงหอประมาณกี่โมง เรามาถึงหอแล้วนะ”
(เหรอต้น ถึงห้องแล้วเหรอ ดีเลยเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เออ แล้วยืนเอกสารให้อาจารย์แล้วใช่ไหม?)
“ยืนแล้ว ได้คุยกับอาจารย์ด้วย บอกให้เราคุมหม่อนไม่ให้ไปป่วนที่ฝึกงานด้วยนะ ฮึๆ”
(เออ เรารู้น่าว่าเรามันตัวป่วน แล้วพี่ใหญ่กลับไปหรือยังล่ะ?)
“เออใช่ๆ หม่อนจะห้องกี่โมง” ต้นกล้านึกได้ว่าต้องรอคำตอบจากเพื่อนก่อน ว่าจะสามารถให้นพคุณค้างได้หรือเปล่า
(ทำไมล่ะ เรามางานเลี้ยงญาติ ไม่รู้จะเลิกงานกี่โมง ไม่แน่ถ้าดึกมากเราอาจจะไปพรุ่งนี้เช้านะ)
“เอายังไงแน่นอน เราขอแบบชัวร์ๆหน่อยสิ” ต้นกล้าไม่แน่ใจในคำตอบของเพื่อนสักเท่าไร
(ก็ตามนั้นแหละ ถ้างาเลี้ยงเลิกเร็วเราก็อาจจะกลับหอเลย แต่ถ้าเลิกดึกเราก็จะไปที่หอตอนเช้าไง) หม่อนเริ่มสงสัยต้นกล้าไม่คนสนใจว่าจะกลับช้ากลับเร็ว เพราะเห็นต้นกล้าอยู่ห้องคนเดียวได้ตลอด เวลาที่ตนเองไม่อยู่

“มาเร็วๆไม่ได้เหรอหม่อน?” ต้นกล้ารู้สึกอยากให้หม่อนมาเร็วๆ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่ให้นพคุณค้างที่หอ เพราะอะไรยังหาคำตอบไม่ได้ แต่รู้สึกไม่กล้าอยู่ด้วยกันสองต่อสองแน่ เพราะหัวใจเต้นแรงแปลกๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว
(เป็นอะไรหรือเปล่าต้น ไม่สบายเหรอ?)

“ปะ เปล่า คือเรา เออ ไม่อยากอยู่คนเดียว  คือ.” ต้นกล้าไม่กล้าอธิบายไปตรงๆว่านพคุณยังอยู่และจะขอค้างเป็นเพื่อนแทนถ้าหม่อนรู้ คงจะรีบบอกให้ค้างแทนแน่ๆเลย

(ต้น ต้นกลัวอยู่คนเดียวแล้วคิดถึงยายเหรอ?) เพท่อนหม่อนเริ่มคิดไปไกล ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อน
“เออ เปล่าๆ  ถ้ามาได้หม่อนรีบมานะ “
(เออๆ ถ้าไปได้จะรีบไปนะ แต่ถ้าดึกมากไว้เจอกันพรุ่งนี้นะต้น อยู่ได้ไหมคืนเดียว)
“อืมๆ” ต้นกล้าตอบไปอย่างนั้น เพราะยังไม่แน่ใจกับความไม่แน่นอนขอ
งเพื่อนอยู่ดี แล้วจะตอบกับคนที่ยืนรออยู่กลางห้องดี
นพคุณที่ว่างสายจากน้องชาย บอกน้องชายว่าอาจจะกลับดึก อาจจะค้างบ้านเพื่อนที่รู้จัดกันแล้วขับรถกลับตอนเช้าแทน ไม่ต้องเป็นห่วง ฝากยายไว้อีก สักวัน ชินพัฒน์ก็ได้แต่ตอบรับ

“ว่าไง พี่ค้างได้ใช่ไหม?”
“เออ หม่อนบอกว่าจะกลับมาดึกๆครับ คือ “
“โอเค พี่อยู่เป็นเพื่อนต้น จนกล้าหม่อนจะมาแล้วกัน”
“เออ แต่ว่า พี่ก็จะขับรถกลับแบบดึกๆเหรอครับ” ต้นกล้านึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“ก็ทำไงได้ หม่อนมาพี่ก็ไม่มีทีนอน  พี่ก็ต้องขับรถกลับเลยสิ”
“งั้นพี่นอนค้างก็ได้นะ เพราะหม่อนบอกว่าไม่แน่ก็มาพรุ่งนี้”
พอนพคุณได้ยินตามนั้นก็ยกยิ้มเล็ก รับรู้ว่าต้นกล้าเป็นห่วงตนเองมากจริง แต่ก็แกล้งลองใจคนตัวเล็กกว่าเท่านั้น
“งั้นพี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”
“ครับ” ต้นกล้าหาผ้าขนหนูส่งให้
“พี่ขอยืมกางเกงสักตัวสิ”
“ครับ เดี๋ยวผมดูกางเกงของหม่อนให้นะครับ”

ก๊อกๆ
ต้นกล้าเคาะประตูห้องน้ำ เพื่อส่งกางเกงบาสตัวใหญ่ของหม่อนส่งให้นพคุณ
ไม่นาน นพคุณก็ออกมาจากห้องน้ำ ด้วยกางเกงบาสของหม่อน ที่ใส่แล้วดูเขินๆไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรใส่เปลี่ยน
ต้นกล้าก็จัดกับข้าวใส่จานไว้ที่โต๊ะตัวเล็กที่ใช้เป็นทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน โต๊ะอ่านหนังสือ ที่เดินออกไปหน้าหอไม่นานก็ได้กับข้าวมา 2-3 อย่าง ข้าวเปล่า ถุงใหญ่สำหรับ 2 คน เป็นมือเย็น  เตรียมรอไว้แล้ว
“ไปซื้อข้างหน้าหอมาเหรอ”
“ครับ พี่จะทานเลยไหม”
“อืม ก็ดีกำลังหิวเลย”
“พี่ไม่ใส่เสื้อเหรอครับ เดี๋ยวต้นหาเสื้อให้”
“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละ พี่อยู่ห้องก็ใส่แบบนี้สบายดี
“เออแต่ว่า…” ต้นกล้าไม่กล้ามองตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
“กินข้าวกันเถอะ”
“ครับ”

หลังกินข้าวเสร็จ ต้นกล้าเก็บล้าง แล้วเข้าไปอาบน้ำ ออกมาก็เห็นนั่งพิงเตียงนอน ดูโทรทัศน์ก่อนแล้ว ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ต้นกล้าอยากให้แน่ใจเรื่องหม่อนจะกลับหอมาหรือเปล่า เลยหยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนอีกครั้ง เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
คำตอบที่คือ  เมา  เพื่อนหม่อนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว
มีใครมารับโทรศัพท์แทน บอกว่าหม่อนคงกลับหอไม่ไหวแล้ว
ต้นกล้าก็เลยว่างสาย หันมามองคนที่นั่งดูโทรทัศน์ใส่การเกงบาส ตัวเดียวเสื้อก็ไม่ใส่ มองเพลิน จนคนที่ถูกมองหันมาเจอ เลยต้องรีบเสหน้าไปทางอืน เกือบไม่ทัน
“สรุปหม่อนจะมาไหม ถ้ามาพี่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมกลับ” นพคุณไม่พูดเปล่า ลุกมาจับเสื้อที่ใส่ไม้แขวนไว้ที่หน้าต่าง
“เออ หม่อนไม่มาครับ มาพรุ่งนี้” ต้นกล้ารีบบอก
“งั้นแปลว่าพี่ค้างได้แน่นอนใช่ไหม?”
“ครับ”
“แล้วต้นล่ะ ?”
“ครับ?”
“อยากให้พี่ข้างด้วยไหม?”
“เอ๊ะ? ทำไมพี่ถามต้นแบบนี้หล่ะ?”
“ก็ดูเหมือนต้นไม่อยากให้พี่ค้างด้วยเลย”
“เปล่านะครับ ต้นไม่อยากให้พี่ขับรถกลับดึกๆเลย แล้วต้นจะไม่อยากให้พี่ค้างทำไม่ล่ะครับโธ่”ต้นกล้าหน้าเสีย เพราะนพคุณถามด้วยใบหน้าจริงจังมาก
“ก็พี่เห็นต้น อยากให้พี่ส่งแต่หน้ามหาลัยท่าเดียวเลย”
“เออ ก็ตอนนั้นต้นรู้ว่าหม่อนติดธุระ แล้วต้นอยากให้พี่ขับรถกลับเร็วๆจะได้ไม่ต้องขับรถตอนมืดด้วย ต้นไม่รู้ว่าแบบไหนมันจะดีในความรู้สึกของพี่นะ ต้นไม่รู้จริงๆ ฮึก “ ต้นกล้าเหมือนเจอแรงกดดันมหาศาล เมือเจอคำถามที่ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ น้ำตามาจากไหนก็ไม่รู้
นพคุณเห็นอีกฝ่ายพยายามอธิบายทุกอย่าง พยายามคมน้ำตา ก็รู้สึกโกรธตัวเองที่จะแกล้งคนตรงหน้า ทำให้ถึงกลับต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้  อยากจะชกหน้าตัวเองจะให้รู้แล้วรู้รอด
นพคุณรีบเดินไม่หาคนที่เริ่มจะร้องไห้ เดินเข้าไปกอด
“ต้นพี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้ต้นคิดมากแบบนั้นเลย”
“ไม่ร้องนะครับ พี่ผิดเอง พี่อยากอยู่กับต้นต่ออีกสักนิด อยากอยู่กับต้นนานอีกสักหน่อย เพราะพี่จะไม่ได้เจอหน้าต้น หลายเดือนเลยนะครับ “
เมื่อต้นกล้าได้ฟังว่าคนตรงหน้าไม่ได้โกรธอะไรอย่างที่ตนเองคิด ก็รีบเช็ดน้ำตาแล้วมองหน้าตั้งใจฟังความรู้สึกของคนตรงหน้าที่พยายามสารภาพความรู้สึกทั้งหมดออกมาตรงๆ
นพคุณประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตามาจูบซับน้ำตาอย่างแผ่วเบา ทั้งที่เคยสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้คนคนนี้ร้องไห้ แต่ก็ยังไม่ว่าต้องร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่า
“ต้นครับ พี่อยากอยู่กับต้นได้ไหมขอแค่คืนนี้ คืนเดียวนะครับ พี่จะไม่ขออะไรแล้ว”
ต้นกล้าไดแต่พยักหน้ารับ
“พี่อยากให้ต้นรู้นะ พี่รักต้น พี่รักต้นนะ เข้าใจพี่ใช่ไหม?”
ต้นกล้านิ่ง และมองตาอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ
แต่มันใช่ นี้และคือความรัก ต้นกล้าเองก็รักคนตรงหน้าเหมือนกัน
“ต้นรู้ใช่ไหม สิ่งที่พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อให้ต้นรู้ว่าพี่จะอยู่เคียงข้างต้นเสมอ เมื่อต้นต้องการ จะทุกข์จะสุข ขอเพียงต้นบอกมาพี่จะอยู่ข้างๆต้นเสมอ และตลอดไป”
“คือ ต้น….”
ต้นกล้าก็อยากจะบอกความรู้สึกที่มีให้กับคนตรงหน้ารับรู้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรต้น  ต้นยังมีเวลาอีกเยอะที่จะหาคำตอบกับความรู้สึกที่มีต่อพี่ พี่รอได้เสมอ พี่พร้อมจะเป็นได้ ทั้งพี่ชาย เป็นแค่คนรู้จัก หรือจะเป็นอะไรก็ได้ที่ต้นอยากให้พี่เป็น ขอเพียงอย่างเดียว อย่าให้พี่เป็นคนอื่นคนไกล ขอเป็นคนที่ค่อยห่วงใยอยู่ใกล้ๆตลอดไปก็พอ”

นพคุณดึงต้นกล้ามากอดแน่นแนบออก

 จูบอันแสนหวานเนินนาน

อยากให้เวลานี้ยืดยาวไปอีกนานๆ

แต่ความจริงไม่สามารถทำได้ 

พรุ่งนี้จะมาพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นเสมอ

ความรักก็ยังคงสวยงามและยังยืนเช่นกัน

“พี่รอคำตอบจากต้นได้เสมอนะ ฝันดีนะครับ”

คืนนั้นนพคุณได้นอนกอดคนที่ตนเองรักมากที่สุดเป็นครั้งแรก

ความสุขอาจจะสั้นแต่ ความรักยังคงยืนยาว


‘ต้นจะกลับมาตอบพี่นะครับ ฝันดีครับ’


ต้นกล้าได้ยินเสียงกระซิบข้างหู ถึงแม้จะไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆ

แต่ก็มีคำตอบเก็บไว้ในใจแล้ว

เวลาเท่านั้นจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์

ความรักครั้งนี้





 :mc1: :mc1: :mc1:  สวัสดีปีใหม่จ้าทุกคน  :mc3: :mc3:

รักคนอ่านทุกคนจ้า ขอให้ปีใหม่นี้คนอ่านทุกคนมีความสุข ขอให้ร่ำขอให้รวย สุขภาพร่างกายแข็งแรงทั่วหน้าจ้า o13





หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72 [31-ธ.ค.-58] สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2015 01:16:13
สวัสดีปีใหม่ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72 [31-ธ.ค.-58] สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-12-2015 20:19:49
แกล้งจนน้องต้นร้องไห้เลยนะพี่นพ

Happy New Year  :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72 [31-ธ.ค.-58] สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-01-2016 19:58:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72 [31-ธ.ค.-58] สวัสดีปีใหม่จ้า!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ummax ที่ 07-01-2016 22:44:18
ขอบคุณมากครับ

ชอบหายไปนานอ่ะ

รีบมาเลยนะครับ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jasmim_min ที่ 01-02-2016 00:18:36






                                                    เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73




      ที่บ้านสวนของยาย มีคนแวะมาเยี่ยมยายไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน ลูกคาประจำที่ซื้อขายผักกับยายมานานก็แวะเข้ามาเยี่ยมยายตลอด รวมไปถึงคนที่มาอยู่ดูแลยายตั้งแต่เช้าจนบ่เย็น ก็ยังคงนั่งเล่นดูแลสวนแทนยาย พลอาสารดน้ำต้นไม้ ป้าพรกับจอย อาสาทำความสะอาดบ้านและอาหารตลอดทั้งวัน ชินพัตน์นั่งคุยกับยายสลับสับเปลี่ยนกันเข้าสวน เพื่อเช็คดูพืชผักผลผลิตของยายเป็นอย่างไงบ้าง หลังไม่ค่อยมีคนมาดูแลเลย

“ยายครับ ผมรดน้ำให้แล้ว ผลกำลังใส่ปุ๋ยให้ตามที่ยายบอกอยู่นะครับ” ชินพัตน์ที่เดินมานั่งที่แคร่ ที่ยายนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“จ้า ขอบใจมาพ่อหนุ่ม” ยายยิ้มรับ

“เดี๋ยวก็คงกลับมาออกดอกออกผลเก็บไปขายได้อย่างปกตินะครับยาย ไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับนนท์จะแวะมารับไปขายให้เองนะครับ” ชินพัตน์หันไปมองคนที่เดินมาส่งขันน้ำเย็นมาให้ เพื่อขอความร่วมมือแบบมันมือชก ตัดสินใจเอง

“ยายอยากไปขายเอง รบกวนกันเปล่าๆ”

“ไม่รบกวนหรอกครับยาย ให้ยายแข็งแรงมากกว่านี้ ผมจะไปรับยายทุกตลาดนัดเลย มานั่งเฝ้าพวกผมขายแน่นอน ตอนนี้อยู่บ้านพักฟื้นอีกหน่อยนะครับ ไม่อยากให้กับมาทำงานหนักๆอีก เดี๋ยวจะทรุดไปอีกนะครับ” ชินพัตน์รีบอธิบายให้ยายสบายใจบวกกับเป็นห่วง
“แต่ยายแข็งแรงดีแล้วละพ่อหนุ่ม นั่งๆนอนๆยายก็เบื่อๆเหมือนกัน”
เนื่องจากยายออกจากโรงพยาบาลมา ยังไม่ได้หยิบจับงานอะไรเลย เพราะต้นกล้าไม่ยอมให้ยายทำอะไรเลย พอต้นกล้าไป ทุกคนก็มาคอยทำให้ทุกอย่างจนเริ่มอยากกลับไปแข็งแรงแบบเดิม ทำงานได้คล่องๆเหมือนแต่ก่อน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น และร่างกายที่อ่อนแอตามกาลเวลา ก็ไม่สามารถฝืนต่อไปได้

“ยายครับ อย่าห่วงนะครับ อาทิตย์หน้าผมกับชินจะมารับยายไปขายของที่ตลาดเหมือนเดิมแน่นอนครับ แต่ตอนนี้พักผ่อนเยอะๆนะครับ จะได้แข็งแรงไวๆ ผมรู้นะครับ ยายอยากกลับมารดน้ำต้นไม้ทุกต้นเอง อยากเก็บผักทุกอย่างเหมือนเดิม ยายได้ทำแน่นอนครับ แต่หลังจากร่างขายได้พักอย่างเต็มที่แล้วนะครับ ตามที่คุณหมอบอก ทานยาให้ตรงเวลา แขนหายดี ได้กลับมาขายของแน่นอนครับ” นนทนัฐเห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่น เบื่อกับการนั่งๆนอน ก็พอจะเข้าใจคนที่เคยทำงานมาตลอดชีวิต ต้องให้มาอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรเลยก็ต้องรู้สึกเบื่อเป็นธรรมดา เลยต้องให้กำลังใจ และแรงบัลดาลใจเพื่อให้ยายอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติได้อย่างสบายใจ

“ยายจะพยายามทำตามที่หมอบอกนะ ยายอยากเข้าสวนเก็บผักไปขายเองแล้ว” ยายยิ้มรับ

“คุยอะไรกันครับ”กัมพลเดินออกมาจากสวนหลังใส่ปุ๋ยพรวนดินเสร็จทั้งหมดแล้ว

“คุณเรื่องยายว่านัดแนะกันไว้น่าจะราวๆอาทิตย์หน้า ถ้ายายแข็งแรงกว่านี้จะมารับยายไปขายผักที่ตลาดเหมือนเดิมนะ” ชินพัตน์เล่าเรื่องให้กัมพลฟัง

“ถ้าอาทิตย์หน้าผมว่างๆจะแวะไปช่วยขายนะครับ” กัมพลนึกถึงตารางเรียนของตนเองว่าสามารถแวะมาเยี่ยมยายและทุกคนได้ไหม เพราะใกล้จะเปิดภาคเรียนแล้ว

“ถ้าว่างก็แวะมาได้ตลอดนะพล” ชินพัตน์เห็นชอบ เพราะคนมาช่วยกันเยอะสนุกดี เพราะต้นกล้าก็ไปฝึกงาน ยายก็คงเหงามีกัมพลมาช่วยอยู่ใกล้ๆ น่าจะคลายเหงาไปได้มาก

“เย็นนี้จะทานอะไรกันดีครับ ผมจะสั่งให้คนที่บ้านซื้อเข้ามาให้” กัมพลเอยถามยาย และหันไปหาชินพัตน์และนนทนัฐเพื่อขอความคิดเห็น

“ไม่เป็นไร ป้าพรกับจอยก็เอาของสดจากที่ร้านมาเยอะเลย ทำทานกันได้อีกตั้งหลายมือนะพล”

“โอเคครับ ขาดเหลืออะไรบอกนะครับยาย พลจะได้สั่งซื้อเข้ามาให้ครับ”

“ไม่มีหรอกลูกต้นกับใหญ่ซื้อของไว้ให้เต็มเลย ไม่รู้จะทานหมดไหมเยอะแยะเต็มบ้าน” ยายรีบบอกว่าของสดของแห้งมีเต็มบ้านไปหมด ทั้งๆอยู่บ้านคนเดียว ซื้อของมาติดบ้านไว้เหมือนกับอยู่เป็นครอบครัวให้  แต่อันที่จริงก็คนที่อยู่รอบๆตัวยายตอนนี้ก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาก็นับว่าไม่ผิด

“ใช่ ลืมบอกไป พี่ใหญ่ส่งต้นถึงมหาลัยแล้วนะครับ “

“ถึงอย่างปลอดภัยยายก็หมดห่วง”

“ถึงแล้วเหรอ ขับรถไวเหมือนกันนะครับ” นนทนัฐเสริม

“แต่เห็นบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า เห็นว่าจะข้างบ้านเพื่อนคุยธุระอะไร คืนนี้ผมค้างกับยายนะ ตอนกลับผมฝากป้าพรกับจอยกับร้านด้วยนะคุณ” ชินพัตน์อธิบายให้คนที่นั่งข้างๆฟัง

“พี่ชิน เดี๋ยวผมดูยายให้เองก็ได้ครับ พี่ชินต้องกลับไปดูร้านเปิดร้านตอนเช้าอีกนะครับ เรื่องยายไม่ต้องห่วงนะครับ พลดูยายแทนให้เองครับ”


“เออ แต่ว่า….”


“ไม่เป็นไรครับ อาทิตย์นี้ผมว่าทั้งอาทิตย์อยู่เป็นเพื่อนยายได้ตลอดเลย ทำสวนก็สนุกดีครับผมชอบ อยากจะอยู่ช่วยเก็บผักไปขายอาทิตย์หน้าด้วย แต่ติดตารางเรียนเสริมนะครับ”

“พล พี่เกรงใจ คืนนี้พี่อยู่ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเป็นพลมาดูแล้วกัน พลไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามานอนค้างไม่ใช่เหรอ?” ชินพัตน์ถาม

“ผมโทรบอกคนที่บ้านก็ได้ครับ แบปบเดี่ยวเองครับ”

“คุณเองก็ไม่ได้เตรียมชุดมาค้างไม่ใช่เหรอ?” นนทนัฐกระซิบบอกคนที่นั่งใกล้

“ก็ผมลืม” ชินพัตน์นึกขึ้นได้ เพราะคิดว่าพี่ชายตนเองน่าจะทันกลับมาจากกรุงเทพ แต่ก็เกรงใจกัมพลที่ต้องมาดูแลยายแทน

“ตกลงตามนี้นะครับพี่ชิน ผมดูยายแทนคืนนี้แล้วกันนะครับ แล้วพี่ก็กลับไปเตรียมตัวก่อนนะครับว่าพี่ชินจะแวะมาดูหรือค้างกับยายวันไหน บอกผมได้อาทิตย์นี้ผมว่างเสมอ ดูแลยายให้ได้ตลอดครับ” เด็กหนุ่มกัมพลตอบอย่ามั่นใจ

“นั้นสิคุณ ไหนจะร้าน แล้วก็ที่ตลาดนัดนั้นอีกนะคุณ แล้วใครจะขายลูกค้าบ่นแน่ๆ ถ้าปิดไปนานๆร้านวัน” นนทนัฐเสริม เพราะตนเองกะจะอาสาไปช่วยขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาด เพราะมีคนมาช่วยดูร้านเกมแทนแล้ว อยากไปช่วยขายมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสเลย

“ไปดูร้านเถอะพ่อหนุ่ม ยายอยู่กับเจ้าพลก็ได้ลูก”ยายเสริม เห็นอีกฝ่ายลังเล แถมยังเป็นห่วง

“งั้นคืนนี้ผมขออยู่ดึกๆหน่อยแล้วกันคุย อยากอยู่เป็นเพื่อนพลแล้วก็คุยกับยายอีกสักพักนะ”ชินพัตน์หันไปขอความเห็นกับคนที่นั่งข้างกาย

“ได้ครับ  งั้นผมกลับกับป้าแล้วก็จอยแล้วกัน ดึกๆผมมารับนะ”

“อืม”

คำพูดของทั้งคู่ดูเป็นปกติ แต่ในสายตากัมพลและยาย มีความสงสัยมากมายแต่ไม่กล้าเอยถาม กับความสัมพันธ์ที่ดูเกินเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่อยากจะคิดมาก ก
ก็คงเพื่อนที่สนิทกันมากๆ
เป็นห่วงกันเหมือนพี่น้อง


ช่วงหัวคำหลังจากทานมื้อเย็น ป้าพร จอย และนนทนัฐ ก็ขอลากับเพื่อนไปพักผ่อน เตรียมตัวเปิดร้านในวันพรุ่งนี้  กัมพลก็โทรสั่งคนที่บ้านเอาเสื้อผ้าเครื่องนอน มาส่งให้พร้อม ทุกคนเห็นต่างพากันสนอกสนใจเหล่าคนที่มาส่งของให้กัมพล ว่าดูทำงานรวดเร็ว และแยกย้ายกันไปรวดเร็ว จนคนที่มองตามยังมองแทบไม่ทัน

ชินพัตน์เดินไปส่ง ทุกคนที่รถ

“คุณ ดึกมากก็ไม่ต้องมาก็ได้”

“แล้วคุณจะกลับยังไง”
“ก็ค้างที่บ้านยายไง”

“แต่คุณไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา”

“ผมยืมชุดต้นก็ได้ โธ่”

“ไม่ ผมจะมารับกลับ”

“อะไรของคุณ ไปๆกลับๆ ป้าพรกับจอย คงอยากกลับไปพักแล้ว”

“ชิน”

“หืม”

“อยากพึ่งหลับนะครับ รอผมมารับก่อน”

“อืมๆ รีบไปเถอะ”

แล้วรถก็แล่นออกไปจากหน้าบ้านสวน ชินพัตน์ก็เดินกลับเข้ามาที่บ้านของยาย เห็นกัมพลเดินคุยโทรศัพท์ลงมาจากบนเรือน

“พี่ชินผมฝากดูยายแปบนะครับ ผมขอโทรศัพท์แปบนะครับ” กัมพลเห็นชินพัตน์เดินสวนกัน
เลยเอามือปิดโทรศัพท์ไว้เพื่อไม่ให้เสียเข้าไปในสาย

“ตามสบายเลยพล พี่ดูยายเอง” ชินพัตน์รับปากแล้วเดินขึ้นเรือนไปดูยายที่จะเข้านอน เลยพยุงยายเข้าไปนอนที่มุง ดูเรื่องยา หลังอาการ ยาก่อนนอน และดูเรื่อง แมลง ในที่นอนก่อนจะเดินมาปิดไฟ และเลี่ยงมานั่งเฝ้ายายห่างออกมาจากที่ยายนอนไม่ไกลมาก เพื่อมาหาแสงสว่าง จากไฟ หน้าบ้านแทน ปาก็เริ่มห้าว อยากอาบน้ำก็อาบ แต่ไม่มีเสือ้ผ้าผลัดเปลี่ยน ใจจริงอยากนอนค้างเป็นเพื่อนยาย แต่ก็ดันไปรับปากคนเอาแต่ใจหนักข้อขึ้นทุกวันมาจะมารับเสียให้ได้ เลยต้องนั่งเฝ้ายายแทน กัมพล และรอใครบ้างคนมารับไปพร้อมกัน


“คุณจะกลับมาเมื่อไร”

(“น่าจะเลื่อนไปว่าที่เคยบอกไว้ อยู่คนเดียวได้ไหม”

“ผมคนอยู่คนเดียวมาก่อน คุณก็รู้”

(แต่ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ รู้ใช่ไหม?”)

“ครับๆ ผมรู้ ตอนนี้ ผมอยู่กับยาย พี่ชินพัตน์ก็อยู่ด้วยนี้ไง”

(“ผมรู้นะว่าคุณเข้าใจที่ผมพูด พลไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้วนะ ถึงผมจะอยู่ต่างประเทศ แต่อยากให้พลรู้ว่าผมเป็นห่วง”)

“ครับ”

(อย่านอนดึกนะ)

“ครับ”

(อย่าแอบหนีไปไหนอีกนะ)

“ครับ”

(เข้าใจที่พี่บอกใช่ไหม?)

“เอ๊ะ? คะครับ เข้าใจ” กัมพลแปลกใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายแทนตนเอง แต่ก็ตอบรับในทันที่

(ครับ เข้านอนได้แล้วครับ)

“เออ คือ …..”

(มีอะไรจะพูดกับพี่ไหม?)

“คือ พล ขออนุญาต เฝ้ายายที่บ้านสวนได้ไหม ไม่กลับไปนอนบ้านจนกว่า คะคุณ ไม่สิ ว่าพี่เนจะกลับมา พลค่อยกลับไปนอนบ้านได้ไหม?”

(ได้ครับ  แต่ว่า….)

“แต่อะไรครับ?”

(บอกเหตุผลได้ไหม ว่าทำไหม ไม่อยากกลับมานอนที่บ้านหืม)

“ก็…. ก็พลเป็นห่วงยาย “

(แต่ก็มีคนค่อยดูแลคุณยายอยู่แล้วนี้ครับ พลแวะไปเยี่ยมยายตอนกลางวันก้ได้ไม่เป็นจำเป็ต้องไปนอนค้างเลย)

“สรุปคุณจะไม่ให้ผมนอนค้าง ก็บอกมาตรงๆ ผมไม่นอนก็ได้” กัมพลเริ่มหงุดหงิด

(เปล่า แค่อยากหาคำตอบจากคนที่เหงา ที่ไม่กล้านอนบ้านหลังใหญ่ๆ คนเดียวเท่านั้น)
(  ดึกแล้วเข้านอนนะ)  คนปลายสายก็ตัดสายทิ้ง ไม่รอฟังคนที่กำลังแก้ตัว

“นี่เดี๋ยวก่อน  พลไม่ได้เหงาสักหน่อย  “กัมพลบนกับหน้าจอโทรศัพท์ กัมพลเหมือนโดนจับไต๋ได้ เพราะไม่คุ้นเคยกับหารนอนคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ๆ ตามที่อีกคนพูดจริงๆ
รู้สึกเขิน เพราะเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านความคิดตนเองออกไปหมดซะทุกอย่าง
ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังพาเสียงมาก่อกวนหัวใจดวงน้อยๆ ให้เต้นแปลกๆได้




Rrrrrrr Rrrrrrrr

“โทรมาทำไมคุณ”
(ผมมารออยู่หน้าบ้านยายแล้วคุณลงมาสิ)

“ผมเข้านอนแล้วคุณกลับไปเถอะ ผมง่วงนอนแล้ว” ชินพัตน์กลั้นขำ ทำท่าหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เผื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ที่กำลังชะเง้อผ่านรั้วเข้ามาดู แกล้งปิดไฟมืดเหมือนคนนอนหมดบ้านแล้ว แต่จริงๆนั่งตบยุ่งรอใครบ้างคนอยู่ใต้ต้นมาตลอด

(ชินอย่าแกล้งผมแบบนี้สิ)


“ผมไม่ได้แกล้ง ผมนอนแล้ว “

(งั้นผมไม่กลับผมจะปีนรั้วเข้าไปอุ้มคุณกลับเดี๋ยวนี้เลย) นนทนัฐทำท่ามองซ้ายมองขวาหามุมเหมาะๆจะปีนรั้ว

“เฮ้ยๆ  จะทำอะไรคุณ?” ชินพัตน์รีบวิ่งมาหาคนที่กำลังปีนรั้วเข้ามาจริงๆ

“ชิน คุณเล่นอะไรของคุณเนี้ย” นนทนัฐที่เดินเข้ามามาหาคนที่กำลังขำตัวงออย่างชอบอกชอบใจที่ได้แกล้ง
“ก็ผมไม่นึกว่าคุณจะเชื่อว่าผมนอนแล้วจนต้องถึงกับปีนเป็นหัวขโมยกันเลย ฮ่าๆๆ ฮึๆๆ”

“ไม่หยุดขำใช่ไหม “ นนทนัฐเดินปรี่เข้าไปหาคนที่มั่วแต่กลั้นขำ คว้าตัวคนชอบแกล้ง เข้ามาจูบซะให้เข็ด ชินพัตน์ตั้งตัวไม่ทัน โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ตั้งสติได้ก็ทุบอีกฝ่ายรั่วๆ

“อ่อยอ่ะ อืม” (ปล่อยนะ อืม) ปากยังคงโดนครอบครองอยู่ เสียงเลยอู่อี้เบาๆ

“ที่หลังจะกล้าแกล้งผมอีกไหม หืม” นนทนัฐกระชับกอดแน่นไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหลุด

“ปล่อยเลยนะ คนชอบฉวยโอกาส”

“ทำไม ผมจูบแฟนของผม ผมผิดเหรอ หืม? จูบอีกที่ดีไหม?” นนทนัฐยื่นหน้าหมายจะเข้ามาจูบอีก แต่ชินพัตน์ดันหน้าอีกฝ่ายเอาไว้

“นน ปล่อยก่อนเดียวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะ” ชินพัตน์อ้อนวอน

“งั้นสัญญามาก่อนว่าห้ามแกล้งผมแบบนี้อีก”


“ครับๆผมจะไม่ทำแล้ว” ชินพัตน์ทำท่าลูกเสือ

“แล้วถ้าทำอีก ผมจะทำมากล้าจูบอีกนะ”

“……………..”ชินพัตน์ได้แต่คิดไว้ในใจ ว่าก็จะแกล้งอีกแต่เมื่อไรยังไม่รู้ แต่พอได้ยินคำขู่กับรอยยิ้มเย็นของอีกฝ่าย ทำให้ต้องยกเลิกสิ่งที่ตั้งใจไว้ทันที่


“ผมไม่ทำแล้วจริงๆ ปล่อยได้แล้วดึกแล้วกลับเถอะ” ชินพัตน์พยายามร้องขอ

“ชิน รู้ไหมผมอยากใช้เวลาที่มีอยู่นอนนิดที่เราจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน ให้ได้มากที่สุด แต่คุณกลับ เอามาคิดเรื่องที่จะแกล้งผมแบบนี้ เฮ้อ คุณทำตัวเป็นเด็กกว่าที่ผมคิดจริงๆ ทั้งซน ทั้งดื้อ”

“นี้ ผมได้ใช่เด็กนะ “

“แล้วแกล้งผมแบบนี้ มีแต่เด็กๆเข้าแกล้งกันเท่านั้นนะ”

“ผมแกล้งแฟนผม ผิดด้วยเหรอ?”  ชินพัตน์เอาคืนบ้าง

“……………..”นนทนับอึ้งไปชั่วครู่  กับคำว่าแฟนที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย ได้ฟังแล้วรู้สึกดีจริง
“ถ้าไม่แกล้งแฟน แล้วจะให้ไปแกล้งใคร ถ้าผมไปแกล้งคนอื่นแล้วอย่ามาบ่นนะ” ชินพัตน์พยายามเมินหันหน้าหนี แต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากอ้อมกอดเหนียวแน่นของคนตรงหน้าได้

“ครับๆ ยอมแล้วครับ” นนทนัฐละมืออีกข้างขึ้นมา จับใบหน้าอีกฝ่ายให้หันมาคุยกันดีๆแต่ชินพัตน์ก็ไม่ยอมหันมาคุย กลับก้มหน้าไม่ยอมคุย ทำให้นนทนฐที่แต่ผมของอีกฝ่าย

เลยจูบไปที่ผมนุ่มเบาๆ

“อย่างอนเลยนะครับ แกล้งผมแค่คนเดียวก็พอนะครับ”

“แกล้งได้แน่นะ?”

“ครับ” พยักหน้สยืนยัน เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย

“แล้วถ้าแกล้ง คุณก็จะ เออ…จะ “

“ครับ ผมก็จะจูบแฟนผม แน่นอนครับ”นนทนัฐยกยิ้มเหมือนผู้มีชัย

“โอ้ย ผมไม่แกล้งแล้ว เสียเปรียบตลอดเลย ปล่อยจะกลับบ้านนอนแล้ว”
ชินพตน์สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนง่ายดายเพราะอีกฝ่ายไม่ได้รั้งไว้อย่างเคย เดินตามคนเอาแต่ใจมาที่รถ เพราะมันก็เริ่มดึกแล้วด้วย

“ผมไม่เห็นว่าจะเสียเปรียบตรงไหน คุณก็จูบผมคืนบ้างก็ได้ ผมไม่ถือ”นนทนัฐส่งรอยยิ้มพิฆาตส่งกลับมาให้คนที่เหมือนจะโดนแกล้งให้เขินเบาๆ

“ขับรถไปเลยนะ ไม่ต้องมายิ้มเลย”

“ครับๆ”

“ก็บอกให้เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้ว”

“ครับ”

“โธ่”

“ฮึๆ”

แล้วทั้งคู่ก็กลับมาถึงอาคารพาณิชย์ที่เป็นที่ตั้งร้านของทั้งคู่ ร้านเกมปิดแล้วไฟปิดหมด ชินพัตน์เดินดิ่งลงจากรถไปไม่หันกับมาหาคนที่เดินยิ้มตามหลังอย่างสบายใจ

“ไม่ต้องตามมาเลย กลับร้านคุณไปเลย” ชินพัตน์ยังติดงอนอีกฝ่ายอยู่ เลยดันอีกฝ่ายให้ออกไปจากนอกรั้วบ้านของตนเอง


“ชิน คุณโกรธอะไรผมอีกเนี้ย?” นนทนัฐดึงแขนอีกฝ่ายไว้

“ก็คุณหัวเราเยาะผม”

“ผมเปล่า?”

“อย่า คุณหัวเราะผมมาตลอดทางที่กลับมาเลย”

“ผมหัวเราะที่แฟนผมน่ารัก ผมผิดด้วยเหรอ”

“อย่ามาทำเป็นพูดดี” ชินพัตน์พยายามเม้นปากไม่ให้ยิ้มตามคนเจ้าเล่ห์

“ก็แฟนผมทำตัวน่ารักเหมือนเด็กๆจริงนี่ครับ สงสัยที่เขาบอกกันว่า ความรักทำให้คนเด็กลงเป็น 10 ปี สงสัยจะจริง”

“ไม่มีเถอะ ใครเด็ก?”

“ก็คุณไง ก่อนหน้านี้ไม่เคย เล่นอะไรแบบนี้หรือแกล้งผมแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็เพราะว่าผมเป็นแฟนคุณไง คุณเลยกล้าที่จะทำ จริงไหมครับ?”

“…………………..”ชินพัตน์คิดตาม มันก็จริงกับคนอื่นๆไม่เคยคิดจะแกล้วหรือทำอะไรแบบนี้เลย แต่พอเป็นคนตรงหน้ารู้สึกอยากแกล้งอยากแหย่เลย ขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ยอมรับเถอะครับ ว่าตัวเองน่ารักขึ้น” นนทนัฐโอบรอบคออีกฝ่ายเข้ามาหา แล้วสบตาอีกฝ่าย


“……………………………”ชินพัตน์รู้สึกตัวก็เพราะคนตรงหน้ามาบอกกันตรงๆแบบนี้ก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมา อายที่ตนเองทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่ได้ทันคิดอะไรจริงๆ


“เข้านอนเถอะครับดึกแล้ว”

“อืม” พยักหน้ารับเฉยเพราะยังรู้สึกเขินอยู่


“อาทิตย์หน้าผมไปช่วยขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาดนะครับ”

“อืม”

“ฝันดีนะครับ”

“อืม”



“ฝันถึงผมด้วย…..ถ้าอืมอีกครั้ง ผมจะจูบคุณแน่!!!”



“อะ อื…..”



จูบราตรีสวัสดิ์ที่แสนยาวนานและแสนหวาน   








                 :L2:  ยินดีตอนรับสู่เดือนแห่งความรักจ้า  :กอด1:


   :katai4:   ขอให้มีความสุขในเดือนแห่งความรักนี้นะจ๊ะ คนอ่านทุกคน :mew1:




หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-02-2016 00:56:33
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-02-2016 10:36:56
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 16:37:31
 :pig4: :pig4: :pig4: