ตอนที่ 37 ให้เวลาได้คิด วันอาทิตย์ ร้านขายลูกชิ้นเปิดขายปกติ แถมมีลูกค้าเยอะกว่าวันธรรมดา ชินพัตน์ก็ทำหน้าที่ดูแลทั้งหน้าร้านและ แวะเข้าไปดู ที่โรงงานบ้าง เพราะวันนี้คนงานมาทำงานเพราะมีออเดอร์ลูกค้าเยอะ เลยต้องทำงานเพิ่ม ทั้งที่วันนี้ต้องเป็นวันหยุดให้กับคนงานในส่วนของโรงงาน หยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน แต่เพราะต้องเร่งทำเพิ่มเพื่อให้พอกับจำนวนที่ต้องการ วันนี้ทุกคนก็มาทำอย่างไม่ขัดข้องเพราะใกล้บ้านและได้เงินพิเศษด้วย
"เจ้าลูกชาย ไม่ไปเที่ยวใหนบางหรือไง" พ่อพูดแซวลูกชายที่ตั้งใจทำงานแม้กระทั้งวันหยุด
"ไม่ครับ พ่อกับแม่ทำงานผมจะไปเที่ยวได้ไงครับ" เงยหน้าจากเอกสารออเดอร์ ทั้งที่ร้านของนพคุณ ทั้งของที่บ้าน และของที่จะเตรียมไปส่งและขายที่ตลาดนัดด้วย
"แล้วแบบนี้จะได้มีฟง มีแฟนเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า รู้มั้ยเพื่อนเราเอาบัตรเชิญไปงานแต่งมาให้ เอ้าดูซะ "ส่งซองสีชมพูมาให้ลูกชาย
เจ้าบ่าวเป็นเพื่อนเล่นตอนเด็กๆของชินพัตน์ พ่อแม่ก็รู้จักกันดี แต่ห่างหายกันไปตั้งแต่ ชินพัตน์ไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ทำงานที่นั้นด้วยเลย ไม่ได้ค่อยติดต่อกันเท่าไร มาเจออีกที่ก็จะแต่งงานซะแล้ว ทำให้ผู้เป็นพ่อมองดูลูกชายที่ยังสนุกกับการทำงานขายของอยู่แบบนั้น ก็นึกเป็นห่วง
"เพื่อนๆแต่งงาน มีแฟนกันไปหมดแล้ว ไม่คิดจะหากับเขาบางหรือไงเจ้าลูกชาย" พ่อพูดที่เล่นที่จริง มองดูลูกชายที่เปิดอ่านบัตรเชิญ
"เนื้อคู่ผมยังไม่เกิดมั้งครับพ่อ ถ้าใช่เนื้อคู่กันจริงๆก็คงเจอกันเองล่ะครับ ผมไม่รีบ ฮ่าๆๆๆ" ชินพัตน์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร พูดเหมือนเรื่องตลกๆ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นพ่อได้ดีทีเดียว
"อย่าปล่อยตัวเองมากนะนักเจ้าชิน อายุมากเขาจะไม่มีคนมองนะ"
"ครับๆ ตอนนี้ผมยังเด็กอยู่เลยนะ ฮ่าๆๆ" ชินพัตน์คิดว่าตนเอง พึ่งจะ25 ย่าง 26 มันเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องคู่ ตอนนี้สนใจเแต่เรื่องงาน ที่ต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญต้องขายของเป็นหลักแหล่งแล้วด้วย ยิ่งต้องตั้งใจมากขึ้น เรื่องที่ทางที่ไปดูไว้ก็น่าจะทำให้หนทางค้าขายของเขาดีขึ้นมากกว่าแน่ๆ
"เอาเถอะ อย่าทำงานจนลืมดูแลหัวใจตัวเองล่ะ เจ้าลูกชาย" ผู้เป็นพ่อพูดทิ้งท้ายไว้และเดินไปหลังร้าน เพื่อไปดูคนที่โรงงาน
คำพูดที่ถูกพูดทิ้งไว้ ทำให้ชินพัตน์นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมา คนที่เอาแต่ยืนหน้าแดงไม่ยอมตอบคำถามของเขาก่อนกลับบ้านเมื่อคืน ทำท่าทางเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ก็คงต้องมีบางเรื่องที่ไม่อยากจะพูดละมั้ง
แล้วมันคืออะไรล่ะ
คำถามยังวนเวียนในหัวอยู่แบบนั้น
ดูแลหัวใจตัวเองงั้นเหรอ??????
แล้วใครจะมาดูแลให้ล่ะ???
Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrr
ชินพัตน์สะดุ้งตกใจกับเสียงโทรศัพท์เพราะมั่วแค่คิดถึงใครบางคนอยู่ จึงรีบรับสาย
"สวัสดีครับ" รีบรับเพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าโทรมาสั่งของ เพราะวันอาทิตย์ลูกค้าสั่งของเยอะมาก
(คุณ ผมเอง) ชินพันต์รีบดูเบอร์โทรศัพท์ ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่อยู่ในความคิดจะโทรมาเหมือนรู้
"อะ อืม ว่าไง"ชินพัตน์รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ เรียบปรับเสียงให้ปกติก่อนตอบกลับไป
(คุณทำอะไรอยู่)
"อะ อ้อ ผมกำลังตรวจเอกสาร ออเดอร์ลูกค้าอยู่นะ"
(ผมรบกวนเวลาทำงานคุณหรือเปล่า งั้นผมว่างสายนะ) นนทนัฐโทรมาเพราะคิดว่า ชินพัตน์น่าจะว่างในวันอาทิตย์แบบนี้
"ไม่ ไม่ ผมตรวจเสร็จพอดี คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า" ชินพัตน์ยังไม่อยากให้อีกคนว่างสาย
(เหรอครับ คือ ผมนึกว่าวันนี้คุณหยุด ไม่ได้ทำงานขายของ ก็เลยโทรมา.......)อยากจะชวนไปดูหนังแต่ยังไม่กล้าพูดออกไป กลัวโดนปฎิเสธ
"อืม จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ วันนี้วันอาทิตย์เปิดร้าน 8.30 ก็ขายถึงแค่บ่าย 4 โม่งก็ปิดร้านนะครับ จะได้ให้คนงานได้พักบางนะ " ชินพัตน์อธิบายยาวๆ เพื่อหาเรื่องคุยต่อ
นนทนัฐฟังเสียงพูดที่ดูเป็นกันเองมากว่าแต่ก่อน แล้วก็รู้สึกดีใจ ที่ได้พูดกันด้วยประโยคยาวๆแบบนี้ ในฐานะเพื่อนใช่มั้ย แค่นี้ก็พอจะทำให้หัวใจของคนฟังฟองโตและ ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
(ครับ แล้วหลัง 4 โม่งคุณมีธุระที่ใหนหรือเปล่าครับ)เริ่มเข้าเรื่องที่อยากจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน
" ไม่ได้ไปใหน คงเตรียมของไว้ขายตลาดนัดพรุ่งนี้น่ะ ทำไมเหรอ"คนรอฟังก็อยากรู้ว่าโทรมาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่า
(ผม คือ ผมอยากจะ.....เออ .......)นนทนัฐยังลังเลที่จะชวน
เป็นอะไรอีกนะ มีอะไรจะพูดก็ไม่พูด มันอึดอัดนะที่เป็นแบบนี้ ชินพัตน์คิดใจในกับคนที่อยู่ปลายสาย
"มีอะไรก็พูดออกมาสิครับ คุณเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ"ชินพัตน์เริ่มที่จะทนคนที่อยู่ปลายสายไม่ไหว เลยพูดเสียงดุ รวมทั้งยังหงุดหงิดท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนนั้นด้วย
(คือผม มีเรื่องจะคุยกับคุณ ผมไปหาคุณที่บ้านได้มั้ยครับ) นนทนัฐรู้สึกว่าจะทำให้ชินพัตน์โกรธเข้าซะแล้วเลยรีบๆ บอกออกไป
"อืม ได้ก็มาสิ" ชินพัตน์ก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน ตอบรับแบบไม่ต้องคิด
(ครับ ครับ ผมกำลังจะถึงแล้ว) น้ำเสียงดูดีใจมาก ใจชินพัตน์ยังอดตื่นเต้นตามไปด้วย
ห่า!!!!!????? อะไรนะ กำลังจะถึง ถึงที่ใหน? ที่ร้านนี้นะเหรอ? หมายความว่า?????????????
ขับรถมารอแล้งงั้นเหรอ
พอนึกขึ้นมาได้ว่า
คนที่โทรเข้ามาก่อนเพื่อขอมาเจอหน้ากันงั้นเหรอ?????
ก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที หัวใจเต้นเร็วจนกลัวคนรอบข้างได้ยิน
ตลอดช่วงบ่าย ภายในร้านขายลูกชิ้นปิ้งและยำลูกชิ้นแสนอร่อย มีผู้ช่วยหน้าใหม่ คอยช่วยเสริฟ คอยเก็บเงินลูกค้า เรียกลูกค้าสาวๆเข้าร้านได้เยอะมาก เพราะผู้ช่วยหน้าใหม่คนนี้ มาตั้งแต่ตอนเที่ยง หลังจากวางสายจากชินพัตน์ไม่ถึง 10 นาที มาถึงร้านก็ตีซี้กับลูกจ้างในร้านและคุณนายแม่ของชินพัตน์ บอกว่าอยากจะช่วยทำงาน ตอบแทนด้วยยำลูกชิ้น ฝีมือลูกชายเจ้าของร้าน แค่นั้นเป็นพอ
"วันนี้ขอบใจมากนะจ๊ะ ช่วยงานในร้านทั้งวันเลย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมว่างๆก็เลยมาช่วยทำงานแลกทานยำลูกชิ้นฟรีครับ หึหึ " นนทนัฐพูดแก้เก้อเขิน เก่าท้ายท้อยไปมา เมื่อโดนผู้เป็นแม่ของชินพัตน์ถามเข้าแบบนี้ ทั้งๆที่ต้นเองมีเป้าหมายหลักเพื่อแค่มาอยากอยู่ใกล้ลูกชายคุณแม่เท่านั้นเอง
"ชอบทานลูกชิ้นจริงๆเลยนะจ๊ะ"
"ครับผมชอบทานมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่ที่นี้ลูกชิ้นอร่อยมากจริงเลยครับ "หันไปที่มองชินพัตน์ ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆกัน แล้วส่งยิ้มเล็กอย่างอารมณ์ดีไปให้
"จ้าๆ ถ้าชอบก็มาทานที่นี้บ่อยๆสิจ๊ะ แต่เอ๊ะ!!!ไม่ต้องมาแล้วสินะ"อยู่ๆคุณนายแม่ก็พูดเสียงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
หรือคุณแม่ไม่อยากให้ผมมาที่นี้แล้ว นนทนัฐเริ่มร้อนร้นในใจ
"ก็ลูกจะไปเปิดร้านที่ โน่นแล้วนี้ คุณนนท์ก็ไม่ต้องมาทานที่นี้แล้วนี้ ใช่มั้ยล่ะ"หันไปคุยกับลูกชายเมื่อนึกขึ้นได้
"อ้อ ก็ใช่ครับ แต่มันก็ยังอีกตั้งเดือนกว่าทุกอย่างจะลงตัวนะครับแม่"
"จ้าๆ คุณนนท์เข้าก็พักแถวนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเดินทางไปๆมาด้วย ใช่มั้ยจ๊ะ" หันกลับไปคุยกับเพื่อนลูกชายอีกครั้ง
ทำให้นนทนัฐเริ่มคิดถึงที่พักของต้นเองขึ้นมาได้ว่า จะไม่มีที่พักแล้วเพราะแคมป์ที่พักจะโย้กย้ายไปอยู่ที่ใหม่แล้ว ตัวเขาเองก็ต้องหาที่อยู่ใหม่หรือถึงเวลาที่ต้องกลับไปบ้านที่กรุงเทพเป็นการถาวรได้แล้ว
"อ้อครับ แต่ตอนนี้ที่พักของผมเป็นที่พักชั่วคราวนะครับ จริงๆแล้วบ้านผมอยู่กรุงเทพครับ"
"อ้าวงั้นเหรอจ๊ะ แม่นึกว่าเป็นคนที่นี้ซะอีก" เช่นเดียวกันกับชินพัตน์ที่พึ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ทำให้รู้สึกโหว่งๆในใจ
"ครับอาทิตย์หน้าผมก็จะกลับกรุงเทพแล้วครับ เหลือตรวจงานก่อนเปิดจองอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ"
"เหรอจ๊ะ แล้วแบบนี้จะได้มาอีกเมื่อไรล่ะจ๊ะ"
"ยังไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะงานของที่นี้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว คงต้องอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อรอโครงการใหม่นะครับ"
"เหรอจ๊ะ แบบนี้ก็เหงาแย่เลยสิตาชินเพื่อนกลับไปทำงานกรุงเทพซะแล้ว" หันกลับไปแซวลูกชาย แต่ดูเหมือนลูกชายจะไม่สนุกด้วยซะแล้ว เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
"อย่าหายไปนานนะจ๊ะ ว่างๆก็มาเที่ยวที่นี้บ้างนะจ๊ะ"
"ได้ครับ" นนทนัฐตอบเสียงเบา เพราะเรื่องที่อยากจะคุยกัยชินพัตน์คือเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ต้องมาพูดขึ้นมาก่อนแบบนี้ ก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร เมื่อมองไปเห็นสีหน้า นิ่งๆของชินพัตน์ที่มองกลับมา
เก็บร้านเสร็จเรียบร้อย ผู้เป็นแม่ก็ขอตัวเข้าไปที่ชั้นบน เพราะทั้งชินพัตน์และนนทนัฐบอกว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกัน ตอนนี้ทั้ง 2 คนที่เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ความอึดอัดภายในใจมากขึ้นเรื่อยๆ นนทนัฐลอบมอง ชินพัตน์ที่นั่งนิ่งที่โต๊ะคิดเงิน
"คุณ พวกเราคงต้องไปดูหนังรอบเย็น เพราะตอนนี้ก็จะ 5 โม่งเย็นแล้ว "นนทนัฐเริ่มคุยก่อน
".........................."ชินพัตน์ก็ยังคงนิ่งเงียบ
"คุณอยากดูเรื่องอะไร หืม" นนทนัฐอยากชวนคุยเรื่องหนังเพื่อคลายความเงียบนี้ลง ขยับเข้ามาคุยใกล้ๆ
".........................."เงียบ
"งั้น ผมว่าเราไปเลือกดูโปรแกรมที่หน้าโรงก็ได้ รีบไปกันเถอะครับ" นนทนัฐยังเห็นชินพัตน์นิ่ง จึงเดินไปดึงมือให้ชินพัตน์ลุกขึ้น แต่ก็โดนสะบัดมือออกอย่างไม่เข้าใจ
"ชินคุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมเหรอ" นนทนัฐรีบนั่งลงข้างชินพัตน์ แต่ชินพัตน์ก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
"ผมมีสิทธิ์โกรธอะไรคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน" คนที่เอาแต่หันหลังหนีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็ง
"ครับ ผมเข้าใจ"นนทนัฐทำเสียงเศร้า
" ผมนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก" นนทนัฐรับรู้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจนั้นดี และก็เข้าใจสถานะตอนนี้เขาคงจะสำคัญตัวเองผิดไปจริงๆ นั่งมองแผ่นหลังนั้นอย่างตัดพ้อในใจ
"เพื่อนเหรอ!!!! เพื่อนที่ไม่เคยบอกอะไรเลยงั้นสิ ว่าจะไปใหน ว่าจะทำไร "ชินพัตน์รีบหันมาตะคอกกลับทันที
"ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าแม่คุณจะถามขึ้น ผมเลยต้องบอก จริงๆแล้วผมอยากจะบอกคุณตั้งแต่เมื่อคืนแต่......"นนทนัฐรับรู้ว่าคนตรงหน้าไม่พอใจเข้าเรื่องนี้จริงด้วย
"แต่คุณก็ไม่บอกไง คุณเห็นผมเป็นอะไร เดินมาบอกว่าอยากใกล้ชิดอยากอยู่ใกล้ แล้วที่คุณกำลังทำอยู่นี้มันคืออะไร อยากจะมาก็มา พออยากจะไปก็ไปงั้นสิ"
ชินพัตน์ตอนนี้ควบคุณความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนตรงหน้าทำให้ตนเอง เจอแต่เรื่องเกินคาดเดาทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องที่โดนใครที่ใหนไม่รู้มาจูบเอาดื้อๆ เดินมาบอกว่าชอบ บอกว่าอยากรู้จัก แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าไปกลับไปกรุงเทพอีก แล้วแบบนี้เขาจะต้องทำยังไงกับสถานะการณ์แบบนี้
"ผมขอโทษ"นนทนัฐได้แต่ยอมรับผิด
"ผมไม่อยากฟัง"ชินพัตน์ลุกขึ้นอยากจะหนีออกไปความรู่สึกอึดอัดและสบสันนี้เต็มทน
ชินพัตน์ทนรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานี้ไม่ไหวแล้ว นึกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เขากำลังจะยอมรับคนนี้เข้ามาในฐานะใหนยังไม่รู้ แต่ที่รู้การที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้เขารู้สึกดีๆขึ้นมา แต่จะมาหายไปแบบนี้ เขาไม่เข้าใจ
"ชิน ฟังผมก่อน" นนทนัฐรีบเดินไปยื้อแขนให้ชินพัตน์หยุดก่อนที่จะเดินหนีไป
"ไม่!!!! คุณอยากจะไปใหนคุณก็ไปเลย พวกเราไม่น่าจะมาเจอกันด้วยซ้ำ" ชินพัตน์หันกลับมาตามแรงดึง เผชิญหน้าคนที่ไม่อยากคุยด้วยตอนนนี้ อยากจะทำอะไรตามใจก็เชิญตามสบาย เขาคิดได้เท่านั้น พูดออกไปเพื่อให้ทุกอย่างจบ
" อ๊ะ !!!! อืม อย่า!!! อืมมม แฮก ปล่อย!!! "นนทนัฐกอดจูบชินพัตน์ที่เอาแต่ดิ้นหนี ไม่ยอมฟังท่าเดียว และก็เจ็บปวดกับคำพูดที่ไม่อยากเจอเขาแบบนั้นอีก
อยากจะสัมผัสให้อ่อนโยนกว่านี้
อยากมอบความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้ได้รับรู้
แต่เอาแต่โกรธแต่จะหนีท่าเดียวแบบนี้
ผมมีแต่จูบแบบหยาบคายแบบนี้ที่จะหยุดคุณ
"ผมไม่ปล่อย ช่วยหยุดฟังผมก่อนเถอะนะ " นนทนัฐกอดชินพัตน์ไว้แน่น กระซิบพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเจ็บปวด กับคนทีไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเขาเลย เอาแต่ผลักไสเขาให้ไปไกลๆตลอดเวลา
".........................." ชินพัตน์นิ่งเงียบเมื่ออยู่ในอ้อมกอด
"คุณพูดเหมือนผมไม่มีความรู้สึก รู้ไหมชิน ผมเจ็บ ผมเจ็บตรงนี้ " นนทนัฐเห็นว่าชินพัตน์หยุดดิ้นหนีแล้วเลยคลายอ้อมกอดออก และพูดให้คนตรงหน้าฟัง และทุบไปยังตรงที่รู้สึกเจ็บที่สุดกับคำพูดที่พวกเขาได้พบเจอกันนั้นไม่น่าที่จะเกิดขึ้น
"......................." ชินพัตน์รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไป มันทำให้คนตรงหน้าเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ ก้มหน้าไม่กล้ามองคนที่ส่งสายตาตัดพ้อกลับมา
นนทนัฐจับหัวไหลของชินพัตน์ให้หันมามองเขาตรงๆและเงยหน้ามาคุยกันดีๆ เขาอยากจะพูดทุกอย่างให้คนตรงหน้าเข้าใจ ถึงแม้เวลาและสถานที่จะไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ต้องการจะพูดทั้งหมดให้เข้าใจก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
"ผมรักคุณนะ ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ การที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้รักคุณ แต่มันเป็นการให้เวลา ผมรู้ว่าการรักใครสักคน ต้องเป็นเรื่องของคนสองคนมารักกัน แล้วผมที่เอาแค่รักคุณอยู่ฝ่ายเดียว ทิ้งระยะห่างไว้ให้คุณได้คิด ว่าเรื่องของเรามันใช่ความรักหรือเปล่า เท่านั้นเอง"
พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจจริงใจ จองเข้าไปที่ดวงตาของชินพัตน์อยากให้สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดส่งไปถึงใจของคนตรงหน้าที่เอาแต่นิ่งเงียบ
".........................."ชินพัตน์สับสนไปหมด เวลาอะไรแล้วทำต้องห่างกันด้วยล่ะ
"ผมคิดว่าระยะเวลาที่เรารู้จักกันมันอาจจะไม่นาน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณมันมากพอที่ผมจะบอกอีกกี้ครั้งก็ได้ว่า มันคือความรัก แต่สำหรับคุณมันอาจจะเร็วไป คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แล้วยิ่งผมที่เป็นผู้ชายเดินเข้ามาบอกรักคุณแบบนี้ ทำให้คุณอาจจะสับสนระหว่างคำว่าเพื่อน กับคนรัก มันเป็นไปได้หรือเปล่า ผมถึงอยากจะให้เวลาทั้งคุณและผมได้ใช้เวลาช่วงที่เราห่างกันได้คิดถึงเรื่องนี้"
"..........................."คิดสิผมคิดมานานมากแล้ว คุณอยู่ในหัวผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมก็รับรู้ได้นะว่าผมกำลังมีความรักเหมือนกัน
"จริงๆผมอยากพาคุณไปดูหนัง หาที่เงียบๆคุยกันสองคน แล้วเริ่มพูดเรื่องนี้ให้ได้คุณเข้าใจ ผมไม่อยากให้เรามาทะเลาะกันแบบนี้ ผมไม่อยากกลับกรุงเทพเลย เมื่อเห็นสายตาที่คุณมองมาที่ผมเป็นแบบนี้ มันทำให้ผมปวดใจ ผมอยากใช้เวลา 1 อาทิตย์ก่อนกลับกรุงเทพกับคุณให้มากที่สุด แต่มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ ......" ยิ้มให้ชินพัตน์ที่เอาแต่นิ่งเงียบรับฟังอย่างเดียวด้วยดวงตาที่ดูสับสน
"ดูแลตัวเองดีๆนะครับ" ลูบแก้มชินพัตน์อย่างแผ่วแสนรักใคร่
จุ๊บ
จูบเบาๆเพื่อร่ำลา
" ผมรักคุณนะ" และคำสุดท้ายที่ผมอยากจะบอก
นนทนัฐเดินออกจากประตูหน้าร้านที่เปิดไว้เพียงเล็กน้อย หันกลับมาฝืนยิ้มให้กับชินพันต์ที่ยังยืนนิ่งมองกลับมาที่เขา ไม่รู้เป็นสายตาที่บ่องบอกอะไร เขาไม่อาจรับรู้ได้
คงต้องจากกันจริงแล้วสินะครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"ฮึก ฮือ ฮือๆๆๆๆๆๆ คนบ้า!!!!! ฮือฮือ ฮึก อยาก ฮึก จะไปใหนก็ไปเลย ฮือๆๆๆๆ"
"ฮือ พูดเอง ฮึก คนเดียว ฮือ เลย ไอ้คนบ้า!!!!!!"
ทรุดตัวก้มหน้าร้องไห้เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปวดใจ
ลูกชิ้นหมูล้วนๆใส่มาม่าชามใหญ่ มาแล้วจ้า!!!

ปวดใจกันไป กับคนไม่รู้ใจตัวเอง อิอิ แม่ค้าลูกชิ้นซาดิสที่เห็น น้องชินปวดใจ

ติดตามต่อนะคะ ว่า "คนบ้า จะหนีกลับกรุงเทพ? " "หรือเจ้าของร้านลูกชิ้น จะไปขายลุกชิ้นอีกได้หรือเปล่า?"

ขออภัยที่หายไปหลายวัน ไปหาเส้นมาใส่ในชามยำใส่ลูกชิ้น ชามนี้ค่า ได้รับรสใหม่กันบาง (กันเลียน) อิอิ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามอ่าน นิยายเรื่องแรกของมินมินนะคะ (อาจจะไม่ใข่แนวที่ชอบอ่าน )
แต่ช่วยทนอ่าน และเป็นกำลังใจให้ มินมินด้วยนะคะ ทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจอย่างดีให้มินมินค่ะ

+ เป็ดให้ทุกคนนะคะ รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บๆๆ แม่ค้าลูกชิ้นขอไปขายลูกชิ้นก่อนนะคะ