เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!  (อ่าน 68948 ครั้ง)

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คุณพี่คร้าบบบ ชอบก็บอกชอบก็จีบ  น้องเค้าทำตัวไม่ถูก :hao7:

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


                                                ตอนที่ 36  ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็พอ


             หนังฉายจบไปแล้ว คนอื่นๆถยอยออกจากโรงหนัง แต่ต้นกล้ากับนพคุณยังนั่งอยู่ที่เดินจับมืออยู่แบบนั้นไม่ปล่อยออกจากกัน

"หนังสนุกมั้ย  หืม" นพคุณกุมมือกระชับแน่นขึ้นเพื่อให้คนที่นั่งข้างหันมาตอบ

"สนุกครับ ต้นไม่เคยมาดูในโรงแบบนี้เลย คนดูแต่ในโทรทัศน์"

"ถ้าอยากดูเมื่อไร บอกพี่นะเดี๋ยวพี่จะพามาดูเอง"

"ครับ ขอบคุณครับ " ต้นกล้าพยายามจะยกมือขึ้นเพื่อจะยกมือไหว้ แต่นพคุณรู้สายหน้าเล็กว่าไม่เป็นไร


"ออกไปข้างนอกกันเถอะนะ"

"ครับ" ต้นกล้ายังเขินๆเพราะนพคุณไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังจูงตนเองเดินออกจากที่นั่งไปยังประตูทางออก ผ่าสายต่างหลายๆคุ่ที่มองมา  ได้ยินเสียงพูดตามหลังมา

พี่น้องเขารักกันดีเนอะดูสิ

แก แก ดูสิเดินจับมือกันอ่ะ เป็นแฟนกันแหง่เลยอ่ะ

พี่น้องท้องติดกันหรือเปล่าว่ะ ดูดิ เดินจับมือกันตลอดเลยว่ะ


                 ต้นกล้าได้ยินก็ยิ่งทำให้อายพยายามจะดึงมือออก  แต่นพคุณก็กระชับจับแน่นขึ้นไปอีก ไม่สนใจคนรอบข้างจะพูดยังไง แค่ได้อยู่ใกล้ๆกันแค่นี้ก็พอใจและมีความสุขที่สุดแล้ว แล้วทำไมจะต้องไปสนใจใครจะพูดจะมองอย่างไรก็เรื่องของเขาเถอะ


"พี่ปล่อยมือต้นเถอะ ต้นเดินเองได้ครับ"

"หืม แต่พี่อยากอยู่แบบนี้ทั้งวันเลยไม่ได้เหรอครับ หืม"

"แต่ว่าคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีนะครับ ต้นไม่อยากให้ใครมาว่าพี่แบบนั้น"

"พวกเขาไม่รู้จักเรา แล้วพวกเราไม่รู้จักเขา พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว ต่างคนต่างก็ลืมหน้ากัน แล้วเราจะไปสนใจคนอื่นทำไมครับ" นพคุณหยุดเดินและหันมาหาคนที่เอาแต่ก้มหน้าอาย ยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มต้นกล้าเบาๆ

"พี่สนใจคนที่อยู่กับพี่ตอนนี้มากกว่า ......."

"..........." ต้นกล้าอายจนหน้าขึ้นสี ไม่กล้าสบตาคนที่เอาแต่จ้องมอง  อาการแบบนี้มันดูน่ารักมากในสายตาของนพคุณ

"ไปครับ จะบ่าย2โมงกว่าแล้วไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า" นพคุณก็เริ่มออกเดินพาต้นกล้าไปหาร้านนั่งทาน



"สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ย หืม"นพคุณกับต้นกล้าที่นั่งทานอาหารในร้านได้สักพักใหญ่ ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่างมือจากการทานแล้ว

"ไม่ครับ ต้นอิ่มแล้ว แต่ว่าต้นขอสั่งเมนูนี้กลับไปฝากยายได้มั้ยครับ" ต้นกล้าติดใจอาหารชุดนี้เลยอยากให้ยายได้ทานด้วย

"ได้ครับ" นพคุณยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อต้นกล้าจะคิดถึงยายเสมอไม่ว่าจะทำอะไร

"น้องๆ สั่งเมนูนี้ 1 ชุดกลับบ้าน แล้วคิดเงินเลยครับ" นพคุณเรียกพนักงานร้านมาสั่งเพิ่มและเก็บในคราวเดียว

"ได้ครับ รอสักครู่นะครับ"ไม่นานอาหารเป็นชุดจัดใส่กล่องเรียบร้อย ก็มายังโต๊ะพร้อมบิลค่าอาหาร

"ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ครับ"


                    ทั้งคู่เดินลงมาชั้น 2 ต้นกล้าบอกว่าอยากได้หนังสือเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำวิทยานิพนธ์ นพคุณรู้สึกได้ว่าต้นกล้าเป็นเด็กดีมากตั้งใจเรียน ถึงแม้จะมาเดินเที่ยวเล่นแต่ก็ยังไม่วาย ที่จะคิดถึงเรื่องเรียน คิดถึงยายที่รออยู่ที่บ้านเสมอ ยิ้มอย่างภูมิใจปนเอ็นดูพาเข้าร้านหนังสือชื่อดัง มีหนังสือมากมายให้เลือก ร่วมไปถึงเครื่องเขียน  นพคุณให้เวลากับต้นกล้าเต็มที่ในการค้นหาหนังสือที่อยากได้ นพคุณก็ใช้ช่วงเวลาที่รอเดินดูหนังสือนิทานเพื่อไปฝากหลานคนเล็ก และหนังสือหัดเขียนอ่านภาษาไทยให้กับหลานชาย


"เลือกหนังสือได้แล้วเหรอ"นพคุณเห็นต้นกล้าที่เดินเข้ามายืนข้างๆ

"ได้แล้วครับ แล้วพี่ดูกนังสืออะไรอยู่ มุมหนังสือเด็ก"

"สือหนังสือไปฝากเด็กที่บ้านนะ กำลังซนเลย หึหึ" นพคุณตอบก้นึกถึงหน้าหลานจอมซนขึ้นมา

"เหรอครับ?" ต้นกล้ารู้สึกสงสัยเล็กๆแต่ก็ไม่กล้าถาม

" ได้หนังสือครบแล้วใช่มั้ยครับ  ไปจ่ายเงินกัน" พคุณเดินจูงมือต้นกล้าไปที่เคาเตอร์เพื่อจ่ายค่าหนังสือ

"ต้นขอจ่ายเองครับ"

"ทำไมล่ะ ให้พี่จ่ายให้เถอะ"

"ไม่ครับ นี้เป็นหนังสือเรียนของต้น ต้นขอจ่ายเองครับ" ต้นยืนยังเสียงแข็ง

"โอเคครับ งั้นแค่เล่มนี้เล่มเดียวนะ" นพคุณดึงหนังสือเล่มเล็กสุด จากกองหนังสือที่ต้นกล้าเลือกมา เพราะมันมีหลายเล่มมาก นพคุณพอที่จะเดาได้ว่าแต่ละเล่มน่าจะมีราคาพอสมควร เลยตัดปัญหา 

ยืนหนังสือเล่มนั้นให้ต้นกล้าไปจ่ายอีกช่องคิดเงินอีกช่องหนึ่ง

"เอ๊ะ แต่ว่า....."

"ไม่มีแต่ครับ ไปจ่ายเงินสิครับ" ต้นกล้าเห็นว่านพคุณสั่งให้แบ่งใส่ถุงแยก ระหว่างหนังสือของตนเองกันหนังสือของเด็กๆ ต้นกล้ารีบดึงหนังสือนิทานและสมุดให้เขียนอ่านแล้วเดินเอาไปจ่ายอีกช่องคิดเงินทันที่ก่อนที่นพคุณจะห้ามทัน

"แบร่" นพคุณหันไปมองต้นกล้า ที่ทำหน้าตาทะเล้น ตลกๆ ยกถุงหนังสือของเขาที่คิดเงินเสร็จแล้วให้ดู

"เล่นอะไรหืม" นพคุณเดินมาหาต้นกล้าที่หน้าร้านหนังสือ เมื่อจ่ายเงินแล้วเดินไปหยิบของที่ฝากไว้ที่ชั้นฝากของเดินกลับมาหาคนที่เอาแต่รอบยิ้มทะเล้น

"ก็พี่ไม่ยอมให้ต้นจ่ายค่าหนังสือ ต้นก็จ่ายให้พี่แทนไง ฮิฮิ" ต้นกล้าส่งถุงหนังสือเด็กส่งคืนให้นพคุณและพยายามดึงถุงหนังสือของต้นเองที่ดูท่าทางจะหนัง เพราะขนาดเล่มหนามากๆ

"ไม่เป็นไรพี่ถือหมดนี้เอง"

"แต่ต้นอยากช่วยถือ มันหนักนะครับ"

"ไม่เป็นไรพี่ถือได้ จะไปซื้ออะไรไปฝากยายอีกมั้ย" นพคุณพยายามเป็นเรื่องให้ต้นกล้าลืมเรื่องที่กยากจะช่วยถือของ

"ต้นจะไปซื้อเสื้อผ้าให้ยายครับ"

"ไปสิ ไปดูที่ชั้นเสื้อผ้ากัน"

"ร้านไม่ได้อยู่ที่นี้ครับ อยู่แถวๆ บขส. พาต้นไปซื้อหน่อยได้มั้ยครับ"

"ได้สิครับ " ตอนนี้กลับเป็นต้นกล้าที่เดินจูงมือนพคุณแทน เดินกันไปที่รถเก็บของที่เบาะหลัง และตรงไปยังร้านเสื้อประจำที่ยายเคยพาต้นกล้าไปด้วยจนจำได้

...
.
.
"พี่จอดตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวต้นเดินไปที่ร้านเอง"

"พี่จะไปด้วย"

"เออ แต่ว่ามันร้อนนะครับ ไม่ใช่ร้านติดแอร์เหมือนบนห้าง ต้นกล้ากล้าพี่จะร้อน"

"ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ" นพคุณเดินลงจากรถรอต้นกล้าเดินนำเพื่อไปที่ร้านเสื้อ  เดินออกมาจากบริเวณ บขส. จะเป็ตึกแถวกลางเก่ากลางใหม่ ที่เป็นเป็นร้าน เสื้อผ้า ร้านขายของ มากมาย


"สวัสดีครับ ป้าแมว"

"อ้าวใช่ต้นหรือเปล่า จำแถบไม่ได้เลยโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว อ้าวแล้วยายล่ะ ไม่มาเหรอ"

"ยายอยู่บ้านครับ ต้นออกมาทำธุระก็เลยแวะมาหา ว่าจะมาซื้อเสื้อไปฝากยายนะครับ"

"เข้ามาสิจะ มาเลือกเลย ชอบแบบใหน"

"ป้าแมวว่ายาย จะชอบสีใหนครับ"

"สีครีมดีมั้ย เอาไว้ใช่ไปงานบุญก็ได้ ออกงานสำคัญๆก็ดี" พอป้าเจ้าของร้านพูดแบบนั้น ต้นกล้านึกไปถึง วันที่ต้นเองได้รับปริญญา คนที่ต้นอยากให้เห็นความสำเร็จมากที่สุดก็คือยาย 

"ก็ดีครับ งั้ยผมเอาเสื้อตัวนี้ครับ ผ้าถุงสีใหนดีครับผ้า"

"งั้นสีนี้เป็นไง เข้ากันดีนะป้าว่า" ป้าเจ้าของร้าน หยิบผ้าถุงและเสื้อมาเทียบกัน ต้นกล้าอยากได้ความคิดเห็นของคนที่มาด้วย เลยหันไปมองหน้าเพื่อขอความคิดเห็น  นพคุณก็พยักหน้าอย่างพอใจ ต้นกล้าก็ตัดสินใจได้ทันที่

"งั้นต้นเอาชุดนี้ครับ เท่าไรครับป้า"

"คนกันเอง จาก 1200 งั้นป้าคิด 1000 ถ้วนๆ แล้วกันจ๊ะ"

"ครับ " ต้นกล้าก้มหยิบกระเป๋าเงินเพื่อจะหยิบเงินขึ้นมาจ่าย แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นนพคุณจ่ายเงินเสร็จแล้วและรับถุงเสื้อผ้ามาถือเรียบร้อย

"พี่จ่ายทำไมครับ นั้นเสื้อของยายต้นนะ ให้ต้นจ่ายเองสิ" ต้นพยายามยืนเงินคืนให้นพคุณ

"ครับ ๆ ไปคุยต่อที่รถนะ เกะกะร้านคุณป้าเขา" นพคุณไม่รับเงินแต่จับขอมือต้นกล้าให้หันไปดูลูกค้าที่เดินเข้ามาดูเสื้อในร้าน ทำให้ต้นกล้าต้องเลิกดื้อ และบอลาป้าเจ้าของร้านและเดินออกจากร้านอย่างเงียบๆ  เดินตามนพคุณที่ดูจะอารมณ์ดีเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์

"เป็นอะไร มายืนอะไรตรงนี้มันร้อนนะ "นพคุณหันไปมองหา ก็เห็นตนกล้ายืนทำหน้าบึงอยู่ห่างออกไป เลยเดินกลับมาถาม

"ก็ต้นอยากจ่ายค่าเสื้อให้ยายเองอ่ะ" ต้นกล้าทำแก้มป่องไม่พอใจเล็กที่โดนขัดจัดเรื่องจ่ายเงิน

"ครับๆ เงินค่าเสื้อ 1000 พี่ฝากไว้กับต้นก่อนนะ วันใหนเงินหมดพี่จะไปถ่วงแบบนี้โอเคมั้ย  ไปที่รถเถอะตรงนี้มันร้อน" นพคุณไก่เกลี่ยฝากแผนทำข้อตกลงเพื่อให้ต้นกล้าสบายใจ แล้วเดินจูงมือคนที่ยังงงๆกับขอตกลงนั้นอยู่

"เดี๋ยวก่อน ต้นขอไปซื้อกล้วยปิ้งร้านประจำก่อน แล้วพี่ก็ไปรอที่รถเลย ต้นจะไปซื้อคนเดียว"

"ทำไมล่ะ พี่อยากไปด้วยอยากรู้ว่าร้านอยู่ตรงใหน จะได้มาซื้อเองบางไง" ต้นกล้าฟังเหตุผลของคนตรงหน้าก็ต้องใจอ่อน ให้เดินตามมาง่ายๆ

"ป้าครับเหมือนเดิม 2 ชุดครับ" เมื่อถึงหน้าร้านต้นกล้าก็สั่งอย่างคุ้นเคย

"ได้จ๊ะ ทำไมวันนี้มาซื้อได้ล่ะจ๊ะ ปกติเห็นมาซื้อแต่วันศุกร์" แม่ค้ากล้วยปิ้งถามอย่างสงสัย

"พอดีมาเดินเที่ยวกับพี่นะครับ เลยแวะมาซื้อกลับไปฝากยาย"

"ขอบใจจ้า 40 บาท จ้า"


                 ต้นกล้าเดินก้มหน้าหยิบกล้วยทุบที่ชุมไปด้วยน้ำกระทิเชื่อม ส่งให้นพคุณได้ลองชิม นพคุณไม่ได้รับไม้กล้วยปิ้งมาแต่ ก้มลงกัด จากในมือของต้นกล้าเลย ทำให้ต้นกล้ารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที เพราะนพคุณเข้ามาใกล้และมองหน้าตนเองตอนที่กัดกล้วยปิ้งในมือ เคี้ยวอย่างอร่อย และส่งยิ้มอย่างพอใจกลับมาให้ต้นกล้าที่ยืนค้างอยู่แบบนั้น จนน้ำกระทิหยดลงพื้นเต็มไปหมด ทำให้นพคุณต้องรีบ จับมือต้นกล้าขึ้นมากัดกินให้หมดไม้ เพื่อไม่ให้เลอะไปมากว่านี้


"เป็นอะไร ทำไม่ไม่กินล่ะ ให้พี่กินอยู่คนเดียว" นพคุณเดินจูงมือต้นกล้ามาที่รถ รอบสังเกตุต้นกล้าที่เอาแต่เงียบไปเลย

"......................"เข้ามานั่งภายในรถ ต้นกล้าก็ยังเงียบ

"เป็นอะไร หรือยังซื้ออะไรไม่ครบเหรอ คอยๆนึกก็ได้ พี่ไม่รีบหรอก" นพคุณคิดว่าต้นกล้าคงกำลังนึกอยู่ว่าจะซื้ออะไรต่อเลยเงียบไป เลยนั่งรออยู่ในรถ เงียบๆ รอคนข้างคิดออกว่าจะไปซื้ออะไรต่อ

"ต้นอยากลับบ้านแล้วครับ" จากที่เงียบอยู่นาน ต้นกล้าก็พูดขึ้น


                 ต้นกล้ารู้สึกว่านพคุณทำดีกลับเขาทุกอย่าง เอาใจใส ดูแลเหมือนกับยาย แต่ความรู้สึกที่มันต่างออกไปคือ ดีใจตื่นเต้นทุกครั้งมือได้เจอ เฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอหน้า ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อคนข้างเข้ามาใกล้ อย่างเช่นเมื่อครู่ ที่เข้ามาใกล้ขนาดนั้น ทำให้ต้นกล้ารู้เลยว่าตนเองรู้สึกดีๆกับคนข้าง แต่จะเป็นไปในรู้แบบใหน ต้นกล้าเองก็ยังไม่รู้ เพื่อน พี่ หรืออะไร  ย้อนคิดไปถึงคำพูดของคนที่โรงหนัง


พี่ชายน้องชาย


เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ


พี่น้องท้องชนกันงั้นเหรอ????????????


คงไม่ใช่มั้ง 


ต้นกล้าเอาแต่ส่ายหน้าไปไปมาอยู่อย่างนั้น จนนพคุณที่ขับรถอยู่ สังเกตุเห็นคนข้างๆ ที่ทำท่าที่แปลกๆ


หรือว่าเวียนหัว เมารถ????


          นพคุณรีบจอดรถข้างทางเพื่อถามอาการของต้นกล้า ในขณะที่ต้นกล้าก็หลุดออกจากความคิดของตนเอง และเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นว่ารถจอดเข้าข้างทาง


"พี่จอดรถทำไมครับ"

"แล้วต้นเป็นอะไรเวียนหัว ปวดหัวเหรอ" นพคุณขยับตัวเข้ามาจับใบหน้าต้นกล้าเพื่อตรวจดู  ต้นกล้ายังสังสัยท่าทางที่ดูเป็นห่วงของคนตรงหน้า

"ต้นไม่ได้เป็นอะไรครับ ต้นสบายดี"

"แต่เมื่อกี่พี่เห็นต้น สายหัวไปมาพี่นึกว่าต้นเวียนหัวหรือเมารถหรือเปล่านะ" นพคุณยังไม่หายกังวลใจ


              ต้นกล้ารู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่พึ่งได้รู้จักกันไม่นาน เป็นเพราะเขามีนิสัยเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือคนอื่นๆ แบบนี้ตลอดหรือเปล่า หรือเป็นกับต้นกล้าคนเดียว ต้นกล้าไม่กล้าคิดเข้าอย่างตนเอง แต่ก็อยากจะมีใครสักคนให้ความสำคัญและอยู่ข้างๆแบบนี้เหมือนกัน


ต้นเห็นแก่ตัวหรือเปล่าครับ


"ไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่มีพี่อยู่ข้างๆต้นก็ดีใจแล้วครับ" ต้นกล้าพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน และเลื่อนมือขึ้นมาจับมือของนพคุณที่ยังจับอยู่ที่ใบหน้าของตนเองอยู่


"ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ " นพคุณใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่แก้มของต้นกล้าเบาๆ ต้นกล้าก็เอียงใบหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างคุ้นเคย


"กลับบ้านกันนะครับ เดี๋ยวยายเป็นห่วง"


"ครับ "ต้นกล้าตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข  มือที่จับกุมกันไว้นั้น อาจจะยังไม่รับรู้สถานะหรือความรู้สึกที่เป็นอยู่ แต่ขอให้ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ ก็มีความสุข














                                     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า !!!!!!!  :laugh:


                   อ่านต่อความหวานของคู่น้องต้นกับพี่ใหญ่กันต่อเลยจ้า  อิอิ   :hao3:


             :กอด1: ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ  +เป็ดให้ทุกคนค่า  โปรดติดตามตอนหน้านะคะ


           มาม่ามาชามใหญ่เลยค่า   :mew4: เสียน้ำตาด้วย มินมินบอกเลย  อิอิ


                         จะดราม่าคู่ใหน  รอติดตามอ่านด้วยนะคะ    :a5:


                 แม่ค้าหนีไปขายลูกชิ้นปิ้งแล้วจ้า  ฟิวววววววววว  :z2:







ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nozzle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

พี่นพชัดเจนเว่อร์  รักเลย

อย่าดราม่าหนักมากนะคะ กลัว ๆ

ภูมิต้านทานดราม่ายิ่งต่ำ ๆ อยู่ด้วย อิอิ

ออฟไลน์ moonma_bell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :bye2:คำผิดเยอะไปหน่อยครับ เนื้อเรื่องสนุกดีครับ แม้จะดูงงไปหน่อยกับการกระทำของตัวละคร คำผิดที่เห็นบ่อย ก็คำว่าลูกโป่งเขียนแบบนี้นะ ไปไหนใช้ตัวนี้ครับ ส่วนคำอื่นเดี๋ยวมาดูแก้ให้นะครับ :bye2:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
:bye2:คำผิดเยอะไปหน่อยครับ เนื้อเรื่องสนุกดีครับ แม้จะดูงงไปหน่อยกับการกระทำของตัวละคร คำผิดที่เห็นบ่อย ก็คำว่าลูกโป่งเขียนแบบนี้นะ ไปไหนใช้ตัวนี้ครับ ส่วนคำอื่นเดี๋ยวมาดูแก้ให้นะครับ :bye2:



ขอบคุณที่แวะมาอ่านนิยายของมินมินนะคะ  จะแก้ไขเรื่องคำผิดนะคะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ   :กอด1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                ตอนที่ 37  ให้เวลาได้คิด


                 วันอาทิตย์ ร้านขายลูกชิ้นเปิดขายปกติ แถมมีลูกค้าเยอะกว่าวันธรรมดา  ชินพัตน์ก็ทำหน้าที่ดูแลทั้งหน้าร้านและ แวะเข้าไปดู ที่โรงงานบ้าง เพราะวันนี้คนงานมาทำงานเพราะมีออเดอร์ลูกค้าเยอะ เลยต้องทำงานเพิ่ม ทั้งที่วันนี้ต้องเป็นวันหยุดให้กับคนงานในส่วนของโรงงาน หยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน แต่เพราะต้องเร่งทำเพิ่มเพื่อให้พอกับจำนวนที่ต้องการ วันนี้ทุกคนก็มาทำอย่างไม่ขัดข้องเพราะใกล้บ้านและได้เงินพิเศษด้วย

"เจ้าลูกชาย ไม่ไปเที่ยวใหนบางหรือไง" พ่อพูดแซวลูกชายที่ตั้งใจทำงานแม้กระทั้งวันหยุด

"ไม่ครับ พ่อกับแม่ทำงานผมจะไปเที่ยวได้ไงครับ" เงยหน้าจากเอกสารออเดอร์ ทั้งที่ร้านของนพคุณ ทั้งของที่บ้าน และของที่จะเตรียมไปส่งและขายที่ตลาดนัดด้วย

"แล้วแบบนี้จะได้มีฟง มีแฟนเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า รู้มั้ยเพื่อนเราเอาบัตรเชิญไปงานแต่งมาให้  เอ้าดูซะ "ส่งซองสีชมพูมาให้ลูกชาย

                        เจ้าบ่าวเป็นเพื่อนเล่นตอนเด็กๆของชินพัตน์ พ่อแม่ก็รู้จักกันดี แต่ห่างหายกันไปตั้งแต่ ชินพัตน์ไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ทำงานที่นั้นด้วยเลย ไม่ได้ค่อยติดต่อกันเท่าไร มาเจออีกที่ก็จะแต่งงานซะแล้ว ทำให้ผู้เป็นพ่อมองดูลูกชายที่ยังสนุกกับการทำงานขายของอยู่แบบนั้น ก็นึกเป็นห่วง

"เพื่อนๆแต่งงาน มีแฟนกันไปหมดแล้ว ไม่คิดจะหากับเขาบางหรือไงเจ้าลูกชาย"  พ่อพูดที่เล่นที่จริง มองดูลูกชายที่เปิดอ่านบัตรเชิญ

"เนื้อคู่ผมยังไม่เกิดมั้งครับพ่อ ถ้าใช่เนื้อคู่กันจริงๆก็คงเจอกันเองล่ะครับ ผมไม่รีบ ฮ่าๆๆๆ"  ชินพัตน์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร พูดเหมือนเรื่องตลกๆ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นพ่อได้ดีทีเดียว

"อย่าปล่อยตัวเองมากนะนักเจ้าชิน  อายุมากเขาจะไม่มีคนมองนะ"

"ครับๆ ตอนนี้ผมยังเด็กอยู่เลยนะ  ฮ่าๆๆ"  ชินพัตน์คิดว่าตนเอง พึ่งจะ25 ย่าง 26 มันเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องคู่ ตอนนี้สนใจเแต่เรื่องงาน ที่ต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญต้องขายของเป็นหลักแหล่งแล้วด้วย ยิ่งต้องตั้งใจมากขึ้น เรื่องที่ทางที่ไปดูไว้ก็น่าจะทำให้หนทางค้าขายของเขาดีขึ้นมากกว่าแน่ๆ

"เอาเถอะ  อย่าทำงานจนลืมดูแลหัวใจตัวเองล่ะ เจ้าลูกชาย" ผู้เป็นพ่อพูดทิ้งท้ายไว้และเดินไปหลังร้าน เพื่อไปดูคนที่โรงงาน
 
                 คำพูดที่ถูกพูดทิ้งไว้ ทำให้ชินพัตน์นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมา คนที่เอาแต่ยืนหน้าแดงไม่ยอมตอบคำถามของเขาก่อนกลับบ้านเมื่อคืน  ทำท่าทางเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ก็คงต้องมีบางเรื่องที่ไม่อยากจะพูดละมั้ง

 แล้วมันคืออะไรล่ะ

คำถามยังวนเวียนในหัวอยู่แบบนั้น

ดูแลหัวใจตัวเองงั้นเหรอ??????

แล้วใครจะมาดูแลให้ล่ะ???


Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrr

ชินพัตน์สะดุ้งตกใจกับเสียงโทรศัพท์เพราะมั่วแค่คิดถึงใครบางคนอยู่ จึงรีบรับสาย

"สวัสดีครับ" รีบรับเพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าโทรมาสั่งของ เพราะวันอาทิตย์ลูกค้าสั่งของเยอะมาก

(คุณ ผมเอง) ชินพันต์รีบดูเบอร์โทรศัพท์ ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่อยู่ในความคิดจะโทรมาเหมือนรู้

"อะ  อืม  ว่าไง"ชินพัตน์รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ เรียบปรับเสียงให้ปกติก่อนตอบกลับไป

(คุณทำอะไรอยู่)

"อะ อ้อ ผมกำลังตรวจเอกสาร ออเดอร์ลูกค้าอยู่นะ"

(ผมรบกวนเวลาทำงานคุณหรือเปล่า งั้นผมว่างสายนะ) นนทนัฐโทรมาเพราะคิดว่า ชินพัตน์น่าจะว่างในวันอาทิตย์แบบนี้

"ไม่ ไม่ ผมตรวจเสร็จพอดี  คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า" ชินพัตน์ยังไม่อยากให้อีกคนว่างสาย

(เหรอครับ คือ ผมนึกว่าวันนี้คุณหยุด ไม่ได้ทำงานขายของ ก็เลยโทรมา.......)อยากจะชวนไปดูหนังแต่ยังไม่กล้าพูดออกไป  กลัวโดนปฎิเสธ

"อืม จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ วันนี้วันอาทิตย์เปิดร้าน 8.30 ก็ขายถึงแค่บ่าย 4 โม่งก็ปิดร้านนะครับ  จะได้ให้คนงานได้พักบางนะ " ชินพัตน์อธิบายยาวๆ เพื่อหาเรื่องคุยต่อ

นนทนัฐฟังเสียงพูดที่ดูเป็นกันเองมากว่าแต่ก่อน แล้วก็รู้สึกดีใจ ที่ได้พูดกันด้วยประโยคยาวๆแบบนี้ ในฐานะเพื่อนใช่มั้ย แค่นี้ก็พอจะทำให้หัวใจของคนฟังฟองโตและ ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

(ครับ แล้วหลัง 4 โม่งคุณมีธุระที่ใหนหรือเปล่าครับ)เริ่มเข้าเรื่องที่อยากจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน

" ไม่ได้ไปใหน คงเตรียมของไว้ขายตลาดนัดพรุ่งนี้น่ะ ทำไมเหรอ"คนรอฟังก็อยากรู้ว่าโทรมาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่า

(ผม คือ ผมอยากจะ.....เออ  .......)นนทนัฐยังลังเลที่จะชวน

เป็นอะไรอีกนะ มีอะไรจะพูดก็ไม่พูด มันอึดอัดนะที่เป็นแบบนี้ ชินพัตน์คิดใจในกับคนที่อยู่ปลายสาย

"มีอะไรก็พูดออกมาสิครับ คุณเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ"ชินพัตน์เริ่มที่จะทนคนที่อยู่ปลายสายไม่ไหว เลยพูดเสียงดุ รวมทั้งยังหงุดหงิดท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนนั้นด้วย

(คือผม มีเรื่องจะคุยกับคุณ ผมไปหาคุณที่บ้านได้มั้ยครับ) นนทนัฐรู้สึกว่าจะทำให้ชินพัตน์โกรธเข้าซะแล้วเลยรีบๆ บอกออกไป

"อืม ได้ก็มาสิ" ชินพัตน์ก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน ตอบรับแบบไม่ต้องคิด

(ครับ ครับ ผมกำลังจะถึงแล้ว) น้ำเสียงดูดีใจมาก ใจชินพัตน์ยังอดตื่นเต้นตามไปด้วย 


ห่า!!!!!????? อะไรนะ กำลังจะถึง ถึงที่ใหน? ที่ร้านนี้นะเหรอ?   หมายความว่า?????????????

ขับรถมารอแล้งงั้นเหรอ

พอนึกขึ้นมาได้ว่า 

คนที่โทรเข้ามาก่อนเพื่อขอมาเจอหน้ากันงั้นเหรอ?????

ก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที หัวใจเต้นเร็วจนกลัวคนรอบข้างได้ยิน


                         ตลอดช่วงบ่าย ภายในร้านขายลูกชิ้นปิ้งและยำลูกชิ้นแสนอร่อย มีผู้ช่วยหน้าใหม่ คอยช่วยเสริฟ คอยเก็บเงินลูกค้า เรียกลูกค้าสาวๆเข้าร้านได้เยอะมาก เพราะผู้ช่วยหน้าใหม่คนนี้ มาตั้งแต่ตอนเที่ยง หลังจากวางสายจากชินพัตน์ไม่ถึง 10 นาที มาถึงร้านก็ตีซี้กับลูกจ้างในร้านและคุณนายแม่ของชินพัตน์ บอกว่าอยากจะช่วยทำงาน ตอบแทนด้วยยำลูกชิ้น ฝีมือลูกชายเจ้าของร้าน แค่นั้นเป็นพอ

"วันนี้ขอบใจมากนะจ๊ะ ช่วยงานในร้านทั้งวันเลย"

"ไม่เป็นไรครับ ผมว่างๆก็เลยมาช่วยทำงานแลกทานยำลูกชิ้นฟรีครับ หึหึ " นนทนัฐพูดแก้เก้อเขิน เก่าท้ายท้อยไปมา เมื่อโดนผู้เป็นแม่ของชินพัตน์ถามเข้าแบบนี้ ทั้งๆที่ต้นเองมีเป้าหมายหลักเพื่อแค่มาอยากอยู่ใกล้ลูกชายคุณแม่เท่านั้นเอง 

"ชอบทานลูกชิ้นจริงๆเลยนะจ๊ะ"

"ครับผมชอบทานมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่ที่นี้ลูกชิ้นอร่อยมากจริงเลยครับ "หันไปที่มองชินพัตน์ ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆกัน แล้วส่งยิ้มเล็กอย่างอารมณ์ดีไปให้

"จ้าๆ ถ้าชอบก็มาทานที่นี้บ่อยๆสิจ๊ะ  แต่เอ๊ะ!!!ไม่ต้องมาแล้วสินะ"อยู่ๆคุณนายแม่ก็พูดเสียงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

หรือคุณแม่ไม่อยากให้ผมมาที่นี้แล้ว นนทนัฐเริ่มร้อนร้นในใจ

"ก็ลูกจะไปเปิดร้านที่ โน่นแล้วนี้ คุณนนท์ก็ไม่ต้องมาทานที่นี้แล้วนี้ ใช่มั้ยล่ะ"หันไปคุยกับลูกชายเมื่อนึกขึ้นได้

"อ้อ ก็ใช่ครับ แต่มันก็ยังอีกตั้งเดือนกว่าทุกอย่างจะลงตัวนะครับแม่"

"จ้าๆ คุณนนท์เข้าก็พักแถวนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเดินทางไปๆมาด้วย ใช่มั้ยจ๊ะ" หันกลับไปคุยกับเพื่อนลูกชายอีกครั้ง

                   ทำให้นนทนัฐเริ่มคิดถึงที่พักของต้นเองขึ้นมาได้ว่า  จะไม่มีที่พักแล้วเพราะแคมป์ที่พักจะโย้กย้ายไปอยู่ที่ใหม่แล้ว ตัวเขาเองก็ต้องหาที่อยู่ใหม่หรือถึงเวลาที่ต้องกลับไปบ้านที่กรุงเทพเป็นการถาวรได้แล้ว

"อ้อครับ แต่ตอนนี้ที่พักของผมเป็นที่พักชั่วคราวนะครับ จริงๆแล้วบ้านผมอยู่กรุงเทพครับ"

"อ้าวงั้นเหรอจ๊ะ แม่นึกว่าเป็นคนที่นี้ซะอีก" เช่นเดียวกันกับชินพัตน์ที่พึ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ทำให้รู้สึกโหว่งๆในใจ

"ครับอาทิตย์หน้าผมก็จะกลับกรุงเทพแล้วครับ เหลือตรวจงานก่อนเปิดจองอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ"

"เหรอจ๊ะ แล้วแบบนี้จะได้มาอีกเมื่อไรล่ะจ๊ะ"

"ยังไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะงานของที่นี้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว คงต้องอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อรอโครงการใหม่นะครับ"

"เหรอจ๊ะ แบบนี้ก็เหงาแย่เลยสิตาชินเพื่อนกลับไปทำงานกรุงเทพซะแล้ว" หันกลับไปแซวลูกชาย แต่ดูเหมือนลูกชายจะไม่สนุกด้วยซะแล้ว เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

"อย่าหายไปนานนะจ๊ะ ว่างๆก็มาเที่ยวที่นี้บ้างนะจ๊ะ"

"ได้ครับ" นนทนัฐตอบเสียงเบา เพราะเรื่องที่อยากจะคุยกัยชินพัตน์คือเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ต้องมาพูดขึ้นมาก่อนแบบนี้ ก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร เมื่อมองไปเห็นสีหน้า นิ่งๆของชินพัตน์ที่มองกลับมา


                        เก็บร้านเสร็จเรียบร้อย ผู้เป็นแม่ก็ขอตัวเข้าไปที่ชั้นบน เพราะทั้งชินพัตน์และนนทนัฐบอกว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกัน ตอนนี้ทั้ง 2 คนที่เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ความอึดอัดภายในใจมากขึ้นเรื่อยๆ นนทนัฐลอบมอง ชินพัตน์ที่นั่งนิ่งที่โต๊ะคิดเงิน

"คุณ พวกเราคงต้องไปดูหนังรอบเย็น เพราะตอนนี้ก็จะ 5 โม่งเย็นแล้ว "นนทนัฐเริ่มคุยก่อน

".........................."ชินพัตน์ก็ยังคงนิ่งเงียบ

"คุณอยากดูเรื่องอะไร หืม" นนทนัฐอยากชวนคุยเรื่องหนังเพื่อคลายความเงียบนี้ลง ขยับเข้ามาคุยใกล้ๆ

".........................."เงียบ

"งั้น ผมว่าเราไปเลือกดูโปรแกรมที่หน้าโรงก็ได้ รีบไปกันเถอะครับ" นนทนัฐยังเห็นชินพัตน์นิ่ง จึงเดินไปดึงมือให้ชินพัตน์ลุกขึ้น แต่ก็โดนสะบัดมือออกอย่างไม่เข้าใจ

"ชินคุณเป็นอะไร คุณโกรธอะไรผมเหรอ" นนทนัฐรีบนั่งลงข้างชินพัตน์ แต่ชินพัตน์ก็หันหน้าหนีไปทางอื่น

"ผมมีสิทธิ์โกรธอะไรคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน" คนที่เอาแต่หันหลังหนีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็ง

"ครับ ผมเข้าใจ"นนทนัฐทำเสียงเศร้า

" ผมนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก" นนทนัฐรับรู้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจนั้นดี และก็เข้าใจสถานะตอนนี้เขาคงจะสำคัญตัวเองผิดไปจริงๆ นั่งมองแผ่นหลังนั้นอย่างตัดพ้อในใจ

"เพื่อนเหรอ!!!!  เพื่อนที่ไม่เคยบอกอะไรเลยงั้นสิ ว่าจะไปใหน ว่าจะทำไร "ชินพัตน์รีบหันมาตะคอกกลับทันที

"ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าแม่คุณจะถามขึ้น ผมเลยต้องบอก จริงๆแล้วผมอยากจะบอกคุณตั้งแต่เมื่อคืนแต่......"นนทนัฐรับรู้ว่าคนตรงหน้าไม่พอใจเข้าเรื่องนี้จริงด้วย

"แต่คุณก็ไม่บอกไง  คุณเห็นผมเป็นอะไร  เดินมาบอกว่าอยากใกล้ชิดอยากอยู่ใกล้  แล้วที่คุณกำลังทำอยู่นี้มันคืออะไร อยากจะมาก็มา พออยากจะไปก็ไปงั้นสิ"

            ชินพัตน์ตอนนี้ควบคุณความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนตรงหน้าทำให้ตนเอง เจอแต่เรื่องเกินคาดเดาทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องที่โดนใครที่ใหนไม่รู้มาจูบเอาดื้อๆ เดินมาบอกว่าชอบ บอกว่าอยากรู้จัก แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าไปกลับไปกรุงเทพอีก แล้วแบบนี้เขาจะต้องทำยังไงกับสถานะการณ์แบบนี้


"ผมขอโทษ"นนทนัฐได้แต่ยอมรับผิด

"ผมไม่อยากฟัง"ชินพัตน์ลุกขึ้นอยากจะหนีออกไปความรู่สึกอึดอัดและสบสันนี้เต็มทน

         ชินพัตน์ทนรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานี้ไม่ไหวแล้ว นึกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เขากำลังจะยอมรับคนนี้เข้ามาในฐานะใหนยังไม่รู้ แต่ที่รู้การที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้เขารู้สึกดีๆขึ้นมา แต่จะมาหายไปแบบนี้ เขาไม่เข้าใจ

"ชิน ฟังผมก่อน"  นนทนัฐรีบเดินไปยื้อแขนให้ชินพัตน์หยุดก่อนที่จะเดินหนีไป

"ไม่!!!! คุณอยากจะไปใหนคุณก็ไปเลย  พวกเราไม่น่าจะมาเจอกันด้วยซ้ำ" ชินพัตน์หันกลับมาตามแรงดึง เผชิญหน้าคนที่ไม่อยากคุยด้วยตอนนนี้  อยากจะทำอะไรตามใจก็เชิญตามสบาย เขาคิดได้เท่านั้น พูดออกไปเพื่อให้ทุกอย่างจบ

" อ๊ะ !!!!   อืม    อย่า!!!   อืมมม   แฮก   ปล่อย!!!  "นนทนัฐกอดจูบชินพัตน์ที่เอาแต่ดิ้นหนี ไม่ยอมฟังท่าเดียว และก็เจ็บปวดกับคำพูดที่ไม่อยากเจอเขาแบบนั้นอีก

อยากจะสัมผัสให้อ่อนโยนกว่านี้

อยากมอบความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้ได้รับรู้

แต่เอาแต่โกรธแต่จะหนีท่าเดียวแบบนี้

ผมมีแต่จูบแบบหยาบคายแบบนี้ที่จะหยุดคุณ



"ผมไม่ปล่อย ช่วยหยุดฟังผมก่อนเถอะนะ " นนทนัฐกอดชินพัตน์ไว้แน่น กระซิบพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเจ็บปวด กับคนทีไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเขาเลย เอาแต่ผลักไสเขาให้ไปไกลๆตลอดเวลา

".........................." ชินพัตน์นิ่งเงียบเมื่ออยู่ในอ้อมกอด

"คุณพูดเหมือนผมไม่มีความรู้สึก รู้ไหมชิน  ผมเจ็บ ผมเจ็บตรงนี้  " นนทนัฐเห็นว่าชินพัตน์หยุดดิ้นหนีแล้วเลยคลายอ้อมกอดออก และพูดให้คนตรงหน้าฟัง  และทุบไปยังตรงที่รู้สึกเจ็บที่สุดกับคำพูดที่พวกเขาได้พบเจอกันนั้นไม่น่าที่จะเกิดขึ้น

"......................." ชินพัตน์รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไป มันทำให้คนตรงหน้าเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ ก้มหน้าไม่กล้ามองคนที่ส่งสายตาตัดพ้อกลับมา

            นนทนัฐจับหัวไหลของชินพัตน์ให้หันมามองเขาตรงๆและเงยหน้ามาคุยกันดีๆ เขาอยากจะพูดทุกอย่างให้คนตรงหน้าเข้าใจ ถึงแม้เวลาและสถานที่จะไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ต้องการจะพูดทั้งหมดให้เข้าใจก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

"ผมรักคุณนะ ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้  การที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้รักคุณ แต่มันเป็นการให้เวลา  ผมรู้ว่าการรักใครสักคน ต้องเป็นเรื่องของคนสองคนมารักกัน แล้วผมที่เอาแค่รักคุณอยู่ฝ่ายเดียว ทิ้งระยะห่างไว้ให้คุณได้คิด ว่าเรื่องของเรามันใช่ความรักหรือเปล่า เท่านั้นเอง"

พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจจริงใจ จองเข้าไปที่ดวงตาของชินพัตน์อยากให้สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดส่งไปถึงใจของคนตรงหน้าที่เอาแต่นิ่งเงียบ

".........................."ชินพัตน์สับสนไปหมด เวลาอะไรแล้วทำต้องห่างกันด้วยล่ะ

"ผมคิดว่าระยะเวลาที่เรารู้จักกันมันอาจจะไม่นาน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณมันมากพอที่ผมจะบอกอีกกี้ครั้งก็ได้ว่า มันคือความรัก   แต่สำหรับคุณมันอาจจะเร็วไป คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ  แล้วยิ่งผมที่เป็นผู้ชายเดินเข้ามาบอกรักคุณแบบนี้ ทำให้คุณอาจจะสับสนระหว่างคำว่าเพื่อน กับคนรัก มันเป็นไปได้หรือเปล่า  ผมถึงอยากจะให้เวลาทั้งคุณและผมได้ใช้เวลาช่วงที่เราห่างกันได้คิดถึงเรื่องนี้"

"..........................."คิดสิผมคิดมานานมากแล้ว คุณอยู่ในหัวผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมก็รับรู้ได้นะว่าผมกำลังมีความรักเหมือนกัน

"จริงๆผมอยากพาคุณไปดูหนัง หาที่เงียบๆคุยกันสองคน แล้วเริ่มพูดเรื่องนี้ให้ได้คุณเข้าใจ ผมไม่อยากให้เรามาทะเลาะกันแบบนี้  ผมไม่อยากกลับกรุงเทพเลย เมื่อเห็นสายตาที่คุณมองมาที่ผมเป็นแบบนี้ มันทำให้ผมปวดใจ ผมอยากใช้เวลา 1 อาทิตย์ก่อนกลับกรุงเทพกับคุณให้มากที่สุด  แต่มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ  ......" ยิ้มให้ชินพัตน์ที่เอาแต่นิ่งเงียบรับฟังอย่างเดียวด้วยดวงตาที่ดูสับสน


"ดูแลตัวเองดีๆนะครับ" ลูบแก้มชินพัตน์อย่างแผ่วแสนรักใคร่



จุ๊บ 


จูบเบาๆเพื่อร่ำลา


" ผมรักคุณนะ" และคำสุดท้ายที่ผมอยากจะบอก 


           นนทนัฐเดินออกจากประตูหน้าร้านที่เปิดไว้เพียงเล็กน้อย หันกลับมาฝืนยิ้มให้กับชินพันต์ที่ยังยืนนิ่งมองกลับมาที่เขา ไม่รู้เป็นสายตาที่บ่องบอกอะไร เขาไม่อาจรับรู้ได้ 


คงต้องจากกันจริงแล้วสินะครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


"ฮึก  ฮือ   ฮือๆๆๆๆๆๆ   คนบ้า!!!!!  ฮือฮือ  ฮึก  อยาก ฮึก  จะไปใหนก็ไปเลย  ฮือๆๆๆๆ"






"ฮือ  พูดเอง  ฮึก  คนเดียว  ฮือ เลย  ไอ้คนบ้า!!!!!!"   





ทรุดตัวก้มหน้าร้องไห้เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ปวดใจ















                              ลูกชิ้นหมูล้วนๆใส่มาม่าชามใหญ่ มาแล้วจ้า!!!  :laugh:

      ปวดใจกันไป กับคนไม่รู้ใจตัวเอง  อิอิ  แม่ค้าลูกชิ้นซาดิสที่เห็น น้องชินปวดใจ   :z6:

    ติดตามต่อนะคะ ว่า "คนบ้า จะหนีกลับกรุงเทพ? "  "หรือเจ้าของร้านลูกชิ้น จะไปขายลุกชิ้นอีกได้หรือเปล่า?"    :z1:


   ขออภัยที่หายไปหลายวัน ไปหาเส้นมาใส่ในชามยำใส่ลูกชิ้น ชามนี้ค่า  ได้รับรสใหม่กันบาง (กันเลียน) อิอิ

   ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามอ่าน นิยายเรื่องแรกของมินมินนะคะ (อาจจะไม่ใข่แนวที่ชอบอ่าน )

   แต่ช่วยทนอ่าน และเป็นกำลังใจให้ มินมินด้วยนะคะ  ทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจอย่างดีให้มินมินค่ะ   :กอด1:


    + เป็ดให้ทุกคนนะคะ  รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บๆๆ    แม่ค้าลูกชิ้นขอไปขายลูกชิ้นก่อนนะคะ  :katai5:


 




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :sad4:  ฮือ ๆๆๆ มาม่าน้ำข้นใส่ลูกชิ้น

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อ้าวคนเขียนจ๋า แกล้งชินไม่ดีน๊า  :hao7:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอ้ออออออ :เฮ้อ: ปวดใจหนึบๆ ถึงคราวจะต้องง้อและแสดงความรู้สึกจริงๆแล้วล่ะชิน

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                    ตอนที่ 38  เป็นไข้..............ใจ?


                       เช้าวันจันทร์ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด ชินพัตน์ลุงขึ้นมาเตรียมของขึ้นรถตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรอเวลาเพื่อที่จะไปหายายที่สวนเพื่อช่วยเก็บผัก แต่มองเวลากี่ครั้งก็ไม่ 6 โมงเช้าสักที ชินพัตน์เฝ้ามองเข็มนาฬิกาที่เดินไปอย่างไม่เข้าใจ   เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตี 4 จะเรียกว่าตื่นได้หรือเปล่า ชินพัตน์ยังไม่รู้สึกว่าตนเองได้นอนเลย พยายามข่มตาเท่าไรก็ไม่หลับ  เลยลุกขึ้นมาเตรียมของไปขาย  จนเรียบร้อย ก็ยังไม่ถึงเวลาที่น่าจะออกไปข้างนอก เลยเข้ามาจัดของสดที่เตรียมไว้ขายที่ร้าน ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของพนักงานที่มาตอน 7 โมง  แต่ตอนนี้ชินพัตน์เตรียมของนั้นไว้หมดแล้ว  นั่งรอเวลาไปอย่างนั้น 

                       พอไม่มีอะไรต้องทำ ความคิดก็วนเวียนกลับมาเรื่องเดิมๆอีก คำพูดของใครคนหนึ่ง ที่พูดทิ้งไว้ทำให้ชินพัตน์ต้องคิด

ให้เวลาเพื่ออะไร?

พูดเองเออเองคนเดียว ไม่ยอมฟังคนอื่นบางเลย

อยากจะไปใหนก็ไป ไม่เคยเห็นความสำคัญกันเลยสินะ

แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก

ไม่อยากเจอ

อยากเจอ

ไม่อยากเจอ

อยากเจอ


ม่ายยยยยยยยยยย


"เจ้าลูกชาย ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า" ผู้เป็นพ่อเดินลงมาจากชั้น 2 เห็นลูกชายนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะ

"อะ  อ้าวพ่อแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"

"จ้า ว่าจะ ตื่นมาใส่บาตรพระสักหน่อยนะ แล้วมานั่งทำอะไรเงียบๆหืม?"

"เออ คือ เมื่อคืนผมนอนเร็วเลยตื่นเช้านะครับ ลุกขึ้นมาเตรียมของไปขายที่ตลาด และก็ของในร้านด้วย แหะๆๆ" โกหกคำโตชินพัตน์ไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงที่ตนเองยังไม่ได้นอนเลย คิดมากเรื่องที่มันดูไร้สาระ

"จ้าๆ ตักบาตรกับพ่อแม่ก่อนแล้วค่อยไปหายายที่สวนนะ"

"ครับ" ยิ้มแห้งๆตอบผู้เป็นพ่อและก็กลับเข้าสู่ห้วงความคิดเดิมๆอีกครั้ง

               พ่อและแม่สังเกตุลูกชายไม่ร่าเริงเหมือนเคย ปกติถ้านอนเต็มอิ่มจะช่างพูดช่างคุย แต่วันนี้ผิดไปจากที่พูดว่านอนตั้งแต่หัวคำ
ชวยคุยก็ถามคำตอบคำ แต่ก็ไม่อยากจะถามให้ไม่สบายใจ คงมีเรื่องให้คิด ปล่อยให้คิดเองจะดีกว่า เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  แต่ก็ไม่ได้ปล่อยไว้อย่างนั้นซะที่เดียว ค่อยดูห่างๆ ถ้าลูกชายพร้อมที่จะมาปรึกษาก็คงเข้ามาคุยเอง 

"ผมไปก่อนนะครับ"

"ตั้งใจทำนะลูก อย่ามัวแต่เหม่อ"

"เอ๊ะ  อ้อ ครับๆ"  ชินพัตน์แปลกใจกับคำของแม่ที่พูดก่อนจะขึ้นรถ  หรือว่าตนเองเหม่อจนแม่เป็นห่วง

               ชินพัตน์คิดว่าตนเองคงจะทำให้พ่อแม่เป็นห่วงซะแล้ว ถึงแม้จะพยายามทำตัวปกติ แต่เมื่ออยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อและแม่ก็คงไม่พ้นจะมองเห็น สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้ คงจะมองเห็นเข้าใจที่จิตใจที่หม่นหมองของผู้เป็นลูกได้ทันที  เพียงแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ ส่งเพียงสายตาของความห่วยใยมาให้เสมอ นั้นคือความอบอุ่นของคำว่า ครอบครัวสินะ

"ไม่ได้แล้ว!!!! นายต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้"  ชินพัตน์พูดเสียงดังเตือนตัวเอง


              ชินพัตน์ช่วยยายเก็บผักอย่างตั้งใจ ทำงานเพื่อจะได้ไม่คิดมาก  ทานมื้อเที่ยงกับยาย และขับรถไปที่ตลาดนัดเหมือนเช่นเคย เพียงแต่วันนี้ไม่มีผู้ช่วยอย่าง พี่ชาย กับต้นกล้า เลยต้องยกของ เตรียมของเองทุกอย่าง เลยต้องไปก่อนเวลาเดิมให้เร็วขึ้น  ช่วยยายจัดร้านผักเสร็จ ก็หันมาจัดร้านของตนเอง เพื่อให้ทันเวลา ลูกค้าเริ่มเดินในช่วง บ่ายๆแก่

"มาแต่วันเลยนะจ๊ะ"แม่ค้าร้านใกล้ๆที่พึ่งจะถอยรถเข้ามาที่ล๊อคของตนเองฝั่งตรงข้ามร้านของชินพัตน์

"ครับ พอดีวันนี้ไม่มีผู้ช่วยนะครับ เลยต้องรีบมาก่อน" ชินพัตน์ที่จัดร้านเสร็จเรียบร้อยเริ่มที่จะเอาลูกชิ้นขึ้นมาปิ้งไว้รอ ลูกค้าคนแรก ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 


แบบนี้เหมือนเดิมหรือยัง  ยิ้มการค้า


          ชินพัตน์รับมือกับลูกค้าที่เข้ามาซื้อจำนวนมากเช่นเคย  ลูกค้าก็ใจดียืนรอ บางคนก็ช่วยปิ้ง ช่วยใส่ถุงเมือรู้ว่าวันนี้ชินพัตน์ไม่มีผู้ช่วยต้องขายคนเดียว ลูกค้าเริ่มกลุ่มใหญ่หมด ชินพัตน์พึ่งจะได้นั่งพัก มองไปดูที่ร้านของยายก็ขายดีเช่นกัน แต่ด้วยความชำนาญที่มีมานาน ยายขายเองคนเดียวได้อย่างสบาย  ชินพันต์ก็หมดห่วงเดิมเข้าไปถามเวลาที่ลูกค้ายังไม่มา  ยายก็บอกว่าขายเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง  ชินพัตน์กลับมานั่งที่ร้านของตนเองอีกครั้ง  ต้องเสียบลูกชิ้นเพิ่ม เพราะลูกชิ้นที่เสียบเตรียมมา หมดแล้ว  มองหาไม้ลูกชิ้น เขาจำได้ว่าเตรียมสำรองไว้หลายแพ็ค  แต่ค้นหาเท่าไรก็ไม่เจอ  ทำให้เดินไปดูที่รถ  ฝากร้านยายไว้ รีบเดินแล้วต้องรีบกลับ เพราะยายดูร้านคนเดียว 

"ทำไมไม่มีล่ะ  "ชินพัตน์หาที่หลังรถก็ไม่เจอ สงสัยเตรียมไว้แล้วแต่ลืมเอาขึ้นรถมาด้วย นึกย้อนกลับไป หรือเพราะเขามั่วแต่เหม่อ คิดแต่เรื่องอะไรไร้สาระ  จนโมโหตนเอง  ต้องรีบเดินไปซื้อไม้ลูกชิ้น
.
.
.
.
.


"ยายครับ ผมไปซื้อไม้ลูกชิ้น เดี๋ยวผมรีบกลับมานะครับ"

"จ้าๆ รีบไปรีบมาเถอะจ๊ะ"


           ชินพัตน์แวะบอกยายก่อนแล้วรีบเดินไปยังร้านค้าย่อยเล็กที่ต้นกล้าเคยบอกว่าที่ในตลาดนัดก็มีขาย ซื้อที่ร้านใกล้ๆให้พอมีใช้ไปก่อน เพราะเป็นห่วงยายที่ต้องดูแลทั้ง สองร้าน  แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะขนาดไม้ลูกชิ้นของที่เขาต้องการหมดแล้ว เลยต้องไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามตลาด เขารีบเดินไปเพื่อที่จะข้ามถนน แต่ก็มีเสียงเรียก


"คุณเจ้าของร้านลูกชิ้น" ทำให้ชินพัตน์สะดุ้งกับเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง ที่เขาพยายามเลียงเพื่อไม่มองสถานที่แห่งนั้น

"จะไปใหนครับ วันนี้ไม่ขายลูกชิ้นเหรอครับ"

"อ้าว ลุงยามนั้นเอง"เห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกแปลกๆ คิดว่าน่าจะเป็นใครล่ะ

"ครับ  กำลังจะไปใหนครับนั้น"ลุงยามถาม

"อ้อ พอดีไม้ลูกชิ้นผมหมดนะครับเลยว่าจะข้ามไปซื้อฝั่งโน่นนะครับ" ชินพัตน์รีบพูดและชี้มือไปทางที่กำลังจะไป

"ครับ วันนี้ก็ขายดีเหมือนเดิมนะครับ"ลุงยามชวนคุยต่อ

"ครับ ผมขอไปซื้อของก่อนนะครับ พอดีไม่มีใครอยู่ที่ร้าน" จริงแล้วชินพัตน์ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานเพราะไม่อยากเจอคนที่ไม่อยากเจอตอนนี้ หรือเปล่านะ

"ครับ "


          ชินพัตน์รู้ว่าตนเองใช้เวลาพอสมควรกับการไปซื้อไม้ เพราะกว่าจะข้ามถนนได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะวันนี้รถเยอะมาก พอข้ามกลับมาได้ ก็รีบวิ่งเข้าตลาดคนแม่ค้าในตลาดตะโกนแซวอย่างสนุกสนาน 

"ลูกค้ารอเป็นแถวยาวแล้ว!!!! ฮ่าๆๆๆ" ชินพัตน์ก็หันกลับไปยิ้มแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


        รีบวิ่งไปที่ล๊อคของตนเอง เพราะใหนจะต้องเสียบ ใหนจะต้องปิ้ง ผักก็ยังไม่ได้หัน  ยายจะเป็นอย่างไงบ้าง  เมื่อถึงที่หน้าร้าน ลูกค้ายืนมุงกันเยอะจนหน้าตกใจ  ยายคงกำลังโดนลูกค้ามุ่งอยู่แน่นไปหมด คิดใจในก็ได้แต่โทษตัวเอง แต่เมื่อพอเดินเข้าไปกลับพบว่ายายยื่นถุงลูกชิ้นให้ลูกค้า  และมีใครคนหนึ่งยื่นปิ้งช่วยอยู่  ชินพัตน์มองด้วยสายตาที่ แปลกใจ ตกใจ ไม่เข้าใจ   

มาทำอะไรอยู่ตรงนี้

        เมื่อสายตาของคนที่กำลังตั้งใจปิ้งลูกชิ้นเงยหน้าขึ้นมาจากเตา เจอเข้ากับสายตาของชินพัตน์ที่มองมายังตนเองก็ชะงักมือไปนิดหนึ่ง  แล้วก็กลับไปต้ั้งใจปิ้งลูกชิ้นต่อ

"มาแล้วครับ เจ้าของร้านมาแล้ว  ผมต้องไปแล้วครับทุกคน ทานลูกชิ้นให้อร่อยนะครับ"  ตะโกนบอกลูกค้าที่ยืนรอคิวอยู่สักพัก แล้วหันไปมองหน้าชินพัตน์ แล้วรีบเดินออกจากร้านไป  หายไปพร้อมกับฝูงผู้คนที่เดินตลาดจำนวนมากในเวลาเลิกงานแบบนี้

"พ่อหนุ่ม ส่งไม้มาจ๊ะ เดี๋ยวยายเสียบให้ พ่อหนุ่มไปขายเถอะจ๊ะ" ยายเดินมาดึงถุงไม้ลูกชิ้น ทำให้ชินพัตน์หลุดออกจากภวัง

"อ้อครับ ๆ แล้วร้านผักของยาย"

"ไม่ต้องห่วงจ้า  เมื่อกี้มีคนมาเหมาไปแล้ว เหลืออีกนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกจ้า" หันไปมองที่ร้านผักยาย เหลือผักอีกนิดหน่อย จริงด้วย ทำให้ชินพัตน์สบายใจ หันกลับมาตั้งใจขายลูกชิ้นปิ้ง  พยายามจะลบภาพของคนที่มายืนต่อหน้าเขาเมื่อกี้ไปซะ 

ตั้งใจสิ ตั้งใจทำงาน  อย่ามั่วแต่เหมอ


"ขอบคุณครับ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ"

"ไม่เป็นไรจ้า ลูกชิ้นอร่อยๆแบบนี้ป้ารอได้จ้า"

"ขอบคุณครับ โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ"



"ยายครับเดี๋ยวผมทำเองยายนั่งพักเถอะครับ" ชินพัตน์หันมามองที่ยายเมื่อเห็นว่าลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ยายกำลังหันผักใส่ตะกร้า

"ไม่เป็นไรจ้าพ่อหนุ่ม ปิ้งลูกชิ้นไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวลูกค้าก็มาอีก จะปิ้งไม่ทันนะ" ยายหันมาบอก

"ครับ ครับ" เมื่อหันกลับไปที่ถาด เหลือที่ปิ้งแล้วอยู่แค่ 2 ไม้ เขาต้องปิ้งเตรียมไว้ 


ตั้งใจทำงานซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เตือนตัวเองอยู่แบบนั้น


                 และเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 1 ทุ่มลูกค้าเริ่มบางตา  ชินพัตน์หยุดปิ้งไปนานแล้ว แต่ยังคงขายอยู่เพราะบนถาดยังเหลืออยู่อีก 9 ไม้และรอลูกค้าที่สั่งออเดอร์ลูกชิ้น 5 กิโลนัดมารับตอน 1 ทุ่ม  ชินพัตน์เลยไปช่วยยายเก็บร้านเพราะผักยายขายหมดไปก่อนนานแล้ว  เก็บร้านผักของยายเรียบร้อย  ก็พอดีกับลูกค้ามารับออเอดร์  ลูกชิ้นเก้าไม้นั้นยังอยู่ ชินพัตน์เริ่มเก็บข้าวของ  คิดในใจว่าอาจจะแจกให้แม่ค้า  หรือจะเอาไปให้ลุงยาม แต่ก็คิดได้ว่าไม่ควรที่จะไปที่นั้นอีก  ไว้โอกาสหน้าดีกว่า  ก้มหน้าก้มตา เก็บของ เตรียมถุงมาใส่ลูกชิ้นที่จะเอาไปแจก ให้พ่อค้าแม่ค้าร้านใกล้เคียง


"คุณเจ้าของร้าน" ชินพัตน์ตกใจกับวิธีเรียกแบบนี้ทุกครั้ง

"ลูกชิ้นยังมีใช่มั้ย ลุงจะซื้อกลับไปฝากหลานๆที่บ้าน"

"อ้าวลุงยาม  มาเองเลยนะครับวันนี้"  ชินพัตน์รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อเห็นคนที่เรียกตนเองไม่ใช่คนที่อยู่ใรความคิด

"ครับ ลุงออกกะเร็วนะ อาทิตย์หน้าลุงก็ต้องยายไปทำงานที่อื่นแล้ว"

"เออ  เหรอครับ" จริงชินพัตน์ก็พอรู้ว่า ตึกอาคารพาณิยช์ ที่ลุงยามเฝ้าอยู่นั้น จะเปิดจองจันทร์หน้าแล้ว ลุงก็คงต้องยายไปเหมือนกับคนคนนั้น

"ลุงคงจะไม่ค่อยได้มาซื้อบ่อยๆ แต่ก็จะพยายามแวะมานะ" ลูกยามพูดยิ้มแย้มเป้นกันเอง

"ครับ ขอบคุณครับ" ชินพัตน์ยิ้มให้กับลุงยามถึงแม้จะได้ไปทำงานที่อื่นแต่ก็ยังคงมีน้ำใจจะแวะมาซื้อลูกชิ้นของเขา

"เหลือกี่ไม้ ลุงเอาหมดเลย วันนี้ต้องอุดหนุนกันหน่อย ทานฟรีมาบ่อยแล้ว"

"ไม่เป็นไรครับลุงเอากลับไปทาน ไปฝากหลานๆเถอะครับ ไว้คราวหน้าถ้าได้แวะมาค่อยมาอุดหนุนกันนะครับ" ชินพัตน์ตั้งใจจะให้ไม่อยากได้เงินอยู่แล้วด้วย

"ขอบใจมากพ่อหนุ่ม  แล้วแบบเป็นกิโลยังมีขายมั้ย หมดหรือยัง"

"อ้อ หมดแล้วครับ  ลุงจะเอาแบบเป็นกำโลด้วยเหรอครับ"

"อ้อ  ก็พอดี.......อ้อ ไม่เป็นไรหมดแล้วก็เอาไว้ วันพุธลุงมาซื้อใหม่แล้วกันนะ" ลุงนึกถึงหน้าคนที่ฝากซื้อขึ้นมา แต่ก้ไม่ได้พูดออกไป

"ได้ครับผมจะเตรียมไว้ให้"

"ขอบใจมากพ่อหนุ่ม  กลับบ้านดีๆล่ะ"

"ครับ" ชินพัตน์ส่งยิ้มให้กับลุงยาม แต่แล้วรอยยิ้มนั้นค่อยจางหายไปจากใบหน้า ของชินพัตน์เพราะคิดถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาแทน



มาทำไม ใหนบอกว่าจะไม่มาเจอกันแล้วไง



"เก็บร้านเถอะจ๊ะพ่อหนุ่ม " ยายเห็นชินพัตน์ยืนเหม่อเลยเดินเข้าไปเรียก

"อะ เออ คะครับ" สติกลับมาอีกครั้ง นี้เขาเหม่ออีกแล้วงั้นเหรอ  แย่จริงๆ


                         รีบเก็บร้านขนของขึ้นรถและไปส่งยายที่บ้าน ตอนยกของลงให้ยายเพื่อเก็บไว้ที่โรงเก็บของหน้าบ้าน


"วันนี้ดีนะที่พ่อหนุ่มคนนั้นมาช่วยขาย ไม่งั้นขายไม่ทันจริงๆ" ยายยกของลงกำลังจะเดินขึ้นบ้านก็พูดขึ้นเหมือนชวยคุย แต่คำพูดของยายทำให้ชินพัตน์หยุดชะงัก

"อะ เหรอครับ"

"จ้าก็ตอนที่บอกหนุ่มออกจากร้านไป ลูกค้าก็เข้ามาซื้อพร้อมกันหลายๆคนพร้อมกันยายขายไม่ทัน พ่อหนุ่มคนนั้นก็เข้ามาช่วยได้เยอะเลยล่ะ "ยายพูดติดตลก

"ขอโทษครับ พอดีว่าผมต้องข้ามไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามถนนนะครับ"

"ไม่เป็นไรหรอกจ้า วันนี้ก็ขายดีเหมือนเดิมเลย"ยายยิ้มเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจจะเกิดได้เสมอ แต่ก็ยังขายหมดเหมือนเคย

"ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ  วันนี้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบายเลยครับ "

"งั้นก็ขับรถดีๆนะจ๊ะ รีบกลับไปพักผ่อน หายาทานด้วยนะจ๊ะ"

"ครับยาย ผมกลับแล้วครับ"


                          ชินพัตน์ขับรถกลับออกมาจากบ้านยาย รู้สึกตนเองว่าคงจะไม่สบายจริง ต้องรีบกลับไปพักซะแล้ว  พอถึงบ้านผู้เป็นแม่ก็สังเกตุอาการลูกชายที่ดูจะเหนื่อยๆ หน้าซีดๆ ไม่ค่อยพูดจาเหมือนเมื่อเช้า ทั้งๆที่เวลากลับมาจากตลาด จะเล่าเรื่องที่ไปเจอที่ตลาดให้ฟังเสมอ แต่วันนี้กลับนิ่งเงียบ ยกของลงจากรถอย่างคนไม่มีเรียวแรง


"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก"  ผู้เป็นแม่เดินมาลูบหัวลูกชายที่เดินมานั่งพักที่โต๊ะ

"วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยๆนะครับ อยากนอนจัง"

"กินอะไรศสักหน่อยนะ แล้วค่อยขึ้นไปนอน" จับแขนลูกชาย ก็รู้สึกได้ว่าตัวรุมๆ" ตัวร้อนนะ จะเป็นไข้หรือเปล่าลูก  เดี๋ยวแม่ต้มข้าวต้มให้นะ ขึ้นไปรอบนห้องป่ะ เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้"

"ไม่เป็นไรครับ ผมขอแข้าวผมก็พอครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำดีกว่า"

"อย่าอาบเลยลูก เดี๋ยวอาการจะแย่นะจ๊ะ"

"ครับๆ"  ชินพัตน์รับคำแล้วเดินเอื่อยๆขึ้นชั้นบนไป  ไม่รับรู้ถึงสายตาของผู้เป็นแม่ที่มองมาอย่างเป็นห่วง


                       ชินพัตน์นอนซมเพราะพิษไข้ โดนมีผู้เป็นแม่ดูแลตลอดคืน เช็ดตัว ทำเหมือนกับชินพัตน์ในวัยเด็ก  ผู้เป็นแม่มองดูลูกชายที่นอนหลับสนิทเพราะได้กินยายลดไข้ไปแล้ว  ถึงแม้ว่าจะโตเป็นหนุ่มแล้ว  แต่ความห่วงใยมองเห็นคนที่นอนอยู่เป็นเด็กอยู่เสมอคงจะมีเรื่องกลุ่มใจอะไรบางอย่างสินะ  ลูกชายไม่ได้ป่วยแบบนี้มานานแล้ว เพราะเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง สดใสร่าเริง  แต่พอมีเรื่องที่ต้องคิด เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ร่างกายก็จะแสดงออกมาพร้อมกัน  ผู้เป็นแม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ดีที่สุด


"ฮึก จะ ไปใหน  ก็ไป  ฮึก เลย"

"อะไรลูกใครจะไปใหน หืมลูก  ชิน" ผู้เป็นแม่ที่นั่งเฝ้าไข้ได้ยินเสียงละเมอของลูกชายที่ปนสะอื่น

"ไม่ต้อง ฮึก  มาให้เห็น ฮึก หน้าอีก ฮึกเลยนะ ฮือๆ"

"............................."ผู้เป็นแม่ก้มลงเพื่อพยายามฟัง เสียงของลูกชายที่ละเมอ เพ้อ ฟังดูเหมือนจะไล่ใครบางคน แต่กลับทำสีหน้าเจ็บปวด เสียน้ำตาแบบนั้น

"ฮึก  คนบ้า  ฮึก  ไม่ยอม ฮึก นะ อย่าหายไปใหนนะ  ฮึกกกกก"  น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อแต่กลับไม่ยอมให้ไป  ใครกันนะ?


          ผู้เป็นแม่รับฟังเสียงละเมอเพราะพิษไข้ของลูกชาย ขยับไปนั่งดึงมือลูกชายมาโกบกุมลูบเบาๆ ลูกใบหน้าที่ชื่นเหงื่อ เช็ดด้วยผ้าเย็นให้ไอร้อนได้ออกไปตัวลูกชาย  รับรู้ว่าลูกชายมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ จริงสินะ


ใครกันนะที่ทำให้ลูกของแม่เป็นแบบนี้


"ไม่เป็นไรนะลูก หลับซะนะคนดี" ผู้เป็นแม่ กล่อมลูกชายตัวโตเหมือนอย่างวัยเด็กที่เคยทำประจำ










                                             ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!

                     ขออภัยที่หายไปนาน มินมินไม่สบายไปหาหมอมาค่า นอนซมไปหลายวัน

                 ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ +เป็ดให้ทุกคนนะคะ  :กอด1:

               ขอบคุณทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจให้มินมินต่อไปนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ


               รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อาการเปลี่ยนแปลงแบบนี้  ดูแลตัวเองด้วยนะคะ คนอ่านทุกคน


                                   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2015 19:12:57 โดย jasmim_min »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
กลับมาคุยกันดีๆ ก่อนสิ!!!
ไม่สบายแล้วเนี่ยเห็นไหม จะร้องไห้ตามแล้ว T^T

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao5: :hao5:  พูดเองเออเอง คุณเจ้าของร้านนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ปากแข็งแล้วต้องมานั่งเสียใจ. อิอิ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                              ตอนที่ 39  พยายาม.......ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม




                  ชินพัตน์นอนซมอยู่หลายวัน ไม่ยอมไปหาหมอทั้งที่คนที่บ้านพยายามที่จะพาไปแต่ก็ค้าน บอกว่าจะนอนอยู่บ้านท่าเดียว  ได้นอนพักก็หาย จนทำให้พี่ชายต้องออกไปขายของแทนส่งออเดอร์ลูกค้าที่ตลาด ช่วยยายเก็บผักและไปส่งขายของที่ตลาดด้วย

"ทำไมไม่ไปหาหมอ หืม"นพคุณถามขึ้นในตอนเช้า ก่อนออกไปขายของแทนน้องชายที่ป่วย

"ผมไม่เป็นอะไร ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาเอง นอนพักอีกสักวันก็หาย ยาก็มีกินน่าพี่ ไม่ต้องห่วง" ชินพัตน์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียงภายในห้อง หน้าตาซุบซีด น้ำเสียงแหบแห้ง ต่างจากปกติที่เคยสดใสร่าเริง

"เห็นป้าบอกว่า เป็นตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ยังไม่เห็นดีขึ้นเลย พี่ว่าไปหาหมอดีกว่ามั้ง มานั่งเพาะเชื้ออยู่แต่ในห้องแบบนี้ เมื่อไรจะหาย" พี่ชายพูดแซวน้องชายที่เอาแต่มกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนซมไม่ขยับตัวไปใหนเลย

"ผมไม่เป็นไรจริงๆพี่ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว วันนี้รบกวนพี่แค่วันนี้วันเดียว วันศุกร์ผมก็กลับไปขายได้เองรับรอง แคก แคกก ๆๆ" ชินพันต์พูดไม่ทันจบก็ไอโคกออกมาซะก่อน

"พอพอ ไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักซะ กินยาซะด้วยล่ะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก พี่ไปขายแทนเอง นอนซะ" นพคุณรีบหยิบน้ำอุ่นให้น้องชายดื่ม บวกกับบ่นไม่จริงจัง เพราะน้องชายมัวแต่เกรงใจเรื่องที่เขาต้องไปขายของแทน ขยับตัวชินพัตน์ให้นอนลงดีๆ แล้วห่มผ้าให้

"ขอบคุณครับ"ชินพัตน์ที่นอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มมองหน้าพี่ชายอย่างขอบคุณ

"ก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ พักผ่อนซะแล้วรีบๆหายป่วยซะ ลูกค้าที่ตลาดรออยู่นะ  พี่ไปล่ะ" นพคุณยี้หัวคนป่วยเบาๆ และเดินออกจากห้องไป ชินพัตน์มองประตูห้องที่ปิดแล้วคิดทบทวนเรื่องที่ตนเองคิดมา จนคนรอบๆตัวเป็นห่วง

ผมจะไม่คิดมากอีกแล้วครับ

ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแบบนี้ไง

เจ้าชินพัตน์!!!!!

         ชินพัตน์ต่อว่าตนเองในใจ คิดมากจนนอนไม่หลับ ป่วยไข้จนใครๆหลายคนเป็นห่วง คนที่เป็นต้นเหตุยังไม่เคยสนใจและไม่เคยรับรู้เลย แล้วเขาเองจะมัวไปคิดมากถึงคนแบบนั้นอยู่ทำไม  ก่อนหน้านี้ก็เคยอยู่แบบที่ไม่มีคนคนนั้นก็ยังอยู่มาได้แบบปกติ แต่พอคนคนนั้นไม่อยู่ทุกอย่างจะมาพังเพราะคนแค่คนเดียวงั้นเหรอ   

พอกันที่เลิกคิดถึงคนคนนั้นได้แล้ว   
     
          ชินพัตน์พยายามหลับตาลงปล่อยจิตใจให้ว่าง ต้องพักผ่อนให้มากเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาทำในสิ่งที่ควรจะทำ ยังมีงานที่เขาตั้งใจจะทำและต้องทำมันให้ดี ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเขา ชินพัตน์ก็หลับสนิท ได้พักอย่างเต็มที่อย่างที่ใจคิดได้สักที



"ผมไปก่อนนะครับป้า"นพคุณเตรียมของขึ้นรถคู่ใจกำลังจะออกไปรับยายที่สวน

"จ้า ขายดีๆนะจ๊ะ"ผู้เป็นป้ากล่าวอวยพรหลายชาย

"ครับ แล้วผมจะรีบกลับมา ดูอาการเจ้าชินนะครับ"

"จ๊ะ ป้าว่าได้นอนพักอีกวันเย็นนี้คงจะดีขึ้นแหละจ๊ะ" ป้ายิ้มๆแต่ก็ยังมีสายตาเป็นห่วงปนอยู่

"ครับ งั้นผมจะรีบกลับมานะครับ"


          นพคุณไปช่วยยายเก็บผักและก็บอกเล่าเรื่องที่น้องชายป่วย เลยต้องมาที่สวนคนเดียว ยายก็อดเป็นห่วงไม่ได้ นพคุณบอกยายให้คลายกังวลว่า ชินพัตน์ได้พักวันนี้อาการก็ดีขึ้นแน่นอน และก็กลับไปขายของที่ตลาดได้ตามปกติ
          นพคุณและยายต้องคอยตอบคำถามลูกค้าร้านลูกชิ้นปิ้งที่พ่อค้าหนุ่มเจ้าของร้านหายหน้าไปใหน แต่เมื่อรู้ว่าป่วยก็ต่างพากันเป็นห่วง แวะซื้อของเยี่ยมไข้ฝากมากับนพคุณมากมาย  จนตัวนพคุณเองยังอดดีใจแทนน้องชายไม่ได้ว่า ลูกค้าเป็นห่วงเป็นใยกันถึงขนาดนี้ อยากที่จะรีบกลับไปเล่าให้คนที่นอนป่วยที่บ้านและลุงกับป้าฟังเร็วๆ


"วันนี้เหลือผักแค่นี้ก็เก็บร้านเถอะจ๊ะ จะได้กลับบ้านกันเร็วขึ้น"ยายพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผักเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยแต่ไม่อยากจะรอจนขายหมด อยากที่จะให้นพคุณรีบกลับไปดูชินพัตน์ที่บ้านเร็วๆ เพราะยายเองก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน


"จะดีเหรอครับยาย ขายให้หมดก่อนก็ได้ครับ"นพคุณมองดูว่าคนยังเดินเยอะอยู่อีกพักคนคงมาซื้อผักแน่นอน เพราะลูกชิ้นของที่ร้านก็ปิ้งจนหมดแล้ว วันนี้เขาเอาลูกมาขายไม่เยอะเท่าที่ชินพัตน์ขายทุกวัน นพคุณเพียงต้องการมาสงออเดอร์ลูกค้าที่สั่งของกับน้องชายไว้เท่านั้น และก็พอขายหน้าร้านเป็นเพื่อนยายตอนขายผักไปพร้อมกัน


"ผมยังรอลูกค้ามารับลูกชิ้นอีก 2 เจ้าครับ ยายนั่งขายไปเรื่อยๆเถอะครับเดี๋ยวก็หมดครับเชื่อผม"ส่งยิ้มให้ยายสบายใจ ว่าตนเองก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับบ้าน


          ลูกค้ามารับลูกชิ้น 5 กิโลไปแล้วเหลืออีก 1 ถุงนพคุณไม่รู้น้ำหนักเท่าไร เพราะชินพัตน์เตรียมไว้ในตู้แช่ และเขียนบอกว่าเป็นออเดอร์ของวันพุธ นพคุณก็หยิบมาใส่ไว้ในถังแช่เพื่อเอามาส่งในวันนี้ ตามกระดาษที่จดรายการไว้จากน้องชาย เขาก็คงต้องรอกว่าลูกค้าเจ้าสุดท้ายมารับ พอดีกับผักของยายที่ขายหมดไปแล้ว เลยเก็บร้านรอเวลาที่ลูกค้ามา

"อ้าว จะเก็บร้านกันแล้วเหรอครับ"ลุงยามเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นนพคุณเริ่มเก็บข้าวของ

"ครับพอดีของขายหมดแล้วครับ"นพคุณตอบคิดว่าเป็นลูกค้าที่จะมาซื้อลูกชิ้นปิ้ง

"อ้าว  เออ  แล้วพ่อหนุ่มเจ้าของร้านลูกชิ้นไปใหนซะล่ะ" ลุงยามไม่คุ้นเคยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่าไร

"อ้อ น้องชายผมป่วยนะครับ วันนี้ผมมาขายแทนเขานะครับ ลุงมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"อ้าวไม่สบายเหรอเป็นอะไรมาหรือเปล่า  "ลุงยามถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นอะไรมากครับแค่เป็นไข้หวัดนะครับ พักอีกวันสองวันก็หายครับ กลับมาขายของได้ปกติแน่นอนครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"นพคุณยิ้มเป็นมิตรส่งกลับไปให้กับลูกค้าของน้องชาย

"ลุงบอกไว้ว่าจะแวะมาซื้อลูกชิ้น แต่พ่อหนุ่มไม่อยู่ลูกชิ้นก็หมดแล้ว งั้นลุงแวะมาซื้อใหม่แล้วกัน"ลุงยามลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าลูกชิ้นที่ตนเองสั่งไว้จะได้หรือเปล่าวันนี้

"ลุงสั่งของไว้กับน้องผมเหรอครับ"

"ครับๆ สั่งไว้แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจะสั่งเท่าไร ลุงก็เลยไม่แน่ใจว่า พ่อหนุ่มเจ้าของร้านจะเอามาเผื่อให้ลุงหรืเปล่า?"

"งั้นรอสักครู่นะครับ" นพคุณโทรหาน้องชาย ที่คิดว่าหน้าจะตื่นอยู่

(ว่าไงพี่ ขายดีมั้ยวันนี้) ชินพัตน์ตอบเสียงใส บ่งบอกถึงอาการป่วยดีขึ้นแล้ว

"จะโทรมาถามเรื่องออเดอร์ที่ไม่ระบุ น้ำหนักเอาไว้นะ ว่าของใคร"

(อ้อ ของลุงยาม ที่เฝ้าตึกสร้างใหม่หน้าถนนนะพี่ ทำไมเหรอหรือว่าลุงยามไม่มา)

"มาแล้วแต่พี่ไม่แน่ใจเลยโทรมาถาม"

(ถุงนั้นแหละของลุง แล้วลุงเขาจะซื้อเท่าไรก็ขายๆให้ลุงไปเถอะพี่ใหญ่)

"ลุงจะซื้อกี่กิโลครับ"นพคุณละจากสายโทรศัพท์หันไปถามลุงยามที่ยืนรออยู่

"ลุงจะสั่งสัก 5 โล"

"ชิน ลุงยามเขาสั่ง 5 กิโล แล้วในถุงมีเท่าไร"

(พอดีเลย ผมเตรียมไว้ 5 กิโลพอดี ขายให้ลุงไปเลยพี่)

"อืม แค่นี้และแลัวพี่จะรีบกลับ" นพคุณรีบว่างสายไม่ทันฟังน้องชายถาม

(พี่เดี๋ยวก่อ.........)ว่างสายไปซะและว่าจะให้ซื้อขนมครกมาฝากสักหน่อยพอหายป่วยก็อยากกินโน่นกินนี้ อดเลย

"ได้แล้วครับลุงนี้ครับ 5 กิโล"

"แล้วราคาเท่าไรล่ะ พ่อหนุ่ม"

" 500 บาทครับ"

"ไว้ถ้ามีโอกาสจะแวะมาซื้ออีกนะ แล้วก็ให้พ่อหนุ่มเจ้าของร้านหายไวไวด้วยนะ ลุงไปก่อนหล่ะ" ลุงพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากหน้าร้านไป นพคุณมองตามหลังลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้อย่างภูมิใจ เพราะตัวเขาเองก็สามารถขายของคนเดียวได้อย่างสบายๆ

             ลุงยามเดินกับมาที่ป้อมยามชั่วคราว เพราะวันศุกร์ก็เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของที่นี้ ต้องโยกย้ายไปเฝ้ายามที่อื่นตามคำสั่งของหน่วยงานที่ได้ว่าจ้างให้ไป แต่ก็คงรับงานที่ใหนไกลๆบ้านมากก็ไม่ได้เพราะต้องดูแลหลานๆทั้ง 3 คนที่ลูกชายทิ้งไว้ให้เลี้ยงลุงยามกลับเข้ามาประจำที่ป้อมยาม เก็บลูกชิ้นไว้ในกล่องโพมใบขนาดย่อมที่มีน้ำแข็งอัดแน่นเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เพราะคนที่เตรียมไว้ให้ก็ไม่ได้ไปใหนไกล เดินอยู่ในตลาดเมื่อเห็นว่าคนที่อยากเจอไม่มาก็เคยให้ลุงยามเดินไม่ถามแทน อย่างเป็นห่วง

           
"เป็นไงบ้างครับลุง" นนทนัฐถามด้วยน้ำเสียงติดกังวล


           นนทนัฐเดินอยู่รอบๆตลาดนัดหลายรอบ เพื่ออยากจะแอบมอง คนที่บอกว่า (ไม่น่าจะเจอกันตั้งแต่แรก) แต่ก็ไม่เห็นมาเห็นแต่คนที่เป็นพี่ชายมาขายแทน เขาก็กังวลใจแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปถามตรงๆเหมือนก่อนแล้ว กลัวโดนเกลียดมากขึ้นไปอีก ถามรู้ว่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย  เลยบอกให้ลุงยามไปซื้อลูกชิ้นแล้วถามหาเจ้าของร้านด้วยว่าไปใหน


"ได้ลูกชิ้นมาแล้วครับ แช่อยู่ในลังนี้ครับ" ลุงยามรีบชี้ไปที่กล่องโพม เมื่อเห็นคนที่สั่งให้ตนเองไปซื้อถามขึ้น

"ครับ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่ที่ผมอยากรู้คือคุณเจ้าของร้านทำไมไม่มาครับ" นนทนัฐอยากรู้ว่าคนที่ควรจะมาขายของวันนี้ทำไมถึงไม่มา

"อ้อ พ่อหนุ่มเจ้าของร้านไม่สบาย พี่ชายเลยมาขายแทนครับ"

"ไม่สบายเหรอครับ" นนทนัฐเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข อยากจะไปหาคนป่วยให้เร็วที่สุด

"งั้นลุงเอาลูกชิ้นกลับไปทานเลยนะครับ ผมไปทำธุระก่อนนะครับ" นนทนัฐรีบสั่งและวิ่งกลับไปที่รถคู่ใจขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

"............."ลุงยามมองตามหลังรถที่ขับออกไปอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น


              นพคุณเก็บของขึ้นรถ แล้วไปส่งยายที่บ้านสวน ยายก็หยิบยาบำรุงที่ได้มาจากวัดให้นพคุณ เพื่อฝากไปให้ชินพัตน์กินจะได้ร่างกายแข็งแรงไวไว  นพคุณก่อนขับรถออกจากบ้านยายก็โทรหา ต้นกล้าและบอกเรื่องที่ชินพัตน์ป่วยให้ฟังด้วย ต้นกล้าก็เป็นห่วงชินพัตน์มาก อยากกลับมาเยี่ยม แต่เพราะช่วงนี้ติดสอบเลยกลับมาไม่ได้ นพคุณก็บอกว่าตั้งใจเรียนแล้วค่อยกลับมาคุยกันวันหยุดจะดีกว่า ต้นกล้าก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้


(ต้นเป็นห่วงพี่ชินจังเลย อยู่ๆก็ไม่สบายขึ้นมาแบบนี้)


"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปกติเจ้าชินแข็งแรง คงมีเรื่องให้คิดนะ เลยป่วยเดี๋ยวก็หายต้นไม่ต้องกังวัลไป"

(งั้นวันศุกร์ต้นจะรีบกลับไปช่วยนะครับ)

"ช่วยใคร ช่วยพี่ หรือช่วยเจ้าชิน หืม"

(เออ ก็ ช่วยทั้งพี่แล้วก็พี่ชินนั้นแหละครับ ขายของคนเดียวคงไม่สนุกนักหรอก จริงมั้ยครับ)ต้นกล้าพูดอ้อมแอ้มอยากลับไปช่วยขายของเพราะเป็นห่วงไปหมดทุกคน เกิดไม่สบายกันไปหมดคงแย่

"ครับๆ งั้นวันศุกร์พี่ไปรับที่ บขส.นะครับ" นพคุณยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเหตุผลที่จะได้ไปรับต้นกล้าแล้ว

(ครับ แล้วต้นจะโทรหานะครับ ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ)

"ครับๆ....... พี่คิดถึงต้นนะ"นพคุณพูดเสียงกระซิบแผ่วเบา

(เอ๊ะ อะ เออ คะ ครับ)ต้นกล้าหน้าแดงขึ้นมาทันที่ รีบเงยหน้ามองคนรอบๆ กลัวคนอื่นจะเห็นว่าตนเองหน้าแดงเพราะคนปลายสาย

"ต้นคิดถึงพี่มั้ยครับ หืม"นพคุณยังไม่วายจะถามต่อ

(อะ อืม อืม) ต้นกล้าอายที่จะตอบไปตรงๆ ว่าตนเองก็คิดถึงนพคุณเหมือนกัน ไม่เจอหน้าแค่ไม่กี่วัน

"อืม อืม นี้หมายถึงอะไรครับ ไม่ตอบดีๆ กลับมาพี่ทำโทษนะ"

(ต้น ต้น ต้องไปทำงานพิเศษแล้วครับ ต้นว่างสายก่อนนะครับ) ต้นกล้าตัดสินใจว่างสาย ทั้งเขินทั้งอายเกินกว่าจะพูดตรงๆแบบนั้นออกไปได้  หน้าเห้อร้อนไม่หาย

"หึหึ "นพคุณมองมือถือ แล้วก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ อยากเห็นหน้าตอนเขินของคนปลายสายจริงๆ ไม่เป็นไร วันศุกร์ก็จะได้เจอกันแล้ว  ขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีอีกเช่นเคย


              นนทนัฐขับรถมาจอดเลียบริมถนนใหญ่ เป็นทางหลักที่จะเข้าไปในเขตร้านค้าที่ร่วมตัวอยู่กันเรียงราย ร่วมไปถึงร้านลูกชิ้นของชินพัตน์ด้วย เป็นที่ที่เดิมที่เคยจอดรอเหมือนเมื่อวันอาทิตย์ แต่วันนี้เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะโทรไปหา หรือเข้าไปเจอเหมือนดังที่ใจต้องการ ตามที่ใจเรียกร้องบอกว่าอยากจะเจอหน้าคนที่นอนป่วย อยากอยู่ใกล้ อยากดูแล


ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?


บอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ทำไมถึงป่วยได้นะ


ผมอยากเจอหน้าคุณ แต่ผมไปเจอคุณไม่ได้แล้ว


ถ้าคุณไม่อนุญาติให้ผมเจอ


แต่ถ้าได้เจอ จะเจอกันในฐานะอะไร


เจ้าของร้านลูกชิ้น กับ ลูกค้า


เพื่อน?


หรืออะไรที่มากกว่านั้น


ผมเป็นห่วงคุณ


ผมคิดถึงคุณ


ผมอยากเห็นหน้าคุณ


ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน ทำไมมันทรมารขนาดนี้










                           ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!!!  :laugh:

           มาติดตามดูคู่นี้กันว่าจะทรมารตัวเองกันไปถึงใหนนะคะ  :z1:

      คนที่ไม่รู้ใจตัวเอง กับ คนที่ยอมที่จะรอคอยความรัก จะเป็นยังไงช่วยติดตามต่อด้วยนะคะ อิอิ 

       แถมอีกคู่ก็หวานจนเบาหวานจะกิน  :-[   :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

       ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของมินมินนะคะ + เป็ดให้ทุกคนค่า ติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยนะคะ






ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0




                                           ตอนที่ 41 ลืม....เพื่อเริ่มใหม่


                                นพคุณขับรถกลับมาระหว่างรอรถเลี้ยวเข้าทางไปจะตรงไปยังเขตการค้าที่มีร้านของลุงกับป้าอยู่ ก็สังเกตุเห็นรถของลูกค้าประจำของน้องชาย และที่แน่ใจว่าใช่ เพราะเจ้าของรถยืนมองโทรศัพท์ และมองไปยังที่ใดที่หนึ่งสลับไปมา   นพคุณคิดว่านนทนัฐคงมีธุระแถวนี้ เลยขับรถผ่านไม่ได้เข้าไปพูดคุยทักทายอะไร อยากรีบไปดูอาการน้องชาย และเอาเหล่าของเยี่ยมจากแม่ค้า และลูกค้าที่ซื้อมาฝากไปเยี่ยมไข้น้องชายด้วย เยอะมากแต่มันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะน้องชายของเขาเป็นที่รักใครของคนในตลาดได้ขนาดนี้ ไปขายของไม่กี่เดือนเอง

"กลับมาแล้วครับ"

"ของอะไรเยอะแยะเลย ตาใหญ่"

"ของฝากเยี่ยมเจ้าชิน จากพวกลูกค้าแล้วก็แม่ค้าร้านใกล้ๆกันนะครับ พอรู้ว่าเจ้าชินป่วย ก็เป็นห่วงกันใหญ่เลย ซื้อของมาให้เยอะเลยครับ" 

"โอโฮ้นี้ลูกชายป้านี้ เป็นที่รักใคร่ขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ปลืมใจจริงๆ" ผู้เป็นป้าพูดติดตลกแกมภูมิใจเล็กๆไปในที ที่ลูกชายตนเองมีคนเป็นห่วงเยอะขนาดนี้

"แล้วเจ้าตัวเป็นยังไงบ้างครับ"

"ลงมากินข้าวได้แล้วล่ะจ๊ะ ป้าพึ่งให้ขึ้นไปพักข้างบนเมื่อกี้เองจ๊ะ"

"งั้นผม ยกของเยี่ยมนี้ขึ้นไปให้เลยแล้วกันนะครับ"

"จ้า"


                         นพคุณเดินเข้าห้องน้องชาย เห็นน้องชายนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะ  ดูสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าแล้ว แต่อาการเหม่อลอยมีเรื่องคิดอยู่ตลอดก็ยังมีอยู่  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่านะ  ต้องลองเลียบๆเคียงถามดูดีกว่า ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้ต้องล้มป่วยขนาดนี้

"อ้าว กลับมาแล้วเหรอพี่ใหญ่ มายืนทำอะไรเงียบล่ะครับ เข้ามาก่อนสิครับ" ชินพัตน์ที่หันกลับมามองเมื่อมีความรู้สึกถึงสายตาที่จ้องจากด้านหลัง

"แล้วนี้อะไรครับ ของเยอะแยะไปหมดเลย โอโฮ้น่ากินทั้งนั้นเลย"

"อยากกินก็กินซะ คนให้เขาจะได้ดีใจ" นพคุณยกถุงขนมผลไม้ที่เป็นของเยี่ยมส่งให้คนป่วย

"ใครให้มาเหรอพี่ เยอะขนาดนี้"

"ก็พวกแม่ค้า แล้วก็ลูกค้าที่รู้ว่านายไม่สบายก็เลยซื้อมาเยี่ยมไข้นายไง"

"โอโฮ้ เกรงใจแย่เลยอ่ะ ไม่ได้การ วันเสาร์ผมต้องทำอะไรไปเลี้ยงพวกพี่ๆแม่ค้า แล้วก็ต้องมีของแถมให้กับลูกค้าใจดีซะแล้ว สิ"

"หายดีแล้วเหรอไง" นพคุณเดินเอามือมาอังที่หน้าผากน้องชาย  ตัวไม่ร้อนแล้วจริงๆด้วย

"ผมไม่เป็นไรแล้ว นอนทั้งวัน หายแล้วพี่  อยากให้ถึงวันเสาร์เร็วๆแล้วสิ  ผมจะทำอะไรไปเลี้ยงดีน่า" ชินพัตน์ทำเสียงสดใสตื่นเต้นขึ้นมา ก็ทำให้นพคุณหมดห่วงเรื่องอาการป่วย คงหายดีแล้วจริงๆ 

"จริงสิ ต้นรู้ว่านายป่วย ก็อยากจะกลับมาเยี่ยมนะ แต่ติดสอบ เลยมาไม่ได้"นพคุณนึกขึ้นได้เรื่องของต้นกล้า

"ผมไม่เป็นอะไรแล้วพี่ ไปบอกต้นแบบนั้นก็เลยเป็นห่วงนะสิพี่  งั้นเดียวผมโทรไปหาก็แล้วกันจะได้หมดห่วง"

"อืม อืม แล้วแต่นายเหอะ"

"เออ พูดถึงต้น ผมจะถามพี่ตั้งนานแล้ว  พี่นี้สนิทกับต้นมากกว่าผมอีกนะเนี้ย มีการโทรหากันด้วยใช่มั้ยล่ะ ทั้งๆที่ตอนแรกเจอกันก็เกือบทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าใจผิด แต่ไงกลับมาสนิทกันได้  " ชินพัตน์เอาหัวไหลชนหัวไหลพี่ชายเหมือนแซว

"คิดอะไรกับน้องเขาหรือเปล่าพี่" ชินพัตน์ตั้งใจพูดแซวเล่น

"อืม  คิด"

"เฮ้ย  ไม่ปฎิเสธ สักนิดเลย" ชินพัตน์อึ้งกับคำตอบของพี่ชาย ทั้งที่เขาแค่พูดแซวเล่นเท่านั้น แต่พี่ชายกับตอบด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นทำเอาชินพัตน์ไปไม่เป็นเหมือนกัน

"ก็พี่คิดกับต้นมากกว่าน้องชายจริงๆนะสิ  แล้วจะให้พี่ปฎิเสธอะไร"

"พะ พี่ ชอบน้องต้นจริงๆเหรอเนี้ย"

"อืม" นพคุณผยักหน้าและยิ้มให้น้องชายที่ดูจะอึ้งไปกับเรื่องของเขากับต้นกล้า

"ตะ ตั้งแต่เมื่อไรพี่?"

"อืม  ก็อาจจะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกมั้ง  จากเรื่องที่เข้าใจผิด แต่พอได้รู้จักได้อยู่ใกล้กันมากขึ้นเลยรู้สึกว่า อยากดูแล อยากทำให้มีความสุขนะ  ความรู้สึกมันเกิดขึ้นมาเองนะ  พี่ก็อธิบายไม่ถูกว่ะ" พูดบอกด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กๆที่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้น้องชายตนเองฟัง

"อธิบายไม่ถูกอะไร ดูพี่ทำหน้าสิ  ยิ้มไม่หุบเลยนะเวลาเล่าถึงเรื่องของต้นนะ   ผมก็สงสัยทั้งแต่เดินเที่ยวงานวัดแล้ว  แล้วก็เรื่องที่ผมดันไปพูดแซวว่าเดินเที่ยวงานวัดกับสาวที่ใหนนั้นอีก   อ๊ากกก นี้ผมทำให้ต้นเข้าใจพี่ผิดหรือเปล่าอ่ะ!!!  " ชินพัตน์เริ่มคิดตามเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เขาเองไม่เคยสังเกตุท่าทีของพี่ชายที่มีต่อต้นกล้าเลย แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ ก็รู้สึกว่าตนเองทำเรื่องไม่ดีเข้าให้ซะแล้ว ขยี้หัวตัวเองไปมา  มองดูเป็นเรื่องตลกต่อหน้าพี่ชายอย่างนพคุณ

"ไม่ต้องคิดมากน่า เรื่องนั้นพี่คุยเข้าใจกันแล้วน่า อย่าคิดมาก"

"จริงๆนะพี่ ผมนึกว่าผมจะทำให้พี่ต้องทะเลาะกับต้นซะอีกอ่ะ"

"อืม ก็ต้องใช้เวลาคุยกันนานที่เดี่ยวกว่าจะเข้าใจ"

"พี่ใหญ่ผมขอโทษครับพี่" 

"ไม่ต้องแล้ว เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว  ว่าแต่นายเถอะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจทำไมไม่บอกพี่บ้าง หืม หรือเห็นว่าพี่คนนี้ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยหรือไง  "

"เอ๊ะ  อะ  เปล่านะพี่ ผมไม่ได้มีเรื่องอะไร สักหน่อย พี่ก็คิดมากไป ผมพึ่งพาพี่ตลอด ดูอย่างวันนนี้สิ ยังให้พี่ไปขายของแทนเลย แหะๆๆๆ" ชินพัตน์รีบพูดประจบพี่ชายทันที่ เมื่อวกเข้าเรื่องตนเอง
 
"มีเรื่องอะไร บอกพี่มาที่ทำให้นายไม่สบายใจถึงขนาดล้มป่วยแบบนี้  ชินพัตน์ " นพคุณรีบดันหัวน้องชายที่ทำท่าที่อ้อน จับหัวด้วยมือข้างเดียว เพื่อให้น้องชายหันมามองหน้ากัน ด้วยสายตาที่จริงจัง

"เออ ผม ก็แค่ป่วยเฉยนะพี่ อะ อากาศมันเปลี่ยนไงเลยไม่สบายขึ้นมาเฉยๆนะ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริๆนะพี่"  ชินพัตน์พยายามหลบตาพี่ชายที่จ้องเอาความจริงจากเขาเสียให้ได้

"ให้มันจริงนะเจ้าชิน นายรู้ใช่มั้ย ฉันอยู่กับนายมาตั้งแต่เด็กจนโต ทำไมฉันที่เป็นพี่นายจะไม่รู้ว่า สิ่งที่นายเป็นอยู่ตอนนี้นะเพราะอะไร
เอาเถอะ  อยากจะเล่าเมื่อไร ก็ตามใจนายแล้วกัน  ก็แค่อยากให้รู้ไว้ว่าทั้งพี่ ทั้งป้าและลุงต่างเป็นห่วงนาย รู้แค่นี้ก็พอ"  นพคุณลูบหัวน้องชายอย่างปลอบโยน ถึงจะยังไม่รู้สาเหตุแต่ก็ไม่เป็นไร แค่เห็นว่ากลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิมก็ดีแล้ว

"พี่ใหญ่...." ชินพัตน์กำลังลังเลเรื่องที่เขาเจออยู่ตอนนี้ให้พี่ชายฟังดีหรือเปล่า

"นอนพักเถอะ เดี๋ยวไข้กลับขึ้นมาอีก สบายใจหรืออยากเล่าเมื่อไร พี่ก็พร้อมฟังนายเสมอ อย่าคิดมาก นอนพักซะ"

"ขอบคุณครับพี่" ชินพัตน์ยังไม่อยากที่จะเล่าตอนนี้ ขอเวลาผมอีกหน่อยนะครับ พี่ใหญ่ ขอผมรู้สึกถึงใจตัวเองได้เสียก่อนผมจะบอกพี่คนแรกเลย

"เออ  ลืมบอกไป  ตอนพี่ขับรถกลับ มาตรงทางเข้ามาบ้านเรา เจอลูกค้าประจำนายด้วย เห็นยืนมองโทรศัพท์ แล้วก็มองเหม่อๆ เหมือนกำลังรอใครอยู่ หรือกำลังไปหาใครละมั้ง  แต่พี่ไม่ได้ลงไปคุยด้วยหรอก ขับรถกลับมาที่นี้เลยนะ"

"ละ เหรอครับ" ชินพัตน์ทำสีหน้าแปลกไป จนนพคุณสังเกตุเห็น

"ก็เห็นป้าบอกว่า คุณนนท์แวะมาที่ร้านนี้บ่อยๆไม่ใช่เหรอ  เอ๊ะหรือว่าเขาจะมีธุระแถวนี้หรือเปล่านะ" นพคุณพูดขึ้นมาลอยเหมือน พูดขึ้นเหมือนคิดขึ้นมาได้

"พี่ผมขอตัวนอนก่อนนะ พี่ก็ขับรถกลับร้านดีๆล่ะ" ชินพัตน์รีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาซะเฉยๆ

"อะ เออ เออ นอนเหอะ พี่ก็จะกลับแล้วหล่ะ" นพคุณลอบมองน้องชาย ก่อนที่จะปิดประตูห้องให้

 
คงจะไม่ใช่หรอกมั้ง 

ไอ้คุณลูกค้าประจำนั้นจะทำให้น้องชายเขามีอาการแบบนี้หรอกนะ


                     เช้าวันรุ่งขึ้น ชินพัตน์ก็กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ดูแลหน้าร้าน และเข้าไปดูที่โรงงานด้วย  อาการก็หายเป็นปกติ กับมาคุยจ้อเหมือนเคย จนผู้เป็นแม่หมดห่วง ถึงแม้ยังมีเรื่องให้อดคิดไม่ได้ว่า ใครกันที่ทำให้ลูกชายของตนเอง ละเมอเพ้อเพราะพิษไข้ได้ขนาดนั้น แต่ก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะลูกชายก็คงไม่อยากพูดถึงหรือนึกถึงขึ้นมาอีกก็ได้ เลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องถามให้มากความ  แค่เห็นลูกชายที่รักกับมาสดใสช่างพูดเหมือนเคยก็พอใจมากแล้ว

"แม่ครับ วันจันทร์พวกเราไปดูตึกที่ชินไป ดูไว้กันมั้ยครับ ต้นเดือนหน้าเขาจะให้เปิดจองแล้ว ต้นอยากพาพ่อกับแม่ไปดู ว่าจะเพิ่มเติมตรงใหน พอเราจองเสร็จก็จะได้ลงมือต่อเติมได้ทันทีดีมั้ยครับ"

"วันจันทร์ก็ไปกับพ่อก่อนแล้วกันแม่ต้องดูร้าน แล้วกันเปิดจอง แม่ค่อยไปดีมั้ย"

"ตามนั้นก็ได้ครับแม่"

"เออ แล้ววันจอง ตานนท์จะมาหรือเปล่าตาชิน  "

"เออ ไม่รู้ครับ คงกลับกรุงเทพไปแล้วมั้งครับ"

"งั้นเหรอเสียดายจังน่า ยังไม่ได้เลี้ยวส่งเลย กลับไปเงียบๆแบบนั้นเลยหรอ"

"ไม่รู้สิครับ ผมไปดูที่โรงงานก่อนะครับ" ชินพัตน์รีบผละออกมาผู้เป็นแม่ทันที่ ไม่อยากคุยเรื่องของคนคนนั้น

"เป็นอะไรกันล่ะเนี้ย  ไม่เข้าใจวัยรุ่นสมัยนี้จริงๆ ทะเลาะกันหรือไงน่า?" ผู้เป็นแม่สายหัว เมื่อเห็นท่าทีของลูกชายที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากพูดถึงเพื่อนที่เคยมาเที่ยวเล่นที่บ้านและยิ่งเป็นลูกค้าประจำที่ร้านลูกชิ้นซะด้วย มันยังไงกันนะ


                 ชินพัตน์พยายามลืมและไม่อยากนึกถึง แต่แล้วคนรอบข้างก็พูดถึงคนคนขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อไหรจะหายตัวไปซักที มาวนเวียนอะไรอยู่แถวนี้อยู่อีก ทั้งที่บอกว่าจะไปก็ไปเลยสิ จะมาให้เขาเห็น มาให้คนรู้จักเห็นแบบนี้ ให้ถามหาแบบนี้เพื่ออะไรกัน

ต้องลืมให้ได้

            เช้าวันเสาร์ชินพัตน์กระตื้อรือล้นอยากจะไปหายายที่สวนแต่เช้า เตรียมของสดปทำยำให้พวกแม่ค้าร้านใกล้เคียงที่มีน้ำใจเป็นห่วงใย  และลูกชิ้นขนาดใหม่ของที่โรงงานทำออกมา เพื่อใส่ในก๋วยเตี๋ยวที่เหล่า พ่อค้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเรียกร้องให้ทางโรงงานทำออกมา เพื่อเอาไปใส่ใน ก๋วยเตี๋ยวโดยเฉพาะ วันนี้ชินพัตน์เลยเอาลูกชิ้นลูกเล็กนั้นมาด้วย มาให้พวกลูกค้าเขาได้ลองชิมก่อนใคร  โดยการนึงและทำน้ำจิ้มรสเด็ด พร้อมชิมไว้ให้ลูกค้าที่เข้ามาได้ลอง  ขนาดจะเล็กว่าที่ชินพัตน์นำมาปิ้งขาย  จะได้ลูกค้าเพิ่มก็ดูจากการลุงทุนให้ชิมพี่วันนี้ด้วย  ชินพัตน์ยกยิ้มกับแผนการตลาดของตนเอง เริ่มจะสนุกกับงานที่ทำ เรื่องที่ต้องทำให้คิดมาก ก็จ่างหายไปเอง


"พ่อหนุ่มหายดีแล้วเหรอ"

"หายดีแล้วครับยาย วันนี้ผมมาช่วยยายเก็บผักนะครับ"

"จ้าๆ กินข้าวเช้ามาหรือยัง ขึ้นไปกินก่อนมั้ย มีต้มจืดตำลึงนะจ๊ะ"

"ทานมาแล้วครับ เอาไว้ทานก่อนออกไปตลาดก็แล้วกันครับ "ชินพัตน์พูดยกยิ้มอย่างร่าเริง ก่อนลงมือช่วยยายเก็บผัก


                  มาถึงตลาดตอนบ่ายโมง เช่นเคยมาก่อนเวลา เพราะวันนี้ชินพัตน์ไม่มีผู้ช่วย นพคุณต้องดูร้านเพราะมีปัญหาเรื่องออเดอร์ขาด เลยต้องอยู่จัดการเองทุกอย่าง  ชินพัตน์เลยต้องมาก่อนเวลา ช่วยยายจัร้าน แล้วค่อยมาจัดการจัดร้านของตนเอง และเตรียมของที่ทำมาเพิ่มด้วย นั้น คือยำลูกชิ้น สูตรเด็ดของร้าน จะมาทำให้คนที่ตลาดได้ลองชิมวันนนี้ด้วยฝีมือของเขาเอง แค่คิดแค่ชินพัตน์ก็ตื่นเต้น อยากให้ลุกค้าแม่ค้ามากันเร็วๆ  เขาเลยเร่งมือ จัดร้านเตรียมของต่างๆไว้ให้พร้อม  ห้อมนึงลูกชิ้นลูกเล็กก็พร้อม น้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านก็พร้อม ให้ลุกค้าวันนี้ได้ชิมกัน  เขาเริ่มนำลูกชิ้นขึ้นมาเริ่มปิ้งเพื่อรอลูกค้าที่จะเริ่มเดินเข้าตลาดนัด ประมาณ บ่าย2-3 ก็เริ่มพอจะมีให้เห็น

"อ้าว หายดีแล้วเหรอชิน มาแต่วันเลย" แม้ค้าร้านใกล้เคียงถอยรถเข้ามาเอาของลงที่ล๊อคตนเอง ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

"หายดีแล้วครับพี่ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"

"จ้าๆ พี่ซื้อส้มฝากพี่ชายเราไปเป็นไง หวานพอทานได้มั้ย"

"ขอบคุณมากครับ หวานอมเปรี้ยวอร่อยดีครับ"

"ดีแล้วจ๊ะที่ชอบ หายก็ดีแล้วจะได้มาขายของด้วยกัน"

"ครับ วันนี้ผมทำยำลูกชิ้นเลี้ยงนะครับพี่ เดี๋ยวผมทำไปให้ชิมนะครับ"

"ว๊าว ลาบปากอีกแล้ว จัดมาเลยจ๊า ของฟรีพี่ชอบ อิอิ"

"ฮ่าๆๆๆ ครับครับ"

             ก่อนที่ลูกค้าจะเดิน ชินพัตน์ก็เร่งทำยำลูกชิ้นแจกจ่าย พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ร้านใกล้เคียง และร้านที่มีน้ำใจต่อเขาเป็นห่วงใยเมื่อยามป่วยไข้  เพื่อนพ่อค้าแม่ค้า ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมา ลุกชิ้นก็อร่อยอยู่แล้ว พอเอาไปเพิ่มรสเผ็ดเปรี้ยว ยิ่งเป็นที่ชอบ เอยปากว่าทำไมไม่ทำขายซะพร้อมกันเลย

"ผมจะเปิดร้านที่นี้ครับ แล้วจะทำทั้งยำ ทั้งปิ้ง และอาหารตามทั้งที่วัตถุดิบหลัก คือลูกชิ้นด้วยนะครับ"

"จริงเหรอเปิดตรงใหนล่ะ พี่จะได้ไปอุดหนุน"

"ตึกสร้างใหม่ ตรงหน้าถนนนั้นไงครับ ผมไปดูไว้แล้วครับ เปิดจองต้นเดือนหน้านี้แล้วครับ "

"ดีจังเลย  แล้วที่ตลาดนัดนี้ล่ะจะมาขายเหมือนเดิมมั้ย"

"ยังไม่แน่นอนครับ ดูเรื่องคนกับเรื่องเวลาก่อนนะครับ"

"จ้า แล้วพี่จะไปประเดิมให้เองนะจ๊ะ อิอิ" พี่ๆแม่ค้า ต่างพากันคุยสนุกสนาน ร่วมยินดีที่ชินพัตน์จะมีร้านของตนเอง

              ช่วยบ่ายๆ ลุกค้าเริ่มเดินเข้ามาตลาด จับจ่ายซื้อกับข้าว ซื้อของใช้ และลุกค้าประจำก็เดินตรงมายังร้าน ต่างถามขึ้นมาคำเดียวกันเลย

"หายดีแล้วเเหรอจ๊ะ"

"หายดีแล้วครับ  วันนี้ผมมีลูกชิ้นนึกจาที่ร้านมาให้ลองชิมดูด้วยนะครับ"

"เหรอจ๊ะใหนลอง ซิ" ชินพัตน์ คีบลูกชิ้นในหม้อนึกหลายลูกชิ้นร้อนๆลงในจาน  พร้อมไม้จิ้ม น้ำจิ้มรสเด็ด

"เป็นไงบ้างครับ  "

"อืม อร่อยไปอีกแบบนะจ๊ะ ปกติจะเป็นแบบปิ้ง น้ำจิ้มก็จะเป็นอีกแบบ แต่วันนี้เป็นแบบนึง น้ำจิ้มก็จะรสจัดขึ้นมาหน่อยใช่มั้ย อร่อยมากๆเลยจ๊ะ"

"ขอบคุณครับ พอดีผมจะมาเปิดร้านที่นี้นะครับ เลยอยากจะหาเมนูลูกชิ้นมาเพิ่มนะครับ"

"เหรอจ๊ะ เปิดตรงใหนล่ะ ป้าจะได้ไปอุดหนุน"

"ตรงตึกข้างนั้นไงครับ ที่กำลังเปิดจองนั้นแหละครับผมไปดูไว้แล้วครับ" ชินพัตน์ชี้ไปตรงตึงที่มองจากตลาดก็มองเห็นได้ชัดเจน

"ดีเลย ป้าจะได้ไปนั่งทานที่ร้าน คงมีเมนูลูกชิ้นให้เลือกเยอะใช่มั้ยจ๊ะ"

"ครับ มีให้เลือกเยะมากแน่นอนครับ เปิดขายวันใหนผมจะบอกอีกที่นะครับ ตอนนี้ก็ขายที่ตลาดนัดไปก่อนนะครับ"

"จ้าจ้า  วันนี้ป้าก็สั่ง 10 ไม้เหมือนเดิมจ๊ะ  แล้วแบบนึงนี้ขายมั้ยจ๊ะ ป้าอยากเอากลับไปให้ที่บ้านลองชิมนะ"

"เดี๋ยวผมใส่ถุงให้ครับ ไม่คิดเงินครับ"

"จะดีเหรอจ๊ะ เกรงใจ"

"อร่อยวันหน้าค่อยพากันมาอุดหนุนที่ร้านผมนะครับ"

"ได้เลยจ้า"

"ขอบคุณครับ ทั้งหมด 100 บาทครับ" ชินพตน์ยกยิ้ม พอใจกับการตอบรับเล็กๆของลูกค้าที่ได้ชิมเมนูใหม่ที่เขาเอามาแนะนำวันนี้ 


                    ชินพัตน์เตรียมพร้อมกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่จะเข้ามาไม่ว่าจะเป็น เมนูใหม่ๆ สถานที่ขายใหม่ ลูกค้าไหม่ๆ และความรู้สึกใหม่ที่ไม่มีใครคนนั้นเข้ามาเกี่ยวของอีกต่อไป  เริ่มใหม่ได้แล้ว



หัวใจก็เช่นกัน









                                      ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า!!!  :laugh:


               ติดตามกันต่อนะคะ ว่าความรักของทั้งสองคู่จะเป็นยังไงต่อไป   :z1:


          ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมินนะคะ ติชมเป็นกำลังใจให้มินมินด้วยนะคะ  :กอด1:






ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                     ตอนแถม แบบหวานหวาน


                      บ่ายวันศุกร์นพคุณออกจากร้านของตนเอง เพื่อจะไปรับต้นกล้า ก่อนเวลาเยอะ เพราะเขาตื่นเต้นที่จะได้ไปรับต้นครั้งแรก จอดรถไว้ที่ บขส. แล้วก็เดินเที่ยวเล่นในห้างแถวนั้นฆ่าเวลา รอให้ต้นกล้าโทรมาบอก ไม่กล้าโทรไปถามว่าเลิกเรียนหรือ ถามว่าขึ้นรถกลับมาแล้วหรือยัง ใช้เวลาช่วงบ่ายเดิน ของเล่นไปฝากหลานๆ หนังสือนิทาน และสุดท้านก็ไปจบที่ร้าน กล้วยปิ้งเจ้าประจำของต้นกล้า ซื้อมานั่งกินรออยู่ที่รถ มองดูนาฬิกาคิดว่าน่าจะใกล้เวลาที่ต้นกล้าจะมาถึงแล้ว ก็ยกยิ้มอย่างตื่นเต้น

Rrrrrrr Rrrrrrr

มองโทรศัพท์ ที่เฝ้ารอใครบางคนโทรมาตลอดช่วงบ่าย รีบรับโดนไม่ต้องคิด

"สวัสดีครับไม่ทราบจะเรียนสายกับใครครับ " นพคุณแกล้งทำเสียงรับแบบเป็นทางการ

(เออ สวัสดีครับ นี้ใช้เบอร์โทรศัพท์ของคุณนพคุณหรือเปล่าครับ) ต้นกล้ามองดูเบอร์ในโทรศัพท์ที่ต้นเองบันทึกชื่อไว้ก็ถูกต้องนีหน่า แล้วทำไม่รับสายของเขาแปลกๆแบบนี้ล่ะ

"จะเรียนสายกับคุณนพคุณเหรอครับ " นพคุณยังคงจะแกล้งนปลายสายต่อ

(คะ ครับ)

"บอกคิดถึงพี่ก่อนสิ แล้วจะให้คุย หึหึ"

(พี่!!!!  แกล้งต้นเหรอ ต้นไม่คุยด้วยแล้ว ชิ)

"ขอโทษครับ ต้นอยู่ใหนแล้ว พี่มารอที่ บขส. จนกินกล้วยปิ้งหมดไปหลายถุงแล้วนะ "

(ต้นกำลังจะลงจากรถแล้ว พี่รอตรงใหนเดี๋ยวต้นเดินไปหาเอง)

"ไม่เป็นไรครับ พี่เห็นต้นแล้วเดี๋ยวพี่เดินไปหาเองครับ พี่ว่างสายนะ"

   ต้นกล้ายังไม่ทันก้าวขาลงจากรถ ก็มีมือใหญ่มาจับแขนให้เดินลงจากรถอย่างระวัง เพราะต้นถือถุงของกระเป๋าเสื้อผ้ามา

"พี่?!!! " ต้นกล้ารีบเงยหน้ามองเจ้าของมือที่เดินมาช่วยจับ และช่วยถือของที่มีในมือ

นพคุณส่งยิ้มเล็กๆ ดีใจที่ได้เจอหน้าคนตัวเล็กที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ถ้าไม่ได้อยู้ข้างนอกแบบนี้ อยากจะดึงมากอดให้เต็มรัก แต่ก็ต้องอดทน

"ขอบคุณครับ มารอต้นนานแล้วเหรอครับ"ต้นกล้าทำหน้าตาติ่นเต้นปนสงสัย เพราะคนตรงหน้าบอกว่านั่งกินกล้วยปิ้งหมดไปหลายถุงแล้วจะจริงหรือเปล่า

"ไม่นานครับ พี่พึ่งมาเอง ต้นก็โทรมาพอดีเลยครับ " ยิ้มเอาใจคนตรงหน้า

"เหรอครับ"ต้นไม่อยากจะเชื่อเท่าไร  "ต้นขอไปซื้อกล้วยปิ้งให้ยายก่อนนะครับ" ต้นกล้ากำลังจะเดินไปทางร้านกล้วยปิ้งก็ต้องหยุดเพราะดดนมือนพคุณดึงไว้ก่อน

"พี่ซื้อมาให้แล้วครับ  หรือต้นอยากซื้ออะไรอีกก็ได้นะ พี่จะเดินไปด้วย"

"ไม่ซื้อแล้วครับ กลับบ้านกันเถอะครับ" ต้นกล้ายกยิ้มเมื่อเดินขึ้นมาบนรถ เห็นถุงกล้วยปิ้ง2ชุด และอีกถุงที่ไม่มีกล้วยปิ้งอยู่แล้ว  และข้าวของที่เหมือนจะพึ่งซื้อมาใหม่อยู่ที่เบาะหลัง แสดงว่านพคุณมารอเขานานแล้วจริงๆ

"ยิ้มอะไรครับ หืม" นพคุณเข้ามานั่งประจำคนขับ หันมองตุ๊กตาหน้ารถวันนี้ที่เอาแต่ลอบยิ้ม เลยถามอย่างอารมณ์ดี

"ขอบคุณนะครับที่มารับต้นวันนี้"

"ไม่เป็นไรพี่อยากมารับต้น ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลยครับ"

"งั้นเย็นนี้ทานข้าวเย็นที่บ้านนะครับ เดี๋ยวต้นทำต้มจืดตำลึงให้พี่กิน"

"ครับ"นพคุณลูบแก้มแดงของต้นกล้าอย่างเบามือ และเปลี่ยนมาจับมือต้นกล้าไว้ตลอดเวลาที่ขับรถกลับบ้านสวน


              ถึงบ้านสวน ต้นกล้าก็เอาข้าวของที่ซื้อมาให้ยายดูและกล้วยปิ้งจากนพคุณด้วย ต้นกล้าบอกยายว่าจะทำมื้อเย็นเอง ให้ยายนั่งกินกล้วยปิ้งกับนพคุณรอไปก่อน  ยายและนพคุณคุยกันถึงเรื่องชินพัตน์ที่อาการดีขึ้นแล้ว ยายก็หมดห่วง และถามถึงร้านของนพคุณด้วย นพคุณเลยมีโอกาสได้เล่าให้ยายฟัง ว่าตนเองมีเพื่อนช่วยดูร้านให้ไว้ใจได้ และมีลูกเล็กๆ 2 คนกำลังน่ารัก นพคุณเล่าให้ยายฟังด้วยว่าวันนี้ซื้อของเล่นและหนังสือไปฝากหลานๆที่ร้านของตนเองด้วย คุยกันได้สักพัก นพคุณเลยขอเข้าไปช่วยต้นกล้าทำกับข้าว

"มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย หืม" นพคุณเข้ามานั่งซ้อนหลังคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารตรงหน้า จนไม่ทันสังเกตุว่านพคุณเข้ามาในครัว

"อุ๊ย !!!!  พี่ทำไมเข้ามาเงียบๆแบบนี้ล่ะครับ ต้นถือมีดอยู่ด้วยอันตรายนะครับ" ต้นกล้าตกใจรีบวางมีดที่กำลังสับหมูอยู่ทันที

"ขอโทษครับ ขวัญเอยขวัญมา" นพคุณดึงตัวต้นกล้าเข้ามากอดเหมือนกล่อมเด็กเล็ก

"ปล่อยเลยครับ ต้นจะทำกับข้าว พี่ก็ออกไปอยู่กับยายสิครับ" ต้นกล้ารีบผละออกจากอ้อมกอด หลบซ่อนใบหน้าเขินอาย ก้มหน้าก้มตาสับหมูต่อไป

"แต่พี่อยากช่วยต้นทำกับข้าวนีครับ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย"

"ไม่มีครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว ถ้าพี่อยากช่วย......ช่วยออกไปอยู่เป็นเพื่อนคุยกับยายข้างนอกได้มั้ยครับ "ต้นกล้ายิ้มแล้วพูดรอดไรฟัน เหมือนคำขู่ แต่ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะอยากทำคนเดียวมากว่า พอนพคุณเข้ามาแล้วตนเองเริ่มไม่สมาธิทำอะไรกันพอดี

"ครับ ครับ ทำเสร็จแล้วก็เรียกพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ช่วยยกกับข้าวออกไปข้างนอกให้นะ" นพคุณรู้สึกว่าตนเองคงจะเข้ามาเกะกะเปล่า ออกไปรอข้างนอกดีกว่า แต่ก็ไม่วายที่จะขันอาสาช่วยเรื่องที่พอจะทำได้เอาไว้ก่อนออกไป 

"ครับ ถ้าทำเสร็จแล้วต้นจะเรียกครับ"

 
                  ช่วงหัวคำทั้ง 3 คนนั่งทานมื้อเย็นกันที่ชานบ้าน พูดคุยเรื่องขายของที่ตลาด ร่วมไปถึงเรื่องของชินพัตน์ด้วย พอต้นกล้ารู้ว่าชินพัตน์ดีขึ้นแล้วก็อยากที่จะโทรหาเพื่อยืนยัน  ทานข้าวเสร็จเลยปลีกตัวไปโทรหาชินพัตน์

"สวัสดีครับ"

(ว่าไงต้น ตอนนี้อยู่ใหน กลับมาที่สวนหรือยัง"

"กลับมาแล้วครับ พี่ เออ พี่ใหญ่ไปรับที่ บขส. ครับ"

(อืม ดีแล้วจะได้ไม่ต้องนั่งรถหลายต่อ"

"พี่ชินหายดีแล้วเหรอครับ"

(ครับ พรุ่งนี้พี่ก็ไปขายของได้ปกติแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ)

"ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับพี่ชิน"

(ต้น พี่มีเรื่องจะถามหน่อย?)

"อะไรครับ?"

(พี่ใหญ่ตอนนี้ยังอยู่ที่บ้านสวนใช่มั้ย)

"เอ๊ะ ใช่ครับ ยังอยู่ครับ พี่ชินจะคุยกับพี่เขาเหรอครับ เดี๋ยวต้น..."

(เปล่าๆ พี่ฝากดูแลพี่ชายพี่ด้วยนะต้น พี่ชายพี่เป็นคนดีนะ ฮึฮึๆ แค่นี้แหล่ะ)

"เอ๊ะ อะไร  อะ อ้าว วางสายไปซะแล้วอ่ะ ????" ต้นกล้าไม่เข้าใจกับคำพูดของชินพัตน์เท่าไร หันเดินจะกลับขึ้นบ้านเจอเข้ากับคนตัวโตที่ยืนอยู่เงียบๆที่บันได ไม่รู้ว่ามา ตั้งแต่เมื่อไร

"พี่จะกลับแล้วเหรอครับ" ต้นกล้าถามเห็นนพคุณเดินมาหาตนเองที่โต๊ะหน้าลานบ้าน

"ต้นโทรหาเจ้าชินเหรอ"

"ครับ ดูเหมือนจะหายดีแล้วนะครับ เสียงฟังดูดีขึ้นแล้ว"

"อืม ๆ งั้นพี่กลับก่อนนะ"

"พี่ เออจะกลับแล้วเหรอครับ" ต้นกล้าเรียกนพคุณไว้ เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่ปากเร็วกว่าใจ

"ทำไมครับ ไม่อยากให้พี่กลับหรือไง หืม?" นพคุณเดินเข้ามาใกล้ต้นกล้าที่เริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันที่เรียกคนตรงหน้าไว้แบบนั้น

"เออ เปล่าๆครับ ...... ขับรถกลับดีๆนะครับ" ต้นกล้าออมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง เหมือนเสียดายถ้าคนตรงหน้าจะไม่อยู่ด้วยกันซะแล้ว

"พรุ่งนี้พีจะรีบมาหาแต่เช้านะครับ" เหมือนคนตรงหน้ารู้ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ต้นกล้ารีบเงยหน้ามองคนที่บอกว่าจะรีบมาหา ก็เผลอยิ้มดีใจอย่างลืมตัว รีบผยักหน้ารับอย่างดีใจเหมือนเด็กกำลังได้ของเล่น

"คืนนี้ อดทนรอพี่ก่อนนะครับ พรุ่งนี้พี่จะรีบมาหานะ" ลูบแก้มใสเบาๆ อย่างรักใคร่

 "นอนฝันถึงพี่ด้วยนะครับ พี่ก็จะฝันถึงต้นเหมือนกันนะ" ก้มลงหอมแก้มนิ่มเบาๆ

"พี่กลับก่อนนะครับ" ต้นกล้าได้แต่ผยักหน้ารับอย่างอายๆกับการแสดงออกของคนตรงหน้า

"ขึ้นบ้านได้แล้วครับ" นพคุณ ดันตัวต้นกล้าให้เดินไปทางบันไดเพื่อส่งตัวขึ้นบ้าน

ต้นกล้ารวบรวมกลั้นความเขินอายที่มีอยู่พูดกับคนตรงหน้า
 
"พี่....ฝันดีนะครับ" แล้วต้นกล้าก็วิ่งขึ้นบ้านไปทันที ทั้งที่รู้ว่าต้องมีสายตามองตามส่งตนเองกลับเข้าบ้านแน่นอน เลยยิ่งทำให้เขินไปใหญ่ ทั้งสายตาที่มองมา และคำพูดแสนหอมหวาน ทำให้หัวใจต้นกล้าเต้นแรง เลือดฉูบชีดไปทั่วใบหน้า

      นพคุณมองคนที่วิ่งขึ้นบ้านไปอย่างเอ็นดู กับชินพัตน์เขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ยิ่งน้องคนเล็กที่เป็นเด็กผู้หญิงยิ่งไม่ค่อยสนิทกันเท่านี้ ความรู้สึกที่มีต่อต้นกล้า มันมากว่านั้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรออกไป หรือบอกไปได้ตามที่ใจคิดหรือต้องการ เพราะต้นกล้ายังเด็กเกินไป จะรับรู้ว่ารู้สึกของเขาได้มั้ย ที่คิดกับต้นกล้าเกินว่าคำว่าพี่น้อง หรือคนรู้จัก และตัวเขาเองที่เป็นผู้ชาย ตัวคนเดียวถึงแม้จะมีลุงและป้าคอยเป็นครอบครัว แต่นพคุณยังคงต้องการจะสร้างครอบครัวของตนเอง

รอวันเวลาที่เหมาะสม  จะมาถึง









                               ลูกชิ้นพิเศษเน้นหวานมาแล้วจ้า!!!!    :impress2:

   แวะเอาตอนแถม มาให้อ่านขั้นเวลา ของคุู่ชิน นนท์  พี่ใหญ่กับน้องต้นจะหวานขนาดนี้ หวานเกิ๊น   :o8:


               ถูกใจความหวาน ติชมกันได้นะคะ อิอิ  ฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0




                                                               ตอนที่ 42  เตรียมพร้อม

 

                เช้าวันจันทร์ชินพัตน์กับพ่อเดินทางมาเพื่อดูตึกที่จองไว้ดูความคือหน้าว่า เก็บรายละเอียด เช่นขอบหน้าต่าง ติดกระจกเสร็จเรียบร้อย ทุกชั้นแล้วหรือยัง ผู้เป็นพ่อดูจะพอใจกับทำเลที่ตั้งที่ลูกชานตนเองเป็นคนเลือก ด้านหน้าก็มีที่จอกรถ ด้านหลังก็มีที่จอดรถส่วนตัว ข้นของเข้าทางด้านหลังได้สบาย ไม่รบกวนลูกค้าเวลาที่ของเข้าร้าน  ติดถนนใหญ่ เพื่อไว้ให้กับลูกค้าขาจรที่จะเดินทางผ่านไปมา เห็นแล้วอาจะแวะเข้ามาทานที่ร้าน  ร่วมถึงลูกค้าจากที่ตลาดนัดของลูกชาย ที่ยังไม่เคยได้ลองชิมเมนูอื่น นอกจากลูกชิ้นปิ้ง ได้เข้ามาแวะเวียนเข้ามาซื้อได้สะดวกขึ้น  เป็นที่น่าพอใจ วางแผนไปถึงการตกแต่งร้าน ซื้อของเข้าร้าน ตู้แช่ลูกชิ้น 

"เป็นทำเลที่ดีใช้ได้เลยไอ้ลูกชาย" ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาตบบ่าลูกชาย ที่เดินดูรอบๆบริเวณตึกที่หมายตาไว้แล้ว  ชินพัตน์สะอึกเล็กน้อยจริงๆแล้วเขาเองไม่ได้เป็นคนเลือกตรงนี้แต่ใครบางคนเป็นคนแนะนำเขาให้เลือกตรงนี้ เพราะดูเหมาะในการที่จะเปิดร้าน แต่ก็แค่คิดในใจ

"วันเปิดจองก็ให้แม่เรามาจัดการจองเป็นทางการซะ จะได้ให้ช่างเข้ามาต่อเติม และจะได้ซื้อของเข้าร้านด้วย"

"ครับ" ชินพัตน์ตอบสั้นๆ ในหัวยังไม่วายคิดถึงคำถามของแม่ที่ถามหาใครบางคนที่เคยดูแลการก่อสร้างตึกนี้


                        ส่วนนพคุณตรงไปยังบ้านสวนเพื่อไปช่วยต้นกล้าและยายเก็บผัก และรีบมาตลาดแทนน้องชายที่ไปดูตึก และกลับไปส่งผู้เป็นพ่อก่อนแล้วค่อยกลับมาขายลูกชิ้นทีตลาด นพคุณเลยต้องมาเตรียมร้านรอน้องชายที่ตลาด และช่วยต้นกล้าและยาย จัดเตรียมร้านไปด้วย ลุกค้าเริ่มเดินตลาดหนาตา  ชินพัตน์ก็มาถึงตลาดทันช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะพอดี  ลูกค้าเข้ามาถามหาลูกชิ้นลูกเล็กที่ชินพัตน์เอามาเมื่อวันเสาร์ และก็ยำลูกชิ้น ที่มีแต่คนติดใจ ความอร่อยเลยถามหากันยกใหญ่

"ไว้รอทานที่ร้านนะครับ ผมกำลังจะเปิดร้าน อดใจรอไม่นานครับ วันนี้ทานลูกชิ้นปิ้งไปก่อนนะครับ ฮ่าๆ" ชินพัตน์ตอบคำถามและนำเสนอร้านใหม่ไปในตัว

"จ้าๆ เปิดแล้วพี่จะไปอุดหนุนนะจ๊ะ" ลูกค้าได้ของและรับรู้ว่าร้านลูกชิ้นปิ้งจะเปิดเป็นร้านก็แพร่กระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว ปากต่อปาก ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไร ลูกค้าก็ต่างรู้เกือบทุกคนแล้วว่า ชินพัตน์จะเปิดร้านใหม่และมีเมนูใหม่ๆให้ได้ลองชิมอีกมากมาย

"วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะเจ้าน้องชาย"นพคุณเข้ามาแซวน้องชายที่ขายของหน้าตาร่าเริง สดใส พูดคุยกับลูกค้าอย่างสนุกสนานเลยอดที่จะตื่นเต้นตามไปด้วยไได้ที่น้องชายจะมีร้านของต้นเองซะที่

"ก็พ่อนะสิบอกว่าตึกที่ผมดูเอาไว้ทำเลดี นะก็เลยปลื้ม ฮ่าๆๆๆ"

"ภูมิใจว่างั้นเหอะ"

"ก็ประมาณนั้น ฮ่าๆๆ"

"ดีแล้ว พี่เห็นนายกลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วก็สบายใจ"

"อะไรพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"

"เออ เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปขายของ ลูกค้ามาแล้ว" เล่นหัวหยอกล้อกันไปมา ระหว่างพี่น้อง แต่เมื่อเห็นลูกค้าเข้าร้าน ก็เข้าหมวดพ่อค้าทันที

         ตลอดช่วงเย็นก็ขายลูกชิ้นปิ้งไปด้วยโฆษณาบอกลูกค้าประจำลูกค้าหน้าใหม่ ไปด้วยว่าจะมาเปิดร้านใหม่ตรงตึก ชี้ให้ลูกค้ามองดูและหาเจอไม่อยาก ลูกค้าก็รับรู้ แม่ค้าร้านใกล้ๆก็ต่างพากันมาพูดคุยเรื่องร้านที่จะเปิดใหม่ของชินพัตน์ด้วยเช่นกัน

"จะเปิดจองต้นเดือน ก็อีกไม่กีวันนี้แล้วนะ" แม้ค้าร้านใกล้เดินเข้ามาชวนคุย

"ครับ ผมได้ดูไว้ก่อนหน้านั้นแล้วครับ "

"เหรอ พี่ยังไม่มีเงินพอจะจองเลย ต้องขายที่ตลาดนัดแบบนี้ไปก่อน ขอเก็บเงินอีกสักพัก"

"ครับ ค่อยๆขายค่อยๆเก็บเงินไป เดี๋ยวพี่ต้องมีร้านได้สักวันแน่นอนครับ"ชินพัตน์ให้กำลังใจเพื่อนร่วมขายของด้วยกัน

 "จ้าๆ พี่ก็พยายามเก็บเงินอยู่ จะได้ไม่ต้องเร่ไปมาหลายๆที่แบบนี้" พี่เขาต้องขายของหลายที่ ที่ใหนมีตลาดนัดก็ไปขายแถบจะไม่มีวันได้หยุด ก็เพื่อจะเก็บเงินสักก้อนเพื่อมีที่ทางเพื่อจะเปิดร้านเป็นของตนเองเหมือนกัน


                ลูกชิ้นขายหมดก่อนผักของยาย ทุกคนเลยไปนั่งช่วยกันขายที่ร้านผักของยาย ส่วนยายก็นั่งพัก ต้นกล้าเรียกลูกค้า นพคุณใส่ถุง ชินพัตน์พูดคุยกับลูกค้าที่เดินผ่านไปมา ร่วมทั้งลูกค้าของตนเองที่ผิดหวังกลับไปเพราะลุกชิ้นขายหมดแล้ว  ผักของยายก็ขายหมดใช้เวลาไม่นาน ทุกคนก็ช่วยกันเก็บร้าน เตรียมตัวกลับบ้านกัน แล้วต้นกล้าก็ถามขึ้น

"พี่ชิน ทำไมวันนี้ไม่เห็นคุณนนท์เลย แล้ววันอื่นเขามาซื้อหรือเปล่า "ต้นกล้าหันไปหาทั้งชินพัตน์และนพคุณ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ

"ไม่รู้สิ เก็บร้านกันเถอะ" ชินพัตน์ตอบแบบไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตาเก็บร้าน ต้นกล้าเลยไม่กล้าถามต่อ หันมองไปทางนพคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ

"เอาไว้ค่อยคุยกัน" นพคุณก้มมากระซิบบอกกับต้นกล้า ก็ผยักหน้ารับรู้ และช่วยกันเก็บของขึ้นรถ

                ยายนั่งมากับชินพัตน์พูดคุยเรื่องร้านใหม่ให้ยายได้ฟัง ยายก็บอกว่าจะให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรก็บอกไม่ต้องเกรองใจ ชินพัตน์ก็พูดเรื่อง ทำบุญเปิดร้าน อาจจะต้องรบกวนยายเรื่องอาหาร ยายก็รับปากจะช่วยเหลือเต็มที พูดคุยเรื่องจองตึกตอนต้นเดือนด้วย

"ดีเลยนะพ่อหนุ่ม มีที่ทาง มีร้านเป็นหลักแหล่ง จะได้ลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอีกเยอะเลย"

"ครับผมก็คิดแบบนั้น อยากเห็นร้านเปิดเร็วๆจังเลยครับ"ชินพัตน์ขับรถไปก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นกับร้านใหม่ของตนเอง

"มีเรื่องอะไรที่ยายช่วยได้ก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ครับผม "

                ภายในรถของนพคุณต้นกล้าเข้ามานั่งบนรถ ก็ถามคำถามที่ข้องใจทันที่ เพราะสงสัยท่าทีของทั้ง ชินพัตน์และ คุณลูกค้าเจ้าประจำ ที่เหมือนจะหายหน้าไป ร่วมทั้งนพคุณที่เหมือนจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถึงเวลาที่จะพูด

"พี่เรื่องคุณนนท์ กับพี่ชิน มีอะไรเหรอครับ"

"อืม พี่ก็ไม่แน่ใจ สองคนนั้นอาจจะทะเลาะกันมั้งนะ เพราะพี่ไม่เห็นหน้าคุณลูกค้าประจำเจ้าชินโผล่หน้ามาตั้งแต่ วันจันทร์เท่าที่รู้นะน่ะ"

"เหรอครับ แต่ต้นก็เห็นพี่เขาก็สนิทกันดีไม่ใช่เหรอครับ เห็นเดินไปเที่ยวงานวัดด้วยกันแบบนั้น" ต้นกล้านึกย้อนกลับเมื่อครั้งที่เดินเที่ยวงานวัดด้วยกัน

"อืม พี่ก็ไม่แน่ใจนะว่าสองคนนั้นสนิทกันมากน้อยขนาดใหนนะ "

"แต่เมื่อกี้ที่ต้นถามถึงคุณนนท์ พี่ชินก็เอาแต่เงียบเลยอ่ะ เป็นเพราะต้นถามเรื่องอะไรที่ไม่ควรถามหรือเปล่าอ่ะพี่?" ต้นกล้าเริ่มกังวลใจ กลัวว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุให้ ชินพัตน์ไม่ร่างเริงเหมือนตอนขายของ

"ไม่ต้องคิดมากน่า เจ้าชินมันก็ปกติดี เรานะคิดมากไปแล้ว"

"จริงๆนะ" ต้นกล้าถามย้ำ เพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่


                     นพคุณเริ่มคิดตามที่ต้นกล้าพูดขึ้น บวกกับเรื่องที่เขาสงสัยและเป็นห่วงน้องชายมาตลอดว่า คิดมากและเหม่อลอยเพราะอะไร  หรือจะเป็นเรื่องที่ ต้นกล้าสงสัย น้องชายของเขากับลูกค้าประจำ นั้นมีเรื่องผิดใจอะไรกันหรือเปล่า เพราะหลังจากนั้น ลูกค้าประจำของน้องชายก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย  ส่วนน้องชายของเขาก็เอาแต่เหม่อลอย  จะมาดีก็ไม่กีวันนี้เอง  พอโดนถามถึงบุคคลที่ไม่อยากนึกถึง เขาก็พอสังเกตุสีหน้าน้องชายที่ เรียบเฉยนิ่งลงไปได้  แต่ก็พยายามทำตัวให้ร่าเริงกับมาเช่นเดิม เพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตุเห็น  คงต้องรอดูต่อไปสินะ




                 วันจันทร์ต้นเดือน ชินพัตน์และแม่ก็มาจับจองตึกเป็นชื่อของตนเอง และพร้อมที่จะดำเนินการ ต่อเติมร้านเพิ่ม เรียกช่างเข้ามาดูเพื่อจะทำการต่อเติมทำที่สำหรับ เป็นส่วนของการปรุ่งอาหาร อ่างล้างจาน ล้างผักสด สำหรับทำยำ  และไปเลือกซื้อโต๊ะนั่งของลูกค้า เข้ามาที่ร้าน คงจะพร้อมกับเวลาที่ช่างต่อเติมเสร็จ ก็จะหาฤกษ์ยามเปิดร้านด้วย

"แม่ วันเปิดร้าน ชินจะให้ยายมาช่วยทำอาหารถวายพระนะครับ "

"จริงสิ แม่ยังไม่เคยเจอยายเลย ใหนๆก็มาแล้วพาแม่ไปเจอยายหน่อยสิ"

"ได้ครับ"

                ชินพัตน์พาแม่ไปหายายที่สวน ก่อนที่นพคุณจะพายายออกไปขายของที่ตลาด  ทั้งแม่และยายได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ คุยเรื่องลูกชายที่มารบกวนตลอด ส่วนยายก็บอกว่า ทางยายต่างหากที่รบกวนมาตั้งแต่แรก มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจกัน

"เห็นเจ้าต้นจะให้ คุณยายไปช่วยทำกับข้าวถวายพระวันเปิดร้านเหรอจ๊ะ ลำบากหรือเปล่า"

"ไม่หรอกจ๊ะ ยายยินดีช่วยเหลือกันแค่นี้เอง พ่อหนุ่มช่วยยายมาตั้งเยอะแล้ว อย่าเกรงใจไปเลยนะ"

"จ๊ะ ถ้าได้ฤกษ์เปิดเมื่อไหร จะให้ตาชินมาบอกนะจ๊ะ"

"จ้า"

"แล้วใหญ่มาช่วยที่นี้ประจำเลยเหรอ เอ๊ะหรือว่ามาติดสาวชาวสวนแถวนี้ หืม" ผู้เป็นป้าหันไปถามแซวหลานชายที่นั่งจัดเรียงผักอย่างคล่องแคลวเหมือนคนอยู่สวนมานาน

"อะ เออ เปล่านะครับ ผมก็มาช่วยยายแทนเจ้าชินที่พาป้าไปจองตึกไงครับ"

"จ้าๆ แหม ป้าไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย  หึหึ" หันไปคุยกับยายต่อ "แล้วจะออกไปขายผักกี่โมงจะเนี้ย"

"ประมาณบ่ายๆจ๊ะ อยู่กินข้าวเที่ยงกันก่อนสิจ๊ะ"ยายตอบและชวนทั้งหมดกินข้าวด้วยกัน

"ดีเลยครับ แม่จะได้ลองชิมฝีมือยาย อร่อยมากเลยนะครับ"

"จ้าๆ "

        ช่วงเที่ยงทั้ง 4 ก็ได้ทานข้าวฝีมือยาย ต่างก็ชมไม่หยุดปาก และก็ถามถึงต้นกล้าด้วย ยายก็เล่าเรื่องหลานชายให้กับแม่ของชินพัตน์ฟังอย่างภูมิใจ ใจทำให้ผู้เป็นแม่อยากเจอตัวต้นกล้าขึ้นมา ว่าเด็กหนุ่มที่ตั้งใจเรียน คอยช่วยเหลือลูกชายของตนเองมาตลอดหน้าตาจะเป็นอย่างไร 

"ไว้คราวหน้าจ๊ะแวะมาเยี่ยมใหม่นะจ๊ะ" แม่ของชินพัตน์บอกลายาย

"จ้า ไว้จะทำขนมไว้รอนะจะ"

         และทั้งคู้ก็ต่างแยกย้ายกัน ชินพัตน์ต้องขับรถไปส่งแม่ที่ร้านก่อนกลับมาช่วยขายลูกชิ้นที่ตลาก ส่วนยายและนพคุณก็นำหน้าไปที่ตลาดก่อนเพื่อจักเตรียมร้าน ที่ไม่มีผู้ช่วยเลยต้องไปก่อนเวลามากหน่อย

        นพคุณดีใจที่ผู้เป็นป้าอยากเจอต้นกล้า เช่นเดียวกับเข้าที่อยากจะให้ผู้เป็นป้าได้รับรู้และรู้จักคนที่เขาคิดว่าอยากจะดูแล เมื่อนึกถึงก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะต้นกล้าเป็นเด็กดี ป้าของเขาต้องชอบและเอ็ดดูต้นกล้าเหมือนที่เขารู้สึก 

อยากให้มาเจอกันเร็วๆจังเลยน่า......








                         

     ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆกลับมาขายแล้วจ้า!!!!!  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


  ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ  :mew2:  ที่มินมินหายเงียบไปไม่มีเวลามาลงตอนใหม่ให้อ่าน


 ช่วงนี้งานยุ่งมากจริงๆค่ะ (อ้าวไม่ได้ขายลูกชิ้นเหรอจ๊ะ)

มินมินพยายามจะมาลงให้อ่านอย่างต่อเนื่องนะคะ   :katai4:


 ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังติดตามอ่านนิยายของมินมินอยู่นะคะ   :กอด1:  :pig4:





ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                    ตอนที่ 43  วันเวลาที่ผ่านไป



                     ช่างที่เขามาทำการต่อเติม ก็ทำงานได้เสร็จตามกำหนดเวลาที่ พ่อแม่ของชินพัตน์หาฤกษ์เปิดร้านให้กับลูกชาย เครื่องครัว อุปการจำเป็นที่ต้องใช้ภายในร้าน ชินพันต์กับนพคุณ ใช้วันที่ไม่ได้มาขายลูกชิ้น ไปซื้อและขนเข้าร้าน ตู้แช่ขนาดใหญ่ ของที่บ้านมีอยู่แล้วหลายตู้ แบ่งมาให้ทางร้านของชินพัตน์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต   ส่วนแม่ครัวก็ยืมตัวจากที่ร้านของผู้เป็นแม่ และผู้ช่วยมา 2-3 คน และเปิดรับสมัครผู้ช่วยที่เป็นคนในพื้นที่เพิ่มอีกด้วย จะได้สอนงานไปในตัว เมื่อทำเป็นแล้ว ก็จะคืนตัวแม่ครัวหลักของร้านใหญ่ กลับไป ตกลงกันตามนี้ ด้วยข้อเสนอของผู้เป็นแม่ ชินพัตน์จึงติดป้ายรับสมัครไว้ที่หน้าร้านลูกชิ้นปิ้งของตนเองที่ตลาดนัดด้วย

"ใกล้จะเปิดร้านแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ติดประกาศหาผู้ช่วยแม่ครัวแบบนี้" ลูกค้าและแม่ค้าร้านใกล้เคียงถามเป็นคำถามเดียวกัน

"ครับ อยากให้เข้ามาลองฝึกดูก่อนนะครับ เพราะที่ร้านมีหลากหลายเมนูนะครับ เลยต้องการคนช่วยเยอะนะครับ"

"จ้า จ้า เดี๋ยวป้าจะช่วยบอกต่อให้นะจ๊ะ " ลุกค้าที่เข้ามาซื้อลูกชิ้นรับปากว่าจะช่วย

"ขอบคุณครับ วันเปิดอย่าลืมมาทำบุญเลี้ยงพระด้วยกันนะครับ"

"ได้จ๊ะ ป้าไม่ลืมหรอก"

            วันศุกร์นี้แล้วที่ชินพัตน์จะทำบุญร้านใหม่ และก็เปิดเป็นทางการ ความตื่นเต้นมีมากจน ทุกคนพากันตื่นเต้นตามไปด้วย ตึกคูหาที่ติดๆกันก็เริ่มมีคนเข้ามาดู เข้ามาจองบางแล้ว เห็นแม่ค้าบางคนบอกว่าจะเปิดเป็นร้านขายของชำ ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟสดติดแอร์ และอีกหลายๆเจ้าที่เข้ามาจับจ้องแต่ก็ยัง ช้าไปถ้าเทียบกับร้านของชินพัตน์ที่จะเปิดอีกไม่กี่วันแล้ว  ชินพัตน์มองดูผู้คนที่เดินอยู่ภายในตลาดนัดแล้ว ส่วนหนึ่งในนี้คงจะได้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเขาที่ร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ แค่คิดก็เริ่มสนุกแล้ว

"ยิ้มอะไร อยู่คนเดียวไอ้เจ้าน้องชาย " นพคุณที่แวะเอาโต๊ะมาลงที่ร้านใหม่ให้ชินพัตน์เป็นชุดสุดท้าย แวะมาหาน้องชายที่ร้านในตลาดนัด

"อ้าวพี่ ขนโต๊ะมาเองเลยเหรอ"

"อืม ก็เห็นนายมาขายคนเดียวเลยอาสาป้าจะมาดู ความเรียบร้อยที่ตึกให้นะ "

"เป็นไงพี่ เห็นแล้วพอใช้ได้มั้ย ร้านใหม่ของผม" ชินพัตน์พูดอวดอย่างภูมิใจ

"อืม พี่ว่าใช้ได้เลยนะ ที่จอดรถให้ลูกค้าก็กว้าง ติดถนนใหญ่ด้วย  อ้อ พี่ขึ้นไปดูชั้นบนมาหมดแล้ว นายจะอยู่ชั้นใหน "

"อืม ยังไม่แน่ใจอ่ะ"

"อย่าบอกนะว่านายยังจะขับรถไปกลับอีกนะ"

"เฮ้ย เปล่าผมแค่ยังไม่ได้เตรียมตัวเรื่องที่นอนของตัวเองเลย คิดแค่ว่าของที่จัดในร้านจนลืมคิดเลยอ่ะ ถ้าพี่ไม่ถัก" ชินพัตน์เกาคอแก้เก้อเพราะตนเองยังไม่ได้คิดเรื่องส่วนตัวเลย คิดแต่เรื่องหน้าร้านอย่างเดียว

"ป้าก็ฝากให้มาถามนี้แหละ พี่เลยต้องขึ้นไปดูว่านายจะนอนชั้นใหน"

"คงชั้นบนสุดละมั้งพี่ เพราะชั้นล่างๆก็ให้พวกป้าพร กับเด็กในร้านนอนกันนะ ส่วนอีกชั้นผมคงจะเอาไว้เป็นห้องทำงานมั้งนะ"  ชินพัตน์เป็นคนนอนง่าย ที่ใหนก็หลับได้หมด เลยเลือกที่จะนอนที่ชั้นบนสุด  ชั้น3 คงทำเป็นห้องทำงาน และชั้น 2 มีห้องเยอะก็ให้พวกป้าที่จะมาช่วยที่ร้านพักกับพวกเด็กใหม่ที่จะเข้ามา

"แล้วนายจะขนของมาวันใหน วันนี้ก็วันจันทร์แล้ว พรุ่งนี้เลยใหม เดี๋ยวพี่ช่วยขนของมาให้ก็ได้"

"ไม่เป็นไร พี่มาช่วยผมยังไม่ได้หยุดเลย แวะกลับไปที่ร้านให้ลูกน้องเห็นหน้าบางเถอะ ฮ่าๆๆๆ"

"เออๆ ตามใจแล้วกัน งั้นพี่กลับก่อนแล้วกันนะ"

"ขอบคุณครับ "

                      ที่ตลาดนัดวันจันทร์ลูกค้าก็เยอะเช่นเคย ทั้งสองร้านขายหมดเร็ว ชินพัตน์เลยพายายไปดูที่ร้านใหม่ของตนเอง ยายก็ดีใจด้วย และชมว่าจัดร้านได้น่าอยู่ จะต้องมีลูกค้าเข้าร้านเยอะแน่นอน ชินพัตน์เลยพูดเรื่องเวลาเปิดร้าน ยายเองก็จะได้เตรียมตัวเรื่องอาหาร ที่จะทำมาถวายพระ และจะเป็นธุระเรื่องนิมนต์พระให้ เพราะวัดอยู่ใกล้นี้เอง ชินพัตน์เลยโทรไปบอกแม่ให้รับทราบเรื่องพระด้วย แล้วก็ไปส่งยายที่บ้านสวน ถึงบ้านก็คุยเรื่องรายการอาหารที่จะให้ยายช่วยทำ และข้าวของที่ยายต้องการใช้ในวันงานด้วย


"ผมกลับมาแล้วครับ"

"ยายจะไปนิมนต์พระให้เหรอตาชิน"

"ครับแม่ พร่งนี้ผมจะไปรับยายแล้วก็ไปที่วัดกันครับ"

"แล้วเรื่องข้าวของเครื่องใช้ของเราละ จะขนไปพรุ่งนี้เลยเหรอ" ผู้เป็นแม่รู้สึกเหมือนลูกชายกำลังจะไปเผชิญกับโลกภายนอกก็คราวนี้ เพราะลูกชายดูจะตั้งใจกับร้านใหม่ของตัวเองจริง

"ครับ ขนของใช้ไปบางส่วนนะครับ ว่างๆแล้วค่อยมาขนไปเพิ่มอีกครับ"

"แม่ว่าถ้าจะไม่ว่างแล้วนะสิ หลังจากเปิดร้าน แม่ว่ามันจะยิ่งยุ่งๆจนไม่มีเวลากลับบ้านนะ"

"อืม งั้นก็ต้องขนไปที่จำเป็นจริงๆนะครับ"

"เออ แล้วตานนท์จะมาวันทำบุญเปิดร้านของเราหรือเปล่าตาชิน" ทำให้ชินพัตน์ถึงกับตัวชา หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง

"ไม่รู้สิครับ ไม่ได้ติดต่อกันแล้วนี้ครับ ผมขอขึ้นไปเก็บของก่อนนะครับ" ชินพัตน์รีบตัดบทก่อนที่ผู้เป็นแม่จะถามอะไรขึ้นมาอีก

"..................."ผู้เป็นแม่มองอย่างสงสัยท่าที่ของลูกชาย แค่ถามถึงเพื่อนแค่นั้นทำไมต้องดูหงุดหงิดขนาดนั้นด้วยนะ แล้วก็เดินหนีขึ้นชั้นบนไปซะเฉยๆ


             ชินพัตน์ทิ้งตัวนอนแผ่หรากลางที่นอน เหม่อมองเพดานห้อง อย่างครุ่นคิด ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อของคนที่เขาพยายามจะลืม นานมากแล้วที่เขาไม่จมอยู่กับคิดที่วนเวียนถึงคนคนนั้น แต่วันนี้กลับต้องมาได้ยินชื่อจากปากผู้เป็นแม่ ทำให้ตนเองตอบคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจจนผู้เป็นแม่สงสัยหรือเปล่านะ เพราะแม่ก็แค่ถามถึงเพื่อนที่เคยมาบ้านคนหนึ่งเท่านั้น

ก็แค่ลูกค้าที่ชอบกินลูกชิ้น คนหนึ่งเท่านั้น

 "คุณจะเป็นใคร ก็ไม่สำคัญกับผมอีกต่อไปแล้วล่ะ" ชินพัตน์พูดขึ้นเหมือนเตือนตัวเอง และลุกขึ้นมาจัดของที่จำเป็นที่เขาต้องใช้ใส่ลัง ใส่กล่องพลาสติก เท่าที่จำเป็น ส่วนที่นอน หมอน ผ้าห่ม คงหาซื้อใหม่เอาแถวๆนั้น ดีกว่าขนไปขนมา

.
.
.
.
.
                 
                           เช้าวันทำบุญเปิดร้านของชินพัตน์ ผ่านพิธีทางศาสนา พระสวดมนต์ให้พร พรมน้ำมนต์ เจิมประตูหน้าร้านเพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมหน้าพร้อมตา ไปด้วยพ่อแม่ พี่ใหญ่ และยาย ร่วมไปถึงเพื่อนบ้านที่ร้านใหญ่ก็มาช่วยงาน มาแสดงความยินดีกับชินพนัตน์ด้วย และเหล่าลูกค้าเจ้าประจำก็มากันไม่ขาดสาย มีทั้งช่อดอกไม้แสดงความยินดี  พ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ยังเจียดเวลาเตรียมของไปขาย แวะมาให้กำลังใจแต่ก็อยู่พูดคุยด้วยได้ไม่นาน ก็ต้องรีบกลับไปขายของต่อ  ทุกคนติดใจเมนูที่ทำเลี้ยงของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น ยำลูกชิ้นรสเด็ด ผัดกระเพราลูกชิ้น เมนูต่างๆที่วัตถุดิบหลักเป็นลูกชิ้นทำเองของที่ร้านแต่ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายก็คือ ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆแสนอร่อย กินงาน ขายคล่องลูกค้ามาสั่งไม่ถึง 5 นาทีก็ได้กลับไปทานที่บ้าน หรือซื้อเป็นของฝาก ซื้อเป็นกิโลก็มีเยอะ เมื่อได้ลองชิมจากหลายๆเมนู ภายในร้านวันนี้  ติดใจก็ซื้อกับบ้านกันเยอะ

                   
"ทานอาหารด้วยกันก่อนนะครับอย่าพึงรีบกลับ" ชินพัตน์ที่คุ้นเคยกับลูกค้าที่มาร่วมงาน เชื้อเชิญให้ทานมือเช้าด้วยกันก่อน เพราะอยากให้อยู่ลองชิมอาหารของทางร้านด้วย ให้ได้ลองชิมเพื่อเรียกลูกค้าไปในตัว

"ได้จ้า ไม่ขัดศรัทธา ฮ่าๆๆๆ" แม่ค้าและลูกค้าหลายๆคนต่างพากันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี   

"ตามสบายนะครับ "


"ลูกค้าจากที่ตลาดมาเยอะเลยนะเจ้าลูกชาย"

"ครับ ก็บอกต่อกันก็เลยมาช่วยงานกันเยอะแบบนี้แหละครับ" ชินพัตน์ยิ้มอย่างภูมิใจที่เหล่าลุกค้ามาร่วมยินดีกับร้านใหม่ของเขา

"ดีแล้ว พ่อเห็นแบบนี้ก็หายห่วง มีลูกค้าประจำไว้ก็ดี จะได้เรียกลูกค้าใหม่ๆเข้ามาได้อีกทาง"

"ครับพ่อ"

"สองพ่อลูกไปทานข้าวได้แล้ว ยายรอนานแล้ว ไปไป" ผู้เป็นแม่เดินมาตามพ่อลูกที่ยืนคุยกันอยู่หน้าร้าน มองเข้าไปด้านในร้าน ยายและนพคุณนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานอีกหลายคน


                 วันทำบุญเปิดร้าน เป็นที่พูดคุยให้คนรอบข้างได้รับลูกว่ามีร้านมาเปิดใหม่ เป็นร้านลูกชิ้น รสชาติอร่อยเป็นที่การรันตรีจากปากลูกค้าหลายๆ คนที่ได้ซื้อกินติดใจจนเป็นลูกค้าประจำ ต้องแวะเวียนมาซื้อทุกครั้งที่มีตลาดนัด จนวันนี้มีร้านเปิดเพื่อตอบรับความนิยมจากลูกค้ามากมาย และรอลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้มาลองชิมลูกชิ้นปิ้งแสนอร่อย และอีกหลายเมนู ที่รอต้อนรับอยู่ที่ร้าน
.
.
.
.
.
.
.
         
         

"แกนั้นไงร้านลูกชิ้นปิ้งเปิดใหม่ เขาบอกว่าอร่อยอ่ะ แวะไปซื้อกันเหอะ"


"ยำลูกชิ้นร้านตรงตึกใหม่อร่อยมากเลยเคยไปลองชิมแล้ว ถ้าผ่านไปแถวนั้นซื้อมาฝากด้วยนะ"


"ลูกชิ้นปิ้งของเขาอร่อยดี ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านดีกว่า"


"ที่ร้านเขามีเมนูตามสั่งด้วยนะ มีลูกชิ้นเป็นส่วนประกอบหลัก  วันนั้นฉันไปกินกระเพราลุกชิ้นอร่อยมาเลยนะ ว่างเดี๋ยวจะพาไปกิน"


"ต้มจืดตำลึงใส่ลูกชิ้น  อร่อยมากเลยอะแก เมนูใหม่ฉันพึ่งไปลองมา"


"วันนี้ชั้นสั่ง ลูกชิ้น 10 กิโลจะเอากลับไปฝากที่บ้านต่างจังหวัด กำลังจะแวะไปที่ร้าน แกจะสั่งอะไรก็สั่งมา ฉันอยากไปเห็นหน้าเจ้าของร้านจะแย่แล้ว"!!!!!!!!!!             


"พ่อค้าลูกชิ้นก็หล่ออ่ะ ขาวๆตี๋ๆ ลูกชิ้นก็อร่อย อย่างนี้จะมาอุดหนุนทุกวันเลยอิอิ"



คุณเจ้าของร้านเนื้อหอม



หรือหอมกลิ่นลูกชิ้นปิ้งกันแน่นะ?







             อ่านต่อกันไปอีกตอนนะคะ  แก้ตัวที่หายไปนานหลายวัน    :mew3:


         

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                            ตอนที่ 44  คุณเจ้าของร้านเนื้อหอม?


 
                ตั้งแต่เปิดร้านใหม่มาได้ 1 เดือนแล้ว ชินพัตน์ก็ยังคงขายทั้งที่ตลาดนัดเช่นเคย แต่ลูกค้าไม่เยอะเหมือนเคย เพราะลูกค้าไปกองกันอยู่ที่ร้านเปิดใหม่ของเขา และวันไหนที่เขามาขายของเองที่ตลาด เหล่าลูกค้าสาวๆที่เป็นลูกค้าหน้าใหม่จากที่ร้าน ต่างรุ่มแห่กันมาซื้อที่ตลาดนัด เมื่อรู้ว่าเขาลงมาขายเอง เพราะบางวันก็ให้เด็กในร้านที่เข้ามาใหม่ไปขายบาง ชินพัตน์ไปขายบาง สลับไป แต่ตอนนี้ ที่ร้านทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางเขาเองเลย มาขายของที่ตลาดนัดเองวันนี้

"เมื้อกี้แวะไปหาที่ร้านไม่อยู่ ก้อยเลยแวะมาหาที่นี้"

"เออ ครับ วันนี้รับอะไรดีครับ มีแต่ลูกชิ้นปิ้งนะครับ ถ้าเป็นพวกยำคงต้องไปสั่งที่ร้านนะครับ" ชินพัตน์จำลูกค้าสาวหน้าขาวแต่งหน้าจัดคนนี้ได้ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเปิดร้านมา ก็จะมีกลุ่มของลูกค้าจากร้านเสริมสวยที่อยู่ในตึกเดียวกันแต่ อยู่คูหาถัดห่างออกไป แวะเวียนมาที่ร้านตลอด วันนี้ก็เช่นกันตามมาถึงตลาดนัดเลย

"เอาลูกชิ้นปิ้งก็ได้จ๊ะ ก้อยมาซื้อทุกวันแบบนี้ ไม่แถมเบอร์โทรพี่ชินให้ก้อยมั้งเหรอจ๊ะ" สาวปากแดงพูดอ้อนอย่างสนิทสนม

"รับกี่ไม้ดีครับ"

"พี่ชินปิ้งให้ก้อยเท่าไร ก้อยก็เหมาหมดเลยจ๊ะ อิอิ  " สาวหุ่นเจ้าเนื้อเดินเข้ามาใกล้เจ้าของร้านเพื่อสื่อให้รู้ว่ายอมทุ่มเพื่อจะได้พูดคุยกับชินพัตน์ใกล้ๆ

"งั้นผม ปิ้งไห้ 10 ไม้ก่อนนะครับ ถ้าอยากได้เพิ่ม ก็บอกแล้วกันนะครับ" ชินพัตน์ทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อถูกลุกไล่ขนาดนี้  สาวปากแดงก็ยังชวนคุยไม่หยุด จนบางที่ทำให้ลูกค้าประจำบางคนรำคาญก็มี

"นี้หนูได้ลูกชิ้นแล้วก็หลบๆไปสิจ๊ะ คนอื่นเขาจะได้เข้ามาซื้อบาง" คุณป้าลูกค้าเจ้าประจำของชินพัตน์เดินจากร้านผักของยายเดินมาเบียดสาวปากแดง ก่อนจะเดินมาสั่งลูกชิ้นบ้าง

"อะไรของป้าเนี้ย"

"นั้นสิอะไรของเธอ มายืนเกะกะหน้าร้าน คนเขาจะขายของ ไปไป ได้ของแล้วก็ไปสิ"

"แต่ฉันยังคุยกับพี่ชินอยู่นะ"

"พ่อค้านะเขาอยากจะขายของ แต่เพราะเธอมั่วแต่ชวนเขาคุย เขาก็ไม่ได้ขายของกันพอดี รู้ไว้ซะด้วย" ชินพัตน์เห็นด้วยกับคำพูดของป้าแต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถพูดบอกไปตรงๆได้ เพราะยังไงก็ลูกค้า

"ชิไปก็ได้" หันไปแวดใส่ป้าแต่กับให้มายิ้มเอาใจชินพัตน์ "พี่ชินไว้ก้อยจะมาหาใหม่นะจ๊ะ" แล้วก็หันไปมองค้อนป้าอีกทีก่อนเดินพาร่างอวบออกไปจากหน้าร้าน

"เด็กสมัยนี้ จริงๆเลย"ป้าส่ายหัวไปมา เป็นลูกเป็นหลานไม่ได้นะ จะตีให้ก้นลาย

"ขอโทษครับ" ชินพัตน์รู้ว่าทำให้ลูกค้าต้องมาเถียงกันเพราะเขา

"จะขอโทษป้าทำไม ป้าก็แค่ไม่ชอบใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

"ก็เพราะผมเลยต้องมาพูดกันเสียงดังแบบนี้"

"ป้าเห็นแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนซื้อผัก พูดไม่หยุดเลยตั้งแต่เข้าร้านมา ไม่ไหวจริงๆ"มองหน้าพ่อค้าแล้วก็เห็นใจ

"ยังไงก็อย่าพึ่งเบื่อแล้วเลิกขายไปเพราะพวกเด็กสาวๆพวกนี้ล่ะ เดี๋ยวป้าไม่มีลูกชิ้นอร่อยๆกิน ฮ่าๆๆ" ป้าพูดติดตลกเพื่อให้ชินพัตน์หายเครียด

"ครับผมไม่เบื่อหรอกครับลูกค้ามีหลากหลายประเภทแบบนี้ก็ต้องรับมือให้ได้ครับ " ยิ้มการค้าพูดขึ้นบนใบหน้าชินพัตน์อีกครั้ง


                   เย็นวันพุธ เก็บร้านที่ตลาดเร็วแวะเข้ามาดูที่ตึก ลูกค้าที่มานั่งทาน และรอซื้อลูกชิ้นก็ยังพอมีอยู่พอสมควร เขาพอใจมากกับการเปิดร้านใหม่ครั้งนี้ เขาต้องดูแลเอง รับผิดชอบเองทุกอย่าง วางแผนว่าต้องทำยังไงถึงจะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้  จนบางครั้งเขาต้องลงมือทำเมนูอาหารบางอย่างเอง ตามที่ลูกค้าเรียกร้อง  อาจจะเหนื่อยในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดแล้ว  ทั้งเด็กที่มาช่วยงานในร้านแม่ครัวที่รับเข้ามาเพื่อเรียนรู้เมนูต่างๆจาก ป้าพรที่เป็นแม่ครัวหลักจากร้านผู้เป็นแม่ ทุกคนต่างขยันขันแข็ง  เป็นกำลังให้เขาได้อย่างดี

,
.
.
.
.
.


"เป็นไงเจ้าน้องชาย ได้ข่าวเนื้อหอมใหญ่แล้ว สาวๆเข้าร้านเยอะเลยสิ"

"อ้าวพี่ใหญ่มาได้ไงนี้  "ไม่ได้สนใจทำทักทายของผู้เป็นพี่เลย

"พี่แวะมาหานายก่อน แล้วค่อยไปรับต้นนะ"

"อ้อใช่วันนี้วันศุกร์นี่น่า ไม่ได้ดูวันเลย ฮ่าๆๆ" ชินพัตน์หันไปมองดูปฏิทินตั้งโต๊ะ เขาตั้งใจทำงานทุกวัน จนมองข้ามเรื่องเล็กๆไป

"ขายของจนลืมวันลืมคืนเลยหรือไง"

"แหะๆ" ชินพัตน์เกาท้ายทอยแก้เก้อ

"จริงสิ บอกให้เด็กๆไปยกถุงลูกชิ้นหลังรถด้วยนะ ป้าบอกว่านายสั่งเพิ่มไปอีกแล้วเหรอ ขายดีมากๆเลยนะหึหึหึ " นพคุณก็ภูมิใจในตัวน้องชาย ที่สามารถทำร้านของตนเองได้ดีขนาดที่สั่งลูกชิ้นเพิ่ม โรงงานผลิตแถบไม่ทัน

"อ้าวพี่เอาลูกชิ้นมาให้ด้วยเหรอ ผมนึกว่าแม่จะให้คนที่ร้านมาส่งให้ตอนเย็นๆซะอีก"

"ไหนๆพี่ก็มาเลย ติดมาให้ด้วยนะ"

"ขอบคุณครับ"

"เกรงใจอะไรกัน ดูนายเหนื่อยๆนะพักบางก็ได้"

"พี่ช่วยถอยรถไปหลังงานให้ที่นะครับ ผมจะยกเข้าทางหลังงาน ในร้านยังมีลูกค้าอยู่เลย"

"ได้สิ"

            นพคุณเห็นชินพัตน์ขนถุงลูกชิ้นจากตู้แช่เอง เพราะว่าเด็กในร้านมีแต่เด็กผู้หญิง ให้ช่วยจัดเข้าตู้แช่เท่านั้น นอกนั้นชินพัตน์เป็นคนยกลงและคนเข้าหลังร้านเองทั้งหมด นพคุณคิดว่า น้องชายคงเหนื่อยเพราะต้องทำอะไรเองหลายๆอย่างแบบนี้ เลยดูเหนื่อยๆ

"พี่ว่า นายน่าจะรับเด็กผู้ชายไว้สักคนนะ ไว้ช่วยยกของถือของ ขนของเข้าร้าน ช่วยงานทั่วๆไป นายจะได้ไม่ต้องมาทำเองแบบนี้"
หลังจากขนลูกชิ้นหลาย 100 กิโลเข้าร้านที่เหลือก็ให้เด็กๆเอาเข้าตู้แช่  โดยมีพี่ชายช่วยขนลูกชิ้นด้วยวันนี้เลยเสร็จเร็ว เมื่อชินพัตน์เข้ามานั่งพัก นพคุณก็พูดขึ้นทันที คิดว่าถ้าเขาไม่ช่วยขน ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง

"ผมทำเองได้พี่ แค่นี้เอง ลำบากต้องไปหาคนมาเพิ่มอีก" ชินพัตน์ที่นั่งเช็ดเหงื่อพูดขึ้นเสียงเรียบ

"งั้นก็ไม่ต้องหา เดี๋ยวพี่เอาเด็กที่ร้านพี่มาอยู่ที่นี้เอง"

"พี่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ให้เด็กเขาห่างบ้านมาแบบนั้น "

"แต่มันเป็นงาน"

"โอเค งั้นเดี๋ยวผมติดประกาศหาเด็ก แถวนี้เอง พอใจยัง เฮ้อ" ชินพัตน์รู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงตนเอง แต่ก็ไม่อยากขัดใจเลยตอบตกลงแบบเสียไม่ได้

"ดีมากเจ้าน้องชาย  เฮ้ย!!! เย็นมากขนาดนี้แล้วเหรอ งั้นพี่ไปรับต้นก่อนนะ" นพคุณพอใจที่น้องชายทำตาม แต่พอมองดูนาฬิกาก็ต้องตกใจ เพราะใกล้เวลาที่ต้นกล้าจะมาถึง บขส.แล้ว

"ครับ ครับ" ชินพัตน์มองตามหลังพี่ชายที่ดูร้อนร้น เมื่อพูดถึงต้นกล้าที่ไรต้องมีอาการแบบนี้ทุกที  พี่ชายของเขาคงจะชอบต้นกล้ามากจริงๆสินะ  แต่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตของทั้งคู่จะเป็นยังไง เขาเองก็ได้แต่เป็นกำลังใจอยู่ห่างๆแบบนี้ต่อไป

                 หลังจากปิดประกาศทั้งที่ร้านใหม่ และร้านที่ตลาด ก็มีคนเข้ามาสมัครเยอะจนชินพัตน์เลือกไม่ถูก เลยต้องเรียกพี่ชายมาช่วยคัดคนให้ เพราะตัวชินพัตน์ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องการดูคน เลือกใช้คนเท่าไร ร่วมไปถึงคนที่มารอสมัครแต่ละคน เด็กวัยรุ่นก็มี  มีครอบครัวแล้วก็มี  บางคนก็ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ  จนไม่กล้าตัดสินใจ  วันนี้เขาเลยนัดให้ทั้งพี่ชายและคนที่มาสมัครงาน มาเจอเพื่อได้ลองพูดคุย เกี่ยวกับงาน และเลือกว่าคนไหนพอที่จะไว้ใจให้ทำงานได้บาง

"พี่ผมฝากด้วยนะ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยถนัด อย่างครั้งที่แล้ว เด็กผู้หญิงที่มาช่วยใหม่ก็ยังต้องให้ป้าพรดูๆให้เลย  แหะๆๆ"

"อืมแล้วนายนัด คนที่เขามาสมัครกี่โมงล่ะ " นพคุณที่มาหาน้องชายแต่เช้าถามขึ้น

"10 โมงพี่ ลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร"

"ขึ้นไปคุยที่ห้องทำงานนายแล้วกันนะ"

"ได้ครับ"

              ตลอดช่วงสาย เหล่าคนที่มาสมัครก็ทยอยเข้ามาที่ร้าน ชินพัตน์ก็ได้ให้ขึ้นไปคุณกับนพคุณชั้นบน เพื่อไม่ให้รบกวนลูกค้าหน้าร้าน เด็กที่มาสวนใหญ่ก็จะมี แม่ค้าในตลาดแนะนำมาบาง เด็กวัยรุ่นที่เคยมาซื้อลูกชิ้นที่ร้านก็มี  ประมาณ 7-8 คน ได้คุยส่วนใหญ่แล้ว มีข้อเรียกร้องเยอะจน นพคุณต้องบอกปัดกลายๆ ว่าจะติดต่อกลับไปที่หลัง
             จนถึงช่วงบ่าย นพคุณก็ได้คุยกับทุกคนครบ และบอกทุกคนไปเหมือนกันว่าจะติดต่อกลับไป  พอทุกคนกลับไปนพคุณก็ลงมาพูดคุยกับน้องชายตนเอง ไม่คิดว่าจะหาคนมาช่วยจะหายากขนาดนี้

"เป็นไงพี่ พอได้ไหม"

"ไม่ไหวนะ พี่ว่า แต่ละคน"

"ผมว่าเด็กวัยรุ่นตัวโตๆ คนนั้นก็น่าจะทำงานแข็งขันดีนะพี่"

"คนนั้น พี่ตัดออกคนแรกเลย"

"ทำไมล่ะ"

"พี่ถามว่า ได้เงินเดือนแล้วจะเอาไปทำอะไร รู้ไหมเจ้าเด็กนั้นมันตอบ บอกว่าอยากเอาไปเลี้ยงสาวที่ป้ออยู่ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ๆ ประมาณนี้ เด็กที่ไม่รู้ค่าของเงิน เจองานหนักเข้าหน่อยพี่ว่า ทำได้ไม่กี่วันก็เลิก"

"อืม อืม"ชินพัตน์ฟังเหตุผลของพี่ชายแล้วก็คิดตาม พยักหน้าอย่างเข้าใจ

"เออแล้วคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเอาลูกกับแฟนมาด้วยล่ะพี่ เห็นเขาบอกว่าเคยทำงานร้านอาหารมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ" ชินพัตน์พอจะจำวันแรกที่ได้พูดคุยได้ว่าแต่ละคนทำอะไรมาบาง

"คนนี้ เรื่องเยอะมาก บอกว่าถ้ารับเข้าทำงาน ต้องเอาแฟนกับลูกมาขออยู่ที่นี้ด้วย หมัดมือชกเกินไป พี่เลยขอผ่าน"

"อ้อ อย่างนี้เอง"

"แล้วคนอื่นๆ"

"ก็ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักคน พอพี่ถามถึงงานเก่า บางคนก็บอกนะ แต่ไม่บอกว่าออกมาเพราะอะไร แค่เท่านี้ก็ไม่น่าไว้ใจแล้ว"

"อืม อืม" ชินพัตน์ทึ้งในตัวพี่ชาย นี้คงเรียกว่าประสบการณ์ในการใช้ชีวิตสิ่งนะ ที่พอจะมองคนออก

"แล้วไม่มีใครพอที่จะไว้ใจได้เลยเหรอพี่" ยังไม่ทันได้คำตอบจากพี่ชาย
...
.
.
.
.


"ขอโทษครับ ยังรับคนงานอยู่ไหมครับ?"!!!!!!!!!!!!!!









 


              มาลุ้นกันนะคะว่าใคร? อิอิ  :hao7:

   ขอบคุณทุกคนนะคะที่แวะเข้ามาอ่านนิยายของมินมิน  :pig4:

          โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ    :a5:


   มินมิน ขอไปปั่นตอนต่อไปก่อนนะคะ   :katai4: :katai4:










 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด