เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!  (อ่าน 68975 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ขอให้ยายปลอดภัยนะ
เพราะทุกคนจะได้มีกำลังใจต่อไป
โดยเฉพาะหลานชายอย่างต้นกล้า

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


                                               
                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 66



Rrrrrrr Rrrrrr

“สวัสดีครับพ่อ”ชินพัตน์รับโทรศัพท์ขณะนั่งกินมื้อเย็นในตลาดนัดข้างโรงพยาบาล

(“เจ้าชิน เจ้าใหญ่อยู่ไหน แล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นไหนบอกพ่อสิ”)

“เรื่องอะไรครับพ่อ พี่ใหญ่เออ…อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

(“ใครเป็นอะไร ทำไหมต้องไปอยู่กันที่โรงพยาบาล”)

“ขอโทษครับพ่อ ผมยังไม่ได้โทรไปบอกเรื่องยายเลย พอดีแกเป็นลมแล้วล้มได้รับบาดเจ็บ ผมส่งตัวยายมานอนที่โรงพยาบาลครับ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ “

(“เรื่องเกินขึ้นนานหรือยัง ทำไมถึงไม่รีบบอกพ่อกับแม่นะ “)ผู้เป็นพ่อต่อว่าเสียงเข้ม

“ขอโทษครับ พอดีวุ่นๆหลายเรื่อง ทั้งเรื่องพายายมาโรงพยาบาล เรื่องที่ร้าน แล้วก็เรื่องต้นกล้า หลานของยายด้วยนะครับ ผมเลยลืมโทรไปบอกพ่อกับแม่ครับ”

(“พรุ่งนี้เตรียมขอแก้ตัวไว้ให้แม่ของลูกด้วย พ่อกับแม่จะไปเยี่ยมยายพรุ่งนี้ พวกเราต้องมีเรื่องคุยกันหลายเรื่อง บอกเจ้าใหญ่ด้วยนะ พ่อมีเรื่องคุยด้วยเหมือนกัน”) ผู้เป็นพ่อสั่งเสียงเรียบก่อนวางสายไป

“เฮ้อ!!!”ชินพัตน์ มองโทรศัพท์แล้วถอนใจหนัก ไม่คิดว่าพ่อจะโกรธเขามากขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับผิดเพราะเขาเองก็ลืมโทรไปบอกเรื่องสำคัญแบบนี้ก็ผู้เป็นพ่อและแม่

“คุณพ่อโทรมาเหรอครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หืม?”นนทนัฐเห็นสีหน้าคนรักไม่ดีตั้งแต่รับโทรศัพท์

“พ่อผมโมโหใหญ่เลย เรื่องที่ผมไม่รีบบอกเรื่องยายล้มเข้าโรงพยาบาล แล้วยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมยาย ให้ผมกับพี่ใหญ่เตรียมตัวเตรียมใจไว้ ผมต้องโดนพ่อแม่ดุแน่ๆเลย “ชินพัตน์นั่งเท้าแขนกับโต๊ะกุมขมับ เริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“ผมว่าคงไม่มีอะไรหรอก ท่านคงเป็นห่วงยายมาก เลยทำเป็นดุใส่คุณไปแบบนั้นเพราะคุณไม่รีบโทรบอกท่านแค่นั้นเอง อย่าคิดมากเลยครับ นะ”นนทนัฐดึงมือที่กุมขมับของอีกฝ่ายมาลูบไปมาเพื่อปลอบ

“…….”ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้า เขาก็คงได้แต่เตรียมใจ เตรียมคำพูดไว้เท่านั้นเอง

“ขึ้นห้องไปดูคุณยายกันเถอะครับ ไปดูต้นด้วยไม่รู้เลิกร้องไห้หรือยัง”

“นั้นสิ ผมยังอดห่วงไม่ได้เลยเรื่องต้น”

“พวกเราค่อยๆคิดกันไปที่ละเรื่องเถอะนะ”

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป มีเรื่องทำให้ต้องคิดมากมายเลย


      ภายในห้องผู้ป่วย ยายยังคงนอนนิ่งมีสายน้ำเกลือ ห้อยระโยงอยู่ข้างๆเตียง นพคุณเดินเข้าไปดูยายใกล้ๆอีกครั้ง และห่มผ้าให้ยาย และหันไปดูหลานชายของยายที่ ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เผลอหลับไปจากความเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้ การเดินทางกลับมาจากมหาวิทยาลัย แล้วต้องมาเจอเรื่องหนักๆเขาแบบนี้ เป็นใครก็ต้องอ่อนหล้าทังกายและใจ

“ตื่นแล้วเหรอ หิวหรือเปล่า?”นพคุณเข้าไปนั่งและประคองคนที่ ยังสะลึมสะลือมองซ้ายมองขวาหาอะไรบ้างอย่าง

“ยายละครับ ยายตื่นขึ้นมาหรือยัง”ต้นกล้าไม่สนใจคนที่เป็นห่วง รีบเดินไปดูยายที่ยังคงนอนหลับอยู่เหมือนเดิม

“ร่างกายของยายคงต้องการพักผ่อนเยอะๆ ให้ยายได้นอนพักไปก่อน ต้นเองก็น่าจะเป็นห่วงตัวเองบ้างนะ ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ พี่ซื้อของกินมาให้แล้ว “

“ต้นไม่หิวครับ ต้นกินอะไรไม่ลง ฮึก ต้นเป็นห่วงยาย ฮึก เป็นเพราะต้นไม่ดูแลยายให้ดี ฮือๆ เพราะต้นเอง ฮึก” ต้นกล้าเริ่มเพ้อเฝ้าโทษตัวเองอีกครั้ง เมืองมองไปยังผู้เป็นยายที่นอนนิ่ง

“ไม่เอานะ ไม่ร้องครับ ยายคงไม่ชอบให้ต้นมานั่งร้องไห้แล้วโทษตัวเองแบบนี้แน่ๆ มันเป็นอุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่าโทษตัวเองเลยนะต้น เชื่อพี่เถอะนะครับ อย่าร้องไห้เลย ทั้งยายแล้วก็พี่ด้วยไม่อยากเห็นต้นร้องไห้แบบนี้เลย “นพคุณเดินมาโอบกอดต้นกล้าไว้ ให้ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาซบลงบนอก ลูบแผ่นหลังที่กลั้นสะอื้นหนักๆ ไปมาอย่างปลอบประโลม ขอร้องอ้อนวอนเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาบนใบหน้าที่เคยสดใสต้องหมองหมน

“ต้นจะทำยังไงดี ต้นต้องทำยังไงครับ บอกต้นหน่อย ต้นทำตัวไม่ถูกแล้ว ฮือๆๆๆ” ต้นกล้า เงยหน้าขึ้นถามคนที่คอยปลอบ ในหัวคิดวนไปมา ทั้งห่วงยาย ทั้งเรื่องเรียน

“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะต้น ให้ยายได้นอนพักเยอะๆ”

“แต่ต้นอยากอยู่ใกล้ๆยาย ยายตื่นขึ้นมาจะได้เห็นต้นคนแรก”

“งั้นไปนั่งคุยกันดีๆที่โต๊ะโน่นก่อนนะครับ พี่มีเรื่องจะบอกต้น”

“ก็ได้ครับ” ต้นกล้าเห็นสีหนาจริงจังของอีกฝ่าย เลยไม่กล้าปฏิเสธ เดินตามไปอย่างว่าง่าย

“ต้น ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ พี่จะดูแลยายแทนต้นเอง ต้นตั้งใจเรียนตั้งใจไปฝึกงานเถอะนะ”

“แต่ว่า ….”ต้นกล้าลังเล มองหน้านพคุณและมองไปยังเตียงนอนของยายไปมาอย่างสับสน

“ไม่มีแต่ หลังจากนี้พี่จะดูแลทั้งต้นและยายเอง ให้พี่ดูแลเรากับยายได้ไหมครับ?”

“ต้นไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว แล้วต้นก็ไม่อยากรบกวนพวกพี่ๆ ไปมากกว่านี้แล้ว ต้นเกรงใจพวกพี่ๆดีกับยายและก็ต้นมาตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน จนวันนี้ถ้าไม่มีพวกพี่ๆ ยายก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ฮึก บ้าง ฮือ ต้นไม่กล้าจะรบกวนพี่ไปมากกว่านี้แล้วครับ ฮือๆ” ต้นกล้าคิดย้อยกลับไปเมื่อได้รู้จักทั้ง ชินพัตน์ นพคุณ ทั้งคุณลุงคุณป้า รวมไปทั้ง นนทนัฐ ทุกคนต่างดีกับตนเองและก็ยายมาตลอด และวันนี้ยังช่วยเหลือยายให้ปลอดภัยถึงมือหมอได้ทันเวลาไม่เกิดการสูญเสีย คิดแล้วก็รู้สึกเกรงใจเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะดูแลยายแทนให้แบบนี้อีก

“ไม่เลย สิ่งที่มีอยากจะทำให้ยายและก็ต้น มันไม่ใช่สิ่งที่รบกวน แต่เป็นสิ่งที่พี่เต็มใจอยากจะทำ อยากที่จะดูแลต้นกับยายอย่างจริงใจ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ต้นคิดว่าเป็นเรื่องรบกวนด้วย”

“คือต้น ฮึก ต้นไม่รู้จะตอบแทนพวกพี่ด้วยอะไรถึงจะเพียงพอกับน้ำใจที่พวกพี่หยิบยืนให้ต้นกับยายแบบนี้ ฮึก ต้นจะต้องทำยังไงครับ “

“ต้นแค่กลับไปตั้งใจเรียน ต้องใจฝึกงานแล้วก็เรียนให้จบ ทำให้ยายได้ภูมิใจในตัวต้น พวกพี่ๆก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว แล้วพี่เองก็จะดีใจมากด้วย ถ้าต้นกลับบ้านมาพร้อมกับใบปริญญา ทดแทนส่วนของพี่ที่มีไม่มีโอกาสได้เรียน “

“แต่พี่ก็กลับไปเรียนได้นี้ครับ” ต้นกล้าสงสัย เช็ดน้ำตามแล้วหันกลับมาถามอย่างข้องใจ

“จำไม่ได้เหรอ พี่เคยบอกต้นไปแล้วไง มีมันหัวทึบเรียนไม่เก่ง ถ้าได้กลับไปเรียนคงได้ซ้ำชั้น เรียนไม่จบเป็นปู่เฝ้ามหาลัยแน่ๆ” นพคุณรีบอธิบายติดตลก เพื่ออยากให้ต้นกล้ากลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“อ้อ ต้นจำได้แล้ว “ต้นกล้าเริ่มยกยิ้มมุมปากจำเรื่องราวที่เคยพูดคุยเรื่องเรียน แล้วก็รู้สึกนึกขำตามที่นพคุณพูดว่าต้องเรียนซ้ำไปตนแก่

“ยิ้มได้แล้ว ไม่ร้องไห้อีกแล้วนะ สัญญากับพี่สิ ว่าต้นจะไม่ร้องไห้อีก” นพคุณยิ้มเล็กๆพุดขึ้นบนใบหน้า เอือมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือบนใบหน้าของต้นกล้าอย่างแผ่วเบา พร้อมร้องขอคำสัญญา

“……………”ต้นกล้ามองตาคนที่ก้มมองลงมาเพื่อขอสัญญา ในใจของต้นกล้าคิดเพียงแต่อยากจะฝากคนสำคัญอย่างผู้เป็นยายให้คนตรงหน้าดูแลแทน คงไม่ผิดเพราะเขารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆคนคนนี้ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข คนนี้จะค่อยอยู่ข้างกันเสมอ

“ว่าไงครับ สิ่งที่พี่อยากได้แทนสิ่งตอบแทนมีเพียงแค่นี้จริง แค่อยากให้ต้นยิ้มอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องใด แค่นั้นจริง สัญญากับพี่ได้หรือเปล่า หลังจากนี้จะไม่ร้องไห้ ต้นต้องยิ้มสู้กับทุกๆเรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ แล้วต้นจะผ่านมันไปได้เชื่อพี่สิ” นพคุณลูบหัวต้นกล้าแผ่วเบารอฟังคำตอบ

“ครับ ต้นจะไม่รู้ไห้อีก ต้นจะยิ้มให้ยาย ต้อนจะยิ้มให้พี่ ต้นจะยิ้มให้กับทุกๆปัญหาที่ต้นเจอ ขอเพียงมีพี่อยู่กับต้นด้วยต้นก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วครับ” ต้นกล้าตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม และกอดนพคุณเป็นคำยืนยัน

    นพคุณยิ้มดีใจที่เห็นว่าคนตัวเล็กว่าจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น และยอมรับในตัวเขามากขึ้นด้วย เรื่องทุกอย่างกำลังจะเป็นไปในทางที่ดี รอเพียงยายตื่นขึ้นมา ได้พูดคุยพร้อมหน้าพร้อมตากัน ต้นกล้าคงจะยิ้มได้มากขึ้น ไม่กังวลใจอีกต่อไป


ก๊อก ก๊อก 

นนทนัฐที่เกินมาที่ห้องที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปภายใน มองเห็นผ่านช่องกระจอก ที่หน้าประตู เห็นนพคุณและต้นกล้าโอบกอดปลอบซึ่งกันและกัน ทำให้รู้ได้ทันที่ว่าต้นกล้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เลยลองเคาะประตูเพื่อเป็นการเบิกทางให้คนทั้งคู่ได้รู้ตัว ชินพัตน์ที่แวะซื้อของก็พึ่งเดินตามมาที่หลังก็ไม่เข้าใจคนรัก ทำไมต้องเคาะประตู แต่ก็ไม่ได้ถามไปตรงๆ

“กลับมากันแล้วเหรอ” นพคุณเป็นคนเปิดประตูให้ น้องชายและนนทนัฐเดินเข้าห้อง

“ต้นพี่ซื้อ โก้โกอุ่นๆมาให้ดื่มรองท้องด้วยนะ ต้นยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม” ชินพัตน์ประคองถ้วยโก้โกร้อน ถ้วยใหญ่ไปนั่งใกล้ต้นกล้าที่มีสีหน้าแจ่มใสขึ้นกว่าเมื่อตอนเย็นแล้ว

“ขอบคุณครับพี่ชิน ต้นกำลังหิวพอดีเลยครับ” ต้นกล้ายกมือไหว้แล้วรับแก้วมาดมความหอมของโกโก้ร้อน เรียกน้ำย่อยในกระเพราได้อย่างดี พอรู้สึกสบายใจท้องก็เริ่มประท้วง

“งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปซื้ออะไรมาให้กินนะ” นพคุณรีบรับอาสา

“ไม่ต้องเลยพี่ ดูนี้ผมซื้อมาเพียบไม่ต้องเดินลงไปอีกหรอก” ชินพัตน์ดึงถุงกล่องอาหารออกจากมือนนทนัฐแล้วชูให้พี่ชายดู

“งั้นก็ส่งมาสิ พี่จะได้ใส่จานให้ “นพคุณรีบเดินมารับ

“พี่ เดี๋ยวต้นทำเอง “ต้นกล้ากุลีกุจอรับถุงกล่องอาหารแล้วรีบไปจัดใส่จานทั้งของตนเองและของนพคุณ ที่หน้าเคาเตอร์เล็กๆภายในห้องคนป่วยพิเศษ

“เกิดอะไรขึ้นพี่ ต้นดูไม่เศร้าแล้วด้วยอ่ะ” ชินพัตน์กระซิบาถามพี่ชาย

“พี่บอกว่า จะดูแลยายแทนให้ แล้วให้ต้นตั้งใจเรียนตั้งใจไปฝึกงานก็แค่นั้น ไม่มีอะไรมาก ฝีมือชั้นไหนแล้วดูซะก่อนนี้ใคร ฮ่าๆๆ” นพคุณรีบคุยเกทับน้องชายทันที

“แหมๆ ได้ที่แล้วอวดใหญ่เลยนะพี่ ดูแลให้ได้ตลอดรอดฝั่งนะพี่ ถ้าผมเห็นต้นร้องไห้อีก ผมเอาเรื่องพี่ก่อนเลยคนแรก”

“เออๆ รู้แล้วน่า ครั้งนี้พี่จริงจังนะไม่ได้ล้อเล่น”

“ก็ใช่นะสิ ผมก็จริงจังไม่ล้อเล่นเหมือนกัน”ชินพัตน์ขู่พี่ชายตนเองกลับบ้าง

“เออ พี่พรุ่งนี้ พ่อกับแม่จะมาเยี่ยมยายที่นี้ด้วยนะ”

“คุณลุงคุณป้าจะมาเหรอ?”

“แล้วพี่จะตกใจทำไม ผมนี้สิต้องตกใจ โดนโมโหใส่ด้วยเรื่องที่ไม่รีบโทรไปบอกเรื่องยาย เออแล้วพอบอกให้พี่อยู่รอคุยด้วยนะพรุ่งนี้อ่ะ”

“อืม พี่รู้แล้ว” นนพคุณตอบน้องสายเสียงเรียบ เพราะรู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าทั้งลุงและป้าจะคุยเรื่องอะไรกับตนเอง

“ไม่รู้ว่าอยู่ๆดีๆพ่อก็โทรมาหาทำไม ยังไม่ได้ถามก็เอาแต่โมโห โกรธจนวางสายไปเลย เลยไม่รู้เรื่องกันพอดี” ชินพัตน์นึกขึ้นมาได้ ก็ได้แต่บ่นสายหัวไม่มาอย่างงงๆ
 
       
              ต้นกล้าขอตัวไปอาบน้ำหลังจากทานข้าวมื้อเย็นพร้อมกับนพคุณเสร็จ  ชินพัตน์กับนนทนัฐ เลยต่างพากันขอตัวกลับไปดูร้าน และนพคุณรับอาสาอยู่เป็นเพื่อนต้นกล้า นอนเฝ้าไข้ยายด้วยกันคืนนี้  นพคุณดูรอบๆห้องเพื่อจะจัดที่ทางว่าพวกเขาจะนอนกันตรงไหนบ้าง คงจะเป็นที่โซฟาตัวใหญ่ และตัวเข้าเองคงต้องเสียสละลงไปนอนที่พื้น 

Rrrrr Rrrrr Rrrrrr

นพคุณที่กำลังจัดเตรียมที่นอนให้ต้นกล้าและตนเอง กลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ที่ไหน สักที่แต่ก็หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน  พยายามเอียงหูฟังเสียงและแรงสั่นของเครื่อง ทำให้รู้ว่ามาจากในกระเป๋าของต้นกล้า เลยพยายามค้นออกมาดูก่อนที่เสียงเรียกจะเงียบไป

“ใครโทรมาเอาปานนี้” นพคุณมองดูชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ โทรศัพท์รุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ของต้นกล้า ปรากฏชื่อ คือ หมอน  เห็นชื่อแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นใครกันโทรมาในเวลาแบบนี้ เลยเผลอกดรับสายเพื่อฟังเสียง

(“เฮ้ยต้น ทำไมรีบกลับจังเลยวันนี้  เราอุตสาจะบอกเรื่องที่ฝึกงานทางนั้นเขาตอบรับมาแล้วนะ ฮัลโล ต้นฟังอยู่ป่ะเนี้ย“) หมอน เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันแล้วเป็นคนชวนให้ต้นกล้าไปฝึกงานด้วยกันด้วย

“ฟังอยู่ พูดต่อสิ” นพคุณอยากรู้เรื่องที่ฝึกงานของต้นกล้าเลยแกล้งทำเป็นไอ เพื่อเพื่อนของต้นกล้าจะได้ไม่จับผิดเรื่องเสียง

(“พี่เราเขาเอาเอกสารของนายไปยืนทางบริษัทให้แล้ว แล้วก็ตอบกลับมาแล้วว่ารับนานเข้าฝึกงานเพิ่มด้วยอีกคนหนึ่ง  แล้วก็ให้ไปรายงานตัวต้นเดือนหน้าพร้อมๆกันเลยไง”)

“อ้อ ขอบใจมาก”

(“มาขอบอกขอบใจอะไรกัน นายช่วยเรามาตั้งหลายเรื่อง เรื่องแค่นี้ทำไมเราจะช่วยเพื่อนไม่ได้ แล้วที่สำคัญนะ พี่เราบอกว่า ฝึกงานที่นี้ ถ้าตั้งใจฝึกงาน แล้วทำงานดีเข้าตาคนทางบริษัท ก็อาจจะรับพวกเราเข้าทำงานเลยก็ได้นะต้น พี่เราบอกมาแบบนั้นนะ”) เพื่อนคนสนิทอธิบายยาวเอียดให้ปลายสายฟัง เพราะเป็นเรื่องดีและอยากให้เพื่อรับรู้ แต่เพื่อนดันรีบหนีกลับมาซะก่อน เลยต้องโทรบอกกันแบบนี้แทน

“ยังไงก็ขอบใจแทนต้นด้วยนะ “

(“เอ๊ะ เออ ใครครับเนี้ย ไม่ใช่ต้นเหรอ คะ ครับ”) หม่อนแปลกใจเมื่อปลายสายพุดด้วยน้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่แถมยังขอบอกขอบใจแทนเพื่อนของตนเองด้วย

“พี่ชื่อใหญ่ เป็นพี่ที่รู้จักกับต้นกล้าครับ  พอดีต้นกล้ามาเฝ้ายายที่โรงพยาบาล แล้วตอนนี้ต้นก้เข้าห้องน้ำอยู่ พี่เลยรับโทรศัพท์แทนนะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ”

(“เออ ไม่หรอกครับ ผมฝากบอกต้นด้วยนะครับ แล้วยายเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?”)

“ไม่เป็นไรแล้วครับ หมอบอกว่าแค่ร่างกายอ่อนเพลีย เลยทำให้เป็นลม ได้พักผ่อนสักวันสองวันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”

(“ผมไม่รู้ ว่าต้นต้องรีบกลับไปดูยาย แล้วต้นเป็นยังไงบ้างครับ “)

“ต้น เหรอ ดีขึ้นแล้ว ตอนแรกก็ตกใจมากพอรู้เรื่องของยาย ตอนนี้ก็รอแค่ให้ยายตื่นขึ้นมาพูดคุยได้อย่างปกติ ต้นเองก็คงจะหายเป็นห่วงไปเยอะ  ขอบใจที่เป็นห่วงนะ”

(“ครับ ไว้ผมจะโทรมาใหม่นะครับ ฝากสวัสดีคุณยายด้วยนะครับ ขอให้หายเร็วๆ”)

“ได้ เดี๋ยวพี่จะบอกทั้งต้นแล้วก็ยายให้นะ”

(“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”) หม่อนก็วางสายไป พอดีกับที่ต้นกล้าออกมาจากห้องน้ำ แต่ตัวสาเสื้อยืดที่นพคุณซื้อเตรียมมาให้ได้พอดี

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ เป็นไงเสื้อใส่ได้พอดีไหม?”

“พอดีเลยครับ แล้วพี่จะอาบน้ำเลยไหมครับ”

“อืม กำลังจะไปอาบ ต้นนอนบนโซฟานะ เดี๋ยวพี่นอนที่พื้นเอง”

“เออ แต่ว่า….”

“ไม่มีแต่ ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“ผมรอพี่ดีกว่า” ต้นกล้ายกยิ้มเล็ก พอได้อาบน้ำก็รู้สึกสดชื่นแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เดินไปนั่งมองยายที่ยังคงนอนหลับ

“ทำไมยังไม่นอนอีก ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหมอบอกแล้วไง ว่ายายน่าจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อหมอแล้วก็เชื่อพี่ไปนอนได้แล้วนะ”

“แต่ต้นยังไม่รู้สึกง่วงเลยนี้ครับ”

“ได้งั้น ไปคุยกับพี่ตรงระเบียง จะได้ไม่เสียงดังรบกวนยาย”

“ครับ” ต้นกล้าเดินตามอย่างว่าง่าย

“ต้น ต้องไปฝึกงานนะรู้ไหม”

“ครับ แต่ต้นขอดูแลยายให้หายดีก่อน แล้วต้นจะไปครับ”

“ต้น เรื่องฝึกงานมันรอไม่ได้หรอกนะ ส่วนเรื่องยายพี่บอกแล้วว่าจะดูแลยายแทนต้นเอง แล้วยังมีเจ้าชิน เจ้านนท์ ที่คอยมาช่วยอีกแรง ต้นไม่ต้องกังวลอะไรอีก ไปฝึกงานอย่างที่ตั้งใจเถอะนะ”

“แต่สถานที่ฝึก มันอยู่ไกลมากๆ ต้นอยากกลับมาดูแลยายบ้าง”

“ต้น การฝึกงานเหมือนเป็นสิ่งปูทางให้ต้นได้ลองเรียนรู้การทำงาน ที่นอกเหนือรั้วมหาลัย ถ้าต้นไม่ตั้งใจกับมัน มั่วแต่พะวักพะวง
กับเรื่องทางบ้านแบบนี้ พี่ว่าการฝึกครั้งนี้ต้นจะไม่ได้อะไรกับมาเลยนะ “

“ต้นรู้ แต่ต้นเป็นห่วงยายนี้ครับ”

“พี่ให้สัญญาแล้ว ว่าพี่จะดูแลยายให้เหมือนกับที่ต้นดูแล ไม่ต้องห่วงนะ”

“ต้นขอเห็นยายร่างกายแข็งแรงดีก่อนไม่ได้เหรอครับ?”

“เฮ้อ ต้นดื้อกว่าที่พี่คิดอีกนะเนี้ย” นพคุณถอนหายใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ต้นเป็นเด็กดีมากจนน่าเป็นห่วง ต้องคอยดูแลเรื่องต่างๆให้ จนกล้าต้นกล้าจะเติบโตเป็น ต้นไม้ที่ยืนต้นได้เองอย่างแข็งแรง

“ถ้างั้นยายตื่นขึ้นมาเมื่อไร พวกเราต้องคิดเรื่องฝึกงานให้จริงจังกว่านี้ตกลงไหม?”

“ครับ” ต้นกล้ายกยิ้มดีใจ เหมือนโดนตามใจ เพราะยังมีเวลาได้อยู่ดูแลยายอีก ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าจะได้ไปรายงานตัวที่บริษัทที่จะต้องไปฝึกงานพร้อมเพื่อนๆ

“ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามารอดูยายตื่น “

“ครับ”ต้นกล้ายิ้มรับอย่างมีกำลังใจ

“อ้อ พรุ่งนี้คุณลงคุณป้าก็จะแวะมาเยี่ยมยายด้วยนะ”

“เหรอครับ รู้สึกเกรงใจพวกท่านจริงๆเลยครับ”

“ต้น พรุ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่ข้างๆต้นเสมอนะ”

“เอ๊ะ ครับ ขอบคุณครับ” ต้นกล้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้สึกดีเสมอที่มีคนตรงหน้าคนอยู่ใกล้ๆ ให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“ไปนอนเถอะดึกมากแล้ว” นพคุณพาต้นกล้ามานอนที่โซฟา แล้วห่มผ้าห่มที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้

“ครับ ฝันดีครับ” ต้นกล้าส่งยิ้มอ่อนๆ

“ฝันดีเช่นกันครับ “นพคุณก้มลงจูบหน้าผากมนของต้นกล้าแผ่วเบา แทนคำขับกล่อมมากมายเพื่อให้คนที่นอนอยู่บนโซฟาหลับใหลอย่างสบายคลายกังวลเรื่องทุกข์ใจ
 
    ต้นกล้าเขินกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็รู้สึกดีมากๆเพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับต้นเองมาก่อน รีบดึงผ้าห่มมาปิดใบหน้าเขินอาย ท่ามกลางห้องที่มือแต่พอจะมีแสงไฟจากด้านนอกส่งเข้ามาเล็กน้อย เพราะนพคุณปิดไปภายในห้องไปแล้ว  แต่ดวงตาสุกใสที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มยังคงไม่ยอมหลับใหล เพราะเสียงของหัวใจเต้นดังจนกลัวคนที่นอนที่พื้นได้ยิน


“ยาย อยู่กับต้นนะ ต้นสัญญาต้นจะไม่ไปไหน ต้นจะอยู่กับยาย ดูแลยาย ยายอย่าทิ้งต้นไว้คนเดียว ยายฮึก ยาย ฮือๆ ยาย”

 “ต้น ต้นไม่เป็นไรนะ ต้นยายไม่ได้เป็นอะไร ต้น ต้น” นพคุณได้ยินเสียงละเมอของต้นกล้ารีบลุกขึ้นมาดู ต้นกล้าที่ร้องเรียกหายายอยู่ กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ น่าจะฝันร้าย

“ยาย ยาย ต้นจะอยู่กลับยาย “

“ต้นตื่น ต้น” นพคุณเขย่าตัวต้นกล้าเพื่อให้หลุดออกจากฝันร้าย ที่ทำให้คนหลับเสียน้ำตาตื่นขึ้นจากความฝันนั้นเสียดี

“พี่ แล้วยายล่ะ ยาย ยายอยู่ไหน ต้นจะไปหายาย”

“ชูวววว ยายนอนอยู่ที่เตียงครับ ยายไม่ได้ไปไหน ต้นแค่ฝันร้าย ไม่เป็นไรนะครับ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี” นพคุณโอบกอดปลอมคนที่กลัวจนตัวสั่น ว่าเรื่องในความฝันเป็นเรื่องจริง มองไปที่เตียงเห็นยายยังนอนอยู่ที่เดิม ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังไม่หายตกใจกับความฝัน 

“ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะต้น ไป”

“ครับ”ยอมลุกไปห้องน้ำอย่างว่าง่ายแต่กอ่นเข้าห้องน้ำเดินไปดูยายที่เตียงอีกรอบก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

“เจ้าใหญ่” เสียงเรียกเย็นจากด้านหลัง มาจากประตูทางเข้า

“คุณลง คุณป้า “ผู้เป็นป้าไม่มองหน้าหลานชายเลย เดินตรงไปที่เตียงเพื่อดูอาการของยาย

“ยายเป็นแกเป็นยังไงบ้าง” ผู้เป็นลุงถามขึ้นแทน เมื่อเห็นหน้าหลานชายดูกังวลเพราะท่าที่ของผู้เป็นป้าแสดงออกชัดเจน ว่าไม่พอใจกับเรื่องราวที่คุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวาน

“เมื่อวานหมอบอกว่า ร่างกายยายต้องการพักผ่อนเยอะๆนะครับ เดี๋ยวตอนเช้าหมอจะเข้ามาตรวจอีกรอบครับ”
ผู้เป็นลุงได้แต่พยักหน้า ผู้เป็นป้าก็ได้แต่นั่งบีบนวดขาให้กับยายไปมาอย่างนึกเป็นห่วงเหมือนกับญาติผู้ใหญ่อีกคน

“แล้วนี้ต้นกล้าเป็นยังไงมั้ง รู้เรื่องยายเขาตอนไหนกัน ไม่ตกใจแย่เลยเหรอ” ผู้เป็นลุงเอยถามอีกเช่นเคย

“ครับ ก็ตกใจมามากร้องไห้หนัก กว่าจะปลอบกันได้ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันครับ ร้องแต่จะไม่ไปเรียนไม่ไปฝึกงานแล้ว จะอยู่ดูแลยายท่าเดียวครับ”

“ไม่ได้ๆเรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ลุงจะรองพูดให้อีกที่แล้วกัน”

“ครับ”

“อะ อ้าว ขอโทษครับ คุณลุงคุณป้ามาแต่เช้าเลย “ต้นกล้าที่เดินออกจากห้องน้ำมาสงสัยเสียงที่พูดคุยกันตอนแรกนึกว่า พี่ชินกับพี่นนท์มา แต่พอออกมาได้เห็นก็ตกใจ ยกมือไหว้สวัสดี

“ต้นมาคุยกับป้าสิลูก”

“ครับคุณป้า” ต้นกล้าเดินก้มหน้าเข้าไปนั่งคุกเขาข้างคุณป้า

“ขวัญเอยขวัญมานะลูก ยายไม่ได้เป็นอะไรแล้วอย่าเสียใจอย่ากังวลใจไปมากนักนะลูก หมอที่เข้าเก่ง ต้องรักษาให้ยายหายดีแน่ๆลูก” ป้าลูบหัวปลอบขวัญ นึกสงสารต้นกล้าจับใจ มีกันอยู่แค่ สองคนยายหลาย คงจะตกใจน่าดูที่ยายต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้

“ขอบคุณครับคุณป้า ต้นมั่นใจว่ายายต้องตื่นขึ้นมาคุยกับต้นเร็วๆนี้แน่นอนครับ”

“ดีแล้วลูก ทานข้างเช้ากันหรือยัง ป้าทำกับข้าวมาให้เยอะเลย ไปนั่งทานกันเถอะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”

       ทั้ง 4 นั่งทานข้าวเช้าด้วยกัน บทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นป้ากับต้นกล้าแล้วก็ลุง สลับไปมา มีก็แต่นพคุณที่นั่งทานข้าวเงียบๆ คอยฟังทั้ง สามคนคุยกัน บ้างเรื่องที่เขารู้แล้วก็ได้แต่เงียบฟัง บ้างเรื่องที่เขายังไม่เคยรู้และไม่เคยได้ยินต้นกล้าเล่าให้ฟัง ก็ได้มาฟังจากปากต้นกล้าวันนี้ เพราะป้ากับลุงถามลึกลงไปถึง ความเป็นอยู่แล้วก็รวมไปถึงพ่อและแม่ของต้นกล้าด้วย

   ต้นกล้าเป็นลูกของลูกสาวยาย ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เพราะยายไม่คิดที่จะถามเรื่องนี้ ขอให้ลูกกลับมาอยู่บ้านก็พอใจแล้ว แต่เมื่อแม่ของต้นกล้า คลอดต้นกล้าได้ไม่นานก็ทิ้งต้นกล้าไว้กับยาย แล้วบอกว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพอีก แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีการติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง ต้นกล้าเอกก็ไม่ได้เรียกร้องที่ต้องการแม่ เพราะต้นกล้าอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็กจนโต ผูกผันกับยายมากเปรียบเสมือนยายเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับต้นกล้า ก็ไม่ต้องการใครที่ไหนอีก คนภายนอกจะมองเห็นว่าต้นเป็นเด็กไม่มีพ่อแม้ แต่เพราะยายสอนต้นกล้าตั้งแต่เด็กว่าอย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้น แค่ต้อยกล้าเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน คนพวกนั้นก็จะเลิกพูดกันไปเอง และต้นกล้าก็ทำตามทุกอย่างที่ยายสอนมาตลอด
 
   นพคุณฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันช่างคล้ายกับชีวิตของเขามากๆ ตัวเขาได้รับความรักจากป้าและลุง ดูแลเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียน แต่เพราะเขาหัวไม่ดี เลยอยากทำงานอยากช่วยงานลุกกับป้าเพื่อเป็นการตอบแทน เลยได้มาดูแลกิจการลูกชิ้น จนได้มาพบเจอกับต้นกล้า ต้องขอบคุณทั้งลุงและป้าที่ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีค่าไม่ได้น้อยหรือมากไปกว่าคนอื่นเลย และน้องชายอย่างชินพัตน์ที่ทำให้เขาได้มาเจอกับต้นกล้า เพราะการขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาด ทำให้ได้มาเจอกัน ได้รู้จักและเห็นใจกันแบบนี้ 

 แคก แคก

“ยาย ยายครับ เป็นไงบ้าง ต้นอยู่นี้ครับยาย”ต้นกล้าได้ยินเสียงไอแห้ง ดังมาจากเตียง ยายฟื้นขึ้นมาแล้ว ต้นกล้ารีบวิ่งไปดูยายทันที่

“ต้นเหรอลูก ยายมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” ยายพยายามกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้มองเห็น หน้าหลานชายได้ชัดๆ

“พี่ชินไปเจอยายนอนสลบอยู่ที่ใต้ถุนบ้านจ๊ะยาย ยายหิวน้ำไหม เดี๋ยวต้นป้อนนะ คอยๆดื่มนะครับยาย”ต้นกล้าอธิบายแล้วพยายามป้อนน้ำให้ยายดื่มแก้กระหาย

“เจ้าใหญ่ ไปตามหมอสิ มั่วแต่ยืนมองอยู่ได้ ไป”ลุงดูจะมีสติมากกว่าใครบอกหลานชายให้ไปเรียกหมอมาดูอาการยาย ที่พึ่งฟื้นคืนสติขึ้นมา

        หมอเข้ามาดูอาการยาย แล้วบอกว่าให้น้ำเกลือหมดขวดแล้วก็นอนพักอีกสักวันก็กลับบ้านได้ ส่วนแขนที่เข้าเฝือกไว้ก็จะนัดมาดูอาการอีกที่ หมดเตือนเรื่องการทำงานหนัก เพราะว่ายายอายุมากแล้ว ไม่อยากให้ทำงานหนักเกินตัวจนทำให้ร่างกายอ่อนแลไม่ได้รับการพักผ่อน จะทำให้เป็นลมแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ญาติต้องดูแลอย่าใกล้ชิดด้วย ทุกคนต่างก็เข้าใจและรับฟังสิ่งที่คุณหมอบอก หมอก็ขอตัวไปตรวจคนไข้ห้องอื่นต่อ ทุกคนต่างโล่งใจที่ยายไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง หรือมีโรคร้ายอื่นแทรกซ้อนเข้ามาอีก และยายก็ได้ทานข้าวทานยายก็นอนหลับไปอีกครั้ง





  ต่อด้านล่างจ้า


      :katai4:    :katai4:   :katai4:



ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0

ต่อจากด้านบนจ้า




“ดูแลยายให้ดีนะรู้ไหม” ป้าเดินออกมาที่หน้าห้อง

“ครับ/ครับ”ต้นกล้าแล้วก็นพคุณตอบพร้อมกัน รับคำผู้เป็นป้า ทำให้ป้าหันไปมองผู้เป็นสามีอยากขอความคิดเห็นกับสิ่งที่ หลายชายกำลังทำอยู่ตอนนี้

“ต้น กลับไปตั้งใจเรียนตั้งใจฝึกงานนะลูก ยายไม่เป็นอะไรมากแล้วนะ” ป้าพูดเตือนสติต้นกล้าอีกครั้ง

“แต่ต้น….คือ ต้นอยากดูแลยายก่อนนะครับ”ต้นกล้าได้ฟังคำพูดของคุณหมอทำให้ความเป็นกังวลกลับเข้ามาอีกครั้ง

“ต้นพี่บอกแล้วไง ว่าพี่จะดูแลยายแทนต้นเอง ต้นไปตั้งใจเรียนเถอะ”

     ผู้เป็นลุงและป้าได้ฟังคำของหลานชาย ยืนยันหนักแน่นอนว่าจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลยายแทนต้นกล้า เข้าใจแล้วว่าหลานชายต้องการที่จะทำแบบนั้นจริงๆ แต่ที่ยังไม่แน่ใจก็เรื่องของต้นกล้า ว่าจะใช่คนที่ตนเองคิดไว้ในใจหรือเปล่า แต่พอมองดูแล้วก็ไม่น่าจะผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไร เลยขอดูท่าที่ของหลานชายอีกครั้ง ว่าจะพูดคุยกันตรงๆเมื่อไร

“ต้น เชื่อป้านะ ป้ากับลุง แล้วก็พี่ๆทุกคนจะคอยดูแลยายแทนต้นเอง กับไปตั้งใจเรียนนะลูก ยายจะได้ภูมิใจ”

“ขอบคุณครับป้า ขอบคุณทุกๆคนมากๆครับ”

“อ้าวพ่อกับแม่มาแต่เช้าเลย ผมนึกว่าพวกผมมาเช้าแล้วนะเนี้ย ทานอะไรกันหรือยังครับ “

“ป้าก็มาเยี่ยมยายด้วยคน” ป้าพรที่เดินตามหลังชินพัตน์และนนทนัฐ รีบเดินไปหาและพูดคุยอย่างคนคุ้นเคย

“สวัสดีจ๊ะ จอยก็มาเยี่ยมยายด้วยจ๊ะ”

“อ้าว เจ้าชิน นี้แกปิดร้านเลยเหรอเนี้ย”

“ครับพ่อ ก็ทุกคนเป็นห่วงยายนี้ครับ เลยยกทัพกันมาเยี่ยมแล้วก็ให้หยุดพักไปในตัวด้วยครับ”

“เอาเข้าไปดูยายเถอะ แต่ยายพึ่งจะหลับไปเมื่อกี่เอง”ผู้เป็นแม่บอกลูกชาย ให้เข้าไปเยี่ยมได้แต่อย่าเสียงดัง

“อ้าว ยายฟื้นแล้วเหรอครับ ดีจังต้นไม่ต้องกังวลเรื่องยายแล้วนะ” ชินพัตน์หันไปหาต้นกล้า ที่ยิ้มรับน้อยเมื่อทุกคนก็ต่างพากันโล่งใจที่ยายไม่เป็นอะไรมาก

“แม่กับพ่อจะกลับแล้ว”

“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ”

“พ่อกับแม่มาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“งั้นผมลงไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก พากันเข้าไปดูยายเถอะ ตาใหญ่ตามป้ามานี้สิ” ผู้เป็นป้าบอกให้ทุกคนเข้าไปเยี่ยมยาย เรียกไว้เพียงหลานชาย

“ครับ” นพคุณตอบรับผู้เป็นป้า และหันไปบอกต้นกล้าอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไป ต้นไปอยู่กับยายเถอะ”

“ครับ สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า”

“จ้า พระคุ้มครองนะลูก “ ป้ารับไหวแล้วเดินออกจากหน้าห้องไปพร้อมกับลุง นพคุณหันมามองต้นกล้าแล้วยิ้มให้กันอีกครั้ง เหมือนขอกำลังใจ

“เดี๋ยวพี่มานะ”

“ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับ แล้วเดินตามคนอื่นเข้าห้องไป

“เอาล่ะ ตาใหญ่ไหนบอกป้ามาสิ ว่าคนที่พูดถึงคือใคร” ผู้เป็นป้ายิ่งคำถามแรกที่อดอันมานานตั้งแต่เมื่อคืน

“คุณใจเย็นๆ ให้หลานตั้งตัวก่อน”ผู้เป็นลุง เห็นหายหลายสายทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนถามขึ้นมาแบบตรงๆ

“คือ ผมอยากดูแลยาย แล้วก็ต้นกล้าครับคุณลุงคุณป้า”

“คนที่แกบอกว่า ชอบพอเขาแล้วก็เป็นผู้ชาย คือต้นกล้าเหรอตาใหญ่?”

“ใช่ครับ ผมรักต้นครับป้า”

“มันจะเป็นไปได้ยังไงตาใหญ่ ผู้ชายมาชอบพอกันแบบนี้ แล้วที่สำคัญต้นยังเด็กมากนะ ตาใหญ่ อาจจะเป็นความชื่นชอบ หรือสงสารกันเห็นใจกัน จนคิดว่าเป็นการชอบพอก็ได้นะ ตาใหญ่”

“ผมรักน้องจริงๆครับป้า ส่วนต้นกล้าผมยังไม่รู้ครับ ว่าน้องคิดแบบนั้นกับผมหรือเปล่า แต่ผมเลือกที่จะดุแลน้องกับยายต่อไปหลังจากนี้ครับ”

“ตาใหญ่!!! นี้หมายความว่า ต้นกล้าก็ไม่ได้รู้ความรู้สึกของแกเลยงั้นเหรอ” ป้าเริ่มโมโหหลานชายหนักขึ้นไปอีก

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมแค่อยากดูแลน้อง ดูแลคนที่น้องรัก แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ  แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณป้ากับคุณลุงด้วยนะครับ ที่ผมต้องทำให้ทั้งสองต้องผิดหวัง ในสิ่งที่ผมเลือก”นพคุณยกมือไหว้ ผู้มีพระคุณทั้งคู่

“ป้ายังไม่ยอมรับง่ายๆหรอกนะตาใหญ่  “

“คุณป้าครับ”

“คุณกลับบ้าน”

นพคุณมองรถของทั้งคู่แล่นออกไปจนสุดสายตา


ต้องเตรียมใจพร้อมนอบรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้


เพราะเลือกที่จะรักไปแล้ว










    :katai1:   :katai1:    :katai1:     :katai1:    :katai1:   :katai1:   :katai1: 



   ขอบคุณที่ติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ

   ขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ติดตามทั้งในหน้าเพจ แล้วก็ตามอ่านนิยายกันนะคะ

  ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ เลยทำให้เขียนเรื่องค้างไว้ ไม่จอบตอนสักที่เลย

 มาลงตอนนี้ ช้ามากๆ  ขออภัยอีกครั้งจ้า

  แม่ค้าไปขายของต่อแล้วจ้า



ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
โอ๊ยตาย ... ดราม่าหนักมาก เครียดแทนเลย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
หลานยังขนาดนี้
แล้วถ้าลูกล่ะจะขนาดไหน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                          เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 67


              นพคุณมีเรื่องหนักใจเพิ่มมาอีกเรื่องแล้ว แต่คงต้องจัดการสถานการณ์ตรงหน้านี้เสียก่อน เรื่องของต้นกล้า และเรื่องที่เขาเองตั้งรับดูแลยายแทนตอนให้ได้ดี และไม่ต้องทำให้ต้นกล้าเป็นห่วงและกังวลใจ เวลานี้เขาคิดได้เพียงแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องของผู้เป็นป้า คงต้องให้ท่านใจเย็นลงและหาเวลาไปคุยกับท่านจริงๆจัง แต่คงจะหลังจากจัดการเรื่องของต้นเสร็จเรียบร้อยก่อน 

“พี่ ทำไมออกไปนานจัง แม่กลับไปนานแล้วเหรอ?”ชินพัตน์เดินออกมาตามพี่ชาย ที่เดินไปส่งผู้เป็นแม่ของตนเองนาน ถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายยืนอยู่หน้าห้องหน้าตาดูเครียดมีกังวล

“อือ ป้ากับลุงกลับไปนานแล้ว พอดีพี่มีเรื่องอะไรคิดนิดหน่อยนะ”

“มีเรื่องอะไรพี่ ถ้าเรื่องยายกับต้น ผมจะช่วยดูอีกแรงนะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“อืม เรื่องนั้นพวกเราต้องช่วยกันอยู่แล้ว เพียงแต่….”

“แต่อะไรพี่ หรือว่าแม่ว่าอะไรพี่หรือเปล่า เรื่องที่ร้านเหรอ? “

“ไม่ใช่หรอก “นพตชคุณไม่อยากให้น้องมาเป็นกังวลเรื่องของตนเองไปด้วย เพราะยังจัดการอะไรไม่ลงตัว เลยยังไม่คิดที่จะบอกน้องชาย

“อ้าว แล้วพี่เครียดเรื่องอะไรเนี้ย ผมเห็นพี่เป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจนะพี่ บอกผมมาเถอะ” ชินพัตน เห็นสีหน้าพี่ชายก็รู้ว่าต้องมีเรื่องภายในใจแน่นอน

“พี่!? พี่ชินคุยอะไรกันครับ ผมเห็นออกมานานแล้วไม่เห็นเข้ามาเลยออกมาตาม “ต้นกล้าเปิดประตูห้องออกมาเจอพี่น้องกำลังทำหน้าตาเครียด

“ต้น ไม่มีอะไรพี่คุยเรื่องที่ร้านกันนะ คุยเสร็จแล้วเข้าไปดูยายกันเถอะ” นพคุณรีบตัดบท ชินพัตน์เห็นพี่ชายไม่อยากพูดต่อเลยเออออเดินตามกันเข้าห้องไป สมทบกับคนอื่นๆ

          ช่วงสายๆป้าพรกับจอยก็ขอตัวกลับนนทนัฐอาสาไปส่งทั้งคู่ ส่วนชินพัตน์ยังดูลังเลว่าจะอยู่คุยกับพี่ชายต่อดี หรือจะกลับไปพร้อมกับทุกคน จนทำให้นพคุณต้องออกปากว่าจะเฝ้ายายกับต้นกล้า สั่งให้ทุกคนกับไปพักผ่อนซะบ้างเหนื่อยมาตลอก ก็น่าจะกลับไปพักให้เต็มที่ แล้วค่อยมาเปลี่ยนกันเฝ้าวันหลังจะดีกว่า ชินพัตน์ถึงยอมกลับแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายคำพูดไว้ให้พี่ชายที่เดินมาส่ง

“พี่ มีเรื่องอะไรก็บอกผมบ้างสิ ถ้าเห็นผมเป็นน้อง ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ผมก็ยังจะช่วยนะพี่” ชินพัตน์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“อืม พี่รู้แล้ว กลับไปพักเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาผลัดกันเฝ้ายายนะ” นพคุณยกยิ้มรับรู้ได้ว่าน้องชายตนเองเป็นห่วงมากขนาดไหน จับหัวน้องชาย โยกไปมาเหมือนตอนเด็กที่เคยทำประจำ

“มีอะไรรีบโทรมานะพี่”

“………”นพคุณพยักหน้ารับ ยิ้มอ่อนส่งให้น้องชาย แล้วก็ทุกคน

        ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาที่ร้าน ชินพัตน์เอาแต่นั่งเงียบ จอยกับป้าพรก็พูดคุยกันปกติ นนทนัฐก็คุยด้วยปกติ แต่เขารอบมองคนรักของตนเองเสมอ จนนึกเป็นห่วงในใจ  จนรถขับมารถส่งป้าพรกับจอย นนทนัฐเลยเสนอให้ชินพัตน์ไปขับรถที่บ้านสวนของยายกลับมา ชินพัตน์ก็ไม่ปฏิเสธนั่งนิ่งเหมอคิดอะไรไปตลอดทาง ขณะที่อยู่ภายในรถกันสองคน นนทนัฐอดห่วงไม่ได้ ว่าชินพัตน์กังวลใจเรื่องอะไรอีก ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาล ถ้าเป็นเรื่องยายก็น่าจะสบายใจได้แล้ว เพราะยายฟื้นคืนสติ หมอเองก็บอกว่า อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ เรื่องต้นกล้าก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะทุกคนต่างอาสาดูแลยายแทนให้ จนทำให้ต้นกล้าหมดเรื่องกังวลไปแล้ว แล้วชินพัตน์กำลังคิดกังวลใจเรื่องอะไรอยู่กันแน่


“ชิน คุณเป็นอะไร ผมเห็นคุณนิ่งเงียบมาต้องแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”นนทนัฐจอดรถหน้าบ้านยาย แล้วถามคนรักอย่างห่วงใย

“เปล่า ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้”

“คุณคิดเรื่องอะไรอยู่ หืม ไหนบอกผมสิ” นนทนัฐจับไหลชินพัตน์ให้หันมาคุยกันดีๆเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เหมอคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา

“ก็ พี่ใหญ่นะสิผมไม่แน่ใจว่าพี่โดนแม่ของผมต่อว่าเรื่องอะไรหรือเปล่า เพราะหลังจากเดินไปส่งแม่ผมกลับบ้าน พี่ผมเขาก็ทำสีหน้าแปลก พอผมถามเขาก็ไม่ยอมตอบแถมเลี่ยงไปคุยเรื่องของต้นซะอีก ผมเลยยิ่งเป็นห่วงว่ามีผมเขามีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า”

“ผมว่านะ พี่ชายคุณคงอยากจะคิดแก้ไข้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ เชื่อสิเขาต้องพูดให้คุณฟังแน่นอน”

“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น เรื่องของต้นกับยายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแค่พวกเราช่วยๆกันดูแลยาย ต้นเองก็จะได้ไปเรียนได้ปกติ “
“ครับ ผมจะช่วยดูแลยายอีกคนนะ อย่าพึ่งกังวลเรื่องมีมันยังมาไม่ถึงเลย” นนทนัฐพูดให้กำลังใจ ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ และต่างลงจากรถเพื่อไปดูรถ และดูแลบ้านของยายด้วย

    ในห้องพักฟื้น ยายตื่นขึ้นมาทานข้าวได้และทานยาตามหมอสั่ง พยาบาลเข้ามาเช็คน้ำเกลือขวดสุดท้ายแล้วก็เก็บกลับออกไป สีหน้ายายดูดีขึ้นเยอะ เนื่องจากได้พักผ่อน ได้ทั้งน้ำเกลือ ทานอาหารได้ปกติ พยาบาลบอกอีกว่าพรุ่งนี้คุณหมอมาตรวจรอบเช้า ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว ทำให้ต้นกล้ายิ้มดีใจที่ยายดีขึ้นแล้ว เหลือแต่เฝือกอ่อนที่ช่วงแขนที่น่าเป็นห่วง ยายคงหยิบจับอะไรลำบากแน่


“ยายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง เจ็บหรือปวดตรงไหนต้องรีบบอกต้นนะ” ต้นกล้านั่งประจำที่เดิมนวดแขนนวดขาอย่างที่เคยทำให้ประจำเวลาอยู่ที่บ้านสวน

“ยายไม่เป็นไรแล้ว ไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหนเลยลูก ยายสบายดี” ยายเอามืออีกข้างลูบหัวหลานชาย ยกยิ้มอย่างเอ็นดูก็มีกันอยู่แค่นี้ เลยไม่อยากให้หลานชายรู้สึกเป็นห่วง

“ยาย ต้นจะอยู่กับยายจนกว่าแขนยายจะหายดีนะจ๊ะ”

“อ้าว แล้วไม่ไปเรียนเหรอลูก?” ยายทำสีหน้าแปลกใจกับเรื่องที่หลานชายบอก

“ต้นค่อยไปที่หลังก็ได้จ้า ให้ยายหายดีก่อน” ต้นกล้ายิ้มประจบ

“ต้นกล้า”นพคุณที่นั่งดูยายหลานพูดคุยกันดูอบอุ่นแต่ต้องมาคิ้วขมวดเมื่อต้นกล้าพูดว่าจะดูแลยาย

“นั้นสิต้นเอย ไปเรียนเถอะลูกนะ ยายไม่เป็นไรแล้ว หมอกับพยาบาลก็บอกแล้วนี้ว่ายายดีขึ้นเยอะแล้ว เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว ต้นไม่ต้องห่วงยาย กลับไปเถอะลูก ขาดเรียนมันไม่ดีนะ” ยายรับรู้ว่าต้นกล้าดื้อที่จะอยู่ดูแลตนเองแล้วคิดว่าจะไม่ไปเรียนจนกว่าตนเองจะหายดี

“แต่ต้นอยากดูแลยายก่อน…..”

“ต้น เรื่องนี้เราคุยกับพี่แล้วนะ แล้วทุกๆคนก็บอกว่าจะช่วยกันดูแลยายแทนให้อย่างดี ต้นก็กลับไปตั้งใจเรียนแล้วก็ฝึกงาน ให้จบกลับมาเร็ว แล้วจะได้มาดูแลยายอย่างเต็มที่ตามที่ต้นต้องการแน่ๆ พี่รับรอง “

“นั้นสิต้นเอย ยายอยู่ได้พ่อหนุ่มเขาก็รับอาสาจะช่วยดูแลยายแล้ว ต้นก็ไม่ต้องห่วงนะลูก กลับไปตั้งใจเรียนนะ ยายอยากเห็นหลานเรียนจบสูงๆ แค่นี้ยายก็นอนตายตาหลับแล้ว”

“ไม่นะยาย ยายต้องอยู่กับต้นไปอีกนาน นาน ยายห้ามเป็นอะไรนะ ฮึก ยายต้นไม่อยากไปเรียนแล้วอ่ะ ต้นอยากอยู่กับยาย ฮือๆๆๆ”

“ต้นดื้อกับยายเหรอ” ยายเห็นหลานชายเริ่มร้องไห้ แต่ก็ยังทำใจแข็งทำเสียงดุถามกลับ ทำให้ต้นต้องรีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหล

“ต้นไม่ดื้อจ๊ะ” ต้นกล้ารีบสายหัวไปมาน้ำตานองหน้า

“ไม่ดื้อก็ต้องเชื่อฟังยาย เชื่อฟังพี่เขาสิ พี่เขาอุตสาช่วยเหลือดูแลยาย แล้วก็เรื่องต่างๆที่ไม่รู้จะตอบแทนพี่เขายังไงไหว ก็มีแต่หลานที่ต้องตั้งใจเรียน จบออกมาจะได้มีงานดีๆทำ จะได้ตอบแทนพี่ๆเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย เข้าใจที่ยายพูดไหม?” ยายพยายามอธิบายให้หลายตนเองฟัง

“ยายครับ ไม่ต้องตอบแทนพวกผมหรอกครับ แค่ต้นกลับไปตั้งใจเรียน แล้วยายแข็งแรงเหมือนเดิม  ผมกับน้องและทุกๆคนก็พลอยดีใจไปด้วยนะครับ” นพคุณยกยิ้มอ่อนๆผู้เป็นยายต้องการให้ต้นกล้ารู้จักบุญคุณคน

       ยายหันไปยิ้มรับรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้อย่างจริงใจ และหันไปมองหน้าหลานชายที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว ได้แต่นั่งฟังนิ่งไม่มีคำพูดใดออกมา เพราะคำพูดทุกอย่างของยายนั้นทำให้ต้นกล้าได้คิด ว่าทุกคนพยายามช่วยเหลือทุกด้านแล้ว ก็ไม่ควรที่จะทำทุกอย่างให้เสียเรื่อง กลับไปตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกงานแล้วรีบกลับมาดูแลยาย และหางานทำดี เพื่อให้ยายได้หยุดพักได้แล้ว และตอบแทนทุกคนด้วยกำลังที่ตนเองมี ถึงจะถูกต้อง จึงยิ้มรับและพร้อมทีจะลงมือทำอย่างไม่เกียงงอนอีกต่อไป

“ต้นกราบขอโทษยาย ที่ไม่เชื่อฟัง ต่อไปนี้ต้นจะต้องใจเรียน ต้องใจฝึกงาน เรียนจบมาหางานทำ แล้วจะได้ดูแลยายด้วยสองมือของต้นเองครับ” ต้นกล้ากราบบนอกยาย และพูดเหมือนให้คำมั่นว่าจะต้องใจทำทุกอย่างให้ดีให้ได้

“จ้า ดีแล้วลูก ตั้งใจเรียนนะลูก” ยายลูกหัวหลานชาย ที่เป็นเด็กดีมาตลอด มีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ตนเองป่วย เป็นห่วงมาจนเกินไป จนไม่สนใจเรื่องอื่นๆรอบตัว

“ต้นต้องขอโทษที่ด้วย แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ ที่ทั้งดูแลและเตือนสติต้นมาตลอด” ต้นกล้าเดินไปหานพคุณยกมือไหว้ ด้วยใบหน้าที่เริ่มจะปริ่มน้ำตาอีกแล้ว

“ไม่ร้องนะครับ ต้องยิ้มสิ ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้วนะ ยายก็หายดีแล้วด้วย เลิกร้องได้แล้วครับ” นพคุณรับไหว้แล้วดึงน้องมาโอบไว้แล้วคุยเสียงเบา

“ครับ “ต้นกล้ากลืนลูกสะอื้นกลับเข้าไป พยายามยิ้มให้มากที่สุด เพื่อยาย เพื่อทุกคน และเพื่อใครอีกคนที่มีความสำคัญมากในหัวใจของต้นกล้าตอนนี้

“ดีแล้ว เช็ดตัวให้ยายเถอะไป”

“ครับ” พยักหน้ารับอย่างยิ้มแย้ม ยายก็พลอยรู้สึกดีกับรอยยิ้มของหลานชายไปด้วย

      นพคุณรู้สึกโล่งใจเรื่องเรียนของต้นกล้าแล้ว ยื่นมองสองยายหลานพูดคุยกันได้อย่างปกติ ไร้เรื่องกังวลใจใดอีกต่อไป รอแค่วันออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น ต้นกล้าก็ต้องกลับไปเรียนละไปรายงานตัวที่ จะต้องไปฝึกงานร่วมกับเพื่อนๆ พอนึกขึ้นมาได้ว่าต้นกล้าต้องไปฝึกงานไกลแค่ไหนกัน ก็รู้สึกอดเป็นห่วงและอดคิดถึงไม่ได้
ได้เวลาที่ต้องบอกความรู้สึกที่มีตอนนี้ได้หรือยังนะ

RRrrrr Rrrrr Rrrrrrrr
“ว่าไง”นพคุณเดินออกมาจากห้องพักฟื้น แล้วรีบรับโทรศัพท์น้องชาย
(“ยายเป็นไงบ้างพี่?”)
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พยาบาลอบกว่าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้”
(“แล้วพี่ล่ะ เป็นไงบ้าง”)
“ฉันเป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรนี้”
(“พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกผมได้นะพี่”)
“รู้แล้ว แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไร จริงๆ เออแล้วต้นนะตัดสินใจจะกลับไปฝึกงานแล้วนะ”
(“จริงเหรอพี่  เมื่อตอนกลางวันก็ยังคิดๆอยู่ว่าต้นเหมือนจะยังลังเล ตอนที่พวกเราช่วยกันพูดว่าจะช่วยดูแลยาย”)
“อืม ก็โดนยายดุไปจนร้องไห้นะ เลยต้องยอมนะสิ”
(“อะไรนะพี่ ยายนะเหรอดุต้น ผมไม่เคยเห็นยายดุหรือพูดเสียงดังใส่ใครเลยอ่ะ นึกภาพไม่ออกจริงๆ”)
“ฮ่าๆๆ ก็ทำให้ต้นร้องไห้อยู่ ต้องรีบเช็ดน้ำตาเลยล่ะ”
(“เฮ้ย ผมพลาดช๊อตเด็ดได้ไงเนี้ย “)
“เอาน่าตอนนี้ก็หมดกังวลเรื่องยายกับต้นแล้วล่ะ ก็รอเวลายายออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องผลัดกันมาดูแลยายยังไง”
(“โอเคพี่ ผมได้ยินว่าพี่หัวเราะได้ ผมก็สบายใจแล้วล่ะ ฮึฮึ”)
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไร”
(“ครับๆ แต่พี่อย่าลืมนะว่าพี่ยังมีน้องชายคนี้อยู่ข้างพี่ คอยรับฟังที่เสมอนะ”)
“อืม ขอบใจมากเจ้าน้องชาย ถ้าพี่พร้อมเมื่อไร พี่จะรีบบอกนาทันที”
(“ได้ พรุ่งนี้เจอกัน”)
“พรุ่งนี้นายก็จะมาเหรอ”
(“แล้วพี่จะไม่กลับไปดูร้านมั้งเหรอไงล่ะ?”)
“นั้นสิ”นพคุณได้ฟังสิ่งที่น้องชายทักก็ทำให้นึกถึงหน้าผู้เป็นป้าขึ้นมา จัดการเรื่องต้นกล้าได้แล้ว เรื่องงานก็อย่าทำให้เสียเด็ดขาด เพราะรับปากป้าไปแล้ว เขาต้องทำทุกอย่างให้ดีให้ได้
(“พี่  พี่!! พี่ใหญ่ ฟังผมอยู่หรือเปล่าเนี้ย ฮัลโล”)
“เอ่อ ๆ ว่าไง”
(“ก็พี่เล่นเงียบ พูดถามอะไรไปก็ไม่ตอบ”)
“เอ่อๆ อะไร?”
(“แล้วต้นต้องไปฝึกงานวันไหน”)
“พรุ่งนี้ก็มาถามเจ้าตัวเขาเองแล้วกัน รีบมาหน่อยนะ พี่จะกลับไปดูร้านแต่เช้า” นพคุณเปลี่ยนเรื่องทันที่ เพราะพอนึกถึงเรื่องทีต้นกล้าต้องไปฝึกงานแล้ว ก็รู้สึกโหว่งๆในใจอย่างบอกไม่ถูก
(“รับทราบ”) ชินพัตน์พูดล้อเลียน แล้วรีบว่างสายกลัวโดนพี่ชายสวนกลับ
 นพคุณวางสายจากน้องชาย ก็มองไปยังหน้าห้องที่มีใครบ้างคนที่เขาอยากจะบอกอยากจะพูดความรู้สึกที่มันมากขึ้นทุกวันนี้สักที่ดีไหม แต่พอมานั่งคิดว่าน้องยังเด็ก ยังต้องเจอโลกอีกเยอะหลังจากเรียนจบ อยากให้น้องได้เรียนรู้และรู้จักโลกให้มากขึ้น และเขาก็จะค่อยอยู่เคียงข้างกันไปแบบนี้
 ให้เวลาเป็นสิ่งกำหนดความรักครั้งนี้

.
.
.
.

“ยิ้มอะไรครับ หืม”นนทนัฐยืนมองชินพัตน์ที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว หลังจากลดน้ำต้นไม้ในสวนของยายเสร็จ

“ผมคงคิดมากไปเองจริงๆนั้นแหละ อ้อ แล้วก็ต้นบอกว่าจะกลับไปฝึกงานแล้วด้วย”ชินพัตน์อธิบายอย่างอารมณ์ดี

“ดีแล้วครับ”

“รดน้ำเสร็จแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วครับ มาผมช่วยกวาดนะ”นนทนัฐยื้อไม้กวาดทางมะพร้าวมาจากชินพัตน์ ที่ตอนแรกรับหน้าที่กวาดลานหน้าบ้าน ที่มีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด

“ไม่เป็นผมทำเองได้ เราแบ่งหน้าที่กันแล้วนี้ แปบเดียวน่าผมกวาดบ้านเก่งนะ ฮึฮึ” ชินพัตน์รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เพราะสบายใจเรื่องพี่ชายแล้ว ต้อนกล้าก็จะกลับไปเรียน ยายก็อาการดีขึ้นเยอะ ทุกอย่างคลีคลายไปในทางทีดี

“งั้นผมขอให้ ไปกวาดบ้านผมมั้งได้หรือเปล่า”

“ได้สิ ผมก็ไปช่วยกวาดประจำไม่ใช่หรือไงที่ร้านคุณนะ” ชินพัตน์หันมาคุยโว แต่มือก็ยังกวาดไม่หยุด

“ผมหมายถึง ที่ห้องนอนของผมต่างหากล่ะ ช่วยขึ้นไปกวาดให้หน่อยได้หรือเปล่าครับ”นนทนัฐรีบจับด้ามไม้กวาดไว้เพื่อรอคำตอบ ชินพัตน์เลยทำตัวไม่ถูกเลยขอกันตรงๆแบบนี้ได้ไง

“อะ อะไร? ห้องคุณก็ไปทำความสะอาดเองสิ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”ชินพัตน์หันหนี แล้วเดินไปกวาดที่อื่นทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตาม ไปมาไม่ห่างเพื่อรอคำตอบ

“ก็ผมอยากให้แฟนของผมไปช่วยทำความสะอาดบนห้องให้นี้ครับ ไม่ได้เหรอ” นนทนัฐใช้ลูกไม้เดิมคืออ้อนและเน้นย้ำฐานะไม่ของคนทั้งคู่อีกครั้ง จนทำให้คนฟังหน้าเริ่มขึ้นสี พอหมดเรื่องกังวลใจกลับรู้สึกเขินอายทุกครั้ง ที่ตอบรับรักและบอกรักคนคนนี้ไปอย่างง่ายดาย

ใช่สิ พวกเราเป็นแฟนกันแล้ว จะไม่เกี่ยวได้ไง 

ชินพัตน์ได้แต่คิดเก้อเขินในใจว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธแบบไหนดีถึงจะไม่รู้สึกแปลกๆ  จะไปเข้าห้องคนอื่น ไม่ใช่สิ เข้าห้องคนที่พึ่งตอบรับการเป็นแฟนมาหมาดๆได้เลยงั้นเหรอ  ชินพัตน์????

“ฮึฮึ ผมล้อเล่น ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นก็ได้ครับ “ นนทนัฐรีบแก้บท เพราะดูเหมือนชินพัตน์จะคิดหนักกับคำตอบที่แสนง่าย แต่ดูเหมือนจะตอบยากสำหรับ คนรักหมาดๆ คนนี้จริง เขาคงจะรุกหนักเกินไป

“คุณล้อผมเล่นเหรอ โธ่ นึกว่าเอาจริงซะอีก เฮ้อออออ” ชิพัตน์ตาโตเมือได้ยินคำบอกเล่าของคนตรงหน้า ถอนหายใจอย่างโล่งออก

“แต่ผมก็รอวันนั้นนะครับ “นนทนัฐอยากแกล้งอีกเลยก้มลงมากระซิบข้างหูเบา ทำให้ชินพัตน์กลับมาหน้าเห่อร้อนอีกครั้ง

“จะ จะบ้าเหรอ คะ ใครจะไปเข้าห้องคุณกัน ถะ ถึงเอ่อ เป็น ฟะ แฟนกัน เลยจะใช้ให้ช่วยทำโน่นทำนี้งั้นสิ” ชินพัตน์ย่นจมูก ทำเป็นเสียงดังผลักนนทนัฐออกห่างกลัวเห็นสีหน้าเขินอายของตนเอง แต่พอจะพูดคำว่าเป็นแฟนก็เสียงเบาลง รู้สึกเขินอายขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ฮ่าๆๆ เปล่าครับก็ผมบอกแล้วไง ล้อเล่นครับ ล้อเล่น อย่างอนเลยนะครับ “นนทนัฐเลยต้องจำนนคนหน้าแดงทำท่าที่เหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่ใช่ เขินอายเอาแต่หลบหน้า ก้มหน้าก้มตากวาดพื้นต่อไป

“ผมไม่ได้งอนเหอะ”

“ครับๆ ผมช่วยกวาดดีกว่านะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน” นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายกวาดวอนๆอยู่ที่เดิม ดูท่าคงกวาดไม่เสร็จแน่ เดี๋ยวจะค่ำเกินไปเลยอาสาเดินไปหยิบไม้กวาดอีกอันมาช่วยกวาด จะได้รีบกลับ


 



  ต่อด้านล่างจ้า

 :katai5:  :katai5:  :katai5:   :katai5:



ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0

มาอ่านต่อกันเลยจ้า


 ทั้งคู่ก็ขับรถกลับมาจากบ้านสวนคนล่ะขัน และดูเหมือนจอยจะยังไม่กลับมาจากบ้านแม่ ป้าพรบอกว่าจอยโทรมาบอกว่าจะค้างับแม่แล้วตอนเช้าจะรีบมาช่วยเปิดร้าน ชินพัตน์ก็รับรู้และก็อยากให้จอยกับแม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้บ้างก็ดี เพราะช่วยที่ร้านตลอดจนไม่มีเวลากลับบ้านเลย ส่วนป้าพรก็ได้มีโอกาสโทรคุยกับที่บ้านและที่ร้านของแม่เขาประจำอยู่แล้วเลยไม่เป็นห่วงแต่ก็ถามเสมอ ว่าอยากกลับไปเยี่ยมบ้านให้บอกได้จะรีบพาไปทันที่ ป้าพรก็ยิ้มรับ และขึ้นไปสวดมนต์และได้นอนพักผ่อนแต่หัวคำ  เรื่องมื้อเย็นก็เตรียมไว้ให้หลายชายเรียบร้อบแล้วรวมถึงเพื่อนบ้านอีกคนด้วย


“คุณมานั่งสิ ป้าทำกระเพราลูกชิ้นไว้ให้ด้วยล่ะ”ชินพัตน์เปิดฝาชีเห็นเมนูโปรดรีบชวนอีกคนนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ครับ เดี๋ยวผมตักข้าวให้”นนทนัฐอาสาตักข้าวจากหม้อที่อุ่นข้าวไว้รอ และเป็นที่คุ้นเคยเพราะมาทานประจำแล้วรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนหยิบจับได้คล่องไม่ต้องเอยถามเจ้าบ้านเลย ชินพัตน์ก็นั่งยิ้มวันนี้จะได้กินข้าวแบบสบายใจได้สักที

“ไข่เจียวนี้ก็อร่อยนะคุณ ไม่ธรรมดาผมบอกเลย”ชินพัตน์นำเสนอเมนูแสนจะทำไม่ดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาแน่นอน

“ครับผมรู้”

“อืม อู้อ้ออินเออะๆอิ”ชินพัตน์ที่ข้าวเต็มปาก เพราะทั้งหิวแล้วก็อยากจะพูดในคราวเดียวกัน

“ค่อยๆกินครับ เดี๋ยวสำลักนะ” นนมนัฐเอืมมือมาหยิบเม็ดข้าวที่หลุดพ้นออกมาน้องริบฝีปากที่เอาแต่เคี้ยวตุ้ย ด้วยความอารมณ็ดี ทำให้เจริญอาหารทุกอย่างตรงหน้าดูจะอร่อยไปหมด ทั้งๆที่กินแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต

“ฮ่า อร่อยสุดๆ คุณก็ตักกินเข้าไปสิ นั่งมองอยู่ได้”ชินพัตน์กลืนคำแรก ก็พูดได้อย่างเดิมแถมชมไม่หยุดปาก แถมยังบังคับคนข้างกายให้รีบตักกินด้วย

“แนะยังจะมานั่งยิ้มอีก เอานี้กระเพราะลูกชินของโปรดผมเลยนะ”ชินพัตน์ตักผัดดกระเพราลูกชินใส่จานให้อีกฝ่าย พร้อมบอกเสร็จสับว่าเป็นขอโปรดตนเอง ยกยิ้มอย่างพอใจ

“ขอบคุณครับที่ แบ่งของโปรดมาให้ผม”นนทนัฐยกยิ้มแล้วตักข้าวเข้าปากตาม กระเพราลูกชิ้นก็เป็นของโปรดของเขาเหมือนกัน แต่ตอนนี้โปรดปรานเจ้าของลูกชิ้นมากขึ้นทุกวัน

“พ พูดมากน่ากินๆเข้าไปเหอะ ก็กับข้าวมีแค่ สองอย่าง ก็ต้องแบ่งๆกันสิ ชิ” ชินพัตน์พูดแก้เขินและตักกินเองไม่สนใจคนข้างอีก
.
.
.
“ผมล้างจานเอง ชินไปเก็บโต๊ะเถอะ”นนทนัฐยกจานทั้งหมดที่ไม่หลงเหลือแม้กระทั้งเศษอาหารเพราะทั้งคู่ช่วยกันจัดการเรียบร้อยหมด ป้าพรรู้คงดีใจที่ทำให้แล้วทานหมดเกลี้ยงแบบนี้

“อืม ได้”

“พรุ่งนี้คุณจะเปิดร้านไหม”

“ผมจะไปเฝ้ายายแทนพี่ผมนะ พี่ใหญ่จะกลับไปดูร้าน”

“อ้อ งั้นผมจะมาช่วยป้าพรกับจอยแทนเองนะ”

“เออ แล้วคุณไม่เปิดร้านเหรอ ปิดไปหลายวันลูกค้าหายหมดนะ”ชินพัตน์เกรงใจขึ้นมาทันที่เมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวว่าจะมาช่วยดูร้านให้

“ก็คงต้องปิดอีกสักวันคงไม่เป็นไร”

“เออ แต่ว่า”

“ไม่มีแต่ครับ ตกลงตามนี้นะครับ”

“อืม”ชินพัตน์ไม่อยากขัดใจอีกฝ่ายเลยเอออ้อตามนั้น แต่ก๊อกห่วงไม่ได้เพราะร้านของของตนเองลูกค้าประจำมีเยอะ แต่ร้านของชินพัตน์พึ่งเปิดได้ไม่นานเล่นมาปิดต่อเนื่องหลายวันแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ถ้าพรุ่งนี้ยายได้ออกจากโล่งพยาบาล แล้วพวกเราก็กลับมาเปิดร้านได้ปกติไงครับ อย่าคิดมากนะครับ” ชินพัตน์ก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ

“ผมว่าพวกเราต้อง ประกาศรับสมัครคนเพิ่มอย่างจริงๆจังๆแล้วล่ะครับ”

“นั้นสิครับ ถ้ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำพวกเราจะได้ไม่ต้องปิดร้านไปแบบนี้อีก”นนทนัฐพูดเสริม

“งั้นคืนนี้ผมจะออกแบบใบประกาศรับสมัครงาน แล้วทำออกมาเยอะเพื่อจะปิดประกาศไปให้ทั่วดีกว่า”ชินพัตน์เสนอ

“คุณนะ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี่ยวผมทำเอง พรุ่งนี้คุณต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้านะครับ”

“แต่ว่า ตอนนี้มันพึ่ง สองทุ่มเองผมว่าผมไปช่วยคุณคิดคำพูด ที่จะลงในประกาศแล้วก็คุณสมบัติต่างที่จะมาช่วยที่ร้านผม คุณรู้เหรอว่าจะพิมพ์ว่าอะไรบ้าง?” ชินพัตน์นึกได้เลยรีบแย้งเพื่อต้องการช่วยกันทำงานนี้

“โอเคครับ แต่ถ้ามันดึกเกินไปแล้วคุยต้องรีบเข้านอนนะครับ”

“ได้ๆ ผมว่าไม่ถึง 4 ทุ่มก็เสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันง่วงด้วยซ้ำเชื่อมือผมสิ”

“ครับๆ”

“งั้นรออะไร ไปลุยกันเลยสิ” ชินพัตน์ไม่พูดเปล่าเดินนำออกจากประตูหลังร้าน เพื่อเดินไปยังร้านของนนทนัฐโดยไม่ได้คิดอะไร แต่นนทนัฐยกยิ้มกับท่าที่ตลกๆแล้วก็คำพูดเหมือนตัวละครในหนัง

“อ้าว คุณมั่วแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ รีบๆเปิดประตูสิ งานจะเสร็จไหมวันนี้อ่ะ” ชินพัตน์ทำท่าท่างเหมือนลูกพี่สั่งลูกน้องให้รีบทำงานส่งให้เสร็จทันเวลา ดูน่าตลกจนอดขำไม่ได้

“เวลาคุณอารมณ์ดี คุณจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ฮึฮึ”นนทนัฐหัวเราะในรำคอ พยายามมจะไม่หัวเราะออกมา

“เออ ผมโอเวอร์ไปเหรอ แหะๆๆ เออ ก็ เป็นแบบนี้แหละ” ชินพัตน์ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจับสังเกตตนเองได้ เพราะเวลา รู้สึกสบายใจ รู้สึกสนุก ก็จะปล่อยตัว ทำท่าทางตลกๆ ทำเสียงเรียนแบบในละครมั้ง จนรู้สึกเก้อเขินเกาท้ายทอยไปมา ทำอะไรไม่ถูก

“ผมชอบที่คุณทำตัวตามสบาย เวลาที่อยู่กับผมแบบนี้ ผมรู้สึกว่าคุณเห็นผมเป็นคนสำคัญอีกคนในชีวิตคุณแล้ว ผมดีใจนะ” นนทนัฐส่งยิ้มอ่อนโยนส่งกลับไปหาคนที่ยืนฟังนิ่ง คิดไม่ว่าตนเองจะทำให้ดีใจได้มากขนาดนี้มาก่อน

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีมากขนาดไหน ในความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแบบนี้

“เข้าข้างในกันเถอะ ตรงนี้ยุงเยอะ”

“ก็คุณมั่วแต่ชวนผมคุยอ่ะ เดินนำไปสิ”ชินพัตน เหมือนสติจะหลุดออกจากร่าง เมือนเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของคนตรงหน้า แต่สติกลับเข้าร่าง เพราคำว่ายุง บินอยู่รอบๆต้วเยอะแยะไปหมด

“คุณยืนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมเดินไปเปิดไฟก่อน”นนทนัฐพาชินพัตน์มายืนนิ่งด้านหลังร้านที่เหมือนสนิท แต่เพราะด้วยความเคยชินนนทนัฐเลยเดินไปหาที่เปิดไฟได้อย่างรวดเร็ว แสงสว่างก็ทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นมาทันที  นนทนัฐเดินไปเปิดเครื่องคอม และหยิบกระดาษมาให้ชินพัตน์เขียน คุณสมบัติในการรับสมัครคนงาน ตัวเขาเองก็รองพิมพ์รายละเอียดคราวๆในโปรแกรม สำเร็จรูป

“คุณแบบนี้ ก็โอเคแล้วนะผมว่า”ชินพัตน์เอยขึ้นเมื่อเห็นงานใบประกาศของทั้ง สองร้านปริ้นออกมาดูตัวอย่าง ทั้งสองใบ

“อืม ผมก็ว่าดีนะ งั้นตกลงเอาตามนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมสั่งปริ้นออกมาสัก อย่างละร้อยแล้วกัน ไม่พอยังไงก็คอยมาปริ้มเอาใหม่เพิ่ม”

“งั้นเดี๋ยวผมชงโกโก้ร้อนให้นะ”ชินพัตน์ทำท่าจะลุกไปจากเก้าอี้ แต่โดนอีกฝ่ายคว้าเอาไว้ก่อน

“ชินครับ ไม่ต้องหรอก นี้ก็ดึกมากแล้วผมว่าคุณกลับไปนอนเถอะ”นนทนัฐยื้อให้อีกฝ่ายมานั่งแล้วหันไปดูนาฬิกาที่หน้าจอผม เกือบจะ4 ทุ่มแล้ว

“ก็งานยังไม่เสร็จ ผมจะหนีกลับไปนอนได้ไง”

“ก็เหลือแค่ปริ้นออกมาอย่างเดี่ยวเอง ผมทำเองได้ ชินกลับไปนอนเถอะครับ”

“ไม่ ผมจะช่วยเรียง ตั้ง 200 แผ่นคุณจัดคนเดียวไม่ไหวหรอกน่า “ชินพัตน์ดึงดันจะช่วย เพราะยังไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด

“โอเค ผมรู้แล้ว”นนทนัฐนึกเรื่องแกล้งคนรักให้รีบกลับห้องตัวเองได้แล้ว ทั้งที่จริงแล้วก็อยากใก้อยู่ด้วยกันนานๆก็ตามเถอะ

“รู้อะไรของคุณ สั่งปริ้นสิ ผมรออยู่”

“คุณอยากจะช่วยใช่ไหม”

“ก็ใช่สิ”

“งั้นบนห้องผม” นนทนัฐลุกจากเก้าอี้ แล้ววางแขนไว้ที่พักแขนของเก้าอี้ของชินพัตน์นั่ง เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายลุกหนีไปไหน

“ห ห้องคุณทำไม นี้!!!!!” ชินพัตน์เริ่มรู้สึกแปลกๆ

“คุณอยากไปช่วยทำความสะอาดที่ห้องของผมไหมล่ะ”

“มะ ไม่ก็ผมบอกแล้วว่าห้องคุณคุณก็ทำเองสิ ถอยออกไปเลยนะ” ชินพัตนดันให้อีกฝ่ายออกห่างเพราะทำท่าทางเจ้าเลห์ แผลเยอะกับเขาตลอด ชินพัตน์ลุกหนีออกไปจากเก้าอี้ได้แล้ว

“ก็เมื่อกี้คุณบอกอยากจะช่วยอยู่เลยนี้ครับ ทำไมเปลี่ยนใจเร็วจัง” นนทนัฐก็เอาแต่เดินตาม

“ไม่ช่วยแล้วก็ได้ ผมจะกลับร้านแล้ว” ชินพัตน์เหมือนโดนจ้องจะจับกินจากหมีตัวโตที่ก่อนเคยเป็นตุ๊กตามีตัวอ้วนกอดแล้วอบอุ่น แต่กลับเป็นหมีเจ้าเล่ห์จ้องจะจับ เข้ากินได้ทุกเวลาแบบนี้ได้ยังไงกันนะ

“ชิน เดี๋ยวก่อนครับ “นนทนัฐรับไปคว้าตัวคนที่ทำท่าจะวิ่งนี้ มากอดไว้จากด้านหลัง

“ปล่อยเลยนะ ปล่อยสิ!!!” ชินพัตน์ตกใจนึกว่าจะหลบพ้นแล้วซะอีก

“ชูววววว ผมขอโทษผมแค่แกล้งคุณเล่นเฉยๆ ก็คุณไม่ยอมกลับไปนอน “นนทนัฐพูดเสียงเบา โยกตัวอีกฝ่ายเหมือนปลอบโยน

“นี้คุณแกล้งผมเหรอ?!!!” ชินพัตน์รู้ว่าตนเองโดนแกล้งอีกแล้วก็หันมาทำหน้ายักใส่ แล้วก็ทุบอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ

“โอ้ย ชิน ผมเจ็บนะครับ ทำไมแฟนผมมือหนักจัง “นนทนัฐโอดครวญแล้วคว้ามืออีกฝ่ายไว้

“ก็คุณ ชอบแกล้งผมทำไมล่ะ”

“ขอโทษครับผมขอโทษ อย่างอนผมเลยนะครับ”

“ผมไม่ได้งอนเหอะ” ชินพัตน์พูดสวนแต่ท่าทางตรงกับข้ามมองค้อนแล้วหันหน้าหนีทันที่

“ครับๆ ไม่ได้งอนก็ดีแล้วครับ ดึกแล้วนะไปนอนเถอะครับ”

“ก็ปล่อยมือผมสักที่สิ”ชินพัตน์ก้มมองมือตนเองที่ยังโอนอีกฝ่ายจับไว้แน่น

“ฝันดีนะครับ”นนทนัฐดึกอีกฝ่ายเข้ามาหอมแก้ม พร้อมดีดตัวหนีกำปั้นที่จะตามกลับมา

“ฝากไว้ก่อนเถอะนะ”ชินพัตน์ตาโตเอามือกุมแก้มที่โดนขโมย และชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างฆ่าโทษ

“รีบๆมาหอมแก้มผมคืนนะครับ ผมรออยู่” นนทนัฐทำท่าหลบอยู่หลังตู้เย็นโผล่หน้าออกมาดู
ชินพัตน์ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เดินกลับบ้านของตนเอง ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่โกรธ โมโห อะไรทั้งนั้น มันคือความสุขเล็กที่พวกเขาจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะไม่มากจนเกินไป แต่ก็ไม่น้อยเกินกว่าจะเลื่อนขั้นไปได้เร็ว พัฒนาการของความรักที่ค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยภายในจิตใจ

แบบนี้เขาเรียกว่าความรัก รู้สึกดีทุกครั้งที่อีกฝ่ายสัมผัส แต่ถ้ามากไปกว่านี้คงยังเร็วเกินไป

ขอให้ความรักครั้งนี้เข็มแข็งและยังยืน และเดินเคียงข้างกันไปแบบนี้

และเมื่อวันที่เราสองคนพร้อมจะเป็นหนึ่งเดียว


 ความรักจะเป็นสิ่งที่จะบอกพวกเรา









 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:


  ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
ขอโทษคนอ่านทุกคนนะคะ ที่เงียบหายไปนานหลายวัน
ทำงานหลายอย่าง ยุ่งมากจนไม่มีเวลามาลงนิยายเพิ่ม
วันนี้ พิเศษให้นะคะ ประมาณ 4 ทุ่มจะมาลงตอนที่ 68 ให้อ่านกันต่อเนื่องเลยจ้า

 :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
 
 ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านนิยายของมินมินนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ


ฝากเพจด้วยนะคะ 


     https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99/867601116640024   





ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:



                                         เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 68

      ชินพัตน์เตรียมตัวไปที่โรงพยาบาลแต่เช้า ก่อนออกมาจากร้านก็เจอหน้าคนที่ทำให้ตนเองนอนไปหลับ กว่าจะสงบจิตใจได้ก็ปาเข้าไปเกือบๆเที่ยงคืน  ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุกับยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แถมยังยกใบประกาศรับสมัครงานมาปึกใหญ่ ส่งให้ทั้งป้าพรและจอยช่วยกันดู

“คุณจะไปโรงพยาบาลแล้วเหรอ”

“อืม”

“รีบไปรีบกลับนะครับ คิดถึง” นนทนัฐมองซ้ายมองขวาก้มกระซิบให้คุณเจ้าของร้านได้ยิ้มเพียงคนเดียว

“ร รู้แล้วน่า “ชินพัตน์รีบผละตัวออกห่าง นึกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมากกว่านั้นซะอีก อุณหภูมิของอีกฝ่ายยังคงหลงเหลือ ถึงแม้จะขยับหนีมือไปไม่ไกล แต่ยังคงทำให้ชินพัตน์รู้สึกร้อนหน้าไปหมด จนต้องรีบเดินหนีไปขึ้นรถ

   นนทนัฐเห็นคนรักเขินก็ยิ้มชอบใจ เดินตามไปส่งขึ้นรถ แต่ก็ไม่วายโดนอีกว่าดุเข้าให้ว่าจะตามออกมาทำไม เข้าไปช่วยงานป้าพรกับจอย นนทนัฐเลยทำได้แต่ โบกมือบาย แล้วก็พูดไม่มีเสียง ช้าๆ  ให้ชินพัตน์เห็นและเข้าใจเพียงคนเดียว


ผม รัก คุณ นะ


ชินพัตน์เข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายสื่อสารมาได้อย่างดี แต่ทำเป็นแลบลิ้น ปลิ้นตาใส่อีกฝ่าย แล้วยกไม้ยกมือไล้อีกฝ่ายให้กลับเข้าไปทำงาน แล้วก็รีบขับรถออกไป แต่ก็ยังแอบมองจากกระจงมองข้าง ว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่ไหม
ยังจะมายืนโบกมืออยู่ได้


ชินพัตน์ก็เอาแต่สายหน้าไปมา แต่ปากยิ้มไม่หุบไม่อยากจะเชื่อว่าคนคนจะทำให้เขายิ้มได้อย่างมีความสุขแบบนี้


     ชินพัตน์ขับรถมาถึงโรงพยาบาล แล้วก็เจอพี่ชายที่ลานจอดรถพอดี ได้พูดคุยกันเรื่องอาการของยาย แล้วก็เรื่องต้นกล้าเล็กน้อย ก่อนที่นพคุณจะรีบขอตัวไปดูร้านเพราะไม่ได้เข้าไปดูเลยจะไม่ดี ชินพัตน์ก็เห็นด้วยกับพี่ชาย ถึงแม้เพื่อนอย่างพี่แมน จะรู้จักกันมานานก็ใช่ว่า จะให้พี่แมนดูแลคนเดียวทั้งหมดมันก็เกินหน้าทีของเขาเกินไป

“พี่ฝากดูยาย กับต้นด้วยนะ พี่จัดการเรื่องที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่จะรีบมา”นพคุณตีบ่าน้องชายเบา

“ได้พี่ ไม่ต้องห่วง รีบไปเถอะพี่” นนพคุณก็รีบขึ้นรถและขับกลับไปที่ร้านตนเอง

“ต้นยายเป็นไงบ้าง”

“อ้าวพี่ชิน มาแล้วเหรอครับ มาทันเจอพี่เขาหรือเปล่า พึ่งลงไปได้ซักพัก”

“เจอกันแล้วล่ะ อาการยายเป็นไงบ้าง”

“คุณพยาบาล บอกว่าตอน 09.00 โมงคุณมองจะมาดูอาการอีกครั้ง ถึงจะบอกได้ว่ายายสามารถกลับบ้านได้หรือยังครับ”

“งั้นเหรอ แล้วต้นทานมื้อเช้าหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรมาให้กินนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวต้นรอยายตื่นก่อน หาข้าวหายาให้ยายกินก่อนแล้วต้นค่อยไปหาอะไรทานเองครับ”

“เอาน่า ไม่รู้ว่ายายจะตื่น ตอนไหน จะหิ้วท้องรอทำไม ที่สำคัญ พี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกัน รีบมาจนลืมกิน ปานนี้ป้าพรบ่นพี่ใหญ่แล้วล่ะ”

“ ฮึฮึ เหรอครับ งั้นเดี๋ยวต้นลงไปซื้อให้เองนะครับ พี่ชินรออยู่ข้างบน เฝ้ายายแทนผมหน่อย ผมยากไปซื้อของใช้เพิ่มนะครับ”

“ซื้ออะไร? เดี๋ยวพี่ให้ไปซื้อเอง ต้นอยู่กลับยายเถอะ พอยายตื่นมาไม่เจอจะต้น จะร้องไห้งอแง เอาน่า ฮ่าๆๆ “ ชินพัตน์อยากจะให้ต้นกล้าได้สนุกสดใสเหมือนแต่ก่อน เลยแกล้งคุยตลกให้อีกฝ่ายขำ

“ฮ่าๆ ยายไม่งอแงหรอกครับ “

“งั้นก็ตามนี้ ต้นอยากได้อะไร จดใส่กระดาษมาเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ แล้วมีอะไรที่ยายอยากทานไหม มีอะไรที่หมดห้ามไม่ให้ทานบ้างหรือเปล่า”เพราะชินพัตน์อยากจะซื้อพวกของบำรุงมาให้ยาย ทานแล้วก็ซื้อกลับไปที่บ้านสวนด้วยเลยที่เดียว

“ไม่มีครับ ทานได้ปกติ แต่พี่ชินอย่าซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยนะครับ ของเยี่ยมของคุณลงคุณป้า ป้าพรกับจอยก็เยอะแยะไปหมดแล้วครับ”

“ได้ๆ งั้นเอารายการของต้นมา เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาซื้อเอาที่แถวๆที่ฝึกงานก็ได้ครับ เหมือเวลาอีกตั้งหลายวัน”

“ซื้ออะไรมั้งเหรอ?” ชินพัตน์สงสัย

“เอ๊ะ เออ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่เสื้อผ้าเตรียมๆไว้แค่นั้นเองครับ”ต้นกล้ายิ้มเจื่อน เพราะตัวเองแถบจะไม่มีเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการเลย มีแต่ชุดนักศึกษาเท่านั้นเอง จะใช่ชุดนึกศึกษาฝึกงานตลอดก็คงไม่ไหว อยากจะหาเสื้อเชิ้ตกางเกงผ้าที่ใช่เข้าในที่ทำงานไปฝึกงานแล้วจะได้ไม่ทำให้เสียชื่อสถาบัน แต่ก็ยังไม่มีเวลา แล้วเงินทำงานพิเศษก็ยังไม่ออก หยุกงานแบบนี้ก็ยังไม่ได้บอกลา  ต้นกล้าเริ่มคิดหนักขึ้นมาอีกครั้ง

   จนทำให้ชินพัตน์ที่จะลองเกริ่นถามเรื่องฝึกงาน เลยต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน หาข้าวทานกันให้อิ่มท้อง น่าจะอารมร์ดีแล้วค่อยถามเรื่องเรียน เรื่องไปฝึกงาน ที่ไหน เมื่อไร อีกที  ก็ได้แต่ตอบรับแล้วก็รีบออกไปหาซื้อมื้อเช้ามาทานด้วยกัน
.
.
.
กลับเข้ามายายก็ตื่นขึ้นมาพอดี ต้นกล้ากำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้กลับยาย รถส่งอาหารของคนไข้ก็เข้ามาส่งพอดีเช่นกัน ยายก็ทานข้าวของที่โรงพยาบาลจัดให้ ต้นกล้าและชินพัตน์ก็ทานอาหารที่ไปสรรหาซื้อมาจากโรงอาหารภายในโรงพยาบาล  เป็นจังหวะที่ นางพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการของยายก็เลยถามเรื่องอาการ และเรื่องอาหารที่งดทานมีอะไรบ้างหรือเปล่า

“ไม่มีค่ะ แค่คอยระวังเรื่อง หวานจัด เข็มจัด เผ็ดจัด ให้ทานผักผลไม้เยอะๆนะคะ จะได้ไม่ป่วยแล้วก็ไม่มีโรงแทรกซ่อน แล้วก็โรคคนแก่ ทั้งเบาหวาน ความดัน ปวดเข่า สายตาก็ต้องระวังนะ แต่ดูแล้วรวมๆยายก็สายตาดี กว่าคนวัยเดียวกันนะ” พยาบาลทิ้งคำชมไว้ให้ยายและหลานได้ยิ้ม เพราะทั้งบ้านทานแต่ผักผลไม่ที่ปลูกเองทั้งนั้น
 
      ช่วงสายคุณหมอก็เข้ามาตัวดูอาการของยายอีกครั้ง แล้วก็ผลออกมาเป็นไปในทางที่ดี หมอบอกให้นอนพักอีกซักคืนก็ได้ หรือถ้าอยากกลับก็กลับได้เช่นกัน ทำให้ทั้งยายยกยิ้มดีใจที่จะได้กลับไปบ้านสวนแล้ว แต่ก่อนกลับ พยาบาลก็เข้ามาอธิบาย วิธีการดูแลรักษาแขนด้านที่มีเฝือกออกอยู่ ทั้งต้นกล้าและชินพัตน์ก็ตั้งใจฟัง เพราะหลังจากนี้ต้องเป็นหน้าที่หลักของพวกเขาแล้ว

“ยายจ้าดีใจไหมจะได้กลับบ้านแล้ว” ต้นกล้ากอดเอวยายอย่าประจบยิ้มล้าเมื่อรู้ว่ายายหายดีจนกลับบ้านได้แล้ว

“จ้า ไม่รู้ว่าผักจะเป็นไงบ้าง ไม่ได้ลดน้ำซะหลายวัน” ยายอดห่วงพืชผักที่สวนไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงครับยาย เมื่อวานผมกับนนท์ไปลดน้ำต้นไม้ให้แล้วครับ ทั้งสวนเลย แถมกวาดใบไม้ให้ด้วยนะครับ หล่นเต็มหน้าบ้านเลย”

“ขอบใจจ้าพ่อหนุ่ม”

“งั้นเดี๋ยวผมไปคุยกับทางโรงพยาบาลเรื่องคุณยายจะออกจากโรงพยาบาลนะครับ”

“จ้า ขอบใจมาก”

“พี่ชิน ต้นไปด้วย”

“ไม่ต้องไป ต้นช่วยยายเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ พี่คุยธุระแปบเดี่ยวจะได้กลับมารับ ยายกับต้นพอดีไง” ชินพัตน์ตัดบท เพราะรู้ว่าต้นกล้าคงรู้เรืองที่เข้าจะไปจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับทางโรงพยาบาล เลยสั่งให้ต้นกล้าอยู่กับยายแทน

“แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่ ไปเร็วพายายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ชุดยายอยู่ในถุงนะ” ชินพัตน์รีบออกมาจากห้องก่อนที่ต้นกล้าจะตามมาและปฎิเสธของที่เข้าเตรียมไว้ให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ของยาย เพราะอยากให้ยายได้เจอสิ่งดีๆสิ่งใหม่ ๆ เมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล

     พอจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็โทรบอกพี่ชายและพ่อกับแม่ทันที่ ครั้งนี้เขาจะไม่ผิดพลาดอีก รู้ว่าครั้งที่แล้วพ่อกับแม้โกรธเขามากๆที่ไม่รีบโทรบอก แต่เมื่อรู้ว่า ตัวเขาเองก็เกือบสติหลุด เมื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนั้น จนไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง พ่อกับแม่ของเขาเลยไม่ได้ต่อว่าอะไร

“แม่ครับ ยายออกจากโรงพยาบาลวันนี้ครับ”

(“อ้าวเหรอตาชิน ดีจังหมอบอกว่าอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมลูก”)

“ครับ ยายดูเป็นปกติดีแล้วครับ เหลือเพียงดูแลเรื่องแขนที่เข้าเฝือกอ่อนไว้ให้ดีๆนะครับ”

(“ฝากบอกยายด้วยนะลูก เดี๋ยวถ้าแม่ว่างๆจะไปเยี่ยมนะ”)

“ครับแม่ “ผู้เป็นแม่ก็ว่างสายไป แต่ชินพัตน์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าจะถามเรื่องของพี่ชาย ว่ามีปัญหารอะไรกับแม่ของตนเองหรือเปล่า แต่ผู้เป็นแม่ก็ว่างสายไปก่อนซะแล้ว

เอาไว้ค่อยถามที่หลังแล้วกัน

ชินพัตน์คิดได้แบบนั้น เลยรีบโทรบอกพี่ชาย ว่าถ้ากลับมาก็มาเจอกันที่บ้านสวนเลย เพราะยายกลับบ้านแล้ว ทำให้พี่ชายดูจะดีใจออกนอกหน้า แต่พอคุยไปสักพักก็ทำเสียหง่อยๆ ถามว่าคุยกับต้นกล้าเรื่องวันไปฝึกงานแล้วหรือยัง ชอนพัตน์ก็เลยเล่นมุก กลับไปบ้าง

“พี่ก็กลับมาถามเจ้าตัวเองสิ แบร่” แล้วชิ่งว่างสายหนีพี่ชายทันที่

เพื่อที่จะโทรบอกคนที่ร้านและคนสำคัญอีกคน ที่ตอนนี้ก็อด จะใช้คำว่าเป็นห่วงไม่ได้แล้ว
ต้องใช้คำว่าคิดถึง เอามากๆเลยตอนนี้
ทำอะไรอยู่นะ

“นนท์ ยายออกจากโรงพยาบาลวันนี้และ ฝากบอกป้ากับจอยด้วยนะ”

(“ดีจัง ยายกับต้นคงดีใจมากๆเลย ให้ผมไปช่วยไหม”)

“คุณจะมาช่วยอะไร อยู่ทำงานที่โน่นนั้นแหละ  เอ่อ แล้วเป็นไงบ้าง?”

(“อะไรครับ อะไรเป็นไง?”)นนทนัฐถามกลับอย่างงง

“เออ ก็คนที่ร้านไง ลูกค้าเยอะหรือเปล่า “ ชินพัตน์เกือบเผลอถามว่าคนปลายสายนั้นแหละเป็นยังไงบ้าง เหนื่อหรือเปล่า แต่ก็ทำเป็นถามเรื่องอื่นแทน

“เยอะครับ ผมต้องมาช่วยจอย ย่างลูกชิ้น ลูกค้ามาซื้อลูกชิ้นปิ้งเยอะมาเลยครับวันนี้ จากร้านเสริมสวย ร้านนวดแผนโบราน เยอะแยะไม่หมดเลยครับ”นนทนัฐพูดอธิบายโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ชินพัตน์จำลูกค้าแถวนั้นได้ทุกคน แล้วสาวๆในร้านแถวนั้นก็คงแวะมาซื้อเยอะเลยสินะ

“เหรอออออ ชอบเลยสิ ลูกค้าสาวๆทั้งนั้นเลยนี้”

“ครับ ลูกค้าซื้อไปแล้ว ก็วนกลับมาซื้ออีกครับ บอกว่าลูกชิ้นอร่อยมากๆเลย”นนทนัฐก็พาซื่อตอบกลับไปว่าตนเองช่วยขายลูกค้าติดใจ วกกลับมาซื้ออีก จนขายแถบไม่ทัน

แต่ชินพัตน์รู้ว่า สาวๆเหล่านั้นทำไมถึงแห่มาซื้อเฉพาะวันนี้

ไม่รู้โมโหอะไร อยากกลับไปที่ร้านเดี่ยวนั้น แต่ติดตรงที่ต้องไปส่งยายกลับต้นกล้าที่บ้านสวนก่อน

ชินพัตน์ไม่รู้ตัวกดวางสายไปซะแบบนั้น เพราะรู้สึกว่าตนเองทำอะไรไม่ได้เลย

หงุดหงิดอะไรหว่า?????

ตลอดทางเดินกลับมาหาต้นกล้ากับยาย ก็ถามตนเองในใจมาตลอด

“ยายครับ ต้นไปกลับกันเถอะพี่คุยธุระเรียบร้อยแล้ว”

“จ้าจ๊ะ” ยาตอบรับเสียงใส พร้อมกับอยู่ในชุดผ้าไหมอย่างดี

“พี่ต้น เออ แล้วเรื่องค่าใช่ …..”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกต้น พี่จัดการหมดแล้ว ถ้าต้นอยากตอบแทนนะ ต้นกลับไปตั้งใจเรียน ต้องใจฝึกงานแล้วรีบกลับมาหายาย ดูแลยาย แค่นี้ทำได้หรือเปล่า หืม” ชินพัตน์เห็นต้นกล้าทำสีหน้ากังวลเรื่องการเงิน เลยพูดให้ต้นกล้าคิดเรื่องกลับไปใจตั้งเรียน แล้วเรื่องจะตอบแทนเอาไว้หลังจากนั้นก็คงไม่สาย

“เข้าใจครับ” ต้นกล้ากลืนก้อนสะอืนและพยายามกลั้นน้ำตา เพราะสัญญาไว้แล้วว่าหลังจากนี้ไปจะไม่ร้องไห้อีก จะร้องไห้เพราะความดีใจ ที่จะเอาใบปริญญามาฝากให้ยายและทุกๆ คนที่ดีกับเขาขนาดนี้
ต้นกล้า ยกมือไหว้ชินพัตน์เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำได้ตอนนี้

ชินพัตน์รับไหว้จากน้อง แล้วก็กอดปลอบ หลังจากทุกคนเจอเรื่องร้ายๆที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดกับยาย แต่ตอนนี้ก็ผ่านทุกสิ่งไปได้แล้ว หลังจากนี้ต่างหากจะ ปฏิบัติตนและดูแลกันอย่างไรไม่ให้เกเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก
ไม่ว่าจะเป็นใคร คนในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือแม้กระทั้งลูกค้า ก็ไม่อยากจะให้ใครๆ ต้องเจอเรื่อง เจ็บปวดหรือป่วยไข้ เพราะมันทำให้ทุกกคนเป็นทุกข์ คนรอบๆข้างก็เป็นทุกข์

  ชินพัตน์ขับรถพายายมาที่บ้านสวน นพคุณก็โทรหาตอดทาง โทรเข้าเครื่องชินพัตน์บ้าง โทรเข้าเครื่องต้นกล้าบ้าง ถามโน่นนี้ไปเรื่อย ทั้งๆที่อีกไม่นานเดี่ยวตนเองก็จะต้องมาแล้วจะโทรถามให้มากความทำไมกันนะ จนชินพัตน์ต้องดุพี่สาย

“พี่รีบเคลียงานให้เสร็จ แล้วก็รีบมาสิ ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ” ชินพัตน์ตัดสายโทรศัพท์ ที่แย่งมาจากมือต้นกล้า ทำให้ผู้เป็นหลานและยาย ต่างพากันหัวเราะ ชอบใจพี่น้องแกล้งกันเหมือนเด็กๆ

“เดี๋ยวยายนั่งพักตรงนี้นะครับ หรือจะเอนหลังดี เดี่ยวต้นปูเสื่อให้”

“ไม่ต้องหรอก ยายนั่งคุยกับพี่เขาดีกว่านอนมาเยอะแล้ว” ยายพูดติดตลก ทำให้หลานชายยิ้มได้อย่างสบายใจ

“งั้นต้นไปหุงข้าวนะครับ พี่ชินเดี่ยวต้น ทำต้มจืดตำลึงให้กินนะครับ “ ต้นกล้าอาสาจะทำกับข้าวมือเย็น

“ให้พี่ช่วยอะไรไหม”

“ช่วยนั่งคุยเป็นเพื่อนยายเถอะครับ”

    ชินพัตน์พยักหน้าเข้าใจ นั่งคุยเป็นเพื่อนยายแล้วลอง เชิงถามยายเรื่องที่ต้นกล้าจะไปฝึกงาน ยายพอจะรู้ลายละเอียดหรือเปล่า ยายก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน ชินพัตน์เลยหันไปชวนคุยเรื่องอื่นแทน
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก จากเครื่องของต้นกล้า ชินพัตน์ทำท่าโมโหคิว่าคงเป็นพี่ชาย ตนเองโทรมาหาต้นกล้าอีกแล้วแน่ๆ เลยแกล้งรับสายทำเสียงล้อเลียน

“ฮัลโล ตอนนี้ต้นไม่ว่างครับ ต้นเข้าครัวทำกับข้าวให้ใครบ้างคน รีบกลับมากินอยุ่”

(“ต้นไม่ว่างรับสายเหรอครับ”)พอชินพัตน์ได้ยินเสียงตอบกับมาเลยรีบดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ไม่ใช่เบอร์พี่ชายของตนเอง แล้วใครโทรมา

ต้องเป็นเพื่อนต้นกล้าแน่

“เออ ขอโทรครับ พอดีต้นกำลังทำธุระอยู่ครับ พี่ เออ ผมเลยรับสายแทนให้ครับ “

(“ใช่พี่ใหญ่หรือเปล่าครับ”)

“ไม่ใช่ครับ เออน้องรู้จักพี่ของพี่ด้วยเหรอ? เออพี่คนที่ชื่อใหญ่นะ น้องรู้จักด้วยเหรอ?”

(“ครับ พี่เขาเคยรับโทรศัพท์แทนต้นกล้าครับ ผมเลยรู้จักพี่เขาครับ”)

“อ้อ แล้วน้องโทรมามีเรื่องด้วยอะไรไหม เดี๋ยวพี่ตามต้นมารับสายให้นะ”

“อ้อ เปล่าครับผมจะโทรมาถามเรื่อง อาการของยายนะครับเป็นยังไงบ้าง เพราะผมบอกอาจารย์ที่มหาลัยว่าต้นติดธุระเรื่องยายเข้าโรงพยาบาลไว้นะครับ เพราะมันเลยช่วงส่งเอกสารที่ฝึกงานแล้วนะครับ ผมเลยไปจัดการทำเรื่องให้ต้นทั้งหมดนะครับ”

“อ้อ ขอบใจแทนต้นด้วยนะ ยายสบายดีแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้ครับ”

(“เหรอครับดีจัง ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมกลัวว่าต้นจะเป็นห่วงยายจนไม่มา ฝึกงานะครับ อาจารย์ก็เป็นห่วงเหมือนกันครับ”)

“เออ จริงสิ พี่มีเรื่องจะถามน้อง  เออแล้วน้องชื่ออะไรพี่จะได้เรียกถูก พี่ชื่อ พี่ชินพัตน์ เรียกพี่ชินเหมือนต้นก็ได้”

(“ครับ ผมชื่อหม่อนครับ จะถามเรื่องอะไรเหรอครับพี่”)

“เริ่มไปฝึกงานวันไหนเหรอ”

(“ ต้นเดือนหน้าครับ แต่ปลายเดือนนี้ต้องจัดการเรื่องเอกสารส่งให้ทางมหาลัยให้เรียบร้อยนะครับ อาจารย์เขาก็รอต้นอยู่ครับ เหลือต้นคนเดี่ยว เพราะผมก็ได้แค่บอกอาจารย์ให้รู้เรื่องต้น มีเรื่องจำเป็นยังมาเสนองานกับพวกอาจารย์ไม่ได้”)

“อ้อ แล้วที่พวกน้องไปฝึกงานอยู่ที่ไหนเหรอ ไกลมากไหม”

(“ก็บริษัท เอ นะครับ อยู่แถวๆรังสิตนะครับ”)

“อ้อ แล้วไปฝึกแล้วมีที่พักกันแล้วเหรอ”

(“อ้อ ผมไปพักอยู่บ้านพี่ชายผมเองครับ เลยไม่ต้องเสียค่าเช้าหอครับ “)

“แล้วจะไม่รบกวนพี่เขาเหรอให้เพื่อนไปค้างด้วยตั้งหลายวันแบบนั้นนะ”ชินพัตน์อดเป็นห่วงไม่ได้เรื่องที่พัก

(“พี่ชายผมเขาซื้อบ้านไว้หลังใหญ่มากๆเลยครับ ไม่เป็นการรบกวนเลย แล้วพี่ชายผมก็ทำงานอยู่ที่บริษัทที่พวกผมจะไปฝึกงานด้วยครับ การเดินทางก็สะดวก”)หม่อนอธิบายอย่างออกรสออกจะภูมิใจในตัวพี่ชายที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กอยู่บ้านติดกัน โตมาก็ยังติดต่อกันตลอด ถึงแม้อีกฝ่ายจะย้ายบ้านมาอยู่รังสิตแล้วก็ตาม

“อ้อ พี่เข้าใจแล้วขอบใจหม่อนมากนะ ที่ตอบคำถามพี่”

(“ไม่เป็นไรครับ เพราะรายละเอียดพวกเนี้ยผมก็ตั้งใจจะมาเล่าให้ต้นกล้าฟังพอดี”)

“อ้าว ต้นเองก็ยังไม่รู้เหรอ”

(“ครับ เพราะต้นบอกว่าจะหาที่ฝึกงานเอง หาแถวใกล้ๆบ้าน แต่จนใกล้กำหนดส่งเอกสารให้ทางมหาลัย ต้นก็ยังหาไม่ได้ ผมเป็นชวนต้นมาฝึกด้วยกันครับ”)

“อืม ขอบใจหม่นมากๆเลยนะ ดีใจแทนต้นกล้ามีเพื่อนดีๆแบบนี้ “

(“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ต้นก็ช่วยเหลือผมมาตั้งหลายอย่างครับ ผมเลยอยากช่วยเพื่อนบ้าง”)

“เออ หม่อน มีอีกเรื่องที่พี่สงสัย”

(“อะไรครับ “)

“ที่ฝึกงาน เขาให้แต่ตัวแบบไหนเหรอ “ชินพัตน์นึกถึงเรื่องที่ต้นกล้าบอกอยากจะซื้อเสื้อผ้าเพื่อจะใส่ไปฝึกงาน

(“ก็ชุดนักศึกษา หรือไหมก็เสื่อใส่ทำงานในออฟฟิศให้ดูเรียบร้อยๆนะครับ พี่ชินสงสัยอะไรเหรอครับ?”)หม่อนก็อธิบาย ตามที่เอกสารระบุระเบียบในการเข้ามาฝึกงานให้ ชินพัตน์ฟัง

“ขอบใจมาก พี่แค่อยากรู้ว่าเหมือนกันกับที่ตอนพี่ฝึกหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

(“อ้อครับ งั้นผมฝากบอกต้นด้วยนะครับ “)

“ได้ๆ วันหลังว่างๆแวะมาที่นี้บ้างสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงลูกชิ้นที่อร่อยที่สุดในย่านนี้” ชินพัตน์ได้ที่ก็ไม่วายขายของจนได้เหมือนคุยถูกคอกับหม่อนมากๆ

(“ครับ คงต้องรอหลังฝึกงานครับ ผมจะแวะไปเยี่ยมยายที่บ้านด้วยครับ”)

“ยังไงก็ขอบใจมากนะ “

(“ไม่เป็นไรครับ”)

“กับข้าวเสร็จแล้ครับ”ต้นกล้าที่เดินออกมาจากครัวบอกทุกคนว่ามื้อเย็นพร้อมทานได้แล้ว  และเสียงของต้นกล้าก็เข้าไปในสาย ทำให่หม่อนได้ยินเสียงเพื่อนด้วย

“อ้าวต้นมาพอดี เพื่อนเราชื่อหม่อนโทรมานะ แหะๆพี่คุยด้วยซะตั้งนาน”ชินพัตน์ตอบเขินๆ ยึดโทรศัพท์มาคุยซะนานเลย

“ขอบคุณครับ”ต้นกล้าเดินมารับสายเพื่อนแล้วเดินลงไปคุยด้านล่าง

  ส่วนชินพัตน์ก็เป็นคนเข้าไปจัดสำหรับมื้อเย็นออกมาแทน ตั้งสำรับกับข้าวแล้วก็ดูยาให้กับยายว่ามีก่อนหรือหลังอาหารหรือเปล่า เพราะเห็นต้นกล้าทำแบบนี้ประจำ ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถของพี่ชายเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่เห็นวีแววว่าจะขึ้นมาสักที่ คนที่นั่งรออยู่หน้าอาหารที่มีกลิ่นหอมๆ ยั่วน้ำลายก็กลืนน้ำลายไปหลายอึก หันไปมองยายที่ ชะเง้อมองไปที่บันได ก็ยังไม่ขึ้นมาทั้งคู่เลยตัดสินใจเดินออกมาตาม แต่ก็ต้องชะงักเท้าเพราะสิ่งที่ชินพัตน์เห็น ทั้งตกใจ แปลกใจ

ทำไหมพี่ชายของเขาถึงกอดต้นกล้าแบบนั้นล่ะ

แถมยังกำลังจะพยายามจูบน้องด้วย

เอาไงดีว่าชินพัตน์ จะเข้าไปช่วยน้อง

หรือจะปล่อยให้พี่ชายตัวเองทำเรื่องแปลกๆ?
.
.
.
.
.
หรือว่า พี่ใหญ่จะ……จะ
.
.
ชอบ
.
.
ต้นกล้า?




     
   ก่อนหน้านี้นพคุณอยู่ร้าน เช็คยอดสินค้าเข้าร้านที่แมนช่วยจัดการทำลงสมุดบัญชีไว้ให้ เขาก็เพียงแต่เช็คความเรียบร้อยแล้ว ก็ตรวจลูกชิ้นที่รับเข้ามาเพิ่มพอใช้ขายสำหรับ 1 อาทิตย์ไหม และก็พูดคุยกับแมนว่าช่วงนี้อาจจะต้องพึ่งเพื่อนคนนี้ไปพักใหญ่ๆเลย จนกว่าแขนยายจะหายดี แมนก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะทำงานช่วยเหลือกันมาตลอด ถ้านพคุณมีงานที่ต้องกลับไปช่วยที่ร้านใหญ่ให้กับคุณลุงคุณป้า เขาก็รับหน้าที่ช่วยดูแลแทนตลอด 

“ขอบใจมากเพื่อน มันมีเรื่องต้องไปทำนะ ยังไงก็ฝากที่นี้ไว้หน่อยนะ “นพคุณนั่งคุยกับแมน หลังจากทำงานเอกสารและตรวจดูร้าน แล้วก็ได้พูดคุยกับลูกน้องในร้านบ้าง

“เฮ้ย มาขอบอกขอบใจอะไรกัน ฉันก็ช่วยนายดูร้านแทนนายประจำ เวลานายไปทำธุระให้ร้านของป้า แล้วที่สำคัญนายกลับมาที่ร้านต้องมีของมาฝากลูกๆฉันตลอด แค่นี้ก็เกินพอแล้วเพื่อน” แมนตบบ่านพคุณเบาๆ เพราะแมนเองก็ต้องตอบแทนให้นพคุณในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ช่วยกันมาทำงานที่นี้ ให้ที่อยู่กับเพื่อนอย่างเขาที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย

“แต่ฉันก็ยังขอบใจนายมากอยู่ดีนั้นแหละ เพราะช่วงนี้ฉันอาจจะไม่ได้เข้ามาที่ร้านนี้ ทุกวันนะ”

“ไม่ต้องห่วงเชื่อมือฉันได้ แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่ร้านใหญ่?”

“ไม่ใช่ที่ร้านหรอก เป็นเรื่องของฉันเองนะต้องดูแลเองนะ”

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพื่อน มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะเว้ย”แมนยังไม่รู้ว่าเพื่อนมีปัญหาอะไร แต่ก็อยากจะช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้

“มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องทำมันเองทั้งหมดว่ะเพื่อน สิ่งที่อยากรบกวนนายก็มีแค่ดูแลร้านนี้แทนฉันไปก่อน จนกว่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างลงตัวนะ”

“งั้นเหรอ ได้สิฉันจะดูแลทุกอย่างแทนนายเองนะ ไม่ต้องห่วงเพื่อน”

   นพคุณได้ปรับทุกถึงแม้จะไม่ได้พูดเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสนิทอย่างแมนฟัง แต่ก็สบายใจเรื่องที่ร้านนี้ไปอย่างหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูแลยาย แล้วก็ต้นกล้าที่ต้องไปฝึกงาน เมื่อไร ที่ไหน และที่สำคัญมันนานมากกับการที่จะไม่ได้เจอหน้ากันแบบนี้ นพคุณไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาทำให้ตนเองคิดมาก ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ เป็นเสาหลักให้กับต้นกล้า และดูแลยายให้ดีที่สุดก็น่าจะเพียงพอ เรื่องความรู้สึกของความคิดถึง คงต้องเก็บไว้ส่วนลึกๆของหัวใจ

แล้วรอคอยหัวใจกลับมาอยู่ใกล้ๆกันอีกครั้ง

นี้คือส่งที่เขาทำใด้และจะทำให้ดีที่สุด

นพคุณรีบขับรถกลับมา เพราะน้องชายของเขาเล่นวางสายโทรศัพท์หนีเขาก็ทำได้อย่างเดียวคือต้องรีบกลับไปจัดการเจ้าน้องชายตัวแสบ  พอมาถึงก็ขนเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของตนเองมาด้วย ซื้อของบำรุงร่างการมาให้ยาย ของใช้จำเป็นที่คิดว่าต้นกล้าน่าจะต้องใช่ตอนที่ฝึกงาน เขาอยากจะตามไปส่งถึงที่ฝึกงาน ถ้าไม่ติดต้องดูแลยายเขาคงออกปากขอไปส่งถึงที่ด้วยตัวเอง เพราะเป็นห่วงหลายๆอย่าง แต่ก็ได้แค่หัว ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ขอบใจมากนะหม่อน ถ้าไม่มีหม่อนเราก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ฝึกงานที่ไหนให้ทันกำหนดของมหาลัยแล้วล่ะ”

“อืม อืม”

“พี่ใหญ่ อะไรนะ พี่ชินด้วยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ อืมๆ เข้าใจแล้ว  แล้วไว้เจอกันที่มหาลัยนะ บาย”

  นพคุณยืมมองต้นกล้าคุยโทรศัพท์กับเพื่อน น่าจะเป็นหม่อนที่เคยโทรมาคราวที่แล้ว เพราะได้ยินชื่อของตนเองในบทสนทนาด้วย แล้วที่สำคัญนพคุณยังไม่ได้เล่าเรื่องที่หม่อนโทรมาหาต้นกล้าด้วย ลืมไปซะสนิทเลย


“อ๊ะ!!! มายืนทำอะไรมืดครับ ตกใจหมดเลย”

“มายืนดูว่าเราแจกเบอร์โทรให้ใครกันน่า เคยสัญญากับพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ให้เบอร์ต้นกับใคร”นพคุณทำเป็นแกล้งเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่าต้นกล้าต้องถามเรื่องที่เขาแอบรับโทรศัพท์และได้คุยกับหม่อนตั้งแต่เมือ่ไร

“เปล่านะครับ ต้นไม่ได้แจกเบอร์ให้ใครนะ นี้เบอร์เพื่อนหม่อน แล้ว เออ แล้ว ต้นก็ให้เบอร์เพื่อนไปก่อนที่จะ เออ …”

“ก่อนที่จะอะไรครับ มีพิรุธนะ”นพคุณเดินเข้ามาโอบต้นกล้าไว้แล้วดึงจมูกเล็กนั้นเบาๆอย่างมั่นเคี้ยว

“เออ ก่อนที่จะสัญญากับพี่ไงครับ” ต้นกล้ารู้สึกเขินขึ้นมาทันที่เมื่อนึกถึงเรื่องสัญญาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพราะโดนทำโทษแปลกๆ จากคนตรงหน้า

“แน่ใจเหรอนะ”

“แน่ใจครับ เบอร์โทรนี้พี่ก็รู้จักไม่ใช่เหรอ หม่อนบอกว่าพี่ก็เคยรับโทรศัพท์คุยกันด้วยนี้ครับ”ต้นกล้าได้จังหวะก็ถามเรื่องข้องใจไปในที่

“ครับ พี่รับโทรศัพท์ของหม่อนโทรมาตอนที่ต้นเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลนะ แล้วพี่ก็ลืมบอกด้วย ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ” ต้นกล้ายิ้มอ่อนไม่ได้นึกเคืองอะไร

“งั้นก็ทำโทษพี่สิ ที่พี่แอบรับโทรศัพท์ของต้นนะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ”ต้นกล้าพยายามผละหน้าออกห่างอีกฝ่าย

“งั้นพี่ทำแทนเองนะ ท่าเราไม่ทำ”

นพคุณพยายามกอดต้นกล้าเอาไว้เพื่อจะหอมแก้มต้นกล้าให้ได้
แต่ต้นกล้าก็เอาแต่หลบไปหลบมา
ไม่ให้อีกผ่านทำได้


ไม่รู้เลยว่าทุกๆการกระทำ มีสายตาของใครบ้างคนยืนมองอยู่







 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

 อ่านกันต่อเนื่องไปเลยจ้า  :bye2:  :bye2:  :bye2:







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
โอ๊ย ... ดราม่าพี่ใหญ่อ่ะ เครียดๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
น่าจับทั้งสองคู่มายืนเรียงแถวแล้วตีก้นคนละป้าบ มัวแต่นิ่งเงียบอมพะนำกันอยู่ได้

เปิดอกคุยกันก็สิ้นเรื่อง จะได้มีที่ปรึกษากันทั้งสองฝ่าย

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
อ่านถึง 65 ละ ขอมาเม้นก่อน
สงสารต้นมากๆ อ่ะ เข้าใจเลย ในชีวิตคงมีแค่ยาย
ถ้ายายเป็นไรไปคงแย่มากๆ
ถ้าไม่รู้จักพี่ชิน คงแย่กว่านี้แน่ๆ โชคดีที่ต้นได้มารู้จักพี่ชิน

พี่ใหญ่ขอให้ผ่านไปได้นะ ฮือๆ ไม่รู้ลุงกับป้าจะเข้าใจไหม


เดี๋ยวไปกินข้าวละจะมาอ่านต่อนะครับ

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
   

                                                          ตอนพิเศษ  ขอโทษนะ
 


    นพคุณนั่งเช็คบัญชี รายรับรายจ่าย และเช็คสต๊อกสินค้าจนหมดคิดทบทวน ว่าตนเองยังไม่ได้ทำเอกสาร เรื่องไหนอีก เมื่อตรวจจนครบแล้วว่างานทุกอย่าง เขาได้ทำเสร็จหมดไว้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงใครบ้างคน ที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงมาหลายอาทิตย์แล้ว เพียงแค่เรื่องเล็กๆแต่ทำให้เขาและต้นกล้าทะเลาะกันไม่พูดกัน พอดีกับที่ร้านมีปัญหา นพคุณก็ต้องรีบกับมาดูแล เพราะจะปล่อยให้แมน กบพวกคนงานที่ร้านจัดการกันเองไม่ได้อย่างแน่นอน
    ปัญหาที่ร้านนพคุณก็คิดโทษตนเองอยู่เหมือนกัน ที่ไม่ค่อยมาดูแลที่ร้านอย่างเต็มที่ทำไร เพราะงานเลิกปิดร้านปุ๊บก็จะรีบขับรถไปดูยายที่บ้านสวน วันศุกร์ก็จะรีบไปรับต้นกล้า แล้วเสาร์อาทิตย์ก็อยู่ที่บ้านสวนตลอดเลย ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ร้าน คือสินค้าไม่ตรงกับสต๊อคที่ทำไว้ ของไม่ทันส่งลูกค้า รวมทั้งหน้าร้านของก็ขาด ไม่มีของขาย นพคุณเข้าใจว่าอาจจะมีการผิดพลาดกันได้ เลยไม่คิดจะโทษใครเลยในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เรียกทุกคนมาคุยกัน และระมัดระวังกันมากขึ้น ตัวนพคุณเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตนเองปล่อยปะละเลยร้านเช่นกัน
     ทำให้ระหว่าง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานพคุณแทบไม่ได้ไปไหนเลย ทำงานอยู่ที่ร้านตลอด ช่วยงานทุกอย่างอย่างที่เคยทำ ทำให้ลูกน้องคนเก่าและใหม่ ทำงานกันอย่างแข็งขันเพราะเจ้าของทำงานเป็นตัวอย่าง อย่างแข็งขัน ตื่นแต่เช้า และเข้านอนก็ดึก เพราะอยากจัดการทุกอย่างไม่ให้เกิดผิดพลาดอีก จนทำให้เพื่อนอย่างแมนเป็นพวกเพื่อน
“เฮ้ยเพื่อน นั่งเหม่อคิดถึงใคร?” แมนสังเกตเพื่อนมาตลอดอาทิตย์ ทำงานแทบไม่มีหยุดพัก จนน่าเป็นห่วงกลัวจะล้มป่วย และที่สำคัญคือ ซึมๆไม่พูดเล่นเหมือนแต่ก่อน จนลูกน้องหลายคนถามว่า ลูกพี่เป็นอะไร
“เออ เปล่าๆ กำลัง คิดว่าจะสั่งลูกชิ้นมาเพื่อเท่าไรดีนะ พอดีพึงตรวจยอด ที่ลูกค้าสั่ง กับของที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่น่าจะพอนะ”
นพคุณอธิบายยาวเพื่อเบี่ยงประเด็น
“เอาน่าเพื่อน พักบ้างก็ได้อย่าเอาแต่ทำงาน เพื่อที่จะให้ลืมเลยเพื่อน เหนื่อยเปล่าๆ”
  แมนมองเพื่อนอย่างเห็นใจ นพคุณคงต้องมเรื่องกลุ้มใจแน่ๆแต่ทำงานเพื่อบังหน้าไว้
“เฮ้ย ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“เอาน่าข้า ดูหน้าร้านเอง 4 โมงกว่าแล้ว ลูกค้าหมด เดี๋ยวข้าปิดร้านเอง ไปๆไปหาอะไรดื่มเย็นที่บ้านข้าโน่น เด็กๆก็อยู่ ไปคุยเล่นกับหลานมั้ง หลานมันบ่นคิดถึงลุงมัน ไม่มาเล่นด้วยเลย”
นพคุณฟังแบบนั้นแล้วก็คิดได้ว่า ตั้งแต่กลับมาที่ทำงาน ยังไม่ได้แวะไปหาหลานๆ เลยจริงอย่างที่เพื่อนของเขาว่า คงต้องแวะไปหาสักหน่อยแล้ว
“เอา เกือบลืม “แมนนึกขึ้นได้ก็รีบทักนพคุณที่กำลังจะเดินออกไปทางหลังร้าน
“มีคนมาหานายตั้งแต่ บ่ายๆแล้ว แต่เขาบอกว่านายยังทำงานอยู่ไม่อยากกลัว ให้นายทำงานเสร็จก่อนก็ได้ ฉันเลยให้เขาไปนั่งเล่นก็เด็กหลังบ้านนั้นแหละ เดินไปก็เจอกันเอง” แมนพูดแต่ไม่ทันจะหันไปบอกชื่อ นพคุณก็วิ่งออกไปก่อนแล้ว
“ต้องเป็นคนที่ทำให้นายซึมมาตลอดทั้งอาทิตย์ใช่ไหม? “แมนบ่นขึ้นมาลอย แล้วก็ส่วยหัวไปมา

     นพคุณรีบเดินไปตรงบ้านพัก ของแมนและครับครับ เดินมาถึงหน้าลานบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่ มีแคร่ไว้ให้เด็กๆนั่งเล่น ใต้ร่มต้น เด็กๆเล่นกันอย่างสนุก แต่มีใครบ้างคนนั่งหันหลัง เล่นกับเด็กๆอยู่ด้วย แผ่นหลังที่ไม่เห็นมานาน ถึงแม้มันจะแค่ 2 อาทิตย์ แต่ในความรู้สึกของนพคุณ มันนานเหมือนไม่เห็นกันนานเป็นปี หัวใจที่รู้สึกห่อเหี่ยว ตอนนี้เริ่มเต้นแรงเลือดในการเริ่มซูบฉีด เป็นใครไปไม่ได้
ต้นกล้ามาหาเขาถึงที่นี้จริงๆเหรอ?
นพคุณไม่อยากให้ภาพตรงหน้าหายไปเหมือนความฝัน ที่เขาฝันมาตลอดทั้งอาทิตย์ ที่พอสะดุ้งตื่นขึ้น มาต้อนกล้าที่เขานอนกอด นอนคุยอยู่ด้วยกันตลอดคืน ก็จางหายไปพร้อมกับความฝัน

“ลุงใหญ่ ลุงใหญ่มาแล้ว เย้!!!ๆๆ”เด็กที่ที่มองเห็นนพคุณก่อน ต่างตะโกนดีใจที่เห็น ลุงทีแสนใจดีเดินมาหาถึงที่บ้านแบบนี้ แปลว่าลุงใหญ่ของพวกเข้าทำงานเสร็จแล้ว แล้วก็จะได้มาเล่นกับตนเองได้แล้ว เลยดีใจกันใหญ่ วิ่งไปกอดขากอดแข่ง กันชุลมุน
แต่ใครอีกคนที่ได้ยินชื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง สะดุ้งสุดตัว พยายามไม่หันหน้าไปมอง พยายามลุกขึ้น แล้วเลี่ยงเดินหนีให้พ้นจาสายตา ในทันที ทำให้แม่ของพวกเด็กๆที่เดินออกมาดูว่าเด็กๆ เสียงดังอะไรกัน ก็เห็นท่าทางแปลกของเพื่อนของลุงใหญ่ของเด็ก แปลกไปจากเมื่อกี้มา
“คุณๆ พี่ใหญ่มาแล้วนี้ไงจะ “ตะโกนบอกออกไปแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเลย
“ต้นกล้า!!!!”นพคุณที่โดนเด็กๆ พันแข่งพันข้าเข้ามาเล่นด้วยกอดไว้ เลยไม่ทันเห็นว่าต้นกล้าเดินออกไปกลแล้ว เลยตะโกนเรียกไว้เช่นกัน  บอกเด็กว่าขอลุงไปทำธุระก่อนถึงได้ยอมปล่อย นพคุณรีบวิ่งตามต้นกล้าไปที่ถนนใหญ่ ทีมีป้ายรถเมล์
“ต้น ต้นจะไปไหน”นพคุณคว้าแขนต้นกล้าได้ก็รีบถามอย่างร้อนใจ ไหนว่ามาหากัน แต่ยังไม่ทันคุยอะไรกันก็จะกลับมา แถมหน้าก็ไม่ยอมมามองกันดีๆแบบนี้
“ต้น อย่างเป็นแบบนี้สิ พี่ใจไม่ดีเลย จะโกธรพี่ จะต่อว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่ต้นพี่หันมามองพี่ หันมาคุยกับพี่สักคำเถอะนะ “ นพคุณขอร้องออกไป อย่างไม่กลัวคนแถวนั้นที่เดินไปเดินมาจะได้ยิน สิ่งที่เขาพูดแบบนั้นเลย
“ปล่อย ผมจะกลับบ้านแล้ว”ต้นกล้า พยายามดึงมือออก แต่ก็โดนยึดไว้แน่นแถมกำลังก็ต่างกันขนาดนี้ ต้นกล้าเลยเอาแต่ก้มหน้า ไม่มองหน้านพคุณเลย
“ต้น โกรธพี่มากใช่ไหม?” นพคุณรู้สึกได้จากคำแทนตัวเอง ที่ต้นกล้าพูดออกมา ต้นกล้าแทนตัวเอง ว่า (ผม) นั้นมันทำให้นพคุณไม่ยอมปล่อยต้นกล้ากลับบ้านไปได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
“ปล่อยนะ ผมจะกลับบ้าน คุณก็กลับไปทำงานของคุณสิ จะมาเสียเวลากับคนอย่างผมทำไม ปล่อย” ต้นกล้ายังคงพยายามดิ้นลน เพื่อจะหลุดจากออ้มกอดคนตรงหน้า และพูดด้วนร้องเสียงปนสะอื้นเหมือนพยายามกนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“ต้นครับ หันมาคุยกับพี่ดีๆนะครับ กลับเข้าไปคุยกันในบ้านนะครับ นะ”นพคุณใช่ไม้อ่อนค่อยๆโอบร่างกายที่สั่นเทาที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว เริ่มร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทางเดียวคือ ให้ต้นกล้าได้ ร้องไห้พอใจก่อน แล้วค่อยๆคุยกัน น่าจะเป็นทางดีที่สุด

     นพคุณเดินโอบต้นกล้ากลับมาที่ร้าน แต่ตอนนี้หน้าร้านปิดไปเรียบร้อยแล้วนพคุณเลยพาต้นกล้า เข้าทางหลังร้าน เจอเข้ากับแมน ที่เดินออกมาพอดี ทำให้ต้นกล้าอายที่ต้นเองร้องไห้งอแงเป็นเด็กต้อง รีบหลบไปอยู่หลังนพคุณทันที่

“คุยกันดีๆนะเพื่อน ทำน้องเขาร้องไห้แบบนี้ได้ไง” แมนชกต้นแขนของนพคุณแต่ก็ไม่ได้แรงมาเท่าไร แต่คนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังรู้สึกได้ ว่าคนที่เป็นโล่กำลังให้โดนเพื่อน ชกเข้าให้แล้ว
“ไปต้น เข้าไปข้างในร้านกัน”
ต้นกล้าส่ายหน้า เอาแต่ก้มหน้าตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว และก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เพราะต้นกล้าวางแผนไว้ว่า แค่อยากจะมาเห็นหน้า นพคุณแค่สักนิดเดียวก็จะกลับแล้ว แต่ดูทุกอย่างจะบานปลายไปขนาดนี้เลย
“เรามาคุยกันดีๆนะครับนะ “นพคุณพูดขอร้องต้นกล้า และพาต้นกล้าเข้ามานั่งภายในร้านแล้ว
ต้นกล้ามองไปรอบๆร้าน คล้ายๆกับร้านของชินพัตน์ แต่ดูจะเล็กว่านิหน่อย ที่นี้คือที่ คนที่เขารักทำงานมาตลอดสินะ และเป็นที่ที่ ทำให้ไม่ได้เจอกันมาตลอด 2 อาทิตย์ด้วย เมื่อต้นกล้าคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื่นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้ง
“ต้นร้องไห้อีกทำไหมครับ?”นพคุณที่เดินไปเอาเครื่องดื่มเย็นๆเพื่อให้ต้นกล้าดื่ม แต่กลับมาเห็นต้นกล้าเริ่มร้องให้อีกครั้งก็เกือบทำ ขวดหลุดมือ
“ต้น ต้นไม่ได้อยากมารบกวนเวลาทำงานพี่เลยนะ ฮึก ฮือๆ ต้นแค่ ฮือๆ แค่อยากมาเห็นหน้าพี่เท่านั้นเอง แล้วต้นก็จะก็จะกลับบ้านเลย แค่นั้นจริงๆ ฮือๆๆ” ต้นกล้าพรั่งพรูความคิดทั้งหมดที่อยู่ในใจออกมาหมด เพราะว่าคิดถึงคนตรงหน้าจริง คิดถึงมากๆ รู้ว่าคนตรงหน้ามีงานต้องดูแล ต้องรับผิดชอบ จะมาเอาแต่ใจเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ที่จะให้นพคุณมาค่อยไปหาตลอดก็ทำให้การงานต้องมามีปัญหาแบบนี้
ต้นกล้าคิดโทษตัวเองตลอดว่า ที่ที่ร้านของนพคุณมีปัญหาเพราะต้นเองเป็นต้นเหตุ เพราะนพคุณมาหาตนเองที่บ้านสวนตลอดจนไม่มีเวลา ดูแลที่ร้านอย่างจริงจัง

“ต้น ต้นครับ ฟังพี่นะ ปัญหาที่ร้านไม่มีอะไรร้ายแรงเลย พี่จัดการเรียบร้อยแล้วนะ ต้นไม่ต้องกังวลใจไป แล้วที่ต้นมาหาพี่แบบนี้ ไม่ได้เป็นการรบกวนเลย แต่มันเป็นกำลังใจให้พี่สู้ทำงานได้อีกเยอะเลย”

“แต่ต้น ต้นอยากให้พี่ตั้งใจทำงาน”
“พี่ก็ต้องใจทำงานอยู่ไงครับ แล้วก็สุดสัปดาห์พี่ก็คิดว่ากำลังจะไปหาต้นกับยายที่บ้านสวนด้วยนะ”
“แล้วที่ร้าน….”
“ก็พี่บอกแล้วไงที่ร้านไม่มีปัญหาอะไรแล้วจริงๆ มันแค่ผิดพลาดเล็กน้อยในการสั่งยอดสินค้าเข้าร้านเท่านั้นเอง เลยทำให้ส่งของไม่ทันตามยอดที่ลูกค้าสั่ง แค่ลูกค้าก็เข้าใจแล้วไม่เสียลูกค้าด้วย เชื่อมือพี่สิ”
นพคุณยิ้มแล้วทำท่าเบ่งกล้ามให้ต้นกล้าดู ต้นกล้าเห็นแล้วก็หลุดขำทั้งน้ำตา เพราะนพคุณทำท่าทางตลก
“ไม่ร้องแล้วนะครับ ยิ้มนะพี่ชอบเห็นเรายิ้มมากกว่านะ สัญญากับพี่ไว้แล้วไง ว่าห้ามร้องไห้ ใครแกล้งให้มาบอก พี่จะไปจัดการให้”
“……”ต้นกล้าเลยยกนิ้วมาชี้ที่ตัว นพคุณ เป็นการบอกกลายๆว่า ตัวนพคุณนั้นและที่เป็นคนทำให้ต้นกล้าร้องไห้แบบนี้ นพคุณก็ชี้หน้าตัวเอง เพื่อเป็นการย้ำว่า ตัวเขาเหรอที่เป็นต้นเหตุ
ต้นกล้าพยักหน้ายิ้มๆ
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้ คนนี้ใช่ไหมแกล้งต้นกล้า ของพี่ร้องไห้ ขี้มูกโปร่ง”
“ไม่ได้ขี้มูกโปร่งซักหน่อย”ต้นกล้าเถียงแล้วผลักนพคุณแก้เขิน เพราะคิดว่าตัวเองร้องให้เหมือเด็กจริงๆ และคิดว่าตรงนั้นเป็นป้ายรถเมล์ด้วย พอนึกขึ้นมาก็รู้สึกอายขึ้นมาจนได้
“เอาแล้วนะ จะทำการลงโทษคนที่ ทำให้ต้นกล้าร้องไห้แล้ว” ต้อนกล้ารีบหันมาดูว่านพคุณจะทำยังไงโดยไม่ทันตั้งตัว
ก็โดนนพคุณ หอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวา หน้าฝาก ดวงตาที่แดงบวม ทั้ง 2 ข้าง หลังมือ แล้วดึงต้นกล้ามากอด แน่นๆให้หายคิดถึง

“พี่ขี้โกงอ่ะ ไม่เห็นจะลงโทษอะไรเลย แล้วยัง..ยัง…” ต้นกล้าจับแก้มตัวเองไว้อย่างนึกอาย
“หอมแก้มต้นนะเหรอ? งั้นขอหอมอีกที่นะ ฮ่าๆๆ “นพคุณชอบใจที่ทำให้ต้นกล้าเขินแทนร้องให้แซะแล้ว
“ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นแล้วอ่ะ” ต้นกล้าหลบเลียงไม่ให้ นพคุณปล้นจูบไปอีก
นพคุณเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าต้นกล้าแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจ เขาสัญญากับตัวเองไว้ หลังจากนี้จะไม่ให้ต้นกล้าร้องไหน และรอเขานาน ไม่เจอกันนานๆแบบนี้อีกแล้ว ทำงานก็จะบอก ไปไหนก็จะรายงาน มีปัญหาก็จะแก้ไปด้วยกัน
เพราะเขารู้แล้วว่า การไม่ได้เจอกันนานๆแบบนี้มันช่าง ทรมานเหลือเกิน ความขุ่นข้องหมองใจ หรือเรื่ออะไรที่ผ่านมา จะไม่เก็บมาคิดอีกต่อไปแล้ว จะอยู่กับวันนี้ กับคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาคนนี้ตลอดไป
“ต้นครับ พี่ขอโทษนะ ที่ปล่อยต้นอยู่คนเดี่ยว “
“…..”ต้นกล้าส่ายหน้าไปมา ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวาน เพราะตอนนี้เขาได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“พี่ขอโทษนะ ที่ปล่อยให้ต้นเหงา”
“……”
“พี่ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปพี่จะทำทุกอย่างให้ดี ไปพร้อมๆกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องของเรา ความรักของเรา”
“…..”ต้นกล้าได้แต่ยิ้มรับฟังทุกคำพูดของนพคุณ และเชื่อว่านพคุณจะทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ต้นต้องอยู่ข้างๆพี่ตลอดไปนะ ไม่ว่าพี่ทำผิดอะไร ต้องคอยเตือนสติพี่ด้วยนะครับ แล้วต้นก็ต้องสัญญากับพี่ว่าจะไม่ร้องไห้แบบนี้อีก ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงขนาดไหน พวกเราต้องเข็มแข็งและผ่านพ้นไปด้วยกันนะครับ”
“ครับ ต้นให้สัญญา” ทั้งคู่กอดกันเพื่อจะรักษาสัญญาครั้งนี้ไปพร้อมกัน


  “โอ๊ะ ขอโทษที่เพื่อน จะมาตามไปกินข้าว แม่เด็กๆทำกับข้าวไว้เยอะเลย นานๆจะมีเพื่อนแวะมาหา เลยทำโชว์ฝีมือใหญ่เลย ไปๆ ไปกินข้าวกัน” แนมเดินเข้ามา เห็นนพคุณกอดต้นกล้าอยู่ก็ ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคิดว่ารู้ว่าความสมพันธ์ของทั้งคู่ไม่น่าจะแค่เพื่อนแน่นอน เพราะร้องไห้ร้องห่มแล้วมาหากันแบบนี้ มันแฟนกันชัดๆ
“เออๆขอบใจ เดี๋ยวตามไป ขอล้างหน้าล้างตาแปบนะ” นพคุณตอบรับคำเพื่อ ต้นกล้ารีบหลบหน้าเพราะอาย ที่มานั่งกอดกันกลม ให้อื่นเห็นแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ต้นไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ดูสิหน้าดูไม่ได้เลย ไปกินข้าวกับหลานๆกันนะ”
ต้นกล้ารีบผละเข้าห้องน้ำ ตามที่นพคุณสั่งเพราะอยากจะไปเจอเด็กๆ เหมือนกันเด็กๆคงตกใจที่ต้นกล้าวิ่งหายออกไปแบบนั้น แถมลุงยังวิ่งตามหายไปซะอีกคนด้วย คงสงสัยกันใหญ่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
มื้อคำเย็นวันนั้น เป็นไปด้วยเสียงพูดคุยระหว่างเด็กๆ กับแขกผู้มาเยือนที่ดูจะเข้ากับเด็กเป็นอย่างดี เด็กก็ยิ่งชอบใจเพราะลุงใหญ่ไม่มาเล่นด้วยตั้งหลายวัน แถมวันนี้มีเพื่อนเล่นเพิ่มมา ก็สนุกสานกันใหญ่ เป็นมือเย็นที่ดูท่าน่าเจริญอาหารจริง

“ต้น เอานี้เสื้อผ้าเจ้าชิน ต้นของพอใส่ได้มั้ง” นพคุณรือ้ตู้เสื้อผ้าหาของน้องชายออกมา ที่เคยมาค้างบ่อยๆช่วงแรก ที่ร้านนี้เปิดใหม่ๆ
“น่าจะได้ครับ “
“อืม เข้าไปอาบน้ำเถอะดึกมากแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอเล่นกับเด็กทั้งวัน แถมยังร้องไห้ขี้…..โอ๊ย!! ไม่ล้อแล้วครับ”
นพคุณจะล้อเรื่องที่ต้นกล้าร้องไห้อีกรอบ เลยโดนต้นกล้า หยิกให้เข้าที่พุง
“ต้นไปอาบน้ำแล้ว”
“ครับๆ อาบให้สะอาดนะครับ” คำหลังดูเหมือนนพคุณจะกระซิบ เหมือนพูได้ยินคนเดียว แต่ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มากๆ

        ต้นกล้าออกมาเช็ดผมอยู่ที่ขอบเตียง นพคุณเลยขอตัวไปอาบน้ำบ้าง  ไม่นานนพคุณก็ออกมา พร้อมผ้าขุนหนูผืนเดียวพันเอวออกมา ต้นกล้าเห็นก็ตกใจเล็กน้อย
“พี่ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ ก่อนออกมาล่ะ” ต้นกล้าที่ ถามและสายตาทำเป็นเสไปสนใจโทรทัศน์ ที่เปิดเสียงคลอเบา แต่ไม่ได้ตั้งใจดูเนื้อเรื่องในรายการเลย
“พี่ก็อาบน้ำแล้วก็ออกมาแบบนี้ประจำและ ต้นเองที่ไม่ชิน แต่แบบนี้พี่ชินแล้ว (ไม่ต้องใส่เดี๋ยวก็ถอดแล้ว)” นพคุณลอยหน้าลอยตาพูด เหมือนเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ท้ายประโยคกับพูดเบาให้คนเองได้ยินคนเดียว
“เมื่อกี่พี่พูดว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับๆ “
“ต้นเช็ดผมให้พี่หน่อยสิครับ”
“โน่นไงครับพัดลมก็เปิดอยู่พี่ก็ยืนๆอยู่นั้น เช็ดแปบเดี่ยวก็แห้ง ดูผมต้นสิ แห้งแล้วเห็นไหม” ต้นกล้าไม่ได้สนใจอะไร กลับมาสนใจที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง กำลังไลน์คุยกับชินพัตน์ว่าคืนนี้ค้างที่บ้าน นพคุณไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนยายโทรไปบอกตั้งแต่เย็นแล้ว
“ต้นครับ”
“ครับ” ต้นกล้ายังก้มหน้าพิมพ์ไลน์ต่อไป ไม่ได้สนใจใครบ้างคนที่มานั่งอยู่ข้างๆ
“ง่วงนอนยัง?”
“ยังครับ คุยไลน์กับพี่ชินอยู่”
“ต้นครับ”
“ครับ นอนเถอะนะ”
“พี่ง่วงก็นอนก่อนเลยครับ”
“ต้นครับ”
“ครับ”
“พี่ นอนไม่ได้”
“ทำไมครับ” ต้นกล้ารีบหันมาดู เพราะกลัวต้นเอง กินที่บนที่นอนเลยจะขยับหนีให้ แต่เปล่าเลยเครื่องมือสื่อสารโดนแย่งไปปิดเครื่องทันที่
“พี่เอาคืนมาเลย ต้นยังคุยกับพี่ชินอยู่เลย”
“พี่ไม่ให้คุยแล้ว มาคุยกับพี่ดีกว่า”
“คุยเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องบนเตียงไงคร๊าบบบบบ”
ขอโทษครับ ขอปิดไฟนะครับ ผมไม่ให้พวกคุณเห็นต้นกล้าตอนไม่ใส่เสื้อผ่าแน่นอนครับ ผมห่วง!!!!!
“นั่งขำอะไรอยู่ครับ” นนทนัฐเห็นชินพัตน์นั่งมองโทรศัพท์แล้วหัวเราะไม่หยุด
“ต้นกล้า ไปหาพี่ใหญ่ที่บ้านนะ”
“ดี แล้วพวกเขาจะได้มีเวลาได้คุยกัน มากขึ้น ผมเห็นต้นกล้าซึมไปผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“อืม”ชินพัตน์ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อมองนนทนัฐที่ขึ้นมานั่งข้างกันบนเตียงนอนก็ต้องตกใจ
“นี่!!! ทำไหมคุณถึงไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเองซักที” ชินพัตน์ก็ถามเสียงดุขึ้นมาทันที่
“ก็ผมแค่อยากรู้ข่าวเรื่องของต้นกับพี่ของคุณไง”
“ไม่ต้องเอาเร่องนี้มาอ้างเลย พรุ่งนี้ก็ได้รู้แล้ว ไปเลยออกจากห้องผมไปเลย จะล๊อคห้องแล้ว”
“ชิน คุณง่วงนอนแล้วเหรอ”
“ยัง”
“งั้นคุณจะรีบไล่ผมไปไหน ผมอยากอยู่คุยกับคุณต่อ”
“จะคุณเรื่องอะไร ร้านเกมคุณก็ยังไม้ปิดไม่ใช่เหรอ?”
“ยังครับ แต่ผมอยากมาคุยกับคุณก่อน”
“เรื่องอะไรก็ว่ามาสิ จะได้รีบไปปิดร้าน”
“ชิน หรือคุณ จะรอผมปิดร้านก่อนไหม แล้วเราคอยมาคุยกันที่หลังดีไหม?”
“ไม่เอา คุยๆมาสิ เรื่องอะไร? “
“ผมอยากค้างที่ห้องคุณเหมือน ที่ต้นไปค้างที่บ้านพี่คุณบ้างนะ”
ชินพัตน์ตาโตเป็นไข่หาน ตกใจ แปลกใจ
“นี้คุณจะเล่นมุกใช่ไหม?”
“เปล่าๆ ผมจริงจังครับ”
“……”ชินพัตน์ไม่ได้พูดอะไรต่อกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
“ชิน คืนนี้ผมนอนด้วยได้ไหมครับ?”
“คุณคิดว่าผมจะตอบ ว่าไงล่ะ?”
“เออ…”นนทนัฐเริ่มหมดความมั่นใจ ที่ตั้งใจกล้าขอชินพัตน์ เมื่อเจอคำถามนี้ตอบกลับมา คิดว่าคงจะไม่น่าจะได้แน่นอน เพราะมันดูเกินคาดหวังไปสักหน่อย แต่เขาก็อยากจะหวัง
“ผมขอโทษนะ ผมกลับไปที่ร้านนะครับ ฝันดีนะครับ” นนทนัฐพูดเสียงเบาอย่างหมดหวัง
“นี่!!!”

“ครับ”นนทนัฐหับมาตามเสียงเรียก
“ถ้าคุณปิดร้านไม่ดึกเกิน หรือผมไม่หลับก่อน ก็มาเรียกแล้วกัน ทำตัวเป็นเด็กหรือไง อยากนอนเปลี่ยนบรรยากาศ เข้าค่ายลูกเสือเหรอ ไปๆ จะรีบไปปิดร้าน จะทำอะไรก็ไปทำสิ ยืนเอออยู่ทำไม?”

ขอโทษนะครับ ถึงผมจะยังไม่ได้คุยเรื่องบนเตียง แต่ผมก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นได้เข้ามานอนร่วมห้องกับเขาแล้ว

ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไปปิดร้านแล้ว เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนใจ

ขอโทษนะครับ แล้วสักวันผมจะให้เขาเปลี่ยนใจมาคุยเรื่องบนเตียงกับผมสักวันแน่นอนครับ

ฝันดีทุกคนนะครับ



ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0


 :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:


   อยากจะขอโทษคนอ่านทุกๆคนนะคะ ที่รอนิยายเรื่องนี้ เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง  ขอโทษอีกครั้งค่ะ ที่หายหน้าไปนาน (นิยายเกือบโดนหิ้วแล้วด้วย) ร้องไห้หนักแน่!!!!!  กลับมาแล้วจ้า จะไม่ข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น น้อมรับคำติ  :z6:   :beat:  ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ยังกลับมาอ่าน นิยายเรื่องนี้่ต่อไป มินมิน ก็มีความสุขแล้วจ้า   :กอด1:

                                                                                                             ขอโทษอีกครั้งนะคะ 
                                                                                                              คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้า

                                                                                                                    จัสมินมิน


 :m29: :m29:  :m17:  :m17:  :mew2:  :mew2:  :beat:  :beat:   :z6: :z6:

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาแว้ววววววววววว
คิดถึงจัง :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หายไปนานมากเลย คิดว่านักเขียนโดนอุ้มเสียแล้ว

หวังว่าทั้งสองคู่จะไม่มีดราม่าอีกนะ //หวังแบบนั้น

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0



                                                   เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 69
       

           ชินพัตน์ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองเห็นอยู่ตรงหน้า ว่าสิ่งที่พี่ชายตนเองทำอยู่นั้น มันคือการหยอกล้อเล่นกันระหว่างพี่น้องหรือเปล่า หรือเป็นการแกล้งทำให้อีกฝ่ายกลัว จนรู้สึกอายหรือเปล่า ชินพัตน์ทนเก็บความสงสัยนั้นไม่ไหวอีกต่อไป เพราะความรู้สึกอีกอย่างที่แทรกเข้ามาก นั้นก็คือ ความใกล้ชิดที่เหมือนจะเกินคำว่าพี่น้อง หรือคนรู้จักไปมากเกินไป

“พี่ใหญ่”ชินพัตน์ตัดสินใจเรียกพี่ชายตนเองที่พยายามทำตัวใกล้ชิดต้นกล้าจนเกินพอดี โดนไม่ทันสังเกตเลยว่า น้องชายคนนี้ยืนมองอยู่นานขนาดไหนแล้ว

“อะ ชิน ม มีอะไร?” นพคุณที่ปรับสีหน้าอาการไม่ทัน ต้องรีบเงยหน้ามองน้องชายที่กำลังเดินลงเรือนมาหา

“มานานแล้วเหรอพี่” ชินพัตน์เรียงที่จะไม่พูดสิ่งที่ตนเองเห็นเมื่อครู่ เพราะตอนนี้ต้นกล้า ก้มหน้าแล้วเดินหลบไปหลังพี่ชายอย่างนพคุณซะแล้ว

“อะ อืมๆ เออ พอดีมีเรื่องคุยกับต้นกล้านะ เลยยังไม่ได้ขึ้นไป เออ ใช่ ๆต้นพี่ซื้อของมาอยู่บนรถนะ ไปช่วยกันยกลงมาเถอะ” นพคุณหลบเลี่ยงสายตาน้องสายที่มองมาตลอด ให้ไปสนใจเรื่องอื่นแทน
แล้วทั้ง  3 ก็ช่วยยกกระเป๋าเสื้อผ้า และข้าวของมากมายที่นพคุณซื้อเข้ามาเพื่อให้ทั้งยายกับต้นกล้าไว้ใช้ รวมทั้งข้าวของบ้างส่วนที่จะเอามาใช้ที่นี้ ตลอดระยะเวลาที่นพคุณจะอยู่ที่บ้านสวนเลยซื้อติดมาเผื่อไว้ด้วย

จังหวะที่นพคุณขึ้นของเอาไปว่างและได้พูดคุยกับยายเรื่องอาการต่างๆ และยายก็ถามไถ่เรื่องที่ร้านของนพคุณด้วย ทำให้ชินพัตน์ ดึงตัวต้นกล้ามาถามเรื่องที่ต้นเองข้องใจมากๆ หาคำยืนยันจากต้นกล้าก่อน แล้วค่อยไปสืบหาความจริงจากปากพี่ชายของตนเองอีกที่

“พี่ชิน มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำหน้าตาแปลกๆ” ต้นกล้าที่เดินตามชินพัตน์มาที่ห้องครัวก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ต้นกล้า เมื่อกี่พี่ใหญ่จะแกล้งอะไรเราหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบใจก็บอกพี่นะ พี่จะจัดการให้เอง” ชินพัตน์เริ่มเปิดประเด็น

“แกล้ง แกล้งอะไรครับ?”

“ก็เมื่อกี่ตอนที่พี่ลงไปหาเราที่หน้าบ้าน ที่เห็นพี่ใหญ่กำลังทำท่าจะเข้ามาใกล้เรา หรือพี่เขาขู่อะไรเราหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวนะ บอกี่มาเถอะ” ชินพัตน์ที่เห็นท่าที่ของต้นกล้าแกล้งดูเหมือนไม่ร้อนใจกับสิ่งที่เกิดกับตนเองเลย หรือเพราะว่าโดนขู่ไว้กันแน่

“ไม่มีนี้ครับ พี่ชิน ไม่มีใครทำอะไรนี้ครับ”ต้นกล้ายังยืนยันคำเดิม

“โอเค งั้นพี่เปลี่ยนคำถามใหม่ เมื่อกี่ที่พี่เห็น พี่ใหญ่กำลังจะทำอะไรเรากันแน่ต้น บอกพี่สิ เพราะถ้าเรายืนยันว่านั้นไม่ไช่การแกล้ง การข่มขู่ แล้วมันคืออะไร” ชินพัตน์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ต้นกล้ากลับหน้าแดงเห่อร้อน พอมานึกดูแล้ว ชินพัตน์ต้องเห็นอะไร มากกว่านั้นแน่ๆ เลยคาดคั้นนอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดแบบนี้

“ต้น ทำไมเงียบไปล่ะ โดนแกล้งก็บอกพี่ได้ พี่จัดการให้นะ พี่จะไม่ให้พี…..”

“เปล่าครับ พี่เขาไม่ได้ทำอะไรต้นเลยครับ พวกเราแค่… เอ่อ…”ต้นกล้าก็อธิบายสิ่งที่เกิดไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับการที่อีกฝ่ายเข้ามาชิดใกล้ และสัมผัสแบบนั้น
 
มันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง ถึงแม้จะทำให้หัวใจมันเต้นแรงโครมคราม จนน่าแปลกใจ

ไม่ใช่การขมขู่ แต่ทุกคำพูดที่พูดออกมา ก็ไม่อาจจะจะตอบกลับของความรู้สึกนั้นได้สักที่

“นายมีอะไรสงสัยก็มาถามที่พี่ดีกว่านะ ชินพัตน์”นพคุณที่เดินตามหาน้องชายและต้นกล้า เพื่อจะเริ่มพูดคุยเรื่องการกลับไปฝึกงานของต้นกล้าจริงๆจังสักที่ เดินมาหาเข้ามาในครัว ก็ได้ยินน้องชายกำลังถามเรื่องที่สงสัยกับต้นกล้าพอดี

“ดีงั้นผมก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ พี่ผมจะตอบคำถามผมทุกข้อใช่ไหม?”

“แน่นอน”นพคุณตอบอย่างมั่นใจ แล้วหันไปหาต้นกล้าที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจว่าพี่น้องมีเรื่องอะไรกันหรืเปล่า?

“ต้นพายายเข้านอนเถอะยายต้องพักผ่อนเยอะๆนะ “

“ค ครับ”ต้นกล้าไม่กล้าที่จะปฏิเสธน้ำเสียงนิ่งเรียบของอีกฝ่าย

“เดี๋ยวสิพี่ ผมยังมีเรื่องจะคุยกับต้นอีกนะ” ชินพัตน์ใจจริงอยากคุยให้รู้เรื่องพร้อมกันทั้งหมดเลย
แต่นพคุณก็ยังยืนยันให้ต้นกล้าดูแลยายก่อน

“เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ไปพายายเข้านอนก่อนเถอะ” นพคุณบอกเสียงเบา เพราะดูจากสีหน้ากังวลของน้องแล้ว ก็เลยพูดตัดบทไปว่าค่อยกลับมาคุยกันที่หลัง

ต้นกล้าก็เดินออกจากห้องครัวไป ทั้งให้พี่น้องได้พูดคุยกันอย่างที่ต้องการ

นพคุณเลือกที่จะพาน้องชายเดินลงมาทางบันไดหลังบ้าน  มาที่แคร่ด้านหลัง ที่มีแสงไฟ จากชายคาบ้านเพียงดวงเดียว ที่เป็นแสดงพอที่จะได้เห็นหน้า คู่สนทนา

“พี่ สรุปพี่ทำแบบนั้นกับต้นกล้าทำไม จะแกล้งน้องเหรอ? น้องก็มีเรื่องกลุ่มใจเยอะแล้ว พี่ยังจะทำเรื่องแย่ๆกับน้องอีกเหรอ” ชินพัตน์เริ่มเรื่องก่อนเลย

“นายเห็นต้น รู้สึกไม่ดีเหรอเวลาอยู่กับพี่”

“……ก็ ก็ไม่นะ แต่…”ชินพัตน์ทำท่านึกคิดย้อนกลับไปทุกครั้งเวลาที่ต้นกล้าอยู่กับพี่ชายตนเองไม่รู้สึกไม่พอใจหรืออึดอัดอะไรเลย

“แล้วอะไรที่นายบอกว่า พี่แกล้งหรือทำให้น้องไม่สบายใจ”

“ก็ ก็เมื่อกี้ไง ผมเห็นนะ ก็พี่กำลังจะทำอะไรต้นกล้าล่ะ “

“แล้วนายเห็นพี่กำลังจะทำอะไร?”นพคุณย้ำหนักแน่น ให้น้องชายหลุดคำพูดในความคิดออกมา

“ก็ ก็ผมเห็นที่กำลังกอดน้อง แล้วก็…”ชินพัตน์ไม่กล้าพูดสิ่งที่ต้นเองคิดในใจออกมา

“ใช่ พี่กำลังจะหอมแก้มน้อง”นพคุณตอบเสียงเรียบ จริงใจไม่หลบสายตาน้องชายตนเองเลย

“พี่ใหญ่!!!”ชินพัตน์ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายตนเองจะกล้าพูด เพราะมันตรงกับสิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้

“พี่ก็ยอบรับทุกอย่างแล้วไง พี่ทำอย่างที่นายเห็นจริงๆ แต่มันไม่ใช่การแกล้งอะไรทั้งนั้น พี่ก็แค่อยากใกล้ชิดน้อง เพราะน้องจะต้องไปฝึกงานที่ไกลๆ ไม่รู้ว่าต้นจะกลับมาจากฝึกงานเมื่อไร พี่ก็อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ได้อยู่ใกล้น้องให้มากที่สุด”

“พี่”ชินพัตน์ฟังสิ่งที่ระบายออกมาจากใจพี่ชายตนเอง มันเหมือนคนมีความรักกำลังจะแยกจากสิ่งสำคัญในชีวิตไป เลยทำทุกอย่างกับเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก

“นายเข้าใจพี่หรือเปล่า” นพคุณมองหน้าน้องชาย เพื่อขอกำลังใจเล็กๆที่ตอนนี้คงเหลือแค่น้องชายคนนี้เท่านั้นที่พอใจเป็นกำลังใจหลักที่จะทำให้ตัวเขาพอที่จะมีแรงที่จะฝ่าอุปสรรคข้างหน้า ไม่ว่าจะเรื่องของผู้เป็นป้าที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเลือก  อนาคต สังคม และคนรอบๆตัว

    ชินพัตน์รับรู้ได้ทันที่ว่าพี่ชายของตนเองมีใจรักใคร่ต้นกล้า อย่างที่เขาเองก็มีใจรักให้กับนนทนัฐเหมือนกัน เลยไม่ยากเกินที่จะเข้าใจความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจาปากของพี่ชาย และสิ่งที่นพคุณแสดงออกมาในอีกหลายๆเรื่องที่พอเอาเข้ามาประกอบกับแล้ว ในคือความรัก ความเอาใจใส่ต้องคนที่ตนเองรักนั้นเอง ทำทุกอย่างให้ต้นกล้าอย่างห่วงใจและใส่ใจ

“ผมเข้าใจ แต่พี่ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ว่าความรู้สึกของพี่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมือไร?” ชินพัตน์เข้าใจแต่ก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้มาเป็นมายังไงถึงมาสอบพอกันได้แบบนี้ มันเกินสิ่งที่เขาคาดคิดไว้มาก

“ได้พี่จะเล่าให้นายฟัง”

    นพคุณเล่าทุกอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆกับต้นกล้าให้กับน้องชายฟัง ได้รู้จักยิ่งอยากดูแล เพราะโชคชะตาชีวิตที่คล้ายกัน พ่อแม่ก็มาทิ้งไปแบบเดี่ยวกัน ต้นกล้าอยู่กับยายมาจนโตแต่ก็สามารถเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน นพคุณก็คิดว่าตนเองก็มีผู้เป็นป้าและลุงที่คอยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ไม่ได้แตกต่างกันเลย เพราะเขาเองก็พยายามทำตนเองให้ดีสมกับการได้รับการเลี้ยงดูมาจากผู้มีพระคุณทั้งสอง เช่นเดียวกัน  เลยรู้สึกผูกผันกับต้นกล้ามากเข้าใจความรู้สึก ที่คนมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งครอบครัว ฐานะความเป็นอยู่ ไม่สามารถรับรู้ได้เหมือนดังพวกเขา ที่แม้ในบ้างครั้งรู้สึกโดดเดี่ยว มองหาผู้ที่ให้กำเนิด อยู่ที่ไหน เป็นใคร ก็ไม่สามารถหาเจอได้ ได้แต่เพียงทำใจยอมรับและเก็บความรู้สึกเดียวกันนั้น ไว้ในซอกลึกๆในหัวใจ และเลือกที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด
 
  และตอนนี้นพคุณก็บอกกับน้องชายตนเอง ว่าได้เจอสิ่งที่อยากจะทำและอยากจะปกป้องมากที่สุดแล้ว

“พี่อยากจะดูแลต้นกล้าแบบนี้ตลอดไป” นพคุณพูดให้น้องชายฟังเสียงอ่อนโยน น้องชายก็รับรู้ได้ว่าพี่ชายของเขาได้เจอที่ที่น่าจะตามหามาตลอดชีวิตเจอแล้ว

“พี่ใหญ่ ต้นกล้าก็รับรู้ความรู้สึกของพี่ใช่ไหม?” ชินพัตน์ถามเพื่อความมั่นใจ

“เปล่า พี่ยังไม่เคยบอกน้องสักครั้ง ว่าพี่อยากอยู่ข้างๆน้องเขาไปตลอดแบบนี้”

“อ้าว ไงเป็นงั้นล่ะพี่ใหญ่ จริงแล้วความรู้สึกของพี่ ก็น่าจะบอกต้นให้รู้เป็นคนแรกสิ เล่นมาบอกผมก่อนแบบนี้ได้ไง” ชินพัตน์ทั้งตกใจ แปลกใจ และก็รู้สึกเขินแทนต้นกล้า และพี่ชายตนเองขึ้นมาซะแบบนั้น

“พี่ไม่ได้บอกนายคนแรกซักหน่อย “

“อ้าว แล้วพี่บอกใคร…..อย่าบอกนะว่า บอกยาย ขอต้นจากยายแล้วเหรอ?” ชินพัตน์รู้สึกตื่นเต้นจนเออออเอง

“ยัง พี่ยังไม่กล้าเอยปากกับยาย พี่ยังไม่แน่ใจอีกหลายๆเรื่อง”

“อ้าว แล้วพี่บอกกับใครก่อนผมล่ะ”

“พี่บอกกับป้าแล้วคิดว่า ลุงก็น่าจะรู้เรื่องนี้ด้วย”

“ฮะ อะไรนะพี่ แม่รู้เรื่องนี้แล้วเหรอ? พี่ไปบอกแม่ว่ายังไง แล้วแม่ว่าอะไรมั้ง “ชินพัตน์ถามออกมาเป็นชุด จนทำให้นพคุณไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

“พี่โทรไปขอป้าว่าจะเลือกดูแลต้นกล้าและสิ่งที่ต้นกล้ารัก ก็ตอนที่ยายเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้แหละ”

“แล้ว?....”

“ก็เพราะตอนแรกพี่ตั้งใจไว้ว่า อยากจะบอกความรู้สึกของพี่กับน้องหลังน้องเรียนจบออกมา แล้วค่อยบอกป้ากับลุง แล้วค่อยพาผู้ใหญ่มาคุยกับยาย แต่แล้วก็มาเจอสถานการณ์ที่ทำให้พี่ตัดสินใจ ทำทุกอย่าง อย่างไม่ลังเล ก็ตอนที่เห็นต้นกล้าร้องไห้ จนพี่เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากอยู่ข้างน้องเขา”

      ชินพัตน์ฟังทุกเรื่องที่พี่ชายของเขาอธิบาย เขาเริ่มเข้าใจในตัวพี่ชายของเขามากขึ้น ในเรื่องมุมมองความรักที่มีต่อต้นกล้าแล้วพ่อแม่ของเขา จะเข้าใจในตัวพี่ชายของเข้าหรือเปล่านะ ชินพัตน์รู้สึกเป็นห่วง ทั้งความรู้สึกของ ทั้งพี่ชาย และของทั้งคู่ มากๆ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นบ้าง ระหว่าง พี่ใหญ่กับต้นกล้า จะผ่านเรื่องนี้กันไปได้ไหม  เพราะตัวพี่ชายเขาเองก็ยังไม่ได้บอกความรู้สึกทั้งหมดให้ ต้นกล้าฟังเลย แล้วเรื่องทุกอย่างจะ เป็นอย่างไงต่อไปนะ

“ไม่เป็น ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่หรอกน่า เรื่องนี้พี่จัดการเอง” นพคุณเห็นชินพัตน์เงียบไป เลยตบบ่าน้องชาย แล้วบอกสิ่งที่ตนเองคิดอยู่เหมือนกัน ว่าน้องชายต้องเป็นห่วงตัวเขามากแน่ๆ

“แต่ว่า เออ …. เรื่องแม่ แล้วยัง… เรื่อง….” ชินพัตน์ยังกังวลใจ กับทุกอย่าง

“เอาน่า เรื่องของอนาคต ยังอีกตั้งไกล พี่จะพิสูจน์ให้ป้ากับลุง รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำนั้นไม่ใช่สิ่งผิด แต่คงต้องใช่เวลาหน่อยเท่านั้นเอง” นพคุณพูดปลอบน้องชาย แล้วก็ตนเองไปในตัว เพราะเขาคิดว่ากล้าที่ บอกเรื่องนี้กับผู้มีพระคุณทั้ง 2 ไปแล้ว ก็เรื่องที่จะทำ อย่างที่ตนเองตัดสินใจต่อไป

ชินพัตน์ก็ได้เพียงภาวนาในใจ ว่าให้เรื่องทุกอย่างลงเอยไปในทางที่ดี ไม่อยากให้ พี่ชายผิดหวัง ไม่อยากให้พ่อแม่ เสียใจ
ใช่  แล้วเรื่องของเขา ก็เหมือนกัน เขาจะกล้าเดินไปบอกทั้งสองคน เหมือนพี่ชายตนเองได้หรือเปล่านะ?
ชินพัตน์คิดวนกลับไปกลับมา ก็เริ่มคิดถึงเรื่องของตนเอง พ่อแม่จะรับเรื่องของลูกชายคนนี้ได้ไหม แม้กระทั้งพี่ชาย ที่เป็นหลาน ท่านทั้งสองยังมีปฏิกิริยาได้ถึงขนาดนี้ คิดมาถึงตรงนี้ชินพัตน์ก็เอาแต่ ถอนหายใจแรงๆ อย่างเหนื่อยใจ

“เฮ้ออออ…”

“บอกว่าไม่ต้องคิดมากน่า ดึกแล้วขับรถกลับที่ร้านได้แล้ว” นพคุณผลักหัวน้องชาย เบาๆ เมื่อเห็นน้องชาย ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  คงจะคิดมากเรื่องของตนเอง อยากให้เปลี่ยนเรื่องคิด เลยบอกน้องชายให้รีบกลับบ้าน เพราะเดี๋ยวจะดึกเกินไป

“เออ… อ้าวมืดขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย?” ชินพัตน์ที่หลุดออกจากห่วงความคิด มองไปรอบๆก็เห็นว่า ความมืดเข้ามาบกคุมบ้านสวนของยายซะแล้ว

“ไปๆกลับได้แล้ว ไม่ต้องคิดมากน่า “นพคุณดันตัวน้องชาย ไปที่รถ

“พี่……”

“ว่าไง?”

“มีเรื่องอะไร พี่ต้องบอกผมจะพี่อย่าฝ่าปัญหาไปเพียงคนเดียวเลยนะ”

“อืม เข้าใจแล้ว”นพคุณลูบหัวน้องชาย ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จะค่อยเป็นกำลังแรงใจให้กันเสมอมา แล้วก็โตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งพิงให้ใครต่อใครได้แล้ว

“……..”ชินพัตน์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พี่ชาย แล้วเดินขึ้นรถแล้วขับจากไป

นพคุณเดินกลับมาที่ลานหน้าบ้านสวน แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ภาวนาให้ตนเองเข้มแข็งและผ่านเรื่องราวต่างๆนี้ไปได้ด้วยดี ก็จะไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว

ชินพัตน์ขับรถกลับตลอดทางก็อดคิดถึงเรื่องพี่ชายกับต้นกล้าไม่ได้ ความรู้สึกของพี่ชายของเขา คิดเกินเลยกับต้นกล้าไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมถึงกล้าเดินไปบอกพ่อแม่ของเขาแบบนั้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่มีให้กลับต้นกล้ารู้เสียด้วยซ้ำ คิดไปซ้ำวนไปมา

“เอาน่า ก็พี่เขาบอกแล้วว่า มันเป็นเรื่องของอนาคตอย่าพึ่งไปคิดถึง….. โธ่…..ใครมันจะไม่คิดล่ะ “ชินพัตน์เอาหน้าจมไปกลับพวงมาลัย แล้วเอามือขยี้หัวตัวเองจนหัวยุ่ง

ก๊อกๆ ก๊อกๆ   

ปัง!! ปัง!!

“ชิน ชิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ชิน!!!??” นนทนัฐเห็นรถของชินพัตน์ขับเข้ามาจอดที่หลังร้านแล้ว แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายลงมาจากรถซักที่เลยเดินเข้าไปดู เคาะกระจะ เบาๆเพื่อเรียกคนข้างใน แต่ไม่มีการตอบรับ ลองอีกครั้งก็ยังเฉย เลยเคาะดังขึ้นก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา ส่องมองเข้าไปผ่านกระจกติดฟิมพ์ เห็นชินพัตน์นั่งทึ่งหัวตัวเองอยู่ยิ่งเป็นห่วง พยายามดึงประตูเท่าไร ก็เปิดไม่ได้ เลยทุบหน้ารถให้คนข้างในได้ยิน เรียงชื่อเสียงดังมากๆ

“อะไร? อะไร? ใครเป็นอะไร?”ชินพัตน์ได้สติ ได้ยินเสียงเรียกตะโกนแว่วๆจากน้องรถ ก็เห็นนนทนัฐยืนทุบกระจกรถ เลยรีบเปิดกระจกออกมาดู มาเกิดเรื่องอะไร ในใจคิดว่าที่ร้านมีเรื่องหรือเปล่า หรือเกิดอะไรขึ้นกับป้าพรกับจอย

“อะไรคุณ ใครเป็นอะ….อุ๊บ!!!”

“ชิน คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม “นนทนัฐดึงตัวชินพัตน์เข้ามากอดแน่น แล้วลูบเนื้อตัวเผื่อหาลองรอย บาดแผล หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ ชินพัตน์บาดเจ็บหรือเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า ถึงดูทรมานมากๆ จนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาเลย

“เอ๊ะ? เปล่าๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรนะคุณ?”ชินพัตน์ตั้งสติได้ ดันตัวออกจากอ้อมกอดแล้วถามกลับ

“คุณนั้นแหล่ะมาทุบรถผมทำไม ตะโกนเรียกเหมือนใครเป็นอะไร?”

“เปล่าครับ เปล่า”นนทนัฐส่ายหน้า แล้วเริ่มกลั้นหัวเราะ พยายามเอามือปิดปากเผื่อไม่ให้หลุดขำออกมา

“อะไรคุณ? ขำอะไร? นี้ยังไม่หยุดอีก ไม่หยุดผมทุบจริงนะ!!” ชินพัตน์เห็นอีกฝ่ายตั้งหนตั้งตาหัวเราะ ก็เริ่มหัวเสียแล้วก็ยังงงๆอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“โอเคครับๆ บอกแล้วๆ”นนทนัฐคว้ามือชินพัตน์ไว้ แล้วพากันเดินไปที่ประตูหลังร้าน

  ซึ่งภายในร้าน เก็บของเรียบร้อยแล้ว ป้าพรกับจอยก็ขึ้นไปด้านบนแล้ว ทำให้ตอนนี้ภายในด้านล่างเงียบ และมีไฟเปิดอยู่เพียงดวงเดียวตรงประตู นนทนัฐที่ดินโอบชินพัตน์ให้เดินเข้ามาพร้อมกัน จับมือชินพัตน์ไว้เพื่อป้องกันฝ่ามือพิฆาตไว้แน่น

“นี้ปล่อยเลยนะ” ชินพันต์รู้สึกว่าตนเองอยู่ในท่าทางที่ดูแล้วแปลกๆ เหมือนตัวเขาโดนโอบอยู่เนื่องๆ เลยรีบบอกให้อีกฝ่ายปล่อย

“ครับๆ” นนทนัฐพาชินพัตน์มานั่งที่โต๊ะประจำตแหน่ง แล้วเดินไปเปิดไฟ ดวงที่ส่องสว่างเฉพาะที่ ทั้งคู่นั่งคุยกัน

“ครับๆแล้วก็บอกมาสักที่สิ คุณตะโกนทำไม ไม่กลัวข้างบ้านเขาว่าเอาหรือไง”

“ครับๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะครับ ดื่มน้ำให้ใจเย็นลงก่อนนะครับ” นนทนัฐหันไปเปิดตู้เย็นแล้วเทน้ำเย็นใส่แก้วส่งให้ชินพัตน์ดื่มเพื่อเอาใจ

“คุณ อย่ามาลีล่าน่า เล่าๆมาซักที่ ผมจะได้ขึ้นไปนอน”

“ง่วงแล้วเหรอครับ?”

“ยังจะมาย้อนถามอีก บอกให้เล่ามาไง” ชินพัตน์เตรียมกำกำปั้นหมายจะทุบคน ลีล่าท่ามาก

“ได้ แต่ถามอีกคำถามหนึ่งได้ไหม?” นนทนัฐเขยิบเข้าไปใกล้ชินพัตน์แล้วจองตา แล้วถามเหมือนขอร้องเบาๆ

“อะ อะไร ?”

“วันนี้ คิดถึงผมหรือเปล่า” นนทนัฐจองตาอีกฝ่ายนิ่ง เพื่อค้นหาคำตอบจากสายตานั้น

“อะ อะไรของคุณเนี้ย? มาถามอะไร? พอๆ ผมจะไปนอนแล้ว ไม่เล่าก็อย่าเล่า โธ่เอ้ย” ชินพตน์นิ่งไปครู่ แล้วทำเป็นเสียงดังแก้เขินกลับคำถามที่ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะถามมาตรงๆแบบนั้น รีบลุกขึ้นทำท่าจะเดินขึ้นชั้น 2 ไปนอน

“ชินครับๆ โอเคผมไม่แกล้งแล้ว มานั่งนี้ก่อนครับ ผมเล่าแล้วครับ นะนะ” นนทนัฐดึงอีกฝ่ายกลับมานั่ง ด้วยร้อยยิ้มถูกใจที่แกล้งอีกฝ่ายให้เขินได้

“นี่!!! คุณแกล้งผมเหรอ?”

“อ่ะ!! เปล่าครับๆ ผมเล่าแล้วๆ”นนทนัฐเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะโมโหเพราะโดนแกล้ง เลยดึงมือ ชินพัตน์มาจับไว้แล้วบีบเบา เพื่อให้หันมาสนใจเรื่องที่ตนเองจะเล่าแทน

“ก็เล่ามาซักที่สิ”

“ก็เมื่อกี้ผม เดินไปดูคุณที่รถ ไม่เห็นคุณลงจากรถมาสักที่ ก็เลยเคาะกระจกเรียก คุณก็ยังเงียบ เคาะอีก คุณก็เงียบ แล้วพอผมมองเข้าไปเห็นคุณกำลัง ทึ่งหัวตัวเองอยู่ ก็นึกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแน่ๆเลย เลยลองเรียกใหม่อีกครั้ง”

“คุณเลยทุบรถผมว่างั้น”

“…..”นนทนัฐยิ้มแห้งๆ พยักหน้ายอมรับ

“ก็คุณไม่ ตอบกลับแถมยังเฉยผมเป็นห่วงคุณนะก็เลย”

“ ผมก็ไม่ได้ เออ.. เป็นอะไรสักหน่อย” ชินพัตน์นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั่งคิดมากเรื่องพี่ชาย จนไม่รับรู้เรื่องภายนอก แถมยังนั่ง ทึ้งหัวตัวเองด้วย แถมมีคนอื่นมาเห็นแบบนี้  รู้สึกอายขึ้นมาทันที เลยพยายามหลบๆหน้าแดงๆของตนเองไปทางอื่น

“ไม่เป็นอะไรได้ไงครับ เนี้ยดูสิหน้าคุณเริ่มแดง ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อกี้ที่ผมเห็นคุณดูเหมือนทรมานมากเลย เอ๊ะหรือว่าคุณปวดหัวหรือเปล่า?” นนทนัฐขยับเข้าไปดูคนที่นั่งอายตัวเองที่ทำตัวเปินๆ ให้คนอื่นเห็นแบบนี้ได้ไง

“ผม ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะคุณ โธ่” ชินพัตน์ก็ไม่รู้จะแก้ตัวกับคนตรงหน้ายังไงดี จะบอกว่าคิดมากจนทึ้งหัวตัวเองก็กลัว โดนหัวเราะเยาะอีกรอบ อายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

“ครับๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วผมเป็นห่วง ก็คุณบอกว่ารอพี่ชายคุณกลับมา แล้วคุณจะรีบกลับมาช่วยกันเปิดร้าน แต่นี้มันเกือบจะ4 ทุ่มแล้วผมเห็นแบบนั้น  ผมยิ่งเป็นห่วงคุณขับรถกลับคนเดียวมืดๆแบบนั้นด้วย” ชินพัตน์นั่งฝั่งความรู้สึกเป้นห่วงของอีกฝ่ายแล้ว ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน มีคนที่นั่งรอและค่อยเป็นห่วงเราได้มากขนาดนี้ด้วยเหรอ ที่นอกเหนือไปจาก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง?


“ผมไม่เป็นไร ผมกลับมาแล้ว” ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งทีเขาพูดออกไปกับ มือที่เอือมไปโอบแก้มของอีกฝ่ายไว้นั้น มันช่างอ่อนโยน

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ” ฝ่ามืออุ่นที่ถ่ายถอดความรู้สึกไปให้อีกฝ่ายโดนการ เกลี่ยนิ้วบนใบหน้าของนนทนัฐอย่างแผ่วเบา เพื่อคลายความกังวลนั้นลงซะ และย้ำว่าเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้กลับมาหาแล้ว อย่างปลอดภัย

“ครับ”นนทนัฐตอบครับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ให้คนที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้ นนทนัฐเอามมือมาโอบมือของชินพัตน์ให้กระชับขึ้น และดึงมือนั้นมาพรมจูบไปทั่วฝามือ  จนทำให้ชินพัตน์หลุดออกจากช่วงเวลาที่เหมือนหยุดนิ่งอยู่นั้น กลับมาที่ปัจจุบัน  พยายามที่จะดึงมือทีมีริมฝีปากอ่อนมุมนั้นสัมผัสแผ่วเบานั้นออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเลยถึงแม้นนทนัฐไม่ได้จับมือนั้นไว้แน่นแต่อย่างไดเลย แต่เรียวแรงที่จะดึงมือตนเองกลับแทบจะไม่มีเอาเสียเลย

    ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งอีกครั้ง ใบหน้าที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ใกล้กันเหลือเพียงไม่กี่เซ็น สายตาที่ประสานกันสื่อสารความรู้สึกมากมาออกมา โดยที่ไม่ต้องเอือนเอย แล้วริมฝีปากอุ่นๆกับสัมผัสลงแผ่วเบาให้อีกริมฝีปากหนึ่งรับรู้ความอ่อนละมุนของกันและกัน หลับตาลงและรับสัมผัสอันแผ่วเบานั้นอย่างอ่อยอิงและอบอุ่น

“ผมไม่รู้ว่าคุณมีเรื่องทุกข์ใจอะไร คิดกังวลใจเรื่องอะไรก็ตาม แต่ผมจะอยู่ข้างๆคุณเสมอนะ “ นนทนัฐที่ละจากริมฝีปากของคนรัก บอกกล่าวคนตรงหน้า อย่างรักใครและห่วงใยเสมอ

“……”ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับ รับรู้ความจริงใจจากคนรัก เบาๆ เพราะอีกฝ่ายกำลังจะ มอบสัมผัสแบบเมื่อครู่อีกครั้ง เลยหลับตาลงเผื่อรอ

“นอนหลับฝันดีนะครับ”

ชินพัตน์ลืมตาทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น มันต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดมาก กระพริบตาถี่อย่างงงๆ จนทำให้ นนทนัฐยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ ที่ได้แกล้งคนตรงหน้าได้อีกครั้ง

“งั้นก็ปล่อยสิ คนจะไปนอน” ชินพัตน์รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อแก้เก้อ พยายามแกะมือปลาหมึกของนนทนัฐให้ออกห่างจากตัว

“กังวลใจ หรือคิดมากเรื่องอะไร บอกผมได้ไหม?” นนทนัฐเรียบเรียงเรื่องทั้งหมด แล้วพอจะคิดได้ว่า ชินพัตน์คงต้องมีเรื่องกังวลใจ จนคิดมากติดอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง จะไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก ถึงขนาดทึ้งหัวตัวเอง เพราะคงติดไม่ตกกับเรื่องบางอย่างแน่ เขาคิดได้แค่นี้จริงๆ

“ทำไมคุณเปลี่ยนเรื่องเร็วจัง”ชินพัตน์มองหน้านนทนัฐอย่างสงสัย

“นี้คุณกำลังจะแกล้งผมอีกแล้วใช่ไหม?” ชินพัตน์เห็นอีกฝ่ายยกยิ้ม รู้ทันที่ว่าตนเองโดนแกล้งอีกแล้ว

“เปล่าครับ ผมแค่อยากรู้จริง คุณมีเรื่องไม่สบายใจเรื่องอะไร ถึงทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงที่ผมเรียกคุณ”

“เออ คือ ….”ชินพัตน์ลังเลที่จะเล่าเรื่องพี่ชายของตนเองนนทนัฐ แล้วยิ่งเรื่องที่แม่และพ่อไม่ยอมรับเรื่องของนพคุณด้วย ก็เลยยิ่งกลัว เรื่องของคนตรงหน้าหนักเข้าไปอีก ว่าถ้าเป็นเรื่องของพวกเขาทั้งสองคน จะเป็นยังไง

“ผมบอกแล้วไงว่า ไม่ว่าคุณจะมีเรื่องกลุ่มใจกังวลใจอะไร คุณมีผมอยู่ข้างๆคุณเสมอนะ “นนทนัฐเห็นชินพัตน์เริ่มทำหน้าเคร่งเครียด เขาสู่ห้วงความคิดของตนเองอีกแล้ว เลยจับมือชินพัตน์ให้หลุดออกมาจาก ความคิดนั้นก่อน

“จะพร้อมที่จะให้ผมเป็นส่วนในเรื่องไหน ความกลุ่มใจแล้วนั้น เมื่อไร ผมพร้อมเสมอนะครับ”

“อืม”ชินพัตน์ได้แต่ตอบรับความห่วงใยนั้น เข้ายังไม่กล้าจะเล่าเรื่องเหล่านั้นให้ นนทนัฐฟัง ขอแค่มีคนตรงหน้าอยู่ด้วยกับเขา ก็พอใจแล้วนะเวลานี้

“งั้นก็เก็บเรื่องที่คิดไม่ตก ฝากผมไว้ก่อนนะครับ แล้วขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนให้สบาย แล้วตอนเช้าค่อยมาเอาเรื่องกลุ่มใจนี้ กลับคืนไป หรือจะฝากไว้ตลอดไปก็ได้ ผมจะเก็บเรื่องที่คุณลำบากใจเอาไว้ให้เองดีไหมครับ?” นนทนัฐพยายามให้ให้คนรักสบายใจ

“ผมฝากไว้ได้เหรอ?”

“ได้สิ เพียงแค่คุณไว้ใจผม”

“อืม จะลองทำดู” แล้วชินพัตน์ก็หลับตาเหมือนทำสมาธิเพื่อที่จะหยุดคิดเรื่องต่าง แล้วอยู่กับตัวเอง และคนตรงหน้าก่อน ณ เวลานี้

“ขึ้นไปข้างบนเถอะครับ ดึกมากแล้ว”นนทนัฐเห็นอีกฝ่ายลืมตาแล้วส่งยิ้มให้ เลยเดินจูงมืออีกฝ่ายไปที่บันไดทางขึ้น
ชินพัตน์เดมตามนนทนัฐอย่างไม่เกียงงอนแต่อย่างใด

คืนนี้ชินพัตน์คงนอนหลับฝันดี ไม่มีเรื่องราวต่างๆ เข้ามารบกวนจิตใจอย่างแต่นอน

ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เวลาจะเป็นสิ่งที่จะให้คำตอบทั้งหมด

ปล่อยวางไว้ก่อน

อย่าแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง

เพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล

ยังมีคนสำคัญจะเดินเคียงข้างไปพร้อมกันเสมอ















  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven


  มาแล้วจ้า ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆ ปิดร้านไปนาน วันนี้เปิดร้านแล้วจ้า โฮะๆๆๆๆ  :z6:  :z6:


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2015 21:54:34 โดย jasmim_min »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เปิดร้านแล้วอย่าปิดหายไปอีกนะครับ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
หายไปนานมากๆๆ

อยากให้พี่ใหญ่บอกความรู้สึกกับต้นจัง อิอิ

คู่หลักก็น่ารักกันเหมือนเดิม

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
     
                                       เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70


ตลอดหนึ่งอาทิตย์ต้นกล้า อยู่ดูแลยายไม่ห่าง นพคุณก็ไปกลับที่ร้าน เพื่อมาดูยายและ เตรียมตัวเรื่องที่ต้นกล้าต้องไปฝึกงานด้วย นพคุณรับปากว่าจะดูแลยาย ส่วนชินพัตน์ นนทนัฐ และคนอื่นๆก็แวะเวีนย มาดูมาเยียมยายตลอด ทำให้ต้นกล้าเบาใจ และตั้งใจจะไปฝึกงานอย่างสบายใจ

“ฮัลโล หม่อน”

(ว่าไงต้น ยายหายดีแล้วใช่ไหม?)

“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พี่ๆเขาก็แวะมาดูตลอดเลยนะ”

(ดีแล้วล่ะ ต้นจะได้มาฝึกงานได้แล้วสินะ)

“อืม เย็นวันอาทิตย์ เราจะขึ้นรถไปที่หมาลัยนะ แล้วค่อยไปคุยกันเรื่องเดินทางอีกที่นะหม่อน”

(“ได้ๆ ให้เราไปรับที่ไหนดีล่ะ”)

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอง ต้องแวะไปลาออกจากงานพิเศษด้วย ยังไม่ได้ไปยื่นใบลาออกเลย มันยุ่งๆนะ”

(อ้าวเหรอ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะต้น)

“ขอบใจมากนะหม่อน แค่หม่อนช่วยเราเรื่องหาที่ฝึกงานเราก็ขอบใจมากแล้วล่ะ”

(อย่าคิดมากนะต้น วันอาทิตย์เจอกันนะต้น เดินทางดีๆล่ะ)

“อืม แล้วเจอกัน” ต้นกล้าน้ำตาคลอ เมื่อรู้สึกตื้นตันใจที่ได้รู้จักเพื่อนดีๆอย่างหม่อน

นพคุณที่ยืนฟังต้นกล้าโทรศัพท์อย่างๆไม่ตั้งใจ เพราะเห็นว่าลงมาข้างล่างตั้งนาน เลยคิดจะลงมาตาม เลยเผลอยืนฟังเงียบๆ พอเห็นว่าต้นกล้าคุยโทรศัพท์ก็เลย รีบเดินออกมาทัก

“ต้นทำอะไรอยู่ ยุ่งเยอะนะ”

“ต้นโทรศัพท์หาเพื่อนครับ “

“เพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันนะเหรอ?”

“ใช่ครับ ชื่อหม่อน พี่รู้จักแล้วใช่ไหมครับ” ต้นกล้าหันมาถาม

“ใช่ๆจำได้ๆ แล้วจะกลับมหาลัยวันไหน?”

“ต้นจะกลับเย็นวันอาทิตย์นี้ครับ”

“ให้พี่ไปส่งนะ”

“ไปส่งที่ไหนครับ ถ้าแค่ บขส.ก็ขอบคุณมาเลยครับ เพราะเย็นหารถเข้าเมืองยากมาก”

“เดี่ยวพี่ไปส่งที่มหาลัยเลยครับ”

“อย่าเลยครับต้นเกรงใจ แค่ที่ในเมืองก็พอแล้วครับ เพราะต้นเข้ากรุงเทพแล้วต้องแวะไปยืนใบลาออกจากทีทำงานพิเศษด้วยนะครับ”

“แบบนั้นพี่ยิ่งต้องไปส่งเลย ว่าจะไปถึงกว่าจะทำธุระเสร็จแล้วเมื่อไหร่จะได้เข้าห้องพักล่ะแบบนั้น”

“แต่ว่า…..” ต้นกล้าเกรงใจ และที่สำคัญอยากให้นพคุณดูแลยายอยู่ที่นี้ ต้นกล้ารู้สึกสบายใจกว่า

“ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ เดี๋ยวพี่ให้ เจ้าชิน แวะมาอยู่เป็นเพื่อนยายเอง”

“พี่ชินเข้าต้องดูร้านนะครับ”

“เอาน่า พี่คนมาอยู่เป็นเพื่อนยายได้แน่ๆ อย่าเป็นห่วงไปเลย แล้วพี่ก็อยากไปส่งต้นที่มหาลัยด้วย “

“ก็ได้ครับ”

“โอเค งั้นขึ้นบ้านเถอะยุงเยอะมากเลย”

“ครับๆ”
ทั้งคู่ขึ้นเรือนไป ต้นกล้าไปนอนกับยาย ส่วนนพคุณนอนที่ห้องต้นกล้า ที่มีที่นอนหมอนมุ้งเตรียมพร้อม สำหรับมาอยู่เฝ้ายาย ข้าวของใช้ส่วนตัวก็เตรียมมาพร้อม นพคุณอาบน้ำเสร็จนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรหาน้องชาย เรื่องที่ต้องจะไปฝึกงานแล้ว

“เจ้าชิน วันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ พอจะว่างไหม?”

(มีอะไรพี่ บอกมาเลย)

“อาทิตย์นี้ต้นจะกลับมหาลัยแล้วพี่ว่าจะไปส่งนะ พี่เลยอยากให้เรามาดูยายแทนช่วงบ่ายๆนะ”

(ได้สิพี่ เดี๋ยวผมไปดูยายให้เอง แล้วต้นขาดเหลืออะไรเตรียมตัวพร้อมหรือยังพี่?)

“ก็นี้แหละ พี่จะไปกับต้น เพื่อต้นต้องการอะไรพี่ก็จะหาซื้อให้น้องด้วย น้องคงไม่กล้าออกปากเองหรอก”

(จริงด้วยพี่ ได้ๆ วันอาทิตย์ เจอกันพี่)

“ขอบใจมาก”

(พี่แล้วที่ร้านล่ะ?)

“พี่โทรไปบอกแมนแล้ว ฝากดูไว้แล้วนะ”

(โอเคๆ แล้วเจอกันพี่)

     ชินพัตน์ตัดสายโทรศัพท์จากพี่ชาย ในขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าคอมโต๊ะทำงานของนนทนัฐ  ว่างโทรศัพท์และนั่งเล่นเกมต่อ เป็นเกมที่กำลังฮิตในร้านชินพัตน์เห็น เด็กๆในร้านเล่นกันหลายคนไปยืนดูเด็กเล่นได้เป็นนาน 2 นาน จนนนทนัฐต้องลากกลับมานั่งด้วยกัน แล้วเปิดเกมให้ลองเล่นดู ตั้งแต่ปิดร้านของตัวเอง แล้วเข้ามาในร้านเกมยังไม่ยอมลุกไปไหนเอย ดูท่าชินพัตน์จะติดเกมซะแล้ว  นนทนัฐเริ่มอยากแกล้งเด็กติดเกมด้วย

“ชินครับ?”

“……”เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคุณเจ้าของร้านลูกชิ้น ที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กติดเกมไปแล้ว

“ชินครับ” เสียงเรียกเริ่มเข้าใกล้

“………”

“ชินครับ หันมาคุยกับผมหน่อยสิ”

“………”

“โธ่คุณ เห็นไหมแพ้เลยอ่ะ เอามือมาปิดหน้าจอทำไหมอ่ะ” ชินพัตน์ทำเสียงหงุดหงิด หันมาต่อว่าต้นเหตุคนที่ทำให้ตนเองแพ้เกม

“ก็ผมเรียกคุณเท่าไรคุณก็ไม่หัน”

“ก็ผมเล่นเกมอยู่”

“ผมรู้ แต่คุณเอาแต่สนใจเล่นแต่เกม ตั้งแต่เข้าร้านมา คุณยังไม่คุยกับผมสักคำเลยนะ”

“ก็….เกมมัน..เออ….”ชินพัตน์เห็นสายตาเศร้าออกแน่วตัดพอของคนรัก แล้วก็เลยสำนึกได้ว่า ตนเองกลายเป็นเด็กติดเกมไปซะแล้วเหรอ ไม่สนใจคนรอบๆข้างเลย  เมื่อกี่ก็เกือบจะไม่รับโทรศัพท์พี่ชายตัวเองเหมือนกัน

“ผมรู้ว่าเกมมันกำลังสนุก แล้วต้องเล่นต่อเนื่อง แต่พอคุณไม่หันมาคุยกับผมเลย ไม่รู้สึก เหมือน…..”นนทนัฐก็ไม่กล้าพูดต่อ ว่าโดนแย่งความสนใจเหมือนเด็กโดนแย่งของที่ชอบไป แล้วที่สำคัญตัวนนทนัฐเอง ที่เป็นคนสอนให้ ชินพัตน์เล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง เลยพูดได้ไม่เต็มปาก

“โอเคครับ ผมขอโทษ ไม่เล่นแล้วครับ “

“คุณไม่เล่นแล้วเหรอ? “

“ไม่เล่นแล้ว เรียกผมมีอะไร จะคุยเรื่องอะไร พูดมาเลย” ชินพัตน์อยากเอาใจคนตรงหาที่ทำหน้าเหมือน รู้สึกผิด

“เอ่อ เปล่าครับ คือ…” จริงๆแล้วนนทนัฐก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอยากจะคุย เพียงแค่อยากให้คนรักหันมาสนใจตัวเองบ้างก็เท่านั้น

“โอเค คุณไม่มีเรื่องคุย ไงผมคุยเอง วันอาทิตย์นี้ช่วงบ่าย ผมจะไปบ้านสวนนะ ไปดูยายสักหน่อย เพราะพี่ผมเขาจะไปส่งต้นกล้าที่มหาลัยนะ”

“เหรอครับ น้องเขาจะกลับไปฝึกงานแล้ว?”

“ใช่ ผมเลยต้องไปดูแลยายแทนนะ”

“ผมไปด้วยสิ “

“อ้าวแล้วที่ร้านนี้หล่ะ?”

“พรุ่งนี้จะมีเด็กมาดูร้านแทนแล้วครับ”

“เฮ้ย ทำไมคุณได้เด็กมาช่วยก่อนที่ร้านผมล่ะ ทั้งๆที่ปิดประกาศพร้อมๆกันอ่ะ”

“เปล่าๆ เพื่อนผมที่เคยช่วยเรื่องคอม และที่เคยมาที่วัดเปิดร้านคุณจำได้ไหม?”

“อ้อๆ จำได้ ทำไมเหรอ”

“เพื่อนผมแนะนำ คนรู้จักให้มาฝากผมดูนะ เห็นว่าเป็นคอม แต่เกมาก ไม่ยอมเรียน จนพ่อแม่ ไม่สนใจตัดหางปล่อยวัด เพื่อนผม เป็นห่วงเลยฝากมานะ เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้”

“อ้อ ก็ดีแล้วคุณก็จะได้พักบ้าง มีคนมาช่วยแบบนี้ แต่ว่าจะไว้ใจได้เหรอ? ไหนเพื่อนคุณบอกเกเรไง?”

“ผมก็ไม่แน่ใจ พรุ่งนี้ต้องลองดูก่อน เพื่อนผมมันก็จะมาด้วย”

“งั้นเหรอ ก็ดูดีแล้วกันนะคุณ”

“เป็นห่วงผมเหรอครับ”

“ก็เป็นห่วงดิ ไม่ห่วงฟะ..แฟ…นั้นแหละ แล้วจะไปห่วงใคร”

“พูดให้ฟังชัดๆสิครับ ผมอยากได้ยินชัดๆจังเลย”

“ไม่ต้องเลย โน่นๆ เด็กมาเติมเกมแล้ว ผมง่วงนอนจะไปนอนแล้ว”

ชินพัตน์เขิน กับคำว่าแฟน  รีบเดินหนีกลับไปที่ร้านตนเองทันที่ไม่รอให้อีกฝ่ายเรียก เพราะต้องเติมเกมให้เด็กๆ แล้วก็ใกล้เวลาที่จะปิดร้านแล้วด้วย แยกย้ายกันตรงนี้เลยท่าจะดีกว่า

เช้าวันรุ่งขึ้นชินพัตน์ตื่นขึ้นมาเปิดร้าน พร้อมป้าพรและจอย ตามปกติแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคนที่ไม่คิดว่าจะ เจอในตอนเช้าแบบนี้ก็คือ กัมพล ที่กำลังช่วยป้าพร ยกตะกล้าผัก และถังแก็สอย่างคล่องแคล่ว จนชินพัตน์ที่พึ่งเดินลงมาจากชั้น 2 งงมา กัมพลมาได้ยังไง แล้วคุณเนติธรปล่อยตัวมาได้ยังไง แต่เมื่อมองออกไปนอกร้านทั้งรถ ทั้งคนที่คิดอยู่ก็เดินเข้ามาหนาร้านพอดี

“สวัสดีครับ คุณเนติธร” ชินพัตน์ได้แต่ทักทาย เพราะยังไงก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

“สวัสดีครับ พอดีผมต้องไปทำงานต่างประเทศ แล้วคุณอาไม่อยากอยู่ที่บ้าน ผมเลยมาฝากไว้ที่นี้ครับ”

“พี่ชิน ผมมาอยู่ที่ร้านด้วยสักประมาณอาทิตย์หนึ่งนะพี่ ผมไม่อยากไม่เมืองนอก ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นครับ” กัมพลรีบเข้ามาประจบชินพัตน์ทันทีแถมบอกเหตุผลเสร็จสับ

“ก็ผมบอกว่าไง ว่าให้ไปเรียนพิเศษ แค่คุณก็ไม่ไป” คุณเนติธร สวนกลับเด็กที่มีฐานะเป็นอาทันที่

“ก็ผมอายุขนาดนี้แล้ว จะไปเข้านั่งเรียนกับเด็กๆเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก มาช่วยงานร้านพี่ชินดีกว่า ได้กินลูกชิ้นฟรีด้วย”

“แต่คุณขอไปเรียนมหาลัยแล้วนะครับ ควรจะทบทวนบทเรียนเตรียมไว้ก่อนเปิดภาคเรียน” ผู้ที่มีฐานนะเป็นหลานก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พูดให้อีกฝ่ายได้คิด

“ผมว่าคุณเนติธร พี่ไปขึ้นเครื่องเถอะครับเดี่ยวขึ้นเครื่องไม่ทันนะครับ” ลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้ามากระซิบกำชับเรื่องเวลาเช่นเดียวกัน ทำให้ชายหนุ่มวัย30 ต้องจำยอม

“ยังผมก็ฝาก คุณชินพัตน์ด้วยนะครับ อีกประมาณ 1 อาทิตย์ผมจะมารับตัวกลับแน่นอนครับ” ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับ เพราะยังไม่ทันได้ตกปากรับทำ ก็ยกขบวนกันออกไปหมดทั้งลูกพี่ลูกน้อง มาเร็วไปเร็วกันจริงๆ ทุกนาทีเป็นเงินสินะ

“พี่ชินมีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ บอกมาได้เลย”

“ถ้าอยากช่วยก็ ทำหน้าที่เดิมเลย อาจจะเพิ่มเติมขึ้นมาอีกก็ตรงต้อง เดินไปเก็บจ้านที่ร้านเกมบ้าง ช่วยจอยหน่อยนะ”

“ได้ครับ แค่นี้สบายมาก ผมอยากมาที่ร้านพี่ตั้งนานแล้ว แต่ต้องทำโน่น เรียนนี้เยอะแยะเลย ผมเบื่อมากๆ อยากทำงานใช้แรงมากว่า อิอิ” พูดเสร็จก็รีบผละ ไปช่วยป้าพรล้างผักทันที่

ชินพัตน์ได้แต่สายหน้าไปมา เรื่องกัมพลกับคุณเนติธร คงจะไม่น่ามีปัญหาแล้ว ดูจากการพูดคุยกัน น่าจะเป็นเรื่อง ความต่างวัยที่ยังไม่ ลงตัวกันเท่านั้นอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นเอง แต่เห็นกัมพลร่าเริงกว่าเก่าก็รู้สึกสบายใจ

ตลอดช่วงเช้าที่ร้านคนเริมเยอะ แต่ก็ขายได้ไม่มีปัญหาเพราะมีกัมพลมาช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะลูกค้าก็บอกว่าได้ อาหารเร็วขึ้น ลูกชิ้นปิ้ง และยำก็ไม่ต้องรอนานเหมือนอย่างเคย ทำให้ชินพัตน์เริ่มคิดว่าจะต้องหาคนเข้ามาทำงานเพิ่ม ให้ได้เร็วๆ
คงต้องไปปริ๊นใบประกาศรับสมัครงานมาเพิ่ม เพื่อจะไปแปะเพิ่เติมอีก เลยแวะไปหาชินพัตน์ช่วงเที่ยงและเอาอาหารเที่งไปให้ด้วย

“ชินมาพอดีเลย นี้ไงเพื่อนผม แล้วก็น้องเขาที่จะมาช่วยที่ร้าน”นนทนัฐรีบแนะนำทั้งเพื่อนและเด็กที่มาใหม่ ที่กำลังดูวิธีการต่างๆ ในการเติมเงินให้เด็กเพื่อน และมีนนทนัฐค่อยเสริมเล็กอยู่ที่หน้าคอม

“ทำไมไม่บอกผม ผมจะได้ ยกอาหารมาให้ด้วย” ชินพัตน์กระซิบบอกแฟน นนทนัฐก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปด้วย

“พวกนายหิวยัง ไปทานข้าวกันก่อนไป ตามชินไปทีร้านเลยมีแต่ของอร่อยๆ เดี่ยวเราตามไป”นนทนัฐเรียกให้เพื่อนกับเด็กใหม่ ลุกขึ้นเดินมา ชินพัตน์ไปที่ร้าน

“นั่งก่อนนะครับ เมนูครับ น้องสนใจอยากลองทานอันไหนสั่งเลยนะ” ชินพีตน์ทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดี

“ผมเอาต้มจืดลูกชิ้นครับ” เพื่อนของนนทนัฐช่างอย่างคล่องแคล่ว เพราะเคยทานแล้วเลยรู้ว่าอร่อย

“แล้วน้องสั่งอะไรดี”

“ผมขอกระเพราะลูกชิ้นเผ็ดๆครับ”

“ได้ๆครับ รอสักครู่นะ”ชินพัตน์เอารายการไปส่งให้กับป้าพร กัมพลเห็นลูกค้าใหม่เข้าร้านเลยรีบไตอ้นรับ ถามไถ่เรื่องเครื่องดื่ม

“จะรับน้ำอะไรดีครับ มีน้ำอัดลม น้ำดื่มสมุนไพร ครับ” กัมพลรอรับรายการด้วยรอยยิ้มการค้า

“ผมข้อน้ำสมุนไพรครับ มีน้าอะไรบ้าง”

“มีกระเจี๊ยบ เก๊กฮวย น้ำมะขาม น้ำตาลสด น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบกครับ”

“งั้นขอน้ำใบบัวบก 2 แก้วครับ”

“ได้ครับ” กัมพลรับคำ แล้วรีบไปจัดการตักน้ำตามที่ลูกค้าต้องการ

“ผมไม่ได้อยากกินเลยนะ น้ำอะไรนั้นนะ”เด็กหนุ่มทำหน้าบึ้งบอกคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันว่าไม่ชอบ

“แต่ฉันสั่งให้นายกินก็ต้องกิน ช้ำใจมากไม่ใช่หรือไง กินน้ำบัวบกก็ดีแล้วนี้ หึ”เพื่อนของนนทนัฐกระซิบบอกอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าแค่เพื่อนกัน คุณไม่เชื่อเองนี้ ชิ” เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีไม่อยากเสวนาต่อ พอดีกลับที่รายการอาหาร มาส่งที่โต๊ะ พร้อมกับเครื่องดื่ม เป็นกัมพลที่เป็นคนมาเสริฟ ให้ด้วยใบหน้ายิ้มการค้าสุดๆ

“ทานให้อร่อยนะครับ” กัมพลยิ้มส่งแล้วเดินออกมากลับไปทำงานของตนเองต่อ

ชินพัตน์ก็ปล่อยให้ทั้งคู่ทานอาหารกันไม่ เลยเดินไปดูนนทนัฐที่ยังไม่เห็น ตามออกมาเลย ปรากฏว่าเด็ก รุมอยู่หน้าโต๊ะเต็มไปหมด น่าจะพึงเข้าร้านมาใหม่ ทำให้นนทนัฐปลีกตัวออกมาไม่ได้สักที่ ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปช่วยขายบัตรแทน แล้วให้นนทนัฐนั่งกินข้าว เพราะนี้ก็เลยเวลามื้อเที่ยงมานานแล้ว กลัวจะเป็นโรคกระเพาะทานข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้

“เก็บเงินด้วยครับ” จอยและป้าพรหันมองหาชินพัตน์ไปไหนก็ไม่รู้ เลยให้กัมพลไปตามดูที่ร้านเกมให้มาเก็บเงิน

“ขอโทษครับ ไม่คิดเงินครับ ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงแล้วกัน”

“อย่าเลยครับเกรงใจ”

“น้องเขาต้องอยู่ที่ร้านอีกนานไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวก็แวะมาเป็นลูกค้ากันอีก เอาไว้คราวหน้าค่อยจ่ายแล้วกันนะครับ” ชินพัตน์ยิ้มการค้า ไม่อยากเก็บเงินเพื่อนนทนัฐ และเด็กหนุ่มที่จะมาช่วยงานที่ร้านเกม

“งั้นคราวหน้าผมแวะมาที่นี้จะซื้อของมาฝากนะครับ”

“ครับๆ และมาที่ร้านได้ตลอดเลยนะครับ”

และทั้ง 3 คนก็เดินกลับมาที่ร้านเกม นนทนัฐก็พึ่งได้ละจากเด็กๆ ที่มารุมเติมเกมเล่นต่อ เด็กใหม่เลยลงนั่งโต๊ะแทน เพื่อลองทำเองดูบ้าง เริ่มฝึกเรื่อยๆอีกไม่นานก็คงจะคล่องขึ้น เพราะดูท่าทางจะเป็นคอม

“แล้วนายจะกลับตอนไหน”นนทนัฐถามเพื่อน

“อ้อ คือ ฉันจะขอค้างด้วยซัก 2-3 วันนะ เดี๋ยวค่อยกับฉันลางานมาแล้วนะ”

“อ้าวเหรอ อ้อจะอยู่ดูน้องก่อนหรือไง กลัวทำงานไม่ดี กลัวเสียชื่อว่างั้นเถอะ”

“เปล่าๆ ก็แค่เด็กมันไม่เคยออกจากบ้านมาคนเดียวก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ”

“น้องเขาไม่เคยออกจากบ้านเหรอครับ แล้วแบบนี้พ่อแม่เขาไม่ห่วงเหรอครับ?” ชิพนัตน์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เกิดความสง
สัย

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงหรอกครับ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ไปทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ครับ ต่อ ไม่อยากไปด้วย พวกน้าๆเขาก็เลยฝากให้ผมดูแลนะครับ “

“อ้อ น้องชื่อ ต่อ เหรอครับ”

“อ้าวผมยังไม่ได้บอกชื่อเหรอ? “นนทนัฐหันมาถามคนรักอย่างแปลกใจ

“ก็ใช่นะสิ ผมเลยเรียกชื่อน้องเขาไม่ถูกเลยนะ เรียกแต่น้องๆอย่างเดียวอ่ะ”

“ขอโทษครับ ผมก็ผิดด้วยเหมือนกัน ผมเป็นคนพามาน่าจะแนะนำฝากเนื้อฝาตัวกันไว้  น้องเข้าเป็นญาติฝั่งพ่อผมนะครับ จะเรียกว่าญาติก็ไม่เชิง คือตอนเด็กๆ พวกเราอยู่บ้านใกล้กันนะครับ พอผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้เจอกัน พึ่งมาเจอกันช่วงหลังๆนี้แหละ ที่พวกคุณน้าพวกเข้าต้องไปทำงานต่างประเทศกะทันหัน แถมลูกชายคนเดียวก็ไม่ยอมตามไปด้วย บอกว่าอยากเรียนที่ไทย แล้วก็ไม่ยอมเลย บริหารเหมือนที่พ่อแม่ต้องการอีก ก็มีปากเสียงกันก่อนจะไปอีก ต่อเลยต้องมาอยู่กับผมนะครับ เข้าอยากเรียนคอมพิวเตอร์เพราะเขาชอบด้านนี้ แต่พ่อแม่เขา ไม่สนับสนุนนะครับ”

“อ้อ แบบนี้นี้เองก็สงสารน้องเขานะครับ พึ่งจะอายุเท่าไรเอง “

“ 18 แล้วครับ”

“เรียนจบม.ปลายแล้ว?”

“เปล่าครับ น้องเข้าจบ มหาลัยแล้ว เข้าเรียนเร็วใช้การสอบเทียบเอานะครับ เขาใช้เรื่องเรียนที่จบออกมา เป็นเครื่องต่อรองที่จะไม่ไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศกับครอบครัว แต่เลือกจะเรียน คอมพิวเตอร์เพื่อจะเอาปริญญาออีกใบครับ”
ชินพัตน์ฟังประวัติเด็กหนุ่ม ที่นั่งอยู่หน้าคอมอย่างทึ่ง นนทนัฐก็ได้ฟังเรื่องนี้พร้อมกับชินพัตน์เช่นเดียวกัน พี่เขาได้ทำงานกับเด็กอัฉริยะงั้นเหรอ หันมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจปนตื่นเต้น

“เขาบอกว่าอยากหาเงินเรียนเอง เลยบอกว่าอยากทำงาน ผมก็เลยเอามาฝากเจ้านนท์ไว้ก่อน ไม่อยากให้ไปหางานทพเองครับ”

“ยังไงเขาก็ยังเด็กอยู่ไช่ไหมครับ?”ชินพัตน์เสริม

“ครับ เพราะเขาเอาแต่ใจเรื่องที่เขาสนใจและอยากจะทำ จนไม่ฟังเหตุผลและความเป็นห่วงจากครอบครัวนะครับ เลยยังอดเป็นห่วงไม่ได้”

“ฉันฝากน้องมันด้วยนะเว้ย นนท์” ตบบ่าเพื่อนเบาๆเป็นการฝากฝั่ง

“ฉันมากกว่ามั้ง ต้องฝากร้านนี้ไว้กับน้องเขาแล้ว ดูท่าจะคล่องกว่าฉันอีก  ดูสิเด็กมาถามหาเกมอะไรตอบได้หมด แถมยังแก้ไขเบื้องต้นได้อีกด้วย ฉันยังต้องมางมหาในกูเกิล ก่อนเลยถึงจะหาทางแก้ปัญหาพวกนั้นได้นะ”

“ก็ต่อ สนใจทางด้านคอมพิวเตอร์ เรื่องนี้อาจจะดูเล็กน้อย แต่เรื่องความสัมพันธ์ การสื่อสารก็ฝากนายด้วย เพราะต่อเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ คิดเองอยู่เงียบๆ ถ้าไม่ถามก็จะไม่ตอบ หรือแสดงออกอะไรทั้งนั้น”

“อ้อ โอเคเข้าใจแล้ว” นนทนัฐและชินพัตน์ฟังลักษณะนิสัย คราวๆของเด็กหนุ่ม ชื่อ ก้องภพ

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาแค่วันอาทิตย์เย็นฉันก็จะกลับนะเพื่อน” หันมาคุยกับนนทนัฐ

“ได้สิ อยู่ด้วยกัน ให้น้องได้คุ้นเคยก่อนก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นผมขอตัวไปดูที่ร้านก่อนนะครับ”ชินพัตน์ของตัวกับร้านมานั่งฝั่งอยู่นานแล้ว

“ตอนเย็นก็ฝากด้วยนะครับ”

“ได้ครับ จะเตรียมเมนูอร่อยๆไว้ให้นะครับ”ชินพัตน์ก็เดินออกจากหลังร้านไป

“นนท์ คนนี้ใช่เลย ใช่ไหมเพื่อน?”

“อืม เขารับฉันเป็นแฟนแล้วด้วยนะ”

“เฮ้ยจริงดิ ก้าวหน้านี้หว่า?”

“ถึงว่า ดูแลทั่วถึงแบบนี้ ใจดีน่ารักเหมือนกันนี้หว่า?”

“……”

“ทำไมต้องทำหน้าตึงด้วยว่ะเพื่อน ก็ฉันชมเขาจริงๆ “

“แต่ก็ไม่ต้องชมว่าน่ารักได้หรือเปล่าล่ะ”

“ครับๆ โธ่อะไรว่ะเพื่อน แค่นี้ทำห่วง” ส่ายหน้าระอาเพื่อน สงสัยจะห่วงแฟนจริงๆ เลยหันไปสนใจเด็กในปกครองดีกว่า
นนทนัฐเห็นว่า มีคนช่วยดูร้านแล้วตั้ง 2คนเลยเดิน ไปหาคุณเจ้าของร้านสักหน่อย รีบเดินไปดูว่าลูกค้าในร้านเยอะไหม ลูกค้า ทย่อยกันออกจากร้านแล้ว ช่วงบ่ายๆก็จะคนน้อนลง เตรียมไปรับมืออีกที่ช่วงเย็นๆ เลยถือโอกาสนี้ดึงตัว คนรักมาคุยเรื่องที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้

“อะไรของคุย ลากผมออกมาทำไม ผมจะช่วยจอยเก็บโต๊ะ”ชินพัตน์บ่นอุบ เพราะโดนดึงตัวออกมา ด้านหลังร้าน

“วันอาทิตย์ ผมไปบ้านสวนไปเยี่ยมยายด้วยคนนะครับ”

“แล้วคุณจะทิ้งเพื่อนกับน้องไว้ที่ร้านหรือไง “

“น้องเขาก็คล่องแล้ว ที่สำคัญเพื่อนผมก็อยู่เป็นเพื่อนน้องเขาด้วยแล้วไงครับ”

“แต่คุณเป็นเจ้าของ แล้วก็เจ้านายนะ จะมาทิ้งแบบนี้ไปนี้เที่ยวได้ไง”

“ให้ผมไปด้วยนะครับ”นนทนัฐขอร้องสุดฤทธิ์

“ดูก่อนแล้วกัน ถ้าหลังจากเที่ยงแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วน้องเขาทำงานที่ร้านแล้วไม่มีปัญหา ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”

“ครับๆ ผมจะไปสนน้องเขาให้รีบเป็นง่าย ทำงานไม่พลาดแน่นอนครับ” นนทนัฐรีบรับคำ ยิ้มหน้าบาน

“ผมว่าคุณนั้นแหละจะพลาด น้องต่อ นะดูเขาคล่องจะตายไป” ชินพัตน์ส่ายหัว แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

ช่วงหัวค่ำทุกคนก็มารวมตัวกันทานมื้อเย็น ประมาณ 2 ทุ่ม วันนี้ปิดร้านไว้ เพื่อต้อนรับ กัมพลที่มาช่วยงาน แล้วก็ ก้องภพด้วย ที่มาช่วยที่ร้าน เหลือแต่เพื่อนนนทนัฐที่ อาสาดูร้านให้ ตอนที่ทุกคนทานมื้อเย็นกัน

“งั้นเดี๋ยวผมเอาข้าวไปให้พี่เขาก่อนนะครับ” ก้องภพอาสายกข้าวผัดกระเพราลูกชิ้น แล้วก็น้ำใบบัวบกไปให้ ญาติผู้พี่เอง หรือว่าเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่วัยเด็ก

“ผมเอาข้าวมาให้” ก้องภพรีบวางถาดอาหารแล้วรีบหันกลับ ทำท่าไม่สนใจคนที่นั่งอยู่หน้าคอม แต่ก็โดนอีกฝ่าย จับแขนไว้ก่อน

“เดี๋ยวสิ ทำไหมเป็นน้ำอันเดิมล่ะ”

“ก็ผมนึกว่าคุณชอบ ก็เลยตักมาให้นะ ปล่อยสิพวกเขารอผมทานข้าวอยู่” อีกฝ่ายเลยรีบยกมือเหมือนยอมแพ้แล้วปล่อยอีกฝ่ายเดินหายไปหลังร้าน

“ลูกค้าเยอะไหมต่อ?”ชินพัตน์ถามไถ่

“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”

“จริงแล้วน่าจะเรียกเพื่อนคุณมานั่งทานด้วยกันนะ”

“จริงด้วย ป้าก็ว่าอย่างงั้นนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า พี่เขากำลังเล่นเกมกับเด็กๆ กำลังเพลินเลย ตอนผมเอาทานไปให้ก็ไม่ยอมกินข้าวครับ” ก้องภพทำเหมือนฟ้อง ทั้งๆที่อีกฝ่ายกำลังเติมเกมให้เด็กๆในร้านแค่นั้นเอง

“อ้าวเหรอ โธ่ป้าก็นึกว่า ให้อยู่ดูร้านคนเดียวจะเหงา โธ่ เล่นเกมกับเด็กๆไปซะแล้ว ดีๆแล้ว” ทุกคนเลยพากันหัวเราะ

   มื้อเย็นวันนั้นก็เป็นการพูดคุยแนะนำตัว เล็กน้อยๆสำหรับเด็กหนุ่มมาให้ ทำความรู้จักกันไว้ เพราะน่าจะอยู่ด้วยกันเจอหน้ากันไปอีกพักใหญ่ๆ กัมพลก็มีบ่นเรื่องที่บ้านของตนเองออกมาบ้าง แต่ก็โดน ชินพัตน์ปามเอาไว้ แล้วหันไปชวนคุยเรื่องยายกับต้นกล้าแทน

“พี่ต้นจะไปฝึกงานแล้วเหรอครับ ไปวันไหนครับ ผมว่าจะไปเยี่ยมหาสักหน่อย คงไม่ทันแน่เลย”

“จะกลับมหาลัย วันอาทิตย์นี้นะ พี่ใหญ่จำได้ไหม? ก็จะไปส่งต้นเข้ากรุงเทพด้วย พี่เลยว่าจะไปเยี่ยมยายที่สวนแล้วก็อยู่เฝ้าแก้ด้วยนะ”

“อ้อเหรอครับ ผมไปด้วยได้ไหม”

“ได้สิ ยายคงดีใจที่ได้เจอพลแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” กัมพลทำหน้าดีใจ

“ป้าครับ วันอาทิตย์ หรือพวกเราจะปิดร้านกันดีไหม แล้วก็ไปเยี่ยมยายกันทั้งหมดนี้เลย” ชินพัตน์เสนอเรื่องให้ผู้ใหญ่อย่าป้าพรช่วยตัดสินใจอีกคน

“ป้าก็อยากไปเยี่ยมยายเหมือนกันจ้า” “จอยก็จะแวะไปนะ แต่ก็ไปหาแม่ก่อนจ้า”

“โอเค ตกลงตามนี้ ติดป้ายแจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าว่าวันอาทิตย์ปิดร้านแล้วกันนะ”

“เอ…..แล้ว “กำลังจะทักถวงเรื่อง อาหารการกินของเพื่อนกับเด็กหนุ่มก้องภพ แต่เอาไว้ปรึกษากันสองคนกับคนรักดีกว่า เลยไม่ได้พูด

“แล้วต่อเป็นไงบ้าง เริ่มลองทำดูวันแรกทำได้ไหม”ป้าพรชวนก้องภพคุย

“พอทำได้ครับ ยังต้องเรียนรู้จากพี่นนท์ อีกหลายอย่างเลยครับ” นนทนัฐนึกค้านในใจ สอนแค่ครั้งเดียวก็เป็นเกือบหมดแล้ว ไม่รู้จะสอนอะไรแล้วด้วยสิ


“แล้วพล เรื่องเรียนถึงไหนแล้ว” ชินพัตน์ตกใจที่ป้าพรเปิดประเด็นเรื่องเรียนก็ กัมพล เพราะรู้ว่ากัมพลต้องบ่นอุบแน่ แต่ก็ผิดคาด

“ผมขอเรียนรู้งานที่ บ้านใหญ่ก่อนครับ แล้วพอคล่องขึ้น ค่อยกับไปเรียนครับป้า”

“อ้อดีแล้ว มีงานมีการทำ ก็ต้องตั้งใจทำนะลูกนะ”

“ครับป้า”

   




(มีต่อด้านล่างจ้า)  :katai4:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
(ต่อจ้า)  :katai4:



แล้ว6 คนก็พุดคุยกันอีกพักใหญ่ต่างก็ช่วยกัน เก็บร้านแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ชินพัตน์ให้ กัมพลขึ้นไปนอนที่ห้องตนเอง แต่กัมพลบอกว่าเกรงใจ ขอนอนทีห้องทำงานก็พอแล้ว เพราะเตรียมที่นอนมาพร้อม จะไม่พร้อมได้อย่างไร
เด็กหนุ่มกัมพลยกหูโทรศัพท์สั่งแค่ไม่กี่คำ สักพักเดียวทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า เครื่องนอน ของใช่ส่วนตัว มาพร้อมกับรถตู้คันใหญ่ มาจอดเทียบหลังร้าน พากันตกใจนึกว่ามีโจรมาปกร้านหรือเปล่า จนเจ้าตัวต้องรีบวิ่งไปบอกทุกคน ว่าเป็นคนของที่บ้านใหญ่ เอาของมาส่งให้ ทุกคนเลยหายตกใจกลับ แปลกใจ กับฐานะของกัมพลแทน  กัมพลเลยได้แต่ยิ้มแห้ง แล้วก็คนของตัวเองขึ้นตึกไป

“ชิน ผมมีเรื่องจะถาม”

“เรื่องอะไร” ชินพัตน์ก็ช่วยเก็บเอกสารบนโต๊ะ เพราะเช็คยอดรายรับ รายจ่ายเสร็จแล้ว

“วันอาทิตย์คุณปิดร้าน”

“คุณจะไปก็ได้ ผมไม่ได้ห้ามสักหน่อย?”

“เรื่องนั้นผมไปอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ผมจะคุย ก็คือ พวกเราปิดร้านแล้ว เพื่อนผมกับต่อ จะกินข้าวที่ไหนล่ะ”

“จริงด้วย ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย โธ่ ทำไมคุณไม่ทักผมตั้งแต่แรกล่ะ”

“พรุ่งนี้เรายังไม่เวลาจัดการอีก 1 วันผมเลยมาปรึกษาคุณตอนนี้ไง”

“อืมเอาไงดีนะ” ชินพัตน์ทำท่าคิดหนัก

“เดี๋ยวผมให้ป้าพรทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาดีไหม?”

“ก็ดีนะครับ แต่ไม่รู้พวกเขาจะอยากทานอะไร เป็นพิเศษหรือเปล่า” นนทนัฐเสริม

“งั้นพรุ่งนี้คุณก็ไปถามพวกเขาไว้แล้วกันว่าชอบทานอะไร จะได้เตรียมของไว้ได้ถูก”

“ครับผม”

“ไม่ดีกว่า ผมไปถามเองดีกว่า “ชินพัตน์คิดได้ก็รีบลุกออกจากโต๊ะทันที แต่นนทนัฐยังนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้ายุง

“อ้าวคุณ นั่งทำอะไรอยู่ กลับไปที่ร้านคุณด้วยกันสิ เร็วๆ”

“ชิน อยู่กับผมก่อนสิ”

“……….”ชินพัตน์อึ้งไป เพราะคนรักพูดออกมาตรงๆเลยว่า อยากอยู่ด้วยกันก่อน

“มานั่งนี้ก่อนเถอะนะครับ แล้วค่อยไปนะ”

“……….”ชินพัตน์ยอมให้นนทนัฐดึงมือพามานั่งที่เดิม ก็พอเข้าใจวันนี้ก็วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว เวลาที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังก็น้อยลงไปด้วย พึ่งจะมีเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่ พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน

“วันนี้เหนือยไหมครับ”

“………”ชินพัตน์ส่ายหน้าเบาๆ นนทนัฐเช็ดเหงื่อเม็ดๆตามกรอบหน้าให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

“อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วจังครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ผมอยากให้คุณได้พักบ้าง”

“อืม ผมรู้คุณก็ไปกับผมด้วยไง”

“ให้ผมขับรถให้นะ”

“อืม”

“ให้ผมนอนค้างด้วยนะ”

“ไม่ต้องเลย คุณต้องรีบกลับมาเปิดร้านไปไม่ใช่เหรอจะไปค้างทำไม “ชินพัตน์สวนกลับทันที

“แต่ผมขับรถไปให้คุณไงครับ”

“งั้นเดี่ยวปมขับไปเอง คุณก็ขับรถของคุณไป เย็นๆก็รีบกลับจะได้พาจอยกับป้าพรกับมาที่ร้านด้วย ตกลงตามนี้ ผมไปนอนแล้วนะ”

“อ้าว ไม่ไปที่ร้านแล้วเหรอครับ”

“ไม่อ่ะ ผมง่วงแล้ว”

“โธ่ชิน คุณแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย”

“ไม่ได้แกล้ง ผมง่วงนอนจริงๆ คุณก็กลับไป ดูร้านมั้งเถอะ”

“แต่ผมอยากอยู่กับคุณก่อน”

“ทำไมคุณเริ่มทำตัวเป็นเด็กขึ้นทุกวันนะ คุณนนทนัฐ”

“ก็เพราะว่าผมมีแฟนไว้ให้อ้อนไงครับ คุณชินพัตน์” พร้อมกับหอมแก้มไปหนึ่งฟอด แล้ววิ่งหนีมือพิฆาตไปหลังร้านทันที

“นี้คุณ ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ฝันดีนะครับ” นนทนัฐยังกับ โผล่หน้าเข้ามาบอกฝันดีอีกครั้ง แล้วก็วิ่งหนีเข้าร้านตนเองไปเลย

ชินพัตน์ได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็เก็บความเขินอายไว้ไม่มิดเหมือนกัน ใบหน้าที่เห่อร้อน รอยสัมผัสที่ข้างแก้ม ยังคงร้อนวูบวาบ


และหัวใจก็เต้นแรง


นี้และครับที่เข้าเรียกว่า  ความรัก


คืนนี้ผมคงนอนฝันดีแน่นอนครับ


ฝันดีเช่นกันนะครับ



                                         






                           :katai4:      ลูกขิ้นปิ้งร้อนๆ หมูล้วนๆมาแล้วจ้า ^0^   :katai2-1:



ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
น้องกัมพลมาแล้ววว คิดถึงจัง 555+
แอบอยากรู้เรื่องราวของเนติธรกับกัมพลว่าเป็นไงมาไง อิอิ
จะมีตอนพิเศษของสองคนนี้ไหมนะ อิอิ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
อู๊ยยย  น่าจะมีโผล่มาอีกคู่นะเนี่ย  :hao3:

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ชินกับนนท์  มุ้งมิ้งกันดีนะ  คึคึ   :hao7:    :hao7:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0




                                                    เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 71



       ในเวลาเช้าป้าพรลุกขึ้นมาทำอาหารเช้า และเตรียมของไปเยี่ยมยายที่สวน ชินพัตน์ก็รีบลุกมาบอกป้าพรเรื่องอาหารของประนพและก้องภพที่จะอยู่ดูแลร้านเกมให้นนทนัฐ เลยต้องเตรียมอาหารไว้สำหรับทั้งสองคน เพราะคงไม่รู้ที่ทาง ว่าจะไปหาซื้อที่ทานอาหารที่ไหนแน่นอน เตรียมไว้ให้น่าจะดีสำหรับทั้งสองคน ชินพัตน์ก็ยังแอบเคือง นนทนัฐในใจเรื่องที่จะทิ้งเพื่อนและเด็กฝึกงานที่ร้านไว้แบบนั้น แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะนนทนัฐยืนยันว่าจะไปท่าเดียว
 
Rrrrr Rrrrrr 

เสียงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่ารุ่นของชินพัตน์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ”

(สวัสดีค่ะ คือ ใช่เบอร์ร้านขายลูกชิ้น ใช่ไหมค่ะ พอดีได้เบอร์นี้มาจากเพื่อนนะค่ะ เลยจะโทรสั่งลูกชิ้นหน่อยค่ะ)

“อ้อครับ ใช่ครับ ไม่ทราบจะรับลูกชิ้นเท่าไรครับ”

(ขอสัก 10 กิโลค่ะ ประมาณ 10 โมงจะเข้าไปรับที่ร้านนะค่ะ)

“ครับ 10 กิโลนะครับ  เออ… มารับลูกชิ้นเองที่ร้านเหรอครับ?”

ชินพัตน์รับออเดอร์ลูกค้าเป็นปกติ แต่พอนึกได้ว่าตนเองจะปิดร้าน เลยถามลูกค้ากลับไปอกครั้ง

(ค่ะ จะไปรับสินค้าที่ร้านเองค่ะ พอดีเพื่อนที่เคยไปนั่งทานที่ร้านจะพาไปนะค่ะ)

“คือ วันนี้ทางร้านปิดนะครับ พอดีมีธุระเลยปิด 1 วันนะครับ”

(อ้าวเหรอค่ะ ทำไงดี จะใช้ลูกชิ้นจัดงานเลี้ยงเย็นนี้แล้วด้วย)

ปลายสายทำเสียงกังวลใจ เพราะสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามที่กำหนด

“ไม่ทราบว่าบ้านลูกค้าอยู่ที่ไหนครับ”

(อยู่ในตัวเมืองค่ะ กำลังจะออกไปรับลูกชิ้น รอเพื่อนมา เลยโทรมาสั่งไว้ก่อน ไม่คิดว่าทางร้านจะปิดร้านวันนี้)
หญิงสาวก็นึกโทษตัวเองในใจ เพราะน่าจะโทรสั่งจองหรือสอบถามล่วงหน้าให้เร็วกว่านี้

“ถ้าเป็นไปได้ ลูกค้าสามารถมาเร็วกว่า 10 โมงได้ไหมครับ เพราะทางเราจะต้องรีบไปทำธุระนะครับ ผมจะรอเตรียม ลูกชิ้นไว้ให้นะครับ”

(อ้อๆ ได้ค่ะๆ จะรีบไปเลยนะคะ ขอโทษที่โทรมาสั่งกระทันให้แบบนี้นะคะ)

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”   ชินพัตน์ยังคงรักษาลูกค้าเอาไว้ เลยเลือกรอส่งของให้ลูกค้าแล้วค่อยไปหายาย

(ค่ะ ขอบค่ะ กำลังจะไปนะค่ะ ใกล้ถึงร้านแล้วจะโทรบอกนะค่ะ)
“ครับ”

ชินพัตน์รีบไปบอกเรื่องนี้กับทุกคนว่าอาจจะไปบ้ายายล่าช้ากว่าที่คิด เพราะลูกค้าก็สำคัญเพราะลูกค้าที่อยู่ไกลๆไม่รู้ว่าทางร้านจะปิดวันนี้  ทุกคนเลยรอแล้วนั่งทานข้าวเช้าพร้อมกันร่วมทั้งประนพและเด็กหนุ่มกองภพด้วย


“พี่ชิน เดี๋ยวผมพายายกับจอยไปหายายที่สวนก่อนก็ได้นะครับ พี่ชินทำธุระเสร็จแล้วค่อยตามไปที่หลังก็ได้ครับ”

กัมพลเสนอความคิดระหว่างนั่งทานข้าวกัน

“แล้วจะไปกันยังไง จริงสิ นนท์ คุณก็ไปส่งพวกป้าก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมตามไปก็แล้วกัน ตกลงตามนี้เนอะ”

ชินพัตน์เห็นด้วยกับความคิดของกัมพล และหันไปสั่งคนรักให้ไปส่งทุกคน แต่ดูเหมือนกันไม่ได้รับความร่วมมือ

“พี่ชิน เดี๋ยวผมเรียกรถที่บ้านมารับก็ได้ครับ ผมมีของฝากจะเอาไปให้ยาย แล้วก็พี่ต้นด้วย”

“โอเคแบบนั้นก็ได้ ฝากป้ากับจอยด้วยนะ พล”

ชินพัตน์ออกปากขอบคุณ เพราะกัมพลช่วยได้เยอะเลย เพราะไม่อยากให้พี่ชายและต้นกล้ารอนาน อยากให้เดินทางไปกรุงเทพเช้าๆ กลัวรถติดและอยากให้พี่ชายพาต้นกล้าไปซื้อของใช้จำเป็นด้วย

กัมพลโทรศัพท์หาคนรถ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถใหญ่คันหรูก็มาจอดหน้าร้าน ทุกคนต่างมองกันอย่างสงสัย เพราะมันคนละคันกับเมื่อคืน แถมยังมีคนขับแล้วก็เหล่าข้าวของที่เตรียมไว้ฝากยาย และต้รกล้าเต็มรถไปหมด

“พวกผมไปก่อนนะครับ”

กัมพลขึ้นรถตู้คนสดท้าย บอกกับชินพัตน์และนนทนัฐที่ยืนส่งที่หน้าร้าน ก่อนจะขึ้นรถแถมยังมีคนขับมาค่อยปิดประตูให้อีกด้วย  ชินพัตน์ก็รีบโทรบอกพี่ชายว่ากัมพลจะล่วงหน้าไปก่อน ให้นพคุณพาต้นกล้าออกเดินทางไปกลุ่มเทพได้เลยไม่ต้องรอ ฝ่ายนพคุณก็เข้าใจและรับปากว่าจะพาต้นกล้าถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยแน่นอน


“นี้คุณ ทำไมถึงไม่ไปส่งป้าพร จอย แล้วก็พล”

พอเข้ามาในร้าน ชินพัตน์ก็ถามเรื่องที่ข้องใจทันที่

“ก็ผมอยากไปพร้อมคุณ อยากอยู่ช่วยคุณส่งลูกชิ้นให้ลูกค้าด้วย ทำคนเดียวเมื่อไรจะเสร็จ”

นนทนัฐอ้างเหตุผลขึ้นมาให้ดูน่าฟัง แต่จริงๆแล้วรู้ว่าลูกค้าที่จะมารับเป็นผู้หญิงเลย ไม่อยากให้แฟนตนเองส่งของเพียงลำพังกับลูกค้า

“ผมทำเองคนเดียวจะเร็วว่าอีกนะ  ผมเกรงใจเจ้าพลนะ ให้มาช่วยงานแล้วยังจะมาให้ช่วยพาพวกป้าไปแบบนั้นอีก”

ชินพัตน์ไม่วายกังวลและก็เกรงใจคนอื่นเป็นนิสัย เรื่องนี้นนทนัฐรับรู้ได้ดีว่าคนรักของตนเองนิสัยอย่างไร

“แต่พลเขาเต็มใจนะ ผมเห็นเข้าดูมีความสุขมากๆเลยพอรู้ว่าจะได้มาทำงาน และได้ไปเยี่ยมยายกับต้นวันนี้”

“ผมรู้ว่าต้นคิดถึงยายกับต้น แต่ผมเกรงใจ…คุณ…..”

“คุณเนติธรเหรอ?”

“ก็พาคนสำคัญเขามาแบบนี้  มารู้ที่หลังว่าให้ช่วยทำโน่น ทำนี่ให้จะมาโวยวายตามคนของเขากลับ แล้วจะไม่ให้พลมาเยียบที่นี้อีกนะสิคุณ”

“คุณก็กังวลใจเกินไป คุณเนติธรนะ ผมว่าเขามาไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้หรอก เพราะที่ผมสังเกตหลังจากเรื่องคราวก่อน ผมก็ดูคุณเนติธรจะตามใจ พลมากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ”

นนทนัฐย้อนนึกไปถึงเรื่อง ของกัมพลที่หนีออกจากบ้านเมื่อคราวก่อนหน้านี้ ขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่า หนุ่มใหญ่อย่างเนติธร เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ดูแลเอาใจใส่กัมพล แถมจะตามใจไปซะทุกอย่างด้วยซ้ำ


“ขอให้เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ผมยังอดเป็นห่วงพลอยู่เหมือนกัน แต่เห็นเขาอยู่สุขสบายดี พูดคุยกับญาติคนเดี่ยวที่มีอยู่ตอนนี้ได้อย่างดี ก็หมดห่วง”

“ครับๆ  ห่วงเรื่องของตัวเองก่อนไหมครับ  ลูกค้าจะมารับของตอนกี่โมง”

“เออ ใช่ๆ  ผมเลยลืมไปเลย ลูกค้าถึงไหนแล้วนะ”

นนทนัฐเตือนคนรักเรื่องลูกค้า ทำให้ชินพัตน์รีบโทรหาลูกค้าว่าเดินทางมาถึงไหนแล้ว จะได้เตรียมของไว้  พอลูกค้ามารับก็จะได้รีบไปหายายที่สวน ถ้าได้ไปเร็วก็อาจจะได้ทันเจอต้นกล้า  ก่อนไปฝึกงานหลายเดือน ได้ทันลูกส่งลากันสักนิดก็ยังดี  ก็เพียงคิดภาวนาให้ลูกค้ามาเร็วๆ จะได้ไปทันได้เจอ

ทางฝ่ายกัมพลก็ นั่งคุยกับป้าพรและจอยมาตลอดทางที่จะไปบ้านสวน และผู้คุยกับคนขับอย่างเป็นกันเอง ทำให้จอยและป้ามีเรื่องสงสัยในใจมากมาย ว่ากัมพลเป็นใครกันแน่ เพราะคนขับรถเรียกกัมพลว่า คุณกัมพล  ทุกคำ แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ เพราะรถได้มาจอดที่หน้าบ้านสวนของยายซะแล้ว

“สวัสดีครับ พี่ใหญ่ พี่ต้น”

กัมพลลงจากรถ เห็นต้นกล้าและนพคุณยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้า ก็รีบตรงไปหาต้นกล้าที่ไม่ได้เจอกันนาน

“สบายดีหรือเปล่าพล”

ต้นกล้ายิ้มแย้มทักท้ายเพราะไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ ดีใจที่ได้มาเจอกันอีก

“สบายดีครับ ต้องเรียนรู้งานของที่บ้าน แล้วก็เตรียมตัวกลับไปเรียนหนังสือด้วยครับ”

“ดีแล้วพล จะได้เรียนอย่างที่ตั้งใจไว้ ดีใจด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ “ กัมพลยกมือไหว้

“สวัสดีดีครับป้าพร จอย ขึ้นบ้านกันก่อนเถอะครับ แดดเริ่มแรงแล้ว ไปหายายข้างบนกัน ทานข้าวเช้ากันมาหรือยัง ต้นทำกับข้าวไว้เยอะเลย”

ต้นกล้าชวนทุกคนขึ้นบ้าน ร่วมไปถึงคนขับรถที่เดินถึงของเต็มไม้เต็มมือไปผม เดินตามกัมพลก็เลยพอจะเข้าใจว่าน่าจะมาด้วยกัน เพราะกัมพลบอกว่าซื้อของมาให้เยอะแยะเลย ขึ้นบ้านก็เจอยายที่นั่งรออยู่ชานบ้าน หน้าตาสดชื่นขึ้นเยอะ ดีใจที่คนมาเยี่ยมเยอะแยะแบบนี้  เพราะปกติสองยายหลานก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ ไม่คิดว่าการได้พบเจอชินพัตน์จะได้เจอคนที่เป็นมิตร และเป็นห่วงเป็นใยกันได้ถึงขนาดนี้ รู้สึกสบายใจ และหมดห่วงว่า เมือชินบุญตนเองแล้ว หลายชายอย่างต้นกล้าน่าจะมีคนคอยเป็นห่วงดูแลยามที่เดือดร้อน  ยายยิ้มอย่างมีความสุข
ประมาณ 10 โมงกว่าชินพัตน์กับนนทนัฐก็ ส่งลูกชินให้ลูกค้าเรียบร้อย เตรียมจะเดินทางไปบ้านสวน แต่ก็แวะหาประนพและก้องภพก่อน

“ต่ออยู่ได้ใช่ไหม?”

ชินพัตน์เป็นห่วงเพราะก้องภพพึ่งได้ลองทำไม่กี่วันเอง และต้องมาอยู่กับเด็กคนเดียวเลยเป็นห่วง

“คุณชิน ไม่ไต้องห่วงครับ ผมยังอยู่เป็นเพื่อนทั้งคน”

ประนพรับคำแทน พร้อมนั่งตบบ่าก้องภพเหมือนบ่งบอกว่า อยู่ด้วยกันได้สบายมาก

“ฝากด้วยนะเพื่อน”

นนทนัฐตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนเดินออกมาไปยังรถของชินพัตน์ เพื่อทำหน้าที่คนขับเดินไปแบมือขอกุญแจกับคนรักด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เพราะนานมากที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกัน ตอนกลางวันที่ไม่ใช้เวลางานบ้างก็รู้สึกมีความสุข

“ยิ้มอะไรของคุณ”

ชินพัตน์ไม่เข้าใจรอยยิ้มอย่างมีความสุขแฝงความหมายมากมายจนเกินขาดเดา  รีบส่งกุญแจรถให้แล้วเดินไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พลขับจำเป็น พอขึ้นรถเข้ามาก็หันไปมองคนที่เอาแต่ยิ้ม ไม่ยอมออกรถสักที

“อ้าว ทำไมไม่ไปสักที หรือว่าลืมอะไร?”

“อืม ลืมจริงๆด้วยครับ”

“หืม? ลืมอะไร รีบลงไปเอามาสิ จะได้รีบไปเดี๋ยวไม่ทันเจอต้น”

“ไม่ต้องไปครับ อยู่ตรงนี้แล้ว”

“อะไรของคุณ??”

“หันหน้ามามองผมหน่อยสิ”

“????”

ฟอด  ฟอด

สัมผัสอุ่นๆสองข้างแก้มของชินพัตน์โดนขโมยฉกฉวยไปด้วยคนที่เอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุข ตอบท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟัง นั่งนิ่งไม่โต้ตอบ

“ตอนแรกผมอยากจูบอรุณสวัสดิ์  แต่ตอนนี้ขอแค่หอมก่อนแล้วกัน  คุณจะหอมผมคืนก็ได้นะ ผมไม่ว่า”

เอียงแก้มรอไว้ แต่ชินพัตน์ที่ยังคงนิ่งอึ้ง แปลเปลี่ยนเป็นหน้าเห่อร้อน จนไม่รับรู้สิ่งรอบตัวแล้วได้สติอีกที่ก็ รถมาจอดหน้าบ้านสวนแล้ว  เพราะตลอดทางก็โดนกุมมือมาตลอด คิดทบทวนไปหา

นี้คงเป็นเหตุผลหลักสินะที่อยากมาพร้อมกัน
แค่ช่วงเวลาเล็กๆ
ก็ทำให้หัวใจฟองโตได้

“ชิน ชินครับ ถึงบ้านยายแล้วครับ ไม่ลงเหรอ?  หรืออยากอยู่ให้ผมหอมแก้มคุณอีกก็ได้นะ ผมพร้อมเสมอ”
นนทนัฐส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ ทำให้ชินพัตน์ตั้งสติ รีบลงจากรถไปหายายและต้นกล้าทันที่

“พี่ชินมาแล้วเหรอครับ ส่งของให้ลูกค้าเป็นไงบ้างครับ”

“โอเค ส่งได้ ลูกค้ารับเพิ่มด้วย  ขอโทษขอโพยกันใหญ่ ที่สั่งของกะทันหัน”

“ดีนะครับ ที่มาแต่เช้า”

“พี่ใหญ่จะไปส่งต้นกี่โมง นี้มันจะ 11 โมงแล้วพี่ไม่กลัวรถติดเหรอ?”

“ก็รอนายนั้นแหละ ต้นบอกว่าอยากเจอนายก่อน”

“โธ่ต้น โทรหาพี่ก็ได้  แต่ไหนๆพี่ก็มาแล้ว เตรียมตัวเดินทางเถอะ”

“ครับ  ต้นเตรียมของไว้แล้วครับ”

“อืม  ต้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องยายนะ พี่ๆจะดูแลยายเอง  ส่วนเรื่องสวนเรื่องขายผักจะดูอีกที่แล้วกันนะ “

“ครับ “

“ไปฝึกงาน ตั้งใจฝึกนะต้น มีเรื่องอะไรโทรหาพี่ได้เสมอนะ  “

“ครับพี่ชิน”
“ต้น ต้องใจฝึกงานนะ เรื่องยายไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะค่อยแวะมาหายายให้นะ”

นนทนัฐเสริม

“ขอบคุณครับพี่นนท์”

ต้นกล้ายกมือไว้ทุกคนที่พร้อมหน้าพร้อมตาอวยพรให้ต้อนฝึกงานได้อย่างสบายใจ ราบรื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องยาย เรื่องสวนต้นกล้ารู้สึกซาบซึ้งกับคนที่พึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เหมือนเป็นญาติมิตรกันมานาน ดูแลห่วงใยกันต้นกล้ารู้สึกได้ถึงความห่วงใยมากมายของทุกคน  ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับจากใครเลย อยู่กันมาสองยายหลาน

“ต้นเอย ไม่ต้องห่วงยายนะลูก ต้องใจเรียนเถอะยายแข็งแรงดีแล้ว กลับไปเรียบเถอะลูก อย่าให้เสียการเรียนนะ”

ยายลูบหัวต้นกล้า พร่ำบอกให้ต้นกล้าตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็ก และยังคงสอนแบบเดิม จนมาถึงทุกวันนี้

“ยายดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าหักโหมทำงานเลยนะยาย “

“ยายเหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยแล้วค่อยมาทำต่อ ยายไม่อยากทิ้งสวนไปไหน”

พอต้นกล้าฟังคำพูดของยายก็อยากจะร้องให้ เพราะต้นกล้าต้องไปฝึกงานหลายเดือน ไม่ได้กลับมาที่สวนเป็นเวลานานๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกใจหาย ไม่อยากทิ้งสวนและยายไปเหมือนกัน แต่เพื่อนอนาคต ต้นกล้าต้องกลั้นน้ำตาให้รู้ว่าตนเองโตพอที่จะไปเผชิญหากับโลกภายนอกได้แล้ว ออกจากอ้อมอกของผู้เป็นยาย แต่ก็ไม่ได้ไปนานเกินรอ

จะกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ

ให้ยายได้ภูมิใจ
“เดินทางดีๆ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ”

ชินพัตน์ยังย้ำกับต้นกล้าคำเดิมๆ

“ได้ครับ ต้นจะโทรมาทุกคนเลย ฝากยายด้วยนะครับ”

ทุกคนพยักหน้า โบกมือลาต้นกล้าที่มองบ้านสวน และยายที่นั่งอยู่บนเรื่องบ้าน ค่อยๆห่างออกมาเรื่อยๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็เริ่มๆเอ่อล้นออกมาก เป็นสาย ต้นกล้ายกหลังมือเช็ดน้ำตาไปมาก็ไม่อาจจะหยุดร้องได้
นพคุณเห็นต้นกล้าเข็มแข็งมาตลอดที่อยู่บ้านสวน แต่ปลดปล่อยความอ่อนแอ เมื่ออยู่กับเขามีเพียงเขาเท่านั้นที่จะค่อยปลอบโยนอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้ได้ในตอนนี้ และคิดว่าจะทำแบบนี้ตลอดไป ตราบที่ต้นกล้าต้องการ

“ไม่เป็นไรนะ ต้นร้องออกมามาซะตอนนี้ ตอนอยู่กับพี่ เพราะหลังจากนี้ต้นต้องเข็มแข็ง ต้นต้องเดินไปข้างหน้า เรียนรู้ทุกอย่างโดนลำพัง แต่พี่อยากให้ต้นจำไว้ พี่จะอยู่ข้างต้นเสมอ เมื่อต้นต้องการ”

นพคุณจอดรถชิดไหลทาง โอบกอดคนที่ร้องไห้จนตัวโยน ลูบหลังอย่างแผ่วเบา

ไม่นานต้นกล้าก็หยดร้องไห้ เหลือเพียงคราบน้ำตา

นพคุณหยิบทิชชูมาซับน้ำตาออกจากใบขาวอย่างแผ่วเบา

“สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม? พร้อมจะออกเดินทางหรือยังครับ?”

นพคุณอยากให้คนตรงหน้ายิ้มแย้มอย่างที่เคยมากกว่า เลยถามคนข้างกายด้วยร้อยยิ้มส่งไป

“พร้อมแล้วครับ”

ต้นกล้ายิ้มรับแล้ว จับมือนพคุณแน่น



ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร



ขอแค่มีใครอยู่เคียงข้าง



รอคอยเวลาที่เราจะกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง









 


        ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆหมูล้วนๆมาขายแล้วจ้า (มาขายดึกมาก โฮะๆๆๆ)  :beat:

              ขอบคุณที่ติดตามอ่านจ้า รักคนอ่านทุกคนจ้า จุ๊บๆ  :mew1:


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด