ตอนที่ 61 มาเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กันไหมครับ? นนทนัฐเตรียมตัวออกจากตึกของตัวเองตั้งแต่เช้า เพราะสิ่งที่เขาจะต้องทำมีเยอะมาก และอยากจะทำให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ เขาอยากกลับมาช่วยงานที่ร้านของชินพัตน์เร็วด้วย เพราะพยายามจะทำคะแนนให้อีกฝ่ายเห็นใจ และเปิดใจให้เขามากขึ้นกว่านี้ แต่ก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญที่จะการันต์ตรีว่าเขาตั้งใจและจริงใจกับ คุณเจ้าของร้านมากขนาดไหน ก็คือธุระที่จะต้องไปทำและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
“เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”
นนทนัฐที่ขับรถผ่านหันไปมองหน้าร้านของชินพัตน์ที่ยังไม่เปิดหน้าร้าน แต่รู้ว่าคนภายในร้านตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวของเพื่อจะขายและเตรียมเปิดร้านอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พูดเรียกกำลังใจกับตัวเอง นึกถึงคุณเจ้าของร้านที่เป็นกำลังใจหลักสำคัญที่เขาตกลงใจที่จะทำทุกอย่างต่อไปนี้เพื่อสิ่งที่เขาเลือกแล้ว และจะไม่ผิดหวังหรือเสียใจกับสิ่งที่เขาเลือกอย่างแน่นอน
“ตาชิน ตานนท์ไปไหนละ ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้นะ” ป้าพรถามหาเพื่อนหลานชายและไม่ชอบใจที่หลายชายทะเลาะกับเพื่อน ไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที่
“ผมไม่ได้ทะเลาะกับเขานะป้า หมอนั้นไปทำธุระกลับมาบ่ายๆมั้ง”
“อ้าว โธ่ป้าก็นึกว่ายังทะเลาะกันอยู่ ดีแล้วเป็นเพื่อนกันอยากทะเลาะนานๆไม่ดีนะ จะเสียเพื่อนดีๆไปนะ”
“ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ ใครจะกล้ามีเรื่องทะเลาะกับคนดีของป้าละครับ” ชินพัตน์ทำหน้าตาทะเล้นใส่ผู้เป็นป้า
“แล้วนี้ตานนท์ไปทำธุระที่ไหนล่ะ” ป้าพรยังสงสัย
"ผมก็ไม่รู้ครับ “
“ตานนท์ไม่ใช่คนที่นี้ไม่ใช่เหรอ แล้วออกไปทำธุระอะไรกันนะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ป้าพรพูดขึ้นอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“คนดีของป้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ” ชินพัตน์บอกกับป้าพร แต่ใบหน้ากับเป็นกังวลตามเรื่องที่ป้าพรสงสัยและเป็นห่วงตามไปด้วย
ไปทำธุระเรื่องอะไรกันนะ?
ตลอดทั้งวัน ทีร้านของชินพัตน์ก็ขายดีเช่นเคยลูกค้าแวะเวียนเข้ามาตลอดทั้งวัน มีลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้ามาอีกหลายกลุ่ม ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชิ้นที่นี้อร่อยอย่างที่เพื่อนๆ ญาติมิตรบอกมาจริงๆ เลยลองแวะมาชิมเพราะเป็นทางผ่าน ชินพัตน์ยกยิ้มดีใจที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการพูดปากต่อปากติชมว่าที่ร้านมีลูกชิ้นอร่อย สดใหม่ทุกวัน มีหลากหลายเมนูให้เลือกอีกด้วย ทำให้การขายของวันนี้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มที่ได้รับจากลูกค้า
จนตกเย็นลูกค้าที่ทยอยออกจากร้านเมื่อทานอาหารเสร็จ รวมทั้งลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อลูกชิ้นปิ้งที่หน้าร้านในช่วงเย็นเพื่อซื้อกลับไปฝากเด็กๆที่บ้าน จนใกล้เวลาใกล้ปิดร้านก็คิดได้ว่าใครบ้างคนที่บอกว่าจะกลับมาช่วยที่ร้านตอนบ่าย ก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ทำให้ชินพัตน์เริ่มกังวลใจอีก นึกถึงคำพูดของป้าพรขึ้นมา
“ตาชิน เป็นอะไรยืนเหม่อ ดูสิลูกชิ้นไหมหมดแล้วนะ”
“อ๊ะ เอ่อ คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับป้า”
“มาเดี๋ยวจอยปิ้งเอง พี่ชินไปคิดเงินลูกค้าเถอะ”
ชินพัตน์กลับไปหาลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเพื่อเก็บเงิน หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังร้านแล้วคิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วเก็บตั้งไว้ในลิ้นชัก และมองเห็นโทรศัพท์ของตนเองอยู่ด้านใน เลยคิดที่จะโทรหาใครบ้างคนที่ยังไม่กลับมา
หยิบขึ้นมามองอยู่อย่างนั้น แล้วก็ว่างลงที่เดิมอย่างลังเล
“จะโทรไปทำไมนะ?”ชินพัตน์พยายามถามหาเหตุผลกับตนเอง
ก้มมองโทรศัพท์ในลิ้นชักอีกครั้ง
“โทรไปถามไงว่าทำธุระเสร็จหรือยังไง ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย” ชินพัตน์บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ที่หน้าโต๊ะเบาๆ
และเสียงทักเจือยแจ่วหน้าร้านก็เข้ามากระทบโสตประสาทของชินพัตน์ให้รีบเงยหน้าขึ้นมามองทันที่
“พี่นนท์ไปไนมาเหรอจ๊ะ”
“นั้นสิ เห็นตาชินบอกว่าไปทำธุระตั้งแต่เช้า พึ่งกลับมาเหรอ กินอะไรหมาหรือยังล่ะ”ป้าพรถามอย่างเป็นห่วง
“ครับป้าพอดี พึงคุยธุระเสร็จนะครับ รีบขับรถกลับมาให้ทันก่อนร้านจะปิดนะครับ”
“จ้าๆ ไปนั่งพักเถอะกลับมาเหนื่อยๆเดียวป้าทำของอร่อยๆให้ทานนะ” นนทนัฐยกมือไหว้ขอบคุณป้าพรแล้วเดินไปหาคนที่อยากจะรีบกลับมาหา แต่เพราะเรื่องที่ต้องทำวันนี้มันมีหลายเรื่องที่ต้องคุย เลยทำให้ใช้เวลาไปทั้งวันเลยกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกกับใครบ้างคนไว้
จะโดนโกรธอีกไหมนะ
นนทนัฐนึกใจในว่าคนที่เขาคิดถึงทั้งวันและเคืองตนเองหรือเปล่าที่หายไปทั้งวันแบบนี้
“ชินผมกลับมาแล้ว ผมขอโทษนะที่ เอ่อ…”
“คุณกินอะไรมาหรือยังล่ะ?”
“ย ยังครับ”
“อืม งั้นก็กินพร้อมกันเลยแล้วกัน พวกผมยังไม่ได้กินมือเย็นเหมือนกัน” ชินพัตน์ก็ลุกจากโต๊ะออกไปหาป้าพรกับจอย พูดคุยกับทั้ง 2 คนแล้วก็แยกย้ายกันไปเก็บร้าน ส่วนป้าพรก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นให้ทุกคนรวมถึงนนทนัฐด้วย
นนทนัฐช่วยเก็บร้านและปิดร้านอย่างแข็งขันเพราะตอนเองไม่ได้กลับมาช่วยที่ร้านคงยุ่งมากแน่ คิดแล้วก็รู้สึกผิดเลยช่วยทำงานแทบทุกอย่างไม่ว่าจะ ล้างจานชาม เก็บของยกของต่างๆ จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน
“ไปทำธุระถึงไหนมาล่ะ ตานนท์กลับมาซะเย็นเลย”
“ครับ ผมไปในเมืองมานะครับ แล้วก็ขับรถดูที่ทางแถวๆละแวกนี้นะครับ “
“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปอีกไหมล่ะ ธุระที่ว่านะ”
“เอ่อ “นนทนัฐหันไปมองชินพัตน์ก่อนที่จะตอบป้าพรไป “ผมต้องเข้าเมืองไปดูของอีกรอบนะครับป้า ขอโทษนะครับที่ไม่ได้เข้ามาช่วยที่ร้านเลย คงยุ่งหน้าดูเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ก็พอทำได้ช่วยๆกันไป มีธุระอะไรก็ไปทำเถอะจ๊ะ”
“ครับ”ตอบรับคำป้าพร แต่สายตามองไปยังอีกคนที่นั่งตรงข้าม ตั้งแต่นั่งทานข้าว ยังไม่ได้ยินเสียงของคุณเจ้าของร้านเลย
.
.
.
“จอยมา เดี๋ยวพี่ล้างเอง จอยกับป้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขึ้นไปพักเถอะ”นนทนัฐช่วยเก็บจานแล้วอาสาจะเป็นคนล้างทำความสะอาจเอง
“ก็ได้จ๊ะ “ จอยยิ้มรับเพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการเวลาคุยกับใครบ้างคนแน่ๆเลยตอบรับง่ายดาย
“ฝากปิดร้านด้วยนะ” ป้าพรบอกก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน นนทนัฐรับคำอย่างแข็งขัน และทำทุกอย่างปิดร้านเรียบร้อย เดินมาหาคนที่ก้อมหน้าก้มตามกดตัวเลข อยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลังร้าน
“ชิน ผมขอโทษ”
“คุณจะมาขอโทษผมทำไม”ชินพัตน์ที่เงยหน้าจากสมุดบัญชี
“ก็คุณเอาแต่เงียบ ไม่คุยกับผมเลย ตั้งแต่ผมเข้าร้านมา ผมก็เลยคิดว่าคุณต้องโกรธผมแน่ที่ผมกลับมาไม่ทันอย่างที่บอกไว้”
“ก็คุณมีเรื่องต้องทำ มีธุระที่คุณต้องไปจัดการ จะมากังวลเรื่องที่ร้านของผมทำไม ก็ไปทำธุระของคุณให้เสร็จๆเถอะน่า”ชินพัตน์ตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ และก้มหน้าเสร็จยอดลูกชิ้นของวันที่ต่อ
“คุณไม่ได้โกรธผมใช่ไหมชิน”
“ก็บอกแล้วไง ว่ามันเป็นเรื่องของคุณ เออถ้ามันเป็นเรื่องของผม แล้วคุณไปทำให้แล้วกลับมาไม่ทัน แบบนั้นสิที่ผมจะโกรธ แต่นี้มันเป็นธุระของคุณ ผมจะไปยุ่งเรื่องของคุณทำไม”ชินพัตน์เบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายคนที่เอาแต่รู่สึกผิด
“แต่ผมอยากให้คุณยุ่งเรื่องของผมนี้หน่า”นนทนัฐพูดเสียงอ้อนเมือพอจะเข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่โกรธแถมดูจะไม่สนใจเรื่องที่เขาหายไปทั้งวันด้วย เลยอดน้อยใจไม่ได้
“เอ๊ะ คุณจะเอายังไงกันแน่เนี้ย” ชินพัตน์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเมื่ออีกคนต้องการให้เขายุ่งเรื่องสวนตัวซะอย่างนั้น
“ก็คุณไม่ถามผมสักคำว่าไปทำอะไร ที่ไหน ทำไหมกลับเย็นแบบนี้ ผมก็นึกว่าคุณโกรธและก็ไม่สนใจเรื่องที่ผมทำเลยนะสิ”
“ก็ผมได้ยินจากที่ป้าถามคุณแล้วไง แล้วจะให้ผมถามอะไรคุณอีกล่ะ”ชินพัตน์ขมวดคิ้ว
“แต่ผมอยากบอกคุณทุกเรื่องที่ผมไปทำวันนี้ให้คุณฟังนะ” นนทนัฐพูดเสียงเบาลงเหมือนร้องขอให้อีกคนหันมาสนใจตนเองมากกว่าสมุดบัญชีตรงหน้า
“ได้!!! งั้นไหนบอกว่าสิ คุณไปไหนมาทั้งวัน คุณนนทนัฐ?” ชินพัตน์เหมือนได้อำนาจในมือเลยใช้อย่างไม่เกรงใช้ ถามอย่างออกคำสั่งติดโมโหนิดๆด้วย เพราะคนตรงหน้ากลับมาไม่ทันอย่างที่พูดไว้จริงๆด้วย
นนทนัฐยกยิ้ม ชอบที่ชินพัตน์พูดกับตนเองแบบนี้มากว่าการที่ทำเป็นไม่สนใจกัน แบบเมื่อครู่
“ผมไปดูแถวๆนี้ว่ายังไม่มีร้านอะไรบ้างที่ยังไม่มีคนเปิด ผมก็จะทำ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอน พรุ่งนี้ผมเลยต้องไปดูอีกเพื่อความชัวร์”
“หมายความว่าอะไร? คุณจะเปิดร้าน? ร้านอะไรคุณก็ยังไม่แน่ใจอ่ะนะ? อะไรของคุณเนี้ย”ชินพัตน์ถามเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ สรุปคนตรงหน้าต้องการจะทำอะไรกันแน่
“ผมอาจจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ต หรือไหมก็ร้านขายหนังสือ อะไรประมาณนี้นะครับ แต่ข้อมูลยังไม่พอ ผมเลยว่าจะไปดูเพิ่มเอามาเป็นข้อมูลเพื่อตัดสินใจ”
“คุณจะทำจริงๆเหรอ?”ชินพัตน์กระพริบตาปริบๆไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินว่าคนตรงหน้าจะทำสิ่งเหล่านั้น
“ครับ ผมจะทำจริงๆ แต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นว่าระหว่างเปิดร้านอินเตอร์เน็ตกับร้านหนังสือ อันไหนมันจะดีมากกว่ากัน” ยกยิ้มภูมิใจ
“คุณจะเปิดที่ไหน?”ชินพัตน์ถามยำ
“เปิดที่ตึกข้างๆคุณนี้ไง”
“เอาจริง”ชินพัตน์หรี่ตามองด้วยสายตาที่ยังไม่อยากเชื่อถือนัก
“ครับ จริงจังมากๆด้วย”นนทนัฐมองตาชินพัตน์อย่างมั่นคงและจริงจัง
“แล้วงานเก่าคุณล่ะ ไม่ทำแล้วเหรอ?” ชินพัตน์ชะงักไปนิดกลับสายตาที่สื่อออกมาของคนตรงหน้าดูท่าจะเอาจริง จนเสหน้าหนีแล้วถามเรื่องอื่นแทน
“ผมตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี้แล้ว งานเก่าก็ต้องเลิกผมบอกกลับที่บ้านว่าจะมาทำงานที่นี้”
“แล้วครอบครัวคุณไม่ว่าหรือไง”
“ผมเลือกที่จะเดินออกมาแล้วนี้ครับ ผมคงถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว” นนทนัฐอยากจะบอกคนตรงหน้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำว่า
ผมเลือกที่จะอยู่ข้างคุณ เรื่องอื่นผมก็ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปแล้ว
แต่ก็ได้แต่เก็บไว้เพื่อรอเวลาและใครบ้างคนเปิดใจรับเขาไปอยู่ภายในใจเสียก่อน
ชินพันต์ฟังคำพูดแปลกๆจากคนตรงหน้าก็ได้แต่ขมวดคิ้ว อย่างไม่เข้าใจ
“มีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกมาแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ชินพัตน์คิดคำพูดดีๆกับมิตรภาพตอนนี้ได้เพียงคำพูดนี้เท่านั้น
“จริงเหรอครับ”นนทนัฐยกยิ้มเมื่อคนที่เขารัก บอกว่าอยากช่วยเหลือเขา
“จริงสิ ก็คุณช่วยผมมาตั้งหลายเรื่อง จนผมโดนป้าพรต่อว่า ว่าผมใช้แรงงานคุณเกินเหตุด้วย มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกๆมาแล้วกัน” ชินพัตน์พูดเพราะไหนๆก็เห็นว่าคนตรงหน้าช่วยเหลือกันมาตลอด
“งั้นคุณช่วยผมตัดสินใจหน่อยสิ ว่าผมจะเปิดร้าน อินเตอร์เน็ต หรือร้านหนังสือดีล่ะครับ” นนทนัฐได้ที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้คุณเจ้าของร้านเพื่อขอคำปรึกษาแบบชิดใกล้
“เฮ้ย!! เรื่องนี้คุณต้องตัดสินใจเองป่ะ ทำไมต้องให้ผมช่วยตัดสินใจล่ะ ?” ชินพัตน์เขยิบออกห่างเล็กน้อย
“ก็ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วมนี้ครับ”นนทนัฐยกยิ้ม
อยากให้คุณมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตของผมมากกว่านะ
“คุณพูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ พอผมบอกไปแล้วทำออกมาไม่ดี คุณก็จะมาโทษผมที่หลังนะสิ ไม่เอาด้วยหรอกนะ”
“ชิน ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ผมก็แค่มีคุณเป็นคนค่อยช่วยให้คำปรึกษาอยู่แค่คนเดียวในตอนนี้ ผมเลยอยากให้คุณช่วยตัดสินใจไงครับ” นนทนัฐยกยิ้มอธิบาย
“แต่ว่า….”
“ว่าไงครับ?”นนทนัฐลุ้นกลับคำเสนอของคนตรงหน้า
“ผมว่าไปดูแถวนี้อีกรอบดีไหม ถ้าคุณไม่แน่ใจอ่ะ”ชินพัตน์ก็เริ่มกังวล เพราะตนเองก็ไม่ถนัดกับเรื่องเหนือไปจากการขายลูกชิ้นที่ตนเองเห็นและทำอยู่มาตั้งแต่เด็ก
“คุณจะไปดูด้วยกันไหม ชิน” นนทนัฐถามเพื่อหวังผล
“ผมแค่ดูร้านแถวนี้ให้ก็พอนะ คงไม่ไปเข้าเมืองกับคุณหรอก ผมต้องดูร้านอีก” ชินพัตน์อธิบาย
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ “นนทนัฐยกยิ้มพอใจที่พาชินพัตน์ไปดูที่ดูทางด้วยกันได้
ไปดูอนาคตของเรากันนะครับ
นนทนัฐรู้สึกพอใจจนแอบยิ้มไม่หุบ ไม่โดนโกรธแถมยังได้ไปออกไปช่วยดูร้าน ช่วยตัดสินใจด้วยกันแบบนี้อีก
อีกไม่นานแล้วใช่ไหม ผมเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่านะ
“ได้งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน กลับตึกคุณไปได้แล้ว”ชินพัตน์สรุปพร้อมตัดบท นนทนัฐหุบยิ้มทันที่เมือโดนคุณเจ้าของร้านไล่กลับที่พักของตนเอง
“ครับ พรุ่งนี้ไปรถของผมนะ”
“อืม” ชินพัตน์ก้มหน้าเช็คยอดลูกชิ้นและยอดเงินที่เข้าร้านมาวันนี้อีกสักพักก็เตรียมตัวขึ้นไปนอน แต่ก็ต้องงง เพราะคนที่ควรจะกลับยังนั่งมองเขาทำงานอยู่ ไม่ได้ลุกไปไหน
“อ้าว คุณยังไม่กลับไปสักที่ล่ะ นี้มันดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือยัง”ชินพัตน์ที่ยืนขึ้นเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยพร้อมขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก็ต้องเตือนคนที่เอาแต่นั่งมองอีกครั้ง
“ผมรอคุณทำงานเสร็จก่อน แล้วผมค่อยกลับครับ” นนทนัฐลุกตาม และก็แยกย้ายกลับไปที่พักของตนเองอย่างว่าง่าย ชินพัตน์ก็เดินไปปิดประตูหลังบ้านก่อนกลับขึ้นมานอน และคิดไปถึงวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะ
รุ่งเช้านนทนัฐมาช่วยป้าพรกับจอยจัดเตรียมของและบอกเล่าเรื่องที่ตนเองจะออกไปทำธุระกับชินพัตน์ช่วงเช้าข้างนอกแล้วจะรีบนำตัวคุณเจ้าของร้านมาส่ง ป้าพรก็ตอบรับอย่างดี แถมอุ่นใจที่มีเพื่อนไปด้วยกันแบบนี้มีเรืองอะไรก็จะได้ช่วยกันได้ ชินพัตน์ก็แต่งตัวเสร็จลงมาจากชั้นบนพอดี
“ป้าครับ ผมออกไปธุระข้างนอกนะครับ”
“จ้าๆ ป้ารู้แล้ว รีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย แดดมันจะร้อนนะ”ป้าพรพูดยกยิ้ม
“คุณบอกป้าแล้วเหรอ”ชินพัตน์หันไปมองคนที่มายืนรอ นนทนัฐตอบรับกลับด้วยการพยักหน้าเบาๆ
แล้วทั้งคู่ก็ขับรถออกไปดูร้านรอบๆว่ามีร้านไหนเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ตหรือร้านหนังสือหรือเปล่า ขับออกมาไกลมาก็แถบจะไม่มีเลย และระหว่างจะกลับรถเพื่อจะไปดูอีก ด้านฝั่งตรงข้ามถนนก็สะดุดตากับร้านขายกาแฟสด ชินพัตน์เลยให้นนทนัฐหยุดรถเพื่อดูว่า ร้านแบบเดียวก็ที่ขายในตึกแถวเดียวกันหรือเปล่า เลยลองเข้าไปดูที่ร้าน
“สวัสดีค่ะ ร้านกาแฟสด ยินดีต้อนรับค่ะ”
“คุณจะดื่มอะไรไหม”นนทนัฐที่เลือกที่นั่งได้ก็ถามชินพัตน์ที่เอาแต่หันมองไปรอบๆร้าน
“ผมเอาชาเย็นแล้วกัน”
“รับอะไรดีค่ะ”
“ชาเย็น 2 ครับ”
“ค่ะ สักครู่นะคะ”
“คุณร้านนี้มีหนังสือให้นั่งอ่านด้วย” ชินพัตน์เขยิบเข้ามานั่งชิดนนทนัฐเพื่อพูดคุย
“ครับ”
“ชาเย็นได้แล้วค่ะ”
“น้องครับ ที่ร้านนี้หนังสือให้อ่านฟรีเหรอครับ” ชินพัตน์รีบชิงยิงคำถามกับสาวน้อยที่มาเสริฟชาทันที่
“อ้อค่ะ ถ้าเป็นลูกค้าที่มานั่งดื่มเครื่องดื่มที่ร้าน หนังสือที่วางตามชั้นต่างๆ สามารถยิ้มมานั่งอ่านได้ฟรีค่ะ”
“อ้อครับ”ชินพัตน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ กลยุทธทางการตลาดเรียกลูกค้าเพื่อจะได้นักอ่านนาน ดื่มเครื่องดื่มในห้องแอร์เย็นไปด้วย
“แล้วถ้าไม่ใช่ลูกค้าละครับ”นนทนัฐถามถึงมาบ้าง
“อ้อค่ะ จริงๆแล้วที่ร้านนี้เป็นร้านขายหนังสือและให้เช่ามาก่อนหน้านี้ค่ะ พึ่งจะมาเพิ่มเติมเรื่องเครื่องดื่มเอาไว้บริการลูกค้าภายหนังมานี้เองค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำจากการมาซื้อหนังสือหรือมาเช้า นะคะ”สาวน้อยอธิบายให้กับลูกค้าหน้าใหม่อย่างนนทนัฐและชินพัตน์ฟังให้เข้าใจเกี่ยวกับร้านที่ตนเองทำงานอยู่
“อ้อครับ ขอบคุณมากครับ”นนทนัฐเข้าใจมากขึ้น เพราะดุแล้วก็มีลูกค้านั่งอยู่ตามมุมต่างของร้านที่จัดไว้เพื่อนั่งอ่านและดื่มเครื่องดื่มได้ไปพร้อมๆกัน
“นี้คุณดูลูกค้าของร้านนี้สิ มีทุกวัยเลยนะคุณ” ชินพันต์หันมากระซิบเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน นนทนัฐพยักหน้าเห็นด้วย
“เมื่อวานผมขับรถผ่าน มารอบหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ ไม่คิดว่ามีหนังสือให้นั่งอ่านแบบนี้ด้วย”
“คุณเกือบพลาดแล้วนะ ถ้าตัดสินใจเปิดร้านหนังสือ คุณเจ้งแน่ๆ “
“งั้นคุณเหลือทางเลือกเดียวแล้วนะ”นนทนัฐพยักหน้ารับคำ
นนทนัฐขับรถมาส่งชินพัตน์ที่ร้านก่อนจะขับรถเข้าเมืองไปหาดูศูนย์คอมพิวเตอร์ เขาตัดสินใจแล้วที่จะเปิดร้านอินเตอร์เน็ทเพราะยุคนี้การสื่อสารมันกว้างไกล และสิ่งที่จะเข้าถึงคือร้านอินเตอร์เน็ต และเกมออนไลน์ต่าง เพื่อดึงดูดคนทุกวัยด้วย เขาต้องไปติดต่อช่างเพื่อมาดูร้านเพื่อทำการติดตั้ง เครื่องระบบอินเตอร์เน็ท อีกหลายอย่างมากมาย แต่ยังไม่วายอดห่วงว่าตนเองจะไม่มีเวลาอยู่กับคุณเจ้าของร้าน แต่ยังไงก็ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว แค่นี้ก็น่าจะเกินพอ
ชินพัตน์กลับเข้ามาที่ร้านตอน 11 โมงเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านพอดี ต้องรีบช่วยจอยกับป้าพรขายของ จนไม่มีเวลาโทรถามคนที่เข้าเมือง แล้วหายเงียบไปเลยทั้งวัน จนตกเย็นลงลูกเริ่มน้อยลง ชินพัตน์ก็รีบค้นหาโทรศัพท์ในลิ้นชักเพื่อโทรหาใครบ้างคนทันที่
“นี้คุณเป็นไงมั้ง”ชินพัตน์ถามด้วยน้ำสียงเป็นห่วง เพราะเห็นว่าอีกคนเข้าเมืองไปปานนี้ยังไม่กลับมา
(“ผมเจอเพื่อนที่ศูนย์คอมเขาเลยแนะนำผมหลายเรื่องเลย อีกซักพักผมก็จะกลับแล้ว”)นนทนัฐยกยิ้มดีใจเมื่อชินพัตน์โทรหาเขา และถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“อืม “ชินพัตน์โล่งใจที่นนทนัฐคุยเรื่องงานอย่างสบายใจ เพราะมีเพื่อนช่วยดูให้อีกทาง แต่สิ่งที่กังวลคือกลัวจะโดนหลอกเพราะไม่ใช่คนในพื้นที แล้วจะมาเปิดกิจการใหญ่โตเอาแบบนี้ ก็เลยกลัวไปต่างๆนาๆ
(“เดี๋ยวผมรีบกลับไปหานะครับ ผมมีเรื่องเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”)นนทนัฐอยากกลับไปเล่าเรื่องต่างๆที่ได้คำแนะนำจากเพื่อนให้ชินพัตน์ฟังเร็วๆ
“อืม ขับรถดีๆล่ะ”ชินพตน์ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะเป็นเรื่องดีๆสินะ น้ำเสียงดูดีอกดีใจขนาดนั้น ชินพัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าอมยิ้มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร จนจอยทัก
“พี่ชิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรจ๊ะ อิอิ”จอยพูดแซว
“เอ๊ะ ปะ เปล่าไม่ได้ยิ้มอะไรสักหน่อย” ชินพัตน์เดินหนีไปหาลูกค้าที่เรียกเก็บเงิน จอยได้แต่หัวเราะชอบใจเดินเอาลูกชิ้นไปปิ้งหน้าเตาอย่างอารมณ์ดี
ชินพัตน์ก็ได้แต่ชะเง้อคอคอยมองหน้าร้านว่าใครบ้างคนที่บอกจะกลับมา แต่ก็ไม่กลับมาสักที่ จริงๆก็ไม่ไดอยากรู้หรอกว่าจะกลับมาเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง แต่เดินวนไปมาจากที่โต๊ะทำงาน และหน้าร้านไปมา และสุดท้ายก็ไปหยุดที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชัก เพื่อควานหาโทรศัพท์หมายจะโทรหาคนที่ยังไม่ยอมกลับมาสักที่
“ป้าครับ ผมซื้อขนมมาฝากครับ จอยมาแบ่งไปกินสิ”นนทนัฐเข้าร้านมาก็ทักทายผู้สูวัยก่อน พร้อมชูถุงขนมมากมายส่งให้จอยไปแบ่งจัดใส่จาน และเดินตรงมาหน้าคนที่นั่งมองมาอยู่ก่อนแล้ว
“กลับมาแล้วครับ”นนทนัฐเดินมานั่งใกล้คนที่ทำท่าทางเสหน้าไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาดีใจที่เห็นอีกคนกลับมาแล้ว
“อืม” ชินพันตน์จะลุกไปหาลูกค้า แต่โดนคว้าแขนไว้ก่อนให้นั่งลงที่เดิม
“ผมซื้อขนมมาฝากด้วยนะครับ”
“อืม” ชินพัตน์พยักหน้ารับ แต่ไม่ยอมหันหน้าไปมองคนที่จับมือตนเองไว้
“ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังเยอะเลย”
“อืม”
“คุณไม่อยากฟังเหรอ”
“เอ๊ะ ปะเปล่า”ชินพัตน์รีบหันหน้ากลับมาตอบ เจอเข้ากับสายตาจับผิดยกยิ้ม
“ก็ชินไม่หันมามองหน้าผมเลย”
“ผมจะไปดูลูกค้านะ ลูกค้าเรียกเก็บเงินแล้ว”
“ครับ” นนทนัฐเห็นว่าลูกค้าเรียกคุณเจ้าของร้านจริงเลยปล่อยมืออย่างเสียไม่ได้
ไม่เป็นไรคืนนี้มีเรื่องที่ได้คุยกันอีกนานแน่ เก็บไว้คุยกันสองคนแล้วกัน ตอนนี้ช่วยงานที่ร้านก่อน นนทนัฐคิดได้แบบนั้นก็ เดินเข้าไปช่วยจอยปิ้งลูกชิ้นหน้าเตา และช่วยป้าพรยกอาหารไปให้ลูกค้าที่โต๊ะ ตลอดเวลาที่นนทนัฐทำงานไป ทุกอย่างล้วนลูกในสายตา ที่มถูกใครบ้างคนแอบมองตลอดเวลา
จะมองทำไมชินพัตน์
ทำงานสิ
ทำงาน
ลูกชิ้นร้อนๆหมูล้วนๆมาแลวจ้า!!!
มาเป็นหุ้นส่วนขายลูกชิ้นปิ้งกับมิมนินไหมค่ะ อิอิ
คุณนนท์รักจริงจังมากเลยนะ
มาตามลุ้นกันนะคะ ว่าคุณเจ้าของร้านจะใจอ่อนให้คุณนนท์ตอนไหนกันนะ อิอิ