เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73 [31-01-16] ลูกชิ้นปิ้งร้อนๆมาแล้วจ้า!!!!  (อ่าน 68910 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ตามลูกชิ้นปิ้งจนทันสักที

ทั้งพี่นพทั้งชินมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ชินจะว่ายังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0





                                                  เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 72


ตลอดเส้นทางเข้าตัวเมืองเผื่อผ่านไปยังเส้นทางหลักไปกรุงเทพ นพคุณชวนต้นกล้าพูดคุยเรื่องต่างๆ มากมาย เรื่องตลกๆ เผื่อให้ต้นกล้าหายเศร้า และมีรอยยิ้มกลับมาที่ใบหน้าอีกครั้ง  ชวนคุยเกี่ยวกับเพื่อนๆที่จะไปฝึกงานพร้อมกัน ร่วมทั้งเรื่องที่พักตอนฝึกงานด้วย

“เพื่อนๆ ไปฝึกด้วยกันกี่คน แล้วได้ไปฝึกที่ไหนกันบ้างหืม?”

“เพื่อนที่ไปฝึกด้วยกันมี ต้น มีหม่อน ครับ สวนเพื่อนคนอื่นๆก็ได้ ที่ฝึกใกล้ๆบ้าน หรือบ้างคนก็เข้าฝึกที่ทำงานของครอบครัวฝากให้ก็มีครับ”

นพคุณรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของต้นกล้าแผ่วลง ตรงเรื่องสถานที่ฝึกงานของเพื่อนๆที่ มีทางครอบครัวหาให้  สวนต้นกล้ากลับต้องพยายามค้นควายหาเอง แถมยังหาแบบใกล้บ้านอย่างที่ตั้งใจไม่ได้อีกด้วย ทำให้ยิ่งทำให้ต้องหางจากยายไกลๆเป้นครั้งแรก

“ดีแล้วที่ต้นมีเพื่อนไปฝึกงานด้วย จะได้ไม่เหงาคอยให้คำปรึกษากันได้ ถ้าไปคนเดียวกระเทียมลีบนะ”

นพคุณคิดคำปลอบใจดีๆได้เพียงแค่นี้ที่จะทำให้ต้นกล้ายิ้มออกมาได้

“หม่อน เป็นคนเข้ากับคนง่ายครับ ไปฝึกงานคราวนี้  จะไปป่วนในที่ทำงานมากกว่าไปฝึกงานมากกว่านะครับ ฮึๆ”

ต้นกล้านึกถึงเพื่อนสนิทที่นิสัยคุยเก่ง ก็อดขำไม่ได้ เข้ากับคนง่ายร่าเริง มีเพื่อนอย่างหม่อนไปด้วยก็ลดความเหงาไปได้มากที่เดียว

“ทำไมต้นคิดแบบนั้นล่ะ ?”
“ก็หม่อน ชอบเล่นไปทั่ว งานที่ได้รับหมอบหมาย จะไม่ค่อยตั้งใจทำ ค่อยไปป่วนไปแกล้งเพื่อนสะมากกว่า พอใกล้เวลาส่งงานก็ เกือบไม่ทันส่ง บางที่ก็ทำงานลวกๆส่งอาจารย์โดนดุมาหลายครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้งนะครับ เพราะหม่อนไม่ทิ้งเรื่องเรียนเพียงแต่ติดเล่นไปหน่อยเท่านั้น”

“อืม  ไปฝึกงานก็ปามๆเพื่อนด้วยนะต้น ในรั้วมหาลัย กับ รั้วที่ทำงานมันแต่ต่างกันมากนะ ต้นรู้ใช่ไหม?”

“ครับ หม่อนก็พูดกับต้นเหมือนกัน ว่าดีใจมากๆที่มีต้นไปฝึกงานพร้อมกัน เพราะหม่อน บอกว่า ตัวหม่อนเองคง ฝึกไม่ผ่านแน่ๆ เพราะห่วงเล่นมากกว่า มีต้นเป็นเพื่อนค่อยเตือน ค่อยช่วยกัน ก็อุ่นใจ ว่าฝึกงานคราวนี้ ผ่านแน่นอน” ต้นกล้าตอบยิ้มอย่างภูมิใจ

“ดีแล้ว ค่อยช่วยเหลือกันแบบนี้ เพื่อนสนิทดีๆ ต้องมีคบกันไว้ อย่างทิ้งกัน” นพคุณพูดก็นึกถึงเพื่อนที่คอยชวนเหลือเป็นกำลังให้ นั้นก็คือ แมน ที่คอยดูแลเรื่องที่ร้านให้เสมอขึ้นมา
“ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับ

“เข้าเขตกรุงเทพแล้ว ให้พี่แวะไปไหนก่อนดี หรือต้นหิวข้าวไหม หาอะไรรองท้องกันก่อน?”
นพคุณเสนอความคิดเมื่อเห็นว่าเข้าเขตกรุงเทพแล้ว

“ต้นว่าจะแวะไปลางานที่ทำงาน พาททามก่อนนะครับ แล้วจะแวะเข้ามหาลัยเอาเอกสารไปยื่นให้อาจารย์นะครับ ส่งต้นที่หน้ามหาลัยก็พอครับ พี่จะได้ไม่ต้องกลับถึงบ้านดึก”

ต้นกล้ารีบตอบอย่างเกรงใจและเป็นห่วงในคราเดียว

“แต่พี่หิวแล้ว หาอะไรกินกันก่อน แล้วเราค่อยไปที่ทำงานของต้นแล้วกัน ตกลงตามนี้”
นพคุณทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่ต้นกล้าขอให้ไปส่งแค่หน้ามหาลัย เปลี่ยนเรื่องไปหาสถานที่นั่งทานข้าวแทน ทำให้ต้นกล้าไม่กล้าคัดคนหิว

“งั้นเราแวะหาอะไรทานที่นี้ก่อนแล้วกัน ค่อยไปทำธุระของต้นต่อนะ”

“ครับ” ต้นกล้าตอบรับอย่างว่าง่าย

นพคุณเงินนำต้นกล้าเข้ามาในห้างดัง ก่อนถึงมหาลัยของต้นกล้าไม่ไกลนัก เดินเลือกดูของไปเรื่อย เห็นร้านไหนที่เกี่ยวของกับต้นกล้า นพคุณจะถามต้นกล้าว่าต้องการจะใช้ไหม ก็มักจะได้คำตอบกลับมาคือ ไม่ใช่ ไม่เอา มีแล้ว สะส่วนใหญ่ จนทำให้นพคุณเปลี่ยนเป้าหมายที่ตั้งใจจะซื้อของใช้จำเป็นต่างๆ  ไปหาข้าวทานก่อน ปล่อยให้ต้นกล้าไปเลือกซื้ออาหารที่โซนอาหารของห้างดัง
    นพคุณก็หยิบโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนสนิทของต้นกล้าด่วน เพื่อนสอบถามว่า ไปฝึกงานต้องใช้อะไรบ้าง เสื้อผ้า เครื่องแต่งการ ข้าวของเครื่องใช้  เพื่อนสนิทของต้นกล้าก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนขี้เกรงใจ เลยต้องช่วยเหลือกันด้วยวิธี่แบบนี้

“ขอบใจมากนะหมอน”

“ไม่เป็นไรครับพี่ เออพี่ครับ ผมอาจจะไปถึงห้องช้ากว่าที่คิดไว้ ต้นจะมาถึงห้องประมาณกี่โมงครับ ผมกลัวต้นจะรอผมที่มหาลัยเก้อ” หม่อนคิดได้ว่าตนเองติดธุระทางบ้าน เลยทำให้กลับไปหอพักที่พักร่วมกับต้นกล้าช้ากว่าที่กำหนด เลยเอยถามเรื่องเวลามาของเพื่อนสนิท

“เห็นต้นบอกว่าจะแวะร้านที่ไปทำงาน เพื่อขอลางานก่อน แล้วจะแวะเข้ามหาลัยเลย แล้วค่อยกับหอนะ ประมาณนั้น”

“เหรอครับ พอดีผมติดธุระทางบ้านอาจจะไปถึงหอดึกหน่อยนะครับ ฝากบอกต้นด้วยเลยนะครับ ว่าผมอาจจะเข้าหอดึกหน่อย ไม่ต้องรอ”

“ได้แล้วพี่จะบอกให้นะ”

“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”

นพคุณตัดสายพอดีกับที่ต้นกล้าเดินกลับมาพร้อมถาดอาหาร ชุดที่ 2 เพราะชุดแรก นพคุณสั่งให้ต้นกล้าไปซื้อให้ เพราะอ้างว่าติดคุยธุระกับลูกค้าแต่จริงๆแอบโทรหาหม่อนนั้นเอง

“ขอบคุณครับ ทานกันเลยนะ จะได้ไปทำธุระเรื่องลางานกับไปมหาลัยให้เรียบร้อย”
นพคุณชวนทานข้าว แต่ในใจคิดไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรให้ต้นกล้าบ้าง
ทั้งสองทานข้าวเสร็จ นพคุณพาต้นกล้าเดินทั่วห้าง ซื้อของมากมายแต่ไม่ถามคำถามเดิมๆแล้วว่า ต้นกล้าอยากได้อะไรไหม แต่กลับซื้อเลยโดยที่ไม่รอคำตอบ ซื้อทุกอย่างที่เห็นว่าจำเป็นจะต้องใช้ อย่างที่หม่อนบอก จนทำให้ต้นกล้าแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าถามว่าซื้อของให้ใคร ทำไหมเยอะแยะมากมาย แถมยังช่วยถือของให้แล้วเดินตามไปเงียบๆ

“ต้นโทรไปหาพี่ๆที่ทำงานไว้หรือยังว่าจะเข้าไปหา”
นพคุณถามขึ้นตอนที่นั่งพักในร้านไอศกรีมชื่อดังในห้าง
“ยังเลยครับ “
“โทรไปเลย เดี๋ยวพวกเราก็ไปกันเลย ต้นอยากซื้อของอะไรเพิ่มอีกไหม?” นพคุณถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าต้นกล้ายังอยากได้ของอะไรที่นอกเหนือที่เขาซื้อให้อีกหรือเปล่า
“ไม่มีแล้วครับ ของที่ต้นเตรียมมาจากที่บ้านแล้วก็ที่พี่ชินซื้อให้ก็พอมีแล้วครับ”ต้นกล้าตอบกลับ
“งั้นก็ไปที่ทำงานกันเลย แล้วก็ไปที่มหาลัยต่อใช่ไหม?”
“ครับ”

ต้นกล้าบอกทางให้นพคุณขับรถไปยังที่ทำงานเป็นร้านอาหาร ที่รับนักศึกษาหลายคนเข้ามาช่วยงานที่ร้าน เพื่อช่วยให้นักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษช่วยเหลือตัวเอง ไม่ต้องรับกวนทางบ้าน ต้นกล้าได้มาทำร้านนี้เพราะมีรุ่นพี่แนะนำมา ต้นกล้าทำงานที่ร้านนี้มาตั้งแต่ปี 1 จนปัจจุบัน ทำให้สนิทกับเจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วย

“สวัสดีครับพี่นิ่ง” ต้นกล้าเดินนำเข้าร้านผูจัดการร้านรู้ว่าต้นกล้าจะมาหาเลยมารออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอต้น ยายเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีแล้วครับ มีพี่เขาที่รู้จักกันดูแลให้ ต้นเลยกลับมาฝึกงานได้ครับ”
“ดีแล้ว ต้นจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงยายด้วยเพราะต้องไปฝึกหลายเดือนเลยสินะ”
“ครับ ต้นเลยจะมาขอลา หลังจากฝึกงานเสร็จ ต้นอาจจะขอกลับมาทำงานด้วยนะครับ “
“จ้ามาเมื่อไรพี่พร้อมรับเด็กขยันอย่างต้นเสมอนะ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่นะ โทรหาพี่ได้เลย”
“ขอบคุณครับพี่นิ่ง”ต้นกล้ายกมือไหว้
“แล้วต้นมายังไง แล้วจะไปไหนต่อล่ะ”
“มากับพี่นะครับ พี่เข้าอาสาขับรถมาส่งจากที่บ้านนะครับ” ต้นกล้าหันไปมองคนที่ยืนรออยู่หน้าร้านแล้วหันกลับมาหาผู้จัดการร้านอีกครั้ง
“พี่ชายเหรอ? พี่พึ่งรู้ว่าต้นมีพี่ชายด้วยไหนว่าต้นเป็นลูกคนเดียว.?”
“พี่เขาเป็นคนช่วยเหลือต้นกับยายช่วงที่มีปัญหาแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่างนะครับ รู้จักกันได้ไม่นาน แต่มีเขาก็คอยเป็นห่วงต้อนกับยายเสมอเลยนะครับ” ต้นกล้าอธิบายด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดถึงคนสำคัญอีกคนที่นอกเหนือไปจากยายของต้นเอง

“เป็นแค่พี่แน่เหรอต้น?”
“อะ อะไรนะครับพี่นิ่ง ?” ต้นกล้าไม่ค่อยแน่ใจคำถามของผู้จัดการร้านสาว
“จ้าๆ ไม่มีอะไรพี่ก็ถามไปอย่างงั้นแหละ มีธุระต่อไม่ใช่เหรอไปเถอะ ฝึกงานเสร็จแล้วเข้ามาหาพี่กับทุกคนในร้านมั้งนะต้น”
“ครับพี่นิ่ง สวัสดีครับ” ต้นกล้ายกมือไหว้ล่ำลาอีกครั้งก่อนเดินออกมามาหานพคุณที่หน้าร้าน

“ไปมหาลัยต่อเลยใช่ไหม” นพคุณเห็นต้นกล้าคุยธุระเสร็จก็ถามจุดหมายที่จะไปต่อ

“ครับ พี่ไปส่งต้นที่หน้ามหาลัยก็ได้ครับ พี่จะได้กลับเลยถึงบ้านจะได้ไม่ดึกครับ”ต้นกล้าขึ้นรถมานั่งประจำตำแหน่ง แล้วของสิ่งที่คิดไว้
“พี่อยากเห็นมหาลัยที่ต้นเรียนได้ไหม”
“เออ ได้ครับ” ต้นกล้าเจอคำถามนี้ของนพคุณเลยไปไม่ถูกจำเป็นต้อง นั่งนิ่งพับเก็บความคิดที่จะเข้ามหาลัยคนเดียวเผื่อรอเพื่อนอย่างหม่อนมารับเข้าหอไปพร้อมกันไว้ก่อน

ต้นกล้ามาถึงมหาลัยประมาณบ่าย 3 โมง ยื่นเอกสารการขอฝึกงานไว้กับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วพูดคุยเล็กน้อยกับอาจารย์ก็ขอตัวกลับออกมาหาคนที่นั่งรอ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นโต๊ะประจำที่ต้นกล้าและเพื่อนๆในกลุ่มจะมานั่งประจำ เมื่อมองเห็นคนสำคัญในชีวิตนั่งอยู่ในสถานที่ที่คิดว่าเป็นสถานที่ในความทรงจำตลอด 4 ปีในรั้วมหาลัย ก็รู้สึกดีมากๆ ยิ่งคนสำคัญหันมายิ้มให้แล้วด้วย ยิ่งทำให้ต้นกล้ารู้สึกสับสนในใจเล็กๆ ว่าทำไมหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“คะ ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับอย่างเขินๆไม่รู้ทำไม  ความรู้สึกเหมือนบรรยากาศที่คุ้นเคยกับคนที่ที่ไว้ใจมาอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ มันรู้สึกอยากให้มาใช้เวลาอยู่ด้วยกันช่วยที่เรียนอยู่ในรั้วมหาลัย อยากรู้จักคนคนนี้ให้เร็วๆกว่านี้ 
“ต้น ต้นครับ นิ่งไป? คิดอะไรอยู่หืม?” นพคุณเห็นต้นกล้ายืนมองตนเองนานมากแต่ไม่พูดอะไรเอาแต่อมยิ้มน้อยๆ เลยสงสัย
“เอ๊ะ? เออ เปล่าครับ พี่อยากไปเดินดูที่คณะของต้นไหม แต่วันนี้อาจจะเงียบหน่อยนะครับ เพราะเพื่อนๆ กับน้องๆ น่าจะกลับกันไปบ้างแล้ว”
“ไม่เป็นไร ก็ต้นยังอยู่แค่นี้ก็พอแล้ว”
ฟังตอนแรกต้นกล้าก็ไม่ได้คิดอะไร เดินออกนำไปยังตึกคณะตนเอง แต่พอคิดทบทวนไปมากับคำพูดของคนที่เดินตามหลังแล้ว ทำให้หน้าเห่อร้อนขึ้นมาเฉยๆ 
หมายความว่า
ไม่ต้องมีคนอื่นก็ได้ใช่ไหม?
มีแค่เรา ?
สองคนก็พอใช่ไหม?
ต้นกล้ารีบส่ายหน้าไปมา เพื่อเลิกคิดสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกไปจากหัว แล้วรีบเดินนำคนตัวโตกว่าไปยังตึกเรียนที่เคยเรียนมาตลอด 4 ปี เดินแนะนำตึกอาคารใกล้เคียง สถานที่ที่ต้นกล้าและเพื่อนๆได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ วีรกรรมป่วนๆของเหล่าเพื่อน และมาจบสถานที่สุดท้าย คือ ประตูหลังมหาลัย ที่สามารถออกไปยัง หอพักของต้นกล้าได้ ต้นกล้าอธิบายว่าเดินออกไปอีไม่ไกลนักก็จะเจอหอพัก กลางเก่ากลางใหม่ คาเช่าไม่แพงที่ต้นและหม่อนเช่าอยู่ด้วยกัน

“เดินไปอีกไกลไหม?”นพคุณยืนมอง ไปยังปลายทางที่มองไปยังไงก็ยังไม่รู้ว่าหอพักที่ต้นกล้าบอกอยู่ตรงไหน เพราะต้นกล้าหยุดยืนตรงประตู แค่นั้น
“ก็ไม่ไกลมานะครับ ประมา 20 นาทีก็ถึงครับ”
“แล้วพี่ขับรถเข้ามาแล้วออกทางด้านนี้ได้ใช่ไหม?”
“อ้อได้ครับ แต่พี่ไม่ต้องเข้ามาส่งต้นก็ได้ ต้นต้องรอเพื่อนก่อนนะครับ พี่ขับรถออกทางหน้ามหาลัยจะสะดวกกว่า เพราะทางด้านหลังมหาลัยซอยมันจะแคบมา ต้นกล้วยว่าที่จะหาที่กลับรถลำบากเปล่านะครับ”
“ไม่เป็นไร พี่จะรอเป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนเราจะมา พี่ขอไปรอที่หอแล้วกันนะ” นพคุณไม่รอคำตอบเดินกลับไปยังหน้ามหาลัยที่จอดรถไป ต้นกล้าเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามแบบงงๆ
รอเป็นเพื่อน?
“พี่จะไปรอที่ห้องเหรอครับ? รอใคร? คือต้นไม่เข้าใจ?” ต้นกล้าถามสิ่งไม่เข้าใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง

“ก็เพื่อนเรายังไม่น่าจะมาง่ายๆ อาจจะมาดึก พี่เลยจะอยู่เป็นเพื่อนเราก่อนไง ปิดประตูสิ พี่จะออกรถแล้ว” ต้นกล้าที่ยังงงกับคำตอบอยู่ต้องรีบปิดประตูตามที่คนขับสั่ง

แล้วรถก็ผ่านเข้ามาในซอยเล็กๆในชุมชนหลังมหาลัย ที่อัดแน่นไปด้วยบ้านเรือน หอพัก เก่าใหม่มากมาย ล้วนแต่เป็นที่พักพิงให้ทั้งนักศึกษาหน้าใหม่ๆและนักศึกษารุ่นเก่าๆที่พยายามดันตัวเองเท่าไรก็ยังไม่ออกไปจากรั้วมหาลัย สักที่กับมาแก้ กลับมาเก็บรายวิชาที่ตกหล่น  มีแม้กระทั่งกลับมาเรียนกับรุ่นน้องยังมี ตามหอเป็นที่แหล่งให้เราคนรักเรียน และรักสถาบัน อยู่กันไปใจกว่าจะจบ และได้งานทำ ก็ยังไม่หนี้หายกันไปไหน
บ้างคนยึดหอเป็นเหมือนบ้านหลที่ 3 รองมาจากบ้านเกิด มหาลัย กันเลยที่เดียว

“พี่จอดรถไว้ตรงนี้ได้ไหม?” นพคุณเห็นต้นกล้านั่งเงียบ เลยถามขึ้นเพราะไม่แน่ใจว่าหน้าทางเข้าหอแบบนี้จะสามารถจอดรถได้ไหม?
“จอดได้ครับ ถ้าจอดไม่นานมาก เพราะถนนหน้าหอมันแคบนะครับ ส่วนใหญ่ในซอยจะใช้มอเตอร์ไซค์กันสะมากกว่าครับ” ต้นกล้าค่อยอธิบายแล้วก็เปิดประตูลงมาดูว่า นพคุณจอดรถพ้น ขอบถนนได้มากขนาดไหน เพราะกลัวจะเกิดมีรถในซอยเข้ามาเฉียวชน หรือรถใหญ่ผ่านเข้าออกได้สะดวกไหม พอเห็นว่าโอเคแล้วก็ หันไปหาเจ้าของรถที่ยืนรออยู่

“ให้พี่ช่วยยกของเข้าไปนะ”
“ขอบคุณครับ” ต้นกล้ารีบหยิบเป้ใบใหญ่มาถือไว้ แล้วปล่อยให้นพคุณหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเดินตามเข้ามา ผ่านห้องของคนป้าที่นั่งอยู่ภายในห้องใต้ตึก
“ป้าสวัสดีครับ”ต้นกล้าทักท้ายป้าเหมือนทุกครั้ง
“อ้าวต้นหลายไปไหนมาหลายวันเลย”
ต้นกลับไปบ้านไปหายายมาครับ แล้วต้นก็กำลังจะไปฝึกงานนะครับ “
“อ้าวเหรอ แต่ยังกลับมาอยู่หอป้าเหมือนเดิมใช่ไหม?”
“ครับ ผมกับหม่อนยังเช่าห้องป้าเหมือนเดิมนะครับ แต่ช่วงนี้อาจจะไม่ได้เข้ามาหลายเดือน”
“จ้าๆ บอกป้าด้วยนะ ป้าไม่คิดเงิน ไปวันไหน กลับวันไหนบอกป้าด้วย”
“ครับ ขอบคุณครับป้า”ต้นกล้ายกมือไหว้
“อ้าวแล้วนั้นมากับใครล่ะ “
“อ้อมากับพี่ครับ พี่เขาขับรถมาส่งครับ”
“อ้อจ้าๆ เอาของเข้าไปเก็บเถอะ แล้วเจ้าหม่อนจะมาด้วยไหม?”
“มาครับ เดี๋ยวก็คงจะมานะครับป้า ต้นขอเอาของเข้าไปเก็บก่อนนะครับ”
“จ้าๆ”

 ต้นกล้าเดินนำ นพคุณเข้าห้องพัก ว่างข้าวของเสร็จ รีบหาไม้กวาดมากวดห้องเพราะไม่อยู่หลายวัน ฝุ่นน่าจะเยอะ หม่อนก็ไม่ค่อยได้เข้าห้องเท่าไร ไปกลับบ้านตลอด เพราะไม่รู้จะให้นพคุณนั่งตรงไหนดีเลยตัดสินใจกวาดห้องก่อน ปล่อยให้นพคุณยืนมองอยู่ที่หน้าประตู กวาดเสร็จจนทั่วห้องแล้ว ก็จะหันไปบอกแขกจำเป็น กลับไม่เจอ เจอแต่กระเป๋าโน๊ตบุ๊ควางไว้ที่หน้าประตูแทน ต้นกล้ารีบชะโงกหน้าออกมาดูที่หน้าประตู เพราะกลัวกว่านพคุณจะกลับไปสะก่อนยังไม่ได้พูดขอบคุณเลยสักคำ
แต่กลับกันนพคุณเดินหิ้วถุงข้าวของที่ซื้อในห้างทั้งหมดเดินกลับเข้ามาพอดีกับที่ต้นกล้ากำลังจะใส่รองเท้าเพื่อจะออกมาดูนพคุณว่ากลับไปแล้วจริงๆหรือเปล่า ก็เลยชนกันอย่างจังตรงหน้าประตู
“โอ๊ย!!!”
“ต้น เป็นอะไร? จะรีบไปไหน” นพคุณตั้งหลักได้ก่อน ข้าวของหล่นหลุดมือ หันมาคว้าต้นกล้าที่กำลังจะหงายหลังเพราะแรงชนจัง มาที่ตัวเขาที่ร่างการหนากว่า ทำให้ต้นกล้าถึงกับเซจนจะหงายหลัง
“เออๆ ปะเปล่าครับ คือ ต้นนึกว่า พี่กลับไปแล้ว เลยรีบไปดู”
“ยัง พี่เดินกลับไปเอาของมาอีก ยังยกของลงจากรถไม่หดเลย” นพคุณพยุงต้นกล้าให้ยืนได้อย่างมั่นคง แล้วก้มลงเก็บถุงเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช่ที่ซื้อให้ต้นกล้าจากห้างขึ้นมาให้ต้นกล้าเห็นว่านี้คือของที่เหลือ ที่ยังเอาลงมาไม่หมด

“แต่ของพวกนี้?” ต้นกล้าทำท่าจะปฏิเสธ
แต่นพคุณไม่สนใจ เอาถุงข้าวของทุกอย่างไปว่างไว้ที่เตียงนอน
“ของทุกอย่างตอนนี้มันอยู่ในห้องต้นแล้ว มันเป็นของต้นทั้งหมด พี่ตั้งใจซื้อให้ต้นนะ รับน้ำใจที่มีให้ได้ไหม?” นพคุณยิ่งคำถามแบบนี้มาอีก แล้วต้นกล้าก็ไปไม่เป็น จะปฏิเสธก็กลัวคนตรงหน้าจะเสียใจ แต่ก็เกรงใจเพราะได้ของมาเยอะแยะ แถมยังราคาแพงทั้งนั้นด้วย แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไร

“อ้อ แล้วพี่ก็ลืมบอกไปว่า หม่อนโทรมานะ บอกว่าอาจจะมาดึก หรือไม่อาจจะมาพรุ่งนี้ติดธุระที่บ้านเลยทำให้กลับมาหอวันนี้ไม่ทันนะ พี่เลยจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าหม่อนจะมาด้วย”
“แล้ว พี่ไม่รีบกลับเหรอครับ ขับรถดึกมันอันตรายนะครับ”
“ต้นเป็นห่วงพี่เหรอ?”
“ก็ต้องห่วงสิครับ มาส่งต้นแล้ว พอขากลับเกิดเป็นอะไรร้ายแรง ต้นก็ต้องกลัวไว้ก่อน เพราะต้นเป็นต้นเหตุ”
“งั้นพี่ก็ยังไม่กลับ ไว้กลับพรุ่งนี้แทน ไม่ต้องขับรถกลับดึกๆด้วยดีไหม?”
“พี่จะค้างที่นี้เหรอครับ?”
“แล้วต้นให้พี่ค้างไหมล่ะ?”
“แต่ว่าหม่อน อาจจะมา เออ คือ..”ต้นกล้าไม่แน่นอนใจว่าหม่อนจะมาเร็วขนาดไหน หรือไม่มาเลย ก็ยังไม่รู้คำตอบที่แน่นอน เลยพูดไม่ออก
“โทรหาดูไหม? พี่ก็จะได้โทรหาเจ้าชินด้วย ว่ายังไม่กลับ” นพคุณตัดสินใจแทนแล้วแยกตัวหันไปโทรศัพท์ ทำให้ต้นกล้ายังงง ว่าจะเริ่มต้นอะไรก่อนดี เก็บที่นอน เตรียมที่นอน โทรหาเพื่อน หรือจะบอกให้นพคุณรีบกลับ ไม่รู้จะเลือกทำสิ่งไหนก่อนดี
นพคุณรอสายจากน้องสาย หันมามองต้นกล้าที่ยังยืนเออ ชี้ไปที่โทรศัพท์ แล้วยกมือทำถ้าว่าให้โทรหาเพื่อนเลย ต้นกล้าเลยต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
รอสายไม่นานปลายสายก็รับ
“หม่อน หม่อนจะมาถึงหอประมาณกี่โมง เรามาถึงหอแล้วนะ”
(เหรอต้น ถึงห้องแล้วเหรอ ดีเลยเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เออ แล้วยืนเอกสารให้อาจารย์แล้วใช่ไหม?)
“ยืนแล้ว ได้คุยกับอาจารย์ด้วย บอกให้เราคุมหม่อนไม่ให้ไปป่วนที่ฝึกงานด้วยนะ ฮึๆ”
(เออ เรารู้น่าว่าเรามันตัวป่วน แล้วพี่ใหญ่กลับไปหรือยังล่ะ?)
“เออใช่ๆ หม่อนจะห้องกี่โมง” ต้นกล้านึกได้ว่าต้องรอคำตอบจากเพื่อนก่อน ว่าจะสามารถให้นพคุณค้างได้หรือเปล่า
(ทำไมล่ะ เรามางานเลี้ยงญาติ ไม่รู้จะเลิกงานกี่โมง ไม่แน่ถ้าดึกมากเราอาจจะไปพรุ่งนี้เช้านะ)
“เอายังไงแน่นอน เราขอแบบชัวร์ๆหน่อยสิ” ต้นกล้าไม่แน่ใจในคำตอบของเพื่อนสักเท่าไร
(ก็ตามนั้นแหละ ถ้างาเลี้ยงเลิกเร็วเราก็อาจจะกลับหอเลย แต่ถ้าเลิกดึกเราก็จะไปที่หอตอนเช้าไง) หม่อนเริ่มสงสัยต้นกล้าไม่คนสนใจว่าจะกลับช้ากลับเร็ว เพราะเห็นต้นกล้าอยู่ห้องคนเดียวได้ตลอด เวลาที่ตนเองไม่อยู่

“มาเร็วๆไม่ได้เหรอหม่อน?” ต้นกล้ารู้สึกอยากให้หม่อนมาเร็วๆ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่ให้นพคุณค้างที่หอ เพราะอะไรยังหาคำตอบไม่ได้ แต่รู้สึกไม่กล้าอยู่ด้วยกันสองต่อสองแน่ เพราะหัวใจเต้นแรงแปลกๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว
(เป็นอะไรหรือเปล่าต้น ไม่สบายเหรอ?)

“ปะ เปล่า คือเรา เออ ไม่อยากอยู่คนเดียว  คือ.” ต้นกล้าไม่กล้าอธิบายไปตรงๆว่านพคุณยังอยู่และจะขอค้างเป็นเพื่อนแทนถ้าหม่อนรู้ คงจะรีบบอกให้ค้างแทนแน่ๆเลย

(ต้น ต้นกลัวอยู่คนเดียวแล้วคิดถึงยายเหรอ?) เพท่อนหม่อนเริ่มคิดไปไกล ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อน
“เออ เปล่าๆ  ถ้ามาได้หม่อนรีบมานะ “
(เออๆ ถ้าไปได้จะรีบไปนะ แต่ถ้าดึกมากไว้เจอกันพรุ่งนี้นะต้น อยู่ได้ไหมคืนเดียว)
“อืมๆ” ต้นกล้าตอบไปอย่างนั้น เพราะยังไม่แน่ใจกับความไม่แน่นอนขอ
งเพื่อนอยู่ดี แล้วจะตอบกับคนที่ยืนรออยู่กลางห้องดี
นพคุณที่ว่างสายจากน้องชาย บอกน้องชายว่าอาจจะกลับดึก อาจจะค้างบ้านเพื่อนที่รู้จัดกันแล้วขับรถกลับตอนเช้าแทน ไม่ต้องเป็นห่วง ฝากยายไว้อีก สักวัน ชินพัฒน์ก็ได้แต่ตอบรับ

“ว่าไง พี่ค้างได้ใช่ไหม?”
“เออ หม่อนบอกว่าจะกลับมาดึกๆครับ คือ “
“โอเค พี่อยู่เป็นเพื่อนต้น จนกล้าหม่อนจะมาแล้วกัน”
“เออ แต่ว่า พี่ก็จะขับรถกลับแบบดึกๆเหรอครับ” ต้นกล้านึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“ก็ทำไงได้ หม่อนมาพี่ก็ไม่มีทีนอน  พี่ก็ต้องขับรถกลับเลยสิ”
“งั้นพี่นอนค้างก็ได้นะ เพราะหม่อนบอกว่าไม่แน่ก็มาพรุ่งนี้”
พอนพคุณได้ยินตามนั้นก็ยกยิ้มเล็ก รับรู้ว่าต้นกล้าเป็นห่วงตนเองมากจริง แต่ก็แกล้งลองใจคนตัวเล็กกว่าเท่านั้น
“งั้นพี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”
“ครับ” ต้นกล้าหาผ้าขนหนูส่งให้
“พี่ขอยืมกางเกงสักตัวสิ”
“ครับ เดี๋ยวผมดูกางเกงของหม่อนให้นะครับ”

ก๊อกๆ
ต้นกล้าเคาะประตูห้องน้ำ เพื่อส่งกางเกงบาสตัวใหญ่ของหม่อนส่งให้นพคุณ
ไม่นาน นพคุณก็ออกมาจากห้องน้ำ ด้วยกางเกงบาสของหม่อน ที่ใส่แล้วดูเขินๆไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรใส่เปลี่ยน
ต้นกล้าก็จัดกับข้าวใส่จานไว้ที่โต๊ะตัวเล็กที่ใช้เป็นทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน โต๊ะอ่านหนังสือ ที่เดินออกไปหน้าหอไม่นานก็ได้กับข้าวมา 2-3 อย่าง ข้าวเปล่า ถุงใหญ่สำหรับ 2 คน เป็นมือเย็น  เตรียมรอไว้แล้ว
“ไปซื้อข้างหน้าหอมาเหรอ”
“ครับ พี่จะทานเลยไหม”
“อืม ก็ดีกำลังหิวเลย”
“พี่ไม่ใส่เสื้อเหรอครับ เดี๋ยวต้นหาเสื้อให้”
“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละ พี่อยู่ห้องก็ใส่แบบนี้สบายดี
“เออแต่ว่า…” ต้นกล้าไม่กล้ามองตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
“กินข้าวกันเถอะ”
“ครับ”

หลังกินข้าวเสร็จ ต้นกล้าเก็บล้าง แล้วเข้าไปอาบน้ำ ออกมาก็เห็นนั่งพิงเตียงนอน ดูโทรทัศน์ก่อนแล้ว ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ต้นกล้าอยากให้แน่ใจเรื่องหม่อนจะกลับหอมาหรือเปล่า เลยหยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนอีกครั้ง เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
คำตอบที่คือ  เมา  เพื่อนหม่อนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว
มีใครมารับโทรศัพท์แทน บอกว่าหม่อนคงกลับหอไม่ไหวแล้ว
ต้นกล้าก็เลยว่างสาย หันมามองคนที่นั่งดูโทรทัศน์ใส่การเกงบาส ตัวเดียวเสื้อก็ไม่ใส่ มองเพลิน จนคนที่ถูกมองหันมาเจอ เลยต้องรีบเสหน้าไปทางอืน เกือบไม่ทัน
“สรุปหม่อนจะมาไหม ถ้ามาพี่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมกลับ” นพคุณไม่พูดเปล่า ลุกมาจับเสื้อที่ใส่ไม้แขวนไว้ที่หน้าต่าง
“เออ หม่อนไม่มาครับ มาพรุ่งนี้” ต้นกล้ารีบบอก
“งั้นแปลว่าพี่ค้างได้แน่นอนใช่ไหม?”
“ครับ”
“แล้วต้นล่ะ ?”
“ครับ?”
“อยากให้พี่ข้างด้วยไหม?”
“เอ๊ะ? ทำไมพี่ถามต้นแบบนี้หล่ะ?”
“ก็ดูเหมือนต้นไม่อยากให้พี่ค้างด้วยเลย”
“เปล่านะครับ ต้นไม่อยากให้พี่ขับรถกลับดึกๆเลย แล้วต้นจะไม่อยากให้พี่ค้างทำไม่ล่ะครับโธ่”ต้นกล้าหน้าเสีย เพราะนพคุณถามด้วยใบหน้าจริงจังมาก
“ก็พี่เห็นต้น อยากให้พี่ส่งแต่หน้ามหาลัยท่าเดียวเลย”
“เออ ก็ตอนนั้นต้นรู้ว่าหม่อนติดธุระ แล้วต้นอยากให้พี่ขับรถกลับเร็วๆจะได้ไม่ต้องขับรถตอนมืดด้วย ต้นไม่รู้ว่าแบบไหนมันจะดีในความรู้สึกของพี่นะ ต้นไม่รู้จริงๆ ฮึก “ ต้นกล้าเหมือนเจอแรงกดดันมหาศาล เมือเจอคำถามที่ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ น้ำตามาจากไหนก็ไม่รู้
นพคุณเห็นอีกฝ่ายพยายามอธิบายทุกอย่าง พยายามคมน้ำตา ก็รู้สึกโกรธตัวเองที่จะแกล้งคนตรงหน้า ทำให้ถึงกลับต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้  อยากจะชกหน้าตัวเองจะให้รู้แล้วรู้รอด
นพคุณรีบเดินไม่หาคนที่เริ่มจะร้องไห้ เดินเข้าไปกอด
“ต้นพี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้ต้นคิดมากแบบนั้นเลย”
“ไม่ร้องนะครับ พี่ผิดเอง พี่อยากอยู่กับต้นต่ออีกสักนิด อยากอยู่กับต้นนานอีกสักหน่อย เพราะพี่จะไม่ได้เจอหน้าต้น หลายเดือนเลยนะครับ “
เมื่อต้นกล้าได้ฟังว่าคนตรงหน้าไม่ได้โกรธอะไรอย่างที่ตนเองคิด ก็รีบเช็ดน้ำตาแล้วมองหน้าตั้งใจฟังความรู้สึกของคนตรงหน้าที่พยายามสารภาพความรู้สึกทั้งหมดออกมาตรงๆ
นพคุณประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตามาจูบซับน้ำตาอย่างแผ่วเบา ทั้งที่เคยสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้คนคนนี้ร้องไห้ แต่ก็ยังไม่ว่าต้องร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่า
“ต้นครับ พี่อยากอยู่กับต้นได้ไหมขอแค่คืนนี้ คืนเดียวนะครับ พี่จะไม่ขออะไรแล้ว”
ต้นกล้าไดแต่พยักหน้ารับ
“พี่อยากให้ต้นรู้นะ พี่รักต้น พี่รักต้นนะ เข้าใจพี่ใช่ไหม?”
ต้นกล้านิ่ง และมองตาอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ
แต่มันใช่ นี้และคือความรัก ต้นกล้าเองก็รักคนตรงหน้าเหมือนกัน
“ต้นรู้ใช่ไหม สิ่งที่พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อให้ต้นรู้ว่าพี่จะอยู่เคียงข้างต้นเสมอ เมื่อต้นต้องการ จะทุกข์จะสุข ขอเพียงต้นบอกมาพี่จะอยู่ข้างๆต้นเสมอ และตลอดไป”
“คือ ต้น….”
ต้นกล้าก็อยากจะบอกความรู้สึกที่มีให้กับคนตรงหน้ารับรู้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรต้น  ต้นยังมีเวลาอีกเยอะที่จะหาคำตอบกับความรู้สึกที่มีต่อพี่ พี่รอได้เสมอ พี่พร้อมจะเป็นได้ ทั้งพี่ชาย เป็นแค่คนรู้จัก หรือจะเป็นอะไรก็ได้ที่ต้นอยากให้พี่เป็น ขอเพียงอย่างเดียว อย่าให้พี่เป็นคนอื่นคนไกล ขอเป็นคนที่ค่อยห่วงใยอยู่ใกล้ๆตลอดไปก็พอ”

นพคุณดึงต้นกล้ามากอดแน่นแนบออก

 จูบอันแสนหวานเนินนาน

อยากให้เวลานี้ยืดยาวไปอีกนานๆ

แต่ความจริงไม่สามารถทำได้ 

พรุ่งนี้จะมาพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นเสมอ

ความรักก็ยังคงสวยงามและยังยืนเช่นกัน

“พี่รอคำตอบจากต้นได้เสมอนะ ฝันดีนะครับ”

คืนนั้นนพคุณได้นอนกอดคนที่ตนเองรักมากที่สุดเป็นครั้งแรก

ความสุขอาจจะสั้นแต่ ความรักยังคงยืนยาว


‘ต้นจะกลับมาตอบพี่นะครับ ฝันดีครับ’


ต้นกล้าได้ยินเสียงกระซิบข้างหู ถึงแม้จะไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆ

แต่ก็มีคำตอบเก็บไว้ในใจแล้ว

เวลาเท่านั้นจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์

ความรักครั้งนี้





 :mc1: :mc1: :mc1:  สวัสดีปีใหม่จ้าทุกคน  :mc3: :mc3:

รักคนอ่านทุกคนจ้า ขอให้ปีใหม่นี้คนอ่านทุกคนมีความสุข ขอให้ร่ำขอให้รวย สุขภาพร่างกายแข็งแรงทั่วหน้าจ้า o13






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แกล้งจนน้องต้นร้องไห้เลยนะพี่นพ

Happy New Year  :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากครับ

ชอบหายไปนานอ่ะ

รีบมาเลยนะครับ :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ jasmim_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0






                                                    เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 73




      ที่บ้านสวนของยาย มีคนแวะมาเยี่ยมยายไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน ลูกคาประจำที่ซื้อขายผักกับยายมานานก็แวะเข้ามาเยี่ยมยายตลอด รวมไปถึงคนที่มาอยู่ดูแลยายตั้งแต่เช้าจนบ่เย็น ก็ยังคงนั่งเล่นดูแลสวนแทนยาย พลอาสารดน้ำต้นไม้ ป้าพรกับจอย อาสาทำความสะอาดบ้านและอาหารตลอดทั้งวัน ชินพัตน์นั่งคุยกับยายสลับสับเปลี่ยนกันเข้าสวน เพื่อเช็คดูพืชผักผลผลิตของยายเป็นอย่างไงบ้าง หลังไม่ค่อยมีคนมาดูแลเลย

“ยายครับ ผมรดน้ำให้แล้ว ผลกำลังใส่ปุ๋ยให้ตามที่ยายบอกอยู่นะครับ” ชินพัตน์ที่เดินมานั่งที่แคร่ ที่ยายนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“จ้า ขอบใจมาพ่อหนุ่ม” ยายยิ้มรับ

“เดี๋ยวก็คงกลับมาออกดอกออกผลเก็บไปขายได้อย่างปกตินะครับยาย ไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับนนท์จะแวะมารับไปขายให้เองนะครับ” ชินพัตน์หันไปมองคนที่เดินมาส่งขันน้ำเย็นมาให้ เพื่อขอความร่วมมือแบบมันมือชก ตัดสินใจเอง

“ยายอยากไปขายเอง รบกวนกันเปล่าๆ”

“ไม่รบกวนหรอกครับยาย ให้ยายแข็งแรงมากกว่านี้ ผมจะไปรับยายทุกตลาดนัดเลย มานั่งเฝ้าพวกผมขายแน่นอน ตอนนี้อยู่บ้านพักฟื้นอีกหน่อยนะครับ ไม่อยากให้กับมาทำงานหนักๆอีก เดี๋ยวจะทรุดไปอีกนะครับ” ชินพัตน์รีบอธิบายให้ยายสบายใจบวกกับเป็นห่วง
“แต่ยายแข็งแรงดีแล้วละพ่อหนุ่ม นั่งๆนอนๆยายก็เบื่อๆเหมือนกัน”
เนื่องจากยายออกจากโรงพยาบาลมา ยังไม่ได้หยิบจับงานอะไรเลย เพราะต้นกล้าไม่ยอมให้ยายทำอะไรเลย พอต้นกล้าไป ทุกคนก็มาคอยทำให้ทุกอย่างจนเริ่มอยากกลับไปแข็งแรงแบบเดิม ทำงานได้คล่องๆเหมือนแต่ก่อน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น และร่างกายที่อ่อนแอตามกาลเวลา ก็ไม่สามารถฝืนต่อไปได้

“ยายครับ อย่าห่วงนะครับ อาทิตย์หน้าผมกับชินจะมารับยายไปขายของที่ตลาดเหมือนเดิมแน่นอนครับ แต่ตอนนี้พักผ่อนเยอะๆนะครับ จะได้แข็งแรงไวๆ ผมรู้นะครับ ยายอยากกลับมารดน้ำต้นไม้ทุกต้นเอง อยากเก็บผักทุกอย่างเหมือนเดิม ยายได้ทำแน่นอนครับ แต่หลังจากร่างขายได้พักอย่างเต็มที่แล้วนะครับ ตามที่คุณหมอบอก ทานยาให้ตรงเวลา แขนหายดี ได้กลับมาขายของแน่นอนครับ” นนทนัฐเห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่น เบื่อกับการนั่งๆนอน ก็พอจะเข้าใจคนที่เคยทำงานมาตลอดชีวิต ต้องให้มาอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรเลยก็ต้องรู้สึกเบื่อเป็นธรรมดา เลยต้องให้กำลังใจ และแรงบัลดาลใจเพื่อให้ยายอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติได้อย่างสบายใจ

“ยายจะพยายามทำตามที่หมอบอกนะ ยายอยากเข้าสวนเก็บผักไปขายเองแล้ว” ยายยิ้มรับ

“คุยอะไรกันครับ”กัมพลเดินออกมาจากสวนหลังใส่ปุ๋ยพรวนดินเสร็จทั้งหมดแล้ว

“คุณเรื่องยายว่านัดแนะกันไว้น่าจะราวๆอาทิตย์หน้า ถ้ายายแข็งแรงกว่านี้จะมารับยายไปขายผักที่ตลาดเหมือนเดิมนะ” ชินพัตน์เล่าเรื่องให้กัมพลฟัง

“ถ้าอาทิตย์หน้าผมว่างๆจะแวะไปช่วยขายนะครับ” กัมพลนึกถึงตารางเรียนของตนเองว่าสามารถแวะมาเยี่ยมยายและทุกคนได้ไหม เพราะใกล้จะเปิดภาคเรียนแล้ว

“ถ้าว่างก็แวะมาได้ตลอดนะพล” ชินพัตน์เห็นชอบ เพราะคนมาช่วยกันเยอะสนุกดี เพราะต้นกล้าก็ไปฝึกงาน ยายก็คงเหงามีกัมพลมาช่วยอยู่ใกล้ๆ น่าจะคลายเหงาไปได้มาก

“เย็นนี้จะทานอะไรกันดีครับ ผมจะสั่งให้คนที่บ้านซื้อเข้ามาให้” กัมพลเอยถามยาย และหันไปหาชินพัตน์และนนทนัฐเพื่อขอความคิดเห็น

“ไม่เป็นไร ป้าพรกับจอยก็เอาของสดจากที่ร้านมาเยอะเลย ทำทานกันได้อีกตั้งหลายมือนะพล”

“โอเคครับ ขาดเหลืออะไรบอกนะครับยาย พลจะได้สั่งซื้อเข้ามาให้ครับ”

“ไม่มีหรอกลูกต้นกับใหญ่ซื้อของไว้ให้เต็มเลย ไม่รู้จะทานหมดไหมเยอะแยะเต็มบ้าน” ยายรีบบอกว่าของสดของแห้งมีเต็มบ้านไปหมด ทั้งๆอยู่บ้านคนเดียว ซื้อของมาติดบ้านไว้เหมือนกับอยู่เป็นครอบครัวให้  แต่อันที่จริงก็คนที่อยู่รอบๆตัวยายตอนนี้ก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาก็นับว่าไม่ผิด

“ใช่ ลืมบอกไป พี่ใหญ่ส่งต้นถึงมหาลัยแล้วนะครับ “

“ถึงอย่างปลอดภัยยายก็หมดห่วง”

“ถึงแล้วเหรอ ขับรถไวเหมือนกันนะครับ” นนทนัฐเสริม

“แต่เห็นบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า เห็นว่าจะข้างบ้านเพื่อนคุยธุระอะไร คืนนี้ผมค้างกับยายนะ ตอนกลับผมฝากป้าพรกับจอยกับร้านด้วยนะคุณ” ชินพัตน์อธิบายให้คนที่นั่งข้างๆฟัง

“พี่ชิน เดี๋ยวผมดูยายให้เองก็ได้ครับ พี่ชินต้องกลับไปดูร้านเปิดร้านตอนเช้าอีกนะครับ เรื่องยายไม่ต้องห่วงนะครับ พลดูยายแทนให้เองครับ”


“เออ แต่ว่า….”


“ไม่เป็นไรครับ อาทิตย์นี้ผมว่าทั้งอาทิตย์อยู่เป็นเพื่อนยายได้ตลอดเลย ทำสวนก็สนุกดีครับผมชอบ อยากจะอยู่ช่วยเก็บผักไปขายอาทิตย์หน้าด้วย แต่ติดตารางเรียนเสริมนะครับ”

“พล พี่เกรงใจ คืนนี้พี่อยู่ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเป็นพลมาดูแล้วกัน พลไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามานอนค้างไม่ใช่เหรอ?” ชินพัตน์ถาม

“ผมโทรบอกคนที่บ้านก็ได้ครับ แบปบเดี่ยวเองครับ”

“คุณเองก็ไม่ได้เตรียมชุดมาค้างไม่ใช่เหรอ?” นนทนัฐกระซิบบอกคนที่นั่งใกล้

“ก็ผมลืม” ชินพัตน์นึกขึ้นได้ เพราะคิดว่าพี่ชายตนเองน่าจะทันกลับมาจากกรุงเทพ แต่ก็เกรงใจกัมพลที่ต้องมาดูแลยายแทน

“ตกลงตามนี้นะครับพี่ชิน ผมดูยายแทนคืนนี้แล้วกันนะครับ แล้วพี่ก็กลับไปเตรียมตัวก่อนนะครับว่าพี่ชินจะแวะมาดูหรือค้างกับยายวันไหน บอกผมได้อาทิตย์นี้ผมว่างเสมอ ดูแลยายให้ได้ตลอดครับ” เด็กหนุ่มกัมพลตอบอย่ามั่นใจ

“นั้นสิคุณ ไหนจะร้าน แล้วก็ที่ตลาดนัดนั้นอีกนะคุณ แล้วใครจะขายลูกค้าบ่นแน่ๆ ถ้าปิดไปนานๆร้านวัน” นนทนัฐเสริม เพราะตนเองกะจะอาสาไปช่วยขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาด เพราะมีคนมาช่วยดูร้านเกมแทนแล้ว อยากไปช่วยขายมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสเลย

“ไปดูร้านเถอะพ่อหนุ่ม ยายอยู่กับเจ้าพลก็ได้ลูก”ยายเสริม เห็นอีกฝ่ายลังเล แถมยังเป็นห่วง

“งั้นคืนนี้ผมขออยู่ดึกๆหน่อยแล้วกันคุย อยากอยู่เป็นเพื่อนพลแล้วก็คุยกับยายอีกสักพักนะ”ชินพัตน์หันไปขอความเห็นกับคนที่นั่งข้างกาย

“ได้ครับ  งั้นผมกลับกับป้าแล้วก็จอยแล้วกัน ดึกๆผมมารับนะ”

“อืม”

คำพูดของทั้งคู่ดูเป็นปกติ แต่ในสายตากัมพลและยาย มีความสงสัยมากมายแต่ไม่กล้าเอยถาม กับความสัมพันธ์ที่ดูเกินเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่อยากจะคิดมาก ก
ก็คงเพื่อนที่สนิทกันมากๆ
เป็นห่วงกันเหมือนพี่น้อง


ช่วงหัวคำหลังจากทานมื้อเย็น ป้าพร จอย และนนทนัฐ ก็ขอลากับเพื่อนไปพักผ่อน เตรียมตัวเปิดร้านในวันพรุ่งนี้  กัมพลก็โทรสั่งคนที่บ้านเอาเสื้อผ้าเครื่องนอน มาส่งให้พร้อม ทุกคนเห็นต่างพากันสนอกสนใจเหล่าคนที่มาส่งของให้กัมพล ว่าดูทำงานรวดเร็ว และแยกย้ายกันไปรวดเร็ว จนคนที่มองตามยังมองแทบไม่ทัน

ชินพัตน์เดินไปส่ง ทุกคนที่รถ

“คุณ ดึกมากก็ไม่ต้องมาก็ได้”

“แล้วคุณจะกลับยังไง”
“ก็ค้างที่บ้านยายไง”

“แต่คุณไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา”

“ผมยืมชุดต้นก็ได้ โธ่”

“ไม่ ผมจะมารับกลับ”

“อะไรของคุณ ไปๆกลับๆ ป้าพรกับจอย คงอยากกลับไปพักแล้ว”

“ชิน”

“หืม”

“อยากพึ่งหลับนะครับ รอผมมารับก่อน”

“อืมๆ รีบไปเถอะ”

แล้วรถก็แล่นออกไปจากหน้าบ้านสวน ชินพัตน์ก็เดินกลับเข้ามาที่บ้านของยาย เห็นกัมพลเดินคุยโทรศัพท์ลงมาจากบนเรือน

“พี่ชินผมฝากดูยายแปบนะครับ ผมขอโทรศัพท์แปบนะครับ” กัมพลเห็นชินพัตน์เดินสวนกัน
เลยเอามือปิดโทรศัพท์ไว้เพื่อไม่ให้เสียเข้าไปในสาย

“ตามสบายเลยพล พี่ดูยายเอง” ชินพัตน์รับปากแล้วเดินขึ้นเรือนไปดูยายที่จะเข้านอน เลยพยุงยายเข้าไปนอนที่มุง ดูเรื่องยา หลังอาการ ยาก่อนนอน และดูเรื่อง แมลง ในที่นอนก่อนจะเดินมาปิดไฟ และเลี่ยงมานั่งเฝ้ายายห่างออกมาจากที่ยายนอนไม่ไกลมาก เพื่อมาหาแสงสว่าง จากไฟ หน้าบ้านแทน ปาก็เริ่มห้าว อยากอาบน้ำก็อาบ แต่ไม่มีเสือ้ผ้าผลัดเปลี่ยน ใจจริงอยากนอนค้างเป็นเพื่อนยาย แต่ก็ดันไปรับปากคนเอาแต่ใจหนักข้อขึ้นทุกวันมาจะมารับเสียให้ได้ เลยต้องนั่งเฝ้ายายแทน กัมพล และรอใครบ้างคนมารับไปพร้อมกัน


“คุณจะกลับมาเมื่อไร”

(“น่าจะเลื่อนไปว่าที่เคยบอกไว้ อยู่คนเดียวได้ไหม”

“ผมคนอยู่คนเดียวมาก่อน คุณก็รู้”

(แต่ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ รู้ใช่ไหม?”)

“ครับๆ ผมรู้ ตอนนี้ ผมอยู่กับยาย พี่ชินพัตน์ก็อยู่ด้วยนี้ไง”

(“ผมรู้นะว่าคุณเข้าใจที่ผมพูด พลไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้วนะ ถึงผมจะอยู่ต่างประเทศ แต่อยากให้พลรู้ว่าผมเป็นห่วง”)

“ครับ”

(อย่านอนดึกนะ)

“ครับ”

(อย่าแอบหนีไปไหนอีกนะ)

“ครับ”

(เข้าใจที่พี่บอกใช่ไหม?)

“เอ๊ะ? คะครับ เข้าใจ” กัมพลแปลกใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายแทนตนเอง แต่ก็ตอบรับในทันที่

(ครับ เข้านอนได้แล้วครับ)

“เออ คือ …..”

(มีอะไรจะพูดกับพี่ไหม?)

“คือ พล ขออนุญาต เฝ้ายายที่บ้านสวนได้ไหม ไม่กลับไปนอนบ้านจนกว่า คะคุณ ไม่สิ ว่าพี่เนจะกลับมา พลค่อยกลับไปนอนบ้านได้ไหม?”

(ได้ครับ  แต่ว่า….)

“แต่อะไรครับ?”

(บอกเหตุผลได้ไหม ว่าทำไหม ไม่อยากกลับมานอนที่บ้านหืม)

“ก็…. ก็พลเป็นห่วงยาย “

(แต่ก็มีคนค่อยดูแลคุณยายอยู่แล้วนี้ครับ พลแวะไปเยี่ยมยายตอนกลางวันก้ได้ไม่เป็นจำเป็ต้องไปนอนค้างเลย)

“สรุปคุณจะไม่ให้ผมนอนค้าง ก็บอกมาตรงๆ ผมไม่นอนก็ได้” กัมพลเริ่มหงุดหงิด

(เปล่า แค่อยากหาคำตอบจากคนที่เหงา ที่ไม่กล้านอนบ้านหลังใหญ่ๆ คนเดียวเท่านั้น)
(  ดึกแล้วเข้านอนนะ)  คนปลายสายก็ตัดสายทิ้ง ไม่รอฟังคนที่กำลังแก้ตัว

“นี่เดี๋ยวก่อน  พลไม่ได้เหงาสักหน่อย  “กัมพลบนกับหน้าจอโทรศัพท์ กัมพลเหมือนโดนจับไต๋ได้ เพราะไม่คุ้นเคยกับหารนอนคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ๆ ตามที่อีกคนพูดจริงๆ
รู้สึกเขิน เพราะเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านความคิดตนเองออกไปหมดซะทุกอย่าง
ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังพาเสียงมาก่อกวนหัวใจดวงน้อยๆ ให้เต้นแปลกๆได้




Rrrrrrr Rrrrrrrr

“โทรมาทำไมคุณ”
(ผมมารออยู่หน้าบ้านยายแล้วคุณลงมาสิ)

“ผมเข้านอนแล้วคุณกลับไปเถอะ ผมง่วงนอนแล้ว” ชินพัตน์กลั้นขำ ทำท่าหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เผื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ที่กำลังชะเง้อผ่านรั้วเข้ามาดู แกล้งปิดไฟมืดเหมือนคนนอนหมดบ้านแล้ว แต่จริงๆนั่งตบยุ่งรอใครบ้างคนอยู่ใต้ต้นมาตลอด

(ชินอย่าแกล้งผมแบบนี้สิ)


“ผมไม่ได้แกล้ง ผมนอนแล้ว “

(งั้นผมไม่กลับผมจะปีนรั้วเข้าไปอุ้มคุณกลับเดี๋ยวนี้เลย) นนทนัฐทำท่ามองซ้ายมองขวาหามุมเหมาะๆจะปีนรั้ว

“เฮ้ยๆ  จะทำอะไรคุณ?” ชินพัตน์รีบวิ่งมาหาคนที่กำลังปีนรั้วเข้ามาจริงๆ

“ชิน คุณเล่นอะไรของคุณเนี้ย” นนทนัฐที่เดินเข้ามามาหาคนที่กำลังขำตัวงออย่างชอบอกชอบใจที่ได้แกล้ง
“ก็ผมไม่นึกว่าคุณจะเชื่อว่าผมนอนแล้วจนต้องถึงกับปีนเป็นหัวขโมยกันเลย ฮ่าๆๆ ฮึๆๆ”

“ไม่หยุดขำใช่ไหม “ นนทนัฐเดินปรี่เข้าไปหาคนที่มั่วแต่กลั้นขำ คว้าตัวคนชอบแกล้ง เข้ามาจูบซะให้เข็ด ชินพัตน์ตั้งตัวไม่ทัน โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ตั้งสติได้ก็ทุบอีกฝ่ายรั่วๆ

“อ่อยอ่ะ อืม” (ปล่อยนะ อืม) ปากยังคงโดนครอบครองอยู่ เสียงเลยอู่อี้เบาๆ

“ที่หลังจะกล้าแกล้งผมอีกไหม หืม” นนทนัฐกระชับกอดแน่นไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหลุด

“ปล่อยเลยนะ คนชอบฉวยโอกาส”

“ทำไม ผมจูบแฟนของผม ผมผิดเหรอ หืม? จูบอีกที่ดีไหม?” นนทนัฐยื่นหน้าหมายจะเข้ามาจูบอีก แต่ชินพัตน์ดันหน้าอีกฝ่ายเอาไว้

“นน ปล่อยก่อนเดียวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะ” ชินพัตน์อ้อนวอน

“งั้นสัญญามาก่อนว่าห้ามแกล้งผมแบบนี้อีก”


“ครับๆผมจะไม่ทำแล้ว” ชินพัตน์ทำท่าลูกเสือ

“แล้วถ้าทำอีก ผมจะทำมากล้าจูบอีกนะ”

“……………..”ชินพัตน์ได้แต่คิดไว้ในใจ ว่าก็จะแกล้งอีกแต่เมื่อไรยังไม่รู้ แต่พอได้ยินคำขู่กับรอยยิ้มเย็นของอีกฝ่าย ทำให้ต้องยกเลิกสิ่งที่ตั้งใจไว้ทันที่


“ผมไม่ทำแล้วจริงๆ ปล่อยได้แล้วดึกแล้วกลับเถอะ” ชินพัตน์พยายามร้องขอ

“ชิน รู้ไหมผมอยากใช้เวลาที่มีอยู่นอนนิดที่เราจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน ให้ได้มากที่สุด แต่คุณกลับ เอามาคิดเรื่องที่จะแกล้งผมแบบนี้ เฮ้อ คุณทำตัวเป็นเด็กกว่าที่ผมคิดจริงๆ ทั้งซน ทั้งดื้อ”

“นี้ ผมได้ใช่เด็กนะ “

“แล้วแกล้งผมแบบนี้ มีแต่เด็กๆเข้าแกล้งกันเท่านั้นนะ”

“ผมแกล้งแฟนผม ผิดด้วยเหรอ?”  ชินพัตน์เอาคืนบ้าง

“……………..”นนทนับอึ้งไปชั่วครู่  กับคำว่าแฟนที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย ได้ฟังแล้วรู้สึกดีจริง
“ถ้าไม่แกล้งแฟน แล้วจะให้ไปแกล้งใคร ถ้าผมไปแกล้งคนอื่นแล้วอย่ามาบ่นนะ” ชินพัตน์พยายามเมินหันหน้าหนี แต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากอ้อมกอดเหนียวแน่นของคนตรงหน้าได้

“ครับๆ ยอมแล้วครับ” นนทนัฐละมืออีกข้างขึ้นมา จับใบหน้าอีกฝ่ายให้หันมาคุยกันดีๆแต่ชินพัตน์ก็ไม่ยอมหันมาคุย กลับก้มหน้าไม่ยอมคุย ทำให้นนทนฐที่แต่ผมของอีกฝ่าย

เลยจูบไปที่ผมนุ่มเบาๆ

“อย่างอนเลยนะครับ แกล้งผมแค่คนเดียวก็พอนะครับ”

“แกล้งได้แน่นะ?”

“ครับ” พยักหน้สยืนยัน เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย

“แล้วถ้าแกล้ง คุณก็จะ เออ…จะ “

“ครับ ผมก็จะจูบแฟนผม แน่นอนครับ”นนทนัฐยกยิ้มเหมือนผู้มีชัย

“โอ้ย ผมไม่แกล้งแล้ว เสียเปรียบตลอดเลย ปล่อยจะกลับบ้านนอนแล้ว”
ชินพตน์สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนง่ายดายเพราะอีกฝ่ายไม่ได้รั้งไว้อย่างเคย เดินตามคนเอาแต่ใจมาที่รถ เพราะมันก็เริ่มดึกแล้วด้วย

“ผมไม่เห็นว่าจะเสียเปรียบตรงไหน คุณก็จูบผมคืนบ้างก็ได้ ผมไม่ถือ”นนทนัฐส่งรอยยิ้มพิฆาตส่งกลับมาให้คนที่เหมือนจะโดนแกล้งให้เขินเบาๆ

“ขับรถไปเลยนะ ไม่ต้องมายิ้มเลย”

“ครับๆ”

“ก็บอกให้เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้ว”

“ครับ”

“โธ่”

“ฮึๆ”

แล้วทั้งคู่ก็กลับมาถึงอาคารพาณิชย์ที่เป็นที่ตั้งร้านของทั้งคู่ ร้านเกมปิดแล้วไฟปิดหมด ชินพัตน์เดินดิ่งลงจากรถไปไม่หันกับมาหาคนที่เดินยิ้มตามหลังอย่างสบายใจ

“ไม่ต้องตามมาเลย กลับร้านคุณไปเลย” ชินพัตน์ยังติดงอนอีกฝ่ายอยู่ เลยดันอีกฝ่ายให้ออกไปจากนอกรั้วบ้านของตนเอง


“ชิน คุณโกรธอะไรผมอีกเนี้ย?” นนทนัฐดึงแขนอีกฝ่ายไว้

“ก็คุณหัวเราเยาะผม”

“ผมเปล่า?”

“อย่า คุณหัวเราะผมมาตลอดทางที่กลับมาเลย”

“ผมหัวเราะที่แฟนผมน่ารัก ผมผิดด้วยเหรอ”

“อย่ามาทำเป็นพูดดี” ชินพัตน์พยายามเม้นปากไม่ให้ยิ้มตามคนเจ้าเล่ห์

“ก็แฟนผมทำตัวน่ารักเหมือนเด็กๆจริงนี่ครับ สงสัยที่เขาบอกกันว่า ความรักทำให้คนเด็กลงเป็น 10 ปี สงสัยจะจริง”

“ไม่มีเถอะ ใครเด็ก?”

“ก็คุณไง ก่อนหน้านี้ไม่เคย เล่นอะไรแบบนี้หรือแกล้งผมแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็เพราะว่าผมเป็นแฟนคุณไง คุณเลยกล้าที่จะทำ จริงไหมครับ?”

“…………………..”ชินพัตน์คิดตาม มันก็จริงกับคนอื่นๆไม่เคยคิดจะแกล้วหรือทำอะไรแบบนี้เลย แต่พอเป็นคนตรงหน้ารู้สึกอยากแกล้งอยากแหย่เลย ขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ยอมรับเถอะครับ ว่าตัวเองน่ารักขึ้น” นนทนัฐโอบรอบคออีกฝ่ายเข้ามาหา แล้วสบตาอีกฝ่าย


“……………………………”ชินพัตน์รู้สึกตัวก็เพราะคนตรงหน้ามาบอกกันตรงๆแบบนี้ก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมา อายที่ตนเองทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่ได้ทันคิดอะไรจริงๆ


“เข้านอนเถอะครับดึกแล้ว”

“อืม” พยักหน้ารับเฉยเพราะยังรู้สึกเขินอยู่


“อาทิตย์หน้าผมไปช่วยขายลูกชิ้นปิ้งที่ตลาดนะครับ”

“อืม”

“ฝันดีนะครับ”

“อืม”



“ฝันถึงผมด้วย…..ถ้าอืมอีกครั้ง ผมจะจูบคุณแน่!!!”



“อะ อื…..”



จูบราตรีสวัสดิ์ที่แสนยาวนานและแสนหวาน   








                 :L2:  ยินดีตอนรับสู่เดือนแห่งความรักจ้า  :กอด1:


   :katai4:   ขอให้มีความสุขในเดือนแห่งความรักนี้นะจ๊ะ คนอ่านทุกคน :mew1:





ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monday012

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด