Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 14
“ตาวิน!แม่บอกให้พักผ่อน ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะลูก!” แต่เช้าเลยครับ ผมไม่ตอบคำถามป้าสุด้วยปาก แต่ตอบด้วยสายตาครับ ผมเบี่ยงตามองมนุษย์ขายาวตัวสูงที่ยืนขึ้นต้อนรับป้าสุอยู่ในห้องพักคนป่วยของผม
“คุณโปร”
“สวัสดีครับอาสุ” มีหน้ายกมือไหว้แล้วยิ้มหล่อใส่ป้าผมด้วย ไอ้บ้านี่!
“มาแต่เช้าเลยนะครับ”
“คุณโปรน่ะสิคะที่มาแต่เช้า อาต้องมาดูหลานวินอยู่แล้ว นี่เรานัดกันที่นี่ตอนเช้าเลยหรอคะ ไม่ได้นัดที่โกดังโปรเจคหรอ”
“จริงๆ แล้วนัดไว้ที่โปรเจคเลย แต่ผม...เอ่อ..แวะมาเยี่ยมน้องน่ะครับ”
“เป็นห่วง”
ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลล
คุณมึงนั่นแหล่ะที่ส่งเสียงดังข้ามชาติข้ามภพจนกูนอนไม่ได้ ตาโหลขนาดนี้มันไม่ฟ้องโลกบ้างหรอ?
“ใจดีจริงๆ”
“ปรับตัวให้เข้ากับพี่โปรเขาให้ได้เร็วๆ นะลูก จะได้เก่งๆ เหมือนเขา”
นี่ป้าอยากให้ผมเติบโตเป็นตัวเหี้ยหรอ? ไม่เอาด้วยล่ะ
ผมหันหน้าหนี เชิดปากเชิดหน้า ซึ่งเป็นอาการที่ผมไม่ได้ทำบ่อยๆ ป้าสุหัวเราะคิกคักแล้วก็เดินมาลูบหน้าผม จากนั้นก็ดูแลอาหารเช้าที่ป้าสุแสนภาคภูมิใจ...ในการคิดเมนูนะครับ
“เราออกจากที่นี่สัก 9 โมงก็ได้นะครับอาสุ”
“เอ่อ! วินไปด้วยนะครับ” ทั้ง 2 คนในห้องหันมองผมและสาดคำว่า อุตริ ใส่หน้าตัวเบ้อเริ่ม แต่ผมไม่สนหรอก เหตุผลแรกคือผมไม่ได้เจ็บป่วยใดๆ ทั้งสิ้น ผมแค่อ่อนเพลียจากแดดและการขาดน้ำเท่านั้นแหล่ะ ส่วนเหตุผลที่สอง นี่มันงานของผม จะเหยาะแหยะแล้วให้ป้าสุมาตามล้างตามเช็ดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ป้าสุบอกเองนี่ว่าให้วินมารับผิดชอบโปรเจคนี้ แล้ววินก็ไม่ได้เจ็บป่วยใกล้ตายเลย”
“นะครับ ให้วินไปด้วยนะครับ นี่กินอิ่มแล้วด้วย นอนก็....เพียงพอแล้วด้วย”
“จะไม่เป็นลมเป็นแล้งเหมือนไก่อ่อนแล้วครับ”
“อ้อนเข้าสิ อ้อนเข้าลูก”
“ป้าล่ะชอบดู นานๆ จะอ้อนเอาแต่ใจซะทีน่ะค่ะคุณโปร”
“อ้อ...หรอครับ” รู้สึกว่าถูกเยาะเย้ยกลายๆ ผมเหล่มองเขานิดเดียวแล้วก็หันไปคุยกับป้าสุต่อ นี่ไอ้ตัวกวนส้นตีนจะรู้มั้ยว่าผมโกรธเขาจนไม่คิดจะสนทนาด้วย
“นะครับป้าสุ”
“โอเค งั้นก็อาบน้ำ แต่งตัวซะใหม่นะ”
“คุณโปร งั้นเราคุยกันอีกห้องไปพลางๆ นะคะ หรือจะลงไปนั่งทานกาแฟด้านล่าง”
“งั้น ผมขออนุญาตเลี้ยงกาแฟอาสุนะครับ จะได้คุยเรื่องงานกันไปพลางๆ ระหว่างที่ น้องวิน แปลงโฉม”
กวน ส้น ตีน!
ทั้ง 2 คนหัวเราะกันอย่างถูกคอ ขณะที่ผมทำได้แค่เบี้ยวปากไปมา มือกำแน่นระงับความหมั่นไส้ไอ้เหี้ยหน้าหล่อเข้มตัวที่เพิ่งเดินพ้นประตูไป คอยดูเถอะ! ชาตินี้ ผมจะต้องได้เตะตูดมัน!
#### @ D A W N #####
จริงๆแล้ว ไอ้โกดังพวกนี้มันไม่ได้ห่างไกลความเจริญ หรือทุระกันดารอะไรนักหนาหรอกครับ เมื่อวานนี้ ถ้าผมไม่ชิงเป็นลมไปเสียก่อน ผมก็จะได้เจอกับไอ้รถสนามกอล์ฟคันนี้แล้ว มันจอดรออยู่ที่หัวมุมโกดังอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้นเอง
และวันนี้ น้ำท่าก็พร้อมสรรพ มีแซนวิชรับรองระหว่างนั่งรถกันมาด้วยซ้ำ แม่งอย่างกับหนังคนละม้วนกับเส้นทางสายโหดเมื่อวานนี้ของผม อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาแกล้ง แต่ลองจับสังเกตแล้ว ก็ไม่พบพิรุธนะ
“ทั้งหมดนี่กี่ไร่นะคุณโปร”
“เนื้อที่รวมทั้งหมดก็ 216 ไร่ 1 งาน 56 ตารางวาครับ”
“ได้โกดังสินค้าที่เข้ามาก็เจอเลยนั่นด้วย อันนั้น 3,200 ตารางเมตร”
“ทั้งหมดนี่ซื้อจากแบม (*)”
“เงินจะมาจ่ายก็เงินจากอาร์โอ (**)”
“แล้วก็เงินกู้แบงก์นี่แหล่ะครับ”
“แล้วพีพี (***)ที่ได้ จะเอามาทำอะไรล่ะคะ”
“พีพีที่จะออกขาย จะใช้สร้างสตูอิโดครบวงจรครับ แล้วก็ลงทุนสร้างสเตจเคลื่อนที่ ฉากเคลื่อนที่”
“อืม”
“อาเคยไปดูงานที่สิงคโปร์ เขาก็มีไอ้ที่คุณโปรจะลงทุนสร้างนะคะ”
“ครับ ผมรู้ แต่เขาไม่มีโลเคชั่นเหมือนประเทศเรานี่ครับ”
“นอกจากนั้น ผมจะเพิ่มบริการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์สำหรับทีมงานของพวกกองถ่ายที่ยกกันมา”
“ส่วนมากพวกนี้ต้องทำงานตัดต่อ ถ้าจะถ่ายแล้วกลับไปตัดต่อประเทศตัวเองมันเสียเวลามากเลย จ้างตัดต่อโลคอลก้ไม่ได้มาตรฐาน เพราะฉะนั้นให้สร้างพวกโรงแรม อพาร์ทเม้นท์ ให้พวกทีมงานอยู่ เราก็เก็บค่าเช่า ค่าบริการอื่นๆ ได้อีก”
“อืม คอนเซปเมืองสร้างหนังอย่างที่เล่าให้อาฟังไว้ใช่มั้ย”
“ครับ”
“นี่ถ้าสร้างเสร็จ อาคงไม่ได้เห็นหน้าหลานอีกเลย รายนั้นคงมาขลุกอยู่ในนี้แหล่ะ”
“แต่ก็ดีนะ บ้านอีกหลังของวินใหญ่โตเชียว”
“อ่อ ครับ” น้ำเสียงฟังดูเหมือนกำลังตรึกตรองเพิ่ม ผมรู้ว่าเขาก็ต้องเริ่มคิดแล้วแหล่ะว่าผมอาจจะเป็นตัวหมากที่อันตราย
“แต่ว่าเฮดออฟฟิศอยู่ในกรุงเทพนะครับ”
“นั่นยิ่งดีใหญ่ค่ะ” ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความคิดป้าสุของผมหรือยัง แต่ผมน่ะ เข้าใจแล้วครับ ผมรู้แล้วว่าป้าลงทุนในสินทรัพย์พวกนี้ทำไม เพื่อผมทั้งนั้นแหล่ะ
“ตาวิน”
“ครับ” ผมขานรับคนที่นั่งหันหลังชนกันบนรถกอล์ฟ
“ชอบมั้ยลูก”
นี่ธุรกิจพันล้านนะครับป้า ไม่ได้ของเล่นราคา 20 บาท ถามกันโต้งๆ จนผมกระดากเลย แต่ก็ต้องตอบล่ะครับ
“ชอบครับ”
“ดีจ้ะ”
“คุณโปรคะ เราไปดูพิมพ์เขียวกันดีกว่า อาอยากรู้ว่าอะไรมันจะอยู่ตรงไหน แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่”
“เรื่องคืนทุน เดี๋ยวมาคำนวณกันอีกรอบนะคะ”
“อาว่าอามีวิธีที่จะทำให้เราคืนทุนเร็วกว่าแผนเดิมของคุณ”
เริ่มแล้วครับ โลกแห่งความเป็นจริง
เป็นอันว่าครึ่งวันแรก การดูโกดังและพิมพ์เขียวของโปรเจคเสร็จสิ้นลงแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในร้านอาหารย่านบางนา-ตราด เพื่อทานมื้อกลางวันและแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
ป้าสุไม่มีเวลาให้กับโปรเจคนี้ 100% หรอกครับ มีให้แค่ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้น อีก 90% ที่เหลือ ผมจะต้องเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของฝั่งเราทั้งหมด เฮ้อ งานหินชะมัด!
“คุณโปรกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทรึยังคะ?”
“อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ แต่ว่าบริษัทแม่ต้องจัดประชุมวิสามัญขึ้นมาเพื่อวาระนี้ด้วย เพราะว่าถ้าผมเพิ่มทุนพีพีให้กลุ่มคนนอก บริษัทแม่จะถูกลดสัดส่วนลง การรับรู้รายได้ก็ลดลงด้วย อาจจะ”
“จะมีปัญหาหรอคะ วินเข้าประชุมด้วยได้มั้ยคะ? ในฐานะคนในบริษัทคุณโปร”
“จะว่ามัดมือชกก็ได้ค่ะ แต่อาอยากให้หลานได้เรียนรู้งานเร็วๆ”
“และการเข้าทำงานกับบริษัทคุณโปรนี้เลย แกก็น่าจะได้ประสบการณ์ดีที่ดีกว่าการเป็นพาร์ทเนอร์แล้วมารับฟังแผนเฉพาะเวลาประชุม”
“รับน้องเข้าทำงานได้มั้ยคะ?”
“เอ่ออออ”
“ก็เหมือนทางเราเห็นแก่ได้”
“แต่เงินกู้ อาจะพิจารณาความเสี่ยงให้ต่ำหน่อย ดอกเบี้ยจะได้ไม่สูง ส่วนราคาเพิ่มทุน อาก็ไม่มีเงื่อนไขส่วนลดอะไรทั้งนั้น”
“แค่ให้วินทำงานในบริษัท”
“เป็นผู้ช่วยคุณโปรก็ได้นะคะ”
เฮ้ๆ ถามผมก่อนสิครับป้า ผมทำช้อนส้อมร่วงจากมือ ปากอ้าค้างทั้งที่ปูนิ่มยังไม่ถูกบดละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น
“ป้าสุครับ วิน”
“ไม่ต้องพูดเลยตาวิน”
“ถ้าไม่อยู่ใกล้ชิด เรียนรู้งานกับคุณโปร แล้วเราจะเป็นงานเมื่อไหร่กัน”
“จะรอให้สตูดิโอเสร็จหมดทุกอย่างแล้วเข้าไปรอรับเงินน่ะ ป้าไม่ยอมหรอกนะ แบบนั้นงอมืองอเท้านะลูก”
“ว่าไงคะคุณโปร”
“โอ้! ยินดีเลยครับ”
“งั้น วินเป็นผู้ช่วยพี่ก็แล้วกัน มือขวา อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเลย”
“รับรอง 2 อาทิตย์ รู้เรื่อง!”
รู้เรื่องห่าเหวไร ต่อให้อยู่ใกล้กัน 2 ปีก็คุยกันไม่รู้เรื่องเว้ย!
ผมหันมองป้าสุอย่างเว้าวอน หวังว่าป้าจะเป็นคำพูดอ้อนวอนขอความอิสระคืนจากดวงตาของผม แต่ไม่ครับ มันกลับกันอย่างสิ้นเชิง
“ดีใจล่ะสิ จ้ะ จ้ะ แม่รู้”
ป้ารู้อะไรผิดๆ อีกแล้ว โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!
หลังจากเจออาการ –แม่รู้- ผมก็พูดอะไรไม่ออกอีกเลย
ผมนั่งรถมากับเขา กลับมาที่เฮดออฟฟิศที่เขาบอกว่าอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งมันไม่ใช่ออฟฟิศที่ถนนดุสิตที่เขาเคยนัดไปเจอครับ แต่มันก็ไม่ใช่สถานที่ไม่คุ้นเคยเสียทีเดียว
เฮดออฟฟิศของบริษัทที่ป้าผมจะลงทุน คือผับครับ
ใช่ครับ ผับ...
เฮดออฟฟิศคือห้องใต้ดินที่ผมเคยถูกลากลงมานั่นแหล่ะ
ผมล่ะอยากรู้เหลือเกินว่ากระทวงพาณิชย์ปล่อยให้บริษัทนี้จดทะเบียนการค้าได้ยังไง?!
“อ่า ไม่แนะนำนะ เคยมาแล้วนี่”
“จากบ้านคุณ มาที่นี่ก็...”
“อื่ม ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ที่บ้านไม้ริมน้ำนั่นแล้วนี่”
“มาออฟฟิศที่นี่ทุกวันน่าจะได้ มีคนขับรถแล้วนี่นา”
“ผมคงนั่งรถเมล์มาเอง”
“ขับรถมาเองก็น่าจะได้”
“กับผม ไม่มีเวลาเข้างานหรอกนะ”
“แต่ก็ใช่ว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็มา”
“เอาเป็นว่า เดาเอาเองก็แล้วกันว่าผมจะมาทำงานเวลาไหน แล้วก็มาก่อนผมให้ได้ ทุกวัน”
งี่เง่าชิบหาย ใครทำตามได้ก็บ้าแล้วเว้ย!
“งานที่ทำก็...ทำอย่างที่ผมให้ทำนั่นแหล่ะ”
“ดูท่าทางหัวไว น่าจะเรียนรู้ได้เร็วสุด”
“เรื่องบริหาร คุณก็เรียนมาแล้วนี่ เอามาประยุกต์ใช้ให้ได้ล่ะ”
“ครับ”
“วันนี้ก็...เท่านี้แหล่ะ”
“กลับคอนโดหรูเองได้ใช่มั้ยครับ?”
“ครับ” เกลียดเขาตอนนี้ทันมั้ยวะ? ผมเขม่นคิ้วใส่ ไม่เอ่ยลา ไม่ยกมือไหว้ และหันหลังกลับดื้อๆ
“เดี๋ยว”
“ครับ?”
“เปล่า กลับไปเถอะ”
อะไรของเขา แปรปรวนยังกับผู้หญิงมีประจำเดือน ผมเห็นพี่ที่เรียนโทเปรียบเปรยแบบนี้บ่อยๆ เมื่อไม่มีอะไรต่อกันแล้วผมก็เดินตึงตังออกจากออฟฟิศชั้นใต้ดิน ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินและที่นี่จะกลายสภาพเป็นผับหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพ
ถึงห้องปุ๊บก็งานเข้าเลยล่ะครับ
ไอ้โอมโทรมา เพื่อบอกข่าวดีแก่ผมว่า
“เกรดออกหมดทุกแล้วมึงงงงงงงงงงงงง”
“เหี้ยยยยยยยยยยยย เฮียโป๊ะแม่งงงงงงงง”
แม่งอะไรวะ?
อย่าบอกนะไอ้เหี้ยนั่นแกล้งผมด้วยเกรด
ไม่นะ ไอ้ชั่ว! ไอ้ทุเรศแห่งสามโลก ไอ้เจ้าแห่งเหี้ย!
โอ๊ะ!
ผมตาแทบถลน เมื่อเปิดคอมเข้าเวบมหาวิทยาลัยแล้วตรวจสอบเกรดตัวเอง
สามเอครับ!
ไม่จริงน่า!
ก่อนหน้านี้ เกรดที่ผ่านมาก็ได้เอบ้างแต่ไม่เคยเอรวด 3 วิชาแบบนี้เลย ผีหลอกผมรึเปล่าวะเนี่ย!
“เหี้ยโอม” ผมเรียกปลายสายที่โทรหา
“เกรดมึงเป็นไง” มันบอกได้ สองเอ กับหนึ่งเอลบครับ เออ ก็ไม่ต่างกันมาก หรือว่าศักยภาพการทำเกรดของผมจะเพิ่มขึ้น
“อ๋อ กูหรอ” ผมประวิงเวลาไว้นิดเมื่อมันถามเกรดของผมกลับ สยบความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตได้แล้ว ผมก็บอกเสียงประหม่า
“กูได้สามเอเว้ย”
“ไอ้เหี้ย!! เกิดมาไม่เคยได้เกรดดีขนาดนี้ สัดเอ้ย!”
“แดกเหล้ามั้ยมึง!” เอา เอา ไอ้ห่านี่ก็ไม่เคยชักชวนทำเรื่องดี หรือห้ามปรามไม่ให้ทำเรื่องไม่ดีอยู่แล้ว ผมอารมณ์ดีมากถึงขั้นอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ใส่น้ำหอมด้วยนะครับพูดแล้วเขิน นาฬิกาเรือนหรูที่เคยสวมใส่ติดข้อมือก่อนจะออกไปอยู่คนเดียวถูกนำมาประดับกายอีกครั้ง เสื้อผ้าแบรนด์หรูที่ป้าสุจัดหาไว้ให้ถูกหยิบมาทาบตัวครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้ตัวที่พอดีรูปร่าง แล้วก็สีถูกใจนั่นแหล่ะครับ ผมถึงได้ออกจากคอนโด
อา...แต่ว่านี่มันเพิ่ง 6 โมงเย็นเอง นอนรอเวลาก็แล้วกัน
ผมถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อกล้ามแล้วก็งีบเอาแรงครับ คืนนี้จะได้เมาอย่างขยันขันแข็ง
สามทุ่มก็ถูกปลุกโดยไอ้โอมครับ เหมือนมันรู้ว่าผมจะนอนให้ตะวันทับตาเล่น
และเมื่อเพื่อนสั่นกระดิงริงมายเบลล์ขนาดนี้ ผมก็ซิ่งรถสีเหลืองแป๋นออกจากคอนโด ทะยานไปที่ผับ...หรือก็คือเฮดออฟฟิศที่ทำงานใหม่ของผมนั่นอง
ไอ้หมาโอมมายืนรอต้อนรับเลยครับ ว่าไปนั่น ไม่ใช่เพราะว่าผมบุญหนักศักดิ์ใหญ่อะไรหรอกครับ มันมาโบกรถตามหน้าที่
เจอหน้ากันก็ยิ้มตาหยี แล้วก็กระโดดตีมือกันอย่างดีอกดีใจ ก็ผมเรียนกับไอ้โอมมาตั้งแต่ป.ตรี รู้ไส้กันดีครับว่าเกรดแต่ละตัวที่ได้มันน่าอวดเหี้ยมากกว่าอวดคน
“แหมๆ มึง วันนี้ตัวหอมฉุยเลย จะเอาสาวกลับบ้านกี่คนวะ”
“มึงอัพเดทหน่อย ป้ากูลากกูกลับไปอยู่คอนโดแล้วเว้ย”
“อ้าว งี้มึงก็เป็นคุณชายเต็มตัวแล้วดิ”
“เออ วันนี้ป๋าวินเลี้ยงเอง มึงเลิกทำงานเลย มานั่งแดกเหล้ากัน เอาให้หนำ กูเริ่มทำงานแล้วนะเว้ย”
“เฮ้ย! จริงดิ ป้ามึงเตะมึงไปทรมานสาขาไหนวะ” ผมเลือกจะเงียบแทนจะบอกความจริงมันทั้งหมด ด้วยหนึ่ง เราเดินกันมาถึงในผับแล้ว และสอง ยังไม่พร้อมครับ แฮะๆ
“นั่งโซนในนะมึง เดี๋ยวกูไปหา”
“อืม” ผมรับคำแล้วก็เดินเลยส่วนอึกทึกที่มีสาวๆ เต้นกันคึกคัก เข้าไปด้านใน เพื่อเข้าสู่โซนนั่งดื่มเงียบๆ
กำลังจะอ้าปากหาว ไอ้หมาโอมก็มารักษาคำพูดครับ มันมาพร้อมเหล้านอก ขวดมิกเซอร์เท่าที่ร่องนิ้วมันจะหนีบได้ ถังน้ำแข็งแล้วก็แก้ว 2 ใบ
“หมดขวดก็กลับได้” มันบอกแล้วยิ้มท้าทาย คิดว่ากูจะไม่รับคำท้ามึงรึไงเล่า ผมพยักหน้ารับพลางกระตุกมุมปาก จากนั้นเราก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยครับ
แก้วแล้วแก้วเท่าที่ผมงัดขึ้นดื่มไม่ได้ทำให้คำพูดมากมายในหัวผมหลุดออกจากปาก ระหว่างดื่มไป ผมก็คิดไป ทั้งเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบแบบไม่ทันตั้งตัว เรื่องทำไอเอสที่ยังไม่ได้หารือกับตัวเองเลยว่าจะเอาเวลาทีไหนไปทำ ไหนจะเรื่องไอ้โอมไปเมืองนอกอีก ผมอยากรู้ว่ามันจะไปวันไหน เดือนไหน และผมควรไปส่งมันมั้ย หรือว่าควรบอกลามันเสียตั้งแต่วันนี้ไปเลยดี
ไหนจะเรื่องของนายมือโปรอีก ผมจะทำยังไงให้เขาหายโกรธผมดี
ผมอยากญาติดีกับเขา เพราะเขาเก่งกว่าผม ช่วยเหลือผมได้ และเขาก็เป็นคนดี
แต่เขากลับมีมุมมองที่ไม่ดีต่อผม ไม่รู้ว่ามันจะกระทบกับการร่วมทุนรึเปล่า และถ้ากระทบขึ้นมา ป้าสุคงผิดหวังในตัวผมมากแน่ๆ
ทั้งที่ไม่ค่อยมีใครรักผมแท้ๆ ทำไมผมถึงทำให้ผู้หญิงคนเดียวที่รักผมอย่างบริสุทธิ์ใจต้องผิดหวัง ผมไม่อยากป้าผมผิดหวังเลย ให้ตายสิ
“อ้าวเฮ้ย เมาแล้วหรอหมาวิน”
“มาวินเว้ย จะแปลงชื่อก็เอาหล่อๆ”
“ลูกหมาวิน มึงอ่ะ มาววววววว” มึงไม่เมาเลยเนอะ เสียงงี้ยานกว่ากระจู๋มึงแล้วไอ้โอม
“เออ กูเมาแล้ว”
“ไปพักมั้ยมึง ไปเยี่ยวห้องพี่โป๊ะได้นะ เขาให้กุญแจไว้”
“ไม่เอา กูจะเยี่ยวที่ธรรมดา ทำไมต้องให้กูเข้าห้องเขาทุกทีเลยวะ มึงนิ!” ผมด่ามันอยู่นะ แต่น้ำเสียงไม่ดุเท่าไหร่หรอกครับ มึนๆ แล้วควบคุมกระบังลมไม่ได้ เสียงเลยออกมายานๆ
“ก็มันใกล้กว่า”
“ไม่ไปใช่มั้ย? งั้นรอนี่ กูไปเยี่ยวแป๊บ” บอกแล้วก็เดินไปครับ ไอ้โอมเดินง่อนแง่นลงไปชั้นใต้ดิน ส่วนผมก็นั่งดื่มต่ออย่างไม่บันยะบันยัง
อืม...รู้สึกว่ามจะผ่านไปนานแล้ว ทำไมโอมเยี่ยวนานจัง จู๋มึงยานเท่าสายยางแล้วมั้ยเนี่ย ผมขมวดคิ้วเพราะรู้สึกสงสัย จากนั้นก็ตัดสินใจเข้าไปดู โอ๊ะ! บันไดทางลงนี่แม่ง....เดินยากเหี้ยๆ
ผมตามัวๆ เหมือนมีม่านน้ำบางๆ มากั้นการมองเห็น ผมก็เลยต้องเพ่งตามองมากขึ้น แล้วผมก็เจอเพื่อนรักเสียที
“โอม!” ก็คิดว่าเรียกเบาๆ ทำไมกลายเป็นผมตะโกนไปเสียได้ ไอ้หมาเจ้าของชื่อนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นพรมหน้าประตูห้องน้ำครับ เห็นแล้วขำชิบหาย ส่วนคนไม่เมามากอย่างผม ย่อมมีสิทธิเลือกที่นอนดีที่ดีกว่าอยู่แล้ว
หันซ้ายหันขวาแป๊บเดียว ผมก็เลือกจะเทตัวนอนโซฟาตัวยาว กลิ่นหอมของหมอนอิงลอยมาเตะปลายจมูกผมเบาๆ มันคือกลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นดี เวลาอยู่ใกล้ๆไอ้พี่โป๊ะแล้วจะได้กลิ่นนี้เสมอ
งั้น...ที่ตรงนี้คงเป็นที่นอนประจำของเขาสินะ
ดีล่ะ! ผมจะนอนทับที่แม่งเลย ไอ้โหดเอ้ย!
#### @ D A W N #####
เช้านี้....ถ้าหากว่ามันเป็นตอนเช้าแล้วจริงๆ ล่ะนะ
เช้านี้....ปวดหัวมากครับ หนาวด้วย ผมขดตัวหนีอากาศเย็นเจี๊ยบ ซุกหาที่อุ่นๆ เมื่อเจอก็ของีบต่ออีกนิด ผมยังไม่อยากตื่นเลย ก็ตรงที่นอนอยู่นี้มันอุ่นๆ นุ่มๆ ผ้าห่มเหี้ยไรก็ไม่รู้พอดีตัวผมชิบหายเลย หมอนก็ด้วย
“วิน”
ใครเรียกว้า แม่งกล้าขัดการนอน!
“วิน”
“อืมมมมมมมมม” ผมขานรับในลำคอ แล้วก็ยิ่งซุกหน้าขดตัวอยู่ในความอุ่นนุ่ม
ไม่มีใครเรียกผมแล้วครับ มีแต่ผ้าห่มและหมอนที่ขยับเองได้ มันกำลังเคลื่อนที่ห่อตัวผม รองหัวผมให้อยู่ท่าที่แสนอุ่นสบาย
“เออ เออ เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”
cut
(*) แบม / BAM = บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ NPL และ NPA.
(**) อาร์โอ / RO = การขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
(***) พีพี / PP = การขายหุ้นเพิ่มทุนใหกับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง