พิมพ์หน้านี้ - At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kajidrid ที่ 09-10-2014 19:48:09

หัวข้อ: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-10-2014 19:48:09
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ
Intro (http://=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2839127#msg2839127)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2844114#msg2844114)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2866975#msg2866975)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2882083#msg2882083)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2899959#msg2899959)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2918494#msg2918494)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2922090#msg2922090)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2922090#msg2922090)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2958772#msg2958772)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg2983061#msg2983061)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3023911#msg3023911)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3045375#msg3045375)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3055783#msg3055783)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3063568#msg3063568)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3070090#msg3070090)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3084413#msg3084413)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3090750#msg3090750)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3102331#msg3102331)
ตอนที่ 18.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3113900#msg3113900)
ตอนที่ 18.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3129166#msg3129166)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3142756#msg3142756)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3149149#msg3149149)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3157492#msg3157492)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3166734#msg3166734)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3178226#msg3178226)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3198673#msg3198673)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3207262#msg3207262)
ตอนที่ ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3213095#msg3213095)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3227633#msg3227633)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3254124#msg3254124)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3271230#msg3271230)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3285837#msg3285837)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3297146#msg3297146)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3314839#msg3314839)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3320977#msg3320977)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3321703#msg3321703)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3333409#msg3333409)
ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3338278#msg3338278)
ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3354625#msg3354625)
ตอนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3375803#msg3375803)
ตอนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3382180#msg3382180)
ตอนที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3421833#msg3421833)
ตอนพิเศษ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3421833#msg3421833)
ตอนพิเศษ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3468741#msg3468741)
ตอนพิเศษ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3489157#msg3489157)
ตอนพิเศษ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3497178#msg3497178)
ตอนพิเศษ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3517323#msg3517323)
ตอนที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3544777#msg3544777)
ตอนที่ 41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3602240#msg3602240)
ตอนที่ 42 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3653165#msg3653165)
ตอนที่ 43 ตอนจบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43924.msg3670710#msg3670710)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... (อินโทร 9-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-10-2014 19:53:06
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์

*********


Intro



อกหักไม่ตายหรอก
ใครๆ ก็บอกผมแบบนี้ แต่ว่า...ทำไมเธอถึงตายล่ะ?

รอบตัวผมมีแต่สีอึมครึม เพื่อนผม เพื่อนเธอ ครอบครัวเธอ คนรอบตัวเธอ ทุกคนล้วนเศร้าโศกกับการจากไปของรินนา ผมก็เศร้าเหมือนกัน แต่ดูเหมือนแค่เศร้าจะไม่เพียงพอ ทุกคนต่างบอกว่าผมควร “สลด” กว่านี้

“วิน” ผมหันไปตามเสียงเรียก สีหน้าเขาแย่มาก แย่กว่าผมซะอีก
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมาก”

“ครับพี่รุต” ผมบอกพี่ชายของรินนาเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ใจผมไม่ได้สบายขึ้นหรอก คนตายทั้งคน และที่สำคัญ ตายเพราะผม...อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นสาเหตุการตายที่ใครๆ พูดกัน

“มันไม่ใช่ความผิดวินนะครับ”

“หรอครับ”
“งั้น พี่บอกคนอื่นด้วยสิ วินเบื่อแล้วเหมือนกัน” อาจจะดูเย็นชา แต่ผมกล้าพูดเลยว่าผมไม่ใช่เย็นชาโดยสันดาน ผมแค่พูดคำที่อั้นเต็มหัวไปหมด หลุดมาคำเดียวก็ไม่ได้ทำให้คำในหัวผมอยู่กันแบบหลวมๆ หรอก

“เข้าไปด้านในเถอะ”
“ยืนตรงนี้มีแค่ฝุ่นควัน” ผมพยักหน้ารับคำชวนแล้วกดหน้าลงจากปล่องสูง รินนาจากไปตลอดกาล จบแล้วเรื่องของเราที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับถูกบอกเสมอว่า “รินตายเพราะวินนั่นแหล่ะ”

ถ้ารินนาตายเพราะผม...งั้นเธอก็ผิดด้วยเหมือนกัน เพราะเธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนตาย
ไม่ได้ทรมานเหมือนตายเพราะเธอจากไปหรอก ผมทรมานเพราะถ้อยคำถากถางและสายตาดูแคลนของคนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย แต่กลับยกเท้าตัวเองเหนือแกนโลกแล้วเหยียบย่ำลงบนสิ่งที่พวกเขาไม่เห็นค่าและเรียกมันธุลี

เบื้องหน้าผมคือพี่ชายเธอ พี่รุตต์
พี่ชายที่เดินนำหน้าผมมาตั้งแต่เด็ก เขาเข้าใจผมทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่น้องสาวเขาต้องตาย เขาก็เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดผม
หากมีพี่รุตต์เพิ่มอีกสัก 99 คนบนโลกใบนี้ ผมคงมีความสุขขึ้นมาก

“วิน มาเถอะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วเร่งฝีเท้าตามเขาไป พลันผมก็หยุดมองใครคนหนึ่งที่ยืนใส่ชุดดำเหมือนคนทั้งวัดแต่กลับสะดุดตาเหลือเกิน ผมไม่รู้จักเขา เราไม่รู้จักกัน แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าเขาเองก็มองมาทางผม

“โปร ไปเถอะ”

“คุณไปก่อนเลย ผมขออยู่ตรงนี้สักพัก” เขาตอบใครอีกคนที่เร่งรัดเขา ชื่อของเขาคือโปร ผู้ชายคนนี้ผละสายตาจากผมไปมองบนฟ้า ส่วนผมเลือกจะก้มหน้าเดินสวนเขาไปอีกทิศทาง แต่เมื่อคล้อยหลังเขามา ผมก็หันไปมองบนฟ้านั่นบ้าง

ควันสีขาวจางจากอีกปล่องสูงค่อยๆ ไต่ตัวขึ้นหาก้อนเมฆมวลแน่น ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงเมื่อมองควันจางนั้น แต่เมื่อผมลดสายตาจากฟ้าและมองแผ่นหลังเขาที่ตั้งตระหง่านจังก้าท้าทายท้องฟ้าอยู่ น้ำตาผมกลับรินไหล

“วิน มาเถอะครับ รออะไรอยู่” เขารีบกระพริบตาปรับอารมณ์ พลันเราก็สบตากันอีกครั้งจนได้

โปร คือชื่อของเขา
วิน เขาจะได้ยินไหมว่าคือชื่อของผม


#### @ D A W N  ######


หน้าต่างไม้เหนือหัวบานเล็กส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงของมันปลุกคนนอนไม่ค่อยหลับอย่างผมให้ตื่นขึ้นอย่างง่ายดายและไร้อาการงัวเงีย พอขยับตัว ขาก็หล่นจากเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่ใช้นอนมาค่อนคืน เสียงขวดแก้วล้มระเนระนาดไร้วินัยดังขึ้นทันที

“แดกเบียร์กันไม่เคยเก็บ” ผมบ่นไอ้เพื่อนตัวดีระหว่างขยี้ตาแก้ง่วง ไอ้เพื่อนเวรคงกลับบ้านมันตั้งแต่เช้ามืด ไอ้โอม...ชื่อเพื่อนผมนั่นแหล่ะ เป็นคนติดบ้านมากครับ ไม่ว่าจะเมาที่ไหนจะต้องกลับไปสกัดเยี่ยวที่บ้านตัวเองเสมอ วันนี้ก็คงเหมือนกัน
ก่อนจะเช็คสถานะเพื่อน ผมต้องดูแลตัวเองก่อนด้วยการเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน อาบน้ำ สระผม เงาในกระจกสะท้อนสีหน้าค่อนข้างแย่ ทำให้ผมนึกได้ว่าเมื่อคืนนื้ดื่มหนักแค่ไหน ผมเมามากถึงขึ้นฝันไปถึงเรื่องราวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
เรื่องที่ผมไม่เคยต้องการจดจำ แต่มันไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผมเลย

RRRR
โทรศัพท์กลางบ้านดังขึ้น สาวเท้าไปไม่ถึง 20 ก้าวเราก็เจอกัน ผมยกหูโทรศัพท์แบบโบราณขึ้นแนบหู ปลายสายพูดสิ่งเดิมๆ และผมก็ตอบรับด้วยอาการเดิมๆ คือวางสายโดยไม่ตอบอะไรกลับไป
มื้อเช้าจากผมไปนานแล้วแม้ว่าท้องยังว่างอยู่ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องมานั่งคิดเรื่องมื้อเที่ยงของตัวเอง
วันนี้คือวันอาทิตย์ หากออกไปห้างก็คงมีอะไรให้เลือกกินเยอะแยะ แต่ผมขี้เกียจออกไปเผชิญกับผู้คน ผมรำคาญสายตาที่ผมไม่อาจเข้าถึงความคิดที่แท้จริงของพวกเขา

ไอโฟนส่งเสียงร้อง แสดงว่าเพื่อนๆ ทั้งหลาย ไม่ใครก็ใครสักคนกำลังต้องการผม พอหยิบมาดูหน้าจอก็อดหัวเราะไม่ได้

“ว่าไงโอม มึงกลับไปตอนไหน” เพื่อนสนิทครับ เราสนิทกันตั้งแต่เข้าเรียนปี.1 มันเป็นคนแรกที่ทักผม และเป็นคนเดียวที่ยังคงคุยกับผม แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นและมันก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น
“อือ โอเค”
“ร้านอะไร ผับที่มึงบอกทำงานพิเศษมาเป็นปีเขาก็ไม่รับมึงเป็นพนักงานน่ะหรอ? ผับเชี่ยๆ ไปทำงานร้านขายข้าวต้มเถอะว่ะ” ผมอำมันเล่นเรื่องที่มันโคตรเซ้นซิทีฟ

โอมมันรักเจ้าของร้านมากครับ แม้จะทะเลาะกับเขาบ่อยแต่มันก็รักเขาชิบหาย ผมไม่เคยถามเลยว่าทำไมถึงได้รักเขานัก มันก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเหมือนกัน เล่าแค่เรื่องที่มันเห็นว่าน่ารักเท่านั้น แต่ผมก็ไม่คิดว่านิสัยแบบนั้นจะน่ารักตรงไหน อาทิเช่น เขาด่ามันเรื่องมันโดดเรียน ตั้งแต่ป.ตรี จนตอนนี้ที่เรียนต่อป.โทด้วยกัน เขาก็ยังด่ามันเรื่องโดดเรียนอยู่ เขารู้ว่ามันดื่มน้ำแร่เท่านั้น น้ำเปล่าธรรมดามันไม่ดื่ม เขามีเบอร์แม่มัน และสามารถเคลียร์กับแม่มันได้เวลาที่มันขอร้องให้ช่วยแก้ตัว

ผมว่ามันกำลังหลง โอมคงคิดว่าไอ้เจ้าของผับนั้นเป็นพ่อมันเอง

“อืมๆ เดี๋ยวคืนนี้กูไปหาก็แล้วกัน มึงไม่ยุ่งแน่นะ” ไอ้โอมรับคำแล้วก็ตัดสายผม ผมเลยแช่อยู่กับตัวเองในบ้านหลังเล็กๆ ท้ายชุมชนที่ติดกับวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สมุดวาดรูปส่วนตัวได้รับความสนใจจากผมอีกครั้ง จำได้ว่าล่าสุดที่จับมันก็คือเมื่อเดือนก่อน ผมหยิบมาวาดรูปให้กับเด็กผู้หญิงหลานร้านขายข้าวแกงที่ซื้อกินบ่อยๆ พอดีเด็กคนนั้นแต่งตัวสวยไปงานโรงเรียน แล้วยายแกอยากมีรูปถ่ายเป็นที่ระลึก ผมไม่ได้ถ่ายให้ด้วยไอโฟน เพราะขี้เกียจหาที่ปรินท์ให้ยุ่งยาก และแกก็ไม่ได้มีเฟซบุ้คให้ตามไปกดไลค์ ผมเลยวาดรูปเหมือนให้หลานสาวแก ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะชอบมาก กอดผมแน่นเชียว...ถ้าปัดมือเล็กๆ นั่นออกน้องเขาคงเสียใจน่าดู ผมก็เลยนั่งนิ่งๆ แม้ว่านิสัยจริงๆของแล้วจะเกลียดการสัมผัสกายที่สุด

และรูปที่ผมคิดจะวาดวันนี้ ก็คือรูปของคนที่ผมฝันถึง

แน่นอนว่าไม่ใช่รินนา เธอไม่ได้มีค่าขนาดนั้น

ผมวาดรูปผู้ชายคนนั้นต่างหาก ผู้ชายที่ชื่อว่า “โปร”


 #### @ D A W N  ######


Tbc



สวัสดีค่ะ

มาเขียนเรื่องใหม่โดยไม่มีใครเรียกร้อง ฮ่าาาาา
เป็นการตัดสินใจที่ด่วนได้มาก ทั้งชื่อเรื่องที่อาจจะให้อารมณ์ขัดๆ กับโทนเรื่อง และการเริ่มต้นนิยายเรื่องใหม่ ทั้งที่ใกล้จะสอบคอมพรีฯ และทำเล่มจบ อุวะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้ค่ะ

สำหรับคนที่จำกะจิ๊ดริดได้....นายวารินทร์ก็คือ!! พี่โป๊ะนั่นเอง เอิ๊กๆๆๆ (หัวเราะทำไม)

แล้วเจอกันใหม่ตอนที่ 1 อย่างเป็นทางการค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... (อินโทร 9-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-10-2014 23:01:21
จิ้มๆๆๆๆๆๆ
รออ่านจร้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... (อินโทร 9-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-10-2014 23:33:15
อดีตนีั่นมีอะไรน้อ แล้วโปรที่ว่าจะเป็นใครกัน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... (อินโทร 9-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 10-10-2014 00:00:30
พี่โป๊ะที่เราหมั่นไส้มาตลอดจะได้เป็นพระเอกกับเค้าแล้วหรอคะ?
เย้ จุดพลุฉลอง 555555555555555555

รอดูว่าเรื่องนี้นางจะทำให้คนอ่านหมั่นไส้ได้อีกรึเปล่า
เปิดปมมาก็ทำให้อยากรู้ต่อแล้วเชียว

รอตอนหน้าค่า >_<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... (อินโทร 9-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 11-10-2014 04:49:14
เปิดมาก็หน่วงดีเลย555

วิน ดูนิ่ง เงียบจนน่ากลัวในความคิดเราตอนนี้
ไอ้พี่โป๊ะนี่จะมายังไงละหนอ...
แต่วินแบบ หืม ฝันถึงพี่โป๊ะอ่ะนะ? แถมวาดรูปด้วย
มาวินมากๆนะเนี่ย ลุ้นกันต่อไป
เพราะจริงๆไม่คิดว่าความนิ่งเงียบของวิน จะเปลี่ยนมาเป็นลุกขึ้นมาจีบพี่โป๊ะได้น่ะสิ
แต่ทำไมวินดูสนใจพี่โป๊ะจัง

เป็นกำลังใจให้น้า รออ่านต่อด้วย
ชอบสำนวนการเขียนที่มีเอกลักษณ์
อย่าง "...ยกเท้าตัวเองเหนือแกนโลกแล้วเหยียบย่ำ..."
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-10-2014 19:49:15
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********


ตอนที่ 1

เสียงอึกทึกนี่ก็เหมือนๆ กับผับอื่นนั่นแหล่ะ ผมไม่รู้สึกว่าที่นี่น่าชื่นชอบมากกว่าผับอื่นๆ ตรงไหน เลยเดาไม่ได้ว่าเพราะอะไร ไอ้โอมเพื่อนรักถึงได้กล้าการันตีความประทับใจ

เรานัดกัน 5 ทุ่ม แต่นี่ผมมายืนกระดิกตีนรอมัน 10 นาทีแล้ว มันก็ยังไม่มา เอาวะ โทรหาแม่งก็ได้
กำลังจะรอสายอยู่ 2-3 ตู๊ด ไอ้โอมก็วิ่งหอบแฮ่กๆ มาหา

“มาแล้วหรอมึง ชวนกี่ครั้งก็ไม่เคยมา วันนี้เลยทำใจผิดหวังอยู่ 10 นาที แต่มึงก็มาเซอร์ไพรส์ รักมึงว่ะวิน”
“มาๆ มาเลย แดกไรได้แดกไปเลยนะ ไม่ต้องกลัวกลับบ้านไม่ได้ เดี๋ยวกูไปส่ง” ผมบอกรึยังว่าโอมมันพูดมาก มากแบบพูดแทรกไม่ทัน โดยเฉพาะคนที่ขี้เกียจสื่อสารกับคนอย่างผมด้วยแล้ว ก็ได้แต่ฟังอย่างเดียว
“วันนี้พี่โป๊ะไม่มาร้าน ทางโล่ง”

“เฮ้ย! กูไม่แดกเหล้าโจรหรอกนะ กูจ่ายได้ ไม่เอาหรอกมึง” ผมรีบบอกปัดเพราะไม่อย่างทำชั่ว ทางบ้านไม่ปลื้มครับ แค่ออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่หลังวัดก็ไฟท์แทบตาย ถ้าผมทำอะไรที่มันดูนอกลู่ รับรองได้โดนตีหัวลากตัวกลับบ้านแน่นอน

ไอ้โอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจอุดมการณ์เล็กๆ ของผม แต่มันก็ยอมเข้าใจในที่สุด แต่ก็ย้ำว่า “แดกๆ ไปเถอะ กูจ่ายเอง” เอ้า! อยากให้แดกก็จะแดก แม่งเอาแต่ใจชิบหาย

ผมส่ายหัวไม่รู้ไม่สนใจ แล้วก็เดินตามมันเข้าไปด้านในของร้าน
จากเสียงอึกทึกน่าเบื่อหน่าย กลับกลายโซนงียบๆ มีเคาท์เตอร์เล็กๆ แยกออกมาอีกส่วนหนึ่ง ด้านหน้ามีโซฟาตัวกลมล้อมรอบโต๊ะเตี้ยที่วางกระจายกันราว 4-5 ตัว เสียงค่อยสงบลงหน่อย

“ตรงนี้ส่วนมากพี่โป๊ะเค้าจะมานั่งทำงานของเค้าเรื่อยเปื่อย”

“ทำงาน? มันไม่ใช่ที่ที่เกิดสมาธิเลยว่ะ กูว่าพี่โป๊ะของมึงนี่แปลกๆ”

“ไม่แปลกนะเว้ย! ถ้าพี่โป๊ะแปลก มึงก็ประหลาดเหมือนกันไอ้วิน”
“เอ้านี่” เหยียบที่มันปุ๊บ ก็ยัดเหล้าปั๊บเลย ผมดมก่อนนิดหน่อยแล้วก็ค่อยๆ จิบ ผมเลือกนั่งติดริมกระจกเพราะอยากเอนตัวพิงอะไรไว้ซักอย่าง ผมเป็นโรคไร้กระดูก โดยเฉพาะกับไอ้โอม ใกล้กันไม่ได้เลย ต้องเอียงไปพิงมันเสมอ
“แล้วมึงเป็นไงมั่ง” มันถามต่อเมื่อชงเหล้าให้ตัวเองจนหนำใจแล้ว ผมมองรอบๆ จึงสังเกตุได้ว่าโซนนี้ไม่มีคนมานั่งเลย
“เอ้าเฮ้ย! ไม่ตอบเล่า มึงนี่นะ เลิกซึนได้แล้ว”

“ซึนคืออะไรวะ?” ผมถามเพราะไม่รู้จริงๆ จมูกช่างเสือกของผมได้กลิ่นเหล้าในแก้วไอ้โอม เข้มมากครับ

“กูก็ไม่รู้ จำจากที่โดนด่ามา”
“ว่าไง มึงเป็นไงมั่ง กลับบ้านมั่งมั้ย?”

“กลับ”

“บ้านไหน?” แม่งรู้ทัน ผมถอนหายใจแล้วหันมองนอกกระจก วิวตรงนี้ดีชิบหาย เป็นสวนเล็กๆ ท่าทางจะเย็นสบายดีกว่าที่แคบๆ ติดแอร์ตรงนี้

“บ้านกู”

“แล้วบ้านคุณของมึงล่ะ”

“ไม่มีเหตุให้แวะไป จะแวะไปทำไม มันมากเรื่อง”

“วิน เขารักมึงนะ”

“กู้รู้” ผมบอกเท่านี้แล้วกระดกเหล้ารวดเดียวหมดแก้ว จะได้ถือโอกาสไล่มันไปชงมาใหม่ รำคาญมันทุกครั้งที่มันพูดเรื่องทางบ้านของผม ไอ้โอมมันไม่ยอมแก้ทัศนคติเดิมๆ ของมันเสียที ผมบอกไปหลายรอบแล้วว่าผมโอเค ผมไม่เป็นไร ผมรับได้กับการเป็นเด็กบ้านแตก แต่มันก็ยังดราม่าประเด็นบ้านแตกมาจนถึงตอนนี้ เฮ้อ!

ผมขี้เกียจพูดอะไรมาก มันชงเหล้ามาเท่าไหร่ก็เลยดื่มๆ ให้มันหมดไป ไม่รู้เลยว่าไอ้โอมมันจะใช้จินตนาการสูงส่ง ถอดรหัสพฤติกรรมผมออกมาว่า “มึงอย่ากินเหล้าประชดชีวิตสิวะวิน”

คือ....ก็มึงไม่ใช่หรอที่ชวนกูมาที่นี่
มึงอีกนั่นแหล่ะที่ชงเหล้าให้กูแดก พอกูแดกตามวัตถุประสงค์มึง มึงเสือกคิดว่ากูแดกประชดชีวิต เอาเถอะ กูไม่มีอะไรจะพูดแล้ว!


“อ้าวพี่โป๊ะ ไหนว่าวันนี้ไม่เข้าร้านไงพี่” ใครบางคนทักทายไอ้โอมหลังจากที่มันมอมเหล้าผมอยู่ราว 3 ชั่วโมงเห็นจะได้

“มาดูมึงนั่นแหล่ะ ไอ้อิ่มโทรบอกว่ามึงพาเพื่อนมาแดกเหล้ากันเหมือนอาบ มีไรป่าววะ”

ผมเดาว่าคนที่พูดประโยคยาวๆ นี้คือพี่โป๊ะของไอ้โอม มันลุกขึ้นยืนต้อนรับเขาแล้วอมยิ้ม ถามอะไรก็ตอบ เซื่องโคตรๆ เลย ไอ้เพื่อนพูดมากของผมหายไปไหนแล้ววะ

“แล้วนี่หรอเพื่อนมึง”

“ครับ”
“ไอ้วินมันบ้านแตก พี่อย่าใจร้ายกับมันนะ”

“ใจร้ายห่าเหวอะไร ยุงกัด กูยังขอขมาก่อนตบไส้ไหล เมตตาสูงขนาดนี้หาได้ที่ไหน”
โห่วววววววววววว
ไม่ใช่แค่ไอ้โอมคนเดียวครับที่ส่งเสียงนี้ ผมจับได้ว่าเด็กในร้านคนอื่นๆ ก็ส่งเสียงแบบเดียวกัน แต่พวกเขาก็หัวเราะตบท้าย

“แล้วไงมึงเนี่ย”
“บ้านแตกเลยต้องมาแดกเหล้าหรอ? ห๊ะ?”
จู่ๆ พี่โป๊ะคนนี้ก็นั่งจ่อมอยู่ตรงหน้าผม เขายื่นหน้ามาใกล้ๆ แถมยังวางแขนไว้บนไหล่ผมอีกต่างหาก

กู หนัก นะ!

“ทักกูสิ จ้องหน้ากูไปสเก็ตภาพหรอ”
“เพื่อนมึงเป็นใบ้หรอโอม”

“บ้าพี่!”
“วิน” มันเรียกผมเชิงเตือน ไอ้โอมคงอยากสร้างความประทับใจแรกเจอสินะ โอเค กูจัดให้ก็ได้

ผมยกมือไหว้ เงยหน้ามาก็ยิ้มให้แล้วก็ทักทายอย่างมีมารยาท

“สวัสดีครับพี่โป๊ะ ผมชื่อวิน”
“สะกดด้วยนอเนน แล้วก็นอเนนการันต์”
“ภาษาอังกฤษ ดับเบิ้ลยะ”

“สัส! กวนตีนนะมึง!” เขาตบหัวผมเบาๆ แต่ก็ยิ้มให้ด้วยมุมปาก บอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่ประทับใจไอ้ยิ้มห่าเหวนี่หรอก กูจำได้แค่มึงตบหัวกูเท่านั้นแหล่ะ ไอ้มนุษย์ตัวควาย!

“เพื่อนไอ้โอมมันเลยหรอ? รุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องวะ หน้าละอ่อน”

“รุ่นเดียวกัน” ผมตอบให้ แต่คำว่าครับมันได้รับอนุญาตให้ผ่านลูกกระเดือกแล้ว ติดเคอร์ฟิว

“งี้ก็อายุ 26 แล้วดิ”
“รุ่นเดียวกับจิ้งจกเจมเลย”
“ตัวก็พอๆ กันเลยว่ะ”
“สูงเท่าไหร่”

“176” แล้วจิ้งจกเจมคือใครวะ? แล้วบอกกูเพื่ออะไรวะ? ไอ้มนุษย์คนนี้สติดีมั้ยวะ? ผมขยับตัวหนีหน้าเขา แต่ไอ้มนุษย์นี่ก็ยังสะเออะมาจับหน้าผมให้หันไปมองมัน แล้วผมทำยังไงน่ะหรอ?

ผั่วะ!
ปัดครับ ปัดอัตโนมัติด้วย
ปกติผมเป็นคนหวงตัว ถ้าไม่อนุญาตก็อย่ามาถูกตัวผม หรืออยู่ใกล้ๆ ผม เพราะผมขี้รำคาญ กับไอ้โอมก็ไม่มีเรื่องสกินชิพมาทำให้ผมอึดอัดเลย แล้วไอ้ห่านี่!!

มันจับหน้าผมใหม่
สลัดเป็ด! เมื่อกี้ไม่ทำให้แม่งแปลรหัสทางร่างกายได้หรอว่ากูไม่ให้มึงแตะ ผมปัดอีกครั้งมันก็จับใหม่ ไอ้เหี้ยยย กูระอาแล้วนะ

“พี่ครับ ผมไม่ชอบ”

“พูดแต่แรกสิ ปัดมือกูทำห่าอะไร”
“กูก็ไม่ชอบให้ใครขัดใจกูเหมือนกัน”

“แต่นี่ตัววิน หน้าวิน”
“พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้”

“ไอ้ลูกหมา!”

สิ่งที่มันทำกับผมคือการเอามือมาบี้แก้มผมเล่น ขยี้ๆๆ จนผมเจ็บ และพอผมจะสะบัดหน้าหนีมันก็เปลี่ยนมาบีบไหล่แล้วก็จับตัวผมเขย่าๆๆๆๆ แล้วก็ทิ้งลงบนเก้าอี้อย่างแรง พร้อมกับทิ้งคำว่า “คิดซะว่ากูผสมเหล้าให้ ไอ้ยุ่ง!”

“วิน มึงเป็นไงมั่ง” ไอ้โอมปรี่มาถามอาการผม บอกตรงๆ ว่าผมมึนมาก รู้สึกโลกแม่งเอียงๆ อาจเป็นเพราะกินเหล้าไปเยอะด้วย แล้วมาถูกเขย่าราวกับเป็นขวดยาแบบเมื่อกี้อีก

“มึนสิไอ้เหี้ย” ผมตอบอย่างอารมณ์เสีย ไอ้โอมเลยไปหาน้ำเปล่ามาให้ผม แต่อารมณ์ผมมาคุแล้ว บอกไว้เลยว่าไม่มีมนุษย์ตัวไหนเคยทำกับผมแบบนี้มาก่อน
ผมไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่ชอบสุงสิงกับสังคม แต่ถ้าผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ ห้ามก็ห้าม แล้วไอ้ที่มนุษย์ควายตัวนั้นมันทำ ก็ไม่ควรได้รับการให้อภัยเลยสักนิด

“เฮ้ย! วิน แดกน้ำสิมึง เหล้าเอาไว้ก่อน”

“ไม่ เอามานี่” ผมคว้าแก้วเหล้ามันแล้วกรอกเข้าปาก สายตาสอดส่ายหาไอ้มนุษย์ที่ทำให้ผมอารมณ์เสียในวันที่อุตส่าห์มาทัศนาโลกภายนอก แล้วก็เจอตัวจนได้
“เดี๋ยวกูมา แต่ถ้ากูกองลงกับพื้น มึงไปส่งกูที่บ้านด้วย บ้านกูนะโอม ไม่ใช่บ้านใหญ่” ผมสั่งเสียไว้ด้วยความรอบคอบแล้วก็เดินเซๆ มึนๆ ตามไอ้มนุษย์ควายตัวถึกที่มองเห็นได้ในระยะไกลและในที่มืด

“เฮ้ย!” ผมคว้าไหล่มันไว้ ซึ่งก็สุดแขนผมนี่แหล่ะ แม่งตัวสูงอ่ะ ไหล่ก็หนา ผมเลยต้องออกแรงกระชากให้มันหันมาเจรจากับอารมณ์เน่าๆ ของผม
“อย่ามาจับวินอีก!”
“เข้าใจมั้ย?”

“จะทำไมกูล่ะ”
“นี่ไง จับอยู่” มันทำอย่างปากว่า ไอ้มนุษย์ควายดึงตัวผมไปโอบไว้แล้วก็โน้มหน้ามาหา ตามันคมวิบฝ่าความมืดมากระแทกตาผม แม่งตาคมบาดใจจริงๆ ถ้าได้นั่งวาดรูปมันคงมองเพลิน เฮ้ย!! ผมไม่อยากวาดรูปมันหรอก ไอ้ถึก! กล้ามแม่งก็แน่น มัดกล้ามมันต้องสวยแน่ๆ เลย แต่ผมไม่มีวันวาดรูปมันหรอก สาบาน!!
“ว่าไงล่ะครับน้องวิน จะทำอะไรพี่”

“สัส!” ผมด่าใส่แล้วก็ผลักมันออก คว้าแก้วจากมือใครไม่รู้แต่เสือกอยู่ใกล้มือผมพอดีตามไปฟาดมันที่หัว
เสียงเพล้งทำให้รอบตัวเงียบงัน เสียงพูดคุยจอแจหายไปจากโสตประสาท ยินเพียงเสียงเพลงฝรั่งที่ผมจับใจความไม่ได้เพราะคนร้องแม่งคงแดกยาบ้าก่อนอัดเสียง

“ไอ้วิน!”
“เฮ้ย! พี่โป๊ะหัวแตก!”

ผมมองผู้คนวิ่งพล่านอยู่ท่าเดิม สายตาผมจับภาพอะไรที่ชัดเจนไม่ได้ ไอ้โอมเข้ามาตรงหน้าผมแล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่มันตะโกนแต่กลับไม่มีคำไหนเข้าหูผมเลย

สิ่งที่ชัดที่สุดสำหรับผม ก็คือหน้าของไอ้พี่โป๊ะที่ทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วเงยมองผม เราสบตากันอยู่นาน คนที่หลบตาก่อนก็คือผม

จริงๆแล้วผมไม่ได้หลบตาเขาหรอก แต่ผมวูบไปเลยต่างหาก


#### @ D A W N  ######


กลายเป็นว่าผมไปสร้างวีรกรรมให้พี่สุดที่รักของไอ้โอม ฟังจากที่มันเล่า...จริงๆ แล้วก็คือการบ่นนั่นแหล่ะ เรื่องที่มผทำไว้เมื่อคืนนี้ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ควายเลยครับ ไอ้โอมยืนยันว่าไม่เคยมีใครทำกับพี่โป๊ะแบบนี้ ผมเชื่อมันครับ เพราะสายตาที่เขามองผมเมื่อคืนนี้ มันมีความประหลาดใจมากกว่าความโกรธ

“แล้วนี่มึงโอเครึยัง” มันถามผมเป็นรอบที่ 100 แล้ว ซึ่งผมก็ตอบเหมือนเดิมคือ

“โอเคแล้ว”

“แล้วทำไมไม่กินโจ๊กล่ะ กูไม่ได้ทำเองหรอก กูออกไปซื้อมา”
“เจ้าที่มึงเคยพากูไปซื้อนั่นแหล่ะ หน้าวัดเลย ร้านป้ายเขียว”
“ไม่ใส่ขิงด้วย กูจำได้ว่ามึงไม่ชอบ”
“ถ้าโอเคแล้วมึงต้องกินสิวิน”

“มึงใส่ตับกับไส้อ่อนรึเปล่า”

“น่าจะมีนะ อยากกินหรอ เดี๋ยวก็คัดออกมาให้”

“กูไม่แดกเครื่องใน”

“อ่าว”
“งั้นกูแดกให้ เดี๋ยวเหลือแต่หมูไว้ให้มึง”
“มึงจะกินใช่มั้ย”

“อือ ฝากด้วย” ผมยอมรับปากจนได้ จากที่ตั้งใจจะบ่ายเบี่ยงไม่กินโจ๊กเพราะไม่ชอบความเละของมัน ก็ต้องยอมกินเพราะไม่อยากให้โอมมันพยายามสูญเปล่า

ผมนอนบนโซฟาแม้ว่าบ้านหลังเล็กนี้จะมีห้องนอนและเตียงอย่างดีกางรออยู่ก็ตาม เช้านี้อากาศบ้านผมสดใสเหมือนเนดิม กลิ่นคาวน้ำกร่อยลอยมาเตะจมูกตามทิศทางลม เสียงนกร้องโต้กันไปมา แม้กระทั่งเสียงพวกมันระดมกางปีกแล้วกระพรือขึ้นสู่ท้องฟ้ายกฝูง ผมก็ยังได้ยิน

“สงบจัง”

“เงียบฉี่เลย” ไอ้โอมโต้ ผมเลยตะแคงหน้ามองนิดนึงก่อนจะนอนหน้าตรงมองเพดานไม้เหมือนเดิม

“สงบต่างหาก มึงไม่เข้าใจ”

“แอ็บสแตรคอย่างมึง ใครเข้าใจก็เทพแล้ว”
“อื้อ พี่โป๊ะฝากบอกว่าไม่ต้องขอโทษหรอก เขาไม่ถือ”

“แล้วมันฝากขอโทษกูรึเปล่า”
“มันจับหน้ากู”

“วิน เรื่องธรรมดาป่าววะ?”

“ถ้าคนแปลกหน้าบีบไข่มึง มึงจะไหว้ขอบคุณมันหรอ?”

“แต่เขาไม่ได้บีบจู๋มึงสักนิด”

“แก้มกูสำคัญ”
“แม่ใหญ่กูยังไม่ได้แตะเลย”

“เฮ้อออ”
“โอเค แดกโจ๊ก กูกินเครื่องในให้หมดแล้ว อ่อ กูแดกหมูหมดแล้วด้วย มึงแดกข้าวเละๆ ไปก็แล้วกัน” เพื่อนชั่ว! ผมด่ามันด้วยสายตา แล้วก็แหงนหน้ามองเพดานต่อ ให้มันรู้ว่ากูไม่แดก ไอ้โอมนั่งเฝ้าผมอยู่พักเดียวก็ไปเปิดทีวีดู

วันนี้วันจันทร์ครับ แต่ผมว่าง เหตุผลหลักที่ทำให้ว่างก็คือ ผมไม่มีงานทำ
ผมก็อยากทำงานไปด้วย เรียนโทไปด้วยเหมือนกัน แต่ที่บ้านบอกว่าผมไม่น่าจะบริหารจัดการเวลาได้ ก็เลยขอให้ผมเลือกว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ระหว่างเรียนปริญญาโท และทำงาน
ผมเลือกทำงาน บทสรุปก็คือ การเรียนต่อครับ นี่แหล่ะบ้านผม

ส่วนไอ้โอม มันเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยครับ มันเก่งมากในสายตาผม แต่ผมไม่เคยชมมันหรอก คิดว่ามันน่าจะหลงตัวเองประมาณหนึ่งอยู่แล้ว
งานของมันมีทั้งบริษัทประจำ ก็คือบริษัทรับจัดอีเวนท์ของไอ้พี่โป๊ะสุดที่รักมันนั่นแหล่ะ งานรองก็คือไปช่วยงานที่ผับ
ไม่ร้ว่าสุทธิแล้วรายรับของมันพอรายจ่ายมั้ย แต่ก็เห็นมันอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนพ่อแม่และผองเพื่อน อย่างน้อยๆ มันก็ไม่เคยยืมเงินผม ชั่วสุดก็ขอเลย

“วิน สระผมให้หน่อย” เป็นเจ้านายกูมาแต่ชาติปางไหนมิทราบ ผมส่งเสียงขัดใจแต่ก็ยอมลุกจากโซฟาตัวหวงไปสระผมให้มันที่หน้าบ้าน

อย่างที่เคยบอกไว้ ผมไม่ค่อยมีเพื่อน และมันก็เป็นคนเดียวที่ยอมคบผม เพราะฉะนั้น ไม่ว่ามันจะต้องการให้ทำอะไรยากยิ่งยวดแค่ไหน ผมก็จะทำให้มันเสมอ

โอมไว้ผมยาวครับ แค่คางเท่านั้นแหล่ะ หัวมันทุยก็เลยจัดทรงออกมาหล่อแท้
ตอนนี้ไอ้เพื่อนชั่วนอนตัวยาวราบกับโต๊ะไม้เก่าๆ แต่แข็งแรงพอสำหรับน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัม หัวมันเลยขอบเก้าอี้ยาวมานิดหน่อย ส่วนผมก็ยืนราดน้ำจากปลายสายยางใส่หัวมันครับ
“เทยาแล้ว ขยี้ดิ” ผมสั่งแล้วรีบขยับขาหนีฟองแชมพูที่เกิดจากการขยี้หัวตัวเองของไอ้โอม ท่าทางมันจะมีความสุข เพราะมันขยี้ๆๆ เหมือนซักผ้าขี้ริ้ว แต่กลับยิ้มแฉ่ง ปากก็จ้อไม่หยุด เรื่องที่พล่ามส่วนมากก็เรื่องไอ้พี่โป๊ะของมันนั่นแหล่ะ

“ครีมนวดล่ะมึง” มันท้วงเมื่อผมยืนนิ่งรดน้ำใส่หัวมันทั้งที่ไม่มีฟองแชมพูเคลือบอยู่แล้ว

“อื้อ”  ผมรับคำแล้วคว้าครีมนวดมาเทใส่หัวมัน แล้วก็รอให้มันขยำหัวตัวเองให้หนำใจ ไอ้ตัวดีส่งสัญญาณด้วยการเอามือเปรอะครีมนวดมาสะกิดหัวเข่าผม แม่งก็ว่าหลบมาไกลแล้วยังสะกิดถึงอีกหรอ เมื่อได้สัญญาณผมก็เปิดน้ำ ล้างหัวให้มัน โดยโก่งขาหนีมากกว่าเดิม

แต่สุดท้าย การขอให้สระผมให้ของมัน ก็คือการจับผมอาบน้ำเสมอ
ไอ้โอมคว้าผ้าเช็ดหัวจนแห้งหมาด มันคว้าเสื้อผมแล้วก็ลากไปที่ท่าน้ำอีกที อย่าคิดว่ามันถีบผมตกแม่น้ำนะครับ มันไมได้โหดขนาดนั้น โอมก็แค่ผลักตัวผมไปยืนกลางแจ้ง แล้วก็ขโมยสายยางไปจากมือผม เผื่ออัดน้ำใส่ตัวผมจนไม่สามารถลืมหูลืมตาได้

“ไอ้เหี้ยโอม!”
“หยุดเลยนะมึง ควาย กูหนาวแล้วด้วย”
“เชี่ย เดี๋ยวเป็นหวัดนอนโรงพยาบาลอีก กูรำคาญตัวเอง โอม! หยุด!”


จ๋อง จ๋อง จ๋อง
เสียงน้ำหยดล่ะมั้งที่ผมได้ยิน ปกติแล้วมันจะต้องหัวเราะใส่แล้วก็ลากผมไปใส่ไว้ในห้องน้ำ เพื่อให้ผมอาบน้ำเหมือนคนปกติ แต่วันนี้มีแต่เสียงจ๋อม จ๋อม จ๋อม ของน้ำที่ปลิดขั้วตัวเองออกจากปลายสายยาง

ผมหันมองมัน ถึงได้เห็นว่าไอ้โอมก็หันมองไปทางอื่นเหมือนกัน

“พี่โป๊ะ มายังไงเนี่ย!”

นั่นสิ มนุษย์ควายนี่โผล่มาได้ยังไง และโผล่มาทำไม?


#### @ D A W N  ######


“อยู่คนเดียวหรอวิน” ไม่ชินเลยแฮะ ผมค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาตอบคำถามเขา ในบ้านผมเอง

บ้านนี้คือบ้านผม ผมกล้าพูดได้เต็มปากเพราะผมใช้เงินตัวเองซื้อ แม้แหล่งเงินจริงๆ จะเป็นเงินเดือนสำหรับใช้จ่ายประจำที่ป้าผมโอนให้ แต่ถ้าผมไม่รู้จักออมไว้ หรือเอาไปลงทุนอย่างอื่นให้มันงอกเงย ผมก็ไม่มีทางได้บ้านนี้มาด้วยเงินสดหรอก

และเมื่อมันเป็นบ้านผม ผมก็กล้าบอกเลยว่าผมไม่เคยชวนใครมาบ้าน เว้นไอ้โอม ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ที่เคยมา ก็ตามตูดไอ้โอมมาทั้งนั้น พวกนั้นผมไม่คิดว่าเป็นเพื่อนผม ตั้งสถานะให้เป็นเพื่อนไอ้โอมมากกว่า

แล้วไอ้ตัวนี้ล่ะ อะไร? ยังไง?

“อยู่คนเดียวหรอ พี่ถามไม่ได้ยินรึไง”

“อืม” ผมรับคำในลำคอ หันมองหาไอ้โอมด้วยหวังว่ามันจะมาช่วยลดความเงียบ แต่มันก็ยังสิงอยู่ในครัว เสียงฉ่าและกลิ่นกะเพราะทำให้เดาได้ว่ามื้อกลางวันจะได้กินอะไร

“ติดริมแม่น้ำ แต่เข้าซอยมาก็ลึก เปลี่ยวรึเปล่าตอนกลางคืน” ถ้ากูเปลี่ยวแล้วจะทำไมหรอ? คิดว่ากูจะประสาทขนาดขูดเสาแก้เปลี่ยวหรอ? ผมขมวดคิ้วใส่มันแล้วก็เลือกจะเงียบแทนตอบคำถาม เขาก็เลยต้องถามใหม่ให้ผมกระจ่างกว่าเดิม
“หมายถึง เปลี่ยวอ่ะ ทางเปลี่ยว อันตราย อะไรแบบนี้ เปลี่ยวมั้ย”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
“อยู่มาหลายปีแล้วไม่เคยมีโจรสักฝูง มีแต่ยุงนิดหน่อย”

“อืม”
“แล้วพ่อแม่ไปไหนหมด”

“หย่ากัน”

“แล้วใครเลี้ยงมา”

“ทำไมพี่เสือกเรื่องวินจังเลย ไม่ตอบแล้วได้มั้ย มันเรื่องส่วนตัว”

“โอเค พี่เห็นเราลำบากหรอกนะ”
“โอมมันก็การันตีว่าเราเป็นเด็กดี”
“มาทำงานกับพี่ก็แล้วกัน พรุ่งนี้เลย เดี๋ยวให้โอมพามา”
“จะทำอะไรค่อยดูความสามารถอีกที”

“..............”

“หรือว่ามีที่อื่นเรียกไปทำงานแล้ว”
“ไม่อยากหาเงินเรียนเองรึไง”

เขาคิดว่าผมไม่มีเงินเรียนสินะ คิดว่าผมจนกรอบไม่มีจะกินด้วยรึเปล่าเนี่ย

“แล้ว....” ผมแกล้งถามต่อ
“พี่ให้เงินเดือนเท่าไหร่ วินยังเรียนโทไปจบเลย ทำเล่มอยู่”

“เท่าไอ้โอมนั่นแหล่ะ”
“ก็รุ่นเดียวกันไม่ใช่หรอ?”

“แต่วินไม่มีประสบการณ์นะ”

“เออ”
“พี่อยากช่วย ไม่ชอบเห็นคนเดือดร้อน” กูเดือดร้อนตรงไหนวะ? บอกตรงๆ เลยว่าผมงงมาก แต่เดาเอาว่าเขาคิดว่าผมเป็นเด็กบ้านแตก ใช้ชีวิตตามยถากรรม ปากกัดตีนถีบล่ะมั้ง

“โอเค งั้นวินไปทำงานกับพี่...โป๊ะนะ”

“อื้อ ตั้งใจล่ะ ทั้งเรื่องเรียนเรื่องทำงานเลย”
“แล้วก็...พี่ชื่อโปร ถ้าจะมีสักคนช่วยเรียกชื่อพี่ให้มันถูก ก็คงจะดี”

“อ่อ พี่...โปร”

-โปร ไปเถอะ-

“พี่โปร”

“อืม อะไร?”

“เปล่า” ผมบอกปัดแม้ว่าหัวคิ้วจะวิ่งชนกันเป็นระรอก เขาชื่อโปร...บังเอิญจังแฮะ คงไม่ใช่หรอก โลกนี้ต้องมีเป็นล้านโปรอยู่แล้ว

“เฮ้ย โอม ทำเสร็จรึยัง”
“ไปกินข้างนอกมั้ย หรือโทรสั่งอะไรมาก็ได้”
“พี่จะไปอีกงานต่อ”

“เฮ้ยพี่ อุตส่าห์มา กินข้าวก่อน”
“ผมทำเสร็จแล้ว มาๆๆ”

คำว่าเสร็จแล้วของมัน แปลว่ากำลังทำอะไรอีกนิดหน่อยครับ ผมอดแค่นหัวเราะไม่ได้เมื่อไอ้พี่โป๊ะพยักหน้าเชื่อน้ำคำไอ้โอมมัน แต่พอเขาเงยหน้ามองผมที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ ก็ต้องรีบหุบยิ้มแล้วเดินผิวปากออกไปรับอากาศข้างนอก

กลายเป็นว่าบ้านผม ที่ที่สามารถการันตีความเงียบสงบได้ เปลี่ยนเป็นที่ที่มีมนุษย์ที่ผมไม่ได้เชื้อเชิญและเพิ่งเจอกันแค่ไม่ถึง 5 ชั่วโมงดิบดี มานั่งจิบกาแฟไปแล้วเรียบร้อย


กว่ามนุษย์ควายไอ้พี่โป๊ะจะไปจากพื้นที่ส่วนตัวของผม ก็ปาไปบ่าย 2 โมง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาบอกว่ามีอีกงานที่ต้องรีบไป แต่กลับมานั่งแซะแมะอยู่กับไอ้โอม ดูทีวีบ้านผม ใช้ไฟบ้านผม ดื่มน้ำบ้านผมแล้วบอกว่า วันหลังซื้อน้ำแร่มาแช่ไว้ด้วย เผื่อโอม หึ เขาเป็นมนุษย์ประหลาดจริงๆ
ผมได้อยู่กับความเงียบอีกครั้งเพราะเขาลากไอ้โอมกลับไปด้วย ต้องขอบคุณเขามากๆ เพราะผมเริ่มรำคาญเสียงและความพูดมากของมันแล้ว

ผมกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็ตอนค่ำ เมื่อบ่าย..หลังจากได้อยู่คนเดียวอีกครั้งผมก็นั่งมองเรือแล่นเรื่อยเปื่อย มีบ้างที่แหงนหน้ามองโรงแรมหรูเกิน 5 ดาวเรียบริมเจ้าพระยาที่วาดวงโค้งอย่างอ่อนโยน
มื้อเย็นคนเดียวเริ่มขึ้นก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในบ้านร้องไม่นาน ผมเดินไปรับสาย ไม่พูดอะไรอีกตามเคย ผมเพียงแค่ฟังปลายสายพูดๆๆๆ แล้วก็วางไปเมื่อทางนั้นพูดจบ

ผัดกะเพราที่ไอ้โอมแบ่งไว้ให้ถูกข้าวไม่ขัดสีโปะหน้า ผมคลุกๆ อยู่ไม่นานก็ตักเข้าปาก นั่งกินคนเดียวไม่กี่คำก็สั่งให้ตัวเองอิ่ม ดื่มน้ำที่ไม่ใช่น้ำแร่เพราะลิ้นผมไม่ได้กระแดะเหมือนไอ้โอม จากนั้นผมก็แล่นไปที่กระดานวาดรูปในห้องนอน

มันตั้งอยู่ริมระเบียงในห้องนอน ชั้น 2 ของตัวบ้านไม่ส่งให้ผมเข้าใกล้หมู่ดาวมากไปกว่ามนุษย์คนอื่นเลยสักนิด
ผ้าคลุมกระดานวาดรูปถูกดึงออก รูปรินนาและตัวผมเองเคล้าคลอกันอยู่ในกระดาษใบเดียว

เธอดูมีความสุข ผมเองก็มีความสุข
ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าความสุขของเธอจะกัดกินผมขนาดนี้ และไม่รู้ด้วยว่าความสุขที่เริ่มจืดจางลงของผมจะฆ่าเธอเช่นกัน
แต่ถ้าผมผิดที่ทำให้เธอตาย เธอก็ผิดเหมือนกันที่ทำให้ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่

ผมถอนลมหายใจที่เปื้อนมลทินความรู้สึกทิ้งไป ดึงรูปนั้นออก และเริ่มต้นวาดรูปใหม่ รูปคนใหม่

-โปร ไปเถอะ-

ผมรู้จักใครคนนั้นแค่นี้จริงๆ
แผ่นหลังตรงตระหง่าน ศรีษะที่แหงนขึ้นมองฟ้า สีของฟ้าที่แสนเศร้าหมอง
ทุกครั้งที่ผมนึกถึงอารมณ์รอบตัวของเขา และตัวเขา ผมจะน้ำตาไหล
บางที ผมอาจจะร้องไห้แทนเขา หรือบางที เขาอาจจะทำให้ผมตระหนักได้ว่าควรยอมให้ต่อมน้ำตากลั่นน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา

พู่กันเบอร์ใหญ่สุดคือปลายทางอารมณ์ของผม
สีดำของสีเสื้อ
สีส้มแก่จัด เปรอะเปื้อนด้วยสีครามเข้มของท้องฟ้า
ควันจางแทบมองไม่เห็นถ้าไม่ได้สังเกต
แสงไฟจากที่ไกลๆ

เขายืนอยู่ตรงนั้นนานตราบเท่าที่เขาต้องการ

-วิน มาเถอะ-

แต่ผมซึมซับเขาได้เท่านั้นจริงๆ


ไอโฟนส่งเสียงร้องจนผมสะดุ้ง อารมณ์หม่นๆ สะสมอยู่ที่ปลายพู่กัน ปลายทางของมันมาได้เท่านั้นจริงๆ
ผมรับโทรศัพท์หลังจากเห็นหน้าคนที่โทรมา

“ครับพี่รุตต์”
“ได้ครับ เดี๋ยววินไปหา ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน”



Tbc…




ตอน 1 มาแล้วค่าาา มู้ดแอนด์โทนไม่ทำให้ลิงค์ไปถึงพี่โป๊ะในเรื่องก่อนๆ เลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 15-10-2014 00:16:33
โหย สรุปอยากวาดรูปพี่โป๊ะ ทั้งๆที่เห็นแต่แผ่นหลังน่ะนะ
เจอตัวเป็นๆก็ดันจำไม่ได้ แถมยึดติดกับคนเก่า
ท่าทางจะแย่แล้วล่ะงานนี้ หมายถึงพี่โป๊ะแย่นะ555
ดูเหมือนวินจะไม่เปิดรับใครใหม่ๆเลยนะเนี่ย
ตีกรอบไว้ชัดเจนและแน่นหนามาก
ก่อนหน้านี้เป็นยังไงเหรอ อยากรู้จัง...
พี่โป๊ะคะ ท่าทางศึกนี้จะใหญ่หลวงนัก
ทั้งด้านความประทับใจแรกที่ถูกขีดกั้นด้วยเส้นแน่นหนา
และการตีความที่ผิดไปของตัวเองเกี่ยวกับวิน
แล้วก็ ส่วนวินนะ อื้อหือ ฟาดแก้วไปงั้น แต่ไม่รู้สึกผิด
นี่แหละเรื่องยาก ฮา พี่โป๊ะก็แสนดีเกิ๊น

รออ่านต่ออยู่นะคะ
เริ่มได้กลิ่นของความปวดใจมาแว้บๆละ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 15-10-2014 11:42:32
ได้กลิ่นอายหม่นๆ ปนความดราม่า  :hao5:

วินเอ้ย พี่โป๊ะตัวจริงมาอยู่ตรงหน้าแล้วลูก
ว่าแต่พี่รุตณ์นี่ใครรรรรรรรรรรร มีความสัมพันธ์ยังไงกับวินนนน

แล้วพี่โป๊ะก็ชวนงง เดาว่าคงต้องรู้จักวินไม่มากก็น้อยอยู่ก่อนรึเปล่า?
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาชวนคนที่ทำให้ตัวเองหัวแตกไปทำงานด้วย
แต่เอ๊ะ? หรือพี่โป๊ะจะเป็นพวกมาโซคิสชอบความเจ็บปวด 555555
สารภาพว่าแอบงงกับพฤติกรรมพี่โป๊ะเหมือนวินเลยค่า >_<

เหมือนกับว่าจะมีอีกหลายปม?

รอติดตามตอนหน้า พี่โป๊ะดูต่างจากเรื่องที่ผ่านมา แต่ความน่าหมั่นไส้ยังหลงเหลืออยู่นิดๆ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-10-2014 12:19:55
:katai2-1:
อ่านแล้วบอกเลยว่าความบังเอิญมีอยู่จริง เพียงแต่อยู่ที่ว่ามันจะมาเมื่อไหร่
ส่วนตัวคิดว่าตัวละครมาเร็วมาก เนื้อเรื่องน่าติดตามดี รออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 15-10-2014 22:02:28
พี่โปรชอบน้องวินมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ม้าา  :-[
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 18-10-2014 08:14:50
พี่โปรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร  :o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน1(14-10-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 18-10-2014 23:16:34
มาต่อไวๆ นะค้าาา ติดตามค่ะ สู้ๆๆ :D
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน2(7-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 07-11-2014 20:37:35
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********

ตอนที่ 2


ทั้งที่น้ำเปล่าที่ไหนก็รสชาติเหมือนกันทั้งนั้น แต่การนั่งดื่มน้ำเปล่าไม่เย็นมากในคอนโดพี่รุตต์กลับทำให้ผมรู้สึกเย็นใจขึ้นมาก เสียงแอร์แผ่วเบากล่อมเพลงที่ไร้เนื้อร้องใส่หูผมด้วยทำนองอืดๆ

“เป็นอะไรรึเปล่าวิน” พี่รุตต์ชอบถามผมแบบนี้เสมอทั้งที่เขาเองก็รู้คำตอบว่าดีว่าในโลกนี้ มีอยู่เรื่องเดียวที่กวนใจผมอยู่

“ไม่เป็นไรนี่ครับ” และผมก็โกหกเหมือนอย่างเคย จะว่ากันว่าผมเป็นคนไม่ดีก็ยอม ก็ผมโกหกคนอื่นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่กับตัวเองผมไม่เคยโกหก

“โกหก” คนนี้ก็จับได้ทุกครั้ง พี่รุตต์ถอดแว่นพลางขยี้หัวตาตัวเองระหว่างนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กกว่า เพราะโซฟาตัวยาวถูกผมยึดเอาไว้แล้ว

“อืม วินโกหก”
“เป็นแหล่ะ เบื่อๆ”

“เรื่องเดิม?” เขาเลิกคิ้วถาม ไม่รู้ตัวเลยว่าแสดงสีหน้าแบบนี้แล้วทำให้ริ้วรอยระบายไปทั่วผืนหน้าผาก ผมหัวเราะรอยย่นบนหน้าเขาแล้วก็ก้มหน้าดื่มน้ำอีกอึก

“วินกลับมาฝันอีกแล้ว”

“ฝันอะไรครับ”
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องคิดมาก”

“ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ คิดว่าวินอยากคิดถึงเรื่องนั้นนักรึไง ประสาทจะกิน”

“บ่นเป็นคนแก่” เขาว่าผมทั้งที่ตัวเองมีตีนกาเต็มไปหมด พี่รุตต์ก้มหน้าดื่มกาแฟของตัวเองบ้าง พวกเรานั่งกันอยู่เงียบๆ พักใหญ่ ผมจึงเอ่ยลา ซึ่งนั่นก็ทำให้เขางุนงง

“แล้วตกลง วินเป็นอะไร จู่ๆ ก็บอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว”

“ก็แค่ไม่อยากอยู่คนเดียว” ผมตอบตามตรง แต่ไม่มีคำอธิบายอะไรเพิ่ม ชายตรงหน้าเพียงแค่หัวเราะราวกับรู้เรื่องในหัวผมดี เขาดื่มกาแฟจนหมดแล้วก็ลุกขึ้นยืนพ่นคำที่ผมไม่เคยได้ยินมันออกมาจากปากเขา

“งั้นไปเที่ยวกัน”

ฤาษีออกจากถ้ำรึไง?
ผมล่ะอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
พี่รุตต์อายุเกิน 35 แล้ว เป็นพี่ผมร่วม 10 ปี
เขาดูแลผมเหมือนน้องชายแท้ๆ คนหนึ่ง จะว่าไปแล้ว เขาเข้าใจผมมากกว่าที่เขาเข้าใจน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองเสียอีก
อย่างน้อยเขาก็ไม่ด่าว่าผมเป็นฆาตรกรที่ทำให้น้องสาวเขาต้องตาย สิ่งที่เขาทำกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาถูกคาดหวังให้ทำด้วยซ้ำ

เขายังญาติดีกับผม ผมเลยมีเขาเป็นคนรอบตัวในโลกแคบๆ ของตัวเอง
เอาเป็นว่า โลกของผม มีคนที่ผมรู้สึกไว้ใจเพียงแค่พี่รุตต์ และไอ้โอม

ทั้งที่ชวนผมเที่ยวตอนสี่ทุ่มกว่า แต่ปลายทางที่เขาพาผมมากลับเป็นร้านข้าวต้มข้างทางแถวบ้านผมเอง พอเห็นสีหน้างงๆ ของผม พี่รุตต์ก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“จริงๆ แล้วพี่อยากมาส่ง อยากแน่ใจว่าวินถึงบ้านดีเท่านั้นแหล่ะ หรือว่าวินอยากไปเที่ยวจริงๆ”
“ไปไหนดีล่ะ? แต่ไม่เอาพวกผับบาร์นะ”

“ขั้วโลกใต้ ไปกันมั้ยครับ?” ผมแกล้งยียวนแล้วคีบไข่เค็มซีกบางเปื้อนน้ำยำรสจัดเข้าปาก อีกฝ่ายชูมะเหงกใส่หน้าผมแล้วก็ขยับแว่น สงสัยจะเล็งหาผักบุ้งยอดอ่อนที่สุดล่ะมั้ง

“นี่เรายังไม่ได้บอกพี่เลยว่าฝันอะไร”

“เรื่อยๆ น่ะครับ พี่รุตต์ไม่ต้องสนใจ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับรินอีกต่อไปแล้ว” เขาเงียบไปเมื่อผมเอ่ยชื่อน้องสาวเขา สุดท้ายพี่ชายของคนที่ตายเพราะผมก็ก้มหน้าจมอยู่กับความเงียบ

“พี่ถามเราซีเรียสหน่อยได้มั้ย”

“ครับ”

“เมื่อไหร่วินจะเลิกลงโทษตัวเองสักที”

“ลงโทษตัวเอง? วินน่ะหรอ?” ผมลงโทษตัวเองตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย

“ใช่ วินนั่นแหล่ะ” พี่รุตต์ย้ำความคิดเขาแล้วขยับแว่นอีกครั้ง
“เราน่ะ ไม่ยอมมีความสุข ไม่รู้ตัวรึไง”

“พี่อย่าบ้า ที่วินทำ วินลงโทษคนพวกนั้นต่างหาก!” ผมวางตะเกียบแล้วถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ เขาคิดว่าเขาเป็นจิตแพทย์ที่กำลังวินิจฉัยอาการคนป่วยอยู่รึไง ผิดแล้ว ข้อแรก ผมไม่ได้ป่วย ข้อสอง เขาไม่ใช่หมอ

“หรอครับ ปกติแล้วคนที่ถูกทำโทษต้องไม่มีความสุข”
“แต่ตอนนี้ ทุกคนมีความสุขกันหมด ยกเว้นวิน”

ผมเงียบเพราะไม่อยากเถียงอะไร หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ผมไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียง
พี่รุตต์ถอนหายใจบ้าง เขาดึงมือผมไปจับไว้ ลูบอย่างแผ่วเบาแล้วบอกกับผมตรงๆ

“วิน มีความสุขได้แล้วนะครับ”
“วินไม่ได้ผิดอะไรเลย พี่บอกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ?”

“แล้วอะไรที่ทำให้พี่รุตต์คิดว่าวินกำลังไม่มีความสุข” ผมถามกลับบ้าง อยากรู้รายละเอียดที่ประกอบกันขึ้นเป็นตรรกะของเขาเหมือนกัน

“วินไม่อยู่กับคุณอาสุ”
“อาสุเขารักวินมากนะ”

“อะไรอีกครับ”

“วินไม่มีความรักเสียที”

“นี่หรอเหตุผลที่ทำให้พี่คิดว่าวินไม่มีความสุข”
“ขอแย้งนะครับ วินโตแล้ว อยากออกมาอยู่คนเดียว และปัญญาวินก็อยู่ได้แค่บ้านหลังเล็กๆ ริมน้ำ ท้ายชุมชนหลังวัดนั่น และอีกอย่าง ที่วินไม่มีความรักก็เพราะไม่มีคนที่เจ๋งพอที่วินจะรัก”

“แล้ววินรักคนแบบไหนล่ะ ตอบพี่ได้มั้ย?”

“คนที่.....” ผมขมวดคิ้วเรียกสเปคคนรักที่คิดว่าอยากจะมีขึ้นมาในหัว
“คนที่รักวิน เข้าใจในตัววิน แล้วก็รับได้ในความเป็นตัววิน”
“คนที่ ต่อให้วินอยู่ในสลัมท้ายวัด ก็ไม่รู้สึกรังเกียจอะไร คนที่ไม่สนใจว่าวินจะเป็นลูกใคร”
“ที่สำคัญ ไม่สนใจจะขุดคุ้ยอดีต ขอแค่นี้”


“งั้นก็ง่าย”
“พี่สมัครเป็นตัวเลือกวินตอนนี้เลยได้มั้ย”

“ตลก!” ผมดึงมือออกทันที พี่รุตต์หัวเราะจนตาหยีแล้วก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาอำผมเล่น

“อย่าซีเรียสสิ ก็วินไม่บอกคุณลักษณะสำคัญนี่นาว่าต้องเป็นหญิงเท่านั้น”

“วินก็ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น วินอาจรักทอมก็ได้”

“ครับ ว่าไงก็ว่าตามกัน”
“งั้นก่อนไป พี่คงต้องขออะไรวินสักอย่าง”

“ไป? พี่รุตต์จะไปไหนครับ”

“พี่จะไปเป็นอาจารย์ที่ยูในญี่ปุ่น”

หรอ? เพิ่งรู้ ตัดสินใจนานรึยัง ไม่คิดจะบอกกันบ้างหรอวะ แม่ง น้อยใจเถอะ
ผมไม่ได้พูดสิ่งที่คิด แต่สีหน้าก็คงฟ้องเขาหมดแล้ว พี่รุตต์ยิ้มให้อย่างใจดี แล้วก็ดึงมือผมไปจับใหม่

“มีอะไรที่ทำให้เศร้าแล้วไม่รู้จะพูดกับใครก็โทรหาพี่ เมลก็ได้ ติดต่อทางไหนก็ได้ ไปหาก็ได้”
“อย่าเก็บตัวมากกว่านี้นะครับ”
“แล้วก็...ถ้าเจอคนที่มีครบคุณสมบัติ ก็รักเขาเถอะ”

รักเขาเสียเถอะ ถ้าพบคนที่มีครบคุณสมบัติที่ต้องการ
คำสั่งเสียแสนง่าย แต่พี่รุตต์ก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่ามันเป็นการกระทำที่ยากมากสำหรับผม
ผมรักใครไม่เป็น
ถ้ารักเป็น น้องสาวเขาคงไม่ตาย

พอถูกจ้องอย่างตั้งความหวัง ผมเลยต้องพยักหน้าตกปากรับคำไปเสียให้มันจบๆ
พี่รุตต์ยิ้มพอใจแล้วก็สอยผักบุ้งผัดเข้าปาก คนนี้ก็ไม่ได้แปลกน้อยไปกว่าผมนักหรอก ทั้งที่พ่อแม่เขาด่าผมสาดเสียเทเสีย เขาก็ยังคงรักคงเอ็นดูผมเหมือนเดิม พี่รุตต์เคยแตกหักกับแม่เพราะพยายามอธิบายเหตุผลว่าเพราะอะไรผมถึงไม่ใช่คนผิด แต่ใครกันจะเสียเวลาฟัง

“แล้วพี่รุตต์จะไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ครับ”

“หืม? ก็อีกราว 4 เดือน”
“กลัวเหงาก็รีบหาแฟนเข้าสิ”

“วินมีไอ้โอม ไม่เป็นไรหรอก”

“น้องโอมเขาก็ต้องมีชีวิตส่วนตัว จะตัวติดอยู่กับวินได้ถึงเมื่อไหร่กัน” ก็จริง...แต่เวลาที่ต้องแยกกันยังไม่มาถึง แล้วทำไมผมถึงต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับการอยู่คนเดียวบนโลกด้วยล่ะ

ผมยักไหล่ไม่แคร์แล้วก็เรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งน้ำอัดลมเพิ่มอีกแก้ว แน่นอนว่าถูกเขามองปรามๆ เพราะพี่รุตต์ไม่ชอบให้ผมดื่มน้ำไม่มีประโยชน์ แต่ใครจะแคร์กันล่ะ?


จากที่คิดว่าจะไปอาศัยนอนคอนโดหรูๆของพี่รุตต์ ผมก็ระเห็จกลับบ้านหลังเล็กและนั่งทำรายงานอยู่คนเดียว เสียงแอร์หึ่งๆ ห้องผมไม่น่าฟังเท่าแอร์ห้องพี่รุตต์เลย เฮ้ออ หรือว่าผมควรกลับไปอยู่ในที่ที่ใครๆ ต่างเห็นว่าสมควร
... อยู่กับแม่ใหญ่...
คิดอีกทีก็ได้ข้อสรุปว่าอย่าดีกว่า ผมเป็นคนดื้อเอง ดื้อมากด้วย เพราะฉะนั้นผมก็ต้องอยู่กับเส้นทางที่ผมเลือกให้ได้
“อืม อันนี้ทำไงวะ” การบ้านเดี่ยวที่ทำค้างไว้หลายวันก่อปัญหาให้ผมอีกครั้ง และก็ต้องได้รับการแก้ไขด่วนๆ ด้วย เพราะต้องส่งวันเสาร์นี้แล้ว
ไอ้โอมเป็นที่พึ่งแรกและที่พึ่งเดียวของผม แม้จะเกือบตี 2 แล้วแต่ผมก็ไม่รู้สึกผิดที่โทรศัพท์หามัน
“อันโหล” ควาย อันห่าอะไรจำนวนเป็นโหล ผมหัวเราะชอบใจที่ได้กวนมันตอนดึก ปล่อยให้มันตั้งสติสักพักก็บอกธุระ
“กูทำการบ้าน แต่งง ส่งของมึงมาให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อย”
“บ้านไรอ่ะ คืนจานหมดแย้ว” หาวตบท้ายให้ฟังอีกต่างหาก ไอ้โอมนี่ตลกดีจริงๆ ผมข่มเสียงหัวเราะไว้แล้วก็บอกชื่ออาจารย์ที่ใจดำสั่งการบ้านกันได้ลงคอ
ไอ้โอมรับคำว่าจะส่งการบ้านที่มันเองก็ยังทำไม่เสร็จดีมาให้ผมดู รออยู่ครู่เดียวเมลก็เด้งขึ้นเตือน ไอ้ห่านี่มีวินัยดีจริงๆ
ผมอ่านการบ้านมันดู ถึงได้รู้ว่าของตัวเองยังขาดข้อมูลอยู่มาก
เรื่องลอกงานนี่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ทำอยู่แล้ว ถึงอยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะเราศึกษาทฤษฎีเดียวกันนี้แบบต่างองค์กร ฉะนั้นก็ทำได้แค่ดูเป็นแนวทางเท่านั้น
ไอ้โอมเลือกศึกษาข้อมูลบริษัทผลิตภาพยนตร์โฆษณา ของผมเลือกนิตยสารครับ
ผมเจอข้อมูลบางอย่างของมันที่น่าสนใจ ก็เลยโทรหามันอีกรอบ ไอ้ “อันโหล” โผล่มาต้อนรับอีกตามเคย
“โอม”

“อืม”

“มึงรู้จักหุ้นส่วนนิตยสาร....ด้วยหรอวะ”

“อื้อ พี่โป๊ะไง”
“ข้อมูลการบ้านกูก็ได้จากพี่โป๊ะนี่แหล่ะ”
“มึงเอาไรมั้ย มึงทำสื่อไรวะ”

“นิตยสาร”

“เดี๋ยวกูบอกพี่โป๊ะให้”

“เฮ้ย! ไม่ต....” ไม่ทันแล้วครับ ไอ้ตัวดีวางสายไปแล้ว ครั้นจะกวนมันอีกรอบก็ใช่ที่ ผมเลยปรินท์งานไอ้โอมออกมา กะว่าจะอ่านในกระดาษก่อนนอนเพราะเริ่มรู้สึกปวดหัวตาขึ้นมาหนึบๆ

กระดาษ 20 กว่าแผ่นอยู่ในมือผมที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงในห้องนอน แต่อ่านไปได้ไม่กี่แผ่น ผมก็ผล็อยหลับ....



พระอาทิตย์ดวงเดิมเดินมาทางมาถึงพิกัดใกล้เคียงกับเมื่อวาน ผมถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ เสียงกรี๊งงงงงเหมือนโลกนี้กำลังเกิดเพลิงไหม้ปลุกประสาทผมได้ดีมากๆ
ผมทำความเข้าใจตัวเองอยู่พักหนึ่งจึงจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ทำอะไรค้างไว้ อ่านการบ้านไอ้โอมนี่เอง
เรื่องหน่วงใจมาเคาะผนังอกผมทันทีที่นึกถึงชื่อที่ไอ้โอมเอ่ยถึงเมื่อคืน

มันจะบอกไอ้พี่โป๊ะให้ว่าผมต้องการข้อมูลนิตยสารหัวนั้น อืมมม ไงดีล่ะ?
ผมควรรับความช่วยเหลือของเขารึเปล่า
เมื่อเช้านี้ไอ้หมอนี่เพิ่งพูดเสียงทุ้มๆ ใส่ผมว่าจะจ้างไปทำงานที่ร้าน เพื่อผมจะได้มีค่าเล่าเรียนส่งเสียตัวเองได้
แล้วนี่ยังจะยื่นมือมาช่วยเรื่องข้อมูลบริษัทที่ผลิตนิตยสารนี้อีกหรอ?
บอกตรงๆ เลย ผมไม่อยากติดหนี้ใคร ไม่อยากพึ่งพาใครให้ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองถูกริดรอน
ใช่ว่าหยิ่งนักหนา แต่ผมมีเรื่องที่ภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่มากนักหรอก

“ช่างแม่ง” ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ปล่อยมันไปตามดวงก็แล้วกัน ผมคิดแบบนี้ เพราะไม่อยากลงทุนลงแรงโทรหาไอ้โอม เพื่อให้มันไปบอกพี่ชายสุดที่รักของมันว่าไม่ต้องมาช่วยอะไรผม เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นความวุ่นวายมากกว่าหากว่าไอ้โอมยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรกับพี่โป๊ะสุดสวาทขาดใจของมัน มันก็ต้องมาจี้ถามเหตุผลจากผมอีกว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากให้เขาช่วย
เอาเป็นว่า ถ้าไอ้พี่โป๊ะโผล่มาวุ่นวายอะไรกับผม ผมก็จะปฏิเสธไปยังสุภาพระดับสูงสุด


RRRRRRR
โทรศัพท์ข้างล่างดังขึ้นตามเวลา
กลุ่มคนที่โทรเข้าเบอร์ 02 นี่มีราว 3 คน
คนนึงขับรถเก่ง อีกคนทำกับข้าวเก่งมาก และอีกคนสั่งการเป็นเลิศ
ผมไม่ลงไปรับโทรศัพท์ ซึ่งมันก็เงียบไปหลังจากดังอยู่ 3-4 ครั้งตามปกติ
ส่วนความเคลื่อนไหวในไอโฟนเข้านี้ มีข้อความแจ้งเงินเข้าซึ่งก็คือเงินเดือนประจำที่ผมได้รับอยู่ทุกๆเดือน จำนวนก็พอเลี้ยงตัวได้ครึ่งปี ถ้าอิงตามไลฟ์สไตล์ของผม ณ เวลานี้
ไลน์ก็มีข้อความในห้องรวมงานกลุ่มของเพื่อนป.โท ที่ผมไม่ค่อยโต้ตอบอะไรมากนัก ไลน์กลุ่มทั้งรุ่น ไลน์ที่คุยกับพี่รุตต์ และไอ้โอม

น่าแปลกใจเหมือนกันที่ผมอ่านข้อความมันก่อนของพี่รุตต์
-บอกพี่โป๊ะให้แล้ว อยากได้อะไรลิสต์เลยนะมึง ส่งเมลหาเขาเอาเอง- มันส่งเมลของไอ้พี่โป๊ะมาให้ผมด้วย

wrin@.... ชื่อเมลทางการเลยนี่นา เพราะหลังแอสไซน์คือชื่อบริษัทแน่ๆ
อืม เอาไงดีล่ะ ไม่อยากกวนเลย แต่อีก 2 วันต้องส่งการบ้านแล้วด้วย
เท่ากับว่า ถ้าผมขอข้อมูลเขาวันนี้ แล้วได้ภายในวันนี้ ผมมีเวลาทำการบ้านอันแสนยากเย็นนี้ 2 วัน
แต่ถ้าเล่นตัว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ข้อมูลเมื่อไหร่ ผมอาจไม่มีโอกาสได้แบกการบ้านไปส่งก็ได้
เอาวะ นี่ผมทำเพื่อการศึกษาหรอกน่ะ

ผมตัดสินใจตื่นและทำตัวกระปรี้กระเปร่า เดินด๊อกแด๊กเข้าห้องน้ำและลงมากินข้าวเช้าที่มีคนนำมาให้พร้อมสรรพ วันนี้มีต้มจืดที่ชอบ แล้วก็ธัญพืชอบแห้งและนมถั่วเหลืองเคียงข้างเหมือนเคย
แต่ว่า วันนี้มีบางอย่างผิดปกติอยู่ที่หน้าบ้านผม

รถยนต์

“แบบนี้ตลอด” ผมบ่นเมื่อเดาได้ว่ามันมาได้ยังไง เบอร์ที่จำได้แม่นผุดขึ้นทีละตัวตามคำสั่งจากนิ้วผม เมื่อครับ 10 หลักก็กดโทรออก ปลายสายรับอย่างว่องไวและส่งน้ำเสียงหวานหยด

“ชอบมั้ยลูก”

“แม่ใหญ่ครับ ก็รู้ว่าวินไม่เอา”

“แล้วหนูจะไปเรียนยังไง ไอ้นั่งมอเตอร์ไซค์มาท่าเรือแล้วล่องเรือหัวแดงหน้าดำน่ะไม่เอาแล้ว แม่ห่วง”
“ขับไปเรียนไงลูก เฉพาะวันไปเรียนก็ได้นะ นะครับวิน”

“.........” พูดไม่ออก แต่ไม่อยากได้ ไม่อยากรับอะไรทั้งนั้น

“วินครับ” แต่แม่ใหญ่เป็นป้าผมครับ เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ศัพท์ภาษาจีนคำแรกเธอก็เป็นคนสอนให้ ไอ้คำว่าหว่อนี่แหล่ะ  และก็ได้อยู่คำเดียว
“ลูกวิน”

“ครับ วินจะขับ เฉพาะวันไปเรียนนะครับ”
“พอแล้วนะครับ ไม่ต้องส่งอะไรมา วินอยู่ได้”

“ครับลูก”
“อื้อ จะไปญี่ปุ่นเพื่อส่งพี่รุตต์เขามั้ย”

“ไม่ส่งครับ” ผมตอบอย่างรวดเร็ว ผมกับพี่รุตต์ก็แค่สนิทกัน แม้เขาจะเป็นหนึ่งไม่กี่คนในโลกที่ผมยอมให้เข้าใกล้ แต่สำหรับเขาแล้ว ผมอาจเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตที่น่ารำคาญของเขาก็ได้ ผมไม่ชอบถ่วงความเจริญใครหรอก

“เหงามั้ยครับ”

ผมไม่ตอบ แต่ยอมรับว่าคิดตาม
เหงาหรอ? คงไม่เหงาหรอก ก็มีไอ้โอมอีกคนนี่นา หรือถ้าโอมไม่ว่างมาคุยกับผมเลย ผมก็ยังมี.....นก เสียงเรือ ฟ้าสีส้ม สายลม และความเงียบ

ผมคงไม่เหงาหรอก


“แค่นี้นะครับ” ผมตัดบทแล้วเดินไปสำรวจรถ ตลกดีจริงๆเลยป้าผม ทั้งที่รู้ว่าผมมาอุดอู้อยู่ในบ้านไม้ท้ายซอยข้างวัดแบบนี้ ยังอุตส่าห์ซื้อรถเต่านำเข้าจากยุโรปมาให้ ป้ายแดง สีเหลืองอี๋ซะขนาดนี้ ผมไม่สะดุดตาชาวบ้านเลยเนอะ

ผมมุดเข้าโผล่ออกจากรถอยู่หลายนาทีเหมือนกัน เพื่อสำรวจว่าไอ้รถคู่มือนี้จะทำให้ผมถูกใจได้มากน้อยแค่ไหน คะแนนในหัวข้อสปอยล์หลานของป้าสุครั้งนี้ เอาไป 8 เต็ม 10 ครับ หัก 2 คะแนนเพราะผมไม่ชอบสีเหลือง และป้าไม่ถามผมก่อนว่าถ้าจะเอารถ จะเอายี่ห้อไหน รุ่นอะไร ผมก็มีรุ่นในใจเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน2(7-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 07-11-2014 20:41:41

กิ๊งก่องงงงง
ปรากฏการณ์ประหลาดมากเกิดขึ้นในชีวิตผมในเช้าวันนี้
มีคนมาหาผม?
ไอ้เสร่อคนนั้นคือใคร

กิ๊งก่องงงงงง
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันน่ารำคาญมาก

“ครับ รู้แล้ว” ผมส่งเสียงปรามจังหวะนิ้วกดกริ่ง เดินไปหน้ารั้วอย่างไม่เต็มใจ รั้วบ้านผมเป็นรั้วไม้ซี่ใหญ่ที่วางติดกันถี่มาก การจะสบตากันกับคนข้างนอกได้ ต้องพร้อมใจกันเอียงหัวในองศาและรูซี่ไม้เดียวกันครับ
ผมเปิดรั้วด้วยความไม่เต็มใจนัก คนที่ยืนรอการต้อนรับจากผม ก็คือไอ้พี่โป๊ะ

“มาไงเนี่ย” คงไม่ใช่คำทักทายที่แปลกนักหรอก ใช่มั้ยครับ แต่ไอ้พี่โป๊ะก็ทำหน้าประหลาดใส่ผมอยู่ดี เขาเลิกคิ้วมองผมแล้วก็เอ่ยเอื้อนคำทักทาย

“เชิญพี่เข้าบ้านสิ”

“แล้วพี่มาทำไมล่ะครับ”

“พูดในบ้านได้มั้ย? ไม่รู้ว่าขับรถเข้ามาได้ด้วย เดินมานี่ร้อนชิบ” เขาคงจอดรถไว้ในรั้ววัดนั่นแหล่ะผมเดา และคงเป็นข้อมูลดิบจากไอ้โอมอีกเช่นเคย
ผมเบี่ยงตัวให้ ท่าทางแบบนี้ผมก็คือว่าเชิญแล้วแหล่ะ แต่ไอ้นี่ก็ยังยืนท่าเดิม ตัวแม่งก็สูงยังเสือกเซตผมตั้งขึ้นไปอีก มึงจะลงลีกส์แข่งสูงกับเสาไฟฟ้ารึไงมิทราบ

“เข้ามาสิครับ” สุดท้ายก็ต้องเชิญมัน แม่งเอ้ย ไอ้อ่อนวิน

“รถใครหรอ”

“รถวิน”

“ซื้อเองหรอ?”

“มีคนซื้อให้”

“ใคร”

“เขาเต็มใจซื้อให้ก็แล้วกัน ไม่ได้ปล้นหรือขู่ใครมาหรอก”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายซื้อให้”
“แฟนหรอ? โอมบอกไม่มี วินอกหักยับเยินจนไม่กล้ามีความรักไม่ใช่หรอ?”

หรอ? กูเป็นงั้นหรอ?
ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมที่เขารู้มาทำไมมันตรงกันข้ามกับความจริงวะ

“ตกลงใครซื้อให้”

“ผู้หญิง” ผมเลือกตอบตามคำถามเขาแทน ขี้เกียจอธิบายเรื่องจริง อีกอย่าง นายโป๊ะนี่ก็ถือเป็นประชากรชายขอบในเขตแดนส่วนตัวของผมด้วย

“อ่อ มีแม่ยก” สาดดดดดดดดดดดดดดดดด กูไม่ใช่ลิเก และกูก็ร้องเพลงลูกทุ่งห่วยแตกมาก
“แล้วแม่รู้รึเปล่าว่ามีผู้หญิงเลี้ยง”

“รู้”

“แม่วินยอมให้ผู้หญิงแก่เลี้ยงดูวินหรอ”
“เฮ้ย พี่ว่าไม่เหมาะหรอก เรายังมีอนาคตอีกไกล เขาอาจต้องการสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นอนาคตวินเลยนะ คิดดีๆ”

แล้วผมคิดอะไรผิดตรงไหนวะเนี่ย
มันมึน หรือผมงงกันแน่

ผมถอนหายใจใส่แล้วก็เดินเข้าบ้าน เขาก็เลยเลิกรบเร้าถามเรื่องรถจากผม แต่เปลี่ยนมาถามเรื่องอาหารบนโต๊ะแทน

“ทำเองหรอ?”
“ทำอาหารเก่งนี่”
“แล้วนี่กินอะไรรึยัง?”
“กินข้าวเช้าซะสิ สมองต้องการอาหารเช้า”
“เดี๋ยวพี่รอที่ชิงช้าหน้าแม่น้ำก็ได้ พี่กินมาแล้ว”

คือ....ผมเนี่ย ยังเคี้ยวข้าวไม่หมดคำดี
ยังคิดอยู่เลยว่าจะชวนเขากินข้าวด้วยดีมั้ย?
แล้วก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขามาทำไม แต่แม่งเดินออกไปรอผมตามที่บอกแล้ว
ผมช้าเอง หรือมันเร็วเกินไปกันแน่วะ?

ผมถอนหายใจอีกครั้ง ลุกจากโต๊ะกินข้าวในครัวเล็ก เดินมาหน้าบ้าน มองข้ามรถคันใหม่ไปและตะโกนบอกเขาว่า
“พี่โป๊ะ วินฟังพี่พูดไม่ทันอ่ะ เข้ามาบ้านก่อนเว้ย!”


มันขำ
ไม่รู้ขำห่าอะไรนัก ผมก็นั่งเคี้ยวข้าวให้เขามองอยู่นี่แหล่ะ
เมื่อกี้ผมชวนเขากินข้าวเช้าด้วยกัน แต่ไม่ได้แจกแจงหรอกว่าอาหารหน้าตาดีมากพวกนี้มาจากไหน แต่เขาปฏิเสธ บอกว่าพี่กินมาแล้วครับ แล้วก็นั่งดื่มน้ำร่วมโต๊ะอาหารกับผม
เขาถามหาหนังสือพิมพ์ด้วย ขอโทษนะ บ้านผมไม่ใช่โรงแรม ผมช่วยเขาแก้ปัญหาด้วยการชี้มือถือของเขา ให้แม่งรู้ว่ามึงก็อ่านๆ ในเน็ตนั่นแหล่ะ

“อิ่มแล้วครับ”
“ตกลงพี่โป๊ะมาทำไม” ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อกี้ผมถามเขาระหว่างกินข้าวว่าเขามาทำไม เขาก็บอกว่า “กินให้เสร็จค่อยพูด” ผมก็เลยทำตามนั้น

“ก็วินต้องไปทำงานกับพี่วันนี้”
“เราลืมหรอ?” ก็ไม่ลืมหรอก แต่ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยต่างหาก เอาง่ายๆ ก็คือไม่ได้สนใจจำด้วยซ้ำ ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อเอาตัวรอด เขาก็เลยยักไหล่
“ไม่ลืมก็ดี งั้นก็ไปทำงานสิ”

“ให้ทำที่ไหนล่ะ?”

“ท่าพระจันทร์” ไกลตัวกูเกิ๊นนนนน เรียนก็ตรงนั้น นี่วันธรรมดายังต้องไปที่ท่านี้อีกหรอ เบื่อนะเว้ย

“ทำอะไรครับ”

“ดูแลร้านให้หน่อย”
“จริงๆ ก็คิดไว้ว่าจะให้ไอ้โอมมันดู แต่ว่าโอมมันทำงานประจำที่บริษัทอีเว้นท์พี่ด้วย”
“ไม่ว่างดูให้หรอก”
“วินมาช่วยหน่อยก็แล้วกัน”
“พี่ให้เงินเดือนประจำ 2 หมื่น แต่ร้านพี่ต้องเรียบร้อยดี ไม่มีนอกใน ของไม่ดีห้ามมีมายุ่งเกี่ยวกับร้านพี่ ทั้งยาทั้งหนัง”

“หนัง?”
“แผ่นผีหรอครับ”

“ฮื้ออออ” เสียงถอนหายใจแม่งบอกได้ชัดมากกว่ากูเดาผิด
“ผู้หญิงสิ”
“ห้ามใครมาปี้กันที่ร้านกู ชัดมั้ยครับ”

“ครับ” แม่งแรงว่ะ

“เมื่อกี้บอกเงินเดือนประจำค่าเฝ้าร้านไปแล้ว”
“วินจะได้เพิ่มตามยอดขายในร้าน”

“ร้านพี่โป๊ะขายอะไรครับ”

“ร้านกาแฟธรรมดานี่แหล่ะ”
“สูตรพี่มีให้ เครื่องชงกาแฟ เมล็ดกาแฟสดก็มีให้ อุปกรณ์ วัตถุดิบ ลูกมือชงกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆ 1 คน”

“แล้ววินทำอะไรครับ”

“ก็ดูร้านให้ไง ดูความเรียบร้อยทั้งหมด”
“ระบบมันมีอยู่แล้วก็จริง แต่ปัญหาที่มองไม่เห็น หรือยังไม่ปูดมันก็มี ถึงได้หาคนไปดูให้”
“พี่ไม่ซีเรียสว่าต้องเข้าออกกี่โมง แต่ร้านกาแฟก็ควรเปิดแต่เช้าให้เท่าทันนักศึกษา และเด็กๆ น้องๆ เขาก็นิยมนั่งร้านกาแฟ แอร์เย็นๆ และเจ้าของร้านหน้าตาดีให้แทะเล็ม จริงมั้ย?”

“สรุปคือจ้างวินไปนั่งล่อลูกค้าผู้หญิงใช่มั้ยครับ”

“ฉลาดมาก”  เหี้ยมาก กูไม่ใช่ปก men’s health นะเว้ย จะได้ชอบให้ผู้หญิงมาจับมาจ้องน่ะ
“เอามั้ยล่ะ?”

ไม่เอาก็ไม่ถือว่าโง่มากใช่มั้ย?
คือเงิน 2 หมื่น ผมหาเองได้ ง่ายกว่านี้มากด้วย แต่มันก็น่าสนใจตรงที่ผมไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นั่งเงียบๆ ให้คนมอง คอยสอดส่องว่ามีอะไรผิดปกติมั้ยแค่นั้นเอง แทบไม่ต้องวุ่นวายกับใคร ใกล้มหาวิทยาลัย มีเวลาหาข้อมูล อ่านหนังสือ ทำเล่มจบ บลา บลา ประโยชน์ก็เยอะอยู่
เอาไงดี?

“ว่าไงไอ้ยุ่ง” คำๆ นี้ทำให้ผมเสยตามองเขาขุ่นๆ ผมไม่ได้ยุ่งซะหน่อย ผมอยู่ของผมเฉยๆ มาตลอดนั่นแหล่ะ
“อย่าเล่นตัวน่า เงิน 2 หมื่นต่อเดือน เก็บดีๆ ก็พอค่าเทอมนะ ไหนจะมาร์จิ้นจากยอดขายที่พี่ให้อีก ไปเข้าทำงานเครือเสี่ยเจริญยังไม่ได้เท่านี้เลย”
“ว่าไงครับ”

“ก็....”

“ก็โอเค ใช่มั้ย?”

“ก็ดีนะ แต่วินไม่เอาด้วยหรอก”

“เอ้าเฮ้ย! 2 หมื่นห้าเอ้า ว่าไง!” แม่งใจถึงว่ะ ผมหลุดหัวเราะแล้วก็เงยหน้ามองเขาอีกรอบ ไอ้พี่โป๊ะมองผมค้างๆ และเมื่อผมพยักหน้าตกลง เขาก็บี้แก้มผมแสดงอาการดีอกดีใจ
แล้วผมทำยังไงน่ะหรอ?

ปัดมือแม่ง!

“โอ้ยยยยย ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ กูเจ็บนะ!” ต้องร้องครับ เพราะมันเล่นใหญ่เลยรอบนี้ แม่งบีบไข่ผม ไอ้เหี้ย!

#### @ D A W N  ######

ร้านกาแฟเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในหลืบระหว่างร้านขายข้าวชื่อดัง และบ้านคนธรรมดา หน้าร้านก็คือร้านอาหารที่ยื่นออกไปในส่วนแม่น้ำ ทางเดินแคบมีกลิ่นเหม็นคาวน้ำตลอดเวลา ซ้ำยังมีกลิ่นควันจากการประกอบอาหารมาผสมเข้าไป

ผมจามไปแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ตัวเลยว่า ถ้าอยู่ที่นี่ในระยะยาวหน่อย โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจของผมจะกลับมา

พี่โป๊ะจอดรถไว้ข้างถนนหน้ามหาวิทยาลัย เขาขับรถพาผมมาร้านโดยปัจจุบันทันด่วนมาก ที่ด่วนกว่านั้นก็คือ เขาให้เริ่มงานวันนี้เลย ก็เลยหนีบผมมาที่ร้านโดยไม่ปล่อยให้ผมหาเหตุผลมาปฏิเสธอีก
ร้านเขาน่ารักดี กะทัดรัด แต่ดูไม่แคบ ด้วยเพราะทาผนังสีเหลืองอ่าน ประดับด้วยรูปวิวทิวทัศน์ในยุคเก่าๆ รูปรถเก่าๆ และเฟอร์นิเจอร์ในร้านก็เน้นสีสันและรูปแบบเก่าๆ
เข้าไปก็เจอโต๊ะ 2 โต๊ะเล็ก สำหรับลูกค้า 2 คน และอีก 2 โต๊ะใหญ่สำหรับลูกค้า 4 คนขึ้นไป ด้านในสุดคือเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เคาน์เตอร์ยกสูง มีเก้าอี้สูงปรี๊ดดดดด ให้มันนั่งโชว์แข้งยาวๆ ของมันด้วยครับ

“สวยป่ะ” ตอบไม่สวยแล้วผมจะได้กลับบ้านรึเปล่าล่ะ ผมพยักหน้าชื่นชมแล้วก็มองโดยรอบอีกครั้ง พลันสายตาก็เจอกับสิ่งที่เคลื่อนไหวได้
มนุษย์ผู้หญิงครับ
และเป็นลักษณะที่ผมเกลียดเสียด้วยสิ

“นี่ทราย”
“ทราย นี่วิน รุ่นๆ เดียวกันนี่แหล่ะ มาช่วยพี่ดูร้าน”

“อ่อค่ะ หวัดดีค่ะวิน”

“...............” ผมไม่ทักทายอะไร สายตาที่ผู้หญิงคนนี้มองผมมันทำให้หวนนึกถึงใครคนหนึ่ง

“วิน ทรายทัก ไม่ได้ยินหรอ”

“ครับ หวัดดี” ผมทักตอบตามมารยาท ใจเริ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงกระดานวาดรูป คิดถึงที่เงียบๆ ของตัวเอง

“ทรายค่ะ” ก็ได้ยินแล้วนี่ว่าผมชื่ออะไร แล้วผมก็ได้ยินไปแล้วเมื่อกี้นี่เองว่าเธอชื่ออะไร

“...............”

“วิน”

“อืม ผมชื่อวิน”
“วอแหวน สระอิ นอเนน นอเนนการันต์”
“ภาษาอังกฤษสะกดด้วย ดับบละ”

“เดี๋ยวพี่มานะทราย”
“วินมานี่!”

แล้วผมก็ถูกลากออกจากร้าน ลาก ลาก ลากมาจนถึงท่าเรือข้ามฟากไปฝั่งศิริราช

“ทำอะไร กวนตีนสาวหรอวะ? จีบเค้ารึไง?”
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามเรื่องปี้กันในร้าน ห้ามเด็ดขาด”
“แล้วก็”

“งั้นวินไม่ทำ พี่หาคนอื่นเถอะ” ผมกระชากเสียงใส่แล้วเดินลงเรือข้ามฟากแม่งเลย จ่ายไป 5 บาทไม่เอาเงินทอนด้วย ไอ้ห่านี่อะไรนัก ไม่เคยรู้เหี้ยอะไรจริงสักอย่าง แต่เอาการอนุมานของตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องอะไรผมต้องยอมให้มันลากมาด่าริมแม่น้ำแบบนี้อีก!

“วิน อย่าหนีดิ!”

“วินไม่หนีใครหรอก พี่ต่างหากที่ตามมาเอง””
“ถ้าพี่โป๊ะไม่ตามมา วินจะต้องหนีใครด้วยหรอ”

“กวนตีนใหญ่แล้วนะ”

“สิทธิ์ของวิน”

“แล้วจู่ๆ จะไม่ทำ มันเรื่องอะไรวะ ไม่เข้าใจ!”

“ก็พี่ว่าวิน!”

“แล้ววินวิเศษจากไหน ทำไมว่าไม่ได้”

“แล้วพี่วิเศษจากไหน ทำไมว่าวินได้!” หอบแดกสิครับ เถียงกันกลางแดดกลางโป๊ะเลย ผมโกยอากาศที่ไม่ได้หอมสดชื่นนักแล้วก็ขึ้นเรือ ไม่นานเขาก็เดินมานั่งด้วยแล้วก็เริ่มถามใหม่ อยากรู้จังว่าเขาไม่เหนื่อยบ้างหรอ

“เป็นไร”

“ไม่นี่ วินโอเค”

“โอเคแล้วทำไมไม่ทำงานกับพี่”

“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าพี่ไปหาคนอื่น”

“พี่ขอเหตุผล”

“วินไม่ชอบอยู่ใกล้ผู้หญิง”

“ทรายหรอ? อ้าว รู้จักกันมาก่อนแล้วหรอ?”

“เปล่า ถึงไม่ใช่ทราย แต่ผู้หญิงลักษณะแบบนี้วินไม่ชอบ”

“ทรายก็น่ารักออก ตากลม ผมสวย ตัวเล็กน่ารัก เป็นมิตร เรียนรู้เร็ว ทำงานเก่ง แล้วก็คอกาแฟ”
“จริงๆ วินกับทรายแทบไม่ต้องโคงานกันเลย วินแวะมาดูความเรียบร้อยวันละ 3-4 ครั้งก็ได้”

“ถ้าเขาดีทุกอย่าง พี่ก็ให้เขาดูร้านด้วยสิ”

“เขาก็ไม่ได้โอเคขนาดนั้น”
“อย่างวิน พี่แทร็คได้ เพื่อนไอ้โอม ตามได้ พี่รู้จักบ้านแล้วด้วย แล้ววินก็ต้องการเงินส่งตัวเองเรียน พี่รู้ปูมหลัง”
“แต่กับทราย รับมาแบบงงๆ เขาวอล์คอินเข้ามาที่ร้านตามป้าย นอกจากหลักฐานกระดาษ พี่ก็ไม่รู้จักอะไรเขาอีก”
“เพราะงั้นถึงต้องมีคนคุมร้านอีกที แล้วพี่ก็ชอบหน่วยก้านวินมากกว่า”

“วินก็ไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้อยู่ดี”

“ทำไม เหมือนแฟนเก่าหรอ?” ผมกลอกตาหนี และคิดว่าเขาคงรู้คำตอบแน่ๆ  ไอ้พี่โป๊ะถอนหายใจแล้วก็ลูบหัวผมเบาๆ

“วิน อดีตก็อดีต อย่าให้ใครหรืออะไรมาฉุดรั้งก้าวเดินของเราเลย อยู่กับความขมขื่นที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเอง มันไม่มีความสุขหรอก”

“พูดเหมือนรู้” ผมแกล้งเหน็บแล้วก็ขยับหัวหนีมือเขา ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ใครโดนตัว

พี่โป๊ะถอนหายใจบ้าง เขายกขาไขว่ห้างแล้วเบี่ยงตัวมองแม่น้ำ สายตาเขาทอดมองไปไกลแสนไกลอยู่พักนึง จากนั้นก็หันกลับมามองผม

“พี่รู้สิ ก็พี่อยู่กับความรู้สึกแบบนั้นมาตลอด”

แดดจัดกระทบผิวน้ำสีกร่อย สะท้อนแสงแยงตาผมจนแสบพร่า แต่ที่ผมยังไม่หลบลี้หรือปิดเปลือกตาหนีแสงจ้านั้น ก็เพราะว่าผมรู้สึกอยากมองสีหน้าของคนที่บอกว่าตัวเองเป็นทุกข์ อยากรู้ว่ามันเหมือนกับสีหน้าผมเวลาส่องกระจกรึเปล่า

และผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้ว


Cut




Talk : สวัสดีค่ะ
เจอกันหลังวันลอยกระทงด้วย
ขออภัยที่มาต่อล่าช้าอีกแล้ว แต่รอบนี้ลงยาวเลยค่ะ
เรื่องความถี่ในการลงฟิคของเราน่าจะเป็นระดับนี้ต่อไป เพราะเราต้องเริ่มทำเล่มด้วยไรด้วย
นอกจากชะลอเรื่องพี่โป๊ะน้องวิณณ์์แล้ว เราก็ต้องชะลอตอนพิเศษพี่นำน้องธามเช่นกันค่ะ แต่เล่มพิเศษของพี่หนึ่งน้องเจมยังสานต่อนะคะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน2(7-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 07-11-2014 22:34:01
อ่านแล้วแบบ เอ่อออ พี่โป๊ะมึนหรือน้องวินมึนกันแน่คะ555
โอมบอกข้อมูลเพื่อนก็บอกไม่หมด ก็โอเคนะ
แต่ดันบอกส่วนสำคัญครึ่งๆกลางๆ เรื่องฐานะที่บ้านน้องวินน่ะ
เลยอยากจะฮา คนนึงมึน อีกคนไม่มึน แต่รู้ไม่หมดจนมึน เลยพาอีกคนที่มึนอยู่แล้วมึนตาม

เอ่อ แอบคิดในบทสนทนานะ พี่รุตต์แอบชอบวินรึเปล่า คือดูดูแลเป็นห่วงดี
หรือเราคิดมากไปเอง ตอนพี่รุตต์พูดเล่น(มั้ง) ที่จะขอสมัครเป็นคนรักน่ะ
มันแอบคิดว่าพี่รุตต์พูดแบบจากความจริงรึเปล่า

เรื่องนี้นี่ จะพากันเศร้ามั้ย มันจะหม่นมากมั้ย
ชอบเวลาพี่โป๊ะโผล่มา แต่พอคิดอะไรขึ้นมาที อื้อหือ อึมครึมเลยอ่ะ

แอบมาอีดิทเล็กน้อย พี่โป๊ะเริ่มสนใจน้องวินแบบไม่รู้ตัวแหงๆ

รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน2(7-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 09-11-2014 18:52:36
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
ช็อคค้างไปเลยค่ะกำลังอ่านแก้มปริอยู่ดีๆ แบบ เฮ้ย!  o22 o22 o22 ตามอีโมทั้งสองเลย ตัดจบแบบค้างสุดติ่ง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน2(7-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 09-11-2014 19:41:01
เราจะรอ มาต่อขอยาวๆนะคะ น้องวินน่ารักดี  :m1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน3(22-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 22-11-2014 13:25:28
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********


ตอนที่ 3

สี่ทุ่มกว่าแล้ว ปกติผมจะอยู่ในชุดเสื้อย้วย กางเกงเลเตรียมนอน แต่คืนนี้เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม
ผมอยู่กับเขา 2 ต่อ 2
ในร้านที่แสงไฟสีเหลืองนวลดูโรแมนติก เสียงเพลงฝรั่งยุค 80-90s ขับกล่อมเราทั้งคู่มาตั้งแต่ 2 ทุ่มปลายๆ
ผมง่วงแล้วแต่เขาดูเหมือนจะยังไหว หนำซ้ำยังดูตื่นตัวมากกว่าเมื่อกลางวันด้วยซ้ำ

“ดูรึยังที่พี่เมลไปให้น่ะ” เขาทักเมื่อเห็นผมเหม่อมองฝาผนัง นายมือโปรนี่มือโปรสมชื่อดีเหมือนกัน เขารู้หมดเลยว่าผมควรรู้อะไรบ้าง และควรเรียบเรียง จัดแจงสารบัญรายงานของตัวเองด้วยหัวข้ออะไรก่อนหลัง เรียกได้ว่ารายงานที่ผมทำค้างไว้ และยังขาดข้อมูลอีกมาก คืบหน้ามาเกือบถึงเส้นชัยแล้วครับ แม้ว่าจะแลกด้วยน้ำหล่อเลี้ยงตาที่แห้งเหือดลงทุกวินาทีก็ตาม

“ดูแล้ว แต่มันง่วง ขอพักตาแป๊บนึง” ผมต่อรอง แต่เขากลับไม่เอ่ยอนุญาตหรือห้ามปราม นายมือโปรลุกไปหลังเคาน์เตอร์ในร้านตัวเองแทน เสียงช้อนกระทบแก้วใสดังตามจังหวะบิดข้อมือ ครู่เดียวผมก็รู้ว่าเขาทำอะไร

“โกโก้ร้อนช่วยได้ เหนื่อยแล้วก็พอ ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ ทันมั้ย?”

“ทันครับ” ทำไมผมว่าง่ายจัง แต่ช่างเถอะ ไว้ค่อยประเมินตัวเองตอนไม่ง่วง ผมเซฟงานและพับหน้าจอคอมพร้อมกับตั้งตารอโกโก้ร้อนๆ จากเขา ซึ่งก็รอไม่นาน

“วินทำนิตยสาร ชอบหรอ?”

“จริงๆ วินชอบวาดรูป”
“แต่มันไม่มีธุรกิจวาดรูปให้ทำมาหากินนี่ วินก็ว่านิตยสารใกล้ศิลป์มากสุดแล้ว นอกนั้นเป็นศาสตร์หมดเลย”

“ขึ้นชื่อว่าธุรกิจหาเลี้ยงตัวเองมันก็ศาสตร์ทั้งนั้นแหล่ะ”
“แล้วถ้าจบนี่ จะทำงานอะไร”

“ก็...คงลองสมัครพวกช่างภาพอะไรแบบนี้ วินทำอะไรก็ได้ที่ได้ใช้สีและจินตนาการ”

“สร้างฉาก ทำแบ็คกราวน์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ได้นะ แต่ต้องเรียนอะไรเพิ่มไปต่อยอด นี่ก็เรียนโทแล้ว ทำไมถึงเรียนโทแบบที่ต้องไปต่อยอดอีก ทำงานบนดอยกันหรอ? ไอ้โอมอีกคน” เขาพูดเหมือนบ่นๆ แล้วก็เดินไปชงกาแฟสำหรับตัวเองอีกแก้ว

พี่โป๊ะมานั่งเบียดผม ตอนแรกผมก็ดื้อโดยการกางศอกดันตัวมันออกไป แต่สุดท้ายก็โดนผลักหัวทิ้งพร้อมกับคำอธิบาย

“หลบสิ พี่จะดูให้ว่าขาดอะไรอีก”

“พี่จะรู้ได้ยังไงว่ารายงานวินต้องการอะไรบ้าง” ใช่มะ? กูไม่ได้โง่นะ อย่ามาเนียนแกล้งกู

“เฮ้อออ”
“เคยถามอาจารย์ประจำวิชามั้ยว่าวิชาที่เรียนอยู่นี่มีเกสต์มาสอนมั้ย? พี่ว่าอาจารย์เขาต้องบอกก่อนตั้งแต่สอนกันวันแรกเลยนะ เราได้ฟังอะไรมั่งไอ้ยุ่ง”

ไรวะ พูดเหมือนกูผิด
แล้วเกี่ยวอะไรกับเกสต์ที่จะมาสอน ประสาท!
ผมยื่นปากใส่แล้วก็ดื่มโกโก้จนหมดแก้ว นายมือโปรไม่ได้พูดอะไรสักคำระหว่างดูงานผม เขานั่งกระดิกเท้ากราดตาดูเร็วๆ แล้วก็พับหน้าจอผมลงเหมือนเดิม

“จะ 5 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง แล้วค่อยไปร้านต่อ”

“ไปร้านหรอครับ ผับนั้นน่ะหรอ?”

“อื้อ ผับที่โดนเด็กอวดดีมันเอาแก้วฟาดหัวนั่นแหล่ะ ดีว่าบาดไม่ลึก แต่เป็นแผลเป็นเล็กๆ เลยนะ” เขาโอ้อวดแล้วก้มหัวแหกผมให้ผมดู ไอ้ผมก็ดูตามที่เขานำเสนอ เออว่ะ จริงด้วย เป็นแผลเป็นเลย

“วินขอโทษ”

“ไม่เป็นไร โอมมันเล่าให้ฟังแล้ว พี่เข้าใจเด็กมีปมเสมอ”
“ไปเถอะ ดื่มให้หมดแล้วปิดร้าน”

“ครับ” ผมรับคำและทำหน้าที่ “ปิดร้าน” เป็นวันแรกของงาน

จะว่าไปชีวิตผมก็ประหลาดขึ้นมากเมื่อเจอเขา
ผมต้องทำงานวันนี้วันแรก แต่ก็ไม่อยากทำเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งที่บอกเหตุผลไปตรงๆ ผมก็ยังต้องทำงานที่นี่อยู่ดีเพราะสายตาเขาสั่ง
เขาไม่ได้ใช้อำนาจสั่งให้ผมยอมทำงานที่ร้านนี้แม้ว่าจะไม่ชอบเพื่อนร่วมงานเลย แต่เขาใช้ความรู้สึกเขามาเรียกร้องให้ผมอยากอยู่ใกล้เขา เพื่อมองเขาให้ชัดกว่านี้ ผมก็เลยตัดสินใจทำงานที่ร้านกาแฟนี้

ประหลาดกว่านั้นก็คือ เมื่อได้ตัวผมกลับร้านแล้วเขากลับปิดร้าน แล้วก็ขลุกอยู่กับผมและโน้ตบุ๊คที่ถ่อกันกลับไปเอามา เขานั่งเงียบๆ ช่วยผมทำรายงานเท่าที่ช่วยได้ ซึ่งผมต้องแอบกระซิบว่า เขาช่วยได้มากกกกกกก

มีการถามนั่นนี่บ้างตามที่เขาอยากรู้ แต่ดูเหมือนคำตอบจากผมจะทำให้เขางุนงงมากขึ้นไปอีก
เขาถามผมว่าก่อนหน้านี้ทำงานอะไร ผมก็บอกไม่ได้ทำ
ถามว่าแล้วได้เงินจากไหน ผมตอบมีคนให้
ถามว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมก็บอกผู้หญิง
ถามด้วยว่าใช่แม่มั้ย ผมก็บอก ไม่ใช่
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ถามผมโต้งๆ ว่า “วินขายตัวหรอ?”

แสรดดดดดดดดดดดดดด
ผมฟาดปากไปเหนาะๆ มือ มองจ้องให้มันรู้ว่าหยาบมาก! เขาถึงได้รู้ว่าผมไม่ได้ขายตัว ไอ้ประหลาดนี่ สงสัยแม่งไปฟังไอ้โอมเวิ่นเรื่องผมให้ฟัง แล้วก็ฟังไม่ได้ศัพท์ ดัดจริตจับไปกระเดียด!

การโดนฟาดปากไป 1 ที ทำให้เขานั่งห่างจากผมแล้วก็เงียบใส่ แม่งโกรธ แต่กูไม่ง้อใครไง สุดท้ายเขาก็มาสะกิดแล้วถามว่า “เย็นแล้ว จะกินอะไร ร้านป้าข้างๆ ทำอร่อย”
โธ่! อ่อน! แต่ก็รู้สึกขอบคุณเขาอยู่ดี

“กุญแจไว้ที่วินนะ”
“ของพี่ก็มีดอกนึง”

“แล้ว...ได้ให้คนนั้นเก็บรึเปล่า”

“ใคร?”

“ทรายไงครับ”

“อ๋อ ไม่สิ”
“วินคุมร้าน ทรายเป็นลูกมือ วินต้องดูแลกุญแจร้าน และกุญแจเซฟ เคลียร์นะ”

“อ้อ ครับ”

“แล้ววินขับรถเป็นรึยัง คันที่มีคนซื้อให้น่ะ จะขับได้มั้ย?” เดินกันมาสักพักเขาก็ถามขึ้น ผมต้องรีบหุบหาวเร็วๆ เพื่อตอบ

“ขับเป็นครับ”

“แถวนี้ก็ไม่มีที่จอดเนอะ”
“ไงดี แต่ขับมาก็สะดวกดี”

“ไม่เป็นไร วินชอบนั่งเรือมามากกว่า เรือด่วนก็สะดวก”

“แต่ต้องระวังตัวด้วย”

“ครับ” รับคำเป็นงั้นแหล่ะครับ ผมเป็นคนไม่ระวังตัวเลย ไม่สนใจระวังตัวถึงขนาดว่าสามารถเดินชนกระถางต้นไม้แขวนกำแพงได้แม้จะมีป้ายเตือนให้ระวังศีรษะไว้แล้วก็ตาม

“ถึงบ้านแล้วก็รีบนอนซะ”
“พรุ่งนี้เจอกันที่ร้าน”

“ครับ” ครับแล้วก็งงเอง แล้วเขาจะมาที่ร้านนี้ทำไมบ่อยๆ ก็ให้ผมดูแลแล้วไม่ใช่หรอ? หรือว่ายังไว้ใจไม่ได้ อืมมมเนอะ ก็ผมกับเขาเพิ่งรู้จักกัน คงกลัวผมเชิดเงินล่ะมั้ง

รถสปอร์ตนิ่มตูดดี แต่ฝีมือการขับรถหยาบมาก นี่เป็นการนั่งรถที่คนอื่นขับครั้งแรกของผม ตั้งแต่เกิดมาผมมีคนขับรถให้นั่งอยู่ 2 คน คนนึงเชี่ยวชาญการขับรถมาก อีกคนสั่งการเป็นเลิศ แต่นายมือโปรถือว่าขับรถห่วยที่สุด เพราะเขาใจร้อน ตามตูดใครไม่ได้ จะเสียเกียรติทันที

แป๊บเดียวก็ถึงซอยบ้านไม้หลังเล็กของผม เขาจอดรถไว้ในวัดแล้วก็เดินมาส่งผมที่หน้าบ้าน จากนั้นก็เดินกลับไปลำพัง

นายมือโปรเป็นคนดี ผมสัมผัสได้แล้วแหล่ะ
แต่ว่า ผมไม่รู้ว่าเขาดีแบบนี้อยู่แล้ว หรือดีกับผมโดยเฉพาะ
ตัวแปรที่ชื่อว่าเวลา น่าจะเป็นด่านสกัดความจริงที่ดีสำหรับผม

#### @ D A W N  ######

กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ข้างล่างตรงต่อเวลาฉันใด ผมก็ต้องตื่นตรงเวลาฉันนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องตื่นมากินข้าวเช้า และจากนั้นจะกินสาย กินบ่าย กินเย็น มันก็เรื่องของผม
สติผมค่อยๆ ตื่น เหมือนกับเปลือกตาที่ค่อยๆ แย้มแยกออกจากกัน
แสงรุ่งอรุณส่งอณูวิตามินดีเข้าตา จนผมต้องพูดขอบคุณกลับไปว่า “สัด แสบตา”
วิถีที่ไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอยของผมเคลื่อนที่อีกครั้ง

ข้าวเช้าถูกปรุงแต่ง จัดวางอย่างดีที่โต๊ะอาหาร วันนี้เมนูฝรั่ง
ผมอาบน้ำ แต่งตัวเสียใหม่แล้วมานั่งทานอาหารเช้าคนเดียว กำลังดื่มนมที่เอาไปอุ่นในไมโครเวฟเองอีกรอบอย่างมีความสุข เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็ดังขึ้น

วันนี้ผมไม่ขมวดคิ้วสงสัยว่าใครมา และคำตอบที่ผุดในใจก็ไม่ใช่ไอ้โอม

“ครับ พี่โป๊ะ” ผมรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในจังหวะที่กริ่งหยุดส่งเสียง ปลายสายบอกความประสงค์มาสั้นๆ และเขาก็ได้ตามนั้นทันที

“เข้ามาเลยครับ ประตูไม่ได้ล๊อค”


นายมือโปรพูดมากชิบหาย ถ้าเขาพูดให้ลิงหลับได้ ผมจะเป็นผู้ชนะลิงในสาขาเอาชนะความง่วงได้ทันที เพราะผมฟังเขาพูด แต่ผมก็ยังไม่หลับ แม้จะง่วงสุดๆ ก็ตาม

“แล้วการบ้าน เสร็จรึยัง”
“ส่งพรุ่งนี้ใช่มั้ย?”

“ครับ”

“งั้นก็ทำให้เสร็จ”

“อ้าว แล้วที่ร้าน”

“ก็ไปทำที่ร้านไง เดี๋ยวพี่ช่วยเอง”
“เมื่อคืนไปช่วยของไอ้โอมมันเสร็จแล้ว”

“พี่โป๊ะรับจ้างทำรายงานหรอ?”

“ไอ้ยุ่ง ไอ้บ้า!”
“พี่เห็นเป็นน้องหรอกน่าถึงได้ช่วย ไม่งั้นอย่าหวัง”
“กินต่อดิ นี่ทำเองหรือซื้อวะ หน้าตาดีเชียว”

“เอ่อ......” ถ้าตอบทำเอง เรื่องจะยาวทันทีใช่มั้ย?
“ซื้อ”

“ก็ว่างั้น ถ้าวินทำอาหารประณีตแบบนี้ได้ นิสัยคงไม่หยาบแบบนี้” แสรดดด ด่ากู ผมชูนิ้วกลางให้แล้วก็หั่นเนื้อติดกระดูกหมูกินต่อ

วันนี้เขามีพัฒนาการครับ เพราะเขามาชงกาแฟที่ครัวผมดื่มระหว่างรอผมกินข้าว
ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตเขาครบ 1 วันเต็มๆ แล้วผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาว่างมากหรอ? ไม่ทำงานประจำรึไง ทำไมมานั่งเฝ้าผม ไม่ดิ เฝ้าร้านได้นานเป็นวันๆ ตกดึกก็ไปผับ สงสัยจะรวยจัดๆ ไว้ค่อยสืบประวัติเขาเอาดีกว่า

“อื้อ” มันสำลักด้วยตัวของมันเองครับ ดูเหมือนเขาจะอยากพูดอะไรกะทันหันจนกลืนกาแฟไม่ทัน
“แค่ก แค่ก”
“พี่แค่ก แค่ก แค่ก”
“แค่ก แค่ก แค่ก” เฮ้ย เฮ้ย ไปกันใหญ่มาก ผมรีบเอาน้ำเปล่าให้เขาดื่มแล้วก็ลูบหลัง

“ดีๆ ดิพี่โป๊ะ อย่ามาตายในบ้าน เดือดร้อน วิ่งไปวัดได้มั้ย ใกล้นะ”

“กวนตีนนะยุ่ง” หายสำลักแล้วก็ปากหมา ผมยักคิ้วใส่แล้วกลับมานั่งดื่มนมของตัวเอง

“ปากหมาแสดงว่าไม่ตายแล้ว”
“แล้วเมื่อกี้พี่จะพูดออะไร”

“อ๋อ จะบอกว่าวันนี้ทรายไม่มา ขอลางาน”

“ไปไหน”

“จะอยากรู้ทำไม ไม่ชอบหน้าเขาเพราะหน้าเหมือนแฟนเก่าวินไม่ใช่หรอ?”
“ช่างเขาเถอะน่า”

“โอเค แค่อยากรู้มันสมเหตุสมผลที่จะลางานมั้ย ถ้าเหตุผลนี้พี่ยอมรับได้ วินก็ใช้ลางานบ้าง” เขาด่าผมด้วยหัวคิ้วและอาการส่ายหน้าไม่สนใจ ผมก็เลยนั่งดื่มนมต่อ

การเดินทางของผมวันนี้ รถยนต์ครับ
ผมไม่ได้นั่งเรืออย่างที่ปรารถนา และไม่ได้นั่งรถสปอร์ตของเขาด้วย
เขามาขับรถผม แหมๆ อยากขับยี่ห้อนี้ก็บอก ทำฟงทำฟอร์มมาบอกว่ารถมันจะเศร้าถ้าไม่ขับมันซะบ้าง รู้ทันหรอกน่า

เขาขับไปจอดในมหาวิทยาลัยครับ จริงๆ จอดแช่ไม่ได้ถ้าไม่ใช่บุคลากรของสถาบัน แต่เขาทำได้อ่ะ หลุดรอดเข้ามาได้แล้วก็จอดที่ชั้นจอดรถใต้ตึกที่ผมเรียน เขาดูรู้จักที่ทางทุกซอกในรั้วมหาวิทยาลัยนี้

“พี่โปร”

“อืม”

“จบที่นี่หรอ”

“อืม” โอเค คำตอบมาเป็นฉากๆ ด้วยเสียง “อืม” เสียงเดียว
“วินก็ไปเขียนคำขอซะนะ จะได้มีป้ายจอดติดหน้ารถไว้”

“ครับ” ผมรับคำแล้วก็เดินตามตูดเขาไป

ผมเป็นคนเปิดร้าน เขากระดิกตีนรอ  เออสินะ กูมันลูกจ้างนี่หว่า ผมคงลืมตัวไปชั่วขณะ
เข้าร้านปุ๊บเขาก็อุ่นเครื่องชงกาแฟ ทำความสะอาดอุปกรณ์อีกรอบทั้งที่เมื่อคืนก็ทำไปแล้ว เปิดเพลง เปลี่ยนนิตยสารอ่านเล่นในร้าน แล้วก็ออกไป อ้างว่า “พี่ไปหาขนมน่ากินมาเติมก่อน”

ผมก็เลยนั่งเฝ้าร้านอยู่เงียบๆ
เช้านี้ยังไม่มีลูกค้าโผล่มาเลยครับ ก็เหงาๆ เหมือนกัน แต่ดีว่ามีรายงานต้องทำต่อ แล้วเขาก็เอาข้อมูลมาให้ผมเพิ่มได้ แถมด้วยรายงานประจำปีให้ผมมานั่งแกะงบการเงิน ลำบากกูดีแท้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้อะไรเกี่ยวกับนิตยสารเล่มที่กำลังศึกษาเพิ่มอีกหลายประเด็น

กำลังเพลินได้ 10 กว่านาที เสียงกระพรวนจากประตูก็แว่วดัง

“สวัสดีครับ” ผมทักทายลูกค้าตามที่เคยมีประสบการณ์ถูกทักทายจากเซเว่น ท่าทางลูกค้าจะตกใจเพราะเธอมองผมด้วยตากลมโต แล้วก็หันรีหันหันขวางด้วยไม่รู้จะนั่งที่ไหนดี

“นั่งได้ตามสบายเลยครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้นิดๆ เธอก็เลยนั่งโต๊ะสำหรับ 6 คนขึ้นไปทั้งที่เธอมาคนเดียว ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่เซฟงานแล้วพับหน้าจอ เพื่อรอออเดอร์ของเธอ และรอการกลับมาของคนที่ชงกาแฟเป็น

“เอ่ออ...เมนู”

“อ่อ นี่ครับ” ผมยิ้มแหยๆ ให้ระหว่างยื่นเมนู เธอก็ก้มหน้าก้มตาดูไป ผมก็เลยโทรศัพท์หานายมือโปรแล้วบอกไปส้นๆ ว่า -มีออเดอร์ วินไม่รู้เรื่อง-

ไม่ถึง 2 นาที เขาก็กลับเข้าร้านพร้อมด้วยถุงขนมสไตล์เบเกอรี่หอบใหญ่

“อ่อออ ชาเอิร์ลเกรย์ร้อนค่ะ”
“แล้วเค้ก....”

“ยังไม่ได้ทำเลยค่ะ  แต่ถ้ารอได้ แนะนำให้นั่งรอทานนะคะ พี่กำลังจะทำ” ไอ้สาดดดดดดดดด โปรยเสน่ห์เหี้ยๆ และไม่น่าเชื่อ ว่าเธอชอบเหี้ยมีเสน่ห์

“งั้น รอก็ได้ค่ะ” ผมมองหน้าลูกค้าคนแรกของวัน สลับกับนายมือโปรที่ยิ้มหล่อให้สาว แล้วก็ผลุบหายเข้าหลังร้านไป เออเว้ย มึงก็มีแม่เหล็กดูดสาวคือตัวมึงแล้ว มีกูไว้ทำซากไรวะ?

“ขนมอย่างอื่นก่อนมั้ยครับ? เอ่อออ” ผมเหลียวไปมองที่เคาน์เตอร์
“เมอแรงก์ก็พอกล้อมแกล้ม ทานกับชาร้อนสดชื่นดี”

“ค่ะ ก็ดีค่ะ” เธอยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหน้าหลบตา ผมก็เลยมาแกะเมอแรงก์ใส่จานเคียงชา จำนวนเท่ารูปตัวอย่างที่แปะไว้ด้านในเคาน์เตอร์อีกที อืมมมม กูนี่ก็เรียนรู้งานเร็วแฮะ

เมื่อเธอได้ชาและเมอแรงก์ตามออเดอร์แล้ว หน้าที่ผมก็จบลง
ผมกลับมาหลังเคาน์เตอร์ ปีนนั่งบนเก้าอี้สูงและปั่นรายงานตัวเองต่อเหมือนเดิม

นายมือโปรทำเค้กเป็นจริงๆ ครับ ผมไม่รู้กระบวนการเพราะไม่ได้เข้าไปดูหลังร้าน แต่เขาสามารถเดินมาถามลูกค้าว่าวันนี้อยากทานเค้กมะพร้าวหรือครีมสด เธอเลือกครีมสด นายมือโปรก็โปรยต่อว่า ขอบคุณนะคะที่ช่วยเลือกเค้กให้คนทั้งโลกวันนี้

มึงเมาน้ำกร่อยแถวนี้ป่าวว้า?

ผมแอบอ้วก แต่ไม่พ้นสายตาเขาหรอกครับ ขากลับเข้าห้องครัวด้านหลังอีกครั้ง มันหยิกเอวผม ไอ้เหี้ยยยย กูก็เจ็บเป็นนะ!

ออเดอร์แรกของวัน ฟันไปเกือบสี่ร้อย
โอเค ผมรู้แล้วว่าเหี้ยมีเสน่ห์มันมีชีวิตรอดได้ยังไง หึ!!


“เสร็จมั้ยไอ้ยุ่ง”

“ยังไม่เสร็จ”

“นานจัง ชักให้เอามั้ย?”

“ไอ้เหี้ย ลามกอ่ะ” ผมหันไปด่าตรงๆ แต่เขาก็หัวเราะกลับมา โรคจิตชิบหายเสียงหัวเราะมึงเนี่ย ผมทวนๆ ดูอีกรอบ แล้วก็ป้ายสีแดงในจุดที่ผมไม่มั่นใจเอาไว้ จากนั้นก็หันหน้าจอให้เขาลองอ่านแล้วออกคำสั่งบ้าง

“พี่เติมให้ที เดี๋ยววินไปซื้อข้าวให้”

“ไม่ต้อง” มันคว้าคอเสื้อผมที่ไหลตัวลงจากโต๊ะทันทีเลยครับ
“แก้ด้วยกัน วินจะได้รู้เรื่อง แล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
“วันนี้พี่รวย ได้มาเกือบสี่ร้อย เห็นป่ะ?”

มึงก็กล้าอวดเนอะ ได้สี่ร้อยจะแดกข้าวแล้ว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่มึงอีกหล่ะ หรือได้มาฟรี?
ผมหน้ามุ่ยใส่ แต่ก็ปีนขึ้นเก้าอี้อีกรอบแล้วก็รอเขาประเมินผลงาน
นายมือโปรไม่ได้ติอะไร จุดที่ผมไม่เข้าใจเขาก็ไม่เติมให้ แต่ช่วยหาข้อมูลเพิ่มให้แค่นั้น และแล้วรายงานผมก็เสร็จทันส่งในเวลา 13.30 น.พอดีครับ ท้องร้องโครกครากกันทั้งคู่เลย

#### @ D A W N  ######

วันนี้วันเสาร์
ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ
นายจ้างผมเขาบอกว่าให้ผมหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ เพราะติดเรียน แต่ยังไงก็ต้องมาเปิดร้าน รอทรายมาก่อนแล้วก็ไปเรียน สามทุ่มก็มาปิดร้าน เท่ากับว่า อิสรภาพในการไปเที่ยวต่อกับไอ้โอมของผมหมดไปทุกวัน เพราะผมต้องกลับมาปิดร้าน ไม่ว่าก่อนหน้าจะไปเริงร่าท้าไฟที่ไหนก็ตาม

ทรายไม่มาถึงร้านสักทีทั้งที่แม่งก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว
ทำไมชีวิตผมต้องผูกติดอยู่กับเงื่อนไขที่ผมไม่ได้เปิดรับมันอย่างเต็มใจด้วยวะ?
ผมควรโทรบอกนายมือโปรดีมั้ยว่าลูกจ้างอีกคนของเขายังไม่เข้าร้านเลย มันจะเป็นการฟ้องเกินไปรึเปล่า
สุดท้ายผมก็ปล่อยเรื่องนี้ไปเพราะมันเกินเลยสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบ และตัดสินใจ ปิดร้านแม่งเลย!

บ่ายนี้ผมมีนัดส่งรายงานและฟังบรรยายจากเกสต์กิตติมศักดิ์
ไอ้โอมมาเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว มันเรียนภาษาอังกฤษครับ ส่วนผมไม่ต้อง ผมผ่านแล้ว
เราเจอกันที่ห้องเลยครับ ที่นั่งก็ใกล้ๆ กันคือแถวที่ 3 จากหลังห้อง แต่วันนี้ไอ้โอมสร้างสิ่งประหลาดใจให้กับผม
“อ้าว ไมมึงนั่งซะหน้าเลย เจ๊ๆ เค้าไม่ด่าเอาหรอ แย่งที่”

“เจ๊ๆ ไม่ได้เยี่ยวจองที่ไว้นี่หว่า” ดูมันตอบ
“เกสต์วันนี้กูรักมาก ต้องตั้งใจ มึงก็มานั่งข้างๆ กูนี่”

“ไม่เป็นไร ลำบากคนอื่นเค้า” ผมบอกปัดเพราะขี้เกียจพบเจอกับปฏิกิริยาด้านสายตาของเจ้าของเก้าอี้ในมโนแลนด์ นึกออกใช่มั้ยครับ? คือเก้าอี้ทั้งหลายมันก็อยู่มาเป็นสิบๆ ปี พวกคุณๆ แค่มานั่งไม่กี่ชั่วโมงในไม่กี่วัน ก็อนุมานเอาว่ามันจะเป็นเก้าอี้คุณๆ ไปตลอดชีวิต ใครมานั่งทับรอยตูดเป็นได้เต้นจะเป็นจะตาย ผมรำคาญอาการพวกนี้มาก

“มาเหอะ เดี๋ยวมึงก็โดนเรียกให้มานั่งหน้าๆ อยู่ดี”  ไรของมันวะเนี่ย

ผมมีแรงทัดทานความดื้อของไอ้โอมต่ำมาก ก็เลยเดินถอนหายใจมานั่งใกล้ๆ ตามที่มันเรียก
13.30 น. ในห้องคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาปริญญาโท บ้างก็พร้อมหลับ บ้างก็พร้อมกินต่อ แต่บ้างส่วนมากพร้อมคุยครับ เสียงก็เลยจอแจ
ผมก็คุยกับเพื่อนในห้องบ้าง แล้วแต่หัวข้อสนทนา เรื่องไหนที่เจ๊ๆ เฮียๆ เขาอยากให้ผมสนใจก็จะเรียกชื่อ ผมก็คุยด้วยปกติ ยิ้มแย้ม เฮฮาปกติ แต่เมื่อหันกลับมาสู่โลกของผมแล้ว มันก็มีแต่ความเงียบ และน่าเบื่อหน่าย
แม้ข้างๆ จะมีไอ้โอมที่เป็นเหมือนศูนย์รวมเพื่อนๆ ผมก็รู้สึกว่าโลกนี้มันน่าเบื่อเหมือนเดิม

“มาแล้วๆ เอกสาร”

“เฮ้ย! หยิบแจกเลย ออกไปเอากันทีละคนมันวุ่นวาย”

“เอากันไรเฮีย ทางเดินนะ อนาจารไปมั้ย”

“ไอ้ห่า กูหมายถึงไปเอาเอกสาร พวกมึงก็ลามก”

บลา บลา บลา บทสนทนาชวนหัวก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า รุ่นเด็กๆ อย่างผมก็จะหัวเราะเริงร่ากันไป ส่วนพวกเจ๊ๆ ทั้งหลายที่ถือตัวหน่อยดูจะไม่แฮปปี้ที่ทิศทางหัวข้อสนทนาในห้องมันต่ำกว่าเอว

เอกสารประกอบการบรรยายของวิทยากรถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ
องค์กรที่จะได้รับการพูดถึงในบ่ายวันนี้ คือบริษัทรับจ้างผลิตภาพยนตร์โฆษณาครับ
ไอ้โอมนั่งจ้องมองหัวข้อและชื่อผู้บรรยายด้วยใบหน้ามีความสุข
และเมื่อประตูห้องออก อัญเชิญผู้วิทยากรตัวเป็นๆ สู่สายตาชาวเรา ผมก็รู้เสียทีว่ามันมีความสุขอะไรนัก

“สวัสดีครับ นักศึกษา”
“ผมวารินทร์ วณิคพันธุ์ ครับ ผู้บรรยายพิเศษวันนี้ของพวกคุณ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ครับ มันคือ ไอ้พี่โป๊ะ




- cut -



เราจะสอบอยู่ต้นเดือนหน้าและกลางเดือนหน้า เพราะงั้นเจอกันอีกทีก็ปลายปีนะคะ >,<

ฝากพี่โป๊ะไว้ในอ้อมใจด้วย คุณคนอ่านที่คิดว่าพี่โป๊ะต้องเถื่อนดิบกันใช่มั้ย ตัวจริงแกก็อ่อนโยนอยู่น้า
รบกวนดูกันไปเรื่อยๆ นะคะว่า คนอย่างพี่โป๊ะ จะมีความรักเหมือนชาวบ้านเค้ารึเปล่า และจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง
ส่วนน้องวิน...เราว่าคาแรกเตอร์เงียบๆ แบบนี้แหล่ะที่เหมาะมือพี่โป๊ะสุดแล้ว (ฮ่าๆๆ ออกแนวคิดเองเอง สรุปเอาเอง)

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ


หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน3(22-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 22-11-2014 13:59:43
น้องวินน่ารักก ตลกอ่ะ เรียกพี่โปรว่าเหี้ยมีเสน่ห์ 55555555555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน3(22-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2014 11:16:02
พี่โป๊ะเรื่องนี้ที่เป็นพระเอกเอง ให้อารมณ์แบบหนังคนละม้วนกับสองเรื่องก่อนเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-12-2014 17:19:36
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********


ตอนที่ 4

“ตัวอย่างการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาที่พวกคุณเห็น ก็จะมีตั้งแต่ช่วงพรี-โพรดัคชั่น โพรดัคชั่น  แล้วก็โพสต์-โพรดัคชั่น ทราบมาว่าห้องนี้มีสื่อเป็นส่วนมาก ทั้งพรินท์ ทีวี วิทยุ นิวมีเดีย ไม่ว่าพวกคุณจะอยู่ระดับปฏิบัติการ หรือระดับบริหารแล้วก็ตาม สิ่งที่ผมคาดหวังให้พวกคุณทำ และควรจะทำได้ดีก็คือวางแผนการผลิตสื่อภาพยนตร์โฆษณา 1 ชิ้น สินค้าไม่จำกัด เป็นงานกลุ่มนะครับ 7-8 คน น่าจะจับกลุ่มกันเองได้ โตๆ กันแล้ว
เกณฑ์การให้คะแนน ผมไม่มายด์เรื่องชิ้นงานในท้ายที่สุด ถ้าออกมาดูดี ก็ยินดีด้วย แต่แม้จะออกมาไม่ดีเลย ตัดต่อไม่เนียน ภาพไม่สวย มุมไม่ได้ ก็ขอให้เข้าใจกันไว้ว่ามันเป็นเรื่องของประสบการณ์
สิ่งที่ผมใส่ใจมากๆ คือแผนงานโปรเจคนี้ มีคะแนนการบริหารจัดการภายใน การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล คุณมีกัน 7-8 คน พวกคุณวางสมองของกลุ่มไว้ตำแหน่งไหน คนช่างคิดทำหน้าที่อะไร คนละเอียดทำหน้าที่อะไร หัวหน้ากลุ่มคือใคร สั่งงานแบบไหน อ้างอิงจากทฤษฎีใด
ทุกขั้นทุกตอนที่ทำงาน จ่ายงาน หรือสั่งงานกัน ผมขอให้เขียนเป็นรีพอร์ทอย่างละเอียด โดยมีทฤษฎีการบริหารองค์กรสื่ออ้างอิงเสมอ
ฉะนั้น สิ่งที่ผมจะได้รับจากพวกคุณในวันสอบปลายภาคก็คือ สื่อภาพยนตร์โฆษณา 1 ชิ้น และแผนการทำงานของพวกคุณ โดยละเอียดครับ
ข่าวดีกว่านั้น วิชานี้ อาจารย์พาพิศยกให้ผมดูแลเรื่องการออกข้อสอบ และเราจะไม่มีสอบกัน
คะแนนเต็มจากการผลิตสื่อคือ 60 คะแนน อีก 40 อยู่ที่อาจารย์พาพิศ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมาจากการดิสคัสกันในห้อง”

มันพูดยาวมากกกกกกกกกกกก ผมเห็นเจ๊ๆ บางคนจนยิกๆ แล้วก็แทบทุ่มปากกาเพราะจดไม่ทันครับ หลายคนเงยหน้าจากเอกสารประกอบที่ผมว่ามันก็มีประโยชน์อยู่นะ แต่ต้องค้นคว้าเพิ่มกันอีกในเรื่องทฤษฎี ตอนนี้แทบทั้งห้องมองหน้าพี่โป๊ะเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่ามันยังเป็นมนุษย์อยู่

“สงสัยอะไรเพิ่มมั้ยครับ”
“ครับ ด้านหลัง” พี่โป๊ะยืดคอบอกตำแหน่ง เฮียหัวหน้าห้องเป็นคนยกมือครับ ดูจากตีนกาบนหน้าแล้ว เฮียแก่กว่าพี่โป๊ะแน่นอน

“สงสัยว่า ถ้าต้องทำขนาดนี้แล้ว วิชานี้ยังมีเรียนอยู่มั้ยครับ หรือว่าให้พวกเราเอาเวลาเรียนไปทำเทอมโปรเจคนี้กัน”

“เรียนครับ ผมจะมาเจอพวกคุณอีก 3 ครั้ง หลังจากนั้นจะเป็นวิทยากรท่านอื่นแล้วแต่อาจารย์พาพิศจะเห็นควร”
“ตามตารางสอบ พวกคุณสอบกันสิ้นเดือนหน้า ก็เท่ากับมีเวลา 2 เดือนเต็มๆ ในการทำเทอมโปรเจค ผมไม่เห็นว่าเงื่อนไขด้านเวลาจะมากดดันอะไรพวกคุณได้”
“และอย่างที่บอก แต่จะย้ำให้อีกที ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องเอาท์พุทที่ออกมาว่าเทพน้อยง่อยมากขนาดไหน ผมเข้าใจว่าบางคนไม่ได้สายทีวีหรือโฆษณา ไม่ชินกับการผลิตสื่อเคลื่อนไหว แต่จะให้คะแนนจากการบริหารงานในกลุ่มพวกคุณ เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวเรื่องใครกระดูกใหญ่ กระดูกเล็ก”

“ครับเชิญ” พี่โป๊ะหันหาอีกคนที่ยกมือ

“คือ มีออปชั่นอื่นมั้ยคะ แบบเลือกไม่ทำเทอมโปรเจค แล้วไปสอบเอาปลายภาค 60 คะแนน”

“อืม น่าสนใจนะครับ ทำไมถึงเลือกจะสอบล่ะครับ”

“ก็...ไหนๆ ก็ต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบประมวลอยู่แล้ว วิชานี้ก็เป็นหนึ่งในเนื้อหา จะได้ทุ่มเวลาอ่านหนังสืออย่างเดียว”

“ผมว่าแบบนั้นมันเอาเปรียบกันเกินไป”
“ถ้าคุณจะมานั่งเรียนเพื่อสอบประมวลให้ผ่าน ผมว่าคุณไม่ผ่านหรอก”
“เพราะไม่มีอาจารย์ท่านไหนออกตามตำราที่จับรวมมาเป็นเอกสารให้คุณอ่าน อาจารย์เขาออกตามเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องอแดปให้เป็น เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นโอกาสฝึก”

ดูเหมือนแกงค์ผู้หญิงจะผิดหวังที่ไม่มีออปชั่นถูกใจ เอาจริงๆ แล้วผมก็เห็นด้วยกับพี่โปรนะ ถ้าจะไม่ทำเทอมโปรเจคเพราะต้องอ่านเตรียมสอบประมวล งั้นก็ไม่ต้องทำห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหล่ะ เดี๋ยวจะกินเวลาอ่านหนังสือกันพอดี แต่ก็ไม่มีใครการันตีว่าอ่านแล้วสอบผ่าน และการได้ทำงาน ได้ลงมือจริงๆ มันก็น่าจะซึมซับหลักการมากกว่า อีกอย่าง พี่แกก็บังคับให้เขียนกระบวนการทำงาน 3 พีมาอย่างละเอียด ไม่ต้องอ่านหนังสือก็จำได้อยู่ดี

“หรือว่า จะเลือกก็ได้นะครับ”
“จะสอบ หรือจะทำเทอมโปรเจค” เขาเป็นคนยืดหยุ่นกว่าที่ผมคิดเสียอีก ไอ้โอมหันมองหน้าผมแล้วก็หันหลังไปนับๆ หัวเฮียคนอื่น คงกำลังจับกลุ่มกันอยู่ละมั้ง

สุดท้าย ห้องประชาธิปไตยจ๋าก็เลือกจะยกมือโหวตครับ แม้พี่โป๊ะจะเปิดทางให้เลือก 2 ทาง แต่เฮียหัวหน้าห้องของพวกผมบอกว่า ทำแบบนั้นมันจะก่อโอกาสลังเลภายหลังแล้วมาขอเปลี่ยนเงื่อนไขกันอีก มากมาย ไม่จบ เพราะฉะนั้นก็โหวตให้มันเหลือทางเดียว กติกาเดียว จะได้เท่าเทียมกันหมด

“พวกน้องไม่ต้องกลัวว่าตัดต่อห่วยแล้วอาจารย์จะไม่ให้คะแนนหรอก ไปจ้างตัดต่อก็ได้ แต่น้องต้องมีไอเดียในหัวไง แล้วก็เขียนระบบความคิดการวางแผนมาให้อาจารย์เขาอ่าน กำหนดจำนวนหน้ามั้ยครับ” ประโยคหลังนี่เฮียยกมือถามพี่โป๊ะ

“ไม่ครับ เทอมที่แล้วมีกลุ่มหนึ่งที่วาดแผนผังการทำงาน ขั้นตอน โครงสร้างกลุ่ม รวมสุทธิแล้วเขาส่งผม 3 แผ่น รวมหน้าปก แม็กมุมบน และเขาได้ A”

เกิดเสียงฮือฮาอีกแล้ว ห้องผมบ้าเกรดกันจริงๆ
พี่โป๊ะหัวเราะนิดๆ แล้วก็หมุนตัวกลับไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ครู่เดียว จอหน้าห้องก็เผยตัวอย่างรายงานที่เขาให้ A ขึ้นมาให้เห็น กวาดตามองแป๊บเดียวผมก็ตัดสินได้เหมือนกัน ถ้าเป็นผม ผมจะให้โคตร A เลย
พวกรุ่นพี่ส่ง 3 แผ่นจริงๆครับ แผ่นแรกเป็นปก ขนาดเอ4 แผ่นที่สอง เป็นสตอรี่บอร์ดแผ่นใหญ่ พับไว้เท่าเอ 4 กางออกมาได้การ์ตูน 8 ช่อง และมีทั้งข้างหน้า ข้างหลัง เท่ากับว่าแผ่นหนึ่งมีการ์ตูน 16 ช่อง สองแผ่นก็ 32 ช่องในการบอกเล่าเรื่องราวการทำงาน เออว่ะ แม่งเจ๋ง

“ถ้าทำได้ดีเท่านี้ หรือดีกว่านี้ ก็เอเห็นๆ จริงมั้ย” แม่งมีลูกล่อลูกชนด้วยว่ะ ผมหัวเราะอยู่คนเดียวแล้วก็หันมองไอ้โอมที่เท้าคางมองผมเงียบๆ

“อะไร?” ผมถามมันอย่างระแวงนิดๆ ไอ้นี่ทำหน้านิ่งแล้วดูโรคจิตชิบหาย

“มึงเป็นคนถ่ายรูปการทำเทอมโปรเจคของกลุ่มเรานะ กูเชื่อสายตามึง”

“อืม” ผมรับคำโดยง่าย เพราะผมก็คิดเหมือนกันกับมันนั่นแหล่ะ นอกจากถ่ายรูปแล้ว ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ผมทำได้ดีกว่าคนในกลุ่ม


วันทำการของผมยังไม่หมดอายุขัยง่ายๆ
หกโมงกว่าแล้วผมก็ยังไม่ได้เอนหลังพักตา กลับต้องมานั่งจ่อมอยู่หลังเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟ ค่ำนี้มีลูกค้านั่งอ่านหนังสือ ดูดกาแฟกันอยู่ 3 โต๊ะ และ...ทราย เธอบอกผมทันทีที่ผมเข้าร้านแล้วเจอหน้าเธอว่า เธอมาบ่ายโมง แต่ร้านปิดก็เลยโทรบอกพี่โปร พี่โปรเลยมาเปิดร้านให้...

“วิน ดื่มชาร้อนๆ มั้ย เราทำให้”

“ไม่เอา”

“จะได้สดชื่น”

“ไม่เป็นไร” ผมปฏิเสธกลางๆ ไม่ได้บอกเหตุผลเพิ่ม ไม่ได้หันไปมองหน้าเธอด้วยซ้ำ

“อ่ะ ร้อนๆ” คือ กูเพิ่งปฏิเสธไปไม่ใช่หรอวะ อะไรของผู้หญิงกันล่ะเนี่ย เซ้าซี้
“มันดีนะ สดชื่น เชื่อเราสิ”

“ขอบใจ” ผมเลยรับไว้ ขี้เกียจเรื่องมาก ควันฉุยๆ ลอยขึ้นเหนือปากแก้วสีขาวขุ่น กลิ่นหอมบางๆ ดึงมือผมไปจับหูแก้วพลางยกขึ้นดื่ม

“อืม งานดีนี่”

“ใช่มั้ยล่ะ” ทรายหัวเราะนิดๆ แล้วก็นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คู่กับผม ผมก้มหน้าอ่านการ์ตูนในไอแพด ส่วนทรายก็ก้มหน้าแชทกับไอโฟน เราต่างคนต่างเงียบ ลูกค้าก็เงียบ ทำให้เสียงเพลงที่เปิดบรรเลงคลอเคลียในร้านขับกล่อมพวกเราให้จมดิ่มเข้าสู่โลกของตัวเอง

“อือวิน”

“อือ” ผมรับคำในลำคอ สะดุ้งนิดๆ เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับฉากต่อสู้ของพระเอกในการ์ตูน

“ทำไมไม่ชอบเรา”

“เปล่านี่” ปากผมพูดคำนี้จนชินแล้วครับ ไม่ได้คิดด้วยซ้ำก่อนจะพูดไป แต่กลับทำให้ผู้หญิงข้างๆ ผมยิ้มออกมา

“ดีจัง คิดว่าโดนเกลียดซะอีก”
“เราชอบวินนะ”
“เฮ้ย! เราหมายถึง อยากเป็นมิตรไว้ อยากเป็นเพื่อนด้วย เราอยากทำงานที่ร้านนี้นานๆ ถ้าอยู่แล้วอึดอัดใจ มันก็ไม่ดี”

“เราไม่ทำงานที่ร้านนี้ก็ได้ ทรายจะได้ไม่ต้องอึดอัด แล้วก็ไม่ต้องพยายามทำตัวเป็นมิตรกับเราด้วย”

“เฮ้ย! เราไม่ได้หมายความว่าอยากให้วินไปที่อื่นนะ”
“คือ จะพูดไงดี”

“ช่างเถอะ เราไม่ได้สนใจ”
“ทรายก็ไม่ต้องมาสนใจเราหรอก”

“ก็เราสนไปแล้วนี่”

ผมเงียบใส่หลังจากส่งเสียงถอนหายใจดังๆ ให้เธอได้ยิน จะได้รู้ว่าผมไม่ได้เต้นตามเรื่องอึดอัดใจของเธอ ทรายควรไปสนใจพี่โป๊ะ ไปแคร์พี่โป๊ะ เพราะนั่นคือนายจ้าง คือคนจ่ายค่าจ้าง ผมมันก็แค่ลูกจ้างเหมือนทราย จะมาสนใจผมทำไมกันเล่า

“คงไม่มีลูกค้าแล้ว 2 ทุ่มกว่าแล้ว ไปเข้าร้านเหล้ากันหมดแล้วมั้ง”
“เรากลับก่อนนะ”

“อือ”
“อ้อ! พรุ่งนี้เรามีเรียนแค่บ่าย ทรายจะมาร้านกี่โมง มาไวหน่อยได้มั้ย เปิดร้านแล้วเราจะไปห้องสมุด”

“อ๋อออ ได้สิ เดี๋ยวเรารีบมา”
“กินข้าวเช้าด้วยกันมั้ย เดี๋ยวซื้อมาเผื่อ”

“ไม่เอา เรามีคนดูแลแล้ว ขอบใจ” ผมบอกตามความจริงแล้วก็ก้มหน้าอ่านการ์ตูนในไอแพดต่อ ดูเหมือนทรายจะจ้องผมอยู่พักหนึ่งแล้วก็รูดตัวลงจากเก้าอี้สูงหลังเคาน์เตอร์ ถอดผ้ากันเปื้อนที่มีโลโก้ของร้าน แล้วก็ออกจากร้านไปโดยทิ้งคำว่า “เจอกันพรุ่งนี้นะวิน” ไว้บนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าข้างตัวผม

3 ทุ่มครึ่ง
ผมหาวหวอดและเตรียมตัวปิดร้านเพื่อกลับบ้าน
วันนี้คงต้องพึ่งบริการแท็กซี่เพราะดึกแล้ว เรือหมด ผมตรวจดูบิลขายของและจำนวนเงินในเครื่อง เมื่อเห็นว่าตรงกันก็จดจำนวน แล้วก็แม็คใบเสร็จรวมกันเก็บไว้ในลิ้นชักตามระบบที่นายมือโปรบอกไว้เป๊ะๆ กวาดตาดูอีกรอบก็เปิดประตูร้านออกมา

“เฮ้ย! ตกใจหมด!” ตัวประหลาดแม่งยืนขวางทางผมอยู่ หน้าผมชนไหล่มันจนจมูกแทบบี้
“พี่โป๊ะมายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย!”

“เพิ่งมา ปิดร้านเสร็จแล้วหรอ ว่าจะมาช่วย”

“มาช่วยทำไม ถ้าพี่มีเวลามาช่วยวินปิดร้านพี่ก็ดูแลร้านนี้ไว้เองเลยสิ ก็ไม่ได้ดูยุ่งมากนี่หว่า”

“วินนี่เอะอะก็จะไม่ทำงานนะ ไม่ทำงานแล้วจะมีเงินได้ยังไง อย่ามารักสบายเกาะผู้หญิงกินดิ” แม่งงงง อยากจะบอกเหลือเกินว่าที่เกาะแดกอยู่ทุกวันนี้น่ะป้ากู! แต่ช่างมันเถอะ ปล่อยให้โง่เหมือนหน้าตาต่อไปก็แล้วกัน

“วินปิดเสร็จแล้ว พี่จะเข้าไปดูบิลอีกรอบก็ได้แต่วินจะกลับแล้ว”

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“วินกลับได้”

“เถอะน่า เดี๋ยวไปส่ง พี่ต้องไปแถวนั้นอยู่แล้ว”

“หือ?” มันไปมีธุระอะไรแถวนั้นวะ? แล้วหน้าผมก็คงบอกหมดแล้วว่าสงสัย อยากเสือก เขาก็เลยบอกรายละเอียดเพิ่ม

“มันมีร้านอาหารกึ่งบาร์ มาขายพี่ เจ้าของเดิมเขาจะย้ายครอบครัวไปอยู่เมืองนอก”
“พี่จะไปดูสถานที่จริง อยากรู้ว่าจะแมเนจได้มั้ย”
“สงสัยอะไรอีกมั้ย?”

“ไม่อ่ะ เมื่อกี้ก็ไม่ได้สงสัย พี่บอกเองต่างหาก” ผมแก้ตัวแล้วก็ยืนแกร่วรอเขาอยู่หน้าร้าน นายมือโปรมุดเข้าร้านไปทำอะไรครู่เดียวก็เดินออกมา

“เช็คเงินดีแล้วหรอครับ” ผมถามนำ แต่เขาแค่ยักไหล่แล้วบอกผมแค่ว่า “พี่แวะมารดน้ำต้นกระบองเพชร” แวะมาเท่านี้? โทรสั่งก็ได้มั้ง ผมสั้นหน้าเบาๆ เพื่อสลัดความง่วงและความมึนในหัว หาวปากกว้างอีกทีนายมือโปรก็ลากตัวผมไปที่รถเขาแล้ว

วันนี้ได้นั่งนิสสันสปอร์ต ฟังค์ชั่นเสริมก็รุ่นี้คือมุดรถเมล์ครับ รถห่าไรวะแม่งโคตรเตี้ย ตอนแรกผมก็ไม่เตี้ยหรอก แต่พอมุดเข้าประตูรถเท่านั้นแหล่ะ เตี้ยเลย เขาขับรถขึ้นทางด่วนมาลงท่าเรือแล้วค่อยวกมาทางพระราม 3

ร้านที่เขาแวะมาดูเป็นร้านดังเชียวครับ อยู่ติดสะพานข้ามแยกเลย เขาเลี้ยวรถเข้าร้านโดยไม่ถามผมสักคำว่าอยากกลับบ้านก่อนมั้ย จอดรถเสร็จก็เดินดุ่มๆ ลงไป ไม่ลืมหันมามองผมด้วยสายตาที่ถากถางกันว่า จะนั่งรอรากงอกจากตูดหรอ ผมก็เลยต้องลงจากรถ

“กินข้าวก่อน อยากรู้แม่ครัวทำอร่อยมั้ย”

“วินง่วง พี่กินเถอะ”

“อืม เดี๋ยวพี่สั่งเอง วินนั่งรอไปเถอะ”
“ของมาเดี๋ยวก็หิวเอง” หรอ? ตรรกะนี้ไม่เคยได้ยินว่ะ

ผมนั่งงัวเงียครู่เดียวเบียร์ก็มาเสิร์ฟ พอผมจะหยิบรินใส่แก้ว เขากลับริบไปต่อหน้าต่อตา

“นอนไปสิ” ไอ้เหี้ย กวนตีนกู ผมทำหน้าบึ้งใส่ ไม่ให้ก็ไม่แดกเว้ย

ไม่ใช่แค่เบียร์หรอกครับ ทุกเมนูที่มันสั่งมา มันไม่ให้ผมกินสักอย่าง ไอ้เหี้ยนี่เลวกว่าโคตรเหี้ย ได้ยินป่ะเนี่ยว่าท้องกูร้อง

แล้วดูอาหาร กลิ่นหอมโผงผางมาก หอมหน้าไม่อาย หอมไม่เห็นใจคนทำได้แค่ดม อาหารแม่งเลว!

“หิวมั้ยวิน”

“.............”

“หิวก็บอกว่าหิว จะได้กิน” ผมไม่ตอบอะไร แต่เริ่มหันซ้ายแลขวา พอเห็นที่หมายก็ย้ายก้นตัวเองทันที ครับ ผมเปิดโต๊ะใหม่ สั่งอาหารเอง สั่งเบียร์ด้วย สั่งทุกสิ่งที่อย่างที่อยากกิน สั่งเสร็จแล้วค่อยหันไปมองหน้ามัน

“แยกทางกันเถอะพี่ เสือกกวนตีนนัก”

“วิน เราเป็นน้องพี่ตั้งหลายปี ทำตัวดีๆ หน่อย”

“เหรอะ!”

“พี่ตัดเกรดวินได้เลยนะ”

“แล้วไง”

“อยากได้เอก็ทำตัวดีๆ”

“เลววววววว วินจะรายงานที่คณะ”

“เขาจะเชื่อใคร พี่ประวัติดีจะตาย”

“เหรอะ!”

“อ่อลืมไป วินประวัติดีกว่า นายสกุลใหญ่” ผมหันขวับไปมองเขา แต่นายมือโปรก็ยังตีสีหน้ากวนตีนเหมือนเดิม หรือว่ามันรู้แล้วว่าผมเป็นใคร หมายถึง มีฐานะทางสังคมแบบไหน ไม่หรอกม้างงงงงงงงง มันก็ยังกวนตีนผมเหมือนเดิม

“ทำซีเรียสไปได้ พี่ไม่ถือหรอกน่า แค่นามสกุลเหมือนนายแบงก์เอง” อ่อออ ดีจังที่เขาคิดว่าผมแค่นามสกุลเหมือนนายแบงก์ ในห้องเรียนก็เหมือนกัน ส่วนมากคิดว่าแค่นามสกุลเหมือนตระกูลใหญ่ แต่ก็มีพี่บางคนรู้ โดยเฉพาะพี่ที่เป็นนักข่าวสังคม แต่แกก็ไม่ได้มาหาประเด็นอะไรจากผมนัก

“ก็...ก็ รู้แล้วหรอ? โถ่ อุตส่าห์จะอำว่าวินมาจากตระกูลดัง”

“ตระกูลดังแล้วไง ขี้หอมหรอ?”
“ว่างๆ ดมให้ดูหน่อย”

“ฮึ ไอ้บ้า” ผมด่า แต่รอบนี้เขาไม่โกรธ นายมือโปรเดินมายกอาหารบนโต๊ะผมกลับไปโต๊ะเดิม แล้วก็ลากผมไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เขาทำเหมือนเมื่อกี้เขาไม่ได้กวนตีนผม และผมก็ไม่ได้ดื้อใส่เขา  หมอนี่ตักเนื้อหมูใส่จานตัวเอง ตักผักให้ผม เขี่ยหากระเทียมเจียวไปกินแล้วจิ้มผักชีมาให้ผม

ผมไม่ได้กินข้าวกับคนที่วุ่นวายแบบนี้มาหลายปีแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่กินแบบวุ่นวายก็คือเมื่อวันปีใหม่ปีที่แล้ว ผมกินข้าวกับครอบครัว แน่นอนว่ามีแค่ป้าสุเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัว คนอื่นเขาฉลองกันไปก่อนหน้าแล้ว

ป้าสุของผมก็ชอบทำอะไรวุ่นวายแบบนี้แหล่ะ ป้ารู้ทุกอย่างว่าผมชอบอะไร แต่ควรกินแบบไหน แพ้อะไรและอยากกินแบบไหน ป้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมน้ำตาไหลได้โดยไม่ต้องพูดเรื่องเศร้าเลย แค่ป้ายิ้ม ลูบหัวผม ลูบแก้มผม กอดผมไว้ บอกรักผม ชื่นชมผม สปอยล์ผมต่างต่างนานา ในขณะที่คนรอบนอกเอาแต่กร่นด่าว่าผมมันเป็นเด็กสร้างปัญหา พาแต่เรื่องไม่ดีเข้าตระกูล

แม้ผมจะหลีกหนีโลกอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่เคยปฏิเสธว่าต้องการใครสักคนที่จะยืนนิ่งเป็นแกนโลกให้ผมคว้าไขว่
และแม้จะมีป้าสุคอยเป็นแกนโลกให้ผมอยู่ก็เถอะ ลึกๆ ลงไปในใจ มันก็เคว้งคว้างอยู่กลางทะเลอยู่ดี

“อื้อนี่วิน”
“เทอมโปรเจค ไหวมั้ย”

“พี่โป๊ะอย่ามาพูดกับวินเรื่องนี้ดิ ไม่ต้องช่วย มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น”

“หรอ?”
“ดูนี่” เขาง่วนกับโทรศัพท์ครู่หนึ่งก็ยื่นมาตรงหน้าผม เห็นแล้วตะลึงตึงตึงเลยครับ อินบ๊อกซ์ในเมลที่เขาให้ไว้ในห้องมีแต่เมลจากนักศึกษาในห้องผมเมลมาถามแนวทางทำเทอมโปรเจคทั้งนั้น
“พี่ตอบหมด ทุกกลุ่มแหล่ะ ไม่ต้องกลัว ไม่ไบแอส”
“แล้ววินก็ไม่ใช่ประแภทที่พี่โปรดด้วย”
“หรือเรามีอะไรต่อกัน? บ้า!!!” ไอ้คำว่าบ้า เค้าดัดเสียงเป็นกะเทยตัวควายใจเหี้ยด้วยครับ ผมดีดข้าวใส่เขาแต่ก็ลงท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ปลาเก๋าราดพริกร้านนี้มันอร่อยถูกปากดีเหมือนกัน ไม่รู้อร่อยอยู่แล้วหรือเพราะอารมณ์ดี

“ว่าไงล่ะ กลุ่มวินทำไหวมั้ย?”

“ยังไม่ได้คุยโครงกันเลย แต่คิดว่าไม่มีปัญหาหรอก”
“วินอยู่กลุ่มเฮีย....เอ่ออ คนที่แก่สุดในห้องนั่นแหล่ะ เฮียมันทำบริษัทผลิตรายการอยู่แล้ว”

“อือ”
“ก็...มีอะไรให้อาจารย์ช่วยก็บอกแล้วกัน”

“เหร่อะ!” ผมทำเสียงกวนตีนแล้วก็กระดกขวดเบียร์ขึ้นดื่ม ส่วนนายมือโปรได้สิทธิ์ดื่มอีกแค่ที่เหลือติดก้นแก้วมันเท่านั้น

#### @ D A W N  ######
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน3(22-11-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-12-2014 17:21:50
เช้าวันนี้ของผมแปลกไป เพราะผมไม่ได้ตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก และไม่ได้นอนรอฟังเสียงโทรศัพท์ข้างล่างดังเพื่อลงไปกินข้าวที่มีคนจัดหามาให้ ผมตื่นเพราะการมาเยี่ยมของคนสำคัญ

“ตาวิน ยังไม่ตื่นอีกหรอลูก พระอาทิตย์ขึ้นโด่งไปไหนต่อไหน” แล้วพระอาทิตย์ไปไหนต่อล่ะครับป้าสุ ผู้หญิงที่แทนตัวเองว่าแม่ ทั้งที่เป็นป้าผม และผมก็เรียกว่าป้ามาลูบหัวดึงหางผมตั้งแต่หกโมงเช้า
ความงัวเงียที่ยังเกาะลูกตา ทำให้ป้าสุสามารถเดินวุ่นวายในบ้านผมเพื่อตรวจตราชีวิตผมให้อยู่ในโลกที่เธอจินตนาการถึงได้

ไม่มีบุหรี่
ไม่มีเครื่องมือเสพยาอันตราย
ไม่มีหนังสือโป๊เกินพอดี
ไม่มีซากถุงยาอนามัย
เพียงเท่านี้ป้าสุก็ปลื้มใจในตัวผมแล้ว
นอนหรี่ตามองป้าสุเดินสำรวจตรวจการบ้านงานชีวิตของผมแล้วก็อดขำไม่ได้ คือถ้าคนมันจะเลว ระดับการตรวจเลเวลแค่นี้ไม่ครณาความคิดจะเลวหรอกครับป้า

“ทำอะไรกับป้าสุ”

“แม่ก็ดูน่ะสิว่าเราอยู่ยังไง”

“อยู่เป็นปีแล้วยังต้องดูอีกหรอครับ?” ผมถามพลางลุกขึ้นนั่ง อาการหาวหวอดเรียวมือหอมโลชั่นกลิ่นดอกไม้สักดอกบนโลกใบนี้มาสู่แก้มผมเบาๆ

“พระอาทิตย์เดินทางทุกวัน โลกก็เปลี่ยนทุกวัน ไอ้เรื่องอยู่แบบเดิมๆ น่ะมันเป็นไม่ได้อยู่แล้ววิน”
“ลุกสิลูก ไปล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปทานข้าว”
“แม่มาทานกับวิน ดีมั้ย? จะได้ไม่เหงา”

“ขอบคุณครับ” ผมบอกแล้วลุกไปกอดป้าสุแน่นๆ ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป ยินเสียงบ่นแว่วๆ แต่ฟังอย่างจับใจความไม่ได้

แต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้วก็วิ่งตึงตังลงมาทานข้าว ข้าวเช้าวันนี้ต้องอร่อยมากแน่ๆ เพราะไม่ได้กินคนเดียว
ผมได้ของกำนัลอื่นด้วยครับ ไม่รู้บ้านอื่นจะเป็นแบบนี้มั้ย แต่บ้านผมเป็น ไม่สิ! ต้องบอกว่าป้าผมเป็น
ป้าสุชอบให้ผมแต่งตัวตามฤดูกาล ทั้งที่ประเทศไทยแม่งก็มีอยู่ไม่กี่ฤดู เรียกว่าใส่เสื้อกล้ามทั้งปียังไม่ประหลาดเลย

“เรียนเป็นยังไงบ้างวิน”

“ก็ดีครับ เทอมนี้ยังเรียนอยู่ แต่เทอมหน้าก็ทำเล่มจบอย่างเดียวแล้ว”
“เทอมนี้เรียนแค่ 2ตัวเอง สบายๆ”

“ตั้งใจนะลูก”

“ครับ”

“แล้วจะเลี้ยงส่งพี่รุตต์ยังไงดี”
“วินไม่ล่ำลาไม่ได้หรอกนะ พี่รุตต์เขาดีกับวินมาก”

“วินรู้”
“เอาไว้วินจะเลี้ยงส่งพี่รุตต์เอง ป้าสุไม่ต้องห่วง”
“อีกอย่าง ต่อให้พี่รุตต์ไปอยู่ญี่ปุ่นแล้ว เขาไม่หนีวินไม่พ้นอยู่ดี” ผมหัวเราะส่งท้าย แม้ว่าใจจะโหวงๆ เมื่อต้องพูดถึงพี่รุตต์ที่ผมเคยมีเขาติดตัวยิ่งกว่าเงา แต่กลับกำลังจะไม่มีกันอีกต่อไป อย่างน้อยก็ไม่มีกันและกันในระยะใกล้
“วินจะตามมมมมมมม”

“แล้วหนูอยากไปอยู่ญี่ปุ่นมั้ยละลูก”

“โอ้ย! ไม่เอาหรอกครับ วินขี้เกียจศึกษาภาษาต่างประเทศเพิ่ม ภาษาจีนที่ป้าสุหวังไว้ยังเอาไม่รอดเลย”

“ไปเที่ยว ไปพักผ่อนก็ได้”
“เอามั้ย ไปกับพี่เขานั่นแหล่ะ แล้วสบายใจก็กลับ”

“......................” ฟังแล้วแปร่งๆ ทำไมผมต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อให้สบายใจแล้วกลับมาด้วย ผมมีอะไรที่ไม่สบายใจอยู่หรอ ไม่ยักรู้

“ไงจ๊ะ?”

“ไม่ไปครับ”
“ถ้าอยากไป เดี๋ยววินบอกเอง”
“เอาเป็นว่า วินโอเคแค่เลี้ยงส่งพี่รุตต์แค่นั้น เรื่องอื่นไกลกว่านั้นช่างมันเถอะครับ”
“อีกอย่างนะครับป้าสุ วินสบายดี สบายมาก”

“แน่ใจหรอลูก ก็วันนี้มัน...”

“วันนี้ทำไมหรอครับ?”

“บ้านนั้นเค้ากำหนดทำบุญครบรอบ 5 ปีที่หนูรินนาเสีย”

“แล้ว?”

“มันก็ก่อนวันที่ตารุตต์บินไปญี่ปุ่นวันเดียว”

“อ่อ  งั้นวินจะนัดพี่รุตต์ก่อนหน้านั้นก็แล้วกันครับ วันจะได้ไม่ตีนกัน ไม่อยากให้พี่รุตต์ลำบากใจ”

“วินโอเคจริงๆ หรอลูก”

“ครับ”

“งั้นไปร่วมงานหน่อยมั้ย?”

“ไม่ครับ โลกของวินไม่ได้พวกเขาอยู่ ทำไมวินต้องไปร่วมสังคยนาด้วย”
“เขาเกลียดวิน วินก็เกลียดเขา ยุติธรรมดีออก”

“ตาวิน หนูลดความแค้นใจลงบ้างเถอะลูก”

“วินไม่เคยแค้นครับ ถ้าแค้น วินต้องอยากให้บ้านนั้นล่มจม แต่นี่วินปล่อยหมดทุกอย่างแล้ว พวกเขาก็แค่อากาศ”

“แม่ล่ะเหนื่อยใจ”
“ดื่มนมด้วยลูก”
“อื้อ เสื้อผ้ามีกลิ่นเบียร์ กลิ่นเหล้า”
“ดื่มกับใครครับ น้องโอมหรอ”

“เอ่อออ ครับ ดื่มกับไอ้โอม”

“โตแล้วน้า”
“จะ 25 แล้วลูก คิดๆ เรื่องอนาคตได้แล้ว” แล้วก็บลา บลา บลา ผมซดซุปน่องไก่เหยาะน้ำส้มพริกอย่างเมามัน เพราะมันเป็นจานโปรด เกลี้ยงแล้วก็ดืมน้ำอักๆ และหาวอีกรอบ ก็มันง่วงจริงๆ นี่นา เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็...

ก็....
ก็จัดการไอ้พี่โป๊ะอยู่นานเชียว
ซึ่งตอนนี้ มันนอนอยู่ที่ห้องว่างอีกห้องหนึ่ง ที่ชั้น 2
และยังไม่ตื่น....ล่ะมั้ง

“เอ่อ! ป้าสุครับ เจ็ดโมงกว่าแล้ว วันนี้ไม่ทำงานหรอครับ”

“อิ่มแล้วก็ไล่ป้า”
“ไปสิจ๊ะ อยากไปช่วยป้าบ้างรึยัง? หือ?”

“เอ่อ ยังครับ วินยังไม่พร้อม”
“แต่ป้าก็ไม่ควรสายเพราะมัวแต่สั่งสอนวินทั้งที่วินรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้างกับชีวิต”
“รีบไปทำงานเถอะครับ”
“สิครับ”

“ฮื้อออ ยังไงกันเรา”
“โอเค โอเค ระวังตัวด้วยนะเราน่ะ”
“ป้าไปล่ะ”

“รักป้าสุนะครับ” ผมบอกความรู้สึกแล้วลุกจากเก้าอี้ไปกอดป้าไว้ สูดกลิ่นเรือนผมหอมอ่อนๆ แล้วรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เมื่อดูแลผมจนสมใจแล้ว ป้าสุก็ปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียวเสียที

“พี่”
“พี่โป๊ะ”
“พี่โป๊ะตื่นรึยังครับ?”
“พี่โป๊ะ” ผมเปิดประตูห้องเข้าไปหาเขา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไอ้พี่โป๊ะหายไปแล้ว ไปไหนวะ


“วินนนนนนนนนนนนนนนนน”

หือ?
เสียงคนที่ควรอยู่ในห้องนี้ดังมาจากข้างล่าง ผมเลยรีบวิ่งกลับไปดู ที่ได้พบคือบ้าหอบฟางคนนึงที่หิ้วของเต็มมือเต็มแขน ใส่หมวกของผม เสื้อผมด้วย

“พี่โป๊ะ อะไรอ่ะ”

“พี่ไปซื้อของมาทำอาหารเช้าให้กิน”
“มาช่วยกันด้วยนะ เดี๋ยวได้ออกไปที่ร้าน”

“.............” ไงดีวะ คือกูอิ่มชิบหาย

“อ้าว กินแล้วหรอ?”
“กินกับใคร มีแขกมาหรอ?”
“อ๋ออออ ยัยป้าตัณหากลับที่เลี้ยงต้อยวินล่ะสิ ใช่มั้ย?”
“หรือไอ้โอมมมา ไม่ใช่อ่ะ ถ้ามันมามันต้องโทรบอกพี่ดิ ก็พี่บอกมันไว้แล้วว่าพี่มานอนบ้านวิน”
“ตกลงแอบกินข้าวเช้ากับใคร”

“เอ่ออออ” แล้วทำไมผมต้องอึกอักด้วย ก็นี่มันเรื่องของผม บ้านผม ชีวิตผม ไอ้ห่านี่ต่างหากที่ยุ่งวุ่นวาย
“เรื่องของวินเถอะน่า! พี่หิวก็ทำกินเองแล้วกัน แต่คราวหน้าอย่ามานั่งกับวินหรือบ้านวินอีกนะ”
“แล้วเสื้อ หมวก ขอกันรึยังถึงได้เอาไปใส่”

“ขอแล้ว แต่วินเอาแต่หลับ ไม่ตอบคือไม่ปฎิเสธ ไม่รู้หรอ”  ผมเงียบใส่แล้วก็หนีไปดูทีวีในห้องรับแขก นายมือโปรทำนั่นนี่เรื่อยเปื่อย แต่ก็มีกลิ่นหอมออกมาจากครัว ไม่นานนักเขาก็ถือจานข้าวโป๊ะไข่ดาวมานั่งกินหน้าทีวี ไอ้ไร้ระเบียบ!

“กินมั้ย”

“อิ่มแล้วครับ”

“อื้อ พี่เห็นซุปน่องไก่ใส่พริกตำด้วย ของชอบเลยอ่ะ ซื้อที่ไหน กินหน่อยได้ป่ะ”

“กินไปเถอะครับ” ผมไม่ตอบว่าซื้อที่ไหน แต่อนุญาตให้เขาเอาน่องไก่อุดปาก

“แล้ววันนี้มีเรียนมั้ย?”

“มีบ่าย”

“อ่อ วันนี้ร้านกาแฟปิดนะ ไม่ต้องไปดูแล”

“อ่าว แล้วไมเพิ่งบอก แล้วปิดเพราะอะไรครับ”

“มันเป็นวันที่พี่จะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้เวลากับใครคนหนึ่งเต็มที่”

“อ๋ออออ คือจะพาแฟนไปเที่ยว พูดซะยาก!”

“เปล่า ไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟนหรอก คนที่พี่จะให้เวลาเขาไม่ใช่แฟนพี่ และเราก็ใช้เวลาร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว”

“ทำไมอ่ะ”

“ก็เขาจากไปแล้ว เสียแล้ว”
“พี่แค่จะใช้เวลาทั้งวันนี้ในทุกๆ ปี เพื่อรำลึกถึงลูกแพร์น่ะ”

“ก็เรื่องของพี่”
“กินอิ่มแล้วก็กลับไปอาบน้ำที่บ้านพี่นะ เสื้อวิน เอาไปซักมาให้ด้วย ส่วนหมวกไม่เป็นไร”

“อะไรวะ ไล่กันได้ไง นี่อาจารย์นะ”

“วินไม่ได้เรียนแค่วิชาเดียวสักหน่อย” แปลว่ามึงไม่ได้สำคัญมากนัก อย่าอวดเบ่ง

“ชิ!” ชิพ่อชิแม่มึงสิ กูสิต้องชิ! ผมใช้สายตาไล่เขาอีกทีแล้วก็หนีขึ้นห้อง

ผมรู้สึกหงุดหงิดกับสีหน้า แววตา น้ำเสียง ของนายมือโปร ตอนที่เขาพูดถึงผู้หญิงของเขาที่ตายไปแล้ว
มันสำคัญนักหนารึไงกับการผูกตัวเองไว้กับอดีต
หรือถ้ามันเป็นรักที่สวยงามนัก ก็ควรตายตามความรักไปให้รู้แล้วรู้รอด! มาคร่ำครวญครางให้คนบนโลกมนุษย์สะอิดสะเอียนทำไม

“วิน พี่กลับแล้วนะ อยู่บ้านดีๆ ล่ะ”

“เรื่องของวินเถอะน่า!”

“ฮื่ออ ดื้อชิบหาย” ไม่พูดเปล่า เขาก้าวเข้ามาในห้องแล้วก็มาขยี้ๆ หัวผมก่อนจะตบแก้มเบาๆ  กูไม่ใช่เด็ก 5 ขวบ ช่วยแคร์ 20 ปีที่มึงหั่นอายุกูด้วย

แล้วเขาก็ไปจริงๆ
ผมได้อยู่กับตัวเองอีกครั้งในสายๆ วันอาทิตย์
ตอนนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมอยากอยู่คนเดียว

ผมโทรศัพท์หาคนที่เป็นหมือนหลุมดำของจักรวาลของผม ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะเขาจะดูดซับทุกอย่างที่สำรอกใส่ โดยไม่สะท้อนสิ่งใดออกมาเลย

“พี่รุตต์ วินเอง”
“เย็นนี้ว่างมั้ยครับ เรียนเสร็จแล้ววินไปหา”
“อยากเลี้ยงส่ง”

ได้สิ งั้นวินมาที่ร้าน.....
ร้านนี้ผมรู้จัก อยู่แถวสุขุวิท ปากซอยคือโรงแรมของป้าผมเอง พี่รุตต์บอกว่าเขาไปทำธุระแถวนั้นช่วงเย็นแล้วจะไปรอผมที่ร้านเลย
ลมอุ่นๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่าง บางทีกระแสลมนี้อาจจะพัดเข้ามาอยู่เป็นนิจอยู่แล้วก็ได้แต่ผมเพิ่งจะรู้สึกถึงมันในตอนนี้ในผมสงบ

บางที ทั้งโลกนี้ คนที่ทำให้หัวใจผมสงบได้ ทำให้ความคิดผมนิ่งได้ คงมีแค่พี่รุตต์เพียงคนเดียว

Cut



ฝากพี่โป๊ะกับน้องวินไว้อีกเรื่องนะคะ

สำหรับนักอ่านที่ยังไม่ลืมพี่หนึ่ง-น้องเจม
รบกวนช่วยติดตามความคืบหน้าของการรวมเล่ม Hear, me ด้วยนะคะ

^__________________^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-12-2014 18:24:52
เอ๋... กับพี่รุตต์นี่ยังไง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 19-12-2014 16:04:14
ตามมาให้กำลังใจ Khun kajidrid ค่ะ
ตามมาจาก hear me ชอบสไตล์การแต่งค่ะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของ นายโปะ ที่ชอบจิกกัด น้องเจมของพี่หนึ่งละซิ
เดี๋ยวอ่านแล้วจิกลับมาเมนท์นะค่ะ :mew3:

จริงๆ ตอนเราอ่าน hear me เราแปลกใจละ ว่า นิยายของคุณ kajidrid สนุกมากๆเลยน่ะ
แต่ทำไมหน้า page น้อยมากๆเลยอ่ะ
ใครที่แวะเข้ามา เราก็อยากจะแนะนำนะ ว่านิยาย hear me อ่านแล้วสนุกจริงๆนะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.0;nowap
ส่วนเรื่องของ พี่นำกับน้องธาม เรายังไม่ได้อ่านเลขสปอยไม่ได้ๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 19-12-2014 16:18:55
พี่โปรมาช้าอ่ะ ต้องทำคะแนนแซงพี่รุตหน่อยนะ สู้เค้าา :ped149:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 23-12-2014 00:19:11
นึกถึงครั้งแรกที่อ่านเจอพี่โปร
นี่คิดว่าชอบหนึ่ง คิดแล้วขรรม 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 23-12-2014 00:58:15
จริงๆเราชอบนิสัยของวินนะคะ ดูคล้ายๆเราเลย
แบบ ชอบอยู่กับตัวเอง พยายามทำอะไรด้วยตัวเอง จัดหมวดหมู่ความสำคัญของคน
แต่เราว่าที่มาของนิสัยเหล่านี้ เรากับวินคงจะมีที่มาต่างกัน
เราจะรอติดตามตอนต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน4(10-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-12-2014 01:21:42
อุ๊ย สนุกค่ะ รอนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 31-12-2014 02:13:53
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 5


อาการเหม่อลอยของไอ้โอมทำให้ผมยังไม่รีบเก็บดินสอและยัดเอกสารประกอบการเรียนลงกระเป๋าครับ ดูมันค่อยๆ ละเลียดเก็บของของมันแล้วรำคาญตาพิลึก ทั้งคาบก็ไม่ยื่นหน้ามาชวนผมคุยหรือชวนโดดไปดมมันสูบบุหรี่เลย
“โอม เป็นไรป่าววะ”

“เฮียกูดิ” น่าจะเป็นไอ้พี่โป๊ะนั่นแหล่ะ เฮียของไอ้โอมเนี่ย

“เฮียมึงทำไมหรอ? ตายหรอ?”

“สัดวิน ถอนคำพูดเลย ถอน ถอน” มันสั่งผมพร้อมกับแบมือรอที่คางเพื่อให้ผมบ้วนอากาศใส่มือมัน พอทำให้แล้วมันก็วิ่งไปข้างนอกห้อง อะไรมึงจะจริงจังขนาดนั้นวะโอม
“สัดวิน มึงอย่าแช่งเฮียดิวะ”
“วันนี้เป็นวันที่พี่กูเฮิร์ทสุด”

“ทำไมวะ วันอกหักหรอ?”

“อื้อ วันนี้คือวันที่ผู้หญิงที่พี่โป๊ะรักตาย”
“ตายเด็ดเดี่ยวด้วยมึง ตายเพื่อรัก”
“ผู้หญิงเขาซิ่งรถตกทางด่วน เพราะทะเลาะกับคนที่เขารัก”

“อ๋อออ เฮียมึงเป็นต้นเหตุให้แฟนตายหรอ?” โลกนี้มีคนที่ประสบการณ์เลวร้ายแบบผมด้วย คนไม่ไกลตัวเลย

“ไม่ใช่เว้ยวิน”
“กูพูดว่าผู้หญิงที่เฮียรัก เขาผิดหวังจากคนที่เขารัก ซึ่งก็ไม่ใช่เฮีย เขาก็เลยตาย”

“แล้วเกี่ยวกับเฮียมึงตรงไหน”

“ก็ผู้หญิงคนนี้เฮียรักไง!”

“แต่เขาก็ไม่ได้ตายเพราะพี่โป๊ะ ใช่มั้ยเล่า!”

“เออ ก็ใช่”

“แล้วเฮิร์ททำไม”

“มึงนี่มันใจด้านดำของจริงเลย กูกลับแล้ว!” แล้วก็สะบัดตูดหนีผมไป ผมถอนหายใจเพราะไม่ชอบโกรธกับไอ้โอม แต่แป๊บเดียวมันก็โผล่หน้าเข้าประตูมาใหม่

“วิน กินเหล้าป่าวคืนนี้”

“ไม่อ่ะ นัดพี่รุตต์” ผมบอกตรงๆ พอได้ยินชื่อนี้มันก็ทำท่าเบาอกเบาใจ แล้วก็เดินจากไปของจริง เพื่อนร่วมเรียนหลายคนร่ำลาผมพอเป็นพิธี ผมก็เอ่ยลาตามมารยาท แล้วก็แบกตัวเองมาที่รถ ผมควรขอบคุณไอ้พี่โป๊ะขี้เสือกมั้ยที่ทำให้ผมมีสติ๊กเกอร์จอดรถ และเดินทางมาเรียนแบบเหงื่อไม่ออกมากเหมือนตอนนั่งเรือเมื่อปีแรก

เอาของโยนใส่รถสีเหลืองที่จุดภาพความเป็นผู้ชายลั้ลลาให้กับผมอย่างโหดร้ายเสร็จแล้วก็เดินเข้าลิฟต์เพื่อไปห้องสมุดก่อนครับ งานเดี่ยวที่เพิ่มขึ้นแทบทุกคาบทำให้ผมร่าเริงไม่ออก แต่ก็ไม่คิดจะยกเลิกนัดกับพี่รุตต์หรอก ผมตั้งใจไปเจอเขามาก กล้าพูดเลย

พอได้หนังสือที่ต้องการแล้วก็เกิดอาการโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ผมไม่ใช่คนเรียนดี อาศัยว่าผมรับผิดชอบสิ่งที่ผมต้องทำเสมอ หน้าที่ก็คือหน้าที่ ไอ้อยากหรือไม่อยากมันไม่ใช่คำตอบที่ดีของโลกนี้หรอกครับ

แสงอาทิตย์ยาม 6 โมงเย็นเป็นสีส้มน่าดู ถ้าท้องฟ้าคือผลส้มจริงๆ และวันนี้ฝนตก ผมคงได้ลิ้มรสน้ำส้มหวานฉ่ำแน่ๆ ลมเอื่อยฉุดจังหวะการก้าวเดินของผมให้ช้าลงจนแทบจะใกล้เคียงกับการเดินทอดน่อง ผู้คนเดินสวนกันไปมาแต่กลับไม่จอแจเลยในสายตาผม ไม่รู้สิ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้

วันนี้ร้านกาแฟปิด พี่โป๊ะบอกผมไว้ แต่ไม่รู้นึกยังไง ผมเดินมาถึงหน้าร้านแล้ว
แต่แทนที่พบกับประตูไม้ทึบที่ถูกดึงมาปิดหน้าร้านจนมิด ผมกลับได้พบกลับร้านที่สว่างไสวที่ป้ายหน้าประตูเขียนว่า CLOSED ข้างในร้านเหมือนมีอีกโลกซ่อนอยู่โดยไม่อนุญาตให้ใครก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ไฟในร้าน นอกจากมีไฟปกติแล้วยังมีการประดับไฟสีสันนวลตา โต๊ะทั้งหมดถูกรวบไปชิดผนัง ตรงกลางร้านมีโต๊ะเพียง 1 ตัว และเก้าอี้ 1 ตัวเท่านั้น
บนโต๊ะมีเค้กก้อนสวย เทียนที่ปักอยู่ส่องแสงสกาว
จานเล็กถูกจัดวางในตำแหน่งตรงกับเก้าอี้
ครู่เดียว คนในร้านเพียงคนเดียวก็เดินออกจากด้านหลัง ในมือมีเครื่องดื่มสีสวย
เขาบรรจงวางแก้วเครื่องดื่มอย่างประณีต บริกรคนนี้ยืนตัวตรง จ้องมองแสงเทียนเล่มเดียวบนหน้าเค้กอยู่หลายอึดใจ เขาโน้มตัวเป่าเทียนและยืดตัวขึ้นอีกครั้ง แต่สายตายังมองอยู่ที่เค้กก้อนเดิม
ผมคิดว่าเขาร้องไห้ เขาไม่ได้น้ำตาไหลเพราะประกายแสงจากเทียนแน่นอน
ผมถอยหลังจากต้นไม้สูงเท่าผมในกระถางที่ช่วยบังตัวผมไว้ และเดินกลับไปยังที่ของผมโดยไม่หันกลับไปมองเขาอีกเลย
สีส้มของท้องฟ้าถูกกลบด้วยสีครามเข้ม ถ้าตอนนี้ฝนตกลงมา ใบหน้าผมคงมีแต่น้ำคลำ

#### @ D A W N  ######

ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่พี่รุตต์นัดผมไว้ตระหง่านอยู่ตรงหน้าแต่ผมยังไม่ก้าวเข้าร้านหรอกครับ ผมยืนปรับอารมณ์หดหู่ที่แบกติดตัวมาโดยไม่รู้ตัวอยู่หน้ารถ แต่ถอนหายใจอยู่ไม่กี่นาที พี่รุตต์ก็วิ่งอออกมาหา วันนี้พี่ชายของผมหล่อมาก
“มานานรึยังวิน”

“เมื่อกี้ครับ”

“แล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ กลัวหลงรึไง เราไม่ใช่เด็ก 5 ขวบแล้วนะ”

“ตลกแล้ว วินเนี่ยนะกลัวหลง แถวนี้ก็บ้านวินเถอะ” ผมเถียงแล้วก็ยิ้มให้วงแขนที่เหวี่ยงมากอดคอ พี่รุตต์พาผมมานั่งที่โต๊ะประจำของเขาแล้วก็สั่งเครื่องดื่มโปรดของผม

“ชาร้อนครับ” จะว่าไปก็อายเหมือนกัน ผมไม่ใช่คนชอบเครื่องดื่มแอลกอลฮอล เรียกว่าดื่มได้แต่ให้เลือกก็ไม่เอาเพราะรู้สึกว่ารสชาตมันติดลิ้นนานเกินไป กินอะไรต่อแล้วไม่อร่อย ทั้งโลกมันเฝื่อนไปหมดไม่เว้นแม้แต่มะนาวเปรี้ยวจี๊ด และที่ชอบดื่มชาร้อนก็เพราะติดมาจากป้าสุครับ

“แล้วพี่รุตต์มารอนานมั้ย”

“ไม่นานหรอก จริงๆ พี่มาธุระแถวนี้อยู่แล้ว” โกหกเถอะครับ นั่งตรงกันข้ามแต่ได้กลิ่นน้ำหอม เสื้อก็ไม่ยับเลย หน้าผ่องด้วย ดูวูบเดียวก็รู้ว่าเตรียมตัวมาเจอกัน ต่างกับผมลิบลับ เมื่อบ่ายออกมาเรียนด้วยสภาพไหน ตอนนี้ก็สภาพเดิม เพิ่มอัตราเยินไปอีก10%

“ไง ธุระวินคือ?”

“โหย วินไม่ได้มากวนสักหน่อย”
“วินนัดมาเลี้ยงข้าว เลี้ยงส่งพี่รุตต์ไปญี่ปุ่นไง ไรเนี่ย”

“อ๋อออ อันนั้นไม่ลืมหรอก แต่คิดว่าอาจจะมีธุระอะไรให้พี่ช่วยก่อน”
“แล้วเรียนเป็นไงครับ หือ?”

“เรื่อยๆ ครับ”

“จบแล้วทำอะไร?”

“ยังคิดๆ อยู่”

“จบแล้ว ระหว่างคิด ไปหาพี่นะ”

“คิดก่อน ไปญี่ปุ่นนี่ต้องเที่ยวอะไรอ่ะ วินไม่บ้าช้อปไรหรอก อ้อ! ไปตระเวนถ่ายรูปดีกว่า ได้ๆ พี่รุตต์หาที่สวยๆ ไว้รอเลย”

“เราก็คิดเท่านี้ แค่ไปหาพี่ ไปอยู่กับพี่ใกล้ๆ ไปด้วยเหตุผลแค่นี้ไม่ได้หรอครับ”

“ไม่อ่า วินไม่ได้ลูกแหง่ติดพี่รุตต์ขนาดนั้นสักหน่อย”

“แต่พี่ติดวินนี่”
“นะ”


ผมเงียบไม่ตอบ แปลว่าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ชาร้อนมาเสิร์ฟผมในที่สุด เราเริ่มต้นสั่งอาหารกัน ร้านนี้เป็นสไตล์มิกซ์คัลเจอร์ครับ อาหารหลายชาติแต่อแดปให้ถูกจริตคนไทย

เมื่อสั่งอาหารกันแล้วเขาก็จ้องหน้าผมต่อ ผมก็เลยนั่งเล่นโทรศัพท์ พี่รุตต์บ่นลอยๆ ว่า “หนีตลอด” แต่ผมไม่เงยหน้าไปถามว่าเขาหมายถึงอะไร
ผมไม่รู้ใจเขา แต่รู้สึกถึงเงื่อนงำความรู้สึกเขา และเลือกจะไม่ถามหาความกระจ่างใดๆ
ผมก็เป็นแบบนี้แหล่ะ คลุมเครือ ให้คำตอบแน่นอนกับใครไม่ได้ เพราะคนที่เฝ้าถามอะไรต่อมิอะไรจากผม มักมีคำตอบที่ใจเขาต้องการอยู่แล้ว ตอบไปก็ทำให้เขาผิดหวังเปล่าๆ เงียบไว้คงดีกว่า

“ทานกันเถอะ” พี่รุตต์ได้ฤกษ์เปิดปากอีกครั้งก็ตอนที่อาหารมาเสิร์ฟ ผมถือโอกาสสั่งไวน์ให้เขาด้วย พอเขาพองตาถาม ผมก็บอกว่า “เดี๋ยววินไปส่งที่คอนโดก็ได้ พรุ่งนี้ให้คนมาเอารถ” พี่รุตต์อมยิ้มแล้วก็ยอมรับการดูแลจากผม ซึ่งแทบจะไม่ผิดแผกไปจากการทานข้าวกันปกติเลย

เริ่มดึกขึ้น คนก็เริ่มเยอะ แต่ไปเยอะในส่วนที่เป็นบาร์เครื่องดื่มแทน ผมจิบชาร้อนคู่กับพี่รุตต์ที่จิบไวน์ ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่แต่เราก็คุยนั่นนี่กันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนถามและผมจะเป็นคนตอบ พี่รุตต์พอใจจะรู้เรื่องของเท่าที่เขาอยากรู้ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนประเภทไหน เขาก็ยังเฝ้าถาม

“อื้อวิน”

“ครับ”

“บ้านพี่เขากำหนดวันทำบุญให้หนูรินแล้ว”

“ครับ”

“มามั้ย”

“ไม่ครับ”

“งั้นเราไปแวะไปทำบุญให้หนูรินที่วัดกัน 2 คนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ก็ได้ ดีมั้ย?”

“อ้อ เอางั้นก็ดีครับ” ผมตอบเรียบๆ แต่หัวใจผมเบาหวิว มันเหมือนคำให้อภัยจากใจพี่ชายของผู้หญิงที่ตายเพราะผม พี่รุตต์ยื่นมือมาจับมือผม แล้วค่อยเลื้อยมาจับแก้ม เขายิ้มให้ และหัวใจผมก็รับความอ่อนโยนนั้นไว้โดยดี

เสียงเพลงฝรั่งยุคเก่าๆ ดังแว่วเข้าหู ดูเข้ากับคนจิบไวน์มากกว่าคนจิบชา แต่ผมไม่ถือหรอก ก็ผมชอบของผมแบบนี้นี่นา

“ง่วงมั้ย”

“ยัง พี่รุตต์ง่วงหรอ? หรือเมา”

“3 ขวดเอง ไม่เมาครับ แต่วินบอกจะไปส่งแล้วนะ” เขารีบดักคอเชียว คงกลัวผมชิ่งล่ะมั้ง
“ค้างห้องพี่มั้ย”

“....................”

“หืม?”

ผมละสายตาจากขอบแก้วชาโค้งมนเพื่อเงยหน้าสบตากับเขา สีหน้าพี่รุตต์จริงจังจนผมไม่อาจทำเป็นไม่รู้อะไรได้ ผมเงียบใส่เขามานานเกินไปแล้วสินะ

“ครับ” ตอบแล้วก็ยิ้มให้ พี่รุตต์อมยิ้มแล้วจิบไวน์ต่อ แต่สายตาภายใต้แว่นสีใสยังคงจับจ้องที่ใบหน้าผมอยู่ ยิ่งถูกจ้องผมก็ยิ่งก้มหน้า ผมไม่ได้อาย ผมแค่ไม่รู้จะสู้สายตาเขาด้วยความรู้สึกไหนดี

สำหรับผมแล้ว พี่รุตต์เป็นพี่ชายที่ดีมาก และก็เป็นมากกว่าพี่ชาย แต่ไม่รู้จะจำกัดความว่าอย่างไร
สำหรับพี่รุตต์แล้ว ผมคงเป็นน้องชายที่ไม่ค่อยดีมาก แต่ก็เป็นมากกว่าน้องชาย....ล่ะมั้ง
ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ลึกซึ้ง ผมกล้าพูดว่าผมไม่ได้รักเขา แต่ไม่กล้าตัดสินแทนเขาว่าไม่ได้รักผม เราไม่ใช่แฟนกัน แต่ผมมักพักความรู้สึกด้านลบไว้ที่สายตาเขาเสมอ
จนตอนนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครเอาเปรียบใครอยู่กันแน่

5 ทุ่มกว่าแล้วพี่รุตต์ดื่มไว้ไป 5 ขวด คนเดียวซะด้วย ผมก็แทบจะท้องผูกเพราะจิบแต่ชาร้อนนี่แหล่ะ
จ่ายเงินเลี้ยงมื้อเย็นเขาเสร็จก็เดินให้เขากอดคอมาที่รถครับ แต่ที่เซอร์ไพรส์ไม่ใช่รถสีเหลืองที่เหมือนเรืองแสงเองได้ แต่กลับเป็นคนที่ยืนอยู่หน้ารถผมต่างหาก

“พี่โป๊ะ”

“อือ พี่เอง”
“ทำไมวินทำตัวแบบนี้”
“แม่ยกก็มี นี่ให้หมอเลี้ยงอีกหรอ”

“หมอ?”

“เออสิ นี่จะพากันไปตรวจลำไส้กันรึไง?”

“ตรวจลำไส้?”

“ใช่!”
“วิน มันไม่ยากหรอกนะ การใช้ชีวิตแบบที่ยังน่าภูมิใจ อย่าเห็นแก่เงินน้อยนิดที่เขาเลี้ยงต้อยเลย”

โอเค ในที่สุดกูรู้แล้วว่าไอ้บ้านี่พล่ามเรื่องอะไร ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองพี่รุตต์ที่งงจนน่าสงสาร

“พี่รุตต์ เอ่อออ เพื่อนรุ่นพี่ไอ้โอมน่ะครับ คงเมา พี่รุตต์นั่งรอหน้าร้านนะ เดี๋ยววินเคลียร์กับเขาก่อน แม่งเกะกะ”

“พี่เคลียร์ให้เอามั้ย ท่าทางเขาจะไม่ค่อยเข้าใจโลกนะ พูดจากับวินแปลกๆ ไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไรครับ วินจัดการได้” ผมบอกด้วยความมั่นใจแล้วก็เดินย่ามในกลับไปหานายมือโปรที่ยังคงยืนจ้องผมด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ เขากอดอกเหมือนครูฝ่ายปกครองสมัยมัธยม แต่วัยเขายังไม่ก้าวล่วงไปขั้นนั้น

“พี่โป๊ะ” ผมเรียกชื่อสั้นๆ แล้วก็ถอนหายใจ กำลังจะหลับตาพูดอีกรอบเขาก็ออกคำสั่ง

“ขึ้นรถ ไปคุยกันในรถ หรือจะหน้าไม่อายให้พี่ประจานตรงนี้ก็ได้” แล้วกูผิดอะไรวะเนี่ย! ผมส่ายหน้าอย่างระอาใจและด้วความขี้เกียจจะมีเรื่องมีราวกับใคร ผมก็ขึ้นรถตัวเองตามที่เขาบอก และก็โง่นั่งฝั่งข้างคนขับมันซะงั้น

“ใคร? จ่ายหนักหรอ” นี่โลกของนายมือโปรเป็นสีดำทั้งใบรึไง ทำไมมองอะไรเป็นลบไปหมดแบบนี้

“เขาไม่ได้จ่าย วินจ่าย” ผมไม่ได้โกหกนะ ก็มื้อนี้ผมเป็นคนเลี้ยงพี่รุตต์จริงๆ

“นี่วินเอาเงินจากแม่ยก มาปรนเปรอหมอหนุ่มหรอ?” ไอ้นิยายยยย!
“เฮ้ย ทำตัวแบบนี้ไม่ดีหรอกนะ ละอายแก่ใจบ้างสิ นี่คิดขายตัวมาซื้อไอ้ตัวหรอ?” เฮ้ย! แม่งลามปามพี่กูอีกต่างหาก พี่รุตต์เขาแทบไม่เคยเตะหมาเลย มึงก็กล้าดึงเขาลงต่ำ อยากตบปากมันจริงๆ
ผมชักสีหน้าให้รู้ว่าไม่พอใจมากๆ ปรายตามองไอ้พี่โป๊ะอยู่แป๊บเดียวก็ยื่นหน้าไปพิสูจน์กลิ่นคุ้นจมูก ชัดเลย แม่งเมา! แต่อย่ามาอ้างความเมาแล้วพูดจาให้ร้ายคนอื่นเขาแบบนี้ ผมไม่ชอบ

“พี่โป๊ะ วันนี้พี่โป๊ะเมา พูดอะไรออกมาวินจะถือว่าไม่ได้ แต่ให้รู้ไว้เลยว่าวินจำได้”
“พี่สร่างเมื่อไหร่ วินจะพาพี่มาขอโทษพี่ชายวิน และพี่ต้องขอโทษด้วยปากกกกกก!!” ผมบี้นิ้วโป้งลงบนปากมัน เอาให้บุ๋มไปชนเหงือกจนแม่งพากันอักเสบเลยเอ้า!
“...ของพี่เอง” ผมพูดประโยคจนจบพลางถอนนิ้วโป้งออกจากริมฝีปากเขา นายมือโปรมองผมนิ่งๆ แล้วก็ขมวดคิ้วใส่

“นิ้ว...”

“ทำไม นิ้ววินทำไม”

“เค็ม” และมันก็ร่วง

ครับ มันน็อคกลางอากาศเอาดื้อๆ เลย ผมละได้แต่นั่งงง แล้วผมจะแบกมันออกจากรถยังไง ผมต้องไปส่งพี่รุตต์ที่คอนโดด้วยนะ ตั้งใจจะค้างด้วย แม้จะมึนนิดๆ ว่าเขาชวนไปค้างทำอะไรและผมจะอยากทำด้วยมั้ย แต่ตอนนี้แผนนั้นคงล่มไปแล้ว เพราะมีผู้ชายตัวควายๆ มาหลับทับพวงมาลัยผมอยู่แบบนี้

“เฮ้ย พี่โป๊ะ ตื่นก่อนดิ”
“เฮ้ย ง่วงก็กลับไปนอนดิ อย่ามาหน้าด้าน นี่รถวิน วินมีธุระ”
“เฮ้ยยย ตื่น!”
เขาไม่ตื่นครับ ผมก็เลยต้องถอนหายใจอีกรอบและลงรถมาเพื่อบอกพี่รุตต์ว่า “วินขอโทษครับ ดูเหมือนวินต้องเก็บซากเขาไปด้วย พี่กลับเองได้มั้ย เมาก็นั่งแท็กซี่”
พี่ชายที่ดีกับผมเสมอไม่ทำให้ผมลำบากใจเลย เขายิ้มพลางพยักหน้า และก็ลุกขึ้นยืนตัวตรง เดินมาโอบผมหลวมๆ และเดินไปที่รถตัวเองที่อยู่ไม่ห่างกันนัก
เขาดูแลตัวเองได้ดีเสมอ ไม่เหมือนกับอีกคนเลยให้ตาย!

ผมไม่รู้จักแหล่งกบดานของนายมือโปร จะโทรถามไอ้โอม หรือตามมันมากู้ซากพี่ชายสุดที่รักมันไปฝังกลบที่บ่อบำบัดก็เกรงใจ นี่มันก็ดึกมากแล้ว และถ้าหากว่านายมือโปรอยากเข้าสังคม ก็คงไม่มาดื่มคนเดียวแล้วมาพล่ามนิยาย 3 เล่ม 10 ใส่หน้าผมแบบนี้หรอก

เอาเป็นว่า คืนนี้ผมก็ต้องแบ่งห้องให้เขานอนอีก 1 คืน

ผมให้นายมือโปรพักร่างที่ห้องรับรองที่เขาใช้นอนเมื่อคืนนั่นแหล่ะครับ เอาเสื้อผ้ามาวางไว้วให้พี่โซฟาเดี่ยวด้วย เผื่อเขาจะลุกมาอาบน้ำกลางดึก จัดท่าทางให้นอนเสร็จแล้วก็ได้แต่ยืนถอนหายใจ ไม่ได้เห็นอกเห็นใจคนเมาหรอกครับ แต่เห็นใจตัวเอง ผมไม่ใช่คนรูปร่างสูงใหญ่ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำโดยเฉพาะความใหญ่ ผมไม่สนใจการออกกำลังการสร้างกล้ามเนื้อ ฉะนั้น เรี่ยวแรงที่ทุ่มเทให้กับการลากนายมือโปรเข้าบ้าน ลากขึ้นบันไดแล้วทุ่มมันลงบนเตียง ก็เรียกได้ว่างัดมาจากส้นตีนเลยครับ

“ประสาทชิบหาย คนห่าไรวะ” ผมบ่นเขาส่งท้ายแล้วก็เดินกลับห้องตัวเอง

หวังว่าเมื่อรุ่งสางมาปลุกผมอีกครั้ง ความวุ่นวายจากนายคนนี้จะหมดไปเสียที

#### @ D A W N  #####

ดูเหมือนผมจะเป็นคนทำบุญไม่ขึ้น หรือทำบุญให้ตายก็เจอแต่อะไรหยาบๆ เหมือนเดิมล่ะมั้ง
เช้านี้ผมถูกปลุกด้วยคนแปลกปลอมของชีวิต นายมือโปรนั่นแหล่ะครับ เขาขึ้นมานั่งบนเตียงผม ด้วยเสื้อผ้าของผมที่ผมเจียดแบ่งให้เมื่อคืน พอเห็นผมตื่นลืมตา เขาก็ส่งยิ้มให้
นายคนนี้เป็นคนยิ้มแล้วอบอุ่นดีเหมือนกัน
“ตื่นได้แล้ววิน”
“เมื่อคืนขอบคุณนะ พี่ทำเรื่องอะไรไม่ดีรึเปล่า เมาหนักๆ แล้วปากหมาน่ะ”

“อ่อ ครับ”
“วินว่าก็หมาปกติ” ผมหลอกด่าแล้วก็ลุกขึ้นนั่งหาว นายมือโปรหัวเราะแล้วก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วถือวิสาสะเดินไปรับลมเช้าที่ระเบียงห้อง

“วิน อะไรอ่ะ วาดรูปหรอ?”
“วาดเองหรอ? แล้วนี่วาดใคร เศร้าเชียว” เขาน่าจะหมายถึงรูปวาดของผมที่ตั้งตัวอยู่บนขาตั้ง ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ลุกเดินออกไปหาเขาที่ระเบียง นายมือโปรหันกลับมามองทวงคำตอบ แต่ผมไม่มีอะไรจะตอบ ผมทำเพียงแค่มองภาพนั้นแล้วทอดสายตามองพระอาทิตย์ยามรุ่งสาง

มันสวย แต่มันก็เศร้าอยู่ดี


มื้อเช้าของบ้านผมยังสร้างความงงงวยให้นายมือโปรได้อยู่ดี และก็สะกิดต่อมเสือกของเขาเช่นกัน
“อื้อ เมื่อคืน พี่จำได้ลางๆ ว่าด่าวิน”

“ครับ พี่บอกว่าวินกับพี่ชายวินจะพากันไปตรวจลำไส้ ขยายความหน่อยดิว่าหมายถึงอะไร”
“แล้วพี่โป๊ะก็คิดว่า ไม่ดิ พูดออกมาเลยว่าวินขายตัว พูดว่าวินหลอกเอาเงินแม่ยกมาเลี้ยงผู้ชาย”

“แล้วจริงมั้ย?”

“เรื่องของวินเถอะ แต่ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษพี่รุตต์ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไปพูดหมิ่นเขาแบบนั้น วินจะยุให้เขาฟ้องร้องพี่”

“โถ ไอ้ลูกหมา!” บุญคุณเต้าเจี้ยวหลนทรงเครื่อง ผักสด และแกงจืดหมูสับล้วนๆ นี่ไม่เอื้ออานิสงส์ใดให้ผมเลย มันตบหัวผมอีกแล้ว ไอ้เวร!
“ตาขุ่นเชียว ทำไม ตบหัวไม่ได้หรอ?”

“เออ!” ผมตอบกระชากอย่างอารมณ์เสีย แล้วก็เลยเถิดไปเตะขาเขาใต้โต๊ะ นายมือโปรทำท่าเจ็บสะดีดสะดิ้งไม่กี่ครั้งก็จ้วงข้าวเช้าเข้าปากเหมือนเดิม

“พี่ว่าพี่เลิกถามวินเรื่องวินดีกว่า ถามอะไรไม่เคยตอบเลย มีแต่เรื่องของวิน เรื่องของวิน”
“เป็นคนดีๆไม่ชอบ ชอบเป็นกบอยู่ในกะลา รอเจ้าหญิงมาเตะกะลาแล้วช้อนตัวไปจูบเปิดปากหรอ?” เข้าใจเหมือนกันกับผมใช่มั้ยครับว่าเขาด่าผมอยู่
ผมมองค้อนใส่ แล้วก็กินข้าวของผมต่อไป หนึ่งเพราะไม่อยากเสวนากับคนกวนประสาท สองคือกลัวกินหมูสับไม่ทันมัน

นายมือโปรไปจากบ้านผมเสียที โลกสงบๆ ของผมกลับมาแล้ว แต่อยู่กับความเงียบได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือก็ดัง ชื่อที่หน้าจอทำให้ผมระลึกได้ว่าวันนี้ผมมีภารกิจ

“ครับพี่รุตต์”
“หือ? เมื่อคืนหรอ? ส่งพี่เขาเรียบร้อยครับ ไม่มีปัญหาอะไร พี่รุตต์ก็อย่าถือสาเลย เขาป่วย” ผมโป้ปดแล้วก็หัวเราะในลำคออยู่คนเดียว เรานัดแนะเวลาที่จะไปกันที่วัดเพื่อทำบุญให้รินนาครับ เมื่อได้ข้อสรุปก็วางสาย ผมเทตัวนอนหนุนหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด มือก็เล่นไอแพดบ้าง หาข้อมูลเกียวกับทฤษฎีที่เพิ่งได้เรียนบ้าง แต่ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ได้ไม่นานก็หลับตา หัวคิดวนอยู่เรื่องที่ว่า ผมจะพูดอะไรกับรินนาในวันนี้ดี

#### @ D A W N  #####
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 31-12-2014 02:14:31


กลิ่นธูปไม่เคยน่าอภิรมย์สำหรับผมเลย แต่ผมควรก้าวต่อไปได้แล้ว อย่างน้อย คนใกล้ตัวก็เฝ้าบอกผมแบบนั้น
วินไม่ผิด มันไม่ใช่ความผิดของวิน มันเป็นอุบัติเหตุ
ผมเองก็เชื่อแบบนั้น อย่างน้อยผมก็พูดและกระทำเสมือนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม
แต่ใจผม ความคิดในกายผม มันไม่เคยอนุญาตให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการนี้เลย

รินนาเสียแล้ว เธอตายจากทุกคนบนโลกใบนี้ไปแล้ว
สาเหตุการตายไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสีทั้งหลาย แต่ชื่อผม พ่วงกับนามสกุลที่ผมใช้ ถูกกล่าวถึงในหน้าข่าวสังคม
ภาพงานศพของเธอ ภาพซากรถที่แทบไม่เหลือชิ้นส่วนที่ยังคงสภาพเดิม เสียงร้องไห้ระงม สายตาที่สาดโยนความผิดมาให้ ความเจ็บปร่าบนแก้มที่รับแรงปะทะจากฝ่ามือที่สั่นระริกของแม่รินนา เหล่านี้อยู่ความทรงจำของผม
มันกักผมไว้ มันเก็บผมไว้ในกล่องมืดๆ มีเพียงแสงอาทิตย์ที่ปลายยอดฟ้าที่ส่งแสงมาให้ผมเฝ้ามอง วันแล้ววันเล่า

“วิน ลืมได้แล้ว”

“ครับ วินก็ไม่ได้จำนี่” ผมตอบพี่รุตต์อย่างอัตโนมัติ เขาส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากลำคอ คงแปลว่าไม่เชื่อน้ำคำผม แต่ผมก็บอกเขาได้เท่านี้ ผมไม่ชอบอธิบายความรู้สึกส่วนลึกๆ เพราะคิดว่าบอกไปก็ไม่มีประโยชน์ คำปลอบโยนของพี่รุตต์ก็ยังเป็นหมือนหลายปีที่ผ่านมา คือ วินไม่ผิดหรอกครับ ลืมมันซะเถอะ

ผมยื่นธูปให้เขา พี่รุตต์ปักธูปแล้วนำผมก้มกราบพระในโบสถ์

“อโหสิด้วยนะวิน”

“ครับ” ผมรับคำพลางระลึกถึงรินนา ภาพวันเก่าๆ ที่เราเคยรักกันวิ่งเข้ามาทีละเหตุการณ์ จนกระทั่งวันสุดท้ายของการคบหา ผมเป็นฝ่ายบอกลาด้วยเหตุผลว่า ‘วินไม่ได้รินแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หรือเริ่มไม่รักตอนไหน แต่เราเลิกกันคงดีกว่า วินอึดอัด’
เธอไม่ตอบผม แต่หน้าเธอช็อกมากๆ พอตั้งสติได้รินนาก็โถมตัวใส่ผม ตบผม ตีผม ทำร้ายผมสารพัด แต่ผมไม่ได้โต้ตอบด้วยอารมณ์กลับไป ผมยืนนิ่ง เธออยากทำอะไรก็ทำ พอใจแล้วก็จบกันเสียที
ไม่คิดเหมือนกันว่า การจบของรินนา คือการจบชีวิต
ไม่มีวินเราอยู่ไม่ได้ ทั้งที่เธอพูดคำนี้ แต่ผมเพียงแค่ตอบว่า ‘ฝึกสิ แค่หายใจตามปกติ กิน นอน ออกไปช้อปปิ้ง ขอเงินแม่ ไปเที่ยวต่างประเทศ รินอยากทำอะไรก็ทำได้หมด เลิกกันไม่ได้แปลว่าวินเอาขาแขนรินไปด้วยนี่’

ผมไม่ตะล่อมเพื่อให้เลิกกันด้วยดี เมื่อรินนาแสดงท่าทีว่าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเลิกกัน ผมก็สะท้อนกลับไปด้วยเหตุผลว่าทำไมต้องเลิกกัน
แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งบานปลาย เรื่องราวใหญ่โตจนผู้ใหญ่บ้านรินนารู้ว่าผมขอเลิก พี่รุตต์เองก็เคยเป็นหนึ่งในทูตเจรจาให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม
แต่ผมหมดรักแล้ว จะให้คบต่อไปให้ได้อะไร
ผู้ใหญ่บ้านผมก็เข้ามายุ่งด้วย เพื่อนฝูงที่เคยอวยว่าเราเป็นคู่ที่เหมาะกัน รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลาย เข้ามหาวิทยาลัยก็คบกัน นามสกุลดังทั้งคู่ หน้าตา ฐานะ สมกันมากๆ พวกเขาเอาแต่ตบไหล่ผมแล้วพูดว่า เลิกกันทำห่าอะไร
ก็ไม่ได้เลิกเพื่อทำห่าอะไรหรอก แต่ก็ไม่รู้จะคบทำห่าอะไร ในเมื่อใจผมไม่มีความสุข
ผมถูกขอร้องจากลุงให้กลับไปคบกับหลานสาวบ้านนั้นเหมือนเดิม และผมก็ดื้อเพ่ง โพล่งออกไปตามตรงว่าชีวิตเป็นของผม นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุกวันนี้ผมเหมือนไม่มีตัวตนในตระกูลนี้ แต่อย่าคิดว่าผมแคร์
วันสุดท้ายที่เราพบกัน รินนานัดผมไปเจอที่คอนโดเธอ เธอทำอาหารให้ผมกิน ชวนคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วก็ชวนผมขับรถเล่น
แน่นอนว่าเธอเป็นคนขับ ระหว่างนั่งในรถ รินนาถามผมเรื่องเดิมว่าทำไมถึงไม่รักเธอแล้ว แต่ผมไม่มีเหตุผลดีๆ ให้ ไม่รักแล้วก็คือไม่รักแล้ว ให้พูดอธิบายยืดยาวกว่านั้น อาจกลายเป็นว่าที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้รักเลย แต่ให้คบก็คบ คบได้ก็คบ อะไรเทือกนี้ เธอจะเศร้ากว่าเดิมเสียเปล่าๆ
ประโยคสุดท้ายที่เธอผมก็คือ ‘วินคิดว่า จะมีวันที่รักรินได้เหมือนเดิมมั้ย’
ผมตอบอย่างซื่อตรงว่า ‘ไม่’
รินนายิ้มให้ผม แล้วก็ร้องไห้ เธอจอดรถข้างทางเพื่อร้องไห้จนสาแก่ใจ จากนั้นก็รวบแรงหายใจเพื่อตั้งตัวตรงขึ้นอีกครั้ง รินนาบอกกับผมว่า ‘แต่เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน’

ไม่มีคำพูดจากผมอีก มีเพียงแววตาแน่วแน่ ซื่อตรงต่อความรู้สึก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรั้งผมไว้ ทำไมต้องถ่วงกันมาหลายเดือน ทำไมไม่เข้าใจเสียทีว่าไม่รักแล้วก็เลยขอเลิก

‘เราไม่อยู่ไม่ได้จริงๆ’ เธอบอกแล้วขอให้ผมลงจากรถ เธออยากร้องไห้แบบไม่อายใคร ผมเลยทำตามที่เธอบอก
รถยุโรปสีขาวยังจอดอยู่ที่ข้างทาง ผมยืนอยู่ข้างๆ ประตูรถ มองเธอร้องไห้ตีโพยตีพายใส่พวงมาลัย ทึ้งหัวตัวเอง โขกหัวตัวเองกับแตรจนส่งเสียงดังอยู่นาน
แล้วเธอก็สงบลง กระจกฝั่งข้างคนขับเลื่อนลง ผมจึงก้มหัวไปหา รินนาไม่ยิ้มให้ผมแล้ว เธอมองผมนิ่ง คิ้วขมวดปม ริมฝีปากบดเบียดกันแน่น
กระจกเลื่อนขึ้น รถยังคงจอดอยู่นิ่งๆ แต่ผมได้ยินเสียงเร่งเครื่อง
และเมื่อมีรถบรรทุกสวนเลนมา รถยุโรปคันสีขาวก็พุ่งเข้าใส่ทันที
เธอตายคาที่

ผมก็ตายคาที่เหมือนกัน

‘ถ้าวินไม่ใจจืดใจดำ หนูรินก็คงไม่จากไปแบบนี้”
‘แค่ไม่รัก ต้องไล่กันไปตายเลยหรอ แม่ไม่เข้าใจเลย!’
‘มึงนี่มัน....ใจหมาผิดกับหน้าตาจริง’
‘เรารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวิน แต่แบบ...น่าจะรู้ว่ารินรักวินมาก จบกันดีๆ ก็ได้นี่ ทำไมถึงได้ปล่อยให้....ไม่รู้หรอว่ารินเป็นคนยังไง ใจร้ายเกินไปจริงๆ’

พวกเขาบอกว่าผมผิด แม้ว่าผมจะไม่รู้เลยว่าผิดตรงไหน แต่ผมก็รู้สึกผิดตามที่พวกเขา
จะมีก็แค่ 2 คนที่เข้าข้างผม อยู่กับผม เข้าใจผม
เวลาล่วงผ่านเป็นปี คนพวกนั้นกลับมายิ้มให้ผม บอกกับว่าผมว่าลืมๆ มันไปเถอะ มันผ่านไปแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ
คนพวกนั้นคงไม่รู้ว่า เมื่อเขียนด้วยมือ ก็ต้องลบด้วยมือ ใช้เท้าปัดๆ เอา รอยแผลมันรังแต่ละช้ำกว่าเดิม

“วินครับ พี่บอกให้ลืมไง”

“วินก็ไม่ได้จำนี่ครับ” ผมยังตอบพี่รุตต์แบบนี้ เขาจึงลูบหัวผมแล้วบี้ปลายจมูก

เราใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงนั่งอยู่ที่ศาลาวัดเงียบๆ ผมน่ะไม่มีปัญหา ชอบซะด้วยซ้ำไป แต่พี่รุตต์ดูจะพะวักพะวงเมื่อใกล้บ่าย 4 โมง

“พี่รุตต์มีนัดต่อหรอครับ กลับก่อนได้นะ วินจะรอพระอาทิตย์ตก ชอบแสง”

“งั้น...พี่กลับก่อนนะ คืนนี้โทรหา นะครับ”

“ครับ” ผมยิ้มรับสัมผัสที่อังแก้มเบาๆ วันนี้เขาทำให้ผมประหลาดใจด้วยการจูบหน้าผากผม แล้วก็เดินดุ่ยๆ จากไป ไอ้ผมก็ได้แต่บ่นงงๆ ว่า “อารมณ์ไหนวะ” แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก

เกือบ 6โมงเย็น ผมกระดิกตัวอีกครั้ง และเลือกเดินมายังลานจาดรถ
เมื่อครั้งก่อนที่มา ผมได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่ส่งอารมณ์ให้ฟ้าเศร้าตามไปด้วย อยากรู้ว่าวันนี้จะได้เจออะไร
พอเดินมาถึงจุดเดิม ผมก็หันกลับไปมองยังจุดที่เป็นที่มาของภาพที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ภาพนั้น
ผมเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่ง เขาใส่เชิ้ตดำ สวมกางเกงดำ รองเท้าก็สีดำ ใบหน้าเขาหันมองขึ้นไปที่ยอดปล่องเมรุ เขาสวมแว่นกันแดดเอาไว้ แต่ผมเดาเอาว่าเขากำลังเศร้าอยู่ เศร้ามากๆ
ผมเบี่ยงตามองท้องฟ้าบ้าง มันเป็นสีส้มเข้ม มีสีครามลากตัดสายตาอยู่บ้างแต่ก็ละลายความส้มหม่นของท้องฟ้าไม่ได้

“โปร ไปเถอะ” ราวกับวันนั้นเดินทางทับรอยกับวันนี้ ผมเคยได้ยินใครบางคนพูดประโยคนี้เมื่อหลายปีก่อน และก็ได้ยินซ้ำอีกครั้งวันนี้ ผมหันมองต้นเสียง ใบหน้าที่เห็นไม่ใช่ใบหน้าที่ผมคุ้นเคย จากนั้นก็หันกลับมามองผู้ชายชุดดำที่เอาความเศร้าข่มฟ้าอีกครั้ง
เขาคงเป็นเจ้าของชื่อ เพราะเขาหันไปหาชายที่แปลกหน้าสำหรับผมเช่นกัน เขาน่าจะเดินไปตามเสียงเรียก แต่วันนี้มีสิ่งที่ต่างออกไป

เขาหันมองผม และหยุดฝีเท้าตัวเอง
ผู้ชายที่เอาความเศร้าข่มฟ้าถอดแว่นกันแดดสีดำออกและจ้องหน้าผม
เขาอ้าปากพูดว่า “วิน มาทำอะไรที่นี่”


“พี่โป๊ะ”



ผู้ชายในภาพที่ไม่สมบูรณ์เสียที ก็คือนายมือโปร...





cut


พรีสวัสดีปีใหม่ค่ะ ^____^

ฝากข่าวกันนิดนึง สำหรับคนที่อ่าน Hear,Me หรือพี่หนึ่ง-เจม มีการรวมเล่มนะคะ อยู่ระหว่างดำเนินการ รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งเรื่อยๆ หรือถ้ากลัวตกข่าว ทิ้งชื่อไว้ จะแมสเสจไปแจ้งค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 31-12-2014 09:24:07
พี่โปรรักริน รินรักวิน แล้ววินอ่ะรักใคร  :sad4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 31-12-2014 10:11:36
อ่าา ความจริงเปิดเผยแล้ว

วินจะว่าไงต่อเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน6(04-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-01-2015 15:34:17
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 6


“แฟนวินก็เผาที่วัดนี้หรอ” คำว่า ‘ก็’ สะดุดหูผม หากตีความไม่ผิด ผู้หญิงของเขา ‘ก็’ แตะผิวโลกวันสุดท้ายที่วัดนี้เหมือนกัน ผมหันมองหน้าเขาแล้วก็พยักหน้ารับ
“บังเอิญจัง” นายมือโปรพูดต่อ เขากระดกน้ำเปล่าขึ้นดื่มรวดเดียวแทบครึ่งขวด พอชุ่มคอแล้วก็หันมองผมอีกครั้ง

“ลูกแพร์ ก็เผาที่นี่เหมือนกัน”
“สัก....6-7 ปีแล้ว”
“วินเศร้ามากมั้ยวันนั้น โลกถล่มเลยรึเปล่า”

“ก็...ครับ”

“ของพี่นะ แทบบ้าตาย”
“ทำใจยากเนอะ เรื่องแบบนี้”

“ครับ” ผมยังคงตอบสั้นๆ ในใจเริ่มคิดอยากให้เขาพูดเรื่องของเขาไปเรื่อยๆ หนึ่งเพราะอยากฟัง และสองคือไม่อยากเป็นคนต้องพูดเสียเอง

นายมือโปรส่งน้ำขวดในมือให้ผม คิดจะให้ผมดื่มน้ำต่อจากเขารึไง เฮ้ยๆ เราไม่ได้สนิทกันขนาดที่ผมจะไม่ถือเนื้อถือตัวหรอกนะ ผมส่ายหัวปฏิเสธ เขาจึงกระดกน้ำดื่มอีกรวดหนึ่งจนหมดขวด

“นานแล้วที่ไม่ได้พูดถึงลูกแพร์ ก็พวกมัน เพื่อนๆ พี่น่ะ ไม่มีใครอยากให้พูดถึงเลย”
“โอเค ไม่มีใครผิด แต่....พี่ก็มีสิทธิ์เสียใจและจมอยู่กับความเศร้าพวกนี้ใช่มั้ยล่ะ”
“พี่ก็รักของพี่ และการที่พี่อยากให้เพื่อนๆ มันเสียใจ อยากให้เศร้าอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าพี่อยากให้มันรับผิด หรือรู้สึกผิด พี่ก็แค่...อยากมีเพื่อนร่วมเศร้าเท่านั้นเอง”
“พี่ไม่อยากให้ใครลืมลูกแพร์ โดยเฉพาะ.....” แล้วเขาก็เงียบไป ผมก็เลยต้องเสือกต่อ

“เรื่องของพี่โป๊ะ เป็นยังไงหรอครับ” ผมถามถึงต้นตอความเศร้าของเขา นายมือโปรหันมายิ้มมุมปากใส่ผม เขาสูดลมหายใจลึกและยื่นเงี่อนไขที่ทำให้ผมต้องด่าในใจว่า ‘ไอ้เจ้าเล่ห์’

“แลกกัน พี่เล่า วินเล่า ดีลมั้ย”

“..................”

“แยกย้ายกันกลับบ้านเลยก็ได้นะ”

“ดีล” แล้วแม่งก็กระตุกยิ้มมุมปากใส่ผมอีกครั้ง แล้วก็ลุกจากม้าหินข้างศาลาวัด

“อ้าวพี่โป๊ะ โกงอ่ะ ไหนบอกจะเล่าไง”

“กินไปเล่าไปก็ได้ เร็วดิ รถจอดอยู่ไหนอ่ะ พี่มารถเพื่อน”
“ดีนะว่าวินก็ชอบเสือกเรื่องคนอื่นเหมือนกัน ไม่งั้นพี่ต้องกลับแท็กซี่เอง เซ็งแย่”

เคยเห็นตัวเหี้ยเจ้าเล่ห์มั้ยครับ ไม่เคยก็รีบดู ไอ้ตัวที่เดินนำหน้าผมนี่แหล่ะ

ผมขับ ส่วนเขาเป็นคนกำกับเส้นทาง เราแวะกินมื้อค่ำกันแถวๆ เรียบด่วนรามอินทรา ร้านนี้เขาเป็นคนเลือก เป็นร้านที่โดดดเด่นเรื่องสเต็กครับ ฟันก็เลยต้องทำหน้าที่หนักหน่อยในมื้อนี้ ส่วนเครื่องดื่มมื้อนี้ ไม่มีของมึนเมาเลยครับ
การกินไปเล่าไปของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเริ่มกินได้ครึ่งทางแล้วนึกเหงาหูก็เลยเป็นฝ่ายถามเปิดประเด็น ผมสะกิดต่อมพูดเขาสั้นๆ แค่ว่า ‘เล่าดิ’ นายมือโปรก็หัวเราะเหมือนสะอึกหนึ่งที แล้วก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวที่ผมอยากรู้

“เขาชื่อลูกแพร์ เป็นน้องสาวไอ้พีช เพื่อนพี่เอง”
“กลุ่มเพื่อนพี่มีกัน 4 คน มีพี่ ที่หนึ่ง ผู้นำ พีช

โอ้โห แต่ล่ะชื่อ พวกบ้าอำนาจกับคนรักสันติคบกันได้ด้วยหรอ? ผมล่ะนึกเหนื่อยแทนพี่ที่ชื่อพีชจริงๆ

“พีชน่ะ ลูกพีชนะ พี่ชายลูกแพร์”

อ่อ ก็นึกว่าพีซ สันติสุขเสียอีก ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วเคี้ยวสันคอหมูที่หั่นชิ้นติดปลายส้อมไว้

“พวกพี่คบกันกี่ปีหรอครับ”

“เราไม่ได้คบกันสักวัน”
“ลูกแพร์ไม่ใช่แฟนพี่หรอก พี่แค่รักเขาน่ะ”
“ส่วนเขาก็นู่นนน รักแต่ไอ้ที่หนึ่ง แต่มันไม่ได้รักลูกแพร์เลย เจ็บใจตรงที่ไม่ว่ายังไง แพร์ก็ยังรักมัน”
“พี่เป็นเหมือนที่ปรึกษาด้านความรักของแพร์ นั่นก็มาเล่าอะไรให้ฟัง พี่หนึ่งอย่างนั้น แพร์อย่างนี้ แพร์จะทำนั่นให้พี่หนึ่ง ทำนี่ให้พี่หนึ่ง เขาเป็นเด็กที่มีความคิดสวยงามมาก แม้จะซนไปบ้าง แต่เขาก็รักที่หนึ่งจริงๆ”
“เหมือนรักฝังใจ พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ลูกแพร์รู้จักพวกพี่ตั้งแต่วันที่ไอ้พีชเข้ามาในกลุ่มพวกพี่นั่นแหล่ะ”

“แล้วพี่ที่หนึ่ง ทำไมไม่รักพี่แพร์ครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน พี่เคยอยากรู้ เคยถาม มันก็ไม่เคยมีเหตุผลให้ มันบอกไม่รักก็คือไม่รัก จะเปลี่ยนเป็นรักเพราะโดนถามเกินล้านครั้งนั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แล้วมันก็บอกให้พี่เลิกถาม”

“แล้วพี่โป๊ะทำไง”

“มันพูดขนาดนั้นแล้วพี่ก็ต้องเลิกเสือก ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของลูกแพร์กับพี่หนึ่ง คิดว่าวันนึง ลูกแพร์จะเจอทางออกให้กับตัวเอง แต่เขากลับเจอทางตัน แล้วก็พุ่งชนทางตัน จนตกเหว”
“จนท้ายที่สุด ลูกแพร์ก็จากไป จะด้วยความโมโห คิดน้อย เอาแต่ใจ ดื้อแพ่ง ใช้อารมณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่แพร์เลือกมาเป็นคู่คิดวันนั้นทำให้แพร์ตาย”
“ทุกคนบอกว่ามันคืออุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้ลูกแพร์มีจุดจบแบบนี้หรอก แต่วินคิดว่ามันยุติธรรมสำหรับคนตายมั้ย? คนที่เป็นสาเหตุ หรือเรื่องที่เป็นสาเหตุน่ะ ก็สมควรรับรู้ผลกระทบที่ตัวเองมีส่วนก่อบ้างใช่มั้ยล่ะ เพราะคนตายไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่คนอยู่แก้ไขได้”
“เพราะงั้นก็ช่วยรู้สึกผิดหน่อย เสียใจให้เห็นหน่อย พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง คนที่เสียใจอยู่แบบพี่ จะได้รู้สึกว่าได้รับคำขอโทษ”

“แล้วคนที่เป็นสาเหตุให้พี่แพร์ตาย เขาใช้ชีวิตยังไงครับ”

“ก็...ไม่ปกติในช่วงแรก ทุกคนรู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ที่หนึ่งก็ติดอยู่กับความคิดที่ว่า มันทำให้ลูกแพร์ตาย และพี่ก็เป็นคนที่ย้ำให้มันคิดแบบนั้น”

“ทำไมพี่ยัดเยียดความรู้สึกผิดให้เพื่อนแบบนี้ล่ะ”

“ก็พี่รักลูกแพร์ พี่อยากทำสิ่งดีๆ ให้ ถ้าลูกแพร์ต้องการความรักจากที่หนึ่ง ที่หนึ่งก็ต้องให้ แม้ว่าแพร์จะตายไปแล้ว ไม่มีทางสมหวัง แต่พี่ก็อยากให้ที่หนึ่งรักลูกแพร์ รู้สึกผิดก็ได้ จมอยู่กับความผิดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ดีใหญ่ ให้เศร้าให้ตายไปเลยก็ดี แต่ว่า...มันแค่ความคิดช่วงแรกนั่นแหล่ะ”
“พวกเราไม่ใช่เด็กกันแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ตื้นลึกอะไรมากไปกว่า ความผิดหวังและการรับมือกับความผิดหวังที่ผิดวิธี”
“แพร์ผ่านด่านทดสอบนี้ไม่ได้ แพร์ก็ต้องแพ้”
“เมื่อก่อน พี่เคยคิดว่าแค่ที่หนึ่งมันไหลตามน้ำไปก่อน ประวิงเวลาให้แพร์หน่อย ค่อยๆ อธิบาย แพร์คงไม่ตายจากไปแบบนี้”
“แต่ในมุมของที่หนึ่ง มันก็ไม่ใช่อัศวินของโลกที่ต้องรับหน้ากอบกู้ความรู้สึกเด็กผู้หญิงคนนึงสักนิด แพรอ่อนแอเกินไปเอง และเลือกเองที่จะแพ้ในแบบที่ไม่มีทางแก้มือ”
“กว่าจะทำใจให้มองที่หนึ่งแบบเป็นกลาง พี่ใช้เวลาเป็นปีๆ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกันมาร่วม 20 ปี”
“พี่เลวกับเพื่อนมาก สมแล้วที่แฟนมันด่าพี่สะเสียหาย”

“มีคนด่าพี่โป๊ะได้ด้วยหรอ?”

“อืม เพิ่งปรากฏไม่กี่ปีมานี่แหล่ะ” เขาพูดจบก็อมยิ้ม  และเมื่อเขาอิ่มเอมใจกับความรู้สึกที่ตัวเองสามารถผ่านวิกฤตทางความคิดช่วงถูกพายุรบกวนแล้ว นายมือโปรก็หันมาจ้องผมแทน

“เอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่แล้วครับ”

“พวกสลัดละกัน จะได้เล่าเรื่องของวินคล่องๆ” ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นลูกวัวถูกล่อเจ้าคอกยังไงยังงั้น!

ผมขมวดคิ้วมองผู้ชายหน้าเข้มเคี้ยวบล็อกโครี่ลอยหน้าลอยตา การพูดถึงเรื่องราวที่เป็นตัวการในการกักความเศร้าไว้ในใจ มันทำหน้าสลอนสู้แอร์แบบนี้ได้ด้วยหรอวะ?

“เรื่องวินก็ไม่มีอะไรมาก”

“มากสิ ตั้งเยอะแยะที่วินไม่เคยพูด”
“เอาเป็นว่า เรื่องแฟนที่ตายไป เรื่องแรก”

“พูดงี้คือต้องมีเรื่องที่สอง เรื่องที่สามหรอ? งั้นไม่เล่า เลิก ไม่ดีล”

“อย่ามาขี้โกงไอ้ยุ่ง”
“เล่าเลย แลกกัน”

ทำไมผมรู้สึกเสียเปรียบ ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะเปิดเผยเรื่องรราวตัวเองกับคนอื่นง่ายๆ แต่กลับต้องมานั่งพูดเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงให้คนแปลกปลอมฟัง ตลกจัญไร!

“เร็วดิ” มีสิทธิ์ไรมาเร่งกันเนี่ย ไอ้เจ้าเล่ห์ ผมเบ้ปากใส่แล้วก็สั่งน้ำเปล่ามาดื่มเพิ่ม

“ก็ เคยเป็นแฟนกันแล้วก็เลิกกัน แล้ว...ก็ตาย แค่นี้”

“โหยยยยยยยย”
“นี่ถ้าเอาพลอตไปทำหนังแม่งได้ไตรภาคเลย ประชดครับ ผมพูดไปตั้งมาก คุณเล่าของคุณแค่นี้ไม่ยุติธรรมเลย เอาใหม่!” เหอะ มีสั่ง เออ! กูเล่าเพิ่มก็ได้!

“ก็... คบกัน แล้วก็เลิกกัน เขาก็เลยตาย”
“เรื่องมันก็เท่านี้แหล่ะ”

“ตายเพราอะไร เพราะเลิกกัน ผู้หญิงเขาเลยเลือกจะตายรึเปล่า แล้วชื่อไร แฟนน่ะ”

“ฮื้ออ พี่แม่งขี้เสือกว่ะ”
“ชื่อรินนา นฤมิตรศิล....” ผมยั้งประโยคตัวเองไว้แล้วก็ถอนหายใจ นานแล้วที่ไม่ได้พูดเรื่องรินนากับใคร ไม่เคยระบายกับใคร ไม่เคยขอคำอธิบายหรือคำปลอบใจจากใคร ทำไมผมต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้งต่อหน้าไอ้เหี้ยเจ้าเล่ห์มีเสน่ห์แต่ขี้เสือกตัวนี้ด้วยวะ
“ชื่อรินนา”

“ทำไมเขาถึงตายหรอ?”

“เพราะวินบอกเลิกเขา ทั้งที่เขาบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน วินก็ยืนยันว่าขอเลิก เขาก็เลยเลือกจะตาย”

“...............”

“เท่านี้แหล่ะ”

“ทำใจนานมั้ย ว่าจะยิ้มได้อีกครั้งน่ะ” เขาถามเสียงแผ่วลง ไม่ได้ใช้สายตาหรือน้ำเสียงบังคับให้ผมพูดเหมือนเมื่อกี้ แต่ผลที่เกิดขึ้นในใจผมกลับตรงกันข้าม เมื่อไม่ถูกบังคับก็ควรจะไม่อ้าปากพูดตามที่เคยชิน แต่ผมกลับเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บไว้ลึกๆ ให้เขาได้รู้

คงเพราะใจผมมันรู้สึกได้ว่า ‘เรา’ มีบางอย่างที่คล้ายกัน

“จนตอนนี้ วินก็ยังทำใจไม่ได้”
“ไม่ใช่ทำใจที่ไม่ได้เรื่องที่เขาตาย แต่ทำใจรับไม่ไหวกับการเป็นต้นเหตุให้เขาตาย”
“มันชั่วมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

“เหล้ามั้ย?”

“ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว”

“หมายถึงกินเหล้า สั่งให้เอามั้ย เดี๋ยวพี่ดูแลเอง”

“มันไม่ช่วยหรอก”

“มันเป็นการถ่ายเทความรู้สึกทางอ้อม”
“ก็เหมือนการได้พูด ได้ร้องไห้ คร่ำครวญ ด่าทอ”
“มันเป็นหนึ่งในข้ออ้างของคนที่สภาพจิตใจอ่อนแอ ดื่มเถอะ เอาให้ตายกันไป อ้วกแตกบ้าบออะไรก็ช่าง แล้วพอตื่นมาพรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะบอกวินว่าเมื่อวานนี้มันจบไปแล้ว”
“มันจบไปแล้ว” เขาวางมือทับหลังมือผม เรามองตากันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายมองสลัดผักที่ความสดเริ่มจางหายสู่อากาศในห้องแอร์

“พี่โป๊ะมีสูตรลืมด่วนมั้ยล่ะ” เขาอมยิ้มแล้วตบหลังมือผม 2-3 ที แล้วก็เรียกบริกร

ผมล่ะอยากเอาไปอวดไอ้โอมจริงๆ ว่าพี่ที่มันรักนักหนาชงเหล้าให้ผมดื่ม เขาชงเข้มปิ๊ด ใส่โซดานิดเดียว แต่โปะน้ำแข็งเยอะมาก ผมจิบอึกแรกก็เบ้หน้า แต่พอนั่งนิ่งสักพักแล้วยกขึ้นดื่มครั้งใหม่ มันกลับกลมกล่อมขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย

จานอาหารตรงหน้าไม่มีแล้ว มีแต่เครื่องดื่มของผมกับเขา โทรศัพท์ของผมที่เอามาวางบนโต๊ะ และบุหรี่ของเขา ส่วนเจ้าของบุหรี่นอกซองนี้เดินไปคุยโทรศัพท์นอกร้านครับ ผมเดาว่าน่าจะเป็นธุระเรื่องงานเพราะสีหน้าเขาตอนรับที่รับโทรศัพท์ครั้งแรกดูเคร่งเครียด
พอเห็นเป้าหมายเดินกลับมา ผมก็ดูเวลาบนข้อมือทันที

“ง่วงแล้วหรอ?” การดูนาฬิกาข้อมือแปลว่าง่วง? นายมือโปรนี่ท่าทางจะไม่ค่อยได้ใช้เหตุผลในชีวิตเท่าไหร่ ตรรกะดูประหลาดชอบกล

“ไม่ได้ง่วงครับ วินว่าดึกแล้ว เรากลับกันเถอะ”
“หรือพี่โป๊ะจะให้ไปส่งที่ไหนก่อนครับ”

“ไม่ๆ เดี๋ยวพี่ขับไปส่งที่บ้านเอง เราดื่มไปนี่ อย่าขับรถเลย อันตราย”
“เช็คบิลเลยนะ”

“ครับ เอ่อ ขอบคุณครับ”

“เลี้ยงเด็กคนเดียว สบายมาก” เขาพูดหยอกแล้วก็เรียกบริกรมาคิดค่าอาหารมื้อนี้ เบาๆ ครับ สามพันกว่าบาทเท่านั้นเอง

“อื้ม วินยังไม่ได้เล่าเรื่องที่สอง กับเรื่องทีสามเลย”

“อะไร พี่โป๊ะยังเล่าเรื่องเดียวเลย”

“งั้นระหว่างทางพี่เล่าอีกเรื่อง ถึงบ้านแล้ววินเล่าอีกเรื่อง ดีมั้ย”

“ไม่อ่ะ วินไม่อยากรู้เรื่องอะไรของพี่แล้ว”

“แต่พี่อยากบอกอีกตั้งหลายเรื่อง ฟังแล้วก็เรียบเรียงเรื่องของตัวเองไว้ด้วย จะได้เล่าให้พี่ฟังได้ยาวกว่านี้”

นี่ผมไปตกลงกับเขาตอนไหนวะ?
เพื่อตัดรำคาญและเร่งเวลากลับบ้าน ผมจำใจพยักหน้าส่งๆ แล้วเดินลิ่วไปรอที่รถตัวเองทันที ซึ่งเขาก็รู้หน้าที่ดีครับว่าต้องขับรถให้ผมนั่ง ฮ่าๆๆ

นายมือโปรทำตามที่บอกเป๊ะเลย
พอขึ้นรถปุ๊บ เขาก็เล่าเรื่องเพื่อนของเขาให้ฟัง ซึ่งประกอบไปด้วย พี่ที่หนึ่ง พี่ผู้นำ พี่พีช แกงค์เขามีกัน 4 คน รู้จักกันตั้งแต่ประถมยันม.ปลาย จบแล้วก็แยกย้ายเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ยังสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง คนที่นายมือโปรสนิทที่สุดก็คือ พี่ที่หนึ่งครับ เขาบอกว่าพี่ที่หนึ่งเป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนนอยด์ในเวลาเดียวกัน เพราะพี่ที่หนึ่งเป็นที่หนึ่งไปซะทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องหน้าตา กีฬา นิสัย ฐานะ พี่โป๊ะบอกว่า สิ่งเดียวที่เขาชนะพี่ที่หนึ่งเสมอก็คือความกวนส้นตีน ผมยังไม่เคยเจอเพื่อนเขาเลยสักคน แต่ผมก็เชื่อว่านายมือโปรนี่น่าจะกวนตีนที่สุดแล้ว

เขาเล่าว่าตัวเขาเป็นมนุษย์หลังห้อง นั่งคู่กับพี่ที่หนึ่ง เพราะหัวสูงกันทั้งคู่ ส่วนด้านหน้าคือพี่ผู้นำ นั่งกับเพื่อนอีกคน พี่พีชมักจองที่ริมหน้าต่างเพราะชอบนั่งเหม่อมองวิวอะไรเรื่อยเปื่อย
คนที่ตั้งใจเรียนที่สุดคือพี่ผู้นำ และเมื่อไหร่ที่พี่ผู้นำเรียนไม่รู้เรื่อง อีก 3 คนก็จะเรียนไม่รู้เรื่องตามไปด้วย ถูกแล้วครับ พี่ผู้นำมีหน้าที่เลคเชอร์ให้เพื่อนฟังอีกที ส่วนเวลาสอบนี่พี่โป๊ะอาศัยอารมณ์ อารมณ์ดีก็เกรดดี ช่วงไหนสาวทิ้งก็คะแนนตก พี่ที่หนึ่งอาศัยว่ารู้หน้าที่ แม้ในห้องจะเรียนไม่ข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ถ้าถึงคราวสอบเมื่อไหร่ก็จะเป็นที่หนึ่งเสมอ พี่ผู้นำทำตามความสบายใจตัวเองครับ อยากคะแนนดีก็ตั้งใจ ช่วงไหนชิลๆ ก็คะแนนดีแบบธรรมดา พี่พีชนี่แล้วแต่เพื่อนเลยครับ ถ้าช่วงก่อนสอบขลุกอยู่กับพี่ที่หนึ่งเยอะก็จะคะแนนดีขึ้นผิดหูผิดตา แต่ถ้าช่วงไหนขลุกอยู่กับพี่โป๊ะก็จะห้าวเป้ง ไม่สนว่าพรุ่งนี้จะสอบ บอลสำคัญกว่าเสมอ เท่าที่จับใจความได้ก็ประมาณนี้

“หมอนำนี่เปิ่นสุดแล้วก็สาวๆ ชอบเยอะสุด แต่มันไม่ค่อยรู้ตัวหรอก หมอนำมันมองเฉพาะสิ่งที่มันสนใจ ติ๊สแตก”

“พูดเหมือนตัวเองปกติเลยนะครับ” ผมแหย่เขาเบาๆ แล้วก็ถูกคนขับรถผลักหัวเอา กูมึนนะเว้ยครับ!

“แล้ววินล่ะ มีเพื่อนเยอะมั้ย”

“มีโอมคนเดียวก็พอแล้วครับ” ผมบอกแล้วหัวเราะตัวเองอยู่คนเดียว นายมือโปรอาจจะคิดว่าผมกำลังคิดถึงเรื่องตลกๆ ของไอ้โอมก็เลยหัวเราะ ผมไม่บอกเขาหรอกว่าเขาเดาผิด ผมหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ต่างหาก

“อืมมมม”
“มีคนเดียวแต่รู้ใจกันทุกเรื่องก็พอ พี่คิดแบบนี้นะ”

“วินก็คิดเหมือนกัน”

“นับว่าวินเป็นคนฉลาดขึ้นมาเลยทีเดียว” คุณมึงอยากอวยตัวเองก็ทำเถอะครับ อย่าเอากูเป็นข้ออ้างเลย อิโธ่! ผมยักไหล่ไม่สนใจคำเยินยอตัวเองของเขา แล้วก็นั่งตอบคำถามที่เขาถามซ่อกแซ่กไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวมั้ยว่าเมื่อวกเข้าเรื่องส่วนตัวของผมเมื่อไหร่ นายมือโปรไม่เคยได้คำตอบจากผมเลย

เขาส่งผมถึงตัวบ้าน จอดรถให้เสร็จสรรพก็เดินกลับไปปากซอยเพื่อเรียกแท็กซี่ไปส่งที่คอนโด อืม เขาก็มีน้ำใจดูแลผมตั้งแต่เย็นจนดึก และผมก็ไม่ใช่คนแร้งน้ำใจ ซ้ำยังไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครอีก ก็เลยให้เขาขับรถผมกลับคอนโด แล้วค่อยขับมาคืนที่มอในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพราะยังไงๆ ระหว่างอาทิตย์ผมก็ไม่คิดออกเตร่ที่ไหนอยู่แล้ว

“งั้นก็...ฝันดีนะวิน”

“อ่อ...ครับ” ผมยิ้มรับคำอวยพรก่อนตีหนึ่งนี้ไว้ แล้วก็กลับเข้าบ้านและอาบน้ำนอนทันที...ยอมรับก็ได้ว่ากลัวน้ำมันจะชะคำอวยพรนั้นไปจากรูหูเสียก่อน


#### @ D A W N  #####

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน6(04-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-01-2015 15:34:56
“ไอ้วินนนนนนนนนนนน!!!” เช้าวันนี้ เสียงนาฬิกาปลุกแปลกประหลาดชิบหาย ผมงัวเงียตื่นอย่างหงุดหงิดเพราะรู้สึกนอนไม่เต็มตา ซาตานผมยาวยื่นหน้ามาจ้องผมจนสะดุ้งเมื่อสบตากับมัน

“ห่าอะไรเนี่ย! ไปไกลๆ กู”

“มึงทำไรพี่โป๊ะของกู”
“ให้เขาแดกน้ำลายมึงหรอ? ทำไมเชื่องมึงขนาดนี้”
“กูไปหาที่คอนโดตั้งแต่เช้า พี่โป๊ะแม่งเอาแต่พูดถึงมึง”
“มึงทำอะไรเขา บอกกูมา!”

เป็นชุดเลย ตอบไม่ทัน ฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ ไอ้ห่านี่ไม่รู้รึไงว่าผมเพิ่งตื่น

“ห๊ะ?” ผมถามกลับสั้นๆ ไอ้หมาโอมก็แล่นมาตีตูดผมหลายป้าบ มันหิ้วคอผมไปโยนไว้ในห้องน้ำแล้วก็ออกคำสั่ง

“ล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปแดกข้าวเช้า  สำรับคุณชายวินพร้อมแล้ว เร็ว!”

“มึงหิวก็กินก่อนดิ ทำไมต้องมาตวาดกูแบบนี้ กำลังหลับสบาย”

“มึงนี่ก็นะ น่าเตะจริงๆ ทำไมไม่ล๊อคบ้านวะ นี่ถ้าใครเขารู้ก็มาปล้นไปหมด”

“เอาไปดิ บ้านไม่มีไรเลย”

“เกิดมันเอาตัวมึงล่ะ ไอ้ห่านี่ ยิ่งหน้าตาน่ารักอยู่ เร็วๆ ล้างหน้า!” เป็นพ่อกูรึไง! ผมขมวดคิ้วด่ามันแต่ก็เดินหาวเข้าห้องน้ำแต่โดยดี

“พี่โป๊ะนะมึง พูดถึงมึงอย่างเดียวเลย ถามกูเรื่องมึงใหญ่เลย เรื่องรายละเอียดตัวมึงอ่ะ ถามไปถึงเรื่องรินด้วย”

“แล้วมึงตอบว่าไง”

“มึงก่อนเถอะ เขารู้เรื่องรินได้ไง เขาบอกมึงเล่า กูล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หมาปากหนักอย่างมึงหรอจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง”

“กูเล่าเอง” พูดจบ ไอ้โอมก็อ้าปากค้าง มันเดินแบกหน้าตื่นตะลึงมาหาผม ได้ระยะก็ตะปบแก้มดังแป๊ะลั่นเลย!

“อะไร! เจ็บนะเว้ย” ผมโวยวายแล้วลี้หน้าหนีมัน แต่มือมันก็ยังตามแก้มผมอยู่ ไอ้ห่าโอมประสาทกลับ!

“มึงเล่าเรื่องรินให้พี่โป๊ะกูฟังหรอ? เฮ้ยวิน! กูดีใจที่มึงพัฒนาแล้ว โลกของมึงหมุนทันโลกคนอื่นแล้วใช่มั้ยวะ”

“โอมอย่าเวอร์”
“มันก็แค่เรื่องบังเอิญ”
“กูไปวัดมาเมื่อวานกับพี่รุตต์ ไปทำบุญให้ริน แล้วบังเอิญเจอพี่โป๊ะ เขาก็มาทำบุญให้ผู้หญิงของเขาเหมือนกัน”
“พอเจอกัน เขาก็เลยถามเรื่องของกู แล้วก็เล่าเรื่องของเขาให้กูฟัง แค่นั้นแหล่ะ!”

“หรอ? เออๆ ก็ยังดีวะ”
“ไปแปรงฟันดิ จะได้กินข้าวกัน กูหิว”

“เขาจัดมากี่ที่ พอรึเปล่า”

“ปกติเขาก็ทำเผื่อมึงมีแขกมาเยี่ยมทุกวันอยู่แล้วนี่” ไอ้นี่มันเถียงถูกจุดซะด้วย ผมขยำหัวตัวเองเข้าห้องน้ำอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดขวางการนอน แต่เพราะเป็นไอ้โอม ผมจะไม่ลงโทษผู้บุกรุกทำลายฝันของผมในวันนี้

ไอ้ตัวพูดมากไม่ได้ขอให้ผมสระผมให้มันเหมือนปกติ แต่วันนี้มันขออย่างอื่นครับ
“วันนี้มึงต้องไปไหนมั้ยวิน”

“ไปร้านกาแฟท่าพระจันทร์”

“ไม่เอียนต่ายห่าหรอวะ เท่ากับว่ามึงต้องไปที่นั่น 7 วันต่ออาทิตย์เลย”

“อืม ก็เอียน แต่กูรับค่าจ้างเขาแล้วนี่ เงินก็ดีด้วย มึงไม่ดีใจหรอที่กูมีงานทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไง มึงพูดออกบ่อย” ผมเหน็บมันกลับในประเด็นที่มันชอบหยิบมาว่าผม ไอ้โอมยักไหล่ระหว่างล้างจานอยู่หน้าซิงค์ ส่วนผมก็ยืนดื่มนมอยู่ใกล้ๆ หมดแก้วแล้วจะได้ให้มันล้างเลย

“ก็ดีแหล่ะ”
“งั้นวันนี้ กูไปร้านกาแฟกับมึงดีกว่า ต้องไปเปิดร้านกี่โมง”

“จริงๆ พี่โป๊ะก็ให้ไปเปิดแต่เช้าแหล่ะ แต่มึงก็เห็นว่ากูตื่นได้เช้าสุดเท่านี้แหล่ะ กว่าจะนั่งเรือไปถึงก็สัก9โมงกว่า แต่อย่างว่า กาแฟ เครื่องดื่มเบาๆ พวกนี้กินเมื่อไหร่ก็ได้นี่เนอะ” ไอ้โอมพยักหน้าเห็นด้วยกับผม มันจัดแจงขึ้นไปที่ห้องนอนผมแล้วก็เลือกชุดให้ใส่ มันบอกว่าถึงจะเป็นลูกจ้างเฝ้าร้านให้เขา แต่ก็ไม่มีใครรู้นี่ว่าผมเป็นลูกจ้าง เพราะฉะนั้นก็จงแต่งตัวเสมือนว่าเป็นเจ้าของร้านเสียเถิด ไม่รู้ตรรกะห่าเหวอะไรของมัน แต่มันวางอะไรไว้ให้ผมก็หยิบใส่ได้แบบไม่เรื่องมาก
หมาโอมบ่นยกใหญ่ที่ต้องนั่งเรือไปท่าพระจันทร์ ไอ้ห่านี่น่าถีบให้ตกเจ้าพระยาจริงๆ มันหาว่าผมโง่ที่ได้รถมาก็ไม่ยอมขับ ด่าว่าจมปลัก ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าเหมือนน้องควายไถนาซะหน่อย
“โอมมมม” ผมเรียกมันอย่างอ่อนใจ เพราะมันยังไม่หยุดบ่นเสียที ไอ้เพื่อนตัวดีมองผมแบบกวนตีนแล้วก็เชิดหน้าพร้อมสั่ง “แก้ตัวมาเลยสัด”
“กูไม่ได้กลัวการขับรถเองหรือกลัวอะไรปัญญาอ่อนแบบที่มึงกำลังคิดหรอก”
“แต่รถไม่ได้อยู่ที่กู”

“แล้วมันไปเดินเล่นแถวจตุจักรกับสาวแถวไหนล่ะ?”

“มันไปบริการพี่สุดที่รักมึงนั่นแหล่ะ เมื่อวานเขาไม่ได้เอารถไปวัด ก็เลยมารถกู ส่งกูที่บ้านแล้วก็ขับกลับคอนโด”

“เฮ้ย! มีแชร์รถกันด้วยหรอ? เฮ้ย! มึงกับพี่โป๊ะนี่ยังไงวะ?”

“สันขวานนะมึง ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็จะตีหนึ่งแล้ว แล้วกูก็ได้ยินเขาร่ำๆ ว่าไม่ชอบขึ้นแท็กซี่ กูก็เลยให้เขาขับรถกูกลับไป”

“อ่ออ อย่าให้รู้นะเมิงว่ามีไรลับหลังกู”

“ทำไมวะ?” ผมถามพาซื่อ ไอ้โอมหันมองหน้าผมแล้วก็เงียบใส่ แต่มือมันกลับยื่นคำตอบมาให้ด้วยการอ้อมโอบไหล่ผมแล้วก็ขยี้หัวเบาๆ
...แต่ผมแปลภาษากายของมันครั้งนี้ไม่ออก...

ถึงเสียที ท่าพระจันทร์แสนลั้ลลา ผู้คนไม่ได้ขวั่กไขว่มากถึงขั้นคาดหวังในกำไรจากการขายกาแฟแก้วละ 75 บาทได้หรอกครับ แต่คนทำร้านเขาคงรักบรรยากาศมันน่าดู
เพิ่งเมื่อวานนี้เอง ที่ผมจงใจผ่านมาดู แต่บังเอิญได้เห็นเจ้าของร้านนี้เขารำลึกความหลังกับอดีตของเขา ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้โอมฟัง ไม่ได้บอกพี่โป๊ะด้วยว่าผมเสร่อมาเห็นความเปราะบางของหัวใจเขา ผมคิดว่าผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้จนวันตาย
เสียงกริ๊กจากแม่กุญแจทำให้ไอ้โอมเต้นเร่าๆ อย่างตื่นตัว ผมเลยต้องหันมองมันด้วยความพิศวง
“เป็นไรวะ?”

“มีห้องน้ำในตัวใช่ป่าว ปวดฉี่”

“เออ ไปดิ” ผมส่ายหน้าระอา และออกแรงผลักประตูไม้บานพับเต็มกำลัง เมื่อมันเข้าที่เข้าทางแล้วก็ผลักประตูร้านเข้าไป จัดการเปิดแอร์ ยกเก้าอี้ลงจากโต๊ะแล้วก็กระโดดขึ้นนั่งหลังเคาน์เตอร์ทันที
เครื่องชงกาแฟตั้งตระหง่านอยู่ด้วยกิริยาเรียบร้อย และผมก็เชื่อมั่นใจสมองตัวเองมากว่า ผมสื่อสารกับไอ้เครื่องนี้ไม่รู้เรื่อง
แล้วนี่เมื่อไหร่ทรายจะมา?
ผมเอียงหน้ามองหาเบอร์โทรศัพท์ทราย เผื่อว่าพี่โป๊ะจะจดแล้วแปะๆ ไว้หลังเคาท์เตอร์ แล้วก็เจอครับ
ผมใช้โทรศัทพ์ภายในร้านโทรหาเธอ รอไม่นานก็รับสาย ดูเหมือนทรายจะเมมเบอร์ของที่ร้านนี้ไว้ด้วย
“ค่ะพี่โปร ทรายอยู่เซเว่นหน้ามอนี่เอง แป๊บนึงนะคะ ขอซื้อไข่ต้มแป๊บนึง”

“อ่ะ อ๋อ อืม ตามสบาย”

“นั่นใครคะ? ไม่ใช่พี่โปรหรอ? วินหรอ? เราใกล้ถึงแล้ว ไม่ต้องห่วง”

“อ้อ อือ ตามสบาย” ผมบอกคำเดิมแล้วก็วางสาย ไอ้โอมฉี่เสร็จพอดี มันเดินมาขยุ้มแก้มผมแล้วก็แกล้งผมด้วยคำว่า ‘ของขวัญวันทำงาน กูไม่ล้างมือที่จับจู๋เพื่อมึงเลยเพื่อน!’ ไอเหี้ยยยยยยยยย!! สถุนเป็ด!

“แหมๆ ทำรังเกียจ มีคนใหม่แล้วล่ะสิถึงได้ลืมพี่โอมคนนี้ น้องวินช่างหัวใจเถื่อนเหลือเกิน” ห่าเหวอะไรของมันอีกเนี่ย ผมกระโดดลงจากโต๊ะแล้วยืนหมุนตัวตามจังหวะการเดินรอบตัวผมของมัน ไอ้โอมล้วงกระเป๋า ค้อมหลัง ทำปากเบี้ยวๆ เหมือนคาบซิกก้าแล้วก็พูดแซวผม
“สาวน้อยร้อยกิโลของพี่โอม พอมีชายอื่นมาหมายตาก็แร่ดเชียวนะ”

“เหี้ย! ไม่มีเถอะ”

“ไหนจะเฮียรุตต์ผู้ซื่อสัตย์เป็นหมาหลงเงากล่องนมบูดในน้ำคลำ แล้วยังมีเฮียโป๊ะคนเฟี้ยวเงาะอีก”

“ฮ่าๆๆ เฟี้ยวเงาะนี่คือไรวะ นึกภาพไม่ออก” ผมขำคำที่มันเลือกใช้ ไอ้โอมเองก็หัวเราะ แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นเป็นจิ๊กโก๋ตัดพ้อสาวอยู่

“ตัวกระพี่เนี่ยก็ไม่มีอะไร” กระพี่คืออะไร? คืออีกรูปหนึ่งของกระผมใช่มั้ยวะ ไอ้โอม! ไอ้เมาน้ำกร่อย!
“กระพี่มีแค่หัวใจ.... ที่มันปรารถนาให้น้องวินคนงามเจอความสุขสักที”

“............” ผมหยุดหัวเราะ หยุดหมุนตามมัน เพราะมันหยุดเดินวนรอบตัวผม ไอ้โอมเอามือออกจากกระเป๋า ท่าทางจิ๊กโก๋ของมันหายไป จะมีก็แค่โอมที่ยืนมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้ แต่ทำไมตามันเศร้าจัง

ปีก!
ผมสะดุ้งและหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเพราะคิดว่าลูกค้าเข้าร้าน ผมใช้ไอ้เครื่องนั่นไม่เป็น มาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรบริการหรอกครับ แต่ผิดคาด คนที่เปิดประตูเข้ามาคือทรายครับ
เธอเดินงงๆ มายังผมและโอม เจ้าหล่อนชี้ไปที่โอมแล้วก็เลิกคิ้วถามผม
“อ๋อ ทราย นี่โอม เพื่อนเราเอง”

“หวัดดีค่ะโอม ทรายค่ะ”
“น่าจะรุ่นๆ เดียวกันเนอะ”

“ครับ ทรายคนงาม” อีโธ่! ไอ้จิ๊กโก๋ขี้หลี

ในร้านเจือด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ ทรายอยู่หลังเคาท์เตอร์เหมือนผม แต่กลับพูดคุยกับไอ้โอมที่ทำตัวเป็นลูกค้า นั่งโต๊ะติดกำแพงอย่างสบายอกสบายใจ ทรายชงกาแฟฟรีให้มันกินด้วย ทั้งยังทำขนมปังเนยให้อีกต่างหาก มีงจะคุณชายมากไปแล้วโอม ตังค์ก็ไม่จ่าย มันบอกทรายว่า มันเป็นน้องรักของพี่โป๊ะ เพราะงั้น ทำบัญชีแดกฟรีในชื่อมันรอไว้เลย
เจ้าหล่อนเป็นคนหัวเราะเก่ง ยิ้มเก่ง พูดเก่ง
เธอเป็นผู้หญิงที่นิสัยผู้หญิงจริงๆ ครับ ชนนั่นก็อุ้ย กระแทกนั่นก็โอ้ย และด้วยผิวที่ขาวจัดทำให้สีหน้าเธอปรับเปลี่ยนเร็วตามความรู้สึก เวลาอายนี่ผมมองแป๊บเดียวก็รู้ เพราะขยุ้มแก้มมันฝาดขึ้นมาชัดเจน

เที่ยงกว่าแล้ว ผมมองนาฬิกาแล้วก็เตรียมลุกไปหาอะไรกินตอนเที่ยง แต่ไอ้โอมเสนอตัวจะไปซื้อมาให้ จริงๆ ก็น่าสนใจ แต่ผมว่ามันยุ่งยาก ร้านเราขายของกินเบาๆ กลิ่นหอมของเนย นม โกโก้ กาแฟ ไม่คาวเหมือนกลิ่นอาหาร อย่าให้กลิ่นมาตีกันดีกว่า ผมก็เลยสรุปความว่า

“เราผลัดกันไปกินก็แล้วกัน คนละชั่วโมง”

“ของทรายแค่ครึ่งชั่วโมงก็พอ แล้วโอมกับวินก็ไปกินด้วยกัน จะได้ไม่เหงาไง”

“แล้วทรายไม่เหงาหรอครับ กินข้าวคนเดียว”

“เราชินแล้วน่ะ” เธอตอบพลางยิ้มให้ เพิ่งสังเกตว่าทรายมีลักยิ้มใต้ตาด้วย น่ารักดีแฮะ

“ไม่ได้นะทราย เป็นผู้หญิงจะมาชินกับความเหงานี่ไม่ควร”
“เอางี้ ทรายไปกินกับโอม ให้ไอ้วินไปคนเดียว ไอ้นี่มันรักสันโดษ ไม่ต้องห่วงมันหรอก”

“แต่...”

“ไปกันเถอะ” ใครตกลงกับมึงหรอโอม กูเห็นมึงเอออออยู่คนเดียว ทรายหันมองผมอย่างเกรงใจ คงเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าผมเป็นคนคุมร้าน ส่วนเธอเป็นลูกจ้างระดับปฏิบัติการ ก็เลยต้องขออนุญาตจากผมก่อน ผมก็เลยใจดีพยักหน้าส่งเสริมการกระทำของไอ้โอมไปส่งๆ
และผมก็ได้อยู่กับความเงียบอีกครั้ง

RRRRRRRRRR
โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น คนที่โทรมาก็คือนายมือโปร

“ครับพี่โป๊ะ”

“กินข้าวรึยังวิน พี่ซื้อเข้าไปให้แล้วนะ รอก่อน”

“อ่อครับ พอดีเลย ขอบคุณครับ วินก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน”


ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องกินข้าวคนเดียวในมื้อนี้



Cut


ว้าวววววววว ตอนนี้มาต่อเร็วมากกกกกก
หยุดงานวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับเข้าสู่ระบบจักรวาลกันอีกครั้ง หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะเต็มพลังชีวิตกันได้เต็มที่จากวันหยุดนาวที่ผ่านมานี้นะคะ

มาฝ่าฟันกันต่อไปในปี ๒๕๕๘ นะคะ
ถ้าหมดพลัง ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ก็นั่งอ่านนิยายเราได้ น่าจะช่วย(?)ได้บ้าง ฮ่าาาา

ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขค่ะ  ^__^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 24-01-2015 23:05:50
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 7

 

ผมเพิ่งรู้ว่าการหาวมันน่าหัวเราะ ลูกค้านักศึกษาหันใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอไปทางอื่นหลังจากที่ผมหุบปากแล้วลืมตามองโลกอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันน่าหัวเราะตรงไหน แต่ผมก็ตั้งกฎให้ตัวเองไว้ว่าจะไม่หาวต่อหน้าลูกค้าอีก ครั้งต่อไปผมจะรีบหันหลังหลบสายตาผู้คน จะได้ไม่โดนหัวเราะ

“วิน เสิร์ฟให้หน่อยได้มั้ย” ทรายขอร้องแบบไม่ให้ปฏิเสธ เพราะเธอเล่นยื่นแก้วกาแฟร้อนๆ และจานใส่ขนมปังปิ้ง ปาดเนยและแยมไว้ตรงขอบมาตรงหน้าผมพอดี
ผมทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำตามที่เธอสั่ง ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ผมทำเป็นอย่างเดียวจะมีแค่การคิดเงินเท่านั้น ลูกค้าโต๊ะที่หัวเราะผมพูดขอบคุณแล้วก็เงยหน้ามองผม

“พี่ชื่ออะไรคะ?”

“วินครับ”

“พี่วินน่ารักอ่ะ มีแฟนรึยังครับ”

“คนล่าสุดที่ถามผมแบบนี้ตายไปแล้ว” ผมตอบตามความจริงนะครับ ไม่ได้ยียวนเธอเลย แต่น้องนักศึกษาเขาทำหน้าเหวอใส่ผม แต่พอเพื่อนในโต๊ะเขาส่งเสียงแซวเธอก็เกาะแขนผมเพื่อรั้งไว้แล้วก็บอกให้ผมงงเล่นๆ ว่า

“แรงอ่ะ แต่หนูชอบ ไว้มาเป็นลูกค้าประจำพี่วินดีกว่า เผื่อมีคนมาถามอีก หนูจะได้รู้คำตอบโดยไม่ต้องตาย” เอาเถอะครับ สบายใจยังไงก็ทำแบบนั้น
ผมยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้ แต่เพื่อนเธอกลับส่งเสียวแซวหนักว่า “งู้ยยยยย ยิ้มยิ่งน่ารักอ่ะแกกก เอามาให้ได้นะ”
อื่มมมม อยากจะหันไปบอกจังว่าผมไม่ใช่ของเล่นริมทางนะ จะมาจับมาจองกันง่ายๆแบบนี้ป้าสุไม่ยอมหรอกครับ

“วิน ขนมปังหมด วิ่งไปซื้อให้เราหน่อยได้มั้ย” ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่าใครเป็นคนคุมร้าน 2-3 อาทิตย์มานี้ ทรายบอกว่าชีวิตทรายเริ่มเข้าที่ มีเวลาให้ร้านแบบเต็มที่มากๆ ผมก็เลยถามไปว่าก่อนหน้านี้มีเหตุจำเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้มีเวลาลดลงหรอ คำตอบของทรายก็คือ “หมาเราตาย แฟนก็บอกเลิก ชีวิตเลยเซไปนิดนึง”
ดูเหมือนว่า ทุกคนบนโลกนี้ต่างก็มีเรื่องต้องเจ็บต้องช้ำกันทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยังคงขวนขวายหาเส้นทางชีวิตที่มีความสุข

แล้วผมล่ะ? ทางเลือกคืออะไร ผมได้เลือกอะไรแล้วรึยัง?

“อ๊ะ ผงโก้โก้ด้วยดีกว่า” ผมชะงักความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเองไว้เมื่อเห็นซองไมโลบนเชลเตอร์ วันก่อนมีเด็กมาสั่งโกโก้ภูเขาไฟ และทรายดันบอกว่ามีเมนูนี้ ทั้งที่มันไม่มีเลยแท้ๆ ผมเลยโดนใช้ให้วิ่งโร่หาผงไมโลมาติดไว้ที่ครัวร้าน จากนั้นมา เราก็มีลูกค้าประจำเป็นน้องแจ แต่น้องไม่มีเงินมาจ่ายผมเลยสักวัน มีแม่ยังสาวที่ตามมาจัดการให้ตอนเย็นแทน

ผมซื้อขนมปังและไมโลแบบซองตามจำนวนที่คิดว่าจำเป็น กำลังจะจ่ายเงินก็มือลึกลับสอดของมากองไว้รวมกับของของผมด้วย

“โทษนะครับ คิวผม” ผมพูดดุๆ แล้วหันไปมองหน้ามนุษย์หน้าหนาตัวนี้ แต่หน้าที่เห็นกลับทำให้ผมพับคำด่าม้วนเก็บใต้ลิ้นไปทันที
“พี่โป๊ะ มาไงเนี่ย ไม่มาตั้งนานเลยครับ”

“ก็ไม่ได้มาตั้งนาน พี่คิดถึง ก็เลยมาหา” คิดถึงใครกันวะ?  ผมยอมรับว่ามีคำถามในหัวแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปหรอก ผมแค่ยิ้มรับรู้แล้วก็ดันขวดน้ำเปล่าของเขา รวมไปในของที่ซื้อเข้าร้านด้วย แบบนี้คงไม่งงตอนลงบัญชีเท่าไหร่นักหรอก...มั้ง
“วินออกมาซื้อของ แล้วใครอยู่ร้าน”

“ทรายไง”

“อ่อ แล้วโอมแวะมาหามั้ยวันนี้ พี่มีเรื่องคุยกับมันหน่อย”

“วินไม่รู้ มันไม่ได้บอกไว้ว่าจะมาวันไหน ไม่มาวันไหน แต่ถ้าพี่โป๊ะถามทราย น่าจะได้คำตอบ” ผมบอกใบ้ระหว่างรับเงินทอนแล้วสอดใส่กระเป๋าเสื้อวอร์มที่สวมติดตัวจนเคยชิน

“หมายความว่าไง โอมจีบทรายหรอ? เฮ้ย ไม่ได้!”

“ทำไมอ่ะ” ผมถามพาซื่อ ยอมรับด้วยว่าอยากรู้มากว่าทำไมโอมมันจะจีบทรายไม่ได้ ทรายก็น่ารักดี หรือว่า...
“พี่เก็บไว้กินเองหรอ” ผมถามตรงๆ เลยโดนเขาเอามือบี้ปากจนรู้สึกได้เลยว่ากำลังจูบฝ่ามือเขาอยู่ หนำใจเขาแล้วก็ลากผมออกจากร้านสะดวกซื้อ

“ไม่ได้กินเอง จะบ้าหรอวิน พี่ก็บอกไว้แล้วว่าอย่าให้ใครมากินกันในร้าน”

“โอมมันไม่ทำอะไรในร้านหรอก บ้านมันก็มี บ้านทรายก็มี ที่อื่นมีเยอะแยะ แล้ววินก็อยู่ร้านตลอด จะไปมีอะไรกันตอนไหน พี่คิดเวอร์”

“นั่นแหล่ะ จะจีบจะชอบกันก็ตามสบาย แต่ในร้านพี่ พี่ห้ามเด็ดขาด”

“ทำไมหรอครับ” ผมถามหาเหตุผลระหว่างหยุดรอพี่โป๊ะแวะร้านขายเสื้อยืดที่ท่าพระจันทร์

“ก็....” เขาลากเสียงยาวแล้วหยิบเสื้อตัวนึงมาทาบอกผมไว้ แล้วก็เปลี่ยนเป็นอีกตัว
“ก็พี่ไม่อยากให้ร้านมีมลทิน”
“ร้านกาแฟเป็นความฝันของลูกแพร์ เขาคงไม่ชอบถ้ามีใครมาทำเรื่องแบบนั้นในร้านเขา”

ผม....รู้สึกพูดไม่ออก และที่รู้สึกรุนแรงกว่าก็คือ ผมไม่ควรพูดอะไรทั้งนั้น

“พี่โป๊ะจะซื้อเสื้อหรอ? วินกลับร้านก่อนนะ ทรายรอขนมปังอยู่”

“ไปพร้อมกันสิ ซื้อได้แล้ว” เขาว่างั้นแล้วก็หยิบเงินจ่ายค่าเสื้อ สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ “อ่ะ ตัวนี้ซื้อให้วิน”

กู...ไม่ชอบ....ใส่เสื้อคอกลมครับมึง

“ไม่เอา”

“เฮ้ย ผู้ใหญ่ให้ของ ไม่ควรบอกว่าไม่เอา และควรยกมือไหว้ด้วยซ้ำ”
“รับไว้ดิ”

“วินไม่เอา เอาไปก็ไม่ใส่”

“ทำไม เหตุผลคืออะไร ไหนบอกมา”

“วินไม่ชอบใส่เสื้อคอกลม อึดอัด”

“ชอบใส่คอวี ว่างั้น”

“อือ”

“โชว์ร่องอกแห้งๆ น่ะหรอ?” เขาทำเสียงยียวนแล้วใช้สายตาไต่ตัวผมตั้งแต่หัวไหล่ยันหัวนม

“เออ!” ผมตอบประชดแล้วก็เดินกลับร้าน เขาไม่ได้ตามมาหรอกครับ คงเอือมผมเหมือนกันที่เอาแต่เถียง เขาชอบบ่นบ่อยๆ ว่าผมเป็นคนไม่น่ารัก ไม่น่าเอ็นดู

ทรายต้อนรับผมด้วยรอยยิ้ม และน้องนักศึกษาโต๊ะที่แซวผมก็ยังนั่งคุยกันจุ๊กจิ๊ก คนที่ถามว่าผมมีแฟนรึยังหันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรตอนที่ผมเดินหน้าบึ้งกลับร้าน เมื่อมีคนยิ้มให้ ผมก็ต้องยิ้มตอบแทน

“พี่วิน ขอน้ำเปล่าได้มั้ยคะ”

“ของซื้อของขายนะครับ”  นี่ผมไม่ได้ตอบนะครับ ผมไม่ใช่คนงก คนที่สอดปากตอบน่ะ นายมือโปร

“โหยยยยย” พวกน้องๆ เขาส่งเสียงประท้วงครับ นายมือโปรหัวเราะใส่แล้วก็โปรยเสน่ห์ใส่ว่า “แต่ถ้าน่ารักๆ กันแบบนิ้ พี่ก็บริการน้ำเปล่าฟรีครับ” เหี้ยเจ้าชู้หน้าตาประมาณนี้นี่เอง

ผมแอบเบ้ปากยู่หน้าแล้วก็ดันตัวขึ้นนั่งเก้าอี้สูงหลังเคาน์เตอร์ พอนายมือโปรบริการลูกค้าเสร็จก็มานั่งข้างๆ แล้วก็ยื่นหน้ามาดูหนังสือที่ผมกำลังอ่าน

“อ่านอะไร?”

“ทฤษฎีสื่อสาร”

“ภาษาอังกฤษหรอ ฉบับแปลอ่านรึยัง พี่เอามาให้แล้วนี่”

“อ่านจบแล้ว เลยมาหาออริจินัลอ่าน”

“เก่งนี่หว่า” เขาชมแล้วจับหัวผมโยกไปมา และแน่นอนว่าผมปัดมือเขาทิ้ง แต่เขาคงชินกับพฤติกรรมของผมแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่เคืองอะไร กลับหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำ

“สนุกรึไง ได้แกล้งวิน” ผมถามแล้วพับหนังสือแรงๆ แสดงออกให้รู้ว่ากูขุ่นแล้วนะเว้ย แต่นายมือโปรกลับลอยหน้าลอยตาหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน คำตอบก็กวนส้นตีนมากด้วย

“มาก!”

“พี่โป๊ะแม่ง!”

“อ่ะ เอาไปดิ ผู้ใหญ่ซื้อของให้ไม่รับได้ไง” เขายัดผ้านุ่มๆ มาใส่ตักผม พอก้มดูก็รู้ว่าคือเสื้อตัวเมื่อกี้ ผมชักสีหน้าให้รู้ว่าไม่พอใจ เพราะเขาขัดใจผมมากเกินไปแล้ว ผมไม่ชอบเสื้อคอกลม มันจะมาซื้อ มาบังคับให้รับไว้อย่างยินดีทำห่าอะไร
“ดูก่อนสิ เอะอะก็หงุดหงิด แบบนี้โลกแม่งบูดหมด ดูก่อน เร็ว เร็วดิ!”

“แม่งบังคับ!”

“เออ บังคับ ดูเร็ว!”

ดูก็ได้วะ
ผมคลี่เสื้อดู อารมณ์ขัดใจไม่กี้หายวับไปทันที เพราะเสื้อที่เขาซื้อมาให้เป็นเสื้อคอวีอย่างที่ผมประชดไว้ว่าชอบ

“ชอบรึยังล่ะ”

“...........”

“ดื้อพอประมาณได้มั้ย เร็ว ยิ้ม”

“..........”

“ชอบคอวีไม่ใช่หรอ? บอกเองนี่ ได้ของที่ชอบก็ต้องยิ้มดิ”
“เร็ว แล้วขอบคุณพี่ด้วย”

“...........”

“วิน”

“ขอบคุณ”

“ชอบรึยัง ยังไม่ได้ตอบ”

“ชอบ”
“หมายถึงเสื้อ” ผมตรึงความบึ้งตึงไว้บนหน้า แต่ใจผมกลับรู้สึกชุ่มๆ ชื้นๆ  ราวกับใครมาพรมน้ำเย็นใส่ในอก

“ไอ้ยุ่งเอ้ย!” เขาชอบเรียกผมแบบนี้ด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี นายมือโปรเดินผิวปากเข้าครัวแล้วก็ทักทายทราย พูดคุยกับทรายตามปกติ ส่วนมากทรายจะบอกเรื่องฟีดแบ็ค เมนูที่ควรมี และเรื่องปัญหาของหมด วัถตุดิบไม่พอ บลา บลา บลา ซึ่งผมไม่เข้าไปยุ่ง จะต้องไปยุ่งอีกทีก็ตอนที่ต้องไปซื้อของกับนายมือโปรเท่านั้น แต่ก็แค่อาทิตย์ละ 1 วันเท่านั้นเอง

แต่อาทิตย์นี้ เสือกต้องไปด้วยกันวันนี้เนี่ยสิ
เมื่อกี้ ผมยังไม่ได้หายขุ่นเขานะครับ


คำสั่งเสียของนายมือโปร ทำให้ผมรู้ว่าวันนี้ผมจะไม่ได้กลับเข้าร้านอีกแล้ว ทรายบอกจะปิดร้านตอน 6โมงเย็นเพราะไม่อยากกลับบ้านค่ำมากวันนี้ ไม่มีใครไปส่ง ซึ่งนายมือโปรก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังบอกอีกว่าห้าโมงครึ่งก็กลับได้แล้ว ปิดร้านแค่งับประตู ไม่ต้องล็อค เดี๋ยวดึกๆ เขาจะมาล็อคร้านเอง ผมล่ะแปลกใจว่าทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ให้กุญแจทรายไปก็จบ แต่ก็ช่างเถอะ เหนื่อยเขา ไม่ได้เหนื่อยผม ในกรณีที่เขาไม่หนีบผมกลับมาด้วยล่ะนะ

การซื้อของเข้าร้าน เป็นการแกล้งให้ผมเดินเมื่อยมากกว่าและผมก็เมื่อยจริงจังด้วยครับ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปขอเขาดี

“พี่โป๊ะ วินเมื่อย” ผมบอกตรงๆ แล้วก้มลงทุบน่องตัวเองให้เขาดู นายมือโปรยืดคอหันซ้ายมองขวา แล้วก็ชี้นิ้วสั่ง

“ไปนั่งรอพี่ที่ร้านโดนัท ร้านกาแฟ ร้านไรก็นั่งเถอะ แป๊บนึงก็เสร็จ เดี๋ยวพี่ตามไป”

“ครับ”

“มีตังค์กินขนมมั้ย”

“มีดิ ก็พี่เพิ่งจ่ายเงินเดือนมา”

“ดี งั้นเลี้ยงกาแฟพี่ด้วย” ไอ้เอาเปรียบ แบบนี้ผมจะทำงานไปเพื่ออะไรถ้าต้องเอาเงินเดือนที่เพิ่งได้เลี้ยงเจ้านายตัวเอง
ผมเบ้หน้าใส่ให้รู้ว่าไม่ตกลงด้วยหรอก แต่นายมือโปรกลับกำมือมาชกขมับผมเบาๆ แล้วพูด “ดีล” แล้วก็ก้าวยาวไปกับรถเข็นใส่ของ

ผมเลือกร้านกาแฟดังหน่อยเป็นสถานที่นั่งรอ สั่งชาร้อนมาดื่มให้รู้สึกสดชื่นแล้วก็เล่นโทรศัพท์มือถือเรื่อยเปื่อย พอกดเข้าเฟสบุ้ค ก็เจอรูปภาพอัพเดทของพี่รุตต์ เขาไปเลี้ยงส่งกับครอบครัวเขา น้าประภา ซึ่งเป็นแม่ขอพี่รุตต์ดูไม่แก่ลงสักเท่าไหร่จากครั้งสุดท้ายที่ผมมองหน้าน้าประภาโดยตรง วันจัดงานศพคืนแรกของรินนา ราว 5 ปีที่แล้ว
เธอเคยใจดีกับผม เคยอนุญาตให้ผมเรียกเธอว่าแม่ภาด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ตบหน้าผมในขณะที่ผมกำลังกราบเธอ
กับบ้านนั้น ผมไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องอีก ยิ่งพี่รุตต์จะไปอยู่ไกลถึงญี่ปุ่นแบบนี้ บ่วงความรู้สึกที่เกี่ยวเราไว้ด้วยกันน่าจะขาดลงเสียที
ผมน่าจะดีใจ แต่กลับรู้สึกตรงกันข้าม
เคยอ่านหนังสือชีวิตนักโทษคนหนึ่ง เขาบอกว่าการปล่อยเขาออกจากคุกก็เหมือนสั่งให้เขาตายอย่างอิสระโดยไม่เอ่ยคำให้อภัย ผมคิดว่าผมกำลังรู้สึกแบบนั้น
ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าวันหนึ่ง บ่วงที่มันรัดใจผมไว้ไม่ให้ลืมเรื่องของรินนาเสียทีมันขาดลง ผมจะมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกไหนต่อ
หากไม่มีความเกลียดชัง กล่าวโทษ ผิดบาป มารั้งลมหายใจของผมไว้ ผมจะตายได้อย่างอิสระรึเปล่า?

“เหม่ออีกแล้ว ดูอะไรน่ะ” มารยาทมีขายที่ไหนครับ ผมจะไปซื้อมาต้มน้ำให้เดือดแล้วราดใส่นายมือโปร เอาให้ดิ้นไปถึงเชียงใหม่เลยเป็นไง ผมแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืนมาจากมือเขา นายคนนี้ทำเป็นชูมือยอมแพ้กลางอากาศ แล้วก็ลุกเดินไปสั่งกาแฟ

“พี่โป๊ะ ของล่ะ”

“ในรถ พี่ไม่แบกมาวางในร้านให้เกะกะหรอก”
“แล้วเมื่อกี้เหม่ออะไรอีก วินนี่พิลึกขึ้นทุกวัน ยังไม่ลืมเรื่องแฟนเก่าอีกหรอ”

“ลืมแล้วครับ”

“ลืมโดยการให้ยายแก่แม่ยกเลี้ยงดูเนี่ยนะ ลืมด้วยวิธีอื่นเถอะวิน พี่แนะนำ”

“เรื่องของวินเถอะ”

“แล้วเมื่อกี้ใครหรอ?” ไอ้ขี้เสือก แม้ผมจะใช้สายตาด่าเขาแบบนั้น แต่นายมือโปรก็ยังยื่นหน้ามายิ้มรอคำตอบ

“ก็พี่รุตต์ไง พี่ชายวินที่พี่หาว่าวินเอาเงินแม่ยกไปเลี้ยงเขานั่นแหล่ะ”

“อ้ออออ”
“พี่ชายหรอ? หน้าไม่เหมือนกันเลย เขาออกจะเข้ม แล้วดูวินดิ”

“วินทำไม”

“เกลี้ยงเกลาเชียว นี่มีหนวดป่าววะถามจริงๆ”

“พี่โป๊ะประสาท!” ผมด่ากลับ แต่ก็แอบยกหลังมือปาดเหนือริมฝีปากตัวเอง เออว่ะ ผมไม่ค่อยมีหนวดเลย ปลูกตอนนี้ทันมั้ยวะ?

“ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ใช่มั้ย เป็นพี่ชายแบบพี่ใช่ป่ะ”

“แบบพี่โป๊ะนี่แบบไหน”

“ก็แค่พี่ชายที่รู้จักกัน ก็แค่คนที่รู้จักกันและบังเอิญเป็นผู้ชายที่แก่กว่า แค่นั้นใช่ป่ะ”

สำหรับผมกับนายมือโปร เราคือคนรู้จักกันที่บังเอิญเป็นผู้ชายที่อายุต่างกัน เท่านั้นสินะ

“อืม พี่รุตต์ก็ไม่ต่างจากพี่โป๊ะหรอก”
“ก็แค่พี่ชายที่รู้จักกัน” ผมตอบคำถามเขา และตอบความสงสัยของตัวเองที่พี่รุตต์สร้างคำถามไว้ให้ ใช่แล้ว ระหว่างผมกับพี่รุตต์ และระหว่างผมกับพี่โป๊ะ เราก็แค่คนรู้จักกันเท่านั้น
“กลับบ้านได้รึยังครับ วินเหนื่อย อยากนอน”

“อ้าวหรอ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“แล้วพี่ก็แวะไปปิดร้านอีกทีน่ะหรอ?”
“เอางี้” ผมเสนอความคิด จริงๆ คืออยากมีเวลาให้ตัวเอง แต่ก็อยากทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ตามมาตรฐานของผม
“วินไปปิดร้านให้ พี่ส่งวินแถวม.แล้วจะไปที่ไหนก็ได้ เดี๋ยววินนั่งเรือกลับ”

“รถล่ะ ไม่ได้ขับมาหรอ?”

“เปล่า เช้าๆ อยากนั่งเรือ เอื่อยดี” ผมบอกแล้วยักคิ้ว กะว่ามันจะต้องดูแท่แน่ๆ แต่นายมือโปรกลับหัวเราะใส่ สรุปแล้วไม่ว่าผมจะขยับหน้าแสดงความรู้สึกแบบไหน ผมก็ดูตลกอยู่ดีสินะ

“โอเค ตามนั้น งั้นถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วยก็แล้วกัน ไลน์ก็ได้ ติดต่อพี่ทางไหนก็ได้”

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่ายแม้ว่าจะรู้ตัวดีว่าผมไม่ทำตามที่เขาต้องการหรอก


#### @ D A W N  #####


ท่ามหาราชมีคอมมูนิตี้มอลเล็กๆ ผุดขึ้นมาครับ กำลังจะเปิดเต็มพื้นที่ ตอนนี้มีบางส่วนต่อเติม ตกแต่งอยู่ แต่ที่น่าจะเป็นปัญหาสุดน่าจะเป็นร้านกาแฟดังระดับจักรวาล เจ๊แมลงดาวมาเปิดสาขาที่ท่ามหาราชด้วย เห็นแล้วรู้สึกหดหู่แทนร้านกาแฟเล็กๆ เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังและถ้ารู้แล้วจะทำยังไงไม่ให้ร้านตัวเองเจ๊ง
แต่บางที เขาอาจไม่แคร์ก็ได้ว่าร้านที่ทำอยู่จะมีกำไรหรือไม่มี เพราะเขาทำเพื่อให้ความฝันของผู้หญิงที่เขารักเป็นจริง ไม่ได้ทำเป็นสัมมาชีพ สงสัยแม่งรวยจัดๆ
ผมเดินเข้าร้านเจ๊แมลงดาว สั่งชาร้อนมาดื่มอีกเหมือนเคย ระหว่างนั่งใช้เวลาอยู่กับตัวเองก็ถ่ายรูปแม่น้ำเจ้าพระยายามพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วครึ่งดวงแล้วก็อัพลงเฟสบุ้ค  ยังไม่ถึง 5 นาทีดิบดี พี่รุตต์ก็โทรมาหา เขาถามสั้นๆ ว่า อยู่ที่ไหน ผมก็ตอบสั้นกว่าไปว่า แถวๆม. พี่รุตต์น่าจะเดาได้ เพราะเขาฉลาดและรู้จักเชื่อมโยง ก็เลยไม่ต้องลำบากผมพูดหรืออิบายสถานที่ให้มากความ

ราวครึ่งชั่วโมง พี่รุตต์ก็โทรมาอีกครั้ง คราวนี้เขาถามพิกัดว่าผมสิงสถิตอยู่มุมไหนของโลกใบนี้ ผมบอกร้านเจ๊ และสาขา พี่รุตต์ก็รู้เรื่อง เขาใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที พาตัวเองมานั่งตรงกันข้ามกับผมและส่งยิ้มมาให้

“คิดถึงเราจัง ไม่โทรหาพี่เลย ไม่มีเรื่องกลุ้มล่ะสิ”

“พูดงี้เตะกันเลยดีกว่า”
“วินเรียนเยอะ โปรเจคก็เยอะ แค่เทอมโปรเจคแบบ 20 คะแนนขึ้นไปก็ 3 ชิ้นแล้ว ไม่นับการบ้านจิ๊บจ้อย”

“เชื่อแล้วว่าเรียนหนักจริงๆ ดูสิ ผอมลงด้วยนี่”

“ผอมปกติ”

“ทานข้าวมั้ย ค่ำแล้วนะ”

“อ๋อ พี่รุตต์หิวหรอ? ทานก็ได้ครับ พี่รุตต์อยากทานอะไร” ผมหันซ้ายหันขวาหาร้านเหมาะๆ แล้วก็จบสายตาลงที่ร้านซิมพลี่แอนด์ดิลิเชียสอันโด่งดัง
“ร้านนั้นได้มั้ย?”

“ได้ครับ” คนกินง่ายอยู่ง่ายนี่อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจดีจริงๆ พวกผมย้ายร้านไปสิงในร้านขายอาหารแทนร้านกาแฟ เมนูก็ไม่ได้มีให้เลือกหลากหลายนัก แต่ด้านหลังของใครบางคนทำให้ผมรู้สึกยุ่งยากใจขึ้นมาทันที

ทำไมวันนี้ชีวิตผมถึงมีแต่นายมือโปรวะ?

“เป็นอะไรรึเปล่าวิน ดูเซ็ง ไม่อยากทานข้าวกับพี่หรอ”

“ไม่ใช่ครับ”  ผมขอร้อง อย่าเพิ่งน้อยใจอะไรตอนนี้เลยน่า แม่ง ย้ายร้านดีมั้ยวะ ขี้เกียจตอบคำถาม ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นผมแล้วจะพุ่งเข้ามาเสือกมั้ย แต่ผมเห็นเขาแล้วผมไม่วิ่งไปเสือกเรื่องเขาแน่นอน เพราะเขาอยู่กับผู้หญิง ท่าทางจะสวยมาก

“แล้วเป็นอะไร แล้ววินมุดเมนูทำไม”
“วิน วิน” พี่รุตต์!! อย่าเรียกสิวะ! ผมมุดก็เพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นไงเล่า โธ่!
“วิน วินเป็นอะไรรึเปล่า”

“พี่รุตต์ ไปร้านอื่นกันเถอะ!” ผมเงยหน้าพูดแล้วก็ลุกขึ้นคว้าแขนพี่รุตต์เพื่อลากออกจากร้าน แต่หางตากลับเห็นคนคนนั้นหันมองแล้วลุกขึ้นแสดงความสนใจมาทางผมทันที

“อ้าววิน! ไหนว่าจะรีบกลับบ้านไง ทำไมมาเตร่อยู่แถวนี้ มากินข้าวหรอ? มาๆ นั่งด้วยกัน”

กู ไม่ อยาก วุ่น วาย กับ ใคร!

ความต้องการของผมโลกนี้คงไม่เคยเข้าใจและไม่เคยตอบสนอง ผมถึงต้องมานั่งเขี่ยไส้กรอกพันเบคอนต่อหน้ามนุษย์ 3 คนที่ผมรู้จักแตกต่างกัน 3 ระดับ

พี่รุตต์ คนนี้รู้จักกันนานที่สุด
นายมือโปร คนนี้รู้จักแบบบังเอิญสุด
ดร.โจ้ คนนี้ไม่รู้จักที่สุด

“น้องวิน อยากกินอะไรอื่นมั้ย พี่โจ้สั่งให้” น้ำเสียงเธอน่าฟังมากครับ หน้าสวย ผิวขาว ตัวเพรียว มือเรียว รูปหน้าเล็ก ยิ้มสดใส ผมสลวย ตัวหอม แล้วดูผมสิ หลับตาห่อผ้าดิบก็ใช่เลย

“ไม่แล้วครับด๊อกเตอร์” ผมเรียกตามที่นายมือโปรแนะนำ แต่เธอกลับมองผมงอนๆ

“เรียกพี่โจ้ไง พี่โจ้นะคะ นะคะ”

“ครับพี่โจ้” ในที่สุดผมก็ต้องรับคำ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มให้เป็นการตอบแทน แล้วก็ตักเบคอนใส่กรอกให้ผมอีกชิ้น เธอเรียกหาเมนู เมื่อได้มาก็เปิดๆ พลิกๆ พร้อมกับถามนายมือโปรว่า ทานนี่ดีมั้ย ชอบนั่นมั้ย
ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง แต่จะบอกว่าไม่สนใจเลยก็คงโกหก

“คุณรุตต์สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ เดี๋ยวโจ้สั่งให้”

“ไม่เป็นไรครับ เท่านี้พอแล้ว”
“ผมไม่ได้หิวหรอก กลัวน้องไม่ได้ทานข้าวแล้วจะผอมลงกว่านี้ก็เลยชวนมาทานที่นี่”
“วิน ทานสิครับ”

“วินหิวหรอ? ไม่เห็นบอกพี่” คำว่าพี่นี่คุณมึงย้ำหนักไปมั้ยวะ? อ๋อออ อยากได้รับความเคารพต่อหน้าผู้หญิงสินะ โธ่!

“แล้วคุณโจ้กับคุณโปร ไม่ทานอะไรกันหรอครับ”

“ผมไม่หิวหรอกครับ พอดีมาเดินๆ ดูร้านกาแฟร้านอาหารแถวนี้แล้วเจอกัน ก็เลยมานั่งคุยกันน่ะครับ”

“อ้อ” พี่รุตต์พยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมองผมที่ยังคงเขี่ยๆ เบคอนพันไส้กรอกตรงหน้า
“วิน ทานดีๆ”

“วินไม่หิว”

“แต่มันค่ำแล้ว วินยังไม่ได้ทานมื้อเย็น ทานเถอะครับ”

“.................”

“แบบนี้พี่จะไปอยู่ที่นู่นแบบไม่ห่วงเราได้ยังไง”
“วิน”

“โอเค!” ผมประชดกลายๆ แล้วก็จิ้มไอ้ที่อยู่ตรงหน้าเข้าปาก และสุดท้ายก็สำลักเอง เดือนร้อนดร.โจ้ต้องประเคนน้ำเปล่ามาให้ด้วยรอยยิ้มที่มองดูก็รู้ว่าเอ็นดูผมเหลือเกิน

ผมเหลือบมองนายมือโปรระหว่างดื่มน้ำ เขานั่งกอดอก ไขว่ห้างจ้องหน้าผม และไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า เวลาเขาไม่ทำหน้ากวนตีนแล้วหน้าเขาหยิ่งมากครับ
ยิ่งสบตากันก็ยิ่งอึดอัด ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากอยู่จริงๆ

“พี่รุตต์ กลับบ้านกันเถอะ”
“อ้าว ก็ยัง”

“ไปกินที่บ้านก็ได้”
“กลับบ้านกันเถอะ”

“โอเค โอเค”
“เอ่อ...ขออนุญาตเลี้ยงกาแฟ แล้วก็ลาเลยนะครับ”
“เด็กงอแงแล้ว”

คำแซวผมเรียกเสียงหัวเราะจากดร.โจ้ได้ดี แต่อีกคนที่อยู่ตรงนี้ด้วยกลับทำหน้านิ่ง และสีหน้าแบบนี้ทำให้หัวใจผมหนักๆ

“อื้อ แล้วคุณรุตต์จะไปส่งวินที่บ้านหรอครับ”

“ครับ”

“คุณรุตต์ จำผมได้มั้ยครับ?” จู่ๆ นายมือโปรก็ถามพี่รุตต์แบบนี้ ผมล่ะหัวใจกระตุกเลย อย่าบอกนะว่าเขาจะขอโทษพี่รุตต์เรื่องที่เคยพูดจาซี้ซั้ว แล้วมาขขอโทษทั้งที่ก็มีคนอื่นที่ไม่เกี่ยวด้วยอยู่ด้วยเนี่ยนะ!

“จำไม่ได้ครับ เราเคยเจอกันด้วยหรอครับ”

“ครับ ผมเคยด่าคุณรุตต์ว่า...”
“ว่า แบบ คู่ขากับวิน ทำนองนี้”

“อ่อ....”
“งั้นก็จำได้แล้วครับ เพราะไม่เคยมีใครมองผมกับวินแบบนั้น”
“เราเป็นพี่น้องกันน่ะครับ”
“ถึงไม่ใช่ญาติ แต่ผมก็รักวินมาก”
“ไม่ใช่คู่ขาหรอกครับ นั่นมันเรื่องฉาบฉวย”

พี่รุตต์พูดพลางมองหน้าผม นายมือโปรก็ฟังพลางมองหน้าผม แต่ผมเลือกจะมองหัวรองเท้าผ้าใบของตัวเอง

“กลับบ้านกันเถอะพี่รุตต์” สุดท้ายผมก็เลือกหันมองพี่รุตต์ที่ยังคงมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่รุตต์ไว้และพาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม ผมไม่หันกลับไปมองที่โต๊ะนั้น แต่ผมรับรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งมองตามผมจนประตูร้านเพิ่มกั้นเราออกจากกัน


ความเงียบของผมทำให้พี่รุตต์ไม่ซักไซร้อะไรต่อ เขาคงคิดว่าผมเงียบตามปกตินั่นแหล่ะ แต่บางทีพี่รุตต์ก็อาจจะรู้ว่าเพราะผมมีบางอย่างผิดปกติถึงได้นั่งเงียบ เขาจึงได้ขับรถเงียบๆ เป็นเพื่อนผม

เขาส่งผมที่หน้าบ้านแล้วถอยรถออกไปอย่างชำนาญ บ้านหลังเงียบของผมอ้าแขนโอบรับผมไว้ กั้นผมออกจากโลกที่วุ่นวายและมีแต่เรื่องที่ผมไม่อยากรับรู้....อย่างน้อยๆ บ้านนี้ก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอด ยกเว้นวันนี้

“กลับช้าจัง หมอเหยียบมา 20 กิโลหรอ”

นายมือโปร เขาจะทำให้โลกของผมมีแต่เรื่องวุ่นวายไปถึงไหนกันนะ?


Cut



เอ่ออออ คนอ่านหาย....
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรายังชอบเขียนอยู่
แต่ใครที่ยังตามเฮียโป๊ะอยู่ ขอเสียงนิดนึงนะคะ แฮ่

ฝากเรื่องรวมเล่ม hear,me (ที่หนึ่ง-เจม) ด้วยคะ เฟสบุ้ค /rainynightpublishing ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Luvaboy ที่ 25-01-2015 07:17:36
มาส่งเสียงว่าติดตามอยู่ครับ 555 ตามอ่าน มาตั้งแต่ Hear me, Existance เลยครับ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-01-2015 08:35:33
ชอบเรื่องนี้จัง
อารมณ์หน่วงละมุนแปลกๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 25-01-2015 11:23:12
น้องวินเนื้อหอมมมมมม  :hao7:
อ่านไปความหน่วงก็ยิ่งมากขึ้น เรื่องนี้มีคนน่าสงสารเยอะเลย :o12:
เรื่องนี้พี่โป๊ะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีมากๆ คนละคนกับเรื่องน้องเจมเลย :เฮ้อ:
คนเขียนสู้ๆนะ  :กอด1:
เรื่องลงไป7ตอนแล้วเพิ่งจะเห็นกระทู้ พอเห็นชื่อกระจิ๊ดริดก็รีบพุ่งมาดูเลยนะ เพราะจำได้ว่าชอบเรื่องที่คนนี้เขียน :impress2:
จะตามไปสอยพี่ที่หนึ่งกับน้องเจมนะ o13 ปีนี้ก็จะได้อ่านตอนพิเศษประจำปีเหมือนเคยใช่ไหม รออยู่นะ รู้ยัง? :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-01-2015 11:43:09
เข้ามาบอกว่ากำลังติดตามอยู่นะ  รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 25-01-2015 13:20:50
โล่งอก นึกว่าพี่โปรกับวินจะชอบผญคนเดียวกันซะละ
 :katai5:  ทำไมพี่โปรดดูรวนกับวินงีอะ หึงเราะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 25-01-2015 15:00:04
มีคนอ่านอยู่ตรงนี้เพิ่มอีกคนค่ะ แฮ่  :hao7:
อ่านแล้วติดหนึบเลย
ตกลงนี้พี่โปรอะไรยังไงกันแน่ ชอบก็บอกว่าชอบนะ อย่าเล่นตัว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-01-2015 17:00:56
เพิ่งเจอเรื่องนี้ ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-01-2015 17:47:24
 :mc4:  เย้ นิยายใหม่ ของคุณกระจิ๊ดริด     :heaven :pig4: :pig4:


แว๊ก :a5:  7 ตอนแล้ว   เราไปอยูไหนมาแว๊  เพิ่งเห็นกระทู้  :เฮ้อ:

ปูลู  ชอบนิยายของกระจิ๊ดริดทุกเรื่องเลยค่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 25-01-2015 18:32:41
ตามอ่านอยู่ค่ะ แต่ละตอนมันมาเรื่อยๆ หน่วงๆ และค่อนข้างหนักทับถมสะสม
รายละเอียดเพิ่มที่ละนิดๆ มันเลยเม้นท์ได้แบบยกยอดเช่นนี้แล
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-01-2015 20:53:16
เดี๋ยวจะมาตามอ่านพี่โป๊ะสุดโหดในเรื่องhear meเห็นคนเมนท์เรื่องนี้ท่าทางจะดราม่าเปล่าค่ะ รวมเล่มhear meอุดหนุนแน่นอนคะพี่หนึ่งกับน้องเจม เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-01-2015 23:04:03
พี่โป๊ะ ทำไมอารมณ์เสีย
ถึงขนาดมารอเคลียด้วย
น้องวินเองก็เริ่มหวั่นไหว แปลกๆในใจใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-01-2015 01:06:16
อิพี่โปรน่าตบมาก ๆ อ่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-01-2015 02:37:19
ตามมาจากนิยายแนะนำค่ะ อ่าน Hear me มานานมากแล้วตอนแรกงงๆว่าพี่โป๊ะนี่ใคร พอเห็นชื่อลูกแพร์แล้ววาร์ปเข้ามาเลย คิดถึงพี่ที่หนึ่งด้วย  รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 26-01-2015 15:10:34
 o13  สนุกคะ  ตามมาจากนิยายแนะนำ 
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 27-01-2015 11:45:53
เมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกานนนน 55555555
มาเป็นกำลังใจให้พี่โป๊ะกันเต๊อะ อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 27-01-2015 18:51:19
ยิ่งอ่านยิ่งชอบวินแล้วสิ   :mew3:  :mew3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 27-01-2015 22:42:42
สนุกมากกกก อ่านเพลินเลย นี่เริ่มมีใจให้กันแบบกึ่งๆไม่รู้ตัวแต่รู้ใจแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 30-01-2015 11:58:21
โฮ่!!! พี่ซา หนูตามทันแล้วววววววว

โอ้ยยยย เรื่องพี่โป๊ะ คือพี่แกเป็นสัญลักษณ์ของเหี้ยไปแล้วสินะ 55555
จุดเชื่อมเรื่องของ 2 หนุ่มน่าสนใจมากกกกกก เขาเรียกแบบนี้ว่าแรงดึงดูดหรือเปล่าคะ
แต่ขัดใจจิ๊ดเดียววววว อิพี่โป๊ะชอบว่าน้องเจม แต่ดูนี่ ดูแลน้องวินดีไปมั้ย หึหึ

แก๊งนี้เค้ารักเด็ก(ผู้ชาย)กันทั้งแก๊ง น่ารักจิงงงงง

พี่โป๊ะลดความแรงลงเรื่อยๆ จากตอนที่เข้ามาแทรกน้องเจมนี่แบบ อะไร แกเป็นตัวอะไรวะ อยู่ๆ มาว่าเจมเสียๆ หายๆๆ
พอมาถึงน้องธาม อิพี่แกก็ยังบ้าบิ่นอยู่ แต่แกดูมีขอบเขตความบ้า (หรือจริงๆ คือสื่อสารกับน้องธามไม่รู้เรื่องวะ 5555)
แล้วนี่พอมาน้องวิน คืออยู่ๆ อิพี่แกก็เอาตัวมาติดกับน้องงงง แลดูว่าไปมั้ง (แต่ดีละ จะได้ไม่ต้องยุ่งกะพี่ที่หนึ่งเยอะ ฮ่าๆๆๆ สะใจจุง)

แต่เอาจริงๆ อิมเมจของอิพี่โป๊ะนี่คือแบบตกใจอ่ะ เห็นร่อนไปร่อนมาแบบนี้ คือโปรไฟล์ แบ็กกราวด์ดี(ชิหายเลย) คืองานพี่แกดูครอบจักรวาลมา แต่ตอนที่ไปเป็นเกสต์ที่มหาลัย คือ ลุคดี เท่ห์จริงๆ ฮิฮิ

น้องวินดูเป็นศูนย์รวมของจักรวาลโดยไม่รู้ตัว แน่ๆ คืออิพี่โป๊ะกับพี่รุตต์ แต่โอมนี่ยังไม่แน่ใจ

อยากให้น้องวินเจอเจมกับธาม แล้วสุมหัวกันด่าอิพี่โป๊ะขิงๆๆ

55555

ตามทันแล้ว มีความสุขใจ
ไว้เข้ามาอ่านตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 30-01-2015 14:15:25
เรื่องนี้ เศร้าๆ หม่นๆจัง :hao4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 31-01-2015 09:21:49
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีจ้า ค้างหง่า อัพต่อเลยได้ไหม  :hao6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 01-02-2015 20:08:56
มาจิ้มอ่านอินโทรของพี่โป๊ะเริ่มเรื่องดูเศร้าๆออกคนละแนวกับหมาเจม แต่เนื้อเรื่องน่าติดตามคนเล่าเรื่องคือนายเอกวินใช่มิค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-02-2015 21:38:39
เราเพิ่งเห็นเรื่องนี้ได้ไงเนี่ยยยย
อ่านรวดเดียวเลย ชอบมากกกกกก
แต่ขออย่างนึง อย่ามีเรื่องกระชากใจแม่ยกเหมือน hear me นะคะ
พลีสสสสสสส
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 02-02-2015 16:15:47
อ่านถึงตอนที่ 1 แล้วมีจิ้งจกเจมโผล่มาแว่บๆ คิคิ
อย่างไรก็ตามวินเหมือนมีอะไรบางอย่างปิดบังทำให้เป็นเหมือนคนเก็บตัวในปัจจุบัน
แล้ว วินมีความหลังฝังใจอะไรกับพี่โปรกันนะ น่าติดตามมาก
แต่กลัวอ่านถึงตอนล่าสุดแล้วจะค้างอ่ะค่ะคิคิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 02-02-2015 17:20:22
พึ่งอ่านพี่นำกับน้องธามไป เดี๋ยวต้องหาคู่หนึ่งกับเจมมาอ่านซะแล้ววววว

สนุกมากเลยค่ะ นี่คือพี่โปรของเรากำลังจีบน้องวินอยู่ใช่มั้ยเนี่ย หึหึหึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 03-02-2015 09:03:42
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว พี่โป๊ะชอบน้องวินใช่ไหม แต่ว่า พี่โป๊ะลืมน้องแพรเขาได้แล้วนะ
ส่วนน้องวิน เป็นปู้ชายมืดมนอยู่ในโลกส่วนตัวคนเดียวจริงๆก็หวังว่าพี่โป๊ะจะมาช่วยดึงให้น้องมีความสุขในชีวิตบ้างนะ
ชอบเพื่อนโอม ส่วนพี่รุตต์หวังว่าจะไม่เกินเลยกะน้องวินมากไปนะ หึงแทนพี่โป๊ะจ้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 03-02-2015 09:06:41
เข้ามาส่องเรื่องรักๆของไอ้พี่โป๊ะ(ติดมาจากหมาเจม) :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 05-02-2015 15:26:03
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 อยากอ่านต่อแร้ววว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 06-02-2015 13:34:23
จะว่าไป พึ่งเห็นว่า ลงเรื่องใหม่  :mew1:
มาเป็นกำลังใจให้ ครับ +1 ด้วย
ปล. เรื่องนี้ พี่โปร ดูอ่อนหวาน ไม่เหมือนสองเรื่องที่แล้ว กวนสุด ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 06-02-2015 20:17:37
อ่านน้องธามจบปุ๊บ แวะมาแปะโป้งตามเรื่องนี้ทันที

อยากอ่าน แต่...วันนี้งานเข้า  :sad4:

 :katai4: ขอเคลียร์งานก่อน...แล้วเจอกันนะจ๊ะ ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ 555 (ลอกธามมา)

ปล. ยกมือสูงๆ รอติดตามความคืบหน้าเรื่องจองหนังสือ ที่หนึ่งกับเจม อยู่นะค๊าา  :impress2:

.
.
.
.

::: Edit :::

ตามทันแล้วววว ฮรึก... กำลังจะเจ้มจ้นแล้วก็  Cut!! ฮรึ้ยยยยย

บรรยากาศในเรื่องสุดแสนจะคุ้นเคย เคยใช้ชีวิตนักศึกษาตรงท่าช้างอยู่สี่ปี...คิดถึงจัง ^^

ไอ้ที่ลอยละล่องอยู่รอบตัววินนี่เราได้กลิ่นอายของความรู้สึกรัก ความห่วงใยตลบอบอวลไปหมด

แต่วินเองที่ไม่รู้สึก...หรือไม่กล้ารู้สึกกันเล่าหนอ ประตูปิดแล้วเปิดใหม่ได้ฉันใด...หัวใจที่ปิดก็ย่อมเปิดได้ฉันนั้น

พี่โป๊ะถีบตัวเองมากดออดเคาะประตูใจแล้ว ไปเปิดสิวิน เปิดแล้วรับรองไม่ทำให้ผิดหวัง ชื่อเขาก็บอกอยู่ว่ามือโปร

ส่วนพี่รุตต์เชิญทางนี้เลยค่ะเดี๋ยวเราไปส่งที่สุวรรณภูมิเอง #ผายมือ คึคึคึ





 
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 08-02-2015 23:46:18
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 8



ตกลงแค่พี่ชายหรอ?
พูดจริงดิ?
แล้วทำไมเขาดูห่วงวินจัง?
นี่คิดอะไรกับเขารึเปล่าเนี่ย? หลงรึเปล่า?
สมัยนี้ไม่แปลกหรอก รักก็เรื่องนึง ร่างกายก็เหมือนภาชนะห่อจิตวิญญาณ บลา บลา บลา
แต่ตอนนี้กูอยากแยกวิญญาณมึงออกจาภาชนะปากหมาของมึงมาก!
ผมถอนหายใจเสียงดังๆ ให้เขารู้เสียทีว่ากูรำคาญแล้วนะ แต่ตัววุ่นวายตัวนี้ก็ยังนั่งกัดแอปเปิ้ลหั่นชิ้นที่เกิดขึ้นได้เองในตู้เย็นผม เสียงดังกร้วมๆ

“พี่โป๊ะ ด้วยความเคารพเลยนะ เสือกอะไรด้วย”

“โหหหหหหหหหหหหหหหหห” ปากเป็นรูปตัว O เลยครับ ผมหันหน้าหนีท่าทางเสียใจโอเวอร์ของเขาไปมองผืนน้ำสีดำที่เรืองด้วยสีเหลืองไฟเป็นระยะ
“นี่เราไม่สนิทกันหรอ? พี่อยากรู้เรื่องวินไม่ได้เลยหรอ?”

นี่คือการตัดพ้อรึเปล่า? ผมหันมองหน้าเขาอีกครั้งให้แน่ใจว่าเขากำลังตัดพ้อจริงๆ ไม่ได้แกล้งกวนตีนเล่น และผมก็ได้คำตอบครับ

“พี่แม่งกวนตีน!”

“ด่าแล้วก็ตอบสิ”

“เป็นพี่ชาย วินไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้หลงเขา ไม่ได้อะไรทั้งนั้น”

“แล้วทำไมให้เขามาส่ง ให้เขาดูแล”

“แล้วพี่โป๊ะเสือกอะไรด้วย”

“โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห” ไอ้เหี้ยโหนี่เกิดแถวไหน ผมจะไปดักฆ่ามัน! แม่งน่ารำคาญ
“ก็เราสนิทกันแล้วนี่นา พี่ก็อยากรู้ไว้ จะได้รู้ว่าถ้าเจอครั้งหน้าควรทำตัวแบบไหนดี”

“พี่รุตต์เขาไม่มาเจอกับพี่โป๊ะหรอก”
“อีกไม่ถึงเดือนเขาก็ไปเป็นอาจารย์สอนที่ยูในญี่ปุ่นแล้ว”

“อ่อออ ไม่ใช่หมอ แต่เป็นอาจารย์สินะ”
“พี่ก็อาจารย์นะ แม้จะรับแค่บรรยายพิเศษก็เถอะ”

“แล้วบอกวินเพื่อ?”

“ก็แค่อยากให้รู้ไว้ แค่นั้น” เขาบอกแล้วลอยหน้าลอยตาเดินกลับเข้าบ้านผม ส่วนผมก็ยืนถอดหายใจแข่งกับเสียงเรือด่วน ไม่บอกก็คงรู้ใช่มั้ยครับว่าเสียงไหนดังกว่ากัน

“วิน มากินข้าวสิ” คำเรียกทำให้ผมมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ 4 ทุ่มแล้ว น้ำย่อยราตรีสวัสดิ์ไปหมดแล้ว ยังไม่ทันจะบอกว่าไม่กินแล้วเขาก็เรียกผมซ้ำ...ด้วยเสียงเคาะชามข้าว
ถ้าไม่เห็นว่าแก่กว่าหลายปีและก็มีศักดิ์เป็นอาจารย์ชั่วครู่ชั่วยาม ผมจะเดินไปตบหัวมันให้หายเหี้ยตอนนี้เลย!

“วินไม่ใช่หมานะเว้ย!”

“อ้าว แล้วเดินมาไม?” ตัววุ่นวายเอียงยิ้มเผล่ถามผม เขาทำตาบ๊องแบ๊วใส่ผมแล้วก็ทำท่าสูดกลิ่นแฮมทอดที่เขาทำเอง

เหี้ยมั้ยล่ะครับ?

ผมเดาว่าพอท้องอิ่มจากอาหารจานโปรดที่เขาทำเอง กินเอง นายมือโปรก็คงมีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมอง เขาก็เลยเลิกพูดเรื่องกากๆ เสียที ตอนนี้เขากำลังคุยเรื่องงานของบริษัทเขาอยู่ ฟังไปเรื่อยผมก็พอรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร
โปรเจคนี้ใหญ่โต ที่ดินหลัก 100 ไร่ แม้จะอยู่ชานเมืองแต่ก็สามารถคิดภาพเศรษฐกิจขนาดย่อมขึ้นในหัวได้ เขาจะสร้างสตูดิโอที่ใหญ่ระดับอาเซียนเลยครับ ได้ยินเขาโม้ว่าถ้าเสร็จแล้วจะดูดเงินฝรั่งให้มาถ่ายทำหนังและตัดต่อครบวงจรที่ประเทศไทยมหาศาล จากเดิมที่พวกฝรั่งมักไปอัดตัดต่อในสตดิโอแสนเล็กในสิงคโปร์ และเก็บวิวที่อินโดนีเซีย กับมาเลเซีย

พ่อเชื่อโปรดิ พ่อเชื่อโปร

เขาเรียกร้องความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการนี้เองหรอ? ถ้าผมเป็นพ่อเขา หรือเป็นแบงก์ที่เขาขอสินเชื่อ ให้ตายผมก็ไม่ให้มันสักสตางค์

โปรทำเรื่องกู้อยู่ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะเข้าไปคุยกับแบงก์ ไปจีบๆ ไว้แล้วครับ
เรื่องก่อสร้างไม่ต้องห่วงพ่อ เปิดบิด แต่ก็บอกๆ ไอ้ที่หนึ่งไว้แล้วว่าขอมาตรฐานสูง โปรกะจะสร้างแสตนเคลื่อนที่สำเร็จรูปด้วยพ่อ อุปกรณ์ถ่ายทำ แสงสีเสียง เอาให้พร้อม พวกฉากสำเร็จรูปไรงี้ก็มี ไว้ให้พวกถ่ายละคร
ไม่ถึงพันล้านหรอกพ่อ ใจเย็นดิครับ


อืมมมมม ถ้าผมเป็นพ่อเขา ผมจะเริ่มเครียดตั้งแต่วินาทีนี้เลย
ผมขยับตัวตั้งแต่ได้ยินจำนวนเงิน เพราะผมรู้สึกว่ามันเริ่มเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่ผมไม่ควรรับรู้แล้ว เราไม่ใช่คนใกล้ตัวของกันและกัน
สำหรับผม เขาไม่ใช่คนที่มีอิทธิพลหรือบทบาทอะไรในชีวิต เขาก็แต่ผู้ชายกวนส้นตีนที่ยัดเยียดตัวเองมาอยู่ในชีวิตเงียบๆ ของผม แลสำหรับเขา ผมอาจจะเป็นแค่เด็กไร้ตัวตนคนนึงที่ยืนอยู่เงียบๆในวงกลมชีวิตที่วุ่นวายของเขา

“แป๊บนะพ่อ” ยินเขาพูดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ทั้งที่เดินพ้นเก้าอี้ริมแม่น้ำมาแล้ว นายมือโปรมองหน้าผมแล้วเอ่ยขอน้ำใจ
“วิน พี่ขอกาแฟแก้วนึง”

โอเค สำหรับเขา ผมเป็นเด็กชงกาแฟ กูเคลียร์มาก!

ชงกาแฟให้แล้ว เอาน้ำเปล่าไว้ให้ด้วย อาบน้ำแล้ว เอาโน๊ตบุ้คมาให้ใช้ทั้งที่ผมก็มีรายงานต้องปั่นเหมือนกัน ผมหมดหน้าที่ผู้ช่วยแล้วรึยัง? ตอนนี้ผมยืนหาวอยู่กลางห้องรับแขกด้วยความสงสัยว่า ผมไปนอนได้รึยังวะ?

“ง่วงแล้วดิ ไปนอนไป”
“พี่เขียนแผนกับเตรียมข้อมูลประชุมนิดนึง มะรืนพบผู้ใหญ่”

บอกทำไมวะ? หรือเขายกผมเสมือนญาติผู้ใหญ่ด้วย

“อื้อ” ผมรับคำสั้นๆ กำลังจะเดินขึ้นห้องนอนก็ต้องแวะมาบอกเรื่องสำคัญกับเขาก่นอ
“พี่โป๊ะไม่ต้องล็อคประตูบ้านนะ รั้วด้วย ปิดไว้เฉยๆ”

“บ้า ไม่กลัวขโมยหรอ?”

“เออน่า อย่าล๊อคนะ เดี๋ยวเรื่องใหญ่” ผมกำชับอีกครั้ง หวังว่าเขาจะให้เกียรติเจ้าของบ้านอย่างผมด้วยการทำตามอย่างเคร่งครัด

แม้ว่าจะปิดไฟนอนแล้ว แต่ตาผมยังสู้อยู่กับแสงไฟไอโฟนอยู่ครับ
ผมเปิดเฟสบุ้ค เลื่อนดูความเป็นไปของเพื่อนที่มีอยู่ไม่กี่ร้อยคน ไอ้โอมอยู่ที่ผับที่มันทำงานอยู่ ข้างๆ มีผู้หญิงหนึ่งคนที่ทำเอาผมอึ้ง
ทราย....แม่งรวดเร็วกันจริงๆ แต่คิดอีกที อาจจะไปแบบเพื่อนกันก็ได้ อย่าไปคิดแทนใครนั่นแหล่ะ ดีที่สุดสำหรับผม
ผมกดไลค์และล็อคหน้าจอ กำลังจะปิดเปลือกตาก็มีอันต้องสะดุ้งเพราะไอ้โอมโทรหากะทันหัน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าคิดจะหลับ อย่าได้ไปวุ่นวายกับโซเชียลมีเดีย
“อือ ว่างาย” พูดไปก็หาวไป นี่มันตีหนึ่งแล้ว วันนี้ผมเพลียมาทั้งวัน
“จะนอนแล้วเนี่ย” มันถามผมว่าทำไรอยู่
“จะนอนจริงๆ แค่เลื่อนๆเฟสดู มันติด” มันถามย้ำว่าคนจะนอนห่าไรเข้าเฟสบุ้ค
“มึงนั่นแหล่ะ หนีบผู้หญิงเขาไปด้วยแบบนั้น เช็คดีรึยังว่าจะไม่โดนตีนใคร ทรายเขาน่ารักนะเว้ย” ผมเตือนมันด้วยความหวังดีครับ ผมจำได้ว่าทรายเพิ่งเลิกกับแฟน ซึ่งถ้าหากความสัมพันธ์พวกเขายังไม่สะเด็ดน้ำดี คนที่จะซวยโดนตีนแฟนเก่าเขาก็ไอ้เพื่อนผมนี่แหล่ะ
“ไม่รู้ กูไม่ได้สนใจ มึงอยากรู้มึงก็ถามให้เคลียร์”
“แล้วมึงอ่ะ อย่าแค่เล่นๆนะเว้ย เสียงานกูหมด เกิดเขาเฟลจากมึงแล้วไม่มาทำงานที่ร้านเพราะกูกับมึงเป็นเพื่อนกัน กูต้องลำบากไปเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องชงกาแฟไฮโซของพี่โป๊ะนะเว้ย อย่าทำให้กูเดือนร้อน เข้าใจป่ะเนี่ย” บ่นใส่มันเสร็จก็หาว ตบท้ายด้วยการสูดน้ำมูกปนลมเข้าจมูกฟืดนึง เป็นอันรู้กันว่าถ้าไม่นอนตอนนี้ พรุ่งนี้ผมจะป่วย
“เอออ บาย”
“หือ?” ผมขมวดคิ้วและสนใจประโยคท้ายคำลาของมัน ไอ้โอมมันบ่นว่าเฮียมันหายหัวไปกกสาวที่ไหนไม่รู้ ผับก็ไม่มา บริษัทก็ไม่เข้า
“หรอ? ไม่รู้ว่ะ” ผมไม่ควรบอกใช่มั้ยว่ามนุษย์ที่ไอ้เพื่อนโอมบ่นหา มันนั่งแช่อยู่บ้านผม

#### @ D A W N  #####

เช้าวันนี้ผมรู้สึกผิดหวังโดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่แสงพระอาทิตย์ยามเช้ายังทำให้ผมอิ่มเอมใจได้เหมือนเดิม รู้สึกมีความหวังได้เหมือนทุกๆ วันก่อนหน้า แต่พอได้เห็นโพสอิทภาษาเหี้ยแปะไว้บนหมอนว่า –พี่เข้าออฟฟิศก่อนนะ ทำข้าวเช้าไว้ให้ กินซะด้วย ไม่งั้นขี้จะวิ่งมาเลี้ยงสมอง- ดูเหมือนนายมือโปรจะไม่รู้จักภาษาศรีวิไล คนห่าอะไรดิบชิบหาย
ผมก็ไม่ได้เซ็งเพราะตื่นมาไม่เจอเขาหรอก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และถึงจะรู้จักกันอยู่นิดหน่อย ความสัมพันธ์ของผมกับเขาก็ไม่ได้เข้าใกล้ระดับ “น่าประทับใจ” เลยสักนิด
แต่ที่รู้สึกผิดหวังอยู่นี่....บางที น่าจะสรุปได้ว่ามันเป็นความรู้สึกเหมือนรองเท้าคู่โปรดหายไป 1 ข้าง

ผมล้างหน้าแล้วลงมาดูมื้อเช้าที่เขาอวดอ้าง มีจริงๆ ครับ ขนมปังปิ้งเกรียมๆ ที่เป็นตัวแซนวิช ไส้คือไข่ดาวเกือบสุกและผักเขียวหลายใบ
ก็นับว่ามีความพยายามดี แต่ผมไม่กินหรอกครับ ใช่ว่าหยิ่งนักหนา แต่ของที่ดีกว่ามันมาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้วต่างหาก
แม่ครัวจากป้าผมยังคงทำหน้าที่ของเขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ผมก็ควรกินอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเหมือนกัน

วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนอีกแล้ว เล่มวิจัยผมยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่แต่ก็เริ่มเอาให้อาจารย์ที่ปรึกษาดูบ้างแล้วครับ กะเอาความถี่ในการส่งงานเข้าสู้คนอื่นๆ เขา แต่ผมก็ทุ่มเทให้วิจัยเต็มที่ไม่ได้เพราะเทอมนี้ยังเรียนอยู่ แม้ว่าจะเป็นแค่ไอเอส ไม่ใช่วิจัยเต็มรูปแบบ แต่มันก็ทำยุ่งยากพอๆ กัน
ผมโทรหาไอ้โอมเพื่อทวนว่าพรุ่งนี้มีรายงานอะไรต้องส่งมั้ย? งานเดี่ยวหรือกลุ่ม แล้วงานกลุ่มต้องทำอะไร ยังไง เมื่อไหร่ และมันก็เป็นเพื่อนที่ดีมากครับ มันบอกผมสั้นๆ ว่า “ถามเฮีย”
ผมก็เลยต้องโทรหาเฮีย ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับแกมากนักหรอก คงเพราะรู้สึกว่าจิตวิญญาณเราคนละสีล่ะมั้ง
แต่เฮียไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย ตอบมาได้เป็นฉากๆ แล้วก็นัดแนะเวลาคุยงานกลุ่มของอาจารย์วารินทร์กันในวันพรุ่งนี้ด้วย อย่างงครับว่าอาจารย์วารินทร์คือใคร... ก็นายมือโปรนั่นแหล่ะ 

บ่ายเข้าหน่อยผมก็มาถึงที่ร้านกาแฟแล้ว วันนี้นักศึกษามากันเยอะเลย หรือที่ร้านมีโปรโมชั่นที่ผมไม่รู้เรื่อง จะยืนทำหน้างงรอให้ลุงร้านขายพระมาบอกความจริงก็ไม่ใช่ความแผนที่ดีนัก ผมเลยผลักประตูร้านเข้าไปและก็ตกเป็นเป้าสายตาทันทีเหมือนกัน

“แซ่บจริงด้วยแกรรร” ผมไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด แต่เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกันว่าคนที่แซ่บน่ะ คือผม

“วิน กินข้าวเที่ยงมารึยัง เรามีทำแซนวิชให้เอามั้ย”

“กินมาแล้ว ขอบใจมากทราย”
“วันนี้ขายดีหรอ?” คำถามนี่ผมถมลดเสียงลงหน่อย แม้จะไม่เคยเป็นพ่อค้ามาก่อน แต่สามัญสำนึกผมมันบอกว่าเราเป็นคนขาย ไม่ควรถามว่าวันนี้คนซื้อเขาจะจ่ายเงินให้เราเยอะใช่มั้ยต่อหน้าคนซื้อ มันดูไม่มีมารยาท

“เพิ่งขายดีเนี่ยแหล่ะ คนเรียกลูกค้ามาน่ะ”

“หือ?” ทรายไม่ตอบสายตาสงสัยของผม แต่โบ้ยให้ชะโงกไปดูในห้องครัวแทน โอ้วววว ตัวเงินตัวทองมาร้านนี่เอง

“พี่โป๊ะมาร้านด้วยหรอครับ ไหนว่าไปประชุม”

“แล้ว” ตอบมาเท่านี้กูจะรู้มั้ยว่าอะไรคือแล้ว ผมยืนยีหัวตัวเองให้เขาเห็น จะได้รู้ว่ากูไม่เข้าใจคุณมึงหรอกครับ แล้วผมก็มาช่วยทรายเสิร์ฟกาแฟ แน่นอนว่า “แซ่บโคตรรรรรว่ะแก” แทบจะกลายเป็นคำจำกัดความของผม ไปเสิร์ฟโต๊ะไหนก็ต้องได้ยิน และตลอดบ่ายก็มีแต่ลูกค้าผู้หญิง ทั้งที่ธีมร้านเขาออกจะเท่ๆ น่าจะดึงดูดพวกฮิปสเตอร์มากกว่า

“เมื่อยชิบหาย” ผมบ่นเมื่อลูกค้าเริ่มซา น้องนักศึกษาทิ้งไว้เพียงคราบเครื่องดื่มบนแก้วทรงสูงหลากสี ผมกะว่าจะเดินไปช่วยทรายล้างแก้วเสียหน่อย ตัวเงินตัวทองตัวนำโชคก็มารัดคอผมไว้

“อะไรอ่ะพี่ อึดอัด”

“หมดกำลังใจว่ะ เชียร์อัพพี่หน่อยดิ”

“หมดเรื่องไร วินไม่สาเหตุแล้วจะเชียร์อัพได้ไง ไปจ้างลีดเดอร์ในมอโน่นนนน”

“เฮ้อ คนเรา” เขาบ่นใส่แล้วก็เดินไปหาทรายที่หลังร้าน เขาไปช่วยทรายล้างแก้วครับ เป็นคนดีชิบหายเลยเหี้ยตัวนี้

“วิน” เดินห่างกูไปเอง แล้วเสือกจะเรียกให้กูไปหา ประสาทดีป่าววะ

“ครับ” แต่ผมเนี่ยแหล่ะประสาทกลับ ไม่รู้จะขานทำห่าอะไร

“มานี่ดิ พี่เรียกไม่ได้ยินหรอ?”

“วินเมื่อย ปวดหลังด้วย พี่เดินมาพูดตรงนี้”

“วินเข้ามาในนี้”

“พี่โป๊ะออกมาตรงนี้”

“วิน!”

“งั้นกลับแล้วนะ หวัดดี” ผมชิ่งการถูกบังคับให้ต้องแพ้ด้วยการลาจาก ยังผลักประตูไม่ถึง 45 องศาดี ตัวก็ปลิวครับ...คงไม่ต้องบอกว่าใครมันกล้าขัดใจผมอย่างอุกอาจแบบนี้

“อะไรอีกล่ะพี่โป๊ะ!”

“พี่เรียก วินยังไม่มาหาเลย”

“อยากคุยพี่ก็เดินมาหาวินดิ คนอื่นเขาก็เหนื่อยก็เพลียเหมือนกันนะเว้ย!”
“ปล่อย วินไม่ชอบให้ใครโดนตัว!”

“แสดงว่าเมื่อคืนหลับลึก” แล้วแม่งก็แหย่ต่อมสงสัยผมจนได้ นายมือโปรฉายสีหน้ามั่นใจ เขายิ้มที่มุมปาก มือยังไม่ปล่อยจากไหล่ผม อีกมือก็ดึงประตูร้านให้ปิดลงอีกครั้ง
“หลับลึกใช่มั้ยเราน่ะ ไอ้ยุ่ง”

“อะไร พูดไม่รู้เรื่อง”

“ไม่รู้ตัวเลยอ่ะดิ”

“พูดให้มันรู้เรื่อง”

“จะให้พูดใช่มั้ย? ทรายยังอยู่นะ มันก็...ลับนิดหน่อย”

“วินไม่มีปานแดงที่จู๋ ไม่มีอะไรน่าอายหรอก พี่พูดมาเถอะ”

“วินนอนกอดพี่ทั้งคืน”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย มึงพูดคำนี้ออกมาได้ไง!!!!

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 08-02-2015 23:54:48
ผมเขย่งปิดปากมันไว้แล้วก็ตาเหลือกลากเขาออกจากร้าน ผมลากๆ เขามาถึงท่าเรือข้ามฝากวัดมหาธาตุเลย ซึ่งก็ไกลหูไกลตาทรายเกินไปแล้วล่ะครับ

“พี่เอาอะไรมาพูด แม่งโม้ว่ะ”
“วินไม่ใช่คนนอนติดหมอนข้าง แล้ววินก็ถนัดนอนหงายไม่ใช่นอนตะแคง วินไม่นอนกอดพี่หรอก”

“เหรอะ! อ่ะดู”

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนที่เพิ่งรู้ความจริงของตัวเองอย่างผมกำลังจะตายเพราะความอับอาย
ไอ้เหี้ย! ไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดจะเชื่อ ผมอยากปาโทรศัพท์ลงพื้นแล้วกระทืบให้หน้าจอแม่งแตกละเอียดจนหาความเป็นกระจกไม่เจอ ผมทำอะไรลงไป ผมไร้สติขนาดนี้เลยหรอ? ไม่จริงหรอก ไม่มีทาง! ยิ่งกับนายมือโปรคนนี้ด้วยแล้ว ไม่จริงโว้ยยยยยยยยยยยยยย!!!

“หน้ายุ่งไปหมดแล้ววิน”
“ไม่เป็นไร พี่คิดซะว่าลูกหมาลูกแมวมาซุก”
“บ้านพี่เลี้ยงเป็นฝูงเลย”

“เลี้ยงที่บ้านหรือเลี้ยงที่ปาก...”
“....ครับ” ผมปากไวไปต่อกรกับเขาทั้งที่ยังไม่หายสติแตก นายมือโปรหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอยู่ตรงหน้าผม แล้วก็รัดคอผมเพื่อเดินไปนั่งร้านกาแฟชื่อดัง

เดี๋ยวนะ คุณมึงก็ขายกาแฟไม่ใช่หรอ? จะมาซื้อร้านอื่นเพื่อ?

“วินนี่ตลกดีนะ”
“ชื่อวินนี่ก็น่ารักดี ต่อไปเรียกวินนี่ดีกว่า”

“K” ผมด่าเบาๆ แต่มองเขาตาขวางมาก ให้รู้ว่าห้ามเรียกกูด้วยชื่ออันเป็นกาลกิณีนั้นเด็ดขาด!

“ไอ้ยุ่ง ได้ยินนะเว้ย!”

“หูดีเอง ช่วยไม่ได้” ผมยียวนต่อ ยอมรับเลยว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะกวนตีนเขาไปเพื่ออะไร กับนายมือโปร การคุยด้วยภาษามนุษย์ที่สากลโลกยอมรับน่าจะทำให้เราสื่อสารกันเข้าใจมากขึ้น

“ไงก็ขอบคุณ พี่อารมณ์ดีแล้ว”
“กินขนมอะไรมั้ย? พี่เลี้ยง”
“กินแล้วก็ติด้วย เดี๋ยวเอาไปทำขายที่ร้าน”

“พี่โป๊ะทำขนมอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรอ?”
“ทำเค้กก็เป็น ชงกาแฟ เครื่องดื่มอื่นก็ได้ นี่ยังจะทำพวกคุ้กกี้ไรพวกนี้เป็นด้วยอีก คนอะไรว่ะเนี่ย”

“ก็คนมันมืออาชีพก็งี้แหล่ะ”
“เร็วดิ ไปเอามาสักอย่างนึง เดี๋ยวไปอะแด๊ป”

“ขี้ลอก คิดเองดิวะ” ผมสั่งสอนแล้วดื่มชาร้อนพลางมองพระอาทิตย์ตกน้ำที่ริมเจ้าพระยา
“อือแล้ว...พี่ผิดหวังอะไรมาหรอ”

“อ้อออ”
“เฮ้ออออ นึกถึงแล้วเซ็ง แต่ก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป อยากทำเองนี่หว่า”

“อะไรอ่ะ นี่ยังไม่ได้เข้าประเด็นใช่มั้ย? หรือวินหูบอดช่วงที่พี่พูดอะไรเป็นสาระ”

“ไอ้ยุ่งเอ้ย!” เขาดันหัวผมเบาๆ แล้วก็เอนตัวพิงพนักพลางทอดสายตามองพระอาทิตย์ดวงเดียวกับผม
“โปรเจคพี่ไม่ผ่านบอร์ด ก็นะ...คนแก่ๆ เขาว่าโปรเจคมันใหญ่ไป กว่าจะคืนทุนมันช้า ลงทุนเกือบพันล้าน คงไม่คุ้ม”
“แหงล่ะ เขาก็ต้องคิดแบบนั้นกันอยู่แล้ว ก็เดี๋ยวๆ เขาก็ตายกันแล้วนี่ แต่พี่คือคนที่อยู่นานกว่าเขา ก็ควรจะปล่อยให้พี่ลีดองค์กรสิวะ โลกแม่งอยู่ยากชิ้บหาย”

“อ่อออ”
“ลองปรับไซส์แล้วไปคุยอีกที อาจจะผ่านก็ได้นะครับ” ผมปลอบใจเขาอยู่ใช่มั้ยเนี่ย? ผมก็มีด้านอ่อนโยนเหมือนกันแฮะ

“ขอบใจนะ แต่พี่จะไม่ลดไซส์มันหรอก พี่ออกแบบมาแล้ว มันต้องสเกลนี้ถึงจะดึงเงินพวกต่างชาติได้”

“แล้วพี่โป๊ะจะแก้ปัญหายังไง”

“พี่ว่าจะหาพาร์ทเนอร์ที่เห็นประโยชน์ร่วม อาทิตย์หน้าจะคุยกับพ่อดู”

“อืมมมมม” ผมอยากรู้รายละเอียดเพิ่ม แต่ก็ไม่กล้าถามเขา กลัวเขารู้ว่าผมสนใจ เดี๋ยวแม่งเหลิงหลงระเริงคิดไปว่าตัวเองน่าสนใจสุดในจักรวาล ซึ่งมันไม่จริง

“ขอให้โชคดีนะครับ”

“ครับ” รอบนี้เขายิ้มสุภาพแล้วก็สั่งย้ำให้ผมไปซื้อขนมมาสักอย่าง เอาไอ้ที่คิดว่าน่าจะเอามาอะแด๊ปขายที่ร้านได้ ผมก็เลยต้องทำหน้าที่ผู้จัดการร้านที่ดีให้คุ้มกับค่าจ้างที่เขาจ่ายให้


เราจิบกาแฟกันต่ออีกพักใหญ่ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากทรายว่าจะกลับบ้านแล้ว ให้ผมมารับช่วงต่อที ผมก็เลยลากเขากลับร้านด้วย

มาถึงหน้าร้าน ก็เจอทรายพอดี ตอนแรกคิดว่ามายืนต้อนรับ แต่เปล่าครับ เธอมารับหน้าคนที่มารับเธอต่างหาก  และผมก็เดาถูกจริงๆ แฟนเก่าทรายมาง้ออยู่ แบบนี้เพื่อนผมก็หมาน่ะสิ

“ซวยแล้วไอ้โอ้ม” ผมพึมพำระหว่างเช็คใบเสร็จของวันนี้ให้นายมือโปร ตอนนี้เจ้าของร้านตัวจริงเขาเข้าไปหลังร้านแล้วก็เดินดึงๆ ลุยฝุ่นขึ้นไปชั้นบนซึ่งปิดไว้ ไม่ได้ใช้งาน

“วินว่า ข้างบนนี่เราทำอะไรได้บ้าง ค่าเช่าที่เดือนละ 35,000 บาท จะขายแค่กาแฟคงไม่พอ”

“พี่เพิ่งคิดได้หรอครับ?”
“ยิ่งท่ามหาธาตุเปิดแบบนั้น มีแมงดาวมาเปิด มีเอสแอนด์พี แล้วก็ร้านเล็กๆ อีกตั้งมาก ใครจะมากินกาแฟร้านพี่”

“แต่พี่มีพ่อค้าแซ่บนะ”

“แสรดดด แม่ง! วินไม่ใช่ปลาตู้นะเว้ย”
“โครตรจะอึดอัด ซุบซิบกันอยู่ได้”

“น้องๆ เขาก็แอบปลื้มแอบมอง ไม่มีพิษภัยอะไรหรอกน่า มองโลกในแง่ดีบ้างดิ”

“ลองถูกมองมั่งดิ”

“พี่ผ่านขั้นนั้นมาหลายขุมแล้ววิน” โอ้อวดแล้วก็ทำหน้าหล่อใส่ผม ไอ้บ้า! พอผมหน้าหงิก เขาก็หัวเราะระรื่นแล้วก็ทำอะไรก๊อกแก๊กอยู่ในครัว แป๊บเดียวก็ชวนผมกลับบ้าน แต่วันนี้เขาประหลาดไป เขาจะนั่งเรือด่วนกลับบ้านไม้กับผมครับ

“แล้วรถพี่ล่ะ แล้วพี่มายังไง เฮ้ย! ตอบดิ” ผมพยายามทัดทานเขาแล้ว แต่นายมือโปรก็ไม่ฟังคำทัดทานใด เขาเดินดุ่ยๆ นำหน้าผมไปขึ้นเรือด่วน แต่แม่งก็โง่มากจนมารอชะตาที่ท่ามหาธาตุ ซึ่งมีแต่เรือข้ามฟาก ไม่มีเรือด่วน แล้วมึงจะได้กลับบ้านมั้ยครับ?
ลำบากผมต้องอธิบายว่าถ้าจะกลับบ้านทางเรือ ต้องไปขึ้นที่ท่าช้างแทน ถ้าควายเข้าใจแล้วก็ตามมา!


#### @ D A W N  #####


“วิน วิน” เรียกอยู่ได้ นี่ทางกลับบ้านกูนะ กูไม่หลงหรอกน่า

“ครับพี่โป๊ะ” แต่ผมก็ขานรับเขาอยู่ดี ผมนี่ท่าจะบ้าบอไปกันใหญ่ นายมือโปรเอื้อมมือมาดึงผมให้เดินไปชิดเขา บนเรือคนเยอะมากครับ โดยเฉพาะท่าสะพานตากสินที่มีคนลงเยอะจนเรือเอียง

“ขึ้นไปก่อนเลยวิน” ทำตัวเป็นพระเอก แล้วกูก็ต้องเป็นนางเอกว่างั้น? ผมก้าวผ่านความโล่งที่เขาเคลียร์คนให้ขึ้นไปบนโป๊ะ โอ๊ะ! นี่ผมยืนบนโป๊ะต่อหน้าไอ้พี่โป๊ะ! คิดอะไรปัญญาอ่อนได้ผมก็กระทืบโป๊ะใหญ่เลยครับ

“ทำบ้าอะไรไอ้ยุ่ง” เขาถามด้วยสีหน้างุนงง ซึ่งนานๆ ไอ้หน้าแบบนี้จะโผล่มาให้เห็น

“วินกระทืบโป๊ะอยู่”

“โป๊ะมันไม่เจ็บหรอก วินนั่นแหล่ะจะเจ็บ”
“กระดูกมันคนละเบอร์ ไอ้ยุ่ง” โฮ่ยยยยยยยยยย แม่งไม่หนุกเลย พอทำอะไรเขาไม่ได้ ผมก็เดินดุ่ยๆ มารอเรือที่อีกท่านึง ซึ่งไม่ไกลกับท่าสะพานตากสินเลยครับ

ท่านี้คือท่าเรือของโรงแรมหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าของคือธนาคารใหญ่ของประเทศไทย ผู้บริหารคือลูกสาวนายแบงก์ใหญ่ที่ไม่แต่งงานแต่สามารถแทนตัวเองว่าแม่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นสิบๆ ปี ครับ เธอคือป้าสุของผมเอง

ป้าสุคือลูกสาวของคุณตา คุณตาคือนายแบงก์ และผม ก็คือหลานชายนายแบงก์

ทุกๆ 15 นาที เรือจากโรงแรมจะสัญจรมารับคนที่จะเดินทางไปโรงแรม และคนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆ โรงแรม ถ้าผมเริ่มต้นเดินทางจากโรงแรม ผมจะถึงบ้านไม้ในเวลา 15 นาที ตามอัตราการเดินเร็วของผม แต่ถ้าตั้งต้นจากสะพานตากสิน ก็วกเข้าไปอีก 20 นาทีสำหรับการเดิน และมันจะเหนื่อยมาก แต่ถ้านั่งมอเตอร์ไซค์ก็เร็วระดับที่แอบตดยังไม่สะเด็ดดี

“เรามาทำอะไรที่นี่หรอวิน” ผมถือไพ่เหนือกว่าเมื่อเป็นผู้ชำนาญทางมากกว่า ผมเลยหันไปมองเขาด้วยใบหน้าอมภูมิ
“ไม่บอกก็ตายไปกับความจริงนั่นแหล่ะ ตามสบาย พี่ไงก็ได้อยู่แล้ว” แม่งไม่สนุกเลย ทำไมผมถึงหาช่องเหนือกว่าเขาบ้างไม่ได้วะ!

“เดี๋ยวเรานั่งเรือของโรงแรมนี้ไป ใกล้บ้านกว่า”

“อ๋อออ โรงแรมนี้ของแบงก์XXXXX” แม่งรอบรู้ดีจริงๆ หรือว่าใครๆ ก็รู้วะเนี่ย ผมพยักหน้ารับ นายมือโปรจึงหยุดพูดไป แต่ก็แค่ช่วงเดียวเท่านั้นครับ เขาทำให้ผมอกสั่นด้วยการบอกว่า “อาทิตย์หน้าพี่มีนัดกับคุณสุ ผู้บริหารแบงก์น่ะ แต่นัดที่นี่แหล่ะ เห็นว่าคุณสุเขาดูแลธุรกิจอสังหาฯของตระกูล”

“ครับ”

“เออ วินนามสกุลเดียวกันกับตระกูลแบงก์นี้เลยนี่ เป็นอะไรกันป่ะเนี่ย”

“ถ้าเป็นแล้วพี่โป๊ะจะทำไม”

“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่รู้ไว้ประดับบ่า ต่อให้วินเป็นลูกหลานนายแบงก์จริง ระหว่างเรามันจะเปลี่ยนอะไรล่ะ คนอย่างพี่ไม่เคยขอให้น้องที่ไหนช่วยเหลืออยู่แล้ว ใต้โต๊ะไม่มี วงในไม่สน พี่ชอบเล่นแฟร์ในสนามมากกว่า”

“ก็ดีครับ วินก็ไม่ชอบเป็นเครื่องมือให้ใครใช้ประโยชน์เหมือนกัน”
“ถึงวินจะไม่มีผลประโยชน์ให้ใครก็เถอะ วินก็แค่นามสกุลเหมือน แค่นั้น”

“อืม พี่ก็ว่างั้น”
“ตระกูลนี่เขาคงไม่ปล่อยให้ลูกหลานเขาลำบาก จนต้องให้แม่ยกส่งเสียแบบวินหรอก”

“...............” เอาเลยยยยย คิดเองตามสบาย ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องแก้ตัว และผมเองก็ไม่เคยบอกสักคำว่าผมมีแม่ยกเลี้ยงดู นั่นป้ากูเว้ย!

“ใช่เรือนี้มั้ยเนี่ย” นายมือโปรทักขึ้นเมื่อเห็นบางอย่างกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่เริ่มมืดลงทุกที ผมหันมองตามแล้วก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
เรายืนรอให้เรือเทียบเท่า ให้คนบนเรือลงมาก่อน จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งในเรือกันอย่างสบายใจ ชีวิตผมคงชิลกว่านี้ได้ ถ้าไม่เจอะกับคนคนนี้เสียก่อน

“คุณวิน มาหาคุณท่านหรอครับ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมต้องเจอลุงสมานตอนนี้ด้วย!!




Cut



สวัสดีค่ะ ฉกชิงเวลามาปั่นนิยายให้กระเตื้องขึ้นมา 1 ตอน
เรื่องราวของน้องวินกับพี่โป๊ะเริ่มเร้าใจ(?) กันแล้วใช่มั้ยคะ ฮี่ๆ ตื่นเต้น ตื่นเต้น

ขอบคุณสำหรับเสียง(สมมติ)ที่บอกกล่าวกันว่ายังตามอ่านกันอยู่ค่ะ เราก็จะแต่งต่อไป ตามอัตราความเร็วที่เราจะสามารถทำได้นะคะ

สำหรับผู้อ่านหน้าใหม่ใจเดิม - หน้าใหม่ใจใหม่ ทีก้าวเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

ส่วนเรื่องรวมเล่ม คงต้องให้ทางสำนักพิมพ์เขาเป็นคนแจ้งรายละเอียดนะคะ แต่แนะนำว่าแฟนพี่หนึ่ง-เจมไม่ควรพลาด ตอนพิเศษน่ารัก(?) ฮี่ๆ

ไปล่ะค่ะ เจอกันใหม่ แอทดอน ตอนที่ 9 ค่ะ

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-02-2015 01:02:26
สองคนนี้เหมาะกันจริงๆ ฮ่าๆ
อ่านๆ ไปแล้วแบบ พอกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 09-02-2015 01:38:23

อ่านเรื่องนี้แล้วอิชั้นคงมองตัวเหี้ยน่ารักเพิ่มขึ้นมาอีก 3 เท่าตัว 5555 พี่โป๊ะแม่ง... :-[

วินจะรู้ตัวมั้ยว่าพออยู่กะตัวเงินตัวทอง ร่างควาย ปากหมา หน้าหล่อ แล้ววินดูมีชีวิตชีวามากขึ้นน่ะ

เสียผีให้เค้าแล้วน้องวินก็รับผิดชอบเค้าด้วยล่ะ พรี่ไม่อยากเห็นตัวเหี้ยหลั่งน้ำตา คึคึคึคึ  :hao7:

อ่านไปพอกำลังลุ้นๆ แล้วก็.....เฮ่อ หวัดดี Cut เจอกันอีกแล้วนะ Cut อ๊ก Cut ใจ๋ แต๊ๆ เจ้าาาาา

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2015 03:31:34
น้องวิน5555

แถให้รอดนะลูก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-02-2015 08:03:03
เค้าตามอ่านอยู่ค่ะ อิอิ
พีาโป๊ะ นี่น่ารักนะ ฮ่าๆๆ
อยากให้หมาเจม รวมเล่มอยู่เลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 09-02-2015 08:41:00
ทั้งพี่โปรและน้องวินพอๆกันทั้งคู่  น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ หึหึหึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-02-2015 15:06:41
 :hao7: :hao7: :katai4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 09-02-2015 15:22:34
นี่มันไอ้พี่โป๊ะจริงๆหรือเนี่ย ทำไมตอนอยู่กับน้องเจมเรื่องนู่นถึงถ่อยละ เจมก็ออกจะน่ารัก แต่สงสัยจะน่ารักสู้หลานเจ้าของแบงค์ไม่ได้
แอบสงสารพี่รุจ เฝ้ามาตั้งนาน โดนพี่โป๊ะตัดหน้าซะงั้น
พี่โป๊ะเรื่องนี้เหมือนเสี่ยคิดจะจีบอิหนูไม่มีผิด ฮาดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 11-02-2015 10:28:25
“วินนอนกอดพี่ทั้งคืน”


โอ้โหหหห ว่าแล้วว่าไอ้พี่โป๊ะมันต้องไม่ธรรมดา!!!
มีการถ่ายรูปด้วยอ่ะ 55555

ยังไม่เข้าใจเหตุผลของพี่โป๊ะ แต่มันน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซักอย่าง ที่ทำให้มาสนใจวินได้


โปรเจ็คอิพี่โป๊ะจะใหญ่ไปไหนคร๊าบบบบ อยากจะรู้ใครจะช่วยให้มันสำเร็จ >_<
ไม่อยากยอมรับว่าเอาใจช่วย แต่ก็อยากให้มันสำเร็จล่ะ 5555


ไม่ค่อยชินกับอิพี่โป๊ะลุคจริงจังกับงานเท่าไหร่เลย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 11-02-2015 12:44:28
พี่หนึ่งกับพี่โป๊ะนี่ต่างกันจริงๆ
พี่หนึ่งเข้าจีบหมาเจมแบบเนียนๆ
แต่อิพี่โป๊ะนี่เอาตัวเข้าไปเสือกตรงๆเลย :laugh:

โปรเจคพี่โป๊ะใหญ่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ล่ะนะ
ตอนนี้รู้แล้ว(หรือเปล่าหว่า)ว่าวินรเกี่ยวข้องกับเจ้าของธนาคาร
แล้วพี่โป๊ะจะว่ายังไง จะทำยังไงต่อไปหนอ :katai3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 11-02-2015 14:47:57
อ่านไปอ่านมา น้องวินเวลาอยู่กับพี่โป๊ะนี่ ดูเป็นเด็กน้อยง้องแง้งเอาแต่ใจ น่ารัก ดี
ส่วนพีโป๊ะก็กวนตินน้องจังเลย 5555
เหมาะที่สุดแล้วคู่นี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 11-02-2015 15:40:43
พี่โป๊ะนี่กวนได้ใจจริงๆเลย

ความจะแตกมั้ยเนี่ยวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 11-02-2015 18:17:04
ตั้งแต่ตามอ่านมาสามเรื่อง เราชอบเรื่องนี้ที่สุดเลยยยยยย
อัพไวๆนะคะ >////<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-02-2015 19:41:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-02-2015 22:06:59
ความลับจะถูกเปิด หรือ น้องวินจะแถเอาตัวรอดได้  :hao4:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 12-02-2015 10:05:20
อ้าวพี่วิน พี่โป๊ะเริ่มสนุกแล้ว เกรียนกันทั้งคู่เลยหนา เอานะ ความจริงเรื่องครอบครัววินเริ่มเปิดเผยแล้นซิคะ

สำหรับรวมเล่มพี่หนึ่งกับน้องเจม รออยู่ค่ะ นิยายอะไรสนุกที่สุด อ่านไปไม่รู้กี่รอบแล้วคิคิคิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 04-03-2015 03:15:13
ตามมาจากน้องเจม น้องธาม โฮกกก ทำไมไม่รู้ รู้สึกชอบเรื่องนี้มากกกว่า
แต่ในทุกๆ เรื่อง ..การเล่าเรืองไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยย ดีงามสามโลก

รอติดตามนะค้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน8(08-02-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-03-2015 12:00:44
เค้านี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย พี่โป๊ะมาลงจนถึงตอน 8 แล้วเนี่ย  :katai1:
ติดตามมาตั้งแต่ที่หนึ่ง-เจม มาผู้นำ-ธาม แล้วจะพลาดมือโปร-วิน ได้อย่างไร กิกิ :impress2:
มาช้าแต่ต่อไปจะตามทุกตอนฮะ (ถ้าไม่ติดงานกับการบ้านกองท่วมหัวน้าา :z3:)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 06-03-2015 01:08:14
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********


ตอนที่ 9

ทั้งที่ไม่ค่อยรู้สึกผิดเวลามองผ่านใครอย่างไม่แยแส แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกผิดเหมือนเอาตีนขยี้หัวใจเด็กตัวเล็กไร้ทางสู้
ลุงสมานมองผมอย่างตัดพ้อแล้วก็กลับไปปฏิบัติหน้าที่พนักงานขับเรืออย่างเดิม หลังจากเดินเข้ามาทักถามผมว่า “มาหาคุณท่านหรอครับ” แล้วผมจ้องหน้าแกเงียบๆ ริมฝีปากผมปิดสนิทในจังหวะที่ปรายตาหนีหน้าแกไปมองแม่น้ำเจ้าพระยาแทน
ผมก็แค่ไม่อยากให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ผมรู้ว่าผมคือใคร จะด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่อยากให้เขารู้ว่าผมลูกใคร หลานใคร
ผมไม่อยากให้เขารู้จักผม
ผมไม่อยากให้เขาเกลียดผม

“ทำไมต้องทำหน้าเข้มขนาดนั้นด้วยวิน” คนที่ทำให้ผมเลือกเมินลุงสมานถามขึ้น แต่ผมปล่อยให้คำถามเขาเป็นเจ้าสาวไร้คู่ไปเสีย เพราะไม่รู้จะปั้นคำโกหกอะไรมาตอบดี ผมไม่ได้ทำหน้าเข้ม ผมแค่กำลังไม่ชอบใจตัวเองหลังจากแสดงกิริยาไม่เหมาะกับคนที่คอยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตผมมาตั้งแต่เล็กจนโต
“วิน”

“จึ๊”
“ทำไมพี่ขี้เสือกจัง นี่หน้าวินนะ!” ผมหันไปตวาดใส่แล้วก็ถอนหายใจทิ้งแม่น้ำ นายมือโปรผงะนิดหน่อย ผลลัพท์ที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ปั่ก!

“โอ้ย! วินเจ็บนะ”

“ไม่มีมารยาท! ถามดีๆ ก็ตอบดีๆ จะกวนตีนหาพระแสงด้ามง้าวอะไร”
“พี่เป็นพี่เราหลายปีนะ เป็นอาจารย์ด้วย!”

“แม่ง...”

“แม่งไร”

“เหี้ย!”

ปั่ก!

ผมโดนเขกหัวอีกรอบ กำลังจะหันไปตั้งต้นด่าเขาเพิ่ม ใครอีกคนก็มาแทรกกลางระหว่างผมและนายมือโปร คนคนนั้นก็คือลุงสมานครับ

“อย่าทำร้ายคุณวินนะครับ”
“คุณสุเธอเลี้ยงของเธอมาอย่างดี”

ลุง!!!
ผมเงียบลงอีกครั้งแล้วก็ดันลุงสมานให้ถอยห่างไปจากรัศมีรอบตัวผม บอกไปเพียงว่า “ไม่เป็นไรครับ พี่เขาเล่นด้วย” แล้วก็นั่งหันหน้าหนีไอ้พี่โป๊ะตลอดเวลา

ผมไม่รู้ว่าเขานึกสงสัยในถ้อยคำและท่าทางของลุงสมานบ้างมั้ย แต่ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำงานความต้องการที่แท้จริง นายมือโปรควรจะไม่ระแคะระคายอะไรเลย

พาเขาเดินกลับบ้านไม้นี่ทำให้ผมเหนื่อยกว่าเดินคนเดียวเสียอีก ไอ้พี่โป๊ะเหมือนคนบ้า เดินไปแกล้งผมไป พอผมอารมณ์เสียแม่งก็หัวเราะ แล้วก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นแล้วมันก็แกล้งผมใหม่ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดที่เขาทำก็คือการเดินเหยียบส้นรองเท้าผม อยากหันไปมากว่ามึงหิวหรอ? อยากแดกตีนที่หลับอยู่ในรองเท้าคู่หรูของกูมากสินะ!

4 ทุ่มกว่า ผมก็ได้อาบน้ำอย่างสงบในบ้าน หลังจากสบายตัว สบายหัวแล้วผมก็โทรหาป้าสุ ซึ่งก็รับโทรศัพท์ผมอย่างกระตือรือร้นเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องรินนาจนผมตัดสินใจแยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว ผมก็แทบไม่เคยโทรศัพท์หาป้าสุก่อนเลย
ธุระที่จะคุยกับป้าน่ะไม่มีหรอกครับ แต่ผมอยากขอโทษลุงสมานแก

“ป้าสุครับ พรุ่งนี้วินฝากบอกลุงสมานด้วยนะครับ วินไม่ได้ตั้งใจทำสีหน้าไม่ดีใส่”
“พอดี พี่ที่มาด้วยกันเขาไม่รู้ว่าวินเป็นอะไรกับป้าสุ ซึ่งวินก็ไม่อยากให้เขารู้ เลยไม่ได้ทักลุงแก ขอโทษด้วยนะครับ”  บอกสั้นๆ แล้วก็วางสาย ปฏิกิริยาของป้าผมก็แค่ “โธ่เอ้ยตาวิน แม่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร เดี๋ยวจะบอกให้ แต่วินต้องมาเล่าเรื่องพี่คนนั้นให้ฟังด้วยนะ สมานบอกว่า เขาพูดว่าเขาเป็นอาจารย์ของวิน”

ปัดโธ่! การใช้ชีวิตลำพัง ไม่ยุ่งกับใคร นี่กลายเป็นเรื่องยากไปแล้วหรอ?

กว่าจะได้นอนจริงๆ ผมก็ต้องโทรคุยกับเฮียก่อนเรื่องเทอมโปรเจค เป็นอันตกลงกันในส่วนรวมว่าพรุ่งนี้ราว 11 โมงเจอกันก่อน เพื่อนัดแนะเค้าโครงโปรเจคให้ลุล่วง บ่ายก็ค่อยเรียน ถ้าผมจำไม่ผิด วิทยากรที่จะมาบรรยายพรุ่งนี้เปลี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมาคอม*แล้วครับ

ส่วนวิทยากรร่วมที่เสร่อสั่งเทอมโปรเจค แล้วเสร่อเป็นคนให้คะแนนมากกว่าครึ่ง กลับบ้านมันไปแล้ว เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่โป๊ะอาศัยอยู่ที่บ้านหรือที่คอนโดมิเนียมตามสมัยนิยม แต่เขาพูดว่าบ้าน ในหัวผมก็คือบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด มีบริเวณให้หมาวิ่งเล่นซ่อนกระดูกนั่นแหล่ะ

คืนนี้ ผมหลับลงพร้อมกับสารานิพนธ์เล่มหนึ่ง หัวเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาอนิเมชั่นไทยสู่สากล กรณีศึกษา บริษัท xxxxx ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในวงการภาพยนตร์ จัดทำโดยนายวารินทร์ วณิคพันธุ์ คุ้นยิ่งกว่าชื่อบริษัทอีกครับ

#### @ D A W N  #####

เช้านี้ค่อนข้างสดชื่น ผมรู้สึกได้ว่าความปกติของชีวิตผมคืนมาอีกครั้ง
เช้านี้ผมตื่นมาทักทายพระอาทิตย์เพียงลำพัง เสียงนกร้อง เสียงเรือแล่นม้วนตัวกันเป็นดนตรีไร้ทำนองแน่นอน แค่ได้ยินเท่านี้ผมก็อารมณ์ดีแล้ว
ไม่มีใครมาวุ่นวายกับมื้อเช้าของผม ทุกอย่างที่แม่ครัวของป้าสุจัดเตรียมไว้เป็นมื้อเช้าของผมวางตัวพวกมันในตำแหน่งที่เหมาะสม ข้าวเช้า ผลไม้สด สลัดนิดหน่อย นม .... บอกตรงๆ เลย กินหมดก็กระเพาะมารแล้ว
ผมจัดการล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ใส่เสื้อยืดที่ไอ้โอมชอบค่อนขอดว่ามันเสร่อเพราะกลีบแขนเสื้อคมวิบ สวมแจ็กเก็ตอีกตัว กางเกงยีนส์ ผมก็จ้วงข้าวเข้าปาก กินสลัด ยัดผลไม้ และกรอกนมตาม  ครับ...ผมกระเพาะมาร
เช้านี้ผมขับรถไปมหาวิทยาลัยครับ สีแป๋นแหลนของมันทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของป้าๆ บนรถเมล์ แต่เอาเถอะ ผมมันไม่สะทกกับสายตาใครอยู่แล้ว
มาถึงมหาวิทยาลัยก็จัดการตามหาไอ้โอมทันที มาเจอกันตรงพิกัดที่มันบอกก็ต้องถอยห่างเลยครับ เพราะมันอัดควันอยู่
“เฮ้ย มาเร็วว่ะ!” มันทักแล้วทิ้งบุหรี่บนทรายในถัง ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำติดริมน้ำ รอมันเดินลากขามาหา

“เฮียล่ะ” ผมถามเพราะใจวนเวียนอยู่กับเรื่องเทอมโปรเจค แต่ไอ้โอมกลับโน้มหน้ามาใกล้ๆ

“มึงถามถึงเขาทำไม”

“เอ้า ก็งานกลุ่ม มึงอยากทำกันแค่ 2 คนหรอ? ไหวรึไง”

“อ๋ออ หมายถึงเฮียหรอ? กูก็นึกถึงเฮีย” นี่มึงยังไม่ตื่นหรือกูละเมอวะโอม มึงพล่ามอะไร ผมขมวดคิ้วใส่มันเพราะไม่เข้าใจคำพูดวนไปวนมาของมัน
“คืองี้ กูนึกไปถึงพี่โป๊ะ ไม่ได้นึกว่ามึงพูดถึงเฮีย แต่กูเก็ทแระ เดี๋ยวมันมา กูโทรจิกแล้วว่าคุณชายวินไม่ชอบรอใคร”

“สัดหมาโอม ใครคุณชาย”

“ไอ้ตัวหล่อ ผิวดี ที่ซิ่งโฟล์คสีแรดเข้ามอไง มึงเคยเห็นหน้ามั้ยล่ะ”

“...... ส้นตีน” ผมด่าด้วยเสียงลม ไอ้โอมเลยหัวเราะแล้วจับหัวผมโยกไปมา

โอมสูงกว่าผม มือใหญ่กว่าผม มันก็เลยชินกับการดูแล และแสดงท่าทางเอ็นดูผมมาแต่ไหนแต่ไร

“อือวิน เย็นนี้กินข้าวกันมั้ย”

“ทำไม เงินไม่พอใช้ ต้องให้กูเลี้ยงข้าวสินะเดือนนี้”

“ไอ้อ่อน! พอเว้ย กูแค่อยากแดกข้าวกับมึงครับคุณชาย”

“คุณชายอีกคำเดียวนะมึง”

“ทำไม ชายจิม่ายยยยทนหรา” ไอ้ปลวกโอม! ผมมองมันขุ่นๆ และเลือกจะเงียบใส่ มันก็เลยหัวเราะแล้วโอบไหล่ง้อผม
“โทษๆ รอนี่ เดี๋ยวซื้อน้ำให้ เอาไร”

“มอคค่า”

“มอคกูได้มั้ย”

“สัสโอม มุกเหี้ยแบบนี้เลือกเล่นเหอะ”

“กูยืมเฮียมา” อ่อ มิน่า มุกถึงได้เหี้ยนัก ผมแค่นหัวเราะเมื่อนึกถึงหน้าไอ้พี่โป๊ะ ถ้ารู้ว่าผมกับไอ้โอมเอาเขามานั่งล้อเล่นหาเรื่องปาคำว่าเหี้ยใส่หัวเขาแบบนี้ หัวพวกผมคงโดนเขกจนโนแน่ๆ

แป๊บเดียวตัวแร่ดก็เดินกลับมาพร้อมกับมอคค่าที่ผมต้องการ ส่วนตัวมันกินนมเย็นครับ สีชมพูหวานแหววไม่เข้ากับรอยสักที่หัวไหล่มันเลย

นั่งทนหน้ากันอยู่ร่วม 10 นาที คนในกลุ่มก็เริ่มมาสมทบกัน และพอเฮียผู้เป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้น....ไง ผมก็มีมุมตลกเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าไม่ขำก็ลืมๆ ไปก็ได้ พอเฮียมาก็เริ่มประชุมเทอมโปรเจคกันทันที

หวยออกที่ผม เพราะเฮียบอกว่า  “เอาโปรดักส์เฮีย เพิ่งรับมา สินค้าเจ๋งมาก” ซึ่งมันก็คือปากกาลูกลื่น เจ๋งตรงไหน ผมก็นิมิตไปไม่ถึงเหมือนกัน
อาการโวยกลัวงานไม่เจ๋งมีแน่นอนครับ แต่พวกที่โตกว่ามักหาเหตุผลมาลบล้างความไร้วิสัยทัศน์ของตัวเองเสมอ เฮียมันอ้างว่า จารย์วารินทร์บอกเอง สินค้าไม่ต้องเท่ ตัวแอดไม่ต้องฮิป จารย์เขาดูกระบวนการ

บทสรุปการทำงานของกลุ่มเราเที่ยงนี้
วินถ่ายภาพทั้งงาน ทุกขั้นตอน
เฮียจี้งาน
โอมออกแบบสตอรี่บอร์ด
เบียร์ออกแบบคาแรคเตอร์การ์ตูนคนในกลุ่ม แล้วก็จ้างเขาวาด
ที่เหลือช่วยเฮียประสานงาน จบ
ดูเหมือนส่วนที่ผมรับผิดชอบไม่หนักสินะครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหล่ะ แค่ถ่ายรูป มีความสุขจะตาย ได้เห็นกองถ่าย ได้เดินไปเดินมาแล้วสอดเสือกตาเก็บบรรยากาศโดยไม่มีใครด่า แต่คิดอีกที งี้ผมก็ทำงานทุกวันน่ะสิ เฮ้ย! แล้วร้านกาแฟล่ะ?

การเรียนช่วงบ่ายไม่เย้ายั่วหนังตาผมเลยสักนิด ผมก็เลยเดินออกจากห้องมาพักสายตาที่โซฟา ตื่นมาอีกทีก็ตอนเกือบหมดเวลาเรียนแล้ว เลยชิ่งโดยไลน์บอกโอมว่าจะไปร้านกาแฟ จะแดกข้าวที่ไหนก็บอก แล้วก็เดินหาวตาหยีไปตลอดทาง

“พี่วิน พี่วินใช่มั้ยคะ” เสียงเล็กๆ เรียกชื่อผม ผมเลยต้องหันไปสนใจ ผู้หญิงคนนี้วิ่งมาหาผม พอเข้าใกล้ก็ส่งยิ้มให้แล้วทักทายผมด้วยรอยยิ้ม

“ปัดไง จำไม่ได้หรอ?”

“จไไม่ได้ครับ”

“โหยยยย เสียใจอ่ะ ปัดไง ปัดอ่ะ”

“ก็ นึกไม่ออกนี่”

“ปัดน้องพี่ปอพี่ปูไง พี่ปอพี่ปูเป็นเพื่อนพี่รินไง” อ่ออออ อืม 2 สาวเพื่อนซี้ของรินที่ด่าผมจนผมรู้สึกผิดที่ระบบหายใจยังทำงานได้ดี

“แล้วไง มีอะไร”

“ปัดดีใจ ไม่เจอพี่วินนานมากกกก มาทำอะไรที่นี่หรอ? เรียนหรอคะ โทหรอ?”
“โหย เก่งอ่ะ ปัดก็เรียนโทที่นี่เหมือนกัน”
“พี่ปอพี่ปูอยู่เมืองนอกนู่น”
“แล้วนี่พี่วินจะไปไหน”
“แล้ว.........”
“แล้ว.......”
“แล้ว.....”

“ปัด” ผมเรียกขัดเรื่องเล่าที่ฟังไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น เด็กคนนี้ตั้งหน้ารอผมพูด ผมก็เลยต้องพูด

“กินน้ำมะพร้าวมั้ย ถ้าไม่คอแห้งตายก่อนก็ต้องเป็นโรคหยุดพูดไม่ได้แน่เลย ดื่มน้ำเถอะ เชื่อพี่”

“โหยยยยย” บางทีคำว่าโหยสำหรับผู้หญิงคนนี้อาจจะสื่อว่าเหี้ยก็ได้ ใครจะรู้

ผมสลัดเธอหลุดได้ไม่ยาก ผมก็แค่ฟังเงียบๆ มองเงียบๆ และเดินแยกออกมาเงียบๆ แม้ว่าเธอจะเรียกรั้ง ถามนั่นนี่มากมายผมก็ไม่ตอบสักคำ
ผมไม่มีเหตุผลต้องพูดกับเธอ  แต่เธอมีเหตุผลต้องพูดกับผมด้วยหรอ? แค่คนที่อยู่บนโลกใบนี้เหมือนกันไม่ได้หมายความว่าจะมาแตะต้องชีวิตผมได้เพียงเพราะนึกอยากจะทำ
ถ้าเจอความเอาแต่ใจไม่รู้จักจบสิ้นของคนอีกนิด ต่อมความอดทนผมคงระเบิด

“วิน!!”

“โว้ยยย! อะไรกันนักวะ!”
ผมหันไปคะตอกใส่ และคนที่ต้องมารับอารมณ์หงุดหงิดของผมก็คือนายวารินทร์


“วินเป็นยักษ์เป็นมารตั้งแต่เมื่อไหร่ เรียกชื่อแล้วมีอะไรพิการรึไง กระจู๋หรอ? ไหนมาจับดิ!”

“เฮ้ย พี่โป๊ะ!” ผมหนีบคาหลบทันที ไอ้พี่โป๊ะมองผมล้อๆ แล้วก็หัวเราะ ก่อนจะผลักประตูเข้าร้านกาแฟไป

วันนี้ร้านมีบางอย่างผิดปกติ ซึ่งก็คือคืน แม้ว่าปกติจะเยอะอยู่แล้วแต่ส่วนมากเป็นลูกค้าสาวๆ  ทำไมวันนี้มีแต่ผู้ชายที่กลิ่นกายไม่เข้ากันกับร้านกาแฟ

“พี่โป๊ะ ใครหรอครับ”

“อ๋อ ช่าง พี่ให้มาปรับปรุงข้างบเป็นห้องพักถูกๆ เน้นลูกค้าแบ็กแพ็คเกอร์
“วันนี้พวกช่างมาวัดพื้นที่ สักเดือนหน้าก็เริ่มทำ หยุดร้านไว้สัก 2 เดือนก็คงพอ”

“หยุดร้าน .... ปิดน่ะหรอ?”

“อื้อ”

ถ้างั้น ผมก็ไม่ต้องมาที่นี่แล้วสิ อย่างน้อยๆ ก็ช่วง 2 เดือนที่ปรับพื้นที่ด้านบน
ก็แปลว่า ผมและเขา ไม่มีเรื่องให้ต้องมาวุ่นวายในชีวิตกันแล้วสินะ
ดี....หรอวะ?


“เป็นไร” เขาคงเห็นผมยืนขมวดคิ้วเลยท้าวเอวผม
“อ๋อ พี่รู้แล้ว ไม่ต้องห่วง พี่ต้องดูแลอยู่แล้ว”

“พี่โป๊ะอ๋ออะไรครับ วินยังไม่รู้เรื่องเลย”

“วินกลัวไม่มีเงินเดือนล่ะสิ”
“ระหว่างร้านหยุดก็ไปทำงานที่บริษัทพี่ มีไรให้ทำเยอะเลย ยิ่งงานในสตูฯ ยิ่งเยอะ”
“พี่ไม่ปล่อยให้วินกลับไปขอเงินแม่ยกมาดำรงชีพหรอก อย่าฝันหวานว่าจะได้ใช้ชีวิตมักง่ายอีก”

อืมมมมมมมม ผมควรเริ่มโกรธเขาแล้วใช่มั้ย? คนห่าอะไร คิดเองเออเอง ปากคงมีไว้แดกข้าวกับกินผู้หญิงเท่านั้นล่ะสิ

“วันนี้กลับได้เลย เดี๋ยวพี่ดูร้านกับทรายเอง วันนี้อาจารย์พีสั่งการบ้านด้วยไม่ใช่หรอ ไปเถอะ”

“อ่อ ครับ” ผมรับคำแล้วหันหลังเดินออกจากร้าน

สิ่งที่รู้สึกกับนายมือโปรตอนนี้ก็คือ เขาช่างเป็นคนที่คิดอะไร ทำอะไรง่ายดีจัง
อย่างน้อยเขาก็สั่งให้ผมกลับบ้านได้หน้าตาเฉย


...ขณะที่ผมไม่สามารถรู้สึกเฉยๆ กับการเดินออกจากร้านกาแฟแห่งนี้ได้...



cut




Talk: สวัสดีค่ะ >,,,,,,,,,,,,,,,,,,<
ไม่อเจอกันเกือบ 1 เดือน หวังว่าจะมีคนคิดถึงเรานะคะ
พี่โป๊ะน้องวินตอนที 9 มาแล้ว หลานคนคงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะไปทางไหน กลิ่นหอมๆ หรือกลิ่นขมกันแน่ เรามีเฉลยค่ะ กลิ่นหอมขมๆ ไงคะ  ฮ่าๆๆๆ

เรื่องนี้จะน่ารักค่ะ ก็เราตั้งใจแบบนั้น

มีประเด็นแจ้งเพิ่มด้วย ยู้วฮูวววววว
แฟนฟิค Hear,Me ขา มองบนกันนิดนึงนะคะ ตรงพายุแบนเนอร์ พี่หนึ่งและน้องเจมได้แขวนตัวประดับอยู่ด้วย อยู่ฝั่งซ้าย แบนเนอร์ลำดับที่ 4 ค่ะ เห็นกันมั้ยเอ่ย?
เห็นแล้วก็กดเลยค่ะ เข้าไปติดตามดูรายละเอียดการจองฟิคนะคะ

ไว้พบกันใหม่ในน้องวินตอนที่ 10 ไม่เกินสิ้นเดือนนี้!



หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-03-2015 02:07:08
โป๊ะรู้ว่าน้องมันรวยแต่ แกล้งมึนป่าวเนี่ย จะหาเหตุให้เด็กมันอยู่ด้วย ไรงี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 06-03-2015 04:47:48
อันที่จริงพี่โป๊ะ นี่ก็อาจจะรู้เรื่องวินอยู่แล้วใช่มั้ยนะะะ พี่โป๊ะแกดูฉลาดๆ อยู่แล้วนี่นาาา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-03-2015 05:06:55
อยากอ่านมุมพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-03-2015 06:35:51
โถๆ น้องวิน เริ่มรู้สึกแปลกๆกับพี่โป๊ะเค้าแล้วอ่าดิ :o8:
ก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าโอมจะตัวใหญ่กว่าวินเลยนะ ดูนางแบบมุ้งมิ้ง :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 06-03-2015 08:18:43
อ่านเพลินมาก พี่โป๊ะสุดกวน กับน้องวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 06-03-2015 13:06:54
พี่โป๊ะ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ 'เหี้ย' ก็ไม่ปาน
แม้จะหล่อ รวย แต่สิ่งนี้ก็เกิดมาเพื่อพี่โป๊ะแล้วจริงๆๆ 5555 (แอบสะใจ)

น้องวิน เหมือนมีปมอะไรในใจ อยากให้พี่ผู้นำมาช่วยไข เอ๊ะ ผิดเรื่อง 555
คิดถึงพี่ซา คิดถึงน้องเจม (โอ๊ะ ผิดเรื่องอีก)

แต่สุดท้าย ก็มานั่งหน้าจอ รอตอนต่อไปอยู่ดี คิคิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-03-2015 15:51:29
พี่โป๊ะ  แม่งไม่เอะใจบ้างเลย  เอะใจหน่อยสิพี่
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 06-03-2015 15:54:19
พี่โป๊ะรู้ แต่แค่ไม่พูด ชัวร์ :m4:
นี้เค้าจีบกันยัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-03-2015 20:08:12
พี่โปรไม่รู้แบ็กกราววินจริงๆ หรอ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-03-2015 14:39:19
อ่านมาสามเรื่องพี่โป๊ะโดนด่าเหี้ยตลอดเลย ฮ่าๆๆ

ตั้งแต่น้องเจม น้องธาม แล้วยังมาน้องวินอีก เหมาะกับพี่จริงๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 07-03-2015 14:55:27
คาดว่าพี่โป๊ะน่าจะเริ่มรู้แล้ว แต่แค่ไม่พูดมั้ง
ช่วยเอาวินออกมาจากความมืดมนที่วินสร้างขึ้นเองด้วยนะอิพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 07-03-2015 15:07:59
ไม่อยากให้น้องกลับไปใช้ชีวิตมักง่าย

หรือไม่อยากให้น้องห่างกายกันแน่คะพี่โป๊ะ...เอาดีๆ อิอิ

แต่ดูเหมือนตัวน้องเองก็เริ่มไม่อยากห่างแล้วป่ะ?

เริ่มเกิดคำถามกับตัวเอง ไม่รู้อาลัยร้านหรือเจ้าของร้านกันแน่เนอะน้องวิน  :hao3:


:: สั่งพี่หนึ่งน้องเจมไปแล้วน๊า รอ รอ รอ อยากให้พรุ่งนี้ตื่นมาเป็นวันที่ 21 เมษาเลยได้หรือเปล่าหว่าว หว่าวว ^_^ :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 07-03-2015 21:24:30
กรี๊ดดดดดด มาต่อแล้วววววววววววววววววววววววววววว >3<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sirinami ที่ 23-03-2015 20:51:39
 :mew2: :mew2:  รอนะค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 24-03-2015 22:05:31
 :hao5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 03-04-2015 01:10:16
โอ้ยยยยยยยย
ชอบมากชอบมากชอบมากชอบมาก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-04-2015 23:32:17
คิดถึงแล้วน้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 04-04-2015 23:50:19
รอพี่โป๊ะ กับน้องวินค่าา อ่านซ้ำหลายรอบก็ยังชอบมาก ><
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 06-04-2015 09:36:15
เหมือนจะคืบหน้า แต่ก็ยังไม่คืบหน้า 55
ชอบน้องวินจัง อยากเอามาเลี้ยงที่บ้าน อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 09-04-2015 21:34:39
สนุกมากค่ะ
ติดตามนะคะ ถึงจะไม่เคยอ่านพี่โป๊ะจากเรื่องก่อนหน้าแต่เราก็หลงรักน้องวินเข้าไปซะแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน9(06-03-15)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-04-2015 22:25:30
พี่โป๊ะ เป็นพระเอกที่เเหวกจากที่กฎที่ควรจะเป็น เเต่ชอบอะ 5555
อัพบ่อยๆนะ เราจะเราเธอ อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-04-2015 16:30:42
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 10



ว่าง...ชะมัด
ก่อนหน้านี้ ชีวิตผมก็เป็นแบบนี้นะ อยู่บ้านเฉยๆ เบื่อก็ออกไปหาที่เที่ยวเดินเล่น ผมไม่ชอบเข้าห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะไปซื้ออะไร ข้าวของดำรงชีพป้าสุก็จัดการให้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าไอ้ที่เดินเล่นเงียบๆ คนเดียวมันสามารถสร้างโลกส่วนตัวได้แล้วแท้ๆ
แต่ตอนนี้ พอได้เวลาว่างพวกนั้นกลับมา โลกที่เคยพักอยู่ได้กลับกว้างใหญ่จนเคว้งคว้าง
เช้านี้มีอาหารเช้าพร้อมทาน ฝีมือเชฟจากโรงแรม 6 ดาวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รสชาตที่ชินปากไม่ทำให้ผมเจริญอาหารมากเลยขึ้นเลย
แบบนี้มันน่าโมโห สิ่งที่เปลี่ยนไปก็แค่ ร้านกาแฟร้านเดียว
ผมไม่ได้ชอบมันด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ชอบกลิ่นกาแฟ ไม่ได้หลงรสชาตกาแฟ ไม่ได้รักความรู้สึกอุ่นหอมหวานยามแรกจิบกาแฟสักนิด  ทำไมผมถึงได้เบื่อหน่ายขนาดนี้เพียงเพราะไม่มีร้านกาแฟให้ไปทำงาน!
ไอ้บ้าพี่โป๊ะ!

“โอม!” พอเพื่อนรับสาย ผมก็กระชากเสียงเรียก ไอ้โอมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจว่า ‘กูไปฆ่าแม่มึงหรอวิน ทำไมเสียงมึงกระชากวิญญาณขนาดนี้’
“ขอโทษ...อืม วันนี้มึงว่างมั้ย?” คำตอบโอมคือทำงาน และก็แน่นอนว่ามันทำงานที่ออฟฟิศไอ้พี่โป๊ะ ผมเบ้ปากพลางเดินไปที่ระเบียงห้องนอน

สายนี้แดดไม่แรงมาก มีลมพัดมาเอื่อยๆ แต่ป้าสุบอกว่าแดดแบบนี้แหล่ะทำให้ดำได้ดีนัก เพราะฉะนั้นที่ห้องน้ำบ้านผมถึงได้มีครีมกันแดดหลากยี่ห้อสุมหัวกันอยู่
ผมมองภาพวาดที่ก่อร่างขึ้นด้วยปลายพู่กันของตัวเอง ตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ชายที่ยืนหันหลังให้ผม แต่กลับเอี้ยวหน้ามาหา แผ่นหลังฉายให้เห็นเต็มตา แต่ผมหาแววตาเขาไม่เจอเพราะมีแว่นดำปิดบัง
นี่แหล่ะ ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ
ผมเห็นเขา ผมเจอเขา ผมคุยกับเขา แต่ผมไม่เคยเข้าใกล้เขาเลยล่ะมั้ง

“กินเหล้ามั้ย หรือมึงต้องเริ่มไอเอสแล้ว”  สำหรับโอมแล้ว เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้น เย็นนี้ผมมีเพื่อนกินเหล้าแล้วครับ แต่โอมก็ยังเป็นโอม มันรู้จักผมดีเสมอ ถึงได้ส่งเงื่อนไขมาบอกกันหลังจากวางสายไปแล้วว่า ‘ถ้ากูตัดสินว่ามึงเมา ต้องกลับทันที’
ที่โอมต้องทำแบบนี้ ก็เพราะผมเมาแล้ว...กวนส้นตีนมาก
ผมยักไหล่ให้อากาศรอบตัวเป็นการแสดงออกว่าไม่แคร์หรอกเว้ย แต่กระนั้น ไอ้โอมก็ไม่รับรู้ความดื้อเงียบของผมอยู่ดี

ร้านที่มันนัดผมไปกินเหล้าแก้ว่างก็ร้านไอ้พี่โป๊ะนั่นแหล่ะครับ มันบอกว่าดูแลผมง่ายดี ทำงานได้ด้วย อยู่กับเฮียด้วย ไอ้ห่านี้ไม่ยอมเสียประโยชน์เลยสักข้อ
แต่ก็...ดีเหมือนกัน
ผมก็อยากเจอนายมือโปร
อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพิศวาสเขานะครับ ผมแค่อยากไปเชิดใส่ ให้มันรู้บ้างว่าผมโคตรดีใจที่ไม่ต้องเจอหน้าเขา


#### @ D A W N  #####


กว่าผมจะมาปรากฏตัวที่ร้านไอ้พี่โป๊ะก็ล่วงมา 5 ทุ่มแล้วครับ สาเหตุที่ช้าทั้งที่นัดไอ้โอมไว้ตอน 3 ทุ่มก็เพราะว่าได้รับเมลล์จากพี่รุตต์แบบกะทันหัน
ที่ว่ากะทันหัน ก็เพราะว่าปกติแล้วพี่รุตต์จะส่งเมลล์มาหาผมสั้นๆ ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ แล้วก็บอกเล่าเรื่องราวของเขาว่าอะไรทำอะไร ยุ่งแค่ไหน ว่างแล้วทำไร ซึ่งมักจะส่งมาหาในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่นี่มันกลางสัปดาห์ แล้วอีเมลล์ของเขาก็ยาวผิดปกติ

ผมอ่านโดยละเอียด ยอมรับว่ากลุ้มตามจนลงทุนโทรหาเขา แน่นอนว่าโทรด้วยสัญญาณอินเตอร์เน็ต เพราะผมไม่ได้รวย แต่ป้าผม คุณตาผมรวยมากเท่านั้นเอง
ฝ่ายนั้นรับสายด้วยน้ำเสียงแช่มชื่น พอผมถามเรื่องที่บ่นหนักหนา เจ้าตัวก็ส่งเสียงหัวเราะกลับมาแล้วบอกว่า พี่ปรับตัวได้แล้วครับ ... ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ดีแล้วที่ไม่เสร่อโทรหาด้วยสัญญาณโทรศัพท์ แม่งเปลืองเปล่า!
พี่รุตต์ชวนผมคุยนั่นนี่เรื่อยเปื่อย เขาลงท้ายด้วยคำบอกว่า ‘พี่คิดถึงวินนะ’  ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ยิ้มอยู่กับตัวเองเงียบๆ อยู่ทางนี้ แต่สีหน้าผมในกระจกหน้าปัดนาฬิกา มันแจ้งความจริงแก่ใจผมว่า ผมไม่ได้ยินดีที่ได้ยินคำพูดนั้นเลย

นั่นสินะ ทำไม

พนักงานในร้านวิ่งมาถึงรถผม ทำเอาตกอกตกใจเหมือนกันเพราะไม่มีแบงก์แดงให้เป็นทิปเลย แต่พอลงจากรถและได้ยินคำทักถาม ผมก็โล่งใจ เจ้าคนนี้ถามผมว่า “เพื่อนโอมใช่มั้ย ไปโซนในเลยนะ ข้างหน้ายุ่ง ๆ”
โซนใน...ผมยินดีอยู่แล้ว
ผมเองก็ไม่รู้ว่าวัสดุที่ใช้ทำผนังห้องโซนนี้ทำด้วยอะไร แต่ก็กั้นเสียงอึกทึกพี่ผมไม่ชอบออกไปกกหู ในโซนนี้ไม่มีคนเลย แต่ผมก็ไม่กล้าแปลกใจหรอกว่าทำไมโซนนี้ไม่มีใครเข้ามานั่ง ก็ที่นี่คือผับ เน้นการพบปะ สังสรรค์ การสนุกสนานกับตัวเองที่เปิดม่านให้คนแปลกหน้าเข้ามาทักทายโดยไม่กลั่นกรองอะไรทั้งนั้น ใครเขาจะมานั่งหาความสงบในผับเหมือนผมกันล่ะ

“ไง วิน” อืม แต่คนที่ผมไม่คิดว่าจะมี ก็มีเหมือนกันแหล่ะนะ ผมหันไปมองต้นตอเสียงเรียก  หัวรองเท้าของไอ้นี่มันจะชี้หน้าผมหาพ่อมันรึไง!
“อ้าว คุณมือโปร” ผมทักเจ้าของรองเท้าหัวหยิ่ง ฝ่ายนั้นหัวเราะหึในลำคอแล้วก็ทิ้งตัวมาคลุกเล่นอยู่กับหัวผมจนรู้สึกรำคาญ

“ผมไม่ชอบ! อย่ามาโดนตัว”

“อ่ะโห! วันนี้ถูกหวยรางวัลที่1 รึไง ทำวางท่า ปกติเราก็เล่นกันได้นี่หว่า วิน” จำชื่อผมได้ด้วยหรอ? ก็งั้นๆ แหล่ะ จำได้เท่านี้ไม่เรียกฉลาดหรอกน่า
ผมตีหน้ามุ่ยใส่แล้วก็หันรีหันขวาง คำแรกที่ผมพูดกับเขาหลังจากโดนยีหัวคือ “โอมล่ะครับ”
“มันก็ทำงานอยู่สิ ชงเหล้านุ่ม ใครๆ ก็ชอบ”
“นัดกันหรอ?” เขาถามพลางนั่งคร่อมเก้าอี้หันหน้ามาทางผม รอยยิ้มขี้เล่นดูขี้โกงฉาบบนหน้าเขาอย่างชัดเจน แต่ใครสนกันล่ะ?
“ถามว่านัดกันหรอ?”

“ครับ”

“จะไปไหนกันต่อหรอ? ทำรายงานใช่มั้ย? เห็นโอมมันบ่นว่าการบ้านก็เยอะ รายงานก็เยอะ เทอมโปรเจคก็เยอะ ทำไมวินมีเวลามาเข้าผับเข้าบาร์ล่ะ”

“ผมเก่ง งานแค่นั้นไม่เท่าไหร่”

“ผม...หรอ?” เขาถามย้ำ เท้าแขนตัวเองลงตรงหว่างขาแล้วยื่นหน้ามาถามเย้ยผม ก็ได้ จะตอบให้

“ครับ ผม”

“ไม่น่ารักเลย เด็กอะไรวะเนี่ย”

“มาไงก็ไปงั้นแหล่ะ”

“ไปกินรังแตนที่ไหนมา”

“เป็นคน ต้องกินข้าวสิครับ”

“อ่อ แล้วโดนหมาที่ไหนแย่งข้าวล่ะ”

“เหี้ยมันมาแหย่ เลยไม่สบอารมณ์”

ท่าทางจะฉุนแฮะ เขาค้างสีหน้าครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กระตุกยิ้ม แล้วก็เปล่งเสียงหัวเราะชอบออกชอบใจ ไอ้บ้านี่

“ขำอะไรครับ?” ผมถามเสียงเย็นชา แต่นายมือโปรกลับเอาแต่มองหน้าผมแล้วก็หัวเราะจนตัวงอ
“ผมถามว่าขำอะไร”
“วินถามว่าขำอะไร!”

“ขำเด็กเหี้ย”

ด่ากู! หน้าผมคงบอกแบบนั้นแน่ๆ เขาถึงได้กางมือมาป้องกันฝ่ามือของผมที่จะสับลงกลางหน้าเขาได้ทัน  ซี่ฟันขาวยืนเข้าแถวอยู่ตรงหน้าผม น่าหมั่นไส้

“เอ้าๆ ไอ้ยุ่ง พูดจากันดีๆ สิ อารมณ์เสียอะไรมากันแน่”

“เปล่าครับ” ผมไม่ได้โกหก ผมไม่ได้อารมณ์เสีย ผมแค่มาที่นี่เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าผมก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติแม้ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟห่วยแตกนั่น

“อื้อ ร้านเราใกล้เสร็จแล้วนะ”

“เรา?”

“อื้อ ร้านของเรา”
“ก็ร้านพี่ ร้านวิน ร้านทราย” อ่อ ผมคลอนหัวหนีไปทางอื่นและไม่ตอบคำถาม เพราะผมไม่พูดกับคนโง่ พูดว่าเรา แต่เสือกมี 3 คน ประสาทสุดๆ
“วินไม่อยากกลับไปทำงานร้านของเราหรอ?”

“ไม่ครับ”

“ทำไมล่ะ” เสียงแข็งๆ แฮะ ผมเอียงหน้ามองแล้วก็หันมองทางอื่น เพราะไม่อยากสู้ตาจริงจังของเขา ไอ้หมอนี่ตาเข้ม เวลามองเขม็งแล้วเกร็งชะมัด
“พี่ถามว่าทำไมไม่อยากกลับไปทำงานที่ร้านเรา”
“อ๋อ เสพติดความสบายแล้วล่ะสิ แม่ยกเพิ่มเงินให้เป็นเดือนละเท่าไหร่”

“.................”

“บอกมาดิ พี่จะสู้ วินจะได้เลิกสันดานเกาะผู้หญิงกิน”

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจเพื่อผ่อนอารมณ์ ทำไมเขาถึงได้ถนัดเรื่องคิดเลยเถิดแบบนี้นะ

“พี่ถามก็ตอบ”

“ตอบอะไรก่อนล่ะครับ”
“ตอบเรื่องทำไมไม่อยากกลับไปทำงานร้านกาแฟ หรือตอบเรื่องได้เงินเดือนล่ะเท่าไหร่”

“แล้วแต่สะดวก”

“ครับ ไม่อยากไปทำงานร้านกาแฟแล้วเพราะ.....” เพราะอะไรดีล่ะ ผมโกหกไม่เก่งนักหรอก
“แม่งเล็ก” เหตุผลนี้น่าจะโอเคล่ะมั้ง
“แล้วก็ ได้เงินเดือนละแสนครับ”

“แสน!”
“นี่ปรนเปรอกันระดับไหนวะเนี่ย จ่ายเป็นแสน!”
“ตาย ตาย ตาย”
“โอยยย ใจจะวาย นี่วินหาเงินได้เดือนละแสนเชียวหรอ?”
“ทำอะไรบ้าง ไหนบอกดิ๊”

“ไม่ได้ทำอะไรพิเศษนี่ครับ แต่เป็นเด็กดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง รู้หน้าที่ รับผิดชอบทุกการกระทำของตัวเอง แค่นี้แหล่ะ”

“แม่ยกเขาไม่เรียกร้องเรื่องอย่างว่าหรอ?”

“ผมไม่รู้ เชิญไปถามสมาคมแม่ยกดู”
“แต่ชีวิตผมไม่เคยมีใครมาเรียกร้องอะไรแบบนั้น”
“ผู้หญิงคนเดียวที่เคยจับมือ ตายจากไปแล้วครับ” ผมตอบด้วยความสัตย์จริง และเขาก็คงเชื่อ วัดจากอาการมองผมตาค้าง

“นี่...เวอร์จิ้นอยู่ห่รอ” ไอ้ประสาท! แล้วแม่งวกมาเรื่องนี้ได้ไงวะ? ผมเหล่มองเขาตาขุ่นแล้วเมินหนี เขาน่าจะเข้าใจได้ว่าผมกำลังด่าเขาว่าเสียมารยาท

“ว้าว ว้าว ว้าว พ่อหนุ่มน้อย”
“ยังไม่มีสาวไหนได้แอ้มเลยหรอเนี่ย แม่ยกคนนี้โง่หรือประเสริฐเกินไปกันแน่ เลี้ยงไว้บนหิ้งขนาดนี้เชียว”
“ชักอยากรู้จักแล้วสิ”

“คุณมือโปรก็อยากให้ผู้หญิงเลี้ยงหรอ?”

“โอ๊ะ โอ อย่าดูถูกกันครับ” ไอ้คำว่าโอ๊ะโอนี่ผมอยากเอาเงินป้าสุมาฟาดหน้าซื้อถ้อยคำเหลือเกิน กวนส้นตีนสุดๆ
“อยากรู้จักเพราะจะประมูลวินกลับมาต่างหาก”

“ประมูล?”

“อื้อ ก็เราขายตัวไม่ใช่รึไง”

“ไอ้เหี้ย!”

“ครับ เด็กเหี้ย”

“ไอ้!!!!!” หมดคำจะด่า ผมถอนหายใจใส่หน้ามันแล้วก็บอกวัตถุประสงค์ของการมาเหยียบร้านมันในครั้งนี้
“ไอ้โอมล่ะ จะมาเจอมันแล้วก็จะกลับแล้วครับ ไม่อยากหายใจในนี้นานๆ แม่งต่ำ”

“หึ มีต่ำกว่านี้อีกนะ ขุดไว้ดักสันดานเด็กเหี้ย อยากเจอมั้ย”

“ไม่”

“แต่อยากสั่งสอน มาด้วยกันหน่อยดิ”

“ไม่”
“ไอ้โอมล่ะ พามันมาเจอผมหน่อย แค่ให้มันรู้ว่ามาตามที่นัดกันไว้แล้ว ผมจะกลับทันทีที่เจอโอม”

“งั้นชาตินี้ก็ไม่ต้องกลับหรอก ไอ้ยุ่ง!” ควั่บ! นายมือโปรกระชากตัวผมแล้วลากตรงดิ่งไปยังประตูเล็กๆ ที่มีป้ายเขียนว่าห้ามเข้า มันพาผมผ่านประตูต้องห้ามเข้ามาและผมก็แทบหน้าคะมำเพราะปรับสเตปการเดินไม่ทัน นี่มันทางลงไปชั้นใต้ดินอย่างที่ไอ้หมอนี่บอกไว้จริงๆ นี่หว่า ผมคิดว่าเขาแค่ปากดีใส่ผมเท่านั้น

“พี่โป๊ะ! จะพาวินไปไหน ปล่อยนะเว้ย!”

“เสียงอ่อนเป็นแล้วเรอะไอ้ยุ่ง”
“ยั่วโมโหกูให้เหมือนเมื่อกี้สิ เอาสิ แน่จริงก็แหย่ให้กูโมโหอีกสิ”
“เอาสิ!!!” มันตวาดใส่ผมแล้วสะบัดข้อมือผมทิ้ง เราหยุดอยู่ที่ปลายบันไดลงชั้นใต้ดิน ผมไม่รู้ว่าไอ้ห้องนี้มันมีไว้ทำอะไร และไอ้หมอนี่ก็ไม่บอกอะไรให้ผมกระจ่างจากความกลัวที่กำลังคืบคลานขึ้นจากปลายเท้าสู่คอหอยผมเลย

“..............” ผมเลือกจะเงียบ ก็แน่ล่ะ ใครจะโง่ทำตามที่มันท้า เกิดมันฆ่าผมจะทำยังไงเล่า!

“บอกให้ยั่วโมโหอีกไง”

“ไม่เอาแล้วครับ พี่กำลังบ้าเลือด”

“รู้ด้วยหรอว่าทำให้โมโห รู้ก็เสือกจะทำนะ” มันก้มตัวมาดันหน้าผากผมด้วยหน้าผากมัน ตามันจับจ้องตาผม แล้วผมจะสู้อะไรได้ล่ะ ตัวก็เล็กกว่า แรงก็น้อยกว่า ถ้าสู้กับคนที่กายภาพเป็นต่อแบบนี้ ผมก็ต้องสู้ด้วยสมองเท่านั้นแหล่ะ แต่ตอนนี้สมองผมคิดอะไรไม่ออกเลย
ผมหลบตาและพยายามก้มหน้าหนี แต่ไอ้พี่โป๊ะมันก็เอาหน้าผากมันดันให้หน้าผมแหงนมองหน้ามันตอบ

“เย็นรึยัง” ถามประหลาดว่ะ

“ห้าทุ่มกว่าแล้วครับ”

“หึ ไอ้ยุ่งเอ้ย!” เขาหัวเราะหึแล้วก็ขยับหน้าผากห่างออกไป นายมือโปรถอนหายใจแล้วก็ผละจากตัวผม ทันทีที่เขาปล่อยตัวผม ผมถึงได้รู้สึกว่าเมื่อกี้ถูกรัดกุมอะไรไว้บ้าง แผ่นหลัง หัวไหล่ ใบหน้า ช่วงขา ขาตรึงร่างกายผมไว้ได้ทั้งหมดเลย

ช่างเป็นคนที่มีร่างกายน่ากลัวจริงๆ

“เอ่อ เรา”

“หือ? เราหรอ?”

“ครับเรา”
“หมายถึง พี่โป๊ะกับวิน เราขึ้นไปข้างบนเถอะครับ”

“ไม่ล่ะ คืนนี้ไม่มีอะไรยุ่งนัก”
“พี่จะทำงานอื่นอยู่ในนี้ วินอยู่ด้วยกันหน่อยสิ” เพื่ออออออออออออออออออ? ให้อยู่ในนี้กับเหี้ยที่กำลังโมโหเนี่ยนะ! ไม่เอาด้วยหรอก

“เอ่อ งั้นพี่โป๊ะทำงานไป วินไม่กวนดีกว่า”

“นั่งที่โซฟา ง่วงก็นอน หิวก็เดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ข้างหลังมีตู้เย็น อยากของหนักโทรขึ้นไปบอกที่ครัว เบอร์ 25 ปวดเยี่ยวก็ห้องน้ำด้านโน้น” ทุกอย่างที่เขาพูดรัวใส่ผมเกิดขึ้นเมื่อไฟทั้งห้องใต้ดินสว่างวาบขึ้น ที่นี่มีทุกพร้อมสิ่งสำหรับการดำรงชีพ เรียกว่าไม่โผล่ขึ้นไปดูดกลิ่นแดดก็ไม่ตาย แต่ผมไม่อยากอยู่กับเขาในนี้นี่หว่า เพราะเขากำลังอารมณ์ไม่ดี และที่สำคัญ ผมทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีซะด้วยสิ เกิดมันชกผมขึ้นมา ผมจะตอบป้าสุที่ถนอมผมยิ่งกว่าไข่ในหินลาวายังไงดี

“แต่วิน...”

“เถอะน่า ทำตามที่พี่บอกไปก่อน อารมณ์เย็นทั้งคู่แล้วค่อยมาคุยกัน นะ” นะนี่คือคำชวนหรือคำบังคับวะ ผมขมวดคิ้วคิด หูได้ยินเสียงแอร์ทำงาน เสียงคอมพิวเตอร์ทำงาน เจ้าของห้องใต้ดินเดินลากเท้าไปที่เคาน์เตอร์ ทำเสียงก๊องแก๊งแป๊บเดียวก็วางเมนูแรกทิ้งไว้ให้ผมเดินไปลิ้มลอง

น้ำแดงโซดา เมนูง่ายชิบหายแต่ก็หวานปนซ่าชื่นใจชิบหายเหมือนกัน

เอาวะ อยู่กับแม่งก็ได้!
ผมไม่ได้พอใจกับการอยู่กับเขาลำพังแบบนี้หรอกนะ...
ที่อมยิ้มอยู่นี่ คงเพราะเครื่องปรับอากาศทำงานของมันสัมฤทธิ์ผลแล้ว พอรู้สึกสบายตัวแล้วผมก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง ก็เท่านั้นแหล่ะ


“อือวิน”

“อืม”

“ร้านเรา มีข้าวขายด้วยดีรึเปล่า”
“พี่ไม่ถนัดอาหารคาวเท่าไหร่ อีกอย่าง ห่วงเรื่องกลิ่นรบกวนด้วย”

“อืมมม ไม่ต้องมีหรอกครับ ข้างๆ ก็ร้านขายข้าวแล้วไม่ใช่หรอ รอบร้านเลย ขายกาแฟที่พี่โป๊ะถนัดทำดีกว่า”
“บาริสต้าหล่อๆ สักคนก็ดูดลูกค้าได้แล้ว”

“ชมพี่หล่อหรอ?”

“แก่แล้วหูเพี้ยน”

“ฟังด้วยใจ พูดเบายังไงก็ได้ยินว่ะไอ้ยุ่ง”

เหี้ยหลงตัวเองหน้าตาแบบนี้นี่เอง ผมเบ้ปากอย่างไม่กลัวว่าเขาจะเห็น ก็เราหันหลังให้กันนี่ครับ ผมนั่งที่โซฟา หันหน้าหากำแพงที่มีโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ขึงตัวเองไว้ในระดับสายตา ส่วนเขาก็นั่งที่โซฟาอีกตัวที่หันหลังชนกับผม หันหน้าเขาคอมพิวเตอร์หน้าจอใหญ่พอๆ กับทีวีของเขานั่นแหล่ะ


“อือวิน” เขาคงเป็นคนประเภทที่ความคิดไม่ค่อยเรียงลำดับล่ะมั้ง เพราะผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว เขาเรียกผมแล้วราว 3 ครั้ง คุยๆ จบประเด็นแล้วก็เงียบไปทำอะไรก๊อกแก๊กต่อ และพอนึกเรื่องขึ้นได้ก็จะเรียกใหม่ รอบนี้เป็นรอบที่ 4

“อืม”

“มีระเบียงไว้ชมวิวด้วย...”
“เอาไว้ให้วินวาดรูป ดีมั้ย”

“หืม?” เป็นครั้งแรกที่ผมหันไปมองเขา นายมือโปรยังนั่งหันหลังให้ผมอยู่ แต่การหันมามองเขาครั้งนี้ก็ไม่ได้เสียเปล่านัก เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่

เขากำลังออกแบบห้องพักชั้น 2-4 ของ “ร้านกาแฟเรา”

“แปลนร้านหรอครับ”

“อื้อ” เสียงตอบอยู่ในลำคอ แต่คำตอบทั้งหมดทั้งมวลอยู่ตรงหน้าผมนี่แหล่ะ นายมือโปรพิงโซฟา พาดคอและห้อยหัวมองหน้าผม ผมก็เลยพิงพนักโซฟา ตั้งคอมองหน้าเขา

มองจากมุมค้างคาวห้อยหัวแบบนี้ ผมคิดว่าเขาก็ยังหล่ออยู่ดี แต่ผมไม่พูดชมเหี้ยเด็ดขาด อัปมงคลปาก

“จริงๆ เขาก็อยากมีแค่ร้านกาแฟ แต่พี่ว่ามีห้องให้พักด้วย มันดีกว่าเนอะ”

“เขา?”

“อื้อ ลูกแพร์ไง” ผู้หญิงคนนี้ไม่ผิดอะไร แต่ผมไม่รู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของเธอเลยสักนิด ตายไปแล้วไม่ใช่รึไง ทั้งที่ตายจากไปแล้วก็ยังมีการดำรงอยู่ที่น่าอิจฉา
ทั้งที่ทิ้งทุกอย่างบนโลกนี้ไปแล้ว แต่กลับยังได้รับความรักอยู่อย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่รีบตายไปซะก่อน ผมว่าเธอก็คงวำลักความรักของนายมือโปรตายอยู่ดี

ผมเดินไปหาน้ำเย็นดื่ม เข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็ออกมามองหน้านายมือโปรอีกหน พร้อมกับประกาศความต้องการตัวเองแน่วแน่

“วินจะกลับครับ”

“อยู่กับพี่ก่อนดิ อดนอนเป็นเพื่อนกัน ดูแปลนร้านให้ด้วย เผื่อมีไอเดียดีๆ”

“ไม่เอา”

“ก็ร้านวินเหมือนกันนะ ถึงพี่จะจ้างด้วยเงินแค่ 2 หมื่น แต่ก็เงินนะ ทำไมทิ้งความภูมิใจนี้ไปรับเงินแม่ยกแล้วใช้ชีวิตไร้ค่า”

“ไม่ไร้ค่าครับ วินอยู่ของวินได้ วินรับได้และก็อยู่กับเงินนั้นได้จนตาย ไม่เคยรู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย”

“ค่าของวินแค่แสนเดียวหรอ ถ้างั้นพี่ซื้อตัวสองแสน เอามั้ย”

“ไม่เอา”

“สามแสน”

“ไม่เอา”

“ห้าแสน”

“ไม่เอาครับ!”
“วินไม่ได้ขายตัว พี่ให้เงินเป็นล้านก็ซื้อวินไม่ได้”
“สิ่งที่ซื้อวินได้มีอย่างเดียว”

“อะไร?”

“ความรักล่ะมั้ง”

“พูดตลกว่ะ พูดยังกับรักแม่ยกนั่น”

“รักมากเลยครับ”
“มากที่สุด รักกว่าชีวิตอีก ชาตินี้คงรักใครมากกว่าเขาไม่ได้แล้ว”

“.............”

“อย่าคิดว่าความรู้สึกพี่น่ายกย่องคนเดียวสิ”
“อย่ามาตัดสินว่าความรักที่วินมีกับเขามันเทียบกับความรักที่พี่ยึดติดอยู่ไม่ได้
“คนของพี่อาจมีค่าในความทรงจำพี่ แต่เธอก็แค่โนบอดี้ในชีวิตวิน”
“ทำไมวินต้องอินกับความรักที่พี่ยึดติด ในขณะที่พี่เอาแต่พยายามทำลายความรักที่มีค่ากับวินมากอยู่ทุกครั้งที่พูดถึงมัน”

“วิน วินขายตัวเพื่อเงิน พี่มั่นคงกับคนที่รัก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าการยึดติดของใครมีคุณค่ามากกว่ากัน”

“เหี้ยแบกตาชั่งหน้าตาเป็นงี้นี่เอง” ผมด่าเปรียบเปรยแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปที่บันได ได้เวลาที่ผมจะเดินไปตามทางที่ผมเลือกแล้ว ชีวิตเป็นของผม ส้นตีนนี่เป็นของผม เส้นทางเป็นของผม การตัดสินใจเป็นของผม ทั้งหมดเป็นของผม!

“วิน!”
“พี่ก็หมดาความเมตตาเป็นเหมือนกันนะ”
“ถ้าจะดื้อกลับไปใช้ชีวิตแบบยอมให้เงินฟาดหัวล่ะก็....ไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ”
“อย่ากลับมาให้พี่ได้เหยียบเราให้จมดินล่ะ!”

“เออ! ไม่ได้แอ้มกูหรอก!” ผมด่าแบบไม่หันไปมองแล้วก็ออกแรงวิ่งไปตามบันไดแสนชัน ประตูต้องห้ามปิดไล่หลังผม เสียงกระทบของมันดังเท่าแรงที่ผมส่งออกไป หวังว่ามันจะดังไปเตะกระดูกค้อน ช่าง โกรนของใครบางคนที่ยังอยู่ในห้องห้ามเข้าห้องนั้น

“อ้าววิน! กูก็หาให้วุ่น นึกว่ากลับไปแล้ว แต่รถมึงก็ยังอยู่นี่หว่า”

“ไอ้โอม! เมื่อไหร่เฮียมึงจะเลิกคิดว่ากูขายตัวสักที”
“มึงเล่าอะไรให้เขาฟังหรอ? มึงเล่าอะไรผิดไปรึเปล่าไอ้เหี้ย”
“ทุกวันนี้แม่งคิดว่าป้าสุเป็นแม่ยกกู คิดว่ากูขายตัวแลกเงินเดือนเดือนละแสน ไอ้เหี้ยสมองกบ!”

“ห๊ะ?” ไอ้โอมหน้าเหวอไป มันกรอกตาครุ่นคิดแล้วก็ตีหน้ายุ่ง มันห่านี่ส่งเสียงงอแงแล้วขยี้หัวตัวเอง มันถอดเสื้อคลุมของร้านออกแล้วก็ดึงตัวผมมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ บังคับให้ผมเปิดรถแล้วก็มุดไปนั่งรอผมในฝั่งคนขับ

“ยืนรอแม่มึงเบ่งมึงสู่โลกอีกรอบหรอ ขึ้นรถสิไอ้คุณชาย!”

แล้วดุกูทำเหี้ยไรว้า?


ไอ้โอ้มเงียบอยู่นานมาก มันพึมพำคนเดียวเหมือนคนบ้า แป๊บเดียวก็มองหน้าผมแล้วก็หันไปพึมพำใหม่ ตอนแรกผมอยากเปลี่ยนเป็นคนขับเองเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่ไอ้โอมยืนยันว่ามันไม่เมา ไม่ได้กินเหล้าเลย ผมก็เลยต้องยอมให้มันขับต่อไป และมันก็ขับมั่วมาก นี่อยู่แถวไหนผมก็เดาไม่ออก แต่ดูๆ จากป้ายแล้ว ดูเหมือนมันจะพาผมไปสนามบิน นี่เราต้องหนีออกนอกประเทศกันเลยหรอ? กะอีแค่ทำให้ไอ้พี่โป๊ะมันเข้าใจผิดคิดว่าผมมีแม่ยกเลี้ยงเนี่ยนะ!

“โอม ไปไหนวะ”

“หาที่เคลียร์ กูต้องการที่โล่งกว้าง สมองกูรกไปหมด”

จริงๆ ในรถนี่ก็กว้างพอให้มึงเอาเรื่องรกสมองมากองๆ กันนะ ในสมองมึงคงจุอะไรได้ไม่เยอะหรอก

“ที่ไหววะ โล่งๆ”

“แถวนี้แหล่ะ” คำว่าแถวนี้ทำให้ผมมองซ้ายมองขวา โอเค กว้างมากครับ โล่งเชียว ข้างทางของถนนเข้าสนามบินสุวรรณภูมิเชียวนะ


“วิน ไหนมึงเล่าให้กูฟังดิ๊ว่าระหว่างมึงกับเฮียนี่ยังไง” ไอ้โอมเปิดฉากพูดหลังจากที่เราทั้งคู่ลงจากรถสู่ที่โล่งกว้างที่มันตามหา

“มึงแหล่ะต้องเป็นคนบอกกูว่าทำไมเขาถึงได้คิดว่ากูขายตัว เขารู้จักกูก็เพราะมึงไม่ใช่หรอ?”

“มึงคิดว่ากูใส่ร้ายมึง หาว่ามึงขายตัวหรอ?”

“ไม่ใช่เว้ย! แต่ไอ้เรื่องเข้าใจผิดเหี้ยๆ นี่มันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าเขาไม่ได้หูมั่ว บื้อบ้า มันก็ต้องเกิดจากมึงซึ่งเป็นคนเล่าเรื่องกูให้เขาฟัง”

“กูไม่เคยบอกเฮียเลยว่ามึงขายตัว”

“โอเค แล้วมึงบอกอะไรเขาบ้าง”

เจอคำถามนี้ไป ไอ้โอมก็นิ่งเงียบ มันมองหน้าผมนิ่ง และมันก็ตัดสินใจพูดเสียที ไอ้ห่าเอ้ย ถ้าพูดช้ากว่านี้กูจะโทรสั่งพิซซ่ามานั่งแดกรอแล้ว

“บอกว่ามึงอ่ะ บ้านแตก” ไอ้เหี้ย คุณสมบัติกูดูเข้าข่ายขายตัวเชียว
“บอกว่ามึง ขี้เหงา”
“มึงเก็บตัว ไม่ชอบวุ่นวายกับใครแต่มึงก็เป็นคนที่ต้องการการเอาใจใส่มากๆ”
“บอกว่ามึงอ่ะ ปากแข็งแต่ใจดีมาก”
“บอกว่ามึงปฏิเสธความช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลา มึงออกมาอยู่คนเดียวด้วยความดื้อแพ่งกับศักดิ์ศรีโง่ๆ ของมึง”
“บอกว่ามึงยึดติดกับความผิดที่มึงไม่ได้ต้นเหตุเลยด้วยซ้ำ”
“มึงบอกมึงไม่แคร์อะไร แต่ความจริงแล้วมึงแคร์กระทั่งอากาศที่พวกเขาใช้หายใจ มึงไม่อยากให้ตัวเองเป็นมลพิษในอากาศมีค่าของพวกเขา”
“บอกว่ามึงน่าสงสาร ดูแลมึงดีๆ ด้วย”
“บอกว่ามีผู้หญิงคนนึงรักมึงมาก ยอมทุ่มเทให้มึงทุกอย่างทั้งที่ไม่ใช่แม่ และไม่มีวันเป็นแม่มึงได้”

“...............”

“กูบอกเฮียเองแหล่ะ ว่าให้ดูแลมึงด้วย”
“เอาใจใส่มึงมากๆ ดึงมึงออกมาจากโลกมืดๆ ของมีงเสียที”
“กูคิดว่าถ้าเป็นเฮียต้องทำได้แน่”

“แล้วทำไมมึงต้องให้เขามาดูแลกูด้วย กูอยู่ของกูได้”

“กูอยากไปอย่างแน่ใจ ไม่ห่วงอะไรมึงมาก”

“มึงจะไปไหน” สิ้นคำถามผม ไอ้โอมให้ความเงียบเป็นผู้ตอบ มันมองหน้าผมนิ่งแล้วก็ก้มหน้า
“โอม...มึง”

“จบโท กูก็จะไปอยู่กับป้ากูที่ซิดนีย์”

“แล้วไง”

“ก็กลัวมึง...ไม่มีใครดูแล”


ก็ช็อกนะ เพื่อนคนเดียวที่ผมสนิทด้วยจะไปอยู่ไกล แต่ที่ช็อกกว่าคือ มันห่วงผมขนาดนี้เลยหรอ? ผมเป็นคนน่าห่วมากนักหรอ เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน


“เฮ้อ เจตนามึงก็บริสุทธิ์ขนาดนั้น กูจะว่าอะไรมึงได้”
“แต่กูก็งงอยู่ดี ว่าทำไมไอ้เฮียของมึงถึงได้คิดว่ากูขายตัวไปซะได้”

“อันนี้กูก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่เฮียโง่หรือเฮียโง่กันแน่วะ?” ไอ้โอมฝากหัวข้อให้คิด พวกผมขำกันอยู่ 2 คนแล้วก็นั่งรำลึกเรื่องในอดีต ในความเป็นเพื่อน ไอ้โอมไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง ผมเองก็เหมือนกัน แต่ในความเป็นเพื่อนกัน ความห่วงใยของมันไม่เคยลดลง และผมก็ไม่เคยลดมูลค่าความห่วงใยของมันเลยแม้แต่นิดเดียว


“เอาเป็นว่า ให้เฮียมึงคิดไปแบบนั้นแหล่ะ ตลกดี” ผมบอกก่อนลาไอ้โอมในค่ำคืนนี้ มันขับรถมาส่งผมที่บ้านไม้ริมน้ำ ส่วนตัวมันนั่งแท็กซี่กลับบ้าน มันไม่อยากค้างบ้านผมเพราะกลัวว่าไอ้พี่โป๊ะจะไปลากคอมันแต่เช้าที่บ้านเพื่อกร่นด่าความดื้อรั้นของผมให้มันฟัง

“กูจะไม่บอกเรื่องไรเฮียอีกเลย เฮียแม่งฟังทุกศัพท์ก็กระแดะจับไปกระเดียด ต้องขอตบหัวสักที ถ้ากูตายก็รู้ไว้เลยว่าโดนเฮียยิง”

“เออ เออ ไปได้แล้ว”

“อืม ไปแล้วนะ” ผมยิ้มให้มันแล้วปิดประตูรั้ว

กลายเป็นว่า การเป็นเด็กขายตัว เป็นคุณลักษณะที่ผมไม่ได้เป็นแต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยปฏิเสธล่ะนะ


cut

เง้อออออออออออออ
คิดถึงมากเลยค่ะ แต่เวลาเอื้อให้เท่านี้จริงๆ ค่ะ


หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 14-04-2015 19:34:32
 :angry2: พี่โป๊ะคิดเองเออเองอีกล่ะ 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2015 20:03:00
พี่โป๊ะนี่ตลอดดดดด
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 14-04-2015 20:22:01
กรี้ดดดด มาต่อแล้วววว คิดถึงคนแต่งมากๆเลยยย
เค้ากด F5 รอตัวเองทุกวันเลยน้าาาา >3<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-04-2015 21:09:31
อีกคนก็คิดเองเออเอง  อีกคนก็ไม่ยอมอธิบาย

เป็นการจับคู่กันที่ดีมาก ฮ่าๆๆ

รอดูพี่โป๊ะหน้าแตกครัชช

+1 +เป็ด
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 14-04-2015 21:56:09
พี่โป๊ะ ตลอดดดดดอ่ะ
ดูซิว่าใครจะเป็นฝ่ายง้อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 14-04-2015 22:10:53
พี่โป๊ะเอาแต่พูดถึงลูกแพร์ๆอยู่นั่น หมั่นนน :m16:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-04-2015 22:29:54
น่าจะด่าอิพี่โป๊ะเยอะๆนะวิน :m16:
คิดอะไรเป็นตุเป็นตะเชียว  :angry2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-04-2015 22:51:21
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 15-04-2015 00:22:07
เข้ามาขำเหี้ยกับเด็ก(ของ)เหี้ยปะทะคารมณ์กัน

วินจะอิจฉาลูกแพร์ไปใย รอบกายก็มีแต่คนที่รักวินทั้งนั้น

ถึงจะมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิต เพื่อนอย่างโอมก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

เล่นปล่อยเลยตามเลยไม่ยอมอธิบายกันแบบนี้ถ้าพี่เขารู้ทีหลัง
 
ระวังจะได้เจอตัวเหี้ยทำหน้าน้อยใจใส่เน้อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noeinoey ที่ 15-04-2015 00:35:41
ชอบบบบบบ มาอัพบ่อยๆนะคะะะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-04-2015 08:37:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 15-04-2015 12:11:12
เหี้ยพี่โป๊ะยุ่งกับวินทำไมแต่แรกไม่รู้
แต่วินน่ะ ชอบพี่โป๊ะเข้าให้แล้วนะคะเด็ก(ของ)เหี้ย(พี่โป๊ะ)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 15-04-2015 17:31:21
โอมเป็นเพื่อนที่ดีมาก เป็นเพื่อนที่เข้าใจวินที่เป็นวินจริงๆ
วิน...ยังไงก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ..กอดๆ >< ถึงจะทำเหมือนไม่แคร์ ไม่ได้อะไรเลย
แต่ที่จริงคนแบบนี้นี่มันขี้เหงาที่สุดเลยไม่ใช่เรอะ


ปล. อิพี่โป๊ะ ตกลงที่อุตสาห์เข้าข้างมาตลอดว่าแกฉลาดมากๆ แต่แอ๊บทำไม่รู้นี่...คือแกโง่ววจริงๆ รึ 55
แต่ยังไงก็ชอบความสัมพันธ์ของพี่โป๊ะกับวินนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 15-04-2015 17:46:58
ฮ่าๆๆๆพี่โป๊ะมโนไปเองสิน่ะ

เวลาวินอยู่กับพี่โป๊ะแล้วกลายเป็นคนกวนตีนขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน10(14-04-15)
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 25-04-2015 22:31:51
โอมจะไม่อยู่แล้ว วินไม่เหงาแย่เหรอเนี่ย เหมือนคนในโลกของวินจะห่างไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ออกมาเผชิญโลก มันจะเหงามากน้าวินนน

ส่วนพี่โป๊ะปล่อยมันไปเถอะ สมงสมองไปหมดละ ให้นางอยู่กับลูกแพร์ไปจนตายเถอะ แบบนี้คบกันไปใจช้ำเปล่าๆ ไม่มีคนรักคนไหนเอาชนะคนตายได้หรอกนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-05-2015 17:56:19
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 11



เช้านี้เสียงนกร้องกลับมามีความหมายกับผมอีกครั้งหลังจากที่หมางเมินธรรมชาติอยู่หลายอาทิตย์ ต้นเหตุที่ทำให้ธรรมชาติสิ้นฤทธิ์ในการเยียวยาโรคปฏิเสธสังคมของผมก็คือมนุษย์ประหลาดคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าผมข้ามหัวเขามาได้แล้วครับ
ไม่ว่าเขาจะเอายังไงกับร้านกาแฟเฮงซวยของเขา ผมก็จะเดินหน้าไปตามทางของผม
แต่แย่หน่อย ที่จุดหมายระยะใกล้ระยะแรกของผม ก็คือการนำเสนอเทอมโปรเจคที่มนุษย์ประหลาดคนนั้นเป็นคนมอบหมายไว้ให้ แต่วันที่ผมจะปะทะกับจุดหมายระยะใกล้ระยะแรก ก็คือบ่ายวันนี้
ให้ตายสิ! ไม่ค่อยพร้อมแฮะ

เมื่อเช้าวันนี้ แม่ครัวมือหนึ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา...อืม เวอร์ไปสินะครับ โอเค แม่ครัวมือหนึ่งของป้าผมที่บริหารโรงแรมระดับหกดาว ติดแม่น้ำเจ้าพระยา จัดสรรบันดาลไว้เป็นอย่างดีเชียว และป้าแกก็จัดไว้ให้ 2 ที่ ตามที่ผมบอกผ่านป้าสุไป

ที่แรกเป็นของผมแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนอาหารเช้าอีกที่ สำหรับโอมครับ เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มันมาขลุกใช้ชีวิตอยู่บ้านผม ข้ออ้างแรกของโอมคือ อยากอยู่กับผมเยอะๆ เพราะเดี๋ยวเรียนจบก็ห่างกันแล้ว ข้ออ้างที่สองคือ มันต้องช่วยผมทำเทอมโปรเจค ฟังครั้งแรกชื่นใจครับ แต่ภายใต้สีหน้าเทพบุตรไม่โกนไรหนวดของมันนั้นต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ หลอกถามหนักเข้าผมก็ได้รู้แก่นใจของมัน
มันหลบแฟนเก่ามันครับ เหตุผลทุเรศชิบหาย แล้วทำไมต้องลากบ้านกูไปเกี่ยวข้องกับส้นตีนพี่ชายแฟนเก่ามึงด้วยวะ? ไหนจะเรื่องที่มันกิ๊กอยู่กับทรายทั้งที่แฟนเก่าทรายก็กำลังง้อสาวสุดชีวิตนั่นอีก สงสัยโอมจะเป็นคนที่ปล่อยให้กายหยาบว่างไม่ได้

น่าเสียดายที่เช้าวันนี้ อาหารเช้าอีกที่จะต้องจากโลกไปอย่างเดียวดาย เพราะโอมกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แม้ว่ามันจะบอกไว้ว่าจะส่งนักกินข้าวเช้าตัวสำรองมากินส่วนของมันก็เถอะ ผมไม่คิดว่าเขา....

ปิ๊งป่อง

...จะมา...

หือ? มาจริงหรอเนี่ย?
ธุระก็แค่เรื่องกินข้าวเช้า จะถ่อมาถึงบ้านผมเลยหรอ? เช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?!

ผมย่องไปเกาะขอบประตูแล้วโผล่หัวไปดูที่รั้ว

มาจริงๆ ด้วย นายมือโปร
แล้วทำไมผมต้องใจเต้นด้วยวะ? ทำไมรู้สึกได้ชัดแจ่มเลยว่าตัวผมเองกำลังยิ้ม
บ้าน่า!
ผมโมโหเขาอยู่นะ ข้อหาก็ใหญ่หลวงด้วย! เขากล่าวหาว่าผมขายตัว!
แต่ก็นั่นแหละ ผมบิดเบือนความเป็นจริงที่ว่าผมดีใจที่เขามาหาไม่ได้หรอก ผมไม่ได้เก่งเรื่องหลอกลวงตัวเองนี่นา
เฮ้อ!


“ไอ้ยุ่ง พี่เข้าไปเลยนะ” เราสบตากันแล้วเขาถึงได้ตะโกนบอกมา นี่เรียกว่าขออนุญาตหรือแค่บอกให้รู้ผมก็ไม่เข้าใจความต้องการการสื่อสารของเขานัก

ผู้ชายตัวสูงมุดรั้วแล้วก็ยืนตัวยืนตรงอีกครั้ง ในมือเขามีถุงกระดาษที่มีแบรนด์ตีตราอยู่ด้วย ถ้าเดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นเสื้อผ้าล่ะมั้ง สงสัยหิ้วมาให้ไอ้โอม

“กินข้าวเช้ารึยังวิน”

“เกี่ยวกับคุณมือโปรด้วยหรอครับ” ผมแกล้งยียวนเขานิดหน่อย ดูเหมือนแดดอ่อนยามเช้าจะขัดเกลาจิตใจนายมือโปรได้พอสมควร เขาไม่โกรธผม กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
นายคนนี้ตรงรี่มาหาผมด้วยจังหวะการเดินที่นุ่มนวล มือเขาหรือสายลมกันแน่นะ ที่ลูบเส้นผมของผมอย่างอ่อนโยนในตอนนี้

“กินข้าวกัน!” ก็แค่ชวนกินข้าว ไม่เห็นต้องยิ้มอบอุ่นขนาดนั้นเลย ไอ้บ้านี่!

กินก็ได้วะ!


#### @ D A W N  #####


ผมกำลังรู้สึกเหมือนกำลังลักลอบทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควร ทั้งที่สิ่งที่ผมทำจริงๆ ก็แค่การร่วมรถกับเขามาที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น อีกอย่าง นี่มันก็รถผม ก็แค่เขาเป็นคนขับให้เท่านั้นแหละ เหตุผลก็ไม่ได้หน่อมแน้มน่าหยิกแก้มก้นหรอกครับ เขาก็แค่ “วินขับช้า เดี๋ยวพี่ขับเอง” อยากจะเถียงเหลือเกินว่ากูไม่ได้ขับรถช้า คุณมึงนั่นแหละที่ขับรถเร็วเกินไปเอง

แต่วันนี้ผมไม่คิดเถียงอะไรเขาหรอกครับ เพราะวันนี้ผมต้องพรีเซนท์เทอมโปรเจค แล้วเขาก็เป็นอาจารย์ที่เป็นคนให้คะแนนหลักๆ ใครจะโง่ไปเถียงคนที่ชี้ชะตากันเล่า

“อ้าว ไปไหน”

“ขึ้นอาคารสิครับ ต้องเตรียมพรีเซนท์”

“แล้วร้านล่ะ?” ทำไมเขาถึงคิดว่าผมจะให้ความสำคัญกับร้านกาแฟของผู้หญิงในใจเขามากกว่าการเรียนของตัวเอง อยากบ้ารักก็บ้าไป ผมไม่เอาด้วยหรอก

“ไม่ไปแล้วครับ”

“ก็พี่จ้างแล้วไง”

“ลาออก”

“โอเค งั้นทำให้ถึงสิ้นเดือนนี้ก่อน หาคนไม่ทัน” เอาจริงดิ? อืม ไม่ต้องเป็นผมก็ได้ เป็นใครก็ได้สินะ คนที่จะมาช่วยดูแลร้านกาแฟน่ะ

“ครับ จะทำให้ถึงสิ้นเดือน แต่ตอนนี้ต้องเตรียมพรีเซนท์ คุณมือโปรห่วงร้านนักก็เดินไปดูเองแล้วกัน ผมไม่ว่าง” ผมมองหน้าเขานิ่งเพื่อบังคับให้เขายอมรับหรือปฎิเสธเงื่อนไขของผมออกมาตรงๆ

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจภาษาตาของผมได้ดี เขาจึงได้พยักหน้ารับแล้วก็ดับเครื่องยนต์

หน้าเขานิ่ง หน้าผมก็นิ่งเหมือนกัน
แต่หน้าเขาเศร้าลง ผมก็เลยหันหลังให้ เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเราเสมอกัน



13.30
การพรีเซนท์เทอมโปรเจคของผมกำลังตจะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ ปกติแล้วรุ่นผมมีเรียนกันอยู่ราว 50 คน จำนวนคนที่เข้าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 30 คน  แน่นอนว่าผมเป็นพวก 20 คนที่มาบ้างไม่มาบ้าง อาศัยว่ามีคนอาสาเซ็นชื่อให้ เป็นน้องผู้หญิงในห้องที่เพิ่งเรียนจบป.ตรี นี่แหละครับ ไม่รู้หลงสเน่ห์ส่วนไหนของไอ้โอมถึงได้ดูแลเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย

แต่เวลานี้ ในห้องที่มักจะมีเพียง 30 คนโดยเฉลี่ย จอแจไปด้วยคน 50 คน และแต่ละคนก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อสุมหัวเตรียมตัวนำเสนอรายงานที่มีสัดส่วนคะแนนเกิน 50% ของวิชา

พวกเราตั้งใจกันมากๆ ครับ  อย่างน้อยผมก็จำลำดับเวลาการกดเปลี่ยนสไลด์ได้ก็แล้วกัน

10 นาทีผ่านไปแล้ว อาจารย์วารินทร์ วณิคพันธุ์ ถึงได้เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าแช่มชื่น
หลังจากที่แยกกันเมื่อสายๆ ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ผมตรงดิ่งมายังห้องนี้ และพบว่าไม่มีใครมาเลย ผมเลือกลงไปตามหาที่โรงอาหาร และก็ได้เจอสมาชิกของกลุ่มรายงานรวมตัวกินข้าวและเตรียมเนื้อหากันอยู่ ผมได้กินข้าวกลางวันแล้ว ทำใจให้สบายแล้ว เจอเพื่อนแล้ว ยิ้มแล้ว หัวเราะก็แล้ว เยี่ยวก็แล้ว ไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องจำเป็นกับชีวิตเหล่านี้รึยัง เกรงว่าจะเอาแต่นั่งคร่ำครึรอวันตายเพื่อไปพบกับหญิงสาวอันเป็นที่รักนั่นแหละ แบบนั้นมันดีเสียที่ไหนกันเล่า?

“วันนี้เฮียขรึมโคตร หล่อเข้มแบบนี้ไม่คิดว่าจะโง่คิดว่ามึงขายตัวเนอะ” ไอ้โอมเอียงตัวมากระซิบผมแล้วก็หัวเราะคิกคัก ผมได้แต่พยักหน้าเออออและหัวเราะตามนิดหน่อย สายตามองจับจ้องมองหน้าเขา แต่เขากลับไม่สบตาผมแม้เสี้ยววินาที

“โอเคครับ ดูเหมือนจะพร้อมกันทุกๆ กลุ่ม”
“แต่ก่อนเริ่มพรีเซนท์....” อาจารย์วารินทร์เริ่มพูด ขณะที่เสียงจอแจในห้องก็เริ่มเงียบลง
“เรามากำหนดกติกาการให้คะแนนกันดีกว่า”

“แต่ว่าอาจารย์กำหนดไว้แล้วนี่คะ ว่าหลักๆ จะดูเนื้อหาเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน ชิ้นงานโฆษณาไม่ดู”

“ใช่ครับ นั่นคือวัตถุประสงค์หลักของการเรียนวิชานี้ แต่ที่พูดถึงเรื่องเกณฑ์การให้คะแนน ก็เพราะว่า พวกคุณทุกกลุ่มทีเนื้อหาที่แน่นพออยู่แล้ว แล้วอะไรจะเป็นตัวเปรียบเทียบล่ะครับ”
“ผมให้คะแนนทุกกลุ่มเท่ากันไม่ได้ แม้ว่าจะพอใจเนื้อหาที่คุณนำเสนอมากเท่ากันก็ตาม”
“เพราะฉะนั้น ก็มาช่วยกันกำหนดดีกว่านะ  15 นาทีก็เหลือแหล่”
“เริ่มจากผมก็แล้วกันนะครับ”
“สัดส่วน 100% ผมขอให้คะแนนเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกคุณทำมา 50%”
“สัดส่วนต่อไป เชิญกลุ่มที่ 1”

ตัวแทนกลุ่มแรก เสนอให้คะแนนความพร้อมของกลุ่ม 20% แปลเป็นภาษาคนง่ายๆ ก็คือกลุ่มไหนที่ทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการนำเสนองาน จะได้ไป 20%

“ครับ กลุ่มที่ 2 เห็นด้วยมั้ยครับ หรือจะปรับสัดส่วนแล้วเสนอการให้คะแนนส่วนอื่นมา”

เงียบครับ

“งั้นกลุ่มที่ 3” กลุ่มผมเอง เฮียยกมือแล้วก็เสนอการให้คะแนนที่แสนประหลาด

“เสนอให้คะแนนความบันเทิง 20% ครับ”

“นิยามความบันเทิงได้มั้ยครับ” อาจารย์วารินทร์ตามติดประเด็นทันที ผมเห็นเขาแอบยิ้มนิดนึงด้วย

“ความบันเทิงในที่นี้ หมายถึง เพื่อนๆ ดูพรีเซนท์แล้วชอบใจ อารมณ์ดี มีความสุข เฮฮา ไม่เครียด”

“โอเค พอครับ งั้น ความบันเทิง 20% นี้ เพื่อนในห้องเป็นคนให้คะแนนก็แล้วกัน แต่ละคนให้คะแนนเพื่อนตามกลุ่มด้วยนะครับ ไม่งงนะ แต่ละคน ต้องให้คะแนนเพื่อนรายกลุ่ม”

“กลุ่มที่ 4 เห็นด้วยมั้ยครับ หรือจะปรับสัดส่วน”

“เห็นด้วยค่ะ แล้วก็อีก 10% เสนอให้เป็นคะแนนการบริหารจัดการเวลาพรีเซนท์ค่ะ”

“อืม พวกคุณต้องการเวลาพรีเซนท์กลุ่มละกี่นาที”

เกิดเสียงอื้ออึงนิดหน่อย แล้วตัวแทนกลุ่มสุดท้ายก็เคาะกติกา

“จารย์ขา ตัวแทนกลุ่ม 5 ขอเสนอให้เวลาในการพรีเซนท์กลุ่มละไม่เกิน 40 นาทีค่ะ อีก 10 นาที ยกให้อาจารย์สำหรับซักถามข้อสงสัย”

“โอเค ครบ 5 กลุ่มนะครับ งั้นกลุ่มที่ 1 เห็นด้วยเรื่องเวลามั้ยครับ”

เห็นด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ

เป็นอันว่า กติกาในการนำเสนอเทอมโปรเจคจบลงด้วยดี
ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เหตุการณ์อะไรพิเศษเลย แต่ทำไมผมถึงได้ยิ้มไม่หยุดกับกิจกรรมที่เขาสร้างขึ้นกันนะ?


“วินๆ” เสียงกระซิบจากนรกรึไง? น่ารำคาญจริงๆ ผมหันไปเหล่เฮียที่เอาตีนเตะขาเก้าอี้ผม

“ไร”

“มึงจดรายละเอียดกลุ่มอื่นไว้ด้วยนะ แบ่งเป็นหัวข้อพรีเซนท์ เอาไว้เปรียบเทียบกับงานเรา อันไหนขาดมึงก็เติมตอนพรีเซนท์ด้วย จารย์น่าจะให้เอาเล่มไปแก้แล้วส่งอีกรอบแบบสมบูรณ์กว่าเดิมไรงี้ พี่ก็เดาๆ เอา”

“อ่อ โอเค” ผมรับคำแล้วเปิดสมุดสำหรับจดทุกสิ่งบนโลกใบนี้ หยิบดินสอกดคู่ใจขึ้นจดหัวข้อพรีเซนท์ของกลุ่มที่ 1 ทันที

กลุ่มผมคือกลุ่มที่ 3 เลยมีเวลามองหาข้อผิดพลาด หรือจุดบอดเล็กๆ น้อยๆ ของกลุ่ม 1  ได้ แต่ไม่มีเวลาพอสำหรับกลุ่ม 2 หรอกครับ พวกผมประชุมกันในไลน์ เฮียเป็นคนเติมประเด็นที่กลุ่มเราขาด และแบ่งงานให้แต่ละคนรับผิดชอบ ผมเองก็โดนเหมือนกัน ตอนแรกผมทำแค่กดสไลด์ตามการรายงานของเพื่อน เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าใครทำอะไร ตรงไหน ส่วนไหน พูดอะไร ยังไง ก็แหงหละ ไอ้โอมเป็นคนรวมเนื้อหาแล้วทำพรีเซนท์ ทำอยู่กับผม ที่บ้านผมนี่แหละ

แต่เมื่อเร็วๆ นี้เองที่หน้าที่ผมเพิ่ม ผมต้องช่วยพูดเสริมในส่วนของกระบวนการช่วงPro ด้วยครับ เพราะผมเป็นคนถ่ายภาพการทำงานของการสร้างภาพยนตร์โฆษณานี้เองกับมือ

กลุ่ม 1 และ 2 ใช้เวลาพรีเซนท์ตามเวลาเป๊ะเลยแฮะ สงสัยจะโกยคะแนนเต็มแน่ๆ
เสียงปรบมือให้กับการรายงานของกลุ่ม 2 เบาลงในจังหวะที่พวกผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเซ็ทอุปกรณ์อาทิคอมพิวเตอร์ ตัวเชื่อม และไมโครโฟน ระหว่างเตรียมตัว อาจารย์วารินทร์อนุญาตให้เบรกสั้นๆ ได้ แต่ขอความร่วมมืออย่าผ่อนคลายกันถึงขนาดซื้อข้าวมานั่งกิน ในรุ่นผมไม่มีใครทำแบบนั้นหรอกครับ ส่วนมากกินแต่หมูทอดกันอย่างเดียว ไม่เน้นแป้ง

และแล้ว เวลาในการพรีเซนท์ของผมก็เริ่มต้นขึ้น

การถูกผู้ชายอายุ 30 ต้นๆ นั่งกอดอกมองตาไม่กระพริบ มันไม่ได้รู้สึกดีนักหรอกครับ ผมบอกไว้เลย

35 นาทีเท่านั้นสำหรับการพรีเซนท์ของกลุ่มผม
ภาพกระบวนการทำงานทั้ง pre pro post ฝีมือผมถูกนำเสนอออกมาเป็นลำดับเรื่องราวคร่าวๆ แต่เรื่องรายละเอียดด้านการความคิด โดยเฉพาะการตกผลึก การระดมสมอง ถูกเล่าผ่านภาพการ์ตูนที่ถอดคาแรคเตอร์มาจากคนในกลุ่มผมเป็นส่วนมาก
พวกเราใช้ภาพเล่าเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือจริงๆจึงเบาบางมาก และเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ แล้ว พวกเราก็ไม่คิดว่าจะเทียบความเข้มข้นกันทางด้านข้อมูลได้

แต่....

“ผมชอบ” แล้วไอ้คำว่า ‘ชอบ’ มองหน้าผมทำไม?

“ชอบก็ดีเลยครับ ให้พวกผมเต็ม 100 ไปเลยครับ” ไอ้เฮียนี่ก็ฉวยโอกาสได้ดีจริงๆ ในห้องหัวเราะกันตามประสาแหละครับ หรืออาจจะมีคนไม่พอใจแต่ถ้าไม่พูดหรือแสดงออกมา ผมก็ไม่สามารถล่วงรู้

อาจารย์วารินทร์ไม่พูดอะไร เขาแค่ยิ้มๆ แล้วก็ลุกขึ้นมาหน้าห้องเรียนเหมือนที่เขาทำกับกลุ่มอื่นๆ

“อืม ไอเดียดีนะครับ บอกเล่าลำดับขั้นทางความคิดด้วยการ์ตูน มีเรื่องราว แล้วก็ภาพถ่ายจากการทำงานจริงๆ มาด้วย สินค้าก็ออกมาดีเลย ทั้งที่เป็นแค่ปากกาลูกลื่นแต่ก็สร้างสตอรี่มาอินไลน์ได้ นับว่าใช้ได้”
“เรื่องตินิดนึง”
“ทฤษฎีอ้างอิงหลักการสร้างทีมเวิร์คพวกคุณไม่ค่อยมี”
“ความเป็นผู้นำ ผู้ตาม ของคนในทีมพวกคุณยังไม่ชัด”
“มันโอเคที่มีการกระจายอำนาจในการตัดสินใจทำงาน แต่มันทำให้ขาดคนรับผิดชอบ ขาดคนที่เป็นศูนย์รวมทางความคิด”
“ผมสังเกตว่าพวกคุณไม่มีการเผชิญปัญหาและการแก้ปัญหา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่การทำงานจะไม่มีปัญหาเลย”

“อ่อ ถ้าเกิดปัญหาอะไร หรือมีอะไรไม่เป็นตามแผน ผมจะเป็นคนตัดสินใจครับ” เฮียแสดงตัวเป็นผู้นำของทีมนี้ เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์วารินทร์นิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ ครับ เพราะเวลาส่วนใหญ่ของอาจารย์วารินทร์แช่ตาไว้ที่หน้าผม

“งั้นก็ช่วยเพิ่มส่วนการใช้แนวคิดหรือทฤษฎีการบริหารองค์การมาเพิ่มด้วย แล้วก็เรื่องการบริหารภาวะความเป็นผู้นำนะครับ คุณนำทีมแบบไหนก็เพิ่มมาแบบนั้นแหละ ออกแบบได้ตามสบาย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเพิ่ม”
“เว้นแต่....”

“ครับ?” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเป็นคนอยากรู้อยากเห็นตามทางที่อาจารย์วารินทร์โปรยไว้ ผมเห็นอาจารย์ยิ้มมุมปาก เขาสบตาผมแล้วก็หันมองทางอื่นก่อนจะพูดต่อให้จบ

“คนเปลี่ยนสไลด์แม่นเวลาดีนะครับ”

จะชมกูเรื่องนี้ก็หยุดเถอะ อาย!

การพรีเซนท์ของอีก 2 กลุ่มผ่านไปอย่างเข้มข้น ผมได้เห็นความตั้งใจทำงานของกลุ่มพี่ๆ พวกนี้แล้วอยากให้พวกเธอได้คะแนนเต็ม 100 เหตุผลแรก เพราะไม่มีใครในกลุ่มที่อยู่ในวงการทีวีหรือโฆษณาเลย เหตุผลที่สอง งานโฆษณาออกมาไก่กามาก แต่ก็รู้ว่าแต่ละองค์ประกอบของโฆษณาสื่ออะไรบ้าง ซ่อนความคิดอะไรบ้าง และชี้นำความคิดอย่างไรบ้าง
ผมชอบจัง

“ผมชอบนะ” อีกครั้งที่ผมได้ยินคำนี้จากปากอาจารย์วารินทร์ เขาเดินไปหน้าห้องเรียนเมื่อกลุ่มที่ 5 เก็บอุปกร์แล้วเสร็จ ผู้ชายสูง 180 กว่าๆ ในชุดเสื้อเชิต กางเกงแสสก ถือไมค์ไว้ในมืออีกครั้ง เขายิ้มให้กับทุกคนในห้อง แต่ผมรู้สึกได้ว่าเขาแช่สายตาที่หน้าผมนานกว่าคนอื่นมาก

“อืมมม รุ่นนี่ใจร้ายจังนะครับ” รุ่นนี้หรอ? แสดงว่าสอนมาหลายรุ่น
“เทอมโปรเจคดีมากเลย”
“อีก 2 อาทิตย์ก็สอบกันแล้วใช่มั้ยครับ” พวกเราขานรับกันยานคาง อาจารย์มาดเท่คนนี้ถึงกับหัวเราะออกมา
“อา ผมไม่ได้ออกข้อสอบซะด้วยสิ รับผิดชอบแค่เทอมโปรเจคเท่านั้น”
“แต่มันก็กินสัดส่วนเกิน 50% แล้วละนะ”
“ที่เหลือก็น่าจะมีคะแนนเข้าห้อง รายงานเดี่ยว และสอบ”
“เพราะงั้นก็...ขอให้โชคดีก็แล้วกัน”
“ผมสอนคุณวันนี้วันสุดท้าย มีอะไรจะถามให้หรืออยากถกเถียงกันประเด็นไหนเกี่ยวกับงานโฆษณามั้ยครับ”

ปกติแล้ว ห้องนี้ไม่ค่อยมีปากเสียงอะไรหรอกครับ ไม่ว่าจะได้รับคำถามว่ามีอะไรจะถามเพิ่มหรือสนใจให้ขยายความเรื่องไหนเพิ่มจากอาจารย์ท่านใดก็ตาม คำตอบคือความเงียบเสมอแหละครับ แต่วันนี้กลับแปลกไป
พวกเรายกมือกันให้พรึ่บ!
ไอ้โอมนี่ยก 2 มือเลย ... ห่านี่ เหม็นเหงื่อเว้ย!
ผมถองศอกใส่สีข้างมัน เตือนให้รู้ว่าสำรวมหน่อยเถอะไอ้เหี้ย มันก็เลยยอมยกมือข้างเดียว โดยยกข้างที่หันจั๊กแร้มาใส่หน้าผม ไอ้เวร

อาจารย์วารินทร์เรียกรายบุคคลเลยครับ เขาเลือกจะรู้ก่อนว่าประเด็นคำถามแต่ละคนคืออะไร ซึ่งข้อมูลที่ได้อาจจะทำให้เขาอึ้งอยู่มาก
ก็เพราะว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวิชาที่เรียนเลยน่ะสิ ที่สลอนยกมือกันนั่นน่ะ อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขาทั้งนั้น

“งั้นก็ ขอปิดคลาสของผมตอนนี้เลยแล้วกันนะครับ ที่เหลือมาคุยนอกรอบ”
“แล้วก็ นี่ facebook ผม แอดได้แต่อยากแปะร้านขายของนะครับ” ทำหน้าขอความเห็นใจด้วย เสียงปรบมือดังขึ้นเท่าที่มือจะทนเจ็บได้เกิดขึ้นระหว่างที่นายวารินทร์เรียกหน้าจอปกติของคอมพิวเตอร์ขึ้นมาจอโปรเจคเตอร์ เขาเปิด facebook ของตัวเองให้นักศึกษาได้ดูข้อมูลที่เขาฟีด เพื่อตัดสินใจว่าจะขอเป็นเพื่อนหรือไม่ ผมไม่ได้ขยับทำอะไรระหว่างที่ใครต่อใครก้มกดโทรศัพท์กันยุกยิก ผมแค่จ้องหน้า facebook นั้น
ทั้งที่แค่มอง แต่ผมกลับจำชื่อ facebook เขาได้แม่นเลย


#### @ D A W N  #####


Rrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัทพ์ดังลั่นบ้านในเวลา 7 โมงเช้า ผมถอนหายใจก่อนจะลืมตาเสียอีก เพราะว่าผมเพิ่งนอนไปได้แค่ 3 ชั่วโมงเอง ทั้งคืนที่ผ่านมาผมทำอะไรน่ะหรอ? ผมอ่านหนังสือครับ เห็นนิ่งกับทุกสิ่งบนโลกแบบนี้ ผมก็ตื่นตัวเวลาต้องสอบเหมือนกันแหละน่า

ว่าแต่ ทำไมเสียงโทรศัพท์ยังไม่หยุดอีกวะ?

เมื่อทนรำคาญไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจลงไปรับสาย แต่เดินได้แค่กลางทางบันได เสียงก็เงียบลง แต่โทรศัพท์มือถือกลับส่งเสียงแทน แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว
ผมรีบวิ่งกลับไปรับโทรศัพท์ที่นอนร่วมเตียงกัน กระโดดตะครุบโทรศัพท์ด้วยท่าทางสง่างาม....อืม จริงๆ ก็แค่ตะกายขึ้นเตียงแล้วกดรับเพื่อระงับเสียงน่ารำคาญเท่านั้นแหล่ะ

“ครับ” เสียงผมแหบขนาดนี้เชียวหรอ? การนอนไม่พอนี่บั่นทอนทุกอย่างจริงๆ
“หือ? ลุงสมานหรอครับ มีอะไร โทรหาวินทำไม” ผมถามปลายสายเมื่อแกรายงานตัวเสร็จ และเมื่อได้ฟังแกพูดแบบเต็มๆ หู โทรศัพท์ผมก็แทบร่วงจากมือ

“คุณสุประสบอุบัติเหตุครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลxxx”
แสงตะวันเช้าวันนี้ ไม่น่ามองเอาเสียเลย

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงผมก็มาถึงหน้าโรงพยาบาล แม้ว่าลุงสมานบอกว่าจะมารับแต่ผมก็ดื้อดึงจะลำบากมาเอง มาถึงก็เจอแกนั่งรออยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

“ลุงครับ”

“คุณวิน มาแล้วหรอครับ ทานข้าวเช้ามารึยังครับเนี่ย”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องวินหรอกครับ ป้าสุล่ะครับ เป็นอะไรมากมั้ย”

“เอ่ออ”

“นี่อยู่ห้องไหนครับเนี่ย หรือว่าต้องผ่าตัด อยู่ห้องฉุกเฉินหรอ? ใครมันทำร้ายป้าสุของวินวะเนี่ย!”

“คุณวิน”

“แล้วป้าสุอยู่ไหนครับ?” ผมคั้นความจริงด้วยสีหน้า แววตาและน้ำเสียง ลุงสมานดึงมือผมไปจับแล้วเงยหน้าสบตาผมอย่างเป็นกังวล

“คุณสุปลอดภัยแล้วครับ ตอนนี้พักอยู่ในห้อง เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อคืนครับ”

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”

“ก็....คุณสุลื่นตกบันได ขาแพลงนิดหน่อย”

ป้าผมขาแพลง...นิดหน่อยด้วย
อืม ดีจังเนอะไอ้กระต่ายวิน นี่ผมตื่นตูมเพื่ออะไร?
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วก็ยิ้มให้กับลุงสมาน และตั้งใจจะเอ่ยลา แต่ก็ถูกแกจูงแขนลากเข้าลิฟท์ และลากมาถึงห้องที่ป้าสุนอนรักษาตัวอยู่

“มาแล้วก็แวะเจอหน่อยสิครับ คุณสุเธอคิดถึง”

“ครับ รู้แล้วรู้แล้ว”
“วินยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย รบกวนลุงสมาน”

“ได้ครับ!”  นั่น! ได้ครับแล้วก็เดินจากไป ฟังก่อนสิครับว่าผมอยากจะกินอะไร เฮ้อ!

ผมเปิดประตูเข้าห้องไป ใจหวังจะได้เห็นป้าผมนอนสีหน้าแช่มชื่น หรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แต่ที่ได้เจอกลับเป็นคนที่ผมไม่พึงปรารถนาจะพบหน้าเป็นที่สุด

“ลุงสันต์”

“เอ้าวิน ไม่เจอนานเลย เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้านเรา ยังโกรธลุงอยู่อีกหรอ” 

ถ้านี่แปลความหมายได้ว่า ลุงขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลับมาอยู่ที่บ้านเราเถอะนะ ผมก็คงแปลคำพูดคนที่ห่วยแตกสุดในโลกนี้แน่ๆ เพราะผมไม่คิดว่าลุงสันต์จะสื่อความหมายโลกสวยขนาดนั้น

“ป้าสุครับ ลุงสมานบอกวินแล้วว่าขาแพลง จะดีขึ้นเมื่อไหร่ครับเนี่ย” ผมหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง และไปคุยกับอีกคนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าลุงสันต์ทำสีหน้าแบบไหนและไม่นึกอยากรู้

“ใช่ แม่ตกบันได ไม่กี่ขั้นหรอก เป็นห่วงแม่หรอ?”

“ก็ต้องห่วงสิครับ ไม่ห่วงป้าสุแล้ววินจะห่วงใคร” ผมลากเก้าอี้มานั่งอ้อนป้าผมที่กึ่งนอนกึ่งนั่งบนเตียงคนเจ็บ ประจ๋อประแจกับป้าสุราวกับว่าทั้งห้องนี้มีเราเพียงแค่ 2 คน ทั้งที่คนสำคัญในตระกูลอีกคนก็ยืนค้ำหัวผมอยู่ไม่ห่าง

ดูเหมือนป้าสุจะรู้ว่าบรรยากาศกำลังมาคุ แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่เพิ่งจบปริญญาตรีวัยใสซื่อเหมาะแก่การจูงจมูกอีกต่อไป ป้าถึงได้ออกปากให้ลุงสันต์ไปทำสิ่งที่ควรทำเสียที ป้าอยากอยู่กับผม 2 คน

“พี่สันต์ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวทางนี้เจ้าวินดูแลเอง เนอะลูกเนอะ”

“ครับ”

“งั้น....กลับบ้านบ้างก็ดีนะวิน”

ผมพยายามไม่รับรู้อะไร แม้ว่าคำพูดนั้นจะวิ่งมากระแทกหูผมเต็มๆ ก็เถอะ


“กินข้าวเช้ารึยังลูก แล้วนี่มายังไง อาบน้ำอาบท่ารึยังเนี่ย มาดมหัวสิ”
“เหม็นเชียวลูกหมา”
“กินข้าวกับแม่นะ”

ป้าของผมเป็นผู้หญิงที่แมนแบบอ่อนโยนมากๆ ครับ

กลายเป็นว่าผมไม่ได้กลับบ้านริมน้ำเลย เพราะป้าสุจุดแจงให้แม่บ้านไปเอาสัมภาระจำเป็นของผมมาไว้ที่โรงพยาบาลแทน และให้ผมพักในห้องเล็กอีกห้องที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยใหญ่โต ชีวิตผมก็เลยกินๆ นอนๆ อ่านหนังสือ คุยกับป้า แล้วก็กลับมากิน นอน จบด้วยการอ่านหนังสือ

สุดสัปดาห์นี้ผมก็จะสอบแล้ว เลยไม่มีเหตุผลมาหักล้างแผนการจับกระต่ายมัดหูห้อยเป็นโมบายประดับหน้าต่างโรงพยาบาล  ผมคงทนถูกจับวางนิ่งๆ ได้จนกว่าป้าผมจะออกจากโรงพยาบาลแหละ ถ้าไม่เกิดเรื่องประหลาดขึ้นในบ่ายวันก่อนสอบ 1 วัน

“อื้อวิน” เสียงเรียกแว่วเข้าหู ผมเลยละจากการจุ่มหน้ายัดเส้นใหญ่ราดหน้าและเงยหน้ามองป้าตัวเอง

“ครับ”

“สอบเสร็จแล้วยังไงล่ะเนี่ย”

“ก็....พัก..ล่ะมั้ง”
“เทอมหน้าไมม่ที่ต้องเรียนแล้วครับ เป็นวิชาไอเอสแล้ว วินบอกป้าสุแล้วนี่ครับว่าเลือกทำแค่ไอเอส ไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์”

“บอกแล้ว แม่จำได้ แล้วจากนั้นยังไงต่อ เราต้องใช้เวลากับการเรียนนี่อีกกี่เดือน รับปริญญาเมื่อไหร่”

“อ่อ” ถามแบบนี้ ขออย่าให้สังหรณ์ผมเป็นจริงเลยน้า

“ไงล่ะ เราก็ได้เลือกเรียนตามที่ขอแม่ไว้ ถึงเวลาแม่ขอให้วินรับผิดชอบอะไรเพิ่มแล้วนี่ ถูกมั้ยจ้ะ”

ก็ถูกล่ะครับคุณสุชาดา ผมล่ะคิดประชดในใจ
“ประมาณปลายปีนี้ครับ”
“สอบเสร็จก็ปิดเทอมราว 2 อาทิตย์ ลงทะเบียนแล้วก็เริ่มทำไอเอส 4 เดือน”

“งั้น....แม่คิดว่าระหว่างที่วินทำไอเอส ก็น่าจะเริ่มเข้าทำธุรกิจได้แล้วล่ะนะ”

“เห้ย! ธุ... ธุรกิจหรอครับ!”
“วินว่า!”

“ใจเย็นสิจ๊ะ นี่ก็หนี่ก็ตลอดเลย หื้ม?”
“แม่ไม่ฝืนนิสัยหรอกน่า แม่เลี้ยงมากับมือนี่นา” ยิ้มหวานด้วยครับ แต่ผมนี่เสียวสันหลังวูบเลย
“คืองี้ เมื่อสัก 2-3 เดือน คนรู้จักกันเขาเอาโปรเจคมาเสนอน่ะ ธุรกิจภาพยนตร์นี่แหล่ะ”

“อ่า...ครับ”

“จริงๆ เขามากู้แบงก์ แต่แม่ฟังโปรเจคเขาแล้ว แม่ว่าน่าสนใจมากเลย อยากให้วิน....”

“ถ้าเขาต้องการเงิน ก็ปล่อยกู้สิครับ เราเป็นธนาคารนี่นา”

“แหม แหม แต่ว่าธนาคารก็มีธุรกิจลงทุนนะจ๊ะ”
“เอาเป็นว่า แม่จะนัดเขามาคุยหลังจากวินสอบเสร็จ จะได้ไม่กังวล”
“แม่จะลงทุนในโปรเจคนั้นด้วย จะขอถือหุ้น 25% เท่ากับว่าได้บอร์ดซีท 1 บอร์ด”
“แม่จะส่งวินไปนั่งเป็นกรรมการและให้ร่วมบริหาร”
“คิดว่าไหวมั้ย”

ถ้าตามที่คิดจริงๆ ก็ไม่ไหวหรอกครับ แต่คำตอบว่าไม่ได้ ไม่เคยได้รับการยอมรับในตระกูลนี้อยู่แล้วนี่ อีกอย่าง ถ้าผมไม่รับข้อเสนอนี้ไว้ ผมก็ต้องเริ่มหางานเอง หาเงินเลี้ยงตัวเองจริงๆ แล้วหละ ตอนนี้ป้าสุยังเลี้ยงดูเพราะมีข้ออ้างว่าผมยังเรียนอยู่ แต่ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ ทางตระกูลนี้ก็คงไม่ยอมให้ผมงอมืองอเท้าให้ป้าสุเลี้ยงหรอก แม้ว่าป้าสุจะเต็มใจอย่างยิ่งก็ตาม

“ว่าไงวิน”

“ครับ ก็ต้องลองดู”

“พยายามหน่อยน้า”
“แม่เชื่อว่าวินทำได้ เพราะมันเป็นธุรกิจที่เอี่ยวกับสิ่งที่วินชอบ”
“ธุรกิจสื่อ แม้จะไม่ใช่งานถ่ายภาพ แต่ก็น่าจะมีสิ่งที่ทำให้วินทำงานได้อย่างมีความสุข มากกว่าธุรกิจการเงินละนะ”

“ครับ” เท่านี้ป้าสุของผมก็ช่วยผมสุดๆ แล้ว
“อื้อ ป้าสุครับ” ผมเช็ดปากเบาๆ ก่อนจะลุกมามองป้าใกล้ๆ
“บริษัทที่จะให้วินไปนั่งบอร์ดกับร่วมบริหารนี่....”

“อ๋อ”
“วินน่าจะเข้ากับเอ็มดีได้นะ ไม่ใช่คนแก่เลย”
“ลองหาแบ็คกราวน์ดูก็ได้นะจ๊ะ คุณวารินทร์ วณิคพันธุ์"
“ชื่อเล่นเก๋ด้วยนะ ชื่อมือโปร

ตายโหงชิบหายล่ะครับ งานนี้


Cut



ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
น้องวินนนน สู้ๆ นะลูก
จำนวนตอนขึ้นเลข 2 หลักแล้ว เรื่องยังไม่คืบไปถึงจุดพีคเลย พี่เลยต้องเร่งจังหวะหน่อย น้องวินคงเข้าใจพี่นะ ^0^

เจอกันตอนหน้าค่ะ

อ้อ! สำหรับผู้จอง Hear,Me (ที่หนึ่ง-เจม) ไป ตอนนี้ ทางสนพ. อยู่ระหว่างการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเล่ม เพื่อจะจัดส่งนะคะ
ตื่นเต้น หวังว่าคนที่ได้ไปครอบครองจะชอบ อ่านตอนพิเศษกันด้วยน้า

ส่วนคนที่...อื่มมมม เราก็ไม่ใช่เซเลบนะ แต่ก็มีทวิตเตอร์อยู่บ้างไรบ้าง ถ้าจะคีพคอนแทคไว้ก็หลังไมค์นะคะ จำได้ว่าที่นี่ห้ามพีอาร์ข้อมูลส่วนบุคคล แฮ่
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-05-2015 18:23:53
 :กอด1: เค้ารอหมาเจม กะพี่หนึ่งมาส่งอยู่ :hao7:นะเนี่ย... อยากอ่านตอนพิเศษด้วย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 03-05-2015 19:09:08
อา แล้วแบบนี้พี่โป๊ะจะได้รู้ซักทีว่าน้องไม่ได้ขายตัวนะ!!

ไอ้เราก็ลุ้นไป เมื่อไรตอนใหม่จะมา

แนะนำให้ตั้งเพจด้วยน้าาคนเขียนนนน เวลาตอนใหม่มาจะได้รู้ค่า เล้าเป็ดนิยายอัพตลอด กระทู้ตกเร็วมากค่ะ ถ้าไม่เข้ามาเช็คบ่อยๆ ตามไม่ทันจริงๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-05-2015 19:20:16
เอาล่ะสิน้องวิน จะได้เป้นกรรมการบริหารบอร์ดด้วย อิอิ
อิพี่โปรจะดีใจหรือจะงอนกันแน่ถ้ารู้ความจริง แต่พี่แกก็ประสาทเองนี่นา :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-05-2015 20:39:27
เสร็จแน่วิน งานนี้ 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 03-05-2015 21:52:46
นั่นปะไร ความลับไม่มีในโลก 5555  :laugh:

น้องวินขวัญใจตัวเหี้ยหน้าหล่อจะทำอย่างไรต่อไปอยากรู้จัง

ปูลู..คือแบบ ตอนนี้เค้างอนกันอยู่ใช่ไหม ทำไมน้องวินทำตัวน่ารัก
จนอิชั้นยกยิ้มโหนกกระเพื่อมตลอดเลยอ่ะ อิอิอิ

ปูลูลู .. ปัดกวาดเช็ดถูชั้นหนังสือรอพี่หนึ่งน้องเจมอยู่ทู้กกกวัน...ไม่ค่อยจะเห่อเลยจ่ะ  :a3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 04-05-2015 11:41:32
งุ้ยๆๆ มาต่อแล้ว ไม่รู้เรื่องเบยยย รีบตามมาอ่านอย่างรวดเร็ววว
รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวววว อะไรยังไงๆ พี่โป๊ะจะยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-05-2015 13:34:36
หนีอิพี่มือโปรไม่พ้นจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 04-05-2015 14:43:57
แถวบ้านพี่เค้าเรียกว่า เนื้องอก เอ้ย "เนื้อคู่" จ๊ะน้องวิน

ต่อไปก็คงแซ่บ ได้เจอกันบ่อยๆ แน่!!! หึหึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 04-05-2015 14:57:54
หนีกันไม่พ้นจริงๆสองคนนี้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 04-05-2015 15:53:10
ติดตามอ่านเงียบ ๆ มาตั้งกะพี่หนึ่งกะเจม พี่หมอกะน้องไทม์
ยอมรับว่าแอบเกลียดอิเ ห รี้ ยพี่โป๊ะ เพราะบุคลิก คำพูดและการกระทำ
มาถึงคราวพี่โป๊ะเป็นพระเอกบ้าง
สารภาพว่าผิดหวังมาก :ling3:
พี่โป๊ะใน 2 เรื่องที่ผ่านมามันยิ่งกว่ากวนตรีน ใช่ที่น้องเจมเรียก มันคือคุณค่าที่คุณคู่ควร :z2:
แต่ในเรื่องนี้เรายังไม่เห็นมุมนั้นของพี่โป๊ะเลยสักนิด ทำไม? แฟนคลับแอบผิดหวังนะรู้ยัง :ling3:
นอกจากเรื่องที่จ้างน้องให้มาทำงานในร้านแบบมึน ๆ แล้วนอกนั้นยังไร้วี่แววพี่โป๊ะคนเดิม
หรือว่าภาคนี้เป็นพระเอกภาพลักษณ์จึงต้องนุ่มลึกมากกว่า 2 เรื่องนั้น
แต่ยังไงก็ติดตามอ่านต่อแม้จะไม่ค่อยพอใจอิพี่โป๊ะเวอร์ชั่นนี้สักเท่าไหร่
แต่รักคนเขียนค่ะ จึงขอติดตามต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 04-05-2015 18:38:35
รอลุ้นวินกับพี่โป๊ะจะได้ร่วมงานทางธุรกิจแล้นอิอ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 04-05-2015 19:09:46
 o13

รอดูต่อไปว่าน้องวินจะทำเช่นไรต่อไป

 :mew4:  :mew4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 05-05-2015 00:25:15
เหมือนจะเพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาเม้นครั้งแรก (หรือเม้นซ้ำก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ลืมจริงๆ55)
มีช่วงนึงที่อ่านเรื่องนี้บนรถไฟฟ้าตลอดเลยไม่ได้คอมเม้นสักที
คราวนี้ตั้งใจเปิดคอมพ์มาเม้นเลยนะะ รู้กติดค้างมากถ้าไม่ได้มาเม้นยาวๆ หลังจบโปรเจกต์5555

อยากชื่นชมหลายอย่างมากในเรื่องนี้
โดยเฉพาะสำนวน ชอบการเขียนที่เหมือนพูดอ้อมๆ หรือแฝงอะไรไว้ในเนื้อความตลอด
มันดูมีเบื้องหลัง มีความนัย น่าค้นหาติดตามและคิดตามอยู่ตลอด ทำให้ไม่เคยอ่านข้ามเลยในเรื่องนี้
นี่ยอมรับเลยว่าถูกชะตามากๆๆ 555 มีหลายประโยคมากที่รู้สึกติดใจ แต่ไม่สามารถยกมาตรงนี้ได้หมด

คาแรคเตอร์ก็ดีอ่ะ แบบนายเอกนิสัยเหมือนเข้าใจยากนะ แต่อ่านไปอ่านมา เออ เข้าใจว่ะ เหมือนอินไปกับวินด้วย กลายเป็นเข้าถึงได้เฉยเลย อาจเพราะรู้สึกว่าปมในจิตใจของวินมันเป็นเหตุเป็นผลกับการแสดงออกดี
ส่วนพี่โป๊ะนี่จนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย ถ้าเป็นคนจริงๆก็จะมองว่าเป็นคนแปลกอ่ะ ถถถถถ น่าสนใจ รอดูนิสัยพี่โป๊ะต่อไป

ยาวเกินไปละ เอาเป็นว่าติดตามค่ะ เป็นเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องในลิสต์ของเราเลย เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน11(03-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-05-2015 18:19:15
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-05-2015 23:25:52
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 12


เช้านี้มีเซอร์ไพรส์
มีติวเตอร์มาหาผมถึงที่บ้าน
ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกครับ แต่จะให้เรียกว่าคนใกล้ชิด ก็คงจะไม่ใช่
เขาก็คือนายมือโปรนั่นแหล่ะ
ไอ้โอมลากเขามาครับ เพื่อ “เฮียต้องรู้ดิว่าตอบยังไงให้ได้เอ”
ผมถอนหายใจแทนนายมือโปรที่วางสีหน้าไม่ถูก ถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน เขาเป็นถึงอาจารย์ ถึงจะเป็นอาจารย์พิเศษ แต่สถานะทางสังคมของเขาก็คือผู้ประเมินระดับความรู้ของนักศึกษา จะให้มาบอกนักศึกษา 2 คนว่าตอบแบบนี้สิ จะได้ได้เกรดเอ มันใช่เรื่องที่ควรทำเสียที่ไหน ไอ้โอมนี่ก็คิดอะไรตื้นๆ

“โอม มึงทำพี่โป๊ะลำบากใจนะเว้ย”

“มึงปกป้องเฮียหรอไอ้คุณชาย”

“คุณชายพ่อมึงสิ เดี๋ยวกูถีบตกน้ำ”

“ไม่รักกูแล้วสินะ ใช่สิ มึงได้อ่านหนังสือเต็มที่ แต่กูสิ กู!”

“มึงทำไม” ผมถามหาเหตุผลที่ทำให้มันทำตัวตีรวนแบบนี้ ไอ้โอมเหล่มองเฮียที่เคารพแล้วก็ชี้เป้าทันที

“กูนะ ทำงานให้เฮียทุกวันเลย ทั้งผับ ทั้งบริษัท ทั้งร้านกาแฟ เฮียแม่งคิดว่ากูเป็นขนจั๊กกะแร้เฮียไง ไม่ปล่อยกูไปไหนเลย เพราอะไรมึงรู้มั้ย” ผมส่ายหัวทันที สายตามองไปทางนายมือโปรที่เริ่มหน้าแดงแล้วก็หันหนีไปลูบหัวเกาหูตัวเอง
“เพราะมึง!”
“มึงแหล่ะไอ้วิน มึงไม่ไปทำงานร้านกาแฟ เฮียแม่งก็ไม่หาคนมาใหม่สักที บอกว่าเผื่อมึงเปลี่ยนใจ กรรมแม่งก็ตกที่กูไง ห่านี่!” คำสุดท้ายนี่ด่าผมล่ะมั้ง แต่แปลกที่ผมไม่ระคายหนังหน้าเลยสักนิด ผมมองนายมือโปรอีกคน เขาก้าวยาวๆ หนีเข้าบ้านไปแล้วครับ 

“เฮ้ยเฮีย! เฮียมาติวเลย บอกเดี๋ยวนี้ ผมไม่ได้ทวนวิชาเฮียเลยนะเว้ย เร็วๆๆๆ” ไอ้ลูกหมาโอมวิ่งตามเจ้านายมันไปด้วยอารมณ์อยากกัดตูดล่ะมั้ง แต่ผมยังยืนอยู่ทีเดิม มองแสงส้มๆ ของพระอาทิตย์ยาวเช้าตรู่ ฟังเสียงแม่นกสั่งเสียลูกๆ ก่อนบินออกไปหาอาหาร

วันนี้เป็นวันที่ดี ผมรู้สึกแบบนั้น

ทว่า.....
เมื่อเช้านี้ผมคงครึ้มอกครึ้มใจไปหน่อย บ่ายนี้ก็เลยหงอยชิบหาย
ผมสอบเสร็จแล้วครับ วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้ว ผมทำข้อสอบเสร็จตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่ง ทั้งที่เขาให้เวลาเขียนมหากาพย์ถึงสี่โมงเย็นนู่นแน่ะ ตอนนี้ก็เลยนั่งเตร่อยู่ที่ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย แต่ไม่ใช่ร้านที่ผมเคยทำงานพิเศษหรอกนะครับ อยู่คนละฟากประตูกันเลย

คนที่นั่งเสียเวลาเปล่าอยู่กับผมก็คือไอ้โอมครับ
มันตามก้นผมออกมาจากห้องสอบ เจอตัวผมกำลังเก็บของลงกระเป๋ามันก็ลากคอผมมานั่งจิบกาแฟ ตากแอร์ ทำตัวฮิปสเตอร์กันที่ร้านนี้

“วันสุดท้ายแล้วนะมึง”

“อื้อ กูฟังเป็นรอบที่สิบห้าแล้วโอม” ผมรับคำไอ้คนที่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ

“สี่เดือน มึงทำไอเอสมึงถึงไหนแล้ว”

“ก็ส่งคัดกรองแล้ว อาทิตย์หน้าก็มาตามเรื่องที่ห้องโครงการว่าผ่านไม่ผ่าน ผ่านก็เริ่มทำเลย มึงล่ะ”

“ก็ยังไม่ได้ยื่นคัดกรอง แต่เร็วๆ นี้แหละ ที่ปรึกษามึงมึรึยัง”

“มีแล้วสิไอ้เวร ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูตามติดเรื่องอยู่ แอดไวเซอร์กูก็ดี เข้าใจเรื่องกูดีด้วย” ผมบอกรายละเอียดไอเอสของผมเพิ่มเพื่อให้มันเบาใจ

“อื้อ มึงทำเรื่องไร สื่อไหนวะ”

“ภาพยนตร์”

“งั้นให้เฮีย”

“โอม...มึงหยุดให้เฮียมึงมาช่วยกูเถอะว่ะ ขอร้อง”

“ไมอ่ะ” ถามด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ส่วนผมก็ได้แต่อึกอัก เพราะผมรู้และต้องเผชิญกับสิ่งที่มันไม่รู้และไม่มีวันได้เผชิญ

ผมจะหน้าด้านให้เขาช่วยนั่นนี่อีกได้ยังไง ในเมื่ออีกไม่กี่สัปดาห์ เผลอๆ อาจจะพรุ่งนี้แล้วก็ได้ ที่ป้าจะพาผมไปประชุมคณะกรรมการบริษัทเขา เพื่อเจรจาเรื่องร่วมทุน ขอส่งตัวแทนเข้าร่วมบริหารและเป็นกรรมการภายใน

กูเอง กูนี่แหล่ะโอมที่จะทำให้เขาไม่อยากช่วยเหลืออะไรกูอีกไปตลอดชีวิต
ถึงผมจะไม่ได้หลอกอะไรเขา แต่ผมก็ไม่เคยพูดความจริงทั้งที่มีโอกาสหลายต่อหลายครั้ง
ส่วนหนึ่งผมรู้สึกว่าผมเป็นคนผิด แต่พอคิดๆดูอีกที เขาก็ผิดเหมือนกันที่ด่วนสรุป
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ถ้าความจริงมันแกรนด์โอเพนนิ่งขึ้นมา เขาก็ไตร่ตรองจนมองเห็นความผิดของตัวเขาเองบ้างมั้ย? หรือจะตั้งหน้าตั้งตาเกลียดผม และแผนร่วมทุนของป้าผมก็อาจจะล่มไม่เป็นท่า
ทั้งที่ยังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับป้าสุเลย ผมอาจจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ป้าเพิ่มก็ได้ ผมนี่มันไร้ประโยชน์ชะมัด

“ปวดขี้หรอวิน”

“หือ? เปล่านี่”

“ก็มึงทำหน้าเหมือนจะตายเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ได้ขี้”

“ไอ้บ้า” ผมด่าเท่านี้แล้วก็ยกกาแฟร้อนขึ้นจิบ อย่าคิดว่าผมดัดจริตเลยครับ ก็นี่มันเมืองป๊อบ ไอ้โอมนั่งนิ่งๆ มองหน้าผมบ้าง จิบกาแฟบ้าง มันเอาซองบุหรี่มาวางบนโต๊ะ แต่ก็ไม่ได้หยิบมาสูบ ผมไม่ชอบให้มันสูบหรอกครับ แต่ชีวิตมันนี่ ปากมัน ปอดมัน จะไปเสือกทำไม แต่ถ้ามันถามความเห็นผมเมื่อไหร่ ผมก็จะพร้อมจะสวดยับให้มันรู้ว่าเลิกสูบซะทีเถอะ กูเหม็น
“แล้วมึงล่ะโอม”
“สี่เดือน มึงทำไอเอสที่นี่ หรือส่งจากเมืองนอก”

“อีก 2 เดือนกูจะบินไปดูบ้านอพาร์ทเม้นท์ที่นู่น”
“ป้ากูเขาหย่า ลูกพี่ลูกน้องกูก็ออกไปอยู่บ้านตัวเองกับเมียเขาแล้ว”
“ป้ากูก็แก่แล้วนะ แก่กว่าป้ามึงอีก เขาส่งเสียให้กูเรียน ลากตัวไปเรียนซัมเมอร์ที่นู่นด้วย กูต้องไปดูแลว่ะ”
“เรื่องงานก็หาๆ ดูที่นู่นเอา น่าจะทำอะไรได้บ้าง”

“อืม มีไรให้ช่วยก็บอกกูนะ”

“เยอะเลยมึง มึงได้ช่วยกูแน่ ฮ่าๆๆ” ไอ้ห่านี่หัวเราะส่งท้ายแต่สายตากลับไม่ได้บอกความรู้สึกสนุกสนานเลย

“ไม่ต้องห่วงกูหรอกน่า” ผมบอกอย่างรู้ใจ ชีวิตไอ้โอมไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก นอกจากการสับรางผู้หญิงแล้ว ก็มีเรื่องผมนี่แหล่ะที่ทำให้มันตายตาไม่หลับ
“กูรู้ว่ากูต้องทำอะไรต่อไป รู้ว่าโลกนี้เป็นไง และต้องใช้ชีวิตแบบไหน กูอยู่ได้”
“ไอ้ที่ว่าอยู่อย่างมีความสุขที่มึงพูดถึงบ่อยๆ น่ะ อาจจะคนละนิยามกัน แต่กูก็มีความสุขของกู มึงไม่ต้องห่วงมากหรอก”
“ไม่ต้องหาใครมาดูแลกูเพิ่ม เดี๋ยวประวัติกูได้กลายเป็นเด็กขายตัว เป็นผู้ชายได้ผัวได้เมียผรั่งเลี้ยงไรงี้อีก ลำบากกูนะ” ครั้งนี้มันหัวเราะทั้งหน้าทั้งแววตาครับ

ผมกับโอมคงได้ใช้เวลาร่วมกันวันนี้เป็นวันสุดท้าย
จากนี้ไปเราจะเดินไปตามเส้นทางที่พวกเราเลือกเอง

#### @ D A W N  #####

แม้ว่าข้าวของส่วนตัวของผมจะอยู่ที่บ้านไม้ริมน้ำ แต่ตัวผมตอนนี้กลับบ้านไม่ได้เลยครับ ต้นเรื่องก็คือความต้องการของป้าผม เหตุผลของป้าผม ความเหมาะสมตามความคิดของป้าผม ชีวิตผมเหมือนถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงเข้าสู่วงจรน่าเบื่อของมันอีกครา พูดง่ายๆ ก็คือ ผมกลับเป็นใช้ชีวิตแบบที่คนอื่นวาดภาพไว้ว่าควรจะเป็น

ห้องนอนโอ่อ่า อากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ กลิ่นหอมอโรมาสูตรไหนก็สุดจะแยกแยะด้วยจมูกตัวเอง
หมอนก็นุ่ม ผ้าปูที่นอนก็นุ่ม แน่ล่ะสิ ก็ชุดเครื่องนอนนี่ก็ราคาเกินหมื่นบาท และก็สมน้ำสมเนื้อกับกายหยาบร่างนี้มากครับ เพราะร่างนี้เป็นร่างของหลานผู้บริหารและเจ้าของธนาคารพาณิชยักษ์ใหญ่ของประเทศ จะนอนเสื่อก็จะอายโลกเกินไปล่ะมั้ง

ผมตื่นด้วยความรู้สึกเหงา ผมคิดถึงเสียเครื่องยนต์เรือด่วน คิดถึงกลิ่นน้ำกร่อย แม้ว่าบ้านไม้ริมน้ำของผมจะสามารถมองเห็นได้ผ่านหน้าต่างห้องชุดบนชั้น 18 แห่งนี้ แต่มันก็ไม่ให้ความคิดถึงเจือจาง

ผมไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจผมมั้ย แต่ผมเบื่อหน่ายความสมบูรณ์แบบทุกอย่างพวกนี้มาก

“ตาวิน พร้อมรึยังลูก”
“แม่ให้จัดมื้อเช้าบนห้องเลย เราไม่ต้องลงไปห้องอาหาร”

“ครับ”

“ไหน แม่ดูสภาพหน่อย” แปลว่าห้ามซอมซ่อ ห้ามดูไม่ดี ห้ามมีจุดน่าตำหนิมาดึงดูดสายตา

สีหน้าป้าสุแช่มชื่นเมื่อเห็นผมอยู่ในชุดสูทตามที่แกต้องการ เดินมาจับจีบให้คมกริบกว่าเดิมดังใจหวังแล้วก็ขยับถอยห่างไม่กี่ก้าวเพื่อกวาดตามองภาพรวม

“หล่อจริงๆ เลยลูกแม่สุเนี่ย”

“ครับ”

“เกร็งมั้ยจ๊ะ ไปคุยธุรกิจครั้งแรก”

“ไม่ครับ ก็ป้าสุไปด้วย วินจะคิดเสียว่าป้าสุพาไปฝากฝึกงาน”

“คิดแบบนั้นแล้วไม่เครียดก็ดี”
“แม่อยากให้วินคิดซะว่ามันคือธุรกิจเรา จะได้มีส่วนร่วมเต็มที่”

“อ่อ ครับ” นั่นแหล่ะที่น่าเครียดกว่าเดิม

การไปเจรจาทางธุรกิจครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นมิตรหรอกครับ เรียกว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กก็ได้
ผมเอง แม้ไม่รู้รายละเอียดของโปรเจคทางฝั่งโน้นทั้งหมด และไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ป้าของผมเห็นผลอันเย้ายวนจากเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งโยนลงดิน แต่ที่รู้แน่ชัดคือ ป้าสุต้องได้ครอบครองครับ
ตระกูลผมไม่ได้ทำธุรกิจโหดร้าย แต่ก็มีหลักคิดง่ายๆอยู่ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทำอย่างยักษ์เสมอ
เพราะฉะนั้น ไอ้การเป็นผู้ถือหุ้นเงียบๆ ไม่มีสิทธิเสียงในการกำหนดทิศทาง หรือนโยบายบริหารงานนั้น เป็นไปไม่ได้ครับ

“ป้าสุครับ”

“จ้ะ ว่ายังไง”

“แล้วถ้าคุณมือโปรนี่เขาไม่ยอมให้เราถือหุ้นตามสัดส่วนล่ะครับ”

“ทำไมจะไม่ยอมล่ะจ๊ะ”

“ก็เราถือในนามธนาคาร 25% ก็จริง แต่เอกสารที่ป้าให้วินมาอ่านไว้ก่อน มันบอกว่าทางนั้นต้องเพิ่มทุนเพื่อเปิดทางให้คนนอกเข้ามาถือเพิ่มอีก และคนนอกนั้น ทางธนาคารก็จะเป็นคนหา”
“แบบนี้ก็นอมินีเราไม่ใช่หรอครับ”
“ถ้าเค้ายอมเพิ่มทุนพีพี(*)ให้คนที่เราจัดไว้ หลังเพิ่มทุนสัดส่วนฝั่งเราก็เกิน 50%”
“โฮสไทล์ (**) นะครับ”

“หัวไวขึ้นมาเชียวเรา”
“ป้าบอกแล้วว่าให้เรียนบริหารธุรกิจหรือบัญชี”

“วินไม่ชอบนี่ครับ”
“ป้าตอบสิ เรากำลังเทคโอเวอร์ไม่เป็นมิตรอยู่ใช่มั้ย”
“ทำร้ายเขารึเปล่าครับ อย่าไปเอาของของคนอื่นแบบเอาเปรียบเลยครับ”

“ตาวิน ดีลนี้วินวิน”
“แล้วอะไรที่แม่ให้เราอ่าน คุณมือโปรเขาก็ได้อ่านเหมือนกัน”
“เขาไม่ใช่คนโง่ ถ้ารู้จักฮุบเหยื่อแล้วติดเบ็ดแต่ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นปลาเลี้ยงในตู้หรูหรา กลายร่างเป็นเสือนอนกินตลอดชาติ ใครจะไม่เอา”

“เสือนอนกิน ก็ท้องแตกตายได้นี่ครับ ไม่มีอะไรการันตีว่าจะเป็นเสืออมตะ”
“ป้าก็พูดเองว่าเสือ ไม่มีเสือที่ไหนชอบนอนกินหรอกครับ เสือต้องล่า”
“นี่ป้าจะเอาไส้กรอกหมาล่อเสือให้มันมานอนกินในกรง แล้วเราเก็บค่าปาหี่ ผมว่าคนที่ยอมเรา ต้องเรียกโง่เท่านั้นแหล่ะครับ”

“แม่ถึงต้องพึ่งวินไงจ๊ะ”
“แม่ตกปลาด้วยเหยื่อที่เหมาะสม แม่เอาปลามาเลี้ยงโชว์หารายได้ แม่มีวินเป็นคนเก็บเงินค่าดู ดูแลปลาให้อย่างดี แม่ว่าวินคุยกับปลาตัวนี้รู้เรื่อง”

“จะปลาหรือเสือ วินก็คุยกับมันไม่รู้เรื่องหรอกครับ”

“ไม่ชอบวิธีการแม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าวินจะไม่ทำงานนี้ก็ได้หรอกนะ”
“โตแล้ว เราตกลงกันไว้แล้วทุกอย่าง แม่ทำตามคำพูดแม่ จากนี้คือคำพูดวินแล้วล่ะที่จะขีดเส้นทางให้วินเดิน”

ผมพลาดเอง เพราะฉะนั้นผมคงบ่นอะไรอีกไม่ได้
ก็ไม่อยากคิดแบบนี้หรอกนะครับ เพราะรู้ว่าเสียเวลาคิดเปล่า แต่ว่า...เวลานี้ผมอยากย้อนกลับไปตบปากตัวเองในคืนที่อ้อนวอนขอป้าสุออกไปอยู่คนเดียว และเรียนต่อในทางที่ผมชอบ ผมลั่นคำพูดไปว่า เรียนจบแล้วจะตามใจป้าทุกอย่าง
แม้จะย้อนเวลาไปแก้ไขคำพูดทั้งหมดไม่ได้ ผมขอแก้แค่คำสุดท้ายก็ยังดี เพราะการยอมทำทุกอย่างมันก็เหมือนการยกลมหายใจให้ป้าสุไปแล้วนั่นแหล่ะ

อย่าคิดว่าป้าโหดร้าย หรือใจดำนะครับ
ป้าสุของผมก็แค่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เวียนวนอยู่ในคำว่า “ทุนนิยม” ก็เท่านั้น


 สถานที่ที่คุยธุรกิจกันไม่ไกลครับ แต่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ผมจะไปถึงได้โดยการเดินเท้า ไม่ครับ การเป็นอยู่ในตระกูลนี้มันต้องทำเรื่องไม่จำเป็นให้เยอะเข้าไว้ เรื่องที่จำเป็นจริงๆ ยังไงก็ต้องได้ทำอยู่ดี
ผมต้องนั่งรถมากับป้าสุ จากห้องชุดส่วนตัวมา มายังโรงแรงที่ผ่านกันไม่ถึง 20 เมตร ให้ตายเถอะ!

จะอธิบายคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ พื้นที่ทั้งหมดในเวิ้งติดแม่น้ำเจ้าพระยานี่เป็นของโรงแรมป้าผม มีทั้งหมด 3 อาคารสูง 2 อาคารที่ติดริมเจ้าพระยาคือพื้นที่โรงแรมครับ ส่วนอาคารที่ขยับถอยหลังมานิดเดียวคือส่วนเรสซิเดนท์เชียล เอาไว้ให้เช่าระยะยาว 1-3 หรือ 5 ปี ทำนองนี้ครับ ลูกค้าที่มาจองส่วนมากจะมาทำธุรกิจในไทย มักเป็นระดับท้อปแมเนจเม้นท์

จากห้องชุดส่วนตัวที่ผมใช้ชีวิตอยู่มาหลายปีก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านไม้คนเดียว มายังโรงแรม ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีหรอกครับ แต่ป้าสุสามารถเสริมสร้างระยะการเดินทางให้มันดูไกลและจำเป็นต้องใช้รถ เก่งเสียจริงครับป้า

ป้าสุนัดนายมือโปรมาคุยธุรกิจที่ห้องประชุมของโรงแรม เราทั้งคู่ลงจากรถส่วนตัวของป้าสุ ซึ่งมีลุงสมานเป็นคนขับรถมาส่ง และก็เป็นตามคาด พนักงานยกมือไหว้ผมกันเกรียว แม้จริงๆแล้วจะไหว้าป้าผมก็เถอะ แต่พวกเขาคงเอามือลงไม่ทันรัศมีการเดินของผมที่ขนาบข้างป้าตัวเองหรอกครับ

“มาจ๊ะ ตาวิน อีก 10 นาทีถึงเวลานัด”

“ครับ”
“ป้าสุครับ มีใครร่วมประชุมบ้างหรอครับ”

“มีแม่ วิน แล้วก็ฝ่ายการเงิน”
“ฝั่งนั้นมีคุณมือโปร กับฝ่ายกฎหมายแล้วก็การเงิน”

“อ่อ ครับ” ถ้าผมพูดว่าชิล โลกนี้คงมีเรื่องไม่สมเหตุสมผลมากมายเลยครับ
ผมลอบถอนหายใจ ขยับสูทที่ไม่คุ้นเคยแต่มันกลับพอดีรูปร่างของผมราวกับพระเจ้าจับวาง อ่อ ไม่สิ! ช่างตัดสูทฝีมือดีต่างหากที่ควรได้เครดิตเรื่องนี้

ป้าสุผลุบหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ส่วนผมรอที่ห้องรับรอง สบตากับพี่ฟ้าซึ่งเป็นเลขาส่วนตัวของป้าสุที่ส่งยิ้มให้ผมอย่างประหลาดใจ

“ทานขนมมั้ยคะน้องวิน”

“ไม่ครับ ขอบคุณ” แล้วก็เงียบ ผมเดาว่าถ้าเป็นคนอื่นนอกจักรวาลแคบๆ ของผมได้รับคำตอบสั้นๆ ห้วนๆ และใบหน้าไร้รอยยิ้ม คงนึกด่าผมในใจว่าหยิ่งแน่นอน แต่พี่ฟ้ารู้จักผมมาประมาณหนึ่ง หมายถึง รู้ว่าผมก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้นเธอคงไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยาไม่สนโลกของผมเมื่อครู่

“ไปกันเถอะตาวิน”
“ชั้น 9 นะฟ้า”

“ค่ะ คุณสุ”
“ฟ้าจัดกาแฟรังรองทั้ง 3 ไปแล้ว”
“นี่เจอครั้งแรกคิดว่าเราเปิดออดิชั่นนักร้องวงร็อกเพื่อมาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ซะอีก หล่อมากกกกกกกกกกกค่ะ”

“อาการจ้ะ อาการ เก็บด้วย” ป้าสุติง แต่ใบหน้าและน้ำเสียงแต้มด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสาธยายต่อ
“ก็ต้องหล่อสิจ๊ะ ลูกชายนายทุนสายหนังกับนางเอกเก่า”

โอ้! ถ้าหมายถึงนายมือโปรล่ะก็....ผมรู้สึกว่าสมองเริ่มได้รับคำตอบแล้วว่าทำไมเขาถึงได้หล่อนัก

“มัวแต่คุย ดูสิ ลูกชายพี่ยืนเมื่อแล้วฟ้า”
“ไปจ้ะ ตาวิน” แล้วผมก็โดนลากไปโดยที่ใบหน้ายังไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่ถ้าฟังอัตราการเต้นของเสียงหัวใจแล้ว ผมบอกได้เลยว่าผมตื่นเต้นมาก!


ประตูห้องประชุมปิดไม่สนิทนัก ช่องว่าระหว่างประตูแบบเลื่อนเปิดโอกาสให้ผมได้ยินเสียงสนทนาของคนที่นั่งด้านใน ผมไม่รู้ว่าเสียงอีก 2 คนคือใคร แต่มีเสียงหนึ่งที่ผมจำได้ติดหู เสียงของเขา

ครืดดดดดดดดด
ป้าสุเลื่อนประตูแล้วก้าวเข้าไปยืนแทนที่ประตู แผ่นหลังของป้าคือผนังห้องแข็งแรงที่ผมใช้ซุกซ่อนความรู้สึกส่วนตัวจากโลกใบกว้าง....แต่ผมก็รู้ว่าดีว่าซุกอยู่ใต้ปีกป้าตลอดไปไม่ได้

“สวัสดีครับ คุณสุชาดา”

“บอกให้เรียกอาสุไงคะ”
“รอนานมั้ยคะ ขอโทษด้วยนะ พอดีอาแวะไปรับเด็กฝึกงานมา”
“จะฝากคุณโปรช่วยสอนงานในบริษัทใหม่ของเราด้วย”

“อ๋อ ก็...ได้สิครับ”
“มาด้วยใช่มั้ยครับ อยู่ไหนล่ะครับ”

“ตาวิน มารู้จักพี่มือโปรเขาไว้สิลูก”
“วินค่ะ หลานอาเอง”
“นี่จะเรียนจบปริญญาโทแล้ว อาก็เลยดึงให้มาเริ่มงานเลย”
“ตาวินเขาชอบด้านภาพถ่าย ภาพยนตร์ คิดว่าน่าจะเหมาะกับบริษัทด้านสื่อมากกว่าแบงก์”
“เอ้า! มาสิตาวิน”

หลังจากยืนฟังสรรพคุณตัวเองอยู่นาน ผมก็สะดุ้งเพราะป้าสุหันมาเรียกเสียงดังกว่าปกติ ป้าเอียงตัวนิดเดียวเพื่อให้ผมก้าวขึ้นไปยืนเทียบเคียงกัน ซึ่งผมก็ทำตามที่ป้าสุบอกเสมอ

“สวัสดีครับ คุณมือโปร”


ผู้ชาย 3 คนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้  2 คนทางด้านซ้ายไม่อาจสร้างอาการอยากรู้จักกันให้เกิดขึ้นในหัวผมได้ เพราะผู้ชายด้านขวาสุดหยุดสายตาผมไว้ราวกับสั่งสาป

เขามองหน้าผม มองการแต่งตัว ขมวดคิ้วใส่ แล้วก็มองป้าสุ ผมเห็นเค้าเม้มปากแน่น ก้มหน้าหนีสายตาผม ถอนหายใจแล้วก็นั่งลงอย่างสงบ

“สวัสดีครับ วิน”


เขาไม่ได้ด่าผม ไมได้โวยวายใส่หรือเดินมาตบกะบาลดังโป๊ะ
เขาแค่เงยหน้ามองผมอีกครั้ง ยิ้มให้บางๆ แล้วคุยธุรกิจกับป้าผมโดยไม่หันมองผมอีกเลย

ผมเจ็บนะ ข้างในหน้าอกนั่น...


Cut


(*) พีพี = หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PRIVATE PLACEMENT)
(**) โฮสไทล์ = การซื้อกิจการแบบไม่เป็นมิตร (hostile takeover)



สวัสดีค่าาา

อ่า....ไม่รู้จะทักทายอะไรเพิ่มดี
ช่วงนี้ยุ่งกันมั้ยคะ?
อืม...เรายุ่ง (บอกทำไม)
อ้อ! ที่หนึ่ง-เจม เริ่มจัดส่งแล้วสำหรับคนที่พรีออเดอร์ ใครยังไม่ได้อ่าน ที่หนึ่ง-เจม หรือ Hear, Me ลองหาอ่านนะคะ ถ้าชอบก็มีรูปเล่มให้หามาครอบครองค่ะ

แล้วก็ หมอนำ-ธาม มี Ep.2 แล้วค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-05-2015 23:38:13
พี่โปรจะระเบิดลงตอนไหนเนี่ย แอบกลัวแทน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-05-2015 23:49:30
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-05-2015 00:30:27
พี่โป๊ะรู้อยู่แต่แรกแล้วป่าวหว่า ? :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 12-05-2015 02:08:58
เฮือกกก ยังไงคะ ยังไง แววอึมครึม จากความเงียบสงบของพี่โป๊ะคนมโน >< หรือไม่มโนก็ไม่รู้
แล้วความรู้สึกของน้องวินตอนท้ายยย หน่วงได้อีก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ดราม่าอะไรเลยย


ปล. ชอบความสัมพันธ์ของโอมและวินมาก รู้สึกว่าวินโชคดีที่เจอโอม และโอมโชคดีที่เป็นเพื่อนวินเช่นกัน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 12-05-2015 06:48:14
 :เฮ้อ:

อึดอัดแทนน้องวินกับพี่มือโปร

รอตอนต่อไปนะคะ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 12-05-2015 09:44:14
จากนี้ความสัมพันธ์คงคืบหน้ากันแล้ว
แต่จะเป็นแบบไหนหนอ ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความบิดเบี้ยว

งืออออ ควรให้กำลังใจใครดี????
แต่ที่แน่ๆ ลุ้นตั้งนาน นึกว่าพี่ที่หนึ่งจะมาเป็นเพื่อน 55555

รอตอนต่อไปค่ะ
พี่ซาสู้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 12-05-2015 12:16:12
มาแล้วๆ  เจอกันแบบเป็นทางการแล้ววว  รู้สึแปล่บๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 12-05-2015 12:52:23
สงสารวิน  :mew6:
แต่ให่เฮียรู้สักทีก็ดี จะได้เลิกคิดว่าวินมีแม่ยกเลี้ยง  :jul3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-05-2015 16:45:23
นายมือโปร คงรู้สึกเหมือนถูกหลอกมาตลอด ...... :z3:
มาลุ้นกันต่อว่า เรื่องการดิวธุรกิจจะลุล่วงแบบไหน แล้วทั้งสองจะปั้นหน้ากันอย่างไร
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-05-2015 18:40:00
ก็อย่างที่วินว่า ผิดกันคนละครึ่งทาง พี่โป๊ะอย่างอนน้องเลย ตัวเองก็ด่วนสรุปไป ส่วนน้องวิน ถ้ารู้ตัวว่าผิดก็ขอโทษพี่เค้าซะ
ว่าแต่เป็นอะไรกัน? ยังไม่ได้ชอบกันเลยนี่นา แอร๊ยยย คนเชียร์ใจจะขาดอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2015 19:14:43
ความจริงเปิดเผยแระ. พี่โปรจะว่าไงมั่งเนี่ยะะะะะะะะ.
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 13-05-2015 00:48:27
บางคาบ บางคราว...การเป็นเพียงคนธรรมดากลับเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน

วินรู้สึกผิด แล้วนายมือโปรเล่า กำลังรู้สึกอย่างไร? ....แอบสงสารนางอ่ะ

โอ๋เอ๋นะตัวเหี้ยน้อยๆ ของติ่ง ฮึบไว้ลูก ฮึบไว้ ไม่ร้องนะครับ #พี่โป๊ะอย่าเตะหนู

โอมไปแล้วด้วยอ่ะวิน เหลือตัวคนเดียวแล้ว....ทำไงดี....
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-05-2015 01:13:19
พี่โป๊ะยังคิดว่าน้องเป็นเด็กเลี้ยงคุณสุปะคะ555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน12(11-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Luksa ที่ 13-05-2015 10:36:39
พี่โป๊ะจะคิดยังไงน้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-05-2015 23:34:08
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 13




ทั้ง 2 ฝั่งเซ็น MOU(*) กันไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน วันที่เซ็นคือวันเดียวกับที่ชื่อผม นามสกุลผม ฐานะทางสังคมของผม ถูกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ต่อเขา ผู้ที่รู้จักผม ชื่อผม นาสกุลผม และฐานะทางสังคมของผม ผ่านการด่วนสรุปของตัวเขาเองมาตลอดหลายเดือน

และวันนี้ เรา...เอาเป็นว่าผม และ เขา จะพบกันครั้งแรกในแบบที่ความคิดและความจริงตรงกันมากสุด

เวลานัดคือ 9 โมงเช้าครับ ที่เฮดออฟฟิศของเขา ซึ่งอยู่เขตดุสิต ผมรู้สถานที่ที่ต้องตะเกียกตะกายมาก็เมื่อคืนนี้แหล่ะครับ เขาให้เลขาคอนเฟิร์มการนัดหมายผ่านทางเลขาของป้าสุ แล้วป้าสุก็มาบอกผมอีกทีว่า “วินจัดการด้วย งานนี้แม่ยกให้เลย เรื่องที่บ้านเดี๋ยวแม่จัดการเอง” หมายถึง ถ้าเรื่องที่ผมเริ่มกลับเข้ามาในวงวนธุรกิจของตระกูลเป็นตะกอนในใจใคร ป้าสุจะจัดการให้เองครับ

เมื่อคืนผมได้แต่อือเออ แล้วก็เสียนิสัยไม่ทำการบ้านอะไรทั้งนั้น เพราะคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน แต่มาวันนี้ถึงรู้ว่าคิดผิดมหันต์ที่ไม่เตรียมตัว

“จากแบงก์xxx ครับ” ผมลดกระจกเพื่อบอกที่มาที่ไปของรถคันใหญ่ คนขับรถ และตัวผม
“นัดไว้แล้ว” บอกเพิ่มแล้วก็เปิดกระจกเพราะพี่ยามแกเดินไปเลื่อนป้ายกั้นหน้าบริษัทออกให้

เฮดออฟฟิศเขาไม่เหมือนกับที่ผมจินตนาการเลยครับ ชื่อบริษัทมีคำว่าสตูดิโอต่อท้าย แต่สถานที่ที่ผมยืนอยู่นี้ ไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ หรืออะไรใดใดที่เกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น

“คุณวิน เดี๋ยวลุงไปก่อนนะครับ”

“เอ่อ แล้ววินจะกลับยังไงล่ะครับ?”
“อ๋อ งั้นวินกลับแท็กซี่ก็ได้”

“เดี๋ยวทางนี้คงจัดรถไปส่ง กว่าจะกลับก็ค่ำนี่ครับ ถ้าปล่อยให้คุณวินกลับเอง คุณท่านคงได้โทรมาเฉ่ง”

“ค่ำหรอครับ”
“เขาแค่พาวินดูออฟฟิศไม่ใช่หรอครับ ก็นี่ไง เห็นแล้ว คาตาเลย ลุงสมานก็เห็นด้วยกัน”

“โถคุณหนู”
“ลุงว่าเขาคงไม่ให้เราดูแค่นี้หรอกครับ”
“ลุงก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เวลาส่งคุณท่านเวลามีนัดดูงาน แกก็ให้ลุงกลับก่อนประจำแหล่ะครับ”

“อ่อ หรอครับ” ก็บอกแค่ว่าดูนี่หว่า ไม่เห็นบอกรายละเอียดเลยว่าดูอะไร แล้วดูเสร็จต้องทำอะไรต่อ โว๊ะ! ผมเริ่มอารมณ์เสีย แต่ก็ไม่คิดลงอารมณ์กับลุงสมานหรอกครับ ต้นเหตุมันเกิดจากความไม่ใส่ใจของผมเองนั่นแหล่ะ

“คุณวินจากแบงก์รึเปล่าคะ”

“ครับ” ผมหันไปตอบต้นเสียงที่ไม่ส่งเสียงฝีเท้าให้รู้ตัวก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่แต้มรอยยิ้มบนใบหน้าให้คนแปลกหน้าอย่างผมอย่างไม่เคอะเขิน ท่าทางเธอจะเชื่อว่าผมเป็นคนจากแบงก์จริงๆ ทั้งที่ไม่ได้แสดงหลักฐานอะไรเลย อาทิ นามบัตร ซึ่งผมก็ไม่มีติดตัวหรอกไอ้ของพรรค์นั้น นี่ถ้าเจอพวกแอบอ้าง เธอต้องโดนหลอกแน่ๆ เชื่อเถอะ!
“ผมเอง วินจากแบงก์” อืม ชื่อนี้ก็ดูรวยดีเหมือนกันแฮะ วินจากแบงก์

“ค่ะ แนนจากพี่โป๊ะค่ะ”
“เย้ย!” มีติดเบรกมุกตัวเองด้วยอ่ะ ตลกดีว่ะ ผมขำนิดนึงแล้วก็รีบหุบปากแอบซ่อนฟันไว้

“มารึยังแนน”

“ค่า ค่า นายแบงก์มาแล้วค่ะพี่โป๊ะ”
“คุณวิน ทางนี้เลยค่ะ บอสรออยู่แล้ว ท่าทางตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดเลยค่ะ”

บอส...ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด...จริงหรอวะ?
ผมล่ะไม่คิดเชื่อ แต่ก็เดินตามคุณแนนเข้าตัวออฟฟิศไปแต่โดยดี

จริงครับ
บอสของคุณแนนนั่งไม่ติดจริงๆ
เพราะเขาวิ่งออกกำลังกายอยู่บนลู่วิ่งครับ ใส่ชุดออกกำลังกายด้วยเถอะ
เหอะ! พร้อมทำงานมากสินะ ทำไมไม่บอกกันบ้างวะ ผมจะได้ไม่ต้องลำบากลำบนใส่สูท คิดว่าผมชอบชุดสุดร้อนนี่นักรึไง

“อ่า มาแล้วสินะครับ”
“คุณวิน” ก่อนหน้านี้เสียงเป็นแค่คลื่น แต่ตอนนี้เสียงเป็นสสารแล้วครับ สามารถแข็งตัวได้เมื่ออกจากปากคนกวนส้นตีนที่ชื่อว่านายมือโปร

“ครับ คุณมือโปร” เอาสิ ผมมันเด็กเหี้ย ส่งมาแบบไหน ผมก็โต้กลับไปแบบนั้น ผมไม่มีเหตุผลต้องทำดีกับเขาถ้าเขาทำกิริยาแบบนี้กับผมก่อน

“มาดูงานตามนัดหมายใช่มั้ยครับ”
“ขอความกรุณา รอผมสักครู่นะครับ หวังว่าจะไม่อารมณ์เสียจนต้องฟ้องคุณป้าแท้ๆ ที่เลี้ยงกันมาแต่เล็กแต่น้อยหรอกนะครับ”
“ผมมันเบี้ยล่าง ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรไปสู่กับหลานชายคนเดียวกับแบงก์หรอกครับ อย่าคิดรังแกกันเลย”

ผมฉาบสีหน้าเรียบเฉยไว้บนหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าโต้ตอบแค่นี้แล้วเขาจะฉุกโมโหขึ้นมาอีกมั้ย แต่ผมจะโต้ตอบแค่นี้แหละ ผมไม่อยากโยนฟืนเข้ากองไฟ

นายมือโปรเดินออกจากห้องประชุมที่ 1 ไปครับ จริงๆ แล้วห้องนี้ไม่น่าจะมีไว้ประชุมตามชื่อมันหรอก น่าจะเป็นห้องเก็บโลกของนายมือโปรซะมากกว่า เพราะผมเห็นมีแต่ของที่ไม่ควรมีในห้องประชุมทั้งนั้น อาทิ ลู่วิ่งออกกำลังกายและเวทขนาดต่างๆ

20 นาทีเขาก็กลับเข้ามาครับ นายมือโปรผลักประตูกระจก โผล่หัวเข้ามาบอกผมเพียงว่า “ไปกันได้แล้ว” แม้จะโผล่เข้ามาแค่หัว แต่กลิ่นหอมที่ปลิวแอร์มาเตะปลายจมูกผม ก็ทำให้ได้รู้เขาหายไปอาบน้ำมา

อืม...มารยาทดีกับผมเหลือเกิน


#### @ D A W N  #####


เราจะไปไหนกัน?
ผมอยากถามใจจะขาด แต่นายมือโปรหน้านิ่ง ขับรถเงียบๆ แม้แต่วิทยุในรถก็ไม่เปิด เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงจอแจจากโลกภายนอกที่แข็งแกร่งพอจะดิ้นรนเข้ามาเหงาตายในรถแสนสงัดเท่านั้นแหละครับ

แล้วถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น ขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ย จะได้รึเปล่านะ?

“เอ่อ....”

“เดี๋ยวอีกราว 1 กิโล จะมีปั๊มนะ”
“ผมจะแวะเติมน้ำมัน ซื้อกาแฟหน่อย คุณก็...ดูแลตัวเองนะ”

“ครับ” ผมนี่ว่าง่ายชะมัด แล้วไอ้ความรู้สึกครุกรุ่นที่เกิดขึ้นทีละเล็กในหัวผมนี่คืออะไร สาเหตุน่าจะมาจากคำว่าคุณ และผม ที่เขาใช้เป็นสรรพนามเรียกตัวเองและผม

มันไม่ใช่คำที่ผมชินเมื่อออกมาจากปากเขาเลย
พี่ กับ วิน หรือเด็กดื้อ ไอ้ยุ่ง ไอ้ดื้อ เราน่ะ หรืออะไรก็ตามที่เคยใช้เรียกแทนชื่อผม ยังดีเสียว่า คุณ

ถ้านี่คืองานแรกของผม และผมต้องทำให้สำเร็จลุล่วงล่ะก็ ผมไม่ควรปล่อยให้ความครุกรุ่นนี้เติบโต ผมควรขจัดปัญหาให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสีย

“พี่โป๊ะครับ”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด!
เบรกตัวโก่งเลยครับ ผมนี่หัวปักคอนโซลเลย เขาปาดซ้ายแล้วจอดที่ไหล่ทาง จากนั้นก็หันทั้งตัวมาหาผม

“กวนตีนกันรึไง อยากตายมากใช่มั้ย?!”

“วินไม่ได้กวนตีนอะไรเลย ก็แค่เรียก”

“ไม่ต้องเรียก เรียกก็ไม่ได้”
“ถ้าอยากจะเรียก ก็เรียกคุณวารินทร์ หรือคุณมือโปร”
“ผมกับคุณไม่เคยรู้จักกัน ไม่ได้สนิทกันจนมาเรียกชื่อที่มีแค่คนใกล้ชิดจะเรียกได้!”

“พี่โป๊ะ”

“ก็บอกว่า!”

“โกรธหรอครับ”
“วินขอโทษ”


“.............” เขาไม่พูดอะไรต่อ ใบหน้าตึงหันมองตรงตามเดิม ไม่นานรถสปอร์ตคันนี้ก็แล่นด้วยความเร็วมากกว่าปกติ เหมือนเดิม

“พี่โป๊ะ”
“วินขอโทษ”

“..............”

“วินขอโทษ”
“ต้องกี่ครั้งถึงพอ ร้อย พัน ล้าน”
“พี่ต้องการอะไร อยากให้วินขอโทษแบบไหน ก้มกราบหรอครับ”

“อย่าประชดผม”

“ก็พี่โป๊ะไม่ตอบนี่ครับ”
“อะไรที่วินคิดว่าวินผิด วินก็จะสำนึกผิดและขอโทษเพื่อให้จบกันไป”
“วินไม่ชอบแบกความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”

“.................”

“แล้วพี่โป๊ะแบกไว้ทำไม”

“หัวผมมีไว้แบกโลกทั้งโลกอยู่แล้ว ไม่ต้องมาสอน”

“ขอโทษครับ”

“แล้วก็เลิกพูดคำนี้ได้แล้ว”

“วินจะพูดจนกว่าพี่โป๊ะจะพอใจ”
“พี่โป๊ะเองก็ต้องขอโทษวินเหมือนกัน”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด!
คราวนี้หน้าทิ่มกลางถนนเลยครับ
แป๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
ตามมาด้วยเสียงแตรจากรถคันหลัง นายมือโปรหันมองผมตาขวาง เขากระชากรถโดยไม่พูดอะไร แม้แต่การขอโทษที่ขับรถหมาไม่แดกแบบนี้ เขาก็ไม่เอ่ยออกมา

ไอ้ลุงดื้อด้าน!
ผมก็โกรธเป็นเหมือนกันนะเว้ย!
แล้วไอ้เรื่องที่เขาโกรธอยู่นี้ มันก็ไม่ใช่ความผิดผมทั้งหมดด้วย!

ผมไม่ได้เข้าห้องน้ำ ไม่ได้แวะซื้อน้ำเปล่า ของกินรองท้องก็ไม่มี
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนรถอีกเลย มีแต่นายวารินทร์ที่ขับรถจีบตูดรถบรรทุกในเส้นบางนา-ตราดจนตาขาวผมขยายตัวแทบปิดตาดำ

สุดท้ายก็ถึงที่หมายการ ‘ดูงาน’ เสียที
ผมเข้าใจผิดไปมาก ผมคิดแค่ว่ามานั่งดูเอกสาร ฟังการพรีเซนท์องค์กรเหมือนวันพบกันครั้งแรก หนักสุดก็รับบรีฟข้อมูลทั้งหมดซึ่งผมก็เตรียมตัวมาด้วยสมุดบันทึกและดินสอกด 1 ด้าม
ดูงานของนายมือโปร ของป้าสุ หรืออาจจะของคนทั้งโลกใบนี้ คือการศึกษารายละเอียดธุรกิจ ทุกซอกทุกมุม แม้ว่าทั้งซอกทั้งมุม จะมีแค่พื้นที่กว้างชิบหายและโกดังใหญ่ๆ ที่ตั้งอยู่ไกลลิบลิ่วกลางทุ่งหญ้าไร้ประโยชน์
นี่มันทำเลเหี้ยอะไรเนี่ย!
คนขายฝันนี่กล้าชิบหาย ผมมองไม่เห็นเส้นทางทำกินอะไรเลย นอกจากการนั่งขายน้ำส้มผสมยาแก้ปวดหัวข้างทาง!

“ไปสิครับ รอเหี้ยอะไรอยู่”

“รอเหี้ยนำทางไงครับ ไม่เคยมานี่เว้ย!” ผมเริ่มฉุนกับท่าทางยะโสกดหัวคนอื่นของหมอนี่แล้ว อุตส่าห์ชวนเคลียร์ ขอโทษและอภัยกันจะได้จบๆ และเริ่มต้นกันใหม่ ในบทบาทใหม่ แต่ช่างแม่งเหอะ ไอ้ลุงสตึคนนี้คงไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นั้น

“หึ สันดานดิบโผล่แล้วครับคุณวิน”
“เป็นหลานนายแบงก์ต้องมีมาดนะครับ พูดให้มันเข้าหูหน่อย จะได้เหมาะกับชาติตระกูล”

“ก็คน ก็ต้องแดก ต้องขี้ ต้องเยี่ยว แล้วตอนนี้ก็หิวน้ำชิบหาย”
“กวนตีนวินพอใจแล้วก็หาน้ำให้ดื่มหน่อยได้มั้ยล่ะ! ไม่งั้นฟ้องป้าสุ!”

“หึ ไอ้ลูกหมา!” เขากัดฟันด่าผมแล้ว ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกดีที่เขาเริ่มด่าผมด้วยถ้อยคำที่คุ้นหู สงสัยผมจะเป็นพวกมาโซ ชอบถูกทรมาน บ้ากันใหญ่

“เอ้า มาสิครับ”
“นี่ไม่ใช่เมืองคาน ไม่มีพรมแดงปูรอครับ”
“เชิญ”

“รอวินด้วยดิ” ผมรีบเรียกรั้ง เพราะไอ้คนขายาวกว่าผมเขาจ้ำเหมือนหมาแมวจะคลอดลูก แล้วทางก็ไกลมาก แดดร้อนมาก ป้าสุจะรู้บ้างมั้ยว่าผมทรมาน


เข้ามาข้างในโกดังก็ไม่ได้ต่างกันหรอกครับ
ดีหน่อยว่ามีแผนที่โปรเจคทั้งหมดว่าพื้นที่บริษัทนี้ครอบคลุมถึงไหน และตรงไหนจะมีอะไรในอนาคตแปะเต็มผืนผนังอันใหญ่โต ตอนนี้โปรเจคกำลังก่อสร้างครับ และเงินกู้จากแบงก์ รวมถึงเงินเพิ่มทุนที่แบงก์จะใส่ให้ในหุ้นส่วนใหม่ก็สำคัญมากๆ ด้วยครับ
เรียกได้ว่า เขาพลาดไม่ได้ ถ้าดีลกับแบงก์ไม่ได้ ไม่ว่าจะการกู้ หรือการให้แบงก์มาถือหุ้นบริษัทด้วย นายมือโปรก็จบเห่ ขนาดไม่ช่ำชองธุรกิจอย่างผมยังดูออกว่าใครถือไพ่เหนือกว่า แต่ผมคิดว่าเขากำลังตาบอด
และน่าจะตาบอดเพราะความโกรธ เขาถึงได้หยามหยันคนจากแบงก์อย่างผมแบบนี้
เขาให้ผมกินน้ำก๊อก
ซึ่งกูไม่กินไง ไม่กินเว้ย!

“มีเท่านี้ เมื่อกี้ไม่ได้แวะทีไหนเลย จะมีน้ำที่ไหนให้กินอีก”
“ที่นี่ไม่มีคนงานหรอก อยู่ที่ไซท์ก่อสร้างกันหมด และก็เป็นแรงงานรับเหมา เอาท์ซอร์สดูแล ไม่เกี่ยวกับบริษัทเรา ขอน้ำเขาดื่มไม่ดีหรอก เบียดเบียน จะกินไม่กิน”

“ไม่ครับ มันไม่สะอาด”

“จะไม่หลอกว่ามันสะอาดหรอกนะครับคุณวิน แต่จะบอกตรงๆ เลยว่านอกจากน้ำก๊อกนี่แล้วก็ไม่มีน้ำให้”
“นอกจากเยี่ยวผม”

“เหี้ยจริงๆ!”

“พูดกับเด็กเหี้ยๆ มันก็ต้องแบบนี้แหละ...ครับ”

“พี่โป๊ะ!”

“กรุณาเรียกชื่อผมให้ถูกกาลเทศะและสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยครับ คุณวิน”

ความอดทนผมหมดลงตรงนี้ได้มั้ย ผมไม่อยากทนคนแบบนี้แล้ว ไอ้ดื้อด้าน!

“งั้น...กินข้าวกลางวันที่ไหนครับ วินหิวแล้ว นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วด้วย”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้แวะข้างทางเลย ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากน้ำก๊อก”

“งั้น...พี่โป๊ะกินอะไร”

“ก็ต้องกินน้ำก๊อกนี่เหมือนกัน”
“รองท้องไปก่อน ไปดูข้างในแต่ละส่วนตามแผนที่เนี่ย คุณรู้เรื่องทั้งหมดเมื่อไหร่ ก็ได้กินเมื่อนั้น”

“งั้นก็ไปเลย หิวจะแดกควายได้อยู่แล้ว” ผมบ่นแล้วกอดอกฉับพร้อมกับก้าวนำหน้าเขาไป จากนั้นก็ปั้นหน้าหยิ่งยะโสแล้วเอียงหน้าไปบอกเขาว่า “นำไปสิ รอเหี้ยอะไรอยู่ล่ะครับคุณวารินทร์”

“รอลูกเหี้ยฟักตัวจากไข่ไงครับ คุณวิน”

จากนี้ไป ผมและเขา คงคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะครับ ดูเหมือนเขาจะโกรธ และเกลียดผมชนิดที่ไม่อยากจะเผาผีหรือเฝ้าไข้
ขนาดผมเดินตามไม่ทัน เขาก็ยังเดินนำลิ่วๆ
แดดก็ร้อน หิวน้ำจนคอแห้งเป็นผงไปหมดแล้วด้วย
ทำไมไม่หันมองผมบ้างว่าผมเดินไม่ไหวแล้ว ผมไม่ใช่คนแข็งแกร่ง ไม่ได้ชอบการออกกำลังกาย ผมชอบอยู่ในโลกของผม อย่างสงบๆ เงียบๆ เย็นๆ
ทำไมผมต้องมาเดินฝืนใจตัวเองแบบนี้ด้วย

“ไอ้..เหี้ย เอ้ย” เสียงแห้งมากแล้วด้วย ผมเลียปากตัวอย่างกระหาย นี่ผมขาดน้ำมาแล้วกี่ชั่วโมง ผมคิดว่าผมหมดแรงแล้ว....ป้าสุ วินขอโทษ วินทำได้เท่านี้แหล่ะครับ


“เฮ้ย! วิน!” เขาเรียกผมอย่างตกใจ แต่ไม่ทันแล้ว โลกนี้ดับลงต่อหน้าผม ดับวูบแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนเลย


#### @ D A W N  #####


“ตายแล้ว”
“ไปทำอีท่าไหนตาวินถึงได้เป็นลมเป็นแล้งแบบนี้ล่ะคะ”
“นี่อาขอร้องมากเกินไปหรอคะ?”
“แค่พาน้องไปดูโครงการ ทำไมหลานอาถึงเป็นลมไปแบบนี้”
“ดูสิ อ่อนแรงจนหมอต้องให้น้ำเกลือ 2 ขวด”
“โอยยย ตาย ตาย ตาย”
“ไหนคุณโปรบอกอาสิว่าเอาหลานอาไปทำอะไร”

“ขอโทษครับ พอดีผมไม่ได้เตรียมน้ำกับของรองท้อง”
“ผมไม่เคยเป็นลมเพราะเรื่องพวกนี้ เลยไม่คิดว่า...”

“ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นลมเพราะขาดน้ำขาดอาหาร”
“เฮ้อ!”
“เอาเถอะค่ะ”
“ไว้พรุ่งนี้อาจะมาดูโปรเจคเอง คงปล่อยตาวินลุยเดี่ยวไม่ได้”
“จริงๆ ก็คิดว่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นธุรกิจที่วินน่าจะเข้าใจได้เร็ว เลยอยากปล่อยให้ดูแล”
“นี่คงต้องฝีกกันใหม่ตั้งแต่ฟิตร่างกายให้แข็งแรงสินะ หลานอาผิดเองแหล่ะค่ะ”

“ไม่ครับ ผมไม่รอบคอบเอง”
“จริงๆ ผมควรดูแลน้องให้มากกว่านี้”
“ถึงจะไม่ใช่คนจากแบงก์ ถึงจะเป็นเด็กธรรมดาผมก็ควรดูแลให้ดีกว่านี้”
“ขอโทษครับอาสุ”

“มันสุดวิสัย คุณโปรก็ไม่เคยมีน้องชายด้วยนี่”
“งั้นก็ คิดเสียว่าวินเป็นน้องชายนะคะ อาฝากด้วย”

“ครับ ผมจะดูแลให้รอบคอบกว่านี้”

ที่ผมเพิ่งได้ยินไป คือบทสนทนาของคนที่คิดว่าผมน่าจะหลับยาวถึงหัวค่ำ แต่ผมตื่นแล้ว นานแล้วด้วยครับ
ผลจากการขาดน้ำ เจอแดดแรงและอากาศร้อนทำให้ผมเป็นลม
และนายมือโปรก็เป็นคนอุ้มผมกลับมาที่รถ พาที่ส่งที่โรงพยาบาลเอกชนแถวบางนา แล้วก็อยู่กับผมในห้องเดี่ยวนี้จนป้าผมมาพร้อมพายุแห่งความห่วงใย

“จริงๆน้าตาวิน”
“แล้วจะให้แม่วางใจ ไม่อุ้มวินอยู่ตลอดเวลาได้ยังไงล่ะลูก”

วินขอโทษครับ ผมได้แต่คิดอยู่ในหัวตัวเอง อีก 2 คนที่กำลังคุยกันเขาอยู่อีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องพักคนเฝ้า เลยไม่มีใครได้รู้ว่าผมเองก็เจ็บใจไม่แพ้ใครที่ตัวเองทำได้แค่นี้

“อาต้องกลับไปที่แบงก์ ตอนเย็นจะมาเฝ้าเอง”
“คุณโปรมีงานด่วนอะไรรอมั้ยคะ”

“วินคืองานด่วนสุดของผมแล้วครับ”
“ผมจะอยู่เฝ้าจนกว่าวินจะดีขึ้น”
“มันคือความผิดผมเอง ขอโทษด้วยนะครับ อาสุ”

ทีแบบนี้ล่ะพูดง่าย กับผมไม่เห็นขอโทษง่ายๆ แบบนี้เลย
ดูเหมือนป้าสุจะไปแล้ว เพราะผมไม่ได้ยินเสียงของป้าอีก นี่คงคิดว่าผมหลับเป็นตายเลยสินะ ถึงไม่มีแม้แต่การเข้ามาดูผมก่อนไปแบบนี้
คนที่เดินเข้ามาในห้องที่ผมนอนอยู่คือนายมือโปร ดูเขาไม่ตกใจเลยที่เห็นผมตื่นอยู่
“ทำไมก๋องแก๋งแบบนี้”
“ป้าเราเขาก็เลี้ยงดีไม่ใช่หรอ?”
“มื้อเช้าทุกมื้อที่มันเด้งมาเหมือนเสกได้ นั่นก็ของดีๆ ทั้งนั้น”
“แบบนี้เรียกเปลืองข้าวสุก”

นี่เขามายืนดาผมปาวๆเพื่ออะไร?

“ยังจะมองอีก อยากเถียงอะไรก็พูดสิครับ คุณหนูวิน”

ถ้าผมมีแรงกว่านี้ สาบานได้เลยว่าผมจะเอานิ้วกลางสวนรูจมูกไอ้สูงตรงหน้านี่ แล้วนี่ด่าผม แล้วจะลากเก้าอี้มานั่งจ้องหน้าผมทำไม

“ถามจริงๆ เถอะ ทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไรครับ?”

“ยังจะไขสือ!” ไขสืออะไร งงแล้วนะเว้ย!

“วินไม่รู้ว่าพี่โป๊ะพูดอะไร”

“ตอบมาตรงๆ เถอะน่า ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไรล่ะครับ? เป็นลมน่ะหรอ? วินไม่ได้เจตนานี่ แล้วก็ไม่เป็นอะไรมากด้วย บอกพี่โป๊ะตั้งแต่บนรถ แต่พี่ยืนยันจะมาวินมาโรงพยาบาลเอง พี่ยืนยันกับหมอเองด้วยซ้ำว่าวินต้องให้น้ำเกลือ ทั้งที่วินนอนส่ายหัวตลอด แต่พี่โป๊ะทำเป็นไม่เห็น”

“ตอบให้ตรงคำถามดิ!”

“ก็พี่ถามไม่เคลียร์นี่หว่า!”

“ได้ เอาให้เคลียร์เลย วินหลอกพี่ทำไม”

จะบอกว่าไม่หลอกผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่ให้หาเหตุผลมาบอกว่าหลอกไปเพื่ออะไร ผมก็ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการหลอกเขาตั้งแต่ต้น มันคือการตกกระไดลอยโจนที่ผมจงใจตกบันไดทั้งที่มีโอกาสก้าวเดินอย่างระมัดระวัง

ผลก็คือผมตกกระไดนั่นแหล่ะ ผมเจ็บตัวเหมือนกัน ต่างกันที่ผมตั้งใจตกลงมา กับผมตกลงมาไม่รู้ตัว
รู้สึกว่า ยังไงๆ คนที่ผิดมากกว่าก็คือผม

“วินขอโทษแล้วไง”

“ผมอยากรู้เหตุผล” เมื่อกี้ยังพี่อยู่เลย อะไรวะ? เอาใจยากชะมัด

“ไม่มีครับ วินไม่ได้มีเจตนาจะหลอกอะไรพี่โป๊ะเลย”
“พี่โป๊ะน่ะ”

“คิดเอาเองทั้งนั้น ใช่มั้ย?”
“ไอ้โอมก็พูดแบบนี้”
“แต่ถามหน่อย ตัวไหนมันจะไปกล้าคิดว่าใครสักคนจะยอมขายตัวแลกกับการดำรงชีพ ถ้าไม่ถูกบิวท์ซะขนาดนั้น”
“บ้านแตกบ้างล่ะ น่าสงสารบ้างล่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งดูแลอย่างดีแต่ก็ยังใจแข็ง ไม่ยอมรับเงินเขาเปล่าๆ มากศักดิ์ศรีทั้งที่ไม่มีงานทำอีก ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีก ทั้งชีวิตคงรักได้แค่คนเดียว คนที่ดีด้วยเสมือนแม่ แต่ไม่มีทางเป็นแม่ได้”
“ก็ถ้าไม่ใช่แม่ยก ใครจะไปคิดอย่างอื่น ใครจะไปคิดว่าเป็นญาติผู้ใหญ่”
“แล้วนามสกุลที่เหมือนกัน เคยบอกกันบ้างมั้ยล่ะว่าเป็นญาติกัน”
“วินพูดเองว่าไม่ได้เป็นไร ทั้งที่โคตรจะสงสัยแต่เมื่อวินพูดเองกับปากว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน พี่ก็เชื่อวิน”
“แล้วไง? กูโคตรโง่เลย! แม่งเอ้ย!”

“ขอโทษครับ” ผมคงพูดได้ดีที่สุดเท่านี้ ส่วนที่เขาผิดที่คิดเองเออเอง ความผิดนี้ตกประเด็นพิจารณาไป เพราะผมรู้สึกได้ว่าเขาซื่อตรง เชื่อใจผมคนนี้ จนปลดความน่าสงสัยและการพยายามสืบหาความจริงทั้งหมด

นายมือโปรไม่ได้โง่ เขาแค่ไม่เอะใจเลยว่ารู้ความจริงแบบครึ่งๆ กลางๆ
เขาไม่ผิดเลยว่าที่เข้าใจไปเองแบบนั้น

“ก็อยากจะเกลียดหน้าหรอกนะ แต่....”

“...............” เมื่อเขาเงียบ ผมก็เงียบ สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ  นายมือโปรลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก็หันหลังออกจากห้องไป บอกเพียงว่า “มีเรื่องด่วนก็เรียก แต่ดูสภาพแล้วขี้เยี่ยวเองได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เคสด่วนใกล้ตายจริงๆ ก็ไม่ต้องเรียก”
เขาออกไปนั่งอีกห้อง ซึ่งผมเดาว่า พอป้าสุมา นายมือโปรก็คงจะไป


ข่าวการเข้าโรงพยาบาลของผมโด่งดังไปถึงญี่ปุ่น...ล้อเล่นน่ะครับ ก็แค่พี่รุตต์รู้เรื่องเข้าเท่านั้นเอง คงคุยกับป้าสุพอดีนั่นแหล่ะ
รายนี้โทรหาผมแล้วถามนั่นนี่ยกใหญ่ มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วเป็นอะไรมากมั้ย ทำไมไม่ดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ไม่เอาแล้วนะครับหักโหมทำทุกอย่างแบบนี้ บลา บลา บลา ผมฟังไม่ละเอียดเพราะมัวแต่ใจลอยอยู่ จนพี่รุตต์ถามเรื่องเรียนนั่นแหล่ะ ผมถึงต้องดึงสติตัวเองกลับมาแล้วตอบให้เขาได้รู้ความคืบหน้า
เขาไม่ห่วงผมเรื่องเรียนเท่าไหร่ แต่ห่วงเรื่องทำงานมาก เขาให้เหตุผลว่า “วินไม่เคยทำงาน ถ้าไม่ทำการบ้านเยอะๆ หาข้อมูลให้มาก ก็คงตามคุณมือโปรเขาไม่ทันแน่ๆ” เพราะฉะนั้น เขาจะกลับมาเป็นผู้ช่วยผม
งานนี้เลยโดนผมด่าไปว่า “จะบ้าหรอ? พี่รุตต์นี่ประสาทสมองล้มเหลวแล้วแน่ๆ คิดอะไรโคตรบ้าแบบนี้ได้ด้วย”

พอได้คุยกับคนอื่นด้วยอารมณ์ไม่ตึงเครียดผมถึงได้รู้สึกว่ามุมปากผมยังยกขึ้นได้อยู่ ตอนแรกคิดว่าจะคว่ำถาวรเพราะนายมือโปรเสียแล้ว ไอ้โอมคือเหยื่อรายต่อไปที่ผมจะคุยแก้เบื่อ ตอนนี้ป้าสุกลับไปแล้วครับ เพราะผมยืนยันว่านอนคนเดียวได้ พรุ่งนี้ป้าสุต้องไปดูโปรเจคที่ผมเป็นลมทั้งที่เดินได้แค่ครึ่งทางนั่นต่อ ผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน ผมต้องทำได้สิ

ยังไม่ทันได้โทรหาไอ้โอม ประตูห้องก็เปิดอ้าออก ผมคิดว่าเป็นพยาบาลเข้ามาดูแล แต่ผมคิดผิดไปไกลมากเลย

“พี่โป๊ะ”

“ดีขึ้นรึยัง?”

“ครับ จริงๆ ไม่ต้องอยู่เฝ้าก็ได้ครับ วินไม่ได้”

“จำไม่ได้ว่าอยากทำอะไรต้องขออนุญาตจากคุณด้วย”

เฮ้ออออออออ
กูจะได้นอนมั้ยล่ะ เจอมนุษย์หน้าบูดมานั่งจิ้มคอมพิวเตอร์ก๊อกแก๊กในห้องแบบนี้เนี่ย!

“พี่โป๊ะ”
“โกรธวินไม่ใช่หรอครับ ไม่ชอบวินก็อยู่ไกลๆ กันดีกว่า คุยกันเฉพาะเรื่องงานก็ได้”
“ยังไงวินก็ไม่ทำให้แผนร่วมทุนนี่ล่มหรอก ไม่ต้องกังวล”

“คิดว่าผมมาเฝ้านี่เพราะเรื่องผลประโยชน์หรอ?”

“ก็ถ้าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์การร่วมทุน หรือกู้แบงก์ พี่โป๊ะก็ไม่มีธุระอะไรที่ต้องมองหน้าวินแล้วนี่ครับ ก็พี่โกรธวินนี่นา”

“นั่นดิ ก็ได้ งั้นต่อไปคุยกันเฉฑพาะเรื่องงาน”
“ผมจะทำงานที่นี่ ถ้ามันกวนคุณหุ้นส่วนมากนักก็คลุมโปงเอาก็แล้วกัน”

แล้วเขาก็ทำจริงตามที่พูดเลยครับ นายมือโปรเปิดหนังเสียงดัง เล่นเกมเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ที่เสียงหนวกหูมากๆ คุยโทรศัพท์กับใครหลายๆ คน เดินวนไปวนมาในห้องราวกับไม่มีผมที่พยายามข่มตาหลับเต็มที่อยู่ในห้อง

เห็นหัวกันหน่อยได้มั้ย? คนจะพักผ่อนโว้ย!!!!


Cut



(*) MOU คือ เอกสารหรือหนังสือที่เก็บบันทึกข้อตกลง ความเข้าใจที่ตรงกัน หรือ ข้อตกลงที่จะร่วมมือระหว่างสองฝ่าย


ฮ่าาาาาาาา มาแล้วค่ะ!


แล้วพบกันใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 19-05-2015 00:51:19
อ่านแล้วแทนที่จะเครียดเพราะเขาปั้นปึ่งใส่กัน

แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขำทำไม...วินน่ารักอ่ะ เรียกพี่โป๊ะ พี่โป๊ะทู้กกกคำ

ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรปิดบังกันแล้วก็ขอต้อนรับเข้าสู่การแสดงความเอ็นดูแบบโป๊ะสไตล์นะวิน

ลูกเหี้ยออกจากไข่มาเจอพ่อเหี้ยแล้ว .... เรียก พ่องงง สิลูก คึคึคึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 19-05-2015 01:05:10
นี่พี่โป๊ะเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่มั้ย ทำไมทำอะไรเหมือนไม่คิดเลย
แบบดูไม่มีกึ๋น ดูเหมือนเกรียนทั่วๆไปอ่ะ
ผิดหวังกับนิสัยพี่โป๊ะในตอนนี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2015 01:59:41
พี่โป๊ะใจร้ายยยยย.
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 19-05-2015 02:21:25
เอิบ เดียวนะ
จริงๆ วินต้องโกรธพี่โป๊ะ เถอะมั้ย คดีเก่ายังไม่เคลียร์มาว่าน้องเป็นเด็กขาย
มาตอนนี้อิพี่อีคิวต่ำเตี้ยเรี่ยดินและเกรียนมวากกก อิที่ว่า เชี่ยพี่โป๊ะ นี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจีจี 555


น้องวินนี่หัวอ่อนกว่าที่คิดจริงๆ ด้วย น่ารักนะเรา ขอโทษ แล้ววินยังงั้น วินยังงี้ 55 เอ็นดูววว
รอดูเชี่ยพี่โป๊ะคนมึนต่อไป
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-05-2015 02:54:58
รอพี่รุตต์มา กรี๊ด
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 19-05-2015 03:53:23
แปปนะคะ นี่ใครแก่กว่าใครนะคะ? พี่โป๊ะทำตัวเด็กมาก!
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-05-2015 05:37:03
พี่ก็อายุมากแล้วนะพี่โป๊ะ ทำอะไรเป็นเด็กๆเชียว :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mini.tori ที่ 19-05-2015 06:45:06
ตอนเดินเข้าโกดังก็คิดว่าพี่โป๊ะจะเลียนแบบพระเอกจำเลยรัก

แต่ที่ไหนได้ นี่มันเด็กขี้งอนนี่เอง :z13:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 19-05-2015 11:32:31
วินต้องโกรธป่ะ จริงๆ เฮียโป๊ะไม่ใช่เหรอที่เพ้อเจ้อคิดไปเองแถมกล่าวหาน้องด้วย คือสับสนแปลกๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Luksa ที่ 19-05-2015 16:00:33
อืม
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 19-05-2015 19:02:52
 :angry2:

รอเคลียร์จ้า

  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-05-2015 19:28:46
พี่โป๊ะโครตกวนอ่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 19-05-2015 21:32:17
โอ้ยยยย เค้าชอบคู่นี้้้ๆๆๆ
เป็นการกวนตีนกันแบบธรรมชาติมากกกกกกก เราชอบบทสนทนาที่คนเขียนแต่งมากกกกกก มันสมจริงมากกกก โอ้ย ไ่ม่รู้จะชมยังไงแว้ววว เอาเป็นว่าเราชอบมากก จะติดตามเรื่อยๆนะคะ คนเขียนมาอัพไวๆน้าา >3<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 20-05-2015 21:07:48
อื้ออออ ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะแบบนี้สิ่คือคนที่คุ้นเคยยย งี่เง่า แต่ก็รู้ว่ามันเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน แต่ยังไงก็สงสารน้องวิน

แหมม หลงรักเค้าแล้วอ่ะดิ๊ ดูแลดีๆ หน่อยค่ะพี่โป๊ะ เดวพี่รุตกลับมาเถอะ จะหนาวไม่รู้ตัวอ่ะ

แล้วพบกันใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 20-05-2015 21:21:41
เฮียโป๊ะโกรธที่วินโกหกอะ ด่ากันได้ฮาดีค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-05-2015 22:17:13
สองคนนี้มันฮาจริงๆเลย

เหมือนเด็กงอนกันเลยน่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 20-05-2015 23:03:19
เมื่อลูกเหี้ยปะทะพ่อเหี้ย อะไรจะเกิดขึ้น  :hao6:
ทำท่าโกรธจริง ๆ นะห่วงจนอยากนอนกอดละไม่ว่า
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
ปล.ถ้าน้องวินเจอกับเด็กไต้หวัน คงคุยกันมันพิลึก เพราะสองคนนี้ใช้ภาษาได้ดีจริง ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-05-2015 12:31:00
คือ มนุษย์ ที่ชื่อ มือโปร นี่แม่ง เอาแต่ใจ คิดเองเออเองตลอด

ตอนสมัยพี่ ที่หนึ่ง พีโปรแม่งก็บีบเพื่อนจนแทบเข้าหน้ากันไม่ติด

ตอนพี่ ผู้นำเอาน้องธามไปฝาก ก็คิดเองเออเองจนน้องปล่อยปะละเลยน้อง

จนน้องโดนจับตัวไปตั้ง 2 ครั้ง พูดเลย เพื่อนส้นตรีนแบบนี้พี่คงไม่คบ

แต่พี่ที่หนึ่ง พี่ผู้นำเขาก็ทนคบแกอยู่นะพี่โป๊ะ  แล้วนี่อะไร ทำมาโกรธน้อง

ความจริงน้องต้องโกรธแกด้วยซ้ำ ตลอดเวลา น้องเขาก็แสดงตัวตนอยู่แล้ว

ว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องใคร และไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องเขา แล้วแกมากล่าวหา ว่าเขา

หลอกแก ปิดบังแก บ้าไปใหนจ๊ะ ตอนนี้น้องมันแค่ยังตั้งหลักไม่ได้ มันถึงยอมให้แกปั่นหัวโขกสับมัน

เดี๋ยวให้น้องมัน ตั้งหลักได้ก่อนเถอะมึง พี่โป๊ะ จะได้เจอของจริง เช๊อะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 24-05-2015 19:21:44
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 14


“ตาวิน!แม่บอกให้พักผ่อน ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะลูก!” แต่เช้าเลยครับ ผมไม่ตอบคำถามป้าสุด้วยปาก แต่ตอบด้วยสายตาครับ ผมเบี่ยงตามองมนุษย์ขายาวตัวสูงที่ยืนขึ้นต้อนรับป้าสุอยู่ในห้องพักคนป่วยของผม

“คุณโปร”

“สวัสดีครับอาสุ” มีหน้ายกมือไหว้แล้วยิ้มหล่อใส่ป้าผมด้วย ไอ้บ้านี่!
“มาแต่เช้าเลยนะครับ”

“คุณโปรน่ะสิคะที่มาแต่เช้า อาต้องมาดูหลานวินอยู่แล้ว นี่เรานัดกันที่นี่ตอนเช้าเลยหรอคะ ไม่ได้นัดที่โกดังโปรเจคหรอ”

“จริงๆ แล้วนัดไว้ที่โปรเจคเลย แต่ผม...เอ่อ..แวะมาเยี่ยมน้องน่ะครับ”
“เป็นห่วง”

ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลล
คุณมึงนั่นแหล่ะที่ส่งเสียงดังข้ามชาติข้ามภพจนกูนอนไม่ได้ ตาโหลขนาดนี้มันไม่ฟ้องโลกบ้างหรอ?

“ใจดีจริงๆ”
“ปรับตัวให้เข้ากับพี่โปรเขาให้ได้เร็วๆ นะลูก จะได้เก่งๆ เหมือนเขา”

นี่ป้าอยากให้ผมเติบโตเป็นตัวเหี้ยหรอ? ไม่เอาด้วยล่ะ
ผมหันหน้าหนี เชิดปากเชิดหน้า ซึ่งเป็นอาการที่ผมไม่ได้ทำบ่อยๆ ป้าสุหัวเราะคิกคักแล้วก็เดินมาลูบหน้าผม จากนั้นก็ดูแลอาหารเช้าที่ป้าสุแสนภาคภูมิใจ...ในการคิดเมนูนะครับ

“เราออกจากที่นี่สัก 9 โมงก็ได้นะครับอาสุ”

“เอ่อ! วินไปด้วยนะครับ”  ทั้ง 2 คนในห้องหันมองผมและสาดคำว่า อุตริ ใส่หน้าตัวเบ้อเริ่ม แต่ผมไม่สนหรอก เหตุผลแรกคือผมไม่ได้เจ็บป่วยใดๆ ทั้งสิ้น ผมแค่อ่อนเพลียจากแดดและการขาดน้ำเท่านั้นแหล่ะ ส่วนเหตุผลที่สอง นี่มันงานของผม จะเหยาะแหยะแล้วให้ป้าสุมาตามล้างตามเช็ดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ป้าสุบอกเองนี่ว่าให้วินมารับผิดชอบโปรเจคนี้ แล้ววินก็ไม่ได้เจ็บป่วยใกล้ตายเลย”
“นะครับ ให้วินไปด้วยนะครับ นี่กินอิ่มแล้วด้วย นอนก็....เพียงพอแล้วด้วย”
“จะไม่เป็นลมเป็นแล้งเหมือนไก่อ่อนแล้วครับ”

“อ้อนเข้าสิ อ้อนเข้าลูก”
“ป้าล่ะชอบดู นานๆ จะอ้อนเอาแต่ใจซะทีน่ะค่ะคุณโปร”

“อ้อ...หรอครับ” รู้สึกว่าถูกเยาะเย้ยกลายๆ ผมเหล่มองเขานิดเดียวแล้วก็หันไปคุยกับป้าสุต่อ นี่ไอ้ตัวกวนส้นตีนจะรู้มั้ยว่าผมโกรธเขาจนไม่คิดจะสนทนาด้วย

“นะครับป้าสุ”

“โอเค งั้นก็อาบน้ำ แต่งตัวซะใหม่นะ”
“คุณโปร งั้นเราคุยกันอีกห้องไปพลางๆ นะคะ หรือจะลงไปนั่งทานกาแฟด้านล่าง”

“งั้น ผมขออนุญาตเลี้ยงกาแฟอาสุนะครับ จะได้คุยเรื่องงานกันไปพลางๆ ระหว่างที่ น้องวิน แปลงโฉม”

กวน ส้น ตีน!

ทั้ง 2 คนหัวเราะกันอย่างถูกคอ ขณะที่ผมทำได้แค่เบี้ยวปากไปมา มือกำแน่นระงับความหมั่นไส้ไอ้เหี้ยหน้าหล่อเข้มตัวที่เพิ่งเดินพ้นประตูไป คอยดูเถอะ! ชาตินี้ ผมจะต้องได้เตะตูดมัน!


#### @ D A W N  #####


จริงๆแล้ว ไอ้โกดังพวกนี้มันไม่ได้ห่างไกลความเจริญ หรือทุระกันดารอะไรนักหนาหรอกครับ เมื่อวานนี้ ถ้าผมไม่ชิงเป็นลมไปเสียก่อน ผมก็จะได้เจอกับไอ้รถสนามกอล์ฟคันนี้แล้ว มันจอดรออยู่ที่หัวมุมโกดังอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้นเอง

และวันนี้ น้ำท่าก็พร้อมสรรพ มีแซนวิชรับรองระหว่างนั่งรถกันมาด้วยซ้ำ แม่งอย่างกับหนังคนละม้วนกับเส้นทางสายโหดเมื่อวานนี้ของผม อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาแกล้ง แต่ลองจับสังเกตแล้ว ก็ไม่พบพิรุธนะ

“ทั้งหมดนี่กี่ไร่นะคุณโปร”

“เนื้อที่รวมทั้งหมดก็ 216 ไร่  1 งาน 56 ตารางวาครับ”
“ได้โกดังสินค้าที่เข้ามาก็เจอเลยนั่นด้วย อันนั้น 3,200 ตารางเมตร”
“ทั้งหมดนี่ซื้อจากแบม (*)”
“เงินจะมาจ่ายก็เงินจากอาร์โอ (**)”
“แล้วก็เงินกู้แบงก์นี่แหล่ะครับ”

“แล้วพีพี (***)ที่ได้ จะเอามาทำอะไรล่ะคะ”

“พีพีที่จะออกขาย จะใช้สร้างสตูอิโดครบวงจรครับ แล้วก็ลงทุนสร้างสเตจเคลื่อนที่ ฉากเคลื่อนที่”

“อืม”
“อาเคยไปดูงานที่สิงคโปร์ เขาก็มีไอ้ที่คุณโปรจะลงทุนสร้างนะคะ”

“ครับ ผมรู้  แต่เขาไม่มีโลเคชั่นเหมือนประเทศเรานี่ครับ”
“นอกจากนั้น ผมจะเพิ่มบริการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์สำหรับทีมงานของพวกกองถ่ายที่ยกกันมา”
“ส่วนมากพวกนี้ต้องทำงานตัดต่อ ถ้าจะถ่ายแล้วกลับไปตัดต่อประเทศตัวเองมันเสียเวลามากเลย จ้างตัดต่อโลคอลก้ไม่ได้มาตรฐาน เพราะฉะนั้นให้สร้างพวกโรงแรม อพาร์ทเม้นท์ ให้พวกทีมงานอยู่ เราก็เก็บค่าเช่า ค่าบริการอื่นๆ ได้อีก”

“อืม คอนเซปเมืองสร้างหนังอย่างที่เล่าให้อาฟังไว้ใช่มั้ย”

“ครับ”

“นี่ถ้าสร้างเสร็จ อาคงไม่ได้เห็นหน้าหลานอีกเลย รายนั้นคงมาขลุกอยู่ในนี้แหล่ะ”
“แต่ก็ดีนะ บ้านอีกหลังของวินใหญ่โตเชียว”

“อ่อ ครับ” น้ำเสียงฟังดูเหมือนกำลังตรึกตรองเพิ่ม ผมรู้ว่าเขาก็ต้องเริ่มคิดแล้วแหล่ะว่าผมอาจจะเป็นตัวหมากที่อันตราย
“แต่ว่าเฮดออฟฟิศอยู่ในกรุงเทพนะครับ”

“นั่นยิ่งดีใหญ่ค่ะ” ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความคิดป้าสุของผมหรือยัง แต่ผมน่ะ เข้าใจแล้วครับ ผมรู้แล้วว่าป้าลงทุนในสินทรัพย์พวกนี้ทำไม เพื่อผมทั้งนั้นแหล่ะ
“ตาวิน”

“ครับ” ผมขานรับคนที่นั่งหันหลังชนกันบนรถกอล์ฟ
“ชอบมั้ยลูก”

นี่ธุรกิจพันล้านนะครับป้า ไม่ได้ของเล่นราคา 20 บาท ถามกันโต้งๆ จนผมกระดากเลย แต่ก็ต้องตอบล่ะครับ

“ชอบครับ”

“ดีจ้ะ”

“คุณโปรคะ เราไปดูพิมพ์เขียวกันดีกว่า อาอยากรู้ว่าอะไรมันจะอยู่ตรงไหน แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่”
“เรื่องคืนทุน เดี๋ยวมาคำนวณกันอีกรอบนะคะ”
“อาว่าอามีวิธีที่จะทำให้เราคืนทุนเร็วกว่าแผนเดิมของคุณ”

เริ่มแล้วครับ โลกแห่งความเป็นจริง

เป็นอันว่าครึ่งวันแรก การดูโกดังและพิมพ์เขียวของโปรเจคเสร็จสิ้นลงแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในร้านอาหารย่านบางนา-ตราด เพื่อทานมื้อกลางวันและแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
ป้าสุไม่มีเวลาให้กับโปรเจคนี้ 100% หรอกครับ มีให้แค่ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้น อีก 90% ที่เหลือ ผมจะต้องเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของฝั่งเราทั้งหมด เฮ้อ งานหินชะมัด!

“คุณโปรกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทรึยังคะ?”

“อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ แต่ว่าบริษัทแม่ต้องจัดประชุมวิสามัญขึ้นมาเพื่อวาระนี้ด้วย เพราะว่าถ้าผมเพิ่มทุนพีพีให้กลุ่มคนนอก บริษัทแม่จะถูกลดสัดส่วนลง การรับรู้รายได้ก็ลดลงด้วย อาจจะ”

“จะมีปัญหาหรอคะ วินเข้าประชุมด้วยได้มั้ยคะ? ในฐานะคนในบริษัทคุณโปร”
“จะว่ามัดมือชกก็ได้ค่ะ แต่อาอยากให้หลานได้เรียนรู้งานเร็วๆ”
“และการเข้าทำงานกับบริษัทคุณโปรนี้เลย แกก็น่าจะได้ประสบการณ์ดีที่ดีกว่าการเป็นพาร์ทเนอร์แล้วมารับฟังแผนเฉพาะเวลาประชุม”
“รับน้องเข้าทำงานได้มั้ยคะ?”

“เอ่ออออ”

“ก็เหมือนทางเราเห็นแก่ได้”
“แต่เงินกู้ อาจะพิจารณาความเสี่ยงให้ต่ำหน่อย ดอกเบี้ยจะได้ไม่สูง ส่วนราคาเพิ่มทุน อาก็ไม่มีเงื่อนไขส่วนลดอะไรทั้งนั้น”
“แค่ให้วินทำงานในบริษัท”
“เป็นผู้ช่วยคุณโปรก็ได้นะคะ”

เฮ้ๆ ถามผมก่อนสิครับป้า ผมทำช้อนส้อมร่วงจากมือ ปากอ้าค้างทั้งที่ปูนิ่มยังไม่ถูกบดละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น
“ป้าสุครับ วิน”

“ไม่ต้องพูดเลยตาวิน”
“ถ้าไม่อยู่ใกล้ชิด เรียนรู้งานกับคุณโปร แล้วเราจะเป็นงานเมื่อไหร่กัน”
“จะรอให้สตูดิโอเสร็จหมดทุกอย่างแล้วเข้าไปรอรับเงินน่ะ ป้าไม่ยอมหรอกนะ แบบนั้นงอมืองอเท้านะลูก”
“ว่าไงคะคุณโปร”

“โอ้! ยินดีเลยครับ”
“งั้น วินเป็นผู้ช่วยพี่ก็แล้วกัน มือขวา อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเลย”
“รับรอง 2 อาทิตย์ รู้เรื่อง!”

รู้เรื่องห่าเหวไร ต่อให้อยู่ใกล้กัน 2 ปีก็คุยกันไม่รู้เรื่องเว้ย!
ผมหันมองป้าสุอย่างเว้าวอน หวังว่าป้าจะเป็นคำพูดอ้อนวอนขอความอิสระคืนจากดวงตาของผม แต่ไม่ครับ มันกลับกันอย่างสิ้นเชิง

“ดีใจล่ะสิ จ้ะ จ้ะ แม่รู้”

ป้ารู้อะไรผิดๆ อีกแล้ว โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!


หลังจากเจออาการ –แม่รู้- ผมก็พูดอะไรไม่ออกอีกเลย
ผมนั่งรถมากับเขา กลับมาที่เฮดออฟฟิศที่เขาบอกว่าอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งมันไม่ใช่ออฟฟิศที่ถนนดุสิตที่เขาเคยนัดไปเจอครับ แต่มันก็ไม่ใช่สถานที่ไม่คุ้นเคยเสียทีเดียว

เฮดออฟฟิศของบริษัทที่ป้าผมจะลงทุน คือผับครับ
ใช่ครับ ผับ...

เฮดออฟฟิศคือห้องใต้ดินที่ผมเคยถูกลากลงมานั่นแหล่ะ
ผมล่ะอยากรู้เหลือเกินว่ากระทวงพาณิชย์ปล่อยให้บริษัทนี้จดทะเบียนการค้าได้ยังไง?!

“อ่า ไม่แนะนำนะ เคยมาแล้วนี่”
“จากบ้านคุณ มาที่นี่ก็...”
“อื่ม ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ที่บ้านไม้ริมน้ำนั่นแล้วนี่”
“มาออฟฟิศที่นี่ทุกวันน่าจะได้ มีคนขับรถแล้วนี่นา”

“ผมคงนั่งรถเมล์มาเอง”

“ขับรถมาเองก็น่าจะได้”
“กับผม ไม่มีเวลาเข้างานหรอกนะ”
“แต่ก็ใช่ว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็มา”
“เอาเป็นว่า เดาเอาเองก็แล้วกันว่าผมจะมาทำงานเวลาไหน แล้วก็มาก่อนผมให้ได้ ทุกวัน”

งี่เง่าชิบหาย ใครทำตามได้ก็บ้าแล้วเว้ย!

“งานที่ทำก็...ทำอย่างที่ผมให้ทำนั่นแหล่ะ”
“ดูท่าทางหัวไว น่าจะเรียนรู้ได้เร็วสุด”
“เรื่องบริหาร คุณก็เรียนมาแล้วนี่ เอามาประยุกต์ใช้ให้ได้ล่ะ”

“ครับ”

“วันนี้ก็...เท่านี้แหล่ะ”
“กลับคอนโดหรูเองได้ใช่มั้ยครับ?”

“ครับ” เกลียดเขาตอนนี้ทันมั้ยวะ? ผมเขม่นคิ้วใส่ ไม่เอ่ยลา ไม่ยกมือไหว้ และหันหลังกลับดื้อๆ

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“เปล่า กลับไปเถอะ”

อะไรของเขา แปรปรวนยังกับผู้หญิงมีประจำเดือน ผมเห็นพี่ที่เรียนโทเปรียบเปรยแบบนี้บ่อยๆ เมื่อไม่มีอะไรต่อกันแล้วผมก็เดินตึงตังออกจากออฟฟิศชั้นใต้ดิน ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินและที่นี่จะกลายสภาพเป็นผับหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพ



ถึงห้องปุ๊บก็งานเข้าเลยล่ะครับ
ไอ้โอมโทรมา เพื่อบอกข่าวดีแก่ผมว่า
“เกรดออกหมดทุกแล้วมึงงงงงงงงงงงงง”
“เหี้ยยยยยยยยยยยย เฮียโป๊ะแม่งงงงงงงง”
แม่งอะไรวะ?
อย่าบอกนะไอ้เหี้ยนั่นแกล้งผมด้วยเกรด
ไม่นะ ไอ้ชั่ว! ไอ้ทุเรศแห่งสามโลก ไอ้เจ้าแห่งเหี้ย!

โอ๊ะ!
ผมตาแทบถลน เมื่อเปิดคอมเข้าเวบมหาวิทยาลัยแล้วตรวจสอบเกรดตัวเอง
สามเอครับ!
ไม่จริงน่า!
ก่อนหน้านี้ เกรดที่ผ่านมาก็ได้เอบ้างแต่ไม่เคยเอรวด 3 วิชาแบบนี้เลย ผีหลอกผมรึเปล่าวะเนี่ย!

“เหี้ยโอม” ผมเรียกปลายสายที่โทรหา
“เกรดมึงเป็นไง” มันบอกได้ สองเอ กับหนึ่งเอลบครับ เออ ก็ไม่ต่างกันมาก หรือว่าศักยภาพการทำเกรดของผมจะเพิ่มขึ้น
“อ๋อ กูหรอ” ผมประวิงเวลาไว้นิดเมื่อมันถามเกรดของผมกลับ สยบความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตได้แล้ว ผมก็บอกเสียงประหม่า
“กูได้สามเอเว้ย”
“ไอ้เหี้ย!! เกิดมาไม่เคยได้เกรดดีขนาดนี้ สัดเอ้ย!”
“แดกเหล้ามั้ยมึง!” เอา เอา ไอ้ห่านี่ก็ไม่เคยชักชวนทำเรื่องดี หรือห้ามปรามไม่ให้ทำเรื่องไม่ดีอยู่แล้ว ผมอารมณ์ดีมากถึงขั้นอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ใส่น้ำหอมด้วยนะครับพูดแล้วเขิน นาฬิกาเรือนหรูที่เคยสวมใส่ติดข้อมือก่อนจะออกไปอยู่คนเดียวถูกนำมาประดับกายอีกครั้ง เสื้อผ้าแบรนด์หรูที่ป้าสุจัดหาไว้ให้ถูกหยิบมาทาบตัวครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้ตัวที่พอดีรูปร่าง แล้วก็สีถูกใจนั่นแหล่ะครับ ผมถึงได้ออกจากคอนโด

อา...แต่ว่านี่มันเพิ่ง 6 โมงเย็นเอง นอนรอเวลาก็แล้วกัน
ผมถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อกล้ามแล้วก็งีบเอาแรงครับ คืนนี้จะได้เมาอย่างขยันขันแข็ง

สามทุ่มก็ถูกปลุกโดยไอ้โอมครับ เหมือนมันรู้ว่าผมจะนอนให้ตะวันทับตาเล่น
และเมื่อเพื่อนสั่นกระดิงริงมายเบลล์ขนาดนี้ ผมก็ซิ่งรถสีเหลืองแป๋นออกจากคอนโด ทะยานไปที่ผับ...หรือก็คือเฮดออฟฟิศที่ทำงานใหม่ของผมนั่นอง

ไอ้หมาโอมมายืนรอต้อนรับเลยครับ ว่าไปนั่น ไม่ใช่เพราะว่าผมบุญหนักศักดิ์ใหญ่อะไรหรอกครับ มันมาโบกรถตามหน้าที่
เจอหน้ากันก็ยิ้มตาหยี แล้วก็กระโดดตีมือกันอย่างดีอกดีใจ ก็ผมเรียนกับไอ้โอมมาตั้งแต่ป.ตรี รู้ไส้กันดีครับว่าเกรดแต่ละตัวที่ได้มันน่าอวดเหี้ยมากกว่าอวดคน

“แหมๆ มึง วันนี้ตัวหอมฉุยเลย จะเอาสาวกลับบ้านกี่คนวะ”

“มึงอัพเดทหน่อย ป้ากูลากกูกลับไปอยู่คอนโดแล้วเว้ย”

“อ้าว งี้มึงก็เป็นคุณชายเต็มตัวแล้วดิ”

“เออ วันนี้ป๋าวินเลี้ยงเอง มึงเลิกทำงานเลย มานั่งแดกเหล้ากัน เอาให้หนำ กูเริ่มทำงานแล้วนะเว้ย”

“เฮ้ย! จริงดิ ป้ามึงเตะมึงไปทรมานสาขาไหนวะ” ผมเลือกจะเงียบแทนจะบอกความจริงมันทั้งหมด ด้วยหนึ่ง เราเดินกันมาถึงในผับแล้ว และสอง ยังไม่พร้อมครับ แฮะๆ

“นั่งโซนในนะมึง เดี๋ยวกูไปหา”

“อืม” ผมรับคำแล้วก็เดินเลยส่วนอึกทึกที่มีสาวๆ เต้นกันคึกคัก เข้าไปด้านใน เพื่อเข้าสู่โซนนั่งดื่มเงียบๆ

กำลังจะอ้าปากหาว ไอ้หมาโอมก็มารักษาคำพูดครับ มันมาพร้อมเหล้านอก ขวดมิกเซอร์เท่าที่ร่องนิ้วมันจะหนีบได้ ถังน้ำแข็งแล้วก็แก้ว 2 ใบ

“หมดขวดก็กลับได้” มันบอกแล้วยิ้มท้าทาย คิดว่ากูจะไม่รับคำท้ามึงรึไงเล่า ผมพยักหน้ารับพลางกระตุกมุมปาก จากนั้นเราก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยครับ
แก้วแล้วแก้วเท่าที่ผมงัดขึ้นดื่มไม่ได้ทำให้คำพูดมากมายในหัวผมหลุดออกจากปาก ระหว่างดื่มไป ผมก็คิดไป ทั้งเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบแบบไม่ทันตั้งตัว เรื่องทำไอเอสที่ยังไม่ได้หารือกับตัวเองเลยว่าจะเอาเวลาทีไหนไปทำ ไหนจะเรื่องไอ้โอมไปเมืองนอกอีก ผมอยากรู้ว่ามันจะไปวันไหน เดือนไหน และผมควรไปส่งมันมั้ย หรือว่าควรบอกลามันเสียตั้งแต่วันนี้ไปเลยดี

ไหนจะเรื่องของนายมือโปรอีก ผมจะทำยังไงให้เขาหายโกรธผมดี
ผมอยากญาติดีกับเขา เพราะเขาเก่งกว่าผม ช่วยเหลือผมได้ และเขาก็เป็นคนดี
แต่เขากลับมีมุมมองที่ไม่ดีต่อผม ไม่รู้ว่ามันจะกระทบกับการร่วมทุนรึเปล่า และถ้ากระทบขึ้นมา ป้าสุคงผิดหวังในตัวผมมากแน่ๆ
ทั้งที่ไม่ค่อยมีใครรักผมแท้ๆ ทำไมผมถึงทำให้ผู้หญิงคนเดียวที่รักผมอย่างบริสุทธิ์ใจต้องผิดหวัง ผมไม่อยากป้าผมผิดหวังเลย ให้ตายสิ

“อ้าวเฮ้ย เมาแล้วหรอหมาวิน”

“มาวินเว้ย จะแปลงชื่อก็เอาหล่อๆ”

“ลูกหมาวิน มึงอ่ะ มาววววววว” มึงไม่เมาเลยเนอะ เสียงงี้ยานกว่ากระจู๋มึงแล้วไอ้โอม

“เออ กูเมาแล้ว”

“ไปพักมั้ยมึง ไปเยี่ยวห้องพี่โป๊ะได้นะ เขาให้กุญแจไว้”

“ไม่เอา กูจะเยี่ยวที่ธรรมดา ทำไมต้องให้กูเข้าห้องเขาทุกทีเลยวะ มึงนิ!” ผมด่ามันอยู่นะ แต่น้ำเสียงไม่ดุเท่าไหร่หรอกครับ มึนๆ แล้วควบคุมกระบังลมไม่ได้ เสียงเลยออกมายานๆ

“ก็มันใกล้กว่า”
“ไม่ไปใช่มั้ย? งั้นรอนี่ กูไปเยี่ยวแป๊บ” บอกแล้วก็เดินไปครับ ไอ้โอมเดินง่อนแง่นลงไปชั้นใต้ดิน ส่วนผมก็นั่งดื่มต่ออย่างไม่บันยะบันยัง

อืม...รู้สึกว่ามจะผ่านไปนานแล้ว ทำไมโอมเยี่ยวนานจัง จู๋มึงยานเท่าสายยางแล้วมั้ยเนี่ย ผมขมวดคิ้วเพราะรู้สึกสงสัย จากนั้นก็ตัดสินใจเข้าไปดู โอ๊ะ! บันไดทางลงนี่แม่ง....เดินยากเหี้ยๆ

ผมตามัวๆ เหมือนมีม่านน้ำบางๆ มากั้นการมองเห็น ผมก็เลยต้องเพ่งตามองมากขึ้น แล้วผมก็เจอเพื่อนรักเสียที
“โอม!” ก็คิดว่าเรียกเบาๆ ทำไมกลายเป็นผมตะโกนไปเสียได้ ไอ้หมาเจ้าของชื่อนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นพรมหน้าประตูห้องน้ำครับ เห็นแล้วขำชิบหาย ส่วนคนไม่เมามากอย่างผม ย่อมมีสิทธิเลือกที่นอนดีที่ดีกว่าอยู่แล้ว
หันซ้ายหันขวาแป๊บเดียว ผมก็เลือกจะเทตัวนอนโซฟาตัวยาว กลิ่นหอมของหมอนอิงลอยมาเตะปลายจมูกผมเบาๆ มันคือกลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นดี เวลาอยู่ใกล้ๆไอ้พี่โป๊ะแล้วจะได้กลิ่นนี้เสมอ

งั้น...ที่ตรงนี้คงเป็นที่นอนประจำของเขาสินะ
ดีล่ะ! ผมจะนอนทับที่แม่งเลย ไอ้โหดเอ้ย!


#### @ D A W N  #####


เช้านี้....ถ้าหากว่ามันเป็นตอนเช้าแล้วจริงๆ ล่ะนะ
เช้านี้....ปวดหัวมากครับ หนาวด้วย ผมขดตัวหนีอากาศเย็นเจี๊ยบ ซุกหาที่อุ่นๆ เมื่อเจอก็ของีบต่ออีกนิด ผมยังไม่อยากตื่นเลย ก็ตรงที่นอนอยู่นี้มันอุ่นๆ นุ่มๆ ผ้าห่มเหี้ยไรก็ไม่รู้พอดีตัวผมชิบหายเลย หมอนก็ด้วย

“วิน”

ใครเรียกว้า แม่งกล้าขัดการนอน!

“วิน”

“อืมมมมมมมมม” ผมขานรับในลำคอ แล้วก็ยิ่งซุกหน้าขดตัวอยู่ในความอุ่นนุ่ม

ไม่มีใครเรียกผมแล้วครับ มีแต่ผ้าห่มและหมอนที่ขยับเองได้ มันกำลังเคลื่อนที่ห่อตัวผม รองหัวผมให้อยู่ท่าที่แสนอุ่นสบาย

“เออ เออ เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”



cut


(*) แบม / BAM = บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ NPL และ NPA.
(**) อาร์โอ / RO = การขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
(***) พีพี / PP = การขายหุ้นเพิ่มทุนใหกับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 24-05-2015 20:13:47
โอ้ยยยย ฉากสุดท้ายคืออะไร นอนกอดกันอ่าาา เขากอดกันแนบชิดด้วยยยยย

ปล.อยากให้น้องวินเข้าร่วมสมาคมไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ กับน้องเจมกับน้องธามไวๆ จัง น้องวินจะได้มีพวกร่วมด่าพี่โป๊ะ 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 24-05-2015 22:26:39
เรื่องนี้ น่าจิดตามมาก
รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน13(18-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-05-2015 23:43:28
หง่อวววว เขิน
ไอ่ยุ่ง มายุ่งในใจเค้าทำไม อร่างงงงงง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 25-05-2015 13:32:25
พี่โป๊ะ อย่าโกรธน้องนานเลย  เอ๊ะ โกรธนานๆ ก็ดี  เค้าด่ากันละฮาดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 25-05-2015 14:33:25
และแล้วน้องวินคนดีก็ต้องไปพัวพันอย่างจริงจังอย่างเป็นทางการกับเชี่ยพี่โป๊ะอยู่ดี 555
เอาที่พี่โป๊ะสบายใจเล๊ย จะจิกกัดแกล้งน้องได้ลงได้ยังไง ถามใจตัวเองดู ><

และก็....ยังชอบความสัมพันธ์ของโอมกับวินแบบนี้อยู่ดี ..ถ้าโอมไม่อยู่วินคงจะเหงา
วินเหมือนชอบแสดงออกว่าตัวเองจะไม่เป็นไร ไม่รู้สึกอะไร ถ้า ใครจะหายไป T_T เข้มแข็งแต่ไม่เข้มแข็งเบย *กอด*
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 25-05-2015 15:29:59
นี่ป้าอยากให้ผมเติบโตเป็นตัวเหี้ยหรอ? ไม่เอาด้วยล่ะ

ประโยคเดียวสื่อความหมายได้รวบยอดเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-05-2015 16:03:01
รอวินตื่นเต็มตาดีกว่า ท่าจะมัน 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-05-2015 16:09:47
อย่างพี่โป๊ะ  ต้องเอาน้องเจมมาร่วมแจมด้วย
ศัตรูเก่าพี่โป๊ะ ถือว่าเป็นมิตรได้หรือเปล่านะ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 25-05-2015 16:14:41
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 25-05-2015 18:11:23
รอ มาวิน ตื่นนอน

อิอิ

  :mew3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 25-05-2015 20:21:06
แอร๊ยยยย มารอน้องวินตื่นนอนค่า  :hao6: :hao6:

มาต่อเร็วๆนะคร๊าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 25-05-2015 20:34:43
พี่โป๊ะจะหายโกธรน้องเมื้อไหร่เนี่ย

สรุปวินไม่เคยมองพี่โป๊ะเป็นคนเลยสิน่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 26-05-2015 23:38:34
นี่แค่คิดจะง้อนะ ยังไม่ได้ง้อจริงจัง แค่บังเอิญได้ง้อแบบไร้สติ

คำว่า "ไอ้ยุ่ง" ก็หลุดออกมาจากปากคนงอนแล้ว กิ๊วๆ

นึกภาพไม่ออกเลยว่า ถ้าลงมือง้อจริงๆ จังๆ นี่จะขนาดไหน

ผ้าห่มหนังเหี้ย พร้อมชุดเครื่องนอนเหี้ยอุ่นดีไหมล่ะวินเอ้ย  55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MUSIX ที่ 26-05-2015 23:43:17
ติดเรื่องนี้งอมแงมเลย มาต่อไวๆนะคะ  :mew2: :mew2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 27-05-2015 14:15:55
เดาได้เลยว่าใครเป็นหมอนกับผ้าห่มให้ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 27-05-2015 16:51:31
ไอ้ผ้าหม่กับหมอนดิ้นได้เนี่ย ใช่..... หรือเปล่าหนอ  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-05-2015 01:26:03
โอ๊ยย เห็นภาพลูกแมวซุกอกแล้วจะละลายยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 02-06-2015 20:31:58
อ้ายๆๆๆ ฉากสุดท้ายมันนนนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน14(24-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 06-06-2015 22:37:43
อย่าหายไปอย่างนี้~~~    เพราะฉันรู้สึกไม่ดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 07-06-2015 00:24:05
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 15



“คิดดีแล้วใช่มั้ยเนี่ยคุณ”
“คิดว่าห้องผมเป็นไรอะไร นี่ห้องทำงานนะ”
“คิดจะมาเยี่ยวก็มางั้นหรอ? ไอ้ห่าโอมนี่ก็ยังไง กุญแจนี่กูเอาไว้ให้ยามฉุกเฉิน ไม่ได้เอาไว้ให้มึงพาเพื่อนคุณหนูมาเยี่ยวฟรี ห่านี่!”

อะไรเนี่ย
ทำไมต้องมาฟังเสียงคนบ่นทั้งที่ยังง่วงอยู่ด้วย
จะให้ตื่นก็ไม่ไหวหรอกนะ นี่ยังปวดหัวอยู่เลย
ปวดหัวเพราะกินเหล้านี่แหล่ะ
เออว่ะ! ผมดวลเหล้าฉลองกับไอ้โอมนี่หว่า
โอยยย แล้วใครบ่นอยู่ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่า

“พี่โป๊ะ!” ผมเรียกชื่อเจ้าของใบหน้าที่ยื่นมาเสียใกล้

“ก็เอออออออออออออออออออออออออสิ!” หน้าเขาหันมาหาผมอย่างรวดเร็ว พอปลายจมูกตรงกันเป๊ะแล้วเขาก็หยุดสายตาไว้ที่ลูกกะตาผม

“คุณก็เหมือนกัน”
“เป็นคุณหนูก็ไปกินเหล้าร้านหรูๆ สิ”

“พูดยังกับร้านพี่โป๊ะถูกๆ แหล่ะ แพงเหมือนกันแหล่ะน่า” ไอ้โอมเถียงแทนผมครับ เขาหันกลับไปบ่นมันต่อ แต่ตัวยังนั่งอยู่กับผมบนโซฟา ส่วนไอ้โอมนั่นนอนแหล่หลาบนพรมในห้องเหมือนเดิม

“ยังจะเถียง มึงผิดนะโอม”

“ผมขอโทษนะพี่โป๊ะ แต่ผมไม่ได้เหลิงเพราะพี่ใจดีด้วยจนกล้าชวนใครก็ไม่รู้มาในห้องส่วนตัวพี่หรอก”
“ก็เห็นว่าพี่กับไอ้คุณชายวินรู้จักกันดี วินมันก็น้องพี่เหมือนกันไม่ใช่หรอ”

“ไม่ใช่เว้ย!”

“ขอโทษ!”
“โอม กูกลับแล้วนะ”
“กลับกับกูมั้ย เดี๋ยวไปส่ง” ผมบอกแล้วเด้งพรวดขึ้นยืน ก็เจ้าของห้องเขารังเกียจกันขนาดนี้ อยู่ไปจะเป็นบุญคุณกันถึงชาติหน้าเปล่าๆ

“เดี๋ยว ผมยังไม่หมดธุระกับคุณ”
“โอม กลับไปทำงานที่ออฟฟิศโน้นไหวมั้ย”

“ไหวครับพี่”

“เออ งั้นไปทำงานของมึงให้ดี คนไม่รู้หน้าที่ไม่นับเป็นคนสำหรับกู”

“วิน ไปดิ”

“กูบอกว่ายังไม่หมดธุระกับเพื่อนมึงไง”
“มึงน่ะกลับไปได้แล้ว แต่เพื่อนมึงเนี่ย กูมีเรื่องต้องทำความเข้าใจ”

“โธ่เฮีย! อย่าทำไรมันเลย วินมันก็ตัวเท่านั้น อีกอย่าง ผมชวนมันเมาเอง ก็แค่ฉลองเกรดกัน แล้วก็ไม่ได้แตะต้องอะไรในห้องนี้เลยนะ ผมเยี่ยวทีเดียวเอง”

“กูถามหรอ? กูบอกว่าอะไร”

“ให้กลับ”

“แล้วจะไม่ทำ?”

“ก็....วินมัน”

“ไปได้แล้วมึงน่ะ กูไม่ฆ่าทิ้งหรอก”
“เดี๋ยวป้าเขาเอาเรื่อง” อืม....ผมจะโดนอะไรบ้างหลังจากไอ้โอมกลับไปแล้วก็เดาไม่ออกเหมือนกัน ไอ้โอมส่งสายตาเห็นใจให้ผมแล้วก็เดินกุมหัวออกจากห้องใต้ดินนี้ไป พอสิ้นเสียงกึกปุ๊บ เขาก็ลุกไปที่ประตูแล้วกดล็อคทันที

ไอ้หมีควายตัวนี้น่ากลัวชะมัด!

“ไง” แล้วผมต้องตอบว่ายังไงล่ะ? จะให้เฮ้! ดู้ดงี้หรอ ก็คงไม่สมควรเท่าไหร่ล่ะนะ ผมเม้มปากแน่น เบียดตัวพิงพนักโซฟา มือกำแน่นวางไว้ที่หน้าขา หน้าก็ก้มต่ำ

“ไง” เขาเน้นเสียงอีก คือผมต้องตอบอะไรบางอย่างใช่มั้ยเนี่ย หัวมันเบลอไปหมดแล้ว

“วิน”

“ข...ขอโทษ”
“แต่วินไม่ได้ฉี่เลยนะ”

“เรื่องของฉี่มันเถอะ เราเนี่ย ยังไง”
“เมาหลับอยู่ที่นี่ บอกที่บ้านรึเปล่า”

“เปล่าครับ”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ! แบบนี้จะปล่อยได้ไงวะ! ยุ่งเอ้ย!”  ก็ไม่ได้ขอให้มายุ่งสักนิด ผมได้แต่เถียงในใจ พลางเงยหน้ามองเขาที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง กดเบอร์โทร แล้วก็รอสาย

โทรหาใครวะ? แล้วทำไมต้องมายืนขายาวอยู่ตรงนี้ด้วย ไปคุยที่อื่นไม่ได้หรอ?

“ครับอาสุ โปรเอง”

ชิบหาย! นี่ฟ้องป้าสุหรอ? ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะแม่งเลวจริงๆ ความปราณีแม่งคงติดลบในสัดส่วนความรู้สึกแน่ๆ

“จะโทรมาขอโทษนะครับ พอดีให้วินเขาดูเอกสารโปรเจค แล้วก็ข้อมูลกว้างๆ ก็เลยลากยาว”
“นี่หลับอยู่ออฟฟิศผม อาสุไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ครับ ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” ยิ้มส่งท้ายด้วย ยิ้มกับอากาศนะครับ ไม่ได้ยิ้มกับผม วางสายจากป้าสุแล้วเขาก็ก้มหน้ามองผมใหม่ รอบนี้กอดอกพลางหย่อนขาแล้วก็งัดส้นตีนขึ้นลง กระดิกเท้านั่นแหล่ะครับ

“ไงล่ะไอ้ยุ่ง”
“ยังไงดี”

“พี่โป๊ะ ไม่ฟ้องป้าสุหรอว่าวินเมาหลับไม่รู้เรื่อง”

“ทำแบบนั้นก็ไม่เห็นได้อะไร”

“แล้วแก้ตัวให้วิน ได้อะไร”

“ได้ทาส 1 คน” ตอบให้งงแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองครับ ไม่พูดอะไรต่อ ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม ผมนั่งงงอยู่แป๊บนึงก็วิ่งหลุนๆ ไปยังหน้าโต๊ะทำงานเขาไว้

“ทาสอะไร วินไม่เข้าใจ”

“ก็คุณไง”
“ค่าตอบแทนที่แก้ตัวให้ เป็นทาสผมวันนึงก็แล้วกัน”
“เริ่มจาก ไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เสื้อผ้าหาเอาเอง ใส่ของผมได้ อนุญาต”
“เสร็จแล้วจะได้กินข้าวเช้ากัน แล้วก็ทำงาน ไม่รู้รึไงว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

“เอ่ออออออ” ผมกวาดตามองผนัง หมายจะหานาฬิกา แต่ก็นึกออกว่าที่ข้อมือตัวเองก็มีเพราะใส่ออกจากคอนโดเลยยกของตัวเองขึ้นเช็ค แต่ว่า...นาฬิกาข้อมือผมหายครับ

“เฮ้ย! นาฬิกาวิน!”
“เรือนรักเลยนะ”

“โน่นนนนนนนนนนน” คำว่าโน่นและสายตาบอกกับผมว่าอย่าโวยวายและจงเดินไปตรง -โน่นนนน- ซะดีๆ

ผมเดินไปยังประตูอีกบานตามสายตาเขา เปิดเข้าใจก็พบห้องเสื้อนายมือโปรครับ โอเค ตอนนี้ผมคงต้องทำตามที่เขาบอกเสียก่อน ไว้มีเรี่ยวมีแรง และกู้ภาพความน่าเชื่อถือกลับมาได้แล้วค่อยว่ากัน
ห้องเสื้อผ้าเขาหนาแน่นมากครับ แต่ก็อยู่ในกล่องในตู้อย่างดี คัดแยกด้วยว่าส่วนเสื้อ ส่วนกางเกง ส่วนกางเกงใน แล้วก็เครื่องประดับแยกไว้อีกตู้หนึ่ง ด้านในอีกทีเป็นห้องน้ำแล้วครับ ซึ่งมันก็เชื่อมกับประตูที่ไอ้โอมเข้ามาฉี่ ผมก็เลยต้องลำบากล็อคประตูมันทั้ง 2 ฝั่ง

จัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว (กางเกงในนี่ผมแกะใหม่เพราะตาดีเห็นของใหม่นอนอยู่ในแพ็ค ส่วนบ๊อกเซอร์ก็เลือกลายสีพื้นๆ เอาแบบยี่ห้อที่หาซื้อมาคืนได้ง่าย) ผมก็เดินออกมา

นายมือโปรหันมาหาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็หันไปทำงานต่อ

“เอ่อออ”

“หิวแล้วล่ะสิ แป๊บนะ พี่ทำนี่ก่อน” บอกเท่านี้แล้วก็เงียบไป ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธผมแล้ว เพราะแทนตัวเองว่าพี่ แต่อย่าเพิ่งได้ใจไป ผมจำได้ว่าเขาให้ผมเป็นทาสเขา ความโหดร้ายน่าจะปรากฏตัวหลังจากนี้

ผมเดินมานั่งจ่อมอยู่ที่โซฟาที่มุดนอนเมื่อคืนอีกที ว่างๆ ก็เลยมองหาหมอนกับผ้าห่มที่ยึดไว้เป็นของตัวเอง จำได้ว่านิ่มกำลังดี ผ้าห่มก็อุ่น หอมด้วย อืมม..หาไม่เจออ่ะ

“เอ่อ พี่โป๊ะ”

“อะไร บอกว่าแป๊บนึงไง”
“เดี๋ยวทำให้”

“คือ....” ทำอะไรวะ? อย่าบอกนะว่าทำข้าวเช้า ตรงๆ เลยนะครับ แดกได้มั้ยเนี่ย?
“เปล่าๆ วินจะถามว่าพี่เก็บหมอนกับผ้าห่มไว้ที่ไหน เดี๋ยววินเอาไปซักมาคืนให้ ชุดนี้ด้วย”

“ไม่มีอ่ะ ละเมออะไร”
“มีก็เห็น”

แล้วเมื่อคืน...ผมหนุนอะไร ห่มอะไรวะ?
ผมหันขวับไปเกาะพนักโซฟา เบื้องหน้าผมคือแผ่นหลังเขาที่เกินพนักเก้าอี้ มันคงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ
ผมแตะไหล่เขาเบาๆ นายมือโปรเลยหันมาหาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“อะไรอีก แป๊บนึง!”

“คือเมื่อคืน”
“วินนอน...ยังไง”

“ก็นอนที่โซฟานี่ไง”
“แผ่หลา”

“ผ้าห่มล่ะครับ”

“อ้อ นี่แหล่ะเหตุผลที่ต้องเป็นทาสวันนี้”
“ซบซุกซะจนพี่เป็นตะคริว จะขยับก็อื้ออื้อ ไอ้ยุ่งเอ้ย!”

“วินนอนกอดพี่หรอ”

“แหงล่ะ ดูรูปมั้ย”

“ถ่ายรูปไว้ด้วย!”

“ก็แน่ดิ หลักฐานต้องมัดตัว จะได้แถไม่ได้”

แม่งเอ้ย! รอบที่แล้วเขาก็ถ่ายรูปตอนผมนอนกอดเขาไว้ได้ มารอบนี้อีก นี่ถ้าเขาเอาเรื่องพวกนี้มาขูดรีดเงินจากผม ผมต้องหมดตัวแน่ๆ แม้จะไม่ค่อยมีเงิน(ส่วนตัว)ก็เถอะ

“ขอโทษ” ผมพูดคำนี้อีกแล้ว ปลงตกก็รูดตัวมากรอมอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม และที่นายมือโปรพูดไว้ก็ไม่ผิด ผมหิวข้าวแล้ว นี่มันเกินเวลากินข้าวเช้าของผมแล้วนี่นา

“พี่โป๊ะ”

“โอเคโอเค”
“เสร็จแล้ว รอแป๊บ” เขาบอกทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าเรียกทำไม นายมือโปรก้าวยาวออกจากห้องไป ประตูไม่ได้ปิดสนิท หรือมันจะแปลว่าผมต้องตามเขาขึ้นไปด้วย

ผมเดินตามเขาไปไม่ห่างนัก โผล่หัวมาเจอพระอาทิตย์ยามเช้าก็อดรู้สึกสดชื่นไม่ได้ เช้านี้ของผมน่าตกใจสุดๆ
เรามาถึงครัวของผับกันครับ ใหญ่โตพอสมควร
นายมือโปรเปิดตู้เย็นยักษ์ หยิบของมากองไว้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าเขาหยิบอะไรมาบ้าง เปิดแก้ส หั่นของ และเปิดอะไรอีกวุ่นวาย แต่ไม่นานก็มีเสียงฉ่า พร้อมกับกลิ่นยำยั่วน้ำลาย

“กินๆ ไปก่อนก็แล้วกัน”
“วันนี้จะพาไปดูโมเดลที่ออฟฟิศทาวน์อินทาวน์ จะได้รู้สเกลโปรเจคแล้วคุยกับป้าคุณรู้เรื่อง” สั่งเสร็จก็วางจานข้าวผัดปลาทูน่ามาให้ผม

“ทานสิครับคุณชาย”

“เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมรับคำแล้วก็ตักข้าวเข้าปาก กินมันบนเคาน์เตอร์ครัวนี่แหล่ะ
คำแรกที่เข้าปากทำเอาอดยิ้มไม่ได้ ข้าวผัดยำปลาทูน่ากระป๋องนี่แม่งอร่อยจริงๆ หรือไม่ ผมก็หิวมาก

นายมือโปรก็กินเหมือนที่ผมกินนั่นแหล่ะ เขาส่งน้ำเปล่าปริ่มแก้วให้แล้วกระดกน้ำเปล่าจากขวดเข้าปาก เราไม่พูดอะไรกันมากมายครับ เพราะต่างคนต่างกิน ผมเห็นเขาเหลือบมองผมบ่อยๆ ส่วนผมนี่กินไปก็มองเขาไป มองด้วยความทึ่งในอะไรหลายๆ อย่าง

เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลย ไอ้เหี้ยนี่น่ะ

“พี่โป๊ะ” ผมลองชวนคุยเมื่อกินข้าวหมดจานและดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว นายมือโปรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เพราะเขายังไม่กินไม่อิ่มครับ นี่ก็เติมเป็นรอบที่ 2 แล้ว
“เกลียดวินมากมั้ยครับ”

“เรื่อง” ข้าวคาปากก็ยังจะพูด แต่เขาไม่ผิดหรอก ก็ผมชวนคุยเองนี่

“เรื่องที่วินไม่ได้บอกว่าเป็นหลานตระกูลนี้”

“ไม่หรอก”

“แล้ว...พี่ปั้นปิ่งกับวินเพราะอะไร”
“วินไม่ชอบอยู่ใกล้คนที่ไม่ชอบวิน ยิ่งพี่มีท่าทีแบบเมื่อวันก่อน วินยิ่งไม่ชอบ”
“เคลียร์ๆ กันไปแล้วก็จบไม่ได้หรอ”

“ไม่ได้”
“ทำงั้นก็คือการหนี”
“ถ้าชีวิตคุณมันดีถึงขั้นลบความรู้สึกไม่ดีได้ทุกอย่างเพียงแค่คุยกัน 2-3 คำ คุณจะรู้คุณค่าของความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นได้ยังไง”
“วันนึงเราก็คุยกันเหมือนเดิมได้นั่นแหล่ะ แต่ไม่ใช่วันนี้”
“วันนี้คุณเป็นทาสผมก่อน ชดใช้เรื่องเมื่อคืนกับเมื่อเช้า”
“พรุ่งนี้ ค่อยคิดอีกทีว่าเราจะคุยกันด้วยฐานะอะไร”
“เติมข้าวมั้ย ขี้เกียจแบกเด็กเป็นลม”

สรุปแล้ว เขาก็เป็นคนดีเหี้ยๆ นี่เอง


กินอิ่มปุ๊บเขาก็ทำตามแผนงานเขานั่นแหล่ะครับ
ขับรถพาผมไปออฟฟิศอีกที่ที่ทาวน์อินทาวน์ ที่นี่ผมได้พบกับผู้หญิงที่ท่าทางอารมณ์ดีที่เจอเมื่อวันก่อน
คุณแนน เลขาพี่โป๊ะ
เจอหน้าผมปุ๊บก็ส่งยิ้มหวานให้ แต่กลับเร่ไปหานายมือโปร พอได้ระยะที่ผมมองไม่เห็นกิริยาเธอแล้วก็กระซิบพูดบางอย่างกับเจ้านายของเธอ นายมือโปรหันมองผมแล้วกระตุกยิ้ม

“บ้าแล้วแนน”
“นี่คุณวิน หุ้นส่วนของบริษัทย่อยเราไง แต่กำลังจะเป็นพนักงานใหม่ที่นี่”
“รู้แล้วก็ไปเตรียมน้ำต้อนรับด้วย เดี๋ยวคอแห้งแล้วจะเป็นลมอีก”
“เตรียมห้องประชุมเล็กไว้ด้วย พี่จะทำงานห้องนั้น”

“ค่า” ดูเหมือนเธอจะกระแทกเสียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าประตูบริษัทที่ออกแบบไว้เหมือนประตูบ้านแคบๆ เธอหันมองผมอีกรอบแล้วก็ส่งยิ้มให้อีกรอบ อืมมม ยิ้มเก่งดีจัง

“ไอ้บ้าแนน”

“พูดถึงคนอื่นดีๆ หน่อยก็ได้นี่ครับ”

“มารยาทมาเต็มเชียวนะครับคุณหนูวิน”
“ถ้ารู้ว่าไอ้แนนมันพูดอะไร จะปกป้องมันอยู่มั้ย”

“คุณแนนพูดอะไรล่ะครับ”

“แนนมันบอกว่าวินน่ากินไปทั้งตัว ขอแทะหน่อยได้มั้ย”

“เอ่อ...วินไม่ใช่ขนม แล้ววินก็ไม่ง่ายด้วย” ผมไว้ตัว วางสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่รู้สึกอยากเขวี้ยงหน้าดุใส่คุณแนนเต็มแก่

“เชิญครับคุณวิน” เขากลับมากวนตีนผมอีกรอบ นายมือโปรผายมือนำทาง ผมเลยรับเกียรติที่ได้รับอย่างกะทันหันไว้อย่างไม่มีทางเลือก

ออฟฟิศนี้แปลกตาดีครับ มองภายนอกก็เหมือนโฮมออฟฟิศทั่วไป แต่ข้างในกลับดีไซน์ให้ดูเหมือนเขาวงกต นี่ถ้าไม่ตามตูดเขาติดๆ ผมก็คงหลงตรงแยกห้องน้ำชั้น 2 นั่นแหล่ะ
ภายในบริษัทที่น่าจะมีแค่ออฟฟิศ กลับมาห้องสตูดิโอซ่อนอยู่ ไม่ใช่สตูฯ เล็กๆ เลย
แล้วก็มาถึงห้องทำงานเขาเสียที แต่เขาไม่ได้เชิญผมเข้าห้องหรอกครับ เขาชี้นิ้วสั่งให้ผมนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องเขาก่อน ผมก็เลยต้องนั่งสบตากับคุณแนนที่ยังไม่เลิกส่งยิ้มหวานให้กับผมอีกครั้ง

“เอ่ออ”

“คุณวินจำแนนได้มั้ยคะ”

“ครับ”

“โทษนะคะ ถามได้มั้ยว่าอายุเท่าไหร่”

“ก็เพิ่งถามมานี่ครับ”
“กำลังจะ 25 ครับ”

“ต๊ายยยย ขบเผาะ” ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะบอกว่าอายุเท่าไหร่ เธอก็จะแจกคำนี้กลับมา ผมยิ้มให้ตามมารยาทแต่ก็ไม่นึกเหยียดหยันในอาการกล้าได้กล้าเสียของเธอนัก ผมรู้สึกได้ว่าเธอพูดเล่น

“วันนี้มาคุยโปรเจคกับบอสหรอคะ”

“ครับ”

“อยู่กับบอสพี่แนนนานๆ นะคะ” คำอวยพรแปลกเสียจริง
“อาจจะเพี้ยนหน่อย แต่จริงๆ แล้วบอสพี่น่ารักมากเลยนะ”
“พาผู้ชายเข้าบริษัทแต่ละคน โอ้ยยยยย หล่อๆ ทั้งนั้น”
“เปรียบไปก็เหมือนหลุมอากาศดูดผู้ชายเลยค่ะ”
“นี่ถ้าเป็นผู้หญิง พี่แนนคงต้องจ้างมอเตอร์ไซค์สาดน้ำกรดนาง โกยผู้ชายหล่อๆ ไปหมด พี่หนึ่งเอย พี่หมอนำเอย ไหนจะน้องธามอีก โอ้ยยย พูดแล้วก็คิดถึง”

“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ พลางยิ้มให้ คุณแนนหัวเราะอารมณ์ดีใส่ผมแล้วก็นั่งจ้องหน้าผม ท่าทางจะอาการหนักจริงๆ

“พี่โป๊ะขา น้องวินของแนนรอนานแล้วนะคะ ห้องประชุมก็เตรียมให้แล้ว รีบๆ ทำงานได้แล้วค่ะ อย่าพิรี้พิไร” บริษัทนี้เขาพูดจากันตลกดี ผมแอบขำที่คุณแนนกัดแซะนายมือโปร เจ้าของห้องเปิดประตูออกมาดังปึก แล้วก็เดินมายืนเท้าเอวจ้องหน้าเลขาตัวเอง

“เยอะนะวันนี้”

“กำลังใจดีนะค่ะบอส”
“ทำงานสิคะ ให้แนนจดรายงานประชุมมั้ย”

“ไม่ต้อง วินเขาจดเองได้”

“บอสจะให้พาร์ทเนอร์จดรายงานประชุมเนี่ยนะคะ ได้ไงกัน”

“ก็จะทำ”
“ทางนี้คุณ” เขาพูดกับผมเท่านี้แล้วก็เดินนำไปยังห้องที่ประตูตั้งตระหง่านอยู่ตรงกันข้ามกับประตูห้องทำงานส่วนตัวของเขา

ห้องนี้เต็มไปด้วยประติมากรรมชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ส่วนมากเป็นรูปคนในอิริยาบถต่างๆ มีเก้าอี้เยอะแยะไปหมด แต่ไม่ยักกะมีโต๊ะประชุมเพื่อให้มันเป็นห้องประชุมตามชื่อ

“ทางนี้” เขาเรียกแล้วพาเดินมุดซุมผ้ารกๆ แล้วผมก็ได้เจอจนได้
“โมเดลโปรเจคน่ะ”

“ใหญ่จังนะครับ” ผมวิจารณ์สิ่งที่เตะประสารทสัมผัสเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เดินวนรอบๆ โต๊ะวางโมเดลทีละมุม อันไหนสงสัยก็ชี้แล้วถาม เขาก็บอกรายละเอียดได้หมดทุกอย่างแบบไม่ใส่ความกวนตีนลงมาเหมือนการสนทนาก่อนหน้านี้
ผมใช้เวลานานพอสมควร เพราะผมมองไม่เห็นด้านใน ก็เลยต้องถามเพื่อให้เห็นภาพ ป้าผมจะลงทุนด้วยทั้งที ถ้ามันเป็นแต่ตึกธรรมดาก็น่าผิดหวัง

“ตรงนี้ โล่งๆ หรอครับ”

“อื้อ ตั้งใจเก็บไว้ ไม่สร้างอะไร แต่จะทำทางเดิน ปลูกต้นไม้ ขุดคลอง เอาไว้จำลองบรรยากาศในป่าอะไรเทือกนี้”

“อ้อ”

“ที่โล่งนี่อยู่ทิศตะวันออกนะ แสงเข้าจะสวยมาก”
“จริงๆ พี่อยากยกบรรยากาศตลาดเก่าๆ ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดมาไว้ แต่มันจะฟิกส์เกินไป เสียโอกาส”
“แต่คลองนี่ยังไงก็ต้องมี”
“กะว่า ถ้าซื้อที่ดินเพิ่มได้ พี่จะทำเมืองโบราณอะไรทำนองนั้น”

“ขายฝรั่งไม่ใช่หรอครับ คงไม่มีหนังฮอลีวู้ดมีฉากเป็นประตูเมืองกรุงศรีหรอกมั้ง” ผมกระเซ้า และน่าแปลกใจที่เขายิ้มพร้อมกับหัวเราะกลับมา

“วินดูนี่”
“หอคอย”

“เอาไว้ทำไมครับ”

“เดี๋ยวจะโยงสลิง เหมือนกางมุ้งให้ทั้งพื้นที่นี้เลย”
“เอาไว้คุมแสงคุมเสียงก็ได้ แล้วก็เอาไว้ทำมุมกล้องก็ได้”

“อ้อ”

“ตึกตรงนี้เป็นสตูตัดต่อ เครื่องมือถ่ายทำเจ๋งๆ จะอยู่นี่หมด พวกสแตนเคลื่อนที่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“อันนี้โรงแรม ไม่ดิ แค่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ สำหรับทีมงานใช้อยู่”

“ถ้าไม่มีทีมงานลูกค้า พี่จะขายห้องนี้ให้ใคร หรือให้ใครเช่ามั้ยครับ”

“ไม่”
“สงวนไว้”
“เพราะมันเชื่อมกับตึกสตูฯ ตัดต่อ ต้องรักษาอุปกรณ์ดีๆ”

“ป้าสุบอกว่า ที่สิงคโปร์ก็มีบริษัทโพรไวเดอร์ทำนองนี้นี่ครับ”
“เราจะเอาอะไรมาสร้างความแตกต่าง”

“มือโปร”
“อ้อ! พี่หมายถึง เราเป็นบริษัทผู้เชี่วยชาญผู้สร้างหนังมาก่อน เราจะรู้ว่านักสร้างหนังอยากได้อะไร”
“แล้วก็ไม่ได้มองไว้แค่ฝรั่งหรอก เอเชียด้วยกันก็มีดีมานด์เหมือนกัน”
“อินเดียนี่มองข้ามไม่ได้นะวิน”

“แล้วถ้าเขาอยากออกโลเคชั่นล่ะครับ”
“อื้อ! แล้วพี่โป๊ะโพรไวด์คนให้ด้วยรึเปล่า”

“ถ้าอยากได้ก็หาให้ได้ ไม่กระทบงานหลักบริษัทแม่ด้วย” พูดแล้วก็ทำหน้าอวดๆ ผมกดหน้าลงเพื่อแอบยิ้มคนเดียว เขาดึงผมมาอีกทิศ แล้วก็ชี้ชวนให้ดูนั่นนี่เพิ่ม ท่าทางเชาสนุกมาก แล้วก็มีความสุขมากที่ได้อวดความฝันของเขากับใครสักคน

“วินรอห้องนี้แป๊บนะ พี่ไปเอาเอกสารมาให้ จะได้รู้อะไรเพิ่ม”

“เอกสารอยู่ไหนครับ”

“ห้องทำงาน”

“แล้วทำไมไม่ไปดูในห้องทำงานล่ะครับ ขยับเอกสารกับขยับคน ขยับคนง่ายกว่าอีก”

“ห้องรก ไม่อยากให้เห็น” เหตุผลทุเรศชิบหาย ทำอย่างกับผมคาดหวังว่าห้องทำงานส่วนตัวของเขาจะนีทแอนด์คลีนงั้นแหล่ะ

“วินก็ไม่คิดว่าห้องพี่โป๊ะจะเป็นระเบียบหรอกครับ”

“เหอะ!” เขาเบ้ปากใส่ และสรุปก็ไม่ให้ผมเข้าห้องทำงานอยู่ดี นายมือโปรย้ำแค่ว่า -รอที่นี่แหล่ะ- แล้วก็เปิดประตูออกไป ก่อนประตูจะปิดลง ผมได้ยินเขาสั่งให้คุณแนนหาโกโก้หรือน้ำหวานเย็นมารับรองผมหน่อย แล้วก็ให้โทรจองร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันด้วย

สำหรับ 2 คน

ผมจมอยู่กับเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจของเขา...ไม่สิ ของพ่อเขาต่างหาก
ตอนนี้ประธานกลุ่มบริษัทคือคุณตะวัน วณิคพันธุ์ พ่อของนายมือโปร
โครงธุรกิจเขาไม่ซับซ้อนมากครับ ถ้าเรียงเป็นแฟมิลี่ทรี ก็จะได้ลำดับเชิงลึกเพียง 3 ชั้นเท่านั้น คือบริษัทแม่ บริษัทลูกที่แม่ถือหุ้น 99.99% เป็นชั้นที่ 2 ส่วนชั้นที่ 3 คือบริษัทที่ร่วมทุนกับพันธมิตร หรือ joint venture ซึ่งบริษัทที่นายมือโปรกำลังเซ็ทอัพขึ้นมาใหม่ ก็กำลังจะมีพาร์ทเนอร์คือแบงก์ของคุณตาผมมาถือหุ้นร่วม
ลักษณะการประกอบธุรกิจ คือหัวข้อที่ผมกำลังนั่งอ่านนั่งศึกษา พลันประตูห้องประชุมก็เปิดอ้าออก นาฬิกาเดินได้เสนอหน้าเข้ามาบอกกับผมว่า “เที่ยงแล้ว กินข้าวกันเถอะคุณ”

“ครับ” ผมรับคำ เปิดแฟ้มเอกสารหนาเตอะแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือที่เอามาวางบนโต๊ะเล็กๆ สำหรับตั้งประติมากรรมใส่กระเป๋ากางเกง

“ผมให้แนนจองร้านอาหารไว้แล้ว เลี้ยงดูดีขนาดนี้ก็ช่วยเอาไปบอกคุณสุชาดาด้วยว่าปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ แล้วก็ซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคาสูงหน่อยก็ดี” อ่อ สรุปแล้วทำตัวสุภาพชนนิยมกับผมก็เพราะหวังผลทางการค้านี่เอง

ผมเบ้หน้านิดเดียว แต่ก็เดินตามเขาออกมาจากห้อง ใจคิดเพียงว่าไม่ถือสาคนปากหมาน่าจะดีสุดสำหรับชีวิตผม

แต่เรื่องราวที่ควรจะง่ายขึ้น หรือลงล็อคลงรอยกว่าเดิมมักไม่ใช่เรื่องราวของผมเสมอ

“โปร” ผู้หญิงสวยเรียบ มองปราดเดียวก็รู้สึกได้ถึงพลังความดีที่เธอสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ดร.โจ้ครับ

“อ้าวโจ้ มาทำไรเนี่ย แล้วไม่บอกก่อน เกิดมาแล้วคลาดกันจะทำยังไง”

“โจ้มาธุระ เห็นเกือบเที่ยงพอดีเลยแวะมาหา ถึงไม่เจอโปรก็ไม่เสียเที่ยวหรอก ร้านอาหารแถวนี้มีแต่ของอร่อยทั้งนั้น”

“อ้อ โจ้ชอบอาหารเวียดนามแถวนี้นี่นา พอดีเลย ผมจองไว้”

“หือ? เลี้ยงแขกหรอ?” ฝ่ายนั้นถาม  ผมเลยขยับออกมานอกห้องเพื่อยืนข้างนายมือโปรที่หันมองผมแล้วแนะนำ

“ไม่ใช่แขกหรอก”
“จำได้มั้ย?”

“อ้าว น้องวิน”
“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ พี่โจ้” ผมรับคำ ยิ้มให้ แต่ใจคิดอยากกลับไปนั่งจมกับเอกสารบริษัทแล้วจิบแค่โกโก้เย็นและบิสกิตที่พี่แนนเตรียมไว้ให้เสียเยอะ

“อื้อ งั้นก็ไปกันเถอะ” นายมือโปรเอ่ยชวนโดยไม่ระบุชื่อ เขาขยับเดินไปเคียงกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขา ส่วนผมยังยืนอยู่ที่เดิม

ก็ผมจำได้ว่าเขาจองไว้สำหรับ 2 ที่
แม้จะไม่รู้ว่า 2 ที่นั้น มีที่ของผมหรือเปล่า
แต่ตอนนี้ดร.โจ้เขามา 2 ที่ที่ว่า ก็ควรเป็นของนายมือโปรและดร.โจ้ไม่ใช่รึไง

“น้องวิน ไม่หิวหรอคะ ตามไปเถอะค่ะ” พี่แนนเลขาเดินมากระซิบใกล้ๆ เธอมีทักษะพิเศษด้านการย่องเบารึเปล่าผมเริ่มสงสัย

“พี่โป๊ะเขาจองร้านไว้ 2 ที่ไม่ใช่หรอครับ”

“ที่จองน่ะ อีกร้านค่ะ ร้านเวียดนามพี่แนนไม่ได้จองไว้ให้หรอก พี่โป๊ะไม่ค่อยชอบเพราะกินไม่อิ่มท้อง รายนี้เป็นหลุมดำดูดอาหาร”
“ลงแบบนี้พี่แนนคงต้องโทรไปยกเลิกให้ เฮ้อ”

พี่โป๊ะนี่เป็นทั้งหลุมดำดูผู้ชายหล่อๆและดูดอาหารด้วย แม่งขี้ดูด

“วินไม่อยากไปเป็นกขค.”

“งั้นพี่แนนขอจ้างเลยค่ะ 20 บาท ช่วยไปเป็นกขค.ที”

“ทำไมล่ะครับ เขาชอบกันแล้วไม่ดีหรอครับ”

“ไม่ดีค่ะ บอสพี่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ดร.แกน่ารักนะคะ แต่ไม่เหมาะกันหรอกค่ะ”
“คิดซะว่าพี่แนนจ้าง 20 ช่วยไปนั่งคั่นกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้ดร.โจ้เสียใจในอนาคตก็แล้วกัน”
“บอสพี่ไม่เหมาะกับผู้หญิงดีมากกกกกกกกกกกกแบบนี้หรอกค่ะ”

ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณแนนคิดแบบนั้น ในสายตาผม พวกเขาเหมาะสมกันทั้งอย่าง
รูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางสังคม และน่าจะรวมไปถึงทัศคติ
สิ่งที่ไม่เท่าเทียมระหว่าง 2 คนที่เดินเคียงกันไปดูกระหนุงกระหนิง น่าจะมีเพียงแค่ความเหี้ยเท่านั้น
ฝ่ายชายดูเหมือนจะมีน้ำหนักเรื่องนี้มากเสียจนฝ่ายหญิงแทบไร้น้ำหนักในตาชั่งของความเหี้ย

เป็นกขค.หรอ
ไม่เอาด้วยหรอก มันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย
แต่ก็อย่าคิดว่าผมจะทำตัวเป็นลูกเป็ดเดินตามเงาแม่เลย

ผมก็คือผม อยากทำอะไรผมก็จะทำ
 


cut



มาต่อแล้วค่าาาาา

เมื่อไหร่เขาจะสปาร์คกัน อันนี้เราก็อยากรูเ้หมือนกัน
เอ๊ะ หรือว่าเขาสปาร์คกันมานานแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างเก็บอาการ หรือสปาร์คกันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าาา
ไม่งงเอนะ ถ้างงก็อย่างงนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2015 01:36:22
เราแบบ หมั่นไส้พี่โปรจริงๆ นะ หึ้ยยยยยยย์
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 07-06-2015 11:22:36
หมั่นไส้อิพี่โป๊ะอ่ะ
มันน่าเอาหมาเจมกับน้องธามมากวนตีนอิพี่โป๊ะจริงๆ
พาวินไปเข้าสมาคมแม่บ้านด้วยคงจะสนุกน่าดู :laugh:
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-06-2015 13:17:04
นายมือโปร นิสัยเสีย ไม่เคยเปลี่ยน

น้องวินก็ยอมกันเกินไป รู้ว่าสู้แรงไม่ใหว

แต่ก็อยาให้ตอบโต้ให้เจ็บๆเมื่อมีโอกาศ

(ไปต่อน้องธามพี่นำให้ป้าด้วยป้ารออยู่)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-06-2015 13:21:18
อย่างน้อยก็ดีกันแล้ว ไม่งอนกันแล้วเนอะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 07-06-2015 13:38:00
วินออกจะน่ารัก เมื่อไหร่พี่โป๊ะจะทำตัวดีๆ กับวินบ้างงงงง

เห็นด้วยกะแนน ดร.โจ้ดีเกินไปสำหรับพี่โป๊ะ 555555 ปล. พี่จ้างน้องวิน 20 บาท 50 สตางค์เลยเอ้าาา ไปเป็น กขคงจ เถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 07-06-2015 21:13:02
น้องวิน สู้ สู้

  o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-06-2015 22:30:11
อิพี่โป๊ะนี่จริงๆเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 07-06-2015 22:46:21
หุยยยยยยยยยยยใจจิขาดดด
อยากเตะตัดขาความกวนของพี่โป๊ะ แต่ก็รู้ว่าคงทำอะไรนางไม่ได้
เลเวลความกวนประสาทของพี่โป๊ะ นี่มันเมพจริงๆ

ตบไหล่น้องวินเบาๆ .. #ความเวรกรรมนี้ 5555 ซวยไปนะลูกมาเจอคนแบบพี่โป๊ะ
ผู้มีตรรกะ และจิตวิญญานอันเสรี 55
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 07-06-2015 22:52:04
อยากจะขอแทกมือพี่แนนแรงๆ สักที รู้สึกถูกชะตากับนางมาก

คุณมือโปรนี่ท่าทางสับสนนะคะ สรรพนามเรียกน้องแต่ละครั้งช่างไม่คงที่เอาเสียเลย

หรือแท้แล้วที่ไม่คงที่อาจเป็นจังหวะหัวใจ หาใช่สรรพนาม อิอิ

ก็เวลาวินง้อ วินอ้อน มันน่ารักน้อยซะเมื่อไร่กันเล่าาาาา เนอะเฮีย ^_^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-06-2015 23:17:05
คือชอบคุณเเนนเวอร์ๆเลย หวังว่านางจะเป็นสาววาย 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 08-06-2015 16:05:43
อ่านทันแล้ว วินฮาดีอ่ะ ชอบที่ด่าว่าตัวเหี้ย 555+

พี่โป๊ะก็น่าหมั่นไส้มาก 555+
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 09-06-2015 10:35:08
ฮึ๊ยยยยยยย หมั่นไส้อิพี่โป๊ะ มันน่าโดนน้องวินเมินแรงๆซักที
ชวนหมาเจมมาด่าด้วยก็ได้ หมั่นไส่แม่งมากนะจุดนี้  :m16: :angry2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 09-06-2015 16:52:53
นึกว่าตัวเองคุมเกมส์ได้ โดยไม่นึกว่า เสือรอขย้ำอยู่
ทำตัวหน้าหมั่นไส้เข้าไว้ รู้ไว้ด้วยมีแต่คนไม่ชอบขี้หน้าเต็มบอร์ด ไปหมด
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน15(07-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 10-06-2015 22:03:54
ไปนอนซุกเค้าจริงๆด้วยสินะ
พี่โป๊ะนี้อาชีพเดิม ปาปารัชชี่รึเปล่า แอะอะ ถ่ายรูปตลอดๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 13-06-2015 00:38:42
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 16


น้องวินทานนี่สิคะ
โปร โจ้สั่งอันนี้ให้น้องวินดีมั้ย?
น้องวินไม่ชอบทานจานนี้หรอคะ
ไม่ทานผักหรอคะเนี่ย
อันนี้ทานแบบนี้นะคะ บลา บลา บลา
ผมก็ได้แต่ยิ้ม และอ้าปากกินทุกอย่างตามที่ดร.โจ้หยิบยื่นให้นั่นแหละ
ผมชินกับการถูกดูแลทุกการขยับ คนที่ทำให้ผมชินก็คือพี่รุตต์ และป้าสุ
ซึ่งนิสัยสปอยล์กำลังให้คุณแก่ผมในตอนนี้ ผมไม่รู้สึกรำคาญ ผมรับน้ำใจโดยไร้ท่าทางขัดเขิน ผิดกับอีกคนอย่างสิ้นเชิง
ผมไม่รู้ว่าพวกเขารู้กันมานานแค่ไหน แต่กิริยาของดร.โจ้ทำให้มือโปรนั่งแข็งเป็นท่อนไม้โดนปลวกไช

“โจ้ ให้วินกินเองเถอะ นี่แทบจะป้อนแล้วนะ”
“ไม่คิดว่าวินจะรำคาญรึไง”

“ไม่มีใครเขาหยาบกระด้างเหมือนโปรหรอกนะ น้องวินไม่รำคาญพี่โจ้ใช่มั้ยคะ” ถึงรำคาญก็ไม่ตอบความจริงหรอกครับ ผมยิ้มให้แล้วทำสีหน้าปลื้มกับเมี่ยงกุ้งคำโตที่ต้องใช้ความพยายามในการอ้าปากแทบฉีกกว่าจะได้แดกมันโดยสมบูรณ์

“กินดีๆ สิวิน”
“ปากไม่ฉีกหรอนั่นน่ะ”
“ไอ้ร้านนี้นี่ยังไง ทำให้พอดีคำไม่ได้รึไง” บ่นจบก็อ้าปากแข่งกับผมแหละครับ เพราะเมี่ยงมันคำใหญ่จริงๆ แล้วผู้ชายรักความเร็วอย่างเขาก็คงไม่เสียเวลานั่งหั่นเป็นคำพอดีปาก

“โจ้จะแบ่งเป็นคำให้ก็ไม่เอา”

“มันเรื่องมากนี่ กินรวดเดียวนี่แหละ”
“โจ้เอาพวกหมูไรนี่มาอีกสิ มีแต่ผักมันไม่อิ่ม”

“สุขภาพจะได้ดีไง”

“วัวควายก็เป็นโรคกันทั้งนั้น ใครบอกกินแต่ผักแล้วเป็นอมตะ หือ?” ถ้าผมเป็นดร.โจ้ ผมจะเอาหม้อเฝอทะเลเดือดราดหัวแม่งเลย ปากหมาชิบหาย แต่ฝ่ายหญิงเขาหัวเราะครับ ท่าทางถูกอกถูกใจที่ถูกยียวน จุดนี้ผมไม่เข้าใจดร.จริงๆ
ถ้า 2 คนนี้เชื่อมโยงกันด้วยความรู้สึกดีๆล่ะก็ ดร.โจ้คงเป็นคนที่รู้สึกมากกว่า และก็คงเป็นคนที่เจ็บกว่า
ผมนั่งตรงกันข้ามเขาทั้งคู่ ผมยังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกพิเศษที่นายมือโปรจะมีต่อดร.คนสวยคนนี้เลย

“พูดจาไม่กลัวน้องไม่เคารพเลยนะโปร”

“คนเรามันไม่เลิกเคารพกันเพราะคำพูดหรอก”
“ต้องดูที่การกระทำสิ”
“อย่างพวก...” เอาแล้ว เหล่มาทางผมแล้ว คงไม่วายแว้งกัด
“ไม่มีความจริงใจ ขี้โกหก หลอกลวงคนอื่นแล้วไปหัวเราะลับหลังไรพวกนี้ ไม่ควรมีใครเคารพ”
“ทั้งเคารพด้วยตัวตน หรือเคารพด้วยวัย เกียรติยศ ความรู้ ทุกอย่างอ่ะ!”

ด่าผมชัดๆ
แม้จะรู้ตัวว่าถูกด่า แต่ผมจะไม่เจ็บปวดหรอกครับ เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอก
ข้อแรก ผมไม่ได้โกหก ไม่ได้หลอกหลวงเขาแล้วเอาไปหัวเราะลับหลัง
ข้อสอง ผมจริงใจกับเขาตลอดเวลา  ถึงแม่งจะไม่รับรู้ก็เถอะ
ผมแกล้งกระแทกช้อนแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม ท่าทางผมคงกวนประสาทมากๆ นายมือโปรถึงได้ปล่อยอุปกรณ์ช่วยกินแล้วนั่งกอดอก ทั้งที่เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกให้ดร.สั่งอาหารเพิ่มให้ตัวเขาเอง

เราจ้องกันไปจ้องกันมา ถ้าเป็นปลากัดจะไม่มีฝ่ายท้องหรอกครับ กัดกันตายห่าก่อน
สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายแพ้เพราะกระพริบตาก่อน ดร.โจ้เรียกผมแล้วก็นำเสนอของหวานเป็นไอศกรีม ผมยื่นหน้าไปมองเมนูที่เธอเอียงมาให้ดู แล้วก็จิ้มบอก

“วินทานอันนี้ดีกว่าครับ หรือว่าพี่โจ้มีอันไหนที่อร่อยกว่า วินไม่ค่อยได้ทานร้านแบบนี้หรอกครับ”

“โถ โปร! เลี้ยงน้องไม่ดีเลย ดูสิ ไอศกรีมแค่นี้ก็ไม่ให้กินหรอ”
“น้องวินทานเยอะๆ เอา 2 รสเลยก็ได้นะคะ”
“เดี๋ยวพี่โจ้สั่งให้เอากลับไปทานระหว่างบ่ายดีมั้ย หรืออยากกินหนักๆ”
“ถัดไปอีกถนนมีพวกพิซซ่าแป้งบาง เลยไปตรงโรงแรมก็มีภัตตคาร อยากทานอาหารประมาณไหน เดี๋ยวพี่โจ้สั่งมาให้”

“หรูสุดของวินก็ส้มตำไก่ย่างแหละครับ”
“แต่ไม่รู้คุณมือโปรเขาจะให้ทานรึเปล่า เขาอาจจะรังเกียจกลิ่น”

“หรอออออออออออออออ” คางนี่ยื่นเชียวครับ นายมือโปรยกตัวมาเอื้อมผลักหัวผมเบาๆ เขาแย่งเอาเมนูจากเพื่อนผู้หญิงคนสนิทของเขาไป มองผ่านๆแล้วก็ส่งคืน
“ไม่ต้องสั่งกลับหรอกโจ้ กินวันละครั้งก็พอแล้ว กลัวเป็นอมตะ ไม่ตายสักที”
“เดี๋ยวบ่ายแก่ๆ ผมสั่งพิซซ่าให้ –น้องวิน- เอง”

“ดีมากโปร”
“ปกครองคนน่ะ ต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณนะ จะใช้อำนาจตวาดคนอื่นแบบเดิมๆ น่ะไม่ได้แล้ว”

“ครับ คุณครู คุณหมอ คุณผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” ดูเอาเถอะ กับผู้หญิงแสนสุภาพ น่ารัก บอบบางขนาดนี้เขาก็ไม่เว้น แน่นอนว่าดร.คนสวยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เธออิ่มนานแล้วแต่ยังนั่งยิ้มมองผมและนายมือโปรทานกันอย่างเอร็ดอร่อย จนอิ่มหนำกันแล้วก็เช็คบิลครับ
กรรมของผมติดจรวดมาจ่อรอหน้าร้านอาหาร ขามา ผมมากับดร.โจ้ครับ นั่งเชิดหน้าอย่างมีความสุขดี แต่ขากลับต้องกลับกับนายมือโปร และหน้าผมก็ง่อยมาก และเขาก็คงรับรู้ความในใจที่แสดงออกผ่านรูขุมขนทุกรูบนหน้า

“ไม่อยากนั่งรถผมก็เรียกแท็กซี่เองนะ”

“เบิกค่าเดินทางกับบริษัทได้รึเปล่าล่ะครับ”

“....ลูกหมา” เขากัดฟันยัดเยียดสรรพนามให้ผม ผมก็ได้แต่ยืนทำหน้านิ่งๆ สุดท้ายเขาก็ต้องลากไหล่ผมตามเขาไปที่รถอยู่ดีนั่นแหละ

ขึ้นรถได้เขาก็มีอีกองค์ประทับร่างครับ นายมือโปรที่แปรปรวนสุดๆ
“ลืมรึไงว่าวันนี้คุณเป็นทาสผม”
“คุณนอนซุกอกผม ทับผม แถมผมยังโทรไปแก้ตัวกับป้าคุณให้อีก”
“สำนึกบุญคุณกันหน่อยดีมั้ย”

“วินทำอะไรให้พี่โป๊ะรู้สึกว่าไม่สำนึกหรอครับ”
“ถ้าต้องการการหมอบกราบแบบทาสกับคุณหลวง ทำไมไม่บอกตั้งแต่ก่อนนั่งกินข้าว วินจะได้นั่งกับพื้น”

“กวนประสาททุกเรื่องเพื่ออะไร”

“พี่โป๊ะกวนวินก่อนไม่ใช่รึไง”
“ลองสำรวจตัวเองบ้างเถอะครับ!” ผมก็โมโหเป็นนะ อะไรอะไรผมก็ผิดตลอด ทั้งที่คนเริ่มชวนตีมันเขาทั้งนั้นแหละ

“ผมทำอะไร”
“ผมก็กินข้าวปกติ คุณนั่นแหละมาแหย่ หาว่าผมไม่ให้คุณกินอะไร หาว่าผมทนกลิ่นส้มตำไม่ได้ จะกินส้มตำปูปลาร้าแข่งกันมั้ยล่ะ!” ออกทะเลมากๆ ทั้งที่พิกัดปัจจุบันก็ไม่ได้ใกล้ปากอ่าว

ผมถอนหายใจ หันมองนอกหน้าต่างเพราะจนปัญญาด้วยไม่รู้จะสื่อสารกับเขายังไงให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ของผมกับเขามันเรียกว่าอะไร แต่ผมรู้สึกดีกับเขามากกว่านี้ บรรยากาศรอบตัวมันน่าอยู่กว่านี้
ผมไม่เครียด ผมเป็นตัวของตัวเอง ผมไม่มีเรื่องอะไรให้กังวล และผมมีเขาที่พึ่งพาได้เสมอ
ทั้งรายงานเอย เรียนเอย งานร้านกาแฟที่เขาจ้างผมทั้งที่เขาไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าให้ไปเฝ้าร้านให้อีก
แม้เขาจะมีน้ำใจกับผมเพราะสงสารและคิดว่าผมเป็นเด็กสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นต้องขายตัวเลี้ยงชีพ แต่ความรู้สึกมันก็ดีกว่าตอนนี้มากๆ
มากจนผมอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเหมือนเก่า
อยากเป็นแค่ไอ้ยุ่งวินคนธรรมดา ที่มีพี่โป๊ะดูแลบ้างกวนส้นตีนบ้างสลับกันไป
ผมไม่อยากเป็นผมในตอนนี้ ไม่อยากเป็นวินที่เป็นหลานนายแบงก์ ไม่อยากเป็นวินหลอกลวงคนที่มีน้ำใจให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

“วินขอโทษแล้วนะ”
“วินขอโทษพี่โป๊ะทุกอย่างแล้วนะครับ”
“แล้ววินก็รู้สึกว่า ความรู้สึกแย่ๆ ที่พี่โป๊ะสร้างขึ้นมาคลอบตัววินไว้มันทำหน้าที่ของมันแล้ว”
“วินรู้สึกแย่ และน่าจะรู้สึกพอแล้ว”
“ถ้าพี่จงใจสั่งสอนวินเพื่อให้วินไม่ริโกหกหรือปิดบังความจริงอีก พี่ประสบความสำเร็จแล้ว วินหลาบจำแล้ว”
“และถ้าพี่โป๊ะยังไม่หยุดเป็นแบบนี้ ไม่หยุดหาเรื่องวินทุกเรื่อง ทำตัวห่างเหินเหมือนเราไม่เคยมีน้ำใจต่อกัน ไม่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันดีๆ ไม่เคยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว วินก็ว่าวินไม่ควรเสียเวลาทนอีก”
“มันเกินบทเรียนที่วินควรได้รับมากเกินไปแล้ว”

“แล้วยังไง”
“พูดมาตั้งเยอะ คุณจะทำอะไรล่ะ”
“ถ้าผมทำให้คุณอึดอัดจนทนไม่ได้แบบนี้ คุณจะทำยังไง”

“วินไปเอง”
“คุณอยากกดดัน อยากทำโทษอะไร กับใคร ก็เรื่องของคุณ”
“แต่ผมจะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”

ผมเปิดประตูลงจากรถและเขาไม่ได้เรียกรั้ง ไม่ได้ลงจากรถเพื่อมาตะโกนโหวกแหวกแล้วลากผมขึ้นรถ
ผมเดินมาเรียกแท็กซี่ข้างถนน บริการสาธารณะไม่เคยขาดแคลนในย่านนี้อยู่แล้ว เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยผมก็บอกที่หมาย ลุงแท็กซี่เคลื่อนรถออกไป ทิ้งให้รถสปอร์ตโคตรเตี้ยจอดทแยงอยู่ที่หน้าร้านอาหารเวียดนามที่ผมคิดว่ารสชาติอาหารก็ดีแต่จะไม่กลับมากินอีก ห่างตาออกไปเรื่อยๆ

ผมไม่ได้หนี
คนเรา...ถ้าอยู่ในที่ที่อึดอัดจนอยู่ไม่ได้ ทำไมต้องทน
แม้คนที่เลือกห่างเขาออกมา จะเป็นคนที่เคยสร้างความรู้สึกดีๆให้ แต่ถ้าเสียดายแล้วต้องอดทนรับความรู้สึกแย่แบบไม่มีจุดจบ ผมยอมไม่มีความรู้สึกดี เพื่อไม่ต้องเผชิญความรู้สึกแย่
อย่างน้อ่ย “เขา” ในช่วงหนึ่งของความทรงจำของผม ก็เคยเป็นคนที่ทำให้ผมสบายใจ จนสามารถนอนร่วมเตียงกับเขาได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

#### @ D A W N  #####

เช้านี้หนาวชะมัด
จะไม่ให้ผมนอนขดตัวขนลุกซู่ได้ยังไงครับ ก็เครื่องปรับอากาศในห้องชุดนี้ถูกปรับอุณหภูมิไว้ที่ 21 องศา คนเซ็ทอุณหภูมิคงไม่เคยเลี้ยงสิ่งมีชีวิตมาก่อน น่าจะเคยดูแลแต่ผักสดและผลไม้ เนื้อหมูเนื้อไก่ยังไม่ปรุงสุก ถึงได้ใช้อุณหภูมิระดับนี้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
ฮัดเช้ย!
เมื่อหนาว ก็จะสั่น น้ำมูกเริ่มมา จามแล้วก็จะเจ็บคอ ถ้ายังไม่หยุดนอนแน่นิ่งห้องหนาวๆ แบบนี้ ผมอาจตายได้
ผมปิดแอร์ เดินอืดอาดมาที่ระเบีองห้องระดับความสูงชั้นที่ 18
แสงอาทิตย์ปลอบผมว่าวันใหม่มาแล้วนะ เริ่มต้นใหม่อีกวันแล้วนะ
น่าแปลก แสงอาทิตย์เช้านี้เยียวยาความอึมครึมของอารมณ์ผมไม่ได้เลย
ผมเป็นแบบนี้มาร่วมอาทิตย์ คนที่รับรู้ถึงอาการเซ็งมาก อารมณ์เสียง่ายสุดๆ ก็คือป้าสุ
ป้าไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้จักผมดีว่าอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผมอยู่ในภาวะคับข้องใจและหาทางออกไม่ได้ และผมก็ไม่เคยยอมให้ใครช่วยกรุยทางออกให้ผม
ผมจะหาวิธีแก้ปัญหาด้านอารมณ์ด้วยตัวผมเอง
อีกคนที่รู้ว่าผมฉุนเฉียวผิดปกติก็คือไอ้โอม แต่มันแวะมาหาผมไม่ได้หรอกครับ ช่วงนี้โอมวุ่นกับการเตรียมตัวไปปักหลักสร้างเนื้อสร้างตัวที่ต่างประเทศ ชีวิตมันยุ่งขึ้น 20% แต่ถ้ามายุ่งกับผมเมื่อไหร่ ความสามารถในการยุ่งเรื่องคนอื่นของมันจะถูกใช้เกินขีดจำกัดทันที
“เฮ้อออ” ผมสูดหายใจเข้าแล้วเป่าออกทางปาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโล่งหัวอะไรนัก ตอนนี้สิ่งที่บำบัดผมได้ก็คือการวาดรูปอยู่เงียบๆ คนเดียว
ปัญหาก็คือ ที่ห้องหรูหรานี้ไม่มีมุมวาดรูปให้ผมซุกตัวรักษาบาดแผลทางอารมณ์

หรือจะใช้เวลาว่างนี้ทำไอเอสดี?
ผมเริ่มเกิดไอเดียใหม่
คนเราไม่ควรจมอยู่กับสิ่งที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้
เมื่อผมเลือกจะเดินจากเขามาเอง ผมก็ต้องกับทางเดินที่เลือกเอง
เพราะฉะนั้น จงเริ่มต้นทำไอเอสได้แล้ว ไอ้วินเอ๋ยยยย
เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมก็ปฏิบัติการทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าด้วยการอาบน้ำ จากนั้นก็กินข้าวที่มีคนเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ เปิดคอมพิวเตอร์ และ...

“อ้าว!” วิทยานิพนธ์ที่ยืมมาอยู่บ้านไม้หมดเลยครับ ผมเก้ออีกรอบ สุดท้ายก็ต้องขยับตัวทำในสิ่งที่โคตรไม่ชอบ

 “ป้าสุครับ วินจะไปบ้านไม้ ต้องไปเอาพวกหนังสือ ให้ลุงสมานเตรียมรถให้หน่อยได้มั้ยครับ”
“ขอบคุณครับ”

ทำไมผมต้องกระแดะมีคนขับรถกะทันหันน่ะหรอครับ
ก็เพราะว่า รถผมไม่ได้อยู่ที่ผม
รอผมจอดอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งใจกลางสุขุมวิทมาร่วมอาทิตย์ ผมไม่รู้ว่าจะมีคนดูแลมันหรือไม่ แต่จะให้ผมเร่หน้าโผล่แข้งขาไปเฉียดแถวนั้น ผมยอมไม่สนใจรถอีกเลยดีกว่าอีก!
ผมไม่อยากเจอเขา
ไม่ใช่ว่าเกลียด หรือรังเกียจแขยงอะไรเขานัก
แต่ผมต้องการให้เขาเป็นคนเข้ามาทำความเข้าใจกับผมเอง
ไม่ว่าจะทำความเข้าใจในตัวผม หรือทำความเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของผม
ถ้าเขายอมรับบทบาทของผมในฐานะพาร์ทเนอร์บริษัทใหม่ของเขา หรือพนักงานใหม่ในบริษัทเขาได้ เราคงคุยกันรู้เรื่องกว่านี้
ส่วนฐานะ ไอ้ยุ่งวินกับไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ ทางที อาจจะดีกว่าถ้ายุติไว้ที่วันสุดท้ายของการสอบของผม
วันที่เขายังยิ้มให้ผมอย่างสดใส ให้กำลังใจเรื่องการสอบ และหัวเราะคำแซวของไอ้โอม เรื่องที่ว่าเขาไม่ยอมจ้างคนดูแลร้านกาแฟตคนใหม่เสียทีเพราะอยากกันที่ว่างเอาไว้สำหรับคนที่ –อาจ- เปลี่ยนใจอย่างผม


โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น กดรับและฟังครู่เดียวก็วาง
เลาขาป้าสุโทรมาบอกว่าลุงสมานเอารถตู้มารอแล้ว
ป้าสุคิดว่าผมจะไปขนสมบัติอะไรนักหนาครับ ก็แค่วิทยานิพนธ์ 40 เล่ม และหนังสืออ้างอิงอื่นๆ 10 กว่าเล่ม ท้ายรถเบนซ์ป้าก็บรรทุกหมด
ผมลงไปที่หน้าคอนโด พบเจอรถตู้ขนาดบรรทุกหมู แต่ด้านในมีให้นั่งอยู่ 4 ที่นั่งไม่รวมส่วนพลขับ
ลุงสมานยิ้มให้แล้วก็รายงานความรับผิดชอบของแกที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าแกต้องรับผิดชอบ
“ผมไปดูแลบ้านไม้ให้อย่างดีเลยครับ”
“มีไอ้หนุ่มมาป้วนเปี้ยนอยู่ 2 วันแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง คุณท่านให้ยามเราไปดูแลแล้ว ไอ้หนุ่มนั้นแค่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้นครับ”

“ไอ้หนุ่มหรอครับ คนแถวนั้นเขาเดินเล่นมั้งครับ ลุงสมานไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ วินอยู่มาตั้งหลายปีไม่เห็นมีอะไร”

“ก็นั่นก็คุณท่านคอยส่งคนไปดูแลให้นั่นแหล่ะครับ แหล่งชุมชน มากคน”

“ครับครับ”
“ไปกันเถอะครับ จะได้รีบกลับ”

“คุณวินจะขนอะไรกลับมาเพิ่มจดไว้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวลุงกลับไปจนมาให้”
“กระดานวาดรูปด้วยมั้ยครับ”

คำถามแกทำให้ผมครุ่นคิดว่า ชีวิตผมควรอยู่ที่ไหน ควรจัดวางแบบไหนกันแน่
ผมยิ้มและไม่ให้คำตอบ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เราร่วมรถกันไปเงียบๆ และลุงแกก็เข้าใจนิสัยผมดี ถ้าผมไม่พูดด้วยก็แปลว่าผมไม่มีอะไรจะพูดด้วย ไม่ได้หมายความว่าผมนอยด์โลกแต่อย่างใด

ผมได้มาเหยียบบ้านไม้ริมน้ำอีกครั้ง ไม่รู้ว่าช่วงไปอยู่คอนโดผมได้ยิ้มบ้างรึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแก้มผมผ่อนคลายขึ้นเมื่อผ่านรั้วเหล็กที่ด้านล่างมีรอยผุเข้าไปแล้ว
กลิ่นดอกไม้ไม่มีมาแตะปลายจมูก แต่กลิ่นน้ำกร่อยชัดเจนเสมอ
ผมอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เดินแกมกระโดดเข้าบ้านแล้วติดสปีดขึ้นบันได
ห้องนอนของผมเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ในตู้เสื้อผ้าคงไม่มีเศษผ้าอะไรให้หยิบเปลี่ยนเพราะป้าสุให้ขนไปหมดแล้ว
ผมเดินที่ระเบียง หยุดปลายเท้าที่หน้ากระดานวาดรูปแล้วเปิดผ้าคลุมออก
รูปที่คาอยู่ยังไม่เสร็จและไม่รู้ว่าจะวาดได้เสร็จมั้ย แต่ผมก็ไม่รังเกียจความไม่สมบูรณ์ของมันแม้แต่นิด ผมเลือกที่จะไล้ปลายนิ้วไปตามสีแนวน้ำที่เริ่มเกิดฝุ่นติดปลายนิ้วด้วยซ้ำ

ใบหน้าด้านข้าง
แนวหัวไหล่
แผ่นหลัง
และท้องฟ้าสีหม่นจนปวดหัวใจ
ผู้ชายคนนี้อาจไม่ได้คิดอะไรตอนที่เอียงมาทางผมในวันนั้น

และเขาคงไม่เคยรู้เลยว่า การอยู่ตรงนั้น ของเขา ทำให้ผมกล้าที่จะปล่อยน้ำตาให้กับเรื่องของรินนา
ในความทรงจำบิดเบี้ยวของผม เขามีตัวตน มีคุณค่าแก่การจดจำ แต่ในโลกความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สนใจคุณค่าของตัวเองในมุมมืดๆ ของผม
แต่ก็นั่นแหละ เขาก็ยังมีค่าพอจะจดจำไปเรื่อยๆ อยู่ดี

ผมเก็บกระดานวาดรูป ขาตั้งและผ้าคลุมมาตั้งในห้องนอนแทน ปิดประตูระเบียงที่เปิดยั่วยุงบินสูงมาหลายปี เมื่อเห็นว่าของมีค่าอยู่ในทีที่ไว้ใจได้ ผมก็เริ่มต้นขนวิทยานิพันธ์และหนังสือกองพะเนิน เพื่อเริ่มต้นการค้นหาของผมเสียที

“ใส่กระเป๋ามาเลยครับคุณวิน” ที่ลุงสมานต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าตำราผมเยอะ แต่ก็ไม่อยากให้แกขับรถเข้ามาในซอย ผมรู้สึกว่ามันเป็นการรบกวนต่อมเสือกของผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง

“ขอบคุณครับลุง” ผมทยอยเอาหนังสือลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ซึ่งต้องใช้ถึง 3 ใบ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมให้ลุงสมานลากไปที่ละใบ จนครบสิ่งที่ผมต้องการแล้ว ลุงสมานก็มายืนรอลากผมกลับไปที่รถ

“ลุงครับ วินจะอยู่ต่อสักพัก ลุงกลับไปก่อนเลย”

“แต่คุณท่านไม่ได้บอกว่าคุณวินจะอยู่ต่อนี่ครับ”

“ก็ป้าสุไม่ใช่วินนี่ครับ จะรู้ได้ยังไงว่าวินอยากทำอะไรขึ้นมากะทันหันบ้าง”
“กลับไปก่อนเถอะครับลุง นี่ก็บ้านวินเหมือนกันนะ อยู่มาตั้งนาน”
“กลับมาแค่แป๊บเดียว บ้านคงยังไม่หายคิดถึงวินหรอก”

“โถคุณวิน”
“จะกลับก็โทรเรียกลุงนะครับ เดี๋ยวมารับ”

“วินกลับเองได้ครับ จริงๆ ก็เดินนิดเดียว”

“ไม่ได้หรอกครับ อย่าลืมสิครับว่ามีไอ้หนุ่มแปลกหน้ามาด้อมๆ มองๆ” ย้ำเรื่องไอ้หนุ่มอีกแล้ว อะไรกันนักวะ ก็ไหนว่าป้าสุให้ยามที่โรงแรมมาคอยดูแลความปลอดภัยจากไอ้หนุ่มนั่นแล้วไง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไอ้หนุ่มนั่นมันมาด้อมๆ มองๆอีก วินจะดึงแบงก์ 20 ที่เหน็บฝาบ้าน ห่อหินแล้วไปให้มันไปเก็บ”

“โถ คุณวิน” น้ำเสียงนี่แยกไม่ออกเลยครับว่าเอือมผมหรือเอ็นดู ผมยิ้มให้ตบท้ายแล้วก็ปิดประตูรั้ว

ผมได้อยู่คนเดียวในบ้านเงียบๆ ท้ายชุมชุมข้างวัดตามใจอยาก
เสียงเรือด่วนที่ผมคุ้นเคยแว่วมาจากที่ไกลๆ จนผ่านหน้าบ้านผมไป แล้วก็จางหายไปกับเกลียวฟองน้ำกร่อย
บรรยากาศแบบนี้....ต้องนอนเท่านั้น
แคร่ไม้เก่าๆ ที่โอมชอบมานอนให้ผมสระผมให้ได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง
ผมนอนราบ ลืมตามองกิ่งไม้ของต้นมะม่วงใหญ่ข้างรั้วที่แผ่ร่มเงาเข้ามาเต็มพื้นที่ สีเขียวของใบไม้สบายตาดีจัง ช่วยตัดความจ้าของลำแดดด้วย

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนหูแว่วได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินบ่อยนักตั้งแต่มาอยยู่ที่นี่
เสียงคนกรีดร้อง
คุณลักษณะของเสียงบอกกับผมว่าคนกรีดร้องคือผู้หญิงแก่แล้ว
นอกจากเสียงกรี๊ดแล้วยังมีเสียงโหวกเหวกโวยวายเกิดขึ้นอีกด้วย
ผมกระพริบถี่ๆ ไล่อาการพร่าแสง ความเสือกที่มีกระตุ้นให้ผมเดินไปดูว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในที่ที่เคยสงบแห่งนี้
ยังไม่ทันได้พ้นรั้วไปทั้งตัว ไอ้รั้วบ้านี่มันก็ถูกดันกลับมา
ผมเซถอยหลังและต้องตกใจกับคนที่ดึงรั้วบ้านผมอีกครั้ง
ไอ้ห่านี่ใคร? ผมไม่เคยรู้จักมัน!
แล้วเสร่อมาเข้าบ้านผมได้ยังไง!

“เฮ้ย! ออกไปเลย”

“พูดมากนะมึง!” มันตะคอกผมแล้วก็พุ่งตัวมาหา ถ้ามองไม่ผิดไป ในมือมันมีมีด!
“อยู่เงียบๆ!” ใครจะเงียบให้มึงล่ะ! กูแดกข้าวนะเว้ย! ผมรีบวิ่งหนีไปหาก้อนหินใหญ่ๆ มาถือขู่เป็นอาวุธ ไอ้นี่มองหน้าผมแล้วชี้หน้าคาดโทษ มันหันรีหันขวางเพราะเริ่มมีเสียงคนวิ่งมาทางบ้านผมแล้ว ซอยนี้เป็นซอยตัน บ้านผมเป็นหลังสุดท้าย มันหนีไปไหนไม่ได้แล้ว
“มึง! มานี่เลย”

ผมไม่ตอบอะไร แต่สีหน้าคงบอกออกไปหมดแล้วว่ากูไม่ได้โง่ขนาดทำตามที่มึงบอกหรอก!
มันดูเคียดแค้น แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จนเสียงฝีเท้าคนกรูเข้ามาใกล้มาก จนใครก็ไม่รู้อีกมากมายผลักรั้วผมเข้ามาแล้วก็โวยวายอะไรกันใหญ่โต
จังหวะที่ทุกคนงงกับการขยับเคลื่อนไหวและเป้าหมายของตัวเอง ไอ้คนมีมีดที่หมดทางหนีก็กระโจนใส่ผมจนหงายท้อง ผมไม่ทันได้แหงนมองว่ามันไปทางไหน แต่ได้ยินเสียงตูม! ก็พอจะเดาได้ว่ามันเลือกจะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยาหนี

“เฮ้ย! บอกพวกเราตามจับมันให้ได้ ไอ้โจรนี่วอนตาย”
“ไอ้หนู ไม่เป็นไรนะ” ประโยคหลังนี่คงพูดกับผมแน่ๆ เพราะลุงไม่คุ้นหน้าย่อเข่ามองผม

“เอ่อออ ผม...”
“เจ็บนิดหน่อยครับ”

“ตรงไหนล่ะวะ”
“อ้าวเฮ้ย! เลือดนี่ แผลตรงไหนวะเนี่ย”

“เอ่ออออออออออออ” ผมก้มมองตัวเอง ลูบท้องลูบหน้าอกก็ไม่มีแผลอะไร แต่แขนนี่เริ่มแสบๆ
“อ่อ ตรงนี้ครับ” ผมถลกแขนเสื้อยืดให้ลุงแกดู ตัวเองก็เอี้ยวไปมองด้วยเหมือนกัน ผมแค่โดนมีดถากเท่านั้น แต่ก็มันเลือดเจิ่งประมาณนึง
“ไม่เป็นไรครับ นิดเดียว”

“ไม่ได้ ไม่ได้”
“เดี๋ยวลุงพาไปหาแถวนี้” เอ่อไม่ดีหรอกครับ ป้าผมดุ ยิ่งได้เลือดบแบบนี้ยิ่งดุ

“ไม่เป็นไรครับ”

“คุณวิน!”
“คุณวินครับ คุณวิน” เสียงลุงสมานแว่วมาแต่ไกล ไม่นานแกก็แหวกกลุ่มคนแปลกหน้าทั้งหลายมาถึงตัวผม แต่การมาของแกไม่ได้ทำให้แปลกใจมากไปกว่าการมาของเขา

“วิน เฮ้ย! ทำไมได้เลือดแบบนี้”
“พี่พาไปโรงพยาบาล”
“ลุงครับ เอารถมารอเลย เดี๋ยวผมแบกไปเอง”

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็คว่ำอยู่คาไหล่เขาแล้วครับ
เขาบอกว่าแบก เขาก็แบกจริงๆ วินาทีนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นกระสอบทราย

“คุณวิน ทำใจดีๆ นะครับ”
“โถ คุณของลุง อายุเท่านี้” ลุงสมานครับ ผมแค่โดนมีดถากเองนะ!

“วินไม่เป็นไรหรอกครับลุง”
“แถวนี้โรงพยาบาลใกล้สุดที่ไหนครับ รีบไปเลยครับ” ทันทีที่นั่งโอบผมอยู่บนรถแล้วเขาก็สั่งการทันที
“วิน เสียเลือดเยอะเลยนะ”

หือ? หรอ?
ผมกระพริบตามองเขาปริบๆ แล้วก็ก้มมองแขนตัวเอง
โอเค มันไม่ใช่แค่ถากแล้วครับ มันจ้วงเข้าไปลึกเหมือนกัน และที่สำคัญเหมือนหัวไหล่ผมจะกระแทกไอ้หินก้อนที่ยกมาขู่โจรนั่นด้วย รู้สึกขยับยากยังไงไม่รู้

“ไม่ต้องกลัวนะ”
“พี่มาแล้ว”


“............” ผมพูดไม่ออกแล้วล่ะ

“เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาล”
“วินไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่”

“ค...ครับ”

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่มาแล้ว” เขาย้ำคำเดิมของเขาเองอีกครั้ง วงแขนเขากระชับโอบผมแน่นขึ้น มือกำต้นแขนผมแน่น ผมเดาว่าเขากำเพื่อปิดปากแผลให้ อีกมือที่ว่างอยู่ก็ลูบหน้าผมเบาๆ เขาพูดย้ำอยู่แค่ว่าพี่มาแล้ว พี่มาแล้ว พี่มาแล้ว

คำนี้มันฝังเข้าไปในหัวผม ทำให้หัวใจผมสงบ ทำให้ผมไม่กังวลกับบาดแผลที่ร่างกายผมได้รับ และทำให้ผมเลือกจะกำเสื้อเขาไว้แน่นอีกครั้ง


Cut



เครียดกันหน่อยเนอะ
อย่าเกลียดอิพี่โป๊ะกันเลยนะคะ เธอมีปมของเธอ ฝากลุ้นน้องวินด้วยนะคะว่าจะแก้ปมตัวเองยังไง และแก้ปมในใจของพี่โป๊ะยังไง

จริงๆ แล้ว พี่โป๊ะกับวิน เป็นคนที่คู่กัน แบบ....ขาวคู่กับดำ คนผิดคู่กับคนถูก คนถูกลงโทษคู่กับคนลงโทษ ทำนองนี้

เราเชื่อว่าคนที่ติดตามมาตตลอดต้องรู้แน่ๆ ว่าความเป็นคู่ของ 2 คนนี้คือแบบไหน แล้วท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะขจัดจุดเชื่อมโยงนั้นแล้วก้าวเดินต่อไปได้หรือไม่

ยาวๆแล้วงงเนอะ (ยืมประโยคน้องธามมา)

เจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-06-2015 01:10:22
สองคนนี้ทะเลาะกันจนเราลืมไปแล้วว่าพี่โป๊ะมันเป็นรอยยิ้มของวินในวันที่วินแย่
พอพูดถึงรูปเลยแบบ เออเนอะ ถ้าเราเป็นวินคงรู้สึกแย่มากที่พี่โป๊ะเป็นแบบนั้น
วินเลยเหมือนเลือกที่จะเสียใจเดินออกมาเอง แต่ยังเก็บความทรงจำดีๆ ไว้
แบบนี้ต้องขอบคุณโจรรึป่าวที่จะทำให้พี่โป๊ะมันหันมาพูดดีๆ กับวินได้
พี่โป๊ะมันเคยเสียคนรักไปแล้ว คงไม่อยากจะพลาดอีกละมั้ง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 13-06-2015 01:14:42
นึกว่าจะโกรธกันนาน 555+
พี่โป๊ะก็มาช่วยวินด้วย น้องวินไม่เป็นไรนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 13-06-2015 02:40:53
สู้สู้ นะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 13-06-2015 08:46:19
พี่โป๊ะนี่เด็กจริงๆ แต่เวลาแบบนี้แหละที่เรารอคอยยยย
ไม่อยากให้น้องวินเจ็บตัว แต่ถ้าไม่เป็นแบบนี้ก็กระตุ้นพี่โป๊ะไม่ได้ซะที

พี่โป๊ะต้องลดทิฐิลงบ้างนะ
ฮือออ น้องวินอาการดีขึ้นไวๆ นะลูกกกกกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 13-06-2015 12:41:27
พี่มาแล้ว...พี่ ที่ไม่ใช่คุณมือโปรผู้ร่วมทุน

แต่คือ พี่ ที่หมายถึงไอ้เหี้ยพี่โป๊ะของไอ้ยุ่งวิน แบบนั้นหรือเปล่า

ถ้าเป็นแบบนั้นก็ ยินดีต้อนรับกลับมานะตัวเหี้ย ตัวยุ่งมันคิดถึงจะแย่

เลิกเล่นซ่อนแอบได้แล้วนะแอบไปก็ไม่มิดหรอกน่า ^_^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 13-06-2015 14:17:19
น่ารักดีค่ะทะเลาะกันแบบงงๆ 55พี่โป๊ะมาช่วยวินแล้ว. วินนอนทับพี่โป๊ะด้วย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2015 15:34:40
เย้ๆๆๆ พี่โป๊ะมาช่วยวินแล้วววว อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 13-06-2015 18:53:15
พี่โป๊ะก็เลิกงอนวินได้แล้ว น้องเสียใจจะแย่แล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 13-06-2015 19:11:55
สาแก่ใจอิช้อยนักกกก น้องวินสะบัดบ๊อบเดินจากมาก่อน.... บางทีก็ดีนะ
รู้สึกได้ว่าที่ผ่านมาวินไม่ได้แค่เป็นคนไหลไปตามอะไรที่ผ่านมา
หรือเพราะว่ามันยุ่งยากมากนัก ปล่อยให้มันเป็นไป ยังไงก็ได้....
แต่ที่จริงคือ ที่ทนเพราะรู้สึกว่าเลือกที่จะทน พอมันเหนื่อยจะทน ก็ไม่ทน
...เออ แบบนี้ก็ดีนะ 55


อิพี่โป๊ะ ...อยากให้มีใครทะลายกรอบนั้น แต่บางทีพี่โป๊ะก็ต้องเริ่มถามใจตัวเองก่อนนะว่าอยากทะลายด้วยมั้ยยยย
พาน้องมันเข้าไปอยู่ในโลกนั้นด้วยเถอะะะ อย่างอนแรง งอนนานเส่ะะ

ตอนนี้ได้ใจนะ ...โผล่มาทันเวลา เอาคะแนนไป 2 คะแนน 55
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน16(13-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 21-06-2015 16:28:36
ก่อนอื่นขอบอกว่าตามพี่ซามาตั้งแต่เรื่องน้องเจม น้องธามแล้วค่า แล้วก็ขอสารภาพว่าเม้นเป็นครั้งแรกเพราะเพิ่งสมัครในเล้าเป็ด (_/\_  ) แต่เค้าชอบสำนวนการเขียนมากๆเลยอ่านลื่นไหลแล้วก็สนุกมากกกกกกกกก
น้องวินน่ารักอ่ะนิสัยคล้ายๆเจมเลยไม่น่ามาพบเจอพี่โป๊ะเลย 555 รอให้มาต่อนะคะแล้วก็อยากให้เรื่องนี้รวมเล่มด้วย เค้ากลัวเล่มน้องเจมจะเหงาอยู่บนชั้นเล่มเดียว555 เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-06-2015 17:40:25

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 17


แผลลึกเชียวครับ ถึงกับต้องเย็บแผลกันเลยทีเดียว
หัวไหล่ที่คิดอยู่คนเดียวว่าขยับยาก ก็ได้ข้อสรุปว่ากระแทกพื้นโดยเอาหัวไหล่ลงเลยช้ำ
ผมถูกเอ็กซเรย์ทั้งตัวเลยครับ นายมือโปรไม่ใช่หมอ ไม่ใช่คนเจ็บ แต่กลับสามารถบรรยายความเสียหายของร่างกายผมให้หมอฟังได้ และสามารถชักจูง ไม่สิ บังคับให้ผมยอมเอ็กซเรย์ดูว่ามีอะไรภายในที่เคลื่อนที่อีก บางที เขาอาจคิดว่าม้ามผมจะเขยื้อนมาเบียดปอดล่ะมั้ง

ตอนนี้ก็นอนรอเวลาครับ
ทั้งรอหมอมาตรวจอีกรอบหลังจากผลเอ็กซเรย์ออกแล้ว กับทำความสะอาดแผลที่เย็บรอบบ่าย
นายมือโปรยังอยู่กับผมแม้ว่าผมจะจัดการเรื่องเอกสารประกันอุบัติเหตุของผมได้ก็ตาม เขาส่งลุงสมานไปบอกข่าวกับคุณสุชาดาที่น่ายำเกรง ผมก็เลยได้แต่นอนลุ้นว่า ถ้าป้าสุมาเห็นผมในสภาพที่ป้าไม่ชอบใจที่สุดอนาคตมผจะไปรุ่งโรจน์อยู่ในกรงไหน

แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ผมได้ยินเสียงคุยกันที่หน้าห้อง หนึ่งในเสียงนั้นคือเสียงป้าสุของผมแน่นอน อีกเสียงน่าจะเป็นเสียงหมอนั่นแหละ
นายมือโปรละจากไอแพดที่เขาใช้ทำงานนั่นนี่อยู่ร่วม 2 ชั่วโมง เขาเดินมาจับขอบเตียงไว้แล้วมองหน้าผม
“จะตอบคุณอาสุว่ายังไงล่ะวิน”

“พี่โป๊ะให้ลุงสมานไปบอกว่าอะไรล่ะครับ”

“บอกความจริงทั้งหมด”

“งั้นวินก็คงต้องพูดความจริงทั้งหมด”

“พี่จะไม่ช่วยวินโกหกนะ แต่ถ้ามีอะไรที่อยากให้ช่วย ก็บอก” ผมคิดตาม คาดเดาเอาเองว่าเขาเองก็น่าจะเดาได้ว่าคุณสุชาดาจะทำยังไงกับหลานชายอย่างผม

“งั้น ถ้าป้าสุจะบังคับให้วินรักษาตัวจนหาย แล้วก็อยู่ง่อยๆ งานการไม่ต้องทำรอป้าหาเลี้ยง พี่โป๊ะต้องช่วยนะ”

“......”

“พี่โป๊ะต้องบอกว่าเชื่อมั่นในตัววิน เชื่อว่าวินทำได้ มองเห็นความพิเศษในตัววิน แล้วพี่โป๊ะก็ต้องคิดว่าวินไม่ใช่เด็กขี้แพ้ที่ป้าต้องอุ้มทุกครั้งที่สะดุดล้ม”
“แผลนี่ก็เหมือนกัน มันเล็กนิดเดียวใช่มั้ยล่ะ”

“ไม่เลยวิน แผลลึก”

“แต่ว่า”

“โอเค พี่เข้าใจแล้ว”
“ตามแผนพี่ก็แล้วกัน”

ปึก!
ประตูห้องเปิดอ้าออก ผู้หญิงคนเดียวในโลกที่รักผมก้าวฉับๆ เข้ามา เมื่อได้ระยะมองก็หยุดครับ ป้าสุมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็มองย้อนขึ้นมาใหม่ พอเช็คสภาพผมจนพอแล้วก็เดินมาหาใกล้ๆ
“เจ็บมั้ยลูกตาวิน”
“แม่ล่ะใจจะขาด”

“นิดเดียวเองครับ”
“วินไม่เป็นอะไรมาก แผลจริงจังแค่ที่เดียวเอง”

“แล้วไปยืนรับมีดทำไมลูก”

“มันไม่มีที่ให้หนีนี่ครับ นี่ก็เบี่ยงสุดๆ แล้ว”
“โจรมันยังต้องกระโดดลงน้ำเลย ถ้าวินเลือกหลบโดยการกระโดดน้ำ วินคงไม่ได้มาพูดกับป้าสุตรงนี้หรอก”

“จ้า จ้า คนเก่ง คนรับมือกับทุกสถานการณ์ได้”
“แล้วนี่....คุณโปร อยู่ด้วยตลอดเลยหรอคะ ขอบคุณมากนะคะ” ในที่สุด ส่วนสูงและความหนาของร่างกายนายมือโปรก็ได้รับความสนใจจากป้าผมเสียที ผมเห็นเขายิ้มให้ป้าผมอย่างสุภาพ 

“ไม่เป็นไรครับอาสุ ผมต้องดูแลพนักงานอยู่แล้ว”

“อา จริงสิ”
“ขอโทษทีนะ เรื่องที่ตาวินไม่ยอมไปทำงาน อายังไม่ได้ไล่เลียงอะไรให้เลย”
“ขอโทษแทนด้วยนะคะ ตาวินไม่ยอมโตสักที”
“เอาเป็นว่า คุณโปรไม่ต้องถือน้องเป็นธุระต้องดูแลแล้วล่ะค่ะ อาจะดูแลเอง”

“เอ่ออออ” ผมตาเหลือกอย่างรู้ตัวว่ากำลังจะโดนกักกันในกรงหรู
“คือ วินสำนึกผิดแล้ว จริงๆ ตั้งใจจะกลับไปทำงานกับคุณมือโปรพรุ่งนี้แหละครับ”

“ไม่ต้องแล้วจ้ะ วินไม่พร้อม แม่ควรเชื่อวินตั้งแต่ที่วินบอกแรกๆ แล้ว”

“คืออออ”

“ผมว่าวินก็ทำได้ดีนะครับ”
“หัวไว แล้วเขาก็เรียนมาทางภาพยนตร์อยู่แล้วด้วย ผมน่าจะเป็นฝ่ายต้องอาศัยวินมากกว่าเวลาต้องลงดีเทล” นี่เขาจะช่วยผมใช่มั้ย? นี่คือแผนที่เขายังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับผมเลยใช่มั้ย? ผมไม่ลังเลที่จะฉวยไว้หรอกนะ

“หรอคะ แต่แกเพิ่งหยุดงานร่วมอาทิตย์โดยไม่บอกอะไรนี่คะ”

“วินคงไม่อยากด่าผมให้อาสุฟังล่ะมั้งครับ”

“หือ? นี่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหลานอาต้องด่าคุณโปรด้วย อีกอย่าง ตาวินไม่ด่าใครหรอกค่ะ” ครับ แต่คิดเรื่องด่าใครมั้ยนี่ก็อีกเรื่อง

“ครับ” นายมือโปรเหล่มองผมนิดนึง เขาส่งยิ้มให้แล้วค้อมหัวนิดๆ จากนั้นก็เชิญป้าสุไปนอกห้อง ผมไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่คิดว่าเรื่องที่เขาพูดคงไม่ทำให้ผมเดือดร้อนอะไรนัก เพราะเขาเพิ่งรับปากว่าจะช่วยตอนที่ผมขอให้เชื่อในตัวผม

ผมนอนอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่นานทั้งคู่ก็กลับเข้ามาครับ ป้าสุมีสีหน้าขบขันเล็กน้อย ส่วนนายมือโปรดูเหมือนจะมีเรื่องน่าอายมาระบายให้ใบหูเขาเป็นสีแดงเข้ม

“โถ เรื่องเท่านี้ ตาวินไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”
“แต่คุณโปรก็ช่างคิดนะ คิดเลอะเทอะด้วย”

“โปรขอโทษอาสุอีกครั้งนะครับ” เขายกมือไหว้ด้วย ผมว่าผมเดาได้แล้วว่าพวกเขาคุยอะไรกัน คงเป็นเรื่องที่ผมไม่ด้บอกว่าเป็นหลานป้าสุ และเรื่องที่เขาคิดว่าป้าสุเป็นแม่ยกเลี้ยงดูผมด้วยการให้เงินไว้ใช้เปล่าๆ เดือนละแสน

“ตาวินก็ไม่พูดอะไรให้ชัดด้วย ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว”
“ถ้าไม่ถือโทษน้องแล้วล่ะก็....ช่วยเหลือวินนะคะ”

“ครับ จะถือเป็นธุระตลอดชีพเลย” พูดเล่นล่ะมั้ง ผมส่งสีหน้าไม่อยากจะเชื่อไปให้ทั้งคู่ได้เห็น แล้วพวกเขาก็รุมหัวเราะผมจนน่าหมั่นไส้ 

“อื้ม ตาวิน”
“นอนพักที่รพ.จนกว่าแผลจะแห้งนะลูก”
“แม่รู้ว่าขาไม่ได้หัก เดินได้ แต่แม่ไม่ไว้ใจอะไรแล้ว”
“พรุ่งนี้จะประกาศขาย ไม่ให้อยู่แล้วที่แบบนั้น”

“ห๊ะ? ขายอะไรครับ” บอกตามตรง ใจผมหายวับเลย

“ก็บ้านนั้นน่ะสิ อย่าคิดว่าแม่จะปล่อยเราไปอยู่ที่แบบนั้นลำพังอีกนะ”
“แหล่งชุมชนไว้ใจใครได้ซะที่ไหน”
“โจรเอย คนติดยาเอย วินจะอยู่ต่อไปยังไง วันนี้โชคดีที่พี่โปรเขาตั้งใจมาหาเลยช่วยไว้ได้ วันหลังเกิดเรื่องอีกแล้วใครไม่รู้พาวินไปหาหมอตำแย อมลมอมน้ำมาเป่าปู้ดแล้วบอกไล่ผีแล้ววินเกิดติดเชื้อตาย แม่จะอยู่ยังไง!” ยาวเหยียดเลย ผมจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ

ผมเหล่มองนายมือโปรที่ยืนอึ้งกับความมากเหตุผลของคุณสุชาดา ผมไม่มีตัวช่วยอื่นแล้ว ผมต้องขอร้องเหี้ยให้ทำเรื่องดีๆ ให้ผมหน่อย เขาจะช่วยผมอีกครั้งใช่มั้ย

“จะขายหรอครับ” เขาช่วยล่ะ! ตัวเหี้ยก็ทำเรื่องดีๆ เป็นนะครับ ผมกล้าการันตีเลย
“ขายก็ดีนะครับ” โอเค ผมถอนคำพูด! ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ ไม่เห็นหรอว่าผมวิงวอนอยู่นี่เพราะผมไม่อยากขายบ้านนั้น
“ขายให้คุณพ่อผมได้มั้ยครับ” ห๊ะ! ยังไงล่ะเนี่ย

“คุณตะวันสะสมที่ดินหรอคุณโปร”

“ครับ พ่อผมชอบที่ดินติดแม่น้ำ จริงๆ จะชอบที่ดินเปล่า แต่บ้านนั้น ผมว่า....”  เขาเหล่มองนิดนึงแล้วก็หันไปคุยกับป้าสุต่อ
“ผมว่าอบอุ่นดี ถ้าจะมีคนมาซื้อแล้วทุบมัน ผมว่าน่าเสียดาย”
“ขายพ่อผมดีกว่า พ่อไม่ทุบหรอกครับ”

“งั้น อาจะจัดการเรื่องโฉนด ประเมินราคา แล้วค่อยทำสัญญาซื้อขายกันนะ”
“ดีจังค่ะ จัดการเสร็จไปอีกเรื่อง” ป้าสุหันมองผมด้วยสายตาเฉียบคม ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ความหวังเดียวตอนนี้ของผมก็คือนายมือโปร

ป้าสุอยู่กับผมจนมืด ส่วนนายมือโปรกลับไปตอนบ่ายแก่ๆ เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาสอนงานใหม่ เพราะแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนรีรอให้แผลผมหายก่อนไม่ได้ แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจร่วมทุนครั้งนี้ก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้หลานชายออกจากโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็ว

ตกดึกเข้าหน่อยพี่รุตก็โทรมาตามคาด น้ำเสียงนุ่มๆ จังหวะการพูดเนิบๆ ทำให้ผมเปิดปากเล่าเรื่องราวอย่างเมามัน คนฟังทางนั้นส่งเสียงหัวเราะบ้าง ดุบ้าง ตื่นเต้นบ้างให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
“ตอนนี้ยังเจ็บแผลมั้ยครับวิน”

“เจ็บนิดเดียวแหล่ะครับ”
“แต่เวลาเปิดแผลทำความสะอาดนะพี่รุต แม่งงงง โคตรแสบ!”
“วินนี่ลุ้นฉี่แทบเล็ดเลย กลัวพยาบาลเกี่ยวหนัง อันนี้เจ็บสุดไรสุด”

“เข็ดมั้ยล่ะครับ”

“ไม่เห็นมีอะไรให้เข็ดเลย”
“มันสุดวิสัย ต่อให้เข็ดวินก็ป้องกันอะไรไม่ได้ จะให้วินไปประท้วงใคร หน่วยงานที่คุมกำเนิดประชากรประเทศหรอ”
“หรือกระทรวงพวกเศรษฐกิจอะไรแบบนี้ แบบว่า...บริหารเศรษฐกิจยังไงให้คนจนลงจนต้องมาเป็นโจร งี้หรอ?”

“พี่หมายถึงเข็ดการอยู่คนเดียวต่างหาก”
“มาอยู่กับพี่ที่นี่เถอะ”
“หลับตาขี่จักรยานยังไม่โดนรถเฉี่ยวชนเลย สังคมเขาดีมาก”

“แต่วินรักประเทศไทยนี่นา”
“แล้ววินก็รักบ้านนั้นด้วย”

“พี่ก็อยากให้วินมาอยู่ใกล้มากๆ เหมือนกันนะ”

“วินเอาแต่ใจกว่าพี่รุตอยู่แล้ว พูดยังไงวินก็ชนะ”
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เรื่องสอนเป็นยังไงบ้างครับ เจอนักศึกษามาจีบบ้างมั้ย” พอโดนโยนคำถามนี้เข้าไป พี่รุตก็อ้ำอึ้ง สุดท้ายก็ยอมบอกว่าก็มีบ้าง แต่รีบห้ามผมเชียวว่าอย่าระแวงเขาเลย เขามีความรักของเขาอยู่แล้ว รอเวลาอยู่เท่านั้น
ผมไม่ถามต่อว่าความรักของเขาคือใครกัน ผมคิดว่าผมรู้ และเขาก็คงรู้ว่าผมรู้
เหตุผลที่เขาไม่พูดชื่อออกมา ก็เพราะว่าผมไม่เคยถามให้เขาได้พูดสักที

#### @ D A W N  #####

ซู้ดดดดดด
กวนตีนไปแล้วนะ
ผมเหล่มองคนซดซุปมิโซะหอมๆ อย่างหงุดหงิด ก็นั่นมันซุปของผมนี่

“ของวินนะ”

“วินต้องกินอาหารโรงพยาบาล เร็วๆ จะได้กินยาแก้อักเสบ”

“แต่ซุปนั่นของวิน”

“พี่เอามานะ”

“แต่พี่โป๊ะซื้อมาให้วินนี่”

“ก็วินกินไม่ได้ จะงกทำไมเนี่ย”

“ก็มันของวิน แล้ววินก็อยากกินด้วย”

“แต่วินต้องกินอาหารโรงพยาบาลนี่”

“ก็มันไม่อร่อยเท่า!”

“โหยโหย”
“เอาแต่ใจชะมัดเลยไอ้ยุ่ง ทำตามกติกาโลกมันจะตายรึไง”

“ก็ถ้าตาย พี่จะปั้นวินมาคืนป้าสุได้มั้ยล่ะ”
“เอามาแบ่งเลย!” สุดท้ายเขาก็ยอมแบ่ง นายมือโปรก้าวขายาวๆ มาหา ยื่นถ้วยซุปมิโซะให้ผมอย่างยินยอม ปริมาณของมันทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อย ก็เสียงซู้ดกวนส้นตีนแบบนั้นน่าจะทำให้ซุปหายไปเกินครึ่งถ้วยนี่หว่า

“ดื่มดิ”

“พี่โป๊ะล่ะ”

“พอแล้ว วินดื่มดิ ของชอบหรอ? พี่ทำเป็นนะ”

“แต่อันนี่พี่โป๊ะไม่ได้ทำเองใช่มั้ย”

“เปล่า แม่ครัวที่บ้านทำ พี่ชอบซดร้อนๆ ให้เขาใส่ถ้วยเก็บความร้อนไว้ตลอดแหล่ะ”

“โอเค งั้นกินได้ แต่พี่ไม่กินแล้วจริงๆนะ”

“อื้อ วินกินเถอะ”
“เร็วครับ จะได้กินยา” สุภาพทำเหี้ยอะไร หน้าตาไม่ให้สุภาพเลยครับคุณมือโปร
ผมซดซุปร้อนกำลังดีเข้าคอ รู้สึกโล่งทั้งสมอง ลำคอ กระเพาะ แล้วก็อารมณ์ ดื่มจนหมดแล้วก็ส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี นายมือโปรรับถ้วยไปแล้วยื่นถ้วยใส่ยาเล็กๆ มาตรงหน้าผม พอผมรับไว้เขาก็ยื่นน้ำมารออีก อืม...คล่องจัง

“พักกระเพาะแป๊บนึงก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวค่อยอ่านเอกสารพวกนี้ ตัวเลขเยอะนิดนึงแต่ก็ควรรู้”

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย แม้ว่าในหัวจะติดใจเรื่องบ้านที่เขาให้พ่อเขามาซื้ออยู่มากกว่าก็ตาม
เอกสารที่เขาเอามาให้เกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมครับ มูลค่าตลาดที่เราจะทำธุรกิจกันนี้ใหญ่พอควรเลย ผมเห็นรายชื่อคู่แข่งแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมนายมือโปรถึงต้องปักธงเรื่องการทุ่มลงทุนหลักพันล้าน ก็เพราะรีเทิร์นมันคุ้มค่า จะตกปลาฉลาม คงใช้ปลากัดสวยไปวันๆ เป็นเหยื่อไม่ได้หรอก

“เอ่อออ แล้วก็”

“หือ?”
“อะไรครับ”

“พี่ขอโทษนะ”
“เรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่”
เขายิ้มแหยอย่างสำนึกผิดพลางฝากสัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้มผม
“ต่อไปจะไม่ทำอีก สัญญาเลย”

“เฮ้ย! ไม่เอาหรอก ไม่อยากเจอกันอีกชาติหน้า”

“งั้นชาตินี้ก็เจอกันให้หนักเลยก็แล้วกัน”
“กลัวไม่ได้เจอวินอีกชาติหน้า” แม่งย้อนผม ผมยู่ปากย่นจมูกใส่ผู้ชายตัวสูงที่เดินไปนั่งไขว้ห้างที่โต๊ะริมระเบียง แดดอ่อนยามเช้ากำลังอ้อล้อกับนายมือโปร ถ้าแดดเป็นเพศหญิงก็คงต้องเปรียบว่าระริกระรี้พอประมาณเชียว

“งั้นชาตินี้พี่ก็อย่าหายไปไหนก็แล้วกัน” ผมงึมงำ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน จะได้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมถึงคิดแบบนี้และพูดแบบนี้ เพราะผมเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

เราคุยกันดีขึ้น ผมรู้สึกได้ว่าผมเป็นแค่ไอ้ยุ่งในสายตาเขา และเขาก็เป็นไอ้เหี้ยพี่โป๊ะสำหรับผม
เราต่างไม่ใช่หลานนายแบงก์และพาร์ทเนอร์ร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกันเพราะธุรกิจ
สงสัยว่าพอสบายใจแล้วผมก็เลยยิ้มได้ หัวเราะได้ ผมก็เลยยิ้มให้กระทั่งนางพยาบาลที่มาทำความสะอาดแผลให้ แม้ว่าเธอจะจากไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มเบ้าเพราะแสบแผลก็ตาม

“แมนๆ หน่อยไอ้ยุ่ง”
“มานี่ เช็ดน้ำตาให้ เจ็บมากหรอ”

“ลองโดนเองดิ”

“โอ๋ๆๆ นิ่งเตะนิ่งเตะ”

“เตะเตี่ยไรเล่า!”

“ปากนี่นะ!” เขาบี้ปากผมแรงๆ แล้วก็ใช้ 2 มือขยี้แก้มไปมาอย่างมันมือ หนำใจแล้วก็ลูบๆ เป่าๆ ทำราวกับว่าปลอบแบบนี้แล้วผมจะลืมว่าเขาทำอะไรไว้

“ปล่อยเลย! พี่โป๊ะชอบทำวินเจ็บ”

“พี่ไม่ได้ชอบทำวินเจ็บซักหน่อย”
“วินนั่นแหล่ะชอบทำให้พี่ต้องทำวินเจ็บ”

“ตลก สรุปคนเจ็บก็วินทั้งนั้น ไปไกลๆ เลย”

“ไม่เอา อยู่นี่สบายใจกว่าตั้งเยอะ เข้าบริษัทมีแต่เรื่อง”

“เรื่องไรหรอครับ” ต่อมเสือกผมทำงานขึ้นมาทันที นายมือโปรกอดอกใส่ มองหน้า แล้วก็เมินไป เขาไม่บอกอะไรผม ผมเลยได้แต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผม หรือไม่ใช่เรื่องที่ผมรู้แล้วจะทำให้อะไรเปลี่ยน

“วันนี้คุณอาสุจะมากี่โมงหรอวิน” เปลี่ยนเรื่องเลยแฮะ สงสัยจะไม่อยากให้รู้จริงๆ นั่นแหล่ะ ผมไม่เสือกแล้วก็ได้

“บอกไว้ว่าค่ำๆ จะมาพร้อมเป็ด เชฟคนนี้ทำอร่อยมาก”

“คิดแต่เรื่องกินใช่มั้ยเราน่ะ แต่ก็ดี กินเยอะๆ จะได้อ้วนหน่อย วินผอมเกินไปแล้ว”

“ซ่อนรูปหรอก”

“หรอ? เจ้าเงาะถอดเปลือกแล้วมีอะไรทำให้พี่ตะลึงได้บ้างมั้ย? ไหนถอดดิ๊”

“บ้า ไม่เอาหรอก ของแบบนี้เขาถอดให้ดูเฉพาะคนที่รักที่ชอบ”
“พี่โป๊ะไม่ใช่รจนาของวินซักหน่อย”

“มีแล้วหรอ? นางรจนาน่ะ”

“มี”

“ใคร”

“ทำไมเสือกล่ะ ไม่เกี่ยวกับพี่โป๊ะนี่”

“ก็....”

“ก็อะไร”

“อ่อ รู้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้”

“ใคร รู้ว่าใคร ไหนพูด”

“ทำไมเสือกล่ะ พี่จะคิดว่าใครมันก็ไม่เกี่ยวกับวินนี่”

“แม่งงงง” สุดท้ายผมก็เถียงแพ้อยู่ดี เขาหัวเราะใส่แล้วก็ก้มหน้าจ่อไอแพดของเขาต่อไป ดูเหมือนเขาจะสามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แบบนี้คุณแนนคงไม่เหนื่อยมากกับตำแหน่งเลขาคุณวารินท์

ราว 5 โมง เขาก็ยุติการกลั่นแกล้งผมระหว่างทำงานกับไอแพดคู่ใจ นายมือโปรดูจนแน่ใจว่าผมกินมื้อเย็นแล้ว กินยาครบทุกเม็ดแล้ว เขาจากไปหลังจากลาผมด้วยคำว่า “พรุ่งนี้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนนะ มีไรก็โทรหาได้ ดึกๆ ก็โทรหาได้”

“ครับ” ผมตอบแค่นี้ คำว่าขอบคุณที่ควรพูดก่อนครับ ผมเก็บไว้ในใจ

เพิ่งรู้จากป้าสุนี่แหล่ะว่าเรื่องร่วมทุนมันขลุกขลักเล็กน้อยเพราะผู้ถือหุ้นใหญ่บางส่วนไม่เห็นด้วย และโปรเจคก็อาจจะล่ม
ป้าสุบอกว่าผู้ถือหุ้นในบริษัทเขายังเชื่อในการทำธุรกิจรับจ้างผลิตตอนเทนท์ การโยกไปลงทุนธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์และสตูดิโอสำเร็จรูปทำให้หุ้นใหญ่กังวลว่า ตนทุนบุคลากรที่มีอยู่ในบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับที่ทำได้

“แล้ว ป้าสุว่ายังไงล่ะครับ เราเป็นฝ่ายใส่ส่วนทุนด้วยนี่ครับ 49% แน่ะ”

“ป้าโอเคไปแล้วไง แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าบริษัทแม่ของทางนั้นเขาไม่อยากตั้งร่วมทุนตรงนี้ขึ้นมา พาร์ทเนอร์อย่างเราจะทำอะไรได้”

“งั้น ถ้าเราเป็นฝ่าย 51% แล้วให้พี่โป๊ะเขาหาเงินมาใส่ส่วนทุน 49% ล่ะครับ”
“บริษัทก็กลายเป็นบริษัทในเครือแบงก์เรา”

“คงไม่ไหวหรอกวิน”
“มันไม่ใช่คอร์เรา”
“การถือหุ้น 51% เท่ากับเราได้คุมส่วนบริหาร ใครจะบริหารล่ะลูก วินหรอ? พร้อมแล้วหรอ? โปรเจคใหญ่นะครับ”

“งั้น พี่โป๊ะเขาจะทำยังไงล่ะครับ”

“ป้าก็อยากพิสูจน์ฝีมือเขาเหมือนกัน”

“แล้วป้าสุว่าพี่โป๊ะเขาจะหาทางออกได้มั้ยครับ”

“หือ? ได้อยู่แล้ว คุณโปรเขาเก่ง” คุณสุชาดาผู้น่าเกรงขามยิ้มมุมปาก เธอใช้เวลายามเย็นเล่มแก้มเล่นหัวผม เป่าเบาๆ ที่ผ้าพันแผลแล้วก็ใช้เวลาสั่งสอนหลานรักอย่างผมจนซึ้งในรสแห่งความห่วงใย เค็มปร่าเลยล่ะครับ ขอบอก

ห้าทุ่มแล้วผมยังไม่หลับ พยาบาลที่เข้ามาดูเป็นระยะคงเอือมผมเหมือนกัน เข้ามาวัดไข้ทีไรก็นอนลืมตาแป๋วจ้องผ้าม่านเล่น
เรื่องที่ผมยังเก็บมาครุ่นคิดอยู่ก็เรื่องของนายมือโปรนั่นแหล่ะ ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อ
จะสู้ต่อไปโดยการกรุยทางด้วยมือตัวเองโดยไม่สนบาดแผลแห่งความผิดหวังเดิมๆ หรือจะตัดใจแล้วตั้งหลักเริ่มใหม่

ไหนๆก็อยากเสือกเรื่องของเขาแล้ว โทรหาก็คงได้มั้ง
ผมกดหาเบอร์เขาที่ไอ้โอมเป็นจัดการเมมไว้ให้ เจอชื่อที่มันตั้งให้แล้วอดขำไม่ได้ มันเมมไว้ให้ว่าเฮียโป๊ะ นี่ถ้าออกเสียงไม่ดี นายมือโปรจะถูกความเหี้ยครอบงำตลอดชีวิตแน่ๆ
รอสายไม่นานเขาก็รับสายครับ ฟังจากเสียงรอบข้างแล้วเขาไม่น่าจะอยู่บ้าน อาจจะอยู่ผับของเขานั่นแหล่ะ
“พี่โป๊ะ วินเองครับ”

“อื้อวิน แป๊บนะ ตรงนี้เสียงดัง พีช! รอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมมา” ผมถือสายรอ เดาๆ เอาเองว่าเขาน่าจะลงมาที่ห้องพักส่วนตัวของเขา ก็ไอ้ออฟฟิศใต้ดินนั่นแหล่ะ
“ครับวิน มีอะไร เจ็บแผลหรอ”

“เปล่าๆ วิน....พอดีมีเรื่องอยากรู้”

“ครับ เรื่องอะไร”

“ทำไมวันนี้พี่พูดเพราะล่ะ”

“อ้าว พูดเพราะก็ไม่ชอบ ไอ้ยุ่งเอ้ย” เออๆ มันต้องแบบนี้แหล่ะถึงจะชิน
“อยากรู้อะไรไอ้ยุ่ง แลกกับชื่อรจนานะ” แม่งยังไม่ลืมอีก ผมหัวเราะนิดหน่อยแล้วก็ลองเชิง

“อยากรู้เรื่องร่วมทุน คืบหน้าถึงไหนแล้วหรอครับ หรือว่าเซ็นเอ็มโอยูแล้วก็คือเสร็จแล้ว”

“ยังหรอก ต้องผ่านมติบอร์ดบริษัทแม่ก่อน นี่กำลังโน้มน้าวอยู่ แต่คนแก่อ่ะ เขาก็คิดอะไรแนวเขานั่นแหล่ะ”

“แล้วคนแก่เนี่ย แกนนำคือใครหรอครับ”

“ถามทำไม?”

“ก็ ถ้าแกนนำคือพ่อพี่โป๊ะ มันก็โน้มน้าวง่าย แต่ถ้าแกนนำเป็นคนอื่นที่ชาตินี้ก็คงพูดกันไม่รู้เรื่อง คงยาก”

“เป็นคนอื่น พ่อพี่เห็นด้วย แต่การเป็นบริษัทมหาชนมันยุ่งตรงต้องทำให้มวลมหาประชาชนแม่งเห็นด้วยทุกชีวิต ดูยากรึยัง”

“งั้น วินช่วยอะไรได้มั้ยครับ”

“ทำไมถึงอยากช่วยพี่ล่ะ?”
“เอาเถอะน่า เดี๋ยวพี่จัดการเอง วินพักผ่อนเยอะๆ”
“อื้อ พี่เพิ่งคุยกับไอ้โอมมา มันจะเดินทางสัปดาห์หน้าแล้วนี่”
“ไปส่งด้วยกันมั้ย”

“อ๋อ ได้สิครับ”
“วินคงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จริงๆ ตอนนี้ก็ออกไปซ่าได้แล้ว แต่ป้าสุไม่อณุญาต”

“เชื่ออาสุน่ะดีแล้ว”
“ไว้พี่พาไปส่งโอมเอง”
“คืนนี้วินนอนได้แล้ว อย่าลืมเรื่องไอเอสล่ะ ทิ้งไปนานๆ จะต่อไม่ติด”

“ครับ”

“แล้วก็...รจนาของวินคือใคร”

“ฮ่า วินไม่บอก เก็บไว้ต่อรองไปเรื่อยๆ นี่แหล่ะ”

“วุ! ไอ้ยุ่ง ทำยังกับพี่อยากยุ่งเรื่องเรานัก”

“ก็แล้วไม่อยากรู้หรอครับ”

“ไม่รู้ก็ไม่ตายครับ”
“ฝันดีนะไอ้ยุ่ง”

โธ่เอ้ย! อยากรู้หน่อยก็ไม่ได้
เพราะถ้าเขามีรจนาของเขาเอง ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคือใคร


วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานครับ ผมมีนายมือโปรมาอยู่เป็นเพื่อน จะว่าไป เขาต่างหากที่มายึดพื้นที่ห้องพักของผมในโรงพยาบาลสำหรับทำงาน เพราะว่ามันสงบดี แต่วันนี้ต่างออกไปนิดนึง เพราะว่าเขามีดร.โจ้เคียงกายมาด้วย
ดร.โจ้ดูแลผมดีมากจนพี่พยาบาลเริ่มสับสนในหน้าที่ตัวเองเชียวครับ เรื่องเดียวที่ดร.โจ้ทำแทนพี่พยาบาลไม่ได้ก็คือการล้างแผลครับ แต่เธอก็มายืนบีบหัวไหล่ผมเป็นการให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง

“น้องวินอดทนนะคะ เมื่อกี้พี่โจ้ดูแล อีกนิดก็แห้งสนิทดีแล้ว”
“ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งอาบน้ำ เดี๋ยวแผลโดนน้ำ”

“แต่วินแอบอาบน้ำไปแล้วล่ะครับ ทนไม่ไหวจริงๆ เช็ดตัวอย่างเดียวไม่ชิน” เธอมองผมดุๆ แล้วก็ส่งยิ้มให้  ดร.โจ้คนสวยเดินไปนั่งลงข้างๆ นายมือโปรที่วันนี้หิ้วโน๊ตบุ้คมาทำงานด้วย

“กาแฟมั้ยโปร”

“ไม่เอา หลายแก้วแล้วโจ้”

“งั้นโจ้ลงไปซื้อกาแฟของโจ้ก่อนนะ เอาขนมหรืออะไรมั้ย”

“ไม่ โจ้ไปเถอะ ดูแลตัวเองก่อนนะ ผมยุ่งๆ”

“รู้แล้วล่ะน่า” หญิงสาวเป็นฝ่ายตัดพ้อ ผมว่าผมเห็นสายตาเศร้าๆ ของดร.คนสวย และก็เสือกไปโดยไม่ทันได้ยั้งตัวเอง

“วินไปเป็นเพื่อนนะครับ” ทั้งคู่หันมองผม นายมือโปรขมวดคิ้วใส่แล้วก็ลงทุนลุกขึ้นเพื่อก้าวยาวๆ มาหา

“วินจะซื้ออะไร มีอะไรที่หมอห้ามกินแล้วจะแอบกินรึเปล่า”

“โธ่พี่โป๊ะ วินไม่ได้ป่วยเลย แต่มีดฟัน”
“แค่อยากลงไปเดินเล่น”

“งั้นพี่พาไป”

“โหยย เดินกับพี่โป๊ะวินก็เหนื่อยกว่าดิ ขาพี่ยาวกว่าอ่ะ ก้าวก็ฉับๆ ไปกับดร...พี่โจ้ดีกว่า”

“ตามใจ”
“โจ้อย่าตามใจวินมากนะ”

“จ้า ห่วงเวอร์” หญิงสาวสรรพยอกใส่ด้วยใบหน้างามงอน ผมเห็นอาการแล้วยังคิดว่าน่ารัก ฉะนั้นนายมือโปรก็คงคิดว่าน่ารักเหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่ผมเดาผิดไป เพราะพอผมมองนายมือโปร เขากลับไม่ได้สนใจดร.สาวนัก เขามองผมแน่วแน่ มองจนผมต้องรับปาก

“วินจะก้าวอย่างระวังที่สุดเลยครับ”

“ดีแล้วไอ้ยุ่ง”
“งั้น วินซื้อเอสเพรสโซ่ให้พี่ด้วยนะ ขอบคุณครับ” ก็เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เอากาแฟอยู่เลย เอสเพรสโซ่มันเป็นเครื่องดื่มประเภทเดียวกับน้ำมะพร้าวรึไงวะ?

จากที่คิดว่าเราคงค่อยๆ เดินเคียงกันอย่างเงียบๆ ผมก็คิดผิดอีกเหมือนเดิม
ดร.โจ้คุยเก่ง ช่างพูดช่างสรรหาเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง เธอนั่งจิบกาแฟในร้านเมื่อถามจนแน่ใจแล้วว่าผมสามารถนั่งดื่มกาแฟกับเธอได้ตราบใดที่พี่พยาบาลรู้ว่าผมไปไหน
“โปรบอกว่าน้องวินเป็นหลานแบงก์ที่โปรชวนมาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมทุน”
“พี่โจ้นี่ตกใจเลย”

“แฮะๆ วินดูไม่น่าจะเป็นหลานนายแบงก็ได้ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ใช่ค่ะ ตกใจปนเสียดายด้วย”
“ปกติแล้ว โปรเขาไม่คบคนที่น่าจะเอื้อผลประโยชน์กันเป็นเพื่อนหรือคนสนิทหรอก เขาว่ามันแยกความสัมพันธ์ยาก จะรู้จักกันด้วยงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ควรนิยามกันตั้งแต่แรก”

“แต่บางทีมันก็เลือกไม่ได้นี่ครับ”
“วินเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กังวลใจ วินไม่อยากให้ใครมาหาประโยชน์จากตัววิน ป้าวิน”

“นั่นล่ะที่โปรกังวล”
“แต่กว่าจะยอมพูด ง้างปากกันแทบตาย”
“ต้องให้แกงค์เขานั่นแหล่ะเป็นคนง้าง”

“แกงค์หรอครับ”

“อื้ม ก็คุณหนึ่ง คุณหมอนำ คุณพีช แกงค์เขาตั้งแต่ม.ปลายน่ะ” อ๋อ ชื่อพวกนี้ผมเคยได้ยิน แกงค์หัวกะทิปัญญาชน
“โปรเขาคุยกับวินได้สนิทใจอีกครั้งพี่โจ้ก็โล่งใจ กลัวจะน้ำลายบูดซะก่อน”
“แต่วินก็เป็นเด็กน่ารักจริงๆ นั่นแหล่ะ ยิ้มให้โปรบ่อยๆ นะคะ ถือว่าช่วยกัน”
“รายนี้เครียดนิดหน่อยโลกก็รู้ แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้ใครช่วยอะไรง่ายๆ หรอก”
“ปากหนัก”

“ปากหมาหนักๆ ด้วยครับ” ผมหยอกเย้า ดร.โจ้เลยหัวเราะร่วน เธอเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟังอีกหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่มีนายมือโปรเอี่ยวด้วยตลอด จนในที่สุด ผมก็ถามคำถามสำคัญออกไป

“พี่โจ้ เป็นแฟนพี่โป๊ะมานานรึยังครับ”

“อา...”
“ดูเหมือนแฟนกันหรอคะ”

“ก็ ไม่รู้จะคิดเป็นอื่นยังไง แล้วก็ดูสมกันด้วยนี่ครับ”

“ถ้าคนพูดเรื่องเดียวกัน 100 คน ทำให้เรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องจริงได้ พี่ก็คงเป็นแฟนโปรไปแล้วค่ะ”
“แต่เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“พี่เป็นได้แค่เพื่อนเขาเท่านั้นแหล่ะ”

“งั้น รจนาของเขาคือใครล่ะครับ?”

“อะไรนะคะ?”

“อ๋อ เสียดายแทนพี่โป๊ะนะครับ พี่โจ้ดีพร้อมขนาดนี้ ปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง”

“ก็เขาไม่เคยกำมือใครไว้เลยนี่”
“ไม่สิ เขาไม่เคยปล่อยมือจากน้องแพร์เลยต่างหาก”

ลูกแพร์
เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้
เธอตายจากไปนานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ชื่อเธอถูกเอ่ยถึง บรรยากาศของความหวงแหนที่แสนเศร้าจะฟุ้งขึ้นรอบตัวผม มันทำให้หายใจไม่ออก อึดอัดจนอยากจะระเบิดปะทัดกองใหญ่ในทะลุทะลวงตัวตนที่ไม่มีวันกลับมาให้จากไปตลอดกาล

Cut


สาบานได้ว่าอยู่ในช่วงปั่นไอเอส และเตรียมสอบต้นเดือนก.ค. สาบานได้เลย
บางทีนี่ก็คิดนะ ว่านี่ทำไมแบ่งเวลาไม่ถูกไม่ควรเลย โฮวววววววววววววว  :sad4: :o12: :o12: :o12: :o12:
เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ
สำหรับบ้านพี่หมอนำ-น้องธาม ภาค2 เราว่าเราจะรอให้เคลียร์ไอเอสจบก่อน โครงจะได้แน่น แฮ่
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2015 19:14:11
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Luvaboy ที่ 23-06-2015 20:45:25
เรื่องน่ารักอ่านแล้วอารมย์ดี ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านครับ แต่เห็นชื่อกลุ่มเพื่อนคุณมือโปรแล้ว แอบคิดว่าคุณพีชจะได้เป็นพระเอกกับเค้าบ้างมั้ยนะ5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-06-2015 20:55:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-06-2015 21:24:59
เหมือนจะดีกันแล้ว
แต่พอมีชื่อน้องแพร์มาจะเป็นยังไงต่อ
พั่โปรจะปล่อยมือจากอดีตได้ไหมน๊า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 23-06-2015 21:27:33
มาต่อแล้ววว น้องวินอย่าคิดมากน๊า พี่โป๊ะลืมลูกแพร์ได้แล้วววว :'(
เป็นกำลังใจให้นะคะ รักนิยายเรื่องนี้แล้วก็รักคนเขียนด้วย สู้ๆค่ะ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 23-06-2015 22:31:49
มาแล้วเหรอออ คิดถึงงง  :กอด1:

พอดีกันปุ๊บก็เปิดสงครามน้ำลายกันปั๊บ เป็นคู่ที่เถียงกันได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก 555

รจวินดูมีความสุขดูเป็นตัวของตัวเอง ดูผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเจ้าเงาะที่ถอดรูปออกมาเป็นตัวเหี้ย เข้ากั๊น เข้ากัน

เริ่มชอบ ดร.โจ้ขึ้นมานิดหน่อยเพราะเจ้แกรู้จุดยืนของตัวเอง

แล้วก็ชอบซีนฝากซื้อเอสเพรสโซ่มาก คือบับ...ต๊ายดูเค้าสนิทกันเนอะ ตัวเหี้ยน่าร๊าก #ทีมเหี้ย ค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-06-2015 22:49:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 23-06-2015 23:37:52
กำลังน่ารัก มุ้งมิ้ง งุ้งงิ้งกันอยู่เชียว พอมีชื่อลูกแพร์มาปุ๊บ เงิบแพร๊พพพพ
พี่โป๊ะจะปล่อยมือจากอดีตได้รึปล่าวน้อ ... รอตอนต่อไปนะคะ  :mew2: :hao3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-06-2015 01:20:29
สู้ๆนะ กอดดดด
เรารอทั้งสองเรื่องเลย ทั้งพี่โป๊ะ เเละหมอนำ

ปล.เรา #ทีมน้องธาม 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-06-2015 06:58:54
รจนาของวินคือใครคะะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 24-06-2015 19:20:11
ความสัมพันธ์ของคู่นี้กลับมาดีขึ้นแล้ว แฮ่ ดีใจจังงงง

แต่คือลูกแพร์ เป็นสิ่งหนึ่งที่เหมือนไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่ติดตราตึงใจใครหลายคนเลย

ขอให้วินกับพี่โป๊ะผ่านมันไปได้

พี่ซาสู้ๆ ด้วยค่ะ ^^ ขอให้ผ่านฉลุยทุกอย่างเลยนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 24-06-2015 19:58:27
ชอบตอนสองคนนี้กับมาคุยกันดีๆจัง

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 27-06-2015 03:16:51
โอ้ยยยย คุณพี่โป๊ะ พอบทจะกลับมาน่ารัก ทำไมก็พ่อก็ช่างพระเอกได้แบบโดนใจขนาดนี้ ><
ลืมเลยคำว่า เชี่ยพี่โปะคือระ ... ว่าแต่ส่อแววความดราม่าอีกละ ปมลูกแพรนี่ อะไรยังไง
รอวันปมนี้ระเบิดนะคะ โฮกกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน17(23-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 27-06-2015 18:30:38
ไอ้ความอึน ๆ มึน ๆ มันค่อย ๆ จ่างหายไป
แต่ความอึดอัน มันยังคงมี ตราบใดที่หมอกจาง ๆ ยังคงปกคลุม
+1 พร้อมกำลังใจให้ไอเอสผ่านไว ๆ นะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-07-2015 21:56:28
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 18.1



นอนผิงไฟนีออนอยู่ 4 คืนผมก็ได้กลับบ้านครับ รู้ถึงไหนคงอายเขาไปถึงนั่น ผมแค่โดนฟันแขนเท่านั้น แล้วแผลก็ถากลงไปไม่มากด้วย ไม่ได้เจ็บปวดถึงขั้นพิการ แต่กลับรักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึง 4 คืน คนที่กำหนดแผนนี้คือใคร คงไม่ต้องให้ผมบอก

“ตาวิน ดีใจมั้ยลูก ได้ออกไปเล่นข้างนอกแล้วนะ” ป้าสุครับ วินไม่ใช่เด็ก 5 ขวบเสียหน่อย แล้วเผื่อว่าป้ายังไม่รู้ อยู่ที่นี่ผมก็นอนตีสามเกือบทุกคืนนั่นแหละ เพราะมีตัวกวนมาชวนคุย แต่ผมจะไม่ถือโทษหรือเอาความผิดกับตัวกวนคนนั้นหรอกนะครับ เพราะว่า เขาสัญญาว่าจะช่วยผมอีก 1 อย่าง

-พ่อพี่ชอบเก็บที่ดินริมน้ำนั่นเรื่องจริง แต่ถ้าวินไม่อยากขายบ้าน แม้ว่าคุณอาสุแกจะเอ่ยปากมาแล้วว่าจะขายให้กับพี่หรือพ่อพี่ ก็มันก็พอมีทางสายกลางให้เดินอยู่บ้าง-

อย่าคิดว่าผมไม่รีดเร้นเอาคำตอบว่าทางสายกลางนั่นคือทางไหน ผมพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่นายมือโปรก็ยึกยักมากท่าเสียจนผมปล่อยให้เขายืนเท่อวดอากาศ แล้วก็ชิ่งหลับมันซะเลย
คิดไปก็เสียดาย ถ้าอดทนกว่านี้ ผมอาจจะได้รู้วิธีการ ไม่ต้องมานั่งร้อนใจอยู่บนเตียงผู้ป่วยแบบนี้

“แล้วทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะลูก หรือว่าไม่ชอบชุดที่แม่เอามาให้”
“ก็ชุดวินทั้งนั้นนี่ลูก”

“ไม่ใช่ครับ”
“คือออออ”
“หนาวๆ เลยยังอยากนั่งซุกผ้าห่มอุ่นๆ อยู่น่ะครับ”

“หื้ม ประหลาดคน” ป้าสุว่าผมแล้วก็เดินไปปรับแอร์ สีหน้ายามหันมามองผม สั่งให้ผมลุกจากเตียงแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี

“หมอบอกว่ายังไงมั่งล่ะลูก”

“ก็ ให้กายภาพหัวไหล่ที่เคล็ดเป็นประจำน่ะครับ มันไม่ถึงกับเคลื่อนแต่ก็กระแทกแรงเหมือนกัน อาจจะเจ็บหรือมีอาการเสียวแปล๊บๆ เวลาขยับแรงๆ หรือผิดท่า”
“ส่วนแผลก็มาทำความสะอาดทุกวัน ยังห้ามโดนน้ำอยู่ครับ”
“นอกนั้นปกติ”

“ดีจ้ะ งั้นแม่ให้วินหยุดงานอีกแค่ 2 วันนะลูก แล้วก็ติดเสาร์อาทิตย์พอดี ก็เท่ากับวินอู้งานได้อีก 4 วัน”

“จริงๆ วันนี้ทำงานเลยยังได้”

“ไม่ได้หรอก ไปพักต่ออีกนิดดีกว่า”
“แล้วนี่ของอะไรตั้งมาก ไม่ใช่ของวินนี่”

“ของพี่โป๊ะครับ” ผมตอบตรงๆ อยากให้ป้างงเล่น อยากให้ป้าสุสงสัยแล้วไปไล่เรียงเอาคำอธิบายกับนายมือโปร อยากรู้นักว่าเขาจะให้เหตุผลผู้ใหญ่ว่าอะไร เรื่องการหอบผ้าผ่อนหนีมานอนกับผมที่โรงพยาบาล
“ประหลาดคน”

“วินสนิทกับพี่เขาหรอลูก” อ้าว แล้วทำไมป้าสุมาถามผมล่ะ ผมหันมองป้าแล้วยิ้มแบบไม่รู้จะตอบอะไรดี แต่ป้าก็ยังรอคอบคำตอบจากผมอยู่ อืม แล้วจะตอบยังไงดีล่ะ?

“ก็ ไม่เรียกว่าสนิทหรอกครับ”
“คือ พี่โป๊ะเขาเป็น...เอ่อ...”
“อ่อ เป็นอาจารย์พิเศษที่คณะ วินก็เคยได้เรียนกับพี่โป๊ะ 2-3 ครั้งครับ”
“จริงๆ โอมมันสนิทกับพี่โป๊ะมากกว่า เขารู้จักกันมาตั้งแต่โอมมันจบป.ตรี”

“อืม คุณมือโปรนี่เขาทำหลายอย่างดีนะ”
“งั้น วันนี่พี่เขาก็ต้องมาสิ ของเขาอยู่นี่ตั้งแยะ”

“ครับ เห็นบอกไว้ว่าจะมา”

“อ้อ เราก็เลยพิรี้พิไรรอพี่เขาล่ะสิ”
“แม่รู้หรอกน่า เจอพี่ชายที่อยากได้แล้วใช่มั้ย หื้ม” ไม่หื้มเถอะครับป้าสุ ผมเบ้หน้าใส่ และอยากคะนองปากถามป้าสุว่าเอาอะไรคิด? ผมเนี่ยนะอยากได้นายมือโปรมาเป็นพี่ชาย ไม่เอาด้วยหรอก ขออภัยที่ต้องหยาบ แต่ผมไม่อยากประสาทแดกตาย

“อ้าว! อาสุ มาแต่เช้าเชียวครับ”

“ค่ะ คุณโปรก็เหมือนกัน นี่อาเพิ่งรู้ว่าหอบผ้าผ่อนมานอนเฝ้าตาวินให้ ทำไมไม่บอกล่ะคะ จะได้ให้ที่บ้านเขาตระเตรียมอาหารมาให้ อาหารโรงพยาบาลน่ะปล่อยตาวินทานไปเถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ โปรก็ให้ที่บ้านทำให้แล้วหิ้วมากิน ยั่ววินแล้วสนุกดี” ยังมีหน้ามาเล่า ผมได้ฟ้องใครรึยังว่าเขาเอาแต่ของน่าอร่อยมาล่อผม แต่คิดอีกทีผมว่าไม่ฟ้องดีกว่า เพราะผมได้กินของน่าอร่อยนั่นตลอด ส่วนนายมือโปรน่ะกินข้าวโรงพยาบาลจืดๆ แทนผม
“แล้วนี่ คุยกับคุณหมอรึยังครับ หรือแกปล่อยเคสแล้ว”

“คุยแล้วค่ะ เรียบร้อยแล้ว กลับกันได้เลย รอตาวินเปลี่ยนชุดนี่แหละ”

“วินไม่รีบล่ะ ไหนว่าอยากรีบกลับบ้าน คิดถึงระเบียงวาดรูปไม่ใช่หรอ?” หรอ? ผมพูดหรอ? ผมหน้าตาเหรอหรามองเขา แต่นายมือโปรพยักหน้าหลอกล่อให้ผมทำตาม อ้อ! นี่แผนสินะ โอเค!

“ครับ!”  ผมตอบรับอย่างตื่นเต้น ทำตัวเป็นเด็กดีวิ่งเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หวังว่าเขาจะช่วยผมได้ หวังว่าเขาจะทำให้ผมไม่ต้องขายบ้านตามบัญชาของป้าสุได้
รีบใส่เสื้อผ้านยี่ห้อหรูที่ป้าสุเตรียมมาให้ แล้วก็เปิดประตูผลัวะออกมา นายมือโปรกับป้าผมยืนคุยอะไรกันอยู่สักอย่าง ทั้งคู่หันมองผมอย่างสงสัยว่าทำไมถึงได้หอบแห่กแบบนี้

“เหนื่อยอะไรลูก”

“รำไทเก็กในห้องน้ำหรอวิน” หึ! เห็นว่าจะช่วยหรอกนะ ยกนี้ผมจะไม่สู้!

“เอ่อ กลับกันเลยนะครับป้าสุ”

“เอาสิจ๊ะ” ป้าผมรับคำแล้วสั่งเด็กในบ้านที่พามาด้วยเก็บข้าวของระเกะระกะของผมกลับไป ผมมองข้าวของของผมอย่างลุ้นระทึก ถ้าของพวกนี้ถูกรวบอยู่ในมือป้าสุ ผมจะมีข้ออ้างอะไรในการออกจากคอนโดชั้น 18 นั่น ถึงมันจะสะดวกสะบาย แต่มันก็ไม่เคยให้ความรู้สึกเป็นบ้าน

“เอ่อ ป้าสุครับ”

“จ้ะ ลืมอะไรอีกมั้ย?”

“ไม่ครับ แต่คือ”

“อ้อ ผมต้องขอโทษด้วย ลืมบอกคุณอาสุเลยครับ”
“เรื่องบ้านไม้ริมน้ำ”

“จ้ะ ว่ายังไง? หรือว่าใจร้อนจะย้ายไปอยู่เลย ได้จ้ะ เอาสิ”
“ราคาค่อยคุยกัน”

“อ้อครับ ดีเลย พอดีไปดูๆ มาแล้วติดใจบรรยากาศ”
“เงียบดีนะครับ เหมาะกับการทำงานเงียบๆ”
“จริงสิ วินทำเล่มวิทยานิพนธ์อยู่นี่ ใช่มั้ย”

“ครับ วินทำไอเอส แต่อาจารย์ก็เคี่ยวแหละ พี่โป๊ะก็น่าจะรู้ ก็เป็น...อาจารย์อยู่ด้วยนี่” ผมพยายามแล้วนะ พยายามอย่างมากในการลากเขามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตผม ชงขนาดนี้ ถ้าแม่งไม่งับก็โง่มากแล้ว!

“งั้น จริงๆ วินน่าจะทำไอเอสที่บ้านนั้นดีกว่านะ”
“คืองี้ครับอาสุ” 
“การเขียนเชิงวิชาการเนี่ย นอกจากความสมบูรณ์ของร่างกายกับสมองที่ต้องพร้อมแล้ว อารมณ์ก็สำคัญมากเลยนะครับ”
“ตอนผมต้องเขียนบทความวิชาการช่วยอาจารย์ทำดอกเตอร์เนี่ย เอาเรื่องเมากเลยครับ แต่การอยู่ในที่ที่สบายใจก็ช่วยได้มากจริงๆ”

เงียบครับ
ป้าสุมองหน้านายมือโปรเหมือนทูตเมืองหลวงต้องการข้อมูลเพิ่มจากทหารส่งสาส์น

“ผมเลยคิดว่า วินน่าจะสบายใจกับบ้านนั้นมากกว่า”
“ผมก็ไม่ค่อยรู้ใจน้องเท่าไหร่ แต่เห็นโอมบอกว่าวินติดบ้าน เลยไม่คิดว่าโอมจะหมายถึงคอนโดของโรงแรม”

คราวนี้ป้าหันมองหน้าผม แล้วก็หันมองหน้านายมือโปรอีกรอบ ป้าสุคลี่ยิ้มในที่สุด แต่สายตายามมองเด็กอ่อนประสบการณ์กว่าทั้ง 2 คนแล้ว ผมบอกได้เลยว่าโหดเหี้ยมมาก

“เล่นอะไรกันคะ? หื้ม?” การหื้มของป้าสุไม่ทำให้คำถามน่ากลัวลดลงเลยครับ
“คุณโปรช่วยตาวินอยู่ใช่มั้ยคะ? แล้วที่ว่าคุณตะวันชอบที่ดินริมน้ำนี่”

“ผมไม่ได้โกหกนะครับ พ่อผมชอบที่ดินริมน้ำจริงๆ ทั้งที่ดินเปล่าหรือที่ดินพร้อมบ้าน”
“แล้วผมก็กำลังช่วยน้องจริงๆ นั่นแหละครับอาสุ”
“ก็แค่เห็นว่าวินเขารักของเขา ปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่สิครับ”
“แต่ว่า ถ้าอาสุกังวลเรื่องความปลอดภัย ผมว่าผมช่วยได้”

“ยังไงจ๊ะ”

“เดี๋ยวผมไปคุ้มครองเอง”
“เชื่อมือเถอะครับ มดก็ไม่รอดสายตา” ไอ้เว่อออออออออ!!!

“ว่าไงล่ะตาวิน ถ้าอยากอยู่บ้านนั้นต่อ ก็ต้องอยู่กับพี่โปรเขานะ”
“แม่ไม่ยอมให้เราอยู่คนเดียวหรอก อันตราย ตัวเท่านี้จะแก้ปัญหาอะไรได้ ใจดีก็เท่านั้น ใจอ่อนอีกต่างหาก”
“อยู่ได้มั้ยจ๊ะ กับพี่โปร”

ผมต้องลงดาบชี้ชะตาชีวิตของตัวเองแล้วใช่มั้ย
ถ้าครั้งนี้ผมตัดสินใจผิดพลาด ผมจะไม่มีหน้าไปฟ้องป้าสุเรื่องใดๆ หากนายมือโปรกระทำการเหี้ยวิถีใส่ผม เพราะผมเลือกอยู่กับเขาเอง
เอาไงดีวะ?
อยู่กับใครก็ไม่รู้แต่หนีเท่าไหร่ก็ไม่พ้น กับไปทนอยู่ที่คอนโดแห้งแล้งชีวิตชีวา

ผมเหล่มองนายมือโปร เขายืนชิลล้วงกระเป๋ากางเกงสแลค เสื้อเชิ้ตที่ควรดูทางการเขาก็รูดๆ ย่นๆ แขนเสื้อขึ้นมาตรงข้อศอกเสียจนดูเหมือนเขาใส่ชุดชิลๆ หัวก็ยุ่งๆ แต่เสือกดูเป็นทรงรับกับใบหน้าได้ 
นายมือโปร่เลิกคิ้วหลิ่วตาให้ผม คงคิดอยู่ในใจล่ะมั้งว่าผมรีรออะไรอยู่ นี่ก็ได้อยู่บ้านไม้ริมแม่น้ำแล้วไง ลังเลอะไรอีก หากเขาถามผมแบบที่ผมคิดจริง ผมก็อยากตอบในใจเสียงดังๆ ว่าคิดมากเพราะอยู่กับเขานี่แหละ
เขาไม่ใช่คนใกล้ตัวผม ไม่ใช่คนใกล้ชิด ไม่ใช่คนที่ผมรู้ใจหรือรู้ใจผม
คนที่รู้จักกันมานานแบบไอ้โอม ผมยังไม่ค่อยสะดวกใจเวลามันนอนค้าง แล้วนี่ รู้จักหัวนอนปลายตีนกันไม่กี่เดือนก็ต้องอยู่บ้านเดียวกันแล้วหรอ?
ไม่เอาได้มั้ยวะ?
แต่ให้ไปอยู่กับชีวิตแข็งๆ อยู่ในระบบป้าสุ ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน

“ว่าไงจ๊ะตาวิน”

“ครับ”

“ครับคืออะไรลูก เอาให้ชัด”

“วินจะอยู่กับพี่โป๊ะครับ” นี่กูกำลังเดินลงหุบเขาเหี้ยรึเปล่าวะ?

“โอเค อยู่บ้านนั้นก็บ้านนั้น”
“อืม เพื่อความยุติธรรมก็แล้วกันนะคะคุณโปร” ผู้คุมกฎเกณฑ์ของโลกเริ่มทำงานแล้วครับ
“บ้านนั้นเป็นของวิน คุณโปรเป็นผู้เช่าก็แล้วกัน”
“เงินค่าเช่าอะไรพรรค์นั้นอาไม่ได้ต้องการหรอกค่ะ แต่ที่ต้องให้คุณโปรเป็นคนเช่า เพราะอาอยากให้สิทธิ์ตาวินมีมากกว่าคุณในบ้านนั้น ก็อดห่วงไม่ได้น่ะค่ะ คงเข้าใจนะคะ”
“เมื่อจู่ๆ คุณโปรก็ต้องมาเป็นผู้เช่าทั้งที่บ้านช่องอยู่สบายๆ ก็มีอยู่ งั้นอาจะขอดูแลคคุณโปรเรื่องของกินของใช้ในบ้าน รวมถึงการทำความสะอาดด้วย จะได้ไม่ต้องลำบากทำงานบ้านกัน ตาวินไม่ถนัดและถ้าต้องถูกบังคับให้ทำ อาเชื่อว่าคุณโปรคงรับไม่ได้กับการต้องกินข้าวกับจานชามกลิ่นเปรี้ยวมะนาวและคราบลื่นๆ หรอกค่ะ"

แหม สรรพคุณของผมนี่คุณหนูน่าเอ็นดูดีจริงๆ
นายมือโปรแอบยิ้มขำ แต่เขาก็ตกลงรับสถานะคนเช่าบ้านอย่างยินดียิ่ง

“งั้น อาก็ฝากน้องด้วยนะคะ”
“กลายเป็นว่าคุณโปรคงต้องดูแลตาวิน 24 ชั่วโมงต่อวันเลย”
“ทั้งเรื่องงาน ทั้งที่บ้าน ไหนจะเริ่มทำไอเอสของตาวินอีก คิดว่าน่าจะช่วยน้องได้”

“วางใจเถอะครับ ผมช่วยได้ทุกอย่างแหละครับ ถ้าวินเขายอมรับน้ำใจจากผม” ไอ้เว่อออออออ!! พูดซะคุณมึงทรงคุณค่าด้านการให้ทานระดับพระเวสสันดรเชียว เหอะ! แต่ก็นะ....มีทางไหนดีกว่านี้อีกล่ะ

ถ้าอย่างนั้นก็..

ต้อง....

“ขอบคุณครับพี่โป๊ะ” เอาตรงๆ เลยนะครับ ผมรู้สึกว่าผมเพิ่งฝากชีวิตไว้กับนายมือโปรยังไงไม่รู้


#### @ D A W N  #####


บ่ายกว่าผมก็มาถึงบ้านแสนรักแล้ว จะว่าเว่อไปก็ยอม แต่ผมรักบ้านหลังนี้จริงๆ นะครับ
มันเป็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตผม และมันก็อยู่ในเสี้ยวชีวิตที่ผมเป็นผมที่ค่อยๆ ฟื้นมาใช้ชีวิตตามวิถีที่ควร หลังจากที่ผมรู้สึกเหมือนตายจากโลกนี้ไปแล้วเมื่อครั้งที่ผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อผม ด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่รักเธอ
ที่บ้านนี้ ไม่มีกลิ่นอายหรือความทรงจำที่เกี่ยวกับรินนาเลย จะมีก็แค่เรื่องราวที่ผมยังอุตรินึกถึงและดีงมาทำร้ายความรู้สึกตัวเองก็แค่นั้น

นายมือโปรวางกระเป๋าสัมภาระของเขาที่หอบมาใช้ที่โรงพยาบาลไว้ที่โซฟา เขาเดินไปเปิดหน้าต่างรับลมรอบบ้าน เรื่องยุงไม่ต้องกลัวครับ เพราะป้าสุติดมุ้งลวดไว้ให้หมด

“เปิดแอร์ก็ได้นะครับ ถ้าพี่โป๊ะร้อน”

“ไม่ล่ะ ลมธรรมชาตินี่แหละ”

“แล้ว ไงต่อดี”

“ก็ ... ไม่รู้สิครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้แห้งๆ นายมือโปรยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วก็ท้าวเอวมองผม

“อึดอัดรึเปล่า จริงๆ พี่ก็แค่พูดให้ป้าเรายอมให้เรามาอยู่บ้านนี้เหมือนเดิมเท่านั้นแหละ วันสองวันก็ฝืนๆหน่อย เดี๋ยวพี่ก็ไปอยู่รังพี่เหมือนเดิมแล้ว”

“ป้าสุรู้เป็นเรื่องนะครับ โทษฐานรวมหัวกันแหกตานี่หนักนะ”

“ก็อย่าให้รู้”

“วินไม่สบายใจหรอกนะ ที่พี่โป๊ะต้องมาโกหกเพื่อความต้องการของวินแบบนี้”
“ถ้าพี่โป๊ะอยู่ที่นี่กับวินทุกวันตามที่ป้าสุเข้าใจไม่ได้ ก็รีบบอกป้าสุเลยครับ แล้วเรื่องวินจะโดนกักตัวไม่ให้ออกมาใช้ชีวิตตามที่อยาก มันก็ความลำบากของวิน พี่โป๊ะไม่ต้องรู้สึกร่วมรับผิดชอบหรอก”

“ได้ไง เราเป็นน้องพี่แล้ว”
“เถอะน่า อยู่ด้วยกันอาจจะมีอะไรดีๆ ก็ได้”
“ถ้าวินไม่อึดอัดก็ลองใช้ชีวิตแบบมีพี่อยู่แชร์ด้วย โอเคนะ”

“โอเค” เสียงผมแผ่วลงทำไมกันวะ? นายมือโปรมองขึ้นไปยังบันได สงสัยจะอยากรู้ว่านอนกันแบบไหน ผมก็ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เดินพาทัวร์บ้านที่เขาเองก็เคยมานอนค้างอยู่ 1-2 ครั้ง

“พี่โป๊ะ”

“ครับ” ไอ้คำเพราะเสนาะหูนี่เริ่มทำให้ผมรู้สึกเพิ่มอีก 1 อย่าง อย่างแรกคือรู้สึกไม่ชิน อย่างที่เพิ่งเคยรู้สึกก็คือ มันทำให้หวั่นไหว

“ครับทำไมเล่า”
“วินแค่จะบอกว่า พี่โป๊ะนอนห้องรับรองแขกก็ได้นะ พี่ก็เคยนอนนี่ น่าจะอยู่ได้”

“อ๋อ ได้หมดแหละ”
“แต่ขอเข้ามาเที่ยวห้องวินหรือมากวนวินหน่อยก็แล้วกัน อยู่คนเดียวแล้วเบื่อ”

“แต่ห้องทำงานพี่โป๊ะก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรอครับ”

“ก็นั่นทำงาน ต้องจริงจังสิ แต่อยู่บ้านมันเวลาพักผ่อนไง พักผ่อนคนเดียวมีที่ไหน”

“มีที่นี่แหละ”

“งั้นวินก็หัดชินกับการพักผ่อนด้วยกันไว้ด้วยล่ะ”
“พี่เอาของไปโปะๆ ในห้องนั้นก่อนนะ”
“อื้อ แสงสวยเชียว วาดรูปให้ดูหน่อยสิ” ส่งคำขอร้องมาแปะไว้ที่หน้าผมแล้วก็เข้าห้องไป ผมทำไงน่ะหรอ? ก็เดินไปเตรียมอุปกรณ์วาดรูป เพื่อมาวาดให้เขาดูตามที่ขอไว้

จากที่ให้ผมวาดรูปให้ดู ผมก็ขอเขาบ้าง ให้เขาเป็นแบบให้ผมวาด
ตอนแรกนายมือโปรบ่ายเบี่ยงใหญ่เลยครับ บอกแต่ว่าไม่พร้อม ไม่พร้อม ผมก็ค่อนข้างงงว่ามันมีอะไรต้องเตรียมพร้อมนักหนา ผมสิที่ต้องงเตรียม แต่พอผมหน้าบึ้งใส่ โยนพู่กันใส่กล่องตามเดิม นายมือโปรเลยสำนึกได้แล้วว่าระดับการง้อคนอื่นของผมมีมากเท่าหางอึ่ง เขาก็เลยยอมเป็นแบบให้ และ....ถอดเสื้อ

ขำเหมือนผมมั้ย เขาเอาอะไรคิด? ทำไมถึงมีความเชื่อว่าการเป็นแบบวาดรูปต้องถอดเสื้อ นี่มันปี 2015 แล้วนะ!

“พี่โป๊ะถอดเสื้อทำไม?”

“ก็เราจะวาดรูปพี่”

“แล้วไงอ่ะ หน้าพี่ซ่อนอยู่ที่หัวนมหรอ?”

“ก็ไม่ถอดแล้ววาดได้หรอ?”

“ได้ดิ พี่โป๊ะบ้ารึเปล่าเนี่ย ใส่เสื้อไปเลย”
“แล้วก็ยืนหันหน้าไปข้างนอก ท้าวมือกับระเบียงนะ อยากมองอะไรก็มอง”
“เอ้า! แล้วมองวินทำไมเล่า!”

“ก็เราบอกว่าอยากมองไรก็มอง”

“.... แล้วไง”

“ก็พี่อยากมองเรา”

“หันไปมองข้างนอกครับ”

“วินไม่อยากมองพี่หรอ?”

“อยากครับ แต่วินอยากมองพี่โป๊ะจากด้านหลัง” เพื่อให้ภาพของวินสมบูรณ์เสียที เหตุผลของผมยังคงเป็นของผม เขาไม่เคยได้ยินหรอกครับ นายมือโปรพยักหน้ายอมเข้าใจแล้วก็จัดระเบียบร่างกายตามที่ผมบอก

ผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้แล้ว และความเป็นจริงแล้วผมก็วาดจากแบบในมือถือ ส่วนนายมือโปรตัวเป็นๆ ผมปล่อยให้เขายืนมองอะไรเรื่อยเปื่อยไปนั่นแหละ มีบ้างที่ทอดสายตามองอารมณ์ของเขาเพื่อใส่ลงไปในผืนผ้าใบเพิ่ม

ผมลงสีน้ำเอาไว้ ยังไม่ได้ใช้สีน้ำมัน เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้สีอะไรในการวาดภาพเขา ส่วนลำตัวของเขาเป็นรูปเป็นร่างเกือบสมบูรณ์แล้ว เพียงแค่เก็บรายละเอียดเท่านั้น แต่ผมเว้นส่วนของใบหน้าด้านข้างของเขาเอาไว้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเว้นไว้ทำไม

สีครามของท้องฟ้าที่ใช้ ไม่ใช่แสงสดใสของวันนี้หรอกครับ ผมกำลังวาดนายมือโปรที่ยืนตรงหน้าผมวันนี้ ใส่ในความทรงจำของผมที่เจอนายมือโปรวันนั้น

สีสันของเขาเศร้ามาก แต่ก็ปลอบผมได้มากเหมือนกัน
ราวกับว่า ในวันนั้น...เขามองผมครู่หนึ่งพร้อมกับเอ่ยคำชักชวนว่า ช่วยเศร้าให้กับความเศร้านี้ด้วยเถอะ

“ปวดฉี่แป๊บนึงได้มั้ยไอ้ยุ่ง” ไอ้ยุ่งมาแล้ว ดีแฮะ ผมหัวเราะด้วย

“ได้ครับ เกือบเสร็จแล้ว”

“หรอๆ เร็วจัง ดูเลยได้ป่าว”

“ได้ครับ” พอผมอนุญาตเขาก็เดินมาดู นายมือโปรมองภาพแล้วก็มองผมแบบแปลกใจ

“ฝีมือดีนี่”

“วินไม่เคยบอกว่าวินห่วยแตกสักคำ”

“เออ เออ ฉี่ก่อน อื้อ เย็นนี้อยากกินไร พี่ทำให้กิน”

“พี่โป๊ะทำอะไรได้บ้าง”

“งั้นเอาที่พี่ถนัดแล้วกัน รับขวัญวินกลับบ้าน”
“โอ๋ๆ ขวัญเอ้ยขวัญมานะตาวินของป้า” ไอ้บ้านี่ ล้อเลียนป้าผม! ผมคว้าหลอดสีน้ำเขวี้ยงไล่หลังคนที่วิ่งปรู๊ดไปเข้าห้องน้ำ รออยู่ไม่นานนายมือโปรก็ทำธุระเสร็จ เขาชี้ตัวเองแล้วก็ชี้ที่ริ่มระเบียง คงจะถามว่า ยังต้องไปยืนเป็นแบบอีกมั้ยผมก็เลยส่ายหน้า จากนั้นผมก็นั่งวาดรูปของผมไป ส่วนนายมือโปรก็นั่งเกะกะผมอยู่นี่แหละครับ

จนตกเย็น แม่ครัวประจำบ้านโทรเข้าบ้านเหมือนเดิม แต่ผมไม่ได้ปล่อยให้เสียงมันเงียบลงไปเอง วันนี้ผมรับสายและทักทายด้วย ป้าแม่ครัวแจ้งว่าอีกเดี๋ยวจะเอาอาหารมาส่งให้ตามที่ป้าสุสั่งไว้ แล้วก็บอกว่ามีรายการอาหารอะไรบ้าง ผมไม่รู้ว่าอาหารที่พี่โป๊ะตั้งใจทำจะกินได้มั้ย แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาทำเก้อ

“เอ่อ...ผมมีแล้ว ไม่ต้องจัดมาหรอกครับ”
“ไว้จัดมาพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกันครับ สำหรับ 2 คน ไม่รู้ว่าป้าสุสั่งไว้รึยัง แต่จากนี้ไปจัดอาหารมาบ้านผมสำหรับ 2 คนนะครับ ทำความสะอาดห้องพักแขกด้วยนะครับ มีแขกมาอยู่ประจำแล้ว”

ทางนั้นรับฟังแล้วก็วางสาย ป้าแม่ครัวคงไปรายงานป้าสุอีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็ดีแล้ว ป้าสุจะได้วางใจว่าผมมีนายมือโปรอยู่ด้วยตลอด 24 ชั่วโมงจริงๆ 

“ใคร?” เสียงอีกคนในบ้านถามขึ้นมาห้วนๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตกใจแทบจะตับหลุดเพราะคิดว่าผีหลอก แต่ตอนนี้ไม่ได้แอ้มผมหรอก ก็ผมมีผู้คุ้มครองส่วนตัวแล้วนี่

“แม่ครัวครับ บอกจะเอามื้อเย็นมาส่ง แต่วินบอกแล้วว่าไม่ต้อง เพราะพี่โป๊ะจะทำอาหาร”

“อ่อออ งั้นพี่ทำ วินล้าง”

“................” แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่จะให้ผมทำงานบ้าน แน่ใจแน่นะ

“หรือทำไม่เป็น”

“ไม่เป็นครับ แต่ถ้าพี่โป๊ะว่าทำแล้วไม่ตาย วินก็จะลองทำดู”

“งั้นไม่ต้องล่ะครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” เขาบอกแล้วก็ผลุบหายเข้าครัวไปทันที ผมก็เลยนั่งดูทีวีไปพลาง เปิดโน้ตบุ้ค หาดูกระแสความเคลื่อนไหวของสังคมเล็กๆ ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ผมถึงได้ยินเสียงเรียกให้กินข้าว และสถานที่ก็ไม่ใช่ห้องครัว

“พี่โป๊ะ ข้างนอกยุงกัด”

“ใส่กางเกงขายาวมา ทายามาด้วย”
“กินตรงนี้ดีกว่า ได้บรรยากาศสุดๆเลยวิน เร็วดิ”
“มีกีตาร์ด้วยนี่”

“อันนั้นของไอ้โอม มันทิ้งเอาไว้”

“อ้อหรอ? ดีๆ เอามาด้วย เดี๋ยวพี่เล่นให้ฟัง เซอร์วิสนี้ให้วินคนเดียวเลย”

ก็ปลื้มอยู่หรอก
แต่ผมปลื้มการกระทำของเขาได้ด้วยหรอ?
ถ้าปลื้มได้ ปลื้มในฐานะอะไรดี?
คนรู้จัก พี่ชาย พาร์ทเนอร์ หรือมีสถานะอื่นอีก

“วินนนนน”

“ครับ ครับ รู้แล้ว”
“วินเปลี่ยนเป็นกางเกงนอนก่อน” ผมบอกแล้วก็วิ่งขึ้นห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเป็นใส่กางเกงนอนขายาวตามที่บอก ขาวิ่งลงมาก็คว้ากีตาร์ตามที่เขาบอกด้วย ช่างเป็นเด็กดีอะไรแบบนี้ ตาวินของป้า... ฮ่า ฮ่า อันนี้ผมกัดตัวเองครับ

กรึงๆๆๆๆๆๆ
เสียงเกากีตาร์ครับ อย่าเพิ่งคิดเป็นอื่น
กับข้าวแสนเรียบง่ายแต่ก็เป็นมื้อเย็นที่เหมาะดี
แค่ผัดกระเพราทะเลเผา (เพราะเขาใส่พริกเผาด้วย ซึ่งผมรู้สึกร้อนลิ้นทันทีที่เห็น) แกงจืดผักกาดขาวใส่หมู(หมูมีสัดส่วนเยอะกว่ามาก) ไข่เจียวกุ้งสับ (แต่กุ้ง 1 ตัวดูเหมือนสับแค่ 2 ท่อน) ข้าวร้อนๆ 2 จาน

ม้าหินถูกจัดเป็นโต๊ะอาหารเย็นของผมและเขา ผมต้องนั่งขัดสมาธิเพราะระแวงว่ายุงจะกัดเท้าเอา ไม่ได้ดัดจริตชีวิตนักหนาหรอกครับ แต่ผมโดนกัดไม่ได้จริงๆ แพ้หนักเลย ยิ่งยุงน้ำกร่อยด้วยแล้ว เป็นไปได้อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ
นายมือโปรนั่งสบายๆ เกากีตาร์และปรับสายปรับเสียง สลับกับกินข้าว ผมก็กินปกติ แต่มักจะมีหมูในแกงจืดบินมาหาบ่อยๆ จนผมกินข้าวหมดแล้ว เขาก็ไหว้วานให้ช่วยกันเคลียร์ม้าหินนี้ เพื่อ....ชิมเค้ก
ผมเพิ่งรู้ว่าหมอหุงข้าวผมทำเค้กได้ด้วย อยากจะบ้าตาย ไม่ใช่เพราะเซอร์ไพรส์โลก แต่เพราะเขาบังคับให้ผมกินเนี่ยสิ

“วินอิ่มแล้ว”

“กินอีก ตัวนิดเดียว ไม่อ้วนหรอกน่า”
“เร็วๆ เดี๋ยวพี่เล่นกีตาร์ร้องเพลงให้ฟัง”

“ไม่ฟังก็ได้ ไม่ได้ขอฟังเลย ไม่กินแล้ว”

“กินสิครับวิน”
“พี่ขอล่ะ”

“.............”

“ต้องให้ร้องไห้กอดเข่าด้วยรึไง”

“หยุดเลย กินก็ได้ ไม่ต้องทำกิริยาทุเรศแบบนั้นกับวินนะ”
“กินก็ได้”

และผมก็ต้องกินเค้กที่ค่อนข้างแข็ง และจืด
ส่วนนายมือโปร ร้องเพลงอย่างสบายใจ ประหนึ่งมาปิกนิกริมทะเลก็ไม่ปาน
เขาร้องเพลงอะไรน่ะหรอครับ
เขาร้อง “เพลงของเรา”


ยังคงรับรู้ถึงความรู้สึก ยังคงคิดถึงเมื่อวันที่ผ่าน
ภาพความทรงจำทุกครั้ง เธอคืนกลับมาอยู่ข้างในใจ
ทำให้รับรู้แม้เราได้จาก ทางที่เราเดินแม้มันจะห่าง
แต่ภาพความรักที่มีให้กัน ยังเก็บเอาไว้

ยังอยู่ตรงนี้ ยังมีเพลงของสองเรา ที่ทำให้รู้สึกดี
จากนี้ไป เรานั้นไม่มีวันกลับมาหา
แต่เสียงเพลงได้พาฉันเดินทางกลับไป ในคืนวันที่ฉันมีเธอ

เขาร้อง “เพลงของเรา”
เพลงของ “เขาและลูกแพร์”


อ้าอา อ้าอาอ้า อ่า...

ดูเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยาก็ได้ยินเพลงของเขาเหมือนกัน

ดูเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนก็กำลังคร่ำครวญเหมือนกัน


#### @ D A W N  #####




CUT  ก่อนนะคะ


เราจะมาอีกทีก็....หลัง 15 ก.ค.เลยค่ะ
เรื่องพี่นำก็ยังไม่โผล่มาเขียนต่อนะคะ ทำให้รอนาน บางคนอ่านจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ขออภัยจริงๆ ค่ะ
ฝากพปนว (พี่โป๊ะน้องวิน) ไว้ด้วยนะคะ
เรื่องอาจจะอืดตามสไตล์เรานิดนึง แฮ่ๆ

ใครนึกเพลงที่พปร้องไม่ออก ลองฟังค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=uI2PiEz7MRk

อันนี้สปอยล์ไว้เฉยๆ ไม่ฟังก็ได้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=qnGTC8EUUes

ขอบคุณค่ะ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-07-2015 22:25:22
เค้าอยู่บ้านเดียวกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-07-2015 00:28:14
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 05-07-2015 00:56:18
ถ้าเป็นนักฟุตบอล อี พป. นี่มันเตะเข้าประตูตัวเองเห็นๆ เลยนะ ช่วยน้อง...ให้ได้มาอยู่ด้วยกัน วั๊ยย บ้าๆๆๆ

เข้าหอ เอ๊ย ย้ายมาอยู่ด้วยกันวันแรกก็มาหยอดคำหวาน ทำตัวเป็นเหี้ยเชื่องใส่ นว. ให้ใจสั่นซะอีก แน๊...คิดไรป่ะเนี่ยลุง

อ๊อยยย เป็นตอนที่ทำอิชั้นเขินไปหลายดอกมาก ยิ้มจนโหนกจะติดคิ้วละค่ะ   :-[

** ณ ตอนที่ 18.1 นี้ ไม้เอกไม่โผล่มาเยี่ยมคำว่า "แหละ" แม้แต่คำเดียว ปรบมืออออ!!! ** o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 05-07-2015 01:33:54
หากนายมือโปรกระทำการเหี้ยวิถีใส่
^
^
555555555 ประโยคแซ่บแคปให้ด้วย นี่ต้องแคปคำนี้นะคะ 55
ความร้ายของเชี่ยพี่โป๊ะต้องได้รับการจารึก
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ใครก็เหนือไปกว่าคุณป้าสุไม่ได้ทั้งนั้น
ยามมองแรงใส่เด็ก2คน มองแผนทุกอย่างขาดจริงๆ 55
----------------

ชอบบรรยากาศการแทรกซึมเข้าไปในโลกของทั้งสองคนนะ
เหมือนค่อยๆ มีพื้นที่เล็กๆ >< ... แอบอบอุ่นเบาๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 05-07-2015 02:38:06
แล้วนี่ยังไงคะพี่โป๊ะ สุดท้ายลงเรือลำเดียวกันแล้ว มาเป็นผู้เช่าบ้านน้องวินแล้ว ชัดเจนได้แล้วเนอะ ปล่อยน้องลูกแพร์เธอไปเถอะ บางทีก็สงสารวิน เราว่าวินเริ่มคิดอะไรบ้างแล้วล่ะ

ง้อออ เดอะแก๊งมาช่วยเร็วค่ะ!

พี่ซาสู้ๆ น้าา ^^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-07-2015 10:29:22
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 05-07-2015 14:08:50
มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว แต่ตอนสุดท้ายนี่มัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 05-07-2015 19:21:06
พี่โป๊ะแม่ง..น่ารักว่ะ!!!
เลิกเหี้ยแล้วน่ารักอย่างนี้เรื่อยๆนะ 555
เป็นกำลังใจให้ค่า :L1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 05-07-2015 19:58:31
โอ้ยยยยยยยย อีกนีสเดียวจริงๆมันจะดีอยู่แล้ว
อิพี่โป๊ะมาทำหน่วงซะงั้น เซ็งแรง เง้อออออ  :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 05-07-2015 20:35:13
อยู่บ้านเดียวกันแหละ อิอิ


เมื่อไรจะรักกัน 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 06-07-2015 07:47:37
พี่โป๊ะนี้เจ้าแผนการขริงๆน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-07-2015 08:12:30
พี่โป๊ะผู้ที่ไม่รู้ว่ารู้ใจตัวเองรึยัง..
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-07-2015 09:00:04
ชอบป้าสุ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 12-07-2015 17:38:12
มาสารภาพว่ายังลังเลว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีไหม เรน่าอ่านเรื่องนำ-ธามก่อน แอบไม่ชอบหน้าโปรมาตั้งแต่ตอนนั้น พออ่านเรื่องหนึ่ง-เจมจบ อืมมมม...ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี กลัวอ่านเรื่องนี้แล้วจะเข้าข้างฝ่ายร้ายตลอดเรื่อง 555 // สรุป คนอ่านมันอินมากไป โปรดอย่าสนใจ  :a5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-07-2015 16:53:49
ไอ้พี่โป๊ะ!!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 19-07-2015 23:01:31
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 18.2


มะรืนนี้ ไอ้โอมก็บินเดี่ยวแล้วครับ
ผมล่ะตื่นเต้นเรื่องที่มันตื่นเต้นที่พี่ที่มันเคารพรักชิบหายตื่นเต้นจนจัดปาร์ตี้ให้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีใครงงมากไปกว่าผมล่ะนะ
สถานที่ปาร์ตี้ก็คือผับพี่โป๊ะครับ แต่แขกเหรื่อจะเชิญตามประสงค์ไอ้โอมทุกประการ  มันโทรมาอวดผมว่าเฮียให้กินฟรีทุกอย่าง ทั้งกับแกล้ม ทั้งเหล้า ทั้งมิกเซอร์ ค่าสถานที่ก็ไม่คิด เฮียดีงี้น ดีงู้น ดีงี้ บลาๆๆ แล้วก็ปิดท้ายการคุยกับผมว่า –มึงมาด้วยนะหมาวิน-
ผมตอบตกลงแม้ว่าจะรู้เรื่องปาร์ตี้มาจากพี่โป๊ะก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ต้องยกประโยชน์ให้บทบาทด้านการแสดงของผมที่ทำให้ผมยังแสดงอาการตื่นเต้นไปกับไอ้โอมได้

“มันโทรมาลากไปปาร์ตี้หรอ” นายมือโปรถามผมเมื่อเห็นว่าคุยกับไอ้โอมเสร็จแล้ว เขามาขลุกอยู่ในห้องนอนผมด้วยเหตุผลว่า อยู่ใกล้วินแล้วสมาธิมาหนักมาก ซึ่งมันมีความหมายโดยนัยว่าอะไรนั้น ผมจนปัญญาจะตีความ 

“ครับ อวดใหญ่ว่าพี่โป๊ะจัดให้ฟรีทุกอย่าง พี่อย่าลืมเอาน้ำมะพร้าวล้างเท้าด้วยนะ  เท้าจะได้บริสุทธิ์ตอนไอ้โอมมันก้มกราบ”

“พูดเพ้อเจ้อล่ะถนัดนะเราน่ะ”
“แล้วนี่ทำไร ทำไอเอสล่ะ? ถึงไหนแล้ว”

“ทฤษฎี เกลาๆ อยู่”

“อ้างจากกี่เล่ม หาเล่มจริงมารึเปล่า”

“เปล่า วินเอาจากเล่มวิทยานิพนธ์รุ่นพี่ ไม่ได้หรอครับ”

“ก็ได้ครับ แต่ก็ วินควรอ่านทฤษฎีของเจ้าตัวเองด้วย เป็นต้นฉบับเลยยิ่งดี เราก็ไม่ได้โง่อังกฤษนี่”
“เดี่ยวพี่หาให้ แล้วทำไรไว้แล้วบ้าง มาดูดิ๊”

เขายื่นหน้ามามองหน้าจอโน๊คบุ้คผม และระดับความจุ้นจ้านก็มาเต็มถึงขั้นยกโน๊ตบุ้คผมไปวางบนตักตัวเอง

“วินทำเอง”

“ก็ไม่ได้จะช่วยนี่ ขออ่านหน่อยไม่ได้รึไง เด็กอะไรวะ งกกระทั่งความคิด”

“ก็มันยังไม่เสร็จดี เดี๋ยวพี่โป๊ะหัวเราะเยาะ”

“คิดว่าทำสมบูรณ์แล้วจะไม่โดนหัวเราะเยาะหรอ? ความพยายามมีไว้เหยียบย่ำเพื่อให้คนพยายามแข็งแกร่ง ไม่เคยได้ยินหรอ?”

“ไม่เคยหรอก บ้า สุภาษิตประเทศไหน”

“รัฐอิสระ ชื่อรัฐวณิคพันธุ์ พ่อพี่สอนมา”
“อยากสำเร็จต้องเป็นหญ้ายอมล้ม”

“ล้มบนฟูกได้มั้ยล่ะ พอดีเกิดบนฟูก”

“ครับ คุณหนูวิน” เขายื่นหน้ามาค่อนขอด แล้วก็เลื่อนๆ ลากๆ นิ้วมือดูไอเอสบทที่ 1 ของผมต่อไป มีบ้างที่ทำการไฮไลท์ทั้งที่ผมไม่ได้ร้องขอ แต่ผมก็ไม่ทัดทานอะไร รออยู่ว่าเขาจะแนะแนวทางอะไรให้บ้าง สองสมองต้องดีกว่าสมองเดียวอยู่แล้ว

“ตรงนี้เขียนเองรึเปล่า”

“ครับ”

“อืม” แล้วก็เงียบ คลิกๆ ลากๆ นั่นนี่อยู่นานสองนาน จนสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายเบื่อและลุกไปเข้าห้องครัวแทน

“กาแฟมั้ยครับพี่โป๊ะ”

“หือ? อื้อๆ ช่วยหน่อยนะ” เขาบอก ผมเลยจำแลงเป็นคนชงกาแฟให้เขาอย่างไร้ทางปฏิเสธ สูตรกาแฟที่เขาชอบผมไม่รู้หรอก แต่ผมชงให้เหมือนกับสูตรป้าสุ ซึ่งผมเคยชิมแล้วพบว่าอร่อยดี หวังว่าเขาจะชอบนะ

“นี่ครับ กาแฟ ร้อนนะครับ”

“ขอบคุณนะครับ” แล้วก็เงียบ เท่าที่ผมสังเกตและสัมผัสห่างๆ นายมือโปรเป็นคนทำอะไรจริงจัง แต่เวลาทำเป็นเล่นก็ดูเหมือนเล่นจริงๆ นั่นแหละ
ข้อเด่นของเขาอีกอย่างก็คือเป็นคนใช้สมองเปลือง และไม่ค่อยรู้จักเหน็ดจักเหนื่อยกับการทำงานเท่าไหร่ อย่างวันนี้ทั้งวัน หลังจากพาผมไปแหม่ะอยู่กับคุณพี่แนนแล้ว เขาก็ออกไปข้างนอกตลอดทั้งวัน มีโทรกลับเข้ามาสั่งงานพี่แนนบ้าง ส่วนกายหยาบของเขากลับเข้าออฟฟิศที่ทาวน์อินทาวน์อีกทีก็ทุ่มกว่า รับผมกลับบ้าน แล้วก็มานั่งดูไอเอสของผมอีกหลังจากที่อาบน้ำสบายตัวแล้ว

“ปวดตามั้ยครับ”

“ไม่ สบายมาก”
“ตรงที่พี่บาร์สีไว้คือที่พี่งงๆ ว่ามันจะเชื่อมโยงอะไรกับงานวิจัยนะ วินลองเขียนอธิบายเพิ่ม”
“ภาษาวินก็พอได้อยู่ ไม่นิยายหรือล่องลอยไป พยายามยึดโยงหัวข้อไว้ในหัวตลอดล่ะ จะได้ไม่เขียนออกทะเล”
“บทที่สองละไว้ก่อน มาเขียนระเบียบวิธีวิจัยให้ถูกฟอร์แมทก่อนก็แล้วกัน”
“เอาเล่มมาดูแบบ พวกคีย์อินฟอร์แมนท์สำคัญนะ เขียนวิธีการเลือกมาให้ละเอียด แล้วก็ใส่เหตุผลด้วยว่าทำไมกลุ่มคนพวกนี้ถึงควรค่าแก่การหาข้อมูลมาเป็นคำตอบงานวิจัยเรา”

“ครับ”

“บทนี้ไม่ยากหรอก มีโครงสร้างคำถามรึยัง”
“อ่อ มีแล้วนี่ ต้องอิงกับทฤษฎดีด้วยนะ โอเค เดี๋ยวพี่รีเช็คให้ ส่งนี่เข้าเมลล์พี่นะ”

“อ่อ ครับ”

“วินจะได้นั่งทำเลย”

“แต่ถ้าพี่โป๊ะเหนื่อยแล้ว ก็นอนได้เลยนะ วินนั่งทำคนเดียวได้”

“พี่อยู่เกะกะวินหรอ?”

“ไม่ครับ”

“งั้นก็อยู่ด้วยกัน ไล่กันทำไมเล่า” ไม่ได้ไล่ซะหน่อย แค่คิดว่าเขาควรพักผ่อนบ้างเท่านั้นเอง
เขาส่งไฟล์งานของผมเข้าเมลล์เขาเอง จากนั้นก็เปิดโน๊ตบุ้คตัวเองขึ้นมาแล้วก็ช่วยดูงานของผมต่อ จากที่คิดว่าจะงมไอเอสจนถึงเที่ยงคืนไม่เกินนี้ แล้วจะนอน วันนี้ตารางนอนของผมขยับเป็นตีสองจนได้ คงเพราะมีคนคอยตบคอยดึงให้สิ่งที่ผมเขียนออกมายังยึดโยงกับหัวข้อวิจัย สมองผมก็เลยลื่นไหลไปในทิศทางที่ถูกที่ควร เลยไม่ต้องพิมพ์ๆ ลบๆ ให้เสียเวลา

พอรู้ว่าอาศัยอยู่ในห้วงเวลาตี 2 กว่าๆ ผมก็หาวทันที ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างมาก นายมือโปรหันมาเห็นผมหาว เขาก็หาวบ้าง จากนั้นก็หัวเราะพร้อมกับผมเพราะขำโรคติดต่อที่ชื่อว่าหาว

“นอนเถอะ”

“ครับ” ผมรับคำ รอเขาล๊อคลูกบิดประตู ตอนนี้ผมพัฒนาแล้วครับ ไม่สิ ต้องบอกว่าโดนบังคับให้เปลี่ยนแปลงมากกว่า นายมือโปรบอกว่าโลกนี้ไว้ใจไม่ได้ จะไม่ล็อคประตูเพราะเดี๋ยวต้องมีคนเข้ามาจัดอาหารเช้าให้ไม่ได้เด็ดขาด ควรให้กุญแจคนที่ไว้ใจได้ไว้แทน ผมก็เชื่อ ไม่ใช่เพราะศรัทธาเขาหรือไม่เคยค้นพบตรรกะที่เขาอวดอ้างมาก่อนหรอกครับ แค่คิดว่ามันก็เป็นความคิดที่ไม่ได้เลวร้าย และไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้ผม ก็เท่านั้น

“นอนๆ น้องวินนอนนะคะ ตาวินของป้า”

“เดี๊ยะเหอะ! อย่ามาล้อป้าสุน่า!”

“ก็สนุกดี”
“นอนดิ เร็ว เดี๋ยวพี่ปิดไฟให้”

“พอเลยพี่โป๊ะ วินไม่ใช่เด็ก 3 ขวบ พี่ก็ไปนอนได้แล้ว”

“โอเค ฝันดีนะครับ” เขาพูดคำที่ผมไม่ค่อยได้รับจากใคร นายมือโปรพูดว่าฝันดีนะครับกับผมเหมือนเมื่อ 3 คืนก่อน แต่หูผม หัวใจผมไม่ชินกับคำนี้เสียที หูมันร้อนแปลกๆ หัวใจก็เต้นตุบแรงๆ ขึ้นมาดื้อๆ

“ว่าไงล่ะไอ้ยุ่ง พี่จะได้ไปนอน”

“ครับ ฝันดีครับพี่โป๊ะ” ใจเต้นใหญ่เลยครับทีนี้ ผมตื่นเต้นทำไมก็ไม่รู้ แต่การพูดกับเขาว่า –ฝันดีนะครับ- มันเป็นภาระริมฝีปากผมมาก มันทำให้ผมต้องใช้ความพยายามในการสะกดจังหวะหัวใจตัวเองมากกว่าที่เคย

มัน...เขินๆ อย่างไรบอกไม่ถูก
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทำเรื่องไม่ดีหรอกครับ

เขาบอกให้ผมฝันดี ผมก็ควรจะฝันดีตามที่เขาบอกใช่มั้ย
งั้นผมจะเริ่มต้นการหลับพักผ่อนในคืนนี้ด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่คุกรุ่นด้วยจังหวะประหลาดๆ นี่ก็แล้วกัน


#### @ D A W N  #####


วันนี้ผับนายมือโปรมีเสียงอึกทึกน้อยกว่าปกติมาก เพราะวันนี้ร้านเค้าปิดบริการครับ โอกาสสำคัญที่ทำให้เขาทุ่มทุนไม่ให้ร้านทำมาหากินก็คือ เลี้ยงส่งไอ้หมาโอม
เจ้าของงานเดินยิ้มหน้าบานไปทั่ว ส่วนผมที่เพิ่งมาถึงร้านก็ได้แค่ยืนตัวผอมๆ หลบผู้คนที่คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นบ้างเพื่อเดินลัดเลาะไปทักไอ้เจ้าของงานที่ไม่เสียเงินสักแดง

“โอม มึงช่วยหาง่ายๆ หน่อยได้มั้ยวะ” ผมบ่นใส่เมื่อเดินลัดเลาะรักแร้ใครก็ไม่รู้แล้วไปเจอปลายทางที่ไร้ร่างไอ้เพื่อนแรด

“กูก็อยู่ในร้านนี่แหละ มึงอ่ะตาถั่ว หาไม่เจอเอง”
“แล้วนี่มายังไง”

“เออน่ะ กูมาของกูได้ก็แล้วกัน”
“นั่งไหนได้มั่งเนี่ย เมื่อยขาชิบหาย” จะไม่ให้ผมเมื่อยได้ยังไง วันนี้ไอ้พี่โป๊ะใช้ให้ผมเดินตามพี่แนนไปเข้าร่วมประชุมทุกประชุมในบริษัทของเขาทั้งวัน

“นั่งกับปอกับปูได้ป่ะมึง เพื่อนป.ตรีทั้งนั้น ตรงนั้นอ่ะ” ผมฟังแล้วมองตามนิ้วชี้ของมัน เมื่อเห็นโต๊ะเป้าหมายแล้วก็เหล่มองมันนิ่งๆ ครู่หนึ่ง

“เออ! เฮ้ย! กูขอโทษวิน ไม่ได้ตั้งใจรื้อฟื้นอะไรเลยนะเว้ย”

“ไม่เป็นไร งั้น กูไปหาที่นั่งของกูเองก็แล้วกัน”

“ไม่ไม่ เดี๋ยวมึงหนีกลับ”
“เอางี้ ไปอยู่กับเฮีย” ค่อยน่าสนหน่อย ผมยืนมองมันยืดคอเชิดคาง ชูตามองหาเป้าหมายของมัน และพอเจอปุ๊บ มันก็คว้าคอผมหมับแล้วลากกึ่งดึงไปหาเฮียทันที

ผมมันโง่เองที่คิดว่าเฮีย คือไอ้เฮียเพื่อนแกงค์ป.โท แต่เฮียของมัน ก็คือไอ้พี่โป๊ะครับ เป้าหมายคนรับฝากดูแลผมหน้าเหวอนิดๆ ที่ไอ้โอมพาผมมาฝากฝังไว้กับอกเขา แต่เขาก็ยิ้มรับแล้วปัดมือไล่มันไปสนุกสนานกับปาร์ตี้ตัวเองต่อ

“ไง”

“ไม่ไงล่ะ พี่โป๊ะล่ะ ไง”

“ก็ไม่ไงเหมือนกัน”

“แล้วไงทำไม”

“แล้วไงไม่ได้รึไง”

“งงมั้ย”

“อืม เริ่มงงแล้วไง” ผมหัวเราะใส่เขาเบาๆ เขาก็หัวเราะเหมือนกัน นายมือโปรชี้ให้ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้สูงตัวข้างๆ เขา ด้านหลังเราคือเคาน์เตอร์เหล้านอกทั้งนั้น

“มีเพื่อนวินมาด้วยไม่ใช่หรอ ไม่ไปทักทายล่ะ”

“ไม่ครับ”

“อืม งั้นทักทายเพื่อนพี่หน่อยมั้ย”

“เพื่อนพี่โป๊ะหรอ? ใครครับ”

“ครบเลย” เขาบอกเท่านี้แล้วก็นั่งอมยิ้ม ผมก็เลยนั่งมองหัวผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ แสงไฟในร้านอึมๆ หน่อย บนเพดานปูนโป๊วสูงๆ บนหัวติดไฟสป๊อตไลท์เล็กบ้างใหญ่บ้างไว้หลายดวง แต่ก็มีไม่กี่ดวงที่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่ส่องสว่าง

หลายคนในร้านก็คือเพื่อนผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนป.ตรี ส่วนมากเพื่อนผู้ชายเห็นผมแล้วจะยิ้มให้ ยกมือทักทาย แต่ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผมอย่างเป็นกิจจะลักษณะเลยสักคน แต่ผมไม่แปลกใจหรอกครับ เพราะสีหน้าและแววตาผมมันฟ้องโลกมานานแล้วว่าผมไม่ใช่คนโอเพ่นหรืออีซี่โกอิ้งอะไรนัก

“นั่นล่ะ มาแล้ว” เสียงทุ้มๆ ในลำคอบอกกับผม นายมือโปรใช้สายตาชี้ตัวเพื่อนเขาผมก็เลยหันไปมองตาม สิ่งที่ผมเห็นคือแกงค์ผู้บริหาร (เพราะใส่สูทกันหมดทุกคน) และฟรีแลนส์อีก 2 คน

5 คนที่เดินๆ ดันๆ กันเข้ามาดูดีกันชะมัด ถ้าให้ผมเดา 3 คนที่ใส่สูทก็คงไม่พ้นเพื่อนเขาที่ชื่อ ที่หนึ่ง ผู้นำ และพีช ส่วนอีก 2 คน ผมไม่รู้จักแต่ก็เดาว่าไม่น่าจะใช่เพื่อนไอ้โอม น่าจะมากับ 3 คนที่เดินนำหน้ามากกว่า

“ทางนี้คุณ” นายมือโปรเรียกเพื่อน คำว่าคุณทำให้ผมสะดุดหูเล็กน้อย คำนี้เคยทำหน้าที่เป็นเครื่องมือประชดผม แต่วันนี้ตอนนี้ พอเขาใช้คำนี้เรียกเพื่อนเขาบ้าง ผมกลับรู้สึกถึงความสนิทสนมและไว้เนื้อเชื่อใจ

“วิน รู้จักเพื่อนๆ พี่สิ”
“นี่ที่หนึ่ง เรียกแค่พี่หนึ่งก็พอ”
“คนนี้หมอนำ เรียกพี่นำก็พอ”
“นี่พีช ก็เรียกพี่พีชนั่นแหละ”
“คุณ นี่วิน อื่มมมมมมมมมมมมม” เขาอื่ออ่าในลำคอนานมาก ระหว่างนั้นก็หันมองหน้าผมอย่างครุ่นคิด นายมือโปรคงไม่รู้จะแนะนำผมว่าอะไรดีล่ะมั้ง งั้นผมช่วยก็แล้วกัน

“สวัสดีครับพี่หนึ่ง พี่นำ พี่พีช”
“ผมเป็นเด็กฝึกงานใหม่ที่บริษัทที่โป๊ะครับ พอดีเป็นเพื่อนไอ้โอมมัน ก็เลยมางานนี้ด้วย”

“อ้อ หวัดดีวิน พี่ก็พอดีเป็นเพื่อนโป๊ะมัน ก็เลยมางานนี้ด้วย เกี่ยวมั้ยวะ”

“ห่าหนึ่ง” พี่ที่หนึ่งยักคิ้วใส่นายมือโปรที่ปรามความกวนตีนด้วยคำไม่รื่นหู จากนั้นพี่แกก็หันรีหันขวาง แล้วก็ไปคว้าแขนฟรีแลนด์หน้าตาญี่ปุ่นปนจีนมาไว้ข้างตัวเพื่อกอดคอ

“เออโป๊ะ แล้วพวกผมมา น้องๆ เขาจะสนุกกันหรอ?”

“เราก็ไม่ต้องยุ่งอะไรกับงานไอ้โอมนี่ แค่วันนี้ผมต้องดูแลที่นี่ให้เท่านั้นเอง ก็เลยนัดคุณมา ดีนะที่ว่างกันพอดี” พี่โป๊ะตอบพี่หมอนำที่หันไปคุยกับฟรีแลนส์อีกคน คนนี้หน้าเด็กมากและดูดื้อมาก

“ก็ไม่ได้ว่างหรอกโป๊ะ แต่ไม่ยุ่งมากเลยคิดว่าว่างดีกว่า ไม่ค่อยได้เจอกัน”

“เงียบเลยพีช คุณกับโป๊ะเพิ่งนัดดื่มกันไม่ใช่หรอ? หนีแม่บัวมายังไงไหนเล่าดิ๊” เป็นพี่ที่หนึ่งที่เบรกพี่พีช จากที่ฟังๆ เขาคุยกัน กลุ่มนี้น่าจะแบ่งเป็น 2 สาย สายแข็งคือพี่ที่หนึ่ง กับพี่โป๊ะ ส่วนสายอ่อนคือพี่พีชกับพี่หมอนำ

“อ้อวิน”
“นี่เจม” พี่โป๊ะจิ้มไปที่ฟรีแลนส์หน้าญี่ปุ่น
“แล้วนี่น้องธาม” คราวนี้จิ้มไปที่คนหน้าเด็กที่ดูโคตรดื้อ
“เจมน่าจะรุ่นๆ เดียวกับวินนะ หรือไม่ก็พี่กว่าปีนึง”
“ถามๆ กันเองก็แล้วกัน แต่น่าจะคุยกันสนุกกว่าคุยกับพวกพี่”
“กินไรก็ตามสบายนะ ขอยืมตัวพวกนี้มาคุยเรื่องธุรกิจกันนิดนึง” พูดเสร็จก็ดึงแขนเพื่อนตัวไป ปล่อยให้ผม คนหน้าลูกครึ่งและคนหน้าเด็กดื้อมองจังหวะกระพริบตากันของกันและกันอย่างอึดอัด

“เดี๋ยวพี่มานะเจม”
“ครับ”

“ธามอยู่นี่กับเจมก่อนนะ เดี๋ยวพี่นำมา”
“อื้อ ได้นะ”

รู้สึกเหมือนผมกันมั้ยครับ กระแสอารมณ์มันละมุนแปลกๆ

ผมและคนแปลกหน้าอีก 2 คนไม่ได้พูดอะไรกัน ส่วนมากคุณเจมกับน้องธามจะคุยกันมากกว่า ผมได้แต่เงียบและหันมองทางอื่น พยายามไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เขาจะได้ไม่ต่อว่าว่าไร้มารยาทไปแอบฟัง

“เอ่อออ วิน”

“หือ? ครับ”

“วินทำงานกับพี่โป๊ะนานรึยัง” คุณเจมเป็นคนทักถามขึ้น ผมกรอกตาคำนวณวันที่ทำงานกับพี่โป๊ะ พอคิดคำตอบที่ไม่น่าเกลียดมากก็ค่อยตอบออกไป

“เดือนนึงล่ะมั้งครับ”

“โห อดทนมากเลย”
“อย่างพี่โป๊ะนะ อยู่ใกล้วันเดียวก็อยากกลั้นใจตายแล้ว โคตรกวนประสาท โดนแกล้งมั้ย”

“พี่เจมอย่าว่า พี่โป๊ะใจดีกับธามนะ”

“ดีกับธามก็ไม่ได้หมายความว่าพี่โป๊ะจะดีกับทุกคนนี่ ดูดิ ชอบแกล้งพี่แรงๆ แขนยังเขียวไม่หาย” นี่ทำท่าจะถลกแขนเสื้ออวดรอยเขียวกันด้วย

“เอ่ออ” ผมก็ไม่ได้อยากแก้ตัวให้นายมือโปรหรอกนะครับ
“พี่โป๊ะก็ไม่ได้แกล้งอะไรมผมนะครับ หมายถึงตอนนี้”
“แต่เมื่อก่อน ก็กวนตีนตามสภาพหน้านั่นแหละ”

ลั่นเลยครับ เสียงหัวเราะคุณเจมชวนให้ผมยิ้มตามไปด้วย ส่วนน้องธามขมวดคิ้วใส่ผมแล้วก็พุ่งหน้ามาถาม

“อะไร ตามสภาพตีน”
“หน้าพี่โป๊ะตามสภาพตีนใช่สินะ”

ลั่นเลยครับ คราวนี้ผมเป็นฝ่ายหัวเราะเอง ส่วนคุณเจมนี่นั่งใช้นิ้วรีดน้ำตาเป็นการด่วน พอหัวเราะกันจนพอแล้ว คุณเจมกับน้องธามก็พาผมเปิดประเด็นพูดคุย เรื่องที่เราคุยกันโคตรสนุกเลยครับ

ใช่แล้วครับ เรารุมนินทาพี่โป๊ะ

ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเจมเป็นแฟนพี่ที่หนึ่ง ส่วนน้องธามเป็นแฟนพี่หมอนำ
ตอนแรกที่รู้ก็อึ้งเล็กๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอกับคู่รักที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่คุณเจมให้เหตุผลดีมากว่า “เดี๋ยวนี้ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องแล้ว พี่หนึ่งบอกไว้ ใครมันสงสัยอะไรให้มันมาถามจู๋พี่”
ส่วนน้องธามนี่ ผมว่าเหมาะแล้วที่เป็นแฟนพี่หมอนำ เพราะท่าทาง สีหน้า รวมถึงปฏิกิริยาของน้องธามไม่น่าจะดูแลใครไหว ยืนบนโลกและได้รับการดูแลอย่างดีน่าจะเหมาะที่สุด

ผมเล่าเรื่องสาวที่มาชอบพี่โป๊ะให้พวกเขาฟัง และมันก็ทำให้ผมภูมิใจมากที่รู้ในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะภูมิใจที่รู้เรื่องพี่โป๊ะมากกว่าที่คนอื่นรู้ทำไม

“แล้วดร.พี่โจ้เขาสวยมั้ย” คุณเจมถาม ในมือมีจานอัลมอนด์อบเอาไว้ขบเคี้ยว

“สวยสิครับ มากด้วย”
“ครบสูตร เรียกว่าไม่ขาดอะไรเลยดีกว่า”

“พร้อมสิ่งขนาดนี้ พี่โป๊ะก็ยังไม่รักอีกหรอ”
“สงสัยจะลืมรักแรกไม่ได้จริงๆ”

“พี่เจม รักแรกพี่นำอะไร”

“ธาม พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่รู้ ถึงพี่รู้พี่ก็ไม่ควรพูด ธามต้องถามพี่นำเอง”
“แต่มันไม่สำคัญหรอก จริงๆ เชื่อพี่”

“ไม่เชื่อแล้ว ถ้าไม่สำคัญทำไมพี่โป๊ะยังไม่ลืม”

บางที ความกำปั้นทุบดินของน้องธามก็ทำให้พวกที่เป็นพี่กว่าอย่างผม อย่างคุณเจม จนปัญญาจะหาคำตอบ

แล้วแกงค์ผู้บริหารก็ออกมาแจมครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่หนึ่งแทรกตัวไปนั่งข้างๆ คุณเจมตอนไหน เห็นอีกทีก็ประกบอยู่ไม่ห่าง ดูท่าทางแล้วจะหวงมาก พี่หมอนำก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแต่รูปแบบต่างกันนิดนึง เพราะพี่หมอนำต้องอยู่ใกล้ๆ น้องธาม เพื่อคอยถามว่าอยากทานอะไร และเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ทานหรือไม่ให้

“วิน ทำงานกับโป๊ะสนุกมั้ยครับ”

“อ่อ เนื้องานสนุกดีครับ เป็นเรื่องที่ชอบอยู่แล้วด้วย”

“อื้ม อยู่กับโป๊ะนานๆ นะ”
“มันบ่นมันว่ามันสาดอารมณ์ก็อย่าถือสาเลย เห็นปากแบบนี้อารมณ์แบบนี้ จริงๆ ใจดีสุดเลยนะ”
“ไม่งั้นลูกแพร์ไม่ติดหรอก”

ลูกแพร์อีกแล้ว
ผมมองหน้าพี่พีช เขายังคงยิ้มให้ผม ไร้ความเศร้าในแววตาในยามพูดถึงลูกแพร์
เอ? ลูกแพร์ ลูกพีช? พี่น้องกันรึเปล่าวะ?

“พี่พีชครับ”

“ฮื้ม”

“พี่พีช รู้จักลูกแพร์ด้วยหรอครับ”

พี่พีชมองผมตาโตขึ้นนิดหนึ่ง เขามอบรอยยิ้มจางๆ ให้แต่กลับชักสายตาคืนกลับ ผู้ชายคนนี้ก้มหน้ามองหัวเข่าตัวเองที่งออยู่สุดปลายสายตา เขาบอกผมเบาๆ

“น้องสาวพี่เอง”

ผมนึกออกแล้ว นายมือโปรเคยเล่าให้ฟัง ลูกแพร์เป็นน้องสาวพี่พีช และคนที่ลูกแพร์รัก แต่ไม่สมหวังในความรักแม้แต่ในวันที่ตาย ก็คือพี่ที่หนึ่ง
อืม พวกเขายังมองหน้ากันได้ ยังคบกันสนิทใจได้ ถ้าอย่างนั้น ผมเองก็ควรมีที่ยืนในกลุ่มเพื่อน มีสิทธิ์เสียงที่ดังพอจะพูดคุยกับพวกเขาด้วยความบันเทิงใจเหมือนกัน...รึเปล่านะ?

“พี่พีช เอ่อ พวกพี่เศร้ากันมากมั้ยครับ เรื่องลูกแพร์”

“รู้เรื่องด้วยหรอ”

“รู้นิดหน่อยน่ะครับ พอดี ก็คุยๆ กับพี่โป๊ะบ้าง”

“มันก็ต้องเศร้าอยู่แล้ว แต่ก็มีเรื่องที่ต้องทำกันต่อไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะคนที่เสียใจและแสดงออกมากสุด หรือเสียใจแต่แสดงออกได้น้อยที่สุด เนอะ”

“แล้วพี่พีชล่ะครับ น้องสาว...แท้ๆ”

“มันก็แน่นอนที่เสียใจ เศร้า แต่ก็อย่างที่พี่เพิ่งบอกไป ไม่ว่าใครก็มีเรื่องที่ต้องทำ ต้องเดินหน้ากันทั้งนั้น”
“โป๊ะมันเล่าเรื่องลูกแพร์ให้วินฟังด้วยหรอ? นอกจากโอม ก็ไม่เห็นมันสนิทกับน้องที่ไหนอีก ถ้าตัดสาวๆ ออกไป โป๊ะมันก็ถือว่าสนิทยากพอควรนะ”

“ยากมากต่างหากครับ ดูอารมณ์แปรปรวน ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลกันเลย”

“นั่นสิ เนอะ”
“แต่ก็อยู่กับมันแล้วสบายใจ เนอะ”

ผมเกือบพยักหน้ารับ แต่เบรกตัวเองทัน
ผมคิดว่าพี่พีชไม่ได้กำลังถามผม แต่กำลังโฆษณาชวนเชื่อเพื่อนตัวเองอยู่ต่างหาก

“พีช” เสียงนายมือโปรเรียกเพื่อนเขาค่อนข้างดัง ไม่นานเจ้าตัวก็โผล่หน้ามาหา

“กินข้าวมั้ย ผมทำให้”
“ไอ้หนึ่งกับไอ้หมอกินกันมาแล้ว”
“ไปห้องข้างในได้นะเว้ยถ้าตรงนี้มันอึดอัด หรือนั่งเล็งสาว”

“บ้า ไม่ได้เล็งเลยคุณ น้องๆ เค้าน่ารักแล้วเค้าก็เดินผ่านหน้าผมเองต่างหาก”

“ม่ออออออ”
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวบัวมาจิกหัวอีก น่ากลัวชิบหาย”
“เอ้อวิน”

“ครับ” ดีนะที่ยังมองเห็นผมอยู่

“ไอ้โอมตามหา”

“อ้อ เดี๋ยววินไปหามันเอง”

“อืม...งั้น....เดี๋ยว”

“ครับ?” นายมือโปรอ้ำอึ้ง เขาเหล่มองเพื่อนตัวเองที่ยังไม่เลิกมองสาวๆ แล้วส่งยิ้มให้ ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะเขาลากคอเพื่อนให้รูดตัวลงจากเก้าอี้สูงแล้วก็ผลักให้มุ่งไปยังห้องส่วนตัวด้านใน จากนั้นก็หันมาหาผมอีกรอบ

“เดี๋ยวเรากลับบ้านด้วยกัน”

“อ่อ ครับ” พอผมรับปาก เขาก็ยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ฝ่าฝูงชนไปโดยไม่สนใจสายตาสาวๆทั้งหลายที่มองเขาเหมือนอยากจะชิมกระทั่งเหงื่อบนใบหน้า

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 19-07-2015 23:01:58
ว่าแต่ ไอ้โอมตามหาผมทำไม?

ผมดื่มไวน์ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบรสชาติมันเท่าไหร่ หมดแก้วแล้วก็ลงทุนตามหาไอ้หมาโอมอีกครั้ง แต่เดินวนรอบร้าน มุดหาตามมุมนั้นนี้แล้วก็ไม่เจอมันเสียที และงานก็เข้าตรงที่ ผมดันมายืนสูดอากาศหน้าร้านที่มีปูและปอมายืนคุยกันพอดี

“อ้าววิน วินไม่ใช่หรอ?”

“..........” อุตส่าห์เลี่ยงแล้ว ยังจะเรียกกันไว้ทำไม

“วิน จำกันไม่ได้ หรือจงใจไม่ทัก”

“ปอ อย่าทำงี้น่า”
“ก็ดูเขาทำสิ เราต่างหากที่ต้องทำท่าทางแบบนั้นใส่เขาน่ะ”

“มีอะไรกับผมหรอ?” ผมถามเสียงเรียบ คิดแง่ดีว่าพวกเธออาจจะถามทางไปห้องน้ำ

“ก็ไม่ได้มีอะไรนักหรอก แค่ไม่เจอกันนานแล้ว มาเจอกันอีกก็อยากทักทาย

“อืม พวกเธอ สบายดีนี่ ผมก็สบายดี ไปนะ”

“เดี๋ยวสิวิน” อะไรกันอีกล่ะ 2 คนนี้

“หือ?” ผมหันกลับไปถามหาธุระ

“เรื่องรินนา”
“เราต้องขอโทษวินด้วย”
“เรายังไม่ได้ขอโทษวินเลย แล้ววินก็ไม่เคยรับรู้อะไรอีกเลย”

“ถ้าจะขอโทษผม ก็โอเค ผมรับคำขอโทษไว้แล้วผมก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเธอจะขอโทษผมทำไม”

“วิน เราขอเถอะ เรารู้ว่าวินโกรธวินไม่พอใจที่ทุกอย่างไปลงที่วินทั้งหมด แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอก” ปูเป็นคนเปิดประเด็นเหมือนอยากเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ผมไม่ใส่ใจแล้ว ผมถอยตัวเองออกมาจากโลกที่มีแต่อารมณ์สับสนวุ่นวายบนใบหน้านานแล้ว
 
“เอาสิ ขอโทษเรื่องอะไรก็ว่ามา แต่ถ้าฝืนนัก ก็ทำเป็นลืมๆ ผมไปเลยก็ได้ ผมไม่ได้จดจำใครอยู่แล้ว”

“วินรู้รึเปล่าว่ารินท้อง”

ท้อง?
ผมไม่ได้ได้ยินอะไรผิดใช่มั้ย?
ท้องเนี่ยนะ? รินนาท้องเนี่ยนะ?
ผมไม่อยากเสียมารยาทเลย แต่ผมสงสัยจริงๆว่าท้องได้ยังไง ผมกับรินไม่เคยมีอะไรกันเลย มากสุดก็แค่จูบกันแล้วมันก็จะเกิดเหตุแบบนั้นก็ต่อเมื่อรินเป็นฝ่ายเริ่ม

หน้าผมคงงงมาก ปูกับปอถึงได้มองหน้ากันเหมือนปรึกษา สุดท้ายปูก็เป็นคนพูดเรื่องไม่น่าเชื่อออกมา

“เขาท้องกับผู้ชายคนอื่น”
“เขาไม่ได้มีวินคนเดียวหรอก แต่วินคือคนที่ที่บ้านเขาเข้าใจว่าคบกันลึกซึ้ง เพราะวินเหมาะที่สุด”
“โอ้ย เราไม่อยากจะพูดแล้ว พูดไปก็ประจานคนตาย แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย”

ผมเหมือนโลกดับ เหมือนไฟตกชั่ววูบ สมองงงๆ ผมไม่เข้าใจเรื่องราวเลย

“ที่บ้านเขาโกรธมากขนาดนั้นก็เพราะว่ารินตายพร้อมกับเด็ก ทุกอย่างมันแดงขึ้นมาตอนชันสูตรศพ”
“และคนที่รับกรรมก็คือวิน ที่บ้านรินเขาคิดว่าวินเป็นพ่อเด็ก”

“แล้วพวกเธอไม่คิดแบบนั้นหรอ”

“จะคิดได้ยังไง พวกเราก็รู้เรื่องอยู่ตลอดว่าเขาไม่ได้มีวินแค่คนเดียว”
“แล้วเขาก็บอกพวกเราอยู่ทุกเรื่อง เรื่องท้องเขาก็บอก รินอยากเอาออกเพราะที่บ้านคงฆ่ารินตายแน่ถ้ารู้เรื่องท้อง พวกเราบอกว่าให้เก็บไว้ คลอดก่อนค่อยไปเรียนต่อเมืองนอกก็ได้ วินเองก็คงไม่อยากให้เอาเด็กออก รินถึงได้บอกว่าวินไม่ใช่พ่อเด็ก จะให้วินรู้ไม่ได้เด็ดขาด”

“อะไรกัน...อำผมใช่มั้ย?”

“เรื่องแบบนี้ใครจะพูดเล่นกัน”
“ตอนแรกเราคิดว่าเคลียร์กับวินรู้เรื่อง เพราะเขาตัดผู้ชายคนอื่นออกไปหมด แล้วพยายามง้อวินตอนที่วินขอเลิกนั่นแหละ แย่ตรงที่มันเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากวินที่สุด”
“เขามาเล่าไปร้องไห้ไป บอกว่าช็อคที่วินขอเลิกทั้งที่วินก็ไม่ได้รู้เรื่องเขามีคนอื่นเลย แต่วินแค่หมดรักกันแล้ววินเลยขอเลิก เขาก็หมดหนทาง”
“เขาน่าสงสาร แต่พวกเราก็รู้ว่าวินไม่ใช่คนที่ต้องน่าสงสารไปด้วยแบบนี้”
“แต่ตอนนั้นเราเด็ก เราไม่รู้เรื่องระหว่างวินกับรินว่ารักกันแบบไหน เราก็แค่คิดว่า วินใจดี วินน่าจะช่วย แล้ววินก็อยู่ในฐานะที่ช่วยได้”

“หมายถึง ช่วยเป็นพ่อเด็กน่ะหรอ?” ดีแล้วที่ผมไม่เคยรู้เรื่องนอกใจ ไม่เคยรู้เรื่องรินนาท้อง ทางนั้นจะไม่แย่เพราะผมหรอก จะแย่เพราะป้าสุของผมต่างหาก เพราะถ้ามายัดเยียดเรื่องที่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น ป้าคงไม่ปล่อยไว้แน่

ปอกับปูพยักหน้าเศร้าๆ
“เราขอโทษนะ”

“อืม...เรื่องมันผ่านไปแล้ว จริงๆ ไม่เล่าก็ได้”

“ไม่ได้หรอก”
“ทุกวันนี้อาภาแม่ริน ยังคิดว่าวินเป็นพ่อเด็กอยู่เลย เราไม่รู้ว่าเราควรบอกความจริงอาภามั้ย”

“อย่าเลย ทำแบบนั้นอาภาจะรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นอีก คงแย่กว่าเดิมแน่”
“ให้ผมเป็นคนรับความผิดไว้นี่แหละ ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่บ้านวินกับบ้านริน ก็เลิกทำธุรกิจกันเลยไม่ใช่หรอ”

“ก็ใช่ แต่ก็ไม่มีใครจนลงจนตายนี่ ไม่ทำธุรกิจกับบ้านเขา บ้านผมก็ทำธุรกิจกับคนอื่นเยอะแยะ”
“ถึงจะพูดแล้วมลทินของผมตามความเข้าใจของอาภาและคนอื่นๆจะหายไป เราก็แก้ไขอดีตไม่ได้อยู่ดี”
“และผมก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ว่าถ้ารินพูดกับผมตรงๆว่าท้องกับคนอื่นแล้วอยากขอให้ผมช่วยรับผิดชอบ คำตอบของผมจะต่อลมหายใจของรินนา”
“สุดท้ายรินก็เลือกหนีปัญหา และผมก็แค่คนที่ต้องรับผลที่ตามมานั่นแหละ”
“แต่ก็ขอบคุณนะ ที่ทำให้ผมรู้ว่าโดนอาภาตบหน้าวันนั้น ด้วยความรู้สึกเกลียดชังจากต้นเหตุอะไรบ้าง”

“พวกเราขอโทษนะวิน”

“อืม”

“โอมเองก็บอกไว้แล้วว่าปล่อยให้มันผ่านๆไป แต่เราไม่สบายใจเลย เราอยากให้วินอภัย”

“อืม ไม่เป็นไร”

ไม่เป็นไร ถ้าคำนี้เกลี่ยเมฆอึมครึมในใจคนได้ ทำให้ท้องฟ้าในหัวใจเป็นสีฟ้าสบายตาได้อีกครั้ง ก็...ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมจะพูดทุกครั้งที่มีคนอยากจะฟังคำนี้จากปากผม

เผื่อว่า ใจผม จะได้ยินคำว่า “ไม่เป็นไร” บ้าง


“เฮ้ยวิน!” ไอ้โอมทักขึ้นจนผมสะดุ้ง หน้าผมตอนหันไปหามันคงเสียความเชื่อมั่นมากๆ มันถึงได้ก้าวยาวๆ มาหาแล้วยื่นมือมาจับท้ายทอย

“เป็นไรวะ”

“พอดี เจอปูกับปอ”

“เยดดดดดดดดด!”
“มึงรู้เรื่องแล้วหรอ”

“มึงรู้นานแล้วหรอ?”

“อย่าย้อนกูสิหมาวิน”
“รู้เรื่องเขา...เอ่อ”

“ท้องอ่ะหรอ?”

“อืม กับ...”

“คนอื่น”

“อืม รู้แล้วใช่มั้ย”

“อืม รู้แล้ว”

“อย่าไปโกรธอะไรเขาเลย คนเขาตายไปแล้ว  อโหสิเถอะว่ะ”

“รู้แล้ว”

“แล้วทำไมทำหน้างี้อ่ะ”

“กู...กู ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง มันทั้งสับสน โกรธ สมเพช อึดอัด สงสาร  ผิดหวัง สารพัดความรู้สึกแง่ร้ายพากันรุมสุมขี้เถ้าชื้นลงบนหัวใจผม จุดไฟก็ไม่ติด เขี่ยออกไปก็ยังทิ้งรอยเกล็ดเขม่าดำๆ ไว้ให้จำได้ว่าหัวใจมันเคยเจ็บปวดยังไงบ้างอยู่ดี
“โอม”
“กูอยากกลับบ้าน”

“เอ่ออออ” งานนี้เป็นงานเลี้ยงส่งโอม มันไม่ควรต้องมาดูแลผมเพียงคนเดียว โลกของมันประกอบด้วยผู้คนมากมาย ไม่เหมือนโลกของผมที่หากตัดมันออกไปแล้ว 10 นิ้วที่มียังเยอะกว่าคนรอบกายที่ทำให้ผมสบายใจได้เลย

“มึงแค่บอกพี่โป๊ะ ว่ากูอยากกลับบ้านแล้ว แค่นั้นแหละ”

“เออๆๆ เดี๋ยวกูรีบบอกเฮียเลย”
“มึงรอนี่นะวิน”
“อย่าใจลอยเดินตกท่อนะมึง” คงอยากให้ผมขำ แต่ตอนนี้ผมหัวเราะไม่ออก

รออยู่ไม่นานพี่โป๊ะก็วิ่งออกมาที่หน้าร้าน เขาต้องเอียงคอมองผมเพราะผมยืนก้มหน้าอยู่ พี่โป๊ะไม่ถามว่าทำไมคิ้วขมวด ทำไมตาฉ่ำๆ ทำไมหายใจแรงกว่าปกติ คงคิดว่าผมเมาล่ะมั้ง

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอกวิน ไม่เป็นไร”

หัวใจ ได้ยินมั้ย
ไม่เป็นไรหรอกวิน ได้ยินรึยัง





-Cut-


ยาววววววววววววววววววววววววววววว ใช่มั้ยคะ
ชดเชยให้ตัวเอง ฮ่าๆๆๆ เราเก็บกดค่ะ เก็บกดจริงๆ
ไม่ได้เขียนฟิคแล้วแบบ...อึดอัดที่สุดเลยยยยยยยยยยย
ก่อนหน้านี้มีฉากนั่นนี่โผล่ขึ้นมามากมายแต่มันจะวงกว้างเกินไป จำกัดไว้เท่านี้ดีกว่า

ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเดิมนะคะ
แอบได้รู้ว่มีคนอ่านแค่ไม่ได้คอมเม้นท์เลยเพราะไม่มียูส โอ้! แค่อ่านก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ
ตอนต่อไป เร็วๆ นี้!  แต่เร็วๆ นี้ มีนิยามแบบไหน นั่นก็อีกเรื่องนะคะ

สวัสดีค่ะ



หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 20-07-2015 01:10:46
เจอแก๊งค์ท่านผู้บริหารแล้ววว อิอิ
ดีใจ ชอบตอนเจม น้องวิน น้องธามคุยกันน ฮือออ น่ารักจุมมม ><

พี่โป๊ะดูแลน้องวินดีอะตอนนี้ ประทับใจแรง ละมุนมาก
แต่อีกทีตอนจบก็มีคลายปม ...ที่เหมือนว่าจะยกไอ้ก้อนเมฆในในวินให้ลอยสูง
ขึ้นกว่าระดับปกติได้อีกนิดหน่อยย หวังว่าวินจะค่อยๆ เชื่อคำว่า 'ไม่เป็นไร'นั่นขึ้นมาทีละนิด

แต่ยังคงรอปมลูกพีชต่อนะคะ ฮืออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.1(4-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 20-07-2015 12:23:24
ในที่สุดดดดดด น้องวินก็ได้เจอกับเดอะแก๊ง น้องเจม และน้องธามแล้วววววว

ตามที่คาดไม่มีผิด น้องเจมเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมหัวนินทาพี่โป๊ะ 5555 แต่เสียดาย น้องเจมมาช้าไป ถ้ามาก่อนนี้นะ ต้องมันส์กว่านี้แน่ๆๆๆ 555555
แต่พี่โป๊ะเล่นแรงอ่ะ เอาซะน้องเจมเขียวเลยหรอ พี่หนึ่งจัดการค่ะ!!!!

ชอบเดอะแก๊งนี้มากกกก

แม่บัวนี่ ภรรยาพี่พีชหรอคะ ไว้ต้องไปตามหาจากตอนเก่าๆ แล้วล่ะ พี่พีชของหนู 5555

ชีวิตน้องวิน เจอแต่เรื่องเซอร์ไพร์ตลอดดด น่าสงสารมาก ไม่เป็นไรนะวิน สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-07-2015 19:06:34
สงสารวินเลยอ่ะ เห้อออออออออ
พี่โป๊ะปลอบน้องดีๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2015 20:02:48
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-07-2015 20:16:45
เค้ามียูสนะ เค้ามาให้กำลังใจคนเขียน :กอด1:
ว่ากันด้วยเรื่องของวินและริน อย่าเศร้าไปเลยนะ พี่โป๊ะก็บอกว่าไม่เป็นไร :mew6:
แต่คำว่าไม่เป็นไร บางทีมันก็เป็นอยู่นะ แค่พูดไปอย่างนั้นเอง :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-07-2015 20:48:48
สงสารน้องวิน พี่โป๊ะปลอบใจด่วนๆๆๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-07-2015 20:55:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-07-2015 21:07:02
ได้เจอกับเดอะแกงค์แล้ว

ชอบตอนที่จับกลุ่มนินทาเฮืยโป๊ะจริงๆ  :laugh:

แต่ตอนท้ายนี่สงสารวินมากกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 21-07-2015 00:00:23
พอแกงค์ยอดรักนักบริหารสองหน่อกับว่าที่สมาชิกแกงค์อีกหนึ่งหน่อมารวมตัวกัน พีโป๊ะก็ระเบิดในทุ่งข้าวสาลีกลายเป็นตัวเหี้ยครั้นช์ 5555

ถึงอย่างไรน้องธามก็ปกป้องพี่โป๊ะที่แสนใจดีอย่างสุดความสามารถด้วยคำว่า"หน้าพี่โป๊ะตามสภาพตีน" เชียวนะ 555555+ โอ้ยยย เอ็นดูทั้งหมาเจมหมาธามมาอีกบ่อยๆ นะ หมาวินจะได้ไม่เหงา

ตอนท้ายถึงจะหดหู่แต่มันโอเคมากถ้าจะทำวินให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีใครคนหนึ่งที่แม้ไม่ต้องพูดอะไรก็คล้ายๆ ว่าจะเข้าใจ ไม่เป็นไรหรอกวิน ไม่เป็นไร พี่โป๊ะของไอ้ยุ่งอยู่ตรงนี้แล้วนะ ไม่เป็นไร...  :o12:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 21-07-2015 05:48:40
โอ้...

คุณหนูวิน

รอ รอ ตอนต่อไปค่ะ

  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 21-07-2015 10:33:15
มีเจมกับธามโผล่มาให้หายคิดถึงด้วย555
พีโป๊ะปลอบวินด่วนๆเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-07-2015 13:20:23
โถ่ตาวินลูก...
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 21-07-2015 19:54:37
อยากให้น้องวินเจอหมาเจมนานแล้วสมใจซะที  นินทาพี่โป๊ะกันมันไปเลย อิอิ
แต่สุดท้ายแอบหน่วงอีกแว๊ววว สงสารน้องวิน  :เฮ้อ: พี่โป๊ะปลอบน้องหน่อยน๊าาาา  :monkeysad: :mew6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-07-2015 20:23:49
ไม่เป็นไรนะวิน โหความจริงเปิดเผยนิสุดๆ
เหลือเรื่องของพี่โป๊ะนิหละจะลืมได้เมื่อไหร

ปล.จะมีสมาคมเเม่บ้านสามหน่อละ 555 เจม ธาม วิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน18.2(19-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 28-07-2015 21:23:41
แว่บมาด้อมๆ มองๆ น้องวิน พี่โป๊ะ ><
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-08-2015 00:16:54
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 19


ผมรู้ว่านี่คือแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผมยืนจ้องก่อนนอนทุกคืน แต่ไอ้เหี้ยเอ้ย! มันใช่เวลามั้ยเนี่ย!

“วินจะกลับบ้านไง พี่พามาที่นี่ทำไม”

“ก็วินยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวแล้วนอยด์ ไม่ดีหรอกน่า”

“วินอยากนอยด์วินก็นอยด์ ทำไมต้องกินให้อิ่มก่อน ให้ย่อยก่อน เยี่ยวก่อน ขี้ก่อน”
“ขอวินนอยด์ตามที่อยากไม่ได้รึไง!”

“ก็บอกกันมาก่อนสิว่านอยด์อะไร ใครจะรู้เรื่องเล่า!”

คนห่าอะไรวะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่เสือกปลอบใจผมได้ ซ้ำยังพามาอยู่ในที่ที่ทำให้ผมลืมคิดเรื่องนอยด์ของตัวเองไปเสียฉิบ

“เออ กินก็ได้”

“สั่งดิ ร้านนี้เค้าไม่ได้สแกนลายนิ้วตีนแล้วรู้ว่าใครอยากกินอะไรนะ”

“เมนูล่ะ”

“มีแต่แมนยู เอาป่ะ?” ใช่เวลามั้ยวะ? ผมขมวดคิ้วใส่ กระชากเมนูอาหาจากมือนายมือโปร หมอนี่หัวเราะใส่แบบไร้เสียงแต่ตัวสั่นสะท้านประมาณ 9.5 ริกเตอร์ กวนส้นตีน!

“น้องครับ” ผมเรียกเด็กเสิร์ฟ ไม่นานหญิงสาวรุ่นๆ ก็เดินมาหา
“ขอจิ้มเอานะครับ”
“นี่ นี่ นี่ นี่”
“น้ำนี่”
“ข้าวจานเดียว”

“ข้าว 2 ครับ” ผมหันมองคนสอดปาก แต่ก็ปล่อยให้น้องเด็กเสิร์ฟเขาจดออเดอร์เพิ่มเติมลงไป สั่งเสร็จก็นั่งกอดอกพิงพนักรออาหาร

ตอนนี้ 3 ทุ่มเกือบ 4 ทุ่มแล้ว
ถ้าเขาพาผมกลับบ้าน ผมจะได้หมกตัวในห้องผม นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มนวมนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมสะอาด ได้ฟังเสียงสรรพสิ่งรอบตัวแต่ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตผมเลยแม้แต่นิด และผมจะได้หลับลงเพราะความล้าใจ ปวดหัวคิ้ว
แต่เขาไม่ได้พาผมกลับบ้าน เขาไม่ถามอะไรผมสักคำ
นายมือโปรแค่ลูบหัวผม เอียงหน้ามามองแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกวิน
และแม้เขาจะทำเท่าที่ผมบอกไว้ ใจผมกลับสงบลงได้เพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำอย่างไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ
บ้าเอ้ย!

“ดื่มน้ำก่อน” แม่งสั่ง! แต่พอเด็กเสิร์ฟรินน้ำเปล่าให้จนปริ่มแก้ว ผมก็ยกขึ้นดื่มตามที่เขาบอก

“พี่ถามได้มั้ย”

“จะตอบหรือไม่ตอบก็สิทธิ์วินนะ”

“อันนั้นรู้ดีเลยล่ะครับคุณหนูวิน”
“งั้นถามนะ”

“อือ”

“สั่งมาน่ะ กินหมดหรอ?” แม่งงงงงงงงงง ใช่เวลากวนตีนกันมั้ยเนี่ย ผมสะบัดตามองเขา อยากให้รู้มากด้วยว่าผมกำลังด่าเขาห่าใหญ่ แต่นายมือโปรกลับยิ้มสู้

“ถ้าไม่พูดออกมาเอง ไอ้ที่อัดอั้นไว้มันก็หายไปหรอก”
“ต่อให้พี่ถามจู้จี้เยอะแยะ พี่ก็ไม่ได้รู้สิ่งที่อยากรู้ และวินก็ไม่ได้บอกสิ่งที่อยากบอก”
“แต่ถ้าวินอยากพูดออกมาเอง วินจะพูดเฉพาะสิ่งที่วินอยากให้พี่รู้ เราก็จะเข้าใจกันมากขึ้น ไม่จริงหรอ”

“ก็จริง”

“งั้น...ต้องให้พี่ถามมั้ย”

“ไม่ต้องหรอก ต้อนกันขนาดนี้ วินพูดเองก็ได้”

“ดีครับ” นายมือโปรประสานมือตัวเองแล้วคว่ำไว้ใต้คาง เขากำลังตั้งท่าฟังผมอย่างตั้งอกตั้งใจ

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย ส่วนที่เกี่ยวกับผมก็น้อยลงทุกที แต่น่าแปลกที่ผมอยากเปิดเผยความรู้สึกกลัดกลุ้มที่กำลังรู้สึกให้เขาได้รู้ เผื่อจะอินไปกับผม เผื่อจะเข้าใจผมมากขึ้น และเผื่อจะยอมรับผมเพิ่ม
แต่ผมตอบไม่ได้หรอกนะครับ ว่าผมอยากให้เขาอิน อยากให้เข้าใจและยอมรับผม เพื่ออะไร

“ประเด็นเลยนะครับ”
“พี่โป๊ะไม่ต้องวิจารณ์หรือพูดอะไรนะครับ มันไม่ใช่เรื่องที่มีพี่ส่วนเกี่ยวข้อง”
“วินแค่อยากระบายออก ก็แค่นั้น”

“อืม”

“รินท้อง”
“แต่ไม่ได้ท้องกับวิน”
“เขารู้ว่าเขาท้อง วินไม่รู้ และวินบอกเลิก เขาก็เลยหมดที่พึ่ง แล้วก็คิดสั้นๆ เลือกทางออกแบบนั้น”
“ที่บ้านเขาเพิ่งรู้ตอนเกิดอุบัติเหตุที่เขาจงใจก่อ แล้วก็คิดกันว่า เด็กในท้องเป็นลูกวิน”
“ซึ่งวินไม่มีโอกาสอธิบายใคร เพราะวินเองก็เพิ่งรู้ว่าเขามีเด็กเมื่อหัวค่ำนี่แหละ”
“วินก็เลย ไม่รู้ว่าจะรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไงดี”

“................”

“วินอยากคุยกับป้าสุ แต่ก็ไม่อยากให้ป้ารู้เรื่องเด็ก ไม่อยากให้ป้าสุรู้สึกผิดบาปไปมากกว่านี้”
“บางที ป้าสุอาจจะไม่เชื่อว่าวินกับรินไม่เคยมีอะไรกัน ป้าเอง ถ้ารู้เรื่องเด็ก อาจจะคิดระแวงวินก็ได้ วินไม่อยากได้รับสายตาแบบนั้นจากป้าสุ ไม่อยากให้มองวินแบบสงสัยในความคิดหรือการกระทำ”
“ถ้าป้าสุมองวินแบบนั้น โลกของวินก็ไม่เหลือใครแล้วครับ”
“วินก็เลย ทั้งอยากเจอป้าแล้วก็ไม่อยากเจอ”

“..................”

“ไม่รู้ว่าพี่รุตต์รู้เรื่องรินท้องรึเปล่า”
“แล้วถ้ารู้มาตลอด วินล่ะอยากรู้ชะมัดว่าเขาเข้าหน้าวินติดยังไง เขาไม่เกลียดวินรึไง”
“หรือถ้ารู้ แต่ก็ยังเชื่อมั่นในตัววิน เชื่อว่าวินไม่ใช่พ่อเด็ก ไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบแล้วกดดันให้น้องเขาเลือกทางออกโง่ๆ วินก็ควรจะรัก.......”

“ไม่ๆ” จู่ๆ นายมือโปรก็พูดคั่นขึ้นมา
“ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวโยงกันเลยนะวิน”
“พี่พูดได้รึยัง”

“อือ”

“พี่ว่าเรื่องอาสุ คุยกันแมนๆ เถอะครับ”
“อาสุเขารักวินมาก วินก็รู้”
“ฉะนั้น ไม่ว่าอาสุเขารู้เรื่องนี้มาก่อน หรือรู้แล้วเขาจะมองหน้าวินแบบไหน วินต้องให้เกียรติความรู้สึกอาสุที่สุด”
“เขามีสิทธิผิดหวังในตัววิน เพราะเขาตั้งความหวังเอาไว้”
“อย่าคิดแทนเขา”
“ส่วนเรื่องคุณรุตต์ พี่ว่าไม่เกี่ยวอะไร”

“ทำไมคิดงั้นอ่ะ”
“พี่รุตต์เป็นพี่ชายรินนา ทั้งที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น พี่รุตต์ก็ไม่เคยโทษวินเลย”

“วินเพิ่งพูดคำตอบมาเองนะ”
“ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้เรื่องเด็ก เขาก็ไม่เคยโทษวิน”
“เพราะงั้น  อื่ม”
“ถ้ามันมีความรู้สึกระหว่างวินกับคุณรุตต์ พี่ว่ามันไม่เปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้หรอก”
“ตรงกันข้าม เขาอาจใช้เป็นโอกาสสร้างความดีให้ตัวเองก็ได้ เพื่อให้วินรักเขาไง”

“พี่โป๊ะประหลาด พี่รุตต์ไม่ต้องสร้างความดีอะไร วินก็รักพี่รุตต์อยู่ไม่เปลี่ยน”

“เอาเถอะน่า ตามความคิดพี่ วินพูดกับอาสุคนเดียวก็พอ”
“และถ้าอยากได้คนเข้าใจเพิ่ม ก็... 12 นาฬิกาครับ”

12 นาฬิกา สัญญาณบอกให้มองตรงไปข้างหน้า
คนตรงหน้าผม เข้าใจผมเพิ่มขึ้นจริงๆ หรอ?
วารินทร์ วณิคพันธุ์ เป็นเหี้ยที่ยิ้มหล่อมากครับ

นายมือโปรส่งยิ้มเท่มาให้ ผมก็เลยก้มหน้า ยกข้อมือขึ้นมอง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ว่า

“คนที่จะเข้าใจวินตื่นสายจังนะครับ ต้องรอถึงเที่ยง กว่าจะได้เจอ”

และแน่นอน ผมถูกมือใหญ่บี้แก้มจนเจ็บกราม

#### @ D A W N  #####

คืนนี้ผมมาส่งไอ้โอมไปเมืองนอกครับ
ตอนแรกที่โทรนัดกัน มันก็ไม่ออกอาการน่าอับอายนัก ผมก็เลยรีบจ้ำมาหามัน ด้วยกลัวว่าเวลาในการร่ำลาจะไล่ตามตูดมาทัน ถ้าผมรู้ว่ามันจะกอดผมแน่นเหมือนงูเหลือมผู้หิวโหดรัดลูกกวางไร้ทางสู้แบบนี้ ผมคงไม่แรดวิ่งมาหามันหรอก 

“ปล่อยกูได้แล้วไอ้เหี้ยโอม”
“ห่า มึงนี่”
“เครื่องมึงจะตกรึไงถึงต้องกอดเหมือนชาตินี้จะไม่ได้เจอกันอีก เหี้ย! ปล่อย!”

“พี่โป๊ะ พี่ดูมันดิ ไอ้ดื้อนี่มันปราบยากเห็นรึยัง”
“แต่พี่ก็ต้องดูแลมันดีๆ นะ”

“ห่าโอม กูโตเท่าควายแล้ว”

“โตแล้วสะดุดบันไดก็ไม่ตายไรงี้หรอ?”
“มึงก็ช่วยเป็นเด็กอยู่ในโอวาส ให้พี่โป๊ะอบรมน่ะดีแล้ว”

“มึงคิดว่าสูตรชีวิตเฮียมึงวิเศษนักรึไง? ก็งั้นๆ บ้าๆ บอๆ”

“เอ่อออ ดูเหมือนพี่ไม่ควรยืนเฉยๆ ให้พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นอมยิ้มถากถางสินะ”
“งั้นก็ลาๆ กันไปนะ ไปซื้อกาแฟแป๊บ”
“วินเอาเหมือนเดิมนะ”

“ครับ”

นายมือโปรเดินไปซื้อกาแฟตามที่บอก ส่วนไอ้โอมก็ยังกอดรัดผมอยู่แบบนี้ แต่ก็ยังมีแก่ใจมาตั้งข้อสังเกตว่า “พี่โป๊ะเค้ารู้ใจมึงเนอะ มึงเปิดใจให้เขาได้รู้ล่ะสิ”

เรื่องของกูเถอะโอม มึงจะช่วยชีวิตกูได้มากถ้าปล่อยกูตอนนี้ ไอ้จู๋หมากูหายใจไม่ออก!

“ไอ้คุณชาย ทำหน้าดีๆ ส่งกูไปป๊อบปูลาร์หาเมียฝรั่งนะมึง เร็วๆ”

“สัดโอม มึงเล่นเหี้ยๆ หอมกูหาแม่มึงหรอ”

“แม่กูมีพิกัดแน่นอน ไม่ต้องฟัดหน้ามึงก็เจอได้ แต่กูทำเพราะกูอยากฝากความรักของกูไว้หรอก”
“ไม่มีเพื่อนหน้าไหน ตัวไหน รักมึงห่วงมึงได้เท่ากูแล้ว”
“เพราะงั้น ดูแลเพื่อนกูให้ดีด้วยนะไอ้คุณชาย”
“เพื่อนกูชื่อวิน มันขี้เหงา ขี้กังวล ขี้กลัว แต่มันปากหนัก”
“ถ้ามึงว่างนะไอ้คุณชาย ก็ชวนเพื่อนกูที่ชื่อวินคุยเยอะๆ หาข้าวให้มันกินตรงเวลา เตะมันไปอาบน้ำทำตัวให้สดชื่นด้วยก็ดี แล้วถ้ามีใครมาหวังดีกับมันได้เท่าที่กูสร้างสถิติไว้นะไอ้คุณชาย ตะครุบมนุษย์คนนั้นไว้แล้วสั่งให้มันดูแลเพื่อนกูไปตลอดชีวิตด้วย”

“.....................”

“รู้เรื่องป่ะเนี่ยไอ้คุณชาย”

“มึงคิดว่ามนุษย์หน้าไหนจะฟังมึงรู้เรื่องบ้างถ้าไม่ฉลาดแบบกู สัดหมา ทำเท่สั่งเสียเข้าใจยาก”
“เออ! กูจะดูแลไอ้วินของมึงให้เอง พอใจแล้วก็เลิกเหยียบตีนกูสักทีไอ้เหี้ย กูเจ็บแล้วนะ!”

“มึงจะได้มีข้ออ้างเวลาใครมาเสร่อถามว่าร้องไห้ทำไมไง อย่าโง่ดิ”

“เหี้ยโอม”

“แล้วนี่มึงร้องไห้ทำไมวะวิน”

“กูเจ็บตีน!”

ไอ้ลูกหมาโอม
ไอ้รู้มาก
ไอ้ขี้ห่วง มันน่ะกังวลเรื่องของผมมากกว่าที่ผมกังวลเรื่องของตัวเองเสียอีก
โอมเคยบอกว่าผมเหมือนแก้ว ไม่ใช่เรื่องของความใส แต่เรื่องความเปราะบาง
ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองเป็นคนจิตใจเปราะบาง แตกร้าวได้ง่ายเหมือนแก้ว จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่ผมต้องขมวดคิ้วอย่างหนักเพื่อกักน้ำตาเอาไว้ ผมอยากมองหน้ามันชัดๆ อยากยิ้มให้มากกว่ายืนขมวดคิ้วปากเบี้ยวใส่เพราะต้องกลั้นน้ำตา

“ดูแลตัวเองดีๆ นะมึง”

“อื้อ”

“กูรักมึงนะวิน”

ผมยิ้มต้อนรับคำว่ารักที่ดีดตัวจากปากไอ้โอมพุ่งมาสู่กะบาลผม
ในสนามบินที่ทำให้รู้สึกเย็นโหวง ค่อยๆ อุ่นซ่านขึ้นตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงปลายเส้นผม
อานุภาพมันมากนัก หรือความจริงแล้ว ผมก็แค่เหน็บแดกกันแน่?

“วิน ชาร้อน”

“ขอบคุณครับ”  ผมรับแก้วชาร้อนจากนายมือโปร และเป็นฝ่ายยืนมองพี่เหี้ยกับน้องเหี้ยเขาร่ำลากันอย่างน่าเอ็นดู

พวกนี้ลากันยังไงน่ะหรอครับ?
พี่โป๊ะตบตีหัวไอ้โอมไม่ยั้งมือ ส่วนไอ้โอมก็ก้มตัวเอาหัวชนอกพี่โป๊ะ ตีนก็กระหน่ำย่ำเหยียบตีนพี่โป๊ะในจังหวะปืนกล
น่าเอ็นดูใช่มั้ยล่ะครับ?

ธุระที่สนามบินของผมยังไม่จบง่ายๆ หรอกครับ
ไอ้โอมเข้าตม.ไปแล้ว แต่ผมและพี่โป๊ะลงมารอรับใครคนหนึ่งอย่างใจจดจ่อ
คนนั้นก็คือพี่รุตต์ครับ
พี่รุตต์มีกำหนดกลับเมืองไทยพอดี เขาอยู่ได้ 2 อาทิตย์ก็ต้องกลับไปเรียนต่อและสอนหนังสือไปพลาง
ผมหวังว่า การได้พบกันระหว่างผมกับพี่รุตต์ จะทำให้เมฆดำๆ ที่ชอบมาลอยสุมในใจยามเจอเขาและทำให้นึกถึงเรื่องรินนา จะเริ่มจางหายไปเสียที

“ยิ้มอะไรนักหนา ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณรุตต์ไง”

“อ๋อ วินขำป้ายต้อนรับแขกของพนักงานโรงแรม แค่นั้นเอง”

“อ้อหรอ”

ผมเป็นคนเดียวรึเปล่าที่รู้สึกว่ากำลังถูกประชดประชัน
ผมหันมองนายมือโปร ก็เห็นว่ามีสีหน้าปกติดี แค่ดูคอเชิดขึ้นเยอะไปหน่อยเท่านั้น แต่ผมคิดว่าเขาคงกำลังชะเง้อมองหาพี่รุตต์ เพราะไฟลท์ที่พี่รุตต์นั่งมาก็แลนดิ้งแล้วเมื่อ 20 นาทีก่อน ช่างเป็นคนที่มองการณ์ไกลเสียจริง
ไม่อ้อมค้อมนะครับ คือผมประชด!

“เอ่ออออ” ผมหันมองคนข้างๆ ที่เริ่มยืนยึกยัก สงสัยจะเริ่มเมื่อย
“พี่โป๊ะกลับไปก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยววินนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”

“ทำไมพี่อยู่ด้วยไม่ได้ ก็ไม่ได้คุยความลับกันไม่ใช่หรอ? คุยเรื่องน้องรินนานี่ พี่ก็รู้เรื่องอยู่แล้ว”
“พี่ไม่สอดปากหรอกน่า อีกอย่างแท็กซี่สนามบินที่ขับรถถูกใจก็ไม่ได้หาง่ายๆ”

“แต่พี่โป๊ะไม่ใช่คนขับรถไง ไม่ต้องรอบริการหรอก”

“ไงๆ พี่ก็ต้องกลับบ้านไม้อยู่แล้ว ไม่อยากต้องไปรอวินที่บ้าน พกวินกลับไปด้วยนี่แหละดีสุด”
“อาสุก็ฝากฝังวินไว้กับพี่เหมือนกันนะ”

“สรุปคือจะอยู่รอ ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ ใช่มั้ยครับ”

“ใช่”

“โอเค”


ชะเง้อกันอยู่ไม่นาน พี่นำก็เดินออกมา สัมภาระแทบไม่มีจนน่าตกใจ แต่คิดอีกที ก็ที่เมืองไทยเขามีพร้อมทุกอย่างแล้วนี่นา จะแบกอะไรจากญี่ปุ่นมาทำไมกัน

“อันนี้ให้วินนะ” เป็นเครื่องรางละมั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็รับมาใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วเงยหน้ายิ้มต้อนรับที่รุตต์กลับสู่ประเทศไทยบ้านเกิด

“อ่อ พี่โป๊ะเขา....พอดีวินมาส่งโอมด้วย เขาก็มาเหมือนกัน ก็เลย ใจดีให้วินติดรถขากลับ”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวให้เขาไปส่งที่รุตต์ที่บ้านก็ได้ เขาขับได้ เขาบอก” ผมไม่ได้แกล้งนายมือโปรหรอกนะคัรบ แม้ว่าหน้าเขาจะเหยเกแค่ไหน และไม่ว่าหน้าที่รุตต์จะงุนงงเพียงใด ผมก็ทำแค่ยิ้มให้ทั้ง 2 คนและเดินนำหน้าไปที่รถนายมือโปร
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-08-2015 00:20:28
พลขัลก็คือพลขับ เขาน่าจะรู้เรื่องนี้ดีนะครับ เพราะตลอดเส้นทางที่ออกจากสนามบิน นายมือโปรขับรถอย่างเงียบเชียบ ส่วนพี่รุตต์ก็ไต่ถามสารทุกข์สุกๆดิบๆ ของผมเหมือนเดิม ผมตอบสั้นๆ ระหว่างทางก็มองกระจกมองหลังที่มีแนวคิ้วและสายตาของพลขับที่สบมองกันบ้าง มองวิวมืดๆ ข้างทางบ้าง และมองหน้าที่รุตต์บ้าง

ผมขอให้นายมือโปรแวะร้านอาหารก่อนกลับบ้านเสียหน่อยเพราะเกรงว่าพี่รุตต์จะหิว พลขับก็ดีมากครับ เลือกร้านข้าวต้มหน้าวัดแถวๆ บ้านพี่รุตต์

เรา 3 คนกินข้าวต้มกุ้ยและกับข้าวอีก 3-4 อย่าง ไม่นานก็รู้สึกอิ่มอุ่นท้อง พลขับก็ดีอีกแล้วครับ เขาเปิดประเด็นให้ผมคุยกับพี่รุตต์หน้าตาเฉย

“คุณรุตต์ สะดวกคุยเรื่องน้องรินนามั้ยครับ วินเขามีเรื่องที่สงสัยและจำเป็นต้องรู้ ถึงได้โทรไปถามว่าคุณจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ดีนะครับที่คุณรุตต์ไม่ยุ่งมาก จะได้จบๆ กันไปสักที”

ขอบคุณนะพลขับที่เสือก แต่ช่วยดูหน่อยว่าผมยังดื่มน้ำไม่หมดเลย แม่งแทบพุ่ง!

“เรื่องอะไรครับวิน”

“อ่อ คืออ” ผมอึกอักแล้วเหล่มองนายมือโปร เขม่นใส่อยู่ 3 รอบพลขับถึงได้รู้ตัวว่าควรไปที่อื่นเสียที คนเขาจะคุยกัน

“โอเค รวบรัดก็แล้วกัน พรุ่งนี้ทำงานนะครับวิน” แล้วเสือกจะมาสุภาพใส่อะไรตอนนี้ ไอ้มือที่ยื่นมาลูบหัวนี่อีก แล้วทำไมพี่รุตต์ต้องขมวดคิ้วขนาดนี้ด้วย หรือว่ายังไม่อิ่ม

“มีเรื่องอะไรหรอครับวิน หื้ม” เสียงสุภาพ น้ำเสียงหยอดยิ้มเรียกให้ผมหันมองพี่ชายที่เข้าใจผมมาเสมอ ผมมองรอยยิ้มของเขา ค้อมหัวเล็กน้อยเพื่อรับสัมผัสอบอุ่นที่วางลงบนหัว ถ้าโลภแล้วได้ตามที่โลภ ผมก็ไม่อยากสูญเสียความเข้าใจและความอ่อนโยนที่ได้รับจนเคยตัวจากคนคนนี้เลย

“คือ....”

“พูดมาเถอะวิน เราคุยกันทุกเรื่องไม่ใช่หรอ”
“หรือว่ามีพี่ชายคนใหม่ไปแล้ว เลยลืมว่าพี่ก็ยังเป็นพี่ชายของวินคนเดิม”

“พี่ชายคนใหม่?”
“อ้อ! โธ่พี่รุตต์ ใครเขาจะอยากเป็นพี่ชายให้วิน มีแต่พี่รุตต์แหล่ะที่ทนขนาดนั้น”
“งั้นวินเข้าเรื่องเลยนะครับ”

“ได้สิครับ”

“เรื่องริน..เอ่อ...ท้อง พี่รุตต์รู้รึเปล่า”

“อื้ม เรื่องนี้”
“รู้สิครับ”

“แล้วกับใคร พี่รุตต์รู้มั้ยครับ”

“รู้แค่ว่าไม่ใช่วิน เท่านั้นแหล่ะ”

“ไม่คิดว่าเป็นวินหรอครับ?”

“ไม่ครับ พี่รู้จักวินดี เหมือนที่วินก็รู้จักพี่ดี”
“ถ้ามีคนมาบอกว่าท้องกับพี่ วินจะทำยังไง”

“ก็เถียงขาดใจ เว้นแต่คนที่ท้องกับพี่รุตต์คือคนที่พี่แต่งงานด้วย อันนั้นวินไม่เกี่ยวแล้ว”

“วินเพิ่งพูดความคิดความเข้าใจของพี่ออกมาเลย”

“แล้วทำไม ถึงไม่คิดว่าวินเป็นพ่อเด็กล่ะครับ วินอาจจะชั่วช้าทำผิดแล้วไม่รับผิดชอบ แล้วก็ปล่อยให้น้องสาวพี่หนีปัญหาเอาเอง”

“วินครับ”
“วินคบหนูริน 2ปี แต่เรารู้จักกัน 10 ปี”
“พี่จะเชื่อสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นใน 2 ปี มากกว่าสิ่งที่เป็นแบบนั้นมาตลอด 10ปี ได้ยังไง”
“พี่ไม่เคยโทษวิน ไม่ว่าหนูรินจะมีเด็ก หรือไม่มีเด็ก”
“สิ่งที่มันเกี่ยวกับวิน ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวนัก ก็คือรินนาเลือกทางออกแบบนั้น”
“วินไม่ได้ขับรถชนเขา ไม่ได้พาเขาไปตาย”

“แต่วินอยู่ตรงนั้น วินไม่ได้พยายามช่วยเลย”
“ถ้าวินรู้สักนิดว่ารินมีเด็ก บางที วินอาจจช่วยทำอะไรได้บ้าง”
“อย่างน้อย วินก็น่าจะประวิงเวลาให้เขาได้ ให้เขาได้มีเวลาคิดดีๆ มีเวลาได้คุยกับพี่ชายที่รักเขาเหมือนกัน”
“วินอาจจะเป็นคนเดียวที่ทำให้ทางออกของรินเปลี่ยนไป แต่วินก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“วินอดคิดขึ้นไม่ได้ ว่าทำไมวินไม่ช่วย”

“วินช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอกครับ”
“ต่อให้เรามีไทม์แมชชีน สิ่งที่วินทำได้ก็คือจับมือเขาไว้ครั้งสุดท้ายและปล่อยเขาไปตามทาง”
“อย่าคิดเรื่องนี้อีก แล้วก็ไม่ต้องก้าวออกมาเป็นเหยื่ออีก”
“วินถูกลงโทษในเรื่องที่วินไม่ได้ผิดมานานเกินไปแล้ว ทั้งลงโทษตัวเองแบบดื้อๆ และถูกลงโทษจากคนที่ไม่ยอมรับความจริงเสียที”

“แม่พี่หรอครับ”

“ครับ”
“ทุกวันนี้พี่ก็อยากขอโทษอาสุทุกครั้งที่มีโอกาส อยากขอโทษวิน ขอโทษครอบครัววิน”
“ทั้งที่ไม่ได้ผิด ไม่ได้เกี่ยว แต่ก็ถูกประณามไปซะหลายปี”
“ทุกคนเอาแต่ด่วนสรุปทั้งที่ไม่ได้รู้จักวินดี ด่ากันสาดเสียเทเสีย อาสุแทบเสียผู้ใหญ่”
“เรื่องหนูรินท้อง ถ้าไม่ติดว่าแม่พี่อับอาย ก็คงเอาเรื่องนี้มาพูดให้วินอยากตายตามหนูรินไปเชียวแหล่ะ”
“ขอโทษนะครับ”

“ช่างมันเถอะครับ วินไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแล้ว”

“ตรงนี้แหล่ะครับที่พี่คิดว่ามันไม่ยุติธรรม”
“คนที่ควรปลงได้ ไม่ใช่วินด้วยซ้ำ แม่พี่นู่น ป้าพี่ลุงพี่นู่น”
“กลับเป็นวินที่ต้องปลงให้ตก ขาดสีสันในชีวิตไปตั้งหลายปี”
“วินไม่รู้ตัว แต่คนรอบตัววินมองเห็นได้ชัด วินเปลี่ยนเป็นคนละคน”
“บางครั้ง พี่ก็อยากผูกวินไว้กับตัวพี่ เพราะกลัวว่าจะคิดอะไรสั้นๆ”

“พี่รุตต์ไม่ทำ ป้าสุก็ทำอยู่ดีแหล่ะครับ”
“กว่าจะได้มาอยู่คนเดียว วินต้องดื้อแล้วดื้ออีกพี่ก็รู้”
“แต่แค่นี้ก็สบายใจแล้วครับ”
“แค่ได้รู้ว่าพี่รุตต์ไม่เปลี่ยนไปเลย วินก็พอใจแล้ว”

“ครับ พี่ไม่เคยเปลี่ยนใจเลย เรื่องวิน”

“............” ผมมองพี่รุตต์นิ่งๆ มองตรงๆ ตามที่เขาใช้ดวงตาหนักแน่นของเขามองผมตรงๆ ไม่หลบลี้ไปไหน ไม่ไหวเอนไปตามไฟหน้ารถยนต์บนถนนที่แล่นกันเฟี้ยวฟ้าว

“รักยังไง ก็รักไม่เปลี่ยน”

“...................”

“เอาแต่จ้องพี่ ถ้าไม่พูดออกมา พี่อาจคิดเข้าข้างตัวเองนะครับว่าวินก็แคร์”

ตริ๊ง!
เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี ผมถือโอกาสนี้หลบลี้สายตาพี่รุตต์ ข้อความถูกส่งมาจากเบอร์นายมือโปรครับ ข้อความบอกว่า -พี่รอวินที่ท่าน้ำทุกวันเลย-

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย
มันขำนะโว้ย!
เสียมารยาท พี่รุตต์กำลังทำซึ้งนะ!

“มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงๆ” ผมกลั้นขำจนท้องแข็ง และก็ถือโอกาสเรียกเก็บเงิน พี่รุตต์ทำท่าจะจ่าย แต่พลขับก็พุ่งตัวมาจากมิติไหนก็ไม่รู้ มาจ่ายตัดหน้าไป แล้วก็ชักชวนให้ขึ้นรถ เพื่อจะได้พากลับบ้าน

นายมือโปรขับรถเข้าหมู่บ้านหรูตามคำบอกกล่าวของพี่รุตต์ พอถึงหน้าบ้านก็ปล่อยพี่รุตต์ลงอย่างจงใจ ผมกับพี่รุตต์ไม่ได้ล่ำลากันเยอะนัก เพราะพลขับออกรถอย่างรวดเร็ว ผมก็เลยต้องใช้วิธีส่งข้อความไปหา บอกขอบคุณพี่รุตต์สำหรับความเชื่อมั่นในตัวผม และบอกให้เขาฝันดี
ฝ่ายนั้นตอบกลับมาว่า “พรุ่งนี้พี่ไปหาที่บ้านไม้นะครับ”

อื้อ ผมเริ่มสงสารพี่รุตต์ขึ้นมาตงิดๆ ถ้าต้องมาเจอะกับนายมือโปรที่ใส่ชุดนอนมาเปิดประตูรั้วต้อนรับแต่เช้า เพราะนอกจากป้าสุ ลุงเผือก และคนดูแลบ้านผมแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่บ้านเดียวกับนายมือโปร

กลางดึกนี้ นายมือโปรไขกุญแจพาผมเข้าบ้าน เขาไม่ได้พูดจากวนประสารทอะไรอีก แค่มายืนขวางหน้าห้องนอนผม ทำให้ผมเข้าห้องนอนไม่ได้ทั้งที่อาบน้ำตัวหอมฉุยแล้ว ส่วนเขาก็ยืนพิงประตู เต๊ะท่าเท่เช็ดหัวอย่างยืดยาด

“วินจะเข้าห้องแล้วครับ หลีกสิ”

“วินรู้ใช่มั้ยว่าความดีกับความรัก ไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวโยงกัน”
“ความสงสารกับความรักก็ไม่ได้เกี่ยวโยงกัน”
“ความรับผิดชอบกับความรักก็ด้วย”
“ความ”

“วินรู้ครับ”
“พี่พูดตรงๆ ดีกว่า อย่าอ้อมเลย เราก็ง่วงกันทั้งคู่ หนังตาพี่ก็หย่อนพอๆ กับวินนี่แหล่ะ”

“โอเค ได้”
“อย่ารักคุณรุตต์เพราะความดี ความสงสาร และความรับผิดชอบ พี่เตือนเท่านี้แหล่ะ”

“โอเคครับ วินรู้แล้ว”
“ถ้าวินจะรักพี่รุตต์ ก็เพราะวินรู้สึกรักเขาจริงๆ”
“ความดี ความรับผิดชอบ ความสงสาร มันก็แค่กับดักที่ขวางตีนวินไว้จนสะดุดตกหลุม...”

“พี่จะฉุดวินขึ้นมาเอง”
“คืนนี้นอนได้แล้วไอ้ยุ่ง” เขาพูดแทรกทั้งที่ผมยังพูดไม่จบดี นายมือโปรยืดมือยาวๆ มาคว้าต้นคอผมไว้แล้วก็ดึงให้ผมหน้าทิ่มลงกับอกเขา

หัวใจผมเต้นตึงตังขึ้นมากะทันหัน ฝ่ามือนายมือโปรทาบลงกลางหลังผมแทน มันเลื่อนขึ้นลงในจังหวะช้าๆ ทำให้ผิวผมค่อยๆ รู้สึกถึงความอุ่น

“อะ....อะไรครับ”

“พรุ่งนี้เที่ยงเจอกัน” เขาบอกกับใบหูผมด้วยเสียงแผ่วเบาแต่ก็ไม่ใช่การกระซิบ ผมงุนงงเลยดันตัวออกแล้วเงยหน้ามองเขา แววตาเขารี้ระริกไม่ต่างจากผืนน้ำสีเข้มที่ต้องแสงจันทร์และแรงลม มองเขาแล้วผมจึงเข้าใจ

-พี่เข้าใจ-  เขาตั้งใจจะพูดกับผมแบบนี้ใช่มั้ย

เที่ยง...
12 นาฬิกา....
แปลว่า แค่มองมาตรงหน้า ก็จะเจอคนที่เข้าใจ


ผมคงไม่ได้แปลภาษาเหี้ยผิดไป ใช่มั้ยครับ?



cut


มาแล้วค่า
ฮู้ววววววววววววววววววววววววววว
ดีใจ ดีใจ ชีวิตเกือบจะทับแทร็คเดิมแล้ว หลังจากลองเดินแทร็คใหม่ไป 2 ปี และคิดถึงสิ่งเดิมม๊ากมาก!

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ตอนต่อไป อาจจะสลับไปลงเรื่องพี่หมอน้องหมาก่อน อิอิ 2เรื่องควบเหมือนโรงหนังโบราณที่ฉายหนังโป๊ หนังซ้ำ และหนังสด ฮ่าาาาาาาาาาาาาา

ดึกๆเราครึกครื่น พอต้องตื่นเราอยากนอน สโลแกนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-08-2015 02:07:03
พี่โป๊ะจีบน้องวินสักทีสิ เด๋วมีคนมาแย่งนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 02-08-2015 02:11:49
ฮือออ พี่โป๊ะดีกับใจเหลือเกินค่ะพักหลังมานี้
แหมแววพระเอกเริ่มมาแรง มาดีแล้วละ

ว่าแต่พี่รุตนี่ก็น่าสงสาร ใครๆ ดูก็คงรู้กันหมดแล้วละว่าพี่รุตอะไรยังไง
แต่ก็จริงนะ ความรักไม่ใช่ผลตอบแทนของความดี T_T
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-08-2015 08:11:05
ช่วงนี้วินเนื้อหอม มีแต่หนุุ่มมารุมรัก แม้จะเป็นรักที่แตกต่างกันไปบ้างนะคะ (เฉพาะโอม กับพี่ชายแสนดีอีกสองคนนี่ไม่แน่ใจ อิอิ :z1:)
พี่โป๊ะ ทำเป็นสอนวินดิบดี บางทีพี่ก็ต้องบอกตัวเองบ้างนะ หรือว่าพี่เข้าใจมันหมดแล้วจริงๆ คนอ่านจะได้เดินหน้าเชียร์เต็มที่นะ เพราะอีกฝ่ายก็แสนดีใช่ย่อย คือแบบใจอ่อนกับผู้ชายใจดีอ่ะ แอร๊ย :o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-08-2015 10:09:57
พี่โป๊ะ ทำแบบนี้ไม่เรียกว่าหวงแล้วจะเรียกว่าอะไรค๊า
ทั้งหวง ทั้งห่วง น้องวินขนาดนี้ คบกันเถอะ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 02-08-2015 11:56:55
แหม่...ปากมันไม่ได้พูดเปล่านะมันฉุดให้ดูจริงๆ ให้รู้สึกกันจะๆ ไปเลย

ฉุดขึ้นมาปุ๊บ กอดปั๊บเลย เห็นมั้ยวิน อย่าริท้าทายอำนาจเหี้ยเชียว 5555

พี่รุตต์เป็นคนดีน้องยอมรับ แต่ก็อย่างเหี้ยหวงก้างมันว่าแหละพี่

ความดีกับความรักมันคนละเรื่องกัน ถ้าวินมันจะรักมันคงรักไปตั้งนานแล้ว

อย่างไรก็ตามน้องขอให้พี่รุตต์คนดีได้เจอความรักที่ดีไวๆ นะ ..... นะคนเขียนนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 02-08-2015 14:52:05
คู้นี้เค้าปากแข็งกันจัง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 02-08-2015 21:40:41
มาติดตามพี่โป๊ะน้องวิน ด้วยอีกคนชอบมาก

ไม่หวานเลี่ยน เกรียนๆบ้าบอประสาพี่โป๊ะดีค่ะ

น้องวินก็ใช่ย่อย กวนอารมณ์ดีเหมือนกันนะถูกใจป้า :laugh5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 02-08-2015 21:47:50
พี่โป๊ะกันท่าขนาดนี้เลยน่ะ คิดอะไรกับน้องป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2015 23:12:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 03-08-2015 00:42:57
โอยยย อะไรจะเคมีเข้ากันขนาดนี้
น้องวินแปลภาษาเหี้ยพี่โป๊ะออกด้วย
เหมือนมองตาแล้วรู้ใจงี้ เขินนนนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-08-2015 21:53:27
คิดถึงน้องวินนนนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน19(02-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-08-2015 23:02:46
วันนี้ก็มารอน้องวิน :mew1: :katai5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-08-2015 00:40:07
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********


ตอนที่ 20

เช้านี้สดใสมากสำหรับผมเพราะกำลังใจบานเหมือนเห็ดได้ฝน ผมหาวส่งท้ายการนอนหลับยาวตลอดคืนก่อนจะลุกขึ้นไปสูดอากาศสดชื่นที่ระเบียง

“วินนนนนนนนนนนนน ตื่นแล้วหรออออออออออออ” อะไร? คนบ้าที่ไหนมาโวยวายวะ? ผมหันซ้ายมองขวา และก้มหน้ามองหน้าบ้าน และก็เจอคำตอบครับ

“พี่โป๊ะ” ผมพูดเบาๆ มั่นใจว่าระดับเสียงเท่านี้คงมีแต่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน แต่เจ้าของชื่อดันขานรับครับ

“ครับ อรุณสวัสดิ์ พี่รู้ พี่รู้ ฝันดีมั้ยครับ” คือ...ถ้าเขาปิดสายยางรดน้ำต้นไม้ ปั๊มน้ำก็จะไม่ทำงาน เสียงอื้ออึงก็จะหายไปและเขาก็จะไม่ต้องลำบากโก่งคอพูดกับผม และอีกเหตุผลที่สำคัญ ผมหนวกหูครับ
ผมเลือกจะนิ่งใส่ ไม่ได้ยิ้มให้ มองเขาอยู่แป๊บเดียวก็วิ่งออกจากห้อง ลงมาหน้าบ้านเพื่อสมทบกับตัวเหี้ยตื่นเช้า

“นึกไงอ่ะพี่ เฮ้ย!! อย่า! ไม่ชอบเปียกแบบนี้” ต้องห้ามแล้ววิ่งหางกุดเข้าบ้านเลยครับ ผมเบ้หน้าใส่เสียงหัวเราะของนายมือโปรที่ตามก้นมาติดๆ แม่งเอ้ย! อุตส่าห์อารมณ์ดี

“มารดน้ำต้นไม้กันวิน”

“ไม่เอา!” รอบนี้ผมเป็นคนตะโกนขึ้นมาบ้างเพราะผมหลบอยู่ในบ้าน ส่วนนายมือโปรยืนรับวิตามินดีจากแดดก่อน7 โมงอยู่อย่างเอาเปรียบธรรมชาติ

“มาเลยไอ้ยุ่ง หัดเติมเต็มชีวิตอื่นๆ มั่งดิ”
“หายใจไปวันๆ เดี๋ยวก็เหี่ยวตาย”
“รู้รึเปล่าว่าบ้านนี้มีต้นไม้อะไรบ้าง” ผมก็ไม่ได้โง่ขนาดมองมะม่วงต้นใหญ่ที่อยู่คู่บ้านนี้มากี่ปีก็ไม่อาจทราบได้เพราะซื้อต่อมาตอนที่มันโตแล้ว เป็นชมพู่มะเหมี่ยวไปได้หรอก

“รู้!”

“หรอ? งั้นนี่อะไร?” ช่วยแหกตาดูหน่อยว่าผมกลัวเปียกเลยยืนหลบอยู่ในบ้าน เอาตีนยันประตูไม้ไว้ด้วยซ้ำ ท่าทางนายมือโปรจะบ้าเพราะตะโกนพูดจาอยู่กับประตูอีกฝั่ง

“ไม่เห็น”

“ก็มามองดิ”

“ไม่เอา ปิดน้ำก่อนดิ”

“ปิดแล้ว”

“อย่ามาโกหก วินได้ยินเสียงปั๊ม”

“วู้ว! หูแว่ว” แว่วพ่อคุณสิครับ!
“วิน”
“พี่ปิดแล้ว ไม่ชอบเปียกก็ไม่เล่นหรอกน่า พี่ไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่องนะ”
“ออกมเร็ว! รับแดดบ้างเถอะ”

“..............” มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ผมไม่ออกไปหรอก!

“วินครับ ออกมาเถอะครับ พี่โป๊ะไม่เล่นน้ำแล้วครับ” สุภาพเหี้ยๆ ผมไม่ได้ด่าหรือเสียดสีนะ แค่บอกสไตล์นายมือโปรให้โลกได้รู้ด้วยเท่านั้นแหล่ะ

“จริงอ่ะ”

“จริงสิครับ พี่เคยโกหกวินหรอ” บ่อยเถอะ แต่ผมก็เชื่อเขาอีกครั้ง ผมแง้มประตู โผล่หัวออกไปก่อนเพื่อกวาดตามองให้แน่ใจว่าเขาปิดน้ำที่สายยางแล้วจริงๆ

“อ๊ะ!” สะดุ้งเลยครับ เพราะนายมือโปรมายืนแอบอยู่ที่ข้างประตู เขาผลักประตูแล้วลากตัวผมออกมาหน้าบ้าน อีกมือถือสายยางที่น้ำไหลเอื่อยๆ ไว้
“พี่โป๊ะ ไม่เล่น!”

“เฮ้ย พี่จริงจัง” แล้วเขาก็จับผมอาบน้ำครับ ผมมันโง่เองที่คิดว่าการไม่ได้ยินเสียงปั๊มน้ำแล้วแปลว่าเขาปิดน้ำจากสายยาง เปล่าหรอกครับ ปั๊มมันก็แค่หยุดทำงานอัตโนมัติเพราะน้ำเต็มแทงค์แล้วต่างหาก เกลียดแม่ง!

“ฟอกสบู่มั้ย”

“บอกแล้วว่าไม่เล่น ไม่ชอบเปียกแบบนี้”
“ดูดิ๊ ก็ต้องแยกเสื้อแยกกางเกงเปียกๆ ไปไว้อีกตระกร้า ลำบากคนเก็บซักมั้ยล่ะ?”
“แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันที่เขาจะมาเก็บเสื้อผ้าไปซักหรือเข้ามาทำความสะอาดด้วย”
“ทำไมพี่โป๊ะคิดถึงแต่ความสนุกของตัวเองอย่างเดียววะ?”
“คนอื่นเขาต้องผิดแผนการทำงานของเขาหมดเลย”
“นี่อายุเท่าไหร่ สมองอ่ะอายุเท่าไหร่แล้ว ห๊ะ!” พูดเองก็เหนื่อยเอง ผมหงุดหงิดเพราะผมไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเจอะเจอกับเรื่องที่ไม่อยากเจอ ยังมีคนทำความสะอาดบ้าน คนซักผ้าอีก แม่งไม่รู้จักคิด!

สายยางในมือเขาหล่นลงพื้น นายมือโปรปล่อยผมแล้วเดินไปปิดน้ำ แต่เสียงน้ำหยดไม่ได้ดังจากปลายสายยางเท่านั้นหรอกครับ มีเสียงน้ำหยดจากตัวผมเป็นควันหลงปนอยู่ด้วย

“ขอโทษ ก็แค่อยากทำให้สดชื่น”
“ก็คิดว่าเพื่อนสนิทบินไปแล้วใครจะมาชวนเล่นอะไรแบบนี้”
“พี่ก็เคยเห็นโอมมันเล่นกับวินแบบนี้นี่”
“ไปอาบน้ำแล้วทานข้าวเช้าได้แล้ว คนของอาสุเขามาเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“เสื้อผ้าที่เปียกถอดแล้วพาดขอบตระกร้าไว้ เดี๋ยวพี่ซักเอง คนทำความสะอาดคนซักผ้าเขาจะได้มีเวลากลับไปดูแลลูกผัวเขาเพิ่ม”

และก็งอนไง
แล้วผมเคยง้อใครเสียที่ไหนล่ะ?

“อะไร? งอนวินหรอ”

“เปล่านี่”

“แล้วไมทำหน้างอ”
“ถ้าพี่โป๊ะรู้ตัวว่าผิดก็พูดขอโทษ แล้วก็เจ๊ากันไป หายกัน ถือว่าจิตใจที่ขุ่นหมองคือถูกลงโทษแล้ว”

“ไปอาบน้ำ”

“ก็พูดขอโทษก่อนดิ เราจะได้จบเรื่องนี้กันไป”

“ไป อาบ น้ำ”

“ไม่ครับ จนกว่าเราจะเคลียร์ความรู้สึกก้ำกึ่งว่าโกรธกันหรือไม่ได้โกรธกันนี่ก่อน”

“วิน ไปอาบน้ำ”
“เสื้อวินบางแล้วตัววินก็ขาวจัด หัวนมสีชมพูด้วย เห็นชัดเลย”
“อยากให้พี่เห็นอะไรของวินอีกมั้ย? หือ? กางเกงก็บางนะ”
“ใส่บ๊อกเซอร์นอนด้วยหรอ? ไม่อึดอัดหนูวินบ้างรึไง”
“หืม? แล้วนี่หนูวินเคารพธงชาติรึยังวันนี้ ฮื้ม? พี่ชักธงส่งสัญญาณให้เอามั้ย”

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”  ลั่นเลยครับ ผมคลั่งจนการทึ้งหัวตัวเองก็ไม่ช่วยให้อารมณ์อับอายและขุ่นมัวหายไปจากสมอง ทำไม ทำไมเขาถึงได้กวนส้นตีนแบบนี้!!!!!


น้ำอุ่นนุ่มๆ ที่พรูตัวจากฝักบัวอาบน้ำช่วยคุมสติผมได้บ้างหลังจากที่ยืนไว้อาลัยให้กับหัวนมที่เสียจิ้นให้ลูกกะตานายมือโปรไปแล้ว ห้องน้ำทั้งห้องหอมฉุยด้วยกลิ่นเจลอาบน้ำของนายมือโปร ผมไม่ได้กำลังล้างแค้นโดยเอาเจลอาบน้ำของเขาเททิ้งพื้นหรอกครับ ผมแค่ใช้มันอาบน้ำเท่านั้น ก็กลิ่นมันหอมดีแล้วผมก็ขี้เกียจซื้อเจลอาบน้ำขวดใหม่

“วินนน วันนี้ทำงานนะ อาบเร็วๆ พี่จะได้อาบน้ำบ้าง” ครับ เราแชร์ห้องน้ำกัน บ้านไม้นี้มีห้องน้ำ 2 ห้อง คือชั้นบนและชั้นล่าง แต่ห้องที่สะดวกกับการอาบน้ำให้สบายตัว คือห้องข้างบนครับ

“เรื่องของพี่เลย ไปอาบน้ำหน้าบ้านนู่น”

“แก้แค้นพี่ยังไงก็ลบภาพหัวนมวินกับบ๊อกเซอร์ลายจุดไม่ได้หรอก”
“ให้ไว”

ไวพ่อคุณสิ! ผมแลบลิ้นใส่ ชูนิ้วกลาง มอบไอ้หนูโป๊ะให้เขาอย่างสาแก่ใจ แน่นอนว่าสิ่งที่รับอาการสบถเหล่านี้ไว้คือประตูห้องน้ำเท่านั้นแหล่ะครับ
สุดท้ายผมก็นึกถึงการไปทำงานสาย พี่แนนบ่นใส่และการผจญรถติด ผมก็เลยรีบล้างตัวให้เสร็จแล้วก็คลุมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมา

“ยุ่งจริง ก็แค่หัวนม ไม่เคยให้ใครเห็นหรอ ทำไมต้องหน้าแดงขนาดนั้น”
“พี่ให้ดูของพี่ก็ได้ จะได้หายกัน”
“เราจะได้เคลียร์ความรู้สึกก้ำกึ่งว่าโกรธกันหรือไม่ได้โกรธกันนี่ไง” คุ้นๆ มั้ยครับ ใครไม่คุ้นลองมองบนแล้วคุณจะเจอ ว่าเขายอกย้อนผม!

“แม่ง” สุดท้ายผมก็ด่าเขาได้เท่านี้ นายมือโปรพ่นเสียงหัวเราะใส่ผมสั้นๆ แล้วก็ตะปบมือใหญ่ๆ ลงบนหัวผม เพื่อเช็ดหัวครับ ไม่ต้องตกใจไป

“หายโกรธน้า นะครับ น้า” พ่อเขาเลี้ยงมาแบบไหนวะ? ไม่รู้สึกทั้งอยากเตะอยากกอดไอ้เหี้ยนี่บ้างหรอ? วุ! ผมเชิดปาก...ครับ ผมเชิดปากใส่เขา อย่าคิดว่าคุณตกใจอยู่ฝ่ายเดียว ผมก็ตกใจเหมือนกันที่ผมออกอาการได้หน่อมแน้มแบบนี้

“น่ารักเชียว”
“รอพี่กินข้าวด้วยนะครับ”

อีกครั้งที่ผม...เชิดปากใส่เขา รอบนี้สะบัดตัวเดินหนีเข้าห้องนอนเลยครับ
เรื่องนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ประหลาด ไม่เคยมีใครใกล้ผมได้เท่านายคนนี้อีกแล้ว
เขาเป็นมนุษย์ที่ผมไม่เคยรับมือด้วย ไม่เหมือนไอ้โอมหรือพี่รุตต์ 2 คนนั้นมีเวลาเป็นใบผ่านทางให้เข้าใกล้ตัวผม แต่นายมือโปรดูเหมือนโกงทุกสิ่งทุกอย่าง จู่ๆ เขาก็โผล่เข้ามาในชีวิต แล้วเรื่องมันก็ฉับ ฉับ ฉับ จนเป็นคนที่เห็นร่างกายผมในระยะประชิดแบบนี้

เผื่อใครยังไม่รู้ ผมหวงตัวมากนะครับ
และเผื่อใครยังไม่รู้ ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากเลย
มือใหญ่นั่นจับหัวผมแบบเต็มมือเต็มไม้ เขาเช็ดหัวให้อย่างประณีตมากผมรู้สึกได้
อื่ม...โลกนี้มีเหี้ยสายพันธ์หวานบ้างมั้ยวะ?
แล้วผมยิ้มอะไรนักหนาวะเนี่ย!

ครืดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ผมสั่นอืดอาดอยู่บนเตียง เรียกร้องให้ผมเดินออกจากโลกที่คละคลุ้งด้วยหมอกสีชมพูเสียที
“อ่อ ครับพี่รุตต์”
“อ๋อ ตื่นแล้วครับ เมื่อกี้อาบน้ำ”
“ถึงแล้วหรอครับ หน้าบ้านแล้วหรอ? แล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะครับ”
“เข้ามาเลยครับพี่รุตต์ รอข้างล่างแป๊บนึง วินแต่งตัวก่อน”
“ครับ” แล้วก็วาง พี่รุตต์นี่ก็แปลก มาถึงพักใหญ่แล้วทำไมไม่เข้าบ้าน เขาก็ไม่ใช่คนไกลตัวที่ต้องให้ผมเชื้อเชิญด้วยตัวเองนี่นา
ผมเร่งแต่งตัว ปกเสื้อมีรอยหยดน้ำจากปลายผมนิดหน่อย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินเช็ดหัวลงไปพบพี่รุตต์ตามที่บอก

พี่ชายคนนี้ยิ้มให้อย่างไม่กลัวขาดทุน แต่ผมยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไหร่เพราะพี่รุตต์บอกว่ามาทานข้าวเช้าด้วย แต่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าแม่บ้านของอาสุเตรียมอาหารที่บ้านนี้สำหรับ 2 คนเสมอ

ก็ใช่ พี่รุตต์ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด แต่พี่รูตต์ไม่รู้ว่าข้าวเช้าอีก 1 ที่มีเจ้าของแล้ว

“เอ่อ”
“วินไปซื้อโจ๊กให้ดีมั้ยครับ”

“หือ? ทำไมล่ะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก วินกินอะไร พี่ก็กินอันนั้น”

“อื่มมม”
“คือ”
“เอ่อออ”

“อ้าว คุณรุตต์”
“มายังไงครับเนี่ย น่าจะบอกก่อน เมื่อเช้าจะได้ไม่เล่นกับวินจนเสียเวลาอาบน้ำกันเป็นชั่วโมง”
“นัดกันไว้หรอครับ?”
“วินลางานก็ได้นะ ถ้าเห็นว่าสมควร”

อื่มมม ยังไงดีวะเนี่ย?
ทำไมผมรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ

ข้าวต้มกุ้งสับอร่อยมาก กลมกล่อม แต่ผมกลืนไม่ค่อยลง คงเพราะสีหน้าไม่สู้ดีของพี่รุตต์ และอาการผิวปากอย่างสบายอารมณ์ของนายมือโปร

“งั้น วันนี้พี่ให้วินลางานก็แล้วกันนะ ดูเหมือนคุณรุตต์มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับวิน”
“แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวด้วยกัน ตาม ป ก ติ” ไอ้ร้ายกาจ ย้ำชัดขนาดนี้พี่รุตต์ก็คงปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่าผมกับนายมือโปรมีระยะห่างกันน้อยแค่ไหน เขาจากไปพร้อมกับรถสีเหลืองเปร๋นของผมที่จอดนอนพักมาหลายวัน ทั้งที่เขาพูดเองว่าขับไม่ชินมือ แต่อุตริจะขับออกไปวันนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ผมจะจำไว้จี้ใจเขาจนวันตายเลย
“พี่ไปแล้วนะครับวิน”

“เอาะ อ๋ออ”
“ครับ ก็ไปสิ”

“อวยพรก่อนสิ” นี่เขาแกล้งพี่รุตต์อยู่ใช่มั้ยวะ? ผมไม่เคยอวยพรห่าเหวอะไรให้เขาทั้งนั้น แล้วนี่มาระริกระรี้ยื่นยิ้มรอทำไม
“วินครับ”

แม่งเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ฝืนใจหรอกนะ เขาจะได้ไปทำงานเสียที แค่นี้พี่รุตต์ก็เม้มปากเป็นเส้นตรงเท่าไม้บรรทัดแล้ว

“ครับ โชคดีครับพี่โป๊ะ”

“ชื่นนนนนนนนนนใจ” พ่อมึงสิครับ ผมมองเขาตาขวาง เจตนาให้รู้ตัวไปเลยว่าผมรู้ว่าหัวสมองเขาคิดอะไรอยู่ นายมือโปรกระตุกยิ้มมุมปากใส่ผม ยักคิ้ว แล้วก็เดินโยนกุญแจรถของผม ออกจากบ้านไป

รอจนได้ยินเสียงปิดประตูรั้วดีแล้ว ผมถึงมองพี่รุตต์เต็มตา

“เป็นอะไรกับเขาหรอครับ”
“คบกันหรอ กับคุณโปร”

“เฮ้ย! พี่รุตต์ทำไมคิดงี้ล่ะ”
“เอาอะไรมาคิดเนี่ย วิน...ไม่คบใครง่ายๆ หรอก พี่รู้นี่ครับ”

“แต่ท่าทางวินสนิทกับเขาดีนะ”
“ดูร่าเริงเป็นธรรมชาติเหมือนตอนที่ยังไม่ได้คบกับหนูริน”

“หรอครับ วินไม่ได้สังเกตตัวเองขนาดนั้นซะด้วย”
“ถ้าพี่รุตต์คิดว่าเขาเกี่ยวกับวิน และอยากรู้เรื่องเขาเพิ่ม วินก็บอกได้แค่ว่าพี่ต้องไปถามเรื่องของเขาจากเขาเอง วินอยู่ส่วนวิน”

“แล้ว....มาอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไงครับ หืม?” น้ำเสียงหยอดๆ กลับมาแล้ว แสดงว่าพี่รุตต์รับรู้ได้ว่าผมไม่อยากพูดเรื่องนายมือโปรโดยมีเขาเป็นคู่สนทนา ผมยิ้มให้นิดนึง แล้วก็เริ่มต้นเลคเชอร์ให้ว่าที่ดร.ฟัง ว่าเรื่องราวของผมและนายมือโปร มันเป็นมายังไงตั้งแต่ต้น

ดูเหมือนที่รุตต์ก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเหมือนกัน แต่ดีใจมั้ยนี่ผมไม่รู้จริงๆ ก็สีหน้าเขาเรียบๆ ไม่ได้ดุผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทีเป็นเชิงส่งเสริมให้อยู่กิน...เอ่อออ ผมหมายถึงอยู่บ้านเดียวกัน กับนายมือโปร

ฟังเรื่องวุ่นๆ ที่ไอ้โอมสร้างไว้จบแล้ว พี่รุตต์ก็เก็บล้างจานชามให้ ทั้งที่ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องทำ เดี๋ยวช่วงสายก็มีคนมาดูแล เขาก็เลยชวนผมออกไปข้างนอก กิจกรรมที่เขาอยากให้ผมใช้เวลาร่วมกับเขาก็คือ ดูหนังครับ ซึ่งผมก็ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว ภาพยนตร์เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ผมชอบและสนใจศึกษา แม้ว่าพี่รุตต์จะเข้าไปดูแค่เอาเส้นเรื่อง ผมก็มีความสนใจจุดอื่นๆ ให้ไปเก็บเป็นอาหารอารมณ์

พี่รุตต์เลือกหนังรักที่กำลังจะลาโรง คนร่วมประสบการณ์ก็เลยน้อยไปด้วย ระหว่างที่หนังฉายอยู่ เขาก็เอนจอยกับจอผ้าตามปกติ มีเพียงครั้งเดียวที่เขาคว้ามือผมไปกุมไว้ บีบนวดเบาๆ อยู่นาน และผมก็ไม่ได้ทวงมือผมคืน ผมไม่อยากให้เขาเก้อเขินกับการออกตัวแรงแบบนี้ แต่ถ้าถามใจผมจริงๆ ว่าหวั่นไหวกับความอ่อนโยนของเขารึเปล่า? คำตอบมันชัดเจนมากครับ


“หิวรึยังครับวิน ทานอะไรมั้ย”

“ยังไม่หิวเลยครับ ข้าวโพดคั่วบานเต็มท้อง” พี่รุตต์หัวเราะที่ผมเปลี่ยนชื่อขนมให้ดูด้อยมูลค่า เขาส่งปลายนิ้วมาเฉี่ยวปลายคางผม แล้วก็พาเดินซื้อของที่เขาอยากได้ และอันไหนที่เห็นว่าผมน่าจะอยากได้ เขาก็ซื้อให้

ยอมรับเลยครับว่าเขาสปอยล์ผมมาก


ตกบ่ายแก่ๆ พี่รุตต์ชวนผมไปวัดครับ ช่างคอนทราสต์กับสถานที่ที่เรานั่งจิบกาแฟกันเสียจริง แต่ผมก็ไม่ขัดใจเขาหรอกครับ เขามีเวลาทำสิ่งที่เขาอยากทำร่วมกับผมแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น
ขับรถกันมาถึงวัดที่ประกอบพิธีศพของรินนา เขาก็เป็นฝ่ายถามขึ้นตรงๆ เสียที หลังจากที่อ้อมค้อมมานาน

“วินคิดว่า ถ้าไม่เกิดเรื่องหนูรินขึ้นก่อน ตอนนี้วินจะทำอะไรอยู่ครับ”

“อืม ก็คงใช้ชีวิตปกติตามที่ป้าสุอยากให้เป็นแหล่ะครับ”

“แล้วใจวินล่ะครับ”

“ใจวิน? ต้องสนใจด้วยหรอครับ”
“วินไม่ได้รู้สึกว่าที่ป้าสุอยากให้เป็น อยากทำ อยากให้เจอ เป็นสิ่งที่ขัดใจวินนี่ครับ”
“วินก็แค่มักง่ายจนสามารถปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามที่ป้าสุชี้นำได้ แค่นั้นแหล่ะ”

“แต่ถ้าวันนึงวินมีสิ่งที่อยากทำขึ้นมาเอง ไม่มีคุณอาสุมาชี้นำล่ะ วินจะทำตามใจอยากมั้ย”

“วินไม่รู้จริงๆ ไม่เคยเจอเรื่องแบบนั้นนี่ครับ”

“อย่างเช่น...มีความรักที่ ไม่เหมือนคนปกติ”

“ยังไงล่ะครับ”

“ก็...รักเพศเดียวกัน”
“พี่พูดตรงๆ เลยได้มั้ย ไหนๆ ก็ดูเหมือนว่าวินจะปล่อยวางเรื่องที่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่หนูรินตายได้แล้ว”

“ครับ พูดตรงๆ ได้”

“คบกับพี่ได้มั้ยครับ” ไม่น่าให้พูดเลยให้ตาย ผมเงียบ พี่รุตต์ก็เงียบ เรายังคงนั่งอยู่ในรถที่พร้อมทะยานไปข้างหน้า  เสียงแอร์หึ่งๆ รังแต่จะส่งให้ความเงียบของผมและเขาชัดหูขึ้น

“คือ...”

“คุณมือโปร แว๊บเข้ามาในหัวมั้ยครับ เมื่อกี้” ทำไมรู้วะ? ผมเลือกจะไม่ตอบ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่พี่รุตต์ต้องรู้ จะมีภาพนายมือโปรโผล่มาในหัวผมหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับคำตอบที่ผมต้องหามาให้คำถามเขาสักนิด

“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกครับ”

“แต่ถ้าไม่มีเขา พี่ก็รู้สึกได้ว่า เราจะคบกัน”

“พี่รุตต์ประเมินค่าเขามากไปมั้ง” ผมไม่อยากให้นายมือโปรถูกลากมาเอี่ยวกับเรื่องระหว่างผมกับพี่รุตต์ ผมจะรู้สึกยังไงกับนายมือโปร มันก็เรื่องของผม แม้แต่นายมือโปรเอง ก็อาจจะไม่ได้รู้เหมือนกัน

“วินไม่ได้”
“มันไม่เกี่ยวว่าเพราะเพศเดียวกันหรอกนะครับ”
“แต่ว่า แต่ไหนแต่ไร วินก็มอบพึ่เป็นพี่ชายตลอด ไม่เคยคิดอย่างอื่นเลย”
“ที่วินอ้อนพี่รุตต์ เอาแต่ใจด้วย ขออยู่ใกล้ๆ เวลาที่คิดฟุ้งซ่าน ก็เพราะวินไว้ใจพี่ชายคนนี้ที่สุด และวินก็มีพี่ชายคนเดียว”

“พี่ไม่ได้มองวินเป็นแค่น้องชาย ไม่ได้มองเป็นแฟนของน้องสาว”
“ตอนที่ผู้ใหญ่จับคู่ให้วินกับหนูรินได้ลองคบกัน พี่เฟลไปหลายเดือนเลย”

“วินคิดว่าวินพอรู้ความรู้สึกพี่รุตต์อยู่ แต่การที่พี่พูดตรงๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะครับ”
“แต่ถึงจะเป็นเรื่องที่ดี ที่เราคุยกันตรงๆ ก็ใช่ว่าคำตอบมันจะถูกใจพี่รุตต์”

“ยังไงก็ไม่คิดอย่างอื่นหรอ”

“ก็”

“2 อาทิตย์ที่พี่อยู่ไทย”
“เราเป็นแฟนกันนะ”
“วินไม่ต้องคิดอะไรกับพี่มากไปกว่าเติมก็ได้ครับ”
“พี่ไม่ได้เรียกร้องให้วินเปลี่ยนคำตอบ แล้วก็ไม่ใช่ความพยายามทำให้วินเปลี่ยนใจด้วย ไม่ต้องห่วง”
“พี่แค่อยากมีความทรงจำที่สมหวัง”
“มันจะเริ่มต้นตอนนี้ และเมื่อเราห่างกันอีกครั้งใน 2 อาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง มันจะจบลง”

“............”

“ได้มั้ยครับ”

“ไม่ผูกมัดอะไรใช่มั้ยครับ”

“อื้อ”

“โอเค วินก็อยากให้พี่มีความสุข แค่ให้ความทรงจำดีๆ วินให้ได้อยู่แล้วครับ”

พี่รุตต์ยิ้มแล้วพูดขอบคุณครับเบาๆ เขาเริ่มต้นสร้างความทรงจำของคนสมหวังในความรักด้วยการปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเอง เขาโยกตัวมาคร่อมผมที่ถูกตรึงติดกับเบาะรถเอาไว้

กำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง เรื่องแรกที่วูบเข้ามาในความคิดผม ก็เกิดขึ้นเป็นการกระทำเสียแล้ว

ใช่ครับ พี่รุตต์จูบผม

ปากประกบปาก ในวัดในวา บาปหนาขึ้นกี่เซ็นต์ก็ไม่อาจเดาได้

ทั้งลิ้น ทั้งฟัน ทักทายกันแบบไม่รู้จังหวะในช่วงแรก จากนั้นก็ไหลรื่นไปตามจังหวะยั่วเย้าของเขา

จนเขาพอใจแล้วจึงคืนสติให้ผม

จูบของพี่รุตต์ สุภาพมากครับ แม้เขาจะผละห่างออกไปแล้ว สัมผัสนุ่มๆ ก็ยังวิ่งเล่นอยู่ที่ปลายลิ้นผม มันเป็นจูบที่ทำให้รู้สึกดีครับ

แต่ไม่ใช่จูบที่ทำให้หัวใจเต้นรัว



cut



สั้นๆ นะคะ ขออภัยด้วย
ไม่มีอะไรมากกกกกกก แค่พี่รุตต์จะรุกเต็มสปีดแล้ว
2 อาทิตย์นี้นายมือโปรจะงัดกลยุทธ์อะไรมาใช้กวนตีนน้องวินอีกบ้าง
แล้ว 2 อาทิตย์นี้ พี่รุตต์จะสร้างความทรงจำของคนสมหวังสำเร็จหรือไม่ ในเมื่อน้องวินอยู่กินกับพี่โป๊ะไปซะแล้ว
เอาใจช่วยทั้ง 3 คนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2015 06:15:17
พี่รุตตตตตตตต์ วันแรกยังขนาดนี้ ครบสองอาทิตย์วินเปื่อยยุ่ยพอดี :serius2:
ถ้าพี่โป๊ะรู้เข้า ตายแน่เลยวิน :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-08-2015 06:29:42
โอ๊ยยยย น้องวินของเค้าาาา
ขอบคุณคนแต่งนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
มาต่อบ่อยๆนะ จุ้บๆๆ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 09-08-2015 07:26:28
 :laugh:

พี่โป๊ะ ท่านพี่ติดเครื่องดักฟังไว้รึเปล่า อิอิ

โดนพี่รุตต์ตีท้ายครัวแล้วนะ

#ทีมพี่โป๊ะเล็กน้อย

รอตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-08-2015 09:54:40
อ่ะ อ้าว  พี่รุตน์  เปลี่ยนชื่อเป็น พี่รุก ดีกว่าไหมฮ้าบบบบ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-08-2015 10:28:56
พี่โป๊ะต้องขัดขวาง เป็นเสี้ยนหนาม เป็นก้างชิ้นใหญ่นะ
แหมๆๆ มาจุ๊บน้องวินด้วยอ่ะ  #ทีมไอ้พี่โป๊ะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 09-08-2015 16:04:02
พี่โป๊ะเคอะ ทีมเยือนเขาทำประตูไปแล้ว1นะเคอะ(ตอนบ่ายในวัดด้วยนะคะคุณขา 555)
ขณะที่พี่แค่สับขาหลอกเขาไปตอนเช้า แค่นั้นเอ๊งงง
ในฐานะทีมเหย้าพี่ควรจะตั้งแผนรับมือการบุกของทีมเยือนนะเออ 555 /ชูป้ายไฟ #ทีมเหี้ยพี่โป๊ะ  :katai2-1:

แต่เอาจริงๆ นี่แอบสงสารพี่รุตต์นะคะ เป็นพ่อมดแดงแฝงพวงมะม่วงวินมานานนม เฝ้าแหนประคับคองขึ้นเขียงสับ ดันมีแมวเหี้ยมาคาบไปเสียฉิบ นี่คงอยากใช้2อาทิตย์รุกฆาตใจน้องวินสินะคะทูนหัวของพี่.
โถ เขาอยู่กินกันขนาดนั้นตามเหี้ยวิถีแล้วไม่น่าจะหลุดออกจากปากพี่โป๊ะมันได้นะคะ ทำใจไปหาหนุ่มญี่ปุ่นขาวสวยหมวยเอ็กซ์เถอะค่ะที่รัก หรือชอบเหี่ยวๆก็วิ่งมาซบอกพี่ได้นะคะ  :katai3: /เปิดกระเป๋าตังค์คลี่แบงค์ปึกยี่สิบบาทเตรียมเปย์
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-08-2015 16:26:56
วินไหลตามน้ำอีกแล้ว   เมื่อก่อนไหลตามที่ป้าสุต้องการ  มาตอนนี้ไหลตามที่พี่รุตน์ต้องการ   เวลาอาจจะไม่มากแต่เชื่อเถอะว่าพี่แกทุ่มสุดตัวเพื่อตีคะแนนแน่ๆ    สุดท้ายก็อยู่ที่วินแหละที่จะบอกว่าตัวเองต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร ก็ได้แต่หวังว่าวินจะไม่ปล่อยให้มันค้างคาเพราะคิดว่าห่างๆกันไปเดี๋ยวก็โอเคเอง

ป.ล  จากตอนก่อนๆหน้านี้   เออ..นะ ทุกคนรู้เรื่องรินนาแต่ไม่มีใครยอมบอกวินคนที่ได้รับผลกระทบแรงที่สุดในเรื่อง  อย่างเพื่อนๆนี่คิดได้ไงที่เอาทุกอย่างมาลงที่วิน ทั้งๆที่รู้ว่าวินไม่ผิด วินไม่ได้เป็นคนทำ  แถมมีการเอามาลงที่วินตรงจุดที่ว่าวินน่าจะช่วยริน  พี่ชายรินก็รู้แต่ไม่พูด   มันสะดวกไปมากเกินไปค่ะ   รักษาชื่อเสียงคนตายโดนดูดายคนเป็นนี่สิที่น่ารังเกียจ   วินเป็นไง เจ็บยังไง ต้องแบกรับอะไรนี่ มีใครคิดไหม?  ช่วยกันรับผิดชอบหน่อย ไม่ใช่มาลงที่คนอื่นเพียวเพราะว่ามันสะดวกและมันง่าย  อยากให้ป้าสุรู้เรื่องนี้จังเลยค่ะ   ที่เราอึ้งก็คือพี่ชายรินนาค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 09-08-2015 17:18:24
โอ้ยยย กวนประสาทกว่าพี่โป๊ะนี่ไม่มีอีกแล้วววว ตัวพ่อแห่งความอาร์ตมาก
น้องวินก็ใจดีอีกตามเคย หรืออันที่จริงก็ดีเหมือนกัน ถ้ามันค้างคาใจก็ไปทำให้มันจบลงตามแบบที่พี่รุตต์ต้องการ
กลัวใจความอาร์ตของเชี่ยพี่โป๊ะมากกว่า ไงละ ปล่อยน้องหยุดวันนึง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-08-2015 19:41:00
นิสัยไหลตามน้ำของวินนี่น่าจะสร้างปัญหาได้อีกเยอะเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 09-08-2015 21:18:19
พี่โป๊ะมาหวงวินอย่างไวเลยน้าพี่รุตต์รุกหนักแล้ว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 09-08-2015 23:41:56
เห็นว่าจะมีจ่งมีจูบ ไอ่เราก็หลงดีใจ ที่ไหนด๊ายยยย

ไม่รักพี่รุตต์แล้ว!!! งอนโว้ยยย งอน งอน พาลด้วย

แล้วก็วินนะ ใจร้ายมากเลยรู้ป่าว ทั้งที่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว

แต่ยังทำแบบนี้มันเหมือนให้ความหวังนะวิน จูบตอบด้วยอ่ะ ฮืออออ

ติ่งตัวเหี้ยเครียด ติ่งตัวเหี้ยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเมน ฮือออ ตาวินนะตาวิน  :hao5:

แกมัวไปอยู่ที่ไหน รีบๆ มาจัดการด่วนเลย วิ่งดิเหี้ยวิ่ง!!!  :z3:





หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 10-08-2015 22:18:00
อ้าวววว พี่รุตทำแต้มไปก่อนแล้วอ่ะ พี่โป๊ะจะตีตื้นยังไงเน้ออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 11-08-2015 20:38:09
อ้าว เชียรพี่รุตน์ได้ไหม
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-08-2015 20:41:47
คิดถึงน้องวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน20(09-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 17-08-2015 13:41:18
มารอน้องวินกับพี่โป๊ะ ~~~~~ ^^ และอ่านตอนที่แล้วรออีกรอบ อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-08-2015 23:21:08
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 21


กลับมาแล้วหรอ?
คำทักทายทำให้ผมสะดุ้งโหยง เจ้าของเสียงนั่งอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน บนหัวมีเงาใบมะม่วงต้องแสงจันทร์ระบายเงาจางลงบนพื้นปูนซีเมนต์สาก

“ครับ” ผมตอบแล้วมุ่งหน้าเข้าบ้าน แต่จังหวะก็มีอันสะดุดอีกครั้ง

“ไม่ได้รับข้อความหรอ” ทำไมเสียงมันน่วมแบบนี้ ไม่ได้นุ่มนะครับ ผมรู้สึกได้ว่าในความนุ่มมันมีบางอย่างเจืออยู่ด้วย แต่เจือในระดับจาง ผมเลยบอกไม่ได้ว่าที่เจอไว้คืออะไร

“ได้ครับ ก็กลับมาแล้วนี่ไง”

“ใช่ วินกลับมาแล้ว แต่ก็ช่วยตอบข้อความหน่อยสิว่าจะกลับแน่ๆ แล้วกลับกี่โมง”
“พี่กลับมารอตั้งนาน”

“หือ? แล้วพี่โป๊ะรอวินทำไม” ผมถามพลางเดินเข้าไปนั่งด้วยกันบนโต๊ะม้าหิน นายมือโปรนั่งเล่นมือถืออยู่ หน้าเขาเลยสว่างกว่าแสงจันทร์ อย่างน้อยๆ ก็ในระยะที่สายตามองมองเห็น

“รอวินกลับมาเล่าให้ฟังว่าลางานไปทำอะไรบ้าง”
“เหตุผลดีมั้ย?”

“ไม่เรียกเหตุผลหรอกครับ เรียกเสือกดีกว่า ตรงดี” เขาหัวเราะแล้วก็ผลักหัวผมเบาๆ ดูเหมือนอาการหัวเราะจะติดต่อกันผ่านผิวหนัง เพราะผมหัวเราะตามเขาไปด้วย

“เสือกก็เสือก เล่ามาสิ” ขี้ตู่ชิบหายเลยพวกวัย 30 กว่าๆ เนี่ย ผมทำเป็นม้วนปากครุ่นคิด เขาก็เลยดีดปากผมเป็นการบังคับ แม่งเอ้ย ขอดีๆ อีกรอบก็เล่าแล้ว ผมก็คิดไว้แล้วว่าเขาต้องเสือก

“เจ็บนะ”

“ขอโทษนะครับ น้า เล่าสิครับ ว่าง่ายๆ หน่อย คอยจนหงุดหงิดเหมือนกันนะ”

“แล้วพี่จะมาหงุดหงิดเรื่องวินทำไมกันเล่า?”

“เออน่า เล่ามาเร็ว”

“เออๆ ขอกินน้ำก่อนได้มั้ย อยากล้างเท้าด้วย จริงๆ วินอยากอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ”
“ทำไมวินต้องยอมให้พี่เสือกเรื่องวินด้วยเนี่ย”

“โอเคโอเค”
“งั้นวินไปอาบน้ำเลย เอาสิ ตามสะดวก พี่ไงก็ได้อยู่แล้ว”

“จริงดิ”

“จริงสิครับ ไปเลย ไปเลย อาบน้ำ” นายมือโปรทำมือเหมือนต้อนหมาต้อนแมวเข้ากรง ผมก็เลยลุกเดินเข้าบ้านตามทางที่เขาต้อนไป

แต่ความเสือกของเขาก็ไม่ได้ลดลงแม้ว่าผมจะได้อาบน้ำตามใจอยากหรอกครับ เขามายืนถามผมว่าผมทำอะไรมาบ้างในวันนี้อยู่หน้าประตูห้องน้ำนั่นแหละ แล้วผมก็โง่พอจะเล่าให้เขาฟังทั้งที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว พูดทีน้ำก็เข้าปากที แต่อย่างน้อยผมก็ค้นพบข้อเท็จจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน เจลอาบน้ำ ไม่ว่าจะหอมแค่ไหน ก็ขมคอยู่ดี

“เฮ้ย!! เมื่อกี้ว่าอะไรนะวิน” เสียงตะโกนมาทำเอาผมสะดุ้งเพราะกำลังเล่าเพลินๆ ตอนที่ขยี้หัวตัวเอง
“พี่ถามว่าเมื่อกี้วินพูดอะไร”

“อ่อ อ๋อ! วินบอกว่าพี่รุตต์เขาอยู่ไทยแค่ 2 อาทิตย์ ก็เลยขอมีความทรงจำดีๆ”
“แต่ไม่ได้คบกันนะ ไม่มีพันธะอะไร”

“WHAT!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

โอ้ย! จะตะโกนทำบ้าอะไร มันตกใจเว้ย!
ผมสะบัดน้ำออกจากหัว รีบเช็ดหัวเช็ดตัวก็สวมเสื้อคลุมก่อนจะเปิดประตูพรวดออกมา

“ตะโกนทำไม พูดดีๆ ก็ได้นี่”

“แล้ววินทำบ้าอะไร”
“วินคิดว่าวินทำบ้าอะไร?”

“วินไม่ได้บ้า”
“วินก็แค่...ให้ความทรงจำดีๆ”

“ความทรงจำหรือพลีกาย เอาตรงๆ”

“พลีกาย!”
“นี่มันยุคไหนแล้ว พี่โป๊ะใช้คำโคตรแก่”

“เออ พี่มันแก่ พี่ถึงได้เป็นห่วงประเด็นที่วินคิดไม่ถึงไง”
“ฟังนะเด็กน้อย”
“การขอสร้างความทรงจำดีๆ ของผู้ชาย ก็คือขอสร้างรอยตอนมีเซ็กส์นั่นแหละ”

“บ้า!” ผมด่ากลับอัตโนมัติ รีบมุดเข้าห้อง เร่งแต่งตัวโดยไม่สนสูตรโบกสารพัดครีมลงบนหน้าที่ป้าสุภูมิใจยัดใส่สมองผม มือสั่นเบาๆ ดึงชายเสื้อปิดสะดือมิดดีแล้วก็เปิดประตูผางออกมา

“พูดไรบ้าๆ!” ผมออกมาด่าต่อ นายมือโปรยักไหล่ใส่ ลอยหน้าลอยตาใส่อีกต่างหาก
“ทำไมพี่ถึงคิดงั้น”

“ใครๆ ก็คิดวิน”
“ก็ผู้ชายอ่ะ”
“เขารักวินใช่มั้ย รักมาตลอดเลยใช่รึเปล่า”
“เขาพูดอะไรบ้าง”
“เราเรียนสื่อสารไม่ใช่หรอ? น่าจะเข้าใจเจตนาคนพูดได้ไม่ยากนี่ งั้นก็หัดอ่านหนังสือจิตวิทยาไว้บ้างสิ”
“ความต้องการพื้นฐานมนุษย์ การสูญเสีย การจากลา ความทรงจำ”
“ถ้าต้องจากกัน จากเป็นหรือจากตาย สิ่งที่อยากขอเก็บไว้เป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดคืออะไร?”
“วินคิดว่าพี่รุตต์คนดีของวินจะพอใจแค่นั่งจิบกาแฟเหงาๆ และนึกถึงวินาทีที่ชี้ชวนกันดูนกบินผ่านหัวแล้วทิ้งขี้ลงมาบนไหล่หรอ?”
“ห๊ะ?”

“พี่รุตต์เขาไม่ได้คิดไรแบบนั้นหรอก”

“รู้ได้ไงว่าไม่คิด”

“แล้วพี่โป๊ะรู้ได้ไงว่าเขาคิด”

“เพราะถ้าเป็นพี่ พี่ก็คิด”
“ก็รักอ่ะ แต่เขาไม่รักตอบจะให้ทำไง”
“ให้คิดร้ายกับเขาก็ทำไม่ได้ ก็คนมันรัก”
“ขอครั้งสุดท้ายได้มั้ย เพื่อให้ได้มีอะไรที่หวนย้อนคิดถึงได้ ครั้งเดียวก็พอ”

“.....................”

“ดิบๆ เลยนะ”

“...................” แม่งมีดิบกว่านี้อีกหรอวะ?

“ขออึ๊บที” คำโบราณอีกแระ แม่งลุง!

แต่....อ้อหรอ?
ใครๆ ก็คิดแบบที่ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะบอกหรอ? ขอรายชื่อหน่อยได้มั้ย ผมอยากถาม
เขาก็แค่เหี้ยที่เอาความคิดตัวเองตัดสินใจอื่นนั่นแหละ
อยากดิบนักใช่มั้ย? งั้นผมจะโต้ดิบๆ บ้างก็แล้วกัน เอาให้เจ็บกว่าปลายธูปจี้หัวใจอีก

“อ้อ”
“พี่โป๊ะเองก็รักลูกแพร์มากนี่”
“แต่เขาก็ไม่รักตอบนี่ จะคิดร้ายกับเขาก็ไม่ได้ ก็รักเขานี่ ทำไงได้ล่ะ”
“พี่ก็เคยใช่มั้ย”
“ขออึ๊บที”
“เพื่อความทรงจำ”

สีหน้าที่เหวี่ยงอารมณ์โมโหใส่ผมเมื่อครู่จางไป กลายเป็นความไม่พอใจเข้ามายึดทุกอณูหน้าแทน เขาขบริมฝีปากแน่นจนกรามขึ้นแนวนูน เขาจ้องผมเหมือนอยากตบให้ฟันคุดผุดแทงเหงือกขึ้นมาสูดอากาศ จ้องเหมือนอยากกระทุ้งเข่าใส่ท้องเพื่อจัดระเบียบลำไส้เล็กกับกระเพาะอาหาร จ้องเหมือนอยากจะบีบคอให้ผมตาถลนหายไปต่อหน้าต่อตา

สุดท้าย เขาก็แค่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก้มหน้าหลบสายตา เป่าปากอีก 2-3 ที แล้วก็เงยหน้ามองผมอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือก

“นอนได้แล้ว ฝันดีนะ คุณวิน”

ผมนอนตามที่เขาบอก แต่คงฝันดีไม่ได้ เพราะคืนนี้ผมนอนหนาวสันหลังอย่างทรมาน


#### @ D A W N  #####


ผมถูกปลุกแต่เช้าด้วยเสียงโทรศัพท์จากคนของป้าสุเหมือนเดิม ตื่นแล้วก็ล้างหน้าแปรงฟัน ยืดเสื้อยืดสายพอให้ลำไส้ได้บิดตัวตื่น แต่เช้านี้ผมเพิ่มกิจวัตรให้ตัวเองอีก 1 อย่าง

“อ้าว ไม่มี” ผมชะโงกระเบียงมองหาคนรดน้ำต้นไม้ขี้โวยวาย แต่ก็ไม่เจอ เสียงปั๊มน้ำที่ควรทำงานได้แล้วก็ไม่มีให้ได้ยิน ไปไหนของเขาวะ?
หรือเมื่อคืนจะโกรธผมมากที่ผมบังอาจแตะต้องผู้หญิงอันเป็นที่รักยิ่งของเขา แต่โกรธแล้วไง ผมต้องไปกราบเถ้ากระดูกเพื่อขอโทษมั้ย? อยู่ไหนล่ะ เอาออกมาวางสิ! ประชดครับ
ผมเดินลงมาชั้นล่าง ชะโงกเข้าไปดูในห้องครัวก็พบแค่อาหารที่เตรียมพร้อมสำหรับ 2 คน รถผมที่เขาใช้ขับสลับกับรถเขายังจอดอยู่ในรั้ว แสดงว่านายมือโปรยังไม่ได้ไปไหน หรือไปแล้วก็คงไม่ได้เดินทางด้วยรถยนต์ และไปในสภาพที่ไม่ได้กินข้าวเช้า
แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเรื่องข้าวเช้าและการเดินทางคงไม่ใช่สิ่งที่จะรั้งขาเขาเอาไว้ได้ หากคนคิดจะเดินจากกันไป
ช่างเถอะ เขาก็คงทนความเป็นตัวผมได้เท่านี้แหละมั้ง

เมื่อหาข้างล่างไม่เจอ ผมก็แวะดูในห้องนอนของเขาหน่อย เพื่อทำให้ การตามหาพี่โป๊ะเต็มที่ ของผม มีความสมบูรณ์

ก๊อก  ก๊อก
“พี่โป๊ะ”
“พี่โป๊ะครับ ยังไม่ตื่นหรอ?”

ก๊อก ก๊อก
“พี่โป๊ะ วินเข้าไปนะ”
“ถ้านอนแก้ผ้ารีบห้ามเลยนะ อุจาดตา”
“พี่โป๊ะ พี่โป๊ะครับ”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ผมเลยเปิดประตูห้องนอนแล้วโผล่หัวไปเช็คเบื้องต้น
เขายังอยู่บ้านนี้กับผม
รู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูก

ผมเดินเข้าห้องนอน เดินไปหยุดที่ข้างเตียงที่มีคนนอนขดตัวคลุมโปงอยู่
ปลายผมสีดำชี้โด่ขึ้นชนิดที่หาทิศทางชัดเจนไม่ได้ ส่วนใบหน้าตะแคงมุดหายไปนอนหมอนนุ่ม แต่ผมเดาว่าน่าจะยังไม่ตาย เพราะผ้าห่มกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ

“พี่โป๊ะ” ผมเรียกแล้วดึงผ้าห่มออกบ้างเพื่อจะได้เห็นหน้าเขา แล้วก็สมใจนึกล่ะครับ ผมหาเขาเจอเสียที
“พี่โป๊ะ ยังไม่ตื่นหรอ? ปกติต้องตื่นก่อนวินไม่ใช่หรอครับ”
“พี่โป๊ะ”

“ฮื่อออออออออ” ตื่นจนได้ ตื่นมาด้วยภาษาฮื่อฮ่าที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง

“ตื่นรึยังพี่โป๊ะ ลุกสิ”

“อาวอ้าวหัว ไวไวน่า” คือ ใครไม่งง ผมงงนะ ผมเอียงหูฟังเขาพูดใกล้ๆ แต่ไม่ลืมแจ้งเขาอีกรอบ

“พี่โป๊ะ ฟังไม่รู้เรื่อง พูดให้รู้เรื่องสิ”
“อะไรนะ”

“พี่ ปวดหัว หนาวด้วย ปิดแอร์ก่อนได้มั้ย” แล้วไวไวเมื่อกี้คือไร? ผมงงๆ แต่ก็เดินไปปิดแอร์ให้แล้วก็เดินมาดึงผ้าห่มให้ปิดถึงคางเขา

“วินเดาเอานะ พี่โป๊ะไม่สบายหรอ?”

พยักหน้า

“ไปทำอะไรมา ทำไมไม่สบายล่ะครับ”

ส่ายหน้า

“ไปทำงานไม่ไหวใช่มั้ย วินโทรบอกคุณแนนให้นะ”

พยักหน้า

ผมจัดการโทรศัพท์ไปแจ้งคุณแนนว่าพี่โป๊ะไม่สบาย ซึ่งก็ถูกถามกลับมามากมาย ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ เช่นถามว่า น้องวินรู้ได้ไงว่าพี่โป๊ะป่วย ปกติพี่โป๊ะจะบอกพี่แนนเองนี่คะ

“บอกแล้วนะครับ” ผมกลับมาในห้องนอนเขาอีกครั้ง รอบนี้คนป่วยไม่ฮื่อฮ่าแล้วครับ ดูเหมือนจะหลับไปอีกรอบ ผมก็เลยถือโอกาสมองห้องนอนอีกห้องของบ้านนี้  ห้องที่ผมไม่ค่อยได้เข้ามาใช้สอยมัน
เฟอร์นิเจอร์พื้นฐานก็คล้ายๆ ห้องผมแหละครับ แต่ไม่รกเท่า เพราะเขาเพิ่งมาอยู่ประจำ ข้าวของก็มีไม่มาก ส่วนมากเป็นเอกสารงานเขา แล้วก็โน้ตบุ้คที่ใช้ทำงาน 3 เครื่อง ครับ สายตาผมไม่ได้โกหก นายมือโปรมีโน้ตบุ้ค 3 เครื่อง

“หนังสืออะไรเยอะแยะ” ผมเห็นกองหนังสือที่ข้างเตียงอีกฝั่งก็เลยเดินวกไปก้มดู มันคือหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ ทฤษฎีต่างๆ งานวิจัยของคนอื่นที่เคยทำกันมา ดูแค่หน้าปกแต่ละเล่มผมก็รู้ว่าหนังสือพวกนี้สำหรับผม คงหาซื้อมาให้ผม หรือไม่คุ้ยของตัวเองมาให้นั่นแหละ

แค่ก แค่ก
“วิน อยู่มั้ย” เขาเรียกหาผม คงเพราะลืมตาแล้วไม่เจอแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมอยู่ฝั่งที่เขาหันหลังให้

“อยู่ครับ”

“ขอน้ำหน่อยได้มั้ย ขวดที่ไม่แช่”

“น้ำอุ่นมั้ยครับ”

“ไม่ๆ ในขวดธรรมดานั่นแหละ”

“โอเค”
“เอางี้ พี่โป๊ะลุกล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวไปนิดนึงแล้วกินยาดีกว่านะครับ นอนซมไข้แบบนี้ไม่หายหรอก”

“ไม่ไหวอ่ะ”

“ไหวเถอะครับ” ผมขอร้อง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้มั้ยว่าผมขอร้อง อาจจะคิดว่าสั่งก็ได้

คนที่บอกว่าไม่ไหวเมื่อกี้ยันตัวลุกขึ้นนั่งครับ พอเห็นหน้าเขาชัดๆ ผมถึงรู้ว่าเขาเยินขนาดไหน ท่าทางจะป่วยหนักเลยแหละ

“ทำไมป่วยได้ เมื่อคืนยังด่าวินปาวๆ”
“ไปล้างหน้าแปรงฟันนะครับ เดี๋ยววินยกมื้อเช้ากับยามาให้บนห้อง”
“นะ พยักหน้าสิ”

พยักหน้า

“โอเคครับ” เป็นอันว่าเราคุยกันรู้เรื่องว่าผมจะทำอะไร เขาต้องทำอะไร ผมเลยวางใจเดินลงไปชั้นล่างเพื่อแบ่งมื้อเช้ามาให้เขากินบนห้องตามที่บอกเขาไว้

ระหว่างเดินลงบันได้ ผมได้ยินเสียงไอแห้งๆ จนรู้สึกเป็นห่วงเขาชิบหายเลยครับ


“มันเลี่ยน ไม่อยากกิน” เขาป่วยครับ แน่นอนว่าเขาต้องเคยป่วยมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน ผมก็เคยป่วยเหมือนกัน ทำไมผมจะไม่รู้อาการ แต่เขาไม่เคยป่วยต่อหน้าผมผู้ที่ไม่เคยดูแลคนป่วยอย่างเอาอกเอาใจ

“แล้วไงอ่ะพี่โป๊ะ บอกให้รู้ หรือบอกให้เปลี่ยน”


“วินทำกับข้าวไม่เป็น เปลี่ยนอาหารอะไรให้พี่ไม่ได้หรอก”
“แล้วพี่ก็ไม่แจ้งล่วงหน้า แม่ครัวเขารู้ได้ไงว่าที่บ้านจะมีคนป่วย”

หน้างอเลยครับ มีการหันหน้าหนีผมที่ถือชามเล็กๆ ที่อุตส่าห์แบ่งไข่ลูกเขยมาให้ ผมตัดเป็นสัดส่วนให้ด้วยนะเอ้า ป้องกันไข่ดิ้น

“พี่โป๊ะ กินดิ จะได้กินยา”

“มันเลี่ยน ไม่กิน”

“แล้วไงอ่ะ”

“ไขตุ๋น” บอกทำไม ผมต้องทำให้หรอ? ดูหน้าผมแล้วไม่รู้หรอว่าผมทำอะไรไม่เป็นหรอก ตอกไข่ให้ไข่แดงยังกอดกันเป็นก้อนกลมยังงานยากเลย

“ห๊ะ?” ผมถามทวนแล้วอ้าปากค้าง สีหน้าคงอึ้งมาก เพราะนายมือโปรเหล่ตามองแล้วก็หันหน้าหนีอีกรอบ เยอะเกินไปแล้วนะ

“ไข่ตุ๋น ทำให้หน่อย”

“ทำไม่เป็น”

แล้วเหี้ยก็ใช้ชีวิตชิคๆ ชิลๆ ไหลตัวลงนอนอีกครั้ง คลุมหัวคลุมโปงมิดชิด ดูจากทรงนอนแล้วก็คือหันก้นใส่ผมนี่แหละ

“ก็วินทำไม่เป็น”

เงียบ
ยาก็ไม่ยอมกิน
ไข่ลูกเขยแม่งเป็นหม้ายเมียตายสิบชาติแล้วเนี่ย
เฮ้อ ถ้าจะปล่อยให้ตายก็คงใช้เวลาหลายปี ทำไข่ตุ๋นสารพัดพิษให้กินน่าจะทำให้ตายเร็วกว่าล่ะมั้ง

“ก็ได้ เดี๋ยววินทำให้ แต่พี่ลุกมาดื่มน้ำเลยครับ”

“นี่ไง แค่ดื่มน้ำเอง” ตัวเหี้ยลุกขึ้นนั่งกระดกขวดน้ำดื่มอั่กๆ เห็นแล้วอยากโบกหัวมากเลยครับ แต่ติดว่าเป็นพี่กว่าแล้วก็เคยเป็นอาจารย์ผมด้วย สุดท้ายผมก็ต้องทำตามความต้องการเขาจนได้

ทางเข้าครัวอยู่แค่ปลายเท้าเท่านั้น แต่ผมไม่คิดจะเลี้ยวเข้าครัวหรอก ก็ผมบอกแล้วว่าผมทำไม่เป็น ทำไมผมต้องเรียนรู้หรือพัฒนาความสามารถที่ผมไม่ต้องการด้วย? เขาไม่ได้มีอิทธิพลกับผมขนาดนั้นเสียหน่อย

“ซื้อเอาก็ได้!” ผมปรึกษากับตัวเองแล้วตัดสินใจได้เสียที จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากบ้าน ผ่านตรอกเล็กๆ แคบๆ สวนกับผู้คนมากมายแต่ไม่ได้ทักทายใครเลยสักคน เพื่อมาที่เซเว่นหน้าปากซอย

เสียงประจำร้านดังขึ้นไล่เลี่ยกับคำทักทายของพนักงาน ผมหันไปมองสบตา ยิ้มให้นิดนึงแล้วก็บอกสิ่งที่อยากได้

“ไข่ตุ๋นครับ ทำให้ร้อนด้วย”

“ลูกค้ารับเป็นรสชาติไหนคะ”

“มีอันไหนก็เอานั้นแหล่ะครับ คงกินได้หมด”

“อ่อ ค่ะ ค่ะ” แล้วเธอก็จัดการหยิบไข่ตุ๋นมา ใส่ไมโครเวฟ ผมสังเกตว่าเธอหยิบมาแต่อันเดียว ผมก็เลยเดินไปบอกว่า “เยอะๆ ครับ” รออยู่ไม่นานผมก็ได้สินค้าที่ต้องการ แล้วก็รีบวิ่งฉิวกลับบ้าน อ้อ! เจอป้าร้านขายข้าวแกงด้วยครับ ตอนเช้าๆ แบบนี้ แกมาขายอาหารสำหรับใส่บาตร

ผมแค่ยิ้มให้เพราะบังเอิญแกหันมาเห็นผมพอดี จากนั้นก็เร่งฝีเท้าวิ่งกลับบ้าน ก่อนที่ไข่ตุ๋นมันจะลดทอนความร้อนลง

ถึงบ้านก็จัดการเทไข่ตุ๋นสำเร็จรูปรวมกันเลยครับ และก็ตามคาด แม่งเละแบบคนกินได้ต้องปิดตาเท่านั้น แต่ผมไม่แคร์หรอก จะสภาพไหนมันก็ไข่ตุ๋นเหมือนกัน ต้องกินร้อนๆ น่าจะดีกว่า

“มาแล้ว มาแล้ว พี่โป๊ะ” เสียงผมส่งไปถึงเขาก่อนตัวเสียอีก ผมเข้าห้องเขาอีกครั้งโดยไม่ได้เคาะประตูก่อน นายมือโปรยังอยู่ในสภาพเยินๆ เหมือนเดิม แต่ในมือมีโทรศัพท์มือถือติดอยู่

“คุยงานหรอครับ”

“อื้อ สั่งงานแนน” เสียงแหบเชียว ผมยิ้มด้วยความอยากอวด พอเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมก็เลยอวด

“ไข่ตุ๋นมาแล้ว”

“จริงดิ ทำให้พี่กินจริงหรอ?”

“พี่โป๊ะต้องกินนะ”

“กินดิ วินทำให้” ป่วยแล้วโลกสวยเชียวนะ คิดบ้างสิว่าผมจะเอาปัญญาที่ไหนทำ ผมไม่พูดอะไร เพราะเดี๋ยวพอเห็นสภาพมันเขาก็คงรู้ว่าของซื้อมา

แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ นายมือโปรมองของเละๆ ในชาม กลิ่นมันก็หอมดีนะครับ เพียงแค่ว่าไอ้ตัวที่โรยหน้าสวยๆ งามๆ มันกระจัดกระจายกันไปคนละทิศก็เท่านั้น

“กินสิ”

“ซื้อ?” แหงล่ะ ทำไมต้องให้ผมย้ำ แต่เมื่อเขาถาม ผมก็จะตอบ

“ครับ ตั้ง 4 อัน”
“กลัวไม่อิ่ม นี่ยังร้อนอยู่เลย วินให้เวฟที่ร้าน แล้วก็รีบวิ่งเอามาให้เนี่ย”

“..................”

“ซึ้งใจนักก็กินให้หมดนะครับ”

“ก็ยังจะกล้า” เขาผลักหัวผมเบาๆ แต่ก็ก้มหน้าก้มตากินไข่ตุ๋น มีการวิจารณ์รสชาติบ้าง แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่คนซื้อมาให้เท่านั้นเอง

นายมือโปรกินไข่ตุ๋นจนหมด แล้วก็กินยาตาม เขานั่งเอนตัวพิงหมอน หันมองหน้าผมที่นั่งหมิ่นอยู่ที่ขอบเตียง

“ขอบคุณนะครับ”

“นิดหน่อยเอง”
“ตอนวินป่วย วินได้กินซุปสาหร่ายนะ ดีกว่านี้ตั้งเยอะ”

“ชอบหรอ เดี๋ยวพี่ทำให้กินอีก”

“อ้อ ใช่ๆ พี่โป๊ะทำเองนี่ เก่งหลายเรื่องนะครับ”

“สอนให้ก็ได้นะ”

“ไม่เอา วินไม่อยากเก่งเรื่องทำอาหาร รอกินอย่างเดียว”

“โอเค เดี๋ยวพี่ทำให้กินทุกอย่างที่เป็นเลย ไว้ว่างๆ ก่อนนะ”

“อื้อ พูดเองนะ ห้ามคืนคำด้วย”

“รู้แล้วน่าไอ้ยุ่ง”
“หยิบโน๊ตบุ้คให้หน่อยได้มั้ย จะทำงาน”

“วินว่าพี่นอนพักสัก 2 ชั่วโมงดีกว่า ตื่นมาแล้วดีขึ้นก็ค่อยทำ”

“อ่อ ก็ได้”
“งั้นพี่นอนนะ”

“ครับ”

“วินจะอยู่กับพี่ใช่มั้ย”

แต่ผมมีนัด กับพี่รุตต์ แต่ก็นัดกันช่วงเย็นๆ เพราะผมคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้จะไปทำงานที่ออฟฟิศ เลิกงานแล้วค่อยไปกับพี่รุตต์ งั้น อยู่กับนายมือโปรก็คงไม่ทำให้เสียนัดกับพี่รุตต์หรอก

“ได้ เดี๋ยววินอยู่ด้วย"
"ทำงานจากที่บ้านก็ได้ พี่โป๊ะยังทำได้เลยนี่”
“งั้นเดี๋ยวสายๆ วินมาเรียก เราค่อยทำงานกัน พี่นอนพักอีกนิดนะ”

“ขอบคุณนะครับ” สุภาพอีกแล้ว เห้อออ ตอนเหี้ยใส่ก็อัดใจจนเจ็บ ตอนดีด้วยก็อ้อนจนใจอ่อน เหี้ยนิสัยแปรปรวนชะมัด
 
ผมมาอาบน้ำ ใส่ชุดอยู่บ้าน แล้วก็ขลุกอยู่ในห้องนอน ข้าวเช้าของผมก็คือไข่ลูกเขยครึ่งลูกที่เหลืออยู่นั่นแหล่ะครับ ส่วนมื้อกลางวันผมโทรบอกลุงสมาน ให้บอกแม่ครัวว่าให้ทำอาหารกลางวันให้ด้วย วันนี้ผมอยู่บ้านทั้งคู่ และมีคนนึงป่วย จัดการสั่งงานคนอื่นแล้วก็สั่งให้ตัวเองทำไอเอสครับ ไหนๆ ก็มีเวลา ผมก็ควรทุ่มเทให้เต็มที่

ยังไม่เข้าช่วงสายดี พี่รุตต์ก็โทรหา บอกว่าจะมารับไปกินมื้อเที่ยง ให้มารับที่ไหนดี เหตุที่ต้องเลื่อนนัดตอนเย็นก็เพราะเขาติดนัดกับครอบครัวเขา ...ก็อาภา แม่พี่รุตต์กับรินนาแหละครับ

ผมยกเลิกนัดของวันนี้โดยไม่บอกเหตุผลอะไร ดูเหมือนพี่รุตต์จะเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก เขานัดผมอีกครั้งวันพรุ่งนี้ ที่คอนโดเขา

“ดินเนอร์กันนะ”

คงเป็นเพราะคำพูดเหี้ยของนายมือโปรนั่นแหละ ที่ทำให้ผมคิดซ้อนทับกับคำชวนพี่รุตต์ขึ้นมาว่า ขออึ๊บทีนะ


Cut



มีคนบ่นคิดถึงวิน เราก็เสิร์ฟน้องวิน เรื่องน้องธามก็มีคนบ่นแล้ว เดี๋ยวตามไปเสิร์ฟนะคะ แต่ระยะเวลาเดินไปเรื่องนู้นคงนานนิดนึง ไม่ว่ากันเนอะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MUSIX ที่ 19-08-2015 00:38:13
โอ้ยยย ขำมาก อิพี่โป๊ะ "ขออึ๊บที" นี่อ่านแล้วขำกร๊ากเลยค่ะ
ไอ้ที่ป่วยนั่นจริงๆแล้วเป็นแผนหรือเปล่านะ แกไม่อยากให้วินไปกับพี่รุตใช่มะ ร้ายยยย  o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-08-2015 02:39:50
 "ขออึ๊บที"

ชอบนะคำนี้  คือมันตรงๆ อาจจะฟังดูเก่าล้าสมัยแต่มันไม่หยาบเหมือนสมัยนี้นะเราว่า
ของพี่รุตน์ก็อุปลักษณ์เกินไปแถมไม่สามารถแน่ใจได้อีกนะว่าเนื้อความหมายจริงๆเป็นไง   แบบร่วมสมัยควรออกมาแบบไหน?  ขอเอาที   ขอเ-็ดที   ขอซั่มที  ขอโซเดมาคอมที?

น้องวินจะได้ไปหรือเปล่าเนี่ยดินเนอร์ที่คอนโดพี่รุตน์ตอนเย็นเนี่ย   เราว่าเสี่ยงกว่าไปเจอกันตอนกลางวันอีกนะ    ห้ามไม่ได้พี่โป๊ะก็ส่งป้าสุหรือขุ่นแม่พี่รุตน์ไปเลย  ไม่ต้องออกแรง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-08-2015 03:48:40
เอาจริง แวบแรกตอนที่พี่รุตต์ขอความทรงจำดีๆกับวิน เราก็แบคิดแบบพี่โป๊ะอยู่นะ :mew2:
แสดงว่าเราก็เป็นคนแบบพี่โป๊ะอ่ะดิ :m20:
แต่ที่ป่วยนี่แผนล้วนๆเลยหรือเปล่าคะ แบบไม่มีเห็นใจพ่อพระเอกเราเลย :m20:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 19-08-2015 05:25:47
 :laugh:

พี่โป๊ะเปื่อย ไม่ค่อยเห็นโหมดนี้ของพี่โป๊ะ

รออ่านนัดของวิน

  :bye2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-08-2015 06:04:53
ไม่เคยเจอพี่โปรโหมดนี้อ่ะ แต่ดูๆแล้วโหมดนี้น่ารักดีนะ

เอาๆเชียร์พี่โป๊ะก็ได้ น้องวินเค้าเชียร์พี่โป๊ะ

มาต่อบ่อยๆนะคะคนแต่ง

รอจ้าตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-08-2015 09:52:30
บางทีก็ไม่อยากให้วินเรียกพี่โป๊ะว่าตัวเห้นะ เราสงสารเห้ 5555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-08-2015 13:01:38
พี่รุตน์  จะรุกแล้วคับ  พี่โป๊ะจะหยุดยั้งได้หรือไม่  โปรดติดตามมมมม
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-08-2015 18:05:26
พี่รุตน์เดินหน้าไม่ยั้งเลย

แสดงฝีมือหน่อยพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 19-08-2015 23:06:28
โอยยย เปิดตัวอิพี่มือโปรได้ฟีลผีโหดวิญญาณแค้นฉันมารอพี่ที่ใต้เงามะม่วงมากค่ะ  :katai1:
ไม่รู้เหมือนกันว่าการรุกของพี่รุตน์นี่จะถึงขั้นขออาเซเดเฮมั้ย แต่เหี้ยพี่โป๊ะนี่จินตนาการไปไกลถึงโกโบริ ณ. ทางช้างเผือกแล้วค่า 55555
เอาจริงๆ (ขอดราม่า) น้องวินจะถามคุณโป๊ะไปก็ไม่แปลก แต่แปลกที่ใจอิพี่มันนั่นล่ะ
จะเอายังไง(ไม่ได้หมายถึงท่าไหนนะ ) ตอนนี้คิดยังไงกับวิน แล้วลูกแพร์ล่ะคืออะไร ถ้ายังไม่ชัดเจนก็อย่ามาหวงก้างตามวิถีเหี้ยได้ไหมล่ะพี่เอ๊ย  :katai1: /จบดราม่า
หลังๆนี่น้องวินเรียกอิพี่มันว่าตัวเหี้ยตลอดจนคนอ่านเริ่มเลือนๆ ไปแล้วว่าพี่ท่านชื่อวารินทร์ นี่เริ่มจะจำไปว่าชื่อจริงคือตัวเหี้ยแล้วนะเออ 5555  :katai2-1:
เห็นการเป็นไข้กะทันหันเหี้ยๆ อดคิดไม่ได้มันแผนของพี่โป๊ะที่จะรั้งตัวน้องไว้ไม่ให้ถูกชวนไป 'ขออึ๊บที' รึเปล่า?  :katai3:
ยังไงก็ยังคงชูป้ายไฟ
----> #ทีมเหี้ยพี่โป๊ะalways
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-08-2015 15:08:46
คิดมากแทนวินจนป่วยเลยหรือโป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 20-08-2015 15:33:20
คอยเขาจนดึกดื่น พอกลับมาก็ถูกเขาขยี้หัวใจด้วยชื่อคนในอดีตซ้ำอีก

สงสัยจะตรอมใจจนเปื่อย น่าฝงฝานนน เหี้ยน้อยคอยรักของเก๊า :hao5:

พูดก็พูดเถอะ วินกับพี่โป๊ะถ้ารวมพลังกันนี่ส่งหมาในปากเข้าแข่งคงได้แชมป์ระดับโลก

หมาเสมอกัน ศีลเสมอกัน เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวง หล่อๆ คูลๆ อย่างพี่รุตต์เอาวินไม่อยู่หรอก 5555

อยากให้ตัวเหี้ยป่วยสักสองอาทิตย์ ป่วยแล้วขี้งอน ป่วยแล้วอ้อนน่ารักชะมัด

ส่วนคนที่เคยแต่ถูกเอาใจพอได้ลองหัดเอาอกเอาใจคนอื่นนี่ก็...น่ารักชะมัด

น้องน่ารักมั้ยคะเหี้ย น่ารักเนอะ น่ารักก็รักเซ่ มัวแต่หวงก้างห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่นั่น

จะทำอะไรก็ทำเข้าสักอย่างเห๊อะ...น้องจะโดนคาบไปแดกอยู่แล้วนะว้อยยย :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2015 19:21:17
วันนี้น้องวินจะมามั้ยยยยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 20-08-2015 21:20:54
ไม่นะพี่โป๊ะต้องไม่ให้วินไปที่คอนโดชายอื่นนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 24-08-2015 10:52:26
แว่บมารีรันตอนที่แล้ว ระหว่างรอตอนใหม่นะคะ อิอิ ไม่กดดันเนอะะะะ *ยิ้มอ่อนมุมปาก*
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน21(18-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2015 13:20:29
ขออึ๊บทีนะ55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 31-08-2015 00:36:22
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 22



แดดแรงเป็นบ้าเลย
ผมมุดหัวกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากพานายมือโปรไปนั่งสูดอากาศที่ม้าหินหน้าบ้านอยู่พักใหญ่ ส่วนคนรักกลิ่นน้ำกร่อยก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมแหละครับ ไม่ต้องเป็นห่วงกันนะครับ นายมือโปรมีร่มเงาต้นไม้บังหัวอยู่
ด้านหน้าเขาคือโน้ตบุ้คตัวโปรด ข้างกันคือมือถือ 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งเฉพาะงาน อีกเครื่องส่วนตัว
เครื่องส่วนตัวนั่นเขาเพิ่งใช้คุยกับพ่อเขา ผมก็เลยปลีกตัวมาหาน้ำดื่ม และบ่นแดดที่ร้อนเหลือเกินอยู่นี่แหละครับ

“วิน” คนป่วยห่าอะไรไม่ได้ระคายคอบ้าง เรียกกันอยู่นั่นแหละ ผมก็เบื่อหน้าเขาเหมือนกันนะ

“ครับ”

“หิวรึยัง ทานมื้อเที่ยงก่อนได้เลยนะ” ได้ยินแล้วก็หันมองมื้อเที่ยงที่แม่ครัวทำแล้วจัดการมาส่งและจัดโต๊ะอาหารไว้ให้ ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกเบื่อนิดๆ ก็นี่มันอาหารคนป่วยทั้งนั้น ผมคงอยากกินหรอก!

“พี่โป๊ะนั่นแหละกิน” ผมตะโกนกลับไป ดื่มน้ำอักๆ และไม่ลืมหยิบขวดน้ำไม่แช่เย็นติดมือไปให้เขาอีกขวด
“ก็พี่โป๊ะต้องกินยา”
“แล้วนี่จะไหวแน่หรอครับ ออกมานั่งทำงานกลางแดดแบบนี้”
“เข้าบ้านเถอะ วินร้อนแล้วอ่ะ”

“พี่ไม่ร้อนนี่”
“ลมกำลังสบาย”

“ลมแบบนี้แหละ คืนนี้พี่โป๊ะได้ไม่รอดแน่ๆ”
“ป้าสุบอกบ่อยๆ ลมไม่แรงแดดไม่แรงแบบนี้แหละตัวดี แล้วตอนนี้พี่โป๊ะก็ภูมิต่ำอยู่ด้วย”
“ถ้าจะท้าความเสี่ยง ตากแดดตากลมอยู่แบบนี้ วินเรียกว่าเป็นพวกภูมิต้านทานก็ต่ำภูมิปัญญาก็ต่ำนะครับ”

“โอเค ต้องการอะไร”

“ต้องการให้พี่เข้าบ้าน ไปกินมื้อเที่ยง กินยา พักแป๊บนึง แล้วถ้าจะทำงาน ก็นั่งทำงานในบ้าน”

“โอเค” ว่าง่ายๆ ก็เป็นนี่หว่า พอฟื้นตัวนิดหน่อยเมื่อตอนสาย นายมือโปรที่อ้อนกินไข่ตุ๋นก็ละลายไปกับกลิ่นน้ำกร่อยแล้วครับ ดูเหมือนเขาจะคืนสภาพเป็นนายมือโปรที่แข็งแกร่งตามเดิมแล้ว และก็ยังเคืองๆ ผมอยู่ด้วย น่าจะเรื่องเมื่อคืนที่ไปเตะต่อมรักฝังใจของเขานั่นแหละ แต่ก็ช่างสิ ผมไม่คิดว่าผมผิด ผมถึงไม่มีความคิดจะขอโทษเลยสักนิด

“อาหารจืดทั้งนั้น”

“ก็พี่โป๊ะป่วย”
“มีเท่านี้ก็ทานเท่านี้แหละครับ อย่าอุตริอยากกินแกงส้มชะอมไข่ หรือผัดผักอะไรเลย วินทำไม่เป็นจริงๆ”
“ไม่อยากวิ่งไปหาซื้อด้วย แดดร้อน ไม่ชอบ”

“โอเค มีแบบนี้ก็กินแบบนี้แหละ พี่ไม่เรื่องมากหรอก”
“ขอบคุณนะครับ”

“หืม? เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องที่ดูแลพี่ไง”

“ก็...พอดีอยู่บ้านเดียวกัน ปล่อยตายไปวินคงขายบ้านนี้ต่อยาก”
“ไม่ได้ใจดีกับพี่โป๊ะสักนิด”

“หรอ?”
“อือ โอเค”

“แต่ก็ อย่าเป็นอะไรนะครับ”
“วินไม่ชอบผี”

“อื้อ แค่นี้จิ๊บๆ” พูดจบก็ไอโขลกเลยครับ ไม่รู้ไวรัสลงคอจริงๆ หรือโดนสาปแช่ง


เราทานข้าวกันเงียบๆ แม้ว่าใจจริงแล้วผมมีเรื่องคุยกับเขาอีกเยอะเลย แต่เห็นว่าป่วยอยู่ แล้วเขาก็กำลังกินข้าวรื่นคอ ผมก็ไม่อยากขัดอรรถรส

“อื้อวิน”

“ครับ”

“ไอเอส ถึงไหนแล้ว”

“เกิน 50% แล้วครับ คุยกับที่ปรึกษาเรื่องขอสอบเปิดเล่มแล้วด้วย”

“ได้วันรึยัง”

“ได้แล้ว ว่าจะบอกพี่โป๊ะอยู่หลายรอบแล้วแต่ก็ลืม วินว่าจะลางานทั้งวันเลย”

“ได้อยู่แล้ว เอาเรื่องเล่มให้จบก่อน งานไว้ทีหลัง”

“ไม่เอาหรอกครับ วินลาตามสิทธิ์พนักงาน พี่ก็หักวันหรือหักเงินตามระบบก็แล้วกัน”

“คิดว่าพี่จะทำมั้ย และคิดว่าพี่ควรทำแบบนั้นหรอ?”
“เราไม่ได้เข้ามาเป็นพนักงานเพื่อรับเงินเดือน เราเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเรียนรู้งานแล้วก้าวขึ้นมาเป็นพาร์ทเนอร์ ลืมบทบาทตัวเองรึไง”

“ไม่ได้ลืมครับ แต่ถ้าชีวิตวินมันจะตุ๊กตาจับวางขนาดนั้น ก็ขอทำตามหน้าที่ที่คนเขาจับวางไว้ให้คุ้ม อย่างน้อยวินก็มีอะไรให้ภูมิใจ”

“ทีงี้ล่ะเลือก ทีเรื่องความรู้สึกรักใคร่ ทำไมไม่เลือก”

“หือ?”

“ช่างเถอะ”
“พอเป็นเรื่องของคุณรุตต์ พี่แตะไม่ได้นี่”

“พี่โป๊ะงอนอยู่หรอ?”
“วินไม่ง้อนะ บอกหลายรอบแล้ว”

“พี่ไม่ได้งอนซะหน่อย พี่จะงอนในฐานะอะไร”
“พี่ก็แค่วิจารณ์ในฐานะผู้ใหญ่ที่รับรู้เรื่องแบบบังเอิญ”

“เสือกก็คือเสือก ประโยชน์อะไรพูดให้หรูหรา”

ปั่ก!
ถูกเขกหัวครับ  แต่แค่เบาๆ เท่านั้น

“แล้วนี่...วันนี้ไม่เดทกับแฟน 2 อาทิตย์หรอ”

“นั่นไง เสือกก็คือเสือก”

“จึ๊!” เขาส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจแล้วก็จ้วงข้าวต้มเข้าปาก ผมล่ะอดขำไม่ได้ คนบ้าอะไรวะ อยากเสือกแต่ก็ทำฟอร์มเยอะแยะ นี่ถ้าสนิทกันระดับไอ้โอม ผมคงถีบไปแล้ว

“เออ เออ เสือกไง”
“ตอบสิ หั่ว....นะ”

“อะไรนะครับ”

“ห่วงไง! เป็นห่วง”
“โดนอึ๊บไปทำไงเล่า”


“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“พี่โป๊ะตลกอ่ะ”
“วินไม่ได้ง่อย วินไม่ได้ไร้ทางสู้ขนาดนั้น”
“ถ้ามันขัดความต้องการวิน ให้ตายก็ไม่ได้อึ๊บ”

“งั้นวินไม่อยากโดนคุณรุตต์อึ๊บใช่มั้ย” เหี้ยนี่ถามตรงจนผมเกลียดคำว่าอึ๊บเลย ต้องให้ผมตอบด้วยหรอ? คือเดาเอาก็น่าจะได้นะ หรือหน้าผมมันบอกว่าอยากโดนอย่างว่า นี่ผู้ชายนะเว้ย จะมีเซ็กทั้งทีก็ต้องให้มันสมชายชาตรีหน่อยดิ โดนอึ๊บคือโดนกระทำชัดๆ ไม่เด็ดขาด!

“พี่โป๊ะไม่ต้องห่วงเรื่องโดนเขาทำหรอก ห่วงแค่ที่ป้าสุห่วงก็พอ”

“อาสุห่วงวินเรื่องอะไรล่ะ”

“ห่วงว่าจะไปทำใครล่ะมั้ง ไม่เห็นกล่องถุงยางในห้องน้ำหรอครับ”
“คิดว่ากรอบชีวิตที่วินใช้อยู่นี่ วินขีดเองหรอ?”
“จริงๆ เราก็รู้จักกันมาพอควร พี่โป๊ะน่าจะเดาได้ ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ป้าสุเสียใจแล้ว วินจัดการกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มากวนใจยังไง” หวังว่าเขาจะจำได้ว่าตอนที่ผมพยศใส่มันเป็นยังไง

กับเขาที่โหดกว่าพี่รุตต์ สปอยล์ผมน้อยกว่าพี่รุตต์มาก ผมยังไม่กลัวเกรง ประสาอะไรกับคนที่ตามใจผมมาตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกัน

การสร้างความทรงจำดีๆ ในช่วง 2 อาทิตย์ที่พี่รุตต์ขอไว้ ถ้ามันจะมีเรื่องเสียหายหรือมีคนที่ต้องเสียใจ ผมว่าพี่รุตต์ต่างหากที่ต้องมีคนคอยเช็ดน้ำตา

“แต่วินยังไม่ได้ตอบพี่เลย”

“เรื่อง?”

“วันนี้ไม่มีนัดเดทหรอ”

“มีครับ ดินเนอร์”
“อืม คืนนี้ใช้น้ำหอมกลิ่นใหม่ดีกว่า” ผมแกล้งทำหน้าเคลิ้มฝันให้เขามอง นายมือโปรถึงกับปาช้อนใส่ชามข้าวต้ม แล้วกรรมก็คืนสนองครับ น้ำซุปในชามกระเด็นเข้าตา ร้อนถึงผมต้องรีบลุกไปซับให้

การมองเครื่องหน้าเขาชัดๆ ไม่เป็นผลดีต่อหัวใจผมเท่าไหร่
พูดกันตรงๆ ก็คือ เขามีเครื่องหน้าที่ดึงดูดสายตาผมได้มาก
ทั้งรูปคิ้ว สันจมูก ดวงตา ขอบตา ขนตา ริมฝีปาก
นายมือโปรเป็นชายสมกับเป็นผู้ชายไปทุกกระเบียด และผมก็ไม่ได้ใจหญิง แต่ยอมรับเลยว่าใบหน้าเขาหน้ามองไปทุกอวัยวะ

“ล้างตาหน่อยดีมั้ยครับ”

“ไม่เป็นไรแล้วมั้ง”
“นิดเดียว”

“นี่ถ้าตาบอดเพราะน้ำซุปข้าวต้ม อายหมานะครับพี่โป๊ะ”

“รู้แล้วน่า”

“ทีหลังอย่าอารมณ์ร้อนต่อหน้าอาหารก็แล้วกัน”

“ก็บอกว่ารู้แล้วไง”
“อิ่มแล้ว ขอยาหน่อย”

“วินเป็นพยาบาลส่วนตัวพี่โป๊ะหรอ?”

“อื้อ จ้างตอนนี้ทันมั้ย ขอยาหลังอาหารหน่อยครับ”

“แม่งเอ้ย!” ผมทำหน้างอใส่ แต่ก็เดินไปหยิบยาหลังอาหารมาให้เขากิน ไอ้ยานี่ผมก็มโนเอาเองแหละครับว่าเขาควรกิน มันก็คือยาแก้อักเสบ แก้ไข้ แก้ปวดธรรมดานี่แหละ ผมจำได้ว่าเคยกินยาตัวไหนตอนไหน ผมก็ให้เขากินตามที่จำได้นั่นแหละ และเขาก็ไม่เรียกร้องจะไปหาหมอด้วย

กินยาเสร็จก็ยอมเอนหลังพิงโซฟาครับ ผมไม่ให้เขาทำงานเลย อยากให้พักสายตาพักสมองบ้างนิดหน่อยก็ยังดี จริงๆ เขาควรนอนพักผ่อนด้วยซ้ำ แต่นายมือโปรก็ภูมิใจในความอึดของตัวเองจนต้องโชว์โลก ก็เลยไม่ยอมพักงีบ

บ่ายแก่ๆ ผมก็ถามเขาว่ามื้อเย็นจะกินอะไร ผมจะได้ให้ทางครัวโรงแรมเขาจัดให้ เพราะค่ำนี้ผมมีนัดแล้ว นายมือโปรไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาก้มหน้าก้มตาลุยงานของเขางกๆ มีบ้างที่โทรศัพท์ เท่าที่ฟังอย่างตั้งใจ เขาสั่งงานพี่แนนตลอดเลยครับ

ตกเย็นผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เลือกชุดหล่อพอประมาณครับ ฉีดน้ำหอมกลิ่นใหม่ตามที่บอกกับไอ้พี่โป๊ะไว้ด้วย เสริมแต่งตัวเองเสร็จแล้วก็เดินลงมาข้างล่าง ซึ่งยังมีคนป่วยนั่งทำงานอยู่งกๆ เหมือนเดิม ไม่รู้จะบ้างานอะไรนักหนา

“วินไปแล้วนะ”

“เอ่อ กลับมั้ย”

“หืม?”

“พี่ก็รู้ว่าเสือกแหละ แม้จะไม่รู้ว่ามีสิทธิ์เสือกอะไรเรื่องของวินรึเปล่าก็เถอะ”
“แต่ว่าไม่ว่าจะเดทหรูหราแค่ไหน ถูกอกถูกใจชิบหาย ฝันหวาน ตัวลอยเหมือนกลีบดอกไม้กลางทุ่ง ก็ควรรู้ลิมิตและ....”

“และอะไรครับ”

“กลับบ้านเรานะ”
“เดี๋ยวพี่รอเปิดประตู”


พูดไม่ออกเลยแฮะ
คำสั่งแกมขอร้องของเขา ทำให้ผมคิดไปถึงวันที่ไปเที่ยวโต้รุ่งกับไอ้โอมแม้ว่าใจจะไม่ได้อยากนัก ผมไม่ชอบไปค้างบ้านใคร ไม่ชอบผิดกลิ่น ผิดที่ผิดทาง ผมต้องกลับบ้านเสมอ แม้ว่าจะกลับมาแล้วพบเจอแต่ความเงียบก็เถอะ

“อา... แล้วก็อีกเรื่อง”
“เก็บตัวเก็บใจวินไว้ให้คนที่วินรักจริงๆ ดีกว่า จะโดนอึ๊บ หรืออึ๊บเขา มันก็ควรเป็นอารมณ์ที่มีพื้นฐานมาจากความรักกันหน่อย ไม่ใช่การไหลตามน้ำ”
“ตัววินมีค่ามากนะ”

“กับใครล่ะครับ?”
“ป้าสุหรอ?”

“คนนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่พี่อยากให้วินรักษาตัวไว้รอ คือคนที่วินรักและรักวินเหมือนกันต่างหาก”

“อืม งั้นวินคงเวอร์จิ้นจนตายล่ะมั้งครับ”
“คนคนนั้น ไม่มีหรอก”


#### @ D A W N  #####


พี่รุตต์ ก็คือพี่รุตตต์ ไม่ว่าจะเป็นพี่รุตต์ตอนนี้ หรือพี่รุตต์เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ได้รู้จักกัน เขาก็ยังใจดีกับผมเหมือนเดิม
“ทานนี่เลยวิน สเต๊กปลา ง่อยง่าย ไม่หนักท้อง”

“แล้วทำไมพี่รุตต์ทานเนื้อล่ะครับ”

“มื้อนี้พี่อยากทานรสชาติเข้มๆ หน่อย” เขาตอบแล้วก็อมยิ้มงับชิ้นเนื้อที่ตัดเอง ส่วนเนื้อปลาในจานผมนั้น เขาจัดการหั่นให้เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมก็อยากบริหารกล้ามเนื้อแขนผมบ้างเหมือนกันนะ

“ไวน์มั้ย?”

“พี่รุตต์สั่งไว้แล้วไม่ใช่หรอ?”
“ตามใจเถอะครับ พี่เป็นเจ้ามือนี่”

“โอเค” พี่รุตต์ส่งสัญญาณให้บริกรของร้าน ไม่ช้าผมก็มีไวน์ขาวประดับอยู่ที่มุมมือขวา ส่วนเขาดื่มไวน์แดง ดูแล้วน่าจะเป็นยี่ห้อโปรด ปีโปรดเสียด้วย เห็นเขาอารมณ์ดีที่ได้ตามใจตัวเองและดูแลผมไปด้วยแบบนี้ ผมก็อดยิ้มตาไม่ได้

“แล้วพรุ่งนี้วินต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ารึเปล่า? คุณมือโปรเขาใช้งานหนักมั้ยครับ” ไอ้หนักน่ะไม่เท่าไหร่หรอก จริงๆ อยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ผมส่ายหน้าพลางยิ้มให้

“ถ้าไม่ไหว ก็บอกอาสุนะ”
“จริงๆ วินน่าจะเรียนต่อด้านการเงิน หรือเศรษฐศาสตร์ จะได้มาช่วยงานอาสุได้ตรงสาย”
“ธุรกิจบ้านเราก็สายการเงินทั้งนั้น ไปงานพวกผลิตสื่อ พี่ว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มเท่าไหร่”

“วินก็ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ป้าสุลงทุนแล้วจะได้กำไรแต่เกิดแล้วล่ะครับ”
“ป้าสุให้วินทำสิ่งที่วินรัก วินก็ต้องรีบตักตวง วันไหนถูกบีบบังคับให้ต้องเดินทางสายเดียวกับที่บ้าน วินจะได้มีวิชาติดตัวมาหางาน หาเงินเลี้ยงตัวเอง แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอครับ”

“ตั้งใจจังน้า”

“ก็วินชอบด้านนี้จริงๆ นี่ครับ”

“เหมือนคุณพ่อวินสินะ”

“อา...ไม่รู้สิครับ คนทั้งประเทศน่าจะรู้จักพ่อวินมากกว่าตัววินเอง”
“อย่าสนใจเรื่องวินเลย น่าเบื่ออก เรื่องพี่รุตต์ดีกว่า”
“พี่รุตต์มีเวลาอยู่กับวินแค่ 2 อาทิตย์นะครับ”
“คุยเรื่องที่ทำให้พี่รุตต์อารมณ์ดีกว่า”

“แค่เราได้คุยกันแบบเมื่อก่อน พี่ก็มีความสุขแล้ว”
“วันนี้ทานเยอะๆ นะ”

“วินก็ทานเยอะทุกวันแหละน่า” ผมเถียง แต่ก็จิ้มชิ้นปลาเข้าปาก เคี้ยวไปก็ยิ้มให้เขาไป เพราะเขามองผมแล้วก็ยิ้มให้ไม่ขาด พี่รุตต์เป็นคนชอบยิ้มให้คนอื่นสบายใจ แต่ผมก็รู้แหละว่าเขาเองก็มีเรื่องเครียดเหมือนกัน

จบเมนคอร์สไปแล้ว เราทั้งคู่มีแค่แก้วไวน์ตรงหน้าเท่านั้น ในห้องอาหารที่พี่รุตต์จองไว้ล่วงหน้า วิวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ เรียกว่าบรรยากาศดีมากเลยครับ
ดวงตาใต้กรอบแว่นมองผมนิ่งอยู่พักนึง แล้วผู้ชายใส่แว่นคนนี้ก็เดินออกไปจากห้อง เขาไม่ได้บอกอะไรผม แต่ผมก้ไม่ได้ตามเขาออกไปหรอกครับ เรื่องของเรื่องคือยังอิ่ม แล้วผมก็ชอบวิวตอนนี้มากๆ ด้วย 

“อิ่มมั้ยครับ” พี่รุตต์กลับเข้ามาพร้อมกับคำถามประเภทเดียวกับหมอเปิดประตูมาถามคนไข้ในตอนเช้าว่าหลับพอรึยังนั่นแหละ

“โหย ถามกันได้ไงพี่รุตต์ วินอิ่มสุดๆเลยครับ”

“อืม พี่เตรียมอะไรไว้ให้”

“อะไรหรอครับ? ไม่เอาพวกดอกไม้ แหวนแทนใจ หรือของผูกมัดอะไรนะครับ เราคุยกันแล้ว”

“ไม่หรอก พี่รู้น่าว่าวินเป็นยังไง”
“เล็กๆ น้อยๆ น่ะ เกิดมาไม่เคยทำให้ใครเลย”

“อะไรหรอครับ”

“ก็...ฝึกมาตั้งนาน” ฝึก...ฝึกก็คง...จะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด แต่ก็อยากจะทำให้ได้สินะ อะไรวะ?

มาแล้วครับ กีตาร์ บริกรเป็นคนถือมายื่นให้แล้วก็หายวับไป
อย่าบอกนะว่าจะร้องเพลง โอ้ยยยยยยยยยยยย! ผมล่ะอายแทนเลย
เฮ้ย! สำหรับพี่รุตต์ถือว่าขี้อายมาก ไม่คิดว่าจะกล้ามาร้องเพลงให้ผมฟังแบบนี้

“เอาจริงหรอครับ?”

“อื้อ” เขาส่งเสียงให้ความมั่นใจ น่าจะให้ความมั่นใจตัวเองมากกว่าผู้ฟังอย่างผมล่ะนะ
เขาเกลาๆ กีตาร์ วอร์มเสียง แล้วก็หันมองห้องอาหารในร้านหรูที่มีแค่เรา 2 คน
รอบตัวไม่มีใครยิ่งทำให้พี่รุตต์หน้าแดงเข้าไปใหญ่ นี่คงนั่งใจเต้นตึกตักด้วยไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีมั้ย แล้วผมจะชอบรึเปลา
ผมยิ้มให้ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม บนโต๊ะอาหารมีเพียงดอกไม้ที่โดดเด่นกลางโต๊ะ และแก้วไวน์ของเรา 2 คนเท่านั้น แสงไฟเหลืองๆ ในห้องนี้ก็ช่วยสร้างบรรยากาศได้ไม่แพ้แสงเทียนเลยครับ

“ให้วินนะ”

‘………อาจยังไม่เห็นว่ารักมากมาย อาจยังสงสัยผู้ชายคนนี้
อาจยังไม่เห็นสายตาแห่งความหวังดี แต่เธอก็คงเข้าใจมันสักวัน

อาจมีใครๆที่เขาดีกว่า อาจจะมีคนที่เธอใฝ่ฝัน
แต่จะมีใครให้เธอหมดใจอย่างฉัน และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว

อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ จะอยู่เพื่อเธอตลอดไป
จะเอาความรักที่มีเก็บไว้ เพื่อรอคอยวันที่เธอมองกลับมา
อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ

อีกนานแค่ไหนรักนี้ก็ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น
ด้วยใจที่พร้อมให้เธอ จากคนอย่างฉัน กับวันเวลาที่ยาวนาน
คงจะพอให้รอเธอ และคงจะทำให้เธอได้รู้…….’


ผมเต็มกลืนยังไงบอกไม่ถูก มันทั้งซาบซึ้งที่เขาร้องเพลงนี้ให้ผม ทั้งเศร้าแทนเพราะเป็น ‘เธอ’ ของพี่รุตต์ที่ไม่มีวันตอบรับความรู้สึกเขาได้ เขาคงเป็นผู้ให้ที่เก้อไปตลอดชีวิต
ทำไมพี่รุตต์ต้องมารักคนอย่างผม และทำไมผมถึงไม่รักเขานะ?

“คิ้วขมวดเชียว พี่ร้องเพี้ยนมากหรอ?”

“ไม่ ไม่ ไม่ครับ”

“เขินแฮะ”
“คอมเมนเตเตอร์พูดอะไรหน่อยสิครับ”

“อา....”
“เพราะดีนะครับ”
“เลือกเพลงได้ บอกความเป็นพี่รุตต์เลย”
“คงไม่มีใครให้ความรู้สึกด้านบวกกับวินได้มากเท่าพี่รุตต์แล้ว”

“พูดว่าคงไม่มีใครรักวินมากเท่าพี่ จะรู้สึกดีกว่านะครับ” ตัดพ้อซะด้วย ผมสะอึกเสียงหัวเราะอยู่หลายหึ แต่ก็ไม่เปลี่ยนคำตามที่เขาอยากฟังหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นคนตามใจคนอื่นขนาดนั้น

เมื่อผมไม่พูดตามที่เขาอยากฟัง พี่รุตต์ก็ไม่บีบบังคับอะไร เขาโชว์สกิลการเล่นกีตาร์ที่....ค่อนข้างหยาบให้ผมดู ก็บันเทิงดีนะครับ ได้เห็นเขาทำสิ่งที่ไม่ถนัด เพื่อคนที่เขารู้สึกดีด้วย และอยากสร้างเรื่องราวดีๆ ร่วมกัน เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ

เวลาล่วงมาถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว ที่ผมรู้ตัวว่าดึกขนาดนี้ก็เพราะว่าผมหาวและรู้สึกง่วง

“ตกลงพรุ่งนี้วินต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานมั้ย”

“ก็ควรนะครับ แต่เจ้านายไม่สบายอยู่ วินอาจจะทำงานที่บ้านได้”

“งั้น ถ้าพี่ไปส่งที่บ้านทันพรุ่งนี้เช้า ก็ไม่มีปัญหาเนอะ”

“หือ? มีอะไรเซอร์ไพรส์อีกหรอครับ”

“พี่อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเล”
“ต้องสวยมากแน่ๆ”
“ไปด้วยกันนะ”


กลับบ้านเรานะ พี่รอเปิดประตู


สีหน้าและน้ำเสียงของนายมือโปรฉายวาบเข้ามาในความคิดผม

ผมมองหน้าพี่รุตต์ มองกีตาร์ที่เขาอุตส่าห์เตรียมมาด้วย มองหน้าคนที่ดีกับผมมาตลอด แล้วก็ยิ้มให้

“ขอวินโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ”

ผมเดินเลี่ยงออกจากห้องส่วนตัวในร้านอาหารหรูหรา พบกับบริกรที่ยืนรอให้บริการอยู่หน้าห้อง พวกเขาโค้งให้ผม ผมก็เลยต้องหยุดยิ้มให้นิดนึง ก่อนจะก้าวยาวๆ มาหาที่เงียบ

เพื่อโทรศัพท์....หาพี่โป๊ะ

ว่าแต่ ผมโทรหาเขาทำไม?
ผมโตแล้วจะไปไหนก็ได้
ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน และเขาก็ไม่มีอิทธิพลอะไรกับผมมากมายขนาดจนต้องรายงานตัวทุกฝีก้าว


แต่ว่า.....กลับบ้านเรานะ


ไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้เลย
ไม่เคยมีใครทำให้ ‘บ้าน’ น่ากลับเลย


“ครับวิน” ปลายสายรับการเรียกของผมทั้งที่สัญญาณโทรศัพท์ที่ผมฟังแนบหูอยู่ยังดังไม่จบดี

“เอ่ออออ”

“เป็นอะไรรึเปล่า มีอะไรรึเปล่าวิน”
“ให้พี่ไปรับมั้ย อยู่ไหน”

“ไม่ๆ คือ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“คือ วินจะถามว่าพี่โป๊ะกินยาก่อนนอนรึยัง”
“คือ พี่กินยาแล้วนอนเลยก็ได้นะครับ”
“วินคง...”

“พี่รอนะ” เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้วก็วางสายไป ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ ด้วยไม่รู้ว่าจะกลับบ้านเพราะนายมือโปรรออยู่ หรือไปจะกับพี่รุตต์เมื่อมองแสงตะวันฉายที่เส้นขอบฟ้ากลางทะเล


“วิน” พี่รุตต์เดินออกมาตามผม พอเจอตัว เขาก็รีบเดินมาหาแล้วมองสำรวจรอบตัวผมโดยทั่ว
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่ต้องไปก็ได้นะ บอกพี่ตรงๆ”

“ก็....”
“คือ ถ้าพี่รุตต์บอกก่อนก็คงจะไปแหละครับ”
“แต่วันนี้ มีคนรอวินกลับบ้าน”
“ก็..อยากกลับ”

“คุณมือโปรหรอครับ?”

“.................”

“ไม่ใช่หรอ?”

“ก็ใช่ครับ แต่ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหรอกนะ”
“พอดีเขาป่วยอยู่ แล้วเขาบอกไว้ว่าจะรอวินกลับบ้าน”
“ถ้าวินไม่กลับ แล้วเกิดเขาไม่ได้พัก แล้วเกิดตายคาบ้าน บ้านวินก็ต้องมีผี ก็ต้อง”

“พอๆ”
“พี่รู้แล้ว”
“เดี๋ยวพากลับบ้านนะ”
“รอตรงนี้ก็ได้ครับ”

“ขอบคุณครับพี่รุตต์”

“พี่เพิ่งบอกวินไปนี่ ตั้งเพลงนึง จำไม่ได้หรอ”

หนักจัง....เป็นความรู้สึกดี....ที่หนักมาก


ใช้เวลาขับรถแค่ครึ่งชั่วโมง พี่รุตต์ก็ขับรถมาส่งถึงหน้าปากซอยเข้าชุมชนข้างวัดที่เงียบเชียบ ถนนคับแคบดูไม่เหมาะกับรถคันโตของพี่รุตต์เลย

“เดี๋ยวพี่เข้าไปส่ง”

“แคบแบบนี้ อย่าเลยครับ วินเดินเข้าไปเองได้ วินยังไปหาพี่รุตต์เองได้ ทำไมกลับเองจะทำไม่ได้”

“มันมืดแล้ว”

“ใช่ หมาหลับหมดแล้วเนี่ย”
“แถวนี้นอกจากหมาเห่าก็ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“แต่เคยมีขโมยนี่ครับ ที่วินโดนลูกหลงครั้งนั้นไง” เออว่ะ ก็น่ากังวลเหมือนกันแฮะ แต่ผมไม่อยากกวนเขาไปกว่านี้แล้ว ไม่อยากให้เขาแสดงความดีมากกว่านี้แล้ว

“ไม่เป็นไรครับพี่รุตต์ วินเดินเข้าไปเองได้”
“จริงๆ”

“แต่พี่”

“จริงๆ”

“งั้น โทรหาคุณมือโปร ให้เขามารับวินที่ปากซอย ระหว่างรอก็อยู่ในรถพี่นี่แหละ”

“เขาป่วย”

“แต่เขาบอกจะรอวินนี่ครับ ถ้าคนป่วยรอได้ดึกขนาดนี้ ก็คงมีแรงเดินมารับแหละ เนอะ”

ก็ได้ และผมภาวนาให้นายมือโปรหลับไปแล้ว หรือไม่ก็ไข้ขึ้น เดินไม่ไหว
แต่ก็ไม่ได้อะไรตามที่หวังหรอกครับ ผมมันบุญน้อย  นายมือโปรรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแล้วก็ถามอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

“ครับวิน ให้พีไปรับมั้ย?”
“อยู่ไหนแล้วเนี่ย”

“เอ่อ วินถึงปากซอยแล้ว แต่พี่รุตต์อยากให้พี่โป๊ะมารับวิน ทางมันมืด”
“แต่ถ้าพี่ไม่ไหว” วางไปแล้วครับ ผมยังพูดไม่จบดีเขาก็ตัดสาย ผมก็เลยนั่งเงียบอยู่ในรถพี่รุตต์
เสียงแอร์หึ่งดีแต่ทำให้ผมตาปรือมากขึ้นเรื่อยๆ  นี่ก็เริ่มคิดแล้วว่า ถ้าตกลงไปทะเลกับพี่รุตต์ตอนนี้แล้วขอหลับไปจนกว่าจะถึงปลายทาง มันจะสบายกว่านี้มั้ย แต่ผมเลือกจะกลับบ้านแล้วนี่นา

“เร็วแฮะ”
“คงห่วงวินสุดๆเลย”

“หือ?” ผมปรือตามองพี่รุตต์ที่พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทะลุเสียงแอร์รถขึ้นมา พอเห็นว่าเขามองไปทางไหน ผมก็มองตาม
นายมือโปรพรวดออกมาจากซอยมืดๆ ด้วยสภาพชุดนอน รองเท้าแตะ  เขายืนมองซ้ายมองขวาอยู่ที่หน้าปากซอย แป๊บนึงก็กดโทรศัพท์และเอาขึ้นแนบหู

โทรศัพท์ผมดังขึ้น แสงสว่างจากหน้าจอทำเอาผมต้องหยีตา

“กลับบ้านเถอะครับวิน”
“พี่ส่งเท่านี้นะ”
“เดี๋ยวเราถึงมือคุณมือโปรแล้วพี่ค่อยกลับ”
“ดีมั้ย”

“ก็..ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ”
“พี่รุตต์ก็ ขับรถดีๆ ดึกแล้ว”

“ครับ” เขารับคำ แล้วก็เอี้ยวตัวมาดึงตัวผมไปกอด จูบหน้าผากฝากไว้ 1ทีแล้วก็ลูบหัวอย่างอาลัยอาวรณ์
“พรุ่งนี้พี่โทรหา”

“ครับ” ผมยิ้มให้แล้วก็ทิ้งสายตามองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวลงจากรถมายืนเป็นเป้าสายตานายมือโปรที่หันมามองเขม็งทันที

“วิน!!” ตะโกนทำไมล่ะนั่น! ยังไม่หายตกใจกับเสียงเรียกดังๆ นายมือโปรก็วิ่งตึกตึกมาหา ใกล้ตัวผมแล้วก็คว้าข้อมือหมับทันที
“เป็นอะไรมั้ย?”

“พี่โป๊ะนั่นแหละ เป็นอะไรมั้ย”
“สติดีป่ะเนี่ย?”

“โธ่! คนเขาอุตส่าห์.......” เขาค้างคำพูดไปแล้วมองตามรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พอลับตาแล้วนายมือโปรก็มองผมอีกครั้ง
“คุณรุตต์หรอ?”

“ครับ”

“แล้วทำไมไม่ไปส่งให้ถึงรั้วบ้าน”

“ซอยแคบ วินบอกเองแหละว่าส่งแค่นี้”
“เดี๋ยววินเดินเข้าไปเอง”
“พี่รุตต์ก็เลยบอกให้โทรหาพี่โป๊ะ”

“อ้อออ”
“ก็ยังดี ถ้าปล่อยให้วินเดินเข้าซอยเองนี่ก็เกินไปนะ มืดจะตาย”
“พี่เดินออกมายังหวาดๆ”

“ป๊อด”

“ไม่ปอด แค่หวาดๆ แหละน่า”
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน” นายมือโปรชักชวน เขาเลื่อนจากข้อมือมาจับมือผม ประกบฝ่ามือ สอดประสานนิ้วจนแน่นแล้วก็ออกแรงดึงผมเบาๆ เท่านั้น

เบาจัง ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้ใจผมรู้สึกเบาจนผ่อนคลาย
สบายใจเสียจนให้หลับตาเดินตามแรงจูงเขาไปเรื่อยๆ ผมก็ทำได้


ความรู้สึกแบบนี้ คนอื่นเขาเรียกว่าอะไร?



Cut




กลับมาแล้วค่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้ไปไหนนะ ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แหล่ะ
ตอนนี้มาต่อช้า (อีกแล้ว) ขออภัยค่ะ ฝากติดตามเรื่องนู้นนนน กันด้วยนะคะ
ส่วนพี่โป๊ะกับน้องวินจะอัำอึ้ง ตีมึน เล่นบทซึนกันอีกนานมั้ย ลุ้นกันต่อไปด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-08-2015 01:49:15
เป็นความรักที่สร้างความอึดอัดได้พอดู
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 31-08-2015 05:41:26
เมื่อไหร่จะแสดงความรู้สึกกันน้า พี่โป๊ะ กับ น้องวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 31-08-2015 06:01:53
เปิดใจให้พี่โป๊ะสักทีเถอะน้องวิน สงสารพี่โป๊ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 31-08-2015 07:51:36
ในที่สุดว้นก็ไมีโดนอึ๊บเพราะพี่โป๊ะร่ายมนต์ไว้ให้วินกลับบ้านพี่จะรออิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 31-08-2015 11:25:14
มือโปรโคตรซึนอะ เขินนนนนนนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 31-08-2015 12:17:20
พี่โป๊ะห่วงวินน่าดูเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-08-2015 12:34:21
รักพี่ เสียดายโป๊ะ จังเลย
ขอเบิ้ลก็คงไม่ได้อีกสินะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-08-2015 13:45:03
พี่โปรตกลงรู้สึกยังไงกับวินเนี่ย
จะรักก็รักจะกักทำไมค้าาาราา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 31-08-2015 15:00:43
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 31-08-2015 20:00:19
ความรู้สึกแบบนี้ แถวบ้านพี่เรียกว่ามีใจล่ะวิน คึคึคึคึ

โอ๊ยยยยยยย...รักตัวเหี้ยจังเล้ยยย /ปาหัวใจดวงเท่าบ้านใส่ตัวเหี้ยรัวๆ

กลับบ้านเรานะ...บ้านเรา...เรา...ชอบคำนี้ถ้ามันจะอยู่ระหว่างพี่โป๊ะกับวิน

และเหมือนพี่รุตต์จะสัมผัสได้ถึงสายใยอะไรบางอย่างระหว่างวินกับพี่โป๊ะ

รู้สึกก่อนที่สองคนนั้นเขาจะรู้สึกตัวเสียอีกกระมัง โถ...พ่อคนดีศรี At Dawn /ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พี่รุตต์ซับ

แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าถ้าพี่รุตต์เอาวินเข้าโครงการฝากหัวใจไว้กับเหี้ยแล้ว วินจะสุขสบายหายห่วงแน่นอน!!!
 o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 31-08-2015 22:50:41
ไม่ชอบพี่โป๊ะเลย  เป็นผู้ชายเร้าหรือที่ทำตัวหวงก้างน่ารำคาญ  หาความเด็ดขาดในชีวิตไม่เจอ
อดีตก็ยังลืมไม่ได้  ยังจะไปดึงคนใหม่มาจมปลักกับตัวเองอีก  โตได้แล้ว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2015 13:58:13
 :pig4: :pig4: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 01-09-2015 21:12:47
โอ้ยยย พี่โป๊ะดาเมจรุนแรงมาก พี่โป๊ะคนที่ห่วงคนอื่นจนเดินพรวดๆมาแบบนี้
กับอิพี่โป๊ะคนที่ทิ้งน้องธามให้นั่งแท็กซี่ต่อไปเองตอนนั้นนะ มันคนเดียวกันเร๊อะะ >///<

ตอนนี้สงสารพี่รุตต์เบาๆ แต่คนไม่ใช่ ..ก็ไม่ใช่อยู่ดี
แต่อีกที..กำลังคิดว่าอิพี่โป๊ะใจดีใส่คนอื่นเค้าแบบนี้ จะรู้ตัวเองอยู่มั้ยว่าทำอะไรอยู่
หรือพักหลังๆ องค์อะไรมาสิง T^T
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 03-09-2015 22:55:17
คู่นี้เขาเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับพี่หนึ่งและน้องเจมมากๆ รู้สึกตรงกัน แต่ปล่อยมันล่องลอย ไม่ค้นหาคำตอบ บางทีมันก็ดี แต่ในขณะที่มีอีกคนเข้ามา มันก็อาจทำให้อะไรๆ สั่นคลอน พี่โป๊ะนี่ก็ยังไง คือชัดเจนขนาดนี้ ยังไม่จัดการให้เข้าที่เข้าทางอีก เฮ้อออ เราก็ลุ้นกันต่อไปค่ะว่าเมื่อไหร่ เอาจริงสงสารพี่รุตต์นะ แต่อย่างว่าค่ะ อยู่กับเหี้ยพี่โป๊ะมานาน เราก็คงต้องทีมนางหน่อยละนะ เห็นว่าเพื่อนนางหล่อนิสัยดี(เสียดายมีคู่หมดแล้ว 5555)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-09-2015 09:06:40
 o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 06-09-2015 22:08:46
แอบสงสารรุต

แนะนำ   เผื่อ วินจะเปลี่ยนใจ  รุตนาย   ร้องเพลงนี้เลย   นะ Please ของ atom อ่ะ 555555   

เหมือนนายเลยรุต  ตามเนื้อเลย >>  เพราะฉันรักกกกกก  รักเธอไปแล้วทั้งใจจจจจจจจ   รู้ ฉันรู้ว่าเธอต้องไปปปปป   

เพลงเศร้า เหมือนความรักของนายเลยรุตต

ส่วน ตาโปร  งึกงักๆ  จั่งซี้มันต้องถอน  กั๊กๆอยู่นั่นแหละ มาเอาป้าคนอื่นมาอ้างงงง โด่ววววววว

คนเก่าก็ยังไม่ลืม    จะเอาฟระ   วิน เคลียดิ๊      เคลียแทนนักอ่านทุกคนเลย 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 12-09-2015 20:17:05
พี่โป๊ะป่วยได้ถูกวันมากๆค่ะ5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน22(31-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 14-09-2015 10:09:43
มารอ ร๊อ รอ พี่โป๊ะ กับน้องวินทุกวันเลยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-09-2015 23:33:21
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 23


บอกให้นอนก็นอนดิวะ
ทำไมต้องทำให้วุ่นวายด้วยการมาสั่งกลับว่านอนก่อนไปเลยด้วย
ตามสภาพร่างกาย ผมคือคนที่ไม่นอนพักก็ยังไม่ตาย เขาคือคนที่ควรจะนอนพักถ้าไม่อยากตาย
“พี่โป๊ะก็นอนดิ ยากินรึยัง วินถามเป็นรอบที่ล้านแล้วเนี่ย”

“ก็ตอบเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ากินแล้ว วินนอนไปก่อนเลย”

“เพื่อ? วินไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องนอน”
“นี่ตี 2 แล้วพี่โป๊ะ นอนพักได้แล้ว พี่ไม่สบายอยู่นี่”

“พี่ไหว” แค่กๆๆๆ เสียงยุงตดหรอที่ผมได้ยินอยู่เนี่ย ผมกอดอกใส่ พ่นลมออกจมูกเสียงดังๆ ให้เขารู้ว่าผมเบื่อการเถียงกันแบบนี้มากแล้ว อย่าให้ถึงจุดพีคเลย ขอร้อง

“โอเค”
“คือพี่ยังต้องทำงาน”

“ตี 2”

“ก็มันไม่เสร็จแล้วแนนต้องส่งงานลูกค้าพรุ่งนี้แล้ว ดราฟท์แรก”
“ไม่อยากให้มันต้องแก้หน้า”

“ก็นี่มันตี 2”

“ก็ถ้าวินไม่จ้ำจี้จ้ำไชกับพี่ ก็ได้ทำงานตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ป่านนี้ก็คงได้นอนแล้ว”

นี่ผมยื่นพาราให้หมีควายแดกสินะ นอกจากจะไม่รับความหวังดีแล้วยังจะมาฆ่าผมอีก
ผมพ่นลมออกจมูกอีกรอบแล้วก็หันหลังใส่ ใช้เท้าเตะประตูเพื่อเปิดห้องแล้วก็เดินฉับๆ เข้าห้อง ปิดประตูใส่หน้าเขาแล้วก็คว้าหมอนมาฟาดลงบนที่นอนตัวเอง

“เหี้ยเอ้ย!!!”

ก๊อก ก๊อก
“วิน”

“...........” ไม่ตอบแม่ง มาเสียเวลาเรียกกันทำไม เอาเวลาไปทำงานสิ จะได้รีบตายก่อนปีสองพันสิบหก

“วิน เปิดประตู”

“ไม่ได้ล็อค” มีปัญญา มีความกล้า ก็รุกล้ำมาเถียงผมในห้องของผมเลย เอาสิ!

ปั่ก!
แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาครับ เฮ้อ ผมเริ่มไม่รู้แล้วใครบ้ากว่ากัน

“อะไรอีกล่ะ”

“นอนซะ เดี๋ยวพี่ก็นอนแล้ว ไม่ทำงานแล้ว” ผมเหล่มองนายมือโปรที่ยืนพิงขอบประตูห้องผม เขาพยักหน้าย้ำ แต่จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไปนอนตามที่บอก

“จริงๆ มันก็เรื่องของพี่โป๊ะ”
“แต่พี่ยังเสือกเรื่องของวินกับพี่รุตต์เลย วินก็ขอเสือกเรือ่งที่พี่ป่วยและควรนอนบ้าง”
“ได้เสือกแล้วก็ถือว่าหายกัน”

“โอเค พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“คืนนี้ฝันดีก็แล้วกัน”
“หรือนี่ฝันค้างอยู่ นี่พี่ขัดจังหวะเดทของวินรึเปล่า”

“กวนตีน” ผมอวยพรเขาก่อนนอน นายมือโปรยกยิ้มมุมปากแล้วก็ถอยออกจากห้องไป ผมได้ยินเสียงประตูห้องเขาเปิดและปิดลง แม้ใจจะไม่เชื่อว่าเขาจะนอนตามที่โม้ไว้เมื่อกี้ แต่ผมก็เลือกจะหยุดสนใจเขาแค่เพียงเท่านี้ เพราะคืนนี้ผมง่วงมากแล้ว
ก่อนหลับตา แม้ว่าผมจะปิดไฟในห้องแล้ว แต่ก็ขอนิสัยเสียเช็คโทรศัพท์อีกนิดหน่อย พี่รุตต์ส่งข้อความมาอวยพรให้ฝันดี และนัดหมายว่าพรุ่งนี้จะมารับ เพื่อไปส่งที่ออฟฟิศ
นอกจากข้อความพี่รุตต์ ก็มีข้อความไอ้โอม เพื่อนชั่วที่ไปทำตัวเริงร่าท้ากรวดออสเตรเลีย ข้อความมันยาวมากครับ ดีว่าส่งมาทางแชทเฟสบุ้ค มาร์คซัคไม่จำกัดความยาวของตัวหนังสืออยู่แล้ว ผมยังไม่อ่านละเอียดเพราะไม่อยากสายตาเสีย
ข้ามผ่านตัวหนังสือมากมายของไอ้โอม ผมเห็นการแจ้งเตือนที่กล่องข้อความอีก 1 อัน ก็เลยกดไปอ่าน เผื่อจะเป็นพี่รุตต์บอกรายละเอียดเพิ่ม
ผมเดาผิด คนที่ส่งข้อความมาหาผมคือนายมือโปรที่นอนห่างออกไป 1 ห้องเท่านั้น
เขาส่งมาว่า “นอนจริงๆ” ื
อ่านแล้วผมก็ขำ เอาเป็นว่าคืนนี้ คนที่บ้ากว่าก็คือเขาละกันนะครับ


#### @ D A W N  #####


เช้านี้นาฬิกาปลุกของผมคือสิ่งมีชีวิตที่ผมเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
นายมือโปรมาปลุกผมในห้อง และแม้ว่าผมจะลืมตาตื่นแล้ว มองเขาด้วยความคำถามว่า -เข้า มา ทำ อะ ไร แล้วทำ ไม ยัง นั่ง อยู่ อีก ทั้ง ที่ ผม ก็ ตื่น แล้ว- เขาก็ไม่ลุกไปไหน
นายมือโปรยังตะแคงตัวนั่งอยู่บนเตียงผม แต่หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ผมก็เลยเลิกมองเขางงๆ แล้วหันไปมองทางหน้าต่างบ้าง

พระอาทิตย์กำลังขึ้น
แสงส้มประกายทองบางๆ กำลังถักใยของตัวเอง ไต่ตามก้อนเมฆที่เรียงรายอย่างไร้ระเบียบ
ผมรู้สึกมีกำลังใจ รู้สึกว่าจะได้เริ่มใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อวานจะจบลงแบบไหน ไม่ว่าจะหลับด้วยอารมณ์ใด ณ ตอนนี้ ผมได้เริ่มใหม่อีกครั้งแล้ว

“สวยเนอะ”

“พระอาทิตย์น่ะหรอครับ พี่โป๊ะเพิ่งรู้รึไง”

“อื้อ พี่ไม่ค่อยได้มองว่าอะไรมันเริ่มต้นตอนไหน รู้ตัวอีกที อะไรที่ว่าก็จากไปแล้ว ก็เหมือนรู้ตัวอีกทีก็หมดวัน”

“วินชอบรู้ตัวว่าอะไรกำลังเริ่มมากกว่า”

“................” นายมือโปรไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาละสายตาจากจุดเริ่มต้นวันใหม่มามองผมแทน มองเงียบๆ มองนิ่งๆ และไม่ทันได้คาดคิดอะไร นายมือโปรก็ยื่นมามือปิดตาผม ผมเลยไม่เห็นว่าเขาทำอะไร และยังไม่ทันได้ขืนขัด ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาจูบหน้าผากผมเบาๆ ลุกขึ้นจากเตียง คืนอิสระให้ลูกกะตาผมอีกครั้ง แล้วก็เดินออกจากห้องผมไป

ผมได้แต่นอนตัวแข็ง อ้าปากค้างเพราะยังอึ้งๆ งงๆ อยู่

“เชี่ยเอ้ย” แม้จะสบถ แต่วันใหม่ของผมก็ยังไม่มีสีใดมาสร้างตำหนิแม้แต่นิดเดียว

ผมอาบน้ำ-แต่งตัวเรียบร้อย และลงมากินมื้อเช้าตามปกติ นายมือโปรนั่งจิบกาแฟรอแล้วครับ ดูจากชุดที่ใส่ก็เดาได้เลยว่าวันนี้เขาจะไม่นอนเพาะเชื้อโรคแล้ว

“กินข้าวเช้าสิวิน นั่งนิ่งทำไม” คือ.... ก็อยากถามไงว่าไอ้เมื่อเช้าคือไร? แต่เห็นเขาทำเหมือนมันไม่ได้มีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นเลย ผมก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย ผมจับช้อนส้อม มองเบคอน ไข่ดาว มันบด ในจานแบนๆ ของตัวเองแล้วขมวดคิ้ว

“อยากกินอะไรน้ำๆ”

“คนทำคงรีบ”

“ปกติเขาจะมีครบนะ ป้าสุรู้ว่าวินชอบ ต้องมีทุกมื้ออยู่แล้ว”

“.............”

“แล้วพี่โป๊ะกินอะไรอ่ะ”

“ปังปิ้ง กาแฟ พอแล้วแค่นี้แหล่ะ”

“วินอยากกินซุป หรือแกงจืดอะไรก็ได้ คล่องคอ”

“ก็บอกแล้วไงว่าคนทำรีบ”

“ก็ปกติเขามีมาทุกเช้านี่นา”

“โอเค มื้อเช้านี้พี่ทำเอง โทรไปบอกลุงสมานมาว่าเราจะไปทำงานกันเช้ากว่าปกติ คงไม่ทันได้รอกิน”
“กินสิ เดี๋ยวสายๆ พาไปกินซุป เช้านี้ต้องรีบ”

“ก็...”
“ก็ได้” ทำไมผมต้องยอมด้วยวะ! แต่ช่างมันเถอะ กินก็กิน ผมจิ้มเบคอนทอดเข้าปาก ยัดด้วยไข่ดาวลูกเล็กๆ มันบดช่างมันครับ แล้วดื่มนำแทน ตามด้วยกล้วย แอปเปิ้ล ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้อีกเกือบหมดกล่องใหญ่ๆ นายมือโปรมองผมตาปริบๆ คงงงว่าผมยัดบลงไปได้ยังไงล่ะมั้ง แต่มื้อเช้าสำคัญนี่หว่า

“อิ่มแล้ว”
“ไปสิ”
“เอ้า! พี่โป๊ะยังดื่มกาแฟไม่หมดอีกหรอ?”

“เอ้อ! อ่อ ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยต่อที่ออฟฟิศ”
“โอเคแล้วนะ”

“ครับ” ผมรับคำ รู้สึกพร้อมไปทำงานเต็มที่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ พี่รุตต์บอกไว้ว่าเช้านี้จะมารับไปทำงาน เออ....เอาไงดีหว่า

“เอ่อ พี่โป๊ะ”
“เดี๋ยววินไปเอง  งานด่วนที่ต้องให้พี่แนนนี่ต้องเสนอลูกค้ากี่โมงครับ วินจะไปให้ทัน จริงๆ”

“แล้วทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะ”

“คือ...พี่รุตต์ ..จะมารับ”

“อ้อ! โอเค”
“เจอกันที่ออฟฟิศก่อน 8 โมงก็แล้วกัน”
“ต้องบรีฟงานกันภายใน 20 นาที”
“วินก็ควรจะมาให้ทันนะ”
“โชคดี”

ผมยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็เดินฉับๆ ออกจากบ้านไปพร้อมกับโน้ตบุ้คคู่ขวัญคู่กำลังใจ เอกสารเยินๆ ปึกใหญ่ ส่วนผมก็ได้ยืนอึ้งๆ อยู่ว่า ทำไมผมได้ตามที่ต้องการเร็วจัง ตามปกติถ้าเป็นการงัดความใหญ่ของความต้องการ มันจะต้องต่อสู้เยอะกว่านี้เพื่อที่จะได้มา แต่ทำไมวันนี้เขาถึงเข้าใจอะไรง่ายจัง

แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการที่เขาเข้าใจอะไรง่ายคือ การเข้าใจเขาได้ยาก

#### @ D A W N  #####

นั่งรอพี่รุตต์อยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้านไม่นาน เขาก็มาถึงครับ พี่รุตต์ใส่ชุดลำลองดูสบายๆ เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าสบายๆ แต่คือผมรีบไง ผมต้องไปถึงออฟฟิศที่อยู่ทาวน์อินทาวน์ก่อน 8 โมง ตอนนี้ร่างผมร้อนรนอยู่แถวพระราม3 เอาสิ จะไปทางไหนที่ทันเวลา

“ทานข้าเช้ารึยังวิน สำคัญนะ”

“พี่รุตต์ก็รู้ว่าที่บ้านเขาดูแลอยู่แล้ว”
“ไปกันเถอะครับ วันนี้วินเข้าออฟฟิศที่ทาวน์อินทาวน์”

“งานด่วนมั้ย”

“ด่วนมากครับ”

“อ่อ...โอเค”
“ไปครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” น้ำเสียงพี่รุตต์หงอยลงนิดหน่อยแต่ผมก็สังเกตได้ ต้องขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลาปลอบอกปลอบใจเขาหรอกครับ ผมอยากไปให้ทันเวลามากกว่า เพราะผมอยากรับผิดชอบต่องาน และรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ผมพูดว่าจะไปถึงให้ทัน ก็ต้องไปให้ทัน

พี่รุตต์ขับรถเร็วกว่าปกติ เราโชคดีที่วันนี้รถไม่ติด พาตัวเองขึ้นทางด่วนได้ผมก็รอดแล้วครับ
รถพี่รุตต์จอดหน้าออฟฟิศตอน 7.55น. ผมรอดแล้ว ผมรอดแล้ว ใจผมกระเด้งดึ๋งๆ แบบบรรยายไม่ถูกเลยครับ คงเป็นเพราะผมสามารถทำตามหน้าที่ต้องรับผิดชอบได้นั่นแหล่ะ

ลงจากรถได้ผมก็วิ่งปรี่เข้าบริษัท ผ่านห้องยามเล็กๆ ที่เอาไว้ให้คนภายนอกแลกบัตร แต่ผมไม่ต้องแลก ผมกับพี่ทรงยศสนิทกันแล้ว อ้อ พี่ทรงยศคือยามครับ เป็นทั้งหัวหน้ายามและลูกน้องยาม คือทั้งบริษัทมีแกคนเดียว

ผมวิ่งรี่มาที่ชั้น 3 ทันที ผมคาดหวังจะเห็นพี่แนนหันหน้ารวยแก้มมามองผมแล้วส่งยิ้มให้ เห็นนายมือโปรหันมองตาม แล้วก็พยักหน้าเรียกผมเข้าทีมที่กำลังบรีฟงานกันอยู่  แต่พี่ผมเจอหลังจากผลักประตูเข้ามา คือความเงียบสงัด

“ชิบหาย! พรีเซนท์ที่ออฟฟิศไหนวะ!” ผมสบถด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ยกมือถือโทรหานายมือโปร ฟังเสียงตู๊ดไม่กี่ครั้งเขาก็รับสาย

“ครับวิน”

“พี่โป๊ะอยู่ไหน”

“ออฟฟิศไง”

“ออฟฟิศไหน?”

“ดุสิต”

“เหี้ยยยยยยยยยย วินอยู่ทาวน์อินทาวน์”
“พี่โป๊ะ วินขอโทษ”
“ไปตอนนี้ก็คงไม่ทันใช่มั้ยครับ”
“วินขอโทษนะ วินขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“เฮ้ย! รู้สึกผิดอ่ะ  ขอโทษนะพี่โป๊ะ”

“อื้อๆ ไม่เป็นไร เอาอยู่เถอะ สบายๆ”
“แล้ววินอยู่กับใคร ทีมเขาออกหาลูกค้ากันหมด เหลือแค่ยาม”

“ก็....คงต้องอยู่กับพี่ทรงยศเขาแหล่ะครับ”

“อื้อ นั่งทำงานไปเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว แนนมันเอาอยู่ รายละเอียดก็ผ่านแล้ว ไม่ยาก”

“ครับ แต่ว่า ถ้าพี่ต้องการซัพพอร์ต บอกวินนะ”

“ครับ ขอบคุณนะ” เขาวางสายไปแล้ว แต่ความอุ่นใจยังอยู่กับผม ทั้งที่ไปร่วมพรีเซนท์งานลูกค้าไม่ทัน ไม่ได้ดูการทำงานของทีมเขา ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย แต่กลับรู้สึกว่าผมนั่งที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขาได้ไม่เป็นไร ผมนั่งทำงานส่วนของผมได้ไม่เป็นไร  มันน่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งแรกๆ ที่ผมพลาดความรับผิดชอบส่วนของผม แต่ยังรู้สึกดีกับตัวเองได้อยู่ เพราะคำว่า –ไม่เป็นไร- ของนายมือโปร

ผ่านไป2ชั่วโมงกว่า พี่ทรงยศก็ขึ้นมาที่ส่วนออฟฟิศชั้น 3 เขาทำหน้าเหรอหราใส่ผม แต่พอผมพยักหน้าเชิญให้พูด พี่เขาก็พูดตรงประเด็นเผงเลย

“รถขายส้มตำไก่ย่างมาแล้วครับ วันนี้คุณแนนไม่อยู่หรอครับ แล้วจะให้ซื้ออะไรไว้มั้ยครับ”

“ผมก็ไม่รู้อ่ะครับพี่”
“เดี๋ยวผมถามให้”

“งั้นผมไม่เรียกไว้ก็แล้วกันนะครับ กลัวคุณแนนไม่เข้ามาแล้ว”

“อ่อ เรียกไว้เถอะครับ ผมซื้อเอง ถ้าไม่กลับมากันแล้วเราก็กินกันแม่งให้เปรมเลย”
“ไหนล่ะครับ” พี่ทรงยศยิ้มแป้น เดินนำผมลงจากออฟฟิศมายืนสู้แดดจัดๆ ที่หน้าออฟฟิศ รถส้มตำที่แกว่าก็คือรถเข็นเข็นควันโขมงนั่นแหล่ะครับ

“อ่า แม่ค้า ปูปลาร้า ลาบเนื้อ ซุปหน่อไม้แซ่บๆ เด้อ”
“ปลาดุกย่างด้วย ตัวนี้ตัวนี้ อ่อมด้วย คุณวินเอาอะไรครับ” พี่ทรงยศหันมาถามผม ผมก็เลยงงขึ้นมาทันที ไม่ได้งงว่าจะกินอะไรดีหรอกครับ งงว่าที่แกสั่งเมื่อกี้ไม่รวมส่วนของผมหรอ? แกกินคนเดียวหมดหรอวะ?

“เอ่อ..ตำปู แบบไม่ใส่ปูนะครับ” ปั่ก! เหมือนพูดอะไรแป่กๆ แล้วมีเสียงประกอบนั่นแหล่ะครับ สากหยุดทำหน้าที่ทุบตีก้นครกกะทันหัน ผมถูกแม่ค้าเหวี่ยงตามอง เธอไม่พูดอะไรกับผมแต่หันไปถามพี่ทรงยศว่า เด็กใหม่เรอะ?
“เอ่อ งั้นใส่ปูตามที่ป้าสบายใจเลยครับ” ปั้ก ปั้ก ปั้ก ผมตรัสรู้ได้ในบัดดลว่าห้ามเรียกแม้ค้าผู้ถือวัตถุที่แปรผันเป็นอาวุธได้ว่าป้า มันไม่ปลอดภัยกับกะบาลตัวเอง
“เอาตำปูครับ รสมือพี่เลยครับ อร่อยแน่เลย”
“กับ ไก่ย่าง เอาปีกๆ กับ...”
“เอ่ออออที่เป็นหมูสับๆๆ เรียกอะไรนะครับ”

“ลาบ! ไอ้หนุ่มนี้จะได้กินมั้ยมื้อนี้น่ะ!” ดุด้วย ก็ผมสับสนนี่หว่า จะกินหมูสับๆ แม่งก็เสือกสั่งได้แต่หมูหั่นๆ พอจำไว้ว่าสั่งแบบหมูหั่นๆเรียกอะไร มาสั่งครั้งต่อไปแม่งก็ยังได้กินหมู่สั่นๆอยู่ดี

“อื้อๆ เอาหมูสับๆ นะครับ ไม่เอาหั่นๆ”
“ผมจำไม่ได้หรอกว่าเรียกอะไร แต่จะกินหมูสับๆ”
“สั่งเท่านี้ได้มั้ยครับ”

“พ่อคู้นนนนน สั่งแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะครับคุณวิน”
“ฝากผมจ่ายเลยครับ เดี๋ยวหิ้วขึ้นไปให้”

“อ้อ ดีเลยครับ ผมร้อน” ผมควักแบงก์พันให้ พี่ทรงยศมองหน้าแบบไม่เข้าใจผมเท่าไหร่ ผมก็เลยเปลี่ยนไปแบงก์ห้าร้อยแทน
“ผมเลี้ยงพี่ทรงยศนะครับมื้อนี้”

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย” คือไม่เอา?
“ขอบคุณหลายครับ” ต้องแบบนี้สิ อย่าให้ผมต้องคะยั้นคะยอใครเลย ผมไม่ชอบง้อใครด้วย

ผมทิ้งยามบริษัทไว้กับแม่ค้าส้มตำ พวกเขาดูจะคุยกันถูกคอกว่าตอนที่มีผมยืนมารหัวร้อนมาก ขึ้นมาถึงโต๊ะทำงานก็คว้าโทรศัพท์เช็คดูว่ามีใครติดต่อมารึเปล่า
มีครับ
รายแรกพี่รุตต์ ก็คงโทรมาถามความเป็นไปขอผม
รายที่สองป้าสุ อื่มมม มีอะไรรึเปล่านะ?
รายที่สาม นายมือโปร น่าจะธุระด่วน ผมควรโทรกลับใช่มั้ย
ยังไม่ไตร่ตรองอะไร ผมเลือกโทรกลับไปหานายมือโปรทันที พอเขารับสายก็รายงานตัวรอเขาโยนความผิดชอบมาให้เพิ่ม

“กินมื้อกลางรึยัง”

“อ่ออ นึกว่าเรื่องด่วนอะไร”
“ยังไม่ได้กินครับ แต่ลงไปซื้อส้มตำกับพี่ทรงยศมา”

“อ่อ สั่งตับหวานให้ด้วยดิ นอกนั้นกินกับวิน”
“เดี๋ยวพี่ถึงแล้ว”

“พี่โป๊ะ แล้วพี่แนนล่ะครับ พี่ทรงยศแกเป็นห่วง”

“แนนไปโกดังกับลูกค้าต่อ”

“อ่ออ โอเค งั้นพี่รีบกลับมานะ ไม่อยากดมส้มตำ อยากกินเลย”

“โอเค แป๊บเดียว ตับหวานด้วย!” แล้วก็วางไป

นี่น่ะหรอสิ่งที่ผมห่วงว่าจะเป็นธุระด่วน
นายมือโปรชอบกินตับหวาน เกือบครึ่งวันผ่านไปผมเรียนรู้เท่านี้เองหรอเนี่ย?


เขาบอกแป๊บเดียวก็แป๊บเดียวจริงๆ ครับ นายมือโปรวิ่งหอบๆ เข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะวิ่งทำไม เดินชิลๆ ก็ถึง สงสัยจะอยากกินตับจัดๆ

“มาเร็วจัง”

“ก็พี่บอกแป๊บเดียวก็ต้องแป๊บเดียวดิ”
“หิวมั้ย กินเลยสิ”
“จานชามก็มี”

“ได้ๆ เดี๋ยววินเทเลย”
“แล้วพวกพี่แนนเขาไปทำงานกันต่อที่โกดัง พี่โป๊ะไม่ต้องไปก็ได้หรอครับ”

“อื้อ ได้”
“บ่าย 2 พี่มีประชุมกับบอร์ดบริษัทแม่ เรื่องตั้งร่วมทุนนั่นแหล่ะ วินไปด้วยนะ”
“หรือติดนัด”

“ไม่ๆ อยากไปกับพี่โป๊ะ”
“มีข้อมูลอะไรให้วินเตรียมกึ๋นก่อนมั้ย”

“มี เดี๋ยวอ่านในรถได้ กินก่อนเถอะ” นายมือโปรบอกแล้วก็จัดแจงเปลี่ยนตัวเองเป็นพ่อครัว เขาไม่ได้ประกอบอาหารหรอกครับ เขาแค่บรรจงเทส้มตำ หมูสับๆ ไก่ย่าง ตับหวาน ข้าวเหนียวลงในจาน ประดับผักสดที่แม่ค้าแถมมาจนดูมีรสนิยมมาก

“กินเลยนะ”

“เชิญญญญญ” แม่งตอบประชดเถอะ

เรากินข้าวเช้าด้วยกัน กินมื้อกลางวันด้วยกัน เย็นนี้ก็อาจจะกินข้าวด้วยกันอีกรอบ เพราะผมต้องเข้าประชุมบอร์ดกับเขาด้วย
24 ชั่วโมงต่อวันของผม กำลังชินกับการอยู่กับนายมือโปรตลอดเวลา
ผมหวังว่าเขาจะไม่รำคาญผมจนต้องลำบากไปหาเวลาส่วนตัวที่อื่น ผมหวังว่าเขาจะบอกผมตรงๆ ว่าตอนไหนอยากอยู่คนเดียว ตอนไหนอยากอยู่กับวิน
แต่ที่หวังกว่านั้น ก็คือ หวังให้ 24 ชั่วโมงต่อวันของเขา ชินกับการอยู่กับผมตลอดเวลา

โทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้รับ ทำเพียงแค่ชะโงกมองดูชื่อคนที่โทรหา แล้วก็นั่งกินมื้อกลางวันกับนายมือโปรต่อ
เพราะมือผมเปรอะเปื้อนอยู่ ไม่สะดวกรับสาย พี่รุตต์คงไม่โกรธผม และไม่มองเหตุผลของผมเป็นเรื่องไร้สาระหรอกนะ

เพราะมือผมเปรอะอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
เพราะผมกำลังกินส้มตำไก่ย่างอย่างมีความสุขอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลข้อแรกข้อเดียว หรือข้อสองข้อเดียว หรืออ้างทั้ง 2 ข้อ
สี่งที่ผมเลือกทำ ก็คือ ไม่รับรู้ความต้องการของพี่รุตต์ทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าใน 2 อาทิตย้นี้ จะมอบความทรงจำที่ดีให้เขา


-cut-


ครึ่งเดือนต่อที สปีดนี้กำลังโอเคใช่มั้ยคะ?
นี่มาต่อเพราะมีคนหมั่นถามเลย โฮ่ๆๆๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ จะปั้นให้ถึงไคลแม็กซ์เร็วๆ ไม่อยากให้คนอ่านเบื่อ แต่ไคลแม็กซ์เรื่องนี้อาจจะบางคนแทบไม่รู้สึก ฮ่าๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 15-09-2015 06:46:10
สงสารพี่รุต แท้   

มือโปร จะทำอะไรก็รีบทำซะนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 15-09-2015 07:41:07
วินใจร้ายนะเนี่ย  สงสารคุณรุตเลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-09-2015 07:58:30
พี่รุตคะ รีบนั่งเรือบินกลับญี่ปุ่นเถอะค่ะ
ปล่อยน้องวินให้พี่โป๊ะดูแลได้แล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-09-2015 11:43:00
สงสารพี่รุต  หมั่นไส้พี่โป๊ะ
แต่ไม่อยากสงสารพี่โป๊ะ
งั้นคงต้องให้เป็นแบบนี้แหลละเนาะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-09-2015 16:18:00
สงสารพี่รุตเบาๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 15-09-2015 20:23:41
ตอนนี้พี่โป๊ะก็น่าจะเริ่มมองจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างออกแล้วมั้ย

จุ๊บเหม่งมัดจำเค้าไปแล้วก็ช่วยทำอะไรๆ ให้มันชัดเจนด้วยนะคะคุณ อย่าปล่อยให้สายไปเหมือนที่ผ่านมา

เห็นวินน้อยค่อยๆ ยอมรับว่ากำลังเสพติดสิ่งมีชีวิตที่ชื่อมือโปรแล้วมันชื่นนนนหัวใจ

แต่เหนืออื่นใด... ทำไมต้องอ่านตอนสองทุ่มที่ฝนกำลังกระหน่ำเม็ดอย่างเมามัน

แม่ค้าส้มตำจ๋าาาาาาาาาาาาา T^T

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-09-2015 04:35:48
พี่รุตน์นี่ถอดใจแล้วยังเนี่ย   รักแท้แพ้ส้มตำสินะงานนี้

ลาบไม่ใช่หรือคะ?  ลาภมันแบบโชคลาภใช่ไหมคะ?
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-09-2015 15:01:08
ถึงจะมาช้าหน่อย แต่ก็อยากให้มาต่อนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ArgèntaR๛ ที่ 16-09-2015 15:09:00
เก็บเรื่องนี้ลงลิสต์มาไว้ตั้งนาน ได้ทีเลยมาอ่านรวดอยู่สองสามวัน
โดยส่วนตัวชอบความเรื่อยๆ แบบนี้นะ มัน Slice of Life ไม่ต้องเร่งเกินไป แต่ค่อยๆ ซึมซับกันดี
โปรคงเริ่มรู้สึกตัวมาได้สักพักแล้ว ก็ได้แต่เชียร์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ค่อยๆ กระดึ้บๆ เดี๋ยวไก่จะตื่นเสียก่อน :hao3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 16-09-2015 20:50:10
รู้สึกว่ามันมีอะไรก้าวหน้าขึ้นเนอะ

ถึงจะนิดหน่อยก็เถอะพี่โป๊ะกับวินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 16-09-2015 22:14:19
ชัดเจนแล้วมั้ยคะน้องวิน พี่โป๊ะ ที่กำลังรู้สึกกันอยู่น่ะ
แต่ดูเหมือนจะเป็นคนความรู้สึกช้ากันทั้งคู่นะ 5555

ไม่ได้เชียร์พี่รุตต์ค่ะ แต่ก็สงสารนางบ้างเล็กน้อยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 17-09-2015 16:14:51
พี่โป๊ะคนมึนนน ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะอะไรยังไงนะ และจะทำการเหี้ยวิถีใส่น้องวินตอนไหนอีกก
แต่น้องวินนี่คือติดพี่โป๊ะแล้วแน่นอน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ><~~~~ แอร้ยย

กอดพี่รุตต์เบาๆ ตลาดนั้นปล่อยเค้าสองคนไป แล้วมาอยู่กับเราดีกว่า 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 05-10-2015 18:14:46
ไปอ่านน้องธามมาแล้ว...ก็กลับมาคิดถึงน้องวินต่อออ
เค้ายังรออยู่น้า ..ไม่กล้าโพสบ่อยเดียวคนเขียนกดดัน 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(9-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-10-2015 00:17:39
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 24


ผมควรจะเอะใจตั้งแต่ป้าสุโทรมาแต่ไม่ได้รับสายแล้ว
ผมได้เจอกับตัวเป็นๆ ของป้าตัวเองที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทแม่ ซึ่งครองชั้น 18 ของอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งหนึ่ง บนถนนวิภาวดี
ป้าผมยืนสวยๆ อยู่กับเลขาส่วนตัวพี่ฟ้า และทันทีที่ผมเดินเข้าประตูบริษัทมา ทั้งคู่ก็พุ่งสายตามองผมอย่าง....ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือนายวิณณ์ หลานชายนายแบงก์

“เราอยู่ในช่วงพักร้อนหรอลูก ตาวิน”

“ยังไม่ผ่านโปร คุณวารินทร์เขาไม่อนุญาตให้พักร้อนหรอกครับป้าสุ”

“แล้วทำไมแต่งตัว....อื่มม ไม่ทางการเลยล่ะลูก”

“ก็...วินไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้ต้องเจอเอ่อ....”
“....ผู้ใหญ่” ผมพูดระหว่างกวาดตามองเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ผมไม่เคยมาที่นี่ ก็คิดเดาเอาเองว่าที่มองอยู่นี่น่าจะเป็นห้องประชุมใหญ่ เพราะว่ามันขนาดใหญ่ แต่ก็อาจจะไม่ใช่ เพราะผมเพิ่งเคยมา และก็เห็นแค่ห้องประชุมนี้แค่ห้องเดียวเท่านั้น

“วินไม่รู้หรอลูก”
“แล้วตาโปรไม่บอกหรอว่าวันนี้ประชุมวิสามัญ เรื่องตั้งบริษัทใหม่กับแบงก์”

“เอ่ออออ” แค่เอ่อไม่ถึงวินาที ป้าสุก็วางสีหน้าเข้าใจโลกให้เห็นแล้วครับ ผมหันรีหันขวางเพื่อหาคนมาอธิบายสถานการณ์ที่ผมเพิ่งรู้ แต่ป้าสุกลับคิดว่าผมควรรู้ก่อนหน้านี้ และก็เห็นนายมือโปรเดินเข้าประตูกระจกที่เปิดออกอัตโนมัติ มันน่าเจ็บใจที่เขามีสูทใส่ แต่ผมไม่มี!

“แต่ก็ดูพี่เขาพร้อมนะตาวิน” ก็พี่เขาขี้โกงไงล่ะครับป้าสุ!

“คุณอาสุ มาแล้วหรอครับ”

“จ้ะ”
“ตาโปรไม่ได้บอกตาวินของอาหรอว่าวันนี้มีประชุมวิสามัญกัน”

“ครับ ผมผิดเอง ขอโทษด้วยนะครับ”
“พี่ขอโทษนะวิน” แหงล่ะ ก็อยู่ต่อหน้าป้าสุนี่นา ผมไม่ได้โยนโทษอะไรให้เขาเพิ่มอีก เพราะสีหน้าเขาสำนึกผิดจริงๆ แล้วป้าสุเองก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจ

“ฟ้า จะหาเสื้อผ้าให้ตาวินทันมั้ย สูทสักตัวก็ยังดี”

“ใส่ของผมก็ได้ครับ ในรถมี”

“ไม่ดีกว่าจ้ะตาโปร น้องตัวเล็กกว่าเราตั้งเยอะ”
“ฟ้า จัดการตาวินด้วยนะ เรามีเวลาอีกสัก 1 ชั่วโมง”

“ได้ค่ะคุณสุ” รับคำเท่านี้แล้วพี่ฟ้าเลขาเกรดเอก็เดินฉับๆ ออกจากบริษัทนี้ไป

ผม...สงสัยอะไรตั้งเยอะเลย แต่ไม่รู้จะถามใครดี

“เอ่ออออ....”

“เดี๋ยวพี่บอกทุกอย่างเอง ไปห้องรับรองก่อนนะ”
“เชิญครับอาสุ”

“ขอบใจจ้ะ” ผมถูกพามาที่ห้องรับรอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานของใครบางคน เพราะมีโต๊ะทำงาน มีโซฟาสำหรับรับรองแขก มีตู้ประดับของตกแต่งซึ่งส่วนมาก ไม่สิ ทั้งหมดคือคริสตัล หรูหราประมาณหนึ่งเชียวแหล่ะ

“ห้องพ่อน่ะครับ”

“แล้วคุณตะวันล่ะจ๊ะ”

“เดี๋ยวผมไปบอกก่อนว่าอาสุมาถึงแล้ว พ่อคงคุยกับบอร์ดอยู่”

“จ้ะ” ป้าสุของผมรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนนายมือโปรก็ยิ้มให้อย่างสุภาพแล้วก็จากไป พออยู่กัน 2 คนป้าหลานแล้ว ผมก็ถูกตีแขนตามระเบียบ

“แต่งตัวอะไรลูก”
“อายมั้ยเนี่ย นี่ประชุมใหญ่เลยนะ รู้รึเปล่าว่ามันดีลใหญ่”

“ไม่รู้ วินไม่รู้อะไรเลยครับ ป้าสุบอกหน่อยสิ”

“มันน่าหยิกจริงๆ!” ไม่ใช่แค่ “น่า” หรอกครับ ผมโดนหยิกแล้ว แขนต้องเขียวแน่ๆ เลย แต่ก็บิดเนื้อผมไม่ถึง 3 วินาทีหรอก ป้าสุคลายแรงแล้วเลิกเสื้อยืดผมดูว่าแขนเขียวรึเปล่า พอเห็นร่องรอยจ้ำแดงก็เป่าปู้ดๆ ลงคาถา

“เรานี่น้า!!” คำบ่นครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับวงศาคณาญาติ ผมยิ้มเหี่ยวๆให้ป้าตัวเอง ครู่เดียวป้าสุก็หัวเราะใส่แล้วก็ดึงตัวผมนั่งลงบนโซฟา

จากนั้น การบรีฟธุรกิจที่สั้นที่สุดก็เกิดขึ้น

“วันนี้บอร์ดบริษัทนี้ประชุมด่วน เรื่องการตั้งบริษัทร่วมทุนกับแบงก์เราจ้ะ” แหม....เรื่องเล็กจนพูดไม่ออกเลย
ผมนิ่งเงียบ ผมรู้ว่านี่เป็นดีลธุรกิจใหญ่ และรู้ว่านายมือโปรก็ไม่ค่อยพร้อมนัก เขายังไม่หายป่วยดีเลย  2-3 คืนที่ผ่านมาก็โหมงานหนัก สงสัยว่าจะไม่ค่อยได้นอน หรือถ้านอนก็คงไม่เกินวันละ 2-3 ชั่วโมง
วันนี้เขาไม่มีเลขาคนเก่งอย่างพี่แนนคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้มือใกล้ตัว แล้วจะรอดมั้ยวะ?
ผมล่ะเป็นห่วง....หรือจริงๆ ผมอาจจะแค่สงสัยในสิ่งที่จินตนาการผมไม่อาจสร้างภาพขึ้นมาเองก็ได้

“ตื่นเต้นมั้ยจ๊ะ”

“ไม่หรอกครับ ก็เป็นเรื่องของบริษัท กับแบงก์”

“เรื่องของวินด้วยสิ”
“ฝั่งแบงก์ วินเป็นตัวแทนขึ้นเป็นกรรมการร่วมวางนโยบายบริหารนะจ๊ะ”

“ห๊ะ!” ป้าสุเอาอะไรมาไว้ใจผม! ผมเนี่ยนะจะเป็นกรรมการบริษัทได้ ผมน่ะหรอจะเป็นคนกำหนดนโยบายบริหารได้ ผมยังไม่เรียนไม่จบปริญญาโทเลย และคณะที่ผมเรียนก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถด้านการบริหาร หรือความเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจดีขึ้นเลย ให้ตายเถอะ!

“จ้ะ” แล้วก็ยิ้มใส่สวยๆ ป้าสุไม่กลัวผมเผาเงินลงทุนเลยสินะ

ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นายมือโปรเปิดประตูเข้ามา ในมือมีแฟ้มเอกสารสีดำ รูปทรงหนาเกินจะถือได้ด้วยมือเดียว และมีหลายแฟ้มด้วยครับ

“พ่อมาแล้วครับ”
“วิน มากับพี่”

“ไปสิจ๊ะ” ผมคงต้องตั้งคำถามใหม่ พวกเขาเอาอะไรมาไว้ใจคนอย่างผม!

นายมือโปรพาผมมาในห้องทำงานอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเล็กกว่าห้องเมื่อกี้นิดหน่อย เขาไม่ต้องบอกว่าห้องใครผมก็ฉลาดรู้ได้ วัดจากการนั่งบนโต๊ะทำงานและป้ายชื่อที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน แบบเอียงๆ หน่อย

“ไปเร็วๆ เลยก็แล้วกัน” คงหมายถึงจะบรีฟเร็วๆ ล่ะมั้ง ผมเดาเอา และก็เดาถูกเสียด้วย เขากวักมือเรียกผมไปนั่งที่เก้าอี้ ส่วนเขาก็ยังเอาก้นพาดไว้บนโต๊ะเช่นเดิม ขาข้างหนึ่งงอเล็กน้อย ส่วนอีกข้างเหยียดตรง ทำให้ความยาวของขาดึงดูดสายตาผมเอาไว้ ใครจะนินทาว่าผมอิจฉารูปร่างเขาผมก็ไม่เถียงหรอกครับ

“อันนี้ บริษัทร่วมทุน”
“อ่านไว้นะ เรื่องตั้งกรรมการกับผู้บริหาร ต้องลงรายละเอียดกันอีกที”
“อันนี้ งานที่จะเข้าบิด เข้าพิช โอกาสชนะมากกว่า 80% อีก 20% เก็บไว้เผื่อเจอเกมการเมือง”
“อันนี้ภาพรวมตลาด”

“ครับ”

“สักชั่วโมงนึงคงพอไหว ต้องรอชุดเรียบร้อยด้วยนี่” จิกกันอยู่รึเปล่าวะ? ผมยักไหล่ไม่แยแส พลางยื่นหน้าไปมองกองเอกสารในแฟ้มหน้า

“ต้องรู้หมดนี่เลยหรอครับ”

“จริงๆ ต้องรู้มากกว่านี้ แต่วันนี้มันงานขายผ้าเอาหน้ารอด”
“ฝากหน่อยนะ”
“คิดเสียว่าช่วยกัน”
“ถ้าเราตั้งเจวีนี้ได้ มันก็ดีกับเราทั้ง...เอ่อ 2 ฝ่าย”

“พี่โป๊ะบอกวินช้าไปนะ ถ้าบอกตั้งแต่อยู่ที่บ้าน วินก็คงพร้อมกว่านี้”

“ก็เห็นว่ายุ่งเรื่องทำไอเอสอยู่ด้วย”
“อีกอย่าง ธุรกิจนี้วินเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะวินก็อยู่ในฟิลด์มาก่อน ถึงไม่เคยทำสื่อเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง แต่เพื่อนวินก็ทำงานด้านนี้กันทั้งนั้น ไหนจะมาคลุกอีกนิดหน่อยตอนเรียนป.โท มันดึงมาใช้กันได้ ความรู้น่ะ”
“ส่วนประสบการณ์ ก็อยู่ที่ใจวินนั่นแหล่ะ  จะเอากับพี่มั้ย?”

“ห๊ะ” ถ้าเป็นไปได้ช่วยเปลี่ยนคำพูดด้วยครับ สีหน้าผมบอกแบบนั้น นายมือโปรหลุดขำเพราะคำพูดตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าพลางยืดตัวขึ้นอีก 2มือล้วงกระเป๋ากางเกง ซึ่งยิ่งทำให้เขาดูเท่ขึ้นไปใหญ่

“วินกล้าพอจะไปกับพี่มั้ย?”

ผมไม่ตอบอะไร จ้องหน้าเขาที่สู้สายตาผม ไม่ลี้หลบไปไหน และเป็นผมเองที่หลบสายตาก่อน ผมเปิดแฟ้มเพื่อดูเอกสาร แล้วก็บอกเขาสั้นๆ

“ของพวกนี้อ่านแค่ 30 นาทีก็พอครับ”

เขาปรบมือฉาดใหญ่ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก็คว้าตัวผมมาซุกเอวเขาไว้ แน่นอนว่าผมเย็นแก้มเพราะปะทะเข้ากับหัวเข็มขัด แต่แก้มผมกลับรับรู้ความเย็นของโลหะได้น้อยกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มก้อนเนื้อแก้ม ที่ตอนนี้เบียดกันอยู่ใต้ลูกกะตา

#### @ D A W N  #####

1 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วมากสำหรับผมที่นั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ  โอบล้อมด้วยบรรยากาศเงียบระดับกลางที่ส่งเสริมให้สติมาปัญญาเกิด ข้อมูลทั้งเครือของบริษัทพ่อนายมือโปรเข้าหัวผมได้ไม่ยาก ภาพรวมธุรกิจภาพยนตร์ของไทยผมรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมก็พร้อมลงเล่นเกมนี้ด้วยความพร้อมระดับที่หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นระดับที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดเท่าที่เคยประเมินความพร้อมของตัวเองมา
ผมไม่มีหน้าปล่อยให้ความเชื่อใจของใครสูญเปล่าหรอกครับ แม้แต่ความคาดหวังของพี่ฟ้าที่อุตส่าห์หาชุดสุภาพทางการมาให้ผมใส่ได้ทั้งตัว ผมก็ทรยศไม่ลง

“หล่อมากค่ะน้องวิน”

“ลูกใครล่ะจ๊ะ” ทำไมป้าสุถึงดูจะพออกพอใจในความหล่อของผม ป้ามีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหน้าตาผมด้วยหรอเนี่ย? ผมยิ้มนิดๆ ให้พี่ฟ้า ที่ส่งยิ้มเข่งใหญ่กลับมาให้ผมจนรับเอาไว้ไม่หมด เราอยู่กันในห้องทำงานพ่อนายมือโปรหลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและท่องตำราด่วนแล้วเสร็จ
มองหน้ากันอยู่ไม่นาน ก็มีคนมาเชิญพวกผมให้เข้าไปในห้องประชุมใหญ่....ซึ่งมันใหญ่กว่าห้องแรกที่ผมเห็นมากเลย ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าใครกันที่ออกแบบออฟฟิศนี้ คือพื้นที่ก็เท่ากับชั้นอื่นๆ แต่คนออกแบบสามารถทำให้มันสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงตกได้ เก่งกาจจริงๆ!

“ทางนี้ค่ะ” เธอคงเป็นพนักงานบริษัทนี้ แต่งตัวดีเชียวครับ พอจะสู้กับพี่ฟ้าสุดเนี้ยบของป้าสุได้เลย แต่ความสวย ฝั่งผมกินขาด

ประตูที่เปิดอ้าออกช้าๆ ตรงหน้าผมไม่มีเสียง แต่ความรู้สึกทีกำลังได้รับอยู่นี้ คล้ายกับว่าผมกำลังได้ยินเสียงซ่าๆ ของคลื่นสัญญาณที่ไม่ค่อยชัดเจน แสงจ้าในห้องทำให้ผมคิดว่าอีกทางของประตูคือเส้นขอบฟ้า ผมไม่กล้าขยับเท้าก้าวเข้าไปด้วยเกรงว่าจะตกเหว

“วิน มาสิลูก” ป้าผมเอ่ยเรียก ทำให้ผมจำต้องง้างขาเดินไปข้างหน้า ทั้งที่ไม่ได้มีความมั่นใจอะไรติดตัวไว้เลย
สายตาที่จับจ้องผมดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาดหรอกครับ ก็เพราะว่าในห้องนี้ไม่มีใครรู้จักผม จะให้เขามองผมอย่างเป็นมิตรได้อย่างไร
ผมก้าวเข้ามายืนเคียงกับป้าสุ ส่วนพี่ฟ้าหยุดตัวเองไว้ข้างหลังเยื้องไปข้างๆ ป้าสุแทน ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตัวโต๊ะประชุมลุกขึ้นเพื่อแสดงการต้อนรับการเปิดตัวอย่างแสนธรรมดาของป้าสุ...รวมถึงผมด้วยล่ะมั้ง จากนั้นคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นตาม แม้ว่าสีหน้าจะดูไม่ค่อยเต็มใจนัก

“สวัสดีครับคุณสุชาดา”

“ค่ะ คุณตะวัน” อ้อ คนที่หัวโต๊ะประชุมคือพ่อนายมือโปรนี่เอง ผมหันมองหน้าชายสูงวัยแต่ท่าทางยังสมาร์ทไม่สมวัยอย่างสังเกตุ รูปร่างเขากับนายมือโปรใกล้เคียงกันเลย แต่คนพ่อมีผมสีดอกเลา ขณะที่ลูกชายผมดำขลับ ดูเหมือนสีตาของคุณตะวันจะไม่ใช่สีดำเหมือนนายมือโปร แต่จะเป็นสีอะไรคงต้องขออนุญาตจ้องใกล้ๆ ในโอกาสอื่น
เครื่องหน้าเขาเหมือนมีเชื้อตะวันตกผสม ไม่เหมือนนายมือโปรที่หน้าตาไทยแท้ๆ แต่จมูกโด่งสวยของนายมือโปรก็ทำให้ผมไม่ทิ้งความคิดเรื่องเป็นลูกครึ่งไป
รวมๆ แล้วคนพ่อหล่อครับ สมาร์ท และที่สำคัญที่สุดคือ ดูใจดี ผิดกับลูกชายที่มององค์รวมแล้วสามารถจำกัดความด้วยคำว่ากวนตีนได้ภายใน 2 วินาที

ป้าสุพาผมไปนั่งที่เยื้องๆ หัวโต๊ะ การนั่งถัดจากป้าทำให้ผมถูกมองประเมินรอบใหม่ คนในห้องคงรู้กันแล้วว่าผมไม่ใช่คนติดตามหรือทีมเลขาเหมือนกับพี่ฟ้า ที่ไม่ได้ก้าวตามเข้ามาในห้องนี้

ไม่รู้เหมือนกันว่าพอรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ท่าทีและสายตาที่มองมาจะเปลี่ยนเป็นแบบใด

“อย่างที่ผมเพิ่งสรุปให้ฟังนะครับ”
“เราได้พาร์ทเนอร์ที่จะมาจอยท์แล้ว ขออนุญาตเปิดตัวอย่างเป็นทางการตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
“คุณสุชาดา จากแบงก์xxx จะมาเป็นพาร์ทเนอร์เรา”
“ถือหุ้นโดยบริษัทในเครือแบงก์นะครับ แบงก์ไม่ได้เข้าถือหุ้นโดยตรง”
“เชิญครับคุณสุชาดา”

ผมเพิ่งตระหนัก ว่าในโลกของธุรกิจ การคุยหลังบ้านนั้นสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นป้าสุคงไม่คล่องแคล่วพูดเรื่องนโยบายการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวัง และแผนธุรกิจเป็นต่อยหอยขนาดนี้

“แล้วทางแบงก์ ส่งตัวแทนนั่งบอร์ดกี่คนครับ” หนึ่งในผู้ใหญ่ถามเข้าประเด็นที่ไม่พ้นตัวผมจนได้ ป้าสุยิ้มอ่อนและหันหน้าทางผม

“คนเดียวค่ะ” อยากให้วอดวายสินะครับคุณป้า ผมได้แต่สกัดสีหน้าหัวใจแทบหยุดเต้นเอาไว้ระหว่างที่หันมองผู้ใหญ่ให้ถ้วนทั่วทุกตัวตน แล้วก็ยกยิ้มนิดหน่อยเท่าที่จะระลึกได้ว่าได้รับการสอนสั่งมาเหมือนกัน

“วิณณ์ วัฒนนุกูลค่ะ หลานชายดิฉันเอง” พฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้นในระบบสายตาของทุกคนในห้องประชุมนี้ พวกเขามองผมอย่างพร้อมเพรียง มองด้วยสายตาเคลือบแคลง สงสัยในศักยภาพหัวสมอง
ผมได้แต่ลุกจากเก้าอี้ ยกมือสวัสดีทั่วห้องเหมือนไหว้ภูเขาลูกโตแล้วก็นั่งลงอย่างสงบ
“ตาวิณณ์เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมสื่อภาพยนตร์ค่ะ แกชอบแกรักทางนี้ ดิฉันเห็นว่าเป็นโอกาสลงทุนที่ดีของแบงก์ก็เลยติดต่อคุณวารินทร์และคุณตะวัน”
“เชื่อว่าเราจะไปกันได้ดี” ป้าพูดจาเหมือนคนกำลังจะแต่งงานงั้นแหล่ะ ผมล่ะแอบขำนิดๆ กับสำนวนเปรียบเปรยทางธุรกิจที่ป้าสุใช้ แต่ก็ไม่ได้ไรฟันเล็ดลอดออกมาจนดูเสียมารยาทหรอกนะครับ

“คุณวิณณ์ เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์หรอคะ ดิฉันไม่เคยได้เห็นโพรไฟล์เลย”

“ครับ วิณณ์ยังไม่มีผลงานด้านการผลิตหรอกครับ แต่คลุกคลีอยู่กับรายเล็กๆ มานาน เพื่อนเขาทั้งนั้น”
“อีกอย่าง การได้บอร์ดที่รักชอบทางด้านนี้...ด้วยใจ...น่าจะดีกับบริษัทร่วมทุนของเรา” นายมือโปรตอบแทบผมทันที ผมยังอ้าปากไม่ทันกว้างเลย แต่ก็รู้สึกชอบคุณเขาอยู่ลึกๆ เพราะถ้าให้ผมพูดเอง ผมอาจหลุดพูดเรื่องที่เคยไปช่วยไอ้โอมตัดต่อหนังเถื่อนของมันให้คนพวกนี้รู้ก็เป็นได้

“ก็ถ้าคุณโปรยืนยันแบบนั้น”
“งั้นเรามาดูกันเรื่องรูปแบบบริษัทดีกว่าค่ะ”
“อ้อ แล้วจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่คะ”

“มติบอร์ดเย็นนี้ครับ ราวๆ เดือนหน้าเราจะแถลงข่าวเปิดตัวบริษัท ทางแบงก์จะมาร่วมด้วย”

“แล้วผู้ถือเดิมของเราล่ะค่ะ แบงก์เหมือนกัน จะไม่คอนฟลิค*หรอคะ” เธอคนเดิมถาม ผมจับน้ำเสียงได้ว่าเธอกังวลจริงๆ ไม่ได้แฝงอาการประชดประชันเอาไว้

“เรื่องคอนฟลิคไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
“กับผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นแบงก์ ก็ชัดเจนมาตลอดว่าเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและต้องการรับเงินปันผล และเหตุที่เข้ามาถือหุ้นแต่ต้นก็รู้กันอยู่แล้วว่าแปลงหนี้เป็นทุนเข้ามา ไม่มีแผนต่อยอดอะไร การที่ผมพาพาร์ทเนอร์ที่ช่วยต่อยอดการเติบโตมาได้ ผู้ถือหุ้นน่าจะพอใจครับ เพราะปันผลก็ได้เพิ่ม ไหนจะแคปปิตอลเกน**อีก เท่าที่ทราบ ตั้งแต่ประชุมรอบก่อนที่ผมบอกว่ามีแผนจะตั้งจอยท์ ทางนั้นก็ทยอยขายหุ้นรับแคปปิตอบเกนไปสัก 2 รอบได้”

“ก็ถ้าอธิบายได้ อาก็ไม่มีอะไรขัดคุณหรอกค่ะ” ครั้งนี้ประชดครับ ถ้าคำว่า ‘ค่ะ’ เป็นสากกะเบือล่ะก็...ครกแตกชัวร์ครับ
“แต่เอาแบงก์อื่นมาถือหุ้นในจอยท์เวนเจอร์แบบนี้ ถ้าต่อไปการกู้เงินมีปัญหา อาคงช่วยไม่ได้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ เราลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ เครื่องมือการเงินมีเป็นล้านอย่าง”
“ถ้าไง ฟังผมกับวิณณ์บอกแผนธุรกิจกันเลยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา”

“.................” ไม่มีใครคัดค้าน นายมือโปรหันมองพ่อตัวเองแล้วก็พยักหน้าเรียกผมไปยืนตรงโพเดียมด้วยกันเพื่อช่วยกันเล่าแผนธุรกิจของบริษัทใหม่ เป้าหมายการเติบโต และวิธีการเติบโต

ผมยอมรับว่าในหัวผมค่อนข้างขาวโพลน ว่างเปล่า ไม่รู้ตัวเหมือกันว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แล้วคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกไปมากมายขนาดนั้น แต่ทุกครั้งที่ผมหันมองนายมือโปรที่ช่วยเปลี่ยนประเด็นพูด ช่วยเสริมคำพูด สีขาวโพลนในหัวค่อยๆ จางออกไป กลายเป็นภาพนายมือโปรยืนหันหลังให้ผม สู้กับแสงแดดจ้าๆ แทนผม เป็นเกราะกำบังให้ผม
เขาเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง และกำลังทำให้ผมรู้สึกแข็งแรงตามไปด้วย

5 โมงเย็นมาเคาะหัวเข่าระหว่างที่ผมแอบนวดมันด้วยมือผมเอง นั่งมานานแล้วก็ต้องเมื่อยเป็นธรรมดาครับ ตอนนี้ เลขาในที่ประชุมกำลังอ่านมติที่ประชุมทวนให้กรรมการทุกท่านฟังอีกครั้ง และเมื่อไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก การประชุมบอร์ดวิสามัญครั้งนี้ก็จบลง....ด้วยดีล่ะมั้ง

ผู้ใหญ่ทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป แต่มีหลายคนที่มาคุยกับป้าสุของผมด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ซึ่งทำให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ป้าสุต้องยกมือไหว้อีกหน และยกยิ้มโชว์
คำชมมากมายปลิวเข้าหู แต่ผมไม่กล้าเชื่อหรอกครับ ผมเคยถูกทรยศด้วยคำพูดสวยหรูแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ผมจำได้ฝังใจ
แต่มีคำชมหนึ่งที่ทำให้ผมยอมเชื่อ

“วิณณ์ได้อาจารย์ดีนะครับ”

“ค่ะ คุณมือโปรเขาเก่ง” ป้าสุตอบรับคำชมนั้นทั้งที่คนที่ถูกยอไม่ใช่ผม แต่คือนายมือโปร มีการหันมองผมแล้วยักคิ้วใส่ด้วย นี่ป้าผมอายุเท่าไหร่!

ค่ำนี้ ผมได้รู้จักคุรตะวัน วาณิคพันธุ์อย่างเป็นทางการด้วยครับ เราทานมื้อค่ำร่วมกัน โดยที่ผมกับคุณตะวันไม่ได้พูดอะไรกัน คนที่พูดมีแต่ป้าสุกับคุณตะวัน นายมือโปรแจมบ้างนิดหน่อย แต่ผมเห็นเขาเน้นหนักเรื่องกินมากกว่า คงจะหิว เขาสั่งซุปเพิ่มแล้วถามผมว่าจะเอาด้วยมั้ย แต่ผมส่ายหน้า แล้วก็นั่งกินมื้อค่ำเงียบๆ ระหว่างฟังผู้ใหญ่คุยกัน และมองนายมือโปรซดซุปเห็ดที่เขาบิดโปรยพริกไทยใส่อย่างไม่ปราณีคนร่วมโต๊ะ
เนื้อหาที่ผู้ใหญ่คุยกันไม่ไกลตัวผมกับนายมือโปรนักหรอกครับ เพราะเขาคุยกันเรื่องธุรกิจล้วนๆ ส่วนมากก็แผนบริษัทร่วมทุน คู่แข่ง และทริกที่คนในอุตสาหกรรมเขาใช้กัน

“ไง เจ้าวิณณ์ คิดว่าไหวมั้ย” หือ? จู่ๆ คุณตะวันก็หันมาถามผม พอได้จ้องใกล้ๆ ถึงเห็นชัดว่าผู้ชายมากอายุคนนี้มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน

“ครับ น่าจะไหว”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว มีโป๊ะอยู่ไม่ต้องกังวลนะ”
“ลุงยืนคำขาดกับมันไปแล้ว ถ้าบริหารบริษัทนี้ไม่รอดก็คืออดตาย ไม่มีมรดกอะไรจะให้ทั้งนั้น”

“งั้น...ถ้าเจ๊ง พี่โป๊ะรับความผิดคนเดียวใช่มั้ยครับ” คำถามวงแตกล่ะมั้ง ผู้ใหญ่ทั้ง 2 คนมองผมอย่างเอ็นดู ส่วนนายมือโปรแทบพ่นซุปเห็ดใส่หน้าผม

ตอนนี้ผมมีความสุขดี
ผมกินได้อิ่ม นอนได้หลับ ผมรู้สึกมีเพื่อน และรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีมุมที่สวยงามในตัวมันเองโดยไม่ต้อใส่จริตในวิสัย

และแล้วก็ถึงเวลาแยกย้าย ป้าสุกลับกับรถส่วนตัวที่มีคนขับรถแสนภักดีรอทำหน้าที่อยู่ เช่นเดียวกับคุณตะวันที่มีคนขับรถส่วนตัวขับรถไปส่งที่บ้าน
ผมเองก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกครับ และคนขับรถส่วนตัวของผม ชื่อว่านายวารินทร์ 

ถึงเสียทีบ้านที่ทำให้หัวใจสงบได้
ผมเปิดประตูไม้และก้าวขึ้นบันได 2 ขั้นหน้าบ้าน เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดมันทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตชีวาของบ้านตื่นขึ้น เมื่อแว่วเสียงล็อครถก็หันมองประตูไม้อีกหน เพื่อรอใครอีกคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

“เหนื่อยมั้ยครับพี่โป๊ะ?”

“หือ? พี่หรอ?”
“ไม่หรอก ชินแล้ว”
“เราล่ะไอ้ยุ่ง เหนื่อยมั้ย”
“แต่วันนี้วินทำได้ดีมากเลยนะ เรื่องแถลงข่าวเดือนหน้า ยังมีเวลา ไม่ต้องเครียดล่ะ”

“วินไม่เครียดหรอก”
“มีมือโปรอยู่ข้างๆ” ผมแกล้งล้อชื่อเขานิดหน่อย ซึ่งเขาก็ขำๆ  ครู่เดียวก็ดึงตัวผมไปนั่งแผล่หลาอยู่บนโซฟาคู่กัน

“คิดถึงร้านกาแฟเนอะ”

“คิดถึงเพราะเป็นร้านในฝันลูกแพร์หรอครับ”

“ก็ไม่เกี่ยวมั้ย”
“พี่แค่คิดถึงโลกที่มันสงบๆ ไม่ต้องเอียงไปตามการหมุนของสังคมแค่นั้นแหล่ะ”

“ก็นึกว่าคิดถึงรักแรก”

“บ้าน่า ก็นานแล้ว ไม่ได้อะไรแล้ว” เขาบอกแล้วหันมองหน้าผมทั้งที่ยังแผล่หลาอยู่บนโซฟา

ผมไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หันไปสบตากับเขา เหตุผลก็เพราะนึกเอะใจตัวเองว่าจะขุดเรื่องในใจของเขาขึ้นมาพูดทำไม มันไม่เกี่ยวกับผมเสียหน่อย

“วินไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัว”

“ครับ”
“อ้อ เดี๋ยววิน”

“อะไร?”

“ขอบคุณนะ” เขาบอกแล้วยิ้มให้ ครั้งนี้ผมหันไปมองสบตา ยิ้มตอบ แล้วก็ลุกจากโซฟาไปอาบน้ำตามที่บอก

สดชื่นร่างกายอีกหน ก็ถึงเวลาเตรียมตัวนอนแล้วครับ กิจวัตรของผมก็คือการเช็คว่ามีใครติดต่อผมบ้าง ทั้งทางโทรศัพท์ ทางออนไลน์
คนที่ติดต่อมาก็คนเดิมๆ แหล่ะครับ มีป้าสุ ไอ้โอม แล้วก็พี่รุตต์
ป้าสุโทรหา แต่ผมไม่โทรกลับ ทำเพียงแค่ส่งข้อความไปบอกว่าถึงบ้านดีแล้ว กำลังจะนอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยมากและราตรีสวัสดิ์
ส่วนไอ้โอม แน่นอนว่าทักเฟสมา บ่นยาวเหยียดจนผมไม่อ่านเพราะขี้เกียจควานหาประเด็น
และคนสุดท้าย พี่รุตต์ ทั้งโทรศัพท์หา ทั้งข้อความ ทั้งแชทไลน์ เรียกว่าติดต่อผมได้ทางไหนเขาก็ทำหมด อื้อออออออ ละลายก็คงไม่ดี
ผมโทรหาพี่รุตต์ รอสายไม่นานเขาก็รับสาย น้ำเสียงที่ไร้เงาความง่วงทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายดูเวลาเสียเอง เที่ยงคืนกว่าแล้ว

“พี่รุตต์ เห็นโทรหาวินหลายครั้งเลย มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ”

“ไม่มีหรอก เป็นห่วง ไปส่งเมื่อเช้าแล้ววินก็ไม่ติดต่อกลับมาเลย วันนี้งานยุ่งหรอครับ” ผมควรบอกเขาดีมั้ยว่ายิ่งกว่าความยุ่งก็คือความใหญ่และความยาก

“ก็ยุ่งๆ นิดหน่อยครับ พอดีต้องพรีเซนท์งานคู่กับพี่โป๊ะ วินก็ต้องเตรียมตัวหน่อย วินไม่ใช่คนเก่งแต่เกิดนี่”

“แล้วนี่อยู่บ้านรึยังครับ จะนอนแล้วรึเปล่า พี่ไม่กวนนะ”

“ไม่กวนหรอก คุยอีกนิดก็ได้ ไม่อยากให้พี่รุตต์เหงา”

“อ่ออ ดีใจได้ใช่มั้ยเนี่ย”
“แล้ว พรุ่งนี้ยังไงดี ให้พี่ไปรับมั้ย”

“วินยังไม่รู้เลยว่าต้องเข้าออฟฟิศไหนกันแน่ พี่โป๊ะเขาไม่ได้บอกไว้”
“เอ่อออ คือ...จากนี้ไปวินคงต้องทำงานให้เขาแบบตามติดนิดนึงอ่ะครับ พี่รุตต์เข้าใจนะ”

“เอ้ย! พี่เข้าใจสิ”
“งั้นเย็นพรุ่งนี้ค่อยเจอกันก็ได้ อยากพาวินไปกินขนม จิบชาอรอ่ยๆ”

“เอาของโปรดมาล่อ วินก็ไม่ปฏิเสธสิ”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้วินโทรบอกพี่รุตต์อีกทีนะว่าให้มารับที่ไหน ตอนเย็นนะ”

“โอเค ได้เลย”
“ขอบคุณนะที่ไม่ลืมสัญญาว่าจะให้เวลากับพี่สร้างความทรงจำ”

“วินไม่ลืมหรอกครับ”
“แต่อย่าดึกนะครับ วินต้องมาทำไอเอสต่ออีก”

“อ้อ งั้นถ้าเหนื่อยไป ตัดนัดพี่ออกก็ได้นะ”

“อย่าตัดพ้อวินนะครับ วินไม่ง้อนะ พี่ก็รู้”

“ไม่ได้พ้อ แต่เป็นห่วง เอาเรื่องเรียนก่อนเรื่องพี่นะครับ พูดจริงๆ”

“วินไหว” ไหวเสร็จก็หาวเลยครับ ผมเหล่มองนาฬิกาอีกที จะตี 1 แล้ว ทำไมพี่รุตต์ไม่รู้จักง่วงมั่งนะ ด้วยความง่วงจัดผมเลยตัดสินใจยุติการคุยแต่เพียงเท่านี้
“พี่รุตต์ คืนนี้วินง่วงแล้ว เท่านี้ก่อนนะครับ”

“ครับ ฝันดีนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมอื้อรับคำแล้วก็วางเพื่อมานั่งหาวปากกว้าง และเพื่อเดินไปเปิดประตูห้องเพราะมีคนมเคาะเรียก

“ครับพี่โป๊ะ”

“นอนรึยัง?”

“ก็ง่วงๆ”

“พี่ต้องทำงานต่อ”
“ขอทำที่ห้องวินได้มั้ย ถ้าทำคนเดียวหลับคาโน้ตบุ้คแน่ๆ”

“แล้วทำห้องวิน จะไม่หลับหรอครับ ทำไมงั้นอ่ะ”

“เอาน่า แค่อยู่เป็นเพื่อนหน่อย หลับไปเลยก็ได้ แค่มีคนอยู่กับพี่ จะสภาพไหนพี่ก็อดนอนได้ โอเคนะ”

“ก็..ถ้าพี่โป๊ะว่างั้น ก็ตามสบายครับ” ผมเบี่ยงตัวให้เขาเข้าห้อง ในมือเขามีโน้ตบุ้คพร้อมเลยครับ เข้าห้องมาก็ยึดเก้าอี้นั่งที่ติดกับปลายเตียงเป็นที่ทำงานชั่วคราว ส่วนผมก็นอนตามปกติ

“พี่โป๊ะ” ระหว่างที่ผมกำลังจะหลับ ผมตัดสินใจคุยกับเขาคำสุดท้ายของวันนี้

“อื้อ อะไร”

“ขอบคุณนะครับ”
“วันนี้วินรู้สึกว่าตัวเองเก่งมากเลยอ่ะ”

“ก็วินเก่งจริงๆ นี่นา” เขาพูดปนเสียงหัวเราะแล้วก็เงียบไป เสียงในห้องนอนของผมมีเพียงเสียงแอร์ เสียงเขาจิ้มโน้ตบุ้คและเสียงลมหายใจเข้าออกของผมเอง


น่าจะใกล้เช้ามืดแล้วเพราะผมได้ยินเสียงไก่ขัน
ผมนอนซุกกอดผ้าห่มอุ่นๆ ที่มีกลิ่นเหมือนกับนายมือโปร เปี๊ยบ!


Cut

*คอนฟลิค : มาจาก Conflict of interest หมายถึง ผลประโยชน์ทับซ้อน
**แคปปิตอลเกน : มาจาก capital gain หมายถึง ส่วนต่างราคาหุ้น

โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย
ตอนนี้เนื้อเรื่องระหว่างพระนายไม่คืบเท่าไหร่ แต่ในเชิงโครงสร้างเรื่องคืบหน้ามากนะคะ (หรอ?)
เมื่อรวมร่าง (หมายถึงตั้งบ.ร่วมทุน) สำเร็จแล้ว พวกเขาทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์แบบไหนกันต่อ ติดตามค่ะ!
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-10-2015 07:23:11
อบอุ่น ละมุนละไม พี่โป๊ะโหมดทำงานไม่ค่อยคุ้นเลย คุ้นแต่โหมดเกรียนๆ :laugh:
สู้ๆนะวิน มือใหม่หัดบริหาร อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-10-2015 08:26:26
น้องวินสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-10-2015 09:03:02
เหมือนวินแอบหึงเลย
ตอนพี่โปรพูดถึงร้านกาแฟ หุหุ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 09-10-2015 10:12:00
ตอนนี้ศัพท์เทคนิคมาเต็มมากค่ะ
รู้สึกว่าพี่โป๊ะนี่ คือนาย 'มือโปร' จริงๆ นะคะ เวลาจริงจัง

แต่การที่พักนี้อาการแปลกๆ ..จะเรียกได้ว่า พี่โป๊ะอ้อนได้รึเปล่าหว่า ..น่ารัก ><
ชอบบรรยากาศละมุน ของทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-10-2015 14:07:31
ถึงตอนนี้  สรุปสั้น ๆ พี่โป๊ะหล่อออออออ  อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 09-10-2015 20:39:35
พี่โป๊ะอย่างเท่ อร้ายยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-10-2015 21:31:15
พี่โป๊ะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-10-2015 01:52:31
ละมุนมากค่ะ ดูๆแล้วใจวนไปกับพี่โป๊ะกว่าครึ่งแล้วลูก

เพราะวินสบายใจที่ได้อยู่กับพี่เขา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 10-10-2015 17:04:50
พี่โป๊ะ ของน้องวิน น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 11-10-2015 00:59:09
อ๊ายยยย อีนังพี่โป๊ะนี่มันร้ายจริงๆ

มันต้องแบบนี้สิ อย่าให้เสียทีที่มีโอกาสใกล้ชิดน้องมากกว่าใคร

ไอ้ยุ่งกำลังซึมซับตัวตนของนายมือโปรเข้าไปทีละน้อย...ละน้อย

อีกหน่อยก็กลายเป็นขาดไม่ได้ทั้งยามหลับแลยามตื่น (ก้ากก นี่ก็เว่อร์ไป)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-10-2015 23:05:45
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 25


เช้านี้ ผมตื่นขึ้นมาอย่างห่อเหี่ยว เพราะได้ไม่เห็นพระอาทิตย์
แต่พอพลิกตัวอีกที ผมก็ได้เห็นพระอาทิตย์แล้วครับ
คนที่นอนบังสายตาผมกับหน้าต่างห้อง ก็คือนายวารินทร์ วาณิคพันธุ์ ผู้ชายที่เป็นทั้งเจ้านาย เป็นหุ้นส่วนบริษัท และเป็นคนเช่าบ้านผมอยู่ตามสนธิสัญญาป้าสุ
เขาหันหลังให้แสงแดดอ่อนสีสวยสะอาดตา และหันหน้าหาผมที่เพิ่งตื่นมาด้วยใบหน้าที่น่าจะมันนิดๆ
นายมือโปรยังหลับอยู่ และก็คงอีกนานกว่าเขาจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว และนอนจ้องหน้าเขาอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้
เช้านี้เป็นเช้าแรก ที่ผมเจอสิ่งที่น่ามองกว่าแสงอาทิตย์ยามเช้า
ก็หน้านายมือโปรนั่นแหละครับ
ผมยิ้ม ผมยิ้มจนซี่ฟันเผยตัวพ้นริมฝีปาก ผมยิ้มจนรู้สึกได้ว่าแก้มยก และผมก็หัวเราะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้

“ตื่นแล้วหรอ?”

“อ้าว พี่โป๊ะก็ตื่นแล้วหรอ?”

“อื้อ”
“ตื่นนานแล้ว มองวินเพลินจนหลับอีกรอบเนี่ย”
“กี่โมงแล้วครับ”

“ประมาณ 7 โมง”

“ไม่น่าจะ พี่ตื่นรอบแรก 7 โมง เพราะเสียงกุกกักข้างล่าง”

“ก็ปกติวินตื่น  7 โมง”

“แต่เมื่อคืนวินเหนื่อย วันนี้ก็เลยตื่นสาย ตรรกะง่ายมาก”
“แล้วนี่เราจะตื่นกันได้รึยัง นอนคุยกันแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หลับอีกรอบ”

“พี่โป๊ะก็ลุกดิ”

“ลุกไม่ได้”

“ทำไม”

“น้องโปรตื่น”

“เชี่ย!”

“อ้าวเห้ย! มันเป็นเรื่องของกายภาพ พี่ไม่ได้สั่งให้มันตื่นสักหน่อย”
“แล้ววินดันน่ารักน่าแกล้ง มันจะตื่นมาแกล้งวินก็ไม่แปลก”

“ลามกชิบหาย”
“วินเป็นผู้ชายนะเว้ย!”

“พี่แกล้งได้ ไม่ใช่งานหินสักนิด”

“ทุเรศศศศศศศศศศศศศศ” ผมลากเสียงใส่ แลบลิ้นใส่แม่งไป 1 ที ซึ่งเป็นการกระทำที่พลาดมากครับ
เขาแกล้งผม แกล้งได้เหี้ยมากด้วย แม่งจูบ แม่งดูดปาก ไล่ลิ้น ไอ้เหี้ยยย กูก็ตื่นเป็นเหมือนกันนะเว้ย!

“พี่โป๊ะ ไอ้เหี้ย!”

“ฮึ”

“สันดานแม่ง”
“จูบทำเหี้ยไร”
“เงี่ยนก็ไปลงอารมณ์ที่อื่น ให้เกียรติกันมั่งเหอะ!”

“ไม่ได้เงี่ยน ไม่ได้กำลังลงอารมณ์มั่วๆ”
“รู้ตัวตลอดว่ากำลังทำไร รู้ด้วยว่าทำไปเพราะอะไร แต่ที่ยังไม่รู้คือทำได้แค่ไหน”

“...............”

“ไม่ด่าต่อล่ะ”

“ทำกับวินแบบเมื่อกี้อีกที เจอตีนแน่”

เขากระตุกยิ้ม จ้องผมไม่วางตา แล้วก็ยื่นมาครับ รอบนี้ไม่ใช่ปาก แต่เป็นมือ
เขาตะปบแก้มผมไว้เต็มอุ้งมือ ลูบจมูก ไล้ไต่ริมฝีปากที่เพิ่งอ้าด่าเขาหยกๆ

“พี่จะจริงจังล่ะนะ”
“เตรียมตัวไว้ให้ดีด้วย”
“พี่ขี้หึง ขี้โวยวาย รักอะไรมากๆ แล้วจะเหมือนหมาบ้า ไม่แยกอารมณ์กับเหตุผล”
“พูดง่ายๆ ก็คือเป็นแฟนที่เหี้ยนั่นแหละ”
“คบกันมั้ย?”

“เพื่ออะไร?”
“พี่คิดว่าทำไมวินควรเซย์เยสเพื่อมีแฟนเหี้ยๆ”
“อีกอย่าง วินไม่ใช่เกย์”

“ไม่เป็นไร วินไม่ต้องเป็นเกย์หรอก พี่เป็นเองก็ได้”
“แค่นี้เราก็คบกันได้แล้ว”

“วินไม่ได้รักพี่โป๊ะนี่”

“เดี๋ยวพี่ทำให้รักเอง วินแค่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ”

“ประสาท”

“โอเค งั้นเริ่มจากจีบก่อนก็ได้”
“โอเคนะ”
“เช้านี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ทำให้เอง”
“พี่ตื่นมาบอกให้พนักงานโรงแรมอาสุกลับไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเรื่องอาหารการกิน มือโปรบริการเองครับ”

“...................”

“ตื่นได้แล้วครับวิน วันนี้คงต้องทำงานกันหนักเลย”
“ร่างกายต้องพร้อมนะ สติไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวพี่ประคองเอง”

เขาเป็นบ้าอะไร? หรือเมื่อคืนตกเตียงเลยสมองกลับ แล้วนี่ละเมออะไร มาเออออห่อหมกว่าคบกัน เป็นแฟนกัน
ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลย ไอสักแค่กยังไม่ได้ส่งเสียงเลยด้วยซ้ำ ไอ้บ้า!

“อ้าว จะไปไหน ไม่หลงคารมก็ควรหลงความเอาใจใส่กันหน่อยนะ”

“เฮ้ออออออออออออออออ” ผมลุกจากเตียงแล้วถอนหายใจให้เขาได้ยินเสียง จะได้รู้ว่าผมเอือมมากๆ แต่นายมือโปรกลับหัวเราะอารมณ์ดี แล้วก็ลุกจากเตียง ออกจากห้องผมไป แล้วก็แย่งผมใช้ห้องน้ำ

บอกแล้วว่าเขาบ้า จีบประสาอะไรล่ะเนี่ย? ถ้าจีบประสาเหี้ย ผมคงไม่จำเป็นต้องเข้าใจเขา เดี๋ยวเหี้ยตาม

#### @ D A W N  #####

เขาไม่ได้โกหกผมเรื่องที่บอกกับคนของป้าสุว่าไม่ต้องมาดูแลเรื่องอาหารการกินที่บ้านไม้แล้ว และเขาก็ไม่โกหกเรื่องที่ว่าจะดูแลผมเอง
กับข้าวฝีมือนายมือโปรดูน่าอร่อย และก็อร่อยสมกับหน้าตาแหละครับ ผมกินเกลี้ยงเลย

“ถูกปากมั้ยครับ”

“ไม่ถูกปากครับ ถูกลิ้น ถูกฟันเคี้ยว ถูกกลืน ถูกแดกนั่นแหละ” กวนตีนให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้เลิกทำหน้าหล่อเสียงหล่อใส่ผมเสียที เห็นแล้วอยากถีบ

“นี่ตั้งใจมากเลยนะ ชมกันหน่อยก็ไม่ได้” วางสีหน้า แววตา และท่าทาง น่าเตะมากเลยครับ

“พี่โป๊ะ ดัดจริตกว่านี้วินจะเกลียดแล้วนะ”

“โอเค โอเค ไม่ชอบแบบหน่อมแน้มเนอะ”
“ชอบเถื่อนๆ สินะ”
“จัดปายยยยยยยยยย” สิ้นเสียง จานที่เกลี้ยงมื้อเช้าก็ร่อนแทบเสยหน้าผม ฝีมือเขานั่นแหละครับ ให้มันได้แบบนี้สิ เขาคงไม่รู้จักความพอดีล่ะมั้ง

“พี่โป๊ะ” ผมเรียกเมื่อเสียงล้างชามสิ้นสุดลง

“อื้อ ว่าไงไอ้ยุ่ง” เลิกเมารักแล้วสินะ ดูเหมือนจะกลับเป็นคนปกติแล้ว

“วันนี้ไปทำงานที่ไหนครับ”

“วันนี้ต้องบรีฟงานให้แนนก่อน แล้วเดี๋ยวไปโรงถ่ายที่บางพลี”

“งั้นวินให้พี่รุตต์ไปรับที่บางพลีนะครับ พี่รุตต์จะพาปะ”

ปัง! เสียงปิดประตูห้องครัวครับ
บ้านนี้เป็นไม้ทั้งหลัง คิดดูละกันว่ามันจะดังกระแทกสติขนาดไหน

“พี่รุตต์จะพาไปกินเลี้ยงขนม”

“เห็นแก่กินรึไง เอาขนมมาล่อก็ตามเขาต้อยๆ พี่ซื้อให้กินก็ได้ ทำให้กินยังได้”
“ไม่ต้องไป”

“พี่โป๊ะไม่ใช่ผู้ปกครอง แล้ววินก็ไม่ได้ขออนุญาต ก็แค่บอกให้รับรู้ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าวินหายไปไหน กับใคร”

“ใครบอกพี่ห่วง”

“งั้นพี่โป๊ะก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องมาโวยวายแล้วไม่ให้วินไปกับพี่รุตต์แล้วดิ”
“ก็พี่ไม่ได้เป็นห่วงวิน”

“เออ พี่ไม่ห่วง พี่รู้วินดูแลตัวเองได้ แล้วก็รู้ว่าคุณรุตต์เขาเป็นคนดี เท่าที่วินบอกไว้ล่ะนะ”
“แต่ก็ไม่ให้ไป บอกเขาไม่ต้องตามไปรับเย็นนี้ พี่หวงของพี่”

“สิทธิอะไรพี่มาหวง”

“ก็พี่จะจีบวินเป็นแฟนอยู่นี่ไง”

“นี่พี่จีบวินอยู่หรอ?”

“เออสิ ก็ทำอะไรให้ตั้งมาก”

ปวดกะบาลชิบหาย!

“มีใจแล้วบอกด้วย มันลุ้น”

เชี่ยเอ้ย! แล้วผมยิ้มทำไม!

องค์เทพเจ้าเมารักออกจากร่างเขาแล้ว นายมือโปรก็กลับมาพูดรู้เรื่องตามเดิมแหละครับ ไม่ค่อยตีรวนผมเท่าไหร่ ถามงานตอบงาน
เรามาที่ออฟฟิศทาวน์อินทาวน์ เพื่อบรีฟงานให้กับพี่แนนรับไปทำต่อ สายเข้าหน่อยก็ประชุมทีม
ในบริษัทนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยครับ เพราะนายมือโปรจะโยกคนไปอยู่ในบริษัทร่วมทุน เขาขอคนที่สมัครใจจะไปก่อน ซึ่งก็มีคนจากฝ่ายโปรดักส์ชั่นมาพอสมควร แต่เราก็ยังต้องการคนเพิ่มอยู่ดี นายมือโปรบอกให้พี่แนนเปิดรับสมัครหน้าเวบไซต์บริษัทแล้วก็ให้ทุกคนในทีม ใช้วิธีสโนว์บอลน่าจะรวดเร็วสุด
กว่าผมจะได้กินมื้อเที่ยงก็ล่วงมาบ่ายโมงครึ่งแล้วครับ สีหน้าเหนื่อยๆ ของผมคงสะท้อนในลูกกะตานายมือโปรเสียที เขาถึงได้เลิกประชุมงาน แล้วก็บึ่งรถจากบริษัทเพื่อไปยังโรงถ่ายที่บางพลี และแวะกินข้าวที่ปั๊มใหญ่ก่อนออกจากทางด่วนบางนา

“เอาอะไรอีกมั้ย”

“อิ่มแล้วครับ”

“ซื้อติดรถไปด้วยก็ดีนะ เผื่อเป็นมื้อเย็น ไม่รู้จะออกจากที่นั่นกี่โมง เดี๋ยววินหิว”

“พี่ทนได้ วินก็ต้องทนหิวได้สิ”

“นี่ทำงานนะวิน ไม่ได้เล่นวัดความอดทน”
“ไปเลือกขนมไป เลือกให้พี่ด้วย โกยๆ มาเถอะ”
“นะครับ”

“รู้แล้วน่า ไม่ต้องทำหน้าหล่อเสียงหล่อหรอก วินไม่ชอบ”

“เขินอ่ะดิ”

“เขินบ้าบออะไร พี่โป๊ะก็เลิกเล่นบ้าๆ ซักที”

“พี่ไม่ได้เล่น บอกแล้วว่าจริงจังแล้วเนี่ย”
“จีบอยู่ครับ ผมจีบคุณอยู่ครับ แต่เราก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ไง แล้วก็อยู่กัน 24 ชั่วโมงต่อวันแบบนี้ พี่คงเก็กหล่อหลอกตาวินไม่ได้หรอก”
“ไปเลือกขนมไป”

ก็จบลงที่ของกินอยู่ดีแหละวะ แล้วทำมาเป็นว่าผมว่าใครเอาของกินมาล่อก็ไปกับเขา ชิ!

ผมช้อปปิ้งเบาๆ ครับ ซื้อแม่งทุกอย่างมีในร้านนั่นแหละ อย่างละ 2
นายมือโปรมองของที่เขาต้องถือไปขึ้นรถแล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับหัวเราะ คงสุนทรีย์อารมณ์มากแหละ ผมเดา

“คุณชาย ช่วยกันหน่อยดิ”

“พี่โป๊ะจีบวิน ก็ต้องเทคแคร์สิ พี่รุตต์ก็ทำงั้น” โหยยย รู้สึกมีอำนาจเว่อร์! แล้วเขาก็ดันทำตามซะด้วย แต่ก่อนจะลงมือหอบหิ้วทุกถุงออกจากร้าน มีแอบทำหน้ายู่นิดหน่อย แม้จะนิดหน่อยผมก็มองเห็นนะ อย่ามากเรื่อง ขอร้อง!

ขับรถต่ออีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็มาถึงโรงถ่ายเสียทีครับ
โรงถ่ายจำลองนี่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว จากการประเมินด้วยสายตา งานก่อสร้างสตูดิโอสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์คืบหน้าไปมาก
นายมือโปรพาไปที่โกดังเดิมที่เขาเคยปล่อยความกวนส้นตีนใส่ผมเต็มเหนี่ยว แต่วันนี้เขาดูแลดีมากครับ แล้วสถานที่เอื้ออำนวยแล้วด้วย เพราะโกดังที่เคยกรังด้วยของเก่าๆ ถูกเนรมิตเป็นสำนักงานกะทัดรัด
มีห้องรับแขก ห้องประชุมที่แบ่งย่อยๆ เป็นกี่ห้องก็ไม่รู้ แต่อยู่โซนชั้น 2 ส่วนห้องเก็บอุปกรณ์ขนาดกลาง-เล็ก ที่เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ อยู่ที่ฮอลใหญ่ชั้น 3 ทั้งหมดอัดกันอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นโกดังนี่แหละครับ
“มียามกับแม่บ้านแค่นั้นแหละตอนนี้”
“วินหาที่นั่งดูแลตัวเองก่อน พี่เอาของแช่ในตู้เย็นให้”
“เดี๋ยวเข้าไปดูสตูดิโอข้างในกัน พี่โทรบอกช่างไว้แล้ว”

“ครับ” โทรตอนไหนวะ? เขาอยู่กับผมแทบตลอดเวลา แต่ยังสามารถจัดการงานไว้ล่วงหน้าได้ด้วย บางทีนายมือโปรอาจจะมี 10 มือก็ได้

แต่ผมก็เจ้าของบริษัทนี้เหมือนกัน ผมคงนั่งงอมืองอเท้าดูเขาทำงานงกๆ ไม่ได้หรอก

“วินช่วย”

“เอ่อ งั้น ขอบคุณนะ”
“แต่ช่วยมีใจให้พี่เร็วหน่อยก็ดี พอดีช่วงนี้กำลังโสดและเสน่ห์แรงมาก ช่วงฮอร์โมดปรู๊ดปร๊าด ฮ่าๆๆๆ”

ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะนี่มัน....เฮ้อออ เอาเถอะ ผมว่าเขาน่ารักดีเวลาพยายามทำอะไรที่ไม่เข้ากับนิสัยตัวเองแบบนี้

ผมนั่งตากแอร์หลังจากที่จัดของกินยัดใส่ตู้เย็นเสร็จแล้ว แม่บ้านชงกาแฟมาเสิร์ฟนายมือโปร แล้วก็มาชวนผมคุย หัวข้อก็ไม่พ้นความงามของคุณโปร เธออย่างนั้น เธออย่างนี้ เขาเอาเวลาที่ไหนไปสร้างภาพจำดีๆ ให้คนอื่นกันนะ กับผมนี่กวนตีนได้ก็จะกวนตีนทันที
ส่วนคนที่ควรมากินกาแฟของคุณแม่บ้าน กำลังเดินไปดูห้องเก็บของกับพี่ยาม ผมเดาว่ากาแฟแก้วนี้คงเป็นหมันแล้วแหละ

“ไป วิน”

“ไปไหนครับ”

“ไปดูสตูดิโอไง”
“สวยนะ”
“มีห้องตัดต่อพร้อมเลยด้วย”
“ส่วนโรงแรมคงเสร็จอย่างสุดท้าย”
“เดี๋ยวเสร็จแล้วเสี่ยพามาเปิดห้องนอนนะหนู”

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย”

“ด่าแฟนจะไม่เจริญนะวิน”
“ระวังปากด้วย เดี๋ยวมันส่งผลถึงอนาคตแล้วจะโอดครวญว่าพี่ไม่บอกล่วงหน้า”

“วินไม่กลัว ยังไงๆ วินก็ไม่ตกเป็นเมียพี่โป๊ะหรอก”
“เป็นเมียพี่โป๊ะ ต้องกินแต่ไก่เปียก ตอนกินไก่ก็ต้องตัวเปียกเพราะลากไปกินในน้ำ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ป๊อก!
โดนเขกหัวครับ ผมทำหน้างอแหงนหน้ามองเขา จะได้รู้ว่ามะเหงกนี้กูเจ็บครับ
“อุ่ย! ลืมออมแรงเลย”
“ขอโทษๆๆๆ ไม่เจ็บน้า โอ๋ๆๆ นิ่งเตะ นิ่งเตะ” กวน ส้น ตีน!

“เล่นกันพอแล้วเนอะ ไปสตูฯ กันเถอะ”

กูเจ็บจริงๆ! แล้วกูก็ไม่ได้เล่นกับคุณมึงด้วย!
จีบบ้าจีบบออะไร แม่งก็แกล้งผมแก้เครียดแก้เซ็งล่ะวะ!

แต่เขาอาจจะจีบผมอยู่จริงๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินจับมือผมไว้ แล้วก็คอยถามว่ากินน้ำมั้ย หิวรึเปล่า ร้อนมั้ย? ไปรอที่ออฟฟิศก่อนมั้ย และอีกมากมายที่ถามเพื่อความสะดวกสบายของผมทั้งนั้น

ผมเหยียบเข้ามาที่สำนักงานอีกครั้งตอน 5 โมงเย็น พาหนะที่พาผมกลับมาที่สำนักงานก็คือรถกอล์ฟที่นายมือโปรขับนั่นแหละครับ
แม่บ้านกลับไปแล้วเพราะถึงเวลาเลิกงานของแกแล้ว ส่วนยามก็เปลี่ยนหน้าไปแล้วเหมือนกัน
“กินข้าวเย็นที่นี่ หรือจะไปหาร้านอร่อยๆ กิน หืม?”

“แล้วแต่พี่โป๊ะเลย”

“งั้นกินที่นี่เนอะ เดี๋ยวพี่อุ่นให้ วินล้างหน้าล้างตาเถอะ เพลียใช่มั้ย”

“ไม่เป็นไร ช่วยกัน”

“เดี๋ยวพี่ดูแลเอง อาสุฝากไว้แล้ว พี่ก็ต้องดูแลให้ดีสิ เดี๋ยววินไปฟ้อง เดี๋ยวพาร์ทเนอร์ทิ้งพี่จะซวยเอา”

“อ้อ ที่ดีกับวินนี่เพราะว่าเป็นกระเป๋าตังค์ให้อยู่ใช่มั้ย โธ่เอ้ย! ทำเป็นบอกว่าจีบ ลูกไม้ว่ะพี่โป๊ะ”

“คิดบ้าๆ!” เขาด่าผมแล้วก็ขมวดคิ้วมอง มองแล้วก็ถอนหายใจแล้วก็เดินหายไปในครัว คงไปอุ่นข้าวให้ผมกินตามที่บอก

ถึงเขาจะห่างตาไปแล้ว ผมก็ยังติดใจเรื่องที่เขาเพิ่งพูดออกมาอยู่ดี
หรือว่าความสัมพันธ์ของผมกับเขา แท้จริงแล้วมันก็แค่เพื่อผลประโยชน์
เขาจะได้อะไรจากการตามดูแลผมล่ะ ถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีกับแบงก์ใหญ่ของประเทศ ได้พาร์ทเนอร์ที่พร้อมซัพพอร์ทด้านการเงิน

จริงสินะ โลกนี้มันก็มีแต่ผลประโยชน์กันทั้งนั้นแหละ
ทำไมผมไม่จำเลย ผมกับรินนาก็รู้จักกันเพราะผู้ใหญ่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
ความรักกับผลประโยชน์ ไม่มีใครกำไว้ได้ทั้ง 2 อย่าง และมันไม่ใช่สิ่งที่ ได้อย่างเสียอย่างซะด้วยสิ
ความรัก ผลประโยชน์ เพียงแค่มีฝ่ายหนึ่งอยากได้แค่เพียงอย่างเดียว อาจต้องเสียไปทั้ง 2 อย่างก็ได้ เหมือนที่ผมเคยเสียมาแล้ว ทั้งที่ผมไม่ใช่คนที่อยากกำไว้ทั้ง 2 อย่าง

ผมเห็นประตูห้องครัวถูกเลื่อนเปิดอีกครั้ง เขาคงจะมาถามความเห็นผมเพิ่มว่าจะกินน้ำอะไร ขนมอะไร แต่ผมไม่สนใจเรื่องของกินแล้ว เขาสร้างเรื่องกวนใจให้ผมมากเกินไปแล้ว

"วิน"


ผมไม่สนเสียงเรียกแต่กลับเดินเฉไปอีกทางเพื่อโทรศัพท์


"วิน" ไม่เอา ผมไม่ต้องการความรักของเขา และไม่ต้องการผลประโยชน์จากเขา เพราะไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง


"พี่รุตต์ครับ" เมื่อปลายสายรับสาย ผมก็กรอกเสียงพูดไป เขาคงได้ยิน ถึงได้หยุดเรียกผม กระจกใสของสำนักงานสะท้อนภาพนายท้าวเอวมองผมอยู่ที่โซฟา

"วินอยู่ที่บริษัทร่วมทุนใหม่น่ะครับ แถวบางพลี เดี๋ยววินแชร์โลเคชั่นไปให้ พี่รุตต์มารับได้มั้ยครับ" กระจกใสของสำนักงานสะท้อนภาพนายมือโปรยกมือนวดต้นคอตัวเอง เขาคงกำลังสะกดอารมณ์ไม่พอใจของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

แต่ผมไม่อยากสนเขาหรอก เพราะผมไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง

ผมวางสายจากพี่รุตต์ สูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง แล้วก็หันไปหานายมือโปร


"พี่โป๊ะ เดี๋ยวพี่รุตต์มารับ วินคงไม่กินมื้อเย็นที่นี่หรอกครับ"


"พี่ไม่ให้ไป...ได้มั้ย?"


ผมให้เขามีสิทธิ์ห้ามไม่ได้หรอก ผมไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง


"วินจะไปกับพี่รุตต์"


"โอเค พี่ไม่มีสิทธิ์ห้าม"
"โอเค โอเค" เขาพึมพำ ลูบหน้าตัวเองจนทั่ว ผมเห็นหน้าเขาแดงไปหมด ลำคอก็ด้วย แต่ผมจะไม่ใส่ใจหรอก

ความสัมพันธ์ของผมกับเขาตอนนี้ ผมจำกัดความไม่ได้ อธิบายไม่ถูก แต่ผมชอบ ผมถึงไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง ผมถึงให้เขาไม่ได้ซักอย่าง

ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจ
   

Cut


มาต่อแล้วค่าาาาาาาาาา
เร่งแล้ว พี่โป๊ะเร่งจังหวะแล้วค่าาาาาาา
ส่วนน้องวินจะถอยหนี หรือถอยไปตั้งหลัก ติดตามค่ะ!

พรุ่งนี้ค่อยเข็นพี่หมอนำนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-10-2015 23:36:23
เดี๋ยวนะะะะ ขึ้นต้นมาฮามา แต่ไหงตอนจบหน่วงมากกกกกกกก
งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: athena_tiew ที่ 19-10-2015 00:50:50
ที่หนึ่งคงถูกใจน่าดูที่นายโป๊ะเจองานยาก น้องวินไม่ใช่หมูๆที่พี่โป๊ะจะจับใส่กรงได้ง่ายๆ สู้ๆนะพี่โป๊ะหมอนำเค้ารอสมน้ำหน้าอยู่นะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-10-2015 06:42:51
พี่โป๊ะเริ่มเองนะงานนี้ แต่เวลาเทพความรักเข้าสิงพี่แล้วไม่ชินเลย :m20:
งานยากแล้วทีนี้พี่โป๊ะ คู่แข่งเขาก็เป็นคนดีนะ จะเอาชนะใจวินได้ยังไง :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2015 07:04:07
เอาใจช่วยพี่โปรนะ 55555
งานยากนะงานนี้
ขอบคุณนะคะที่มาต่อ :pig4:
มาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 19-10-2015 21:11:47
โหยยย กำลังน่ารักเลยค่ะ พี่โป๊ะนี่พอมั่นใจแล้วลุยเลย ไม่สนอะไรเลยอ่ะ จะว่าฮาก็ฮา ฮามากด้วย แต่พี่โป๊ะต้องทุ่มเยอะหน่อยแล้วล่ะ น้องเขามีปม จะสงสารอีกหน่วยก็พี่รุตต์นี่แหละ ที่รู้ว่าไม่มีหวัง แต่ก็กระโจนลงสนามมาเจ็บเอง

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-10-2015 07:51:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-10-2015 10:50:21
เอ่อ   พี่โป๊ะจะรู้ไหมเนี่ยะ  ว่าวินเป็นอะไร
พี่เองถ้าเจอแบบนี้ก็คงงงเหมือนกัน
ก็หยอกกันอยู่ดี ๆ ของขึ้นซะงั้น
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 21-10-2015 15:56:54
ถ้าพีโป๊ะไม่เคยทำร้ายเจมส์ บทดราม่าคงมีคนสงสารพี่โป๊ะเยอะกว่านี้แน่ 555
ใจแข็งไว้วิน อยากเห็นพี่โป๊ะเจ็บมั้ง.  :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-10-2015 21:20:14
จู่ๆก็มาบอกว่าจะจีบ เป็นใครกะงงล่ะวะ 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ (26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-10-2015 01:17:13
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนพิเศษ


ผม....ขึ้นชื่อเรื่องมั่นคงในรัก
ผมมีความรักที่ฝังใจ แม้ว่าจะไม่มี “อีกฝ่าย” ให้เรียกว่าคนรักก็ตาม
เพื่อนบอกว่าผมโง่ ก็โอเค ไม่เถียง แต่ผมก็อยู่กับความภาคภูมิใจนี้มาตลอด จนกระทั่งวินาทีหนึ่ง ของวันหนึ่ง ของเดือนหนึ่ง ของปีหนึ่ง
สิ่งที่เกิดขึ้นในหลายวินาทีนั้น ทำให้ก้อนดำที่ถูกฝังให้หลับลึกอยู่ในหัวใจผม....ตื่นตัว


“ไอ้วินมันบ้านแตก พี่อย่าใจร้ายกับมันนะ”
“ใจร้ายห่าเหวอะไร ยุงกัด กูยังขอขมาก่อนตบไส้ไหล เมตตาสูงขนาดนี้หาได้ที่ไหน”
 “แล้วไงมึงเนี่ย”
“บ้านแตกเลยต้องมาแดกเหล้าหรอ? ห๊ะ?”
“ทักกูสิ จ้องหน้ากูไปสเก็ตภาพหรอ”
“เพื่อนมึงเป็นใบ้หรอโอม”

“สวัสดีครับพี่โป๊ะ ผมชื่อวิน”
“สะกดด้วยนอเนน แล้วก็นอเนนการันต์”
“ภาษาอังกฤษ ดับเบิ้ลยะ”

“สัส! กวนตีนนะมึง!”

สิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีเหล่านั้น...ความประทับใจค่อนข้างเป็นศูนย์ หลังจากนั้น ผมก็ยียวนไปตามนิสัย ไม่คิดเหมือนกันว่าไอ้เด็กนี่มันจะเอาแก้วเหล้าฟาดหัวผม หน้าตามันดูโมโห แสดงว่าสกิลการยั่วโมโหของผมยังไม่บกพร่องสินะ
ตอนนั้น ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่เตะมันให้เข่าทรุดแล้วบังคับให้กราบตีนขอโทษเหมือนที่ผมทำกับรุ่นน้องคนอื่นๆ เวลาที่ความเดือดดาลมันพลุ้งพล่านในกระแสเลือด

วิน….ชื่อมันสะกดด้วยนอเนน แล้วก็นอเนนการันต์
วิณณ์…ผมจะจำเด็กนี่ไปจนวันตายเลย


ไอ้เด็กนี่ทำให้ก้อนดำๆ ในหัวใจผมขยับ แต่มันทำได้ยังไงผมก็ขี้เกียจจะหาคำตอบ ผมไม่มีเวลาวิเคราะห์ ไม่มีเวลาประเมิน เรื่องมันกลับกลายเป็นว่า ผมกำลังหาใครสักคนมาช่วยงานที่ร้านกาแฟ ชื่อมันก็มาอยู่ตรงหน้าให้ลองเลือก แล้วผมก็เลือก เลือกทั้งที่พอจะดูออกว่าไอ้ยุ่งนี่ก็ไม่ได้อยากทำงานนี้นัก
วิณณ์น่าสงสารระดับหนึ่ง ฟังเรื่องราวจากที่ไอ้โอมเล่าบ้าง บ่นออกมาบ้าง ด่าบ้าง จับใจความได้ว่า วิณณ์บ้านแตก พ่อแม่แยกทางกัน ตอนนี้อาศัยอยู่ในบ้านไม้ในสลัมาหลังวัด และมีผู้หญิงแก่เลี้ยงดู
มองๆ แล้วน่าจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เพราะผิวพรรณเด็กนี่สะอาดสะอ้าน ใบหน้าก็หมดจด เสื้อผ้าที่ใส่มาเจอกันแต่ละครั้งก็มีแบรนด์ทั้งนั้น ไหนจะนาฬิกา โทรศัพท์ และท่าทางหยิ่งทระนงกับศักดิ์ศรีของการมีแม่ยกนั่นอีก
รวมๆแล้วก็น่ามองดี แต่ลึกๆ แล้ว ผมว่าผมไม่ชอบใจนักที่เด็กนี่หลงผิดไปกับเงินทองที่ผู้หญิงแก่ปรนเปรอ

ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเด็กนี่ถี่ขึ้น ทั้งจากการเป็นจ้างมาทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟ และการเป็นอาจารย์-ลูกศิษย์กันที่มหาวิทยาลัย แม้ผมจะเป็นแค่อาจารย์พิเศษก็ตาม
หลังจากพินิจเด็กคนนี้มากขึ้น โดยรวมแล้ววิณณ์เป็นเด็กมีความคิดที่ดี เป็นเด็กดี แต่ระดับความกวนตีน ความไม่ยอมคนมีสูงมาก เรียกตามภาษาของไอ้โอมที่นิยามเพื่อนมันก็คือ เอาแต่ใจ แต่ผมไม่รู้สึกเดือดร้อนกับการเอาแต่ใจของเด็กนี่นัก เพราะสัมผัสได้ว่าพรรษายังต่ำ ผมเคยรับมือกับคนเอาแต่ใจสุดๆ มาแล้ว ระดับวินถือว่าอ่อนหัด

แต่....เด็กนี่ขายตัว...
ไม่สิ ก็แค่มีผู้หญิงแก่ส่งเสียนั่นแหล่ะ แต่สำหรับผม มันก็คือการขายตัวอยู่ดี
ทั้งที่เป็นเด็กมีความคิดความอ่านที่ดี รักดี หน้าตารูปร่างก็ดี พูดง่ายๆ ก็คือ วิณณ์มีต้นทุนทางสังคมติดตัวมาในระดับที่เรียกได้ว่าเยอะ  ก็ควรจะหยิบฉวยโอกาสจากสังคม สร้างความอยู่รอดให้ตัวเอง ด้วยมือตัวเอง ไม่ใช่มักง่ายใช้ทางลัดแบบนี้
บอกตรงๆ ว่าผมเสียดาย
ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเสียดายอนาคตของเด็กนี่
ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งอยากดันให้เขาไปในทางที่ถูกต้องกว่านี้

ผมมีโอกาสได้ไปบ้านวิณณ์หลายต่อหลายครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงติดใจการอยู่ใกล้ๆ วินนัก ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบใจกับการยอมขายตัวให้ผู้หญิงแก่ แต่บรรยากาศระหว่างผมกับเด็กนี่มันดีขึ้นเรื่อยๆ
ผมไม่อึดอัดเวลากินข้าวกับวิณณ์
เราแลกเปลี่ยนเรื่องในใจระหว่างกัน แม้ว่าเด็กนี่จะคายความลับเพราะการบังคับของผม แต่ก็ถือว่าเจ๊ากันเพราะผมก็เล่าเรื่องรักฝังใจของผมให้เด็กนี่ฟัง แม้ว่าไอ้ยุ่งนี่จะดูไม่สนใจฟังนักก็เถอะ
เราซึ้กันแล้ว ผมคิดแบบนั้นนะ

จนมาวันหนึ่ง
ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
มันเกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังใจเต้นโครมครามระหว่างรอพบผู้ใหญ่ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนที่กำลังจะจัดตั้ง
ผู้มีอำนาจที่เดินเข้ามานั้นผมรู้จัก แต่คนที่เธอแนะนำว่าเป็นหลานชายนั้น ทำให้ผมเปิดกะลาตัวเองและตระหนักถึงความจริงว่า ที่ผ่านมา กูไม่เคยรู้เรื่องเหี้ยอะไรเลย!
มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมโกรธ อับอาย ขายขี้หน้า เจ็บใจ อยากตบหัวไอ้เด็กนี่ให้กะโหลกเคลื่อนผิดองศา แต่ผมก็ทำได้แค่ยิ้ม และรับสภาพการเป็นผู้ถูกหลอกอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้โปรเจคงานลุล่วงไปด้วยดี

วันถัดมาก็ต้องมาเจอกันตามตารางงาน ผมแกล้งนัดให้คุณชายวิณณ์มาที่ออฟฟิศบริษัทแม่แต่เช้า เพื่อลากกันไปที่ไซต์ก่อสร้างสตูดิโอแถวบางพลีที่ไกลโคตร
เห็นหน้าแล้วหมั่นเขี้ยวพิลึก อยากตีสักทีสองทีแล้วทวงถามคำขอโทษ แต่ก็อย่างว่า....ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ?
วิณณ์ไม่เคยบอกว่าขายตัว ผมไม่เคยเค้นคำตอบต่อคำถามที่ว่าขายตัวหรอ? และทำไปเพื่ออะไร
กลายเป็นว่าความหมางใจที่เกิดขึ้นกับผม สาเหตุมันมาจากการคิดเองเออเองของผม อีกเสี้ยวหนึ่งเป็นความผิดไอ้โอมน้องรัก(ประชด) ที่พูดแต่เรื่องที่ทำให้ผมเข้าคลาดเคลื่อน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนผิด และไม่ได้หมายความว่าผมต้องเป็นคนพูดคำว่าขอโทษเสียหน่อย

“อ่า มาแล้วหรอครับคุณวิน”
“ครับ คุณมือโปร” เด็กนี่คงอยากโดนฟาดสักโหลแน่ๆ ถึงได้ยียวนผมกลับ ทั้งที่ตัวเองทำผิดเอาไว้ สีหน้ารู้สึกผิดยังไม่มีให้เห็น จองหองพองขนเพราะคนหนุนหลังคือคนมีอำนาจสินะ ก็เออดิวะ! ผมมันหืออืออะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมกำลังง้อให้แบงก์นี้มาร่วมทุน โถ่เว้ย!

หรือจะล้มโปรเจคแม่งเลย
ผมครุ่นคิดระหว่างทางขับรถพาเด็กนี่ไปดูสตูดิโอที่กำลังสร้าง ก่อนหน้านี้ผมเคยจำลองภาพไว้ในหัวว่า วันที่พาไอ้โอมกับเพื่อนรักของมัน(ซึ่งก็คือคุณชายวิณณ์นี่แหล่ะไ มาดูสตูดิโอในฝันของผม เด็ก 2 คนคงตื่นเต้นน่าดู คงจะมองเห็นภาพฝันเดียวกันกับผม คงจะช่วยเป็นแรงเล็กๆ น้อยๆ ให้ผม คงอยู่ข้างๆ ผมจนวันที่สำเร็จเป็นสตูอิโอที่สมบูรณ์
แต่ฝันของผมสลายแล้ว ข้อแรก เดี๋ยวไอ้โอมมันก็โบยบินไปเรียนต่อตามทางที่มันปูกระเบื้องเอาไว้
ข้อสอง คุณชายแห่งตระกูลแบงก์ใหญ่คงไม่สนใจความฝันเล็กๆ ของผมหรอก
ให้ตายเถอะ! ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
และก็เพราะความพาลของผม ความไร้เหตุผลของผม ทำให้ผมไม่ฟังวิณณ์ที่ดูพูดคำขอโทษออกมา แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนประชด แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าเด็กนี่รู้สึกผิด และกำลังพยายามอธิบาย เพื่อให้บรรยากาศระหว่างเรา กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน....ก่อนที่เราจะรู้จักฐานะทางสังคมของเราอย่างถูกต้อง

ผมอารมณ์เสีย
ยิ่งฟังเด็กนี่พูดหรืออธิบายก็ยิ่งอารมณ์เสีย
ปากอยากจะถามนักว่า หลอกพี่ทำไม แต่ผมก็พอจะมียางอายพอจะรู้ว่า เด็กนี่ไม่ได้อยากหลอกลวงผม บางที เหตุผลของเด็กคนนี้อาจจะมีแค่ว่า ไม่รู้จะบอกให้ได้อะไรขึ้นมา ก็ได้
สุดท้ายผมก็ทำเรื่องให้มันใหญ่โต สมกับพี่ไอ้หมอนำมันเคยชื่นชมเอาไว้ว่า ผมถนัดเหลือเกินเรื่องทำให้เรื่องควายๆ กลายเป็นปัญหาโลกแตก
ผมทำหลานนายแบงก์เป็นลม ให้ตายเถอะ! ใครจะไปรู้ว่าบอบบางขนาดนี้
แต่เมื่อทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ผมพาวิณณ์มาส่งที่โรงพยาบาล เลือกเอาโรงพยาบาลเอกชน เพราะวิณณ์ไม่ได้เจ็บป่วยเร่งด่วน บวกกับคิดเอาเองว่า เขาเป็นถึงหลานนายแบงก์ พาเข้าคลินิกโรคผิวหนังแถวๆ ตลาดบางพลีคงไม่เหมาะเท่าไหร่
คุณสุชาดารักหลานชายคนนี้มาก ไม่ต้องใช้เวลาสังเกตนานผมก็ดูออก เธอรักของเธอเหมือนคลอดมาเองนั่นแหล่ะ
ผมขอโทษผู้ใหญ่ตามมารยาท แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า คนที่ผมต้องขอโทษเพราะทำเรื่องเสียมารยาทไว้มากมายคือวิณณ์ต่างหาก
เด็กนี่ตื่นแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่พอผมกลับเข้ามาส่วนของเตียงคนไข้ ก็เห็นนอนลืมตาทำหน้าใส
มันคงถึงเวลาที่ผมงี่เง่าไม่ได้ และต้องใช้เหตุผลคุยกัน
"วินหลอกพี่ทำไม"
และแล้วผมก็ได้พูดออกไปสักที คำที่ค้างใจผมมาตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าวิณณ์คือหลานชายนายแบงก์
เด็กนี่เป็นคนอธิบายอะไรไม่เก่งเอาเสียเลย ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอ แข็งทื่อ เถรตรงอยู่กับความรู้สึกตัวเอง ไอ้ดื้อนี่มัน....เฮ้อออ

“ก็อยากจะเกลียดหน้าหรอกนะ แต่....”
นั่นสิ แต่อะไรวะ? ผมก็งงตัวเองอยู่เหมือนกัน
สถานะของผมกับเด็กนี่เปลี่ยนไปหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
เราเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกัน ครั้งนี้ผมไม่ได้คิดเองเออเองแล้ว พิสูจน์ทราบด้วยการพาวิณณ์กับคุณสุชาดามาดูสตูอิโออีกครั้ง

คุณสุชาดาฝากวิณณ์ไว้ให้ผมดูแลชนิดที่ป้อนกันถึงปากล่ะครับ
ผมก็รับปาก และไม่ได้รับปากตามมารยาทแล้วด้วย
แต่พอสอนงานให้วิณณ์เข้าจริงๆ ก็ดูเหมือนเราจไม่ใช่คนที่พูดกันครั้งเดียวก็รู้เรื่องนักหรอก ต้องเขวี้ยงอารมณ์ใส่กันก่อน และฝ่ายที่เริ่มฟาดอารมณ์ใส่ ก็ผมนี่แหล่ะ ช่วยไม่ได้ ผมมันผู้ชายงี่เง่านี่หว่า

ดูเหมือนจะงอนผม? ผมก็ไม่ได้มีเซ้นส์เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ บอกตรงๆ ว่าดูไม่ออกหรอกครับ มาเจอกันอีกครั้งก็ที่ผับของผมนั่นแหล่ะ เห็นสภาพแล้วก็อยากจะขำ เพราะเด็กนี่เมาแอ๋อยู่กับเพื่อนซี้เขา ก็ไอ้โอมนั่นแหล่ะ
ผมสะกิดนิดหน่อย ตั้งใจจะปลุกให้ตื่นแล้วแซะไปวางบนเตียง แต่ไอ้ยุ่งมันก็ยุ่งขอแท้ไม่มีอะไรปนเลนจริงๆ ลงท้าย ผมก็นอนบนโซฟาตัวโปรดเพราะมันเป็นพี่โปรดของผม โดยที่นอนเบียดอยู่กับคุณชายวิณณ์ตัวยุ่งนี่แหล่ะ

“เออ เออ เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”
ผมบอกข้างหู ไม่รู้กระดูก 3 ชิ้นยังทำงานตามกลไกอยู่มั้ย? ไม่รู้วิณณ์จะได้ยินรึเปล่า ว่า เอาที่สบายใจ

มันคงเป็นเช้าที่วิบัติของวิณณ์ แต่เป็นเช้าที่สนุกสำหรับผม ผมได้แกล้งเด็กนี่อีกหลายเรื่อง ยิ่งเห็นทำหน้ายุ่ง ขมุบขมิบปากใส่ หรือกระทั่งอ้าปากด่าผมว่าเหี้ยครั้งแล้วครั้งเล่า ผมก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข...มันคงเป็นความสุขที่เกิดจากการแก้แค้น แม้ว่าผมจะยังนึกไม่ออกว่าผมแค้นอะไรน้องมันนักหนาก็เถอะ
ตกสาย วิณณ์ได้เจอกับโจ้ที่มาหาผมที่ออฟฟิศทาวน์อินทาวน์
วิณณ์กับโจ้รู้จักกันแล้ว ผมเลยไม่คิดว่ามีอะไรต้องแนะนำกันเป็นพิเศษ หรือต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ก็ปล่อยตามเรื่องตามราว จนโจ้พูดอะไรเยอะแยะที่ผมรู้สึกรำคาญ เมื่อไหร่จะลดความเป็นผู้หญิงช่างจะห่วงลงบ้างก็ไม่รู้
เรื่องมันกลับกลายเป็นว่าผมปากไวไปพูดกระทบวิณณ์เข้า ประเด็นก็เรื่องที่ผมรู้สึกถูกหลอกนั่นแหล่ะ ผมรู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังหลุดปากหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเหน็บแนมกัน ที่สำคัญคือเหน็บแนมต่อหน้าคนอื่นอย่างโจ้

“วินขอโทษแล้วนะ”
“วินขอโทษพี่โป๊ะทุกอย่างแล้วนะครับ”
“แล้ววินก็รู้สึกว่า ความรู้สึกแย่ๆ ที่พี่โป๊ะสร้างขึ้นมาคลอบตัววินไว้มันทำหน้าที่ของมันแล้ว”
“วินรู้สึกแย่ และน่าจะรู้สึกพอแล้ว”
“ถ้าพี่จงใจสั่งสอนวินเพื่อให้วินไม่ริโกหกหรือปิดบังความจริงอีก พี่ประสบความสำเร็จแล้ว วินหลาบจำแล้ว”
“และถ้าพี่โป๊ะยังไม่หยุดเป็นแบบนี้ ไม่หยุดหาเรื่องวินทุกเรื่อง ทำตัวห่างเหินเหมือนเราไม่เคยมีน้ำใจต่อกัน ไม่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันดีๆ ไม่เคยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว วินก็ว่าวินไม่ควรเสียเวลาทนอีก”
“มันเกินบทเรียนที่วินควรได้รับมากเกินไปแล้ว”

“แล้วยังไง”
“พูดมาตั้งเยอะ คุณจะทำอะไรล่ะ”
“ถ้าผมทำให้คุณอึดอัดจนทนไม่ได้แบบนี้ คุณจะทำยังไง”

“วินไปเอง”
“คุณอยากกดดัน อยากทำโทษอะไร กับใคร ก็เรื่องของคุณ”
“แต่ผมจะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”

บอกว่าจะไป แล้วก็ไปจริงๆ
วิณณ์ไม่มาทำงานร่วมอาทิตย์
วันแรก ผมคิดเสียว่าให้เวลาเด็กนี่ปรับอารมณ์
วันที่สอง ผมคิดเสียว่าให้เวลาตัวเองดับอารมณ์
วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า ผมแทบบ้าเพราะทำงานไม่ได้เลย หงุดหงิดกับทุกอย่างแม้กระทั่งกาแฟที่แนนชงมาให้ ทั้งที่มันก็รสชาติเดิมแต่ผมก็พาลอารมณ์เสียใส่เลขาแสนอึดได้อย่างหน้าด้านๆ
และวันที่ผมทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ก็มาถึง ผมบากหน้าไปหาวินที่บ้านไม้ริมน้ำหลังนั้น หลังจากแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณสุชาดา ซึ่งเธอดูเหมือนจะตีประเด็นไปว่าหลานเธองงแงเอง

ไปถึงก็เจอไทยมุง เสียงเอะอะโวยวาย เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงกรีดร้องของป้าๆ ทั้งหลาย หลายคนชี้มือไปที่บ้านวินแล้วก็บอกช่วยด้วย ช่วยไอ้หนุ่มนั่นด้วย ผมก็จ้ำไม่คิดชีวิตเลย
วิณณ์ที่ผมเจออีกครั้งคือลูกหมาที่ได้รับบาดเจ็บ ตัวก็นิดเดียว น่าสงสารชิบหาย เด็กนี่นอนหน้าซีด คงกำลังตกใจกับเหตุการณ์ พอช่วยกันกับลุงสมานประคองวินขึ้นรถเพื่อพาไปทำแผลที่โรงพบายาลได้แล้ว ผมก็พูดคำที่ไม่ได้พูดกับใครมานาน

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่มาแล้ว”

มันเป็นคำพูดของฮีโร่
ผมเป็นฮีโร่ของลูกแพร์ ทั้งชีวิตนี้ผมไม่คิดจะปกป้องใครอีก เพราะมือผมไม่ได้แข็งแกร่งกว่าใคร หลังผมไม่ได้มีปีกงอกให้แปลกแยกจากคนอื่น ผมก็แค่คนธรรมดา ที่เมื่อคิดจะเป็นฮีโร่ให้ใครสักคนแล้ว ผมก็จะใช้ทั้งชีวิต
ผมเป็นฮีโร่ของลูกแพร์ ผมจะทุ่มเทให้เธอตลอดชีวิต
แต่ชีวิตเราไม่ได้เดินคู่กัน ไม่มีกระทั่งโอกาสเดินเคียงกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยสถานะใดก็ตาม
แพร์จากแล้ว ชีวิตผมไม่มีใครให้ใช้มือธรรมดาคู่นี้ปกป้องแล้ว แผ่นหลังไร้ปีกนี้ไม่มีใครมาคอยหลบคอยซุกขอแรงขอกำลังใจอีกต่อไป
จนกระทั่งเจอเด็กคนนี้
วิณณ์ปลุกให้ก้อนดำๆ ในหัวใจผมตื่นขึ้น
ไอ้ตะกอนที่เกาะกันเป็นก้อนดำนี้เริ่มลอกคราบตัวเอง เปลือกสีดำกำลังหลุดร่อนทีละนิด ทีละนิด

สิ่งแรกที่ผมทำเพื่อวิณณ์ และวิณณ์ก็เต็มใจรับความช่วยเหลือจากผม ก็คือการช่วยพูดให้คุณสุชาดา เชื่อใจหลานชายตัวเองและอนุญาตให้วิณณ์กลับมาอยู่บ้านไม้ได้อีกครั้ง ภายใต้ข้อแม้ว่า ห้ามอยู่คนเดียว และผมก็คือคนที่จะมาอยู่บ้านไม้กับวิน ในฐานะ ผู้เช่า
แต่เอาเถอะ จากเด็กที่เป็นเพื่อนกับน้องที่ผมรักมันเหมือนน้องจริงๆ มาเป็นลูกจ้างชั่วคราว แล้วก็กระโดดมาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เป็นคนที่ผมต้องสอนงานด้วย ทำงานร่วมด้วย และมาเป็นเจ้าของบ้านที่ผมมาเช่าอยู่ ทั้งที่มีบ้านพ่อ บ้านตัวเอง คอนโดตัวเอง บ้านต่างจังหวัด รีสอร์ท บ้านในสวนองุ่นอยู่แล้ว

ตอนนี้ ผมคิดว่าผมกำลังมีความสุข กับการได้ปกป้องวิณณ์



-จบ-


สวัสดีค่ะ แฮ่ๆ ช่วงนี้มาถี่ เพราะว่าเราคิดถึงงงงงงงงการเขียนฟิค และเราปรับอารมณ์ให้ไม่หนืด ไม่อืด ไม่หม่นได้แล้วเลยมาเขียนต่อ
ตอนนี้เป็นส่วนของความรู้สึกพี่โป๊ะนะคะ
พี่โป๊ะอาจจะไม่ใช่คนเท่ที่สร้างความประทับใจให้คนที่ได้พบได้เจอแบบ 100 คะแนนเต็ม แต่พี่โป๊ะเป็นคนจริงค่ะ
ใช่ค่ะ พี่โป๊ะเป็นคน ไม่ได้เป็นตัวเหี้ยเหมือนที่น้องวินแอบด่าและด่าตรงๆ แต่อย่างใดๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ  :m20:

ล้อเล่นค่า แซวพระเอกขำๆ เพราะรู้สึกว่ากระแสความเกลียดชังถูกฝังอยู่ในตัวพี่โป๊ะเยอะเลย
โถๆๆ พี่แกล้งใครไม่แกล้ง ดันไปแกล้งน้องเจมเด็กดีนี่เนอะ
มาเรื่องของตัวเองบ้าง ก็เจอเด็กปราบเหี้ยหน่อยเถอะค่ะ

อัพเดทกันนิดนึงนะคะ
ตอนนี้มีงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ ฮูเล่! อยากไปเดินชมงานเหมือนกันแต่เจียดเวลาไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ
แต่!! แม้ตัวเราไม่ได้ไป ก็ส่งหนังสือเล่ม เรื่อง Hear,Me (ที่หนึ่ง-เจม)  ไปอวดโแมอยู่ที่บูธสะพาน N03 โซนซี 1 และจะไปวางเพิ่มเสาร์หน้า โซน wonderland เบเกอรี่บุ๊ค บูธ Y01 ห้องบอลรูม ด้วยนะคะ
แฟนฟิค (มีหรอ? มีแหล่ะน่า) ที่อ่านที่หนึ่ง-เจม แต่ไม่ได้เก็บแบบเล่ม จัดหามาสะสมกันได้นะคะ ไว้สำหรับอ่านยามไฟฟ้าดับ ฮ่าๆๆ (มันใช่มั้ย มันใช่เวลามั้ย?)  ตอนพิเศษในเล่มน่ารักด้วยค่ะ สนนราคาพิเศษ 630 บาท

ฝากไว้เท่านี้ค่ะ
สำหรับตอนต่อไปของแอทดอน ความหน่วงจะเริ่มมา แต่ใครเป็นฝ่ายหน่วงนั้น ฝากติดตามด้วยค่ะ
ส่วนผู้ติดตามคู่รักแอดไทเป รออีกประเดี๋ยวนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-10-2015 06:13:24
พี่โป๊ะก็เป็นคนดี :กอด1:
เพราะฉะนั้น ตอนหน้าพี่โป๊ะเป็นคนหน่วงนะ เพราะเค้าหมั่นไส้พี่โป๊ะ อ้าว! :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 26-10-2015 06:47:53
เอาอีกกกกก. ยังเล่าไม่จบเลย พี่โป๊ะ
ว่ารู้ตัวตอนไหนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-10-2015 08:41:51
พี่โป๊ะมาต่ออีกนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 26-10-2015 08:48:13
พี่โป๊ะต้องสู้นะ วิณณ์ท่าทางจะใจแข็ง 555  o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 26-10-2015 09:12:43
พี่โป๊ะงี่เง่าจริงๆอะ แต่ก็รักนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: athena_tiew ที่ 26-10-2015 12:40:51
ไม่รู้สิ ยังไงก็ไม่อยากให้วิณณ์ยอมอ่อนข้อง่ายๆ พี่โป๊ะเหมาะที่จะเป็นคนคอยตามใจวิณณ์มากกว่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 26-10-2015 15:28:00
อ่านตอนพิเศษแล้วคิดว่า พี่โปร เป็นคนที่อบอุ่นมากกกกกกกกกกกก
รักเลยผู้ชายคนนี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-10-2015 19:15:34
ก็โอเคนะพี่โป๊ะะะะะะ
ยกวินให้ก็ได้ คึคึ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Piggie_Sea ที่ 28-10-2015 00:54:54
พี่โป๊ะก็ไม่ได้ 'เหี้ย' อย่างที่คิดนะ555
มาบ่อยๆก็ดีนะคะ เริ่มอยากเห็นคู่นี้สวีทกันแล้ว
รอค่าา :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 30-10-2015 19:42:22
เพราะพี่โป๊ะแกล้งน้องเจมนี่แหละ เราเลยต้องส่งน้องวินสะกดด้วยนอเนน และนอเนนการันต์มาปราบ (น้องวินสู้ไหวไหมลูกกก)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 04-11-2015 17:01:11
อยากจับหมาเจม ธาม วิน มาอยู่ด้วยกัน
แล้วทำเรื่องแสบๆให้บรรดาฝาละมีดิ้นกะแด่วๆ :laugh:
มีสเปอิพี่โป๊ะแล้วจะมีจะสเปพี่รุตต์ไหมคะ
สงสารพี่รุตต์ หาคู่ให้พี่รุตต์หน่อย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 06-11-2015 10:02:20
เชี่ยพี่โป๊ะ ก็เป็นแบบที่เข้าใจจริงๆ ด้วย
ว่าแล้วเชียว.... จริงๆ แล้วน่ารักจะตายไปคุณมือโปรรรร
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอนพิเศษ(26-10-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 08-11-2015 14:25:16
นายทำดีแล้ว.... /ตบไหล่ตัวเหี้ยเบาๆ

น้องเค้ากำลังสับสนน่ะ ให้เวลาน้องเค้านิดนึงนะเหี้ยนะ T^T

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26 (11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-11-2015 20:13:25
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 26



ปึ้ด!
เสียงดีดนิ้วแห้งๆ ดังขึ้นข้างหู
ผมสะดุ้งและหลุดจากภวังค์พลางหันมองต้นเสียง
“พี่รุตต์”

“ก็พี่น่ะสิ คิดว่าใครล่ะครับ แล้วนี่ใจลอยไปไหน หืม?” ผมไม่ตอบคำถามและเลี่ยงด้วยการยกมุมปากขึ้น หวังว่ามันจะเป็นอากัปที่เหมือนการยิ้มมากที่สุด พี่รุตต์ไม่จี้ถามอะไรต่อ เขาดมเบียร์ตรงหน้าแล้วก็วางลงตามเดิม ผมล่ะอดสงสัยไม่ได้ว่าแค่ดมก็เพียงพอแล้วหรอ
“อิ่มแล้วหรอครับ เมื่อกี้บอกหิวมากไม่ใช่หรอ?”

“ก็อิ่มๆ”
“แต่ก็กินอีกได้ครับ”
“พี่รุตต์ลองเมนูนี้สิ อร่อยนะ” ผมชี้ชวนให้เขากินเมนูเด็ดของที่นี่ ตอนนี้เราอยู่ที่ร้านอาหารย่านพระราม 3 มุ่งหน้าสะพานกรุงเทพ ร้านที่นายมือโปรเคยพาผมมานั่นแหละ แต่ผมไม่ได้บอกพี่รุตต์ถึงต้นตอที่ทำให้ผมเลือกมาร้านนี้อีกครั้งหรอกครับ

“มาบ่อยหรอครับ”

“ครั้งเดียวครับ” ผมตอบตามความจริง นึกภาวนาไม่ให้เขาถามว่ามากับใคร และอย่าถามถึงเรื่องที่โยงไปถึงนายมือโปร

“กับ....” หยุดถามแล้วครับ เพราะผมจิ้มทอดมันกุ้งยัดเข้าปาก พี่รุตต์หัวเราะนิดหน่อยแล้วก็เคี้ยวตุ้ยๆ เป็นอันว่าบทสนทนานี้จบลงด้วยดีโดยที่ผมไม่ต้องรื้อความทรงจำที่เกี่ยวกับนายมือโปร

ผมดื่มเบียร์ไปหลายขวด เลือกสั่งแบรนด์ญี่ปุ่นเอาใจนักเรียนญี่ปุ่นหน่อย  จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวหรอกครับ แค่มันอร่อยดีเท่านั้นแหล่ะ พี่รุตต์ออกอาการประหลาดใจที่ผมสั่งเบียร์ดื่ม เพราะปกติผมจะเป็นคนแก่ดื่มน้ำชาร้อนเท่านั้น แต่ร้านนี้ไม่มีน้ำชาบริการ ผมก็เลยต้องสั่งน้ำหมักมาแทน

“เมามั้ยเนี่ย”

“กรึ่มๆ เอง แต่ไม่เป็นไร วินไม่ได้ขับรถ พี่รุตต์ไปส่ง”

“หิ้วขึ้นคอนโดเลยดีมั้ย ดูสิ เดินก็เป๋ๆ” พูดไปนั่น ผมไม่ได้เด่นเป๋ซะหน่อย แค่เดินจับแขนเขาไว้ตลอดเวลาแค่นั้นเอง พอฟังผมแถแล้วพี่รุตต์ก็หัวเราะหึในลำคอ เขาหลุบตามองผมที่เอียงแก้มซุกหัวไหล่เขาเอาไว้อีกทอด
“วินก็ไม่โตแบบนี้ไง พี่ถึงปล่อยมือไม่ได้สักที”

“ทำไมอยากปล่อยมือวินล่ะ”

“ก็วินมีอีกมือของอีกคนจับไว้เหมือนกันนี่ครับ แล้วดูเหมือนวินจะกุมมือเขาไว้เหมือนกัน”

“ไม่มีหรอก พี่รุตต์ตาฝาดแล้วครับ”

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ”

ใช่ ผมไม่ได้กุมมือใครไว้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพี่รุตต์ หรือนายมือโปร
ถ้าผมเลือกได้ ผมก็จะเลือกกำมือตัวเองให้แน่นจนอากาศก็เบียดร่างที่จับต้องยากของมันเข้ามาไม่ได้ เพื่อที่จะได้เห็นใครคนนั้นในระยะใกล้สายตา
ผมไม่แตะไม่ต้องก็ได้ ไม่รักก็ได้ ไม่แสดงออก ไม่โหยหา ไม่อะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้อยู่ในระยะใกล้กันแบบนี้ตลอดไป

“มันจะเป็นอย่างนั้นครับ”
“พี่รุตต์ ไปส่งวินให้ถึงบ้านเลยนะ”
“เดินไปส่งถึงบ้านเลยนะครับ”

“อ้อนหรือสั่งพี่เนี่ยวิน หืม?”

“สั่งครับ” ผมฉีกยิ้มให้เขามอง สายตาเขาอ่อนโยน แววตาเขาช่างคุ้นเคยเหลือเกิน เขามองผมด้วยสายตาเดียวกันกับที่นายมือโปรใช้มองผมในระยะหลัง
ผมสงสารที่พี่รุตต์ยังคงมองผมแบบนี้
แต่ผมทรมาน ที่นายมือโปรมองผมแบบนี้


ผมถูกจูบ แน่นอนว่าหลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว พี่รุตต์ขบเม้มมุมปากผมอย่างหยอกเย้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนตัวห่างออกไป เขาปรับแอร์ให้เป่าหน้าผม ถามว่ายังร้อนอยู่มั้ย สบายตัวขึ้นรึยัง อยากจะตอบมากเลยว่าเพราะไอ้จูบเมื่อกี้แหล่ะที่ทำให้ไม่สบายตัวขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ”

“หือ เรื่องอะไรครับ” ผมถามทั้งที่หัวยังมึนๆ ไม่รู้ว่าเสียงยานคางรึเปล่า แต่ดูเหมือนอาการของผมตอนนี้จะไม่ใช่อาการปกตินัก อย่างน้อยพี่รุตต์ก็ไม่เคยเห็นผมในสภาพกึ่งเมาแบบนี้มาก่อน

“ที่จูบวิน”
“ถ้าไม่เมา คงบ่ายเบี่ยงพี่แน่ๆ”

“..................” ไม่ตอบดีกว่ามั้ง ผมหันมองพี่รุตต์ที่ก้มหน้า ถอนหายใจอยู่หลายรอบ ดูเหมือนเขามีอะไรจะพูดกับผมมากเลย
“พี่รุตต์ มีอะไรรึเปล่า”

“พูดไปตอนนี้ ตื่นเช้าวินจะลืมมั้ย”

“วินไม่ได้ปลาทองนะครับ ไม่ได้ความจำสั้น”

“แต่ตอนนี้กึ่มๆ อยู่ไง”

“กึ่มก็ยังรู้เรื่อง”
“พูดมาเถอะครับ เก็บไว้จุกอก ต่อให้เยี่ยวออกมา 100 รอบก็ไม่หายจุก”

หัวเราะแล้ว...อาจารย์นำเข้าจากญี่ปุ่นขยี้หัวผมแล้วก็จับหัวค้างไว้ เขายื่นหน้ามาเสียใกล้จนผมหลับตา ในหัวคิดเหมาไปแล้วว่าเขาต้องจูบผมอีกแน่เลย
เขาไม่จูบ แค่ลูบหน้าผมไปมา มองอย่างอาวรณ์เกินจะเปรียบเปรย แล้วก็ผละห่างออกไป

“พรุ่งนี้ พี่ก็กลับแล้วนะ”

“เอ้ย!” แทบหายเมาเลยครับ ผมคว้าแขนเขาไว้แล้วเขย่าถาม
“ทำไมล่ะครับ ไหนว่าอยู่ 2 อาทิตย์ไง นี่ยังไม่ถึงเลย”
“เพราะวินรึเปล่า พี่รุตต์อย่าทำแบบนี้”
“น้อยใจวินทำไม วินรักพี่เหมือนเดิมนะ”

“ก็เพราะรักเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ พี่ถึงต้องถอยออกไป”
“เพราะวินไม่มีวันรักพี่ได้หรอก ห่างออกไป ระหว่างเราจะได้ยังเหมือนเดิม”
“ถ้าพี่อยู่ใกล้วินนานกว่านี้ อาจจะทำให้เราเกลียดกันก็ได้”
“ความรักมันมีแต่เรื่องคาดไม่ถึง เนอะ”

“การอยู่ห่างกัน มันเป็นวิธีรักษาความสัมพันธ์ตอนนี้ที่ดีที่สุดหรอครับ”

“พี่คิดว่างั้น หรือวินว่าไง”

“นั่นสิ บางทีการอยู่ห่างอะไรที่เรารัก อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักนานที่สุดก็ได้” ผมนี่มึนแล้วน้ำเน่าดีจัง พี่รุตต์ฝืนยิ้มให้ผม เขาแกะมือผมที่เกาะแขนเขาไว้ จับมันวางที่หัวเข่าผมเอง แล้วก็ตบมันเบาๆ

ถ้านี่คือการบอกลาเพื่อรักษาความเป็น “เรา” ในตอนนี้เอาไว้ พี่รุตต์ก็คือที่บอกลาได้อ่อนโยนที่สุด กอบโกยที่สุด และน่าสงสารที่สุด
พี่รุตต์ไม่ได้อะไรจากผมเลย นอกจากการแตะริมฝีปากผม 2 ครั้ง

เขาเคลื่อนรถออกจากร้าน หางตาผมเห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่ และไม่รู้ว่าหลอนไปเองรึเปล่าว่านั่นคือรถนายมือโปรที่ผมนั่งจนชินกลิ่น และก็ไม่รู้ว่าหลอนมากไปรึเปล่าที่เห็นว่าในรถมืดๆ นั้น มีคนนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ
ถ้าที่ผมเห็นเพียงแว๊บเดียว คือเรื่องจริง นายมือโปรก็เพิ่งเห็นเลิฟซีนเบาๆ ของผมกับพี่รุตต์ไปเต็มสองตา


#### @ D A W N  #####


ผมบอกให้เดินมาส่ง พี่รุตต์ก็เดินมาส่งจริงๆ
เขาไม่กล้าเอารถเข้าซอย เพราะรับรู้ได้ถึงความแคบของและอาจทำให้ชาวสลัมลำบากกับการลุ้นว่ารถยนต์คันใหญ่นี้จะเฉี่ยวจะเกี่ยวเอาราวกางเกงในติดมากับกระจกข้างรถรึเปล่า
อาจารย์นำเข้าเดินพาผมมาถึงหน้าบ้านแล้วก็สั่งเสียให้อาบน้ำ ดื่มน้ำอุ่นๆ แล้วก็เข้านอน ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาเขาได้ตลอด หรือแค่อยากมีคนฟังก็โทรหาเขาได้ทุกเวลา เขารับประกันว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนอากาศ ผมยืดตัวกอดเขาครั้งสุดท้าย ยิ้มให้อย่างเข้าใจทุกอย่างที่เขาต้องการสื่อสาร และก็เดินเข้าบ้าน
รถยนต์คันโก้จอดอยู่ในรั้วบ้าน ทักษะการขับรถของนายมือโปรดีมากจริงๆ หรือไม่เขาก็หน้าด้านมากจริงๆ
ผมยืนมองรถอย่างใช้ความคิด
ถ้ารถจอดอยู่ แล้วคนขับรถนี้อยู่ในบ้านแล้ว ที่หางตาผมเห็นเมื่อกี้ก็อาจจะแค่หลอนไปเอง เขาคงไม่เห็นเหตุการณ์บนรถที่ผมถูกปาดริมฝีปากหรอก

ผมเดินเข้าบ้าน และแม่งล็อก!
ให้ตายเถอะ! นี่บ้านผม ทำไมผมต้องมาเคาะเรียกต้องอ้อนวอนให้คนอาศัยมาเปิดประตูให้ด้วยวะ!
“พี่โป๊ะ! วินจะเข้าบ้าน” เงียบครับ หรือว่าจะหลับไปแล้ว อย่านะเว้ย! ให้ผมนอนข้างนอกไม่ได้นะ! ยุงกัดตายห่าเลย
“พี่โป๊ะ เปิดประตูหน่อย วินกลับมาแล้ว”
“พี่โป๊ะ”
“พี่โป๊ะ”
“ไอ้พี่โป๊ะ”
“ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ เปิดประตู!”

ปิ๊บปิ๊บ
ครับ ประตูเปิด
แต่เป็นประตูรถนะครับที่ตัวเสร่อมันเปิดให้
โอเค งั้นที่หางตาผมเห็นก็ไม่ใช่ภาพหลอนแล้วหล่ะ และตอนนี้เขาคงกำลังแก้แค้นผมอยู่ อยากถามเหลือเกินว่ามึงมีสิทธิ์อะไรครับ!
แต่ก็เอาวะ เปิดประตูรถให้ ผมก็จะนอนแม่งในรถนี่แหล่ะ
ผมพุ่งตัวขึ้นรถ เลือกนั่งเบาะข้างคนขับเพราะชินกว่า ปิดรถได้ก็ปรับเบาะ เตรียมเอนหลังนอนรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ชีวิตผมจะได้เริ่มต้นใหม่เสียที แต่ราตรีนี้ยังโหดร้ายกับผมเหมือนเดิม
ตัวขี้โมโหพุ่งตัวออกมาจากบ้าน ล็อกกุญแจแล้วก็พุ่งเข้ามาในรถโดยที่ผมยังทำให้ตัวเองหายงุนงงไม่แล้วเสร็จ

“อะ....อะไรอ่ะพี่โป๊ะ” ผมถามด้วยเสียงละมุนละม่อม การแสดงอากัปกรรโชกสู้กับตัวขี้โมโหตัวนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีหรอกครับ ผมเรียนรู้มาแล้ว

“อยากมากหรอ? ในรถก็ไม่เว้น!”
“จะจัดให้ จะได้รู้ว่ามันปวดหลัง”

“เฮ้ยยยยยยยยยยย” มันปล้ำผม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ผมสร่างเลย คิดว่าชาตินี้จะไม่กึ่มไม่เมาอีกแล้ว เพราะมันทำให้ผมคิดอะไรช้า แข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งตอนที่เขาไซร้คอนี่สารภาพเลยว่าไปแล้วครับ อารมณ์แม่งเหี้ยเหลือเกิน ทำไมกระตุ้นง่ายจังวะ!

“พี่โป๊ะ!”
“พี่โป๊ะ! หยุด หยุด”
“พี่ทำบ้าอะไร”
“นี่เรียกข่มขืนวินเลยนะ ถอยออกไปเว้ย!”

“ไม่!”
“ทีกับไอ้คุณรุตต์นั่นทำไมยอม”
“ไหนว่าไม่รักไง”
“ปล่อยตัวให้ท่าเองชัดๆ ทีพี่ทำบ้างทำไมห้าม!”

“ด่าวินอีกแล้วนะ ลุก!”

“รุกอยู่นี่ไง!” แม่งกระดกลิ้นรัวให้รู้ว่ารุกแท้ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์ด้วย! ไอ้บ้า กูไม่ได้หมายถึงรุกแบบนี้เว้ย!

“พี่โป๊ะ ปล่อยวินก่อน”
“พี่โป๊ะ”

“ไม่!” เสียงเขียวเข้มครึ้มเหมือนขี้เมฆอมฝน
“วินทำไมให้พี่หึงมากเกินไปแล้ว”
“วินทำเกินไปแล้ว พี่บอกหรอว่าอดทนเก่ง ห๊ะ ห๊ะ!” แม่งจะแดกหัวผมอยู่แล้ว ไอ้กลัวมันก็กลัวอยู่หรอก แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาจะไม่ทำร้ายผม ไม่ว่าจะเป็นทางตัว หรือทางใจ เอาวะ! ชวนเจรจาพาทีไปก่อนก็แล้วกัน หวังว่าเขาจะสงบอารมณ์ได้เร็วๆ นี้

“วินไม่ได้อยากทำให้พี่โป๊ะหึงซะหน่อย”

“แต่พี่หึงไง”
“พี่ชอบวินมากนะ อย่าทำเรื่องแบบนี้กับใครอีก”
“มันเป็นโมเม้นท์ของพี่!”


นี่เขาคิดว่าเขาซื้อผมมาหรอ? หรือเขาผลิตผมขึ้นมาบนโลกใบนี้?
โถ ขี้ขโมย! ผมถูกจดลิขสิทธิ์ไว้แล้วเว้ย! โดยป้าสุครับ

ผมยอมไม่ดิ้น ยอมอยู่ในอ้อมกอดที่ทุลักทุเลของเขา ยอมเอียงแก้มให้เขาเอาแก้มเอาคางมาซุกไซร้ แสดงความเป็นเจ้าของผมอยู่ทั่วตัวเสร็จแล้วก็ยอมปล่อยครับ

“ขอโทษ” เขาพูดคำที่ทำให้ผมประหลาดใจ นายมือโปรขอโทษผม นี่เขารู้สำนึกก่อนที่ผมจะอ้าปากด่าซะอีก
“พี่มันอารมณ์ร้อน ไอ้หมอก็ด่าบ่อยๆ แต่มันหยุดตัวเองไม่ค่อยได้”
“ก็พี่ลูกคนเดียว ไม่ค่อยมีใครขัดใจ” นี่คือเหตุผลประกอบคำขอโทษหรอ ทำไมดูตลกจัง แต่ก็ดูน่ารักดี

“วินก็ลูกคนเดียว แต่วินไม่เอาแต่ใจ” ผมยกตนข่มท่านซะเลย นายมือโปรเหล่มองแล้วก็ต้อนรอยยิ้มมาที่มุมปาก

“แต่พี่เอาแต่ใจ”
“งั้นขอเลยก็แล้วกัน”

“ขออะไรอีก”

“จูบกันนะ”

อึ้ง...ครับ
ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี
คือ...ผมก็ชอบอยู่กับเขานะ สนุกดี อบอุ่นดีด้วย แต่ก็...ผมไม่อยากเสียความสัมพันธ์ตรงนี้ไปเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของเราทั้งคู่ในอนาคต เพราะฉะนั้น ผมก็ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ผมควรทำเหมือนที่พี่รุตต์เลือกทำ พี่รุตต์ตัดความรู้สึกที่จวนเจียนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องคลางแคลงใจกันออกไป เพื่อที่จะคงสถานะภาพทางความรู้สึกในปัจจุบันไว้เหมือนเดิม
ผมเองก็ควรหยุดทั้งตัวเอง และนายมือโปร เพื่อที่จะมีผมและเขาในอนาคตอันยาวนาน ไม่ใช่จูบกันวันนี้แล้วจบกันในวันถัดไป
แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ไหว ผมคงใจแตกแล้วจริงๆ

เขาดึงไหล่ให้ผมหันหาเขาทั้งตัว เอียงหน้ามาประกบปากผม เบียดคางมาช้อนจูบผม
“อาซาฮี” แม่งบอกยี่ห้อเบียร์ที่กินถูกด้วย
“กลิ่นคลุ้ง” วิจารณ์ทำไม อยากเล่นทายปัญหาก็เลิกเล็มปากได้แล้ว
“หวาน” ไม่ใช่แระ เบียร์ไม่หวานว่ะ ผมพยายามดันตัวเองออกห่าง แต่นายมือโปรก็รั้งให้ไปรับจูบเขาอยู่ดี จนนานแล้ว นานอีก นานแล้วก็นานอีก เขาก็ยังไม่เลิกกะลิ้มกะเหลี่ยโฉบชิมผม นี่ถ้าเส้นเลือดที่แก้มแตกก็ฟ้องร้องเขาได้เลยครับ

“พอรึยังพี่โป๊ะ”

“ยัง”
“วินโดนจูบมา พี่ต้องถอน อย่าคิดว่าไม่เห็นนะ พี่ตามดูอยู่” อื้อหืออออออออออออออ นอกจากจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หลอนไปเอง ยังได้รู้ด้วยว่าโดนตาม โกรธเขาได้มั้ยเนี่ย! นี่มันสิทธิส่วนบุคคลเชียวนะ

“ทำอะไรทุเรศ”
“ตามวินทำไม โรคจิตหรอ” แล้วก็โดนบี้ปากอีกรอบ นี่จะไม่ใช้เสียงสื่อสารกันเลยใช่มั้ย
“ก็!”

“เงียบ!” สั่งเสียงดุแล้วก็จ้องหน้าผม สบตาแล้วหวั่นใจนิดๆ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ข้อแรก ผมกับนายมือโปรไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม เขาไม่มีสิทธิ์ทักท้วง สอง ผมกับพี่รุตต์ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย ผมแค่นั่งเฉยๆ และพี่รุตต์ก็แค่ล่ำลาครั้งสุดท้าย
“ก็บอกอยู่ว่าหึง”
“อย่าพูดชื่อนายคนนั้นอีกนะ”


“พี่โป๊ะมีสิทธิ์อะไร”

“ถือว่าพี่ขอ”
“และถ้าพี่เอ่ยขอแล้วเรายังไม่ให้ตามที่ขอ”
“คงต้องบังคับกันแล้วแหละ”

“ไม่เห็นกลัว พี่โป๊ะจะทำอะไรวินได้”

พูดจบเท่านั้นแหละครับ เสื้อหายไปไหน! คุณมึงเอามือที่ไหนปลดกระดุมเสื้อกู!
ผมมองเขาตื่นๆ ตาค้างอยู่ที่รอยยิ้มชั่วร้ายของนายมือโปร ปากผมปิดสนิทและไม่คิดค้านขัดอะไรเขาอีกเลย

“เป็นเด็กดีก็ได้นี่”
“พี่ติดกระดุมให้นะ”
“นี่เราตัวรุมๆ คออ่อนแล้วยังกินเบียร์จนกลิ่นคลุ้ง”
“ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”

ผีห่าอะไรสิงอีกล่ะเนี่ย เปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบหาย
“หรือจะรอให้พี่เปลี่ยนใจ”

“ปะ ไปแล้ว อาบน้ำก็ดี”
“แต่พี่โป๊ะไขกุญแขให้หน่อยสิ”

“ครับด้วย”

“ครับ” นี่กูว่าง่ายทำไมเนี่ย! ก็แค่เสียงโดนปล้ำบนรถ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย!

ผมรีบอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าจากในห้องน้ำแล้วก็วิ่งเข้าห้องนอน ปิดประตู ล็อคกลอน เพื่อหันมาเจอกับนายมือโปรทื่นั่งอยู่ปลายเตียง

“ห้องวิน”

“ไม่ได้เถียงเลย”

“แล้วพี่โป๊ะเข้ามาทำไม”

“ขออยู่ด้วย”
“วินนอนไปสิ พี่มีงานต้องเคลียร์ ต้องอยู่ดึก”

“ก็....ก็ไปทำห้องพี่โป๊ะดิ”

“บอกแล้วไงว่านอนคนเดียวแล้วหลับ ขออยู่ด้วย” ผมล่ะอยากถ่ายรูปสีหน้าของเขายามพูดว่า ‘ขออยู่ด้วย’ มากๆ เลยครับ แม่งโคตรบังคับ

“ก็ได้”
“แต่อย่าทำอะไรวินนะ”

“ทำไม”

“หนึ่ง เราไม่ได้รักกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะงั้นพี่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรวินทั้งนั้น ถ้าทำอีกคือขืนใจ ขืนกาย เราอาจต้องเกลียดกัน”

“สองคือ?”

“สองคือวินยังอยากอยู่กับพี่โป๊ะแบบนี้ อย่าทำอะไรที่ทำให้วินต้องผลักพี่ออกไปชีวิตเลยครับ”

ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความคิดผมมั้ย?
ผมกำลังบอกความรู้สึกอยู่กลายๆ หากเขาเจียระไนอารมณ์ผมได้ หากเขาถอดรหัสความคิดผมผ่านคำพูดผมได้ เขาก็จะเข้าใจได้เอง ว่าผมก็ชอบเขามากเหมือนกัน

นายมือโปรอมยิ้ม เขาลุกขึ้นจากปลายเดตียงแล้วเดินมาหาผมที่ยืนหลังติดประตู เขาคนนี้จูบหน้าผากผม ทั้งผมบอกไปแล้วว่าอย่าทำอะไรแบบนี้อีก พอเห็นผมขมวดคิ้วมอง เขาก็สารภาพด้วยสีหน้าขวยเขิน

“นี่มันวิธีจีบของพี่ ห้ามกันไม่ได้หรอก”
“นอนได้แล้วไอ้ยุ่ง”

หัวใจผมพอง แก้มผมก้คงพองแต่ผมพยายามหุบมันเอาไว้เต็มกำลัง ผมเดินเกร็งๆ ไปเทตัวนอน ขดหัวมองเขาที่นั่งอยูปลายเตียง มีโน้ตบุ้คบนตัก

และผีห่าซาตานที่ไหนก็ไม่รู้ ที่ง้างปากผมให้พูดว่า

“วินจะนอนดึกเป็นเพื่อนพี่โป๊ะก็แล้วกัน”

เขาหันมาอมยิ้ม
ผมนอนแอบยิ้ม
เราทั้งคู่กำลังยิ้ม
นอกหน้าต่างไม่มีพระอาทิตย์ที่ผมชอบมอง
นอกหน้าต่างตอนนี้มีพระจันทร์ลอยเด่นโชว์เม็ดตะปุ่มตะปั่มแต็มแก้มแดงๆ ของมันเท่านั้น


Cut


เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกก
เค้าหวานกันค่ะคุณผู้โชมมมมมมมมมม
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(?)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-11-2015 21:01:21
กรี๊ดรัวๆ หวานกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-11-2015 21:07:21
จ่ะพี่โป๊ะะะะ ขี้หึงเกิ๊นนนน 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-11-2015 21:24:39
โอยยย.... อยากให้น้องวินเจอกับหมาเจมจังเลย
555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-11-2015 21:47:57
เขินกันมั่งไหมคู่เนี่ย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 11-11-2015 22:34:07
หวานกันมันก็ดีนะ
แต่ทำไมเรารู้สึกหมั่นไส้  หมั่นไส้อิพี่โป๊ะ 555555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2015 22:43:34
โม้เม้นตอนสุดท้ายนี้คืออะไร หวานอ่ะ
ฟินเบาๆ อีมือโปรมีมุมนี้ด้วยเว้ย  555555
มาต่อบ่อยๆนะคะคนเขียน  :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-11-2015 03:38:13
โอ๊ยหวานน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 12-11-2015 05:17:26
 :-[

น้องวิน เขิน น่ารกมากค่ะ

ชอบพี่โป๊ะ จีบ อิอิ

  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 12-11-2015 10:00:43
น่ารักจังเลย #ทีมหมั่นไส้พี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 12-11-2015 21:27:20
เขาแอ๊วเอินกันค่ะขุ่นผู้โชมมมม อ๊ายยยยย  :hao7:

มันเป็นโมเม้นของพี่ ของพี่ ของพี่ อี้ อี้!!!

นังพี่โป๊ะหล่อนนี่มันขี้ตู่ระดับเวิร์ลคลาส ขี้ตู่ได้ประทับใจเดี๊ยนมากค่ะ

ขอมอบมงแห่งความหน้ามึนลงหัวนางไปเลย ปรบมือ!!

ดูท่าว่าต่อให้วินอยากหยุดแค่นี้ เหี้ยก็คงไม่ยอมแล้วแหละ ทำใจเหอะวิน...

ผลประโยชน์ด้านอื่นเราไม่รู้ รู้แต่ผลประโยชน์ที่มีร่วมกันตอนนี้คือ ฉ่ำมาก เขินมาก

ใจฟูหนักมากกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-11-2015 21:39:48
อร๊ายยยยยยย น่ารักเวอร์เลย

เค้าจีบกันน่ารักสุดๆเขินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 17-11-2015 15:36:32
โอ้ยยย ให้มันได้อย่างงี้เถอะคุณมือโปร
บทจะตัดสินใจได้ก็ฟึ่บฟั่บ รวดเร็วได้อีกกกก
น้องวินใจอ่อนในเร็ววันมั้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MUSIX ที่ 18-11-2015 14:35:30
“มันเป็นโมเม้นท์ของพี่!”
555555555555555555...
ไม่เคยขำพระเอกนิยายเรื่องไหนเท่าอีพี่โป๊ะเลยค่ะ!!!!
โอยยยยยยย ปรอทความหึงหวงแทบแตก
พอบทจะน่ารักใส่กันก็น่ารักจนขนลุก!!!!
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-11-2015 10:53:22
:hao5:  :hao5: อ่านทันแล้ว (พึ่งมาอ่านอยากกระทืบตัวเอง :beat: )
อ่านมาถึงตอนนี้อารมณ์เม้นไม่ถูกกันเลยทีเดียว
พี่โป๊ะกับน้องวินก็กำลังอยู่ในโลกสีชมพู ส่วนพี่รุตต์ปวดใจไปด้วย
#หัวเราะพร้อมน้ำตา ซินะ  ขอเข้ามาจองที่รออีกคนค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 28-11-2015 09:38:35
โง้ยยยย สงสารน้องวิน ปรับอารมณ์ตามไอ้เหี้ยพี่โป๊ะทันมั้ยลูก

นี่เรากำลังคิดว่า พี่โป๊ะเป็นไบโพลาร์มั้ย 5555555

เป็นการจีบกันที่ฮาร์ดคอร์กอไก่มากๆ ค่ะ

ปล.พี่รุตต์นี่เป็นมือวางอันดับ 1 เรื่องพระรองขิงๆๆ ไอ้หนูแอมควรดูพี่รุตต์เป็นเยี่ยงอย่างนะยะ!! (เคืองข้ามเรื่อง 5555)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-12-2015 23:04:10
คิดถึงวินแล้วววว :mew1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-12-2015 23:06:46
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********

ตอนที่ 27

เช้านี้ ผมถูกทับ....

ครับ ผมถูกทับ.....
แน่นอนว่าผมไม่ได้ละเมอเพ้อพกไปเองใดๆ ทั้งสิ้น ผมจะย้ำให้โลกเชื่อผมอีกทีก็แล้วกันครับ
ผม ถูก นอน ทับ!
“พี่โป๊ะ ลุกเลย วินหนัก” ผมบอกมนุษย์ลูกครึ่งสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เกยทับตัวผมไว้ตามแนวขวาง ลำตัวเขาและลำตัวผมพาดกันเป็นรูปเครื่องหมายบวก

“อื้อ”
“อีกนิดดิ”

“ลุกเลย เร็วๆ”
“เจ็บท้อง”

“อ่ะ ขอโทษๆ” เขาร่นตัวออกจากตัวผมแล้วก็แถมานอนข้างๆ ในแนวเดียวกันแทน ผู้ชายคนนี้นอนหงายแต่เสร่อหันหน้ามองผม แล้วก็ส่งยิ้ม

“อะไร?”

“ต้องจูบอรุณสวัสดิ์กันสิ”

“ตำราไหน มั่ว”

“ตำราพี่ เขียนเองเมื่อกี้” หน้าด้านสุดๆ เลยนายมือโปร ผมเบ้ปากใส่ เช้านี้ไม่แลบลิ้นแล้วครับ ได้บทเรียนมาแล้ว อันตรายชิบหาย ไม่ใช่การจูบของเขาหรอก ที่ว่าอันตรายน่ะหมายถึงอารมณ์ไหลง่ายของผมต่างหาก
“ทำหน้างอไปได้ นี่เกลียดพี่มากเลยล่ะสิ”

“ก็พี่โป๊ะทำอะไรให้วินเกลียดรึเปล่าล่ะ”

“ไม่นะ พี่ทำแต่เรื่องน่ารักๆ” เหรอะ? ผมแค่นหัวเราะนิดนึงแล้วก็ตะแคงตัวออกไปทางหน้าต่าง เพื่อมองแสงอาทิตย์ให้เต็มตา

“อือ วินชอบพระอาทิตย์หรอ”

“ครับ วินชอบตอนพระอาทิตย์ขึ้น”

“เพราะ” ถามเฉยๆ ก็ได้ เกี่ยวเอวทำไมล่ะนั่น ผมปัดมือเขาออก ขยับตัวออกห่าง แต่ก็ยังอยู่บนเตียงเดียวกัน ผมไม่ได้อ่อยไมได้ให้ท่าเขาสักนิด ก็นี่มันเตียงผม คนที่ต้องละอายใจที่เบียดเบียนคนอื่นก็คือนายมือโปร

“ชอบเพราะมันทำให้วินรู้ว่ายังมีโอกาสเริ่มต้นได้เสมอ”
“คืนก่อน ต่อให้จบลงด้วยสิ่งเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม พอพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เราก็มีแรงใหม่ ได้สู้ใหม่ ได้ยืนหยัดใหม่ ได้ตามหาเสียงหัวเราะ ตามหาความสุข เพื่อให้คืนที่กำลังจะมาถึง ไม่จบลงอย่างเลวร้ายเหมือนที่ผ่านมา”

“ถ้าพี่เข้าใจความคิดวินทันที พี่ต้องตายแน่ๆ”

“อ่าว ทำไมล่ะ” ผมลงทุนหันหน้าไปถาม เพราะไอ้สิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมแน่ใจมากว่าหลายๆ คนก็คิด

“ก็มันลึก” อ่ออออออ ผมกรอกตาไปมาอยู่หลายรอบกว่าเก็ตสิ่งที่เข้าพูด เขาหมายถึงจมน้ำตายน่ะครับ เพราะความคิดผมลึกมากนั่นเอง พอเข้าใจแล้วก็อดขำในความแป๊กสิ้นดีไม่ได้

“แต่พี่ชอบเวลาพระอาทิตย์ตกนะ” เพราะ? ผมไม่ได้ถามออกไป แค่มองหน้าเขา รอให้เขาคายความคิดออกมา แต่คนกวนส้นตีนก็คือคนกวนส้นตีนแหล่ะครับ เขาอมยิ้มเหมือนรู้ทันว่าผมอยากรู้สุดๆ แต่ฟอร์มจัดเลยไม่ถาม นายมือโปรส่งสายตาพร้อมขยับคิ้วบอกใบ้กับผมว่า ถ้าไม่ง้อถามก็ไม่มีวันได้รู้

เออ ไม่รู้ก็ได้เว้ย!

“พี่โป๊ะคิดว่าตัวเองเป็นแกนโลกรึไง”
“วินไม่สนความคิดพี่สักหน่อย”
“รีบลุกไปทำข้าวเช้าได้แล้วครับ วันนี้ต้องทำงานกันต่อนี่ ชักช้า!”

“ช่ายยย พี่ชักช้า วินชักให้หน่อยสิ” เฮ้ออออ อ่อนใจจะด่าแล้วนะไอ้เหี้ยยยย!

กับข้าวเช้านี้
ข้าวอุ่นในไมโครเวฟ ซื้อจากร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ถ้าใครยังนึกไม่ออก ผมคงต้องใบ้เป็นตัวเลข แต่ผมไม่อยากใบ้แล้วเพราะหมดอารมณ์ตั้งแต่เห็นกับข้าวสิ่งเดียวที่จะได้กินเช้านี้
หมูหยองกองกอดฝอยซึ่งกันและกันอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชั้นเยี่ยม ยี่ห้อขึ้นต้นตัวอักษรตามชื่อด้วยตัวจังหวัด ใบ้ให้เท่านี้แหละครับ ใครตอบถูกก็ดีใจด้วย

“อะไรอ่ะพี่โป๊ะ” ผมถามด้วยใบหน้าเฉยชา นี่ผมกลั้นอารมณ์ไม่ชอบใจสุดๆ แล้วนะครับ นายคนนี้บังอาจยกเลิกสิ่งอำนวยความสะดวกของชีวิตผม เพื่อเสร่อแทรกบริการระดับหมาหาข้าวกินเองง่ายกว่าแบบนี้ คุณคิดว่าผมควรยิ้มให้เชฟเช้านี้งั้นหรอครับ

“เฮ้ย ไม่เคยเห็นหมูหยองหรอครับคุณหนูวิน”

“เคยเห็น เคยกิน แต่ไม่เคยกินแค่ข้าวกับหมูหยองอย่างเดียว”

“งั้นหัด”

“ไม่ ทำไมวินต้องหัด”

“ก็เงินเดือนวิน กินได้เท่านี้แหล่ะ”

“แต่วินเป็นระดับแมเนจเม้นท์ไม่ใช่หรอ?” ผมเห็นนามบัตรตัวเองแล้ว อย่าคิดแกล้งกันดีกว่า

“ก็ใช่ แต่ก็ยังไม่ผ่านโปร”

“................” กวนส้นตีน แม่งแกล้ง!

“และพี่คือคนอนุมัติว่าจะให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน”

“................” เกลียดแม่ง!

“วินหิวข้าว แล้ววินก็ควรได้กินมากกว่าข้าวหมูหยอง”

“มีไข่ตุ๋น”
“ซื้อมาเมื่อคืนเหมือนกัน”
“กล้วยหอมก็มี แล้วก็สารพัดนม แต่กล่องเล็กนะ”

“วินบอกว่าวินหิวข้าว”
“มื้อเช้าสำคัญนะพี่โป๊ะ วินไม่อยากมีขี้เลี้ยงสมองตลอดทั้งวัน เอาข้าวมา!”

“ก็นี่ไง กินดิ”

“ไม่เอาแบบนี้ มันแห้งๆ ติดคอ”

“ก็กินน้ำตาม”

“กินน้ำ มันก็ละลายน้ำย่อยไง! ไม่เคยเรียนหรอ!”

“เรื่องมากจริงเว้ย!”

“แล้วใครมันเสือกมายุ่งกับคนเรื่องมาก่อนล่ะวะ! วินก็อยู่ของวินแบบนี้ พี่นั่นแหล่ะมาเสือกเปลี่ยนนั่นนี่วุ่นวายไปหมด!”

“เออ พี่ยุ่งกับวินก่อนเอง” อะไร? ทำไมยอมง่ายจัง ผมไม่วางใจง่ายๆ หรอก คิดว่ายังไงยังไงเขาก็ต้องมีเรื่องมาตุกติก
“ก็อยากดูแลดีกว่านี้หรอก แต่มันไม่มีของสดอะไรให้ทำกับข้าวเลย แล้วเมื่อคืนก็รีบ เพราะจะมาดักวินที่บ้าน”
“แวะร้านอาหารจะสั่งกลับบ้านมาอุ่นกินตอนเช้า ก็เสือกเจอภาพบาดตา เด็กใจแตกกับอาจารย์เมืองนอกฉวยโอกาส แม่งจูบกันในรถ ใครจะมีอารมณ์ไปสั่งปูผัดผงกระหรี่ล่ะ!” นี่เขาบ่น เขาเล่าให้ฟัง เขาสารภาพ หรือเขาหลอกด่าผม? นายมือโปรหันไปถอนหายใจและกอดอก เขาหลุบตามองอาหารเช้าที่ผมยืนยันปฏิเสธ มองๆ อยู่ก็ยกชามข้าวมาตักข้าวเข้าปาก
“ยี่ห้อนี้อร่อยนะ” ไอ้เหี้ยนี่! แม่งเอ้ย
ผมเกือบหลุดหัวเราะ แต่ยังเก็บอาการไว้ได้ นายมือโปรกินให้ดูอีกคำแล้วก็ยืนยันคำเดิม
“จริงๆ อร่อย ไม่หืน ไม่เหนียว กินเถอะ”
“เดี๋ยวพาไปกินก่อนถึงออฟฟิศอีกที อันนี้รองท้อง”
“ถ้าวินดื้อไม่กิน ได้มีขี้เลี้ยงสมองแน่ๆ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว”
“กินก็ได้”
“วินเอาหมูหยองเยอะๆ ด้วย พี่โป๊ะเทอีก” ผมตัดบทแล้วนั่งเก้าอี้ เชฟที่คิดเมนูได้เห่ยที่สุดจัดแจงเทหมูหยองใส่จานข้าวผม ยอมรับเลยครับว่ามันส่งกลิ่นหอมๆ และรสชาติก็อร่อยจริงๆ แม้ว่าจะฝืดคอไปหน่อยก็ตาม

เราอิ่มกันแล้ว เอาจริงๆ ผมอาจจะเป็นคนเดียวที่อิ่มก็ได้ เพราะพี่โป๊ะเขาก็กินแค่กาแฟที่ชงกินเอง 1 แก้วเท่านั้น
วันนี้เราต้องไปทำงานที่ออฟฟิศทาวน์ อิน ทาวน์ ซึ่งมันเป็นลาภปากผมมาก เพราะมีร้านอาหารหร่อยหลายที่ ความต้องการก้นบึ้งในใจเรื่องอยากกินอาหารที่จัดเต็มโต๊ะ มีให้เลือกเป็นร้อยๆ อย่าง ยังครบอครองจิตใจผมอยู่ นั่นทำให้ประโยคแรกที่ผมพูดกับพี่แนนก็คือ “จองร้านอาหารให้วินหน่อยนะครับ”
นายมือโปรหัวเราะพรืด เขาลูบต้นคอผมเบาๆ แล้วก็เดินนำเข้าห้องทำงาน
ที่ออฟฟิศนี้ ที่ทำงานของผมก็คือหน้าห้องเขานั่นแหล่ะครับ เขายังคงชอบทำงานในห้องคนเดียวเหมือนเดิม

“วิน เข้ามาหน่อยสิ” หืออออออ ผมตาตื่น สบตากับพี่แนนที่ก็มองผมมางงๆ เหมือนกัน พี่แนนได้สติก่อนจึงทำมือไล่ผมให้เข้าไปหานายมือโปรในห้อง
ผมเลือกจะโผล่หัวเข้าไปก่อน เมื่อเห็นหน้ากันแล้วผมก็ถาม

“อะไรครับ”

“มานั่งทำงานในนี้สิ”

“ก็พี่ชอบทำงานในห้องคนเดียว”

“แต่วินพิเศษ พี่อยากมอง มองแล้วมีสมาธิ ชอบ เพลินดี”

“วินจะคิดซะว่าพี่เปรียบวินเป็นแสงเทียนแห่งปัญญาก็แล้วกันนะครับ” นายมือโปรหัวเราะร่วน ผมเดาว่าพี่แนนต้องงงหนักๆ แน่ๆ ที่ได้ยินเสียงหัวเราะ และได้เห็นว่าผมย้ายตัวเองมานั่งอ่านเอกสารงานอยู่ในห้องพี่โป๊ะ

นั่งฟังเสียงเขาทำงานก่อกแก่กอยู่ไม่นานก็ได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่เรียกผมเข้าห้องครับ ..... ใช้งาน
หานี่ให้หน่อย หาเรื่องนั้นให้พี่หน่อย เข้าเวบนี้นะ นี่ยูสเซอร์กับพาสเวิร์ดนะครับ
ถ้าเจอเรื่องนี้ปรินท์มาให้พี่ด้วยนะ จัดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกันนะ
โยนเข้าเมลล์พี่ด้วยวิน ด่วนดิวิน อันนี้ด้วย อันนั้นด้วย
เอาเป็นว่า ผมได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละครับ แม่งใช้ยังกะผมมี 10 มือ

กว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายโมงแล้วครับ นี่ถ้าไม่ได้ดูเวลาผมคงไม่รู้สาเหตุที่ศักยภาพการทำงานช่วยนายมือโปรต่ำลงเรื่อยๆ สาเหตุเป็นเพราะหิวจัดๆ นี่เอง

“ป่ะ ไปกัน”

“กินข้าวหรอครับ”

“ไปหาพ่อพี่ก่อน ที่ออฟฟิศดุสิต นิดเดียวเอง”

“แต่วิน”

“หิว”
“พี่รู้ พี่ก็หิว แต่งานเราเร่งไง”
“ทนเหนื่อยกันอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ลงตัว”

“ก็ได้”

“ขอบคุณครับ” ยิ้มหล่อ สุภาพ เข้าใจโลกมากๆ แล้วก็เดินตัวตรงนำหน้าผมไป แม่งเอ้ย ช่วยลดระดับหูมาฟังเสียงท้องผมร้องหน่อยเถอะ!


การมาพบคุณตะวัน ทำให้สภาวะทำงานจนไม่มีเวลากินข้าวตกอยู่กับนายมือโปรคนเดียวครับ ส่วนผมน่ะหรอ? ได้กินแล้วครับ ได้กินตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่ออฟฟิศคุณตะวันนั่นแหล่ะ ที่ที่ผมเคยมาปรากฏโฉมในฐานะหุ้นส่วนบริษัทร่วมทุนต่อหน้าผู้ถือหุ้นบริษัทคุณตะวันที่หัวหงอกกันอย่างพร้อมเพรียง
“วิน อยากได้อะไรบอกป้าไพรนะลูก”
“ครับคุณตะวัน”
“อ่อ! ครับลุงตะวัน”

“เยี่ยม บอกครั้งเดียวให้รู้เรื่องแบบนี้ถึงดี”
“ไอ้ตัวดีอยู่ไหนลูก”

“อยู่ในห้องคุณลุงมั้งครับ”

“โอเค”
“โปร” ผมได้ยินเสียงคุณตะวันเรียกลูกชายแว่วๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศเหมือนเดิม
ที่ออฟฟิศใหญ่นี้ พนักงานไม่ค่อยอยู่กันหรอกครับ แต่เขาก็มีพื้นที่รองรับสำหรับการประชุมที่ค่อนข้างใหญ่พอประมาณ แล้วก็มี่ชั้นสำหรับแบ็คออฟฟิศแยกสัดส่วนออกไปอีกชั้นหนึ่งด้วย
ที่ออฟฟิศนี้คุณตะวันแกใช้เป็นที่ทำงานส่วนตัว และแกก็นั่งบริหารอยู่หลายบริษัทด้วย ที่นี่ก็เลยค่อนข้างสะดวกสำหรับผู้บริหารระดับสูง(อายุนะครับ) แบบคุณตะวัน ส่วนที่เขตดุสิตนั้นเป็นที่รวมพลของสมองบริษัทก็ว่าได้ และผมก็ว่าเหมาะดี เพราะสถานที่สวยครับ มีพื้นที่ให้ยืนสูบบุหรี่พลางใช้ความคิด ออฟฟิศที่ดุสิตนี่เป็นพื้นที่เช่าระยะยาวมาก เช่าจากเจ้าของวังเก่าที่ตอนนี้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศแล้ว เห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่กับคุณตะวัน ก็เลยได้เช่าในราคาที่ถูกมาก แต่ที่แพงกว่านั้นน่าจะเป็นค่าบำรุงรักษาวังแหล่ะครับ
ส่วนออฟฟิศที่ทาวน์ อิน ทาวน์ เป็นออฟฟิศสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ แล้วก็อุปกรณ์ผลิตสื่ออื่นๆ ด้วย และที่บางบ่อที่กำลังจะผุดขึ้นมาเป็นอีกบริษัทนั้น ใช้สำหรับโอเปอร์เรทธุรกิจผู้จัดหาอุปกรณ์ถ่ายภาพยนต์และสื่ออื่นๆ อย่างเดียวเลย เพราะจะมีโกดังเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ แล้วก็สตูดิโอถ่ายหนังระดับฮอลลีวู้ด
สำหรับออฟฟิศใต้ผับที่สุขุมวิทนั้น ฐานทัพส่วนตัวของนายมือโปรครับ
ผมนั่งใช้เวลาว่างนั่งวาดแผนผังสินทรัพย์ของคุณตะวันและนายมือโปรแล้วค่อนข้างรู้สึกยุ่งยากตามไปด้วย ที่ทำงานมีหลายที่แบบนี้ คนเป็นเลขาน่าจะเกิดมาพร้อมกับดวงชิบหายวายวอดมากครับ ไม่อย่างนั้นคงบริหารจัดการเวลาเจ้านายไม่ได้เลย พี่แนนนี่คงเทพสุดๆ
ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัย ผมรู้แค่ว่า 2 พ่อลูกเขาอยู่บ้านเดียวกันครับ แต่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เพราะก็แยกกันฝังตัวอยู่ที่ออฟฟิศแต่ละแห่ง กลับบ้านไม่ค่อยตรงกัน หนำซ้ำนายมือโปรยังมีคอนโดตัวเองอีก 2 ห้อง และฐานทัพชั้นใต้ดินของผับก็ถือเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งของเขาเหมือนกัน แล้วยังเสร่อมาเช่าบ้านผมอยู่อีก แม้จะไม่ได้จ่ายค่าเช่าเลยก็ตามเถอะ
คิดแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวผมโชคดีมากที่ใช้เวลาร่วมกับนายมือโปรเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน

“วิน”

“อ่ะ ครับ” ผมสะดุ้งเพราะจู่ๆ คนที่กำลังเดินลอยชายในความคิดผมก็เปิดประตูผลัวะ! เข้ามา เขายื่นแต่หน้ามาชวนคุยครับ

“อิ่มแล้ว?”

“อื้อ ครับ”

“พี่โคตรหิวเลย แต่ไม่เป็นไร”
“วินมาคุยงานห้องพ่อพี่หน่อยนะ ตอนนี้ได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ  วินไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ”

“งั้นเชิญ” ทำไมสุภาพจังวะ อย่าบอกนะว่าสร้างภาพไว้กับพ่อด้วย เหอะ!

ผมเดินตามนายมือโปรมายังห้องทำงานคุณตะวันครับ ห้องนี้ผมเคยเข้ามาครั้งนึงแล้ว ครั้งนี้เลยไม่ตื่นตาเท่าไหร่
“อ่า น้องอิ่มแล้วหรอโปร”

“ครับพ่อ โปรสิหิวตาลาย”

“บ่นเยอะ”
“วิน ดูผังองค์กร ผังบอร์ดแล้วโอเคมั้ย ปรับแก้ยังไงบอกพี่เขาไว้นะ”
“เดี๋ยวลุงต้องออกไปประชุมอีกที่ ไหวนะ”

“อ๋อ ครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น เราทำธุรกิจกัน ว่ากันตามสิทธิ์”
“วินดูรายชื่อคณะกรรมการอิสระกับคณะกรรมการตรวจสอบด้วยนะ ถ้าไม่มั่นใจโปรไฟล์ก็ถามคุณสุชาดาก็ได้ แต่ลุงกรองดูแล้ว เกียรติเยอะทุกคนแหล่ะ”

“ครับ”

“แล้วเรื่องตำแหน่งวิน ถ้าไม่พอใจก็บอกนะ”

“อ่อ ครับ” รอบนี้ผมค่อนข้างกระดากอายนิดหน่อย เพราอะไรน่ะหรอครับ ก็เพราะผมแค่เดินตามที่โปะไป ทำตามที่เขาบอกอยู่ทุกวันเท่านั้น แบบนี้ไม่เรียกว่าทำงานแล้วก็ไม่ควรได้ตำแหน่งด้วย แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ ช้อนทองมันติดปาก

คุณตะวันออกจากห้องทำงานไปแล้ว แต่ผมและนายมือโปรยังนั่งกันอยู่ในห้องนี้ เขาให้เวลาผมอ่านเอกสารต่างๆ ของบริษัทร่วมทุนใหม่ของเรา ทุกอย่างโอเค ลงตัว ดูท่าทางจะไปได้สวย ยกเว้นตัวผม
ชื่อผม หน้าผม อยู่บนระดับบนสุดของผังองค์กร คู่กับนายมือโปร
แม้ว่าชื่อเขา รูปเขาจะมีแปะไว้อีก 2 ตำแหน่ง แต่เท่านี้ก็เป็นอันรู้กันแล้วว่าคนที่ทัดทานอำนาจนายมือโปรได้ ก็คือผม
เท่ากับว่า ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร ทำอะไร ที่เกี่ยวกับบริษัทร่วมทุนนี้ จะต้องขออนุญาตจากผม
และหลังจากที่บริษัทร่วมทุนจัดตั้ง ก็จะมีการเพิ่มทุนบริษัทแม่ เพื่อนำเงินเพิ่มทุนมาใส่ในบริษัทร่วมทุนนี้ นั่นก็จะหมายความว่า ป้าสุจะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของบริษัทร่วมทุนนี้ได้ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัทแม่
ผมแทบไม่เจ็บตัวอะไรเลย
เปลือกโลกของคนอื่น อาจจะเป็นแก้ว เป็นเหล็ก เป็นหิน เป็นอะไรก็ตามมที่แข็งแรงเพื่อทำหน้าที่ปกป้องตัวตนมนุษย์คนนั้น
แต่สำหรับผม เปลือกโลกของผมคือเปลือกไข่ มันแตกง่าย แต่แม้จะแตกก็ไม่เป็นไร เพราะป้าสุทากาวอย่างดีเอาไว้แล้วเอาหินมาประกบอย่างดี
คนอื่นอาจอิจฉา อยากอยู่อย่างปลอดภัยในโลกของตัวเองโดยไม่ต้องระวังว่าจะมีอะไรมากระทบคอมฟอร์ทโซนเลย แต่เชื่อผมเถอะ เป็นไปได้ก็อยู่แบบชีวิตมีสิ่งคุกคามกันนิดหน่อย ดีกว่าอยู่อย่างปลอดภัยมาก แต่เงียบมาก และเหงามาก แบบผม...

“ไม่เคลียร์ตรงไหนมั้ยวิน”

“ตำแหน่งวิน”

“อ่อ ก็รองซีอีโอ รองพี่นี่แหล่ะ”
“หรือว่าเราต้องมี 2 ซีอีโอ เอางั้นหรอ”

“ไม่ครับ”
“วินเป็นแค่เด็กฝึกงานเอง”

“เมื่อมีคนปูทาง วินก็ต้องเดิน”
“ต่อให้อยากนั่งนิ่ง หยุดพัก หรือต่อให้เท้ายังไม่ใหญ่พอจะใส่รองเท้าที่คนเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอะไร วินก็ต้องเดิน”
“คนอื่นเขาพร้อมเดิน แต่ทางแคบ ขรุขระ ไม่มีรองเท้าบ้างล่ะ พิการบ้างล่ะ ทางขาดบ้างล่ะ พวกเขาก็ต้องเดิน”
“วินไม่ได้เกิดมาให้อาสุเลี้ยงจนอาสุตายแล้ววินก็ตายตามซะหน่อย”
“เดินให้ทันพี่นะ”
“เดินข้างๆ กันไปนี่แหล่ะ พี่จูงไปเอง”
“แต่ต้องเดิน”

“................”

“วินบอกพี่เมื่อเช้าว่าชอบพระอาทิตย์ขึ้นใช่มั้ย”

“อื้อ”

“พระอาทิตย์ยังเดินเลย จะเอาเปรียบโดยการนั่งมองอย่างเดียวได้ไง”

“รู้แล้วน่า”
“แค่หวั่นๆ ไม่รู้จะทำได้ตามที่ป้าสุหวังไว้รึเปล่าเท่านั้นแหล่ะครับ”

“พี่ว่า แค่วินลองทำ พยายาม ทุ่มเท มีความสุขกับสิ่งที่ทำ อาสุก็ปลื้มมากแล้วครับ”

“ป้าวิน วินรู้หรอกน่า” ผมหันหน้าหนีไปขมวดคิ้วใส่กระจกใสบ้านใหญ่ แสงแดดส่องสะท้อนเสียจนผมแสบม่านตา จนต้องหลับตาแล้วหันหน้าหลบแสงกลับมา

“ลูกหมาพี่ พี่ก็รู้จักดีเหมือนกัน” บอกไว้เท่านี้แล้วก็ยิ้มให้ ย่ามใจถึงขั้นโน้มตัวมาเอียงหน้าจูบผมอีกต่างหาก คุณครับ กระจกใสไง ม่านก็ไม่ได้ปิด และจะมีใครโผล่เข้าห้องมารึเปล่าก็ไม่รู้!

“อื้อ!” ผมหันหน้าหนี ส่งเสียงขัดใจแล้วเดินไปรอเขาที่หน้าประตูห้องทำงานแทน
“กลับรึยังครับ พี่โป๊ะยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ ไม่หิวแล้วหรอ”

“หิวสิ ไป กลับ”
“เอาเอกสารไปด้วยนะ ตัวก๊อปปี้พี่ส่งไฟล์ให้อาสุแล้ว ไม่ต้องห่วง เย็นนี้คงโทรหาวินแหล่ะ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว ไปหาอะไรกินได้แล้ว”

“ครับ ครับ” รับคำอย่างเดียวก็ได้ เดินปกติก็ได้ ทำไมต้องมาโอบเอว เอียงหน้ามาซุกหัวผมแล้วก็พาผมเดินออกจากออฟฟิศ นายมือโปรเคยอายอะไรบ้างมั้ยวะครับ!



#### @ D A W N  #####

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-12-2015 23:07:27
มื้อบ่ายแก่ๆ ของนายมือโปร เกิดขึ้นที่ชั้นใต้ดินของผับครับ เขาบอกที่ดุสิตไม่มีอะไรต้องเคลียร์วันนี้  ทาวน์ อิน ทาวน์ พี่แนนก็จัดการให้เซ็นงานตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เขาเลยมีเวลามาทำงานในฐานทัพของเขาเอง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาเอาอะไรอุ่นใจเวลาซุกชีวิตไว้ที่นี่ แต่ถ้าถามผม ผมว่าโซฟานุ่มดีครับ ใหญ่ด้วย
“มาแล้ว มาแล้ว” ของกินของเขาแหล่ะครับ นายมือโปรทำเอง กินเอง อ่อ เขาทำเผื่อผมด้วย เป็นต้มยำทะเลรวมตระกูล ใส่วุ้นใส่หยิบมือทารกครับ
“หอมมั้ย กินสิ อร่อยนะ”

“ก็วินอิ่มแล้ว”

“อา น่าเสียดายนะ อร่อยมาก พี่กล้าบอกเลย ไอ้หนึ่งไอ้นำติดใจเป็นแถว”
“ปกติไม่ทำให้ใครกินหรอกนะ”

“แล้วตอนไม่ปกติ ทำให้ใครกินบ้างครับ”

“ก็ไอ้หนึ่งไอ้นำไอ้พีช” อ่อ แกงค์เขานี่เอง แหย่เพิ่มได้มั้ยวะ

“แค่นี้หรอครับ พี่ดร.โจ้ล่ะ”

“รายนั้นเขาไม่กินเผ็ด ไม่ทำให้กินหรอก กินอะไรก็บ่นกลัวอ้วน กลัวคอลเรสตอรอลพุ่ง”

“แล้วลูกแพร์”

“.................” หรือว่าผมจะเหยียบเล็บขบจระเข้เข้าแล้ววะ?
นายมือโปรหันหน้ามองผม ขมวดคิ้วใส่ แล้วก็ปลิ้นรอยยิ้มให้ดู พร้อมกับบอกว่า “รายนั้นไม่ใช่สายแดกครับ”
เฮอะ! ปกป้อง
สุดท้าย ผมก็ต้องกินต้มยำรวมโคตรทะเลอยู่ดีแหล่ะครับ เพราะนายมือโปรบอกว่า ของดีให้รีบกิน เย็นนี้ไม่ทำกับข้าว ดีไม่ดีอาจจะค้างที่ชั้นใต้ดินนี้ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขานอนที่ไหน ผมก็ต้องนอนที่นั่น เว้นเสียแต่ว่าผมจะดื้อด้านโบกแท็กซี่กลับบ้านเอง ส่วนรถเหลือแป๋นของผม ผมขอจอดยาวๆ ไว้ที่โรงแรมป้าสุนานแล้ว ซึ่งคำตอบของผมก็คือ ไม่ครับ ผมจะเป็นนกเอี้ยงเกาะเขาอยู่แบบนี้แหล่ะ
ตกค่ำเข้าหน่อยก็งานเข้าครับ เมื่อเพื่อนป.โท ที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาไอเอสคนเดียวกันโทรบอกผมว่า อาจารย์แกตารางสำหรับการสอบปิดเล่มมาแล้ว ผมเช็คอีเมลล์แล้วก็เจอตารางที่ว่านั่น การสอบปิดเล่มของผมกระชั้นมากครับ นับวินาทีนี้ด้วยก็คือ 1 เดือน ชิบหาย! ทำไม่ทันดิวะแบบนี้
ผมเครียดหนักและส่งข้อความหาไอ้โอมทางเฟสบุ้ค ห่านี่เหมอืนสิงอยู่ในอินเตอร์เน็ต ตอบข้อความปุ๊บปั๊บมาก และมันก็คงร้อนใจ ถึงขั้นโทรกลับมาหาผม
“เอ้ย! มึง ยังไงแล้วของมึงเนี่ย” ผมถามด้วยความห่วงเพื่อน แต่มันกลับทำเสียงเนือยๆ ตอบกลับมาว่า ‘ไม่เอาแล้ว จบเทอมหน้าก็แล้วกัน’ เอ้ย! ทำไมมันตัดใจง่ายจังวะ หลักสูตรเขา 2 ปีมึงสละเวลาเรียนกันได้ พอให้ค้นคว้าอิสระด้วยตัวเอง 4 เดือน มึงจัดการกันไม่ได้แล้วก็ถอดใจแม่งเลย ผมไม่เห็นด้วยที่สุด พยายามตะล่อมให้มันกัดฟันลำบากวันนี้ ดีกว่าลากยาวต่อไปอีก เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นที่ผมหวั่นใจ แต่นิสัยไอ้โอม ผมเกรงว่ามันจะไม่จบในทายที่สุดอยู่ดี
“ของกูเริ่มเก็บข้อมูลไปแล้ว ทำอินเดปท์อินเทอร์วิว มีงล่ะ ให้กูช่วยอะไรมั้ย”
“เออน่า กูจ้างเขาถอดสัมภาษณ์ 8 คน แล้วกูซัมข้อมูล แกะออกมาเป็นตารางคำตอบตามคำถามที่กูถามไป แล้วกูก็ดึงโค้ดมาประกอบ กูมีแนวของกูแล้วน่า มึงล่ะ มึงอ่ะยังไง”
“ให้ไวไอ้โอม” ผมดุเมื่อมันยังยืดยาด ไอ้ห่านี่ต้องเจอของแข็งสินะ เออดี! กูจะฟ้องพ่อ(สมมติ) มึง!
“ก็ฟ้องเฮียมึงจริงๆนะ ถ้ามึงไม่ยอมทำให้จบปีนี้”
“เร็วโอม”
“กลับมาก็กลับมา มึงเอาตัวเองกลับมาสอบปิดเล่มให้ทันได้มั้ยเอางี้ แล้วกูหาคนช่วย”
“กูรู้ว่มันผิด ของมึงมึงก็ต้องทำเอง แต่มึงก็ทำโครงแล้วอะไรแล้ว สอบเปิดเล่มก็ผ่านฉลุย”
“งั้นทำแบบกู มึงจัดกรุ๊ปอินเทอร์วิวที่นู่น ส่งเทปมา เดี๋ยวกูจ้างคนถอดคำให้ แล้วมึงสร้างตารางข้อมูลมึงไว้ จะได้จัดคำตอบเข้าชุดคำถาม แค่นี้ก็ได้ข้อค้นพบ”
“เอามั้ยมึง กูช่วยมึงได้เท่านี้นะ”
“เร็วโอม”
“โอมมมม ขอร้องล่ะ”
“มึงเอาให้จบปีนี้แหล่ะ จบด้วยกัน”
“โอม มึงเสียเวลาเรียนมาเกือบ 2 ปี มึงแค่ติดตีนหมาเอง เอากะกูสิ ไม่ใช่ เอาตามที่กูทำนี่แหล่ะ”
“โอม โอม โอม!” ตัดสายไปแล้วครับ ผมถอยหายใจ ปาโทรศัพท์ทิ้ง นึกถึงความล้มเหลวของต่อมพยายามของเพื่อนอย่างฮึดฮัดขัดใจ

“อะไรหรอวิน เสียงดัง” นายมือโปรครับ เขากลับมาจากผับด้านบนแล้ว คงได้ยินเสียงผมช่วงหัวเสีย มาก็ดีเลย พ่อ(ปลอม)ไอ้ห่าโอม! ผมขมวดคิ้วใส่เขาราวกับเขากับไอ้โอมมีจิตวิญญาณเดียวกัน
“ไอ้โอมของพี่โป๊ะนั่นแหล่ะ กวนส้นตีน แม่งไม่ยอมทำไอเอสแล้ว บอกจบปีหน้าก็ได้ เหี้ยเหมือนใครวะ!”

“เอ้า เอ้า พาลนะ แล้วไอ้คำว่าเหี้ยเนี่ย ถ้าไม่เกี่ยวกับพี่ก็ไม่ต้องโยนมาบ่อย มีหลายฟาร์มแล้ว”
“เล่าดีๆ”

ก็ได้! ผมไม่ได้กลัวอะไรเขาเลยนะ
“ก็ไอ้โอมอ่ะ มันบอกว่ามันไม่เร่งทำไอเอสแล้ว เร่งยังไงก็ไม่ทัน ก็เลยจะไปจบปีหน้า”
“พี่โป๊ะดูมันดิ ทำงี้ได้ไง”

“ก็ตัวมัน”

“ตัวมันก็ใช่ แต่แบบ...พี่โป๊ะดูดิ ดูดิ”
“ไรวะ แม่งก็เรียนมาด้วยกัน ทำงี้แม่งเหี้ย แย่ หนักชาติหนักแผ่นดิน ตระกูลแม่งต้อง”

“วิน วิน”
“ใจเย็นนะ ที่ได้ยินมีแต่พี่ ไอ้โอมไม่ได้ยินหรอก แล้วนี่ก็เรื่องของโอมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับน้ำหนักรวมของชาติของแผ่นดิน แล้วตระกูลมันก็คงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
“โอเคนะ พี่รู้เรื่องแล้วว่าโอมมันคงทำไอเอสไม่ทันจบปีนี้ วินก็เลยอารมณ์เสีย”

“วินไม่ได้อารมณ์เสียเพราะมันไม่จบพร้อมกัน วินอารมณ์เสียเพราะมันยังไม่ได้พยายามเลย”
“มันแค่รู้ตารางสอบปิดเล่มวิน แล้วก็ประมวลแผนตัวเองแล้วก็คิดว่าคงไม่ทัน มันบอกจะให้กลับไทยเพื่อให้ทันทำไอเอส มันเหตุผลประหลาด ไร้ตรรกะ”
“พี่โป๊ะดูมันดิ!”

“ก็มันทำไม่ทัน วินจะให้มันทำยังไง หรือวินจะช่วยมันทำ มีเวลาพอหรอ?”

“ไม่พอหรอก วินก็ต้องติดตีนหมาเหมือนกัน”

“โอมมันก็คงคิดเหมือนกัน มันถึงได้วางแผนของมันเองว่ามันทำตามจังหวะของมัน และน่าจะจบปีหน้า”

“..................”

“ใจเย็นลงรึยัง? หือ? โกรธแล้วแผ่รังสีมากเลย"
"พี่เข้าใกล้ได้รึยังครับเนี่ย” ผมถอนใจเพื่อบรรเทาความเกรี้ยวกราด จากนั้นก็พยักหน้ารับให้กับคำถามสุดท้ายของนายมือโปร
ก็เพิ่งรู้ครับว่ามันแปลว่า เขาขอกอด แล้วผมก็อนุญาต
นี่ผมกับเขาสื่อสารกันด้วยภาษาอะไรกันอยู่?

“อึดอัด” ผมบ่น พยายามแงะวงแขนที่โอบต้นไม้ใหญ่มิดของเขาออกไป อยากถามเหลือเกินว่าไม่รู้สึกว่ากอดมันล้นเกินวัตถุในอ้อมกอดรึเปล่า

“อบอุ่นต่างหาก” นายมือโปรเถียง เขาเกยคางไว้บนหัวผม พาผมโยกตามจังหวะเนิบนาบครู่หนึ่งก็ดันตัวออกห่าง
“ไปดื่มอะไรมั้ย? หรือจะนอนก่อนก็ได้ หรืออยากกลับบ้านไปทำไอเอส เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วค่อยมานี่อีกที”

“ทำไมพี่โป๊ะต้องกลับมาที่นี่อีกล่ะครับ มีธุระหรอ? หรือว่ามีใครเหมาร้านอีก”

“ไม่ใช่ธุระหรอก” นายมือโปรบอกแล้วเดินหยิบโทรศัพท์มือถือ หยิบกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ที่เขาวางไว้คนละจุดในห้องนี้ พอได้ทุกสิ่งที่ต้องการแล้วก็มาหยุดยืนตรงหน้าผมอีกครั้ง
“ไอ้พวกนั้นมันนัดกันพอดี”
“ขาดพีชคนเดียว พี่เลยว่าจะดื่มกับพวกมัน นานๆ ไอ้หมอมันจะขอปรับทุกข์” ไอ้หมอ...คงเป็นพี่นำ ขาดพีชคนเดียว งั้นคืนนี้ก็คงมีพี่ผู้นำกับพี่ที่หนึ่งมาดื่มกับนายมือโปรสินะ ผมไปนอนบ้านดีกว่า แกร่วอยู่ที่นี่ก็เสียเวลาเปล่า
“งั้นวินกลับบ้านดีกว่าครับ”

“โอเค เดี่ยวพี่ไปส่งวินก่อน”
“รอที่รถนะ ไปบอกพวกมันก่อน เดี๋ยวโดนงอนอีก”

“ครับ” ผมรับคำแล้วก็เดินขึ้นบันไดของชั้นใต้ดินเพื่อไปโผล่ที่หน้าห้องครัวของผับ เพื่อจะแซะตัวเองออกประตูข้างๆ ร้าน แต่พรหมลิขิตของผมทำงานหนักมากครับ

“วิน”

“พี่รุตต์”
“เฮ้ย! มายังไงครับเนี่ย หรือว่าเลี้ยงส่ง”

“อื้อ เพื่อนเลี้ยงส่งน่ะ นัดกันไม่กี่คน”
“วินล่ะ”

“อ่อ ที่นี่ผับพี่โป๊ะเขาน่ะครับ เรามาทำงานกันที่นี่ แต่วินจะกลับบ้านแล้ว พี่โป๊ะเขานัดเพื่อนไว้”

“แล้วกลับยังไง”
“เอางี้ พี่ไปส่ง”

เอ้อ...ผมดูไร้ศักยภาพในการเดินทางด้วยตัวเองหรอเนี่ย? มีแต่คนอยากไปส่ง

“วิน วินใช่ป่าวเนี่ย” ผมหันมองอีกเสียงที่ทักถาม ใบหน้าเรียวเล็กขาวจัดโผล่มองผม ส่วนตัวซ่อนอยู่กับผนัง

“คุณเจม”

“เอ้ย! ดีเลย เบื่อฟังพวกพี่หนึ่งคุยกันแล้ว มานั่งคุยกับวินดีกว่า”
“เอ่อ หรือว่ามีธุระ”

“อ๋อ....ไม่มี เดี่ยวผมตามไป คุณเจมนั่งโต๊ะไหนหรอครับ”

“ด้านในเลย โซนกลางหนวกหู ตามมานะ”

“โอเค” ผมตอบรับแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นก็หันมองหน้าพี่รุตต์อีกรอบ อาจารย์ตัวเทนประเทศส่งยิ้มให้อย่างเข้าอกเข้าใจ ทำมือไม้ให้รู้ว่าค่อยโทรคุยกันก็ได้ แล้วก็เดินหายไปท่ามกลางฝูงชนอันหนาแน่น
ผมวิ่งกลับไปห้องใต้ดินอีกครั้ง เจอนายมือโปรกำลังสาละวนอยู่ที่ซิงค์ล้างจาน ผมก็เลยบอกธุระตัวเองทันที ก็เขาไม่ได้ใช้หูล้างแก้วนี่นา
“พี่โป๊ะ”

“อืม ว่า”

“วินนั่งอยู่กับคุณเจมนะ”

“อ้อ ตายห่า จิ้งจก 2 ตัวคุยกันคงงุ้งงิ้งน่าดู”

“จิ้งจกก็ดีกว่าตัวเหี้ยล้อมวงแหล่ะน่า”

“ปากกกกก!!!” เขาไม่โกรธหรอกครับ เท่าที่รู้จักกันมา ถ้านายมือโปรโกรธ สัญญาณแรกที่ส่งมาเตือนคือความเงียบ

การคุยกับคุณเจมสนุกมากครับ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ปากคมกว่าปากกาหัวตัดเบอร์เล็กมากๆ
แต่ละคำที่สรรหามาเล่าเรื่องพี่โป๊ะก็สุดจะฮา แต่ผมก็เห็นด้วยทุกอย่างเลยนะ นี่ก็หัวเราะจนท้องแข็งแล้วด้วย
“แต่ว่า พี่โป๊ะดีกว่าพี่หนึ่งกว่าพี่นำอยู่เรื่องนึงนะ” เรากำลังคุยกันเรื่องในแกงค์ลุงๆ นี้ ใครดีใครเด่นเรื่องอะไรบ้าง คนให้คะแนนและตัดสินแบบชี้ชัดก็คือคุณเจมที่แสนยุติธรรมครับ

“มีด้วยหรอครับ วินว่าพี่โป๊ะต้องห่วยกว่าพี่หนึ่งพี่นำทุกด้านแหล่ะ”

“ไม่ๆๆๆ เรื่องนี้อันดับ1”

“เรื่องอะไรหรอ?” ผมทำหน้าอยากรู้สุดชีวิต คุณเจมก็หัวเราะคิกคักเหมือนรอไม่ไหวที่จะตอบข้อสงสัย เราเข้ากันได้ดีจริงๆ ครับ ผมรู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อนที่สนิทกันมานาน

“จมปลัก”
“เจมไม่ได้ด่าว่าพี่โป๊ะเป็นควายนะ”
“แต่พี่โป๊ะจมปลักมากเรื่องความรัก”
“จนป่านนี้ พี่หนึ่งยังไม่กล้าฟันธงเลยว่าพี่โป๊ะลืมความรักกับคุณลูกแพร์รึยัง”

“อ่อ”

“แล้ววินทำงานกับพี่โป๊ะ เป็นไงมั่ง”
“มีทีท่ากับสาวไหนมั่งมั้ย”

“อ่อ.... ก็ไม่มีนะ”
“ที่ติดต่อกันประจำก็คือพี่โจ้ที่วินเคยบอกนั่นแหล่ะ”
“แต่เขาก็ยืนยันว่าเพื่อนกัน”
“มีอะไรรึเปล่า”

“อ่อ อยากเอาคืนนิดหน่อยน่ะ”
“รู้มั้ย ตอนที่พี่หนึ่งบอกพี่โป๊ะว่าคบกับเจมนะ โวยวายอย่างกับเมียมีชู้ ก็แค่เพื่อนสนิทกัน มาทำหวงใส่ คิดแล้วแค้นไม่หาย ทำเจมเครียดหลายเดือนเลย”
“มีการลากพี่หนึ่งไปดื่มกับสาวๆ แล้วก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดู”
“ดีนะที่เจมเป็นคนมีสติ”
ผมอยากอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยจริงๆ เลย อยากรู้ว่าคนมีสติตอบโต้แบบไหน อยากเห็นตอนพี่โป๊ะหวงเพื่อนด้วย คงตลกจนน่าเตะ

“แล้วเจมทำไงหรอ” ผมถาม และเรียกคู่สนทนาตามที่ถูกบังคับแกมขอร้องให้เรียก เราอายุห่างกัน 1 ปีกว่า แต่คุณเจมบอกว่าไม่ชินกับการเป็นพี่ใคร แต่มีธามเรียกพี่เจม พี่เจม ก็มากพอแล้ว

“จะทำไง ก็ถ่อไปดูให้เห็นกับตา แล้วก็ลากพี่หนึ่งกลับ แต่สุดท้ายก็ได้เคลียร์กันตรงๆ แหล่ะ”
“ถ้าไม่นับเรื่องความประสาททางอารมณ์กับเรื่องที่อ่อนไหวแล้ว พี่โป๊ะก็เป็นพี่ที่ดีมากคนนึงเลยนะ ยิ่งกับธาม ยิ่งโคตรตามใจ”
“แล้วพี่โป๊ะตามใจวินมั้ย”

“อื่มมมมม”
“ก็ขัดใจบ้าง แต่ก็มีเหตุผลนะ”

“แล้ววินตามใจพี่โป๊ะมั้ย”

“เฮ้ย! วินไม่มีอะไรที่ต้องตามใจพี่โป๊ะนี่”
“แบบว่า ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตามใจหรือไม่ตามใจกันแล้วเป็นเรื่องสำคัญอะไร เอ่อ งงมั้ย เข้าใจวินใช่มั้ย”

“เข้าใจ จะบอกว่าไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่การตามใจหรือไม่ตามใจมีผลอะไร ใช่มั้ยล่ะ”

“อื้ออื้อ”

“แต่เท่าที่มอง แล้วก็ฟังจากพี่หนึ่งนิดหน่อย”
“เจมว่าพี่โป๊ะชอบวินนะ”

เหี้ย! ทำไมมีคนมองเรื่องนี้ทะลุด้วย
ใช่ เขาชอบผม แม้ผมจะไม่อยากยอมรับง่ายๆ ก็เถอะ
เรื่องนี้ผิดที่พี่โป๊ะที่แสดงออกอะไรโฉ่งฉ่าง นี่พวกเพื่อนเขาเข้าใจไปไหนต่อไหนแล้วรึเปล่า เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับนายมือโปร ผมกับเพื่อนพี่หนึ่งพี่นำไม่ได้เป็นอะไรกันนะ แค่ทำงานด้วยกัน เป็นหุ้นส่วนธุรกิจเฉยๆ

“ชะ...ชอบ”
“มองว่าพี่โป๊ะชอบวินกันหรอ”
“ไม่หรอก ก็..ก็ทำงานด้วยกัน”
“อีกอย่าง วินเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจด้วย แบบว่าวินถือหุ้นไง เขาก็ไม่อยากขัดใจ อาจจะไม่อยากมีเรื่องกับ...กับบ้านวิน”

“คิดซับซ้อนจัง”
“พี่โป๊ะไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก รอยหยักไม้ได้ดูเยอะเลยนะ”

ฮ่าๆๆๆ เจมตลกอีกแล้ว
“เอาเป็นว่า พี่โป๊ะไม่ได้ชอบวิน แบบไม่ได้ชอบเชิงแบบ..แบบ”

“คู่รัก”

“อื้อๆๆ ไม่ได้ชอบแบบว่าจะรักกันหรอกครับ คงเป็นมิตรด้วยเฉยๆ”
“อีกอย่าง วินก็ไม่ได้เป็น”

“ไม่ได้เป็นเกย์”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร เจมก็ไม่ได้เป็น พี่หนึ่งเป็น”
“วินก็ไม่ต้องเป็นหรอก ให้พี่โป๊ะเป็น” แล้วก็หัวเราะร่วนเลยครับ ผมทั้งงงทั้งขำ ก็เลยหัวเราะไปกับเจมด้วย คนอะไรก็ไม่รู้ สว่างชะมัดเลย
เราดื่มกันต่อแล้วก็คุยเรื่องอื่นกันจนเพลิน ส่วนใหญ่เจมจะเป็นคนเล่าเรื่องนั้นนี้ให้ฟัง ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายที่ทำตัวธรรมดาที่สุดคนนี้ ถึงได้เป็นที่รักของคนที่ดูไม่ธรรมดาที่สุดอย่างพี่ที่หนึ่งได้
เป็นผม ผมก็รัก
บางที การรัก อาจไม่ได้ต้องการความเหมาะสมหรือการเติมเต็มให้กันในทุกๆด้าน
การรัก การมีความรัก อาจต้องการแค่ความเหมาะกันในส่วนใดส่วนหนึ่ง เติมเต็มให้กันในรูโหว่ใดรูโหว่หนึ่ง ก็เท่านั้น

“ไง เที่ยงคืนกว่าแล้วเจม กลับรึยัง” พี่ที่หนึ่งเดินมาตามแฟนแล้วครับ เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วเดินมากอดอกกดหน้ามองแฟนตัวเอง
“ว่าไง”

“พี่หนึ่งเสร็จแล้วหรอ”

“พี่จะเสร็จกับคนอื่นได้ไง”

“ลามกทำไมเนี่ย อายวินมั่งเหอะ!”

“ฮ่าๆๆๆ วินไม่ถือเนอะ คิดซะว่าพี่กรึ่มๆ ปกติพี่เป็นคนดีนะ ดีกว่าที่เห็นตอนนี้”
“หมาเจม กลับกันได้แล้ว ลาวินให้เรียบร้อยนะ พี่รอที่รถ”

“อยากมาก็ลากมา คุยกันเสร็จก็กลับ”
“แล้วพี่นำล่ะครับ หรือพี่นำค้างที่นี่”

“ไอ้โป๊ะมันไม่ให้ค้างหรอก มันหวงรังมันจะตาย ไม่รู้ซ่อนลูกหมาที่ไหนไว้” แล้วเหล่ผมทำไมล่ะครับ?
“กลับไปนอนห้องเราเถอะ” คนหล่อพูดแล้วก็หาว คนห่าอะไรวะ หาวยังดูดี ปากได้รูปวงรีแบบตั้งตรงเชียว

“โอเค กลับ เจมก็ง่วง” นี่ก็หาวตามแฟน ผมหัวเราะขณะมองพวกเขาแสดงความเป็นตัวของตัวเองที่น่ารักระหว่างกัน เจมลุกตามแรงดึงของพี่ที่หนึ่ง เขาโบกมือลาผมแล้วก็ทำท่าโทรศัพท์แนบหู คงอยากบอกว่าไว้ค่อยคุยกันใหม่ล่ะมั้ง ไม่ต้องห่วงครับ เราแลกเบอร์กันแล้ว แอดไลน์ แอดเฟสด้วย เรียกว่าคุณเจมมีคอนแทคผมทุกช่องทาง ตอนให้ไปก็ประหลาดใจเหมือนกันว่าเขาแงะรูจากประตูบานไหนเข้ามาในโลกของผม แต่ผลสรุปก็คือ ผมคิดว่าผมมีเพื่อนเพิ่มอีก 1 คนแล้วครับ

“วิน”
“ง่วงล่ะสิ ตาเยิ้มเลย หรือว่าเมา”

“ไม่เมาครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้ นายมือโปรลูบหัวแล้วโน้มตัวมองใกล้ๆ

“ตาฉ่ำขนาดนี้ยังจะเถียง”
“ค้างนี่ก็แล้วกันเนอะ” ผมนึกถึงคำพูดพี่ที่หนึ่งที่บอกว่าเขาหวงรังเขาจะตายขึ้นมาทันที เหี้ยหวงรังตัวนี้อยากกกผมหรอ?

“พี่โป๊ะ หวงห้องที่นี่ไม่ใช่หรอครับ พี่หนึ่งพูด”

“อื้อ ก็หวงดิ กลิ่นใครก็กลิ่นมัน”

“แล้วชวนวินนอน”

“ก็วินพิเศษ”
“พี่ชอบวินไง”
“กับวิน ได้หมดเลย”

“พิเศษกว่าลูกแพร์มั้ยครับ”

“...............”

“ไม่ตอบ แปลว่า...”

“ไม่ตอบไม่ได้แปลว่าอะไร ไม่ตอบเพราะกำลังแปลกใจว่าทำไมวินพูดถึงเขาบ่อย”
“หึงคนตายไปแล้วหรอ”

“บ้า ไม่หึง หึงทำไม วินไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โป๊ะ”

“หึงก็ได้ แต่อย่าคิดร้ายกับคนที่ตายไปแล้วเลยนะ”
“ไม่ดีกับใจวินด้วย”
“ปล่อยเขา แล้วเราก็เดินข้างกันไปดีกว่า”

“ปล่อยเขาไว้ข้างพี่โป๊ะ แล้วก็เดินเคียงกับพี่โป๊ะไปอีกข้าง พูดแบบนี้น่าจะถูกกว่านะครับ”

“วิน”
“ทำไมต้องทำเรื่องลูกแพร์เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ถ้าจำไม่ผิด วันที่วินเจอพี่ครั้งแรก แพร์ก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ”

“โอเคครับ ไม่พูดก็ไม่พูด จริงๆ แล้วความรู้สึกของพี่โป๊ะที่มีให้เขา ก็ไม่เกี่ยวกับวินเลย”

“คิดแบบนี้ได้ก็ดี วินก็ส่วนวิน แพร์ก็ส่วนแพร์”

แต่มนุษย์คนนึง มีความรัก 2 ส่วนได้หรอ?
นายมือโปรเป็นคนจมปลัก
แล้วผม ควรจมไปกับคนที่ยืนจมปลักหรอ?

“วินไม่นอนที่นี่นะครับ วินจะกลับบ้าน”

“โอเค”

“วินกลับเองได้”

“แต่”

“เราต่างคนต่างอยู่บ้างก็ดีนะครับ” ผมดันแก้วเหล้าที่ถือคามือให้ห่างออกไป ขยี้ตาตัวเองที่รู้สึกเคืองๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ซึ่งก็สูงน้อยกว่าเขาอยู่ดีแหล่ะครับ

“เราต้องอยู่ใกล้ๆ กัน”
“พี่ห่วง พี่หวง พี่ชอบ พี่รัก พี่ก็บอกก็แสดงออกทุกทาง”
“โอเค วินไม่ตอบรับอะไรพี่ แต่ตราบใดที่วินไม่ไล่พี่ไปไหน ไม่ปฏิเสธพี่เด็ดขาด พี่ก็คิดว่าพี่มีสิทธิ์จะอยู่ใกล้วินไปเรื่อยๆ”
“มันอาจเห็นแก่ตัว ในกรณีที่วินไม่ได้ชอบพี่เลย”
“แต่พี่ไม่รู้สึกว่าวินไม่ชอบพี่”
“ที่พี่รู้สึก คือวินก็ชอบพี่เหมือนกัน หรือว่าไม่ชอบ พูดตรงนี้เลยครับ”

“วิน......” ไม่ชอบ ผมควรพูดแบบนี้ จะได้ปิดรูโหว่ที่เปิดทางให้แสงสว่างเล็ดรอดมาสู้กับความมืดไปเสีย
“วินไม่....” ไม่ชอบ ผมควรพูดแบบนี้ เขาจะได้ถอยหลังห่างออกไป
“วินก็ชอบพี่โป๊ะ”

“แล้วเรื่องของเรา ยากตรงไหนครับ”

“ก็คงยากตรง วินไม่เชื่อในความรัก”

“พี่จะเชื่อให้เอง วินไม่ต้องเชื่อความรัก เชื่อพี่ก็พอ”

ผม....เชื่อเขาได้ ใช่มั้ยครับ?

Tbc


กลับมาแล้วค่ะ >,<
จำเราได้มั้ย? นี่เราเอง เราไง แฮ่ๆๆ
หวังว่าจะจำพี่โป๊ะกันได้ และยังไม่ทิ้งนางไปนะคะ อย่าใจร้ายกับพี่โป๊ะเหมือนน้องวินเลย (เอ๊ะ?)
ใกล้จะปีใหม่แล้ว งานเข้ามากมาย สปีดการเขียนเลยต่ำลงอย่างมากมาย หวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจนะคะ
สวัสดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-12-2015 01:47:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 11-12-2015 06:46:51
คนเขียนมาแล้ววววว คือคู่นี้เค้าหน่วงมากอ่ะ  T_T  แต่เจมน่ารัก ถึงขั้นตีสนิทวืนได้นี่ อัธยาศัยดีน่าดู พี่รุตต์ก็น่าสงสาร อยากให้นางได้มีคู่ของนาง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-12-2015 08:02:00
พี่โปรมาแล้ววววววว เฮียแกมาแล้ว
เฮียแกหายไปนานมว๊ากจริงๆ
ปรบมือต้อนรับหน่อยซิ :katai2-1:
พี่โป๊ะจะชนะใจน้องวินยังไงอยากรู้มาก
เจองานหินอ่ะ สมหน้า  :m20:
มาต่อบ่อยๆนะคะคนเขียน
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-12-2015 08:45:22
“เมื่อมีคนปูทาง วินก็ต้องเดิน”
“ต่อให้อยากนั่งนิ่ง หยุดพัก หรือต่อให้เท้ายังไม่ใหญ่พอจะใส่รองเท้าที่คนเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอะไร วินก็ต้องเดิน”
“คนอื่นเขาพร้อมเดิน แต่ทางแคบ ขรุขระ ไม่มีรองเท้าบ้างล่ะ พิการบ้างล่ะ ทางขาดบ้างล่ะ พวกเขาก็ต้องเดิน”
“วินไม่ได้เกิดมาให้อาสุเลี้ยงจนอาสุตายแล้ววินก็ตายตามซะหน่อย”
“เดินให้ทันพี่นะ”
“เดินข้างๆ กันไปนี่แหล่ะ พี่จูงไปเอง”
“แต่ต้องเดิน”

ชอบตรงนี้มากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-12-2015 09:42:49
เปิดใจให้กันแล้วก้าวไปด้วยกัน มันอึมครึมมานานตอนนี้คล้ายๆต่างคนก็ต่างก็เริ่มจะทำตามที่ใจปราถนาบ้างแล้ว ถึงแม้จะสงสารพี่รุตต์แต่เรื่องของหัวใจเข้าใจนะว่ามันสั่งกันได้ยาก  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 11-12-2015 16:08:50
อย่าให้เจอนะวินจะจับตีก้นซักที...สะกิดจังเลยแผลเก่าเค้าน่ะ เดี๋ยวเหอะ เปิดแล้วปิดให้สวยๆ นะ  :z13:

ตอนนี้สงสารเหี้ยหนักมากกกก โดนเปิดแผลตลอด เคลียร์เลยค่ะพี่โป๊ะ ชัดเจนไปเลย เคลียร์แล้วตีก้นเด็กดื้อแทนสักสองสามเผียะ จักเป็นพระคุณ !!   :oo1:

ปูลู : หมาเจมมาด้วยล่ะหมาเจ๊มมมมม มีซีนเยอะด้วย น่าร๊ากกกก คิดถึงงงง เชื่อเจมเหอะนะวินน่ะคิดซับซ้อนไป พี่โป๊ะไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก ...ว่าแล้วก็ไปเปิดเล่มหมาเจมอ่่นแก้คิดถึงดดีกว่า แล้วมาอีกน๊าาา เอาน้องธามมาด้วย ^^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-12-2015 18:20:52
 :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 13-12-2015 17:35:52
เปิดใจให้กันซะทีนะ พี่โป๊ะก็ทำให้น้องวินเชื่อใจเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 18-12-2015 02:31:11
คู่นี้หน่วงอ่ะ แต่ในความหน่วงก็แฝงไว้ด้วยความหวานนะ   :o8: :-[

คิดถึงหมาเจมมั่กๆ ออกมาเยอะเลยดีใจจัง แล้วเจมเก่งอ่ะเป็นเพื่อนกับวินได้ด้วย ชนะเลิศคร้า

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ มาส่องบ่อยๆเลย ชอบเรื่องนี้มากค่า  :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2015 03:18:34
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 22-12-2015 16:39:37
โอ๋ยยยยย ขยี้ตา 2 ที!

คุณขาาา เขาบอกชอบกันโต้งๆ แล้วววว
ข้อดีของวินหนึ่งข้อคือเป็นคนตรง รู้สึกยังไงก็พูดแบบนั้น

ข้อดีของพี่โป๊ะหนึ่งข้อนอกจากที่น้องเจมบอกคือเป็นคนตรง คิดยังไงก็พูดแบบนั้น
มันเลยโป๊ะเช๊ะแบบนี้ไง โหยยย นี่ลุ้นอยู่นานมากกก >_<

อย่างที่น้องเจมบอก เหมือนพี่โป๊ะเป็นมนุษย์ที่ไม่คิดซับซ้อน
ต่างจากวินที่โคตรซับซ้อนเลย พี่โป๊ะต้องพยายามมากกว่านี้อีกน้าาาา

ปล. พี่รุตต์ยังคงเป็นพระรองนัมเบอร์วันที่ดีมากๆ อยู่เช่นเดิม และน้องเจมยังเป็นคนธรรมดาที่สว่างไสวเช่นเดิม
#ทีมน้องเจม #รักน้องเจม กิกิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2016 17:44:06
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 28


เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์
แน่นอนว่าเสียงโทรศัพท์ที่ควรจะดังตามปกติ กลายเป็นเสียงไม่ปกติสำหรับบ้านไม้ริมแม่น้ำของผมแล้วครับ เพราะใครก็น่าจะรู้ ผมงัดตัวเองขึ้นจากหมอนด้วยความไม่เต็มใจ พลิกตัวได้ก็เตะซากร่างคนคนหนึ่งที่นอนเกยทับผมอยู่เหมือนเมื่อเช้าวันก่อน

“พี่โป๊ะ ลุก หนัก”

“อื้อ ขออีกนิด” นิดห่าเหวอะไรอีก ลุกเว้ย! ผมถีบๆ ดันๆ ร่างเขาออกจากตัวผม อยากรู้เหมือนกันว่าเขากอดกกผมสภาพไหน ทำไมมันถึงได้หลุดยากเย็นขนาดนี้ พอหล่นตุบลงข้างเตียงได้ก็ต้องวิ่งลงไปชั้นล่าง เพื่อรับโทรศัพท์ที่ยังคงเรียกหาผมไม่หยุดครับ และเมื่ออีก 2 ก้าวกระโดดก็จะถึงที่หมาย เสียงโทรศัพท์ก็หยุดลง
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย
แบบนี้มันโคตรยิ่งกว่าโคตรหงุดหงิด!
ผมเงี่ยหูฟังเสียงโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร แต่ผมเชื่อว่ามันต้องส่งเสียงร้องแน่ๆ ผมอาจจะปิดเสียงไว้ก็ได้ คิดได้แล้วก็ห่วงธุระที่พยายามติดต่อผมทันที แล้วก็โกยตัวขึ้นบันไดไม้ชันๆ ไปยังชั้น 2 อีกรอบ
นี่มีใครเข้าใจว่าผมมีร่างกายที่แข็งแรงและยืดหยุ่นอยู่รึเปล่า ขอปฏิเสธเสียงแข็งไว้ตรงนี้เลยนะครับว่าไม่ใช่งานถนัดเลย

“ครับ ครับอาสุ”
“เดี๋ยวโปรบอกน้องให้ ครับ ได้ครับ”
“วินเขาเข้าห้องน้ำนานนะครับเช้านี้ เมื่อคืนกินเยอะ”
“วินก็สบายดีนะครับ มื้อเช้าก็กินง่ายๆ โปรกำลังฝึกให้ไม่โอ้เอ้ออยู่ แต่กินครบทุกมื้อนะครับ”
“เรื่องประชุมบอร์ดไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ เขาคล่อง”
“ครับ ครับ จะบอกให้นะครับ หรือให้วินโทรกลับดีกว่า อาสุจะได้กำชับน้องอีกรอบ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“อ่าว ไอ้ยุ่ง อาสุโทรหาน่ะ จะให้กลับบ้านหน่อย บอกแค่ว่าคุณตาไม่สบาย”
อ่อ หน้าผมคงไร้อารมณ์มาก นายมือโปรถึงได้เดินมายืดแก้มผมเล่นแล้วก็โค้งตัวลงมาสบตากันปิ๊งๆ นี่คนหรือเหี้ยแดกคอลลาเจนที่ไหน ทำไมหน้าใสจัง แต่ไรหนวดชัดเต็มตาเหมือนเดิม
“ไม่ตกใจหรอ” นายมือโปรถามอย่างสงสัยในท่าทางนิ่งๆ ของผม

“ไม่ครับ คุณตาก็ป่วยอยู่บ่อยๆ แก่แล้ว สุขภาพรวน”

“แต่อาจไม่สบายมาก ไม่อย่างนั้นอาสุจะโทรมาบอกให้วินกลับบ้านทำไม”

“ก็.....” ผมลากเสียงๆ แล้วเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่นายมือโปรเพิ่งส่งคืนเตียงนอนมากดๆ ดูปฏิทิน แล้วผมก็ได้คำตอบ
“ใกล้วันเกิดคุณตาแล้ว ปกติที่บ้านจะจัดงานเลี้ยงกัน เพื่อรวมญาติน่ะครับ หลายปีแล้วที่วินไม่ได้ไปเลย ไปหาตอนก่อนวันเกิดเอา ไม่อยากเจอใครเยอะ ลำบากตอบคำถามที้ขาไม่ได้อยากได้คำตอบ”

“แล้ว จะไปมั้ย ปีนี้”
“ไม่ลองโทรหาอาสุก่อนล่ะ อาจจะป่วยจริงๆ ไม่ใช่กุศโลบายเรียกวินกลับบ้าน”

“ก็ได้” ผมเชื่อเขาแล้วโทรหาป้าสุ คุยกันเงียบๆ ง่ายๆ แล้วก็วาง หันมาเจอนายมือโปรยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิม เพิ่มมาแค่แนวคิ้วที่ยกตัวขึ้นสู่ที่สูง ฮ่าๆๆ ดูตลกแต่ก็หล่ออยู่ดี

“อ้าว ยังไงล่ะ ไปหรือไม่ไป บ้านน่ะ”

“ต้องไปครับ อาการไม่ค่อยดี”
“แต่คงไม่ไปที่บ้านหรอก ไปหาที่โรงพยาบาลดีกว่า”
“วันนี้ช่วงบ่าย วินลางานนะครับ ต้องแจ้งใครอีกมั้ย”

“แจ้งพี่เนี่ยแหละ”
“ไงก็...ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ ตามสบายเลย สิทธิ์วินอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ” พอผมพูดจบเขาก็ยิ้มให้ เดินมาใกล้แล้ววูบหัว ก่อนจะฉกตัวไปกอดไว้เหมือนอยากปลอบประโลมหมาหลงทาง...ถ้าผมเดาสายตาเขาไม่ผิด น่าจะมองผมประมาณนั้นแหละครับ
แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ถึงคุณตาผมจะแก่ แต่ก็แข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน หนึ่งเพราะท่านดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีมาตลอดชีวิต และสองคือยังหวงสมบัติอยู่ ฮ่าๆๆ ข้อสองนี่พูดเล่นครับ อย่าซีเรียส

“กอดทำไม”

“ก็เสียใจอยู่ หน้าหมาๆ มันฟ้อง”

“เหี้ยตาบอดชัวร์”
“แล้วคุณตาวินก็ไม่ได้ใกล้ตายด้วยครับ หยุดมโนแล้วลงไปทำมื้อเช้าเลย พี่โป๊ะต้องรับผิดชอบ”

“ครับ ครับ คุณหนูวิน” เขาประชดน่าเตะมาก แต่เตะไม่ถึงหรอกครับ ไม่ใช่ขาสั้น แต่ตัวขายาวมันชิงเดินหนีก่อนเท่านั้นแหละ

เช้านี้คือยุคฟูเฟื่องของนายวิณณ์จริงๆ ครับ
รสมือนายมือโปรสมชื่อมาก ติดนิดเดียวคือเขาทำให้ผมกินแต่เขาไม่กินด้วย เขากินแค่กาแฟดำแก้วเดียวระหว่างอ่านหนังสือพิมพ์จากไอแพด หมอนี่เรียนรู้เร็ว รู้ว่าไม่ควรเสร่อสั่งร้านหนังสือพิมพ์ให้มาสั่งประจำที่บ้านผม

พอห่างจากกันบ้าง (เนื่องจากนายมือโปรต้องเป็นคนเก็บล้างจานชามและแก้วที่เราเพิ่งใช้งานสำหรับมื้อเช้า) ผมก็ดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง และโทรหาพี่รุตต์ ไม่ได้อยากรื้อหรือรั้งความรู้สึกเขาหรอกครับ แต่พี่รุตต์กับคุณตาผมก็สนิทกันดี รักและเคารพกันเหมือนญาติแท้ๆ อีกอย่าง พี่รุตต์ก็จะกลับญี่ปุ่นแล้วด้วย ผมคิดว่าผมบอกเขาตามสมควรนั่นแหละ
“อ่ะ พี่รุตต์ วินเอง”
“อ่อ ครับ” เขาบอกว่ารู้ตั้งแต่เห็นเบอร์แล้ว อย่ามาอวดว่าความจำดีเลย เมมไว้ตลอดก็บอกมาเถอะ โธ่ ผมไม่ได้แหย่เขาหรอกครับ รู้สึกว่าไม่ใช่โอกาส จะกลายเป็นเล่นไม่รู้เวลาซะมากกว่า
“พี่รุตต์ เดินทางวันไหนครับ”
“อ๋อ คือ คุณตาวินอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวบ่ายนี้วินจะไปหาที่โรงพยาบาลนะครับ พี่รุตต์จะ” ยังพูดไม่จบเขาก็รับปากแล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณตาผมที่โรงพยาบาลครับ ส่วนเรื่องกลับญี่ปุ่นก็ประมาณอาทิตย์หน้า ผมรู้สึกโล่งใจที่เขาไมได้ปุบปับกลับไปเพราะผมยืนยันสถานะระหว่างกันว่าไม่มีวันเป็นมากกว่าพี่น้องได้ ถ้าต้องห่างกันไปด้วยเหตุผลนั้น ผมว่ามันไม่โต
“งั้นเจอกันที่โรงพยาบาลประมาณบ่ายโมงนะครับ วินทำงานก่อน”
“หวัดดีครับ” วางหูกันอย่างง่ายดาย ผมรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ ว่าพี่รุตต์กำลังพยายามทำสิ่งระหว่างเราให้ต่างไปจากเดิม เขาเองก็คงเบื่อจะเดินตามรอยเท้าตัวเองทุกวี่วัน หากไม่เริ่มเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ ก่อน คนเราจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกรักที่เกิดจากความเคยชินได้ยังไง
ดีแล้วสำหรับเขา และก็คงดีแล้วสำหรับผม ที่เป็นคนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจึงต้องพบกับคนที่เปลี่ยนไป

นายมือโปรเดินหิ้วเสื้อสูทมาสมทบผมเมื่อเขาทำตัวเป็นพ่อบ้านเสร็จเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผมรออยู่ เราก็ไปทำงานตามเวลากัน นายมือโปรคงเคยชินแล้วกับการยื่นนิ้วมาเกลี่ยแก้มผม และผมก็เคยชินจนเลิกปัดป้อง

#### @ D A W N  #####

กว่าจะแงะตัวเองออกจากกาวตราเหี้ยได้ก็เหนื่อยแหละครับ ทั้งที่ผมก็ไม่เข้าใจบทบาทตัวเองนักว่า ทำไมต้องรายงานเขาทุกเรื่อง ทุกการเคลื่อนไหว แต่ผมก็หาเหตุผลมาประกอบทุกการกระทำที่เขาจี้ถาม แม้กระทั่งเรื่องการบอกกับพี่รุตต์ว่าคุณตาป่วย และการนัดหมายกันไปเยี่ยมคุณตาในบ่ายวันนี้
นายมือโปรดูเข้าใจโลกดี แต่ก่อนผมออกจากออฟฟิศที่ทาวน์ อืน ทาวน์มา เขาก็หน้าหงิกใส่ ซ้ำยังไม่ยอมให้ผมกินข้าวก่อนออกมาด้วย ไม่มาส่งด้วย แม้แต่เรียกแท็กซี่ให้ก็ยังไม่ทำ ผมก็เลยใช้วิธีที่ง่ายสุดสำหรับผม คือการขับรถเขามาเลย ปล่อยคลานกลับแม่น้ำเจ้าพระยาเองก็แล้วกัน แม่ง!
ให้รู้ไว้ตรงนี้เลยนะครับว่าผมจะไม่อุตริขับรถคนอื่นที่โคตรไม่ถนัดมือไปไหนต่อไหนแล้ว โคตรจะระทึก!
มาถึงโรงพยาบาลก็เจอพี่รุตต์ที่นั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว รายนี้ใจเย็น ไม่ตื่นข่าวเหมือนนายมือโปร นั่นก็เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคุณตาผมแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันแค่ไหน
“มาแล้วหรอ มายังไงครับเนี่ย”

“ขับรถมาเองครับ”
“พี่รุตต์ถึงนานแล้วหรอครับ”

“ก่อนหน้าวินไม่นานหรอก ทานข้าวรึยัง?”

“ยังเลย ร้านนี้มีมั้ย”

“มี มี”
“ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” ชวนแล้วก็ยิ้ม พอเห็นผมไม่ตอบ พี่รุตต์ก็ชะงักอาการยิ้ม โธ่เอ้ย! คิดมากทำไมเนี่ย ผมแค่กำลังคิดว่าร้านกาแฟนี้จะมีอาหารอะไรที่อิ่มท้องผมบ้างเท่านั้นแหละ

“ทานสิครับ เมนูอยู่ไหนละเนี่ย”
“อ้อ! นี่นี่” พอหาเมนูอาหารเจอผมก็เปิดกางดู แต่ละเมนูดูเบาท้องมาก แต่ก็ต้องกินล่ะนะ

“หิวมากหรอวิน”

“มากกกกกกกกกกกกก” ผมลากเสียงบอกพลางลูบห้องโชว์ พี่รุตต์ขำอย่างเอ็นดูแล้วก็ยื่นหน้ามามองดูเมนูแบบกลับหัว อ่านออกหรอวะนั่น? ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ไม่ถามและปล่อยให้มันเป็นเรื่องของความสามารถแฝงของพี่รุตต์แต่เพียงผู้เดียว

“ได้แล้วครับ ข้าวผัดอเมริกัน”

“โธ่ เลือกซะตั้งนาน” เขาล้อผมเล่นแล้วก็ยกมือเรียกพนักงาน

“ข้าวผัดอเมริกัน 2 ที่ เพิ่มไข่ดาวด้วยนะครับ”
“ขอสุกๆ”
“น้ำเปล่า....เนอะ” คงไม่มั่นใจเลยหันมาถามผมด้วยหางเสียง ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเมนูที่พี่รุตต์รังสรรค์ อดนึกถึงนายมือโปรไม่ได้ ไม่รู้ว่าข้าวเที่ยงเขาจะได้กินเมื่อไหร่และกินอะไร พี่แนนบอกว่าบอสของเธอกินข้าวไม่เป็นแวลา กินแบบนึกได้ว่ายังไม่ได้กินก็จะกิน หรือกินก็ต่อเมื่อรู้สึกหิวจนไส้บิดแล้วบิดอีกถึงกิน เพราะว่าบ้างานจัด ชอบความท้าทายมาก อยากเอาชนะทุกกำแพงบนโลกขนาดอดตายก็ได้โว้ย! อะไรทำนองนี้
ระหว่างรอ ผมส่งข้อความไปหานายมือโปร รายงานว่าผมถึงโรงพยาบาลแล้ว กำลังจะกินข้าว และถามว่าเขากินอะไร คำตอบที่ได้คือรูปสปาเก็ตตี้น่าอร่อยชิบหาย! แม่งเอ้ย รู้งี้ไม่ห่วงหรอก!

“มีเรื่องอะไรดีๆ หรอครับ ยิ้มใหญ่เลย” หืม? ผมยิ้มหรอ? ผมเปล่านะ

“หือ? ไม่มีอะไรนี่ครับ”

“ก็วินจ้องโทรศัพท์แล้วก็ยิ้ม”
“แฟนหรอ?”
“คุณมือโปรล่ะสิ”

“ไม่ใช่ครับ” ผมปดแล้วก็พยายามทำสีหน้าปกติ ทั้งที่ก็รู้สึกว่าสีหน้าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ผิดปกติตรงไหน พี่รุตต์หัวเราะพลางส่ายหน้า เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงว่า “หักอกพี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าบอกเรื่องคนรักให้พี่รู้ไม่ได้หรอกนะครับ มันคนละเรื่องกัน” แล้วเขาก็หุบปากได้เสียที ไม่ใช่เพราะหมดเรื่องจะงัดปากเปิดใจผมหรอก แต่เพราะข้าวมาแล้วต่างหาก

อาการคุณตาไม่ได้แย่ และเรื่องราวก็เป็นเหมือนที่ผมเดาไว้นั่นแหละ เข้าโรงพยาบาลรอบนี้ก็เพื่อตรวจสุขภาพกายตามปกติแหละครับ คุณตาร้องวัดระดับน้ำตาล ความดัน แล้วก็เช็คคลื่นหัวใจ มันเป็นอาการที่ต้องเช็คทุกๆ ไตรมาสของคนวัยนี้อยู่แล้ว  และท่านก็เริ่มตรวจตั้งแต่เช้า ผมกับพี่รุตต์มาเจอก็ตอนที่นอนทิ้งเวลาอยู่ในห้องพักโอ่อ่านั่นแหละ

“เด็กๆ มาหาค่ะคุณพ่อ” ป้าสุเป็นคนปูกระเบื้องให้ผมเดิมอีกตามเคย ผมเดินนำพี่รุตต์เข้ามาในห้องพักคุณตา ผมสบตากัน ฝ่ายนั้นก็ยิ้มให้แล้วอ้าแขนรอ

“หลานตา มาหาเสียที ลืมตากันหมดแล้ว นี่ถ้าไม่มีงานที่บ้านก็คงไม่โผล่ใช่มั้ยเจ้าวิน”
“เจ้ารุตต์ ว่ายังไง เห็นสุเขาบอกว่าไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นไม่ใช่หรอ? นี่เจ้าวินชวนให้ทิ้งการเรียนมารึไง”

“โธ่! วินไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเสียหน่อย แล้ววินก็รักเรียนมาก คุณตาก็รู้นี่ครับ”
“ไหนดูดิ ทำไมผอมลงล่ะครับ กล้ามเหี่ยวแล้วด้วย ดูสิ” ผมบีบแขนคุณตาเล่น ท่านก็ยิ้มเรื่อยไป ไม่ได้มาดุว่าอะไรผม ก็ผมเล่นของผมแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

“กินขนมสิลูก เจ้าวิน”
“เจ้ารุตต์ ยังไงบ้างล่ะที่บ้าน” แน่นอนว่าเรื่องที่บ้านของพี่รุตต์ ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับผมนั่นแหละ ผมทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่พี่รุตต์จะบอกคุณตา และคุณตาเองก็ทำเป็นไม่สนใจผม
พี่รุตต์เลือกตอบแบบกว้างๆ ไม่จี้ใจให้ใครเป็นจุดด่างของโลก ผมเดินเลี่ยงไปเปิดตู้เย็น หาขนมกินแก้เก้อที่ต้องอยู่ในห้องนี้ ฟังคน 3 คนคุยกันเรื่องผมแบบเลี่ยงไปเบี่ยงมา ตลกดีเหมือนกันครับ

“อื้อตาวิน เดี๋ยวแม่เราเขาจะมานะ”

“อ่อ ครับ”

“ทำหน้าให้ดีๆ หน่อย”

“คุณสาเขาไม่ได้อะไรกับวินอยู่แล้ว ป้าสุนั่นแหละที่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่”
“วินโอเคนานแล้ว เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่ครับ เขาเป็นน้องสาวของป้าวินที่รักวินยิ่งกว่าลูกในใส้”

“จ้า จ้า แต่ก็ยิ้มแย้มกับเขาบ้างก็ได้ ยังไงก็”

“แม่ลูกกัน”
“ครับ ครับ”
“นี่ไม่คิดว่าจะต้องเจอคุณสาเขาด้วย ไม่งั้นวินก็ไม่มาหรอก”
“แบบนี้ก็เหมือนไปงานเลี้ยงวันเกิดคุณตาที่บ้านนั่นแหละ เจอครบเลย”

“งั้นวินก็ควรกลับบ้านบ้าง ใครๆ ก็คิดถึงวินกันทั้งนั้น”

“หรอครับ”

“อย่าเย็นชานักสิ วินไม่ใช่เด็กไม่รู้จักรักนะลูก”
“วินของแม่อ่อนโยนจะตาย ไม่ใช่หรอครับ หือ?

“ก็...อ่อนโยนมั้งครับ”
ผมไม่ได้ตีรวนป้าสุเพราะโกรธป้าที่ลากผมมาเจอทั้งคุณตา เจอทั้งแม่หรอกครับ ผมกำลังตีรวนให้ประวัติตัวเองที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ กำลังเล่นแง่ใส่กำพืดตัวเองที่สลัดทิ้งไม่เคยหลุด

ป้าสุเลี้ยงผมให้เป็นที่รักของใครต่อไป ตาวินเด็กดี เจ้าวินเด็กดี เด็กดี เด็กดี คำนี้มันเอาตีนยันหน้าผมไว้ไม่ให้ก้มหนี้ความคาดหวังใครๆ และเมื่อผมทำให้พวกเขาผิดหวังแค่ครั้งเดียว ตาวินเด็กดี เจ้าวินเด็กดีก็ตกนรกไปอย่างไม่มีใครคิดแม้แต่จะเอื้อมมือมาเหนี่ยวคอ

“รอเจอเขาที่นี่ก่อนนะ”
“แล้วเราอยากหลบไปนั่งในห้องมืดที่บ้านไม้นั่น แม่ก็จะไม่ว่า”
“ดีมั้ย”

“ครับ” เบื่อชะมัด

ผมอยากเจอนายมือโปรจัง อยากรู้ว่าเขาจะปลุกชีวิตชีวาของผมขึ้นมายังไง

แกร่ก กำลังฮึดฮัดอย่างเซ็งอารมณ์อยู่คนเดียว เสียงก่อกแก่กก็เกิดขึ้น ผมหันไปมองในจังหวะที่ประตูแย้มเปิดอ้าออก และใบหน้าใครคนหนึ่งโผล่เข้ามา

“ตาวิน”

“คุณสา สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ เธอรับไหว้แล้วก็ยิ้มให้ มองผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แช่สายตาที่ใบหน้าผมจนผมจำต้องละสายไปตามองทางอื่น เราไม่เจอกันเกือบปีแล้วครับ ครั้งสุดท้ายก็เจอกันก็ตอนที่ผมไปกินข้าวกับป้าสุที่ห้องอาหารในโรงแรมแล้วคุณสามาหาป้าสุพอดี

“ดูผอมลงนะครับ”
“แม่สุดูแลบกพร่องนะเนี่ย ชั้นทวงลูกคืนนะคะถ้าพี่เลี้ยงให้อ้วนกว่านี้ไม่ได้” เธอเดินเลี่ยงไปหาป้าสุแทน แล้วก็พูดคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมแอบมองเธอบ้าง แต่ไม่บ่อยหรอกครับ พี่รุตต์กลับได้รับความสนใจจากคุณสามากกว่าผมเสียอีก  พวกเขาคุยเรื่องสถาบันการศึกษาและระบบการศึกษาที่ญี่ปุ่น
แม่ผมไม่ได้มีครอบครัวใหม่ พ่อผมก็เหมือนกัน
แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันฉันครอบครัวได้ เพราะว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่ได้เกิดจากความรัก มันเกิดขึ้นเพื่อธุรกิจ และผมก็กำไรที่เกิดขึ้น....ล่ะมั้ง
กับแม่ว่าห่างแล้ว กับพ่อยิ่งห่างมากกว่า
นามสกุลที่ใช้ก็นามสกุลคุณตา เท่ากับว่าฝ่ายแม่เป็นคนอุปการะผม แต่ทั้งที่โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้ตายจาก หรือหายสาบสูญไปไหน ผมก็ดันมีแม่ที่ไม่ได้ให้กำเนิดมาดูแลแทนแม่ตัวจริง และเธอก็รักผมมากกว่าที่แม่จริงๆ รักผมเสียอีก

“แล้ววินเรียนจบโทเมื่อไหร่นะครับ” คุณสาหันมาให้ความสนใจผมเมื่อคุยกับพี่รุตต์มากจนพอใจ ผมตอบคำถามด้วยเดือนคร่าวๆ ที่คาดว่าจะขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร และดูเธอก็พออกพอใจ
“จะเรียนต่อเลยมั้ยครับ”

“ยังครับ วินจะทำงานก่อน”

“ทำงานอะไรล่ะ? จะมาช่วย...ช่วยกันบริหารแบงก์หรอ? หรือว่าจะไปทางโรงแรมกับแม่สุเขา”

“ทำด้านภาพยนตร์ครับ”

“อ่อ อ๋อออออออออ ที่พี่สุเคยบอกใช่มั้ยคะ? แล้ววินทำได้หรอคะ”

“เธอ สาวิตรี ลูกชั้นชอบด้านนี้ จบตรีก็ด้านนี้ โทก็ด้านนี้ จะทำไม่ได้ได้ยังไง นี่ก็ถามประหลาด”
“วิน ต้องกลับบริษัทอีกรึเปล่า บอกคุณมือโปรเขาไว้ว่ายังไงจ๊ะ”

“วินลาช่วงบ่ายครับ ก็...จากนี้ก็กลับบ้านเลย”

“ดีเลย เดี๋ยวตาไปส่ง อยากเห็นบ้านวินด้วย นี่จะไม่กลับมาอยู่กับตาหรืออยู่กับแม่เขาจริงๆ หรอ หือ? เหงานา”

“วินอยู่ได้ครับ”

“ปล่อยตาวินเถอะค่ะ ก็อยู่มาได้สักพัก สาไม่เห็นว่าวินจะลำบากเลย”

“ไม่เห็นกับไม่ได้มอง มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย” พ่อกับลูกเขาค่อนขอดกันเองครับ คุณสากับคุณตาจะเป็นแบบนี้ประจำถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม คงเป็นเรื่องของปมในใจพวกเขา ที่พวกเขาคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อตัวผม ผมเดินเลี่ยงออกมานอกห้อง นั่งพักตรงโซฟารับรองที่ห่างจากลิฟท์ไม่มากนัก เพื่อรำลึกถึงอดีตที่ไม่ได้จำ แต่ลืมไม่เคยได้
ผมก็ไม่รู้เรื่องการแต่งงานของพ่อและแม่มากนัก เพราะตอนนั้นยังไม่เกิด ตั้งแต่รู้เรื่องก็มองป้าสุเป็นแม่ เรียกว่าแม่ ไม่เคยถามถึงพ่อ และก็เรียกคุณสาว่าคุณสามาตลอด ตอนที่รู้ความจริงก็ไม่ได้สะเทือนใจอะไร เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าผมขาด ผู้หญิงที่ชื่อว่าสุชาดาให้ผมได้ทุกอย่าง

จนมาเกิดเรื่องของรินนาขึ้น ผมผิดหวังในตัวเอง และผิดหวังในตัวผู้ใหญ่ที่ผิดหวังในตัวผม คิดอย่างก้าวร้าวว่าพวกเขากล้าดียังไงมาสาดสายตาดูแคลนใส่ผม พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมขมขื่นแค่ไหน
และที่เรื่องมันมีจุดจบแบบนี้ ก็เพราะผู้ใหญ่ทั้งหลายนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องเป็นเด็กดี ทำให้รินนาต้องเป็นเด็กน่ารัก
ไม่ใช่ความคาดหวังบ้าๆ บอๆ ของพวกเขาหรอ ที่ทำให้ผมต้องคบกับรินนาเพราะเหมาะสม และทำให้รินนาต้องจุดความรู้สึกรักของผมขึ้นมาให้ได้เพื่อเรื่องจบอย่างสุขสันต์กันทุกฝ่าย
จนผมเบื่อจะเดินตามทางที่หลอกตาว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบไว้ จนผมเดินมาอีกทางที่มองเห็นตะปูเรือใบแต่ก็จะเดินทางนั้น
เด็กดีแหกคอกก็ไร้ค่า ซ้ำยังทำให้เรื่องไปกันใหญ่ จนถึงขั้นลูกสาวบ้านนั้นฆ่าตัวตาย
ไอ้วิณณ์มันร้ายกาจสิ้นดี!
แล้วแบบนี้ ผมควรจะยกมือไหว้ใครอยู่บ้าง?
จนทุกวันนี้ ผมก็ไม่รู้สึกว่าผมคือคนที่ร้ายกาจ


“เจอคุณสาแล้วอดคิดถึงรินนาไม่ได้ใช่มั้ยครับ”

“พี่รุตต์” ผมสะดุ้งเสียงพี่รุตต์ และใจปวดปร่าเพราะคำคาดเดาของเขา ซึ่งมันถูกเผง นั่นสินะ กับคุณสา ไม่เจอกันคงจะดีกว่า ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ด้วย ที่ไม่เจอกันคงจะดีกว่า
ผมคิดว่าผมไหว้พวกเขาไม่ลง และพวกเขาก็คงไม่อยากรับไหว้ผมนักก

“วินอย่าคิดมาก เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป”
“ยิ่งผูกความคิด ผูกใจไว้ วินก็ยิ่งเจ็บ”
“เราเคยคุยกันแล้วนี่ครับ ที่วินลงโทษพวกเขาที่ไม่เคยเข้าใจวินน่ะ เขาเจ็บแป๊บเดียวแหละ คนที่ทรมานกว่า เศร้าซึมนานกว่าก็คือวิน”

“วินรู้”

“ก็ทำให้ได้สักทีสิคัรบ”

“วินก็อยากทำให้ได้นะครับ”
“แต่มัน...มันเป็นรากของตัววิน เรื่องมันเป็นแบบนั้นเพราะทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นตัววิน”
“ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่วิน ก็คงไม่มีใครต้องตายหรอก”
“คนอื่นๆ น่าจะหาทางออกได้เร็วกว่าวิน กล้าบอกสิ่งที่อยากทำและไม่อยากทำเร็วกว่าวิน และไม่ปล่อยให้เรื่องมันเกินเยียวยาแบบวิน”
“คนที่ผิดที่สุดก็คือวิน”

“เด็กบ้า อย่าคิดแบบนี้สิ”
“วินไม่ได้เกิดมาเพื่อรับผิดชอบชีวิตใคร ยิ่งกับคนที่วินไม่ได้เลือกเองแต่แรกด้วยแล้ว..เอาเป็นว่า ผิดกันทุกคนนั่นแหละ”
“คนตาย...แม้แต่หนูรินก็ผิดด้วยเหมือนกัน”
“ปล่อยไปเถอะนะ”
“ไม่อย่างนั้นวินคงรักใครไม่ได้สักที พี่เป็นห่วง”

“รักใครไม่ได้ก็ไม่ตายนี่ครับ บางที การรู้สึกรักใครเป็น อาจจะทำให้วินเป็นฝ่ายตายซะเองก็ได้ กรรมไง”

“พูดบ้าๆ”
“ต้องรักนะครับ วินจะได้ให้อภัยคนอื่นได้ ให้อภัยตัวเองได้”
“วินอยู่เป็นผู้ลงโทษคนอื่นไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก แบบนั้นไม่เรียกใช้ชีวิต”

ผมฟังเขาเงียบๆ นั่งมองมือตัวเองที่ประสานกันไว้ระหว่างหัวเข่า และมีมือพี่รุตต์เกาะกุมไว้อีกชั้น มือเขาใหญ่กว่าผม หัวใจก็คงใหญ่กว่าผมเหมือนกัน

กำลังจะชวนพี่รุตต์ไปทานหาที่เดินเล่นหย่อนอารมณ์แล้วทานมื้อเย็นกัน คนที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ ก็เดินหอบมายืนจังก้าตรงหน้าครับ

“พี่โป๊ะ”

“ไม่ได้อยากมาขัดจังหวะใครนะครับ อ้อ คุณรุตต์ สวัสดีครับ โทษที ไม่ได้มอง”
“พี่มา....รับ”
“หมายถึง...รถ”

อ่อ โอเค ถ้ามาด้วยเรื่องเท่านี้ก็โอเค
ผมลุกขึ้นยืน ล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เขา แต่เขากลับคว้าทั้งกุญแจ ทั้งตัวผมแล้วก็ลากไปลงบันไดหนีไฟ
เฮ้ย! ฟังกันมั่งสิว่าลงลิฟท์ก็ได้ ไม่หนี และนี่มันก็ชั้น 11 นะเว้ย! 

“พี่โป๊ะ! วินเหนื่อยแล้วนะ” ผมบอกอาการตัวเอง มีเสียงหอบเป็นพยานสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย นายมือโปรเองก็หอบแล้วเหมือนกัน นี่ผมอดคิดไม่ได้ว่าขาขึ้นขาก็ขึ้นทางบันไดหนีไฟนี่แหละ ไม่อย่างนั้นจะเหงื่อท่วมหลังทะลุเสื้อแบบนี้ได้ยังไง

“ก็.... ก็วินไปนังประจ๋อประแจ๋กับคุณรุตต์นั่นได้ยังไง”
“บอกแล้วไงว่ามันเป็นโมเม้นท์ของพี่ ถ้าเสียจูบให้เขาอีก พี่จะทำยังไง เท่านี้ก็ไม่อยากอยู่เฉยเป็นคนมีสติแล้วนะ”
“พี่ขี้หึงนะเว้ย!”

“ก็นั่งเฉยๆ ไม่มีอะไร”
“แล้ววินจะนั่งกับใครมันก็เรื่องของวิน”
“หึงวินก็เรื่องของพี่ ไม่ใช่เรื่องที่วินต้องรับผิดชอบ!”
“ปล่อยเลย แม่งกำซะแน่น มือชาไปหมดแล้ว!” ผมต่อว่าแล้วก็สะบัดมือให้เขาเห็นว่ามือผมเกิดอาการชาจริงๆ นายมือโปรดูใจเย็นและมองโลกเป็นโลกมากขึ้น เขาฉวยมือไปช่วยนวดให้ ปาดเหงื่อตรงหน้าผากให้ แล้วก็เอามือพัดๆ ให้เกิดลมตรงหน้าผม

“อีก 4 ชั้นเอง”

“ลิฟท์!” ผมยื่นคำขาด นายมือโปรถึงได้ยอมผลักประตูหนีไฟออกมาและยืนรอลิฟท์ตามที่ผมบอก ระหว่างยืนรอ ผมโทรหาพี่รุตต์เพื่อบอกเขาว่าโดนฉุดตามที่เห็นนั่นแหละ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้คนบ้าฟื้นสติแล้ว จากนั้นก็โทรหาป้าสุ เพื่อบอกลา
ส่วนคุณตากับคุณสา น่าจะชินกับการหายไปเฉยๆ ของผมแล้ว

“ขอโทษ”

“เรื่อง?” ผมถามระหว่างรอเขาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มและของกินเล่น ก็ร้านเดิมที่นั่งกินข้าวกลางวันกับพี่รุตต์นั่นแหละครับ นายมือโปรตรวจดูใบเสร็จหลักร้อยที่เขาจ่ายด้วยบัตรเครดิต เมื่อเห็นข้อมูลถูกต้องแล้วก็เดินพาผมไปที่รถ ซึ่งขอโทษนะ...เดินผิดทางอ่ะ อย่าเสร่อสิลุง!

“ขอโทษ” เขาบอกอีกรอบเมื่อเดินตามผมมาที่รถแล้ว ผมรอสัญญาณรีโมทเปิดรถ จากนั้นก็ก้าวไปนั่งฝั่งข้างพวงมาลัย ดูดน้ำจนหมดแก้ว รอให้เขาเข้ามา ปิดประตู สตาร์ทรถ เปิดแอร์ที่แสนเย็นฉ่ำ ผมถึงต่อบทสนทนาที่เขาเริ่มต้นเอาไว้

“ขอโทษวินเรื่องอะไร”

“หุนหัน หึงไม่เข้าท่า”

“พี่โป๊ะก็รู้นี่ว่าหึงไม่เข้าท่า จะหึงทำไม”
“วินกับพี่รุตต์ ไม่มีอะไรมากกว่าพี่น้องกัน จูบนั่นที่พี่โป๊ะเห็น เขาก็แค่จูบลา และมันก็เกิดขึ้นเร็วจนวินไม่ทันได้มีโอกาสปฏิเสธ”

เขาดูใจเย็นลง แต่ก็หล่อเหมือนเดิม แม้ว่าความโฉดแสนเร้าใจจะลดลงบ้างเล็กน้อย

“ถ้างั้น.....” เขาพูดแล้วก็ฉวยโอกาสยกตัวมาจูบผม บี้บดริมฝีปากจนมันแทบลืมสัมผัสจากน้ำที่เพิ่งดูดดื่มไป
“จูบนี่มีความหมายรึเปล่า พี่ไม่ได้จูบลาแต่มันก็เกิดขึ้นรวดเร็วจนวินไม่ทันได้ปฏิเสธเหมือนกัน”
“มีมั้ย”

“มีครับ” ผมตอบอย่างยอมรับความจริง จูบของเขามีความหมายกับผม มันไม่ได้ทิ้งไว้แค่ความงุนงง แต่มันเพิ่มความอบอุ่นขึ้นทุกครั้งที่เราจูบกัน ผมคิดว่าถ้ามันอุ่นเต็มพิกัดถึงขั้นร้อนฉ่าเมื่อไหร่ ผมคงเสียตัวโดยไม่ทันได้คิดปฏิเสธ นี่ผมลามกเกินไปรึเปล่า? แต่ไม่มาเป็นผมคงไม่เข้าใจ นายมือโปรหล่อ เท่ หุ่นดี เลือดร้อน หุนหัน ชอบทำหน้าโฉดใส่ จ้องตาเวลาเขาอารมณ์ร้อนแรงแล้วแทบจะละลาย ถ้าเขาจะรังแกผมเหมือนเมื่อหลายคืนก่อนที่เขาหึงหน้ามืด ผมคงไม่รอด ทั้งต้านแรงเขาไม่ไหว และก็ต้านใจตัวเองไม่อยู่ อืมม...ผมแร่ดไปมั้ยวะ?
“แล้ว....” ผมเริ่มหาบทสนทนาแก้เก้อ ก็ตอนนี้นายมือโปรมองผมไม่วางตาเลย สายตาแม่งก็ป้วนเปี้ยนตรงปากผมนี่แหละ นี่ผมเม้มปากหลบไม่ให้เขามองแล้วนะ

“แล้วอะไร?” ใช้เสียงต่ำเพื่อ ไม่ต้องกระเส่าตอนนี้ นี่ในรถ คือแม่งแคบไง ที่สำคัญคือไม่ผมพร้อม

“แล้วพี่โป๊ะมาที่นี่ได้ยังไง” ผมเปิดปากถามรวดเดียวแล้วเม้มปากเก็บจากสายตาเขาไว้เหมือนเดิม  นายมือโปรอมยิ้ม แต่ยังเอี้ยวตัวขวางหน้าผมไว้เหมือนเดิม ร่างกายคุณมึงยืดหยุ่นเกินไปนะครับ

“ก็หวง”
“รู้ว่ามาเจอกับใคร ใจมันก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว”
“ข้าวก็ไม่ได้กิน รีบเคลียร์งานแล้วก็จี้คอแท็กซี่มาส่ง”

“ไม่ได้กินข้าวอะไร ก็สปาเก็ตตี้”

“ไม่เห็นเครดิตร้านใต้รูปหรอ ออกจากหรา พี่ก็เซฟมาส่งให้ หลอกไปงั้นแหละ”

“อ่าว”
“งั้น อยากกินอะไร ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวพี่โป๊ะเป็นลม ใครจะขับรถ วินไม่อยากขับคันนี้ แม่งเตี้ย”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นลมหรอก เมื่อกี้ได้ของรองท้องแล้ว”
“เรากลับบ้านเรากันนะ ไปทำมื้อเย็นกินกันเองดีกว่า”

“เอาไงก็เอา วินไม่ใช่คนที่หิวแล้วหึงจนหน้ามืด”

“ไม่หิวก็หึงหน้ามืดได้ครับ ถ้าแฟนชอบอ่อย ยังไงก็ต้องหึง”

“ดีนะ...”

“ดีอะไร?” หึหึ เปิดช่องเองนะลุง

“ดีนะพี่วินไม่ใช่แฟนพี่โป๊ะ วินโสดจะอ่อยใครยังไงก็ได้”

“นิ่งๆ เลยไอ้ยุ่!ง” ได้มาอีกจูบครับ ถ้ามีแข่งขันจูบเก็บแต้ม ผมว่าผมชนะแล้วล่ะ โอ้ย! พอได้แล้ว ปากแห้งหมดแล้วเนี่ย!

#### @ D A W N  #####

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2016 17:44:34

ผมเพิ่งรู้ว่าคนที่มาเช่าบ้นผมอยู่เป็นพ่อบ้านฟูลออปชั่น เขาทำได้สารพัดอาหาร คาวหวาน พื้นเมือง นอกเมือง นอกประเทศ นี่คงเหลือแค่เอาขขยะอวกาศมาปรุงอาหารเท่านั้นแหละครับที่เขายังไม่ได้ทำ
เมนูมื้อเย็นวันนี้ ผักนึ่ง จิ้มน้ำพริก ปลาอะไรก็ไม่รู้ทอดกรอบ ไข่ชะอม แล้วก็ต้มยำกระดูกหมูอ่อน
ลาภปากมากๆ อิ่มท้องแบบดีดแป๊ะคงแตกโป๊ะล่ะครับ สภาพผมคืออิ่มหมีมาก ส่วนนายมือโปรก็ดูเหมือนคนอื่มธรรมดา
“อร่อยมั้ย พรุ่งนี้อยากกินอะไร”
“นี่พี่ซื้อหนังสือทำอาหารมาด้วยนะ เอามาลอกเมนู แล้วก็ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ให้เข้าปากวิน”
“รักได้รึยัง ดีขนาดนี้”

“ก็ชอบแล้วไง พี่โป๊ะจะเอาอะไรอีก”

“รักได้แล้ว พี่ดีกับวินจนโลกสาปแช่งแล้วเนี่ย ลองถามเพื่อนพี่ดูก็ได้ มันต้องเหวอกันแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพี่ทำอะไรให้วินบ้าง”
“อย่าให้มันเอ๋อแดกกว่านี้เลย”

“เพื่อนพี่โป๊ะจะเอ่อแดกอีกเรื่องอะไรครับ”

“ก็ถ้ามันรู้ว่าพี่ดีขนาดนี้โดยที่ได้แค่จูบไม่กี่ครั้งน่ะสิ”

“หวังผลหรอ?”

“หวังวินต่างหาก”

“แต่พี่รอได้ วินนั่นแหละ จะอดใจไม่ไหวก่อน”

เขาพูดถูกครับ ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายอดใจไม่ไหวเสียก่อน
เท่าที่ผมสังเกตตัวเองมา ผมรู้ว่าพูดยั่วเขาแล้วจะเจออะไร อ้อนเขาแล้วจะได้อะไร ทำให้เขาหึงแล้วก็จะเป็นยังไง ผลลัพท์ที่เคยเรียนรู้มาก่อนแล้วก็คือ เราต้องได้เสียกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ผมก็ยังยั่วเขาเรื่อย
ผมนี่แหละที่เป็นตัวปัญหา เป็นคนกำหนดว่าเราจะช่วยกันสร้างความสุข หรือจะอึมครึมอยู่กับแบบสุกๆ ดิบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ
บางที มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดสินใจเริ่มรัก เพื่อเรียนรู้การให้อภัย ทั้งตัวเองและคนอื่น
ผมควรยอมรับกับตัวเองได้แล้วว่าผมชอบนายมือโปร
ปัญหาตอนนี้ก็คือ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง
มันไม่มีคำแนะนำนี่ครับว่าขั้นตอนการเริ่มต้นรักใครสักคน ขั้นแรกต้องทำยังไง ก้าวเท้าข้างไหนเข้าไปหา มองตากี่นาที เริ่มพูดคำว่าอะไร
ผมคิดว่าผมต้องการผู้ช่วย และก็นึกถึงใครไม่ได้เลย นอกจาก....ไอ้โอม

ผมไม่โต้ตอบอะไร ไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่น่ะครับ
เราดูทีวีกันพักใหญ่ มือนายมือโปรไม่ได้ว่างเว้นจากร่างกายผมเลย เดี๋ยวโอบตัว จับมือ เล่นหน้า ซุกคอ หอมแก้ม จูบขมับ หนักสุดคือยกขาผมไปทับขาเขาเอาไว้ และมือเขาก็วางตรงกลางตัว อย่าให้ผมต้องบอกส่วนไหนที่โดนจาบจ้วงความลับของจักรวาล หัวใจนี่แทบหยุดเหมือนโดนลูกดอกยาสลบเฉียบพลัน
พอเจอท่านี้เข้า ผมก็ต้องปัดป้องบ้างเพื่อความสวยงาม(?) ผมนั่งไขว้ห้างเพื่อจบปัญหาเรื่องการตอบสนองทางร่างกายที่ว่องไวกว่าปากมากนัก แต่ผมคิดว่าเขารู้ ว่าเขาจุดไฟติดแล้ว นายมือโปรหัวเราะหึในลำคอ มันทำให้ผมเสียววาบไปทั้งหลัง หวังว่าผมจะติดต่อตัวช่วยได้ทันก่อนร่างกายที่แสนอ่อนไหวของผมจะตกเป็นทาสความร้อนฉ่าของเขา

ขอพลังของพระอาทิตย์จงอวยพรให้ผมได้ลืมตาขึ้นสบมองแสงแดดยามเช้าอีกครั้ง ด้วยสภาพกายและใจที่ยังเป็นของผมเองด้วยนะครับ




Cut


ชาละวันมั้ยล่ะท่านมือโปร หุหุ
พบกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2016 18:31:06
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-01-2016 18:32:51
อีพี่โป๊ะนี่ชอบแอบเนียนแอบนัวๆๆ น้องวินเรื่อย  :katai3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-01-2016 19:11:04
หื้อออ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกวินดูไม่น่ารัก
เจอคุณสาออกมาฉากเดียวเท่านั้นแหละ

แฮปปี้นิวเยียร์นะค๊าา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-01-2016 20:04:52
พี่โปรขี้หึงมาก 5555555
หึงหน่ามืดตามัวเลยอ่ะ 5555555
น้องวินสู้ๆนะ โทรหาผู้ช่วยไวๆนะ
เดี๋ยวได้เสียกันก่อน  :katai3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 01-01-2016 20:23:06
 :o8: หุหุหุ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 01-01-2016 21:24:14
งื้อออ พี่โปรแอบคืบคลานเข้ามาหาวินเงียบๆ แต่ได้ผลมาก ><
ไวกว่าพี่โป๊ะ ก็4gแล้ววว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 04-01-2016 22:15:26
ตามทันแล้วฮืออออ
ตามมาจากหมอนำค่ะ555
แงงเรื่องนี้ก็น่ารักมากกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บรรยายสวยขึ้นเรื่อยๆ
ชอบคำด่าน้องวิน55555 ช่างสรรหาจัง555555

ชอบโปร เป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนดีค่ะ ;///;
วินก็เหมือนกันนน
ดูเป็นคู่ที่ยังไงก็ต้องได้คู่กันอ่ะ55555 ต่างฝ่ายต่างรับมือกันได้

ชอบเนื้อเรื่องที่ตอนแรกดูหม่นๆ แต่มันสดใสขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับที่วินได้รู้จักกับโป๊ะมากขึ้นเรื่อยๆ
คือมันสดใสขึ้นเพราะวินกับโป๊ะสนิทกันมากขึ้น เข้าถึงกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้นอ่ะ
แบบตอนวินอยู่กับรุตต์เหมือนวินจะหม่นๆ จมอยู่กับอดีต
แต่พออยู่กับโป๊ะ วินจะสดใส วินเดินไปข้างหน้าไรงี้งืออ555
แบบมันค่อยๆไปดี ชอบบบ ฮืออ ชอบมากกก

ตอนหลังๆนี้น่ารักมากกกก กรุบกริบกำลังดีฮืออ T///T
ตลกพี่โป๊ะพยายามปล้ำน้องง55555 :hao7:
อ่านแล้วจั๊กจี้หัวใจจังค่ะ55555

ขออย่าดราม่าไปมากกว่านี้ หน่วงใจเหลือเกิน
ยิ่งเวลาวินพูดถึงลูกแพร์ยิ่งหน่วง ขอให้เคลียร์กันไวๆเนอะ :hao5:

ติดตามนะคะะะะ เป็นกำลังใจให้
นิยายสนุกทุกเรื่องเลย ขอเป็นเอฟซียย555
สู้ๆนะคะะะ จะรอทุกวันเลยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-01-2016 02:07:34
ตามอ่านทันแล้วนะ

มีพิมพ์ตกๆ หล่นๆ บ้าง แต่ก็อ่านได้ใจความอยู่

ชอบคำบรรยายแปลกๆ ที่แทรกอยู่เนือง

แต่อาจจะบื้อไปเองก็ได้ที่ไม่เห็นบรรยากาศสีชมพูรอบๆ ตัวละครเอกทั้งคู่

เหมือนอ่านนิยายที่คนแต่งเป็นผู้ชาย

อ่านจนจบ  ยังไม่รู้ว่าพระนางเขาไปรักกันตอนไหน 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-01-2016 10:31:00
น่ารักมากขึ้น สดใสมากขึ้น
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-01-2016 11:36:48
สงสัยจะอีกไม่นานจริงๆ รอตอนต่อไปที่อีกไม่นานนี่แหล่ะ อิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 06-01-2016 16:35:59
ก็ว่า พักนี้ชมเหี้ยหล่อบ๊อยยย บ่อย

ที่แท้น้องก็อ่อยอยู่นี่เองเนาะ 555

ไอ้ยุ่งมันร้าย  :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 14-01-2016 16:22:15
คู่นี้เค้าเหมาะกันจริงๆ

ชอบตอนพี่โป๊ะเดือดเพราะหึง

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 14-01-2016 21:26:05
รอ ร๊อ รอ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-01-2016 13:10:47
เป็นเรื่องทีอ่านแล้วอบอุ่นดีค่ะ สนุกมากเลย

 :pig4: :pig4: :pig4:

+1 เป็ดจ้ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-01-2016 01:14:49
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 29


เช้านี้ ผมตื่นมาพร้อมกับสถานะว่างงานครับ
เปล่าครับ ผมยังไม่ได้ถูกเลิกจ้าง แล้วนายมือโปรก็ยังไม่ได้ประเมินงานผมแล้วลงดาบว่าไม่ผ่านโปรใดๆ ทั้งนั้น
แต่ผมได้อภิสิทธิ์ อ่ะ! ไม่ใช่ครับ อดีตนายกไม่ได้มาเป็นสมบัติส่วนตัวของผม อย่ามาเก็ทมุกโลกไม่เข้าใจแบบไอ้โอม
ที่บอกว่าว่างงาน ก็เพราะว่านายมือโปรให้ผมจัดการเล่มไอเอสของผมให้เสร็จ เพราะว่าปลายสัปดาห์นี้ ผมต้องนำเสนอข้อค้นพบของการค้นคว้าอิสระของผม แล้วก็สอบปิดเล่มให้แล้วเสร็จ ซึ่งก่อนจะไปถึงลำดับนั้นได้ เล่มต้องเสร็จก่อนไงครับ และตอนนี้ ตรงหน้าผมนี้ มีกองพะเนินของข้อค้นพบมากมาย ซึ่งยังไม่ได้ตกผลึกออกมาเป็นคำตอบของการค้นคว้าอิสระของผมหรอกครับ
นายมือโปรไปทำงานแต่เช้าแล้ว เขาเป็นแบบนี้ทุกวันจนผมรู้สึกสงสัย อยากรู้เหลือเกินว่าเครื่องจักรทำงานอย่างเขาจะสิ้นแบทเตอรี่เมื่อไหร่ ทำงานหนักทุกวันแบบนี้ไม่เหนื่อยจนอยากเกาะเอวแม่แล้วร้องไห้บ้างหรอ? แต่ก็ไม่ได้ถามหรอกครับ กลัวคำตอบห่ามๆ
แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยผมไว้กับความก้าวหน้าทางการศึกษาของผมไว้ลำพังหรอกครับ นายมือโปรบอกไว้เมื่อ 3 วันก่อนว่าวันนี้จะส่งคนมาช่วย ส่วนจะช่วยได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผม
หมอนี่ก็แปลกประหลาดสิ้นดี คิดได้ยังไง ส่งใครก็ไม่รู้มาช่วยผมเนี่ยนะ!
ผมดูแลตัวเองด้วยการล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าวเช้าแสนอร่อยแม้ว่าจะทอนความร้อนลงไปมากแล้ว จากนั้นก็นั่งจมตัวเองอยู่กับกองข้อมูลจนเกือบเที่ยง บ้านชั้นล่างของผมจึงเกิดความเคลื่อนไหว
ผมได้แต่รู้ตัวช้าๆ และนั่งเอะใจปนกังวลอยู่ว่า โจรขึ้นบ้านรึเปล่าวะ?
แล้วทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย นี่ยุ่งมากนะเว้ย! ทั้งกิจกรรมและความคิด
หรือว่าจะเป็นคนช่วยที่นายมือโปรบอกไว้ แล้วทำไมไม่เคาะประตู กดออด หรือโทรเข้ามาบอกถึงการมาของตัวเองวะ? พิลึกคน
ผมวางมือจากทุกสิ่งแล้วก็ย่องออกจากห้อง เดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบาที่สุดลงมาตามขั้นบันได ในบ้านไม่มีใครเช่นเดิม แล้วไอ้เสียงกึกกักเมื่อกี้คืออะไร? ใครบันดาล?
โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงชักโครกจากห้องน้ำชั้นล่างครับ อย่าบอกนะว่าโจรแวะขี้ เหี้ยเอ้ย!
ผมหาอาวุธที่ถนัดมือ หยิบมาได้ก็แค่ไม้กวาดเท่านั้นแหล่ะครับ เรียกความเชื่อมั่นและพละกำลังอยู่แป๊บนึงก็มายืนจ่ออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ คิดไว้ว่าโจรออกมาเมื่อไหร่ก็ฟาดหัวแม่งเลย
กริ๊ก!
ครืดดดดด
ประตูห้องน้ำเปิดออกช้า ไอ้โจรผมยาวก้าวออกมาในขณะที่หัวยังก้มมองนิ้วหัวแม่โป้งตีนตัวเองอยู่ ผมง้างมือสุดวงกว้าง ตั้งใจจะฟาดแม่งตรงท้ายทอยกะเอาให้ถึงตาย แต่ไอ้โจรนี่มันเงยหน้าขึ้นมาก่อน
“เอ้ย! ไอ้วิน!”
“นี่กูไง!


“เหี้ยโอม!!!”
“กูเกือบตีมึงตายแล้วนะเว้ย!”

“ไอ้ตูดคุณหนู มึงน่ะหรอจะตีกูตาย”
“ห่า ไม้เหี้ยอะไรเนี่ย? เก็บไว้เกาไข่มึงเหอะ!”

ความจริงแล้ว ผมดีใจมากที่ไอ้โอมกลับมา แต่หลังจากที่ฟังมันเล่าอย่างเว้อวังอลังการว่าทำไมถึง “ต้อง” กลับมาแล้ว ผมคิดว่าผมไม่แสดงออกว่าดีใจคงจะดีกว่า
เหตุที่มันกลับมาก็เพราะพี่ชายสุดประเสริฐของมันนั่นแหล่ะครับ ฟังจากที่มันเล่าน้ำเก้าส่วน เนื้อหนึ่งส่วน จับใจความได้ว่านายมือโปรโทรไปจิกไปลากไปกระชากวิญญาณมันกลับมาเมืองไทยครับ ด้วยเหตุผลที่ผมฟังแล้วยังถอดรหัสลับออกเลย คือเพื่อให้ผมสบายใจ
ไอ้โอมใช้หางตามองผมตลอดเวลาที่มันเล่าเหตุผลที่ทำให้ต้องกลับมาให้ฟัง ท่าทางมันหงุดหงิดใจพอสมควร ผมก็เลยเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กระโดดกอดมันแล้วหัวเราะร่าเริงอย่างที่อยากทำ
“แล้วเล่มมึงถึงไหนแล้ววิน”
“มีเฮียกูช่วยนี่” เฮียกูที่มันเรียกจนติดปากก็คือนายมือโปรครับ

“ก็ ใกล้แล้ว เป็นรูปเป็นร่างเยอะเลย ปลายสัปดาห์นี้กูสอบปิดเล่ม ก็คงโดนแก้นั่นแหละ แต่คงไม่มาก จากนั้นกูก็ช่วยเล่มมึงได้ ดีป่ะ?”

“ก็กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ต้องจบปีนี้ก็ได้ กูชิลๆ”

“แล้วมึงจะเสียเวลาไปทำไมวะ ใช่ว่ามึงไม่มีอะไรในมือเลยสักหน่อย มึงแค่ต้องปะติดปะต่อ ให้เวลากับเล่มมึงมากกว่าเดิม แค่นั้นแหละ”

“ก็กูจะให้เวลากับชีวิตกูก่อนไง มึงกับเฮียนี่นอนคุยกันป่าววะ เหตุผลเอาแต่ใจกับกูพอๆ กันเลย”

หัวใจผมเต้นเป็นกุ้งสะดุ้งไฟ หรือว่ามันจะระแคะระคายแล้วว่า..เอ่อ....ผมกับเฮียมัน เอ่อ.....งิงะกันอยู่ อย่าถามนะครับว่างิงะคืออะไร ผมก็นิยามไอ้อาการงิงะไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เฮียมันชอบผมและจีบผมอยู่ ควรให้มันรู้จากปากผมหรือปากเฮียของมันกันเอง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมอาย
แหมคุณครับ! มันไม่ใช่เรื่องปกติเสียหน่อย ผมเป็นผู้ชายนะ นมแตกพานไม่ใช่ตั้งเต้า ผมไม่ภูมิใจหรอกที่มีผู้ชายอกใหญ่กว่าสามศอกมาบอกชอบแล้วบอกขอจีบ ซ้ำยังทำตัวก้อร่อก้อติกตลอดเวลาที่เขานึกได้ มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเสียหน่อย มันกำลังเป็นเครื่องยืนยันว่าความมีออร่าความน่าเอ็นดูสูงกว่าออร่าด้านความเท่จับใจสาวๆ พูดง่ายๆ เลยคือเสียเชิงกระจู๋อ่ะครับ

“มึง มากี่วันวะโอม” ผมเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ ไอ้โอมหันมองแล้วก็เปิดตู้เย็นพลางมุดหน้าเข้าไป สงสัยจะร้อนเพราะผมเห็นมันกระพือเสื้อเชิ้ตตัวเองใหญ่ ขอโทษนะมึง แต่เปิดแอร์ตอนนี้ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่หรอกว่ะ

“กูบอกป้าว่ามี 2 อาทิตย์”

“งี้ก็พอทันนะเว้ยโอม มึงนัดสอบปืดเล่มให้ได้ ที่เหลือเราก็ช่วยกัน”
“เหอะนะ มึงรีบทำเล่มให้จบไปเถอะ”

“ทำไมวะ?”

“ก็กูอยากรับปริญญาพร้อมมึงไง”
“ทั้งห้องกูคุยกับใครบ้างล่ะ? ไม่มีมึงก็กร่อยเลย นะโอม”

“หมาวินเอ้ย! นี่ถ้ากูมีเมียมีลูกไป มึงจะหาสีสันชีวิตจากไหนห๊ะ?”

“ก็จากลูกจากเมียมึงไงโอม” เหอะๆ โดนตบหัวมา 1 ทีครับ แต่ผมไม่โกรธหรอก เพราะมันยิ้มระหว่างตบ และก็เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนมากด้วย
“อื้อ ไปตัดผมมั้ยมึง ยาวไปมั้ยวะ?”

“ไม่เอา กูจะไว้ยาวๆ เซอร์ๆ ฝรั่งชอบ”
“เมียแหม่มกูบอกว่าจิกสะดวกดี ตอนอย่างว่ากัน”

“เออ นั่นก็สีสันเกินไป ไม่ต้องเล่าหรอก กูไม่อยากรู้”

“แหม แหม” เกลียดเสียงมันจริงๆ ครับ ไอ้โอมเดินกอดขวดน้ำเย็นมานั่งที่โซฟากลางบ้าน มันดึงผมให้นั่งลงข้างๆ แล้วก็พูดกระแดะๆ ต่อจากที่ส่งไอ้แหมมาสะกิดตีนผมเมื่อกี้
“โตๆ กันแล้วว่ะวิน กูยังหาเมียได้ ดูสิ เถื่อน เซอร์ ดูไร้สมอง ไม่มีแก่นสาร ดูทำมาหาเลี้ยงใครไม่ได้ขนาดนี้ ยังมีเมีย”
“มึงก็ต้องมีเหมือนกัน ใช่ป่ะ?”
“ระดับมึง แค่เอ่อ ผู้หญิงก็ตามเป็นพรวน” จริงหรอวะโอม? กูไม่ได้ทำเป็นแค่เอ่อหรอกนะ แต่ที่ตามๆ กูอยู่มีแต่ผู้ชายว่ะ

“ไม่หรอก หน้ากูเป็นตูด”
“แล้วกูก็ไม่ได้จีบใครด้วย ความรักกันไม่ได้สวยงามนักหนา มึงก็รู้ว่ากูเป็นไง”

“เฮ้ย! เปิดใจมึงบ้าง”
“ให้กูสอนมั้ย? เนี่ย เมียกูไม่ได้กลับมาไทยด้วยหรอก แต่ว่าเขามีเพื่อนคนไทย กูก็กะว่าจะนัดเพื่อนเมียพาร์ที้กันสักหน่อย คืนพรุ่งนี้เป็นไง”

“ไอเอสมึงล่ะ? ถ้าเฮียมึงเขาลากมึงกลับมาเพราะห่วงเรื่องไอเอส มึงก็ทำไอเอสให้หมดห่วงก่อนดีมั้ย จากนั้นมึงจะพาร์ที้ระเริงเมืองยังไงก็เรื่องของมึงแล้ว” ผมเลียนแบบสำเนียงคำว่าพาร์ที้ให้มันหมั่นไส้เล่น ไอ้โอมยักไหล่แล้วเชิดปากระหว่างเบือนหน้าหนีผม ผมเดาว่ามันคงงอนเฮียของมันหนักมาก

“กูบอกแล้วไงว่ากูชิล อยากให้กลับไทยกูก็กลับแล้ว จะเอาแต่ใจกับกูหลายอย่างเกินไปแล้ว เฮียอ่ะ อีกอย่างนะ” มันพูดไว้เท่านี้ แต่เรื่องที่มันจงใจพูดค้างไว้คงไม่ใช่เรื่องเล็กหรอกครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่หันมาจ้องหน้าผมเขม็งแบบนี้

“อีกอย่างอะไรวะ”

“อีกอย่าง เฮียแม่งก็ขี้โกง มีเมียไม่บอกกู!”

“เฮ้ย!”

“เออเด่ะ! หน้าเตะใช่มั้ยมึง อย่าให้กูรู้นะว่าเป็นใคร”

“มึงจะทำไมเอ่อ...เมียเขาวะ”

“จะเป่าหูให้แม่งเลิกกัน”
“โทษฐานไม่ให้กูช่วยสแกนเลย”
“ห่าวิน มึงก็รู้ จำได้ป่ะที่กูบอกว่าชาตินี้เฮียโป๊ะแม่งรักใครไม่ได้แล้วอ่ะ เออ แล้วนี่คือไรวะ?”
“กูนะ ยกให้เป็นฮีโร่ด้านรักคงมั่น แล้วนี่คือไรวะ? กูไปไม่กี่เดือน ได้เมีย!”

“ยังไม่ได้มั้งมึง”
“เขาบอกหรอว่าได้กันแล้ว”

“เออ!”

“เฮ้ย! ไม่ไม่ ยังไม่ได้กัน” ผมเถียงคอเป็นเอ็น และไอ้โอมก็ต้องเชื่อผมมากกว่าเฮียขี้โม้ของมัน แม่งพูดแบบนี้ผมเสียหายนะ!

“มึงรู้หรอ? มึงรู้อะไร วิน บอกกูมาเลย มึงรู้ใช่มั้ยว่าเมียเฮียกูคือใคร”
“เร็วดิ”

“กูไม่รู้ ตอนได้กันเขาไม่ได้สะกิดกูนี่” นั่นสิ แล้วไอ้พี่โป๊ะไปได้เมียตอนไหน? แล้วเมียเขานี่คือใคร? หรือว่าเขาจีบอยู่หลายคน โธ่เอ้ย!

“พี่โจ้รึเปล่าวะ?”
“ไม่น่าใช่ ถ้าจะชอบพี่โจ้ก็คงได้กันนานแล้วแหล่ะ”
“พี่แนนก็มีสามีแล้ว ในออฟฟิศก็ไม่มีใคร”
“นางแบบที่คั่วๆ อยู่ก็บอกว่าไม่มีอะไร ควงเล่นๆ เอาสังคม”
“หรือลูกสาวบ้านที่โดนจับคลุมถุงชนวะ เอ้ย! สมัยนี้แล้ว อีกอย่างเฮียก็ไม่ใช่มึงด้วยที่จะทำตามผู้ใหญ่แบบไม่หือไม่อือ”
“เอ้อวิน”

“หืม?”

“มึงอยู่ใกล้เขาที่สุด ใครที่น่าสงสัยว่าจะเป็นเมียเฮียกูมั่ง”

“กูน่ะหรอ อยู่ใกล้ชิดเขา บ้า!”

“ใกล้สิมึง ก็เขาเช่าบ้านมึงอยู่นี่ เขาบอกกูเอง”
“อะไรวะ? อยู่บ้านเดียวกันนี่ไม่คุยกันหรอ?”
“เออ เออ เฮียคงพูดไม่เข้าหูมึงเหมือนเดิมล่ะสิไอ้คุณชาย แต่ให้เขาเช่าบ้านนี้ก็ถือว่ามึงเปิดโลกมากขึ้นแล้วนะ ดีแล้ว ดีแล้ว จะได้ไม่เหงา”
“แล้วมึงพอจะคิดออกมั้ยว่าใครน่าจะเป็นเมียเขา”

“คิดไม่ออกหรอก กูไม่ได้อยากเสือกเรื่องของเฮียมึงด้วย” ผมบอกแล้วก็หันมองต้นไม้นอกบ้านแทนหน้าไอ้โอมที่ดูจะเสพติดอาการเสือกเรื่องพี่โป๊ะมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิด กูมีเวลา”
“เขากลับดึกมั้ยวะ อาจจะแวะไปส่งสาวก่อน”

“กลับพร้อมกูนี่แหล่ะ”


“ออกจากบ้านแต่เช้ามั้ยวะ แบบ อาจจะไปรับสาวไปส่งออฟฟิศ หรืออะไรเทือกๆ นี้”

“ก็ออกจากบ้านพร้อมกูนี่แหล่ะ”


“มีเลขาใหม่รึเปล่าวะ? มึงรู้มั้ย”

“ก็...งานเลขากูก็ทำอยู่กลายๆ แต่พี่แนนก็ทำงานเก่งมาก เขาไม่รับเลขาใหม่หรอก”

“เฮียกูบ้าทำอาหารมั้ย สูตรจีบของเอียเลยมึง รักใครให้ขุนจนอ้วยไรงี้อ่ะ”

“ก็เห็นทำนะ เช้า-เย็น ให้กูกินนี่แหล่ะ”
“แต่บางทีก็ลืมๆ ก็แก้ปัญหาโดยการซื้อสำเร็จที่เซเว่นมาอุ่นให้กิน”

“กลางวันแว่บไปไหนมั่งมั้ยวะ”

“ก็....แว่บมากินส้มตำกับกูครั้งนึง นอกนั้นก็...อยู่กับกูนี่แหล่ะ” ผมเกาหัวตัวเองแก้เก้อ ผมคิดว่าไอ้โอมน่าจะได้คำตอบแล้วว่าใครที่น่าจะเป็นเมียของเฮียมัน

“สรุป เฮียกูมีแต่มึง มึง มึง แล้วก็มึง”

“ทำนองนั้น”

“งั้น.....เมียเฮียกู ก็มึงสินะ”


“ก็....ยังไมใช่ซะทีเดียว”

“นี่โดนหลายทีแล้วหรอ!”

“เฮ้ย ไอ้โอมมม!” ผมรีบเบรกมันด้วยการอุดปาก ห่านี่จะเสียงดังทำห่าอะไร กลับไม่รู้หรอกว่ามีเรือมาเทียบหน้าบ้านรอเพื่อนมึงออกเรือน!

ไอ้โอมยกมือยอมแพ้ ส่งสัญญาณว่าจะหุบปาก ไม่ดิ้นไม่ดื้อไม่วายวาย พอผมบังคับมันสัญญาด้วยสายตา ไอ้เพื่อนตัวนี้ก็พยักหน้าหงึก ผมเปิดปากมัน มองมันที่มองผมอย่างพิจารณา มันหลบตาไปแอบคิด คิดอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็มองใหม่ หยิบมือไปมอง ลูบหัว ดีดจมูก ดึงไปกอดๆ  ลูบหลัง แล้วก็จับมือไว้ เล่นไปเล่นมา

“วิน”

“อือ”

“แล้วมึงรักเฮียกูหรอ”

“กู...ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มึงคิดว่ากูรักเฮียของมึงได้มั้ยวะ?”
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-01-2016 01:21:13
เหมือนผมส่งคำถามโลกแตกให้มัน ไอ้โอมมองหน้าผมแล้วก็ถอนหายใจ อีกเดี๋ยวก็ยิ้ม อีกเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้าๆ ใส่ ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเคยเห็นมันโหมดใจแตกสลายเพราะความรักมาก่อนแล้ว ผมจะคิดว่ามันบ้า

“ตรงๆ เลยนะวิน”
“กูรักทั้งคู่ แต่กูไม่กล้าเชื่อว่ารักของมึงจะรอด”

“ทำไมเป็นกูที่ไม่รอดล่ะ? มึงเอียงป่ะเนี่ย ถือหางพี่โป๊ะนะมึงอ่ะ!”

“ไม่ใช่เว้ย ฟังก่อนดิ”
“ที่ว่ารักของมึงจะไม่รอด ก็เพราะมึงไม่เชื่อในความรัก”
“กูไม่รู้ว่าเฮียรักมึงเพราะอะไร เมื่อไหร่ และจะรักนานแค่ไหน กูไม่รู้หรอกว่ะ”
“แต่ตัวมึง กูรู้ว่ารักมึงสั้นมาก เปราะบางมาก แตกง่าย แล้วก็กลัวมาก”
“ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาคนนั้นต้องรักมึงมากชิบหาย เพื่อทบให้ถึงปลายทางที่มึงยืนอยู่ เพราะมึงไม่เคยก้าวพ้นเงาตัวเอง”
“ไอ้รักแบบ เรา 50 เธอ 50 เจอกันตรงกลาง หวานแหววโลกสวยน่ะ ไม่รอดมาถึงมึงหรอก”
“มึงต้องได้คนคลั่งรัก บ้ารัก ทุ่มรัก รักแบบผูกติด มึงตายเขาตาย มึงอยู่เขาอยู่ อะไรทำนองนี้”

“แล้วเฮียมึง เป็นงั้นมั้ยวะ?”

“ก็ต้องวัดดวงว่ะวิน”
“ถ้าเป็นเฮีย กูดีใจนะ”


“มึงอยากให้กูเป็นตุ๊ดรึไง”

“เป็นเมียเฮียไม่ต้องเป็นตุ๊ดหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองแค่นั้นแหล่ะ”
“กูบอกมึงบ่อยๆ ไม่ใช่หรอ ไม่มีใครประเสริฐดีเลิศเท่าเฮียกูอีกแล้ว”

“เหรอะ! กูว่าเพื่อนเขาดูดีกว่าตั้งเยอะ อย่างน้อยก็สติเต็มกว่า อารมณ์ไม่หวือหวาด้วย”

“ไม่รักเขาก็คงไม่พึคด้วย” ไอ้ห่านี้ก็สรุปให้เฮียมันดูหล่อเลอค่าเหมือนเดิม ไอ้คลั่ง!

เอาเป็นว่า เพื่อนสนิทผมรู้แล้วว่าผมมีแนวโน้มจะเป็นเมียของเฮียมัน ไอ้โอมไม่คัดค้านและก็ไม่แปลกใจเลยหากว่าท้ายที่สุดแล้วความรักของผมจะเป็นโรมิโอและโรมิโอ หรือว่าผมไม่เคยแมนเลยในสายตามัน

“โอม”

“อือ” พอได้คำตอบเรื่องอนาคตเมียเฮียสุดที่รักของมันแล้ว ไอ้เซอร์ผมยาวสลวยนี่ก็นั่งเกลากีตาร์อยู่หน้าทีวีครับ อย่าถามผมว่าเสียงอะไรหนวกหูกว่ากัน ผมตัดสินไม่ได้

“มึงไม่ประหลาดใจหรอ แบบ คนที่มาชอบกูเป็นผู้ชาย”

“ไม่นี่”
“มึงไม่เข้าหาผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว แล้วโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าถึงมึงได้ เพราะงั้น ต้องเคมีแรงๆ เถื่อนๆ ดุๆ อย่างเฮียกูนี่แหล่ะที่พอจะสั่งสอนมึงได้บ้าง”

“ฟังดูกูแย่ๆ ว่ะ”

“ก็มึงแย่”
“ดีแค่รูปร่าง หน้าตา ฐานะ สันดาน”
“แต่ทัศนคติเรื่องความรักไม่ได้เรื่อง มองโลกสีเทาไปหมด ลั้ลลาบ้างก็ได้ อย่างกูนี่ไง”

“ลั้ลลากับคนเป็นล้าน กับจับมือนอนนิ่งๆกับคนคนเดียว อย่างหลังมันสุขใจกว่าเป็นล้านเท่า มึงไม่เข้าใจหรอก มึงมันหลงโลกีย์”

“แหมๆ แสดงว่าคุณชายวินเข้าใจความสุขที่ได้นอนจับมือกับแควนแล้วอ่ะดิ วู้ววว แร่ดนะมึงเนี่ย”
“เขาขอมึงเป็นแฟนยัง”

“หลายรอบเหอะ กูเล่นตัวไง”

“เขาจูบมึงยัง”

“ก็...หลายครั้ง กูก็ไม่ได้ปล่อยตัวนะ แต่แม่งแรงเยอะ”

“เขาบอกรักมึงกี่ครั้งแล้ว”

“ก็หลายครั้ง แต่กูไม่กล้าเชื่อสักครั้งเลยว่ะ” ผมบอกมันตรงๆ แล้วก็ยิ้มเศร้า
ยิ่งคุยกับเพื่อนแบบไม่ปิดบังความรู้สึกตัวเอง ผมก็ยิ่งรู้สึกเป็นมนุษย์ตัวสีเทาที่ยืนอยู่ในสวนดอกไม้หลายสีสัน ทำไมผมถึงได้แปลกแยกแบบนี้
กูรู้นะโอมว่ากูเป็นคนที่มีปัญหา แล้วก็ไม่แฟร์กับพี่โป๊ะนักที่ต้องเป็นนักแก้ปัญหาจนกว่ากูจะหมดปม ซึ่งจะหมดรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ที่เขาทำ กับที่พี่รุตต์ทำก็ไม่ต่างกัน แต่เขาเข้าถึงความคิดกูได้มากกว่า เปลือกกูคงหนา เคาะสุภาพแบบพี่รุตต์เลยไม่สะเทือนละมั้ง”
“กูเองก็อยากทำกับเขาแบบที่ทำกับพี่รุตต์ คือไม่รับอะไรที่มันล้ำเส้นหรือทำให้เขาถลำลึก มีโอกาสก็จะผลักออกไปเบาๆ ขีดเส้นใหม่ เพื่อให้โลกกูใหญ่เท่าเดิม กูก็ผลักเขาไปหลายรอบ แต่พี่โป๊ะยิ่งกว่าบูมเมอร์แรงอีก ดีดกลับมาหากูแบบน็อคเอาท์เลย”
“ยิ่งเขากระเทาะความรู้สึกกูได้แรงเท่าไหร่ กูก็ยิ่งกลัว”
“ถ้าวันนั้นมาถึง วันที่กูอยู่ในที่โล่ง ในมือไม่มีอาวุธอะไรเลย เขาจะทำร้ายกูมั้ย?”
“ถ้ากูเป็นแค่ ความท้าทายใหม่ๆ ล่ะวะโอม”
“ตลอดไปของเขา นิยามคืออะไรวะ”

“วิน”
“มึงรักเขาใช่มั้ย ถึงได้กลัวขนาดนี้”
“แต่ถ้ายังกลัวอยู่ มันอาจไม่ใช่ความรักก็ได้”
“เพราะถ้ามึงรักเขาจริงๆ ต่อให้เขาถือมีดมาแทงอกมึง มึงก็พร้อมจะตายไปพร้อมกับรอยยิ้ม”

“กูต้องยอมเสี่ยงตายหรอวะ”
“มันคุ้มค่าหรอวะ ไม่เสียงเรื่องนี้กูก็อยู่ของกูได้นะ”
“ไม่มีความรักไม่ตายหรอกมึง”

“มึงอยากตัวสีเทาไปตลอดชีวิตหรอ”
“ถามกูไม่ได้หรอกว่าพี่โป๊ะดีมั้ย ใช่คนที่ใช่สำหรับมึงรึยัง? เขาจะดูแลมึงไปตลอดชีวิตรึเปล่า”
“มือที่เขาจับคือมึง มึงต้องเป็นคนรู้สึกว่าอุ่นรึเปล่า อุ่นแล้วพอมั้ย”
“แล้วก็มึงอีกนั่นแหล่ะที่ต้องตัดสินใจจะตอบแทนความอุ่นที่เขาให้กับมึงยังไง อ่อนโยนเท่ากันมั้ย หรือจะยืนบื้อใบ้เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว จนวันนึงเขาหมดแรงตายไป มีงก็แค่พูดง่ายๆ ว่า ไม่ใช่เรื่องของมึง เขาเป็นฝ่ายมาทำให้มึงอบอุ่นเอง มึงไม่ได้ขอ”

“กูก็ต้องการเวลาเหมือนกันนะ”

“ถามเฮียกูก่อนสิว่ารอได้อีกนานแค่ไหน”


การคุยกับไอ้โอมไม่ได้ช่วยทุเลาปัญหาจังหวะรักกะยึกกะยักของผม ซ้ำยังฝังคำถามไว้ในหัวผมมากมายอีกต่างหาก
ไอ้โอมขอกลับบ้านตอนเย็นหลังจากเจอเฮียของมันก่อน มันบอกว่ามันต้องด่าเฮียเสียหน่อย 1 เรื่องมีเมียไม่บอก 2 เรื่องเต้นตามผมเรื่องไอเอสจนไปลากมันกลับมา ผมไม่ได้ขัดแผนมัน เพราะงานขัดขาไม่ใช่งานถนัดของผมอยู่แล้ว
เราใช้เวลาช่วงบ่ายงมไอเอสของผม ไอ้โอมเป็นผู้ช่วยที่ช่วยอะไรได้ไม่มากหรอกครับ

#### @ D A W N  #####


และแล้วก็ถึงเวลากลับบ้านของนายมือโปรเสียที ไอ้โอมที่เคยประกาศว่าจะด่าเฮียให้เสียชาติเกิด วิ่งกระดิกหางริกๆ ไปหาเขาถึงประตูรถ กระโดดเกาะแขนเดินพันคาจนผมแปลกใจมากที่นายมือโปรสามารถทรงตัวเดินได้อย่างสมดุล
เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วก็เดินไปล้างมือ ล้างเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า ใน ห้อง ของ ผม แน่นอนว่าทุกอิริยาบถมีเนื้องอกฉับพลันเกาะเป็นปรสิต
นายมือโปรลงมือทำอาหารเย็นให้เรา 3 คนครับ ลูกมืออย่างไอ้โอมมีประโยชน์มากเรื่องงานในครัว ส่วนผมก็ไร้ประโยชน์เช่นเคย ทำได้แค่จัดโต๊ะอาหารสำหรับ 3 คนเท่านั้นแหล่ะครับ ซึ่งก็แค่หยิบจานข้าว 3 ใบและช้อนส้อม 3 คู่เท่านั้น
ไอ้โอมชวนเฮียมันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมฟังพวกเขาคุยกันจนเพลิน รู้สึกตัวอีกทีก็ตกเป็นประเด็นขี้ปากเพื่อนไปแล้วครับ เพราะไอ้โอมเล่นถามนายมือโปรดื้อๆ เลยว่า

“เฮีย ได้เมียรึยีง?”

“ยัง” นี่ก็ตอบดื้อๆ เหมือนกัน ผมหันมองนายมือโปรแล้วขมวดคิ้วใส่ แม้ไอ้โอมจะรู้เรื่องผมกับนายมือโปรแล้ว เขาก็ควรจะถามผมก่อนว่าอยากให้เขาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการรึเปล่า

“เมื่อไหร่จะได้” ถามเหี้ยๆ แล้วโอม

“เมื่อมึงกลับบ้านไงโอม”

“อ่ะ คืนนี้หรอ?”
“เฮีย ไอ้วินมันบอบบาง เบาๆ นะ”

“เฮ้ย! มึง! โอม”

“อะไรครับเฮียโป๊ะ”

“รู้แล้วหรอว่ากูรักเพื่อนมึงเนี่ย”

“โหยยยยยยยยยย เต็มปากเต็มคำ” แซวทำเหี้ยอะไร กูอายนะเว้ย! แล้วอะไรรักๆ ไม่รู้ กูไม่ได้ยินครับ!

“เออ ปากกู กูพูดก็คือกูพูด กูไม่เคยพูดแล้วอ้างว่ามดตด”
“แล้วกูรักเพื่อนมึงมันผิดตรงไหน ใครบอกผิดมึงไปลากตัวมันผู้นั้นมา กูจัดการเอง”

“โหดทำไมเนี่ย เท่านี้โลกก็ไม่มีใครกล้าหือกับพี่โป๊ะแล้วนะ” ไอ้โอมบีบๆ นวดๆ ไหล่เฮียมันแล้วก็แซวต่อ
“รักวินน่ะไม่ผิดหรอก”
“แต่ถ้าหมดรักเมื่อไหร่ เฮียจำคำผมไว้นะ โลกทั้งโลกเฮียจะล่มสลายทันที”
“เฮียอาจไม่มีแผลตามตัวเลยสักแผล แต่ใจเฮียจะไม่สามารถสะบัดคำว่าคนใจบาปหลุดจนวันตาย”
“เพื่อนผมผมก็รัก เฮียผมผมก็รัก เพื่อนกับเฮียรักกันผมก็ยินดี แต่ถ้าวันนึงมันป่นปี้ ผมเลือกเตะเฮียนะ”

“ไอ้ลูกหมา มึงไม่มีวันได้เตะกูหรอก”

“โอ้โห รักมั่นคงว่างั้น”

“เปล่า กูสูง”

ไอ้เหี้ย กูก็อุตส่าห์ฟัง ใจเต้นด้วยเมื่อกี้!

กว่าไอ้โอมจะกลับบ้านไปหอมแก้มแม่มัน ก็เกือบเที่ยงคืนนั่นแหล่ะครับ ผมกับนายมือโปรช่วยกันเก็บกวาด ล้างจานชาม ผมอาบน้ำก่อน นอนบนเตียงก่อนแต่ก็ยังไม่หลับ จนนายมือโปรอาบน้ำเสร็จ ก้าวยาวๆ ขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ผมถึงหันไปมองหน้า

วันนี้ผมแทบไม่ได้พูดกับเขา ไม่รู้เลยว่าเขาทำงานอะไรบ้าง เหนื่อยมั้ย ทำงานหนักมั้ย มื้อกลางวันกินอะไร ขับรถมาเส้นทางไหน รถติดมั้ย? ด่าใครไปบ้าง ในหัวผมมีแต่ภาพกิจวัตรของเขาที่ผมอยากได้รับการแบ่งปัน แต่นายมือโปรก็แค่มองหน้าผมแล้วก็อมยิ้ม

“บอกโอมหรอ”
“หรือมันเค้นถามเอา”

“หือ?”

“เรื่องพี่”

“อ๋อ ทั้งสองอย่างแหล่ะครับ”

“มันว่าไง แล้ววินโอเคมั้ย? ถ้าอายเพื่อนก็บอกพี่นะ”

“ถ้าอายเพื่อน หรือเพื่อนรับไม่ได้ พี่โป๊ะจะทำยังไง”

“จัดการเพื่อนวินสิ เสือกไม่เข้าเรื่อง”
“แต่ถ้าวินอายเองโดยที่เพื่อนไม่ได้ว่าหรือวิจารณ์อะไรสักคำ พี่จะหยุดนะ”
“ต้องรีบบอก ก่อนพี่หยุดไม่ได้ จะทำอะไรก็เผื่อพี่เสียใจไว้ด้วย”
“ความรักมันเจ็บนะ วินก็น่าจะพอรู้”

“ครับ”
“ถ้าวินอยากพี่หยุด วินจะบอก”

“แล้วคืนนี้ให้หยุดมั้ย?”

“เอ่อออ.....”
“หมายถึง หยุดรักแบบ ไม่ต้องจีบแล้วอะไรแบบนี้หรอ”
“ก็.......”

“คิดนาน ช่างแม่ง”
“พี่ยังไม่หยุดง่ายๆ หรอกน่า”
“จะห้ามพี่รักต้องเสียงแข็งกว่านี้ เย็นชากว่านี้ ฆ่าพี่ไปเลยง่ายกว่า”

“ครับ” เขาจีบผมอีกแล้ว ถ้อยคำดูเชื่อถือไม่ได้ แต่ผมเชื่อน้ำหนักมือที่กอดผมหลวมๆ สายตาที่ยิ้มให้ผมในยามที่ปากเอาแต่พูดเพ้อเจ้อ

เราจูบกัน รสจูบคือรสยาสีฟันเย็นๆ
เรากอดกัน สัมผัสเหมือนถูกห่มผ้าด้วยผ้านุ่นแน่นๆ

เรา...น่าจะรักกันแล้วครับ
อย่างน้อย ผมก็เริ่มคิดแบบนั้น




cut

งึมๆ น้องวินมีความสามารถในการสับสน คิดซับซ้อนสูงมากค่ะ เป็นกำลังใจให้น้องเค้าด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-01-2016 03:22:41
อร๊ายย อีพี่โป๊ะร้ายมากกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2016 05:47:11
อีพี่โปรแกมันร้ายยยยยยยยย  :man1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-01-2016 07:52:10
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 18-01-2016 09:08:07
 :katai2-1: ยอมรับแล้ววววว
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-01-2016 14:14:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 18-01-2016 15:44:32
เมื่อไหร่วินจะเสร็จเฮีย รอๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-01-2016 23:26:05
ขำโอมอ่ะ
เข้าใจแล้วว่าทำไมคบกะโปรกะวินได้ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MUSIX ที่ 19-01-2016 14:38:08
เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ยิ่งกว่าทุ่งดอกไม้บานอีกกกกกกก
ไอ้พี่โป๊ะดูหล่อขึ้นมา 50 ระดับเลย
วินต้องลองนะลูก ลองจมไปกับเหี้ยดู
เอ้ย555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-01-2016 15:13:42
ตกลงรักไม่รักค่ะเนี่ยน้องวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 19-01-2016 22:13:53
ไอ้เราก็ตามเผือกตามส่องตั้งหลายสิบตอน

รอน้องวินค่อยๆ แง้ม ค่อยๆ เผย กว่าจะรู้แต่ละเรื่อง

นังโอมกลับมาตอนเดียวรู้เท่าทันกันหมดทุกเรื่อง

ไอ้โอม......แกทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ย์ย์ย์ 
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 29(18-01-16)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 20-01-2016 10:12:25
ความรู้สึกของวิน น่าจะคล้ายๆ กับผู้หญิงหลายๆ คนเนาะ

น่าสงสารวิน แต่พี่โป๊ะต้องสู้นะ

 :mew3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-02-2016 00:55:55
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 30


เช้านี้ ผมตื่นขึ้นเพื่อพบกับความจริงที่ว่า ผมถูกยืดเตียงครับ
ถูกแล้วครับ คนที่ยึดเตียงผมก็คือนายมือโปรนั่นแหละ เขาไม่ยึดแค่เตียงนะครับ ผ้าห่มก็ลากไปกอดไปซุกอยู่คนเดียว ปัดโธ่เอ้ย!
ผมยืดขาไปเตะเขาเป็นการปลุก ทำอยู่ 2-3 ครั้งนายคนนี้ก็ลืมตาเสียที
“แย่งเตียงวิน หมอนวิน ผ้าห่มวิน”

“อยากดูหลักฐานมั้ยว่าใครกันแน่ที่ร้ายกาจ ไอ้ยุ่ง”

“อะไร? พูดงี้คือว่าวิน?”

“แน่นอนสิ พี่ไม่ใช่คนหลับแล้วพาล วินทั้งนั้นแหละ”

“วินทำอะไร?”

“ดิ้น ร้อนๆ หนาวๆ เดี๋ยวก็สะบัดผ้าห่ม เดี๋ยวก็ซุกผ้าห่ม เดี๋ยวก็มาซุก แป๊บนึงก็สลัดตัวหนี หน้าที่โดนศอกวินไม่รู้กี่รอบ อะไรกันนัก แทบไม่ได้นอนเลย”

“............” ไม่จริงอ่ะ แม่งโม้ หน้าเขาก็ไม่เห็นขึ้นรอยเขี้ยวเป็นปื้นเหมือนคนโดนศอกตีหน้าสักนิด แม่งโม้แน่ๆ

“มีคลิปนะ”

“เฮ้ย! พี่โป๊ะนี่ปกติป่ะเนี่ย คนบ้าอะไรเดี๋ยวก็ถ่ายรูป เดี๋ยวก็ถ่ายคลิป”

“ก็พี่ชอบนี่”
“แล้วมันก็น่ารักดีด้วย ถึงจะเจ็บก็เถอะ”
“พี่ไม่ได้ว่าอะไรวินเลยที่วินนอนวุ่นวายขนาดนี้ แค่บอกให้ฟังว่าวินไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาว่าพี่แย่งเตียงแย่งหมอน วินนอนวุ่นวายเองทั้งนั้น” 

“จริงหรอครับ อย่ามาหลอกวินนะ”

“จะโม้ทำไม ดูคลิปมั้ยล่ะ?” คือสรุปแล้วเขาถ่ายคลิปไว้จริงๆ หรอ? เขานี่ท่าจะบ้า แต่ก็อยากดูเหมือนกันแฮะ ผมก็อยากรู้ความวุ่นวายของตัวเองเหมือนกัน ผมพยักหน้ารับคำท้า นายมือโปรก็เลยควานหาโทรศัพท์มือถือ กดเรียกคลิปให้ดู และก็ชัดตาเลยครับ  3 คลิปสั้นๆ แต่โคตรจะนอนยุ่งเหยิงเลย หรือว่าผมฝันวะ? แต่ผมจำไม่เห็นได้เลยว่าฝันอะไร ทำไมถึงได้ออกท่าออกทางเยอะขนาดนี้

“ปกติก็ไม่ได้นอนดิ้นนี่ พี่ก็นอนด้วยหลายคืนแล้ว เมื่อคืนมีอะไรรึเปล่า”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ” เรามองหน้ากัน แล้วก็พากันเก็บความสงสัยเรื่องนี้ไว้ พร้อมกับแยกย้ายกันไปทำธุระ แน่นอนว่าผมดูแลสภาพตัวเอง ส่วนนายมือโปรน่ะหรอครับ พ่อครัวสิครับ หน้าที่แรกของเขาในทุกๆ เช้า

มื้อเช้าของเราวันนี้ ข้าวผัดกุนเชียง เคียงกับแกงจืดกระหล่ำปลีกระดูกหมูครับ น้ำซุปไม่เข้มข้นหรอกเพราะเขาไม่ได้ต้มจนได้ความหวานจากกระดูกอ่อน แต่ก็ถือว่าคล่องคอดีเหมือนกัน
นายมือโปรใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย คงเพราะเขาใส่เสื้อเชิ้ตพร้อมออกไปทำงานแล้ว เลยไม่อยากให้มีคราบอะไรเปื้อนเสื้อล่ะมั้ง

“อยู่ได้นะ”

“นี่ใคร นี่เจ้าของบ้าน” ผมยียวนแล้วก็หัวเราะตัวเองที่ต่อปากต่อคำกับเขา นายมือโปรหัวเราะตาหยีแล้วก็โน้มตัวมาจูบปลายจมูกผมเบาๆ ผมว่าเขาเล็งที่ปากแต่ผมก้มหน้าหลบเองแหละครับ

“งั้นพี่ไปทำงานนะ บอกไอ้โอมแล้วใช่มั้ยว่าให้มาทำไอเอสกันที่นี่”

“บอกแล้ว แต่ไม่รู้มันจะมากี่โมง อีกอย่าง มันมาก็ไม่ช่วยหรอกครับ”
“อ้อ แต่ว่า วินขอบคุณพี่โป๊ะมากนะครับที่ลากมันกลับมาไทย มันจะได้จบๆ ไปพร้อมกัน”

“ตอนแรกก็ดื้อแหละ แต่ขอ้เสนอพี่ดี”

“หือ? พี่โป๊ะเสนออะไรให้มัน”

“พี่ก็แค่บอกมันว่าถ้ากลับมา จะบอกว่าอยากได้ใครเป็นเมีย”

แม่งเอ้ย สรุปแล้วผมไม่ใช่คนที่ได้ประโยชน์ห่าเหวอะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย
เขายิ้มชั่วร้ายส่งท้ายแล้วก็เดินอารมณ์ดีไปเปิดประตูรั้วสุดบาน จากนั้นก็ขับรถออกจากซอยแคบๆ นี้ไป จะว่าไป ผมไม่เคยได้รับคำกร่นด่าใดๆ ฝากมาถึงชายที่ดัดจริตขับรถในซอยแสนแคบเลย แม่งเก่งว่ะ


ไม่นานนักไอ้โอมก็มาตามที่นัดกันเอาไว้
ผมรู้สึกดีที่เห็นมันหอบหิ้วโน้ตบุ้คและหนังสืออ้างอิงของมันมาอย่างมากมาย เพราะถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ามันก็กำลังตั้งใจทำไอเอสอย่างหนักหน่วงเหมือนกัน
อ้อ! อัพเดทนะครับ ไอ้โอมตัดผมแล้ว แคร่ไม้เก่าๆ แก่ๆ ตรงใกล้ท่าน้ำคงไม่ได้ให้บริการมันอีกนาน
ในการทำไอเอส สิ่งที่ยุ่งยากที่สุดก็คือการจัดเรียงชุดข้อมูลให้อยู่ในหมวดเดียวกัน การจำคำตอบให้อยู่ในหมวดคำถามที่ถูกต้องจริงๆ เป็นเรื่องที่จำเป็นมากครับ นึกถึงการจัดวางหนังสือในห้องสมุดนะครับ ถ้าเอาหนังสือก.ไก่ ไปใส่ไว้ในประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนั้นก็คงไม่ก่อประโยชน์ให้ผู้พบเห็น และผู้ที่อยากพบเห็นก็คงไม่สามารถหามันเพื่อแสวงหาประโยชน์ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นแหละครับ
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องเน้นการจัดเรียงข้อมูลที่ผมได้รับมา ให้ตรงกับคำถามที่ผมกำหนดเค้าโครงเอาไว้ก่อนแล้ว
วิธีการง่ายมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้ค้นพบวิธีการนี้ด้วยตัวของผมเองหรอก ที่ปรึกษาของผมเขาสอนมา มันอาจดูโบราณคร่ำครึ และดูเปลืองแรง เปลืองเวลา และเปลืองกระดาษไปเสียหน่อย แต่มันได้ผลจริๆ ครับ

“มึงก็เริ่มจากเอาคำตอบของทุกคนที่มึงสัมภาษณ์มาวางตรงหน้าก่อน”
“ก็ปรินท์ออกมาไง” ผมย้ำวิธีการใส่หน้าไอ้โอมที่เบิ่งตาโตมองผม แววตาสะท้อนได้ถึงความเบาปัญญาของมันมากครับ
“เออ เดี๋ยวค่อยไปปรินท์”
“เอาให้จบๆ ไปนะ เดี๋ยวกูจะทำของกูเงียบๆ แล้ว มึงอย่าวุ่นวาย อยากตายก็กระโดดน้ำหน้าบ้าน” พอโดนผมดุเข้าหน่อยมันก็เอาคืนครับ ได้มา 1 มะเหงก
“พอปรินท์แล้ว มึงก็ดูโครงสร้างคำถามมึง เอาแค่ข้อแรกก่อน จำให้แม่นว่าคำตอบที่มึงต้องการจากคำถามข้อแรกคืออะไร คีย์เวิร์ดที่บอกว่าเขาตอบมึงเรื่องนี้อยู่คือคำไหน เจอคำตอบเน้นๆ หรือเจอคีย์เวิร์ด มึงไฮไลท์ไว้เลย นะ”
“อ่านไปให้จบ เจอคำตอบของคำถามข้อแรกมึงก็ขีด ขีด ขีด คำตอบไหนไม่เกี่ยวกับคำถามข้อแรกช่างแม่งมันก่อน”
“ทำแบบนี้ไปทุกคำตอบของคนที่มึงสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้น กูเดาว่าวันนี้มึงน่าจะได้คำตอบของคำถามข้อแรกของมึง เท่านี้ก็คืบหน้าเยอะแล้ว”

“โหย กูมี 9 คำถาม กูสัมภาษณ์ 8 คน กูต้องอ่านไอ้กระดาษนี่กี่รอบ ต้องมีไฮไลท์กี่สี”

“ไม่รู้ กูไม่ชอบคิดเลข”
“เอาเป็นว่า มันเป็นวิธีที่ทำให้มึงได้แผ่ข้อมูล ได้เห็นทุกข้อมูล แล้วก็แยกหมวดหมู่ข้อมูลได้ พอบทที่ 5 มึงจะรู้ว่าได้ประโยชน์มาก”

“กูก็ไม่ได้เถียง แต่มันดูช้าอ่ะมึง มีวิธีลัดมั้ย”

“จ้าง แต่ไปหาเอาเองนะมึง กูไม่รู้จักคนที่ทำเนียนพอภายในเวลา 2 อาทิตย์”

“................” สีหน้าไอ้โอมสื่อความหมายคำว่า จนปัญญา ได้ดีมากครับ ผมยิ้มปลอบมัน ตบหลังมันปุๆ แล้วหยิบยื่นความช่วยเหลือ

“ใช้ปากกาไฮไลท์กูได้นะ”

ผมจัดเรียงข้อมูลของผมให้มันดูกับตา ให้มันรู้กูก็ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกันนั่นแหละ และถ้ามันมองอยู่ ก็จะเรียนรู้ว่ามันเสียเวลาอยู่ไม่นานหรอก เพราะเราสัมภาษณ์มาเอง ถามเอง ซักไซ้เอง เราย่อมเป็นคนที่รู้ดีสุดว่าคำตอบซ่อนอยู่ตรงไหน จึงไม่ต้องไล่อ่านทุกตัวหนังสือ

บ่ายแก่มากแล้วตอนไอ้โอมชวนผมกินข้าว เราไม่มีมื้อเที่ยงสวรรค์ประทานเหมือนเมื่อก่อนหรอกครับ เพราะนายมือโปรยกเลิกบริการแม่ครัวทุกมื้อ ตัวผมเองก็ลืมโทรบอกคนที่โรงแรมให้เตรียมอาหารให้ผมด้วย ลำบากผมกับไอ้โอมต้องเดินตามึนกันไปเซเว่นหน้าปากซอยใกล้ๆ ประตูวัด เพื่อซื้อข้าวกล่องกิน
แต่เพราะมากับไอ้โอม ชีวิตง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งกับใครจึงเป็นชีวิตที่หายากมาก มันพาผมไปกินก๋วยจั๊บใกล้ๆ เซเว่น โดยอ้างว่ากลิ่นหอมๆ และควันขาวๆ เหนือปากหม้อส่งสารมันยั่วมัน ผมคิดว่าจริงๆ แล้วไอ้โอมก็แค่หิวจนตาลายนั่นแหละครับ
รสชาติอาหารใช้ได้ครับ แต่สีชามก๋วยจั๊บถูกคุมโทนด้วยสีน้ำตาลมากไปหน่อย แต่ผมจะคิดเสียว่ามันคือเคล็ดลับความอร่อยก็แล้วกัน
โอมสปอยล์กระเพาะด้วยขนมถ้วยที่ยายแก่ๆ นั่งแคะขายอยู่หน้าร้านก๋วยจั๊บ มันว่าอร่อยดีแล้วก็ป้อนผม ผมก็เลยต้องกิน ก็...อร่อยดีครับ

“มึงกินน้อยนะวิน เราต้องตุนอาหารสมองนะ” พูดจบก็เรอเอิ่ก กูว่าสมองมึงคงอดอีกตามเคย เพราะที่แดกไปน่าจะลงปลายลำไส้ใหญ่หมดแล้ว  ผมไม่เถียงมัน เพราะรู้ว่าเถียงไป มันก็มองว่าผมกินน้อยอยู่ดี
เราเคลื่อนขบวนเดินเท้าไม่ถึงบ้านเสียทีมาที่เซเว่นอีกครั้งเพราะท่านโอมอยากน้ำอัดลม อยากบุหรี่ อยากคืทแคทอ อยากไอศกรีม สารพัดจะอยากแหละครับ ผมเลยเดาอาการพิรี้พิไรของมันว่ามันขี้เกียจกลับไปจมกับกองข้อมูล แต่ปล่อยมันพักบ้างก็ดีครับ ผมก็ล้าสายตาและสมองแล้วเหมือนกัน

มาถึงบ้านก็เซอร์ไพรส์ครับ นายมือโปรตัวเป็นๆ ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นมะม่วง ผมไม่เดินไปหาเพราะเห็นว่าเขาคุยธุระอยู่ แต่ไอ้โอมตาบอดครับ เจอพี่สุดที่รักมันก็ทิ่มหน้าไปซุกรักแร้เขาทันที

“เออ เออ วางแล้ว ห่า จั๊กจี้ เอาไรมึง”

“พี่โป๊ะ ข้อมูลแม่งเยอะมากเลย ทำไม่ไหวอ่ะ”

“ลองยัง? อย่าสำออย วินยังทำได้ มึงอ่อนหัดกว่าเมียกูสินะไอ้โอม” อย่าเรียกกูว่าเมียมึงสิวะครับไอ้นายมือโปร ผมเหล่เพราะถูกพาดพิง คนที่จงใจพาดพึงก็เหล่มองผมเหมือนกัน แถมยิ้มให้อีกต่างหาก เหอะ!
“งอนว่ะ แต่งอนแล้วน่ารัก ปล่อยงอนไปก่อน”
“ไง มึงเนี่ยยังไงโอม มาอ้อนตีนทำไม ทำถึงไหนแล้ว”

“เฮีย วิธีไอ้วินแม่งโคตรเสียเวลา เหนื่อยด้วย”

“วิธีอะไรวะ” พอเฮียมันถาม ไอ้โอมก็สาธยายวิธีจัดเรียงข้อมูลที่ผมสอนมัน นายมือโปรฟังไปพยักหน้าไป พอไอ้โอมพูดจบเขาก็ดีดนิ้วเปาะแล้วตอกย้ำใจมันว่า “ที่วินทำน่ะดีสุดแล้ว มึงต้องให้เวลากับข้อมูลที่มึงได้มากกว่านี้นะโอม”
แม้จะไม่รู้ว่า เจตนาแท้จริงของเขาคือสอนไอ้โอม หรือชมผม ผมก็อมยิ้มแก้มตุ่ยไปแล้วครับ

“เอ้อวิน” นายมือโปรโผล่หัวออกมาหาผมที่ยังไม่เดินเข้าบ้าน ทั้งที่เป็นเจ้าของบ้าน ผมเลิกคิ้วรอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อ แต่สายตาทำหน้าที่ค้นหาคำตอบให้ผมได้ก่อนปากเขาแล้วครับ

“พี่โจ้” ผมเรียกชื่อเจ้าของดวงหน้าขาวเนียนเสียงแผ่ว แต่เจ้าของชื่อเขาก็ได้ยินครับ ผู้หญิงสวยราวกับราชินีนกยูงเดินออกจากบ้านของผม มาหาผมที่ยืนยิ่งอยู่หน้าบ้าน

“รบกวนหน่อยน้าวิน”
“พอดีพี่โจ้ไปหาโปรที่บริษัท แล้วเขาลากมาที่นี่แหละ”
“ไม่ใช่พี่โจ้คนเดียวนะคะ”

“หือ?”

“โปรเขาบอกว่าวินต้องการความคึกคักเพื่อกระตุ้นสมอง”
“ก็เลยยย”

“ครับ?”

“เต็มบ้านเลยค่ะ” อะไรเต็มบ้านกันล่ะ? ฝูงเหี้ยหรอ? ไม่นะ ไม่น่าจะใช่ อย่างน้อยพี่โจ้ก็เป็นหงส์ ไม่ใช่เหี้ย

“เอ้อ ที่จะบอกคือ พี่ขอจัดปาร์ตี้ที่บ้านคืนนี้นะ”

“ห๊ะ?!” ในช่วงเวลาที่กูโคตรต้องการความสงบ เพื่อปั้นไอเอส คุณมึงมาบอกกันหน้าตาเฉยว่าขอจัดปาร์ตี้ ไม่อนุมัติแผนนี้ได้มั้ยวะ

“วินล่ะ วินล่ะ”
“เฮ้ยวิน! กวนหน่อยดิ มีเรื่องอยากรู้ คิดว่าวินต้องรู้แน่เลย”

“เจม เบาๆ มั่งเถอะครับ วินเพิ่งกลับมา”
“มาช่วยพี่แช่วุ้นเส้นตรงนี้นี่”

“ก็เจมอยากรู้ก่อน”
“เห้ยพี่หนึ่ง เห้ย ไม่เล่น เห้ย เห้ย” ผมไม่รู้หรอกครับว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมได้ยินแต่เสียงของพวกเขาเท่านั้น พี่โจ้ทนความวุ่นวายไม่ไหวเลยผลุบหายเข้าบ้านไป ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพี่โจ้จะช่วยเจมให้หายสงสัยได้มั้ย บางทีพี่โจ้อาจจะหายไปแช่วุ้นเส้นก็ได้

ไอ้โอมวิ่งออกจากบ้านมา แล้วก็วิ่งผ่านผมไป มันไปเปิดปั๊มน้ำครับ ไม่รู้ว่าในบ้านมีกันกี่คน แต่ผมรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายสุดๆ
หากถามว่า อึดอัดใจมั้ย อยากฆ่าใครรึเปล่า ผมคิดว่าผมโอเคนะ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็กำลังยืนยิ้มให้กับความวุ่นวายที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว

สรุปแล้ว ไม่ได้ทำห่าอะไรทั้งนั้นครับ
ไอเอสผมไม่คืบหน้า แต่ผมไม่กังวลใจเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ผมอยากเปิดรับความรู้สึกอิ่มๆ เอมๆ จากคนพวกนี้ก่อน
พี่ที่หนึ่งเป็นคนขำกว่าที่คิดเสียอีก ผมไม่คิดว่าโลกนี้จะมีคนอยากสวีทกับแฟนด้วยวิธีแกะเปลือกทุเรียนหรอกครับ ไม่รู้เขาเอาเซลล์สมองส่วนไหนคิด สงสารแฟนเขาเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเจมเป็นแบบนี้ พี่ที่หนึ่งถึงได้สวีทด้วยวิธีตลกแบบนั้น
ผมมีแขกใหม่เพิ่มด้วยครับ ชื่อต้อม ตอนแรกผมก็เรียกพี่ต้อมแหละครับ แต่เจมบอกว่าไม่ต้องนับถือหรอก เรียกแค่ชื่อก็พอ และพอดีผมเป็นคนหัวอ่อน เลยเชื่อเจมและไม่คิดให้ความเคารพต่อต้อมแม้แต่นิด ซึ่งผมคิดว่าผมทำถูกแล้วครับ ต้อมเนี่ย....ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับลอยเท่าไหร่ อีกคนที่ทำให้ผมเสียมารยาทจ้องหน้าเขานานมาก ก็คือพี่จิวครับ คนนี้ผมเรียกพี่ เพราะเจมบอกว่าเจมก็เรียกว่าพี่ ผมก็เลยเรียกตาม
พี่จิวกับเจมเป็นฝาแฝดกันครับ พี่ที่หนึ่งบอกว่าหน้าไม่เหมือน เขาแยกออก เพราะฉะนั้นเรื่องกอดผิดฝาผิดตัวนี่หายห่วง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ที่หนึ่งจะมาบอกผมทำไม
พี่พีช พี่สาวแพร์ก็มาครับ รายนี้ถูกพี่โป๊ะทำป้ายแขวนคอไว้ว่า ผัวแม่บัว ซ้ำยังโดนยึดโทรศัพท์ไปอีกต่างหาก พี่โป๊ะบอกว่าป้องกันการโดนสายบัวตามมารัดคอ ดูเหมือนคุณบัวจะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมากๆ คนหนึ่ง
ปาร์ตี้ค่ำนี้มีอาหารจากโรงแรมมาบริการครับ คนจัดการให้ก็คือผม เพราะมันคงไม่เหมาะหากจะให้คนต้นคิดเรื่องจัดปาร์ตี้ต้องขลุกอยู่แต่ในครัวเพื่อทำอาหารรับรองทุกคน ตอนแรกพี่โป๊ะก็บอกเกรงใจ แต่พอผมบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวคิดค่าเช่าบ้านเพิ่ม เขาก็เขียนรายการอาหารออกมาอย่างคล่องมือ
ฤทธิ์เดชพี่โป๊ะก็พอสมควร เขาเรียกเจมด้วยสรรพนามประหลาดหลายคำ ไม่ค่อยซ้ำกันด้วย ตอนแรกผมคิดว่าเพราะสนิทกันถึงได้ตั้งชื่อเล่นใหม่ให้ทุกวัน แต่ความจริงแล้ว เขาคือคนที่เคยเกลียดกันมาก่อนครับ ไม่สิ ไม่ได้เกลียดหรอกครับ พวกเขาก็แค่คนที่เคย ไม่คิดจะเข้าใจเหี้ยอะไรของอีกฝ่าย ก็เท่านั้นแหละครับ แต่ตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว แม้ว่าพี่โป๊ะจะยังตั้งชื่อเล่นให้เจมทุกครั้งที่เจออยู่เหมือนเดิมก็ตาม
พี่โจ้คุยกับพี่ที่หนึ่งอย่างถูกคอ ยืนคู่กันแล้วดูดีชิบหาย ในมือทั้งคู่มีแก้วไวน์ วิวด้านหลังพวกเขาคือแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระริกระรี้เล่นไฟแข่งกับหิ่งห้อย
เจมถูกไอ้โอมเกาะไว้ไม่ปล่อย เพราะเจมเป็นนักข่าวครับ มีทักษะในการย่อยข้อมูลสูงขนาดนี้ไอ้โอมไม่ปล่อยง่ายๆ หรอก ต้อมก็วอแวอยู่ไม่ห่างเจมกับไอ้โอมเท่าไหร่นัก เขาดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมนัก คงเพราะเมื่อแรกที่เราเจอกัน ต้อมพูดกับผมเยอะมาก ทั้งบรรยายเยอะ ทั้งรายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้องแยะ ซ้ำยังมีหลายหัวข้อซึ่งถูกสลับไปมาจนผมงงว่าเขากำลังพูดถึงอะไรกันแน่ แต่ผมกลับต่อความยาวไปตามสันดานขี้เกียจว่า “พอดีไม่ได้สนใจ” แล้วก็งับปากกินของอร่อยจากโรงแรม ต้อมน่าจะฟังผมไม่ทันล่ะมั้ง

“อารมณ์ดีขึ้นมั้ย?” จู่ๆ คนที่ยืนจิบเหล้าอยู่ข้างๆ ผมบนโต๊ะม้าหินก็ถามขึ้น ผมหันมองหน้าเขาแล้วยิ้ม
“โกรธพี่หรอพี่ชวนเพื่อนมา”

“เปล่าครับ พวกพี่เขาไม่ได้ทำให้วินเดือดร้อนนี่ อีกอย่าง มันก็เพลินดี ได้มองคนอื่นแบบไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเกลียดวินรึเปล่า”

“ทำไมวินถึงได้คิดว่าคนอื่นพร้อมจะเกลียดวินล่ะ”
“วินเป็นเด็กน่ารักมากนะ หน้าตา ท่าทางสุภาพ ถึงจริงๆ แล้วจะปากหมาก็เถอะ”

“ก็....วินเจอมาแต่คนที่ พอรู้ว่าเราไม่ได้เป็นตามแบบแผน หรือพบว่าเรามีจุดด่าง ก็พร้อมจะกดให้ต่ำจมดินมาตลอดเลย”
“สังคมแบบนั้นน่าเบื่อ”
“ไม่รู้ว่าวินเองที่แยกดีชั่วไม่ออก หรือว่าเป็นพวกเขาที่เกิดมาก็สีเทาเลย แยกขาวดำออกจากกันไม่เคยได้”
“พวกพี่เขาเป็นคนดีนะครับ”
“น่าอิจฉาที่พี่โป๊ะมีแต่เพื่อนดีๆ”

“วินมีไอ้โอมไง”
“มีพี่คนนี้ด้วย”

“วันนึงพี่โป๊ะก็ต้องเดินจากไป ไม่ใช่หรอครับ”
“ตอนนี้ พี่โป๊ะยังอยู่ ก็เพราะว่าวันที่ต้องเดินจากกันไปยังมาไม่ถึง เท่านั้นแหละ”

“เมามั้ยเนี่ย ทำไมพูดเศร้า เราอยู่ด้วยกันไปตลอดได้นี่ ทำไมไม่ได้ล่ะ”

“พอเย็น พอค่ำ พระอาทิตย์ก็ต้องหายไป”
“พี่โป๊ะก็เหมือนกัน ที่ยังพูดกับวินอยู่ตอนนี้ว่าตลอดไป ก็เพราะว่าพี่ยังไม่เจอขอบฟ้าที่จะมาแยกเราจากกัน เท่านั้นแหละ”
“ยังไม่เจอ ก็ใช่ว่ามันจะไม่มี”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ วินไม่ได้หวังว่าชีวิตจะสุขมากมายอยู่แล้ว”
“มีพี่โป๊ะแค่ช่วงเวลาหนึ่งอย่างตอนนี้ วินถือว่าวินโชคดีแล้วครับ”

“คิดบ้าๆ”
“พี่จะพิสูจน์ความตลอดไปเอง”
“โอเค พระอาทิตย์ต้องตก แต่ก็จะขึ้นมาใหม่ ทุกวัน ทุกวัน”
“และที่ตกหายไปจากสายตา ก็เพื่อไปเก็บแรง สะสมพลังงาน แล้วก็เฉิดฉายใส่หน้าวินใหม่ ทุกวัน ทุกวัน”
“พี่ก็จะดูแลวิน ทุกวัน ทุกวัน”

“วินถามอะไรหน่อยได้มั้ย”

“อื้อ” เขารีบรับคำ นายมือโปรวางแก้วเหล้า เขาโค้งตัววางข้อศอกตัวเองขนานกับหน้าขา ส่วนใบหน้าก็หันมองผม

“รักวินหรอครับ”

“ครับ” ตอบเร็วไปมั้ยเนี่ย

“ทำไมถึงรักล่ะครับ”

“เพราะวินต้องการความรักไงครับ”
“และพี่ก็มีความรักล้นไปหมด”
“มันฟิตกัน มันพอดีกัน เจอคนที่พอดี ทำไมพี่ถึงควรละเลยล่ะ”

“งั้น พี่โป๊ะคิดว่าทำไมวินถึงต้องรักพี่โป๊ะล่ะ”

“ก็เพราะวินต้องการความรัก และพี่มีความรักสำหรับวินล้นมาก เราพอดีกัน”
“อย่าคิดหาเหตุผลอธิบายอะไรนักเลย อย่าคิดแทนพี่ แล้วก็ไม่ต้องสนใจความคิดคนอื่นเขานัก”
“ตราบใดที่วินมีความสุข พระอาทิตย์ก็จะปลุกวินทุกเช้าเสมอ”
“ถ้าพระอาทิตย์อู้ เดี๋ยวพี่ปลุกเอง”

อบอุ่นดีจัง
นายมือโปรนี่อบอุ่นกว่าหน้าตามาก

“พี่ ขอเป็นพระอาทิตย์ของวินได้มั้ย”
“พี่จะเป็นพระอาทิตย์ขึ้นของวิน วินเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังจะจากไปของพี่”
“วินเฝ้ารอพี่ พี่มองตามวิน”
“นะ” นะเนี่ย เป็นคำที่โฆษณาชวนเชื่อสุดๆ เลยครับ

ผมพยักหน้ารับคำ นายมือโปรยิ้มจตาปิด เขาดึงมือผมไปกุมไว้ นวดคลึงเล่นแล้วก็จับมือผมไปวางบนหัวเขาที่โน้มเอียงมาจนเกือบซบไหล่
“พี่เป็นของวินนะ”

“วินต้องรับพี่โป๊ะไว้ด้วยหรอ”

“เอ้าเฮ้ย!” ผมหัวเราะให้รู้ว่าแค่ล้อเล่น นายมือโปรก็เลยหัวเราะตาม
ค่ำคืนนี้มีผมมีความสุข และแทบไม่ได้คิดเลยว่า ความสุขจะผ่านไปเมื่อไหร่

#### @ D A W N  #####

เช้านี้ผมตื่นสาย
นี่ไม่ใช่ความผิดผมเลยนะครับ ความผิดพี่โป๊ะทั้งหมด
เขาทำให้ผมนอนดึก ผมก็เลยตื่นสายกว่าเวลาปกติในเช้าวันนี้
เมื่อคืนนี้เขาเอาแต่....กวนตีน....ทั้งคืน

หลังจากปรนเปรอคำหวาน แผ่รังสีอบอุ่นใส่ผม จนผมเคลิ้มใจเชื่อคำเขา รับรอยยิ้มเขา เหี้ยก็ขึ้นครองราชย์อย่างสมบูรณ์ครับ ปาร์ตี้เมื่อคืนสถุนเป็ดมากจนผมสงสารพี่โจ้ที่ต้องยืนดูความอัปปรีย์ของฝูงเหี้ยที่สวมหน้ากากอัศวินรูปหล่อ
พอเขาเมากัน ธาตุแท้ก็โผล่ครับ พี่โป๊ะ พี่ที่หนึ่ง พี่พีช ทำให้ผมเชื่อคำโบราณที่ว่าคบคนพาล พาลพาไปหาผิด
พี่ที่หนึ่งตอนเมา อ๋อแอ๋มากครับ พุ่งหาเจมเหมือนแม่เหล็กติดประตูตู้เย็นทั้งคืน เขาไม่ได้คออ่อน แต่ดื่มเหมือนอาบขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็เละทุกราย ดีว่าเจมไม่เมาก็เลยสามารถพาพี่ที่หนึ่งกลับบ้านได้ ผมคิดว่าน่าจะปลอดภัย
ความอัปปรีย์สิงสู่ร่างไอ้โอมที่เข้าขากับต้อมราวกับรู้จักกันมาตั้งแต่รู้ความว่าถ้าจะเยี่ยวก็ต้องจับกระจู๋นั่นแหละครับ คู่นี้คุยกันเสียงดังมาก พูดกันคนละเรื่องแต่คุยรู้เรื่อง คนนึงหัวเราะลั่น อีกคนนั่งสะอึกสะอื้นเหมือนร้องไห้ ผมหันไปเห็นทีไรก็ขำทุกทีนั่นแหละ พี่จิวก็สภาพไม่ต่างกันนัก แต่รายนี้เมาแล้วเงียบครับ ดุด้วย ผมยังจำตอนพี่จิวดุเจมที่กำลังชงเหล้าให้ตัวเองได้อยู่เลย คำก็ไอ้หมาน้องเจม สองคำก็คือไอ้เหี้ยน้องเจม เขาเป็นพี่ชายสายโหดนี่เอง
พี่โจ้ไม่ช่วยผมดูแลใครหน้าไหนทั้งนั้นครับ เธอดื่มของเธออยู่เงียบๆ ไวน์แก้วเดียวจิบได้ทั้งคืนเลย อ่อๆ ไม่นับรอบที่รินเพิ่มในแก้วใบเดียวที่เธออยู่นะครับ ส่วนใหญ่พี่โจ้คุยกับพี่โป๊ะ ซึ่งก็มีผมนั่งหัวโด่อยู่ด้วยนี่แหล่ะ เรา 3 คนยึดโต๊ะม้าหินใต้ต้นมะม่วงเป็นที่นั่งคุย ปล่อยพวกเมาแล้วเปิดจักกระเรี่ยราดอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก
เรื่องที่พวกเขาคุยกัน ทำให้ผมอยากทำเป็นเมาหลับ หรือไม่เป็นสลายกลายเป็นอากาศไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดครับ
พี่โป๊ะกับพี่โจ้คุยกันเรื่องแต่งงาน
ครับ พวกเขาคุยกันเรื่องงานแต่งงาน ของพี่สาวพี่โจ้ ซึ่งจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้
พี่โจ้ปรึกษาพี่โป๊ะอย่างเคร่งเครียด เพราะหลังจากงานของพี่สาวเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ของพี่โจ้จะหันมาเพ่งเล็งพี่โจ้อย่างเป็นทางการแล้วครับ
พี่โจ้ไม่อยากแต่งงาน เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ พี่โป๊ะเองก็ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร แค่บอกว่าใจเย็นๆ แล้วก็บอกให้พี่โจ้ค่อยๆ ยืนยันความคิดตัวเอง ดูแลตัวเองให้เลอเลิศให้พ่อแม่เห็น ท่านจะได้ไม่ห่วงแล้วหาสามีให้อีก
ฝ่ายพี่โจ้ก็บอกว่า ที่พ่อแม่อยากให้แต่งงาน ไม่ใช่เพราะอยากหมดห่วง แต่อยากสร้างบ่วงเพิ่มมากกว่า ทุกอย่างก็เพื่อธุรกิจทั้งนั้น
เขาก็เถียงกันอยู่เท่านี้แหละครับ พี่โจ้ขอความเห็นผม แต่ผมไม่มีความคิดเห็นใดๆ ให้ทั้งนั้น ที่ผมอยากทำมากที่สุดก็คือการเดินไปนั่งมุมอื่นเงียบๆ แต่มือของผมถูกมือพี่โป๊ะจับกุมไว้ใต้โต๊ะ เขากำข้อมือผมแน่น กุมนิ้วมือผมขนัดจนผมไปไหนไม่ได้ และต้องฟังทุกข์ของพี่โจ้ และคำตอบที่พี่โป๊ะหยิบยื่นให้
ฝ่ายผู้หญิงกำลังสื่อสารว่า เธอมีคนที่เธอชอบอยู่แล้ว ไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ
ฝ่ายชายก็สื่อสารกลับไปว่า คงช่วยอะไรไม่ได้ ที่เธอต้องทำก็คือยืนหยัดเพื่อตัวเธอเอง
ผมคิดว่าพี่โจ้กำลังมองหาทางพาตัวเองออกจากสภาวะถูกบังคับ และเธอก็เจอแสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์แล้ว
ที่พี่โจ้ไม่รู้ และคงไม่ทันได้คิด ก็คือความจริงที่ว่า แสงที่เธอมองอย่างเฝ้าหวังนั้น คือแสงของหิ่งห้อยน้อยในกำมือผม
บีบมือนิดหน่อยก็ตาย ครั้นพอผ่อนพอคลาย กลับสายเกินไป


“เมาค้างหรอครับ” นายมือโปรถามผมหลังจากที่มองผมลืมตาตื่นแล้วมองหน้าเขาอยู่เงียบๆ ผมส่ายหน้าแล้วพลิกตัวหันไปอีกทาง หนีจากหน้าเขาบ้างก็ดี ถึงจะหล่อน่ามอง แต่ตอนนี้ไม่อยากมองหน้าเขาเท่าไหร่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ พี่ที่โป๊ะมารักผม
“แล้วเป็นอะไร”

“เปล่าครับ” ตอบให้เขาสบายใจ แต่ตัวผมเองกลับถอนหายใจอยู่เงียบๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าพี่โป๊ะต้องรู้ว่าที่ผมตอบเมื่อกี้แค่คำโกหก

“เป็นอะไรวิน บอกพี่สิ เก็บไว้ก็ไม่ได้ดอกเบี้ย”
“เร็วสิครับ”

“ก็....”
“วินคิดเรื่องพี่โจ้กับพี่โป๊ะ”

“เรื่องพี่กับโจ้ คิดทำไม” เขาด่าผมเสือกรึเปล่าวะ? ผมพลิกตัวกลับมาหาเขาพร้อมกับขมวดคิ้วใส่

“ก็ต้องคิดสิครับ”
“พี่โจ้ชอบพี่โป๊ะ ชอบมากด้วย”
“พี่เขาพูดเมื่อคืนมันก็สื่อความชัดเจนว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น เพราะเขารักพี่”

“แล้วพี่รักใคร?”

“ก็ถ้าตามที่พี่โป๊ะบอก พี่โป๊ะรักวิน”

“วินรักพี่ ใช่มั้ยครับ”

“อื้อ...ก็ใช่”

“งั้น โจ้เกี่ยวอะไร”
“ขอเถอะวิน อย่าผลักพี่ไปไหน พี่ไม่ใช่คนที่หาที่ให้ตัวเองได้พักเจอง่ายๆ พี่ไม่ได้พักที่ใครหรือหยุดที่ใครเรี่ยราด”
“พี่พักที่วิน หยุดที่วิน”
“ช่วยภูมิใจที่เป็นความรักของพี่หน่อยเถอะ”

“ก็พี่โจ้”

“เรื่องของโจ้ก็เรื่องของโจ้”
“วินไม่ต้องทุกข์เพราะเขาทุกข์”
“พี่ขอเท่านี้”
“นะ”

“ครับ” ครับแต่ปากเท่านั้นแหละครับ ใครจะดูดายได้

ถ้าพวกเขาลงเอยกันได้ ผมคิดว่าผมน่าจะมีความสุขกว่าการโกยกอดความสุขไว้ เพราะผมรู้ดีว่ามันเป็นแค่หมอกเท่านั้น
พอแดดส่องเต็มฟ้า หมอกก็สลายหายไป

นายมือโปรลูบหัวผมเบาๆ แล้วก็ลุกจากเตียง เขาคงลงไปทำมื้อเช้าเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้ก็มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นจนได้
โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น เบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ใช่เบอร์คุ้นเคย ผมกดรับอย่างเสียไม่ได้ ยกโทรศัพท์แนบหู ตั้งใจไว้ว่าถ้าเป็นการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินพ่วงประกัน ผมจะกดตัดสายโดยไม่โต้ตอบสักคำ
“น้องวินใช่มั้ยคะ”
“นี่พี่โจ้เองนะคะ ขอโทษที รบกวนแต่เช้าเลย”

“เอ่อ ครับพี่โจ้”

“โปรอยู่กับวินใช่มั้ยคะ”
“คือ พี่โทรหาแล้วแต่โปรไม่รับ”
“เลยต้องรบกวนวิน ขอโทษด้วยนะคะ”
“แต่ช่วยบอกโปรให้โทรกลับพี่โจ้ทีนะคะ”
“ส่วนเรื่องเมื่อคืนที่พี่โจ้พูด น้องวินไม่ต้องใส่ใจนะคะ คนเมาพูดไม่ค่อยคิดหรอกค่ะ”
“ขอโทษน้า”

แล้วพี่โจ้มาขอโทษผมเรื่องอะไรกัน?
เธอวางสายไปแล้ว แต่น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางของพี่โจ้ที่แสดงออกเมื่อคืนกลับมาวนเวียนในใจผมอีกครั้ง มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมจิตตกกับความรักที่เพิ่งเปิดเผยตัวตรงหน้า
ผมรู้สึกดีที่พี่โป๊ะเขารักผม แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีด้วยเหมือนกันที่พี่โป๊ะรักผม
ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจผมรึเปล่า

Cut


อรุณสวัสดิ์ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2016 01:57:18
อีชะนีโจ้ มาทำให้วินคิดมาก อีดอก..... ไม้เอ๊ยยยยย :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 01-02-2016 07:17:19
บางทีก็นึกหงุดหงิดวินนะ ถ้าพี่โป๊ะจะชัดเจนขนาดนี้ ...สงสารความรักของพี่โป๊ะจัง
มารไม่มีบารมีไม่เกิดสินะ ถ้าวินคิดว่าการโยนความรักของตัวเองทิ้งไป
ผลักไสไปให้ "คนอื่น" แล้วมันจะดีอย่างที่คิดก็ลองดู!!
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 01-02-2016 07:44:28
อย่าทำตัวเป็นพ่อพระ ความรักที่วินผลักไสไป มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ มีแต่คนเจ็บ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-02-2016 08:10:25
วินทำไมเป็นคนคิดมากขนาดเน้  :o11:
วินไม่สงสารพี่โปรบ้างหรอออออ
อีพี่โปรทุ่มสุดตัวขนาดนี้เลยนะวิน
วินอย่าได้คิดผลักพี่โปรไปไหนเชียวนะ

มาต่อบ่อยๆนะคะ จุ้บบบบ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-02-2016 08:54:11
ยังสับสนอยู่ได้เรื่อยๆเลยนะวิน กล้าๆ กลัวๆ เหมือนจะเดินหน้าไปแล้วจู่ๆก็กลับจะเดินถอยหลังไปอีก เชื่อในตัวเองบ้างเดินไปข้างหน้าให้สนุกสักที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 01-02-2016 09:29:44
เป็นครั้งแรกที่สงสารพี่โป๊ะ เป็นครั้งแรกและเป็นความสงสารจากใจจริงๆๆ

วินคือมนุษย์ที่จมอยู่กับซากในใจนานเกินไป

นายมือโปรคงต้องรับมือหนักมากๆ พี่โป๊ะคือมนุษย์ที่ต้องรับมือกับเรื่องหินๆ ของความรักตลอดๆ
สู้ๆ นะพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 01-02-2016 10:56:35

“พี่ ขอเป็นพระอาทิตย์ของวินได้มั้ย”

พี่โป๊ะวิน  :o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-02-2016 12:10:54
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-02-2016 13:06:50
คิดมากไปแล้ว  วิน เฮ้อ  เหนื่อยใจแทนพี่โป๊ะ
ตอนนี้มีหมาเจม  พี่หนึ่ง  และพี่จิมออกมาให้ชุ่มฉ่ำหัวใจด้วยแฮะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-02-2016 17:33:26
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 30(1-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 06-02-2016 18:38:33
โอ้ยยยย น้องวินลู๊กกกก หนูจะจิตตกไปถึงหน๊ายยยยย
ความรักมันเป็นของหนูแล้วนะลูก รักษามันไว้เด้ โถ่ววววว
ขัดใจกับความซับซ้อนในอารมณ์ของหนู นี่ตั้งแต่อ่านมายังไม่หยุดคิดเรื่องหนูเลยลูกเอ้ย
ติดอยู่ในหัวอย่างแรง หน่วง เหนื่อย ขัดใจ  :katai1: สงสารอิพี่โป๊ะอย่างแรง   :o12: :o12:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ จะติดตามต่อไปค่า สู้ๆน๊าาาา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 22-02-2016 21:50:12
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 31


เช้านี้ไม่ปกติสำหรับผมอย่างมาก สิ่งที่ทำให้ความไม่ปกติอยู่ในระดับที่เรียกว่ามาก ก็คือไอ้โอมครับ
โอมเป็นมนุษย์ โอมไม่ใช่นาฬิกาปลุก ฉะนั้น โอมไม่ควรเข้าใจว่าสิ่งที่มันทำอยู่นี้ ก่อให้เกิดผลลัพท์ที่ดีกว่าที่นาฬิกาปลุกเคยทำไว้

“วิน ตื่นนนนนนนนนนนน” มันตะโกนใส่หูจนผมสะดุ้งผวา อาการปวดตุบข้างขมับมาเยือนทันที รู้สึกพะอืดพะอมเหมือนจะต้องอ้วกให้ได้ในวินาทีนี้

“มึง อะไรวะ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะผมเพิ่งได้นอนไปเมื่อตอนตี 4 กว่าๆ เท่านั้น โอมก้มหน้าเอาหน้าผากสากเท่ากระดาษทรายเบอร์ 2 มาถูทั่วหน้าผม แล้วก็งึมงำว่า ตื่นนนนนนนน เสียงต่ำๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังฟังเครื่องตัดหญ้าวิ่งวนรอบตัวเองอย่างไร้จุดจบ เสียงมันอื้อในหูมากครับ น่ารำคาญไม่มีอะไรเกิน

“อย่าโอม” ผมห้ามปรามเสียงอ่อยเพราะเพิ่งได้นอน ผมไม่มีแก่ใจนั่งเทศนามันหรอกว่าเพราะอะไรมันถึงไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับผมในเวลาที่ผมง่วงมาก

“วินตื่นนนนนนนนนนนน พี่โป๊ะให้ปลุกมึงแล้วถ่ายรูปให้ดูก่อน 8 โมงเช้า” มันเองก็เสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กันหรอกครับ ผมหาว ลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันมองหน้ามันพลางออกคำสั่ง

“ถ่ายรูปดิ เร็ว จะได้นอนกันต่อ มึงก็ง่วงไม่ใช่หรอ?” ไอ้โอมพยักหน้าอย่างรู้ความ มันหาวระหว่างตั้งมือถือไว้ตรงหน้าผม ซึ่งผมเริ่มรู้สึกว่าตาตัวเองฉ่ำน้ำมากๆ ครับ มันนับ นึง ส่อง ซั่ม โดยที่ปากยังอ้าหาวไม่หุบดี ถ่ายรูปเสร็จมันก็คงส่งให้พี่สุดที่รักของมันดู เมื่อภารกิจเรียบร้อยแล้ว เราก็นอนกันต่อครับ

เกือบเที่ยงกว่าผมจะตื่นเพราะรู้สึกหิว ส่วนไอ้หมาโอมดำเนินการทำมื้อกลางวันจนกลิ่นหอมฉุยๆ มาอัญเชิญผมถึงปลายจมูกนี่แหละครับ

“โอมมมมม” ผมเรียกมันด้วยเสียงยานคาง ไอ้เพื่อนหมาขานรับแล้วก็รายงานว่ามันทำอะไรถึงได้หอมเพียงนี้ ผมจึงสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นตื่นเสียที จัดการอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็ลิ่วไปหาพ่อครัวจำเป็นที่ก็มีฝีมือด้านการทำอาหารระดับต่ำตม

“กินไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำแล้วมากินด้วย”
“เสร็จแล้วไปร้านกาแฟพี่โป๊ะกัน”

ผมค้างอาการเคี้ยวตุ้ยเอาไว้แล้วช้อนตามองมัน ฝืนกลืนหมูทอดที่เจ๊จงน่าจะระอาในรสชาตลงคอแล้วค่อยถาม

“ไปไม”

“เอ้าไอ้บ้า ก็ไปทำไอเอสกันต่อไง”

“ทำที่บ้านกูก็ได้ ขาดอะไร”

“เออน่า พี่โป๊ะบอกว่าให้ลองเปลี่ยนที่ ขลุกกันอยู่ที่เดิมๆ สมองไม่แล่น”

“ก็ไปที่อื่น หรือไม่ก็ท่ามหาราชก็ได้ มีตา’บัค”

“ทำไมไปร้านกาแฟพี่กูไม่ได้”

“ก็กูไม่ชอบ”

“ไม่ชอบอะไร? มึงก็เคยทำงานที่นั่น ทุกวันนี้ยังมีคนมาถามถึงมึงอยู่เลย”

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ กูไม่อยากไปเหยียบ” ผมตัดบท จำใจกินข้าวหมูทอดแห้งๆ จนข้าวหมดจานจึงได้ถือว่าหมดภาระด้านการกินแล้ว ไอ้โอมลงมาจากชั้น 2 หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันปรากฎกายในสภาพคุ้นตา แหงล่ะก็มันใส่เสื้อผ้าของผมทั้งชุด อาจจะใส่กางเกงในหรือบ๊อกเซอร์ของผมด้วย ขอให้มันใช้แล้วทิ้งไปเลยด้วยเถอะ ผมแบ่งเสื้อผ้ากับเพื่อนได้แต่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าที่มีอณูของเพื่อนติดกลับมา พูดง่ายๆ ก็คือ มึงหยิบไปใส่แล้วก็เอาไปไกลๆ ร่างกายกูเลย

“ไม่มีคำอธิบายดีกว่านั้นหรอวะ?” จู่ๆ ไอ้โอมก็ถามขึ้น มันเดินตามผมเพื่อออกจากซอยสลัมข้างวัด วกไปยังโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา เพื่อมารอเรือ
“หือ?”

“อะไร?” ผมก็ไม่ได้โง่นัก พอจะเดาได้ว่ามันทวงคำอธิบายเรื่องไหน แต่ผมเฉไฉไม่ตอบ และไอ้โอมก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนของมันกำลังบ่ายเบี่ยง

“ก็ที่ไม่อยากไปร้านกาแฟพี่กูอ่ะ”

“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบ เลยไม่อยากไป”
“สรุปไปกันแค่ตา’บัค ท่ามหาราชพอนะ หรือจะเอาไง เลานจ์โรงแรมป้ากูก็ได้มั้ง เอามั้ย”

“ไม่ จะไปร้านพี่กู”

“งั้นก็แยกกัน”

“ทำไมวะ” มันมองผมอย่างเอิอมระอามากเสียจนผมสามารถเดาได้ว่ามันกำลังด่าผมในความคิด แต่ผมไม่อยากตอบ เพราะเหตุผลที่ผมยึดถืออยู่นี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมแค่คนเดียว มันเกี่ยวกับ เขา และ เธอ

คงไม่มีใครอยากไปเหยียบยืน หรืออยากไปสร้างการมึตัวตน อยู่ในพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะให้กับคนที่อยู่ได้แค่ในความทรงจำหรอกครับ
ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าพี่โป๊ะมีค่ามากมายสำหรับผมรึยัง ผมรักเขาอยู่รึเปล่า แต่ร้านกาแฟนั้น เธอคนที่ตายไปแล้วนั้น ทำให้ผมรู้สึกอิจฉา และรู้สึกโกรธนายมือโปรแบบไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ผมก็เลยไม่อยากเฉียดไปที่นั่น

“วิน อย่าดื้อดิ นี่เพื่อนนะ”

“โอม ไม่ดื้อดิ นี่เพื่อนไง”

“โอเค ไอ้คุณชาย กูยอมก็ได้”
“ไปแค่ท่ามหาราชก็ได้”
“เดี๋ยวกูหาเวลาแวะไปเยี่ยวร้านเฮียเองก็ได้วะ” ไอ้นี่ก็พิลึกคน ผมหัวเราะเบาๆ แต่ส่งยิ้มให้มันด้วยความรู้สึกขอบคุณมากที่มึงไม่เซ้าซี้กูอีก กูไม่อยากถีบใครตกน้ำ

แดดเปรี้ยงปร้าง ผู้คนหนาแน่นแม้ไม่ใช่วันหยุด เรายืนโคลงเคลงอยู่ท้ายเรือ ฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเกินระดับที่หูรับได้ สูดละอองน้ำที่ถูกตีฟองขึ้นสู่อากาศ กลิ่นไม่น่าดม เสียงไม่น่าฟัง แต่มันกลับทำให้ผมเกิดความสงบ ผมยืนมองวิว 2 ข้างทางเจ้าพระยา แม้จะคุ้นตาไปทุกสิ่ง แต่การทอดสายตามองสิ่งเดิมๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับผมเลย แต่กับไอ้โอมแล้ว คงตรงกันข้าม
ไอ้เพื่อนหมาวุ่นวายกับการจับผมเผ้าตัวเองทัดหู มันตัดผมสั้นแล้วก็จริง แต่สำหรับหัวกะบาลผู้ชาย ผมมันก็คือผมยาวอยู่ดีนั่นแหละครับ

“ไปมึง ถึงแล้ว” ผมบอกเมื่อเห็นปลายทาง เราไม่รอให้เด็ก สตรี และคนชรา ลงจากเรือไปก่อนหรอกครับ เพราะถ้าทำตัวเป็นเจนเทิลแมนขนาดนั้น เราจะโดนป้าข้างหลังด่าเอาว่ายืนเกะกะขวางทาง

ร้านกาแฟดังก็คือร้านกาแฟดังครับ ผมไม่รู้ว่าลูกค้าที่นี่เขาเสพติดรถชาต หรือบรรยากาศ หรืออะไรอย่างอื่น ผู้คนถึงได้ยั้วเยี้ยไปหมด เราโชคดีที่มีที่ให้นั่งพร้อมโต๊ะทำงานตรงกลาง ไอ้โอมไล่ผมไปซื้อกาแฟให้มัน ส่วนมันก็จัดการเปิดคอม จัดพื้นที่นั่ง วางหนังสือสำหรับการค้นอ้างอิง แน่นอนว่ามันไม่ลืมชาร์จแบตโทรศัพท์ตัวมันเอง นี่ถ้าร้านเขาไฟรั่ว ผมว่ามันนั่นแหละคือสาเหตุ แต่มองอีกที ผมว่าลูกค้าทุกคนก็เป็นต้นเหตุกันหมด ทุกคนทำเหมือนๆ กับที่ไอ้โอมทำเลยครับ

เครื่องดื่มติดมือที่ผมซื้อมาให้มันทำให้ผมโดนด่าด้วยเหี้ยตัวใหญ่มาก ก็ผมงงชื่อเมนูที่คนขายนำเสนอ ตอนแรกก็สั่งให้มันแค่ลาเต้ธรรมดา แต่นามสกุลที่เพิ่มเติมมา ล้วนมาจากการพยักหน้ารับข้อเสนอของบาริสต้าทั้งนั้นครับ ผมพลาดตรงขี้เกียจฟังรายละเอียด เลยพยักหน้ารัวๆ ไอ้โอมก็เลยได้กินเมนูที่ผสมถั่ว ซึ่งเป็นพืชตระกูลที่มันไม่ชอบ

“มึงแดกไปเลย เอาของมึงมา มึถั่วป่ะเนี่ย”

“โฮจิชะ ที ลาเต้ ไอซ์ วิท ซอยบีน” ผมบอกชื่อเมนูประจำ ไอ้โอมมองค้อนแต่มันก็ยืนยันที่จะแลกเครื่องดื่มกัน กลายเป็นผมต้องเป็นคนกินถั่ว อืม เยี่ยม!

“แม่งแกล้งกูอ่ะดิ กูก็ยอมมึงแล้วไง ไม่ไปร้านเฮียแล้วไง ไอ้หมาวินแม่ง”
ไอ้หมีโอมแม่ง บ่นอยู่ได้ น่ารำคาญ
ผมหน้านิ่งระหว่างนั่งลงตรงกันข้ามกับมัน เปิดคอมตัวเอง คุ้ยหนังสือที่ช่วยๆ กันแบกมา เริ่มอ่านทวนสิ่งที่เขียนไว้เมื่อคืนเพื่อสร้างความต่อเนื่องทางความคิด เมื่อเข้าฌานแล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไอ้เพื่อนเรื่องมากอีก จนมันส่งเสียงเรียกนั่นแหละครับ ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์

“อืม อะไร”

“ไปเยี่ยวนะ”

“อืม นั่นไง ห้องน้ำ”

“ไม่ๆ กูจะไปเยี่ยวร้านเฮีย” ผมละสงสัยชิบหายว่าส้วมที่นั่นมีอะไรดี? ผมพยักหน้าส่งๆ โบกมือไล่ให้มันไปตาทางที่เลือก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนไอเอสของตัวเองด้วยระดับสมาธิที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันแหละครับว่านาน แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ที่นั่งตรงหน้าผมว่างเปล่า แต่สัมภาระไอ้เพื่อนหมายังกองอยู่ดูรกๆ ผมคิดจะโทรตามมันแต่ก็เปลี่ยนใจ โตๆ กันแล้ว และผมกับไอ้โอมก็ไม่ได้ใช้ปอดใช้หัวใจร่วมกันเสียหน่อย ห่างกันไปก็ไม่ตายหรอก ผมก็เลยไม่โทรหามัน แต่เลือกจะเปิดดูข้อความทางมือถือแทน เพราะผมไม่ออนไลน์ผ่านคอมครับ มันจะกวนสมาธิ 

“เอ่า อะไรวะ” ผมบ่นกับตัวเองเพราะไลน์ของคนคนเดียวเด้งมาเกือบ 100 ข้อความ ท่าจะบ้า

ผมเลือกสื่อสารกับเขาโดยตรง ไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมขี้เกียจพิมพ์ เท่านี้ก็เมื่อยนิ้วมากแล้ว

“ครับพี่โป๊ะ อะไรกับวินเยอะแยะอ่ะ” คำตอบที่ผมได้รับมีเครื่องหมายคำถามต่อท้ายครับ นายมือโปรถามผมว่า ทำไมไม่ไปร้านที่ร้านพี่ นี่เลี่ยงอธิบายให้ไอ้โอมเข้าใจ แต่กลับเลี่ยงนายมือโปรไม่รอดสินะ ผมถอยหายใจยาวๆ ส่งกลับความเงียบให้กับคำถามนั้น แล้วก็ตัดสาย

แต่นายมือโปรก็คือนายมือโปร เขาโทรกลับมาใหม่ และผมก็รีบรับทันที เพราะลืมปิดเสียงเอาไว้ เขาส่งเสียงถอนหายใจให้ฟัง แก้แค้นกันอยู่รึไงวะ? เอาไงดี ผมควรสู้ด้วยการถอนหายใจให้ยาวกว่าแล้ววางสาย เพื่อให้เขาโต้กลับมาด้วยเสียงถอนหายใจที่ยาวที่สุดในโลกรึเปล่า  ไม่ล่ะ มันดูเสียเวลาไปอย่างไร้ค่า

“อะไรครับ” ผมถามกลับไปเมื่อเขายังเงียบอยู่

“เหตุผลอะไรครับ บอกพี่ไม่ได้หรอ”

“เหตุผลเรื่องอะไร วินงง”

“เรื่องที่ไม่ไปร้านพี่”

“ไม่มี”

“โอเค ทำเรื่องของวินไปนะ เดี๋ยวไปรับ อย่าให้ไปแล้วไม่เจอตัวล่ะ” ขู่ไว้เท่านี้ก็วาง แล้วผมต้องเชื่อเขาด้วยหรอวะ? ..... แม้จะยกคิ้วตัวเองสูงๆ ด้วยความสงสัย แต่ผมก็เลือกจะทำงานของผมต่อไปด้วยความตั้งใจสุดๆ เอฟวายไอนะครับ คืองานแม่งรนตูดมากแล้วไง ไม่มีเวลาสนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ!

ราวบ่าย 4 โมง ท้องผมก็ร้องโครกแล้วครับ รู้สึกหิวจนกร่นด่าไอ้โอมในใจว่าแม่งไปเสวยสุขในส้วมถึงสวรรค์ชั้นไหน ทำไมไม่กลับมาเสียที ผมเดินไปสั่งแซนวิชมากิน กำหนดเวลาให้ตัวเองพักตา พักสมอง 30 นาทีกับแซนวิชหนืดๆ คอ ชาร้อนถูกสั่งอีกรอบด้วยครับ  พอมีเวลาว่างหน่อย ผมก็เลยเช็คดูว่าพี่โป๊ะไลน์อะไรมานักหนา สิ่งที่ได้พบทำให้อารมณ์ดีขึ้นผิดตาเลยครับ เขาส่งลิงค์เวบที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผม บ่นเรื่องการประชุม  อาหารกลางวันน่ากินก็ส่งมาอวด ถามถึงความคืบหน้างาน ถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร บอกว่าคิดถึงผมด้วย เซลฟี่หน้าตัวเองมาให้ดูแล้วก็บอกว่าแลกกัน ฮ่าๆๆ แม่งมุ้งมื้งไปมั้ยวะ?
ผมรู้สึกผิดที่ดื้อใส่เขาด้วยการถอนหายใจแข่งกัน แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ง้อใคร ผมง้อไม่เป็น
จริงๆ แล้ว ผมไม่รู้ว่าประโยค มันต้องขึ้นต้นด้วยคำว่าอะไร

งั้นครั้งนี ผมจะทำตัวอยู่ในโอวาสโดยการนั่งทำไอเอสอยู่ที่เดิม รอเขามารับตัวไปก็แล้วกัน

หกโมงกว่า ไอ้โอมก็เดินดุ่ยๆ กลับมานั่งตรงหน้าผมเหมือนเดิม ผมไม่อ้าปากถามด้วยซ้ำว่าหายไปทำห่าเหวอะไรมา นานเป็นศักราชนาดนี้ แต่ไอ้โอมก็มีสัดส่วนความสาระแนมากพอจะเล่าออกมาเอง
มันกินข้าวร้านข้างๆ เดินไปดูห้องชั้น 2-4 ที่พี่โป๊ะแต่งใหม่เป็นห้องพักนักท่องเที่ยวพวกวันเดย์ทริปอะไรทำนองนั้น ห้องชีคดี แต่ผมไม่อยากเชื่อรสนิยมไอ้โอมหรอกครับ มีห้องชั้น 4 ที่เป็นห้องเดียว ไม่ได้แยกเป็นห้องซ้าย-ขวาของบันไดเหมือนชั้นอื่น มันบอกว่าห้องนั้นพี่โป๊ะทำไว้ให้เมียมองพระอาทิตย์ตกดิน
ผมยอมรับว่าสะดุ้งตรงเมีย ไม่รู้ว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปมั้ยว่าเขาทำห้องนั้นให้ผม?
นี่ผมต้องเป็นเมียเขาหรอ? เอาจริงดิ!

“แล้วนี่มึงเป็นไรวะหมาวิน”

“เป็นไร? ใคร? กูไม่ได้เป็นไรนี่ มึงแหละเป็นไร”

“มึงนั่นแหละไอ้คุณชาย ทำหน้าเหวอๆ”
“เป็นไร นี่ได้แดกอะไรมั่งรึยังนอกจากชาเนี่ย”

“แล้ว”

“เออ เดี๋ยวแยกกันตรงนี้นะ กูกลับบ้านไปทำต่อเอง รับรองเสร็จทัน”

“อ้าว ไม่นอนค้างบ้านกูหรอ ทำด้วยกันก็ดีไม่ใช่หรอ มึงจะได้ไม่อู้”

“ไม่เอาอ่ะ กูพอได้แนวแล้ว”
“แล้วคืนนี้กูก็มีนัดแล้วด้วย กลับดึกก็กวนมึงรออีก ไปแระ”
“มีงรอพี่โป๊ะที่นี่นะ อย่าให้เขามาแล้วไม่เจอล่ะ”

“รู้แล้วน่า”

“เอ้อวิน”

“อะไร?”

“เขารักมึงมากเลยว่ะ กูว่า”
“ถ้าไม่ขอมากไป อย่าทิ้งเฮียกูนะ”

“อะไรของมึง” ผมทำเฉไฉใส่ แต่สายตาไอ้โอมตอบกลับมาว่าจริงจังผมก็เลยต้องจริงจังตามไปด้วย
“แล้ว...มึงรู้ได้ไง ฟังเขาโม้มากไปแล้ว”

“กูไม่ได้รู้เพราะฟังเขา กูรู้เพราะกูเปิดตามองสิ่งที่เขาทำต่างหาก”
“มีแต่มึงแหละที่ตาบอด”


“บอดพ่อมึงสิ!”
“ไปไหนก็ไปเถอะ แม่ง”

“เออเออ ไปก็ได้”
“ไอ้หมาวินได้แก้ว”

มันด่าผมแล้วก็ไป สารเลวโอม ไม่รู้มันจะพูดให้ผมเก็บมาคิดทำไม
อยากรู้เหมือนกันว่าห้องชั้น 4 นั้นมันวิเศษยังไง ไอ้โอมถึงได้ละเมอเพ้อคิดไปว่าพี่โป๊ะรักผม...มาก

ไอเอสผมเดินมาเกือบ 90% แล้วครับ
เรียกว่าอยู่ในระดับที่สบายใจได้ กูมีอะไรไปสอบปิดเล่มแล้วโว้ย!
เมื่อขาดไอ้ตัวชวนคุยอย่างไอ้โอมไป ผมก็นั่งเล่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยครับ จนรู้สึกได้ถึงการถูกจ้องจนคิ้วกระตุกนั่นแหละ ผมถึงได้เงยหน้ามองผู้คนในร้านอีกรอบ
คนรอบข้างผมเริ่มมีแต่นักศึกษาแล้ว จากทั้ง 2 มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ พอถูกมองมากเข้าก็เริ่มอึดอัด ผมก็เลยเก็บคอมพิวเตอร์บางเฉียบเข้ากระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ บิดตัวไขว่ห้างหันหน้าเข้ากระจกแล้วก็เล่นมือถือแทน
เสียงกระแอมเกิดขึ้นใกล้ๆ หู แต่คนที่มาก่อเสียงข้างหูผมไม่ใช่คนคุ้นหน้าเลยครับ
หรือว่าจะเป็นพนักงานร้าน? ผมนั่งนานไปหรอ? แต่ผมก็ซื้ออะไรกินเรื่อยๆนะ ทำไมวะ? แค่นี้มันเป็นปัญหาหรือบั่นทอนสังคมมากรึไง?

“อะไรครับ?” ผมถามคนที่จ้องหน้าผมเสียนาน อีกฝ่ายยิ้มให้ ชี้ที่เบาะนั่งฝั่งตรงข้ามผม อ๋ออออ จะลากไปนั่งที่อื่นล่ะสิ ผมก็เลยตอบเอาบุญ
“ได้เลยครับ ไม่มีคน....”

หมอนี่นั่งลงทับรอยตูดไอ้โอม ซึ่งผมงงกว่าเดิมแล้วแหละว่า มึงมานั่งจ้องหน้าและส่งยิ้มให้กูทำไม

“คุณ จะนั่งตรงนี้หรอครับ?” ผมถามให้แน่ใจ ซึ่งเขาก็พยักหน้าและยังคงยิ้มให้อยู่ หรือว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุกและมันค้างในจังหวะกระตุกขึ้นวะ? ต้องช่วยดึงลงให้มั้ย? เอาไงดี ตอนนี้มีแต่มือกับตีนที่ว่าง

“โอเค” ผมยุติการพบเจอแต่เพียงเท่านี้ ผมลุกขึ้นและกดเบอร์พี่โป๊ะ พออีกฝ่ายรับสายผมก็บอกจุดประสงค์การโทรหาตรงๆ
“วินเปลี่ยนร้านไปนั่งกินข้าวนะ” แล้วคนตรงหน้าผมก็ลุกขึ้นตาม คืออะไร? มึงก็จะไม่นั่งแล้วเหมือนกัน? แล้วมาแย่งเก้าอี้กับกูทำไมวะ แต่ช่างแม่ง อย่าสนใจเลย อาจจะว่างจัดเลยอยากหาตีน ผมไม่ควรทำให้มันสมหวัง
“ก็ร้านใกล้ๆ” ผมพูดให้กว้างเข้าไว้ครับ ป้องกันไอ้คนนี้มันรู้ที่หมายของผมแล้วจะตามไปเล่นเก้าอี้ดนตรีกันอีก พอวางสายจากพี่โป๊ะผมก็จ้องหน้าเขากลับ และบอกไปว่า ตามสบาย แล้วก็เดินรวบสัมภาระออกจากร้าน รอบนี้หนักครับ เพราะห่าโอมเอาติดตัวไปแค่คอม หนังสือสำหรับอ้างอิงแม่งทิ้งไว้ให้ผมแบกคนเดียวเลย หนักชิบหาย

หืมมมม หนังสือเบาลง ผมหันขวับมองมือขโมยที่มาหยิบหนังสือไปจากมือผมจนเหลือติดมือแค่เล่มเดียว ไอ้คนนี้ต้องการอะไร?
“ของผม เอาคืนมา”

“ช่วยนะครับ”

“ไม่เป็นไร ถือได้”

“อยากช่วยไงครับ”

“บอกว่าไม่เป็นไร”

“นะครับ แค่อยากช่วย”
“จะไปร้านไหนครับ ทานข้าวหรอ? ร้านนั้นใช่มั้ย ไปสิครับ”

“....................”

“เฮ้ย ไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้”
“ผมแค่อยากช่วยพี่”

พี่....โทษที ผมไม่ชอบมีน้อง

ผมเดินไปยังร้านเป้าหมาย วางของลงอย่างเรียบร้อย และหันมายึดหนังสือของผมคืนจากมือหมอนี่ เขายิ้มให้อย่างสดใสแล้วประกาศเจตนา

“พี่น่ารักดีครับ”
“ตัวบางแบบนี้ แบกของหนักขนาดนี้ได้ไง แฟนพี่ก็ใจร้ายเนอะ ปล่อยให้นั่งคนเดียวตั้งนานแล้วก็ชิ่งกลับไป”

ผมควรพูดอะไรดีล่ะ?
แฟนผม? ใครวะ? ทั้งวันนี้มีแต่ไอ้โอม หรือจะคิดว่าไอ้โอมเป็นแฟนผมวะ?

“เมื่อกลางวัน ผมมาซื้อกาแฟก็เจอพี่รอบนึง แม่งโคตรแสงสว่างเลย”
“แบบ นั่งเปล่งประกายอยู่อะไรแบบนี้อ่ะ”
“แต่ผมต้องรีบเข้าเรียนแล้ว มีสอบย่อยก็เลยไม่ได้ไปทัก แต่คิดไว้ว่าถ้ากลับมาอีกแล้วเจอพี่ ต้องทักให้ได้เลย ต้องได้เบอร์ด้วย”

“แล้วไงครับ”
“พี่หิข้าว ขอกินข้าวคนเดียวหน่อยนะ”

“อ่า ผมเลี้ยงได้มั้ย”

“ไม่”

“โหยย พี่คิดแป๊บนึงก็ได้ครับ”
“คือ จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจมาหลอกลวงอะไรครับ”
“ผมเรียนศิล’กรรม”

“แล้ว”

“อยากได้พี่เป็นแบบวาดภาพ”

“ไม่”

“โหยพี่ คิดนึดนึงก็ยังดีนะครับ”

“ผมวางธีมไว้แล้วด้วย”
“ออร่าที่มากกว่าแสงอาทิตย์”

“โทษนะครับ ผมไม่ใช่หลอดไฟ ไปหาอะไรที่เปล่งประกายที่อื่นเถอะ”
“ช่วงหลีกไปด้วย ผมจะกินข้าว”

“พี่ครับ พี่ครับ”
“ชื่อก็ยังดี ให้ผมรู้หน่อยได้มั้ย”

“........”

“พี่ครับ พี่ พี่แสง” แสงพ่อมึงเซ่! ผมอยากหันไปด่า แต่ป้าสุสอนผมมาดีมากครับ ผมไม่ชอบโต้ตอบใครด้วยความหยาบคายโจ่งแจ้ง เว้นว่าสนิทกันแล้วค่อยเลิกเก็บปากเก็บคำ

“แสง?”

“ก็พี่ไม่บอกชื่อผม”
“ผมชื่อโยธา”
“เรียกโยก็ได้ครับ เรียนอยู่ม.นี้” มันชี้นิ้วบอกทิศทาง แต่ไม่ต้องระบุสถาบันศึกษา ผมก็พอจะเดาได้ตั้งแต่การแต่งตัวแล้วครับ

“พี่ล่ะ”
“ชื่ออะไรครับ”
“พี่....”
“ถ้าพี่บอก ผมจะให้พี่กินข้าวอย่างที่พี่ต้องการเลย จะไม่อยู่ในร้านนี้เลย”
“นะครับ”

“วิน”

“ชื่อยังน่ารักเลย พี่วินกินข้าวนะ เดี๋ยวผมรอข้างนอก” แล้วมันก็ไป คืออะไรวะ? ไม่เข้าใจเว้ย!

เวลานี้ ผมต้องการพี่โป๊ะมากครับ ช่วยมาเป็นไม้ตีหมาให้ผมหน่อยเถอะ
ผมสั่งอาหาร ลองมองออกไปนอกร้านก็เจอไอ้เด็กนั่นนั่งรออยู่หน้าร้านกาแฟ พอเห็นผมหันมองมันก็โบกมือยิกๆ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าเขามาจีบ
แต่ผมไม่มีอะไรดึงดูดนะ เว้นแต่หน้าตาแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรดึงดูดคนเลย ก็แต่ดูดเหี้ยมาได้ตัวนึง
จนอาหารมาแล้วพี่โป๊ะก็ยังไม่มา เอาไงดีอ่ะ ก็หิวนะ แต่ถ้ากินหมดเร็วแล้วจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ก็ต้องเจอเด็กนั่นอยู่ดี ผมไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดกวนตีนใส่หรือพูดแรงๆ ให้เขาเลิกมาวุ่นวายกับผม เฮ้อออออ
ผมกินข้าวเติมพลัง รอไลน์ รอโทรศัพท์จากพี่โป๊ะแต่ก็ไม่มีมาเสียที จะโทรหาเขาอีกรอบมันก็ดูร้อนรนเกินไป จริงๆ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับการที่มีคนมาตื้อให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
จนผมกินข้าวหมดก็แล้ว สั่งขนมที่ไม่ได้อยากกินนักมานั่งมองมันฆ่าเวลาก็แล้ว พี่โป๊ะก็ไม่โผล่มาสักที ไอ้คนนี้ก็ไม่ไปสักที เอาไงดีวะ ผมอยากกลับบ้านแล้วด้วย
เอาล่ะ ผมจะรอเขาอีก 15 นาที ถ้ายังไม่มา ผมจะกลับบ้านด้วยการนั่งแท็กซี่ และถ้าถูกตามผมจะให้แท็กซี่ไปส่งที่โรงแรมก็แล้วกัน
ผมรอ รอ และก็รอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจรอพี่โป๊ะอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาเขาอยู่ติดตัวผมเสมอ ความช่วยเหลือของเขาจึงเท่าทันเวลาที่ผมรู้สึกเดือดร้อนตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่ดีที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ไม่มีนายมือโปรอยู่เป็นมือกวาดสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่ต้องการออกไปให้พ้นตา

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 22-02-2016 21:50:52
“พูดตรงๆ ก็คงไปล่ะมั้ง” ผมตั้งข้อสันนิษฐาน เรียกเก็บเงินแล้วก็เตรียมเก็บข้าวของ และทันทีที่ผมเริ่มหยิบกระเป๋า โกยกองหนังสือ มนุษย์ที่นั่งเตร่รอหน้าร้านกาแฟก็ลุกแล้ววิ่งพรวดเข้าร้านมาทันที

“พี่วิน ผมช่วยนะ”
“มามา ตัวพี่บางแบบนี้ ไม่มีแรงถือไปหมดหรอก”
“แฟนพี่ก็ใจร้าย”

“โทษ ไม่ใช่แฟน”

“อ่า ดีจัง งั้นพี่วินก็โสด”

“อืม” โสดล่ะมั้ง อย่างน้อยผมก็อยู่คนเดียวในตอนนี้ เวลานี้ ถ้าผมไม่โสด คนที่รักผมก็น่าจะมาดูแลผมหรือใช้เวลาร่วมกับผมได้แล้ว นี่มันมืดมากแล้วด้วย

“งั้น ผมจีบนะ”

“ใครน่ะวิน” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นตอนที่ผมก้าวออกจากร้านแล้วกำลังยื้อยุดหนังสือที่ถูกหยิบไปจากมือ ผมหันมองเจ้าของเสียงนั้น ใบหน้าเขาบึ้งตึง มองผมไม่นานเท่าที่แช่สายตามองไอ้โยธาคนนี้ตั้งแต่เท้าจรดหัว

“ไม่รู้จักครับ”

“ใครหรอครับพี่วิน” ไอ้เด็กนี่ถามบ้าง ขอบใจนะที่เปิดช่องให้ผมได้แสดงอาการไม่พอใจบ้าง

“ไม่รู้จัก”

“วิน” นายมือโปรเรียกผมเสียงเย็นๆ เขาคว้าตัวผมไว้ กระชากหนังสือที่เด็กโยธานี่ยึดไปถือไว้กลับคืนมา ดึงกระเป๋าผมไปสะพายบ่าไว้แทน แล้วก็จัดการจับกุมข้อมือผมไว้
“รอนานมั้ย พี่ขอโทษนะ รถติด แล้วทานข้าวแล้วใช่มั้ย หือ”

“.........................” โกรธดีมั้ยวะ? จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รอนานขนาดรอไม่ได้ แค่มาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ชอบใจก็เลยพาลใส่เขาที่เขามาช้าไม่กี่ชั่วโมง

“กลับบ้านกันนะ”

“ครับ” ผมรับคำ เดินตามแรงจูงของเขาไปอย่างว่าง่าย แต่เด็กโยธานี่ดูเหมือนจะไม่ยอมจบ อยากเตือนเด็กนี่เหมือนกันว่าให้รักษาชีวิตไว้จะดีกว่า

“พี่วิน พี่ไม่รู้จักเขาไม่ใช่หรอ?”
“มากับโยเถอะ”
“พี่ครับ พี่วินเขาไม่รู้จักพี่ มาลากตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ทำไมจะไม่ได้” นายมือโปรหยุดแล้วตวัดหางเสียงถามเด็กคนนี้ ผมรู้สึกได้ว่านายมือโปรไม่อยากมีเรื่อง เพราะมันมวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์ แล้วก็รับรู้ได้ว่าเขาสะกดอารมณ์ของเขาเต็มที่แล้วเหมือนกัน

“ก็พี่วินเขาไม่ได้”

“นี่แฟนผม”
“ผมจองแล้ว จูบไว้หลายที จะทำให้เป็นเมียเร็วๆ นี้ รอเขาอนุญาตก่อน”
“ชัดมั้ย หรืออยากแย่งไป ทำไม บ้านขาดความรักหรอ”
“อย่าขวางทาง วินจะกลับบ้าน”

“ก็.....”

“หลีกเถอะครับ จะกลับบ้าน....แฟนมารับแล้ว” ผมช่วยบอกเพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี แม้ว่าตอนพูดคำว่าแฟน ต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเขา มันจะทำให้หน้าผมร้อนแทบระเบิดก็ตาม

เด็กโยธาทำหน้าเอ๋อๆ ใส่ผม แล้วก็มองนายมือโปรอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมหลีกทางให้ อาจจะเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพที่เด็กนี่น่าจะรู้ตัวว่าสู้พี่โป๊ะไม่ได้สักอย่าง

“อ่ะ อ้าวพี่โป๊ะ”
“ท่าเรืออ่ะ เลยแล้ว”

“ไปร้านก่อน”

“ไปทำไมครับ” ผมขืนตัวเองไว้สุดแรง ทำให้นายมือโปรต้องหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ก็แค่ไปดูร้านพี่ ร้านที่พี่ตั้งใจทำ” เพื่อลูกแพร์อะไรนั่นน่ะหรอ ผมไม่อยากดู ผมหน้าคว่ำลงกว่าเดิม ก้มหน้า ไม่พูดด้วย และพยายามแย่งทุกอย่างที่เป็นของผมกลับคืนมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ แค่เขาซ่อนทุกอย่างไว้ด้านหลังและผายอกส่งเนคไทมาทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ ผมก็แพ้แล้ว
“เหตุผล”

ผมไม่อยากบอกนี่ ใครจะทำไม

“พี่ถามจากโอ้โอมแล้ว มันบอกว่าวินก็ไม่บอกมันเหมือนกันว่าเพราอะไรถึงได้รังเกียจร้านกาแฟนัก”
“ทำไมหรอ? มันเล็กไปหรอ? วินต้องคู่ควรกับร้านหรูงั้นสิ”
“พี่ไม่เชื่อว่าวินจะวัตถุนิยม หริอทุนนิยม แต่พี่ก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ได้ ว่าเพราอะไรวินถึงเกลียดร้านนี้นัก แค่ไปเหยียบหน้าร้านยังไม่ทำ”

“..............”

“ถ้าอยากให้พี่เลิกเซ้าซี้ถาม อยากให้เลิกเซ้าซี้ให้มา วินก็ตอบให้พี่หายโง่สักที”

“ก็นั่นมันที่ของเขา”

“ใคร”

“ลูกแพร์” ผมไม่อยากพูดชื่อนี้เต็มปากเต็มเสียง เอาจริงๆ ผมไม่เคยอยากพูดถึงด้วยซ้ำ เพราะผมรู้สึกว่าผมจะเป็นคนไม่ดี ดื้อด้าน ใจดำอำมหิตที่หยิบเอาเธอมาเป็นประเด็นโกรธเคือง
เขานิ่งไป ถอนหายใจจนไหล่ห่อลู่ ฮึ...นี่สินะ เจ้าของหัวใจที่แท้จริงของนายมือโปร ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และคงต่อไปในอนาคต เพรเซนท์ เพอร์เฟค คอนทินิวอัส คือเหตุการณ์นี้นี่เอง

“วินเข้าใจไม่ผิดใช่มั้ยครับ พี่โป๊ะทำร้านกาแฟก็เพื่อลูกแพร์ พี่เคยบอกวินเอง”
“แล้วจะให้วินมาเหยียบที่นี่ทำไม”
“พี่โป๊ะต้องการอะไร? ความสุขจากการสมหวังทุกอย่างที่ต้องการหรอ?”
“กับวินเนี่ยนะ พี่คิดว่าพี่จะมีความสุขได้กับคนอย่างวินหรอ?”
“อย่างน้อย วินก็มีข้อเรียกร้องต่อพี่โป๊ะ 1 ข้อ”
“คือห้ามมีอะไรให้หวนไปคิดถึงรักแรกรักแท้ของพี่อีก จะร้านกาแฟ ผ้าแพร ลูกแพร์ พี่พีช อะไรก็ตามที่ทำให้พึ่หวนคิดถึงผู้หญิงคนนั้น ก็คือสิ่งที่ทำให้วินไม่พอใจ ไม่ชอบ ไม่อยากให้ยุ่ง ไม่อยากให้รักเขามากกว่าวิน ห้ามคิดถึงเขามากกว่าวิน อย่าทำอะไรเพื่อเขามากกว่าวิน”
“แล้ววินจะมีพี่โป๊ะเพียงคนเดียวในชีวิต วินจะไม่ต้องการใครอื่นอีกเลยในชีวิต”
“ถ้าพี่โป๊ะให้ได้....วินคงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก”
“แต่วินรู้ ... วินมันคนอับโชค”
“ขอของวินคืน วินจะกลับบ้าน” ผมยื่นมือไปตรงหน้า และเขาก็คืนทุกอย่างที่เป็นของผมให้กับผม เราจ้องหน้ากัน สื่อสารกันด้วยภาษาตา ภาษากาย และผมก็สรุปความได้ว่า เขาลืมลูกแพร์ไม่ได้จริงๆ

ความรักมันเจ็บปวด นายมือโปรเคยบอกผมแบบนั้น
ความรักมันเจ็บปวด นายมือโปรเป็นคนสอนให้ผมรู้จักความรู้สึกนั้น


ผมเดินย้อนกลับมาคนเดียว มารอเรือที่ท่าเรือ ซึ่งก็เสี่ยงมากกว่าเรือจะหมดแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ผมอยากยืนอยู่เงียบๆ สักพัก อยากมองดูสรรพสิ่งเคลื่อนไหวโดยไม่รู้สึกว่าต้องเต้นตาม การยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ ตรงนี้ รู้สึกอยู่คนเดียวว่าถูกโลกทิ้งให้หลุดจากวงจรแบบนี้ ช่างเหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว

“พี่วิน ให้ผมพากลับบ้านนะครับ” ใครอีกคนสื่อสารกับผม เสียงเขาแทรกผ่านความเงียบเข้ามาแผ่วๆ ผมหันไปมองหน้าเขา ใบหน้าบูดเบี้ยวของผมทำให้เขาต้องทำหน้าสลดตามขนาดนั้นเลยหรอ?
สีหน้าเขาถูกเคลือบด้วยม่านน้ำตาของผม และทันทีที่มันหล่นจากขอบตาของผม สีหน้าเศร้าของเขาก็ชัดเจนขึ้นมาทันที

“พี่วิน”

“ฮึก....” แทนที่จะเป็นคำพูด สิ่งที่ผมสื่อสารกับโลกนี้คำแรก กลับเป็นเสียงสะอื้นร้องไห้ไปเสียได้ น่าอายชะมัดเลย!

เด็กที่เพิ่งเจอกัน สาวเท้ามาใกล้ผม ถือวิสาสะมาเช็ดน้ำตาให้ผมทำได้แค่บังคับหัวคิ้วให้วิ่งเข้าหากันเท่านั้น

“พี่วินอย่าร้องไห้เลย”
“พี่วินไม่ต้องเสียใจกับคนแบบนั้นหรอกครับ”

“......................”

“พี่วิน”

“ผมไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” ผมบอกแล้วเดินสวนขึ้นจากท่าเรือ เพื่อจะกลับบ้านตามที่ตั้งใจไว้ แต่ตัวผมกลับถูกรั้งไว้ด้วยมืออีกคน เขาขยับมาขวางหน้าผมไว้ โอบผมไว้ กอดผมไว้ ลูบหลังอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยอนุญาตให้ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่ต้องอาย

“ร้องออกมาให้หมด แล้วยิ้มให้ผมใหม่นะครับ”

เด็กคนนี้ชื่อโยธา เขาบอกว่าเรียนอยู่คณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยใกล้ๆ นี่เอง
เขาต้องการให้ผมเป็นแบบวาดภาพให้ แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาต้องการแค่นั้น

“โยจะปกป้องพี่วินเอง”
“ไอ้สูงนั่น เจอดีแน่”

เด็กคนนี้จะไปสู้อะไรกับพี่โป๊ะได้
แต่ก็คงเหมือนกันนั่นแหล่ะ
ผมคนนี้ จะไปต่อรองอะไรกับพี่โป๊ะได้

บางที...ก็ช่างหัวพี่โป๊ะมันเถอะ!
ไม่รักผม เขาก็ไม่ได้สะเทือนอะไร
เพราะฉะนั้น ผมก็ไม่ควรทำตัวใกล้ตาย เพียงเพราะอาจจะไม่ได้เป็นที่รักของเขา

“โย” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายระหว่างปาดน้ำตาลวกๆ  เด็กนี่สีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาก มองๆ แล้วเหมือนลูกหมาไม่มีผิด

“ครับ”

“ไปเที่ยวกัน”

“ไป!” นี่คนแน่หรอ? ทำไมผมรู้สึกว่าเด็กนี่หางกระดิก

Cut


มาแล้ว ไปแล้วค่า
ปรู๊ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-02-2016 22:18:13
เย้ยยยยยยยย จะดีหรอวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 22-02-2016 23:26:23
ไรวะๆ ไม่ชอบวินเลยอะ เอาแต่ใจ ง่ายเกินไปมั้ยสำหรับคนเพิ่งคุยกัน ทีกับพี่โป๊ะนี่ท่ามากเรื่องเยอะใส่พี่โป๊ะตลอด เกลียดอะไม่ชอบนายเอกงี่เง่าดูน้ำเน่าประชดแบบนี้ ขอโทษคนเขียนนะคะ พอดีอินมาก เราชอบคนแบบพี่โป๊ะ จริงๆอยากด่าวินมากกว่านี้นะ555 แต่ไม่ไหวละ โมโหนางวินเกิน ต้องหยุดตัวเองก่อน  :ling1: :ling3: :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 22-02-2016 23:49:26
เข้าใจวินน่ะ แต่ก็เข้าใจพี่โป๊ะด้วยอ่ะ
เรื่องแบบนี้มันยากทั้งคู่แหละ
ถ้าผ่านมันไปไม่ได้ ก็แสดงว่ายังรักกันไม่มากพอ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-02-2016 23:54:28
โอ้โห แล้วมันจะหวานกันตอนไหนบอกที
ก็วินมืดมนขนาดนี้ หรือพี่โปรทำไม่ดีพอ
โอ๊ยเครียดดดด  :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 23-02-2016 00:00:36
ระหว่างวินกับนายโยไม่รู้จะรำคาญใครมากกว่ากัน
อ่านละหงุดหงิด ก็เข้าใจแหละว่าวินมีใจ วินแคร์พี่โป๊ะมากขึ้น
แต่ทุกคนเกิดมาก็ย่อมมีอดีตป่ะวะ ถ้าจะต้องลบอดีต
ลบความทรงจำ ลบตัวตนที่ผ่านมาเพื่อจะต้องมาอยู่ข้างกัน
มันไม่โหดร้ายกับพี่โป๊ะไปหน่อยเหรอ พี่โป๊ะพยายามฟังวิน
แต่ไม่เห็นวินเคยฟังพี่โป๊ะบ้างเลย วินกินข้าวอิ่มแต่พี่โป๊ะรีบฝ่ารถติดมาหา
ไม่ถามสักคำว่าหิวหรือเปล่า แถมยังพูดเองเออเอง คิดไปเอง
แล้วก็วิ่งหนีไปแบบนี้ มันดีแล้วเหรอวิน?

ปูลู : ถ้ามหาลัยนายโยหมายถึงมหาลัยที่อยู่ตรงข้ามวัดพระแก้วล่ะก็
ไม่มีคณะศิลปกรรมจ้า มีแต่คณะจิตรกรรมเน้อ~
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 23-02-2016 00:38:17
เฮ้ออออออ สู้ๆนะ พี่โป๊ะ น้องวิน  :mew2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2016 08:14:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 23-02-2016 08:42:29
ใจเย็นๆนะวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 23-02-2016 09:05:55
อึนๆ หน่วงๆ  :ruready
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 23-02-2016 14:54:08
เข้าใจวินนะ เหอๆ นั่นสิ ..การสู้กับคนที่อยู่ในความทรงจำนี่ยากที่สุดเลย
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือรู้สึกดีอะไร
ที่จะพูดความรู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่เป็น ..
ที่อิจฉาคนในความทรงจำออกมาได้หน้าตาเฉย T_T

โมเม้นงี่เง่านี้เราเข้าใจ...แต่อย่าพึ่งเลยย
ถ้าเป็นเรื่องของสองคน อย่าพึ่งหาคนมาเพิ่มให้ยุ่งกันเข้าไปอีกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-02-2016 16:36:34
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-02-2016 16:52:44
โปร ไหงปล่อยมือจากวินง่ายนักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-02-2016 17:35:51
เฮ้ออออ. ทะเลาะกันอีกแระ. มีมือที่สามเข้ามาอีก. พร่โป๊ะทำไมปล่อยวินไปง่ายๆแบบนี้อะ
ร้องไห้หนักมาก บอกเลย  :o12:  :o12: :o12: :o12:
ค้างมาก มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 23-02-2016 18:12:57
รู้สึกเหนื่อยแท้ความรักของสองคนนี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-02-2016 22:11:07
วินคิดเยอะไปเปล่า  :confuse: :confuse:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 28-02-2016 00:02:42
เฮ้ออออออออออ ถอนหายใจสิบตลบ นอนไม่หลับด้วยดิ
หน่วงอ่าาาาาาา ต้องติดอยู่ในหัวไปอีกนานเท่าไหร่ล่ะเนี่ย ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-03-2016 00:28:31
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 32


นายโยธาคนนี้ เป็นเด็กซิ่ว
ใช่ครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมได้ยินผิดไป และคิดว่าเขาเป็นเด็กซิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคำสุภาพของเด็กแว้น แต่เขาก็ยืนยันกับผมอีกหลายๆ รอบว่าเขาเป็นเด็กซิ่ว
ตอนแรกเอนท์ม.เชียงใหม่ แล้วก็ไม่ไป ไม่ถูกใจหรือยังไงก็ไม่รู้ ก็เอนท์ใหม่ มาคิดที่ม.ในเมือง ย่านอโศก แต่ก็ไม่ถูกใจอีก จนมาเอนท์รอบสุดท้าย ก็ติดที่แถวนี้
ชีวิตเขาดูน่าสนุกดี แต่นายโยธาคนนี้กลับบอกว่าน่าเบื่อ ไร้สีสันอย่างสิ้นเชิง
งานอดิเรกของเขาก็คือวาดภาพ แต่ผมไม่ได้ขอดูฝีมือเขาหรอกนะครับ และก็ไม่คิดจะรับรู้ด้วย
เขายังคงตื๊อให้ผมเป็นแบบวาดรูปให้ วาดจากรูปถ่ายก็ได้ แต่ผมปฏิเสธทุกอย่าง และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดใจผมด้วย
เรานั่งกันอยู่ในผับกึ่งร้านอาหาร ร้านนี้มีเบียร์เยอรมันและเบียร์เบลเยียมป็นจุดขาย และอาหารเลิศรสเป็นเครื่องเคียง ผมก็เลยค่อนข้างขรึมลงเพราะผมไม่ใช่สายเบียร์ ดื่มไป 10 กว่าเหยือกก็แทบไม่อยากขยับปากพูดแล้ว จริงๆ แล้วสมองไม่สั่งการแล้วต่างหาก
การเที่ยวเพื่อผ่อนคลายของผมวันนี้ จึงเป็นการดื่มเบียร์พลางนั่งฟังหนังชีวิตของนายโยธา
แต่พวกเราไม่ได้ดื่มกันแค่ 2 คนหรอกครับ นายโยเรียกเพื่อนมาแจมด้วย เขาถามผมก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็แค่บอกว่า แล้วแต่เท่านั้น
“พี่วิน ตอบผมได้รึยัง เลิกกับแฟนแล้วใช่มั้ยครับ”

“.................” ปากเสียชิบหาย จะเลิกได้ไง ไม่เลิกเว้ย! นี่เรียกแฟนกันได้แล้วรึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ

“เลิกๆ ไปเถอะ ยักษ์นั่น ดูดิ ทำพี่เสียน้ำตาแท้ๆ ไม่เห็นมาง้อเลย”

“..................” ก็ใช่ ตัวไม่มา แต่ข้อความเด้งหาจนคล้ายๆ ว่าโทรศัพท์จะรับไม่ไหวแล้ว ผมหันมองหน้าเขาด้วยตาปรือๆ นายโยยื่นยิ้มให้ใกล้ตามาก ซึ่งระยะใกล้ขนาดนี้ผมมองไม่เห็นอะไรหรอกครับเพราะหลับตาหนีแล้ว

“เฮ้ยโย คุยกับพวกกูมั่งก็ได้”
“แล้วเพื่อนมึงเอาไรอีกมั้ย” คนที่ถามเป็นเพื่อนของโยครับ ถึงจะบอกสถานะว่าเป็นเพื่อน แต่ก็ต้องเป็นรุ่นน้องโยอยู่แล้วเพราะโยซิ่วมา 2 รอบ ผมไม่รู้ว่าเขาหันไปตอบอะไรเพื่อน เพราะแค่เขาหันหน้าไปทางอื่นผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว เพราะว่าเสียงดนตรีดังกลบทั้งร้านเลยครับ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมกอดไว้กับตัวเอง จะเอาไว้ตอบพี่โป๊ะ ถ้าถูกจี้ถามหนักๆ ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์
ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง แต่เพราะเป็นเขาที่โทรมา ผมก็เลยไม่อยากรับสาย
ไม่ใช่ว่าโกรธเกลียดเขานักหนา แต่ผมไม่รู้ว่าควรพูดกับเขาว่าอะไรดี ไม่รู้ว่าจะชวนคุยเรื่องไหนดี เพื่อให้เกิดความไหลรื่นระหว่างบทสนทนา และเอื้อให้ผมพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาได้อย่างไม่เคอะเขินเกินไป
ผมผิดเองแท้ๆ ที่ไปลงอารมณ์โครมครามใส่เขาแบบนั้น
นายมือโปรไม่ได้ผิดอะไร เขาก็คือเขา คือผู้ชายคนเดิมของผม คนที่พึ่งพาได้ทุกเรื่อง ดีกับผมทุกอย่าง ตามใจผมตลอด ไม่เบื่อผม และไม่น่าจะหลอกลวงอะไรผม ข้อเสียของเขามีแค่อย่างเดียว คือเขาอาจจะไม่ได้รักผม

ทุกวันนี้ที่ดีต่อกัน หากว่ามันเป็นเพียงความชอบ ความอาทร ความสงสาร
ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่ได้เพียงเพราะความรู้สึกเหล่านี้
ผมต้องการมากกว่านี้มาก มาก มาก....มาก
ผมต้องการให้เขารักผม.....คนเดียว

โลกนี้ กฎที่ใช้ได้เสมอก็คือ ถ้าอยากได้ ก็ต้องให้ก่อน
แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจนักว่า สิ่งที่ผมพอจะให้เขาได้ มีมันค่าเทียบเคียงกับความรักที่อยากได้จากเขารึเปล่า

นายมือโปรตัวใหญ่มาก มือใหญ่มาก หัวใจก็คงใหญ่มาก
แม้เขาให้ผมใจแค่เสี้ยวเดียว ความรักมันก็คงล้นเอ่อเจ่อนองเหมือนน้ำในคืนวันเพ็ญแล้ว แต่ผมก็ใจแคบมากเสียจนไม่ยอมให้เขาเก็บใครอีกคนไว้ในอีกเสี้ยวใจไม่ได้
ถ้าจะให้ผม ก็ต้องให้ทั้งหมด
ถ้าให้ได้ไม่หมด ผมก็ไม่รับอะไรทั้งนั้น


“พี่วิน กินอะไรอีกมั้ย”

“เบียร์อีกเหยือก”

“เฮ้ยพี่! ดูแล้วพี่ไม่น่าจะไหวนะ”
“บอกที่อยู่กับผมไว้ก่อนเลยนะ เมามากจะได้ไปส่งถูก”

“....................” ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็มีคนแจ้นมารับเอง ถึงนายมือโปรจะไม่ตามมาง้อคนงี่เง่าอย่างผม คนที่อิจฉาได้กระทั่งผี ผมก็ยังมีลุงสมาน ระหว่างที่นายโยธาหันไปพูดคุยสนุกสนานกับเพื่อนของเขา ผมก็ส่งข้อความหาคนขับรถ บอกว่าอยู่ไหนและให้มารับกี่ทุ่มกี่ยาม ลุงสมานไม่เคยเอาเรื่องที่ผมดื่มจนเมามายไปฟ้องป้าสุอยู่แล้ว แต่รายนั้นก็จับโกหกของผมกับลุงสมานที่ช่วยกันปั้นน้ำเป็นน้ำเหลวได้ทุกครั้งไป

“พี่วิน”
“ทำไมดื่มเบียร์เป็นน้ำเปล่าแบบนี้อ่ะเฮ้ย พี่เฮิร์ตมากหรอ รักเขามากหรอครับ”
“พี่วิน”

“อือ...คงงั้น”
“ไม่งั้นคงไม่เป็นงี้”
ผมตอบเท่าที่สมองจะเชื่อมโยงเหตุผลได้ นายโยยื่นหน้ามาใกล้อีกหน เขาจ้องตาผมอยู่นาน จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยที่ขอบตา

“น้ำตาพี่เยอะจัง”

ผมไม่ได้ร้องไห้เสียหน่อย ก็แค่ตาฉ่ำเกินไปเท่านั้นเอง
ผมหันหน้าหนี ถอนหายใจเป่าลมร้อนๆ ออกจากปากพลางดึงโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมอง
ไลน์ 200 ข้อความ
มิสคอล 50 สาย
นายมือโปรทั้งนั้น

อืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ที่กำลังจ้องอยู่ขยับตัวราวกับเต้นระบำ ผมมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
ProP
ผมเมมชื่อเขาไว้แบบนี้ ใครไม่รู้ก็คงคิดว่าเพื่อนที่ชื่ออสังหาริมทรัพย์โทรมา
และครั้งนี้ ผมตัดสินใจรับสาย
ทันทีที่ผมรับ เสียงเขาก็ตะโกนแทรกเสียงดนตรีสดออกมาเขย่ารูหูผม คำที่จับใจความได้ก็คือ ‘อยู่ไหน!’
เสียงเขาดูอารมณ์เสีย อารมณ์เสียมาก แต่ช่างเถอะ ผมก็อารมณ์เสียเหมือนกัน

“ผับ”

“กับใคร”

“โย”

“ใคร”

“โย”

“ครับ” เจ้าของชื่อหันมาหาผมและรับคำเรียกชื่อ เขาเห็นผมกำลังโทรศัพท์จึงมาแย่งไปพูดเสียเอง

“ลุง! เลิกกวนใจพี่วินได้แล้วเว้ย!” แล้วเขาก็วางสาย ผมล่ะสงสัยว่าหมอนี่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้กี่วัน

เด็กนี่ยิ้มอวดความใจใหญ่ของตัวเอง  เขาคืนโทรศัพท์ให้ผม แล้วก็โน้มตัวมากระซิบข้างหู
“ไม่เป็นไรนะพิ่วิน เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้าน ยักษ์ที่ไหนก็ไม่ต้องกลัว” พูดจบก็หันตัวไปหาทางเพื่อนเขาต่อ

โต๊ะที่ร้านนี้เป็นโซฟาที่โอ่ล้อมให้ทุกคนหันหน้าเขาหากัน แต่ผมเลือกนั่งตรงมุมหัก นั่งลึกลงจนหลังพิงโซฟา ขณะที่คืนอื่นนั่งกันเพียงแค่ครึ่งก้นเพื่อโน้มหาฝั่งตรงกันข้ามได้สะดวกขึ้น

อืดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ผมเต้นระบำอีกครั้ง ProP โทรมาหาอีกเหมือนเดิม และผมก็เลือกจะรับสายเหมือนเดิม แต่ก่อนรับสาย ผมกระดกเบียร์เข้าไปจนหมดแก้วและรินรอตัวเองไว้จนเต็มแก้ว

“ครับ”

“ใครคือโย”

“ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพิ่งเจอ”

“เพิ่งเจอแล้วไปกับมันได้ยังไง”
“อยู่ไหน”

“.................”

“วิน อยู่ไหน บอกพี่มาตอนนี้เลย เร็ว”
“วิน วิน”
“ได้ยินรึเปล่าวิน วิน”

“ได้ยิน” ผมตอบกลับไปเบาๆ ไม่รู้เขาได้ยินรึเปล่า
“แล้วพี่โป๊ะล่ะ อยู่ไหน”

คำตอบของเขาทำให้ผมน้ำตาร่วงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ทั้งที่เกือบเมาแล้ว เกือบไม่ได้สติแล้ว
แต่ผมเขาส่งความจริงที่ผมไม่ได้ต้องการรับรู้มาขยี้สมอง สติผมก็ดีขึ้นมาทันที

“อยู่ร้านกาแฟ ท่าพรอาทิตย์นี่เอง”
“วินอยู่ไหน เดี๋ยวไปรับ”
“เลิกดิ่มได้แล้ว”

“พี่โป๊ะ ทำไมถึงรักขนาดนี้”
“ลืมเขาบ้างไม่ได้หรอ”

“วิน พูดอะไร”

“ทำไมเป็นของวินคนเดียวไม่ได้ ทำไมรักวินคนเดียวไม่ได้”
“ทำไมต้องมีอีกคนที่คอยคิดถึงตลอด”

“วิน ให้พี่ไปรับ แล้วค่อยพูดกันให้รู้เรื่อง”

“ไม่”
“วินไม่เมา วินรับรู้ทุกอย่าง”
“ถ้าเมา วินจะรู้ตัวได้ยังไงว่ากำลังร้องไห้”
“น้ำตาไหลอยู่วินยังรู้ตัว เค็มด้วย” น้ำตาผมเค็มจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้โกหก

“โอเค น้ำตาเค็ม เยี่ยวก็เค็ม ไม่ต้องไปริชิมมันหรอกนะ ทั้งเยี่ยวตัวเองเยี่ยวคนอื่น เข้าใจมั้ยคนไม่เมา”

“อือ”

“อยู่ไหน บอกมา”

“ผับ”

“ก็ที่ไหน”

“แถวนี้”

“งั้นรอ” ผมตัดสาย ผมไม่อยากคุยแล้ว ขนาดบอกว่าร้องไห้เขาก็ยังไม่สนใจ เออสิ ผมมันยังไม่ตายนี่! ผมต้องตายก่อนใช่มั้ยเขาถึงจะระลึกถึงอย่างโหยหาถึงขั้นสร้างอนุสรณ์รักระหว่างเราให้ด้วย
ไอ้เหี้ย ไอ้เลว ทำกูร้องไห้ได้ยังไง ไอ้ชั่ว
ฮือออออออออออออออออออออออ
สุดท้ายผมก็ปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร ใครถามอะไรผมก็ไม่พูด พอนึกได้ว่าคนมองเยอะ แล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมามองหน้าผม ผมก็ก้มหน้าทำน้ำตาหยดอยู่คนเดียวเงียบๆ ยกเหยือกเบียร์ดื่มคนเดียว
นายโยพยายามถามอะไรตั้งมาก แต่ผมไม่ตอบอะไร เอาแต่ดื่มเบียร์ ดื่มเบียร์ แล้วก็ดื่มเบียร์ ดื่มจนรู้สึกแน่นไปทั้งอก ร้อนไปทั้งตัวผมก็ยังดื่ม

“พี่โป๊ะ” จนเมื่อผมยกหัวตัวเองไม่ไหว ขยับตัวไม่ได้เพราะอยากอ้วกเต็มที ผมก็เรียกหาคนที่ผมเรียกจนชินปาก อยู่ใกล้จนชินกลิ่น ฟังเขาพูดจนชินเสียง ชอบเขาจนชินใจ แต่ผมคงไม่มีเขาแล้ว ผมทำตัวงี่เง่าใส่เขา ผมอิจฉาคนที่เขาทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วง เขาอาจซื้อเรือนหอกงเต็กเตรียมไว้เผาไปพร้อมกับร่างของเขาก็ได้ ผมสู้ไม่ได้กระทั่งคนที่ตายไปแล้ว ทำไมผมถึงได้ไร้ค่าขนาดนี้
“พี่โป๊ะ”

“พี่วิน พี่ไหวมั้ย”

“พี่โป๊ะ ฮึก วินขอโทษ”
“วินขอโทษ วินจะไม่ว่าผีของพี่อีกแล้ว วินขอโทษ”
“อย่าเบื่อวินนะ อย่าเกลียดวินเลย วินขอโทษ”
“โอม พี่มึงเกลียดกู พี่มึงเกลียดกูแล้ว”
“ไม่มีใครรักกูแล้ว”

“กูรักไง บอกไปตั้งกี่รอบแล้วไอ้ยุ่ง!”

“อื๋อ!”  ผมสำลักอาการครวญคราง ตัวผมถูกดึงให้ยืนขึ้นทั้งที่ยืนได้ตรงสุดก็ประมาณ 45 องศา

“จำได้มั้ยนี่ใคร” คนที่หิ้วปีกผมไว้ถาม มือใหญ่บีบแก้มผมจนขยับพูดไม่สะดวก

“พี่โป๊ะ”

“อืม พี่โป๊ะของวินไง”
“มารับแล้ว กลับบ้านได้รึยัง”

“ไม่ พี่โป๊ะเกลียดวิน พี่เกลียดวินแล้ว พี่จะตายไปกับกงเต็กเรือนหอ กงเต็กร้านกาแฟ กงเต็กเหี้ยๆ”
“ม่ายยยยยยยยยย วินเสียใจ”

“..............” คนตรงหน้าผมขมวดคิ้วใส่ เหมือนเขาจะยิ้มขำแต่ก็ได้หัวเราะออกมา

“พี่โป๊ะเกลียดวิน เกลียดวิน”

“พอแล้วไอ้ยุ่ง”
“น้อง ค่าเบียร์”
“ขอบใจที่ไม่พาไปไกล”

“เฮ้ยพี่! พี่วินเขาเลิกกับพี่แล้วนี่”
“เฮ้ยพี่ เอาพี่วินมา”

“ไปไกลๆ เลยไอ้เด็กนี่”
“ให้รู้ที่ต่ำที่สูงมั่ง นี่แฟนกู”
“วันนี้ไม่อยากมีเรื่องนะ อย่าเยอะ ให้นั่งมองหน้าตั้งหลายชั่วโมงนี่ก็สึกพอแล้ว หลบดิ!”

พี่โป๊ะแน่ๆ ปากเหี้ยแบบนี้คือพี่โป๊ะแน่ๆ
แต่ใช่แน่หรอ ก็เขาเกลียดผมนี่ ผมโมโหใส่เขา ผมนิสัยไม่ดีเรียกร้องให้เขาลืมคนที่เขารักเพื่อมารักผมคนเดียว
ผมทำตัวแย่ ไม่มีใครรักผมหรอก
ผมไม่ค่ากับใครเลย....สักคน
น้ำตาผมไหลอีกแล้ว เช็ดเองก็ยังไหล เขาเช็ดให้ก็ยังไหล
เดินเองแทบจะไม่ไหว แต่ทำไมน้ำตามีแรงไหล อะไร งงไปหมดแล้ว
นี่ผมจะไปไหน ผมเดินไปกับเขาทำไม นี่ใคร?

“พี่โป๊ะ”

“อือๆๆๆ พี่เอง พี่โป๊ะของวิน”
“อีกนิดก็ถึงรถแล้ว เดี๋ยวจะได้นอนนะ อย่าเพิ่งดื้อนะ”

“ไม่ไม่ วินไม่ดื้อ”
“ไม่ วินดื้อไปแล้ว วินขอโทษ”

“ครับครับ วินขอโทษแล้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไม่อายพี่หรอ”

“ไม่ อายทำไม ไม่ได้แก้ผ้า”
“วินแก้ผ้ามั้ย ไม่”
“พี่โป๊ะแก้ผ้า”

“ไม่มีใครแก้ผ้าทั้งนั้นแหละ ไอ้ยุ่งเอ้ย อย่ายั่ว”

“ไม่ยั่ว”
“อืมจะอ้วก”

“จะอ้วกหรอ แป๊บนะ ในรถมีถุง”

“ไม่ แหวะ”

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!”
“วิน วิน มานี่”
“อย่าดื้นดิวะ”
“วิน รถ! ไอ้เหี้ยมอเตอร์ไซค์ ไม่เห็นแฟนกูรึไง ไอ้ควาย!”
“วินวิน ใจเย็น”
“รถแล้ว รถ”
“ก้มหัว ก้ม โก้มมมมมมมมมมมมม”
“โอเค นอนนะ”
“โอเค นิ่งรึยัง”
“อ้วกมั้ย ไหนบอกจะอ้วกไม่เห็นอ้วก”
“วิน”
“วิน”
“วินครับ.....”
“....วิน”

ผมได้ยินทุกอย่าง แต่ผมแปลความหมายอะไรไม่ได้เลย
คนนี้ดูแลผมดีจัง ไม่ดุผมเลย ไม่ว่าผมด้วย ลูบหน้าผมด้วย เช็ดน้ำตาผมด้วย
แสงไฟในรถเป็นสีเหลืองๆ แต่หน้าเขาดูสว่างอยู่ตรงหน้าผม
เขาเป็นเทวดารึเปล่า ผมขอพรได้มั้ย
ผมจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ขัดใจใครเลย
ใครให้ทำอะไรผมก็จะทำ ให้ไปไหนผมก็จะไป
พรที่ผมขอ มีแค่ข้อเดียว ผมพูดได้มั้ย
พูดได้เลยรึเปล่า ต้องรอเทวดาบอกให้พูดมั้ย
แล้วถ้าเทวดาหายไปล่ะ ผม...เทวดาก็เกลียดผมเหมือนกันสินะ

“วิน ร้องไห้ทำไม”

“ขอ..อย่างเดียว”

“อะไร”

“ให้เขารักวิน”
“คนเดียว”



#### @ D A W N  #####


เช้านี้เหมือนโดนกระทืบรัวๆ เลยครับ
ผมปวดไปทั้งตัว โดยเฉพาะแขน รู้สึกเหมือนผ่านการโบกแขนไปมาอย่างบ้าระห่ำสักล้านรอบได้
ที่รู้สึกทรมานถัดมาก็คือคอ ลำดับที่ 3 คือหนังตาครับ
เมื่อคืนนี้ผมไปแกงค์ช่างกลตีกันมารึไงวะ ทำไมดูโทรมไปทั้งร่างแบบนี้

“ตื่นแล้วหรอไอ้ยุ่ง”

ผมค่อยๆ หันหน้าไปหาคนทีก
ผู้ชายตัวสูง ลุคเลวๆ เหี้ยๆ ในสภาพเสื้อยืดกางเกงนอน ยืนถือถ้วยกาแฟพิงประตูห้องนอนผม
ผมหันกลับมานอนท่าเดิม จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงอาทิตย์แยงตาเต็มผืนฟ้า
ชิบหาย นี่ไม่เช้าแล้วนี่หว่า
ผมค่อยๆ ขยับตัวลุก ผ้าห่มหลุดออกจากหัวในจังหวะช้าๆ ผมเลยได้เห็นผิวพุงตัวเองทีละนิดทีละนิด
แล้วทำไมผมไม่ใส่เสื้อนอน?
เดี๋ยวๆ เมื่อคืนนี้ผมนอนยังไง?
ผมไปดื่มมา อืม ใช่ แล้วไงต่อ
น่าจะเมา...อืม...เมาแหละ มากด้วยล่ะมั้ง อืมมมมมม แล้วผมนอนยังไงวะ?

“วิน” เขาเรียกอีกครั้ง ผมก็เลยหันหน้าไปมองอีกหน รอบนี้คนจิบกาแฟไม่ได้ยืน แต่ขยับมานั่งอยู่บนเตียง เขาวางมือบนหน้าผากผมทันทีที่ผมเงยหน้ามอง
“เป็นไข้มั้ย?”

“ไม่....ไม่รู้เหมือนกันครับ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็น”
“เออพี่โป๊ะ”

“หือ?” เขาขานรับเหมือนเดิม ท่าทางสบายๆ ดูแล้วไม่เหมือนคนมีเรื่องตะขิดตะขวงใจกันเมื่อวาน
เออ ใช่
เมื่อวานผมกับเขาแง่งๆ กันอยู่ แล้วผมก็เลือกจะทำตัวกวนส้นตีนใส่เขาด้วยการไปดื่มกับผู้ชายอื่น.....ทำไมผมดูแรดจัง
แล้วจากนั้นผมก็เมา อืม เมามากด้วย แต่ก็เหมือนจะเห็นเขา
หรือว่าเมื่อคืนพี่โป๊ะไปดื่มด้วยวะ? ไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วผมเห็นอะไร? สงสัยจะเมามากจนเห็นภาพหลอน
“อะไรวิน” เขาเร่งเร้า ผมก็เลยถามสิ่งที่ค้างใจขึ้นมาตรงๆ

“เมื่อคืนวินกลับบ้านยังไงหรอครับ เอ่อ.....”
“ลุงสมานมาส่งหรอ?”

“วินบอกให้ลุงเขารับกลับบ้านหรอ?”

“ก็...ตอนยังมีสมองคิดอะไรได้ วินส่งข้อความไปบอกว่าดื่มอยู่ร้านไหน”
“เออพี่โป๊ะ”

“หืม” ถามดีมั้ย? หรือวควรปล่อยผ่านไปเลย ทำเป็นไม่สนใจ ไม่พูดถึงอีกอาจจะดีกว่า ผมไม่อยากถูกเมินเพราะเรื่องของผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว
“อะไรวิน”

“คือ....” แต่มันอยากถามอ่ะ!
“เรื่องเมื่อวาน วิน”

“ไปล้างหน้าเถอะ เกือบเที่ยงแล้ว ท้องมันคงร้องจนปากฉีกแล้วว่าหิวข้าว”
“พี่ทำข้าวต้มขิงเอาไว้ ช่วยได้”
“จะได้ทำไอเอสต่อ”

“อ่อ....ครับ” คงไม่อยากให้จาบจ้วงถึงนางในใจล่ะมั้ง ผมเม้มปากเก็บความรู้สึกสลดเศร้าเอาไว้ แต่ทำไมถึงได้รู้ว่าผมเศร้ามาเกินพอแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เอ่อพี่โป๊ะ”

“หือ?”

“แล้วนี่จะเที่ยงแล้ว พี่โป๊ะไม่ไปทำงานหรอครับ หรือวันนี้วันหยุด นี่วินแฮงค์แล้วหลับยาวขนาดนี้เลยหรอ? เฮ้ย!”

“เพ้อแล้ว วันนี้พี่หยุด จริงๆ ก็ไม่ได้หยุดหรอก แค่ไม่ได้เข้าออฟฟิศไหนทั้งนั้น”
“อยากอยู่กับวิน”

“อ่อออ ... ครับ” เขินๆ แฮะ ผมไม่รู้ว่าเขาแค่หยอกเล่น แหย่เล่น หรือหมายความตามที่พูดจริงๆ แต่ผมอยากจะเชื่อว่าเขาอยากอยู่กับผม เพราะผมก็อยากอยู่กับเขาเหมือนกัน
“อื้อพี่โป๊ะ”

“อะไรอีกไอ้ยุ่ง”

กูรักไง บอกไปตั้งกี่รอบแล้วไอ้ยุ่ง!

ทำไมถึงรู้สึกเดจาวูแบบนี้
หรือว่าชาติที่แล้ว ผมกับนายมือโปรจะทำกรรมร่วมกันไว้ เลยต้องมาเดินตามรอยเท้าตัวเองในอดีตอย่างซ้ำซาก และถ้ามันจริงอย่างที่ผมคิดเพ้ออยู่นี่ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ากรรมในอดีตของผมและเขา จบลงที่ตรงไหน

“วิน....ไม่หายมึนหัวหรอ?”

“พี่โป๊ะ”

“อื้อ”

“เมื่อคืน....วินจะถามใครได้บ้างว่าวินทำตัวเละเทะอะไรไว้บ้าง”
“คือ....วินไม่ถูกกับเบียร์เท่าไหร่ เมาง่ายมาก แต่ก็ดื่มไปเยอะ”

“แล้วดืมเยอะทำไม กลุ้มอะไร”

“......................” กลุ้มเรื่องคุณมึงไม่รักกูนี่แหละ ผมแค่คิดนะครับ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าฟังเหตุผลที่เขาอาจหยิบยกมาเบี่ยงความจริง

“ว่าไงหือ?”
“วินกลุ้มอะไรถึงต้องดื่มหนัก”

“พี่โป๊ะเถอะ แยกจากวินตอนหัวค่ำก็กลับบ้านเลยหรอ”

“เปล่า พี่อยู่ที่ร้านกาแฟ” อ่อ รำลึกความหลัง ใช้เวลาอยู่กับความทรงจำสีหม่นๆ สินะ รักคนบ้ารักคนอื่นมันแย่แบบนี้นี่เอง ผมพยักหน้ารับรู้

“วันนี้วินจะไปท่ามหาราชอีกนะครับ เผื่อเจอโย อยากรู้ว่าเมื่อคืนทำแย่อะไรไว้บ้าง วินปวดไปทั้งตัว เจ็บคอ เจ็บตาด้วย ไม่รู้ไปรุมกระทืบใครหรือโดนใครกระทืบมาบ้าง จะได้เอาคืนถูก”

“อือ โอเค พี่ก็จะไปร้านกาแฟเหมือนกัน”

ผมเกลียดร้านนั้นแล้วจริงๆ นะครับ
เกลียดอดีตเขา เกลียดลูกแพร์ของเขา เกลียดความทรงจำทรงคุณค่าของเขา เกลียด!

“เป็นอะไร” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นผมยืนมองหน้าเขานิ่ง ผมไม่ตอบอะไร แต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ดูแลตัวเองตามระบบระเบียบที่ทางบ้านวางรากฐานนิสัยรักสะอาดไว้ให้ เสร็จแล้วก็ลงมาข้างล่าง เจอนายมือโปรตักข้าวต้มใส่ขิงใส่ชาม

“มาสิ”

“เดี๋ยววินไปกินข้างนอก”

“ทานที่บ้านนี่แหละ เร็วเข้าวิน”

“พี่โป๊ะ ไม่ต้องทำดีกับวินนักหรอก”
“คือ...พี่อาจจะยังหลอกตัวเองได้ แต่พี่หลอกวินไม่ได้หรอก”
“พี่โป๊ะไม่ได้รักวิน หยุดทำดีกับวินจนวินรักพี่แล้วพาลคิดอะไรแบบคนไม่ดีเถอะครับ” ในที่สุดผมก็บอกออกไปตรงๆ ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ใช้ดูอ้อนวอนมั้ย แล้วเขาจะใจอ่อนยอมปราณีผม เลิกเล่นตลกร้ายกับผมรึเปล่า

“มาสิ ข้าวต้มกำลังอุ่น”

“พี่โป๊ะ พอเถอะ”
“พี่อาจจะไม่เหนื่อย แต่วินเหนื่อย”

“วินครับ ทานข้าว”
“แล้วฟังพี่”

“ฟัง? วินจะได้ฟังอะไรหรอครับ”

“ความรักของพี่ กับแพร์”

หึ! ผมขมคอขึ้นมาดื้อ รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวๆ หนังที่ว่าหนักๆ กระพริบทีก็เจ็บที่ร้อนวูบขึ้นมาดื้อ
หรือว่าผมกำลังจะร้องไห้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าผมร้องไห้มามากแล้ว ผมไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว

“ถ้าวินไม่ฟังล่ะครับ”

“เราก็คงรักกันไม่ได้สักที”
ผู้ชายคนนี้ตอบ

โอเค....ผมคงเลี่ยงไม่ได้ หลีกไม่พ้น ซื้อเวลาไม่ได้ ยื้อเวลาคงยิ่งลำบากใหญ่
สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ เพื่อความรักของที่ยังเป็นลุ้นเละๆ ไร้รูปร่าง ก็คือการนั่งฟังบันทึกรักที่แสนจะหวานชื่นของนายวารินทร์และผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจ
เมื่อฟังบันทึกรักที่กรีดใจผมจนเจ็บจนต้องร้องไห้ทั้งที่ไม่ชอบร้องไห้เลย จบแล้ว ผมคงได้เช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายที่จะเสียให้กับความรักที่พังไม่เป็นท่า และจากนั้นเราก็คงจากกัน
เขาคงอยากให้จากกันด้วยดี ไม่อยากให้ผมมีความรู้สึกไม่ดีต่อผู้หญิงของเขาติดอยู่ในใจ
ผมรักเขานะ ถ้าการนั่งฟังเขาพล่ามถึงผู้หญิงคนอื่นคือสิ่งที่เขาปรารถนาให้ผมทำ ผมก็จะทำ

“ครับ วินจะฟัง เราจะได้จบกันสักที”





Cut



รวดเร็วอะไรเช่นนี้
อย่าโกรธวินนะพี่โป๊ะ อย่านอยด์พี่โป๊ะนะวิน
ไว้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-03-2016 01:01:25
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-03-2016 09:25:27
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 02-03-2016 09:56:14
ค่อยๆคุยกันนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 02-03-2016 10:13:30
เอาจริง วินแม่งน่าตรบให้สมองไหล จะพูดจะถามอะไรก็ไม่ทำ เอาแต่คิดเองเป็นนางเอกละครน้ำเน่า :z6: พี่โป๊ะของเราก็ลีลาเหลือเกินกว่าจะอธิบาย นี่ถ้าไม่รักพี้โป๊ะนะเราด่าไปแล้ว555 พอดีอยู่ #ทีมพี่โป๊ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-03-2016 10:40:13
วินเด็กคิดมาก
ร้านกาแฟพี่โป๊ะน่าจะตั้งใจทำเพื่อวินเลยอยากให้วินเห็น
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 02-03-2016 10:55:03
คิดเองเออเองเสร็จสรรพ ให้มันได้งี้สิ โป๊ะน่าจะจับตีตูดให้เข็ด
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-03-2016 12:01:56
วินฟังพี่โป๊ะก่อนเถอะน๊าาาา
แกจะได้ไม่ไปไล่กัดคนอื่น 555555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-03-2016 12:59:47
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-03-2016 15:25:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2016 15:45:24
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....วินนนนน ตอน 32(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 02-03-2016 17:14:47
วินนนนน!!! ทำไมหนูชอบคิดไปเองล่ะลูก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-03-2016 23:34:15
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 33


“พี่กับแพร์ ไม่ได้รักกัน” เขาเปิดประโยคบอกเล่าเข้าหูผม ผมได้แค่พยักหน้าหงึกเพราะเขาไม่ยอมพูดอะไรต่อเสียที นายมือโปรยื่นน้ำเปล่าให้ผมดื่มอีกอึก ยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผากทั้งที่เมื่อ 5 นาทีที่แล้วก็เพิ่งทำแบบนี้ไป ผมขยับหนีนิดเดียว แล้วก็ปล่อยให้เขาเอื้อมมือมาถึง เขาดูพอใจที่ผมไม่ป่วยไม่ไข้

“แล้วยังไงล่ะครับ” ผมถามต่อเพราะอดใจรอไม่ไหว นายมือโปรหัวเราะใส่นิดหน่อย เขาวางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะกระจกหน้าทีวี เรานั่งกันอยู่บนโซฟาตัวนิ่มที่ตั้งอยู่หน้าทีวีจอแบนใหญ่ๆ ซึ่งไม่ค่อยถูกใช้งานนัก

“จบแล้ว”

“จบ?” หน้าผมคงเหลอหลามาก นายมือโปรถึงได้ยิ้มยิงฟันเตรียมหัวเราะแบบนี้
“บ้าพี่โป๊ะ”
“จบได้ไง!”
“ก็....ก็พี่โป๊ะรัก....เขาไม่ใช่หรอ” ผมรวบประโยคให้เร็วขึ้นเมื่อต้องพูดถึงผู้หญิงคนที่ผมอิจฉา

“ก็รัก แต่พี่ก็บอกเพิ่มแล้วเมื่อกี้ไงว่าไม่ได้รักกัน”
“วิน....มันจบแล้ว”

“................” อะไรวะ? แค่นี้น่ะหรอ ไม่ยุติธรรมอ่ะ ไม่ยุติธรรมเลย เขาแก้ปัญหาได้แย่มาก ไม่เคลียร์!

“งั้นเอางี้ วินอยากรู้อะไรก็ถามพี่ เหมือนที่พี่อยากรู้อะไรก็ถามวิน พี่ไม่เคยคิดเองเออเองเลย”
“เออ ก็เว้นเรื่องที่คิดเหมาว่าวินมีแม่ยกเลี้ยง แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว”

“ก็ได้ พี่ให้วินถามเองนะ”
“พี่โป๊ะยังรักนั่นอยู่รึเปล่า”

“นั่นคืออะไร ดีๆ”

“ก็นั่น”

“อะไรล่ะ”

“ก็ผีไง”

“ช่วยเรียกชื่อเขาเหมือนที่เรียกคนอื่นหน่อยเถอะ มาผงมาผี”
“แพร์ ออกเสียงง่ายๆ ไม่ต้องกระดกลิ้นด้วย อ่ะ เร็ว”

“...........”

“แพร์”

“เออเออ!”
“พี่โป๊ะรักแพร์รึเปล่า”

“รัก”


“นั่นไง แล้วจะมาบอกจบแล้วได้ไง”
“แล้วพี่มาบอกรักวินได้ไง มาบอกให้เราเป็นแฟนกันต่อหน้าไอ้โอมได้ไง พี่จูบวินได้ไง นอนกอดวินอีก พี่ปั่นหัววินทำไม!”
“พี่โป๊ะแม่งเหี้ย ทุเรศชิบหาย แย่ เลว”

“โห เป็นชุดเลยหรอ?”
“ให้พี่พูดให้จบก่อนดิ”

“พูดไรอีก ก็พี่โป๊ะรักแพร์อยู่ แต่พี่โป๊ะกลับมาทำเหมือนรักวิน”

“พี่ไม่ได้ทำเหมือนรักวิน ก็พี่รักวินจริงๆ”

“แล้วแพร์ล่ะ”

“ก็แพร์เสียไปแล้วนี่”

“งี้วินก็เป็นที่สองดิ”
“ถ้าเขาไม่ตาย พี่ก็ไม่รักวิน”

“งั้นถ้าแฟนวินไม่ฆ่าตัวตาย วินก็ไม่รักพี่เหมือนกัน วินไม่เลวหรอ? ไม่เหี้ยหรอ”

“ไม่ วินไม่เคยรักริน”

“งี้วินก็เหี้ยกว่า คบกับเขาทั้งที่ไม่ได้รักเขา ว่าไง”

“ไม่ วินไม่เหี้ยกว่าพี่โป๊ะ”

“ไอ้ยุ่งเอ้ยยยยยย!” เขาพักรบกันทางวาจาแล้วโน้มตัวมาขยี้หัวผม จับเขย่าๆ เหมือนเขย่าขวดยา

“เอ้ย! ปล่อย!” ผมรู้สึกมึนหัวมากเกินไปแล้วผมก็ปัดแขนเขาออก
“ก็จริงนี่ วินก็แค่ไม่อยากขัดใจผู้ใหญ่ แล้วก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร ให้คบก็คบ คบได้ก็คบ คบไม่ไหววินก็บอก”

“หึ!”
“นี่ก็อีกเรื่องที่ต้องดัดนิสัยกันนะไอ้ยุ่ง”
“โอเค เคลียร์กันให้จบดีกว่า”
“พี่ไม่อยากทะเลาะกับวินนานๆ ไม่อยากเห็นวินเป็นแบบนั้นอีก ถึงมันจะดีใจก็เถอะ”

“อะไร? พูดไม่รู้เรื่อง” ผมเหล่ตาแข็งๆ มองเขาแล้วก็หันหน้ากลับ ผมกลัวใจอ่อนยอมเชื่อน้ำคำเขาไปหมดทุกอย่าง ผมต้องตั้งปราการเอาไว้ เวลาโดนอะไรกระแทก ใจจะได้ไม่เจ็บที่สุด

“พี่รักแพร์ ใช่ เรื่องจริง ใครๆ ก็รู้”
“แต่ที่ใครๆ ไม่รู้ คือพี่สงสาร แล้วตอนนั้นก็คิดว่า ถ้าเขาไม่มีใครจริงๆ ถ้าไอ้หนึ่งมันรักผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆ พี่ก็จะดูแลให้เอง ไงๆ พี่ก็ยังไม่เจอคนที่ทำให้หัวหมุนติ้วๆ อยู่แล้ว”
“พี่ก็ลุ้นให้พวกเขารักกัน แพร์จะได้สมหวังสักที เขาเป็นคนที่รักไอ้หนึ่งได้แบบน่ารัก เป็นเด็กดื้อนิดๆ แต่ก็เป็นเด็กดี ถ้าลงเอยกับไอ้หนึ่งได้ก็คงดีมากๆ พีชเองก็คิดเหมือนกัน ตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดกันหรอกว่าแรงเชียร์เพื่อนๆ แรงลุ้นเพื่อนๆ จะทำให้ไอ้หนึ่งมันหนีหลังชนฝา และทำให้แพร์รับความจริงไม่ได้”
“เขาตาย มันก็ความผิดพี่เกินครึ่ง พี่ก็เลยปล่อยความรู้สึกรักของเขาไม่ได้สักที”
“เข้าใจพี่มั้ย”

“.....................”

“คนตายพูดไม่ได้ พี่จะพูดอะไรก็ได้ ไอ้หนึ่งก็คิดแบบนั้น ก็เลยไม่มีใครอยากพูดเรื่องที่เกี่ยวกับเขาอีก”
“แต่พี่พูดความจริงนะ แม้วินจะไม่เชื่อก็เถอะ”
“รักแบบที่อยากครอบครองเอง ทำให้สุขด้วยมือพี่เอง ทำให้อุ่นด้วยอกพี่เอง ก็มีวิน...คนแรก”
“มันต่างกันกับความรักที่ให้แพร์”
“ไงดีล่ะ กับเด็กคนนั้น ก็เหมือนรักและหวังดี เหมือนพี่ชายอยากให้น้องสาวสมหวัง อยากให้ได้อยู่กับคนที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร พี่เลี้ยงเองได้ อะไรทำนองนี้แหละ”

“พี่โป๊ะเคยอยากจูบแพร์มั้ย”

“ไม่อ่ะ มันก็ไม่ได้น่าหลงใหลขนาดนั้น ปากดีนักก็แค่ยางดีดให้เจ็บให้เงียบ บางทีเสียงแหวๆ มันก็แสบแก้วหู”

“โหดชะมัด”
“แล้ว... เขาไม่รักพี่โป๊ะเลยหรอ?”

“รักสิ แต่ก็รักเหมือนที่รักพีช รักนำนั่นแหละ”
“เขาเหมือนไข่ในหิน พี่แท้ๆ มีแค่ 1 คน แต่พวกพี่ดูแลเขาทั้งกลุ่มนั่นแหละ และเขาก็ประทับใจไอ้หนึ่งที่สุด”
“ก็ไอ้หนึ่งมันที่หนึ่ง ไม่แปลกใจเลย”

“เคยจับมือเขามั้ยครับ”

“ฮ่าๆๆๆ เอาละเอียดขนาดนี้เลยหรอ?”

“ก็พี่โป๊ะบอกให้ถาม”
“ถามใหม่ก็ได้....”

“เคยดีกับเขามากกวาที่ดีกับวินมั้ย”

“ไม่เคยดีกับใครเท่าวิน”
“พี่นิสัยไม่ดีเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าพี่ไม่แคร์ก็คือไม่แคร์ แต่ถ้าแคร์พี่ก็จะดูแลทุกอย่าง”
“แพร์เป็นผู้หญิงที่พี่ดูแลมากที่สุด เพราะเราใกล้ชิดกันและพี่ก็เห็นความผิดหวังของเขา น่าสงสารนะวิน ผู้หญิงที่ผิดหวังในความรัก”
“แต่ไอ้เรื่อง...เอาตรงๆ ก็ไอ้เรื่องอยากเป็นผัวเขาเนี่ย ไม่เคยคิดเลย”
“เคลียร์มั้ยครับ เข้าใจรึยังว่าเรื่องของพี่กับแพร์คืออะไร”

“ก็....อืม”

“ทีนี้ก็เลิกคิดมาก เลิกคิดเอง เลิกกลุ้มแล้วไปกินเบียร์จนเมาร้องไห้กลางร้านแบบนั้น หน้าไม่อาย”

“อะไร?!” เฮ้ย เขารู้ได้ไง!
หรือว่าลุงสมานบอก? ไม่นะ ลุงแกไม่ใช่คนปากโป้ง หรือถึงจะปากโป้งก็ควรโป้งใส่หูป้าสุมากกว่านายมือโปร

“พี่โป๊ะรู้ได้ไงว่า....”

“ก็พี่ไปหิ้วกลับบ้านมาเอง”
“เมาหนัก! อ้วกเต็มไปหมด”
“หนักกว่านั้นอะไรรู้มั้ย?”

“อะไรครับ” ผมถามเสียงแผ่ว เริ่มไม่อยากรู้แล้วว่าที่หนักกว่านั้นคืออะไร

“วินปล้ำพี่”

“ห๊ะ!”

“ใช่ พี่เป็นของวินแล้ว”

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!”

“มีรูปด้วยนะ”

“เหี้ยยยยยยยยย!!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“พี่ล้อเล่น”
“แรงเท่านั้นจะทำอะไรพี่ได้ หือ?”
“เมาอีกต่างหาก”
“แต่อ้วกนี่เรื่องจริงนะ เต็มรถพี่เลย เมื่อเช้าเพิ่งเอาไปล้างไส้ที่ร้าน เฮ้อออ วินนี่น้า....”
“แต่ก็ดีนะ อย่างน้อยพี่ก็รู้ว่าวินหึง”

“วินไม่ได้หึง”

“วินหึง ยอมรับเถอะว่าอดใจตัวเองไม่ไหวแล้ว”
“พูดมาเลยว่ารักพี่มาก”

“.................”

“แมนๆ คุยกันครับ”
“รักก็บอกรัก พี่ยังบอกวินตรงๆ เลย แค่บอกพี่ตรงๆ น่าอายตรงไหน”

“ก็วินกลัว” ผมพูดความในใจที่ยังไม่กล้าจะยอมรับนัก แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่แวะมาทักทายผมบ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงเรื่องพี่โป๊ะขึ้นมา

“กลัวอะไรครับ”

“กลัวว่าวันนึง พี่โป๊ะก็จะหายไป”
“แล้ววินจะอยู่ยังไง”

“วิน อย่ากลัวว่าอะไรบางอย่างจะเกิดขึ้น จนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เข้าใจมั้ย”

“......จะพยายาม”

“งั้น เราเข้าใจกันแล้วนะ”

“อือ”

“งั้นไปร้านกาแฟกัน”

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย ทำไมต้องร้านกาแฟ ก็พี่โป๊ะทำให้แพร์ไม่ใช่รึไง”

“แต่ตอนนี้มันเป็นโฮสต์เทลแล้วไง”
“นี่ของวินแล้ว ไม่เกี่ยวกับแพร์เลย”

“ห๊ะ?”

สรุป ผมมันโง่เอง ตีโพยตีพาย เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่สนไม่ฟังใคร กลัวเสียงฟ้าร้องอยู่ใต้กะลา ทั้งที่ในความจริแล้วเสียงที่ผมกลัวเสมอมาก็แค่เสียงเล็บหมาเคาะกะลาเท่านั้น
ให้ตายเถอะ! ผมเมาทำไม ท่าทางจะเมาหนักด้วย ไม่รู้แสดงอาการหมาๆ ออกไปแค่ไหน อายชิบหายเลยเถอะ

“บ่ายแก่แล้ว ขนไอเอสไปทำด้วยก็ได้นะ มีห้องของวินด้วย พี่ทำให้” เขาบอกแล้วก็ยิ้มอวด ไอ้บ้านี่หล่อเถอะ ลุคเลวด้วยเถอะ แต่ยิ้มแล้วน่ารักมากเลย ยิ่งยิ้มเหมือนเด็กแบบนี้ยิ่งน่ารัก

ผม...ควรทำยังไงดี
อคติที่เกิดขึ้นในใจ ที่ทำให้ผมทำตัวไม่ดี มองเขาไม่ดี คิดแย่ๆ กับคนที่ตายไปแล้ว ทั้งที่ผมยังเป็นมนุษย์ ยังหายใจ ยังมีโอกาสแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาด ผมนี่มันแย่อย่างที่ไอ้โอมบอกจริงๆ นั่นแหละ

“เดี๋ยวครับพี่โป๊ะ” ผมตัดสินใจรั้งคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาก้มมองผมที่นั่งเกาะแขนเขาอยู่บนโซฟา

“ทำไม มีอะไรครับ” ท้ายเสียงทอดยาวด้วยอาการหัวเราะนิดๆ ทำให้น้ำเสียงเขาฟังดูใจดีกว่าเดิม 100 เท่า

“คือวิน”

“อะไร? วินรักพี่ อ๋ออออ โอเค” ยังจะแกล้งผมเล่นอีก ให้ตายเถอะ

“ไม่ใช่ คือวิน”

“วินอะไรล่ะ”

“วินขอโทษ” พูดไปแล้วก็โล่งขึ้นครับ แต่จะโล่งจนปลอดโปร่งเหมือนท้องฟ้าในวันสดใสหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับเขา

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
“อีกอย่าง พี่ก็ได้รู้ได้เห็นอีกด้านของวินเหมือนกัน”

“เห็น...อะไรหรอครับ”

“เห็นว่าวินเมาแล้วน่ารักดี แต่อย่าคิดไปเมากับคนอื่นอีกนะ ไม่งั้นพี่จะไม่หยุดแค่ฟัดเราคำสองคำ”

โอเค ผมเชื่อเขาทุกคำ หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าเมาแล้วน่ารักตรงไหน สองคือยังไม่เจอะร่องรอยการถูกฟัดคำสองคำ แต่นึกสงสัยว่าน่าจะเป็นการใช้ความรุนแรงกับตัวผม เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าผมปวดไปทั้งตัว หวังว่าเขาคงไม่ถึงขั้นตุ๊ยท้องผมแล้วอุ้มพาดบ่าพาเข้าบ้านหรอกนะ

#### @ D A W N  #####

นายมือโปรบอกจะพามาร้านกาแฟก็ต้องมาครับ แม้รถจะล้างอยู่ ก็พากันนั่งเรือมาได้
แต่ผมจะนั่งที่สตาร์บัคส์ก่อนก็ต้องได้นั่งครับ ก็ให้มันรู้กันไปว่าผมจะเอาแต่ใจได้น้อยกว่าเขา
เขานั่งเด่นกลางร้านที่เป็นพื้นที่โต๊ะใหญ่ รายรอบด้วยเก้าอี้สูง ข้างๆ เขาคือกระเป๋าของผม โน้ตบุ้คผม ส่วนตัวผม ยืนซื้อกาแฟให้ตัวเองและให้เขาอยู่ เหอะ! แต่ไม่เป็นไรครับ บัตรสตาร์บัคส์ของเขา ไม่ใช่ของผม
ระหว่างรอเครื่องดื่มอยู่ที่ปลายเคาน์เตอร์ ผมก็ถูกสะกิดที่ไหล่ หันไปมองก็เจอนายโยยืนยิ้มอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“อ้าว โย”

“พี่วิน”
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”

“ไม่ใช่มาดักรึไง?” ผมไม่ได้พูดครับ นายมือโปรพูด ไม่รู้เขาเดินมาตอนไหนเหมือนกัน ผมชะโงกมองข้ามเขาไปแช่สายตาที่สัมภาระของตัวเอง ก็ในเมื่อเขาไม่นั่งเฝ้าไว้ให้ ผมก็ต้องเป็นห่วงพวกมันมากขึ้น จบไม่จบก็ตัดสินกันด้วยกองรกๆ นั่นเลยนะครับ

“อยากดักก็ดักได้ไม่ใช่หรอครับ ก็พี่เลิกกันแล้ว”

“เดี๋ยวเตะลืมบ้าน พูดหมาๆ ใครเลิกกัน”
“วิน เราเลิกกันหรอครับ”

“หืม? เปล่านี่ครับ”

“แล้วลูกหมานี่เอาอะไรมาพูด” นายมือโปรจี้ถาม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ทอดสายตามองนายโยอย่างรู้สึกผิด....เล็กน้อย

“วินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาอะไรมาพูด แต่วินไม่เคยพูดกับใครเลยว่าเลิกกับพี่โป๊ะ”
“แล้ววินก็จะไม่เลิกกับพี่โป๊ะด้วย”

ครับ ชัดๆ ดังๆ ให้แม่งรู้กันทั่วร้านนี่แหละ
นายโยมองหน้าพวกผมเอ๋อๆ ขมวดคิ้วฉับอย่างขัดใจแล้วก็หุนหันออกจากร้านไป ผมเห็นกลุ่มหนึ่งในร้านลุกขึ้นอย่างตกใจแล้วบางคนในกลุ่มนั้นก็วิ่งออกจากร้านไปในทางเดียวกับโย....คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะมั้ง อย่างน้อยก็มีเพื่อนดูแล

“แรงนะเดี๋ยวนี้”

“คุยกันแมนๆ ครับพี่โป๊ะ”
“ไปที่โต๊ะแล้วช่วยวินสรุปพรีเซนส์ของวันสอบด้วย”

“หึ ไอ้ยุ่ง ทำเองดิ”

“แม่ง....”

“เออๆๆ ช่วยๆ”

“หล่อเหี้ยๆ อ่ะ” ผมเอ่ยชมแล้วยิ้มกวนตีน เขาหัวเราะนิดหน่อย รับกาแฟไปถือไว้เองแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะ

วันนี้ทั้งวัน ไม่มีใครโทรศัพท์หาผมหรือนายมือโปรเลย ราวกับโลกภายนอกรู้ว่าเราอยากใช้เวลาด้วยกันแค่ 2 คน

ค่ำหน่อยก็ถึงเวลาอวดของแล้วครับ
เขาช่วยไอเอสผมได้มาก แม้ไม่ได้ช่วยทำ แต่ก็ช่วยแนะแนวทาง ซึ่งมันเป็นประโยชน์กับเรี่ยวแรงและเวลาที่ผมมีอย่างจำกัดมาก พอเก็บของกันเรียบร้อยแล้วเขาก็จูงมือผมอย่างไม่คิดอายใครให้เดินตามเขาออกจากร้าน ไอ้ผมก็เดินตามเขาอย่างไม่คิดเลยว่าในชีวิตต้องโดนเดินจูงมือแบบนี้....ก็นะ มันไม่ใช่ที่ที่จะหลงกันได้ง่ายๆ ไงครับ แคบชิบหายเถอะ

เราผ่านร้านขายพระที่ผมเคยคุ้นเคยดี ร้านขายอาหารตามสั่งที่กลิ่นไม่เคยบอกประเภทอาหารได้อย่างแม่นยำเลยเพราะกลิ่นแม่งตีกันมั่วไปหมด จนเรามาถึงร้านกาแฟเท่ๆ หน้าร้านเป็นประตูไม้ ดีไซน์โบราณหน่อย สีจี๊ดจ๊าดเรียกสายตาคนเดินผ่านไปมาได้ดี

ผมไม่ได้มาที่นี่นานมาก ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดจะรักอสังหาเล็กๆ รูนี้เหมือนกัน แต่ความตั้งใจนั้นดับลงเพราะดันมาเห็นกิริยาเว้าวอนผีของนายมือโปรเข้าเสียก่อน
ชั้นล่างยังเป็นร้านกาแฟเหมือนเดิมแหละครับ แต่ตรงทางเดินขึ้นบันไดชั้น 2 เขาทำประตูกั้นไว้ เป็นประตูบานพับที่ผลักตรงกลางเข้าไป สีของร้านเปลี่ยนไปนิดหน่อย ไม่เล่นสีตัดกันมากนัก และเน้นไปทางสีโทนเย็นตาด้วย

“ขึ้นไปสิครับ”

“ห๊ะ?”

“ไปดูห้องไง”
“พี่ทำเป็นโฮสท์เลย วันเดย์โฮสท์เทลอะไรทำนองนี้แหละ”
“ครบ 24 ชั่วโมงคิด 1 วัน มาเวลาไหนก็เช็คเอาท์เวลานั้นของอีกวัน”
“ไม่ได้เน้นให้มาพักกันจริงจังหรอก”
“ชั้น 2 ทำเป็นฟรีสเปซ อยากใช้เป็นห้องอะไรก็ทำ มีพวกโต๊ะทำงาน ปลั๊ก แอร์ เครื่องเขียนนิดหน่อย จริงๆ ทำไว้ให้นักศึกษามานั่งอ่านหนังสือกันนั่นแหละ” นายมือโปรบรรยายระหว่างที่พาผมเดินทัวร์ ที่นี่ยังไม่เปิดให้ให้บริการ เพราะทั้งร้านมีแค่ผมและเขาเท่านั้น แล้วเมื่อวานนี้ไอ้ห่าโอมมันมาระเริงรื่นกับใครที่ร้านนี้วะ?
“ชั้น 3 ทำเป็นห้องพัก ไม่โอ่อ่าหรอก เน้นฟังค์ชั่นมากกว่า”
“วินว่าไง”

“ดีครับ น่าอยู่ดีเหมือนกัน”

“หรอ? งั้นมานี่สิ อันนี้ของวิน”
“ทำให้”

“อะไรหรอครับ”

“เซฟเฮ้าส์ของวินไง”
“เอาไว้หลบมาอยู่กัน 2 คน”
“ไม่ต้องมีอะไรมากวนใจ”

“ไหนว่าทำให้วิน ทำไมหลบมาอยู่กัน 2 คนล่ะ พี่จะโกงเอาสินทรัพย์ของวินไปหน้าด้านๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”

“โถ ไอ้ยุ่ง!” ผมชอบให้เขาเย้าผมแบบนี้ที่สุดเลย ไอ้ยุ่ง มันก็น่ารักพอๆ กับพี่โป๊ะแม่งเหี้ย นั่นแหละครับ
“ก็ขออยู่ด้วยคน ไม่ได้รึไง”

“อ่ะๆ เห็นไม่มีที่ไปหรอกนะครับ วินให้พี่โป๊ะมาหลบที่นี่ด้วยก็ได้” ผมยอมลงให้แล้วก็ยิ้มล้อเลียน เอาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าคนอายุ 30 กว่าแล้วจะมาง้องแง้งใส่กันแบบนี้ นี่เขาแบกตำแหน่งเอ็มดี ซีอีโอ ไว้บนบ่าจริงหรอ?

เขาวางสัมภาระไว้บนเตียงเดี่ยว น่าจะไซส์ 3.5 เมตร ผ้าปูสีน้ำตาลเข้ม ผ้าห่มสีน้ำตาลอ่อนเฉดลงไปนิดหน่อย ห้องน้ำเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ด้านขวามือของประตูเข้าห้อง ตู้เสื้อผ้าติดกลืนไปกับฝาผนัง
จุดขายของห้องนี้คือหน้าต่างที่เปิดอ้าออก เห็นแม่น้ำเจ้าพระยา วัดระฆังฯ และรพ.ศิริราช
ลมหอบแดดปะทะหน้าผมทันทีทียื่นหัวออกไปดูวิว ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดี แต่ก็เริ่มเห็นดวงส้มๆ ใหญ่ๆ ยื่นตีนมาแตะผิวเจ้าพระยาแล้วครับ

“โรแมนติกมั้ย”

“มาก” ผมตอบไม่คิดเลยครับ ห้องนี้น่ารัก บรรยากาศก็ดี เสียงจอแจที่มักได้ยินเสมอเวลาเดินในซอยแคบๆ แถวนี้ไม่มีขึ้นมาให้ได้ยินเลย แต่เสียงรือวิ่งและกลิ่นน้ำกร่อยกลับปลุกผมให้ตื่นตัวอย่างประหลาด
“พี่โป๊ะให้ห้องนี้วินจริหรอครับ”

“ครับ แต่”

“แต่อะไร?” น้ำเสียงผมกร่อยกว่าเจ้าพระยาอีกครับตอนนี้ นายมือโปรหัวเราะหึในลำคอแล้วก็บอกเงื่อนไข

“ต้องมาพร้อมกัน”
“มาเดี่ยวไม่เอา หนีพี่มาก็ห้าม”
“ให้มันเป็นห้องของเรา ดีมั้ย?”

“..................” ผมทำท่าคิด เขาก็เลยกอดอกฉับ ทำหน้าเซ็งเหมือนเด็กม.4 โดนพ่อริบรถคืน
“ก็ได้ แต่ว่า เตียงเล็กอ่ะ พี่โป๊ะนอนพื้นหรอครับ”

“หึหึ” เขาตอบเท่านี้แล้วก็ชวนผมคุยเรื่องอื่น แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเตียงเท่านี้จะนอนกันเข้าไปได้ยังไง เบียดตายชัก คงต้องนอนซ้อนกันในแนวดิ่งนั่น....แหละ

เหี้ย! หรือว่าแม่ง......

“พี่โป๊ะ”

“ครับ?”

“ไม่ได้คิด อะไร ใช่มั้ยครับ”

“คิดดิ เอ้ย! นอนกับแฟนไม่คิดอะไรเหี้ยๆ ได้ไง”

ชัดเลย ผมขบฟันทำโกรธ แต่จริงๆ อายชิบหาย
คนหน้าด้านพูดตรงเดินไปตรงหน้าต่าง หันหลังพิงขอบหน้าต่าง หันหน้ามองผมแล้วก็ยิ้มหล่อใส่
เหี้ยแม่งก็หล่อชิบหาย ผมก็เลยเดินเข้าไปหาอ้อมแขนที่อ้าออกอย่างเชื้อเชิญ


Cut



#AtDawnเป็นฟิครูทีน
ตอนหน้าพรุ่งนี้....ไม่มีหรอกค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
เจออีกทีวันที่เราแก่ขึ้นอีก 1 ปีนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 09:43:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 07-03-2016 11:23:57
อร๊ายยยยยย น้องวินอ้อยแรง มีเดินเข้าหาอ้อมกอดด้วย  :mew1: :mew1:
มันต้องงี้เซ่ รีบปรับความเข้าใจกัน ไม่งั้นคนอ่านจะตายเอา

รอตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 08-03-2016 12:56:52
ชอบบบบบบบบอ่ะ แมนๆคุยกัน
ชอบพระเอกแบบพี่โป๊ะ ไม่งี่เง่า ใจเย็น

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 08-03-2016 14:05:49
นี่เราข้ามตอนวินหึงผีมาเจอตอนนี้เลยเหรอนี่ แต่ๆๆๆ อยากรู้แล้วซิ คิดเหี้ยๆของพี่โป๊ะจะมาในเร็ววันนี้หรือเปล่า จะได้วางเงินมัดจำชั้น 2 รอ  :hao6:

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 08-03-2016 19:52:21
ดีงามปิดจ๊อบเลยพี่โป๊ะ ฮร่าๆๆ
วินไปไหนไม่รอดละนะ ห้ามมาห้องคนเดียวอีกด้วย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 33(2-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-03-2016 13:10:35
มาได้แล้ววววว  :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 15-03-2016 23:56:50
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 34


เช้านี้....พระอาทิตย์ไม่สามารถใช้ปลายลำแสงตะกรุยหนังตาผมได้ แม้ว่าผมจะนอนลืมตาอยู่ก็ตาม
สิ่งที่บี้เบียดหน้าทั้งหน้าผมก็คือสีข้างไอ้พี่โป๊ะครับ
ใช่แล้ว เรานอนกอดกัน แต่อย่าเข้าใจอะไรผิดไป เราไม่ได้ลึกซึ้งกันมากขึ้น หรือรักกันชิบหายหรอกนะครับ
เราก็แค่ ให้อีกฝ่ายนอนพื้นไม่ได้ ก็เลยยอมใจกันเองจนต้องมานอนเบียดบี้กันอยู่บนเตียงในสภาพหนีบกันไปก่ายกันมา
สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่ผมตื่นขึ้นมา ก็คือความเมื่อยครับ ความเมื่อยเท่านั้น

“ตื่นแล้วหรอ?” พอผมส่งเสียงฟึดฟัดคัดจมูก คนที่ยังนอนเบียดกับผมอยู่ก็ถามขึ้น ผมเลยต้องถูๆ หน้ากับเสื้อเขาเพื่อไล่ขี้ตา แล้วก็แหงนหน้ามอง

ปลายจมูกของนายมือโปรโด่ง รูจมูกเป็นรูปวงรีหัวแหลมๆ ริมผีปากบนก็มียักตรงกลางบางๆ เขาก้มหน้าลงมามอง ผมก็เลยได้เห็นหัวคิ้วที่วิ่งจี้หัวเข้าหากัน ตาปรือที่ยังมีเค้าความง่วงเกาะอยู่ ขนตาเขาเชิดชี้ขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้งอนชิ้งดูสวยงามหรอกนะครับ

“อืม” ผมตอบในลำคอ แล้วก็มุดหน้าซุกสีข้างเขาเหมือนเดิม

“ไม่ลุกหรอ”
“ไม่เมื่อยรึไงไอ้ยุ่ง”

“เมื่อย”

“แล้ว....เอาไง”

“แต่ง่วง”

“โอเค” โอเคแล้วก็กอดผมต่อ กดคางลงบนหัวผม ออกแรงกอดผมแน่นขึ้น หนีบตัวผมไว้ด้วยขายาวๆ ของเขานั่นแหละ แม่งตัวโตชิบหาย

ผมไม่ใช่ผู้เชายเตี้ยเลยนะครับ 176 เซนติเมตรที่ถูกวัดโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่ส่วนสูงที่จะเอามาล้อเล่นกันแบบนี้ แต่ผมสูงกว่านี้ไม่ไหว บึกกว่านี้ไม่ได้แล้วด้วย สุดท้ายก็ยอมนอนเป็นกุ้งพันกันแบบนี้แหละครับ
เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆ อาจทำให้นายมือโปรรำคาญนิดหน่อย เพราะเขาตวัดหมอนที่หนุนมาทับเราทั้งคู่ไว้ แต่บางที เขาก็ไม่ได้ทำแบบนี้เพราะรำคาญเสียงหึ่งๆ นั่นหรอก

“จูบที”

“พ่องสิ!” ผมรีบด่ากลับแล้วก็ดีดตัวลงจากเตียง วิ่งเข้าห้องน้ำทันที เพราะ 1 ไม่ชินครับ คืออย่ามาสดทุกอย่างกับผม ถึงเขารับได้ แต่ผมรับตัวเองไม่ได้หรอกเรื่องความไม่สะอาด

“เฮ้ยวิน! เป็นไร”

“เปล่าครับ แปรงฟัน”  ผมตะโกนตอบไปแม้จะรู้ว่าพูดเฉยๆ เขาก็ได้ยิน เพราะเขาตามมายืนถามความอยู่หน้าห้องน้ำแน่ๆ แล้วประตูห้องน้ำที่นี่ก็ไม่ได้หนานัก

“แปรงด้วย” เขากำลังขอให้ผมขยับกำแพงอยู่ใช่มั้ย? ใช้ห้องน้ำเวลาเดียวกันเนี่ยนะ มันต้องแชร์กันขนาดนี้เลยหรอ?
แม้จะครุ่นคิดสงสัย แต่ผมก็เปิดประตูให้เขาเข้ามา นายมือโปรยิ้มให้ผมที่หันหน้าไปสบตากับเขาผ่านกระจก นายคนนี้บีบยาสีฟันโปะลงบนขนแปรงสีขาวสะอาด เขาโกยน้ำจากแก้วที่ผมรองน้ำไว้เข้าปาก กลั้วคอ บ้วนปาก แล้วก็แปรงๆๆๆ ขณะที่ผมแปรง แปรง แปรง เหงือกพังได้นะ ไม่ดีหรอก ผมขมวดคิ้วใส่เพราะขัดตากับอาการจ้ำแปรง พอทนดูไม่ไหวก็เลยต้องเสือกไปเบรกมือเขาแล้วจัดการแปรงให้เบาๆ มือที่ว่างกะทันหันของนายมือโปรก็เลยยื่นมาแปรงฟันให้ผมแทน

“พี่โป๊ะ ยิงฟัน”
บอกให้ยิงฟันไง ไม่ใช่ให้ยิ้ม!
ยิ้มมาทำไม แม่งก็ต้องยิ้มตามเลย ไอ้พี่โป๊ะเหี้ย!

มื้อเช้ามึนๆ ของวันนี้ คือโจ๊กครับ โจ๊กท่าพระอาทิตย์
นายมือโปรไปซื้อมาให้ จัดแจงใส่ถ้วยแล้วพานั่งกินกันที่เคาน์เตอร์รับแขกของชั้นล่าง เขาบอกว่าจะออกกฎห้ามพนักงานต้อนรับกินอาหารตรงนี้ มันดูไม่ดี แต่ผมคิดเอาว่าเดี๋ยวกฎนี้ก็ต้องหย่อนยานเองนั่นแหละ ข้อแรก เพราะนี่มันโฮสเทลเล็กมาก ฉะนั้นพนักงานต้อนรับ ผู้จัดการ คนทำความสะอาด พนักงานบัญชีน่าจะประกอบอยู่ในร่างคน 1 คนเท่านั้น อยากเห็นหน้าคนที่ต้องทำงานหนักสุดในละแวกนี้เหลือเกินครับ

“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรอครับ” ผมถามเขาระหว่างมองหมูจากชามเขาบินมาชามผม

“ไปครับ ไปสายๆ บอกแนนไว้แล้ว”
“ไล่จัง”

“ไม่ได้ไล่ แต่มันงานพี่โป๊ะนี่ ถ้าวินเคลียร์ไอเอสเสร็จ วินก็ต้องทำงาน ไม่ได้มีเวลานั่งนอนว่างๆ นะครับ”

“รู้แล้วรู้แล้ว”
“ไม่ต้องกลัวจะมีเวลาว่างหรอก สะพรึงมาก บอกไว้เลย”
“กินไป ให้หมดด้วย หมูนี่กินให้หมดนะ”

“พี่โป๊ะล่ะ”

“พี่พอแล้ว” เขาบอกแล้วลุกจากเคาน์เตอร์ไปชงกาแฟ ที่ผมรู้แม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองก็เพราะว่าได้กลิ่นครับ

สร่างซาจากอาการหึงหน้ามืดน่าสมเพชแล้ว ผมก็กลับเป็นนายวิณณ์ วัฒนนุกูล นักศึกษาปริญญาโท, หลายชายนายแบงก์, ผู้บริหารร่วมในบริษัทสื่อ ผู้ผลิตภาพยนตร์และให้บริการอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องรายใหญ่ในประเทศไทยได้เสียที  บอกตามตรงว่าเสียฟอร์มมากครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมจะไม่แสดงอารมณ์ด้านนั้นอีก แต่ก็คงต้องเริ่มนับ 1 กันที่ “การเชื่อใจ” นายมือโปร

คนที่ผมกำลังบ่นถึงอยู่นี้ ร่อนไปทำงานเรียบร้อยแล้วครับ
กว่าจะยอมเข้าใจ(ผมบ้าง) ว่าผมอยากได้บรรยากาศมาบิวท์อารมณ์เขียนบทสรุปของไอเอสบ้าง ก็เม้งใส่กันหลายรอบเหมือนกันครับ
เขากล่าวหาว่าผมจะไปอ่อยนายโย อ่อยบ้าอ่อยบออะไร ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ คนอื่นเข้ามาเองต่างหาก ผมก็เลยบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดผมถ้าจะมีคนเข้าหา นายมือโปรก็เลยจะใช้มาตรการ -เฝ้า- ซึ่งผมค่อนข้างรำคาญ

-ก็พี่หึง- เขาอ้างแบบนี้ ซึ่งผมก็เข้าใจอารมณ์หึงพอประมาณครับ เพิ่งเรียนรู้มาสดๆ ร้อนๆ แต่การจะต้องยอมทำตามความพึงพอใจ หรือความสบายใจของเขา มันขัดจังหวะการเดินของผมค่อนข้างมาก แล้วจะให้ผมยอมเขารึไง ไม่มีทาง!

สรุปก็ทะเลาะกันตามเดิม แต่ไม่หนักหนาหรอกครับ เขาขอแลกความสบายของเขากับความลำบากของผมนิดหน่อย คือขอให้ผมบอกเขาตามตรง หากนายโย หรือนายโยที่สอง โยที่สาม หรือโยที่สี่ เข้ามาหาผม ไม่ว่าจะมีลักษณะทางประชากรศาสตร์เป็นยังไงก็ตาม สรุปง่ายๆ คือใครเสร่อมาจีบก็ให้บอกด้วย

บอกในที่นี่คือบอกทุกอย่างนะครับ ถ่ายรูปเป็นหลักฐานด้วย เวลาในการเข้ามาหา เวลาที่ผมใช้สนทนาด้วย การแต่งตัว รูปร่าง วัย ลักษณะจดจำภายนอก รสนิยม บลา บลา
พอรู้นิยามของการบอกของเขา ผมก็ตั้งใจแน่วแน่เลยว่ากูจะไม่คุยกับใครทั้งนั้น มันลำบากสำหรับการบอกเล่ามากมาย

เย็นวันนี้ไม่มีอะไรพลิกโผครับ
ผมนั่งทำไอเอสของผมได้จนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีครามเข้ม แดดสุดท้ายของวันแซะซึมเฉดสีครามได้เป็นริ้วเล็กๆ เส้นสีส้มจัดปนแดงปาดตัวเองอยู่ใกล้ขอบฟ้าแล้วตอนที่นายมือโปรโทรหาผม

“ครับพี่โป๊ะ”
“วินก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ”
“เมื่อกลางวันหรอ? กินแซนวิชไปครับ ก็อิ่มนะ”
“พี่โป๊ะอยู่ไหนแล้ว”
“หรอ? วินไปยืนรอก็ได้”
“เอางั้นหรอครับ โอเค งั้นวินรอที่นี่นะครับ”
“ครับ” นัดแนะกันเรียบร้อยผมก็เก็บของครับ กำลังกวาดปากกาไฮไลท์ลงกระเป๋าใบจิ๋ว ของของผมก็ถูกฉกฉวยไปอย่างหน้าด้านๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผมรับไม่ได้เด็ดขาด
“เฮ้ย!” ผมหันไปตวาดใส่ อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ได้หนีไปไหน จะฉวยไปก็แค่ปากกาไฮไลท์ 1 แท่ง สีอะไรก็มองไม่ทันเหมือนกัน

“โย”

“ครับพี่วิน”

“ปากกา เอามาดิ”
“หรือจำเป็นต้องใช้ งั้นยกให้ก็ได้”

“ผมไม่ได้อยากได้ปากกาซะหน่อย”

“แล้วอยากได้อะไร?”

“พี่”

มึงบ้าป่าววะ?
ผมไม่เข้าใจคนที่มายืนบอกเจตนาตัวเองโต้งๆ แบบนี้
เขาคิดอะไรอยู่ คิดว่าแค่พูดออกมาตรงๆ ก็จะได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้หรอ?
ชีวิตมันยากกว่านั้นเยอะ หรือต่อให้ชีวิตใครง่ายแสนง่าย ผมคนนี้แหละที่โตมากับชีวิตยากๆ และซับซ้อนเกินกว่าจะคิดทันการกระทำของตัวเอง

“อยากได้พี่? หมายถึงผมนี่หรอ?”

“ครับ”

“เอาไปทำอะไร? ลองไปหาที่อื่นดูมั้ย น่าจะง่ายกว่านี้”

“อยากได้พี่วินเป็นแบบวาดรูปครับ”
“แล้วก็...ถ้าพอมีโอกาส”

“ไม่เป็นครับ”
“โอกาสก็ไม่มีครับ”
“ผมมีแฟนแล้ว”
“ดุด้วย”
“เพิ่งคิดได้เมื่อเช้าว่าจะเชื่อใจ เพราะงั้นผมก็ต้องทำตัวให้เขาเชื่อใจได้ด้วย”
“อย่ามายุ่งกับผมเลยนะ”
“อ้อ! เรื่องที่ไปกินเหล้าด้วยกันจนเมา ถ้าทำอะไรไม่ดีไว้ก็ขอโทษด้วย”
“หรือมีทรัพย์สินเสียหาย....เอ้อ! ค่าเหล้าล่ะ ไม่ได้ช่วยออกเลย โทษนะ เท่าไหร่”

“พี่วิน พี่วิน”
“ไม่ต้องผลักผมขนาดนั้นก็ได้”
“แค่เป็นคนรู้จักกัน ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ” นายโยบอก เขายืดตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวสูง คืนปากกาไฮไลท์ให้ผมแล้วก็มองหน้า ส่งยิ้ม

“อืม ก็พูดยาก”
“คือ....ผมไม่รู้ว่าเราจำเป็นต้องรู้จักกันไปทำไม รู้จักกันแล้วได้อะไร”

“ไม่ได้อะไร ก็รู้จักกันไม่ได้หรอครับ มันต้องมีผลประโยชน์อะไรด้วยหรอพี่ แค่รู้จักกันเอง”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“รู้จักกันแบบไม่ได้อะไร ก็ได้หรอ?” ผมถามเขากลับ และนายโยก็พยักหน้ายืนยัน

“ได้สิ”

“รู้จักแล้วไม่ได้อะไร จะรู้จักกันไปทำไม”
“พูดตรงๆ เถอะ จีบผมหรอ?”
“คิดว่ารู้จักกันไปเรื่อยๆ วันนึงอาจจะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน ใช่มั้ย”

“ก็ใช่”

“นี่ไง หวังแล้ว จะบอกว่ารู้จักกันเฉยๆ ไม่ได้อะไรได้ไง”
“จีบก็บอกว่าจีบ จะได้บอกตรงๆ ว่าอย่าจีบ มีคนที่ชอบแล้ว ไม่อยากให้เขาไม่พอใจแล้วต้องแสดงอาการไม่ดีออกมา”

“ก็ผมอยากรู้จักกับพี่วิน”

“ผมบอกคุณตรงๆ แล้วนะ”
“ต่อไป ถ้าคุณผิดหวังหรือเสียใจเพราะผมไม่ชอบคุณ ไม่ให้ความร่วมมือในการทำความรู้จักกันกับคุณ ไม่เกี่ยวกับผมนะ ผมไม่จำเป็นต้องมีส่วนรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น”

“ครับ”

“ถึงจะสูญเสียอะไรเพราะผม ผมก็จะไม่ข้องเกี่ยวด้วย”

“...........”

“เข้าใจแน่ใช่มั้ย?”
“ต่อให้คุณตายเพราะผม ผมก็ไม่เสียใจเพราะคุณ รับได้รึเปล่า”

“.............”

“รับไม่ได้ก็ไปไกลๆ กันเถอะ ผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนเยอะแยะ เพราะผมไม่มีความรู้สึกอะไรจะให้”

“...............” เด็กนี่มองผมอึ้งๆ เขากระพริบตาปริบ เม้มปากเหมือนใช้ความคิด จนกระทั่งใครอีกคนเดินเข้ามา วางแขนบนไหล่ผม ขยี้หัวผม อ้อมหน้ามายิ้มกับผม ช่วยถือของของผม นายโยถึงได้ขยับตัวอีกครั้ง

“กับพี่คนนี้ พี่วิน.....”

“อื้อ น่าจะได้อะไร” ผมตอบทั้งที่เขายังถามไม่จบความ คนมาใหม่ยื่นหน้าเหรอหรามาให้ผมมอง

“มีอะไรรึเปล่าวิน? แล้วลูกหมานี่พูดครั้งเดียวไม่รู้เรื่องหรอวะ?”
“วันนี้โดนจีบกี่คนวิน”

“ไม่มีครับ ไม่ได้พูดกับใครเลย มีน้องคนนี้แหละคนแรก”
“เออพี่โป๊ะ วินอาจจะทำให้น้องเค้าเสียหาย คงต้องชดใช้”

“เสียหายอะไร คืนนั้นที่ไปเมา วินไม่ได้ทำอะไรนอกจากซบเหยือกเบียร์แล้วก็ร้องไห้” จะพูดทำห่าอะไรวะ? ผมขมวดคิ้วฉับให้รู้ว่ากูกริ้วนะ อย่าแตะเรื่องนี้บ่อยนัก

“งั้น ก็คงกวนเงินน้องเค้าค่าเบียร์แน่เลย”
“จ่ายไปเท่าไหร่หรอ จะคืนให้” ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำหน้าเย็นชานัก นายโยส่ายหน้าปฏิเสธ เขามองนายมือโปรแล้วก็พูดเร็วๆ

“ก็แค่มีตังค์แหละวะ!” พูดจบก็เดินหนีหายไป ผมกับนายมือโปรได้ยืนมองหน้ากันอึ้งๆ เขาหัวเสียเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าโดนอีกฝ่ายที่เด็กกว่าดูหมิ่นน้ำใจ ส่วนผมก็ได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกเห็นใจ แต่ก็เห็นแก่ตัวจนไม่อยากมีใครมาวุ่นวายอีก

ค่ำนี้เรากลับมาที่บ้านไม้ท้ายชุมชนหลังวัดครับ พาหนะก็คือรถสปอร์ตของนายมือโปรที่ไปล้างคราบอ้วกของผมแล้วเรียบร้อย
เหตุที่ไม่นอนกันที่โฮสเทลรูหนู ก็เพราะนายมือโปรหวั่นว่าเราจะเป็นโรคกระดูกคดครับ เขาบอกว่าเอาไว้มาพักวันฉุกเฉิน โดยเฉพาะวันที่จะสอบปิดเล่ม นอกนั้นก็ตามใจผมเป็นโจทย์หลัก อยากไปเมื่อไหร่ก็บอกเขาเท่านั้นเอง

“อื้อวิน”

“ครับ” เขาเรียกผมระหว่างทางขับรถ มีอาการหันมองเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปมองทาง ซึ่งก็ดีแล้วครับ ไม่ต้องมาประสานสายตากันหรอก ขับรถไปเถอะ

“งานเข้าแหละ แต่วินไม่เห็นด้วยก็ได้นะ”

“อะไร”

“อาสุบอกว่า ให้เราไปงานวันเกิดคุณตาวินด้วย วินไปในฐานะคนใน พี่ไปในฐานะหุ้นส่วนธุรกิจใหม่”
“คุณตาวินอยากรู้ว่ามันจะรุ่งจะร่วงยังไง ท่านคงเป็นห่วงวินมากนั่นแหละ”

“แล้วพี่โป๊ะว่ายังไงล่ะครับ”

“ก็โคตรอยากไป”
“เจ้าสัวไม่ใช่คนที่จะเจอง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิด อีกอย่าง.....”

“อะไร? อีกอย่างอะไรหรอ?”

“อีกอย่าง พี่ก็รักหลานเขา ต้องบรรจงก้มกราบที่เท้าตอนสู่ขอเลย”

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมด่าเสียงต่ำๆ นายมือโปรหัวเราะชอบใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมาส่งสายตาขอคำตตอบ

“เอาไง”

“พี่โป๊ะล่ะ”

“ก็บอกแล้วว่าอยากไป”

“โอเค ไปก็ไป แต่พี่อย่ารุ่มร่ามนะ”
“แล้วก็...เรื่องของเรา ถ้าจำเป็น วินจะบอกที่บ้านเอง พีโป๊ะอยู่เฉยๆ”

ผมหวังว่าเขาจะทำได้ แต่ดูจากอาการเหวอๆ ฮึดฮัดขัดใจที่เขาแสดงออกอยู่นี้ ผมเดาได้เลยว่าเขาไม่อยู่เฉยๆ แน่ แต่ผมจะให้เขาออกตัวแรงไม่ได้หรอก นายมือโปรยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอันตรายอะไรบ้าง

คุณตาไม่ใช่กำแพงหลักของเรื่องนี้ กระทั่งป้าสุเองก็ไม่ใช่คนที่จะกระโจนมาขวางทางผมเวลาทำอะไรนอกรีตฝืนรอย
กำแพงหลักของเรื่องที่เกี่ยวกับผมจริงๆ ก็คือผู้หญิงที่คลอดผมออกมา เธอมีชื่อว่าคุณสาวิตรีครับ

ผลลัพท์ของการบอกให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องดิ้นรนประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับผม ทำให้นายวารินทร์ วณิคพันธุ์ มีอาการงอนครับ
แต่อย่าคิดว่าผมจะง้อ ข้อแรกเลย ผมไม่รู้ว่าเขาจะงอนผมทำไม ผมจริงใจด้วยสุดๆ แล้ว พูดตรงๆ กันไปจะได้เข้าใจแจ่มแจ้ง ข้อสอง งานง้อไม่ใช่งานถนัดของผม เพราะผมไม่ใช่คนง้องแง้งหรือขี้อ้อน อย่างน้อยผมประเมินตัวเองไว้แบบนั้น แม้ว่าป้าสุชอบพูดว่าผมอ้อนเก่งก็ตาม สงสัยจะใช้มาตรวัดคนละตำรา

หลังจากกินมื้อค่ำที่ร้านที่เคยไปนั่งกินกันมาแล้ว เขาก็พาผมเข้าบ้าน อาการไม่กระดี๊กระด๊าอะไรทั้งสิ้น
นายมือโปรจอดรถแบบชักกระตุก หน้าบูดเดินกระแทกส้นตีนเข้าบ้าน น่าถีบมากครับ
ผมไม่รู้ชัดว่าเขาไม่พอใจอะไร แต่ถ้าจะให้เดาก็คงเป็นเรื่องที่ผมบอกให้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ต้องประกาศตัวเป็นแฟนผมต่อหน้าใครทั้งนั้น เดาว่าเขาคงรู้สึกว่าถูกดูหมิ่นความรู้สึกแหละมั้ง ถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่พอใจเหมือนเขานั่นแหละ
และแม้จะพอรู้เลาๆ ว่าถูกงอนเรื่องอะไร แต่ผมไม่รู้ว่าต้องง้อแบบไหนเลยจริงๆ

“พี่โป๊ะ”  ผมทำใจดีงัดยิ้มเหี้ย แต่ก็ไม่ได้ผลหรอกครับ เขาเงยหน้าระหว่างหันมองผม คือคุณมึงก็สูงกว่าอยู่แล้ว ยังจะเชิดหน้าหนีอีก คือกูต้องไต่เพดานไปห้อยหัวสบตากับคุณมึงมั้ย
“ดีๆ ดิ”

“ไม่ดียังไง”

“ก็ทำงี้แล้วจะคุยกันรู้เรื่องหรอครับ”

“คุยไร พี่รู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องทำอะไรไง คำสั่งชัดเจน”

“แสดงว่าก็เข้าใจเหตุผลของวินดีแล้ว แล้วก็ยอมรับได้”

“ไม่เข้าใจ แต่ยอมรับก็ได้ ก็ ไม่ ต้อง ทำ อะ ไร ทั้ง นั้น นี่”

อา....กวนตีนว่ะไอ้เหี้ย

“พี่โป๊ะ อย่ากวนตีนดิ”

“ถ้ากวนตีนแล้วจะไม่คู่ควรหลานชายเจ้าสัวสินะ”
“โอเค เดี๋ยววันงานจะหวีผมเรียบแปล้ ติดกระดุมถึงลูกกระเดือก กางเกงเอวสูงรัดไข่เลย เอามะ”

“พี่โป๊ะ” ผมขึ้นเสียงนิดหน่อย แต่พอนึกภาพเขาแต่งตัวสภาพนั้นรู้สึกอยากขำขึ้นมานิดๆ
“ก็แต่งตัวปกติก็หล่อดีแล้ว ไม่ต้องโชว์ทรงไข่หรอก มันน่าอวดนักรึไง?”

“ยาวใหญ่ ดูป่ะล่ะ!”

“เหี้ยยยยยย” ผมงึมงำด่าแต่เขาก็ได้ยินแหละครับ

“ง้อพี่เร็วๆ จะได้ทำอย่างอื่น”
“พี่โกรธอยู่นะ”

“ไม่เห็นรู้สึก โกรธได้เท่านี้หรอ?” ผมกวนตีนกลับ แต่เขาก็ตอบให้ผมโต้กลับไม่ได้มาซะนี่

“ก็รักไปเยอะ โกรธได้แค่นี้แหละ”
“ง้ออีกนิดก็จะดีด้วยแล้ว คุณหนูกรุณาผมด้วย”

“กวนตีนอีกแล้ว ไหนคุณหนู มีแต่หมาวินกับเหี้ยโป๊ะเท่านั้นแหละ” ผมพูดกระเง้ากระงอดแล้วก็เดินไปอ้อมแขนที่อ้าออกตรงหน้า เขายิ้มมุมปากนิดๆ ดูก็รู้ครับว่าเขาไม่ยินดีนักกับการแก้ปัญหาของผมในเรื่องของการเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรา แต่ผมก็อยากขอเขา อยากขอเวลา เพื่อทำให้เรื่องนี้มันโอเคกับทุกคน

ทั้งแม่ ป้า คุณตา หรือคนในตระกูล คงไม่ชื่นใจ เอ่อ....หลานเขยนัก
แต่ผมเลือกแล้วว่าจะรักเขา หน้าไหนก็ขัดผมไม่ได้หรอกครับ
ดีสุด พวกเขาก็คงตัดหางปล่อยวัดผม เรื่องนี้ไม่เป็นไร ทุกวันนี้ก็เหมือนหมาวัดอยู่แล้ว
แต่แย่สุด ผมคงไม่มีแม้แต่ ‘บ้าน’ ให้กลับไปหา


Cut

สวัสดีค่ะ
กลับมาลงนิยายแล้วค่ะ
อย่าเครียดกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
สวัสดีค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 16-03-2016 00:17:24
พี่โป๊ะ น้องวิน มาแล้ววววว :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-03-2016 00:41:37
พาหลานเขยไปเปิดตัวเถอะวิน
ถ้าเป็นคนนี้รับรองผ่านฉลุย 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2016 00:53:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-03-2016 09:16:25
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-03-2016 12:13:37
น้องวินสู้ๆนะลูก จูงมือพี่โปรฝ่าด่านที่บ้านไปให้ได้นะลูก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 16-03-2016 13:25:03
พอปมแพรเฉลยแล้วค่อยยังชั่วหน่อย บรรยากาศเรื่องดูผ่อนคลายลงเยอะเลย นี่ไม่ใช่ว่ารอพายุเข้าใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 16-03-2016 16:33:26
อ่านมาตั้งแต่บทแรกจนถึงตอนนี้ ตอนที่34นี้เป็นตอนแรกที่เราหายใจคล่องขึ้น ไม่อึดอัดกับความนิ่งความแข็งของวิน รู้สึกวินใช้ความแข็งในตอนที่ถูกที่ควร การพูดกับอิโยโยกโย้แบบนั้นคือดีงามจริงๆ รู้จักแคร์ความรู้สึกพี่โป๊ะบ้าง ค่อยสมกับเป็นนายเอกหน่อย ทุกตอนที่ผ่านมานี่อยากจะเข้าไปกระชากหัววินโขกโต๊ะทุกตอนเลย555 เพราะเราอยู่ทีมพี่โป๊ะคนแมน อิอิ #อ่านตอนนี้ซ้ำไปมาอย่างมีความสุข #ทุกทีตอนอื่นๆนึ่อ่านแล้วผ่านเลยเพราะทนอึดอัดไม่ไหว :katai2-1: :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 16-03-2016 16:57:18
มาต่อแล้ววว  :hao5:

ชอบอารมณ์เรื่องนี้ เป็นสีเทาทั้งเรื่องเลย
หลังๆพอจะมีสีอื่นมาแต้มให้ดูสดใสขึ้นหน่อย?
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-03-2016 18:35:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-03-2016 23:51:06
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 17-03-2016 00:38:57
เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็มาต่อแล้ว ดีใจแรง ตอนนี้น่ารักอ่ะ มันดีกับใจจริงๆ
รำอิเด็กโย ตื้ออยู่ได้ แถมเหมือนๆจะเข้าใจผิดนุ้งวินด้วยนะ
ไปๆซะได้ก็ดีใครแคร์เนอะ  :mew4: :mew4:

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยนะคะ มีความสุขมากๆ เฮงๆ รวยๆน๊าาา
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่า  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 34(15-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-03-2016 01:07:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 20-03-2016 23:06:13
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 35


จังหวะชีวิตที่ติดสปีดของผมเดินทางมาถึงชั่วโมงสุดท้ายแล้วครับ
วันนี้ เป็นวันสอบปิดเล่มไอเอสของผม
เวลานัดที่ปรึกษาเป๊ะ! เวลานัดประธานสอบและกรรมการสอบอีก 2 ท่าน พร้อม!
เครื่องดื่ม ของว่างสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชี้ชะตาก็พร้อมแล้วเหมือนกัน
นาทีนี้ ผมทำได้ดีที่สุดก็คือรออย่างตั้งใจเท่านั้นครับ
ในส่วนของกำลังใจจากคนทางบ้านนั้น...มีครับ
นั่งตัวโตบังแสงอยู่นี่ไงครับ ถอนหายใจบ่อยกว่าผม ผุดลุดผุดนั่งถี่กว่าผมอีก

“พี่โป๊ะ อยู่นิ่งๆ ดิ”

“ก็ตื่นเต้น”

“วินสอบ พี่โป๊ะไม่ได้สอบซะหน่อย เวอร์”

“งานเมียก็งานme” เล่นสำนวนมั่วชวนงงพร้อมท่าเอามือตบปกประกอบด้วย ผมพอเข้าใจความหมายนะครับ แต่ที่ไม่เข้าใจคือจะประดิษฐ์คำอ้อมๆ พวกนี้ทำไม ตื่นเต้นก็แค่บอกว่าตื่นเต้นแทนก็พอแล้ว
“วินเองก็ต้องท่องไว้เหมือนกัน”

“ท่อง?...อะไรครับ?”

งานผัวก็งานผม พูดตามดิ”

“ตลก!” ลั่นเลยครับ ไม่ใช่หัวเราะนะครับ ตวาดต่างหาก ผมตบเก้าอี้ 1 ที เพื่อสั่งให้เขานั่งนิ่งๆ ได้แล้ว พอนายมือโปรนั่งลงตามเดิม ผมก็ยื่นกาแฟให้ เป็นการบอกตรงๆ แบบไม่มีเสียงว่า หุบปากได้แล้ว
จะมาผัวๆ เมียๆ ในสถานศึกษาอันศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ไม่ได้หรอกนะครับ แก่แล้วก็ช่วยรู้จักขนบหน่อย อย่าเปรี้ยวนัก เดี๋ยวบูดตาย!
อีกอย่าง ผมแค่รักเขา เราแค่เป็นแฟนกัน ยังไม่ได้กำหนดเสียหน่อยว่าใครผัวใครเมีย ไอ้พี่โป๊ะนี่ชักจะเหิมเกริมไปแล้ว แค่สูงกว่าแล้วต้องได้เป็นผัวหรอ? แนวนอนส่วนสูงไม่มีผลอะไรเสียหน่อย โธ่!

“วินอย่าหน้าเครียดสิ”
“ผ่อนคลายเข้าไว้ วินทำได้อยู่แล้ว”

“วินรู้ว่าวินทำได้ เมื่อคืนเราก็ซ้อมกันตั้งหลายรอบ พี่โป๊ะก็บอกเองว่าจุดบอดให้โดนจี้มีไม่เยอะ จุดตื้นๆ”

“อ้าว ไม่เครียดแล้วนั่งขมวดคิ้วทำไม”

“วินกำลังคิดว่า ทำไมวินต้องเมียด้วย พี่โป๊ะเป็นเมียไม่ได้หรอ”
“พี่โป๊ะทำอาหารได้ ทำงานบ้านเป็น ดูแลวินได้ นี่มันหน้าที่เมียไม่ใช่หรอครับ”
“พี่โป๊ะเป็นเมียนะ”

“.................” เขาอึ้งครับ นายมือโปรมองผมตาค้าง ส่องตาตั้งแต่หัวผมจาดปลายรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง เขาหันไปแสยะยิ้มใส่อากาศ แค่นหัวเราะทางอื่นแล้วก็หันมองมผอีกครั้ง

“กดพี่ได้ก็เอาดิ จะรออออออออออออออออออออ” กระดกลิ้นรัวๆ ใส่หน้าผมอีกต่างหาก ถ้าไม่เห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็ต้องเข้าห้องสอบแล้ว ผมจะต้องบี้หน้าเขาให้ได้เลย แม่งกวนตีน!

“น้องวิน เพื่อนเสร็จแล้วค่ะ ให้พี่เตรียมของว่างที่น้องวินเอามาเลยมั้ย”

“อ๋อ! ครับๆ ขอบคุณครับ” ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ห้องโครงการป.โท จากนั้นก็ค้อนใส่นายมือโปรที่ยังไม่เลิกทำหน้ากวนตีนใส่

“วินจะสอบแล้ว”

“เอาสิ ตามสบาย ไม่ได้รั้งเลย”

“อวยดิ”

“อะไร”

“อวยพรไง”
“เป็นผู้ใหญ่กว่าไม่ใช่หรอ? เร็ว”

“ไม่”
“วินก็แค่ทำให้ดีที่สุด ไม่เห็นต้องพึ่งพรจากปากจากใจใครเลย”
“ไปสิ เดินไปด้วยขาวิน ทำด้วยความสามารถกับมันสมองของวิน เวลาภูมิใจจะได้ไม่มีอะไรสะดุดความรู้สึก”

“ครับ” ผมเข้าใจเขานะครับ แล้วก็พึงพอใจมากด้วยที่เขาไม่อวยพรเพื่อให้ผมลอยตัวเข้าห้องสอบไปพร้อมกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ผมยิ้มให้ หยิบกองไอเอสที่ทำมา 3 ก๊อปปี้ ทัมป์ไดร์ฟที่บันทึกไฟล์ข้อมูลพรีเซนเตชั่นเอาไว้ แล้วก็ก้าวเข้าห้องสอบไปด้วยขาของผมเอง ตามคำที่นายมือโปรบอก

เมื่อผมสอบผ่านครั้งนี้ แก้เล่มภายใน7 วันแล้วส่งเล่มสมบูรณ์ให้กับร้านรับทำเล่ม ผมก็จะโตขึ้นอีก 1 ลำดับขั้น

#### @ D A W N  #####

คืนนี้....ฉลองครับ!
ผลงานชิ้นโบว์แดงของโลกนี้ถือกำเนิดขึ้นแล้วเรียบร้อย นั่นก็คือ ผม นายวิณณ์ วัฒนนุกูล เรียนจบแล้วครับ!!!!!
ส่วนไอ้โอม ก็รอดแล้วเหมือนกันครับ ผมดีใจที่มันจบทันมากกว่าที่ตัวเองเรียนจบป.โทเสียอีก
กว่าจะเข็นให้มันเร่งตัวเองได้ ไหนจะต้องบังคับจนเกือบก้มกราบให้มันนัดอาจารย์ของสอบต่างๆ นาๆ จี้ให้เขียนบทความวิชาการ แก้นั่นนี่ตามที่ที่ปรึกษาและกรรมการสอบติติงมา บอกตามตรงว่าเหนื่อยกว่าทำงานของตัวเองมาก เหตุที่ต้องเหนื่อยมาก ก็เพราะว่าไอ้โอมเร่งกระบวนการทุกอย่างให้อยู่ใน 1 อาทิตย์ ซึ่งมันอภินิหารมากครับ ดีว่ามีอาจารย์วารินทร์เขาคอยช่วยเหลือ อาจารย์ที่คณะและพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เลยช่วยเหลือมันไปด้วย เห็นมั้ยครับ ไม่รวยก็เส้นใหญ่ได้ถ้าเลือกเลียไข่ให้ถูกคน ชิ!

ทีงานผม นายมือโปรแทบไม่ช่วยอะไรเลย ก็แค่นอนดึกกับผมทุกคืน ตื่นเช้ามาทำอาหารไว้ให้ ออกไปทำงานแล้วแต่ก็ยังโทรกลับมาเช็คอยู่เป็นระยะว่าผมเร่งมือทำไอเอสถึงไหน บอกว่าจะหาข้อมูลเพิ่มมาแก้จุดที่โดนติงมาได้ที่ไหน แล้วก็ชี้ทางว่าควรทำอะไรต่อ ควรระวังจุดไหน ควรกวดขันตัวเองเรื่องอะไร เขาช่วยผมเท่านี้เอง โธ่!
แหะ แหะ เขาช่วยผมทุกอย่างแหละครับ ผมรู้ แต่ไม่อยากชมให้เหลิงเท่านั้นเอง

“กินข้าวไว้ก่อนด้วยวิน อย่ากินเหล้ากินเบียร์ตอนท้องว่าง เมาไม่รู้เรื่อง”
“มานี่” เรียกเป็นหมาเลย แต่ผมก็เดินตามเขาไปอยู่ดี
เราลงมาที่รังเหี้ย ครับ ชั้นใต้ดินของผับเขานั่นแหละ เขาอุ่นของว่างให้ผมกินก่อนระหว่างรอเวลาพรรคพวกจะมาร่วมฉลองการเรียนจบอย่างไม่เป็นทางการของผมกับไอ้โอม

เจ้าภาพคือผม กับไอ้โอม เพื่อนๆ ที่อยากชวน ซึ่งผมไม่มีความรู้สึกอยากชวนใคร แต่ไอ้โอมมีเพียบ ซึ่งนั่นก็เรื่องของมันเถอะครับ แต่ แต่... แต่ที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วนายมือโปรก็แค่อยากหาเวลาผ่อนคลายให้ตัวเอง ก็ตรงที่ว่า เขาเชิญแขกของเขามาด้วย
ก็อย่างที่บอกไว้นะครับ ว่านี่คืองานเลี้ยงฉลองที่ผมเรียนจบ (แม้จะยังไม่เป็นทางการก็ตาม) แล้วเขาถือสิทธิ์อะไรมามีแขกส่วนตัวกันเล่า?
ถึงจะบ่นๆ อยู่นี่ แต่ผมก็โอเคกับรายชื่อแขกของเขามากแหละครับ ก็แกงค์ไวท์คอลาร์เพื่อนเขา แล้วก็เจม น้องธาม ผมว่าผมคุยกับ 2 คนนี้แล้วสนุกดี บางทีก็รู้สึกสนุกกว่าคุยกับไอ้โอมด้วยซ้ำ ไอ้ห่านั่นมันไม่ค่อยฟังผมเท่าไหร่ มันเอาแต่พูดๆๆๆๆ

“กินเกี๊ยว...กุ้ง”

“พี่โป๊ะล่ะ”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่เมาง่ายๆ หรอก”

“วินก็”

“กินดิ บอกก็กิน”

“จึ๊” ขอให้ได้ส่งเสียงประท้วงหน่อยเถอะครับ ตั้งแต่กล้าจะเชื่อความรู้สึกของเขา ผมก็ลงให้กับเขาเยอะแล้ว เรียกว่าไม่ดื้อไม่เถียงอะไรเขาเลย อาจจะมีถกประเด็นกันในส่วนที่ความคิดมันสวนทางบ้าง แต่ผมฟังเขาเยอะขึ้นมากแล้วนะครับ แต่สิ่งที่มากกว่าอาการยอมของผม ก็คือความดุของเขาครับ พอเป็นแฟนแล้ว นายมือโปรนี่ดุใส่ผมยิ่งกว่าหมาบ้าหน้าวัดอีก

“เถอะน่า”
“ห่วง”

นี่แหละครับ เหตุผลที่ทำให้ผมยอมไม่ดื้อกับเขา และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาดุผม
... ห่วง ...

“รู้แล้วน่า”

“กินเยอะๆ ด้วย ผอมจนพี่ไม่กล้ากอด....”
“.....แรง” แน่นอนว่าเขาต้องสื่อสารให้ตรงความจริง เพราะเขาไม่ได้ไม่กล้ากอด เขากอดผมบ่อยๆ ไม่ว่าจะเดินมากอด กลิ้งมานอนกอด ดึงลงนั่งตักแล้วก็กอด แต่สิ่งที่เขาไม่ค่อยกล้าทำคือการกอดแรงๆ หรือทำอะไรรุนแรงกับผม รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยนะครับ เขาไม่เคยทำอะไรผม ไม่เลยล่วงล้ำระดับความสัมพันธ์ไปถึงขั้นได้เสียเป็นเมียผัวเลย
เราจูบกันบ่อยขึ้น กอดกันเยอะขึ้น อาการซุกไซร้ตามตัวมันต้องมีอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยไปถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผมไม่ใช่คนห้าม แต่นายมือโปรต่างหากที่ไม่ทำ และผมก็ไม่ถามเหตุผลว่าทำไมยังปล่อยผมลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้ ผมกลัวเขาคิดว่าผมอยาก

“อื้อพี่โป๊ะ” ผมนึกขึ้นได้ระหว่างที่กำลังเคี้ยวเกี๊ยวตุ้ยๆ

“อะไรครับ”

“งานคุณตาที่เราต้องไป วันไหนนะครับ ใกล้ๆ นี้แล้วไม่ใช่หรอ?”

“อื้อ พรุ่งนี้”

“ห๊ะ!”

“กินไปด้วยตกใจไปด้วยก็ได้”
“นี่ไง พี่ได้บัตรเชิญมาด้วย ปกติจัดงานใหญ่โตหรอครับ”

“ก็ใหญ่นะครับ เหมือนงานรวมญาติ ระดับไกลระดับใกล้ก็มากันหมด”
“พี่โป๊ะไม่ต้องไปก็ได้นะ”

“ได้ไง”
“กินดิ! เอ้ย! ยังไงเนี่ย ทำไมไม่ชอบกินเลย ไม่อร่อยหรอ?”

“อร่อย แต่วินอยากพูดก่อนไง กินไปพูดไปเดี๋ยวติดคอ”

“งั้นกินให้หมดนั่นก่อนค่อยพูด”

“ก็อยากคุยตอนนี้เลย”

“กิน”

“จึ!”

“ไม่จึ๊ไม่จิ๊อ่ะ เร็ว”

“แม่งบังคับ”

“อือบังคับ เคี้ยวๆๆๆๆๆ” เขามาบี้แก้มผมด้วย ทำแบบนี้มันอ้วกได้นะเว้ย! สุดท้ายผมก็ต้องบริโภคเกี๊ยวกุ้ง 8 ตัวลงกระเพาะ อวดจานขาวโพลนให้เขาเห็นจนพอใจแล้วถึงได้ชวนคุยเรื่องที่อยากคุยได้ เห็นมั้ยครับว่าผมใช้ชีวิตลำบากขึ้นเยอะเลยตั้งแต่เป็นแฟนกัน

“วินบอกว่าพี่โป๊ะไม่ต้องไปหรอก วินไปเองได้”
“เรื่องบริษัทร่วมทุน วินก็รู้เรื่อง วินบอกคุณตาเองได้”

“พี่ต้องไปดิ ถึงไม่ได้ไปเรื่องงาน พี่ก็ควรไปสวัสดีคุณตาวิน คุณป้าวิน คุณแม่วิน”
“พี่รักลูกชายเขา รักหลานชายเขานะ”
“พี่อาสาดูแลลูกหลานที่เขาโคตรหวง พี่ก็ต้องขอ”

“เยอะแล้ว ไม่ต้องหรอกน่า”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเสียหน่อย ยังไงก็ตัววิน ความรู้สึกวิน”

“แต่นั่นคนที่บ้านทั้งนั้น ต้องแคร์”

“อยากให้วินแคร์คนอื่นมากกว่าพี่โป๊ะหรอครับ”

“ถ้าคนอื่นที่ว่า คือคนที่บ้าน ก็ได้ รักพวกเขามากกว่าพี่ได้เลย พี่จะดีใจด้วยซ้ำ”

“วินจะรักใครมากกว่าใครวินคิดเองได้”
“อย่าบังคับวินเยอะ”

“ไอ้ยุ่ง ที่บังคับอยู่นี่ก็เรื่องดีๆ ทั้งนั้น กตัญญูไม่ทำให้ใครตายหรอก” เดี๋ยวก็รู้ว่าคนเราสามารถกระอักเลือดตายเพราะความรักจะกตัญญูไม่ลืมหูลืมตา

ผมเงียบใส่ เขาก็เลยเดินมาดึงจานไปจากมือ โยนส่งๆ ลงซิงค์ล้างจานแล้วก็เดินมากอดผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงตรงเคาน์เตอร์บาร์ของชั้นใต้ดิน
“โกรธหรอ”

“โกรธแล้วทำไรได้ล่ะครับ ช่างเถอะ”
“วินรู้ว่าพี่โป๊ะหวังดี แต่วินก็มีรูปแบบความคิดของวิน พี่ว่าไม่ดี แต่วินว่าดี ก็ไม่ได้หมายความว่าวินผิดหรือพี่โป๊ะผิด”
“เราก็แค่มองกันคนละมุม ให้ความสำคัญคนละแก่น”
“ถ้าพี่โป๊ะไม่โกรธที่วินดื้อ วินก็ไม่โกรธที่พี่โป๊ะชอบบังคับเหมือนกัน โอเคมั้ย”

“ทำไมหัวแข็งขนาดนี้ว้า!” เขาแกล้งดุใส่ แต่กระชับวงแขนมากขึ้น ผมก็เลยซุกหน้าลงบนไหล่เขาแล้วก็กัดเล่นงั่มๆ ให้หนำใจ

“วินรู้มั้ยทำไมพี่อยากเข้าบ้านวินนัก”

“ต้องอยากรู้ใช่มั้ย?”

“อยากรู้หน่อยก็ดี” เขาอมยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วให้ดูกวนตีนขึ้นอีก 10 เท่า

“อยากรู้ก็ได้ ทำไมครับ”

“อยากเปิดตัวว่าเป็นหลานเขย”
“พี่เอาจริงนะ จะต้องจัดงานเปิดตัว หรือขอขมา หรือพิสูจน์ใจยังไงพี่ก็จะทำทุกอย่าง ขอแค่ให้ที่บ้านวินเชื่อว่าพี่คือคนที่รักวินได้ดีที่สุด รองจากพวกเขา”
“ยังไม่ได้กราบผู้ใหญ่ก็จับขึ้นเตียงไม่ได้สักที อยากจะตายห่าอยู่แล้ว”

ไอ้เหี้ย! ตรงไปมั้ยวะ?
ผมหลุดหัวเราะ เอนตัวไปกอดเขาไว้แล้วก็กัดแรงขึ้นอย่างหมั่นเขี้ยว นายมือหัวเราะนิดนึงแล้วก็ดันตัวผมออก เพื่อโฉบมาจูบแก้มผม เสียงม๊วฟนี่ดังมาก

“แต่คืนนี้เปิดตัวว่าเป็นแฟนพี่กับเพื่อนๆ พี่ก่อนนะ” ห๊ะ! หือ!!!!!  ต้องเปิดตัวด้วยหรอ? ผมว่าแค่คลอเคลียด้วยระดับนี้ก็บอกโลกแล้วระดับนึงนะ ส่วนใครอยากได้รับการยืนยันกับหูตัวเองก็ดาหน้ามาถามกันตัวต่อตัว แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ?

“พี่โป๊ะ ต้องเปิดตัวด้วยหรอ? เพื่ออะไรอ่ะ”

“ก็เพื่อให้เพื่อนรู้อย่างเป็นทางการไง ต่อไปจะได้ช่วยดูแลวินด้วย เผื่อช่วงไหนพี่ยุ่งๆ พี่ยังช่วยดูแลแฟนพวกมันเลย”
“ลูกหมาธามงี้พี่ดูแลประจำ”

“อ้อ....หรอครับ” แต่ผมไม่ได้อยากให้แกงก์เนคไทด์มาช่วยดูแลนี่หว่า แค่นายมือโปรดูแลคนเดียวก็แทบกระดิกไปนอกลู่ไม่ได้แล้ว

“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยมั้ย ร้อนรึเปล่า”
“มีชุดนะ เลือกเอา”

“ไม่เอาครับ ตัวเหม็นเหงื่อนี่แหละกำลังดี น่าประทับใจ” ผมแหย่เล่นแล้วก็ทุ่มตัวนองนอนแผ่บนโซฟาตัวนุ่ม ส่วนนายมือโปรก็เข้ามุมเขา ซึ่งก็คือโซฟาอีกตัวที่วางประกบหลังเข้าหากันนั่นแหละครับ ผมนอนเล่นมือถือ คุยกับไอ้โอมบ้าง เล่นเกมส์บ้างตามเรื่อง ส่วนนายมือโปรทำงานครับ เขาเป็นคนทำงานได้ตลอดเวลาจริงๆ

ราว 4 ทุ่มกว่า ผมก็ถูกปลุกขึ้นมาครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าผล็อยหลับไปท่าไหน แต่ตอนตื่นนี่คือท่านนอนหงายแต่คอหันแทบหัก จังหวะตบแก้มปุๆ ของนายมือโปรเหมือนกล่อมกันมากกว่า ผมไม่อยากลุกเลยให้ตายเถอะ

“โอมมันมาแล้วนะวิน”

“อืออออ” ผมรับคำ ยืดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจ มีมือปลุกยืนเท้าเอวมองอยู่ใกล้ๆ พอเห็นเขาเต็มตา ถึงได้รู้สึกเสียใจที่ยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมเจอใคร ก็นายมือโปรอาบน้ำเปลี่ยนชุดหล่อซะขนาดนี้ ผมยังอยู่ในร่างซอมซ่ออยู่เลย
“พี่โป๊ะหล่อทำไม”
“มีแฟนแล้วนะ”

“เอ้าเฮ้ย!” เขาทำตาโตแล้วก็หัวเราะใส่ผม แม่ง ไอ้หล่อไอ้เหี้ย
“ก็พี่หล่อ จะให้ทำไงได้”
“ลุกได้แล้ว เดี๋ยวพวกนั้นก็มากันแล้ว เมื่อกี้ไอ้หมอบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ไอ้หนึ่งก็ไม่ค่อยสายหรอก”

“วินต้องเปิดตัวด้วยท่าไหนหรอ”

“อย่าลีลา ลุกเร็ว”

“ก็ถาม ก็อยากรู้ไง วินไม่เคยต้องเปิดตัวว่าเป็นแฟนใครนี่ เรื่องแบบนี้มันต้องแกรนด์โอเพ่นนิ่งไรแบบนี้ด้วยหรอ ไม่เข้าใจเลย”

“เถอะน่า พี่แค่อยากบอกเพื่อนว่าพี่มีความรักแล้ว อยากอวด”
“แฟนพี่น่ารักไง”

แฟมผมก็น่ารักครับ หล่อด้วย กวนตีนดีด้วย ผมก็อยากอวดเหมือนกันแต่ไม่รู้จะอวดใคร

“รู้แล้วรู้แล้ว” ผมยอมลุกในที่สุด วิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ปัดๆ ผมเสียใหม่ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อ 1 ตัว ออกมาอวดโฉมให้นายมือโปรนิ้วหัวแม่มือเอ่ยชมว่าเยี่ยม เราก็ออกไปพบเจอโลกภายนอกกันเสียที

ไอ้โอมมาแล้วตามที่เขาบอกเลยครับ มาแล้วก็ทำตัววุ่นวาย มีเพื่อนป.โทมาด้วย ก็กลุ่มที่เกาะกันทำรายงานแหละครับ แต่ก็ไม่กี่คนเท่านั้น พวกนั้นเห็นผมก็โบกมือทักทาย ส่งเสียงวู้วี้อะไรกันก็ไม่รู้ ผมก็เลยลงทุนเดินไปฟังให้รู้เรื่องว่ามันส่งเสียงอะไรกัน ส่วนนายมือโปรแยกไปห้องวีไอพี น่าจะเป็นห้องที่เพื่อนเขาใช้รวมตัวคืนนี้
ผมจ่อมอยู่กับพวกเฮีย มีไอ้โอมเป็นโต้โผหาประเด็นสนทา หาเรื่องยกแก้วชน กินเหล้าอยู่กับพวกนี้ราวชั่วโมงนึง นายมือโปรก็โทรหา เขาบอกให้ผมลาเพื่อนๆ แล้วมานั่งชิลอยู่กับกลุ่มเพื่อนเขาแทน ผมก็เลยลาพวกเฮียตามมารยาท พวกเราเออออใส่กันไว้ว่ามีไรจะอัพเดท มีงานไรก็จะไม่ลืมกัน คนพวกนี้คิดว่าผมกลับบ้าน มีแต่ไอ้โอมเท่านั้นที่รู้ว่าผมต้องไปนั่งประกบแฟนระหว่างกินเหล้า ซึ่งก็ไม่ใช่นิสัยผมเท่าไหร่ แต่ถ้าทำแล้วเขามีความสุข ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากลำบนสันดานผมนัก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 20-03-2016 23:10:35
ออกจากห้องน้ำมา ผมก็วกไปทางห้องวีไอพี เคาะประตู 2 ทีเบาๆ เอาแบบที่คิดว่าคงไม่มีใครได้ยินหรอก แล้วก็เปิดประตูเข้าไป

เพื่อเจอกับเสียงแซวดังสนั่น

“โว้วววววววววววววววววววววววว”
“ไอ้เหี้ยโป๊ะ คุณแม่ง!”
“หลานนายแบงก์นะคุณ บ้านเขารู้มั้ยเนี่ย”
“เจม เจ้าสัวนี่เขายังไง ดุมั้ย เคยได้สัมภาษณ์มั้ย? วงการเขาามองกันยังไงมั่ง บรีฟๆๆๆๆ”
“เหี้ยโป๊ะ คุณเปิดแอลซีแบงก์อื่นไว้เลย ถ้าเขาไม่ชอบคุณขึ้นมา เขาเรียกดอกแพงจนล้มละลายได้เลยนะเว้ย”
“โป๊ะ คุณร้ายอ่ะ ผมก็รู้ๆ แหละว่าคุณสนใจน้องวิน แต่แบบเห้ย! คุณดึงเขาลงมาได้ไง จิตใจทำด้วยอะไร”
“คุณมันต่ำต้อยโป๊ะ ต่ำตมระดับบัวใต้โคลนเลย”
“พี่โป๊ะเอาอะไรป้ายวินเนี่ย บอกมาเลยนะเว้ย!”
“อะไรหรอนำ ทำไมต้องแย่งกันพูดล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย ป้ายคืออะไร ป้ายแบบป้ายรถเมล์หรอ ทำไมหรอนำ”


ผม.....ต้องตอบคำถามกลางอากาศเหล่านี้มั้ยครับ?
ผมแช่ตาอยู่ที่นายมือโปร รายนี้โดนทำอะไรมาบ้างก็ไม่รู้แต่หัวยุ่งยับ เสื้อเยินย้วยไปหมด ส่วนเพื่อน เขานั้น สภาพยังโอเคกันหมดทุกคน นี่แฟนผมโดนแกล้งอยู่ใช่มั้ย? เออ สนุกดีอ่ะ ผมก็อยากแกล้งเขาเหมือนกันนะ หมั่นไส้ความมั่นหน้ามั่นใจของเขามานานแล้ว

“เอ่ออ.....วิน....”

“พูดเลยวิน พูดเลยว่าไม่ชอบเพื่อนพวกพี่”
“มันบังคับวินใช่มั้ย? มันเอาเรื่องอะไรมาบีบคั้น ไม่ต้องทำตามใจมันหรอกนะ”
“ไอ้โป๊ะมันถึก ไม่รับรักมันก็ไม่เป็นไร เอาที่วินสบายใจเลย”
“วินแน่ใจแล้วหรอครับ กับโปรเนี่ย”
โถ พี่หมอนำก็เอากับเขาด้วย เขาเป็นคนเดียวที่ผมคิดภาพเอาไว้ว่าน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่อำไอ้พี่โป๊ะ
“ปรึกษาพี่ได้นะ เดี๋ยวเราคุยกันเรื่องความต้องการลึกๆในใจ จะแก้ปมอะไรในใจก็แก้ได้ ไม่ต้องอุทิศตัวเองเป็นแฟนไอ้นี่มันหรอก”
“วิน...ยังไม่สายนะ ไม่รักไม่ชอบก็พูดเลย จริงๆ”
เจม....สนุกใช่มั้ย? รู้ตัวมั้ยว่าปากกว้างจะถึงหูอยู่แล้ว
“อ้าว พี่วินไม่ชอบพี่โป๊ะหรอ”
“พี่โป๊ะโม้อีกแล้วนะ!”
น้องธาม...น่าจะไม่ทันใครเขาหรอก แต่พูดได้เนียนมาก

“เฮ้ย! พวกคุณ”
“ลูกหมาตื่นหมด”
“วินครับ มานี่สิ บอกกับพวกมันเลยว่ารักพี่” กูอ้วกตรงนี้เลยได้มั้ยครับ
“วิน” เขาทำเสียงเว้าวอน ยื่นมือมาหาผม ชูรออยู่กลางอากาศ คิดว่าชีวิตมันง่ายสินะครับไอ้พี่โป๊ะ
“วินครับ”

ผมเอามือไขว้หลัง ทำหน้านิ่งใส่ทุกคน ถอนหายใจแล้วก็หันหลัง ทำท่าจะเดินออกจากห้องวีไอพี แต่ทุกเสียงก็เฮ้ยยยยยย ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ผมก็เลยต้องหันกลับมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หน้าเหวอกันทุกคนเลยครับ

“ก็วินไม่รู้จะพูดอะไร พวกพี่พูดอะไรกันวินฟังไม่รู้เรื่อง”

“เฮ้ยๆ วิน พวกพี่ขอโทษ”
“เห็นมั้ยหนึ่ง คุณทำวินอารมณ์เสียเลย”
“มึงไม่ทำเลยนะไอ้พีช”
“ไอ้นำ คุณด้วย แม่งเล่นแรง ดูดิ วินไม่พอใจเลย”
“พี่หนึ่งอย่าโยน ทุกอย่างก็ตามที่พี่หนึ่งเตี๊ยมทั้งนั้น”
“อ้าวเจม เราพวกเดียวกันสิครับ ธาม ธามพวกเดียวกับพี่หนึ่งใช่มั้ย”
“ตกลงป้ายคืออะไรหรอนำ”


“วินครับ  มาหาพี่สิ” เหี้ยตัวนี้แหละที่สำคัญสุด ผมมองมือที่ยังชูรออยู้กลางอากาศ ผู้ชายหล่อเท่คนนี้นั่งมองผมด้วยสายตาเว้าวอน เขาหน้างอนิดหน่อยที่เพื่อนเอาแต่เหยียบย่ำเขา ไม่เชื่อเขาว่าเราเป็นแฟนกัน
สุดท้ายผมก็ฝืนใจตัวเองไม่ไหว จำต้องเดินไปจับมือที่ชูขึ้นรอผมเอาไว้ ประสานนิ้วมือเราเข้าด้วยกัน บีบมือเขาไว้แน่น สอดตัวยืนกลางหว่างขาเขา กอดศีรษะเขาที่ซุกแนบหน้าลงที่ท้องผม ขยี้หัวเขาในจังหวะที่ถูกตบก้นเบาๆ

“พวกพี่อย่าแกล้งแฟนวินสิ พี่โป๊ะขี้น้อยใจนะครับ”

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สารพัดคำสบถแหละครับที่ได้ยิน ผมขำแกงค์นี้มาก งานการก็ดี หน้าตาก็ดี บุคลิกก็ดูดี ไม่ควรจะแสดงด้านมืดแบบนี้เลย โดยเฉพาะต่อหน้าแฟน แต่จะว่าไป พวกแฟนของแกงค์นี้ก็แสดงด้านมืดมากกกกกกกกกกกกต่อประเด็นการมีแฟนของพี่โป๊ะเหมือนกัน

ดึกมากแล้ว เจมเป็นคนแรกที่ขอแยกวงเพราะว่าพรุ่งนี้มีสัมภาษณ์แต่เช้า พี่นำเองก็ต้องเข้ารพ.เหมือนกัน และแม้ว่าธามจะยังไม่ได้ทำงานอะไร แต่อาการจะหลับเสียให้ได้ก็เตือนให้พี่โป๊ะยอมปล่อยตัวเพื่อนกลับบ้านกันเสียที
“วิน” จะมีก็แต่คนนี้แหละครับที่ท่าทางยังไหวอยู่

“ครับพี่พีช”

“รักโป๊ะมันเยอะๆ นะ”

“ครับ” ผมรับคำ รู้สึกเหมือนถูกพ่อพี่โป๊ะฝากฝังลูกชายไว้ในอุ้งมือ พี่พีชยิ้มให้จางๆ เขาเหล่มองผมนิดนึงก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องลูกแพร์หรอก”

“ครับ วินไม่คิดอะไรแล้ว”
“ผีก็ผี วินก็วิน”


“..................” หน้าตาเขาเอ๋อมากตอนที่ได้ยินความคิดผม ผมแค่ยิ้มให้พี่ชายของผู้หญิงที่พี่โป๊ะสงสารจับใจ สำหรับพี่พีชและลูกแพร์ ผมมองแค่มุมนี้จริงๆ

อดีตจะเป็นไงก็ช่างแม่งเถอะ แต่อนาคต วันที่แฟนผมจะสละเวลาให้กับผู้หญิงคนนี้ก็แค่ 1 วันต่อปี วันที่ครบรอบวันตายเธอเท่านั้น ผมเองก็เหมือนกัน ผมจะสละเวลาให้กับคนที่ทำให้ความทรงจำผมเป็นแผลแค่วันเดียว คือวันครบรอบวันตายของเธอ

แกงค์เขากลับเป็นกลุ่มสุดท้ายของผับเลยครับ
พนักงานที่ร้านกำลังปิดร้านตามหน้าที่ ส่วนนายมือโปรก็หิ้วปีกผมลงชั้นใต้ดินเหมือนเดิม คืนนี้คงต้องนอนกันที่นี่เพราะพี่โป๊ะบอกว่ากึ่มๆ ไม่อยากขับรถ ครั้นจะให้ผมขับแทนเขาก็รีบเตะความคิดนี้ทิ้งไปเลย เพราะเขาบอกว่า วินเมากว่าพี่อีก ซึ่งก็น่าจะจริงครับ วัดจากการที่ผมสามารถเฮ้ย! ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
โซฟาตัวใหญ่นุ่มรองรับพวกเราเอาไว้ คืนนี้ไม่มีผ้าห่ม แต่ผมไม่หนาวเพราะกอดของนายมือโปรอุ่นมาก

“พี่รักวินนะ”

“เฮ้ยยยยย! แม่งงงงง เหี้ย” ก็บอกแล้วไงครับ ว่าผมเมากว่าเขามาก

“เออๆ เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”

ผมดมผิวหน้าอกเขา ถูๆ แก้ม แล้วก็หลับตาลง
ไม่รู้ว่าคืนนี้พระจันทร์มีรูปร่างแบบไหน ที่นี่คือชั้นใต้ดินไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่แล้ว แสงไฟในห้องนี้ก็สีเหลืองนวลๆ หน่อย ผมเลยไม่รู้จะรำพันว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนดี แต่ที่รู้ๆ คืนนี้ ผมอยากกอดเขาเอาไว้ให้แน่นที่สุด เท่าที่กำลังผมจะพอมี




Cut


มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ตอนนี้หวานมากกกกกกกกกกกกก
้อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หมั่นๆๆๆๆๆ หม้ั่นอิพี่โป๊ะ งึ!!!

เจอกันตอนหน้า ขอต้อนรับสู่ท้ายเรื่องค่า >,<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2016 23:47:50
ฮากลุ่มเพื่อนพี่โป๊ะมาก 555555+
เหยียบย้ำซ้ำเติมพี่โป๊ะกันสุดๆ 5555555+
อีพี่โป๊ะมัแฟนแล้วมุ้งมิ้งขึ้นนะเราน่ะ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 20-03-2016 23:55:23
ขำแก็งค์เพื่อนโป๊ะ5555555555555555
ตอนนี้หวานมากงือออออ
รีบๆไปขอผู้ใหญ่นะพี่โป๊ะ จะได้ไม่ต้องอดทน 555555555555555555

ท้ายเรื่องแล้ว  o22
ชอบเรื่องนี้มากยังไม่อยากให้จบเลย งือ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-03-2016 01:24:41
วินน่าร๊ากกกกกกกก

แก๊งค์เพื่อนนี่ฮามากจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-03-2016 07:49:45
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-03-2016 13:28:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 21-03-2016 22:29:50
ขอรักคุณมือโปรด้วยคนนะคะวิน คนอะไรน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 22-03-2016 02:10:35
อรั้ยย เค้าสวีทกันอะะ ขอประสานเสียงกับเดอะแกงค์ด้วยคนนะคะ
อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก5555555555555
เรื่องนี้ดีงามมากค่ะพูดเลย พี่เหี้ยกับน้องเหี้ย555
โปรเย็นดี มาดับร้อนวินได้ กวนตีนมากด้วย หน้าด้านด้วย ชอบมากอะ ฮรือออ
 ปูเสื่อรอวันเปิดตัวนะคะ มาม่าเบาๆก็พอน้า Loveๆ จะได้สิ้นสุดความอดทนนะฮ้าพี่โปรคนหล่อ 555

คุณนักเขียนมีแฟนเพจมั้ยคะ อยากติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 22-03-2016 03:33:43
ชอบความอดทนพี่โปรมาก    ชอบความแปลกในการคิดของวิน   :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 22-03-2016 08:10:23
ขอหวานกว่านี้อีกนะน้องวิน  :o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 07-04-2016 17:34:44
งื่ออออ คิดถึงน้องวินแล้วววววว เค้าอ่านย้อนหลังตอนที่แล้วหลายรอบ
ดีงามม เขิลไปอีกรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ><
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 08-04-2016 07:55:02
คิดถึงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-04-2016 23:16:09
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 36


เช้านี้พระอาทิตย์ไม่มาทักทายกันเหมือนเช่นเคย
แสงแรกของผมในวันนี้ คือแสงไฟที่ทแยงเข้ามาทางหางตา พอหันหน้ามองตรงๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นแสงของหลอดไฟกลางห้อง
ใครคนหนึ่งนอนตะแคงหน้าเข้าหาผม ใบหน้ายาวของเขานาบกับหมอนที่ยวบลงตามรูปศีรษะ แขนเขาพาดยาวมาทางตัวผม ปลายมือเขาคือกลางอกผม หากหัวใจผมขยับแรงอีกสักนิด เดาว่ามือเขาคงได้เต้นเบาๆ ในจังหวะเดียวกัน

“พี่โป๊ะ”

“ครับ” ทำไมตอบทันควัน ก็หลับอยู่ไม่ใช่หรอวะ? ผมนึกสงสัยแล้วจิ้มแก้ม แหกตาเขาเล่น ฝ่ายเขาร่นหน้าหนีนิดหน่อย พอหรี่ตามองเห็นมือผมป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ หน้าเขา นายมือโปรก็จับนิ้วผมหมับ ขืนบังคับ(นิดเดียว)ให้แผ่ฝ่ามือออกแล้วแนบลงที่แก้มเขา โดยมีมือเขากุมไว้อีกทอด
“ตื่นแล้ว เรียกทำไม หือ ไอ้ยุ่ง”

“ตื่นแล้วไม่ลุกล่ะ”
“กี่โมงแล้ว เผื่อสาย จะไปงานคุณตาไม่ทัน”

“เพิ่ง7โมง”

“หิว” พูดจบผมก็เป็นไทครับ เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ขยับลงจากโซฟาตัวใหญ่ที่เรานอนเบียดนอนด้วยกันทั้งคืน เพื่อไปทำมื้อเช้า ช่างเป็นเอ่อ...แฟน...ที่สารพัดประโยชน์มาก

“เจียวหรือดาว” อื่มม ก็ไม่ค่อยสารพัดประโยชน์เท่าไหร่นะ
“วินชงกาแฟให้ที” ใช้กูอีกต่างหาก
“เร็วสิครับ ไอ้ยุ่ง” ด่ากูด้วย ไรวะ! ผมถอนหายใจ บิดขี้เกียจอยู่บนโซฟาแล้วเตะขาอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมลุกแหละครับ เขาทำมื้อเช้า ผมชงกาแฟไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว งานง่ายๆ

พอชงกาแฟให้แล้ว นายมือโปรก็บอกกำหนดการคร่าวๆ ซึ่งเป็นกำหนดการที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเขาจะร่างมันขึ้นมาทำไม มันประกอบไปด้วย ไปคอนโดพี่ ชุดหล่อมากอยู่ที่นั่น กลับไปบ้านไม้เพื่อให้ผมแต่งชุดหล่อ ซึ่งผมต้องให้ข้อมูลเพิ่มว่าไม่มีชุดเหมาะกับงานคุณตาที่บ้านไม้หรอก ชุดอยู่ที่โรงแรม ป้าสุจัดหาไว้ให้ เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะแยกกันตั้งแต่ เขาไปคอนโดเขา ผมไปโรงแรม ใช่มั้ยครับ? ไม่เลย
กำหนดการที่ไร้ขอบเขตมีเพิ่มเข้ามาจนได้ ประกอบด้วย ไปคอนโดพี่ ไปโรงแรมวิน แล้วไปงานด้วยกัน
“พี่โป๊ะ ทำไมเราต้องไปงานพร้อมกัน ป๊อดหรอครับ กลัวหมาที่บ้านวินรึไง”

“พี่ก็กลัวหมานะ วินไม่เคยรู้ล่ะสิว่าพี่ไม่ถูกกับหมา เผ่าพันธุ์มันก็ไม่ถูกใจพี่เหมือนกัน”
“แต่ที่อยากไปงานพร้อมกัน ก็เพราะอยากไปพร้อมกัน”

“เหตุผลและมันทับซ้อนกันได้ด้วยหรอพี่โป๊ะ”

“อืม ทำไม วินไม่อยากไปพร้อมพี่หรอ”
“ทิ้งกันซะงั้น”

“ทิ้งบ้าบออะไร วินก็แค่ถาม พี่ก็บอกเหตุผลมา”
“แล้วให้วินเข้าบ้านพร้อมแขกคุณตา มันประหลาด วินเป็นทีมเจ้าภาพ”

“พี่เป็นหลานเขยเจ้าภาพ ไปพร้อมกันประหลาดตรงไหน”

“เอาจริงๆ พี่โป๊ะกลัวอะไร”

“ไม่ได้กลัวอะไร วินนั่นแหละกลัวอะไร”

หรือจะเป็นผมเอง...ที่กลัว?
ผมดูหวาดกลัวหรอ เขาถึงได้รบเร้าจะเข้าบ้านพร้อมกัน
ผมไม่เถียงกับเขาต่อ นั่งตัดไข่ดาวเฉียดซอสมะเขือเทศแล้วก็ยัดเข้าปาก กินไป 2-3 คำก็รู้สึกอิ่ม ส่วนนายมือโปรแย่งผมกิน 1 คำแล้วก็กระดกกาแฟดำ เขาบ่นว่าขมไป แต่ก็ไม่เห็นเติมน้ำตาลเพิ่ม
เมื่อเห็นว่าผมอิ่มดีแล้ว เขาก็พาผมไปคอนโดตามกำหนดการที่เขาคิดเอง ยอมรับเอง และแน่นอน นี่คือการไปเยือนคอนโดอของนายมือโปรครั้งแรกของผม....ตื่นเต้นครับ แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น

คอนโดเขาอยู่บนถนนสาทร ดูจากภายนอกก็รู้ว่าแพง และยิ่งได้รู้ว่าแพง ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจว่านายมือโปรมาขลุกอยู่ที่บ้านไม้กับผมทำไม ไหนจะฐานเก็บตัวเองที่ชั้นใต้ดินของผับย่านสุขุมวิทอีก หรือคอนโดเอาไว้ซ่อนเมีย?

“มาสิวิน”

“วินรู้น่า” ผมเถียง นิดหน่อยก็ขอให้ได้เถียง ก็ผมไม่ใช่มนุษย์ที่มีรูตรงปลายจมูกให้ใครร้อยเชือกแล้วพาเดินเสียหน่อย

“ชั้น 15 ห้อง 420 จำด้วยนะ”
“เดี๋ยวเอาคีย์การ์ดไว้ด้วย มี 2 แบบ เข้าลิฟท์กับที่จอดรถอันเดียวกัน อีกใบใช้เข้าห้อง”

“....................” ผมไม่ได้รับปากรับคำอะไร นายมือโปรก็เลยม้วนคิ้วใส่ หมอนี่จริงจังแล้วหน้าดุมากครับ

“งงหรอ?”

“ไม่ได้งง แต่ไม่เข้าใจว่าพี่โป๊ะจะให้คีย์การ์ดวินไว้ทำไม”

“ก็เผื่อมานอน มาอยู่ มาทำอะไรก็ได้”
“ห้องพี่ก็คือห้องวินไง พี่ยังมีกุญแจบ้านไม้เลย เราต้องเท่าเทียมสิ”

“แต่บ้านไม้ไม่แพงเท่าคอนโดพี่โป๊ะหรอก”
“นี่ๆ พี่โป๊ะ”

“ครับ” เขารับคำ หันไปสนใจตัวเลขสีเขียวที่แสดงลำดับชั้นของอาคารนิดหน่อย เขาคงรู้สึกได้ว่าลิฟท์เคลื่อนที่ช้าลง อาจจะมีใครกดเรียกและเข้ามาเป็นผู้ใช้ลิฟท์ร่วมกับเราก็เป็นได้

“ถ้าวิน.....มีแต่ตัว พี่โป๊ะจะคบมั้ย”

“ถามประหลาด”
“พี่ก็รักวินแต่ตัว เดี๋ยวได้กันก็เขี่ยทิ้งแล้ว”

“แม่งงงงงงง”

“ล้อเล่น”
“พี่ไม่รักเงินวินเสียหน่อย อีกอย่าง เงินทุกบาทของวินก็คือเงินอาสุเขา วินไม่ได้หาเองเลย เว้นเงินเดือนที่ได้จากบริษัทของเรา”
“วินยังต้องทำอะไรอีกมาก มากจนไม่มีเวลามาสงสัยความรู้สึกของพี่หรอก ว่ามันปลอมแปลือกรึเปล่า”

“ตอบให้ดีใจหน่อยก็ไม่ได้”

“รักครับ มาสภาพไหนก็รัก” ก็เท่านี้ ทำเป็นท่ามากมาอบรมเยอะแยะ เฮอะ! แต่ผมก็ก้มหน้าอมยิ้มกับคำตอบตรงๆ ที่ได้ยิน รู้สึกขอบคุณเขาอยู่ในใจและไม่คิดจะถ่ายทอดมันออกมา ผมคิดว่าเขารับรู้ได้จากภาษากายของผม ภาษาดวงตาของผม ไม่อย่างนั้นคงไม่ลูบหัวผมเบาๆ แบบนี้หรอก

เรามีแขกเพิ่ม 1 คนในลิฟท์ตัวนี้ ผู้หญิงคนนี้มองนายมือโปรแล้วส่งยิ้มให้ ซี่งผมรู้สึกได้ว่าเธอหลบรอยยิ้มของเธอจากสายตาผม เธอกดลิฟท์ไปชั้น 22 และเมื่อถึงขั้น 15 ผมกับนายมือโปรก็ออกจากลิฟท์ แต่ผมได้ยินเธอพูดไล่หลังมาเบาๆ ฟังความได้ว่าทักกันหน่อยก็ไม่ได้ เธอคนนี้ น่าจะเคยเป็นคนที่นายมือโปรรู้จัก....ล่ะมั้ง

“ไม่ถามหรอ” นายมือโปรถามขึ้นเมื่อเราเข้ามาในห้อง กะจากสายตาแล้วน่าจะขนาดใหญ่กว่า 80 ตารางเมตรได้ ที่นี่ไม่แคบเลย โอ่โถง กว้างขวาง เป็นสัดส่วน และดูสะดวกสบายเสียจนผมต้องขมวดคิ้ว

“พี่โป๊ะ ทำไมไม่ค่อยอยู่ห้องนี้ล่ะครับ ดูสบายออก”

“ก็อยู่ประจำนะ เพิ่งไม่ค่อยได้มาเพราะไปนอนบ้านวิน”
“เตียงวินนิ่มกว่าตั้งเยอะ หมอนข้างก็หอม” กาม ผมจำกัดความน้ำเสียง อาการโน้มตัวมาหา หลับตา และสูดผมแก้มผมด้วยคำนี้คำเดียวครับ
“ไง ไม่ถามหรอไอ้ยุ่ง”

“ถามอะไรครับ เรื่องห้องหรอ มีอะไรที่พี่โป๊ะอยากบอกก็พูดเลยเถอะ บางทีวินก็เข้าไม่ถึงความซับซ้อนของคน”

“ไมใช่บางทีหรอกวิน วินไม่เคยเข้าถึงความซับซ้อนของใครเลย ตัววินเอง วินก็รู้จักไม่หมดทุกซอก”
“แล้วที่ถามว่าไม่ถามหรอ? ก็ไม่ใช่เรื่องห้องครับ เรื่องคนเมื่อกี้”

“อ้อ....”

“เคยเดทกัน”

“ครับ?”

“พี่กับเขา เคยเดทกัน”
“แบบ....ควง”
“แต่เลิกกันนานแล้ว ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว”

“..................”

“หึงมั้ย” ถามเฉยๆ ก็ได้ ทำไมต้องลากมานั่งบนโซฟานิ่มชิบหายนี่ด้วย ทำไมต้องดึงตัวให้เกยขากันด้วย

“พี่โป๊ะรักเขาหรอครับ มากกว่าลูกแพร์....”

“ไม่ ไม่ได้รัก ก็แค่...ผู้ชายอ่ะวิน”

“ผู้ชายเซ็กส์จัดด้วยใช่มั้ยครับ”

“ใช่ แต่ตอนนี้เซ็กส์จัดว่าขาดมาก แฟนหวงตัว”

“แฟนพี่โป๊ะไม่ได้หวงตัว แต่พี่โป๊ะบอกว่าต้องให้ผู้ใหญ่ไฟเขียวก่อน พี่พูดเองนะ” ผมดักทาง และก็ดักทางถูกด้วยครับ เขาทำปากยื่นเหมือนเด็กงอแง ผมก็เลยดีดไปเหนาะๆ ท่าทางจะเจ็บน่าดู ถึงได้ฟัดผมเป็นการเอาคืน ลงท้ายก็แค่จูบกันยาวนาน นัวเนียกันจนถึงเส้นกั้น ถ้าตัดสินใจล้ำเส้นนี้ไป สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ก็จะหมดความหมายทันที และเขาก็เลือกที่จะไม่ยอมให้มันหมดความหมายลงง่ายๆ
นายมือโปรูดหน้าอกผมเหมือนเหี้ยหิวโหยมา 18 ปี แล้วก็ผละออก กางริมฝีปากแดงจัดจ้านออกเป็นรอยยิ้ม
“พี่คิดมาตลอดทางเลย”

“อื้อ วินรู้”

“รู้ว่า”

“รู้ว่าพี่โป๊ะคิดอะไร”
“และก็...วินเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดอะไร”
“แต่เราเชื่อมั่นในกันและกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ”

“ครับ”

“งั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรไปล่วงหน้า”
“วินจะรักพี่โป๊ะในแบบของวิน พี่โป๊ะเองก็เหมือนกัน รักวินในแบบของพี่โป๊ะเถอะครับ”
“บอกได้เลยว่าบ้านวินคาดหวังอะไรไว้มากมาย เรียกว่าการวาดฝันในอากาศยังเป็นคำอธิบายที่ตื้นเขินเกินไป”
“พวกเขาคาดหวังกับวิน กับคนที่วิน...เลือก เสมอแหละ”

“จะเปลี่ยนใจ ไม่เปิดตัวว่าเราคบกันก็ได้นะครับ รักหลบๆ ซ่อนๆ คงสนุกดี”

“ไม่ ไม่เห็นต้องหลบต้องซ่อน”
“นอกจากวินแล้ว พี่ไม่มีอะไรที่ห้ามเสียไปแม้ว่าต้องตายก็ตาม"
“และที่บ้านวินก็ควรได้รับรู้ ว่าลูกเขา หลานเขา อยู่ในสายตาของใคร อยู่กับความรักของใคร”
“พวกเขาควรได้หมดห่วง โดยเฉพาะอาสุ”

“งั้นเราบอกป้าสุคนเดียว”

“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าให้อาสุช่วยปิดบังเรื่องวินกับทุกคนในบ้าน”
“ไม่ดี”

“อื้อพี่โป๊ะ” จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราทั้ง 2 คนมัวแต่สนใจทางบ้านผม แล้วบ้านเขาล่ะ เปิดทางหรอ?

“หือ” หือแล้วก็คว้ามือไปบีบเล่นต่อ

“แล้วคุณตะวันล่ะครับ บอก”

“บอกแล้ว โดนเตะแล้วด้วย”
“โดนด่าสารพัดเลย หาว่าดึงวินมาตกต่ำ ระดับหลานนายแบงก์ต้องมีขนาดไหน เขาถึงเชื่อว่าดูแลลูกหลานเขาได้”

คงซีเรียสน่าดู ผมไม่รู้ว่าคุณตะวันรังเกียจเดียดฉันท์ผมระดับไหน แต่ถ้าเขาคิดจะเตะลูกชายเขาจนตายคาตีน ผมก็คงต้องขวางทางตีนเขาแล้วแหละ ก็ลูกชายเขาคือคนที่ผมรักนี่หว่า

“ดีไม่ดี ทางวินอาจจะล้มดีลเจวีเลยก็ได้”
“พ่อถามพี่ว่ารับได้รึเปล่า ถ้าได้วินมาแล้วโปรเจคสตูฯล่ม”

“........................”

“........................”

ผมไม่ถามหรอกว่าเขารับได้ไหม
ผมกำลังถามตัวเองอยู่ว่า ผมล่ะรับได้รึเปล่า

การรักใครสักคน มันต้องใจแข็งขนาดไหนกัน
ขนาดที่ว่ากัดฟันเดินบนคมมืดก็ได้
ขนาดที่ว่า ต่อให้เห็นว่าก้อนหินใหญ่กำลังพุ่งมาอัดร่างก็จะไม่หลบ
ผมต้องเข้มแข็งขนาดมั้ย ยอมหักไม่ยอมงอ ยอมตายๆ ไป แต่ไม่ยอมปล่อยมือกันเด็ดขาด

การรักใครสักคน มันต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน
 
#### @ D A W N  #####

นายมือโปรหล่อเหี้ยๆ เลยครับ
ผมมองรูปร่างสง่าของเขาแล้วอิจฉาจริงๆ ขาก็ยาว ลำตัวสมส่วน กล้ามท้อง กล้ามแขนดูแค่ตายังรู้ว่ามันได้รับการจัดระเบียบมาอย่างดี ผิวไม่ขาวใสแต่ก็เป็นสีน้ำผึ้งชุ่มฉ่ำ
เขาสวมกางเกงแล้วแต่ก็ยังไม่รูดซิป มายืนร่อนเป้าอวดผมอยู่นี่แหละ เปล่าหรอกครับ ผมแค่ล้อเล่น เขากำลังสามเสื้อเชี้ต พอสวมเสร็จก็ยัดชายเสื้อใส่กางเกง เดินมายืนเท้าเอวตรงหน้าผมที่นั่งอยู่ริมขอบเตียงนอนใหญ่

“อะไรครับ”

“ช่วยหน่อย หน้าที่เมีย”
“โอ้ย!!” ต้องร้องสิครับ เพระผมทุบเป้าเข้าให้ ปากดีนัก เรียกใครเมียวะ ไม่ใช่เว้ย! ยังไม่ได้เป็น
“เกิดใช้ไม่ได้ทำไงเล่าวิน”

“ใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้ครับ วินเสียบให้ก็ได้”

“อื้อหือ ฝันแล้วไอ้ยุ่ง”
“เร็วครับ ช่วยพี่ เดี๋ยวพี่ช่วยวินแต่งตัวบ้างไง”

“วินเต่งตัวเองได้ พี่โป๊ะก็ควรทำได้”

“ก็อยากอ้อนไง แค่นี้เอง ทำให้หน่อย ให้ชื่นใจหน่อยสิ”
“เร็วๆๆ”
“เร้วๆๆๆๆๆ” มีเพิ่มระดับน้ำเสียงด้วย คงคิดว่ากำลังหลอกล่อลูกหมาลูกแมวอยู่ล่ะมั้ง ผมหัวเราะระหว่างช่วยเขาติดกระดุม ติดทีละเม็ด ทีละเม็ด จี้ๆ กล้ามท้องเขาเพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง  ผมไม่รู้สึกเขินอายสักนิด ไม่ใช่ว่าผ่านมาเยอะหรอกครับ แค่รู้สึกและเชื่ออยู่ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันว่าทุกสิ่งของเขาคือของผม

ถึงเวลาผมต้องแต่งองค์บ้างแล้วครับ อย่างที่บอกว่าชุดของผมนั้น ป้าสุเป็นคนจัดเตรียมให้ พอนายมือโปรพร้อมพบปะผู้คน (จริงๆ แล้วเขาก็ดูหล่อพร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน) แล้ว ผมก็โทรหาป้าสุครับ ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่คนนี้สั่งให้ผมไปแต่งตัวที่คอนโดโรงแรม เตรียมชุดและรถไว้ให้แล้ว ผมก็เลยต้องบอกว่า ผมจะเข้าไปที่บ้านพร้อมกับนายมือโปร ซึ่งป้าสุก็เห็นชอบ พร้อมยกเหตุผลประกอบให้ผมเบ้ปากว่า “ดีแล้วลูก เป็นพาร์ทเนอร์กันก็ต้องดูแลเขา อย่าให้มาเคว้งที่บ้านเรา” คนอย่างนายวารินทร์ วณิคพันธ์ น่ะหรอจะเคว้ง

“พี่โป๊ะ จะขับรถไปหรือนั่งแท็กซี่ไปที่คอนโดวินครับ”

“ทำไมอ่ะ ทำไมถึงต้องเลือกด้วย เอารถไปไม่ได้หรอ”

“ก็เอาไปได้ แต่ไงๆ เราก็ต้องนั่งรถที่ป้าสุเตรียมไว้ไปที่บ้าน ขากลับพี่โป๊ะจะได้กลับคอนโดเลย ไม่ต้องแวะเอารถที่คอนโดวินอีก”

“แล้ววินล่ะ ทำไมพี่ต้องกลับคอนโดพี่เลย เราก็กลับบ้านไม้กันไง”

“อื่มมม วินอาจต้องค้างที่บ้านนั้น ตอนเช้าคุณตาจะใส่บาตรเป็นประจำ ท่านอยากให้หลานๆ อยู่ด้วย วินละเลยมาหลายครั้งแล้วครับ”

“อ่ออออ ใส่บาตรภายในสินะ”
“แต่ไม่เป็นไร พี่เอารถไปจอดคอนโดวินดีกว่า คงไม่ดึกมากนี่ ใช่มั้ย”

“ครับ คงงั้น” ผมรับคำ ยอมรับเลยว่าในหัวไม่มีเรฟเฟอร์เร้นซ์อ้างอิงเลยว่างานวันเกิดคุณตาในปีก่อนหน้ามีรูปแบบยังไง ส่วนปีที่ผมอยู่ร่วมงานมาตลอด ก่อนจะจงใจบกพร่องหน้าที่หลานนั้น งานก็จะเป็นกันเอง คุยกันอบอุ่นแบบแฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น คนนอกที่มาสวัสดีและอวยพรวันเกิดคุณตาส่วนใหญ่ก็จะกลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ขึ้นอยู่กับแขนงไหนและใครเป็นคนพาเข้าบ้าน
เมื่อก่อน ผมไม่สนใจแขกของงงานเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่รู้จะบอกแนวทางการปฏิบัติตัวแก่นายมือโปรยังไงดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ การต้อนรับใครสักคน

ความแพงของรถ แรงม้าของรถ หรือกระทั่งทักษะการขับรถของนายมือโปรก็ไม่อาจสู้สภาพการจราจรในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในย่านธุรกิจบนถนนสาทร กว่าจะหลุดช่วงรถติดก็ทำเอาเกือบแย่ พอมาถึงคอนโดหรือห้องชุดที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ สิ่งแรกที่ทำก็คือวิ่งเข้าห้องน้ำไปฉี่ครับ ปล่อยให้นายมือโปรยืนหัวโด่อยู่ที่กลางห้องรับแขก
จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมถึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ก็น่าจะตื่นเต้นเหมือนที่ผมไปคอนโดเขาครั้งแรกเมื่อตอนสายเหมือนกัน

“พี่โป๊ะ ทำอะไรครับ”

“อ๋อ นี่ไง ดูรูปวินกับอาสุ น่ารักเนอะ”
“ตอนเด็กวินจ้ำม้ำกว่านี้นิดหน่อยนะ”
“อันนี้ไปเที่ยวกันหรอ?”
“อืม เป็นป้าหลานที่สนิทกันดีเนอะ”
“เหมือนกับญาติผู้ใหญ่ของวินมีแค่อาสุคนเดียวเลย”

รัวมาเป็นชุดเลย และการสังเกตและตั้งข้อสันนิษฐานของเขาก็ไม่เคลื่อนไปจากร่องความจำนักหรอกครับ ผมไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม แค่เดินมาดูรูปในกรอบแบบบานพับต่อกันหลายบานที่วางอยู่ในชั้นวางของด้วยอีก 2 ตา

“พี่โป๊ะล่ะ ญาติเยอะหรอ”

“ไม่เท่าไหร่ พี่เลือก”
“วินก็คงเลือกเหมือนกันล่ะสิ”

“ครับ”

“ตื่นเต้นจังเว้ยยยย”
“บ้านวินจะชอบพี่มั้ย”

“ไม่มีเหตุผลอะไรที่วินต้องสนว่าที่บ้านนั้นจะชอบหรือไม่ชอบพี่โป๊ะนี่ครับ”
“นี่ถ้าพี่โป๊ะคิดอะไรแบบตำนานรักดอกเหมย ผู้ใหญ่กีดกันข้ามชาติข้ามภพนี่หยุดเลยนะ ชีวิตวิน”

“วินเลือกเอง พูดงี้ตลอด” ไม่พูดเปล่า จิ้มหน้าผากผมด้วยครับ
“พี่ก็แค่คิดแทนคนรอบตัววิน พวกเขาหัวเสียน่าดูที่หลานชายหรือลูกชายทำอะไรข้ามหน้าตลอด”
“พี่ไม่อยากให้ใครมองวินแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครมองวินแบบนั้น”
“พี่ไม่ดื้อหัวชนฝาหรอกนะ แต่ถ้าพี่อยากได้อะไร พี่ก็ต้องได้ อยากรักใคร ก็ต้องรักได้โดยไม่มีใครคัดค้าน”

“ตลก พี่โป๊ะจะบงการความคิดคนทั้งโลกได้ไง”

“ไม่ได้บงการ แต่ทำให้ข้อสงสัยเขาหมดไปต่างหาก”
“ชุดอยู่ไหนครับ ห้องนอนหรอ? ไปสิ”

“รู้แล้วรู้แล้ว” ผมรับคำส่งๆ นึกหมั่นไส้นายมมือโปรที่อวดเก่งไปทุกเรื่อง อวดรู้อยู่ทุกรอบที่ถกเถียงกัน
 
พอแต่งตัวด้วยชุดหล่อเสร็จ ผมก็โทรหาป้าสุว่าผมคงต้องปฏิเสธอะเจนด้าของป้า เพราะผมจะไปกับนายมือโปรด้วยรถของเขา ส่วนรถของที่บ้านก็แล้วแต่ป้าสุจะจัดการ อีกฝ่ายไม่ได้ถามเหตุผลอะไรนัก ซึ่งหากถามผมก็เชื่อว่านายมือโปรสามารถหาข้ออ้างที่ดูดีมาปรนเปรอหูผู้ใหญ่ได้อยู่แล้วครับ

“พร้อมมั้ย” นายมือโปรถามผม เขายื่นมือมารอให้ผมยื่นไปจับ...ขอเถอะ ผมไม่ใช่คนช่างฝัน ไม่ได้มีภาพจำเกี่ยวกับความโรแมนติกที่อยากให้เกิดเป็นประสบการณ์จริงในชีวิตหรอก ผมมองมือนั้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ลึกๆ ผมก็ดีใจนะที่มีใครสักคนบนโลกใบนี้ยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ
ผมใช้หลังมือปัดมือนายมือโปรไปให้พ้นทาง บอกไว้แค่ว่า “วินไม่ใช่เด็ก” นายมือโปรหัวเราะใส่ในลำคอ และเขาก็คือเขา เมื่อยื่นให้จับดีๆ แล้วไม่จับ เขาก็บังคับให้เราจับมือกันในที่สุด
“จับไว้ อุ่นดี เหนียวดี สารพัดจะดี”
“จริงๆ นะวิน”
“พี่คงอยู่เฉยไม่ได้ ถ้าเรื่องของเรามีอะไรมาขวาง”

“งั้นพี่โป๊ะคงต้องทำอะไรอีกเยอะเลยครับ”

“พร้อม”

“ถามวินบ้างสิ”

“พี่พร้อมคนเดียวก็พอ วินชิลไปเถอะ ทำสิ่งที่อยากทำก็พอ”
“จริงๆ” โถ่เอ้ย! ไอ้เหี้ยอัศวิน ผมไม่ได้ด่าออกไปหรอกครับ และที่คิดเปรียบเปรยอยู่นี้ก็ไม่ได้มาจากความรู้สึกดูแคลนน้ำใจเขาเลยแม้แต่น้อย ผมแค่คิดฉายาให้เขาน่ารักมากขึ้นในรัศมีโลกของผม

สิ่งที่รู้สึกในตอนนี้ มันสวนทางกับความนิ่งเฉยมากครับ
มันเข้าใกล้อาการ ‘รักมาก’ เข้าไปทุกที


เขาเดินนำไปก่อน ผมจึงตามออกมา ปิดประตูสนิทและลองดันเข้าไปใหม่เพื่อเช็คความปลอดภัย เมื่อแน่ใจดีแล้วก็ก้าวยาวๆ ให้ทันเหี้ยขายาวที่เดินก้าวอย่างมั่นคง เมื่อตามเขาทันแล้ว ผมก็มองมือที่พ้นออกมาจากปลายสูท
มือใหญ่นี้...เป็นของผม

“จับหน่อยดิ” ผมบอกเบาๆ เบามากเลยนะครับ แต่เขาก็เสือกจะได้ยินและหันมาคว้ามือผมไปจับจูงกันไประหว่างทางเดินไปลิฟท์ที่แสนสั้น

ถ้าหนทางข้างหน้า ทอดยาวออกไปอีกนิดก็คงดี


Cut


วู้วววววววว
เป็นการเตรียมการเปิดตัวหลานเขยเจ้าสัวที่ยาวมากกก กินไป 1 ตอนกันเลยทีเดียว (555 จริงๆ เราเขียนยืดยาดเองนั่นแหละ ขออภัยด้วยนะคะ)
ตอนหน้า!! คือตอนที่ 37 ใช่ไง ไม่ได้รันเลขผิดเลย ฮี่ๆ

เดี๋ยวจะได้หยุดสงกรานต์กันแล้ว ใครมีโปรแกรมเที่ยวพักผ่อนวันหยุดยาว ก็ดูแลความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้างให้ดีนะคะ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมด้วย เห็นอะไรไม่งาม อาทิ บุคคลรองพื้นหน้าเทา (เอ้ย ไม่ใช่) อาทิ พฤติกรรมไม่สมเหตุสมผล ถ้าเตือนเองไม่ได้ก็แจ้งตำรวจเลยค่ะ (แต่ช่วยได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องเนอะ)

เทศกาลนี้ ปกติเราไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ก็น่าจะเปิดแอร์นอนกลิ้งไปมา พลังกาลพลังใจมาก็ลุกมาเขียนนิยายนี่ไง อิอิ

เอาล่ะ ขอบคุณที่รู้สึกดีกับนิยายเรื่องนี้ค่ะ
อีกไม่นานก็ลากันแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน เราคงคิดถึงคุณๆ น่าดู

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 35(20-03-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-04-2016 23:24:12
ยิ่งใกล้ไปถึงบ้านแล้วยิ่งเครียดแทน
ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง
เรานี่ลุ้นยิ่งกว่านายโปรอีก 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 10-04-2016 20:31:58
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่

ตื่นเต้นแทนพี่โป๊ะมากกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 10-04-2016 21:10:48
พี่โป๊ะน่ารักกกก 55555
ฮือออ ใจหายนิดๆจะจบแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-04-2016 22:31:24
ลุ้นตอนเปิดตัวววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 10-04-2016 22:37:01
สู้ๆนะ พี่โป๊ะ น้องวิน  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2016 22:40:07
ครอบครัววินจะว่าไงหว่าาาาา
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-04-2016 00:20:13
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-04-2016 10:28:20
แมนมากพี่โป๊ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-04-2016 10:47:55
 :pig2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 11-04-2016 11:13:51
โอ้ยยยย จะเปิดตัวหลานเขยเจ้าสัวแล้ว จะออกหัวหรือออกก้อยเนี่ย ตื่นเต้นๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่นะจ๊ะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเน้อ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-04-2016 14:20:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-04-2016 15:25:27
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 11-04-2016 18:51:45
วินชัดเจนขึ้นเยอะอะ มีความรู้สึกเหมือนคนปกติละ555 แต่ก่อนอึมครึมไม่พูดไม่แสดงอารมณ์เลย 2-3ตอนมานี้เราโคตรชอบฟิลนี้จริงๆ มันชมพูอ่อนๆพอปะแล่มๆ น่ารักอะทั้งพี่โป๊ะและวิน อยากให้2คนนี้รวมพลังกัน เราว่าต่อให้ปัญหาใหญ่แค่ไหนคู่นี้เอาอยู่อะ  :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 11-04-2016 20:04:49
รักคุณมือโปร "รักมาก"  :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 11-04-2016 21:50:20
ตื่นเต้นๆ เชื่อว่าจะไม่มีดราม่า.....ใช่มั้ยคะ? 5555

สุขสันต์วันสงกรานต์นะฮ้าบบบ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-04-2016 12:19:38
คู่นี้น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 36(09-04-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-04-2016 20:13:30
จริงๆพี่โป๊ะนี่อบอุ่นมากเลยนะ
หวังว่าการเปิดตัวจะไปได้สวยค่ะ
เชื่อในตัวพี่โป๊ะว่าต้องทำให้มันผ่านพ้นไปจนได้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 09-05-2016 20:27:44
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 37


ฟู่ววววว ร้อนๆ เนอะวิน
วินว่าฝนจะตกมั้ย? งานที่สนามหน้าบ้านนี่ดีหรอ? ถ้าฝนตกทำไง
เหมือนพี่เห็นเสธ.อะไรสักคนเลยอ่ะวิน นึกชื่อไม่ออก
เฮ้ย! นั่นกลุ่ม..... เคยออกก๊วนกอล์ฟกับพ่อพี่ เฮ้ยนั่นๆๆๆ

“พี่โป๊ะ! ตื่นเต้นทำไมครับ” ผมหันไปดุเขานิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ ครับ ก็ตั้งแต่นายมือโปรจอดรถในที่ที่ผมชี้จุดให้ เข้ามาในรั้วบ้านบริเวณกว้างที่กลางสนามหญ้ามีการจัดเตรียมสถานที่ไว้แล้ว นายคนนี้ก็ทำท่าเหมือนตัวเองไม่เคยเห็นคนดัง ทั้งที่เขาเองก็ดัง ผมสังเกตุเอาจากอาการคนอื่นตอนที่มองมายังผมและกระดกสายตามองเขาแล้วก็งึมงำๆ พร้อมกับสะกิดให้คนที่ยืนข้างกันหันมามอง
ไม่รู้มองผมหรือมองเขา แต่พอมองแล้วก็ไม่ค่อยจะถอนสายตา น่าอึดอัดชะมัด เพราะฉะนั้นอย่ามาทำท่าดี๊ด๊าตื่นเต้นตรงหน้าผม

“จะไม่ให้ตืนเต้นได้ไง ก็พี่ไม่เคยเจอเจ้าสัว”

“พี่โป๊ะ ถามจริงเถอะ พี่โป๊ะตื่นเต้นเพราะจะได้เจอเจ้าสัวเพราะเขารวยชิบหายวายวอด หรือตื่นเต้นเรื่องอื่น”

“ตื่นเต้นเพราะเขาเป็นเจ้าสัวที่สร้างตัวเก่ง แล้วก็ตื่นเต้นกว่าตรงที่พี่จะมาขอหลานชายเขาไปจากอก”

“ก็ยังดีที่มีเหตุผลที่เอียงมาทางวินหน่อย อย่าตลกดิพี่โป๊ะ ระดับพี่โป๊ะไม่มีพื้นที่ให้ตื่นเต้นแล้ว”
“นี่ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย เชื่อใจได้จริงอ่ะ มาขอหลานเขาแต่มายืนทำตาระยิบระยับไม่มีมาดแบบนี้เนี่ยนะ วินเป็นคุณตา วินไม่ยกวินให้หรอก”

“เถอะน่า ก้าวแรกมันก็ต้องสั่นๆ กันบ้าง แต่พี่พร้อมสู้กับทุกคนนะ อันนี้รับรองได้”

“จะพยายามเชื่อก็แล้วกัน” ผมตราหน้าพวกขี้โม้ไว้แล้วก็เดินเข้าบ้าน ไม่เรียกคนที่ยืนสอดตามองคนนั้นคนนี้อย่างอยากรู้อยากเห็นให้เปลืองน้ำลาย แต่ก็ห่วงเขานิดหน่อยเลยหยุดที่บันไดหน้าบ้าน พอเห็นเขาเดินตามมาแล้วจึงเดินนำเขาไปหาคนคนหนึ่งที่สำคัญกับผม มากกว่าเจ้าสัวไอดอลของเขาเสียอีก

ด่านแรก ผมจะไม่ช่วยอะไรเขาทั้งนั้น
ถ้าผ่านได้ ด่านอื่นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว

“ไปไหนหรอวิน พี่ยังไม่ต้องเจอคุณตาวินตอนนี้ทันทีก็ได้นะ ดูเหมือนท่านต้องรับแขก งานของท่านนี่”

“ไปพบป้าสุครับ”
“ถ้าพี่โป๊ะกล้าพูดว่าตัวเองพร้อม ก็ผ่านด่านคนนี้ให้ได้ก่อน”

“โอเค” ยักไหล่ให้ด้วย ส่วนน้ำเสียงฟังดูสุขุมกว่าเดิมหน่อย ผมหันไปมองจึงเห็นอาการขยับปลายเสื้อ ปกเสื้อ ปรับสีหน้าให้ดูเนี้ยบ และกระแอมไอเรียกน้ำเสียงน่าเชื่อถือมาประกบลำคอ  เออ....นี่ค่อยดีหน่อย

ป้าสุยังไม่กลับเข้าบ้านครับ ผู้หญิงบ้างานยังคงทำตามความบ้าของเธอเหมือนวันนี้ก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ส่วนคนที่ผมและนายมือโปรนั่งเผชิญหน้าอยู่นี้ คือคุณสาวิตรี แม่โดยหน้าที่ของผม และแขกของเธอ คุณประภา หรืออีกชื่อที่ผมเคยเรียกเธอก็คือ “แม่ภา” ผมไม่รู้ว่าพวกเธอกลับมาคุยกันอีกครั้งเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าการกลับมาพบปะกันอีกครั้งมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอะไร แต่ผมไม่คิดว่าเหตุผลของพวกเธอจะตีราคาเป็นตัวเลขไม่ได้

“เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสินะ วิน” คุณประภาทักผมพลางยกมุมปาก ผมไม่อยากเรียกอาการที่ตาเห็นว่ายิ้ม เพราะผมไม่สามารถสัมผัสมันได้

“ครับ” ตอบสั้นๆ แล้วก็นั่งเงียบ นายมือโปรที่นั่งอยู่บนโซฟารับแขกอลังการงานสร้างคงจะทำตัวไม่ถูก  เห็นใจเขาเหมือนกันแต่ผมไม่รู้จะแนะนำให้เขารู้จักกับคุณประภาไปเพื่ออะไร

“อย่าเงียบสิจ๊ะวินลูก”
“คุณภาเขาอยากมาเจอวินนะ ชวนกันคุยสิคะ”

ลูก?...ชวนกันคุยกับคุณประภา?
ผมไม่รู้ว่าคุณสาวิตรีคิดอะไรอยู่ แต่ก็ทำได้แค่ส่งคิ้วที่ขมวดเข้าหากันไปให้เธอได้มอง

“เอ่อออ” นายมือโปรแสดงตัวว่าอยากพูดขึ้นมาทันที คุณสาเองก็คงรู้ว่าไม่น่าจะได้เสียงใดๆ จากผม ยิ่งปล่อยให้เกิดเดดแอร์แบบนี้บรรยากาศก็ยิ่งกร่อย เธอเลยหันมองนายมือโปรแล้วส่งยิ้มการค้าไปให้

“เอ๊ะ นี่คุณวารินทร์นี่คะ ใช่รึเปล่า?”
“อาขอโทษ คิดว่าเพื่อนเจ้าวินเขา”
“มาสวัสดีคุณพ่อในฐานะพาร์ทเนอร์ใหม่ล่ะสิ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วก็ได้เจอกันจริงๆ เสียที อาเห็นแต่ชื่อ ได้ยินแค่ความเคลื่อนไหวมานานแล้ว ดูเด็กกว่าที่คิดอีกนะคะ”
“แล้วทำงานกับเจ้าวินของเราเป็นยังไงบ้างคะ?”
“วิน เล่าให้อาภาเขาฟังสิลูกว่าเราไปตั้งบริษัททำธุรกิจใหม่เป็นยังไงบ้าง”

“....................” ผมก็เงียบเท่านั้นแหละครับ คุณประภาเองก็สีหน้าเรียบเฉยไม่ต่างกันนัก ผมไม่รู้ว่าเธอมาเหยียบบ้านที่เธอเคยใช้เป็นสถานที่ประกาศใส่หน้าคุณตาไว้ว่าจะไม่เผาผีคนบ้านนี้อีกทำไม แต่ดูเหมือนผมจะไม่ใช่เหตุผลของการยอมกลืนน้ำลายตัวเอง

“วินเป็นคนเก่งครับ รักที่จะเรียนรู้แล้วก็รู้จักตัวเองดี”
“เด็กคนนี้เขารู้ว่าเขาถนัดด้านไหน ต้องการทำอะไร แต่วิธีการอาจจะ...”
“ก็ยังเด็กอยู่นี่ครับ ก็ต้องมีที่เดินเบี้ยวๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือว่ารู้จักตัวเองเร็วกว่าคนอื่นๆ นะครับ” นายมือโปรเป็นคนตอบเรื่องราวให้ เขาทำให้บรรยากาศไม่กร่อยเกินไป ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณเขามากๆ

“แต่คุณวารินทร์ก็ต้องสอนเจ้าวินของเราอีกเยอะๆ นะคะ อย่างกวิชาล่ะ”
“อาได้ยินว่าโปรเจคบริษัทคุณใหญ่โตเลยนี่คะ”
“แบงก์เรายินดีมากเลยที่ได้มีส่วนร่วมด้วยเนี่ย”
“ภาพยนตร์ใช่มั้ยคะ อาว่า ด้านคนดูหนังอาจจะไม่ได้มีตลาดที่ใหญ่ไปมากกว่านี้แล้ว แต่ความต้องการเสพสื่อแน่นอนว่ายังมี เปลี่ยนแค่รูปแบบของจอหรือโรงภาพยนตร์เท่านั้น”

“ครับ ผมก็คิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้น สตูดิโอที่จะทำถึงได้รองรับหลากหลาย มีหลายฟังค์ชั่นน่าสนใจ”

“แหม ดูดีจังค่ะ อยากไปดูที่ไซต์ จะได้มั้ยคะ”
“ไปด้วยกันนะคะคุณภา” อีกครั้งที่คุณสาวิตรีพยายามชวนคุณประภาคุย แต่ว่าคุณประภาก็แค่แข่สายตาไว้ที่ผม พอผมลองสบตาด้วยเธอก็จะยกมุมปากขึ้นด้วยความพยายามสูงสุด
ถ้าการมองหน้าผมมันทำให้ต้องทุกข์แสนสาหัสขนาดนั้น ก็เก็บตาของคุณให้พ้นจากหน้าผมไปเถอะครับ ผมไม่คิดจะเอาหน้าผมไปให้ไกลจากสายตาพวกคุณอีกแล้ว ผมคิดว่าผมชดใช้ให้พอแล้ว ที่สำคัญ ที่นี่คือบ้านของผม

“ดิชั้น ขอคุยกับวิน นะคะ” ประโยคแรกที่เธอพูดก็ทำให้คุณสาอ้าปากค้าง เธอดูลังเลด้วยไม่แน่ใจว่าควรปล่อยผมให้อยู่กับคุณประภาตามลำพังหรือไม่ เพราะครั้งสุดท้ายที่คุณประภาใกล้ผม สิ่งที่เธอทำคือตบหน้าผมหลังจากที่ผมก้มลงกราบเท้าเธอพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอดึงตัวผมขึ้นมาเพื่อเขย่าถามอย่างบ้าคลั่งว่าทำไมถึงทำกับลูกสาวเธอแบบนี้ ทำไมชั่วแบบนี้ ทำไมเลวขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นผมที่ตายไปเสีย ทำไมต้องเป็นรินนา

วันนั้น คนที่เข้ามาเป็นกำแพงให้ผมได้หลบเร้นก็คือป้าสุ ผู้หญิงที่ผมรักและแคร์ที่สุด
ส่วนคนที่เรียกผมว่าลูกเฉพาะตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ก็แค่ยืนดูด้วยอาการนิ่งเฉยๆ ทั้งยังจับบ่าผมและกดลงให้ก้มลงกราบผู้หญิงที่พร้อมจะเกลียดผมทุกวินาที

ผมหันมองนายมือโปร เขาน่าจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนที่เพิ่งพูดมาว่าอยากคุยกับผมนั้นคือใคร รายนี้ดูกังวลกว่าผมเสียอีก ทั้งยังพยายามครุ่นคิดหาข้ออ้างที่จะทำให้ผมไม่ต้องทำตามความต้องการอีกฝ่าย

“เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงอาสุเลยนะครับ”
“วิน อาสุรออยู่ที่ไหนนะ วินบอกว่านัดกันไว้ไม่ใช่หรอ ไม่รีบไปหาหรอครับ”

“ครู่เดียวแหละค่ะ ที่ดิชั้นจะคุยวิน”
“จริงๆ แล้ว.... ไม่ต้องอยู่กันลำพังก็คุยได้”
“ดิชั้นว่า ทุกคนคงรู้อะไรอะไรกันดีแล้ว ที่อยากคุยกับวิน ก็เพราะไม่อยากมีอะไรติดค้าง”

“ครับ” ผมเป็นฝ่ายตอบสั้นๆ ตัดสินใจนั่งอยู่ที่เดิม แต่หันหน้าตรงเพื่อเผชิญหน้ากับคุณประภาโดยไม่คิดหลบลี้อีก วันนี้ไม่มีกำแพงของผม มีแค่ร่มโปร่งแสงที่น่าจะทำได้แค่กรองแสงจ้าไม่ให้ทำร้ายลูกตามากนัก นายมือโปรนั่งอยู่กับผมแม้ว่าคุณสาวิตรีจะพูดชวนให้ออกไปด้านนอก เพื่อสวัสดีผู้ใหญ่ด้วยกันก็ตาม และเมื่อนายมือโปรไม่ลุกไปไหน คุณสาวิตรีก็ไม่ไปไหนเช่นเดียวกัน

“อา....” เธอไม่เรียกตัวเองว่าแม่แล้ว ก็ดีแล้วครับ ผมเองก็ไม่คิดเรียกเธอว่าแม่ภาแล้วเหมือนกัน การเรียกใครด้วยความสนิทชิดเชื้อทั้งที่ใจไม่ได้อินตามไปด้วยเลย มันไม่มีความสุขหรอกครับ
“ขอโทษ”
“อาขอโทษนะวิน ขอโทษ” พูดจบก็น้ำตาหล่น ผมค่อนข้างตกใจกับคำขอโทษของเธอ แม้ว่าที่ผ่านมาผมจะปลีกตัวเองออกจากทุกคนด้วยความรู้สึกหดหู่ ไม่อยากใช้ชีวิตในที่ที่มีคนพบเห็นและมองด้วยสายตาชิงชัง แต่ผมไม่เคยคิดถึงการเรียกร้องให้พวกเขาสำนึกตัวว่าผิดและมาขอโทษผมเลย แม้แต่คนเดียวผมก็ไม่คิด บทลงโทษที่หนักสุดสำหรับพวกเขาที่ผมมอบให้ ก็แค่ อย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสมองผมอย่างชิงชังอีก เท่านั้นเอง

“อาภาครับ”

“อารู้แล้ว รู้หมดแล้ว”
“รู้มาสักพักแล้ว แต่อารับความจริงไม่ได้เสียที”
“ตารุตต์เองก็พยายามบอกอยู่หลายครั้ง เตือนสติก็หลายครั้ง แต่อาเลือกจะตาบอด มองไม่เห็นความอ่อนแอของรินนา”
“อาไม่อยากยอมรับว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ไม่อยากยอมรับว่าเป็นฝ่ายดันเขาตกเหวด้วยคำอ้างว่าหวังดี”
“อาขอโทษวิน ขอโทษคุณสา คุณสุ เจ้าสัว ขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้หลานชายที่ดีของพวกเขาต้องเป็นจำเลย และรับความผิดนั้นไป”

“คุณภา เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ถึงจะผ่านไปแล้วก็ใช่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”
“ดิชั้นสาดเสียเทเสียพวกคุณ ถอนหงอกเจ้าสัวด้วยความหลงผิด รักลูกผิดๆ ทำให้วินแทบหมดอนาคต ทั้งที่วินขึ้นสายบริหารแบงก์ได้โดยตรง แต่ดิชั้นก็ทำให้เขาถูกมองด้วยความกังขา ดิชั้นขอโทษ”

“วิน...ไม่เป็นไรแล้วครับ”
“จริงๆ” ผมพูดกับคุณประภายาวสุดเท่านี้แล้วก็นั่งเงียบ มองเธอพยายามเช็ดน้ำตาออกไป พยายามระบายความทุกข์ให้คุณสาวิตรีฟัง ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ความจริงเรื่องรินนาจากใคร เดาว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นพี่รุตต์ แต่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผมในการไปสืบสาวที่มาที่ไป สำหรับผมเรื่องนี้มันจบไปนานแล้ว จบไปตั้งแต่รู้เรื่องรินนาท้อง เพราะผมให้อภัยเธอแล้ว เข้าใจเหตุผลของเธอแล้วก็เห็นใจที่ทางเลือกเธอมีน้อยเหลือเกิน

“อ่ะ อ้าว”
“มาอยู่นี่กันหมด หาเสียทั่ว” ป้าสุของผมเองครับ ป้าสุเดินมาด้วยชุดเฉิดฉายมาก ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้เครื่องประดับที่คอนี่ต้องใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปเท่าไหร่ แต่เมื่อมันอยู่บนคอป้าผมแล้ว มันก็ดูส่งเสริมกันดี
“อ้าว ตาโปร สวัสดีจ้ะ” ป้าสุรับไหว้นายมือโปรที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
“วิน พาพี่เขาไปเจอคุณตารึยังลูก”

“ยังครับ พอดี...ต้อนรับคุณประภาอยู่” ผมไม่ได้ชี้เป้าใดๆ ทั้งสิ้น และป้าสุเองก็ไม่ได้ตาบอด แต่เมื่อผมพูดกึ่งๆ แนะนำใครอีกคนในที่นี้ด้วย ป้าสุก็หันไปมองตาม

“คุณภา”

“พี่สุ สวัสดีค่ะ”

“จ้ะ”
“สบายดีนะ” น้ำเสียงกดต่ำแบบนี้ ไม่ใช่สัญญาณดีนักหรอกครับ คุณสาวิตรีขยับมายืนข้างคุณประภา ทั้งที่ผู้หญิง 3 คนนี้ก็อายุห่างกันไม่ถึงรอบ แต่อีก 2 คนดูเกรงอกเกรงใจป้าสุของผมมากเชียวครับ

“พี่สุ มากับคุณพ่อหรอคะ”

“อื้อ ใช่”
“พากันมาจากแบงก์ แกอยากไปที่ห้องทำงาน”

“เกษียณแล้วแท้ๆ แล้วพี่สันต์ล่ะคะ ทำไมไม่ดูแล”

“ทุกคนเขาก็ทำสิ่งที่ต้องทำ และควรทำอยู่ทั้งนั้นแหละสาวิตรี”
“เธอล่ะ จบงานที่บริษัทแล้วหรอ? หรือว่ายกเลิกมันง่ายๆ เพื่อมาจ่อมอยู่งานนี้”
“อ่ะ ประภา ตามสบายนะ”
“ไปลูก ตาวิน ไปหาคุณตากัน”

“เอ่อ พี่สุคะ”
“ดิชั้น...อยากคุยเรื่องยัยริน”

“ริน....รินนา?” สีหน้าป้าผมแบลงค์มากครับ ท่าทางจะยังไม่รู้เรื่องรินนาท้องกับคนอื่น ผมไม่อยากให้ขุดเรื่องเธอมาพูดกันอีก ถ้าโยนสัญลักษณ์ของการทำผิดมาให้ผมแบกไว้แล้ว ก็ควรไถ่โทษโดยกายยกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งนั้นไปจากหัวผม เท่านั้นก็น่าจะพอ ไม่น่าจะต้องถึงหูป้าผมที่รักผมถนอมใจผมกว่าไข่ในในหิน

“ค่ะ” ป้าสุหันมองผมเมื่ออีกฝ่ายยืนยันความต้องการ ผมได้แค่ก้มหน้าถอนหายใจ ไม่ออกความเห็นใดๆ ทั้งนั้น

“วินอยากให้แม่คุยมั้ยลูก”

“เอ่ออออ”

“เรื่องเด็กคนนั้น แม่ไม่ได้เกี่ยวด้วยนานแล้ว จัดการกันเองทั้งนั้น”
“แล้วแม่ต้องคุยอะไรอีกหรอ”

“คุณประภาเขาก็แค่อยากขอโทษที่เอ่อ....”
“ที่โกรธวินเกินเหตุ เท่านั้นแหละครับ”
“วินว่า ถ้าป้าสุไม่ถือโทษอะไรหรือลืมไปแล้ว ก็จบเรื่องนี้ไปเถอะครับ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ดิชั้น ทำร้ายตาวินไว้มากเลย”
“ทั้งที่ลูกสาวดิชั้นต่างหากที่เอาแต่ใจ อ่อนแอ สิ้นคิด”

“คุณพูดเรื่องอะไรคะ พูดตรงๆ เลยได้มั้ย หรือไม่สะดวกเพราะเด็กๆ อยู่ด้วย”
“หรือเพราะคนนอก นี่คุณมือโปร เปินเหมือนพี่ชายตาวิน ไม่ใช่คนนอกที่ไหนหรอกค่ะ มีอะไรก็พูดได้เลย”

ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากให้พูดเลย
จู่ๆ มือผมก็อุ่นแทบร้อน นายมือโปรประสานมือเขาเข้ากับมือผม กระชับมันจนผมรู้ตัวว่ากำลังมือสั่นอยู่ ผมหันมองและยิ้มให้นิดหน่อย พยายามทำใจว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

“ดิชั้น หมายถึงทางเราทั้งหมดอยากขอโทษทางนี้ อยากขอโทษอย่างเป็นทางการ อยากกราบทุกคนที่ทำให้ตาวินต้องด่างพร้อย”
“พี่สุเลี้ยงแกมาอย่างดี ประพฤติดี คิดดี จิตใจดี แต่ดิชั้นกลับกล่าวหาว่าเด็กคนนี้ทำลายชีวิตลูกสาว ฆ่าแกทั้งเป็นด้วยความเอาแต่ใจ คิดเอาแต่ได้ ดิชั้นโง่เอง”
“ขอโทษนะคะ จะให้ชดใช้ยังไงให้สาสมกับความคิดโง่ๆ ดิชั้นก็จะทำ”

“อะไรกันคะ พี่ไม่เข้าใจ”

“วินไม่เป็นไรแล้วครับ คุณประภา พอเถอะครับ”
“วินไม่ได้คิดโกรธใคร แล้ววินก็ไม่ได้ออกไปอยู่ลำบากด้วย คำคนนินทาวินก็ไม่ได้สนใจ”
“พอเถอะครับ”

“ไม่ได้จ้ะ”
“ถ้าไม่ได้รับการให้อภัยจากบ้านนี้ อาคงตายตาไม่หลับ”

“ตาวิน อยู่เฉยๆ”
“ภา ว่ามาเถอะ”

“ค่ะ”
“คือ....ยัยริน”
“จริงๆ แล้วยัยรินฆ่าตัวตาย เจตนาจะตาย ทั้งวางแผนทั้งทดลองทำร้ายตัวเองด้วยวิธีอื่นแล้วด้วย”
“เพราะว่าแกท้อง”

“นี่ตาวิน!!” ป้าสุแผดเสียงใส่ผมทันควันจนผมสะดุ้ง แต่คุณประภารีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว สงสัยจะหวั่นว่าหัวผมจะหลุดจากบ่าอย่างรวดเร็วชนิดที่สายตามองตามไม่ทัน

“ไม่ใช่ตาวินค่ะพี่สุ”
“ยัยรินท้องกับคนอื่น”
“วินไม่รู้เรื่องด้วยเลย ไม่เคยเกินเลยกับยัยรินเลย”
“ลูกสาวดิชั้นต่างหากที่.....”

“เอาล่ะ แกก็เสียไปแล้ว”
“แต่พี่คง รู้สึกกับบ้านเธอเหมือนเดิมไม่ได้”
“ลูกหลานพี่ทั้งคน อนาคตพัง กลายเป็นคนที่คิดว่าตัวเองมีชนัฎติดหลัง ทำให้ตระกูลอับอาย มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับพี่”
“ขอบคุณที่ยอมรับความจริงได้เสียที ตาวินของเราจะได้ไม่ต้องทำโทษตัวเองหรือคนในครอบครัวอีก”
“ภาก็....ต้องอยู่กับความจริงให้ได้นะ”
“วันนี้คงไม่สะดวกจะมาเคลียร์ใจเรื่องของภา ขอโทษด้วย วันนี้เป็นวันของคุณพ่อ”

“ภาก็ไม่ได้คาดหวังว่าบ้านนี้จะเข้าใจหรือให้อภัยได้ในวันสองวันหรอกค่ะ”
“แต่ภาอยากขอโทษจริงๆ และจะมาขอโทษเจ้าสัววันหลังนะคะ”

“.................” ป้าสุไม่ได้ตอบรับหรืออนุญาต คงกำลังตึกตรองเรื่องสุขภาพคุณตาอยู่ ถ้ารู้เรื่องที่ทำให้ต้องหวนกลับไปคิดถึงวินาทีที่ผิดหวังในตัวหลานชายที่ไม่เคยประพฤตินอกลู่ และต้องรู้ว่าส่งสายตาตำหนิคนบริสุทธิ์ ก็คงทุกข์ใจน่าดู ถ้าเป็นผม ผมคงอยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยเสียงที่เบาที่สุด

“อาไปก่อนนะ”
“คุณสา ไปก่อนนะคะ แล้วค่อยเจอกัน”

“ค่ะ” คุณสาวิตรีรับคำ เธอมองตามมิตรเธออย่างห่วงใย จากนั้นก็เฉสายตามองผม และเขม่นมองมือผมที่ยังคงถูกเกาะกุมอยู่ ผมไม่ได้สลัดออก เช่นเดียวกันกับนายมือโปรที่ยิ่งกุมมือผมแน่นกว่าเดิม

“เฮ้อออ จะมาอะไรกันวันนี้นัก”
“ไปตาวิน พาพี่เขาไปสวัสดีคุณตา”

“ครับ”

“สาไปด้วยค่ะ”
“สาก็อยากรู้จักคุณวารินทร์มากกว่านี้เหมือนกัน”
บอกตรงๆ นะครับ ผมเสียวสันหลังวาบเลย


#### @ D A W N  #####


การสวัสดีคุณตาผ่านไปอย่างราบรื่นครับ ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีกว่าที่สังคมรับรู้ (ฟังจากที่นายมือโปรให้ฟีดแบคหลังจากที่เดินออกมาร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดคุณตาที่หน้าสนามหญ้าใหญ่ของบ้านแล้ว) ค่ำแล้ว แขกมางานกันตามที่รอนหมายเชิญ ผมเดินตัวติดกับป้าสุ เพื่อสวัสดีคนนั้นที คนนี้ที ส่วนนายมือโปรถูกคุณตาหนีบตัวไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะชอบคุยอะไรกันนักหนา แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหากว่าคุณตาจะชื่นชมนายมือโปร และผมก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ผลีผลามพูดเรื่องคบกับผม แม้จะไม่รู้ว่าแนวคิดของคุณตาเกี่ยวกับความรักเพศเดียวกันเป็นแบบไหน แต่ผมเดาเอาไว้ว่า ไม่น่าจะแนวคิดเชิงบวกนัก ผิดกันกับรายนี้ครับ

“ตาวิน”

“ครับป้าสุ” ผมรับคำที่ป้าเรียกแล้วหันไปสบตา ป้าผมยิ้มให้ พาเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ที่เป็นพื้นที่จัดงานหลัก เลือกนั่งที่โซฟาสีเบจมีลายขลิบสีทอง ผมนั่งลงข้างๆ แล้วมองป้าตัวเองด้วยความงุนงง
“อะไรหรอครับป้าสุ”

“แม่คิดว่าแม่ดูออก”
“ตาโปรนี่ยังไง ดู....ดีกับลูกชายแม่เยอะเหลือเกิน”

“ยังไง คืออะไรครับ” ผมทดลองเฉไฉ เลยถูกมองกลับมาด้วยสายตาพิฆาต

“อย่าเล่นลิ้น แม่ถามจ้ะ ไม่ได้ขอความคิดเห็น”

“ก็วินไม่เข้าใจว่ายังไงของป้าสุคืออะไร”

“โอเค เราคุยกันตรงๆ มาตลอดนี่เนอะ”
“งั้นแม่ถามใหม่ ตาโปรเขามาชอบวินหรอลูก”

“.................” ก็ตรงไปนะบางที

“แล้ววินล่ะ ยังไงกับความรู้สึกเขา” ผมเลือกที่จะมองหน้าป้าสุ ไม่ตอบอะไร แล้วก็มองไปทางอื่นแทน และป้าสุก็เลี้ยงผมมา จึงรู้ว่าคำตอบของผมคิออะไร

“แม่ยังห้ามอะไรได้มั้ย”

“เหตุผลคืออะไรครับ”

“แม่ห่วง”

“ห่วงเรื่องอะไรหรอครับ”

“ห่วงว่าใครจะมาบังคับใจเข้า ห่วงว่าวินจะฝืนใจแต่เขาดึงดันใส่ แล้วก็ห่วงว่าวินจะทำเพื่อคนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเองอีก”
“ถ้าที่แม่คิดเกี่ยวกับเขามันจริง และวินรับความรู้สึกเขาไว้เพราะธุรกิจ ไม่เอาแบบนั้นนะลูก”

“แล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้นล่ะครับ”

“ถ้าเป็นความรู้สึกวินจริงๆ แม่ก็ไม่ห้ามอะไร”

“ครับ”
“เท่าที่วินเข้าใจและรับรู้ เรากำลังคบกันอยู่ครับ”


สีหน้าป้าสุดูช็อคนิดหน่อย ผมมองป้าผมกระพริบตาปรับคลื่นสมองและอารมณ์ตัวเองครู่เดียวก็ได้รับรอยยิ้มกลับมา ป้าสุถอนหายใจพลางลูบหัวผม

“รู้ใช่มั้ยว่าเดี๋ยวจะมีอะไรยุ่งยากอีกเยอะ”
“ยังไง วินก็เป็นหลานคุณตา เป็นลูกชายยัยสาวิตรี”
“ถึงจะมีแม่ถือหางอยู่ทุกเรื่อง วินก็ต้องเผชิญหน้ากับคนรอบตัวคนอื่นๆ อยู่ดี”

“ครับ” ผมรับคำ ยิ้มทั้งปากทั้งตาให้ป้ามอง แล้วก็หยุดยิ้มเมื่อบังเอิญหันไปเห็นใครอีกคนที่ยืนพิงประตูห้องรับแขกอยู่ สีหน้าของใครคนนั้น ไม่มีตารางนิ้วไหนบ่งบอกว่า รู้สึกยินดีที่ได้ยินเรื่องราวเมื่อครู่

“คุณสา” ผมเรียกชื่อคนที่ยืนกอดอกพิงประตูเบาๆ รู้สึกตกใจมากครับ แต่แสดงออกน้อยจนเป็นนิสัย

“ดูเหมือนว่า หัวสาจะมีคนมองเห็นซักทีนะคะ พี่สุ”

Cut


โอ้ว!! ว้าววว!!
พระเอกของเราหายไปไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ฮ่าๆๆๆ ตอนหน้าจะพานายมือโปรกลับมานะคะ
จะได้เห็นการสู่ขอแฟนที่เป็นหลานเจ้าสัวตามแบบเหี้ยวิถีกันเสียที

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ตอนนี้ดูจะเครียดไปนิดนึง แต่ก็เพื่อส่งทุกอย่างไปยังปมใหญ่ของเรื่อง ก่อนพระอาทิตย์จะจากไปอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-05-2016 20:50:39
ความสัมพันธ์บ้านนี้มันประหลาดดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2016 21:03:54
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-05-2016 21:04:15
ยังไงต่อๆๆๆ มาๆ. ปมครอบครัววินนี่เยอะเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-05-2016 21:16:06
คุณสาคงเดินหน้าคัดคัานเต็มที่แน่ๆ

เหนื่อยใจแทนวินเลย มีแม่แบบนี้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-05-2016 21:41:33
น้องวินพี่โป๊ะ สู้ๆนะ
ป้าสุไฟเขียวแล้ว เหลือแต่คนอื่นแหละ สู้ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 11-05-2016 02:24:47
พี่โป๊ะกับน้องวินมาล้าวววว ดีใจๆๆ 
ในที่สุดก็ถึงวันนี้ที่รอคอย วันที่พี่โป๊ะจะมาขอเมีย อิอิ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่นะจ๊ะ ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีเน้อ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-05-2016 05:36:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-05-2016 06:33:16
เอาใจช่วยทั้งคู่ขอให้ผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-05-2016 13:57:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 12-05-2016 09:53:24
คุณป้าสุคะ ให้คะแนนคุณป้าเต็มร้อยเลยค่ะ ดูแล ห่วงใยและรักวินมากกว่าแม่ที่แท้จริงเสียอีกนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-05-2016 17:15:37
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 37(09-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 15-05-2016 08:33:45
 o13 คุณหลานเขยสู้สู้น้า  :z2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-05-2016 23:35:02
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 38


พระอาทิตย์คงกำลังหลับลึกอยู่ใต้ผินน้ำที่ใดสักแห่ง ส่วนผมกำลังนั่งทำหน้านิ่ง สวนทางกับความรู้สึกภายในที่ระส่ำไปหมด ด้านขวาผมคือป้าสุที่นั่งจับมือผมไว้ไม่ปล่อย  ส่วนด้านซ้ายผมคือนายมือโปรที่หันมาสบตาผมทุกครั้งที่ผมหันมองเขา ฝั่งตรงข้ามผมมีเพียงคุณสาวิตริที่นั่งไขว่ห้าง หลังตรง กระเป๋าราคาแพงวางอยู่ใกล้ตัว ส่วนตรงโซฟาประมุขถูกครอบครองโดยคุณตา

“มันใหญ่โตอะไรนักหนา ทำไมต้องคุยกันวันนี้ ไม่เหนื่อยกันรึไง” คุณตาเปิดฉาก ท่านดูเหนื่อยล้าแล้ว และพวกเราก็ควรให้คุณตาเข้านอนพักผ่อนได้แล้ว แต่คุณสาวิตรีกลับบอกว่ามันเป็นเรื่องด่วน และเรื่องใหญ่จนละเลยไม่ได้

“เรื่องใหญ่ค่ะคุณพ่อ”
“เรื่องเล็กนิดเดียวค่ะคุณพ่อ”
ฟังความจากลูกสาว 2 คนแล้ว ผมเดาว่าคุณตาของผมต้องข้องใจหนักกว่าเดิมแน่ๆ

“เพิ่งจะจบงานเลี้ยงไป แขกเหรื่อบางคนก็ยังคุยกันอยู่ที่สนาม เอาเวลาทะเลาะกันไปดูแลแขกเหรื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พวกเธอเชิญมาไม่ดีกว่าหรอ จะเอาอะไรนักหนากับคนแก่”

“เรื่องนี้เป็นเครื่องของครอบครัว สาละเลยไม่ได้หรอกค่ะ ทิ้งไว้นาน ปัญหาจะเรื้อรังเปล่าๆ”
“ตัดไฟก็ต้องตัดแต่ต้นลม” พูดจบก็หันมาจ้องหน้าผมกับนายมือโปรสลับกัน ผมไม่กลัวหรอก แต่ไม่รู้เขาจะกลัวรึเปล่า

“ผมเป็นตัวปัญหาหรอครับ ขอโทษที่สอดปากถาม แต่คุณสาวิตรีมองมาทางนี้ เดาว่าคงไม่ได้ต่อว่าวินหรอก”

“ใช่ คุณนั่นหละตัวปัญหา”
“คุณพ่อค่ะ พาร์ทเนอร์ใหม่ของพี่สุ คือ...ไม่ปกติน่ะค่ะ”

“ทำไม? เขาพิกลพิการตรงไหน?” คุณตาถามกลับแล้วมองสำรวจนายมือโปรบ้าง รายนี้หันไปยิ้มสุภาพให้ประมุขของบ้านดูเล่น
“พ่อก็คุยกับเขาอยู่นานสองนาน คล่องแคล่วดี กิริยาก็ดี คนไม่ดีจะอยู่ใกล้เจ้าวินของเราได้ยังไง พ่อสอนให้คบแต่มิตรที่ดีเท่านั้น ใครไม่ดีก็ไม่ต้องคบหา”
“แล้วมันไม่ปกติตรงไหน แม่สา”

“ฮื้มมมม” คุณสาวิตรีถอนหายใจยาว กรอกตามองทางพวกผม และมองคุณตา ราวกับว่าทุกคนในที่นี้เว้นเธอ กำลังทำตัวเหมือนคนตาบอดมองไม่เห็นสิ่งที่เธออยากให้เห็น
“เขาชอบตาวิน”
“เขาชอบผู้ชาย คุณพ่อรับได้หรอคะ ด่างพร้อยกันไปอีก เรื่องเดิมกว่าจะเคลียร์ได้ก็หลายปี”

“ขอโทษนะสาวิตรี เรื่องเดิมของเธอคืออะไร?” ป้าสุถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ป้าผมยืดตัวตรงกว่าเดิม หันมายิ้มให้ผม ลูบหลังเบาๆ แล้วก็ปกป้องผมต่อ
“ถ้าเธอหมายเรื่องรินนา มันก็ประเด็นเดิม อย่าหยิบยกเรื่องเดิมๆ มาปนสิ เธอดึงรั้งเวลาคนอื่นเพื่ออะไรกันแน่ สาวิตรี”

“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อพี่สุไม่ปกป้องตาวิน ทั้งที่ขอลูกสาไปเลี้ยงเป็นลูกตัวเองตลอดชีวิต สาก็จะขอทำหน้าที่แม่ที่เคยถูกขวางทางมาตลอดก็แล้วกัน”
“สาไม่ยอมให้ลูกชายสาเป็นเกย์ หรือมีความรักผิดเพศเด็ดขาด!”

“เธอก็เพิ่งพูดเองว่าเจ้าวินเป็นลูกชายสุชาดาตลอดชีวิต เธอจะมาเต้นกับเรื่องของลูกพี่สาวเธอทำไมสาวิตรี”

“คุณพ่อ!” อย่าว่าแต่คุณสาวิตรีอึ้งเลยครับ ผมเองก็อึ้งเหมือนกัน ทำไมคุณตาไม่มีทีท่าว่าจะด่าทอผมที่ทำลายหน้าที่การเป็นหลานชายผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลเลย

“แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าวิน ค้างที่บ้านนะ พรุ่งนี้ใส่บาตรกับตา พี่ๆ น้องๆ เขาก็จะมากันทั้งนั้น”
“เจ้าโปร”

“ครับ เจ้าสัว”

“มาแต่เช้าล่ะ พรุ่งนี้”

“ครับ”
“เอ่อ...ผม”

“ว่ายังไง”

“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้บอกเรื่องผมกับวินให้เจ้าสัวทราบด้วยตัวผมเอง ผมตั้งใจจะบอกเอง แล้วก็จะพิสูจน์ความรู้สึกดีที่มีให้วินให้ครอบครัววินได้รู้ด้วยตัวผมเอง แต่...ต้องมารู้จาก...คนอื่นแบบนี้ ขอโทษครับ แต่ผมจริงจังนะครับ”

“ตาจะคอยดู”
“เจ้าวิน”

“ครับ”

“ส่งเขาแล้วก็พักผ่อนซะนะ”

“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อจะยอมง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทีคราวของสุ คุณพ่อค้านหัวชนฝา แล้วจะมาเข้าใจความรักเพี้ยนๆ แบบนี้ง่ายๆ หรอคะ คุณพ่อ”
“คุณพ่อไม่ยุติธรรมเลย!”

“สาวิตรี!”

“ก็สาพูดความจริง”

ทั้งคู่กำลังจะขึ้นเสียงใส่กันต่อ ป้าสุก็สะกิดผมแล้วพยักเพยิดสั่งให้ผมทำตามที่คุณตาบอก ผมเลยจูงมือนายมือโปรออกมานอกบ้าน

สนามที่ใช้จัดงานแทบหมดแขกเหรื่อแล้ว แต่ไฟประดับประดาทั่วสนามหญ้าก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป รถของนายมือโปรจอดอยู่บริเวณแนวรั้วด้านนอก ซึ่งผมก็ตั้งใจจะไปส่งเขาให้ถึงรถตามที่คุณตาบอก แต่เขากลับปักหลักยืนอยู่หน้าบ้าน พักขาอยู่ตรงหัวบันไดหน้าบ้าน

“ไม่กลับหรอครับ”

“ไม่อยากกลับนักหรอก” เขาบอกพลางขยับเนคไนท์และชายแขนเสื้อ
“วินจะโอเคมั้ย จะไม่ถูกต่อว่าอะไรอีกใช่รึเปล่า”
“โยนมาให้พี่นะ บอกไปว่าพี่เป็นคนเริ่ม เป็นคนตื้อ ขอร้องวิน พยายามผูกมัดวิน บอกไปว่าพี่ไม่ยอมจบเอง”

“ก็พี่โป๊ะทำแบบนั้นจริงๆ นี่ครับ ไม่เห็นต้องสั่งเสียหรือหาข้ออ้างให้วินใช้ตอบคนอื่นเลย”
“พี่โป๊ะเป็นยังไง ทำยังไง วินก็จะบอกไปตามนั้น เพราะวินก็เชื่อพี่โป๊ะจากการกระทำพวกนั้น”
“แล้วถ้าใครเขาไม่โอเคกับเรา ก็แค่ทิ้งเขาไว้ข้างหลัง”

“แต่เขาที่ว่า คือแม่วินนะ”

“แม่วินคือป้าสุ”

“เด็กโง่”
“อย่าดื้อดึงจนทำร้ายแม่เขาล่ะ”
“พี่จะหาวิธีให้เขายอมรับเราเอง  นะ”

“วินไม่ได้แคร์ซักหน่อย”

“แต่พี่แคร์”
“พรุ่งนี้พี่จะมาตักบาตรด้วยนะ”
“ถึงแล้วจะโทรหา”

“คืนนี้พี่โป๊ะนอนที่ไหน”

“บ้านเราไง”
“บ้านไม้”


“อื้อ”
“ขับรถดีๆ นะครับ”

“ครับ” เขารับคำ ยิ้มให้บางๆ ลูบหัวอย่างเบามือ แล้วก็ลากมือจากหัวมายังแก้ม หัวไหล่ ไต่ลงตามแนวแขนและจับปลายนิ้วมือผมเอาไว้ ลูบเล็บอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ผมกลับได้ยินคำว่าเป็นห่วงเต็ม 2 รูหู

#### @ D A W N  #####

เช้าวันนี้ ผมไม่ได้เจอพระอาทิตย์ทางหน้าต่าง เราได้สบมองกันก็ตอนที่พระอาทิตย์ไต่ตัวขึ้นมาทำมุมแคบกับแนวขอบฟ้าแล้ว แสงทองโปร่งใสทอประกายไปทั่วปลายยอดหญ้าบริเวณสนาม น้ำพุที่มีพุ่มสารพัดดอกไม้โอบล้อมพุ่งขึ้นสู่ที่สูงก่อนจะฟุ้งกระจายตัวเป็นละอองน้ำ ชโลมยอดใบหน้าดอกไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ดูสดชื่นดีเหมือนกัน

“ตื่นแล้วหรอลูก”

“ครับ...ป้าสุ”

“ล้างหน้าล้างตาคึยัง หือ?”
“ต้องใส่บาตรนะ”

“ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

“แล้วพี่เขามารึยัง”

“คุยกันเมื่อคืนก็เห็นว่าจะมาแต่เช้า วินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามารึยัง ยังไม่ได้โทรหา”

“จ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่โทรตามเอง”

“เอ่อ ป้าสุครับ”

“หือ? ว่าไงจ๊ะ”

“ถ้าฝืน หรือรับไม่ได้ที่วินเป็นแบบนี้ วินไม่มีก็ได้นะครับ ความรักน่ะ”

“เด็กโง่” เฮ้อ ผมไม่ได้โง่เสียหน่อย ผมแค่เลือกจะทำให้ป้าสุสบายใจที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม จริงอยู่ที่ความรู้สึกที่มีให้นายมือโปรไม่ได้ไร้อิทธิพลใดๆ กับความรู้สึกผม ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับผมที่สุด ผมรักผู้หญิงคนนี้ที่สุด
“แม่รักวินอย่างที่วินเป็น จะเป็นอะไร เป็นยังไง แม่ก็รัก ก็เลี้ยงมากับมือ”
“เรื่องรสนิยมทางเพศ มันไม่ได้ผิดอะไรนี่ลูก”
“คิดซะว่าลูกแม่เป็นแรร์ไอเทม”
“แล้วดูสิ ไปคว้าหนุ่มฮอทอย่างตาโปรมาครองได้ น่าอวดให้คนอิจฉาจะตาย”

“ป้าสุดคิดงั้นจริงหรอครับ”

“อื้อ ก็ใช่สิ”
“วินนี่รู้อะไรเกี่ยวกับตาโปรเขาบ้าง หือ?”

“ก็กวนตีน ปากหมา”
“แต่พี่โป๊ะเป็นคนอบอุ่นนะครับ ช่วยวินตลอด วินรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ”

“งั้นก็รู้เพิ่มไว้ 80% ของผู้หญิงที่ได้รู้จักตาโปร ก็หลงทั้งนั้น”
“เขาติดอันดับหนุ่มฮอทของนิตยาสารดังๆ ตั้งหลายปี”
“ทำเนียบผู้บริหารไฟแรงก็เคยอยู่ในลิสต์ตั้งแต่เขามาช่วยพ่อเขาบริหาร”
“ถ้าจะมีสิ่งที่แม่ต้องสกรีนเป็นพิเศษ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาคิดอะไรกับลูกแม่เมื่อไหร่หรอก ต้องสกรีนเรื่องเขาจะรักจะชอบเรานานแค่ไหน”
“คำตอบที่แม่อยากหาเจอ ก็คือตลอดไป”

“ขนาดนั้นเลยหรอครับ”

“ใช่สิจ๊ะ เจอช้างเผือกไม่รีบคล้องได้ไง”
“นี่ก็ต่อยอดอะไรได้ตั้งเยอะ กำลังห่วงอยู่เชียวว่าบริษัทที่ร่วมทุนกันเขาจะลงแรงได้แค่ไหน ถ้าคบกันจริงจัง รับรองว่าตาโปรลงทั้งตัวทั้งหัวใจเลย วินก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก”

“เอาเปรียบเขาน่า”

“ริจะรักลูกแม่ก็ต้องให้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“นี่ตาวิน แม่ถามอีกอย่างสิ”

“ครับ”

“ได้กันรึยัง?”
“วินทำเป็นมั้ย? แม่หาคนมาสอนดีมั้ย เขาจะได้อยู่ในกำมือเราชัวร์ๆ”

นี่หละครับ คุณสุชาดา
ผมขมวดคิ้วใส่ ทำสีหน้าให้รู้ว่าถามอะไรเนี่ย? แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า แปรงฟัน ผมยังไม่อาบน้ำ เพราะคิดว่าเดี๋ยวใส่บาตรกับคุณตาเสร็จแล้วจะกินข้าวเช้า 2 คำแล้วนอนต่อ แม้วันนี้จะไม่ใช่วันหยุด แต่ผมจะขอใช้สิทธิ์ลางานเสียหน่อย เผื่อจะมีเวลาอยู่อ้อนป้าสุที่บ้าน หรือออกไปชอปปิงกับป้าสุที่ไหนสักที่

ขบวนใส่บาตรของตระกูลผมไม่ยาวเท่าขบวนรถไฟหรอกครับ แต่ก็ยาวกว่ารถกระบ 2 คนจอดต่อกัน
หัวขบวนคือคุณตา แม่บ้านใหญ่ที่ดูแลเรื่องในบ้านมาแต่เนิ่นนานยืนคล้อยหลังคุณตาเล็กน้อย เธอต้องคอยส่งของใส่บาตรให้น่ะครับ ถัดมาคือลุงสันต์ พี่ชายคนโตของตระกูล ภรรยาลุงสันต์ พี่ๆ ของผม อีก 3 คน ชาย 2 หญิง 1 คล้อยมาทางด้านหลังก็เด็กรับใช้ของบ้านพวกเขา ดูเหมือนจะของใส่บาตรที่เตรียมมาเองด้วย ได้ยินพี่ๆ เขาคุยให้ป้าสุฟังว่าคุณแม่ของพวกเขาตื่นมาทำอาหารเองแต่เช้า ซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็น
ถัดมาก็คือป้าสุ และผม เรายืนขนาบข้างกัน คล้อยหลังผมไปก็เด็กรับใช้ของบ้านใหญ่คอยส่งของให้ผม เพื่อใส่บาตรประสานมือกับป้าสุอีกที ผมไม่ได้ขออะไรมากเลย ขอแค่ชาติหน้าได้มีโอกาสเกิดมาเป็นลูกป้าสุจริงๆ แล้วก็อธิษฐานให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาแผ้วพาน ขอให้ป้าสุมีแต่ความสุขความสมหวัง และก่อนจะหมดลมหายใจระหว่างที่กลั้นสมาธิอธิษฐาน ผมยกเฮือกสุดท้าย ขอให้คุณตามีสุขภาพที่แข็งแรง
ถัดจากผมก็คือคุณสาวิตรี วันนี้เธอเงียบเสียจนแม้แต่สายตาก็ไม่ทักทายใคร ข้างตัวไม่มีใคร คล้อยหลังไปมีเด็กรับใช้ในบ้านยืนรอคอยอำนวยความสะดวก
ส่วนอีกคนที่อยากจะมาเป็นสมาชิกในครอบครัวผม ยังไม่โผล่ครับ
เมื่อคืนนี้ นายมือโปรโทรหาผมหลังจากกลับถึงบ้านแล้ว เราคุยกันไม่นานเขาก็ไล่ให้ผมไปนอนครับ ซึ่งผมก็ไม่ยื้อเพราะรู้สึกเพลียเหมือนกัน ที่สำคัญ ผมลืมกำชับเขาด้วยว่าควรตรงเวลา

“เจ้าวิน”
“โปรยังไม่มารึ?”

“ครับ คุณตา”

“ถึงไหนแล้ว โทรถามให้ตาหน่อยสิ”

“ครับ” ผมรับคำ หยิบโทรศัพท์มาโทรจี้คนที่กำลังจะได้รับคุณสมบัติไม่ตรงต่อเวลาไว้บนหัว แต่ป้าสุกลับยั้งมือผมไว้แล้วพยักพเยิดให้ผมมองไปทางประตูรั้วบ้าน ตอนแรกผมคิดว่าไม่ทันแล้วเพราะพระมาแล้ว แต่ไม่ใช่ครับ นายมือโปรมาแล้วต่างหาก ไม่ได้มาคนเดียวด้วยครับ พ่อเขาก็มา ตามหลังพ่อเขาคือผู้ใหญ่อีกคน และแกงค์นายมือโปรครับ ทั้งพี่หนึ่ง พี่หมอนำ และพี่พีชกับผู้หญิงอีกคน
ทำไมมากันเยอะจังวะ?

“เอ้า ใครยกขบวนอะไรมากันน่ะ?”

“ตาโปรค่ะคุณพ่อ ข้างหลังก็คุณตะวัน พ่อเขา”

“และบริวารทั้งหลายเหล่านี้ล่ะมั้งครับ คุณตา”

ครอบครัวลุงสันต์หันมองและส่งสีหน้างุนงง แต่เมื่อคุณตาไม่ได้ละตะเพิดใคร ผู้มาเยือนก็เดินมาถึงขบวนใส่บาตรโดยปลอดภัยครบถ้วนทุกตัวตนครับ

“อะไรเนี่ย มาทำอะไรกันเยอะแยะครับ”

“พี่บอกพ่อคนเดียว ที่เหลือขอแจมน่ะ” เมื่อผมกระซิบถามตอนเดินออกไปต้อนรับเขาและพาเดินมาหาคุณตา เขาก็ก้มตัวมากระซิบตอบ ผมชะลอฝีเท้าเพื่อรอให้คุณตะวันเดินมาถึงตัวผม แล้วก็ยกมือไหว้ รายนี้ส่งยิ้มให้ รับไหว้ผมไว้และหันมองไปยังผู้ใหญ่อีกคน

“สวัสดีครับ” ผมไหว้ผู้ใหญ่ที่ผมไม่รู้จัก และผู้ใหญ่คนนี้ก็หัวเราะพออกพอใจ รับไหว้ผมและเดินเลยไป คุณตะวันเลยใจดีบอกให้ว่าเขาคือใคร

“คุณคณิน พ่อพี่หนึ่งน่ะ เราสนิทกัน”

“อ่อ” ผมก็ไม่กระจ่างอยู่ดีว่าพ่อของเพื่อนและเพื่อนของพ่อพี่โป๊ะ จะมาใส่บาตรที่บ้านผมเพื่ออะไร?

หมดขบวนผู้ใหญ่ ผมก็ต้อนรับพี่หนึ่ง พี่หมอนำ พี่พีช และ....
“พี่บัวค่ะ แฟนพีช อยากเจอแฟนโป๊ะจนต้องขอมาด้วยเลยค่ะ”

“อ่อ...ครับ”

“น้องวินยังมีเวลาคิดนะคะ”
“โป๊ะเป็นคนดี แต่คนดีในโลกนี้มีอีกเยอะค่ะ”
“บัว ไม่เอาน่า โป๊ะกำลังตื่นเต้นนะ”

“บัวล้อเล่น พีชอย่าซีเรียสสิ”

เอาเถอะ จะล้อเล่นก็ดูบรรยากาศด้วยครับ ผมไมได้ตอบอะไร ทำได้แค่เดินจ้ำไปยังหน้าบ้าน แทรกตัวยืนข้างป้าสุ ที่ตอนนี้จับกลุ่มทักทายคุณตะวันและเพื่อนคุณตะวัน ดูเหมือนลุงสันต์ก็เคลิ้มไหลไปกับบรรยากาศแห่งการทักทายและแนะนำตัวด้วย

“ไม่เจอกันนานเลยนะ คุณตะวัน คุณคณิน” ผมได้ยินแว่วๆ เท่านี้ ต่อจากนั้นคุยอะไรกันก็สุดจะแอบฟังได้ เพราะคุณสาวิตรีเล่นตวัดตามองผมอย่างไม่พอใจ พ่นลมหายใจแรงจนผมกลัวว่าเธอจะเป็นลมล้มพับไปตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถามว่าจะเอายาดมมั้ย นายคนขับรถก็วิ่งมาเพื่อรายงานคุณพระคุณเจ้ามาแล้ว

กระบวนการใส่บาตรในวันเกิดคุณตาผ่านไปอย่างเรียบร้อยครับ ทางบ้านลุงสันต์พากันกลับไปยังบ้านตนซึ่งอยู่ในบริเวณที่ดินแปลงเดียวกัน แต่เดินกลับก็พอได้เหงื่ออยู่หรอกครับ ส่วนที่แห่แหนกันมายังห้องรับแขกบ้านใหญ่ซึ่งผมอาศัยอยู่มา 20 กว่าปี ก่อนจะแยกไปอยู่บ้านไม้ท้ายสลัม ก็คือกลุ่มคนที่เชิญคนเดียวมากันเป็นขโยงครับ

“วิน เดี๋ยวเข้าบริษัทพร้อมกันนะ” พอส่งผู้ใหญ่ไปคุยกันแล้ว นายมือโปรก็แยกตัวมาคุยกับผม ส่วนเพื่อนเขาถูกรับรองตรงศาลาข้างบ้าน ซึ่งอยู่ริมบึงที่ขุดขึ้นมาเอง

“วันนี้วินว่าจะขอลางานครับ จะอยู่กับป้าสุ”

“อาสุก็จะไปกับเรานี่ไง”
“ไปเร็วสิ แต่งตัวใหม่”

“ไปไหน?”

“ไปทำงานไง วันนี้พี่จะเข้าไปดูสตูฯ อาสุอยากตามไปดูด้วยว่าถึงไหนแล้ว คุณสาวิตรีก็ด้วย”

“คุณสาจะไปกับเรา? พี่โป๊ะละเมอรึเปล่า คุณสาเขาไม่ชอบพี่โป๊ะ ไม่ชอบที่เราคบกัน เขาจะไปกับเราทำไม แล้วเราจะพาเขาไปทำไม”

“เขาเป็นแม่วิน”
“สำหรับพี่ คุณสาวิตรีสำคัญก็เพราะเป็นแม่วิน”
“พี่ไม่อยากวินว่าแม่ตัวเองอีก มันไม่ดี”
“ไปได้แล้วไอ้ยุ่ง อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”

“รู้แล้วรู้แล้ว”
“แต่พี่โป๊ะบอกวินมาก่อน ว่าพาคุณตะวันมาทำไม”

“พี่คบกับหลานเขาลูกเขา พี่ต้องให้เขารู้สึว่าผู้ใหญ่ของพี่คิดเห็นยังไง”
“อีกอย่าง ก็มาการันตียี่ห้อวณิคพันธุ์ไง ทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด” 

“เอาพ่อมาคุ้มกะลาหัวว่างั้น”

“ตรงเหลือเกิน แฟนใครเนี่ย?”

“ไม่รู้จริงหรือว่าพี่โป๊ะแกล้งโง่กันแน่ ไม่รู้หรอว่าวินแฟนใคร” ผมย้อนเข้าให้ สีหน้าผมคงน่าหมั่นไส้มาก ถึงได้ถูกนิ้วชี้นายมือโปรยีหน้าผาก

“เดี๋ยวก่อนเถอะ ผู้ใหญ่รับรู้แล้วก็เตรียมเป็นเมียได้เลย ไม่ฟงไม่แฟนแม่งแล้ว”
“เร็วดิ”

“แม่ง!” ผมแง่งใส่แล้วก็วิ่งขึ้นห้อง ดีที่เขาไม่ตามมาด้วยเพราะต้องเดินรี้ไปดูแลเพื่อนเขา เดี๋ยวนะ นี่บ้านผมไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาดูเข้านอกออกในได้อย่างคุ้นเคยแบบนี้วะ?

ทุกอย่างในห้องส่วนตัวของผมยังอยู่เหมือนเดิม ความสะอาดก็ตามมาตรฐานที่ป้าสุกำหนดไว้ ราวกับว่าห้องนี้ไม่เคยร้างคนอยู่ร่วม 5 ปี ของใช้ส่วนตัวผมยังอยู่ที่เดิมของมัน ต่างออกไปก็จะแค่ของใช้เหล่านี้ไม่เคยเจอหน้าผมมาร่วม 5 ปี พวกมันเท่ดีเหมือนกันนะครับ ได้เป็นของใช้ที่ถูกหยุดอายุไว้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมสะดุดจังหวะที่กำลังดึงเสื้อออกจากหัวตัวเอง ผมจำต้องดึงเสื้อกลับมาประกบตัวอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดประตู
“อะไร?” ผมถามเด็กรับใช้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เดาว่าคงเพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงที่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้

“คุณสุชาดาบอกว่าอาบน้ำแล้วให้ไปที่ห้องรับแขกด้วยค่ะ”
“แต่คุณสุบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ”

“อืม ขอบใจนะ” ผมบอกเธอแล้วปิดประตูตามเดิมและยืนครุ่นคิดอยู่ว่ามีเหตุผลอะไรที่ห้องรับแขกที่มีแต่ผู้ใหญ่นั้นจำเป็นต้องมีเป็นส่วนร่วม
เอาเถอะ จะเกิดอะไรก็ช่าง ผมแค่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง และต้องการอะไรก็คงพอแล้ว

เพราะนายมือโปรบอกว่าจะไปที่สตูดิโอชานเมืองโน่น ผมก็เลยเลือกเสื้อโปโลมาใส่ กางเกงก็ให้เกียรติสถานี่ด้วยความยาวปิดตาตุ่ม รองเท้าสวมสบายๆ กระเป๋าปาดข้างที่ชอบใช้ก็พาดมันติดตัวไปด้วย มือถือ นาฬิกาที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวาน กระเป๋าสตางค์แบนๆ ส่วนหมวกนี่เป็นของแถมที่บังเอิญตาดีเห็นมันอยู่ในตู้เสื้อผ้า จริงๆ ก็อยากได้แว่นกันแดดด้วย แต่ไม่มีอันที่ผมชอบอยู่ที่นี่ งั้นช่างมันก็แล้วกัน

“เอาล่ะ”
“กลับบ้านเถอะวิน”
ผมบอกตัวเอง ยิ้มให้ตัวเองแล้วก็เดินออกจากห้องที่ไม่ได้ใช้งานมาร่วม 5 ปี
ผมไม่ใช่คนของที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ผมมีชีวิตของผม มีทางเดินของผม
แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า เพราะผมเป็นคนของที่นี่ ผมถึงมีหน้าเดินเชิดคอบอกใครต่อใครได้ว่าจะไม่สนใจทางที่ผู้ใหญ่ผลักให้เดิน


หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 18-05-2016 23:39:55
บ้านออกจะใหญ่โต แต่ความเงียบกลับครองพื้นที่ไว้ทั้งหลัง ผมชินกับความเงียบนี้ดี และชอบความเงียบที่บ้านไม้มากกว่า เดินปนกระโดดปนวิ่งลงบันไดไม่ทันได้เมื่อยก็ถึงห้องรับแขกที่ป้าสุบอกให้ผมตามมาสมทบ ผมไม่รู้ว่าอีกฝั่งของขอบประตูโค้งสูงใหญ่นี้มีใครอยู่บ้าง แต่พวกเขาทั้งหมดก็คือคนที่ผมต้องเผชิญหน้า

“อ่ะ ตาวิน มาได้สักที”

“ครับ” ผมรับคำคนที่ทักผมคนแรก คุณสาวิตรีมองผมต่ออีกนิดก่อนจะบอกเพิ่ม

“มานั่งนี่”

อะไรกัน แม้แต่จะนั่งที่ไหนก็ต้องกะเกณฑ์กันงั้นหรอ? ประหลาด ปกติคุณสาวิตรีไม่เคยแยแสว่าผมจะพาสสารร่างกายผมไปตั้งตรงไหน
ผมไม่ไปตามที่ถูกเรียก และเลือกเดินมานั่งข้างๆ ป้าสุ ซึ่งเป็นที่ประจำของผมตั้งแต่จำความได้

“เจ้าวิน เดี๋ยวจะออกไปทำงานกับเจ้าโปรหรอ”

“ครับคุณตา”
“พี่โป๊ะบอกว่าจะไปดูสตูดิโอที่บางพลี ป้าสุก็จะไปด้วย”

“ตาก็อยากไปดูนะ แต่คงเดินทางไม่ไหวล่ะ อากาศก็ไม่เอื้อคนแก่ด้วย”

“เอาไว้เสร็จเรียบร้อย เจ้าสัวค่อยไปดีกว่าครับ”
“ผมเองเคยเดินดูรอบๆ จนเกือบเป็นลม”

“อย่าเพิ่งไปเลยค่ะคุณพ่อ เด็กๆ อย่างตาวินยังไปเป็นลมเป็นแล้งที่นั่นเลย เดือดร้อนตาโปรต้องแบกมาส่งโรงพยาบาล” อะไรกันเล่า? ก็ถ้าไม่มีไอ้ลุงตัวไหนมันพาลไม่ให้กินน้ำ ผมก็ไม่เป็นลมหรอก พวกผู้ใหญ่นี่ขี้เมาท์เหมือนกันแฮะ ผมหันหน้าหนีคนที่ยิงฟันส่งมาให้ดูเขื่อนขาวจั๊ว

“อะไรกันเจ้าวิน ทำไมหมดแรงข้าวต้มแบบนั้น”
“ยังหนุ่มยังแน่น”

“ผมว่า ตาวินน่าจะเหมาะกับนั่งตรวจงานอยู่ในออฟฟิศมากกว่านะครับ”
“ไอ้เรื่องคลุกดินน่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าโปรมันเถอะ” เพื่อนพ่อเขาพูดเสริมแล้วก็พากันหัวเราะ สามหนุ่มที่อายุรวมกันเกิน 100 ปีทำเหมือนไม่มีลูกหลานนั่งมองหน้ากันงงๆ อยู่ในห้องรับแขก

“ระรื่นกันพอรึยังคะคุณพ่อ”
“สาบอกแล้วไงว่าเราต้องการจัดการเรื่องนี้โดยด่วน ตัดไฟแต่ต้นลม”
“วินมาก็ดีแล้ว จะได้รู้ว่าต่อไปนี้ต้องทำตัวยังไง”

“ทำไมวินต้องรู้ด้วยว่าต้องทำตัวยังไง”
“วินอยากทำตัวยังไงวินก็ทำ”


“เถียงเก่งเหลือเกินนะ”
“ทำเรื่องงามหน้ายังไม่สำนึก”

“วินทำอะไรงามหน้าหรอครับ?”

คุณสาจ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ผมไม่กลัวหรอก ไม่ใช่เพราะมั่นใจว่ามีคนถือหาง แต่เป็นเพราะผมไม่เคยให้น้ำหนักความคิดคุณสาในส่วนสำนึกตรึกตรองการกระทำเลย ภาษาง่ายๆ คือผมไม่แคร์

“เอาน่าตาวิน”
“เมื่อกี้ ตอนที่เราอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน คุณตะวันกับตาโปรเขามาเล่าเรื่องบริษัทร่วมทุนว่าคืบหน้าไปมากแล้ว เปิดประมูลบริษัทรับเหมาก่อสร้างเรียบร้อย ก็เจ้านี้แหละจ้ะ คุณคณิน เขาเป็นเพื่อนเก่าแก่กันทั้งรุ่นพ่อรุ่นลูกกับคุณตะวัน”
“เครือเราก็เคยดีลด้วยนะ โรงแรมที่สุขุวิท ก็บริษัทคุณคณินสร้าง”

“อ่อ ครับ”
“แล้วมีอะไรที่วินต้องรู้ล่ะครับ ทำไมคุณสาต้องพูดแบบนั้น วินไม่ชอบเดาเอาเอง ป้าสุหรือใครพอจะบอกวินได้ ก็บอกวินมาตรงๆ เถอะครับ”

“วิน พี่ว่าเราอออกไปข้างนอกกัน”

“ไม่”

“วิน” นายมือโปรเรียกผมเป็นการย้ำ เขาส่งสายตาขอร้องมาเป็นทูต แต่ผมไม่อยากเงียบปากแล้วอยู่กับความรู้สึกอึดอัดขัดใจแบบนี้

“นี่มันชีวิตวินรึเปล่าล่ะ”

“พูดขึ้นมาก็ดี ไม่มีใครตอบ ก็จะตอบให้”
“หมดเวลาเอาแต่ใจแล้วนายวิณณ์”
“แม่ไม่ได้ยกแกให้ใคร เพื่อให้แกโตมาวิปริตแบบนี้”
“ชั้นไม่ได้ยอมให้คนอื่นชุบเลี้ยงแกเพื่อโตมาเหลวแหลกแบบนี้”
“สาบอกแล้วไงคะว่าสาไม่ยอมให้ตาวินต้องเดินทางผิดไปมากกว่านี้”
“ถ้าคุณพ่อยืนยันว่าวินก็ส่วนวิน ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ เอามาต่อรองกันไม่ได้ สาก็จะไม่ค้านเรื่องจอยท์เวนเจอร์นั่น แต่ส่วนของวิน สาจะจัดการเอง”

“เธอจะจัดการอะไรล่ะสาวิตรี” ป้าสุขัดขึ้นทันที

“ผมว่า เรามองเรื่องนี้ในมุมของเด็กๆ เถอะครับ”

“คุณคณินคะ ขอให้เป็นเรื่องของพวกเราเถอะค่ะ” ผมอยากกราบขอโทษคุณคณินเหลือเกิน ตอนนี้คุณตาหน้าเครียดจนผมหวั่นว่าอาการแน่นหน้าอกจะกำเริบ ส่วนป้าสุเริ่มนั่งกำมือตัวเอง แสดงว่าโลกกำลังจะระเบิด
 
“สาวิตรี! เธออย่าหยาบคายกับแขกของเรา คุณคณิน สุขอโทษแทนน้องด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ลูกชายผมเฮี้ยวกว่านี้เยอะ”
“ถ้างั้น ผมไปดูพวกเด็กๆ ก่อนนะครับ ไม่รู้แอบกระโดดลงบึงบัวคุณสุรึเปล่า”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ” แขกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยเดินออกไปหลังจากส่งสายตาปลอบประโลมนายมือโปรเรียบร้อย ผมจ้องคุณสาวิตรีอีกครั้ง จากนั้นก็เปิดประเด็นตรงๆ เอาให้มันรู้เรื่องกันไป

“คุณสาจะจัดการอะไรวินครับ”

“ชั้นทำแน่ ไม่ต้องท้า”

“ไมได้ท้าครับ”

“เลิกเถียงชั้นทุกคำสักทีได้มั้ย คิดว่าชั้นว่างอบรมเธองั้นหรอวิณณ์”

“ไม่ได้คิดว่าคุณสามีเวลาอบรมวินหรอกครับ แล้ววินก็ไม่ได้ว่างฟังคุณสาด้วย ถ้าเกิดอยากจะอบรมวินขึ้นมา”

“เจ้าวิน... อย่าเถียงเขาลูก” คุณตาห้ามปากผมจนได้ มันเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่ผมกับคุณสาวิตรีมีเรื่องไม่ลงรอยกัน

ทำไมผมถึงเถียงผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ล่ะ? เพราะเขาให้ผมใช้ช่องคลอดเขาเป็นประตูมาสู่โลกนี้หรอ
ถ้าไม่ต้องการผม ไม่อยากให้ผมเกิดมา ทำไมไม่ฆ่าให้ตายตั้งแต่นิวเคลียสยังแบ่งเซลล์ไม่เสร็จล่ะ
ผมยอมเงียบถ้ามันทำให้คุณตาสบายใจ ถอนหายใจไม่กี่ครั้ง ผมก็เคลียร์ใหม่

“ป้าสุครับ ป้าสุยอมรับวินกับพี่โป๊ะมั้ยครับ”

“แม่บอกแล้วไง วินรักใครแม่ก็รัก ใครรักวินแม่ก็รัก”

“ไม่อายใช่มั้ยครับ”

“ลูกแม่น่าอิจฉาจะตาย”

“คุณตาครับ วินเป็นเกย์ มันทำให้หุ้นเครือเราร่วงมั้ยครับ ทำให้กงสีไม่มีเงินเข้ารึเปล่า ทำให้คุณตาหนักใจมากขึ้นมั้ยครับ”

“ตาแก่แล้ว อะไรที่ทำให้หลานตามีความสุข ตาก็ยินดีทั้งนั้น”
“ตาเชื่อว่าวินเป็นเด็กที่รู้จักไตร่ตรอง รู้จักเลือกคบมิตรดีๆ ฝากหลานด้วยนะคุณตะวัน”

“ผมสิครับ ต้องขอบคุณเจ้าสัว ลูกผมมันมาทำให้เสื่อมเสียแท้ๆ”

“ความรักไม่ผิดหรอก ถ้าเรารักอย่างมีสติ นะคุณตะวันนะ”

“พอเถอะค่ะ”
“สาเอียนเต็มที”
“ทำไมทุกคนถึงคิดว่ามันโอเค ทำไมถึงคิดว่าไม่เป็นไร”
“คุณพ่อคะ ตาวินต้องรับช่วงธุรกิจเราไม่อันใดก็อันหนึ่ง”
“จะปล่อยให้แกเป็น...ความรักแบบนี้มันไปไม่รอด”
“ทางนั้นเองไว้ใจได้รึเปล่า?”
“แน่ใจหรอว่าเขารักเขาชอบจริงๆ”
“ไม่สงสัยกันหรอคะ ได้จอยท์เวนเจอร์กับเรา มารักมาชอบลูกหลานเรา ต่อไปไม่ขออะไรกับเราหรอคะ”
“ทำไมถึงเชื่อว่าเขารักตาวินจริงๆ”

“คุณสาวิตรีครับ”

“ขั้นไม่ได้ขอความคิดเห็นคุณ!” คุณสาหันมาตวาดนายมือโปรเหมือนคนเสียสติ ทุกคนในห้องรับแขกต่างถอนหายใจ ผมเองก็ถอนหายใจ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมา มันไม่ได้กระทบความทรงจำที่นายมือโปรเคยสร้างไว้เลย ตรงกันข้าม ยิ่งคุณสาเกรี้ยวกราด เรื่องราวดีๆ ที่เขาทำให้ผมก็ยิ่งเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ผมมองได้ชัดขึ้นว่าความรู้สึกไหนคือรัก

“ไม่พูดกับผมก็ได้ แต่ต้องฟังกันบ้างสิครับ” นายมือโปรลุกขึ้นยืนสู้
“ผมรู้ว่าวินเป็นลูกชายคุณ แต่วินไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์หรือโล่หรือเกียรติบัตรที่คุณจะเอาไว้อวดใครๆ ไม่จำเป็นต้องดีเลิศเพื่อเชิดหน้าชูตาคุณหรอกครับ แค่วินมีความสุขก็น่าจะเพียงพอ”
“แม้ไม่ใช่ผมที่มายืนพูดหน้าด้านๆ ว่ารักหลานชายบ้านนี้ เป็นผู้ชายคนอื่นหรือผู้หญิงคนอื่น ความคิดคุณสาวิตรีก็คงไม่เปลี่ยน”
“ผมไม่คิดว่าผมไม่เหมาะสมกับวิน ไม่ว่าจะด้านไหน”
“ผมไม่ได้ด้อยกว่า ผมโตกว่า หาเงินได้เยอะกว่า มีความรับผิดชอบต่องาน เพื่อนฝูงพึ่งพาผมได้ ผมดูแลพ่อแม่ผมเป็นอย่างดี วินฝากชีวิตไว้ที่ผมได้”
“เพราะฉะนั้นผมเลยไม่เข้าใจว่าคุณสาวิตรีขวางผมกับวิน ด้วยเหตุผลอะไร”

“ก็คุณไม่เหมาะ”

“ระบุมาเลยครับ” นายมือโปรสวนขึ้นทันควัน คุณสาวิตรีอ้ำอึ้งเหมือนคนโดนจับกรอกน้ำจนท่วมปากไม่มีผิด

“ก็...ก็...”

“ว่ามาเลยครับ” นายมือโปรถามย้ำ เขายังคงยืนเต็มความสูง กดหน้ามองคุณสาวิตรีที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ดูตัวล็กกว่ามาก

“คุณเป็นผู้ชาย ตาวินก็ผู้ชาย ไม่ใช่ของคู่กันมาแต่ต้น นี่มันไม่ถูกต้อง”

“ไม่ถูกต้องตรงไหนครับ”

“อย่างน้อยสังคมก็ไม่ยอมรับ”

“ไม่นี่ครับ เจ้าสัวเอง คุณอาสุเอง ก็มองว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าผมกับวินจะมีไมตรีจิตที่ดีต่อกัน”

“กฏหมายไม่รองรับ!”

“เผ่าพันธุ์มนุษย์เกิดขึ้นก่อนกฎหมายครับ และกฎหมายก็ควบคุมการกระทำ ป้องกันไม่ให้เกิดผลลัพท์ไม่ดี กฎหมายไม่ได้ห้ามมีความรัก”

“เอ๊ะคุณนี่!”

“ดูเหมือนเหตุผลคุณสาวิตรี ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าผม เท่านั้นรึเปล่าครับ”
“ผมอาจไม่ใช่คนที่คุณอยากให้ใช้ชีวิตร่วมกับวินไปจนแก่ อาจไม่ไว้ใจผม คิดว่าผมมาหลอกเอาสมบัติบ้านคุณทั้งที่ทุกวันนี้ผมยังอยู่บ้านที่มีอยู่ให้ครบภายใน 1 สัปดาห์ไม่ได้เลย ก็เอาเถอะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กำหนดมา ว่าผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมรับได้และอนุญาตให้วินมีความสุข” หมอนี่ฉลาดเป็นกรดเลย

เขาไม่ได้ขออะไรใหญ่โตจากคุณสาเลย
เขาขอแค่ความสุขของผมเท่านั้น
ผมเห็นคุณตาอมยิ้ม คุณตะวันส่ายหัวพลางถอนหายใจ ส่วนป้าสุทำท่าเยส! ด้วยการถองข้อศอกเข้าหาตัว
ดูเหมือนหมากกระดานนี้มีชื่อผู้ชนะขึ้นมาลางๆ แล้ว

“ก็ดีค่ะ ดีที่ยังจำได้ว่าชั้นคือแม่คนที่คุณพูดว่ารัก”
“ชั้นไม่เอาอะไรมาก เงินทองไม่ต้อง”
“แต่ตาวินต้องอยู่บ้านนี้”
“ทำงานกันตามปกติ แต่ต้องกลับมาบ้านนี้ นอนที่นี่ อยู่ในความดูแลของชั้น”
“จะไปไหนก็บอกคนขับรถ เขาจะพาตาวินไปเอง”
“ออฟฟิศหลักอยู่ที่ไหนคะ แจ้งชั้นด้วยว่าตารางงานของตาวินมีอะไรบ้างในแต่ละวัน”
“และชั้น ก็ขอสิทธิเข้านอกออกในทุกออฟฟิศของคุณด้วย ชั้นอยากไปหาลูกชาย”
“เห็นมั้ยคะ ไม่ยากเลย”

ตลกเถอะ ใครจะยอม
นี่ชีวิตผมนะ ทำไมต้องติดคุกอยู่กับคุณสาด้วย ผมไม่ยอมหรอก ไม่เอา ไม่รับปากเว้ย!

“ได้ครับ”

ไอ้บ้าพี่โป๊ะ ถามกันก่อนสิวะ!
นี่มันหายนะชัดๆ!


Cut

หึหึ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครคุมหมากทั้งกระดาน

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2016 00:31:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-05-2016 01:14:10
กำลังพยายามเข้าใจความเป็นแม่ของสาวิตรีค่ะ    เราไม่เข้าใจเพราะว่าเราคิดเหมือนสุชาดา  (ไปจนถึงการหาคนมาสอน 555 เราเปิดอากู๋หาข้อมูลให้ลูกชายเฉยๆ)

เอาเข้าจริงๆไม่ไหวมากๆวินก็คงต้องจัดการเอง  แต่สาวิตรีเจอพี่โป๊ะนี่...น่าสนใจค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-05-2016 01:31:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 19-05-2016 09:38:48
นาทีนี้ต้องบอกว่าพี่โป๊ะ สุดยอดดดดดดดดดดดดดดด  o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-05-2016 14:40:58
เดี๋ยวโดนโป๊ะตลบหลังแน่
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-05-2016 15:16:08
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 19-05-2016 16:04:09
คุณสานี่เป็นแม่แบบไหน เริ่มไม่เข้าใจ !!!!
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-05-2016 21:15:10
เอาคุณสาไปเก็บเถอะค่ะเพลียจริงๆ
เอานางลงหลุมไหนไปก็ได้ค่ะ :katai5:
เชิญคุณสา :bye2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 20-05-2016 17:42:07
โอ้ยยยย รำยัยคุณสา นี่จะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย  :angry2: :angry2:
แต่เชื่อว่าพี่โป๊ะรับมือไหว ฮีฉลาด ฮีต้องเป็นผู้คุมเกมส์ดิ โถ่ววว
สู้ๆน๊าพี่โป๊ะ น้องวิน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-05-2016 18:16:07
พี่โป๊ะสุยอดดดด  o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-05-2016 22:53:16
ทำไมพี่โป๊ะเท่ห์ขนาดนี้

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 21-05-2016 20:46:54
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเรื่องคุณแม่สาหรอกนะ
เพราะคิดว่าก็คงไม่มีบทอะไรเยอะมาก
มาตอนนี้อยากรู้ว่าปมคุณแม่คืออะไร ทำไมอะไรยังไง ถึงยกลูกให้ป้าสุ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 38(18-05-16)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-06-2016 15:33:32
หลังจากห่างหายไปนานกับบอร์ด กลับมาทบทวนเรื่องเก่า ๆ ก็ตามเก็บไปหลายเรื่อง
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ตามเก็บ  พร้อมมาทวงตอนต่อไปนะครับ
ว่าไอ้พี่โป๊ะ  จะจัดการกับคุณสาอย่างไร  ให้ยอมรับในตัวเขา ไม่น่ายากสำหรับนายมือโปร
แต่อย่างรู้เร็ว ๆ   :จุ๊บๆ:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-07-2016 23:38:10
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 39


เช้าอันเงียบสงบ แสงทองระยิบระยับประพรมบนผิวน้ำ เหล่านั้นไม่ใช่ของขวัญที่โลกนี้สรรค์สร้างให้ผมอีกต่อไป อย่างน้อย ๆ ผมก็จะไม่ได้รับของขวัญดีๆ แบบนั้นอีกหากว่ายังต้องอยู่ที่บ้านหลังใหญ่โต ในเนื้อที่กว้างขวางเป็นลานเลี้ยงเป็ดแบบนี้
เสียงเคาะประตูต่างหากที่ปลุกผมให้ตื่นขึ้นในตอนเช้า มันเป็นแบบนี้มาเกือบเดือน ไม่มีทีท่าว่ามันจะเปลี่ยนวิถีไป บางทีอาจจะเป็นใจผมเองนี่แหละ ที่เริ่มยอมรับวิถีที่ไม่ได้ชอบแบบนี้ และแปรเปลี่ยนไปเสียเอง
“คุณวินคะ”
“รู้แล้ว” ผมตอบพอให้ฝ่ายนอกประตูห้องนอนได้ยิน ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง โยกตัวไปมาเพื่อขยับขดลำไส้เสียหน่อย จากนั้นค่อยทำกิจวัตรตอนเช้า แต่งตัวในชุดทำงาน แม้ผมจะพร่ำบอกป้าสุว่า ‘บริษัทของเรา’ ไม่ซีเรียสเรื่องชุดทางการหรือไม่ทางการ แต่ป้าสุก็เลือกจะสั่งให้ผมแต่งตัวตามประสบการณ์ที่ป้าเคยพบเจอ ‘ผู้บริหารร่วม’ของผม
ตาโปรเขายังแต่งตัวเป็นผู้ใหญ่ เราก็ต้องให้เหมือนเขา นี่คือเหตุผลของป้าสุที่ผมไม่อยากฟังอีก เลยทำตามที่ป้าบอกไปอย่างหลับหูหลับตา
อาหารมื้อเช้าบนโต๊ะอาหารใหญ่ยาวก็เรียบๆ ครับ ไม่มีเมนูไหนขึ้นแท่นอาหารเช้าที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผม คุณตาและป้าสุนั่งที่ที่ประจำของพวกท่าน ส่วนคุณสา....เช้านี้ยังไม่ลงมา

“สาวิตรีล่ะ” คุณตาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสมาชิกร่วมโต๊ะอาหารตอนเช้ายังไม่ครบดี ผมไม่ได้สนใจใยดีคำตอบ เพราะไม่ได้อยากรู้แต่แรกแล้ว

“เจ้าวิน สาวิตรีล่ะ?”
“เมื่อวานเข้าบ้านมาพร้อมกัน เขาไม่ได้บอกตารางงานวันนี้ของเขาหรอ”

“ไม่นี่ครับ ไม่ได้บอก” ผมตอบตามจริง คุณสาวิตรีไม่เคยบอกอะไรผมอยู่แล้ว เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันระหว่างนั่งรถร่วมคันในหลายวันที่ผ่านมา ผมเงียบ เธอก็เงียบ แม้ว่าเธอจะสละเวลามาตรวจสอบคุณสมบัติ ‘หุ้นส่วน’ คนใหม่ที่ชื่อว่านายวารินทร์ ทุกวันก็ตาม

“อื้อ ไปตามสิ”
“ปล่อยให้ทานมื้อเช้าคนเดียวเหงาแย่” ป้าสุบอกสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่างประตู

“มาแล้วค่ะ มาแล้ว” เสียงมาก่อนตัวอีกครับ ผมไม่ได้หันไปมอง เพราะเสียงของคุณสาวิตรีไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เคยได้ยิน ฟังเสียงสลิปเปอร์เสียดสีพื้นหินอ่อนอยู่ไม่ถึง 10 ก้าว คุณสาวิตรีก็ลากเก้าอี้และนั่งข้างๆ ผม

“อรุณสวัสดิ์จ้ะตาวิน” เหวอแดกสิครับ แครอทนึ่งหั่นท่อนเล็กๆ คาอยู่ที่ปลายส้อมที่จ่ออยู่ตรงปากผม การทักทายกะทันหันของคุณสาวิตรีทำให้ผมลืมวิธีกินข้าวไปชั่วขณะหนึ่ง

“ทานสิจ๊ะ มัวตะลึงอะไร?”

“ทำไม?” ผมพึมพำถาม

“หือ? อะไรจ๊ะ”

“พูดกับวิน ทำไมครับ”

“ตาวินนี่ถามแปลก”
“พูดด้วย ก็แปลว่าอยากคุยน่ะสิ”

“แต่ปกติคุณสาไม่พูดกับวินนี่ครับ”
“ออกจากปากแต่ละอย่างก็คือสั่ง”

“แหม ตาวินก็” ไม่หมงไม่แหมด้วยหรอก ผมขมวดคิ้วใส่อย่างสงสัย แต่ไม่ไล่ต้อนถามเพิ่ม เอาเป็นว่าผมรู้แล้วว่าเธอแปลก แต่เตรียมรับมือก็พอ
“อื้อนี่”
“วันนี้จะได้ไปดูสตูดิโอกันนี่ เตรียมตัวรึยัง?”
“หมวกก็ควรเอาไปด้วยนะตาวิน ท่าทางแดดจะร้อน”
“จริงๆ ก็ไม่ได้อยากไปดงไปดูอะไรนักหรอกค่ะ ก็ไม่ได้น่าตื่นตาอะไร แต่ทางนั้นเขาก็ขายไว้เยอะนี่คะ”
“สาอยากไปดูให้เห็นกับตาว่ากระจอกจริงๆ น่ะค่ะ คุณพ่อ พี่สุ”

“...............” ไม่มีใครพูดอะไร ผมก็เลยอาศัยความเงียบ อิ่มมื้อเช้าแบบไม่เต็มใจอย่างสงบเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้

คุณสาวิตรีพูดถูกแล้วครับ วันนี้เราจะไปดูความคืบหน้าสตูดิโอกัน แต่เท่าที่พี่โป๊ะให้ผมดูความคืบหน้าอยู่ตลอดนั้น สตูดิโอของบริษัทเราไม่เฉียดคำว่ากระจอกเลยนะครับ แต่ทัศนคติคุณสาที่มีต่อพี่โป๊ะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต่อให้สร้างสตูดิโออลังการแค่ไหน ก็กระจอกอยู่ดี

ป้าสุหันเงยหน้ามองผม รายนี้ก็อิ่มกะทันหันเหมือนกัน เรา 2 คนป้าหลานยิ้มให้กันเพื่อสื่อความคิด และปล่อยให้ความเงียบเป็นเพื่อมร่วมทางกาลเวลาที่เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ผมกับคุณสา มาถึงออฟฟิศที่เทเวศน์ตามเวลาที่นัดกันไว้  ตอนนี้การเข้า-ออกของผมไม่จำเป็นต้องแลกบัตร หรือแจกรอยยิ้ม หรืออวดสายตาของความเป็นเจ้าของแล้วครับ พี่ยามทุกคนจำรถทุกคันที่พาผมมาส่งได้แล้ว แน่นอนว่าใบหน้าและความหน้านิ่งของคุณสาวิตรีก็เป็นที่รู้จักเหมือนกัน

“คุณโปรมาแล้วครับ” มาแล้วก็ต้องบอก ก็เห็นมาก่อนผมทุกวันนั่นแหละ ไม่ว่าจะออฟฟิศนี้หรือออฟฟิศไหนๆ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปยังห้องทำงานของเขา แน่นอนว่าคุณสาก็เดินตามมาอย่างไร้อาการเขินขา เพราะเธอก็มาที่ออฟฟิศนี้หรือออฟฟิศไหนๆ จนชินสถานที่ไปหมดแล้วครับ

“ไม่เตรียมรถรอรึไง เราจะไปยังไงกัน”
“ให้นั่งอัดกันไปคงไม่ไหวนะ ไม่พร้อมเอาซะเลย” บ่นครับ คนแก่บ่น ผมไม่ได้พูดเสริมและไม่ได้ดักทางอย่างที่ใจคิดอยู่ แค่หันมอง ถามว่าเอาน้ำมั้ย เมื่อได้คำตอบก็หันกลับ ส่วนคนจัดการกับคำตอบของคุณสา ก็คือคุณแม่บ้านเก่าแก่ที่ทำงานมาตั้งแต่คุณตะวันเป็นผู้บริหารหลัก
“แล้วพ่อคนเก่งเหลือเกินของป้าสุของวินไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาต้อนรับเรา”

“เขาก็ติดงานมั่งสิครับ”

“แก้ตัวแทนกันตลอด”

“ไม่ได้แก้ตัวแทนครับ วินแค่ช่วยหาคำตอบให้ เห็นคุณสาสังสัยนั่นนี่เต็มไปหมด”

“เรานี่นะ! นี่แม่นะ หัดเข้าข้างกันซะบ้าง หรือว่าวินรักได้ทุกคนยกเว้นแม่”

“...................” ผมไม่มีอะไรจะพูด ผมไม่มีปมหรือประเด็นใดผุดขึ้นมากลางใจเลย มันว่างเปล่าจนต้องหันหนีจากหน้าคุณสาวิตรี
ผมคงใจดำเกินเยียวยา เฉยชาจนเกินแก้ไข คนที่อ้าปากพูดกับผมปาวๆ คือแม่แท้ๆ แม่ที่ให้กำเนิด แต่ผมกลับเอิอมระอาเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน และเกิดขึ้นถี่แค่ไหนถึงได้กลายเป็นความเคยชินและนิสัยในทุกวันนี้ รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นคนไม่ยี่หระกับ ‘แม่’ ไปซะแล้ว
ตรงกันข้าม หากเป็นป้าสุนั่งอยู่ตรงนี้ ตำหนิพี่โป๊ะอยู่กลายๆ และคอยคุมประพฤติของผมตลอดเวลาแบบนี้ ผมจะนั่งหลังตรงและทำทุกอย่างให้ป้าสุพึงพอใจ

กึก
ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก ผมคิดว่าแม่บ้านคงนำกาแฟมารับรองคุณสา แต่ผมเดาผิดครับ รอบนี้พี่โป๊ะเปิดประตูเข้ามาในชุดไปสตูดิโอ เห็นล้วอยากบีบน้ำตาซุกหน้ากับตักป้าสุมากครับ เขาใส่เสื้อโปโล กางเกงยืนส์ด้วย ผมอยากเคาะตักป้าสุแล้วถามว่า ให้ผมใส่สูทมาทำไม?

“สวัสดีครับ คุณสาวิตรี” นายมือโปรเริ่มต้นวันพบแม่แฟนวันใหม่ด้วยท่าไหว้ถูกต้องตามประเพณี เขาลดระดับมือ เงยหน้าแล้วส่งยิ้มให้คุณสาก่อน แล้วค่อยเผื่อแผ่สายตามองผม เลิกคิ้วใส่แล้วก็ยิ้มปนขำ คงสะใจล่ะสิที่วันนี้ผมต้องเป็นฝ่ายร้อนจนอาจจะทนแดดไม่ไหวเพราะไอ้สูทโคตรหล่อตัวนี้

“ค่ะ แต่ก็ไม่ควรให้รอนานขนาดนี้นะคะ น้ำท่าก็ไม่มีมารับรอง”

“เตรียมไว้ให้บนรถแล้วครับ”

“คงไม่ใช่รถยนต์ธรรมดาหรอกนะคะ ดิชั้นก็แก่แล้ว เมื่อยง่าย”

ถ้าในรถมีลูกประคบเตรียมเอาไว้นี่ผมจะฮามากเลยนะครับ ผมเห็นนายมือโปรแอบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม เอ..บางทีอาจจะแอบแยกเขี้ยวก็ได้ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วอีกรอบ แล้วก็ผายมือเชิญชวนให้ผู้ใหญ่ที่วางตัวเป็นชนชั้นสูงเหลือเกิน เดินออกจากห้อง เพื่อไปยังรถที่เตรียมเอาไว้ให้ ตามกำหนดการที่เขียนกันส่งๆ เมื่อคืน (ทางโทรศัพท์) แล้ว เราจะออกจากทีนี่ตอน 9 โมงเช้าครับ นี่ก็ได้ฤกษ์พอดี

รถตู้เอนกประสงค์ทำให้คุณสายิ้มนิดๆ แต่ตาเป็นประกายระยิบมากครับ ผมเดาเอาว่าเธอคงกลัวว่าต้องไปลำบากลำบนแน่ๆ ดูจากการแต่งตัววันนี้ (ชุดเหมือนจะไปตีกอล์ฟเลยครับ) และการพกครีมกันแดดหลายขวด และการบังคับให้ผมทาด้วยทั้งที่ผมใส่สูท
บนรถมีกาแฟร้านโปรดของคุณสาเตรียมไว้ให้ นายมือโปรบรรยายว่าไปซื้อมาให้เองก็เลยต้องกวรให้คุณสาและผมรอที่ห้องรับรองอยู่เกือบ 5 นาที ขออภัยจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าเขาก็เวอร์ไป แต่เหตุผลที่เขาเอาอกเอาใจคุณสาเหลือเกิน มันก็เพื่อ ‘เรา’ ทั้งนั้น ผมก็เลยปล่อยให้เขาทำตามที่คิดว่าดี แต่ถ้าจะให้ผมวิจารณ์ตรงๆ ล่ะก็ มันไม่ได้ผลหรอกครับ

“นี่ของวิน” ชาร้อนครับ กลิ่นหอมเย็นจมูกดี ความร้อนก็ทอนลงไปจนถึงระดับที่สามารถจิบได้ทันทีที่รับมา ผมยิ้มขอบคุณเขาแล้วก็ก้าวขึ้นรถ ขยับเข้าไปนั่งติดกระจก เพื่อให้เขาก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ ส่วนคุณสานั่งตอนหลังครับ

พลขับขับรถนิ่มมาก ไม่เหมือนกับที่ผมไปที่สตูฯรอบก่อนหน้านี้ที่พลขับกวนตีนมาก และไม่ให้ผมกินกระทั่งน้ำเปล่า การไปสตูดิโอครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วราวหน้ามือกับหลังเท้าเชียวครับ ดูเหมือนผมและนายมือโปรจะมองวิวทิวทัศน์และคิดเรื่องเดียวกัน ถึงได้หันมองกันแล้วก็ยิ้มขึ้นมาทั้งคู่ ผมไม่รู้ว่าคุณสาวิตรีที่นั่งอยู่ด้านหลังจะจับจ้องนายมือโปรจนเขาไม่เป็นอันทำอะไรมั้ย แต่ก็ไม่แคร์แล้วครับ

“พี่โป๊ะจำวัน”

“จำได้สิ พี่ขอโทษนะ”
“แต่พี่ตั้งใจ”

“โหย คนเรา”

“ก็วินผิดก่อน”

“ก็พี่โป๊ะคิดเอาเองก่อน”
“อีกอย่าง พี่โป๊ะโตกว่า ต้องไม่ใช่อารมณ์สิ”

“อะไรกันหรอ 2 คนนี้ วันอะไร หือ? ตาวิน”

“เปล่าครับ/เปล่าครับ” เราพร้อมใจกันหันไปโกหก หันกลับมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม ผมดีใจนะครับ ที่พี่โป๊ะไม่ให้คุณสาเข้ามามีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับเรา 2 คน เพราะผมอยากเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้ ให้ระลึกถึงกันแค่ 2 คน

วิวข้างทางที่เคยทำให้ผมคิดว่า คนที่อุตริมาสร้างสตูดิโอที่นี่แล้วขายฝันว่าจะดูดเงินฝรั่งเข้ากระเป๋า ตอนนี้กลายเป็นวิวที่ดูรื่นรมย์เหลือเกินครับ ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจคำกล่าวที่ว่า เวลามีความรักโลกจะสดใส แล้วล่ะครับ

แล้วก็มาถึงที่หมายจนได้
สตูดิโอคืบหน้าไปมากครับ ทั้งสตูโอหลักขนาดใหญ่ และอาคารข้างเคียงที่สร้างขึ้นมาสำหรับเก็บอุปกรณ์อื่นๆ มองลึกไปด้านข้างคือบึงขนาดใหญ่ และอีกฝ่ายของบึงก็เหมือนจะมีการเตรียมการก่อสร้างเช่นกัน

“นั่นส่วนโรงแรมหรอคะ”

“ครับ”
“ไม่เชิงโรงแรมครับ ไม่ได้เซอร์วิสดีมากมาย แต่อยู่ได้จริงแล้วก็เก็บค่าเช่า”
“สัญญาส่วนมากเป็นรายเดือน เพราะเวลาถ่ายทำกันก็หลักเดือนทั้งนั้น”

“อ่อ ค่ะ คอนเซปท์ดีนะคะ”  หืม? นี่คุณสาวิตรีชมพี่โป๊ะหรอ ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่ไม่เชื่อหูตัวเอง นายมือโปรก็เหมือนกัน เขาค่อยๆ เหล่มองผมแล้วก็ทำสีหน้าตื่นตะลึง มองกันไม่นานก็แอบยิ้มแล้วเขาก็พาคุณสาชมสตูอิโอที่แล้วเสร็จไปกว่า 70%

หากว่าผู้ใหญ่ฝ่ายผมมีโจทย์ใหญ่ที่สินทรัพย์และความงอกเงยของมันแล้วล่ะก์....นายมือโปรคงถือว่าสอบผ่าน
เรากำลังนั่งรออาหารมื้อเที่ยงอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมถนนบางนา-ตราดเช่นเคยครับ ร้านนี้ฝีมือถูกปากนายมือโปร แล้วก็รสชาติเที่ยงเทียมกันทุกสาขาด้วย ผมรอซุปที่สั่งเป็นออเดิร์ฟ ระหว่างรอก็ลอบมองคุณสาที่พูดคุยกับนายมือโปรอย่างเต็มอกเต็มใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ผมไม่สงสัยหรอกครับว่าสาเหตุคืออะไร ผมคิดว่าผมเดาออก และก็ไม่ใช่สายสัมพันธุ์แม่ลูกหรอกที่ทำให้ผมเดาได้ แต่เพราะคีย์เวิร์ดหลักๆ ในประโยคคำถามของคุณสาต่างหาก
ก็คุณสาเธอถามเสียตรง ทั้งไออาร์อาร์โครงการ อาร์โออี อาร์โอเอ ดีอีจากนี้ไป ประวัติพาร์ทเนอร์ บุ้คล่วงหน้า แต่ละอย่างมันเรื่องการเงินทั้งนั้น ต่อให้ผมไม่ได้แตะสายการเงินมาเลยผมยังรู้ว่าเธอต้องการอะไร
และนายมือโปรเองก็ดูไม่หน่ายที่จะตอบ จะว่าไป เขาเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าผมเสียอีก แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เขาเองก็ ‘วัยผู้ใหญ่’ แล้วเหมือนกัน
“ทานกันก่อนดีกว่าครับ เรื่องตัวเลขที่คุณสาอยากรู้ เดี๋ยวผมจะให้แนนส่งให้แบบละเอียด”

“อ้อ นี่ก็อีกเรื่องค่ะ”

“ครับ?”

“เลขาคุณเนี่ย ผู้หญิงนี่คะ ถ้าอยากจะให้สบายใจจนกล้าปล่อยลูกชายคนเดียวให้ดูแล เปลี่ยนดีมั้ยคะ?”

“คุณสา” ผมโวยขึ้นทันทีเลยครับ ลำพังแค่เดือดร้อนกันเอง 2 คน ผมทนไม่ได้ ฝืนตัวเองได้ แต่ถ้าการทำให้คุณสายอมรับความรักของผม มันไปกระทบคนอื่นด้วยเนี่ย ผมรับไม่ได้

“ก็ไม่น่าไว้ใจ”
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ใจเร็วกันทั้งนั้น”
“ทางเลขานั่น”

“พี่แนนเขามีครอบครัวแล้วครับ”

“นั่นแหละ มันก็พลั้งเผลอกันได้”

“วินไม่เห็นด้วยที่คุณสาไปจะชี้นิ้วบงการอะไรที่มันกระทบคนอื่น”

“ที่ทำตัวไม่เป็นที่พอใจของวินก็เพื่อวินทั้งนั้น”

“ไม่ต้องทำครับ วินรับอะไรแบบนี้ไม่ได้”
“ป้าสุเองยังไม่ยุ่งย่ามอะไรแบบนี้เลย!”

“วิน” นายมือโปรปรามขึ้น เขาปั้นยิ้มเพื่อเกลี่ยอารมณ์บนโต๊ะอาหาร และเลือกจะทำตามเงื่อนไขคุณสา ซึ่งขัดใจผม เขาบอกว่า
“เดี๋ยวผมดูนะครับว่าจะจัดการอะไรได้บ้าง โยกย้ายนิดหน่อยน่าจะได้”

“พี่โป๊ะ”

“เอาน่า ทานข้าวเถอะวิน”
“ทานข้าวกันเถอะครับคุณสา”

ถ้านี่คือศึกลูกเขยแม่...เอ่อ..แม่เมียก็ได้เอ้า! ผมบอกได้เลยว่าคนที่แพ้ ก็คือคนกลางที่ไม่มีใครเห็นหัวอย่างผม

#### @ D A W N  ##### 

“ทำหน้าดีๆ หน่อยไอ้ยุ่ง ไม่อยากยิ้มให้พี่รึไง”

“ไม่” ผมตอบด้วยเสียงมะนาวไม่มีน้ำ หลังจากส่งคุณสาคืนสู่สังคมเมืองที่เธอคุ้นเคย เราก็ได้เวลาอยู่กัน 2 คนคืนมาก่อนที่ผมจะต้องกลับบ้านที่กว้างเท่าฟาร์มเลี้ยงเป็ด นายมือโปรเลือกทำงานต่อในช่วงบ่ายแก่ๆ ที่ออฟฟิศใต้ดินย่านสุขุมวิทครับ ผมไม่ได้ทำงานหรอก แค่นั่งดูทีวีที่ขึงสายตาของผมไว้ด้วยอารมณ์หนืดสุดๆ ผมไม่พอใจการตัดสินใจอของเขา ไม่ชอบใจการตามใจคุณสาทุกอย่างที่เขาทำอยู่ตอนนี้

“โกรธอะไรไอ้ยุ่ง พูดดีๆ”

“ไม่”

“อย่ากวนดิ”
“ไม่ได้อยู่กัน 2 คนบ่อยๆ ทำตัวดีๆ หน่อย”

“ทำตัวดีๆ ของพี่โป๊ะคืออะไร?”
“ทำตัวไม่มีหัวคิด ใครอยากให้ทำอะไรก็ทำงั้นดิ”

“วิน” เหอะ! ทำขึ้นเสียง ผมยังคงหันหลังให้ ตาแข็งมองจอทีวีที่ผมไม่ได้สนใจเนื้อหามันแม้แต่นิด

“เฮ้ย!” ร้องครับ ต้องร้องเสียงหลงเลยด้วย เพราะตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกเกี่ยวคอจนหลังเอนติดพนักโซฟา หน้านายมือโปรค่อยๆ เคลื่อนมาแนบหน้าผม รู้สึกได้ว่าเขาเอียงมาหอม เชื่อสัญชาติญาณตัวเองได้เต็มที่ก็ตอนที่ได้ยินเสียงฟอดเต็มหู
“อะไรเล่า”
“คนละเรื่องเลยพี่โป๊ะ”

“เรื่องเดียวกัน ง้อแฟน ใครๆ เขาก็ทำงี้”

“ไม่เห็นเกี่ยว”
“จะหอมจะกอดยังไง วินก็ไม่ชอบที่พี่โป๊ะตามใจคุณสาทุกอย่างอยู่ดี”

“มันก็มีวิธีปลิ้นน่า”

“จะปลิ้นเพื่อให้เป็นคนโกหกหรือเป็นศรีธนญชัยไปทำไม อะไรที่ไม่อยากทำ ไม่คิดจะทำก็บอกไปตรงๆ ตัดเรื่องตัดราวกันไปเหอะว่ะ”

“ไม่ได้ แม่เมีย ต้องเอาใจไว้ก่อน”
“อีกอย่าง คุณสาวิตรีเขาก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด เขาก็แค่บอกว่าเขาอยากได้อะไร อยากรู้อะไร”
“ส่วนได้ไปเพื่ออะไร รู้ไปเพื่ออะไร พี่ว่าวินก็น่าจะรู้”

“เพื่อวิน วินรู้ แต่วินไม่ได้ขอนี่”

“ก็เขาเป็นแม่”

“แม่แล้วไงเล่า”
“งั้นคุณสามาคบกับพี่โป๊ะเองเลย ดีมั้ย”

“ม่ายยย ม่ายยยย” ปฏิเสธดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องถูคางไปทั่วแก้มผม รู้บ้างเถอะว่าตอหนวดมันแข็ง ผมเจ็บ พอผมเบี่ยงหน้าหนีแล้วยกหัวไหล่มาปาดทับสัมผัสหยาบทิ้งไป เขาก็คงรู้ตัว ถึงได้กระโดดข้ามผนักโซฟามาจ่อมนั่งล็อคตัวผมไว้แล้วลูบคางตัวเอง
“ไม่ชอบหรอ? เจ็บหรอ”

“อื้อ เจ็บ”

“โทษๆ ไม่ได้โกน”

“ทำไมไม่โกนอ่ะ ยุ่งขนาดนั้นเลยหรอ”

“อือ ครับยุ่ง”

“แล้วเมื่อคืนนอนที่ไหน” ผมถาม เอาใจใส่เขานิดนึงด้วยการลูบหัว รายนี้ทำตัวไร้กระดูก เอนมาซุกกอดผมไว้ทันที ตัวก็ใหญ่กว่ายังเสือกจะขดเป็นลูกหมามุดท่อ

“นอนบ้านไม้ ดมกลิ่นวินจากหมอน แต่มันเริ่มจางๆ แล้ว ไปนอนเติมกลิ่นหน่อยสิ”

“ตลก ... จริงหรอ?”

“จริงสิ”

อืม ปลื้มๆ แฮะ ผมอมยิ้ม หลุดหัวเราะแล้วเบี่ยงตัวหนีเพราะเขิน แต่ก็ไม่หลุดจากล็อคแขนเขาหรอกครับ เขาหอมผมจนรู้สึกได้ว่ากระพุ้งแก้มแม่งต้องโคตรช้ำจึงถูกปล่อย พอหันมองหน้าเขาเต็มๆ แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าเขาเหนื่อยมาก ล้ามากจริงๆ ริ้วรอบตาเป็นหลักฐานการอดนอนชั้นดี

“วินขอโทษที่ทำให้พี่โป๊ะต้องทนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”
“ถ้าพี่คบคนอื่น ชีวิตอาจจะง่ายขึ้นนะ”

“ไม่ล่ะ พี่ชอบความท้ายทาย” ครับ ครับ พ่อคนใจใหญ่ ผมขำคำตอบเขาพลางซบไหล่เขาบ้าง ถ้าสอดมือไม้กอดเขาอีกนิด เราก็เหมือนเถาวัลย์พันต้นไม้ใหญ่แล้วครับ
“แต่วินไม่ต้องดื้อกับคุณสาเพื่อพี่หรอกนะ พี่จะดื้อเอง เขาเกลียดพี่ได้ไม่เป็นไร แต่เขาไม่ควรตะขิดตะขวงใจกับวิน วินก็ไม่ควระแวงระวังในความห่วงใยของเขา”
“นะครับ”

“มันทำยาก ถึงเขาจะเป็นแม่ แต่ใจวินมันก็พล่ามตลอดเวลาจะดื้อกับเขา ว่าเขาไม่ใช่แม่เสียหน่อย”

“ไอ้ดื้อ”
“ฟังดิ”

“ไม่ฟังแล้ว”
“ไหนๆ ก็เรียกวินว่าไอ้ดื้อ คืนนี้วินดื้อนอนนี่นะ”

“เห้ย! ดีใจเลยนะ ไม่ได้นอนดมวินมาตั้งนาน”

“พี่โป๊ะ วินไม่ใช่ธูปหอม จะมานอนดมวินทำไมเล่า! ทุเรศว่ะ”

“ก็มันรักมันชอบมันชื่นใจ ให้ดมเถอะ”
“แล้ว...เราจะบอกบ้านวินว่ายังไงล่ะ วินต้องกลับบ้านใหญ่นี่ คุณสาเขาประกาศไว้ชัด”

“ก็บอกไปว่าวินอยากหนีตามที่โป๊ะ”
“ถ้าอนุญาตก็เท่ากับเราขยับวงกลมของเขาได้กว้างขึ้น”

“แล้วถ้าไม่ล่ะ”

“ก็เท่ากับคุณสาดึงฟางเส้นสุดท้าย”

“โหย! ไม่เอา ไม่เป็นไร พี่ดมอย่างอื่นก็ได้ วินกลับบ้านเถอะถ้าค้างกับพี่แล้วเขาไม่สบายใจ”

“พี่โป๊ะ!”
“ทำไมต้องยึดใจคุณสาก่อนวินล่ะ”
“นี่รักใครวะเนี่ย!”

“อยากได้วินสิครับ จะอยากได้ใคร”
“แต่เขาหวงของเขาเหมือนกัน จะให้พี่ทำตัวเป็นแมวขโมยหรอ? ชอบหรอ? มีแฟนที่ที่บ้านไม่ชอบไม่ไว้ใจ”
“วิน เราโตกันแล้วนะ อย่าทำอะไรๆ ก็ตาม เพียงเพื่อสะใจ หรือเพื่อสั่งสอนใคร”
“เพราะคนที่เสียใจหลังจากสะใจได้ไม่นานก็คือวิน คนที่ได้บทเรียนที่ไม่คาดคิดมาก่อน คือคนที่ทำอะไรตามอารมณ์”

“............”

“เอางี้ บอกเขาก่อน พี่บอกเอง ถ้าเขาไม่ยอม วินกลับบ้าน”

“............”

“วิน ว่าไง ดีลมั้ย?”

“..............”

“วินครับ ว่ายังไง พี่ถาม ไม่ได้ยินหรอ”
“หือ ไอ้ยุ่ง”

“อืมมมมมมมมมมมมมมมมม” บอกได้เลยว่าผมฝืนใจสุดๆ ทำไมผมต้องยอมทำตามวีถีเขาเพื่อให้ได้อยู่กับเขา ผมคือคนที่มีสิทธิตัดสินใจไม่ใช่หรอว่าจะค้างที่นี่หรือไม่ค้าง ผมไม่อยู่กับเขาก็ได้ ไม่คบกับเขาก็ได้ ผมมีสิทธิเลือกทั้งนั้น แต่เขากลับทำให้ผมกลายเป็นคนที่ขออยู่กับเขา ขอคบกับเขา ขอรักเขา ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้กลายเป็นคนกำหนดเงื่อนไขไปได้นะ

นายมือโปรโทรหาป้าสุก่อน พวกเขาคุยกันอย่างออกรสชาติ เรื่องส่วนมากเป็นเรื่องทั่วไป นายมือโปรลงท้ายว่าคืนนี้วินเขาอยากเปลี่ยนที่นอนบ้าง บอกว่านอนห้องใหญ่จนเบื่อแล้ว ขออนุญาตพานอนที่ห้องแคบๆ นะครับ ทางนั้นคงโอเค เขาถึงได้ยิ้มแก้มกลม
วางสายจากป้าสุ เขาก็โทรหาคุณสา เขาบอกคุณสาด้วยเนื้อความเดียวกัน แต่รูปประโยคต่างกันไปนิด ดูนอบน้อมกว่า ดูจริงจังกว่า และดูเจียมตัวกว่าเมื่อเทียบกับครั้งที่คุยกับป้าสุ
คำตอบอีกฝ่ายคงเป็นข่าวดี นายมือโปรพูดขอบคุณแล้วก็วางสาย พอหันมองหน้าผมก็บอกข่าวดีที่ทำให้ผมหน้าเหลือ 2 มิล

“คุณสาอนุญาตนะ”
“บอกว่าเดี๋ยวจะมานอนด้วย”

“ห๊ะ!!!!!!!” ผมคงตาพองโตมากแน่ๆ นายมือโปรถึงได้เลิกคิ้วสูง ทำหน้าเหวอๆ กลับมา

“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นน่า”

“โธ่เอ้ย! ไอ้พี่โป๊ะ! มันใช่เวลามั้ยเนี่ย!!” ผมคว้าหมอนขนเป็ดใบใหญ่บนโซฟามาไล่ฟาดเขาที่วิ่งเหยาะแหยะหนีไปทั่วห้อง แต่ก็ทิ้งจังหวะให้ผมฟาดโดนทุกครั้ง เพื่อทำท่าเจ็บแบบสะดีดสะดิ้ง

เขาหัวเราะ ผมก็หัวเราะ
พวกเรามีความสุขดี และผมก็หวังว่าความสุขรูปร่างแบบนี้จะอยู่กับผมไปนานๆ

#### @ D A W N  #####


เช้านี้ ผมไม่เห็นแสงอาทิย์ยามเช้าหรอกครับ เพราะที่สิงสถิตย์นอนของผมคือชั้นใต้ดินของผับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ผมบอกตามตรงว่าตื่นเพราะร่างกายมันจำเวลาตื่น เหมือนที่จำเวลากินข้าว เวลาขับถ่ายได้นั่นแหละ จริงๆ ผมยังไม่อยากตื่นนักเพราะเมื่อคืนนี้กว่าจะได้นอนกันก็จัดไปหลายตี๊ด ขอความเข้าใจด้วยนะครับว่าผมนอนชั้นใต้ดินของผับ ผมคงไม่จิบน้ำมนต์แล้วเข้านอนหรอก เหล้าเอย ไวน์เอย เบียร์เอย อะไรใกล้มือกว่าผมก็คว้าอันนั้น
พอเมาแล้วก็จะปากเปราะ ใจเปิด ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อคืนพูดอะไรกับนายมือโปรไปบ้าง ผมงงๆ ไม่รู้ว่าอะไรพูดออกไปจริงๆ อะไรที่คือที่คิดอยากจะพูดแต่ก็ไม่เคยพูด แต่ที่จำได้แม่นยำก็คือการถูกลวนลามครับ นายมือโปรเมาแล้วนัวเนีย วุ่นวาย ซุกตรงนั้นดูดตรงนี้ ผมจำได้ว่าทั้งเตะทั้งถีบเขาให้ห่างออกไปหลายทีตอนที่เขาจะเอนมาฟัดพุงน้อยๆ ของผม ก็ตรงนั้นมันจุดอันตราย ผมบ้าจี้ และมันก็ใกล้ตะขอกางเกงไปด้วย
สุดท้ายก็นอนดมกลิ่นเครื่องดื่มมึนเมาของกันและกันจนหลับไป ผมตื่นมากลางดึกรอบนึงเพื่อลุกไปอาบน้ำ เปลี่ยนใส่ชุดนอนของเขาที่ผมคุ้ยๆ เอาอย่างไม่คิดเขินอาย เสร็จแล้วก็มาเขี่ยปลุกให้เขาไปอาบน้ำบ้าง ผมไม่ได้หวังดีนักหรอก แต่ผมอยากนอนบนเบาะโซฟา นายมือโปรอยากไปนอนที่ไหนก็ตามสะดวก เพิ่งหายโง่ว่าไม่จำเป็นต้องจับจองโซฟานิ่มนี่หรอก เพราะมันกางออกมาเป็นเตียงได้ เราก็นอนเลยเกยแอร์กัน 2 คน แต่ผมมันก็ขี้หนาว และนายมือโปรก็เป็นผ้าห่มชั้นเยี่ยม ผมก็เลยนอนซุกเขาอย่างสบายตัว

“พี่โป๊ะ ตื่น”
“ทำงานนี่”

“อือออออออออออ” ได้ยินไปถึงการแคลื่อนตัวของเม็ดเสียงเลยครับ เขารัดตัวผมแน่นขึ้น ซึ่งผมก็ซุกเขาหนักขึ้นเหมือนกัน แต่ถ้าถึงเวลาตื่นก็ต้องตื่นจริงมั้ยครับ เขาฉุดรั้งพระอาทิตย์ไม่ได้ เราหยุดเวลาไม่ได้

“ตื่นดิ ไปอาบน่ำก่อนเลย หาชุดให้วินด้วย มีมั้ย หรือต้องใส่ซ้ำ ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ”

“โอเคๆๆ ไอ้ยุ่งเอ้ย”
“นอนนี่แหละ เดี๋ยวจัดการเอง”
“ยุ่งชิบหายเลยวุ้ย แฟนใครวะ”

“แฟนพี่โป๊ะ” ผมตอบแล้วยิ้มหวาน...ล่ะมั้ง เพราะเขาดูไม่เคลิ้มคำผม ท่าทางเขาหมั่นไส้มากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ ได้นอนต่อก็พอแล้ว
ผมได้ยินเสียงเขาทำอะไรก่อกแก่ก พักนึงก็ได้กลื่นกาแฟ ขนมปังปิ้ง อืม คงทำมื้อเช้าเบาๆ ให้ก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำล่ะมั้ง ทำไมแฟนผมสำเร็จรูปแบบนี้อ่ะ นี่เอาน้ำร้อนลวกแล้วกินเลยได้มั้ย?

“ลุกแล้วก็มากินอะไรก่อนนะ อาบน้ำเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปซื้อข้าวเช้าให้ เท่านี้ไม่อิ่มหรอก”

“เฮ้ยๆ พี่โป๊ะ ไม่ต้อง”  ไม่ทันแล้วครับ เขาเปิดประตู วิ่งขึ้นสู่สูงแล้วก็พุ่งขึ้นฟ้าไปแล้ว...เอ่อ ถ้ามุกไม่ผ่านก็ขอโทษแล้วมองผ่านๆ ไปก็แล้วกันครับ

ผมนอนมองผนังสไตล์ลอฟท์อยู่กับน้ำเจิ่งเบ้าตา ไม่ได้ดราม่าอะไรหรอกครับ แต่หาวยาวจนแทบสิ้นใจเท่านั้นเอง สะบัดความง่วงความมึนหัวแล้วก็มานั่งเล็มขนมปังปิ้งปาดเนยลวกๆ จิบกาแฟที่ไม่ได้ชอบนัก แต่ระยะหลังรับมันเข้าสู่ร่างกายบ่อยๆ เพราะอยากดื่มเป็นเพื่อนนายมือโปร ไม่อยากให้เขาเขิน อ้างไปงั้นแหละครับ ก็ร้านกาแฟส่วนมากไม่มีชาที่ถูกปาก ผมก็เลยสั่งกาแฟแทน

กำลังจะตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ ผมก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมายังชั้นใต้ดิน เซนส์ที่แสนแม่นยำของผมบอกผมว่า ผมน่าจะได้กินพวกขนมครก หมูปิ้ง โจ๊ก อะไรเทือกนี้แน่ๆ ก็เลยวิ่งไปเปิดประตูต้อนรับเขา สาบานได้ว่าผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะครับ ป้าสุเลี้ยงผมมาไม่เคยปล่อยให้อดอยาก

“พี่โป๊ะ มีขนมครกใช่.....มั้ย”

“น้องวิน” คนที่มาไม่ใช่นายมือโปรหรอกครับ แต่เป็นพี่โจ้ต่างหาก เธอลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาอย่างทุลักทุเล แต่งตัวผิดแผกไปจากครั้งก่อนๆ ที่ผมได้พบเธอ มาดผู้บริหารสาวสวยถูกหั่นครึ่งออกไปโดยกางเกงยีนส์พอดีตัว เสื้อเอวลอยสีพื้น รองเท้าแตะเปิดหน้าเท้าแต่ยังมีความหรูหราของเพชรเคลือบอยู่

“พี่โจ้”
“สวัสดีครับ”

“พี่...มากวนใช่มั้ยคะ”
“ขอโทษนะคะ ไม่รู้ว่าวินจะมา”
“ก็เห็นโปรบอกว่ามาที่นี่ได้ตลอด”

“ครับ”


“ค่ะ”


ผมรู้ว่าเรารั้งพระอาทิตย์ไม่ได้ เราหยุดเวลาไม่ได้
แต่ถ้าจะมีพรอะไรบันดาลให้ผมมีความสามารถนั้น ผมจะขอรั้งพระอาทิตย์เอาไว้ว่าอย่าเพิ่งเดินหน้าไปเลยได้มั้ย ช่วยแขวนตัวเองไว้ในช่วงเวลาที่ผมลืมตาตื่นมาและเจอนายมือโปรนนอหลับอยู่ด้วยกันโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ได้รึเปล่า



cut



ยอมรับผิดทุกประการค่ะ
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวเราได้ที่เฟสบุ้ค /Saturnday-Series
มันเป็นสถานที่เพ้อๆ ของเราเองค่ะ

ส่วนเรื่องพี่นำ-น้องธาม จะตามมาเร็วๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2016 01:01:19
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-07-2016 01:13:49
ตัดฉับแบบนี้ใจคอไม่ดีเบยยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-07-2016 11:25:30
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:  มาทำไมยะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-07-2016 15:20:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 12-07-2016 15:51:42
งานงอก :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-07-2016 19:46:32
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 12-07-2016 22:39:03
โอ้ยยยยยยยย อะไรกันเนี่ย ความเก่ายังไม่ทันหาย ยังมีความยัยคุณโจ้ไรนี่เข้ามาแทรกอีก อุปสรรคเยอะแถะ ฮืออออออออออ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-07-2016 23:01:12
น้องวินอุปสรรคเยอะจังเลยลูก
พี่แนะนำไหมลูก หาสามีใหม่เลยค่ะ
555555555
เกลียดอีพี่โป๊ะผญ.ไม่เคยขาดมาหาถึงที่อีกด้วย
เพลียแทนวิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 12-07-2016 23:22:31
โอย อะไร จะม่าหรอคะ ม่ายน้าาาาาา
พี่โป๊ะ มาเคลียร์เลย ด่วนนนนนนนนนนน 
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 13-07-2016 02:02:25
อะไรยังไงเสือไก่กุ้ง  :katai4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 13-07-2016 07:25:42
คงรอความกระจ่างจาก นายมือโปร
แต่อะไรก็ช่าง หนูวิน ใจร่ม ๆ ก็นะครับ  :mew1:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-07-2016 13:07:24
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-07-2016 10:00:59
 :ling1:  :ling1:  :ling1: ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 18-07-2016 06:44:49
ยัยพี่โจ้นี่ก็นะ อะไรนักหนาหลายทีแล้ว วุ่นวายซะจริง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 19-07-2016 19:00:58
พี่โป๊ะนี่กวนทีนจริงๆ
 :hao7: o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 08-08-2016 17:36:03
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 39(11-07-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 12-08-2016 19:34:13
รอตอนใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 13-08-2016 22:46:27
The Extension Dawn
ตอนพิเศษ
วารินทร์ x วิณณ์
รชต x ธาม


 
เช้านี้ เงียบเป็นพิเศษ แต่ในความเงียบก็ไม่ได้มีความสงบเสมอไป
อาจจะมีแค่ในหัวผมก็ได้ ที่ทั้งความเงียบและความอึกทึกอัดแน่นกันอยู่
“หิวมั้ยวิน” คนที่กำลังขับรถถามขึ้น เสียงของเขาเหมือนแสงขาว ที่เป็นด่างของความมืดในแผงความคิดผม มันค่อยๆ แพร่กระจาย กินพื้นที่มืดดั้งเดิมจนหดตัวเหลือเป็นหย่อมเล็กๆ
“ก็...เวลากินแล้วแหละครับ”
 
“งั้นแวะกินอะไรหน่อยก็แล้วกัน”
 
“ดีเลยโปร เราติดมื้อเช้า” อีกเสียงแทรกขึ้น เจ้าของเสียงนั่งอยู่เบาะหลัง ผมไม่ได้หันมองแต่ก็พอจะนึกใบหน้าเจ้าของเสียงได้ ว่าจะจริงใจขนาดไหน นายมือโปรหันไปยิ้มให้คนข้างหลัง แล้วก็แอบเหล่มองผม สาเหตุที่ผมรู้ก็เพราะเห็นเงาใบหน้าเขาในกระจก และถ้าเขามองเงาสะท้อนหน้าผมในกระจก ก็คงรู้ว่าไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น
เขาถามแล้วถามอีก เรื่องการมาเที่ยวพักผ่อนของเราหลายคน ทริปนี้น่าสนุกตรงที่มีทั้งเพื่อนเขา และเพื่อนผม
พวกเราจะไปเที่ยวพักผ่อนที่บ้านพักริมทะเลของนายมือโปรกันครับ อยู่ที่ปราณบุรี
พวกเราประกอบด้วย นายมือโปร ผม พี่โจ้ พี่หนึ่ง เจม พี่จิว(จะตามมาทีหลัง) พี่นำ น้องธาม พี่พีช พี่บัวและเพื่อนโอมที่แสนจะน่าถีบตัวเดิม เพิ่มเติมคือมันไปเป็นลูกหนี้พี่โป๊ะครับ มันยืมเงินเขาหลายแสนเชียว คนประเสริฐเลอเลิศแถวนี้ก็ให้ครับ ไม่ทำสัญญาเงินกู้กันด้วย ผมไม่ได้ถามว่าเอาอะไรไปไว้ใจมัน เพราะสำหรับผมแล้วไอ้โอมคือเพื่อนที่ไว้ใจได้ แต่มันไม่เคยกล้ายืมเงินผมหรอกนะครับ มันบอกผมมาจากสายเลือดพ่อค้าหน้าเลือด
นับจำนวนคนกับบ้าน 3 หลัง หลังละ 3 ห้องนอน ผมว่ามันเป็นการพักผ่อนที่วังเวงมาก ไม่รู้ว่าถ้าอยากคุยกับเจม จะต้องไลน์หากันรึเปล่า เพราะเดินไกลอาจเหนื่อยตายระหว่างทางได้ อ้อ! ประชดครับ
 
ขับรถมาพักเดียว นายมือโปรก็แวะที่ปั๊มน้ำมันเจ้าใหญ่ของประเทศ ร้านนี้มีร้านอาหารจานด่วนคุ้นชื่ออยู่หลายร้าน พี่โจ๊เป็นคนเลือกว่าเธอจะเติมอาหารใส่ท้องที่ร้านไหน ส่วนผมก็แค่ยืนยืดเส้นยืดตัวบิดขี้เกียจ
 
“จะ 7โมงแล้ว โทรบอกอาสุหน่อยดีกว่า” เขาเสนอ คนพูดเดินจากอีกฝั่งของรถมาอยู่ข้างๆ ผม โน้มตัว ยื่นหน้ามาหาเหมือนกลัวว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นลูกกะตากันอีกแล้ว
 
“วินโทรบอกเอง พี่โป๊ะบอกคุณสาเถอะ สั่งเสียกันไว้ไม่ใช่หรอ”
 
“โอเค แยกกันโทร” ตกลงกันได้ก็ปฏิบัติการรายงานตัวครับ เวลาเช้าๆ แบบนี้ ผมเดาได้ว่าป้าสุกับคุณสาก็อยู่บ้านหลังเดียวกันนั่นแหละ เผลอๆ อาจจะกำลังคุยกันที่โต๊ะอาหารใหญ่ด้วยซ้ำ ระหว่างที่บอกป้าสุ ผมก็พยายามฟังเสียงคนอื่นจากปลายสายไปด้วย และแน่นอนว่าผมเดาถูก คุณสาวิตรีก็กำลังคุยกับนายมือโปรอยู่จริงๆ ได้ยินเสียงคุณตา แล้วก็เสียงแม่บ้านด้วย
 
ผมรายงานตัวเสร็จก็พอดีกับที่พี่โจ้เดินมาชี้เป้าว่าเลือกร้านไหน ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินเคียงเธอไป ปล่อยให้นายมือโปรรายงานตัวแบบละเอียดยิบกับคุณสา ผมไม่สนหรอกว่าเขารับปากอะไรคุณสามาบ้าง มันธุระของเขากับคุณสาวิตรี ผมไม่เกี่ยว

พี่โจ้สั่งเซ็ทอาหารเช้ามาอย่างครบหมวดอาหาร 5 หมู่มากครับ คนที่เธอดูแลเป็นพิเศษไม่ใช่นายมือโปรหรอกครับ เป็นผมต่างหาก แต่การกระทำนี้ไม่ทำให้ผมปลื้มและลืมอาการกระอักกระอวนในเช้าวันก่อนหรอกนะครับ ทั้งคู่บอกผมว่าไม่มีอะไรต่อกัน ก็แค่เพื่อนแวะมาหาเพื่อนเท่านั้น พวกเขากลัวผมเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาผิดเพี้ยนไป ยิ่งพี่โจ้นี่แทบจะเลคเชอร์ความทรงจำของเธอกับนายมือโปรให้ผมฟัง เพื่อให้ผมเชื่อในความหมายของคำว่า ‘ไม่มีอะไร’ ในกรอบเดียวกันกับเธอ

ผมเข้าใจครับ ไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร ไม่มีพฤติกรรมใดที่จะเป็นเหตุผลให้เข้าใจด้วยว่าพวกเขามีอะไรต่อกัน นายมือโปรก็คงจะไม่มีอะไรทั้งการกระทำและความรู้สึก แต่พี่โจ้เนี่ย ผมสัมผัสได้ว่าความรู้สึกเธอมีอะไรซ่อนอยู่ และเธอก็ซ่อนจากผมไม่มิดด้วย
 
“กาแฟมั้ยครับพี่โป๊ะ” ผมถามนายมือโปรที่ยังอิ่มเอมกับโจ๊กใส่ไข่ดาวถ้วยที่ 2 ของเขา รายนี้พยักหน้าหงึกๆ เงยหน้ามองผมระหว่างเคี้ยวหมูก้อนเล็ก
“ไม่น้ำตาลเลยใช่มั้ยครับ”
 
“อื้อ” นี่ก็ไม่รู้จะเข้มอะไรนักหนา หน้าเข้มแล้วจำเป็นต้องดื่มกาแฟเข้มๆ ด้วยหรอ? ผมเบ้หน้าใส่ ส่งสีหน้าไปบอกเขาว่ากินๆ ไปเถอะ แล้วก็เดินไปเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่พี่โจ้กำลังสั่งกาแฟอยู่เหมือนกัน เธอสั่งกาแฟให้นายมือโปรอย่างคล่องปาก ซ้ำยังเผื่อแผ่น้ำใจมาสั่งชาร้อนให้ผมด้วย ผมก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก เลยไม่ได้บอกเธอว่าผมนึกอยากดื่มน้ำส้มขึ้น ประเดี๋ยวเธอจะหาว่าผมอยากเป็นนางเอก
 
“ไม่อิ่มกินต่อบนรถก็ได้ครับ เดี๋ยววินขับให้” นี่ผมไม่ได้ประชดเขานะครับ แต่ดูเขายังกินอย่างมีความสุขอยู่ ผมก็ไม่อยากเร่งรัดอะไร เดี๋ยวคุณเขาจะสำลักโจ๊กตายอยู่ตรงนี้ นายมือโปรดื่มน้ำเปล่าจนหมดขวด คว้ากาแฟจากมือผมแล้วก็เดินนำพวกเราไปที่รถทันที นี่เขาก็คงไม่ได้ประชดเหมือนกันใช่มั้ยครับ
 
พี่โจ้หัวเราะขำใส่นายมือโปรที่เดินเร่งความเร็วไปที่รถ ปล่อยให้ผมเดินรั้งท้าย มองเขาทั้งคู่คุยกันที่รถ ระหว่างที่รอให้ผมเดินตามไปทัน

พวกเขาดูเหมาะกันดี...จริงๆ นะครับ
แต่ผมเองก็ไม่ได้เดินร้อนอะไรนัก กับการที่พวกเขาดูเหมาะกัน
ตราบใดที่พี่โป๊ะพูดเต็มปากว่ารักผม ไม่ได้คิดอะไรกับพี่โจ้ ผมก็ไม่มีเรื่องต้องเดือดร้อน


นั่งฟังเพลงเพลินอยู่นานกว่าเขาจะขอให้ผมมาช่วยขับรถ ข้อเข่าเขาไม่ได้เสื่อมกะทันหันหรอกครับ เขาจำทางไม่ได้ก็เลยต้องพึ่งกูเกิลแมพ ก็เลยจะเป็นบอกทางเอง ให้ผมขับตามคำสั่งเขาไปอย่างช้าๆ ต้องเน้นว่าช้าๆ ครับ อัตราความเร็วที่เขาแนะนำแกมบังคับให้ผมใช้คือ 60 กม./ชม. ครับ อืดกว่านี้ก็มาม่าแช่น้ำร้อนปิดฝาทิ้งไว้ 3 เดือนแล้วแหละครับ
 

“ซ้ายข้างหน้าแล้วตรงไปเรื่อยๆ เลยวิน”

“ครับ”
“ไม่เลี้ยวไหนให้สับสนแล้วใช่มั้ย วินขับเร็วกว่านี้ได้รึยัง”

“โอเค ตามสบาย”
“เห้ยๆๆ แต่ไม่ใช่ตีนผีแบบนี้ไง”
“ใจเย็นสิครับวัยรุ่น” มีแซวครับ เพราะผมเหยียบทีรถพุ่งเหมือนรถไฟหัวจรวด ผมหัวเราะหึๆ ในลำคอ เสียงที่คลอเข้าหูมาก็คือเสียงหัวเราะของพี่โจ้ ส่วนนายมือโปรเอามือหนึ่งทาบอก อีกมือหนึ่งยกกาแฟขึ้นจิบ...สงสัยจะยังไม่เรียนรู้ว่าไม่ต้องกินตาแฟก็ตาตั้งได้

ขับเอื่อยๆ มาอีกไม่นานก็ถึงครับ บ้านพักที่เขาบอกไว้ มันคือส่วนหนึ่งของรีสอร์ทริมทะเลครับ โซนบ้านส่วนตัวของเขาแยกออกไปทางปีกซ้าย 3 หลังที่เรียงกันดูเป็นสไตล์เดียวกับรีสอร์ทใหญ่ริมทะเล

“สวยอ่ะดิ พี่ออกแบบเองเลยนะ”

“ก็....ดี”

“เอ้ย ชมกันดีๆ หน่อยสิ นี่เป็นหนึ่งในความภูมิใจเลยนะ”

“ทุเรียนทอด ขนมหม้อแกงก็ความภูมิใจของตำบลกันทั้งนั้น พี่โป๊ะอย่าโอเวอร์”
“อีกอย่าง วินว่า..มันดูคุ้นๆ นะ เหมือนเห็นได้แถวววว....”

“โอเค แรงบันดาลใจมาจากโมร็อคโค”

“โป๊ะเลย”
“ฮ่าๆๆๆ วินว่าวินเพิ่งเข้าใจเพื่อนพี่โป๊ะนะ ว่าทำไมไม่เรียกชื่อกันว่าโปร แต่เรียกโป๊ะ”
“เพราะพร้อมหน้าแหก อารมณ์แตกนี่เอง” ผมแซวชื่อเขาแล้วก็หัวเราะเย้ยเบาๆ นายมือโปรไม่โกรธ กลับส่งสายตาหวานๆ มาให้แทนเสียอีก แต่ผมไม่รับสายตานั้นไว้ เพราะรู้สึกได้ว่าเราไม่ได้อยู่กัน 2 คน
 
 
“ไม่มีแขกเลยหรอครับ ดูเงียบๆ” ผมถามขึ้นเมื่อเข้ามาที่ล็อบบี้ พนักงานที่เงยหน้ามาเห็นรีบวิ่งมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม พอได้ยินคำทักทายปนคำถาม ผมก็พอจะเดาๆ ได้ว่าอะไรเป็นไร

“คุณโปร มาเร็วจังค่ะ เพื่อนคุณโปรยังไม่มีใครมาถึงกันเลย”
“สุนีย์เปิดบ้านไว้ให้ 3 หลังแล้วนะคะ จะให้เปิดแอร์รอเลยมั้ยคะ?”

“อีกเดี๋ยวก็คงมาถึงครับ”
“แต่ยังไม่ต้องไปเปิดแอร์อีก 2 หลังหรอกครับ เดี๋ยวพวกผมคุยกันอีกทีว่าจะยังไง”
“นะครับ”

“อ๋อ โอเคค่ะ”
“งั้น คุณโปรไปพักเลยมั้ยคะ?”

“ครับ ขอบคุณ” เขาพูดด้วยเสียงสุภาพ ต่างจากตอนที่นั่งหาเรื่องแซวผมบนรถลิบลับ ราวกับว่าเขาเป็นมือโปรสำหรับทุกคน แต่เป็นคนโป๊ะสำหรับผมเท่านั้น

แม้ในความเป็นจริงจะต่างออกไปจากที่ผมคิด แต่ถ้าผมคิดแบบนี้แล้วสบายใจ มันก็เรื่องของผมที่จะอมยิ้มความคิดแสนตื้นเขินและเข้าข้างตัวเองแบบนี้

บ้านพักส่วนตัวของนายมือโปรพร้อมสรรพมากครับ ผมสงสัยมกว่าสวยขนาดนี้ทำไมเก็บไว้อยู่คนเดียว และก็มาแบบนานๆ มาที บ้านที่ไม่มีคนอยู่มันไม่ดีกับตัวบ้านเอง อย่างน้อยๆ อะไรรั่วโหว่ก็ไม่มีทางรู้ได้เพราะไม่เคยมีใครมาทดลองใช้งาน

บ้านนี้เป็นสไตล์วิลล่า มี 2 ห้องนอน ซึ่งนายมือโปรก็พาพี่โจ้ไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง ส่วนอีกห้องหนึ่งผมกำลังจะเดินเข้าไปแช่ตัวบนเตียง แต่กลับมีเสียงเจ้าของบ้านเอ่ยมาสกัดไว้

“วินมานี่สิ” เรียกไปทำไมวะ? ต้องทุ่มเทเทคแคร์พี่โจ้กัน2 คนเลยหรอ? ดูแลคนเดียวไม่ไหวรึไง ผู้หญิงตัวบางแบบนั้น
“วินมาเร็ว”

“อื้อๆ” ผมรับคำอย่างไม่พอใจและไม่เข้าใจอะไรนัก พอเดินไปใกล้ๆ ถึงได้รู้เจตนา นายมือโปรยืนอยู่แค่ขอบประตู เขาเปิดบานประตูและส่งตัวพี่โจ้เข้าไป ผู้หญิงน่าถนอมสำรวจห้อง และวางของ รื้อของไปพลางๆ พอสมควรแก่เวลาแล้ว นายมือโปรก๊แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ

“โอเคนะโจ้?”

“หื้ม? อื้อ สวยดี วิวดีด้วย”
“ขอบคุณนะ”

“ก็ดูแลตัวเองไปพลาง มานั่งเล่นที่โถงก็ได้ กลางวันแบบนี้ลมดี แต่แดดยิ่งโคตรดี เอาที่ชอบเลยนะ”

“อื้อ” พี่โจ้รับคำ ส่งสายตายิ้มมาทางผม ทำให้มุมปากผมยกตัวขึ้นกะทันหัน แม้แต่ความคิดผมยังไม่เท่าทันมุมปากเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยิ้มให้เขาทำไม

“น้องวินหิวมั้ย เดี๋ยวพี่โจ้ทำของว่างให้ทาน เอามั้ยคะ”

“ครัวมีน่าโจ้”
“โจ้เองก็เถอะ ไม่ต้องทำเองทุกอย่างหรอก ไหว้วานคนอื่นเขาบ้างก็ได้”

“ก็เราทำได้ แล้วเราก็ทำได้ถูกใจตัวเองที่สุด เลยไม่อยากขอร้องใครหรือให้ใครช่วยไง”

“เรื่องแบบนี้ล่ะเก่ง อีกมุมไม่เห็นดื้อจะทำตามที่ตัวเองพอใจบ้าง”

“..........” เงียบครับ พวกเขาเงียบใส่กัน ผมก็ไม่มีคำไหนควรพูด ทำได้แค่มองเลยพี่โจ้ออกไป มองแผ่นน้ำทะเลที่ดูอ่อนไหวแต่มั่นคงเป็นที่สุด

“เรารู้นะว่าโปรหมายถึงเรื่องอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่าคิดดีแล้วถึงได้ทำ”

“โอเค”
“ไปวิน ไปห้องเรากัน”

“อ้าว วินไม่มีห้องส่วนตัวแบบพี่โจ้หรอ” ผมก็แค่แหย่เล่นเท่านั้นแหละครับ นายมือโปรถลึงตาใส่กันอย่างจริงจัง ราวกับกำลังถามว่า แล้วจะให้พี่ไปอยู่ห้องไหน?




#### @ D A W N  #####



ความคึกคักมาเยือนผมในตอนสายของวันครับ พี่หนึ่งกับเจมมาถึงแล้ว ไม่ได้มากันลำพังด้วย มีต้อมกับพี่จิวมาด้วย แต่ขับรถอีกคันมา ทั้งที่รถพี่หนึ่งก็ใหญ่โตราวกับรถขนหมูขนเป็ด แต่ทำไมไม่แบ่งพื้นที่ให้กับพี่จิวและต้อมบ้างก็ไม่รู้

เจมเดินสำรวจโซนวิลล่าอย่างกล้าหาญ สิ่งที่เจมสนใจ คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ เพราะว่า...

“ห้องน้ำกลางแจ้งทุกหลังเลยหรอพี่โป๊ะ”
“ทำไมหรอครับ? ใครดีไซน์เนี่ย มันไม่มีอะไรดีกว่าการให้ลมเป่าตูดแล้วหรอ?”

“มันเป็นสไตล์”
“เออน่า ใครมาก็ชอบกันทั้งนั้น อย่านอกคอก”

“นั่นดิ พี่ว่าดีออก โล่งดี ไม่อึดอัด”

“ก็พวกพี่ชอบโชว์ของกันนี่นา” ถึงแม้พี่หนึ่งจะช่วยแก้ต่างให้พี่โป๊ะ แต่เจมก็แขวะพี่โป๊ะอยู่ดี ซึ่งผมเห็นด้วยกับเจมนะครับ ทำไมต้องห้องน้ำกลางแจ้ง มันเย็นวาบไงไม่รู้ ผมเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน

“ผู้หญิงก็กลางแจ้งหรอ?”
“งี้พี่บัวอาบน้ำอยู่อีกบ้าน เจมจะปีนกำแพงอีกบ้านดูได้มั้ย? พี่โป๊ะเช็ครึยีง? ไม่ปลอดภัยสำหรับแขกเลย” รอบนี้ดูก็รู้ครับว่าจงใจหาเรื่องมตำหนิ พี่หนึ่งหัวเราะตอบแทนความช่างจินตนาการของแฟนตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่จินตนาการไปว่าตัวเองกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่าง พอหันไปมองก็เจอะกับลูกกะตาของสิ่งที่ไม่สามารถรถระบุสปีชี่ได้ ไอ้เหี้ยยยยย!! ผมกลัวอ่ะ!

“พี่โป๊ะ ไม่มีห้องน้ำข้างในหรอครับ”

“โธ่วิน” นายมือโปรหันมาทำหน้าเอือมใส่ผม คงไม่คิดมาก่อนว่าผมจะไม่เข้าใจ’สไตล์’ ของเขาด้วยเหมือนกัน

“วินก็ไม่ชอบอาบน้ำโล่งๆ”

“ฮื้มมมมมม แต่ละคน”
“มีสิครับคุณชายทั้งหลาย แต่ต่อให้ไปอาบกลางแจ้งก็ไม่มีใครแอบดูได้ โดยเฉพาะจากบ้านอื่น”
“เว้นแต่จะเช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์แล้วส่องกล้องมองลงมานั่นแหละ”
“ระแวงกันไปได้”
“ห้องน้ำในวิลล่าก็ต้องมีอยู่แล้ว”
“แต่มันริมทะเลไง คนมาทะเลใครเขาอยู่กันมิดชิด ไม่มี๊!!” เสียงสูงทำไม?

“มี!!!” นี่ก็เถียงจจิงจังไปมั้ย? ผมมองหน้าพี่หนึ่งที่แอบหัวเราะขำแฟนตัวเอง เถียงกับพี่โป๊ะเรื่องสไตล์รีสอร์ทริมทะเลอย่างเอาเป็นเอาตาย เจมเป็นคนที่ความรู้รอบตัวเยอะ คงเพราะเป็นนักข่าว ได้คุยกับใครตั้งมาก ก็เลยเอาสาระเรื่องนั้นมาประกบกับเรื่องนี้ได้อย่างคล่องสมอง ผมก็เรียนด้านสื่อมาเหมือนกัน การประกอบสร้างผมก็คิดเป็น แต่คงคิดได้ไม่คล่องเท่าเจมหรอก

“เอ้อโป๊ะ”
“พอเถอะ ถามไอ้หมอสิว่าถึงไหนแล้ว” พี่หนึ่งขัดจังหวะการเถียงกันแบบไร้แก่นเหตุผล วาทกรรรมประหลาดของเจมจึงหยุดลงได้ พี่โป๊ะหยิบโทรศัพท์มาจิ้มจึ๊กๆ แล้วยกขึ้นจ่อใกล้หน้าตัวเอง

“เออ ไหนแล้ว”
“หลงป่าว” ทันทีที่เพื่อนเขารับสาย นายมือโปรก็ถามกันแบบมะนาวฝ่อ

“ไม่หลงหรอก ถ้ามาคนเดียวน่ะ”

“เอ้า ตกลงยังไงวะไอ้หมอ”

“ผมไม่หลง แต่ธามพาหลง”
“เอาเถอะ เดี๋ยวก็ถึงเอง”

“โป๊ะ! ทำไมลึกลับ”
“นี่เราหลุดจากแผนที่เลยเพราะนำไม่เชื่อธามนั่นแหละ”
“ธามบอกนำแล้วว่าซ้าย”

“ธามแยกซ้ายขวาภาษาไทยยังไม่ออกเลย”
“คุณ อีกสักชั่วโมงก็ถึง เท่านี้ก่อนนะ”
“เตรียมอะไรเย็นๆ ให้ด้วย”

“ธามเอาหานเล่”

ปึ่บ! แล้วบทสนทนาก็ยุติลง โดยที่ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าหานเล่ คืออะไร?




ต้องขอบคุณ ‘หานเล่’ ของน้องธาม ทีทำให้ทุกคนจมไปกับความคิดของตัวเอง ไม่เว้นกระทั่งพี่โจ้ ที่เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าน้องธามต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่ เธอนั่งกอดอกครุ่นคิดอยู่ที่โซฟาเวิ้งกว้างกลางห้องรับแขก ห้องส่วนตัวเธอของเธออยู่มุมซ้ายครับ สรุปแล้ว วิลล่านี้เธออยู่กับพี่พีช พี่บัว ซึ่งมีเตียงส่วนตัวอยู่ชั้น 2 ของวิลล่า แต่ไม่ได้มีประตูมิดชิดหรอกครับ เดินขึ้นบันไดที่ตรึงติดกับผนังก็ถึงเตียงเลย รอบเตียงเป็นเบาะรองนั่งนุ่ม เรียกได้ว่าขึ้นสู่ชั้น2 ของวิลล่านี้ก็คือนอนกันเท่านั้น กระจกบานใหญ่ยาวเสมือนผนังของชั้น 2 มีม่านช่วยลดทอนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ช่างเป็นเตียงที่เหมาะกับการนอนตื่นเช้ามาทักทายพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนทะเลเสียจริง ผมชอบวิวนี้จัง

ส่วนผมน่ะหรอครับ ถูกกระเตงกึ่งลากไปอยู่วิลล่าถัดมา ใหญ่กว่าหลังที่ผมชอบประมาณ 50% เห็นจะได้ สไตล์ไม่ต่างกันนัก แต่ว่าชั้น 2 ของหลังนี้ เป็นที่นั่งเล่นครับ ส่วนห้องนอน 3 ห้อง รายล้อมกันแต่ละทิศ แน่นอนว่าผมต้องจองห้องที่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนเจมรีบจองทิศที่ตรงกันข้าม ด้วยเหตุผลว่าเจมไม่ชอบให้พระอาทิตย์แยงตูด และก็ถูกพี่โป๊ะ เหน็บกลับไปว่าไม่เห็นต้องกลัวเลย เพราะพระอาทิตย์น่าจะเลือก พีหนึ่งขำ ผมก็ขำ แต่หมาเจมของใครต่อใครไม่ขำด้วยหรอกครับ ผมเห็นหน้าตูมเลย แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“ไปวิน เจม ไปพักที่ห้องกัน พวกพี่ไปเตรียมมื้อกลางวัน เดี๋ยวไอ้หมอหลงทางมาแล้วจะอารมณ์เสีย”  นางมือโปรบอกแผนการฆ่าเวลาคร่าวให้กับผม ผมก็เลยมุมเข้าห้องไป วางของ เหวี่ยงกระเป๋า ทิ้งตัวลงเตียงไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูแล้วเปิดพรวดเข้ามา

“วิน!”

“อะ...อะไรหรอ? มีอะไรรึเปล่า? หรือว่าเจอ.....” ผมตาพองถาม ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมามองหน้าเจมที่หย่อนตัวนั่งลงบนเตียง

“เจอจะไม่วิ่งมาแบบนี้เลย”

“แล้ววิ่งมาแบบนี้คือไม่เจออะไรหรอ?”​ ผมถามให้งงกว่าเดิมเกินไปมั้ย? ผู้ชายหน้าเอนไปทางญี่ปุ่นไทยจีนจ้องหน้าผมอย่างลำบากใจ

“คือ...”
“แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจมให้จิวหิ้วมา ไม่รู้มันออกมารึยัง?”
“แม่งเอ้ย ลืมได้ไงวะ หรือพี่หนึ่งหยิบออก” เขาบ่นคนเดียวครับ แต่ผมก็ควรเสือกใช่มั้ย

“อะไรล่ะ?”

“ลืมโน๊ตบุ้ค จะทำงาน”

“อ้ออออ”

“หากางเกงในไม่เจอด้วย”

“เอ้า”

“อืม คนเรามันไม่ควรลืมกางเกงในใช่มั้ยล่ะ เจมไม่ได้ลืมหรอก พี่หนี่งแม่งหยิบออกแน่ๆ”
“แล้วอีกางเกงว่ายน้ำ เจมก็ไม่ได้หยิบ มันมาได้ไง พี่หนึ่งนั่นแหละ”
“วิน ถ้าพวกบ้าอำนาจนี่ชวนว่ายน้ำในสระ ใส่บ๊อกเซอร์เป็นเพื่อนเจมนะ”

“หือ? อื้อ ได้ วินก็ไม่ชอบใส่กางเกงว่ายน้ำเหมือนกัน”
“ไหนจะห้องอาบน้ำกลางแจ้งอีก”
“พี่โป๊ะแม่งออกแบบที่นี่เองเลยแน่ๆ พวกชอบอวด เจมว่าไง”

“ไม่ๆๆ จ้างฝรั่ง ส่วนโรงแรมก็จ้างฝรั่งบริหาร”
“คุณลุงตะวันคุมอีกที ส่วนที่เป็นธุรกิจโรงแรมอ่ะนะ” รู้ดีกว่าผมอีกแฮะ อ๋อ ... เพราะเป็นนักข่าว

ผมพยักหน้ารับรู้ พอเห็นหน้ามุ่ยๆ อีกที ก็เลยช่วยให้คลายเรื่องทุกข์ใจไปบ้าง

“ใช้โน้ตบุ้ควินก็ได้”
“เอามั้ย?”

“จะดีนะ ไม่ปฏิเสธนะ”
“แฮ่ จริงๆ ก็จะมาถามนี่แหละว่าติดมามั้ย ดีเลย กะแล้วว่าวินต้องเอามาด้วยแน่ๆ”
“ก็วินเป็นผู้บริหารนี่”
“อยู่ไหนก็ต้องทำงาน เนอะ”

“ไม่หรอก วินติดมาเฉยๆ ถ้ามีงานอะไรเร่ง คนที่ต้องยุ่งวุ่นวายก่อนต้องเป็นพี่โป๊ะดิ เงินเดือนเยอะกว่าวินนะ”

“จริงดิ?”
“แล้วตอนนี้วินดูส่วนไหนบ้าง”

“ในบริษัทร่วมทุนก็ดู......” ผมอธิบายงานที่ผมรับผิดชอบให้เจมฟัง รายนี่ก็ถามซ่อกแซ่กสมกับเป็นนักข่าว และมันก็เกิดคำถามที่สั่นคลอนความสัมพันธ์แสนสั้นของผมกับเจมจนได้

“อื้ม วินก็ตระกูลวัฒนนุกูลนี่”

“อือ” ทำไมหรอ นามสกุลผมมันทำไมอีกล่ะ? ทำไมทุกคนถึงต้องมีปฏิกิริยากับกำพืดของผมด้วย

“แล้วไม่รับไม้ต่อจากที่บ้านหรอ”

“วินไม่ชอบทางนั้น อีกอย่าง พวกเขาก็บริหารกันมาใหญ่โต คงไม่อยากให้แหลกคามือวินหรอก”

“แล้วมีคนรับไม้ต่อมั้ย?”

“เจมถามทำไม?”
“เอาไปเขียนข่าวหรอ? อยากเขียนเรื่องของใครก็คุยกับเจ้าตัวเองดีกว่า อย่าจับแพะชนแกะเลย ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ นะ วินไม่อยากพูดเรื่องนี้ซ้ำสอง”

“เฮ้ยๆ ใจเย็นสิ”
“ไม่ได้จะเอาไปเขียนข่าว”
“ก็แค่สงสัยไง”
“คือตระกูลใหญ่ไง แล้วก็แบบสายแบงก์การเงินอะไรทำนองนี้”
“พอฟังงานที่วินทำ ก็เลยแบบ...สงสัย”

“นอกคอกมากหรอ”

“เฮ้ย บอกว่าใจเย็นไง”

“ก็ไม่ได้ใจร้อนอะไร วินแค่ถามว่าเจมมมองว่านอกคอกหรอ”

“ก็นอกคอก แต่นอกคอกไม่ได้แปลว่าเลว ไม่ดี ไม่น่าคบหา ไม่น่ารัก ไม่ใช่เลย”
“นอกคอกก็แค่ไม่เหมือนใคร ผ่าเหล่าผ่ากอแค่นั้น”

“เกือบดีแล้ว” ผมค่อนนิดหน่อย

“เออ พอดีปากมันรั่วๆ” เจมก็เลยแคะกลับมา เจมเงียบไปสักพัก ดูเหมือนจะนั่งทำงานตามที่บอกไว้ ผมก็เลยเอนตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์มือถือ จึงได้เห็นไลน์ไอ้โอมที่ส่งมาบอกว่า อีกเดี๋ยวก็ถึง จะเอาอะไรมั้ย

“อืมเจม”

“อืมวิน”

“เดี๋ยวเพื่อนวิน ไอ้โอมน่ะ มันจะมาถึง น่าจะผ่านอะไรที่พอจะแวะซื้อของได้”
“เอากางเกงในมั้ย”

“เอ้ย!! โหลนึงเลย ผ้าดีหน่อยนะ ไซส์เอ็ม”
“บ๊อกเซอร์ด้วยนะ”
“เอ่อ ผ้าดีหน่อยนะ ขี้เกียจผื่นขึ้น”

“โอเค” ผมรับคำแล้วส่งข้อความฝากซื้อของให้ไอ้หมาโอม มันส่งสติ๊กเกอร์กวนตีนกลับมา แต่ก็รับคำว่าจะซื้อให้
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 13-08-2016 22:48:52
ฟังเสียงเจมพิมพ์อะไรป๊อกแป๊กไม่นานผมก็หลับ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มีอีก 2  คนเข้ามาในห้อง ตอนแรกก็งงนิดหน่อยเพราะคนพวกนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว นี่เขาเตรียมเสื้อผ้ากันมากี่ชุดวะเนี่ย

“จนได้นะเจม พี่ให้มาพักไง”

“ก็พี่หนึ่งให้เจมพักตอนที่งานเร่งนี่ ใครจะพักได้ ถามตารางเจมบ้างดิ”

“รอบนี้เจมรับปากธามเองไม่ใช่หรอ? อย่าโยน”

“เออๆๆ พอ”
“ขอแฟนผมพูดบ้าง นอนบูดไปแล้วนั่นน่ะ” นายมือโปรขัดการโต้เถียงคำเล็กคำน้อยของเพื่อนเขาและแฟนของเพื่อน ตัวหนาๆ แหวกเจมมาหาผม ดันเจมจนแทบตกเตียงแล้วก็มานอนคว่ำหน้า ตีขาไปมาอยู่ใกล้ๆ ผม

“ไม่เข้ากับคุณเลยโป๊ะ”
“เจมไปห้องกัน”

“ทำงานอ่า”

“เอาไปทำที่ห้อง เร็วครับ”
“สิ”

ลุกเลยแฮะ คนโดนเรียกหน้างุ้มปากงอหันมองผมเหมือนฟ้อง ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เบลอๆ เพราะผมเพิ่งตื่น พอเจมโดนจูงจนเกือบอุ้มออกไปแล้ว นายมือโปรก็รี่ไปล็อกห้อง แล้วกระโดดมาจับกบบนเตียงใหม่ อ้อ!ไม่ต้องส่องหากบหรอกครับ ผมเอง โดนตระครุบอยู่นี่แหละ

“อะไรครับ”

“ไม่นอนสิ มาทะเลทั้งทีต้องรื่นเริง สดชื่น”

“ก็ไม่มีอะไรให้ทำ ออกไปเล่นน้ำตอนนี้ก็แดดร้อน”
“พี่โจ้เขาเหงาเหรอ ถึงได้อยากให้วินพาเขาเล่น”

“เอ้ย คิดไรเนี่ย”
“โจ้เหงาก็เรื่องของโจ้สิ อีกอย่าง พีชกับบัวก็มาแล้ว ผู้หญิงคุยกันรู้เรื่องกว่า”

“หรอ”

“จริง”

“ก็ไม่ได้ว่าไม่จริง แค่ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะคิดจะทำอะไรกันแน่”

“ไม่ได้คิดเลย พี่ปล่อยตามสัญชาตญาณ รอวินเข้าใจได้ด้วยสัญชาตญาณอยู่เนี่ย”

“เข้าใจว่า?”

“ว่าอยากกอด อยากฟัด”
“ทีนะ” ทีนะแปลว่าห่าอะไรไม่รู้หรอกครับ แต่โดนไปแล้ว สิ้นไอ้ทีนะ ผมก็โดนกดกอด อุ่นไม่อุ่นไม่ได้สนใจครับ คนเพิ่งตื่น มาทับแบบนี้หายใจไม่ออกเว้ย!!

“อื้อออ ปล่อย วินหายใจไม่ออก”

“งี้ต้องผายปอด”

พ่องงงงงงงงเถอะ ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ หยุดจูบกูเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!!!

ไม่ได้ผลหรอกครับ คนห่ามเบอร์นี้ ห้ามกระบวนท่าไหนเขาก็ไม่หยุด ผมหยุดดิ้นแล้วโอนอ่อนไปตามจูบเขาแทน ครู่หนึ่งก็พักรบแล้วยกตัวขึ้น แต่ก็ยังคร่อมตัวผมไว้อยู่ดี

“ชอบป่ะ”

“ไม่”

“เอ้ย! คิดนิดนึงนะ”

“อืมมมมม” ผมคิดนิดนึง
“ไม่”

“วินนี่น้า”

“ก็วินไม่ชอบจริงๆ นี่”

“ไม่ชอบจูบพี่หรอ? แย่ดิงั้น”

“ไม่ใช่ไม่ชอบจูบพี่โป๊ะ วินไม่ชอบให้มาขัดใจ วินบอกว่าไม่อยากกอดก็คือไม่ไง”
“ฟังมั่งดิ”

“ก็อยากก็ต้องทำเลย”

“หน้าด้านนะแบบนี้” ผมลอยหน้าลอยตาด่า นายมือโปรกระตุกยิ้มแล้วก็นอนทับผมอีกรอบ หอมแก้มฟอดใหญ่ หนำใจแล้วก็ฉุดให้ผมลุกขึ้นนั่ง เพื่อมาตื่นตะลึงกับการมาทะเลครั้งนี้เสียที

“ไอ้โอมมาแล้ว เครื่องครบ”

“เครื่องครบ? เครื่องอะไรหรอพี่โป๊ะ”

“เดี๋ยวเซ็ทเสร็จก็รู้”



#### @ D A W N  #####



เซทเสร็จแล้วครับ รู้แล้วด้วยครับ
คนที่มาพร้อมกับไอ้โอม คือพิ่จิวและต้อม ผมไม่รู้ว่ามันไปสนิทกับพวกเขาเร็วขนาดนี้ได้ไง แต่เหตุผลเรื่องรุ่นๆ เดียวกันทำให้ผมยอมรับในความช่างตีสนิทของไอ้โอมได้

ส่วนที่ว่าเซทเสร็จแล้วเนี่ย ก็คือเครื่องดนตรีวงเล็ก และวงเหล้าใหญ่มากครับ
สารพัดประเภทเครื่องดื่มมึนเมา สารพัดยี่ห้อมารวมตัวกันแบบต้องมีคนนัดหมาย นี่ถ้านับได้ครบ 1,250 ขวดขึ้นมา มันจะต้องเป็นการพบปะกันที่สะเทือนปัจเจกวันมาฆะบูชาแน่ๆ

“เฮ้ย โอม” ผมทักเพื่อน ยิ้มให้ด้วย มันหันมาเห็นผมก็ยิ้มแฉ่งอวดผลงาน พักหลังเราเจอกันบ่อยทางโทรศัพท์ครับ แผนชีวิตมันยังไม่เปลี่ยน มันยังคงยืนยันว่าจะไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะอยากดูแลป้า อยากมีน้ำหน้ากตัญญูนั่นแหละครับ แต่ที่ยังไปมาหาสู่กับผมได้บ้าง ก็เพราะว่ามันกำลังหาเงินไปตั้งตัวที่นู่น มันบอกจะเก็บเงินจากที่ไทยให้ได้ห้าแสน ยืมพี่โป๊ะไปแล้วสี่แสนห้า เหลืออีก 5 หมื่น มันบอกว่าน่าจะหาได้ภายใน 2 ปี   

“ไงครับ คุณชาย”
“เอ้ยๆ ไม่ดิ รองเอ็มดี”
“เอ้ยๆ ไม่ดี ทายาทเจ้าสัว”
“เอ้ยๆ ไม่ดิ”

“เหี้ยโอม”
“หิวจนต้องหาตีนแดกเลยหรอ”
“มาเลียตีนกูแก้ปากดีมั้ย”

“โหดกับกูได้ไง”
“กูเลี้ยงของกูมากับมือ ขอกูปู้ยี้ปู้ยำทางฝีปากหน่อยไม่ได้หรอครับ คุณชาย”

“เหี้ยโอม”
“เลวนะมึง”

“โอ่ๆๆ ก็ย้อเย่น”

“เย่นพ่อเย่นแม่มึง”
“แล้วนี่อะไรนักวะ แค่มาพักผ่อนกันมันต้องจัดเต็มขนาดนี้เลยหรอ”

“เอ้า!”
“ไม่เวอร์ก็ไม่ใช่ยี่ห้อเฮียกูหรอก”
“แล้วนี่อยู่ไหนวะ? หรือมึงแดกไปแล้ว คายเฮียโป๊ะของกูออกมาเดียวนี้นะ!”

บางที ของที่มันเอามามัดจำกับพี่โป๊ะเป็นหลักประกันเงินกู้หกหลัก อาจจะเป็นก้อนสมองเน่าๆ ของมันก็ได้ ผมถอนหายใจใส่แล้วก็เดินหนีไปอีกทาง นี่ก็บ่ายหนักแล้ว ท้องหิวมากแล้วครับ อยากรู้ว่านอกจากลังเหล้าทั้งหลายแล้วนี่มีอะไรให้กินบ้างมั้ย

“พี่โป๊ะไปไหนวะ?”

“กูก็ไม่รู้ ผลักกูออกจากห้องให้มาหามึงแล้วก็หายไปไหนไม่รู้”
“อาจไปทำมื้อกลางวัน”

“เอ้า มึงไม่ทำให้เขากินล่ะ?”
“นี่เฮียกูเป็นลิ่วล้อมึงหรอ ทำไมเฮียกูต้องตรากตรำทำงานผู้หญิงวะ? หรือเขาเป็นเมีย”

“อือออออออ เขาเป็นเมียกูเอง”

เพี๊ยะ!!! เสียงดังไปคุ้มทางเหนือเชียวครับ แฮะๆ ผมล้อเล่น
ผมถูกตบหัวครับ ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าฝ่ามือใคร ฝ่ามือที่ตบหัวผมได้ ก็คือฝ่ามือที่กรอมแก้มล้อมหน้าผมไปหอมเช้าจูบเย็นนั่นแหละ

“พี่โป๊ะ วินเจ็บนะ”

“เอาให้พอเจ็บนิดๆ จะได้ไม่เอ่ยอ้างกับใครว่าได้เป็นผัวพี่อีก”
“พี่รักวินนะครับ แต่เรื่องนี้พี่โคตรถือ”

“รักห่าอะไร ตบเมื่อกี้อย่างเจ็บ”

“รักเด็กห่ามันก็ต้องทำตัวเหี้ยๆ แบบนี้แหละ”
“พวกเฮียเหมาะสมกับมากมั้ยโอม”

“มากกกกกกกกกก” ไอ้เหี้ยโอม ไอ้ห้าแสนก็ซื้อได้ เห็นมันลอยหน้าลอยตายิ้มประจบเฮียมันแล้วผมของขึ้น

ผมขมวดคิ้วกลั้นน้ำตา ก็มันเจ็บจริงๆ นี่ครับ แม่งเล่นทีเผลอด้วย รักของเหี้ยมันแสบสันต์แบบนี้นี่เอง ผมล่ะซึ้ง

“เจ็บจริงหรอ”

“จริงดิวะ”

“โอเค ขึ้นวะด้วย”
“พี่ขอโทษ”
“ตบคืนดีมั้ย”

“ดี! ไปเรียกไอ้โอมมายืนฟังเสียงด้วย จะต้องให้เดซิเบลเท่ากัน” ที่ต้องเรียกร้องแบบนี้เพราะไอ้ตัวดีวิ่งรี่ไปแล้วครับ ได้ยินแว่วๆ เข้าหูมาว่าทะเลลลลลลลลลล

“ฮ่าๆๆๆ วินนนนนน”
“วินเอ้ยยยยยยย”
“พี่ขอโทษนะ อยู่กับพวกห่าโอมเหี้ยจิวแล้วมันฟีลมา”
“เลยลืม”

“ลืมอะไร? ลืมว่าเพิ่งบอกรักวิน อยากกอดอยากฟัดอะไรนั่นป่ะ?”
“แม่ง คนเรา ซึ้งเลย”

“มิน่า น้ำตาเอ่อ”

“กูเจ็บหรอก” ขอใช้ภาษาพ่อขุนหน่อยเถอะ
“ตบต่อหน้าไอ้โอมด้วย เดี๋ยวมันได้หาว่าวินแหย วินไม่ได้แหย วินไม่เคยกลัวพี่โป๊ะด้วย วินถือไพ่เหนือกว่า ถ้าวินเอาจริงขึ้นมาพี่โป๊ะนั่นแหละจะน้ำตาท่วมเข่า”

“เช็ดหัวเข่าก็พอป่ะ?”

“มันต้องท่วมหัวเข่าเลยแหละ เพราะพี่จะต้องเสียใจหนักมาก” ผมเถียงอย่างอารมณ์เสีย แม่งเสือกตบต่อหน้าไอ้เหี้ยโอม

“พี่โป๊ะขอโทษน้า”
“นะครับน้า”
“นะ”

แม่งงงงงงงง ทำไมผมต้องแพ้ทางไอ้เหี้ยนี่ด้วยวะ

“เออออออออ" ผมลากเสียงส่งๆ แล้วก็จะเดินหนี แต่เอวนี่ก็ถูกรั้งไปจนติดหน้าท้องเขาอีกนั่นแหละ

“หายโกรธรึยัง”

“แล้ว”

“ไม่จริงหรอก วินโกรธง่ายหายยาก”
“ต้องง้ออีกเนอะ”
“ง้อไงดี จูบทีดีมั้ย?”
“กอดทีดีรึเปล่า?”
“หอมทีคงดีขึ้นเนอะ”

“เยอะแล้วพี่โป๊ะ”

“ทำไงถึงหายโกรธ บอกพี่สิ”

“คิดเอง”

“คิดไม่ได้หรอก ไม่มีปัญญาเอาใจเจ้าสัวน้อย”

“สัวพ่ออองงงงงง”

“ฮ่าๆๆๆๆ  เออว่ะ กวนตีนวินนี่มันสนุกดีจริงๆ ต้องตบรางวัลไอ้โอม”

“ทำไมมันต้องได้รางวัลด้วย” ผมหมุนตัวไปถาม เขายังไม่เลิกยึดเอวผมไว้ ซ้ำยังรั้งเข้าหาตัวจนผมตัวแอ่นชนะนกนางแอ่นแล้ว

“ก็พี่เห็นวินเครียด ไม่ค่อยยิ้ม แหย่ก็ไม่เล่นด้วย กินก็น้อย เหม่อบ่อย เลยลากมันมานี่ด้วย เผื่อวินอารมณ์ดีขึ้นตอนมีเพื่อนเล่น”

“วินเป็นงั้นด้วยหรอ เปล่านะครับ วินปกติ”

“วินไม่ได้ส่องกระจกทั้งวัน วินไม่รู้สภาพตัวเองหรอก พี่สิรู้ พี่มองวินทั้งวัน มองทุกวัน”
“ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าแฟนพี่กำลังคิดมากอยู่”


“............”

“ใช่มั้ย?”

“..........”

“เรื่องอะไร?”

“ฉลาดนักไม่ใช่หรอครับ คิดสิ”

“หึงโจ้หรอ”

แม่งเสือกฉลาดจริงๆ ด้วย ผมผลักอกเขา ดันตัวเองออกแล้วก้าวล้ำหน้าเขาไปก้าวหนึ่ง หันมองทะเลที่ลมและคลื่นหยอกล้อกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน

“วินไม่ได้หึง” ผมโกหกน่ะ ผมหึง แต่พยายามไม่คิดอะไรมาก เพราะพวกเขาต่างก็บอกตรงกันว่าไม่ได้คิดอะไรต่อกัน

แต่สันดานมผม นิสัยผม ผมปล่อยวางไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเหมาะสมกัน ผมต่างหากที่ทำให้ตอนจบของเรื่องราวเปลี่ยนไป ทำให้นิยามคำว่ารักผิดเพี้ยน

“ไม่หึงก็ดี อย่าทุกข์เพราะความคิดตัวเอง”
“อย่าสร้างเงื่อนไขขึ้นเอง อย่าฟุ้งซ่านไปเองแล้วก็งอนพี่โกรธพี่”
“ด้วยความสัตย์จริงเลย พี่ไม่ได้คิดอะไรกับโจ้เลย ไม่เคยคิด แล้วก็จะไม่คิด”

“เพราะเจอวินหรอ”

“พี่อาจเจอใครคนอื่นถ้าซักวินาทีในอดีตมันถูพลิกแพลงไป แต่ไม่ว่าจะเจอวิน ไม่เจอวิน พี่กับโจ้ก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน”
“เขาเป็นเพื่อนที่ดี ดีเกินจะไปดึงเขามาเปื้อนกับคนอย่างพี่”

“คนอย่างวินก็เลยเปื้อนเพราะพี่โป๊ะได้ หรอครับ” ผมยังมองตรงไปยังทะเลอยู่ ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องทำให้เรื่องนี้มันซีเรียสขึ้นมา บางอย่างบอกผมว่า เพราะความพร้อมของผม เพราะความเป็นวิณณ์ วัฒนนุกูล ที่ทำให้ผมได้เขามายืนเอาอกเอาใจผมอยู่แบบนี้ 

ถ้าสักวินาทีในอดีตผิดเพี้ยนไป ผมกับเขาคงไม่ได้รักกันแบบตอนนี้
แม้เพียงนิดเดียวของเงื่อนไขต่างๆ ที่ขยับผิดร่องเวลา ผมกับนายมือโปร คงไม่รักกัน

“บางทีนะพี่โป๊ะ”

“หือ?” เขาก้าวมายืนเสมอผม หันหน้ามาทางผม ค้อมหลงเพื่อฟังผมให้ชัดหู

ดวงตาเราสบมองกัน
ท่ามกลางน้ำทะเลที่หยอกล้อกับสายลม
หากบางอย่างถูกทำให้แปรเปลี่ยนไป ผมกับเขา คงเป็นเพียงคนที่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก .... เท่านั้น

“บางที อาจเพราะอะไรสักอย่างในอดีตมันถูกพลิกไป วินกับพี่โป๊ะถึงได้มาเจอกัน”
“เราอาจไม่ควรมาเจอกันตั้งแต่ต้น”
“ถ้านะ....ถ้าวินไม่สนใจคนที่บังเอิญเจอที่วัดนั้น ถ้าวันนั้นฟ้าไม่สวยจนเศร้า ถ้าผู้หญิงของพี่ ของวิน ไม่ตาย”
“เราคง.....”

“พี่คงไม่ได้เจอกับคนที่แข็งขืนตอนมองตา แต่ความรู้สึกนึกคิดอ่อนละเอียดยิ่งกว่าทราย...แบบวิน”
“ทรายจับแทบไม่ทัน”
“แต่ติดมือตลอดเลย”
“นำทะเลกอดทรายไม่เคยได้ แต่ทรายก็ลู่ตัวลงหาทุกครั้งที่คลื่นต้องห่างจากฝั่งไป”

“..............”

“ในความสัมพันธ์ ถ้าจะให้มันยาวนานก็ต้องช่วยกันประคอง ถ้าคนนึงเป็นทรายที่วิ่งหนี อีกคนก็ต้องเป็นคลื่นที่วิ่งเข้าใส่ และถ้าคนนึงเหนื่อยจะไล่จับไล่คว้า อีกคนก็ต้องยื่นมือออกมา....” เขาแบมือมาตรงหน้าผม ส่งสายตาอ่อนโยนขอให้ผมยื่นมือออกไป

ทันทีที่ผมวางมือผมบนมือเขา เขาก็พูตต่อ

“เพื่อเป็นสัญญาต่อกันว่า ผมอยากให้คุณกอดผมไว้ตลอดไป”​
“พี่ไม่หมดแรงทำอะไรง่ายๆ หรอก กี่แผลๆ พี่ก็ไม่สนใจ เดี่ยวมันก็หายเจ็บ หายเศร้า”
“ถ้าไม่ต้องการความรักของพี่แล้ว แค่บอกว่าไม่ต้องการก็พอ”
“แค่ไม่ยื่นมารับความรู้สึก พี่ก็เข้าใจแล้ว”

“วินขอโทษ”
“แค่...วินรู้สึกบ่อยขึ้นทุกครั้งว่าวินได้รับความรู้สึกที่ดีมากไปถ้าเทียบกับความน่ารักที่วินไม่ค่อยมี”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็พี่มันคนเยอะ”
“เหมาะกันออก เนอะ”

เขาเป็นคนที่ครบเครื่อง รูปร่าง หน้าตา ฐานะ ทัศนคติ การศึกษา อาชีพการงาน นิสัย
ส่วนผม...มันก็แค่คนที่บังเอิญเกิดในตระกูลที่ดี และอยู่ในเส้นทางที่บังเอิญมาสะดุดเห็นกันตรงจุดตัด
ตอนนี้เราจับมือกันไว้ มันอุ่นดี อุ่นจนหวงแหนอย่างมาก
หากว่าวันนึง เราทั้งคู่ต้องก้าวเดินต่อไป ผมกลัวเหลือเกินว่าจุดหมายอาจจะไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน


ผมไม่ตอบอะไร แค่สิ่งยิ้มให้ มองรอยยิ้มเขา มองหน้ากวนส้นตีน แต่สายจาจริงชิบหาย ผมรูดมืออกจากมือเขา และเขาก็เกือบจะรั้งปลายนิ้วของผมเอาไว้ได้ แต่คงเป็นเพราะบางอย่างจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อวัดใจน้ำทะเลและเม็ดทรายว่าจะยื้อยุดกันได้แค่ไหนล่ะมั้งครับ

“โปร” เสียงใสเรียกหานายมือโปร ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าเสียงใคร ผมดึงมือกลับมาสำเร็จแล้วก็ตะโกนเรียกไอ้โอมลั่น จากนั้นก็วิ่งไปหามันที่กวักมือเรียกผมยิกๆ

ผมปล่อยนายมือโปรไว้ข้างหลัง โดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าเขามองตามผม หรือหันไปหาคนที่สั่งสัญญาณมานานว่าต้องการเขาเหลือเกิน




#### @ D A W N  #####



Tbc...



เรื่องแจ้งที่หนึ่ง
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ เพราะรวม 2 เรื่องเข้าด้วยกัน
เส้นเรื่องของพี่หมอนำ-น้องหมาธาม ก็จะมาเดินเรื่องอยู่ในตอนพิเศษด้วยเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อให้ใครคนหนึ่งได้ทบทวนความคิด ใครคนหนึ่งได้ไตร่ตรอง ใครคนหนึ่งได้ค้นหา และใครอีกคนหนึ่งได้ลองเผชิญกับความจริง 

เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกันนี้คลี่คลาย เส้นเรื่องหลักก็กลับไปอยู่ในเรื่องตัวเองเหมือนเดิมค่ะ

อาจจะเป็นการเผยแพร่นิยายที่ชวนงงหน่อย บางคนที่ไม่อ่านเรื่อง the extension ก็อาจจะงงความธามได้
งั้นเราจะให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่า น้องธามเป็นเด็กพูดแล้วชวนงง เท่านี้แหละค่ะ

และเพราะว่าการกระทำของพี่นำกับน้องธาม ไม่มีผลอะไรกับพี่โป๊ะน้องวินอยู่แล้ว ฉะนั้น การไม่รู้จักตัวละครเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของคนที่อ่านแค่ at Dawn  แต่ที่มาโผล่ด้วยกันเพราะ 2 เรื่องนี้เค้าดองกันอยู่เท่านั้นเอง

เราก็เลยเขียนขึ้นมาเป็นวาระพิเศษ ก็เพื่อผลักดันให้แต่ละเรื่องดำเนินไปตามวิถีที่ควร
อีกเหตุผลที่รวม 2 เรื่องมาเป็น 1-3 ตอนนี้ ก็เพราะเราไม่อยากตัวเอกของทั้ง 2 เรื่องเหงา (จริงๆ คือเราเหงา) เพราะตัวหลักของทั้ง 2 เรื่อง (พี่นำ น้องวิน) เป็นคนค่อนข้างเงียบ เรื่องเลยเดินไปแบบเงียบ เราก็เลยเหงาๆ

ฮ่าๆๆ สรุปๆ เลยก็คืออยากเขียนค่ะ
ยืนยันอีกทีว่า ไม่รู้จักอีกเรื่อง ก็ไม่งงกับเส้นเรื่องที่มารวมกันเฉพาะกิจแน่นอนค่ะ

เรื่องแจ้งที่สอง
ลักษณะการเผยแพร่
3 ตอนพิเศษนี้ จะลงในพื้นที่เรื่อง  At Dawn เป็นหลักนะคะ ส่วนเรื่องน้องธาม จะไปแปะลิงไว้เท่านั้นค่ะ
จนกว่าจะจบตอนพิเศษ ทางกระทู้น้องธามจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เพราะน้องและพี่หมอมาวิ่งเล่นอยู่ในนี้ค่ะ


แล้วพบกันใหม่ค่ะ  >,<


หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-08-2016 23:33:38
อ่านแล้วอึมครึมจัง
ปล. น้องธามน่ารักกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 14-08-2016 03:22:14
อ่านจบตอนตีสาม เศร้าๆหน่วงๆอีกแล้ว
จะนอนหลับไหมล่ะเนี่ย มันติดอยู่่ในหัวยากที่จะเอาออก ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-08-2016 07:09:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-08-2016 07:59:52
สิ่งที่กลัวที่สุดคือความรู้สึกนึกคิดของวิน
ไม่อยากให้มีดราม่าขอแค่นั้นแหละค่ะคนเขียน  :mew1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 14-08-2016 09:03:38
งืมมมมม.  วินเป็นคนคิดมาก...
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-08-2016 09:12:11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 14-08-2016 10:17:37
อย่าว่าแต่วินคิดเลย เราเป็นวินเราก็คิด เหตุการณ์มันพาให้คิด อยากให้เคลียร์กันไป ยังไงก็มาต่อไวไวนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้นะ :bye2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 14-08-2016 13:46:58
กลัวใจวินที่สุดอะ บางทีก็สงสารพี่โปะแต่สมน้ำหน้ามากกว่า อิ๊สอิ๊ส
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-08-2016 15:53:24
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-08-2016 22:37:27
ตอนนี้ น้องวิน กำลังสร้างแผ่นบาง ๆ ขึ้นมากั้นความรู้สึก
มาดูนายมือโปร ว่าจะตัดแผ่น บาง ๆ ของน้องได้อย่างไร  :ling3:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ1) 13-08-16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 31-08-2016 16:01:37
 :sad4: แลดูว่าวินตอนนี้คิดมากจัง พี่โป๊ะรีบจัดการความรู้สึกของน้องให้มั่นคงเลยนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-09-2016 23:54:29
The Extension Dawn
ตอนพิเศษ
วารินทร์ x วิณณ์
รชต x ธาม

ตอนพิเศษ 2


นำนั่นแหละที่ผิด
โอเค ธามก็ไม่รู้ทางไง แต่ธามก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ นำนั่นแหละไม่รู้เรื่องเองว่าธามช่วยอะไรไม่ได้หรอก แล้วทำไมต้องบังคับให้พูดไทยทุกคำด้วย พูดอังกฤษนำก็รู้เรื่องไง ก็รู้เรื่องสิ บอกว่า left ก็คือ left ไง ขับรถไปสิ ทำไมต้องอยากมาสอนภาษาไทยเอาตอนนี้ด้วยล่ะ?

“หน้าบูดแล้วเด็กดื้อ”

“หน้าธามบูด นำอะไรกับบูดล่ะ”

“อยากจะยอกย้อนยังพูดไม่รู้เรื่อง”

“รู้เรื่องอยู่แล้ว นำนั่นแหละแกล้งไม่รู้เรื่อง นำรู้เรื่องหมดแหละ ใช่มั้ยเล่า”

“ใช่ครับ พี่นำรู้เรื่องทุกอย่าง เข้าใจที่ธามพูด แต่ที่จู้จี้”

“เราไม่ได้จู๋จี๋กันนะ เข้าใจด้วย”

“จู้จี้กับจู๋จี๋มันไม่ใช่คำเดียวกันครับ”

“ก็เหมือนกันสิ เห็นมั้ย นำพูดผิดๆ แต่ธามก็รู้เรื่อง”
“เราไม่ได้จู๋จี๊กันเลย”

“โอยยยย เถียงกับธามแล้วหิวชะมัด”

“ธามบอกให้แวะกินก่อนไง เพราะนำง่าม เอ่อออ ไปอย่างช้าไง”

“แน่ใจมั้ยว่าเราพูดเรื่องเดียวกัน? หืม?”

“ธามรู้เรื่องสิ นำนั่นแหละไม่รู้เรื่องไง” ธามหันหน้าหนี ไม่อยากเถียงกับพี่นำต่อแล้ว พี่นำพูดไม่รู้เรื่องแต่ชอบมาบอกว่าธามพูดไม่รู้เรื่อง ธามก็พูดรู้เรื่องตลอดนั่นแหละ พี่โป๊ะยังรู้เรื่อง พี่วินก็รู้เรื่อง พี่แนนก็รู้เรื่อง มีแต่นำนั่นแหละ ง่าม!

ทั้งที่ตั้งใจจะนั่งเงียบเพราะนำกล่าวหาว่าธามชวนคุยจนขับรถหลงทาง ไปไม่ถึงที่พักเสียที แต่นำก็คงรู้ว่าตัวเองผิด เลยง้อธามด้วยการพาแวะกินกาแฟ กินขนมกันก่อน นำบอกให้ธามลงไปเดินยืดเส้นยืดสายด้วย นำนี่ประหลาดคน ที่ปั๊มนี้ไม่เห็นมีใครไทเก็กกันเลยสักคน แล้วจะให้ธามทำคนเดียวน่ะหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก


“แก้เมื่อย” นำยังเซ้าซี้ ธามเลยถอนหายใจและบอกเหตุผลแบบคนที่โตๆ กันแล้ว

“นำจะให้ไทเก็กที่นี่ได้ยังไง ไม่เห็นใครทำเลย คนแก่กว่าธามตั้งเยอะก็ไม่ทำ”
“เค้าคงไม่อนุญาตหรอก”

“ไทเก็ก?”

“ใช่ ก็ยืดๆ แขนขาไง ธามเล่นกับจูบ่อย นำเคยสินะ”

“พี่นำให้ยืดเส้นยืดสาย หรือก็คือ บิดขี้เกียจครับ”
“แบบนี้” บอกแล้วทำให้ดู ธามถึงได้อ๋อ และได้รู้เพิ่มว่า จูเชื่ออะไรผิดๆ ไทเก็กไม่ใช่ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย

“อ่อ ไม่เอา ไม่ทำ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็ไม่อยากทำตอนนี้”
“เราไม่รีบไปหาพี่โป๊ะพี่หนึ่งกันแล้วหรอนำ”

“อ่อ อีกนิดเดียวก็ถึง”
“กินข้าวกลางวันที่นั่นเนอะ”

“อื้อ”  ธามเป็นเด็กดีของนำเสมอแหละ นำว่ายังไง ธามก็ว่าอย่างนั้น ใครจะเป็นเด็กดีเท่าธาม ไม่มีหรอกน่า

ตื่นอีกทีก็ถึงรีสอร์ทของพี่โป๊ะแล้ว
แม้ว่าทริปนี้จะเป็นทริปที่ธามเป็นคนคิดตามใจตัวเอง แต่ธามก็คิดแค่อยากมาพักผ่อนที่ทะเลเท่านั้น ส่วนเรื่องสถานที่พี่โป๊ะเป็นการแนะนำให้ แล้วก็จัดการให้ด้วย แม้ว่าคนที่ลงมือติดต่อเรื่องจองที่พักจะคือพี่แนนก็ตาม

“ที่นี่หรอนำ”

“ครับ” พี่นำตอบแล้วก็จูงมือธามเพื่อให้เดินเข้าไป แต่ธามก็ตื่นแล้วไง ไม่ต้องจูงกันตลอดเวลาหรอกน่า ถึงธามจะไม่ได้อยู่ที่ไทยนานกว่า 10 ปี และไม่เคยมาที่นี่ แต่สัญชาตญาณของธามก็ยังปกติดีอยู่นะ
“เป็นอะไรครับ”​ พี่นำหันมาถามทันทีที่ธามดึงมือออก เขาส่ายหน้า แต่ก็เก็บทั้งแขนตัวเองซ่อนไว้ข้างหลัง พี่นำจะได้ไม่ดึงไปจูงอีก
“อะไรกันล่ะ? ไม่จับมือกันหรอ?”

“ธามโตแล้วน่า”

“พี่นำก็ไม่ได้ชอบจับมือเด็กๆ เสียหน่อย”
“เอาที่สบายใจก็ได้ครับ ไม่อยากตื๊อแล้ว”
“ไปครับ พวกนั้นรอเงกแล้ว”

“หา? รออะไรนะนำ”
“เง้อะไรหรอนำ”
“คือใครหรอนำ เพื่อนำอีกเพิ่มหรอ? ธามไม่รู้จักเง้นะ”

“เฮ้อออออออ” พี่นำถอนหายใจ เงยหน้ามองฟ้า เท้าเอว สงสัยจะอยากยืดเส้นยืดสาย....ว่าแต่ เง้คือใคร?

ไม่เห็นมีใครที่น่าจะคือเง้เลย แล้วธามจะถามใครได้ล่ะ?
ธามยืนมองพี่โป๊ะสั่งการให้พนักงานของโรงแรมไปเอาของที่ท้ายรถพี่นำ เอารถที่นำไปจอดที่ที่เตรียมไว้ให้ จากนั้นโป๊ะก็หันมาถามนำว่ามายากกว่าทางไปดาวอังคารหรอวะ? ไม่น่ายาก ตั้งแต่สร้างโรงแรมมาไม่เคยมีใครหลงสักคน มึงคืดว่าตัวเองขับยานอะพอลโล่หรอ สำรวจเส้นทางไม่จำเป็นทำบ้าอะไร? แล้วนี่หิวมั้ยวะ? จากนั้นโป๊ะก็ค่อยหันมายักคิ้วใส่ธามแล้วทักทายกันว่า “ไปไหนก็วุ่นเพราะตัวนี้อ่ะดิ”

โป๊ะน่าจะกำลังว่าธาม แต่ธามจะไม่สนใจหรอก
เขาเสยตามองผู้นำที่ยืนขนาบอยู่ข้างๆ แม้ไม่ได้จับมือไว้แต่แขนเสื้อก็สีกันไปมา อีกฝ่ายเหล่มองแล้วก็ยิ้มให้ ธามเลยรีบถามสิ่งที่ค้างในใจ

“ใครคือเง้หรอ?”

พี่นำหัวเราะ พาให้คนอื่นหัวเราะกันไปด้วย โดยที่ธามยังไม่เข้าใจเลยว่ามีอะไรน่าขำนักหนา หรือว่าเง้คือมุกตลก แล้วมันตลกตรงไหนกันล่ะ?

“ธาม มานี่เถอะ พี่บัวทำพาย รอกินกัน”

“อ่อ ครับพี่เจม”

“ดีๆ มาเถอะ อยู่ตรงนั้นไปก็โดนกัดเปล่าๆ”
“วินยังไม่อยากอยู่ใกล้เล้ยยยย นี่ขนาดรวยระดับเจ้าของโรงแรมนี้ แฟนยังเมินไปนั่งรอกินขนมฟรี คิดดูดิ”

“หือ? ใครหรอ เจ้าของโรงแรม พี่เจมพูดถึงใคร”

“เอ้า! ก็พี่โป๊ะไง นี่ไม่รู้หรอว่าเราพักฟรีที่นี่ได้เพราะใคร”

“พักฟรีหรอ? ของโป๊ะหรอ?”
“ก็เลยง่ายๆ สินะ”
“ขอบคุณนะโป๊ะ”
“นำ ธามไปกินพายกับพี่เจมนะ”

“ครับ ไปเลย ดีแล้ว”
“พี่ฝากด้วยนะครับเจม” พี่นำฝากให้พี่เจมช่วยดูแลธามอีกที อยากจะบอกนำเหมือนกันว่า ธามต่างหากที่ดูแลพี่เจม อย่างน้อยๆ ธามก็คอยเตือนเวลาพี่โป๊ะจะแกล้งพี่เจม

ธามไม่รู้ว่านำคุยอะไรกับพี่โป้ะบ้าง ดูเหมือนพี่หนึ่งจะเดินมาสมทบ พวกสูงๆ เดินไปทางหน้าชายหาด ส่วนธามถูกพี่เจมพาเข้ามาในวิลล่าหลังหนึ่งที่...ก็วุ่นวายไปอีกแบบ

พี่ๆ ผู้หญิงชอบธามกันใหญ่ แต่ธามไม่แปลกใจหรอก เพราะธามมีคนมาชอบเยอะๆ อยู่แล้ว ที่ไต้หวันก็เหมือนกัน ซึ่งการที่มีสาวๆ มาชอบ มีคนมาดูแล มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่ธามรับได้

“ทานเลยธาม เยอะๆ”
“มีอีกตั้งเยอะนะ ไม่อ้วนหรอก เชื่อพี่บัว”

“บัว น้องอาจจะอิ่มมมากแล้วก็ได้”
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทานแล้วนะธาม” พี่พีชรีบบอกแล้วก็ดึงมือแฟนนตัวเองออกไปจากหน้าธาม ทำให้ช้อนที่มีพายพูนอยู่ออกห่างธามไปด้วย

“อ่า”
“ทานอีกได้นะ”
“อร่อย ธามชอบ” เขายิ้มให้ ทำเอาพี่บัวสะบัดพี่พีชจนหลุดแล้วป้อนพายให้ธามทานต่อ

“มาแล้วค่า น้ำฝรั่ง”
“ไม่หวานมาก สดชื่นด้วย เดี๋ยวมีน้ำมะพร้าวด้วยนะ”
“น้องธาม น้องเจม เอาเลย”

“ขอบคุณครับดร.โจ้”
“อ่อๆๆ พี่โจ้” พี่เจมรีบพูดขอบคุณและเรียกพี่โจ้แบบที่พี่โจ้อยากให้เรียก ธามรับน้ำฝรั่งมาจิบบ้าง...หู้ยยยย อร่อย ถ้ากลับไปกรุงเทพ ธามจะบอกให้จูทำให้ดื่มบ่อยๆ เขายิ้มบอกรสชาต ตาโค้งๆ และลักยิ้มข้างแก้มเขาคงบอกพี่สาวไปหมดแล้วว่าธามเอนจอยขนาดไหน

เมื่อทำให้กินแล้วคนกินไม่ล่าถอยไปไหนสักคน พี่สาวๆ ก็เคยประโคมของกินเล่นที่ทำง่ายๆ มาให้ธาม พี่เจม แล้วก็พี่วินชิมกันไม่หยุดปาก

อันที่ธามว่ามันพรีเมี่ยมมาก ก็คือชีสพายหน้ามะพร้าวอ่อน อร่อยจนถามต้องถ่ายรูปไว้ เพื่อเก็บไปให้จูได้ดู จูจะได้ทำให้กินอีก แม้ว่าพี่บัวจะบอกว่า เอาไว้จะทำแล้วให้แมสเซนเจอร์เอาไปส่งให้ธามที่บริษัทก็เถอะ

“เฮ้ยเจม ไอ้จิวมาแล้ว”

“หือ? โอเค กูไปรับพี่กูเอง” พี่เจมบอกกับพี่โอมแล้วขอตัวลุกจากโซฟาที่ละลานตาไปด้วยขนมมากมาย ธามเห็นพี่วินมองตามอออกไปแต่ก็ไม่ลุกตามไป สงสัยจะชอบขนมพวกนี้มากจริงๆ

“พี่วินกินนี่ได้นะ”

“หืม? พี่กินไม่ไหวแล้วล่ะ มันหวานด้วย”

“อ้าว ไม่ค่อยชอบหรอ?” ธามถาม เขารู้สึกงงนิดๆ เพราะท่าทางที่พี่วินกินเมื่อกี้ก็ไม่ได้ดูว่าจะไม่ชอบขนมหวาน

“ไม่ค่อยกินเยอะหรอก แต่เห็นพี่ๆ มีความสุขที่ได้ทำให้นี่ ก็เลยกิน”

อ่ออออ เป็นคนแบบนี้นี่เอง ใจดีสุดๆ จริงด้วย
ธามเคยถามพี่นำ ว่าทำไมพี่วินดูไม่ค่อยเอนจอยเวลาพี่โป๊ะดูแลเลย ตอนอยู่ที่บริษัทก็ไม่ค่อยชอบให้ไปเซ้าซี้ หรือดูแลอะไรมากมาย ขนาดกลับบ้านก็ยังไม่ให้ไปส่ง ตอนแรกก็คิดว่าเพราะมีคนขับรถของพี่วินมารออยู่แล้ว แต่บางวันพี่วินก็ไม่มีใครมารอรับ แต่พีวินก็เลือกจะกลับบ้านเอง ไม่รอพี่โป๊ะด้วยซ้ำ แล้วทั้งคู่ก็แยกบ้านกันอยู่แล้วด้วย ตอนแรกธามคิดว่าเบรกอัพกันแล้ว แต่พี่โป๊ะบอกคบกันอยู่

ตอนพี่นำบอกไว้ ธามนึกไม่ออกเลยว่าคนประเภทแบบนั้นจะมีได้ยังไง
พี่นำบอกว่า คนบางคน ยิ่งรัก ก็ยิ่งไม่รับ ยิ่งรักใครมาก ก็ยิ่งตีกรอบตัวเอง
ธามไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ชีวิตมันยากขึ้นกว่าเดิมด้วย
พี่นำบอกว่า ก็มีเหมือนกันกลัวความเหงาหรือกลัวการสูญเสียมากๆ จนเลือกอยู่คนเดียว
แต่ธามคิดว่า อยู่คนเดียวก็ยิ่งเหงาไม่ใช่รึไง ไม่น่าจะใช่ทางออกเลย
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ธามก็เคยเลือกจะหนีให้หายไปจากพี่นำกับลุงหมอปันก็เถอะ

“ธาม มาลองทำนี่มั้ย” พี่บัวเรียก ธามก็เลยปล่อยพี่วินที่ไม่ค่อยชอบขนมหวานไว้กับกองขนมหวาน ส่วนคนที่เดินมานั่งเป็นเพื่อนพี่วิน ก็คือพี่โจ้แสนสวย

ธามไม่รู้ว่าพวกเขาได้คุยกันรึเปล่า อาจจะคุยและอาจจะไม่ได้คุย เพราะธามไม่ได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่ตอนที่ธามหันไปมองอีกที ก็ไม่เห็นพวกเขาจะเลิกมองหน้ากันเลย

“น้องธามจะทำงานที่บริษัทโป๊ะไปเรื่อยๆ หรอ? ชอบทางนี้หรอ”

“ก็ชอบนะ...ครับ”

“อืม พี่บัวก็ว่าดูเหมาะดี”
“แต่ธามยังเด็กอยู่เลย เพิ่งจบโทมาด้วยนี่นา ไม่ลองหาประสบการณ์อื่นๆ ดูหรอ”

“ต้องหรอ? แบบ A Must หรอ..ครับ”

“อืมมมมม” พี่บัวคิดระหว่างตักเทน้ำหวานแดงลงในโถแก้ว ตอนนี้เรากำลังทำเครื่องดื่มแสนง่ายกันอยู่
“เอ มัสท์มั้ยหรอ? ก็แล้วแต่คนนะ แต่พี่บัวว่า ธามควรจะมีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย ทั้งเยอะสายงาน เยอะบริษัท เข้าใจใช่มั้ย ความหมายของพี่บัวน่ะ”

“อื้อสิ ธามรู้เรื่องนะ แค่พูดวนๆ นิดหน่อยเอง”
“เรื่องหาประสบการณ์ ธามก็คิดไว้เหมือนกัน แต่ว่า ทำงานกับโป๊ะแล้วนำสบายใจ ดีกว่าไม่ใช่หรอ”

“แล้วชีวิตธามขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรือความคิดหมอนำหรอ? ไม่ได้สิ”
“คนเราต้องมีชีวิตของตัวเอง มีทางเลือกของตัวเอง”
“แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตธามนี่นา การที่ธามอยากใช้ชีวิตในสายตาหมอนำ มันก็อาจจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดก็ได้”

ธามขมวดคิ้วคิดตาม ธามรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่นำกับธาม โลกนี้มีคนอีกตั้งมากมาย มีหลายสังคม หลายประเทศ หลายภูมิภาค หลายทวีป
แต่คนเยอะเท่านั้น ธามกับพี่นำก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ได้สร้างเรื่องราวร่วมกันและมีความสุขกับการทบทวนถึงความทรงจำ ทั้งส่วนที่หัวเราะดีและส่วนที่ร้องไห้ เท่านั้นก็เรียกว่าได้ใช้ชีวิตแล้วสำหรับธาม

อ้อ! จะมีเหลือก๊อีกอย่างหนึ่งล่ะนะ ที่ก่อนจะจบชีวิตนี้ต้องได้รู้
รักแรกของพี่นำเป็นใคร?

“พี่บัวครับ”

“หือ? อะไรจ๊ะ” ปั้นยิ้มสวยเชียว แต่ธามไม่ลืมสีหน้าและน้ำเสียงพี่บัวตอนที่ขู่พี่พีชหรอกน่า

“พี่บัวรู้จักนำนานมั้ย?”

“อืมมมม เอาว่าคุยกันแบบไว้ใจกันจริงๆ ก็สัก 5 ปีได้”
“พี่จะไปสนิทกับทางที่หนึ่งมากกว่า แต่อย่าเรียกสนิทเลย เรียกว่าศัตรูหัวใจดีกว่า”

“หา?”

“อ่า ล้อเล่นน่ะ อย่าสนใจเลย” พี่บัวบอกระหว่างคนน้ำในโถเพื่อให้เข้ากับน้ำหวานแดง
“แล้วธามถามทำไม”

ภาษาไทยที่ยากเอาเรื่องนะเนี่ย ถ้าไม่ใช่คนฉลาดอย่างธาม ประโยคเมื่อกี้ของพี่บัวต้องทำให้งงแน่ๆ แต่ธามเก่งแล้วไง ธามรู้เรื่อง

“ธามอยากรู้ รักแรกของพี่นำคือใคร”
“พี่บัวรู้มั้ย?”

“รักแรกหมอนำหรอ?”
“ไม่รู้หรอก ธามพีชอาจจะรู้ แต่นำกับเพื่อนก็ห่างกันไปพักนึง เพราะนำไปผจญโลกอยู่หลายปีกว่าจะกลับมารับช่วงธุรกิจพ่อนี่นา”
“อาจจะไม่มีใครรู้เลยก็ได้ว่ารักแรกของหมอนำคือใคร เว้นแต่ว่า ถ้ารักแรกของหมอนำมีตอนมัธยม ทั้งโปร ทั้งที่หนึ่ง แล้วก็พีช ต้องรู้แน่ๆ”​

“อา....ฮะ” ธามพยักหน้าหงึกๆ เขาเก็บข้อมูลและไล่เรียงเรื่องราวในหัวเงียบๆ ธามยังคงช่วยพี่บัวทำน้ำแดงโซดามะนาวอยู่ แต่ในหัวธามกำลังนึกรายชื่อคนที่ธามพอจะถามเอาข้อมูลเกี่ยวกับรักแรกของพี่นำได้

คนแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือพี่เจม
แต่พี่เจมเคยบอกแล้วว่า ต้องให้พี่นำเขาเล่าเอง และพี่เจมก็ไม่รู้ด้วย
งั้นก็ต้องถามคนถัดไป พี่หนึ่ง

โอกาสมาถึงในช่วงเย็นเกือบค่ำ
คืนนี้พวกเราจะได้มีปาร์ตี้บาร์บีคิวกัน ทั้งหมู ไก่ ทะเล และผลไม้ย่างมีหมด อยากกินอะไรมากน้อยก็เสียบเอง ย่างเอง ส่วนของอาหารทะเลที่จัดล้างและหั่นมแล้ว พี่หนึ่งรับอาสาเป็นคนทำให้มันสุกจนกินได้เอง

โอกาสเกิดขึ้นตอนที่ธามเพิ่งคุยกับพี่เจมเสร็จ แล้วก็ได้รู้ว่าน้ำจิ่มซ๊ฟู้ดสูตรพี่หนึ่งเด็ดมากๆ แม้ว่าธามจะไม่รู้ว่าเด็ดมากมันดีหรือไม่ดี แต่ธามคิดว่าธามต้องลอง

“อ้าว มาถึงนี่เลย เอาอะไรครับ พี่หาให้”

“พี่เจมบอกว่าพี่หนึ่งเด็ด ธามก็เลยจะลอง”

“หือ!!!!!”
“ไอ้นำ ไอ้นำ ไอ้หมอนำ นำ!!!!”

“อะไร? พี่หนึ่งจะเอาพี่นำทำไมหรอ ธามไปเอาให้ก็ได้”

“เห้ย!!!!!!!!!!”
“ธาม พูดอะไรรู้มั้ยเนี่ย? ไม่ได้ พูดแบบนี้ไมได้ ทำก็ไม่ได้”
“เอ้ย ธามทำได้ แต่จะมาอะไรกับพี่ไม่ได้เด็ดขาดนะ”

“อะไรวะไอ้หนึ่ง โวยวาย”

“นั่นสิพี่โป๊ะ พี่หนึ่งเป็นอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็ไม่ให้ธามพูด”

“พี่ไม่ได้ห้ามธามพูด พี่แค่บอกว่า พูดแบบเมื่อกี้ไม่ได้”

“แล้วน้องมันพูดอะไรวะ? ไหนบอกมาดิ ผมแปลให้ หูผมหชินกับภาษาธามแล้ว”

“ก็เนี่ย” พี่หนึ่งตั้งต้นเล่า โดยมองหน้าธามแป๊บนึง จากนั้นก็เล่าเลียนแบบที่ธามพูด พอโป๊ะฟังแล้วก็ตกใจ แต่แป๊บเดียวโป๊ะก็หัวเราะ ลูบหัวธาม ตบหลังพี่หนึ่งแล้วก็เดินอารมณ์ดีจากไป พูดว่าจะไปเล่าเรื่องตลกให้วินฟัง จะได้ขำเป็นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง

“อะไรของมัน ไม่เห็นจะแปลห่าอะไรให้เลย แม่งเอ้ย”
“เอ่อธาม...พี่ไม่ได้ดุธามนะครับ อย่าเข้าใจผิด”

“ไม่ๆ ไม่ผิด”
“แต่ว่าธามพูดอะไรที่ไม่ถูกหรอ?”

“อืมมมม จะว่าไม่ถูกก็ไม่เชิงหรอก” ไม่เชิงคือยังไงกันล่ะ?
“แต่ธามพูดไม่ครบความล่ะมั้ง ความหมายมันก็เลยสองแง่สองง่าม” แง่กับง่าม อืมมมม จำได้ว่าคืออะไรที่เป็นแฉกๆ
“อย่างที่บอกว่าพี่เด็ด อยากลอง เนี่ยมันสื่อไปถึงเรื่องเอ่อ....อย่างว่า”

“อย่างว่าคืออะไร”

“เรื่องบนเตียงไง”

“อ๋อ have sex อันนี้ธามรู้”

“อือใช่ แต่คนไทยเขาไม่พูดตรงๆ เรื่องมีเซ็กส์กันหรอก”
“เขาใช้คำอ้อมๆ”
“วัฒนธรรมที่นี่จะอ้อมๆ ช้าๆ ถนอมน้ำใจน่ะ”

“..........”

“งงหรอ”

“ไม่ๆ ธามขอโทษ ธามไม่รู้ว่าเด็ดคือมีเซ็กส์”
“งั้น...พี่แนนก็.....” ธามนึกถึงพี่แนนที่พูดเก่งแสนเก่ง พี่แนนชอบบอกธามเวลาลุกไปห้องน้ำว่า ขอไปเด็ดดอกไม้แป๊บนึง.....โอ้! แล้วต่อวันพี่แนนก็...เด็ด...บ่อยด้วย
พี่แนนเป็นผู้ญิงที่...ใช้ดอกไม้ไม่ถูกต้องมากๆ

“ธาม...”
“ธามครับ ธาม”

“ห่ะ!...หือ?”

“เด็ด...ไม่ใช่มีเซ็กส์นะ เอาใหม่”
“เด็ดคือ....ดูเซ็กซี่ อะไรทำนองนี้แหละ”
“แบบ so hot อะไรเทือกๆ นี้”

“อ๋อออออ”
“งั้นพี่แนนก็เด็ดดอกไม้บ่อยๆ ได้สินะ ไม่เสียไม่เสีย” พี่หนึ่งขมวดคิ้วใส่ธาม สีหน้าดูน่าสงสาร ดูเหมือนคนไม่เข้าใจอะไร แต่ก็เดินหนีไปไหนตอนนี้ไม่ได้

“แล้วเมื่อกี้ ธามเดินมาบอกพีว่า พี่เด็ด อยากลอง”
“มันฟังแล้วเหมือนธามกำลังบอกพี่ว่า พี่ดูเซ็กส์ซี่มากจนอยากมีเซ็กส์ด้วย”

“โอ้ยยยยยย ไม่ใช่สินะ”
“ไม่พี่หนี่ง ไม่สินะ ใช่มั้ย ไม่นะ”

“เออๆ พี่รู้ว่าธามไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน”

“โอ้ โล่งอกโล่งใจ อกแป้นแตกเลย”

“ฮ่าๆๆๆ แล้วนี่ใครสอนพูดแบบนี้ อกแป้นเนี่ย”

“จูพูดบ่อย ธามเลยจำได้ เก่งสินะ”
“พี่หนึ่งพี่หนึ่ง”

“หืม?” ธามเห็นพี่หนึ่งหมดอาการตกใจกับภาษางงของธามแล้ว ธามก็เลยช่วยย่างปลาหมึกอยู่ใกล้ๆ

“ธามอยากรู้เรื่องเดียว จะไม่เสียใจตาย”

“หมายถึง ถ้าได้รู้ว่า จะตายไปก็ไม่เสียใจใช่มั้ย”

“ใช่เลย พี่หนึ่งไม่งงแล้วนะ”
“ธามอยากรู้ว่า รักแรกของพี่นำคือใคร”

“.............”

“พี่หนึ่งรู้มั้ย”

“...........”

“พี่หนึ่ง พี่หนึ่ง”

“อ้อ อืม”
“ธามจะรู้ไปทำไมครับ”
“มันสำคัญมากรึไง”

“สำคัญสิ”
“ธามรักนำมากนะ นำก็บอกว่ารักธามมากเลย”
“แต่ว่านำอาจจะรักธามเพราะธามไม่มีใครรักเลยก็ได้”
“ธามไม่เก่ง ไม่ดี ไม่น่ารักกับนำบ่อยๆ ธามเลยอยากรู้ ว่าคนแบบไหนที่นำรักเป็นครั้งแรก”
“ธามรู้ว่าไม่ใช่ธามแน่ๆ”

“อาจเป็นธามมาตั้งแต่แรกก็ได้นี่ ทำไมถึงคิดว่าตัวเองไม่ใช่รักแรกของไอ้นำ”

“ก็....” ธามเขี่ยปลาหมึกให้กลับด้านเมื่อเห็นว่ามันเริ่มงอตัวม้วนๆ ควันสีจางเลยขึ้นตรงไปสู่ปลายใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ร่มเงาอย่างไร้ประโยชน์ในเวลาฟ้ามืด

“ถ้ารักธามตั้งแต่แรก พี่นำก็คงไม่หายไปตอนที่ธามมาหาไง”

“..............”

“ธามเคยกลับมาที่เมืองไทยช่วงปิดเทอมไม่กี่เดือน”
“พี่นำเคยบอกธามไว้ว่าจะมีแต่หมาธามเดินตามพี่นำ แต่วันนั้นพี่นำก็ไม่มา ธามไปหาพี่นำก็ไม่อยู่”
“และก็ไม่เคยอยู่บ้านให้ธามได้เจอเลย”

“............”

“ในวันอาทิตย์ที่ธามไปที่บ้านเล็กของลุงหมอปัน”
“ไม่เคยมีพี่นำ”
“ถ้าไม่เกิดเรื่องป้าวีณาขึ้นมา ถ้าธามไม่เหลือตัวคนเดียว”
“เราอาจไม่ได้รักกันแบบนี้”

“ธามครับ”
“รักแรกของผู้นำคือใคร คนที่รู้ดีสุดก็คือผู้นำ”
“พี่เข้าใจว่าธามรู้สึกยังไง แต่พี่บอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องที่ธามต้องกังวล”
“จะรักแรก รักสอง รักสามก็ไม่สำคัญเลย เพราะธามคือรักสุดท้าย”

“รักสุดท้าย”

“ใช่รักสุดท้าย เป็นรักที่ last and forever

“พี่ก็มีรักแรก ไอ้โป๊ะก็มีรักแรก รักแรกของโป๊ะไม่ใช่วิน แต่ทำไมพวกพี่เดินหน้าต่อได้ล่ะ”
“ที่ธามหาคำตอบว่าใครคือรักแรกของนำ ก็เหมือนธามหาคำตอบว่านำกินข้าวมื้อแรกกับอะไร”
“มันไม่สำคัญหรอกครับ ทั้งรักแรก หรือข้าวคำแรก สำคัญว่าชอบกินอะไร สำคัญสุดๆ คือตอนนี้...รักใคร”

“แต่ธามอยากรู้”

“พี่ไม่รู้ว่าธามจะรู้ไปเพื่ออะไร แต่พี่บอกได้เลยว่าถึงรู้ไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“ไม่ว่าจะกับธาม หรือกับนำ รวมทั้งกับรักแรกของนำด้วย”
“ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว เชื่อพี่สิ”

พี่หนึ่งรู้แน่ๆ ว่ารักแรกของนำคือใคร
และพี่หนึ่งก็น่าจะรู้ด้วยว่า ถ้าธามรู้แล้ว เรื่องที่จะตามมาไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

ธามยิ้มให้ พยักหน้ารับคำแล้วก็ช่วยพี่หนึ่งย่างกุ้งและปลาหมึกต่อ พี่หนึ่งใจดีเฉลยๆ ให้ธามได้รู้ด้วยว่าที่พี่เจมชมว่าเด็ดก็คือน้ำจิ้มสูตรพี่หนึ่ง แต่พี่หนึ่งก็บอกในสิ่งที่ธามไม่ได้ถามว่า จริงๆ แล้วตัวพี่หนึ่งก็เด็ดเหมือนกัน

ถ้าพี่หนึ่งรู้ว่ารักแรกของนำคือใคร พี่โป๊ะก็น่าจะรู้ เพราะพี่หนึ่งกับพี่โป๊ะก็เพื่อนกัน ธามคิดว่าธามจะลองถามพี่โป๊ะอีกรอบก็แล้วกัน ถ้าโดนถามบ่อยๆ พี่โป๊ะอาจจะรำคาญแล้วยอมบอกเพื่อให้ธามหยุดธาม

“หมาธาม กินเท่านี้เองหรอ ไหนบอกว่าชอบปลาหมึกย่าง”

“หือ? อ๋อ...อันนี้เหนียวๆ ธามเลยจะไปย่างเองใหม่”
“นำเอามั้ย ธามทำให้”

“เก่งจังครับแฟนพี่นำ”
“เป็นเด็กดีด้วย ดูแลพี่นำได้แล้วล่ะสิ”

“อื้ออออสิ ธามเก่งนานแล้ว นำไม่รู้เรื่องเอง”

“ฮ่าๆๆ ครับครับ เก่ง”
“คนเก่งของพี่นำไปหยิบน้ำพั้นช์มาให้สาวๆ เพิ่มดีกว่า เดี๋ยวพี่นำย่างปลาหมึกให้เอง ดีมั้ย”

“เอางั้นก็ได้” ธามรับคำ แล้วก็ลุกขึ้นแหวกโต๊ะอาหารกลางแจ้งที่พี่โป๊ะจัดเตรียมสถานที่เอาไว้อย่างลงตัว

ธามเดินห่างจากเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ พวกเขาดูมีความสุขกันดี พี่นำกับพี่เจมคุยกันถูกคอมากๆ ส่วนพี่หนึ่งก็คอยดูแลพี่เจมอยู่ไม่ห่าง แม้จะมีพี่โป๊ะแกล้งอยู่เป็นระยะก็ตาม ส่วนพี่วินที่ดูเงียบๆ แต่ก็สบตากับธามด้วยความสนุกสนานเสมอ รอบตัวพี่วินมีเพื่อนพี่วินคือพี่โอม แล้วก็เพื่อนพี่เจมคือพี่ต้อม และพี่ชายพี่เจมคือพี่จิว

พี่โจ้กับพี่บัวก็คุยกันออกรสชาติ ดูจากมือที่ช่วยปากพูดแทบไม่ทัน ส่วนพี่พีชเป็นผู้ฟังที่ดีสำหรับทุกคนเสมอ ธามว่าไม่น่าจะเป็นเพราะพี่พีชชอบฟัง แต่เป็นเพราะพี่พีชพูดไม่ทันใครมากกว่า และเวลาพี่พีชพูดก็ไม่ทันได้มีใครฟังอีกนั่นแหละ

ธามเดินมาที่ในครัวของวิลล่าพี่สาวๆ ซึ่งพวกเราใช้ครัวของวิลล่านี้เป็นศูนย์รวมอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งที่ปรุงกันเอง และที่สั่งให้ทางโรงแรมจัดเตรียมมาให้

พนักงานของรีสอร์ทนี้ส่งยิ้มให้เมื่อธามเดินมาถึงในครัว เธอถามว่าธามต้องการอะไร ธามจึงบอกว่าพี่โป๊ะต้องการน้ำพันช์เพิ่ม แต่โชคร้ายที่มันหมดเสียแล้ว พนักงานจึงอาสาจะทำให้ใหม่ และขอให้ธามกลับไปสนุกสนานตามเดิม เมื่อทำเสร็จแล้วจะไปเสิร์ฟให้ ธามเป็นเด็กดี ใครให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้นแหละ


ธามยังไม่ได้กลับไปร่วมโต๊ะอาหารในทันที แต่เลือกเดินกลับไปที่วิลล่าตัวเองที่อยู่ถัดไป ธามอยากโทรไปหาจู บอกจูว่าธามกินข้าวอยู่นะ ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วธามก็สนุกมากเลย
พอได้บอกไปตามที่ตั้งใจ จูก็ซักถามเพิ่มเติมจนธามเริ่มขี้เกียจตอบแล้ว ธามถามถึงลุงหมอปันว่าได้พักบ้างมั้ย แล้วก็ถามว่าลุงหมอปันอยากได้อะไรเป็นของฝาก พอได้คำตอบมาแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะอาหารที่ถูกเซ็ตไว้ใกล้ริมทะเล

เสียงคลื่นไม่ดึงดูดธามเท่ากับเสียงคนคุยกัน เพราะเสียงคนคนหนึ่งช่างคุ้นเคย
เสียงพี่นำ
ตอนแรกธามเตรียมวิ่งเข้าไปแว่ให้ตกใจ แต่พอเดินไปใกล้ๆ แล้วเห็นว่าคุยกับใครอยู่ ธามจึงยืนแอบฟังอยู่ที่หลังมุมย่างอาหารทะเลแทน

พี่นำกับพี่หนึ่งคุยกัน....เรื่องรักแรกของพี่นำ
พวกเขาเข้าใจกันได้ในที่สุด แต่ธามกลับทำความเข้าใจไปด้วยไม่ได้

เพราะรักแรกของพี่นำ

.... คือพี่เจม



cut

 
โอ้ววว หายไปเกือบ 1 เดือนเชียวค่ะ
ขออภัยด้วย
ตอนนี้น้องธามเป็นคนเล่าเรื่องนะคะ เพราะฉะนั้น ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความงุนงง แต่ว่าน้องธามโตขึ้นเยอะแล้ว พูดรู้เรื่อง(?)ขึ้นเยอะเลย รู้สึกกันใช่มั้ยคะ?

ตอนหน้ากลับมาสู่เรื่องราวพี่โป๊ะน้องวิน มาติดตามกันว่าพี่โป๊ะจะเผชิญหน้ากับความไม่มั่นคงทางความคิดและความรู้สีกของน้องวินยังไง

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 12-09-2016 11:22:43
แอบลืมชื่อตัวละคร อ่านแล้วงงเบาๆ55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-09-2016 12:57:34
หมาธาม ตามหารักแรกของพี่นำจนรู้



แล้วจะสร้างเรื่องปวดหัวให้พี่นำใหมเนี่ย



สงสารพี่นำ กลัวหมาธามออกฤทธิ์
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-09-2016 18:59:25
อย่าคิดมากเลยน้องธาม
วินก็ด้วย อย่าคิดมากๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-09-2016 20:44:03
น้องธามรู้จนได้

จะเป็นงัยต่อล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-09-2016 00:27:41
เอาแล้วน้องธามรู้จนได้สินะ
  :katai1: :katai1:

  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-09-2016 06:55:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 13-09-2016 10:51:54
มาตามอ่านจนถึงตอนนี้ ทางวินก็ยังตะขิดตะขวงใจกับพี่โจ้ ทางธามมาเจอแบบนี้อีก โอ๊ย ฮือ สงสารทั้งคู่เลย ไม่รู้สิ บางทีความรักมันไม่ได้มาเติมเต็มคสามระแวงซักหน่อย มันเป็นตัวผลักดันให้ระแวงหรือหึงหวงมากขึ้นต่างหาก ในบางกรณีน่ะนะ ความรักมากจนไว้ใจ ไม่ระแวง ไม่หึงหวงมันก็เป็นได้ แต่รักมาก บางทีก็เห็นแก่ตัวมาก ไม่อยากให้ใครได้ความรู้สึกแบบที่ตัวเองได้ไปไง ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ2) 11-09-16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 22-09-2016 09:30:28
เดาน้องธามไม่ออกเลยว่าจะคิดยังไง แลดูแล้วคู่ที่น่าจัดการยากน่าจะเป็นน้องธามกับพี่นำ มากกว่าเฮียโป๊ะกับน้องวินนะนี่ :mew2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-10-2016 01:05:46
 
ตอนพิเศษ 3


บ่อยๆ ที่เห็นเขาเดินผ่านมาและทักทาย แต่เธอทำเฉยๆ ไม่ค่อยยิ้มและพูดจา แต่สิ่งที่ฟ้องว่ามันไม่จริงคือสายตา สบตากันทุกครั้ง ก็เป็นเธอที่หวั่นไหว

เจ็บปวดรู้ไหมที่ได้รู้ความเป็นจริง ว่าเธอนั้นไม่เคยจะลืม และยังรักเขามากมาย เจ็บปวดทุกครั้งแต่ต้องทนดูเรื่อยไป จะห้ามได้อย่างไร กับเขาคนที่เธอไม่ลืม
                                     
ตั้งแต่เมื่อฉันและเธอตกลงมาคบกัน แค่ตัวเธอเท่านั้น เท่าที่ฉันครอบครองได้
แต่สิ่งที่ฉันต้องการจากเธอคือหัวใจ แต่จะทำยังไง ให้เธอลืมเขาคนนั้น

อยากเก็บเขาไว้คงไม่ฝืนหัวใจเธอ ไม่ต้องการอะไรจากเธอ ถ้าต้องฝืนใจให้กัน
อยากเก็บเขาไว้ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน จะรู้ไว้เท่านั้น ว่าฉันเป็นตัวจริงของเธอ

อยากเก็บเขาไว้ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน จะรู้ไว้เท่านั้น ว่าฉันเป็นตัวจริง...ของเธอ


เสียงร้องไอ้โอมยังสากแหบเหมือนเดิม มันร้องเพลงนี้ได้ขยี้ทุกครั้งแหละครับ
โอมเป็นคนร้องเพลงดี ยิ่งเวลาร้องเพลงที่มันอินมากแล้วนี่มีน้ำตารื้นเชียวครับ
ผมไม่ได้อินกับเพลงนี้ แต่ที่สนใจความหมายของเพลงนี้อีกครั้ง ก็เพราะคนที่นั่งติดกับผม

เด็กคนนี้ฟังเพลงนี้นิ่งๆ ขมวดคิ้วจนผมเดาเอาว่าเขาไม่คุ้นกับภาษาไทย ก็เลยอยากตั้งใจฟัง

“พี่วิน”

“หือ? อะไรหรอธาม”

“เพลงเมื่อกี้”
“อะไร?”

“ชื่อเพลงหรอ ตัวจริงของเธอ”
“ชอบหรอ ให้โอมสอนร้องก็ได้นะ”
“แล้วก็ให้พี่จิวสอนกีตาร์”

“ไม่ไม่”
“ธามไม่ใช่”
“ธามแค่ไม่รู้ใช่มั้ย แต่ธามก็คงเหมือนกัน”

ผมยอมรับว่าผมไม่รู้เลยว่าน้องธามกำลังพูดเรื่องอะไร แต่เห็นสีหน้าเศร้าแล้วอดสงสารไม่ได้
ธามกับผมไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ อาจเพราะธามไม่รู้สึกสนิทใจกับผม ผมเองก็ไม่รู้จะพูดกับธามยังไงไม่ให้ธามรู้สึกว่าผมกำลังเกร็ง

ก็จะไม่ให้เกร็งได้ยังไงล่ะครับ พูดคำเดียวแต่ธามฟังแล้วเข้าใจได้เป็นร้อยแบบ

และแล้วผู้กอบกู้สถานการณ์งงๆ ก็มาถึงเสียที
เจมครับ คนนี้มาพร้อมเครื่องดื่มที่อาสาไปชงมาให้เอง เหล้าผสมแล้วยื่นมาตรงหน้าผม และธาม ส่วนที่วางตรงหน้าเจม กลับเป็นน้ำอัดลมธรรมดา

“อ้าว” ผมทำเสียงพอให้รู้ว่างง ส่วนอ้าวอะไรนั้น จุดสายตาของผมบอกกับเจมหมดแล้ว

“อ๋อ .... คืนนี้ต้องเขียนรายงานส่ง ถึงกำหนดแล้ว จริงๆ เรียกเดดไลน์เลยแหละ นี่ก็หนีมาที่ยว”

“แต่งานสื่อก็ยุ่งแบบไม่เลือกเวลาแบบนี้นี่ครับ”
“เพื่อนป.โทของวิน ก็คล้ายๆ แบบนี้แหละ”

“อื้อ”
“ธาม เป็นไง ทำไมหน้ายุ่งแบบนั้นล่ะ?” เจมหันไปชวนน้องธามคุย มือก็ดันแก้วเหล้าให้อยู่ใกล้มือธามมมากขึ้น

“ธามไม่”

“ไม่ดื่มหรอ? พี่นำไม่อนุญาตหรอ”
“โห่ อะไรเนี่ย โตแล้วน่า”
“เดี๋ยวพี่บอกให้ ดีป่ะ”

“ถ้าพี่เจมบอก นำโอเคหรอ”

“อื้อ คิดว่านะ”
“แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะห้ามธามดื่มนี่”
“เราก็ไปดื่มกันบ่อยๆ มีพี่ดื่มด้วย พี่นำก็ไม่เห็นเคยว่า เนอะ”
“รอนี่นะ เดี๋ยวไปขอให้”

“ไม่ไม่ ธามขอเองก่อน”
“พี่เจมอยู่ตรงนี้นะ อย่าใกล้นำ”

“อ่ะ.....โอเค ไม่ใกล้หรอก” เจมทำตามคำบอกประหลาดๆ ของธาม ผมฟังแล้วก็คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย คิดได้แค่ว่า ธามอยากให้เจมอยู่นิ่งๆ ตรงนี้


แล้วเด็กคนนี้ก็หายไป เครื่องดื่มที่เจมชงมาให้ยังคงวางอยู่ที่เดิม น้ำแข็งที่ละลายคลายความเย็น ทำให้มีน้ำเอ่อรอบขอบก้นแก้วขึ้นมาบ้างแล้ว

“ไปนานขนาดนี้ สงสัยโดนบังคับให้นอนไปแล้วแหละมั้ง” ผมเดาและสงเคราะห์แก้วเหล้าที่ถูกละเลย เจมยักไหล่ ยิ้มให้ แล้วก็กระดกโคล่าฉ่ำน้ำแข็งขึ้นดื่ม ดูๆ แล้ว มันไม่น่าใช้เครื่องดื่มปลอดแอลกอฮอลตามที่เจมบอก

โอมยังเป็นนักร้องหลักของค่ำคืนนี้ ผลัดกันกับต้อมที่แม้จะยีงไม่เม่า แต่ก็ร้องเพลงเหมือนคนเมา เหล่าผู้บริหาร...เอิ่ม ขอเรียกว่ากลุ่มลุงก็แล้วกันนะครับ เพราะว่าอาการหลังการดื่มของมึนเมาของพวกเขา ทำให้เห็นภาพซ้อนของความลุงขึ้นมาชัดเจน

พี่หนึ่งไม่เมามาก แต่พูดมากชิบหายเลยครับ พูด พูด และพูด
พี่หนึ่งพูดจนพี่นำแทบจะหลับคาโซฟากลางวิลล่าหลังนี้แล้ว
ข้างๆ พี่นำคือพี่โป๊ะ และดร.โจ้ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าพวกเขาดูเหมาะสมกันเสียจริง   

และไม่มีธาม ไม่ว่าส่วนไหนก็วงเหล้า วงเล็กและวงใหญ่ ก็ไม่มีน้องธาม

“ธามหายไปไหน?”​ผมงึมงำ หันมองโดยรอบเพื่อประกอบอาการให้เห็นว่ามองหาจาทั่ว

“คงไปนอนแล้วมั้ง พี่นำอาจจะอนามัยจัด กำหนดเวลานอนของแฟนอะไรแบบนี้” เจมเดาส่ง แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นการเดาที่ดูน่าเชื่อถือดีเหมือนกัน


“อือเจม”

“หือ?”

“วินแค่ถามนะ ไม่มีอะไร” ผมเกริ่น รู้สึกกังวลหลังจากเห็นนายมือโปรนั่งอยู่ข้างๆ กับผู้หญิงที่ดูเหมาะกับเราเหลือเกิน

“อือ ก็จะแค่ตอบนะ ไม่ได้อยากเสือกอะไร” อือออ เจมเป็นคนกวนตีนดีจริงๆ ผมหัวเราะในลำคอ ด้วยความสะอึกที่ถูกดักทาง ถอนหายใจเพื่อลดความกังวลที่มันดันเกิดขึ้นและตกค้างเป็นตะกอนอยู่ที่ก้อนลูกกะเดือก

“ถ้ามีคนมาชอบของที่เจมชอบ และมันเป็นของเจมอยู่ จะทำยังไง”

“อืออออออ”
“ของ หรืออะไรที่ไม่มีชีวิตใช่มั้ย?”

“ก็ไม่เชิง”
“เอาว่า ถ้ามีคนมาชอบพี่หนึ่ง เจมทำยังไง”

“อ๋อออ ฮ่าๆๆ”
“ไม่ต้องถ้าหรอก พี่หนึ่งก็มีคนมาชอบตลอดนั่นแหละ”
“ทำไงหรอ? จะทำไงได้ เจมบังคับใครไม่ได้หรอก”
“ที่ทำได้ดีสุด ก็คืออยู่เฉยๆ”
“พี่หนึ่งต่างหากคือคนที่ต้องทำอะไร”

“หือ?”​

“ก็ถ้าพี่หนึ่งหวั่นไหว ก็ไปกับคนที่มาชอบไปซะ ตามใจ”
“ถ้าพี่หนึ่งไม่ได้หวั่นไหว ก็ต้องเป็นคนเคลียร์ปัจจัยที่มันจะเข้ามากระทบความสัมพันธ์”
“ก่อนที่เจมจะรู้สึกว่าถูกคุกคามพื้นที่ของเรา พี่หนึ่งต้องเป็นการจัดการให้เรียบร้อย ไม่ใช่เจม”

“อ่อออ”

“แล้ววินล่ะ จะทำไง ถ้ามีใครมาชอบพี่โป๊ะ”

“วินหรอ” ผมจ้องหน้าเจม ยิ้มให้ และเลือกจะไม่ตอบคำถาม เพราะคำตอบผมมันน่าสมเพช เมื่อเทียบกับคำตอบที่หนักแน่น ซื่อตรง เอาแต่ใจแต่ฟังแล้วยิ้มได้แบบนั้น

พี่หนึ่งช่างโชคดีที่ได้แฟนคิดอะไรก็พูด
พี่โป๊ะโชคร้ายเอง ที่มาคบกับผม

“อย่าป๊อดดิ ก็เพื่อนกันแล้วนี่”
“ตอบดิ เป็นวิน จะทำไง”

“ก็.........”
“เขามาชอบพี่โป๊ะนี่ วินจะทำอะไรได้”
“ทำได้ดีสุด “ ผมเลียนแบบสำนวนการลำดับเรื่องราวของเจม เจ้าตัวยิ้มขำนิดหน่อย แต่ก็ยังจ้องหน้าผมอย่างซื่อตรง
“ก็ให้เขาไป”

“เฮ้ยยยยย!!!”
“นี่พี่โป๊ะนะ ไม่ใช่รถหรู หรือคอนโดที่ไหน”
“ยกให้ทำไม กว่าพี่โป๊ะจะรักวินได้ เขาคงผ่านหลายด่านในใจเขานะ”

“กว่าวินจะยกให้ได้ วินก็ผ่านหลายด่านในใจวินเหมือนกัน”
“แต่การ....” ผมหันมองหัวใจของบทสนทนา เขารื่นเริงอยู่กับเพื่อนเขา พื้นที่ส่วนตัวของพวกเขากำลังห่อหุ้มพวกเขาด้วยความทรงจำที่มีร่วมกันมานาน
“การจะปล่อยให้เขาเข้าที่เข้าทาง มันก็ดีกับเขามากกว่า”
“ถ้าวินไม่....”
“ไม่ได้อะไรมาก ก็คงโกรธ มีเรื่องกัน เคลียร์กัน จะจบดีจบแย่ก็ช่างมัน”
“แต่นี่วิน....”
“อะไรมาก วินเลยคิดถึงสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเขามากกว่า”
“วินก็เท่านี้ ไม่มีอะไรให้หรอก”

“วินนี่น่ารักนะ”
“พี่โป๊ะโชคดีมากเลย”
“เจมก็เคยคิดเรื่องนี้ เรื่องที่ว่า พี่หนี่งน่าจะได้คู่ชีวิตที่ดีกว่านี้ มีความรักที่น่าภูมิใจกว่านี้ เชิดชูหน้าตาเขาได้”
“แต่พี่หนึ่งบอกว่าไรรู้มั้ย”

“ว่า?”

“เจมไม่ต้องคิดแทนจู๋พี่หรอก”

ผมหลุดหัวเราะ รู้สึกลูกกะตาฉ่ำน้ำขึ้นมาดื้อๆ คงเพราะส่วนผสมแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม เรายิ้มให้กันแล้วเจมก็ลุกไปชงเครื่องดื่มใหม่อีกรอบ รอบนี้ เขาดื่มแอลกอฮอล์แล้วครับ ผมแว่วยินเสียงพี่หนึ่งสั่งเตือนอะไรแว่วๆ แต่ดูเหมือนเจมจะเถียงไปส่งๆ แล้วก็กลับมานั่งดื่มกับผม ที่ใกล้ๆ วงดนตรีกีตาร์ และกลองชุดเล็ก

ไอ้โอมกำลังบรรเลงเพลงเจ้าชายนิทรา เสียงแม่งไม่ชวนฝันหวานแต่ก็ถือว่าร้องเพลงดีกว่าผมมากแหละครับ

ปล่อยให้ฉันนอนหลับตา
ก็ยังดีกว่ารู้ว่าเธอไม่รักกัน
ได้โกหกตัวเอง อยู่ในความฝัน
ที่ฉันไม่ต้องการตื่น
จะยอมเป็นเจ้าชายนิทรา
แล้วใช้เวลาที่ยังมีทั้งคืน
ข่มตานอนหลับฝันไม่ยอมตื่น
ให้รักเรายังยั่งยืนอยู่ในฝัน 



ยอมนอนหลับเป็นตายเพื่อใช้เวลาหลอกตัวเองในความฝัน ก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน
ผมอมยิ้มให้กับเนื้อเพลงท่อนที่เข้าหูพอดี ไอ้โอมก็ยังคงร้องเพลงไปตามอารมณ์ตัวเองต่อไป พี่จิวยังเกลากีตาร์ได้เทพเหี้ยๆ จนไม่อยากเชื่อเลยว่าแฝดน้องของพี่จิวจะเล่นกีตาร์ได้เหี้ยมาก ผมไม่ได้ว่าเจมนะครับ ผมวิจารณ์เฉยๆ

ห้าทุ่มกว่า เวลาหิวอีกรอบของพวกลุงเขาก็มาเยือนครับ อาหารที่พวกเขาแห่ไปช่วยกันปรุงในครัวก็คือข้าวต้มรวมมิตรทะเลครับ ลาภปากก็ตกเป็นของพวกผมนั่นเอง

ส่วนของหวานนี่ไม่ไหวจริงๆ ครับ พายมะพร้าวที่น้องธามชอบจนยอมทำตาปริบๆ ของกินอีกชิ้นและอีกชิ้น ยังนอนรอน้องธามตื่นมากินในวันพรุ่งนี้ เพราะพวกผม และพวกเจมกินกันไม่ไหวแล้ว

“วิน”  นายมือโปรเรียกหาผม แต่ก็เดินมาถึงตัวผมทันที มือที่วางบนไหล่แสดงความมีสิทธิเหนือใครในที่นี้ ในกรณีของการเสือกเรื่องของผม

ผมเงยหน้ามองเขา อาการก้มมองพร้อมกับยิ้มให้นี่....ดีต่อใจผมขึ้นมาจนได้ ไม่ชอบเลยจริงๆ  ผมไม่ชอบให้ใครมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผม ผมชอบเป็นนายอารมณ์ตัวเอง

“อะไรอีกพี่โป๊ะ”
“เรียกก็พูด”

“ตะคอกกันทำไมเนี่ย ทำไมต้องอารมณ์เสียกับพี่ ตั้งแต่มานี่ยังไม่พูดดีกับพี่เลยนะ”
“มีอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีนี่ แล้วพี่โป๊ะเรียกวินทำไม?”

“แค่ถามว่าง่วงรึยัง ไปนอนก่อนได้เลยนะ พี่กับเพื่อนกินกันยันเช้า มีเรื่องคุยเยอะ”

“.......” ผมนิ่งใส่ แต่ก็ยังเงยหน้ามองเขาอยู่เหมือนเดิม นายมือโปรโน้มตัวมาหามากกว่าเดิม เอาตามาใกล้เกือบชิดตาผม เอามือมาแหกตาผมแล้วก็หัวเราะใส่

“ง่วงแล้วใช่มั้ย ง่วงก็เลยอารมณ์เสียหน้าเป็นตูดใส่แบบนี้”
“ใช่มั้ย”

ไม่ใช่เสียหน่อย ที่หน้าเป็นตูดก็เพราะหึงแต่ไม่อยากให้รู้ว่าหึงเพราะผมไม่ชอบหึงใคร มันไม่ใช่อารมณ์ที่ผมปรารถนาจะสัมผัส หรือได้รับประสบการณ์

“เปล่า ไม่ง่วงนี่”
“พี่โป๊ะจะกินเหล้ากันยันเช้าเลยหรอ งั้นวินไปนอนก่อนนะ”

“ไปส่ง”

“ส่งใคร? ใครไปไหนหรอครับ?”

“ส่งวินเข้านอนไง”

“พี่โป๊ะ จากนี่ไปห้องนอนเรามันต้องนั่งเครื่องบินกี่ชั่วโมง?” คงรู้แหละว่าผมประชด เขาหัวเราะเขินๆ ลูบหัวผมแล้วก็สะกิดให้ผมเขินไปด้วยกัน

“ห้องนอนเรา ใกล้ๆ นี่แหละ แต่อยากไปส่งให้ถึงห้อง จับอาบน้ำ ใส่ชุมนอน ห่มผ้า จูบหน้าผากส่งนอนให้ฝันดี ขอทำให้ได้มั้ยล่ะครับ”

“ไม่ต้องครับ วินไปนอนเองได้”
“ไปนะ” ผมบอกเสียงแข็ง แต่นายมือโปรก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน  เขาเดินกอดคอผม พาเดินไปห้องนอนเราตามที่พูดกันไว้ แล้วก็ทำทุกอย่างตามที่วางแผนไว้ ผมพยายามค้านแล้วแต่เขาก็บอกว่า เพื่อนเขาแต่ละคนก็ไปส่งแฟนนอนแล้วก็ขออนุญาตแฟนก่อนดื่มทั้งนั้น ไม่ทำบ้างจะรู้สึกแพ้ พูดแบบนี้แล้วผมควรตอบยังไง? ควรสอนให้ปลงโลกดีมั้ย?

“พี่ไปดื่มต่อนะ วินนอนนะ”

“อื้อ”

“ดีๆ ตอบดีๆ ก่อน ไม่งั้นจะจูบให้หน้าชื้นน้ำลายเลย”

“แหยะ ไม่เอา ไปเลย จะกินถึงปีหน้าก็กินเลย วินไม่สนใจอยู่แล้ว”

“แต่พี่สนนี่”
“พูดดีๆ กันก่อน”

“เพื่อ?” ผมนั่งลงบนเตียง และรีบยกเท้ายันหน้าขาเขาเอาไว้ เพราะนายมือโปรทำท่าจะมาคร่อมทับผม
“พี่โป๊ะ ไม่เล่น! จะกินเหล้าก็ไม่ปกินเลย วินไม่ได่ว่าอะไรนี่ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย อย่ามายุ่งกับวิน”

“ตรงนี้แหละที่โคตรไม่ชอบ”
“วินจะทิ้งขว้างความรู้สึกพี่แบบนี้ไม่ได้”
“เรื่องเมื่อกลางวันยังไม่ได้เคลียร์เลย ว่าทำไมตึงใส่พี่ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจก็บอกกันตรงๆ อย่าไปคิดเองเออเอง”

“เมื่อกลางวันอะไร? มั่ว”
“จะไปก็ไปดิ”

“ไม่เอา”
“ขออนุญาตแฟนก่อน”

“ก็บอกไปแล้ว อยากทำอะไรก็ทำไง อย่ามายุ่งกับวิน”

“นี่ไม่ใช่คำอนุญาต นี่เรียกไล่”
“เอาดีๆ”

“กรุณา ไป กิน เหล้า ตามสบาย ครับ”

“ประชด”

“จึ๊” ผมเริ่มอารมณ์ขึ้นบ้างแล้ว ออกแรงยันเขาออกห่างเบาๆ แต่นายมือโปรก็เบียดหน้าขามาหาฝ่าเท้าผมหนักกว่าเดิม แม่งแทบจะทิ้งน้ำหนักตัวมาแล้วเนี่ย ถ้าผมยันไม่อยู่ก็โดนล้มทับแหละครับ 

“เอาดีๆ เร็วๆ”

“วินก็เป็นของวินแบบนี้ พี่โป๊ะแหละเยอะ”

“ก็อยากให้วินพูดดีๆ ยิ้มกับพี่บ้าง มันเยอะตรงไหน”

“เยอะตรงที่พี่โป๊ะอยากให้วินทำเรื่องที่วินไม่ทำ ไม่ว่าจะปกติหรือไม่ปกติ วินก็ไม่ใช่คนพูดดีกับใครอยู่แล้ว ทำไมวินต้องแก้นิสัยวิน หรือไม่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อพี่ใหัพี่ไปกินเหล้าอย่างสบายใจ”
“วินบอกแล้วไงว่าอยากทำอะไรก็ทำ”

“โอเค” เขาดูอารมณ์นิ่งขึ้น แววตาเข้มขึ้น หลบสายตาผมแล้วถอนหายใจ ยอมยืนตัวตรงตามปกติ ละจากอาการยืนกวนตีนผม ภาษากายเขาบอกผมว่าเขากำลังโกรธ

“พี่ก็นอยด์เป็นนะครับ”
“แต่เพราะพี่รักวินแล้ว พี่จะมองข้ามทุกอย่าง แต่ที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ คืออาการแบบที่วินทำอยู่นี่แหละ”

“ทำไม อาการที่วินทำมันทำไมหรอครับ”

“อาการพวกนี้มันคือคำบอกกันว่าวินไม่รักพี่เลย”

“.............”

“พี่เข้าใจอาการวินผิดไปรึเปล่าครับ?”

“.............”

“พี่ไม่คิดเองเออเอง ไม่ชอบเก็บสิ่งที่สงสัยไปคิดเดาคำตอบ ถ้าพี่อยากรู้พี่ก็แค่ถาม”
“ถ้าวินอยากให้พี่รู้ วินก็แค่ตอบ”

“วินไม่มีอะไรตอบ ไม่มีอะไรที่อยากให้พี่โป๊ะรู้”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

“มี”

“ไม่มี”

“มี ถ้าไม่มีไอ้อะไรที่มันตะขิดตะขวงใจ พี่จะไล่จี้ถามวินทำไม”

“ก็พี่โปะเยอะไง”
“ถ้าแค่อยากไปกินเหล้า เชิญครับ วินนิมิตได้แล้วว่าวินจะนอน ตอนนี้เลย”

“......”

“เฮ้ออ วินนี่นะ”
“แคร์พี่บ้าง รักพี่หน่อย มันยากรึไง”

“วินไม่เคยบอกว่าไม่รักพี่โป๊ะนะ แต่ถ้าเรียกร้องอะไรเยอะแยะเพราะกลัวแพ้เพื่อน พี่ก็แพ้ไปเถอะ”
“ยังไงวินก็เป็นแฟนที่น่ารักให้พี่อวดเพื่อนไม่ได้หรอก”
“ถ้าอยากมีแฟนไว้อวดเพื่อน ก็ไปคบคนอื่น”
“คนเต็มใจให้พี่อวดว่าเป็นแฟนมีเยอะแยะนี่ครับ”

“วิน”

“อย่างพี่โจ้”

“...........” เขานิ่งเงียบ เอียงหน้ามองผม ริมฝีปากที่ขยับพูดเป็นชุดเมื่อครู่เม้มมุ้มเข้าหากัน เขาหันหนีไปถอนหายใจทางอื่น
“ทำไมโจ้อีกแล้ว”
“พี่ทำให้วินระแวงหรอ? พี่มีท่าทีกับโจ้หรือทำอะไรที่ทำให้วินคิดว่าพี่จะไปชอบโจ้ได้หรอ?”
“พี่กับเขาคือเพื่อนกัน วันนี้วันไหนก็เพื่อน”

“พี่โจ้เขาชอบพี่โป๊ะนี่ครับ”

“แล้วสำคัญที่ใคร? สำคัญที่พี่ไม่ใช่หรอ?”
“พี่รักวินไง มันไม่สำคัญเท่ากับที่วินฝังใจอยู่เรื่องโจ้หรอ?”
“ทำไมอยากให้เขาสมหวัง แล้วเลือกจะดื้อใส่พี่แบบนี้”
“รักพี่มันก็เรื่องเขา เรื่องของเราคือความรู้สีกพี่กับวิน”

“ก็เพราะรักพี่โป๊ะไง วินถึงอยากให้พี่โป๊ะไปๆ สักที”
“อยากให้พี่โป๊ะทำอะไรก็ทำ ไมต้องแคร์วิน ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมีวินไปมีอิทธิพลเหนือพี่”
“วินน่ารักได้เท่านี้ วินอ่อนโยนได้แค่นี้ วินดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว และวินก็จะไม่พยายาม เพียงเพื่อเป็นแฟนที่พี่โป๊ะอวดเพื่อนได้”
“ถ้าคบวินที่แย่แบบนี้แล้วรู้สึกแพ้เพื่อน ก็เลิกกัน”

“วิน” เขาเหมือนอุทาน เสียงแผ่วที่ผมได้ยินก็คงไม่ต่างจากเสียงหัวใจเขานั่นแหละ สีหน้าเขาดูสับสน แววตาเขาน่าสงสาร เขาคงผิดหวังในตัวผมสุดๆ

ผิดหวังเลยครับ
ผิดหวังไปก็ดี
ถ้าเขาไปรักคนอื่นที่ทำเหมาะสม น่ารักจนอวดเพื่อนฝูงได้ ผมไม่มีคำกร่นด่าใดๆ ให้เขาเลย ผมสามารถมองเขารักคนอื่นอย่างมีความสุขได้จากจุดที่ผมยืน ผมเชื่อแบบนั้น 

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจอีกครั้งจึงได้เงยหน้ามองเขาด้วยแววตานิ่งงันที่ผมมักใช้มองคนอื่น

ผมไม่รู้สึกอะไรหรอก ผมเชื่อแบบนั้น
ผมไม่ได้รักเขามากมายจนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ผมเชื่อแบบนั้น
ผมอยากให้เขารักคนอื่นที่เหมาะกับเขา ไม่อยากให้ต้องฝืนตัวเองอยู่กับคนไม่น่ารักอย่างผมเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกันหรือเพราะผู้ใหญ่

บ้านผมเรื่องเยอะ ผมเองก็เรื่องมาก เขาไม่ควรต้องมาทนกับอะไรแบบนี้ให้เสียเวลาชีวิต ผมเชื่อแบบนั้น

“พี๋ก็เสียใจเป็นนะ”

“............”

“และวินกำลังทำให้พี่เสียใจมาก”
“แต่ช่างเถอะ วินแค่อารมณ์เสีย หงุดหงิดเพราะง่วง”
“นอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว”

“พี่โป๊ะ”
“วินก็เสียใจเป็น แต่ถึงเราจะเสียใจกันเป็น และอาจต้องเสียใจมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปกันรอด”
“วินมองโลกนี้ในแง่ดีไม่เป็น วินขอโทษ”
“แต่เสียใจวันนี้วันไหนก็เหมือนกัน”

“............”

“วินเพิ่งคุยกับเจม”
“วินถามเขาว่า ถ้ามีคนชอบของรักของเขา เขาจะทำไง และเขาก็ถามวินกลับ”
“คำตอบของวิน คือวินให้”
“ถ้ารักของของวินได้เท่าที่วินรักหรือมากกว่า เข้าใจกว่า ดูแลดีกว่า วินยอมยกให้”

“หัดถามของของวินดูบ้างนะ”
“ถ้ารักของนั้นเพิ่มอีกนิด วินจะกล้ามองของรักของวินนานกว่านี้ และวินจะกล้ารักมันมากขึ้นจนโยนความกลัวทุกอย่างทิ้งไป”

“...........”

“ถ้าแค่กลัวเสียใจเพราะความรัก หรือกลัวจะทำให้ของรักต้องเสียใจ ง่ายนิดเดียวเองวิน”

“............”

“รักมันให้มากกว่าเดิม มองมันให้นานกว่านี้ เปิดใจให้มันเข้าใกล้วินมากกว่านี้ และเราจะไปกันรอด”
“วินพูดว่าจะเลิกกับพี่มา 3 ครั้ง”
“ขอให้ครั้งเป็นครั้งสุดท้าย”
“ถ้าพี่ได้ยินยินอีกครั้งเดียว วินจะสมหวัง และเราจะพังทันที พี่จะตามใจวิน”
“ส่วนเรื่องโจ้ หรือเรื่องใครเหมาะใครไม่เหมาะ”
“มันเรื่องของใจพี่ วินไม่มีสิทธิชี้ซ้ายขวา แม้วินจะครอบงำมันอยู่ทั้งหมดก็ตาม”​
“พักผ่อนนะ พี่จะไปสูบบุหรี่”

เขาไม่แตะบุหรี่มาระยะหนึ่งแล้ว ผมสังเกตุได้จากกลิ่นกาย
การหันไปพึ่งบุหรี่ยามเครียด แทนที่จะมาแหย่ผมเพื่อสร้างความสำราญใจให้ตัวเอง คงเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างหนึ่ง ว่าเขาเองก็กำลังค่อยๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างเรา

ดีแล้ว เขาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
เขาเป็นแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าเขามีความสุข
ผมสามารถรักเขาจากจุดที่ผมยืนได้ ตราบใดที่พระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน แผดแสงจ้าเผาม่านตาผมทุกวัน ผมก็จะแหกตาสู้แสงนั้น จนกว่าตาผมจะบอดไป
ไม่ต้องลงมาหา ไม่ต้องขึ้น-ลงผิดเวลา และไม่ต้องค้างอยู่บนฟ้าเพื่อผม

ผมรักของผมได้ จะเจ็บปวด จะเหงา จะทรมานแค่ไหน
ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ผมก็รักของผมได้

นายมือโปรออกจากห้องไปเวลาตีหนึ่งกว่าๆ
ผมทิ้งตัวลงนอน พลิกตะแคงตัวหนุนแขนตัวเองที่เริ่มเปียกโชกเพราะน้ำตาไหลเทลงมาไม่ขาด ไม่มีเสียงสะอื้นของผมแทรกผ่านความเงียบสักนิด มีเพียงเสียงของความพยายามหายใจโกยอากาศเข้าปอดของคนที่ไม่รู้จักกำลังตัวเอง

เรายังไม่ได้เลิกกัน

ท่ามกลางความพยายามหายใจอย่างเงียบเชียบของผม ด้านนอกนั้น น้ำทะเลและหาดทรายยังคงยื้อยุดฉุดรั้งกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เก่งจัง....

เทียบกับผมแล้ว เรี่ยวแรงในการเหนี่ยวรั้งเพียงปลายนิ้วมือของเขาไว้ ผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมี




cut


ครบเดือนก็มาพอดีค่ะ
ต่อช้าเพราะติดหลายภาระกิจ จริงๆ เหตุผลก็แค่ข้ออ้างของคนทำผิด แต่มันก็ช่วยกอบกู้อะไรหลายๆ อย่างของคนทำผิดได้เหมือนกันนะคะ
เพราะฉะนั้น ช่วยรับข้ออ้าง เอ้ย! เหตุผลของเราไว้ด้วยเถอะค่ะ

พบกับบทสรุปตอนพิเศษในตอนหน้า และทางแยกของแต่ละเรื่อง เพื่อเข้าสู่ภาวะปกติค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-10-2016 01:59:51
เฮ้อออ. วินก็ยังนิสัยไม่ดีเหมือนเดิม ทำไมไม่รู้จักโตซักทีนะ. นี้เกิดในตระกูลดีขนาดนี้แต่ทำตัวเข้าใจอะไรยากมากๆพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เจ็บ  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 10-10-2016 10:06:47
 :ling3: นี่อะไรเนีย เคะน้อยๆแต่ละคน สรุปที่หึงก็เพราะรักน่ะแหล่ะ แต่ทำไมปล่อยหัวใจเราเจ็บไปมากมายล่ะนี่
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 10-10-2016 10:10:00
วินก็ยังเป็นวิน คนที่ไม่เคยปรับตัวปรับใจให้ใคร ต่อให้พี่โป๊ะจะพยายามแค่ไหน อิวินก็ยังควายเหมือนเดิม ไปหาคนใหม่เหอะพี่โป๊ะ เป็นเราต่อให้รักวินขนาดไหนเราก็ยอมปล่อยมือละ ความสุขนิดๆแต่ต้องแลกกับความไม่แน่นอน ความไม่จริงของใจวิน เราว่าเราหาคนใหม่ที่ใส่ใจเรามากกว่าวินได้นะ รักเค้ามากกว่าก็เจ็บแบบนี้ไปตลอดล่ะค่ะพี่โป๊ะ #อินมากพูดเลย555 #ทีมพี่โป๊ะ :impress2:  #ทีมถีบหน้าอิวิน :z6:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: superpk ที่ 10-10-2016 13:59:36
วินเองก็คงกำลังสับสน ที่พูดไปทำไปแบบนั้นตัวเองก็เสียใจ
ยิ่งวินคิดอะไรเยอะแยะขนาดนี้เราคิดว่านั่นเพราะวินรักพี่โป๊ะมากแหละ
ไหนจะเรื่องคุณสา ไหนจะมาเจอคุณพี่โจ้แสนดีนี่อีก
พี่โป๊ะอาจไม่คิดอะไร แต่การเห็นคนที่แอบชอบแฟนตัวเองมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
มาดูแล มาเกาะติดมันก็น่าอึดอัดแหละ
ดูอึมครึมทั้งสองคู่เลย แต่น้องธามนี่ครึมเล็กกว่าหน่อย
พี่นำกับน้องธามนี่จริงๆ เจมดูสนิทกับธามมากกว่าพี่นำอีก 555 อย่าหึงเลยนะ
เข้าใจกันเร็วๆทั้งสองคู่เลย รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-10-2016 14:14:20
มันคือความสัมพันแฝงในรูปแบบเพื่อน พี่น้อง ที่แฟนไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้..
ไม่แปลกที่วินอยากถอยออกมา..

ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-10-2016 15:35:44
ออกจะสงสารโป๊ะ วินกลัวเจ็บปวดล่ะมั้ง เลยผลักๆออกไปเอาไว้ก่อน
ช่างไม่รู้เลยว่าเจ็บกันไปล่วงหน้าทั้งคู่

วิธีการเขียน การขึ้นบรรทัดใหม่ เพื่อเน้นอารมณ์ความรู้สึก(ล่ะมั้ง) แต่บางคร้งอ่านแล้วงงนะ ว่าประโยคนี้ใครพูด ประโยคนั้นใครพูด
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-10-2016 16:41:27
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-10-2016 17:29:15
เฮ้อ มนุษย์เปลือกหอย ออกมาจากเปลือกจะอยู่ไม่ได้ ก็เลยปิดฝาแล้วอยู่ในเปลือกต่อไป โลกภายนอกมันน่ากลัวต่อมนุษย์เปลือกหอยแบบเรานี่เนอะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 10-10-2016 22:54:22
สงสารพี่โป๊ะก็สงสาร เข้าใจวินก็เข้าใจ

นี่ถ้ามีเพื่อนแบบวิน คงบอกให้มันอยู่คนเดียวใช้ชีวิตปกติที่เคยเป็น

แช้วนับดูว่าวันๆนึงคิดถึงแฟนกั่ครั้ง หึ้ยยยยยย วินนะวิน ตีตาย
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 11-10-2016 07:10:32
นี่เป็นตอนพิเศษที่มาเที่ยวทะเล เฮฮาปาร์ตี้กันใช่ม้ายยย  บอกที
แต่ละคู่หนักหน่วงใช่ย่อย 

พี่โป๊ะคงต้องลงทุนลงแรงหาวิธีให้วินเข้าใจมากกว่านี้หน่อยล่ะ
วินก็แข็งเสียเหลือเกิน  สรรหาวิธีมาทำร้ายตัวเองได้หลายวิธีจัง 
น่าจะมีบทเรียนให้วินบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-10-2016 07:03:38
 o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-10-2016 15:08:38
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 13-10-2016 22:42:41
เอาความคิด มาต่อติดกับจินตนาการ พร้อมกับทิฐิ การเอาชนะแบบเจ็บ ๆ  :z3:
ดูกันต่อไปแล้วกัน ว่า ทางของทั้งคู่ จะออกมาแนวไหน อย่างน้อย ก็ยังไม่เลิกกัน  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 3) 10-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 16-10-2016 22:05:31
วินนะวิน !
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-10-2016 11:03:21
ตอนพิเศษ 4


“ธาม”
“หมาธาม หลับแล้วหรอ?” พี่นำถามมาได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่าธามนอนหลับตา ธามขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ยังคงนอนกอดอกหลับตาอยู่เหมือนเดิม ไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้นมาสักพัก ธามเดาว่าพี่นำคงกลับเข้าห้องมาของอะไรบางอย่าง และธามก็เลือกจะเงียบ ไม่ตอบคำถามของพี่นำที่ธามว่าธามหลับแล้วหรอ

“หมาธาม”
“คนนอนหลับเขาไม่ขมวดคิ้วกันหรอก ภาษากายเท่านี้ทำไมพี่นำจะไม่รู้เรื่อง”
“ไม่หลับก็มาฟังพี่นำก่อน เร็วครับ” อ้าว....รู้ทันหรอเนี่ยว่าไม่ได้หลับ ธามส่งเสียงจิ๊ขัดใจ และยอมลืมตาขึ้นมอง หน้าพี่นำอยู่ใกล้นิดเดียว

“อะไร” ธามถามเบาๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงใต้ตาตัวเอง พี่นำยังคงยืนโน้มตัว จับเข่าตัวเองไว้ระหว่างเอียงซ้ายขวามองธามทั่วไปหมดทั้งหน้า

“ไม่ได้รู้สึกไม่ดีใช่มั้ย?”
“ธามรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
“จู่ๆ ก็หนีมานอนอยู่เงียบๆ แบบนี้ ไม่ปกตินะ ธามเป็นคนอยากมาเที่ยวทะเลไม่ใช่หรอ?”

“ธามเอนจอยพอแล้วไง ง่วงก็เลยมานอน”

“ไม่ได้โกรธพี่นำแน่นะ”

“ทำไมธามต้องโกรธนำล่ะ นำไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับธามนี่ หรือว่าทำ”

“.............”

“ทำหรือไม่ทำล่ะ?”

“ไม่เคยทำครับ”
“พี่นำทำเรื่องไม่ดีกับธามอยู่แค่เรื่องเดียว ก็ตอนอยากกอดแล้วธามชอบหนีนั่นแหละ แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ถูก เรียกว่าไม่ถูกเวลามากว่า”
“นอกเหนือจากเรื่องนี้ก็ไม่มีเรื่องไหนนะ”

“แล้วเรื่องปิดบังธามล่ะ?” ธามลองถามดูตรงๆ เผื่อว่าพี่นำจะพูดออกมาเอง

“ไม่มีครับ” ธามไม่รู้ว่าทำไมพี่นำต้องพยายามปิดบังเรื่องรักแรกที่ธามพยายามถาม ยิ่งพี่นำปิดไว้ ธามก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ธามคิดเดาไว้ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

พี่นำยังลืมพี่เจมไม่ได้ ถึงได้บ่ายเบี่ยงการพูดถึงเรื่องลึกๆ ในใจแบบนี้
แล้วถ้าพี่นำยังลืมพี่เจมไม่ได้ แล้วธามคืออะไรสำหรับพี่นำหรอ?

ธามไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร แต่คำอธิบายที่ธามยกให้กับสถานะของตัวเองตอนนี้ก็คือ ตัวแทนที่แทนเขาไม่ได้เสียที
เพราะธามไม่ดีเท่า ไม่น่ารักเท่า ไม่สดใสเท่า ไม่โตเท่า
แล้วธามควรทำยังไงพี่นำถึงจะลืมรักแรกไปเสียที  จะให้ธามโตให้ทันพี่เจม มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

“คิดอะไรอยู่ครับ หน้ายู่ไปหมด”
“ไปแจมกับพวกพี่มั้ย หือ?” พี่นำธาม มือที่เคยค้ำไว้ที่หัวเข่าตัวเอง ยกขึ้นมาไล้คิ้วธาม ลูบเปลือกตาธาม

“เจมก็มาเหมือนกัน”

ทำไมธามถึงควรอยู่ในที่ที่พี่เจมอยู่ล่ะ?
เขาได้แต่ถามตัวเอง แต่ก็คิดหาคำตอบไม่ได้เสียทีว่าพี่นำต้องการอะไรกันแน่
ถ้าพี่นำอยากอยู่ใกล้พี่เจมนัก เพื่อรำลึกถึงรักแรกที่ไม่เคยลืมเลย ก็ควรจะดีใจแล้วที่ธามเอาแต่อดอู้อยู่ในห้อง ไม่ออกไปนั่งทำเรื่องที่พี่นำรำคาญ
 
“คุยกับเจม ธามไม่เหงานี่ครับ”
“ช่วยไอ้โป๊ะมันด้วยไง ไปเถอะ”

“โป๊ะเกี่ยวอะไร”

“วินน่าจะโกรธเรื่องอะไรสักอย่าง โป๊ะมันก็เครียดๆ ไม่รู้จะลากออกจากห้องยังไง ธามไปช่วยหน่อยสิ”

“เดี๋ยวพี่วินว่าธามยุ่ง”

“ไม่มีใครว่าธามหรอก ธามเป็นเด็กสุด เขาเอ็นดูกันทั้งนั้น”

“...........”

“ช่วยโป๊ะมันหน่อยนะ”
“พาวินออกมานั่งกินเหล้ากัน คุยกัน ใกล้กัน”
“ถ้าได้คุยกันแบบไม่มีกลไกอะไรมาปิดบังความรู้สึก หรือบิดเบือนความคิดแล้ว วินกับโป๊ะน่าจะเข้าใจกันมากขึ้น นะครับ”

“งั้น.......” เขารีบต่อรองทันที ธามไม่รู้หรอกว่าธามจะช่วยพี่โป๊ะได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ธามช่วย ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“งั้นถ้าธามทำให้พี่วินออกมาคุยกับพี่โป๊ะได้ นำต้องให้รางวัลนะ”

“หือ? อะไรกันเนี่ยหมาธาม ใครสอนให้ต่อรองกับพี่นำครับ หืม?”  นี่นำกำลังถาม หรือนำกำลังกล่อมกันแน่ ลูบแก้มจนธามจะหลับอยู่แล้วนะ เขาขมวดคิ้วใส่ เตะผ้าห่มทิ้งไปแล้วเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงแทน ธามจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะธามจริงจังกับเรื่องนี้มาก ธามไม่อยากไม่ชอบรักแรกของพี่นำก็เพราะว่าธามชอบพี่เจม นำนั่นแหละที่ต้องเปลี่ยนรักแรกของนำซะ

“รางวัลไง ให้ได้ก่อนสิ”

“โอเค ถ้าธามช่วยโป๊ะได้ พี่นำจะให้รางวัล”

“เป็นรักแรกของนำนะ นำต้องบอกว่ารักแรกคือใคร”

“.............”

“ได้มั้ยก่อนสิ”

“หมาธาม...พี่นำบอกแล้วไงว่าไม่”

“มี!” ธามฉวยจังหวะย้ำความเชื่อมั่นตัวเองทันที
“เผื่อนำจะยังปิดไว้ต่อ ธามรู้แล้วว่ารักแรกของนำคือใคร โซ....บอกธามเองเถอะ”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว ใจธามสนิทกับนำเหมือนเดิมไม่ได้”
“มันเป็นว่างๆ นำเข้าใจสิ”

พี่นำดูอึ้งไป จากนั้นก็ถอนหายใจและย่อตัวนั่งลงบนเตียง พี่นำมองหน้าธามอยู่นาน จากนั้นก็พยักหน้ารับปากและยิ้มให้บางๆ

“ครับ เราจะคุยกันเรื่องรักแรกของพี่ คุยจนกว่าธามก็พอใจ”

“โอเค”  ธามคว้ามือพี่นำมาจับเพื่อสัญญาต่อกัน จากนั้นก็กระโดดขึ้นยืนบนเตียง กระโจนลงจากเตียงและวิ่งออกไปยังห้องพี่โป๊ะกับพี่วินทันที


“พี่วิน!” ธามตะโกนเรียกหน้าห้อง เคาะประตูห้องแรงๆ 1 ที แล้วก็ยืนรอ เคาะอีกทีแล้วก็ยืนรอ แต่พี่วินก็ยังไม่ออกมาสักที ธามก็เลยเรียกอีกครั้ง
“พี่วิน!!!!” และเคาะประตูอีก 2 ที จากนั้นก็กอดอกเฝ้ารอ แต่ธามเป็นคนที่ความอดทนต่ำ ไม่ชอบรออะไรนานๆ ทำอะไรปุบปัดจนจูเองยังบ่นใส่บ่อยๆ ธามก็เลยรอพี่วินได้เท่านี้
“พี่วิน ธามเข้าไปแล้วนะ” พูดจบก็เปิดประตูห้องพี่วินทันที คนที่ธามมาหากำลังจะเดินมาถึงประตูอยู่แล้วเชียว ใบหน้านิ่งๆ ดูเคร่งเครียดทำให้ธามลืมจุดประสงค์ตัวเองไปชั่วขณะ
“พิ่วิน ไม่สบายหรอ  ธามไม่กวนก็ได้นะ”

“แล้วแต่ธามเลย”
“แสดงว่าไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรใช่มั้ย”
“งั้นพี่นอนนะ ปวดหัว”

“เอ้อ!”
“เอ่อ....ก็มีนะ”
“แต่พี่วินไหวรึเปล่า ไหวสินะ”
“ดูไม่สบาย”

“ก็นิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก”

“แล้ว......” ธามชวนคุยต่อ ระหว่างนั้นหันไปเห็นพวกกองเสื้อผ้าที่ข้างเตียง  ดูๆ แล้วเหมือนว่าพี่วินกำลังเก็บของอยู่เลย หรือว่าจะกลับแล้ว อา...เสียดายจัง
“พี่วินจะกลับหรอ”

“หือ?” อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตื่นตัวใส่ ธามรู้ ธามดูออก นำก็สอนบ่อยๆ ให้อ่านภาษากายคนอื่นแทนที่จะฟังสิ่งที่เขาบอกกล่าวอย่างเดียว
“ก็....อยากไปนอนบ้านน่ะ”
“เรียกที่บ้านมารับ ให้พี่โป๊ะอยู่เล่นกับธามที่นี่แหละ ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่พากลับก่อนหรอกครับ”​

“ไม่ใช่ซะหน่อย ธามไม่สนโป๊ะหรอก”
“พี่วิน ไม่ต้องกลับหรอก พระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลสวยนะ  นำบอก พี่เจมก็....พี่เจมก็บอกเหมือนที่นำบอก”​ แค่พูดชื่อธามยังรู้สกด้อยกว่า นี่ถ้าธามต้องเจอหน้าพี่เจมอีกครั้ง ธามจะทำหน้าตาให้หมือนเดิมได้ยังไง เขาเดินมานั่งบนเตียงใหญ่ รอให้เจ้าของห้องมานั่งข้างๆ กัน ถึงได้ช่วนคุยต่อ
“ทำไมพี่วินจะกลับเลย”

“ไม่มีอะไรนี่ จริงๆ คุยกับเจม กับธามก็สนุกดี พี่แค่สนุกพอแล้ว”

“สนุกไม่มีพอหรอก สนุกได้เรื่อย แบบยาวๆ”
“เราไปสนุกกันต่อข้างนอกกัน พี่นำบอกว่าจะร้องเพลงกันสนุกใหญ่ พี่โอมไง พี่โอมก็ร้องเพลงเก่ง”

“พี่ฟังเบื่อแล้ว”
“น้องธามมีอะไรรึเปล่า บอกตรงๆ ได้นะ”
“เอาจริงๆ พี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องใครหรอก ถึงจะห่วง แต่ถ้าไม่ได้บอกให้ยุ่ง พี่ก็จะไม่ยุ่ง”

“เอ่อ.....ธามก็มีเรื่องไม่ดีใจ แต่ธามก็ไม่อยากให้คนนั้นไม่ดีใจไปด้วย”
“คือ....”

“พี่งงแล้วแหละ พูดแค่ประธาน กิริยา กรรม พี่น่าจะรู้เรื่อง”
“ไม่ใช่ว่าธามพูดไม่รู้เรื่องนะครับ พี่เป็นคนฟังไม่เก่งต่างหาก”

“ฮ่าๆๆ ธามรู้ไงว่าธามพูดงง”
“เฮ้ออออออออ” ทั้งที่เป็นฝ่ายมาชวนพี่วินออกจากห้อง แต่ธามเองนั่นแหละที่เป็นทิ้งตัวแผ่บนเตียง แล้วก็ดึงให้พี่วินเอนตัวตามลงมา
“ธามน่ะ รู้แล้วว่ารักแรกของนำคือใคร”

“..............”

“เศร้าเลย เพราะธามไม่เคยคิดว่าตัวธามจะไม่ชอบเขา แต่พอรู้ว่าเป็นเขา ธามก็คิดไม่ชอบเขาขึ้นมา ธามเลยไม่ดีใจ”

“อาฮะ...ก็ยีงงงอยู่ดี”
“แต่ธามเล่าต่อเถอะ”

“พี่วินอยากรู้หรอ งั้นไปฟังข้างนอกห้องนะ”

“ไม่ล่ะ พี่ไม่ได้อยากรู้ แต่ที่ถามต่อ ก็เพราะอยากให้ธามได้พูด ธามจะได้สบายใจ”

“อ่อ”
“มีแต่คนใจดีทั้งนั้นเลย ทั้งที่วิน ทั้งเขา” ธามเอ่ยชมแล้วก็เงียบ เขาเหม่อมองเพดานที่สะท้อนแสงไฟนวลตา

“เขา ใครหรอ”

“คนที่นำรักครั้งแรก”

“เจมหรอ?”

“หือ? พี่วินรู้ก่อนหรอ?”

“เปล่า .. เดาเอา”
“ก็ปกติ ธามพูดถึงใครธามก็พูดชื่อนั้น และธามก็พูดถึงเจมบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่พูดถึง พูดก็น้อย แล้วก็ดูเศร้าแต่ไม่โกรธ”
“อีกอย่าง เจมก็น่ามีความเป็นไปได้มากสุด เพราะดูพี่นำเอาใจใส่”
“แต่ว่านะ พี่ว่าพี่นำเขาไม่สนใจเจมแล้วแหละ”
“เห็นมองแต่ธาม”

“ก็เหมือนพี่โป๊ะมองแต่พี่วิน”
“ใช่มั้ย”

“....ไม่รู้สิ” ฟังคำตอบแล้วธามรู้สึกได้แล้วแหละว่าพี่วินกำลังมีเรื่องในใจบางอย่างที่เกี่ยวกับพี่โป๊ะ

“พี่วิน”

“หือ?”

“จริงๆ แล้ว นำให้ธามมาพาพี่วินออกจากห้องไปนั่งคุยกันเยอะ แลกกับนำจะบอกธามเองว่าใครคือรักแรก แต่ว่า ถ้าพี่วินไม่อยากไป ธามไม่เอารางวัลก็ได้”
“แต่ธามพูดได้สินะ”

“ธามพูดได้อยู่แล้ว ก็พูดอยู่นี่ไง”

“ไม่ใช่ไง ธามอยากพูดถึงพี่โป๊ะ”

“อ๋อ เอาสิตามสบายใจเลย”

“โป๊ะใจดีนะ โป๊ะดูแลธามดี แล้วก็ในทีมคนอื่นๆ ด้วย”
“ทุกคนชอบโป๊ะถึงโป๊ะจะเสียงดัง พูดไม่ดีเวลาอารมณ์ไม่ดี แต่โป๊ะช่วยทุกคนเลย จริงๆนะ”

“อื้อ”

“ถ้าพี่วินจะไม่ชอบโป๊ะแล้วเพราะโป๊ะไม่ดี ธามบอกให้เลย โป๊ะดี”

“พี่รู้ ก็เพราะพี่โป๊ะดี พี่เลยไม่อยากออกไปคุย”
“งงใช่มั้ย”

“อื้อ”

“พี่ไม่อธิบายหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ธามจะเข้าใจได้เพียงเพราะฟังพี่”
“เอาว่า คิดตามนะ”
“ธามชอบกินโกโก้ พี่นำเป็นคนดี ธามชอบพี่นำ ธามก็เลยให้พี่นำกินโกโก้ด้วย”
“แต่ว่า พี่นำจะกินแค่โกโก้อย่างเดียวไม่ได้หรอก พี่นำต้องกินอย่างอื่นเยอะๆ กินของอร่อย กินของมีประโยชน์ กินของที่พี่นำชอบ”
“สุดท้าย ถึงธามจะรู้ว่าพี่นำกินโกโก้ของธามแบบไม่บ่นอะไร เต็มใจกินไปตลอดชีวิต ธามก็อยากให้พี่นำกินของที่เหมาะกับพี่นำจริงๆ ใช่มั้ย”

“ก็ใช่ไง”
“แต่นำเลือกเองนี่ว่าจะกินโกโก้ตลอดไป”
“ทำไมต้องสนของกินอย่างอื่น ธามสนใจแค่นำ”

“ดีจังเลยน้า” พี่วินพูดเสียงแผ่วเบาแล้วก็เงียบไป ธามได้ยินเสียงถอนหายใจบ่อยๆ แตไม่ได้หันไปมอง
“แต่ว่า...พี่สนแค่พี่โป๊ะไม่ได้ไง”

“ทำไมล่ะ ชอบคนอื่นมากกว่าโป๊ะหรอ?”

“พี่โป๊ะน่ะ พี่ชอบที่สุดเลย”
“ก็เพราะชอบที่สุดแล้ว ถึงอยากปล่อยไป”

“ไม่เข้าใจกว่าเดิมอีก”
“พี่วินประหลาด พี่วินชอบความโลนลี่ ทำไมชอบที่สุดแล้วต้องปล่อยไป”

“ก็พี่ไม่คิดว่าพี่คิดสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพี่โป๊ะไง”

“ดีสุดแล้วหรือยังไง ต้องให้โป๊ะตัดสินใจสิ”
“ใจโป๊ะก็ต้องแคร์นะ”
“ธามก็รักนำมาก แล้วธามก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าคนที่นำรักครั้งแรกหรอก”
“แต่ว่า ธามไม่เคยคิดจะเลิกกับนำ หรือไปจากนำ หรือให้นำจากไป”
“พี่ธามอยากรู้ว่านำรักแรกใคร ก็เพื่อจะทำให้นำรักธามทั้งหมด”
“ธามต้องดีกว่ารักแรก”
“นำจะได้มีรักเดียว”

“ดีจังน้า” พี่วินยังคงพูดเสียงแผ่วเบา ธามไม่แน่ใจว่าเข้าใจพี่วินมั้ย แต่ธามก็รับรู้ได้ว่าพี่วินรักพี่โป๊ะ แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรพี่โป๊ะเหมือนที่นำบอก

ธามปล่อยเวลาให้ผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ธามผลอหลับไป ส่วนคนที่นอนบนเตียงนั้นหายไปแล้ว

“อ่าว พี่วิน”
“ไหนว่าไม่ไปข้างนอกไง หรือว่ากลับบ้านไปแล้ว”
“เฮ้ย!”
“โอ้มาย!!”
“พี่วิน!!!!”
“โป๊ะ!!!!!!! โป๊ะ!!! นำ!!!”
“ทุกคน!!! พี่วินกลับไปแล้ว ช่วยด้วยยยยย” 



ไม่มีพี่วินเลย
หายไปไหนเนี่ย
ทุกคนช่วยกันเรียก พี่วินก็ไม่มา หรือว่ากลับไปแล้วจริงๆ
ทำไมพี่วินไม่บอกธามไว้ซะหน่อย กลับไปเลยแบบนี้ได้ยังไง
แล้วทำไมธามไม่ได้เรื่องแบบนี้ ทำไมเผลอหลับไป ทำไมไม่ตื่นมาทันห้ามพี่วินเอาไว้
พี่วิน....ไม่น่าเลย

“ธาม”
“หมาธาม เป็นอะไร?”

“โป๊ะ ธามขอโทษนะ ธามไม่ดีเองพี่วินก็เลยจากไป”

“เฮ้ย!”
“วินไม่ได้จากไป”

“ธามรู้ไง ธามแค่พูดไม่ถูกเอง”
“โป๊ะ ไม่เศร้านะ”
“พี่วินชอบโป๊ะที่สุดนะ พี่วินแค่ไม่อยากให้โป๊ะกินแค่โกโก้เอง”

“เอ่อธาม” พี่โป๊ะแตะไหล่ ค้อมตัวมาหา แต่ธามก็ยังไม่กล้าสู้หน้าพี่โป๊ะอยู่ดี ก็เลยถูกช้อนคาง เสยหน้าให้สบตากัน

“ฟังพี่ดีๆนะ”

“อื้อ”

“วินไมได้ไปไหน วินแค่เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า”

“..........”

“เตรียมตัวนอนจริงๆ แล้วรอบนี้”
“เลิกดราม่า เลิกตื่นตูม”
“ง่วงก็นอน ไม่ง่วงก็มานั่งคุยกับพวกพี่”
“ลูกหมาเจมก็นั่งจ๋องอยู่”
“เอาไง”

“ธาม...”
“ธามว่าธาม...หิวข้าว”


เมื่อพี่โป๊ะรู้ว่าธามหิวข้าวอีกแล้ว ธามก็ได้กินข้าว รอบนี้โป๊ะทำข้าวผัดไข่ให้ เพราะเนื้อหมูเนื้อไก่เนื้อกุ้งเนื้อปลาหมึกหมดจากตู้แช่แล้ว โป๊ะไม่อยากกวนพนักงานโรงแรมเพราะมันเลยเวลาทำงานของพวกเขามามากแล้ว โป๊ะเลยบอกธามนั้นๆ ว่ากินเท่าที่มี
แต่แค่เท่าที่มีให้กินก็อร่อยมากแล้ว
ระหว่างที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ ดูภาพยนตร์ที่โป๊ะเปิดให้ดูในวิลล่า พี่เจมก็เดินมาหา พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดธามก็เลยแบ่งข้าวผัดให้กิน
พี่เจมดีกับธามเหมือนเคย แบบนี้ธามจะดีกว่าพี่เจม เพื่อให้นำมีแค่รักเดียวคือรักธามได้ยังไงกัน

“พี่แย่งกินหรอ ขอโทษที แต่มันหิวนี่”
“เดี๋ยวให้จิวทำให้เพิ่ม เอามั้ย ขอโทษนะ”

“หือ? อะไรหรอพี่เจม” ธามถามเพราะไม่เข้าใจว่าพี่เจมขอโทษอะไร เมื่อกี้ธามมัวแต่มองพี่เจมเหม่อๆ

“ก็ธามดูเศร้าๆ เพราะพี่แย่งกินข้าวล่ะสิ”

“ไม่ ไม่ไม่”
“ธามโอเค แค่นี้เอง พี่เจมหิวก็กินเยอะๆ เดี๋ยวกินนมในตู้เย็นก็ได้”
“บอกนำก็ได้ หิวอีกก็ไปซื้อใหม่ก็ได้ ในเซเว่นไง มีนะ”

“อ่อ งั้นกินนะ แม่งอร่อยว่ะ”
“พี่โป๊ะทำอาหารเก่งกว่าพี่หนึ่งอีกนะเนี่ย แต่ธามอย่าพูดไปล่ะ เดี๋ยวพี่หนึ่งน้อยใจ”

“โทษที ได้ยินแล้วครับ”

“อ้าว เฮ้ย!”

“เฮ้ยอะไร เฮ้ยไม่ทันแล้ว เพิ่งรู้ว่าพี่ทำไม่อร่อย แล้วฝืนกันรึไงตั้งหลายปี”
“ขนาดเจมฝืนกินนะเนี่ย”

“โหยยยพี่หนึ่ง”
“อย่าพูดงี้ ขอโทษๆ แต่พี่โป๊ะเก่งก็ต้องชมไง”
“ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบรสมือพี่หนึ่งนี่”
“เจมขอโทษน้า”​

แล้วพี่หนึ่งก็ยิ้มให้ มือที่ล้วงกระเป๋าอยู่ยกขึ้นมาลูบหัวพี่เจม เสียงหัวเราะของทั้งคู่ทำให้ธามยิ้มตามไปด้วย

“อิ่มมั้ยธาม หมาเจมมาแย่งกินหมดเลยสิ”
“พี่ทำอะไรให้กินเพิ่มดีมั้ย”

“ไม่ต้องๆ ผมดูแลเองได้น่า” ธามยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็มีคนมาให้คำตอบแทน พี่นำเดินมากอดคอธามไว้แล้วโน้มหน้ามาถาม
“อยากกินอะไรอีกครับ”
“พี่นำดีใจมากนะเนี่ยที่ธามกินได้เยอะ ลากพวกมันไปกินข้าวบ้านเราที่กรุงเทพบ่อยๆ ก็ดีเนอะ ธามจะได้เจริญอาหาร”

“ธามอิ่มแล้ว นำหิวอีกมั้ย”

“ไม่ล่ะ กับแกล้มไอ้หนึ่งเยอะแยะ”
“อิ่มแล้วจะไปนอนเลยมั้ย หรือมานั่งเล่นรับลมทะเล”

“อยู่กับนำ”

“ดีครับ พี่นำก็อยากอยู่กับธามเยอะๆ”

“อ้วกกกกกกกก” จู่ๆ พี่หนึ่งทื่ยืนเกี่ยวคอพี่เจมอยู่ก็ทำท่าเหมือนจะล้มกองไปกับพื้น ส่งเสียงอ้วกๆด้วย น่าเกลียด
“เจมอ้วกออกมา อ้วกเร็วๆ ไม่ต้องเสียดายข้าวผัดบ้านๆ เดี๋ยวพี่ทำให้กินใหม่”
“อ้วกเร็วครับ แม่งโคตรเลี่ยนว่ะไอ้หมอ”
“มาจ่งมาจีบอะไรกันตรงนี้ ดูเพื่อนด้วย”
“ไอ้โป๊ะจะตายห่าอยู่แล้ว ไปช่วยมันเร็ว”

“ผมจะช่วยอะไรได้ ส่งธามไปพาวินออกมาจากห้องก็จบอย่างที่เห็น จะให้ทำอะไรอีกล่ะ”

“คุณเป็นหมอจิต คุณต้องดูออกสิว่าจริงๆ แล้ววินกำลังคิดอะไร”

“คาดหวังเวอร์แล้วไอ้หนึ่ง”
“ผมรู้จักมนุษย์อีกคนมากสุดก็คือธาม เพราะผมมองของผมตลอด ห่วงตลอด”
“คนเข้าใจวินที่สุดก็คือไอ้โป๊ะนั่นแหละ”
“แล้วโป๊ะก็ไม่ได้โง่ ผมว่าที่มันทำเย็นชาอยู่ก็เพราะทำดีสุดเท่าที่มันทำได้แล้ว ก็เท่านั้น”

“สงสารมันน่า คิดอุบายมาดิ อะไรก็ได้ ให้วินเห็นใจมันบ้าง”

“อื้อๆๆ พี่วินรักพี่โป๊ะมากนะ” ธามเสริมขึ้นทันที เรื่องนี้ธามมั่นใจมากๆ ใครอย่ามาเถียงธามนะ

“ใช่ เจมก็คิดว่าวินรักพี่โป๊ะมากนะครับ”
“แต่ก็มีนี่ครับ คนที่ยิ่งรักก็ยิ่งหนี”
“อาจจะเป็นประเภทที่ โตมาแบบไม่กล้ายึดจับอะไร หรือใคร”
“ถึงจะรักมากยังไง มือก็สั่นอยู่ดี”

“ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ก็รักกันแล้วทำไมหมางเมินกันขนาดนี้ เป็นพี่คงทนไม่ได้ ยังไงก็ต้องง้างปาก” พี่หนึ่งบอกแล้วก็หันไปเอาหัวซุกหัวพี่เจม ธามก็เลยหันมองพี่นำว่าเศร้าลงบ้างมั้ยที่เห็นรักแรกเล่นกับคนอื่น แต่พี่นำกลับมองธามอยู่ก่อนแล้วเนี่ยสิ

“ไปรับลมทะเลกันมั้ย”

“อ่อ อื้อ!”

“พี่นำจะได้ให้รางวัลด้วย”

“แต่ธามช่วยอะไรโป๊ะไม่ได้นะ ได้รางวัลได้หรอ”

“พี่อยากให้นี่ครับ เพราะอย่างน้อยวินก็ออกจากห้อง”

พี่นำจูงมือธามเดินออกจากวิลล่า ตรงโซฟาริมระเบียงใหญ่คือโต๊ะใหญ่ๆ และแก้วน้ำจำนวนมากที่ไม่รู้ของใครเป็นของใคร มีอาหารอยู่หลายจาน วงดนตรีเล็กของพี่นจิวกับพี่ต้อมแล้วก็พี่โอมยังคงทำหน้าที่ด้วยเสียงร้องยานๆ ดูเหมือนจะเมากันแล้ว ส่วนคนที่ดูไม่เมา กำลังนั่งดื่มกันเงียบๆ แต่ความเงียบนั้นกลับดึงความสนใจของธามเอาไว้

พี่วินกับพี่โป๊ะนั่งดื่มกัน2 คนเงียบๆ .... เงียบมากๆ
ธามอดกังวลไม่ได้ว่า หากคนใดคนหนึ่งเมา อีกคนคงช่วยพยุงเข้าห้องไม่ไหว เพราะทั้งคู่ไม่หันมองสภาพกันและกันเลย   

“นำ”

“ครับ?”

“พี่วินกับโป๊ะ จะโอเคมั้ย”

“โป๊ะมันก็รักของมันมา ถ้าไม่รู้จักดีก็คงไม่รัก และถ้ารักโดยที่รู้จักดีแล้ว ก็ต้องโอเค”
“หมือนเรานั่นแหละ”
“เพราะรักโดยที่รู้จักดีแล้ว เราก็เลยโอเค”

“...........” นำพูดให้งงอีกแล้ว ธามยังไม่ได้ค้านอะไร เพียงแค่เดินตามนำไปเรื่อยๆ
เสียงคลื่นซัดเข้าเซาะหาดทรายดังขึ้นตามแรงลมที่โหมพัดมา เสื้อธามโป่งปลืวตามแรงลมจนผิวกายรู้สึกหนาวขึ้นมาดื้อๆ ไม่รู้ว่านำจะหนาวมั้ย

“นั่งตรงนี้กันเถอะครับ” ที่ที่พี่นำชวนนั่ง คือชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ที่ผูกกับกิ่งไม้สูงไม่ห่างจากริมหาดนัก ธามหย่อนตัวนั่ง หันมองพี่นำที่นั่งลงข้างๆ และยันขาแกว่งชิงช้าเนิบๆ

“อยากคุยมั้ยครับ”

รู้ทันอีกจนได้
ทำไมพี่นำถึงได้รู้ไปทุกอย่างแบบนี้นะ?
ธามพยักหน้าเป็นคำตอบ ยิ้มให้เจื่อนๆ ยกขาพาดขาพี่นำไว้แล้วก็พูดตรงๆ

“ธามอยากคุยเรื่องรักแรกของนำ”

“ครับ คุยอะไรล่ะ”

“ก็..คุยว่าธามรู้แล้วว่าคือใคร แต่ว่าธามไม่รู้สึกไม่ดีกับเขาหรอกนะ”
“นำไปรักเขาเอง ธามอยากรู้เอง ธามได้รู้แล้วธามก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่ารู้แล้วยังไงต่อ เพราะนำก็บอกมาตั้งนานแล้วว่าไม่มี ถึงมีก็ไม่มีอะไร”​

“อื้อ เก่งขึ้นนะหมาธาม แล้วเราจะทำยังไงกับรักแรกของพี่นำดี”

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก นำอยู่เฉยๆ ธามทำเอง”

“หือ? ธามจะทำอะไรครับ”

“ธามจะดีกว่าเขา เพื่อให้นำมีแค่รักเดียว”
 
พี่นำเอามือปิดหน้าตัวเองไว้แต่ดูก็รู้ว่าอมยิ้มแทบไม่มิด ครู่เดียวก็โอบธามไปกอดไปฟัด คำกระซิบข้างหูทำให้ธามได้รู้ว่าพี่นำเองก็กังวลไม่แพ้กัน และสิ่งที่พี่นำกังวลก็คือเรื่องที่ธามเคยติดว่าตัวเองอาจจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

พี่นำบอกว่า ขอบคุณนะครับพี่ไม่ระแวงพี่ และ พี่รักธามคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เท่านี้ก็โอเคแล้วแหละมั้ง
ธามเองก็ไม่รู้ว่าจะดีกว่าพี่เจมได้วันไหน เดือนไหน ปีไหน  บางทีพี่นำอาจจะแก่ตายไปแล้วก็ได้กว่าธามจะดีกว่าพี่เจม
เพราะฉะนั้น...แค่นี้ก็โอเคแล้ว

“หมาธามกลัวทะเลตอนกลางคืนมั้ย”

“ไม่สินะ เอ๊ะ ทำไมหรอ เราจะเล่นน้ำกันตอนนี้หรอ?”

“อื้อ มาสิ เปียกกัน”

นำบ้า ทำไมต้องจูบก่อนเล่นน้ำด้วย กอดฟัดจนคอจนอกจะช้ำอยู่แล้ว
พี่นำพอใจกับจูบแล้วก็ลกขึ้นยืน อุ้มธามพาดบ่า แล้วก็พาไปลงน้ำทะเลทันที

ถึงยังมีเสียงคลื่นซัดเซาะทราย แต่เสียงเต้นของหัว ใจพี่นำกลับดังกลบเสียงใดๆ ในโลกใบนี้

เราเปียกกันทั้งตัว


#### @ D A W N  #####
 

ทั้งที่ธามกำลังเล่นน้ำทะเลสนุกแท้ๆ แต่บนวิลล่ากลับดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ธามกับพี่นำสะดุ้งเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย และได้ยินว่าไอ้วินว่ายน้ำไม่แข็ง เฮีย เฮียช่วยมันด้วย เฮีย!!!



cut


อา...ไม่รู้สมเหตุหรือสมควรมั้ย แต่เราก็ตัดสินใจลงนิยายในวันนี้ วันที่ 23 ต.ค.2559
อย่างน้อยๆ ก็ให้คนอ่าน และคนรอเรื่องนี้ ได้คลายความทุกข์โศกลงบ้าง เล็กน้อยก็ยังดี
ขอบคุณสำหรับการเปิดใจค่ะ

หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: superpk ที่ 23-10-2016 13:49:38
โป๊ะวินยังอึมครึม ตอนหน้าต้องดีกันได้แล้วนะ ไม่เข้าใจกันนานๆไม่ดีหรอก
วินว่ายน้ำอะไรยังไง จมน้ำหรอ?  :sad4:
มาถึงพาร์ทน้องธามทีไรยิ้มตลอดเลย หยุดไม่ได้ ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง ทำไมน่าเอ็นดูแบบนี้
จะไปตามเขาออกจากห้อง สุดท้ายกลายเป็นชวนเขานอนคุย ลงเอยที่เผลอหลับ
ตื่นมาก็โวยวาย แล้วธามก็หิว หยุดน่ารักได้แล้ว 55
ชอบที่ธามพูดถึงพี่โป๊ะ ไม่ได้คาดคั้นถามถึงเรื่องที่ทะเลาะให้วินลำบากใจ
แค่พูดว่าพี่โป๊ะดียังไง ในแบบที่ธามเห็นธามรู้ 
ถึงบางทีธามจะพูดไม่รู้เรื่องแต่เชื่อว่าวินฟังแล้วต้องเข้าใจพี่โป๊ะมากขึ้นแน่ๆ
ใจโป๊ะต้องให้โป๊ะตัดสินใจเองเนอะ

พี่นำน้องธามนี่พอบทจะหวานกันก็หวานลืมว่าทะเลเค็มไปเลย 55
ขอให้ตอนขับรถกลับไม่หลง ไม่เลย ไม่ให้ธามบอกทางอีก เราจะหวานกันไปจนถึงบ้าน

รอพี่โป๊ะน้องวินนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-10-2016 15:08:01
เกิดอะไรขึ้น  o22 o22
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-10-2016 16:12:05
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-10-2016 18:13:32
วินเป็นอะไร????
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 23-10-2016 20:16:05
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 4) 23-10-16
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-10-2016 19:18:57
พึ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ ก้เลยอ่านรวดเดียวจบเลย
พี่โปรกวนตีนมากก เป็นครที่มีมิติ มีหลายมุม
เป็นตัวแทนของคนปกติทั่วไปที่มีความเชื่อมั่นต่อสิ่งต่างๆ
ทั้งต่อตัวเอง ต่อคนอื่น ต่อความรัก เชื่อมั่นในผลของการการทำ
จนทำให้ไม่ว่าจะทำอะไรก่จะทำอย่างเต็มที่ ทุกอย่างเลยได้ดั่งใจหวัง
ในขณะที่วินคือคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นต่ออะไรเลย
ไม่เชื่อในคนอื่น ในความปราถนาดีต่างๆ ไม่เชื่อในความรัก
ไม่เชื่อคำว่าตลอดไปหรือแม้แต่ความยืนยาวใดๆ
และถึงจะบอกว่ารู้ใจตัวเองและไม่โกหกใจตัวเอง แต่ก้ยังไม่เชื่อในตัวเองอยู่ดี
เป็นคนที่ขาดในระดับที่แทบจะไม่มีอะไรเหลือเลย
เป็นแก้วน้ำที่มีรอยรั่วพี่โป๊ะเติมความมั่นใจให้เท่าไรก้ไม่เคยเต็ม
ถึงรักษาแผลแล้วเติมไปอีก ก้ยังมีความเชื่อว่ามันไม่เต็มอยู่ดี
สงสารพี่โป๊ะนะรักไปแล้ว ให้ใจไปแล้ว และไม่คิดเอากลับคืนมา
มันเลยต้องเหนื่อยมากๆกับคนแบบวิน
วินก้เพราะไม่เคยมีความรักเลยยิ่งรักยิ่งผลักออก
เชื่อว่าส่วนนึงไม่ได้มาจากแค่คิดว่าโป๊ะเหมาสมกับโจ้มากกว่า
อาจจะเพราะแฟนคนแรกที่คบก้ตายโดยที่วินคิดว่าสาเหตุมาจากตัวเองส่วนนึง
อาจจะกลัวว่าถ้าพี่โป๊ะรักวินมากๆแล้วเลิกกันแล้วจะซ้ำรอย
และเพราะคนนี้อะวินรักมากก การที่พี่โป๊ะอาจจะตายเพราะวินเลยทำให้กลัว
กลัวการสูญเสียแบบเลิกกันจากเป็นก้ส่วนนึง กลัวการจากตายตามประสบการณ์ก้ส่วนนึง

รอค่าาา เรื่องนี้สนุกแบบหน่วงๆดีค่ะ555
รอลุ้นว่าวินจะเปลี่ยน หรือพี่โป๊ะจะเหนื่อยก่อนกัน
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 20-11-2016 02:36:12
The Extension Dawn
ตอนพิเศษ
วารินทร์ x วิณณ์
รชต x ธาม

ตอนพิเศษ 5



ใจจริงแล้วผมอยากขอบคุณน้องธาม ที่ทำให้ผมมีข้ออ้างในการมานั่งดื่มของมึนเมาอีกรอบ ได้อยู่ใกล้ๆ พี่โป๊ะอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผมทำพฤติกรรมน่าเตะเอาไว้ อ้อ..ผมต้องขอบคุณพี่โป๊ะด้วยที่ไม่เตะผม

เราดื่มกันหลายคน แม้ว่าบางคนจะขอตัวไปนอนพักผ่อนแล้วก็ตาม อาทิ เจม ที่ตอนนี้ดื่มอย่างสนุกสนานกับพวกไอ้โอม คุณต้อม พี่จิว และพี่หนึ่ง พี่พีชกับแฟน นั่งอยู่ไม่ห่างนัก ส่วนที่นั่งดื่มกันเงียบๆ ริมสระว่ายน้ำ ก็คือผมกับพี่โป๊ะ

เสียงเกลากีตาร์ของไอ้โอมยังขับกล่อมพวกเราในที่แห่งนี้ แสงไฟสีนวลตาจากรอบวิลล่าไม่สามารถแย่งสายตาพวกเราจากใบหน้ากันและกันได้

หากนี่คือความสุขที่ได้จากผองเพื่อนแล้วล่ะก็.....ตั้งแต่เกิดมา ผมเพิ่งมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนก็ตอนนี้แหละครับ

“อ้าว แล้วพี่โจ้” ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเริ่มมองสำรวจบรรยากาศรอบๆ แล้วนับหัวไม่ครบคน พี่นำกับน้องธามเพิ่งเดินออกไปที่ริมชายหาด ถ้าอย่างนั้น ก็มีแค่พี่โจ้ที่จมอยู่กับความเงียบลำพัง

“วินนี่...อะไรกับโจ้นักหนานะ พี่ล่ะสงสัยจริงๆ”

“ไม่ได้อะไรนักหนาหรอกครับ เพิ่งรู้สึกได้ว่าพี่โจ้ไม่ได้มาดื่ม”

“รายนั้นเค้าไม่ค่อยแตะแอลกอฮอล บอกกลัวเหี่ยว”

“อ่อออ” ผมทำความเข้าใจเหตุผลพี่โจ้อยู่เงียบๆ แต่นายมือโปรกลับหันขวับมาจับหน้าผมให้หันไปจ้องเขา

“ไม่ใช่ว่าพี่รู้จักดีเพราะว่าสนใจหรือชอบพอกันอะไรนะ ไม่ต้องคิดอะไรไปทางนั้นเลย”
“พี่กับโจ้รู้จักกันมานาน จะรู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลก แล้วผู้ชายก็ชอบเขาเยอะ พี่ก็ต้องช่วยสกรีน”

“วินก็ไม่ได้อะไรนี่ครับ”

“ไม่อยากให้หึง”

“วินไม่หึงหรอก” ผมตอบตามความจริง ผมไม่หึงเขาหรอก ยอมรับว่ามีรู้สึกนิดๆ แต่ผมไม่ใช่คนที่ใช้ความรู้สึกแง่ลบมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนการกระทำของตัวเอง ถึงจะหึง มันก็จะเป็นความหึงที่เงียบงันที่สุดในโลก

“งั้น หึงหน่อยก็ดีนะ พี่จะได้รู้สึกว่าเรารักกัน” พูดเสียตรง ไม่รู้ว่าเมาหรือดึกมากแล้วจิตใจเลยอ่อนไหว ผมยิ้มให้บางๆ แล้วก็แค่ ...

“อืม....” อยู่ในลำคอ

“ง่วงมั้ย” นายมือโปรถามต่อ ผมลองถามตัวเองในความคิดแล้วก็หาวทันที แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ นี่มันคือการโกหกแล้วใช่มั้ย ผมเห็นเขาหัวเราะขำ เอามือมาปิดตาผมไว้ โอบผมไว้ให้เอนไปพิงเขา แล้วก็โยกตัว ภาษากายนี้แปลความหมายได้ว่า อยากจะกล่อมให้ผมนอนหลับไปเสีย แต่เขากลับทำให้หัวใจผมเต้นรัว กลุ่มแก้มเกาะก้อนกันยกยิ้มมากขึ้น

ผมมีความสุขมากไปแล้ว
มากจนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้กังวลใจเรื่องอะไร


ครืดดดดดด
เสียงโทรศัพท์ผมสั่นคลอนอยู่บนพื้นหินหยาบริมสระว่ายน้ำของวิลล่า ตาที่กำลังมัวเพราะการกล่อมของพี่โป๊ะตื่นตัวอีกหน

“โทรศัพท์วินอยู่ไหนอ่ะ”

“ข้างๆ นั่นไง ตรงพื้น”
“มานี่ หยิบให้ วินเมาแล้วแน่ๆ ตาฉ่ำไปหมดแล้ว”
“อ่ะ นี่”
“อ้าว อาสุโทรมา”
“ด่วนล่ะมั้ง อ่ะวิน” เขาจัดการเอื้อมคว้าโทรศัพท์ให้ ดูหน้าจอ บอกว่าใครโทรมา กดรับ แล้วก็ยื่นให้ผม

ผมก็ทำเพียงแค่

“ครับ ป้าสุ”

ตาวิน!!!
มีปัญหาอะไรลูก?
เจ็บตรงไหนรึเปล่า
เกิดอะไรขึ้น ทำไม ใครทำอะไรลูกแม่?
แล้วตาโปรอยู่ไหน ทำไมไม่ดูน้อง ก็บอกเองว่าจะดูแลดูแล แล้วนี่อะไร ทำไมวินถึงร้องจะกลับบ้าน
ร้อยวันพันปี หนีแม่ไปเที่ยวได้แล้วไม่เคยโทรหา ต้องลากตัวกลับกรุงเทพเองตลอด
แล้วจะให้ไปรับที่ไหน หือ? วิน!!!!

เป็นชุดเชียวครับ
ป้าสุโทรมา ฟังเสียงดังจากโทรศัพท์ด้วยความตกใจจนจบใจความ ผมถึงระลึกได้ว่า ผมโทรไปบอกลุงสมานให้มารับหน่อย เดี๋ยวจะส่งที่อยู่ไปให้ แล้วผมก็ลืมส่งที่อยู่ไป เพราว่าน้องธามเข้ามาในห้องเสียก่อน แล้วก็โวยวายคิดว่าผมหนีกลับกรุงเทพจนคนอื่นเขาวุ่นวาย เช่น เจมที่หลับไปแล้วก็ยังตื่นมา และมานั่งดื่มต่ออย่างขัดใจพี่หนึ่ง

เอาไงดีล่ะทีนี้?
ผมไม่ได้อยากกลับกรุงเทพเร็วนักหรอก อยู่กันแบบพวกเราแล้วสนุกดี แต่ว่า ก็ปากเบา คิดน้อย บอกกับลุงสมานไปแล้ว แล้วป้าสุก็รู้เรื่องแล้วด้วยเนี่ยสิ

ยิ่งไปกว่านั้น พี่โป๊ะรู้แล้วว่าผมคิดชิ่งหนีกลับกรุงเทพ

ผมทำได้แค่เอ่ออออ ให้ป้าสุฟัง ส่วนสายตามองนายมือโปรที่กอดอกฉับราวกับว่า เขาตัดสินไปแล้วว่าคนที่ทำผิดคือผม

เขาแบมือขอโทรศัพท์ไป ผมก็เลยให้แต่โดยดี

“ครับอาสุ ผมเองครับ โปร”
“วินอยู่ดีครับ”
“นั่งดื่มอยู่กับโปรกับเพื่อนครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เห็นว่ากังวลเรื่องงาน เขาทำค้างไว้ ผมบอกแล้วว่างานไม่เร่ง อีกอย่าง เอกสารโครงการ เราก็ดึงจากออนไลน์ได้ วินก็เลย....ไม่รีบกลับแล้วครับ”
“ครับ ครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“เดี๋ยวผมบอกคุณสาเอง หรือว่าอยู่ด้วยกันครับ ฝากบอกได้มั้ยครับ ไม่อยากโทรไปบอกตอนนี้เพราะกลัวว่าจะรบกวน ผู้ใหญ่พักผ่อนกันทั้งบ้าน แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรด้วย”
“โอเคนะครับ อาสุพักผ่อนเถอะครับ ดึกมากแล้ว”
“ครับ ครับ..... ครับ”

แล้วก็วาง
ทำไมเขาจัดการอะไรได้ดีจัง อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าผม

“วินขอโทษ” ผมบอกอย่างรู้สึกผิดเมื่อรับโทรศัพท์คืนจากเขา  นายมือโปรไม่ได้ว่าอะไร แค่มองหน้าผม ถอนหายใจเป็นเสียงหัวเราะ แล้วก็โอบผมไว้เหมือนเดิม

ตอนนี้เขาเป็นคนพาผมนั่งริมสระแล้วหย่อนขาลงน้ำ จริงๆ พวกเราตกลงกันแล้วว่าไม่ลงสระ เพราะทุกคนดื่มกันหมด มันอันตรายเกินไป และต่างก็เกรงว่าจะช่วยกันไม่ทันการ และพวกเราก็เคร่งครัดครับ ไม่มีใครลงน้ำเลย มีเพียงผมและนายมือโปรที่นั่งห้องขากันอยู่ 2 คน

เรากำลังคุยกันเรื่องงานอีกตามเคย แต่ว่าลักษณะการคุยมันอบอุ่นกว่าตอนที่ปรึกษากันที่ออฟฟิศ เขาถามผมบ้าง อ้อมผมบ้าง สั่งก็มี แต่ก็ไม่ได้ดุร้ายหรือเข้มงวดเหมือนที่มักจะแสดงออกกับลูกน้องทีมอื่นๆ  ระหว่างที่เรากำลังตกลงกันอยู่ว่าใครจะเป็นคนดีลลูกค้าที่อกหักจากโลเคชั่นถ่ายหนังที่มาเลเซีย คนที่ผมนึกห่วงอยู่อึดใจหนึ่งก็โผล่มา

“โปร น้องวิน”

“อ้าวโจ้”
“พี่โจ้”

“คุยอะไรกัน นั่งด้วยสิ” ผมขยับออกห่างจากนายมือโปรทันทีที่ได้ยินคำขอ แต่นายมือโปรกลับขยับตามมา ผมขยับหนีอีก เขาก็ขยับตามมาอีก

“โจ้ก็นั่งสิ ที่เยอะแยะ” เขาชิงบอกพี่โจ้ก่อนที่ผมจะขยับหนีอีกรอบ มือที่เคยเท้าขอบสระตะปบทับมือผมเอาไว้แน่น

“จ้า จ้า”
“แล้วนี่ทำไมมานั่งกันเงียบๆ ตรงนี้ล่ะ?”
“เอ๊ะ”
“เฮ้ย!  โจ้ขอโทษ มาขัดจังหวะแน่เลย”

“ช่างเถอะ จังหวะไว้สร้างใหม่ได้ เนอะวินเนอะ แล้วทำไมไม่นอน” เป็นนายมือโปรอีกนั่นแหละครับที่คุยกับพี่โจ้ด้วยท่าทางปกติ ผมเสียอีกที่เงียบลงจนตัวเองยังรู้สึก

พี่โจ้ไม่ใช่มารหัวใจผม ไม่ได้เป็นมือที่สาม ไม่ใช่คนที่เป็นสาเหตุให้เกิดวังวนรักสามเส้าด้วยซ้ำ
ที่ความรู้สึกของผมสั่นคลอน มันเป็นเพราะตัวผมเองทั้งนั้น เป็นเพราะความขลาดเขลาของผมล้วนๆ เลย

พี่โจ้บอกว่า จริงๆ ก็อยากนอน ง่วงมาก แต่พี่บัวเข้าๆ ออกๆ จากห้อง ก็เลยยังไม่ได้หลับเสียที อีกอย่างคือรู้สึกแปลกที และก็รู้อยู่ว่าทุกคนยังสนุกกันอยู่หน้าวิลล่า ก็เลยเดินมาสมทบ

พวกเขาคุยกัน และก็หันมาชักชวนผมคุยไปด้วย ผมรับรู้ได้ว่านายมือโปรกำลังทำให้เรื่องราวเป็นปกติ เขาอยากให้รับรู้บรรยากาศเวลาเขาคุยกับพี่โจ้ว่ามันคือความเป็นเพื่อนที่บริสุทธิ์ใจแค่ไหน ซึ่งผมก็รับรู้ได้ และรู้ด้วยว่าพี่โจ้กำลังพยายามทำให้การคุยกันได้แค่ระดับเพื่อนนั้น เป็นเรื่องที่เธอพอใจ

“อื้อโปร ไม่ร้องเพลงหรอ เห็นชอบโชว์ประจำ”
“น้องวิน อยากฟังเพลงอะไร ไล่โปรไปร้องให้ฟังเลย”

“เอ่ออ วินว่าไอ้โอมก็ร้องเพราะดีแล้วนะครับ”

“นี่มือโปรน้า...น้องโอมแค่ศิษย์ปลายแถว”
“ไปสิโปร ร้องเพลงให้น้องวินฟัง เร็วสิ”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่นึกอยาก” นายมือโปรงอแง เขาใช้มือวักน้ำเล่นอย่างซุกซน ที่ต้องบอกว่าซุกซนก็เพราะว่าแม่งวักน้ำใส่ขาผม

“พี่โป๊ะร้องเพลงเพราะกว่าไอ้โอ้มหรอ ไม่มั้ง”

“เฮ้ยยย ดูแคลนกันเกินไปแล้ว”
“กระผมนักร้องนำนะครับ”

“นำจังหวะ?”

“นำจังหวะต้องไอ้พีชนู่นนน”
“บอกมาเลยดีกว่าอยากได้เพลงอะไร เดี๋ยวจัดให้”

“อืมมม วินไม่นึกอยากฟังเพลงอะไรเป็นพิเศษหรอก พี่อยากร้องเพลงอะไรก็เอาเถอะ”

“ไอ้ยุ่ง แค่นึกเพลงที่ชอบมาเพลงนึง ยากตรงไหน”
“เร็วสิ เร็วๆ เดี๋ยวร้องให้ฟังเอง”

“อืมมมม”
“ไม่มี”

“วิน....นึกสิ”

“ก็ไม่มี”

“นึกก่อน”

“นึกแล้ว.....” ผมนิ่งแล้วนึกถึงเพลงที่อยากฟังให้เขาเห็นคาตา แป๊บเดียวก็ให้คำตอบ
“ไม่มี”

“จะไม่มีเพลงที่อยากฟังได้ไง เฮ้ย คนเรามันต้องมีเพลงที่ฮัมจนติดปากไง”
“ต้องมีสิวิน เก่าแค่ไหนก็ได้ เพลงสากลก็ได้”

“ไม่มีครับ”

“งั้นเอาเพลงที่พี่ชอบก็แล้วกัน”  พูดจบก็ลุกไป ปล่อยผมนั่งห้อยขาแช่น้ำในสระอยู่กับพี่โจ้2คน  ผมมองนายมือโปรเดินไปแหย่น้องรักของเขาอย่างสุดเอ็นดู การตบหัวไอ้โอมและเสียงวิ่งมาถึงหูผมนี่เท่ากับว่าไอ้โอมต้องเจ็บชิบหาย แต่ผมเห็นมันหันไปออดอ้อนเฮียมันแทนการโวยวาย คนตบก็หัวเราะใส่อย่างไร้สามัญสำนึก

พวกวงดรตรีกิ๊กก๊อกหารือกันครับ มีการทดลองคอร์ดก่อน ลองกลอง(ยาว) ที่แบกมา คนที่ส่งเสียงโวยวายว่าไม่เอา ไม่ร้อง ไม่อยากเป็นเครื่องมือให้พี่โป๊ะจีบแฟนก็คือเจมครับ แต่เจ้าตัวก็โดนพี่โป๊ะผลักจนตัวกระเด็น ผมเห็นเจมกระโจนใส่วงดนตรีเล็กๆ อีกครั้งด้วยรอยยิ้ม ส่วนพี่หนึ่งนี่หัวเราะดังมาก

“มาๆ  รู้เรื่องนะเว้ย”

“เอออออออออออ!!” จำนวนคนที่เยอะกว่าทำให้พี่โป๊ะกลายเป็นเสียงส่วนน้อย พอโดนคนในวงดนตรีน้อยชิ้นนั้นตะคอกใส่ เขาก็หันหน้ามามองผมเพื่อฟ้อง และผมก็หัวเราะกว้างๆ ให้เขาเห็น

เราส่งยิ้มให้กัน จากนั้นเสียงกีตาร์ขี้เล่นก็ดังขึ้น ตามด้วยจังหวะกลองที่ซุกซน เป็นเพลงที่คุ้นหู แต่ไม่คุ้นกับอาการเขินที่เกิดขึ้นเลยครับ

เห็นหรือเปล่านะ (https://www.youtube.com/watch?v=9-eGE9qCx7E)หรือเปล่านะ รู้หรือปล่าวใครเค้ามองอยู่นะ
มองใบหน้าเธอ มองจ้องเธอ เหมือนโดนสะกด(โอ้ย) (นักร้องนำตัวสูงๆ คนนั้นเขาเอามือกุมหัวใจเขาด้วยครับ)

ฝันหรือปล่าวนะ คงไม่นะ รู้ว่าคนอื่นเค้าก็มองนะ
ตัวเธอถูกจับจองไปด้วยสายตา

ถ้าเค้ามีเวทมนต์ ทำให้เธอประทับใจ ต่างกับฉันมีแค่ใจ คอยให้เธอกรุณา

จะควงเธอไปที่ใด ใครคงอิจฉา เธอคือคนที่ใครหลายคนคิดว่านางฟ้า
โปรดเถอะน่ะ ช่วยมองที่หัวใจของฉันได้ไหม ถ้าเธอคือนางฟ้า

ใครเคยบอกมา ตลอดมา รักเป็นเพียงเรื่องของหัวใจนะ
มีอำนาจใด ทำให้ใจ เธอได้โปรดฟัง

ขอให้เธอรู้ ให้เธอเห็น ใจฉันอยากเป็นของของเธอนะ
ขอโอกาสสวรรค์เห็นใจสักครา

ผมเขินแทบบ้าทั้งที่เพิ่งผ่านไปครึ่งเพลงเท่านั้น
เพลงยกยอปอปั้นจนน่าละอายทำให้ผมต้องหันหนีไปมองทางอื่นอยู่บ่อยครั้ง แต่พอหันกลับไปมองคนร้องทีไร เขาก็ผายมือมาทางผม สบตาผม แล้วก็ยิ้มให้ผมอยู่ตลอด
ผมก็เลยนั่งม้วนอยู่แบบนี้ แม้แต่พี่โจ้ ก็ยังหัวเราะอาการเขินของผมอย่างเอ็นดู เธอชี้หน้าเพื่อแหย่ผมเพิ่มด้วย

“พี่โป๊ะแม่งงงงงง” ผมบ่นอู้อี้กับตัวเอง แต่พี่โจ้กลับพูดต่อความให้

“เขาน่ารักแบบนี้แหละ น้องวินต้องรักเขาให้ดีๆ นะคะ”

“เอ่อออออ” ผมพยายามเก็บสีหน้ามีความสุขของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่อยากมีความสุขเกินไป อย่างน้อยผมก็ไม่ควรมีความสุขมากว่าผู้หญิงที่เพียบพร้อมย่างพี่โจ้

“พี่ขอเพื่อเขาได้เท่านี้แหละ นะคะ”

“ครับ.....” ผมรับปาก เพลงจีบนางฟ้ายังคงบรรเลงต่อไป นักร้องนำตัวสูงๆ คนนั้นก็ยังคงมองมาทางผม แต่ผมไม่ได้หันไปสบตาด้วย เพราะผมต้องการทำสิ่งที่น่าจะทำได้ดี และควรทำมาตั้งนานแล้ว
“วินจะรักพี่โป๊ะอย่างดีที่สุด”
“ไม่ใช่เพื่อรักเผื่อพี่โจ้หรืออะไรหรอกนะครับ”
“ที่จะรักเขาอย่างดีที่สุด ก็เพราะ.....”

“ค่ะ เพราะ...เพราะอะไรคะ”

“เพราะพี่โป๊ะเป็นของวิน”

ผมไม่รู้ว่าพี่โจ้จะเข้าใจคนอย่างผมรึเปล่า
ความรัก....สำหรับพี่โจ้แล้ว อาจจะหมายถึงการปรารถนาดี การตามเช็คขี้ที่ติดตูดหมาได้อย่างไม่รู้สึกรังเกียจหรือย่อท้อ
แต่สำหรับผมแล้ว...ความรักสำหรับคนอย่างผม ก็คือการดูแลของของผมให้ดีที่สุด เท่านั้นแหละครับ

เพลงแรกจบไปแล้ว ผมรู้สึกปวดแก้มอย่างไรพิกล แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดครับ
มนุษย์ช่างร้องช่างเล่นกลุ่มนี้มีเพลงต่อไปครับ เปลี่ยนไปตรงที่พี่โป๊ะเป็นคนเล่นกีตาร์และร้องเพลงไปด้วย ซึ่งผมสารภาพเลยว่าผมไม่รู้จักเพลงนี้

จากคนเข้มแข็งไม่เคยแพ้ (https://www.youtube.com/watch?v=3kwQG84_WgM) ไม่ยอมให้ผู้ใด
กลับมาอ่อนไหวอ่อนแอไม่เหลือภาพคนที่เข้มแข็ง
ตั้งแต่พบเธอชีวิตเปลี่ยนไป หัวใจต้องยอมแพ้
มันแพ้ทางคนอย่างเธอ

ตัวแค่นี้ ตัวแค่นี้ ดูน่ารัก ดูน่ารัก
แปลกใจนักทำไมถึงทำได้แบบนี้

เกิดมาไม่เคย ไม่เคยรักใครมากมายเท่ากับเธอ
ตื่นมาก็เพ้อ หลับฝันละเมอ ภาพเธอมาหลอนทุกคืน
ต่อจากนี้ หมดทั้งหัวใจ ไม่ขอให้ใคร
ถอดเขี้ยวเล็บไว้ให้เธอไป ไม่ต้องคืน ไม่ต้องคืน
เก็บไว้ที่เธอ ให้ทั้งตัว ให้ทั้งใจ ฝากไว้ได้ไหมเธอ

แล้ว....แล้วทำไมไม่ร้องอยู่ตรงนั้น?
จะเดินเข้ามาทำไมวะเฮ้ย!!!


ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอนั้นเป็นคนที่แสนดี
จะมีอีกไหมแบบเธอคนนี้ที่จะเข้าใจฉัน
เธอเปลี่ยนฉันไปให้เป็นอีกคน
เพราะใจของเธอนั้นชนะใจคนอย่างฉัน


ผมมองเห็นเขาแบบสโลว์โมชั่น พี่โป๊ะเดินมาหาผม ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง พี่โจ้ลุกไปยืนหัวเราะอยู่รวมกับคนอื่นๆ ที่กระจายตัวอยู่หลังพี่โป๊ะ แต่ทุกคนก็มองมาที่ผมและพี่โป๊ะทั้งนั้น....โอยยย ผมไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมขี้เขิน!


ตัวแค่นี้ ตัวแค่นี้ ดูน่ารัก ดูน่ารัก
แปลกใจนักทำไมถึงทำได้แบบนี้

นายมือโปรยื่นหน้ามาหา ลอยหน้าลอยตายิ้มให้ เขากำลังจะอ้าปากร้องท่อนถัดไป แต่ผมเขิน!!!
และผมทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!!!

ตูมมมม!!!!!
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 20-11-2016 02:38:57
ครับ....ผมกระโดดลงสระแม่งเลย
แต่ว่า....ไอ้สระว่ายน้ำนี่ทำไมมันลึกระดับนี้ นี่มึงไม่ใช่สระระดับโอลิมปิกไง มึงยาวไม่ถึง20 เมตร มึงไม่จำเป็นต้องลึกเกิน 3 เมตร  หรือ  5 เมตร ก็ได้!!!


ผมตกใจกับความลึกของสระที่ไม่เคยรู้มาก่อน อาการสะดุ้งตัวทำให้ผมสำลักน้ำเข้าไป ซึ่งมันทรมานมาก ผมพยายามตะกายน้ำ แต่ก็เหมือนจะดำดิ่งลงไปสู่ใต้น้ำที่สะท้อนแสงสปอตไลท์

กูว่ายน้ำเป็น.... นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับตัวเอง ผมรีบตั้งสติ เงยหน้าไปยังแสงสว่างแล้วก็รีบแหวกน้ำขึ้นไปหาอากาศด้านบนทันที

แต่ก็....

ตูมมมมมมมมมมม!!!
ผืนน้ำใสๆ ที่กำลังตะกายไปหา พลันยุบยวบเพราะถูกก้อนวัตถุใหญ่แทรกตัวลงมาด้วยอัตราความเร็วสูง ผมจมไปลึกกว่าเดิม แต่ก็มีสติพอจะไม่อ้าปากด่าไอ้ก้อนนั้นใต้น้ำ เพราะถ้าทำแบบนั้น ผมก็คงอมน้ำคลอรีนตายอยู่ใต้สระ

ใครสักคนคงกระโดดลงมา และผมก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร

นายวารินทร์
พี่โป๊ะของผม


เขาแหวกน้ำ ดำลงมาหาผมที่ฝืนลืมตาในน้ำมองเขา ประกายระยิบจากแสงไฟสว่างจ้าบนผืนน้ำทำให้เราสบตากันได้อย่างไม่สับสนว่ากำลังมอฝตาหรือมองตาตุ่มกันแน่

เขารีบเข้าถึงตัวผมแล้วก็ดึงมือไปประคองไว้ เมื่อรวบตัวผมไว้ได้แล้วก็รีบพาขึ้นไปสู่ผิวน้ำก่อนที่ผมจะขาดใจตาย

จริงๆ แล้ว ตกน้ำแค่นี้ไม่ตายหรอกครับ แต่ไอ้อาการสำลักมันก็ฟ้องความคิดตื้นของตัวผมเองอยู่ดี

“แค่กๆๆๆ” ผมไอไล่น้ำที่สำลักออกจากคอ โกยอากาศได้ก็รีบสั่งน้ำมูกอีกระลอกทันที กลิ่นคลอรีนฉุนแน่นขึ้นหัวกันเลยทีเดียว

“ไหวมั้ย” คนข้างๆ ถาม เขายังไม่ขึ้นจากสระว่ายน้ำ เช่นเดียวกับผม เราทั้งคู่เกาะขอบสระกันอยู่ ผมพยักหน้าให้ แต่ก็พ่นลมผ่านจมูกอีกรอบ สะบัดหัวไล่น้ำออกจากหู แต่เขาคนนี้กลับรีบเอามือประคองแก้มผมเอาไว้แล้วก็สำทับ
“ค่อยๆ”
“น้ำเข้าหูหรอ?” ผมส่ายหัว และแน่นอนว่าค่อยๆ
“หูอื้อรึเปล่า” ผมส่ายหัวอีก รอบนี้ดึงมือเขาออกไป แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือนั้น

“ขอบคุณครับ”

“อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ พี่ตกใจ”

“ไม่ได้เล่น วินแค่เขิน”

“..........” ใบ้แดกกันเลยทีเดียว หน้าเขาเหวอๆ ตอนที่รู้ว่าผมเขินก็เลยกระโดดลงน้ำแม่งเลย แต่เหวอได้แป๊บเดียวก็อมยิ้มเจ้าเล่
“อืม....พรุ่งนี้พาไปกลางทะเลดีกว่า เอาให้เขินหนัก ดูดิ๊ว่าจะกล้าโดดมั้ย”

“ตลก ตายได้เลยนะนั่น”

“คิดว่าพี่จะปล่อยให้วินตายหรอ หือ?”

ไอ้พี่โป๊ะแม่ง เต๊าะกู​​!
ก็บอกแล้วไงว่าเขิน!!!

ผมจะหนีการถูกเต๊าะด้วยการขึ้นจากน้ำ แต่ลืมไปว่าครับว่าโลกนี้ไอ้เหี้ยโอมอยู่ ลูกพี่มันกวนตีนยังไง ไอ้ตัวลูกน้องมันก็ต้องก๊อปบี้แอนด์พาธเสมอ

ไอ้โอมส่งเสียงมาก่อนเลยครับ ว่า

“ไอ้เวนนนนนนนนนนน” ไอ้ห่านี้ชอบเรียกชื่อผมเพี้ยนๆ
“ไอ้เหี้ย ป้ามึงเซ็นยกมรดกให้มึงรึยีง แล้วโอนเป็นชื่อกูรึยีง ไอ้เหี้ย ว่ายน้ำก็ไม่แข็งยังเสร่อลงไปอีก”
“เหล้าก็แดกไปไม่ใช่เบาๆ กูล่ะกลัวมึงตายมาก”
“ไอ้เหี้ยเพื่อนรัก” ตกลงมึงรักกูหรือรักเหี้ย

“กูโอเคน่า”
“แถวนี้ตัวครึ่งบกครึ่งน้ำเยอะ ไม่ปล่อยกูตายหรอก”

“เกิดอะไร? ขึ้น!!!!!!”  ยังไม่ทันที่ผมจะดีดตัวขึ้นจากสระ คนโวยวายเก่งก็ส่งเสียงมาก่อนตัว ผมหันมอง และทุกคนที่รายล้อมสระกันอยู่ก็หันมองเช่นกัน ยังไม่ทันที่ใครจะอ้าปากตอบ คนโวยวายคนนั้นก็

ตูม!!!!!!!!!!!!!!

“พี่วิน....ไม่”
“พี่โป๊ะ....อย่า”


ใครก็ได้ บอกน้องธามด้วยว่าสระบ้านี่ลึก 5 เมตร

“นำ”
“นามมมมมม”
“แค่ก แค่ก นำ!”
“ธาม”
“.......”


จมไปแล้วครับ
ผมเห็นพี่นำกระโดดลงสระในทุกอากัปกิริยา คุณหมอตัวยาวคนนี้ไม่ลืมถอดแว่นเหวี่ยงทิ้งแล้วก็กระโดดเทคตัวจากขอบสระเป็นวิถีโค้ง มุดลงไปใต้ผืนน้ำ ห่างจากจุดที่มีลูกหมาตะกายชูคออยู่อย่างทะลักทุเลไม่ไกล

แล้วพี่นำก็คว้าธามไว้ได้ ลากเข้ามาเกยขอบสระไม่ห่างจากผมและพี่โป๊ะนัก 

จนในที่สุด คนที่ตัวแห้งอยู่ก็ดีแล้ว ก็กระโจนลงสระกันหมด แน่นอนว่าด้วยความระมัดระวัง
เว้นก็แค่พี่ๆ ผู้หญิง 2 คน พี่พีช คุณต้อม และพี่จิว


เจมกับพี่หนึ่งว่ายน้ำกันอย่างชอบอกชอบใจ พอๆ ก้บไอ้โอมและน้องธาม ที่พยายามว่ายคู่กันไป แต่จะไม่ยอมให้ใครแซงหน้ากันและกันเด็ดขาด
พี่นำนั่งอยู่บนขอบสระ มองตามน้องธามที่มีเพื่อนเล่นเต็มสระ
2 สาวเริ่มบริการอาหารอีกรอบ ทั้งที่นี่ก็ตี 2 กว่าแล้ว มีพี่จิวกับคุณต้อมคอยกินเพื่อไม่ให้ใครเสียน้ำใจ
ผมกับนายมือโปรเกาะขอบสระอยู่ใกล้ๆ กัน พวกเรามองคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงด้วยการหันมองหน้ากัน แล้วก็ยิ้ม

ใต้ผืนน้ำลงไป มือของผมและเขา ยังคงไม่แยกจากกัน


#### @ D A W N #####


เช้านี้ พระอาทิตย์สวยมากครับ
สีทองจางดวงใหญ่ไต่ขึ้นมาสวัสดีผมที่เหนือเส้นขอบฟ้า ทะเลที่ครามเข้มบ้าง ครามกระจ่างบ้างอ้อล้ออยู่กับแสงอาทิตย์ ดูจากคลื่นน้อยๆ พวกนั้น ลมด้านนอกน่าจะสบายตัวมากๆ

“ตื่นแล้วหรอ?” คนบนเตียงเดียวกันเอ่ยถาม ผมหันมองนิดหน่อยแล้วก็หันกลับมานั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นต่อ นึกขัดใจนิดหน่อยที่ถูกขัดกิจกรรมที่ชอบ

“ครับ” ผมตอบเบาๆ ด้วยไม่อยากกวนเขาที่ท่าทางจะเพิ่งตื่น และไม่ต้องการให้ตัวเองถูกดึงออกจากความสงบเร็วนัก

“หิวรึเปล่า?” ถามอีกแล้ว เฮ้อ รอบนี้ผมไม่หันไปหา และเลือกจะตอบด้วยการส่ายหน้าช้าๆ
“แต่นี่ก็สายแล้ว” แน่ะ ยังจะกวนต่ออีก สุดท้ายผมก็ปิดฉากละครพระอาทิตย์ขึ้นที่วนอยู่ในห้วผม แล้วหันไปมองเขาเต็มตา ลงทุนหันไปนั่งขัดสมาธิหันหาเขาเลยด้วย

“พี่โป๊ะตื่นแล้วหรอครับ?” ผมถามบ้าง เขากระพริบตาให้เห็นเป็นคำตอบ
“หิวรึเปล่า?” เขาบิดขี้เกียจและหาว
“แต่นี่ก็สายแล้ว” นายมือโปรหัวเราะเมื่อรู้ว่ากำลังถูกผมย้อนเข้าให้ เขาบิดขี้เกียจอยู่หลายกระบวนท่ากว่าจะหายเมื่อย จากนั้นก็ยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเหมือนผม

นั่นแหละ ถึงได้เห็นว่าเขายังไม่ได้ใส่เสื้อ
นี่แม่งใส่กางเกงนอนรึเปล่าวะ? ผมเริ่มไม่อยากให้เขาลุกจากเตียงมากกว่านี้แล้ว เพราะผมจำได้ดีว่าเมื่อคืนนี้ ตอนผมละสายตาจากเขานั้น เขาอยู่สภาพไหน

เขาแก้ผ้านอนครับ
แม้จะยอมให้ผมใส่เสื้อผ้านอนตามที่ผมคุ้นชิน เขาก็นอนแก้ผ้าตามที่เคยชินเหมือนกัน

“สรุปแล้วไม่หิวหรอครับวิน”

“หิวครับ”

“หิวก็ไปกินกันเถอะ เลยเวลาเยอะแล้วด้วย” พูดจบก็ยันตัวลุกจากผ้าห่ม นั่นทำเอาผมร้องโวยแล้วยกขารอถีบเขาตกเตียงเลย หากเขาลุกขึ้นชีเปลือยใส่หน้า

แต่เขาใส่กางเกงนอนครับ ค่อยโล่งอกหน่อย
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมยกขาขึ้นมาทำไม นายมือโปรหัวเราะด้วยท่าทางกวนส้นตีนแล้วก็ม้วนตัวลงจากเตียงคิงไซส์นี้ไป ผมก็เลยลงจากเตียงบ้าง แน่นอนว่าไม่กลิ้งหรอกครับ ผมมันคนปกติ ก็ต้องลงด้วยท่าปกติ

หากสงสัยว่า ทำไมเมื่อคืนนายมือโปรถึงแก้ผ้านอนละก็....เอาเป็นว่าผู้ใหญ่อนุญาตแล้วล่ะครับ

เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยกันแล้วก็ออกจากห้องได้เสียที ดูเหมือนคนอื่นๆ ก็เพิ่งตื่นเหมือนกันครับ วัดจากเจมที่นั่งหาว ข้างๆ คือน้องธามที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ พี่บัวกับพี่โจ้ดูสดชื่นตามประสาผู้หญิงรักสวยรักงามดูแลตัวเองอยู่เสมอ ส่วนไอ้โอมกับพี่จิวและคุณต้อม แทบนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะอาหาร
สภาพของพวกเขาไม่ทำให้ผมแปลกใจหรอกครับ ก็เมื่อคืนนี้ กว่าจะเลิกบ้าบอกันก็เกือบตีสี่ และนี่ก็เพิ่งเก้าโมงกว่า นอนกันไปได้รวม4-5 ชั่วโมงเท่านั้น เดาว่าแต่ละคนคงอยากนอนยาวแล้วไปตื่นอีกทีตอนกินข้าวเย็น

ผมยังอยากนอนต่อเลย แต่ร่างกายมันเหมือนถูกตั้งเตือนเอาไว้ว่าต้องตื่นเช้า เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นจะทำอะไรก็ทำ แต่ไอ้จะทำอะไรก็ทำเนี่ย มันหมดความหมายไปแล้ว เพราะผมไม่ได้นอนคนเดียวอีกต่อไป

“วิน ข้าวต้มหรือไข่ดาวดี?” พี่หนึ่งนี่เองที่โผล่หน้ามาถามจากในครัว ผมกำลังจะอ้าปากขอข้ามต้ม แต่สิทธิในการเลือกของกินถูกริดรอนครับ

“ไข่ดาว ผมด้วย”

“อ่อ โอเค เอาอะไรอีกมั้ย นำทำข้าวผัดเด็กให้ธามอยู่”

“หรอ? เอาด้วยดิ ทันมั้ยอ่ะ”
“เออๆๆ มา เดี๋ยวผมเองก็ได้”
“วินเอาไข่สุกเลยใช่มั้ย”

“อ่อ...ใช่ครับ”  ทำไมรู้วะเนี่ย ผมนั่งก้มหน้าเพราะเริ่มรับรู้ถึงสายตามที่จับจ้องมาแปลกๆ

อะไรกัน ผมกับนายมือโปรก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลย ก็แค่ผู้ใหญ่อนุญาตแล้วเท่านั้นเอง

“พอเป็นเรื่องวิน พี่โป๊ะก็ดูหล่อเลยเนอะ เนอะธามเนอะ”

“อื้อออออ ใช่สินะ”
“นำก็หล่อเรื่องธามใช่สินะ พี่เจม”

“หือ?”

“ไม่ใช่หรอ?”

“ห๊ะ? คืออะไรหรอ?”

“โธ่ ไม่รู้เรื่องหรอ ธามรู้เรื่องนะ”

“หมาธาม มาชิมสิ ไอ้หมอมันบอกจืด พี่ว่าไม่จืดนะ ธามก็กินแบบนี้ไม่ใช่หรอ? แม่งเรื่องมากแล้วนำ น้องมันก็กินแบบนี้แหละ คุณอ่ะเยอะ”

เชฟโปรเขาบ่นเชฟนำครับ ส่วนเชฟหนึ่ง ผมเห็นคนไปกินไป ดูท่าว่าข้าวต้มในหม้อจะน้ำแห้งเร็วๆ นี้แหละ

ดีว่าเพราะว่ามีพวกเขาอยู่ ผมก็เลยไม่ต้องทำให้ใครมั่นใจในความคิดตัวเองเพิ่ม รวมถึงตัวผมเองด้วย


เที่ยงกว่า เราก็แยกย้ายกันกลับครับ แต่ก็แค่กลับจากวิลล่าริมทะเลแห่งนี้เท่านั้น พวกเรานัดจุดแวะเจอกันตามทางเพื่อกินมื้อเที่ยงที่เอนไปทางบ่าย จอดซื้อกาแฟ ซื้อขนม เติมน้ำมัน ซื้อของฝาก จนเมื่อถึงถนนหลักเข้ากรุงเทพนั้นแหละ การพักผ่อนด้วยกันของพวกเราจึงได้จบลง

ทริปนี้ คนที่พวกเราต้องขอบคุณ ก็คือน้องธาม


Tbc…


จบลงไปแล้วกับตอนพิเศษรวมกันเฉพาะกิจที่แสนจืดชิดของเรา  555555
ตอนหน้าก็กลับเข้าเรื่องหลักของทั้ง 2 เรื่องแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :n1: :n1: :n1: :n1:

ฝังลิงค์เพลงไว้ให้ด้วยค่ะ เพื่ออรรถรส
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-11-2016 03:27:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-11-2016 08:17:38
  :o8::o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-11-2016 08:27:58
อ่านไปยิ้มไปกับน้องวิน  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: superpk ที่ 20-11-2016 11:38:47
อยากรู้ว่าตอนน้องธามกระโดดน้ำน้องกำลังคิดอะไรอยู่ โอยยยยย ไม่ตลกซักตอนได้ไหมอ่ะ 55555
โป๊ะวินพอดีกันก็หวานเลย เขินนนนนน ร้องเพลงให้ด้วย ความหล่อพี่โป๊ะพุ่งมาก
คราวก่อนก็หลงห่วงว่าวินจะจมน้ำ อะไรคือเขินแล้วกระโดดน้ำหนี
รักในความหล่อของพี่โป๊ะตอนอยู่กับวินมากค่ะ รู้ใจกันไปอีก
ธามผู้หลงพี่นำ อวยพี่นำทั้งที่พูดไม่รู้เรื่องนี่แหละ ดีกับใจ
ทริปนี้ขาดธามไปนี่แย่เลย  :katai2-1:

สนุกมากกกกกก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-11-2016 13:35:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 13:46:17
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 20-11-2016 14:46:37
อร๊ายยยยย ผู้ใหญ่อนุญาตแล้ว คริคริ เขินอ่าาาาา  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-11-2016 15:14:13
ร้องเพลงจีบกันด้วย วินเขินน่าดูเลย

ธามเป็นเด็กตลกสิน่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-11-2016 15:45:54
โถ่วววววว เขินจนโดสระ วินเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-11-2016 19:49:53
วิน รักมือโปร มากๆ ก็พอแล้ว
ไม่ต้องคิดเอง เออเอง
ให้มือโปร เขาคิดเอง
ก็มือโปร รักวิน จะให้มือโปร ไปรักคนอื่นทำไม :mew1: :mew1: :mew1:
เหมือนที่ ที่หนึ่งบอกเจม จู๋ที่หนึ่งบอกที่หนึ่งเอง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ว่าที่หนึ่งรักใคร ต้องการใคร
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 21-11-2016 00:24:10
จำเป็นต้องมีเรื่องAt Dawn ให้เป็นของพี่โป๊ะเองจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่า
พอโผล่แจมในเรื่องคนอื่น พี่โป๊ะจะเป็นพี่โป๊ะคนกากทันที 555 ..

น้องธามตลกกกก .. ขอบคุณความเป็นน้องธามที่มีส่วนช่วยคลายปมในใจวินแบบอ้อมๆ
แบบไม่ตั้งใจ แบบไม่รู้ตัววววว
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-11-2016 13:20:54
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 22-11-2016 16:53:02
เห็นตะแรกนึกว่าตาฝาด...ดใจในที่สุดก็ดีกัน งือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-11-2016 11:56:18
โอ๊ะ โอวววว นี่เฮียถึงขั้นได้รับอนุญาติไว้แล้ว   :hao6:  :hao6:


ว่าแต่จะเป็นการรบกวนคนเขียนเกินไปหรือเปล่าคะถ้าหากว่าจะขอให้ใส่เลขหน้าในตอนที่อัพด้วยน่ะค่ะ ถ้าหากว่าทำให้ยุ่งกว่าเดิมก็ไม่เป็นไรนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 12-12-2016 15:19:24
คิดถึงพี่โป๊ะแล้วน้าาา.  :katai5:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 27-12-2016 23:49:36
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 40


เช้านี้...กำลังจะวุ่นวายเหมือนเดิมแหละครับ
ผมเริ่มต้นวันด้วยอาการตาปรือ มองคนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่พบเจ้าตัวเสียได้ ลองเงี่ยหูฟังเสียง เผื่อจะได้คำตอบว่าเขาหลบอยู่ส่วนไหนของบ้านไม้นี้ แต่ก็มีเพียงความเงียบ

นายมือโปรหายไป....
แต่มันไม่ใช่เรื่องราวที่น่าตกใจจนผมต้องร้อนรนตื่นและวิ่งตามหาหรอกครับ โตๆ กันแล้ว ถ้าการไม่อยู่ของเขาทำให้ผมมีปัญหา เขาคงบอกล่วงหน้าไว้แล้วแหละ

ผมบิดขี้เกียจ เพ่งมองนาฬิกาที่หน้าจอมือถือแล้วจึงพบว่า ผมตื่นสายมาก แต่การตื่นสายวันนี้ไม่น่ากังวลครับ เพราะวันนี้ผมลางาน

วันนี้เป็นวันซ้อมรับปริญญาครับ ซ้อมย่อยเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องสนใจเยอะ จริงๆ ไม่ต้องไปก็ได้  ฝากไอ้โอมบรีฟเอา แต่ทางบ้านผมให้ความสำคัญมากครับ ทั้งบ้านลุงสัน บ้านคุณตา ป้าผมนี่คงไม่ต้องบอกครับว่าเตรียมเคลียร์งานเพื่อหาเวลาว่างไว้กี่วัน และเตรียมชุดกี่ชุด ส่วนคุณสาวิตรี คนนี้ผมภาวนาให้ไม่ใส่ใจครับ

ผมโทรหาไอ้โอมเพื่อสอบถามเวลาที่จะต้องไปมหาวิทยาลัย รอสายไม่นานมันก็ตอบรับด้วยเสียงงัวเงียพอกัน
“กี่โมงนะมึง ทันป่าววะ กูเพิ่งตื่น ไม่ทันกูจะนอนต่อ”  และคำตอบคือทันครับ ผมรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ตั้งจิตตั้งใจใหม่โดยเร็ว เพราะถ้าไปเลทหรือเบี้ยว ผมกับนายมือโปร จะกลายเป็นคนไม่รักษาคำพูดทันที

ผมบิดขี้เกียจอีก 10 กระบวนท่า แล้วก็อาบน้ำ แปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ ก็ตอนนี้ผมไม่ใช่นักศึกษาปริญญาโทแล้วนี่ครับ ผมเป็นเจ้าของธุรกิจ (ผ่านการถือหุ้นทางอ้อม) และเป็นผู้บริหารด้วย เท่อะไรระดับนี้ แต่ภาวนาอยู่ทุกวินาทีว่า เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันอย่ามานึกอยากอัพเดทประวัติกันเลย ไม่อยากโกหกปิดบัง และไม่อยากเปิดเผย

พอลงบันไดมาถึงชั้นล่างก็ถึงรู้ว่านายมือโปรไม่ได้ทิ้งผมไปแต่งหล่อแถวไหนหรอกครับ เขาเตรียมมื้อเช้าไว้ให้ แปะโพสอิทไว้ที่หน้าตู้เย็นว่าไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ เดี๋ยวจะไปเจอที่มหาวิทยาลัยเลย คนนี้คือคนสำคัญที่ทำให้ผมไม่อยากไปพบเจอเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันครับ

น่าจะไม่ลืมกันนะครับว่าเขาเป็นอาจารย์พิเศษด้วย การที่อาจารย์พิเศษมาสนิทชิดกายผมเนี่ย มันน่าจะประหลาดมากในสายตาเพื่อนร่วมเรียนของผม เพราะที่เรียนกันมา 2  ปี ผมคุยกับคนอื่นแบบนับคนและนับคำได้เลย
แต่ยังไงก็ต้องไปล่ะนะ โลกเว้ย! วินมาแล้ว!!!!

ผมฮึดสู้อยู่ในห้วงคิดตัวเอง นั่งจ้วงข้าวเช้าที่ค่อนไปทางสายเข้าปาก แล้วก็คว้ากระเป๋าคู่ใจ ที่เข้าคู่กับเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ไม่ขาด รองเท้าเผ้าใบ แล้วก็เดินดุ่ยๆ ออกจาบ้านไม้ท้ายสลัม ไปหน้าปากซอย เพื่อโบกมอเตอร์ไซค์ให้ไปที่ท่าเรือ  เรือด่วนธงส้ม ทำหน้าที่ส่งผมสู่โลกที่เปิดพื้นที่เพิ่มขึ้นรอต้อนรับผมอยู่

ถึงที่หมายในเวลาที่ไม่เลทหากเทียบกับเวลานัดหมายที่โครงการกำหนด ผมไม่ต้องมองหาไอ้โอมเลย เพราะมันนั่งเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว ห้อมล้อมโดยเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต่างก็พากันแต่งตัวดีขึ้นผิดหูผิดตา ผมยิ้มบางๆ ให้กับเพื่อนบางคนที่บังเอิญหันมาและบังเอิญสบตากัน ไอ้โอมกวักมือหยอยๆ เป็นการต้อนรับ ตบเก้าอี้เรียกตูดผมด้วย

“มาไงวะ เฮียกูล่ะ”​

“แยกกันมา กูมาเรือ พี่โป๊ะไปทำงานก่อน”

“ขยันไปไหนว่าคนนั้น”

“กูว่าเค้าไม่ได้ขยันหรอกว่ะ เค้ารู้หน้าที่”

“แหม...อวย”

“ฟังตัวเองอวยเค้าก่อนเถอะไอ้หมาโอม”
“มึงแดกไรมายัง? กาแฟมั้ย”

“เดี๋ยวนี้ติดกาแฟแล้วหรอหมาวิน” มันถามพลางถลึงตามองผมอย่างประหลาดใจ ติดบ้าติดบออะไรก็กูรู้ว่ามึงติดกาแฟไงเลยถาม ไอ้ห่านี่ ผมไม่ได้ด่ามันหรอกครับนะครับ แค่ทำหน้านิ่งๆ ถอนหายใจแล้วก็ลุกยืนทั้งที่เพิ่งหย่อนก้นได้ไม่ถึง 2 นาที

“เอ้าๆ ไปไหนวะ แซวแค่นี้ทำงอน เดี๋ยวนี้เล่นตัวเบอร์ใหญ่นะมึงเนี่ย รู้ว่าไงๆ เค้าก็ง้อล่ะสิ” จิกกูอีกแล้วนะ ผมไม่ตอบ เดินออกจากห้องนัดหมายแม่งเลย ไอตัวดีก็วิ่งตามออกมาแหละครับ ตามทันก็คว้าคอผมไปวางแขนเหมือนเดิม มันแสลนหน้ามาง้อ

“เค้าขอโทษ”
“ตัวจะไปไหน เค้าไปด้วยน้า” ไอ้เหี้ยนี่ กวนตีนใหญ่แล้ว ผมหลุดขำ แล้วก็ยอมบอกมันไปว่าจะไปซื้อชากิน กว่าจะถึงเวลานัดอีกตั้งหลายสิบนาที นั่งในห้องนั้นแล้วอึดอัด เสียงคนก็จอแจ มันก็ตกลงปลงใจมากับผม ก็แน่ล่ะครับ เรามันเพื่อนรักกัน

ร้านพักหูของผมก็คือร้านกาแฟดังที่ท่ามหาราช จริงๆ แล้วซื้อชานมร้านริมรั้วที่เคยกินก็ได้ แต่มันไม่มีเมนูให้เลือกมากนัก ผมก็เลยพาไอ้โอมเดินมาที่ท่ามหาราชเสียเลย การเดินทางของเราทุลักทุเลเล็กน้อย เพราะไอ้หมาผมยาวประบ่านี่เสร่อจะเดินเข้าร้านกาแฟของเฮียสุดที่รัก ซึ่งแน่นอนว่าผมค้านสุดตีน
เหตุผลไม่งี่เง่าเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ ที่ไม่อยากเข้าไปวุ่นวายก็เพราะว่ามันคือร้านกาแฟร้านหนึ่งและโฮสเทลแห่งหนึ่งที่มีชีวิตของมัน มีเรื่องราวของมัน และมีผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมัน ซึ่งไม่ใช่ผม

ได้ชาได้กาแฟอุดหูอุดปากกันแล้ว ผมกับไอ้โอมก็นั่งกันเงียบๆ มองแม่น้ำเจ้าพระยาสะท้อนแสงแดดจนแสบตาอยู่หลายครั้ง เช็คเวลากันอีกทีก็ถึงเวลานัดแล้วครับ
การซ้อมรับปริญญาครั้งนี้ แบ่งเป็นซ้อมคณะ 1 รอบ ช่วงบ่ายครับ จากนั้นก็ซ้อมรวมกับทุกคณะในตอนค่ำ แล้วก็เสร็จ เจอกันอีกทีวันซ้อมใหญ่และวัดเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

พอกลับมาสมทบกับเพื่อนๆ ที่ห้องนัดหมาย จึงได้รู้ว่าความวุ่นวายในโลกนี้มีการเติบโตแบบเร่งด่วนครับ ทุกอย่างดูกระจัดกระจายแม้กระทั่งคำทักทายที่หัวพุ่งไปทางหางเฉไปอีกทาง สายตาที่เหมือนจะจ้องมาแต่ก็หักเหไปตามแสงในวินาทีสุดท้าย ผมรับมือกับบรรยากาศแบบนี้ไม่ค่อยได้ หน้าก็เคยนิ่งขึ้น เฉยขึ้นและบึ้งตึงขึ้นอย่างไม่ต้องใช้ตัวแปรใดๆ มากระตุ้น

“เป็นไรวะ หงุดหงิดอะไร”

“เปล่านี่” ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรจริงๆ นะครับ ผมแค่ไม่ชอบบรรยากาศจอแจแบบนี้

“แล้วไมทำหน้าแบบนั้น”

“มันวุ่นวายประหลาดๆ จบๆ ไปเร็วๆ ก็ดี กูเวียนหัว”

“ท้องหรอ”

“พ่อมึงสิไอ้ห่าโอม” ผมด่าไปโดยไว ทิ้งหางตามองมันอย่างดูแคลน ไอ้บ้าไอ้บอตัวนี้ต้องหิวเบอร์ไหนถึงได้คิดอะไรพิสดารได้แบบนี้

“เค้าล้อเล่นไง”
“ตัวอย่าทำอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวเฮียก็มาแล้ว ใจเย็นๆ นะ”

“กูไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็ไม่ได้รอเฮียมึงด้วย”

“อ้าวหรอ? แต่เฮียกูบอกว่ากำลังรีบมา ให้ดูมึงให้แป๊บนึง อย่าให้หิว เดี๋ยวอารมณ์เสีย”

นายมือโปรเห็นผมเป็นอะไรวะ? วัตถุระเบิดรึไง ผมไม่เคยโมโหร้ายหรือเหวี่ยงใครด้วยความรุนแรงเลยนะครับ การตอบโต้ การดื้อด้าน เถียง และต่อต้านของผม แสดงออกผ่านความเงียบมาโดยตลอด เพิ่งมามีนิสัยพ่นคำหยาบก็ตอนเจอเขาและไอ้โอมนี่แหละ

ผมส่ายหน้าด้วยไม่อยากสนใจมันอีกต่อไป ไม่นานนัก อาจารย์และเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาเพื่อบอกการจัดลำดับ นำให้ซักซ้อมท่าทาง และให้เวลาพวกเราจัดกระบวนท่าของตัวเอง เจอกันอีกทีช่วงเย็นที่หอประชุมใหญ่

ราวๆ บ่ายกว่า พวกเราก็ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง ผมหิวจนหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่ได้บ่นออกมาดังๆ หรอกครับ คิดอยู่แค่ว่า ทำไมนายมือโปรถึงได้รู้จักผมดีนัก รู้ด้วยว่าถ้าดูแลไม่ให้หิวได้ ก็เท่ากับสกัดอารมณ์ไม่สนโลกผลักจักรวาลของผมได้ เขาอาจเทพจริงๆ หรือผมอาจจะเดาอารมณ์ง่ายเกินไป

ไอ้โอมลากผมไปกินข้าวแถวท่าพระจันทร์ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่ร้านหรอกครับ แต่แผนของมันถูกปฏิเสธ เพราะว่าคนมีความสำคัญมากกว่าเขาโผล่มาแล้วครับ

นายมือโปรนั่นแหละ เขาโทรหาผม และส่งข้อความสั่งไอ้โอมให้มากับผม เรานัดกันที่ร้านพิซซ่าใต้สะพานครับ ร้านนี้เสี่ยงพอควรเพราะดัง และผมก็แว่วๆ ได้ยินใครหลายคนนัดแนะกันว่าจะไปทานอาหารกันที่ร้านนี้ นั่นก็เท่ากับว่า ใครหลายคนอาจะได้เห็นผมอยู่กับอาจารย์วารินทร์ แต่ก็คงไม่น่าสงสัยอะไร เพราะว่าไอ้โอมก็อยู่ด้วย แต่นั่นก็เสี่ยงอยู่ดี เสี่ยงว่าจะถูกแจม ซึ่งผมไม่ชอบทานข้าวกับคนไม่คุ้นเคย

“ทำไมหมากูหน้ามุ่ยมาแบบนี้วะโอม”
“มึงไม่ดูแลวินเลยใช่มั้ย สั่งไว้ว่าไง ไอ้นี่นี่!” คำด่าไอ้โอมทำให้ผมหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองก็พบกับนายมือโปรที่ยืนเท้าเอวมองพวกผม 2 คน วันนี้เขาใส่ชุดลำลองดูสบายๆ ไหนว่าเข้าออฟฟิศ ทำไมชิลล์แบบนี้ล่ะ?

“หิวมากหรอวิน”

“ไม่นี่ครับ”

“ทำไมหน้างอแบบนี้ ไอ้โอมมันแหย่อะไร?”

“เปล่าครับ”

“โหหห เฮีย”
“โอ๋กันระดับนี้ กลัวโลกไม่รู้รึไงว่าได้กันแล้ว” และมันก็โดนตบหัวไปตามระเบียบครับ เสียงแป๊ะนี่ประทับใจผมมาก ไอ้โอมเป็นฝ่ายหน้าบูดแทน มันเดินกระแทกส้นเท้าเข้าร้านไป แต่ก็ต้องด้นถอยหลังกลับออกมา

“โต๊ะไหนอ่ะเฮีย”

“แล้วเสร่อเดินเข้าไปก่อนให้ได้อะไร หา?” 

“ก็เฮียอ่ะ” เถียงได้เท่านี้แหละครับไอ้หมาโอม ผมเห็นมันเบะหน้าแล้วก็สงสาร คงน้อยใจเฮียมันน่าดูที่เอาแต่โอ๋ผม ขอโทษว่ะโอม กูนอนคุยกัน...อูยยย ดูเป็นคำข่มที่แพศยาสิ้นดี

ผมถูกลูบหัว ก็เลยเลิกหัวเราะเยาะเพื่อนในใจแล้วเงยหน้ามองเจ้าของมือ เขายิ้มให้ ตั้งท่าจะโน้มตัวสูงๆ ลงมาหาหน้าผม แต่ผมเลือกจะเดินหนีเขาเข้าร้านไปเสีย แต่ก็มีจุดจบแบบไอ้โอมแหละครับ ผมด้นถอยหลังกลับมาหาเขาแล้วถาม

“โต๊ะไหนล่ะครับ”

นายมือโปรหัวเราะใส่อย่างอารมณ์ดี เขาโอบบ่าผมไว้แล้วก็พาเดินไปยังโต๊ะอาหารที่จองไว้ ซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของร้าน

นั่งเล่าบรรยากาศการซ้อมรับปริญญากันไม่นาน อาหารก็มาเสิร์ฟ นายมือโปรเชื้อเชิญให้ผมทานเสียก่อน จะได้ไม่โหวงท้อง ผมก็เลยเริ่มทานครับ ส่วนไอ้โอมนั้น ได้รับการเถือกจานพิซซ่าไปตรงหน้าก็เชื้อเชิญเหมือนกันครับ แต่หยาบกว่า นายมือโปรสั่งไอ้โอมว่า “แดกไม่หมดโดนยีหัวนะ” แม่งโหดชิบหายเลยว่ะ ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมไอ้โอมถึงทั้งรักทั้งเกรงเขา ก็มีทั้งพระเดชพระคุณกับไอ้โอมนี่เอง

กำหนดวันรับปริญญาไม่น่าใจหายเท่าวันกลับไปเป็นแรงงานส่งออกต่างประเทศของไอ้โอมหรอกครับ พี่โป๊ะดูเสียดาย คงเพราะเขามีวิถีอยู่ในหัวมากมายให้ไอ้โอมเดินตามเส้นปรุที่เขาเอาเท้าทำรอยไว้ ส่วนผมก็เสียใจนิดๆ ที่จะไม่มีใครให้บอกรักบอกห่วงด้วยคำว่าไอ้เหี้ยไอ้สัดหมาโอม

แต่มีพบก็มีจาก มันเป็นสัจธรรม ผมเชื่อว่าผมทำใจได้ อีกอย่าง มันก็ไม่ได้ตายจากไปเสียหน่อย สมัยนี้โลกแคบนิดเดียว ผมคิดว่าผมด่ามันผ่านตัวหนังสือแล้วส่งไปทางอินบ๊อกซ์ได้

ผมอาจจะคิดถึงกลิ่นหัวมัน คิดถึงมือมันที่ชอบจับมือผมไว้ตอนที่ผมรู้สึกอ้างว้างแต่ไม่เคยยอมรับแม้แต่กับตัวเอง แต่คงไม่ถึงขนาดคิดถึงจนตายหรอกครับ

“แล้วกลับมาบ่อยๆล่ะโอม วินคิดถึงแย่”

“แล้วเฮียล่ะ ไม่คิดถึงผมหรอ? โด่”

“คิดถึงสิ ติดเงินกูไว้นี่ รวมดอกก็ล้านนึงพอดี”

“ไอ้เฮียยยยยย ใจเย็นดิ เดี๋ยวใช้เว้ย แม่ง อย่าเพิ่งดอกสิเฮีย ไม่เอา ไม่เอา ไม่วู่วาม”
“มองโอมสิครับ นี่โอมไง เด็กดีของพี่โป๊ะไง”
“ไม่คิดดอกเบี้ยน้า” ไอ้ปลิ้นเอ้ย ผขำการอ้อนการแถของมันมากครับ ส่วนพี่โป๊ะทำเป็นกอดอกเล่นตัว แต่แววตาเขาบอกโลกหมดแล้วว่าเขารักน้องชายเขาขนาดไหน

เราทานกันจนอิ่ม คุยกันจนอิ่มกว่า ผมกับไอ้โอมก็ถูกเรียกตัวไปซ้อมที่หอประชุมอีกครั้ง แต่การกลับเข้าเขตมหาวิทยาลัยรอบนี้ เป็นที่จับจ้องอย่างที่คิดไว้เลยครับ

เดินกันมาถึงตึกคณะ(ที่ผมไม่เคยได้มีโอกาสใช้เพราะตอนที่เรียนนั้นตึกกำลังปรับปรุง) ซึ่งเป็นที่นัดหมาย สายตาเพื่อนคนอื่นๆ ก็พุ่งมาทางพวกผมทันที ไม่ใช่เพราะผมหล่อขึ้นหรือไอ้โอมผ่องแผ้วขึ้นหรอกครับ แต่เพราะนายมือโปรต่างหาก

“อาจารย์วารินทร์ สวัสดีค่ะ”
“มาทำอะไรคะ? มีสอนหรอ? วันนี้วันศุกร์นี่คะ”

“เปล่าครับ ธุระนิดหน่อย”

“อ๋อ อาจารย์คะ ถ่ายรูปกันค่ะ”
“น้องโอม น้องวิน มาค่ะ ถ่ายรูปกับพี่แจงหน่อย”
“เรียนจบแล้ว พูดกับน้องวินนับคำได้เลย”

เธอเรียกทุกคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ครับ ผมกับไอ้โอมก็ไม่ขัดน้ำใจ เพราะเห็นว่าใครๆ ก็ไม่ปฏิเสธคำชวนของพี่แจงคนนี้

นายมือโปรเป็นไข่แดงกลุ่มอยู่หลายนาทีเชียวครับ เขาถ่ายรูปหมู่ ถ่ายรูปคู่ รวมถึงถูกขอให้เป็นแบบเดี่ยวๆ ก็มี ท่าทางเวลาสาวๆ ขอถ่ายรูปด้วยจะอ่อนโยนหน่อย โน้มตัว ยิ้ม เอียงหัวนิดๆ ส่วนที่ถ่ายรูปกับพวกผู้ชายก็ยืนสมาร์ทขึ้น ทำมือทำไม้ตามที่มีคนกำกับ

ผมยอมรับว่าประหลาดใจนิดๆ ส่วนตัวแล้วผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเขากลมกลืนกับสังคมได้ระดับเทพแบบนี้ เพราะเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าเขาเองก็เป็นคนที่มีพื้นที่ส่วนตัว และขอบเขตของพื้นที่ก็ค่อนข้างชัดเจน

อาจารย์เนื้อหอมเดินมาหาผมที่ยืนอยู่คนเดียว ส่วนไอ้โอมก็ไปวิ่งร่าถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ตามประสา

“มือถือล่ะ”

“ไม่หายนี่ครับ อยู่นี่” ผมตบกระเป๋ากางเกงประกอบคำตอบ แต่นายมือโปรกลับแบมือมาตรงหน้า

“รู้ว่าไม่หาย ยังเห็นเล่นอยู่เมื่อกี้เลย”
“พี่หมายถึง เอามือถือมาสิ ถ่ายรูป”

“ไม่เอา วินไม่ชอบ”

“ก็พี่อยากมีรูปคู่”

“ทำไมต้องที่นี่”

“เพราะมันก็ปกติที่คนเขาทำกัน”
“เร็วสิ”

“ไม่เอา”

“โอเค ใช้มือถือพี่ก็ได้ ให้คนเขารู้กันไปเลยว่าพี่เป็นคนขอถ่ายรูปคู่กับวินเอง”

“ไม่ต้องเลย หยุดเลยพี่โป๊ะ”
“เอ้า! นี่”

“ก็เท่านี้” เขาบอกแล้วยกยิ้มมุมปาก ชนะผมได้นี่มันฟินสินะ เขายืนซ้อนหลังผมนิดๆ โยกหน้ามาจนคางเขาประกบขมับผม ผมเป็นคนถือกล้อง พอมองตัวเองและเขาในมือถือแล้วรู้สึกเขินพิลึก

“นับด้วยนะ เดี๋ยวไม่หล่อ”

“โอเค รู้น่า”
“นึงงงง” แชะ เสร็จ

ผมเก็บมือถือลงกระเป๋าตัวเองแล้วก็เบี่ยงตัวหนีแผงอกเขาที่มันจี้ติดแผ่นหลังผม เขาหัวเราะอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรผมต่อ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ไปไหนอยู่ดี

เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกันครับ
ไม่ต้องขมวดคิ้วหรอกครับ เราคุยกันเรื่องงาน และเรื่องการบอกเวลานัดหมายผู้ใหญ่ที่ต้องการแสดงความยินดีกับการเรียนจบของผม

“บ้านวินมากันทั้งบ้าน โคตรเบื่อ”

“บ่นทำไมกันเล่า ดีกว่าใส่ชุดครุยยืนเดียวดายนะ”

“วินยืนของวินได้”

“เขารักหรอกน่า”
“เดี๋ยวพี่จัดคิวเอง วินแค่ทำตัวให้พร้อมตามกำหนดการก็พอ”
“นี่เข้าไปซ้อมในหอประชุมกี่โมง แล้วเสร็จกี่โมงครับ”

“นัด 6 โมงนะ แต่ก็คงเลท ตามเคย”
“เห็นว่าเสร็จประมาณ 2 ทุ่ม”

“เสร็จแล้วโทรเรียกพี่แล้วกันนะ เดี๋ยวรออยู่แถวๆ นี้แหละ”

“ไม่ไปรอที่ร้านพี่โป๊ะล่ะครับ ร้านกาแฟ”

“ไม่อยากเข้าไปช่วงนี้ มันกำลังเป็นไปตามทางของมัน”
“ไปร้านกาแฟอื่นดีกว่า”

“เอาเถอะ เวลาของพี่โป๊ะนี่ จะให้มันเสียไปกับอะไรก็เรื่องของพี่อยู่ดี”
“อ้อ เรียกแล้วมั้ง วินไปก่อนนะ”

“ครับ”

“รอแน่นะครับ”

“เคยไม่รอวินด้วยหรอ”

ไม่เคย เขาไม่เคยไม่รอ
ผมยิ้มให้คำตอบที่ทำให้ใจในอกมันเต้นตูม เขายื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ แล้วก็ผลักหลังเป็นการส่งท้าย แล้วก็เดินไปทางท่าพระจันทร์ตามที่บอกไว้

“เฮ้ยวิน ไม่เจอกันเลย”
“นี่ไปสนิทกับอาจารย์วารินทร์แกตอนไหนวะ?” เฮียที่เป็นไข่แดงบนโลกของกระเพราไก่ไข่ดาวจนเคยตัวถามขึ้น คงลืมไปแล้วมั้งครับว่าผมไม่ใช่คนอัธยาศัยดีจนยอมให้คนอื่นมาเสือกเรื่องชีวิตของผม

“เฮียๆ เดินได้แล้ว นี่ไม่เจอกันไม่กี่เดือนเดินเองไม่เป็นเลยหรอ?”
“ไปดิเฮีย เฮ้ยเอ็ม น็อต ต้น จิม มาแถวนี้ เหอะว่ะ ดูดหรี่มั้ย” ไอ้โอมครับ ที่เป็นคนแทรกช่วงเวลาที่เฮียมองหน้าผมเพื่อขอคำตอบ การดึงความสนใจไปสู่ตัวของไอ้โอมได้ผลเสมอ ผมไม่ต้องแสดงอาการดิบๆ ใส่เฮีย ไม่ต้องโกหก และไม่ต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด ผมรักไอ้โอมก็เพราะแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: At Dawn : The Extension Dawn (ตอนพิเศษ 5) 20-11-16
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 27-12-2016 23:55:28
พิธีการไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายหรอกครับ หมายเลขของที่นั่งและแถวนั่งฝังติดแน่นในสมองผมเพียงแค่มองมันครั้งเดียว แต่ไอ้โอมรอบคอบโดยการถ่ายการรันตัวเลขนั่งเอาไว้ ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะผมก็หวั่นๆ เหมือนกันว่าตื่นมาพรุ่งนี้ก็ลืมทุกอย่างแล้ว
 
ระหว่างนั่งรอการรันคิวเดินขึ้นไปรับใบปริญญา เรามีเพลงประจำมหาวิทยาลัยให้ซ้อมร้อง ให้ท่องจำเนื้อเพลงนั้นเอาไว้ แต่ผมไม่ได้เป็นเด็กดีขนาดนั้นหรอกครับ ผมหลับ มีไอ้โอมเป็นพนักพิง เป็นหมอน เป็นซอกหนีบหัว เป็นทุกอย่าง

สติเต็มอีกครั้งก็ตอนที่ซ้อมเสร็จและเดินออกจากหอประชุมมาพร้อมๆ กับฝูงชนคลาคล่ำ หลายคนนัดแนะกันไปกินอาหารมื้อดึกต่อ หลายกลุ่มก็นัดกันด้วยร้านเหล้า และไอ้ตัวดีก็ไม่เคยพลาดโอกาสแบบนี้หรอกครับ

“ไปร้านอาจารย์วารินทร์ไง”
“สุขุมวิท ลงด่วนก็ถึงแล้วเนี่ย”
“เฮียไปป่าว”

“เออ ก็ดีว่ะ แต่จารย์แกไม่ว่าหรอ?”

“นี่ก็จบแล้ว พี่ๆ น้องๆ กันนี่แหละ ไม่ใช่ศิษย์อาจารย์กันแล้วเฮีย”
“เขาจะด่าก็ข้อหากินเหล้าแล้วชักดาบมากกว่า”
“เอาไง ถ้าไปจะโทรจองโต๊ะไว้ก่อน”

“ใครไปมั่งอ่ะ พวกมึงว่าไง”
“เฮียโอเค เคยไปกันมาแล้วไง จำได้ป่าว ที่สอบไอเอสกันเสร็จอ่ะ”
“เค เค กี่หัวพวกมึงแจ้งไอ้โอมไว้ด้วย” ภาษาเหล้ามันง่ายแบบนี้นี่เอง ผมยืนฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉยๆ มีสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไอ้เฮียมันส่งสายตามาหาแล้วก็ตั้งท่าจะปรี่มาหา ผมรีบหันมองทางอื่นไปเรื่อยเปื่อย และก็พบว่า ควรสบตาไอ้เฮียไว้นั่นแหละดีที่สุด

นายมือโปรครับ ตัวเป็น กำลังก้าวขายาวๆ ผ่านสนามหญ้ามาทางพวกผม ในมือมีน้ำเปล่าด้วย
เอาไงดีอ่ะ ผมไม่อยากเมินแฟนผมด้วยเหตุผลว่าไม่อยากให้ใครรู้ความสัมพันธ์เพราะแม่งยุ่งยากับชีวิต แต่ผมก็ไม่อยากแนะนำกับไอ้เฮียว่าผมกับอาจารย์วารินทร์ที่ไอ้เฮียมันโคตรชูไว้เหนือกระหม่อมล้านๆ ของมันนั้น ..รักกัน

ผมต้องเลือกว่าจะฝืนใจตัวเอง หรือจะทำร้ายความรู้สึกคนที่ดูแลผมเป็นอย่างดี

“ไอ้วิน”

“วิน”

โอเค เลือกแล้วก็ได้
ผมหันไปหาไอ้เฮีย เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรอครับ มือที่ไขว้ไว้ข้างหลังกำลังทำกิจการเกี่ยวนิ้วตัวเองอยู่ครับ

“มึงไปป่ะเนี่ย”
“ผับอาจารย์”

“ไอ้โอมมันไปนี่ ผมก็ไปแหละ”

“อ้าว นั่นเขานิ อายุยืนชิบหาย”
“เออๆ ดี อยากเจอ มีเรื่องถาม”

“เรื่องไรหรอเฮีย”

“งาน กูอ่านข่าวเจอว่าเขาเปิดบริษัทใหม่ เป็นบริษัทร่วมทุนกับแบงก์ กำลังฟอร์ม”
“ว่าจะไปซับงาน”

“อ่อ”

“จะถามด้วยว่าสนิทกับมึงตอนไหน”

“แล้วไมต้องถามเขาล่ะ ถามผมดิ”

“ไม่อ่ะ มึงมันเป็นพวกไม่อยากตอบก็ไม่ตอบห่าอะไรทั้งนั้น กูไม่บี้ให้มึงด่าแช่งหรอก”
“ถามเขาดีกว่า หุหุ” แล้วมันก็เดินเลยผมไปหาอาจารย์วารินทร์ของมันครับ ว่ากันตามจริง เฮียมันน่าจะอายุพอๆ กับนายมือโปรนั่นแหละ หรือไม่ก็แก่กว่า
ผมเดินตามไปด้วย หลังจากหันมองหาไอ้โอมแล้วเห็นพิกัดของมันแล้ว ไอ้เฮียมันคุยเรื่องงานกับนายมือโปรก่อนครับ ผมยืนห่างออกมาไม่มาก แต่ก็ยืนแสดงตัวหัวโด่ให้รู้ว่า ถ้าพูดเรื่องกูก็ต้องให้กูพูดด้วย

และไม่นานนัก เฮียก็เข้าประเด็น
“อาจารย์ ไปสนิทกับวินมันได้ยังไงครับ”
“เมื่อเย็นเห็นคุยกันนานเลย เมื่อกลางวันก็กินข้าวด้วยกัน กับไอ้โอมอีกคน ไอ้โอมนี่พอรู้มาแล้วว่ามันเคยทำงานกับของอาจารย์ แต่วินเนี่ย”

“วินทำไมหรอครับ?” นายมือโปรถาม หันมองผมที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักแล้วพยักหน้าเรียก ผมก็เลยเดินรี่เข้าไป แม้ว่าการยืนอยู่ตรงนี้จะได้ยินพวกเขาคุยกันแล้วก็ตาม

“ก็....” เฮียหันมองผมที่เดินมาร่วมวงสนทนา มองน้ำในมือนายมือโปรที่ยื่นมาให้ผมแบบพร้อมดื่มได้เลย ส่วนฝาขวดน้ำนั้นติดอยู่ที่มือนายมือโปรครับ
“ก็ปกติวินเขาเข้าถึงยาก เลยแปลกใจว่าอาจารย์ทำยังไงถึงได้เข้าถึงมันได้”
“เด็กนี่มันกวนตีนจะตาย แต่มันน่ารัก”

“อ๋อ” เขาหัวไวจัง น่าจะคิดคำตอบที่เข้าท่ามากกว่าคำตอบของผมล่ะนะ
“ผมจีบวินเองแหละ”
“ชอบ”
“เนอะ” หันมาเนอะกับผมครับ แล้วผมต้องทำไงล่ะ

“จีบ? วินเนี่ยนะครับ”
“แล้ว...ตอนนี้ เอ่อออ”

“คบกัน ทำไมหรอครับ?”

“เหยดดดดดดดด” นี่คือคำอุทานใช่มั้ย ผมกับนายมือโปรมองไอ้เฮียแล้วก็มองหน้ากันเอง แสงไฟสปอตไลท์บริเวณสนามหญ้าทำให้เห็นสีหน้าประหลาดใจของไอ้เฮียได้ดีครับ แต่ทั้งหน้ามันก็มีแค่ความประหลาดใจเท่านั้น ไม่ได้มีอาการรังเกียจความรักที่ไม่ปกติ

“จารย์”
“เด็ดดอกฟ้าเลยนะเนี่ย เจ๋งอ่ะ”
“นี่จะไปผับอาจารย์กัน เดี๋ยวเล่าหน่อยดิว่าทำไงให้มันยอมเป็นแฟน”
“วินเนี่ย ถ้าผมไม่ได้คุยกับไอ้โอมรู้เรื่อง ก็คงไม่ได้รู้จักมัน”
“ที่เรียนด้วยกัน 2 ปี พูดกับมันแบบเรื่องทั่วไปที่ไม่ใช่เรื่องเรียนหรือรายงานนี่นับคำได้เลยนะ”
“ผมเนี่ย จะถามว่ามันเป็นอะไรกับนายแบงก์ยังไม่กล้าเลย กลัวมันด่าไปถึงปู่ถึงย่า เดี๋ยวนั่นลุกมาด่ากลับจะซวย”

“เฮีย ผมไม่ได้ดุขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากพูดก็ไม่พูด”

“นั่นแหละที่กูกลัวมึงที่สุด”
“สายตามึงน่ากลัว มันแบบ..บอกทุกคนว่า ถ้ายังเสือกถามเรื่องที่กูไม่อยากพูดอีก มึงเจอดีแน่ อะไรแบบนี้อ่ะ แม่ง นามสกุลก็ใหญ่คับคุ้มเจ้าพระยา”

“ไอ้เฮียแม่งเวอร์” ผมด่าปิดท้าย ส่วนนายมือโปรยืนขำครับ

“จารย์ แล้วตกลงไอ้วินมันเป็นอะไรกับตระกูลนายแบงก์หรอ?”

“ถามเจ้าตัวเขาสิ ผมไม่พูดถ้าวินไม่อยากให้พูด เข้าใจนะ”

“โห่ งี้แสดงว่าเป็นลูกเป็นหลาน”
“เอาเถอะ ก็แค่อยากรู้หัวนอนปลายตีนมันบ้าง ก็พี่ก็น้องกันทั้งนั้น”

พวกคนสันดานดียังมีอีกเยอะนะครับ หลังๆ มานี้ผมสัมผัสได้ คนที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครเขาก็ยังปฏิบัติกับคุณตามสันดานดีๆ ของเขา

ไอ้โอมเดินมาสมทบพวกผมในที่สุด มันรายงานราวกับเป็นเลขาของที่ประชุม
“สรุปนะเฮีย ไปเจอกันที่ผับประมาณ 20 กว่าหัว”
“จองโต๊ะไว้ให้ 2 โต๊ะติด เป็นแบบยาวหน้าร้านเลย อยากดิ้นก็เดินไปเอง นี่เน้นของกินรองท้องกับนั่งคุยกัน”
“วิน มึงไปกับเฮียใช่มั้ย งั้นกูไปกับเฮียนะ”
ผมเชื่อว่า ผมไม่ใช่คนเดียวที่งงกับสันดานดีๆ ของไอ้โอม


อากาศปลายปีไม่เป็นไปตามฤดูกาลครับ ความร้อนอบอ้าวจากผิวดินยังระเหยขึ้นมาห่อล้อมตัวเราแม้ว่านี่มันจะล่วงมาถึง 3 ทุ่มแล้ว ดูท่าแล้วแสงแดดจะโหดร้ายกับผู้ได้รับการตกกระทบมากเลย ช่างเป็นธรรมชาติที่ไร้ความปราณีต่อสิ่งอื่นที่ผมชื่นชอบเหลือเกิน

ขึ้นรถมาได้ก็เรียกร้องหาแอร์ก่อนเลยครับ จากนั้นก็ถอดรองเท้าหนัง ขอเปลี่ยนเป็นรองเท้าลำลองที่ทิ้งติดรถหรูของพี่โป๊ะเอาไว้ เขาช่วยปรับแอร์ ส่งทิชชู่เปียกให้เช็ดมือเช็ดเท้า ส่งน้ำดื่มมาให้อีกระลอก ส่งคุกกี้มาให้รองท้องก่อน แล้วก็ส่งนมมาให้

“พี่โป๊ะ เหมาเซเว่นมาหรอ?”

“อื้อ ก็พอดีจอดแถวนี้” เขาจอดรถริมถนนท่าพระอาทิตย์ ซึ่งฝั่งตรงข้ามมีเซเว่นเปิดให้บริการอยู่ จุดจอดตรงนี้ก็ไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควร แต่ผมเดินได้ ผมชอบ
“เอาไรอีกป่าว เข้าไปซื้อตุน”
“เดี๋ยวถึงร้านพี่ทำข้าวผัดหมูหมักซอสกับขิงให้ เอามั้ย”

“ไม่เคยได้ยินชื่ออ่ะ แต่วินขอซุปขอแกงอะไรสักอย่างได้มั้ย อุ่นๆ”
“จริงไม่อยากไปกินเหล้ากับพวกนั้น เหนื่อยแล้ว ไม่อยากให้พี่โป๊ะไปด้วย”

“โอเค กลับบ้านเรากันดีกว่า”

“อ่าวแล้วพี่โป๊ะไม่ต้องไปดูแลพวกเฮียหรอ”

“ไม่ต้องหรอก มันเป็นร้าน เป็นกิจการ เป็นการค้าขาย”
“เขาอยากได้ที่นัดสังสรรค์ คุยกัน มีเหล้ามีอาหาร ไม่มีพี่เขาก็ทำกิจกรรมนั้นกันได้”
“วินต้องการพี่มากกว่าพวกเขานี่ แล้วพี่ก็อยากอยู่กับวินมากกว่าพวกเขาด้วย”

RRRRR
มือถือเขาดังขึ้นขัดจังหวะครับ ผมผายมือเป็นการบอกให้รับได้เลย ตามสะดวก ส่วนตัวเองก็ปรับเบาะนอน ยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วเตรียมหลับ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะตื่นอีกทีตอนถึงบ้าน แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้กลับบ้านทันทีตามแผน

“วินเหนื่อย วันนี้มาซ้อมรับปริญญา กำลังจะกลับบ้านกัน มันด่วนมากหรอวะคุณ”
“เออๆ ไม่ได้เกี่ยงเลย”
“ก็ห่วงสิวะ เอ๊ะมึงนี่”
“เออๆ ลากมันมาก็แล้วกัน เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน”
“เดี๋ยวหนึ่ง เจมมามั้ย”
“โอเค ดี เจอกัน”

“ธุระกับเพื่อนหรอพี่โป๊ะ” ผมถามทันทีที่เขาคุยกับเพื่อนเสร็จ นายมือโปรพยักหน้าพร้อมกับบอกชื่อคู่สนทนาที่ผมรู้อยู่แล้ว

“ไอ้หนึ่ง มันบอกว่าไอ้หมอนำเฮิร์ท”

“พี่นำเนี่ยนะครับ”
“ทำไมเฮิร์ท อย่าบอกนะว่าน้องธาม”

“อืม ธามขอเลิก”
“แต่ก็...ธามอ่ะวิน”
“หมาธามมันพูดรู้เรื่องตั้งแต่ประโยคแรกซะที่ไหน”
“พี่ว่ามันต้องมีอะไรเข้าใจผิด”
“นี่นัดกันที่ร้านพี่ วินเอ่อ....ไปด้วยกันนะ หรือจะกลับบ้านก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เอา วินจะไปกับพี่โป๊ะ”
“วินก็ห่วงน้องธามเหมือนกัน”

เขามองหน้าผมนิ่ง ขมวดคิ้วออยู่แป๊บนึงก็ก้มหน้าไปแอบยิ้ม

“อะไร?”

“ห่วงน้องธาม วินนี่ใจดีขึ้นเยอะเลยนะ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงลงจากรถแล้วก็บอกให้พี่ไปธุระของพี่ วินจะกลับบ้าน”​

“บ้า...วินไม่ใช่คนแล้ง น้ำใจ ขนาดนั้น” อืม ผมแล้งน้ำใจกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ จริงๆ นั่นแหละ คงเพราะความรัก ความเป็นเพื่อนกัน พี่น้องกัน ทำให้หัวใจผมไม่แล้งเหมือนเมื่อก่อน

นายมือโปรไม่พูดอะไรอีก เขาเปิดเพลงในรถ แล้วก็ออกรถไปอย่างเชื่องช้าตามสภาพการจรจร

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เราก็มาที่ผับของเขา แต่เขาก็ไม่ได้มาแช่ก้นอยู่กับกลุ่มเพื่อนป.โท ของผมหรอกครับ เขาหย่อนผมไว้ตรงนี้ ทิ้งผมไว้กับความอยากเสือกเรื่องของพี่นำกับน้องธามเต็มที่ แล้วก็ตีจากไป
ผมก็เลยนั่งหงุดหงิดอยู่กับแขนไอ้โอม

“ไอ้นี่นิ ห่างๆ ไปหน่อยดิวะ”

“กูอยากกลับแล้ว”

“งั้นกลับ เดี๋ยวกูไปส่งขึ้นแท็กซี่”

“แต่พี่โป๊ะยังไม่กลับ”

“ไหนว่าไม่ติดเขาไง นี่อะไร เขาไม่กลับมึงก็ไม่กลับซะงั้น”
“หลงนะมึงเนี่ย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“คือกูมีเรื่องอยากรู้ แต่ไม่ใช่เรื่องกูไง แล้วเขาก็ไม่ชวนกูไปเสือกด้วย มาทิ้งกูไว้กับมึงนี่ไง”  เอ้าวิน ชนๆๆๆ เสียงเพื่อนที่นั่งตรงกันข้ามและเยื้องไปมากตะโกนเรียกหาแก้วเหล้าผม ผมก็เลยยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มตามมารยาท ส่งยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะไปตามเรื่องตามราว แล้วก็กลับมาหมกมุ่นอยู่ข้างแขนไอ้โอมเหมือนเดิม

“โอม”
“มึงไปเสือกหน่อย”
“ไม่ก็ ไปบอกเขาว่ากูงี่เง่าแล้ว เขาจะได้ลากกูไปกำราบไง”

“อะไรของมึงวะวิน”
“อยากไปคุยกับกลุ่มเพื่อนเขามึงก็แค่เดินไป หรืออนาคตมึงมืดบอดระยะสั้นขนาดนี้เลยหรอ? หา? ถึงได้เดินไปหาเขาเองไม่ได้”

“ก็กู....”

“อะไร?”

“เขิน”
“กูไม่ง้อใครมึงก็รู้”

“แต่นี่แฟนมึงไง ไปง้อ”
“อีกอย่างนะเว้ย มึงไม่ได้ง้อ มึงแค่ขอเสือก”
“นี่แหละปกติของคนเป็นแฟนกัน เรื่องของเธอก็คือเรื่องชั้น มันคือเรื่องของเรา ไปน่าเกลียดหรอก เชื่อกู”

“หรอ?”

“เออออออ” เสียงยืนยันของมันทำให้ผมเลิกงี่เง่ากับแขนมัน ผมกระดกเหล้าจนหมดแก้วแล้วก็เตรียมลุกไปหาเขาในห้องวีไอพีทันที

“เฮ้ยวินไปไหนอ่ะ”
“ไม่เจอนานเลย เป็นไงมั่งวะ”
“คุยกัน คุยกัน” เมื่อคนที่หนึ่งเข้ามาคุย ก็ต้องมีคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่และห้า ไปเรื่อยๆ  จากเป็นไข่แดงของกลุ่มเล็กๆ ก็เป็นไข่แดงในไข่ใหญ่และเป็นขอบไข่ไหม้ๆ อยู่บางเวลา แต่ลงท้าย ผมก็ไม่สามารถแยกตัวไปหานายมือโปรได้ ไม่สามารถหลีกลี้จากสังคมนี้ได้ และไม่สามารถหาน้ำเปล่าดื่มได้เลยด้วยซ้ำ บอกตรงๆ เลยว่าเริ่มเมาแล้วครับ

“วิน มีแฟนยัง?” ใครสักคนถามขึ้น ผมหันมองหน้าเขาแล้วก็กระตุกยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบหรอกครับ ปากหนักแล้ว หนังตาก็เช่นกัน

“น้องมิวอ่ะ จำได้มั้ย”
“เขาชอบมึง”

“ใครวะ”
“แล้วไมไม่บอกกูเอง ทำไมต้องฝากมืงมาบอก เป็นเอสเอ็มเอสหรอ”

“อ่าๆๆๆ ไม่ตีกันสิพวกมึง มานิ มานิ”
“มาชงเหล้าให้กูนี่ไอ้เต้”
“วิน มึงไปเยี่ยวเอาเหล้าออกไป”

“ใครเขาจะตีกันเฮีย ผมแค่ถามวินมันเฉยๆ ว่ามีแฟนรึยัง น้องเขาเคยบอกผมว่าชอบมัน แต่ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เพราะมันไม่สุงสิงกับใคร”

“เออน่ะ” ไอ้เฮียเกลี่ยทางแล้วก็ปัดมือไล่ๆ ผมให้ออกจากวงเหล้านี้ไปเสียที อะไรวะ? ผมก็ไม่ได้ตั้งป้อมจะหาเรื่องหรือมีเรื่องกับใครเสียหน่อย ก็แค่จะบอกตรงๆ ว่ากูไม่ตอบ จะทำไม มีไรก็ว่ามา

ผมเดินแบกตาหนักๆ ไปเข้าห้องน้ำ เสร็จธุระแล้วก็รี่ไปห้องวีไอพีทันที ไปมันทั้งที่ตาหนักๆ นี่แหละ
แล้วก็เจอครับ ห้องที่พี่โป๊ะและผองเพื่อนปรึกษาปัญหารักของพี่นำกันอยู่ ให้เมายังไง ผมก็จำได้ว่าผมไม่เชื่อเรื่องที่บอกว่าน้องธามขอเลิกกับพี่นำ ไม่เชื่อเด็ดขาด

“เอ้าวิน”
“เพื่อนกลับกันแล้วหรอ เจมกำลังจะไปหาเลยอ่ะ”

“หือ?”
“อ่อ เจม”
“มีอะไรหรอ? หาวินทำไม?”
“อื้อ แล้วพี่โป๊ะ อยู่ในห้องนี้รึเปล่า”

“อื้อ แต่อย่าเพิ่งเข้าไปเลย เจมเพิ่งออกมาเมื่อกี้เอง ให้พวกเขาโอ๋กันก่อน พี่นำอาจจะอาย”

“ทำไมต้องโอ๋พี่นำ”

“ก็....ก็พี่นำเฮิร์ทอยู่”

“เรื่อง?”

“.....อืม... ก็พูดลำบาก จริงๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องจริงสักคน รู้เท่าที่พี่นำบอก แล้วพี่นำก็ขอร้องว่าไม่ต้องช่วยแก้ปัญหา”

“อะไรอ่ะเจม ยิ่งพูดก็ยิ่งงง”

“น้องธามขอเลิก รู้เท่านี้แหละ”

“สรุปแล้ว...เรื่องจริงหรอ?” ผมใจหายพิลึก เด็กที่รักพี่นำมากขนาดนั้น ทำไมถึงได้ตัดสินใจขอเลิกกับพี่นำ เจมพยักหน้าย้ำใส่สายตาผม สีหน้าเจมกำลังบอกผมว่าไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“พี่นำแย่มากมั้ย”

“ก็...เจมไม่เคยเห็นสภาพนี้มาก่อนเลย ก็เลยออกมา ให้เพื่อนเขาอยู่กัน”

“งั้น เราทำอะไรกันดีล่ะ วินไม่อยากกลับไปที่โต๊ะเพื่อนๆ แล้ว ไม่มีอะไรจะคุย เหล้าก็ไม่อยากกิน”

“นั่งเคาน์เตอร์มั้ย เจมจะมาชวนนี่แหละ”

“อื้อ เอาสิ” แล้วเราก็ควงคู่กันเดินไปนั่งดื่มเหล้าบางๆ ที่เคาน์เตอร์กันต่อ เจมเป็นคนที่ใช้ทักษะการสื่อสารได้ดี แม้ว่าถ้อยคำจะกวนตีนไปบ้าง แต่มันก็มีอะไรที่แฝงอยู่เสมอ

เท่าที่เราวิเคราะห์กัน เรื่องราวระหว่างพี่นำกับน้องธามน่าจะมีอะไรที่เข้าใจคลาดเคลื่อนไป ผมเชื่อว่าพี่โป๊ะเองก็ต้องคิดแบบนี้ ส่วนเขาจะมีวิธีช่วยให้คน 2  คนเข้าใจเรื่องสิ่งเดียวกันในมุมด้วยเดียวกันยังไงนั้น ตัวผมสุดจะคาดเดาครับ

ดื่มกันจนหัวทิ่มเพราะความมึน แต่ก็ตั้งหัวได้หลังจากสร่างตาขึ้นมาเองอยู่หลายรอบ นายมือโปรก็เดินมาโอบไหล่ เขาค้อมตัวดมข้างแก้มเพื่อทดสอบกลิ่นแอลกอฮอลและจมูกเขาก็น่าจะได้คำตอบ

“ทั้งคู่เลยรึเปล่าเนี่ย ไม่มีใครดูแลใครได้เลยสินะ”
“เฮ้อ...”
“หมาเจม”

“อื้อ” เจ้าของชื่อตอบรับทั้งที่หัวยังทิ่มอยู่บนท้องแขนตัวเองที่ใช้เทียมหมอน

“กลับบ้าน ลุกเร็ว ที่หนึ่งอยู่ที่รถแล้ว”
“เดี๋ยวพี่หิ้วไปส่ง”

“อื้อ”

“อื้อไหวก็งัดหน้าขึ้นมาสิ”
“เร็วๆ ให้ไว”
“วินรอตรงนี้นะ ไม่ต้องเดินไปไหนเลย”
“แล้วทำไมหน้าแดงยันหูยันหัวขนาดนั้น” มาแล้วครับ ดมกระทั่งติ่งหู
“ไหวมั้ยเนี่ย หืม?”
“รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพาไปนอน” ผมก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหนเลย นั่งเบลอและมึนเพราะเหล้าอยู่ตรงนี้นานแล้วเนี่ย

ดูเหมือนเขาจะอ่านสีหน้ามึนๆ ของผมได้เสียที ถึงได้ดึงตัวเจมขึ้น ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าตัวเองซึ่งมันก็ทำให้เจมตัวเอียงกระเท่ เขาพาเจมเดินออกไปนอกร้าน ขณะที่ผมเลือกจะฟุบหัวลงกับแขนตัวเองบ้าง

กึ่งหลัลกึ่งตื่นไม่นาน นายมือโปรก็กลับมาแตะหลังผมเบาๆ เงยหน้ามากเจอกันก็ยิ้มให้อย่างสงสารปนขำ

“ง่วงมากหรอครับ”

“มากครับ”

“งั้นนอนที่นี่มั้ย”

“ดีครับ” ผมตอบรับทันที แล้วก็ขยับตัวลงจากเก้าอี้สูง มีเขาคอยโอบประคองแทบทุกก้าวที่เดินเซๆ ผมหาวตลอดทาง ตาก็ฉ่ำเยิ้มไปหมด รู้สึกคัดจมูกขึ้นมาดื้อๆ อีกต่างหาก
พอเข้าห้องใต้ดินมาได้ก็รี่ไปเข้าห้องน้ำเลยครับ เห็นสภาพตัวเองตอนมึนๆ เมาๆ แล้วผมเข้าใจนายมือโปรขึ้นมาทันทีว่าทำไมถึงได้ถามกันว่าไหวมั้ย เพราะสภาพผมดูไม่ไหวจริงๆ

“กินไปเยอะหรอวิน ขนานไหนบ้างเนี่ย”

“ไม่รู้ ชงมายังไงก็กิน แต่เพื่อนกินกันมั่วไปหมด”
“พี่โป๊ะล่ะ กินเหล้าเยอะมั้ย”

“วันของไอ้หมอมัน พี่ไม่ได้กินหรอก ฟังมันอย่างเดียว”

“อื้อแล้ว...” ผมโผล่หน้ามาจากห้องน้ำที่ใช้ประโยชน์เพียงแค่รองน้ำเปล่าลูบหน้าเท่านั้น
“น้องธาม”

“ก็ไอ้หมอมันว่างั้น”
“เห็นว่าธามขอเลิก แบบจริงจังเลย ถามแล้วถามอีก ทวนแล้วทวนอีก ความหมายก็คือขอเลิก”

“พี่นำกับธาม เป็นสองคนที่วินไม่คิดว่าพวกเขาจะเลิกกัน”
“ก็พี่นำเขาเข้าใจธามไปซะหมด น้องธามก็เอะอะก็พี่นำตลอด”

“พวกพี่ก็คิดแบบนั้น”
“หมอนำไม่ใช่คนเจ้าชู้ หรือมากรักหลักลอย มันรักใครมันก็รักอยู่อย่างนั้น”
“ก็จริงที่ธามไม่ใช่แฟนคนแรก แต่ธามก็เป็นคนแรกที่ทำให้มันนึกภาพตัวเองตอนใกล้ตายออก เป็นคนที่ทำให้มันต้องนั่งจำลองภาพตัวเองตายกระทันหัน เพื่อดูว่าธามจะลำบากเรื่องอะไรบ้างถ้าไม่มีมันอยู่ จะได้เตรียมการไว้ให้ตั้งแต่ตอนนี้ ตลกมั้ยล่ะ”
“พี่ก็ไม่คิด ว่ารักของไอ้นำ เด็กนั่นจะไม่ต้องการ”

“บางที ที่เลิก ก็ไม่ใช่เพราะว่าไม่รักหรอกครับ”
“วินเอง เพราะรู้สึกว่ากำลังจะรักพี่โป๊ะ ถึงได้ตัดสินใจไม่รักน่าจะดีกว่า”

“มีอารมณ์นั้นด้วยหรอ​? ตอนไหน?”

“ก็....ตอนที่พี่โป๊ะเริ่มเยอะกับวินตอนพี่รุตต์มา”
“พอได้รับความรู้สึกที่มันชัดเจนขึ้นจากพี่โป๊ะ วินก็อยากหยุดเหมือนกันนะ”
“มันไม่ใช่อยากเล่นตัวหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ”
“มันคงเป็นความรู้สึกไม่มั่นใจของวินเอง ไม่มั่นใจว่าต้องการอะไรกันแน่ แล้วก็กลัวด้วยว่าถ้าขยับเข้าใกล้ไป หรือห่างออกมามากไป ไอ้ห้วงๆ ที่วินกำลังพอใจที่จะอาศัยอยู่มันจะถูกทำลาย”
“วินกำลังโอเคกับความใกล้ของเราที่ก็ยังมีระยะห่างให้แอบมอง แอบชื่นชม แต่ก็ดูออกว่าพี่กำลังพยายามทำให้ระยะที่วินพอใจหายไป”
“แต่ความคิดธาม วินไม่รู้หรอก”

“อื้อ” เขากดยิ้มแล้วเดินมากอดผมเอาไว้
“พี่เข้าใจแล้ว ว่าวินขี้กลัวมาก”
“กลัวว่าจะต้องมีเรื่องเสียใจ”
“แต่เชื่อพี่สิ เชื่อปากพี่ คำพูดพี่ การกระทำพี่ ใจพี่”
“พี่รักวิน”

“ครับ” ผมยิ้มให้แม้ว่าเราจะไม่ได้สบตากันก็ตาม กอดของนายมือโปรอุ่นดี แล้วก็แข็งแรงมากด้วยครับ เขาอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาไปทุ่มลงโซฟา กดไหล่ให้นอนนิ่งๆ แล้วก็ชี้หน้าออกคำสั่ง

“นอนรอตรงนี้ ต้องเช็ดตัวเช็ดหน้าให้หายเหนียว อีกพักนึงได้กินผักต้มหมูนุ่ม ดีมั้ย”

“ก็คงดี” ผมตอบ สูดน้ำมูกที่มากันกะทันหันแล้วก็ขดตัวเพราะรู้สึกหนาวแอร์พิลึก

สรุปแล้ว ผมไข้ขึ้นครับ
สาเหตุน่าจะมาจากความอ่อนเพลียมาทั้งวันแล้วก็ซัดเหล้าเข้าไปก่อนกินข้าวให้เต็มท้อง  ไหนจะสูตรเหล้าผสมเบียร์ วอดก้า ไวน์ บ้าบออะไรก็ไม่รู้นั่นอีก

การได้กินผักต้มใส่หมูนุ่มนิ่ม จิ้มน้ำจิ้มสุกี้แบบเผ็ดน้อยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมยอมกินยา นั่งให้เขาเช็ดตัวไปมาอย่างว่าง่าย แปรงฟัน แล้วก็ทิ้งตัวนอนโดยหมดอาการเถียงคำสั่งของเขา ท่าทางของผมคงทำให้เขารู้ว่าผมเพลียมากแล้ว นายมือโปรจึงปิดไฟหลอดใหญ่และเลี่ยงไปเปิดโคมไฟที่คอมพิวเตอร์ทำงานของเขาแทน

เขายังคงทำงานต่อ ทำไมถึงอึดขนาดนี้วะ?

“พี่โป๊ะ”

“หือ? นอนสิไอ้ยุ่ง อะไรอีก”

“วินก็รักพี่โป๊ะนะ”

อย่าถามเชียวครับว่าอารมณ์ไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
รู้สึกแค่ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย เพราะฉะนั้นอะไรที่เชื่อมั่นได้แน่นอนแล้วก็ควรจะบอกออกไป ยกตัวอย่างเช่น ความรู้สึกรักที่มีให้กับนายมือโปร



cut


โอยยยย หายไปนานเลยค่ะ ขออภัยจริงๆ
เราเพิ่งเห็นว่าลงตอนแรกของเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปี 14 โหยยย ไม่คิดว่าจะยาวนานขนาดนี้ ขอโทษจริงๆนะคะ เอ๊ะ หรือเราดูผิด *-*
จริงๆ ก็อยากจะเก็บความรู้สึกความคิดเอาไว้บอกกับคนอ่านเรื่องนี้ในตอนจบ ซึ่งก็จะมาถึงในเร็วๆ นี้ แต่อีกใจก็อยากหาเรื่องมาคุยกัน เพื่อให้รู้ว่าเราไม่ได้หายไปไหนนะ เปิดไฟล์เรื่องนี้ทุกวันเลย แต่ก็ไม่ค่อยได้กระเตื้องเท่าไหร่

งั้น ตอนจบก็ค่อยคุยกันดีกว่า 5555 (แล้วจะเกริ่นทำไม นั่นสิ น่าคิด)
 
สำหรับตอนหน้าแน่นอนว่าเจอกันในปีหน้านะคะ ส่วนคิวเรื่องน้องธาม เร็วๆ นี้ค่ะ (นี่ก็อ้างเร็วๆ นี้ตลอด)

*คุณ dekying kukkig จะพยายามย้อนไปใส่เลขหน้าในหัวชื่อตอนให้นะคะ ไม่ได้ลืมเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้ไล่แก้

สุดท้าย ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 28-12-2016 00:31:44
 :katai5: ตามอ่านมาอย่างยาวนานมาก 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-12-2016 00:44:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-12-2016 01:09:39
วินดูน่ารักขึ้นเยอะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-12-2016 01:42:34
รอคอยอย่างยาวนานค่ะ
คู่หลักพี่โปรกับวินลงตัวแล้ว
รักกันหวานกันเข้าใจกัน คืออยู่ตัวแล้วอะดีจัง
เค้าหาจุด comfort zoneของกันและกันเจอแล้วอะ
เหลือแต่ประเด็นน้องธามนี่แหละ
ถ้าบอกเลิกจริงจังขนาดย้ำแล้วย้ำอีกแบบนี้ก้สงสารพี่นำนะ
แต่ว่ามันต้องมีเหตุผลสิ ธามอาจจะคิดอะไรแปลกๆขึ้นมาอีกก้ได้อะ
แบบคิดเอง กังวลเอง เลยเลิกเลยงี้ ยิ่งเดายิ่งไปไกลล
รอตอนหน้าดีกว่าค่ะ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-12-2016 07:41:18
น้องธามทำไมทำแบบนี้ลูก :hao5:

วินน่ารักขึ้นนะ  :hao7:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: superpk ที่ 28-12-2016 09:03:17
วินน่ารักมากอ่ะะะะ ชอบความงอแงของวินเวลามาชนกับความขี้เอาใจของพี่โป๊ะ
ตอนเปิดตัวกับเฮียว่าเป็นแฟนกันนี่ร้องเหยดดดดดไปพรัอมกับเฮียเลย พี่โป๊ะโคตรเท่เลย
เฮียก็คนดีนี่นาาา  อย่างน้อยตอนจบนี่ก็คุยกับเพื่อนเยอะกว่าเดิมเนอะ เพื่อนฝูงล้อมเป็นไข่แดง
รักในความอยากเสือกของวินตอนนี้มาก เราก็อยากรู้ แต่หมาเจมก็รู้เท่าที่พี่โป๊ะบอกเลย โถ่ะะ 555
อยู่ๆมาบอกรักดึกๆแบบนี้ เดี๋ยวพี่โป๊ะเลิกทำงานตอนนั้นเลย ไม่ต้องนอนมันแล้ววิน
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ ㅠㅠ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-12-2016 13:33:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-12-2016 14:40:01
วินผ่อนคลาย มากขึ้น ปิดกั้นตัวเองน้อยลง
โอนอ่อนกับพี่โป๊ะ ติดพี่โป๊ะ ไปไหนไปด้วย
โอ๊ย.......ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบ ที่เฮียพูด “นั่นแหละที่กูกลัวมึงที่สุด” กร๊ากกกกก
“สายตามึงน่ากลัว มันแบบ..บอกทุกคนว่า
ถ้ายังเสือกถามเรื่องที่กูไม่อยากพูดอีก มึงเจอดีแน่
อะไรแบบนี้อ่ะ แม่ง นามสกุลก็ใหญ่คับคุ้มเจ้าพระยา”

วินยอมรับกับพี่โป๊ะแล้วว่า
“วินก็รักพี่โป๊ะนะ” :กอด1: :กอด1: :กอด1:
บอกไปเล้ยวิน อะไรๆในโลก มันไม่แน่นอน เห็นด้วย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-12-2016 11:31:45
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-12-2016 13:32:00
หูยยยย นานๆ วินจะน่ารักแบบนี้ซักที
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 30-12-2016 15:24:05
ถ้าเป็นวินก็ต้องพี่โป๊ะเท่านั้น  :z2: เอาอีก  :hao7: เอาอีก  :really2: ขอบคุณค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-12-2016 19:22:06
เกิดอะไรขึ้นกับหมาธาม  :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 30-12-2016 20:04:28
หลังจากใช้เวลาสามสี่วันกว่าจะอ่านจบ อ่านทีละนิดละหน่อย ฮ่า
ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุก อ่านไปอ่านมา อ่าว หยุดอ่านไม่ได้ 55555
ไม่รู้จะทีมใครอ่ะ ทีมคนอ่านละกันค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-01-2017 09:54:02
ว้ายยย เรามาช้า  :hao5: พึ่งได้เข้ามาอ่าน แถมตอนนี้วินบอกรักแล้วนะเฮียยย  :heaven รอขั้นต่อของการบอกรัก  :hao7:

ขอบคุณ คุณkajidrid มากๆ ค่ะ มีสารบัญพร้อมแล้วด้วย และก็ขอสวัสดีปีใหม่นะคะ  :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 16-03-2017 08:29:50
คุณหายไปตั้งแต่ปี2016 จนปีนี้2017ละน้า เราคิดถึงคุณนะคะ ว่างๆก็พาอิพี่โปรกะน้องวินมาหาเราโหน่ย
คิดถึงเด้อค่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 19-03-2017 19:21:33
หายไปนานแล้วน้าาาาา รอพี่โป๊ะกะน้องวินปยู่จ้าาา  :ling1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 21-03-2017 11:10:32
คิดถึงพี่โป๊ะอีกแล้วอ่ะ เมื่อไหร่จะมาน้ออออ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 22-03-2017 19:46:11
รอ ร๊อ รอ พี่โป๊ะ น้องวินนนน >< มาม้ะ ออกมาซะดีดี
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 22-03-2017 21:01:02
เข้ามาบอกว่า รอ รอ รอ
แล้วก้จะ รอ รอ รอ
ทำได้เพียงแค่ รอ รอ รอ
....
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-03-2017 00:47:55
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 41



เช้านี้ ไม่ได้กินผมหรอกครับ
ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่านี่เพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้น แต่ผมมายืนบนสนามกลางของมหาวิทยาลัยแล้วครับ ด้วยชุดครบเครื่องที่สุดเท่าที่ผมจะรับไหว

ผมได้เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร (*) เสียทีครับ
เช้าตรู่วันนี้มีครอบครัวผมมาร่วมแสดงความยินดี ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน้าชื่น และที่ว่าหน้าชื่นก็ไม่ใช่หน้าผมหรอกครับ สีหน้าคนรอบตัวทั้งนั้น ทั้งป้าสุ คุณสา คุณตา ลุงสันกับพี่ๆ และภรรยาลุงสัน ผมมีช่างภาพส่วนตัวด้วย ธุระนี้ไม่ต้องถึงมือนายมือโปรจัดหาให้หรอกครับ ป้าสุของผมจัดการเรียบร้อย นี่ถ้าแบกฉากหลังเป็นน้ำตกไนแองการ่า หรือท้องฟ้าของแอฟริกามาได้ ป้าผมคงสั่งให้ทีมช่างภาพแบกมาด้วยแล้วครับ ผมล่ะสาธุหลายๆ ครั้งในใจที่ป้าคิดได้ว่ามันเวอร์

ช่วงเช้านายมือโปรยังไม่โผล่มาครับ เขาบอกว่าเป็นช่วงเวลาของครอบครัว ให้อยู่ด้วยกัน ถ่ายรูปเก็บโมเม้นท์ให้ประทับใจไปเลย เขามาส่งผมไว้แล้วก็หายหัวไปตอนที่ป้าสุนำขบวนครอบครัวมา

การปรากฏตัวของเจ้าสัวได้รับความสนใจบ้างนิดหน่อย แต่สปอตไลท์ถูกขโมยไปทันทีที่ป้าสุและคุณสาเดินมาประกบผมและเรียก “ตาวินลูกกกกก” ทุกครั้งที่ต้องการถ่ายรูปร่วมกันตามจุดต่างๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของมหาวิทยาลัย

และเนื่องจากวันนี้คนเยอะมาก ทำให้เดินเหินกันลำบาก และผมก็เป็นห่วงคุณตาของผมมากกว่าใครๆ ก็เลยจัดชุดใหญ่ให้ไปก่อน เรียกได้ว่าถ่ายรูปร่วมกันไว้แทบทุกอิริยาบถที่คุณตากับผมอยู่ใกล้กัน จนท่านเอือมใจแล้วก็ปล่อยให้ผมถูกประกบด้วย2แม่ แล้วขอตัวกลับไปพร้อมกับครอบครัวลุงสัน ซึ่งผมรู้สึกเบาใจขึ้นนะครับที่คุณตากลับไปก่อนแล้ว ผมไม่อยากให้ท่านต้องมาทนร้อนแดดร้อนลมแบบนี้

“นี่วิน”

“ครับคุณสา”

“พ่อเรา มารึยัง?” แล้วมาถามหาพ่อผม กับผมเนี่ยนะ? ผมจะไปรู้ได้ไง ก็ผมโตมากับฝั่งแม่อย่างคุณสาวิตรีนี่นา ผมขมวดคิ้วใส่ตามความเคยชิน ก็เลยถูกหยิกแขน แล้วก็ถูกถามซ้ำอีกรอบว่า พ่อเราล่ะ มาหรือยัง?

ผมส่ายหน้าปฏิเสธการตอบแล้วก็ขยับตัวไปประกบป้าสุเอาไว้ระหว่างที่เรา 3 คนแม่ลูกำลังรอพื้นที่ว่างตรงลานปรีดี

“ดูเอาเถอะค่ะพี่สุ สาถามล่ะไม่หือไม่อือด้วยสักคำ นี่ก็แม่เหมือนกันนะ”

“อะไรของเธออีกสาวิตรี ทนอากาศไม่ไหวก็กลับไปก่อนสิ รถเธอก็เอามาเองไม่ใช่รึไง”

“สาไม่ได้หงุดหงิดอะไรนี่คะ วันนี้วันดีสารู้ แค่บ่นตาวินนิดหน่อยเรื่องที่ถามอะไรก็ไม่ตอบ”

“ก็วินไม่รู้นี่ครับ ร้อยวันพันปี วินไม่เคยคุยกับพ่อ แล้วคุณสาจะมาถามเรื่องพ่อกับวินทำไม วินลูกป้า คุณสาก็บอกเอง”

“เอ๊ะ เรานี่!!”
“วันนี้ไม่มีองครักษ์นะยะ อย่าคิดว่าจะเถียงกันได้ตลอด”

“วินก็ตอบแล้วไง ก็หาว่าเถียง ป้าสุดูสิครับ” ผมฟ้องบ้าง ก็เรื่องนี้ผมไม่ผิดนี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องพ่อจริงๆ เอาจริงใจที่สุดก็คือไม่ได้สนใจเลย โลกของผมมันแคบ เปิดรับใครได้ไม่กี่คนหรอกครับ

“นั่นสิ ร้อยวันพันปี พ่อตาวินเค้ามายุ่งอะไรที่ไหน เธอเองไม่ใช่หรอที่ยื่นคำขาดเค้าไปว่าอย่ามายุ่งกับลูก นี่มาอะไร” ใช่มั้ยล่ะ? ป้าสุก็อารมณ์เดียวกับผมนั่นแหละ

“ก็ถือหางกันแบบนี้น่ะสิคะ ตาวินถึงเอาแต่ใจ” ผมเนี่ยนะเอาแต่ใจ ผมกรอกตาเถียงแล้วก็หันไปทางอื่นเอาดื้อๆ

“สาก็ไม่อยากได้ชื่อว่ากีดกันพ่อลูก” ช้าไปแล้วมั้งครับ ผมไม่เจอพ่อเลยตั้งแต่ขึ้นชั้นประถมที่รร.สาธิตมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“สาก็เลยแมสเสจบอกทางทิม ว่าลูกเป็นมหาบัณฑิตแล้ว”
“เขาาบอกว่าจะมาร่วมยินดีนะคะ”
“ดีไม่ดี เราอาจจะได้รถได้คอนโดนะวิน”

รถ? คอนโด? ทุกวันนี้ยังขับไม่คุ้ม อยู่ไม่ครบเลยครับ

ผมไม่พูดอะไรต่อ ทำหูทวนลมไปเสีย แต่ประโยคถัดมาของคุณสา ทำให้ผมต้องหันขวับไปมองหน้าเธอเขม็ง

“ก็บอกคุณวารินทร์ไปอีกทาง น่าจะบอกต่อกันได้ ก็แวดวงเดียวกัน”

“บอกพี่โป๊ะ? ให้พี่โป๊ะไปบอกพ่อต่อเนี่ยนะครับ?”
“เขาจะรู้จักกันได้ยังไง?”


“น้อยไปสิ” บอกไว้เท่านี้แล้วก็ก้าวฉับๆ มาหาโลเคชั่นที่เธอคิดว่าดี แล้วก็กวักมือเรียกผมและป้าสุให้ไปยืนถ่ายรูป คุณสาวิตรีบ้ากล้องมากระดับหนึ่งเลยครับ

แล้วคำตอบก็มายืนตรงหน้า
นายมือโปรรู้จักพ่อผมครับ แต่เขาไม่เรียกพ่อผมว่าคุณอาหรือคุณลุงนะครับ  ความสัมพันธ์ของพวกเรารสเปรี้ยวปร่าขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเรียกพ่อผมว่า “พี่ทิม”

โอ้ยยยยยยยย พี่เจ็บนะไอ้ยุ่ง ขยี้จนกระดูกนิ้วจะหักอยู่แล้ว - เขาโอดโอยเมื่อผมบรรจงเหยียบเท้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางจะเป็นรองเท้าหนังคู่ใหม่เสียด้วย

“ก็พี่โป๊ะไม่บอกวินบ้างล่ะ นี่ปล่อยให้มารู้เรื่องวันนี้ได้ไง รักกันจริงป่ะเนี่ย”

“ก็เซอร์ไพรส์ไง”

“เซอร์ไพรส์พ่อง!!”

“อืม เซอร์ไพรส์พ่อ” ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ผมทำหน้ายู่ใส่เขา แล้วก็หันมองพ่อผม ซึ่งผมลืมเขาไปนานมากแล้ว เรียกว่าเขาไม่ได้อยู่ในเสี้ยวส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลย

“ไม่ดีใจหรอ เจอพ่อ”

“ไม่เชิง”
“ไม่รู้ต้องรู้สึกยังไงมากกว่า”
“วินไม่คิดว่าวินต้องมีพ่อมาแต่ไหนแต่ไร มีแค่ป้าสุกับคุณตาก็พอแล้ว”

“พี่ทิมเขาใจดีนะ ห้าวโคตรด้วย เท่สุดไรสุด”

“นี่รักพ่อวินหรอ? เปลี่ยนแฟนมั้ย?”

“ไอ้ยุ่งบ้า พูดจาอะไร นั่นพ่อแฟนพี่นะ”

“นี่ก็แฟนวินนะ ชมคนอื่นทำไม”

“คนอื่นที่ไหน พ่อวิน”

“พอเหอะพี่โป๊ะ”
“ถือว่าวินขอร้อง อย่าขยายโลกของวินอีกเลย”

“.........” ดูเขาอึ้งๆ ไปเมื่อผมพูดตรงๆ ผมรู้ตัวดีว่าการพูดแบบนี้ คิดแบบนี้ คนอื่นคงมองว่าผมปิดกั้น หัวรั้น แต่ผมโอเคจริงๆนะครับ กับการโตมาด้วยความรักความสปอยล์ของป้าสุและคุณตา ผมไม่ต้องมีพ่อมีแม่จริงๆ มาคอยกอดให้ความอบอุ่นก็ได้ ผมรู้เสมอว่าผมโตมาได้เพราะใครรักผมถนอมผมที่สุด

“นี่พี่คิดว่าพาของขวัญที่ดีที่สุดมาให้วินเลยนะ ถ้าทำให้อึดอัดก็ขอโทษ”

“ช่างเถอะ ใครๆ ก็ทำไปด้วยความหวังดีทั้งนั้น”
“ว่าแต่ เขารู้มั้ยว่าพี่โป๊ะเป็นแฟนวิน”

“รู้ บอกแล้ว”

“แล้ว....เขาว่าไง”

“ฮึ”

“ฮึคืออะไรเล่า?”

โดนเตะมาหลายทีเลย พี่ทิมบอกลูกชายเขาอยู่ที่สูงดีๆ พี่ไม่ควรพาลงมาต่ำตม” ฮ่าๆๆๆ ผมขำก็ขำ สงสารก็สงสาร ทำไมพี่โป๊ะถึงถูกมองว่าสถานะต่ำกว่าผมตลอดเลยแบบนี้นะ ทั้งที่จริงๆ แล้ว เขาอยู่สูงกว่าผมมาก ลองผมไม่มีสมบัติคุณตากับป้าสุ ไม่ได้นามสกุลนี้ ผมก็เหมือนก้อนกรอดตกสำรวจ ไม่มีทางได้ขึ้นแท่นรอการเจียระไนด้วยซ้ำ

“แต่ก็คุ้มแหละ” นายมือโปรพูดต่อ โค้งตัวยื่นหน้า
“พี่ทิมเขาฝากวินไว้กับพี่”

“หรอ?” ผมเลิกคิ้วถาม สีหน้าของบอกเขาหมดแล้วว่าประหลาดใจไม่น้อย

“เขารักลูกเขามากนะ พี่รู้จักเขามานาน รู้ว่ามีลูกมีเมียแต่เขาไม่เคยพูดถึงเลย  บอกแค่ว่าหย่าเมีย แต่ก็ไม่ได้ครอบครัวใหม่ ชอบชมลูกให้เด็กๆ ในเครือฟัง คิดว่าพี่ทำหน้ายังไงล่ะ ตอนที่รู้ว่าพี่ทิมคือพ่อวิน”
“หน้าก็คนละทาง นิสัยยิ่งไม่เหมือนกันเข้าไปใหญ่”
“คนนั้นเขาเงียบๆ ขรึมๆ ไม่เคยเถียงใคร แต่ไม่ทำตามหน้าไหนทั้งนั้น” ก็ดื้อไม่ใช่หรอวะ แบบนั้นน่ะ?

“แล้ว พี่โป๊ะรู้จักพ่อวินได้ไง”

“เขาเป็นผู้กำกับฝีมือดีเลย ...ก็อดีตหน่อยแหละ วินบ้าหนังนี่ ไม่เคยได้ยืนชื่อหรือได้เห็นงานเขาหรอ?”

“ไม่อ่ะ เอาจริงๆ คือวินไม่ได้สนใจว่าพ่อชื่ออะไร ไม่เคยคิดว่าต้องหาตัวเพื่อให้ได้เจอกันด้วยซ้ำ ใจแล้งไปหน่อย แต่ก็...วินก็เป็นแบบนี้แหละ”

“วินไม่ได้แล้งน้ำใจอะไรนักหรอก วินแค่ไม่โหยหาอะไรที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้า พี่ว่าวินมักน้อย ต้องการน้อย เรียกร้องน้อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ทั้งที่ใครๆ รอบตัวเขาพร้อมให้วินกันทั้งนั้น แต่วินก็จะรับของวินอยู่เท่าที่วงแขนจะยอมกางออกเพื่อเปิดรับความรู้สึกคนอื่น”

รู้จักผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
ผมยิ้มแกนๆ ไม่เถียงเขา แล้วก็หันมองทางพ่อ ซึ่งยืนทำท่าพินอบพิเทาใส่ป้าสุ และปล่อยให้คุณสายืนคล้อยไปทางด้านหลัง ผู้ชายชื่อทิมเฉยๆ คงหันมองผมอยู่เป็นระยะอยู่ก่อนแล้ว เราถึงได้สบตากันตอนที่ผมหันไปมองเขา

เขายิ้มให้ ส่วนผมยกมือไหว้จากที่ไกลๆ ที่ลากพี่โป๊ะมาเหยียบขยี้ตีน

“ไหว้เขาสิ พ่อวินไง”

ผมไม่ได้คิดอะไรให้นานนัก ทำเพียงแค่ผ่อนลมหายใจ ยิ้มให้เขาในระยะไกลแบบนี้ แล้วก็เดินตรงรี่ไปหาอย่างแน่วแน่

“พ่อ สวัสดีครับ”

“เจ้าวิน โตขึ้นกว่าที่พ่อคิดนะ”

ผมยิ้มให้ ไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่รู้ว่าต้องพูดแบบไหน พูดอะไร พูดด้วยความรู้สึกแบบไหน ส่วนเขาก็แค่ยิ้มให้ผมราวกับคนไม่เคยหุบปากมาก่อนในชีวิต


วันนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าสาระสำคัญคือการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร หรือวันพบคนไกลของผมกันแน่

พ่อกลับไปแล้ว ป้าสุกับคุณสาก็กลับไปหลังจากที่กินข้าวกลางวันกันในร้านอาหารที่คนโคตรแน่นแล้วเสร็จ

พี่โป๊ะรับช่วงอยู่กับผมต่อจนกว่าผมจะออกจากหอประชุมราวสามทุ่ม และระหว่างที่นั่งแกว่งขากินชาอยู่ในร้านกาแฟนี่เอง คนไกลก็ก้าวเข้ามาในวงโคจรอันแสนแคบของผม

“วิน เดินหาแทบแย่”

“เอ้า! พี่รุตต์”


#### @ D A W N  #####

 
นายมือโปรคนแมนปล่อยผมอยู่กับพี่รุตต์จนถึงช่วงเย็น เขาถึงได้โทรหาผม เพื่อถามพิกัดแล้วก็ลากไปกินข้าวเย็นรองท้องก่อน เพราะว่าจะได้เข้าพอประชุมเพื่อร่วมพิธีก็มืด รอบนี้เขามาพร้อมกับหมาโอมผู้โอ่อ่าไปทั่วว่าทำไอเอสทันงั้นงี้ เก่งโคตรพ่องี้งั้น ผมยืนฟังมันเล่าความลุ้นระทีกตอนสอบปิดเล่มเป็นรอบที่100ได้ โอเคครับ ผมเวอร์ไปเอง จริงๆ ก็รอบที่สิบกว่าๆ เท่านั้น

ที่ร้านอาหารนอกมหาวิทยาลัย ผม นายมือโปร พี่รุตต์ ไอ้โอม และเพื่อนร่วมรุ่นของผมเกือบ 10 คน นั่งกินข้าวกันอย่างหิวโหย

เพราะวันนี้เพลียทั้งแดด เพลียทั้งคน ไหนจะนอยด์กับการนัดแนะเพื่อนผู้มาแสดงความยินดีและคลาดกัน เพื่อนเบี้ยว เบี้ยวเพื่อน หน้าไม่สวย หัวไม่หล่อ สารพัดความไม่พึงพอใจจึงมาตกอยู่กับอาหารตรงหน้าในมือเย็น

“อิ่มแล้วหรอครับวิน”
“ไอศกรีมเย็นๆ มั้ย” พี่รุตต์ถามผม แต่คนแมนๆ ก็เริ่มอาการออกแล้วครับ จริงๆ แล้วน่าจะออกอาการมาตั้งแต่เจอพี่รุตต์แล้ว แต่ผมแกล้งไม่เห็นเอง

“กินของเย็นตอนนี้ไม่ดีหรอก กระเพาะแฮงค์”  ตำราไหนวะเนี่ย ผมก้มหน้าไปแอบแค่นขำ พี่รุตต์ก็หันหน้าไปขำทางอื่นเหมือนกัน ก็นายมือโปรหึงตลกนี่ครับ

“งั้นขนมหวานมั้ย เดี๋ยวพี่ขอเมนูให้”
“อื้อ ข้างหน้าก็มีร้านเค้กอะไรแบบนี้นะ ไปมั้ย”

“ก็น่าจะดี”

“ไม่ดี ไม่ต้องกินหรอกวิน”
“กินมื้อใหญ่ให้อิ่มแล้วก็นั่งพักพุงที่นี่แหละ เดี๋ยวก็ต้องไปเข้าหอประชุมแล้ว เผื่ออยากจะเข้าห้องน้ำด้วย ชุดก็ร้อนไม่ใช่หรอ?”
“ดูสิ เสื้อตัวในยับหมดแล้ว ชุดครุยยังอยู่ปกติดีใช่มั้ย”
“ผึ่งเท้าก็ได้นะ ตกเย็นเท้าบวม น่าจะอึดอัด”

“เอ่ออ น่าจะไม่ลุกไปไหนแล้วครับพี่รุตต์ วินเมื่อยหู”

“นั่นสิ” พี่รุตต์เออออกับผมแล้วก็แอบหัวเราะอีกรอบ ไอ้โอมที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันถึงกับหันมาขมวดคิ้วใส่เฮียสุดที่รักของมันแล้วก็ด่าว่า “เฮียเวอร์”

“ด่ากูหรอ ไอ้ลูกหมา” แล้วไอ้โอมผู้ปากดีได้ไม่กี่วินาทีก็โดนน้ำก้นแก้วสาดใส่ครับ ไอ้หมาโอมผวาลุกหนีแล้วก็เต้นเหยงๆ ฟ้องโลกว่าอาจารย์วารินทร์แกล้งกู เพื่อนร่วมรุ่นในร้านนี้ก็เลยรุมแกล้งไอ้หมาโอมอีกระลอก

เอาเป็นว่าภาพนี้ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่า รักหรอกจึงหยอกเล่นเลยครับ

ของขวัญที่พี่รุตต์ซื้อให้ก็คือนาฬิกาครับ เรือนนี้หลายหมื่นอยู่เหมือนกัน ที่รู้ราคาก็เพราะว่าเล็งไว้ว่าจะซื้อเป็นของขวัญให้ใครบางคนเหมือนกัน

ผมเอามาทาบข้อมือให้พี่รุตต์ดู แล้วก็พูดขอบคุณอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนหน้าผมจะแป้นแล้นเกินไป ก็เลยโดนนายมือโปรโฉบปากมากัดหู....อืมมมม ช่วยคิดว่าบ้างว่าผมก็อายคนอื่นเหมือนกันนะ จะกัดตอบตอนนี้ก็ไม่ได้ โคตรเสียเปรียบ

แล้วพี่รุตต์ก็ร่ำลาผมไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเข้าใกล้คำว่าหึงจนหน้ามืดเลยครับ เว้นตอนโดนกัดหูตอนนั้น

แต่เขาก็ยังไม่หายหึงหายงอนหรอกครับ ที่ผมรู้ก็เพระว่าเขาเงียบผิดปกติ ไม่วอแว ไม่แสดงอาการดูแลเวอร์เพื่อให้คนอื่นรู้สถานะของเรา แต่เขาก็ยังไม่ห่างตัวผมไปไหน ซ้ำยังเดินตามแถวมหาบัณทิตคณะผมมาจนถึงหอประชุมด้วยซ้ำ

“วิน” จู่ๆ เขาก็เรียก ผมหันไปเจอกับมือถือที่ถูกยกขึ้นบังระดับสายตาพอดี ดูก็รู้ว่าเขาจะถ่ายรูป ผมก็เลยยิ้มให้อย่างเต็มใจสุด ปั้นให้ดูดีที่สุด อ่อนโยนที่สุด ขอบคุณที่สุด เท่าที่คนอย่างผมจะทำได้

ไม่นานนักที่แยกจากกัน ผมเข้ามาอยู่ในบรรยากาศกึ่งเงียบกึ่งจอแจในหอประชุม ไอ้โอมนั่งห่างออกไปอีกหลายแถว นายมือโปรก็ส่งรูปที่เขาถ่ายมาให้ ผมกดดูรูปตัวเอง รู้สึกตลกปนจั๊กจี้ ถึงขั้นลงทุนใช้นิ้วแหกรูปเพื่อดูรายละเอียดให้ชัดขึ้น

และสิ่งที่ผมเห็นตัวเองชัดที่สุด ก็คือดวงตาที่ส่งไปให้คนที่อยู่หลังเลนส์ ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวผมมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมรักขนาดนี้

ผมรักเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมคงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้หรอกครับ
แต่ถ้าผมถามตัวเองใหม่ ว่าจะรักเขามากแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ผมมีคำตอบนะครับ

ผมจะรักเขา ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ยังเวียนวนขึ้นบนขอบฟ้า

และเผื่ออยากรู้กันนะครับ
ของขวัญวันรับปริญญาที่นายมือโปรเตรียมให้ คือพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่สวยที่สุด ทั้งที่เราไม่ได้หลับกันเลยทั้งคืน


#### @ D A W N  #####


(*) เรื่องนี้กำหนดกรอบเวลาของเรื่องไว้ก่อนจะเกิดเรื่องเศร้าเสียใจของปวงชนชาวไทยค่ะ พิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรอ้างอิงกับกำหนดการเมื่อครั้งที่ในหลวงร.9  ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน40 (27-12-16) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-03-2017 00:48:37
งานเลี้ยงไม่มีวันเลิกรา ฉันใดก็ฉันนั้นครับ
โอกาสที่ผมรับปริญญา ขึ้นแท่นท่านมหาฯ อย่างเป็นทางการไม่ได้วนมาทุกปี เพราะฉะนั้น นายมือโปรเลยมีข้ออ้างในการพาไปเลี้ยงนั่นกินนี่อีกหลายโปรแกรมครับ และโปรแกรมล่าสุดก็คือ ปาร์ตี้กับเพื่อนพี่ที่ผับ

ผมไม่ได้ค้านขัดอะไร ใช่ว่าชอบปาร์ตี้หรอกครับ แต่ผมรู้ว่าเขามีจุดประสงค์แอบแฝงในการจัดงานสังสรรค์ครั้งนี้ ผมก็เลยยอมให้เขาใช้โอกาสที่ไม่ได้มีทุกปีของผม มาเป็นข้ออ้าง จะว่าผมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดผมก็ไม่เถียง เพราะผมยังสยบต่อมเสือกไม่ลงเลยจริงๆ

คืนนี้พวกเรา .... น่าจะนึกรายชื่อแขกกันได้นะครับว่าจะมีใครบ้าง พวกเราจะมาปาร์ตี้คาราโอเกะกันครับ ที่ผับของพี่โป๊ะ
จะว่าคาราโอเกะก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะวงดนตรีสดมีพร้อมมาเล่นให้ด้วย ก็วงเฉพาะกิจของพี่จิวและไอ้หมาโอมแล้วก็คุณต้อมนั่นแหละ
วงดนตรีพร้อม นักร้องก็พร้อมนะครับ ประกอบด้วย เจม ผม แล้วก็น้องธาม
รายหลังนี่ดูตั้งอกตั้งใจมาก เพราะจะเป็นการโชว์ร้องเพลงไทยของน้องธามครั้งแรกเลย
ตอนที่รู้ว่าจะร้องเพลงอะไร ผมก็เข้าใจเอาเองว่าน้องไม่คล่องภาษาไทย เลยขอแร๊พปนภาษา แต่มารู้จากเจมอีกทีว่าน้องธามจงใจร้องเพลงนี้ให้พี่นำเลยทีเดียว
ผมล่ะอยากรู้ว่าพี่หมอนำได้ยินเพลงนี้แล้วจะทำยังไงต่อ
แต่ที่อยากรู้มากกว่านั้นก็คือ ใครยุให้น้องธามร้องเพลงนี้ และข้อสันนิษฐานว่าคือเจมนั้นต้องตกไป เพราะผมถามตรงๆ แล้ว เจมก็ถามผมตรงๆ กลับมาว่า อ้าว ไม่ใช่วินกับพี่โป๊ะแนะนำหรอ

“ทำอะไรไอ้ยุ่ง”

“นึกอยู่ว่าคืนนี้พี่นำจะว่ายังไง”

“สนมันทำไม ไอ้หมอบื้อพรรค์นั้น”
“พี่นะ อยากยุให้ธามทิ้งมันจริงๆ เลย ตีมึนอยู่ได้”

“ไม่สงสารเพื่อนพี่หรอ พี่หมอนำเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ เขาแค่ทำงาน”

“พี่ก็ทำงาน วินก็ทำ ที่หนึ่ง เจม หมาธาม ใครๆ ก็ทำงานกันทั้งนั้น ทำไมเรายังใส่ใจกันและกันได้ ทำไมไอ้หมอใส่ใจธามไม่ได้”

“พี่โป๊ะดูโกรธแทนน้องธามมากเลยนะ”

“โกรธสิ ธามก็เหมือนน้องพี่”

“ไม่เข็ดหรอครับ เรื่องโกรธแทนคนอื่นเนี่ย” ผมลองจี้ใจดำ นายมือโปรเลยสะดุดปากตัวเองแล้วหันมาขยี้หัวผม เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จังหวะเคลื่อนมือไม้จึงมีกลิ่นครีมอาบน้ำหอมๆ โชยมาให้ดมดอม

“มันไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ได้เข้าข้างธามไม่ลืมหูลืมตาหรอกนะ”
“แต่ที่ไปคุยๆ กับไอ้หมอกัน วินก็เห็นว่ามันยึกยักขนาดไหน”
“มันเป็นพี่กว่า โตกว่าหมาธามตั้งเยอะ และเป็นหมอจิตฯ ด้วย มันต้องรู้สิว่าธามกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง เพราะอะไร”

“เดี๋ยวๆ พี่โป๊ะ”
“พี่นำไม่ใช่ผู้รู้ขนาดนั้นมั้ง”
“พี่โป๊ะเองเถอะ บางทีวินไม่พอใจเรื่องนั้นนี้ น้อยใจโน่นนี่พี่โป๊ะก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แต่วินไม่ได้เก็บมาคิดข้ามวันไง เพราะวินเองก็เก็บอาการไว้ เก็บอารมณ์ไว้ ไม่สื่อสารให้พี่ได้รู้”
“เพราะงั้น ที่พี่นำเขาตามน้องธามไม่ทันทุกอารมณ์ ก็เพราะธามเก็บไว้ด้วยรึเปล่า ถ้าบอกตรงๆ แล้วยังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอีก ค่อยด่าเขาสิ”

“เข้าข้างมันหรอ?”

“ถ้าใช่แล้วไงล่ะ?”

“ก็ไม่แล้วไง แค่รู้ไว้ว่าแฟนพี่เห็นอกเห็นใจเพื่อนพี่มากกกกกก”

“ชิ” ผมจึ๊ปากใส่ แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำบ้าง แต่นายมือโปรรั้งเอวไว้แล้วดึงให้นั่งลงบนตักเขาแทน

“แต่ไม่ต้องเข้าใจใครเยอะหรอกนะครับ เข้าใจพี่คนเดียวพอ เนอะ”

“.........”

“นะ”
“หึง กับเพื่อนก็หึง”
“นะวิน รับปากสิ”

“อื้อ ไม่เข้าใจใครนักหรอก แค่เข้าใจพี่โป๊ะก็เสียพลังงานเยอะพอแล้ว”

“ปากหวานที่สุดเลย แฟนพี่เนี่ย”

ด่าหรือชมวะเนี่ย?

“แล้วนี่จะร้องเพลงอะไรแข่งกับคนอื่น”

“ไม่บอกกกกก”

ครับ ที่ว่าร้องเพลงนั้น แน่นอนว่าต้องมีเดิมพัน ไม่อย่างนั้นผมไม่ลงสนามให้เปลืองแรงหรอกครับ เจมก็เหมือนกัน รายนั้นบอกว่าให้มาแหกปากโดยไม่ได้อะไร นอนฟังพี่หนึ่งครางเพี้ยนๆ ดีกว่า นั่นก็ปากร้ายขึ้นทุกวัน ผมค่อนข้างเห็นใจพี่หนึ่งนะครับ แต่ดูอีกที พี่แกก็ชอบใจใหญ่โตไม่ว่าเจมจะว่ากระทบยังไงก็เถอะ เขาคงรักของเขามากจริงๆ

“บอกพี่ไม่เห็นเป็นไร”

“ก็พี่โป๊ะก็แข่งไง แข่งขี้โกงด้วย  3 คนเพลงเดียว”

“พวกพี่ไม่ได้แข่ง แต่ร้องให้เป็นเพลงแทนนความรู้สึกต่างหาก เงินนิดหน่อย ให้ลูกหมาลูกแมวได้หรอกน่า”

นิดหน่อยนี่คือห้าหมื่นบาทนะครับ ห้าหมื่น!! ใครยังไม่เก็ตว่ามันเยอะยังไงก็ให้คิดเสียว่าครึ่งแสน ทำหน่วยให้ใหญ่ไว้จะได้มีแรงบันดาลใจครับ

“นั่นแหละ ถือว่าเป็นคู่แข่ง วินไม่บอกหรอก”

“โธ่เอ้ย พี่ไปถามไอ้โอมเอาก็ได้ มันซ้อมกีตาร์ให้วินด้วยไม่ใช่หรอ”

“มันไม่บอกพี่โป๊ะให้โง่หรอก”
“วินติดสินบนไว้แล้ว หรือถ้าพี่โป๊ะจะไปสินบนซ้อน ก็ให้เลิกคิดเลย ไอ้โอมมันไม่ทรยศวินหรอก แล้วเงินพี่โป๊ะ แค่ขอพี่ มันก็ได้แล้ว”

“ไอ้พวกยุ่ง ไม่รู้ก็ได้ โธ่”  แล้วก็งอนครับ ตัวยังกะควาย ใจนี่เท่า.....เติมคำกันตามสบายนะครับ ผมไม่อยากบ่นเขามากกว่านี้แล้ว

เขาฟัดหลังผมก่อนจะยอมปล่อยให้ไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็เดินดึงผ้าเช็ดตัวไปหาเสื้อผ้าใส่

เราจะต้องขึ้นเวทีประลองร้องเพลงกันตอนสองทุ่มคืนนี้ครับ และผมก็ตั้งเป้าเอาไว้แล้ว...ผมต้องชนะ


#### @ D A W N  #####


ผับปิดเฉพาะกิจในคืนนี้
แต่ทางผับเขาบริหารจัดการได้ดีครับ ไม่มีลูกค้ามาเก้อเลยแม้แต่คนเดียว
ผมกับนายมือโปรมาถึงผับเป็นลำดับเกือบสุดท้าย พี่หนึ่งกับเจมมารอยอู่ก่อนแล้ว วงดนตรีจัดว่าไม่จ้างก็พร้อมแล้วเหมือนกัน สามคนที่ผมรู้จักและอีก 1 คนที่ผมไม่รู้จักกำลังเซ็ทอัพเครื่องดนตรีกันอยู่

โต๊ะเก้าอี้ที่เคยกางแผ่เต็มร้านถูกวางเรียงติดมุม มีไม่คู่ที่ถูกกางเพื่อทำหน้าที่เป็นที่วางของ วางก้นกันไม่กี่ตัว

ผมนั่งดูวงดนตรีรวมกันเฉพาะกิจเขาวอร์มเครื่องดนตรีอย่างเพลินหูเพลินตา ตอนเรียนระดับมัธยมผมก็ต้องมีชมรมเหมือนกัน และผมชมรมภาษาต่างประเทศ แต่ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกับเขาหรอกครับ อาศัยฝากชื่อไว้เท่านั้น 

แต่ว่า...เรื่องร้องเพลง ผมก็พอมีดีเหมือนกันแหละน่า อย่างน้อยก็ตรงจังหวะ ตรงคีย์

“อ้าววิน โป๊ะล่ะ?”

“ในครัวครับ บอกว่าจะทำอาหารเตรียมไว้ก่อน”

“แหม่เว้ย พ่อครัวตัวจริง”
“เจมเอาข้าวผัดมั้ย รองท้อง เดี๋ยวพี่ทำให้ ไอ้โป๊ะชอบแกล้งเจมเดี๋ยวก็ไมได้กินหมูกินไก่อีก แม่งผัดให้แต่ผัก”

“อ่อ ก็ดีครับ เจมเอาข้าวผัดกุนเชียงได้ป่าวอ่ะพี่หนึ่ง ไอ้จิวก็ชอบ กินเหมือนๆ กันนี่แหละ”

“โอเค รอนี่นะ”
“วินล่ะ? ด้วยมั้ย?”

“อ่อ พี่โป๊ะทำข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่ให้แล้วครับ ขอบคุณพี่หนึ่งมาก”

“โอเค โอเค พี่ลืมว่ามันดูแลรอบด้านระดับไหน งั้นนั่งอยู่นี่กันนะ เดี๋ยวมา อ้อ ถ้าไอ้หมอมาแล้วเรียกพี่ที”

“ครับ/อื้อ” ผมจะกับเจมรับปากพร้อมๆ กัน แล้วก็หันหน้าไปฟังเครื่องดนตรีถูกบรรเลงเป็นทำนองเพลงต่างๆ โดยมีเสียงเบาๆ ของหมาโอมร้องคลอไปด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังซ้อมเพลงรักเพลงหนึ่งครับ

แล้วคนที่ทำให้ความเสือกของผมถือกำเนิดขึ้นบนโลกก็ปรากฏตัวครับ
น้องธามมาที่ผับด้วยรถของที่บ้าน ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูสำหรับผม เพราะมันเหมือนผมส่งกระจกมองตัวเองตอนไปเที่ยวผับตามคำชวนของเพื่อนโดยมีลุงสมานไปส่งและรอรับกลับ

“มาแล้วหรอธาม มานั่งตรงนี้”
“ให้ลุงคนขับเขากลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่โป๊ะไปส่ง”

“ไม่ดิวิน”
“พี่นำพากลับได้ ธามให้ลุงเผือกกลับก่อนได้เลย คืนนี้คงดึก อยากให้แกหิวข้าวหิ้วท้องรอหรอ?”

“ให้กลับไปแล้ว ธามรู้เรื่องน่า”
“อันนี้เสร็จกันมั้ยหรอ?”

มาถึงก็พางงเลยครับ ผมกับเจมมองหน้ากัน พยายามเรียงประโยคให้ใหม่

“หมายถึงยังไงนะธาม เสร็จกันมั้ยนี่ไม่ควรถามใครนะ เว้นแต่ธามเป็นคุณครูแล้วทวงงานเด็กนักเรียน”

“ธามไม่คูลหรอกน่า”

“ออกอ่าวแล้วอ่ะธาม”
“เอาเป็นว่า หิวมั้ย พี่หนึ่งทำข้าวผัดกุนเชียง กินด้วยกัน”

“ธามอยากกินข้าวไข่ทอดคนกับซอส”

“อ่อ ข้าวไข่เจียว เดี๋ยวพี่บอกพี่โป๊ะให้นะ” คราวนี้ผมรีบเดาเมื่อมั่นใจว่าต้องถูก หลังจากฟังเจมเดาผิดมาครั้งนึงแล้ว ใช่ว่าเข้าใจหลักภาษาน้องธามหรอกนะครับ แต่อยู่ออฟฟิศเดียวกัน เห็นธามกินบ่อย เลยเดาได้ว่าชอบกินอะไรที่สุด เด็กน้อยที่สุดในกลุ่มนี้พยักหน้ายิ้มให้ ดูแล้วน่ารักมาก มากจนไม่อยากให้ธามเศร้าเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมเข้าครัวมาเพื่อบอกพี่โป๊ะว่าธามอยากกินอะไร  รายนี้จัดให้ชุดใหญ่ด้วยใข่เจียวกุ้งสับพร้อมหัวหอมใหญ่ ผมปล่อยให้ 2 พ่อครัวเขาปาดหน้ากันด้วยกระทะกับตะหลิว ส่วนตัวเองเดินออกมาหน้าเวทีเตี้ยอีกหน แล้วก็สบตาเข้ากับบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นจำเลยของทุกคน ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด...อย่างน้อยเขาคนนี้ก็ไม่ได้อยากให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้

“พี่นำ มาแล้วหรอครับ”

“ครับ” แค่เสียงตอบรับยังสื่อได้เลยว่าพี่หมอนำคนนี้เหนื่อยมากๆ



cut



สามเดือนที่ห่างกันไป คิดถึงมากค่ะ
จริงๆ ก็เขียนทั้ง2  เรื่องอยู่เรื่อยๆ เท่าที่มีเวลา ไม่ได้ทิ้งไปไหนเลย แต่ด้วยความที่ใกล้จบแล้วทั้ง 2  เรื่อง เลยต้องละเอียดหน่อย ไม่อยากทิ้งปมไว้แบบไม่ได้สางให้ไหลรื่น (แหม่ ดูดี)
จริงๆ ก็คือเวลาน้อยลงนั่นแหละ
แต่อย่าเพิ่งทิ้งเราไปไหนน้า
เราจะวนเวียนอยู่ในนี้เรื่อยๆ อาจเป็นเรื่องใหม่ หรือตอนพิเศษสวิงกิ้งสมภารกับไก่อ่อนไก่คุณหนูไก่เด็กนอก ถ้าหากว่าเราคิดถึงมากๆ

ช่วยติดตามกันต่อด้วยนะคะ  >.,<
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2017 01:18:24
วั๊ยยยย. ตั้ยแล้ววววววววว  สามเดือนที่รอคอย มาแว้วววววว.   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 23-03-2017 05:21:50
มาแว้ววววววว
มาร้องเพลงรอแปปเดี๋ยวมาต่อเลย
คราวหลังต้องมาร้องบ่อยๆซะแล้ว อิอิ

ตัดจบได้ตึงโป๊ะเลยค่าตอนนี้
กำลังอยากรู้เลยว่าหนุ่มๆเค้าจะร้องเพลงอะไรกัน
แต่พี่โป๊ะนิจะมา 3คนเพลงนึงไม่แฟร์เลย 555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 23-03-2017 05:45:29
มาแว้ววววววว คิดถึงนะตะเอง คิดถึงวิน-โปร (โดนอิพี่โปรเตะ55555) คิดถึงนำ-ธามด้วย
จะมาช้ามาเร็วก็รอได้ แค่รู้ว่ายังจะมาก็พอ
ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายให้ยิ้มเวลาอ่าน
❤❤❤❤
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-03-2017 09:53:40
 :katai2-1: อ่านหมาธามแล้วมาต่อด้วยเรื่องของวินนี่อารมณ์มันต่อเนื่องกันดีมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 23-03-2017 10:26:03
โหยยย คิดถึงมากค่ะๆๆๆๆ

กลับมาต่อแล้ววววววว

นอนก็ตื่นมาดูพระอาทิตย์ยามเช้าได้นะ 55555
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 23-03-2017 12:09:36
เข้ามาอ่านเรื่องนี้ แต่ใจนี่อยากรู้อยากเห็นเรื่องหมอนำกับน้องธามมากกว่า 555

หมอนำเหนื่อยหน่อยนะ ใครๆก็เข้าข้างธาม รวมเราด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2017 17:58:12
 :katai2-1: :katai2-1:
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-03-2017 19:09:29
วินน่ารักขึ้นเน้อ  :m19: :m19:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 04-04-2017 16:07:45
น้องวิน น่ารักจัง ดูแบบเข้าใจอะไรง่ายขึ้น ไม่ค่อยคิดซับซ้อนวกวนเท่าไหร่แระ
แต่ก็ยังคงมีความกวนๆแบบวินๆอยู่ สรุปคือน่ารักทั้งพี่โป๊ะ ทั้งน้องวินเลย  :mew1: :mew1:

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :mew3: :mew3:

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-05-2017 09:16:45
รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Ninnin ที่ 11-05-2017 22:18:49
ถ้าบนโลกนี้มีคนแบบคุณโปรเยอะๆก็คงดี
ไม่ว่าวินจะดื้อ จะพูกหยาบใส่แค่ไหนก็ไม่โกรธ
คือยังเหมือนเดิมได้แบบน่าใจหาย เป็นคนดีมาก
ดีจนอยากร้องไห้ เราเป็นคนคล้ายๆวิน flight zone
กว้าง ไม่ชอบให้ใครแตะตัว ไม่ชอบพูดกับคนที่ไม่
อยากพูด คุณเขียนได้ดีมาก มากแบบมากที่สุดในโลก
เราเคยอ่านพี่ที่หนึ่ง ตอนนั้นหลงหนักมาก เป็นเรื่อง
แรกๆที่อ่าน หลังจากนั้นอ่านเรื่องอื่น แต่พี่ที่หนึ่งยัง
เป็นเรื่องที่ไม่เคยลืม จริงๆเราชอบเจมมากกว่าพี่ที่หนึ่ง
เรื่องนี้เราชอบคุณโปร เค้าทนดีรักเรื่องนี้มากกกกกกกกก เคยแวะมาบ่อยแต่อ่าน 3 บรรทัดก็กดออกเพราะไม่ชอบพี่โป๊ะ ไม่คิดว่าตอนนี้จะรัก คุณเขียนดีมากเลย สำหรับเราไม่มีที่ติ ทุกอย่างสมจริง สมเหตุสมผล ขอบคุณจากใจค่ะ มีความสุขมากเลย นี่ยังอ่านไม่จบนะคะ ขออ่านต่อก่อน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 12-05-2017 14:53:11
ตามอ่านทันจนได้ สนุกมาก ๆ ค่ะ เดี่ยวจะไปตามอ่านเรื่องอื่น ๆ ของคนแต่งต่อนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 01-06-2017 20:31:54
เพิ่งได้อ่าน สนุกมากค่ะ มาต่อไวๆนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 13-06-2017 23:13:38
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 42




“เอาล่ะ เอาล่ะครับ เพื่อนๆ น้องๆ ทั้งหลาย”
“จริงๆ ผมก็แค่อยากหาข้ออ้างพักจากงานและอยู่กับแฟนผมบ้าง และเราก็อยากอยู่กันเงียบๆ นะ....แต่”

 แต่อะไรของเขา?

“แต่จิตใจใฝ่ดีของผมมันยังเติบโตอยู่ภายใน ซึ่งผมก็ยังแปลกใจอยู่”
“การนัดกากๆ ครั้งนี้จึงเกิดขึ้น”
“ทุกคนที่มา ช่วยเทิดทูนเจ้าของวันสำคัญที่เสียสละความเป็นส่วนตัวให้พวกคุณละลาบละล้วงด้วยครับ”
“วินครับ ลุกขึ้นยืนรับการคาราวะของพวกแขกที่แค่เชิญเล่นๆ ก็มาด้วยครับ”

แม่งเอ้ย!!! กล้าสาบานมั้ยว่าไม่เมา หา ไอ้พี่โป๊ะ!
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

เฮหาพ่อหาแม่กันรึไงวะ?!
ปกติผมก็ไม่ใช่คนหยาบคายนะครับ แต่ไอ้เสียงโห่ฮาพวกนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ เพราะว่าพวกเขาแซวผมอ่ะ แม่งเอ้ย

แต่สุดท้ายก็ต้องยืนขึ้นแหละครับ สาบานเลยว่าไม่ได้ชื่นใจที่เขายกผมขึ้นเป็นตัวสร้างสีสัน ทื่ยืนขึ้นก็เพราะว่าไม่ต้องการให้เขาสรรเสริญซ้ำซากอีก

“นั่นแหละครับ ผู้มีพระคุณสูงสุดที่ทำให้ชาวเราได้กินเหล้ากันในค่ำคืนนี้”
“แต่ๆๆ ยังไม่หมดเท่านี้ครับ เนื่องจาก ความใฝ่รู้ของแฟนผมอีกเช่นกัน”
“วินครับ ยืนอีกรอบได้มั้ยครับ”

ไอ้เหี้ยยยยย ว่ากูเสือกอีกแล้วนะเฮ้ย!!!

“ไอ้พี่โป๊ะ!!”  รอบนี้ผมชี้หน้าด้วยเอ้า ให้รู้กันไปว่าอย่าเล่นเหี้ยๆ แบบนี้อีก
“แม่ง ก็อยากเสือกกันทุกคนแหละว่ะ เลิกเรียกได้แล้ว”

“ไม่ได้ครับ คิดถึง”
“โอเคนะครับ แฟนผมถนัดท่านั่ง”

“ไอ้พี่โป๊ะ!!!” ไอ้กวนตีน

“ครับ กลัวแล้วครับ”
“อย่างที่เห็นกันทั่วโดยที่กูก็ไม่อายเลยนะครับ แฟนดุครับ”
“กลับเข้าเรื่องจิตใจใฝ่ดีของผมและความใฝ่รู้ของวิน”

ปึง!!!!
“เฮ้ย!” ผมเฮ้ยเสียงดัง ไม่ใช่ขู่ใครหรอกครับ ตกใจที่ตบโต๊ะได้แรงขนาดนี้ และแม่งก็โคตรเจ็บ  คนอื่นๆ ก็ยังคงหัวเราะชอบใจกับกิริยาเล่นหัวผมด้วยคำพูดของนายมือโปร

“เพื่อนผม ดูเหมือนจะกระทำการบางอย่างลงไป และกำลังเผชิญกับผลที่เกิดขึ้น โดยที่มันไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า การกระทำอะไรที่ทำให้มันต้องมาเผชิญสถานการณ์คับข้องใจแบบนี้”
“ผมใช้คำถูกต้องมั้ยไอ้หมอ อ๊ะๆ ผมไม่ได้บอกนะครับว่าเพื่อนผมคือคนไหน แต่ที่หนึ่งกับเด็กบ้าของมันก็ปกติดี พีชเองก็ยังคงเป็นเพื่อนผู้ไม่เคยกล้าหือกับแฟน”
“ว่าไง ไอ้หมอ ผมใช้คำพูดถูกมั้ย”

“เออ เออ ถูก ลงมาได้แล้วโป๊ะ อย่าเสือกมากกว่านี้ มันเรื่องของผม” ดูท่าทีแล้ว ผมคงไม่ใช่คนเดียวที่อยากให้ไอ้พี่โป๊ะมันเลิกพล่ามสักที แต่พอเขาพล่ามเรื่องเพื่อนเขา ผมก็อยากให้พี่นำเข้าใจไว้ด้วยว่า ผมกับพี่นำไม่ใช่พวกเดียวกันหรอกนะครับ แม้ว่าจะอยากให้พี่โป๊ะลงจากเวทีเหมือนกันก็ตาม

“อ่า  ทุกคนคงรู้แล้วนะครับว่าเป็นเรื่องของหมอนำ”
“งั้นก็อัญเชิญคุณหมอ....”
“เชิญคุณหมอนั่งสำนึกผิดไปเรื่อยๆ เลยครับ take your time or....”
“take your ธาม”

เท่ชิบหายเถอะแหม่ แต่ผมก็เสือกนั่งอมยิ้มให้กับลูกล่อลูกชนในการเปิดประเด็นให้เพื่อนได้ทำความเข้าใจกับแฟน

“คิดได้ไงวะนั่น” เจมถามขึ้นระหว่างละริมฝีปากจากขอบแก้วที่มีแต่น้ำอัดลม คนนี้โดนสั่งห้ามดื่มครับ แฟนเขาเป็นห่วงมาก

“วินว่าไม่ได้คิดหรอก คงบังเอิญน่ะ พี่โป๊ะไม่ได้มีสมองขนาดนั้น” ผมหันไปตอบให้ แล้วก็ลงท้ายด้วยการหัวเราะกันอยู่ 2 คน ส่วนน้องธามก็ยังดูงงๆ อยู่ดี ผมก็ได้แต่หวังว่าการสร้างความบันเทิงแกมเหน็บแนมของพี่โป๊ะเมื่อครู่จะทำให้ธามรู้ว่าพวกพี่โป๊ะ รวมถึงผมและเจม อยากให้น้องธามกับพี่นำปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง

“มาเข้าเรื่องของพวกเราดีกว่าครับ”
“มาวันนี้ อย่างที่บอกไว้กับทุกคน บอกครบบ้างไม่ครบบ้าง แต่ใจความสำคัญผมไม่น่าพลาดไปนะ”
“คืนนี้ เราจะมาร่วมทำกิจกรรม ร้องเพลงล่ารางวัลกัน” และแล้วพี่โป๊ะก็เข้าประเด็นของการรวมตัวกันในค่ำคืนนี้เสียที  ครับ ผมมาเพื่อล่ารางวัลเหมือนกัน และผมต้องชนะด้วย

“เงินเท่าไหร่เฮีย”
“พี่โป๊ะบอกมาก่อนจ่ายเท่าไหร่”
“กี่ล้านนนนนนนน”

เป็นล้านเลยหรอวะ?
ผมก็ไม่ได้สงสัยในความรวยของพี่โป๊ะหรอกครับ รู้อยู่ว่าสินทรัพย์ทั้งหมดทั้งมวลของเขามันมีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรนะครับ ถ้าเงินรางวัลเป็นล้านจริงล่ะก็....ให้ผมเถอะ

“เอาว่า ก้อนใหญ่ก็แล้วกันครับ”
“ขอให้ทุกคนตั้งใจ”
“มาถึงลำดับการร้อง”
“เพื่อตอบสนองต่อจิดใจใฝ่ดีของผมและความใฝ่รู้ของแฟนผม”

นี่เขาจะไม่เลิกด่าผมเสือกใช่มั้ย แม่งเอ้ย!!

“เราจะเริ่มกันที่... คนที่เด็กสุดในที่นี้ ลูกหมาน้องธาม”​

อ้าว!!
ผมกับเจมมองหน้ากัน เพราะไม่ได้ทำใจกันมาก่อนว่าจะต้องร้องคิวแรก คิดถึงตรงนี้แล้วก็ถอนหายใจให้กับความโง่ของตัวเอง ผมน่าจะเดาได้สิ ก็พี่โป๊ะมันปูเรื่องธามมาตั้งแต่วินาทีแรกที่จับไมค์ แม้ว่าจะแทรกด้วยเรื่องความเสือกของผมอยู่ตลอดก็เถอะ

เด็กรุ่นเจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนอย่างมาดมั่น แลดูไม่สะทกสะท้านอะไร
อ๋อ...ก็แน่สิ น้องธามร้องอยู่ไม่กี่ท่อน และจะเรียกว่าร้องก็ไม่ได้ มันคือการแร็พเท่าที่จะจำเนื้อเพลงทันก็เท่านั้น

“พี่เจม พี่วิน”
“ไปสิ”

“โอเค พร้อมเสมอ ถ้าได้ตังค์แบ่งกันนะ พูดแล้ว” เจมผู้มั่นใจเสมอตอบรับคำเรียกแล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกขึ้นและเดินไปเวทีพร้อมๆ กัน

“ให้ร้องจบเถอะเจม บอกตรงๆ นะ วินจำเนื้อเพลงไม่ได้” ผมสารภาพตามความจริงเลยครับ ไม่ตื่นเต้นไม่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้ก็เดดแอร์

“ไม่เป็นไร นี่โพย กางเลยวิน อย่าได้อาย” งี้ก็โอเค คุณไม่อายผมก็ไม่อายครับ

พวกเรา 3 คนมองหน้ากัน พยักหน้าส่งสัญญาณแล้วก็เดินดุ่มๆ ขึ้นเวที

“อ้าวเฮ้ยวิน”
“อะไรอ่ะ”
“เจม...ไม่เห็นบอกก่อนอ่ะ”
“เฮ้ยโป๊ะ มึง เดี๋ยวดิ ถ่ายแฟนกูด้วย ไอ้โป๊ะ”

ลุง 2 คนนี้คือใครกันวะ​?
และแม่งก็เป็นลุงบ้าเห่อแฟน อีมือถือนี้ก็ถ่ายจ่ออยู่ตรงหัวเข่า อยากรู้มากว่าพี่โป๊ะกับพี่หนึ่งเล่นอะไรกัน

“พี่โป๊ะ ไม่ต้องถ่าย กลับไปเลย”
“ม่ายยยยยยยยยย”

“พี่หนึ่ง มันมืดเถอะ แสงสาดเข้าหน้ากล้องอ่ะ ไม่เอา ไม่หล่อ”
“ก็ปกตินะเจม”

ผมรู้ว่าพวกลุง 2 คนนี้เป็นใคร ใช่ครับ...เป็นคนบ้า

อาการโวยวายใส่ความหน้าด้านจำต้องหยุดลง เมื่อเสียงดนตรีที่คุ้นหูดังขึ้นมา
จากนั้น จิตวิญญาณนักร้องก็เข้าสิงผมเลยครับ นี่ก็ไม่ได้อยากอวด แต่ในบรรดานักร้อง 3 คนบนเวที ผมร้องตรงคีย์ที่สุดครับ   

เสียงปรบมือแซ่ซ้องมันทำให้อกพองแบบนี้นี่เอง ผมเพิ่งรู้ตัวว่ายิ้มแฉ่งมากก็ตอนที่ลงเวที (เตี้ยๆ) มาแล้วรู้สึกได้ว่าเมื่อยแก้มเมื่อยปาก พอรู้ตัวมุมปากก็ตรงเหมือนเดิมแหละครับ

“ฝึกนานป่ะ?”

“เพื่อเงินเถอะ” ผมตอบคนถาม เหล่มองแบบไม่ให้เขาเห็นว่าผมเขิน

“เงินอะไร?”

“เอ้า” ครั้งนี้หันมองหน้าตรงๆ เลยครับ ไม่องไม่อายมันแล้ว
“ก็เงินรางวัลนี่ไง พี่โป๊ะบอกเองว่าก้อนใหญ่”

“เออ ก็ใหญ่ แต่บอกตอนไหนว่าเงิน”

“ชิบ!!!”

“อ๊ะๆ อย่าด่านะ”
“ถ้าด่า พี่จับจูบตรงนี้จริงๆ”

“คิดว่าวินกลัวหรอ? อิธ่อ” เบ้ปากให้เขารู้อารมณ์ด้วยครับ นายมือโปรหัวเราะในลำคอพลางพยักหน้าย้ำความมั่นใจ ซึ่งก็...ถูกแล้วล่ะครับ ผมกลัวเขาจูบผมตรงนี้จริงๆ

ผมไม่ต่อความเพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ตัดสินใจเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมกับเจม นายมือโปรไม่ได้ตามมา น่าจะเป็นเพราะไปกำกับวงดนตรีบทเวทีว่าให้เล่นเพลงอะไรต่อ
แต่ครู่เดียวเขาก็เดินมานั่งกับผมที่โต๊ะ
คือ...นึกภาพนะครับ ผับเขาก็ใหญ่ โอเค วันนี้จัดร้านให้มันกระจุกอยู่ตรงกลางๆ ใกล้เวทีหน่อย แล้วก็มีโต๊ะเก้าอี้พร้อมนั่งอยู่ราวๆ 5-6 โต๊ะได้ ซึ่งคนก็จะโล่งหน่อยๆ เพราะมีกันแค่พวกเราเท่านั้น แต่เขาก็ยังมานั่งเบียดกับผมและเจม และพี่หนึ่ง

“ธามไปไหนวะโป๊ะ”

“เอ้า คุณก็อยู่กับผม ดูแฟนคุณร้องเพลงเหมือนที่ผมดูแฟนผม เดินไปรับกลับมานั่งโต๊ะเหมือนๆ กันนี่ไง ผมจะรู้ได้ไงว่าหมาธามไปไหน”

“ผมถามสั้นๆ มั้ย”

“ก็ผมมันคนยาวๆ”

“เออ คุณมันยาวทุกอย่างเว้นอายุล่ะสิ”
“วิน เห็นน้องธามมั้ยครับ ไอ้หมอมันฝากไว้ แต่นี่มันก็หายไปอีกคน”​ พี่หนึ่งหันมาถามหาคำตอบจากผมแทน หลังจากถามพี่โป๊ะแล้วไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

ผมเองก็อยากตอบสั้นๆ ว่าไม่รู้ แต่กลัวเขาจะจิกกัดกลับมาว่าตอบซะสั้นเท่าอายุพี่โป๊ะเลย มันจะไม่ดีกับพี่โป๊ะเกินไป ผมก็เลยตอบกลางๆ

“วินก็ไม่เห็นเหมือนกันครับ”

“เจมว่าน่าจะไปเคลียร์กันมั้งพี่หนึ่ง พี่นำก็หายไปด้วยนี่”

“ก็เป็นไปได้ เดี๋ยวพี่ลองเดินหาหน่อย เผื่อมันกลับไปไม่บอกกล่าว เราจะได้ไม่ต้องนั่งห่วงทั้งคู่”

“สนใจมันทำไมวะไอ้หมออ่ะ เล่นตัวก็เท่านั้น บ้างานก็เท่านั้น ทึ่มอีก หมอจิตห่าไรไม่รู้ว่าแฟนตัวเองอาการหนัก” พี่โป๊ะแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจพี่นำเท่าไหร่  พอพูดขัดพี่หนึ่งเสร็จก็หันมองหน้าผมแล้วพยักเพยิดขอความร่วมมือ
“เนอะวิน”

“เอ่อ....” ​ผมจำเป็นต้องตัดสินพี่นำด้วยหรอ? มันก็เรื่องของพี่นำกับน้องธามเขานะ จะจบแบบไหนก็ต้องเคารพการตัดสินใจกันสิ

“เนอะวิน ช่างหัวไอ้หมอมัน ปล่อยมันแก่ตายไปคนเดียว ไม่ต้องมีหรอกฟงแฟน มีแล้วแม่งดูแลไม่ได้ ไอ้บ้านี่”

“พี่โป๊ะนี่ก็ห่วงแฟนเพื่อนมากกว่าเพื่อนตลอดอ่ะ” เจมสวนขึ้นมาแล้วก็เบี่ยงตัวหลบอยู่หลังพี่หนึ่งทันทีที่พี่โป๊ะหันมอง

“อะไรไอ้ยุ่ง พี่ก็พูดตามที่เห็น ก็ไอ้หมอมันละเลยจริงๆ นี่”

ก็ฉันมันคนโง่เหนือใครๆ มีรักแท้อยู่....ดูแลไม่ได้
เสียงไอ้โอมกับพี่จิวช่วยร้องเพลงขึ้นมาครับ พวกผม 4  คน สะดุดอารมณ์และประสานสายตาไปยังเวทีทันที จากนั้นก็หันมองหน้ากันเองแล้วก็หลบมุมไปทิ้งปลายเสียงหัวเราะไว้ข้างตัว

“เออ นั่นแหละ ไงๆ พี่ก็คิดว่าไอ้หมอมันผิดมากไปนะ เรื่องนี้ มันต้องได้รับบทเรียน”

“ก็ถ้าธามไม่ให้บทเรียนอะไร พี่โป๊ะจะไปทำอะไรได้ครับ” เจมยังโต้ตอบในประเด็นนี้

“ได้ดิวะ”
“บังคับธามกลับไต้หวันไปเลย ทิ้งไอ้หมอเน่าตายอยู่ที่นี่แหละ”

“ตลกแล้วโป๊ะ เรื่องของหมอมันน่า”

“ไอ้หนึ่ง มึงก็เป็นงี้ตลอด อิสระตลอด เคารพความรู้สึกตัวเองตลอด เพื่อนเราเห็นแก่ตัวก็ต้องได้รับบทเรียน”

“ไอ้โปร”

“ไอ้หนึ่ง”

“มึงไม่เข็ดหรอ ลงโทษเพื่อนจากการตัดสินของบรรทัดฐานมึงเองว่าเพื่อนสมควรได้รับบทลงโทษ”
“กูไม่ได้ว่าไอ้หมอไม่ผิด แต่คนที่มันทำผิดใส่คือธาม ไม่ใช่มึง ไม่ใช่กู ไม่ใช่ใคร เพราะงั้นคนที่ลงโทษไอ้หมอได้ก็คือธาม”
“อย่า อิน”

“นั่นสิพี่โป๊ะ”
“เดี๋ยวก็มาเสียใจที่โยนความผิดให้เพื่อนเกินเหตุอีกหรอก”

ผมย้ำคำว่าอีก และคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจว่า ครั้งแรกของการโยนความผิดให้เพื่อนแบบเกินกว่าเหตุ คือเรื่องไหน

เขาดูอ่อนความโกรธเพื่อนแทนน้องลงบ้าง วัดจากอาการถอนหายใจยาว หันมองทางเวทีที่ยังคงร้องเพลงเดิมอยู่ แต่ก็น่าจะใกล้จบแล้ว


“พี่ก็แค่เป็นห่วง ... ทั้งคู่นั่นแหละ”
“ไม่อยากให้ใครมีแผลจากความรัก”

“วินรู้  วินว่าเพื่อนพี่เขาก็รู้ว่าพี่โป๊ะเป็นยังไง”
“แต่เราปล่อยให้เขาคุยกันเอง น่าจะดีกว่านะครับ”
“อีกอย่าง พี่นำก็ไม่ใช่คนโง่หรือทึ่มอย่างที่พี่โป๊ะด่าหรอก”

“เจมก็ว่างั้น”

“ผมก็ว่างั้น”

โชคดีจังที่ผมมีกำลังเสริม ไม่เคยคิดเหมือนกันครับว่าผมคนนี้จะสามารถพูดให้ใครสักคมเย็นอารมณ์ตัวเองลงมาได้ โดยเฉพาะคนอารมณ์ร้อนอย่างนายมือโปร

“ก็ถ้าวินว่างั้น ก็อื้อ” แล้วทำไมเขามาทำเสียงน่ารักใส่ผมไวขนาดนี้ล่ะ? พี่หนึ่งคงทนความกระแดะไม่ไหว ถึงเหยียดแขนยื่นมือมาผลักไสหัวพี่โป๊ะให้เอียงห่างจากแก้มผม ขณะที่เจมหันไปอ้วกลมลงพื้นเลยครับ ผมนั่งหัวเราะเบาๆ

.....ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง สุขยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา....

พอประกอบกิริยาของผมเข้ากับเพลงที่ไอ้โอมร้องแล้ว ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนบ้า

“ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น เรื่องจริงกับความฝัน เกิดขึ้นด้วยกันทันตา” นายมือโปรร้องเพลงใส่หน้าผมเบาๆ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน41 (23-03-17) ​p.22
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 13-06-2017 23:19:02
หยุด หยุด
ผมไม่ได้ร้องเพลงคลอไปด้วยหรอกครับ ผมแค่อยากให้เขาหยุดทำหน้ากระแดะใส่ผมเสียที ผมเขินเว้ย!!!
ผมไม่ได้หน้าบางไปเองนะครับ ก็นายมือโปรเล่นร้องคลอทั้งเพลง แล้วก็ร้องใส่แก้ม ใส่หู ใส่หัวไหล่ที่ผมยกมันขึ้นมาบังแก้มบังหูผม และเขาร้องจนจบเพลง

“โป๊ะ ผมเลี่ยนเถอะ”
“พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่พากินกาแฟดำนะเจม น้ำตาลแม่งเข้าตาเข้าผิวจนเลือดกูหวานแล้วโป๊ะ พอๆ อายมั่ง”

“อายทำไม เรารักกัน เนอะวิน”

ตอบรับก็บ้าแล้วเว้ย!
ผมพยายามขมวดคิ้วเพื่อดึงกล้ามเนื้อแก้มและปากไม่ให้ไปกอดกันเป็นมุมเป็นก้อนมากนัก แต่ก็คงไม่ได้ผล เพราะผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว สายตาแซวของเจมไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พี่หนึ่งเนี่ยสิ เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ผมให้ความเชื่อถือ เขาดูเป็นคนมีหลักการ มีเหตุผล คุมอารมณ์อยู่ ใจดี ใจเย็น พูดจาดี
ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีรอยยิ้มกวนส้นตีนได้ขนาดนี้

“แม่งเอ้ย”

“เอาคืนสิ ร้องเพลงรักใส่พี่ เอาให้อายม้วน ทำได้เอารางวัลใหญ่ไปเลย”

เอาเงินล่ออีกแล้ว เฮ้ย! ป้าผม คุณตาผม แม่ผมรวยมากนะ ถึงจะไม่ใช่เงินผม แต่ผมก็ขอเขาได้ไง เอาเงินล่อกันทำไม คิดว่าอยากได้รึไงวะ? เออ! หลักล้านขนาดนี้ก็อยากได้ก็ได้เว้ย

“เดี๋ยวเจอ” ผมท้า ทำหน้าตามั่นใจใส่ด้วย ตอนนี้หัวสมองผมกำลังวางแผนว่าจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วแอบเปิดยูทูบฟังเพลงที่เตรียมมาอีกรอบ ต้องทวนเนื้อเพลงด้วย แม่งเสือกมีท่อนที่วนๆ งงๆ ซะด้วยสิ

“เอ้าพีช มาซะเลท”

“โทษที พอดีรอบัวน่ะ” พี่พีชมาเป็นทางออกให้ผมแท้ๆ ผมอาศัยจังหวะที่เพื่อนเขาทักทายกัน ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่มีนายมือโปรเดินตามเป็นเงา


มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นอีกเรื่องแล้วครับ
พี่พีชกับพี่บัวกำลังจะแต่งงานกัน
แน่นอนว่าไม่มีใครประหลาดใจ เพราะพวกเขาคบกันมานานแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วจริงๆ ระหว่างที่พี่พีชกำลังเล่าให้เพื่อนฟังว่าแผนขอแต่งงานพี่บัวไม่เซอร์ไพรส์ขนาดไหน

ผมเดินมาร่วงวงสนทนาตอนที่พี่บัวเล่าว่า เหนื่อยแค่ไหนในการทำเป็นตื่นเต้นกับช่อดอกไม้และกล่องแหวนขอแต่งงาน แต่เธอก็ประทับใจในความพยายามของพี่พีชมาก แม้ว่าจะขอเบอร์ร้านดอกไม้จากเธอ โทรถามว่าชอบดอกไม้อะไรที่สุด และก่อนหน้านั้นที่ไปทานข้าวกันก็พาไปวัดไซส์นิ้วที่ร้านทอง

ทุกคนดูสนุกสนานกับการแซวพี่พีชที่ยืนแก้มแดง ล้อมด้วยบรรดาผู้ชายปากหมาหน้าหวานบ้างเหี้ยบ้างแล้วแต่ดีเอ็นเอ

“เฮ้ย หนึ่ง นำ โป๊ะ อย่าแซวผมดิ ผมก็เรียนรู้จากพวกคุณแหละ”
“ปกติผมไม่จีบสาวไง”

“อ้าว” เจมทักขึ้นแล้วหันมองพี่หนึ่งทันทีเลยครับ ส่วนน้องธามที่หน้าตายิ้มแย้มขึ้นมากกกก ยังคงงงๆ อยู่ ส่วนผมเหล่มองพี่โป๊ะด้วยสายตาเคลือบแคลง

“เฮ้ยยยย พีช พูดดีๆ ผมไปจีบใคร ไม่มี”
“คุณเรียนรู้จากไอ้โป๊ะเถอะ เรื่องผู้หญิงอ่ะ”

“อ้าว” เจ้าของชื่อหน้าตึงเลยครับ เขามองหน้าผมแล้วก็โน้มตัวมาจ้องตากันใกล้ๆ

“พี่ไม่เคยนะ”

“อือ” ผมตอบรับ ถอยตัวออกห่างแล้วตัดสินใจนั่งลงกับเจม เมื่อพวกลุงๆ เขาพากันขึ้นไปเล่นจำอวดกันบนเวทีเตี้ย โดยมีวงดนตรีจำเป็นคอยใส่จังหวะตึงโป๊ะ! รับลูก 

คนประกาศแต่งงานตอบอะไรไม่ได้สักอย่างเลยครับ ต้องให้ว่าที่เจ้าสาวตะโกนบอกจากโต๊ะด้านล่าง การกลั่นแกล้งพี่พีชทำให้พวกเราอารมณ์ดีกันมาก ทั้งยินดีกับพวกเขา ทั้งขำว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวในเรื่องของการสลับบทบาทกันตลอดเวลาที่คบหากันมา เรียกได้ว่าพี่บัวน่าจะได้รับการจัดอันดับสุดยอดผู้นำเร็วๆ นี้ ส่วนพี่พีช ตอนนี้สั่งจองผ้ากันเปื้อนออนไลน์มาหลายโหลแล้วครับ

พวกเราถือเอาวันนี้เป็นวันจัดงานอวยพรคู่บ่าวสาวไปเลยทีเดียว บรรดาเพื่อนเขา รุ่นน้องเขาดาหน้ากันขึ้นไปอวยพรบนเวที

พี่หนึ่งได้รับเกียรติให้พูดคนแรก และทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบเพื่อฟัง ผมว่านี่มันเหมือนบรรยากาศของการฟังหัวหน้าห้องบรีฟเรื่องการสอบนอกตารางเลยครับ

พี่นำเป็นลำดับถัดมา
รายนี้แนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการที่เหมาะสมทั้งไอคิวและอีคิว ผมไม่แปลกใจเลยครับที่ธามทำหน้างงๆ แล้วหันมาหาผมและเจมเพื่อให้แปลไทยเป็นไทย

และก็พี่โป๊ะ
เขาคนนี้ยืนเด่นอยู่บนเวทีคนเดียว ขณะที่เพื่อนคนอื่นและเจ้าบ่าวเองก็เดินตามกันลงมาหมดแล้ว เขาพูดแค่ว่า “ผมรู้ คุณจะมีความสุขนะพีช”
แล้วเขาก็ร้องเพลงให้กับเพื่อนรักของเขา เพื่อนที่มีน้องสาวที่เขาก็รักก็ห่วงไม่น้อยไปกว่ากัน

และดูท่าว่า ความรักและความห่วงนั้น จะเติบโตอยู่ในหัวใจของเขาไปตลอดกาล

เธอคงพอรู้ ในสิ่งเหล่านี้
โดยไม่มีถ้อยคำบอกไว้
เธอคงพอรู้ จากทุกความเป็นไป
ในวันที่สองเราใกล้กัน

แม้ในวันนั้น ยั่งยืนเพียงฝัน
เป็นแค่เพียงเมื่อวานผ่านไป
เธอคงพอรู้ไม่ว่านานเพียงใด
ไม่นานเกินไปให้ใจฉันจำ

จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ
และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง
ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ

จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เพราะฉันไม่อาจ
ฝืนย้อนคืนวัน ให้หวนได้ใหม่
ทำได้เพียงคิดถึง นับจากนี้ไป
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ

จะเก็บมันเอาไว้

จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ
และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง
ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ

จะเก็บมันเอาไว้
จะเก็บมันเอาไว้



เขากำลังอวยพรพี่พีช ในฐานะเพื่อนที่มีน้องสาวน่าเป็นห่วง และในฐานะที่เป็นพี่ชายของผู้หญิงที่เขาเป็นห่วงเหลือเกิน

ผมก้มมองแก้วเหล้าตัวเอง คิดว่าไม่น่าจะมีใครทันได้เห็นน้ำตาหยดใหญ่ที่ไหลลู่ตกลงไปกระทบกระจกโต๊ะ

น้ำที่หล่นไปเมื่อครู่ คือทั้งหมดของความรู้สึกผมที่เกิดขึ้นกะทันหัน ผมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้ตั้งสติ ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะร้องไห้ เพียงเพราะได้รู้ว่าเขาไม่เคยตัดขาดจากความทรงจำที่มีลูกแพร์เป็นศูนย์กลางเลย

“วิน...เป็นอะไร”

“อ่อ มึนๆ คงดื่มเยอะไป”
“วินไป...เอ่อ...” ผมไม่อยากหนีเลยจริงๆ แต่ตอนนี้ผมอยากสงบอารมณ์ด้วยการอยู่คนเดียวมากๆ
“ไปห้องใต้ดินหน่อยนะ”

“อือ....เดียวเจมบอกพี่โป๊ะให้”

“....ถ้าถาม...ค่อยบอกแล้วกัน” ผมบอกเพิ่ม พยายามไม่ใช้เสียงและสีหน้าที่เรียบเกินไปเพราะไม่อยากให้เจมรู้สึกว่าถูกสั่ง แต่ผมก็ไม่ได้กำลังขอร้อง

ผมเดินห่างจากเสียงอึกทึกมา เดินลงบันได มุ่งสู่ห้องใต้ดินที่คุ้ยเคย ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของผมกับนายมือโปร แม้จะเล็กน้อย สนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง มันคือความทรงจำที่ผมอยากจดจำไว้ อยากเก็บเอาไว้เป็นของเรา

แต่ผมไม่รู้ว่า เรา....เก็บความรู้สึกและความทรงจำได้มากแค่ไหนกัน
เรา...ของนายมือโปร ยังมีที่เหลือให้ผมอีกเท่าไหร่กัน?


Cut


แฮ่...
อย่าว่าวินงี่เง่า บ้าบอ ง๊องแง๊ง เลยน้า คือ....การควบคุมความคิดและจินตนาการของวินสั่นคลอนง่ายอ่ะค่ะ เข้าใจวินนะคะ ถ้าอยากด่า ด่าเราก็ได้ค่ะ
แงงงงงง

ตอนหน้าจบแล้ว ติดตามนะคะ

ขอโทษด้วยที่หายไปนานค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 13-06-2017 23:27:34
ง่ะ...ดราม่านี้มันมาได้ยังงัยยยย
มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทั้งๆที่บรรยากาศปาตี้ในงานก้กำลังสนุกๆ
มีแต่ความแฮปปี้ อารมณ์เหมือนจุดบั้งไฟขึ้นไปแล้วมันระเบิดเฉย
 :a5: :a5: :a5:

อิพี่โป๊ะมารับผิดชอบเลย
เลือกร้องเพลงอะไรก้ไม่รู้
จะอวยพรก้อวยพรไปแค่คำพูดดีๆก้พอ
พอร้องเพลงแล้วเปนงัยละ
จบเลย ต้มมาม่าชามโตไปอีก
ทำวินเสียใจอีกแล้วดูดิ รีบตามไปเคลียร์เลย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2017 23:58:39
อ้าวว. ดึงดราม่าเฉย
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-06-2017 07:15:55
 :3123:  :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 14-06-2017 09:00:22
อ้าว ทำไมดราม่า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 28-06-2017 14:06:42
ม่ายยยยยยย อิโปนอย่ามาทำแบบนี้กะวิน
ม่ายยยยยยย วินอย่าคิดไปเองแบบนี้กะพี่โปร
ม่ายยยยยยย ไม่เอาดราม่าน้า
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 12-07-2017 00:57:58
Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 43



นายมือโปร คือคนที่มาตามหาผมเป็นคนแรก ซึ่งก็ไม่น่าประหลาดใจหรอกครับ ถ้าเป็นพี่หนึ่งมาตามเนี่ยสิ ผมจะงงและหาเหตุผลเชื่อมโยงไม่ได้มากๆ

สิ่งแรกที่เขาถามก็คือ...ท้องเสียหรอ?
อืม นี่แปลว่าเขาไม่รู้ว่าเพิ่งทำเรื่องกระทบใจผม ไม่รู้สึกถึงเงื่อนงำที่เกิดขึ้นมาบิดใจจนงอมาถึงใบหน้าผมเลย

“เปล่าครับ วินปกติ” ผมตอบเรียบๆ ยืนพิงเคาท์เตอร์หน้าครัว ข้างหลังเยื้องไปมีแก้วเบียร์และขวดเบียร์ที่ผมเปิดดื่มคนเดียววางอยู่

“ค่อยยังชั่ว”
“กินอะไรไปบ้าง อาหารน่ะ”

“ก็ที่พี่โป๊ะทำให้นั่นแหละ นอกนั้นก็พวกของทอดนิดหน่อย”

“คงต้องเปลี่ยนน้ำมัน”
“แล้วดื่มอะไรไปบ้าง”

“เหล้า เบียร์ ไวน์ วิสกี้ เจออะไรก็ดื่ม”

“พอแล้วนะ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ผื่นขึ้นมั้ย  ขอพี่ดูหน่อย”

“วินบอกว่าวินปกติไง”

“ปกติแล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้”​
“หือ?” เขาเดินเข้ามาใกล้ โค้งตัวเพื่อยื่นหน้ามารอคำตอบจากปากผม
“วินที่ปกติ ไม่มาขลุกอยู่คนเดียวหรอก”
“มีอะไรครับ บอกพี่ไม่ได้หรอ?”

รู้ด้วยว่ะ
แต่รู้แล้วก็เท่านั้นแหละ เพราะเขารู้อยู่ว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะเป็นยังไง เขาก็ยังทำ

“โอเค วินไม่ปกตินิดหน่อย”

“เป็นอะไรล่ะครับ หือ?”

“พอดี แฟนวินทำให้วิน... นอยด์”

“ไอ้บ้านั่นโง่รึเปล่า? ได้ข่าวว่าแฟนวินเป็นคนดีมีเหตุผลมากเลยนี่ ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น”
“ทำให้วินนอยด์นี่ฆ่าตัวตายชัดๆ” เขายังโต้ตอบผมด้วยท่าเดิม หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ ถ้ากลิ่นที่แตะปลายจมูกผมคือกลิ่นเหล้าจากเขา  จมูกเขาก็น่าจะได้กลิ่นเบียร์จากผมเหมือนกัน

กล้าจะถาม ก็ต้องกล้าฟังคำตอบด้วยล่ะสิ
ก็ได้...

“ครับ เขาทำให้วินนอยด์”

“เขาร้องเพลงอาลัยอาวรณ์ผู้หญิงที่เขารักชิบหาย และจะจดจำความรู้สึกรักครั้งนั้นไปจนตาย”

นายมือโปรไม่มีอาการหวั่นวิตกอะไร ไม่ลนลานรีบขอโทษ และก็ไม่ได้อธิบายอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่เขาทำคือการยิ้ม และมันทำให้ผมโมโห

ผมเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเขาก่อน ผมยังไม่อยากเจรจาพาทีอะไรกับเขาตอนนี้ วันนี้เป็นวันดีของพี่พีช เพื่อนๆ พี่พีช น้องๆ พี่พีช ผมไม่ควรทำลายบรรยากาศดีๆ ที่กำลังโอบล้อมทุกคนอยู่

“จะไปไหนล่ะ?”

“กลับบ้าน”

“หลังไหน ไม่ค้างที่นี่หรอ”

“ไม่”

“โกรธพี่หรอครับ”

“มาก”

“ถึงพี่จะบอกว่าไม่มีอะไรต้องโกรธหรือต้องนอยด์ใส่เลย พี่กับลูกแพร์ไม่เคยมีอะไรต่อกัน พี่แค่สงสารน้องสาวคนนึง ก็ไม่เชื่อหรอ?”

“ไม่เชื่อ”

“วิน เราโตๆ กันแล้วนะ”
“พี่ไม่ถนัดเรื่องอ้อนวอนตามง้อตามอ้อนอะไรเยอะแยะหรอก”

งั้นก็ขอบคุณมาก เพราะวิธีการแบบนั้นผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน

“เชื่อใจกันหน่อยไม่ได้หรอ”
“พี่ยังเชื่อวินเลย เชื่อทุกอย่าง ไม่คิดระแวงอะไรในตัววินเลย ไม่ว่าคนรอบข้างคนไหนจะมาป้วนเปี้ยน ถึงจะไม่พอใจบ้าง หึงบ้าง แต่พี่ไม่เคยไม่มั่นใจในความรู้สึกวินเลยนะ”

“.............”

“พี่ก็อยากให้วินเชื่อใจพี่เหมือนกัน”

“วินไม่ได้ระแวง ไม่ได้หึงด้วยครับ”
“แต่วินนอยด์”
“วินไม่พอใจไง วินเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจเหตุผลคนอื่นด้วย”
“และวินก็ไม่คิดจะแก้นิสัยเสียๆ แบบนี้ของตัวเองด้วยครับ”
“เพราะมันเป็นอาวุธเดียวที่วินมี”
“วินไม่พอใจที่สมองพี่โป๊ะยังมีเรื่องของลูกแพร์อยู่”
“วินไม่ชอบ ไม่อนุญาตให้แฟนวินนึกถึง คิดถึง ระลึกถึงผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้าพี่โป๊ะรับไม่ได้กับความนิสัยเสียของวินข้อนี้ ก็ตัดสินใจใหม่ได้นะครับ เรื่องของเรา”

“มัน...ขนาดนั้นเลยหรอวิน” คงเพราะเห็นแล้วว่าผมนอยด์จริงๆ เขาถึงได้เดินมาใกล้ แล้วดึงแขนไปเหนี่ยวรอบเอวเขาแทน

“ครับ วินไม่ชอบ”
“มากๆ”

“แต่พี่ ... ไม่เคยขอให้วินลืมรินนาเลยนะ ไม่เคยขอให้วินลบคุณรุตต์ออกจากสมองเลยด้วย”

“ก็ถ้าพี่ขอ วินก็จะทำให้ จะพิสูจน์จนกว่าพี่โป๊ะจะพอใจ และเชื่อว่าวินไม่มีคนพวกนั้นในสมอง ในความทรงจำแล้วจริงๆ”

“พี่ไม่ขออะไรแบบนั้นหรอกไอ้ยุ่ง”
“ไม่ใช่ว่าเพราะพี่ไม่หึง หรือพออกพอใจกับการที่วินยึดติดอดีต”
“แต่เป็นเพราะพี่เข้าใจ ว่าเราเลือกส่วนผสมให้กับประสบการณ์ชีวิตเราไม่ได้”
“แต่เราเลือกจำได้”

“............”

“พี่ให้เกียรติวินในอดีต ให้คุณค่า ให้เครดิต ให้ความรู้สึกขอบคุณเพราะเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับวินในอดีต ทำให้วินเป็นวินที่พี่รักในวันนี้”

“ก็พี่โป๊ะโตแล้ว พี่โป๊ะผ่านอะไรมาเยอะแยะ พี่ก็ทำความเข้าใจเรื่องราวคนอื่นได้ดีกว่าวินสิ”
“แต่วินโตมาแบบนี้ วินทำความเข้าใจกับไอ้อาการโหยหาคนตายไปแล้วของพี่ไม่ได้หรอกครับ”
“วินต้องฟังอีกกี่เพลงหรอ? ก่อนหน้านี้ก็อะไรนะ เพลงของเรา”
“แล้วมาเพลงที่ร้องเมื่อกี้”
“ถ้ามันมีความรู้สึกที่ทำให้หวนคิดถึงเขามากนัก พี่ก็ไม่ต้องคบวิน”
“พอ!”

“ไอ้ยุ่ง อย่าเป็นแบบนี้สิ”

“ก็วินเป็นของวินแบบนี้”
“วินไม่ชอบให้พี่รักคนอื่น ต่อให้แค่เคยรักก็ไม่ชอบ”
“นี่ของวินนะ!” ผมชกเข้าที่กลางอก แล้วก็ลามปามไปตามอารมณ์จนถึงขั้นขยุ้มผมเขาแล้วจับให้หัวเขาโยกไปมา

เขาโตกว่าผมร่วม 5 ปี
เขาเป็นคนที่ดูวูบแรกก็รู้ว่าคบหาความรุนแรงและความหยาบคายมาแต่ไหนแต่ไร
แต่ที่นายมือโปรแสดงออกตอนนี้ กลับเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกดต่ำในลำคอ

“ของวิน!!” ผมย้ำอีกครั้งแล้วก็สะบัดหัวเขาทิ้งจากมือ

“ครับ ของวิน ทั้งตัวทั้งตับทั้งไตทั้งหัวใจ ของวินหมดเลย”
“พี่...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกแพร์เลยยยยย จริงที่สุดแล้วครับ”

“แล้วทำไมต้องร้องเพลงนั้นให้เขาด้วย”

“พี่ร้องให้เพื่อนพี่”
“ร้องแทนความรู้สึกพี่ชาย ที่สูญเสียน้องสาวไปตลอดกาล”
“พีชเป็นคนอ่อนไหว”
“หยาบๆ อย่างพี่ยังทำใจเรื่องลูกแพร์ตายได้ช้า พีชก็คงใช้เวลานานกว่า”
“พี่...พวกพี่คบหากันมานานนะวิน”
“จุดเล็กๆ น้อยๆ พวกพี่ก็รู้ทันไอ้พีชมัน”
“คิดว่าเพราะอะไรมันถึงแต่งงานเอาป่านนี้ ทั้งที่คบกับบัวมาเป็นชาติ”
“ทั้งที่ก็พร้อมด้วยกันทั้งสองฝ่าย พีชไม่เคยนอกใจ บัวไม่เคยไม่เข้าใจ แต่ที่มันไม่แต่งสักที เพราะพีชมันทำใจไม่ได้ มันไม่หลุดจากความรู้สึกผิดสักที มันไม่กล้าเริ่มต้นมีความสุขเพื่อตัวเอง”

“.............”

“มันก็เหมือนพี่ เหมือนไอ้หนึ่ง ที่พูดไม่ได้เต็มปาก ว่าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องตาย”
“แต่มันหนักกว่าพวกพี่ตรงที่ มันเป็นพี่ชายแท้ๆ”
“พี่รู้ มันไม่อยากให้สักคนลืมน้องมัน ตัวมันเองก็ไม่อยากลืม”
“แต่คนเรามันแยกแยะได้ไม่เท่ากันหรอกวิน”
“วันนึง ถ้าแสงจากอีกจุดนึงสว่างกว่า เราก็ต้องคว้าเอาไว้หรือไม่ก็เดินไปหา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จุดที่เคยสำคัญ เคยสว่างมากๆ แต่กำลังอ่อนแสงหรือดับแสงลงไปแล้ว สุดท้ายก็จะไม่มีใครมอง ไม่มีใครเห็น”
“น่าสงสารใช่มั้ยล่ะ พีชเองก็ติดอยู่กับอะไรแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
“มันสงสารน้องมัน แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิต มันก็อยากก้าวไปหาแสงที่สว่างกว่าบ้างเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปล่อยได้ แม้จะอยากปล่อยแค่ไหนก็ตาม”​

“..............”

“พี่รู้ว่าวินเข้าใจ และพี่ก็จะไม่ขอให้วินเข้าใจอะไรไปมากกว่านี้แล้ว”
“แค่อยากขอให้เชื่อใจพี่ แค่นั้นพอ”

“............”

“ได้มั้ย”

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” ผมบอกเท่านี้ ดันตัวเองห่างออกมา ก้าวเดินจากมาด้วยความรู้สึกสับสนนิดๆ ไม่เข้าใจหน่อยๆ แต่ไม่พอใจมากๆ

ไม่ใช่ว่าเขาอธิบายไม่เคลียร์หรอกครับ
เขาคิดว่าผมเข้าใจ ซึ่งผมก็เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ เรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อน แต่ที่ซ่อนเงื่อนคือความคิดของผมเอง แต่จะทำยังไงได้ ก็ผมมันเป็นคนแบบนี้

ไม่ใช่ว่าปัดความรับผิดชอบหรือปฏิเสธการรับฟังคนอื่นหรอกนะครับ แต่ผมไม่ถนัดด้านการเข้าอกเข้าใจผู้คนจริงๆ ลำพังตัวเองยังไม่เข้าใจในทุกมิติเลย

แต่ที่ไม่พอใจมากๆ อยู่นี่ ก็เพราะว่าผมไม่ชอบใจที่เขายังสนใจเรื่องคนนั้น เข้าใจอารมณ์คนนี้อยู่ตลอดเวลา ผมไม่ชอบที่เขาทำตัวสาธารณะ

ผมเป็นคนเก็บตัว และแน่นอนว่าชอบเก็บแฟนไว้ใกล้ตัวด้วยเหมือนกัน
แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นสัตว์สังคมจนเคยตัว

“อ้าววิน ว่าจะมาตามเลย โอเคขึ้นแล้วใช่ป่ะ?”
“ป่ะ ร้องเพลง คิววินแล้ว”

“วินไม่ร้องแล้ว โทษนะ ว่าจะกลับแล้ว”

“พี่วินนนนนน”

คนรั้งครั้งแรกคือเจม สมทบด้วยน้องธาม ที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเริ่มเมาแล้ว แววตาน้องธามดูคึกคักเสียขนาดนี้

“พี่ว่าจะกลับแล้ว โทษนะ”

“แต่ว่าถ้าหากเราได้รางวัลล่ะ มันใหญ่นะ ต้องช่วยกันสินะ” เด็กมีลักยิ้มนี่บอกอย่างซื่อตรง ผมอดขำไม่ได้จริงๆ และดูเหมือนเจมจะมองอะไรบางอย่างออกเมื่อพี่โป๊ะเดินตามมาสบทบ นักข่าวคนนี้ถึงได้คว้ามือผมไว้แล้วลากกลับไปยังโต๊ะที่ปลึกตัวจากมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

บรรยากาศชื่นมื่นยังไม่จางหาย ก็ดีแล้วแหล่ะครับ คนเรามันจะเสพสมกับความสุขได้สักกี่นาทีต่อวันเชียว เมื่อเจอโอกาสก็ต้องตักตวงเอาไว้

บนเวทีเตี้ย ที่มีนักดนตรีรับเชิญที่บรรเลงดนตรีกันแบบมืออาชีพ มีนักร้องสมัครเล่นคือพี่นำ และพี่หนึ่งครับ ผมยังไม่ทันได้นึกออกว่าพวกเขาร้องเพลงอะไร คนบนเวทีก็ส่งเสียงเรียกดึงสติ

“โป๊ะ เร็วดิ”
“โชว์นี้คุณรีเควสไม่ใช่รึไง อย่ามาตีเนียน เร็วๆ”
“ร้องให้จบๆ แล้วก็เข้าครัวทำอะไรมาให้กินหน่อย” พี่หนึ่งล้วนๆ ครับที่ออกคำสั่ง ส่วนพี่นำ กำลังก้มดูไอแพดที่แผ่วางบนแท่นวางโน้ตอย่างเอาเป็นเอาตาย

คนที่ผมเดาเอาว่าเดินตามผมมา เดินผ่านเลยผมไปเพื่อขึ้นไปนั่งอวดขายาวๆ แข่งกับเพื่อนเขาบนเวที พอนั่งเรียงกัน 3 คนแบบนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบพวกเขาทั้ง  3 คน

เท่สุดพี่โป๊ะ ผมไม่ได้ลำเอียงนะครับ แต่เขาเท่จริงๆ
ดิบสุดก็พี่โป๊ะ
กวนตีนสุดก็พี่โป๊ะ
นักเลงสุดก็พี่โป๊ะ

แต่หล่อสุดคือพี่หนึ่ง
ดูดี ดูแพงสุดก็คือพี่หนึ่งอีก
ดูอบอุ่นสุดก็พี่หนึ่งอยู่ดี

ดูน่าเชื่อถือสุดคือพี่นำ
ทำให้เชื่อและทำตามทุกอย่างที่พูดก็พี่นำ
ดูพึ่งพาได้มากที่สุดก็พี่นำ
กระทั่งดูดุสุดก็พี่นำ

และคนที่ดึงสายตาผมไว้นานที่สุดใน 1-2 นาทีที่ผมจมกับความคิดตัวเองอยู่นี้ ผมมอบสายตาให้เขาไปแล้ว 80%

“เพลงของคุณนะ”  นายมือโปรกระซิบกับไมโครโฟนตรงหน้า และเงยหน้ามาอีกครั้งพร้อมกับคำร้องจากปาก

หากันจนเจอ (https://www.youtube.com/watch?v=umfp2IqlMZ8)

สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป
มองหาคนๆหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร และไม่รู้เมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น

ส่วนชีวิตฉัน บอกเลยว่ามี เจอะคนที่แสนดี อยู่ทุกๆวัน
เพียงแค่ไม่มีใคร ที่จะฝันตรงกัน แต่ว่าฉันมั่นใจ จะพบในไม่ช้า

อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไป ที่ฉันจะพบเธอ

อาจมีสักครั้งที่เราสองคน ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ๆกัน
ใบไม้เพียงใบหนึ่ง หล่นตอนที่เดินผ่าน ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา

อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไป ที่ฉันจะพบเธอ



ผมนั่งฟังเสียงร้องพวกเขาอยู่เงียบๆ ไม่ได้คุยกับเจมและน้องธาม ไม่ได้โยกตัวตามจังหวะ ไม่ได้อมยิ้มจนแก้มกอดตัวกันเป็นรอยบุ๋ม และไม่ได้เป่าปากให้กำลังใจคนร้องเพลงที่เพิ่งจบลงไป

ผมแค่ฟังความคิด ความรู้สึกของเขา ตามที่เขาขอไว้ ว่าให้เชื่อ
แต่ความรักไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ ที่แค่เชื่อตามที่ครูสอน เราก็จะได้ผลลัพท์หรือคำตอบที่ถูกต้องตามทฤษฎี เหมือนที่คนอื่นเขาได้รับ

ความรัก ไม่ใกล้เคียงตรรกะใดๆ ทั้งนั้น

ความรักก็คือความรัก... ก็แค่ความรัก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 12-07-2017 00:59:45
“คุณมือโปรครับ เพลงที่เพิ่งจบไปเมื่อกี้ ดูคุณอินมากเลยนะครับ ต้องให้ผมชงมั้ยว่าร้องให้ใคร”

“แฟนผมฉลาด ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมรู้สึกมาก...ขนาดไหน” นายมือโปรตอบพิธีกรกะทันหันอย่างพี่หนึ่ง เขาโยนสายตาจริงจังข้ามหัวทุกคนมาตกใส่กะบาลผม ที่ก็หันหนีทันทีที่ได้รับแววตานั้น

“โอเคครับ คนฉลาดคนนั้นน่าจะรู้แล้วว่าต้องร้องเพลงเป็นลำดับถัดไป” ถ้าคิดว่าพี่หนึ่งแม่งก็กวนตีนพอๆ กับพี่โป๊ะนี่ผมจะหยาบคยเกินไปมั้ยครับ?

และที่กวนตีนกว่าพี่หนึ่ง ก็แฟนพี่หนึ่งนี่แหละครับ

“วิน...ในร้านนี้ไม่มึใครโง่เป็นแฟนพี่โป๊ะแล้ว มีวินคนเดียวอ่ะ ลุกไปร้องเพลงดิ”

“รู้แล้วน่า” ผมตอบแล้วก็ลุกขึ้น เดิน หลบตาพี่โป๊ะ บอกชื่อเพลงที่จะร้อง นั่งบนเก้าอี้สูง ที่ไอ้พี่โป๊ะ พี่หนึ่ง และพี่นำ นั่งแล้วยังสามารถอวดขายาวได้ แต่ผมกลับรู้สึกถึงความสูงระดับพอดีกับช่วงขาที่ตึงทันที ทุกอิริยาบถของผม มีพื้นฐานจากอารมณ์นอยด์ทั้งนั้นแหละครับ คนไม่สังเกตผู้คนอย่างพี่จิวยังสัมผัสได้

“วิน ดูงอแงว่ะ เป็นไร”

“เปล่าครับ”

“ตอบงี้เป็นชัวร์” ไอ้สาระแนโอมกระซิบตอบพี่จิวผ่านไมโครโฟน ขอบคุณมากเพื่อนสำหรับความเป็นส่วนตัวที่มึงมอบให้

“เอาเพลงนี้จริงหรอ?”

“เล่นแบ็คไม่ได้อ่ะดิมึงอ่ะ” ผมลามปามไปดูถูกความสามารถเพื่อนด้วยครับ เลยโดนมาเขกหัวเอา แล้วทั้งร้านก็ได้ยืนเสียง “เฮ้ย หมาโอม กูแช่งให้จู๋หดไอ้ห่า” ในระดับที่ดังมาก เพราะคนตะโกนอยู่เกือบครัวแล้วครับ

ผมเป้ปากใส่กิริยาหึงหวงไม่เข้าท่า และก็ต้องรีบวางสีหน้าปกติ เพราะรู้สึกขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าข้อหาไม่พ้นตัว

“เออ เพลงที่บอกก่อน อีกเพลงค่อยร้องทีหลัง ถ้ากูมีอารมณ์ร้องนะ” ผมบอกความมากเรื่องของตัวเอง แล้วก็รออินโทร ซึ่งก็ช้าสมใจคนบ้าอย่างไอ้โอมแหละครับ


เธอแปลคำว่ารักของเราต่างกัน (https://www.youtube.com/watch?v=WpiQjE6Szak)

คงเป็นเพราะฉันฝันถึงเธอเมื่อคืน พอตื่นมาก็ยังนั่งนึกถึงเธอ เธอที่เคยรัก เธอที่จากไป
มันทำให้ฉันยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา นึกถึงสัญญาที่ทำไม่ได้ จะอยู่ด้วยกัน จนวันสุดท้าย

เธอแปลคำว่ารักไม่ตรงกับฉัน แค่เรามองรักด้วยสายตาต่างกัน
ฉันรู้เพียงแค่เธอคือโลกของฉัน ขาดเธอเหมือนขาดใจ
แต่ไม่รู้ใจคนอย่างเธอ

ก็คงไม่มีใครผิดหรือถูก สิ่งที่ล่วงเลยก็เปลี่ยนไม่ได้ ได้แค่นึกถึง ได้แค่เสียดาย

เธอแปลคำว่ารักไม่ตรงกับฉัน แค่เรามองรักด้วยสายตาต่างกัน
รักคำเดียวไม่พอให้อยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้าย
ทำไมคำว่ารักของเราถึงต่างกัน ทำไมเธอและฉันไปกันไม่ได้
ฉันรู้เพียงแค่เธอคือโลกของฉัน ขาดเธอเหมือนขาดใจ
แต่ไม่รู้ใจคนอย่างเธอ (คำว่ารักเราช่างต่างกัน)

ความรักแรกรักก็สวยงามดั่งเพลงรักที่ซึ้งในนิยาม
เวลาที่หมุมที่ผ่านไปทั้งเธอกับฉัน คิดคนละอย่าง ไม่เหมือนเดิม

เธอแปลคำว่ารักไม่ตรงกับฉัน แค่เรามองรักด้วยสายตาต่างกัน
รักคำเดียวไม่พอให้อยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้าย
ทำไมคำว่ารักของเราถึงต่างกัน ทำไมเธอและฉันไปกันไม่ได้
ฉันรู้เพียงแค่เธอคือโลกของฉัน ขาดเธอเหมือนขาดใจ
แต่ไม่รู้ใจคนอย่างเธอ (คำว่ารักเราช่างต่างกัน)



ผมไม่ได้ร้องเพลงนี้เพราะอยากตั้งคำถาม แต่ผมร้องเพื่อบอกความคิด
เนื้อเพลงทั้งหมดที่ยังต้องจ้องไอแพดบ่อยๆ ไม่ได้สาธยายผม 100%  และไม่ได้สะท้อนเขา 100% เหมือนกัน
ผมอยากบอกเขาว่า คำว่ารักของผมกับเขา มันไม่ได้เหมือนกันราวกับโลกและเงาของตัวเอง

หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“ขอบคุณครับ” ผมตอบรับเสียงปรบมือ คนฟังกลุ่มน้อยๆ นี้หันมองกันเองก็มี หันมองหาคนที่ยืนกอดอกฟังอยู่หน้าครัวก็เยอะ ผมก็มองเขาเหมือนกัน

“เมื่อกี้ แค่ลองของครับ อยากรู้ฝีมือนักดนตรี แต่ก็รู้แล้วว่าเก่งครับ”
“ที่ตั้งใจเลือกมา คือเพลงต่อไปครับ”  ผมบอกกับทุกคนแล้วก็ทิ้งสายตาสุดท้ายไว้ที่นายมือโปร

ไม่คิด (https://www.youtube.com/watch?v=7KwHlboc46M)

ก็ไม่คิดก็ไม่เคยจะฝัน ว่าจะได้เจอเธอคนนั้น
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉัน เหมือนเรื่องราวอย่างในนั้น

ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน
ก็ไม่รู้จะเป็นไงต่อไป ก็ไม่รู้จะจบลงแบบไหน

แต่เราสองนั้นก็ได้มาพบ และเจอกัน
เธอกับฉัน เหมือนว่าฟ้านั้นขีดมาให้พบเจอ
และตัวฉัน นั้นก็ยังถามตัวเองอยู่เสมอ
ว่าเธอคนนี้ จะใช่คนนั้นหรือเปล่า

ก็ไม่คิดว่าจะรักคนนี้ ก็ไม่คิดว่าจะรักกับคนแบบนี้
ไม่ใช่แบบที่คิดเลย
ก็ไม่ใช่คนที่เคยฝันเอาไว้ ก็ไม่ใช่คนที่ใจอยากยอมรับ ว่าใช่
แต่รู้ตัวเองอีกทีก็รักเธอ

ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน
ก็ไม่รู้จะเป็นไงต่อไป ก็ไม่รู้จะจบลงแบบไหน

แต่เราสองนั้นก็ได้มาพบ และเจอกัน
เธอกับฉัน เหมือนว่าฟ้านั้นขีดมาให้พบเจอ
และตัวฉัน นั้นก็ยังถามตัวเองอยู่เสมอ
ว่าเธอคนนี้ จะใช่คนนั้นหรือเปล่า

ก็ไม่คิดว่าจะรักคนนี้ ก็ไม่คิดว่าจะรักกับคนแบบนี้
ไม่ใช่แบบที่คิดเลย
ก็ไม่ใช่คนที่เคยฝันเอาไว้ ก็ไม่ใช่คนที่ใจอยากยอมรับ ว่าใช่
แต่รู้ตัวเองอีกทีก็รักเธอ

สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะน้องธามวิ่งติดสปีดขึ้นมาบนเวที คว้าไมค์ไว้ เอาปากจ่อ แล้วก็บอกจุดประสงค์ของตัวเองว่า “ธามแร็พสินะ”

ก็เหมือนกับเส้นผมเล็กจะบัง...เหา
สิ่งที่สำคัญจริง ๆ อาจจะอยู่ข้าง ๆ เมา
ฉันกับเธอ....อั่นแสงกับเมา
ที่อยู่ข้าง ๆ กัน แต่......จะเอา
ก็ไม่เคย คิด คิด คิด ว่าเราจะได้กัน
ก็ไม่เคย วัง วัง วัง ว่าเว้าจะ ข้างฟัน
ก็ไม่เคย ฟัน ฟัน ฟัน ว่าเธอจะเตียง ทุกวัน
เราอาจจะเริ่มต้นไร แต่ก็จบรักกัน


มันแร๊พอะไรวะเนี่ย ?!?
ผมหันไปมองหน้าไอ้โอมกับพี่จิวเหลอหลา ซึ่งก็เหมือนกับส่องกระจกนั่นแหละครับ ผีหลอกหน่อยตรงที่เงาที่สะท้อนสีหน้าผมระเบิดเสียงหัวเราะทั้งที่มือยังประคองเครื่องดนตรีอยู่ ผมก็เลยหันกลับมาร้องให้จบ เพื่อให้ความตั้งใจของผมจบลงด้วยดี

ก็ไม่คิดว่าจะรักคนนี้ ก็ไม่คิดว่าจะรักกับคนแบบนี้
ไม่ใช่แบบที่คิดเลย
ก็ไม่ใช่คนที่เคยฝันเอาไว้ ก็ไม่ใช่คนที่ใจอยากยอมรับ ว่าใช่
แต่รู้ตัวเองอีกทีก็รักเธอ

ความคิดแรกหลังจากร้องเพลงนี้จบคือ ใครก็ได้ เอาวุ้นแปลภาษาให้ผมแดกที!
ความคิดถัดมา คือความรู้สึกขอบคุณน้องธาม ที่ทำให้ความรู้สึกรักของผม สร้างความบันเทิงให้กับคนอื่นได้ขนาดนี้

นี่ไม่ได้ประชดเลยนะครับ เพราะถ้าร้องคนเดียว แล้วร้องจบแล้วทุกคนเอาแต่จ้องผม หรือแซวไปถึงพี่โป๊ะ ผมก็วางสีหน้าไม่ถูก

“น่ารักไปเลยอ่ะวิน กะสอยรางวัลจริงๆ ใช่ป่ะเนี่ย”

“อื้อ” ผมตอบเจมที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม  ส่วนธามที่อารมณ์ดีนั่งลงข้างๆ ผม แต่มีหมอนำเขาเดินมาตบรางวัลด้วยการหอมเบาๆ ที่แก้มทิศตะวันออกเฉียงใต้ เฉียดปากไปนิดเดียวครับ

“ซ้อมนานป่ะ?” เจมถามขึ้นระหว่างผมดื่มน้ำเปล่า พอได้ตื่นเต้นจนเหงื่อออกและหัวใจเต้นรัว  ความขุ่นในอารมณ์ก็เริ่มหายไปบ้าง

“ไม่นานหรอก แต่ธามอ่ะนานเลย บอกว่าจำไม่ได้”

“อ่อ ธามก็จำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ภาษาไทยมันยาก เนอะธาม”

“ใช่สิ” ลูกหมาภาษาฝืดยอมรับแต่โดยดีครับ ผมหัวเราะเพราะอารมณ์ดีขึ้นมามากโข และก็เลยเถิดไปถึงการดื่มแอลกอฮอลล์ไปอีกหลายแก้ว มากขนาน มือชงก็คือเจมครับ ส่วนมือยัดเยียดคือหมาธาม ซึ่งวัดจากสายตาผมที่เริ่มมัวๆ แล้ว ธามเมาแล้วโคตรคึก คึกจนพี่นำก็กำราบไม่ลง

“ไอ้ยุ่ง” จู่ๆ ก็มีเสียงดังบนหัว ผมเลยต้องแหงนหน้ามอง
“กินนี่ไปด้วย”

“อะไร” ผมว่าผมถามเคลียร์แล้วนะ ทำไมพี่โป๊ะทำหน้าประหลาดๆ
เขาวางข้าวต้มกุ้ง (น่าจะใช่แหละครับ ผมก็มองไม่ชัดเท่าไหร่) ตรงหน้าผม แล้วก็ดึงแก้วเบียร์ออกจากมือ

“กิน ข้าว ต้ม”
“เร็วๆ เลยวิน คำสองคำก็ได้”

“ไม่ ปนกันก็อ้วกพอดี วินกินได้ เอาแก้วมา”

“ไอ้ยุ่ง เชื่อพี่หน่อยจะตายรึไง”
“นี่เมาตาเยิ้มขนาดนี้ยังกล้าขอเหล้าอีกหรอ ที่บ้านสกัดเหล้าขายหรอ?”

“เปล่า แต่แฟนมีเหล้าให้กินฟรี ทำไม ทำไม?”

ผลลัพท์คือการถูกผลักหัว แต่ก็เบามากครับ
เจมกับน้องธามเห็นผมถูกทำร้ายก็เข้ามารุมผลักไสพี่โป๊ะให้ออกไปห่างๆ แล้วพวกผมก็สุมหัวกันอยู่ 3 คน ผมรู้ตัวว่าผมเริ่มเมามากแล้ว แต่ก็ยังก็ยังพูดไหว หัวเราะได้ อารมณ์ดีสุดๆ เลยด้วยครับ ส่วนเจมกับธามเมามากหรือน้อยกว่าผม อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ

เสียงเพลงยังขับกล่อมเราไม่ขาด ยิ่งดึกดื่นควรนอนก็ยิ่งคึกคัก สนุกสนานกันไปทั้งร้าน ผมไม่ได้รู้จักพวกเขาทุกคน แต่ดูเหมือนเขาจะรู้จักผมกันหมดแล้วในฐานะแฟนเฮียโป๊ะ ก็เลยมีคนมาชนแก้วอยู่เป็นระยะ และคนที่ดื่มกับพวกเขาจริงๆ ก็คือพี่โป๊ะครับ ไม่ใช่ผมหรอก

ผมหมอบแล้ว
หมอบคาโต๊ะ คาตัวพี่โป๊ะเลยครับ เรียกว่าส่วนไหนพิงเขาได้ก็พิงไว้ ผมไม่ได้รักไม่ได้หวงอะไรเขามากมายหรอก แต่โลกมันเอียงนะครับ ใครๆ ก็รู้เนอะ

“ไปนอนมั้ย พี่แบกไป”

“โอ้ยยย แฟนนี่นา”
“ไม่ๆ วินดีอยู่”

“หนักนะเราเนี่ย”

“ไม่ๆ วินแค่ห้าสิบสอง”

“พี่หมายถึงเมาหนัก”

“ไม่ๆ แฟนกัน ไม่แบกก็ดี”
“ไปเอง แมนๆ”
“โอม! กูกลับก่อนนะ”

เอาเป็นว่า ผมรู้ว่าผมจะพูดจะสื่อสารอะไร แต่ที่ออกจากปากไปน่าจะทำให้คนฟังปวดหัว พี่โป๊ะหัวเราะใส่หน้าแล้วก็ลูบแก้มเบาๆ ผมได้ยินเขาบอกผม ได้ยินชัดเลยด้วย

“เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”  อืม ผมก็สบายใจท่านี้แหละ


“พี่โป๊ะ”

“หือ?”

“นี่ใคร”
“นี่แฟนไง”
“นี่ใคร”
“นี่ของวิน”
“ของวิน ห้าม”
“ห้าม”

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ หรือต่อให้พูด ก็คงเบามากเพราะผมไม่ได้ยินอะไรเลย
นายมือโปรปัดมือผมที่กำลังชก (อย่างน้อยผมก็เข้าใจว่าไอ้ที่ทำอยู่คือการชก) เขาอย่างเอาเป็นเอาตายออก ดูเหมือนเขาจะไม่เจ็บเลยสักนิด เฮอะ หมั่นไส้ว่ะ

“ไปนอน ไม่ต้องกงต้องกินแล้ว เหล้าเนี่ย”
“เมาแล้วก็ดราม่า” อันนี้ได้ยินครับ เต็ม2 รูหูเลย เพราะเข้าพูดอยู่ข้างแก้ม

รู้ตัวอีกที ผมก็ถูกจับขึ้นคร่อมหลังเขาเอาไว้ แล้วเขาก็แบกผมไปจริงๆอย่างที่พูด
ตอนแรกคิดว่าจะพากลับห้องชั้นใต้ดิน แต่นายมือโปรมุ่งหน้าออกจากผับ ทิ้งเพื่อนทั้งฝูงไว้กับความสนุกสนานตามประสางานเลี้ยงที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนวัตถุประสงค์ไป

“พี่โป๊ะ ไม่ได้ ทำงี้ไม่ได้”

“ทำไปแล้ว ไม่สนแล้วโว้ย”
“นิ่งๆ วิน มุดหัว ก้มดิ โก้มมมมมมม” แม่งจะทำเสียงย้วยทำไม ผมไม่ได้โง่นะ ผมรู้ว่าก้มทำยังไง แต่ทำไมหัวแม่งยังชนขอบประตูรถอีกวะเนี่ย

“พี่โป๊ะ!”
“รางวัลล่ะ ให้ใครล่ะ ยังไม่ได้บอกเลย”

“ไอ้ยุ่ง นี่รู้ป่ะว่ารางวัลคือไร จะเอาจะเอาอยู่เนี่ย”

“เงินไง บอกเป็นแสนอ่ะ หรือเป็นล้าน”
“พี่โป๊ะบอกใหญ่ไง” ผมว่าผมพูดไม่ยาน แต่หูผมน่าจะเพี้ยน เพราะผมฟังที่ตัวเองพูดไม่ค่อยรู้เรื่องนัก

“เออ ใหญ่มาก”

“อะไรล่ะ?”

“ความรักจากพี่ไง ใหญ่โคตร”
“ก้มเร็ววิน อย่าชนอีกนะ สงสารรถ”

“หัววิน!!”

“อ่ะ งั้นชนให้พอใจ เอาที่สบายใจเลยไอ้ยุ่ง”

“...........” เอาจริงหรอวะ? ตรงนี้ทำไมมืดๆ มองอะไรไม่ถนัดเลย เออๆ ไปกับแม่งก็ได้วะ แต่ผมไม่ลืมง่ายๆ หรอกนะ ว่าทำอะไรให้ผมขุ่นไว้ .... อืม แล้วเขาทำอะไรไว้วะ? อะไรว้า?

เออ ทำไมถึงลืมเล่าไอ้วิน!!!


#### @ D A W N  #####


ผม...ไม่กล้าพูดหรอกครับว่าจำได้ทุกอย่าง
ผมกระดากปาก กระดากใจจนพูดไม่ออกว่าจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ทั้งหมด
เอาจริงๆ เลยนะ ผมจำได้แค่บางช่วง
จำได้ว่านอยด์เขา หนีออกจากห้องมาก็ฟังเขาร้องเพลง ความหมายมันโคตรดี แต่ตอนนั้นไม่ซึ้งเท่าไหร่ คนมันนอยด์นี่ครับ
ผมร้องเพลงที่เตรียมมา คิดว่าทำได้ดีนะ น่าจะได้รางวัล จะเล็กจะใหญ่ก็ช่างมัน ขอให้ได้สักอันเถอะ
จากนั้นก็อาบเหล้าอย่างสนุกสนาน
แค่นี้แหละครับที่พอจะจำได้

เช้านี้...ผมตื่นขึ้นมาสบตากับพระอาทิตย์เหมือนเคย แสงสว่างอ่อนตาทำให้ผมสดชื่นขึ้นได้ตามปกติ แต่ที่ไม่ค่อยปกติก็คือ ผมนอนแก้ผ้า

อืม...ทำไมผมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนนอนวะ?
นี่ผมอาบน้ำรึเปล่า?
บางที ผมควรจะเริ่มต้นแบบนางเอกในนิยาย คือการเมคชัวร์ว่า ที่นี่ที่ไหน?

ผมมองเพดานพลางม้วนตัวนอนหงายแล้วตะแคงมาอีกฝั่ง เตียงใหญ่โตขนาด 6 ฟุตนี้ ตั้งอยู่ในห้องนอนบนอาคารสูง วัดจากวิวที่เห็นแสงพระอาทิตย์เมื่อครู่ ผมสรุปได้ว่า ผมอยู่ที่คอนโดนายมือโปรครับ

พอระลึกรู้ว่านี่คือที่ไหน ผมก็ลุกขึ้น พุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินแล้วคว้ากางเกงนอนและเสื้อยืดพี่โป๊ะมาสวมใส่ จากนั้นก็ออกจากห้องนอน เพื่อมายืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องนั่งเล่น

“พี่โป๊ะ”

“ในครัว”
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน42 (13-06-17) ​p.23
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 12-07-2017 01:01:03
อ่อ ก็นึกว่าคิดไปเองว่าอยู่คอนโดเขา ผมเดินเข้าครัวไปเจอกับพ่อครัวที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ เขาไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อน แต่มือสวมถุงมือกันความร้อนอยู่ ดูเหมือนกำลังจะไปหยิบยกอะไรสักอย่าง

“ตื่นแล้วครับ”

“เห็นแล้วครับ”
“หาเสื้อผ้าใส่ก่อนออกมาหาพี่ได้ แสดงว่าไม่เมาค้างเนอะ”

“ครับ”

“แน่นะ”

“แน่” ผมรับคำ พยักหน้าประกอบ นายมือโปรเลยเดินไปที่ไมโครเวฟ เพื่อเฉลยมื้อเช้าของเราสอง

“ไข่ตุ๋นร้อนๆ นะ”

“ครับ”

“มีซุปไก่มันฝรั่ง พี่ตำพริกใส่ลงไปด้วย จะได้ไม่เลี่ยน”

“พี่โป๊ะ....ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“ยังไม่ได้นอนเลย”
“วุ่นวายกับวินอยู่”

“วินทำอะไร?” ผมถามตรงๆ เดินมาลากเก้าอี้เพื่อนั่งลงรอคำตอบ

“เยอะ” เขาบอกเท่านี้ แล้วก็จัดชุดอาหารเช้าให้กับผม ซึ่งเพิ่งรู้สึกตัวว่าโคตรหิว

ออกจากห้องน้ำหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเพื่อกินมื้อเช้า ผมก็ไม่เจอพ่อครัวแล้วครับ ก็เลยเดินไปหาในห้องนอน ถึงได้เห็นว่าเขาจัดหมอน ปูผ้าคลุมเตียงให้เข้าที่ ผมก็เลยไปช่วยดึงผ้าคลุมที่อีกมุมหนึ่ง

“พี่โป๊ะ”
“วินทำอะไรหรอครับ เมื่อคืน”
“วินไปตีใครเข้ารึเปล่า”

“เรานี่นะ...ไม่รู้ตัวเองเลยหรอว่าเมาแล้วจะเป็นยังไง”

“ก็....” ผมทบทวนระหว่างลูบผ้าคลุมเรียบลายสีขาวมุก
“เท่าที่ไอ้โอมเล่า วินก็ไม่เคยทำร้ายใครนะ อาจงี่เง่าปากเสียบ้าง ดื้อก็นิดหน่อย แต่วินไม่มึแรงชกใครกรามหักหรอก”

“วินเมาแล้วดราม่า”
“ดราม่าแบบ...แบบที่ตอนไม่เมาก็ว่าพูดรู้เรื่องกันแล้ว พอเมาปุ๊บก็เอาไปดราม่า

“อ่อ”
“พี่โป๊ะ คิดว่าวินดราม่าเรื่องลูกแพร์ เพราะวินเมาหรอ?”

“ก็แล้วไม่ใช่หรอ? มันมีเรื่องอะไรให้วินต้องหยิบเรื่องนั้นมาคิดอีก ถ้าไม่เมา
“คราวก่อนก็เมา แล้วก็ดราม่าใส่พี่เรื่องนี้”
“พี่ต้องทำยังไง ต้องทำอีกแค่ไหน วินถึงเชื่อใจพี่ หือ?”

ผมตอบได้มั้ยว่าไม่รู้
หรือจะตอบแบบเอาแต่ได้ไว้ก่อน ก็ต้องตอบว่า ตลอดไป
แล้วเหตุผลที่จะทำให้เขาทำตามที่คำตอบผมให้ได้ มันต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันล่ะ?
เพราะรักผม เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ผมพอใจหรอ? ไม่หรอก เขารักผมได้ตราบเท่าที่ต้องการจะรัก แม้จะทำให้ผมพอใจไม่ได้ทุกแง่ทุกมุม มันก็สิทธิของเขาในการรักผม

ส่วนสิทธิของผม ก็คือรักเขาได้ตามใจตัวเอง
แต่เราจะรักกันได้อีกกี่วัน กี่รอบพระอาทิตย์ขึ้นลง ใครได้สิทธิในการกำหนดคำตอบกันล่ะ?
ผม?
ก็คงจะเป็นผม เพราะเขาทำทุกอย่างเพื่อให้ผมเชื่อมั่นว่าเขาจะรักผมเหมือนกับกลางคืนรอต้อนพระอาทิตย์พักผ่อน
และเขาอยากให้ผมรักเขาเหมือนท้องฟ้ารุ่งสางอ้าแขนรับพระอาทิตย์

“วินไม่ได้เมาแล้วดราม่า แต่วินไม่กล้าเชื่อว่าพี่โป๊ะลืมผู้หญิงคนนั้นได้หมดใจจริงๆ”
“พี่ยังคิดถึงเขาตลอดเวลา คิดถึงในกรอบความห่วงเพื่อน ในกรอบคนในความทรงจำ ในกรอบประสบการณ์รักตอนวัยรุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่”
“วินรู้สึกได้ว่า พี่ไม่เคยคิดจะลืม ไม่เคยลืม เหมือนเรื่องมันฝังอยู่บนผิวพี่ ในสมองพี่ เป็นส่วนหนึ่งของการกระพริบตาของพี่ เหม่อลอย เงียบ หรือแม้แต่ฟังเพลงแล้วฮัมตาม วินก็รู้สึกได้ว่า มันเป็นเพราะเขา”​

“วิน....มันไม่ใช่เลย วินคิดไปถึงไหนครับ”

“วินรู้ว่าวินคิดมาก วินไม่ได้ระแวงกลัวพี่ไม่รักวิน หรือรักน้อยลง แต่วินใจแคบ วินไม่แบ่งคนของวินให้ใคร แม้แต่เสี้ยวความรู้สึกก็ห้ามเจียดให้ใครทั้งนั้น”
“วินเป็นแบบนี้ พี่รักวินตลอดไปได้แน่หรอครับ”
“พี่โป๊ะลองคิดดูดีๆ ก่อนนะ เพราะคำพูดมันจะบีบรัดตัวพี่โป๊ะถ้าหากว่าทำไม่ได้ตามที่พูด”

“ได้สิ พี่จะรักวินคนเดียว รักที่สุด รักตลอดไป”

“.............” ผมมองเขาอยู่ที่มุมเตียง ส่วนเขายืนมองผมอยู่ที่หัวเตียง เราจ้องกันอย่างเงียบเชียบ คล้ายกับเราว่ากำลังเล่นเกมจับผิดกันอยู่ ใครหลบตาถือว่าแพ้

และคนที่แพ้ ก็คือผม
ครับ ผมหลบตา เพราะน้ำตาเอ่อขึ้น มาจนได้
ผมเชื่อเขาได้ใช่มั้ย นายมือโปรคนนี้ พี่โป๊ะคนนี้ อาจารย์วารินทร์คนนี้ ผมเชื่อหัวใจเขาได้ใช่รึเปล่า ผมวางความไว้ใจไว้บนความรู้สึกเขาได้ใช่มั้ย
ผมจะไม่ต้องเผชิญความรู้สึกผิดหวังใช่มั้ย
ผมกลัว....

“วินเชื่อพี่โป๊ะได้ใช่มั้ย”

“ที่สุด”

ผมเดินเตาะแตะไปหาเขาที่อ้าแขนรอ พอมือถึงกันแล้วผมก็ถูกกอดจมอก ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นตึงตัง เขาเองก็น่าจะได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นเหมือนกัน หรือถ้าหัวใจผมมันห่างหูเขานัก อกเขาก็น่าจะรับรู้ถึงความรุนแรงในอกผมได้

“ไอ้ยุ่งเอ้ย”
“พี่เป็นของวินไง พี่ต่างหากที่ต้องกลัววินทิ้งพี่ ติสๆ แบบนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้อีกต่างหาก”
“โพรไฟล์วินก็ดีเวอร์ แม่วินก็ยังคงหาคนที่ดีสำหรับวินให้วินอยู่ตลอด ป้าวินก็ตรวจสอบพี่ตลอด พ่อพี่เองยังจับตาดูพี่ว่าจะเดินจูงมือวินไปได้สักกี่น้ำ เพื่อนพี่เองยังด่าอยู่บ่อยๆ ว่าไม่น่าไปดึงวินลงมา”
“ไม่มีใครเชื่อมั่นใจตัวพี่เลย พี่ก็ยังไม่สนใจ ไม่เอามาบั่นทอนตัวเอง”
“พี่สนแค่วินเท่านั้น คนเดียว”

“.........”

“ถ้าวินรอพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน พี่ก็จะไปอยู่ในสายตาวินทุกวัน”
“มองตรงไหนก็ต้องเจอพี่ ต้องการอะไรก็แค่บอกพี่ รู้สึกกลัวก็บอกพี่ เจออันตรายก็บอกพี่”
“พี่จะเป็นให้วินทุกอย่าง ทั้งหมดของพี่ ตัวพี่ ใจพี่ เวลาพี่ ความคิดพี่ เพื่อวินคนเดียว”

“........”

เมื่อผมเงียบ เขาก็ปิดท้ายประโยคสารภาพความรู้สึกท่วมท้นของเขาไว้ที่หน้าผากผม เรายืนกอดกัน หอมกัน จูบเบาๆ  และก็กอดกันแน่นกว่าเดิม จนท้องผมทนไม่ไหวส่งเสียงร้องออกมา มื้อเช้าที่หน้าตาดูดีถึงได้รับความสนใจอีกครั้ง


#### @ D A W N  #####


ไปทำบุญกันนะ
อย่าว่าแต่ใครจะประหลาดใจที่พี่โป๊ะชวนเข้าวัดไปทำบุญเลยครับ ผมก็นั่งระแวงอยู่ว่าเขาหลอกพาผมไปไหนรึเปล่า?
แต่จุดหมายของเขาก็คือวัดจริงๆ
ผมไม่รู้สึกแปลกสถานที่ เพราะวัดนี้คือวันที่ผมกับรินนาเจอกันในวาระสุดท้าย เราแยกกันที่นี่ จากกันในนี้
และผมก็ได้เจอนายมือโปรที่นี่เป็นครั้งแรก

“นัยยะคืออะไรหรอครับ บอกเลยได้มั้ย วินขี้เกียจเดา”

“ลากันให้เห็นเลยไง”
“จะได้ไม่สงสัยอะไรในความรู้สึกพี่อีก ร้อนใจวินเปล่าๆ”

“แค่นี้?”

“ว่าจะมาผูกดวงเราไว้ด้วยกัน เอาแบบไตเดียวกันสิบชาติเลยดีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก ชาติเดียวก็เกินพอ” ผมบอกแกมประชดแล้วพยักหน้า ส่งสายตาให้เขาเดินนำทางไปเสียที

จริงๆ แล้ว เขาก็แค่พามาไหว้พระเท่านั้นแหละครับ เพราะผมยืนยันหนักแน่นว่าเชื่อแล้ว ไม่ต้องลากผมไปคุยกับเถ้ากระดูกหรอก ผมก็กลัวด้วยอะไรด้วยไง

นั่งกันเงียบๆ บนศาลาหน้าน้ำพอให้จิตใจได้รู้สึกสงบลง หยุดฟุ้งซ่านสัก 10-20  นาที  เขาก็พาผมกลับบ้าน แน่นอนว่าคือบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีกลิ่นน้ำกร่อยเคลือบแผ่นไม้กระดานปรุแทบทุกแผ่น

เขาจอดรถเสร็จก็เข้าบ้านไปเร่เปิดหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามา แม้จะหอบเอาอากาศร้อนๆ ของยามบ่ายมากระทบผิวบ้าง แต่ผมก็รับได้ และรู้สึกดีที่ได้อังผิวแก้มกับความร้อนผะแผ่วแบบนี้

“เย็นนี้กินอะไร?”

“ไม่รู้สิ พี่โป๊ะล่ะ”

“เดี๋ยวพี่ทำอะไรง่ายๆ ให้กิน แต่เราต้องซื้อของที่ตลาด”

“ไปแมคโครหรอ ทำไมพี่ไม่แวะตั้งแต่เมื่อกี้”

“ไม่ต้องแมคโคร ร้านโชว์ห่วยปากซอยก็น่าจะมีอะไรให้ซื้อมาผัดๆ ต้มๆ กินนะ”
“ไปมั้ย”

“เอาดิ”

ผมไม่คิดเลยว่าการเดินนำหน้าเขาจะทำให้โมโหได้หนักขนาดนี้ จริงๆ ก็จะไม่โมโหหรอกครับ แต่แม่งเดินเหยียบส้นรองเท้าผมตลอดทาง พอหันไปด่าก็หัวเราะใส่แล้วยื่นตีนมาให้เหยียบคืน พอผมเหยียบคืนไปแล้วเดินต่อ ไอ้บ้าพี่โป๊ะแม่งก็ทำเหมือนเดิม วนลูปกันอยู่แบบนี้อยู่ 3-4 รอบ ก็ถึงปากซอย มีร้านโชว์ห่วย แล้วก็ร้านขายผักพื้นๆ ร้านขายอาหารสำเร็จก็มี จริงๆ ซื้อแบบนี้ไปเลยก็ได้นะ

แต่นายมือโปรเป็นพวกชอบทำเองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอนนี้เราก็เลยเขามาในร้านสะดวกซื้อมากสาขา เพื่อเลือกซื้อน่องไก่และเนื้อหมูครับ

ผมเดินตามเขาต้อยๆ ดูเขาซื้อของเพื่อประกอบอาหารสำหรับยังชีพ เบ็ดเสร็จแล้วผมคิดว่าซื้ออาหารสำเร็จร้านแรกที่เจอน่าจะถูกกว่า นี่เขาควักแบงก์ 500 จ่าย ได้เงินทอนเป็นแบงก์สีแดงไม่กี่ใบ และแบงก์เขียวยุ่ยๆ ไม่กี่ใบ รวมกับเหรียญไล่ระดับ

“ไป กลับ หรือเอาขนมมั้ย”  อยากถามเหมือนกันว่าเห็นผมอายุเท่าไหร่ แต่กลัวคำตอบก็เลยมองเขาเงียบๆ ครับ พ่อบ้านเขาจ่ายตลาดเสร็จก็จูงมือผมข้างนึง หิ้วถุงสารพัดสีข้างนึง พากลับเข้าบ้านท้ายซอย ระหว่างทาง ผมผ่านร้านขนมหวานหาบเร่ที่เห็นอยู่บ่อยๆ ตอนนี้อาศัยนอนที่บ้านหลังนี้ คุณป้าแกส่งยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าตกใจนิดๆ คล้ายแกจะทักจะถามอะไร ผมก็เลยยิ้มให้บางๆ และเร่งฝีเท้าเดินนำพี่โป๊ะไป

สำรับข้าวเย็นเล็กๆ วางประดับบนโต๊ะม้าหิน
ตอนนี้ก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว แต่ด้วยฤดูกลางรร้อนกลางฝนแบบนี้ ทำให้แสงอาทิตย์ยังไม่ทอนความสว่าง เมื่อพระอาทิตย์ไม่รีบ เราก็ไม่รีบครับ พี่โป๊ะขอเวลาทอดไก่กระเทียมอีกเมนู ปากก็สั่งให้ผมตักข้าวรอไว้เลย ซึ่งผมก็ยืนเฉยๆ มันซะแบบนั้น เพราะตระเตรียมสำรับเสร็จหมดแล้ว รอแค่ไก่ฟ้าลีลาทอดกระเทียมอยู่อย่างเดียวเนี่ย

“มาแล้ว มาแล้ว หอมอ่ะ  โคตรอร่อยชัวร์” ผู้ชายตัวสูงถือจานไก่กระเทียมร่อนมาจากครัวยันหน้าบ้าน นายมือโปรยื่นจานมาให้คิวซีอย่างผมดมพิสูจน์ ผมก็ดมฟุดๆ แล้วก็ปักหลักนั่งรอกินเลยครับ

เลี้ยงง่ายมากเลยใช่มั้ย ผมเนี่ย

เราทานมือเย็นเย้ยแสงพระอาทิตย์ และเมื่อเราอิ่ม พระอาทิตย์ก็เข้านอนพอดีครับ เราช่วยกันเก็บจานชามเข้าครัว พี่โป๊ะเป็นคนล้างทั้งหมดทั้งที่เขาก็เป็นคนทำกับข้าวแล้ว

ผมเลี้ยงง่ายมากใช่มั้ยครับ?

ล้างจานชามเสร็จแล้ว นายมือโปรก็ชวนผมขึ้นห้องนอนครับ ผมก็ไม่ขัดขืนเพราะไม่เห็นประโยนชน์ใดจากการฝืนใจเขา เราพักพุงกันบนเตียงนอนใหญ่ที่ก็คุ้นเคยกันดี

ประตูเชื่อมไประเบียงถูกเปิดออกโดยนายมือโปร ผมไม่ทักท้วงอะไรเพราะอยากรู้ว่าจะทำอะไรอีก
แต่ครั้งนี้ก็ทักแล้วครับ เพราะเขามายุ่งกับกระดานวาดรูปของผม

“จะทำอะไรอ่ะพี่โป๊ะ”

“วาดรูปวินบ้าง”

“บ้า พี่ถนัดหรอ? มันไม่ใช่ใครๆ ก็วาดได้นะ เปื้อนหมด”

“งั้นวินวาด”
“เอา ... วาดท้องฟ้าตอนนี้” หึ งานหมูมาก แต่เอาสีดำปาดๆ เอง ผมหลุดหัวเราะ แต่ก็มานั่งเก้าอี้แล้วเปิดกระดาษขาวแผ่นใหม่ขึ้นมา
ผมวาดรูปท้องฟ้าไร้พระจันทร์ ดาวก็แทบมองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้มืดดำเสียทีเดียว ยอมรับว่าผสมสียากมาก แต่ตอนนี้ผมอารมณ์ดี ก็เลยลองผสมสีไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าพอใจ ก็เริ่มละเลงท้องฟ้า แสงไฟจากวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และไฟประดับตึกสูงที่พยายามระฟ้าทั้งหลายเท่าที่ตาผมจะมองเห็นและจับสังเกตได้

นายมือโปรนั่งทำงานอยู่บนเตียง เขาเปิดเพลงคลอเคลียอารมณ์ผม ชวนผมคุย แกล้งให้หัวเราะ หยอกให้โมโหแล้วก็ทำตัวไม่สมอายุเพื่อง้อผม  แค่นี้ผมก็มียิ้มกว้างมากแล้วครับ

ผมรักง่ายใช่มั้ยครับ?

เมื่อดึกเข้าเราก็นอน เตียงใหญ่ที่เคยนอนคนเดียวแล้วกอดความปลอดภัยและเหงาเอาไว้ ตอนนี้มีคนมาแชร์จนเบาะที่นอนเรียนรู้รูปร่างคนมานอนด้วยแล้ว ผ้าห่มนวมทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นในคืนที่อากาศข้างนอกอาจจะระอุหน่อย แต่ในห้องนอนเย็นมาก

นายมือโปรนอนตะแคงกอดผมเอาไว้ ส่วนผมก็นอนหงายปกติแต่ก่ายเขาเอาไว้ใกล้ตัว ก่อนจะหลับเพื่อต่างคนต่างฝัน เราร่ำลากันด้วยข้อความว่า...

“แล้วพบกันใหม่ครับ”


ความรัก. 


The End.



จบแล้วค่ะ บทสรุปของคนหนึ่งที่แสนกลัว อีกคนก็ช่างกล้า
หวังว่าเรื่องราวของพี่โป๊ะ และน้องวิน จะเป็นที่ชื่นใจของคนอ่านนะคะ หนึ่งคน สองคนก็ยังดีค่ะ
แรกเริ่ม หลายคนก็น่าจะรู้ว่าพี่โป๊ะไม่ใช่พระเอกเจตนาปั้นของเราเลย ออกแนวตัวแถมของเรื่องพี่หนึ่งเจมด้วยซ้ำ ระดับความพระเอกของพี่โป๊ะน้อยกว่าพี่นำอีก แต่พี่โป๊ะก็ได้เดฯ ได้มีเรื่องราวของตัวเอง

พอเขียนคาแรคเตอร์ขึ้นมาจริงจังแล้ว ความเฮียของพี่โป๊ะอาจจะลดลง ไม่ถูกจริตคนที่มีภาพจำพี่โป๊ะจากเรื่องพี่หนึ่ง ซึ่งเราก็เข้าใจดีค่ะ เพราะเรายัดความเฮียให้พี่โป๊ะเยอะ ก็เลยส่งความดีงามพระรามสิบเก้าให้พี่หนึ่ง

แต่เราคิดว่า เมื่อถึงจุดที่พี่โป๊ะต้องบริหารจัดการความรักของตัวเองแล้ว พี่โป๊ะก็จะเป็นพระเอกในหนทางของตัวเองในที่สุด

ส่วนตัวนายเอก น้องวิน น้องหน่วง น้องนอยด์ น้องซึมของเราคนนี้ เป็นคาแรคเตอร์ที่มีพื้นฐานความคิดดาร์ค แต่การกระทำไม่ดาร์คเลย เราวางให้วินใกล้เคียงกับคนทั่วไปที่มีความนูนหน้านูนหลังตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่ามองเขาด้วยตะเกียงไหน การตอบสนองของวินขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายคือใคร อันนี้น่าจะเป็นนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ ไม่ใช่การเฟคหรือใส่หน้ากาก แต่คือการประเมินไว้ก่อนว่ายอมใกล้เขาระดับไหน และควรตอบสนองแบบไหนเพื่อให้ระยะห่างระหว่างกันมีเท่าเดิม

เราก็ไม่รู้ว่า คนอ่านจะรู้สึกว่าวินน่ารักมั้ย แต่สำหรับเรา วินเป็นคนน่ารักแล้วค่ะ

พี่โป๊ะก็เลยรักวินไงคะ 555 ไม่น่าจะงงเราเนอะ

เราขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ
2 ปีกว่าที่ดมดอมตัวหนังสือกันมา หวังว่าจะสร้างความสุขให้คนอ่านได้บ้าง นิดหน่อยก็ยังดีค่ะ
ขอบคุณที่ทำให้นามปากกากะจิ๊ดริดมีเส้นที่หนาขึ้น แต่ไม่ต้องกลัวเราส่องแสงหรอกค่ะ อีกนาน5555

ไว้มีโอกาสใหม่ จะนำเสนอเรื่องราวในแนวๆ อื่นดูบ้าง หวังว่าเห็นชื่อเราแล้วจะลองเปิดใจกดเข้ามาอ่านกันนะคะ

ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ

กะจิ๊ดริด.

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2017 01:58:46
 o13 o13 o13 o13 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-07-2017 05:56:16
พี่โป๊ะ ยอดมาก อบอุ่น กวน.....มาก เฮียมากกกก
วิน คิดมาก นอยด์บ่อย ค่อนข้างเอาแต่ใจตัว ขี้หวงคนรักสุดๆ
ถ้าไม่ใช่พี่โป๊ะ คงเปิดหมวกลาวินไปนานแล้ว
วินน่ารัก ในแบบของวิน  :mew1: :mew1: :mew1:

พี่โป๊ะ วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ ให้ความสุขคนอ่าน
อยากได้ตอนพิเศษอีกนะ นะ นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-07-2017 06:06:11
แอร๊ยยยย...มาถึงเจอตอนจบ
ยังไม่อยากให้จบเลยค่าาาาา
นึกว่าจะมาม่ามากกว่านี้เอาให้พี่โป๊ะกระอักเลือด 5555

ตามอ่านมาจนจบก้อยากจะบอกว่า
ชอบวินมากกกกก ชอบความไม่ใช่นายเอกแบบขนบนิยม
มีความเทาๆอยู่ในตัวแบบที่มนุษย์ทุกคนมี
แต่ก้แฝงไปด้วยความน่ารักแบบอึนๆมึนๆ 555
เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมพี่โป๊ะถึงรัก

ตัวพี่โป๊ะจริงๆก้ชอบนะคะ
คาแรกเตอร์แบบไม่ใช่พระเอกจ๋า
แต่พี่โป๊ะทำให้เห็นถึงพัฒนาการ
เมื่อเวลาเรามีคนรักแล้วพยายามทำอะไรเพื่อเค้าอะ

พร่ำเพ้อซะเยอะเลย แต่ชอบเรื่องนี้มากจริงๆนะคะ
ว่าแต่มีโครงการจะออกเป็นรูปเล่มไหมคะ
ถามเผื่อเรื่องพี่หมอนำกับธามด้วยค่ะ
ถ้ามีนี้ชูปุกหมูเตรียมอุดหนุนเลยค่ะ

หวังว่าจะได้ผลงานเรื่องต่อไปในเร็ววันนะคะ

^________________^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 12-07-2017 11:14:05
ขี้หวงนี่หน่าวิน 5555 ส่วนเฮียก็ได้ใจเลยใจเย้นนเยน ดีแล้วล่ะ บทสรุปของความรักของคู่นี้ก็มาถึงบทสุดท้ายจนได้ อยู่ด้วยกันจนในที่สุด  o13
เสียดายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฉากอัศจรรย์หายยยไปหนายยยยยยยย ขอเป็นตอนพิเศษได้ม๊ายยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-07-2017 15:51:45
จบแล้ว   :hao5: :hao5:

ยังไม่หายคิดถึงเลย  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 13-07-2017 00:03:46
ชอบทั้งพี่โป๊ะ ทั้งวินเลย
เราว่าวินน่ารัก น่ารักในแบบของวิน แบบยังไงดี บอกไม่ถูกแต่เราว่าเค้าน่ารักนะ


พี่โป๊ะคือ ผู้ชายแบบที่สาวหลงนะ กวนๆหน่อย ขี้เล่น เทคแคร์ก้ดี

จบแล้ว ยังไม่อยากให้จบเลย ยังอยากอ่านชีวิตพี่โป๊ะกับวินต่อไปเรื่อยๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ มีหลายๆ อย่างที่ทำให้เราคิดตาม มีแง่คิดบางอย่างที่เราคาดไม่ถึง ให้เราเอาคิดต่อด้วย
จะรออ่านเรื่องต่อๆไปจ้า

ปล. ชอบวิธีการเล่าเรื่องของคุณมากเลย

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-07-2017 02:53:23
ยังจำความปากเสียปากหมาคราหนึ่งเจมได้นะคะ มาเจอพี่โป๊ะในมุมแบบนี้บ่อยๆเข้าเริ่มหลงรักเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-07-2017 11:32:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: iimayuworld ที่ 14-07-2017 12:13:11
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากอ่านชีวิตพี่โป๊ะกับน้องวินต่อไปอีกเรื่อยๆ อ่านไปก็จะมีหน่วงๆบ้างตามประสาน้องวิน แต่ก็อยู่กับตัวละครนานจนเข้าใจและเดาความคิดน้องวินได้ด้วยในบ้างครั้ง  :mew4: :mew4: :mew4:

รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ ชอบการเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่องของคุณมากค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 22-07-2017 10:50:00
อยากอ่านตอนพิเศษ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 13-08-2017 20:44:01
เราชอบพี่โป๊ะกับน้องวินนะคะ ดูเป็นคนไม่ดีเกินไป แต่ปรับตัวให้พอเหมาะได้ ชอบกะจิดริดติดตามมาตั้งแต่พี่หนึ่งกะเจมส์จิว พี่นำกะน้องตาม และจะรอติดตามผลงานต่อๆไปด้วย

รัก

ปล.ว่างๆก็พาี่เฮียโปะกับน้องนอยด์มาเยี่ยมพวกเราบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 18-08-2017 00:28:35
อิจฉาวินมากนะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: CChompu ที่ 22-08-2017 04:34:41

รักพระเอกแบบ(อิ)พี่โป๊ะมาก เป็นพระเอกแสนดีติดอันดับคนนึงเลย
มีความรักให้ตลอด พร้อมซัพพอร์ต พร้อมพาให้ก้าวเดิน ให้วินโตขึ้นกว่าเดิม
จากหมั่นไส้มาจาก Hear Me เจอเรื่องนี้หลงรักพี่โป๊ะเต็มๆ

ชอบความสัมพันธ์ของโอมด้วยค่ะ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นน้องที่ดี
อ่านฉากไหนเวลามีโอมแล้วมันทำให้ยิ้มได้จริงๆนะคะ

มาถึงน้องวินของเราบ้าง ชอบวินตอนต้นๆเรื่องมาก ช่วงที่หน่วง นี่โลกของฉัน
ชอบที่พี่โป๊ะค่อยๆกระเทาะเปลือกวินออก
แต่!! หลังๆอึดอัดกับวินมาก อิพี่โป๊ะก็รักขนาดนี้ แสดงออกขนาดนี้ วินก็หึง ก็นอยด์ไปไกล
มันเหมือนวินพร้อมจะตัดพี่โป๊ะออกจากชีวิตแล้ววินจะกลับสู่โลกส่วนตัวได้ตลอดเวลา
ถ้ามีเพื่อนแบบนี้จะจับตบหัวแล้วบอกเฮ้ยมึงอย่ามโน อย่านอยด์ในสิ่งที่มันยังไม่เกิดสิ่วะ

เราชอบสำนวนคุณกะจิ๊ดริดมากเลย อยากให้มีรวมเล่มจังเลยค่ะ
อยากเอาพระเอกแบบพี่โป๊ะขึ้นหิ้ง (จะบูชาคู่กับพี่หนึ่งเลยล่ะ 55555)
ติดตามผลงานอยู่ตลอดนะคะ (แต่เป็นประเภทรอจนจบแล้วอ่านรวดเดียวค่ะ)

รักพี่โป๊ะ แต่รักพี่หนึ่งมากกว่า <3
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 28-08-2017 16:51:22
ขอบคุณมากๆนะคะ :L1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-08-2017 21:03:11
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-08-2017 17:03:56
สนุกมากเลยค่ะ รักพี่โป๊ะมากกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 30-08-2017 22:29:53
จะมีตอนพิเศษ หรือมีโครงการรวมเล่มไหมคะ
คิดถึงพี่โป๊ะกะวินมากกกก
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 31-08-2017 22:01:56
ก่อนอื่น ขอบคุณมากค่ะ นิยายน่ารัก ถึงจะมีความงงเรื่องการเชื่อมต่อเรื่องในบ้างตอน
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 13-01-2018 22:51:36
สนุกมากค่ะ แต่ประสาทจะแหล่กตามวิน พี่โป๊ะนี่เกลียดนางมากเลยนะทำกับเจมไว้เยอะ แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงกลายร่างเป็นหลัวแห่งชาติได้คะ!!!! กรีสสส    จาวๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 24-01-2018 23:56:29
กลับมาอ่านอีกรอบ คิดถึงวินกับพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 29-05-2018 20:26:25
สารภาพว่าเราติดตามงานเขียนของคุณมาตั้งแต่คู่เจม คู่ธาม มาจนล่าสุดคู่วิน
ช่วงแรกก็เข้ามาอ่านทุกวัน จนหลังๆเริ่มยุ่งๆก็ห่างหายไป จนหนีไปติ่งเกาหลี อ่านนิยายเด็กดีบ้าง
แล้ววันนี้ เราลองกลับมาที่เล้า มาเจอตอนจบของ at dawn ที่น่าจะจบมาซักพักใหญ่ๆแล้วล่ะ

พออ่านจบแล้วก็รู้สึกโหยหาอดีตเหมือนกันแฮะ คิดถึงวันเก่าๆที่เข้ามานั่งรีเฟรชรอน้องวินอัพทุกวีค
ขอบคุณคนเขียนมากเลยนะคะ เราจะติดตามผลงานของคุณต่อไปแน่นอนค่ะ ^___^
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 30-05-2018 22:27:28
สงสารพี่โปะมากเรื่องนี้ต้องคอยประคับประคอง
ความรักของตัวเองแต่ไม่เคยยอมแพ้
วินมีมุมของตัวเิงที่จะปกป้องต่อความเจ็บปวด
หน่วงดีแท้
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-07-2018 22:46:43
ชอบมาก..กกกกกกก พี่โป๊ะเหมือนคนละคน เรื่องพี่หนึ่งกะเจมส์นี่..หมั่นมาก ขอบอก 555 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 15-07-2023 23:11:32
สนุกครับ อยากมีพี่โป๊ะเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 02-08-2023 19:43:52
 :pig4: