Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 9
ทั้งที่ไม่ค่อยรู้สึกผิดเวลามองผ่านใครอย่างไม่แยแส แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกผิดเหมือนเอาตีนขยี้หัวใจเด็กตัวเล็กไร้ทางสู้
ลุงสมานมองผมอย่างตัดพ้อแล้วก็กลับไปปฏิบัติหน้าที่พนักงานขับเรืออย่างเดิม หลังจากเดินเข้ามาทักถามผมว่า “มาหาคุณท่านหรอครับ” แล้วผมจ้องหน้าแกเงียบๆ ริมฝีปากผมปิดสนิทในจังหวะที่ปรายตาหนีหน้าแกไปมองแม่น้ำเจ้าพระยาแทน
ผมก็แค่ไม่อยากให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ผมรู้ว่าผมคือใคร จะด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่อยากให้เขารู้ว่าผมลูกใคร หลานใคร
ผมไม่อยากให้เขารู้จักผม
ผมไม่อยากให้เขาเกลียดผม
“ทำไมต้องทำหน้าเข้มขนาดนั้นด้วยวิน” คนที่ทำให้ผมเลือกเมินลุงสมานถามขึ้น แต่ผมปล่อยให้คำถามเขาเป็นเจ้าสาวไร้คู่ไปเสีย เพราะไม่รู้จะปั้นคำโกหกอะไรมาตอบดี ผมไม่ได้ทำหน้าเข้ม ผมแค่กำลังไม่ชอบใจตัวเองหลังจากแสดงกิริยาไม่เหมาะกับคนที่คอยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตผมมาตั้งแต่เล็กจนโต
“วิน”
“จึ๊”
“ทำไมพี่ขี้เสือกจัง นี่หน้าวินนะ!” ผมหันไปตวาดใส่แล้วก็ถอนหายใจทิ้งแม่น้ำ นายมือโปรผงะนิดหน่อย ผลลัพท์ที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ปั่ก!
“โอ้ย! วินเจ็บนะ”
“ไม่มีมารยาท! ถามดีๆ ก็ตอบดีๆ จะกวนตีนหาพระแสงด้ามง้าวอะไร”
“พี่เป็นพี่เราหลายปีนะ เป็นอาจารย์ด้วย!”
“แม่ง...”
“แม่งไร”
“เหี้ย!”
ปั่ก!
ผมโดนเขกหัวอีกรอบ กำลังจะหันไปตั้งต้นด่าเขาเพิ่ม ใครอีกคนก็มาแทรกกลางระหว่างผมและนายมือโปร คนคนนั้นก็คือลุงสมานครับ
“อย่าทำร้ายคุณวินนะครับ”
“คุณสุเธอเลี้ยงของเธอมาอย่างดี”
ลุง!!!
ผมเงียบลงอีกครั้งแล้วก็ดันลุงสมานให้ถอยห่างไปจากรัศมีรอบตัวผม บอกไปเพียงว่า “ไม่เป็นไรครับ พี่เขาเล่นด้วย” แล้วก็นั่งหันหน้าหนีไอ้พี่โป๊ะตลอดเวลา
ผมไม่รู้ว่าเขานึกสงสัยในถ้อยคำและท่าทางของลุงสมานบ้างมั้ย แต่ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำงานความต้องการที่แท้จริง นายมือโปรควรจะไม่ระแคะระคายอะไรเลย
พาเขาเดินกลับบ้านไม้นี่ทำให้ผมเหนื่อยกว่าเดินคนเดียวเสียอีก ไอ้พี่โป๊ะเหมือนคนบ้า เดินไปแกล้งผมไป พอผมอารมณ์เสียแม่งก็หัวเราะ แล้วก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นแล้วมันก็แกล้งผมใหม่ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดที่เขาทำก็คือการเดินเหยียบส้นรองเท้าผม อยากหันไปมากว่ามึงหิวหรอ? อยากแดกตีนที่หลับอยู่ในรองเท้าคู่หรูของกูมากสินะ!
4 ทุ่มกว่า ผมก็ได้อาบน้ำอย่างสงบในบ้าน หลังจากสบายตัว สบายหัวแล้วผมก็โทรหาป้าสุ ซึ่งก็รับโทรศัพท์ผมอย่างกระตือรือร้นเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องรินนาจนผมตัดสินใจแยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว ผมก็แทบไม่เคยโทรศัพท์หาป้าสุก่อนเลย
ธุระที่จะคุยกับป้าน่ะไม่มีหรอกครับ แต่ผมอยากขอโทษลุงสมานแก
“ป้าสุครับ พรุ่งนี้วินฝากบอกลุงสมานด้วยนะครับ วินไม่ได้ตั้งใจทำสีหน้าไม่ดีใส่”
“พอดี พี่ที่มาด้วยกันเขาไม่รู้ว่าวินเป็นอะไรกับป้าสุ ซึ่งวินก็ไม่อยากให้เขารู้ เลยไม่ได้ทักลุงแก ขอโทษด้วยนะครับ” บอกสั้นๆ แล้วก็วางสาย ปฏิกิริยาของป้าผมก็แค่ “โธ่เอ้ยตาวิน แม่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร เดี๋ยวจะบอกให้ แต่วินต้องมาเล่าเรื่องพี่คนนั้นให้ฟังด้วยนะ สมานบอกว่า เขาพูดว่าเขาเป็นอาจารย์ของวิน”
ปัดโธ่! การใช้ชีวิตลำพัง ไม่ยุ่งกับใคร นี่กลายเป็นเรื่องยากไปแล้วหรอ?
กว่าจะได้นอนจริงๆ ผมก็ต้องโทรคุยกับเฮียก่อนเรื่องเทอมโปรเจค เป็นอันตกลงกันในส่วนรวมว่าพรุ่งนี้ราว 11 โมงเจอกันก่อน เพื่อนัดแนะเค้าโครงโปรเจคให้ลุล่วง บ่ายก็ค่อยเรียน ถ้าผมจำไม่ผิด วิทยากรที่จะมาบรรยายพรุ่งนี้เปลี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมาคอม*แล้วครับ
ส่วนวิทยากรร่วมที่เสร่อสั่งเทอมโปรเจค แล้วเสร่อเป็นคนให้คะแนนมากกว่าครึ่ง กลับบ้านมันไปแล้ว เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่โป๊ะอาศัยอยู่ที่บ้านหรือที่คอนโดมิเนียมตามสมัยนิยม แต่เขาพูดว่าบ้าน ในหัวผมก็คือบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด มีบริเวณให้หมาวิ่งเล่นซ่อนกระดูกนั่นแหล่ะ
คืนนี้ ผมหลับลงพร้อมกับสารานิพนธ์เล่มหนึ่ง หัวเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาอนิเมชั่นไทยสู่สากล กรณีศึกษา บริษัท xxxxx ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในวงการภาพยนตร์ จัดทำโดยนายวารินทร์ วณิคพันธุ์ คุ้นยิ่งกว่าชื่อบริษัทอีกครับ
#### @ D A W N #####
เช้านี้ค่อนข้างสดชื่น ผมรู้สึกได้ว่าความปกติของชีวิตผมคืนมาอีกครั้ง
เช้านี้ผมตื่นมาทักทายพระอาทิตย์เพียงลำพัง เสียงนกร้อง เสียงเรือแล่นม้วนตัวกันเป็นดนตรีไร้ทำนองแน่นอน แค่ได้ยินเท่านี้ผมก็อารมณ์ดีแล้ว
ไม่มีใครมาวุ่นวายกับมื้อเช้าของผม ทุกอย่างที่แม่ครัวของป้าสุจัดเตรียมไว้เป็นมื้อเช้าของผมวางตัวพวกมันในตำแหน่งที่เหมาะสม ข้าวเช้า ผลไม้สด สลัดนิดหน่อย นม .... บอกตรงๆ เลย กินหมดก็กระเพาะมารแล้ว
ผมจัดการล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ใส่เสื้อยืดที่ไอ้โอมชอบค่อนขอดว่ามันเสร่อเพราะกลีบแขนเสื้อคมวิบ สวมแจ็กเก็ตอีกตัว กางเกงยีนส์ ผมก็จ้วงข้าวเข้าปาก กินสลัด ยัดผลไม้ และกรอกนมตาม ครับ...ผมกระเพาะมาร
เช้านี้ผมขับรถไปมหาวิทยาลัยครับ สีแป๋นแหลนของมันทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของป้าๆ บนรถเมล์ แต่เอาเถอะ ผมมันไม่สะทกกับสายตาใครอยู่แล้ว
มาถึงมหาวิทยาลัยก็จัดการตามหาไอ้โอมทันที มาเจอกันตรงพิกัดที่มันบอกก็ต้องถอยห่างเลยครับ เพราะมันอัดควันอยู่
“เฮ้ย มาเร็วว่ะ!” มันทักแล้วทิ้งบุหรี่บนทรายในถัง ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำติดริมน้ำ รอมันเดินลากขามาหา
“เฮียล่ะ” ผมถามเพราะใจวนเวียนอยู่กับเรื่องเทอมโปรเจค แต่ไอ้โอมกลับโน้มหน้ามาใกล้ๆ
“มึงถามถึงเขาทำไม”
“เอ้า ก็งานกลุ่ม มึงอยากทำกันแค่ 2 คนหรอ? ไหวรึไง”
“อ๋ออ หมายถึงเฮียหรอ? กูก็นึกถึงเฮีย” นี่มึงยังไม่ตื่นหรือกูละเมอวะโอม มึงพล่ามอะไร ผมขมวดคิ้วใส่มันเพราะไม่เข้าใจคำพูดวนไปวนมาของมัน
“คืองี้ กูนึกไปถึงพี่โป๊ะ ไม่ได้นึกว่ามึงพูดถึงเฮีย แต่กูเก็ทแระ เดี๋ยวมันมา กูโทรจิกแล้วว่าคุณชายวินไม่ชอบรอใคร”
“สัดหมาโอม ใครคุณชาย”
“ไอ้ตัวหล่อ ผิวดี ที่ซิ่งโฟล์คสีแรดเข้ามอไง มึงเคยเห็นหน้ามั้ยล่ะ”
“...... ส้นตีน” ผมด่าด้วยเสียงลม ไอ้โอมเลยหัวเราะแล้วจับหัวผมโยกไปมา
โอมสูงกว่าผม มือใหญ่กว่าผม มันก็เลยชินกับการดูแล และแสดงท่าทางเอ็นดูผมมาแต่ไหนแต่ไร
“อือวิน เย็นนี้กินข้าวกันมั้ย”
“ทำไม เงินไม่พอใช้ ต้องให้กูเลี้ยงข้าวสินะเดือนนี้”
“ไอ้อ่อน! พอเว้ย กูแค่อยากแดกข้าวกับมึงครับคุณชาย”
“คุณชายอีกคำเดียวนะมึง”
“ทำไม ชายจิม่ายยยยทนหรา” ไอ้ปลวกโอม! ผมมองมันขุ่นๆ และเลือกจะเงียบใส่ มันก็เลยหัวเราะแล้วโอบไหล่ง้อผม
“โทษๆ รอนี่ เดี๋ยวซื้อน้ำให้ เอาไร”
“มอคค่า”
“มอคกูได้มั้ย”
“สัสโอม มุกเหี้ยแบบนี้เลือกเล่นเหอะ”
“กูยืมเฮียมา” อ่อ มิน่า มุกถึงได้เหี้ยนัก ผมแค่นหัวเราะเมื่อนึกถึงหน้าไอ้พี่โป๊ะ ถ้ารู้ว่าผมกับไอ้โอมเอาเขามานั่งล้อเล่นหาเรื่องปาคำว่าเหี้ยใส่หัวเขาแบบนี้ หัวพวกผมคงโดนเขกจนโนแน่ๆ
แป๊บเดียวตัวแร่ดก็เดินกลับมาพร้อมกับมอคค่าที่ผมต้องการ ส่วนตัวมันกินนมเย็นครับ สีชมพูหวานแหววไม่เข้ากับรอยสักที่หัวไหล่มันเลย
นั่งทนหน้ากันอยู่ร่วม 10 นาที คนในกลุ่มก็เริ่มมาสมทบกัน และพอเฮียผู้เป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้น....ไง ผมก็มีมุมตลกเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าไม่ขำก็ลืมๆ ไปก็ได้ พอเฮียมาก็เริ่มประชุมเทอมโปรเจคกันทันที
หวยออกที่ผม เพราะเฮียบอกว่า “เอาโปรดักส์เฮีย เพิ่งรับมา สินค้าเจ๋งมาก” ซึ่งมันก็คือปากกาลูกลื่น เจ๋งตรงไหน ผมก็นิมิตไปไม่ถึงเหมือนกัน
อาการโวยกลัวงานไม่เจ๋งมีแน่นอนครับ แต่พวกที่โตกว่ามักหาเหตุผลมาลบล้างความไร้วิสัยทัศน์ของตัวเองเสมอ เฮียมันอ้างว่า จารย์วารินทร์บอกเอง สินค้าไม่ต้องเท่ ตัวแอดไม่ต้องฮิป จารย์เขาดูกระบวนการ
บทสรุปการทำงานของกลุ่มเราเที่ยงนี้
วินถ่ายภาพทั้งงาน ทุกขั้นตอน
เฮียจี้งาน
โอมออกแบบสตอรี่บอร์ด
เบียร์ออกแบบคาแรคเตอร์การ์ตูนคนในกลุ่ม แล้วก็จ้างเขาวาด
ที่เหลือช่วยเฮียประสานงาน จบ
ดูเหมือนส่วนที่ผมรับผิดชอบไม่หนักสินะครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหล่ะ แค่ถ่ายรูป มีความสุขจะตาย ได้เห็นกองถ่าย ได้เดินไปเดินมาแล้วสอดเสือกตาเก็บบรรยากาศโดยไม่มีใครด่า แต่คิดอีกที งี้ผมก็ทำงานทุกวันน่ะสิ เฮ้ย! แล้วร้านกาแฟล่ะ?
การเรียนช่วงบ่ายไม่เย้ายั่วหนังตาผมเลยสักนิด ผมก็เลยเดินออกจากห้องมาพักสายตาที่โซฟา ตื่นมาอีกทีก็ตอนเกือบหมดเวลาเรียนแล้ว เลยชิ่งโดยไลน์บอกโอมว่าจะไปร้านกาแฟ จะแดกข้าวที่ไหนก็บอก แล้วก็เดินหาวตาหยีไปตลอดทาง
“พี่วิน พี่วินใช่มั้ยคะ” เสียงเล็กๆ เรียกชื่อผม ผมเลยต้องหันไปสนใจ ผู้หญิงคนนี้วิ่งมาหาผม พอเข้าใกล้ก็ส่งยิ้มให้แล้วทักทายผมด้วยรอยยิ้ม
“ปัดไง จำไม่ได้หรอ?”
“จไไม่ได้ครับ”
“โหยยยย เสียใจอ่ะ ปัดไง ปัดอ่ะ”
“ก็ นึกไม่ออกนี่”
“ปัดน้องพี่ปอพี่ปูไง พี่ปอพี่ปูเป็นเพื่อนพี่รินไง” อ่ออออ อืม 2 สาวเพื่อนซี้ของรินที่ด่าผมจนผมรู้สึกผิดที่ระบบหายใจยังทำงานได้ดี
“แล้วไง มีอะไร”
“ปัดดีใจ ไม่เจอพี่วินนานมากกกก มาทำอะไรที่นี่หรอ? เรียนหรอคะ โทหรอ?”
“โหย เก่งอ่ะ ปัดก็เรียนโทที่นี่เหมือนกัน”
“พี่ปอพี่ปูอยู่เมืองนอกนู่น”
“แล้วนี่พี่วินจะไปไหน”
“แล้ว.........”
“แล้ว.......”
“แล้ว.....”
“ปัด” ผมเรียกขัดเรื่องเล่าที่ฟังไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น เด็กคนนี้ตั้งหน้ารอผมพูด ผมก็เลยต้องพูด
“กินน้ำมะพร้าวมั้ย ถ้าไม่คอแห้งตายก่อนก็ต้องเป็นโรคหยุดพูดไม่ได้แน่เลย ดื่มน้ำเถอะ เชื่อพี่”
“โหยยยยย” บางทีคำว่าโหยสำหรับผู้หญิงคนนี้อาจจะสื่อว่าเหี้ยก็ได้ ใครจะรู้
ผมสลัดเธอหลุดได้ไม่ยาก ผมก็แค่ฟังเงียบๆ มองเงียบๆ และเดินแยกออกมาเงียบๆ แม้ว่าเธอจะเรียกรั้ง ถามนั่นนี่มากมายผมก็ไม่ตอบสักคำ
ผมไม่มีเหตุผลต้องพูดกับเธอ แต่เธอมีเหตุผลต้องพูดกับผมด้วยหรอ? แค่คนที่อยู่บนโลกใบนี้เหมือนกันไม่ได้หมายความว่าจะมาแตะต้องชีวิตผมได้เพียงเพราะนึกอยากจะทำ
ถ้าเจอความเอาแต่ใจไม่รู้จักจบสิ้นของคนอีกนิด ต่อมความอดทนผมคงระเบิด
“วิน!!”
“โว้ยยย! อะไรกันนักวะ!” ผมหันไปคะตอกใส่ และคนที่ต้องมารับอารมณ์หงุดหงิดของผมก็คือนายวารินทร์
“วินเป็นยักษ์เป็นมารตั้งแต่เมื่อไหร่ เรียกชื่อแล้วมีอะไรพิการรึไง กระจู๋หรอ? ไหนมาจับดิ!”
“เฮ้ย พี่โป๊ะ!” ผมหนีบคาหลบทันที ไอ้พี่โป๊ะมองผมล้อๆ แล้วก็หัวเราะ ก่อนจะผลักประตูเข้าร้านกาแฟไป
วันนี้ร้านมีบางอย่างผิดปกติ ซึ่งก็คือคืน แม้ว่าปกติจะเยอะอยู่แล้วแต่ส่วนมากเป็นลูกค้าสาวๆ ทำไมวันนี้มีแต่ผู้ชายที่กลิ่นกายไม่เข้ากันกับร้านกาแฟ
“พี่โป๊ะ ใครหรอครับ”
“อ๋อ ช่าง พี่ให้มาปรับปรุงข้างบเป็นห้องพักถูกๆ เน้นลูกค้าแบ็กแพ็คเกอร์
“วันนี้พวกช่างมาวัดพื้นที่ สักเดือนหน้าก็เริ่มทำ หยุดร้านไว้สัก 2 เดือนก็คงพอ”
“หยุดร้าน .... ปิดน่ะหรอ?”
“อื้อ”
ถ้างั้น ผมก็ไม่ต้องมาที่นี่แล้วสิ อย่างน้อยๆ ก็ช่วง 2 เดือนที่ปรับพื้นที่ด้านบน
ก็แปลว่า ผมและเขา ไม่มีเรื่องให้ต้องมาวุ่นวายในชีวิตกันแล้วสินะ
ดี....หรอวะ?
“เป็นไร” เขาคงเห็นผมยืนขมวดคิ้วเลยท้าวเอวผม
“อ๋อ พี่รู้แล้ว ไม่ต้องห่วง พี่ต้องดูแลอยู่แล้ว”
“พี่โป๊ะอ๋ออะไรครับ วินยังไม่รู้เรื่องเลย”
“วินกลัวไม่มีเงินเดือนล่ะสิ”
“ระหว่างร้านหยุดก็ไปทำงานที่บริษัทพี่ มีไรให้ทำเยอะเลย ยิ่งงานในสตูฯ ยิ่งเยอะ”
“พี่ไม่ปล่อยให้วินกลับไปขอเงินแม่ยกมาดำรงชีพหรอก อย่าฝันหวานว่าจะได้ใช้ชีวิตมักง่ายอีก”
อืมมมมมมมม ผมควรเริ่มโกรธเขาแล้วใช่มั้ย? คนห่าอะไร คิดเองเออเอง ปากคงมีไว้แดกข้าวกับกินผู้หญิงเท่านั้นล่ะสิ
“วันนี้กลับได้เลย เดี๋ยวพี่ดูร้านกับทรายเอง วันนี้อาจารย์พีสั่งการบ้านด้วยไม่ใช่หรอ ไปเถอะ”
“อ่อ ครับ” ผมรับคำแล้วหันหลังเดินออกจากร้าน
สิ่งที่รู้สึกกับนายมือโปรตอนนี้ก็คือ เขาช่างเป็นคนที่คิดอะไร ทำอะไรง่ายดีจัง
อย่างน้อยเขาก็สั่งให้ผมกลับบ้านได้หน้าตาเฉย
...ขณะที่ผมไม่สามารถรู้สึกเฉยๆ กับการเดินออกจากร้านกาแฟแห่งนี้ได้...
cut
Talk: สวัสดีค่ะ >,,,,,,,,,,,,,,,,,,<
ไม่อเจอกันเกือบ 1 เดือน หวังว่าจะมีคนคิดถึงเรานะคะ
พี่โป๊ะน้องวินตอนที 9 มาแล้ว หลานคนคงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะไปทางไหน กลิ่นหอมๆ หรือกลิ่นขมกันแน่ เรามีเฉลยค่ะ กลิ่นหอมขมๆ ไงคะ ฮ่าๆๆๆ
เรื่องนี้จะน่ารักค่ะ ก็เราตั้งใจแบบนั้น
มีประเด็นแจ้งเพิ่มด้วย ยู้วฮูวววววว
แฟนฟิค Hear,Me ขา มองบนกันนิดนึงนะคะ ตรงพายุแบนเนอร์ พี่หนึ่งและน้องเจมได้แขวนตัวประดับอยู่ด้วย อยู่ฝั่งซ้าย แบนเนอร์ลำดับที่ 4 ค่ะ เห็นกันมั้ยเอ่ย?
เห็นแล้วก็กดเลยค่ะ เข้าไปติดตามดูรายละเอียดการจองฟิคนะคะ
ไว้พบกันใหม่ในน้องวินตอนที่ 10 ไม่เกินสิ้นเดือนนี้!