At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ  (อ่าน 184956 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
«ตอบ #30 เมื่อ31-12-2014 02:14:31 »



กลิ่นธูปไม่เคยน่าอภิรมย์สำหรับผมเลย แต่ผมควรก้าวต่อไปได้แล้ว อย่างน้อย คนใกล้ตัวก็เฝ้าบอกผมแบบนั้น
วินไม่ผิด มันไม่ใช่ความผิดของวิน มันเป็นอุบัติเหตุ
ผมเองก็เชื่อแบบนั้น อย่างน้อยผมก็พูดและกระทำเสมือนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม
แต่ใจผม ความคิดในกายผม มันไม่เคยอนุญาตให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการนี้เลย

รินนาเสียแล้ว เธอตายจากทุกคนบนโลกใบนี้ไปแล้ว
สาเหตุการตายไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสีทั้งหลาย แต่ชื่อผม พ่วงกับนามสกุลที่ผมใช้ ถูกกล่าวถึงในหน้าข่าวสังคม
ภาพงานศพของเธอ ภาพซากรถที่แทบไม่เหลือชิ้นส่วนที่ยังคงสภาพเดิม เสียงร้องไห้ระงม สายตาที่สาดโยนความผิดมาให้ ความเจ็บปร่าบนแก้มที่รับแรงปะทะจากฝ่ามือที่สั่นระริกของแม่รินนา เหล่านี้อยู่ความทรงจำของผม
มันกักผมไว้ มันเก็บผมไว้ในกล่องมืดๆ มีเพียงแสงอาทิตย์ที่ปลายยอดฟ้าที่ส่งแสงมาให้ผมเฝ้ามอง วันแล้ววันเล่า

“วิน ลืมได้แล้ว”

“ครับ วินก็ไม่ได้จำนี่” ผมตอบพี่รุตต์อย่างอัตโนมัติ เขาส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากลำคอ คงแปลว่าไม่เชื่อน้ำคำผม แต่ผมก็บอกเขาได้เท่านี้ ผมไม่ชอบอธิบายความรู้สึกส่วนลึกๆ เพราะคิดว่าบอกไปก็ไม่มีประโยชน์ คำปลอบโยนของพี่รุตต์ก็ยังเป็นหมือนหลายปีที่ผ่านมา คือ วินไม่ผิดหรอกครับ ลืมมันซะเถอะ

ผมยื่นธูปให้เขา พี่รุตต์ปักธูปแล้วนำผมก้มกราบพระในโบสถ์

“อโหสิด้วยนะวิน”

“ครับ” ผมรับคำพลางระลึกถึงรินนา ภาพวันเก่าๆ ที่เราเคยรักกันวิ่งเข้ามาทีละเหตุการณ์ จนกระทั่งวันสุดท้ายของการคบหา ผมเป็นฝ่ายบอกลาด้วยเหตุผลว่า ‘วินไม่ได้รินแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หรือเริ่มไม่รักตอนไหน แต่เราเลิกกันคงดีกว่า วินอึดอัด’
เธอไม่ตอบผม แต่หน้าเธอช็อกมากๆ พอตั้งสติได้รินนาก็โถมตัวใส่ผม ตบผม ตีผม ทำร้ายผมสารพัด แต่ผมไม่ได้โต้ตอบด้วยอารมณ์กลับไป ผมยืนนิ่ง เธออยากทำอะไรก็ทำ พอใจแล้วก็จบกันเสียที
ไม่คิดเหมือนกันว่า การจบของรินนา คือการจบชีวิต
ไม่มีวินเราอยู่ไม่ได้ ทั้งที่เธอพูดคำนี้ แต่ผมเพียงแค่ตอบว่า ‘ฝึกสิ แค่หายใจตามปกติ กิน นอน ออกไปช้อปปิ้ง ขอเงินแม่ ไปเที่ยวต่างประเทศ รินอยากทำอะไรก็ทำได้หมด เลิกกันไม่ได้แปลว่าวินเอาขาแขนรินไปด้วยนี่’

ผมไม่ตะล่อมเพื่อให้เลิกกันด้วยดี เมื่อรินนาแสดงท่าทีว่าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเลิกกัน ผมก็สะท้อนกลับไปด้วยเหตุผลว่าทำไมต้องเลิกกัน
แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งบานปลาย เรื่องราวใหญ่โตจนผู้ใหญ่บ้านรินนารู้ว่าผมขอเลิก พี่รุตต์เองก็เคยเป็นหนึ่งในทูตเจรจาให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม
แต่ผมหมดรักแล้ว จะให้คบต่อไปให้ได้อะไร
ผู้ใหญ่บ้านผมก็เข้ามายุ่งด้วย เพื่อนฝูงที่เคยอวยว่าเราเป็นคู่ที่เหมาะกัน รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลาย เข้ามหาวิทยาลัยก็คบกัน นามสกุลดังทั้งคู่ หน้าตา ฐานะ สมกันมากๆ พวกเขาเอาแต่ตบไหล่ผมแล้วพูดว่า เลิกกันทำห่าอะไร
ก็ไม่ได้เลิกเพื่อทำห่าอะไรหรอก แต่ก็ไม่รู้จะคบทำห่าอะไร ในเมื่อใจผมไม่มีความสุข
ผมถูกขอร้องจากลุงให้กลับไปคบกับหลานสาวบ้านนั้นเหมือนเดิม และผมก็ดื้อเพ่ง โพล่งออกไปตามตรงว่าชีวิตเป็นของผม นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุกวันนี้ผมเหมือนไม่มีตัวตนในตระกูลนี้ แต่อย่าคิดว่าผมแคร์
วันสุดท้ายที่เราพบกัน รินนานัดผมไปเจอที่คอนโดเธอ เธอทำอาหารให้ผมกิน ชวนคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วก็ชวนผมขับรถเล่น
แน่นอนว่าเธอเป็นคนขับ ระหว่างนั่งในรถ รินนาถามผมเรื่องเดิมว่าทำไมถึงไม่รักเธอแล้ว แต่ผมไม่มีเหตุผลดีๆ ให้ ไม่รักแล้วก็คือไม่รักแล้ว ให้พูดอธิบายยืดยาวกว่านั้น อาจกลายเป็นว่าที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้รักเลย แต่ให้คบก็คบ คบได้ก็คบ อะไรเทือกนี้ เธอจะเศร้ากว่าเดิมเสียเปล่าๆ
ประโยคสุดท้ายที่เธอผมก็คือ ‘วินคิดว่า จะมีวันที่รักรินได้เหมือนเดิมมั้ย’
ผมตอบอย่างซื่อตรงว่า ‘ไม่’
รินนายิ้มให้ผม แล้วก็ร้องไห้ เธอจอดรถข้างทางเพื่อร้องไห้จนสาแก่ใจ จากนั้นก็รวบแรงหายใจเพื่อตั้งตัวตรงขึ้นอีกครั้ง รินนาบอกกับผมว่า ‘แต่เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน’

ไม่มีคำพูดจากผมอีก มีเพียงแววตาแน่วแน่ ซื่อตรงต่อความรู้สึก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรั้งผมไว้ ทำไมต้องถ่วงกันมาหลายเดือน ทำไมไม่เข้าใจเสียทีว่าไม่รักแล้วก็เลยขอเลิก

‘เราไม่อยู่ไม่ได้จริงๆ’ เธอบอกแล้วขอให้ผมลงจากรถ เธออยากร้องไห้แบบไม่อายใคร ผมเลยทำตามที่เธอบอก
รถยุโรปสีขาวยังจอดอยู่ที่ข้างทาง ผมยืนอยู่ข้างๆ ประตูรถ มองเธอร้องไห้ตีโพยตีพายใส่พวงมาลัย ทึ้งหัวตัวเอง โขกหัวตัวเองกับแตรจนส่งเสียงดังอยู่นาน
แล้วเธอก็สงบลง กระจกฝั่งข้างคนขับเลื่อนลง ผมจึงก้มหัวไปหา รินนาไม่ยิ้มให้ผมแล้ว เธอมองผมนิ่ง คิ้วขมวดปม ริมฝีปากบดเบียดกันแน่น
กระจกเลื่อนขึ้น รถยังคงจอดอยู่นิ่งๆ แต่ผมได้ยินเสียงเร่งเครื่อง
และเมื่อมีรถบรรทุกสวนเลนมา รถยุโรปคันสีขาวก็พุ่งเข้าใส่ทันที
เธอตายคาที่

ผมก็ตายคาที่เหมือนกัน

‘ถ้าวินไม่ใจจืดใจดำ หนูรินก็คงไม่จากไปแบบนี้”
‘แค่ไม่รัก ต้องไล่กันไปตายเลยหรอ แม่ไม่เข้าใจเลย!’
‘มึงนี่มัน....ใจหมาผิดกับหน้าตาจริง’
‘เรารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวิน แต่แบบ...น่าจะรู้ว่ารินรักวินมาก จบกันดีๆ ก็ได้นี่ ทำไมถึงได้ปล่อยให้....ไม่รู้หรอว่ารินเป็นคนยังไง ใจร้ายเกินไปจริงๆ’

พวกเขาบอกว่าผมผิด แม้ว่าผมจะไม่รู้เลยว่าผิดตรงไหน แต่ผมก็รู้สึกผิดตามที่พวกเขา
จะมีก็แค่ 2 คนที่เข้าข้างผม อยู่กับผม เข้าใจผม
เวลาล่วงผ่านเป็นปี คนพวกนั้นกลับมายิ้มให้ผม บอกกับว่าผมว่าลืมๆ มันไปเถอะ มันผ่านไปแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ
คนพวกนั้นคงไม่รู้ว่า เมื่อเขียนด้วยมือ ก็ต้องลบด้วยมือ ใช้เท้าปัดๆ เอา รอยแผลมันรังแต่ละช้ำกว่าเดิม

“วินครับ พี่บอกให้ลืมไง”

“วินก็ไม่ได้จำนี่ครับ” ผมยังตอบพี่รุตต์แบบนี้ เขาจึงลูบหัวผมแล้วบี้ปลายจมูก

เราใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงนั่งอยู่ที่ศาลาวัดเงียบๆ ผมน่ะไม่มีปัญหา ชอบซะด้วยซ้ำไป แต่พี่รุตต์ดูจะพะวักพะวงเมื่อใกล้บ่าย 4 โมง

“พี่รุตต์มีนัดต่อหรอครับ กลับก่อนได้นะ วินจะรอพระอาทิตย์ตก ชอบแสง”

“งั้น...พี่กลับก่อนนะ คืนนี้โทรหา นะครับ”

“ครับ” ผมยิ้มรับสัมผัสที่อังแก้มเบาๆ วันนี้เขาทำให้ผมประหลาดใจด้วยการจูบหน้าผากผม แล้วก็เดินดุ่ยๆ จากไป ไอ้ผมก็ได้แต่บ่นงงๆ ว่า “อารมณ์ไหนวะ” แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก

เกือบ 6โมงเย็น ผมกระดิกตัวอีกครั้ง และเลือกเดินมายังลานจาดรถ
เมื่อครั้งก่อนที่มา ผมได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่ส่งอารมณ์ให้ฟ้าเศร้าตามไปด้วย อยากรู้ว่าวันนี้จะได้เจออะไร
พอเดินมาถึงจุดเดิม ผมก็หันกลับไปมองยังจุดที่เป็นที่มาของภาพที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ภาพนั้น
ผมเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่ง เขาใส่เชิ้ตดำ สวมกางเกงดำ รองเท้าก็สีดำ ใบหน้าเขาหันมองขึ้นไปที่ยอดปล่องเมรุ เขาสวมแว่นกันแดดเอาไว้ แต่ผมเดาเอาว่าเขากำลังเศร้าอยู่ เศร้ามากๆ
ผมเบี่ยงตามองท้องฟ้าบ้าง มันเป็นสีส้มเข้ม มีสีครามลากตัดสายตาอยู่บ้างแต่ก็ละลายความส้มหม่นของท้องฟ้าไม่ได้

“โปร ไปเถอะ” ราวกับวันนั้นเดินทางทับรอยกับวันนี้ ผมเคยได้ยินใครบางคนพูดประโยคนี้เมื่อหลายปีก่อน และก็ได้ยินซ้ำอีกครั้งวันนี้ ผมหันมองต้นเสียง ใบหน้าที่เห็นไม่ใช่ใบหน้าที่ผมคุ้นเคย จากนั้นก็หันกลับมามองผู้ชายชุดดำที่เอาความเศร้าข่มฟ้าอีกครั้ง
เขาคงเป็นเจ้าของชื่อ เพราะเขาหันไปหาชายที่แปลกหน้าสำหรับผมเช่นกัน เขาน่าจะเดินไปตามเสียงเรียก แต่วันนี้มีสิ่งที่ต่างออกไป

เขาหันมองผม และหยุดฝีเท้าตัวเอง
ผู้ชายที่เอาความเศร้าข่มฟ้าถอดแว่นกันแดดสีดำออกและจ้องหน้าผม
เขาอ้าปากพูดว่า “วิน มาทำอะไรที่นี่”


“พี่โป๊ะ”



ผู้ชายในภาพที่ไม่สมบูรณ์เสียที ก็คือนายมือโปร...





cut


พรีสวัสดีปีใหม่ค่ะ ^____^

ฝากข่าวกันนิดนึง สำหรับคนที่อ่าน Hear,Me หรือพี่หนึ่ง-เจม มีการรวมเล่มนะคะ อยู่ระหว่างดำเนินการ รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งเรื่อยๆ หรือถ้ากลัวตกข่าว ทิ้งชื่อไว้ จะแมสเสจไปแจ้งค่ะ

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
«ตอบ #31 เมื่อ31-12-2014 09:24:07 »

พี่โปรรักริน รินรักวิน แล้ววินอ่ะรักใคร  :sad4:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน5(31-12-14)
«ตอบ #32 เมื่อ31-12-2014 10:11:36 »

อ่าา ความจริงเปิดเผยแล้ว

วินจะว่าไงต่อเนี่ยยย

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน6(04-01-15)
«ตอบ #33 เมื่อ04-01-2015 15:34:17 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 6


“แฟนวินก็เผาที่วัดนี้หรอ” คำว่า ‘ก็’ สะดุดหูผม หากตีความไม่ผิด ผู้หญิงของเขา ‘ก็’ แตะผิวโลกวันสุดท้ายที่วัดนี้เหมือนกัน ผมหันมองหน้าเขาแล้วก็พยักหน้ารับ
“บังเอิญจัง” นายมือโปรพูดต่อ เขากระดกน้ำเปล่าขึ้นดื่มรวดเดียวแทบครึ่งขวด พอชุ่มคอแล้วก็หันมองผมอีกครั้ง

“ลูกแพร์ ก็เผาที่นี่เหมือนกัน”
“สัก....6-7 ปีแล้ว”
“วินเศร้ามากมั้ยวันนั้น โลกถล่มเลยรึเปล่า”

“ก็...ครับ”

“ของพี่นะ แทบบ้าตาย”
“ทำใจยากเนอะ เรื่องแบบนี้”

“ครับ” ผมยังคงตอบสั้นๆ ในใจเริ่มคิดอยากให้เขาพูดเรื่องของเขาไปเรื่อยๆ หนึ่งเพราะอยากฟัง และสองคือไม่อยากเป็นคนต้องพูดเสียเอง

นายมือโปรส่งน้ำขวดในมือให้ผม คิดจะให้ผมดื่มน้ำต่อจากเขารึไง เฮ้ยๆ เราไม่ได้สนิทกันขนาดที่ผมจะไม่ถือเนื้อถือตัวหรอกนะ ผมส่ายหัวปฏิเสธ เขาจึงกระดกน้ำดื่มอีกรวดหนึ่งจนหมดขวด

“นานแล้วที่ไม่ได้พูดถึงลูกแพร์ ก็พวกมัน เพื่อนๆ พี่น่ะ ไม่มีใครอยากให้พูดถึงเลย”
“โอเค ไม่มีใครผิด แต่....พี่ก็มีสิทธิ์เสียใจและจมอยู่กับความเศร้าพวกนี้ใช่มั้ยล่ะ”
“พี่ก็รักของพี่ และการที่พี่อยากให้เพื่อนๆ มันเสียใจ อยากให้เศร้าอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าพี่อยากให้มันรับผิด หรือรู้สึกผิด พี่ก็แค่...อยากมีเพื่อนร่วมเศร้าเท่านั้นเอง”
“พี่ไม่อยากให้ใครลืมลูกแพร์ โดยเฉพาะ.....” แล้วเขาก็เงียบไป ผมก็เลยต้องเสือกต่อ

“เรื่องของพี่โป๊ะ เป็นยังไงหรอครับ” ผมถามถึงต้นตอความเศร้าของเขา นายมือโปรหันมายิ้มมุมปากใส่ผม เขาสูดลมหายใจลึกและยื่นเงี่อนไขที่ทำให้ผมต้องด่าในใจว่า ‘ไอ้เจ้าเล่ห์’

“แลกกัน พี่เล่า วินเล่า ดีลมั้ย”

“..................”

“แยกย้ายกันกลับบ้านเลยก็ได้นะ”

“ดีล” แล้วแม่งก็กระตุกยิ้มมุมปากใส่ผมอีกครั้ง แล้วก็ลุกจากม้าหินข้างศาลาวัด

“อ้าวพี่โป๊ะ โกงอ่ะ ไหนบอกจะเล่าไง”

“กินไปเล่าไปก็ได้ เร็วดิ รถจอดอยู่ไหนอ่ะ พี่มารถเพื่อน”
“ดีนะว่าวินก็ชอบเสือกเรื่องคนอื่นเหมือนกัน ไม่งั้นพี่ต้องกลับแท็กซี่เอง เซ็งแย่”

เคยเห็นตัวเหี้ยเจ้าเล่ห์มั้ยครับ ไม่เคยก็รีบดู ไอ้ตัวที่เดินนำหน้าผมนี่แหล่ะ

ผมขับ ส่วนเขาเป็นคนกำกับเส้นทาง เราแวะกินมื้อค่ำกันแถวๆ เรียบด่วนรามอินทรา ร้านนี้เขาเป็นคนเลือก เป็นร้านที่โดดดเด่นเรื่องสเต็กครับ ฟันก็เลยต้องทำหน้าที่หนักหน่อยในมื้อนี้ ส่วนเครื่องดื่มมื้อนี้ ไม่มีของมึนเมาเลยครับ
การกินไปเล่าไปของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเริ่มกินได้ครึ่งทางแล้วนึกเหงาหูก็เลยเป็นฝ่ายถามเปิดประเด็น ผมสะกิดต่อมพูดเขาสั้นๆ แค่ว่า ‘เล่าดิ’ นายมือโปรก็หัวเราะเหมือนสะอึกหนึ่งที แล้วก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวที่ผมอยากรู้

“เขาชื่อลูกแพร์ เป็นน้องสาวไอ้พีช เพื่อนพี่เอง”
“กลุ่มเพื่อนพี่มีกัน 4 คน มีพี่ ที่หนึ่ง ผู้นำ พีช

โอ้โห แต่ล่ะชื่อ พวกบ้าอำนาจกับคนรักสันติคบกันได้ด้วยหรอ? ผมล่ะนึกเหนื่อยแทนพี่ที่ชื่อพีชจริงๆ

“พีชน่ะ ลูกพีชนะ พี่ชายลูกแพร์”

อ่อ ก็นึกว่าพีซ สันติสุขเสียอีก ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วเคี้ยวสันคอหมูที่หั่นชิ้นติดปลายส้อมไว้

“พวกพี่คบกันกี่ปีหรอครับ”

“เราไม่ได้คบกันสักวัน”
“ลูกแพร์ไม่ใช่แฟนพี่หรอก พี่แค่รักเขาน่ะ”
“ส่วนเขาก็นู่นนน รักแต่ไอ้ที่หนึ่ง แต่มันไม่ได้รักลูกแพร์เลย เจ็บใจตรงที่ไม่ว่ายังไง แพร์ก็ยังรักมัน”
“พี่เป็นเหมือนที่ปรึกษาด้านความรักของแพร์ นั่นก็มาเล่าอะไรให้ฟัง พี่หนึ่งอย่างนั้น แพร์อย่างนี้ แพร์จะทำนั่นให้พี่หนึ่ง ทำนี่ให้พี่หนึ่ง เขาเป็นเด็กที่มีความคิดสวยงามมาก แม้จะซนไปบ้าง แต่เขาก็รักที่หนึ่งจริงๆ”
“เหมือนรักฝังใจ พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ลูกแพร์รู้จักพวกพี่ตั้งแต่วันที่ไอ้พีชเข้ามาในกลุ่มพวกพี่นั่นแหล่ะ”

“แล้วพี่ที่หนึ่ง ทำไมไม่รักพี่แพร์ครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน พี่เคยอยากรู้ เคยถาม มันก็ไม่เคยมีเหตุผลให้ มันบอกไม่รักก็คือไม่รัก จะเปลี่ยนเป็นรักเพราะโดนถามเกินล้านครั้งนั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แล้วมันก็บอกให้พี่เลิกถาม”

“แล้วพี่โป๊ะทำไง”

“มันพูดขนาดนั้นแล้วพี่ก็ต้องเลิกเสือก ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของลูกแพร์กับพี่หนึ่ง คิดว่าวันนึง ลูกแพร์จะเจอทางออกให้กับตัวเอง แต่เขากลับเจอทางตัน แล้วก็พุ่งชนทางตัน จนตกเหว”
“จนท้ายที่สุด ลูกแพร์ก็จากไป จะด้วยความโมโห คิดน้อย เอาแต่ใจ ดื้อแพ่ง ใช้อารมณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่แพร์เลือกมาเป็นคู่คิดวันนั้นทำให้แพร์ตาย”
“ทุกคนบอกว่ามันคืออุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้ลูกแพร์มีจุดจบแบบนี้หรอก แต่วินคิดว่ามันยุติธรรมสำหรับคนตายมั้ย? คนที่เป็นสาเหตุ หรือเรื่องที่เป็นสาเหตุน่ะ ก็สมควรรับรู้ผลกระทบที่ตัวเองมีส่วนก่อบ้างใช่มั้ยล่ะ เพราะคนตายไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่คนอยู่แก้ไขได้”
“เพราะงั้นก็ช่วยรู้สึกผิดหน่อย เสียใจให้เห็นหน่อย พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง คนที่เสียใจอยู่แบบพี่ จะได้รู้สึกว่าได้รับคำขอโทษ”

“แล้วคนที่เป็นสาเหตุให้พี่แพร์ตาย เขาใช้ชีวิตยังไงครับ”

“ก็...ไม่ปกติในช่วงแรก ทุกคนรู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ที่หนึ่งก็ติดอยู่กับความคิดที่ว่า มันทำให้ลูกแพร์ตาย และพี่ก็เป็นคนที่ย้ำให้มันคิดแบบนั้น”

“ทำไมพี่ยัดเยียดความรู้สึกผิดให้เพื่อนแบบนี้ล่ะ”

“ก็พี่รักลูกแพร์ พี่อยากทำสิ่งดีๆ ให้ ถ้าลูกแพร์ต้องการความรักจากที่หนึ่ง ที่หนึ่งก็ต้องให้ แม้ว่าแพร์จะตายไปแล้ว ไม่มีทางสมหวัง แต่พี่ก็อยากให้ที่หนึ่งรักลูกแพร์ รู้สึกผิดก็ได้ จมอยู่กับความผิดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ดีใหญ่ ให้เศร้าให้ตายไปเลยก็ดี แต่ว่า...มันแค่ความคิดช่วงแรกนั่นแหล่ะ”
“พวกเราไม่ใช่เด็กกันแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ตื้นลึกอะไรมากไปกว่า ความผิดหวังและการรับมือกับความผิดหวังที่ผิดวิธี”
“แพร์ผ่านด่านทดสอบนี้ไม่ได้ แพร์ก็ต้องแพ้”
“เมื่อก่อน พี่เคยคิดว่าแค่ที่หนึ่งมันไหลตามน้ำไปก่อน ประวิงเวลาให้แพร์หน่อย ค่อยๆ อธิบาย แพร์คงไม่ตายจากไปแบบนี้”
“แต่ในมุมของที่หนึ่ง มันก็ไม่ใช่อัศวินของโลกที่ต้องรับหน้ากอบกู้ความรู้สึกเด็กผู้หญิงคนนึงสักนิด แพรอ่อนแอเกินไปเอง และเลือกเองที่จะแพ้ในแบบที่ไม่มีทางแก้มือ”
“กว่าจะทำใจให้มองที่หนึ่งแบบเป็นกลาง พี่ใช้เวลาเป็นปีๆ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกันมาร่วม 20 ปี”
“พี่เลวกับเพื่อนมาก สมแล้วที่แฟนมันด่าพี่สะเสียหาย”

“มีคนด่าพี่โป๊ะได้ด้วยหรอ?”

“อืม เพิ่งปรากฏไม่กี่ปีมานี่แหล่ะ” เขาพูดจบก็อมยิ้ม  และเมื่อเขาอิ่มเอมใจกับความรู้สึกที่ตัวเองสามารถผ่านวิกฤตทางความคิดช่วงถูกพายุรบกวนแล้ว นายมือโปรก็หันมาจ้องผมแทน

“เอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่แล้วครับ”

“พวกสลัดละกัน จะได้เล่าเรื่องของวินคล่องๆ” ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นลูกวัวถูกล่อเจ้าคอกยังไงยังงั้น!

ผมขมวดคิ้วมองผู้ชายหน้าเข้มเคี้ยวบล็อกโครี่ลอยหน้าลอยตา การพูดถึงเรื่องราวที่เป็นตัวการในการกักความเศร้าไว้ในใจ มันทำหน้าสลอนสู้แอร์แบบนี้ได้ด้วยหรอวะ?

“เรื่องวินก็ไม่มีอะไรมาก”

“มากสิ ตั้งเยอะแยะที่วินไม่เคยพูด”
“เอาเป็นว่า เรื่องแฟนที่ตายไป เรื่องแรก”

“พูดงี้คือต้องมีเรื่องที่สอง เรื่องที่สามหรอ? งั้นไม่เล่า เลิก ไม่ดีล”

“อย่ามาขี้โกงไอ้ยุ่ง”
“เล่าเลย แลกกัน”

ทำไมผมรู้สึกเสียเปรียบ ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะเปิดเผยเรื่องรราวตัวเองกับคนอื่นง่ายๆ แต่กลับต้องมานั่งพูดเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงให้คนแปลกปลอมฟัง ตลกจัญไร!

“เร็วดิ” มีสิทธิ์ไรมาเร่งกันเนี่ย ไอ้เจ้าเล่ห์ ผมเบ้ปากใส่แล้วก็สั่งน้ำเปล่ามาดื่มเพิ่ม

“ก็ เคยเป็นแฟนกันแล้วก็เลิกกัน แล้ว...ก็ตาย แค่นี้”

“โหยยยยยยยย”
“นี่ถ้าเอาพลอตไปทำหนังแม่งได้ไตรภาคเลย ประชดครับ ผมพูดไปตั้งมาก คุณเล่าของคุณแค่นี้ไม่ยุติธรรมเลย เอาใหม่!” เหอะ มีสั่ง เออ! กูเล่าเพิ่มก็ได้!

“ก็... คบกัน แล้วก็เลิกกัน เขาก็เลยตาย”
“เรื่องมันก็เท่านี้แหล่ะ”

“ตายเพราอะไร เพราะเลิกกัน ผู้หญิงเขาเลยเลือกจะตายรึเปล่า แล้วชื่อไร แฟนน่ะ”

“ฮื้ออ พี่แม่งขี้เสือกว่ะ”
“ชื่อรินนา นฤมิตรศิล....” ผมยั้งประโยคตัวเองไว้แล้วก็ถอนหายใจ นานแล้วที่ไม่ได้พูดเรื่องรินนากับใคร ไม่เคยระบายกับใคร ไม่เคยขอคำอธิบายหรือคำปลอบใจจากใคร ทำไมผมต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้งต่อหน้าไอ้เหี้ยเจ้าเล่ห์มีเสน่ห์แต่ขี้เสือกตัวนี้ด้วยวะ
“ชื่อรินนา”

“ทำไมเขาถึงตายหรอ?”

“เพราะวินบอกเลิกเขา ทั้งที่เขาบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน วินก็ยืนยันว่าขอเลิก เขาก็เลยเลือกจะตาย”

“...............”

“เท่านี้แหล่ะ”

“ทำใจนานมั้ย ว่าจะยิ้มได้อีกครั้งน่ะ” เขาถามเสียงแผ่วลง ไม่ได้ใช้สายตาหรือน้ำเสียงบังคับให้ผมพูดเหมือนเมื่อกี้ แต่ผลที่เกิดขึ้นในใจผมกลับตรงกันข้าม เมื่อไม่ถูกบังคับก็ควรจะไม่อ้าปากพูดตามที่เคยชิน แต่ผมกลับเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บไว้ลึกๆ ให้เขาได้รู้

คงเพราะใจผมมันรู้สึกได้ว่า ‘เรา’ มีบางอย่างที่คล้ายกัน

“จนตอนนี้ วินก็ยังทำใจไม่ได้”
“ไม่ใช่ทำใจที่ไม่ได้เรื่องที่เขาตาย แต่ทำใจรับไม่ไหวกับการเป็นต้นเหตุให้เขาตาย”
“มันชั่วมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

“เหล้ามั้ย?”

“ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว”

“หมายถึงกินเหล้า สั่งให้เอามั้ย เดี๋ยวพี่ดูแลเอง”

“มันไม่ช่วยหรอก”

“มันเป็นการถ่ายเทความรู้สึกทางอ้อม”
“ก็เหมือนการได้พูด ได้ร้องไห้ คร่ำครวญ ด่าทอ”
“มันเป็นหนึ่งในข้ออ้างของคนที่สภาพจิตใจอ่อนแอ ดื่มเถอะ เอาให้ตายกันไป อ้วกแตกบ้าบออะไรก็ช่าง แล้วพอตื่นมาพรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะบอกวินว่าเมื่อวานนี้มันจบไปแล้ว”
“มันจบไปแล้ว” เขาวางมือทับหลังมือผม เรามองตากันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายมองสลัดผักที่ความสดเริ่มจางหายสู่อากาศในห้องแอร์

“พี่โป๊ะมีสูตรลืมด่วนมั้ยล่ะ” เขาอมยิ้มแล้วตบหลังมือผม 2-3 ที แล้วก็เรียกบริกร

ผมล่ะอยากเอาไปอวดไอ้โอมจริงๆ ว่าพี่ที่มันรักนักหนาชงเหล้าให้ผมดื่ม เขาชงเข้มปิ๊ด ใส่โซดานิดเดียว แต่โปะน้ำแข็งเยอะมาก ผมจิบอึกแรกก็เบ้หน้า แต่พอนั่งนิ่งสักพักแล้วยกขึ้นดื่มครั้งใหม่ มันกลับกลมกล่อมขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย

จานอาหารตรงหน้าไม่มีแล้ว มีแต่เครื่องดื่มของผมกับเขา โทรศัพท์ของผมที่เอามาวางบนโต๊ะ และบุหรี่ของเขา ส่วนเจ้าของบุหรี่นอกซองนี้เดินไปคุยโทรศัพท์นอกร้านครับ ผมเดาว่าน่าจะเป็นธุระเรื่องงานเพราะสีหน้าเขาตอนรับที่รับโทรศัพท์ครั้งแรกดูเคร่งเครียด
พอเห็นเป้าหมายเดินกลับมา ผมก็ดูเวลาบนข้อมือทันที

“ง่วงแล้วหรอ?” การดูนาฬิกาข้อมือแปลว่าง่วง? นายมือโปรนี่ท่าทางจะไม่ค่อยได้ใช้เหตุผลในชีวิตเท่าไหร่ ตรรกะดูประหลาดชอบกล

“ไม่ได้ง่วงครับ วินว่าดึกแล้ว เรากลับกันเถอะ”
“หรือพี่โป๊ะจะให้ไปส่งที่ไหนก่อนครับ”

“ไม่ๆ เดี๋ยวพี่ขับไปส่งที่บ้านเอง เราดื่มไปนี่ อย่าขับรถเลย อันตราย”
“เช็คบิลเลยนะ”

“ครับ เอ่อ ขอบคุณครับ”

“เลี้ยงเด็กคนเดียว สบายมาก” เขาพูดหยอกแล้วก็เรียกบริกรมาคิดค่าอาหารมื้อนี้ เบาๆ ครับ สามพันกว่าบาทเท่านั้นเอง

“อื้ม วินยังไม่ได้เล่าเรื่องที่สอง กับเรื่องทีสามเลย”

“อะไร พี่โป๊ะยังเล่าเรื่องเดียวเลย”

“งั้นระหว่างทางพี่เล่าอีกเรื่อง ถึงบ้านแล้ววินเล่าอีกเรื่อง ดีมั้ย”

“ไม่อ่ะ วินไม่อยากรู้เรื่องอะไรของพี่แล้ว”

“แต่พี่อยากบอกอีกตั้งหลายเรื่อง ฟังแล้วก็เรียบเรียงเรื่องของตัวเองไว้ด้วย จะได้เล่าให้พี่ฟังได้ยาวกว่านี้”

นี่ผมไปตกลงกับเขาตอนไหนวะ?
เพื่อตัดรำคาญและเร่งเวลากลับบ้าน ผมจำใจพยักหน้าส่งๆ แล้วเดินลิ่วไปรอที่รถตัวเองทันที ซึ่งเขาก็รู้หน้าที่ดีครับว่าต้องขับรถให้ผมนั่ง ฮ่าๆๆ

นายมือโปรทำตามที่บอกเป๊ะเลย
พอขึ้นรถปุ๊บ เขาก็เล่าเรื่องเพื่อนของเขาให้ฟัง ซึ่งประกอบไปด้วย พี่ที่หนึ่ง พี่ผู้นำ พี่พีช แกงค์เขามีกัน 4 คน รู้จักกันตั้งแต่ประถมยันม.ปลาย จบแล้วก็แยกย้ายเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ยังสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง คนที่นายมือโปรสนิทที่สุดก็คือ พี่ที่หนึ่งครับ เขาบอกว่าพี่ที่หนึ่งเป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนนอยด์ในเวลาเดียวกัน เพราะพี่ที่หนึ่งเป็นที่หนึ่งไปซะทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องหน้าตา กีฬา นิสัย ฐานะ พี่โป๊ะบอกว่า สิ่งเดียวที่เขาชนะพี่ที่หนึ่งเสมอก็คือความกวนส้นตีน ผมยังไม่เคยเจอเพื่อนเขาเลยสักคน แต่ผมก็เชื่อว่านายมือโปรนี่น่าจะกวนตีนที่สุดแล้ว

เขาเล่าว่าตัวเขาเป็นมนุษย์หลังห้อง นั่งคู่กับพี่ที่หนึ่ง เพราะหัวสูงกันทั้งคู่ ส่วนด้านหน้าคือพี่ผู้นำ นั่งกับเพื่อนอีกคน พี่พีชมักจองที่ริมหน้าต่างเพราะชอบนั่งเหม่อมองวิวอะไรเรื่อยเปื่อย
คนที่ตั้งใจเรียนที่สุดคือพี่ผู้นำ และเมื่อไหร่ที่พี่ผู้นำเรียนไม่รู้เรื่อง อีก 3 คนก็จะเรียนไม่รู้เรื่องตามไปด้วย ถูกแล้วครับ พี่ผู้นำมีหน้าที่เลคเชอร์ให้เพื่อนฟังอีกที ส่วนเวลาสอบนี่พี่โป๊ะอาศัยอารมณ์ อารมณ์ดีก็เกรดดี ช่วงไหนสาวทิ้งก็คะแนนตก พี่ที่หนึ่งอาศัยว่ารู้หน้าที่ แม้ในห้องจะเรียนไม่ข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ถ้าถึงคราวสอบเมื่อไหร่ก็จะเป็นที่หนึ่งเสมอ พี่ผู้นำทำตามความสบายใจตัวเองครับ อยากคะแนนดีก็ตั้งใจ ช่วงไหนชิลๆ ก็คะแนนดีแบบธรรมดา พี่พีชนี่แล้วแต่เพื่อนเลยครับ ถ้าช่วงก่อนสอบขลุกอยู่กับพี่ที่หนึ่งเยอะก็จะคะแนนดีขึ้นผิดหูผิดตา แต่ถ้าช่วงไหนขลุกอยู่กับพี่โป๊ะก็จะห้าวเป้ง ไม่สนว่าพรุ่งนี้จะสอบ บอลสำคัญกว่าเสมอ เท่าที่จับใจความได้ก็ประมาณนี้

“หมอนำนี่เปิ่นสุดแล้วก็สาวๆ ชอบเยอะสุด แต่มันไม่ค่อยรู้ตัวหรอก หมอนำมันมองเฉพาะสิ่งที่มันสนใจ ติ๊สแตก”

“พูดเหมือนตัวเองปกติเลยนะครับ” ผมแหย่เขาเบาๆ แล้วก็ถูกคนขับรถผลักหัวเอา กูมึนนะเว้ยครับ!

“แล้ววินล่ะ มีเพื่อนเยอะมั้ย”

“มีโอมคนเดียวก็พอแล้วครับ” ผมบอกแล้วหัวเราะตัวเองอยู่คนเดียว นายมือโปรอาจจะคิดว่าผมกำลังคิดถึงเรื่องตลกๆ ของไอ้โอมก็เลยหัวเราะ ผมไม่บอกเขาหรอกว่าเขาเดาผิด ผมหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ต่างหาก

“อืมมมม”
“มีคนเดียวแต่รู้ใจกันทุกเรื่องก็พอ พี่คิดแบบนี้นะ”

“วินก็คิดเหมือนกัน”

“นับว่าวินเป็นคนฉลาดขึ้นมาเลยทีเดียว” คุณมึงอยากอวยตัวเองก็ทำเถอะครับ อย่าเอากูเป็นข้ออ้างเลย อิโธ่! ผมยักไหล่ไม่สนใจคำเยินยอตัวเองของเขา แล้วก็นั่งตอบคำถามที่เขาถามซ่อกแซ่กไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวมั้ยว่าเมื่อวกเข้าเรื่องส่วนตัวของผมเมื่อไหร่ นายมือโปรไม่เคยได้คำตอบจากผมเลย

เขาส่งผมถึงตัวบ้าน จอดรถให้เสร็จสรรพก็เดินกลับไปปากซอยเพื่อเรียกแท็กซี่ไปส่งที่คอนโด อืม เขาก็มีน้ำใจดูแลผมตั้งแต่เย็นจนดึก และผมก็ไม่ใช่คนแร้งน้ำใจ ซ้ำยังไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครอีก ก็เลยให้เขาขับรถผมกลับคอนโด แล้วค่อยขับมาคืนที่มอในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพราะยังไงๆ ระหว่างอาทิตย์ผมก็ไม่คิดออกเตร่ที่ไหนอยู่แล้ว

“งั้นก็...ฝันดีนะวิน”

“อ่อ...ครับ” ผมยิ้มรับคำอวยพรก่อนตีหนึ่งนี้ไว้ แล้วก็กลับเข้าบ้านและอาบน้ำนอนทันที...ยอมรับก็ได้ว่ากลัวน้ำมันจะชะคำอวยพรนั้นไปจากรูหูเสียก่อน


#### @ D A W N  #####

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2015 22:15:34 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน6(04-01-15)
«ตอบ #34 เมื่อ04-01-2015 15:34:56 »

“ไอ้วินนนนนนนนนนนน!!!” เช้าวันนี้ เสียงนาฬิกาปลุกแปลกประหลาดชิบหาย ผมงัวเงียตื่นอย่างหงุดหงิดเพราะรู้สึกนอนไม่เต็มตา ซาตานผมยาวยื่นหน้ามาจ้องผมจนสะดุ้งเมื่อสบตากับมัน

“ห่าอะไรเนี่ย! ไปไกลๆ กู”

“มึงทำไรพี่โป๊ะของกู”
“ให้เขาแดกน้ำลายมึงหรอ? ทำไมเชื่องมึงขนาดนี้”
“กูไปหาที่คอนโดตั้งแต่เช้า พี่โป๊ะแม่งเอาแต่พูดถึงมึง”
“มึงทำอะไรเขา บอกกูมา!”

เป็นชุดเลย ตอบไม่ทัน ฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ ไอ้ห่านี่ไม่รู้รึไงว่าผมเพิ่งตื่น

“ห๊ะ?” ผมถามกลับสั้นๆ ไอ้หมาโอมก็แล่นมาตีตูดผมหลายป้าบ มันหิ้วคอผมไปโยนไว้ในห้องน้ำแล้วก็ออกคำสั่ง

“ล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปแดกข้าวเช้า  สำรับคุณชายวินพร้อมแล้ว เร็ว!”

“มึงหิวก็กินก่อนดิ ทำไมต้องมาตวาดกูแบบนี้ กำลังหลับสบาย”

“มึงนี่ก็นะ น่าเตะจริงๆ ทำไมไม่ล๊อคบ้านวะ นี่ถ้าใครเขารู้ก็มาปล้นไปหมด”

“เอาไปดิ บ้านไม่มีไรเลย”

“เกิดมันเอาตัวมึงล่ะ ไอ้ห่านี่ ยิ่งหน้าตาน่ารักอยู่ เร็วๆ ล้างหน้า!” เป็นพ่อกูรึไง! ผมขมวดคิ้วด่ามันแต่ก็เดินหาวเข้าห้องน้ำแต่โดยดี

“พี่โป๊ะนะมึง พูดถึงมึงอย่างเดียวเลย ถามกูเรื่องมึงใหญ่เลย เรื่องรายละเอียดตัวมึงอ่ะ ถามไปถึงเรื่องรินด้วย”

“แล้วมึงตอบว่าไง”

“มึงก่อนเถอะ เขารู้เรื่องรินได้ไง เขาบอกมึงเล่า กูล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หมาปากหนักอย่างมึงหรอจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง”

“กูเล่าเอง” พูดจบ ไอ้โอมก็อ้าปากค้าง มันเดินแบกหน้าตื่นตะลึงมาหาผม ได้ระยะก็ตะปบแก้มดังแป๊ะลั่นเลย!

“อะไร! เจ็บนะเว้ย” ผมโวยวายแล้วลี้หน้าหนีมัน แต่มือมันก็ยังตามแก้มผมอยู่ ไอ้ห่าโอมประสาทกลับ!

“มึงเล่าเรื่องรินให้พี่โป๊ะกูฟังหรอ? เฮ้ยวิน! กูดีใจที่มึงพัฒนาแล้ว โลกของมึงหมุนทันโลกคนอื่นแล้วใช่มั้ยวะ”

“โอมอย่าเวอร์”
“มันก็แค่เรื่องบังเอิญ”
“กูไปวัดมาเมื่อวานกับพี่รุตต์ ไปทำบุญให้ริน แล้วบังเอิญเจอพี่โป๊ะ เขาก็มาทำบุญให้ผู้หญิงของเขาเหมือนกัน”
“พอเจอกัน เขาก็เลยถามเรื่องของกู แล้วก็เล่าเรื่องของเขาให้กูฟัง แค่นั้นแหล่ะ!”

“หรอ? เออๆ ก็ยังดีวะ”
“ไปแปรงฟันดิ จะได้กินข้าวกัน กูหิว”

“เขาจัดมากี่ที่ พอรึเปล่า”

“ปกติเขาก็ทำเผื่อมึงมีแขกมาเยี่ยมทุกวันอยู่แล้วนี่” ไอ้นี่มันเถียงถูกจุดซะด้วย ผมขยำหัวตัวเองเข้าห้องน้ำอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดขวางการนอน แต่เพราะเป็นไอ้โอม ผมจะไม่ลงโทษผู้บุกรุกทำลายฝันของผมในวันนี้

ไอ้ตัวพูดมากไม่ได้ขอให้ผมสระผมให้มันเหมือนปกติ แต่วันนี้มันขออย่างอื่นครับ
“วันนี้มึงต้องไปไหนมั้ยวิน”

“ไปร้านกาแฟท่าพระจันทร์”

“ไม่เอียนต่ายห่าหรอวะ เท่ากับว่ามึงต้องไปที่นั่น 7 วันต่ออาทิตย์เลย”

“อืม ก็เอียน แต่กูรับค่าจ้างเขาแล้วนี่ เงินก็ดีด้วย มึงไม่ดีใจหรอที่กูมีงานทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไง มึงพูดออกบ่อย” ผมเหน็บมันกลับในประเด็นที่มันชอบหยิบมาว่าผม ไอ้โอมยักไหล่ระหว่างล้างจานอยู่หน้าซิงค์ ส่วนผมก็ยืนดื่มนมอยู่ใกล้ๆ หมดแก้วแล้วจะได้ให้มันล้างเลย

“ก็ดีแหล่ะ”
“งั้นวันนี้ กูไปร้านกาแฟกับมึงดีกว่า ต้องไปเปิดร้านกี่โมง”

“จริงๆ พี่โป๊ะก็ให้ไปเปิดแต่เช้าแหล่ะ แต่มึงก็เห็นว่ากูตื่นได้เช้าสุดเท่านี้แหล่ะ กว่าจะนั่งเรือไปถึงก็สัก9โมงกว่า แต่อย่างว่า กาแฟ เครื่องดื่มเบาๆ พวกนี้กินเมื่อไหร่ก็ได้นี่เนอะ” ไอ้โอมพยักหน้าเห็นด้วยกับผม มันจัดแจงขึ้นไปที่ห้องนอนผมแล้วก็เลือกชุดให้ใส่ มันบอกว่าถึงจะเป็นลูกจ้างเฝ้าร้านให้เขา แต่ก็ไม่มีใครรู้นี่ว่าผมเป็นลูกจ้าง เพราะฉะนั้นก็จงแต่งตัวเสมือนว่าเป็นเจ้าของร้านเสียเถิด ไม่รู้ตรรกะห่าเหวอะไรของมัน แต่มันวางอะไรไว้ให้ผมก็หยิบใส่ได้แบบไม่เรื่องมาก
หมาโอมบ่นยกใหญ่ที่ต้องนั่งเรือไปท่าพระจันทร์ ไอ้ห่านี่น่าถีบให้ตกเจ้าพระยาจริงๆ มันหาว่าผมโง่ที่ได้รถมาก็ไม่ยอมขับ ด่าว่าจมปลัก ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าเหมือนน้องควายไถนาซะหน่อย
“โอมมมม” ผมเรียกมันอย่างอ่อนใจ เพราะมันยังไม่หยุดบ่นเสียที ไอ้เพื่อนตัวดีมองผมแบบกวนตีนแล้วก็เชิดหน้าพร้อมสั่ง “แก้ตัวมาเลยสัด”
“กูไม่ได้กลัวการขับรถเองหรือกลัวอะไรปัญญาอ่อนแบบที่มึงกำลังคิดหรอก”
“แต่รถไม่ได้อยู่ที่กู”

“แล้วมันไปเดินเล่นแถวจตุจักรกับสาวแถวไหนล่ะ?”

“มันไปบริการพี่สุดที่รักมึงนั่นแหล่ะ เมื่อวานเขาไม่ได้เอารถไปวัด ก็เลยมารถกู ส่งกูที่บ้านแล้วก็ขับกลับคอนโด”

“เฮ้ย! มีแชร์รถกันด้วยหรอ? เฮ้ย! มึงกับพี่โป๊ะนี่ยังไงวะ?”

“สันขวานนะมึง ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็จะตีหนึ่งแล้ว แล้วกูก็ได้ยินเขาร่ำๆ ว่าไม่ชอบขึ้นแท็กซี่ กูก็เลยให้เขาขับรถกูกลับไป”

“อ่ออ อย่าให้รู้นะเมิงว่ามีไรลับหลังกู”

“ทำไมวะ?” ผมถามพาซื่อ ไอ้โอมหันมองหน้าผมแล้วก็เงียบใส่ แต่มือมันกลับยื่นคำตอบมาให้ด้วยการอ้อมโอบไหล่ผมแล้วก็ขยี้หัวเบาๆ
...แต่ผมแปลภาษากายของมันครั้งนี้ไม่ออก...

ถึงเสียที ท่าพระจันทร์แสนลั้ลลา ผู้คนไม่ได้ขวั่กไขว่มากถึงขั้นคาดหวังในกำไรจากการขายกาแฟแก้วละ 75 บาทได้หรอกครับ แต่คนทำร้านเขาคงรักบรรยากาศมันน่าดู
เพิ่งเมื่อวานนี้เอง ที่ผมจงใจผ่านมาดู แต่บังเอิญได้เห็นเจ้าของร้านนี้เขารำลึกความหลังกับอดีตของเขา ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้โอมฟัง ไม่ได้บอกพี่โป๊ะด้วยว่าผมเสร่อมาเห็นความเปราะบางของหัวใจเขา ผมคิดว่าผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้จนวันตาย
เสียงกริ๊กจากแม่กุญแจทำให้ไอ้โอมเต้นเร่าๆ อย่างตื่นตัว ผมเลยต้องหันมองมันด้วยความพิศวง
“เป็นไรวะ?”

“มีห้องน้ำในตัวใช่ป่าว ปวดฉี่”

“เออ ไปดิ” ผมส่ายหน้าระอา และออกแรงผลักประตูไม้บานพับเต็มกำลัง เมื่อมันเข้าที่เข้าทางแล้วก็ผลักประตูร้านเข้าไป จัดการเปิดแอร์ ยกเก้าอี้ลงจากโต๊ะแล้วก็กระโดดขึ้นนั่งหลังเคาน์เตอร์ทันที
เครื่องชงกาแฟตั้งตระหง่านอยู่ด้วยกิริยาเรียบร้อย และผมก็เชื่อมั่นใจสมองตัวเองมากว่า ผมสื่อสารกับไอ้เครื่องนี้ไม่รู้เรื่อง
แล้วนี่เมื่อไหร่ทรายจะมา?
ผมเอียงหน้ามองหาเบอร์โทรศัพท์ทราย เผื่อว่าพี่โป๊ะจะจดแล้วแปะๆ ไว้หลังเคาท์เตอร์ แล้วก็เจอครับ
ผมใช้โทรศัทพ์ภายในร้านโทรหาเธอ รอไม่นานก็รับสาย ดูเหมือนทรายจะเมมเบอร์ของที่ร้านนี้ไว้ด้วย
“ค่ะพี่โปร ทรายอยู่เซเว่นหน้ามอนี่เอง แป๊บนึงนะคะ ขอซื้อไข่ต้มแป๊บนึง”

“อ่ะ อ๋อ อืม ตามสบาย”

“นั่นใครคะ? ไม่ใช่พี่โปรหรอ? วินหรอ? เราใกล้ถึงแล้ว ไม่ต้องห่วง”

“อ้อ อือ ตามสบาย” ผมบอกคำเดิมแล้วก็วางสาย ไอ้โอมฉี่เสร็จพอดี มันเดินมาขยุ้มแก้มผมแล้วก็แกล้งผมด้วยคำว่า ‘ของขวัญวันทำงาน กูไม่ล้างมือที่จับจู๋เพื่อมึงเลยเพื่อน!’ ไอเหี้ยยยยยยยยย!! สถุนเป็ด!

“แหมๆ ทำรังเกียจ มีคนใหม่แล้วล่ะสิถึงได้ลืมพี่โอมคนนี้ น้องวินช่างหัวใจเถื่อนเหลือเกิน” ห่าเหวอะไรของมันอีกเนี่ย ผมกระโดดลงจากโต๊ะแล้วยืนหมุนตัวตามจังหวะการเดินรอบตัวผมของมัน ไอ้โอมล้วงกระเป๋า ค้อมหลัง ทำปากเบี้ยวๆ เหมือนคาบซิกก้าแล้วก็พูดแซวผม
“สาวน้อยร้อยกิโลของพี่โอม พอมีชายอื่นมาหมายตาก็แร่ดเชียวนะ”

“เหี้ย! ไม่มีเถอะ”

“ไหนจะเฮียรุตต์ผู้ซื่อสัตย์เป็นหมาหลงเงากล่องนมบูดในน้ำคลำ แล้วยังมีเฮียโป๊ะคนเฟี้ยวเงาะอีก”

“ฮ่าๆๆ เฟี้ยวเงาะนี่คือไรวะ นึกภาพไม่ออก” ผมขำคำที่มันเลือกใช้ ไอ้โอมเองก็หัวเราะ แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นเป็นจิ๊กโก๋ตัดพ้อสาวอยู่

“ตัวกระพี่เนี่ยก็ไม่มีอะไร” กระพี่คืออะไร? คืออีกรูปหนึ่งของกระผมใช่มั้ยวะ ไอ้โอม! ไอ้เมาน้ำกร่อย!
“กระพี่มีแค่หัวใจ.... ที่มันปรารถนาให้น้องวินคนงามเจอความสุขสักที”

“............” ผมหยุดหัวเราะ หยุดหมุนตามมัน เพราะมันหยุดเดินวนรอบตัวผม ไอ้โอมเอามือออกจากกระเป๋า ท่าทางจิ๊กโก๋ของมันหายไป จะมีก็แค่โอมที่ยืนมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้ แต่ทำไมตามันเศร้าจัง

ปีก!
ผมสะดุ้งและหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเพราะคิดว่าลูกค้าเข้าร้าน ผมใช้ไอ้เครื่องนั่นไม่เป็น มาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรบริการหรอกครับ แต่ผิดคาด คนที่เปิดประตูเข้ามาคือทรายครับ
เธอเดินงงๆ มายังผมและโอม เจ้าหล่อนชี้ไปที่โอมแล้วก็เลิกคิ้วถามผม
“อ๋อ ทราย นี่โอม เพื่อนเราเอง”

“หวัดดีค่ะโอม ทรายค่ะ”
“น่าจะรุ่นๆ เดียวกันเนอะ”

“ครับ ทรายคนงาม” อีโธ่! ไอ้จิ๊กโก๋ขี้หลี

ในร้านเจือด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ ทรายอยู่หลังเคาท์เตอร์เหมือนผม แต่กลับพูดคุยกับไอ้โอมที่ทำตัวเป็นลูกค้า นั่งโต๊ะติดกำแพงอย่างสบายอกสบายใจ ทรายชงกาแฟฟรีให้มันกินด้วย ทั้งยังทำขนมปังเนยให้อีกต่างหาก มีงจะคุณชายมากไปแล้วโอม ตังค์ก็ไม่จ่าย มันบอกทรายว่า มันเป็นน้องรักของพี่โป๊ะ เพราะงั้น ทำบัญชีแดกฟรีในชื่อมันรอไว้เลย
เจ้าหล่อนเป็นคนหัวเราะเก่ง ยิ้มเก่ง พูดเก่ง
เธอเป็นผู้หญิงที่นิสัยผู้หญิงจริงๆ ครับ ชนนั่นก็อุ้ย กระแทกนั่นก็โอ้ย และด้วยผิวที่ขาวจัดทำให้สีหน้าเธอปรับเปลี่ยนเร็วตามความรู้สึก เวลาอายนี่ผมมองแป๊บเดียวก็รู้ เพราะขยุ้มแก้มมันฝาดขึ้นมาชัดเจน

เที่ยงกว่าแล้ว ผมมองนาฬิกาแล้วก็เตรียมลุกไปหาอะไรกินตอนเที่ยง แต่ไอ้โอมเสนอตัวจะไปซื้อมาให้ จริงๆ ก็น่าสนใจ แต่ผมว่ามันยุ่งยาก ร้านเราขายของกินเบาๆ กลิ่นหอมของเนย นม โกโก้ กาแฟ ไม่คาวเหมือนกลิ่นอาหาร อย่าให้กลิ่นมาตีกันดีกว่า ผมก็เลยสรุปความว่า

“เราผลัดกันไปกินก็แล้วกัน คนละชั่วโมง”

“ของทรายแค่ครึ่งชั่วโมงก็พอ แล้วโอมกับวินก็ไปกินด้วยกัน จะได้ไม่เหงาไง”

“แล้วทรายไม่เหงาหรอครับ กินข้าวคนเดียว”

“เราชินแล้วน่ะ” เธอตอบพลางยิ้มให้ เพิ่งสังเกตว่าทรายมีลักยิ้มใต้ตาด้วย น่ารักดีแฮะ

“ไม่ได้นะทราย เป็นผู้หญิงจะมาชินกับความเหงานี่ไม่ควร”
“เอางี้ ทรายไปกินกับโอม ให้ไอ้วินไปคนเดียว ไอ้นี่มันรักสันโดษ ไม่ต้องห่วงมันหรอก”

“แต่...”

“ไปกันเถอะ” ใครตกลงกับมึงหรอโอม กูเห็นมึงเอออออยู่คนเดียว ทรายหันมองผมอย่างเกรงใจ คงเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าผมเป็นคนคุมร้าน ส่วนเธอเป็นลูกจ้างระดับปฏิบัติการ ก็เลยต้องขออนุญาตจากผมก่อน ผมก็เลยใจดีพยักหน้าส่งเสริมการกระทำของไอ้โอมไปส่งๆ
และผมก็ได้อยู่กับความเงียบอีกครั้ง

RRRRRRRRRR
โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น คนที่โทรมาก็คือนายมือโปร

“ครับพี่โป๊ะ”

“กินข้าวรึยังวิน พี่ซื้อเข้าไปให้แล้วนะ รอก่อน”

“อ่อครับ พอดีเลย ขอบคุณครับ วินก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน”


ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องกินข้าวคนเดียวในมื้อนี้



Cut


ว้าวววววววว ตอนนี้มาต่อเร็วมากกกกกก
หยุดงานวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับเข้าสู่ระบบจักรวาลกันอีกครั้ง หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะเต็มพลังชีวิตกันได้เต็มที่จากวันหยุดนาวที่ผ่านมานี้นะคะ

มาฝ่าฟันกันต่อไปในปี ๒๕๕๘ นะคะ
ถ้าหมดพลัง ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ก็นั่งอ่านนิยายเราได้ น่าจะช่วย(?)ได้บ้าง ฮ่าาาา

ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขค่ะ  ^__^

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #35 เมื่อ24-01-2015 23:05:50 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 7

 

ผมเพิ่งรู้ว่าการหาวมันน่าหัวเราะ ลูกค้านักศึกษาหันใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอไปทางอื่นหลังจากที่ผมหุบปากแล้วลืมตามองโลกอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันน่าหัวเราะตรงไหน แต่ผมก็ตั้งกฎให้ตัวเองไว้ว่าจะไม่หาวต่อหน้าลูกค้าอีก ครั้งต่อไปผมจะรีบหันหลังหลบสายตาผู้คน จะได้ไม่โดนหัวเราะ

“วิน เสิร์ฟให้หน่อยได้มั้ย” ทรายขอร้องแบบไม่ให้ปฏิเสธ เพราะเธอเล่นยื่นแก้วกาแฟร้อนๆ และจานใส่ขนมปังปิ้ง ปาดเนยและแยมไว้ตรงขอบมาตรงหน้าผมพอดี
ผมทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำตามที่เธอสั่ง ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ผมทำเป็นอย่างเดียวจะมีแค่การคิดเงินเท่านั้น ลูกค้าโต๊ะที่หัวเราะผมพูดขอบคุณแล้วก็เงยหน้ามองผม

“พี่ชื่ออะไรคะ?”

“วินครับ”

“พี่วินน่ารักอ่ะ มีแฟนรึยังครับ”

“คนล่าสุดที่ถามผมแบบนี้ตายไปแล้ว” ผมตอบตามความจริงนะครับ ไม่ได้ยียวนเธอเลย แต่น้องนักศึกษาเขาทำหน้าเหวอใส่ผม แต่พอเพื่อนในโต๊ะเขาส่งเสียงแซวเธอก็เกาะแขนผมเพื่อรั้งไว้แล้วก็บอกให้ผมงงเล่นๆ ว่า

“แรงอ่ะ แต่หนูชอบ ไว้มาเป็นลูกค้าประจำพี่วินดีกว่า เผื่อมีคนมาถามอีก หนูจะได้รู้คำตอบโดยไม่ต้องตาย” เอาเถอะครับ สบายใจยังไงก็ทำแบบนั้น
ผมยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้ แต่เพื่อนเธอกลับส่งเสียวแซวหนักว่า “งู้ยยยยย ยิ้มยิ่งน่ารักอ่ะแกกก เอามาให้ได้นะ”
อื่มมมม อยากจะหันไปบอกจังว่าผมไม่ใช่ของเล่นริมทางนะ จะมาจับมาจองกันง่ายๆแบบนี้ป้าสุไม่ยอมหรอกครับ

“วิน ขนมปังหมด วิ่งไปซื้อให้เราหน่อยได้มั้ย” ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่าใครเป็นคนคุมร้าน 2-3 อาทิตย์มานี้ ทรายบอกว่าชีวิตทรายเริ่มเข้าที่ มีเวลาให้ร้านแบบเต็มที่มากๆ ผมก็เลยถามไปว่าก่อนหน้านี้มีเหตุจำเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้มีเวลาลดลงหรอ คำตอบของทรายก็คือ “หมาเราตาย แฟนก็บอกเลิก ชีวิตเลยเซไปนิดนึง”
ดูเหมือนว่า ทุกคนบนโลกนี้ต่างก็มีเรื่องต้องเจ็บต้องช้ำกันทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยังคงขวนขวายหาเส้นทางชีวิตที่มีความสุข

แล้วผมล่ะ? ทางเลือกคืออะไร ผมได้เลือกอะไรแล้วรึยัง?

“อ๊ะ ผงโก้โก้ด้วยดีกว่า” ผมชะงักความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเองไว้เมื่อเห็นซองไมโลบนเชลเตอร์ วันก่อนมีเด็กมาสั่งโกโก้ภูเขาไฟ และทรายดันบอกว่ามีเมนูนี้ ทั้งที่มันไม่มีเลยแท้ๆ ผมเลยโดนใช้ให้วิ่งโร่หาผงไมโลมาติดไว้ที่ครัวร้าน จากนั้นมา เราก็มีลูกค้าประจำเป็นน้องแจ แต่น้องไม่มีเงินมาจ่ายผมเลยสักวัน มีแม่ยังสาวที่ตามมาจัดการให้ตอนเย็นแทน

ผมซื้อขนมปังและไมโลแบบซองตามจำนวนที่คิดว่าจำเป็น กำลังจะจ่ายเงินก็มือลึกลับสอดของมากองไว้รวมกับของของผมด้วย

“โทษนะครับ คิวผม” ผมพูดดุๆ แล้วหันไปมองหน้ามนุษย์หน้าหนาตัวนี้ แต่หน้าที่เห็นกลับทำให้ผมพับคำด่าม้วนเก็บใต้ลิ้นไปทันที
“พี่โป๊ะ มาไงเนี่ย ไม่มาตั้งนานเลยครับ”

“ก็ไม่ได้มาตั้งนาน พี่คิดถึง ก็เลยมาหา” คิดถึงใครกันวะ?  ผมยอมรับว่ามีคำถามในหัวแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปหรอก ผมแค่ยิ้มรับรู้แล้วก็ดันขวดน้ำเปล่าของเขา รวมไปในของที่ซื้อเข้าร้านด้วย แบบนี้คงไม่งงตอนลงบัญชีเท่าไหร่นักหรอก...มั้ง
“วินออกมาซื้อของ แล้วใครอยู่ร้าน”

“ทรายไง”

“อ่อ แล้วโอมแวะมาหามั้ยวันนี้ พี่มีเรื่องคุยกับมันหน่อย”

“วินไม่รู้ มันไม่ได้บอกไว้ว่าจะมาวันไหน ไม่มาวันไหน แต่ถ้าพี่โป๊ะถามทราย น่าจะได้คำตอบ” ผมบอกใบ้ระหว่างรับเงินทอนแล้วสอดใส่กระเป๋าเสื้อวอร์มที่สวมติดตัวจนเคยชิน

“หมายความว่าไง โอมจีบทรายหรอ? เฮ้ย ไม่ได้!”

“ทำไมอ่ะ” ผมถามพาซื่อ ยอมรับด้วยว่าอยากรู้มากว่าทำไมโอมมันจะจีบทรายไม่ได้ ทรายก็น่ารักดี หรือว่า...
“พี่เก็บไว้กินเองหรอ” ผมถามตรงๆ เลยโดนเขาเอามือบี้ปากจนรู้สึกได้เลยว่ากำลังจูบฝ่ามือเขาอยู่ หนำใจเขาแล้วก็ลากผมออกจากร้านสะดวกซื้อ

“ไม่ได้กินเอง จะบ้าหรอวิน พี่ก็บอกไว้แล้วว่าอย่าให้ใครมากินกันในร้าน”

“โอมมันไม่ทำอะไรในร้านหรอก บ้านมันก็มี บ้านทรายก็มี ที่อื่นมีเยอะแยะ แล้ววินก็อยู่ร้านตลอด จะไปมีอะไรกันตอนไหน พี่คิดเวอร์”

“นั่นแหล่ะ จะจีบจะชอบกันก็ตามสบาย แต่ในร้านพี่ พี่ห้ามเด็ดขาด”

“ทำไมหรอครับ” ผมถามหาเหตุผลระหว่างหยุดรอพี่โป๊ะแวะร้านขายเสื้อยืดที่ท่าพระจันทร์

“ก็....” เขาลากเสียงยาวแล้วหยิบเสื้อตัวนึงมาทาบอกผมไว้ แล้วก็เปลี่ยนเป็นอีกตัว
“ก็พี่ไม่อยากให้ร้านมีมลทิน”
“ร้านกาแฟเป็นความฝันของลูกแพร์ เขาคงไม่ชอบถ้ามีใครมาทำเรื่องแบบนั้นในร้านเขา”

ผม....รู้สึกพูดไม่ออก และที่รู้สึกรุนแรงกว่าก็คือ ผมไม่ควรพูดอะไรทั้งนั้น

“พี่โป๊ะจะซื้อเสื้อหรอ? วินกลับร้านก่อนนะ ทรายรอขนมปังอยู่”

“ไปพร้อมกันสิ ซื้อได้แล้ว” เขาว่างั้นแล้วก็หยิบเงินจ่ายค่าเสื้อ สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ “อ่ะ ตัวนี้ซื้อให้วิน”

กู...ไม่ชอบ....ใส่เสื้อคอกลมครับมึง

“ไม่เอา”

“เฮ้ย ผู้ใหญ่ให้ของ ไม่ควรบอกว่าไม่เอา และควรยกมือไหว้ด้วยซ้ำ”
“รับไว้ดิ”

“วินไม่เอา เอาไปก็ไม่ใส่”

“ทำไม เหตุผลคืออะไร ไหนบอกมา”

“วินไม่ชอบใส่เสื้อคอกลม อึดอัด”

“ชอบใส่คอวี ว่างั้น”

“อือ”

“โชว์ร่องอกแห้งๆ น่ะหรอ?” เขาทำเสียงยียวนแล้วใช้สายตาไต่ตัวผมตั้งแต่หัวไหล่ยันหัวนม

“เออ!” ผมตอบประชดแล้วก็เดินกลับร้าน เขาไม่ได้ตามมาหรอกครับ คงเอือมผมเหมือนกันที่เอาแต่เถียง เขาชอบบ่นบ่อยๆ ว่าผมเป็นคนไม่น่ารัก ไม่น่าเอ็นดู

ทรายต้อนรับผมด้วยรอยยิ้ม และน้องนักศึกษาโต๊ะที่แซวผมก็ยังนั่งคุยกันจุ๊กจิ๊ก คนที่ถามว่าผมมีแฟนรึยังหันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรตอนที่ผมเดินหน้าบึ้งกลับร้าน เมื่อมีคนยิ้มให้ ผมก็ต้องยิ้มตอบแทน

“พี่วิน ขอน้ำเปล่าได้มั้ยคะ”

“ของซื้อของขายนะครับ”  นี่ผมไม่ได้ตอบนะครับ ผมไม่ใช่คนงก คนที่สอดปากตอบน่ะ นายมือโปร

“โหยยยยย” พวกน้องๆ เขาส่งเสียงประท้วงครับ นายมือโปรหัวเราะใส่แล้วก็โปรยเสน่ห์ใส่ว่า “แต่ถ้าน่ารักๆ กันแบบนิ้ พี่ก็บริการน้ำเปล่าฟรีครับ” เหี้ยเจ้าชู้หน้าตาประมาณนี้นี่เอง

ผมแอบเบ้ปากยู่หน้าแล้วก็ดันตัวขึ้นนั่งเก้าอี้สูงหลังเคาน์เตอร์ พอนายมือโปรบริการลูกค้าเสร็จก็มานั่งข้างๆ แล้วก็ยื่นหน้ามาดูหนังสือที่ผมกำลังอ่าน

“อ่านอะไร?”

“ทฤษฎีสื่อสาร”

“ภาษาอังกฤษหรอ ฉบับแปลอ่านรึยัง พี่เอามาให้แล้วนี่”

“อ่านจบแล้ว เลยมาหาออริจินัลอ่าน”

“เก่งนี่หว่า” เขาชมแล้วจับหัวผมโยกไปมา และแน่นอนว่าผมปัดมือเขาทิ้ง แต่เขาคงชินกับพฤติกรรมของผมแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่เคืองอะไร กลับหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำ

“สนุกรึไง ได้แกล้งวิน” ผมถามแล้วพับหนังสือแรงๆ แสดงออกให้รู้ว่ากูขุ่นแล้วนะเว้ย แต่นายมือโปรกลับลอยหน้าลอยตาหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน คำตอบก็กวนส้นตีนมากด้วย

“มาก!”

“พี่โป๊ะแม่ง!”

“อ่ะ เอาไปดิ ผู้ใหญ่ซื้อของให้ไม่รับได้ไง” เขายัดผ้านุ่มๆ มาใส่ตักผม พอก้มดูก็รู้ว่าคือเสื้อตัวเมื่อกี้ ผมชักสีหน้าให้รู้ว่าไม่พอใจ เพราะเขาขัดใจผมมากเกินไปแล้ว ผมไม่ชอบเสื้อคอกลม มันจะมาซื้อ มาบังคับให้รับไว้อย่างยินดีทำห่าอะไร
“ดูก่อนสิ เอะอะก็หงุดหงิด แบบนี้โลกแม่งบูดหมด ดูก่อน เร็ว เร็วดิ!”

“แม่งบังคับ!”

“เออ บังคับ ดูเร็ว!”

ดูก็ได้วะ
ผมคลี่เสื้อดู อารมณ์ขัดใจไม่กี้หายวับไปทันที เพราะเสื้อที่เขาซื้อมาให้เป็นเสื้อคอวีอย่างที่ผมประชดไว้ว่าชอบ

“ชอบรึยังล่ะ”

“...........”

“ดื้อพอประมาณได้มั้ย เร็ว ยิ้ม”

“..........”

“ชอบคอวีไม่ใช่หรอ? บอกเองนี่ ได้ของที่ชอบก็ต้องยิ้มดิ”
“เร็ว แล้วขอบคุณพี่ด้วย”

“...........”

“วิน”

“ขอบคุณ”

“ชอบรึยัง ยังไม่ได้ตอบ”

“ชอบ”
“หมายถึงเสื้อ” ผมตรึงความบึ้งตึงไว้บนหน้า แต่ใจผมกลับรู้สึกชุ่มๆ ชื้นๆ  ราวกับใครมาพรมน้ำเย็นใส่ในอก

“ไอ้ยุ่งเอ้ย!” เขาชอบเรียกผมแบบนี้ด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี นายมือโปรเดินผิวปากเข้าครัวแล้วก็ทักทายทราย พูดคุยกับทรายตามปกติ ส่วนมากทรายจะบอกเรื่องฟีดแบ็ค เมนูที่ควรมี และเรื่องปัญหาของหมด วัถตุดิบไม่พอ บลา บลา บลา ซึ่งผมไม่เข้าไปยุ่ง จะต้องไปยุ่งอีกทีก็ตอนที่ต้องไปซื้อของกับนายมือโปรเท่านั้น แต่ก็แค่อาทิตย์ละ 1 วันเท่านั้นเอง

แต่อาทิตย์นี้ เสือกต้องไปด้วยกันวันนี้เนี่ยสิ
เมื่อกี้ ผมยังไม่ได้หายขุ่นเขานะครับ


คำสั่งเสียของนายมือโปร ทำให้ผมรู้ว่าวันนี้ผมจะไม่ได้กลับเข้าร้านอีกแล้ว ทรายบอกจะปิดร้านตอน 6โมงเย็นเพราะไม่อยากกลับบ้านค่ำมากวันนี้ ไม่มีใครไปส่ง ซึ่งนายมือโปรก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังบอกอีกว่าห้าโมงครึ่งก็กลับได้แล้ว ปิดร้านแค่งับประตู ไม่ต้องล็อค เดี๋ยวดึกๆ เขาจะมาล็อคร้านเอง ผมล่ะแปลกใจว่าทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ให้กุญแจทรายไปก็จบ แต่ก็ช่างเถอะ เหนื่อยเขา ไม่ได้เหนื่อยผม ในกรณีที่เขาไม่หนีบผมกลับมาด้วยล่ะนะ

การซื้อของเข้าร้าน เป็นการแกล้งให้ผมเดินเมื่อยมากกว่าและผมก็เมื่อยจริงจังด้วยครับ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปขอเขาดี

“พี่โป๊ะ วินเมื่อย” ผมบอกตรงๆ แล้วก้มลงทุบน่องตัวเองให้เขาดู นายมือโปรยืดคอหันซ้ายมองขวา แล้วก็ชี้นิ้วสั่ง

“ไปนั่งรอพี่ที่ร้านโดนัท ร้านกาแฟ ร้านไรก็นั่งเถอะ แป๊บนึงก็เสร็จ เดี๋ยวพี่ตามไป”

“ครับ”

“มีตังค์กินขนมมั้ย”

“มีดิ ก็พี่เพิ่งจ่ายเงินเดือนมา”

“ดี งั้นเลี้ยงกาแฟพี่ด้วย” ไอ้เอาเปรียบ แบบนี้ผมจะทำงานไปเพื่ออะไรถ้าต้องเอาเงินเดือนที่เพิ่งได้เลี้ยงเจ้านายตัวเอง
ผมเบ้หน้าใส่ให้รู้ว่าไม่ตกลงด้วยหรอก แต่นายมือโปรกลับกำมือมาชกขมับผมเบาๆ แล้วพูด “ดีล” แล้วก็ก้าวยาวไปกับรถเข็นใส่ของ

ผมเลือกร้านกาแฟดังหน่อยเป็นสถานที่นั่งรอ สั่งชาร้อนมาดื่มให้รู้สึกสดชื่นแล้วก็เล่นโทรศัพท์มือถือเรื่อยเปื่อย พอกดเข้าเฟสบุ้ค ก็เจอรูปภาพอัพเดทของพี่รุตต์ เขาไปเลี้ยงส่งกับครอบครัวเขา น้าประภา ซึ่งเป็นแม่ขอพี่รุตต์ดูไม่แก่ลงสักเท่าไหร่จากครั้งสุดท้ายที่ผมมองหน้าน้าประภาโดยตรง วันจัดงานศพคืนแรกของรินนา ราว 5 ปีที่แล้ว
เธอเคยใจดีกับผม เคยอนุญาตให้ผมเรียกเธอว่าแม่ภาด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ตบหน้าผมในขณะที่ผมกำลังกราบเธอ
กับบ้านนั้น ผมไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องอีก ยิ่งพี่รุตต์จะไปอยู่ไกลถึงญี่ปุ่นแบบนี้ บ่วงความรู้สึกที่เกี่ยวเราไว้ด้วยกันน่าจะขาดลงเสียที
ผมน่าจะดีใจ แต่กลับรู้สึกตรงกันข้าม
เคยอ่านหนังสือชีวิตนักโทษคนหนึ่ง เขาบอกว่าการปล่อยเขาออกจากคุกก็เหมือนสั่งให้เขาตายอย่างอิสระโดยไม่เอ่ยคำให้อภัย ผมคิดว่าผมกำลังรู้สึกแบบนั้น
ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าวันหนึ่ง บ่วงที่มันรัดใจผมไว้ไม่ให้ลืมเรื่องของรินนาเสียทีมันขาดลง ผมจะมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกไหนต่อ
หากไม่มีความเกลียดชัง กล่าวโทษ ผิดบาป มารั้งลมหายใจของผมไว้ ผมจะตายได้อย่างอิสระรึเปล่า?

“เหม่ออีกแล้ว ดูอะไรน่ะ” มารยาทมีขายที่ไหนครับ ผมจะไปซื้อมาต้มน้ำให้เดือดแล้วราดใส่นายมือโปร เอาให้ดิ้นไปถึงเชียงใหม่เลยเป็นไง ผมแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืนมาจากมือเขา นายคนนี้ทำเป็นชูมือยอมแพ้กลางอากาศ แล้วก็ลุกเดินไปสั่งกาแฟ

“พี่โป๊ะ ของล่ะ”

“ในรถ พี่ไม่แบกมาวางในร้านให้เกะกะหรอก”
“แล้วเมื่อกี้เหม่ออะไรอีก วินนี่พิลึกขึ้นทุกวัน ยังไม่ลืมเรื่องแฟนเก่าอีกหรอ”

“ลืมแล้วครับ”

“ลืมโดยการให้ยายแก่แม่ยกเลี้ยงดูเนี่ยนะ ลืมด้วยวิธีอื่นเถอะวิน พี่แนะนำ”

“เรื่องของวินเถอะ”

“แล้วเมื่อกี้ใครหรอ?” ไอ้ขี้เสือก แม้ผมจะใช้สายตาด่าเขาแบบนั้น แต่นายมือโปรก็ยังยื่นหน้ามายิ้มรอคำตอบ

“ก็พี่รุตต์ไง พี่ชายวินที่พี่หาว่าวินเอาเงินแม่ยกไปเลี้ยงเขานั่นแหล่ะ”

“อ้ออออ”
“พี่ชายหรอ? หน้าไม่เหมือนกันเลย เขาออกจะเข้ม แล้วดูวินดิ”

“วินทำไม”

“เกลี้ยงเกลาเชียว นี่มีหนวดป่าววะถามจริงๆ”

“พี่โป๊ะประสาท!” ผมด่ากลับ แต่ก็แอบยกหลังมือปาดเหนือริมฝีปากตัวเอง เออว่ะ ผมไม่ค่อยมีหนวดเลย ปลูกตอนนี้ทันมั้ยวะ?

“ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ใช่มั้ย เป็นพี่ชายแบบพี่ใช่ป่ะ”

“แบบพี่โป๊ะนี่แบบไหน”

“ก็แค่พี่ชายที่รู้จักกัน ก็แค่คนที่รู้จักกันและบังเอิญเป็นผู้ชายที่แก่กว่า แค่นั้นใช่ป่ะ”

สำหรับผมกับนายมือโปร เราคือคนรู้จักกันที่บังเอิญเป็นผู้ชายที่อายุต่างกัน เท่านั้นสินะ

“อืม พี่รุตต์ก็ไม่ต่างจากพี่โป๊ะหรอก”
“ก็แค่พี่ชายที่รู้จักกัน” ผมตอบคำถามเขา และตอบความสงสัยของตัวเองที่พี่รุตต์สร้างคำถามไว้ให้ ใช่แล้ว ระหว่างผมกับพี่รุตต์ และระหว่างผมกับพี่โป๊ะ เราก็แค่คนรู้จักกันเท่านั้น
“กลับบ้านได้รึยังครับ วินเหนื่อย อยากนอน”

“อ้าวหรอ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“แล้วพี่ก็แวะไปปิดร้านอีกทีน่ะหรอ?”
“เอางี้” ผมเสนอความคิด จริงๆ คืออยากมีเวลาให้ตัวเอง แต่ก็อยากทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ตามมาตรฐานของผม
“วินไปปิดร้านให้ พี่ส่งวินแถวม.แล้วจะไปที่ไหนก็ได้ เดี๋ยววินนั่งเรือกลับ”

“รถล่ะ ไม่ได้ขับมาหรอ?”

“เปล่า เช้าๆ อยากนั่งเรือ เอื่อยดี” ผมบอกแล้วยักคิ้ว กะว่ามันจะต้องดูแท่แน่ๆ แต่นายมือโปรกลับหัวเราะใส่ สรุปแล้วไม่ว่าผมจะขยับหน้าแสดงความรู้สึกแบบไหน ผมก็ดูตลกอยู่ดีสินะ

“โอเค ตามนั้น งั้นถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วยก็แล้วกัน ไลน์ก็ได้ ติดต่อพี่ทางไหนก็ได้”

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่ายแม้ว่าจะรู้ตัวดีว่าผมไม่ทำตามที่เขาต้องการหรอก


#### @ D A W N  #####


ท่ามหาราชมีคอมมูนิตี้มอลเล็กๆ ผุดขึ้นมาครับ กำลังจะเปิดเต็มพื้นที่ ตอนนี้มีบางส่วนต่อเติม ตกแต่งอยู่ แต่ที่น่าจะเป็นปัญหาสุดน่าจะเป็นร้านกาแฟดังระดับจักรวาล เจ๊แมลงดาวมาเปิดสาขาที่ท่ามหาราชด้วย เห็นแล้วรู้สึกหดหู่แทนร้านกาแฟเล็กๆ เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังและถ้ารู้แล้วจะทำยังไงไม่ให้ร้านตัวเองเจ๊ง
แต่บางที เขาอาจไม่แคร์ก็ได้ว่าร้านที่ทำอยู่จะมีกำไรหรือไม่มี เพราะเขาทำเพื่อให้ความฝันของผู้หญิงที่เขารักเป็นจริง ไม่ได้ทำเป็นสัมมาชีพ สงสัยแม่งรวยจัดๆ
ผมเดินเข้าร้านเจ๊แมลงดาว สั่งชาร้อนมาดื่มอีกเหมือนเคย ระหว่างนั่งใช้เวลาอยู่กับตัวเองก็ถ่ายรูปแม่น้ำเจ้าพระยายามพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วครึ่งดวงแล้วก็อัพลงเฟสบุ้ค  ยังไม่ถึง 5 นาทีดิบดี พี่รุตต์ก็โทรมาหา เขาถามสั้นๆ ว่า อยู่ที่ไหน ผมก็ตอบสั้นกว่าไปว่า แถวๆม. พี่รุตต์น่าจะเดาได้ เพราะเขาฉลาดและรู้จักเชื่อมโยง ก็เลยไม่ต้องลำบากผมพูดหรืออิบายสถานที่ให้มากความ

ราวครึ่งชั่วโมง พี่รุตต์ก็โทรมาอีกครั้ง คราวนี้เขาถามพิกัดว่าผมสิงสถิตอยู่มุมไหนของโลกใบนี้ ผมบอกร้านเจ๊ และสาขา พี่รุตต์ก็รู้เรื่อง เขาใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที พาตัวเองมานั่งตรงกันข้ามกับผมและส่งยิ้มมาให้

“คิดถึงเราจัง ไม่โทรหาพี่เลย ไม่มีเรื่องกลุ้มล่ะสิ”

“พูดงี้เตะกันเลยดีกว่า”
“วินเรียนเยอะ โปรเจคก็เยอะ แค่เทอมโปรเจคแบบ 20 คะแนนขึ้นไปก็ 3 ชิ้นแล้ว ไม่นับการบ้านจิ๊บจ้อย”

“เชื่อแล้วว่าเรียนหนักจริงๆ ดูสิ ผอมลงด้วยนี่”

“ผอมปกติ”

“ทานข้าวมั้ย ค่ำแล้วนะ”

“อ๋อ พี่รุตต์หิวหรอ? ทานก็ได้ครับ พี่รุตต์อยากทานอะไร” ผมหันซ้ายหันขวาหาร้านเหมาะๆ แล้วก็จบสายตาลงที่ร้านซิมพลี่แอนด์ดิลิเชียสอันโด่งดัง
“ร้านนั้นได้มั้ย?”

“ได้ครับ” คนกินง่ายอยู่ง่ายนี่อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจดีจริงๆ พวกผมย้ายร้านไปสิงในร้านขายอาหารแทนร้านกาแฟ เมนูก็ไม่ได้มีให้เลือกหลากหลายนัก แต่ด้านหลังของใครบางคนทำให้ผมรู้สึกยุ่งยากใจขึ้นมาทันที

ทำไมวันนี้ชีวิตผมถึงมีแต่นายมือโปรวะ?

“เป็นอะไรรึเปล่าวิน ดูเซ็ง ไม่อยากทานข้าวกับพี่หรอ”

“ไม่ใช่ครับ”  ผมขอร้อง อย่าเพิ่งน้อยใจอะไรตอนนี้เลยน่า แม่ง ย้ายร้านดีมั้ยวะ ขี้เกียจตอบคำถาม ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นผมแล้วจะพุ่งเข้ามาเสือกมั้ย แต่ผมเห็นเขาแล้วผมไม่วิ่งไปเสือกเรื่องเขาแน่นอน เพราะเขาอยู่กับผู้หญิง ท่าทางจะสวยมาก

“แล้วเป็นอะไร แล้ววินมุดเมนูทำไม”
“วิน วิน” พี่รุตต์!! อย่าเรียกสิวะ! ผมมุดก็เพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นไงเล่า โธ่!
“วิน วินเป็นอะไรรึเปล่า”

“พี่รุตต์ ไปร้านอื่นกันเถอะ!” ผมเงยหน้าพูดแล้วก็ลุกขึ้นคว้าแขนพี่รุตต์เพื่อลากออกจากร้าน แต่หางตากลับเห็นคนคนนั้นหันมองแล้วลุกขึ้นแสดงความสนใจมาทางผมทันที

“อ้าววิน! ไหนว่าจะรีบกลับบ้านไง ทำไมมาเตร่อยู่แถวนี้ มากินข้าวหรอ? มาๆ นั่งด้วยกัน”

กู ไม่ อยาก วุ่น วาย กับ ใคร!

ความต้องการของผมโลกนี้คงไม่เคยเข้าใจและไม่เคยตอบสนอง ผมถึงต้องมานั่งเขี่ยไส้กรอกพันเบคอนต่อหน้ามนุษย์ 3 คนที่ผมรู้จักแตกต่างกัน 3 ระดับ

พี่รุตต์ คนนี้รู้จักกันนานที่สุด
นายมือโปร คนนี้รู้จักแบบบังเอิญสุด
ดร.โจ้ คนนี้ไม่รู้จักที่สุด

“น้องวิน อยากกินอะไรอื่นมั้ย พี่โจ้สั่งให้” น้ำเสียงเธอน่าฟังมากครับ หน้าสวย ผิวขาว ตัวเพรียว มือเรียว รูปหน้าเล็ก ยิ้มสดใส ผมสลวย ตัวหอม แล้วดูผมสิ หลับตาห่อผ้าดิบก็ใช่เลย

“ไม่แล้วครับด๊อกเตอร์” ผมเรียกตามที่นายมือโปรแนะนำ แต่เธอกลับมองผมงอนๆ

“เรียกพี่โจ้ไง พี่โจ้นะคะ นะคะ”

“ครับพี่โจ้” ในที่สุดผมก็ต้องรับคำ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มให้เป็นการตอบแทน แล้วก็ตักเบคอนใส่กรอกให้ผมอีกชิ้น เธอเรียกหาเมนู เมื่อได้มาก็เปิดๆ พลิกๆ พร้อมกับถามนายมือโปรว่า ทานนี่ดีมั้ย ชอบนั่นมั้ย
ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง แต่จะบอกว่าไม่สนใจเลยก็คงโกหก

“คุณรุตต์สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ เดี๋ยวโจ้สั่งให้”

“ไม่เป็นไรครับ เท่านี้พอแล้ว”
“ผมไม่ได้หิวหรอก กลัวน้องไม่ได้ทานข้าวแล้วจะผอมลงกว่านี้ก็เลยชวนมาทานที่นี่”
“วิน ทานสิครับ”

“วินหิวหรอ? ไม่เห็นบอกพี่” คำว่าพี่นี่คุณมึงย้ำหนักไปมั้ยวะ? อ๋อออ อยากได้รับความเคารพต่อหน้าผู้หญิงสินะ โธ่!

“แล้วคุณโจ้กับคุณโปร ไม่ทานอะไรกันหรอครับ”

“ผมไม่หิวหรอกครับ พอดีมาเดินๆ ดูร้านกาแฟร้านอาหารแถวนี้แล้วเจอกัน ก็เลยมานั่งคุยกันน่ะครับ”

“อ้อ” พี่รุตต์พยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมองผมที่ยังคงเขี่ยๆ เบคอนพันไส้กรอกตรงหน้า
“วิน ทานดีๆ”

“วินไม่หิว”

“แต่มันค่ำแล้ว วินยังไม่ได้ทานมื้อเย็น ทานเถอะครับ”

“.................”

“แบบนี้พี่จะไปอยู่ที่นู่นแบบไม่ห่วงเราได้ยังไง”
“วิน”

“โอเค!” ผมประชดกลายๆ แล้วก็จิ้มไอ้ที่อยู่ตรงหน้าเข้าปาก และสุดท้ายก็สำลักเอง เดือนร้อนดร.โจ้ต้องประเคนน้ำเปล่ามาให้ด้วยรอยยิ้มที่มองดูก็รู้ว่าเอ็นดูผมเหลือเกิน

ผมเหลือบมองนายมือโปรระหว่างดื่มน้ำ เขานั่งกอดอก ไขว่ห้างจ้องหน้าผม และไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า เวลาเขาไม่ทำหน้ากวนตีนแล้วหน้าเขาหยิ่งมากครับ
ยิ่งสบตากันก็ยิ่งอึดอัด ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากอยู่จริงๆ

“พี่รุตต์ กลับบ้านกันเถอะ”
“อ้าว ก็ยัง”

“ไปกินที่บ้านก็ได้”
“กลับบ้านกันเถอะ”

“โอเค โอเค”
“เอ่อ...ขออนุญาตเลี้ยงกาแฟ แล้วก็ลาเลยนะครับ”
“เด็กงอแงแล้ว”

คำแซวผมเรียกเสียงหัวเราะจากดร.โจ้ได้ดี แต่อีกคนที่อยู่ตรงนี้ด้วยกลับทำหน้านิ่ง และสีหน้าแบบนี้ทำให้หัวใจผมหนักๆ

“อื้อ แล้วคุณรุตต์จะไปส่งวินที่บ้านหรอครับ”

“ครับ”

“คุณรุตต์ จำผมได้มั้ยครับ?” จู่ๆ นายมือโปรก็ถามพี่รุตต์แบบนี้ ผมล่ะหัวใจกระตุกเลย อย่าบอกนะว่าเขาจะขอโทษพี่รุตต์เรื่องที่เคยพูดจาซี้ซั้ว แล้วมาขขอโทษทั้งที่ก็มีคนอื่นที่ไม่เกี่ยวด้วยอยู่ด้วยเนี่ยนะ!

“จำไม่ได้ครับ เราเคยเจอกันด้วยหรอครับ”

“ครับ ผมเคยด่าคุณรุตต์ว่า...”
“ว่า แบบ คู่ขากับวิน ทำนองนี้”

“อ่อ....”
“งั้นก็จำได้แล้วครับ เพราะไม่เคยมีใครมองผมกับวินแบบนั้น”
“เราเป็นพี่น้องกันน่ะครับ”
“ถึงไม่ใช่ญาติ แต่ผมก็รักวินมาก”
“ไม่ใช่คู่ขาหรอกครับ นั่นมันเรื่องฉาบฉวย”

พี่รุตต์พูดพลางมองหน้าผม นายมือโปรก็ฟังพลางมองหน้าผม แต่ผมเลือกจะมองหัวรองเท้าผ้าใบของตัวเอง

“กลับบ้านกันเถอะพี่รุตต์” สุดท้ายผมก็เลือกหันมองพี่รุตต์ที่ยังคงมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่รุตต์ไว้และพาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม ผมไม่หันกลับไปมองที่โต๊ะนั้น แต่ผมรับรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งมองตามผมจนประตูร้านเพิ่มกั้นเราออกจากกัน


ความเงียบของผมทำให้พี่รุตต์ไม่ซักไซร้อะไรต่อ เขาคงคิดว่าผมเงียบตามปกตินั่นแหล่ะ แต่บางทีพี่รุตต์ก็อาจจะรู้ว่าเพราะผมมีบางอย่างผิดปกติถึงได้นั่งเงียบ เขาจึงได้ขับรถเงียบๆ เป็นเพื่อนผม

เขาส่งผมที่หน้าบ้านแล้วถอยรถออกไปอย่างชำนาญ บ้านหลังเงียบของผมอ้าแขนโอบรับผมไว้ กั้นผมออกจากโลกที่วุ่นวายและมีแต่เรื่องที่ผมไม่อยากรับรู้....อย่างน้อยๆ บ้านนี้ก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอด ยกเว้นวันนี้

“กลับช้าจัง หมอเหยียบมา 20 กิโลหรอ”

นายมือโปร เขาจะทำให้โลกของผมมีแต่เรื่องวุ่นวายไปถึงไหนกันนะ?


Cut



เอ่ออออ คนอ่านหาย....
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรายังชอบเขียนอยู่
แต่ใครที่ยังตามเฮียโป๊ะอยู่ ขอเสียงนิดนึงนะคะ แฮ่

ฝากเรื่องรวมเล่ม hear,me (ที่หนึ่ง-เจม) ด้วยคะ เฟสบุ้ค /rainynightpublishing ค่ะ

ออฟไลน์ Luvaboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #36 เมื่อ25-01-2015 07:17:36 »

มาส่งเสียงว่าติดตามอยู่ครับ 555 ตามอ่าน มาตั้งแต่ Hear me, Existance เลยครับ :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #37 เมื่อ25-01-2015 08:35:33 »

ชอบเรื่องนี้จัง
อารมณ์หน่วงละมุนแปลกๆ

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #38 เมื่อ25-01-2015 11:23:12 »

น้องวินเนื้อหอมมมมมม  :hao7:
อ่านไปความหน่วงก็ยิ่งมากขึ้น เรื่องนี้มีคนน่าสงสารเยอะเลย :o12:
เรื่องนี้พี่โป๊ะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีมากๆ คนละคนกับเรื่องน้องเจมเลย :เฮ้อ:
คนเขียนสู้ๆนะ  :กอด1:
เรื่องลงไป7ตอนแล้วเพิ่งจะเห็นกระทู้ พอเห็นชื่อกระจิ๊ดริดก็รีบพุ่งมาดูเลยนะ เพราะจำได้ว่าชอบเรื่องที่คนนี้เขียน :impress2:
จะตามไปสอยพี่ที่หนึ่งกับน้องเจมนะ o13 ปีนี้ก็จะได้อ่านตอนพิเศษประจำปีเหมือนเคยใช่ไหม รออยู่นะ รู้ยัง? :mew1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #39 เมื่อ25-01-2015 11:43:09 »

เข้ามาบอกว่ากำลังติดตามอยู่นะ  รออ่านตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-01-2015 11:43:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #40 เมื่อ25-01-2015 13:20:50 »

โล่งอก นึกว่าพี่โปรกับวินจะชอบผญคนเดียวกันซะละ
 :katai5:  ทำไมพี่โปรดดูรวนกับวินงีอะ หึงเราะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #41 เมื่อ25-01-2015 15:00:04 »

มีคนอ่านอยู่ตรงนี้เพิ่มอีกคนค่ะ แฮ่  :hao7:
อ่านแล้วติดหนึบเลย
ตกลงนี้พี่โปรอะไรยังไงกันแน่ ชอบก็บอกว่าชอบนะ อย่าเล่นตัว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #42 เมื่อ25-01-2015 17:00:56 »

เพิ่งเจอเรื่องนี้ ชอบมากค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #43 เมื่อ25-01-2015 17:47:24 »

 :mc4:  เย้ นิยายใหม่ ของคุณกระจิ๊ดริด     :heaven :pig4: :pig4:


แว๊ก :a5:  7 ตอนแล้ว   เราไปอยูไหนมาแว๊  เพิ่งเห็นกระทู้  :เฮ้อ:

ปูลู  ชอบนิยายของกระจิ๊ดริดทุกเรื่องเลยค่า

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #44 เมื่อ25-01-2015 18:32:41 »

ตามอ่านอยู่ค่ะ แต่ละตอนมันมาเรื่อยๆ หน่วงๆ และค่อนข้างหนักทับถมสะสม
รายละเอียดเพิ่มที่ละนิดๆ มันเลยเม้นท์ได้แบบยกยอดเช่นนี้แล

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #45 เมื่อ25-01-2015 20:53:16 »

เดี๋ยวจะมาตามอ่านพี่โป๊ะสุดโหดในเรื่องhear meเห็นคนเมนท์เรื่องนี้ท่าทางจะดราม่าเปล่าค่ะ รวมเล่มhear meอุดหนุนแน่นอนคะพี่หนึ่งกับน้องเจม เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #46 เมื่อ25-01-2015 23:04:03 »

พี่โป๊ะ ทำไมอารมณ์เสีย
ถึงขนาดมารอเคลียด้วย
น้องวินเองก็เริ่มหวั่นไหว แปลกๆในใจใช่มั้ย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #47 เมื่อ26-01-2015 01:06:16 »

อิพี่โปรน่าตบมาก ๆ อ่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #48 เมื่อ26-01-2015 02:37:19 »

ตามมาจากนิยายแนะนำค่ะ อ่าน Hear me มานานมากแล้วตอนแรกงงๆว่าพี่โป๊ะนี่ใคร พอเห็นชื่อลูกแพร์แล้ววาร์ปเข้ามาเลย คิดถึงพี่ที่หนึ่งด้วย  รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #49 เมื่อ26-01-2015 15:10:34 »

 o13  สนุกคะ  ตามมาจากนิยายแนะนำ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-01-2015 15:10:34 »





ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #50 เมื่อ27-01-2015 11:45:53 »

เมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกานนนน 55555555
มาเป็นกำลังใจให้พี่โป๊ะกันเต๊อะ อิอิ

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #51 เมื่อ27-01-2015 18:51:19 »

ยิ่งอ่านยิ่งชอบวินแล้วสิ   :mew3:  :mew3:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #52 เมื่อ27-01-2015 22:42:42 »

สนุกมากกกก อ่านเพลินเลย นี่เริ่มมีใจให้กันแบบกึ่งๆไม่รู้ตัวแต่รู้ใจแล้วมั้ง

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #53 เมื่อ30-01-2015 11:58:21 »

โฮ่!!! พี่ซา หนูตามทันแล้วววววววว

โอ้ยยยย เรื่องพี่โป๊ะ คือพี่แกเป็นสัญลักษณ์ของเหี้ยไปแล้วสินะ 55555
จุดเชื่อมเรื่องของ 2 หนุ่มน่าสนใจมากกกกกก เขาเรียกแบบนี้ว่าแรงดึงดูดหรือเปล่าคะ
แต่ขัดใจจิ๊ดเดียววววว อิพี่โป๊ะชอบว่าน้องเจม แต่ดูนี่ ดูแลน้องวินดีไปมั้ย หึหึ

แก๊งนี้เค้ารักเด็ก(ผู้ชาย)กันทั้งแก๊ง น่ารักจิงงงงง

พี่โป๊ะลดความแรงลงเรื่อยๆ จากตอนที่เข้ามาแทรกน้องเจมนี่แบบ อะไร แกเป็นตัวอะไรวะ อยู่ๆ มาว่าเจมเสียๆ หายๆๆ
พอมาถึงน้องธาม อิพี่แกก็ยังบ้าบิ่นอยู่ แต่แกดูมีขอบเขตความบ้า (หรือจริงๆ คือสื่อสารกับน้องธามไม่รู้เรื่องวะ 5555)
แล้วนี่พอมาน้องวิน คืออยู่ๆ อิพี่แกก็เอาตัวมาติดกับน้องงงง แลดูว่าไปมั้ง (แต่ดีละ จะได้ไม่ต้องยุ่งกะพี่ที่หนึ่งเยอะ ฮ่าๆๆๆ สะใจจุง)

แต่เอาจริงๆ อิมเมจของอิพี่โป๊ะนี่คือแบบตกใจอ่ะ เห็นร่อนไปร่อนมาแบบนี้ คือโปรไฟล์ แบ็กกราวด์ดี(ชิหายเลย) คืองานพี่แกดูครอบจักรวาลมา แต่ตอนที่ไปเป็นเกสต์ที่มหาลัย คือ ลุคดี เท่ห์จริงๆ ฮิฮิ

น้องวินดูเป็นศูนย์รวมของจักรวาลโดยไม่รู้ตัว แน่ๆ คืออิพี่โป๊ะกับพี่รุตต์ แต่โอมนี่ยังไม่แน่ใจ

อยากให้น้องวินเจอเจมกับธาม แล้วสุมหัวกันด่าอิพี่โป๊ะขิงๆๆ

55555

ตามทันแล้ว มีความสุขใจ
ไว้เข้ามาอ่านตอนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #54 เมื่อ30-01-2015 14:15:25 »

เรื่องนี้ เศร้าๆ หม่นๆจัง :hao4:

ออฟไลน์ arigatozung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #55 เมื่อ31-01-2015 09:21:49 »

เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีจ้า ค้างหง่า อัพต่อเลยได้ไหม  :hao6:

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #56 เมื่อ01-02-2015 20:08:56 »

มาจิ้มอ่านอินโทรของพี่โป๊ะเริ่มเรื่องดูเศร้าๆออกคนละแนวกับหมาเจม แต่เนื้อเรื่องน่าติดตามคนเล่าเรื่องคือนายเอกวินใช่มิค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2015 16:16:04 โดย kautumn »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #57 เมื่อ01-02-2015 21:38:39 »

เราเพิ่งเห็นเรื่องนี้ได้ไงเนี่ยยยย
อ่านรวดเดียวเลย ชอบมากกกกกก
แต่ขออย่างนึง อย่ามีเรื่องกระชากใจแม่ยกเหมือน hear me นะคะ
พลีสสสสสสส

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #58 เมื่อ02-02-2015 16:15:47 »

อ่านถึงตอนที่ 1 แล้วมีจิ้งจกเจมโผล่มาแว่บๆ คิคิ
อย่างไรก็ตามวินเหมือนมีอะไรบางอย่างปิดบังทำให้เป็นเหมือนคนเก็บตัวในปัจจุบัน
แล้ว วินมีความหลังฝังใจอะไรกับพี่โปรกันนะ น่าติดตามมาก
แต่กลัวอ่านถึงตอนล่าสุดแล้วจะค้างอ่ะค่ะคิคิ

ออฟไลน์ minminmin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน7(24-01-15)
«ตอบ #59 เมื่อ02-02-2015 17:20:22 »

พึ่งอ่านพี่นำกับน้องธามไป เดี๋ยวต้องหาคู่หนึ่งกับเจมมาอ่านซะแล้ววววว

สนุกมากเลยค่ะ นี่คือพี่โปรของเรากำลังจีบน้องวินอยู่ใช่มั้ยเนี่ย หึหึหึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด