ผมเรียกบัญชีมาตรวจสอบย้อนหลังก่อนที่จะเริ่มทำงานเลยได้เจอกับความผิดปกติเข้า..มันมีท่าทีหงุดหงิดมากตอนที่ได้รู้เรื่องนี้ ก่อนจะออกปากไล่พนักงานที่ทำออกไปโดยไม่ให้อะไรเลย ผมคิดว่ามันไม่น่าพลาดกับเรื่องแบบนี้ง่ายๆ จนมาสำนึกได้ว่าอาจจะเป็นเพราะตัวผมเอง..เป็นเพราะผมหนีมันไปหรือเปล่า มันเลยเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามหาผม..วุ่นวายกับเรื่องของผมเสียจนไม่มีเวลามาตรวจสอบเลยแบบนี้
“ผมขอโทษนะครับ..”
“กูพลาดเอง..ไม่เกี่ยวกับมึงหรอก”
ดีที่ยังเสียหายอะไรไม่มาก..อาจจะเป็นเพราะคนทำขี้ขลาดเกินไป หรือไม่ก็คงอาจจะยังหาลู่ทางที่จะเอาตัวรอดไม่ได้เลยทำได้แค่นั้น มันเลยเลือกจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นประสบการณ์มากกว่าทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตไปมากมายกว่านี้
.
.
“ทำไมไม่ไปเองล่ะครับ”
“ก็มึงไม่ยอมไป”
“ถ้าผมไปแล้วใครจะอยู่ดูร้านครับ..อยากให้เกิดเรื่องเหมือนคราวก่อนหรือยังไง”
วันนี้เรามีเรื่องให้ต้องเถียงกันตั้งแต่เช้า..เพราะมันไม่ยอมไปดูสินค้าที่จะเอาเข้ามาที่ญี่ปุ่นเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่ยอมไปกับมันด้วย แต่ผมเองก็ห่วงว่าที่ร้านจะเกิดเรื่องเหมือนคราวก่อนอีก..หากไม่มีใครอยู่ดูเลยแบบนี้
“แค่สี่ห้าวัน..มันจะไปทันมีเรื่องได้ยังไง”
“ก็ถ้ามันจะเกิดจริงๆ แค่วันเดียวมันก็เกิดครับ”
“ทิว !”
“ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ..” ผมพูดเสียงอ่อน “ไว้ใจผมสักทีเถอะ..ผมไม่ทิ้งคุณไปไหนแล้ว”
“...”
“เชื่อผมนะครับ” ผมพูดแล้วจับมือมันเอาไว้ “ผมจะรออยู่ที่บ้านเราไม่ไปไหนแน่ๆ”
“กูอยากเชื่อนะทิว..”
“...”
“แต่มึงเองก็รู้..ว่าทำไมกูถึงต้องกลัว”
“ผมขอโทษ..” ว่าแล้วก็ซบหน้าลงไปกับอกมัน “แต่ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“...”
“การที่ผมตามคุณกลับมา..การที่ยอมมาอยู่กับคุณที่นี่ ก็เพราะผมคิดแล้วว่าจะไม่ไปไหนอีก”
“...”
“เชื่อใจผมนะครับ”
“อืม..”
สุดท้ายมันก็ยอม..มันเดินทางไปญี่ปุ่นในวันรุ่งขึ้น ก่อนไปยังไม่วายสั่งให้ผมพกมือถือเครื่องมันที่มันเพิ่งซื้อมาให้ติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา และไม่ลืมที่จะขอคำสัญญาจากผมอีกครั้งว่าจะไม่หายไปไหน ผมเลยยกมือข้างที่สวมแหวนของมันเอาไว้ขึ้นมา..แล้วทาบลงไปบนอกข้างซ้ายของมัน จ้องตามันก่อนจะยืนยันกับมันว่า..ผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน จะอยู่รอ..และสัญญาว่าจะรับโทรศัพท์จากมันทุกครั้งแน่นอน
“กูรักมึงนะทิว..”
“...”
“กูรักมึงมาก”
“ผมรู้แล้วครับ..”
.
.
สองวันที่มันไม่อยู่..ผมต้องขับรถจากบ้านมาทำงานที่ร้านด้วยตัวเอง มื้อเช้า..เที่ยง..จนมื้อเย็น ก็ฝากเอาไว้กับตลาดแถวๆ ร้านไปอย่างนั้น เพราะขี้เกียจจะต้องทิ้งอาหารที่ลงมือทำเอาไว้แต่ดันกินไม่หมดไปทุกมื้อ
“มีใครจะทานอะไรไหมครับ..เดี๋ยวผมจะเดินไปกินข้าวในตลาด”
“ไม่ค่ะคุณทิว..ขอบคุณนะคะ”
ผมส่งยิ้มตอบรับคำขอบคุณของพนักงานในร้านไป..ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน เที่ยงๆ อย่างนี้ก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยคงคิวยาวเสียจนรอไม่ไหวแน่ๆ ผมเลยเลือกจะเดินเลาะไปท้ายตลาด..กินข้าวแกงร้านเล็กๆ ที่เปิดแทรกอยู่ท่ามกลางร้านอาหารทะเลใหญ่ๆ แทน
.
.
“ป้าครับ..ขอเหมือนเดิมสองจานครับ”
คงเพราะเครียดๆ จากตัวเลขตอนทำบัญชีเมื่อกี้..ผมเลยรู้สึกหิวมากกว่าปกติเป็นสองเท่า นั่งรอไม่นานข้าวสองจานที่สั่งก็มาวางอยู่ตรงหน้า ผมกินไป..มองวิวทะเลด้านหลังไปเรื่อยๆ น่าอิจฉาป้าเจ้าของร้านที่ได้ทำงานไป มองทะเลสวยๆ ไปตลอดทั้งวันจริงๆ อิจฉาจนผมนึกอยากบอกให้มันหาซื้อทีตั้งร้านติดกับทะเลแบบนี้บ้าง อย่างน้อยได้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม..แอบมองทะเลผ่านร้านของป้าเขาก็ยังดี
“มาทีไรก็นั่งจ้องทะเลแบบนี้ตลอด” ผมหันไปยิ้มให้กับคำแซวของป้า “ชาเย็น..ป้าแถมให้”
“ขอบคุณนะครับ”
“ลูกค้าประจำ..ป้าเลยอยากให้อะไรบ้าง” ป้าแกพูดยิ้มๆ “อุตส่าห์แวะร้านนี้..ทั้งที่ร้านอาหารใหญ่ๆ ตั้งอยู่ตั้งหลายร้าน”
“กับข้าวร้านนี้อร่อยนี่ครับ”
“ปากหวาน..”
ป้าแกพูดแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง..ก่อนจะรีบเดินกลับไปตักข้าวเสิร์ฟลูกค้าอีกคนที่เพิ่งเดินเข้าร้านมา ผมเลยหันกลับมาจ้องทะเลเหมือนเดิม..มองไปกินไปอย่างนั้นจนกระทั่งอิ่ม
.
.
ผมเดินออกจากร้านมา..มองหาร้านขนมอะไรแถวนั้น เผื่อแวะซื้อกลับไปฝากพนักงานที่ร้าน แต่ก็ดันสะดุดตากับใครบางคนเข้าเสียก่อน
“วี..”
ผมพึมพำกับตัวเอง..ก่อนจะคิดว่าควรหนี แต่กลับไม่ทันเพราะเขาดันหันมาเจอผมเข้าพอดี..วีทำท่าเหมือนจะเรียกผม แต่ก็ไม่ได้เรียก..เพราะแรงฉุดจากผู้หญิงข้างตัวที่พอเห็นว่าเขาทำหน้าเหมือนสนใจอะไรบางอย่างก็ทำท่าจะหันมามองบ้าง โชคดีที่วีดึงเธอให้เข้าไปซบทีอกเสียก่อนจะได้หันมา
“อย่า..”
ผมพูดออกไปแบบไร้เสียง..เมื่อเห็นแววตาของเขาที่สื่อออกมาเหมือนกับว่าอยากพูดจาด้วย เขาทำแบบนี้ได้ยังไง..ทำท่าอาลัยอาวรณ์ผมทั้งที่กอดคู่หมั้นตัวเองเอาไว้แนบอกอย่างนั้น
“อย่า..มา..ยุ่ง..” ผมเน้นริมฝีปาก..พยายามให้เขารับรู้สิ่งที่ผมต้องการสื่ออย่างชัดเจน “กับ..ผม..”
พูดจบผมก็รีบเดินหนีกลับมาที่ร้านทันที..รู้สึกหงุดหงิดและหวาดกลัวความวุ่นวายที่คาดได้ว่าจะเกิดขึ้นมาหากมันได้รู้ว่าผมเจอวีอย่างนี้ ก่อนจะนึกเกลียดโลกกลมๆ ที่ทำให้คนเราวนมาเจอกันได้แบบบังเอิญง่ายๆ จนน่าปวดหัวแบบนี้
.
.
ครืดดดดดด
ผมกดรับสายที่จู่ๆ ก็โทรเข้ามาเหมือนรู้ว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผม “ครับ..”
“ทำอะไรอยู่”
“เอ่อ..ออกมาทานข้าวครับ”
“...”
“คุณนัท..”
“ทำไมต้องทำเสียงอึกๆ อักๆ”
“...”
“หรือมึงทำอะไรผิดอยู่”
“เปล่านะครับ”
“กูไม่เชื่อ..มีอะไรก็รีบพูดมา อย่าให้กูต้องกลับไปเค้นเอง”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ..” ผมกรอกตาไปมา..นึกคำพูดที่จะเบี่ยงเบนความสนใจมัน “ก็แค่ดีใจที่คุณโทรมา..”
“กูก็โทรอยู่แล้วทุกวัน..”
“พอดี..ผมมาทานข้าวแกงที่ร้านป้า..แล้ว..นึกถึงคุณ..”
“...”
“จนเผลอสั่งมาสองจาน..”
“หึ”
ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นว่ามันเริ่มอารมณ์ดีแล้ว “รีบๆ กลับมานะครับ”
“อืม..”
“...”
“กูรักมึงนะทิว..”
“ครับ..ผมรู้..”
“แล้วคุยกัน..”
.
.
สายถูกตัดไป..พร้อมๆ กับที่แขนผมถูกใครบางคนดึงเอาไว้ “วี..”
“ใช่..ผมเอง..”
Ma-NuD_LaW
คิดถึงวีกันแล้วใช่ไหม.. 
ไม่ตั้งใจจะให้ค้าง..แต่โดนแม่บ่นว่าให้ไปกินยานอนได้แล้ว 
.
.
ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ 
.
.
