“ทำไมต้องทำอย่างนี้ !”
“...”
“จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมอีกทำไม !” ผมโวยวาย..พยายามสลัดมือเขาให้หลุดออกจากตัว “อย่า..มา..ยุ่ง..กับ..ผม..!”
“ทิว”
“ปล่อย !”
“ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง”
ผมหยุดนิ่ง..เมื่อเริ่มสังเกตว่ารอบๆ ตัวมีแต่คนสนใจมองมา “ก็ปล่อยผมก่อนสิ”
“ปล่อยแล้วจะได้คุยกันเหรอ”
ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ เมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันก็จริง “ตามมา..”
.
.
ผมเดินนำเขามาที่ชายหาดอีกด้านหนึ่ง..มุมนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน นานๆ ครั้งจึงจะมีคนเดินผ่านมา เพราะจุดนี้มันค่อนข้างน่ากลัว..สาเหตุก็มาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะวี”
“ทำไมต้องทำท่าเหมือนไม่อยากคุยกับผมมากขนาดนั้น”
“ก็เพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันแล้วน่ะสิ” ผมว่า..เริ่มเบื่อๆ ที่จะต้องพูดจายืดยาวอะไรกับเรื่องแบบนี้แล้ว “อีกอย่างผมมีงานที่ต้องรีบกลับไปทำ”
“งาน..งานอะไร..”
“...”
“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงหายไป..แถมยังหายไปพร้อมกับหมอนั่น..”
“รีบเข้าเรื่องสักทีเถอะวี” ผมตัดบท “ผมต้องรีบไปทำงานจริงๆ”
“หมอนั่นอยู่ที่นี่กับทิวด้วยใช่ไหม”
“...”
“ทิว !”
“ใช่..เราอยู่ด้วยกัน” ผมว่า..รู้สึกไม่พอใจเมื่อเขาเสียงดังใส่
“เหอะ !”
“...”
“อยู่ด้วยกัน..ทั้งที่ตอนนั้นพยายามหนีมันแทบตาย”
“ตกลงไม่มีอะไรจะคุยแล้วใช่ไหม”
“ไม่รักกันแล้วหรือยังไง”
ใจผมอ่อนยวบ..รู้สึกหน่วงๆ ในใจเมื่อได้ยินคำถามนี้ ผมยังรักเขาอยู่ไหมงั้นเหรอ..นี่ผมยังรักเขาอยู่หรือเปล่า..เอาเข้าจริงๆ ผมเองก็ยังไม่รู้คำตอบเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่า..ผมไม่ได้คิดถึงเขามานานแล้ว..
“ทิว..”
“ผม..ไม่รู้”
“ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน..เหมือนมันจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร” เขาดึงมือผมเข้าไปกุมเอาไว้ “ตอนนั้นผมเหมือนหาทางออกไม่เจอ”
“...”
“ผมรู้แค่ว่าผมเสียทิวไปไม่ได้..”
“...”
“ผมรักทิวมาก แต่..”
“ขัดคำสั่งพ่อกับแม่ไม่ได้..” ผมพูดต่อให้เขาเอง “ผมรู้..รู้ดีว่าเหตุผลของวีคืออะไร”
“...”
“แล้ววีล่ะรู้อะไรบ้างไหม..”
“...”
“เคยรู้หรือเปล่า..ว่าผมคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ทิว..”
“ผมคิดว่าตัวเองเจอเรื่องน่าเจ็บปวดในชีวิตมามากพอแล้ว..” ผมจ้องตาเขา “ผมไม่ได้อยากหาเรื่องอะไรมาทำให้ตัวเองต้องเจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่”
“แล้วการอยู่กับมันทำให้ทิวรู้สึกดีขึ้นหรือไง..”
“แต่มันก็คงไม่แย่มากไปกว่าที่เป็นอยู่..”
“...”
“อย่างน้อยมันก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ผมจำความได้แล้ว”
“งี่เง่า”
“...”
“คุณมันงี่เง่า”
คำต่อว่าคำเดียวกัน..แต่ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะตอนที่ผมถูกมันว่าอย่างนี้เมื่อคราวก่อน..ผมยังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แต่ตอนนี้..ตอนที่ถูกวีต่อว่าด้วยคำๆ นี้ ผมกลับรู้สึกอึดอัดจนอยากจะเดินหนี
“งี่เง่า..ที่ใช้ความเคยชินตัดสินชีวิตของตัวเองอย่างนี้”
“แล้วผมมีทางเลือกอย่างอื่นด้วยเหรอ”
“คุณไม่เลือกเองต่างหาก !”
“พอเถอะวี..” ผมเริ่มเสียงอ่อน “เรื่องมันจบไปแล้ว”
“จบงั้นเหรอ..”
“...”
“มันจะจบได้ยังไง..ในเมื่อผมยังคอยตามหา..คอยตามข่าวคราวเรื่องของทิวอยู่เลย”
“...”
“ผมลืมทิวไม่ได้..จะทำใจให้ลืมยังไม่ได้เลย”
“แล้วทำไมถึงไม่รีบหาผมให้เจอก่อนมันล่ะ..” ก็ทั้งที่พูดอย่างนี้..ยืนยันกับผมได้อย่างนี้ แล้วทำไมคนที่หาผมเจอทุกครั้งถึงได้กลับกลายเป็นมัน “ธุระที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม”
“...”
“งั้นผมขอตัว..” ผมว่าแล้วดึงแขนตัวเองออกมา “โชคดีนะวี..”
จบได้สักที..มันจบลงได้แล้วใช่ไหม เรื่องระหว่างผมกับวี
“ไม่รักกันแล้วจริงๆ เหรอ..” ผมชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดินจากมา “ลืมเรื่องที่บ้านคุณตาไปได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม”
“...”
“คุณใจร้ายได้ขนาดนั้นจริงๆ เหรอทิว”
Ma-NuD_LaW
อิวี..แกนี่มันขี้ตื้อจริงๆ
.
.
เหตุการณ์คราวนี้ไม่ได้พิสูจน์นัทหรอก..มันจะพิสูจน์ทิวต่างหาก
เรื่องราวมันคงไม่วนกลับไปเหมือนเดิมแล้ว..นัทเหนื่อยพอแล้ว คราวนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ มันคงฆ่าทิวแล้วตายตามไปเลยง่ายกว่า ความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัด ((บ่นไรของมัน))
.
.
หวัดสมัยนี้หายยากนะ ..หรือเป็นเพราะเราอยากไปส่องหมอหล่อๆ เลยไม่ยอมหายเอง