พี่ครับ...ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียน
ตอนที่40
“ช่วงนี้พีดูเหม่อๆนะลูกคิดอะไรอยู่”
แม่ทักผมขึ้นขณะที่นั่งทานอาหารเย็นอยู่ หันไปยิ้มให้แม่เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
ผมพูดจบแล้วลุกขึ้นทันที ทุกคนบนโต๊ะอาหารมองผม ผมก็ไม่สนใจอะไร กำลังจะเดินขึ้นบันไดไปบนห้องก็ได้ยินเสียงพี่แพททักขึ้นมา
“พีกำลังจะทำอะไรอย่าคิดว่าพี่ไม่รู้”
ผมหันไปมองพี่แพทที่จ้องผมเขม็ง ผมเลยมองพี่แพทแล้วเหยียดยิ้ม
“พี่แพทรู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ไม่มีใครหยุดพีได้แล้ว”
ผมพูดจบแล้วรีบเดินขึ้นบนห้องทันที ปิดประตูแล้วล็อกประตูสองชั้น ผมไม่อยากจะพบ จะคุยกับใครอีก ผมนั่งบนพื้นแล้วกอดเข่ามองตัวเองในกระจก ผมเอียงหน้ามองตัวเองแล้วเหยียดยิ้ม
“สายไปแล้ว สายไปแล้ว”
ผมพูดออกมาอย่างเหม่อลอยแล้วมองเพดาน
“หึหึ ฮ่าๆๆๆ”
ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ระบายความอึดอัดใจที่อยู่ข้างใน
“ครืน ครืน”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ผมมองที่หน้าจอแล้วสงบนิ่ง หยุดมอง
“พี่เอ็ม”
ผมพูดออกมาเสียงแผ่ว ผมตัดสินใจตัดสายแล้วกดปิดเครื่องหนี
ไม่อยากจะรับสาย ไม่อยากจะให้พี่เขาเข้ามาในชีวิตผมแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะจุดจบของเรื่องนี้อาจจะเลวร้ายกว่าที่คิดก็ได้
ใครจะรู้
ผมยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมรู้มาว่าพี่ฟาร์มมาพักรักษาตัวที่นี้ ผมเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ผมถามพี่เอสมาแล้วว่าพี่ฟาร์มอยู่ห้องไหน เรื่องพี่ฟาร์มออกข่าวได้ไม่นานก็เงียบเพราะทางบ้านพี่ฟาร์มนั้นใช้เงินปิดปากสื่อมวลชนเงียบ ข่าวที่ออกมาก็ไม่ระบุว่าเป็นใคร คงกลัวจะมีผลกระทบต่อตัวเอง ต่อชื่อเสียงสินะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงอยู่แล้ว ผมตั้งใจจะทำลายพี่ฟาร์มต่างหาก
ผมมายืนอยู่หน้าห้องพี่ฟาร์มแล้วกำช่อดอกไม้ในมือแน่น งานนี้ไม่มีกลัว มีแต่พุ่งชนเท่านั้น ผมปั้นยิ้มแล้วผลักประตูเข้าไปก็เจอพี่เอส และเพื่อนๆครบทีมนั่งอยู่ ผมยิ้มให้ทุกคนแล้วส่งช่อดอกไม้ให้พี่ฟาร์ม พี่ฟาร์มรับช่อดอกไม้แล้วยิ้มน้อยๆให้ผม
“พีมาเยี่ยมพี่ฟาร์ม พี่ฟาร์มเป็นไงบ้าง”
“โอเคแล้วครับน้องพี”
พี่ฟาร์มออกมาแผ่วเบา หน้าตาดูซีดเซียว ผมมองแล้วยิ้มมุมปากนิดนึงก่อนจะยิ้มหวานให้
“คนสมัยนี้น่ากลัวจริงๆเลย พีต้องระวังตัวขึ้นนะเนี้ย”
ผมพูดจบแล้วมานั่งข้างพี่เอส พี่ฟาร์มยิ้มให้ผมเล็กน้อยแล้วเหม่อมองหน้าต่าง ข้างๆมีพี่บันนั่งอยู่ไม่ห่างเลย
“น้องพีรู้เรื่องไอ้ฟาร์มได้ไง”
พี่โอมถามขึ้นมา ผมเลยหันไปตอบ
“พี่เอสบอกนะครับ พี่เอสโทรมาเตือนพีให้ระวังตัวเวลาจะไปไหน”
“ดีแล้ว พี่ว่าพีควรระวังตัวจริงๆ”
พี่โอมพูดด้วยสายตาห่วงใย ผมเลยยิ้มให้ พี่เอสที่นั่งข้างๆมองเราสองคนนิดนึงแล้วโอบเอวผมอย่าถือสิทธิ์ ผมหันไปมองนิดนึงแต่ก็ไม่พูดอะไร
“น้องพีต้องระวังตัวนะ”
พี่ทามพูดขึ้นแล้วมองผมหัวจรดปลายเท้า สายตาที่พี่เขามองทำให้รู้สึกขนลุกไปหมด ผมพยายามยิ้มให้อย่างไม่กลัว
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”
ผมยิ้มหวานตอบไม่พูดอะไร ไม่สนใจสายตาพี่ทามที่พยายามจับจ้องผมตลอดเวลา
“คืนนี้พี่แอลแต่งงานใช่ไหมมึง”
พี่มอสพูดขึ้น ผมเลยสนใจทันที พี่แอล ผู้ชายคนแรกของผมจะแต่งงานทำไมผมไม่รู้
“ใช่”
พี่เอสตอบแล้วหันไปทำหน้าดุใส่พี่มอส คงไม่อยากให้ผมรู้สินะ ผมยิ้มหวานแล้วถามพี่เอสทันที
“พี่แอลแต่งงานไม่คิดจะบอกพีบ้างเหรอ”
“พี่ เอ่อ คือ”
พี่เอสตะกุกตะกักไม่สบตาผม ผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วพูด
“คืนนี้พีจะไปงานแต่งพี่แอลด้วย จะไปแสดงความยินดีกับผัวคนแรกสักหน่อย”
ผมพูดออกมาทุกคนในห้องมองผมตาค้างทันที ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากพี่นัทที่เป็นเพื่อนพี่เอสตั้งแต่มัธยม
“พี่เพิ่งจะรู้ว่าน้องพีเคยเป็นแฟนพี่แอลด้วย”
พี่มอสพูดขึ้นตามประสาคนปากไว
“เคยสิพี่มอส”
“โห แบบนี้ก็ได้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยสินะ”
พี่มอสเอ่ยแซวผม แต่พี่เอสปรามไว้เลยไม่พูดต่อ ผมเลยหันไปยิ้มให้พี่เอส
“พี่เอส พีไปด้วยนะคืนนี้”
“เอ่อ จะดีเหรอ”
พี่เอสมีสีหน้าลำบากใจ แต่คงไม่กล้าปฎิเสธผม เพราะยังไงช่วงนี้ผมก็กำลังสำคัญกับพี่เขา
“ดีสิ”
ผมย้ำอีกครั้งแล้วหันไปมองพี่ทามที่จ้องผมตลอดเวลาแล้วยิ้มให้ พี่โอมที่สังเกตได้เลยพูดขึ้น
“มึงจะจ้องน้องพีอะไรขนาดนั้นวะ”
พี่โอมพูดจบทุกคนในห้องมองพี่ทามทันที พี่ทามยิ้มมุมปากแล้วมองผม ผมเลยกอดอกให้พี่เขามองซะให้พอ
“กูแค่อยากรู้ว่าน้องพีมีอะไรดีนักหนาถึงทำให้ใครๆที่ได้รู้จักถึงหลงรักไปหมด ทั้งพี่แอล ไอ้เอส และมึงไอ้โอม กูรู้ว่ามึงก็สนใจ”
พี่ทามพูดจบ พี่โอมนิ่งเงียบ พี่เอสจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่พูด ผมเลยยิ้มหวานตอบแทน
“พีไม่มีอะไรดีหรอก พีก็แค่คนธรรมดาคนนึง”
ผมพูดประโยคธรรมดา แต่สายตาพี่ผมสบกับพี่ทามนั้นเต็มไปด้วยความยั่วยวนแล้วเหมือนพี่เขาจะรู้ตัวซะด้วย
“ทำไมพี่ฟาร์มถึงเงียบไม่พูดอะไรเลยละครับ”
ผมรุ้ว่าเพราะอะไร แต่แสร้งถามไปงั้น ให้มันจี๊ดเล่นๆ
“ตั้งแต่เกิดเรื่องมันก็ดูเหม่อลอยแบบนี้แหล่ะ”
พี่บันเป็นคนตอบแทน ผมเลยยิ้มให้พี่เขา
“พี่แอลแต่งงานโรงแรมอะไรพี่เอส”
ผมเปลี่ยนเรื่องหันไปถามพี่เอส พี่เอสมองผมแล้วขมวดคิ้ว
“พีจะไปจริงๆเหรอ”
“พีถามว่าพี่แอลแต่งงานโรงแรมไหน”
ผมกดเสียงต่ำแล้วมองหน้าพี่เขา
“โรงแรมXZZ”
พี่เอสตอบออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมเลยยิ้ม
“แล้วเจอกันคืนนี้”
ผมพูดจบก็หันไปมองพี่ทามอย่างมีความหมาย พี่ทามเลยกอดอกมองผมเช่นกัน
ผมนั่งคุยได้ไม่นานก็ขอตัวกลับ รีบกลับบ้านแต่งตัว รับรองคืนนี้สนุกแน่
มาถึงงานแต่งพี่แอลในตอนค่ำ ผมมาแท็กซี่ พี่เอสไม่ว่างจะมารับคงต้องอยู่ช่วยงาน มาถึงงานก็เดินเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่หน้างาน พี่แอลหล่อมากในชุดทักซิโด้สีขาว ผมมองพี่เขาแล้วไม่แปลกใจเลยที่ผมจะเคยตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ เขาหล่อ ดูดี สุภาพดุจเจ้าชาย แต่ต่อมาผมก็ได้รู้ว่าเขาก็แค่เจ้าชายปีศาจคนหนึ่ง
วันนี้ผมใส่ชุดสูทสีชมพูอ่อน เดินเข้ามาพี่แอลเห็นผมก็ตกใจเล็กน้อย ผมเลยยิ้มให้พี่เขา พี่เอสที่เห็นผมก็เดินเข้ามาจับแขนผมทันที
“แหม๋ พี่เอส หน้าตาตื่นจะยังกับกลัวพีจะมาทำลายงานแต่ง”
ผมพูดเสียงดังไม่น้อย หน้างานคนยังมีไม่เยอะ แต่ผมมั่นใจว่าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ยิน
เจ้าสาวหันหน้ามามองผม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยไม่น้อยเลย ดูดี สวยหวาน เป็นลูกรัฐมนตรีชื่อดัง หึหึ คงแต่งเพราะธุรกิจแน่ เธอหันมามองผมแล้วพยายามจะยิ้มให้ ผมเลยยิ้มหวานตอบเธอไป
“สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับ”
ผมเอ่ยเสียงหวานแล้วหันไปมองพี่แอล พี่แอลที่จ้องผมตลอด ผมเลยยิ้มให้
“พี่แอลก็ตกใจไปได้ที่เห็นพี พีอยากจะมายินดีกับพี่แค่นั้นเอง แต่งงานไม่บอกพีใจร้ายมากเลยรู้ไหม”
ผมพูดติดตลกหัวเราะเบาๆ เจ้าสาวที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ไม่รู้จะยิ้มดีหรือเปล่า ส่วนเจ้าบ่าวเหรอ หน้าเริ่มซีดแล้ว
“เอ่อ พอดีพี่ยุ่งนะครับ แต่พี่ดีใจนะที่พีมา”
พี่แอลพยายามปั้นยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบ หันไปข้างๆก็เจอพ่อแม่พี่แอลกับพี่เอสยืนอยู่ ท่านทั้งสองมองผมแล้วตกใจ เพราะท่านจำผมได้ ตอนเกิดเรื่องผมเข้าโรงพยาบาล ทั้งสองคนนี้เคยไปที่โรงพยาบาลเพื่อเอาเงินฟาดหัวให้เรื่องทุกอย่างมันจบ ผมหันไปยิ้มให้แล้ว โบกมือให้น้อยๆ
“พี่เจ้าสาวชื่ออะไรครับ”
ผมเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร พี่เขาเลยยิ้มให้ผม
“พี่ชื่อหวานจ้ะ น้องคงเป็นน้องที่สนิทกับแอลสินะ พี่ต้องโทษแอลจริงๆที่ลืมชวนมา”
“เราสองคนสนิทกันมากครับ”
ผมเน้นเสียงตรงคำว่าสนิทแล้วมองหน้าพี่แอล พี่แอลเลยยืนนิ่งมองผม
“แล้วคบกันนานหรือยังครับ พีจำได้ว่าพี่แอลเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ ไปคบกันตอนไหนเนี่ย”
ผมถามด้วยรอยยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง พี่หวานแล้วนิ่งมองผมแล้วพยายามยิ้มให้
“ก็ตอนเพิ่งกลับมาแหล่ะจ้ะ ได้คุยกันแล้วรู้สึกว่าใช่เลยแต่งเลย ไม่รู้จะรอทำไม”
พี่หวานพยายามตอบแก้สถานการณ์
“ฮ่าๆ นั้นสินะครับ ถ้าเจอคนที่ใช่จะรออะไร แต่อย่างน้อยพี่หวานน่าจะสืบอดีตของว่าที่สามีบ้างนะครับ ว่ามีแฟนเก่าเป็นใคร ที่ไหนบ้าง”
ผมพูดจบพี่หวานเริ่มขมวดคิ้ว พี่เอสที่ยืนด้านหลังพยายามดึงแขนผม แต่ผมหันไปมองจิกให้หยุด พี่แอลเลยจะโอบพี่หวานเดินไปทางอื่น
“อย่าแอล เราอยากรู้ว่าน้องเขาจะบอกอะไร”
พี่หวานเป็นคนห้ามพี่แอลเอง ผมเลยหันไปมองพี่หวานแล้วพูดต่อ
“พี่หวานคงต้องระวังว่าที่สามีบ้างนะครับ เพราะเขาเคยคบกับผม”
ผมพูดจบพี่หวานตาโตมองผมกับพี่แอลสลับกัน
“เธอออกไปจากงานแต่งลูกชายฉันเดี๋ยวนี้”
เสียงคุณหญิงแม่แปร๋นมาแต่ไกลเชียว ผมหันไปเบ้ปากใส่คุณหญิงแม่ของพี่เอส
“กลัวอะไรครับคุณหญิงแม่ กลัวลูกสะใภ้จะรุ้เหรอว่าลูกชายคนโตเคยมีผัวเป็นผู้ชาย”
ผมพูดเสียงดังขึ้น จนทุกคนเริ่มสนใจ พี่แอลที่จะโอบพี่หวานไปทางอื่นแต่พี่หวานขัดขืน พี่เอสที่พยายามดึงแขนแต่ผมก็ฝืนไว้ คุณหญิงแม่ถลึงตามองผมแล้วแล้วพูดขึ้น
“แกพูดอะไรของแก อีบ้า อีนี้มันบ้า มันเป็นโรคจิต”
คุณหญิงแม่พูดจบผมตาโตกำหมัดแน่น บ้าเหรอ มึงด่าใครบ้าอีแก่ ผมอยากจะเข้าไปตบแต่ต้องสงบสติอารมณ์ไว้ เหยียดยิ้มแล้วหันไปพูดกับพี่หวานแทน
“ดูสิพี่หวาน ดูแม่ผัวพี่สิ นี้เหรอผู้ดี กิริยาแบบนี้ผมคิดว่าแม่ค้าปากตลาดที่ไหนที่ประโคมเพชรเข้าไป คงกลัวว่าชาวบ้านไม่รู้เหรอว่ารวย”
ผมพูดจบหันไปจิกตาใส่ คุณหญิงแม่มองผมอย่างโกรธ แต่ไม่กล้าเข้ามาทำอะไร เพราะคนเริ่มมอง
“คุณหญิงนงนุชมีอะไรรึเปล่าคะ”
ผู้หญิงสวยท่าทางผู้ดี คงเป็นแม่พี่หวานสินะเดินเข้ามาถาม อิคุณหญิงเลยปั้นยิ้มแล้วหันไปลากแขนแม่พี่หวานเดินไปทางอื่น
“ไม่อะไรคุณหญิง เราไปทางนู้นกันดีกว่า”
หึหึ คงกลัวว่าจะรู้อะไรละสิ ผมเลยหันไปนิ้มให้พี่หวานอีกครั้งที่ยืนหน้าเครียดอยู่
“ไม่ต้องกลัวผมจะมาทำลายงานแต่งงานหรอกครับพี่หวาน ผมไม่อยากจะทำให้วันที่ผู้หญิงทุกคนรอคอยมาพังเพราะผม”
ผมพูดจบแล้วยิ้มให้พี่หวาน พี่หวานที่ยืนทำหน้าไม่ถูกมองผม ผมเลยพูดต่อ
“แต่ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับการแต่งงานนะครับ แต่งงานกับผัวที่เป็นเกย์ อ๋อ แล้วอีกอย่างระวังคนครอบครัวนี้ดูดเงินไปหมดนะครับ ได้ข้าวว่าใกล้ถังแตกนิ”
ผมพูดจบแล้วหันหลังโบกมือให้พี่หวาน หันไปมองหน้าพี่แอลที่ยืนหน้าเครียดอยู่ก็เบ้ปากใส่ พี่เอสจะเข้ามาจับแขนผมก็เบี่ยงแขนหนี แล้วเดินออกจากหน้างานทันที
เดินออกมาไกลๆหันไปมองเจ้าสาวเจ้าบ่าวหน้างานที่ไม่ได้มีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเหมือนแต่ก่อน ทั้งคู่ดูเคร่งเครียดจนผมสัมผัสได้ แม้ว่าทั้งคู่จะพยายามยิ้มก็ตาม ผมส่ายหน้าให้กับภาพที่เห็น
“ร้ายจริงๆเลยนะเรา”
เสียงจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง พี่ทาม !!
“พี่ทาม”
ผมเอ่ยออกมาเสียงเบา พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
“ร้ายจริงๆนะเราเนี้ย ตัวแค่นี้”
พี่ทามพูดเหมือนเล่นๆ แต่สายตานี้สิ มองผมเลยยิ้มแบบแปลกๆ ผมพยายามยิ้มตอบ มองพี่เขา วันนี้พี่เขาหล่อมาก เซทผมมาอย่าหล่อ รูปร่างสูงใหญ่รับกันดีกับชุดสูทเข้ารูป
“คนที่เคยทำพีเสียใจ สมควรโดนซะบ้าง”
ผมพูดออกมาแล้วพยายามเดินเลี่ยงออกมาแต่พี่ทามจับมือไว้ซะก่อน
“แค่คนที่ทำพีเสียใจพียังเอาคืน แล้วคนที่เคยทำร้ายพี พีจะเอาคืนขนาดไหน”
พี่ทามพูดแล้วจ้องมองผม ผมเลยยืนกอดอกแล้วมองหน้าพี่เขา ก่อนจะยิ้มออกมา
“คนที่เคยทำร้ายพี พีจะเอาคืนให้สาสมเลยยังไงละ”
ผมพูดออกมาแววตามเต็มไปด้วยไฟแค้น พี่ทามเลยยืนมองผมแล้วพูดขึ้น
“หึหึ สาสมควรโดนอะไรบ้างละ”
“แล้วแต่กรณีไป”
“แล้วกรณีพี่ พี่ควรโดนอะไรละ”
พี่ทามพูดแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมถอยหลังจนหลังติดกับเสา พี่ทามยืนคร่อมผมไว้ ผมเลยยิ้มยั่ว เชิดหน้าจนจมูกเราสองคนใกล้ชิดกันจนรับรู้ถึงลมหายใจ
“ตายเท่านั้นมั้ง ถึงจะสาแก่ใจ”
ผมพูดแล้วสะแหยะยิ้ม พี่ทามชะงักออกทันที ผมเลยแสร้งหัวเราะขึ้น
“ฮ่าๆ ล้อเล่นหน่าพี่ทาม พี่ทามก็พูดอะไรตลกเนอะ เอาคืนอะไรกัน”
ผมพยายามยิ้มให้พี่ทาม พี่ทามที่เริ่มไม่ไว้ใจผม มองผมแล้วเข้ามาบีบแขนผมจนผมเจ็บ
“คนอย่างกูเล่นไม่ง่ายหรอก”
พี่ทามเริ่มรู้ ผมเชิดหน้าแล้วทำตาใสมองพี่ทาม
“พี่ทามซีเรียสไปได้หน่า พีพูดเล่น”
ผมพยามทำให้ตลกแต่เหมือนพี่ทามจะไม่ตลกด้วย
“รู้ไหม กูโครตชอบมึงเลย ร้ายๆ ฉลาดๆ ดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ยาก อ่านอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”
พี่ทามพูดแล้วมองผมหัวจรดปลายเท่าแล้วยิ้มมุมปากสายตาเจ้าเล่ห์
“เขาเรียกว่ายิ่งน่าค้นหายิ่งน่าสนใจไงละ ท้าทายดีไหมละ”
“กูชอบอะไรท้าทายๆด้วยสิ”
เราสองหน้าชิดกันจนเกือบจะจูบกัน แต่สายตาทั้งสองคนก็มองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“อื้อออออออ”
พี่ทามบดจูบลงมาอย่างร้อนแรง ผมเลยเปิดปากให้พี่เขาใช้ลิ้นได้เต็มที่ เราสองคนตะหวัดลิ้นกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ลีลาจูบพี่เขาร้อนแรงดีจริงๆ
ผมตัดสินใจผลักพี่เขาออกจากตัวแล้วมองพี่เขา พี่ทามที่ทำหน้าเสียดายแล้วลูบปากตัวเองมองหน้าผม
“มึงต้องเป็นของกู”
พี่ทามพูดออกมาอย่างถูกใจ ผมเลยเบ้ปากใส่
“ขอให้ชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
ผมพูดจบพี่ทามชะงักไปเล็กน้อย ผมเลยเดินออกมา พี่ทามจะเข้ามาจับแต่ผมก็เลี่ยงได้ ผมเดินออกมาที่ลานจอดรถ จับอุปกรณ์ที่เตรียมมาไว้ในกระเป๋าแน่น งานนี้นอกจากจะมาหาเรื่องพี่แอลแล้ว ยังมีอย่างที่สำคัญกว่า คือการตัดสายเบรกรถพี่ทามไงละ ผมคาดไว้ไม่ผิดว่าพี่เขาต้องมา ผมใช้เวลาเดินหารถพี่เขาสักพักก็เจอ รถBMW ที่พี่เขาใช้ประจำ รุ่นนี้กระจกกันกระสุนซะด้วย คงมีศัตรูไม่น้อยสินะ ผมหันซ้ายขวาไม่มีคนก็ตัดสินใจถอดเสื้อสูทออกแล้ว แล้วนอนลงไปใต้ท้องรถ ผมศึกษามาแล้วว่าควรทำไง หยิบคีมในกระเปาออกมาแล้วหาสายเบรกแล้วตัดสินใจตัดมันทันที
ตัดเสร็จผมก็รีบออกมาปัดเสื้อที่เปื้อนเล็กน้อยก่อนจะใส่สูททับ เก็บอุปกรณ์ในกระเป๋าแล้วเดินออกมาหน้าโรงแรม ระหว่างเดินผมรู้สึกยิ้มร่าอย่างมีความสุข
“ครืน ครืน”
เสียงโทรศัพท์เข้ามา เบอร์แปลก แต่ผมตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล”
“พี นี้พี่ทามเองนะ”
ผมยิ้มทันทีที่ได้ยิน
“พีอยู่ไหน”
“พีอยู่บ้านแล้ว แค่นี้นะ”
ผมโกหกออกไปแล้ววางสายทันที ผมออกมาข้ามถนมาอีกฝั่งของถนน ยืนรอตรงนั้น ยืนรออยู่นานพอสมควร แล้วผมก็เห็นรถพี่ทามขับออกมา ขับออกมาด้วยความเร็ว คนขับคงโมโหอยู่สินะ
“ตู้ม !!!!!!”
เสียงรถชนดังลั่นหน้าโรงแรม พี่ทามคงเบรกรถไม่ได้ตรงทางเลี้ยวหน้าโรงแรม เลยทำให้รถชนกับผนังของโรงแรมดังลั่น ยิ่งรถมาด้วยความเร็วสูง ทำให้สภาพของรถยับเยินไม่น้อย
ผมสะแหยะยิ้มมองภาพนั้นไกลๆ ผมมองด้วยสายตาเย็นชา แล้วน้ำตาไหล น้ำที่ไหลออกมาจากความสะใจ ไม่ใช่เสียใจ
คนเลวๆอย่างมึงสมควรตายแต่กูไม่อยากให้มึงตาย
กูอยากให้มึงพิการ
แล้วตายทั้งเป็น
แบบที่มึงทำกับกูไว้
______________________________________________________________
คนเขียนแอบกรี๊ดพี่ทามเบาๆ ฮ่าๆ
น้องพีเราไปไกลเกินกว่าที่จะหยุดแล้ว ส่วนพี่เอ็มไม่ได้โผล่เลย ตอนหน้าจะได้โผล่แล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ