พี่ครับ...ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียน
ตอนที่41
ผมยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองแล้วยิ้มเหม่อลอย เดินเข้าบ้านด้วยสภาพเหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจ เพียงแค่เปิดประตูก็เจอทุกคนนั่งอยู่ครบ ทุกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกัน ผมได้แต่ยิ้มให้น้อยๆ แล้วเหม่อมองไปที่บันไดจะเดินไปที่ชั้นสอง
“พีไปไหนมา”
พี่แพทพูดขึ้นเสียงเข้ม ผมหันไปมองหน้าพี่แพทแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่แพทรู้แล้วยังจะมาถามพีทำไม”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่”
“พีไม่เคยเล่นลิ้นกับพี่แพทนิ”
ผมพูดแล้วกระดกลิ้นใชว์พี่แพท ทำเอาพี่แพทลุกขึ้นมาจับแขนผมด้วยความโมโห
“พี หยุดทำแบบนี้เดี๋ยวนี้”
พี่แพทพูดเสียงเข้ม แววตาพี่แพทดูปวดร้าวจนผมต้องยกมือมาลูบแก้มพี่แพท
“พีทำอะไร พีทำอะไรพี่แพทบอกพีหน่อยสิ”
“พีกำลังแก้แค้นพวกมันใช่ไหม”
พี่แพทพูดจบผมนิ่งแล้วลดมือลง เดินไปนั่งบนโซฟาที่ว่างอยู่ นั่งตรงข้ามพ่อและแม่ที่นั่งตัวเดียวกัน ด้านซ้ายเป็นพี่แพท ด้านขวาเป็นพี่เพลง ยังกับจัดเก้าอี้เพื่อรอไต่สวนผมเลยจริงๆ
“พียังไม่ตอบพี่”
พี่แพทพูดย้ำเพื่อให้ผมตอบ ผมนั่งนิ่งมองพ่อกับแม่ที่นั่งตรงข้าม แม่มองผมด้วยสายตาห่วงใย พ่อก็ไม่แพ้กัน ผมกระตุกยิ้มแล้วเหม่อมองเพดาน
“ใช่ พีกำลังแก้แค้นพวกมัน แล้วตอนนี้ก็ใกล้ครบแล้ว”
ผมพูดจบทุกคนตาโต
“นี้พวกพี่รู้ช้าไปใช่ไหม”
พี่แพทเอ่ยออกมาด้วยแววตาเจ็บปวด ผมเลยยิ้มหวานให้
“ช้าเร็วไม่สำคัญ เพราะยังไงก็ไม่มีใครหยุดพีได้”
“หึ ขนาดไอ้เอ็มที่รู้คนแรก รู้ตั้งแต่เริ่มยังหยุดพีไม่ได้ใช่ไหม”
พี่เพลงที่เงียบอยู่พูดออกมา ผมหันไปมองหน้าพี่เพลง เราสองคนจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้ ผมเลยเบ้ปากแล้วพูดขึ้น
“ใช่”
“ถ้าเอ็มไม่บอกแม่ เอ็มไม่ปรึกษาแม่เรื่องที่พีไม่ยอมรับโทรศัพท์ หายไปจากเอ็มเลยแม่ก็คงไม่รู้สินะ แม่คาดคั้นจนเอ็มบอกแม่หมด พอดีกับที่เพลงรู้ว่าพียังใช้ยาอยู่ แม่เลยพอเดาได้ว่าพีกำลังจะทำอะไร”
แม่พูดออกมา ผมนิ่งเงียบฟังก่อนจะพูดขึ้น
“ไว้ใจไม่ได้”
ผมพูดด้วยแววตาแข็งกร้าว ผู้ชายคนนี้หักหลังผม
“ไม่ใช่ความผิดชองเอ็มเลย ถ้าเอ็มไม่บอกพวกเราก็คงไม่รู้สิลูก”
“ก็พีไม่อยากให้รู้ไง !!”
ผมพูดเสียงดังขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน
“พีไม่อยากให้ใครต้องมาผิดบาปกับพี พีจะจัดการพวกเลวๆนั้นด้วยตัวพีเอง เรื่องนี้มันเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะมาช่วยพีได้ พีไม่อยากให้ใครต้องมามีส่วนเสียกับเรื่องนี้”
ผมพูดจบพ่อลุกขึ้นเข้ามากอดผมพร้อมลูบหัว ทำเอาผมร้อนที่กระบอกตาทันที
“พียังมีพ่อ แม่และพี่ๆนะลูก เราคือครอบครัวเดียวกันจำไม่ได้เหรอ”
พ่อพูดจบความรู้สึกจุกที่หน้าอกค่อยๆทะลักออกมาเป็นน้ำตาทันที
“แต่พี พีไม่อยากให้ใครต้องมามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้”
ผมพูดแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลนิ่ง
ผมพูดจบพ่อกอดผมแน่นขึ้น ผมหลับตาไม่มองแม่ที่น้ำตาไหล ผมทำแม่ร้องไห้อีกแล้ว
“แล้วพีรู้ไหมว่าผลของการกระทำที่พีทำไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
พี่แพทพูดขึ้น ผมเลยผละออกจากพ่อแล้วหันไปมองหน้าพี่แพท
“พีรู้”
“มอสโดนรุมกระทืบ ดลโดนไปเรียนเมืองนอก นัทโดนคลิปหลุดจนอับอาย โอมเข้าโรงพยาบาลเพราะแพ้อาหาร ฟาร์มโดนทำร้ายร่างกาย ใครจะเป็นรายต่อไปละพี ”
พี่แพทลุกขึ้นพูดแล้วมองผม ผมจ้องหน้าพี่แพทอย่างไม่ยอมแพ้แล้วเบ้ปาก
“ก็ไอ้ทามไง”
ผมพูดจบพี่แพทหน้าเครียด
“นี่พียังไม่หยุด”
“ทำไมต้องมาห้ามพีละ ในเมื่อตอนที่พวกเลวพวกนั้นมันทำพีไม่เห็นจะมีใครห้าม แล้สทำไมตอนที่พวกมันโดนเอาคืนถึงต้องห้าม ทำไม ทำไม ทำไม!!”
ผมพูดเสียงดังแววตากร้าวกำหมัดแน่น
“พีใจเย็นๆ”
พี่เพลงมาจับแขนผมจากด้านหลัง ผมหันไปมองหน้าพี่แพทน้ำตาคลอ ความรู้สึกเจ็บปวดในวันนั้นมันเอ่อล้นเข้ามาอีกแล้ว
“พี่แพทบอกให้พีหยุด ใช่สิ พี่แพทไม่ได้เป็นคนที่โดนข่มขืนนิ คนที่โดนข่มขืนคือพี คนที่ยังต้องอยู่กับฝันร้ายคือพีไม่ใช่พี!!”
ผมพูดแล้วน้ำตาไหล พี่แพทมองผมแล้เวจะเดินเข้ามาแต่ผมถอยห่าง พี่เพลงที่ยืนอยู่ด้านหลังยังคงลูบแขนให้ผมใจเย็น
“แต่พีก็ไม่มีสิทธิไปพิพากษาพวกมันโดยวิธีที่พีทำ”
“ต้องรอให้ใครมาพิพากษาละ ศาลเหรอ กฎหมายเหรอ ทำไรพวกมันได้มั้งไหม พี่ก็รู้ตอนเกิดเรื่องพวกเหี้ยนั้นใช้อำนาจปกปิดจนหมด กฎหมายทำไรพวกมันไม่ได้เลย จะให้พวกมันติดคุกเหรอ ไม่มีทาง คุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้นแหล่ะ”
ผมพูดจบแล้วปาดน้ำตาที่ไหล ยืนกอดอกมองหน้าพี่แพท
“เวรกรรมไงพี สักวันเวรกรรรมต้องตามพวกมันทัน”
“เวรกรรมเหรอ พีนี้แหล่ะจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรจองเวรพวกมันเอง”
ผมพูดด้วยแววตาแข็งกร้าวมองไปด้านนอก
“แพทพอเถอะ แม่พูดเอง”
พี่แพทเลยเงียบแล้วกลับไปนั่ง พี่เพลงยังยืนจับมือผมแน่น ผมหันไปมองหน้าพี่เพลงนิดนึงก่อนจะมองแม่ที่เดินเข้ามาหาผม
“แม่ขอได้ไหมลูก หยุดเถอะ อย่าทำให้ลูกน้อยที่น่ารักของแม่ เด็กน้อยที่แม่เลี้ยงอย่างถะนุถนอมมา19ปีต้องแปดเปื้อน มีตราบาปในใจเพราะคนพวกนั้นเลยนะลูก”
แม่พูดจบผมน้ำตาคลอผมองแม่ น้ำตาผมไหลแม่เลยยกมือมาปาดให้
“น้องพีที่แม่เลี้ยง ที่แม่ดูแลมาเป็นเด็กน่ารัก สดใส เป็นตัวของตัวเอง ยิ้มเก่ง และสนุกสนาน แม่อยากได้ลูกแม่คนเก่ากลับมาได้ไหมลูก แม่ไม่สบายใจเลยที่ช่วงหลังลูกดูเครียด หลบหน้าหลบตา ดูโทรมลงไปเยอะเลยลูก”
แม่พูดเสียงสั่นพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้ แต่ทำให้ผมน้ำตายิ่งไหล พี่เพลงที่ยืนอยู่ข้างๆแอบปาดน้ำ ส่วนพี่แพท ลุกขึ้นยืนหันหลังทันที
“แต่แม่รู้ไหมครับ ลูกพีของแม่แปดเปื้อนเพราะพวกมันแล้ว พวกเลวๆพวกนั้นมันประทับตราบาปในตัวพีตั้งแต่วันที่มันข่มขืนพีแล้ว ไม่มีแล้วเด็กน้อยของแม่”
ผม่ยังคงยิ้มให้ผมน้ำตาคลอ มือก็ยังปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดให้ผมอยู่
“ไม่เลยลูก พียังสะอาดไร้การแปดเปื้อนจากคนพวกนั้นเสมอ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแม่คิดว่าพียังเป็นคนเดิมไงลูก ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดของลูก ถ้าลูกเอาแต่จำอดีต จมปลักกับมัน ลูกก็ไม่มีวันที่จะออกมาเผชิญกับอนาคตที่ดีได้ แต่แม่พูดว่าลูกแปดเปื้อนคือแม่ไม่อยากให้ใครมาตราลูกว่าเป็นฆาตกร เรื่องที่ลูกทำกับฟาร์ม ถ้าเขาตายขึ้นมาละลูก ลูกต้องติดคุก ถ้าวันนั้นมีจริงแม่จะอยู่ยังไงถ้าลูกน้อยที่แม่คอยถนอมมาตลอดต้องติดคุก”
แม่พูดแล้วน้ำตาไหล ทำเอาผมร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
“อึก อึก มันไม่ทันแล้วแม่ พีทำอะไรที่โหดร้ายกว่านั้นไปแล้ว”
ผมพูดจบแม่ตาโตแล้วถามทันที
“พีทำอะไรไปลูก”
“พีฆ่าไอ้ทามไปแล้ว”
ผมพูดจบทุกคนเงียบแล้วหันมามองผม
“ฮืออออ อึก พีเป็นฆาตกรแล้วแม่ พีฆ่าไอ้ทาม แต่แม่รู้ไหมพีไม่เสียใจเลย พีอยากฆ่ามัน เหมือนที่มันฆ่าให้พีตายทั้งเป็น”
ผมทรุดลงบนพื้นแล้วร้องไห้โฮออกมา แม่ก้มลงมากอดผมทันที
“ใจเย็นๆลูก อย่าเครียดๆ เราจะมาหาทางออกด้วยกัน”
“ผมกลัว กลัวว่าพวกมันจะเอาคืนน้อง”
พี่เพลงพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองพี่เพลง ผมเลยสะแหยะยิ้มออกมาตาลอย
“ถ้าวันนั้นพีจะตายก็ขอให้พีตายคนเดียว พีไม่อยากให้คนอื่นมามีส่วนกับเรื่องนี้”
ผมพูดเสียงเฉียบทำเอาทุกคนเงียบ บรรยากาศในห้องเงียบไปหมด ผมลุกขึ้นยืน แม่มองผมด้วยแววตาสั่นระริก พ่อลุกขึ้นมาประคองแม่ให้ลุกขึ้น ทุกคนมองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อ
พี่ไม่มีวันยอมให้พีตาย”
เสียงดังจากด้านหลังทำเอาทุกคนหันไปมอง เห็นพี่เอ็มยืนอยู่ พี่เอ็มเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วจับมือผมแน่น
“พี่จะปกป้องพีเอง”
พี่เอ็มพูดด้วยสายตาแน่วแน่จนผมต้องหลบสายตาแล้วเอามือออก
“พี่อย่ามายุ่งเรื่องนี้”
“แต่พี่ต้องยุ่ง พีหนีหน้าพี่นานเกินไปแล้ว ถ้าพี่ไม่แอบมาวันนี้พี่ก็คงไม่ได้มาเจอพี”
“รู้ตัวว่าหนีหน้าแล้วยังจะหน้าด้านมาให้เจอทำไม กลับไปซะ!!”
ผมพูดเสียงเข้ม พี่เอ็มยังยืนนิ่ง
“ไม่ !! พี่หน้าด้าน”
“นอกจากหน้าด้านแล้วยังปากสว่างอีก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ พ่อแม่พี พี่ชายของพีก็ไม่ต้องมาเครียดเพราะพี่”
ผมพูดเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้ มองพี่เอ็มด้วยความผิดหวัง
“พี่หักหลังพี พี่ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ”
ผมพูดจบก็หันหลังทันที
“พี พี่ขอโทษ แต่พี่หวังดีกับพีนะ”
“หุบปาก !!”
ผมพูดจบแล้วเดินไปที่พ่อ แม่ พี่เพลง พี่แพทที่ยืนอยู่
“สายไปแล้วที่จะห้ามพี สายไปแล้วครับ”
ผมพูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบนห้องทันที ผมล็อคประตูเสร็จก็ล้มตัวนอนบนเตียง
“ปวดหัว โอ้ยย อ๊ะ”
ผมรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที มองเพดานแล้วหมุนไปหมด ผมพยายามพยุงตัวเองไปกินยา
“อ๊ะ อะ”
มือผมสั่นไปหมดจับขวดยา ผมกรอกยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามทันที ล้มตัวนอนลงบนพื้นแล้วเหม่อลอย รู้สึกลอยละล่อง รู้สึกไม่รับรู้อะไร ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเคาะประตูจากด้านนอก
ผมตื่นมาอีกทีในตอนเย็นของอีกวัน ผมลืมตาออกมาก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ มองตัวเองที่นอนบนเตียงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มองไปรอบๆห้องแล้วสะดุดตรงที่ประตูที่ตอนนี้โดนปลดกลอนออกหมด
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
แม่เดินเข้ามาหาผมพร้อมพี่เอ็มที่เดินมาข้างๆ แม่ถือถ้วยข้าวต้มมาด้วย
“กินข้าวต้มก่อนนะลูก”
แม่พูดแล้วพยายามส่งยิ้มให้ผม ผมเลยยิ้มตอบแล้วกินข้าวต้มไปเงียบๆ โดยที่ผมไม่มองพี่เอ็มเลยด้วยซ้ำ
เช้าของอีกวันผมลุกขึ้นแต่เช้าเดินลงมาด้านล่างก็เจอแม่นั่งอยู่
“พีจะไปไหนลูก”
แม่ถามผมขึ้น ผมเลยยิ้มให้แล้วตอบ
“พีจะไปหาซินดี้นะครับ”
ผมพูดจบแม่มองผมด้วยสายตาไม่อยาเชื่อ แต่ผมส่งยิ้มไปให้ แม่เลยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“อย่ากลับเย็นนะลูก”
ผมออกจากบ้านมาเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อคืนผมได้โทรคุยแล้วนัดกับพี่เอสว่าจะไปเยี่ยมพี่ทามพร้อมกัน พี่ทามยังไม่ตายอย่างที่ผมคาดไว้ แต่อาการเป็นยังไงผมยังไม่วางใจอยากออกไปให้เห็นกับตา
“พี”
พี่เอสเรียกผมทันทีที่ลงจากแท็กซี่ ผมส่งยิ้มไปให้แล้วถามทันที
“พี่ทามเป็นไงบ้างครับ”
“พีไปดูมันเองเถอะ”
เราสองคนเดินไปที่ห้องพักของพี่ทาม เปิดประตูเข้าไปก็เจอพี่ชายพี่ทามนั่งอยู่คนเดียว ผมไหว้พี่เขาเสร็จก็ถามอาการทันที
“พี่ทามเป็นไงบ้างครับ”
“ก็ดีขึ้นแล้วน้อง ดีนะที่รถคันนั้นเป็นรถบีเอ็มอย่างดีของพี่ มันมันถุงลมนิรภัยเลยพอช่วยไอ้ทามได้บ้าง อาการจึงไม่ถึงกับโคม่า แต่ก็โดนไปไม่น้อยเลย”
พี่ชายพี่ทามพูดจบผมหันไปมองพี่ทามหน้าเครียด สภาพพี่ทามไม่ต่างจากมัมมี่ มีผ้าพันแผลพันเกือบรอบตัว ที่หน้ามีรอยฟกซ้ำไม่น้อย
“มันโชคดีมากเลนรู้ไหมที่เอารถพี่ไป เพราะถ้าเอารถประจำมันไป มันตายแน่ เพราะรถนั้นจะไม่มีอะไรช่วยมันเลย ไอ้นี่มันดวงแข็งจริงๆ ขนาดโดนตัดสายเบรกขนาดนี้ยังไม่ตาย”
“ใช่ ดวงแข็งจริงๆ”
ผมพูดกับตัวเองเสียงแผ่วแล้วมองคนบนเตียงด้วยแววตากร้าว
“แต่แปลกนะรู้ไหม มันยังไม่ฟื้นเลยตั้งแต่วันนั้นทั้งๆที่หมอบอกว่ามันน่าจะฟื้นได้แล้ว”
ผมนิ่งเงียบ
“บางทีมันอาจจะนอนวางแผนที่จะเอาคืนคนที่จะฆ่ามันแน่ๆ”
พี่ชายพี่ทามพูดจบผมหันไปมองหน้าพี่แกทันที พี่แกเห็นผมเครียดเลยพูดออกมาติดตลก
“ฮ่าๆ แต่จะรู้ได้ไงเนอะ ไอ้นี้มันศัตรูเยอะจะตาย”
พี่ชายพี่ทามพูดจบผมเลยแกล้งหัวเราะออกมาตาม
เจ้าเล่ห์พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง
ตอนเย็นวันนั้นหลังจากไปเที่ยวกับพี่เอสเสร็จหลังจากออกจากโรงพยาบาล ผมก็ให้พี่เขาส่งผมแค่หน้าปากซอยทางเข้าบ้าน
“พี่เอสส่งพีแค่นี้พอ”
“แต่พี่อยากไปส่งพีถึงบ้านเลย”
“ไม่ต้องหรอก ใกล้แค่นี้นิดเดียว”
ผมพูดจบก็เดินออกมาทันที ยืนจนพี่เอสยอมออกรถไป
ระหว่างที่ผมกำลังจะหันหลังเดินเข้าซอยกลับโดนกระชากจากด้านหลัง
“ว่าไงตัวแสบ แสบนักนะ”
ผมโดนรัดจากด้านหลังแล้วกระซิบข้างหู ผมขนลุกซู่รู้สึกเย็นยะเยือกไปหมด หันไปมองก็เจอ
“พี่ทาม !!”
_____________________________________________________________________
ทิ้งระเบิดไว้ แล้วถอยหนี
พี่ทามตายไวก็ไม่สนุกสิจริงไหม พี ทาม คู่นี้มันสมน้ำสมเนื้อ ต้องเอามาเชือดเฉือนกันอีกรอบ
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านและทุกคอมเม้นต์ครับ