พี่ครับ...ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียน
ตอนที่38
ผมกลับมาถึงบ้านแล้วก็เจอพี่เอ็มนั่งอยู่ในห้องรับแขก พี่เอ็มเห็นผมแล้วยิ้มกว้างผมเลยเดินเข้าไปนั่งใกล้พี่เขา พี่เอ็มจับผมเข้าไปกอดทันที
“พี่คิดถึงพี”
พี่เอ็มพูดจบผมก็ยิ้มออกมา
“พีก็คิดถึงพี่เอ็ม”
ผมพูดแล้วกอดพี่เอ็มตอบ เราสองคนนั่งกอดกันสักพักไม่พูดอะไร
“แฮ่มๆ”
เสียงขัดขึ้นมาจากพี่เพลงที่ยืนพิงขอบประตูมองอยู่ พี่เพลงมองผมกับพี่เอ็มล้อๆ
“ตกลงเสือจะสิ้นลายแล้วจริงๆใช่ไหม”
พี่เพลงนั่งตรงข้ามเราสองคนแล้วพูดขึ้น
“แน่นอนโว้ย ยอมคนนี้คนเดียว”
พี่เอ็มพูดแล้วยิ้มให้ผม เราสองคนยิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่ผมยิ้มให้พี่เขาอย่างจริงใจ ไม่ใช่เสแสร้ง
“อย่าทำให้น้องกูเสียใจละ”
พี่เพลงพูดจบเดินมาขยี้ผมของผม
“พี่เพลงอะ”
ผมหันไปบ่นใส่พี่เพลง พี่เพลงยิ้มให้ผม เราสองคนยิ้มให้กัน พี่เพลงเลยเดินออกจากห้องรับแขกไป พี่เอ็มที่นั่งข้างๆก็โอบกอดผมจากด้านหลัง
“อยากอยู่ใกล้ๆแบบนี้ตลอดเลย”
พี่เอ็มกระซิบที่ข้างหูผม ผมเงยหน้ามองพี่เขา เราสองคนสบตากัน ผมยิ้มให้พี่เขาไม่พูดอะไร
เย็นนั้นพี่เอ็มอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านผมด้วย พี่แพทมาเจอแม้จะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อกับแม่ผมก็ต้อนรับพี่เอ็มอย่างดี เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุขที่ได้กินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา
“พี่โอมอยู่คอนโดเหรอ”
“ใช่ครับน้องพี แอ่กๆ คือพี่ไม่ค่อยสบาย”
เสียงไอดังผ่านสายโทรศัพท์มา ผมยืนถือโทรศัพท์แล้วคิด พี่โอมไม่สบาย ผมต้องไปเยี่ยมหน่อยละ
“งั้นเดี๋ยวพีไปเยี่ยมนะ”
“พี่ดีใจนะที่พีจะมาเยี่ยมพี่ พี่ใจหายมากเลยรู้ไหมที่พีหายไปสามวัน พี่โทรไปก็ไม่รับ ไปเจอก็หลบหน้า พี่ดีใจนะที่พีมาหาพี่ในวันนี้”
ผมยกยิ้มทันทีที่พี่โอมพูดจบ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับพี่เขาอีก เพราะผมก็ไปกับพี่เอ็มเป็นปกติ ซึ่งเหมือนพี่เขาจะรู้เพราะเคยไปเจอผมเดินกับพี่เอ็มในห้าง
“เดี๋ยวเจอกันนะครับพี่โอม”
ผมวางสายแล้วเดินเขาจะไปขึ้นแท็กซี่บังเอิญเจอร้านขายโจ๊กอยู่ไม่ไกลนัก ผมเลยคิดว่าจะซื้อไปฝากพี่เขาซะหน่อย
“โจ๊กถุงนึงครับ”
ผมสั่งกับพ่อค้าไป พ่อค้าก็หันมามองหน้าผมแล้วถามต่อ
“เอาโจ๊กอะไรดีครับคุณ”
ผมยืนนิ่งแล้วมองเมนู โจ๊กปลา โจ๊กกุ้ง เอ๊ะ พี่โอมแพ้กุ้ง แบบนี้กินกุ้งไปคงทรมานแย่เลย ผมยืนมองแล้วแอบเบ้ปากเบาๆ
“เอาโจ๊กกุ้งแล้วกันครับ”
“ครับ”
ผมยืนรอไม่นานก็ได้โจ๊กมา แล้วก็ขึ้นแท็กซี่คอนโดพี่โอม
มาถึงคอนโดพี่โอมผมก็ขึ้นไปได้แบบไม่มีปัญหาเพราะพี่โอมโทรมาบอกพนักงานที่ด้านล่างไว้เรียบร้อย
“ก็อกๆ”
“เข้ามาเลยน้องพี พี่ไม่ได้ล็อค”
ผมเปิดประตูเข้าไปก็บังเอิญเจอกับพี่ฟาร์ม เพื่อนอีกคนในกลุ่ม และอีกคนที่อยู่ในคืนนั้น ผมจ้องพี่ฟาร์มนิ่งแล้วตัดสินใจยิ้มให้
พี่ฟาร์มอยู่แบบนี้จะทำไงดีละ แผนจะล่มหรือเปล่าเนี้ย
“น้องพีนั้นเอง พี่ไม่คิดนะเนี่ยว่าจะเจอที่นี้”
พี่ฟาร์มพูดแล้วมองผม
“พอดีพี่มาเยี่ยมที่โอมตามประสาพี่น้องนะครับ”
ผมพูดคำว่าพี่น้องแล้วแอบเหลือบไปมองพี่โอมนิดนึง
“พี่ซื้อโจ๊กมาเดี๋ยวพี่เอาไปให้ไอ้โอมกินดีกว่า”
พี่ฟาร์มพูดแล้วจะลุกขึ้น ผมมองตาวาวทันที ได้ทีสวมรอยโจ๊กดีกว่า แผนจะได้แนบเนียนขึ้น ผมเลยรับอาสาเอง
“เดี๋ยวพีเอาไปใส่ถุงให้เองดีกว่า”
ผมพูดแล้วรับถุงโจ๊กมา พี่ฟาร์มก็ยื่นให้ผมโดยไม่คิดอะไร ผมหันไปมองก็เจอผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ ไม่คุ้นหน้าเลย แต่หล่อดี หล่อเหมือนหนุ่มแขกเลย
“นั้นเพื่อนพี่เอง เพื่อนที่คณะชื่อไอ้บัน”
พี่ฟาร์มหันมาพูดกับผมเมื่อเห็นว่าผมสนใจพี่บัน ผมเลยยิ้มให้พี่เขา พี่บันก็ยิ้มตอบ
ผมเดินเข้ามาในครัวหันซ้ายขวาไม่เห็นใครตามมาก็แอบเอาถุงโจ๊กสลับกันกับถุงที่ผมซื้อมา ผมแอบไว้ตั้งแต่แรกในกระเป๋าของผมแล้ว ผมเอาถุงของพี่ฟาร์มกลับมาใส่ในกระเป๋าแล้วแกะถุงของผมแทน โจ๊กกุ้ง กุ้งที่พี่โอมแพ้ ผมแกะถุงใส่ถ้วยแล้วแอบตักกุ้งในถ้วยออกใส่ถุงโจ๊กของพี่ฟาร์มเพื่อไม่ให้โดนจับได้ ผมคลุกเคล้าจนเสร็จก็เสริฟโจ๊กออกมา
ผมวางถ้วยโจ๊กด้านหน้าพี่โอม พี่โอมหันมายิ้มให้ผม พี่ฟาร์มที่นั่งด้านข้างก็หันมาชวนคุย
“โจ๊กร้านเด็ดเลยนะมึง รับรองอร่อย”
พี่ฟาร์มพูดจบผมก็ยิ้มให้
“ว่าทำไมมึงไปกินบ่อย กินจนจะอ้วนเป็นหมูละ”
พี่บันพูดสอดขึ้นมา ผมเลยหันไปมองพี่บัน มองสายตาที่พี่เขาทอดมองพี่ฟาร์มมันไม่ธรรมดา มันเกินกว่าเพื่อนกัน
“ไอ้นี่ก็พูดไป”
“ฮ่าๆ”
พี่บันหัวเราะให้พี่ฟาร์มแล้วมองพี่ฟาร์มอย่างเอ็นดู ผมยกยิ้มแล้วไปนั่งโซฟาข้างพี่โอมทันที
“งั้นเดี๋ยวกูกลับก่อนนะมึง มึงมีคนดูแลละ”
พี่ฟาร์มพูดขึ้นมาแล้วมองพี่โอมอย่างล้อเลียน
“เออ แต่กูขอนะอย่าบอกเอ่อ ”
พี่โอมยังไม่ทันจะพูดจบพี่ฟาร์มก็สอดออกมา
“กูรู้หน่า”
พี่ฟาร์มพูดจบก็ตบไหล่ให้กำลังใจพี่โอม
“ไปกันเถอะมึง”
พี่บันที่นั่งอีกฝั่งพูดขึ้น
“กูไปละ พี่ไปละนะน้องพี”
พี่ฟาร์มหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบและยิ้มให้พี่บันอีกคน
ผมมองสองคนนั้นที่เดินออกไป แล้วรู้สึกแปลกๆถึงสายตาที่พี่บันมองพี่ฟาร์ม มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“พี่บันนี่ใครเหรอ พีไม่เคยเห็น”
“ไอ้บันเหรอ เพื่อนเก่าของพี่กับไอ้ฟาร์มนะ”
“อ๋อ ว่าทำไมดูสนิทกันจัง”
ผมพูดแล้วยิ้มให้พี่โอม
“พี่โอมกินข้าวต้มเถอะจะได้ยาแล้วพักผ่อน”
“ก็ได้ครับ”
พี่โอมพูดอ้อนๆแล้วยอมกินข้าวต้ม
ผมนั่งมองพี่ต้นกินข้าวต้มแล้วยิ้มตาวาว ผมเคยถามเพื่อนที่แพ้กุ้งมา มันบอกว่าบางคนแพ้หนักแม้กระทั่งน้ำกุ้งก็กินไม่ได้ นี่ข้าวต้มกุ้งคงต้องแพ้แน่ๆ โดยเฉพาะร่างกายพี่เขาที่ไม่สบายตอนนี้ หึหึ เป็นหนักแน่
พี่โอมยังกินเรื่อยๆไม่มีอาการท่าทีอะไรจนผมเอะใจ แต่ก็ไม่สนใจ เลยทำเป็นว่ามีคนโทรศัพท์มาแล้วรับ
“ครับแม่”
“ครับเดี๋ยวพีกลับละ”
“ครับๆ”
ผมทำเป็นวางสายแล้วมองพี่โอมที่หยุดกินแล้วมองผมอยู่
“พีจะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ แม่โทรให้กลับด่วนอะ”
ผมยิ้มให้พี่เขา ตอแหลไปงั้นแหล่ะ ผมแค่ไม่อยากจะอยู่ตอนนี้
“งั้นพีกลับเถอะ”
ผมยิ้มให้พี่เขาแล้วเก็บกระเป๋าจะเดินออกมาแต่กลับโดนพี่เขาจับมือไว้ซะก่อน
“พี่ดีใจนะที่พีมาหา”
พี่โอมมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน อ่อนโยนจนผมแอบรู้สึกผิด แต่ผมก็ใจแข็ง พี่เขาต้องได้รับผลที่มีส่วนร่วมจากการกระทำครั้งนั้นบ้าง
“ไว้พีมาหาอีกนะ”
ผมพูดแล้วยิ้มให้ แล้วเดินออกจากห้องมา ตอนออกผมไม่ล็อคประตูเผื่อเข้ามาดูสภาพพี่เขา
ผมยืนรอหน้าห้องไม่นานก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา
“เพล้ง !!”
ผมตาโตทันทีที่ได้ยินเสียง แอบเปิดประตูเบาๆเข้าไปในห้องก็เห็นพี่โอมนอนหันหลังให้ผม นอนหอบอยู่ที่พื้นหน้าแดง ตัวแดงไปหมด
“ชะ ชะ ช่วยด้วย”
เสียงพี่เขาแผ่วเบาพยายามตะเกียดตะกายให้คนช่วย ผมยืนมองพี่เขาด้วยสายตาสะใจ ไม่คิดจะช่วย ไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น วันนั้นที่ผมโดนข่มขืนพี่เขาก็ยืนอยู่ ผมมองให้พี่เขาช่วยก็ไม่ช่วย กลับซ้ำยังร่วมกระทำอีก
ผมยืนมองแล้วกำหมัดแน่นน้ำเอ่อคลอเมื่อคิดถึงภาพในวันนั้น พี่โอมชักกระตุกแล้วพลิกตัวมาด้านที่ผมยืนอยู่ ผมยืนนิ่งไม่คิดหลบ พี่เขาพยายามเพ่งมองว่าผมคือใคร ผมได้แต่ยืนสะแหยะยิ้มให้ไม่ช่วยอะไร
“คะ คะ ใคร ชะ ช่วย ด้วย”
ผมมองพี่โอมด้วยสายตาเย็นชา ผมไม่รู้ว่าน้ำตาผมไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหลเพราะอะไร
“เป็นไงละทรมานไหม การที่เห็นคนยืนอยู่แล้วช่วยได้แต่ไม่คิดจะช่วยนะมันเป็นยังไง ทรมานไหมละ”
พี่โอมมองผมแล้วชักกระตุก พยายามคลานออกมาที่ผมยืนแต่กลับคลานไปโดนเศษจานซะก่อน
“อะ โอ๊ะ”
พี่โอมอุทานออกมาแล้วหมดแรง หยุดคลาน ผมยืนมองนิ่งไม่คิดช่วยอะไร ผมบาดน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วจะเดินออกมา แต่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอกซะก่อน
“สัสเอ้ย มึงไม่น่าลืมมือถือไว้เลยบัน”
“อย่าบ่นไปหน่อยหน่ามึง”
ผมตาโตทันที พี่บัน พี่ฟาร์ม กลับมาทำไม ผมรีบเข้าไปในห้องนอนหาที่ซ่อนทันที รอไม่นานก็ได้ยินเสียงพี่ฟาร์มตะโกนลั่น
“ไอ้โอม มึงเป็นไรวะ”
“หยุดโวยวายเถอะมึง พาไอ้โอมไปโรงพยาบาลเถอะ”
ผมได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากด้านนอกแล้วไม่นานก็เงียบ
ผมเดินออกมาทั้งหมดก็ออกไปแล้ว ผมเลยรีบออกจากห้องพี่โอมแล้วกลับบ้านทันที
ระหว่างนั่งแท็กซี่กลับบ้านผมสะแหยะยิ้มทันที นี้เบาๆสำหรับพี่โอม ถือว่าพี่แกก็ดีในระดับหนึ่ง แค่นี้ถือว่าสั่งสอน ผมเหม่อคิดไปถึงรายต่อไป พี่ฟาร์ม เมื่อคิดถึงพี่ฟาร์มก็อดคิดถึงพี่บันไม่ได้ งานนี้ต้องจัดเพื่อนรักให้หักเหลี่ยมซะแล้ว
วันต่อมาพี่โอมก็โทรมาหาผมบอกว่าอยู่โรงพยาบาล แพ้อาหารในวันนั้น ผมไม่อยากให้เป็นที่สงสัยเลยตัดสินใจไปเยี่ยมพี่เขาที่โรงพยาบาล
เปิดประตูเข้าไปในห้องที่โรงพยาบาลก็เจอพี่เขาอยู่กันครบ พี่นัท พี่เอส พี่มอส พี่ฟาร์ม และพี่ทาม ขาดแต่พี่ดลที่ไปต่างประเทศแล้ว ผมหยุดชะงักนิดนึงแต่ก็ยิ้มสู้
“เอ้าพี พี่คิดว่าจะมาเย็นๆซะอีก”
พี่โอมหันมายิ้มให้ผม ยิ้มเหนื่อยๆ
“พอดีพีว่างเลยมาเยี่ยมก่อน”
ผมตอบแล้วเอาผลไม้ของฝากไปตั้งไว้ พี่โอมก็ยิ้มให้ผม
“น้องพีสนิทกับไอ้โอมด้วยเหรอ”
พี่ทามถามขึ้นมา ผมนิ่งแล้วยิ้มให้
“ก็เพิ่งมาสนิทกันนะครับ”
ผมตอบแล้วมองหน้าพี่โอม พยายามไม่สนใจสายตาที่พี่ทามและพี่เอสมองมา
“พี่โอมเป็นไงบ้าง”
ผมถามพี่โอม พี่โอมเลยยิ้มแล้วตอบมา
“พี่ดีขึ้นแล้วครับ ดีนะที่วันนั้นไอ้ฟาร์มไปเจอก่อน ไม่งั้นอาการต้องหนักกว่านี้แน่”
“แล้วทำไมถึงเข้าโรงพยาบาลได้ละ”
“หมอบอกว่าในข้าวต้มมีส่วนผสมของกุ้งอะ พี่แพ้กุ้ง”
ผมแสร้งตาโตแล้วมองพี่โอม
“นั้นสิ พีพอจะจำได้ว่าพี่โอมแพ้กุ้ง แต่ตอนที่พีอยู่พี่โอมยังปกตินะ”
“นั้นดิ พี่ก็สงสัยเหมือนกัน สงสัยอาการเพิ่งจะออกฤทธิ์ พี่ไม่สบายด้วยแหล่ะเลยแพ้ง่ายขึ้น”
“พีอยู่กับไอ้โอมด้วยเหรอวันที่เกิดเรื่อง”
พี่เอสพูดขึ้น ผมเลยนิ่งแล้วหันไปมองพี่เขา
“ใช่ พอดีพไปเยี่ยมพี่โอมไม่สบาย”
พี่เอสพยักหน้าไม่คิดอะไร ผมแอบโล่งใจคิดว่าพี่เขาจะสงสัยซะอีก
“กูว่ากูซื้อโจ๊กปลามานะ มึงไม่แพ้ปลานิโอม หรือที่ร้านแอบผสมกับน้ำกุ้งแน่เลยกูว่า”
พี่ฟาร์มขึ้นมาฮาๆ พยายามไม่ให้ทุกคนเครียด
“มึงยังจะฮาเนอะไอ้ฟาร์ม”
พี่นัทพูดขึ้น ผมมองพี่เขานิดนึง พี่นัทดูโทรมไปเยอะ โทรมจนผมแอบตกใจ ได้ข่าวว่าเลิกกับพี่แนนขาดแล้ว แล้วพ่อแม่ก็ควบคุมความประพฤติอยู่
“กูว่าถึงคราวซวยไอ้โอมมากว่า ฮ่าๆ”
พี่มอสพูดขึ้นอีกคน ผมเลยหัวเราะไปกับพี่เขาด้วย พี่ทามที่นิ่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมา
“กูว่าคราวซวยพวกเราทั้งกลุ่มมากกว่า ไอ้ดลก็โดนแฉ ไอ้นัทก็โดนคลิปหลุด ไอ้โอมยังมาโดนแพ้กุ้งแบบแปลกๆอีก กูว่ามันซวยทั้งกลุ่มมากกว่า หึหึ ซวยแบบนี้ต้องปัดรังควาญเจ้ากรรมนายเวรบ้าง”
พี่ทามพูดแล้วประโยคสุดท้ายหันมามองผม ผมยืนนิ่งตัวชาวาบ พยายามฝืนตัวเองมองตาพี่เขาแล้วยิ้มให้
“ฮ่าๆๆๆๆ”
ทุกๆคนหัวเราะออกมาเห็นเป็นเรื่องตลก ผมพยายามหัวเราะตามแต่ทำไม่ค่อยออก เพราะสายตาของพี่ทามที่มองมาเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง ผมยิ้มให้พี่ทามแล้วหัวเราะตามพี่เขา
พยายามทำทุกอย่างให้เนียน
เนียนเหมือนที่ผ่านมา
____________________________________________________________
หลังจากนี้เรื่องยกระดับความดาร์คจริงๆละ
หลังจากนี้คงมาบ่อยขึ้นนะครับ เพื่อให้ความรมณ์ต่อเนื่อง
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ