ตอนที่ 12
ไอ้ยิ่ง ขับรถ แวะซื้อ ของใน บิ๊กซี… สงสัยกะซื้อของเยอะหล่ะนะมัน…. ไอ้ยิ่ง น้องชายผม… ดูเหมือนจะเป็น แค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา เรียนเสร็จกลับบ้านนอน หรือ ไม่ก็ มีเที่ยว มีดริ้ง เหมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ใช่ไหมครับ… แต่จริงๆ แล้วไม่เลย…..
ไอ้ยิ่งมันเป็นคนเรียนเก่ง มาแต่ไหนแต่ไร แล้วครับ… เหมือนเป็นความหวัง ของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้…. พ่อกะให้ไอ้ยิ่งเรียนหมอ… ไอ้ยิ่ง… เกรด เฉลี่ย 4.00 มาตั้งแต่ ม.1 แล้ว พอจบ ม.3 มันจึงสอบเข้าที่สาธิต ของมหาวิทยาลัย ในตัวจังหวัด… แต่เมื่อ จบ.ม.6 ทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็พังทลายลง… พัง เพราะ ตัวของมันเอง…. พ่อ แม่ ผม ไม่ด่า ไม่ว่า มันซักคำ… มีแต่น้ำตาของแม่.. ที่หลั่งไหลออกมา … และก้มหน้า รับผิดชอบ ในสิ่งที่น้องผมทำลงไป…..ผมได้แต่อึ้ง… ไม่คิด ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับ ครอบครัวเล็กๆ ของผม… และ ไม่คิดว่า… จะเกิดขึ้นกับไอ้ยิ่งเลยจริงๆ….
เราแวะซื้อของกันได้ไม่นาน… เพราะ ต้องรีบแล้ว…โรงเรียนของน้องแยม กำลังจะเลิก ผม..กับไอ้ยิ่งต้องแวะ ไปรับน้องก่อน… ก่อนที่จะไปที่อื่น….
แวะรับน้องแยม..ที่โรงเรียน… แล้วก็ขับออกนอกเส้นทางที่จะกลับบ้าน ปกติเวลากลับบ้านกันพวกผมไม่ได้กลับเส้นนี้ เพราะมันอ้อม… แต่คราวนี้… มีเหตุจำเป็น….ก็เลยต้องมา
ผมไม่เคยมาที่นี้… เพราะตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องกับไอ้ยิ่ง ผมก็ลงไปทำงานที่ กรุงเทพ แล้ว ผมจึงไม่ได้ลงมาดูไอ้ยิ่งในตอนนั้น…
ไอ้ยิ่งขับรถผ่าน ทุ่งนา ผ่านหมู่บ้าน เล็กหมู่บ้านน้อย…จนสุดเขตถนนใหญ่ ลาดยางมะตอย เป็นถนนลูกรังแดง…พอรถวิ่งผ่านที ฝุ่นสีแดงก็คลุ้ง ไปหมด…หลุมบ่อ ก็มีอยู่ประปราย ขนาดไอ้ยิ่งขับช้ายังกะเต่าคลาน รถผมยังตกหลุม ปั๊กๆ…น่าสงสารโคด…
บ้านไม้ยกพื้นสูง… ตามแบบฉบับบ้านเก่าๆ ทางแถบภาคอิสาน… ที่อยู่เบื้องหน้า คือ จุดหมายของพวกผม…หญิงวัยกลางคน นั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน มือข้างหนึ่ง กำลังไกว่เปล เด็กอยู่…. พอไอ้ยิ่งขับรถเข้าไปในบริเวณบ้าน…ก็มีผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน กับคนที่นั่งอยู่ที่แคร่ อีก 2-3 คนก็เดินมาจากบ้านหลังใกล้ๆกันเข้ามาหา พวกผม….
“สวัสดีครับแม่…” พอจอดรถเรียบร้อย ไอ้ยิ่งก็เดินเข้าไปสวัสดี ผู้หญิงที่นั่งไกว แปลเด็กอยู่บนแคร่
“สวัสดีครับ/ค่ะ” ผมกับน้องแยม ลงจากรถ แล้วยกมือขึ้นสวัสดี พร้อมกันและหันไปสวัสดี… ผู้หญิง อีก 3 คน ที่เดินมานั่งที่แคร่
“ใครหล่ะหน่ะ… พ่อยิ่ง” หญิงที่ไกวเปลเด็ก ยิ้มให้ไอ้ยิ่งนิดๆ แล้วทำหน้าบุ้ยมาทางผม
“พี่ยอด พี่ชายคนโตหน่ะครับ” ไอ้ยิ่งพูดอย่างสุภาพ ผมส่งยิ้มให้แก
ไอ้ยิ่งตอนนี้ ต่างกับตอนที่แรกที่ผมเจอ จากหน้ามือ เป็นหลังมือ มันเงียบ และ ขรึม หน้าตาบ่งบอกถึงความไม่สบายใจอย่างหนัก…
“ลูกใครหล่ะครับแม่…ในเปล” คนถูกถามถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ก็ลูก…อิแก้วตานั่นแหละ…อีกคนแล้ว” น้ำเสียงแกเหนื่อยหน่ายมากมาย
“อือ..ครับ…แล้วนี้…เจ้าโยหล่ะครับแม่” ถึงจะทำน้ำเสียงนิ่งๆ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมรู้ว่าน้องผมกำลังไม่พอใจอย่างหนัก
“เออ…โย เอ้ย…โย …อยู่ไหนหน่ะลูก… พ่อเองมาแล้ว… โย” แกไม่ตอบคำถามไอ้ยิ่ง แต่หันไปเรียกหา เจ้าโยแทน
“เมื่อกี้..ฉันเห็น มัน เดินไปร้านยัยติ๋ม กับไอ้โอ๊ต หน่ะ…สงสัย พี่มันพาไปซื้อขนมหล่ะมั้ง” ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นมา
ตาก็ไล่มอง เราสามพี่น้อง ทีละคน….
“โอ้ย ถ้าไป นั่น อีกนานเลยกว่าจะกลับ… ไอ้โอ๊ต…คงพาน้องไปดูหนังแผ่น” หญิงอีกคนพูดขึ้น… ไอ้หนังแผ่นที่ว่า ..ผมคิดว่าคงเป็นVCD หล่ะมั้งนะ
“อ้าวเหรอ…อืม เดี๋ยว แม่ให้คนไปตามให้นะ แป๊ปเดียวลูก” ผมรู้สึกตึงๆ นิดๆ นี่แก เลี้ยงหลานยังไง เด็ก อายุ แค่ 3ขวบ ไปไหน มาไหน แกไม่รู้เรื่อง …
“อ้าว มาพอดี…ทำไมกลับเร็วหล่ะวันนี้..” เสียงยาย เจ้าโย พูดขึ้นน้ำเสียงเอ็นดู
ผมหันไปมองตามสายตาของแก…เห็นแล้วใจกระตุก… นั่นนะเหรอ.. คือหลานชายของผม…หลานชายคนแรกของตระกูลเรา…ลูกชายไอ้ยิ่ง…
เด็กผู้ชาย ตัวเล็กๆ..หน้าตามอมแมม…แก้มยุ้ยๆ ทั้งสองข้าง มีรอยเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น ปากสีชมพูน่ารัก..มีรอยเปื้อนดำๆ รอบๆปาก… เสื้อกับกางเกงขาสั้นลายการ์ตูน ที่ผมจำได้ว่า..ผมซื้อในห้างราคาหลายตังค์ แล้วส่งมาให้หลาน …ตอนนี้ มีรอยขาด รอยเปื้อน สกปรกไปหมด… ขาขาวๆ ตัวขาวๆ มอมแมม..เปื้อนดิน…รองเท้าก็ไม่ใส่ …เท้าเล็กๆนั่นจึงสกปรกไปหมด… มันไม่ได้เปื้อน เพราะเด็กเล่นซน … แต่มันเหมือน หลานผม ไม่เคยได้รับการดูแล..จึงทำให้มีสภาพแบบนี้…
ผมเบือนสายตาจากน้องโย ไปมองไอ้ยิ่ง… ไอ้ยิ่งมองลูกชายของมันด้วยแววตาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด…
“หนูรอพ่อ…” เสียงเล็กๆตอบกลับมา ยิ่งทำให้ผมสะท้อนในใจ
น้องโยคงตื่นๆ ที่เห็นคนเยอะ… พอพูดจบ ก็ไปแอบ อยู่ด้านหลัง เด็กผู้ชายตัวโตอีกคน ที่ยืนอยู่ข้างกัน…
ไอ้ยิ่ง ค่อยๆ นั่งลง… แล้วยื่นมือไปข้างหน้าทั้งสองข้าง…
“พ่อ…มาแล้ว..น้องโย… มาหา พ่อมา” ไอ้ยิ่งเรียกลูก เสียงเบาหวิว…
เจ้าตัวเล็ก ที่ยืนจ้องหน้า ไอ้ยิ่งเขม็งอยู่เมื่อครู่… ค่อยๆก้าวขาออกมาจากด้านหลังพี่ชาย.. …
“พ่อจ๋า” เจ้าตัวเล็กวิ่ง กระโดด ใส่พ่อตัวเอง… แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น…ผมน้ำตาไหลพราก…
….ไอ้ยิ่งกอดน้องโย แน่น…น้ำตามันไหล แต่ไร้เสียงสะอื้น… ไอ้ยิ่งค่อยๆ ยืนขึ้นโดยมีน้องโยร้องไห้สะอื้นอยู่กับบ่าไหล่มัน…น้องโยร้องไห้ซบหน้ากับไหล่พ่อ แขนเล็กๆทั้งสองข้างกอดคอพ่อไว้แน่น…
ผมไม่เคยเจอหน้าหลานเลย… ตั้งแต่ เจ้าโย ลืมตาดูโลก ……ไอ้ยิ่ง มันเป็นคนเรียนเก่ง หลังจากที่หยุดเรียน เพื่อเลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย อยู่ 1 ปี ไอ้ยิ่ง มันก็หันกลับไปท่องหนังสือ อ่านตำราของมัน..จนมันสอบติด… คณะวิศวะ
ส่วนแก้วตา ก็โกรธ เป็นฟืน เป็นไฟ ที่ไอ้ยิ่ง กลับ ไปเรียนหนังสือ…แก้วตากลัวว่า ถ้าไอ้ยิ่ง กลับไปเรียน แล้วมันจะเลิกกับเธอ…มันจะทิ้งเธอ … แก้วตาทั้งขู่ ทั้งด่า ไอ้ยิ่งสารพัด แต่มันก็ไม่ยอม มันอยากเรียนต่อ … มันห่วงอนาคต ของมันของแก้วตา และของลูก… มันทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน แก้วตาให้กลับไปเรียน เรื่องลูก แม่ผมยินดีรับเลี้ยงไว้ให้… แม้แต่ตัวผม … ที่ตอนนั้น ได้อยู่กินกับจอยแล้ว.. ก็ยินดีที่จะส่งเสีย ค่านม ค่าแพมเพิร์สอะไรให้หลานเองทั้งหมด…. แต่แก้วตาก็ไม่ยอม… ด้วยอะไรก็สุดจะคาดเดา…เธอหอบลูก หนีกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่เธอ…แล้วยื่นคำขาด ห้ามครอบครัวผม เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอและลูกอีก…
ตอนนั้นไอ้ยิ่งสภาพจิตใจมันย่ำแย่มาก…. อยากเรียนก็อยากเรียน ไหนจะลูก ไหนจะเมีย และไหนจะทางพ่อแม่ผมอีก ที่อยากจะให้มันเรียนต่อ…
และในที่สุด มันก็ตัดสินใจเลือกเรียน…. และมันก็ได้แต่หวังว่า… พอห่างกันซักพัก แก้วตาจะคิดได้ รอให้ใจเย็นลงก่อน… ไอ้ยิ่งกลับไปเรียนหนังสือต่อ…ในขณะเดียวกัน มันก็ทำงานพิเศษ เป็นเด็กส่งพิซซ่า ไปด้วย… มันทั้งเรียน ทั้งทำงาน… เพื่อจะได้ส่งเงินเป็นค่าเลี้ยงดูเจ้าโย และมันก็ได้แต่หวังว่า…แก้วตาจะดีขึ้น…
แต่…ไม่ถึงปี ที่แยกจากไอ้ยิ่ง…แก้วตา ก็มีแฟนใหม่… และท้องลูกอีกคน… … ตอนนั้นน้องผม แทบเป็นบ้า… เป็นครั้งแรก ที่มันมาที่บ้านของแก้วตา… พร้อมพ่อและแม่ผม… มาเพื่อขอลูกไปเลี้ยงเอง… แต่แก้วตาไม่ยอม…แถมไล่พ่อแม่ผม ยังกะหมูกะหมา… ไอ้ยิ่ง มันโกรธมาก โกรธจนยื่นคำขาดว่า มันจะไม่มาเหยียบที่นี้อีก…
แต่ด้วยความที่มันห่วงลูก มันจึงแอบโทรติดต่อ กับแม่ของแก้วตาอยู่ตลอด… ไม่นานพอแก้วตาใกล้คลอด ก็ไปอยู่บ้านสามีใหม่…ที่อีกจังหวัดหนึ่ง.. และปล่อยให้เจ้าโยอยู่กับแม่ของตัวเอง… ในขณะเดียวกัน… พี่ชายของแก้วตา ก็เอาลูก มาทิ้งไว้ให้ แม่ เลี้ยง อีก 2 คน ปกติฐานะก็ไม่ดีอยู่แล้ว… พ่อแม่ของแก้วตา ยังต้องเลี้ยงหลานเล็กๆ อีก 3 คน พี่ชายของแก้วตา ก็นานๆทีจะส่งเงินมาให้…ซักครั้ง… เงินที่แม่แก้วตามีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ จึง เป็นเงินของไอ้ยิ่งทั้งนั้น….
“แม่เจือครับ” ผมละสายตา จากน้องและหลาน แล้วตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“หือ” แม่เจือ แม่ของแก้วตา หันหน้ามามองผม น้ำตานองหน้า… แก ก็คงรู้สึกไม่ได้ต่างอะไรกับพวกผมในเวลานี้หรอก
“ ผม จะ พา น้องโย ไปด้วยนะครับ… พวกผมจะเลี้ยงหลานเอง… แม่เจือ… คงเลี้ยงไม่ไหวแล้วหล่ะ… ลูกพี่ชาย แก้วตา 2 คน เจ้าโย แล้วไหนจะลูกแก้วตาอีกคน…. ผมสงสารหลาน และก็ สงสารแม่เจือด้วย… ผมขอเอาหลานไปเลี้ยงนะครับ” แม่เจือ นิ่งไปพักหนึ่ง แกคงเห็นด้วยกับผมแหละ…
เจ้าโยก็โตขึ้นทุกวัน… ตอนนี้ยังพอดูกันได้…แล้วต่อไปจะทำยังไงกัน….
“แม่หน่ะ ไม่มีปัญหาหรอกลูก…. แม่อยากให้เจ้าโย มันไปอยู่กับปู่กับย่ามันจะตาย… ฝั่งนู้นก็ไม่มีหลาน… แต่แม่ก็ต้องถามแม่มันก่อนหล่ะนะ… ขอโทรคุยกับมันแป๊ปนึง… เจ้าโอ๊ต ไปหยิบโทรศัพท์ ให้แม่หน่อยลูก… กดโทรหาแม่แก้ว ให้แม่ด้วยนะ” แม่เจือ แกพูดไปก็เรียกหา เรียกใช้เจ้าโอ๊ตไป
เจ้าโอ๊ต วิ่งตึ๊กตัก… ไปหยิบ…ตระกร้าใบเล็กๆ ที่แขวนไว้… ตรงใกล้ๆกับคอกวัว… มาวางไว้บนแคร่ ใกล้ๆ แม่เจือ แล้วค้นอะไรอยู่พัก ก็หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ ราคาไม่กี่ร้อย มาถือไว้ แล้วกด หาเบอร์โทรออกทันที
“ฮาโหล…แม่แก้ว…แม่เจือจะคุยด้วย แป๊ปนะ” พอฝั่งนู้นรับสาย..เจ้าโอ๊ต ก็ยื่นโทรศัพท์ เครื่องเล็กให้แม่เจือไปคุย
“……………………”
“เออ… พ่อเจ้าโยมันมา…พี่ชายกับน้องสาว มันด้วย”
“………………………….”
“อือ.. มึงก็อย่าคิดเยอะ อีแก้วเอ้ย… กูจะให้พ่อยิ่ง เค้าเอาเจ้าโยไปเลี้ยงนะ”
“……………………………” สงสัยทางฝ่ายนู้นจะโวยวาย เพราะ ผมได้ยินเสียงลอดมาเสียงดังเลย
“อ้าว อีนี่…เห็นแก่ตัวนะมึง อีแก้ว…ลูกเต้า ห่วงมันมั่ง..ไม่รู้หล่ะ กูเลี้ยงไม่ไหวแล้ว… ลูกพี่มึง 2 ลูกมึงอีก 2 กูกับพ่อมึงเลี้ยงไม่ไหว… กูจะให้เค้าเอาไปละ…” แกพูดด้วยน้ำเสียงมีโมโห..ตวาดใส่ลูกสาวเสียงดัง
จนเจ้าโยที่สะอื้นฮักๆ อยู่บนไหล่พ่อ สะดุ้งเฮือก…
“แยม… พาหลานไปซื้อขนมก่อนไป… พาเด้กๆไปด้วยให้หมดเลย” ผมเรียกน้องสาว ที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ด้วยทำตัวไม่ถูก
น้องแยมพยักหน้าหงึกหงัก… ยื่นมือ ไปรับน้องโยจากไอ้ยิ่ง … ผมยื่นแบงค์ ห้าร้อยให้น้องแยมไปใบ น้องแยมพยักหน้าเรียกเด็กๆ 3-4 คนที่ยืนเกาะกลุ่ม กับเจ้าโอ๊ต ที่ตัวโตกว่าเพื่อน… เจ้าโอ๊ต พอเห็น น้องแยม อุ้มน้องโย พยักหน้าให้ตัวเองเดินตาม ก็วิ่งทั๊กๆ เรียกลูกสมุนวิ่งตามน้องแยมไปติดๆ …
ผมกับไอ้ยิ่งมองหน้ากัน…ตอนนี้ ไม่ว่า…แก้วตาจะยอม หรือ ไม่ยอม ผมก็จะเอาหลานไปให้ได้… ถ้าพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ผมก็คงต้องฟ้องศาล และ ผมเชื่อว่า ฝ่ายผมชนะแน่นอน….
“หึ ปากดี ไปเถอะมึง…มีปัญญาเลี้ยงเหรอลูกนะ…เคยส่งเสียมันสักบาทสักสตางค์ไหม…ที่กู มีปัญญาเลี้ยงลูกมึง ลูกพี่มึงมาทุกวันนี้..ก็เงินพ่อไอ้โยมันทั้งนั้น… มึงกับผัวใหม่มึง เคยส่งมาให้กูซักบาทไหม…ค่านม ค่าข้าวค่ากินค่าอยู่ ของ อิขวัญ ลูกมึงหน่ะ มึงเคยส่งมาให้กูไหม… อย่าให้กูพูดประจานลูกตัวเองนะ อีแก้ว… มึงจะคิดยังไง ก็ช่างหัวมึง… “ แกพูดไปหอบไป หน้าตาบิดเบี้ยว คงโมโหจัด
“………………………………..” แม่เจือเงยหน้าขึ้นมองไอ้ยิ่ง
“เออ… พ่อไอ้โย ยืนอยู่นี่แหละ … อะ พ่อยิ่ง …อีแก้ว มันจะคุยด้วย” แล้วแกก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ไอ้ยิ่งคุย
“อือ…ยิ่งจะเอาลูกไปให้แม่ยิ่งเลี้ยงนะแก้ว…” ไอ้ยิ่งมันจะพูดเพราะกับแก้วเสมอ ไม่ว่าแก้วจะด่าจะว่ามันยังไงก็ตาม มันพูดอยู่เสมอว่า… เพราะมันแก้วจึงเป็นแบบนี้
“……………………………….” ไอ้ยิ่งเม้มปากแน่น
“แก้ว…ยิ่งผิดเอง ยิ่งผิดทุกอย่างเลย แก้วจะด่า จะว่า ยิ่งยังไงก็ได้…แต่ยิ่งขอนะแก้ว..เกลียดยิ่ง ยังไงก็ขอให้เห็นแก่ลูกบ้าง…แม่ยิ่ง เลี้ยงลูกเราดีแน่นอนแก้วไม่ต้องห่วง…” เสียงไอ้ยิ่งเริ่มอ่อนลง
“……………………………….”ผมได้ยินเหมือนปลายสายกำลังร้องไห้
“แก้วครับ…ไม่ต้องร้องไห้นะ…”
“…………………………………….”
“แก้วไม่ผิดเลย…อย่าพูดแบบนั้น…ยิ่งผิด ยิ่งขอโทษ…ยกโทษให้ยิ่งนะ…แก้วไปหาลูกได้..บ้านยิ่ง ครอบครัวยิ่ง…ยินดีต้อนรับแก้วเสมอ แก้วก็รู้…”
“………………………………………….”
“อือ… ครับแก้ว… ยิ่งไม่คิดอะไรแล้ว… ยิ่งอาจจะโมโหแก้ว..แต่ยิ่ง ไม่เคยเกลียดแก้วนะ… “
“…………………………………………”
“ครับ… อือ… แก้วไปหาลูกได้… ถ้ายิ่งว่าง ยิ่งจะพาลูกไปเยี่ยม…ดีไหม… ไม่ต้องคิดมากหรอกแก้ว…มันผ่านไปแล้ว…เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ไม่ได้แล้ว… แต่ตอนนี้ มันขึ้นอยู่กับแก้วแล้ว… “
“…………………………”
“แม่ครับ…แก้วจะคุยด้วย…” ไอ้ยิ่งพูดยิ้มๆ หน้าตามันผ่อนคลายขึ้นกว่าตอนแรกเยอะเลย
“ตกลงมันว่าไง พ่อยิ่ง” แม่เจือ ยังไม่ยอมยื่นมือมารับโทรศัพท์ ไปคุย แกทำเสียงกระซิบกระซาบถามไอ้ยิ่งกลับ
“ครับ…แก้วยอม” ไอ้ยิ่งยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงใบหู
“เอ่อ…โอ้ยโล่งอก” แกจึงยอมยื่นมือมารับโทรศัพท์ไปคุย
แกพูดกับลูกสาวแก อีก พักนึง… แล้วแกก็ฝากให้พวกผมไกวเปล หลานไว้ให้ …แล้วแกก็เดินลิ่วๆ ขึ้นบ้านไป แกบอกแกจะไปเก็บข้าวของ ของเจ้าโยมัน….ผมจึงอาสา เดินตามแกขึ้นไปช่วยแกเก็บของด้วย…
ผมตามแม่เจือ ขึ้นมาบนบ้าน…ช่วยแกเก็บข้าวของ… ของเจ้าโย ที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้น…ส่วนมากก็จะเป็นของ ที่ผมกับไอ้ยิ่ง ซื้อให้ทั้งนั้น… ไม่ว่าจะเป็นที่นอนหมอนมุ้ง เสื้อผ้า ของเล่น ต่างๆ … ผมก็ไมได้ตำหนิอะไรทางฝ่ายนี้หรอกนะครับ….ทำไงได้หล่ะ …คนไม่มีก็คือ ไม่มี ถึงที่บ้านผมจะจน… ค่อนข้างลำบาก… แต่ ก็ไม่ได้ลำบากยากแค้นอะไรขนาดนั้น… ก็ยังพอมีพอกินกันอยู่บ้าง… สถานภาพทางครอบครัวผม… คงจะดีกว่า ครอบครัวแม่เจือ อยู่เยอะเหมือนกัน….
ผมเดินถือตระกร้าใส่ของ ของเจ้าโยเดินลงบันไดมา…แม่เจือเดินตามมาข้างหลัง…แกหอบที่นอนหมอนมุ้งของเจ้าโยมาด้วย ผมหันไปเห็นแก ก่อนที่แกจะลงบันไดมา
“แม่เจือ ไม่ต้องเอาไปหมดก็ได้ครับ…เก็บไว้ให้เด็กๆที่นี้ใช้เถอะครับ…ของเจ้าโย เดี๋ยวผมไปซื้อใหม่ให้ แม่ไม่ต้องห่วง” ผมไม่ได้อวดมั่ง อวดมีอะไรหรอก… แต่ไม่อยากหอบข้าวของไปเยอะ…ของพวกนี้มันเล็กน้อย…ซื้อใหม่หาใหม่ ไม่กี่ตังค์ อยากให้แกเก็บไว้ให้หลานๆ ที่นี้ใช้มากกว่า
แกพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเดินลับขึ้นไปบนบ้านอีกรอบ…แกลงมา พร้อมกับที่น้องแยม…เดินจูงมือ น้องโย.ที่ตอนนี้ ปากเลอะ มือ เลอะ ขนมเต็มไปหมด…แถมที่แขนยังมีถุงก๊อปแก๊ป ใส่ขนมมาอีกถุงใหญ่ห้อยอยู่… หน้าตายิ้มแย้ม..เสียงหัวเราะใสๆ..ที่ดังขึ้นอย่างมีความสุข…
แม่เจือ บอกให้พวกผม อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ… รอเจอพ่อกร ก่อน เดี๋ยวแก ก็ต้อนวัว เข้าคอกแล้ว…ใจผมก็อยากรออยู่หรอก… จะให้เจ้าโยได้ลาตา มันก่อนด้วย… แต่มันเริ่มจะค่ำแล้ว… แม่ผมก็รออยู่ที่บ้าน ไหนจะต้องแวะห้างที่อำเภอ แวะ ซื้อของใช้ให้เจ้าโยอีก… พวกผมจึงลากลับก่อน
ผมโทรบอกพ่อกับแม่ แล้วว่า แก้วตายอมยกน้องโยให้พวกเราแล้ว พ่อกับแม่ผมดีใจใหญ่… แม่ผมถึงกับปล่อยโฮออกมาเลยทีเดียว… ก่อนถึงบ้าน พวกผมจึงพาเจ้าโยแวะห้าง ซื้อ ของ ซื้อเสื้อผ้า…ของใช้เด็กต่างๆให้จนแทบจะขนขึ้นรถไม่ไหว เห่อกันโคดๆ เลยทีเดียว….
ไม่ถึงชั่วโมงพวกผมก็ถึงบ้านกัน….แม่ผมรีบวิ่ง เข้ามา…คว้าน้องโยไปกอดไปหอม ทั้งที่ตัวมอมๆ นั่นแหละ…แม่ผมแกก็บ่นอะไรของแก งุ้งงิ้งๆ แล้วรีบพาหลานชาย ไปอาบน้ำขัดขี้ไคล ทันที… พวกผม ก็ช่วยกันขนข้าวของเข้าบ้านตามไป
บ้านผมเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มี 3 ห้องนอน… มีห้องน้ำ 1 ห้อง …มีห้องครัว ห้องนั่งเล่นดูทีวี บ้านชั้นเดียวของพวกผมค่อนข้างกว้างขวาง… บ้านหลังนี้ พึ่งทำเสร็จ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง…ทำเสร็จตอนผมไปทำงานที่บริษัทคุณใหญ่นี่แหละครับ… ส่วนบ้านไม้หลังใหญ่ ที่ผมเคยอยู่สมัยเป็นเด็กนั้น… อา น้องชายของพ่อ ได้มารื้อไปสร้างที่อื่นแล้ว…เพราะที่ ที่ปลูกบ้านเดิม อาผม เอาไปจำนอง…และมันได้หลุดจำนองไปแล้วเรียบร้อย … พวกผม จึงย้ายมาสร้างบ้านอยู่ในที่ดินของตากะยาย…ตากะยายสงสาร พวกผม จึงยกที่ตรงนี้ให้…
ที่ดินของฝั่งพ่อผม มีเยอะนะครับ…ที่ดินที่เป็นบริเวณปลูกบ้านไม้สักหลังใหญ่นั้น กินอาณาบริเวณ ไปทั้งคุ้ม มีเนื้อที่ เกือบ 30 ไร่ ซึ่งถือว่าเยอะมาก… ที่ตรงนั้น อาผม ได้แบ่งไปขายทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดก็ไม่เหลือ… พ่อผมก็ไม่ว่าอะไร… แต่พ่อได้ยื่นคำขาด…ที่ดินที่ปลูกบ้าน… พ่อยกให้อาทั้งหมด… แต่ที่ดินที่เป็นที่นา กว่า 170 ไร่นั้น…. นาบน ที่เป็นนาดอน ที่มีอยู่ 70ไร่ พ่อจะยกให้แค่ 40 ไร่ อีก 30 ไร่พ่อจะเก็บไว้… ส่วนนาล่าง ที่เป็นนาลุ่ม นาน้ำท่วม กว่า 100 ไร่ พ่อไม่ให้….
ซึ่งอาผมก็ไม่ว่า อะไร ยิ้มแก้มปริ…เพราะ จริงๆแล้ว พ่อจะไม่ให้ก็ได้ เพราะที่นานั้นเทียบมูลค่าไม่ได้เลยกับที่ปลูกบ้าน..… ส่วนที่นาลุ่ม อาไม่อยากได้อยู่แล้ว…เอามาแล้วทำอะไรได้ขายก็ไม่ได้ราคา…ทำนา น้ำก็ท่วม…ที่แกอยากได้ก็คงจะเป็นนาบน ที่เป็นนาดอน … แต่แกก็หมดหวังไปแล้ว ว่าจะได้… ในเมื่อพ่อแบ่งให้แบบนี้แก ก็เอา…พ่อจึงทำการโอนให้ และ ไม่ข้องเกี่ยวกันอีกเลย มาตลอด 20 ปีมานี้…
ที่ดินของพวกผมเยอะนะ… ที่นาหน่ะ… ที่พอทำนาได้ ก็คงจะเป็นนาดอน… ที่พ่อผมพอที่จะส่งลูกๆเรียนหนังสือได้ก็เพราะ ที่นา 30 ไร่แปลงนี้นี่แหละครับ… ส่วนนา 100 ไร่นั้น หาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย…. ส่วนที่ดิน ที่ปลูกบ้านอยู่ตอนนี้.. ก็มีพื้นที่ แค่ 1 ไร่เท่านั้น…
มีพื้นที่หน้าบ้าน กว้างขวาง ให้แม่กับน้องแยมปลูกดอกไม้ ต้นไม้สวยๆประดับบ้าน… มีสวนหลังบ้านให้แม่ปลูกผักสวนครัวต่างๆ มีที่ข้างบ้าน ทั้งสองข้าง ที่มีต้น มะม่วง ต้นลำไย ปลูกเต็มทั้งสองด้าน… และมีที่เหลืออีกนิดหน่อย ที่พอทำเป็นโรงจอดรถ … ที่สามารถจอดรถยนต์ได้ 2 คัน ซึ่งปกติแล้ว ก็จะมีแต่รถอิต๊อก คันเก่งของพ่อเท่านั้น ที่มีอภิสิทธิ์เหนือรถเผ่าพันธุ์เดียวกันจอดอยู่… แต่วันนี้ มีรถยนต์คันเล็ก สีขาวของผมจอด เทียบรัศมีมันอยู่ด้วย….
ผมถือของเข้าบ้านเสร็จเรียบร้อย… ก็ออกมาเดินดูรอบๆบ้าน…ตอนนี้ ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าจึงเป็นสี แดงๆ เหลืองๆ ดูน่ากลัว ไม่น้อย…. ผมเดินสำรวจดูบริเวณบ้านที่ไม่ได้กลับ กว่า 3 ปี… บ้านไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย… มีแต่ต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบๆบ้าน ที่โตขึ้นกว่าเมื่อก่อน…แปลงผักหลังบ้านของแม่ กำลังงาม… มะม่วงกำลังออกออกเล็กๆ เต็มต้น… ผมเดินย้อนกลับมาที่หน้าบ้านอีกรอบ…
ผมเดินไปเปิดก๊อกน้ำ แล้วจึงเดินไปหยิบสายยาง…เพื่อรดน้ำดอกไม้หน้าบ้านให้แม่… เพราะผมเห็นแล้วว่า..วันนี้แม่คงตื่นเต้นที่ได้เจอหลาน จนลืมรดน้ำต้นไม้แน่ๆ…. ผมได้ยินเสียงหัวเราะเอิ้กอ้าก อย่างชอบอกชอบใจ ของ เจ้าโย เสียงโวยวายของน้องแยม…เสียงทุ้ม ของพ่อที่หัวเราะไปกับหลานชาย… เสียงแม่ ที่เรียกเจ้ายิ่งให้ไปช่วยทำกับข้าว…เสียงเจ้ายศ…ที่บ่นๆ ว่าหิวๆๆ อยู่นั้น… ผมวางสายยางไว้ที่เดิม เมื่อรดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว…
ผมเดินไปปิดก๊อกน้ำ… แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า…ที่ตอนนี้มีดวงจันทร์ ดวงโตๆ โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เห็นแล้ว…. ผม…คิดถึงคุณใหญ่ จังครับ…คุณใหญ่…ทำอะไรอยู่นะ… อยู่ที่บ้านกับครอบครัวรึเปล่า…หรือกำลังนั่งหน้ายุ่ง อยู่หลังโต๊ะทำงาน…เอ หรือว่า…กำลังโวยวายให้ใครอยู่นะ…. ผมอมยิ้มเมื่อคิดถึงใบหน้าของใครบางคน… และเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เราคุยกัน…ไอ้ยอด ก็ย่นจมูกใส่…คนขี้หงุดหงิด…ด้วยความฉุน……จะไม่โทรหาผมจริงๆเหรอครับ คุณใหญ่…จะงอนจริงๆแล้วนะ…
ถอดถอนหายใจด้วยอาการเซ็งคุณใหญ่… แล้วจึงหันหลังเดินเข้าบ้าน… เสียงหัวเราะ ของเจ้าโยยังดังอย่างต่อเนื่อง… ผมกระโดดเข้าไปร่วมวง… เมื่อผมเห็นว่าตอนนี้ … เจ้าโยกำลังขี่หลังขี่คอ ไอ้ยศ… อย่างเมามันส์… ไอ้ยศ ก็แหกปากร้องเหมือนจะเป็นจะตายเมื่อหลาน…ยื่นมือไปบิดหู มันทั้งสองข้าง…เป็นแฮนด์มอเตอร์ไซต์ พร้อมเสียงบรื้นๆ ที่น้องโย…ตะโกนออกมาสุดเสียง พวกผมก็หัวเราะกันครื้นเครง…
ผมนั่งมองหลานด้วยความรู้สึกรักสุดใจ… น้องโยตอนนี้ โดนแม่ผมจับขัดขี้ไคล ตัดเล็บสระผม… ทาแป้งซะหน้าขาววอก..กลิ่นแป้งเด็กหอมตลบ อบอวล …แก้มใสๆ แดงเรื่อ ปากเล็กๆสีชมพู อ้าปากร้อง เสียงดัง … ขาขาวๆ ตัวขาวๆ เกลี้ยงเกลา ไม่มีฝุ่น ไม่มีดินให้หลงเหลืออยู่บนเนื้อตัว… ชุดนอนใหม่เอี่ยม ทื่เจ้าตัวร่ำร้องจะใส่ทั้งที่ยังไม่ได้ซัก…จนคนเป็นย่าไม่กล้าขัดใจ ยอมใส่ให้แต่โดยดี…
เจ้าโย มัน หน้าตาเหมือนเจ้ายิ่ง พ่อของมัน… มีแค่ตาเท่านั้น ตากลมโต ที่เหมือนแม่……. ผมมองหลานด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขเหลือล้น… ตอนนี้ครอบครัวผมอยู่กันพร้อมหน้า….. ไม่มีความสุขไหนจะเทียบเท่าอีกแล้ว….
ขอบคุณ คุณใหญ่ ที่ไสหัวไอ้ยอดออกจากงาน… ไม่งั้นไอ้ยอดคงไม่มีวันนี้… กูคิดบวกสัดๆ อะ ฮ่าๆๆๆๆ !!!!!!!!
-------------------------------------------------------------------------------------------