คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 255583 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
 :katai4: :katai4:
รอพี่ปุ่นน้องเต็ม พี่ปุ่นจะได้เอาคืนเต็มไหม
หรือจะโดนเล่นหนักกว่าะเดิม

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

ออฟไลน์ moon

  • We write our own destiny. We become what we do.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
อ่านไปเรื่อยๆๆๆมีแต่คำว่าน่ารัก น่ารัก แบบโคตรน่ารักเต็มไปหมดเต็มน่ารักพี่ปุนน่ารักชอบเรื่องนี้มาต่อนะคะเรารอนะ^^

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 6 : คู่กัด




เดือนดาราผู้เป็นเจ้าของ ‘แสงจันทร์เกสต์เฮาส์’ ยืนเกาะประตูมองดูหลานชายที่รับอาสาช่วยงานในครัวแทนแม่ครัวที่เพิ่งจะลาออกไปเมื่อ 2-3 วันก่อน แม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็สามารถหยิบจับอะไรได้อย่างคล่องแคล่ว นั่นคงเป็นเพราะหลังจากที่แม่เสียชีวิตลงเขาก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด ฝีมือการทำอาหารก็ถือว่าไม่เป็นรองใครเพราะได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพ่อเลี้ยงตรัยผู้ที่เป็นทั้งพ่อและพ่อครัวหัวป่าก์ประจำบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่ 2-3 วันมานี้แสงจันทร์เกสต์เฮาส์จะมีลูกค้าทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่แวะเวียนกันมาไม่ขาด หรือหากจะมีอะไรผิดปกติก็คงจะเป็นออเดอร์ “ข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่” ที่ถูกสั่งโดยคนคนเดิมเป็นวันที่สาม


“กินซ้ำกันทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง” พ่อครัวจำเป็นบ่นอุบขณะเทหอมใหญ่สับละเอียดยิบลงในกะทะก่อนจะผัดรวมกับข้าว หมู และไข่ เสียงตะหลิวกระทบกับผิวของกะทะและกลิ่นหอม ๆ ช่วยเรียกน้ำย่อยบรรดาลูกค้าที่นั่งรออยู่ด้านนอกได้ไม่น้อย


“สงสัยเต็มจะผัดอร่อยละมั้ง คุณคนนั้นเขาถึงได้สั่งทานทุกวันไม่เบื่อเลย”


“แต่เต็มเบื่อ” เต็มฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเซ็งขณะเหยาะซอสปรุงรสเติมลงไปอีกเล็กน้อย ผัดต่อไปอีกหน่อยก็ตักใส่จานที่มีผักกาดหอม แตงกวาและมะเขือเทศวางประดับเอาไว้


“เดี๋ยวน้าทำต่อเอง เต็มยกออกไปเสิร์ฟแล้วก็ไปบอกน้องให้เตรียมเก็บกระเป๋าเถอะ เมื่อกี้พ่อเขาเพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังจะมารับ อีกสักพักก็น่าจะถึงแล้วละ” เดือนดารากล่าวขณะเดินเข้ามาดูกระดาษจดออเดอร์ที่เหลือ เมื่อได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มก็พยักหน้าก่อนจะจัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกแขวนและยกจานข้าวผัดออกไป  ทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องครัว สายตาก็สอดส่ายหาเจ้าของออเดอร์ จนในที่สุดก็พบร่างสูงที่กำลังนั่งทอดสายตามองดูสายน้ำในลำน้ำวังที่กำลังไหลเอื่อย ๆ เต็มฟ้าเดินตรงไปยังโต๊ะที่อยู่ริมระเบียงก่อนจะวางจานข้าวผัดลงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ




“ข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่ได้แล้วครับ”



เสียงที่เคยได้ยินมาแล้วก่อนหน้านี้ทำให้ศิธาพัฒน์จำต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าเปลี่ยนมาพิจารณาสิ่งที่อยู่ในจานแทน เป็นไปตามคาด มันคือ ‘ข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่ ใส่แต่หอมเล็ก’ เขากดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอบคุณไอ้เด็กบ้าเจ้าคิดเจ้าแค้นที่กำลังจะเดินจากไป เป็นอีกมื้อที่ต้องจำใจกล้ำกลืนฝืนทนกินสิ่งที่ไม่ชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่สั่งเมนูอื่น หรืออาจเป็นแค่เพียงต้องการที่จะเอาชนะเท่านั้น?



หลังจากพนักงานไปรษณีย์หนุ่มกลับไปได้สักพัก พ่อเลี้ยงตรัยซึ่งเพิ่งกลับจากงานศพของเพื่อนที่เชียงใหม่ก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าเกสต์เฮาส์ หนุ่มใหญ่ก้าวลงจากรถอย่างอารมณ์ดีเพราะจะได้พบกับลูกชายคนโตซึ่งไม่ได้เจอกันนาน ในใจนึกถึงสัญญาที่เคยให้กันไว้เมื่อสี่ปีก่อนว่าหากเต็มฟ้าเรียนจบเมื่อไร เขาจะกลับมารับช่วงดูแลกิจการโรงงานเซรามิคของแม่เพื่อแลกกับการที่พ่อจะไม่ขายมันให้กับใคร



“ไงไอ้ลูกชาย” พ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่กล่าวขณะเดินเข้าไปสวมกอดลูกชาย “เห็นน้าเดือนบอกว่าทำกับข้าวอร่อยจน 2-3 วันนี้ลูกค้าแน่นร้านเลยเหรอ”


“ช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้านจริง ๆ ครับพ่อ สงสัยติดใจฝีมือพี่เต็มแน่ ๆ เลย” ตามตะวันเสริม


“ไม่ขนาดนั้นหรอกพ่อ อย่าไปฟังตามมาก” ลูกชายคนโตปฏิเสธ


“เดือนว่าจะขอซื้อตัวตาเต็มจากโรงงานเซรามิคของพี่ตรัยมาเป็นพ่อครัวที่เกสต์เฮาส์จะได้ไม่ต้องประกาศรับคนใหม่”


พ่อเลี้ยงตรัยมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก่อนจะยิ้ม “เรื่องนั้นน่ะ ให้เจ้าเต็มมันตัดสินใจเถอะ”


เมื่อประเด็นที่ตั้งใจเตรียมมาคุยถูกยกขึ้นมาพูดเร็วกว่ากำหนด เต็มฟ้าจึงตัดสินใจบอกความต้องการของตัวเองให้ทุกคนในครอบครัวได้รู้


“เต็ม...ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับน้าเดือนรู้อยู่พอดี” ชายหนุ่มพยายามเรียบเรียงคำพูด “เต็มได้งานที่กรุงเทพฯ เป็นบริษัทของรุ่นพี่ เต็มก็เลยจะขอทำงานที่กรุงเทพฯ สักพัก”


เดือนดารามองหน้าคนพูดสลับกับพี่เขยของเธอ แม้สีหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกใด ๆ ก็ตาม แต่เธอรู้ดีว่าตรัยรอเวลานี้มานาน เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา เวลาที่เต็มฟ้าจะกลับมาช่วยดูแลกิจการที่โรงงานเซรามิคของพี่สาวของเธอ ซึ่งอันที่จริงพ่อเลี้ยงตรัยตัดสินใจจะขายมันตั้งแต่ 3-4 ปีหลังการเสียชีวิตของดารกา แต่เด็กหนุ่มกลับขอให้เก็บสมบัติชิ้นสุดท้ายของแม่เอาไว้ และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเต็มฟ้าจึงเลือกเรียนเซรามิค


“ตามใจแกก็แล้วกัน” พ่อเลี้ยงตรัยกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปที่รถ โดยมีลูกชายทั้งสองสะพายเป้เดินตามไปห่าง ๆ


ตั้งแต่ออกมาจากเกสต์เฮาส์สามพ่อลูกก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย ผู้เป็นพ่อยังคงขับรถเงียบ ๆ ตามตะวันซึ่งนั่งกอดเป้อยู่ที่นั่งด้านหลังก็เอาแต่มองออกไปที่นอกหน้าต่าง ส่วนเต็มฟ้าเองก็มองดูบ้านเรือนสองข้างทาง ทุก ๆ ที่ที่รถของพ่อขับผ่านล้วนมีแต่ความทรงจำ ซึ่งเป็นความทรงจำในตอนที่แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งสิ้น




เพียงไม่นานรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อของพ่อพาทุกคนตัดออกจากถนนสายหลักซึ่งทางเริ่มคดเคี้ยวและชันขึ้นเล็กน้อย แวดล้อมไปด้วยเรือกสวนไร่นา เมื่อถึงทางแยกซึ่งมีป้ายบอกทางปักเอาไว้ พ่อเลี้ยงตรัยก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปตามป้ายบอกทางที่เขียนว่า ‘ไร่แสงดาว’ ทันที รถเล่นไปตามทางบนเนินเขาที่ขนาบข้างด้วยนาขั้นบันไดและสวนลำไยของชาวบ้าน หลังคาสีขาวปรากฏขึ้นไกล ๆ เหนือยอดไม้ใหญ่จากนั้นจึงค่อย ๆ ใกล้เข้ามาทุกทีเหมือนความทรงจำเก่า ๆ ที่แจ่มชัดขึ้นทุกขณะ ในที่สุดรถก็มาหยุดที่หน้าบ้านไม้สองชั้นสีฟ้าอ่อนซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ


เต็มฟ้าเปิดประตูลงจากรถ เงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า เป็นเวลาเกือบปีแล้วที่ไม่ได้กลับมา แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จะว่าไปมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อตอนที่เขายังเด็กเลยด้วยซ้ำ พ่อเลี้ยงตรัยเดินมาตบบ่าลูกชายคนโตเบา ๆ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันเดินเข้าไปในบ้าน


ที่ห้องใต้หลังคาซึ่งพ่อและแม่เตรียมไว้สำหรับเป็นห้องส่วนตัวของลูกคนแรกถูกทำความสะอาดไว้รอตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน เต็มฟ้าเปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมกับมองสำรวจไปรอบ ๆ ที่โต๊ะเขียนหนังสือมีกรอบรูปตั้งโต๊ะซึ่งเป็นภาพถ่ายครอบครัววางเรียงรายอยู่ ชายหนุ่มเจ้าของห้องวางเป้ใบใหญ่ลงก่อนจะหยิบกรอบรูปอันหนึ่งขึ้นมาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ตาคมจ้องมองภาพของหญิงสาวท่าทางใจดีที่กำลังย่อตัวลงเพื่อจัดเสื้อนักเรียนให้ลูกชายเมื่อวันแรกของการไปโรงเรียน นิ้วเรียวค่อย ๆ สัมผัสลงบนแผ่นกระจกใส รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของแม่ยังคงตราตรึงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใด





ก๊อก ๆ



เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของห้องต้องรีบปาดน้ำตาทันที “ไม่ได้ล็อคครับ”


เมื่อได้ยินดังนั้นคนที่อยู่ด้านนอกจึงเอ่ยปากขออนุญาตเปิดประตูเข้าไป “ตามขอเข้าไปนะครับ”


 เด็กชายร่างเล็กค่อย ๆ โผล่หน้าเข้ามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้ามายืนในห้อง


“ถึงแล้ว แล้วแกล่ะเป็นยังไงบ้าง” เต็มฟ้าที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบกับหูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางกรอบรูปลงข้างตัวก่อนจะหันไปมองน้องชาย “มีอะไรหรือเปล่า พี่กำลังคุยโทรศัพท์”


“ปละ เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวตามออกไปก่อนดีกว่า” พูดจบหนุ่มน้อยก็ค่อย ๆ หันหลังกลับเปิดประตูเดินออกไป


เต็มฟ้าถอนหายใจทันทีเมื่อประตูถูกปิดลงก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง เขาเดินไปเปิดประตูกระจกออกไปยืนที่ระเบียง จากตรงนี้สามารถมองเห็นแนวทิวสนที่ท้ายไร่ซึ่งเป็นที่ที่เขามักจะไปบ่อย ๆ เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ คิดถึงโรงงานเซรามิคเล็ก ๆ ของแม่ และต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่ที่มักจะผลิดอกสีชมพูสะพรั่งเมื่อถึงฤดูหนาว เมื่อคิดได้ดังนั้นเต็มฟ้าจึงออกจากบ้านตรงไปยังโรงรถเพื่อจูงจักรยานคันเก่งออกมาและปั่นไปยังจุดหมายปลายทางทันที


ชายหนุ่มปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามแปลงผัก ผ่านเรือนเพาะชำกล้าไม้และและโรงเพาะเห็ด จนกระทั่งมาถึงทางดินแคบ ๆ ระหว่างแนวทิวสนที่กั้นด้วยรั้วสีขาวเตี้ย ๆ ไม่นานก็ถึงโรงนาเก่าที่ถูกแปรสภาพเป็นโรงงานเซรามิคซึ่งเป็นธุรกิจเล็ก ๆ เมื่อสมัยที่แม่ยังมีชีวิต คนงานจำนวนหนึ่งกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นนั่นคงเพราะมีออเดอร์จากลูกค้าประจำเหมือนเคย ถัดจากโรงงานเซมิคไปไม่ไกลนักมีธารน้ำเล็ก ๆ ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตรอบ ๆ ไร่แสงดาวแห่งนี้ เต็มฟ้าจอดจักรยานที่ริมลำธารก่อนจะทอดสายตามองระดับน้ำซึ่งมีไม่มากนักก่อนจะก้มลงพับขากางเกงขึ้นเพื่อเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง ชายหนุ่มเงยหน้ามองต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ยืนต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสเปลือกแข็งของลำต้นพร้อมกับลูบไปมาเบา ๆ ราวกับได้พบเพื่อนเก่า...   








แม้จะดึกมากแล้วแต่แสงไฟที่ห้องใต้หลังคายังคงสว่าง พ่อเลี้ยงตรัยเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องที่เจ้าของกำลังยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง



“ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับโอบไหล่ลูกชายเอาไว้


“เต็มยังไม่ง่วงน่ะพ่อ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังแสงไฟจากบ้านเรือนของชาวบ้านที่เห็นอยู่ลิบ ๆ “พ่อโกรธหรือเปล่าที่เต็มตัดสินใจแบบนั้น”


พ่อเลี้ยงตรัยผ่อนลมหายใจเบา ๆ พร้อมกับวางมือบนศีรษะของลูกชายและโยกเบา ๆ  “พ่อบอกแกแล้วไงว่าทุกอย่างมันแล้วแต่แก ไอ้ลูกชาย”


รอยยิ้มแสนอ่อนโยนของพ่อทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย เต็มฟ้าโอบเอวผู้เป็นพ่ออย่างประจบพร้อมกับกล่าวขอบคุณ  แต่ไหนแต่ไรมาพ่อไม่เคยบังคับให้เขาทำอะไรหรือห้ามไม่ให้ทำอะไร  ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องของการใช้ชีวิต นั่นคือสิ่งที่รู้สึกขอบคุณพ่อจนทุกวันนี้


‘เต็มขอเวลาพิสูจน์บางอย่างสักพักนะพ่อ แล้วเต็มจะกลับมา เต็มสัญญา’ แม้จะเป็นคำสัญญาที่ไม่มีเสียง แต่มันกลับดังก้องอยู่ภายในใจของชายหนุ่ม...



ช่วงพักกลางวันของวันต่อมา พนักงานไปรษณีย์หนุ่มยังคงเลือกฝากท้องที่ครัวของแสงจันทร์เกสต์เฮาส์โดยไม่ลืมสั่งเมนูเดิม ๆ อีกเป็นวันที่สี่ ศิธาพัฒน์ยิ้มให้กับตัวเองเมื่อจานข้าวถูกยกมาวางตรงหน้าโดยลูกสาวคนสวยของเจ้าของเกสต์เฮาส์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจในวันนี้ก็คือ “ข้าวผัดหมูใส่หอมเล็ก” ที่เขาต้องฝืนกินมาตลอดสามวัน เพราะพ่อครัวจงใจซอยหอมเสียละเอียดยิบจนไม่สามารถเขี่ยออกได้หมดนั้นเปลี่ยนเป็นข้าวผัดหมูที่ไม่ใส่หอมแม้แต่ชิ้นเดียวไม่ว่าจะหอมชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ที่ผ่านมาตัวเขาเองก็จงใจสั่งเมนูเดิมทุกวันเพราะต้องการเอาชนะ ซึ่งก็ได้ผลในวันที่สี่นี้เอง ชายหนุ่มยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะค่อย ๆ ตักข้าวเข้าปาก แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่บอกให้รู้ว่าวันนี้พ่อครัวจอมกวนของเขาต้องลาป่วยแน่ ๆ


“วันนี้ไม่อร่อยเหรอจ๊ะ” ชลธรถามคนที่กำลังทำท่าจะรวบช้อน ทั้งที่ข้าวผัดในจานพร่องไปไม่ถึงครึ่ง

ศิธาพัฒน์ยิ้มให้หญิงสาวผู้มีอัธยาศัยไมตรีก่อนจะตอบอย่างมีมารยาท “อร่อยครับ แต่ผมยังไม่ค่อยหิว”


“แหม พี่ตกใจแย่ คิดว่าฝีมือแม่ครัวคนใหม่จะสู้ฝีมือพ่อครัวจำเป็นไม่ได้เสียแล้ว แต่ถ้าไม่อร่อยน่ะปุ่นบอกพี่ได้เลยนะจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจ ช่วงนี้เป็นช่วงให้เขาทดลองงาน พี่เองก็ต้องคอยถามลูกค้าคนอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน” 


“ครับ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียเขาก็ต้องรักษาน้ำใจกันไว้อยู่ดี


“เอ้อ พี่ถามเจ้าของมอเตอร์ไซค์ให้แล้วนะจ๊ะ”


“เขาว่ายังไงบ้างครับ”


“ตกลงเขายอมขายให้จ้ะ ที่สำคัญคือขายให้ในราคาไม่แพงด้วยนะ”


เมื่อได้ฟังราคาของมอเตอร์ไซค์คลาสิคสภาพดีที่จอดอยู่หน้าบ้านแล้วศิธาพัฒน์ถึงกับไม่เชื่อหูตัวเองเหมือนกัน “ทำไมขายถูกนักล่ะครับ”


“เขาบอกว่ามีคนเอาไปใช้ก็ยังดีกว่าจอดทิ้งไว้เฉย ๆ น่ะจ้ะ”


“ถ้าอย่างนั้นเย็นวันพรุ่งนี้ผมจะเอาเงินมาให้ก็แล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องโอนก็แล้วแต่ทางพี่ชลสะดวกก็แล้วกัน”


“เรื่องเงินไม่ต้องรีบก็ได้จ้ะ ส่วนเรื่องโอนน่ะเจ้าของเขาฝากให้พี่จัดการแทนให้ ยังไงปุ่นก็ลองเชคสภาพรถดูก่อนก็แล้วกันเพราะมันจอดเฉย ๆ มานานแล้ว ถ้าเรียบร้อยเราค่อยนัดวันไปโอนกัน”


“ขอบคุณมากนะครับพี่ชลที่ช่วยเป็นธุระให้” ศิธาพัฒน์กล่าวกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าแต่สายตากลับมองไปยังห้องครัวเล็ก ๆ ที่ถูกต่อเติมแยกออกไปจากส่วนของที่พักอาศัย



(มีต่อค่ะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2014 10:41:38 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
เด็กชายตามตะวันยืนมองพี่ชายที่กำลังล้างรถอยู่ที่หน้าบ้านจากหน้าต่างห้องนอน หลายวันแล้วที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่ก็กลับคุยกันจนแทบนับประโยคได้ แม้จะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วันพี่ก็ต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ  แต่หนุ่มน้อยก็อยากจะใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับพี่ชายของเขาให้นานที่สุด..ให้หายคิดถึง เมื่อคิดได้ดังนั้นตามตะวันก็ผลุบหายเข้าไปในห้องก่อนจะวิ่งลงมาที่สนามหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว


"พี่เต็มล้างรถจะไปไหนเหรอครับ"


"พี่จะไปค้างบ้านน้าเดือน" พี่ชายตอบขณะใช้สายยางฉีดน้ำเพื่อล้างฟองสบู่ออก



หลังจากกลับมาอยู่ที่ไร่ได้ 2-3 วัน เต็มฟ้าก็ถูกชลธรขอร้องให้กลับไปช่วยงานที่เกสต์เฮาส์ระหว่างที่ยังหาแม่ครัวคนใหม่ไม่ได้ ส่วนคนที่เพิ่งรับเข้ามาเมื่อหลายวันก่อนนั้นหลังจากซาวเสียงลูกค้าแล้วต่างก็ลงความเห็นว่าไม่น่าจะเอาดีทางการทำอาหาร เดือนดาราจึงย้ายให้เธอไปทำหน้าที่อื่นแทน พ่อครัวจำเป็นจึงต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง


"ให้ตามไปด้วยคนได้ไหมครับ"


เต็มฟ้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด แม้จะไม่ได้เซ้าซี้เอาคำตอบ แต่สายตาวิงสอนคู่นั้นกลับทำให้เขาต้องตัดสินใจพยักหน้าตกลง ดังนั้นในตอนสายสองพี่น้องจึงพากันเก็บกระเป๋าขับรถเข้าไปในเมือง



วันนี้แขกในร้านเยอะกว่าทุกวันเพราะเป็นวันเสาร์ ถนนตลาดเก่าคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเดินเล่นในกาดกองต้า พ่อครัวหนุ่มปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผมก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกเมื่อเห็นว่าได้เวลาครัวปิดในตอนบ่ายแก่ ๆ เสียงรองเท้าแตะกระทบพื้นทางเดินที่ดังรัวขึ้นทำให้ต้องหันมองที่ประตู ไม่นานนักร่างเล็กของน้องชายก็มายืนหอบอยู่ตรงหน้า ในมือกำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ สำหรับจดรายการอาหารเอาไว้แน่น


"บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้วิ่ง" ผู้เป็นพี่ชายกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่สบอารมณ์นัก


"ตามขอโทษครับ" หนุ่มน้อยพูดทั้งที่ยังหายใจทางปาก "ตามกลัวมาไม่ทันพี่เต็มปิดครัว" กล่าวจบก็ส่งกระดาษในมือให้พี่ชาย


"ข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่" เต็มฟ้าอ่านข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือเดียวกับที่เคยเห็นในจดหมาย


"ของพี่ปุ่นครับ"


ชื่อนี้อีกแล้ว?


คิ้วหนาขมวดเข้าหากันขณะอ่านทวนข้อความในกระดาษอีกครั้งก่อนจะสวมผ้ากันเปื้อนและเดินไปหยิบหอมหัวใหญ่ในตู้เย็น...



“ไม่เบื่อหรือไงกินเมนูเดิมซ้ำ ๆ” ไม่รู้อะไรดลใจให้พ่อครัวจำเป็นถามขึ้นขณะวางจานที่มีข้าวพูนลงบนโต๊ะ


ศิธาพัฒน์ก้มมองข้าวผัดใส่หอมเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนถามให้ชัด ๆ อดนึกถึงน้องชายของตัวเองไม่ได้ สองคนนี้น่าจะอายุไล่ ๆ กัน แต่หากพูดถึงเรื่องความกวนประสาทแล้ว เจ้าปุ้นของเขาคงแพ้ราบคาบเมื่อมาเจอนายเต็มฟ้าคนนี้


“ถ้าเบื่อแล้วจะสั่งเหรอ”


คำตอบเพียงสั้น ๆ ของชายหนุ่มแปลกหน้าทำเอาคนถามอึ้งไปเลยทีเดียว รู้สึกอยากตบปากตัวเองที่ถามแบบนั้นออกไป เต็มฟ้าแอบผ่อนลมหายใจเบา ๆ สงบสติอารมณ์ขณะมองปากอิ่มที่กำลังเผยอยิ้มจนเห็นฟันสวยเรียงเป็นระเบียบ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูยียวนที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา ตัดสินใจพาตัวเองไปให้ไกลจากรอยยิ้มบ้า ๆ แต่ก็ยังทันที่จะได้ยินเสียงพูดไล่หลัง


 


“กะว่าจะสั่งแบบนี้ทุกวันให้คนทำเบื่อไปเลย จนกว่าจะได้กินข้าวผัดที่ไม่ใส่หอมใหญ่จริง ๆ” เสียงหัวเราะในลำคอยิ่งชวนให้คนฟังหงุดหงิดเข้าไปใหญ่




เต็มฟ้าเดินหน้าตึงสวนกับน้องชายที่กำลังยกแก้วใส่น้ำเย็น ๆ ออกมาเสิร์ฟ หนุ่มน้อยตามตะวันเดินยิ้มร่าเข้ามาหาพนักงานไปรษณีย์หนุ่มก่อนจะวางแก้วลง


"น้ำครับ"


"ขอบใจมากนะสุดหล่อ ถ้าไม่ได้น้องตาม พี่คงต้องหิ้วท้องไปกินที่อื่นแน่ ๆ" ศิธาพัฒน์กล่าวพร้อมทั้งใช้มือลูบท้องตัวเอง


"ไม่เป็นไรครับ พี่ปุ่นก็อุตส่าห์เอาโปสการ์ดของพี่เต็มมาให้ตาม ถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณครับ" หนุ่มน้อยยิ้มแฉ่ง "แล้วทำไมวันนี้พี่ปุ่นทานข้าวกลางวันตอนนี้ล่ะครับ"


"เมื่อเช้าพี่ไปทำงานมาน่ะ กะว่าทำให้เสร็จแล้วค่อยหาอะไรทานทีเดียวก็เลยยาวมาเกือบเย็นนี่แหละ" ชายหนุ่มกล่าวขณะตักข้าวเข้าปา


"ถ้าพี่ปุ่นไม่รีบกลับ ก็อยู่รอเดินถนนคนเดินสิครับ มีของขายเยอะแยะเลย ตอนนี้ข้างนอกน่าจะเริ่มตั้งร้านกันแล้ว"


"อืม น่าสนใจเหมือนกันนะ" ศิธาพัฒน์ยิ้ม เคยได้ยินเหมือนกันว่าในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ถนนตลาดเก่าจะมีถนนคนเดิน แต่ก็ยังไม่เคยมาเดินเล่นเลยสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ ละเลียดกินเพื่อรอเวลาที่ร้านรวงต่าง ๆ จะตั้งเสร็จ ถือโอกาสนี้เดินเล่นในกาดกองต้าเสียหน่อย



"จะรวยไปไหนเนี่ยพี่ชล กลางวันเปิดเกสต์เฮาส์แถมขายอาหารตามสั่ง ตกเย็นยังจะไปตั้งแผงขายเซรามิคอีก" เต็มฟ้าบ่นขณะยกกระบะใส่ตุ๊กตารูปสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่ทำจากเซรามิคตามหลังพี่สาว


"อย่าบ่นน่า นี่พี่อุตส่าห์เอาของที่โรงงานลุงตรัยมาช่วยขายให้นะเนี่ย คนจะได้รู้จัก ที่โรงงานจะได้มีอออเดอร์เยอะ ๆ ไง"


"คร้าบบบบบบ ขอได้รับการขอบคุณจากครอบครัวตติยพัฒน์นะครับ"


"เต็มนี่ ยังจะมากวนพี่อีก" ชลธรกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหันไปตีแขนน้องชายเบา ๆ


"จะไปไหนกันเหรอครับ ให้ผมช่วยไหม" พนักงานไปรษณีย์หนุ่มที่ยังคงนั่งคุยอยู่กับเด็กชายตามตะวันที่มุมนั่งเล่นที่หน้าบ้านเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ


"อ้าว พี่นึกว่าปุ่นกลับไปแล้วเสียอีก"


"ยังหรอกครับพี่ชล วันนี้กะว่าจะลองเดินเล่นที่ถนนคนเดินเสียหน่อย เลยมานั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาอยู่หน้าบ้านพี่ชล พี่ชลคงไม่ว่านะครับ" ศิธาพัฒน์กล่าวก่อนจะมองไปถึงคนข้างหลังที่ยังคงทำหน้าตึงใส่เขา


"ตามสบายเลยจ้ะสำหรับลูกค้าประจำ เอ้อ... แล้วนี่รู้จักกันหรือยังจ๊ะปุ่น นี่น่ะนายเต็ม เจ้าของโปสการ์ดเจ้าปัญหาที่ทำให้คุณบุรุษไปรษณีย์ต้องเดินตามหาตั้งแต่หัวถนนไง"


คำพูดของพี่สาวมันช่างแทงใจดำนัก เต็มฟ้ากระแอมเบา ๆ "ไปเถอะพี่ชล เต็มหนัก"


"อย่าเพิ่งสิ พี่ยังไม่ได้แนะนำเลย คนนี้ไงที่ซื้อมอเตอร์ไซค์ของเต็ม เขาชื่อปุ่นจ้ะ น่าจะอายุมากกว่าเต็ม 3-4 ปี"


สิ้นเสียงพี่สาวเต็มฟ้าก็ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ตอนที่พี่ชลมาถามเรื่องขายมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้ซักว่าคนซื้อคือใคร ถ้ารู้ว่าเป็นคนนี้ละก็คงไม่ขายแน่ ๆ


"เรียกพี่ปุ่นก็ได้" ศิธาพัฒน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม


"คงไม่ได้หรอกครับ บังเอิญเป็นลูกคนเดียว"


คำพูดที่ตั้งใจจะตอกกลับเพื่อความสะใจโดยไม่ทันคิดของพี่ชายนั้นทำเอาสีหน้าของน้องชายที่ยืนฟังอยู่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มน้อยมองตามพี่ชายที่กำลังเดินพ้นรั้วหน้าบ้านไปด้วยหลายความรู้สึก แต่ที่แน่ ๆ ก็คือคำพูดเมื่อสักครู่มันยิ่งตอกย้ำความคิดที่ว่าพี่ชายไม่รักซึ่งซ่อนเอาไว้ภายในใจมาสิบกว่าปี


"น้องตาม" เสียงอันอ่อนโยนของคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กันดังขึ้นพร้อมสัมผัสอุ่น ๆ ที่หัวไหล่เรียกสติของตามตะวันกลับคืนมาอีกครั้ง หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงเจ้าของฟันสวย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ทำให้ศิธาพัฒน์ออกแรงบีบไหล่เล็กนั้นเบา ๆ  "เป็นไกด์พาพี่เดินเที่ยวหน่อยได้ไหม"


"ได้ครับ" ตามตะวันตอบเสียงดังฟังชัดก่อนจะหันไปขออนุญาตพี่สาวซึ่งเธอก็ยอมแต่โดยดี


เต็มฟ้าเดินถือกระบะใส่ตุ๊กตาเซรามิคมาตามถนนสายแคบ ๆ ที่ขณะนี้สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายอาหาร ของที่ระลึกและเสื้อผ้า ในที่สุดเขาก็มาหยุดที่โต๊ะไม้สีขาวขนาดใหญ่ที่คนงานช่วยกันยกออกมาจองพื้นที่เมื่อก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มวางกระบะลงก่อนจะค่อย ๆ เรียงตุ๊กตาเซรามิคลงบนโต๊ะจนกระทั่งชลธรเดินตามมา  เขาจึงขอตัวไปเดินเล่นในถนนคนเดินให้หายคิดถึง ในที่สุดแสงสุดท้ายของวันก็ถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากหลอดนีออน ถนนสายยาวที่เคยเงียบสงบกลับมากไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เสียงพูดคุยด้วยสำเนียงต่าง ๆ ดังแข่งกันจนฟังไม่ได้ศัพท์  ชายหนุ่มเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดถนนก็ตัดสินใจเดินหันหลังให้ความวุ่นว่ยนั้นก่อนจะเดินไปยังสะพานโค้งที่ทอดข้ามลำน้ำวังซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยไฟหิ่งห้อย สองตาทอดมองเงาสะท้อนแสงไฟบนผืนน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ พร้อมกับปล่อยใจคิดอะไรเพลิน ๆ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทันทีที่เห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แสนจะเรียบเฉยทันที นิ้วเรียวกดรับสายก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเป็นฝ่ายรอฟังเสียงของคนที่ปลายสายโดยไม่ได้พูดอะไร


"อุตส่าห์หนีคนไข้โทรมาเพราะอยากได้ยินเสียง แต่เขากลับไม่พูดอะไรกับเราสักคำ มันน่าน้อยใจ" ประโยคยืดยาวของอีกฝั่งทำให้อดยิ้มไม่ได้ พยายามสกัดกลั้นอาการเขินก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปกติที่สุด


"เป็นยังไงบ้าง"


"ไม่ค่อยสบายครับ"


คำตอบของคนที่ปลายสายทำเอาคนฟังนึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที


"เป็นอะไร ไปหาหมอหรือยัง"


"หาหมอที่ไหนก็ไม่หายหรอก เพราะมันเป็นอาการของคนไกลแฟน"


เต็มฟ้าหัวเราะหึก่อนจะตามน้ำ "แล้วจะรักษายังไง"


"ก็ต้องให้แฟนรีบกลับมาไว ๆ ไง"


สิ้นเสียงของยุทธภูมิต่างคนก็ต่างเงียบ จนได้ยินเพียงเสียงรถราที่แล่นไปมาอยู่บนสะพาน


"เมื่อไรเต็มจะกลับ ภูมิคิดถึงนะ แล้วเต็มล่ะคิดถึงกันบ้างไหม"


"อื้อ" เต็มฟ้าได้แต่ครางในลำคอแทนคำตอบ "อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว รอไอ้เก้มันหาหอใหม่ให้ได้ก่อน"


"ไปรบกวนเก้ทำไม ภูมิชวนให้มาอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอม ไม่รู้จะหวงเนื้อหวงตัวไปถึงไหน"


"เราคิดว่านายก็ควรจะมีโลกส่วนตัวของนายบ้าง ได้มีเวลาอยู่กับเพื่อน ติวหนังสือกัน ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว"


"ก็ได้คร้าบบบบบ ภูมิตามใจเต็มอยู่แล้ว"


เต็มฟ้ายิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ฟัง แต่แล้วเขาก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อหันไปเห็นแขกไม่ได้รับเชิญกำลังยืนทอดสายตามองสายน้ำอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มจึงรีบตัดบทและวางสายทันที


"ทำไมไม่ยักพูดกับน้องดี ๆ เหมือนที่พูดกับคนอื่น...ไม่สิ เหมือนที่พูดกับแฟนบ้าง" แม้จะดูเป็นคำกล่าวลอย ๆ แต่เต็มฟ้าก็มั่นใจว่าคนพูดกำลังหมายถึงเขาแน่ ๆ


"จะพูดยังไงแล้วเกี่ยวอะไรด้วย" ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองคนที่ตัวสูงกว่ากันไม่กี่เซ็นก่อนจะเดินหันหลังให้


“จริง ๆ ก็ไม่เกี่ยวหรอกนะ แต่ถ้าวันนั้นนายได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นตอนที่ได้รับโปสการ์ดละก็ นายอาจทำแบบเดียวกับที่ฉันทำอยู่ตอนนี้”



เต็มฟ้าเลือกที่จะเดินจากมาเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงให้มากความ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงหัวค่ำทำให้ถนนสายยาวยิ่งยาวมากขึ้นอีกในความรู้สึก ผู้คนจำนวนมากต่างเดินเบียดเสียดทำให้การจารจรทางเท้าไม่รวดเร็วดั่งใจของใครหลาย ๆ คน  เต็มฟ้าหันกลับไปมองทางที่เดินผ่านมา ซึ่งเห็นแนวโค้งของโครงสะพานอยู่ไกล ๆ ทั้งที่ระยะทางก็เพิ่มความห่างให้มากขึ้นทุกขณะ  และคำพูดของใครคนนั้นก็จบลงไปนานแล้ว แต่ทำไมจึงรู้สึกว่ามันยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในโสตประสาท พยายามพร่ำบอกตัวเองดัง ๆ ตลอดทางว่าเขาไม่เคยใส่ใจเรื่องใด ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น


ทันทีที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงทีวีดังมาจากห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกล เมื่อเดินไปตามเสียงภาพที่เห็นก็คือน้องชายของตัวเองกำลังนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่ที่โซฟา เต็มฟ้าค่อย ๆ เลื่อนประตูกระจกเข้าไปหยิบรีโหมตกดปิดทีวี จากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ โซฟามองเด็กชายที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างพิจารณา มือเรียวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมายังที่ที่ตาจดจ้องนั่นก็คือใบหน้าของคนที่กำลังนอนหลับ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจชักมือกลับและรีบลุกขึ้นถอยห่างออกมาเมื่อเห็นตามตะวันเริ่มขยับตัวเพราะเสียงเปิดประตูของแขกที่เข้าพักซึ่งอยู่ห้องด้านบน


“พี่เต็มกลับมาแล้วเหรอ” หนุ่มน้อยกล่าวงังเงียพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นขยี้ตา


“เห็นทีวีเปิดอยู่ พี่เลยเข้ามาปิด ทีหลังถ้าไม่ดูแล้วก็ปิดแล้วก็ไปนอนที่ห้องสิ”


“ตามขอโทษครับ ตามเผลอหลับ” ตามตะวันลุกขึ้นหอบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงของพี่ชายกลับเข้าห้องตัวเองไป ในขณะที่เต็มฟ้าผ่อนลมหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอกหนุ่มน้อยก็โผล่หน้าออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า


“ฝันดีนะฮะพี่เต็ม”


เมื่อได้ฟังดังนั้นพี่ชายจึงพยักหน้าส่ง ๆ ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปจากห้องทันที



เต็มฟ้าทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพยายามสลัดคำพูดของชายแปลกหน้าออกจากหัวแต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน



“ถ้านายได้เห็นรอยยิ้มของเด็กคนนั้นตอนที่ได้รับโปสการ์ดละก็ นายอาจทำแบบเดียวกับที่ฉันทำอยู่ตอนนี้”


รอยยิ้มของเด็กคนนั้นตอนที่ได้รับโปสการ์ด มันจะเหมือนกันกับรอยยิ้มเมื่อกี้ที่เขาเห็นไหม?


   



วันต่อมาเดือนดาราลงมือทำครัวด้วยตัวเอง เพราะเธอตั้งใจจะแบ่งกับข้าวไปให้ญาติของสามีซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ทำให้ต้องรับช่วงดูแลกิจการเกสต์เฮาส์โดยมีลูกสาวอย่างชลธรเป็นผู้ช่วย ดังนั้นวันนี้ครัวแสงเดือนจึงปิดให้บริการอาหารตามสั่งแก่ลูกค้าทั่วไปเป็นเวลาหนึ่งวัน


“ถ้าขนมจีนน้ำเงี้ยวของน้าเดือนจะใช้เวลาทำนานครึ่งค่อนวันอย่างนี้ เต็มว่าเดินไปซื้อร้านป้าป๋องมากินดีกว่า ป่านนี้อิ่มนอนกลิ้งตีพุงไปแล้ว” เต็มฟ้ากล่าวขณะที่สองคนพี่น้องกำลังเกาะประตูมองแม่ครัวใหญ่ที่กำลังยืนเคี่ยวกระดูกหมูในหม้อ


“แหม...จะทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือเราก็ต้องลงมือทำเองสิจ๊ะ” เดือนดารากล่าว “เดี๋ยวเสร็จแล้วน้าจะวานให้เต็มช่วยขับรถเอาไปให้ลุงเดชกับป้าบัวแกหน่อย เดี๋ยวน้าจะบอกให้ชลพาไป”


“พี่ชลขับรถเต็มไปส่งของชำร่วยเซรามิคที่บ้านเพื่อนที่ลำพูนตั้งแต่เช้าแล้วครับ”


“ตายจริง น้าก็ลืมไปเลย ยัยชลบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเต็มไปให้ คิดว่าน่าจะไปถูก บ้านหลังใหญ่ ๆ ใกล้ไปรษณีย์ใช่ไหมครับ”


“จ้ะ บ้านหลังที่น้าชาติเคยพาเต็มวิ่งไล่ไก่ชนบ่อย ๆ น่ะ เมื่อวันทำบุญร้อยวันเต็มก็ขับรถพาน้าแวะเอาของทำบุญไปให้เขามา เต็มจำได้ไหม”


ชายหนุ่มพยักหน้า จากนี้ก็เหลือเพียงรอเวลาให้น้ำเงี้ยวของเดือนดาราเสร็จเรียบร้อยเท่านั้น



“พี่เต็ม น้าเดือนบอกว่าขนมจีนน้ำเงี้ยวเสร็จแล้ว ให้พี่เต็มเอาไปให้ลุงเดชได้เลยนะครับ” เสียงของเด็กชายตามตะวันดังพอที่จะเรียกความคิดซึ่งถูกปล่อยให้ลอยไปตามกระแสน้ำของคนที่กำลังนั่งเสียบหูฟังฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือที่ระเบียงกลับมา เต็มฟ้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปรับปิ่นโตเถาสั้นจากมือผู้เป็นน้องชาย


“ตามขอไปด้วยได้ไหมฮะ”


“จะไปทำไม ฟ้าครึ้มขนาดนี้ เดี๋ยวฝนตกไม่สบายก็เดือดร้อนกันไปหมด”


แม้คำปฏิเสธของพี่ชายทำเอาตามตะวันหน้าจ๋อย แต่หนุ่มน้อยที่แสนจะว่านอนสอนง่ายผู้นี้ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้เหมือนเคยซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พี่ชายอย่างเต็มฟ้ารู้ดี


“ดะ..เดี๋ยวขากลับจะซื้อขนมมาฝากก็แล้วกัน” พูดจบพี่ชายก็เดินออกจากบ้านไป ทิ้งให้น้องชายอย่างตามตะวันมองตามด้วยความงุนงงปน ๆ ดีใจ อดตื่นเต้นไม่ได้ว่าพี่ชายจะซื้ออะไรอะไรกลับมาฝาก


เต็มฟ้าเลือกที่จะเดินคิดอะไรไปเรื่อย ๆ ผ่านบ้านเรือน ศาลหลักเมืองและวัดวาอารามจนกระทั่งมาถึงถนนหน้าที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งปิดทำการในวันอาทิตย์ ชายหนุ่มข้ามถนนก่อนจะเดินเข้าไปในซอย จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ เสียงไก่โต้งตัวเขื่องยังคงโก่งคอขันแม้ว่าดวงอาทิตย์จะเคลื่อนมาตรงศีรษะแล้วก็ตาม เสียงลูกสุนัขสีดำวัย 5-6 เดือนที่กำลังเกาะรั้วเห่าไล่คนแปลกหน้าอยู่ที่หน้าบ้านทำให้คุณลุงผู้เป็นเจ้าของบ้านต้องแง้มประตูออกมาดู ผ้าขาวม้าที่พาดอยู่บนราวบันไดถูกดึงมาคาดไว้ที่เอวก่อนจะเดินตรงเข้ามา เสียงใหญ่ ๆ ที่ร้องดุเจ้าลูกสุนัขทำให้มันเงียบเสียงไปได้พักหนึ่งก่อนจะอ้าปากเห่าขึ้นมาอีก


“สวัสดีครับคุณลุง” เต็มฟ้ายกมือไหว้อย่างนอบน้อม


“ไปไงมาไงล่ะหนุ่ม” ลุงเดชมองสำรวจผู้มาเยือนอย่างไม่ไว้ใจนัก


“ผมเต็มไงลุง จำไม่ได้เหรอครับ หลานน้าเดือนกับน้าชาติ”


“อ่อ..จำได้ ๆ เจ้าเต็ม ไม่เจอกันหลายปีมันโตเป็นหนุ่มหล่อเหมือนพ่อไม่มีผิด  เมื่อก่อนชอบมาวิ่งไล่ไก่ชนจนโดนไล่ไก่จิก” ชายวัยกลางคนเจ้าของผมสีดอกเลาหัวเราะชอบใจ


“เรื่องหล่อนี่ไม่เถียง แต่เรื่องไก่จิกนี่เลิกจำได้ไหมลุง” ชายหนุ่มส่ายหน้า


“แล้วนี่ลมอะไรหอบมาถึงบ้านลุงได้”


“วันนี้น้าเดือนทำขนมจีนน้ำเงี้ยว เลยให้เต็มเอามาให้ลุงกับป้าชิม” เต็มฟ้ากล่าวพร้อมกับส่งปิ่นโตให้ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีตรงหน้า ก่อนจะก้มลงมองเจ้าลูกสุนัขสีดำที่กำลังทำจมูกฟุดฟิด ๆ ใกล้ ๆ กับขาของเขา


“มันกัดหรือเปล่าครับลุง”


“ไม่กัดหรอก มันขี้เล่นน่ะ”


เต็มฟ้าพยักหน้าก่อนจะย่อตัวลงเอื้อมมือลูบหัวลูกสุนัขหูตูบเบา ๆ “ชื่ออะไรเนี่ย”


“ชื่อนังแรมโบ้”


“โอ้โหสาวน้อย ชื่อแกแมนมากนะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมจับขาหน้าของเจ้าหมาน้อยขึ้นเพื่อให้มันยืนสองขา จากนั้นเขาก็ปล่อยมันลงก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้า


“หวัดดีก่อน หวัดดีเป็นหรือเปล่าแกน่ะ”


เจ้าหมาน้อยเดินเข้ามาดมที่มือของคนแปลกหน้าพร้อมกับกระดิกหางทำจมูกฟุดฟิด


“เร็วสิ หวัดดีก่อน” เต็มฟ้ายังคงเพลิดเพลินอยู่กับการทักทายเพื่อนใหม่ตัวดำของเขาโดยไม่ทันได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งเข้ามาจอดที่ข้างรั้ว


“สวัสดีครับ” เสียงนั้นฟังคุ้น ๆ จนทั้งหูคนและหูสุนัขกระดิก เจ้าแรมโบ้กระดิกหางแทบหลุดพร้อมกับวิ่งวนไปมาเมื่อพบหน้าคนมาใหม่


“เอ้อ..ศิธามาพอดี เห็นป้าเขาพูดถึงอยู่ว่าจะให้มาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟที่ชายคาให้ นี่ก็ซื้อหลอดไฟเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวาน” ลุงเดชกล่าวก่อนจะเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปในบ้าน แต่เต็มฟ้าปฏิเสธเมื่อเห็นว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว


“แล้วนี่เต็มมายังไง” คุณลุงยังคงถามด้วยความเป็นห่วง


“เต็มเดินมาน่ะลุง แถวนี้ไม่ได้เดินนานแล้ว”


“แล้วจะเดินกลับเรอะ นี่ฝนฟ้ามันก็ทำท่าจะตกอีกแล้วนะ”


“เต็มโบกรถสองแถวกลับก็ได้ งั้นเต็มไปก่อนนะลุง” ชายหนุ่มรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มครึ้ม


“รอก่อนสิ เดี๋ยว...เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชายหนุ่มที่กำลังจูงมอเตอร์ไซค์คลาสิคเข้ามาจอดในรั้วบ้านเสนอ และนั่นก็ทำให้ลุงเดชเห็นด้วยจนออกปากคะยั้นคะยอให้หลานชายอยู่ต่อ


เต็มฟ้าก้มลงมองเจ้าลูกสุนัขตัวอ้วนที่กำลังครางหงิง ๆ พร้อมกับเอาเท้าสะกิดขาของเขาก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามลุงเดชเข้าไปในบ้าน โดยมีศิธาพัฒน์และเจ้าแรมโบ้เดินตามไปห่าง ๆ



เต็มฟ้าเงยหน้าขึ้นมองชายคาบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูงก่อนจะร้องถามคนที่กำลังปืนขึ้นไปบนบันไดไม้ไผ่ที่พาดอยู่กับเสาเหล็กลำเท่าแขนเด็กที่ใช้ค้ำยันชายคาบ้านที่ทำยื่นออกมาเพื่อบังแดด



“ไหวเหรอ”



“ไหวสิ เมื่อก่อนอยู่เกาะสมุย ปืนเก็บมะพร้าวบ่อย ๆ” คำพูดติดตลกนั้นชวนให้อยากกระโดดถีบบันไดให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่ถ้าลุงเดชกับป้าบัวไม่ยืนลุ้นให้กำลังใจชิดขอบสนามแบบนี้คงจัดให้ไปแล้ว



“ขี้โม้ว่ะ” พึมพำกับตัวเองก่อนจะรับหลอดไฟที่เพิ่งถูกปลดลงมาวางไว้กับขั้นบันได ก่อนจะส่งหลอดไฟนีออนยาวหลอดใหม่แกะกล่องให้ถึงมือคนที่กำลังรออยู่ ศิธาพัฒน์ได้แต่ยิ้มก่อนจะรับหลอดไฟมาใส่คืนที่เดิม เมื่อเรียบร้อยแล้วป้าบัวก็เดินไปกดสวิชต์ ในขณะที่สองหนุ่มต่างก็ยืนมองผลลัพธ์ที่ได้อย่างพอใจ


“เดี๋ยวแวะไปเอาเสื้อกันฝนที่บ้านก่อนแล้วจะขี่รถไปส่ง” ศิธาพัฒน์กล่าวหลังจากที่ทั้งคู่ลาเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว


“ไม่ต้อง กลับเองได้”


“รู้ว่ากลับเองได้ แต่ฝนมันใกล้จะตกแล้ว หัดฟังเหตุผลบ้าง” แม้สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูดจะดูจริงจังจนเต็มฟ้ารู้สึกหวาด ๆ แต่เขาก็ยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ชายหนุ่มไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เขาเดินผ่านรั้วบ้านของลุงเดชออกมาโดยมีศิธาพัฒน์จูงมอเตอร์ไซค์ตามมาติด ๆ



“หยุด แล้วก็รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เข้าไปเอาเสื้อกันฝนที่บ้านก่อนแล้วจะไปส่งที่เกสต์เฮาส์” พูดจบร่างสูงก็เดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านที่อยู่ข้าง ๆ กันทันที


“ทำมาสั่ง คิดว่าจะเชื่อเหรอ” เต็มฟ้าพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปโดยไม่สนใจคำสั่งเมื่อสักครู่ เสียงหงิง ๆ ที่ตามหลังมาทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดเดินพร้อมกับหันไปมองเจ้าของเสียง


“แรมโบ้ แกตามมาทำไมเนี่ย” กล่าวจบก็ยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรก ๆ จำใจต้องเดินกลับไปส่งเจ้าหมาน้อยที่บ้านอีกครั้ง


“เข้าบ้านเร็วแรมโบ้ ฝนจะตกแล้ว” เต็มฟ้าพยายามไล่ แต่เพื่อนตัวดำก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำตาม


“สงสัยจะมีเสน่ห์กับทุกสปีชีส์ละมั้ง”



โอ้โห...นี่ชมหรือด่า เต็มฟ้าคิดในใจก่อนจะหันขวับไปมองหน้าเจ้าของประโยคยียวนกวนเบื้องล่างเมื่อครู่


“ไป! เข้าบ้านได้แล้วแรมโบ้” ลงที่ใครไม่ได้ก็ลงกับหมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป “ยัง ยังจะมาเห่าอีก เก็บปากไว้ห่อฟันเหอะ นังแรมโบ้” พูดจบเต็มฟ้าก็ดันก้นเจ้าหมาน้อยให้กลับเข้าบ้านก่อนจะรีบปิดประตูทันที


ศิธาพัฒน์ยังคงยืนทบทวนประโยคที่เต็มฟ้าพูดกับเจ้าแรมโบ้เมื่อสักครู่ “แรมโบ้มันเห่าตอนไหนวะ” เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าโดนไอ้เด็กแสบหลอกด่าเข้าให้แล้ว เขาจึงรีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ชี่ตามคนที่กำลังเดินไปทันที



“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง”


“ไม่ กลับเองได้”



 “ทำไม? ซ้อนท้ายศัตรูนี่มันเสียศักดิ์ศรีมากเลยเหรอ? หรือว่า….” ปากอิ่มพูดทิ้งจังหวะชวนโมโห


“หรือว่าอะไร”


“หรือว่า..กลัว”


“ไม่ได้กลัว” เต็มฟ้าตอบห้วน ๆ ก่อนจะเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามของถนน


“นี่..ไม่กลัวแล้วไม่อายคนอื่นเขาหรือไง มีผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์ตามเนี่ย ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงนะ ฝนก็จะตกแล้วด้วย”


คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิดพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงทุกขณะ ในที่สุดก็จำใจกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์


“เกาะดี ๆ นะน้อง” ศิธาพัฒน์ล้อเลียนก่อนจะออกรถ


“พูดมากว่ะ นี่ยอมนั่งก็ถือว่ายอมลดตัวลงไปมากแล้วนะ”


เมื่อได้ฟังดังนั้นคนขับก็หัวเราะหึ “มีใครเคยบอกไหม”


“ว่า?”


“ว่าเราเป็นคนกวนตีน”





เต็มฟ้าจ้องมองแผ่นหลังที่ไหวไปมาของคนข้างหน้า ถึงจะไม่มีเสียงไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังหัวเราะ แต่ยังไม่ทันที่จะนึกอะไรมาตอบโต้ได้ตึกแถวเก่า ๆ ที่สร้างจากไม้ซึ่งอยู่ข้างทางก็เตือนให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหาก่อนก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่กำลังคิดออกไป


“ขอแวะร้านขนมสุดตึกแถวนี่หน่อยได้ไหม”


ศิธาพัฒน์ตอบคำถามกึ่งขอร้องนั้นด้วยการผ่อนความเร็วลงก่อนจะขี่เลาะไปตามริมฟุตบาทจนกระทั่งมาหยุดที่หน้าร้านขายขนมและของเล่นโบราณได้ทันเวลาฝนตกพอดี...




....



ช่วงคุยกันก่อนฟ้าสางค่ะ ช่วงนี้สนับสนุนโดยผ้าอ้อมผู้ใหญ่มามีโปโกะ
เขียนตอนที่ 6 ไป ปาดเหงื่อไป คิดไม่ออกด้วยแล้วก็มีหลาย ๆ อย่างให้รู้สึกว่าต้องเอามันมาคิดด้วย
คือจริง ๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นดราม่านะคะ ซึ่งนิยามความดราม่าของแต่ละคนอาจจะต่างกัน
ส่วนเราให้นิยามเรื่อง "คุณบุรุษไปรษณีย์ฯ" ว่าไม่ดราม่านะ แค่จะบอกว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้สวยหรูเสมอไป
ยังไงก็อยากให้คุณคนอ่านอ่านกันแบบไม่ดราม่านะจ๊ะ ^^ ลองอ่านไปเรื่อย ๆ นะ
สุดท้ายอาจจะพบว่าหมอภูมิ แกคือ ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาสืบราชการลับใช่ไหม ^^ 555 ฝันดีค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2014 10:58:23 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เป็นคู่ที่น่ารักจริงๆ ต่อปาก ต่อคำกันเก่งจริงคู่นี้ ไม่มีใครยอมใครเลย

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เป็นคู่กัด  ต่อไปพัฒนาเป็นคู่รักรึป่าวเนี่ย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สงสารน้องตาม น้องออกจะน่ารักและว่าง่าย
เต็มฟ้าดื้อมาก พี่ปุ่นช่วยปราบทีเถอะ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
แหงะ ทำไมเต็มจะไปทำงานที่กรุงเทพซะล่ะ

แล้วจะรักกันกับพี่ปุ่นได้ยังไงงงงงง นี่ก็ยังกัดกันไม่เลิก

แล้วไหนจะตามอีก น้องเสียใจนะ เต็มใจร้ายยย

ไม่ปลื้มหมอภูมิ จ้องจะฟันเต็มอยู่ล่ะสิ เรารู้นะ

ไม่อยากให้เต็มไปกรุงเทพ เอาม้าลำปางมาฉุด จะอยู่ม๊ายยยยย

my manGo

  • บุคคลทั่วไป
น้ำตาเกือบไหลตอนที่พี่เต็มบอกเป็นลูกคนเดียว  :mew4: สงสารน้องตามมมมมมมมมมมมมมม :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่เต็มเริ่มที่จะใจอ่อนกับน้องตามแล้วสินะ

ออฟไลน์ 28016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เต็มบางครั้งก็ดูเย็นชากับน้องตามมากแต่บางทีก็ดูเหมือนจะใจดีด้วย อย่าใจร้ายนักเลย สงสารน้อง :hao5:
คุณหมอภูมิก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะ แต่ชอบนิสัยพี่ปุ่นมากกว่า :o8:
แต่ถ้าเต็มย้ายไปกรุงเทพพี่ปุ่นก็จะไม่ได้กินข้าวผัดใส่หอมเล็กแล้วสินะ  :z10:

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
สงสารน้องตาม   ถ้าตัดเรื่องนี้ไปเต็มจะดีมากกกกกกกเลย :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
มีใครอ่านแล้วอยาก  :beat: เต็มมันเหมือนเราบ้างป่าวอ่ะ
ยิ่งเวลาอยู่กับตามทีไรคือสงสารตามมากอ่ะ  ตามนี่มันบทนายเอกชัดๆ
คือเราไม่รู้หรอกนะว่าเต็มรู้สึกยังไง แต่โตมาจนป่านนี้อายุก็ไม่ใช่5ขวบ10ขวบ
แล้วยังแยกแยะไม่ออกอีกหรอว่าไม่ใช่ความผิดน้อง ปกติเราก็ชอบนายเอกแรงๆ ไม่ใสซื่อนะ
แต่เรื่องนี้เราเชียร์ตาม+ปุ่นจะผิดไหม จัดโชตะไปเลย รอวันตามโตและตบเต็มมันซักทีเราคงสะใจดีนะ หมั่นไส้ 555+++

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เค้าไม่อยากให้มีดราม่าน้องตามนานๆเลยอะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
มีใครอ่านแล้วอยาก  :beat: เต็มมันเหมือนเราบ้างป่าวอ่ะ
ยิ่งเวลาอยู่กับตามทีไรคือสงสารตามมากอ่ะ  ตามนี่มันบทนายเอกชัดๆ
คือเราไม่รู้หรอกนะว่าเต็มรู้สึกยังไง แต่โตมาจนป่านนี้อายุก็ไม่ใช่5ขวบ10ขวบ
แล้วยังแยกแยะไม่ออกอีกหรอว่าไม่ใช่ความผิดน้อง ปกติเราก็ชอบนายเอกแรงๆ ไม่ใสซื่อนะ
แต่เรื่องนี้เราเชียร์ตาม+ปุ่นจะผิดไหม จัดโชตะไปเลย รอวันตามโตและตบเต็มมันซักทีเราคงสะใจดีนะ หมั่นไส้ 555+++



ชอบอ่ะ....รักเลยดีกว่า ^^


ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
อ่านแล้วหงุดหงิดเต็มจัง...
สงสารน้องตาม ถ้าเราที่เป็นน้องแล้วรู้ดีแก่ใจแต่แรกว่าพี่ไม่รักตัวเหมือนน้องตาม ยิ่งมาได้ยินสิ่งที่เต็มพูดแบบนั้นเราคงยิ่งเสียใจ
แต่น้องตามเป็นเด็กดีมากนะคะ อ่านแล้วทั้งสงสารทั้งเอ็นดู
พี่ปุ่นก็น่ารัก จริงๆก็คิดอยู่ว่าคนแบบพี่ปุ่นนี่แหละที่น่าจะดัดนิสัยคนแบบเต็มได้

ส่วนเรื่องหมอภูมิ (ตลกดี คนรู้จักเราก็เป็นหมอชื่อภูมิค่ะ 555 เวลาอ่านนี่ หน้าคนรู้จักก็ลอยมาเลย)
อ่านตอนแรกๆก็รู้สึกว่าก็ดูรักเต็มดี แต่เรายังเดาทางไม่ถูกว่าจะเป็นยังไงต่อไป
เรื่องอยากให้ไปอยู่ด้วยกันคงเป็นปกติของคนเป็นแฟนมั้ง? อันนี้ไม่ได้อยากมองแง่ลบเท่าไหร่
แต่ถ้าจะมีเรื่องให้ต้องเลิก เราเดาว่าน่าจะเพราะการเป็นหมอที่ไม่ค่อยมีเวลามากกว่า? (อันนี้ก็เดาเอาล้วนๆ)

ไม่เดาแล้วดีกว่าค่ะ รออ่านต่อนะคะ
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่ปุ่นกับเต็มจะคุยกันดีๆ
จริงๆเราเริ่มรู้สึกว่าลึกๆเต็มก็รักน้องนะ แต่ดูจะเป็นคนรั้นๆก็เลยไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่

สู้ๆนะคะ ติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ไม่มีใครยอมใครเลย แบบนี้ล่ะลูกดก
ส่วนหมอภูมิตัดทิ้งไปเหอะ

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
สงสารน้องตาม  :hao5:  พี่เต็มใจร้ายยยยยย  :o12:

เมื่อได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มก็พยักหน้าก่อนจะจัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกแหวนและยกจานข้าวผัดออกไป

แขวน

ทางเริ่มคดเคี้ยวและชันขึ้นเล็กน้อย แวดล้อมไปด้วยเลือกสวนไร่นา

เรือกสวนไร่นา

ชายหนุ่มเงยหน้ามองต้นชมพูพันธุ์ที่ยืนต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ตรงหน้า

ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์



ชายหนุ่มกล่าวขณะตักข้าวเข้าปา

เข้าปาก


ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ ละเรียดกินเพื่อรอเวลาที่ร้านรวงต่าง ๆ จะตั้งเสร็จ

ละเลียด

แต่แล้วเจาก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อหันไปเห็นแขดไม่ได้รับเชิญกำลังยืนทอดสายตามองสายน้ำอยู่ข้าง ๆ

เขา  ,  แขก

เต็มฟ้าค่อย ๆ เลื่อนประตูกระจกเข้าไปหยิบรีโหมตกดปิดทีวี

รีโมท

“พี่เต็มกลับมาแล้วเหรอ” หนุ่มน้อยกล่าวงังเงียพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นขยี้ตา

งัวเงีย

“สงสัยจะมีเสน่ห์กับทุกสปีชีย์ละมั้ง”


สปีชีส์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2014 09:19:03 โดย hembetaro »

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ไม่ดราม่านะ แต่มันอึดอัดอ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ข้าวผัดสื่อรัก :mew1:
หมอภูมิไปเป้นแฟนเพื่อนเต็มเถอะ
สงสารตาม :o12:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สงสารน้องตาม เมื่อไรคุณพี่จะปล่อยเรื่องเก่าๆทิ้งไป
แล้วกลับมาเป็นครอบครัวอบอุ่นสักที
 :katai1: :katai1:
พี่ปุ่นกับเต็มก็ยังเป็นคู่กัดกันอยู่ เมื่อไรจะได้เจอกันอีก
ถ้าเต็มจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพ ไหนจะเรื่องหมอภูมิอีก

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
กิ่งทองใบหยก

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เต็มกวนๆๆๆๆ


แต่ชอบๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เต็มก็น่ารักดีนะ ยกเว้นเรื่องน้องตาม เราซึ่งเป็นคนรักน้องหงุดหงิดเลยที่เต็มเฉยชากับน้องขนาดนี้ :m16:
อีกหน่อยคู่กัดคงกลายเป็นคู่รัก แต่หน่อยที่ว่าไม่รู้จะนานขนาดไหน :mew5:
ชอบแพะแคระดุ่ยกับเก้นะคะ ดูเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วคงสนุกมาก :laugh:

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เต็มโคตรกวนเลย ดื้อด้วย 555555

สงสารน้ิองตาม  :กอด1:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราว่ามันดราม่าแน่ๆ ละ ถ้าหนุ่มไปรฯ เป็นพระเอก แสดงว่างานนี้หมอต้องบาดเจ็บ  :ling3:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
เลือกไม่ถูกว่าระหว่างน้องเต็มกับพี่ปุ่นนี่คนไหนกวนกว่ากัน 555555
คนหนึ่งดูกวนแบบผู้ใหญ่ อีกคนดูกวนแบบเด็กๆ น่ารักดีค่ะ

เราชอบบรรยากาศของเรื่องนี้จริงๆ นะเนี้ย

แต่สงสารน้องตามจังเลย คือน้องให้ฟีลนายเอกของพี่ปุ่นมาก กร้ากกกก
เอ๊ะ? หรือจริงๆ แล้วจะเป็นปุ่นตาม????? (นี่ก็มั่วไปเรื่อย 555555)
เลี้ยงให้โตก่อนนะคะพี่ปุ่น กร้ากกกกกกก

ตอนนี้น้องเก้ของพี่โผล่มาแค่ชื่อ คิดถึงพ่อหนุ่มเดรทร็อตจังเลยค่าาาา  :mew1:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
มนต์รักข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่

 :mew1:

พี่ปุ่นก็แสบ น้องเต็มก็ใช่ย่อย อิอิ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :3123:ชอบๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด