คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 255633 ครั้ง)

ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้เงียบหายไปเลยแงงง :ling1:

Trin

  • บุคคลทั่วไป
รอเรื่องนี้อยู่นะครับ  ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

ออฟไลน์ seraty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
พักยาวจัง คิคถึงน้องตามตะวันแล้ว....เต็มฟ้าก็คิดถึงนะ
 :mew6:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ฉากระหว่างพี่เต็ม น้องตามเรียกน้ำตาได้ตลอดเลยอะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 9 : คำขอบคุณ



เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ารถด่วนพิเศษขบวนที่ 14 ก็เคลื่อนขบวนเข้าหาความวุ่นวายที่กำลังจะเริ่มขึ้นในมหานครที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาอยู่ เมื่อพนักงานรถไฟขานชื่อสถานีปลายทางผู้คนที่โดยสารมากับขบวนรถก็เตรียมตรวจสอบสัมภาระต่าง ๆ ที่นำติดตัวมาตามคำแนะนำของพนักงานรถไฟ ทันทีที่รถไฟจอดเทียบชานชาลาที่สถานีหัวลำโพงซึ่งเป็นสถานีปลายทางประตูรถก็เปิดออก ความโกลาหลเร่งรีบก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งราวกับกำลังก้าวเข้าไปในสายการผลิตที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา เสียงประกาศจากสถานีดังแทรกเสียงเครื่องจักรรถไฟคละเคล้าไปกับเสียงยวดยานที่สัญจรไปมาฟังอื้ออึงเสริมให้ทุกอย่างรอบตัวดูวุ่นวายไปหมด เต็มฟ้าก้าวลงจากขบวนรถคิดจะหลบลี้หนีจากความอลหม่านจึงมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่นั่นก็ไม่ใช้ความคิดที่ดีนักสำหรับชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้ แม้จะเป็นสถานีต้นทางแต่คนรอโดยสารก็หนาตาทีเดียวเนื่องจากเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ  เมื่อประตูรถไฟฟ้าใต้ดินเปิดออกผู้คนจำนวนมากก็ต่างกรูเข้าไปหาที่นั่งทันที


ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปยืนในขบวนรถ ที่ฝั่งตรงข้ามของช่วงรอยต่อขบวนคือหญิงสาวในชุดนักศึกษาดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน มือหนึ่งถือกระเป๋าผ้าใส่ตำราและสมุดจดส่วนอีกมือหนึ่งถือเอกสารที่น่าจะสำเนามาอีกทอดหนึ่ง บางบรรทัดก็ขีดทับด้วยปากกาไฮไลต์เพื่อเน้นในส่วนที่สำคัญ  เห็นแล้วก็ทำให้คิดถึงช่วงเวลาของการเรียนขึ้นมาขึ้นมาทันที หากวันไหนจะสอบคืนนั้นก็จะมีแรงฮึดผิดปกติสามารถอ่านหนังสือได้ยันสว่าง แต่หากวันไหนเรียนตามปกติก็แทบจะไม่อยากตื่นไปเรียนเลย แต่วันนี้...เช้าวันแรกของการไม่ต้องไปเรียนหนังสือมันทำให้รู้สึกเคว้งคว้างแปลก ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยโหยหาอิสระอยากจะเรียนจบและมีทำงานไว ๆ แต่พอต้องก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานจริง ๆ กลับนึกอยากจะกลับไปเรียนอีกครั้ง



ยิ่งรถไฟฟ้าใต้ดินเคลื่อนห่างจากสถานีหัวลำโพงมากขึ้นเท่าไรผู้โดยสารก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเท่านั้น พักใหญ่ ๆ ก็มาถึงสถานีหนึ่ง ชายหนุ่มขยับตัวเบียดเสียดผู้คนมายืนรอที่หน้าประตูและเขาก็พบว่าสาวน้อยในชุดนักศึกษาคนนั้นก็ลงที่สถานีเดียวกับเขาด้วย เมื่อประตูเปิดออกร่างสูงก็เดินปะปนไปกับบรรดาหนุ่มสาววัยทำงานจนกระทั่งมาถึงที่หน้าประตูทางออกของสถานีพลันสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงผิวคล้ามแดดที่ยืนหันหลังอ่านแผ่นที่อยู่ไกล ๆ รู้สึกคุ้นกับท่าทางของเขาเสียเหลือเกิน เต็มฟ้าเดินเข้าไปใกล้ในที่สุดรอยยิ้มแรกของวันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แม้จะเห็นแค่เสี้ยวหน้าแต่ก็จำได้ ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินตรงเข้าไปเอื้อมมือตบลงที่ศีรษะทุย ๆ ของร่างสูงอย่างแรง


   
“อื้อหือ...ใครวะ..เจ็บนะโว้ย!” มือหนากุมที่ศีรษะพร้อมกับหันขวับกลับมาเพราะเกรงว่าคนลงมือจะหนีไปเสียก่อน แต่ที่ไหนได้เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเจ้าของมือที่โบกเข้าเต็มแรงเมื่อสักครู่ยังคงยืนยิ้มให้โดยไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน


   
“หูยยยย ไอ้เต็ม เจ็บนะโว้ย! ตบมาได้” กีรติบ่นพลางลูบศีรษะตัวเองป้อย ๆ


   
“ตัดผมแล้วค่อยตบถนัดมือหน่อย”


“เออ เพิ่งไปตัดมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เป็นไงบ้าง ดูดีไหม”


คนถูกถามกอดอกหรี่ตามองสำรวจอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้า ผมทรงเดทร็อคที่อยุ่ประคบประหงมมาหลายปีตอนนี้ถูกตัดเป็นแบบรองทรงสั้นรับกับใบหน้าคมเข้มดูสะอาดสะอ้านขึ้นผิดหูผิดตา


“ของมันแน่อยู่แล้ว อย่างนี้แหละคนมันหน้าตาดี”


“เออ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะ”


“อ้าว...ไอ้เต็ม ทำไมพูดแบบนี้วะ” กีรติขมวดคิ้วนึกทบทวนในสิ่งที่เพื่อนพูด ตกลงที่อุตส่าห์ยอมกัดฟันตัดผมนี่มันดีหรือไม่ดีกันแน่ ในที่สุดความคิดก็ต้องหยุดลงมื่อมือของอีกฝ่ายตบเบา ๆ ที่หัวไหล่


“ไปเถอะ”


เจ้าของร่างสูงพยักหน้าก่อนจะเดินนำไปยังบันไดเลื่อน


“จริง ๆ ไม่ต้องมารับก็ได้” เต็มฟ้าเอ่ยขึ้นขณะก้าวลงบันไดสถานีรถไฟฟ้า ตาคมมองไปรอบ ๆ พบว่าเป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเสียเท่าไรนัก มีทั้งทางยกระดับ ตึกสูง ๆ และรถราจำนวนมาก


“ก็กลัวแกหาไม่เจอ หอที่หาได้มันเดินเข้าซอยไปลึกหน่อย”


“ไม่ใช่เด็กแล้วนะโว้ย แค่เดินหาหอทำไมจะหาไมเจอ”


“ครับ ๆ คุณชายเต็ม หยุดเห่าสักทีเถอะครับ ผมรำคาญ” กีรติกล่าวพลางล้วงมือจกกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาด ๆ พร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินนำเพื่อนรักไปตามฟุตบาทก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบ ๆ ที่ขนาบด้วยหอพักจนกระทั่งมาถึงหอพักสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่อยู่ท้ายซอย


“แกมาเจอที่นี่ได้ยังไงวะ” เต็มฟ้าถามขณะเงยหน้าขึ้นมองอาคารสูง 5 ชั้นตรงหน้า


“แถวนี้มันดูแออัดไปหน่อย แกพออยู่ได้ไหมวะ” อยู่ ๆ ร่างสูงก็ถามขึ้นขณะกดลิฟท์


“ได้สิ แย่กว่านี้ยังอยู่มาแล้วเลย”


กีรติมองดวงหน้าเรียบเฉยนั้นรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงอะไรจึงคิดที่จะเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศคลี่คลายขึ้น “เห็นว่ามันอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นั่งไปต่อบีทีเอสเดี๋ยวก็ถึงที่ทำงาน อีกอย่างก็คือมันถูกด้วย เดี๋ยวเอาไว้ได้เงินเดือนเมื่อไรค่อยคิดขยับขยายก็แล้วกัน”


คนฟังพยักหน้าพลางมองตัวเลขดิจิทัลที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ในสุดลิฟท์ก็มาเปิดออกที่ชั้นสาม สองหนุ่มพากันเดินไปตามทางเดินแคบ ๆ ดูทึม ๆ มีเพียงโคมไฟนีออนสีนวลที่ให้แสงสว่างเป็นระยะ ๆ


เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องเต็มฟ้าก็ถอดเป้วางกับพื้นก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่ยังคงปูผ้าเรียบร้อยส่วนกีรติก็เดินอ้อมไปนั่งบนเตียงของตัวเองจ้องมองเพื่อนรักที่กำลังลืมตามองเพดานว่างเปล่า


“พ่อแกว่ายังไงบ้าง” เจ้าริมฝีปากหยักตัดสินใจถามขึ้น


“ไม่ว่ายังไง ที่ผ่านมาพ่อก็ไม่เคยขัดใจอะไรอยู่แล้ว แต่ลึก ๆ ก็คงอยากให้กลับไปอยู่บ้านนั่นแหละ”


“แล้วตัวแกเองล่ะ คิดยังไง”


เต็มฟ้าไม่ได้ตอบอะไรในทันทีแต่กลับค่อย ๆ หลับตาลงพลางยกมือขึ้นก่ายหน้าผากราวกับใช้วามคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่างจนในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็ขยับอีกครั้ง


“ตัดสินใจไปแล้วก็ตามนี้”


“ตามใจแกก็แล้วกัน แต่ถ้าวันไหนก็อยากกลับไปละก็ ไปได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจพวกฉัน”  ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าลากเอาลังกระดาษใบหนึ่งออกมา “ของที่แกแยกเอาไว้น่ะ ฉันส่งไปรษณีย์กลับไปให้ที่บ้านแกตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่ย้ายของออกจากหอเดิมแล้วนะ จะมีก็ไอ้กล่องใบนี้แหละ” พูดจบก็เดินมาวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวนอนก่อนจะกลับไปนั่งที่เตียงหยิบรีโมตเปิดทีวี


เต็มฟ้าลืมตาพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเอื้อมมือหยิบกล่องใบนั้นมาวางบนตัก ข้างในมีทั้งดินสอดำสำหรับวาดรูป พู่กัน และไดอารีเก่า ๆ เล่มหนึ่ง...

....


ตามตะวันยืนเกาะขอบประตูห้องนั่งเล่นมองพ่อของตนเองที่กำลังนั่งลูบ ๆ คลำ ๆ กล่องกระดาษที่ให้คนงานรื้อออกมาจากห้องเก็บของ ดวงตาเศร้าหมองของผู้เป็นพ่อทำให้อดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ พ่อเลี้ยงตรัยเงยหน้าขึ้นมองลูกชายพลางยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเรียกเขาเข้ามานั่งใกล้ ๆ เด็กชายตามตะวันเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ ผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่ายมองกล่องกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำถามที่ยังคงค้างอยู่ในใจออกมา


“ในกล่องใบนี้มีอะไรเหรอครับพ่อ”


ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอื้อมมือลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ “กล่องใบนี้ไม่มีอะไรนอกจากความรักของพี่ชายคนหนึ่ง” ดวงตาของพ่อยังคงทอดมองมาที่ดวงหน้าเล็ก ๆ ที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด


“ลูกลองเปิดดูสิ”


ตามตะวันสบตาผู้เป็นพ่ออย่างลังเลเพราะเห็นว่านั่นคือของของพี่ชาย แต่ด้วยความที่อยากจะรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่ มือเล็กก็ค่อย ๆ เอื้อมเปิดฝากล่องออก ข้างในเป็นชุดกระโปรงสีฟ้าสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับที่พ่อบอกเลยแม้แต่น้อย


พ่อเลี้ยงตรัยขยับนั่งตัวตรงพลางโอบไหล่ลูกชายคนเล็กเอาไว้  “ชุดนี้น่ะพี่ตามเขาเก็บเงินซื้อเพื่อจะให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องสาว ถึงขนาดไม่ยอมกินขนม ไม่ซื้อของเล่นที่อยากได้ ใครถามว่าเก็บเงินไปทำไมก็ตอบว่าจะซื้อชุดสวย ๆ ให้น้องสาว พอรู้ว่าอีกไม่กี่วันแม่จะคลอดน้องก็รบเร้าให้พ่อพาไปตลาดจัดการเลือกแบบเลือกสีเองเสร็จสรรพ คอยแต่ละนับวันว่าเมื่อไรจะได้เห็นหน้าน้อง”


“น้องสาวเหรอฮะ” ริมฝีปากบางทวนคำของผู้เป็นพ่อ


“อืม..พี่เราเขาอยากมีน้องสาวมาก ตอนนั้นพ่อกับแม่ก็ผิดเองที่ไม่ได้บอกให้รู้ว่าน้องเป็นผู้ชาย เห็นเขากำลังเห่อ”
เด็กชายนิ่งเงียบไปเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผู้เป็นพ่อ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพี่ชายอยากจะมีน้องสาว หรือที่พี่เต็มไม่ชอบเขาอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้


“แล้วพ่อจะเอามันไปไหนครับ”


พ่อเลี้ยงตรัยถอนหายใจเบา ๆ พลางปิดฝากล่องลง “ในเมื่อเจ้าของเขาเอาแล้วพ่อก็คงต้องให้คนอื่น อาจจะให้ลูกคนงานเผื่อเขาจะเอาไปใช้ได้”


“ถ้าอย่างนั้น...ตามขอได้ไหมฮะ”


ผู้เป็นพ่อมองลูกชายอย่างแปลกใจก่อนจะพยักหน้าอนุญาตในที่สุด แม้จะไม่เห็นประโยชน์ของการเก็บเอาไว้แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะดีที่ของขวัญซึ่งถูกเก็บมาสิบกว่าปีจะถูกส่งถึงมือผู้รับ


หนุ่มน้อยตามตะวันกอดกล่องกระดาษที่ข้างในมีชุดกระโปรงสีฟ้าเอาไว้แน่นขณะเดินกลับมาที่ห้องนอนของตนเอง ถึงแม้จะรู้สึกน้อยใจบ้างเมื่อได้รู้จากพ่อว่าพี่ชายซื้อเตรียมเอาไว้ให้น้องสาว แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้ว่าพี่ชายยินดีกับการมีเขามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม


เมื่อประตูห้องถูกปิดลงเด็กชายผู้เป็นเจ้าของห้องก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเปิดฝากล่องหยิบชุดกระโปรงสีฟ้าขึ้นมากางดูอีกครั้ง หนุ่มน้อยล้มตัวลงนอนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตนเองเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงคงจะได้สวมชุดที่พี่ชายซื้อให้และคงจะได้จับมือวิ่งเล่นไปด้วยกัน

....



เช้าวันแรกของการทำงานกีรติ เต็มฟ้าและดุ่ยนัดพบกันที่หน้าอาคารสูงยี่สิบห้าชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทครีเอทีฟสตูดิโอซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าพบกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลแล้วพวกเขาก็ถูกพาไปแนะนำตามแผนกต่าง ๆ ของบริษัท


“กรี๊ด!” เสียงของหญิงสาวร่างอวบที่ยืนหายใจหอบอยู่หน้าประตูทำให้บรรดาเหล่านักออกแบบที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างเงียบ ๆ ต้องเงยหน้าขึ้นมองมายังต้นเสียงเป็นตาเดียว


“อะไรของแกวะยัยแนนนี่” ร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเขียนแบบ ถือโอกาสนี้เอนหลังลงกับพนักพิงพลางถอดแว่นเพื่อพักสายตาไปในคราวเดียวกัน


“ก็เมื่อกี้ฉันแวะไปคุยกับน้องดาวคนที่ทำบัญชีนั่งห้องฝ่ายบุคคลน่ะ เจอพนักงานใหม่อ่ะแกแต่ละคน หล่อ เข้ม น่ารัก เห็นแล้วหัวใจมันกระชุ่มกระชวย” กล่าวพลางกวาดสายตามองแต่ละหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้อง “ไม่เหมือนเห็นหน้าแก่ ๆ อย่างพวกแก” พูดจบดีไซเนอร์สาวก็เดินมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง


“อ้าว ๆ น้อย ๆ หน่อยยัยแน่น”


“แนนนี่ย่ะไอ้พัฒน์แกเรียกให้มันถูกหน่อย”


“เป็นหมูกินหยวกกล้วยดี ๆ ไม่ชอบ ริจะเป็นวัวแก่ ๆ แทะเล็มหญ้าอ่อน ฟันฟางจะหักหมดปากแล้วยังไม่เจียมตัว”


“ไอ้พัฒน์!” ไม่พูดเปล่า กลับมีแฟ้มเอกสารลอยตามเสียงมาจนคนแซวหลบแทบไม่ทัน


เจ้าของร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจปล่อยให้สงครามย่อม ๆ ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งประตูห้องทำงานเปิดออกอีกครั้งทุกอย่างจึงสงบลง เมื่อสายสุนีย์ย์ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลพาพนักงานใหม่มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก


“วันนี้พี่มีน้องใหม่มาแนะนำให้รู้จักจ้ะ” เธอกล่าวพลางหันไปยิ้มกับสามหนุ่มที่ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างหลัง “ห้องนี้มีแต่พวกพี่ ๆ ซีเนียร์เขี้ยวลากดินทั้งนั้นมีอะไรก็ปรึกษาได้นะจ๊ะ พี่ผู้ชายไว้พุงนั่นน่ะชื่อพี่พัฒน์จ้ะ ส่วนสาวเปรี้ยวหนึ่งเดียวในห้องของเราชื่อพี่แนนนี่ ด้านหลังคนที่ไม่ค่อยอยากจะลืมตามองโลกนั่นพี่กอล์ฟ ส่วนที่นั่งชะตาขาดเพราะงานไม่เสร็จชื่อพี่เอก แล้วก็คนที่หล่อที่สุดในห้องชื่อพี่ตังจ้ะ”


สิ้นเสียงหัวหน้าฝ่ายบุคคลสามหนุ่มก็พากันยกมือไหว้ทักทายพนักงานรุ่นพี่ทุกคนที่อยู่ในห้อง


 “โห่! พี่นีน่ะแนะนำพี่ตังดีอยู่คนเดียว” หนุ่มหน้าตี๋ที่นั่งอยู่หลังห้องเอ่ยขึ้น


“ก็น้องตังของฉันน่ะหล่อที่สุดในห้องจริง ๆ นี่ยะ”


ดีไซเนอร์หนุ่มร่างท้วมที่ยืนฟังอยู่นานกดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ เพื่อรักพลางยกมือที่สวมแหวนของเขาขึ้นให้คนพูดเห็น “ของพี่ที่ไหนละครับพี่นี ไอ้ตังน่ะมันมีเจ้าของแล้วนะ”


“แกไม่ต้องมาตอกย้ำฉัน เห็นแล้วมันบาดตาบาดใจ” พูดจบสายสุนีย์ก็กอดอกมองค้อนร่างสูงที่เอาแต่ยืนยิ้ม 


“พี่นีทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับ” ตฤณกรกล่าวพลางยกมือขึ้นเกาศีระษะแก้เก้อ


“พี่เสียใจที่น้องตังไม่เลือกพี่” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่อยู่ในห้องได้ไม่น้อย
“ว่าแต่น้อง ๆ ชื่ออะไรกันบ้างคะพี่นี” แนนนี่ถามแทรกขึ้นแววตาเป็นประกาย


“คนตัวสูงนี่ชื่อน้องเก้จ้ะ ส่วนอีกคนชื่อน้องเต็ม แล้วก็นี่น้องดุ่ย น้อง ๆ เขาจะนั่งห้องเดียวกับนายกบทำในส่วนของการออกแบบกราฟิกสื่อโฆษณาของบริษัทเราจ้ะ”


“แหม..มีตั้งแต่สูงใหญ่ไปจนถึงฉบับกระเป๋าเลยนะคะ” สาวตุ้ยนุ้ยกล่าวพร้อมกับส่งสายตาวิบวับให้หนุ่ม ๆ


“ฉันว่ายัยแนนนี่มันไปห้องไอ้กบทุกวันแน่เลยว่ะ” พัฒน์กระซิบบอกเพื่อน ๆ


“อะไรยะไอ้พัฒน์ฉันได้ยินนะแก” คนถูกพาดพิงค้อนขวับก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พนักงานน้องใหม่ “ฉันน่ะเดินทักทายทุกห้องเป็นปกติอยู่แล้วจ้ะ”


ตฤณกรส่ายหน้าน้อย ๆ พลางยิ้มให้สามหนุ่มที่ดูเหมือนจะเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อเทียบกับตอนแรกที่ได้พบกัน “มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพวกพี่ได้นะ บริษัทเราอยู่กับแบบพี่ ๆ น้อง ๆ คุยได้ทุกคนแหละ”


“คร้าบบบบบ ขอบคุณคร้าบบบบ” เด็กหนุ่มสามคนต่างก็กล่าวขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันก่อนจะร่ำลาทุกคนเพื่อไปยังแผนกถัดไป
ครึ่งวันทำงานของเต็มฟ้าหมดไปกับการถูกพาไปแนะนำให้ฝ่ายต่าง ๆ ได้รู้จัก กว่าจะได้กลับมานั่งในห้องทำงานก็ใกล้เที่ยงแล้ว


“เฮ้ย! กินข้าวกันน้อง ๆ” คนที่นั่งอยู่ด้านในสุดเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นมาตบไหล่กีรติและเต็มฟ้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน


“ใครน้องเอ็งวะ” ชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งเต๊ะท่าอยู่ห่าง ๆ เอ่ยขึ้น


“ข้าพูดกับน้องเต็มน้องเก้โว้ย ไม่ได้พูดกับไอ้แพะแคระอย่างแก”


“หูย! ไอ้กบ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นหัวหน้างานจะตบให้หน้าม้าแตก” ดุ่ยกล่าวพลางหันไปบ่นกับเพื่อนอีกสองคน “นี่แหละเป็นเหตุผลให้ข้าไม่อยากมาทำงานที่นี่”


“อ้าวไอ้นี่ มีงานให้ทำแล้วยังจะบ่น” พูดจบกบก็ยื่นมือไปตบลงบนศีรษะทุย ๆ ของดุ่ยเบา ๆ


“ไอ้กบ พอ ๆ เดี๋ยวข้าฉี่รดที่นอน” หนุ่มร่างเล็กพยายามใช้มือปัดป้องก่อนจะรีบลุกขึ้น


“แล้วนี่พี่กบกับไอ้ดุ่ยไปยังไงมายังไงถึงได้รู้จักกันครับ” ชายหนุ่มผิวคล้ามแดดเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย


“อ๋อ...พี่กับมันน่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนช่างแล้วละ แต่มันน่ะเปลี่ยนที่เรียนไปเรื่อย เรียนได้ไม่ถึงปีก็ออก ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนทำไมนัก”


“ความซวยเลยตกมาอยู่ที่พวกผม” เต็มฟ้ากล่าวหน้านิ่ง


“อ้าว..ไอ้เต็ม มีเพื่อนแบบพี่ดุ่ยน่ะถือว่าเป็นมหากุศลนะครับ”


“มหากุศลตรงไหนวะ” อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมแพ้


“เออ ๆ เลิกกัดกันได้แล้ว จะไปกินข้าวก็ไป หิวแล้ว” กีรติกล่าวพร้อมกับลุกขึ้น จากนั้นทั้งสี่หนุ่มก็ขึ้นไปที่ฟู้ดคอร์ทบนชั้นสูงสุดของตึก


เต็มฟ้ามองตามหัวหน้างานของเขาที่เดินแยกไปซื้ออาหารและไปนั่งร่วมโต๊ะพูดคุยกับสาว ๆ ฝ่ายบุคคลอย่างสนิทสนม หลังจากที่ได้อาหารแล้วชายหนุ่มก็กลับมานั่งลงที่โต๊ะซึ่งเพื่อน ๆ นั่งอยู่ก่อนแล้วพลางมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงพบว่ามีข้อความหนึ่งถูกส่งมาจากใครบางคนที่กำลังนึกถึงอยู่พอดี




‘ยินดีด้วยสำหรับงานใหม่นะ เย็นนี้เจอกันหน่อยนะครับ’




เมื่ออ่านข้อความจบพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจนที่นั่งข้าง ๆ กันอดถามไม่ได้


“ยิ้มอะไรครับน้องเต็ม”


เต็มฟ้ารีบหุบยิ้มก่อนจะหรี่ตามองหนุ่มเคราแพะที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนจะโดนผลักออกไปในที่สุด


“ไอ้เต็ม ผมพี่ดุ่ยเสียทรงหมด” ดุ่ยบ่นพร้อมกับใช้มือจัดทรงผมให้เข้าที่แต่ก็ไม่วายยืนหน้าเข้าไปให้ถูกด่าอีกครั้ง


“ใครใช้ให้ยุ่งวะ”


“แหม..ทำเป็นมีความลับ อ่านข้อความแล้วยิ้มแบบนี้ข้าว่ามีคนเดียวแหละ ไอ้หมอชัวร์” พูดจบก็หันไปขอความเห็นจากคนผิวเข้มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน


“จะเหลือ” กีรติตอบพลางตักข้าวเข้าปาก


เต็มฟ้ามองเพื่อนรักทั้งสองที่วันนี้ดูจะเข้าขากันผิดปกติก่อนจะตัดสินใจตัดบท “เออ กิน ๆ ไปอย่าพูดมาก” พูดจบก็หงุดหงิดกลบเกลื่อนก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าแล้วลงมือรับประทานอาหารเงียบ ๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาของเพื่อน ๆ ที่กำลังมองมาอย่างจับผิด


เย็นวันนั้นยุทธภูมิมารอพบเต็มฟ้าที่หน้าบริษัทก่อนจะพากันไปที่สวนสาธารณะที่เคยไปด้วยกันบ่อย ๆ สองคนเดินไปนั่งบนผืนหญ้าใกล้บันไดซึ่งทอดตัวลงสู่สระน้ำกว้างใหญ่


“ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง”


“เหมือนไม่ได้ทำเลย แค่ถูกพาไปแนะนำให้คนทั้งบริษัทรู้จักก็ปาเข้าไปครึ่งวันแล้ว”


“แล้วมีใครมาจีบหรือเปล่า”


เต็มฟ้าหันไปสบตาเจ้าของทำถามก่อนจะหัวเราะ “ใครจะจีบ”


“ไม่รู้ไง ก็เต็มของเราน่ารัก เราก็กลัวไว้ก่อน” ยุทธภูมิกล่าวด้วยแววตาเป็นประกายในขณะที่คนฟังได้แต่หลบสายตาโดยการทอดมองเงาสะท้อนของตึกสูงบนผิวน้ำที่ราบเรียบราวกับกระจกใสก่อนจะยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ 


“เหนื่อยเหรอ”


“เปล่าหรอก แค่ยังไม่ชินน่ะ กลับไปบ้านเสียนาน พอกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งก็เลยรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูวุ่นวายไปหมดไม่เหมือนตอนอยู่ที่บ้าน”


มือหนายกขึ้นวางบนศีรษะของคนที่นั่งข้าง ๆ กันก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนมองอีกฝ่ายให้เต็มตา นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกัน เพราะตัวเขาเองก็มีภารกิจด้านการเรียน ส่วนเต็มฟ้าก็กลับไปอยู่บ้านที่จังหวัดลำปาง นาน ๆ จะได้มีโอกาสโทรศัพท์คุยกันสักครั้ง
“ข้างนอกอากาศไม่ดี รถก็ติด ชวนให้ไปที่ห้องเราก็ยอมหรือว่าเต็มไม่ไว้ใจเรา”


“ไม่ใช่อย่างนั้น” เต็มฟ้าหันกลับมามองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมองนกฝูงใหญที่กำลังบินผ่านไปบนท้องฟ้ายามเย็นที่กำลังเปลี่ยนสี


“บางครั้งเราก็รู้สึกนะว่าเรายังรู้จักเต็มไม่ดีพอ ไม่รู้ว่าเพราะเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยไป หรือว่าเต็มยังไม่เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักเต็มจริง ๆ กันแน่”


เมื่อได้ฟังความในใจของยุทธภูมิเต็มฟ้าก็ได้แต่นั่งนิ่ง รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


“ถะ...ถ้าอย่างนั้น เราไปเที่ยวกันไหม”


ประโยคสั้น ๆ ที่ผ่านออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบทำเอาคนฟังรู้สึกแปลกใจไม่น้อย


“เต็มอยากไปไหน”


“ที่ไหนก็ได้ เราให้ภูมิเลือก”


“ถ้าอย่างนั้นไปเยาวราชนะ วันเสาร์นี้เราว่างพอดี เดี๋ยวเย็น ๆ เราไปรับนะ จะได้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน แล้วก็ไปเดินเล่นด้วยกัน”


“อืม ได้สิ” เต็มฟ้าตอบยิ้ม ๆ ในขณะที่คนฟังเองก็ยิ้มจนแก้มแทบปริเช่นกัน


ดังนั้นในตอนบ่ายของวันเสาร์ยุทธภูมิจึงมารับเต็มฟ้าที่หอพักเพื่อไปเที่ยวด้วยกันตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้


“ที่นี่ไม่เห็นจะน่าอยู่เลยนะเต็ม เราบอกให้เต็มไปอยู่กับเราก็ไม่เอา” คนยืนรอบ่นพลางมองไปรอบ ๆ บริเวณที่เต็มไปด้วยอะพาร์ตเมนต์และหอพักราคานักศึกษา


“ตอนนี้เพิ่งทำงาน ก็ต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน คุยกับเก้ไว้ว่าอีกหน่อยมีเงินมากขึ้นค่อยหาทางขยับขยายก็ได้ อีกอย่างที่นี่ก็ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ของกินก็มีเยอะแยะ”


“แต่ว่า....”


“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันนะ”


“ก็ได้ครับ” ยุทธภูมิฝืนยิ้มแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจนักกับที่อยู่ใหม่ของเต็มฟ้ารวมถึงเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนร่วมห้องของเขา


....


เต็มฟ้าทอดสายตามองดูตึกแถวรูปทรงแปลกตาจากหน้าต่างรถโดยสารปรับอากาศ ในที่สุดคนที่นั่งข้าง ๆ ก็สะกิดให้ลง ทันทีที่รถโดยสารปรับอากาศเคลื่อนออกจากป้ายหยุดรถ เต็มฟ้าก็พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ในชุมชนคนจีนขนาดใหญ่ ถนนทั้งสายดูแน่นขนัดไปด้วยป้ายชื่อห้างร้านและห้างทองจำนวนมากเหมือนกับที่เคยเห็นตามหน้านิตยสารหรือในรายการทีวีไม่มีผิด


“ไปเถอะเต็ม เวลามีน้อย ถ้าเต็มอยากแวะตรงไหนละก็บอกเราได้เลยนะ” คนเดินนำหน้ากล่าวในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปในตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ


เต็มฟ้าพยักหน้า ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นสมุนไพรจากร้านขายยาจีนที่มีอยู่ทั่วไปในขณะที่หูก็ได้ยินทำนองจีนเก่า ๆ ภาษาที่ใช้ในสื่อสารก็มีทั้งภาษาจีนและภาษาไทยนับว่าการมาเยาวราชในครั้งนี้ทำให้ได้เห็นวัฒนธรรมของคนสองเชื้อชาติที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืนและลงตัว   


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์ที่เคยแผดแสงร้อนแรงเคลื่อนหายไปหลังแนวตึกนานแล้ว ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงทุกขณะแต่ถนนทั้งสายก็ยังคงสว่างด้วยไฟจากป้ายร้านต่าง ๆ ยิ่งค่ำผู้คนก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นและดูเหมือนว่าระยะห่างระหว่างสองคนก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ชายหนุ่มเดินเบียดเสียดไปกับฝูงชน ดวงตายังคงจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่มาด้วยกันเพราะเกรงว่าจะคลาดสายตาและพลัดหลงกันไปในที่สุดจนลืมมองทางทำให้คอยจะสะดุดล้มเอาบ่อย ๆ  เมื่อมีจังหวะเต็มฟ้าจึงพยายามเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นยุทธภูมิเดินห่างออกไปทุกทีกระทั่งตามทันกันเมื่ออีกฝ่ายหยุดเดิน


“มีอะไรหรือเปล่า” คนที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยขึ้นขณะมองเข้าไปในร้านอาหารที่มีลูกค้านั่งเต็มหมดทุกโต๊ะ


“ตอนแรกว่าจะพาเต็มมากินร้านนี้ เราเคยมากินกับเพื่อน ๆ เขาทำอาหารอร่อยมาก ๆ  แต่เห็นคนแล้วไม่อยากรอเลย”


“ถ้าอย่างนั้นไปร้านอื่นก็ได้นะ เรายังไม่ค่อยหิวหรอก”


“อืม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราไปกินราดหน้าเจ้าอร่อยที่หัวมุมถนนกันดีกว่า” พูดจบยุทธภูมิก็เดินนำเต็มฟ้าไปยังที่หมายทันที ครู่หนึ่งก็มาหยุดที่ห้องแถวสองคูหาที่หน้าร้านมีกะทะใบใหญ่ใส่น้ำราดหน้าตั้งอยู่บนเตา เจ้าของร้านซึ่งเป็นชายวัยกลางคนร่างกายกำยำกำลังใช้กระบวยตักน้ำราดลงบนเส้นที่ถูกเตรียมไว้ในจานก่อนที่เด็ก ๆ ในร้านจะยกไปเสิร์ฟตามโต๊ะ เหนือขึ้นไปบนประตูนอกจากจะป้ายชื่อร้านแล้วยังมีป้ายรับประกันความอร่อยจากนักชิมชื่อดังติดอยู่คู่กันอีกด้วย


“ร้านนี้น่ะเหรอ” เต็มฟ้าพยายามหายใจลึก ๆ เพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยหอบหลังจากที่เดินไม่ได้หยุดมาตั้งแต่ลงจากรถ


“ใช่ ร้านนี้แหละ” ยุทธภูมิกล่าวพลางกวาดสายตามองหาโต๊ะว่าง ในที่สุดเขาก็เดินนำคนที่มาด้วยกันเข้าไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ด้านในสุดของร้านที่เพิ่งจะมีคนลุกออกไป


หลังจากสั่งอาหารได้เพียงไม่นาน เด็กในร้านก็ยกจานราดหน้าจานใหญ่มาเสิร์ฟในขณะที่เต็มฟ้ามองดูกุ้งตัวโต หมึกและหมูชิ้นใหญ่ที่โปะมาบนเส้น มันดูน่ากินแต่เขากลับไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อยนั่นอาจเป็นเพราะยังคงรู้สึกเหนื่อย ชายหนุ่มตัดสินใจตักแบ่งส่วนในจานของตนเองใส่จานคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มลงมือกินช้า ๆ


“ทำไมกินน้อยจัง หน้าซีดด้วย ไม่สบายหรือเปล่า”


“เปล่าหรอก แต่มันยังไม่รู้สึกหิวน่ะ”


“เหนื่อยหรือเปล่าที่เราพามาเดินแบบนี้”


เมื่อได้ฟังดังนั้นเจ้าของใบหน้าซีดเซียวก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที


“ไว้วันหลังเรามีรถ เราจะขับพาเต็มมานะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินแบบนี้”


“ไม่ต้องหรอก นั่งรถเมล์แบบนี้ก็สะดวกดี”


“อืม..แต่ยังไงเราก็อยากให้เต็มสบายนะ อยากให้ไปอยู่ที่คอนโดด้วยกัน เดี๋ยวเดือนหน้าพ่อเราก็จะมาจัดการเรื่องคอนโดให้ พอเรียบร้อยก็กะว่าจะขอให้พ่อซื้อรถ เพราะอีกหน่อยคงต้องออกไปฝึกงานตามโรงพยาบาลต่าง ๆ จะได้เดินทางสะดวก”


“เราว่าค่อย ๆ คิดดีกว่าไหม ถึงตอนนั้น...บางทีอะไร ๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดก็ได้นะ”


“เต็มหมายความว่ายังไง”


คนถูกถามนิ่งสบตาคนตรงหน้า “เราหมายถึงมันอาจจะไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่ไง” กล่าวพลางค่อย ๆ ตักอาหารใส่ปาก


“ภูมิก็อยากมีเงินเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องกวนพ่อกับแม่”


“เดี๋ยวอีกหน่อยเรียนจบได้ทำงานก็มีเงินแล้ว เผลอ ๆ จะได้มากกว่าเรา ได้มากกว่าคนที่อายุเท่ากันด้วยซ้ำ”


“แต่มันไม่เยอะนี่ เงินเดือนหมอน่ะไม่เยอะหรอกนะ” ยุทธภูมิวางช้อนลงก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มไปพร้อม ๆ กับคิดอะไรบางอย่าง มือหนาวางแก้วลงเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ดูอย่างบอมส์ เดอะแชมป์สิ คนที่เรียนคณะเดียวกับเต็มน่ะ อายุก็เท่ากับพวกเราแต่มีเงินมหาศาล”


เต็มฟ้าขวมดคิ้วเมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ดังเปรี้ยงเพียงชั่วข้ามคืนเมื่อเขาได้รับโหวตจากผู้ชมให้เป็นผู้ชนะในรายการ ‘เดอะแชมป์’ ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลงระดับประเทศไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกันเลยสักนิด


“แต่ทุกคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นบอมส์ เดอะแชมป์นี่”


“แต่ยังไงเราก็อยากมีเงินเยอะ ๆ เหมือนเขาอยู่ดีจะได้ดูแลเทคแคร์คนที่เรารักได้เต็มที่ไง” พูดจบว่าที่คุณหมอก็ยิ้มให้ก่อนจะลงมือรับประทานราดหน้าในจานอีกครั้ง


“จริง ๆ นายไม่เห็นจะต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลย บางทีคนที่นายรักเขาอาจจะต้องการแค่ตัวนายที่เป็นคนธรรมดา ๆ ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าก็ได้”


“แต่ยังไงเราก็คิดว่าเงินเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ดีแหละ”


เต็มฟ้ามองดูคนตรงหน้าพลางถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าตัวเขาเองก็ยังรู้จักผู้ชายคนนี้น้อยเกินไปหรือแทบจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ


....


กีรตินอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงมองดูนาฬิกาติดฝาผนังที่แสดงเวลาเกือบตีหนึ่ง แต่ก็ยังไร้ซึ่งเงาของเพื่อนร่วมห้อง ในที่สุดร้างสูงก็ผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงไขประตู 


“ยังไม่หลับเหรอวะ” คนที่เพิ่งเดินเข้ามากล่าวเมื่อเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของเพื่อนก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง


“ไปทำอะไรมาวะกลับเสียข้าวันข้ามคืน”


“ไปเยาวราชมา”


“แล้วทำไมหมดสภาพแบบนี้วะ” กีรติกล่าวพลางลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟ


“ตระเวนหาของกินจนเหนื่อย” เต็มฟ้ากล่าวขณะขยับตัวนอนหงายพยายามลืมตาสู้แสงไฟบนเพดาน


ร่างสูงเดินมายืนข้างเตียงพร้อมกับกอดอกมองคนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ


“ทำไมหน้าซีดแบบนี้วะ ไม่สบายหรือเปล่า” พูดจบก็เอื้อมมือแตะที่หน้าผากของเพื่อนทันที “ตัวอุ่น ๆ นี่หว่า กินยากันไว้หน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวฉันไปเอาให้”


เต็มฟ้ามองตามเพื่อนที่กำลังเดินไปรื้อ ๆ ค้น ๆ บางอย่างในตะกร้าใส่ของที่วางอยู่บนหลังตู้เย็นก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกระปุกยาและแก้วใส่น้ำเปล่า


“ลุกขึ้นกินยาก่อน”


แม้จะไม่ค่อยอยากจะทำตามเสียเท่าไรแต่พอเห็นแววตาจริงจังของเพื่อนแล้วทำให้รู้สึกว่าคำสั่งเมื่อสักครู่คือประกาศิตจนทำให้เต็มฟ้าต้องพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะรับยาเม็ดสีขาวในมือเพื่อนมาใส่ปากจากนั้นจึงดื่มน้ำตามจนหมดแก้วด้วยความกระหาย


“เล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


“เล่าอะไร”


“ก็เล่าว่าทำไมแกถึงกลับมาหมดสภาพแบบนี้ไง เร็ว ๆ เล่ามา”



เป็นคำสั่งที่สองในเวลาไล่เลี่ยกัน อะไรก็ตามที่เป็นคำสั่งมักจะทำให้คนอย่าง ‘เต็มฟ้า ตติยพัฒน์’ ไม่เคยคิดจะทำตามอยู่แล้ว แต่นี่เป็นคำสั่งที่ออกจากปากของเพื่อนรัก ชายหนุ่มจึงจำใจต้องเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง


กีรติขมวดคิ้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากเพื่อน


“ไอ้หมอนี่ท่าจะเป็นเอามากว่ะ”


“เออ คนทุกคนมันไม่ได้เกิดมาเพื่อนจะเป็นบอมส์ เดอะแชมป์นะโว้ย”


“ไอ้หมอมันบ้าไง ไอ้เต็มเอ๊ย! แกจะไปกับมันรอดไหมวะ”


“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ จริง ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่คาดหวังก็จะได้ไม่ผิดหวัง”


“เออ ยังไงก็อย่าให้ถึงกับต้องใช้คำว่าทนเลยนะ ถ้าคำนี้ผุดขึ้นในหัวแกเมื่อไรละก็หยุดเถอะ เรื่องแบบนี้บางทีมันก็ใช้ความอดทนไม่ได้” พูดจบก็ตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นกลับไปนอนที่เตียง


กีรตินอนฟังเสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำจนกระทั่งผล็อยหลับไป ในขณะที่เต็มฟ้ายังคงยืนปล่อยให้สายน้ำนำพาเอาความคิดล่องลอยไป


‘มีเงินเยอะ ๆ จะได้ดูแลเทคแคร์คนที่เรารักได้เต็มที่ไง’


สำหรับเต็มฟ้า หากต่อไป 'คนรัก' ที่ยุทธภูมิพูดถึงคือตนเองแล้วละก็ เขาเองไม่อยากให้อีกฝ่ายมาทำอะไรมากมายขนาดนั้นเพราะเพียงแค่อยู่ข้าง ๆ ข้างกันในทุกช่วงเวลานั่นก็ถือว่าดีมากแล้ว



ครึ่งปีของการทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว การทำงานที่ต้องพบปะผู้คนทำให้ในแต่ละวันศิธาพัฒน์มักจะพบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาให้ต้องคิดแก้ปัญหาแต่ชายนหนุ่มก็ยังคงนั่งประจำที่ของตนเองด้วยความเข้มแข็ง ตาคมทอดมองร่างเล็กของเด็กชายในชุดนักเรียนที่กำลังเดินผลักประตูเข้ามาพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า


“มาทำอะไรครับหนุ่มน้อย”
ตามตะวันยิ้มให้ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบพนักงานไปรษณีย์สีกากีพลางถอดเป้ใบโตวางไว้ที่เก้าอี้ก่อนจะรูดซิปหยิบกล่องใบเล็ก ๆ ที่ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญออกมาจากนั้นจึงเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์


“ตามมาส่งพัสดุครับพี่ปุ่น” หนุ่มน้อยกล่าวพลางยื่นกล่องให้


“อืม...ถ้าอย่างนั้นน้องตามต้องไปให้พี่ผู้หญิงทางด้านโน้นเขาใส่กล่องให้นะครับ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาหาพี่” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางชี้ไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะขายกล่องสำหรับใส่พัสดุ


เด็กชายตามตะวันพยักหน้าก่อนจะเดินไปจัดการทำตามที่พี่พนักงานไปรษณีย์รูปหล่อแนะนำ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเด็กชายในชุดนักเรียนก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องไปรษณ์ย์สีขาวผูกเชือกเรียบร้อย


“จ่าหน้าหรือยังครับ”


“เรียบร้อยแล้วครับพี่ปุ่น ตามเขียนชื่อกับที่อยู่แล้วก็เบอร์โทรศัพท์ของผู้รับไว้ในช่องตรงกลาง ส่วนที่อยู่ผู้ส่งตามเขียนชื่อตามกับเลขที่บ้านแล้วก็เบอร์โทรศัพท์ของน้าเดือนไว้ในช่องที่อยู่ผู้ส่งตามที่พี่ผู้หญิงคนนั้นบอก”


ศิธาพัฒน์พยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะรับกล่องใบนั้นมาตรวจดูความเรียบร้อย ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เมื่อเห็นว่าเป็นจริงตามคำบอกของเด็กชาย “เก่งมากครับ แล้วน้องตามจะส่งแบบไหนดี แบบลงทะเบียนหรือว่าอีเอ็มเอส”


“อืม..ตามส่งแบบอีเอ็มเอสดีกว่าจะได้ไปถึงทันก่อนที่พี่เต็มจะรับปริญญา”


เกือบจะลืมชื่อนี้ไปแล้วเชียว...ศิธาพัฒน์คิดในใจ นานแล้วที่ไม่ได้พบกันแม้เขาจะแวะไปที่เกสต์เฮาส์บ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ข่าวคราวของหลานชายจอมกวนของเจ้าของเกสต์เฮาส์อีกเลยนับตั้งแต่วันที่จากกันที่สถานีรถไฟ


“เดี๋ยวพี่ช่างน้ำหนักก่อนนะ” พนักงานไปรษณีย์หนุ่มกล่าวพลางวางกล่องพัสดุลงบนเครื่องชั่งน้ำหนัก จัดการคีย์ข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์จากนั้นจึงติดแสตมป์บนกล่องก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะด้านหลัง


ศิธาพัฒน์ยื่นใบเสร็จและเงินทอนให้เด็กชายโดยไม่ลืมที่จะกำชับให้เขาเก็บมันไว้จนกว่าพี่ชายจะได้รับของเรียบร้อยแล้ว


“ตามกลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า รอกลับพร้อมพี่ไหม เดี๋ยวพี่ก็จะเลิกงานแล้ว”


“ไม่เป็นไรครับพี่ปุ่น ตามนั่งรถสองแถวกลับเองได้ครับ ขอบคุณนะครับ” เด็กชายตามตะวันกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปหยิบเป้สะพายขึ้นหลังเดินสวนกับผู้มาใหม่อีก 2-3 คน


ศิธาพัฒน์เงยหน้าขึ้นอีกครั้งหลังจากวางพัสดุลงทะเบียนกล่องสุดท้ายลงในตะกร้า เสียงฟ้าร้องที่ด้านนอกทำให้อดเป็นห่วงเด็กชายที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่ไม่ได้ เพียงไม่กี่นาทีถัดมาฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ชายหนุ่มพยายามมองผ่านม่านน้ำฝนภาวนาในใจให้หนุ่มน้อยขึ้นรถได้ทันก่อนที่ฝนจะตก ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเมื่อเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมาพอสมควรแล้วจึงเก็บของตั้งใจจะกลับบ้าน แต่เมื่อเปิดประตูออกมาจากที่ทำการไปรษณีย์ก็พบว่าฝนเพิ่งซาเม็ดลงไปเมื่อไม่นาน พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างของหนุ่มน้อยที่กำลังนั่งกอดเข่ามองม่านน้ำฝนที่ไหลลงมาจากหลังคา ชายหนุ่มค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งพลางยิ้มให้


“พี่นึกว่าตามกลับไปแล้วเสียอีก”


“ตามออกไปยืนรอตั้งนานก็ไม่มีรถผ่านมาเลยสักคันครับ เห็นฝนมันใกล้จะตกเลยเข้ามาหลบฝนก่อน”


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”


เด็กชายตามตะวันพยักหน้ามองร่างสูงที่กำลังนั่งลงข้าง ๆ กัน


“เมื่อกี้ตามส่งของขวัญรับปริญญาไปให้พี่ชายใช่ไหม แล้วทำไมไม่เอาไปให้เองกับมือล่ะ”


“ตามไม่ได้ไปด้วยครับ พ่อไม่อยากให้ขาดเรียนเพราะใกล้สอบแล้ว พ่อเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหรือเปล่า ตอนนี้แม่ม้าที่ไร่ใกล้จะตกลูกเต็มที”


“ตามคิดถึงพี่ชายไหม”


คำถามนั้นทำให้หนุ่มน้อยต้องละสายตาจากน้ำฝนที่ไหลลงมาเป็นสายอยู่ตรงหน้าหันมาสบตาคนถาม


“คิดถึงครับ ตามไม่ค่อยได้เจอพี่เต็ม เพราะตอนเด็ก ๆ พ่อส่งพี่เต็มไปเรียนโรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ กว่าจะกลับทีก็ปิดเทอม เวลากลับมาพี่เต็มก็ชอบไปอยู่กับน้าเดือนที่เกสต์เฮาส์ไม่ค่อยไปที่ไร่”


เมื่อศิธาพัฒน์ได้ฟังคำบอกเล่าของตามตะวันก็ให้รู้สึกว่าเต็มฟ้าคนนี้มันน่าถูกจับตีเสียให้เข็ดจะได้เลิกเอาแต่ใจตัวเองและทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเช่นนี้

.....


เต็มฟ้านั่งจ้องกล่องพัสดุที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือตั้งแต่กลับมาถึงห้อง เดาได้ว่ากีรติคงหยิบมันมาจากเคาท์เตอร์ที่อยู่ด้านล่างของหอพัก ผู้ส่งมาให้คือ ‘ตามตะวัน ตติยพัฒน์’ น้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง มือเรียวค่อย ๆ แก้เชือกจากนั้นจึงเปิดฝากล่องออก พบว่าข้างในมีกล่องของขวัญเล็ก ๆ กล่องหนึ่งซึ่งห่อด้วยกระดาษสาสีขาว เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าน้องชายคงจะห่อมันด้วยตัวเอง เต็มฟ้าบรรจงแกะกระดาษห่อของขวัญออกราวกับกลัวว่ามันจะขาด จากนั้นก็ดึงสิ่งที่อยู่ในกล่องออกมา มันคือกล่องเหล็กสำหรับใส่เครื่องเขียนกับการ์ดใบหนึ่ง



‘ตามภูมิใจมาก ๆ ที่มีพี่ชายเก่ง ๆ อย่างพี่เต็ม’


เพียงข้อความสั้น ๆ ก็ทำให้นึกสะท้อนใจ อยากจะบอกให้น้องชายรู้เหลือเกินว่าเขาไม่ใช่คนเก่งและอาจจะไม่มีค่าพอที่สำหรับความภูมิใจที่น้องมีให้ก็ได้ ชายหนุ่มเก็บทุกอย่างลงในกล่องจัดการผูกเชือกไว้แบบเดิม ดวงตาที่ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใด ๆ ไล่มองไปตามตัวอักษรตัวโตเสมอกันที่ถูกเขียนด้วยปากกาอย่างเป็นระเบียบ ก่อนหน้านี้นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมน้าเดือนจึงโทรศัพท์มาถามที่อยู่ของหอพักที่แท้ก็ถามให้น้องชายของเขานี่เอง แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจจนดวงหน้าคมต้องมุ่นคิ้วก็คือลายมือของใครคนหนึ่งที่มุมกล่อง ไม่ใช่ลายมือของพี่สาวและมั่นใจว่าไม่เคยเห็นลายมือแบบนี้มาก่อนแน่นอน



‘ยินดีด้วยนะน้องชาย’

 

....





“พี่ปุ่นว่าพี่เต็มจะได้รับพัสดุของตามหรือยังครับ”


ศิธาพัฒน์ยิ้มให้เด็กชายที่มานั่งรอเขาตั้งแต่ยังไม่เลิกงาน “ส่งอีเอ็มเอสวันเดียวก็ถึงแล้วครับ พี่ว่าเขาน่าจะได้รับแล้วละ เขาไม่โทร.มาบอกเหรอ”


ตามตะวันส่ายหน้าแทนคำตอบ ถึงจะได้รับการยืนยันจากพนักงานไปรษณีย์ว่าของที่ส่งไปน่าจะถึงมือผู้รับแล้วแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี


“ตามอยากโทร.ไปถามไหมล่ะ เดี๋ยวพี่โทร.ให้ก็ได้”


“ไม่ดีกว่าครับ เปื่อพี่เต็มกำลังยุ่ง” หนุ่มน้อยตอบก่อนจะลุกขึ้น “เดี๋ยวมะรืนนี้พี่ชลกับพ่อจะไปหาพี่เต็ม ตามฝากพ่อถามก็ได้”


ศิธาพัฒน์มองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของเด็กชายตามตะวันอย่างเอ็นดู อดคิดไม่ได้ว่าคนเป็นพี่จะรู้ไหมว่าน้องชายห่วงความรู้สึกของเขามากขนาดไหน


....


บรรยากาศการแสดงความยินดีแก่บัณฑิตใหม่ในวันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นไปอย่างชื่นมื่น เสียงลั่นชัตเตอร์ดังแข่งกับเสียงบูมของเหล่านักศึกษาในขณะที่เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยก็ยังคงอื้ออึงไปทั่วบริเวณ แม้จะมีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ช่วยบังแดดแต่อากาศก็ยังร้อนจนทั้งบัณฑิตและญาติ ๆ ต่างก็เหงื่อตกไปตาม ๆ กัน ชลธรยืนมองน้องชายในชุดครุยอย่างชื่นชมที่ยืนข้าง ๆ กันคือชายวัยกลางใบหน้าเปี่ยมสุข


“ชิด ๆ กันหน่อยค่ะพ่อลูก” เสียงเจื้อยแจ้วของตากล้องจำเป็นทำให้สองพ่อลูกขยับเข้ามายืนชิดกัน


“พ่อภูมิใจในตัวแกนะไอ้ลูกชาย” พ่อเลี้ยงตรัยยิ้มก่อนจะยกแขนโอบไหล่ลูกชายเอาไว้แน่น ถ้าหากภรรยาของเขายังอยู่ก็เชื่อเหลือเกินว่าเธอคงจะภูมิใจและยิ้มจนแก้มแทบปริเหมือนเขาในตอนนี้เช่นกัน


“ขอบคุณครับพ่อ” เต็มฟ้ากล่าวพลางหันไม่ยิ้มหวานให้กล้อง หลังจากตระเวนถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ ๆ เขาก็พาพี่สาวและพ่อมานั่งพักที่ใต้ตึกคณะ ชายหนุ่มรับกล้องจากมือของชลธรมาเช็คภาพที่เพิ่งถ่ายไป เมื่อเห็นเห็นรอยยิ้มของพ่ออยู่ในทุก ๆ ภาพก็พาให้ยิ้มตามไปด้วย


“นายตามฝากมาถามว่าพี่ชายได้รับของขวัญหรือเปล่า” สาวหน้าหวานเอ่ยขึ้น


“ได้แล้ว” เต็มฟ้ากล่าวพลางเลื่อนภาพไปเรื่อย ๆ ทั้งภาพที่ถ่ายกับเพื่อน ๆ ซึ่งตอนนี้ต่างแยกย้ายพาครอบครัวไปถ่ายภาพตามมุมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย


“แล้วไม่เห็นส่งข่าวให้น้องรู้บ้าง”


“ก็เต็มยังไม่มีเวลา” ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนเซ้าซี้


“จ้ะ พ่อคนไม่มีเวลา นี่จะครบปีแล้วนะที่ไม่กลับบ้าน”


“พี่ชลเลิกบ่นได้แล้วน่า บ่นมาก ๆ อย่างนี้สิถึงไม่มีใครกล้ามาจีบ”


ชลธรมองน้องชายด้วยดวงตาพิฆาตก่อนจะตีที่แขนแกร่งเบา ๆ จากนั้นเธอก็เดินไปฟ้องคุณลุงของเธอที่กำลังนั่งลูบ ๆ คลำ ๆ ปริญญาบัตรของลูกชายพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่โต๊ะ หลังจากถ่ายรูปกับบัณฑิตใหม่จนหนำใจเวลาแห่งการร่ำลาก็มาถึง เต็มฟ้าเดินไปส่งพ่อและพี่สาวที่รถ แม้อยากจะขอร้องให้ทั้งคู่พักด้วยกันต่ออีกสักคืนแต่ก็เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อคงจะเป็นห่วงงานที่ไร่ตามที่ชลธรได้บอกให้รู้ว่ามีแม้ม้าไม่แข็งแรงตัวหนึ่งใกล้จะตกลูก


“ชวนพ่อคุยบ้างนะ อย่ามัวแต่หลับ” ผู้เป็นน้องชายกำชับ


หญิงสาวพยักหน้า ไม่ลืมที่จะเตือนน้องชายกลับบ้าง “แล้วก็อย่าลืมโทร.ไปคุยกับน้องบ้างล่ะ”


“รู้แล้ว ๆ” เต็มฟ้าทำเสียงรำคาญก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อ


“ขับรถดี ๆ นะพ่อ”


พ่อเลี้ยงตรัยวางมือบนศีรษะลูกชายพร้อมกับโยกเบา ๆ เหมือนที่เคยทำก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ไม่นานรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อของผู้เป็นพ่อก็ลับตาไป แม้เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นหลายครั้งตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาแต่ทั้งพ่อและลูกชายก็ยังไม่รู้ชินกับมันเสียที


หลังจากลางานไปหลายวันเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร สามหนุ่มก็กลับมาทำงานอีกครั้ง แม้จะเป็นวันเสาร์แต่ก็ยังพบว่ามีหลายคนที่มาทำงานคงเป็นเพราะมีหลายโปรเจ็กต์ที่ต้องปิดก่อนสิ้นเดือน เต็มฟ้าเปิดกล่องเหล็กหยิบดินสอออกมาร่างงานที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนลงบนกระดาษพลางนึกนึกถึงคนที่ส่งมันมาให้ ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์ของเกสต์เฮาส์ซึ่งเดาเอาว่าน้องชายของเขาน่าจะอยู่ที่นั่น เพียงไม่นานก็มีคนรับสายมันเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยดี 


“สวัสดีครับ”


“....”


“สวัสดีครับ แสงจันทร์เกสต์เฮาส์ครับ”


“.....”


“เอ่อ...งั้นผมวางแล้วนะครับ”


“ดะ..เดี๋ยวตาม พี่เอง”


“พี่เต็ม!” คนปลายสายละล่ำละลัก


“พี่ชลไม่อยู่เหรอ” เต็มฟ้ากล่าวเสียงเรียบ


“ไม่อยู่ครับ พี่ชลไปส่งของชำร่วยตั้งแต่เช้าแล้วครับ ตามอยู่กับน้าเดือน แล้วนี่พี่เต็มอยู่ไหนครับ” เสียงฉะฉานยังคงดังมาตามสาย


“พี่อยู่ที่ทำงาน”


“วันเสาร์ยังต้องทำงานอีกเหรอครับ”


“อืม”


“เดี๋ยวพี่ชลมาตามจะบอกให้นะครับว่าพี่เต็มโทร.หา”


เต็มฟ้ารีบปฏิเสธทันทีก่อนจะพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้น้องชายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่ตั้งใจโทร.มาหาตาม จะขอบคุณเรื่องของขวัญ”


พี่ชายขมวดคิ้วเงี่ยหูฟังเมื่อเห็นว่าน้องเงียบไป “ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”


“ตะ ตามฟังอยู่ครับ แล้วพี่เต็มชอบหรือเปล่า”


“อื้อ...ขอบใจมากนะ”


แม้จะคุยกันได้เพียงไม่กี่คำเพราะพี่ชายบอกว่าต้องรีบไปทำงานต่อ แต่แค่เพียงประโยคสั้น ๆ นั้นก็ทำให้คนที่ปลายสายยิ้มจนแก้มแทบปริ....

 




...


สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานมาก ๆ

ตั้งใจว่าจะปรับเรื่องเก่าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาเขียนต่อ

แล้วก็มีหลายเรื่องให้ต้องคิดต้องทำเยอะแยะไปหมด เผลอแป๊บเดียวผ่านไปเดือนกว่า

แต่ตอนนี้ก็ปรับเรื่องเก่าเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 21:12:10 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ Windyne

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
    • Windyne Page on Facebook
มาต่อแล้ว ^^

มีตังโผล่มาด้วย :)
ชอบช่วงสุดท้ายที่เต็มโทรหาตาม ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กำลังคิดถึงเลยๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อร๊ายย พี่ตังขราา //เบลอเม้นท์นี้ไปส์

เขินละซี่ เขินละซี่ ขอบคุณน้องแบบนี้ เขินละซี่ :m12:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
อ่านกี่ตอนๆก็ไม่รู้สึกว่าจะชอบเต็มขึ้นมาได้ซักที ยิ่งอ่านยิ่งอยาก  :z6: มากมาย
แม้จะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็นะ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ทัศคติของเต็ม
มันก็ทำให้อดหมั่นไส้ไม่ได้เลยจริงๆ  :katai1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
กว่าจะคุยกับน้องได้แต่ละทียากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็ยังดีกว่าไม่คุยละน้า...
พระเอกนายเอกช่างห่างไกลกันเหลือเกิน ทั้งระยะทางและความคืบหน้า
เพื่อนเก้ยังมีภาษีมากกว่าเสียอีก
แต่ก็ยังรอลุ้นอยู่น้า...
ชอบน้องตามทุกตอน

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
หลังจากรอมานานก็ได้อ่านสมใจ
หลงรักน้องตามขึ้นทุกวัน รอวันที่กำแพงในใจพี่เต็มพังครืนลงมา
ขอบคุณคนแต่งครับ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่ตังมาแล้วพี่จจ้าหล่ะ คิดถึงงง อิอิ

รู้สึกว่าพี่เต็มเริ่มจะใจอ่อน?ลงกะน้องตามรึเปล่าน๊าาา น้องตามนี่น่ารักนะคิดถึงงพี่เต็มตลอดเลย

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
ยังไม่ชอบอีหมอเหมือนเดิม
ดีแล้วล่ะ ที่เต็มเริ่มรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง

แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือความใจร้ายของเต็มนะ
ถึงจะเอากล่องเหล็กไปใช้ แต่ก็ควรโทรหาน้องตามโดยไม่ต้องให้ใครมาเตือนสิ

เดี๋ยวเชียร์ให้พี่ปุ่นเลี้ยงต้อยตามซะเลยนิ่

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อย่าเขิน หรือรู้สึกไม่ดีที่คุยกับน้องเลยนะ
น้องตารักพี่เต็ม พี่ชายคนนี้มากเลยนะ

ปล.จะรักกันยังไงน่าาา อยู่ไกลกันขนาดนี้ :hao4:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ความสุขเล็กๆของตาม  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สงสารน้องตามที่รอพี่เต็ม
กว่าพี่เต็มจะโทรหา ลุ้นจนเหนื่อย

ปล.  เครื่องชั่ง น่าจะเขียนอย่างนี้หรือป่าว ไม่แน่ใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
คุยกันซะทีพี่น้อง
ปอลิง คิดถึงตัง

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ลุ้นๆๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 เต็มฟ้า ตามตะวัน รักกัน รักกันน้า กลับมาอยู่บ้านเราน้ารักรออยู่ อิอิ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
หายไปนานเลยนะคะ
อบอุ่นจังค่ะสำหรับตอนนี้ ถึงแม้ว่ามันอาจมีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างเต็มกับน้องชายก็ตาม แต่มันก็ทำให้รู้ว่าเต็มเริ่มรู้สึกดีกับตามแล้ว ด้วยความที่ไม่สนิทด้วยมั่งทำให้ไม่รู้ว่าเต็มจะแสดงความรักออกมากับน้องยังไง เอาใจช่วยคู่นี้นะคะ ส่วนพ่อบุรุษไปรษณีย์น่ารักไม่เบานะเนี่ยมีเขียนแสดงความยินดีให้เต็มด้วย เมื่อไรจะได้เจอกันอีกน้อ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อ่านเรื่องนี้แล้วมีหลายความรู้สึกมากเลย ทั้งเศร้า เหงาในส่วนของเต็ม และสงสารตาม

เป็นแนวครอบครัวมาก เข้าใจเต็มนะเรื่องน้องเพราะรักแม่มากทำให้มีความคิดเกี่ยวกับน้องไม่ดี

แต่ชอบเวลาเต็มพยายามเข้าหาน้อง และชอบที่ตามดีใจในสิ่งที่พี่ทำให้ถึงจะไม่ใหญ่โตก็ตาม

แนวคิดจากเรื่องนี้มีเยอะด้วย สุดยอดเลย ตามต่อนะจ้ะว่าคุณบุรุษไปรษณีย์กับเต็มจะมารักกันได้ยังไง o13

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อยากให้เต็มเลิกกะหมอ  :katai2-1:

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
สองศรีพี่น้องน่ารักเชียว
 :กอด1:

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
งืออออ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจอย่างแรง มันเรื่อยๆไม่หวือหวา แต่เราชอบมาก นุ่นละมุนสุดๆ รักคนแต่งค่ะ
จะติดตามต่อไปนะคะ ตอนนี้เริ่มดีใจแล้วที่เต็มยอมเปิดใจให้น้อง

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ตอนนี้อ่านแล้วน้ำตาไหลอ่ะ สงสารตาม

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอเต็มกลับไปเที่ยวบ้าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด