ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
มันคงจะดีซะกว่า
ไม่ได้ถือสา ไม่ได้ถือสา
กับคำที่เธอนั้นบอก
ก็ฉันไม่ค่อยจะรู้หรอก
ก็ฉันไม่ค่อยจะรู้หรอก
ที่เธอบอกอย่างนั้น
ที่เธอบอกอย่างนี้ ที่จริงมันแปลว่าไง
ไม่เข้าใจ ก็ต้องแกล้งเข้าใจ
เธอบอกว่าเรา ใกล้กันมากไม่ดี
เจอะกันทีไร มีเรื่องทุกที
มันเป็นเพราะอะไร
สิ่งที่ฉัน เคยทำแล้วมันถูก
แต่อยู่ดีๆ ก็ผิดทุกเรื่องไป
ผิดตรงที่ฉัน แต่ผิดตรงไหนก็ยังไม่รู้เลย
โกรธไหมถ้าจะบอก ฉันต้องเชื่อเธอหรอกเหรอ
ที่เธอไม่ขอเจอ เธอไปยืมคำของใครมา
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
เพื่อจะไปรักคนอื่นมากกว่า
เธอหมดรักฉัน เธอก็พูดมา
เธอจะมองหน้าทำไม
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
สักพักนี่มันต้องนานแค่ไหน
ตลอดชีวิต หรือจนฉันตาย
ห่างกันทำไม ทำไมไม่เลิกกัน
อย่ามาทำ ให้ฉันโทษตัวเอง
ก็คนกันเอง ไม่รักก็ต้องบอก
เธอไม่ใช่ฉัน เธอไม่รู้หรอก
ว่าฟังแล้วเสียใจ
สิ่งที่ฉัน เคยทำแล้วมันถูก
แต่อยู่ดีๆ ก็ผิดทุกเรื่องไป
ผิดตรงที่ฉัน แต่ผิดตรงไหนก็ยังไม่รู้เลย
โกรธไหมถ้าจะบอก ฉันต้องเชื่อเธอหรอกเหรอ
ที่เธอไม่ขอเจอ เธอไปยืมคำของใครมา
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
เพื่อจะไปรักคนอื่นมากกว่า
เธอหมดรักฉัน เธอก็พูดมา
เธอจะมองหน้าทำไม
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
สักพักนี่มันต้องนานแค่ไหน
ตลอดชีวิต หรือจนฉันตาย
ห่างกันทำไม ทำไมไม่เลิกกัน
ห่างกันสักพัก ห่างหันสักพัก
มันคงจะดีซะกว่า
ไม่ได้ถือสา ไม่ได้ถือสา
กับคำที่เธอนั้นบอก
ก็ฉันไม่ค่อยจะรู้หรอก
ก็ฉันไม่ค่อยจะรู้หรอก
ที่เธอบอกอย่างนั้น
ที่เธอบอกอย่างนี้ ที่จริงมันแปลว่าไง
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
เพื่อจะไปรักคนอื่นมากกว่า
เธอหมดรักฉัน เธอก็พูดมา
เธอจะมองหน้าทำไม
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก
สักพักนี่มันต้องนานแค่ไหน
ตลอดชีวิต หรือจนฉันตาย
ห่างกันทำไม ทำไมไม่เลิกกัน
ทำไมไม่เลิกกัน
ศิลปิน หวาย ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์
อัลบั้ม Waii Playgirl
ฟังได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=WsUlfw3mOyQ*เข้ากับอารมณ์ของผมในเรื่องเลยครับรักบอดๆ ตอนที่ 19
'เราห่างกันสักพักมั้ยน้องเอ'
ประโยคที่ป๋าชินพูดทิ้งไว้เมื่อคืน ก่อนจะขับรถออกไป ดังอยู่ในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
น้ำตาที่ไหล ก็ไหลจนแห้ง เสียงที่เปล่ง ก็สะอื่นเรียกจนแหบ กำลังใจที่พยายามใช้กดเบอร์โทร ก็เริ่มจะหดหาย
ตลอดทั้งคืนผมได้แต่นั่งกำโทรศัพท์เหม่ออยู่หน้าบ้าน โดยมีเฮียอาร์นั่งอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ ไม่มีการพูดหรือคำปลอบใจ
หลุดออกจากปากของเฮีย จะมีก็แต่ สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือที่คอยลูบหลังผมเป็นระยะๆ ตลอดคืนเท่านั้นเอง
"เฮีย ผมจะทำไงดี" ผมมองโทรศัพท์ในมือแล้วเอ่ยถามบุคคลซึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"ไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วไปเรียน" คนถูกถามให้คำตอบกลับมาอย่างเรียบง่าย พลางเงยหน้ามองควับบุหรี่ที่ตัวเองพ่นออกไปในอากาศ
"ป๋าเขาจะเลิกกับผมมั้ยอ่ะ"
"เขาบอกว่าห่างกันสักพัก ไม่ได้บอกจะเลิกนี่"
"แล้วสักพักมันถึงเมื่อไหร่ล่ะ ผมไม่สบายใจเลย" ผมเอนตัวซบไหล่เฮียอาร์
ก็เพราะไอ้คำว่า ห่างสักพักนี่แหละ ที่ทำให้หลายคู่ต้องเลิกลากันไป หวั่นใจจริงๆ
"เย็นนี้" เอ่อ คำตอบพี่จะมักง่ายเกินไปมั้ยครับ?
"....." ผมเงียบ
"ป๋าเขาไม่ได้กำหนดนี่ มึงก็ไปหาเขาซะ แต่วันนี้มึงต้องไปเรียนก่อน กูไม่ยอมให้มึงโดดแน่" เฮียอาร์ผลักหัวผมออกแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
"แล้วถ้าป๋าไม่ยอมคุยกับผมอ่ะ"
"มึงก็กลับ"
"โหย อะไรวะ"
"อย่ามาวะกับกู ไอ้น้องเวร" เฮียอาร์ตบกะโหลกผมหนึ่งฉาด "ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูไปส่งที่มอ"
"ไม่ทำงานเหรอ" ผมถามพลางลูบหัวตัวเองให้คลายความเจ็บ มือบางแต่หนักชิบหาย
"มึงคิดว่าคนไม่ได้นอนอย่างกูจะไปทำไหวมั้ยล่ะหะ"
"ผมไม่ได้นอนยังต้องไปเรียนเลย" ผมทำหน้าเบ้
"ทำตัวมึงเองทั้งนั้น ไปอาบน้ำ แล้วก็ไม่ต้องบอกแม่ล่ะ ว่าป๋าเขาพูดอะไรกับมึงบ้าง...ฮ้าวววว"
เฮียอาร์กำชับเสียงเข้มก่อนจะเดินหาวหวอดใหญ่เข้าไปในบ้าน
"อืม...เฮ้อ!" ลุกเดินตามเฮียเข้าบ้าน มองนาฬิกา...(น่าจะเกือบๆ หกโมงเช้า)
ล้างหน้า อาบน้ำ รื้อชุดนักศึกษาเก่าๆ ที่ขนมาทิ้งไว้มาใส่
เหม็นอับหน่อยก็ต้องทน เพราะปล่อยให้มันอยู่ในตู้มานานดีดัก หึ! สมเพชตัวเองชะมัด
"เอ หนูจะไปสภาพนั้นเหรอลูก" แม่ซึ่งยืนเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านอยู่กับพี่แก้ว(พี่สะไภ้)ถามผมขณะเดินหมดอาลัยตายอยากเข้ามาในครัว
"ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายอ่ะครับ ไปได้" แม้ตาขวาจะลืมไม่ขึ้น และปากก็เจ้ออย่างนี้ก็เถอะนะ
"อุบ๊ะ ลูกทหารมันต้องอย่างนี้สิวะ" พ่อเดินเข้ามาในครัวในยินเข้าตบหลังผมดังแอ่ก ไอ้ที่ช้ำๆ อยู่ก็คงจะหนักกว่าเก่าล่ะทีนี้
"พ่อ!" แม่ทำตาดุแหวใส่เสียงเขียว
"พ่อตบเบาๆ เองนะ" พ่อรีบปฎิเสธให้ตัวเอง "ใช่มั้ยไอ้ลูกชาย"
"เอ่อ...ครับ" เจ็บจนพูดไม่ออก น้ำตาก็เหือดแห้งไม่มีจะเล็ด
"พี่ทายาให้ก่อนไปดีมั้ยจ๊ะเอ"
"ผมทาเรียบร้อยแล้วครับพี่แก้ว ขอบคุณครับ เอ่อ..." หันมองหาหลานสาวคนโปรด "หนูแดงไปไหนอ่ะครับ"
"อ๋อ เอฟเขาพาไปเดินเล่นน่ะจ้ะ"
"อ้อ" ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว แม่ตักข้าวในหม้อมาวางตรงหน้า
"ทานได้นะลูก ถ้าทานไม่ได้แม่จะต้มข้าวต้มให้" ลูบหัวผมเบาๆ
"ได้ครับ"
"งั้นก็ทานซะ"
"อื้อ"
"แก้ว" แม่หันไปหาพี่สะไภ้
"คะแม่"
"ไปเรียกตาเอ็มกับตาอาร์ลงมาทานข้าวป่ะลูกป่ะ อ้อ เจ้าแอลกับเจ้าซีด้วยนะ เดี๋ยวจะพากันไปเรียนสาย"
"ได้ค่ะ" พี่แก้วเดินมาจับบ่าผมยิ้มๆ "กินให้อิ่มนะเอ เดี๋ยวพี่มา"
"ครับพี่แก้ว"
"แม่ๆ เย็นนี้พ่ออยากกินน้ำพริกปลาทู ทำให้หน่อยซี่"
"งั้นพ่อไปตลาดนะวันนี้"
"ได้จ้ะ" พ่อยิ้มตอบ ทำท่าดีใจที่จะได้กินของที่อยาก
"ว่าแต่ลูกเอ ทำไมตาชินไม่ค้างที่นี่ล่ะ?" แม่มีสีหน้าสงสัย
"....." ผมชะงักช้อนคาปาก
"ว่าไงลูก ยังไม่ได้คุยกันเหรอ"
"แม่ เรื่องของลูกนา มันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกเองล่ะ" พ่อว่าหลังมองอาการผมอยู่พักหนึ่ง
"ก็แม่อยากรู้นี่นา พ่อนี่ก็ชอบห้ามแม่ยุ่งจริงๆ ไม่เอาล่ะ ออกไปรดน้ำหน้าบ้านดีกว่า" เหมือนจะงอน เดินสะบัดก้นออกไปเลย
"เอ" พ่อเรียกด้วยโทนเสียงที่จะฟังขรึมก็ไม่ใช่ จะธรรมดาก็ไม่เชิง ทว่าได้ยินแล้วชวนให้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ
"ครับ"
"ชีวิตคู่น่ะ ก็เหมือนลิ้นกับฟัน มีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี
เรื่องไหนปล่อยวางได้ก็ปล่อย เรื่องไหนปล่อยไม่ได้ก็ต้องรีบหาวิธีแก้ไขโดยที่เราไม่ต้องกลับมานั่งเสียใจตามหลังนะลูก"
ผมวางช้อนลง "ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับพ่อ มึดแปดด้านไปหมด"
"พ่อถามเราจริงๆ เถอะนะ เราเหนื่อยมั้ยกับความรักครั้งนี้"
"มีท้อบ้างแต่ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยเลยครับ คนที่เหนื่อยน่าจะเป็นป๋ามากกว่า เพราะผมมันนิสัยเด็ก ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงอีกฝ่าย"
"อืมๆ อย่างน้อยๆ เราก็ยังรู้จักตัวเองน่ะนะ เอาเถอะ ทำไปตามที่ใจตัวเองต้องการแล้วกัน ส่วนผลลับมันจะออกมาเป็นแบบไหน
แล้วเราจะทำยังไง ค่อยมาว่ากันอีกที ขอให้คิดซะว่ายังไงที่นี่ก็เป็นบ้านเอคนหนึ่ง อยากกลับมาพักเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอนะลูก"
พ่อคลี่ยิ้มบาง แต่ผมจะร้องไห้
"ขอบคุณครับพ่อ ผมรักพ่อนะครับ"
"แหมวะ! บอกรักกันตรงๆ แบบนี้ พ่อเขินแย่ หึๆ" พ่อตบโต๊ะพร้อมกับหัวเราะด้วยใบหน้าที่เขินอายยังไงบอกไม่ถูก
**********************************************************************************************
มหาลัย
ราวแปดโมงครึ่ง เฮียอาร์ขับรถมาส่งผมที่หน้าคณะเสร็จก็กลับเลย ไม่มีการถามสักแอ่ะว่าน้องคนนี้เย็นนี้จะกลับยังไง
แถมเช้านี้ผมก็มีเรียนตอนสิบโมง เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเดินมานั่งตรงม้าหินอ่อนที่มักใช้เป็น
ที่นั่งเป็นประจำก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เพื่อจะได้หลีกหนีความเป็นจริงทุกอย่าง หรืออีกนัยหนึ่ง คือขี้เกียจทักตอบทุกคนที่เห็นผมครับ
อารมณ์ตอนนี้มันไม่ได้อยากเชื่อมสัมพันธไมตรีกับใครหน้าไหนทั้งนั้นอ่ะ
ผลั่วะ! ฝ่ามือหนักตบลงกลางกบาลทำเอาคนโดนประทุษร้ายอย่างผมถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจจนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามอง
"เป็นเชี้ยไร เมื่อวานพวกกูโทรไปแล้วปิดเครื่องหนี" ไอ้เบียร์บูดยืดกอดอกค้ำหัวทำหน้าหงุดหงิด
"ทักกูดีๆ ไม่เป็น?" ผมนิ่วหน้าบูด
"แล้วหน้ามึงไปโดนไรมา ทำไมมันถึงได้เชี้ยขนาดนี้วะ" มันทำหน้าตลึงเมื่อเห็นสภาพหน้าผมชัดๆ
"มีเรื่องซวยนิดหน่อย"
"ไม่นิดแล้ว หน้าเป็นศพขนาดนี้" โวยวายแล้วจับคางผมพลิกซ้ายขวาตรวจดูทุกตาราง "ถามจริง ไปโดนใครซัดมา อย่าบอกนะว่าป๋าชิน"
"มึงก็กล้าถามเนอะ" ผมจิ๊ปาก หน้าหงิกฟุบลงกับโต๊ะอีกหน
"แล้วไปโดนอะไรมาล่ะ ชอบจริงนะความลับกับเพื่อนกับฝูง" มันนั่งลง
"ทำอย่างกับมึงไม่มี ช่างแม่งเถอะ รอมากันครบแล้วกูจะบอก ขี้เกียจเล่าซ้ำหลายรอบ เจ็บปาก"
"เออ ก็ตามใจ แต่กูว่าหน้ามึงเป็นแบบนี้ไปขอลาอาจารย์เหอะว่ะ หลอนชิบหาย"
"ลาไปก็กลับบ้านไม่ได้" ผมทำหน้าเซ็ง
"ทำไม"
"เฮียอาร์อยู่ รายนั้นไม่ยอมให้กูหยุดอ่ะ"
"อ้อ เออ งั้นไปนอนเล่นหอไอ้หงำมันมั้ยล่ะ"
"ไม่เอา อยู่คนเดียวเดี๋ยวฟุ้งซ่านอีก"
"หืม...ท่าทางแบบนี้ ทะเลาะกับป๋าชินมาอีกล่ะสิ" เบียร์แนบหน้าลงกับโต๊ะจ้องตาผมในระยะประชิด
"รู้ไปซะทุกเรื่อง"
"ถูกล่ะสิ" มันยักคิ้วกวนผมเลยจัดการโบกไปที "เชี้ย เจ็บ"
"กูจะนอน มาครบแล้วปลุกด้วย" สั่งจบผมก็หลับตา
"อ๊ะ...หวัดดีครับน้องโบว์"
"สวัสดีค่ะ พี่เบียร์ อ้าว...พี่เอทำไมมานอนตรงนี้ ว๊าย!" ได้ยินเสียงหลานระหัสร้องก็รู้ละ ว่าตกใจหน้าผม
"ทำเหมือนเห็นผีเลยนะจ๊ะน้องโบว์ หน้าลุงระหัสตัวเองแท้ๆ"
"พี่เบียร์ หน้าพี่เอไปโดนอะไรมาคะ น่ากลัวจะเจ็บมากเลย"
"สงสัยไปแย่งเมียชาวบ้านมา เจ้าของเขาเลยมายำน่ะจ้ะ" สู่รู้! ผมหลับตากัดฟันกรอด
"พูดเป็นเล่นไปค่ะพี่เบียร์"
"แน่ะ พี่พูดก็ไม่เชื่อ แล้วน้องโบว์คิดว่ามันไปโดนอะไรมาล่ะจ๊ะ"
"อืมมม ไม่รู้สิคะ ไม่เดาดีกว่า แล้วก็นี่ค่ะ ฝากให้พี่เอด้วยนะคะ พอดีโบว์เห็นน่าอร่อยเลยซื้อมาฝาก"
"แล้วของพี่ล่ะ"
"ก็ทานด้วยกันนั่นแหละค่ะ โบว์ซื้อมาเผื่อเพื่อนพี่เอทุกคนนั่นแหละ โบว์ไปนะคะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย"
"อ๊ะ จ้า ขอบใจนะจ๊ะ"
"อิอิ ค่ะ" เสียงฝีเท้าเดินจากไป ผมลืมตาเห็นไอ้เบียร์มองมาทางผมยิ้มแฉ่งพร้อมกับโชว์ถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ได้รับมาให้ดู
"หลานมึงน่ารักดีนะ"
"เออ" บอกตรงๆ ว่าต้องข่มความรู้สึกอยากจะด่ามันไว้สุดๆ
**********************************************************************************************
ให้พูดตามจริง เหตุการนี้เป็นเรื่องติดท็อปเรื่องหนักที่ผมเจอในชีวิตคู่เลยก็ว่าได้
ซ้ำยังเป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจสุดๆ และนานมากด้วย (สปอยอีกและ)
เอาเป็นว่า จะลำดับเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ จนจบเรื่องเลยแล้วกัน อาจจะยืดเยื้อ แต่อยากให้รู้ว่า...ผมจะไม่พยายามดราม่า เพราะคนเขียนมันไม่ชอบ
**********************************************************************************************
ปล. สั้นๆ ไปก่อนนะคะ กลัวคนอ่านขัดใจ อยู่ในช่วงลั่นลา พักร้อนกับบ้านต่างอากาศสุดหรูในกรุงเทพ? (บ้านนอกเข้ากรุง อิอิ)
จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ค่ะ ก็วันหยุดนี่นะ ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ
AMINOKOONG + เหมือนจะหมั่นไส้น้องเอเยอะพอดู แต่ไม่รู้ทำไมคนเขียนถึงชอบนิสัยเด็กๆ แบบนี้ของน้องเอ (หรือลึกๆ ของอิคนเขียนมันนิสัยแบบนี้?)
B52 + หวังให้หลงไปไหนคะ อิอิ เรื่องที่ป๋าใจเย็นนี่เพราะแก่แล้วหรือเปล่า? (ป๋าชิน - ผมสุภาพบุรษนะคุณคนเขียน) อะไรประมาณนั้น แต่เราก็รักนะคะ
kik + ทิ่มแทงใจ กับคำๆ นี้ โดนกับตัวเองแล้วมัน เฮ้อ!
ลิงภูเขา + นั่นไง กะแล้วเชียวว่าคุณลิงภูเขาต้องโวย แต่แบบว่า ลืมบอกไปว่า ถึงอิคนเขียนจะพักร้อนแต่ก็ยังมาต่อได้ตลอดนะเคอะ อิอิ
kokoro + จะปรับหรือเปล่าเน้อ ต้องรอดูกันต่อไป
mukmaoY + ป๋าชินคะแนนล้นหลาม นี่สินะ ผู้ชายในอุดมคติ ฮ่าๆ