@@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++  (อ่าน 622543 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 21...ไส้ศึก


               นับเป็นพิธีอภิเษกยิ่งใหญ่อลังการ
มีเรื่องให้ตื่นเต้นนอกเหนือจากการเป็นพระชายา รับพระราชทานแต่งตั้งพระนามใหม่จากราชโองการของเหนือหัวอนิละ
ให้พระนามพระชายาว่า ‘พระวรชายาวารีอรรณพ’ พระนามอย่างเป็นทางการพระสุณิสา
พระชายาสยามมกุฎราชกุมารวายุภักษ์แล้ว

“เป็นไรเจ้า เหนื่อยหรือไม่” องค์ชายวายุภักษ์ตรัสถาม
หลังสองพระองค์ประทับเพียงลำพังในห้องบรรทม..พระตำหนักวาโยทิพย์

พอเสร็จสิ้นราชพิธีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองสมควรแก่เพลา องค์เหนือหัวกับพระมเหสี
ทรงส่งเสด็จคู่อภิเษกเข้าหอตามฤกษ์ แขกเหรื่อรวมทั้งผู้มาร่วมฉลองสามารถรื่นเริงกันต่อ
ยกเว้นราชนิกุลต่างทยอยดำเนินกลับพระตำหนัก ปล่อยภาระหน้าที่ให้เหล่าเสนาอำมาตย์รับรองแขกเหรื่อต่อไป

“นิดหน่อย คุณล่ะเหนื่อยหรือเปล่า เห็นดื่มไม่หยุดรู้สึกเมาไหม”
ผักตบบอก พร้อมกับถามพระสวามีด้วยความห่วงใยเช่นกัน
ตลอดงานองค์ชายทรงรับหน้าเสื่อ ชิงดื่มกับผู้มาร่วมแสดงความยินดีไม่ได้หยุด
เท่ากับพระองค์ทรงดื่มสุราวารีทิพย์มากกว่าเขาถึงสองเท่า

“เรามิเป็นไรดอก ใช้มหาธาตุวารีต้านฤทธิ์สุราย่อมไม่มีผลอันใด กระนั้นใช่จักไม่เมามาย
เพียงแต่มิเมามายในฤทธิ์ของสุรา เรากลับเมามายในฤทธิ์รัก ซึ่งเจ้าเป็นผู้มอมเมาเราเสียแล้ว”
ผักตบอึ้ง หลังสิ้นสุดพระดำรัส เขาไม่คิดฝันจะถูกสามีตีตราหยอดกันซึ่งหน้า
ไม่เคยเห็นมุมหวานหว่านเสน่ห์จากบุคคลตรงหน้ามาก่อน เคยแอบนึกภาพดู..หากองค์ชายวายุภักษ์จักทรงวางองค์
เป็นบุรุษเจ้าสำราญ ใช้ถ้อยคำป้อยอจีบสาวแฝงท่าทางกรุ้มกริ่มก้อร่อก้อติก จะออกมาสภาพไหนอย่างไรหรือ..

สุดท้ายเจอกับตัว หน้าขาวใสเปล่งประกายชวนพิศถึงกับแดงเป็นลูกตำลึงสุกเฉียบพลัน
หนำซ้ำนึกหาคำพูดแก้เขินไม่ออก สมองมึนตึ๊บเป็นใบ้ชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อย เขาไม่คาดว่าจะถูกจู่โจม
ด้วยคำพูดหวานปานน้ำตาลหยดจากคุณสามีโดยไม่ทันตั้งตัว เลยยืนหน้าแดงเพียงอย่างเดียว

“เป็นไรไปแล้ว ใยหน้าแดงยั่วให้เราสิ้นขันติต่อการยับยั้งชั่งใจหืม รู้หรือไม่เราเพียรพยายามยากเย็นเพียงใด
มิให้บุ่มบ่ามสัมผัสกายเจ้าให้ได้ จำใจอดทนอดกลั้นต่อเสน่ห์ของเจ้าแค่ไหน ทำร้ายเราหนักหนาสาหัสนัก
เช่นนี้หากเรากระทำการไม่สมควร เจ้าจักกล่าวโทษเรามิได้ดอก เป็นเพราะชายาเรารูปงาม
กระทั่งสวรรค์แลมนุษย์เดินดินยังคงอิจฉาเราแล้วกระมัง ข้างกายเรามีชายาเยี่ยงเจ้าเป็นคู่ชีวิตเช่นนี้
มิว่าผู้ใดย่อมอิจฉาเราเป็นแน่แท้ ผู้ใดจักสามารถมีชายางามพร้อมเยี่ยงเจ้าได้อีก นับเป็นกุศลผลบุญค้ำจุนเราแล้ว
ช่วยนำพาเจ้ามาสู่อ้อมกอดของเราเช่นนี้ มิต้องทนหนาวต่อฤดูกาลดังเช่นเคย บนเตียงที่ว่างเปล่า
จักมีเจ้าเคียงคู่มิเปลี่ยวเหงาอ้างว้างดั่งราตรีที่ผ่านมาอีกต่อไป ไม่ว่าสรรพสิ่งใดเป็นผู้นำพาเจ้ามา
เราจำต้องขอบคุณสักการะ วันทานอบน้อมต่อสรรพสิ่งเหล่านั้นด้วยจิตคารวะสูงสุด มิมีของขวัญล้ำค่าในปฐพีนี้
จักเสมอเหมือนชายาของเราแล้ว ครั้งที่เจ้ายอมมอบพรหมจรรย์แก่เราในวันนั้น เราได้ให้สัตย์ปฏิญาณต่อตัวเอง
จักดูแลปกป้องเจ้าด้วยชีวิต แม้นหากเราผิดสัจจะวาจา เรายินดีจักถูกคมดาบ..อุ๊บ!” พระดำรัสถ่ายทอดความรู้สึก
สายพระเนตรทอหวานทรงมอบให้ผักตบต่อเนื่อง จนคนฟังบอกความรู้สึกอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้
ว่าหัวใจเขาเหมือนโดนพลังไร้สภาพเข้าไปอัดขยายพองคับอกจนแทบระเบิด
กระทั่งสัตย์ปฏิญาณที่พระองค์ยังตรัสไม่จบ ก็ถูกจู่โจมประกบจูบ เพื่อยับยั้งทุกสิ่งด้วยริมฝีปากหวานละมุน
พร้อมชิวหาอุ่นร้อนชำนาญงาน ห้ามมิให้ทรงรับสั่งสิ่งใด..ที่ไม่เป็นมงคลหลุดจากโอษฐ์หยักสวยให้ได้ยิน
ถือเป็นจุดเริ่มต้นสิ้นสุดของคำตอบรับ ยุติดำรัสไม่เป็นมงคลขององค์ยุพราชหนุ่มได้ชะงัดนัก
นับเป็นกิริยาอุกอาจของผักตบอีกครั้ง แต่กลับนำมาซึ่งความพึงพอพระทัยอย่างที่สุดขององค์ยุพราชรูปงาม
พระองค์ไม่รีรอลังเลที่จะตอบสนองพระชายาในทันทีเช่นกัน

คงไม่ต้องเล่าแล้วกระมัง หลังแนบชิดจุมพิตหวานในค่ำคืนพิเศษ ภายในห้องบรรทมส่วนพระองค์
ซึ่งกลายเป็นที่พำนักโดยมิผิดกฎมณเฑียร ผักตบแม้นเป็นพระชายาแต่ไม่ได้เป็นอิสตรี
จึงสามารถพำนักกับพระสวามีอย่างไร้ข้อกังขา หรือจักถูกติฉินนินทาไม่ได้แต่อย่างใด

จูบหวานละมุนผู้เริ่มคือพระชายา ต่อมาพระสวามีควบคุมให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ไปแล้ว
ผักตบยินยอมคล้อยตามแล้วแต่สวามีจักนำพาเขาท่องไปยังวิมานฉิมพลี หรือสรวงสวรรค์ดาวดึงส์ชั้นไหน
ก็สุดแต่องค์ชายวายุภักษ์จักเป็นผู้นำ โลดลิ่วโจนทะยานไปพร้อมกับบทรักอบอุ่นอ่อนโยน
เต็มไปด้วยความหวานละมุนละไมขณะนี้

แม้ไม่จาบจ้วงเร่าร้อน แต่ก็ไม่อ้อยอิ่งเชื่องช้า กลับตื่นเต้นเร้าใจ เพราะเป็นบทรักที่มีจุดเริ่มต้นของหัวใจสองดวง
ร่วมกันถักทอสายใยรักกลมเกลียวแน่นหนา ทรงอานุภาพยิ่งกว่าบ่วงบาศนาคราชเสียอีก

การหลอมรวมดวงฤทัยเป็นหนึ่ง ภายใต้แสงไฟหรี่กระทั่งสลัวลางก่อนจะมืดดับลงไปในที่สุด
แต่แสงวับแวมจากพระวรกาย ซึ่งกำลังนัวเนียคลอเคล้ากันไม่ห่างบนเตียงใหญ่ กำลังเริ่มต้นเปล่งประกายขึ้นมาต่อเนื่อง
คาดว่าคงอีกยาวไกล จึงจักสิ้นสุดลงไปตามครรลองกฎของธรรมชาติ..

ค่ำคืนจันทร์เพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แสงจันทร์บนฟากฟ้าทอแสงนวลตาประดับประดาด้วยหมู่ดวงดาราน้อยใหญ่
จนดูเป็นผืนฟ้างดงามไร้ที่ติ กลับยังด้อยลงถนัด หากกล้าทาบรัศมีภายในห้องบรรทม
แลมืดมิดมิต่างผืนฟ้าห้วงนภาในยามรัตติกาลแต่อย่างใด กระนั้นรัศมีแดง ขาว ฟ้า เหลือง
ยังเปล่งประกายวูบวาบผสมผสานลงตัว ดุจแสงอัญมณีทรงคุณค่าที่เกิดในทิพย์สถานวิมานสรวง
ซึ่งมนุษย์ทั่วไปมิสามารถครอบครองแสงประกายรัศมีนี้ได้แน่นอน ยกเว้นมิใช่มนุษย์สามัญชนคนธรรมดา...
แสงที่ว่า..กำลังห้อมล้อมวรกายเปลือยเปล่าสองพระองค์ ขณะนี้ได้หลอมรวมจนเป็นหนึ่ง
มีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะวาบหวามดูรัญจวน มาพร้อมสุรเสียงครางกระเส่าอย่างสุขสม ขานรับจังหวะโจนจ้วงฟังอึงอล
คาดว่าหมู่พฤกษา เหล่าภุมริน ฝูงภมร แมลงรัตติกาล ตลอดจนสรรพสิ่งที่กำลังหลับไหลหรือออกหากินตามวิถี
หากได้มาสดับฟังซุ่มเสียงหวิวหวานแทรกผ่านอณูของอากาศ เชื่อได้ว่าด้วยสัญชาตญาณสรรพสัตว์ซึ่งสามารถรับรู้ได้
คงพากันชื่นชมแซ่ซ้องสรรเสริญ ร่วมกันถวายพระพรทั้งสองพระองค์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร

บทรักเสพสังวาสในค่ำคืนนี้ นำพาให้เหล่าทวยเทพประสาทพรชัยมอบของขวัญทรงคุณค่ายิ่งใหญ่
เปี่ยมด้วยฤทธาพลานุภาพสู่โลกมนุษย์ แตกต่างจากอดีตกาลที่ผ่านมาสิ้นเชิง ไม่ว่าครั้งไหนมิอาจเทียบได้
เป็นเพราะว่าสิ่งนี้ ถือเป็นจุดกำเนิดในปฐพีที่เคยเกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ คือการถือจุติของ ‘พระจิตผู้ทรงฤทธา’ ที่ประทานสู่มนุษย์ครั้งนี้ ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต แต่เหตุผลของทวยเทพย่อมมีพื้นฐานที่มา
ซึ่งพวกเราต่างรับรู้ในนาม ‘โชคชะตา’ หรืออีกในหนึ่งว่า ‘ฟ้าลิขิต’
หากมนุษย์ยังคงมีศีลสัตย์มั่นคง เหล่าทวยเทพก็มิอาจเพิกเฉยต่อกลียุคที่จะบังเกิดได้ต่อไป นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวโยงต่อกันนั่นเอง
>
>
“หมอหลวงกำลังมา เป็นเราแล้วที่ทำเจ้าป่วยไข้” องค์ชายประทับข้างเตียง
พระหัตถ์แกร่งเกาะกุมมือขาวไว้ในอุ้งหัตถ์อ่อนโยน ถ่ายทอดความห่วงใยไปพร้อมพระกระแสดำรัส

“อย่าตำหนิตัวเองเลยไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมไม่ได้เป็นอะไรมากคลื่นไส้อาเจียนคงมีสาเหตุมาจากอาหารที่ทาน
หรือไม่ก็สุราวารีทิพย์ล่ะมั้ง ผมไม่เคยดื่มสุราแบบนี้มาก่อน เคยแต่ดื่มเหล้านอกราคาแพง อาจได้รับผลข้างเคียงก็เป็นไปได้”
ผักตบรีบบอกสามีแกะกล่อง ให้ทรงสบายพระทัย แม้ว่าบทรักค่ำคืนเขาจะอิ่มเต็มถึงสามรอบ
คุณสามีก็คึกหนักจัดต่อเนื่องได้อย่างน่าทึ่ง เขาสู้ไม่ถอยเช่นกัน ฟังดูเหมือนรุนแรงเร่าร้อน
ไหนได้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจากอีกฝ่ายมอบให้ แทบกระอักความหวานตายไปข้าง
เรื่องเจ็บฝืดระบมเป็นธรรมดาต้องได้รับ รู้อยู่แล้วรับเอาอีกฝ่ายที่ไม่ธรรมดาเข้ามาในตัว
ก็ต้องทนเจ็บกันเป็นพิเศษ แต่ก็ผ่านได้ด้วยดี ไม่ใช่ดีธรรมดา กล้าเรียกเต็มปากว่าดีมากๆ เลยก็ว่าได้
วินาทีนี้ผักตบไม่หลงเหลือความรู้สึกติดขัดต่อบทบาทหน้าที่ของ ‘ภรรยา’ อีกต่อไป
มาไม่ดีก็ตอนเช้าที่ตื่นนอน ดันเกิดเวียนหัวหน้ามืด พร้อมอาการคลื่นไส้อาเจียนด้วย เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
ทั้งที่แน่ใจว่าร่างกายแข็งแรงดี แต่ดันมีอาการได้ ไม่น่ามีสาเหตุอื่นนอกจากสิ่งที่ดื่มกินเมื่อวานสำแดงฤทธิ์

“หมอหลวงขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” เสียงมหาดเล็กรับใช้ส่วนพระองค์ ขานขึ้นหน้าประตูห้องบรรทม

“ให้เข้ามา” องค์ชายรับสั่งอนุญาต มหาดเล็กสุรทัศเปิดประตูก้าวนำหมอหลวงเข้ามาภายใน
ก่อนทั้งคู่จะหยุดเบื้องพระพักตร์ห่างไม่กี่ก้าว พร้อมใจค้อมศีรษะถวายความเคารพตามกัน

“รบกวนแล้ว ชายาเราเจ็บป่วยอันใด มิสามารถตรวจหาสาเหตุได้ เราจับชีพจรแลดูปกติหามีอันใดให้วิตก
ใยวิงเวียนศีรษะอาเจียนยกใหญ่” องค์ชายแจ้งหมอหลวงให้ทราบข้อมูลเบื้องต้น
จากที่พระองค์ทรงวินิจฉัยตรวจหาสาเหตุไปก่อนหน้า แต่วิเคราะห์อาการพระชายาไม่ได้

“เช่นนั้นกระหม่อมขอพระราชทานอนุญาต ตรวจวรกายพระชายาพะยะค่ะ จากนั้นจักถวายรายงานให้ทรงทราบ”
หมอหลวงวัยค่อนชราไปพอสมควร กล่าวขอพระราชทานอนุญาตกับพระองค์

“เชิญท่านเถิด” ทรงขยับลุกจากพระเก้าอี้ เยื้องพระบาทประทับนั่งยังชุดรับรองไม่ห่างเตียงบรรทมมากนัก
เพื่อเปิดทางให้หมอหลวงตรวจพระอาการพระชายาได้สะดวกยิ่งขึ้น ผู้รับหน้าที่ไม่รอช้าวางย่ามสะพายลงบนโต๊ะข้างเตียง
ค่อยนั่งเก้าอี้อย่างนอบน้อม

“ขอพระราชทานอภัย จำต้องล่วงเกินพระวรกายแล้ว..พะยะค่ะ”
หมอหลวงเอ่ยกับผักตบ ด้วยซุ่มเสียงมีสัมมาคารวะเป็นอย่างมาก

“เชิญตามสบายเลยครับ” ผักตบอนุญาตทันทีเช่นกัน หมอหลวงถือโอกาสจับชีพจรข้อมือนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
ก่อนวางมือลงคิ้วขมวดมุ่น หันมาล้วงถุงย่ามค้นเอาขวดแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองอำพันมาเปิดจุก แล้วหันไปหาผักตบ

“กระหม่อมบังอาจล่วงเกินแล้ว รบกวนพระองค์สูดดมขวดนี้ด้วยเถิดพะยะค่ะ”
พูดพร้อมกับจ่อปากขวดไปยังปลายจมูกโด่งเป็นสัน ผักตบเหลือบตามองหมอหลวงแวบนึง
เห็นสีหน้าท่าทางแกมขอร้องให้เขาสูดดม ก็ยอมสูดหายใจเอากลิ่นประหลาดบางอย่าง
ซึ่งไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นกลิ่นของอะไร ผลปรากฏว่าเขาอยากอ้วกขึ้นมาทันทีทันใด
เหมือนหมอหลวงจะรู้ล่วงหน้า รีบคว้ากระโถนส่งให้อย่างรู้งาน ท่ามกลางสายพระเนตรห่วงใยจนมิอาจประทับอยู่ต่อไป
องค์ชายวายุภักษ์กระชับพระบาทก้าวชิดขอบเตียง ทรงลูบศีรษะพระชายาอย่างปลอบโยน
ทอดเนตรอาการอาเจียนหน้าดำหน้าแดง โดยที่ไม่มีเศษกระยาหารออกมาแม้แต่น้อย
นอกจากเสียงอ้วกเอาน้ำลายแตกฟองออกมาเท่านั้น...

“อ๊วกก!!!..แหวะ..อ๊วกกก!!!” ผักตบคลื่นไส้หนัก อยากอ้วกแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา
นอกจากลมในช่องท้องและน้ำลายเหนียวหนืด

“สูดดมโอสถนี้เถิดพะยะค่ะ” ไม่ทันไร หมอหลวงก็จ่อขวดให้ใหม่ ต่างตรงสีของเหลวกลับเป็นสีฟ้าอ่อน
ผักตบอยากจะเบือนหน้าหนี พอเห็นแววตาจริงใจของหมอหลวง เขาก็ยินยอมโอนอ่อนสูดหายใจอีกครั้ง
คราวนี้อัศจรรย์ใจมาก อาการคลื่นเหียนวิงเวียนอาเจียนก่อนหน้าเริ่มทุเลาเบาบางลง..กระทั่งรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

“กระหม่อมบังอาจล่วงเกินสอบถามพระชายา ได้โปรดทรงตอบคำถามกระหม่อมด้วย...พะยะค่ะ” หมอหลวงเอ่ยขึ้น

“ถามได้เลยครับ” ผักตบอนุญาต เมื่อหายใจหายคอสะดวกขึ้น
ถือโอกาสชิงเอาขวดมาถือดมเสียเอง หลังรู้สึกขวดที่ดมล่าสุด ช่วยให้เขาอาการดีขึ้นมาก

“พระชายาทรงมีพระประจำเดือนปกติหรือไม่” คำถามล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว
แม้แต่องค์ชายวายุภักษ์ถึงกับพระโขนงมุ่น แต่ก็มิได้ทรงห้ามปราม ผักตบหน้าซับสีขึ้นทันที
พอนึกถึงความจำเป็นของหมอหลวง เพื่อใช้วินิจฉัยอาการของเขา ก็ยิ่งเห่อแดงเข้าไปใหญ่
ภายในใจตุ้มๆ ต่อมๆ ลุ้นระทึกครึกโครมตามไปแล้วเรียบร้อย...
เขานิ่งครุ่นคิดไปครู่ใหญ่ เริ่มรู้ตัวว่าหลงลืมประจำเดือนที่มาเป็นประจำไปเสียสนิท
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขายุ่งวุ่นวายต่อเนื่องไม่หยุด เพราะมีภารกิจให้ทำจนลืมไปด้วยซ้ำ ค่อยก้มหน้างุดตอบเสียงเบา

“ปกติต้องมาอาทิตย์ก่อน แต่เอาแน่ไม่ได้เพราะก่อนหน้าผมจะมาอยู่ที่นี่เคยมาตรงเวลา
พอมาอยู่นี่แล้วผิดเวลามาเร็วกว่าปกติเป็นอาทิตย์ ผมไม่ค่อยแน่ใจ ต้องนับจากปกติหรือล่าสุด
ถ้าปกติก็หายสองเดือนกว่าได้ แต่ถ้าจากที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ก็ขาดหายเข้ามาร่วมสองเดือนแล้วครับ”
ผักตบตอบตามที่นึกออก คาดว่าไม่น่าผิดจากนี้ เพราะเขาไม่เคยจำระยะเวลาผิด
แม้จะอยู่ที่นี่แต่ก็นับวันจากโทรศัพท์ที่กำกับขึ้น จนรู้ว่าแม่กับเขาหลงยุคมาอยู่นี่จะสามเดือนเข้าไปแล้ว

“พระชายาทรงหมายถึงอันใดหรือ” หมอหลวงเป็นฝ่ายงุนงงบ้าง
เพราะไม่แน่ใจผักตบจะสื่อสารยังไงแน่ เขาจำต้องเปลี่ยนคำพูดแก้ไขให้เข้าใจตรงกันเสียใหม่

“ผมหมายถึงขาดหายไปสองเดือนกว่า ถ้านับจากปกติที่เคยเป็น
แต่ถ้านับจากที่เคยเกิดขึ้นที่นี่แล้ว ขาดหายไปก็ราวเดือนเศษได้มั้งครับ”
เขารีบแก้ไขความเข้าใจให้หมอหลวง อีกฝ่ายพอฟังค่อยขยับร่าง
หันหน้าไปค้อมศีรษะให้องค์ชายวายุภักษ์ ถวายรายงานในทันที

“กระหม่อมขอแสดงความยินดี พระชายาทรงพระครรภ์แน่แล้ว
จากนี่จำต้องดูแลพระอาการแพ้พระครรภ์เท่านั้น..พะยะค่ะ”

“ทะ..ท่านพูดใหม่อีกครั้งซิ” องค์ชายถึงกับสุรเสียงสั่น
สีพระพักตร์แลตกพระทัยเป็นยิ่งนัก ถึงกับขอคำยืนยันจากหมอหลวงอีกครั้ง

“กระหม่อมแสดงความยินดีด้วยพะยะค่ะ พระชายาทรงพระครรภ์
ถือเป็นบุญวาสนาของชาวไตรคาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
พระชายาทรงพระเจริญ พระโอรสทรงพระเจริญ” พูดพร้อมค้อมศีรษะถวายพระพร
ด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มดีใจไม่ปิดบัง สุรทัศมหาดเล็กรับใช้ส่วนพระองค์
พลอยค้อมศีรษะถวายพระพรตามด้วยท่าทางดีใจน้ำตาปริ่มเลยทีเดียว
องค์ชายทรงกำพระหัตถ์เป็นกำปั้นทั้งสองข้าง ชูขึ้นเหนือพระเศียรตะโกนลั่น

“ไชโย..ไชโย..เราจะมีโอรสแล้ว” จากนั้นก็โผเข้ารวบกอดผักตบซุกแนบพระอุระพรมจุมพิตไปทั่วศีรษะ
ลงบนผมสีดำนุ่มสวยอย่างอ่อนโยน ตอกย้ำซ้ำอยู่ไม่มีหยุด ผักตบทั้งดีใจตกใจตื่นเต้น
หลากหลายอารมณ์ตีกันยุ่งไปหมด อารมณ์ที่ชัดสุดคือเหลือเชื่อว่าเขา ‘ท้อง’ และกำลังจะกลายเป็นแม่คนขึ้นมาแล้วจริงๆ...

“เดี๋ยว!..เรื่องนี้ขอร้องอย่าเพิ่งบอกใคร” ผักตบมุดหัวออกจากพระอุระแกร่ง
หันไปขอคำรับปากจากพระสวามี สีหน้าท่าทางวิตกกังวลจริงจัง

“มีอันใดกระนั้นหรือ เจ้าถึงห้ามมิให้แพร่งพรายเรื่องราวแสนยินดีเยี่ยงนี้ต่อผู้คน”
องค์ชายทรงรู้สึกมึนงง กับความต้องการของพระชายา

“รอทุกอย่างพ้นวิกฤตเสียก่อน คุณลืมแล้วหรือ เรายังมีภารกิจให้สะสางเรียบร้อยก่อน”
พอเขาเอ่ยเตือนพระสติ องค์ชายเครียดขึงในทันที

“นั่นสิ..เรากลับดีใจจนลืมนึกถึงปัญหาสำคัญเสียแล้ว
 เช่นนั้นจักวางใจในความปลอดภัยเจ้าเยี่ยงไร เรามิอาจให้เจ้าร่วมภารกิจ”
 พระองค์กลับทรงรับสั่งด้วยสุรเสียงกังวลฉายชัด

“เรื่องนี้ปรึกษากันสองคนดีกว่า ตอนนี้คุณกำชับไม่ให้หมอหลวงกับสุรทัศ
ประกาศให้ใครรู้ว่าผมตั้งครรภ์ก่อนเถอะ” ผักตบปรามพระสวามี ก่อนจะหันไปสบตาหมอหลวงและสุรทัศทิ้งท้าย

“เช่นนั้นข้าขอสั่งห้าม มิให้เรื่องราวตั้งพระครรภ์แพร่งพรายออกไป
ทั้งสองคนรับปากข้าได้หรือไม่” องค์ยุพราชหนุ่มมีพระบัญชาทันที

“ข้าน้อยรับพระบัญชาพะยะค่ะ..กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาเช่นกันพะยะค่ะ”
ทั้งสองรีบค้อมศีรษะรับพระบัญชาโดยเคร่งครัด

“หมอหลวงข้าคงต้องพึ่งท่านจัดโอสถบำรุงเป็นพิเศษ
มีโอสถใดลดทอนอาการแพ้ ให้ชายาข้าเสวยบ้างหรือไม่” พระองค์ตรัสถาม

“ย่อมสามารถพะยะค่ะ กระหม่อมจักจัดหามาโดยเร็ว..พะยะค่ะ” หมอหลวงรับคำในทันที

“ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” เป็นอันยุติบทสนทนา สุรทัศ หมอหลวงต่างถวายพระพร
ค่อยนำพาร่างหายออกไปจากห้องบรรทม ปล่อยทั้งสองพระองค์ใช้เวลาส่วนตัวตามพระประสงค์
>
>


ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  2  -



   “ตบ..เป็นไงบ้างลูก ดีขึ้นหรือยัง”
แม่เล็กมาเยี่ยมอาการลูกชาย หลังทราบข่าวจากสุรทัศว่าพระชายาทรงประชวร
ไม่ได้ร่วมโต๊ะเสวยดังเช่นทุกวันที่ทำเป็นประจำ หายหน้าหายตาทั้งลูกชาย..ลูกเขย

   “ไม่เป็นไรมากครับแม่ ผมไม่ได้มีไข้แค่เวียนหัวลุกแล้วมันดูโคลงๆ อยากอ้วกนิดหน่อย”
ผักตบตอบแม่ แอบหลบตาไม่กล้าสบด้วยอย่างเคย เขาไม่อยากบอกแม่เรื่องตั้งท้อง
เพราะมีภารกิจสำคัญให้ต้องสะสางรออยู่ หากแม่รู้เขาท้องอาจจะถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยว
เช่นเดียวคุณสามีที่ถกเถียงกันมาก่อนหน้านี้ กว่าจะใจอ่อนยอมคล้อยตามแบบไม่เต็มใจยอมด้วยซ้ำ

   “แล้วหมอหลวงว่ายังไง” แม่เล็กค่อยเบาใจเมื่อรู้ลูกไม่ได้เป็นอะไรมากมาย
ตั้งแต่เลี้ยงมานับครั้งได้ที่ผักตบจะเจ็บป่วย พอรู้ไม่สบายเลยเป็นกังวลไม่น้อย
ได้เห็นสีหน้าอาการแล้ว ค่อยโล่งอกที่ลูกยังดูปกติแข็งแรงดี ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

   “หมอเขาจัดยาบำรุงให้แล้ว วันสองวันก็หาย” ผักตบรีบบอกแม่ไปตามจริง
หมอหลวงยืนยันแล้วว่า อาการแพ้จะหายอีกวันสองวันนี้

   “แม่ชักแปลกใจแล้ววะ แกเป็นแบบนี้อย่าบอกองค์ชายเขารุนแรงกับแกในคืนส่งตัวเข้าหอ”
สีหน้าท่าทางแม่เล็กตอนถาม ดูจริงจังมาก

   “แค่กๆๆ!!..แม่ถามอะไรเนี่ยะ” ผักตบถึงกับสำลักน้ำลาย

   “อ้าว! ที่ถามนี่ไม่ได้อยากละลาบละล้วง เรื่องส่วนตัวแกหรอกนะ แม่เข้าใจของแบบนี้จนทะลุปรุโปร่ง
แกรู้ดีนะตบอาชีพเดิมแม่ทำอะไรมา การมีอะไรกันผ่านช่องทางด้านนี้ หากฝ่ายทำไม่อ่อนโยนก็นักหนาสาหัสน่าดูเลยทีเดียว
หรือแกอาย..หา!” เจอแม่เล็กทะลุกลางปล้องแบบไม่มีอ้อม  ผักตบต้องยอมรับว่าแม่เขามีนิสัยตรงเผงแบบนี้

   “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่า..แม่สบายใจได้ ลูกเขยแม่ไม่ใช่คนหื่นจนไม่สามารถยับยั้งชั่งใจทำรุนแรงผมหรอก
ขืนเป็นแบบนั้นผมสอยร่วงแล้ว แม่ก็รู้ผมยอมใครที่ไหน” ผักตบรีบคลี่คลายสถานการณ์ ให้แม่เข้าใจใหม่
ก่อนจะตีความไปใหญ่โต

   “แกยืนยันแบบนี้ค่อยเบาใจ นี่แกถึงกับชมผัวไม่หื่น แสดงว่าคนที่หื่นกลายเป็นแกสิ..ฮะฮ่าๆ..ก็น่าหื่นอยู่หรอก
ผัวหล่อลากปานนี้ ตอนแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ ผู้หญิงปาดน้ำลายเช็ดน้ำหมากแทบไม่ทัน
อะไรจะหล่อสุดติ่งขนาดน้าน!! แม่ล่ะภูมิใจแทนแกจริงๆ ได้ผัวหล่อเป็นถึงองค์ชายว่าที่กษัตริย์
ถ้ายังอยู่สลัมจะเดินอวดยืดคอตั้งเลยคอยดู ใครที่เคยดูถูกเราจะได้รู้กันเสียที..คึคึ!!”
แม่เล็กพรรณนาท่าทางอารมณ์แจ่มใสสุดๆ ผักตบได้แต่อมยิ้มขำอาการแม่ ทั้งชมลูกเขยทั้งอยากอวด เอาเข้าไป..

   “แม่..เดี๋ยวนะ..แม่ว่าผมหื่นเหรอ” พอนึกทวนประโยค เริ่มรู้ว่าโดนแม่หลอกด่าไปแล้วยก

   “ฮะฮ่าๆๆ..ระหว่างผัวกับเมีย ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่หื่น ไม่หื่นกันสักคนเป็นพวกจืดชืด
มันจะสปาร์คติดได้ยังไงห๊ะ! แกยืนยันเองว่าไม่หื่น ถ้าลูกเขยฉันไม่หื่น ก็ต้องเป็นลูกกูแล้วที่หื่น...ฮะฮ่าๆ เอิ้ก!”
ผักตบหยุดการต่อล้อต่อเถียงแม่ลงทันที สภาพนี้ขืนโต้ด้วยมีแต่พรุนทั้งตัว ในเมื่อเขาจับทางแม่จนรู้แกวดี
มาอีหรอบนี้ตั้งใจแหย่ให้เขาอายอีกตามเคย..
>
>
   “เสด็จพ่อว่ายังไงบ้าง” ผักตบถามพระสวามี หลังอีกฝ่ายเข้าเฝ้าเหนือหัวมาก่อนหน้า

   “ท่านได้ดำเนินการแล้ว ช่วงที่เจ้าพักฟื้นอาการแพ้ครรภ์ เรามิได้เข้าร่วมไต่สวนหาข้อเท็จจริงประการใด
เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์จัดการด้วยพระองค์เอง เห็นว่าทรงให้ออกจากวังหลวง ห้ามหวนกลับไตรคานอีก
ถือเป็นพระอาญาสถานเบาสุด..ที่จักทรงพระราชทานให้ได้แล้ว”

   “ผมเข้าใจ เหตุผลที่พระองค์ทรงเลือกดำเนินการเอง มิให้ตั้งคณะไต่สวนลงอาญา
เป็นเพราะคำว่าสายเลือดเพียงอย่างเดียวจริงๆ”

   “เราย่อมเข้าใจเสด็จพ่อเช่นกัน แม้แต่เสด็จแม่เองยังเสียพระทัยไม่คิดไส้ศึกของไตรคานจักเป็นคนใกล้ตัวถึงเพียงนี้”
องค์ชายวายุภักษ์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงเศร้าหมอง ผักตบอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปกุมพระหัตถ์ของพระสวามีเพื่อปลอบประโลม

   “อย่าคิดมากสิครับ คนเราบางทีอำนาจก็ยั่วยวนให้หลงผิดได้ง่าย
ผมเพียงแต่อยากรู้..ทำไมพระปิตุลาถึงยอมหักหลังพวกพ้องของตนเอง”

   “เรื่องนี้มีสาเหตุ เสด็จลุงเป็นโอรสที่เกิดจากพระสนมของเสด็จปู่ หากไม่มีเสด็จพ่อ
เสด็จลุงคงได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ไปแล้ว เสด็จพ่อเคารพนับถือเสด็จลุงดั่งพระเชษฐาร่วมพระมารดาด้วยซ้ำ
ทั้งสองพระองค์สนิทกันตั้งแต่เล็ก ใครจะรู้ในพระทัยเสด็จลุง จักเคลือบแฝงความริษยาต้องการราชบัลลังก์
จนยอมร่วมมือกับพระปิตุลาเวฬุวรรณนคร ถึงขั้นยอมตกเป็นเครื่องมือให้เขาใช้สอย
แลกกับการได้เป็นกษัตริย์หากไตรคานกลายเป็นนครใต้อาณัติ เขาสัญญาจักแต่งตั้งเสด็จลุงเป็นกษัตริย์องค์ใหม่
ปลดเสด็จพ่อลงจากราชบัลลังก์แทน” องค์ชายไขข้อข้องใจให้ผักตบทราบในมูลเหตุ

   “เรื่องราวซับซ้อนทีเดียว แล้วองค์หญิงศศิธรล่ะ” ผักตบถาม

   “น้องหญิงคงเสียใจมาก เก็บตัวเงียบอยู่แต่ตำหนัก” พระองค์ตอบ

   “คุณจะไม่ไปเยี่ยมเธอหน่อยเหรอ เธอเหมือนเหลือตัวคนเดียวคงต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก” ผักตบแนะนำพระสวามี

   “เรารอเจ้าหายจากอาการแพ้ครรภ์เสียก่อน นี่เจ้าเพิ่งหายได้เพียงสองทิวา อย่างไรเสียเจ้าไปกับเราไหม”
พระองค์ชี้แจงพร้อมตรัสชวนผักตบ ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่คิดไปดูอาการหญิงอ้าย แต่เป็นเพราะว่าผักตบแพ้ท้องอยู่
ซ้ำเรื่องราวเพิ่งจบลงไปไม่กี่วันนี้เอง

   “ผมไม่สะดวกหรอก คุณไปให้กำลังใจเธอเถอะ ขืนเธอเห็นผมเข้า แทนที่จะหายเศร้าพานจะอาการหนักเพิ่มเปล่าๆ
ผมตั้งใจไปดูพี่ธารหน่อย แม่บอกพักนี้พี่สาวผมเธอดูไม่ค่อยดี ซูบเซียวผอมกว่าเดิม ไม่สดชื่นเหมือนคนกำลังป่วย
แต่เธอปากแข็งยืนกรานไม่ได้เป็นอะไร” ผักตบบอกเหตุผล

   “หลังพิธีอภิเษก เราไม่ได้พบพานองค์หญิงชลธารนานแล้วเช่นกัน มิได้ร่วมเสวยด้วยกันอีก
เช่นนั้นเราฝากเยี่ยมเยือนนางด้วย ข่าวร้ายล่าสุดองค์ชายธรณินพระคู่หมั้น ทรงเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงทิพย์เกสร
แห่งนครไอยรา ถือเป็นเรื่องเลวร้ายอยู่มิใช่น้อย สำหรับองค์หญิงชลธาร”
   องค์ชายวายุภักษ์ทรงตรัสด้วยความห่วงใย นับว่าพระญาติชายาของพระองค์ที่ใกล้ชิด
นอกจากแม่เล็กก็มีองค์หญิงผู้พี่ซึ่งเป็นฝาแฝดแล้ว

   “ครับ..ผมจะบอกเธอให้ คุณไปเถอะ ผมต้องไปแล้วเหมือนกัน”
ปิดท้ายต่างแยกย้ายไปเยี่ยมเยือนบุคคล ที่เป็นหัวข้อสนทนากันแล้ว

   “พี่ธารสบายดีหรือครับ” ผักตบถาม หลังเข้ามาภายในห้องนอนของแม่กับพี่สาว
ตอนนี้มีแต่องค์หญิงผู้พี่อยู่เพียงลำพัง ส่วนแม่เล็กเข้าเฝ้าพระมเหสี พักหลังสนิทกันจนไม่ยอมให้ห่าง

   “ข้าสบายดีหาได้เจ็บป่วยอันใด เจ้าเล่าเป็นเช่นไร อภัยด้วยที่ข้ามิได้ทำหน้าที่ดูแลเจ้าในยามป่วยไข้
คงรู้ข้าไม่สะดวกจักเข้าห้องบรรทมซึ่งเป็นที่พำนักขององค์ชายวายุภักษ์ กระนั้นข้ายังถามไถ่พระมารดาอยู่เสมอ
มิได้หลงลืมเจ้าแม้เพลาเดียว” องค์หญิงธาร ทรงรับสั่งกับน้องชายฝาแฝด

   “ผมหายแล้ว ไม่ต้องขอโทษขอโพยผมหรอก ผิดที่ผมทำพี่กับแม่ต้องเป็นห่วง
ที่จริงไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาสาหัสไม่ได้ป่วยไข้ เวียนศีรษะกับอาการไม่คงที่ของกระเพาะอาหารเท่านั้นเอง
   ตอนนี้หายดีแล้วครับ เป็นห่วงพี่มากกว่า พักนี้พี่ซูบผอมลงไปมาก ผิวพรรณหน้าตาไม่สดชื่นสดใสอย่างเคย
พี่แน่ใจไม่เป็นอะไรจริง” ผักตบวกถามเข้าเรื่องพี่สาวอีกครั้ง ด้วยความกังวลจากใจ

   “ข้าบอกเจ้าแล้วมิเป็นไร อาจเป็นเพราะเสวยน้อยไม่เจริญอาหาร ทั้งสถานที่พำนักสิ่งแวดล้อมมีผลเล็กน้อย
เจ้าอย่าได้กังวล ว่าแต่มาหาข้าด้วยเหตุนี้กระนั้นหรือ” องค์หญิงทรงตรัสถามถึงเหตุผลอื่น

   “ผมเป็นห่วง..เราไม่ได้พบหน้าหลายวันทีเดียว” ผักตบบอกตรงๆ

   “หึหึ! เจ้าเอาเพลามาห่วงใยข้าสวามีเจ้าเล่า มิเสด็จมาพร้อมเจ้า”
นางถามถึงองค์ชายวายุภักษ์ด้วยรู้สึกแปลกพระทัยไม่น้อย ยากที่สองคนนี้จักห่างกัน ทุกทีตัวติดกันตลอด
ได้ข่าวอนุชาประชวร พระสวามีแทบมิย่างกรายออกจากห้องบรรทมด้วยซ้ำ ยกเว้นเลี่ยงไม่ได้เมื่อมีราชการให้เข้าเฝ้า   

          “องค์ชายไปตำหนักองค์หญิงอ้าย” อีกฝ่ายทำพระพักตร์แปลกพระทัยในคำพูดเขา

   “เจ้ายินยอมให้พระสวามี ไปเพียงลำพังเยี่ยงนั้นหรือ”

   “เป็นไรครับองค์หญิงอ้ายกำลังลำบาก พี่ธารอย่าบอกผมเชียวนะ
ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเสด็จพ่อองค์หญิง ที่เป็นไส้ศึกให้พระปิตุลา” ผักตบหรี่ตาจ้องสบเนตรสวยพี่สาวอย่างจับผิด

   “ข้ามิปฏิเสธดอกย่อมรู้เช่นกัน ก่อนหน้าข้ามิอาจล่วงรู้ผู้ใดกันหรือ ที่พระปิตุลาทรงเลือกใช้ให้เป็นไส้ศึกในไตรคาน
บางเรื่องราวข้าก็มิอาจรู้ได้ เช่นเรื่องพระบิดาพระมารดาเราสองพี่น้อง ถูกปล้นราชบัลลังก์เยี่ยงไรเล่า”
องค์หญิงอธิบายให้พระอนุชาฟังอย่างมีเหตุผล

   “เรื่องนี้ผมไม่วางเฉยแน่ครับ ตั้งใจปรึกษาพี่ธาร พี่มีแผนหรือเปล่าทำให้เราสองคนเข้าวังหลวงได้
จากนั้นค่อยลงมือแก้แค้น ไม่ให้พระปิตุลาไหวตัวได้ทัน ทำได้ไหมครับ” ผักตบเสนอแนะวิธี

   “เจ้าคิดกระทำเยี่ยงไร” นางรับสั่งถามทันควัน

   “ผมแค่ต้องการกลับไป โดยไม่ประกาศตั้งตัวเป็นศัตรูพระปิตุลาอย่างโจ่งแจ้ง พี่ติดต่อขอรับผิดนำผมกลับไป
ทำยังไงก็ได้ให้ทางนั้นไว้ใจ ว่าเราไม่มาแก้แค้นเอาคืน ผมอยากกลับบ้านเกิดกับพี่
บอกเขาไปตามจริงผมไม่ถนัดปกครองบ้านเมือง ตามจารีตประเพณีที่นี่หรอก ผมเติบโตยังดินแดนที่วัฒนธรรมแตกต่าง
ขอให้ได้เหยียบแผ่นดินถิ่นกำเนิด แค่ได้รู้ว่าแผ่นดินนี้คือ ที่ซึ่งครอบครัวบรรพบุรุษของผมอยู่กันมา
พี่ธารพอทำได้ไหม แบบแนบเนียนไม่ให้พวกเขาคิดว่าเราหวังแก้แค้น ทำให้พวกเขาเชื่อว่าพี่สำนึกผิดแล้ว”
สีหน้าท่าทางผนวกแววตาของผักตบ ดูจริงจังหนักแน่นไม่เสแสร้งในคำพูดแต่อย่างใด องค์หญิงผู้พี่สำรวจอย่างระมัดระวัง

   “ข้าสามารถกระทำได้ เช่นนั้นเจ้าจักให้ข้าเริ่มดำเนินแผนเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วกระมัง
ว่าเจ้าพร้อมที่จะออกเดินทางยามใดกัน” ผักตบคลี่ยิ้มอย่างหล่อ หลังพี่สาวรับปาก

   “พี่เริ่มได้เลยครับ ผมพร้อมออกเดินทางไปกับพี่ทันที”

   “พระสวามีเจ้ายินยอมกระนั้น พระมารดาเล่าจักทำเยี่ยงไรดีหรือ” นางยังมิอาจคลายพระทัยต่อบุคคลที่กล่าวถึง

   “ไม่เป็นปัญหา ผมมีวิธีจัดการ” ผักตบรับคำ

   “ก่อนอื่น ข้าว่าเจ้าหาวิธีแก้ปัญหาของเจ้าเสียก่อนเถิด”

   “ปัญหาอะไรครับ” ผักตบถามทันควัน

   “ข้ารู้สึกสังหรณ์บางอย่าง แลมิชอบมาพากล เจ้าจักไปตำหนักองค์หญิงอ้ายพร้อมข้าหรือไม่ บางทีอาจมีคำตอบอยู่ที่นั่น”

   “ทำไมหรือครับ พี่มีอะไรบอกผมมาตรงๆ”
ถามด้วยรู้สึกตงิดใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว กับท่าทางมีลับลมคมในของพี่สาวฝาแฝด

   “ข้ามิอาจพลั้งวาจาอันใดไป นอกเสียจากเจ้าประจักษ์เอาเอง”

   “ถ้างั้นไปครับ พาผมไปตำหนักองค์หญิงอ้ายกันเลย ผมก็อยากรู้ว่ามีอะไรที่นั่น”
ผักตบตัดบท ก่อนจะลุกยืนรอคนชี้นำเป็นผู้พาไปตำหนักองค์หญิงศศิธร ซึ่งก่อนหน้าพระสวามีไปนานแล้ว

   ทั้งสองต่างดำเนินโดยไร้ผู้ติดตาม ผักตบสั่งห้ามไม่ให้องครักษ์หรือผู้ใดตามมาด้วย
โดยไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มบางเบาที่จุดขึ้นมุมโอษฐ์ ขององค์หญิงชลธารเลยแม้แต่น้อย

   “โปรดประทานอภัยเพคะ องค์หญิงไม่สะดวกต้อนรับผู้ใด ทรงมีรับสั่งห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนเพคะ”
นางกำนัลรีบเข้าสกัด ขัดขวางสองพี่น้องในทันที หลังแจ้งความจำนงว่าจักมาเยี่ยมเยือนเจ้าของตำหนัก

   “เป็นเช่นนั้นดอกหรือ ใยเราไม่ทราบมาก่อน เรารู้แค่ว่าก่อนหน้านี้องค์ชายวายุภักษ์
พระสวามีอนุชาเราเสด็จมาประทับที่นี่” องค์หญิงผู้เจนชั้นเชิง กลับมีรับสั่งดักทางนางไว้ได้อย่างทรงพระปรีชายิ่ง
   ยังผลให้นางกำนัลผู้รับบัญชาถึงกับหน้าถอดสี เรื่องที่ทรงตรัสล้วนเป็นความจริง แต่นางยังคงยืนกรานดื้อแพ่ง
มิให้เสด็จล่วงล้ำไปยังห้องบรรทม แม้จะรู้ว่าบุคคลตรงหน้ามีศักดิ์ฐานะใดก็ตาม

   “กระนั้นข้าพระองค์มิอาจทราบเพคะ คงเป็นข่าวโคมลอยกระมัง องค์หญิงของเรามิได้ต้อนรับผู้ใดในพระตำหนักเพคะ รบกวนพระชายากับพระพี่นางเสด็จกลับเถิดเพคะ ข้าพระองค์จักถวายรายงานองค์หญิงทราบ หากมีพระประสงค์อันใด
จักถวายรายงานทั้งสองพระองค์อีกครั้ง..เพคะ” ถือว่านางกำนัลผู้นี้ ทำหน้าที่ได้แข็งขันนัก

   “บังอาจ!..เจ้ากล้าโป้ปดมดเท็จต่อหน้าเรา กับพระชายาเชียวหรือ รู้หรือไม่มีโทษสถานใด”
พระสุรเสียงทรงตวาดจากโอษฐ์สวย ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ทำเอานางอกสั่นขวัญแขวนยืนเหงื่อตก
หน้าซีดปากสั่นไปแล้ว ด้วยไม่มีใครไม่รู้ถึงพลังฝีมือ ขององค์หญิงผู้ถือครองเทพมหาธาตุผู้นี้

   “เจ้าไม่อนุญาต คิดหรือเราจักยินยอม” รับสั่งเสร็จผายพระหัตถ์เรียกเทพมหาธาตุอัคคีตรึงนางเป็นหุ่นไปในพริบตา
จากนั้นไม่รีรอย่างบาทก้าวนำผักตบเข้ายังส่วนในของตำหนัก ดิ่งตรงไปยังห้องบรรทมประหนึ่งคุ้นเคยอย่างดิบดี
แทบไม่ต้องมองทางด้วยซ้ำ ว่าเลาะเลี้ยวมุมไหน ทรงใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ ทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิท
มีนางกำนัลรับใช้สนิทสองนาง เฝ้าหน้าประตูด้วยอาการใบหน้าแดงก่ำ ผิดปกติพอสมควรกับท่าทางหน้าขึ้นสี
เหมือนขวยอายอะไรกันอยู่ คำตอบไม่ต้องรอให้สืบ เสียงที่เล็ดลอดดังออกจากภายในห้อง

   “อ๊ะ!..อย่าซุกซนสิเพคะเสด็จพี่วายุ..อ้าหห์” ไม่รอช้า ผู้ที่ขมึงเนตรดุดันจนน่ากลัวยิ่ง
สายพระเนตรแดงเพลิงประหนึ่งโทสะลุกโหม ข่มขวัญพวกนางได้แต่ยืนตะลึงนิ่งค้าง
ไม่สามารถทัดทานห้ามปรามพระหัตถ์ขาวซึ่งเต็มไปด้วยพลัง เพียงสะบัดก็พังประตูให้เปิดผั๊วะ! ในทันทีทันใด

   “ว๊ายย!!..โอ๊ะ!..”
ภาพที่เห็น บนเตียงบรรทมขนาดใหญ่ องค์ชายวายุภักษ์ถูกคร่อมทับ ด้วยร่างแน่งน้อยบอบบางเจ้าของตำหนัก
อาภรณ์เนื้อบาง มีบางส่วนหลุดร่นจากลาดไหล่เนียน เปิดเปลือยผิวพรรณผุดผาดให้เห็น แม้จะยังไม่หลุดจากพระวรกาย
แต่ก็เพียงพอแล้วกับคำตอบที่เห็นกันโจ่งแจ้ง ว่าทั้งคู่กำลังปฏิบัติภารกิจอันใดอยู่

ผักตบนิ่งค้าง สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกหรือแสดงอาการใดๆ ผิดคาดในความนึกคิดขององค์หญิงชลธารนัก
ที่เห็นกิริยาพระอนุชาสงบเยือกเย็นน่ากลัวอย่างไม่มีสาเหตุ ส่วนพระองค์นะหรือ..ทั้งที่เตรียมพระทัยเอาไว้ล่วงหน้า
พอเห็นภาพหวาดเสียวกับสายพระเนตร ทำไมพระอุระด้านซ้ายเหมือนดั่งถูกฉีกกระชากแตกเป็นเสี่ยงๆ
ความรู้สึกนี้ช่างทรมานเจ็บปวดรวดร้าวสิ้นดี มิเคยคาดคิดสักนิดพระองค์ต่างหากคือผู้ที่เจ็บปวดกว่าใคร
เมื่อเห็นคาสายพระเนตรว่าสตรีงดงามที่เคยกกกอดสิเน่หาหลายราตรีก่อนหน้า กำลังอยู่ในอ้อมพระกรแกร่งของบุรุษ
ที่ขึ้นชื่อเป็นพระสวามีพระอนุชา แม้นจะเป็นแผนการที่เตรียมเอาไว้ แต่ไฉนพระองค์ร้อนรุ่มพระทัยยิ่งนักเล่า...

“ผักตบ..เจ้า..เจ้า” องค์ชายวายุภักษ์ รับสั่งกระท่อนกระแท่นไม่ปะติดปะต่อ ผุดลุกขึ้นประทับยืนสำรวม
ด้วยสภาพอาภรณ์ฉลองพระองค์ยับย่นพอสมควร พระพักตร์ซีดเผือดประหนึ่งนักโทษที่มีความผิดร้ายแรง
กำลังวิงวอนขอความเมตตาจากผู้พิพากษา

“ขออภัยองค์หญิงด้วยที่เข้ามาอย่างไร้มารยาท ขัดขวางภารกิจสำคัญ ไม่ให้ค้างคาเชิญต่อตามสบายเลยครับ”
พูดจบหันหลังออกจากห้องด้วยท่าทางนิ่งมาก ลำคอแกร่งตั้งตรงลาดไหล่ผายไม่มีงองุ้ม
สีหน้าแววตายากคาดเดาที่สุด ว่าคนพูดเสียใจผิดหวังหรือประชดประชันกันแน่
องค์ชายไม่รอช้ารีบผลุนผลันถลันตามออกไปในทันที

“เสด็จพี่เพคะ เสด็จพี่กลับมาก่อน” พระองค์ไม่สนใจหยุดรับฟังหรือหันวรกายกลับด้วยซ้ำ
แม้เสียงร่ำร้องอัสสุชลนองพักตร์สวย จะแลดูน่าสงสารสักปานใด เพลานี้ดวงหทัยของพระองค์
ทรงมุ่งมั่นอยู่เพียงผู้เดียวที่พระองค์ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้

“เจ้าทำสำเร็จแล้ว..น้องหญิง” สุรเสียงแผ่วโหย พร้อมวรกายทรุดฮวบยังพระเก้าอี้เหมือนสิ้นแรง
พระพักตร์อ่อนล้าอาดูร มิได้รู้สึกดีพระทัยในแผนการณ์ ที่ริเริ่มจากแนวความคิดของพระองค์เลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่องค์หญิงศศิธร ผู้ที่สมควรจะปรีดาในความสำเร็จตามพระดำรัสองค์หญิงผู้มอบโอกาสซึ่งหลุดลอยไป
ให้ยื้อแย่งกลับคืนด้วยการใช้เพทุบายสร้างความร้าวฉานเกิดขึ้น เห็นชัดว่าเรื่องนี้สำเร็จลงแล้ว
เหตุไฉนในความดีใจนั้น กลับมีหมอกควันบางอย่างที่ปกคลุมให้รู้สึกหดหู่อย่างไม่มีเหตุผล ยามสบดวงเนตรงามโศกสลด
ของผู้ที่ประทับนั่งประหนึ่งสิ้นเรี่ยวแรงพระกำลัง ร่างงดงามดูกระจ้อยร่อยบอบบางอย่างน่าสงสาร
องค์หญิงศศิธรมิอาจปฏิเสธได้ว่า สตรีตรงหน้ากำลังทำพระองค์ไขว้เขวอย่างหนัก
จนถึงกับตัดใจทอดทิ้งไม่ดูดายนิ่งเฉยได้เลย

“ท่านเป็นไรแล้ว ใยเป็นเช่นนี้” ทรงตรัสถามด้วยรู้สึกกังวล

“ข้าคงเจ็บป่วยแล้ว ขอพักสักครู่จักกลับตำหนัก” องค์หญิงธารทรงดำรัสตอบ

“อย่าได้กล่าวห่างเหินเยี่ยงนี้อีก” พระดำรัสปิดตาย ก่อนโอษฐ์อิ่มได้รูปสวย
จักแนบสนิทหยุดวาจาทั้งหลายทั้งมวลลงไว้แต่เพียงแค่นั้น....


มาตอนดึก หนังตาจะปิดแล้ว พรุ่งนี้มาต่ออีกตอนนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ หลับฝันดีทุกคน :mew2: :mew2:

ปล. ใครที่โอนเงินจองหนังสือ แล้วยังไม่ได้แจ้งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่
รบกวนส่งเมลล์แจ้งมาด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะที่อุดหนุนให้กำลังใจกันเสมอมา :pig4: :3123: :L1: :กอด1:





ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ต๊ายยยย มาจิ้มทันด้วยยยยย

ออฟไลน์ ||toxic-love||

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
โอ้ยยยยยยยยยยย ปวดตับบบบ TT

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

shisan

  • บุคคลทั่วไป
หวังว่าผักตบจะยังเชื่อใจองค์ชาย อย่าเพิ่งเข้าใจองค์ชายผิดน๊าาาาาาา    :m15:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
มาม่ามาแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เอาแล้วไง ตบเอ้ย! จะทำยังไงต่อไป
แกจะเล่นบทหึงแบบไหนอยากจะรู้จริงๆ (แต่ที่แน่ๆ องค์ชายคงไม่ได้ตั้งใจให้เกิด)
เครียดมากไม่ดีนะตบส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง
แล้วเรื่องที่จะไปเวฬุวรรณปรึกษาองค์ชายแล้วหรอ เดี๋ยวได้ทะเลาะกันอีก
เมื่อไร้จะรู้ตัวสักทีพี่ของผักตบเนี่ย เดี๋ยวจะตายเอานะ...

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ผ้กตบจะจัดการยังไงกับองค์ชาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เครียดมากไม่ดีนะผักตบ
เฮ้อแอบสงสารผักตบ

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
ผักตบจะทำยังไงต่อหนอ  :hao5:

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
แปะไว้ค่อยมาอ่าน---------แบบนี้ก็คงกลับเวฬุวรรณง่ายๆสินะ  ชลธารพระองค์รีบรู้ตัวในทุกเรื่องเร็วๆเถอะ  องค์ชายวายุรีบจัดการพระองค์นะพะย่ะค่ะ  ผักตบใจเย็นมากแต่ในใจคงร้อนรุ่มมากสิ  หญิงอ้ายทำไมรู้ตัวช้าจัง ขอบคุณพี่ลักษ์คัฟ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2014 07:41:01 โดย @Lucifer_Prince@ »

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
องค์ชายงานเข้าแล้ว

ผักตบจะทำยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ตบเอ้ยยย  :mew2:

ออฟไลน์ nuwi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :sad4: :sad4:มาต่ออีก :sad4:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
มีเรื่องจนได้ หวังว่าผักตบจะตามเกมทัน

มันละครหลังข่าวชัดๆ ตบอย่าหลงกล  :serius2:

บวกเป็ด

รอๆๆๆๆ

 :pig4:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ก็คอยดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าเหตุการนี้ทำให้ผักตบตัดสินใจหนีไปเวฬุวรรณแน่ๆเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ยินดีกับพระชายาและองค์ชายด้วยที่จะมีโอรสน้อยๆ แต่ก่อนอื่นคงต้องดราม่ากันก่อน เฮ้อ~

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อืมเจ้าชายวายุเอ๋ย เจ้าตายแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
องค์ชาย ไม่ง้อเมียด่วนเลย คนท้องยิ่งอารมณ์แปรปรวนง่ายๆ อยู่ ว่าแล้วว่าพี่แกต้องหลงกลอะไรเข้ามั่งล่ะ  :m31:

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 22...คืนสู่นครถิ่นเกิด
   



“แกแน่ใจแล้วหรือตบ ทำไมฮึ! หรือสาเหตุเป็นเพราะแม่
ทำให้ครอบครัวแกที่เพิ่งแต่งงานหมาดๆ ยังไม่พ้นเดือนแตกร้าวแบบนี้”
แม่เล็กถามลูกชายสีหน้าเคร่งเครียด เธอรู้สึกหนักใจมาก ผักตบบอกจะเดินทางไปเวฬุวรรณนครพร้อมชลธารพี่สาว
อ้างไปสะสางเรื่องราวที่ค้างคาให้เสร็จ ขอให้ได้ไปกราบพระศพผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่มีความผิดดังที่เคยเข้าใจว่าทอดทิ้งเขา
ในฐานะลูกชายสักครั้ง แม้จะมีเหตุผล แต่แม่เล็กก็ปักใจเชื่อสนิท เหตุผลที่แท้จริงมาจากพวกนางกำนัลซุบซิบ
ว่าลูกชายเธอไปเห็นเต็มตาว่า คุณสามีกำลังกกอดีตคู่หมั้นในห้องนอนของพระตำหนักเธอเอง..

“ทำไมแม่ถึงกล่าวโทษตัวเองครับ ผมกำลังงง” ผักตบงงจริงๆ

“อ้าว! ก็พ่อองค์หญิงที่แย่งผัวชาวบ้านนั่น แม่เป็นคนถ่ายคลิปเขาตอนกำลังวางยาพิษเองกับมือ
ไม่เพราะไอ้คลิปนี้หรอกหรือ ทำให้เขาถูกขับออกจากเมือง คนเป็นลูกก็คงหวังแก้แค้นเล่นงานคืนแล้วมั้ง”
   คำตอบของแม่เล็กเป็นสิ่งที่ผักตบคิดไม่ถึง เรียกว่าไม่ได้คิดนำมาเป็นประเด็นเลยด้วยซ้ำ
พอแม่พูดมาเขาพานอึ้งไปกับการตีความประยุกต์จนเป็นสาเหตุได้อย่างน่าทึ่ง

   “เรื่องนี้ผมไม่รู้ แต่แม่ไม่ผิดเสียหน่อย ไม่ได้แม่สิ..ตายกันเป็นเบือ”

   “โหย!..มันก็ใช่ จังหวะถ้าแกไม่ขอแม่ช่วยหาโทรศัพท์ จะประจวบเหมาะจ๊ะเอ๋หรือ แม่อุตส่าห์แอบซุ่มถ่ายไม่ให้รู้ตัว
แล้วเขารู้ได้ไงว่าเป็นฝีมือแม่เปิดเผยความชั่ว..หืม” ต่อเนื่องไม่หยุด ในประเด็นที่เกี่ยวพันอยู่

   “ไม่ใช่ครับ สบายใจได้ เหนือหัวไม่ได้เฉลยว่าใครเป็นคนถ่ายคลิป พระองค์จัดการปัญหาเอง
กรณีขององค์ชายกับองค์หญิง แม่อย่าลืมสิครับว่าเขาเคยเป็นคู่หมั้นกันมาก่อน จะว่าไปผมเสียอีกทำให้พวกเขาถอนหมั้น
ถ้าจะกลับไปรีเทิร์นก็คงไม่แปลก ในเมื่อองค์ชายของแม่เขาไม่ได้เป็นเกย์นี่ จะรักชอบผู้ชายได้นานแค่ไหน”
ผักตบพูดพร้อมกับรู้สึกผิดในใจไม่น้อย

   “อะไรของแก แล้วไอ้คำสาบถสาบานที่ให้ในพิธีอภิเษกซึ่งเล่าขานกันนักต่อนักว่าศักดิ์สิทธิ์ ทวยเทพประทานพรนั้นเล่า
ไม่มีผลเลยหรือไง หรือไอ้องค์ชายมันตอหลดตอแหลไปวันๆ ลิ้นไม่มีกระดูกพลิกเป็นว่าเล่น ไม่อยากเชื่อว่าแม่จะดูคนผิด
นึกแล้วผิดหวังไอ้องค์ชายระยำจริงๆ ให้ตายฉันอยากจะเอาปังตอไปเฉาะกบาลจริงเชียว”   ผักตบยิ้มแหย
หลังแม่ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง โมโหจริงจังแบบไม่เก็บอาการแล้ว แถมเรียกลูกเขยสุดสวาทขาดจิต..เป็นไอ้อีไปเรียบร้อย

   “แม่ครับ..อย่าไปอะไรกับเขาเลย ผมก็บอกแม่แล้ว ของแบบนี้เราต้องเตรียมใจไว้บ้าง แม่ก็รู้แม้แต่รุ่นปู่องค์ชายเอง
ยังมีสนมจนเกิดพ่อขององค์หญิงอ้าย หาได้มีผัวเดียวเมียเดียวเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นพี่น้องถึงกับคิดเข่นฆ่าชิงบัลลังก์กันหรือ เจ้าขุนมูลนายไม่เว้นกระทั่งกษัตริย์ ยันเหล่าราชนิกุลน้อยมากที่จะหยุดผัวเดียวเมียเดียวครับแม่”
ผักตบพยายามชี้แจง เพื่อลดทอนอารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดของแม่เล็ก

   “แต่ยังไงมันก็ได้แกเป็นเมียแต่ง เพิ่งจะผ่านมาได้อาทิตย์กว่าเองนิ ทำห่าไรไปจ้ำจี้กับเด็กเก่าอย่างนั้น
ไม่ไว้หน้ากันเลยสิแบบนี้ คอยดูฉันจะไม่มองหน้าไอ้ลูกเขยนรกนี่อีกเลย” สุดท้ายแม่เล็กก็ยอมลดลง
แต่กลับนึกชังน้ำหน้าลูกเขยไปเรียบร้อย ใครทำอะไรไม่ว่าแต่อย่าทำลูกข้า นี่คือคติที่แม่เล็กยึดมั่นถือมั่นมาตลอด
แก้วตาดวงใจของเธอคือผักตบ..

   “แม่ครับ..ตอนนี้แม่อาจจะโมโหเขา แต่อย่าลืมยังไงแม่ก็ต้องพบเจอองค์ชายอยู่ดี
ขืนหมิ่นพระเกียรติระวังจะมีอาญาเอานะ ผมไม่อยู่แม่ก็ต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าห่างพระมเหสีเป็นดีที่สุด
แม่ย้ายตำหนักไปพักกับพระองค์นะครับ ผมติดต่อขอพระองค์ไว้ให้แล้ว” ผักตบสรุป

   “ตกลงแกต้องไปจริงใช่ไหม ทำไมไม่เอาแม่ไปด้วย เราสองแม่ลูกไม่เคยห่างกันเลยนะตบ
ไม่คิดเหรอว่าแม่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟเป็นตายร้ายดี แม่ได้ร่วมทุกข์สุขกับแกก็ตายตาหลับ”
น้ำเสียงสั่นเครือของแม่เล็ก เบ้าตาเอ่อคลอน้ำรื้นขึ้นมา ค่อยร่วงแผละไหลร่องแก้มอย่างห้ามใจไม่อยู่
ผักตบเห็นแล้วสะเทือนใจสุดๆ

   “ขอโทษครับแม่ ผมทำให้แม่เสียน้ำตาโดยไม่สมควรเสียแล้วครับ” เขารีบคุกเข่ากราบแทบเท้าไม่มีลังเล
แต่เล็กจนโตไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่เขาทำให้แม่หลั่งน้ำตา รู้สึกผิดมหันต์ทันที

   “ลุกขึ้นเถอะลูก ตบไม่ได้ทำให้แม่ร้องเพราะผิดหวังหรอก เพียงแต่แม่ทำใจห่างแกไม่ได้”
แม่รีบโอบประคองไหล่แกร่งสองข้าง รั้งลูกชายที่รักที่ก้มกราบลุกนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม ในสภาพน้ำตายังนองแก้มไม่คิดปาดทิ้ง

   “ถ้าหากหนทางข้างหน้าผมกำหนดได้ จะไม่ลังเลพาแม่ไปกับผมเป็นอันขาด เป็นเพราะผมรู้สิ่งที่รออยู่มันอันตราย
ผมเกรงปกป้องแม่ไม่ได้ หากเขาหันมาเล่นงานแม่ เพราะรู้ว่าทำอะไรผมไม่ได้ แต่สามารถใช้แม่เป็นเครื่องมือบังคับผมได้
คิดว่าพวกเขาจะไม่ทำหรือครับ”
   เหตุผลของลูก ทำให้คนเป็นแม่มีสติทันที ผักตบพูดถูกลูกชายเธอมีเทพมหาธาตุคุ้มครอง
มีพลังหาผู้ต้านทานได้ยาก ขณะที่เธอเองเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดา จะกลายเป็นภาระให้ลูกห่วงหน้าพะวงหลัง
เป็นตัวถ่วงเสียเปล่าๆ ถ้าพวกมันใช้เธอเป็นตัวประกัน ลูกก็ตกที่นั่งลำบากแล้วทีนี้ ไม่มีทางที่ผักตบจะขัดขืนต่อต้านพวกมัน
ในเมื่อลูกรักกตัญญูต่อเธอมาก มีหรือจะไม่ยินยอมทำตามเงื่อนไขของพวกมันได้หนอ..

   “แม่เข้าใจแล้ว มาถึงขั้นนี้..แม่คงได้แต่อวยพรแล้วเนอะ!”
คำพูดแบบปลงตกของคนเป็นแม่ รู้นิสัยลูกชายดี..บทจะรั้นก็ไม่มีใครทัดทานได้

   “พรของแม่ เป็นสิ่งประเสริฐถือเป็นพรชัยของผมแล้วครับ” ลูกก้มกราบลงบนตักอย่างนอบน้อม
ปล่อยเธอลูบหัวพร้อมกับอวยพรให้ แม่ซึ่งทะนุถนอมเลี้ยงดูด้วยหัวใจรักอย่างบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว..พรชัยย่อมศักดิ์สิทธิ์

   “แม่ขอให้ตบประสบชัยชนะต่อศัตรู ข้อให้แคล้วคลาดอุปัทวเหตุ เภทภัยอันตรายที่มองเห็นได้มองไม่ได้
ทั้งหลายทั้งปวงให้พ่ายแพ้ราบคาบแก่ลูกของแม่ ขอให้พรที่แม่มอบให้ตบ เปรียบเสมือนกงจักรสรรเพชรของพระนารายณ์
ทำลายล้างอริราชศัตรูให้พินาศ..เทอญ” พรชัยที่แม่เล็กกำหนดจิตอย่างสงบ ประสาทแก่ผักตบด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจแน่วแน่
สิ่งเดียวที่เธอสามารถมอบให้ลูกได้ คือประกาศิตจากพรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หวังว่ากุศลบุญที่เธอทำมาแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ
จะส่งผลดลบันดาลให้พรของเธอ เป็นเกราะเพชรคุ้มครองผักตบได้ด้วย

“สาธุครับ” ผักตบกราบรับคำพร ก่อนสองแม่ลูกจะกอดกันกลม ถือเป็นการล่ำลากันเป็นส่วนตัว
เพื่อเตรียมเดินทางออกจากไตรคานมุ่งสู่เวฬุวรรณนคร โดยชลธารพี่สาวติดต่อขอกลับเป็นที่เรียบร้อย
จากนี้สองแม่ลูกก็จะไปส่งกันยังประตูเมืองอีกครั้ง โดยที่นั่นยังมีเหนือหัวพร้อมด้วยพระมเหสี พระปิตุลารวมทั้งขุนนางอำมาตย์
เตรียมส่งเขาเช่นกัน ยกเว้นคนบางคนที่เจอหน้าครั้งสุดท้ายสองวันก่อน ได้พูดคุยทำข้อตกลงกันเรียบร้อย
จากนั้นก็หายต๋อมหนีไปเก็บตัวยังที่พำนักมหาโหรา  ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกวิชาให้เจ้าชายบำเพ็ญศีลแล้ว
ด้วยรู้สึกผิดต่อการกระทำที่ลุ่มหลงลืมองค์ชั่ววูบ จนไม่กล้าสู้หน้าใครแม้แต่เหนือหัวและพระมเหสีผู้เป็นพระบิดาพระมารดา
ยังทรงตำหนิพระองค์ด้วยเช่นกัน กระนั้นก่อนจาก ได้พูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย มาพร้อมความห่วงใยที่อีกฝ่ายมอบให้เขา

“เจ้าเปลี่ยนใจได้หรือไม่ อย่าได้ทำเยี่ยงนี้..เจ้าจักลงโทษเราเช่นไร เรายินดีรับทัณฑ์ทรมานเป็นการตอบแทน
เราทำให้เจ้าผิดหวังตัวเราแล้ว เยี่ยงไรเจ้าควรนึกถึงทารกในครรภ์บ้างเถิด โอรสของเราจักเป็นเช่นไร
หากต้องไปผจญกับพระปิตุลา” ผักตบรู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย กับพระดำรัสระทดท้อที่พระองค์ทรงตรัส
พร้อมสายพระเนตรเศร้าสร้อยสำนึกผิดทรงมีเจตนามอบให้เขาอย่างยอมจำนน

“ผมไม่เปลี่ยนใจครับ ระยะห่างที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ เป็นช่วงเวลาให้เราสองคนได้ไตร่ตรอง
คุณเองก็จักได้เรียนรู้ทำความเข้าใจด้วย อนาคตข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้คุณรับปาก
ดูแลแม่ผมให้ด้วยได้หรือไม่ อย่าให้แม่ผมต้องรับความลำบากกายใจ เพียงเท่านี้ที่ผมอยากขอร้อง”
ผักตบกลับใจแข็งเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก กระทั่งองค์ชายวายุภักษ์ยังหมดหนทางเหนี่ยวรั้งให้เปลี่ยนใจ
พระชายาของพระองค์ลองตัดสินใจไปแล้วไม่มีใครทัดทานได้จริงๆ พระองค์หมดสิ้นปัญญาเกลี้ยกล่อมเสียแล้ว
หลังได้ทดลองใช้ทุกวิถีทางมาจนหมด

“เมื่อเจ้ายืนกรานหนักแน่นเยี่ยงนี้ เราคงไม่มีหนทางใดสามารถเปลี่ยนความตั้งใจเจ้าได้
ตลอดสามทิวาเราตามขอร้องเจ้าโดยไม่มีว่างเว้น ไม่นึกเจ้าจักใจแข็งดุจหินผา เรื่องที่เจ้าขอร้องเรามิจำเป็นดอก
ต่อให้เจ้าไม่เอ่ยวาจา เรามิอาจเพิกเฉยพระมารดาเจ้าแน่ เสด็จแม่ทรงโปรดนางยิ่งกว่า มิมีทางให้พบกับความลำบากดอก
วางใจเถอะถ้าเป็นเรื่องราวเหล่านี้แล้ว มารดาเจ้าย่อมได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษ”
พระองค์รับคำตามที่ผักตบร้องขอ ด้วยพระทัยอาดูรเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
มิปิดบังสายพระเนตรและความรู้สึกส่วนลึกแต่ประการใด ผักตบใช้วิธีเลี่ยงที่จะไม่สบตาด้วย
เพราะรู้ดีว่า..อาจเผลอใจอ่อนให้ได้

“ถ้าอย่างนั้นผมก็หมดห่วง คุณก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
สิ่งเดียวที่เขาจะย้ำเตือนอีกฝ่าย สภาพที่เห็นในตอนนี้ตรอมตรมผิดหูผิดตา

“เราคงไม่อยู่รอคอยจนถึงวันส่งเจ้าเดินทางดอก เราจักขอใช้เวลาทบทวนการกระทำที่พลั้งเผลอ
ยังที่พำนักพระอาจารย์ มีเพียงที่นั่นช่วยให้เราได้ใช้สมาธิมีสติไตร่ตรองทุกสิ่ง หากเรายังคงฝืนพำนักในวัง
รังแต่เห็นภาพของเจ้าในทุกเพลาที่อยู่ร่วมกัน กลับสร้างความทรมานแก่เราแล้ว”
ผักตบฟังแบบนี้ถึงกับสะอึก หัวใจปวดแปล๊บเหมือนมือไร้สภาพขย้ำบีบให้แตกสลาย
ใช่ว่าการที่เขาเลือกทำแบบนี้จะไม่รู้สึกอะไรเลย ตรงข้ามเขาเองก็ทรมานไม่ต่างกัน เพียงแต่ต้องมีคนยอมเสียสละ

“ครับ..ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย อย่าทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ลำบากพระทัย มันจะเป็นบาปกรรม”
ผักตบไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนตรงหน้า
นอกจากอ้างบาปกรรมและความรู้สึกของคนที่รักองค์ชายขึ้นมาแทน

“แล้วเจ้าเล่า ยังรักห่วงใยเราอยู่หรือไม่” พระองค์รับสั่งถามมาเฉย สายพระเนตรรอคอยคำตอบอย่างจดจ่อ

“ผมไม่เคยโกหกตัวเอง ทุกสิ่งที่ผมทำมันคือคำตอบ”
เขาไม่ยอมพูดความรู้สึกออกไปตรงๆ นอกจากให้อีกฝ่ายนำไปขบคิดเอาเอง

“เอาเถิดนอกจากเจ้าจักใจแข็งแล้ว วาจากลับหนักแน่นดุจขุนเขาไม่ต่างกัน การเดินทางครั้งนี้ต้องรอนแรมหลายราตรี
เจ้าซึ่งไม่เชี่ยวชาญการบังคับม้าคงลำบากมากแล้ว เราจักมอบไต้ฝุ่นเป็นพาหนะคู่กายเจ้า
พร้อมด้วยพี่เลี้ยงที่ดูแลไต้ฝุ่นให้แก่เรา คนผู้นี้นอกจากสามารถดูแลไต้ฝุ่นให้เชื่อฟังไม่พยศแล้ว
ก็มิมีผู้ใดที่อาชาของเราจะยอมลงให้อีก สำคัญเรามีบุคคลที่ไว้วางใจเพียงสองคน
หนึ่งคือกลกะลา อีกคนคือพยัพนนท์คนเลี้ยงอาชาของเราผู้นี้แล้ว หากมีพยัพนนท์ไปกับเจ้า เราจึงจักเบาใจได้บ้าง”
แม้พระองค์จะไม่สามารถทัดทานห้ามปราม ให้พระชายาเปลี่ยนพระทัยกับการมุ่งมั่นในครั้งนี้
แต่พระองค์ก็สามารถที่จะส่งคนสนิทไว้ใจได้เป็นผู้อารักขาทั้งอาชาคู่บารมี และพระชายาของพระองค์เองแล้ว

“ครับ..ถ้าเป็นความต้องการของคุณ ทำแล้วสบายใจผมยินดีรับ”
ทั้งหมดคือการพูดคุยกันครั้งสุดท้าย โดยพระสวามีของเขามอบไต้ฝุ่นเป็นพาหนะสำหรับเดินทาง
พร้อมคนเลี้ยงม้าที่ผักตบแน่ใจคงไม่ใช่แค่มีฝีมือเลี้ยงม้าเพียงอย่างเดียว
แน่นอนไต้ฝุ่นเป็นม้าที่ไม่มีใครบังคับได้นอกจากองค์ชายวายุภักษ์
คงต้องมีคนเลี้ยงคอยดูแลคุ้นเคยจนยอดอาชายินยอมลงให้ไม่พยศ นั่นคือพยัพนนท์ผู้นี้นี่เอง

“แม่ครับ..เก็บปืนเอาไว้อย่าให้ห่างตัว พกติดตัวตลอดนะครับแม่ ฉุกเฉินเกิดอะไรขึ้น
ยังสามารถให้แม่ไว้ป้องกันตัว ลูกกระสุนผมใส่รังเพลิงไว้ให้แล้ว ส่วนลูกสำรองคงไม่ต้อง 20 นัด น่าจะไม่น้อยแล้วมั้ง”
ผักตบยังมีอารมณ์ขันปิดท้าย ขณะรวบมือแม่ยัดเยียดปืนพกสั้นไฮเทคให้แกมบังคับ

“เหอะ!..ดีเลย คนแรกที่ฉันจะยิงหัวแบะ คือไอ้ผัวตัวดีของแกเลย นี่ขนาดเมียจะเดินทางแล้วยังไม่เห็นหัว ไม่รู้ใจดำถึงไหน”
แม่เล็กยอมรับปืนไว้ เธอไม่ใช่พวกขี้ๆ ที่ยิงปืนผาหน้าไม้ไม่เป็น แต่ไม่ลืมบ่นเป็นหมีกินผึ้งด่าทอลูกเขยอีกตามเคย
จากเขยรักกลายเป็นเขยเขม่นไปแล้ว ผักตบได้แต่ภาวนาไม่ให้เลวร้ายสาหัส กลายเป็นศึกแม่ยายกับลูกเขยตามตำราไป

“ช่างเขาเถอะครับ อย่างที่ผมบอกเขาคงทำใจลำบากพอสมควร” ผักตบพยายามหาข้อแก้ตัวให้อีกฝ่าย
ไม่อยากให้ติดลบในสายตาแม่มากไปกว่านี้แล้ว อย่างน้อยครั้งหนึ่งองค์ชายวายุภักษ์ เคยเป็นฮีโร่ในใจแม่เล็ก

“มีหน้ามาแก้ต่างให้มันอีก” แม่เล็กค้อนเสียขวับใหญ่

“ยังค้อนสวยเหมือนเดิมเลยแม่” เป็นจุดที่ลูกชายอาศัยหยอกแม่ให้อารมณ์ดี
ยังไงจะจากกันแล้ว อยากเห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะของแม่เป็นการทิ้งท้ายมากกว่า 

“เชอะ..คนมันสวยไม่ต้องค้อน ต่อให้แลบลิ้นปลิ้นตาก็สวยอยู่ดี” แม่เล็กยอมบ้าจี้เล่นตามลูก
เพราะรู้เจตนาของผักตบ ในที่สุดสองแม่ลูกก็จ้องหน้ากัน แล้วระเบิดเสียงหัวเราะสมความต้องการ 

“ฮะฮ่าๆ..อย่างนี่สิค่อยเป็นแม่เล็กปากตลาดของผม”

“ฮะฮ่าๆ นี่แกกำลังหลอกด่าแม่นะไอ้ตบ..ไอ้ลูกเวร” เสียงหัวเราะและด่าทอที่เต็มไปด้วยความสุขของสองแม่ลูก
ในวันที่ลูกชายต้องเดินทางจากไกลเป็นครั้งแรก ซึ่งสองแม่ลูกไม่เคยต้องห่างกันแบบนี้...
>
>
   “ในฐานะที่เจ้าเป็นสุณิสา พระวรชายาวารีอรรณพโอรสเราไปแล้วมิมีอันใดที่เราจักไม่เสียใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
กระนั้นเรากับพระมเหสีก็มิสามารถห้ามปรามต่อการตัดสินใจของเจ้าในครั้งนี้ ได้แต่หวังให้เจ้าเปลี่ยนใจในเร็ววัน
มิว่าจักเกิดเหตุใด..เจ้าคือโอรสของเราเสมอ” พระดำรัสอบอุ่นอ่อนโยน
เต็มไปด้วยความห่วงใยของเหนือหัว ทำใครต่อใครตื้นตันไปด้วย

“เราเองก็เช่นกัน ขอทวยเทพคุ้มครองปกปักรักษาให้เจ้าปลอดภัย อย่าได้กังวลในมารดา
เราจักดูแลนางมิให้ได้รับความลำบากอันใดเลย” พระมเหสีทรงตรัสบ้าง
ท่ามกลางเหล่าเสนาอำมาตย์ที่มาร่วมส่งเสด็จพระชายาเดินทาง ต่างยืนสำรวมกิริยาใบหน้าหมองเศร้าไปตามกัน
แม้ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ที่ผักตบได้คลุกคลีร่วมทุกข์สุขด้วย กลับได้รับการเทิดทูนยกย่องจากผู้คนไปจนหมดใจ

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะ ผมจะรีบกลับในเร็ววัน” เป็นประโยคเดียวที่เขาสามารถเอ่ยออกมาได้
พร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้ ให้ทุกผู้คนชื่นชมในจริยวัตรงดงามถ่อมองค์ของพระชายา

“อย่าทำให้ผู้ใดต้องกังวล ทุรนทุรายเจ็บปวดกายใจนัก เราผู้เฒ่าบังอาจแนะนำพระองค์แล้ว
กระนั้นสิ่งสำคัญอย่าได้พลั้งเผลอถอดแหวนมรกตออกจากดัชนีเป็นอันขาด ขอทวยเทพคุ้มครองพระองค์ด้วยเทอญ”
มหาโหราผู้เฒ่าเป็นผู้กล่าววาจาในลำดับต่อมา ผักตบยกมือไหว้นอบน้อมไม่ต่างที่ได้กระทำต่อองค์เหนือหัวและพระมเหสี
เขาเคารพนับถือผู้อาวุโสท่านนี้ ประหนึ่งพระอาจารย์ของตนเองเช่นเดียวกัน

ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  2  -




“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..พระชายาทรงพระเจริญ”
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญจากผู้ที่ร่วมขบวนส่งเสด็จด้านหน้ากำแพงวัง โห่ร้องเสียงดังขึ้น

องค์หญิงชลธารทรงยอบกายถวายพระพรเหนือหัวกับพระมเหสี พร้อมรับพระดำรัสประทานพรจากสองพระองค์เช่นกัน
ผักตบอำลาแม่เล็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวไปยังอาชาสีดำสนิทไม่มีสีอื่นใดแซมให้เห็น
แถมรูปร่างสูงใหญ่กว่าม้าใดในหมู่เดียวกันด้วย ระหว่างเดินผ่านพาหนะคู่บารมีของพี่สาว
ซึ่งมีองค์หญิงคู่กรณีประทับยืนใกล้ นางตรัสขึ้นทำให้เท้าเขาต้องชะงักนิ่งกับที่ ยอมหันกายไปประจันด้วย

“เรามิบังอาจขอรับการอภัยจากเจ้า กระนั้นยังหวังว่าสิ่งใดที่เราได้กระทำไป
ขอให้เจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธเจ้าพี่วายุภักษ์เลย ล้วนเป็นเราแล้วที่ใช้เพทุบายกับเจ้าพี่
หากเจ้าจักโทษผู้ใดย่อมเป็นเราแต่เพียงผู้เดียว”
ผักตบไม่ตอบคำ เพียงแต่ส่งยิ้มไมตรีให้เธอแทน ไม่ทั้งรับคำหรือปฏิเสธสิ่งที่เธอบอกแก่เขา
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรตอนนี้ ในขณะพี่สาวของเขากับเธอดูอาวรณ์ต่อกันมาก ต่างอำลาอ้อยอิ่งใช้เวลาเป็นพิเศษ..

“ถวายบังคม..พะยะค่ะ” ชายหนุ่มร่างกำยำสูงใหญ่ หน้าตาชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครกล้ามอง
เข้าขั้นอัปลักษณ์ขี้เหร่สุดๆ ขรุขระเหมือนคนเป็นโรคเรื้อนตะปุ่มตะป่ำ
จนองคาพยพบนใบหน้าผิดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ยืนอยู่ข้างไต้ฝุ่นม้าทรงพลังงดงามมีเสน่ห์
เหมือนอาชาสวรรค์กับอสูรในโลกปีศาจไม่ผิดเพี้ยน มิน่าไม่มีใครชายหางตาแลมาทางนี้เลยสักคน

“ตามสบายเถอะ คุณคงเป็นพยัพนนท์ผู้คอยดูแลไต้ฝุ่นแล้วสินะ”
ผักตบเข้าใจทันที ว่าผู้ที่ค้อมศีรษะทำความเคารพเขาเป็นใครไปไม่ได้

“พะยะค่ะ..ข้าน้อยนามพยัพนนท์ มีหน้าที่ดูแลไต้ฝุ่นร่วมเดินทางไปกับพระชายาด้วย..พะยะค่ะ”
ผักตบพินิจพิจารณาใบหน้าเป็นที่รังเกียจของผู้คนจริงๆ อะไรจะอัปลักษณ์ปานนี้
ถึงว่าทำไมไม่เคยพบหน้าคาตาคนสนิทผู้นี้ขององค์ชายวายุภักษ์ เพราะมีสภาพแบบนี้นี่เอง..คงเก็บตัวแล้ว

“ถ้างั้น..ไปกันเถอะ” อีกฝ่ายน้อมรับพระบัญชา ก่อนตั้งท่าคุกเข่า ผักตบรีบร้องห้ามทันที

“เดี๋ยว!..คุณกำลังทำอะไร” ฝ่ายที่กำลังจะคุกเข่า ถึงกับหยุดชะงัก ก้มหน้าตอบกลับมาในทันที

“ข้าน้อยจักเป็นแท่น ให้พระชายาวางพระบาทบนแผ่นหลังขึ้นขี่ไต้ฝุ่นพะยะค่ะ”
คำตอบที่ได้ผักตบอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนนี้องค์ชายวายุภักษ์รวบเอวเขายกขึ้นนั่งประหนึ่งก้อนสำลี
เขาถึงนั่งหลังม้าศึกซึ่งมีความสูงขนาดนี้ได้โดยไม่ลำบาก

“เห้ย! ไม่เป็นไรไม่ต้อง..ผมขึ้นได้” หางคิ้วพยัพนนท์กระตุกเบาๆ

“ไม่ต้องลำบากคุณหรอก” พูดจบ ผักตบค่อยกำหนดจิตเรียกใช้พลังเทพมหาธาตุวายุ
ยกตัวเขาลอยขึ้นนั่งหลังม้าไต้ฝุ่นได้อย่างนุ่มนวล การกระทำดังกล่าวอยู่ในสายตาผู้คนที่ร่วมส่งเสด็จ
พลอยชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระชายาพระองค์นี้
แม้แต่ผู้หวังดีเดิมทียอมใช้แผ่นหลังของตนให้เขาเหยียบขึ้นหลังม้า ก็รู้สึกเช่นเดียวกับคนเหล่านั้น

“ออกเดินทางเถอะครับ..พี่ธาร” ผักตบยอมเสียมารยาทเร่งพี่สาว
รอจนขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นหลังม้าแต่อย่างใด พอถูกพระอนุชาเร่งรัดองค์หญิงต่างแดนจำต้องตัดใจอำลา
หันพระวรกายเหวี่ยงวรองค์ขึ้นหลังอาชาคู่พระทัย ทิ้งสายพระเนตรอ้อยอิ่งครั้งสุดท้าย ค่อยกระตุกบังเหียนควบนำออกไปก่อน

ส่วนผักตบไม่ต้องบอกว่าเขาจะควบขี่ไต้ฝุ่นได้ยังไง คนเลี้ยงม้าร่างใหญ่หน้าตาขี้เหร่ดุจอสูรขี่ม้าอีกตัว
 แล้วเป่าปากหวีดวิ้วไต้ฝุ่นก็ห้อตะบึงตีคู่ไปกับม้าของคนเลี้ยงอย่างรู้ใจกัน
แบบนี้นี่เองที่องค์ชายวายุภักษ์มอบทั้งม้าทั้งคนให้ผักตบในการเดินทาง
หากไม่ทำแบบนี้ให้เขาแล้วล่ะก็คาดว่าคงกลายเป็นภาระที่สร้างความลำบากไม่น้อยทีเดียว

การเดินทางของผู้ถือครองเทพมหาธาตุยิ่งใหญ่ เริ่มต้นรอนแรมไปในทะเลทรายเพื่อมุ่งสู่เวฬุวรรณนคร
หลายคนอาจมีคำถามใยผักตบไม่ใช้เทพมหาธาตุลอยตัวไม่ง่ายกว่าหรือ ถ้าทำได้เขาคงทำไปนานแล้ว
อย่างที่รู้การใช้เทพมหาธาตุมีข้อจำกัด ขืนเรียกใช้จนหมดกำลัง จะกลายเป็นปัญหา เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดีแล้ว..

“หยุด! ท่านแตะต้องข้าไม่ได้” กลกะลาตวาดห้ามองค์ชายธรณิน
หลังอีกฝ่ายบุกมายังที่พำนักของเขา ซึ่งคือห้องภายในตำหนักองค์ชายผู้นี้

“ทำไม..ใยข้าแตะต้องเจ้าไม่ได้ เจ้าเป็นเชลยของข้า
ที่ผ่านมาข้าจำต้องทบทวนให้เจ้ารับรู้หรือไม่ ข้าแตะต้องเจ้ามากครั้งเพียงใดแล้ว”
พระองค์เริ่มคุกรุ่นโทสะ หลังโดนองครักษ์หน้านิ่งตวาดห้ามเสียงกระด้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้ทุกครั้งอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจ แต่พักหลังก็โอนอ่อนไม่ขัดขืนต่อต้านแลกระด้างกระเดื่องเลยสักครั้ง
มากสุดแค่ขมึงตาดุเข้าใส่ หรือไม่ก็ต่อขานพระองค์พอสมควร แต่หนนี้ดูห้วนมากลูกตาคมดูจริงจังไร้ไมตรีฉายชัด
ผู้สัมผัสได้พลอยวูบโหวงพระทัยในทันที

“ย่อมแตกต่าง เพลานี้ท่านหาได้ไร้พันธะอันใด ท่านมีชายาที่ต้องคอยดูแล
จักกระทำการวุ่นวายกับข้าเช่นเคยย่อมไม่สมควรยิ่ง” กลกะลาแจงเหตุผลให้ยุพราชหัวดื้อเลือดร้อนฟัง
โดยอีกฝ่ายหาได้ยอมรับเหตุผลไม่

“แล้วเยี่ยงไรเล่า มีชายาใช่เป็นข้อห้ามมิให้วุ่นวายเจ้าเสียหน่อย
บูรพกษัตริย์ไม่นับราชนิกุลมากหลายต่างมีชายามีสนม นางสนองบำเรอมิได้ขาดอยู่มิใช่น้อย
ข้าจักมีเจ้าซึ่งเป็นเชลยที่ข้าจับได้สักคน..จักเป็นไรไป” พระองค์ทรงดำรัสเข้าข้างตนเองเสียเช่นนั้น

“จักเป็นผู้ใดก็แล้วแต่ ท่านใช้สนองตัณหาเถิด ยกเว้นข้ามิยินยอม ให้ท่านใช้งานอีก
ข้าจักไม่ร่วมสนองตัณหาน่ารังเกียจเยี่ยงนี้เป็นแน่” วาจาเผ็ดร้อนโต้ตอบไม่ลดละ
ครั้งนี้ดูจริงจังหนักแน่นกว่าการปฏิเสธครั้งไหนๆ

“หึ่ม!!..เจ้ามีสิทธิ์อันใดเรียกร้องกระนั้นหรือ” พระองค์เริ่มโทสะพุ่ง การที่จักทรงปลีกเวลาให้ว่างมาหาเชลยผู้นี้ได้
ต้องใช้ความสามารถมากน้อยแค่ไหน ที่จะหลีกหนีปัญหาต่อรองแลกเปลี่ยนพระปิตุจฉา
แต่พอมาพบหน้ากลับต้องถกเถียงไร้สาระแบบนี้

“ท่านมิต้องตอกย้ำข้า สิทธิ์อื่นใดข้าอาจไม่มีเหลืออยู่ กระนั้นสิทธิ์ของการกำหนดชีวิตตนเอง
ข้าเชื่อว่ามิมีผู้ใดช่วงชิงไปได้ หากท่านบีบคั้นข้าอีก ข้าจักปลิดชีพตนเองทันที”
คำขู่นี้มิใช่องครักษ์หนุ่มจะพูดเล่น เพื่อชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เขาคิดแบบนี้จริงๆ

“จะ..เจ้า..เจ้ากล้าขู่เข็ญข้าเช่นนั้นหรือ ลองดูเจ้าจักสามารถปลิดชีพได้เยี่ยงไรกัน
หากข้าใช้เทพมหาธาตุบังคับกายเจ้ามิให้เคลื่อนไหวหืม” พระองค์ไม่ทรงยอมแพ้อ่อนข้อต่อคำขู่เช่นกัน
ต่างฝ่ายต้องจับจ้องมองกันอย่างรอดูว่าใครจะเหนือกว่า

“ข้ามิได้ข่มขู่ แต่จะกระทำจริง ท่านอาจใช้เทพมหาธาตุบังคับข้า แต่ท่านมิได้บังคับข้าได้ทุกเพลา
ยามใดที่ท่านคลายพลังคืนอิสระ ข้าจักไม่รีรอกระทำดังลั่นวาจาไว้แน่ ด้วยเกียรติของนักรบ..ข้าขอสาบาน”
กลับเป็นองค์ชายธรณินสิ้นหนทางโต้ตอบ แววตาดื้อดึงจริงจังของกลกะลาให้สัญญากับพระองค์
ถ้าทรงกระทำเขายอมตายหลังจากนี้

“เจ้าต้องการสิ่งใด ใยถึงต่อร้องกับข้า”
พระองค์ตัดสินพระทัยเป็นฝ่ายถอยร่นเสียเอง เมื่อรู้ว่าครั้งนี้พระองค์โดนคว่ำหมากทั้งกระดาน

“ไม่ต้องการสิ่งใด เพียงท่านไม่ยุ่งวุ่นวายกับข้าอีก” เอ่ยวาจาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในอกซ้าย
อย่างไม่สามารถบังคับได้ เขารู้คำตอบในใจตนเองแล้ว อาการที่เกิดขึ้นจนแทบกระอักโลหิตเป็นผลมาจากสาเหตุใด
ตั้งแต่รู้ข่าวการเข้าพิธีอภิเษกกะทันหัน ของผู้ที่ประทับเบื้องหน้า  โดยถูกปิดบังมาตลอด
จนเหล่านางกำนัลหยิบยกมาพูดแล้วเผอิญไปได้ยิน จนรู้ว่าอีกฝ่ายหายไปตั้งหลายวัน
เพราะเตรียมเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงทิพย์เกสรแห่งนครไอยรานั่นเอง..

เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับมานอนนิ่งบนเตียงในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่
ลืมการทานอาหารไปกี่มื้อ นอนอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้ลุกมากี่วัน กว่าจะมีแรงกายแรงใจ
ต้องใช้ความพยายามบอกตัวเองให้สะกดกลั้น ‘ตัดใจ’ กี่ร้อยกี่พันครั้ง ในเวลาที่เขาตั้งหลักได้
อีกฝ่ายจู่โจมแบบนี้สิ่งที่พยายามทำมามีสิทธิ์ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เขาไม่พร้อมเผชิญกับความทุกข์ทรมานเหมือนเช่นคืนวันที่ผ่านมาอีกแล้ว
ไม่มีใครช่วยแบ่งเบาความทุกข์ตรมที่เกิดขึ้นได้ หากต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดที่ไม่รู้วิธีรักษา
เขายอมตายเสียดีกว่า นี่คือความนึกคิดที่เป็นหนทางออกในฐานะเชลยศึก ซึ่งมีทางเลือกไม่มากนัก
หรือพูดให้ถูกไม่เหลือทางเลือกอื่นใดด้วยซ้ำ

“เจ้าเป็นผู้เดียวที่กล้าใช้ความตายมาข่มขู่ข้า หรือเป็นเพราะเจ้ารู้ว่าข้าเมตตาเจ้าเป็นพิเศษ
มิยินยอมให้พลีชีพตายไปต่อหน้ากระนั้นหรือ  ถึงได้ใช้วิธีนี้มาต่อรองไม่สิ้นสุด”
พระสุรเสียงแหบโหย แฝงแววตัดพ้อที่แม้แต่กลกะลาเองก็คิดไม่ถึงว่า องค์ชายผู้นี้จักดำรัสออกจากโอษฐ์ด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่อาจบิดเบือนปฏิเสธต่อสิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้า ว่าองค์ชายธรณินทรงกระทำขึ้นแล้วจริงๆ

“ใยท่านสนใจความเป็นตายข้าด้วย ข้าก็เพียงเชลยศึกที่บังเอิญพลาดท่าให้ท่านควบคุมกักขัง
หามีประโยชน์อื่นใดไปกว่านี้ ท่านเห็นแล้วไตรคานนครมิได้ให้น้ำหนักข้าแต่อย่างใด
ใช้เป็นตัวประกันก็ใช่สัมฤทธิ์ผล กระนั้นท่านก็ยังกักขังข้า เพียงเพราะประโยชน์ไว้สนองตัณหาเท่านั้นดอก”
กลกะลาเป็นฝ่ายตัดพ้อคืนพระองค์บ้างแล้ว

“เจ้ากล่าววาจาเช่นไรรู้ตัวหรือไม่ หากเพียงสนองตัณหาข้าพร้อมมีนางสนองกามาถวายรับใช้
หรืออิสตรีงดงามในแผ่นดินก็หาได้ขาดแคลน แล้วใยข้าต้องสนใจเจ้าด้วยเล่า”
พระองค์กลับยกอ้างเหตุผลขึ้นมาโต้ตอบ วาจาขององครักษ์หนุ่มอย่างไม่มีย่อท้อ
โดยพระองค์เองก็ไม่อาจยอมรับได้พระอาการที่เป็นอยู่ขณะนี้
ใช่ลุ่มหลงรสชาติกามกำหนัดหรือมีสาเหตุอื่นนอกเหนือจากนี้อีกไหม
กลกะลาใช่จักเก่งกาจปรนเปรอพระองค์ดังบุคคลผู้เต็มใจรับหน้าที่เหล่านั้นด้วยซ้ำ
แต่ไม่รู้ทำไมพระทัยของพระองค์กลับทรงคิดคำนึงถึงแต่องครักษ์ผู้นี้ไม่สร่างซา

“แล้วท่านจักเก็บข้าไว้เพื่อประโยชน์อันใดกัน” เป็นองครักษ์หนุ่มที่เริ่มจ้องเขม็ง
ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความรู้สึกอัดอั้นเกินทน เมื่อเหตุผลที่ได้รับฟังล้วนไม่ใช่สาเหตุที่อีกฝ่ายตอแยไม่เลิกรา

“ข้าไม่รู้ เป็นเพราะเจ้าข้าต้องตกเป็นเบี้ยล่างยอมพระมารดากดขี่ ให้นางขู่เข็ญโดยไร้หนทางหลีกหนี
หากไม่เพื่อแลกกับการเก็บเจ้าเอาไว้ในตำหนัก ข้าจักยินยอมอภิเษกกระนั้นหรือ
ข้าจักยอมสถาปนาครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์เช่นนั้นหรือ เจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้ข้าต้องการมากเพียงไรกัน
ไม่เลย..ข้ามิปรารถนาเลยสักนิด ไม่ว่าจักเป็นกษัตริย์หรืออภิเษกกับทิพย์เกสรแห่งไอยรา
ล้วนเป็นความเบื่อหน่ายที่ข้าสามารถหลีกหนีไม่ยอมรับ ด้วยการดื้อดึงกับพระมารดา หากข้าจักกระทำอย่างจริงจัง
เป็นเพราะนางใช้เจ้ามาข่มขู่ข้าดอก หากข้าไม่ยินยอมอภิเษกทั้งรับการสถาปนาเป็นกษัตริย์
เจ้าจักต้องได้รับทัณฑ์ทรมาน ซึ่งข้าเชื่อว่าเจ้าจักร้องขอความตายก็ไม่ได้ จักร้องขอความเมตตาก็ไม่พานพบ
ไม่มีใครทนการพิพากษาของเสด็จแม่ข้าได้ เจ้ามิสามารถนึกออกด้วยซ้ำ ทัณฑ์ทรมานนครแดนดินใด
ก็มิโหดร้ายทารุณเท่ากับเสด็จแม่ข้าประทานให้ผู้ที่พระนางประสงค์จักทอดชมเป็นอันขาด
นี่คือสิ่งที่ข้าอยากบอกให้เจ้ารับรู้เอาไว้ เพียงข้าได้มาพบหน้าเจ้า..ใยต่อรองด้วยการกระทำเยี่ยงนี้กับข้าด้วย
เจ้ารู้หรือไม่ข้าต้องทนทุกข์ใจเพียงใด กับการแบกรับภาระที่ข้ามิพึงประสงค์ไว้ในกำมือเยี่ยงนี้”
เป็นครั้งแรกที่องค์ชายผู้ได้ฉายามังกรปฐพียอมเปิดเผยพระทัยให้กลกะลาได้รับรู้ ในมุมที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้มาก่อน

“ทะ..ท่านหมายความเยี่ยงไร ใยเสด็จแม่ท่านใช้ข้าต่อร้องท่านได้ ฟังดูช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
พระมารดาใช้เชลยศึกต่อรองพระโอรสของพระนาง เรื่องเช่นนี้หาได้เคยมี”
กลกะลาส่ายหน้า จ้องพักตร์หล่อเหลาด้วยสายตาเหลือเชื่อต่อสิ่งที่ได้รับฟัง เหมือนเป็นเรื่องตลกที่เขาหัวเราะไม่ออก

“นั่นสินะ..ข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ใยยอมให้เสด็จแม่ใช้เจ้าเป็นเครื่องมือบีบบังคับข้าด้วย
 เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตอบเจ้าได้ เพราะข้าก็ไร้คำตอบให้ตนเองเช่นกัน
ข้าเพียงรู้ว่า..มิอาจทนเห็นสภาพเจ้ารับทัณฑ์ที่แม่ข้าจักใช้ทรมานได้ แค่นึกภาพข้าก็ไม่สามารถทานทนแล้ว
เจ้าเล่าพอจะรู้สาเหตุหรือไม่ เป็นเพราะเหตุใดข้าจึงยอมรับการกดดัน
แลกให้เชลยผู้หนึ่งยังสามารถพำนักอยู่ในตำหนักของข้า โดยเสด็จแม่และผู้ใดไม่อาจแตะต้องเขา
หากข้ายอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่พระองค์กำหนดให้ข้ากระทำ นี่คือสิ่งที่ข้ายินยอมรับเงื่อนไขของเสด็จแม่”
เป็นอีกครั้งที่กลกะลาพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งหน้าหล่อซับสีเลือดในพริบตา อย่างไม่สามารถควบคุมได้
พระดำรัสที่ยกให้เขาคิดหาคำตอบฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความหมายแฝงมันเกี้ยวพาราสีกันชัดๆ

“ว่าไรแล้ว ใยนิ่งเฉยเสียเช่นนั้น” องค์ชายธรณินแกล้งกระเซ้าบุรุษผู้มีฐานะเชลยของพระองค์
ทั้งที่ทรงทอดเนตรรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังขวยเขินอย่างไม่ต้องสงสัย
ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาซับสีโลหิตลามไล้น่าพิศชม จักเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากกำลังขวยอายชัดๆ..

กลกะลาไม่ตอบคำ เบือนหน้าหนีสายพระเนตรคมกล้าที่แวววาวมีประกายบางอย่างถ่ายทอดมาให้เขา
แลดูกรุ้มกริ่มแม้แต่ทารกก็ดูรู้ว่าเขากำลังถูกอีกฝ่ายไล่ต้อน ดุจอิสตรีโดนเกี้ยวพาราสีจากบุรุษมิต่างกัน

“หึหึ! ข้าชมชอบให้เจ้าพยศ ในขณะกลับชมชอบให้เจ้าขวยอายเสียมากกว่า มิว่าเจ้าจักอยู่ในอารมณ์แบบไหน
ล้วนสร้างความพึงพอใจให้ข้าสุขสำราญยิ่งนัก เยี่ยงนี้จึงจักคุ้มค่าที่ข้าทุ่มเทยินยอมพระมารดาบังคับ
ให้ต้องกระทำในสิ่งที่ฝืนหัวใจนัก” กลกะลาแทบกัดลิ้นดิ้นตายเสียตรงนี้ แม้เขาจะยังสามารถบังคับสีหน้าไม่แสดงอาการ
แต่กลับไม่สามารถบังคับเลือดลมที่พลุ่งพล่าน ทะลุทะลวงจนหน้าเขาระอุร้อนแทบลุกเป็นไฟได้เลย

“อย่าได้ทำลายเพลาให้เสียเปล่าเลยเจ้า ข้าเองจักขอใช้เพลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ที่จักอยู่กับเจ้าราตรีนี้”
เป็นพระสุรเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนนัก

ตั้งแต่กลกะลาได้รับจากองค์ชายผู้นี้ เขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะเขาพ่ายแพ้ต่อการเรียกร้องของหัวใจมาหลายราตรี
คือการที่ข้างกายไร้เงาคนผู้นี้ การเพิกเฉยของกลกะลาย่อมถือเป็นการยินยอมพร้อมใจ ให้องค์ชายธรณินตีความหมายเยี่ยงนั้น
พระองค์ไม่รั้งรอที่จะคว้าข้อมือ จับจูงร่างสมส่วนแข็งแกร่งของเชลยหนุ่มทรงพลังผู้นี้
ให้ก้าวตามพระบาทของพระองค์ตรงดิ่งสู่ประตูห้องบรรทมในพระตำหนัก
เป็นเพียงสถานที่เดียวซึ่งทรงหวงห้ามมิให้ผู้ใดกร้ำกรายเฉียดใกล้ แม้แต่องค์หญิงไอยรา
ผู้ได้ตำแหน่งพระมเหสีของกษัตริย์องค์ใหม่ก็ไม่สามารถก้าวล้ำได้เช่นเดียวกัน
กว่าพระองค์จะหว่านล้อมแลกเปลี่ยนกับพระปิตุจฉาผู้เป็นพระมารดาได้สำเร็จ
โดยยืนกรานจักลักพาเชลยหนุ่มหนีออกจากวัง ไม่หวนกลับหากพระนางแยกกลกะลาไปกักขังยังพระตำหนัก
องค์ชายก็จักไม่อภิเษก ไม่ยอมสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ จักทรงหาหนทางลักพาตัวเชลยหลบหนี
ไม่กลับมาให้พระนางพบพักตร์อีก คำข่มขู่นี้ แน่นอนพระปิตุจฉาใยมิรู้เท่าทันในกลอุบายพระโอรส
กระนั้นก็ทรงยอมอ่อนข้อเพื่อมิให้เสียการใหญ่ หากองค์ชายทรงกระทำจักมีผลเสียมากมาย 
ในเมื่อผู้ถือครองเทพมหาธาตุสำคัญ กำลังเดินทางสู่อุ้งหัตถ์พระนางแล้ว
ไม่นานพระนางจะสามารถควบคุมทุกอย่างหมดสิ้น ผู้ใดจักกล้าต่อรองอีก



มาอัพต่อให้แล้วนะคะ ส่วนอีกตอนที่สัญญาว่าจะอัพ 3 ตอนติด
ขอผลัดเป็นพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนวันอาทิตย์ ไม่มีเกินนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณกับการติดตามกันด้วยดี แอบดีใจมากมาย ที่แฟนนิยายเม้นท์ห่วงใยคนเขียน
หลังจากเข้ามาแจ้งข่าวคราวถึงความจำเป็นที่ผิดนัดก่อนหน้า
เดิมทีเราเห็นกระทู้เงียบเหงาลงไป คิดว่าคนอ่านซื้อหนังสือเลยไม่อ่านไม่เม้นท์แล้ว
พอแจ้งความจำเป็น ทุกคนเทกำลังใจส่งมาให้หมด เราดีใจแทนคนใกล้ตัวซึ่งกือบหายเป็นปกติแล้ว
เปิดกระทู้ให้เขาได้อ่านคอมเม้นท์ของทุกคน เขายิ้มหน้าบานไปเลยค่ะ
รักพวกคุณ ที่เป็นแรงบันดาลใจของเราอย่างมาก

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ง่ายต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
 :L2: ขอแปะก่อนอ่าน เด่วกลับมาเม้นต์นน้าาา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :a5: กรรม...ผักตบไปแบบนี้ก็เข้าทางแผนทางโน้นเลยสิ
ส่วนยัยองค์หญิงอตีดคู่มัน บอกได้อยากเดียวว่า เคือง!!!!! มันน่านัก :fire:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2014 11:14:07 โดย nolirin »

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ยังมองไม่เห็นทางว่าผักตบและลูกน้อยจะรอกกลับมาหาเจ้าชายวายุภักษ์ยังไง
เดินทางไปถิ่นศัตรูทั้งๆที่ท้อง(ถึงจะยังไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าชายแหละหมอหลวง)
แถมคนนึงก็ใจแข็ง อีกคนนึงก็รู้สึกผิดโทษตัวเอง แล้วจะกลับมาคืนดีกันยังไง
เฮ้อออ รู้สึกหน่วงจริงๆ อยากให้ผ่านพ้นสงครามไปไวไวจัง อยากรู้เจ้าชายจะง้อผักตบยังไง :katai1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พยัพนนท์นี่เป็นองค์ชายปลอมตัวมารึเปล่าคะ..เราแอบไม่เชื่อว่าองค์ชายจะปล่อยผักตบออกมาเองเฉยๆ..



ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
มาดูอีกทีเอ๊ะ! มาอีกตอน ดีใจมากๆค่ะ o22

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ตอนต้นกำลังแฮปปี้ตอนท้ายกลับ  :o12:
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นอยากอ่านต่อมากกใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์เข้ามาทุกที :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2014 11:28:21 โดย yunchun »

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
กลัวผักตบกลับลูกจะไม่ได้กลับมาหาองค์ชายจัง  :hao5: เป็นไปตามแผนฝั่งนั้นพอดีเลย องค์หญิงรู้ตัวสักทีว่าถูกหลกใช้อยู่  :katai1:

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
คนที่ดูแลม้าเจ้าชายใช่ไหมคะ - ... -

สงสารหญิงธารเนาะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด