@@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++  (อ่าน 578404 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พยัพนนท์นี่ใช่องค์ชายรึเปล่าน่ะ


ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
มันน่าสงสัยจริงๆ
นั้นแหละคนเลี้ยงม้าคนนั้น แต่ก็ลุ้นต่อไป ว่าจะเป็นยังไงต่อ ท่านองครักษ์ก็ยังเศร้าเหมือนเดิม แถมรักเขาไปทั้งหัวใจแล้ว จะคอยดูว่าคู่นี้จะมีจุดจบยังไง แต่ขอให้มันจบด้วยดีแล้วกัน ส่วนคู่หลักไม่ลุ้นเท่าไหร่ ลุ้นแค่ว่าตบจะรักษาตัวเองและลูกที่คิดว่าจะเป็นนายเอกในเรื่องต่อไปยังไง จะเศร้ารึสุขก็จะติดตามต่อไปครับคนแต่ง

ออฟไลน์ Appman

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รักษาสุขภาพเหมือนกันนะ  แค่ได้อ่านเพราะมาแต่งต่อแค่นี้ก็ดีใจจ้า รอนานก็รอได้นะ 

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เง้อ สงสารผักตบอ่ะ
อ่านตอนไปเจอองค์ชายกำลัง....
แล้วมันเจ็บจี๊ดๆเลยอ่า...หวังว่าผักครบจะปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ผักตบเข้าไปอยู่ในดงศัตรู น่าเป็นห่วง  :katai1:

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
แอบคิดเหมือนกันว่า คนเลี้ยงม้าอาจจะเปนองค์ชายปลอมตัวมาเพื่อไปปกป้องผักตบอีกที

ปล รอตอนที่ 3 คร้าบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 23...คนสำคัญตำหนักเย็น




“องค์เหนือหัว พระมเหสี พระปิตุลา พระปิตุจฉา..เสด็จแล้ว!!!”
มหาดเล็กซึ่งมีหน้าที่..ขานเสียงดังได้ยินทั่วท้องพระโรง ขุนนางอำมาตย์ รวมทั้งอาคันตุกะพิเศษ
ซึ่งทุกคนตื่นเต้นแกมประหลาดใจ กับการมาเยือนของพระชายาแห่งไตรคาน โดยผู้นำมาเป็นองค์หญิงชลธาร
ซึ่งพวกเขาต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยคือขัตติยราชกุมารแห่งเวฬุวรรณนครแล้ว

“ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี” เหนือหัวธรณินผู้รับการสถาปนาขึ้นครองราชบัลลังก์เมื่อไม่นานนี้
ทั้งยังทรงอภิเษกพระมเหสีจากไอยรานคร องค์หญิงทิพย์เกสร บัดนี้สองพระองค์พร้อมพระปิตุลา
พระปิตุจฉาเสด็จเข้ามายังท้องพระโรง เพื่อต้อนรับอาคันตุกะบุคคลพิเศษ

“ถวายพระพรฝ่าบาท พระมเหสี พระปิตุลา พระปิตุจฉา พระองค์ทรงพระเจริญ..พะยะค่ะ”
ผักตบค้อมศีรษะตามธรรมเนียม ร่วมถวายเคารพอย่างรู้ประเพณีโดยไม่เคอะเขิน
เขายืนตำแหน่งของราชนิกุลชั้นสูง  ข้างกายมีพี่สาวฝาแฝดทรงประทับอยู่ด้วย

“นับเป็นเกียรติแล้ว เวฬุวรรณได้ต้อนรับชายาแห่งไตรคานนคร ข้าในฐานะกษัตริย์ขอต้อนรับสู่อาณาจักร
ขาดเหลือสิ่งใดขออย่าได้เกรงใจ ถือเสียว่าเราต่างเป็นพี่น้องกันเถิด” เหนือหัวธรณินทรงรับสั่ง
พระสุรเสียงแลเป็นกันเอง ไม่หลงเหลือเค้าลางองค์ชายผู้หยิ่งผยอง ดุจกุมแผ่นดินไว้ใต้อุ้งหัตถ์องค์นั้นให้เห็นเลย
ผักตบคิดไม่ถึงเพียงระยะเวลาเดือนเศษ กลับทำให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงถึงเพียงนี้ องค์ชายคนเดิมที่พอจะนึกพฤตินิสัย
ของพระกิริยาวาจาคนเอาแต่พระทัย กลับสุขุมคัมภีรภาพผิดหูผิดตาไปมากโข ราศีของกษัตริย์เปล่งรัศมี
หาได้ไร้บารมีอำนาจแม้แต่น้อย สมกับเป็นผู้ถือครองเทพมหาธาตุมาจุติแล้ว

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ผม..เออข้าขอน้อมรับด้วยใจ”
ผักตบไม่สันทัดพูดจาเป็นทางการ แม้ผ่านหูผ่านตาพอลองใช้มันดูขัดพิกล

“หึหึ! อย่าได้ลำบากในการตรัส จงกระทำเช่นที่เจ้าเคยชิน ข้ามิถือโทษอันใดดอก
ข้ารู้เจ้ามิได้เติบโตดินแดนของเรา ย่อมไม่คุ้นเคยกับการใช้ถ้อยคำเช่นพวกเราแล้ว”
เหนือหัวกลับทรงรู้สึกขบขันในพระทัย ยิ่งทอดเนตรพิศใบหน้าขาวรูปงามแลซับสีโลหิต
ด้วยพระอาการเก้อเขินต่อการวางองค์ของพระชายาผู้นี้ พานนึกถึงใครบางคนที่ทรงถวิลคำนึงหา
ในบางมุมคนผู้นั้นกลับแลน่าพิศชมมิต่างชายาผู้นี้เลยสักนิด

“ขอบพระทัย..ครับ” ในที่สุดเขาก็หายใจโล่ง เมื่อกลับเป็นตัวของตัวเองจนเผลอถอนหายใจออกมา
เล่นเอาเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ลอบชมพระพักตร์ถึงกับกลั้นยิ้มกันแก้มแตก ต่อพฤติกรรมในความเป็นตัวตนของพระชายา
ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแว่นแคว้น มีที่มาพร้อมประวัติอันน่าเหลือเชื่อนัก
ไม่นับความสามารถผู้ถือครองเทพมหาธาตุจตุรธาตุทั้ง 4 อีก

บุรุษผู้นี้ คือผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นบุรุษคนแรกที่ได้รับการอภิเษกตามกฎมณเฑียรบาล
แต่งตั้งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทนครไตรคานที่ยิ่งใหญ่ อนาคตว่าที่กษัตริย์หนุ่มผู้มีชื่อเสียงเกริกไกร
ทรงปรีชาสามารถทั้งยังรูปงามเหนือบุรุษอื่นใด จักเสมอเหมือนพระองค์ได้ด้วยซ้ำ..

“ยินดีต้อนรับสู่บ้านเกิด นับจากนี้อย่าได้คิดเป็นอื่น เรื่องราวผ่านมาขอให้ผ่านเลยไป
เจ้าเป็นน้องชายฝาแฝดสายเลือดของอดีตกษัตริย์แห่งเวฬุวรรณนครเราแล้ว เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
ความบาดหมางอันใดที่เกิดขึ้น ถือเสียว่าเป็นการเริ่มต้นให้เราได้พบเจอกัน มิเช่นนั้นคงไม่มีวันนี้เสียแล้ว”
พระปิตุลา ทรงรับสั่งด้วยพระสุรเสียงทุ้มกังวาน เต็มไปด้วยพลังอำนาจมิแปรเปลี่ยน ตาเฉี่ยวดุจเหยี่ยวทอดเนตรยังผักตบ
ระหว่างทรงดำรัสโดยมิมีการเบือนจาก กลับยากคาดเดาความนึกคิดภายในพระทัยได้

“ผมไม่เอามาเป็นประเด็นหรอกครับ ผมเป็นคนพลัดหลงทางมา เมื่อได้รับการดูแลยื่นมือช่วยเหลือจากนครไตรคาน
ย่อมไม่อาจนิ่งดูดายที่จะไม่ตอบแทนผู้มีพระคุณ จึงเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเรา หากล่วงเกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ขอประทานอภัยด้วย” ผักตบค้อมศีรษะให้อีกครั้ง

“ข้าหาได้ถือโทษทารกเจ้าไม่ เช่นไรเจ้าเองชันษายังอ่อนกว่าโอรสของข้าอยู่หลายปี มีหรือที่ข้าจักถือทิฐิต่อเจ้า
ชลธารยังเป็นพี่สาวเจ้าด้วย พี่น้องพบหน้าคืนสู่มาตุภูมิ มีหรือไม่สมควรให้เฉลิมฉลอง ก่อนพวกเจ้าจักเดินทางมาถึง
ข้ากับพระปิตุจฉาได้ปรึกษาเตรียมต้อนรับ เฉลิมฉลองให้ไพร่ฟ้าได้ร่วมถวายพระพร ต่อพระโอรสอดีตเหนือหัวองค์หัสดิน
ในอีกสามราตรีที่จักถึงนี้ วังหลวงจักมีงานต้อนรับเจ้าเกิดขึ้นกันแล้ว” พระองค์ทรงตรัสสุรเสียงทุ้มกังวาน
ให้ได้ยินกันทั่วท้องพระโรง ผักตบได้แต่เผยรอยยิ้มน้อมรับการจัดเลี้ยงต้อนรับเขาครั้งนี้ โดยไม่มีการปฏิเสธหรือตอบรับอะไร

“ข้าก็เช่นกัน ขอต้อนรับกลับสู่วัง” พระสุรเสียงที่ผักตบฟังแล้วชวนขนลุก ไม่ต่างพวกขุนนางอำมาตย์ก็เช่นเดียวกัน
ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยลพระศิริโฉมพระนาง ผู้ได้ชื่อว่าเก็บองค์อยู่แต่พระตำหนัก น้อยครั้งจักเสด็จออกมาเยี่ยงนี้
ถือว่าผักตบเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถให้พระปิตุจฉา ทรงยอมเสด็จออกจากพระตำหนักมาประทับในท้องพระโรงได้
ใครจะเชื่อว่าพระองค์มีชันษาเฉียด 70  ในเมื่อสตรีผู้ประทับเบื้องหน้าพระแท่นยกสูง ยังคงงดงามหารอยเหี่ยวย่นอันใดไม่
ถ้ามีคนบอกเป็นพระพี่นางองค์เหนือหัวธรณิน มากกว่าจักเป็นพระมารดาล่ะก็
คาดว่ามีคนหลงเชื่อโดยไร้ซึ่งข้อกังขาอย่างแน่แท้

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ผมรู้สึกปลาบปลื้มดีใจอย่างที่สุด ที่ได้รับการต้อนรับอบอุ่นจากพระองค์เช่นนี้
กระนั้นยังบังอาจใคร่ขอให้ทรงเมตตาอีกสักเรื่องเถิดนะครับ” ผักตบกล่าวขอบคุณ พร้อมกับแสดงท่าทางขอร้อง
ในเรื่องราวบางประการขึ้นมาบ้าง

“เจ้ามีอันใดกระนั้นหรือ” เป็นพระปิตุลาทรงชิงรับสั่งถามขึ้น ก่อนองค์เหนือหัวธรณินจักทรงดำรัสเสียอีก

“เรื่องที่พักผมขอพำนักตำหนักพี่หญิงชลธาร ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคุ้นเคยกับพี่หญิง จึงใคร่ขอรบกวนในเรื่องนี้ 
อ้อ! มีอีกเรื่องครับ ผมยังมีผู้ติดตามมาด้วยอีกหนึ่งคน รบกวนให้เขารับใช้ใกล้ชิดผมเป็นการส่วนตัว
อย่างน้อยถือเป็นความสะดวกใจของผมด้วย” ผักตบแจ้งความจำนงไป ตามที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น
ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่องค์หญิงผู้เป็นพี่สาวก็ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าพระอนุชาต้องการพำนักในตำหนักพระองค์ด้วย
พอรับฟังถึงกับอึกอักลำบากพระทัยอยู่มากพอสมควร ด้วยทรงรู้แก่พระทัยดี
ว่าการล่อลวงนำพระอนุชามายังเวฬุวรรณนคร ทรงกระทำไปเพื่อจุดมุ่งหมายอันใด

“ย่อมมิเป็นปัญหา เจ้าสองคนพี่น้องยังสามารถพำนักในตำหนักอัคคีของหญิงธารแล้ว
ข้าได้ข่าวระหว่างหญิงธารพำนักไตรคาน กลับได้รับการดูแลให้พำนักตำหนักเดียวกับเจ้าเช่นกัน”
พระปิตุลาทรงอนุญาตตามคำขอของผักตบ หลังทรงชำเลืองเนตรสบพระปิตุจฉาแวบ
ซึ่งพระนางส่งสัญญาณให้พระองค์อนุญาต..มิขัดข้องแต่ประการใด

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ผมหมดเรื่องแล้วครับ” ผักตบบอก

“ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องให้พวกเจ้าซึ่งเดินทางรอนแรมไกลมาหลายราตรีได้พักผ่อน ระหว่างนี้หากต้องการสิ่งใด
เจ้าให้ชลธารจัดการได้มิต้องเกรงใจอันใด อีกสามราตรีเตรียมร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าเถิด”
เป็นดำรัสปิดท้ายของพระปิตุลา แลดูชื่นมื่นอบอุ่นมิมีท่าทีส่อเค้าพิรุธเคลือบแฝง

เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างปลาบปลื้มปิติยินดีไม่น้อย ต่อการกลับมาของพระโอรส ในองค์เหนือหัวหัสดินและพระมเหสีผู้ล่วงลับ
อย่างไรแล้วผักตบเป็นสายพระโลหิตโดยตรง พวกเขาครึ่งหนึ่งคือขุนนางอำมาตย์มีเลือดจงรักภักดีเข้มข้น
ย่อมดีใจเมื่อได้มีโอกาสต้อนรับมกุฎราชกุมารเป็นธรรมดา พอหลังแยกย้ายออกจากท้องพระโรง
เรื่องราวคงแพร่สะพัดไปทั่วเวฬุวรรณนคร รวมถึงหัวเมืองน้อยใหญ่ใต้อาณัติมากมาย
ต่อการกลับมาของพระชายาองค์ยุพราชแห่งนครไตรคานคู่อริ ที่มีศักดิ์ฐานะเป็นพระโอรสอดีตเหนือหัวอีกต่างหาก...
>
>
>

“เจ้าแน่ใจจักทำพิธี ยามจันทร์กลางศีรษะในราตรีเฉลิมฉลอง”

“นั่นคือฤกษ์ที่ถูกกำหนด มิอาจเปลี่ยนแปลงอันใด”

“การเตรียมการรัดกุมแล้วกระนั้นหรือ..น้องหญิง”

“ข้าย่อมไม่หละหลวม ตะขาบแก้วในกายชลธารเติบใหญ่ สูบกลืนพลังเทพมหาธาตุของนางจนหมด
เมื่อใดที่ข้าจักนำมันออกมา นางมิต่างจากคนธรรมดาสามัญ หรืออาจเลวร้ายไปกว่านั้น
หากพลังชีวิตของนางไม่เข้มแข็งพอ คงแตกดับไปกับพลังที่สูญสิ้นด้วยเช่นกัน”

“นั่นมิใช่เรื่องที่ข้าใส่ใจ นางจักอยู่หรือตายย่อมไม่ใช่ปัญหาแล้ว
ถือว่านางตอบแทนต่อการที่ข้าได้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เถอะ เพียงมีเรื่องที่ข้าเป็นห่วงอยู่
เจ้าคงมิลืมกระมังบุรุษหนุ่มผู้นี้ถือครองจตุรธาตุ ย่อมมีพลังลึกล้ำเกินคาดเดานัก เจ้าแน่ใจจักสามารถควบคุมได้”

“แล้วเยี่ยงไรอีก ต่อให้มีสามเศียรหกกร ก็มิอาจติดปีกโบยบินหนีจากอุ้งมือข้าได้ ยาสั่งที่ข้าเตรียมใช้กับเขานั้น
สามารถควบคุมจิตใต้สำนึก จนกลายเป็นหุ่นให้ข้าบังคับ มิต่างผู้มีเลือดเนื้อแต่ไร้วิญญาณอันใดดอก
เขาจักรับฟังคำสั่งของข้าผู้เดียว ถึงเพลานั้นข้าจักเรียกใช้พลังเทพมหาธาตุที่ถ่ายโอนจากชลธาร 
ดึงเอาพลังจตุธารมาเป็นของข้าให้หมดสิ้น สองพี่น้องก็ดุจมดปลวกที่ไร้ประโยชน์ รอแผนการสำเร็จลง
ข้าจักกอบกู้เกียรติยศล้างอายให้บรรพบุรุษ ประกาศให้พวกมันที่เคยกระทำต่อพวกเราได้รับรู้เอาไว้
ผู้ใดเล่าคือผู้ยิ่งใหญ่ที่พวกมันจักต้องก้มหัวให้...ฮิฮิฮิๆๆ!!!”
เสียงหัวเราะแหลมสูง ชวนขนลุกขนชันดังเสียงภูตผีปีศาจ ดังขึ้นภายในห้องบรรทมส่วนพระองค์
พระปิตุลากับพระปิตุจฉาสนทนายามดึก ถึงแผนการร้ายที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่ราตรีข้างหน้า
ทุกอย่างล้วนเตรียมการเอาไว้เรียบร้อย เพียงรอเวลาซึ่งพระนางได้อดทนรอคอยมานมนานเท่านั้น


ยามสายของวันรุ่งขึ้น พระมเหสีกลับทรงได้รับพระบัญชาจากพระปิตุจฉาให้ทรงเข้าเฝ้ายังตำหนักเป็นการส่วนพระองค์...

“เป็นเช่นไร เจ้าสบายดีหรือไม่”
พระดำรัสจากสตรีผู้ที่ได้ชื่อเป็นพระมารดาองค์เหนือหัวพระสวามี ทรงรับสั่งถามดุจห่วงใยในพระองค์แล้ว

“ข้าย่อมสบายดีเพคะ นั่นเป็นเพราะพระกรุณาที่ทรงโปรดข้าแล้ว”
พระนางกลับทรงมีไหวพริบ ในการใช้วาจายกยออย่างชาญฉลาด

“อิอิ!!...เจ้ากลับหลักแหลมอยู่มิน้อย ทำให้ข้าพอใจถ้อยคำเจ้าได้ ที่ข้าให้โอกาสเจ้าย่อมมีเหตุผล
หาใช่แค่เจ้าเกิดหลงรักธรณินแต่ประการใด หากนับสตรีที่หลงใหลโอรสข้า เกรงว่าเจ้าคงแย่งชิงหนักหนาสาหัสเอาการ
เป็นเพราะข้าสั่งสอนเขาไม่ดีพอ ธรณินจึงได้หว่านเสน่ห์ผลาญพรหมจรรย์อิสตรีเป็นว่าเล่นเยี่ยงนี้
กระนั้นพวกนางเองก็ใช่ตัวดีอันใด ยอมพลีกายหาได้หวาดกลัวต่อความผิดหวังไปแล้ว
เจ้าเองก็เช่นกัน..อย่าคิดว่าข้าไม่ล่วงรู้ พวกเจ้าผูกสัมพันธ์กันได้เยี่ยงไร ย่อมอยู่ในสายตาข้ามานานแล้ว”
พระมเหสีพระพักตร์ซีดเผือด ทรงรีบปรับแต่งรอยแย้มพระสรวล เอื้อนพระดำรัสอ่อนหวานเอาพระทัยพระปิตุจฉาในทันที

“ข้าย่อมรู้พระมารดาทรงปรีชายิ่ง ด้วยทรงให้กำเนิดโอรสเอกบุรุษในแดนดิน ผู้ใดจักทรงพระบารมีเยี่ยงท่าน
พระสวามีข้าย่อมมีพระมารดาเก่งกล้าสามารถแล้ว ดังโบราณเล่าขาน..ผลไม้ใดย่อมให้รสหอมหวานจากแหล่งกำเนิดแล้วไซร้
 พระสวามีข้าย่อมไม่แตกต่างเช่นกันเพคะ”

“ฮะฮ่าๆ ทารกเจ้าช่างมีวาจาหน้าตียิ่งนัก เจ้าทำให้ข้าสำราญแล้ว เอาเถิดข้าย่อมให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ
ที่ข้าให้มาพบย่อมมีเรื่องสอบถาม” พระนางทรงแย้มสรวลต่อถ้อยวาจาพระสุณิสา สายพระเนตรบ่งบอกทรงขบขันแกมเอ็นดู
องค์หญิงทิพย์เกสรคือผู้ที่พระนางทรงเลือกเป็นพระมเหสีให้แก่พระโอรส ย่อมมีเหตุผลที่มิมีผู้ใดล่วงรู้ตื้นลึกหนาบาง..

“พระมารดาประสงค์สอบถามอันใด ข้ายินดีถวายคำตอบเพคะ”

“เจ้ากับโอรสข้า ร่วมหอกันปกติดีหรือไม่” พระดำรัสไม่อ้อมค้อม ทำเอาพระพักตร์งามสุกปลั่งขึ้นมาทันที

“เรื่องนี้..เออ..” พระองค์ขวยอายก้มพักตร์งุดไปแล้ว

“อย่าได้เอียงอาย เรื่องนี้มีความจำเป็นยิ่ง ที่ข้าต้องได้คำตอบจากเจ้าทิพย์เกสร”
พระปิตุจฉาทรงเร่งเร้า พระสุรเสียงเริ่มกดดัน

“คะ..คือ หลังจากค่ำคืนอภิเษก ข้ากลับมิได้รับใช้ปรนนิบัติอีก”

“เหลวไหลสิ้นดี เจ้าเองหาด้อยในเสน่ห์อิสตรีแต่อย่างใด จัดเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง กระนั้นมารยาหญิงมิได้ยิ่งหย่อน
เหตุใดยังไม่สามารถทำให้ธรณินหลงใหลอีกหรือ” พระนางเริ่มกรุ่นโทสะ หลังได้รับคำตอบจากพระสุณิสาไม่เป็นที่สบพระทัย

“เรื่องนี้ข้าก็จนปัญญา มิรู้บกพร่องอันใดใยมิได้รับการเหลียวแลจากพระสวามี เดิมทีครั้นที่เราเริ่มสนิทสนม
พระองค์ยังพอทรงชมชอบข้าดี มิเคยปฏิเสธมาก่อน เหตุใดหลังกลับจากสงครามถึงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ข้าหามีคำตอบไม่เพคะ” เรื่องนี้ย่อมเป็นความลับที่นางไม่สามารถล่วงรู้ พระปิตุจฉามิคิดแพร่งพรายเช่นกัน
ถือเป็นเรื่องเลวร้ายนัก ที่พระนางจะยอมเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ประหลาด ของพระโอรสซึ่งทรงหมกหมุ่นหลงใหลในบุรุษ
ผู้อยู่ในฐานะเชลยโดยไม่คิดลืมหูลืมตาเยี่ยงนี้

“ไว้ข้าจะเป็นธุระให้ก็แล้วกัน อย่าได้คิดมากอันใด ทารกในครรภ์เจ้าจักพลอยได้รับผลไปด้วย”

“ข้าจักกระทำตามคำชี้แนะเพคะ กระนั้นยังมีความคลางแคลงที่มิอาจไม่ไต่ถาม ใยเรื่องที่ข้าตั้งครรภ์อ่อน
จึงมิให้เปิดเผยต่อผู้ใด มีเพียงท่านที่ทรงล่วงรู้ ทั้งที่การให้กำเนิดองค์รัชทายาทย่อมเป็นเรื่องยินดี
สมควรบอกกล่าวต่อผู้คนมิใช่หรือไรเพคะ” พระมเหสีทรงเก็บความคับข้องพระทัยไว้
รอจังหวะสอบถามพระปิตุจฉามานานพอสมควร

“นั่นย่อมมีเหตุผลเจ้ามิควรรู้คำตอบเพลานี้ ถึงช่วงเหมาะสมข้าจักเป็นผู้ให้คำตอบเจ้าเอง”
เป็นพระดำรัสที่มิอาจทักท้วงได้ นอกจากทรงหุบพระโอษฐ์ แล้วค้อมพระเศียรน้อมรับโดยดุษฎีเท่านั้น
เรื่องราวลึกลับซับซ้อน มีความเคลือบแฝงอยู่มากมายพอสมควร ใครจักล่วงรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง
นอกจากผู้กุมบังเหียนในอุ้งหัตถ์แต่ผู้เดียว การตั้งพระครรภ์อ่อนไม่ถึงสองสัปดาห์ของพระสุณิสา
เป็นความลงตัวที่มิได้ประจวบเหมาะบังเอิญขึ้นหรอก แต่เป็นความตั้งใจให้ทุกสิ่งได้เข้าสู่กระบวนการ
ตามฤกษ์ที่พระนางกำหนดขึ้นล่วงหน้า ไม่ต้องเคลือบแคลงสายพระโลหิตในพระครรภ์พระสุณิสาแต่ประการใด
มิเป็นอื่นแล้วย่อมเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเหนือหัวธรณินแน่แท้ บังเกิดขึ้นตามฤกษ์อภิเษก
ซึ่งพระนางเป็นผู้วางโอสถกระตุ้นพระกำหนัด ในคืนส่งตัวเข้าหอให้เกิดการร่วมสังวาสในเพลาประจวบเหมาะ
หลังทรงตรวจรอบเดือนและเตรียมพร้อมล่วงหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งพระครรภ์อ่อนในครั้งนี้อย่างมิให้ผิดพลาด
และก็สมความปรารถนาของพระนาง ได้ตามที่คาดหวังเอาไว้แล้ว..

“เจ้ามิรู้คำตอบย่อมเป็นผลดีแก่ตัวเจ้าแล้วทิพย์เกสร”
พระดำรัสเปรยขึ้น หลังทรงรับสั่งให้พระสุณิสาเสด็จกลับไปแล้ว สายพระเนตรแลดูน่ากลัวยิ่งนัก
แฝงความนัยที่ชวนขนหัวลุก ผู้ใดจักล่วงรู้ว่าพระปิตุจฉาทรงคิดการณ์ใดเอาไว้
หากความจริงเปิดเผย ถือว่าช่างเลวร้ายอย่างที่สุด..
>
>
   

ต่อด้านล่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2014 00:49:19 โดย luxilove »

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  2  -



“พี่ธารตำหนักเย็นอยู่ส่วนไหนครับ”
ผักตบถามพี่สาว พอมีจังหวะอยู่ตามลำพังในพระตำหนัก
ขณะนี้ทั้งคู่สนทนาในห้องโถงของพระตำหนัก จิบชาร้อนก่อนเข้าบรรทมตามธรรมเนียม

   “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร ว่าที่นี่มีตำหนักเย็น” ผู้เป็นพี่ถาม ด้วยทรงรู้สึกแปลกพระทัย
เนื่องจากตำหนักลึกลับมีกฎห้ามมิให้ผู้ใดกล้ำกราย ถือเป็นตำหนักที่มีไว้กักขังเหล่าสนมประพฤตินอกรีต
ให้หมดลมหายใจตายไปในตำหนัก โดยมิอาจเห็นแสงเดือนแสงตะวัน

   “มีใครไม่พูดถึงตำหนักลึกลับของเวฬุวรรณ นครอื่นไม่มีใครเขาสร้างตำหนักสำหรับกักขังนางสนม
ที่กระทำความผิดแบบนี้หรอก ไตรคานเองก็ไม่มี แปลกตรงไหนที่ผมจะได้ยินได้ฟังมาครับ”
ผักตบรีบออกตัวก่อน  หลังจับพิรุธจากสีหน้าพี่สาวฝาแฝดได้ชัดเจน

   “เป็นเช่นนั้นดอกหรือ ข้าเพิ่งรู้ชื่อเสียงตำหนักเย็นกลับเป็นที่สนใจของผู้คนแล้ว
เหตุใดเจ้าจึงสนใจเช่นเดียวกัน” นางตั้งข้อสงสัย

   “พี่ไม่สนใจบ้างหรือ พี่เติบโตในวัง เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตำหนักเย็นบ้างไหม
เอาตรงๆ พี่เคยเข้าไปดูในตำหนักหรือเปล่า”

   “ไม่ดอก..ถือเป็นข้อห้ามมีอาญาร้ายแรง จัดเป็นโทษทัณฑ์สูงสุดสำหรับผู้ฝ่าฝืน ไม่เว้นแม้แต่ราชนิกุล
หากล่วงล้ำเข้าไป จักได้รับการตัดสินลงอาญาโดยมิต้องรอไต่สวน” องค์หญิงผู้พี่ ไขความข้องใจให้ผักตบฟัง

   “ยิ่งห้ามก็ยิ่งน่าสนนะพี่ เอาเป็นว่าสมมติ ผมหมายถึงยกตัวอย่าง ว่าพ่อกับแม่เรายังไม่ตาย
แต่ถูกกักขังไว้ในตำหนักเย็น โดยคนที่ลงมือทำประสงค์ให้พวกท่านสิ้นพระชนม์ในนั้น
พี่ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ครับ แล้วแกล้งประกาศราชโองการปลอมว่าพ่อแม่เราสองคน สิ้นพระชนม์แล้ว”
ผักตบยกอ้างแนวความคิดของตนเองให้พี่สาวฟัง

   “มิน่าเป็นเช่นนั้นได้ คราเสด็จแม่ข้ามิอาจยืนยัน แต่เสด็จพ่อแล้ว ข้าเติบโตจนรู้ความ ท่านเย็นชาต่อข้านัก
หาได้ใกล้ชิดมอบความรักดังบิดาพึงกระทำต่อธิดาตนแต่อย่างใด กระนั้นพระศพข้าก็ได้เข้าเฝ้าประจักษ์ชัด
มิเป็นดังที่เจ้ากล่าวแน่แท้” ชลธารหลงกลน้องชาย โดยไม่ทันรู้องค์เข้าแล้ว เมื่อพลั้งเผลอหลุดเผยความลับในพระทัยออกมา

   “พี่พูดอะไร พ่อไม่รักดูแลพี่อย่างนั้นหรือ ไหนพี่เคยบอกผมว่าพ่อเราถูกชิงราชบัลลังก์ไป”
ผักตบจ้องพักตร์ขาวซีดของพี่สาว หลังรู้องค์ทรงพลั้งพระโอษฐ์ตรัสอะไรออกมา

   “คะ..ข้าหมายความเช่นนั้น เพียงแต่เสด็จพ่ออาจไม่ทรงโปรดธิดาแล้วกระมัง หากเป็นเจ้าซึ่งเป็นโอรสคงแตกต่างกัน
มิมีกษัตริย์องค์ใดไม่โปรดปรานโอรสที่จักสืบทอดราชบัลลังก์” ถือว่าเธอยังมีไหวพริบที่แก้ไขทัน

   “พี่คิดมากไปหรือเปล่า ผมว่าเรื่องความรู้สึกของเสด็จพ่อยังไม่ต้องนำมาเป็นประเด็น ถ้าพี่ยืนยันพ่อเราตายยังไง
ร่วมพิธีศพท่านด้วย ตัดประเด็นนี้ออกไป พูดถึงแม่ดีกว่า เป็นไปได้แม่เรายังมีพระชนม์ชีพ แต่ถูกกักขังไว้ในตำหนักเย็น”
ผักตบเซ้าซี้ไม่เลิก

   “เจ้าคิดเยี่ยงนี้หรือ” คราวนี้ได้ผล เมื่อจุดประกายความอยากรู้ให้พี่สาวคล้อยตามได้ เธอเองแม้จะเติบใหญ่ขึ้นที่นี่
แต่ไม่เคยย่างกรายเฉียดตำหนักเย็น ซ้ำไม่เคยตั้งประเด็นหาคำตอบเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา
ได้แต่รับฟังคำบอกเล่าที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาเท่านั้น จะโทษเธอไม่ได้ ในเมื่อขณะนั้นพระบิดาผู้เป็นเสด็จพ่อ
ซ้ำยังเป็นกษัตริย์ทรงครองราชบัลลังก์ ทรงมีอำนาจทุกอย่างใยมิคลี่คลายหาคำตอบ พานทำให้องค์หญิงผู้พี่
จ้องหน้าน้องชายอย่างสับสนปนเปไปหมด

“หากเป็นดังที่เจ้ากล่าว ข้ากลับแปลกใจใยเสด็จพ่อจึงไม่ค้นหาความจริง ครั้งที่พระองค์ทรงครองราชบัลลังก์”
 เธอตรัสถามตามที่คิด

“พี่คงไม่เฉลียวใจ ผมฟังจากผู้คนในไตรคานเขาเล่าลือ หลังแม่สิ้นพระชนม์พ่อก็ไม่เป็นอันทำอะไร
ยกให้พระปิตุลาสำเร็จราชการทุกอย่าง จนเรืองอำนาจกอบกุมไว้ในมือหมด แบบนี้ท่านจะมีเวลาใคร่ครวญได้ไหม
บางทีคนวางแผนอาจจะรู้จุดอ่อนของพ่อเราดี ว่าแม่คือจุดอ่อนนั้น จึงใช้วิธีกักขังท่านไว้ แล้วแจ้งว่าท่านสิ้นพระชนม์
จนทำให้พ่อจมอยู่ในโรคซึมเศร้า ไม่เป็นอันทำอะไรได้” ผักตบมีเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อถือทีเดียว
คนเป็นพี่เริ่มขมวดพระโขนงเรียว ความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธคือ พระบิดาจมอยู่กับความโศกเศร้า
ไม่เป็นอันทำอะไรอย่างที่น้องชายพูดไม่ผิด คนรับหน้าที่สำเร็จราชการคือ ‘พระปิตุลา’

“เช่นนั้นเจ้ากำลังชักชวนข้า..” องค์หญิงผู้พี่จ้องสบตาผักตบนิ่ง

“ถูกแล้วครับ..คืนนี้เราลักลอบเข้าตำหนักเย็นกันเถอะ” คำตอบของผักตบ ไม่ผิดไปจากที่เธอคาดเดาไว้

“เจ้ามิกลัวต้องอาญากระนั้นหรือ หากถูกจับได้เราสองพี่น้อง ใยมิศีรษะหลุดจากบ่า
อย่าลืมแม้นเราจักเป็นทายาทอดีตกษัตริย์ แต่อำนาจตกอยู่กับพระปิตุลา
กษัตริย์องค์ปัจจุบันยังเป็นเจ้าพี่ธรณิน เกรงจักมิได้รับพระเมตตาเป็นแน่”
องค์หญิงผู้พี่ กลับไม่แน่ใจในตัวเหนือหัวธรณิน เพราะเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน
ถึงยามคับขันเกรงมิทรงละเว้นโทษตายให้

“พี่อย่าลืมสิ ผมกับพี่มีเทพมหาธาตุคุ้มครองกาย ทำไมจะลักลอบเข้าในตำหนักไม่ได้
ปล่อยเป็นหน้าที่ผมจัดการทหารยาม พี่แค่นำทางผมไปก็พอ ตกลงไปกันนะ”
ผักตบเร่ง โดยสร้างความมั่นใจให้พี่สาวไปในตัว

“กระนั้นเจ้าก็มิควรลืมเช่นกัน ในวังหลวงนอกจากทหารยามแล้ว ยังมีการกำกับด้วยเขตแดนเวทย์มนต์
ยังมีมหาธาตุธรณีของเจ้าพี่ธรอีก  ไว้ป้องกันไส้ศึกศัตรูที่ลักลอบเข้ามา
แมลงสักตัวก็ใช่จะหลุดเข้าไปในเขตกางอาคมได้ เจ้ากับข้าเกรงว่ามิอาจลอดหูลอดตาเช่นกัน”
เป็นข้อมูลใหม่ ที่ผักตบเพิ่งรู้ สถานที่ต้องห้ามถูกกำกับด้วยเขตเวทย์มนต์

“มีวิธีทำลายไหม” เขาเผลอถามอย่างลืมตัว

“หากข้ารู้ ใยต้องรอให้เจ้าถามกันเล่า” เจอพี่สาวย้อนเฉย

“อ้าว! พี่ก็มีเวทย์มนต์ ไม่รู้วิธีทำลายหรือครับ”
ผักตบแม้จะรู้สึกเคืองพี่สาวเล็กน้อย ดันย้อนหน้าตายเล่นเอาเขาอึ้งเหมือนกัน
แต่ก็แก้ลำยกอ้างความสามารถเวทย์มนต์ของพี่สาว
กึ่งยกยอกึ่งหวังเป็นที่พึ่งไม่ให้แผนเกิดการล้มเลิกขึ้นกลางคัน

“บางทีเจ้าแลดูฉลาดลึกล้ำ บางครั้งดุจทารกไร้เดียงสาเสียเช่นนั้น
อย่าได้โกรธเคืองที่ข้าวิจารณ์ เวทย์มนต์ย่อมมีข้อจำกัด ผู้ใดจักเก่งกล้าสามารถเทียบเท่ากันได้
ยุคนี้จอมขมังเวทย์ย่อมเป็นพระปิตุลา ผู้ถ่ายทอดให้ข้าได้เรียนรู้ เช่นนี้เจ้ายังจะมั่นใจข้าอีก
สามารถประมือเวทย์มนต์กับผู้เป็นพระอาจารย์กระนั้นหรือ ใยมิเท่ากับลูกไก่ท้าตีท้าต่อยพญาอินทรีย์”
ผักตบอึ้งกิมกี๋เป็นหนสอง เจอพี่สาวย้อนไปไม่เป็นทีเดียว เขาดันมั่นใจในตัวชลธาร พอฟังแบบนี้คงเกินกำลังอีกฝ่ายจริงๆ

“อ้า! นึกออกแล้ว ผมสามารถสร้างเกราะอำพรางกายเราสองคน ลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง
คราวนี้ก็ไม่มีอะไรมาตรวจจับได้แล้ว” เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ เผลอดีใจยิ้มปากกว้าง..
จนองค์หญิงผู้เป็นพี่สาวนึกเอ็นดูในพระทัยอย่างไร้อคติเป็นครั้งแรก
กิริยาท่าทางผักตบในสายพระเนตรสร้างความรู้สึกเอ็นดูให้เธอยิ่งนัก..

“เจ้าทำข้าขบขันแล้ว หากเกราะมหาธาตุช่วยกำบังกายต้านพระเวทย์ได้ ใยข้าต้องลำบากอีก
ข้าก็สามารถสร้างเกราะเทพมหาธาตุเช่นกัน ต้องรอให้เจ้านึกออกเยี่ยงนี้หนอ..คิกคิก!!”
เธอหัวเราะไม่เก็บพระอาการ เพราะทรงขบขันความคิดพระอนุชาขึ้นมาจริงๆ

“ไม่เหมือนกันครับ เกราะมหาธาตุของพี่ไม่ทรงพลังเหมือนของผม พี่ลืมไปข้อผมมีจตุรเทพมหาธาตุ
ไม่ใช่เทพมหาธาตุทั่วไป เวทย์มนต์หรือพลังเทพมหาธาตุไม่สามารถตรวจจับได้ ไม่เชื่อพี่ลองทดสอบดู
ตรวจรู้ถึงขุมพลังของผมหรือเปล่า” ผักตบท้าพิสูจน์ ปกติก่อนจะมีพลังจตุรธาตุทั้ง 4
พลังเทพมหาธาตุธรรมดาสามารถตรวจเจอได้ เหมือนที่องค์ชายวายุภักษ์เพียงจับชีพจรเข้าก็รู้ในทันที
แต่หากนับพลังล่าสุด มีแต่ผู้ซึ่งมีพลังชนิดเดียวกันเท่านั้นที่ตรวจรู้ได้

“น่าแปลกนัก ข้ากลับไม่รับรู้ถึงการคงอยู่ของพลังมหาธาตุในกายเจ้าเสียแล้ว
เสมือนเจ้ามิมีพลังอันใด เจ้ามีอยู่จริงหรือล้อข้าเล่น” องค์หญิงทรงตรัสถามด้วยความสงสัย
 เมื่อเธอไม่สามารถตรวจหาขุมพลังในร่างของพระอนุชา เลือดลมล้วนสงบปานน้ำไร้ระลอกก็ว่าได้

“บอกแล้วพี่ตรวจไม่เจอหรอก นอกจากพี่จะครองจตุรธาตุเหมือนผมเท่านั้น ผมรู้แค่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
อยู่ในสภาวะสมดุลไม่แยกกลุ่ม น้ำหนักมวลสารบริสุทธิ์รวมเป็นหนึ่ง
ไม่ต้องยกมือวาดท่ากำหนดลมปราณเรียกใช้ เพียงกำหนดจิตสั่งการก็สามารถใช้พลังมหาธาตุได้แล้ว”
ผักตบอธิบายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้พี่สาวไม่เปลี่ยนแผนที่เขาตั้งใจไว้

“เอาเถอะ..เมื่อเจ้าสามารถกระทำได้จริง ข้าจักนำเจ้าลักลอบเข้าไปในตำหนักเย็น”
ผักตบยิ้มกว้าง กว่าเขาจะล่อหลอกชักจูงชลธารสำเร็จ 
ก็ต้องใช้กลยุทธ์ไม่น้อยเลยทีเดียว ในที่สุดก็ได้รับการรับคำเรียบร้อย

“ถ้างั้นไปกัน นี่ก็ดึกแล้วด้วย” ผักตบชวนขึ้นในทันที

“เจ้าสร้างเกราะเสียที่นี่ แค่ก้าวออกประตูก็เจอกับเขตอาคมแล้ว”
องค์หญิงผู้พี่ทรงรับสั่ง คนเป็นน้องไม่รอช้า
รีบกำหนดจิตสร้างเกราะรอบวรกายของทั้งคู่ ค่อยสาวเท้าเคียงคู่ออกไปจากห้อง

“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ พระองค์จักเสด็จหนใด”
กลับชะงักอึ้ง จู่ๆ ร่างใหญ่โตใบหน้าชวนขนหัวลุก โผล่มาขวางค้อมหัวถามเขาดื้อๆ

“ผมจะไปข้างนอก คุณไม่ต้องตามไป รออยู่ในนี้ไม่นานก็กลับมา”
ผักตบถอนหายใจ ยอมบอกให้องครักษ์พิทักษ์ม้ารับรู้

“หามิได้พะยะค่ะ ข้าน้อยรับคำสั่งองค์ชายให้มาคุ้มครองพระองค์ หากจักทรงเสด็จยามวิกาล
ทรงอนุญาตให้ข้าน้อยไปด้วยเถิด..พะยะค่ะ”
ผักตบอึ้งไปกับท่าทีของพยัพนนท์แล้วจริงๆ ไม่คิดอีกฝ่ายจะขอตามไปด้วย

“เห้ย! คุณไปไม่ได้ มันอันตราย” เขาหลุดห้ามเสียงหลง

“นั่นยิ่งต้องกระทำแล้วพะยะค่ะ สถานที่อันตรายใยพระองค์เสด็จ
 เยี่ยงนี้ข้าน้อยมิอาจปล่อยผ่านได้เช่นกัน ทรงโปรดยินยอมให้ข้าน้อยตามไปอารักขาเถิด..พะยะค่ะ”
 ผักตบจนคำพูดที่จะห้ามปรามแล้วตอนนี้

“เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อย่าได้เสียเวลาอันใดกับชายอัปลักษณ์ผู้นี้อีก
 ปล่อยเป็นหน้าที่ให้ข้าตรึงร่างเขาเถอะ ขืนชักช้าจักเสียการใหญ่ได้”
องค์หญิงชลธารทรงรับสั่ง ค่อยผายพระหัตถ์เรียกใช้เทพมหาธาตุ

“เดี๋ยวครับพี่ธาร! ให้เขาไปกับเราด้วย” ผักตบสบตาที่มีหนังห้อยปุ่มป่ำปิดจนแทบมองไม่เห็น
 แต่เขาสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่น รีบห้ามไม่ให้พี่สาวสะกดร่างของอีกฝ่าย

“เจ้าแน่ใจ ใยไม่เพิ่มภาระเราแล้ว” องค์หญิงทัดทาน

“ข้าน้อยจักมิเป็นภาระให้พระองค์ พะยะค่ะ”
 พยัพนนท์รีบรับคำทันควันเช่นเดียวกัน ด้วยทีท่ามั่นใจจักไม่เป็นภาระให้ผู้ใด

“ถ้างั้นตามมา” พูดจบกำหนดจิต สร้างเกราะมหาธาตุยังร่างหนุ่มเลี้ยงม้าเพิ่มอีกคน
ก่อนยกขบวนก้าวตามชลธารไปยังจุดหมาย น่าแปลกมาก ตลอดรายทางไม่มีใครเห็นพวกเขาเลย
เป็นผลของเทพมหาธาตุกำบังกายหยาบ ให้กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว

“ข้าต้องขอชื่นชมเจ้า ที่สามารถกำบังกายดุจหายตัวได้”
พี่สาวชมน้องชายจากความรู้สึกในพระทัย เพราะทดสอบแล้วว่าได้ผล

“ขอบคุณครับ” ผักตบยิ้มให้องค์หญิงชลธาร ใช้เวลาไม่นานก็สามารถลัดเลาะจนถึงหน้าพระตำหนักดำทะมึน
แลดูทรุดโทรมดุจตำหนักร้างอันเก่าแก่ เหมือนปราสาทผีสิงในหนังที่ผักตบเคยดูยังไงยังงั้น

“อึมครึมทรุดโทรมได้น่ากลัวขนาดนี้ ยังมีทหารยามดูแลแน่นหนาแปลกไหมพี่ธาร”
ผักตบเปรยขึ้น หลังพวกเขาลอบดูการตรวจตราเวรยามของหน่วยทหารรักษาการณ์ ที่มีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนเห็นจะได้

“นั่นสิ ใยข้าไม่นึกถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน”
องค์หญิงธารทรงรู้สึกคล้อยตามความคิดของพระอนุชาอยู่พอสมควร

“ไม่ต้องชักช้า..เราแอบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ผักตบตัดสินใจเอง

“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจักผลุนผลันเข้าไป โดยมิจัดการทหารยามเกรงว่า
คงไม่ง่ายที่เราจะผ่านเข้าไปเสียแล้ว” องค์หญิงผู้พี่ทักท้วง

“จัดการพวกเขาทำไมครับ ขืนเราทำแบบนั้นย่อมเป็นที่ผิดสังเกต” ผักตบตอบกลับทันควัน

“เช่นนี้จักเข้าไปเยี่ยงไร ต่อให้มองไม่เห็น แต่ใช่จักไม่รับรู้ตัวตนของพวกเรา
เกราะมหาธาตุกำบังกาย แต่หาได้ช่วยกำบังดวงจิตมีชีวิตของพวกเราไว้ได้ไม่
ทหารยามบางนายมีจิตสัมผัสพิเศษ แม้นไม่แน่ใจก็ต้องถวายรายงานพระปิตุลาเป็นแน่แท้
หากความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ คาดว่าคงไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดเสียแล้ว”
ผักตบพอได้ฟัง ค่อยรับรู้เกี่ยวกับความสามารถพิเศษของหน่วยทหารยามบางนาย ที่จัดมาดูแลตำหนักเย็น

“โห!..ทหารของเวฬุวรรณมีความเก่งกล้าเฉพาะตัวขนาดนี้เชียว” เขาเผลอหลุดปากชม กึ่งป้อนคำถามตามไปด้วย

“ใยมีเพียงเวฬุวรรณพะยะค่ะ ไตรคานใช่จักไม่มี แม่ทัพนายกอง 
ล้วนเก่งกล้าด้านเวทย์มนต์จิตสัมผัส เช่นองครักษ์กลกะลาคือหนึ่งในนั้น”
ผู้เอ่ยแทรกกลับเป็นพยัพนนท์ที่หุบปากนิ่ง ไม่แสดงความคิดเห็นตลอดทาง ดันแก้หน้าให้ไตรคานไปแล้ว

“เจ้าช่างมิอาจยอมให้ไตรคานด้อยค่า แต่องครักษ์ผู้นี้กลับกล่าวถูกต้อง เป็นเช่นนั้นแล้ว
หาใช่มีเพียงเวฬุวรรณดอกที่ทหารจักสามารถด้านเวทย์มนต์ นครอื่นก็ย่อมมีเช่นกัน” ผักตบจึงเข้าใจเพิ่มขึ้นอีก

“ถ้างั้นต้องสะกดพวกเขาสินะ แต่ขืนสะกดพวกเขาก็ต้องรู้ตัวอยู่ดี
คงไม่แตกต่างกับเปิดเผยให้รู้ว่าพวกเราบุกรุก มีค่าเท่ากันจะเกิดประโยชน์อะไรเล่าครับ” ผักตบแสดงความคิดเห็น

“มิลำบากเช่นนั้นดอกพะยะค่ะ ข้าน้อยจักล่อเป้าสร้างเหตุการณ์ให้พวกเขาสับสน
สองพระองค์ฉวยโอกาสที่ข้าน้อยเบนความสนใจครั้งนี้ ลักลอบเข้าส่วนในพระตำหนักเถิดพะยะค่ะ”
องค์หญิงกับผักตบพอรับฟัง แม้ว่าจะเกิดคำถามคาใจ อีกฝ่ายจะทำยังไง แต่ก็ยอมผงกศีรษะรับคำ

ไม่ทันไรร่างใหญ่โตก็ทะยานออกไป ยังส่วนที่เป็นพุ่มไม้ขึ้นบดบัง พร้อมกับก่อเสียงดังกร๊อบแกร๊บ
เจตนาให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น จนพวกทหารตรวจตราในบริเวณนี้ เคลื่อนขบวนดิ่งมาตรวจสอบยังจุดของสาเหตุ
สร้างโอกาสให้สองพี่น้องฝาแฝด แอบลอบเข้าพระตำหนักอย่างไม่รอช้า
ผักตบไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทักษะฝีมือพยัพนนท์ แต่คนที่ทำให้เขาคลายกังวลกลับเป็นชลธารพี่สาว
ที่เปรยด้วยพระสุรเสียงกึ่งชมเชยเบาๆ

“เจ้าคนเลี้ยงม้าดูท่าฝีมือไม่ใช่ชั่ว กลับเข้าขั้นงำประกายเสียด้วย ผู้คนไตรคานล้วนประมาทมิได้จริงๆ”
 ผักตบถือเป็นดำรัสช่วยให้เขามั่นใจ พยัพนนท์จะเอาตัวรอดจากการถูกจับกุมได้แน่

“เทพอัคคีจงฟังข้า จงให้แสงสว่างแก่ข้าในบัดดล”
สิ้นพระดำรัส เปลวเพลิงก็ลุกพรึ่บ ขับไล่ความมืดมิดในพระตำหนัก ให้สามารถมองเห็น

“พี่ธารเป็นอะไรไปครับ” ผักตบรีบเข้าประคองร่างพี่สาว มีท่าทางเหมือนจะล้ม
องค์หญิงเองก็งุนงง เพียงเรียกใช้พลังเทพมหาธาตุ ถึงกลับคล้ายจะหมดแรงไปเสียเช่นนั้น

“หยุดเรียกใช้พลังเถอะครับ” ผักตบรีบบอกให้เธอยุติ
การเรียกใช้เทพมหาธาตุลงในทันที พระอาการจึงค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว

“เช่นนั้นเราจักอยู่ในความมืดมิด หากเจ้าไม่เรียกเทพอัคคีเพื่อให้ช่วยสร้างแสงสว่าง”
นางยังคงรับสั่งกับพระอนุชา ให้ทราบปัญหาสำคัญ

“ไม่ต้องห่วง ดูนี่เสียก่อน” ผักตบล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า
ก่อนจะนำไฟฉายที่ติดตัวเตรียมมาพร้อม กดเปิดสร้างแสงสว่างแทนมหาธาตุอัคคี

“โอ้! เจ้ามีเวทย์มนต์น่าทึ่ง” องค์หญิงชลธารเพิ่งประจักษ์หนแรก 
กลับทรงคิดไม่แตกต่างผู้คน ที่เคยเข้าใจว่าผักตบมีเวทย์มนต์เช่นกัน

“ฮะฮ่าๆๆ..ครับเวทย์มนต์ทันสมัย” ผักตบบอกแค่นั้น แอบขำไปกับความคิดของพี่สาวอีกเล็กน้อย
สองพี่น้องค่อยสาดไฟสำรวจภายในพระตำหนัก ซึ่งมีกลิ่นตุๆ ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่
ก่อนเกิดเสียงประหลาดพาเอาให้ตกใจเล่น หากขวัญอ่อนคงขนหัวลุกตั้งชันกันไปแล้วเรียบร้อย

“ฮือออ..อือออ..” เสียงครางแหบโหย อยู่มุมใดมุมหนึ่งดังพอได้ยิน
เสริมบรรยากาศประหนึ่งบ้านผีสิง แต่ไม่สามารถข่มขวัญสองพี่น้องผู้ถือครองเทพมหาธาตุได้สำเร็จ

“มีผู้คนอยู่มุมนั้น” ชลธารพี่สาวรีบบอก น้องชายสาดไฟส่องยังจุดที่มาของเสียงประหลาด
เห็นร่างตะคุ่มผมเผ้ากระเซิงปิดบังหน้าตา แต่ยังพอเดาได้ไม่ยากเป็นสตรีสองนาง
ลุกลี้ลุกลนมุดหัวหลบแสงไฟหัวซุกหัวซุน ด้วยพวกนางมิเคยพานพบแสงเจิดจ้าเช่นนี้มาก่อน

“กลัว..กลัวแล้ว ข้ากลัวแล้ว” ต่างละล่ำละลักบอกให้รู้กำลังกลัว

“พวกคุณเป็นใครครับ ไม่ต้องกลัว..พวกเรามาดี”
ผักตบก้าวเข้าไปใกล้ให้มากขึ้น พวกนางยิ่งคลานหลบชุลมุนลนลานเข้าไปใหญ่

“มิมีประโยชน์อันใด นางมิใช่พระมารดาดอก หากจำไม่ผิดคงเป็นแม่นมกับนางกำนัลที่เล่าลือ
ล้วนมีสติวิปลาสกันกระมัง” ชลธารพี่สาวตรัสบอกกับผักตบ จนเขาเริ่มนึกถึงบุคคลจากการบอกเล่าที่รับฟังมา
มหาโหราผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง ตอนเปิดเผยชาติกำเนิดของเขาครั้งนั้น
ร่วมกับการวิเคราะห์ขององค์ชายวายุภักษ์พระสวามี พลันแจ่มชัดในหัว

“พวกเขาสติไม่ดีจริงหรือครับ” ผักตบย้ำถาม

“ย่อมเป็นเช่นนั้น หามีประโยชน์อันใดหากเจ้าจักถามความกับผู้มีสติวิปลาสเยี่ยงนี้
ข้าบอกเจ้าแล้วว่า มิมีอันใดในตำหนักเย็นดอก” ชลธารรีบตอกย้ำ เพื่อให้ผักตบเลิกล้มความสนใจพวกนาง

“ถ้าไม่สำคัญ แล้วทำไมถึงเป็นเขตห้วงห้ามคุ้มกันอย่างแน่นหนา”
ผักตบกลับแย้งพี่สาวให้ฉุกคิด จนเธอเองก็จนคำพูดโต้กลับ

“เรื่องนี้ข้ามิอาจล่วงรู้เช่นกัน พอจำความได้ก็รับรู้ตำหนักนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามเสียแล้ว” องค์หญิงทรงตรัสบอก

“หรือพวกนางกุมความลับสำคัญ ซึ่งมีใครสักคนไม่ต้องการให้เปิดเผยเรื่องราว
ถึงได้กักขังพวกนางเอาไว้ พร้อมทั้งทำให้มีสติวิปลาสด้วย พี่ธารว่าพอเป็นไปได้ไหม”
ผักตบจี้ตรงประเด็น เขาไม่เคยคาดหวังว่าแม่ผู้ให้กำเนิดจะยังมีชีวิตอยู่ 
เพียงแค่ต้องการความจริงที่ไม่มีการใส่สีตีไข่ หรือปั้นเรื่องแต่งขึ้นใหม่ก็เท่านั้น
โดยมั่นใจว่าคำตอบที่ถูกต้อง อยู่กับสตรีสูงวัยซอมซ่อสองคนตรงหน้าขณะนี้แล้ว

“แล้วจักทำเยี่ยงไร เจ้าสามารถช่วยให้พวกนางคืนสติกลับคืนดุจผู้คนปกติได้เยี่ยงนั้นหรือ
หากเป็นเช่นนั้นอย่าได้รีรอ ขืนชักช้าอาจถูกจับ” ชลธารไม่ยอมเสียเวลาไปกว่านี้ จึงถามผักตบตรงๆ

“ไม่แน่ใจ แต่ผมจะลองดู” พูดจบ เขาตรึงสตรีสูงวัยทั้งคู่ด้วยพลังเทพมหาธาตุทันที
แม้แต่ชลธารยังไม่รับรู้ถึงการเรียกใช้พลังเลยด้วยซ้ำ เพราะผักตบไม่ต้องแสดงท่าทางเอ่ยคำพูด
ก็สามารถใช้พลังมหาธาตุได้ จากนั้นก็ตรงเข้าไปจับชีพจรข้อมือ กำหนดจิตส่งพลังผ่านนิ้วไปยังร่างของสตรีคนแรก
ที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นใคร เขาไม่รู้วิธีรักษา อาศัยเดินพลังมหาธาตุ
ตั้งใจนึกถึงความต้องการอยากให้คนตรงหน้าที่เขากำลังสัมผัสขณะนี้ หายจากอาการที่เป็นอยู่ด้วยจิตมุ่งมั่นเท่านั้น
กลับส่งผลให้กลุ่มควันขาวลอยออกจากศีรษะนาง พร้อมอาการตาเบิกค้างเหลือกลานกันครู่ใหญ่
แล้วแน่นิ่งลงไปทันที สร้างความร้อนใจให้ผักตบ พานคิดว่าเธออาจถูกเขาเผลอทำร้ายเข้าโดยไม่รู้ตัว

“แย่แล้วพี่ธาร ผมทำเขาบาดเจ็บหรือเปล่า” ด้วยไม่แน่ใจ จึงไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ

“ไม่น่าใช่รอดูสักครู่เถอะ ข้าเห็นกลุ่มควันบางอย่างลอยออกจากศีรษะของนางอยู่พักนึง เจ้าอาจทำสำเร็จ”
พอฟังพี่สาวตอบมาแบบนั้น เขาค่อยเบาใจ ไม่ต้องรอนานร่างที่ฟุบไป ค่อยขยับลืมตาจ้องพวกเขางงๆ
เหมือนไม่เข้าใจว่า หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีงดงามสูงศักดิ์ตรงหน้าคือใครกัน

 “พวกเจ้าเป็นใคร แล้ว..แล้วมารร้ายราชครูเล่า อยู่ที่ใดเสียแล้ว”
นางเอ่ยถาม ตามด้วยอาการตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เดี๋ยว..ใจเย็นก่อน พวกผมมาดีไม่ได้มาร้าย ผมเป็นคนช่วยคุณ”
ผักตบรีบบอก นางยิ่งตกใจสีหน้างงหนักต่อคำพูดคำจาของเขา เป็นผลให้องค์หญิงผู้พี่ต้องเขาช่วยคลี่คลาย

“เรามีนามองค์หญิงชลธาร ธิดาของกษัตริย์หัสดินและพระมเหสีนรินทร์ธร
ส่วนท่านนี้คืออนุชาของเรานามผักตบ อาจเอื้อนเอ่ยวาจาแปลกหูท่านบ้าง
เพราะเขามิได้เติบโตตามธรรมเนียมของพวกเรา”

“โอ้! ข้าน้อยสมควรคารวะพระธิดาพระโอรสเพคะ ฮึก..โฮฮฮๆๆ!!”
นางรีบคลานหมอบราบพร้อมกับปล่อยโฮ สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับสองพี่น้องไม่แตกต่างกัน

“เกิดอันใดขึ้น..เจ้าอย่าเพิ่งร่ำร้อง ขืนเสียงดังเกรงจักไม่ปลอดภัย ผักตบจักทำการใดรีบลงมือเร็วเถิด
หากเจ้าจักช่วยพวกนางก็อย่าได้ชักช้า รีบนำพาพวกนางออกไปพำนักตำหนักข้า
มีเพียงที่นั่นเขตอาคมครอบงำไม่ได้ ข้าใช้เทพมหาธาตุสร้างเกราะป้องกันเอาไว้”
ชลธารรีบบอกอนุชา เมื่อเห็นท่าไม่ดีเสียแล้ว ขืนรอช้าจะยุ่งกันไปใหญ่

“ได้ครับ ถ้างั้นผมพาอีกคนกลับไปรักษาตำหนักพี่จะดีกว่าครับ”
ผักตบไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบอุ้มเอาร่างที่โดนเขาสะกดมาไว้ในอ้อมแขน
แล้วก้าวนำออกไปก่อน โดยชลธารผู้เป็นพี่สาวรับหน้าที่พยุงอีกคน
ที่ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแอบลอบกลับออกจากตำหนัก โดยเล็ดลอดทหารยามได้อย่างไม่ลำบาก
เห็นพากันยกขบวนโร่ไปทางนั้นทีทางนี้ที ไม่รู้กำลังเล่นซ่อนแอบหาอะไรกันอยู่
ที่แน่ๆ คงไม่พ้นตามหาพยัพนนท์คนเลี้ยงม้า ถือว่าการลักลอบเข้ายังตำหนักเย็นครั้งนี้
ไม่เสียเที่ยวแล้ว เมื่อพบต้นตอความลับสามารถคลี่คลายปมปริศนา
พามาหลบยังพระตำหนักขององค์หญิงชลธารเป็นที่เรียบร้อย
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่า..เกราะมหาธาตุที่ทรงมั่นพระทัยได้กำกับขึ้นหามีเสียแล้ว
สาเหตุจากพระกำลังที่อ่อนแรงถูกสูบกลืนเทพมหาธาตุของตะขาบแก้ว
ความเข้าใจที่ว่าทรงสร้างเกราะเทพมหาธาตุป้องกันรอบตำหนัก จึงเป็นการหลงผิดมหันต์
ผักตบก็ไม่ล่วงรู้สักนิดว่าเกราะมหาธาตุของพี่สาวไม่ได้มีอยู่ เพราะเขาเชื่อถือชลธารจึงไม่ทันได้ระวัง...



มาอัพตามนัดแล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันพุธนะคะ

ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ค่ะ ที่คอยติดตามกันมาจนเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้ว

ปล.ใครที่โอนตังค์แล้วยังไม่ได้แจ้งโอน พร้อมชื่อที่อยู่จัดส่งหนังสือ รบกวนแจ้งมาด่วนนะคะ :mew1: :hao5: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2014 01:13:25 โดย luxilove »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เอาแล้วละซิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2014 03:01:19 โดย B52 »

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
รอลุ้นนนนนนนน

 :L2:ดอกไม้เยี่ยมไข้คนไม่สบาย ค่า คึ คึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






FeeDtheCAT

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณค่ะ ^^
 :mew1:

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
อ๊ากกกกลุ้นๆๆๆ ยังไม่อยากให้จบเลย  :ling1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อึ้ย...จะเป็นไงต่อล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ลุ้นกันต่อไป แต่...
ฉันค้างงงงงงงงง

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ตอนหน้าได้สนุกกันล่ะผักตบเอ้ยยย พระปิตุ๊ดลาฮีต้องมาแหง่มๆ :katai1:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
ลุ้นๆวันพุธกำลังเข้มข้นเลย :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ๊ากกกก ค้่างเลยย
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงโค้งสุดท้าย :z3: :z3: :z3: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ arty136

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
รอๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ roseouioui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
รู้ความจริงสักทีเถอะนะ
 :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
จะเป็นงัยต่อไปเนี่ย  หากพระปิตุลากับพระปิตุจฉารู้เข้าจะเป็นไงล่ะเนี่ย  เฮ้ออยากได้หนังสือเหมือนคนอื่นเขาแต่ตัวเองยังเด็กยังขอตังพ่อแม่ใช้อยู่เลยอ่ะ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
สนุกๆ กำลังมันเลย

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่นะชลธาร เธอจะโดนจับได้นะ
ลุ้นอ่ะ อย่าให้ชลธารเป็นอะไรนะ
ปมเริ่มจะคลายแล้ว
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตื่นเต้นจัง

ได้นางรับใช้เก่ามาแล้ว น่าจะช่วยคลี่คลายได้เยอะ
และชลธารก็น่าจะมาอยู่ฝ่ายผักตบเต็มตัว
แผนลอบฆ่าคงจะล้มและถูกซ้อนแผนอีกที

พยัพฆาบอกมาว่าใช่วายุพักตร์มั้ย  :hao7:

บวกเป็ด

รอวันพุธ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สนุกมากๆลุ้นสุดๆเลยตอนนี้ คนเลี้ยงม้านั่นก็ไม่ธรรมดา!

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก

อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
 :katai1:  ตื่นเต้นเร้าใจหลาย  คนเลี้ยงม้ายังไงก็ต้องเป็นพระสวามีที่ปลอมตัวมาดูพระชายาผักตบเป็นแน่แท้


  รอวันพุธคะ   :hao7:

Tinkerbell

  • บุคคลทั่วไป
สั้นๆ......ชิบหาย

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ตอนหน้าความเลวเปิดเผยป่าว :ruready:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด