- 3 -“ชนเผ่าแมงมุมดำ” คำตอบที่ไม่ต้องรอตรวจข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ เพราะวิธีการต่อสู้และอาวุธ
ไม่ต่างสองนางกำนัลที่เขาเคยประฝีมือครั้งนั้น ซึ่งองค์ชายวายุภักษ์ทรงรักษาพระอาการพิษขององค์เหนือหัวอนิละ..
“สมเป็นองครักษ์เอกของไตรคาน สายตาหลักแหลมล่วงรู้เยี่ยงนี้ เจ้าคาดเดาไม่ผิด
องครักษ์ของข้าล้วนเป็นชนเผ่าแมงมุมดำ” พระปิตุจฉาเอื้อนพระดำรัสอย่างถือไพ่เหนือกว่า
ในสายพระเนตรพระนางแลเห็นเหยื่อตรงหน้าดุจกระต่ายไร้หนทางสู้ จนมุมหนีไปแล้วเรียบร้อย..
แหวนมรกตนิ้วนางข้างซ้ายผักตบ เปล่งแสงนวลเขียววูบวาบด้วยความไม่มั่นคงต่อภาวะจิตใจร้อนรน
เศร้าสลดผิดหวังของเขาที่พยายามดิ้นรนให้คืนพลังจตุรเทพมหาธาตุ..
“กรี๊ดด!!..” สุรเสียงของพระมเหสีร้องได้แค่นั้น ตะขาบแก้วลอยหวือไปเกาะติดยังพักตร์นวล
แล้วกระดึ๊บคืบคลานเข้าทางพระโอษฐ์ โดยที่พระองค์ไม่สามารถดิ้นรนขืนหนีได้
พระวรกายเหมือนถูกสะกดตรึงแน่วนิ่งไม่ต่างผักตบและองค์หญิงชลธาร
เป็นผลจากกระยาหารพิเศษ ทรงได้รับพระราชทานมื้อเช้าเช่นเดียวกัน
“ป้าโหดร้ายเกินไปแล้ว นั่นสะใภ้ป้าแถมยังอุ้มหลาน ลูกชายป้าเหนือหัวธรณินจะเสียใจแค่ไหน
ถ้าป้าฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขเขา ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าครับ!!” ผักตบเผลอตะโกนลั่น ด้วยทนสภาพที่เห็นไม่ไหว
“ฮะฮ่าๆๆ..ทุกสิ่งยอมต้องเสียสละ เพื่อให้ได้มาสิ่งที่คุ้มค่ายิ่งกว่า ธรณินย่อมต้องเข้าใจอภัยให้มารดา
ทารกอ่อนในครรภ์หากมิได้ธรณินหว่านเชื้อพันธุ์เอาไว้ ไหนเลยจักเป็นอาหารทรงคุณค่าในพิภพได้กันเล่า
ไหนเลยข้าผู้มารดาจักสัมฤทธิ์ผล ต่อการอดทนรอคอย 80 ปีเยี่ยงนี้หนอ”
คำตอบที่ได้รับฟังโดยปราศจากจิตสำนึกของคนพูด ทำเอาผักตบสมเพชเวทนาทุกคน
ที่ล้วนตกเป็นเครื่องมือให้หญิงชราบ้าอำนาจผู้นี้แล้วจริงๆ
ทางฝ่ายกลกะลาเริ่มเลือดโชกโดนไปหลายแผล ยังไม่สาหัสจนต้านต่อไม่ไหว
เขาสามารถพลิกแพลงหลบหลีกเอาตัวรอดได้ สภาพการณ์โดยทั่วไปคงฝืนสู้ได้ไม่นาน
เพราะอีกฝ่ายมีอาวุธทั้งยังกลุ้มรุม 4 นาง
ต่อให้องครักษ์หนุ่มเก่งกาจแค่ไหน ไม่สามารถทนทานสู้มือเปล่าได้ยาวนาน
ถึงขั้นพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่ ทั้งยังมีเหลืออีก 4 นางที่ไม่ได้ลงมือร่วมด้วยช่วยกันรุมเขาเพิ่ม
“ขะ..ข้าขอโทษเจ้าด้วย..ผักตบอภัยให้ข้าด้วย” องค์หญิงชลธารพยายามเปล่งวาจาอย่างยากลำบาก
ส่งสายพระเนตรให้ผักตบที่ขยับไม่ได้ ขอโทษพระอนุชาที่พระองค์ชักนำมาพบจุดจบร่วมกัน
ฝ่ายนางกำนัลอาวุโสผู้กุมความลับทั้งสอง ยืนกอดกันร่ำไห้ตัวสั่น โดยไม่มีใครสนใจชายอัปลักษณ์ที่ยืนคุ้มกันผักตบ
ด้วยหน้าตาไม่ชวนมองเป็นทุนอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ไม่มีใครคาดเดาท่าทางเขาออก
เล่นไม่กระดุกกระดิกไม่สนใจใครรอบข้าง แววตาก็มองไม่เห็นว่าเขาจ้องใครคิดอะไร
เหมือนยืนเป็นหุ่นประกอบเสียอย่างนั้น เหตุการณ์ฉุกละหุกวุ่นวาย จึงมีเพียงคนที่ได้รับผลโดยตรง
นับตั้งแต่ผักตบ องค์หญิง พระมเหสีและกลกะลาเท่านั้น
“อ๊อก!..อ๊ากกก!!..” พระมเหสีเนตรเหลือกถลน ก่อนพระโลหิตจะหลั่งจากโอษฐ์
สัตว์ประหลาดน่าขยะแขยงมุดหายเข้าไปในพระศอแล้ว
กำลังเข้าไปเกาะกินทารก ที่ยังเป็นวุ้นพระโลหิตในพระครรภ์
“กรี๊ซซซซ!!!” เสียงหวีดแหลม..ดังลอดจากพระศอของพระมเหสี กลับไม่ใช่เสียงพระนาง
เป็นเสียงแหลมสูงแสบแก้วหู ส่วนเจ้าของวรกายทรุดฮวบบรรทมหงายหลังลงกองที่พื้น พระเนตรเบิกโพลงสิ้นพระชนม์แล้ว
“ผักตบชายาข้าอ้าโอษฐ์เจ้า..เดี๋ยวนี้!” พระสุรเสียงทุ้มห้าวเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ตรัสให้ได้ยินทั่วทั้งห้อง
บังเกิดเกราะเทพมหาธาตุซึ่งทรงอานุภาพแข็งแกร่ง เข้าห้อมล้อมร่างผักตบ องค์หญิงชลธาร และนางกำนัลพยานสำคัญ
บุคคลสุดท้ายคือกลกะลา ทำเอาสตรีเผ่าแมงมุมดำองครักษ์ของพระปิตุจฉา ต่างกระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง
“องค์ชาย..เป็นคุณ” กลกะลาขานพร้อมทะยานร่างมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าชายอัปลักษณ์
อย่างให้การคารวะสูงสุด ส่วนผักตบเสียงแผ่ว เพราะเสียงที่คุ้นหูดังอยู่ข้างเขานี่เอง
“อย่าได้สงสัยอันใด เจ้ารีบอ้าโอษฐ์ให้กว้างเสียก่อนเถิด”
ผักตบไม่เข้าใจทำไมอีกฝ่ายสั่งเขาอ้าปาก ฉุกคิดคงกำลังจะใช้เทพจตุรธาตุถอนยาสั่งในร่างให้เขากระมัง
รีบอ้าปากกว้างตามรับสั่ง ก่อนเหลือกตาลนลานเพราะผิดจากที่คาดการณ์ไปคนละเรื่อง ชวนขวัญหนีดีฝ่อกันเลยทีเดียว
“อุ๊บ!..อืออ...มะ..ม่าย!!” เขาไม่สามารถขัดขืน ตะขาบแก้วตัวเดิม บัดนี้กลายร่างเป็นก้อนเลือดเท่าสองนิ้ว
มีรัศมีเปล่งประกายสีแดง ฟ้า น้ำตาลวูบวาบ หลุดหายเข้าไปในปากกลืนลงท้องเขาไปเรียบร้อย
มาพร้อมอาการร้อนปานกลืนลาวา จนปากคอเหมือนโดนลวกให้พุพองแล้ว ก่อนรู้สึกเย็นซ่านเหมือนก้อนน้ำแข็ง
แพร่กระจายให้ตับไตไส้พุงในท้องเขาแช่แข็งเรียบร้อยเช่นกัน เกิดขึ้นรวดเร็วมาก
แค่กะพริบตาด้วยซ้ำเขาก็ขยับร่างได้เป็นปกติ เหมือนมีขุมพลังบางอย่างไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
“เจ้า..เจ้าแย่งเทพมหาธาตุทารกพิสุทธิ์ของข้า รีรออันใดฆ่าพวกมันอย่าให้รอดชีวิต
ข้าจักดูดกลืนพลังชีวิตมันมาให้จงได้..ลงมือเดี๋ยวนี้!” พระสุรเสียงตวาดแวดดังก้องสั่นประสาทผู้คน
สีพระพักตร์บิดเบี้ยวน่ากลัวดุจนางแม่มดสมฉายาที่ผักตบตั้งให้ในใจ
ทรงชี้ดัชนีสั่งองครักษ์เผ่าแมงมุมดำทั้งแปด กลุ้มรุมจู่โจมเข้าใส่พวกผักตบโดยพร้อมเพรียง
พวกนางมีท่าร่างรวดเร็วว่องไว ผสมผสานกันอย่างลงตัวเหมือนฝึกมาเพื่อการนี้
เกิดเป็นตาข่ายคมอาวุธมีรังสีบาดลึกดูน่าสะพรึงกลัวสุดๆ เสียงแหวกอากาศของคมเดือน
มุ่งเข้าสังหารพวกผักตบ ฟังดูเสียดสีเสียดแทงไปทุกรูขุมขน
“กรี๊ด!!..โอย!..ว๊ายยย!!” เสียงหวีดร้องพร้อมกับการกระเด็นของร่างอรชรคนละทิศละทาง
บางนางเลือดกระอักมุมปาก สภาพเหมือนนกปีกหัก อาวุธในมือหล่นไม่เป็นกระบวน ปะทะเกราะมหาธาตุเข้าอย่างจัง
“วายุทำลายสิ้น” พระดำรัสทุ้ม บัญชาสายลมอย่างทรงอำนาจ ก่อนพายุหมุนของมวลอากาศจะก่อตัวโดยพลัน
เล่นเอาอาภรณ์และผู้คนในบริเวณ ยกเว้นพวกผักตบที่อยู่ในเกราะเทพมหาธาตุ จึงไม่โดนหางเลข
ต่างยื้อต้านกระแสลมหมุน ที่กำลังดูดกลืนพวกเขาให้เข้าสู่กงล้อของพายุ
ซึ่งก่อตัวจนข้าวของกระจัดกระจายไม่เหลือสภาพเดิม
“ธรณีฟังข้า ภูผาจงต้านทานในบัดดล” สิ้นพระสุรเสียง แผ่นพื้นปูนกระเบื้องหินอ่อนอย่างหนา
ก็ลอยตัวกลายเป็นกำแพงมหึมา กำบังทางฝั่งของพระปิตุจฉาพร้อมบริวาร เอาไว้ได้ทันท่วงทีชนิดเฉียดฉิวทีเดียว
พร้อมการปรากฎวรองค์ของเหนือหัวธรณิน และพระปิตุลาซึ่งยกขบวนตามติดเข้ามา มีเหล่าองครักษ์ฝีมือดีกว่าครึ่งร้อย
“หยุดความโอหังของเจ้าเดี๋ยวนี้..วายุภักษ์”
สิ้นดำรัส องค์ชายในร่างพยัพนนท์คนอัปลักษณ์ ทรงยุติการใช้วายุพิโรธของพระองค์ลงทันที
ความสงบของมวลอากาศคืนสู่ปกติ ที่ไม่ปกติคือสภาพแวดล้อมเหมือนสมรภูมิรบไปแล้ว
เพราะไม่เหลือสภาพการตกแต่งของพระตำหนักนอกจากข้าวของแตกกระจายตกเกลื่อนพื้น
ส่วนผนังศิลาที่ถูกพลังของมหาธาตุธรณีขององค์เหนือหัวธรณินเนรมิตขึ้น
ก็ร่วงตกสู่พื้นเช่นเดียวกัน เมื่อพระองค์ยุติการใช้พลังตามองค์ชายวายุภักษ์ไปด้วย
“เจ้าใยปลอมแปลงโฉม ดุจโจรถ่อยบุกรุกวังหลวงของข้าเยี่ยงนี้ หรือวายุภักษ์ผู้กล้าหาญ
กลับกลายเป็นบุรุษขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้าผู้คนอย่างเปิดเผยไปเสียแล้ว
เหตุใดลงมือทำร้ายเสด็จแม่ข้ากับพระมเหสี
ถึงขั้นทำนางสิ้นพระชนม์ เจ้าอุกอาจเหิมเกริมไม่เห็นหัวผู้ใด
ถือดีมีจตุรเทพมหาธาตุครอบครองเยี่ยงนั้นหรือ ข้าใคร่รอดูว่าเจ้าจักสามารถเล็ดลอดมีชีวิตกลับสู่ไตรคานได้เยี่ยงไร
เมื่อคิดคดสกปรกเริ่มเปิดศึกก่อน ผิดสัตย์ที่ได้ตกลงกันแต่หนนั้น ข้าจักไม่เกรงใจเจ้าเช่นกัน
เสด็จพ่ออย่าได้เวทนาจงใช้เวทย์มนต์พิษร้าย จัดการวายุภักษ์ไปเสียเถิด
ข้าจักรับมือเกราะมหาธาตุของเขาให้ท่านเอง” พระดำรัสพรั่งพรูทิ้งช่วง
โดยมิทรงเปิดโอกาสให้ผู้ใดได้อธิบาย สายพระเนตรคมเข้มทอดสบดวงตาดำสนิทของกลกะลาอย่างทอประกายผิดหวัง
“ท่านช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ใยมิถามความให้ถ่องแท้กลับด่วนสรุป
สมควรแล้วหรือเป็นถึงกษัตริย์ปกครองบ้านเมือง..กลับกระทำเยี่ยงนี้แล้ว”
กลกะลาทนไม่ไหวจึงไม่คิดรักษามารยาท ตำหนิเหนือหัวธรณินซึ่งหน้า
“จะ..เจ้า..เชลยคิดคดทรยศไม่รักดีเยี่ยงเจ้า มีสิทธิ์เอ่ยวาจาอันใด
หากเจ้าไม่ใช้แผนชั่วร้าย จนข้าหลงกลไม่ระวัง ปล่อยให้เจ้าลักลอบออกมาร่วมมือกับนายเจ้าเยี่ยงนี้
ทำให้พระมเหสีสิ้นพระชนม์ สมควรรับโทษสถานหนักด้วยเช่นกัน
ยังกล้าโอหังหมิ่นเกียรติข้า เกรงว่าไม่รักชีวิตเสียแล้วกระมัง”
“ผู้ใดจักไม่รักชีวิต เพียงความถูกต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
แม้นสิ่งที่ข้าทำจำใจต้องสละชีพจักไม่เสียดายอันใดเลย เป็นเพราะท่านโง่เขลานัก
ยินยอมให้พระมารดาล่อลวงเยี่ยงนี้ ท่านเบิกเนตรดูหรือยัง ใคร่ครวญหรือไม่ผู้ใดเป็นผู้กระทำ
ให้พระมเหสีสิ้นพระชนม์ ผู้ใดวางกลอุบายชั่วร้ายอย่าได้เที่ยวป้ายความผิดให้ผู้อื่น
แม้นพวกท่านยังมิใช่ตัวดีให้ผู้คนเคารพ ก็จงอย่าคิดโยนความชั่วไกลห่างตัว
รับความดีความชอบโดยมิรู้สึกละอาย สิ่งสำคัญท่านเป็นผู้เริ่มต้นก้าวร้าวองค์ชายข้าก่อน
ในฐานะองครักษ์ข้ามิสมควรปกป้องเช่นนั้นหรือ”
กลายเป็นกลกะลาออกหน้าโต้ตอบวาจาเหนือหัวธรณินไม่ลดละ แม้นเขาจะหักล้างได้อย่างน่ายกย่อง
แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้ผักตบและองค์ชายวายุภักษ์พระสวามีไม่น้อย
พระองค์ถือโอกาสนี้ใช้พระหัตถ์ป้ายครีมบางอย่างบนพระพักตร์
คืนกลับรูปโฉมหล่อเหลาไม่อำพรางองค์อีกต่อไป เพื่อมิให้เหนือหัวธรณินทรงยกอ้างดูแคลนได้
“เจ้าพี่..พระมารดาเจ้าพี่เสียแล้ว ทรงสังหารพระมเหสี” องค์หญิงชลธารยังพอมีพระกำลังอยู่บ้าง
ขยับพระโอษฐ์เปล่งสุรเสียงอย่างลำบาก เพื่อบอกข้อเท็จจริงต่อเหนือหัวธรณินให้ทรงทราบ
“เสด็จแม่..สิ่งที่พวกเขากล่าวล้วนเป็นจริง” พระองค์ทรงผินพักตร์ไปตรัสถามพระปิตุจฉา
“ต่อให้ข้ากระทำจริง เจ้าจักเข้าข้างพวกมันเยี่ยงนั้นหรือ” พระองค์กลับทรงย้อนถามพระโอรสคืน
“เพราะเหตุใด ท่านทำไปเพราะเหตุอันใด”
จังหวะสองแม่ลูกกำลังถกเถียงถามไถ่จุดประสงค์กันนั้น ผักตบรีบเข้าดูอาการองค์หญิงชลธาร
แต่พระสวามีทรงชิงตรวจจับชีพจรองค์หญิงเสียเอง
พระโขนงมุ่นพักตร์คมคายเครียดขึง กำลังใช้ความคิดหนักพอสมควร
“ข้าจำต้องรักษาชีวิตนาง ต้องใช้เทพมหาธาตุคืนพลังชีวิตให้นาง หากชักช้าเกรงจักไม่ทันการ
กระนั้นนางก็มิหลงเหลือพลังเทพมหาธาตุในกายอีกต่อไป เพียงเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว”
ดำรัสขององค์ยุพราชพระสวามี ไม่มีเวลาที่จะให้ผักตบไต่ถามหาความอะไรได้ เขาห่วงพี่สาว..
“รีบช่วยพี่ผมก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” เพียงเท่านั้นองค์ชายก็ไม่ทรงลังเล
ที่จะใช้พลังของพระองค์รักษาชีวิตองค์หญิงชลธาร แต่ผักตบไม่รู้ว่าการใช้จตุรเทพมหาธาตุ
ดึงชีวิตคนจากอุ้งหัตถ์มัจจุราช สูญเสียพลังไปมากแค่ไหน เพราะองค์ชายมิทรงเปิดเผยความจริงในข้อนี้
กระทั่งเกราะเทพมหาธาตุที่คุ้มครองพวกเขา พลอยสูญสลายไปในพริบตา
พร้อมไรพระเกศาผุดหยาดเหงื่อ ทรงอิดโรยกว่าที่เขาคิดไว้แล้ว
“คุณใช้พลังมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ผลลัพธ์คุ้มค่า องค์หญิงทรงสามารถหายเป็นปกติ
ถึงขั้นลุกประทับยืนได้แล้ว พระพักตร์นวลเปล่งปลั่งงดงามดังเดิม เหมือนมิเคยทรงได้รับบาดเจ็บอันใดมาก่อน
“ข้าไม่สามารถใช้พลังได้อีกแล้ว” เล่นเอาผักตบใจหายวูบ
“ยุ่งละสิ” เขาเปรยได้เพียงแค่นั้น
“แต่เจ้ากลับสามารถ กระนั้นคงไม่มาก มีความรับผิดชอบยิ่งใหญ่
ที่เจ้าต้องใช้พลังดูแลดียิ่ง โอรสของข้าและอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์เจ้า” ผักตบอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินสดๆ ร้อนๆ
“หา..หมายความว่า..ผมอุ้มท้องอยู่สองคน” คำตอบคือการพยักพักตร์ไม่มีการปฏิเสธ
ก่อนรับสั่งเฉลย ปล่อยพระปิตุจฉากับโอรสถกเถียงภายใต้การสอดแทรกของพระปิตุลาห้ามปรามเป็นระยะ
จนลืมพวกเขาไปชั่วขณะด้วยมั่นพระทัยว่าดุจลูกไก่ในอุ้งหัตถ์ พอมีเวลาให้สองสามีภรรยาได้คุยกันในจังหวะนี้แล้ว
“ที่ข้าไม่ยื่นมือช่วยแต่แรก เพราะกำหนดสมาธิให้เกิดฌาณไปสนทนากับพระอาจารย์แล้ว
จึงได้รู้ว่าตะขาบแก้วคือสัตว์ร้อยปีจักมีสักตัว แต่กลับเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ดูดกลืนเทพมหาธาตุไว้ได้
ใช้เวลาเติบใหญ่ในร่างของผู้ถือครองแล้ว ตามตำราบ่งบอกว่าหากให้สัตว์ชนิดนี้ออกจากร่างผู้ถือครอง
ต้องใช้ทารกวัยเยาว์ซึ่งกำลังเจริญพันธุ์ในครรภ์มารดาเป็นเหยื่อล่อ
กรณีของพระมเหสีนางกลับอุ้มครรภ์โอรสของธรณิน มีพลังเทพมหาธาตุธรณีปน
ทำให้ตะขาบแก้วที่ดูดกลืนเทพมหาธาตุของพี่นางเจ้า เกิดหลอมรวมเข้ากับทารกน้อยนั้น
จนมันกลายเป็นผู้ถูกกลืนกินด้วยพลังสามชนิดเสียเอง
ปกติตะขาบแก้วมิสามารถดูดซับพลังเทพมหาธาตุ เกินสองชนิด
หากเกินกว่านั้นมันจะเป็นฝ่ายถูกพลังดูดกลืนตัวมันเอง นี่คือเหตุผลที่พระปิตุจฉาทรงพลาดไปแล้ว
เพราะไม่ล่วงรู้ว่าทารกในครรภ์มเหสีกลับมีพลังเทพมหาธาตุแฝงอยู่
กระนั้นทารกจักมีชีวิตต่อไม่ได้ ต้องได้รับการฟูมฟักในครรภ์ดุจทารกปกติทั่วไป
แต่พระมเหสีทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อน ด้วยนางเป็นปุถุชนคนธรรมดา
หาได้สามารถต้านพลังพิเศษจากภายนอกสู่วรกายได้ จึงเป็นเรื่องสลดเยี่ยงนี้
พระอาจารย์ให้ข้าชักนำทารกนั้น ด้วยการใช้โอรสของข้าเป็นตัวหลอกล่อ
โดยส่งพลังเทพมหาธาตุดึงดูดมาสู่กายเจ้า เพื่อช่วยรักษาชีวิตทารกและพลังทั้งหมดก่อนจะสูญสิ้นไปเสีย
นั้นมิสำคัญอันใดเท่าการทำเยี่ยงนี้ จักแก้ไขยาสั่งซึ่งกำกับด้วยมนต์ดำชั่วร้าย
แม้แต่แหวนมรกตก็มีอาจต้านทาน เป็นเพราะใส่ไว้ในพระกระยาหารให้เจ้าเสวยเข้าสู่ร่าง
หาใช่เป็นมนต์ที่มาจากภายนอกทั่วไป ซ้ำยังมีผลควบคุมลมปราณในโลหิต
ทำให้ข้าไม่สามารถสุ่มเสี่ยงช่วยเจ้าด้วยพลังตนเอง ขืนทำเยี่ยงนี้เราทั้งคู่จักไม่เหลือผู้ใดไว้คุ้มครองอีก
ย่อมสิ้นทางหนีกลับสู่ไตรคานเสียแล้ว ข้าจึงเลือกวิธีของพระอาจารย์ให้เจ้ารับทารกฟูมฟักในครรภ์เพิ่มอีกหนึ่ง
ซ้ำยังขับพิษยาสั่งและพลังมนต์ดำชั่วร้ายได้ผล ตอนนี้เจ้าสามารถใช้เทพจตุรธาตุไม่เป็นปัญหา
กระนั้นก็อย่าได้ใช้จนหมดสิ้นกำลังเยี่ยงข้า เพราะชีวิตในครรภ์เจ้ายังต้องได้รับพลังมหาธาตุ
ฟูมฟักดูแล..เข้าใจหรือไม่..ชายาของข้า” พระสุรเสียงทุ้มหวานประโยคท้าย
ประหนึ่งพระองค์ทรงวางภาระยิ่งใหญ่ ไว้ในอุ้งมือของผักตบ เล่นเอาหนุ่มไฮเทคสุดหล่อ
หัวใจพองโตคับแน่น มีพลังฮึกเหิมเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยทีเดียว เขามุ่งมั่นที่จะพาทุกคนหนีรอดปลอดภัยในทันที
“เข้าใจแล้ว..ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ ขืนชักช้าจะเสียเปรียบ”
ผักตบบอกพระสวามี องค์ชายพยักพระพักตร์รับคำ ค่อยทรงวรกายมั่นคงอย่างไม่แสดงพระอาการให้จับพิรุธ
ว่าพระองค์หาได้หลงเหลือพลังจตุรเทพมหาธาตุใช้ต่อกรได้อีกแล้ว นอกจากพลังฝีมือการทักษะต่อสู้ล้วนๆ
“กลกะลา..อารักขาความปลอดภัยให้ชายาข้า..ด้วยชีวิตของเจ้า” พระองค์มิทรงลืมกำชับองครักษ์หนุ่มให้รับปาก
“ข้าพระองค์รับด้วยเกล้า จักถวายชีวิตเพื่อพระชายา..พะยะค่ะ” พอได้สดับฟังคำยืนยันขององครักษ์หนุ่ม
องค์ชายเตรียมพาทั้งหมด 6 ชีวิตหนีออกไปจากเวฬุวรรณนคร หวังเพียงผักตบจะสามารถนำทุกคน
ออกไปอย่างปลอดภัยได้แล้ว..แม้ต้องฟันฝ่าอุปสรรค ต่อสู้ก็มิคิดขลาดเขลากลัวตายเป็นอันขาด..
มาอัพตามนัดแล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันเสาร์นี้นะคะ
มาลุ้นกันต่อ ผักตบจะรอดออกไปยังไง มารร้ายจะมีจุดจบแบบไหน
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ
ปล.ใครที่โอนเงินจองแล้ว ยังไม่แจ้งโอนหรือแจ้งชื่อที่อยู่ รบกวนแจ้งด้วยค่ะ
คนเขียนไม่อยากเก็บตังค์ไว้ในบัญชี โดยไม่ได้ส่งหนังสือให้นะคะ มันไม่สบายใจอ่ะ

ตอนนี้มียอดค้างอยู่ที่ไม่แจ้งโอนเยอะพอสมควร รบกวนแจ้งกันด้วยค่ะ
