ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 9 “ไอ้เลวเมื่อวานมึงหายหัวไปไหนมา” เพื่อนกูทักได้น่ารักแต่เช้าเลยนะครับแหม่
“กูหลับเพลิน ตื่นมาอีกทีเช้าเลยว่ะ” ผมรีบตอบไอ้แบตที่กำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าหอพัก วันนี้มีเรียนมันเลยนั่งรอผมเพื่อเข้ามอพร้อมกัน
“กูไม่เอาไฟเผาห้องมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว เขาตามหามึงกันให้วุ่น เดี๋ยวนี้นักวิทยาศาสตร์เขาผลิตนาฬิกาปลุกมาใช้ได้แล้วมึงรู้ยัง ไปซื้อมาใช้ซะนะ” ไอ้นี่จิกไม่เลิกเว้ย กูหลับก็คือหลับดิวะ
“โทรศัพท์ก็มีทำไมมึงไม่เสือกโทรมาล่ะ”
“โทรห่าอะไร ได้ข่าวว่ามึงปิดเครื่อง” อ้าวอันนี้ไม่รู้ครับ พอตื่นผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาใต้หอโทรศัพท์อยู่ไหนผมยังไม่รู้เลย
“สงสัยแบตหมดว่ะ กูไม่ได้เอามา แล้วเมื่อคืนเป็นไงใครได้เป็นเดือนคณะวะ” เมื่อคืนที่คณะมีงานประกวดดาวเดือนคณะครับ ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่รุ่นพี่และเพื่อนส่งชื่อเข้าประกวด แต่ผมดันหลับเพลินเลยพลาดโอกาสเป็นเดือนไปอย่างหน้ายินดี เพราะถ้าผมได้เข้าประกวดแล้วล่ะก็คนอื่นไม่มีทางได้ครับ หมดสิทธิ์ผมบอกเลย หึหึ
“จะใครซะอีกกูนี่แหละได้ ซวยชิบหายไม่รู้ใครมันตาบอดเลือก” ไอ้แบตว่าหน้าเซ็งจัดชัดเจนมากครับ เป็นที่รู้กันว่าถ้าได้เป็นเดือนคณะแล้วจะต้องขึ้นประกวดเดือนมหา’ลัยด้วยที่นี้ละมึ๊งสนุกแน่ ไอ้แบตเพื่อนผมยิ่งเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายกับใครเขาอยู่ด้วย ผมว่ามีลุ้นมันเบี้ยวขึ้นประกวด
“ถูกแล้วไงก็มึงหล่อ มึงเท่ มึงเพอร์เฟคแมน เหมาะแล้วๆ”ผมว่าก่อนตบบ่ามันเบาๆแล้วหัวเราะทับ
“กูว่ากูจะไม่เข้าประกวดเดือนมหา’ลัยว่ะ” ว่าแล้วเชียว
“เฮ้ย!ไปดิไม่ไปได้ไง มึงเป็นหน้าเป็นตาของคณะเลยนะเว้ย”
“ไม่ถงไม่ถามกูซักคำว่ากูอยากเป็นรึเปล่า” มันว่าหน้าเซ็งๆ
“ถามไม่ถามมึงก็ได้เป็นแล้วว่ะ ทำใจยอมรับชะตากรรมซะเถอะเพื่อนเอ๊ย” ผมว่าก่อนเดินผิวปากอย่างสบายใจนำหน้าไอ้แบตมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัย
“อ้าวแพรมาแต่เช้าเลย” ผมทักแพรที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะใต้ตึกคณะ
“แพรเพิ่งมาถึงไม่นานเหมือนกัน เมื่อวานวีหายไปไหนมาเค้าตามหากันทั่ว” เอาแล้วไงถามประโยคเดียวกับไอ้แบตเลยครับ
“มันหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”
“ไอ้เชี้ยแบตกูยังไม่ตาย” ผมว่าไอ้แบตที่ชิงตอบก่อนเสียงดัง
“เหรอนอนขนาดนั้นกูนึกว่าตายห่าไปแล้ว” ยังมาทำหน้ากวนตีนผมอีกนะ
“งั้นแปลว่าเมื่อวานวีนอนหลับเหรอ” แพรถามผมอีกครั้ง
“อืม”ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆก่อนยอมรับความผิด
“แพรก็ว่าแล้ว แพรเลยบอกพี่ชินกับพี่โยว่าวีนอนไม่ตื่นแน่ๆ” เห้ยไอ้พี่ชินมาถามหาผมด้วยเหรอวะ ซวยแล้วงานจะเข้าผมไหม
“พี่ชินมาถามหาวีด้วยเหรอ” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจครับ
“มาสิมากับพี่โยพอแพรบอกว่าสงสัยวีจะนอนไม่ตื่น ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” ขอให้ไม่มีอะไรจริงเถอะ แค่ได้ยินชื่อพี่ชินผมก็ขนหัวเตรียมจะลุกแล้วครับ ช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมา พี่ชินแม่งใช้ผมยังกะทาสแถมเวลาทำกิจกรรมผมโดนทำโทษตลอด แต่เท่าไหร่ก็ยังไม่ชินครับ
“ถ้าไม่ได้ว่าอะไรก็ดีไป แต่วีกลัวจะโดนซ่อมที่โดดอะดิ” ผมบอกแพรยิ้มๆ
“ไม่เหลือมึงอ่ะ ตัวท็อปหายไปใครจะไม่ถามหาเผลอมึงโดนซ่อมตาย” ไอ้แบตยังไม่เลิกแค้นผมอีกครับ
“มึงนี่ก็กะเอากูตายเลยรึไง แค้นอะไรกูนักหนาวะ”
“เออดิจะเอาไว้ทำไม เพื่อนที่พากูซวยได้เกือบทุกวัน”
“เฮ้ยๆ ไม่ใช่ทุกวัน วันเว้นวันรึเปล่าวะ” ผมรีบแก้ตัวทันทีที่มันพูดจบ ถึงจะจริงก็เถอะแต่ผมไม่อยากยอมรับไง
“โชคดีเลยที่เจอ นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”ผมหันไปมองเห็นพี่โยกำลังเดินแกมวิ่งมาที่โต๊ะที่พวกผม 3 คนนั่งอยู่ พี่โยใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์รองเท้านันยางสีขาว เท่ดีครับ
“มาหาผมเหรอครับ” ผมถามพี่โยอย่างแปลกใจเมื่อแกเดินมาถึงโต๊ะ
“ใช่ อ่ะอมยิ้มของเรา พี่มาแค่นี้แหละไปแล้ว”
“เฮ้ยพี่ จะรีบไปไหน” ผมเรียกพี่โยที่ทำท่าจะวิ่งกลับไปทางเดิม มาไวไปไวเกินไปป่าววะไม่คุยอะไรกันเลย
“มีไร พี่จะรีบไปเรียน”
“ทำไมเอาอมยิ้มมาให้ผมเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ” ผมถามพร้อมมองอมยิ้มหลากรสในมือตัวเองที่มีเกือบ 20 อัน ปกติผมจะได้ 1 หรือ 2 อัน แต่ไม่เคยได้เยอะขนาดนี้ แล้วผมก็นึกว่าพี่โยจะพูดถึงเรื่องเมื่อวานแต่พี่โยกลับไม่พูดถึงเลยน่าแปลกใจมากครับ
“เอามาไว้เยอะๆแบบนี้แหละจะได้ไม่ต้องมาทุกวัน นานๆมาทีจะได้คิดถึงกัน” พี่โยตอบพร้อมรอยยิ้มทะเล้นที่ทำให้หน้าใสๆของแกดูหล่อขึ้นอีก 3 เท่า
“งั้นผมเอาอันเดียวได้ไหม พี่จะได้มาให้ผมหายคิดถึงทุกวัน” ผมแกล้งว่าก่อนยิ้มใส่ตา
“คงไม่ได้เพราะคนฝากเขา ...อ่อเพราะพี่ไม่ค่อยว่างวะ” พี่โยเหมือนจะพูดอะไรแล้วชะงักไปนิดนึงก่อนพูดใหม่ ผมได้ยินแต่ไม่อยากทักเพราะรู้ว่ายังไงของนี่ก็มาจากพี่เทคผม
“แล้วไม่มีของแพรบ้างเหรอคะ”
“ของลูกแพรเดี๋ยวตอนเที่ยงคงได้นะ พี่เทคน้องแพรมันยังเมาไม่สร่างเลยรอก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแพรแย่งวีกินก็ได้” แพรว่าก่อนคว้าถุงอมยิ้มของผมไปเลือก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรปกติก็แบ่งกันประจำอยู่แล้วครับ
“ไอ้วีมันกินจนฟันจะพุหมดปากแล้ว วันหลังซื้อน้ำยาบ้วนปากมาให้มันบ้างก็ดีนะพี่ เผื่อจะฆ่าทั้งเชื้อโรคทั้งหมาในปาก” พี่โยตอบแพรเสร็จ ไอ้แบตว่าผมต่อทันที แต่ผมว่าถ้าปากผมมีหมาปากมันก็มีเป็นฝูงพอๆกันแหละครับ
“เออเนอะ สงสัยวันหลังต้องซื้อมาให้บ้างแล้ว”
“พี่โย!!” ผมเรียกพี่โยเสียงดัง ดันไปเห็นดีเห็นงามกับไอ้แบตอีก
“พี่ล้อเล่นน่าใครจะกล้าว่าดุขนาดนี้ งั้นพี่ไปก่อนนะเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” พวกผมยกมือไหว้พี่โยก่อนแกจะวิ่งหายขึ้นไปบนตึกเรียน
“เราก็ไปเรียนกันบ้างไหม เดี๋ยวเข้าที่หลังอาจารย์จะเป็นเรื่องนะ” แพรปิดหนังสือตรงหน้าก่อนชวนขึ้นห้องเรียนบ้าง
“ไปสิ” ผมตอบก่อนลุกจากเก้าอี้แล้วไอ้แบตกับลูกแพรจะลุกตามมาติดๆ
“ช้ากูบอกให้มาตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งมา” มาถึงยังไม่ทันหยุดหอบไอ้พี่ชินแม่งว่าผมอีก
“ผมรีบแล้วนะพี่ กว่าผมจะออกมาจากตึก กว่าจะหารถพี่เจอได้แค่นี้ก็ดีแล้ว” ผมว่าพร้อมยืนหายใจหอบ ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ จะไม่ให้ผมเหนื่อยได้ไงก็ไอ้พี่ชินเล่นส่งข้อความไปสั่งให้ผมมาที่รถภายใน 10 นาทีตั้งแต่ผมยังเรียนไม่เสร็จ แล้วว่าผมจะตรัสรู้ได้ว่ารถแกจอดที่ไหนอีก เล่นเอาลิ้นห้อยเป็นหมาเลยกู
“ที่หลังก็มาให้ไวกว่านี้ดิ”
“แล้วพี่เรียกผมมาทำไม บ่ายผมมีเรียนต่อ” ผมถามเข้าประเด็นทันที
“ขึ้นรถเดี๋ยวก็รู้เอง”
“เฮ้ย! พี่จะพาผมไปไหนบอกมาก่อนดิ หนี้ผมก็จ่ายจนเกือบหมดแล้วนะ” ผมรีบโวยวายทันที
“หมดอะไรของมึง สองเดือนจ่ายมายังไม่ได้ครึ่ง ขึ้นรถเร็วๆก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย” พี่ชินว่าพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง ทำเอาผมพูดไม่ออกเลยครับ แม่งทำงานมาตั้งนานยังจ่ายไม่ได้ครึ่งอีกเหรอวะ เหมือนตัวเลขต่างๆกำลังคำนวณอยู่ในหัว แล้วคำตอบก็คือยังไม่ถึงจริงๆด้วยครับ
“พี่ก็บอกมาก่อนดิจะพาไปไหน แล้วกลับมาเรียนทันรึเปล่า”
“ทันถ้ามึงไม่ลีลา เร็วๆ ยืนตากแดดกูร้อน” พี่ว่าก่อนเปิดประตูขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วบีบแตรเร่งผมเสียงดัง สุดท้ายผมเลยเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่ ก่อนรถจะถูกขับออกจากมอ
“เมื่อวานหายหัวไปไหนมาวะ” เอาแล้วไงนึกว่าจะรอด ผมอุตสาห์นั่งเงียบมาตลอดทาง
“นอนหลับครับ” ผมตอบเบาๆ ไม่กล้าหันหน้าไปมอง กลัวเจอสายตาพิฆาตของพี่ชิน
“กูว่าแล้วอย่างมึง ไม่นอนเป็นตายจะทำอะไร” ผมได้ยินเสียงพี่ชินหัวเราะ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกไม่ได้มีแววจะดุหรือโมโหผมเลยครับ
“พี่ไม่ว่าผมเหรอ”
“ว่าทำไมวะ”
“ก็ผมโดดกิจกรรมไง ผมไม่ได้เข้าประกวดเดือนคณะ” ผมถามเสียงยังอ่อยอยู่ครับ ยังไม่กล้าเสียงดังเท่าไหร่
“ดีซะอีกถ้ามึงไปประกวดก็ไม่มีใครเลือกขายขี้หน้าเขาตาย”
“พี่ชิน! เห็นแบบนี้ผมก็มีคนเลือกหรอกน่า ผมออกหล่อ” ผมบอกพี่ชินก่อนดึงที่บังแดดหน้ารถออกมาเพื่อส่งกระจกที่ติดอยู่
“มึงนี่ก็หลงตัวเองเหมือนกันเนอะ ถ้าอย่างมึงหล่อคณะนี้คงไม่มีใครขี้เหล่แล้ว”
“พี่ชินแม่ง” ผมว่าแค่นั้นก่อนเลิกคุยกับไอ้พี่ชินที่นั่งหัวเราะสบายใจอยู่คนเดียว ไม่รู้ไปอารมณ์ดีอะไรมานักหนา
“พาผมมาร้านอาหารทำไม” ผมถามงงๆเมื่อรถถูกบังคับให้เลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง คนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ดูแล้วเป็นอาหารมีระดับท่าทางคงจะราคาไม่ใช่ถูกแน่ครับ
“กูไม่ได้พามาล้างจานหรอกน่า ตามมา” พูดเสร็จเดินดุ่มๆเข้าร้านไปเลย ทิ้งให้ผมยืนงงเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอยู่ข้างรถคนเดียว ผมมองซ้ายมองขวาไอ้พี่ชินมันคงไม่ได้เอาผมมาขายต่อให้ใครมั้ง มองจนแน่ใจผมเลยรีบตามเข้าไปในร้าน
“นั่งดิยืนค้ำหัวกูทำไม” ผมรีบนั่งทันทีไม่ต้องให้บอกซ้ำ
“พี่พาผมมานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆใช่ไหม” ผมถามเสียงเบาก่อนมองไปโต๊ะรอบๆที่มีแต่พวกคนมีเงินมานั่งกินอาหารหรู ดูแล้วมื้อนึงผมคงเก็บเงินใช้หนี้ได้หลายพันหรือเป็นหมื่น
“กูจะพามานั่งดูกูกินทำไม ถามแปลกๆ”
“แต่ผมไม่กินนะ ผมไม่มีเงิน” ผมรีบออกตัว
“กูอยากกินแล้วมึงก็ต้องกินเป็นเพื่อนกูด้วย”
“หนี้พี่ผมยังไม่มีปัญญาจะจ่าย แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนมากินอาหารหรูๆแบบนี้”
“งั้นกูคิดรวมในหนี้ของมึงก็ได้”
“เฮ้ย! ได้ไงผมไม่ได้อยากกินซะหน่อย”
“แน่ใจ” พี่ชินเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นถามผมแบบกวนๆ เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
“แน่ใจที่สุด” ผมตอบก่อนจ้องตาพี่ชินไม่กระพริบ
“งั้นก็ตามใจ รอกูกินอิ่มก่อนแล้วเดี๋ยวพาไปส่ง” เอากับพี่ชินดิ แม่งพูดเสร็จอาหารที่พี่ชินสั่งไว้ก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ก่อนคนสั่งเริ่มลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายเพราะความหิว แม่งไม่น่าทิ้งเพื่อนที่ชวนไปกินข้าวออกมาหาไอ้พี่ชินเลย ไม่งั้นก็ได้กินข้าวที่ศูนย์อาหารอิ่มไปนานแล้ว
“หิวก็กินดิ นั่งจ้องขนาดนี้กูกินไม่ลง” กินไม่ลงอะไรล่อไปครึ่งจานแล้ว ผมมองตอบอย่างเคืองๆหลอกผมให้มานั่งกลืนน้ำตายตัวเอง โคตรทรมานท้องเลย
“พี่รีบๆกินเถอะ ผมอยากกลับแล้ว”
“กลับตอนนี้รถก็ติด กว่าจะถึงมอมึงหิวตายพอดี ของกินมีตรงหน้าทำไมไม่กินวะ กูไม่ให้มึงจ่ายหรอกน่ากินๆไปเถอะกูเลี้ยง” ไอ้พี่ชินว่าก่อนตักกับข้าวใส่มาบนจานข้าวที่อยู่ตรงหน้าผม
“พี่ไม่ได้หลอกผมนะ มื้อนี้พี่เลี้ยง”
“เออบอกว่าเลี้ยงก็เลี้ยงดิ ถามมากเดี๋ยวกูให้จ่ายเองเลย” พี่ชินไม่ต้องพูดจบมือผมก็เอื้อมไปจ้วงข้าวเข้าปากแล้วครับ ตอนนี้หิวจนหูอื้อตาลายแค่รู้ว่าไม่ต้องจ่ายเองอะไรก็ไม่สำคัญแล้วครับขอกินก่อนแล้วกัน
“ช้าๆก็ได้กูไม่เปลี่ยนใจให้มึงจ่ายหรอกน่า”
“พี่นึกไงใจดีมาเลี้ยงข้าวผมเนี๊ยะ” แปลกใจสุดๆครับ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาใจดีกับผม
“เคี้ยวข้าวให้หมดก่อนไหมมึง ข้าวติดปากแล้วเนี๊ยะ” เมื่อกี้มันอะไร จังหวะที่พี่ชินเอื้อมมือมาหยิบข้าวที่มุมปากผม ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อต แถมใจยังเต้นแรงเหมือนวันที่พี่ชินไปนอนค้างที่ห้องผมเลย ผมเป็นอะไรไม่สบายเป็นโรคหัวใจรึเปล่าวะ หรือผมกำลังจะตาย
“เป็นอะไรวะตัวแข็งทำไม ไอ้วี วี ไอ้วี!!”
“ฮ๊ะ! พี่ว่าอะไรนะ” เรียกทำไมเสียงดังวะ คนมองกันเต็มแล้ว
“กูถามว่ามึงเป็นอะไรตัวแข็งทำไม แล้วยังเหม่ออีก” พี่ชินถามก่อนจ้องผมเหมือนจับผิด
“ป่าวพี่แค่กำลังนึกว่าพี่จะมาเลี้ยงผมทำไม”
“กูไม่ได้อยากเลี้ยงหรอกน่า แค่หาเพื่อนมากินข้าวเฉยๆ”
“แล้วพี่โยล่ะ ทำไมไม่ชวนพี่โยมาด้วย” ผมถามหาคู่หูไอ้พี่ชิน เห็นไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด
“มันก็ไปหาแฟนมันมั้งดิ กูไม่ใช่แฟนมันจะได้ตัวติดกันตลอด”
“อ้าวพี่โยมีแฟนแล้วเหรอพี่ ผมไม่เห็นรู้เลย”
“ทำไมมันมีหรือไม่มีต้องบอกมึงด้วยรึไง มึงเป็นอะไรกับมันถึงต้องรายงานมึง” ถามนิดเดียวทำไมต้องทำเสียงหงุดหงิดด้วยวะ ไม่เข้าใจอารมณ์ไอ้พี่ชินเลยครับ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็หงุดหงิดใส่ ทำเอาผมตามไม่ทัน
“ผมแค่แปลกใจ ไม่เห็นเคยรู้เลยว่าพี่โยมีแฟน เห็นอยู่กับพี่ตลอด” ผมว่าใหม่เสียงอ่อมแอ้ม เดี๋ยวพูดไม่ถูกใจไปสะดุดจุดหงุดหงิดเข้าอีก
“เออกูบอกว่ามีก็มีนั่นแหละ มึงไม่ต้องไปสนใจหรอก รีบกินเข้าไปเถอะจะได้รีบกลับไปเรียน” พอพูดเรื่องของกินอย่างอื่นผมก็ไม่สนใจแล้วครับ ใครจะมีแฟนหรือไม่มีก็ช่างแต่ตอนนี้ผมต้องรีบกินให้หมดก่อน ไม่งั้นเหลือแล้วเสียดายของแพงๆทั้งนั้น
“อิ่มรึยัง เอาของหวานเพิ่มไหม” พี่ชินถามหลังผมวางช้อนกับซ่อมแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม
“ไม่เอาแล้วพี่ไม่ไหว แน่นท้อง” ผมลูบท้องตัวเองที่ตอนนี้แข็ง จนต้องนั่งตัวตรงก้มหรือขยับแทบไม่ได้มันแน่นไปหมด
“กูก็ถามไปงั้นแหละ ถ้ามึงยังกินได้อีกก็ไม่ใช่คนแล้ว น้องเก็บตังค์ครับ”
“ผมกินแค่พอเป็นพิธีเถอะ ถ้ากินจริงพี่หมดตัวไปแล้ว” ผมแกล้งว่าก่อนจะได้รับสายตาเอือมๆจากพี่ชินเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด
“อ้าวพี่ตินณ์หวัดครับ”
“อ้าวไอ้ชิน มาทำอะไรที่นี่วะ”
“พาเด็กมากินข้าวครับ”
“เด็กที่ไหนวะ เดี๋ยวนี้มึงแอบมีเด็กซุกไว้เหรอ” เสียงพี่ชินทักคนที่ผมอยากเจอแต่ไม่ได้เจอมาหลายวัน ทำให้ผมต้องรีบโผล่หน้าออกจากด้านหลังพี่ชินที่ผมกำลังเดินตามเพื่อออกไปมองว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า แล้วก็ใช่ครับ
“สวัสดีครับพี่ตินณ์” จังหวะที่ผมโผล่ออกไป พี่ตินณ์ก็กำลังมองมาทางนี้พอดีทำให้ผมกับพี่ตินณ์สบตากันอย่างจัง แต่แปลกทำไมผมไม่รู้สึกใจเต้นเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนแค่แอบมองหน้าที่ตินณ์ผมก็ใจเต้นแล้ว แต่ตอนนี้จ้องตากันตรงๆผมกลับสามารถมองตอบได้อย่างไม่เขินหรือรู้สึกอะไรเลย แปลกมาก ผมมองพี่ตินณ์อยู่เป็นนาที
พี่ตินณ์ไม่ได้มาคนเดียวแต่มากับพี่วิว สงสัยพี่ตินณ์จะพาพี่วิวมากินข้าวผมเห็นพี่วิวเกาะแขนพี่ตินณ์อย่างแสดงความเป็นเจ้าของแล้วอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ แค่เดินจากรถเข้าไปในร้านทำไมต้องเกาะแขนกันขนาดนี้ด้วยวะ เป็นแฟนกันก็รู้อยู่หรอกแต่ไม่ต้องออกนอกหน้าก็ได้
“อ้าววีเองเหรอนึกว่าใคร แล้วไงไปเป็นเด็กไอ้ชินมันตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่ตินณ์ยิ้มให้ผมก่อนถามพี่วิวก็มองผมนิดนึงก่อนมองไปทางอื่นแบบไม่สนใจ
“ผมไม่ได้เป็นเด็กพี่ชินครับ แค่รุ่นน้องเฉยๆ” ผมรีบบอกพี่ตินณ์เพราะกลัวเข้าใจผิด
“พี่ก็นึกว่าไอ้ชินมันจะแอบเลี้ยงเด็กซะแล้ว” พี่ตินณ์ว่าก่อนหัวเราะ
“รุ่นน้องเท่านั้นครับพี่ อ่อ...พ่วงฐานะลูกหนี้อีกอย่าง” พี่ชินช่วยยืนยันอีกครั้งด้วยเสียงที่นิ่งๆจนผมต้องหันไปมองหน้า ผมพูดอะไรผิดเหรอก็ผมเป็นรุ่นน้องก็ถูกแล้วไงทำไมต้องทำเสียงนิ่งเหมือนไม่พอใจด้วยวะ
“ไปเป็นหนี้อะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ก็มันดันเตะบอลใส่กระจกรถผมแตกดิพี่ คันที่เอาเข้าร้านพี่อ่ะ”
“อ๋อไอ้คันนั้น ฝีมือน้องวีเหรอ เจ๋งนี่หว่า” พี่ตินณ์ว่าก่อนทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ผมแต่พี่วิวรั้งไว้ก่อน
“ตินณ์คะวิวหิวแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
“งั้นกูไปก่อนนะ เจอกันวันแต้งนะน้องวี” พี่ตินณ์บอกพี่ชินก่อนหันมาบอกผม
“ครับพี่ตินณ์” ผมตอบรับก่อนพี่ตินณ์จะเดินเข้าไปในร้านพร้อมพี่วิว
ตอนนี้ผมไม่เห็นพี่ตินณ์เข้ากิจกรรมรับน้องแล้ว สงสัยให้เฉพาะปี 2 เป็นคนคุม แล้ววันแต้งที่พี่ตินณ์ว่าคือวันที่พวกผมจะได้รู้ว่าใครเป็นพี่เทค ป้าเทค ลุงเทคและพวกผมปี1 ต้องซื้อของไปขอบคุณที่ดูแลพวกผมมาตลอดตั้งแต่เข้าเรียน
“มาขึ้นรถจะเรียนไหมบ่ายอ่ะ” เสียงพี่ชินเรียกผมที่กำลังมองตามพี่ตินณ์เข้าไปในร้าน
“เรียนครับ” ผมตอบเสร็จรีบวิ่งมาขึ้นรถ ก่อนที่พี่ชินจะขับกลับมอด้วยความเร็ว
“ตอนเย็นมารอที่รถด้วยไม่ต้องให้ตาม” เท้าที่กำลังจะก้าวลงรถถึงกับชะงักก่อนจะหันหน้าไปมองคนสั่ง
“พี่จะให้ผมมารอทำไม วันนี้ไม่ใช่เวรทำความสะอาดซะหน่อย”
“วันนี้กูจะไปซื้อของเข้าห้อง มาถือของให้หน่อย” พี่ชินว่าหน้าตาย มันอยู่ในข้อตกลงตรงไหนวะไอ้ถือของเนี๊ยะ
“ผมจำได้ว่ามันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะ และเย็นนี้ผมก็ไม่ว่าง” ผมว่าจะไปตัดผมแล้วก็หาซื้อการ์ตูนเล่มใหม่มาอ่านเล่นซะหน่อย
“ถือของห้าร้อยเสียเวลาอีกห้าร้อย เลี้ยงข้าวเย็นด้วยจะไปไหม”
“ได้พี่ได้ ผมว่างพอดีเลย” ผมรีบตอบก่อนพี่ชินเปลี่ยนใจ
“หึ อย่าให้มาสายแล้วกัน ถ้าต้องตามห้าร้อยจะเหลือแค่ ร้อยเดียว” แค่นี้ก็ต้องขู่ แม่งชอบเอาเรื่องเงินมาขู่ผม ไอ้ผมมันก็เงินขู่ไม่ได้ซะด้วย ขู่แล้วต้องรีบทำตามตลอด
“รับรองพี่ อาจารย์สั่งเลิกคลาสปุ๊บไม่เกินห้านาทีผมมาถึงรถพี่แน่”
“ดีทำให้ได้แล้วกัน” พี่ชินพูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถ
ผมก็ต้องรีบลงตามก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทาง แล้วกลับมาเจอกันอีกทีตอนเย็น
--- To Be Con. ---
ขอบคุณที่ติดตามค่า