ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 4 “เฮ้ยไอ้วี...มึงอยู่ไหนวะไปแล้วเหรอ” ผมสะลึมสะลือมารับโทรศัพท์
ได้ยินเสียงเหมือนไอ้แบตเลยครับ
“ใครวะ” ผมถาม
“มึงยังไม่ตื่นเหรอ กูเคาะจนห้องจะพัง”
จำได้แล้วครับไอ้แบตแน่นอนแต่มันจะโทรมาทำไมวะ
ยังไม่เช้าเลย ผมมองนาฬิกาเพิ่งจะตี 4 เองครับ
“มึงโทรมาทำไมตอนนี้ กูจะหลับจะนอน” ผมบ่นมันครับ
“นอนเชี้ยไรล่ะ มึงต้องไปถือพานนะวันนี้ กูก็นึกว่ามึงไปแล้ว”
หลังมันพูดจบสมองผมประมวลผมอย่างไว ซวยแล้วไงครับ
วันนี้ผมต้องไปถือพานไหว้ครูทางคณะนัดเวลา ตี 4 ตอนนี้เลยมา5นาทีแล้ว
“เฮ้ย!! กูตายแน่มึงเอาไงดีวะ” ผมรีบลุก เข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า
แต่ยังไม่ได้วางโทรศัพท์ครับ
“งั้นกูไปดูที่คณะก่อน มึงรีบตามไปเลยนะอย่างด่วน ไม่ต้องอาบแล้วน้ำ”
“เออ กูจะรีบตามไปถ้ารุ่นพี่ถามหากูบอกว่ารถติดนะ” ผมรีบบอกมันเลยครับ
“รถเชี้ยไรติดตอนนี้ แล้วมึงนะเดินเว้ย”
“เออๆ มึงจะบอกว่าอะไรก็เรื่องของมึง แต่เอาให้กูไม่โดนด่าแล้วกันแค่นี้ก่อนกูรีบ”
ผมพูดเสร็จรีบกดตัดสายเลย จากนั้นก็เอาน้ำราดตัวนิดหน่อย
สบู่อย่าพูดถึงแค่มองยังไม่ชายตาครับ พอแต่งตัวเสร็จผมก็รีบวิ่งออกจากหอทันที
ปรี๊นนนนน..............
เสียงแตรรถดังและยาวมาก ผมตกใจเสียงแตรเลยหันไปมองและผงะล้มลงกับพื้นถนน
รถยนต์ BMW คันงามไม่มีฝุ่นจับ มาหยุดใกล้ผมแค่คืบอีกนิดเดียวที่ทับแล้วครับ
ผมกำลังจะข้ามถนนเข้าไปในม. ด้วยความเร่งรีบทำให้ไม่ได้มองข้างทาง
แล้วก็เป็นจังหวะที่มีรถขับผ่านมาเกือบทับผมเป็นกล้วยปิ้งแล้วครับ
“เฮ้ย ข้ามถนนดูรถด้วยดิน้อง” เสียงคนขับเปิดกระจกตะโกนว่าผมครับ
ผมไม่โกรธนะก็ผมผิดจริง คนยิ่งรีบยิ่งซวยครับ
ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ฝั่งคนขับเพื่อจะขอโทษ
แต่แค่ผมเห็นคนขับเท่านั้นครับพูดอะไรไม่ออก
“อ่าว น้องนั่นเอง” เสียงคนนั่งหลังพวงมาลัยทักผมก่อนเลย
จะดีใจดีไหมที่พี่เขาจำผมได้
“เอ่อ สวัสดีครับพี่ตินณ์” ผมทักพี่ตินณ์หลังจากหายตกใจ
“จะรีบไปไหนนักหนา ทีหลังข้ามถนนมองทางด้วยนะ”
พี่ตินณ์ว่าผมก่อนทำท่าจะออกรถ
“ผมขอโทษครับ พอดีผมกำลังจะรีบเข้าไปในม.”
“วันนี้ถือพานใช่ไหม สายขนาดนี้ยังไม่ถึงอีก แก้ไม่หายจริงนะเรา
ขึ้นมาเดี๋ยวพี่จะเข้าไปคณะเหมือนกัน” พี่ตินณ์พูดก่อนเรียกผมขึ้นรถครับ
ผมได้ยินดังนั้นก็รีบเดินไปประตูรถอีกด้านอย่างเร็ว
กลัวพี่ตินณ์เปลี่ยนใจ นานๆจะได้มีโอกาสดีขนาดนี้
แต่สายตาผมก็ดันไปปะทะกับตุ๊กตาหน้ารถพี่ตินณ์ครับ
เป็นสาวสวยนามว่า พี่วิว
ผมเลยจำใจเดินไปเปิดประตูหลังแล้วเข้ามานั่งในรถ
เป็นบุญตูดมากครับในที่สุดผมก็ได้นั่งรถพี่ตินณ์แล้ว
แม้ว่าจะเป็นข้างหลังไม่ใช่ข้างคนขับแบบที่ผมอยากก็เถอะ
“เราชื่ออะไรนะ” เสียงพี่ตินณ์ถามผมครับ
“นาวีครับพี่ เรียกวีเฉยๆก็ได้ผมไม่ถือ”
“หึหึ” เสียงพี่ตินณ์หัวเราะสองหึแค่นั้นแล้วเงียบไป
“ตินณ์รู้จักน้องเค้าด้วยเหรอคะ” เสียงพี่วิวถามขึ้นมาบ้างครับ
เป็นเสียงหวานๆไม่เหมาะกับหน้าตาที่ดูเปรี้ยวๆเลยให้ตาย
“น้องที่คณะน่ะ” พี่ตินณ์ตอบแค่นั้นก่อนตั้งใจขับรถครับ
ผมก็ได้แต่นั่งสังเกตพี่ตินณ์และพี่วิวไปเรื่อยๆ
อยากรู้ว่าพวกเขาคบกันรึเปล่าครับ
แต่มาด้วยกันขนาดนี้คงคบกันไปถึงไหนๆแล้ว ผมคงต้องทำใจแล้วครับ
“เอ่อ พี่ตินณ์กับพี่วิวเป็นแฟนกันเหรอครับ”
อ่าวไหนว่าทำใจแต่ปากดันพาไป อยู่ๆผมก็ถามออกมาเฉยเลยครับ
“คิดว่าไง” พี่ตินณ์ถามผมกลับยิ้มๆครับ อย่าทำแบบนี้กูมีความหวัง
“เอ่อ ผมคิดว่าคบคงกันครับ มาด้วยกันแต่เช้าแบบนี้”
ผมก็ว่าตามที่คิดเลยครับ ไม่มีรักษามาดใดๆความเสือกชนะทุกสิ่ง
“หึหึ” พี่ตินณ์หัวเราะแค่นี้อีกแล้วครับ
ทำไมไม่ตอบอะไรให้มันรู้เรื่องบ้างวะ
แม่งเป็นภาระหัวใจ ถ้าใช่จะได้ตัดใจ ถ้าไม่จะได้รุกซะเลย
“น้องรู้จักพี่ด้วยเหรอคะ” พี่วิวถามผมบ้างครับ
“เอ่อ… ผมเคยได้ยินเพื่อนคุยกันนะครับ ก็พี่สวยขนานนี้”
ผมนี้ก็สกิวสตอได้เต็มเหมือนกันนะ
“เหรอคะ เพื่อนน้องตาถึงเหมือนกันนะนี่”
พี่วิวว่าแค่นั้นก่อนรถจะจอดเทียบหน้าคณะของพี่วิว
แล้วพี่แกก็เปิดประตูรถลงไปครับ
ก่อนลงมีจุ๊บแก้มพี่ตินณ์แล้วหันมายิ้มให้ผมด้วย โครตเจ็บครับ
แค่การกระทำคำพูดไม่ต้องรู้เลยครับสถานะของพี่วิวคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้ว
“แล้ววิวจะโทรหานะคะตินณ์” พี่วิวบอกพี่ตินณ์ก่อนโบกมือลา
“ครับ” พี่ตินณ์รับคำก่อนออกรถ
“นายมาสายอีกแล้วนะ” พี่ตินณ์เริ่มว่าผมอีกแล้วครับ
ผมยังนั่งหลังเหมือนเดิมเพราะอีกนิดเดียวก็ถึงคณะผมแล้วเลยไม่ได้ย้ายนั่งหน้า
ใช่อยากเป็นคุณชายอะไรนะครับ
“เอ่อ... ขอโทษครับ ผมตื่นสาย”
“สายตลอดนะเรา” พี่ตินณ์ว่ายิ้มๆครับ
ไม่เห็นจะดุเหมือนตอนเข้าระเบียบเลย
เวลาพี่ตินณ์ยิ้มดูเทห์มากเลยครับ
ใจผมเต้นอีกแล้ว ทำไงดีพี่เขาจะได้ยินไหม
“ทำไมพี่ไม่ดุผมเหมือนตอนที่เข้าระเบียบล่ะครับ”
ผมถามพี่ตินณ์ในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“มันก็เป็นแค่หน้าที่ ถ้าตอนนี้พี่ก็อยากเป็นตัวเองบ้าง”
“ขอบคุณนะครับพี่ที่ไม่ดุผม เพราะผมรู้ว่าเข้าไปคงโดนหนัก”
“เตรียมตัวได้เลย วันนี้ไอ้ชินคงลงเต็ม พี่ไม่ได้ลงแค่มาดูเฉยๆ โชคดีนะ”
พี่ตินณ์บอกก่อนจอดรถหน้าคณะพอดี
“ครับ ขอบคุณที่มาส่งครับพี่”
ผมขอบคุณพี่ตินณ์ก่อนเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าคณะทันที
เรื่องหัวใจเอาไว้ที่หลัง ตอนนี้เอาเรื่องหัวกูก่อน
จะยังอยู่บนบ่าไหมก็ไม่รู้ครับ
แค่เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอไอ้พี่ชินมารับผมที่หน้าคณะด้วยตัวเองเลยครับ
ทำไมถึงรู้ว่ามารับผมน่ะเหรอ ก็พี่ชินยืนจ้องผมยังกะจะแดกหัวขนาดนี้
“รู้ตัวไหมว่าสาย” เสียงดังมาก่อนเลยครับ
เก็บลำโพงไว้ในคอรึไงวะ จะเสียงดังไปไหนแต่เช้า
“รู้ครับ” ผมตอบ ก่อนสบตาสีดำวาวตรงหน้า
วันนี้พี่ชินแต่งชุกนักศึกษาเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแล็กสีดำ
รองเท้าเงาวับจนส่องแทนกระจกได้เลยมั้ง
แถบผูกไทต์แบบที่ผมไม่เห็นครับ
“คนทั้งคณะรอนายคนเดียว ถ้าเพื่อนไม่บอกว่าป่วยคุณคงโดนหนักไปแล้ว
แต่ตอนนี้ขอติดไว้ก่อนรีบไปเอาพานแล้วมาขึ้นรถ” พี่ชินพูดอะไรวะ
ใครป่วยผมไม่ได้ป่วยนะแต่ปล่อยให้พี่ชินคิดแบบนี้ไปก่อนก็ดีครับ
ผมจะได้ไม่โดนซ่อมแต่เช้า
“เอาพานแล้วขึ้นรถไปไหนครับ” ผมถามพี่ชินงงๆ
“ไปหอประชุมสิ คนอื่นเขาไปกันหมดแล้ว เหลือแต่นายนั่นแหละที่กว่าจะมาได้”
พี่ชินเริ่มบ่นอีกแล้วครับ ผมไม่น่าไปสะกิดต่อมคนแก่แกเลย
“ครับๆ ขอโทษครับเดี๋ยวผมไปเอาพานก่อนนะครับ”
ผมบอกพี่ชินเพื่อสะกัดกั้นการบ่นของแก
แล้วเดินเข้ามาเอาพานที่มีฝ่ายทำพานทำไว้ให้เมื่อคืน
ผมถือพานที่บรรจงตกแต่งอย่างสวยงามจนหนัก
ถ้าทำตกนผมต้องตายแน่เลยครับ
เกิดมาก็ยังไม่เคยถือกับเขาซักที
ผมออกมาก็เห็นพี่ชินยืนหน้าเป็นยักษ์อยู่ที่เดิม
“รถที่ชินคันไหนครับ” ผมถามก่อนมองหารถ
“คันนั้น” พี่ชินชี้ไปที่ไอ้เศษเหล็กก่อนเดินนำไปที่มันจอดไว้ครับ
เป็นมอไซด์ห้างเก่าๆ ถ้าผมเห็นที่อื่นคงคิดว่ามันเอาไว้ปลูกสาหร่าย
หรือมีไว้ให้สนิมขึ้นอย่างเดียวแต่พอพี่ชินชี้ไป แปลว่ามันคงยังใช้การได้
แต่พี่ชินทำลายความคิดของผมมากเลยครับ
เห็นแต่งตัวเนี๊ยบขนาดนี้นึกว่ามีรถหรู สมหน้าตา
ดันมาเป็นไอ้เศษเหล็กช็อคอึ้งเลยผม
แล้วให้ผมถือพานซ้อนท้ายไอ้นี่ไป
ไอ้ที่เขาตกแต่งไว้มันจะปลิวหายระหว่างทางไหม
ผมมองรถแล้วสงสัยสองคนมันจะหักกลางไหมวะ
“พี่คันนี้จริงดิ” ผมลองถาม เผื่อเข้าใจผิดครับ
“เออ คันนี้แหละมาเร็วๆ” พี่ชินพูดเสร็จขึ้นคร่อมไอ้เศษเหล็กทันทีครับ
ก่อนติดเครื่องไม่ต้องใช้กุญแจด้วยครับ แม่งดีเวอร์
“แล้วพานผมจะพังไหมพี่ ถ้าไปคันนี้”
“รถมันคงไม่เร็วจนทำให้พานปลิวได้หรอกนะ” พี่ชินว่า
ผมยืนลังเลไม่นานก่อนรีบวาดขาขึ้นซ้อนท้าย
ตอนขึ้นนั่งได้ เศษเหล็กที่ตูดมีเสียง
เอี๊ยดอ๊าดเหมือนสนิมมันเสียดสีกันด้วยนะครับ
บาดทะยักมันจะขึ้นตูดผมไหม
ผมแอบคิดวันนี้มันเป็นวันอะไร
เดี๋ยวก็มีเรื่องซวยเรื่องดีสลับกันตลอด ตั้งแต่เกือบโดนรถชน
แต่ดันเป็นรถของพี่ตินณ์สุดเลิฟของผม
แถมได้นั่ง BMW ให้เป็นบุญตูด
แต่ไม่นานผมก็มาเสียความฟินให้กับไอ้เศษเหล็กของพี่ชิน
รถแล่นอย่างชิวมากครับไหนว่ารีบไงวะ
ผมเห็นสองข้างทางยังมีนักศึกษากำลังเดินไปที่หอประชุมเหมือนผม
เพราะการแต่งตัวถูกระเบียบกันสุดๆแบบที่ไม่เคยเป็น
เวลาผมผ่านก็จะมีคนหันมามองตลอดครับ
เพราะเสียงไอ้เศษเหล็กนี่ดังเรียกความสนใจคนมาก
“พี่มันจะพาเราไปถึงหอประชุมไหม”
ผมถามพี่ชินหลังจากรู้สึกว่ารถมันเริ่มกระตุก
“ถึงดิ มันแค่ไอ เช้าอยู่มันคงหนาว”
รู้สึกว่าพี่ชินจะเข้าใจในเศษเหล็กนี่ดีเกินไปนะ
ผมไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นั่งนิ่งๆตัวเกร็ง ถือพานในมือต่อไป
แล้วไอ้ทางในม.นี่ลูกระนาดจะเยอะไปไหนวะ
เวลารถขึ้นแล้วลงมาทีนี่ตัวผมห็เลื่อนไปติดกับไอ้พี่ชินเรื่อยๆ
ใช้เวลาซักพักและแล้วก็มาถึงหอประชุมที่ทำพิธีไหว้ครูครับ
ดีนะที่ถึงก่อนที่ผมจะได้เสียเป็นผัวเมียกับพี่ชิน
ก็พอรถลงลูกระนาดสุดท้ายนมแบนๆของผมแนบไปกับหลังพี่ชินเลยครับ
ผมจะกระเทิบไปข้างหลังก็ไม่ได้เพราะมือถือพาน
ถ้าเขยิบกลัวรถจะเสียการทรงตัวแล้วล้มครับ
ดีนะที่ผมเป็นผู้ชายถ้าเป็นผู้หญิงจะคิดว่ามันตั้งใจหาเรื่องแนบชิดกันแล้ว
ไม่คิดว่ารีบนี่ผมเดินเอาแล้วนะครับ
“ ไปนั่งรอกับเพื่อนก่อน อีก 20 นาทีจะเรียกตัวแทนเพื่อรวม”
สั่งเสร็จเดินสะบัดตูดไปเลยครับ
เชี้ยมาก ถ้าอีก 20 นาทีแล้วจะเร่งผมทำไมนักหนาวะ
ผมคิดอย่างโมโหก่อนเดินไปตรงจุดที่เห็นไอ้แบตกับลูกแพรอยู่ครับ
“วี มาสายอีกแล้วนะ แพรนึกว่าต้องเปลี่ยนคนซะแล้ว”
ลูกแพรฉะผมทันทีที่เห็นหน้าผมเลยครับ
“ขอโทษคร๊าบบ วีไม่ตื่นเองเหละ เกือบได้เปลี่ยนจริงถ้าไอ้แบตไม่โทรไปตาม”
“ กราบขอบคุณกูซะ” ไอ้แบตพูดหน้านิ่งกวนตีนได้อีกครับ
“ตีนดิ” ผมตอบก่อนยักคิ้วกวนตีน
วันนี้ลูกแพรแต่งตัวเรียบร้อยพอๆกับผมและไอ้แบตครับ
แต่มีทำผมสวยด้วยเอาเวลาที่ไหนไปทำกันนะ
ผมนี่แค่อาบน้ำยังแทบไม่ทัน
“กูอุตสาห์ช่วยให้มึงไม่โดนด่านะเว้ย” ไอ้แบตยังทวงไม่เลิกครับ
“เออ กูกำลังจะถามพอดี ว่ามึงบอกพี่เขาว่าอะไรวะกูถึงไม่โดนซ่อม”
“หึหึ กูก็บอกแค่ว่ามึงท้องเสีย ขี้แตกอยู่เดียวตามมา
ตอนแรกพี่ชินก็ไม่เชื่อนะ แต่พอกูบอกว่ามึงเป็นคนที่มีปัญหากับเรื่องขี้ๆเสมอ
พี่ชินดันเชื่อเลยเว้ย” ไอ้แบตแม่งโม้ป่าววะ
“จริงเหรอวะ” ผมไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชินจะไม่ซ่อมผมด้วยเรื่องโกหกแค่นี้
“เออดิ” ไอ้แบตตอบแค่นั้นครับ
ผมจะได้ยินเสียงเรียกตัวแทนถือพานของแต่ละคณะ
ให้ไปซ้อมถือพานบนเวทีจริงก่อนงานเริ่มตอน8โมง
คือมันจะซ้อมกันเร็วไปไหนวะ7 โมงผมว่ายังทันเลย
“ไปแพร รุ่นพี่เรียกแล้ว
ถ้าวันนี้วีทำพานล้มไม่ต้องแปลกใจนะ ตอนนี้ยังง่วงอยู่เลย”
ผมบอกลูกแพรยิ้มๆครับ
“แพรก็ง่วงเหมือนกันเลยวี ตื่นตั้งแต่ตี2ไม่รู้จะนัดทำไมเร็วขนาดนี้”
ลูกแพรก็เริ่มบ่นเหมือนกันครับ
“คงไม่ใช่นัดเผื่อวีสายนะ” ผมพูดเล่นๆก่อนหัวเราะครับ
“หรือว่าเป็นเรื่องจริง” อ่าวเอาแล้วไง
ตอนนี้หน้าลูกแพรคือกำลังคิดจริงๆแล้วครับ
“วีล้อเล่นนะ อย่างจริงจังดิครับ”
“อ่ะคะ คุณชายสายเสมอ”
แพรว่าก่อนเดินนำแล้วทิ้งไอ้แบตไว้กับเพื่อนในคณะคนอื่นครับ
หลังจากซ้อมเดินถือพานเสร็จก็นั่งรอเวลาเป็นชั่วโมงก่อนจะเริ่มพิธีจริง
พอเริ่มเท่านั้นครับทุกอย่างดูมีมนต์ขลังให้ดูศักดิ์สิทธิ์
การเข้าร่วมพิธีไหว้ครูถือเป็นสิริมงคลของการเรียนเลยนะครับ
ถ้ามีโอกาสถึงมันจะใช้เวลานานแต่ผมแนะนำเลยว่าให้เข้าร่วมพิธีเถอะครับ
และแล้วกว่าจะครบทุกคณะทุกเอกก็ใช้เวลาทั้งวันครับ
ผมทั้งเหนื่อยทั้งหิวทั้งง่วงทุกความรู้สึกเลยตอนนี้
“แพรกลับบ้านเลยไหม” ผมถามลูกแพรหลังจากเดินออกจากหอประชุม
ตอนนี้คนเยอะมากครับ วุ่นวายไปหมดผมยังหาไอ้แบตไม่เจอเลย
“คงกลับเลยนะ แพรไม่ไหวแล้วปวดแขนไปหมด
ไม่รู้เอาอะไรใส่ในพานให้แพรถือ” ลูกแพรตอบยิ้มๆก่อนบ่นครับ
ผมลองถือแล้วของแพรหนักกว่าผมเยอะครับ
ที่จริงผมก็สลับกับแพรถือนะ
ก่อนที่จะถึงอาจารย์แต่ของผมก็หนักเหมือนกัน
ถ้าให้ผู้หญิงตัวเล็กๆเป็นคนถือ
“งั้นแยกตรงนี้เลยแล้วกัน เดี๋ยววีไปตามหาไอ้แบตก่อน”
“โอเค เจอกันวันพรุ่งนี้”
แพรว่าก่อนเดินแยกไปอีกทาง
สงสัยนัดคนขับรถที่บ้านมารับแล้วครับ
ผมเดินตามหาไอ้แบตนานมากก็ไม่เจอ
คนก็เยอะเป็นกองทัพ ไม่รู้จะไปตามตรงไหนเลยครับ
ก่อนแยกกันเมื่อเช้าก็ลืมนัดว่าเสร็จแล้วเจอกันที่ไหน
“อ่าวกำละงวีหาใคร” เสียงทักผมดังมาจากกด้านหลัง
ช่วงนี้ผมเป็นที่รู้จักของคนทั้งคณธแล้วครับ
ใครๆก็รู้จักผมทั้งๆที่ผมไม่ค่อยรู้จักใคร
ที่มีคนรู้จักผมก็เพราะต้องโดนซ่อมบ่อยๆจนเป็นที่กล่าวขานตำนานน้องปี1
นั่นแหละครับสาเหตุของคนดัง
“หวัดดีครับพี่โย พอดีผมกำลังมองหาเพื่อนครับ”
ผมทักพี่โยทันทีที่หันไปเจอ
“พี่ก็กำลังหาไอ้ชินเหมือนกัน ว่าแต่เพื่อนเราใครล่ะ เผื่อพี่รู้จัก”
พี่โยถามผมอย่างใจดี ว่าที่พี่เทคผมก็ต้องดูแลผมเป็นธรรมดาครับ
“ไอ้แบตน่ะพี่ ไม่รู้มันอยู่ไหน” ผมตอบก่อนชะเง้อคอมองหาต่อ
“ไม่ลองโทรหามันดูล่ะ” อ่าว ผมก็โง่อยู่ตั้งนานลืมว่ามีโทรศัพท์ครับ
จริงๆผมไม่ค่อยได้ใช้บางทีก็ลืมๆไปว่ามีมันอยู่
ผมยิ้มเขินๆก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไอ้แบต
“มึงอยู่ไหน”ผมถามทันทีหลังมันรับสาย
“กูออกมาแล้ว กูหามึงไม่เจอเลยขี้เกียจหา เจอที่ห้องนะมึง”
“ห่าห์ ให้กูตามหาตั้งนาน” ผมอวยพรนิดหน่อยก่อนบ่ น
“โทดทีว่ะ กูรีบมานอน”
“เออ เดี๋ยวเจอกันกูจะไปเตะมึงถึงห้องเลย เสือกชอบทิ้งกูนัก”
ผมว่ามันก่อนวางสายครับ
“แล้วพี่โยเจอพี่ชินหรือยังครับ” ผมถามพี่โยบ้างหลังจากวางสายจากไอ้แบต
“ไม่เจอเหมือนกัน สงสัยมันออกไปแล้ว อ่ะ”
พี่โยว่ายิ้มๆก่อนยื่นอมยิ้มมาให้ผมครับ
“อะไรพี่ ให้ผมเหรอ” ผมถามงงๆครับ ปกติก็ได้ทุกวัน
แต่วันนี้ไม่ได้เข้าเชียร์เลยไม่คิดว่าจะได้อีกครับ
“อืม มันเป็นของเรา รับไปดิ”
พี่โยพูดเสร็จพร้อมเร่งให้ผมรับอมยิ้มในมือ
“พี่ให้เองหรือใครฝากมา” ผมถามอีกครั้ง
“ไม่ต้องรู้หรอก แค่รู้ว่ามันเป็นของวีก็พอ” พี่ชินก็ยังไม่ยอมตอบ
แถมเอาอมยิ้มมายัดใส่มือผมด้วยนะครับ
“ถ้าไม่บอกไม่เป็นไรครับ งั้นฝากไปบอกคนให้ด้วยว่า
ฟันผมจะผุหมดแล้วตั้งแต่ดูดอมยิ้มที่ได้มา”
ผมว่าพร้อมยิ้มเต็มหน้าแล้วหยิบอมยิ้มยัดลงกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย
“อืมเดี๋ยวพี่บอกให้ครับ”
“พี่โย เป็นพี่เทคผมป่าวเนี๊ยะถามจริง” ผมลองถามดูครับเผื่อใช่
“โอ๊ย!! ไม่ใช่หรอกครับ ก็พี่มันคนไม่หล่อ” พี่โยรีบปฏิเสธทันที
อย่างพี่โยไม่หล่อแล้วใครหล่อวะ
แต่คนเป็นพี่เทคเวลาถามเขามักจะปฏิเสธไว้ก่อนจริงป่าว
“ครับๆ ไม่ใช่ก็แล้วไป ถ้าใช่ผมจะได้เตรียมใจ ฮ่า ฮ่า”
ผมพูดเสร็จหัวเราะอย่างมีปริศนา
“พูดงี้หมายความว่าไงน้องวี”
“ไม่มีอะไรครับ หึหึ” กวนตีนซ้ำอีกนิด
“อีกไม่นานก็รู้แล้ว อดใจหน่อยนะ เตรียมตัวซ่อมไว้ด้วยถ้าทายผิด”
เอาแล้วไงครับขู่ผมแล้ว
“คนฉลาดชาติเจริญอย่างผมไม่มีผิดครับเพ่” ผมรีบพูดข่มทันที
“เออ พี่จะรอดู งั้นพี่ไปแล้ว”
“ครับ หวัดครับเพ่” ผมบอกลาพี่โย แล้วแยกย้ายกัน
“เก็บบอลให้หน่อยครับพี่” ผมกำลังจะเดินไปทางหน้าม.
แต่ระหว่างทางก็ผ่านสนามบอล
อยู่ๆก็มีลูกบอลกลมๆกลิ้งหลุนๆมาตรงหน้า
แล้วตามด้วยเสียงคนตะโกนให้ผมช่วยเก็บบอล
ผมเงยหน้าจากลูกบอลขึ้นไปมองคนตะโกน
แม่งหน้าแก่กว่าผมอีกเสือกเรียกผมว่าพี่
จะเก็บให้มันดีไหมวะ
“รับนะ” ผมบอกคนที่ขอร้องให้ช่วยเก็บ
“ครับเตะมาเลย” ผมกำลังจะก้มเก็บ
แต่พอได้ยินแบบนั้นผมก็เปลี่ยนใจเตะแทนครับ
เพล้ง!!!..................
เฮ้ยย!!!!!...................
เสียงผมและเสียงไอ้คนที่ตะโกนให้ผมช่วยเก็บลูกบอล
จากในสนามดังขึ้นพร้อมกันครับ
ตอนนี้สายตาคนในสนามมองมาที่ผมเป็นจุดเดียว
วันนี้ผมคงยังซวยไม่ถึงที่สุดครับ
ก็ไอ้ลูกบอลที่ผมเตะไป มันดันไม่ไปทางที่ผมต้องการ
แต่ดันไปอีกทางและไปตกลงที่กระจกหน้ารถคันหนึ่งที่จอดไม่ไกล
พร้อมด้วยเศษกระจกที่แตกกระจาย
ผมนี่เหงื่อเริ่มไหลแล้วครับ ทำไมวันนี้ถึงซวยขนาดนี้
ถ้าตอนแรกหยิบแล้วโยนให้ก็ไม่เป็นแบบนี้แล้วนะ
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเตะบอลไม่เป็นยังเสือกจะเตะ
กูถึงเกลียดไอ้ลูกกลมๆนี่แม่งไม่เคยไปทิศทางที่กูอยากให้ไป
พาลครับพาล
“เฮ้ย!! ใครทำรถกูวะ” โจทย์มาแล้วครับ
จำเลยยังไม่ทันหนี แม่งก็มาไวเกิน
ผมหันกลับไปมองตามเสียงด้านหลังเป็นไอ้พี่ชินครับ
โอ๊ย! อะไรจะซวยขนาดนี้วะ
“ผะ..ผมเองครับพี่” ผมค่อยๆตอบ
“ไอ้เด็กเวรนี่เอง มึงรู้ไหมรถกูราคาเท่าไหร่”
เอาแล้วไงครับ พี่เพ่อไม่ต้องแล้ว
ขึ้นกูมึงเรียบร้อยงานนี้ผมเละเป็นโจ๊คแน่ๆ
“เอ่อ ผมขอโทษครับพี่
ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมดเลยนะครับ”
ผมรีบพูดก่อนจะไม่มีสิทธิ์ได้พูด
“ไม่ต้องกลัวนายได้รับผิดชอบแน่ๆ” เสียงพี่ชินดูน่าขนหัวลุกมากครับ
ยิ่งมองหน้าผมรู้เลยว่าชะตาขาดแล้วครับ เหมือนเห็นยมฑูตกวักมือเรียกอยู่ไกลๆ
--- To be Con.---
จบอีกหนึ่งตอนค่ะ ขอโทษค่ะช่วงนี้เมจิกอัพช้าเพราะติดสอบ
แต่ตอนนี้มีเวลาแล้วจะพยายามลงให้บ่อยกว่านี้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้เมจิกค่ะ