รุ่นพี่ผม...มัน 'เลว'
...
...'มันแดกไม่อิ่มท้องหรอกครับ แต่ตรงเนี้ย..ตรงหัวใจเนี้ยมันโคตรอิ่มเลยพ่อ พ่อคิดดูดิ ไอ้การที่เราเฝ้าดูเฝ้าอ่อย เฝ้ารอ รอเฝ้าเฝ้าจนมันวางใจแล้วหันมาหาแต่เหยื่อล่อของเรา ไม่ว่าจะตกกี่ครั้งมันก็ยังจะกินแต่เหยื่อของเรา...อันนั้นล่ะ ที่ทำให้ผมอิ่มใจ..ปลามันก็ปลาเหมือนกัน แต่ชะโดมันแตกต่างชะโดมันสู้ไม่ถอยแต่ต่อให้ดุให้แรงแค่ไหน สุดท้ายมันก็ถูกผมตกได้อยู่ดี ...นั่นล่ะที่มันทำให้ผมอิ่ม...' .
.
.
...คุณหนอน เงียบไปนานหลังจากฟังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตอบประโยคนั้นผ่านมาทางสายโทรศัพย์ ถอนหายใจให้กับลูกชายนักเบ็ด อย่างที่คาดและแทบไม่ต้องเดา พอเครียดๆ พอไม่ได้ดั่งใจ เจ้าลูกชายมักจะหลบกลับไปที่แก่งเพกา ถึงงานหลักจะเป็นหัวหน้าไกด์ แต่งานพักสมองส่วนใหญ่ของด้วงส่วนมากจะอยู่กับแค่ การอ่อยเหยื่อ วางเบ็ด ตกปลา ...
เรื่องตกปลาเหมือนกับว่ามีผีเบ็ดสิง ขอให้มีปลาที่อยากได้ ว่ายๆเวียนๆ อยู่แถวๆ แก่ง แค่นั้นต่อให้ยากลำบากแค่ไหนไอ้ด้วงของพ่อหนอนก็ดันทุรังไปด่อมไปมองจนได้ อย่างคราวก่อนตอนพ่อกำนันพลั้งปากบอกว่ามีปลากระเบนหลงมาร่อนเหนือแก่งนั้นปะไร เกือบสี่ซาห้าวันกะมังที่เจ้าด้วงมันหายหัวไปเฝ้ากระเบนจนไม่ได้กินไม่ได้นอน แล้วก็แทบจะสลบคาเบ็ดในตอนที่คนงานช่วยกันลากกระเบนตัวเกือบสองเมตรกว่าๆ ขึ้นมาได้จากฝีมือตกเบ็ดของไอ้ลูกชายอย่างด้วงกว่าง..
...
เรื่องกระเบนนั้นถือเป็นวีรกรรมเลยก็ว่าได้ ก็ใครหน้าไหนอีกล่ะที่จะลงทุนศึกษา ลงทุนทั้งหาข้อมูลทั้งคอยเฝ้า ทั้งคอยสังเกตสังกา จนกระทั้งเรื่องที่พวกคนงานบอกว่ามันเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่จะตกราหูขึ้นมาจากแก่งเพกาได้ เล่าให้ใครเขาฟังก็มีแต่จะหัวเราะตอกกลับมาให้หน้าหงายแต่ไอ้ด้วงกว่างของพ่อหนอนก็ทำให้มันเป็นจริงมาแล้ว...
แล้วยิ่งคิดถึงสภาพลูก พ่อหนอนยิ่งเหนื่อยใจ สายตาคมเหลือบกลับไปมองปฏิทินบนหลังตู้เย็นใบยักษ์ ปากกาสีแดงสะท้อนแสงที่ไอ้ลูกชายวงไว้มันใกล้เข้ามาวันสองวัน ไม่สิ ไม่พ้นพรุ่งนี้หรอกมั้ง ที่ไอ้ฝรั่งดองหัวแดงนั้นมันจะกลับมาเป็นลูกทัวร์คู่หูคู่ฮาเข้าขากับไอ้ลูกชายแล้วพากันตะล่อนหาวังน้ำตกปลาตามแก่งแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม พ่อหนอนถอนหายใจยาวอีกครั้ง ครั้งนี้ถอนหายใจไว้อาลัยให้กับ TJ. ลูกทัวร์ ชาวสก็อตที่ติดไอ้ด้วงกว่างของพ่อหนอนเสียยิ่งกว่าปลาวัง ติดเหยื่ออ่อย..
.
.
.
***
...แสงตะวันสีส้มสดส่องสะท้อนที่ขอบเมฆ แล้วค่อยๆ ซาแสง...
เหมือนกับเรียวแรงของผู้จัดการแก่งเพกาคนใหม่อย่างรัตติกร วันทั้งวันรัตติกรทั้งดูงานทั้งเขียนบันทึกการปรับปรุงและซ่อมแซม วุ่นวาย...วุ่นวายแต่อดทำไม่ได้เพราะนิสัยส่วนตัว สำหรับที่บ้าน รัตติกรถึงจะเอาใจอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วคนในบ้านรักษารัตน์ ต่างรู้ดี ว่าคุณหนูใหญ่เอาการเอางานและเอาจริงเอาจัง ฉะนั้นวันทั้งวันรัตติกรถึงได้เอาแต่ทำงานไม่หยุด ต่างกับอีกคนที่หายหัว แม้จะเก่งงานแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีกรุ๊ปทัวร์ลงมาเหล่าคนงานต่างรู้ดีว่ากว่าคุณไกด์เบอร์หนึ่งของแก่งเพกาจะโผล่หัวเข้ามาที่แก่งก็หลังตะวันลับฟ้าไปแล้ว ส่วนเรื่องข้าวปลาไม่ต้องพูดถึง ไอ้ยะข่ารู้การรู้งานขนาดแอบเอาเนื้อเค็มกับน้ำใบเตยไปวางให้ในเรือนพักเรียบร้อยโรงเรียนกะเหรี่ยง ถึงแม้วันนี้ลุงจ๊ะปอจะบอกเกริ่นๆ ไว้แล้วว่า 'มีผู้จัดการแก่งคนใหม่มาจาก กรุงเทพฯ' แต่ก็แค่นั้น จะเอาอะไรกันเมื่อด้วงกว่างหายเข้าแก่งไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เรื่องผู้จัดการคนใหม่เลยไม่ใช่เรื่องในความสนใจ และยิ่งไม่เคยจะรับรู้ด้วยซ้ำว่าค่ำเมื่อวาน ไอ้ผู้จัดการที่ไม่ได้มีความสำคัญมันมานอนเฝ้าคนป่วยอย่างด้วงกว่างทั้งคืน...
พอคล้อยหลังที่ผู้จัดการแก่งคนใหม่ ล้มตัวลงหลับ ไอ้คุณไกด์ประจำแก่งถึงได้อาบน้ำอาบท่าแล้วแอบย่องมานอนข้างๆ คลาดกันไปคลาดกันมาแบบนี้มากว่าสองคืน ...
จนมาเมื่อรุ่งสางของวันล่าสุด...
.
.
.
.
...หัวใจของลูกชายพ่อหนอนแทบจะหยุดเต้น...
.
.
.
ความฝันเลวร้ายมันเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง...
กลิ่นน้ำหอมจางๆ มันเหมือนกับกลิ่นน้ำหอมที่ยัดอัดอยู่ในความรู้สึกเลือนลางที่ชื่อว่าความ..
.
.
.
.
.
'จงเกลียดจงชัง..'ปลายลิ้นร้อนๆ ลากผ่านริมฝีปาก ก่อนจะหยุดโลมเลียแล้วขบกัดเข้าที่ซอกคอ...
ท่อนขาใหญ่แหวกฝ่าความอุ่นของผืนผ้าห่ม สายตาคมจดจ้องแล้วสะกดให้ร่างทั้งร่างไหวสั่น...
.
.
.
.
"รัตติกร...?"
.
.
.
เป็นด้วงกว่างที่เอ่ยเรียกชื่อของคนด้านบนที่คร่อมทับร่างของตนแล้วกดกักเอาไว้ในวงแขน สมองด้วงกว่างเย็นเฉียบแต่ฉาบไว้ด้วยความร้อนชา สายตาที่สะท้อนกลับมา มาพร้อมรอยยิ้มละมุนที่ทำให้หนาวไปถึงไขสันหลัง และกว่าที่ด้วงกว่างจะรู้ตัว ไอ้ผีนรกนั้นมันก็ทั้งกัดทั้งสร้างร่องรอย ไว้จนทั่วทั้งแผ่นอก ...
อากาศยามเช้าหนาวจนโลมผิว แต่มันไม่หนาวเท่าตอนที่ปลายลิ้นลากเลียน้ำลายเกลี่ยวนและครอบริมฝีปากลงมาอมเข้าที่ยอดอกชูชัน เลียซ้ำแล้วกัดหยอก ก่อนที่ริมฝีปากจะรุกไล่ปลายลิ้นนั้นจนด้วงกว่างทั้งครางห้ามทั้งดิ้นหนี สองมือถูกยึดไว้แล้วกดรวบ สองขาถูกดันให้อ้าแล้วแทรกตัวเข้ามาบดเบียด...
ความตกใจ กำลังจองจำร่างกายเหมือนยามสัตว์ตัวน้อย ไม่อาจถอยหนีงูใหญ่ที่กักฬะ
ความกลัวมันกำลังหลุดออกจากความฝันมาสร้างร่างและสำนึกในความเป็นจริง ...ด้วงกลัวจนน้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว ..ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความเกลียดชังมันกำลังจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกลบ สามัญสำนึกและสติ ..
.
.
.
"...เฮ้ย! ฟ้าผ่า!!!!"เป็นยะข่าที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาหวังปลุกคุณไกด์ไปดูเบ็ดตก แต่ดันเป็นตัวเองที่ตกใจ เมื่อเห็นคุณไกด์กับผู้จัดการคนใหม่กำลังจะเย่อเบ็ดตกกันกลางที่นอน!!
ขอบคุณพระเจ้า !!
เป็นเสียงไอ้ยะข่าที่กระชากสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว อาศัยช่วงชุลมุน คุณไกด์แก่งเพกายันขาโครมเข้าที่ท้องน้อยคุณผู้จัดการคนใหม่ ก่อนตัวเองจะตะกายลุกขึ้นมาคว้าเสื้อผ้าและคว้าข้อมือหนาๆ ของไอ้ยะข่าแล้วพาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต !!
.
.
.
.
จ๊ะปอ หวิดจะสะดุ้งตอนได้ยินเสียงเครื่องเรือกระชากติดแล้วรีบแล่นออกจากแก่งไปทางวังน้ำหน้าเขือน เห็นหลังไวๆ ว่าเป็นไอ้ยะข่ากับคุณด้วง แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรเรือลำน้อยก็แล่นหายไปลับตาเสียแล้ว ...
คนแก่ขมวดคิ้วยุ่ง ล้างหน้าล้างตาแล้วพาตัวเองเข้าที่พัก ก่อนจะชะงักเพราะคุณผู้จัดการคนใหม่วิ่งหอบมาพร้อมกับแผงอกสีแดงเป็นรอยเท้าประดับติดไว้เป็นเหมือนสัญลักษณ์
"...ลุง...รู้ใช่ไหมว่าด้วงจะไปไหน?"
.
.
.
ในตอนนั้นอย่าว่าขายเพื่อนเลยนะ จะว่าก็ว่า ว่าเถอะที่ลุงจ๊ะปอได้แต่พยักหน้ายอมสารภาพทุกอย่างที่พอจะเดาทางได้ ...แหม..ก็ใครจะไปกล้าขัดไอ้ผู้จัดการคนใหม่ที่ทำหน้าทำตาจะกินเลือดกินเนื้อทุกคนอย่างกับว่าเมียรักหนีตามชายชู้ได้อย่างนั้น...