หัวใจซ่อนรัก
ตอนจบ บทสรุปของหัวใจ (ไม่) ซ่อนรัก
อเล็กซานเดอร์กอดอัลเบิร์ตไว้จนอีกฝ่ายหยุดสะอื้น ในหัวเฝ้าครุ่นคิด อัลเบิร์ตเคยเข้มแข็งและอยู่เฉยมาตลอด ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องร้ายกาจมากขนาดไหนก็ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ เขาคิดมาตลอดว่าอัลเบิร์ตแกร่ง แต่มันไม่ใช่ คนๆนี้เปราะบางมากกว่าที่คิด เพราะแบกรับความรู้สึกมากมายที่เขาก่อ หากวันนี้อัลเบิร์ตจะไม่ให้อภัยก็ไม่ผิดเลยสักนิด เขาสมควรได้รับมัน
อัลเบิร์ตดันตัวอเล็กซานเดอร์ออก ขยับถอยห่างไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตา ท่าทีเช่นนั้นทำให้อเล็กซานเดอร์มองอย่างหวั่นใจ ไม่อยากได้ยินคำไล่ซ้ำ ความเงียบชวนอึดอัดกั้นกลางระหว่างทั้งคู่ เพียงเขาขยับตัวอัลเบิร์ตก็ถอยออกไปอีกจนชนโซฟาแล้วในตอนนี้ ใจอเล็กซานเดอร์รู้สึกหน่วงและแสนหนัก จำต้องเอ่ยคำแม้ไม่อยากทำมันสักนิด
“ฉันจะไป...”
เสียงของเขาราวลอยไปกับอากาศ เพราะมันไม่ได้กระตุ้นให้อัลเบิร์ตสนใจแม้แต่น้อย เมื่อฝ่ายนั้นยังคงเงียบ แต่เขาก็รู้ว่าได้ยินจึงพูดต่อ
“จะไปอย่างที่นายต้องการ แต่ไม่ใช่เพราะคำว่ารักของฉันมันไม่จริง”
“..........”
“ที่บอกว่ารักมันคือเรื่องจริง ฉันคงพูดมันช้าไป ถึงไม่ได้รับโอกาสจากนายเลย”
น้ำเสียงพร่าสั่นราวไม่ใช่เขา แต่ถึงกระนั้นอัลเบิร์ตก็ยังคงนิ่งเงียบ ร่างสูงนั่นดูเล็กจ้อยเมื่อนั่งกอดเข่าแล้วก้มหน้านิ่ง ความสิ้นหวังแล่นไปทั้งใจอเล็กซานเดอร์ ร่างสูงใหญ่ขยับลุก คว้าเสื้อผ้าที่กองเกลื่อนมาสวม เมื่อหันกลับมามองอีกคนก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆให้เห็น เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วอเล็กซานเดอร์ก็ออกไปข้างนอกพร้อมกระเป๋าที่อัลเบิร์ตเอามาให้ก่อนหน้านี้ บอกเจฟฟรี่เอามันไปใส่ไว้ในรถ พร้อมทั้งสั่งลูกน้องจองตั๋วเครื่องบิน เขาจะไป... ไม่ เขาไม่อยากไปเลย ไม่อยาก...
อัลเบิร์ตออกจากบ้านมาหลังจากนั้น เจฟฟรี่หันมาเห็นก่อนว่าจะเอ่ยทักแต่ก็ชะงักคำเมื่อสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดีเท่าไร จะว่าไปผู้เป็นนายของเขาก็ไม่ได้ต่างกันนัก ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ?
ร่างสูงเดินผ่านพวกเขาไปราวไม่เห็นว่าอยู่ตรงนี้ อเล็กซานเดอร์สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนมันออกมา สมควรแล้วที่จะถูกทำเช่นนี้ สมควรแล้วอเล็กซ์
“เจฟฟ์”
เสียงเรียกทำให้เจฟฟรี่หันไปมอง อัลเบิร์ตหยุดยืนอยู่ไม่ไกล มองตรงมาที่เขาแล้วเอ่ยบอก
“ถ้าหิว ข้าวเย็นอยู่ในตู้นะ”
“...........” เจฟฟรี่เลิกคิ้วกับคำบอกกล่าว บอกเขาหรือบอกใครกัน ยิ่งหันกลับมามองเจ้านายตนบรรยากาศยิ่งชวนอึดอัด
อเล็กซานเดอร์นิ่งอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะผละไปเขาก็ตัดสินใจก้าวไปหา โอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว เขาจะใช้มัน แม้มันจะมีเพียงน้อยนิด แต่ขอเถอะ ขอให้เขาได้พูด
มือหนาเอื้อมคว้าแขนของอีกคนไว้ ซึ่งเจ้าของก็หยุดชะงักนิ่ง ความกดดันมันมาตกอยู่ที่เขา เมื่อเริ่มกลัวว่าสิ่งที่ตนเองจะพูดนั้นมันจะได้รับการปฏิเสธตอบกลับมา
“เรา... จะเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้จริงๆหรือ?”
คำถามของเขาทำให้คนตรงหน้าหันกลับมา ดวงตาสีอ่อนที่ฉายแววเศร้าอยู่ตลอดนั้นเงยมองสบ ก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ความหวังที่เหลือเพียงน้อยนิดของอเล็กซานเดอร์พังทลายลงอีกครั้ง
“คุณยังไม่พร้อมกับคำว่าเริ่มต้นหรอกอเล็กซ์ กลับไปอยู่ในที่ของคุณจะดีกว่า อยู่กับคนที่เหมาะสมกับคุณ คนที่ไม่ใช่ผม”
“ฉันทำไม่ได้ ...”
กระบอกตาเขามันร้อนผ่าว อัลเบิร์ตจะรู้บ้างไหมว่าเขาเจ็บมากแค่ไหน เขายอมแล้ว ยอมลงให้ทุกอย่าง ช่วยเห็นใจเขาสักนิดก็ยังดี
“กลับไปเถอะ เรามาได้ไกลที่สุดเพียงแค่นี้...”
“.........” มือหนาจับมือของอัลเบิร์ตแน่น
“อย่าฝืนกันอีกต่อไปเลย”
แทบหมดแรงจะยืนไหว อัลเบิร์ตใจแข็งจนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เขามันโง่เง่าจนไร้สิ้นหนทางไป ทำได้เพียงดึงร่างสูงนั้นมากอดแนบกาย ไม่อยากปล่อยมือ เขาไม่อยากทำ
อัลเบิร์ตยอมให้อีกคนกอดอย่างที่อยากทำครู่หนึ่ง ก่อนจะดันร่างหนานั้นออกห่าง สายตาเศร้ามองราวบอกลา ก่อนจะเดินจากมาอย่างอาลัย เขาอยากร้องไห้แต่มันไม่มีน้ำตาสักหยด คงไม่ต่างอะไรกับอเล็กซานเดอร์ ไออุ่นเมื่อครู่ผละห่างไปจนเอื้อมไม่ถึง มีเพียงความเดียวดายที่เข้ามาแทนที่จนร้าวในอกไปหมดแล้ว
เครื่องบินเตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาพลบค่ำ อเล็กซานเดอร์นั่งพิงเบาะข้างหน้าต่างด้วยความเงียบงัน ใจมันร้าวรอนจนแม้แต่หายใจมันก็เจ็บ อัลเบิร์ตเจ็บแค่ไหนกับสิ่งที่เขาทำเขาไม่เคยนึกถึง แต่เวลานี้เขาสำนึกแล้ว สำนึกในวันที่สายไป วันที่อัลเบิร์ตไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
รีสอร์ตนับตะวัน
อัลเบิร์ตนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน มองเครื่องบินที่อยู่บนฟ้าไกลลิบ เห็นเพียงแสงไฟกะพริบเพราะมันช่างห่างไกลเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่ามันจะใช่เครื่องเดียวกันกับที่อีกคนโดยสารไหม แต่เหม่อมองมันแล้วหัวใจก็พลอยเศร้า จากนี้สิ่งที่ผ่านมามันคืออดีต มันจะกลายเป็นเพียงอดีต มีทั้งดีและร้ายที่เขาจดจำได้ แต่ในวันนี้เขาจะเลือกจดจำในสิ่งที่ดี อย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่ง เขากับอเล็กซานเดอร์ก็เคยมีความสุขร่วมกัน แม้มันจะแสนสั้นแต่เขาจะจำมัน เก็บมันเอาไว้ไม่มีวันลืม
...ผมรักคุณ ไม่ว่านานเท่าไรใจมันก็ยังเป็นของคุณ ต่อให้คุณไม่เคยเห็นค่า ต่อให้ผมจะต้องถูกใครต่อใครมองว่าโง่งม แต่ผม... ก็ยังคงรักคุณแค่คนเดียว อเล็กซานเดอร์...ร่างสูงลุกจากที่นั่งทั้งหัวใจที่มันหนักอึ้ง การก้าวต่อไปคือสิ่งที่เขาต้องทำ อเล็กซานเดอร์เองก็เช่นกัน วันหนึ่งหากได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะในฐานะอะไร เขาจะยิ้มให้... ยิ้มให้กว้างที่สุด... ยิ้มให้กับคนที่เขาเคยรักหมดหัวใจ...
“อัล!!”
อัลเบิร์ตหันกลับมามองตามเสียงเรียกด้วยความตกใจ ผู้ชายตัวโตที่ยืนหอบอยู่นั่น... เขา... ไม่ได้ตาฝาดไปเองใช่ไหม? ชายหนุ่มนิ่งอึ้งจนกระทั่งร่างสูงใหญ่นั้นตรงเข้ามาหาพร้อมอ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดเขาเอาไว้แน่น เสียงหอบยังดังอยู่ข้างหู ก่อนที่มันจะค่อยหายไปเมื่อคนกอดเอ่ยคำ
“ฉันตัดใจไม่ได้ มันทำได้ยากเหลือเกินอัล”
เสียงพร่ำวอนนั้นแทบไม่เข้าหู เมื่อเสียงภายในใจอัลเบิร์ตมันตีกันให้วุ่น เขาได้แต่บอกย้ำกับตนเองว่าห้ามใจอ่อน อย่าใจอ่อนนะอัลเบิร์ต อย่า...
“อย่าผลักไสฉันออกจากชีวิตเลย ฉันทนกับการไม่มีนายไม่ได้อีกแล้ว แม้มันอาจไม่ได้ทำให้ฉันขาดใจตายลงตรงนี้ แต่มันเจ็บเหลือเกินอัลเบิร์ต หากต้องเสียนายไป ...”
หมดสิ้นกันแล้วความเข้มแข็ง อัลเบิร์ตได้แต่ต่อว่าตนเองในใจเมื่อแขนของเขายกขึ้นกอดตอบอเล็กซานเดอร์ ใบหน้าซุกแนบบ่าแกร่ง
“คุณไม่น่ากลับมา ... ผม.. ผมจะตัดใจ... แล้ว...”
อเล็กซานเดอร์กระชับกอดคนพูดเจือสะอื้นนั้นแน่นเข้า ยังทันใช่ไหม เขาตัดสินใจถูกใช่ไหมที่ย้อนกลับมา...
--------------
วันเวลาผ่านพ้นล่วงเลยไป จากวันที่อเล็กซานเดอร์ได้ตัดสินใจย้อนกลับมาขอโอกาสจากอัลเบิร์ตอีกครั้ง และอัลเบิร์ตก็คล้ายจะมีทีท่ายินยอมมอบโอกาสให้ นั่นอเล็กซานเดอร์ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่ไม่ชิงยอมแพ้กลับไปเสียก่อน แม้อัลเบิร์ตจะไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาอย่างเต็มที่ แต่เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ชายหนุ่มไปกลับระหว่างอังกฤษกับเมืองไทยราวมันอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่กิโลเมตร เขาอยากพาอัลเบิร์ตกลับไปอยู่ด้วยกันเสียที่เฟอร์ริงตัน แต่มันคงไม่ใช่ในเร็ววันนี้ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงสร้างเสริมความเชื่อมั่น ต้องทำตัวให้ดี
อัลเบิร์ตรับเด็กที่ศูนย์มาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้ ชื่อของเด็กคนนั้นคือ สายลม ชายหนุ่มชอบชื่อของลูกชายที่ทางศูนย์บอกว่ามันติดมากับเด็กตั้งแต่มาที่ศูนย์ เพราะเขาคิดเสมอว่าการที่คนเราจะได้พบกันมันไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญ สายลม ลูกชายของเขาเองก็เช่นกัน อัลเบิร์ตไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อนั้นเพราะมันเหมาะกับลูกของเขาแล้ว
หน้ารีสอร์ตนับตะวัน รถยนต์ติดฟิล์มดำแล่นเข้ามา ก่อนเลยไปที่บ้านของเจ้าของรีสอร์ต เมื่อรถจอดสนิทดีร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อโค้ทสีเข้มก็ก้าวลงจากรถมา อัลเบิร์ตที่กำลังสอนการบ้านลูกอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านในยามค่ำหันมามอง หัวคิ้วชายหนุ่มเจ้าของบ้านขมวดกับแขกผู้มาเยือน ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปหาคนที่กำลังก้าวเข้ามาภายในบริเวณบ้านตน ก่อนจะอุทานเบาๆเมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนของแขกคนที่ว่า
“อเล็กซานเดอร์ ทำอะไรของคุณ!?” เอ่ยถามด้วยความตกใจมากกว่าอย่างอื่น มาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าลูกเขากัน
“ขอกอดหน่อย เหนื่อยมาก”
เสียงอู้อี้กับใบหน้าที่ซุกซบบนบ่าทำให้อัลเบิร์ตยืนนิ่ง ลมหายใจอุ่นๆรินรดตรงซอกคอนั่นไม่รู้ตั้งใจไหม แต่ริมฝีปากที่กดลงมานั่นตั้งใจแน่ๆ
“อเล็กซ์!!”
“โอ๊ย!!”
อัลเบิร์ตทุบคนมากเล่ห์ ได้คืบจะเอาศอกเสียทุกที อเล็กซานเดอร์ร้องโอดโอยก่อนจะหัวเราะในลำคอ มองท่าทีปั้นปึ่งของคนที่เดินกลับไปหาลูกแล้วก็ยิ้มกับตนเอง ก่อนก้าวตามไปทักทายเจ้าหนูสายลมที่นั่งเขียนการบ้านไม่สนใจใครอยู่ที่โต๊ะ
สายลมยกมือไหว้เขาแบบไทย ซึ่งเขาก็ยิ้มรับ อัลเบิร์ตสอนลูกให้พูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่เวลาไปโรงเรียนสายลมก็ยังคงพูดภาษาไทยกับเพื่อนๆและคุณครู เท่ากับว่ารู้สองภาษาหลักตั้งแต่เด็ก พออเล็กซานเดอร์ทักทายพูดคุยเจ้าหนูสายลมจึงไม่มีท่าทีเคอะเขินเพราะฟังไม่ออกแต่อย่างใด ทุกครั้งที่อเล็กซานเดอร์มาที่นี่เขาต้องมาในฐานะแขกที่มาพักในรีสอร์ต แม้อัลเบิร์ตจะไม่ได้ไล่เขาเหมือนก่อนนี้แต่การมาพักในฐานะแขกมันทำให้เจ้าของรีสอร์ตไล่เขาไปไหนไม่ได้ ทำให้เขามั่นใจขึ้นเยอะเลยทีเดียว
อัลเบิร์ตกลับไปตรวจงานที่รีสอร์ตอีกครั้งก่อนจะกลับมานอน เหลืออเล็กซานเดอร์กับสายลมและบอดีการ์ดที่คอยรักษาการอยู่รอบบ้านเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งเล่นกับสายลมที่พื้นพรม เจ้าหนูนั่งต่อของเล่นของตนเองไปเรื่อยๆ ขณะที่อเล็กซานเดอร์นั่งพิงโซฟามอง สักพักเด็กชายก็เหลียวหาตัวต่อเพื่อนำมาต่อกันกับที่ตนเองทำค้างไว้ อเล็กซานเดอร์เห็นก่อนจึงหยิบไปยื่นให้ ตาคมเหลือบมามองเขาเล็กน้อยก่อนยื่นมือมารับแล้วเอาไปต่อ ไม่มีใครคุยอะไรกันสักคำ
“วินท์”
อเล็กซานเดอร์เอ่ยเรียกชื่อภาษาอังกฤษของเจ้าหนู สายลมชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะวางตัวต่อลงไปอีกเรื่อยๆ
“ชื่อวินท์ใช่ไหม?” ชายหนุ่มยังถามไถ่มาอีก
“สายลม” เด็กชายเอ่ยบอก ไม่ได้หันมามองผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้
“เรียกยาก”
“ก็อย่าเรียก”
“หึ” อเล็กซานเดอร์ทำเสียงหึในลำคอเมื่อลูกชายอัลเบิร์ตโต้กลับมาเช่นนั้น เขาขยับลุกมานั่งข้างแล้วส่งตัวต่อให้ สายลมละสายตาจากตัวต่อมามอง มือรับเอามาต่อขณะเอ่ยถาม
“อยากสนิทกับผม?”
“ถ้าได้ก็ดี” ผู้ใหญ่ตัวโตยอมรับ
“ทำไมล่ะครับ เพราะพ่อผมหรือ?”
“ก็คงอย่างนั้น”
อเล็กซานเดอร์ไหวไหล่ ดวงตาของเด็กคนนี้ราวกำลังอ่านใจเขา ก่อนคำถามเด็ดจากเด็กชายจะตามมา
“ชอบพ่อผม?”
“มั้ง”
“ตอบแบบนั้นคะแนนคุณติดลบเลยนะครับ” ริมฝีปากบางยกยิ้ม
“แล้วแบบไหนถึงจะเพิ่มคะแนนได้?”
“ต้องบอกว่า ‘รักมาก’ ทำได้ไหมล่ะครับ?”
นี่หรือเด็ก? อเล็กซานเดอร์ถามตนเองในใจ ริมฝีปากหยักเปิดยิ้ม เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์ ดูเป็นคนเงียบๆแต่ฉลาดเฉลียว อัลเบิร์ตเลี้ยงมาแบบไหนกัน
“Yes, I love him ... I don't know how long I have been in love with him. I just want him to be my lover. Can you help me?”
“หึ”
เขาพยายามตะล่อมเด็ก แต่เด็กกลับหัวเราะในลำคอเสียอย่างนั้น ตาคมเหลือบขึ้นมองสูงราวส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง อเล็กซานเดอร์เลิกคิ้วก่อนหันกลับไปมองด้านหลัง อัลเบิร์ตยืนกอดอกมองเขาอยู่ เจ้าหนูนี่รู้แล้วสินะ เมื่อครู่หลอกให้เขาพูดหรือ?
“พ่อผมมาแล้ว คิดอะไรก็บอกไปสิครับ” สายลมกระซิบเบา เขาต้องให้เด็กหกขวบสอนเสียแล้วหรือ
“เหอะ” อเล็กซานเดอร์ไม่มีถ้อยคำโต้ตอบใดนอกจากทำเสียงแบบนั้นกลับไป
“ยังไม่ไปอีกหรืออเล็กซานเดอร์?” อัลเบิร์ตเอ่ยถาม มองสายลมที่เก็บของเล่นใส่กล่องเงียบๆ
“อยากให้ไปก็มาลากออกไปเอง”
อัลเบิร์ตหมั่นไส้กับท่าทีของคนพูดเหลือคณา ก้มลงไปดึงลากแขนคนตัวโตที่เกิดจะทำตัวหนักขึ้นมาเสียเฉยๆ มือหนาจับแขนเขาอีกทอดหนึ่งแล้วกระตุกให้เขาล้มลงไป
สายลมหอบของเล่นในกล่องของตนเองลุกออกไป ปิดประตูใส่กลอนเข้าห้องนอนเงียบกริบ อัลเบิร์ตที่ล้มมาทับอีกคนก็พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง แต่ยิ่งดิ้นเจ้าของอ้อมแขนยิ่งกอดรัดแน่นเข้า
“อูย หัวกระแทก สมองจะเสื่อมไหมนี่?” อเล็กซานเดอร์ทำเป็นโอดครวญทั้งที่ในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้กอดอัลเบิร์ตนานๆแบบนี้
“ให้มันเสื่อมไปให้หมดเลยยิ่งดี ทั้งสมอง ทั้งข้างล่างนี่!”
อัลเบิร์ตกระแทกเสียง แต่คนถูกว่าประชดกลับยิ้มระรื่น “หึ ไม่ดีมั้ง”
“อเล็กซ์ปล่อยได้แล้ว เป็นตุ๊กแกหรือไง มือเหนียวจริง” อัลเบิร์ตขืนตัวจะลุก แต่คนมือตุ๊กแกก็ยังกอดแน่นหนึบ มองคนทำไม่รู้สึกรู้สาตาคว่ำ
“คนบางคนพอเห็นว่าสั่งเราได้ก็สั่งจริ๊ง”
แอบบ่นไปแบบนั้นเมื่อลุกขึ้นมานั่ง พออัลเบิร์ตจะลุกหนีมือหนาก็จับแขนไว้ อีกฝ่ายเลยหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น
“อย่าเอาแต่ขับไสไล่ส่งกันเลย หันหน้ามาคุยกับฉันบ้าง ฉันยอมลงให้นายทุกอย่างแล้วนะ”
“...........” อัลเบิร์ตเงียบ ลดอาการขัดขืนลงเมื่ออีกคนพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ในเมื่อเราต่างก็ไม่สามารถมีใครใหม่ได้ เราจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เลยหรือ?”
“...........”
“ฉันหวังมากไปหรือไง?”
“...........”
“นายกลัวอะไร กลัวฉันจะทำแบบเดิมอีกใช่ไหม ไม่ถนอมน้ำใจนาย ดีแต่ทำให้เจ็บช้ำไม่รู้กี่ครั้งกี่หน นายกลัวมันจะเป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า?”
“ผมแค่อยากให้คุณเลือกให้ถูกทาง ไม่ใช่ตัดสินใจผิดมาทางนี้แล้ววันหนึ่งก็นึกอยากจะถอย”
ที่สุดแล้วเขาก็หันกลับมาเผชิญหน้า มองอเล็กซานเดอร์อย่างไม่มั่นใจกับอนาคตข้างหน้า เรื่องที่เขากังวลคือเหตุการณ์ในอดีตที่เขาไม่อาจลืมมัน มันอาจเกิดขึ้นมาในอนาคตซ้ำอีกหากวันหนึ่งอเล็กซานเดอร์คิดได้ว่าเพียงอยากเอาชนะเขามากกว่าจะรักกันอย่างจริงใจ ยอมรับว่าเขาหวั่นใจ ไม่มั่นใจกับความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ฉันเดินมาทางนี้ตั้งนานแล้วอัล ตั้งแต่ที่เราเจอกัน อาจจะหลงทาง อาจจะแวะข้างทางบ่อยเกินไปสักหน่อย แต่เมื่อฉันคิดได้ฉันก็ยังมุ่งหน้ามาทางนี้ไม่เปลี่ยน” อเล็กซานเดอร์ให้ความมั่นใจ
“คุณรู้ใช่ไหมอเล็กซ์ว่าโอกาส... มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มา”
“รู้ และฉันก็กำลังเฝ้ารอมันอย่างมีความหวัง”
อัลเบิร์ตมองแววตาของอีกคนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยบอกช้าๆแต่คนฟังก็ได้ยินมันชัดเจนทุกคำ
“ครั้งสุดท้ายแล้วอเล็กซ์ จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
อเล็กซานเดอร์คว้าอัลเบิร์ตมากอดแน่น ความหนักอึ้งที่แบกเอาไว้ราวปลิวหายเพียงคำพูดประโยคเดียวของอัลเบิร์ตเท่านั้น “ฉันถือว่านายพูดแล้ว ห้ามคืนคำเด็ดขาดนะอัล”
“ผมไม่ใช่คนสับปลับแบบนั้นสักหน่อย”
อ้อมแขนนี้ที่เคยมีเพียงความหนาวเหน็บและเจ็บร้าว วันนี้อัลเบิร์ตกลับสัมผัสถึงความอบอุ่น คงเพราะใจของเขาเปิดรับความรู้สึกของอีกฝ่าย
สายลมเปิดประตูออกมาในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังอยู่ในบรรยากาศหวานแหวว อัลเบิร์ตรีบดันอเล็กซานเดอร์ออกห่างจนอีกฝ่ายหงายหลังลงไปนอน
“อ้าว ขอโทษครับ”
เด็กชายพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดประตูกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิมราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองหนุ่มด้านนอกหันมามองหน้ากันก่อนหัวเราะเบาๆ เหมือนโลกที่แสนหม่นมัวมันค่อยๆสว่างขึ้นมาอีกนิด แม้จะนิดเดียวแต่ก็ทำให้ใจคนรออเล็กซานเดอร์ชุ่มชื้นไม่เบา
----------------
ต่อด้านล่างค่ะ