หัวใจซ่อนรัก
ตอนพิเศษ ๔ หวง
รีสอร์ตนับตะวันในวันนี้ได้ต้อนรับคณะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่เข้ามาดูงาน เพราะอัลเบิร์ตเคยตกลงกับทางมหาวิยาลัยเอาไว้ว่าจะให้ความร่วมมือด้านการศึกษาจากสถานที่จริง เมื่อเหล่านักศึกษามาถึงชายหนุ่มจึงต้องคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้ คอยแนะนำเรื่องต่างๆภายในรีสอร์ตเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวนักศึกษามากที่สุด
จนกระทั่งถึงมื้อเที่ยงอัลเบิร์ตก็ได้ให้แม่ครัวเตรียมอาหารไว้เลี้ยงทั้งคณาจารย์และนักศึกษา วัตถุดิบที่นำมาทำอาหารรับมาจากชาวบ้านในแถบนี้แทบทั้งนั้น ผักผลไม้สดใหม่ถูกส่งมายังรีสอร์ตนับตะวันทุกเช้า นายฝรั่งของที่นี่เขาให้ราคาดี ไม่โก่งราคาเหมือนที่อื่นทำให้ชาวบ้านอยากทำการค้าด้วย มีของดีๆก็มักนึกถึงนายฝรั่งก่อนใครเพื่อน
“วัตถุดิบที่เรานำมาประกอบอาหารล้วนสดใหม่ รีสอร์ตเรามีผักปลอดสารจากชาวบ้านแถบนี้ที่มีเกษตรตำบลเข้ามาดูแลใกล้ชิด ตัวแทนของหมู่บ้านก็ได้เข้าร่วมกลุ่มเกษตรพัฒนา ทำให้พืชผักของที่นี่มาจากธรรมชาติจริงๆ สารเคมีเป็นส่วนน้อยทำให้ไม่มีตกค้างจนเกิดอันตรายกับร่างกายของผู้บริโภค”
อัลเบิร์ตอธิบายเพิ่มเติมเมื่อพนักงานนำอาหารมาวางบนโต๊ะ หัวใจของการทำงานบริการเรื่องพวกนี้ก็สำคัญไม่ต่างกัน ถือเป็นจุดแรกเริ่มเลยก็ว่าได้
“มิน่าคนที่นี่ถึงดูสุขภาพดี” หนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่อัลเบิร์ตเอ่ยแนะ “แล้ว... ไม่ทราบว่าทานของพวกนี้แล้วจะทำให้หน้าเด็กเหมือนเจ้าของรีสอร์ตไหมครับ?”
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะสนใจอัลเบิร์ตเป็นพิเศษ เพราะตลอดการพาทัวร์รอบรีสอร์ตมักแอบหยอดอัลเบิร์ตอยู่เรื่อยๆ อัลเบิร์ตก็ได้แต่ยิ้มไม่ต่อความยาวสาวความยืด หนุ่มนักศึกษาคนดังกล่าวท่าทางจะเป็นพวกชอบคนที่อายุมากกว่า และดูท่าว่าจะถูกใจนายฝรั่งของคนแถวนี้เข้าเสียแล้ว
“อันนี้ก็ไม่ทราบ คงต้องลองดูนะครับ” อัลเบิร์ตยิ้มให้คนถาม ก่อนจะหันไปบอกทุกคนบนโต๊ะเมื่ออาหารพร้อมแล้ว “เชิญตามสบายครับ”
ร่างสูงก้าวออกไปโดยมีสายตาของหนุ่มนักศึกษาคนเดิมมองตาม เสียงเพื่อนนักศึกษาแซวกันเองดังแว่วมาเข้าหูว่าฝ่ายนั้นท่าจะหลงเขาเข้าแล้ว อัลเบิร์ตโคลงศีรษะแล้วถอนใจเบาๆอย่างไม่คิดอะไร
เขาน่ะไม่คิด แต่เด็กมันไม่ใช่ เพราะคราวต่อมาเด็กหนุ่มคนเดิมก็ยังมาขอข้อมูลทำงานส่งอาจารย์บ่อยๆ อัลเบิร์ตที่เห็นเป็นเด็กก็ไม่ได้คิดอะไร แต่อเล็กซานเดอร์ที่มาเจอเข้าก็ชักจะทนไม่ไหวเพราะเด็กมันเล่นปีนเกลียวแบบไม่เกรงใจ วอนนัก!
---------------
กระเป๋าเดินทางใบย่อมถูกบอดีการ์ดนำมาเก็บในตัวบ้าน ขณะที่เจ้าของกระเป๋าอย่างอเล็กซานเดอร์คว้าตัวอัลเบิร์ตขึ้นชั้นบนไปแล้ว ร่างสูงถลาตามแรงรั้งก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างเมื่ออีกฝ่ายดันตัวเขาให้หงายลงไปนอนแล้วขึ้นคร่อมเหนือร่างกาย
“ท่าทางอารมณ์ไม่ดี” มือเรียวแตะข้างแก้มสากไรเครา ตาสีอ่อนมองสบนัยน์ตาสีฟ้าที่ฉายแววเคืองขุ่น
“มากเชียวล่ะ”
อเล็กซานเดอร์ยอมรับ เขากำลังหงุดหงิดได้ที่เลยทีเดียว เสื้อถูกถอดออกพ้นกาย ก่อนมือหนาจะละมาปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลง เปิดเผยความใหญ่โตให้ปรากฏแก่สายตา
อัลเบิร์ตหลุบสายตาลงมองมันเพียงครู่เดียวแล้วเงยขึ้นมองหน้าอเล็กซานเดอร์ มือหนาคว้ามือของเขาสัมผัสความร้อนที่เต้นตุบรอการปลดปล่อย ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อยโน้มลงมาจูบ อัลเบิร์ตเผยอปากรับเมื่ออีกฝ่ายนาบจูบร้อน ลิ้นลื่นรุกเร้าขณะที่ข้อมือเขาถูกบังคับให้ขยับรูดรั้งความร้อนรุม เสียงครางครึ้มในลำคอดังขึ้นด้วยความพึงใจเมื่อความอุ่นของอุ้งมืออัลเบิร์ตทำให้ใจกลางร่างกายคัดเคร่งคึกจัด
ริมฝีปากหนาเบียดจูบหนักหน่วง ขยับสะโพกเน้นหนักให้เนื้อกายสัมผัสกับมืออุ่นๆอย่างเต็มที่ มือหนาลูบต้นขาของคนใต้ร่าง ก่อนยกแยกมันจนชิดอก เปิดเปลือยเนื้อตัวของอีกฝ่ายให้สามารถแทรกกายเข้าไปได้อย่างถนัดถนี่ ชายหนุ่มกัดฟันกระแทกกายเข้าไปจนสุดแล้วถอดถอน เนื้อกระทบเนื้อจนร่างกายแทบมอดไหม้ด้วยไฟอารมณ์ เหงื่อกาฬผุดพราย ลมหายใจหอบกระชั้นรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น แทบทนไม่ไหว
มือหนาช้อนสะโพกตึงแน่นมาแนบชิด ขย่มกายกระชั้นไม่ฟังเสียงห้ามที่ปะปนกับเสียงครางเครือ เล็บมนจิกครูดแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาส่งกายเข้าลึกล้ำ ก้มลงดูดปากบางที่เผยออ้า เก็บกักเสียงครางครั้งสุดท้ายเมื่อร่างกายกระตุกเกร็งยะเยือกไหวรุนแรง ลาวารักหลั่งรด เสียวปลาบจนต้องถอนจูบแล้วร้องคำราม
อัลเบิร์ตเหนื่อยหอบกับบทรักรุนแรงที่เพิ่งผ่านพ้น แผ่นอกกระเพื่อมไหวเมื่อพยายามปรับการหายใจของตนเองให้เป็นปรกติ คนด้านบนก้มลงมาจูบ แนบนาบริมฝีปากแล้วดูดดึงปลายลิ้นเขา อัลเบิร์ตครางประท้วงเพราะกำลังเหนื่อย ทุบไหล่หนาให้ละริมฝีปากห่างออกไป เสียงหัวเราะในลำคอดังมาให้ได้ยินอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนร่างสูงใหญ่จะพลิกกายลงไปนอนแผ่บนเตียง
อัลเบิร์ตขยับลุกขึ้นมา จะลุกไปล้างเนื้อล้างตัว สะดุ้งเบาๆเมื่อมือหนาเอื้อมมาบีบก้น หันมามองคนทำที่นอนยิ้มอารมณ์ดีอย่างคาดโทษก่อนเดินไปห้องน้ำ จนเสร็จธุระออกมาจึงเอ่ยถามคนบนเตียงที่นอนเอกเขนกเสื้อผ้าไม่ยอมใส่
“คราวนี้ถามได้ไหมครับ?” อัลเบิร์ตเกริ่นนำเพราะก่อนหน้านี้ดูอเล็กซานเดอร์อารมณ์ไม่ดีจนไม่คิดจะเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไร
คนถูกถามถอนใจก่อนบอกออกมาสั้นๆ “หึง”
“ว้าว ตรงจัง”
อัลเบิร์ตแสร้งทำประหลาดใจขณะที่อมยิ้มน้อยๆเมื่อเอ่ยล้อ อเล็กซานเดอร์เอื้อมมือมารั้งแขนให้นั่งลงข้างๆ อัลเบิร์ตจึงค่อยนั่งลงบนขอบเตียงแล้วหันมามอง
“เด็กมันดูดี แต่ฉันมั่นใจว่ารักนายมากกว่ามันแน่ๆ”
รอยยิ้มบางผุดขึ้นมาบนริมฝีปากอัลเบิร์ต “คุณก็เครียดแม้กระทั่งเรื่องนี้นะอเล็กซ์”
“ไม่เครียดได้หรือ รู้ตัวไหมว่ามีน้ำมีนวลขึ้น”
“ดำแบบนี้น่ะหรือดูมีน้ำมีนวล” เอ่ยย้อนกลับไปกลั้วหัวเราะหน่อยๆ เขาไม่ใช่คนผิวขาว เรื่องมีน้ำมีนวลท่าจะไม่ใช่
“ใครว่าเมียฉันดำ ดูสิ รัศมีมาดามมาเฟียเกาะเชียว” คนตัวโตลุกขึ้นมานั่ง เชยคางคนรักในเชิงหยอกล้อแล้วจูบแก้มเบาๆ
“ไม่เอาแล้วอเล็กซ์ ผมล้างตัวแล้ว” เอ่ยปรามเมื่อริมฝีปากร้อนๆนั้นไม่หยุดแค่แก้ม ยังเลยมาที่ใบหูและซอกคอ “...แก่แล้ว เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นบ้างเถอะครับ”
“..........” อเล็กซานเดอร์ชะงัก มองตาสีอ่อนที่ระริกไหวด้วยแววขบขันแล้วเข่นเขี้ยว หน้าซื่อๆนี่มัน...
มือหนากระตุกให้อีกคนหงายหลังลงบนที่นอน ก่อนโถมทับอย่างมันเขี้ยว หน้าซื่อตาใสแบบนี้ต้องจับฟัดเสียให้เข็ด!
------------------
ได้ฟัดคนหน้าซื่อจนหนำใจแล้วก็ดูเหมือนว่าอเล็กซานเดอร์จะอารมณ์ดีขึ้น ปล่อยให้คนรักนอนพักอยู่บนห้องส่วนตนเองก็ลงมาหาลูกชายคนรองที่ชั้นล่าง สายลมที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนมากำลังนั่งทำการบ้านอยู่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงที่โซฟาอีกตัว เด็กชายยกมือไหว้ก่อนทำการบ้านของตนเองต่อ
อเล็กซานเดอร์ลุกไปหาอะไรมาดื่ม พร้อมเทน้ำผลไม้ใส่แก้วมาให้ลูกด้วย เมื่อเดินกลับมาวางแก้วน้ำไว้ให้ลูกสายตาก็สะดุดเข้ากับแผ่นพับที่วางอยู่ข้างกองหนังสือ มือหนาหยิบมันมาดู ทิ้งตัวลงนั่งแล้ววางแก้วน้ำในมือเพื่อเปิดดูรายละเอียดด้านใน
“งานของจังหวัดหรือ?” อเล็กซานเดอร์พึมพำกับตัวเองเมื่อพลิกดูรายละเอียดด้านในแล้วได้ข้อสรุปมาเช่นนั้น
“แด๊ดอยากไปร่วมงานด้วยไหมล่ะครับ?” สายลมเงยหน้าขึ้นมาถาม
“หือ อย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะ เราไปเดินเที่ยวกันสามคนพ่อลูกน่าสนุกดี” อเล็กซานเดอร์ทำท่าคิดก่อนพยักหน้าเห็นดีด้วย ถ้าพาเซย์มาด้วยก็คงจะดี แต่เซย์ยังไม่ปิดภาคเรียน น่าเสียดาย
“วันสุดท้ายมีแข่งเอทีวี พ่อสนับสนุนเงินรางวัลส่วนหนึ่งให้กับการแข่งขันด้วย” สายลมบอก
“จริงหรือ ไม่เห็นเคยรู้”
“ก็แด๊ดไม่ค่อยได้มาตรงกับช่วงนี้ เจ้าภาพเขาขอมาให้ช่วยๆกัน พ่อเลยร่วมด้วย”
“อ้อ” ผู้เป็นบิดาทำเสียงรับรู้ อัลเบิร์ตเป็นนายฝรั่งแสนใจดีนี่ ไม่น่าแปลกใจหากจะเข้าร่วมงานการกุศลทั้งหลายที่ถูกเชื้อเชิญชวน
“แด๊ดเคยแข่งอะไรแบบนี้ไหมครับ?”
“เอทีวีหรือ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับคำถามก่อนบอก “อืม... ไม่เคยหรอก พ่อเราเขาไม่ชอบให้ทำอะไรผาดโผน เพราะชีวิตแด๊ดมันก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว หึๆ”
นึกถึงสมัยก่อนตอนยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอเล็กซานเดอร์ก็หัวเราะหึๆ หากเวลานั้นอยู่กับเจฟฟรี่แค่สองคนคงพากันไปทำแต่เรื่องเสี่ยงๆ แต่เพราะมีหลานพ่อบ้านหน้าซื่อนั่งรอกลับห้องอยู่ทุกวันทำให้จะไปไหนมาไหนต้องคอยนึกถึงอยู่ตลอดจนไม่สามารถทำอะไรดังใจอยากได้ทั้งหมด ยิ่งเห็นตาเศร้าๆที่มองมาเวลาเขาทำอะไรไม่คิดจนเจ็บตัวยิ่งไม่อยากทำมันซ้ำอีก
“แด๊ดกับพ่อรู้จักกันมาแต่เด็กเลยหรือครับ?” เด็กชายเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“ก็ไม่เชิง ประมาณมัธยมต้นมั้งถ้าจำไม่ผิด”
“รักกันแต่เด็กเลยหรือครับ?”
“อะไร วันนี้เป็นไอ้หนูจำไมหรือ?” ผู้เป็นบิดาหรี่ตามองยิ้มๆ
“อยากรู้เฉยๆ”
มือหนาเอื้อมมายีหัวเด็กขี้สงสัย ก่อนจะเอ่ยเรียกอัลเบิร์ตที่เดินลงมาจากชั้นบน
“จะไปไหน?”
“ทำงานสิครับ ยังไม่ถึงเวลาเลิก” ตอบกลับไปง่ายๆแล้วจะเดินออกจากบ้าน
“ไม่ต้องเลย กลับขึ้นไปนอนพักไป” มือหนาคว้าต้นแขนอัลเบิร์ตแล้วจะลากกลับขึ้นชั้นบน
“ไม่เอา”
“อย่าดื้อ”
“อเล็กซ์ นี่งานผมนะ จะให้เสียการปกครองหรือไง?” อัลเบิร์ตขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตามง่ายๆ ทำให้ยักแย่ยักยันกันอยู่ตรงเชิงบันได
“ก็ร่างกายนายมันไม่พร้อม” เขาให้เหตุผลที่ฟังขึ้นที่สุด
“เพราะใครล่ะ”
“เพราะนายไง”
“..............” ตาเขียวๆตวัดมองเมื่อถูกโยนความผิดมาให้หน้าตาเฉย เพราะเขาที่ไหนกัน บ้าไปแล้ว
“อย่ามายั่วกันน่า” อเล็กซานเดอร์ว่า
“ยั่วที่ไหน คุณนี่” ไม่รู้จะโต้ตอบคนหน้าตายอย่างไรดีแล้ว
“ไปนอนพัก”
“ไม่ไป อเล็กซ์อย่ามาบังคับ”
คราวนี้คนถูกบังคับเสียงแข็งตอบโต้ อเล็กซานเดอร์หยุดดันหลังของอีกฝ่าย มองสีหน้าแสนดื้อดึงนั่นแล้วชายหนุ่มก็ย่อตัวลงแล้วช้อนใต้สะโพกอุ้มคนดื้อขึ้นมา
“อเล็กซ์!!” อัลเบิร์ตร้องเสียงหลง เกาะบ่าแกร่งเอาไว้แน่นเพราะตกใจ
“เรียกทำไม”
ริมฝีปากหยักยิ้มกวน ดวงตาสีฟ้าพราวระยับด้วยความครื้นเครงใจ อัลเบิร์ตได้แต่ฮึดฮัด ขัดใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้คนตัวโตอุ้มขึ้นบ้านไป
สายลมเหลือบไปมองเมื่อศึกระหว่างสองพ่อสงบลง เด็กชายยักไหล่ ก่อนปิดสมุดการบ้านแล้วเก็บข้าวของขึ้นบ้านไปด้วยอีกคน
--------------
เมื่อส่งภรรยาที่รักไปพักผ่อนได้ดังที่ต้องการแล้วอเล็กซานเดอร์ก็มาประจำการที่รีสอร์ตแทน ต้องให้เขาบังคับถึงยอมนอนพักได้ ว่าจะจัดหนักให้อีกสักทีจะได้หายดื้อกับเขาบ้าง แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะมันอาจทำให้เสียงานจริงๆถ้าเขาติดลมบนจนไม่อยากลุกมาทำงานแทน
เจ้าเด็กนั่นมาหาเมียเขาอีกแล้ว แม้ไม่สบอารมณ์แต่ด้วยฐานะรักษาการแทนเจ้าของรีสอร์ตเขาก็จำต้องสะกดความไม่พอใจเอาไว้ แล้วอยู่รับหน้ามันแทน ไม่ให้ไปกวนเวลา ‘เมีย’ ของเขาพักผ่อน
“สวัสดีครับ” ภิวัฒน์เอ่ยทักทายฝรั่งตัวโตที่วันนี้มาทำงานแทนคุณคาร์ลของตน
“สวัสดี วันนี้จะมาขอข้อมูลอะไรอีกหรือ?” อเล็กซานเดอร์ทักทายกลับไปพร้อมคำถาม
“พอดีผมต้องถามเอากับคุณคาร์ล คงไม่สะดวกใจที่จะบอกกับคุณที่ไม่ใช่เจ้าของนับตะวัน”
ท่าทีเด็กหนุ่มยั่วโมโหจนอเล็กซานเดอร์ต้องระวังอารมณ์ตัวเองให้มาก ไม่ให้ไหลไปตามการก่อกวนนั้นจนเสียถึงอัลเบิร์ต
“อัลเบิร์ตคงไม่สะดวกมาตอบคำถามให้เธอหรอกไอ้หนู”
“ดูคุณหวงคุณคาร์ลจังเลยนะครับ”
“เรื่องปรกตินี่ คนรักที่ไหนเขาก็ทำกัน” ตอบกลับไปตามตรง หากเป็นคนอื่นคงเข้าใจไปนานแล้ว แต่เจ้าเด็กตรงหน้าเขานี่มันหน้ามึนกว่าที่คิด ยังคงยอกย้อนเขากลับมาอีก
“ไม่เห็นคุณคาร์ลเคยบอกว่ามีคนรัก”
“แล้วมันจำเป็นต้องบอก ‘คนอื่น’ ด้วยหรือ?”
“มันเชื่อได้ยากนะครับคุณว่าไหม บางครั้งคนบางคนก็สำคัญตัวผิด”
อเล็กซานเดอร์กัดกรามกรอด พูดดีด้วยก็แล้ว อ้อมก็แล้ว ตรงก็แล้วมันยังไม่ยอมจบ จะเอาอย่างไรแน่หา!
“ที่พูดนี่คือจะไม่เลิกมาวุ่นวายกับคนของฉันอย่างนั้นสินะ” อเล็กซานเดอร์พยายามข่มใจเมื่อเอ่ยถามกลับไปตรงประเด็น
“ถ้าคุณคาร์ลไม่เอ่ยปาก มันคงยากที่ผมจะฟังคุณ”
ภิวัฒน์ยิ้มกวนโทสะคนมองก่อนจะเดินออกไป อเล็กซานเดอร์ทำเสียงเหอะกับการท้าทายของเด็กหนุ่มคนนั้น ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! คิดจะมาแย่งเมียเขา เร็วไปร้อยปีโว้ย!!
----------------
เมื่อวันงานจังหวัดวันสุดท้ายมาถึง ครอบครัวของอเล็กซานเดอร์ถึงได้มาร่วมงาน เพราะมีการแข่งขันเอทีวีด้วย น่าสนใจกว่าวันอื่นๆ แถมอัลเบิร์ตยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินรางวัลจึงควรมาในวันนี้ที่สุดแล้ว
ภายในงานมีทั้งของกินของใช้ละลานตา กิจกรรมน่าสนใจมากมายถูกจัดขึ้นเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวที่จังหวัดนี้มากขึ้น สามพ่อลูกเดินเที่ยวงานสบายๆ บอดีการ์ดจากเฟอร์ริงตันคอยคุ้มกันไม่ห่าง แต่พยายามทำตัวกลมกลืนกับคนในพื้นที่เพราะอัลเบิร์ตสั่งไว้ กลัวคนมาเที่ยวเขาจะตกใจเอาที่มีบอดีการ์ดชุดดำมาเดินตามเป็นพรวนในงานด้วย
การแข่งขันรถเอทีวี (All-Terrain Vehicle) หรือ ควอดไบค์ (quad-bike) เป็นรถที่สามารถบุกป่าฝ่าดงได้ไม่มีหวั่น ด้วยเครื่องยนต์แบบเดียวกับมอเตอร์ไซค์ทำให้ความเร็วและคล่องตัวมีอยู่มาก ล้อทั้งสี่ก็ช่วยในเรื่องทรงตัวทำให้ลดการแรงกระแทกและการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเข้าโค้งได้ดีกว่ามอเตอร์ไซค์ การแข่งขันแนวผาดโผนจึงเป็นที่สนใจของเหล่าคนขับเอทีวี และมันถูกจัดขึ้นเป็นกิจกรรมที่มีเป็นประจำในทุกปี กลุ่มคนรักความตื่นเต้นก็ต่างสมัครเข้าแข่งขันกันหนาตา
แม้เอทีวีจะเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อมันถูกนำมาใช้ในการแข่งขันก็ใช่ว่าใครจะขับก็ได้ เรื่องความชำนาญในการขับขี่เป็นสิ่งสำคัญ หากไม่เคยฝึกซ้อมมาอย่างดีคงยากนักที่จะลงแข่งได้
ภิวัฒน์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแข่งขัน เด็กหนุ่มอบอุ่นร่างกายก่อนลงแข่ง เขาอยู่ชมรมคนรักเอทีวี ร่วมแข่งมาก็หลายสนามแล้ว ขณะที่กำลังเตรียมตัวกันอยู่ก็เหลือบไปเห็นอัลเบิร์ต เด็กหนุ่มคิดจะเข้าไปทักทายแต่เมื่อเห็นว่าศัตรูหัวใจของตนเดินมาด้วยอารมณ์ดีๆก็ชักจะขุ่น ยิ่งเมื่อตาสีฟ้านั่นหันมาเห็นภิวัฒน์ยิ่งขุ่นมัว เมื่อเห็นอัลเบิร์ตเดินแยกไปกับเด็กผู้ชายอีกทางหนึ่งภิวัฒน์ก็คว้าชุดที่ใส่สำหรับแข่งพร้อมหมวกนิรภัยเดินดุ่มไปหาอเล็กซานเดอร์ทันที
“สวัสดีครับคุณลุง”
อเล็กซานเดอร์ปรายมองเจ้าของเสียงอย่างไว้ท่าที เขาเห็นตั้งแต่มันมองเมียเขาตาวาวนั่นแล้ว ดีที่คนของเขาไม่เห็นมันแล้วเดินออกไปที่อื่นกับลูกก่อน
“ไม่นึกว่าคุณจะชอบดูอะไรแบบนี้นะครับ”
“............” อเล็กซานเดอร์ได้แต่ฟังแล้วเงียบไว้เพราะไม่อยากมีปัญหากับเด็ก ก็เหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง เดี๋ยวมันเหนื่อยมันก็หยุดเอง
“อยากจะลองลงแข่งดูสักตั้งไหมครับ ท้าทายความกล้า”
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มเมื่อมองลูกไม้ของเด็กหนุ่มตรงหน้าออก หัวเราะลงคอเบาๆ ท่าทางจะเป็นพวกอยากได้อะไรก็ต้องได้สินะ แต่เผอิญว่าเขามันเป็นประเภทเดียวกันเสียด้วยสิ
“กลัวหรือครับคุณลุง?” หนุ่มนักศึกษายิ้มเย้ย “อ้อ ที่จริงผมไม่น่าถาม”
ภิวัฒน์หัวเราะในลำคอ สายตาแสดงออกให้เห็นว่ากำลังปรามาสชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาใกล้เขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ความสูงใหญ่ของหนุ่มต่างชาติเมื่อมายืนเทียบกันแบบนี้ก็สูงค้ำหัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“รู้อะไรไหม บางทีคนเราอาจตายได้ง่ายๆก็เพราะปาก”
“หึ” เด็กหนุ่มทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่นึกเกรง
“เด็กอย่างเธอคงใช้มันเปลืองมากจนไม่รู้ว่ามันจะนำภัยมาถึงตัว” อเล็กซานเดอร์ยังคงกล่าวด้วยความเรียบเรื่อย
“.........”
“อยากแข่งใช่ไหมไอ้รถนี่?” ตาสีฟ้าปรายมองรถเอทีวีที่จอดอยู่รายรอบ ขณะที่เด็กหนุ่มตรงหน้าจ้องเขาเขม็ง
“ได้” น้ำเสียงคล้ายจะคำรามในคลำคอตอบตกลงก่อนหันไปหาเอริค “เอริค”
“ครับ”
บอดีการ์ดหนุ่มก้าวไปรับชุดและหมวกนิรภัยจากภิวัฒน์ ก่อนนำมันมาให้ผู้เป็นนาย คำท้าทายของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทำให้อเล็กซานเดอร์ต้องมาทำเรื่องบ้าระห่ำทั้งที่เลยวัย หากอัลเบิร์ตรู้เข้าไม่รู้จะว่าอย่างไรบ้าง
ทางด้านอัลเบิร์ตที่แยกไปเดินเที่ยวงานกับลูกชายเมื่อรู้สึกว่าจะห่างจากอเล็กซานเดอร์มาไกลแล้วจึงพากันมาเดินหา บอดีการ์ดส่วนหนึ่งคอยคุ้มกันเขาและลูก ขณะที่เอริคคุ้มกันอเล็กซานเดอร์ คนยิ่งเยอะมักจะยิ่งอันตรายจนต้องระวังกันให้มาก
การแข่งขันเอทีวีกำลังเริ่ม รถที่ร่วมแข่งกำลังจะออกตัว เสียงบิดเครื่องดังกระหึ่ม อัลเบิร์ตจูงแขนสายลม สายตาก็คอยมองหาอเล็กซานเดอร์ท่ามกลางกลุ่มคนมากหน้า เห็นเอริคยืนอยู่ข้างสนามชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปหาแล้วถามไถ่
“อเล็กซ์ล่ะ?”
เอริคหันมามองเพื่อนที่ตอนนี้อยู่ในฐานะคนสำคัญของนายแล้วจึงหันไปทางนักแข่งรถในสนาม อัลเบิร์ตเลิกคิ้วงง หันไปมองตามสายตาเพื่อนบอดีการ์ดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อพอจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายจะบอกดวงตาสีอ่อนก็เบิกขึ้นแล้วหันมามองเอริคอย่างตกใจ
“นั่น...”
เอริคพยักหน้าแม้อัลเบิร์ตไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นประโยค เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วอัลเบิร์ตก็ถึงกับหน้าซีด
“เรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมอเล็กซ์ถึงไปอยู่ที่นั่น?”
“รับคำท้าของเด็กที่มาติดพันคุณ” บอดีการ์ดหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ
“อะไรนะ!?”
อัลเบิร์ตย้อนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ชายหนุ่มจะเข้าไปห้าม แต่นักแข่งในสนามก็กำลังบิดคันเร่งเสียงดังใส่กัน พออ้าปากจะเรียกไว้เสียงปืนเริ่มการแข่งขันก็ดังขึ้นกลบเสียงเขาไปหมด
ปัง!!
รถเอทีวีออกตัวกันจนฝุ่นตลบ คันของอเล็กซานเดอร์แล่นผ่านหน้าอัลเบิร์ตไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อเล็กซ์!!!!” อัลเบิร์ตได้แต่ร้องตาม เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่ได้ยินได้ฟังแล้ว “โธ่เอ๊ย! บ้ายุอะไรแบบนี้”
บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วอัลเบิร์ตก็ได้แต่ชะเง้อมองตามด้วยความเป็นห่วง คนของเจ้าภาพผู้จัดงานมาเชิญเขาไปนั่งดูการแข่งขันในพื้นที่ที่ได้จัดไว้เพราะเขาคือหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินรางวัล แต่อัลเบิร์ตห่วงอเล็กซานเดอร์เกินกว่าจะนั่งติดเลยปฏิเสธไป
อเล็กซานเดอร์เคยบอกกับสายลมว่าเขาไม่เคยแข่งขัน ไม่เคยทำเรื่องผาดโผน นั่นเขาไม่ได้โกหก เพียงแต่บอกไม่หมดก็เท่านั้น สมัยเรียนเพราะไม่อยากเห็นอัลเบิร์ตต้องทำหน้าเศร้าเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับเขา อเล็กซานเดอร์จึงไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นั้น เจฟฟรี่จึงเป็นสิงห์นักบิดอยู่คนเดียวขณะที่เขาเป็นคนนั่งดู
รถของอเล็กซานเดอร์ขับตีคู่ขึ้นมาเมื่อเกือบถึงโค้ง เส้นทางออกจะขรุขระทำให้เขาต้องระวังให้มาก ต้องประคองสมาธิให้ดีไม่วอกแวกไปกับการยั่วยุของภิวัฒน์ที่แซงขึ้นมาแล้วเบียดรถของเขา อเล็กซานเดอร์เร่งความเร็วของรถขึ้นอีกเมื่อผ่านช่วงตีโค้งวนรถกลับ เขาไม่ได้จะเอาแชมป์ แค่อยากสั่งสอนเด็กปากดี ยิ่งใกล้ถึงเส้นชัยรถทั้งสองคันยิ่งขับเคี่ยวไม่มีใครยอมใคร ไม่สนใจรถคันอื่นว่าจะแซงไปไกลหรือรั้งท้ายอยู่ตรงส่วนไหน เมื่อเห็นท่าไม่ดีภิวัฒน์จึงหักปาดหน้าอเล็กซานเดอร์ เขาไม่น่าประมาทคนๆนี้เลยจริงๆ
รถของเด็กหนุ่มแซงขึ้นไปอีกครั้ง เสียงเชียร์รอบสนามไม่ดังเข้าหูเมื่อเส้นชัยอยู่ไม่ไกลแล้ว เขาจะพลาดแม้สักเสี้ยวนาทีไม่ได้ ภิวัฒน์มุ่งตรงสู่เส้นชัยด้วยความลำพอง แต่ก็ช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีเมื่ออเล็กซานเดอร์ปาดหน้าเข้าเส้นชัยไปเสียก่อน ดวงตาสีฟ้าเหลียวมามองเขา เขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหนภายใต้หมวกนิรภัยนั่น แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะเขาอยู่เป็นแน่!
ทั้งเจ็บใจ ทั้งเสียหน้าที่พ่ายให้กับคนที่ตนเองท้าทายและดูหมิ่น ภิวัฒน์ลงจากรถมาด้วยอาการฮึดฮัด ดวงตาเขียวขุ่นมองอเล็กซานเดอร์ที่ก้าวเข้ามาหาอย่างไร้ความเป็นมิตร
“จะบอกอะไรให้นะไอ้หนู ต่อให้เธอเจออัลเบิร์ตก่อนฉัน ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เพราะถึงยังไงอัลเบิร์ตก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี ของอย่างนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาที่พบกัน แต่มันขึ้นอยู่ที่การเลือกของอัลเบิร์ตต่างหาก และเขา... เลือกฉัน”
เสียงทุ้มกล่าวทิ้งไว้เท่านั้นแล้วเดินออกไป ภิวัฒน์มองตามแผ่นหลังกว้างของผู้ชนะแล้วกำหมัดแน่น ยิ่งเห็นอัลเบิร์ตก้าวเร็วเข้าไปหาคนๆนั้นด้วยความเป็นห่วง แถมบ่นคนตัวโตยกใหญ่ที่ทำอะไรไม่คิดให้ดี กลับไปถ้าบ่นปวดตัวจะไม่นวดให้เลย แม้ไม่อยากยอมแพ้แต่ภิวัฒน์ก็จำต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถแทรกกลางระหว่างคนทั้งสองได้.... ไม่ใช่เพราะเป็นเด็ก... ไม่ใช่เพราะมาทีหลัง... แต่เป็นเพราะคนกลางอย่างอัลเบิร์ตไม่เคยคิดจะเลือกเขาเลยต่างหาก
---------------
ต่อด้านล่างค่ะ