ผมไขกุญแจเข้าไปในห้อง เปิดไฟที่อยู่ด้านข้างประตู ภายในห้องจึงสว่างขึ้นทันที ภาพบรรยากาศเก่าๆลอยเข้ามาเป็นฉากๆเลยครับ ผมกับซินที่นั่งรวมหัวกันอยู่กลางห้องนั่งเล่นเพื่อแต่งเพลง และใส่ทำนอง เสียงคนสองคนเถียงกันเพราะความเห็นเริ่มแตกแยก ผมยิ้มให้กับภาพเหล่านั้นทันที
ซินที่อยู่ด้านหลังเดินแทรกผมเข้าไปในห้องก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาที่ประจำเขาแหละครับ ผมจึงเดินตามเข้าไปมองรอบๆห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆซิน
“ยังเหมือนเดิมเลย” ซินพูดขึ้นพลางมองไปที่โพสต์อิทที่เขียนโน๊ตเพลงอยู่บนกำแพงเต็มไปหมด นิสัยเก่าๆครับ คิดอะไรได้โน๊ตแปะเอาไว้ก่อน มีทั้งโน๊ตเพลง เนื้อเพลงเป็นท่อนๆ แล้วก็รูปวาดที่ซินวาดเล่นทิ้งเอาไว้ แล้วผมเก็บเอามาแปะไว้
“อืม ก็ไม่ได้เปลี่ยนตรงไหนเลยนี่ เคยทิ้งไปยังไงมันก็ยังคงอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ได้กลับมาแตะอีกเลย”
“ไม่ได้สนใจอีกเลยสินะหลังจากนั้นอ่ะ”
“สนใจให้ได้อะไรล่ะ นายก็ไม่อยู่แล้ว ชีวิตต้องเดินต่อ ฉันก็ต้องใช้ชีวิตในแบบของฉันต่อไปเหมือนกัน”
“ใจร้ายว่ะ”
“สิ่งที่นายทำมันใจร้ายกว่าฉันเยอะ” ผมมองซินที่หันมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นผลักหัวผมไปอีกทาง
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย จะชวนทะเลาะหรือไง”
“ไม่เอาหรอก ไม่อยากทะเลาะแล้ว ทะเลาะกันมามากพอละ” ผมเลยกระแซะเข้าไปใกล้ซินก่อนจะคว้าตัวเขามากอดหลวมๆ
“เนียนตลอดเลยนะ”
“ไม่เนียนแล้วจะได้เหรอ”
“ได้อะไรวะ พูดจาส่อตลอดดด”
แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ซินจะปลดแขนผมออกและลุกขึ้นเดินวนไปรอบๆห้อง เดินดูตรงนู้นทีตรงนี้ที ก่อนจะเดินหายเข้าไปห้องนอนผม แล้วก็โผล่ส่วนหัวออกมา ผมเลยมองเขายิ้มๆ
อย่าครับ ได้โปรดอย่าเชิญชวนกันขนาดนั้น เครื่องติดขึ้นมาแล้วมันดับยากครับคนสวย
ซินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับหยิบสมุดเล่มนึงติดมือออกมาด้วย
“ยังเก็บไว้อีกเหรอ” ผมมองสมุดที่ซินเอามาเปิดอ่านข้างๆผม สมุดวาดรูปครับ แต่ไม่ใช่ผมที่วาดนะ ไม่ได้มีความสามารถทางด้านวาดรูปเลยครับ เด็กถาปัตเขาวาดเล่นแล้วทิ้งเอาไว้นั่นแหละ ผมเอนตัวซบหัวลงบนไหล่เขา มองภาพในสมุดที่ซินพลิกไปเรื่อยๆ ก่อนจะไถลเถลือกหัวลงไปวางแหมะลงบนตักซิน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ซิน”
“อือ” เจ้าตัวตอบรับเบาๆทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากสมุดที่ถืออยู่
“ง่วงป่ะ”
“ไม่อ่ะ”
“ไปนอนเล่นในห้องกัน”
ซินเหล่ตามามองผมทันที ฮ่าๆ ไม่ได้คิดจริงจังนะครับ แค่อยากแหย่เล่นเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย จริงจริ๊งง
“ตลกและ” ผมหัวเราะซินที่มองมาตาเขียว ก่อนจะหันไปสนใจสมุดต่อ
“ร้องเพลงกันมั้ยซิน” ผมที่นอนมองหน้าหวานอยู่ถามขึ้น อยู่ดีๆก็เกิดอยากฟังเสียงซินขึ้นซะงั้น
“อารมณ์ไหนเนี่ย”
“อารมณ์อยากได้ยินซินร้องอ่ะ”
“ไอ้บ้านัท พูดจาดีๆ”
“เอ้า ก็ร้องเพลงไง พูดไม่ดีตรงไหน คิดอะไรเนี่ยเรา” ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปบีบจมูกเขาอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีไป ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบกีต้าร์ในห้องนอนออกมา
“ถามเราบ้างมั้ยเนี่ยว่าอยากร้องมั้ย”
“พี่นัทเล่นให้ น้องซินก็ต้องอยากร้องสิคะ”
“ลามปามและ ใครพี่ใครน้องให้มันรู้ซะบ้าง”
“ฮ่าๆ” ผมเอี้ยวตัวหลบซินที่ทำท่าจะขย้ำหัวผมให้ได้เลย
“อย่าสิ เดี๋ยวกีต้าร์หล่นนะ โอ๊ยซิน อย่าดึงผมมม” หนังหัวหลุดติดมือไปแล้วมั้งครับนั่น โหยๆ เจ็บ น้ำตาจะไหล...
“นิสัยเสีย! ลามก! ฉวยโอกาส! เจ้าเล่ห์!”
“โอ๊ยๆๆๆๆ”
ด่าหนึ่งคำพร้อมกับดึงผมของผมหนึ่งที แล้วดึงแต่ละทีนี่ไม่ใช่ค่อยๆนะครับ เจ็บนะเนี่ย!! ไม่ทนแล้วว
ผมดึงกีต้าร์หลบไปวางไว้ที่อื่นก่อนจะหันไปรวบข้อมือเล็กๆเอาไว้ด้วยกันก่อนจะดึงให้เข้ามาใกล้ตัว ซินก็ปลิวหวือมานั่งลงบนตักผมพอดี โลเคชั่นเหมาะเหม็งมากครับ นิ่งสนิทเลยครับ เลิกดื้อเลิกซนกันเลยทันที
“ปล่อยเรา”
“ไม่เอาอ่ะ”
“นัท...”
“ครับ”
“ปล่อย”
“พูดดีๆก่อนสิคะ”
“....”
ในเมื่อเขาไม่พูด ผมก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น ยิ่งเห็นคนเก่งนักเก่งหนาเมื่อกี้หันหน้าหนีหลบสายตากันยิ่งอยากแกล้ง เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆซะเลย ไม่รู้นะครับว่าซินชวนผมมาห้องทำไม แต่ไอ้นัทนี่คิดไกลไปแล้วครับ ไกลมากด้วยบอกเลย...
“ไม่เล่นแล้วหรือไงกี้ต้าร์น่ะ” ซินถามขึ้นเบาๆ ใกล้มากๆครับตอนนี้ ปลายจมูกนี่เฉียดกันไปเฉียดกันมา มาถึงขั้นนี้ ลืมคอร์ดไปหมดแล้วครับ
“ไม่อยากเล่นแล้ว อยากทำอย่างอื่นแทนมากกว่า” ผมขยับไปกระซิบข้างหูเขาเบาๆ
“นัท...” เสียงเบาหวิวเอ่ยเรียกกัน ก่อนที่ผมจะฝังจูบลงไปบนต้นคอขาวๆ
“อือ” ไม่มีกระจิตกระใจจะพูดคุยแล้วครับตอนนี้ เพราะน้องชายมันปวดหนึบไปหมดแล้วจริงๆ
“เขิน...”
.... ฮะ? เขิน? ใครพูด... ใช่ซินหรือเปล่า ไม่ใช่มั้งงง
จะไม่ใช่ได้ไงก็อยู่กันสองคน!!!
ผมรีบถอยห่างออกมามองหน้าซินให้ชัดๆทันที ไม่อยากพลาดครับโอกาสแบบนี้ ใบหน้าหวานที่ก้มงุดๆแดงระเรื่อ โคตรน่ารักอ่ะ!! ก็เป็นซะอย่างนี้ไง ไม่รักไหวเหรอครับ บทจะไม่พูดก็ไม่พูด บทจะพูดก็แทบจะฆ่ากันให้ตาย
แล้วแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะครับ
“ซิน” ผมเรียกชื่อเขาทั้งๆที่ยังมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น แต่ซินสิ ไม่ยอมสบตาผม จนต้องเอื้อมมือไปเชยคางมนให้หันมามองหน้ากัน
“นัทรักซิน รู้ใช่มั้ย”
ซินไม่ตอบ แต่พยักหน้าช้าๆให้ผมแทน ผมถึงได้ยิ้มออก แล้วลูบแก้มใสนั้นอย่างเบามือ
“เชื่อใจฉันมั้ย” ซินมองหน้าผมงงๆว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร ผมจึงยกตัวเขาลงนั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนจะดันตัวบางให้นอนลงไปบนโซฟา โดยที่มีผมตามคร่อมลงไป คนตัวบางก็ยังคงมองผมตาปริบๆ ถ้าเป็นคนอื่นนี่นายเสร็จไปแล้วนะซิน
ผมโน้มใบหน้าลงไปให้ปลายจมูกเราชนกัน ก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปบนกลีบปากสวยเบาๆ และเลื่อนไปที่แก้มใส ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ใบหู
“สัญญา ว่าจะไม่ทำให้เจ็บ” ผมกระซิบลงไปเท่านั้นก่อนจะงับติ่งหูขาวๆนั้นเบาๆ และใช้ปลายลิ้นหยอกเย้าทำให้เจ้าตัวหดคอหนี ผมค่อยๆขยับต่ำลงไปที่ซอกคอขาวจูบลงไปเบาๆก่อนจะกัดหยอกเย้าปลุกอารมณ์กัน คนตัวบางหายใจติดขัดทันที มือบางกำแขนเสื้อผมเอาไว้แน่น ผมที่ลากไล้ปลายลิ้นอยู่บนลำคอขาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหวานที่แดงซ่านไปหมดแล้ว
ก่อนจะประกบปากลงไป คราวนี้ไม่ได้อ่อนโยนหรือเบาหวิวแบบคราวที่แล้วหรอกนะซิน ผมบดริมฝีปากลงไปกัดปากล่างเขาอย่างหยอกเย้าก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกันในโพรงปากเล็ก ซินจูบตอบกลับมาแบบกล้าๆกลัวๆ ก่อนที่ไฟในร่างกายผมมันจะพัดกระหน่ำนำทางเขาไปให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น
มือผมลากต่ำลงไปลูบเอวบาง ก่อนจะสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อเพื่อสัมผัสกับผิวเนียน ร่างบางกระตุกน้อยๆเมื่อผมลากนิ้วผ่านตุ่มไตเล็กบนหน้าอกเขา ก่อนจะสะกิดไปมาเบาๆ
“อือ...” เสียงหวานถูกส่งออกมาอย่างพึงพอใจ
ผมค่อยๆปลดกระดุมออกจากเสื้อเชิตทีละเม็ดๆ จนตอนนี้ไร้อุปสรรคขวางกั้นระหว่างเรา กระดุมเสื้อที่หลุดออก เผยให้เห็นผิวขาวใสภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางตัวนี้ที่ไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นนอกจากผม
“นัท...” เสียงเบาหวิวเอ่ยเรียกกัน พาให้อารมณ์ผมยิ่งเตลิดไปไกลเกินจะรั้งไหวแล้ว..
ผมเลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาหยอกล้อกับยอดอกของซิน ทันทีที่ปลายลิ้นของผมสัมผัสกับยอดอกเขา ซินก็สะดุ้งสุดตัวทันที ราวกับว่ามีใครสักคนมาปลุกซินที่กำลังเคลิ้บเคลิ้มของผมให้ตื่นเต็มตาขึ้นมา
“นะ..นัท”
“อือ...”
“เรา... เราว่า..หยุด...เถอะ” เสียงซินขาดๆหายๆเพราะผมลากปลายลิ้นวนเวียนอยู่ตรงตุ่มไตเล็กๆนี่ อีกข้างหนึ่งก็ใช้ปรายนิ้วขยี้เบาๆ ตอนนี้ไม่ได้ยินหรือรับรู้อะไรแล้วครับ
“นัท...”
ผมลากไล้ริมฝีปากต่ำลงมาเลื่อยๆ ผ่านหน้าท้องแบนเรียบ กัดลงไปอย่างหมั่นเขี้ยว ฝากร่องรอยแห่งความรักเอาไว้ หน้าท้องเรียบเกร็งขึ้นมาทันที มือผมค่อยๆแกะกระดุมกางเกงของซินออก แต่ทันทีที่ซินรู้ว่าจะไรจะเกิดต่อไป เขาก็เด้งตัวลุกขึ้นมาทันที
“นัท!” ผมเลยจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา ด้วยใบหน้าขมวดมุ่น นัทน้อยจะทนไม่ไหวแล้วครับ
“ว่าไงครับ” ผมรับคำแค่นั้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาเขาอีกรอบ บอกเลยครับ ตอนนี้ไอ้นัทหน้ามืดแล้ว
“นัทๆ เดี๋ยว....อื้ออ~” ผมไม่รอให้ซินพูดจบ รีบปิดปากหวานๆนี่ในทันที สอดลิ้นเข้าไปชอนไชในโพรงปากหวานฉ่ำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนร่างที่เกร็งขืนโอนอ่อนผ่อนตาม ผมไม่รอช้า ปลดกระดุมกางเกงซินออกทันที และค่อยๆร่นมันลงในขณะที่อีกคนยังไม่รู้ตัว
“อ๊ะ! นัท...!” ร่างบางผวาเฮือกเมื่อผมแตะสัมผัสกับจุดอ่อนไหวของเขาผ่านปราการด่านสุดท้าย ซินเองก็กำลังไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ ผมลูบไล้ผ่านส่วนนั้นของซินไปมา ร่างบางใต้ผมบิดเร่าๆในทันที
“ถอด...นะ” ผมเอ่ยขอเขา ร่างบางที่ผงกหัวขึ้นมาส่ายหัวพรืด ถือว่าท่าทางแบบนี้คือคำตอบตกลงนะ
ผมเลื่อนตัวขึ้นไปจูบเขาอีกครั้ง ก่อนจะบอกเขาทั้งๆที่ปากเรายังไม่ออกห่างจากกัน
“ไปที่เตียงดีกว่า ตรงนี้ขยับตัวไม่ถนัดเลย” พูดจบผมก็อุ้มร่างบางขึ้น ก่อนจะรีบตรงไปที่ห้องนอน ซึ่งคนหน้าบางก็ซบหน้ากับอกผมแน่น ไม่ยอมสบตากัน
พอถึงเตียงผมก็ค่อยๆวางเขาลง พร้อมๆกับที่ถอดกางเกงชิ้นสุดท้ายของเขาออก ถอดเสื้อตัวเองโยนทิ้ง และก้มลงประกบปากบาง ซินหุบขาเข้าหากันจนแน่น อย่างเกร็งๆ
“ซิน แยกขาให้นัทหน่อยนะ สัญญา ว่าจะไม่เจ็บ ...นะ” ผมกระซิบเบาๆข้างๆหูเขา ซินจึงยอมผ่อนคลายลง
มือข้างหนึ่งของผมกอบกุมส่วนนั้นของซินเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ
“อือ...” เสียงหวานครางออกมาอย่างลืมตัวทันที ก่อนที่มือบางจะตะครุบปิดปากตัวเอง ผมจึงค่อยเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้นๆ ต้นขาขาวแยกออกจากกันอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนั้นเองที่แรงอารมณ์กำลังฉุดซินขึ้นไป ผมจึงค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของซิน ซินผวาเฮือกมากอดคอผมเอาไว้ทันที ผมจึงประเคนจูบร้อนแรงให้ เพื่อที่เขาจะได้ผ่อนคลาย
“อย่างเกร็งนะซิน”
“เรา..เจ็บ!! อ๊ะ... นัท”
ผมค่อยๆขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บให้เขา ก่อนจะเร่งจังหวะตามแรงอารมณ์ ซินแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสนั้นทันที
ผมเองก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมละมือจากซินและปลดกางเกงของตัวเองออกจนหมดในคราวเดียว ผมพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีกครับ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้คนตัวบางตรงหน้านี้เจ็บ ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ผมกอบกุมส่วนแข็งขืนนั้นเอาไว้ในกำมือ ขยับขึ้นลงเร็วๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในตัวซินอีกครั้ง เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก จนคิดว่าช่องทางของซินพร้อมแล้วสำหรับอะไรที่ใหญ่กว่านิ้ว
“จะเข้าไปแล้วนะซิน อย่าเกร็งนะคนดี” ผมกระซิบข้างหูเขาเบาๆ ก่อนจะเอาส่วนกลางของผมไปจ่อที่ทางเข้าของซิน และค่อยๆสอดส่วนปลายเข้าไปช้าๆ ซินเกร็งตัวจิกเล็บลงบนหลังผมทันที ทำให้ผมขยับไม่ได้เลย
“ผ่อนคลายนะซิน อย่าเกร็งนะ เดี๋ยวเจ็บ” ผมปลอบประโลมเขาพร้อมกับก้มลงไปประกบจูบเขาอีกครั้ง เขาจึงค่อยๆผ่อนคลายลง ผมจึงดันส่วนแข็งขืนของตัวเองเข้าไป จนสุด ซินกัดลงบนไหล่ผมเพื่อกลั้นเสียงร้อง
แทบคลั่งแล้วครับ อยากทำตามสัญชาตญาณดิบใจแทบขาด แต่ก็กลัวซินจะเจ็บมากไปกว่านี้ ผมจึงต้องค่อยๆขยับตัวเข้าออกช้าๆ และค่อยๆเร็วขึ้น ซินจิกเล็บและข่วนหลังผมแทนการระบายอารมณ์จนหลังผมแสบไปหมด
“อ๊ะ นัท ช้าหน่อย... อื้อ เรา...ไม่ไหว” เสียงหวานครางกระเส่าอยู่ที่ข้างๆหูผมนี่เอง แต่ผมไม่ไหวแล้วครับ
ไม่ไหวแล้วจริงๆ
“อืม...”
ผมกระทั้นกายเข้าหาเขา พร้อมๆกับที่ขยับส่วนนั้นของซินไปด้วย คนตัวบางด้านล่างผมก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมจึงเร่งจังหวะขึ้นในช่วงสุดท้าย กระทั้นกายเข้าไปจนสุด และพาเราไปจนถึงสุดทาง
“อ๊า....” ซินกระตุกน้อยๆก่อนจะปลดปล่อยออกมา ตามด้วยผมที่ปลดปล่อยภายในตัวเขาด้วยเช่นกัน
ผมค่อยๆถอดถอนกายออกจากตัวเขาช้าๆ ทิ้งตัวนอนลงด้านข้างซินและคว้าเขามากอดไว้ ซินหอบตัวโยนเลยครับ ผมเองก็ไม่ต่างกัน
ในที่สุด เราก็ ...เป็นของกันและกันแล้วครับ
“คนโกหก” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆกับอกของผม ผมถึงได้ดันตัวเขาออกเพื่อฟังให้ชัดๆ
“ไหนบอกว่าจะไม่เจ็บไง” ปากบางบ่นงุบงิบโดยที่ไม่มองหน้ากัน
ผมยิ้มกับคำพูดนั้นทันที น่ารักเกินไปแล้วครับ
“เจ็บแล้วมีความสุขมั้ย” ผมเอ่ยถาม ซึ่งซินก็เงยหน้ามามองผมตาเขียว แต่ตาเขียวแบบหน้าแดงๆ และหอบน้อยๆนะครับ แบบนี้เซ็กซี่เกินกว่าที่จะน่ากลัวจริงๆ
“ไม่มีแรงแล้ว แบบนี้จะกลับบ้านได้ไง ป๊าเห็นเราสภาพนี้โดนฆ่าตายแน่ๆเลย”
“งั้นคืนนี้นอนนี่มั้ย”
“แบบนั้นก็ไม่ต่างกัน”
ผมหัวเราะขึ้นเบาๆ จะมีอะไรที่มีความสุขมากไปกว่านี้อีกมั้ยครับ บอกผมที เพราะแค่นี้ผมก็สุขจนไม่รู้จะสุขยังไงแล้ว
“ฉันรักนายนะซิน รักมากๆ รักมากจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
“พูดบนเตียงเนี่ย น่าเชื่อถือมากเลย”
ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“จะให้พูดที่ไหนก็เชื่อถือได้ทั้งนั้นแหละคำพูดฉันน่ะ ป่ะ ลุกก่อน” ผมลุกขึ้นพร้อมกับฉุดซินลุกขึ้นตามมาด้วย
“ไปไหน ไม่มีแรงแล้ว” คนตัวบางบ่น ก่อนจะทำตัวอ่อนให้ผมประคองเขาลุกขึ้น
“ไปห้องน้ำ ไปบอกรักกันในนั้นต่อ... โอ๊ย! ซิน เจ็บนะ ไหนบอกว่าไม่มีแรงแล้วไง”
“ไอ้หื่น”
“หื่นแล้วรักมั้ยล่ะ”
“ไม่รัก” โม้ตลอดกาล...
แล้วเราก็พากันเข้าไปบอกรักกันในห้องน้ำต่อครับ แหนะๆ ไม่ต้องตามมาแล้วนะ แค่นี้พอแล้วครับ
ผมเขิน >///<
TBC.
...
โอ้ย ตอนนี้เล่นเอาหมดพลัง
ไม่รู้ว่าชอบกันมั้ย
ในที่สุด!!!
ฮ่าๆๆๆๆๆ >.,<
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยค่า
เจอกันตอนหน้าน้าาา จุ้บๆ