ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ((Intro + แรกพบ (อีกครั้ง)))ร่างบอบบางภายใต้เสื้อผ้าบางเบาอย่างที่เจ้าตัวชอบ ทับด้วยเสื้อคลุมสไตล์เก๋บ่งบอกถึงความเป็นตัวเองอย่างที่สุด ย่างกายเข้าสู่พรมแดงออกสู่สายตาของสื่อมวลชน แสงแฟลชวิบวับสาดส่องไปยังร่างกายที่สุดแสนจะเฟอร์เฟ็คนี้ ใบหน้าที่ใครต่างก็ล่ำลือกันว่าสวยจนผู้หญิงบางคนยังอิจฉา แสงสปอร์ตไลท์ที่ส่องมา ขับให้ผิวขาวเปร่งประกายล้อแสงยิ่งขึ้น
“คุณซินคะ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ”
“ด้านนี้ด้วยค่ะคุณซิน”
“คุณซินคะ”
คนตัวบางยืนนิ่งๆ แจกจ่ายรอยยิ้มให้กับบรรดาช่างภาพที่แย่งกันยิงแสงแฟลชเพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุด โดยที่ไม่สนใจกันบ้างเลยว่ามันจะส่งผลต่อสายตาของผู้ถูกถ่ายแค่ไหน
เสียงกรี๊ดดังระงมเมื่อบรรดาแฟนคลับมองเห็นศิลปินที่ตนชื่นชอบมาถึงแล้ว ใบหน้าสวยหวานยังคงแจกจ่ายรอยยิ้มให้บรรดาผู้คนที่ตนเดินผ่าน พาให้ใจละลายกันไปเป็นแถบๆ
แต่ในขณะนั้นเอง ในขณะที่คนตัวบางไม่ทันระวังตัว ท่ามกลางบรรดาแฟนคลับที่พยายามชูไม้ชูมือเพื่อให้ได้จับมือกับศิลปินที่ตนรัก ร่างๆหนึ่งก็พุ่งถลารอดใต้เชือกกั้นออกมา พุ่งตรงเข้าหาคนที่อยู่กลางพรมแดงทันที เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิด บรรดาบอดี้การ์ดที่คอยป้องกันอยู่ไกลๆรีบวิ่งเข้ามาในพรมแดงทันที ผู้คนรอบด้านแตกตื่นไปหมด แต่คนที่ตกใจมากที่สุดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนที่ถูกกระโจนเข้าใส่ บรรดาแฟนคลับคนอื่นเมื่อเห็นว่าคนหนึ่งสามารถเข้าไปได้ ก็พากันกรูเข้าหาในทันที เมื่อบอดี้การ์ดและผู้จัดการเข้ามาถึง ร่างบางก็หายไปกับบรรดาฝูงชนซะแล้ว
……………….
“ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้! ที่เราจ้างพวกคุณมาก็เพื่อความปลอดภัยของศิลปินไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ถ้าศิลปินเป็นอะไรขึ้นมา พวกคุณทั้งหมดจะรับผิดชอบไหวมั้ย ผมถามจริงๆ พวกคุณมาเป็นบอดี้การ์ดได้ยังไง”
เสียงพี่โอ๊ต ผู้จัดการส่วนตัวของซินที่กำลังอารมณ์เสียเป็นอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนพรมแดง กำลังต่อว่าบรรดาบอดี้การ์ดที่เขามาจ้างมาเพื่อดูแลนักร้องของเขา
งานนี้เป็นงานประกาศผลรางวัล ซึ่งเป็นงานใหญ่ จึงไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลังจากคลี่คลายความวุ่นวายได้ ก็จับตัวก่อเหตุมาตักเตือน ได้ความว่า แค่อยากจะกอดศิลปินที่ชื่นชอบสักครั้ง ก็เป็นเพราะแบบนี้ไง เพราะคิดว่าเหตุการแบบนี้อาจจะเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องจ้างบอดี้การ์ดให้คอยดูแล แต่จากงานนี้ เห็นชัดๆกันเลยว่ามันล้มเหลวไม่เป็นท่า!
“พอแล้วน่าพี่โอ๊ต ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว” เสียงจากร่างบางดังรั้งให้พี่โอ๊ตหันมามอง
“ช่างมันได้ยังไงล่ะซิน ยังดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไร ถ้าเกิดล้มลงไปล่ะก็แย่แน่ๆ”
“ซินก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนี่ แค่ตกใจนิดหน่อยเอง ไหนๆวันนี้ก็ได้รางวัลมาแล้ว ทำตัวร่าเริงกันดีกว่าน่า”
วันนี้ที่งานประกาศผลรางวัล ซินได้รับรางวัลศิลปินยอดเยี่ยมแห่งปี ยังความดีใจให้แก่เจ้าตัวเป็นอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ซินตั้งใจกับอัลบั้มที่ทำมากทีเดียว แทบจะทุกอย่างที่เขาทำเอง ทั้งออกแบบปกอัลบั้ม แต่งเนื้อร้อง และอะไรอีกหลายๆอย่าง เพื่อผลงานที่จะออกสู่สายตาของผู้คนที่รอคอย และวันนี้ก็เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า ทั้งหมดที่ทุ่มเทมาคุ้มค่ามากจริงๆ
“เออจริงด้วย พี่ยินดีด้วยนะซิน ดีใจมากๆ ในที่สุดเราก็ได้รางวัลมาเชยชมกันแล้ว ฮิ้ววววว” เสียงโห่ร้องดีใจของบรรดาทีมงานทั้งหลาย พาให้บรรยากาศดีขึ้นมาบ้าง
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีคนรับผิดชอบ พวกนายทุกคน ฉันไล่ออก!!”
“พี่โอ๊ต!” ซินร้องเสียงหลงก่อนจะเดินมาขนาบข้างพี่โอ๊ตด้วยความตกใจ บอดี้การ์ดสามคนที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่ตรงหน้าพี่โอ๊ตหน้าถอดสีไปตามๆกัน
“ซินไม่ต้องห้าม เรื่องนี้เกินกว่าจะให้อภัยได้จริงๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ เป็นเพราะพวกนายไร้ประสิทธิภาพ”
“ไล่ออกแล้วแล้วซินจะทำยังไงล่ะพี่โอ๊ต เวลาไปไหนมาไหนก็ลำบากแย่สิ”
“บอร์ดี้การ์ดหาใหม่ได้ซิน แต่ถ้าซินเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะหาใหม่ได้จากที่ไหน”
คนตัวบางได้แต่ยืนนิ่งเพราะเถียงไม่ออก เอาจริงๆแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหละ บอกตามตรงว่าตอนนั้นตกใจมากที่อยู่ๆใครก็ไม่รู้วิ่งเขามาคว้าตัวเข้าไปกอดแบบนั้น แล้วไหนจะคนอื่นๆที่กรูกันมาอีก ตกใจจนทำอะไรแทบจะไม่ถูก จะหันไปหาคนช่วยก็ไม่มี แต่เพราะว่าเป็นศิลปินจะให้ทำท่าทางไม่พอใจก็ไม่ได้ ได้แต่ต้องยืนฝืนยิ้มให้ทุกคน และรอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้น
เหตุการณ์ครั้งนี้ปรากฎตามเว็บต่างๆมากมายอย่างรวดเร็ว และเพราะเหตุนั้น บอดี้การ์ดทั้งเซ็ตจึงถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด...
.................
เสียงเอะอะโวยวายจากการฝึกซ้อมดังไปทั่วโรงฝึก นี่คือกิจการที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นนี้ ซึ่งก็คือรุ่นของพ่อผมเอง โรงฝึกหลังใหญ่ พรั่งพร้อมไปด้วยบุคลากรที่มีฝีมือ เราทั้งหมดถูกฝึกให้มีร่างกายแข็งแกร่ง เพื่อที่จะสามารถปกป้องคนอื่นได้
'บอดี้การ์ด' ผมโตมากับคำคำนี้
และเพราะตอนนี้พ่อไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนอารมณ์อย่างสบายอุรา(?)กับผู้หญิงที่รักยิ่งชีพ ซึ่งก็คือแม่ของผมเอง จึงเป็นหน้าที่ของลูกอย่างผมที่ต้องรับผิดชอบดูแลโรงฝึกแทน
เสียงฝีเท้าแผ่วๆวิ่งตามทางเดินในโรงฝึกตามหลังผมมา คงกะจะเล่นงานผมจากด้านหลังอีกตามเคย ผมอาศัยจังหวะที่เสียงฝีเท้ามาอยู่ที่ด้านหลังพอดิบพอดี ก้มหลบขาที่คงกะว่าจะเตะให้โดนก้านคอผม แต่ยังเร็วไปสิบปีไอ้เด็กน้อย เมื่อผมหลบไอ้คนที่กระโดดเตะมาแต่ไกลก็ลอยละลิ่วและตกลงพื้นอย่างสวยงาม
"โอ้ย! พี่นัทแม่งรู้ทุกที หยั่งกะมีตาหลัง" เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากไอ้ตัวเล็กที่มาฝึกที่นี่ได้สามปีกว่าแล้ว และตลอดสามปีที่พยายามจะเล่นงานผมทีเผลอ - -
"วิ่งเสียงดังขนาดนั้น ใครไม่รู้ก็หูหนวกแล้ว"
"คนอื่นไม่เห็นจะได้ยิน มีแต่พี่เนี่ยแหละที่รู้ตัวก่อนทุกที" ไอ้ตัวแสบลุกขึ้นสะบัดแข้งขาไล่ฝุ่นที่ลงไปคลุกเมื่อครู่
"มีอะไร"
"คุณลุงโทรมา ให้พี่ไปรับสาย"
"อืม" ผมตอบรับคำแค่นั้นก่อนจะเดินผละออกมา แต่แล้ว
"ย๊ากกกกกก" หันหลังให้เป็นไม่ได้สินะไอ้เด็กนี่
โครมมม!!
ไม่ต้องบรรยายสินะครับว่าเกิดอะไรขึ้น...
"ครับพ่อ" ผมกรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์
(อีกสองวันฉันจะกลับนะ มีงานใหญ่ให้แกด้วย ฟิตร่างกายให้พร้อมนะไอ้ลูกชาย ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขมาก เสียดายต้องรีบกลับ ยังกอดเมียไม่สะใจเลย ให้ตายสิ!!! นานๆทีจะได้พักผ่อนแท้ๆแต่ต้องรีบกลับเพราะงานเข้าซะได้ ที่นั่นเรียบร้อยดีใช่มั้ย ไอ้แสบกัสมันก่อเรื่องให้ปวดหัวอะไรรึเปล่า แต่แกคงจัดการได้ ดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยล่ะจนกว่าฉันจะกลับไป ฉันโทรมาบอกเท่านี้ล่ะ!)
"ครับ..."
โทรมาเพื่อจะพูดธุระของตัวเองอย่างเดียวจริงๆสินะ... -_- นี่ล่ะพ่อผม
ผมวางโทรศัพท์อย่างงงๆ อีกสองวันพ่อจะกลับ และมีงานเข้ามา งานที่ว่าคงเป็นของผมสินะ
งานทุกอย่างที่โรงฝึกจะเข้ามาทางพ่อ และพ่อจะเป็นคนคัดเลือกเองว่างานไหนเหมาะสมกับใคร ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นงานคุ้มกันพวกนักการเมือง หรือพวกคนใหญ่คนโต หรือไม่ก็พวกดารา แต่บอกไว้ก่อนว่าพวกผมไม่รับงานผิดกฏหมาย อะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่ารับแล้วจะเดือดร้อน เราจะไม่รับ ฟังไว้นะ เผื่อใครอยากจะจ้างผมไปคอยคุ้มกันให้
และครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอะไรก็แล้วแต่ พ่อคงคิดว่างานนี้เหมาะกับผม อาจจะเป็นนักการเมืองสักคนล่ะมั้ง...
เดินวนดูรอบโรงฝึกอีกครั้ง ค่อยฝึกละกัน...
.............................
“กลับมาแล้ว!!! เฮ้ย...บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าวิ่งตรงทางเดินน่ะฮะ มันลื่นเดี๋ยวก็ล้มหัวแตกกันพอดี เฮ้ย...ไอ้ตรงนั้นน่ะ ให้มันแข็งขันหน่อยซี่ ท่าทางอ่อนปวกเปียกแบบนั้นมันอะไรกัน!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นมาแบบนี้ พ่อกลับมาแล้วชัวร์
“แหมพ่อนี่ก็ล่ะ เพิ่งจะกลับมาถึง ไปพักก่อนดีมั้ย” เสียงใจเย็นของแม่เปรียบเสมือนน้ำเย็นที่ราดลงบนแกงเผ็ด(?) ที่ร้อนแรงเสมอ
“ไม่ได้หรอกจ้ะที่รัก คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะกลับมาเหนื่อยๆ ขอผมดูไอ้พวกตัวแสบพวกนี้ก่อนนะ” เป็นแบบนี้เสมอ แกงเผ็ดของผมเวลาอยู่ใกล้ๆแม่ทีไรกลายเป็นขนมหวานทุกที
“กลับมากันแล้วเหรอครับ”
“อ้าวตานัท พ่อกับแม่กลับมาแล้วจ้ะลูก เป็นไง เหนื่อยมั้ย” แม่เดินมาลูบหน้าลูบตาผมก่อนจะเข้ามากอด
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ”
“แข็งขันกันหน่อย!!!”
“คร้าบบบบ/กลับมาแล้วเหรอครับคุณลุง”
เสียงพ่อกับบรรดาลูกศิษย์คุยกันโหวกเหวกดังมาถึงมาด้านนอก
“เฮ้อ ไม่ยอมพักบ้างเลยนะพ่อของลูกน่ะ”
“ตอนไปเที่ยวคงครึกครื้นกันน่าดูเลยสินะครับ”
“แหม ก็พ่อของลูกน่ะนะ.... =///=”
ท่าท่างเขินบิดตัวไปมาแบบนี้คืออะไรกัน - -
“แม่ไปพักเถอะครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมยกของไปให้เอง”
“ขอบใจจ้ะลูก”
ผมจึงต้องยกกระเป๋าเดินทางที่พ่อสลัดทิ้งตั้งแต่มาถึงก่อนจะเดินเข้าโรงฝึกไปอย่างไร้เยื่อใย พร้อมถุงของฝากอีกหลายถุงเดินตามแม่เข้าบ้านที่อยู่ข้างๆกับโรงฝึกไป
เมื่อยกของไปให้แม่เสร็จแล้วก็เดินตามพ่อเข้าไปในโรงฝึก ณ ตอนนี้ พ่อได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินตรวจโรงยิมด้วยตัวเองแล้ว แต่เมื่อเห็นผมก็ตรงดิ่งเข้ามาในทันที
“มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า” พ่อลากคอผมตรงไปที่สำนักงานที่เราไว้ใช้คุยในเรื่องสำคัญๆ หรือเวลาตกลงเรื่องงานกับผู้ว่าจ้าง
“เอ้านี่” พ่อยื่นแฟ้มแฟ้มหนึ่งให้ผม
“คราวนี้เป็นนักร้อง เห็นว่าเพิ่งมีเรื่อง เลยไล่บอดี้การ์ดชุดเก่าออกทั้งหมด ชุดเก่ามีสามคน แต่คราวนี้จ้างแค่คนเดียว”
ผมเปิดดูรายละเอียดคราวๆของ ‘ผู้ว่าจ้างคนใหม่’ รูปที่ปรากฎอยู่ที่หน้าแรก สะกดสายตาผมให้ไม่สามารถเคลื่อนไปทางไหนได้อีก.... ผมยาวเป็นคลื่นสลวยเงางาม ดวงตาเป็นประกายหวานที่ใครต่อใครต่างหลงไหล ใบหน้านี้ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะต้องหลงรัก บุคคลิกภายนอกที่มองแล้วอาจจะดูเข้าถึงยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใครใครต่างก็อยากเข้าถึงตัวตนของเขาทั้งนั้น
......‘ซิน’
“ผมไม่รับงานนี้” ทันทีที่ตั้งสติได้ ผมก็รีบคืนแฟ้มให้กลับพ่อทันที
“ทำไม” พ่อขมวดคิ้วถามเสียงนิ่ง เป็นเพราะว่าผมไม่เคยเลือกงานมาก่อน ไม่ว่างานไหนถ้าพ่อเห็นว่าสมควร ผมก็จะทำเสมอ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
.....แค่คนคนนี้ ที่ผมไม่อยากรับ
“ผมคงไม่เหมาะ อีกอย่าง ผมไม่เคยรับงานกับคนพวกนี้มาก่อน”
“นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่แกจะคัดค้าน” น้ำเสียงจริงจังของพ่อไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป
“แต่ว่า...”
“ไม่มีคำว่าแต่ เริ่มงานวันจันทร์ แกมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวัน เตรียมทุกอย่างให้พร้อม จัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย อย่าทำให้พ่อผิดหวัง แกก็รู้ว่าพ่อภูมิใจในตัวแกเสมอไอ้ลูกชาย” พ่อพูดแค่นั้นก่อนจะตบบ่าผมด้วยแรงที่อาจจะทำให้ไหล่บางคนทรุด ซึ่งผมที่โดนมาตั้งแต่เกิดชินซะยิ่งกว่าชินแล้วล่ะ
แต่ไม่ว่ายังไง ก็ ไม่อยากรับงานนี้เลย
.................
วันจันทร์ มาถึงจนได้สินะ
ในฐานะบอดี้การ์ด ชุดทำงานของเรามีแค่ชุดเดียวเท่านั้น เสื้อเชิตสีขาว เน็คไทสีดำ ชุดสูทสีดำ ...และตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว หน้าค่ายเพลงดังที่ ‘เขา’ สังกัดอยู่
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่เค้าท์เตอร์ด้านหน้าถามขึ้น
“ที่นัดไว้ครับ” ผมยื่นนามบัตรให้กับเธอ ก่อนที่เธอจะตรวจสอบอะไรนิดหน่อยก่อนจะยิ้มให้ผมนิดๆ
“เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ผมตามหลังเธอไป ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 14 และตรงเข้าไปที่ห้องๆหนึ่ง เธอเคาะประตูสองสามครั้ง ก่อนที่เสียงจากภายในจะตอบกลับมา
“เข้ามา”
หันหลังกลับตอนนี้ไม่ทันแล้วใช่มั้ย...
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นภายในห้อง มีชายคนหนึ่งยืนรอผมอยู่แล้ว
“ขอบคุณมากคุณดาวเรือง คุณลงไปทำงานต่อเถอะ” เขาหันไปขอบคุณหญิงสาวคนที่ขึ้นมาส่งผม
“ค่ะ” เธอโค้งให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งและเดินออกจากห้องไป
“นายคงจะเป็นนัทสินะ” ชายคนนั้นหันมาพูดกับผม
“ครับ”
“โอเค อ่านเอกสารที่ส่งไปให้หมดแล้วใช่มั้ย หน้าที่ของนายไม่มีอะไรมากเลย แค่ดูแลความปลอดภัยของซินเท่านั้นเอง เข้าใจนะ รายละเอียดก็ตามที่ส่งไปให้แล้วนั่นแหละ ฉันชื่อโอ๊ต นายเรียกฉันว่าพี่โอ๊ตเหมือนคนอื่นๆก็ได้”
“ครับคุณโอ๊ต”
-_-
“เออ แล้วแต่นายจะเรียกแล้วกัน”
เป็นเพราะอะไรกันนะ แค่ชื่อของ ‘เขา’ ทำให้มือของผมเย็นเฉียบได้ขนาดนี้เชียวเหรอ อาจจะเป็นเพราะแอร์ที่เย็นเกินไปของห้องนี้มากกว่า ใช่สิ! ต้องเป็นเพราะแบบนั้นแน่ๆ
เพราะเรื่องนั้น มันก็ตั้งนานมาแล้ว...
“วันนี้มีงานแจกลายเซ็นตอนเที่ยงที่ห้างxxxจนถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นก็ไปอัดรายการเพลงตอนหกโมง กว่าจะเสร็จก็คงสองสามทุ่ม นายต้องตามไปด้วยนะ โอเคมั้ย”
“ครับ”
“ตอนนี้ซินยังไม่มา อาจจะเข้ามาตอนสิบเอ็ดโมงกว่าๆ นายก็นั่งรอที่นี่ไปก่อน”
“ครับ”
“อ้อ! นี่ สิ่งที่ฉันอยากให้นายทำมากที่สุดก็คือ ดูแลความปลอดภัยของซินให้ดีที่สุด นายคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วนะ ฉันไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้นักร้องของฉันเป็นอันตราย เพราะเหตุนี้ฉันถึงจ้างนายมา เข้าใจใช่มั้ย”
“ครับ”
“เออ...นั่นแหละ นั่งรอไปก่อนแล้วกัน” คุณโอ๊ตพูดแค่นั้นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้องไป แต่ก็ยังไม่วายบ่นงึมงำไปด้วย “แม่ง คนหรือหุ่นยนต์วะ พูดเป็นแต่ ‘ครับ’ คำเดียว”
ผมนั่งอ่านตารางงานเดือนนี้ของ ‘เขา’ ที่คุณโอ๊ตเอามาให้อ่านฆ่าเวลาระหว่างที่รอ งานเยอะเหมือนกันนะ แล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปพักกัน เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงได้ตัวบางและดูเปราะบางขนาดนั้น ยิ่งเป็นคนที่หลับยากอยู่แล้ว เวลาที่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆ ได้นอนหลับบ้างหรือเปล่านะ... แล้วไหนจะยัง...
แกร้ก!
เสียงเปิดประตูทำให้ผมวางแฟ้มลงและลุกขึ้นยืนในทันที อาจจะเป็นคุณโอ๊ตที่เข้ามาแจ้งเรื่องอะไรอีก....
แต่แล้วร่างตรงหน้าที่ก้าวเข้ามาในห้องทำให้ผมชาวาบไปทั้งตัว
....ซิน
ราวกับว่าลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าการหายใจมันทำยังไง ผิดกับหัวใจที่มันเต้นบ้าคลั่งจนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก คนตัวบางหยุดชะงักลงทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่รออยู่คือผม ผมคนเดิม...ที่ต่างไปจากเดิม
TBC.
...
ฝากฟิคซิงกูล่าร์เรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ^^