4.1
((อดีต))
“นัท แก้ตรงนี้หน่อย เราว่ามันแปล่งๆ”
ภายในห้องนั่งเล่นของคอนโดแห่งหนึ่งในเมืองกรุง คนสองคนนั่งกันอยู่กลางห้อง รอบตัวมีเศษกระดาษกับดินสอกระจายไปทั่ว
คนโตกว่ายื่นหน้าไปมองตัวโน๊ตที่อีกคนยื่นมาให้ ละมือที่เกากีต้าร์เล่นไปเรื่อยเปื่อยไปรับกระดาษแผ่นนั้นมา
“ตรงไหน”
“เนี่ย ตรงเนี้ยะ” นิ้วเรียวชี้ไปตรงจุดที่ตนขัดใจ
“ก็เพราะดีออก”
“แต่เราไม่ชอบ” น้ำเสียงเอาแต่ใจจากคนตัวบางเรียกให้คนตัวโตกว่าหันไปมอง พร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมๆนั่นอย่างหมั่นไส้ เรียกให้คนตัวบางร้องโวยวายเสียงดัง พาให้คนตัวโตหัวเราะอย่างชอบใจ
“อย่าเล่นสิ! จะได้เสร็จซะที”
“เหนื่อยก็พักสิ จะรีบไปไหน”
“ไม่เอา อยากทำให้เสร็จ จะได้เอาไปอัดทำเดโม” ร่างหนาชะงักไปนิด ก่อนจะวางกระดาษแผ่นนั้นลงยกกีต้าร์บนตักไปวางบนโซฟาที่ทั้งสองคนนั่งพิงกันอยู่ และลุกขึ้นยืน คนตัวบางมองการกระทำนั้นงงๆๆ จนเมื่ออีกคนเดินอ้อมมาด้านหลังและนั่งลงกอดเขานั่นแหละถึงเข้าใจ หน้าใสขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที
“หิว” คนตัวโตพูดเสียงอ้อนได้น่าหมั่นไส้จนอีกคนนึกหมั่นเขี้ยวหยิกเข้าให้เสียหนึ่งที
“ฉวยโอกาสตลอด”
“ก็หิวจริงๆ” คนตัวบางหัวเราะขึ้นน้อยๆ จะว่าไปก็นั่งทำงานมากันจนดึกดื่นข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน
“อยากกินอะไร”
“อยากกินคนแถวนี้ แต่ไม่รู้จะยอมมั้ย” ไม่พูดเปล่า ยังเอาหน้ามาซุกซอกคอขาวให้จั๊กจี้เล่นอีกต่างหาก
“ทะลึ่ง!!” คนตัวบางตวาดแหวก่อนจะดิ้นดุกดิ้กๆ พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ “หิวก็ลุก เดี๋ยวไปทำอะไรให้กิน”
ได้ยินแบบนั้นคนตัวใหญ่ถึงได้คลายอ้อมกอดออกพร้อมกับรอยยิ้ม
“เดี๋ยวช่วยนะ! เข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“ไปทำอะไร” คนตัวบางหันมาถามกันด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
“อยากรู้ก็เข้าไปด้วยกันดิ”
“วกเข้าเรื่องนี้อีกและ”
“เริ่มเองนะ”
“ยอมๆ”
คนตัวโตกว่าหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี คนตัวบางจึงลุกขึ้นเดินเข้าครัวไป หยิบข้าวของออกมาเตรียมอย่างคุ้นเคย บ่อยครั้งที่ต้องมาทำอาหารให้คนที่ทำอะไรเองไม่เป็น ของในตู้เย็นที่เขามักซื้อมาเติมให้เสมอ มือเรียวหยิบสิ่งที่ต้องการออกมาวางเอาไว้บนโต๊ะ
“ทำอะไรครับ” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเบียดตัวเข้ามาใกล้ และเอาคางเกยไหล่คนตัวเล็ก
“สปาเก็ตตี้...”
“ซอสมะเขือเทศ” อีกคนต่อให้จนจบประโยค
“ถูกต้อง”
“กินจนหน้าจะเป็นเส้น”
“แล้วจะกินมั้ย”
“กินคร้าบบบบ”
ตากลมมองค้อนให้กันเสียหนึ่งที ก่อนจะหันไปสนใจกับของตรงหน้าแทน คนตัวโตจึงเดินไปค้นอะไรบางอย่างบนตู้ก่อนจะเดินกลับมา จับไหล่บางทั้งสองข้างหมุนหันมาหาตัวเอง
คนตัวบางเลิ้กคิ้วมองอย่างงงๆ
“อะไร”
“ใส่นี่ก่อน เดี๋ยวเสื้อเปื้อน” มือหนาเอื้อมมือเอาบางอย่างคล้องคอให้อีกคน ‘ผ้ากันเปื้อน’ คนตัวบางก้มมองก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมา
“ลายกระต่ายสีชมพูเนี่ยนะ แหว๋วไปหน่อยรึเปล่า”
“เหมาะกับซิน น่ารักดี”
ใบหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายผูกเชือกให้แต่โดยดี
………
…
หนึ่งเสียงหวานใสดังควบคู่ไปกับอีกหนึ่งเสียงกีต้าร์ที่เข้ากัน ดังก้องกังวานไปทั่วห้องนั่งเล่น ดีที่ห้องนี้เก็บเสียง ไม่งั้นคงได้โดนเพื่อนข้างห้องด่ากันไปแล้ว
ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเปล่งเสียงไพเราะออกมาตามท่วงทำนอง อีกคนเองก็เช่นกัน มือเรียวกรีดนิ้วไปตามสายกีต้าร์พร้อมรอยยิ้ม
มีความสุข ที่ได้ทำสิ่งที่รัก กับคนที่รัก...
คนหนึ่งมีความสุขที่ได้ร้องเพลงให้กับเสียงกีต้าร์ที่ร้องเพลงไม่ได้
อีกคนมีความสุขกับการทำให้เสียงร้องนั้นมีชีวิตมากขึ้น
ทุกๆจังหวะ ทุกๆท่วงทำนองที่ใส่ความรักเข้าไป ถ้าขาดสิ่งไหนไป บทเพลงเหล่านั้นคงไม่สมบูรณ์
……
…
“นัท อยู่ไหนแล้ว รอนานแล้วนะ”
“จะถึงแล้วอีกนิดเดียว”
คนตัวบางนั่งรอคนที่นัดกันไว้แต่มาสายไปครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้าง ใบหน้าหวานที่เรียกสายตาจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้มากมาย แต่ตอนนี้ใบหน้าหวานนั้นกำลังหงิกงอเพราะนั่งรอมานานแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มาสักที
จนเมื่อมองไปเห็นร่างคุ้นตาที่วิ่งมาแต่ไกลก็ยิ่งหน้าบูดขึ้นไปอีก
“มาแล้วครับ ขอโทษ”
“ไม่มาพรุ่งนี้ไปเลยล่ะ”
“ก็กลัวว่าถ้ามาพรุ่งนี้ซินจะไม่รอ”
“ยังจะมีหน้ามาพูดเล่นอีก!”
“ขอโทษครับ”
“เรารอนานมาก”
“เดี๋ยวเลี้ยงข้าวนะ”
“แล้วเราก็นั่งคนเดียว”
“เดี๋ยวเลี้ยงไอติมด้วย”
“แล้วก็หงุดหงิดสุดๆไปเลย”
“นัทขอโทษจริงๆซิน พอดีมีเรื่องคุยกับพ่อนิดหน่อย อย่าโกรธเลยนะ”
“ช่างเหอะ เข้าไปข้างในกัน”
ทั้งๆที่จะมาช่วยเลือกกีต้าร์ตัวใหม่ให้แท้ๆเลย กลับมาสายซะได้
…………………
…
“แกจะไปเที่ยวเล่นหรือใช้ชีวิตไร้สาระของแกยังไงที่ผ่านมาฉันไม่ว่า แต่แกคิดที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นไปตลอดหรือไง ยังไงแกต้องกลับมาดูแลกิจการของที่บ้าน เพราะสุดท้ายที่นี่ก็ต้องเป็นของแก จะใช้ชีวิตไปวันๆแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ!”
“แต่ผมก็มีสิ่งที่ผมอยากทำเหมือนกัน!”
“แล้วโรงฝึกนี่ล่ะ แกจะปล่อยให้มันตายไปพร้อมๆกับฉันหรือไง!!”
……
…
“พี่ที่ห้องอัดเขาแนะนำค่ายเพลงมาค่ายนึง เราว่าก็น่าสนใจดี เลยอยากจะอัดเดโมให้จริงจังสักที” เสียงถามจากร่างบางทำให้คนตัวโตกว่านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“ก็ดีนะ ลองดู”
“เดี๋ยวเราลองไปถามรายละเอียดเขาอีกทีก่อน”
“อืม... ซิน สมมติว่า ถ้านายร้องเพลงโดยที่ไม่มีฉัน ...ได้มั้ย”
คนตัวบางหันมาหากันในทันที
“ทำไมถามแบบนี้”
“เปล่า แค่ถามเฉยๆ”
“ถ้าไม่ใช่เสียงกีต้าร์ของนัทเราก็ไมอยากร้องเพลงหรอก”
“ปากหวานนนะเนี่ยเรา” มือหนายื่นไปหยิกแก้มคนต้วบาง ดึงเบาๆ
คำพูดหยอกล้อจากอีกคนทำให้ซินยิ้มออก ลืมความกังวลเมื่อกี้ไปซะสนิท แต่ในใจนัทตอนนี้กลับยิ้มไม่ออกเสียแล้ว…
……
…
“ตานัท ช่วงนี้พ่อเขาสุขภาพไม่ค่อยดีเลย แม่อยากให้เรากลับบ้านบ้าง มาช่วยดูที่โรงฝึกบ้างนะลูก” โทรศัพท์จากแม่ทำให้นัทคิดไม่ตก ถ้าเลือกโรงฝึก ก็จะไม่มีเวลาให้ซิน แต่ถ้าเลือกซิน ใครจะเป็นคนดูแลโรงฝึกต่อจากพ่อ...
สองอย่างที่ตัดใจเลือกไม่ลง
คนตัวโตหันไปมองกีต้าร์ตัวโปรดที่วางพิงอยู่ที่มุมห้อง ต้องทำยังไงดี...
……
…
(ซิน พรุ่งนี้นัทไปด้วยไม่ได้ ซินไปคนเดียวได้มั้ย)
“ได้ไง พรุ่งนี้อัดเดโมนะ”
(แต่นัทไปไม่ได้จริงๆ ซินหาคนอื่นเล่นแทนนัทไปก่อนได้มั้ย)
“หมายความว่าไงให้คนอื่นเล่นแทน นี่เพลงของเรานะ”
(แต่นัทไปไม่ได้จริงๆ แค่นี้ก่อนนะ)
เสียงรีบร้อนจากปลายสายที่ตัดทิ้งทำให้คนตัวบางมองโทรศัพท์อย่างงงๆ หลังๆนี่ทำตัวแปลกไปมาก อยู่ๆเกิดอะไรขึ้น แล้วมีอย่างที่ไหนให้ไปร้องเพลงกับคนอื่น!
……
…
“นัทขอโทษนะ”
“เราโกรธมากนะ โกรธมากจริงๆ นัทเป็นอะไรอ่ะ เราโทรกลับไปก็ไม่รับ แถมเดโมก็ไม่ได้อัด ทั้งๆที่นัดกับพี่ที่ห้องอัดเอาไว้แล้วด้วย”
“ขอโทษ”
“แถมยังให้เราไปร้องเพลงกับคนอื่น จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงก็นี่มันเพลงของเรา”
“ซิน
นัทเล่นดนตรีกับซินไม่ได้แล้ว...”
“หมายความว่าไงเล่นไม่ได้”
“พ่อนัทเข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครดูแลงานที่บ้าน ช่วงนี้แม่ก็คิดมากพาลจะป่วยไปด้วย นัทไม่รู้จะทำยังไงแล้วซิน”
คนตัวบางเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ทำไมไม่บอกเรา!”
“ก็กลัวคิดมาก”
“เห็นเราเป็นคนอื่นรึไง มีอะไรก็บอกกันสิ ไม่ใช่ทำตัวแปลกๆแบบนี้ แล้วคุณพ่อเป็นอะไรมากมั้ย”
“โรคหัวใจ หมอบอกว่าถ้าอยากให้หายคงต้องผ่าตัด”
“ผ่าตัดเลยเหรอ”
มือบางยกขึ้นลูบหลังคนตัวโตกว่ากว่าช้าๆอย่างปลอบใจ
“ไม่เป็นนะ คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร รอให้ท่านหายก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยมาทำเพลงของเราต่อ นัทอย่าคิดมากนะ”
“ไม่ได้หรอกซิน นัทคงทำเพลงกับซินไม่ได้แล้ว...”
มือบางหยุดชะงักในทันที
“ถ้าพ่อหายนัทคงต้องไปช่วยพ่อดูโรงฝึก”
มือหนาจับไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“นัทขอโทษ”
“ไม่เป็นไร ยังไงนัทก็ต้องเลือกที่บ้านก่อนอยู่แล้วนี่เนอะ ไม่เป็นไรหรอก ...ไม่เป็นไร” คนตัวบางพยายามพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับสั่น
คนตัวใหญ่มองสิ่งเหล่านั้นด้วยความเจ็บปวด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าซินรู้สึกยังไง ทุกๆอย่างที่พยายามมาด้วยกันกลับต้องกลายเป็นศูนย์เพียงเพราะเขาคนเดียว นี่คือความฝันทั้งหมดของซิน แต่เขากลับทำมันพัง
นัทเอง เจ็บยิ่งกว่าซินหลายร้อยเท่า...
……
.
สุดท้ายซินก็ได้ออกอัลบั้มด้วยการเป็นนักร้องเดี่ยว ผลงานเพลงของเขาได้รับการตอบรับดีอย่างเกินคาด นัทเองก็เข้าไปดูแลโรงฝึกแทนพ่อที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกๆอย่างเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับห่างกันไปเรื่อยๆ
(พรุ่งนี้เราไปไม่ได้แล้วนะ มีงานด่วนเข้ามา ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวต้องวางแล้วนะ เราแอบมาโทรตอนซ้อม ต้องวางแล้ว!)
เสียงรีบร้อนก่อนจะตัดสายทิ้งไปของคนรักทำให้นัทถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้อย่างนั้น ก็สัญญากันเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวกันเพราะว่างตรงกันทั้งที หลังจากไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์
แต่ช่างเถอะ คงจะยุ่งจริงๆ นึกไปถึงคนตัวบางตอนอยู่บนเวทีก็ต้องยิ้มออกมา ก็ใบหน้าหวานนั่นแลดูมีความสุขมากๆเลยไม่ใช่รึไง ได้ทำงานที่ตัวเองรักก็ต้องมีความสุขมากๆอยู่แล้ว เขาเองก็กำลังพยายามอย่างมากเหมือนกัน คนสองคนที่พยายามไปพร้อมๆกัน ก็ต้องประสบความสำเร็จไปด้วยกันสิ คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็วิ่งกลับเข้าไปในโรงฝึกอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ไม่รู้ว่า สักวันมันคงจะหายไป...
TBC.
...........