7
((จูบเย้ยพระอาทิตย์))
วันนี้เราตื่นมาเช็คเอาท์กันแต่เช้า เพราะจะเดินทางไปที่อื่นต่อ ดังนั้นเราจะพักที่นี่แค่คืนเดียว และสถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือเกาะไหง เกาะขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง แบ็คอัพและทีมงานบางส่วนเดินทางกลับพร้อมรถตู้บริษัทเลย มีแค่สี่คนที่จะเดินทางไปกับเรา คือ ป้อง แบ็คอัพมือกีต้าร์ ส้มกับนาว ฝ่ายเสื้อผ้า และจิ๋วผู้ช่วยคุณโอ๊ต ตอนนี้ทุกคนกำลังขนของขึ้นรถตู้ของทางโรงแรมที่จะไปส่ง ซินกับคุณโอ๊ตขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย ผมก็ขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ
หลังหายปวดไปแล้วเรียบร้อย เพราะยาแก้ปวดเมื่อคืนช่วยไว้ครับ และอยากจะบอกว่า เมื่อคืนผมไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันด้วย ฮ่าๆๆ เพราะอะไรคุณผู้อ่านน่าจะรู้ดี
“ทะเลๆๆ อยากไปเที่ยวทะเล”
“แล้วตอนนี้ที่เอ็งอยู่มันไม่ใช่ทะเลหรือไงไอ้ป้อง” คุณโอ๊ตที่นั่งอยู่เบาะหน้ากับซินหันไปพูดกับป้องที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“มันเทียบกันได้ที่ไหนพี่โอ๊ต นั่นน่ะเกาะไหงนะ สวยแบบโคตรๆอ่ะ”
“เคยไปเหรอวะ” ส้มที่อยู่ด้านหลังถาม
“เคยเห็นในรูปว่ะ” พอได้ยินคำตอบจากป้องทุกคนก็โห่กันไป
เรานั่งรถกันไม่นานก็มาถึงท่าเรือปากเมง รถเข้ามาส่งได้แค่นี้ครับ ท่าเรือนี้รถใหญ่เข้าไปไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องขนกระเป๋าสัมภาระเดินไปที่ท่าเรือกันเอง
“มา เดี๋ยวถือให้” ผมยื่นมือไปรับกระเป๋าของซิน แต่เจ้าตัวก็เอามันขึ้นสะพายไหล่ไปแล้วเรียบร้อย
“ไม่ต้อง เดี๋ยวถือเอง”
“เถอะน่า อย่าดื้อสิ”
“ก็บอกว่าเดี๋ยวถือเอง มันเบา เราถือเองได้น่า” พูดจบซินก็เดินตามหลังคุณโอ๊ตที่เดินนำล่วงหน้าไปแล้ว ผมจึงต้องถอนหายใจและเดินตามเขาไป
วันนี้แดดค่อนข้างร้อนครับ ท้องฟ้าสวยมากๆเลย แต่จะกรุณากว่านี้มากถ้าคุณพระอาทิตย์จะลดแสงลงหน่อย ผมมองร่างบางตรงหน้าที่ใส่เสื้อเชิ้ตซะบางจนเห็นแทบจะทะลุปรุโปร่ง ยังดีที่มีเสื้อกล้ามอยู่ด้านใน วันนี้ซินใส่หมวกด้วย ก็คงเพราะว่าแดดแรงนั่นแหละ ผมยาวเป็นลอนของเขาก็ถูกมัดรวบเอาไว้ด้วยกัน
เดินมาไม่นานก็เจอกับสะพานยาวที่ทอดไปยังทะเลครับ โชคดีหน่อยที่วันนี้เรามาเช้า คนเลยยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ในระหว่างที่รอเรือมารับ ก็เดินเล่นกันไปตามอัธยาศัยครับ
“ซินหิวมั้ย หาอะไรรองท้องก่อนรึเปล่า” คุณโอ๊ตเดินเข้ามาถามซิน ซึ่งคนตัวบางก็ส่ายหัวน้อยๆ
“ไม่เอา ซินไม่หิว อยากไปเดินเล่นถ่ายรูป” คุณโอ๊ตพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันมาหาผม
“ดูซินด้วยนะ ฉันจะไปนั่งจิบกาแฟสักหน่อย”
“ครับ”
หันกลับมาอีกทีซินก็เดินออกไปนู่นแล้ว ไวจริงๆ ผมเดินตามไป ซินกำลังเกาะราวสะพานยกกล้องโพลารอยด์ขึ้นถ่ายนู่นถ่ายนี่ ผมก็มองตามเขาก่อนจะยิ้มน้อยๆ ที่นี่มีชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ครับ คนไทยก็มีนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ ซินที่ถ่ายไปถ่ายมาก็หันมาทางผม ผมก็เก๊กหล่อชูมือส่องนิ้วให้เขา แต่เขากลับลดกล้องลง
“อ้าว ไม่ถ่ายเหรอ”
“เปลืองฟิล์ม”
เจ็บปวด...
ซินก้มลงดูรูปสองสามใบที่เขาถ่ายได้ และยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเก็บใส่ซองเข้ากระเป๋า ก่อนจะเดินเลยผมไปอีกทาง ผมก็มีหน้าที่เดินตามเขาไปนั่นแหละครับ ซินเดินถ่ายรูปตรงนู้นทีตรงนี้ทีจนพอใจ ก็เดินกลับไปหาคุณโอ๊ตที่ร้านกาแฟ
“สวยมั้ยซิน”
“สวยดี แต่ร้อนไปหน่อย”
“เกาะไหงสวยกว่านี้สิบเท่า”
ซินหัวเราะน้อยๆกับคำพูดคุณโอ๊ต นั่งรอกันได้ไม่นานเรือก็มาเทียบท่าครับ เราทุกคนก็ขึ้นไปบนเรือ หาที่นั่งและวางของ เรือที่มารับคือเรือสปีดโบ๊ทของทางรีสอร์ทที่จองไว้ จึงมีแค่เรา กับฝรั่งอีกสามคนเท่านั้น นั่งเรือแค่ยี่สิบห้านาทีก็มาถึงท่าเรือของทางรีสอร์ทแล้วครับ เราทั้งหมดเดินขึ้นท่าเรือเพื่อตรงไปที่ห้องพัก มีพนักงานต้อนรับเดินมารับถึงที่ น้ำตรงท่าเรือนี่ใสมากจริงๆ มองเห็นปลาทะเลตัวน้อยๆว่ายกันเต็มไปหมด
ห้องพักที่นี่เป็นบังกะโลหลังเล็กๆเรียงรายกันไป ต้นไม้เยอะมากๆ ถ้าชอบธรรมชาติคุณก็น่าจะชอบที่นี่ครับ แต่หลังที่เราจองกันไว้เป็นแบบหลังใหญ่ มีสี่ห้องนอน และห้องน้ำภายในห้องครับ ซินก็ได้นอนคนเดียวไปตามระเบียบ ผู้หญิงสามคนอยู่ด้วยกัน ผมอยู่กับแบ็คอัพชื่อป้อง และคุณโอ๊ตนอนคนเดียว
“เก็บของแล้วออกไปเดินชายหาดกันนน” เสียงคุณโอ๊ตพูดขึ้นอย่างร่าเริงก่อนที่ทุกคนขานรับ
“แต่ซินขออยู่นี่ก่อนนะ ยังไม่อยากออกไป ร้อนอ่ะ”
“ทำไมล่ะซิน เล่นน้ำกัน”
“เดี๋ยวซินตามออกไปทีหลัง”
“โอเค แล้วตามมานะ”
ซินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องไป คุณโอ๊ตก็เลยหันมาหาผม ตามเคยแหละครับ
“อยู่กับซินได้มั้ยนัท” นั่นล่ะครับ คำที่อยากได้ยิน ^^
“ครับ”
ต่างคนต่างก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่ห้อง ผมพยักหน้าให้ป้องนิดๆตอนที่วางกระเป๋าไว้ข้างเตียง
“อดเที่ยวเลยดิ” ป้องหันมาพูดขำๆกับผม
“ไม่หรอก ไม่ค่อยชอบอากาศร้อนๆเหมือนกัน” ผมตอบพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียง
“งั้นฉันไปละ จะเล่นน้ำให้ชุ่มปอดไปเลย” ป้องพูดยิ้มๆก่อนจะเดินออกไป ได้ยินเสียงคุณโอ๊ตคุยหัวเราะกับพวกสาวๆและป้องก่อนจะหายเงียบไป คงออกไปกันแล้ว ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่... ^^
ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมๆกับที่คนตัวบางก็เดินออกมาเหมือนกัน ซินหันมามองผมนิดๆอย่างสงสัยว่าทำไมผมไม่ไปกับพวกคุณโอ๊ต แต่เขาก็หันไปมองทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ
ทำไมชอบเมินกันซะเหลือเกิน ผมถอนหายใจและเดินตามเขาไปนอกบ้าน หน้าบ้านนี่โผล่ออกมาก็เจอทะเลเลยครับ มีชุดม้านั่งเอาไว้นั่งเล่นใต้เงาไม้ ถัดไปหน่อยก็เป็นทรายสีขาวสะอาดแล้ว คนตัวบางก็ทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้านนั่นแหละครับ แถมยังถือหนังสือติดมือมานั่งอ่านซะด้วย ผมก็เลยเดินไปนั่งที่ม้านั่งด้านข้างเขา
“มาเที่ยวทั้งที พกหนังสือมาอ่านด้วยเหรอ” ผมถาม ซึ่งเขาก็เหลือบตามามองนิดๆก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ
“เฮ้อ พูดกับคนที่อยากพูดด้วย แต่เขาไม่พูดด้วยนี่มันก็น่าน้อยใจเหมือนกันนะ”
“....”
เงียบครับ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
“เฮ้อ...”
“ถ้าอยากถอนหายใจมากนักไปถอนหายใจที่อื่น อย่ามากวนสมาธิเรา”
“มาเที่ยวทั้งที อย่าใจร้ายนักสิซิน อุตส่าได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองนะ” ผมพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ซินเลยส่งสายตาเขียวปั้ดมาให้
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“คิดอะไรครับ ยังไม่ได้คิดอะไรเลย”
ซินจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะปิดหนังสือลงดังฉับ วางหนังสือลงและเงยหน้ามามองผม ยิ้มก็ยิ้มกว้างให้เขา
“อย่ากวนประสาทได้มั้ย สนุกนักรึไง”
“ก็อยากอยู่ด้วย”
“ก็อยู่เงียบๆไปสิ”
“ก็อยากพูดด้วยนี่”
“อยากเยอะเน้อะ”
“อยากมากกว่านี้อีก” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา ซินก็รีบยกมือขึ้นดันหน้าผมออกทันที
“เดี๋ยวใครมาเห็น” ซินกัดฟันพูดลอดไรฟันบอกผม ผมก็ยอมถอยออกมาแต่โดยดี
“ไปเดินเล่นกันมั้ย” ผมชวน
“ไม่ ร้อน” ซินปฏิเสธ
“ไปหาอะไรกินกันมั้ย” ผมชวน
“ไม่หิว” ซินปฏิเสธ
“ไปเดินถ่ายรูปเล่นกัน” ผมชวน
“ไม่มีอารมณ์” ซินปฏิเสธ
โอเค พอกันที งั้นก็นั่งมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ซินยกหนังสือขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยยื่นมือไปแย่งมันมา ซินหันมามองผมตาโตก่อนจะเอื้อมมือมาจะขว้าคืน ผมก็โยกหลบหนีสิครับ
“เอามานี่นะนัท!”
“ไม่เอา เลิกสนใจหนังสือก่อนสิ”
“เอาของเราคืนมา!”
“ไม่ให้!”
ซินลุกขึ้นหมายจะขย้ำคอผม ผมก็ลุกสิครับ จะอยู่เฉยๆให้โดนทำร้ายร่างกายทำไม ตั้งท่าได้ผมก็วิ่งหนีทันที มีซินโวยวายวิ่งตามหลังมา แถวนี้ไม่มีคนครับเพราะว่าเป็นหาดส่วนตัว แถมพวกคุณโอ๊ตก็ไม่อยู่แล้วด้วย คงไปเล่นกันที่โซนอื่น ทางสะดวก...
“ไอ้นัท! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! เอาของเราคืนมา!!”
ผมก็วิ่งไปหัวเราะไป ซินก็บ้าจี้วิ่งตามผมมานะ ฮ่าๆ ตลกว่ะ บางทีก็หลอกง่ายเกินไปจริงๆ วิ่งมาสักแป๊บก็เห็นคนตัวบางเริ่มหอบแล้วก็เลยหยุดรอ ไอ้ผมน่ะ จะให้วิ่งรอบเกาะก็ยังไหว แต่ดูท่าคนด้านหลังจะไม่ใช่นะครับ เคยออกกำลังกายบ้างหรือเปล่าเหอะ
“เหนื่อยแล้วเหรอ” ผมเดินเข้าไปถามใกล้ๆ พลางจับแขนเขามาพยุงไว้ ซึ่งซินก็บิดออกทันที
“เล่นบ้าอะไร เหนื่อยนะเว้ย” เริ่มขึ้นวะขี้นเว้ยแล้วครับ หึหึ
“ก็อยากให้ออกมาสูดอากาศสดชื่น อยู่กรุงเทพดมแต่กลิ่นควัน มาพักผ่อนทั้งทีก็ต้องเอาให้เต็มที่สิ”
ซินถอนหายใจนิดๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นทราย ผมก็ยิ้มนั่งตามเขาลงไป ดีที่ตรงนี้มีต้นไม้เป็นร่มเงาให้ครับ ลมจากทะเลก็พัดมาเย็นดี เหมาะกับการจู๋จี๋กันมาก ฮ่าๆ อย่าบอกซินนะครับ เดี๋ยวผมโดนทำร้ายร่างกายอีก
คนตัวบางยืดขาทั้งสองข้างออกไป แขนสองข้างท้าวเอาไว้ด้านหลัง มุมปากบางยกขึ้นน้อยๆเมื่อมองออกไปที่ท้องทะเล มองจากตรงนี้น้ำทะเลสวยมากครับ เป็นสีเขียวเลย
“บรรยากาศดีโน้ะ”
“อือ แต่จะดีกว่านี้ถ้าได้มากับแฟน” ผมหันไปมองคนหน้าหวานที่พูดคำนั้น ก็เลยได้รับการยักคิ้วแบบกวนๆกลับคืนมา ท้าทาย ท้าทายมากเลยครับ
“แล้วที่มาด้วยนี่ใคร”
“ถ้านายไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วใครเขาจะไปรู้ด้วยล่ะ”
ผมขำน้อยๆกับคำพูดเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยเบาๆ ซินก็ปัดมือออกมองผมตาเขียวสิครับ
“จำตอนที่เราไปหัวหินได้ป่ะ” บรรยากาศมันพาไป อยู่ดีๆก็นึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาซะเฉยๆครับ
ซินหันมาขมวดคิ้วมองผมนิดๆ
“ตอนนั้นสนุกดี เหมือนหนีตามกันเลย” ไม่ต้องรอซึ้งนาน ซินเอื้อมมือมาตบหัวผมทันทีครับ รุนแรงขึ้นทุกวันละนะ
“ปากไม่ดี”
“ปากไม่ดี แต่ก็มีคนเสียจูบให้ไปแล้ว” ชอบนักล่ะครับเรื่องที่ทำให้เจ็บตัวเนี่ย ก็โดนไปอีกหนึ่งป้าบตามระเบียบแหละครับ
ตอนนั้นได้แหกปากร้องเพลงริมชายหาดด้วย สนุกดีครับ ตอนนั้นผมยังเล่นกีต้าร์ให้ซินอยู่เลย ได้ทำอะไรบ้าๆบอๆด้วยกันหลายอย่าง เห็นซินนิ่งๆอย่างนี้ใช่ย่อยนะครับ ผมยิ้มให้กับความทรงจำเก่าๆนิดๆ ก่อนจะหันไปมองซิน ซึ่งเขาเองก็มองผมอยู่เหมือนกัน
เอ๊ะๆๆ แอบมองกันนี่หว่า
“ปากหายแล้วนี่”
ผมก็ยกมือขึ้นจับมุมปากงงๆ
“หายแล้วดิ ได้ยาดีขนาดนั้น” ซินหัวเราะในลำคอน้อยๆก่อนจะหันหน้าไปรับลมทะเล
ผมที่นึกอะไรได้ รีบลุกขึ้นปัดเศษทรายที่ติดอยู่กับกางเกง ซินหันมามองผมอย่างงงๆ
“รอนี่แป๊บนะ อย่าไปไหน รอแป๊บเดียว”
ซินเลิกคิ้วมองหน้าผม
“เข้าใจเปล่าเนี่ย รอตรงนี้ อย่าไปไหน” ผมกำชับเขาเสียงเรียบอีกรอบ
“รู้แล้วน่า ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” ซินพูดเสียงเหวี่ยงๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีไป
ผมเองก็รีบวิ่งกลับมาที่บ้าน จำได้ว่าป้องถืออะไรบางอย่างติดมือมาด้วย
“ขอยืมก่อนละกันนะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ ถือว่าขอแล้วนะ ยืมแป๊บเดียว เดี๋ยวเอามาคืน พูดจบผมก็คว้ามันวิ่งออกมาจากบ้านเลย นานแล้วครับที่ไม่ได้แตะมันอย่างจริงๆจังๆ
ผมรีบวิ่งเท้าเปล่ากลับมาที่เก่า แต่ก็ไม่พบวี่แววของร่างบาง หายไปไหน.. ผมมองซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน หายไปไหนอีกแล้วซิน แค่ให้นั่งรออยู่เฉยๆแป๊บเดียวนี่ไม่ฟังกันเลยหรือไง มองไปทางนู้นทางนี้ก็ไร้วี่แวว ผมวางของที่ถืออยู่ลงบนพื้น ใจก็กระวนกระวายไปหมด หรือว่าจะเกิดเรื่องอย่างคราวที่แล้ว โธ่เว้ย!!
ผมที่กำลังจะออกตัววิ่งก็ต้องหยุดลงเมื่อใครบางคนโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
“จะไปไหนอีกล่ะ”
“โธ่เอ๊ยยยซิน!” แทบจะเข่าอ่อนกันขึ้นมาในทันที แค่เพราะคนคนนี้แหละ ทำเอามาดบอดี้การ์ดหายหมดทุกที ความเยือกเย็นที่เคยมีหายไปหมดเลย!
“อะไร เสียงดังใส่เราทำไม”
“อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย คนมันเป็นห่วง”
“ทำอะไร บอกให้รอก็รอนี่ไง ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย แต่จะให้นั่งอยู่ตรงนั้นที่เดียวตลอดมันก็เบื่อเหมือนกันนะ!”
“โอเคๆ ขอโทษที่เสียงดัง แต่ทีหลังอยู่ในที่ที่ฉันมองเห็นนะ อย่าหายไปแบบนี้ ไม่ชอบเลยจริงๆ”
“แล้วใครจะไปรู้ตรงไหนมองเห็น ตรงไหนมองไม่เห็น!” เริ่มแล้วครับ ถ้าต่ออีกหน่อยนี่ทะเลาะกันชัวร์
“ครับๆขอโทษ มานี่มา มานั่งตรงนี้ก่อนเร็ว”
ซินหันหน้าไปทางอื่น แถมยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนอีกต่างหาก เอาแล้วไง งานเข้าผมละ
“ซินครับ มาตรงนี้เถอะนะ ยืนตรงนั้นนานๆเดี๋ยวตัวบุ้งก็หล่นใส่หัวหรอก”
ซินเงยหน้าขึ้นมองไปบนต้นไม้ทันที ก่อนจะยอมเดินมานั่งข้างๆกัน ซินหันมามองสิ่งที่ผมหยิบติดมือมาก่อนจะเลื่อนสายตามาหาผมช้าๆ ผมก็ส่งยิ้มให้เขา เขาคงแปลกใจที่ผมหยิบมันมาด้วย ผมจัดการเอากีต้าร์ออกจากกระเป๋า และเอามันมาวางไว้บนตัก
“ร้องเพลงกันมั้ยซิน” ซินยังคงนิ่งและไม่ตอบ สายตาเหม่ออยู่ที่กีต้าร์ที่ผมถืออยู่เท่านั้น ไม่ใช่แค่เขาที่ตกใจ ผมเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน นานมากๆแล้วครับ ที่ไม่ได้จับกีต้าร์ต่อหน้าคนคนนี้ คนที่ผมมองกีต้าร์เมื่อไหร่ก็นึกถึงแต่เขา
“ซิน ...ซิน หลับแล้วเหรอ” พูดแค่นั้นซินก็เงยหน้าขึ้นมามองกันด้วยสายตาเหวี่ยงๆทันที
“หลับบ้าอะไร แล้วเอามาทำไมไอ้นั่นน่ะ เล่นเป็นด้วยเหรอ”
“เล่นเป็นสิ แล้วก็เล่นเก่งด้วย คนบางคนรู้ดี”
“หน้าด้านว่ะ ชมตัวเอง”
ผมหัวเราะออกมาทันทีกับคำพูดเขา อย่างน้อยซินก็ไม่ได้ไล่ให้ผมเอามันไปเก็บหนิครับ
“เนี่ยเก็บปิ๊กได้อันนึง ไม่รู้ใครทำตกไว้” ผมหยิบปิ๊กกีต้าร์ในกระเป๋ากางขึ้นมาดู หึหึ ซินหันมามองตาวาวทันที
“เฮ้ย! อันนั้นมัน...”
“อะไรเหรอ...” ผมหันไปถามเขายิ้มๆ
“อันนั้นมันของเรา!!” ซินพุ่งเข้ามาจะคว้ามันคืนไป ผมเอี๊ยวตัวหลบ เรื่องอะไรจะคืนให้ง่ายๆล่ะครับ
“ของนายที่ไหน นี่มันของฉันไม่ใช่เหรอ”
“ก็ ... ไม่ใช่ นั่นมันของเรา เอามานี่!!” ผมก็หลบซ้ายหลบขาวทั้งๆที่มีกีต้าร์อยู่บนตักนั่นแหละครับ ผมมองหน้าหวานๆที่ขึ้นสีแดง เพราะโกรธหรือเพราะอายอันนี้ไม่ทราบครับ ฮ่าๆ
“ยังเก็บเอาไว้อีกเหรอซิน” นิ่งครับ ซินดึงตัวกลับไปนั่งที่เดิมทันที แถมหันหน้าหนีกันอีกต่างหาก เห็นแต่หูแดงๆที่ด้านข้างเท่านั้น น่ารักซะไม่มี
ปิ๊กเนี่ย ของผมเอง ปิ๊กอันแรกของผมตั้งแต่ที่เริ่มเล่นกีต้าร์กับซิน ลายแบบนี้ สีแบบนี้อาจจะมีอันอื่นที่ซ้ำกัน แต่มันเป็นของผม แค่มองแว๊บเดียวก็รู้แล้ว ก็ผมเอาคัดเตอร์ขูดๆให้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กๆว่า NS รู้ใช่มั้ยครับว่ามันคืออะไร ปิ๊กอันนี้ผมรักมันมากเลยนะ ผมใช้มันประจำ แล้วก็รักษามันอย่างดีเลยด้วย เพราะมันคือสิ่งเริ่มต้นความทรงจำของผมกับซิน แต่อยู่ดีๆวันนึงมันก็หายไป หายไปซะเฉยๆ หาแทบตายก็หาไม่เจอ ทุกทีผมจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าตัง แต่นี่ไม่มี รื้อห้องทุกซอกทุกมุมก็หาไม่เจอ จะเป็นบ้าเอาครับตอนนั้น เพราะมันสำคัญกับผมจริงๆ แทบจะเผาห้องกันเลยทีเดียว แต่พอวันต่อมาเห็นมันห้อยอยู่ที่โทรศัพท์ซินเฉยเลย เจาะรูทำเป็นพวงกุญแจซะเรียบร้อยเลยด้วย ผมนี่แทบจะเป็นลม ไม่ใช่ว่าโกรธหรืออะไร แต่มันโล่งใจครับ นึกว่าหายไปจริงๆซะแล้ว แต่มันก็น่าตีก้นซะให้ลายจริงๆ ขอกันสักคำก็ไม่มี อยู่ดีๆหยิบไปเฉยเลย ผมงี้แทบจะจับซินกดลงเตียงแทบไม่ทัน ...ไม่ใช่ละ ผิดเรื่อง ฮ่าๆ
“ของของเรา จะเก็บไว้หรือทิ้งก็เรื่องของเรา”
“น่ารักนะเนี่ย” ผมกระเถิบเข้าไปกระซิบใกล้ๆหูซิน แดงเถือกเลยครับงานนี้ แล้วผมก็ได้รับลูกมะตุ้บมาอีกหนึ่งดอกเป็นการตอบแทน เขินรุนแรงจริงๆ
“ซินครับ หันมานี่หน่อยเร็ว”
นิ่ง...
“ซินจ๋า หันมาหานัทหน่อยนะ”
นิ่ง...
“ไม่หันมาจูบจริงๆนะ จะจูบเย้ยพระอาทิตย์เลย” ได้ผลครับ คำขู่นี้ใช้ได้ผลตลอดกาล ซินหันมาหาผมทันที
“จะบ้ารึไง เขามีแต่จูบเย้ยจันทร์” ซินพึมพำเบาๆ แต่ผมได้ยิน
“ก็พระจันทร์ยังไม่ขึ้น เย้ยพระอาทิตย์ไปก่อนละกันเน้อะ”
“เน้อะบ้าอะไรล่ะ หันมาแล้วเนี่ย มีไร” พูดไปหน้าแดงไป โอ้ย เดี๋ยวก็อดใจไม่ไหวจริงๆหรอก
“ฟังนี่หน่อย มีเพลงจะร้องไห้ฟัง”
“เดี๋ยว” ซินเอ่ยห้ามผมขึ้นมาซะก่อน
“หือ”
“ยังไม่ฟังตอนนี้ได้มั้ย”
“ทำไมอ้ะ” นี่ลงทุนวิ่งกลับไปเอามาเลยนะเนี่ย ไม่ฟังตอนนี้จะฟังตอนไหนล่ะครับ อยู่ด้วยได้สองคนทั้งที
“เดี๋ยวเขิน”
.... ป๊าดดดดดด จะน่ารักไปไหนครับ!!! เดี๋ยวก็จับกดมันซะตรงนี้จริงๆหรอกซินเอ๊ยยย ขอทีเถอะ แค่นี้ก็รักจะตายแล้วครับ! อย่ามาทำแบบนี้ นัทสำลักความน่ารักตายไปจริงๆซินจะทำยังไง!!
ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว ซินก็นั่งนิ่งหน้าแดงตัวแดงไปครับ
“ฟังนะซิน ตั้งใจเล่นให้ฟังจริงๆ ...นะ”
ซินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยิ้มให้เขานิดๆ ก่อนจะเริ่มเล่นกีต้าร์ ความจริงแล้วไอ้นัทคนนี้ร้องเพลงไม่เก่งหรอกครับ อยากให้เสียงหวานๆของซินเป็นคนร้องให้มากกว่า แต่เพลงนี้มันเป็นเพลงพิเศษ ที่ผมอยากร้องให้เขาฟัง
“...เวลาที่ล่วงเลยนั้นทำให้คนเปลี่ยนไป
สิ่งหนึ่งในใจยังไงก็ไม่เปลี่ยน
ก็คือความรักที่มีต่อเธอ
จะมั่นคงอย่างนี้เหนือกาลเวลา มากยิ่งกว่าอะไร”
ไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉันจะหันไปมองคนอื่น ไม่ว่าจะนานแค่ไหน นัทคนนี้ก็ยังมองแค่ซิน รอแค่ซิน
“ต่อให้นานเพียงใด รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้
ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา
ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ
แต่ก็ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป”
ถึงแม้ว่าเราจะต้องห่างกัน ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ข้างนายไม่ได้ ถึงแม้นายจะบอกว่านายไม่รัก แต่ฉันก็ยังคงรักนาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะน้อยลง ถึงแม้ว่าฉันจะเคยหลอกตัวเอง แต่มันก็ไม่ใช่เลย มันยังคงอยู่ ไม่เคยหายไปไหน
“คนเราถ้าคู่กันไม่ว่าอะไรเปลี่ยนไป
สิ่งหนึ่งในใจยังไงก็ไม่เปลี่ยน
ก็คือความรักที่มีต่อเธอ
จะมั่นคงอย่างนี้เหนือกาลเวลา มากยิ่งกว่าอะไร
ต่อให้นานเพียงใด รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้
ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา
ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ
แต่ก็ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป”
ซินยังคงมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ร้องไปยิ้มไป หวังว่านายจะเข้าใจมันนะ เข้าใจความหมายของเพลง รวมถึงเข้าใจในตัวฉันด้วย
“แม้จะต้องรอ ไม่รู้ว่านานเพียงใดก็จะไม่ท้อ
เพียงมีเธอก็พร้อมสู้ต่อไป
ทางจะไกลแค่ไหนก็อดทน
เพื่อให้ถึงในวันหนึ่งที่มันเป็นของเรา”
ฉันจะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ รอวันนั้นที่นายเปิดใจทั้งหมดให้กับฉัน วันนั้นที่นายจะบอกรักฉันได้อย่างเต็มใจ วันที่เราจะเดินข้างกันอย่างสมบูรณ์
“ต่อให้นานเพียงใด รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้
ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปถ้ารักกันจริง
ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ
แต่ก็ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป
ฉันรักเธออย่างไร ก็รักไม่เปลี่ยนใจเลย
จะหยุดใจลงเอยที่เธอคนเดียวจนตาย”
เพลงจบลงแล้ว เสียงกีตาร์ก็หยุดลงแล้ว แต่เรายังคงมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ผมรักซินมากจริงๆ ดวงตากลมโตคลอหน่วยไปด้วยน้ำใสน้อยๆ ซินไม่ได้ร้องไห้ครับ ผมรู้ดี เพราะไม่นานมันก็ซึมหายไป เหลือไว้เพียงดวงตาใสๆ กับแก้มสีชมพู ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบของผมสดใส รอยยิ้มที่ไม่ว่าจะให้มองอีกสักกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
“ฉันรักนายได้ยินมั้ย ...ซิน”
ผมโน้มใบหน้าเข้าหาเขาช้าๆ ซินเองก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลง ริมฝีปากเราแตะกันอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่จะเริ่มขยับเข้าหากัน...
ในที่สุด ผมก็ได้จูบเย้ยพระอาทิตย์แล้วครับ หาดส่วนตัวนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...
TBC.
...........
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ ดีใจจัง ><
ไรท์ชอบตอนนี้อ่ะ ไม่รู้ทำไม คนอ่านชอบมั้ยไม่รู้แต่ไรท์ชอบ 5555
แต่ก็อยากให้ทุกคนชอบด้วยน้าาา
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่าา
น่ารักจัง
เจอกันตอนหน้าค่ะ นักอ่านที่รักทุกคน!!!