บทที่ 70 St. Valentine
‘ลองค้นหาคีย์เวิร์ดคำว่า วาเลนไทน์ ในระบบฐานข้อมูลให้หน่อยว่าเจอข้อมูลด้านไหนบ้าง’ เฟี๊ยตเอ่ยถามไบเบิ้ลขึ้นในใจ ด้วยต้องการจำกัดขอบเขตของปริศนานี้
“วาเลนไทน์ในระบบเกม TLW มีทั้งหมด 3 ความหมาย นายท่าน วาเลนไทน์แรกเป็นชื่อหมู่บ้านลึกลับที่อยู่ในดินแดนป่าทิวสน วาเลนไทน์ที่สองเป็นชื่อวันสำคัญวันหนึ่งที่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี และวาเลนไทน์สุดท้ายเป็นชื่อของนักบุญคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วเหลือเพียงเรื่องราวที่เป็นตำนานให้คนรุ่นหลังศึกษาเท่านั้น” ไบเบิ้ลตอบเขาหลังจากที่ใช้เวลาค้นหาข้อมูลอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง
‘นักบุญวาเลนไทน์?’ เฟี๊ยตตั้งคำถาม
“เซนต์วาเลนไทน์เป็นนักบุญคนหนึ่งในยุคสงครามของโรมัน สมัยนั้น ธรรมเนียมการแต่งงานถูกต้องต้านจากจักรพรรดิ เพราะว่าการมีความรักทำให้คนเกิดความผูกพัน ทหารจำนวนมากไม่อยากจะออกไปทำสงครามเพราะว่ามีห่วงเป็นครอบครัวอยู่ข้างหลัง แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับฝ่าฝืนคำสั่งนั้น โดยการทำพิธีแต่งงานให้กับคู่รักหลายคู่อย่างลับๆ จนถูกจักรพรรดิจับได้ในที่สุด เขาถูกขังอยู่ในคุกด้วยจุดประสงค์ที่จะให้เขาหมดสิ้นศรัทธาในรักที่เขายึดมั่นมาโดยตลอด” ไบเบิ้ลตอบออกมาอย่างยืดยาว ก่อนจะเว้นระยะไว้ช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่ง
“แต่ความรักย่อมเกิดขึ้นได้เสมอในหัวใจที่มีศรัทธาอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังแค่ไหนก็ตาม เซนต์วาเลนไทน์พบรักอันบริสุทธิ์ในคุกแห่งนั้น ผู้หญิงที่เขารักเป็นเพียงหญิงสาวตาบอดคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมไม่ใช้ไม้อ่อนอีกต่อไปแล้ว วาเลนไทน์ถูกสั่งประหารชีวิต และเขาได้ตายจากโลกใบนี้ไปโดยทิ้งเรื่องราวของความเชื่อมั่นในความรักไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงความเสียสละในความรักอย่างแท้จริง วันที่ 14 กุมภาพันธ์ คือวันที่นักบุญผู้ศรัทธาในรักคนนั้นหมดลมหายใจ และวันดังกล่าวก็ได้กลายเป็นวันแห่งความรักสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน” ไบเบิ้ลเล่าต่อจนจบ ไม่รู้ว่าเฟี๊ยตคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกถึงความเศร้าแทรกอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“งั้นแปลว่าผู้ที่จะสั่นระฆังนั่นได้มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับวาเลนไทน์ได้แค่ 3 กรณี คือ หมู่บ้านวาเลนไทน์ วันวาเลนไทน์ และนักบุญวาเลนไทน์ ถูกไหม” เฟี๊ยตพึมพำขึ้นมาอย่างปรึกษา
“ในฐานข้อมูลมีความเกี่ยวข้องกับคำว่าวาเลนไทน์อยู่เพียง 3 ด้านเท่านั้น ไบเบิ้ลมีความคิดเห็นตรงกับนายท่านในข้อสันนิษฐานดังกล่าว”
“ว่าไงนะเฟี๊ยต ได้อะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า” เสียงของปันทักขึ้น เมื่อเห็นเฟี๊ยตพึมพำอะไรขึ้นมาเบาๆ เขาพอจะเดาออกว่าเพื่อนร่วมทีมน่าจะกำลังปรึกษากับสมุดคู่ใจอยู่อย่างแน่นอน และเมื่อเฟี๊ยตได้ยินเพื่อนทักมาตามนั้น ชายหนุ่มจึงอธิบายข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากไบเบิ้ลให้เพื่อนทั้งสองฟัง รวมไปถึงข้อสันนิษฐานของเขาเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่มีสายเลือดวาเลนไทน์อย่างแท้จริงอีกด้วย
“ถ้าหมายถึงหมู่บ้านนี่ไม่น่าใช่นะ เพราะว่าชาวบ้านทุกคนก็ลองสั่นระฆังกันดูหมดแล้ว ไม่เห็นมีคนสำเร็จสักคน วาเลนไทน์น่าจะเป็นความหมายโดยนัยถึงสองอย่างหลังมากกว่า” แทนอธิบายความคิดของตน
“หรือจะหมายถึงคนที่เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์พอดี เป็นไปได้ไหม” ปันหันมาถามเพื่อนทั้งสองอย่างต้องการความคิดเห็น
“น่าคิดนะ แต่จะไปหาคนที่เกิดวันนั้นได้จากที่ไหน มันไม่ได้หากันง่ายๆ เลยนะ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองเพื่อนทั้งสองเชิงปรึกษา แต่ปันและแทนก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาเช่นกัน
“งั้นมาคิดถึงเรื่องสุดท้ายก่อนดีไหม นักบุญวาเลนไทน์ผู้เสียสละ” ปันเอ่ยขึ้น
“ถ้าเกี่ยวข้องกับนักบุญวาเลนไทน์ อาจจะหมายถึงคนที่มีบุคลิกหรือนิสัยคล้ายกันหรือเปล่า เช่น เสียสละในความรัก ประมาณนี้” เฟี๊ยตเสนอความคิดขึ้น
“เป็นไปได้ไหมที่เวลาจะสั่นระฆัง เราจะต้องคิดถึงเรื่องราวหรือสิ่งที่ไปตรงกับนักบุญวาเลนไทน์ด้วย เช่น อาจจะต้องนึกถึงความรักของตัวเอง อย่างนี้เกี่ยวไหม” แทนเสนอขึ้นอีกคน
“เป็นไปได้นะ เพราะถ้าเกี่ยวข้องกับความรัก ทุกคนก็คงจะมีความรักหรือเปล่า เพียงแต่แค่ตอนที่สั่นระฆัง เราไม่ได้นึกถึงความรัก เลยอาจจะทำให้มันไม่เชื่อมต่อกับวาเลนไทน์ก็ได้นะ” ปันสนับสนุน
“อย่างนั้น ถ้าลองสั่นระฆัง โดยนึกถึงเรื่องความรักของตัวเองเข้าไปด้วย ก็อาจจะสำเร็จก็ได้นะ” เฟี๊ยตเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น
“อย่างนี้มันต้องลอง ฮ่าฮ่าฮ่า” แทนพูดพลางเดินตรงไปที่ระฆังศักดิ์สิทธิ์นั่นเพื่อทดลองสมมติฐานอีกครั้ง ชายหนุ่มลูบมือไปมาอย่างหมายมั่นปั้นมือที่จะลั่นวัตถุนั่นให้ก้องกังวานขึ้นให้ได้
แทนรวบรวมสมาธิไปถึงความรักที่เคยผ่านมาของเขา คนรักในอดีตของเขาแวบผ่านเข้ามาในมโนสำนึกมากมาย เขาจินตนาการถึงความรู้สึกดีๆ ที่เคยมี ก่อนจะเอื้อมมือไปยังเชือกแกร่งนั่น และออกแรงสะบัดอย่างเต็มเหนี่ยวอีกครั้ง แต่ผลที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากเดิมแม้แต่น้อย ระฆังวาเลนไทน์ยังคงอยู่นิ่งเป็นดุษณีอยู่อย่างนั้น
“สงสัยจะมีอิมแพ็คเรื่องความรักไม่มากพอ ฮ่าฮ่า” แทนเอ่ยอย่างติดตลกเมื่อเดินกลับมาสมทบกับเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะพยักเพยิดให้คนอื่นไปลองดูบ้าง เฟี๊ยตเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจก้าวออกไปลองดูอีกคน
เฟี๊ยตเดินตรงไปที่ระฆังนั่นเป็นคนที่สอง เขาพยายามนึกถึงความรักของเขา แต่มันก็ดูจะเลือนรางเหลือเกิน การพยายามจะลั่นระฆังนี่ ทำให้เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้สัมผัสกับความรักมานานมากแล้ว บางทีเขาอาจจะมีโลกส่วนตัวที่สูงไปหน่อย หรือไม่ คนที่เหมาะจะฝ่ากำแพงหนานั่นเข้ามาอาจจะไม่มี
และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไม่มีผิด ความผูกพันในรักของเขาไม่มากพอที่จะคืนชีพวัตถุนั่นได้ หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาคิดไว้อาจจะผิดไปหมดทุกอย่างเลย
“หรือพวกเราจะสันนิษฐานผิด” เสียงของปันแย้งขึ้นทันทีที่เฟี๊ยตเดินมาถึงบริเวณที่ปันและแทนยืนอยู่
“เอาน่า ลองดูก่อน ยังเหลือปันอีกคน อาจจะสำเร็จที่ปันก็ได้นะ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มๆ
“ไม่หรอก เราไม่ลองดีกว่า แทนกับเฟี๊ยตยังทำไม่ได้ เราลองไปก็เสียเวลาเปล่า” ปันบ่ายเบี่ยงขึ้น พร้อมทำท่าจะเดินไปยังร่มไม้ที่ลอซูนั่งพักอยู่
“ไม่เสียเวลามากนักหรอก ถ้าปันยังทำไม่สำเร็จอีกค่อยคิดดูใหม่อีกรอบ บางทีคนที่เสียสละเพื่อรักได้มากที่สุดอาจจะเป็นปันก็ได้นา” แทนพูดพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างดันหลังให้ปันเดินไปที่ระฆังเพื่อทดลองสั่นระฆังนั่นอีกรอบ ปันที่แม้จะดูมีท่าทางอึกอักอย่างรู้สึกได้ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปทดสอบเป็นคนสุดท้ายด้วยดี
“ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาบ่นละกัน”
ปันยืนมองระฆังศักดิ์สิทธิ์อย่างตัดสินใจแน่วแน่ ก่อนจะเริ่มรวบรวมความคิดถึงเรื่องราวความรักที่ผ่านมาของตนเอง ชายหนุ่มทบทวนเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมา เขาเคยรักแค่คนๆ เดียว และเขาคิดว่าเขาก็คงจะรักได้แค่คนๆ เดียวตลอดไป กาลเวลาได้ชักนำให้คนต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเขามากมาย แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึกที่เขามีให้แก่คนๆ หนึ่งได้เลย อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่นำพาให้เขามาผูกพันกับคนๆ หนึ่งได้มากมายขนาดนี้ มากจนที่เขารู้สึกว่าอาจจะมากเท่าที่ชีวิตของคนๆ หนึ่งจะให้ได้ แต่น่าตลกที่เขาไม่อาจแสดงออกความรู้สึกที่มันล้นอยู่ในใจนี้ออกไปได้เลย หลายครั้งที่เขาอิจฉาใครก็ตามที่สามารถทำอะไรได้อย่างใจคิด บางทีเขาอาจจะขี้ขลาดไปเองที่กลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ดีๆ ไป ถ้าปล่อยให้ตัวเองได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการ
ปันสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเดินตรงไปที่ระฆังที่กำลังหลับใหลนั่นอย่างแน่วแน่ มือของเขาเอื้อมไปจับส่วนที่มีไว้สำหรับเคาะให้เกิดเสียง พร้อมกับใจที่เฝ้าแต่นึกถึงหน้าใครคนใดคนหนึ่งที่ตัวเขาเองไม่เคยลบภาพนั้นออกไปจากใจได้เลย
เคร้งงงง เคร้งงงง เคร้งงงง
“ชื่อ Rebirth of St. Valentine (การคืนชีพของเซนต์วาเลนไทน์) ประเภท PC (ไพ่สูงสุด) ลำดับที่ 48 ความสามารถ ใช้เพื่ออธิษฐานเรื่องความรัก”
จากผู้แต่ง : แวบเข้าไปส่องนิยายเรื่องอื่นมา เพราะสงสัยว่าตัวเองทำผิดกฏอะไรหรือเปล่า ห้าห้า เสียเซลฟ์เลย นิยายคนอื่นตอนละห้าหกหน้า นิยายผมหน้านึงสองสามตอน 555
ต้องรีบกดออกแล้วบอกตัวเองว่าเลือกจะแต่งแนวนี้เอง คนอ่านน้อยต้องทำใจ มันไม่ใช่แนวตลาด เอ๊ะ หรือมันเป็นแนวตลาด แต่ผมเขียนไม่ดีเองนะ 555 ปลงๆ