บทที่ 74 February Town
“อย่าลืมนะเฟี๊ยต ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ กลับมาเป็นทีมมายาด้วยกันอีกครั้ง อย่าลืมพวกเราไปเสียก่อนหละ” แทนพูดพลางเขย่าไหล่เขาอย่างไม่แรงนัก ปันที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนสนิทไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขาเป็นพิเศษนอกจากคำอำลาสั้นๆ และส่งสายตาที่ยากจะตีความหมายนั่นมา
ทีมมายาแยกจากกันไหนวันรุ่งขึ้นหลังจากตกลงกันนั้น ตอนแรกเฟี๊ยตจะให้ลอซูพอไปส่งที่เมืองถัดไปตั้งแต่ตอนที่บอกเพื่อนทั้งสองว่าจะแยกตัวไปแล้ว แต่แทนบอกว่าขอเวลาทำใจที่จะต้องจากเพื่อนอีกวันหนึ่ง วันนั้นจึงเป็นวันว่างที่พวกเขาเดินทางเยี่ยมชมหมู่บ้านวาเลนไทน์โดยรอบอย่างละเอียด เฟี๊ยตออกเดินทางเก็บสมุนไพรในหมู่บ้านแห่งนั้นที่มีมากมายกว่าที่เขาคิดนัก ปันและแทนเสนอตัวเป็นลูกมือให้กับเขา ปันรับหน้าที่เป็นทีมมองสำรวจ ทันที่พบต้นไม้แปลกที่น่าสนใจก็จะเรียกเฟี๊ยตทันที เฟี๊ยตทำหน้าที่เป็นคนแยกแยะประเภท ก่อนจะมีแทนที่อาสาเป็นหน่วยใช้แรงงานช่วยชุดมันออกมาจากพื้นดินหรือหักกิ่งมาจากต้นไม้ให้ โดยมีลอซูที่ขอมาเป็นคนนำทางให้ด้วยตัวเอง การเดินทางสั้นๆ นั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไม่มีใครกล่าวถึงการเดินทางในวันรุ่งขึ้นเลยสักคนเดียว
พวกเขาแยกกันตรงทางแยกใกล้ๆ กับระฆังศักดิ์สิทธิ์นั่น ผู้ใหญ่บ้านชรารับหน้าที่ไปส่งปันและแทนที่หมู่บ้านพฤษภาคมด้วยเหตุผลว่าระยะทางนั้นไกลกว่าอยู่สักหน่อย ในขณะที่ฝั่งของเฟี๊ยต หยงที่สูญเสียคนรักไปอย่างไม่ทราบสาเหตุนั้นอาสาตัวจะพาเขาไปส่งที่ทางเชื่อมนั้นเอง หยงแสดงความปราดเปรียวว่องไวสมกับเป็นลูกป่าโดยแท้ ท่าทีอ่อนแอราวกับจะขาดใจในวันนั้นถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด หญิงสาวพาเขามาถึงอุโมงค์ตอนหนึ่งที่เยื้องไปไม่มากจากอุโมงค์ที่เขาเข้ามาในตอนแรก ก่อนที่เธอจะหันหลังมาราวกับว่ามาถึงสุดเขตของหมู่บ้านลึกลับนั่นเสียแล้ว
หยงบอกกับเขาว่าทะลุจากอุโมงค์นี่ไปเพียงไม่เกินสิบห้านาที เขาจะพบกับเมืองกุมภาพันธ์ที่เป็นจุดมุ่งหมายของเขา หยงรับประกันว่าเขาจะไม่มีวันหลงทางในทางเดินนี้แน่นอน เฟี๊ยตไม่ได้ถามหาเหตุผลใดๆ ให้มากความ นอกจากกล่าวขอบคุณและยิ้มให้หยงเท่านั้น
ชายหนุ่มพาตัวเองเข้ามาในอุโมงค์ที่หญิงสาวชาวป่าคนนั้นพาเขามาส่ง เขาเดินไปในทางแคบๆ นั้นอย่างระมัดระวัง หนทางเดินค่อนข้างสว่างราวกับว่าปลายทางออกจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่านั้น เขาเดินไปตามอุโมงค์ที่ไม่มีทางแยกนั้นเลยเพียงไปถึงสิบนาที เขาก็มาพบกับทางเลี้ยวแคบๆ ช่วงหนึ่ง และทันทีที่เขาก้าวไปเหยียบตรงบริเวณทางหักศอกนั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนร่างกายถูกดูดเข้าไปในอีกมิติหนึ่งเหมือนตอนที่เข้าและออกจากวิหารต้นสนนั่นไม่มีผิดเพี้ยน จนเมื่อความรู้สึกแปลกๆ เหล่านั้นจบสิ้นลง เขาสะบัดหน้าไปมาเล็กน้อยอย่างต้องการเรียกสติจากความรู้สึกมึนงงของเขาในตอนนี้ เมื่อเฟี๊ยตหันกลับไป ก็พบว่าเบื้องหลังทางที่เขายืนอยู่เป็นแนวตรงลึกเขาไป ไม่เหมือนกับทางแยกที่เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งได้มาถึงเมื่อกี้เลย ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี เขาทายไว้ไม่ผิดเลย มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สถานที่ที่ห่างกันขนาดนี้จะใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาที มันคงต้องวาร์ปข้ามมิติกันจริงๆ
ชายหนุ่มพาตัวเองทะลุออกมาจากอุโมงค์ลึกลับนั่น หลังจากใช้เวลาเดินต่อไม่ถึงห้านาทีจากทางโค้งที่กลายร่างเป็นทางตรงได้อย่างน่าอัศจรรย์นั้น ทิวทัศน์เบื้องนอกนั้นประกอบไปด้วยที่ราบสูงๆ ต่ำๆ ละลานไปตามระดับสายตา เขาเดินขึ้นไปยังเนินเตี้ยๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับพื้นที่ตอนนั้น ระดับความสูงที่มากขึ้นทำให้เฟี๊ยตมองเห็นได้ระยะไกลและชัดเจนมากขึ้น ทิวทัศน์ที่อยู่ในคลองจักษุในเวลานี้ทำให้เขานึกถึงพื้นที่แถบชนบทของประเทศแถบตะวันตกอย่างใดอย่างนั้น รั้วไม้เตี้ยๆ ทอดยาวไปตามเนินลาดชันเหล่านั้นแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนแบบดูไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไหร่ บนผืนดินกว้างใหญ่เหล่านั้นบรรจุไปด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ มากมายที่เขาไม่คุ้นตา หากจะมีรู้จักอยู่บ้างก็เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือต้นไม้สีทองอร่ามที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นข้าวสาลีที่เรียงตัวเป็นสวยราวกับเป็นพรมที่พริ้วไหวฉะนั้น เขาพาตัวเองเดินไปตามทางที่รั้วไม้เตี้ยๆ เหล่านั้นตีไว้เป็นทางเดินต่อไป ชายหนุ่มกวาดสายตามองบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่กระจายตัวอยู่อย่างประปราย เฟี๊ยตผิวปากอย่างอารมณ์ดี เมื่อมั่นใจว่าตัวเองน่าจะมาถึงเมืองที่เขาตั้งไว้เป็นจุดมุ่งหมายเสียแล้ว
‘ไบเบิ้ล กี่โมงแล้ว’ เฟี๊ยตเอ่ยถามเพื่อนคู่ใจที่เหลือเป็นคนสุดท้ายในเวลานี้
“16.42 นาฬิกา นายท่าน” เสียงดังตอบมาเรียบๆ
‘เมื่อกี้ เราวาร์ปมาใช่ไหม’ เขาเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ
“ไม่ผิดเลยนายท่าน ท่านเข้าใจไม่ผิดเลย” ไบเบิ้ลตอบ
‘การวาร์ปใช้เวลาเท่าไหร่ ไบเบิ้ล’ ชายหนุ่มซัก
“การวาร์ปใช้เวลาเท่ากับเวลาที่ผู้เล่นคนนั้นใช้ในการเดินทางโดยวิธีการใดๆ ก็ตามที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะนี้ วิธีการที่เร็วที่สุดของนายท่าน คือ โดยสารการ์ดนกกระจอกลงพุง ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ช้ามากอยู่ดี” เขาเข้าใจไม่ผิดไปเลย เฟี๊ยตจำได้ว่าเขาแยกจากเพื่อนทั้งสองประมาณเวลาสิบเอ็ดโมงเศษๆ แต่ขณะนี้มันเป็นเวลาเกือบเย็นเสียแล้ว ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองดวงอาทิตย์ดวงโตที่คล้อยต่ำลงทุกที
‘ถ้าเราเดินกลับไปที่อุโมงค์ตอนนี้ เราก็กลับไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นไม่ได้อยู่ดี ถูกไหม ไบเบิ้ล’ เขาเอ่ยทดสอบความเข้าใจขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง
“อย่าว่าแต่กลับไปเลยนายท่าน แม้แต่อุโมงค์ท่านก็จะหามันไม่เจอ ระฆังบอกทางกลับบ้านนั้นมีเพียงแต่สายเลือดวาเลนไทน์เท่านั้นที่ได้ยิน นายท่าน!”
ทิศทัศน์สองข้างทางในเวลานี้เริ่มเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ พื้นที่เกษตรกรรมเริ่มลดน้อยลง และกลายสภาพมาเป็นบ้านเรือนที่ค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะบ้านในเมืองกุมภาพันธ์ค่อนข้างเป็นไปในรูปแบบเดียวกันคือ เป็นบ้านขนาดใหญ่ รูปทรงดูหนาทึบ และส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น สายตาของเฟี๊ยตในเวลานี้กวาดตาพบตึกสูงได้น้อยเหลือเกิน จะเห็นสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นขึ้นมาบ้างก็น่าจะเป็นโบสถ์หรือสถานที่ทางศาสนามากกว่า ชายหนุ่มเริ่มกวาดตามองหาที่พักสำหรับตัวเขาเองในค่ำคืนนี้
‘ที่นี่เมืองกุมภาพันธ์ใช่ไหม’
“ถูกต้อง นายท่าน”
‘ปรกติผู้เล่นที่เดินทางไปยังเมืองอื่น เขาจะหาที่พักกันได้อย่างไร’
“สถานที่เกือบทุกที่ในเกมนี้สามารถใช้เป็นที่พักได้ นายท่าน หากท่านต้องการความสะดวกสบาย โรงแรมจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่จริงจังนัก แนะนำให้ลองเลือกบ้านหรืออาคารที่ชอบสักหลัง และเดินเข้าไปติดต่อขอพัก ทุกที่ในเกมนี้เปิดเป็นที่พักโฮมสเตย์เกือบหมด เพื่อรองรับผู้เล่นจากต่างเมือง ที่สำคัญ ราคาจะถูกกว่าโรงแรมมาก นอกไปจากนั้น ท่านอาจจะได้รับการ์ด หรือข่าวสารดีๆ จากเจ้าบ้านด้วย หากท่านโชคดี นายท่าน” เฟี๊ยตยิ้มกว้างออกมาอย่างรู้สึกดี เขาเดินทางเพียงคนเดียวก็จริง แต่เขาแทบไม่เคยรู้สึกว่าโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง ไบเบิ้ลเป็นเพื่อนคู่คิดที่ดีมาก ในตอนนี้ เขามองว่าไบเบิ้ลมีค่ามากกว่าการ์ดใบหนึ่งมาไกลนัก
สุดท้ายแล้ว เฟี๊ยตก็เลือกที่จะเอื้อมมือผลักไปยังที่พักที่มีหน้าตาเหมือนโรงแรมขนาดเล็กสไตล์คันทรี่หน่อยๆ ตึกทรงอ้วนๆ ป้อมๆ สีน้ำตาลหม่นนี่เหมือนจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่สั่งให้เขาก้าวเท้าเข้าไป
“ยังมีห้องว่างเหลืออยู่ไหมครับ” เฟี๊ยตเดินตรงเข้าไปถามที่หญิงสาวท่าทางใจดีคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนบริเวณเคานเตอร์ที่ลึกเข้าไปในส่วนแผนกต้อนรับ
“มีค่ะ เป็นห้องพักสำหรับ 2 ท่านนะคะ ไม่ทราบจะพักกี่คืนดีคะ” เสียงหวานนั่นตอบพลางคลี่ริมฝีปากโชว์รอยยิ้มอย่างอัธยาศัยดี
“1 คืนก่อนครับ ไว้ถ้าต้องการเพิ่มค่อยมาแจ้งได้ไหมครับ” เฟี๊ยตแจ้งความต้องการ
“ได้ค่ะ” พนักงานคนนั้นตอบกับเขาอย่างมีไมตรี ชายหนุ่มได้รับกุญแจห้อง และคำแนะนำในการเข้าพักต่างๆ หลังจากถูกถามข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ”
“ชั้นใต้ดินของโรงแรมเราเป็นบาร์ขึ้นชื่อของเมืองนี้นะคะ Ultimate Bar เป็นบาร์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ค่ะ ผู้คนต่างๆ แวะเข้ามากินดื่มกันที่นี่อย่างไม่ขาดสาย หนังสือพิมพ์ The Lost News จัดอันดับให้ที่นี่เป็น 1 ใน 10 สถานที่หาข่าวสารที่มีประโยชน์ที่สุดของเกมนะคะ ถ้าคุณว่าง ลองไปพักผ่อนหย่อนใจดูนะคะ คุณอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปมากกว่าที่คิดก็ได้ค่ะ” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยกับเขา สายตาคู่นั้นดูเป็นประกายอย่างบอกไม่ถูก
“บาร์เปิดกี่โมงครับ” เขาเอ่ยถามสั้นๆ พลางแหงนหน้าไปมองที่นาฬิกาติดผนังที่บัดนี้พร้อมใจกันชี้เข็มยาวและเข็มสั้นไปเฉียดกันที่เลข 8
“บาร์เปิด 2 ทุ่มค่ะ นี่ก็เปิดมากว่า 40 นาทีแล้ว อย่าลืมแวะไปนะคะ” หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้เขา ก่อนจะผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอตัว
จากผู้แต่ง : ตอนที่ 75 เพิ่งถึงเมืองที่ 2 ว๊าววววว คำนวนในใจก้อออ 900 ตอนเหนาะๆ ถึงจะจบ ว่าไหม ห้าห้า ช็อก ขอเครียดก่อนนะ ห้าห้า จะมีชีวิตยันจนแต่งจบไหม กร๊ากกกกก
ปล. ขอบคุณทุกกำลังใจที่เมนท์ให้ผมนะครับ ผมอ่านแล้วมีความสุขมากเลย