ตอนที่ 25 Shop for One Having Nothing to Do
“1 4 5 6!” ปริศนาเกม 24 ดังขึ้นจากปากของเจ้าของร้านขายของเล่น ดูจากท่าทางแล้ว เจ้าของปริศนาต้องมั่นใจในตัวเลข 4 ตัวนี้พอสมควร สีหน้านั้นฉายชัดว่าเขาต้องไม่มีทางเอาชนะโจทย์ข้อนี้ได้แน่นอน
เฟี๊ยตเริ่มต้นใช้สมองอย่างฉับไว เมื่อได้ฟังว่าถ้าไขปริศนาได้ภายใน 1 นาทีจะได้การ์ดเพิ่มอีกใบ ทุกวินาทีเป็นเงินเป็นทองสำหรับเขาหมดในเวลานี้ ชายหนุ่มเขียนตัวเลขทั้ง 4 ตัวขึ้นในใจ ก่อนจะสลับกันบวก ลบ คูณ หารกันไปมาอย่างรวดเร็ว
วิธีคลาสิกที่สุดของการเล่นเกม 24 คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเลขที่เหลือเป็น 6 กับ 4 หรือ 8 กับ 3 เพราะเลข 2 คู่นี้จะคูณกันได้ 24 และมักจะเป็นคำตอบส่วนใหญ่ของเกมนี้
‘5 บวก 4 ได้ 9 เอา 9 มาลบ 1 ได้ 8 แล้วจะเหลือ 6 ตัวเดียว แปลว่า 8 กับ 3 ไม่น่าใช่’
‘6 มีอยู่แล้ว แปลว่าต้องทำ 1 4 5 ให้กลายเป็น 4 ก็ไม่น่าทำได้นะ เพราะ 1 กับ 5 จะเป็น 0 ได้อย่างไร’
‘เอ๊ะ แป๊บนะ’ อยู่ดีดีเขาก็เกิดความคิดอะไรวิ่งเข้ามาในหัว สายตาเขาเป็นประกายขึ้นอย่างยินดี
“5 หารด้วย 4 ได้ เศษ 5 ส่วน 4 เอาเศษ 5 ส่วน 4 มาลบด้วย 1 จะเหลือเศษ 1 ส่วน 4 สุดท้ายก็เอา 6 มาหารด้วยเศษ 1 ส่วน 4 จะได้ 24!” เสียงของเฟี๊ยตตะกุกตะกักไปด้วยความดีใจอย่างหยุดไม่ได้
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของปริศนา มีแต่เพียงสีหน้าของชายแก่คนนั้นที่บอกความรู้สึกของเจ้าตัวเป็นอย่างดี ตาทั้งสองข้างที่เบิกกว้างกับปากที่อ้าค้างอยู่อย่างตกใจ!
“ลุง ตกลงมันถูกไหมลุง อย่าทำให้ผมตื่นเต้นสิ” เฟี๊ยตเร่งขอคำตอบอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าของร้านนิ่งไป
“ถูก ถูก นี่เจ้าเป็นคนแรกๆ เลยนะที่ตอบปริศนาของข้าได้ นึกว่าปีนี้จะไม่มีคนเก่งเสียแล้ว ฮ่าฮ่า เก่งถูกใจข้าจริงๆ อื้อหือ ใช้เวลาไปแค่ 23 วินาที ทำลายสถิติใหม่เลยนะเนี่ย” หลังจากที่ชายคนนั้นตั้งสติได้ก็กลับมาหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ
เฟี๊ยตคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจปนภาคภูมิใจ ชายหนุ่มเป็นคนที่ชอบตอบปัญหาเชาวน์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ได้เก่งถึงขนาดไปแข่งขันแล้วได้รางวัลอะไรที่ไหน แต่ออกไปเป็นแนวชอบคิดชอบแก้โจทย์ปัญหาเพื่อความท้าทาย หลายๆ ครั้งที่เขาก็คิดว่าเขาน่าจะดวงดีในเรื่องแบบนี้ซะมากกว่า เพราะไม่ว่าเขาลองสุ่มคิดไปทางไหน ทางนั้นมักจะเป็นทางที่ถูกต้องทุกที
“แปลว่าผมไม่ใช่คนแรกหรอลุง” เขาเอ่ยถาม
“มีคนเคยตอบคำถามได้ แต่ไม่เยอะนักหรอก อีกอย่าง เจ้าเป็นคนแรกที่ตอบปัญหาเกม 24 ได้ ส่วนใหญ่ที่แก้ปริศนาได้จะเป็นคำถามเกมหมากรุกเสียมากกว่า อ๊ะ ตามสัญญา ข้าให้ไพ่เจ้า 3 ใบ ปรกติข้าให้แค่คนละใบเท่านั้น แต่เจ้านับเป็นกรณีพิเศษละกัน ฮ่าฮ่า” เจ้าของปริศนาส่งไพ่ให้เขา 3 ใบ โดยเป็นไพ่สีทอง 1 ใบ และสีน้ำตาลอ่อนอีก 2 ใบ
ชื่อ The Horse of Trojan War (ม้าไม้เมืองทรอย) ประเภท PC (ไพ่สูงสุด) ลำดับที่ 60 ความสามารถ ใช้ในการต่อสู้และการเดินทาง
ชื่อ Cheetah Shoes (รองเท้าชีตาร์) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 4 ความสามารถ ใช้ในการเดินทาง
ชื่อ The Diagnosis of Holmes (การวินิจฉัยของโฮล์มส์) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 4 ความสามารถ ใช้ในการแยกมอนสเตอร์ที่พบว่ามีผู้ผนึกเป็นไพ่ไว้แล้วหรือไม่
“ขอบคุณมากครับลุง” เขายกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรๆ ตั้งใจเคลียร์เกมเข้าหละ ข้าว่าคนอย่างเจ้าน่าจะมีแววไปได้ไกล อ่อ อีกอย่างหนึ่ง ไม่ต้องไปบอกใครเรื่องมาไขปริศนากับข้าแล้วจะได้การ์ดนะ ข้าเบื่อ ขี้เกียจคิดคำถามใหม่ๆ ฮ่าฮ่า” ลุงเจ้าของร้านส่งท้ายอย่างอารมณ์ดี เมื่อเฟี๊ยตเก็บการ์ดเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงตัดสินใจกลับไปที่โรงแรมเพื่อกินอาหารเที่ยงต่อไป
“ผู้เล่น S&P ท้าประลองการต่อสู้กับท่าน ท่านจะตอบรับหรือไม่”
เฟี๊ยตหันไปทางด้านหลังอย่างประหลาดใจ เขาถูกท้าสู้?
ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังออกมาเดินเล่นบริเวณในเมืองเพื่อหาร้านค้าใหม่ๆ ที่ตนยังไม่ได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม ระหว่างที่เขากำลังคิดหาลู่ทางใหม่ๆ ในการค้นหาการ์ดอยู่นั้น เกมคอนโทรลเลอร์ก็ร้องเตือนถึงการท้าสู้ของผู้เล่นอื่นในเกม ซึ่งเมื่อเขาหันกลับไปทางด้านหลังก็เจอกับเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 15 ปีในชุดนักเรียนมัธยมชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพที่คาดว่าน่าจะเป็นที่มาของเสียงนั้น
“ชื่อไรอ่ะน้อง” เขาเอ่ยทัก
“ชะ ชะ” เด็กชายคนนั้นก้มหน้าพึมพำด้วยเสียงไม่ดังนัก
“หา ว่าไงนะน้อง ชื่ออะไรนะ” ชายหนุ่มถามซ้ำเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ชะ ชะ ชะ แชมพูครับ” เฟี๊ยตถึงกับหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไว้ไม่ได้ เด็กผู้ชายหัวเกรียน ไหล่กว้างๆ หน่อย ท่าทางกร่างๆ ค่อนไปทางนักเลง แต่ชื่อน้องแชมพู! ฮาชะมัด ฮ่าฮ่า
“ห้ามขำนะ! จะสู้หรือไม่สู้ก็ว่ามา ยึกยักอยู่นั่นแหละ” เด็กชายโวยวายอย่างเก็บท่าทีเขินอายในชื่อที่แสนน่ารักของตัวเองไว้ไม่มิด
“น้องจะเดิมพันไพ่หรือเปล่า” เขาพูดเป็นการเป็นงานมากขึ้น ด้วยไม่อยากให้เด็กชายรู้สึกเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้ แต่แอบเก็บมาขำต่อไปในใจ ‘ก็ชื่อนี้มันไม่เข้ากับหน้าเถื่อนๆ นี่จริงๆ นี่นา ฮ่าฮ่า’
“เดิมพันสิ ทำไม พี่ไม่กล้าเดิมพันหรอ” แชมพู (ชื่อน่ารักชะมัด ฮ่าฮ่า) เริ่มโวยวาย
“น้องจะเดิมพันอะไรหละ พี่จะได้เลือกไพ่เดิมพันได้ถูก” เฟี๊ยตถามกลับ
“Transparent (มองทะลุ) ไพ่เวทมนตร์ระดับ 4” เด็กชายตอบหลังจากหยุดตัดสินใจไปชั่วครู่
“งั้นพี่เดิมพันด้วย Return (ย้อนกลับ) ไพ่เวทมนตร์ระดับ 4 น้องโอเคไหม” เขายื่นข้อเสนอกลับ
“โอเค”
เขาตกลงกับคู่ต่อสู้เป็นที่เรียบร้อยว่าจะใช้การ์ดในการต่อสู้แค่ใบเดียว (เพราะเขาขี้เกียจคิดกลยุทธ์ในการต่อสู้) ส่วนเด็กชายตัดสินใจใช้ระดับสูงสุดที่แข่งขันเป็นเลเวล 5 ซึ่งเขาก็ตกลง
“Speedy Samurai RELEASE” แชมพูตะโกนเรียก
“Cheetah Shoes RELEASE” เฟี๊ยตตะโกนสั่งเช่นกัน
ทันทีที่เด็กชายเรียกการ์ดออกมา เขาสัมผัสได้เลยว่าแชมพูยังไม่รู้จักการต่อสู้โดยใช้จิตอย่างแน่นอน เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงจักระใดๆ จากเด็กหนุ่มเลย เขายิ้มตรงมุมปาก ด้วยคิดว่าเกมนี้อาจจะจบลงรวดเร็วกว่าที่คิด ชายหนุ่มรวบรวมจิตไปอยู่ที่เท้าทั้งสองข้างที่ขณะนี้สวมรองเท้าลายเสืออยู่ ก่อนจะเหยียบพื้นเป็นจังหวะสเต๊ปการก้าวเท้าตามที่เคยได้ร่ำเรียนมา
“ลอบสังหาร!”
เมื่อแชมพูเอ่ยสั่งการ เฟี๊ยตก็เริ่มต้นบุกในทันที ยังไม่ทันที่ซามูไรแห่งความเร็วจะก้าวเท้าออกมาฆ่าเขาตามคำสั่ง จิตที่อัดแน่นอยู่ที่เท้าทั้งสองข้างกับสเต็ปการเคลื่อนที่ที่แม่นยำก็ได้พาเขามาอยู่ตรงหน้าเจ้าคู่ต่อสู้ถือดาบนั่นเสียแล้ว เขาเกร็งจิตใหม่อย่างรวดเร็วโดยคงจิตส่วนหนึ่งไว้ที่เท้าตามเดิม และแบ่งจิตส่วนใหญ่ไปอยู่ที่มือขวาของเขา ก่อนจะใช้หมัดขวาที่อัดแน่นด้วยจิตจนร้อนขึ้นอย่างรู้สึกได้เสยไปที่คางของเจ้าซามูไรดังกล่าว ร่างคู่ต่อสู้ของเขาลอยขึ้นสูงจากพื้นกว่า 2 เมตร!
ตู้มมมมมมมมม
ยังไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว เกมการประลองนี้ก็จบลงเสียแล้ว แชมพูยืนมองด้วยความงงและตั้งตัวไม่ถูก
เมื่อการ์ดซามูไรแห่งความเร็วลอยกลับมาอยู่ที่มือของเขา แชมพูก็ค้นพบว่าเขาแพ้หลังจากที่การประลองผ่านไปไม่ถึง 30 วินาที
เฟี๊ยตเอาชนะได้อย่างราบคาบและไม่มีที่ติเลย
“การประลองวิชาสิ้นสุด ผู้ชนะคือ Pharmaphiat!”
“ผู้เล่น Pharmaphiat ได้รับไพ่ชื่อ Transparent (มองทะลุ) ประเภท MC (ไพ่เวทมนตร์) ระดับ 4 ความสามารถ ใช้ในการมองทะลุสิ่งกีดขวางระหว่างการต่อสู้ 1 ครั้ง” พร้อมกับที่เสียงประกาศดังขึ้น การ์ดที่เด็กชายเดิมพันไว้ก็ปรากฏที่ช่องใส่การ์ดสำหรับแลกเปลี่ยนท้ายหนังสือของเขา
“โชคดีนะน้อง พี่ไปละ” เฟี๊ยตเอ่ยลาอย่างง่ายๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเพื่อไปทำธุระในเมืองต่อ
“พะ พะ พะ พี่ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พี่เอาชนะได้ไงอ่า พี่ใช้การ์ดเพิ่มพลังโจมตีหรอ” แชมพูรีบวิ่งตามเขามา หลังจากที่เขาหันหลังเดินออกมาจากบริเวณดังกล่าว
“เปล่าหรอก พี่ใช้การ์ดเพิ่มความเร็วเฉยๆ พลังโจมตีเป็นของพี่เองล้วนๆ” เขาตอบพลาง เดินไปพลาง เด็กชายคนนั้นก็ยังเดินตามเขามาเรื่อยๆ
“โหย แปลว่าพี่ก็เก่งระดับที่สู้กับการ์ดได้แล้วสิพี่ ทำไมพี่ไม่ใช่การ์ดต่อสู้หละ อย่างนี้ถ้าพี่บาดเจ็บขึ้นมาทำไงอ่ะ พี่ไม่กลัวเจ็บหรอ” เด็กหนุ่มยังคงถามไม่หยุด
“แชมพู ชีวิตคนเราหนะหวังเพิ่งคนอื่นไม่ได้ตลอดหรอก การ์ดมันเป็นของน้องก็จริง แต่วันหนึ่งมันอาจจะถูกแย่งชิงไป หรืออาจจะถูกคาถาอะไรสักอย่างให้เรียกใช้การ์ดไม่ได้ก็ได้ ถึงวันนั้นน้องจะทำยังไง” เฟี๊ยตหันมาตอบ
“อีกอย่างนะ ถ้าน้องยังเดินตามทางรอยเท้าคนอื่นไปเรื่อยๆ อะนะ น้องไม่มีวันเป็นที่หนึ่งได้หรอก พี่ไม่รู้หรอกว่าน้องมาเล่นเกมนี้เพราะอะไร แต่พี่มาเล่นเกมนี้เพราะพี่อยากชนะ พี่อยากเป็นที่หนึ่ง ถ้าน้องไม่คิดจะแตกต่าง น้องก็ก้าวข้ามผ่านผู้เล่นคนอื่นไปไม่ได้หรอก” เฟี๊ยตถ่ายทอดความรู้สึกของเขาไปอย่างจริงจัง ก่อนจะตัดสินใจเดินต่ออีกครั้ง ด้วยคิดว่าเด็กชายที่ได้คำตอบที่ตนต้องการแล้วจะแยกออกไปทำธุระส่วนตัวเช่นกัน
“พี่ เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยวสิพี่” เจ้าเด็กช่างตื้อยังวิ่งตามเขามาไม่หยุด
“อะไรอีกน้อง” เฟี๊ยตพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดเดิน
“พี่สอนวิชาต่อสู้ให้ผมหน่อยสิ พี่แม่งเป็นไอดอลผมเลยหวะ นะพี่ รับผมเป็นศิษย์หน่อยนะ พี่จะเอาอะไรบอกผม ผมยอมทุกอย่างเลย!” เฟี๊ยตถึงกลับต้องหันไปมองหน้าแชมพูอีกครั้ง เด็กหนุ่มหน้าตางั้นๆ (เฟี๊ยตไม่เคยอนุญาตให้ใครหล่อกว่าตัวเอง ฮ่าฮ่า) ตาสองชั้นนั้นกำลังจ้องมาที่เขา จมูกที่เชิดขึ้นอย่างดื้อรั้น ที่สำคัญ ปากที่กำลังยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย ไอ้เด็กเนี่ยนะจะมาเป็นลูกศิษย์เขา ฝันไปเถอะ!
จากผู้แต่ง : อีกไม่กี่ตอนจะออกไปพจญภัยกันแล้วนะครับ อดทนรออีกนิด จะได้ไปมันกันแล้ววว
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตเลยครับ ที่แต่งอย่างจริงๆจังๆเป็นเรื่องเป็นราว
ผมมีความคิดในหัวมากมายว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวออกมาประมาณไหน แต่งอย่างไร
ยอมรับความคิดในการแต่งออกจะไม่เป็นแนวที่ตลาดต้องการสักเท่าไหร่
โดยส่วนตัวเพราะอยากอ่านแนวนี้ แต่หาอ่านยาก เลยแต่งมันเองสะเลย
ผมกลัวแรงใจจะหมดจังเลยครับ
ผมกลัวจะมาลงทุกวันไม่ไหวเหมือนเดิมจังเลยครับ
ยอมรับว่าผมค่อนข้างจริงจังกับการแต่งพอสมควร
แต่งออกมาก็อยากให้เรื่องราวและภาษาดีที่สุด
บางวันแก้แล้วแก้อีก ได้แค่บทเดียว 555
แต่มันก็เป็นแนวทางที่เราเลือกเดินเองใช่มั้ยครับ
เราก็ควรจะเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง
และไปเท่าที่ใจเราจะพาเราไปให้ไกลที่สุด ถูกต้องหรือเปล่าครับ
ส่วนล่างสุดนี่ไม่ต้องสนใจมากนะครับ 555 แค่อยากบ่นอยากระบายเฉยๆ 555