ตอนที่ 5 นอน
ตุ้บ! ปุณณ์สะดุ้งตื่นทันทีเมื่อมีท่อน … เอ่อท่อนขาพาดอยู่บนตัว ก่อนจะหันไปมองเจ้าของท่อนขา หันไปแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นพิชนอนขดตัวซุกเข้ามาในอ้อมแขนตัวเอง แถมยังยกขาก่ายเรียบร้อย
“ท่านอนเด็กมหาลัยหรือไงเนี่ย …”
ปุณณ์พึมพำด้วยความละเหี่ยเพลียใจ คงเพราะความบังเอิญที่ตัวเองชอบนอนตะแคงแล้ววางแขนราบไปบนพื้นเตียง ส่วนอีกคนก็น่าจะชอบนอนขดตัว มันเลยกลายเป็นมาหนุนแขนเขาแล้วซุกอกแทน จะดึงออกก็คงไม่ดี เออเอาว่ะคิดซะว่านอนกับไอ้ปัณณ์
“งืม … แจ้บ …”
ปุณณ์หลุดขำออกมาเบาๆ ไอ้เด็กกวนตีนเวลานอนนี่มันหมดฤทธิ์จริงๆ กลายเป็นลูกแมวเชื่องนอนขยี้หูขยี้ตาตัวเอง เด็กน้อยชะมัด!
ปุณณ์ยกมือขึ้นปัดปอยผมที่หล่นลงมาปิดหน้าอีกฝ่ายออกเผยใบหน้าเรียวคมสีแทนสวย จมูกโด่งไม่มากแต่กลับทำให้ไอ้เด็กบ้านี้ดูหล่อ อืม .. มันมีรอยแผลเป็นจางๆตรงข้างคิ้วซ้าย
พลั่ก!
“โอ๊ย !!!!!!!!!!”
ปุณณ์รู้ตัวอีกทีก็มานอนแผ่หลาอยู่ข้างเตียง จ้องมองเพดานสีขาวก่อนจะสลัดหัวเบาๆเพื่อเรียกสติ … ไอ้เด็กบ้านั่นมับถีบเขา!
“ใครตายวะ!!!!!!!!!”
“ฉันนี่ล่ะจะตาย !”
ปุณณ์พยุงตัวเองขึ้นมา มือกุมหน้าท้องที่โดดถีบ แม่ง …ที่เดียวกับที่มันถีบเมื่อตอนกลางวัน! และแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนขดด้วยความเจ็บบนเตียง
“คุณ! ตัวเอง … ตัวเองลงไปนอนบนพื้นทำไมเมื่อกี๊”
ปัณณ์ที่ลุกขึ้นนั่งอ้าปากหาวหันมาถามปุณณ์
“ที่รัก … เอามีดมาแทงกระสวกฆ่าหั่นศพกันเลยเถอะ อูย …”
“คุณ .. เป็นอะไรอ่ะ อย่าบอกนะ …. จะคลอดลูก?”
“ไอ้บ้า! ใครให้นายมาถีบฉันหา !!! โอ้ย … เจ็บ …”
พิชพลิกตัวปุณณ์นอนหงายเลิกเสื้อยืดที่ปุณณ์ใส่อยู่ขึ้นดูหน้าท้อง ซิกแพคที่ไม่เยอะไปไม่น้อยไปของปุณณ์ยังมีรอยช้ำอยู่ แต่ไม่ได้ขยายวงมากกว่าเดิม … อืม
“น่าจะยังไม่ตายนะที่รัก เอาน่า ไกลหัวใจ นอนต่อๆ”
“ไอ้บ้า! เป็นหมอรึไงถึงรู้ว่าจะตายไม่ตาย?”
“โห่คุณ ผมเคยเจอเยอะกว่านี้ยังไม่ตายเลย ของคุณแค่นี้จิ๊บๆ เนี่ยดูดิ กล้ามหน้าท้องคุณแข็งแรงออกน่า อาจจะช้ำเฉยๆ เชื่อผมสิ”
ว่าแล้วก็ตีมือแปะแปะลงบนท้องปุณณ์ แม้จะไม่ได้ตรงที่ช้ำก็เถอะ แต่ปุณณ์ก็รีบปัดมือออก ดึงเสื้อลงปิดพุง ถึงจะไม่เจ็บแต่ป้องกันไว้ก่อน แค่นี้ก็ช้ำเลือดช้ำหนองไปทั้งตัว อนาคตในวงการบันเทิงอาจจะดับวูบไม่ทันตั้งตัว
“ว่าแต่ ทำไมคุณมีกล้ามหน้าท้องด้วย? ว่าจะถามหลายรอบแล้ว เป็นนักร้องนี่ออกแรงเยอะหรอคุณ”
“ก็ต้องเต้น ซ้อมทีเป็นสิบชั่วโมงต่อกัน มันก็เหมือนออกกำลังกายนั่นล่ะ บริษัทเขาก็จัดโปรแกรมฟิตเนสด้วย กล้ามหน้าท้องแข็งแรงก็มีพลังร้องเพลงเยอะ กล้ามแขนก็มี เต้นจนกล้ามขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับพวกเล่นกล้ามหรอก อันนั้นมีเรื่องการกินเข้ามาเกี่ยวด้วย สำหรับคนเล่นกล้ามโดยเฉพาะ แต่อันนี้มีเองจากการซ้อมเต้นล้วนๆ อิจฉาอ่ะดิ?”
“ก็ต้องมีมั้ง ผมเตะบอลก็จริงแต่ก็ไม่ขนาดมีซิคแพคแบบคุณ มีแค่โฟร์แพคอยู่เลย สงสัยต้องฟิตบ้างละ ช่วงนี้หย่อนๆยังไงไม่รู้ ฮ้าว … ง่วงว่ะ”
พิชทิ้งตัวลงนอนอีกฝั่งดึงหมอนข้างมาก่ายตะแคงหันหน้าสบตาปุณณ์
“อะไร?”
“ผม … ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกผิดต่อคุณ เจ็บตัวเพราะผมตลอด”
“ใช่! เจอนายสองวันฉันแทบจะไปวัดตัวจองโลงศพได้เลย”
“แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคุณ มัน .. สุดวิสัย อย่าโกรธผมนะคุณ เก๊าก๋อโต๊ะนะตัวเอง”
“โถ่ทำหน้าไม่เข้ากับตัวเองเล้ย! นี่แน่ะ”
พลั่ก!
“โอ้ย! คุณเอาหมอนมาฟาดหน้าผมทำไมเนี่ย ดั้งหักจะทำยังไงคุณ ยิ่งมีน้อยๆอยู่ หนอย.. นึกว่าผมจะยอมหรอ ศึกนี้ต้องเอาให้ตายไปข้าง!”
พิชที่เลิกสำนึกผิดเรียบร้อยคว้าหมอนฟาดใส่ปุณณ์กลับ แต่ก็ระวังไม่ให้โดนท้องหรือหลัง ก็ไปฟาดขาฟาดหน้าแทน ปุณณ์ก็ไม่ยอม จับผ้าห่มคลี่ออกโยนคลุมหัวพิชแล้วกระโดดทับ
“โอ้ยคุณ ปล่อยผมมมม”
“หึหึ ยอมเรียกข้าว่าท่านชายแล้วข้าจะยอมปล่อยเจ้า !”
“โอ้ยยย ข้าน้อยสมควรตาย กรุณาปล่อยข้าไปเถอะท่านชาย อุ้บส์ … ก๊ากกก โตป่านนี้ยังอยากเป็นท่านชายอีกหรอคุณ เพ้อเจ้อ อั่ก! กระโดดทับผมทำไมเนี่ยยยยยยยยย”
“กล้าว่าท่านชายต้องโดนทำโทษ! นี่แหน่ะๆ”
ปุณณ์ขย่มตัวกระแทกลงใส่คนใต้ผ้าห่มแรงๆ จนกระทั่งพิชขวนขวายหาทางเอาหน้าพ้นออกจากผ้าห่มได้ ก็รีบอ้าปากสูดหายใจเข้าปอด
“พอ .. คุณ .. ผมยอมแพ้ .. โอย .. จะตายแล้วครับคุณ ลงไปจากตัวผมเหอะ … แฮ่ก ..”
ปุณณ์เขยิบลงมาจากตัวพิช มานั่งขำก๊ากอยู่ข้างๆ คนพึ่งรอดตายก็รีบดึงผ้าห่มออก นอนแผ่หลาสูดหายใจเข้าปอด
“สนุกหรอคุณ .. นึกว่าตัวเองตัวเท่าหมีคิตตี้ เบาราวปุยนุ่นสำลีปลิดปลิวรึไงครับ”
“มันมีที่ไหนน่ะหมีคิดตี้ คิตตี้เป็นแมวต่างหาก”
“เออนั่นล่ะคุณ หมา หมี หมู แมว เหมือนๆกันหมดนั่นล่ะ … โอยผมรอดชีวิตแล้ว”
“เวอร์ ไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“แต่จะตายเพราะขาดอากาศหายใจล่ะคุณ นี่คุณแก้แค้นผมใช่มั้ย?”
พิชยกคอขึ้นมาขมวดคิ้งใส่ปุณณ์ แต่แล้วก็โดนปุณณ์ดีดหน้าผากทำให้ต้องลงไปนอนเหมือนเดิม
“แอ่ก!”
“เวอร์ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไม่มีเรียนรึไง”
“มีดิ เออว่ะ มีเรียนเช้า เจ็ดโมงครึ่ง ! ถ้าผมไปสายคุณรับผิดชอบเลยนะครับ วิชานี้อาจารย์ยิ่งเคี่ยวลากดิน ใจหิน ให้คะแนนยากมาก”
“นี่ ฉันทำผิดอะไร? ทำไมต้องรับผิดชอบด้วย นอนอยู่ดีๆโดนนายถีบตกเตียงยังไม่พูดเลย !”
“นี่ไง พูดอยู่นี่ไงครับ โธ่คุณ … มาชวนผมเล่นตีหมอนตอนตี .. ตีเท่าไหร่วะ เออน่าจะตีสองตีสามเนี่ยครับ”
“ใครชวน? ไม่มี้ แล้วมาเล่นด้วยทำไม”
“กลัวคุณเหงาไหง เห็นมั้ยตัวเองเก๊ามีน้ำใจกับตัวเองนะ แล้วตัวเองมากระโดดทับเก๊าเกือบตายทำไม เสียใจจุง”
“โถ่ที่รัก รักรุนแรงอ่ะเข้าใจมั้ย?”
“เข้าใจ เพราะเก๊ารักตัวเองมากไง เลยทั้งถีบทั้งทำตัวเองบอบช้ำไปทั้งตัว จำไว้นะนี่ล่ะเขาเรียกพลังแห่งรัก ซึ้งมั้ยล่ะตัวเอง”
เข้าตัว! ปุณณ์ถึงกับไปต่อไม่ถูก ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อพิชทำหน้าเยาะเย้ยแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวนอนตะแคงหันหลังให้อย่างผู้ชนะ…
หนอยย … ไอ้เด็กบ้าเอ้ย!
“คุณๆ ตื่นๆ เร็วววว สายแล้วครับ ด่วนๆ”
“หือ .. อะไรวะ ฮ้าววววว”
ปุณณ์สลึมสลือขึ้นมาก็เห็นไอ้เด็กช่างมันวิ่งไปวิ่งมาคว้าเสื้อผ้าจากตู้มาใส่ ยังไม่ทันติดกระดุมครบก็หยิบเข็มขัดหนังมาคาดเอว แล้วก็คว้าถุงเท้ามาใส่ ก่อนจะเริ่มติดกระดุมเสื้อเป็นอันปิดฉาก อ้อ ยัดชายเสื้อเข้ากางเกงด้วย
“ชิบหายละแม่ง สายแล้วๆ อ๊ากกกก ประไพศรีฆ่ามึงแน่เลยไอ้พิชเอ้ยยยย”
พิชบ่นไปก็ติดกระดุมไปแล้วก็วิ่งข้ามห้องไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบแป้งฝุ่นธรรมดานี่ล่ะประโคมไปบนใบหน้าตบไปตบมาให้ใบหน้าเนียน หยิบหวีมาหวีเสยผมอันเดอร์คัทของมันลวกๆ แต่ผมมันก็ยังไม่เป็นทรงชี้โบ้ชี้เบ้
“เซ็ตดิ”
“ไม่ทันละคุณ อาจารย์วิชานี้แม่งโหด สายห้านาทีล็อคห้อง วันนี้มีพรีเซ็นต์งานด้วย เรียนเจ็ดโมงครึ่งแล้วงานดันเยอะด้วยนะ
ลำบากโคตรๆเลยครับ”
พิชพูดจบก็ไม่รอคำตอบของปุณณ์แต่อย่างใด เอามือเสยผมลวกๆ วิ่งข้ามห้องไปอีกห้องนอนที่ทำเป็นห้องทำงาน ปุณณ์ได้ยินเสียงคนคุ้ยหาของอะไรสักอย่างจากนั้นพิชก็วิ่งกลับมาพร้อมแฟ้มในมือ
“คุณ จะออกไปกี่โมง ? มีงานหรือเปล่าครับ”
“มี ตอนนี้กี่โมงละ?”
“หกครึ่ง”
“ทันมั้ย?”
“ไม่ขับเองอ่ะทัน ไปเอ็มอาร์ทีเอา ใต้ดินมันมีสถานีใกล้มหาลัย เดี๋ยวไปโบกวินต่อ น่าจะถึงก่อนเริ่มเรียนกสักสิบนาที ทำไมอ่ะ”
“งั้นมานั่งนี่ เดี๋ยวจัดการให้ สองนาทีหล่อเลย”
ปุณณ์ตบเตียงข้างตัวก่อนจะลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบแว๊กซ์ออกมาเปิดฝา จัดการป้ายแว็กซ์ใส่มือแล้วเดินมาหาคนที่นั่งรอบนเตียง แล้วจัดการละเลงหัวพิชไปมา สักพักก็ขยับออกพร้อมกับยักคิ้ว
“หล่อละ”
“ไหน … โอ้โห เจ๋งว่ะ ผมเคยลองทำนะแต่มันไม่พอง มันแฟบๆ นี่ทรงเดียวกับคราวก่อนที่คุณทำใช่มั้ยครับ?”
“แม่นแล้ว เสยผมเปิดหน้ามันทำให้เห็นเหลี่ยมคมหน้าชัด แต่ถ้าไม่พองก็กากเลย”
พิชมองผมตัวเองในกระจก ที่ผมยาวถูกเสยเป็นทรงเปิดหน้าผากไปด้านหลังพองขึ้นในระดับพอดี สมกับเป็นศิลปินคงมีสกิลเรื่องการแต่งตัวติดมาเยอะ
“คุณไปหัดมาจากไหนอ่ะครับ”
“เวลาออกงาน ช่างเขาทำให้ก็ลองถามๆวิธีมาฝึกดู ทำไงได้ก็ต้องเซ็ตผมนี่หว่า เวลาไปทำงานบางทีงานมันเร่ง มันรีบก็ต้องทำ
เองบ้าง ยิ่งทรงอันเดอร์คัตด้วยไม่เซ็ตนี้ชี้โด่เด่อย่างกับเรดาห์เทเลทับบี้”
“เออเนอะ งั้นผมไปก่อนนะคุณ ตกลงคุณมีงานกี่โมงอ่ะ?”
“เที่ยง ไปวัดตัว เตรียมถ่ายแบบเสื้อผ้าซีซั่นใหม่ของแบรนด์ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่”
“อ้อ … เอารถผมไปใช้ปะ ผมจะไปเอ็มอาร์ที ตอนเย็นค่อยเอามาคืนผมก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวนั่งแท็กไป วันนี้จะกลับบ้านด้วย”
พิชพยักหน้ารับรู้ก่อนจะคว้ามือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกระเป๋าตังค์มาเปิดส่งแบงค์พันหนึ่งใบให้ปุณณ์ แต่ปุณณ์กลับทำหน้างง เลยจัดการจับมือปุณณ์ขึ้นมาแล้วยัดแบงค์พันลงไป
“ก็คุณไม่มีตัง ผมให้ยืม ค่อยเอามาคืน ไปล้ะ คีย์การ์ดสำรองอยู่ลิ้นชักโต๊ะหน้าทีวีนะครับ”
ว่าจบก็เดินตัวปลิวจากไป ทิ้งปุณณ์ไว้คนเดียวอีกครั้ง เอาวะ อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยง นอนต่อดีกว่า! ตัดสินใจจบปุณณ์ก็พาตัวเองไปนอนต่อ
“อ้าว คุณ ยังไม่ไปทำงานหรอ”
ปุณณ์งัวเงียขึ้นมาอีกครั้ง ลืมตามองก็เห็นเจ้าของห้องกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ขอบเตียงหันมาจ้องมองเขา มันเรียนเสร็จแล้ว?
“หือ … หาว … กี่โมงแล้วล่ะ”
“สิบครึ่งครับ หิวข้าวมั้ย? เอาไรมั้ยคุณ ไข่เจียว ไข่ดาวก็มีนะ”
“หา … อ่อ ไม่ต้อง ง่วงว่ะ”
“พอ จะนอนกินบ้านกินเมืองหรอคุณ ตะวันส่องก้นแล้วครับ ตื่นๆ ไปอาบน้ำไป แล้วนี่ต้องแต่งตัวดูดีหน่อยมั้ยไปทำงาน ผมจะได้เลือกให้ ไม่ดิ คุณเลือกเองแล้วกัน เสื้อผ้าผมก็มีแต่พวกเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์อ่ะ เลือกๆแล้วกันคุณ ผมไปกินข้าวก่อน”
“แต๊งๆ”
ปุณณ์ลากตัวเองไปอาบน้ำ ล้างหน้าแปลงฟัน เมื่อคืนสระผมไปแล้วเลยไม่สระอีก จากนั้นก็นุ่งผ้าเช็ดตัวคาดเอวออกมาเปิดตู้ ตัวเท่ากันจะใส่อะไรก็ได้ แต่! แล้วกางเกงในอ่ะ?
“เฮ้ย ยืมบ็อกเซอร์ตัวนึงนะ”
“คร้าบบบบ”
เสียงตะโกนจากห้องครัวกลับมา เป็นอันโอเค ปุณณ์ก็เลือกบ็อกเซอร์สีดำสนิทมาใส่ ก่อนจะเริ่มเลือกเสื้อแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ มันจะไปงานศพใคร? มีแต่สีขาว น้ำเงิน กรมท่า สีดำ สีเทา พวกกางเกงถึงมีบรรดายีนส์ กับพวกกางเกงสามส่วนผู้ชายสียีนส์บ้าง มีเหลือหลุดมาหนึ่งตัวกับสีฟ้า อ้อ … มีชมพูซีดตัวนึง
ปุณณ์เลือกเสื้อยืดคอวีสีเทาหนึ่งในจำนวนเสื้อยืดน้อยตัวกับกางเกงสามส่วนสีเหลืองสดใสแล้วก็เข็มขัดคาดเอวเส้นใหญ่สีดำ เดินมาเซ็ตผมทรงเดียวกับที่เซ็ตให้เจ้าของห้องเมื่อเช้า ถ้าเป็นห้องตัวเองคงจะโบกแป้งพับไปด้วย หรือทาครีมกันแดดที่เป็นเนื้อเบสแล้วลงแป้งฝุ่น ถึงไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นคนของสังคมออกจากห้องก็ต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่มีผลต่อคะแนนนิยม! แต่วันนี้เลือกไม่ได้ ก็เอาวะ แป้งฝุ่นธรรมดานี่ล่ะ
“โอ้โห .. ผมพึ่งรู้ว่าเสื้อตัวนี้มันใส่กับกางเกงตัวนี้ได้ ซื้อมาไม่เคยใส่เลยนะคุณสีเหลืองเนี่ย”
“นี่ใครครับ ? คนหล่อระดับประเทศนะครับ หึหึ”
“พอคุณ เลิกชมตัวเอง เดี๋ยวผมสำรอกไข่ดาวออกมา เสียดายไข่ยิ่งแพง”
“เหอะ มีพวกน้ำผลไม้ปะ? อยากได้พวกวิตามินซี”
“ไม่มีอ่ะ มีแต่โค้กกับน้ำเปล่าแล้วก็เบีร์ยกระป๋อง อ้อๆ … มีนมจืดด้วย ซื้อมากินกับโกโก้ครั้นซ์ พอได้ปะครับ ?”
“เออได้ นมก็ได้ สมเป็นเด็กวิศวะมีแอลกอฮอล์ติดห้อง”
“เอาเองนะคุณ ในตู้เย็น”
ว่าแล้วก็เอาช้อนตักไข่ดาวเข้าปากต่อ ส่วนตาก็ยังจ้องไอแพดที่ใช้เคสตั้งให้แหงขึ้น แล้วก็เอามืออีกข้างจิ้มเกมส์อะไรสักอย่างด้วยความเมามันส์
ไอ้เด็กนี่มันแยกประสาทออกได้ยังไงวะ! คุยไปกินไปเล่นไป นี่มันเด็กยุคใหม่สินะ … ปุณณ์เบ้ปากแล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นรินนมใส่แก้ว เชื่อละที่มันบอกว่ามีแค่น้ำเปล่า โค้ก และ เบีร์ย เพราะนอกจากไข่แล้วมันก็มีเบีร์ยเต็มตู้! โค้กอีกนิดหน่อย และน้ำเปล่าขวดเดียว! อ้อยังมีแกลลอนนมจืดวางแอบอยู่มุมนึง
“อิ่มหรอ”
“เดี๋ยวพี่แบงค์หาให้ เอ่อ ผู้จัดการน่ะ ปกติตอนเช้าไม่กิน ถ้าไม่มีงานตื่นทีก็เวลานี้ล่ะ”
“อ๋อ แล้วจะไปเลยปะครับ? ติดเงินที่ผมให้ไปด้วยนะอย่าลืมๆ เผื่อฉุกเฉิน”
“อ้อ เออแต๊ง เดี๋ยวไปละ”
“เคเค บายคร้าบ”
พิชเงยหน้าขึ้นโบกมือหยอยๆให้ปุณณ์ก่อนจะกลับไปสนใจเกมส์ในไอแพดต่อ ปุณณ์ก็ออกมาเรียกแท็กซี่หน้าคอนโดไปทำงานตามปกติ พอขึ้นรถได้ก็เริ่มกลับมาคิดอีกรอบ … นี่สนิทกับไอ้เด็กช่างนั่นไวไปมั้ยวะ? นี่เขาไม่รู้สึกแปลกๆ อึดอัด ไม่สะดวก หรือลำบากใจ หรือเกรงใจที่ไปนอนห้องมันเลย เสื้อผ้านี่ก็ของมัน เงินนี่ก็ของมัน แม้แต่บอกเซอร์ข้างในก็ของมัน เหลือแต่รองเท้าหนังนี่ล่ะที่เป็นของตัวเอง
…… คุ้นๆว่าเจอกันได้แค่เกือบสองวัน? ห่า .. ทำอย่างกับรู้จักมันมาสองปี! ตกลงมันชื่ออะไรนะ? พิช? พีช พิค? พีค อะไรวะ ประมาณนี้ล่ะ ช่างเหอะ เรียกมันว่าไอ้เด็กช่าง ไอ้เด็กเวร … หรือจะเรียกมันว่า ‘ตัวเอง’ แบบที่มันแกล้งเรียก? หรือจะเรียกมันว่า ‘ที่รัก’ แบบที่แกล้งเรียกมันกลับเหมือนกัน? ช่างแม่ง ค่อยคิด วุ่นวายว่ะ เรียกอะไรก็ช่างเหอะ มันยังไม่เรียกชื่อเขาเลย เรียกแต่คุณ คุณ คุณ
“แล้วกูมานั่งกังวลเรื่องเรียกชื่อทำไมวะเนี่ย!”
- ----------------------------------------------------------------------------- -
-...- ช่วงนี้เป็นช่วงเค้ากำลังสนิทสนมกัน คึคึ เดี๋ยวสักพัก ... เราจะเริ่มมีเหตุการณ์เข้ามา ... ... มาอะไรดีน้า
ตอนหน้าจะพยายามไม่ให้พี่ปุณณ์เจ็บตัวนะคะ สุดหล่อของแม่ยก ช้ำไปหมดแล้ว ฝีมือไอ้น้องพิชคนเดียว