13
ณ พระตำหนักภูพันดาว ที่ประทับองค์นรพยัคฆาภูบดินทร์หลังเกิดเหตุปะทะ ที่นี่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ แม้แต่นกหนูสักตัวยังไม่รอดพ้นสายตา ที่นี่จึงปลอดภัยผิดกับที่หุบเขาลึกห่างไกลจากตรงนี้มากโข
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามาในห้องบรรทมจนผ้าม่านปลิวไสวหากไม่ทำให้วรองค์สูงสนพระทัย ยังคงประทับที่พระเก้าอี้ใกล้หน้าต่างทรงสูงยาวนิ่ง ข้าราชบริพารใกล้ชิดไม่มีผู้ใดกล้าทักท้วง ด้วยท้องฟ้าสีหม่นยามเช้ายังดูดีกว่าวงพักตร์เคร่งเครียดขององค์นรพยัคฆาภูบดินทร์ในยามนี้นักหนา
เสียงขานหน้าห้องบรรทมทำให้ทรงละสายพระเนตรจากทิวทัศน์ด้านนอกกลับมาสนใจนายทหารมหาดเล็กคนสนิทอีกครั้ง
นัมทัคถวายรายงานความคืบหน้าในการค้นหากลุ่มเคอแสนที่ยังไม่กลับมาถึงจุดนัดพบ แม้จะผ่านมาสามวันแล้วก็ตามที
หลังจากเกิดเหตุปะทะในคืนนั้น องครักษ์ก็รีบรุดพาเจ้านรพยัคฆ์พร้อมนายทหารอีกจำนวนหนึ่งเล็ดลอดจากการตามล่าของกลุ่มกบฏจนมาพบกับหน่วยเงาพยัคฆ์ที่ถูกส่งออกมาอย่างเร่งด่วนหลังได้รับรายงาน จากนั้นจึงนำพระองค์ส่งหน่วยแพทย์เพื่อรับการรักษา และเดินทางมายังพระตำหนักภูพันดาวซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนตารกา นายทหารบางส่วนถูกสั่งให้คอยอยู่ที่ฐานลับที่สอง ส่วนหน่วยเงาพยัคฆ์ได้ออกติดตามไปให้การช่วยเหลือกลุ่มเคอแสน
ทว่าเวลาผ่านไปกลับไร้ร่อยรอยของกลุ่มเคอแสน องค์นรพยัคฆ์ที่ได้รับการรักษาจนสามารถกลับมาบังคับบัญชาหน่วยได้ดังเดิม แต่ทรงพระดำเนินได้ไม่สะดวกด้วยบาดแผล และนั่นก็ทำให้นัมทัครู้ดีว่าตอนนี้เจ้าชีวิตของตนมีความรู้สึกอย่างไร หากแต่เวลานั้นเขาไม่สามารถทำตามพระประสงค์ของพระองค์ได้ ถึงรู้ว่าจะต้องถูกลงโทษภายหลังก็ตามที
ความปลอดภัยของพระองค์ต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด!
แม้จะทรงตรัสเสมอว่าทุกชีวิตมีค่าเสมอกัน ทว่าสำหรับเขาแล้วไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นเจ้าเป็นนายแล้วทหารอย่างพวกเขาจะต้องถวายชีวิตให้ แต่เพราะพระองค์คือหนึ่งในผู้นำที่จะพาประเทศที่ยังล้าหลังนี้ไปสู่อนาคตที่ดี ซึ่งคนอย่างพวกเขาไม่มีใครทำได้ แล้วจะให้พวกเขายอมเอาชีวิตพระองค์ท่านไปเสี่ยงได้อย่างไร
สายพระเนตรตวัดมองมหาดเล็กคนสนิทถวายรายงาน ประกายแวววาวในดวงเนตรทำให้นัมทัคลอบกลืนน้ำลายลำบาก
“ทางหน่วยติดตามแจ้งว่าพบร่องรอยการปะทะกันอย่างรุนแรงห่างจากจุดเกิดเหตุแรกไปทางทิศเหนือประมาณสี่สิบกิโลเมตร เราพบรอยเลือดกับปลอกกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก ทางหน่วยแกะรอยสัญลักษณ์ที่กลุ่มเคอแสนทิ้งไว้ไปจนถึงแม่น้ำก็พบจุดปะทะกันอีกครั้ง จากจุดนี้เราพบรอยเลือดบนพื้นมุ่งหน้าย้อนลงทิศใต้ แต่ไม่พบสัญลักษณ์ของกลุ่มเคอแสนอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หน่วยติดตามแบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อย กลุ่มแรกเพื่อข้ามแม่น้ำมุ่งขึ้นเหนือ เพราะคาดว่าเคอแสนอาจจะอ้อมวนขึ้นไปยังฐานลับที่สี่ กลุ่มที่สองตามรอยเลือดลงทิศใต้ด้วยอาจจะเป็นไปได้ว่าเคอแสนจะย้อนรอยกลับมายังฐานลับที่สอง”
ดวงเนตรที่ว่าคมดุอยู่แล้วมาเวลานี้ยิ่งคล้ายกับท้องฟ้ายามมีพายุใหญ่พัดปั่นป่วน นัมทัคถึงกับหยุดหายใจเป็นพักๆก่อนจะถวายผ้าผืนยาวให้พระองค์ทอดพระเนตร
“หน่วยเก็บได้ระหว่างค้นหาพ่ะย่ะค่ะ”
หัตถ์ใหญ่เอื้อมมาหยิบผ้าพันคอผืนน้อยพลางสะท้านในหทัย ทรงจำได้ว่าเป็นของใคร
รอยคราบสีน้ำตาลของเลือดแห้งกรังยิ่งทำให้ต้องสูดพระอัสสาสะโดยแรงเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน
“พบที่ไหน?”
“ใกล้แม่น้ำพ่ะย่ะค่ะ”
“รีบส่งหน่วยติดตามอีกชุดไปค้นหาตามแนวของแม่น้ำ พวกนั้นอาจล่องมาตามแม่น้ำ แล้วอาจจะขึ้นฝั่งที่จุดไหนสักที่...เอาแผนที่แถบนั้นมาเร็ว!” เจ้าเสือน้อยขมวดขนงย่น “และรอยที่ย้อนกลับลงมาทางใต้ บางทีอาจเป็นพวกกลุ่มกบฏ”
นัมทัครีบดำเนินการตามประสงค์ แม้พระองค์จะไม่สามารถขยับพระเพลาได้สะดวก หากพระกรของท่านว่องไวยิ่งยามลากดัชนีไปตามแผนที่เพื่อหาจุดที่คาดว่ากลุ่มเคอแสนจะขึ้นฝั่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังฐานลับ
การสั่งการสิ้นสุดลง องค์นรพยัคฆ์จึงผินพักตร์ไปยังทิวทัศน์นอกที่ประทับไกลสุดลูกหูลูกตา ภูเขาสูงต่ำขวางกั้นสายพระเนตรไม่ให้พระองค์เห็นคนที่ต้องการพบมากที่สุด
หัตถ์ใหญ่กำเข้าหากันแน่นจนเส้นพระโลหิตปูดโปน ขอให้การคาดคะเนของพระองค์ครั้งนี้แม่นยำด้วยเถอะ!
นพรัตน์เงยหน้ามองท้องฟ้าขมุกขมัวยามตะวันทอแสงแรงแต่ก็ยังหนาวเหน็บจับจิต พวกเขาก่อไฟกองเล็กๆเพื่อบรรเทาความหนาว เสื้อผ้าที่เคยให้ความอบอุ่นตอนนี้ถูกพาดตากแดดไว้บนก้อนหินใหญ่เพราะเปียกน้ำโชก บนเนื้อตัวแต่ละคนเหลือแต่เสื้อผ้าบางๆใส่กันอุจาดตา
ใบหน้าของนายทหารแต่ละนายดูอิดโรยอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ดวงตาพวกเขายังคงสู้ไม่ถอย ทำให้นพรัตน์มีแรงใจจะสู้จนถึงที่สุดเช่นกัน
ดวงตาแดงก่ำมองนิ้วเท้าตัวเองที่ตอนนี้พุพองเขียวช้ำปวดตุบๆ ความร้อนรุมเร้าที่หน้าผาก แม้กระทั่งลมหายใจตัวเองก็ยังร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ชัดเจน เขากำลังมีไข้แต่ก็ต้องอดทนเมื่อมองไปยังพวกพ้อง เคอแสนถูกกระสุนปืนถากที่เอว บาดแผลค่อนข้างลึก นายทหารอีกคนก็ถูกกระสุนฝั่งในบริเวณไหล่ เลือดยังไหลซึม
นพรัตน์กดหูตัวเองเพราะรู้สึกอื้ออึงคล้ายฟังอะไรไม่ถนัดจากเสียงปืนที่ดังอยู่ใกล้ตัวเกินไป เขารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะกระสุนนัดแรกผิดเป้าทำให้เขามีเวลาก้มหมอบคลานศอกไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ ช่วยกำบังวิถีกระสุนได้ดี
การปะทะครั้งหลังสุดรุนแรงและประชิดตัวจนพวกเขาตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำในความมืดเพื่อหลบหนี สายน้ำแรงพัดพวกเขาไปไกลในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงตะเกียกตะกายหาขอนไม้ใหญ่ลอยน้ำอาศัยล่องแม่น้ำในความมืดจนเช้าจึงขึ้นฝั่งที่จุดอับสายตา
ทุกคนสะบักสะบอมและหนาวเหน็บจนสั่นเป็นเจ้าเข้า อาหารประทังชีวิตคือยอดไม้ใบหญ้าที่พอจะหาทานได้ ทำให้ขาดแหล่งพลังงานอย่างมาก ตอนนี้นายทหารที่ยังมีแรงจึงเดินดุ่มๆพร้อมไม้ปลายแหลมแทนฉมวกหาทำเลเหมาะๆในการแทงปลาที่มีอยู่มากบนต้นน้ำสายใหญ่แห่งนี้
“เป็นยังไงบ้างครับคุณ?” เคอแสนที่หน้าซีดปากเขียวขยับเข้ามาใกล้ร่างโปร่งที่ส่ายหน้าตอบ
“พอทนครับ แต่คุณเคอแสนสิ แผลแช่น้ำนานขนาดนั้น ตอนนี้มีไข้รึเปล่า?” นพรัตนไม่พูดเปล่าแต่ยังยื่นมือไปอังหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้ ทำให้นายทหารมหาดเล็กคนสนิทของเจ้านรพยัคฆาภูบดีถึงกับชะงักตกใจ
“อะ...เออ...ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“เป็นครับ” นพรัตน์นิ่วหน้า “ไข้สูงมากเลย ยังมียาอยู่หรือเปล่าครับ?”
“มี...มีครับ” เคอแสนค้นยาในกระเป๋ากางเกงซึ่งอยู่ในซองพลาสติกเล็กส่งให้นพรัตน์แทน “คุณก็มีไข้ ทานยาก่อนครับ”
นพรัตน์รับซองยาที่เหลือเพียงเม็ดเดียวมาดู ก่อนยื่นส่งกลับคนให้ “คุณเคอแสนทานเถอะครับ ผมเป็นไม่มาก เดี๋ยวพอเสื้อผ้าแห้งก็คงดีขึ้น”
“คุณทานก่อนเถอะครับ ที่นายทหารคนอื่นยังมียาอีก”
นพรัตน์มองใบหน้าซีดขยับปากแห้งแตกเอ่ยเสียงพร่าแล้วจึงเม้มริมฝีปาก “งั้นเดี๋ยวผมไปเอาที่คนอื่นเอง เม็ดนี้ให้คุณเคอแสนทาน”
เคอแสนถึงกับสะอึกกับคำตอบของอีกฝ่าย สายตาไหววูบเพราะเขากำลังโกหกคนตรงหน้า ยาเม็ดนี้เป็นเม็ดสุดท้ายแล้ว แต่คนๆนี้คือคนสำคัญของเจ้าชีวิตของเขา แล้วเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายมาเสี่ยงได้ยังไง
กระต่ายเมืองกรุงที่ตอนนี้เริ่มกลายร่างเป็นแมวป่าส่งสายตาดุดันบังคับจ่อยาที่ริมฝีปากอีกฝ่ายแน่วแน่ “มันจะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อคุณกินมันนะครับ”
เคอแสนย่อมกลืนยาขมเม็ดสุดท้ายลงคอพร้อมกับอะไรบ้างอย่างที่เอ่อล้นอยู่ในหัวใจเต็มปรี่ คนตัวขาวที่ตอนนี้มีแต่รอยขีดข่วนบนร่างกาย ช้ำไปทั้งเนื้อทั้งตัวแต่หัวใจไม่ได้ถูกทำร้ายทำลายให้ช้ำเปื้อนเป็นสีดำไปด้วย
วันหนึ่งหัวใจดวงนี้จะเป็นดวงเดียวที่คอยดูแลและปกป้องผู้ดูแลผืนแผ่นดินกว้างใหญ่แห่งนี้ให้มีที่พักพิงท่ามกลางผู้คนนับแสนนับล้าน
กองไฟถูกกลบลงอย่างรวดเร็วเมื่อหมดความจำเป็น ปลาย่างถูกแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง พวกเขารีบทานแล้วรีบเดินเท้าไปตามแนวพุ่มไม้หนาเพื่อพรางตัว
“หลังจากนี้เราจะลัดเลาะตามแนวแม่น้ำไป ถ้าไม่ถูกตามประกบ อีกไม่กี่วันจะไปถึงแนวเขตหมู่บ้าน ที่นั้นเราจะติดต่อหน่วยอื่นๆได้” เคอแสนเอ่ยบอก
นพรัตน์พยักหน้าจากนั้นจึงพากันประคับประคองเพื่อนร่วมตายลัดเลาะไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้
ผ่านไปร่วมอาทิตย์ ความคืบหน้าในการติดตามหานพรัตน์ยังคงเงียบ แต่ทีมแกะรอยที่มุ่งหน้าลงใต้ได้ปะทะกับกลุ่มกบฏและสามารถจัดการรวบทุกคนเข้ามาสอบสวนได้ความว่า หลังจากการปะทะกับกลุ่มเคอแสนที่ริมแม่น้ำ พวกมันก็ตัดสินใจกลับฐานที่มั่นเพราะอาวุธเหลือน้อยเต็มที่
เจ้านรพยัคฆ์ทรงคาดการณ์ถูก จึงระดมหน่วยค้นหาไปยังเส้นทางของแม่น้ำ แต่คล้ายพวกเขาหายตัวกันไปเฉยๆ แม้แต่หน่วยแกะรอยที่ชำนาญก็ยังทำงานได้ช้าจนเจ้านรพยัคฆ์ประทับไม่ติดที่ เพราะถึงหน่วยติดตามจะเจอร่องรอยริมแม่น้ำเล็กๆน้อยๆ ซึ่งบอกได้ว่ามีกลุ่มคนมาพัก และพวกเขาก็ตามมาถูกทางแล้ว หากเมื่อเดินลัดเลาะตามทิศทางของแม่น้ำจนพบหมู่บ้านดังที่เจ้านรพยัคฆ์ได้คาดการณ์ไว้ พวกเขาจะต้องเจอหรือพบเบาะแสของกลุ่มเคอแสน แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คาด เมื่อร่องรอยทั้งหมดหายไปที่หมู่บ้านนี้เอง
“ทำไมพวกเขามาถึงหมู่บ้านแล้วไม่แจ้งหน่วยล่ะ จะได้เข้าไปช่วยเหลือ?” สมเด็จพระราชาธิบดีตรัสกับเจ้าน้อง
“หม่อมฉันคาดว่าพวกเขาคงเจอกลุ่มคนที่ไม่น่าไว้ใจจึงต้องผละจากไปที่อื่น”
“ก็น่าจะทิ้งรหัสอะไรไว้บ้าง” สมเด็จพระราชาธิบดีหรือสมญานามว่าองค์หมีใหญ่ตามพระนามลำลองตรัสอย่างใช้ความคิด
แม้วรองค์ของสมเด็จพระเจ้าฟ้ารุ่งนฤเบศน์จะสูงโปร่งไม่แลดูบึกบึนเหมือนเจ้าน้อง หากข้าราชบริพารใกล้ชิดรู้ดีว่าพระองค์เคยผ่านการรบมาอย่างโชกโชนเมื่อครั้งยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ จากการนำกองกำลังเข้าบุกกวาดล้างกลุ่มก่อความไม่สงบแถบชายแดนเทือกเขาสูงอยู่แรมเดือน และกลับออกมาพร้อมความสำเร็จ
เจ้านรพยัคฆ์ลอบถอนปัสสาสะเบา นั่นสิ! อะไรจะลบร่องรอยได้ดีขนาดนี้ ดีชนิดที่ว่าพวกเดียวกันเองยังตามหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าพระองค์ควรตบรางวัลเคอแสนหรือจะลงโทษดีเมื่อเจอ เมื่อเจอนะ!
หากตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นจะดิ้นรนหาทางติดต่อศูนย์บัญชาการได้ทางใด ในเมื่อตามเส้นทางมีทั้งคนที่แฝงตัวทำงานเป็นสายให้กับอีกฝ่ายและสายข่าวของเรา แล้วจะเชื่อใจใครได้ เคอแสนคงไม่คิดเอานพรัตน์ไปเสี่ยงเป็นแน่ถึงได้กลบร่องรอยเสียมิดชิด ไม่ทิ้งรหัสอะไรเอาไว้เลย
สมเด็จองค์หมีใหญ่เห็นอากัปกิริยาเคร่งเครียดของเจ้าน้องทำให้ทรงเป็นกังวล ความสุขุมเยือกเย็นของอีกฝ่ายถูกสั่นคลอนให้เห็นลางๆ
“ทางหน่วยออกค้นหาเต็มกำลังแล้วนะเสือน้อย ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเหล่านั้น หรือจะดึงกำลังส่วนอื่นออกติดตามเพิ่มดี”
เจ้าน้องเม้มโอษฐ์ประสานดวงเนตรของเจ้าพี่ผู้มีสายโลหิตร่วมกันเพียงองค์เดียว “ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้พ่ะย่ะค่ะ” เสียงระบายลมหายใจหนักยาวดังขึ้น “อย่าวัดใจผมด้วยการนี้เลย แผ่นดินนี้มีค่าเหนือหัวใจผมเสมอ”
พระหทัยองค์พี่กระตุกแรงก่อนจะถอนพระปัสสาสะแรงเช่นกัน “เข้าใจผิดแล้วเสือน้อย เพราะถ้าไม่มีหัวใจแผ่นดินนี้ก็ไร้ความหมายสิ” โอษฐ์เรียวงามแย้มขึ้น “เพราะฉะนั้น หัวใจและแผ่นดินต้องอยู่คู่กันเสมอ”
สมเด็จพระราชาธิบดีตรัสก่อนเรียกนายทหารคนสนิทเข้ามารับคำสั่งที่ทำให้เจ้านรพยัคฆ์ขบพระทนต์แน่น
“เพิ่มกำลังการค้นหาและตั้งด่านทุกจุดที่คาดว่าพวกเขาจะผ่าน หากพบแล้วรีบรายงานกลับมาด่วน...ทุกเวลา!”
“เจ้าพี่!”
เจ้าเสือน้อยมองขุนจอหายลับไปทางช่องประตู ก่อนหันกลับไปมองประมุขของประเทศที่ยังยิ้มเยือกเย็น
“พี่จะตามหาหัวใจของเธอให้เอง”
ประเทศไทย
บรรยากาศเคร่งเครียดอัดแน่นเต็มห้องทำงานของท่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สาเหตุเพราะข่าวลับที่เพิ่งได้รับมาสดๆร้อนๆ เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่ราชอาณาจักรปัญจคีรี มีการปะทะกันอย่างรุนแรงกับพวกกลุ่มกบฏทางตอนใต้ ซึ่งตอนนี้บุตรชายคนเล็กยังท่องเที่ยวอยู่ที่นั่น แม้เลยกำหนดเดินทางกลับมามานานแล้ว แต่เจ้าตัวอีเมล์มาบอกพี่ชายว่าจะอยู่พักผ่อนต่อ ไม่ต้องเป็นห่วง
การติดต่อกันทางเมล์เป็นระยะๆกับครอบครัวทำให้คนเป็นบิดาหายห่วง ปล่อยให้บุตรชายได้พักผ่อนเต็มที่ แต่เวลานี้ไม่ใช่เสียแล้ว ข่าวความไม่สงบที่เล็ดลอดออกมาถึงมือทำให้บิดารีบยกหูโทรศัพท์หาบุตรชายทันที ทว่าเจ้าหน้าที่ทางโรมแรมบอกว่าบุตรชายของตนไปท่องเที่ยวแคว้นใกล้เคียงยังไม่กลับมา ค่าห้องพักก็จ่ายล่วงหน้าไว้หนึ่งเดือน และรับปากจะแจ้งข้อความที่ฝากไว้ให้
ดอกเตอร์อดิศัยครุ่นคิด ถึงแม้จะได้รับรู้ข่าวของบุตรชายทางอีเมล์ทุกระยะ แต่เวลานี้เขาอยากได้ยินเสียงลูกมากกว่าข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบนั้น และต้องการให้ลูกขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยทันที
คนเป็นพ่อโทรศัพท์หาบุตรชายคนโตเพื่อให้ส่งอีเมล์หาน้องชายตัวเองให้เดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด พร้อมแจ้งข่าวความไม่สงบที่เริ่มครุกกรุ่น
ผู้นำครอบครัวถอนหายใจหนัก เรื่องความไม่สงบของปัญจคีรียังคงรับรู้อยู่ในวงจำกัด เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานเท่านั้น ทว่าอีกไม่นานหรอก ข่าวนี้คงได้เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการ การปิดประเทศจะเริ่มขึ้น คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า เพราะฉะนั้น ก่อนที่กฎนี้จะถูกประกาศออกมา เขาต้องการให้บุตรชายออกมาจากประเทศนั้น
ข่าวลับนี้เป็นข่าวที่ยืนยันที่มาที่ไปได้ ทว่าอีกข่าวที่แนบมาด้วยกันนี่สิ ทำให้ดอกเตอร์อดิศัยถึงกับกุมขมับ รายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการแจ้งว่า ราชอาณาจักรปัญจคีรีได้ส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายออกนอกประเทศไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะกลุ่มกบฏมีเป้าหมายจับนักท่องเที่ยวเป็นตัวประกัน
ก่อนหน้านี้มีการแจ้งงดออกวีซ่าจากเหตุจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าไปเป็นจำนวนที่ละมากๆได้ เหตุผลที่กล่าวอ้างน่าจะเป็นเหตุบังหน้า
เห็นท่าจะไม่ดีแล้วสิ!
คนเป็นพ่อเริ่มกระวนกระวายเมื่อได้ไตร่ตรองเหตุการณ์ทั้งหมด ทำไมบุตรชายของตนเองถึงไม่ถูกส่งกลับมาด้วย!
TBC